42 u ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์
สอื่ การเรียนรู้ 3 - เทวศี รีในบาหลี
ชาวบาหลีบูชาเทวีศรีเป็นเทพธิดาแห่งข้าวและความเจริญรุ่งเรือง ถึงกับมีสถานที่
สักการะอุทิศให้เป็นการเฉพาะและมีวันสำ�คัญเรียกว่า ‘Hari Bhatari Sri’ ท่ีตรงกับวันศุกร์
‘Sukra Umanis’ ของแต่ละเดือนในปฏิทินของบาหลี ประวัติศาสตร์ของการเพาะปลูกเริ่มมา
ต้ังแต่โบราณเมื่อมนุษย์แสวงหาชีวิตความเป็นอยู่ท่ีดีขึ้นหลังจากการใช้ชีวิตร่อนเร่ล่าสัตว์และ
เก็บของป่า พวกเขาตัดสินใจปักหลักอยู่ในพ้ืนท่ีท่ีน่าจะยังชีพได้ และเริ่มทำ�การเพาะปลูกข้าว
ข้าวกลายเป็นอาหารหลกั ของคนในสงั คมตา่ งๆ ตลอดท่วั ทงั้ หมเู่ กาะรวมถึงบาหลี อาหารเป็นปจั จัย
พื้นฐาน ดังนั้น การเพาะปลูกจึงมีสถานะท่ีสำ�คัญมาก เน่ืองจากคนจำ�นวนมากต้องพึ่งพาอาศัย
ผลผลิตท่ีอุดมสมบูรณ์เป็นปัจจัยกำ�หนดการค้ําจุนชีวิตที่ย่ังยืนของสังคม สังคมบาหลีเช่ือว่ามีพลัง
ยิ่งใหญ่ให้ความช่วยเหลือพวกเขาให้มีผลผลิตที่อุดมสมบูรณ์ พลังอำ�นาจน้ีเองท่ีสร้างต้นข้าวเพ่ือ
ชีวิตของพวกเขา และพลังอำ�นาจยิ่งใหญ่น้ีเป็นของเทวีศรีเทพธิดาแห่งข้าวและความอุดมสมบูรณ์
เทวศี รสี ถติ อยใู่ นวัฒนธรรมและคงอยู่มาหลายชั่วรนุ่ ในตอนแรก ชาวบาหลรี ู้จักแต่ออ้ ย พระวิษณุ
ที่เป็นเทพที่เมตตาและให้ความปกป้องคุ้มครอง ต้องการสร้างอาหารที่ดีกว่าให้กับมนุษย์ของ
พระองค์ การอภิเษกของพระองค์กับ Sang Hyang Pertiwi (พระแม่ธรณี) ก่อให้เกิดข้าว
ทกี่ ลายเปน็ อาหารหลกั พระอนิ ทรส์ อนมนุษย์ให้รจู้ กั ปลูกและเกบ็ เกีย่ วข้าว
ตำ�นานดังกล่าวมีความหมายท่ีลึกซ้ึงมาก เป็นส่วนหนึ่งของอัจฉริยภาพของชาวบาหลี
ในการใช้สัญลักษณ์เพอ่ื แสดงความเคารพศรทั ธาด้านจิตวญิ ญาณ พระวิษณุคอื นาํ้ สว่ นพระแมธ่ รณี
คือผืนดิน ความอุดมสมบูรณ์และความเจริญรุ่งเรืองจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเม่ือท้ังสองรวมเข้าด้วยกัน
อย่างสอดคล้องเหมาะสม หากมีแต่พระแม่ธรณีโดยปราศจากพระวิษณุ ก็คือความแห้งแล้ง
หากมีแต่พระวิษณุ กจ็ ะเป็นทุพภกิ ขภัย ซง่ึ ตา่ งหมายถงึ ผลผลติ ทต่ี กตํ่า
เทวศี รที หี่ มายถงึ ขา้ วเกดิ ขน้ึ จากการรวมกนั ระหวา่ งนา้ํ และดนิ ชวี ติ จะด�ำ รงอยบู่ นผนื โลกได้
กต็ อ้ งมคี วามอุดมสมบรู ณ์
เทวศี รมี ฐี านะส�ำ คญั ในบาหลี บาหลเี ปน็ พน้ื ทเ่ี พาะปลกู กระทงั่ จนถงึ ทกุ วนั นที้ กี่ ารทอ่ งเทย่ี ว
ได้ครอบคลุมไปทั่วแล้วก็ตาม พื้นท่ีส่วนใหญ่ก็ยังคงมีการเพาะปลูก ประชากรครึ่งหน่ึงอยู่ในภาค
การเกษตร ชาวบาหลีนับถือเทวีศรีเสมือนเป็นแม่ ตามบ้านเรือนมักจะมีดอกไม้บูชาท่ียุ้งฉาง
เก็บข้าว ชาวนาต้ังศาลเล็กๆ ท่ีนาข้าวเพื่อบูชาพระนาง ระบบเหมืองฝายแบบพ้ืนเมืองด้ังเดิม
ของบาหลที เ่ี รยี กว่า Subak มวี ัดสำ�หรับเทวีศรโี ดยเฉพาะเรยี กวา่ Pura Subak ในนาขา้ ว เทวีศรี
ยังมีอีกชอ่ื หน่ึงคือ Nini Pantun
หนว่ ยท่ี 1 ผู้คนและพ้นื ท่ี u แผนการเรียนร้ทู ่ี 2 พ้ืนท่ปี ลูกขา้ วบาหลี : ศาสนากบั ข้าว
ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์ u 43
ภาพ Pura Subak ศาลบชู าเทวีศรี
(ท่ีมา : https://whc.unesco.org/en/list/1194/gallery/)
ชาวนาทำ� Nini Pantun จากฟางข้าวสองมัด ซ่ึงหมายถึงคู่ตรงข้ามในธรรมชาติ เช่น
ผู้ชายและผู้หญิง เหนือและใต้ บวกและลบ หลักการคือว่าความเจริญรุ่งเรืองเกิดขึ้นได้
เมื่อสองส่ิงนี้มารวมกัน ฟางสองมัดถูกมัดเข้าด้วยกันบนไม้ยาวที่นำ�ไปปักไว้ใกล้ทางนํ้าหลัก
ของเหมืองฝาย แล้วจึงเริ่มทำ�การเก็บเกี่ยว ในพิธีกรรมน้ีนอกจากการเซ่นไหว้แล้ว ชาวนายังทำ�
สญั ลกั ษณท์ ีแ่ สดงถึงเทวศี รีด้วย เรียกวา่ Cili ซึง่ ท�ำ จากใบตาลทที่ �ำ ใหเ้ ปน็ รปู รา่ งผหู้ ญิง
ภาพ Cili สัญลกั ษณ์ของเทวศี รี
(ท่มี า : https://ih1.redbubble.net/image.6246156.1271/flat,1000x1000,075,f.jpg)
หนว่ ยท่ี 1 ผคู้ นและพ้ืนที่ u แผนการเรยี นร้ทู ี่ 2 พ้ืนทีป่ ลกู ขา้ วบาหลี : ศาสนากบั ข้าว
44 u ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์
คำ�ว่า Cili อาจจะมีท่ีมาจากคำ�ว่า Cilik ท่ีแปลว่า เล็กน้อย ในกระบวนการสร้างสรรค์
ทพ่ี ฒั นาไปเรอ่ื ยๆ Cili ถูกใช้ดว้ ยวตั ถุประสงค์หลายอยา่ งรวมถงึ การประดบั ตกแตง่ และกลายเปน็
สัญลักษณ์อย่างหน่ึงของบาหลี เทวีศรีไม่เพียงได้รับการสักการบูชาในฐานะเทพธิดาแห่งข้าว
เท่าน้ัน แต่ยังรวมถึงความเจริญรุ่งเรืองอีกด้วย พ่อค้าแม่ค้าในตลาดท้องถิ่นบูชาพระนางในชื่อ
Dewi Melanting (ธิดาของเทพธิดาแห่งข้าวและความอุดมสมบูรณ์) ชาวบ้านชวาจัดที่พิเศษ
ภายในบ้านให้กับเทวีศรีที่มักเชื่อมโยงกับงูในนา ในสังคมเกษตร งูท่ีเข้าไปในบริเวณบ้านจะไม่
ไล่ออกไป เนื่องจากเช่ือกันว่าเป็นสัญญาณท่ีแสดงถึงผลผลิตท่ีอุดมสมบูรณ์ และจะเซ่นไหว้
ไมน่ ่าแปลกใจเลยเน่อื งจากว่างูล่าหนเู ปน็ อาหาร ซง่ึ เปน็ ศตั รทู ่ีร้ายกาจทีส่ ุดของชาวนา
นอกจากน้ียังมีตำ�นานอ่ืนท่ีเล่าว่าเทวีศรีเป็นธิดาของกษัตริย์ท่ีเสียสละชีวิตของตน
เพ่ือรักษาผู้คนจากความแห้งแล้ง ตรงจุดท่ีพระองค์สละชีวิตมีพืชชนิดหนึ่งงอกขึ้นมา คือ ข้าว
เจา้ หญงิ ไดร้ ับความเคารพนับถอื มาจนถึงปัจจบุ ันและถูกเรยี กวา่ เทวศี รี
ศาสนาฮินดูและความเชื่อเข้มข้นทำ�ให้พระนางได้รับการเคารพบูชาสืบเนื่องมาท่ามกลาง
เทพหลักต่างๆ ของชาวบาหลี ไมใ่ ช่เป็นเพยี งแคเ่ รื่องปรัมปราทถ่ี ่ายทอดกันมาจากรุ่นหนงึ่ สรู่ ุ่นหน่ึง
แต่เป็นส่ิงท่ีชาวฮินดูบาหลียึดถือเป็นหน้าท่ีต้องทำ�การสักการบูชาทั้งชีวิต ยกตัวอย่างง่ายๆ คือ
พ่อแม่มักสอนลูกให้ทานข้าวให้หมดจาน ไม่เหลือทิ้งให้เปล่าประโยชน์ นอกจากจะเป็นการแสดง
ความเคารพต่อเทวีศรีแล้ว ยังเป็นการแสดงความสำ�นึกในบุญคุณของชาวนาท่ีเป็นผู้ผลิตอาหาร
เลย้ี งดูผู้คนอกี ด้วย
(ทมี่ า : - Text By Ni Luh Dian Purniawati, edited by M. Camaiani Blog : Dewi Sri-Goddess of Rice and Prosperity
http://www.baliandbeyond.ca/dewi-sri-goddess-of-rice-prosperity/
Text By Ni Luh Dian Purniawati, edited by M. Camaiani)
หน่วยท่ี 1 ผคู้ นและพืน้ ท่ี u แผนการเรยี นรทู้ ่ี 2 พืน้ ท่ีปลูกข้าวบาหลี : ศาสนากบั ขา้ ว
ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์ u 45
หนว่ ยที่ 1 ผู้คนและพ้ืนท่ี
แผนการเรียนรทู้ ี่ 3 พ้นื ทีภ่ ูเขาทางภาคเหนือของไทย : อาณาจกั รลา้ นนา
วิชา : ประวัตศิ าสตร์/สงั คมศึกษา
หวั ขอ้ : พื้นท่ีสงู ทางภาคเหนอื ของไทย (ลา้ นนา-ศตวรรษที่ 13 - 18)
ระดบั : มธั ยมศึกษาตอนต้น
จ�ำ นวนคาบ/แผนการเรยี นรู้ : 1 แผนการเรียนรู้ (1 คาบ : 50 - 55 นาที)
อุปกรณท์ ่ีจ�ำ เป็น :
ความรพู้ นื้ ฐาน : ไม่จ�ำ เปน็ ตอ้ งมีความรพู้ ืน้ ฐานมาก่อน
วัตถปุ ระสงค์การเรยี นรู้ :
พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ในภูมิภาคที่หลากหลายทางวัฒนธรรมและสภาพแวดล้อม
เมอื่ จบบทเรียน นักเรียนสามารถ
ความร ู้ ทักษะ เจตคติ
1. เขา้ ใจพัฒนาการทาง 1. ประเมินความสัมพนั ธร์ ะหว่าง 1. ตระหนักวา่ โลกทัศนข์ องเราถกู ก�ำ หนด
ประวัติศาสตร์ของสงั คม สภาพแวดลอ้ มและวฒั นธรรม โดยวัฒนธรรม
หลากวัฒนธรรมในสภาพ 2. ประเมินคุณคา่ ของสภาพแวดล้อม 2. แสดงความคิดเห็นวา่ พวกเขามอง
แวดลอ้ มทเี่ ปน็ พน้ื ที่สูง ทางสงั คมหลากวัฒนธรรม วฒั นธรรมอ่ืนอยา่ งไร โดยเฉพาะ
2. อธบิ ายความสมั พันธ์ 3. มีทักษะการวเิ คราะห์ โดยเฉพาะ วัฒนธรรมทพี่ ฒั นามาอย่างแตกต่าง
ระหว่างจำ�นวนประชากร ในการพิจารณาบรบิ ทของข้อมูล จากวฒั นธรรมของตนเองมาก เช่น
สภาพแวดลอ้ มและการจดั ทีเ่ ก่ยี วกับสภาพแวดลอ้ มอน่ื ๆ ที่น�ำ เสนอ ชมุ ชนท่ลี ุ่มกับชายฝง่ั เป็นตน้
องคก์ รทางสงั คม 3. เขา้ ใจว่าไมม่ สี ิง่ ทีเ่ รยี กวา่ วัฒนธรรม
ในหนว่ ยน้ี
3. ระบุปญั หาอุปสรรคใน ทีด่ อ้ ยกวา่ หรือสูงกว่า
การกอ่ ตัง้ ถน่ิ ฐาน
หรอื เมืองขนาดใหญ่
และท�ำ การเพาะปลกู
ขนาดใหญใ่ นพื้นทีภ่ ูเขา
โดยเทียบกบั ชมุ ชน
และการเพาะปลกู ทม่ี ี
ขนาดใหญ่กวา่ ในบรเิ วณ
ที่ราบลุ่ม
หนว่ ยที่ 1 ผคู้ นและพื้นที่ u แผนการเรยี นรทู้ ี่ 3 พ้นื ท่ีภเู ขาทางภาคเหนอื ของไทย : อาณาจักรล้านนา
46 u ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์
ข้นั ตอน การด�ำ เนินการสอน สือ่ การเรียนร ู้ หลักการและเหตผุ ล
เกริ่นนำ� บรรยายส้นั ๆ เกย่ี วกับอาณาจกั รลา้ นนา • สื่อการเรยี นรู้ 1 - เนื้อหาส่วนนแ้ี นะนำ�ให้
1. อาณาจกั รล้านนาตง้ั อยใู่ นพน้ื ทภ่ี ูเขา ท่ีต้งั ของอาณาจักร นกั เรียนร้จู ักตัวอย่างหน่ึง
ของอาณาจักรทเ่ี กดิ ข้นึ
ทางภาคเหนอื ของประเทศไทยในปจั จบุ นั ลา้ นนา ในสภาพพืน้ ท่สี งู และ
ลักษณะที่สงั คมในพนื้ ท่ีน้ัน
นักประวัตศิ าสตรร์ ะบวุ ่าอาณาจกั รดังกลา่ ว • สอ่ื การเรียนรู้ 2 - พัฒนาโดยสัมพนั ธ์กบั
สภาพแวดลอ้ มท่สี ูง นกั เรียน
มอี ยู่ในชว่ งศตวรรษที่ 13 - 18 ภาพแสดงลกั ษณะ จะไดเ้ รยี นรู้ทีจ่ ะเปรยี บเทียบ
สภาพเงือ่ นไขทางนิเวศ
2. ในสว่ นการตง้ั ถ่นิ ฐานของมนษุ ย์ พืน้ ทส่ี งู ภูมิภาค และวฒั นธรรมของชุมชน
พน้ื ทส่ี ูงกบั สภาพเงื่อนไข
สามารถแบง่ ไดเ้ ปน็ สองสว่ น • ส่อื การเรยี นรู้ 3 - ของชมุ ชนทล่ี ุม่ และชายฝ่ัง
ก. พนื้ ทร่ี าบลุ่ม ราว 600 เมตร ภาพตัดขวาง
เหนอื ระดับนาํ้ ทะเล เนน้ แสดงพื้นท่ี
ข. พื้นท่ีภเู ขา 1,000 เมตร เหนอื ระดับ สองภูมภิ าค
นาํ้ ทะเลข้นึ ไป
3. ปจั จุบนั บรเิ วณน้เี ป็นทีอ่ ยูอ่ าศยั ของ
กล่มุ ชาตพิ ันธุห์ ลายกลมุ่ คนพูดภาษาไต
เปน็ คนกลุม่ ใหญท่ สี่ ุดและอย่อู าศยั
บนท่รี าบลุ่มเปน็ หลัก กลุ่มชาติพนั ธุ์
หลายกลุ่มอาศัยในพนื้ ทส่ี ูง
4. คนพูดภาษาไตอาจเปน็ คนกลมุ่ หลัก
ที่อยู่อาศัยบนท่ีราบล่มุ มาตัง้ แตศ่ ตวรรษท่ี 13
เป็นอยา่ งน้อย ซ่งึ เป็นชว่ งกอ่ ต้ังอาณาจักร
ล้านนา
5. ความรขู้ องเราเกี่ยวกับบรเิ วณน้ีหลักๆ แล้ว
มาจากแหลง่ ข้อมูลทางประวัตศิ าสตร์
จากอาณาจักรลา้ นนา ดงั น้ันจงึ จำ�กัด
อยู่เฉพาะคนพูดภาษาไต เราไมร่ ้คู วามสัมพันธ์
ท่แี น่ชัดระหว่างผู้ปกครองล้านนากบั
ชมุ ชนตา่ งๆ บนพนื้ ท่สี ูง เปน็ ไปได้ว่า
ผ้ปู กครองลา้ นนาไมม่ ีอ�ำ นาจควบคมุ โดยตรง
เหนือชุมชนเหลา่ นี้ ผูค้ นบนพื้นที่สูงอาจเปน็
อิสระจากล้านนาหรือไมก่ อ็ าจสง่ บรรณาการ
ให้ล้านนา
6. มกี ารตั้งถ่นิ ฐานขนาดใหญ่บนทรี่ าบลุม่
ขณะทช่ี มุ ชนบนพ้นื ท่ีสูงอยกู่ นั เป็นหมบู่ ้าน
เลก็ ๆ การเพาะปลกู ก็เปน็ อยา่ งน้เี ช่นกนั
หนว่ ยที่ 1 ผูค้ นและพ้ืนท่ี u แผนการเรียนรู้ท่ี 3 พนื้ ทภ่ี เู ขาทางภาคเหนือของไทย : อาณาจกั รล้านนา
ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์ u 47
ข้นั ตอน การด�ำ เนินการสอน สื่อการเรียนร้ ู หลักการและเหตผุ ล
ไร่นาบนพืน้ ทภี่ เู ขาจะมขี นาดเล็ก ขณะท่ี
คนบนทร่ี าบลมุ่ สามารถท�ำ การเพาะปลูก
ขนาดใหญไ่ ด้
7. ชมุ ชนเหล่านไ้ี มไ่ ดพ้ ฒั นาข้นึ มาอยา่ ง
แยกขาดจากกนั พวกเขามกี ารติดตอ่
สมั พนั ธก์ นั ด้วยการคา้ ขายแลกเปล่ยี น
เปน็ หลัก เราไม่ทราบแนช่ ัดเกี่ยวกับการค้า
ดงั กลา่ วแตน่ ักเดินทางชาวยุโรปบรรยายว่า
มีการผลิตเหลก็ และโลหะอ่ืนๆ ในพืน้ ท่ี
ภเู ขาเหลา่ นี้
8. แมว้ า่ ชมุ ชนต่างๆ จะมีปฏิสัมพนั ธ์กนั
คนบนพน้ื ท่ภี เู ขาก็ไมไ่ ด้รบั เอาศาสนาพทุ ธ
ท่ีเป็นศาสนาหลักของคนบนพน้ื ท่รี าบ
พฒั นา 1. คำ�ถามทนี่ กั เรยี นต้องค�ำ นงึ ถึง : เราจะ กจิ กรรมน้กี ระตนุ้ ให้นกั เรยี น
บทเรยี น หาอาหารและสิ่งจำ�เปน็ อนื่ ๆ ในชวี ิต วิเคราะห์ปญั หาอุปสรรค
ประจำ�วนั ไดอ้ ย่างไร ทเี่ ผชิญโดยผู้คนทอี่ าศยั
ในสภาพแวดลอ้ มท่ีตา่ งกนั
2. แบ่งนักเรยี นออกเป็นสองกลุ่ม กลมุ่ หนง่ึ (ท่ลี ุ่มและทภ่ี เู ขา) กจิ กรรมน้ี
เนน้ ใหเ้ หน็ ยุทธศาสตร์
สวมบทบาทคนบนพนื้ ท่ภี เู ขา อกี กลุม่ การเพาะปลกู ท่ีตา่ งกนั
ของผูค้ นในสภาพแวดล้อม
สวมบทบาทคนบนพน้ื ที่ราบ แตล่ ะแบบเพือ่ เอาชนะ
อปุ สรรค และในขณะเดยี วกนั
3. กำ�หนดพื้นที่เพาะปลกู ใหแ้ ต่ละกลมุ่ กไ็ ด้ผลผลิตทด่ี ีทส่ี ุดจากพื้นที่
ทตี่ นมีเพอ่ื ให้ตอบสนองกบั
โดยใหก้ ลมุ่ พืน้ ท่รี าบได้พืน้ ทมี่ ากกว่า ความต้องการของชมุ ชน
ทอ้ งถ่นิ
กลุม่ พื้นท่ีภเู ขาห้าเท่า ครูบอกนกั เรียน
ในกลุ่มพื้นท่ีภูเขาว่าบนภูเขามพี ื้นท่ี
ที่เหมาะสำ�หรบั การเพาะปลูกและสร้างบ้าน
อยอู่ าศัยค่อนข้างจำ�กัด
4. แจกเมล็ดพนั ธุ์ใหแ้ ต่ละกล่มุ ในปรมิ าณ
ทเี่ ท่ากัน แต่บอกกลุม่ พนื้ ที่ภเู ขาว่าพวกเขา
จ�ำ เป็นต้องปลกู เมลด็ ท้งั หมดเพื่อให้พอกนิ
กนั ทกุ คนแตส่ ามารถปลกู ได้ไมถ่ ึงครึ่ง
เน่อื งจากมีท่ไี มพ่ อ แตไ่ มม่ ีข้อจำ�กดั ใดๆ
สำ�หรับกล่มุ พื้นทีร่ าบ
หนว่ ยที่ 1 ผู้คนและพ้นื ที่ u แผนการเรยี นรทู้ ี่ 3 พนื้ ท่ีภเู ขาทางภาคเหนือของไทย : อาณาจักรลา้ นนา
48 u ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์
ข้ันตอน การดำ�เนินการสอน สอื่ การเรยี นร ู้ หลักการและเหตผุ ล
5. ถามทัง้ สองกล่มุ ว่ามที างเลือกอะไรส�ำ หรบั : คำ�ถามต่างๆ กระตุ้นให้
นกั เรยี นคิดเกย่ี วกับ
ก. กล่มุ พนื้ ทีภ่ เู ขาทจ่ี ะเลีย้ งปากท้อง ชุมชนต่างๆ ท่อี ย่อู าศัย
ในสภาพแวดล้อมร่วมกนั
ตนเอง
ข. กลุม่ พน้ื ทร่ี าบทจี่ ะเลยี้ งปากทอ้ งตนเอง
สรุป 1. ถามนักเรยี นว่าคิดอย่างไรกบั วิถชี ีวติ
บทเรยี น ของคนอีกกลมุ่
2. ถามนักเรียนวา่ คดิ ว่าท�ำ ไมคนถึงยัง
คงเลือกท่ีจะอยู่อาศัยในพืน้ ท่ภี เู ขา
ทงั้ ทม่ี ีความยากลำ�บาก
หน่วยที่ 1 ผูค้ นและพนื้ ที่ u แผนการเรียนรู้ท่ี 3 พน้ื ท่ภี เู ขาทางภาคเหนือของไทย : อาณาจกั รลา้ นนา
ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์ u 49
หนว่ ยที่ 1 ผคู้ นและพื้นที่
แผนการเรยี นรู้ที่ 3 พื้นที่ภูเขาทางภาคเหนอื ของไทย : อาณาจักรลา้ นนา
สื่อการเรียนร้แู ละแบบฝกึ หัด
ส่ือการเรยี นรู้ 1 - ท่ีตง้ั ของอาณาจกั รลา้ นนา
(ท่ีมา : https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Topographic30deg_N0E90.png เพ่มิ เตมิ โดยผู้เขยี นหนว่ ยการเรยี นน)้ี
หนว่ ยท่ี 1 ผู้คนและพน้ื ที่ u แผนการเรยี นร้ทู ่ี 3 พนื้ ทีภ่ เู ขาทางภาคเหนอื ของไทย : อาณาจักรล้านนา
50 u ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์
สือ่ การเรยี นรู้ 2 - ภาพแสดงลกั ษณะภูมภิ าค
(ทม่ี า : https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Hills_in_northern_Thailand.jpg)
(ทม่ี า : https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Mae_salong_view_01.jpg)
หน่วยที่ 1 ผ้คู นและพนื้ ท่ี u แผนการเรยี นรู้ท่ี 3 พืน้ ทีภ่ ูเขาทางภาคเหนอื ของไทย : อาณาจักรลา้ นนา
ระ ัดบความสูงแบบสูงปานกลาง ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์ u 51การเพาะปลูกห ุมนเ ีวยน ( ืพชผลที่เหมาะ ักบที่ ูสง) (ข้าว) (พืชผล ี่ทเหมาะ ักบ ่ีทสูง)
(900-1000 เมตร)
ส่ือการเรียนรู้ 3 - ภาพตดั ขวางเนน้ แสดงพ้นื ท่ีสองภมู ภิ าค
ระ ัดบความ ูสงไ ่มมาก ถาวร
(ทม่ี า : Katin Srimongkol and Gerald G. Marten (1986), ‘Traditional Agriculture in Northern Thailand’,(850 เมตร)
in Traditional Agriculture in Southeast Asia : A Human Ecology Perspective, Boulder : Westview, p. 88.)
่ึกงถาวร
หน่วยที่ 1 ผคู้ นและพน้ื ที่ u แผนการเรยี นรทู้ ี่ 3 พ้ืนที่ภเู ขาทางภาคเหนือของไทย : อาณาจกั รล้านนา
ระ ัดบความสูงปานกลาง บ้านเ ืรอน สวน
(900 เมตร) (ไม้ผล ืพชผลท่ีเหมาะกับ ่ีทสูง)
52 u ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์
หนว่ ยที่ 1 ผู้คนและพนื้ ที่
แผนการเรยี นรทู้ ี่ 4 บ้านเรอื นในพืน้ ทีส่ งู : โฮนายและตองโกนาน
วิชา : ประวตั ิศาสตร์/สงั คมศึกษา
หวั ข้อ : บา้ นเรอื นในพื้นท่สี งู : ปฏสิ มั พนั ธ์ระหวา่ งวฒั นธรรม
และสภาพแวดล้อม
ระดับ : มัธยมศกึ ษาตอนตน้
จำ�นวนคาบ/แผนการเรียนรู้ : 1 แผนการเรยี นรู้ (1 คาบ : 50 - 55 นาที)
อปุ กรณท์ ี่จำ�เปน็ : อุปกรณฉ์ ายวิดีโอ
ความรู้พ้ืนฐาน : ไมจ่ ำ�เป็นตอ้ งมคี วามรพู้ ื้นฐานมากอ่ น
วตั ถุประสงค์การเรยี นรู้ :
เมื่อจบบทเรียน นักเรียนสามารถเข้าใจว่าสภาพแวดล้อมและคุณค่าของผู้คนกำ�หนด
ลักษณะบา้ นเรือนของตนอย่างไร
ความรู้ ทกั ษะ เจตคติ
1. เขา้ ใจความเช่อื มโยง 1. ฝกึ การใช้เหตุผลจากการสงั เกต 1. มีความเขา้ ใจว่าวัฒนธรรมทั้งหมด
ระหว่างสภาพแวดล้อม
และวัฒนธรรม จากวิดีโอและตวั อย่างขอ้ มลู เกีย่ วกบั ถูกกำ�หนดโดยสภาพแวดลอ้ ม
2. ประเมินว่าคา่ นยิ ม 2. ครุ่นคดิ ว่าสภาพแวดล้อมของตน
ทางวฒั นธรรม วัฒนธรรมเชิงกายภาพ
ถกู แสดงออกอย่างไร 2. ใช้ทกั ษะการคิดวิพากษ์ที่ได้เรียนรู้ ก�ำ หนดวัฒนธรรมของตนในลกั ษณะ
ผา่ นทางวฒั นธรรม เดยี วกับท่ีสภาพแวดล้อมในพ้ืนทส่ี งู
เชิงกายภาพ กบั ประสบการณใ์ นชีวติ ของตน
3. ไดค้ วามรูเ้ กย่ี วกับ 3. ใชจ้ นิ ตนาการออกแบบบ้านที่สะท้อน กำ�หนดวัฒนธรรมของผ้คู นบนพนื้ ทีส่ งู
ชมุ ชนในพน้ื ทส่ี งู อยา่ งไร
ในอินโดนีเซยี คา่ นยิ มของตน
3. บ่มเพาะความเข้าใจคุณคา่ ของวถิ ีชีวิต
ท่ีแตกต่างไปจากของตนเอง
หน่วยที่ 1 ผคู้ นและพื้นที่ u แผนการเรยี นรูท้ ี่ 4 บา้ นเรอื นในพื้นทสี่ งู : โฮนายและตองโกนาน
ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์ u 53
ขนั้ ตอน การดำ�เนินการสอน สื่อการเรยี นร ู้ หลกั การและเหตผุ ล
เกร่นิ น�ำ กจิ กรรม 1 วิเคราะหภ์ าพ • ส่อื การเรยี นรู้ 1 - กจิ กรรมน้ีจะทำ�ใหน้ กั เรยี น
1. แบ่งนกั เรียนออกเปน็ สองกลุ่ม กลมุ่ หนง่ึ “โฮนาย-Honai” ไดร้ จู้ กั โครงสรา้ งบา้ นเรือน
ได้รับภาพโฮนาย (Honai-บา้ นแบบด้ังเดิม • สื่อการเรียนรู้ 2 - ในพน้ื ท่สี งู และชกั ชวน
ในพ้ืนท่ีสงู วามีนา) (สอื่ การเรยี นรู้ 1) และ “ตองโกนาน- ให้คดิ วา่ โครงสรา้ งเหลา่ น้ี
อกี กลมุ่ ได้ภาพตองโกนาน (Tongkonan - Tongkonan” จะถกู ใช้สอยอย่างไรและ
บา้ นแบบดงั้ เดิมในพื้นทีส่ ูงโตราจาน) • แบบฝกึ หัด 1 เชอื่ มโยงกบั สภาพแวดลอ้ ม
(สือ่ การเรียนรู้ 2) แนวคำ�ถามสำ�หรับ อย่างไร
2. ให้นักเรยี นแลกเปลย่ี นกนั ในกลุ่ม วดี ทิ ัศน์ “เสียงชาว
ด้วยค�ำ ถามต่อไปน้ีในแบบฝกึ หัด 1 ปาปวั
2.1 อยา่ งแรกทนี่ กั เรยี นสังเกตเหน็
เกย่ี วกบั โครงสรา้ งบ้านเรอื นในภาพคืออะไร
2.2 โครงสรา้ งบ้านเรือนมีลกั ษณะ
อย่างไร
2.3 นักเรียนคิดว่าบ้านเรือนเหล่านนั้
สร้างด้วยวัสดปุ ระเภทใด
2.4 วัสดุเหลา่ น้บี อกอะไรบ้างเกย่ี วกบั
พน้ื ท่ีของผ้คู นทอี่ าศยั ในบา้ นเรือนเหล่านัน้
2.5 นกั เรยี นคิดว่าคนเหล่านี้
ชอบทำ�อะไรบ้าง
3. รวมนกั เรยี นทัง้ สองกลุ่มและให้นกั เรียน
แลกเปลี่ยนสง่ิ ท่ตี นพบเห็นเก่ียวกับ
บา้ นเหลา่ น้ัน ในระหวา่ งด�ำ เนนิ การ
ให้นกั เรยี นนำ�เสนอ ถามนกั เรยี นว่าไดข้ ้อสรปุ
เกย่ี วกับค�ำ ถามขา้ งตน้ มาอยา่ งไร
พฒั นา กิจกรรม 2 • ส่ือการเรียนรู้ 3 - ทางเลอื ก 1 : นกั เรยี น
บทเรยี น ทางเลอื ก 1 : สำ�หรบั หอ้ งเรยี นทีม่ อี ุปกรณ์ เสียงชาวปาปัว จะได้สัมผสั กับมุมมองทาง
ฉายวิดโี อ : จดบันทึกสองคอลมั น์เก่ียวกับ วดี ทิ ัศน์เสียงของ วัฒนธรรมเกี่ยวกบั โฮนาย
วิดีโอเสียงชาวปาปัว ชาวปาปวั หรือ ท่เี ปน็ โครงสร้างทาง
1. ฉายวีดิทศั น์ที่มคี วามยาว 5 นาที • สอ่ื การเรยี นรู้ 4 - วัฒนธรรมและความหมาย
จากส่อื การเรยี นรู้ 3 - เสียงชาวปาปวั บทคดั สรรเก่ยี วกับ ในสงั คมวามนี า (Wamena)
“โฮนาย (Honai)” และให้นกั เรียนจดบนั ทึก หน้าทีท่ างสงั คมของ ซ่งึ จะทำ�ให้นกั เรยี นได้คดิ ว่า
เปน็ สองคอลมั นว์ า่ เหน็ อะไรจากวิดีโอ ตองโกนานและโฮนาย คา่ นิยมทางวฒั นธรรม
หนว่ ยที่ 1 ผู้คนและพน้ื ท่ี u แผนการเรยี นร้ทู ี่ 4 บา้ นเรอื นในพน้ื ทสี่ ูง : โฮนายและตองโกนาน
54 u ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์
ขนั้ ตอน การดำ�เนนิ การสอน ส่อื การเรียนร้ ู หลักการและเหตุผล
โดยในคอลัมน์หนึ่ง บนั ทึกวา่ ผคู้ นในวดิ โี อ และสภาพแวดล้อมกำ�หนด
และสะทอ้ นวฒั นธรรม
บรรยายเก่ียวกับโฮนายอย่างไร และ เชิงวัตถุและวิถชี ีวิตอยา่ งไร
ทางเลือก 2 : นกั เรยี น
ในคอลมั น์ที่สอง บันทกึ ความคดิ เห็นของตน จะไดเ้ รยี นรเู้ กย่ี วกบั มมุ มองทาง
วฒั นธรรมของโฮนาย
เก่ียวกบั คำ�บรรยายดังกลา่ ว ทเี่ ปน็ โครงสรา้ งทางวฒั นธรรม
และความหมายในสงั คม
2. ก่อนชมวดี ิทศั น์ เตอื นให้นักเรยี นมองหา วามีนาและโตราจาน
ซ่ึงจะท�ำ ให้นักเรียนไดค้ ดิ วา่
คำ�ตอบสำ�หรบั ค�ำ ถามในกจิ กรรม 1 เก่ียวกบั คา่ นยิ มทางวัฒนธรรมและ
สภาพแวดล้อมกำ�หนดและ
วสั ดุ รปู ร่าง โครงสรา้ ง และสภาพแวดลอ้ ม สะทอ้ นวฒั นธรรมเชงิ วัตถุ
และวิถีชวี ิตอยา่ งไร
ของโฮนาย
3. ใหน้ กั เรียนประเมนิ ข้อสนั นิษฐานเดมิ
ของตนเกีย่ วกบั ภมู ภิ าคน้ี ผูค้ น การใช้
และวสั ดทุ ่ใี ชใ้ นการก่อสร้างโฮนาย
ทางเลือก 2 : ส�ำ หรับหอ้ งเรยี นที่ไมม่ อี ุปกรณ์
ฉายวีดิทศั น์ : การจดบนั ทึกสองคอลัมน์
เกีย่ วกับบา้ นเรอื นในพนื้ ทสี่ งู : ตองโกนาน
และโฮนาย
1. ให้นกั เรยี นอ่านบทคดั สรรเกี่ยวกบั หน้าท่ี
ทางสงั คมของตองโกนานและโฮนาย
(สื่อการเรียนรู้ 4)
2. ในคอลมั นห์ น่ึง ให้นกั เรยี นบันทึก
ประเด็นหลกั ๆ ของบทความ และในคอลัมน์
ทีส่ อง บันทกึ ความคดิ เหน็ ของตนตอ่ ประเด็น
เหลา่ น้นั
3. ก่อนอา่ นบทความ เตอื นให้นกั เรยี น
มองหาค�ำ ตอบสำ�หรบั ค�ำ ถามในกิจกรรม 1
เกย่ี วกบั วัสดุ รปู รา่ ง โครงสรา้ ง และ
สภาพแวดล้อมของตองโกนานและโฮนาย
4. ให้นกั เรียนประเมินขอ้ สันนิษฐานเดิม
ของตนเกยี่ วกบั ภูมภิ าคน้ี ผู้คน การใช้
และวัสดุท่ีใชใ้ นการกอ่ สรา้ งตองโกนาน
และโฮนาย
หน่วยที่ 1 ผู้คนและพ้นื ที่ u แผนการเรยี นร้ทู ี่ 4 บา้ นเรอื นในพ้นื ทีส่ งู : โฮนายและตองโกนาน
ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์ u 55
ขนั้ ตอน การดำ�เนินการสอน สอ่ื การเรียนรู้ หลักการและเหตผุ ล
สรปุ กจิ กรรม 3 สร้างบ้านจำ�ลอง • แบบฝึกหัด 2
บทเรียน 1. แบ่งนกั เรียนเป็นกลมุ่ ยอ่ ยๆ ให้นกั เรยี น บา้ นของนกั เรียน
ระดมความคิดวา่ ลกั ษณะรูปแบบบ้าน
สะท้อนส่งิ ท่สี ำ�คญั
ของพวกเขาเอง ก�ำ หนดกจิ กรรมประจ�ำ วัน ของชมุ ชน
อย่างไรบา้ ง โดยใชแ้ บบฝกึ หดั 2
อย่างไรบ้าง
2. ต้ังคำ�ถาม ชว่ ยให้นกั เรียนเหน็ ภาพคา่ นิยม • ปากกา
ทางวฒั นธรรมที่แสดงออกมาโดยบ้านของตน • กระดาษ
• แตล่ ะหอ้ งในบา้ นใช้ทำ�อะไรบ้าง แผน่ ใหญ่ๆ
• ใครเปน็ คนใชห้ อ้ งในบ้านของนักเรยี น
• บ้านของนกั เรยี นสร้างจากวสั ดุอะไร
• มกี จิ กรรมอะไรทท่ี �ำ ในบา้ นหรือ
ในบางห้อง
3. ให้นักเรียนท�ำ รายการหอ้ งในบา้ น
ของตนเอง และระบุวา่ แต่ละห้อง
แสดงถงึ อะไรทีส่ ำ�คัญในชมุ ชน
4. ด้วยการใช้ความคดิ ท่ีว่าห้องต่างๆ ในบา้ น
แสดงถึงสิ่งท่ีมีความส�ำ คัญในชมุ ชน
ให้นกั เรยี นช่วยกนั เขยี นแบบบา้ นจำ�ลอง
ทส่ี ะทอ้ น “สามสงิ่ ท่ีส�ำ คญั ที่สดุ ในชีวติ
ของตน” ทที่ งั้ กล่มุ เหน็ พอ้ งกนั
หน่วยท่ี 1 ผคู้ นและพ้นื ที่ u แผนการเรยี นรู้ท่ี 4 บา้ นเรือนในพืน้ ท่สี งู : โฮนายและตองโกนาน
56 u ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์
หนว่ ยที่ 1 ผ้คู นและพนื้ ท่ี
แผนการเรยี นรูท้ ่ี 4 บ้านเรือนในพืน้ ท่ีสูง : โฮนายและตองโกนาน
สือ่ การเรยี นรู้และแบบฝึกหัด
สื่อการเรยี นรู้ 1 - “โฮนาย-Honai”
(ที่มา : https://id.wikipedia.org/wiki/Berkas:Honai_Papua.jpg ภายใตค้ รเี อทฟี คอมมอนส)์
หนว่ ยที่ 1 ผ้คู นและพน้ื ที่ u แผนการเรยี นรู้ท่ี 4 บา้ นเรือนในพืน้ ท่ีสูง : โฮนายและตองโกนาน
ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์ u 57
สื่อการเรียนรู้ 2 - “ตองโกนาน-Tongkonan”
(ที่มา : https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Tana_Toraja,_Kete_Kesu,_tongkonan_(6823189476).jpg)
ส่อื การเรียนรู้ 3 - เสียงชาวปาปวั
วีดิทศั น์ “โฮนาย-Honai” โดยเสียงชาวปาปัว (Papuan Voices)
(ท่มี า : http://papuanvoices.net/2015/01/18/honai.html)
หน่วยท่ี 1 ผคู้ นและพืน้ ท่ี u แผนการเรยี นรทู้ ่ี 4 บ้านเรือนในพน้ื ทส่ี งู : โฮนายและตองโกนาน
58 u ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์
ส่ือการเรียนรู้ 4 - บทคัดสรรเก่ียวกบั หนา้ ท่ีทางสังคมของตองโกนานและโฮนาย
บา้ นเรอื นในพ้ืนท่ีสูง : ตองโกนานและโฮนาย
ยูเนสโกให้การยอมรับว่า ตองโกนาน (Tongkonan) เป็นมรดกทางวัฒนธรรม สร้างขึ้น
ตามหลกั การของอลคุ โตโดโล (Aluk To Dolo) ซง่ึ เปน็ ความเชอ่ื ของชนพน้ื เมอื งโตราจาน (Torajan)
ในพนื้ ทีภ่ ูเขาโตราจา (Toraja) ทางตอนใต้ของสุลาเวสี ประเทศอนิ โดนเี ซยี ตองโกนานเปน็ ตวั แทน
ถึงครอบครัวขยายและลูกหลานของตระกูลหนึ่งๆ ถือว่าเรือนเป็นส่ิงมีชีวิต สีและสัญลักษณ์ต่างๆ
ที่ตกแตง่ ภายนอกตองโกนานบอกเล่าเร่ืองราวของคนในตระกูลและสถานะของพวกเขาในสังคม
ตองโกนานสร้างข้ึนตามทิศทางหลักที่เป็นการแบ่งพ้ืนท่ีที่สะท้อนกฎเกณฑ์เชิงพิธีกรรม
ตามหลักปฏิบัติของอลุคโตโดโลโดยจะหันหน้าไปทางทิศเหนือซึ่งเป็นแหล่งท่ีมาของแม่นํ้า
ด้านขวาของบา้ นเปน็ ทิศตะวันออกซง่ึ เกย่ี วข้องกับสง่ิ มชี วี ติ หรอื พ้นื ท่ีแหง่ “ควันลอยข้ึน” ดา้ นซา้ ย
เกย่ี วขอ้ งกบั พธิ กี รรม “ควนั ลอยตาํ่ ลง” ทหี่ มายถงึ ความตาย นอกจากนตี้ วั บา้ นยงั ถกู แบง่ เปน็ สว่ นๆ
จากลา่ งขึ้นบนเป็นส่วนตา่ งๆ ที่หมายถึงยมโลก โลกมนุษย์ และสวรรค์
ตองโกนานแบ่งเป็นห้องตังโด (Tangdo) ทางด้านทิศเหนือซึ่งเป็นห้องนอนของ
หญิงสาวท่ียังไม่ได้แต่งงาน พ้ืนท่ีซาลิออน (Salion) ทางด้านตะวันออกซ่ึงเป็นพ้ืนท่ีนั่งเล่นและ
ทำ�อาหารของครอบครัว และซัมบุง (Sumbung) ทางด้านใต้ซ่ึงเป็นที่ของหัวหน้าครอบครัว
แตล่ ะบา้ นจะมี “เสาเรอื ” ทผ่ี กู เชอื่ มบา้ นเขา้ กบั ผนื ดนิ และเปน็ ตวั แทนของครอบครวั ในพธิ กี รรมหนงึ่
ของโตราจานท่ีเก่ียวกับตองโกนาน ไม้ไผ่ได้รับการยกย่องว่าเป็นท้ังทรัพยากรที่สำ�คัญและเป็น
สง่ิ แสดงถึงความสามคั คขี องครอบครวั ดงั ทแี่ สดงออกมาในรูปแบบของตองโกนาน
โฮนาย (Honai) บ้านตามขนบประเพณีของผู้คนในพ้ืนท่ีสูงวามีนา (Wamena)
ในปาปัวตะวันตกของอินโดนีเซีย ก็สะท้อนลักษณะทางสังคมและวัฒนธรรมด้วยเช่นกัน รูปร่าง
ท่ีเป็นเหมือนกระโจมเตี้ยๆ ของโฮนายน้ันถูกปรับข้ึนมาให้เข้ากับสภาพอากาศเย็นของพื้นที่สูง
โดยเฉพาะ โฮนายสร้างขึ้นจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ใบต้นสาคู ภายในบ้านมีพ้ืนที่ทำ�อาหาร
อย่างเชน่ มนั หวาน และหมู เตาถูกออกแบบมาใหส้ ร้างความอบอ่นุ ภายในบ้านและใหค้ วนั ระบาย
ออกไปขา้ งนอกได้
โดยปกติแล้วมีคนอยู่อาศัย 10 - 15 คน ในโฮนาย และมีโฮนายสามประเภทสำ�หรับ
คนสามกลุ่ม คือ ส่วนที่เรียกว่าโฮนายเป็นส่วนของผู้ชายโดยเฉพาะ อีบาย (Ebai) สำ�หรับผู้หญิง
และวามาย (Wamai) สำ�หรบั เล้ียงหมู
หน่วยที่ 1 ผ้คู นและพน้ื ที่ u แผนการเรียนรทู้ ี่ 4 บา้ นเรือนในพนื้ ที่สูง : โฮนายและตองโกนาน
ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์ u 59
แบบฝึกหดั 1
แนวค�ำ ถามสำ�หรับวีดิทัศน์ “เสียงชาวปาปัว”
1. นกั เรียนสังเกตเหน็ อะไรเปน็ อยา่ งแรก
เก่ยี วกบั บ้านเรอื นในภาพ
2. บา้ นเรือนทเ่ี ห็นมีลกั ษณะอย่างไร
3. นกั เรียนคิดวา่ บ้านเรอื นเหล่าน้ีสร้างดว้ ย
วัสดุอะไร
4. วัสดุเหลา่ นี้บอกอะไรเกีย่ วกบั พ้นื ที่
ท่ีคนเหล่าน้ีอาศยั อยู่
5. นกั เรยี นคดิ วา่ คนเหลา่ นช้ี อบทำ�อะไร
หนว่ ยท่ี 1 ผ้คู นและพ้ืนท่ี u แผนการเรียนรู้ท่ี 4 บา้ นเรอื นในพื้นทส่ี งู : โฮนายและตองโกนาน
60 u ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์
แบบฝึกหดั 2
บ้านของนักเรยี นสะทอ้ นสงิ่ ท่สี �ำ คญั ของชุมชนอยา่ งไรบา้ ง?
ชือ่ ห้องในบา้ น ใครใช้หอ้ งนี้ หอ้ งนใ้ี ชท้ ำ�กจิ กรรมอะไร ห้องน้สี ะทอ้ นสิ่งสำ�คญั ของชมุ ชน
อยา่ งไรบา้ ง
หน่วยที่ 1 ผู้คนและพ้ืนที่ u แผนการเรียนร้ทู ่ี 4 บ้านเรือนในพื้นท่สี ูง : โฮนายและตองโกนาน
ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์ u 61
หนว่ ยท่ี 1 ผู้คนและพืน้ ท่ี
แผนการเรียนร้ทู ี่ 5 คาบสมุทรมลายฝู ัง่ ตะวันตก : อาณาจกั รมะละกา
วิชา : ประวตั ศิ าสตร์/สังคมศึกษา
หัวข้อ : คาบสมทุ รมลายฝู ่ังตะวนั ตก (มะละกา-ศตวรรษท่ี 15 - 16)
ระดบั : มัธยมศกึ ษาตอนตน้
จำ�นวนคาบ/แผนการเรียนรู้ : 1 แผนการเรียนรู้ (1 คาบ : 50 - 55 นาที)
อปุ กรณท์ ่ีจำ�เปน็ :
ความรู้พ้ืนฐาน : ไมจ่ ำ�เปน็ ตอ้ งมคี วามรพู้ ้นื ฐานมาก่อน
วัตถปุ ระสงคก์ ารเรยี นรู้ :
พัฒนาการของชุมชนชาวฝ่งั หลากวัฒนธรรม เมอื่ จบบทเรียน นักเรยี นสามารถ
ความรู ้ ทักษะ เจตคติ
1. เขา้ ใจพฒั นาการ 1. ประเมินความสัมพันธ์ระหวา่ ง 1. ตระหนกั วา่ การมองโลกของเรา
ชมุ ชนชายฝง่ั สภาพแวดล้อมกบั วฒั นธรรม ถกู ก�ำ หนดโดยวัฒนธรรม เราถกู กำ�หนด
ความสมั พันธ์ระหวา่ ง 2. ประเมนิ คุณคา่ ของสภาพแวดลอ้ ม โดยสภาพแวดลอ้ มทางกายภาพและ
วฒั นธรรมกบั ทางสงั คมหลากวัฒนธรรม ทางวฒั นธรรม
สภาพแวดลอ้ ม 3. มที ักษะการวเิ คราะห์ โดยเฉพาะ 2. แสดงความคิดเห็นวา่ นักเรยี น
2. พิจารณาพัฒนาการ การท�ำ ความเขา้ ใจบรบิ ทของขอ้ มลู มองวฒั นธรรมอน่ื อยา่ งไร โดยเฉพาะ
ทางวฒั นธรรมในชมุ ชน เก่ยี วกับสภาพแวดล้อมอืน่ ๆ วัฒนธรรมที่มีพัฒนาการแตกต่างจาก
เก่าแกห่ ลากวฒั นธรรม ของนกั เรยี นมาก เชน่ ชุมชนท่ีลมุ่ และ
3. เรยี นรเู้ ก่ยี วกับ ชายฝ่ัง ฯลฯ
อาณาจักรท่ที ำ�การคา้ 3. เขา้ ใจวา่ ทุกวัฒนธรรมเทา่ เทยี มกนั
ในสมัยโบราณ ไม่มีดอ้ ยหรอื สูงกว่ากัน
หน่วยท่ี 1 ผคู้ นและพื้นที่ u แผนการเรียนร้ทู ี่ 5 คาบสมทุ รมลายูฝัง่ ตะวันตก : อาณาจักรมะละกา
62 u ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์
ขนั้ ตอน การด�ำ เนนิ การสอน สอ่ื การเรียนร ู้ หลกั การและเหตุผล
เกร่นิ น�ำ ครูเกร่ินนำ� • สอื่ การเรยี นรู้ 1 - เน้อื หาสว่ นนแ้ี นะนำ�ให้
1. มะละกาเป็นอาณาจกั รท่กี ่อตง้ั ขึ้น นกั เรียนได้รูจ้ ักตัวอย่าง
ในชว่ งต้นศตวรรษท่ี 15 และเป็นหน่งึ แผนที่เอเชยี
ตะวันออกเฉยี ง ของอาณาจักรท่ีเกดิ ข้ึน
ในศนู ย์กลางการคา้ ทสี่ ำ�คญั ของโลก ใตแ้ สดงท่ีตง้ั ของ ในพน้ื ท่ีชายฝ่งั และพัฒนาการ
ยุคโบราณ อาณาจกั รส้ินสุดลง ของสงั คมที่สมั พนั ธ์กบั
ในปี พ.ศ. 2054 เมอ่ื ชาวโปรตเุ กสยึดครอง มะละกาและศรีวชิ ัย สภาพแวดลอ้ มชายฝ่ัง
มะละกา มะละกาต้ังอยบู่ นชายฝ่งั ตะวันตก • สอ่ื การเรยี นรู้ 2 - นกั เรยี นได้เรียนร้ทู ี่จะ
ของชอ่ งแคบมะละกา เส้นทางการค้า เปรียบเทยี บสภาพเง่ือนไข
2. มะละกากอ่ ตั้งขึ้นเพือ่ เปน็ ศูนยก์ ลาง โบราณผ่านชอ่ งแคบ ทางนเิ วศนแ์ ละวฒั นธรรม
การค้าและอำ�นวยความสะดวกใหก้ บั การค้า มะละกา แสดงจดุ ของชมุ ชนชายฝ่งั กบั ของ
ระหวา่ งอินเดียและจนี คล้ายกบั ศนู ย์กลาง ท่เี ปน็ ศูนยก์ ลาง ชุมชนในพ้ืนทส่ี ูงและทล่ี มุ่
การค้าชายฝ่ังอ่ืนๆ จ�ำ นวนมากในเอเชยี การค้าส�ำ คัญใน
ตะวนั ออกเฉียงใต้ยุคแรกๆ ในภูมิภาคท่ีมี ระหวา่ งศตวรรษ
จำ�นวนประชากรไมม่ าก ผู้ปกครองถอื วา่ ที่ 6 - 16
การมีบริวารอยใู่ ต้อ�ำ นาจเปน็ เรือ่ งส�ำ คัญมาก • สื่อการเรียนรู้ 3 -
ผปู้ กครองมะละกาเช่ือว่าหนทางทีด่ ีท่ีสดุ ภาพของมะละกา
ในการดึงดดู คนใหม้ าอยใู่ ตอ้ �ำ นาจคอื ในศตวรรษที่ 18
ความมัง่ คงั่ ซึ่งต้องอาศยั การค้า ในมะละกา • สอ่ื การเรยี นรู้ 4 -
ผปู้ กครองสร้างสงิ่ อำ�นวยความสะดวก
ในการค้าใหก้ บั พ่อค้า และพ่อคา้ ก็จ่ายภาษี ภาพของชาวโอรงั
ให้กับกษตั รยิ ์
ลาอทุ (orang laut)
3. นักประวตั ศิ าสตร์หลายคนเชอ่ื ว่า
มะละกาก่อต้ังโดยเจ้าชายจากปาเลม็ บัง
ทอ่ี าจสืบเช้อื สายมาจากกษัตรยิ ์แห่งศรวี ชิ ัย
อาณาจกั รศรีวิชัยต้ังอยใู่ นช่วงศตวรรษ
ที่ 7 - 12 เป็นหนงึ่ ในศูนย์กลางการคา้
ทส่ี ำ�คญั ในเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้
4. จากค�ำ บรรยายของชาวยุโรปในศตวรรษ
ท่ี 16 มะละกา
ก. ไมม่ กี ารเพาะปลูกขนาดใหญ่
และน�ำ เข้าขา้ วจากทีอ่ น่ื
ข. การประมงเป็นอาชีพสำ�คญั ของคน
ในอาณาจกั ร
5. ความรู้ท่เี รามเี ก่ียวกบั มะละกาหลกั ๆ
แล้วมีท่ีมาจากแหลง่ ขอ้ มลู ชาวยโุ รปจาก
ศตวรรษที่ 16 นอกจากนแ้ี ล้วมหี ลกั ฐาน
หนว่ ยท่ี 1 ผ้คู นและพืน้ ท่ี u แผนการเรียนรู้ที่ 5 คาบสมทุ รมลายูฝง่ั ตะวันตก : อาณาจกั รมะละกา
ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์ u 63
ขน้ั ตอน การด�ำ เนนิ การสอน สอื่ การเรยี นร ู้ หลกั การและเหตผุ ล
ทางโบราณคดจี ากมะละกายคุ โบราณ
หลงเหลอื อย่นู ้อยมาก ชาวยุโรปยังบรรยาย
ถงึ ศูนย์กลางการค้าต่างๆ ในภูมภิ าคนีว้ า่
เปน็ ชมุ ชนเล็กๆ ท่ีรายล้อมดว้ ยปา่ มะละกา
โบราณก็คงไม่ตา่ งจากคำ�บรรยายดังกล่าว
มากนัก
6. โดยทวั่ ไปมะละกาถูกนับรวมวา่ เป็น
อาณาจักรมลายู แต่ประชากรไมไ่ ด้เปน็
ชาวมลายทู ัง้ หมด
ก. มกี ลุ่มท่ีไมใ่ ช่มลายทู อี่ าศัยอยู่
ในป่านอกมะละกา ปัจจบุ นั พวกเขา
ถูกเรยี กว่า โอราง อสั ลี (orang asli)
หรอื คนดัง้ เดิม ซึ่งมอี ยหู่ ลายกลุ่ม บางสว่ น
อยู่กนั เป็นหมู่บ้านเลก็ ๆ และทำ�การเพาะปลกู
แบบถางแล้วเผา ส่วนกลุม่ อนื่ ๆ ล่าสตั ว์
และเกบ็ ของป่า
ข. โอราง ลาอุท (Orang laut) หรอื
ชาวเล อาศยั อยใู่ นบา้ นเรือ จัดอยู่ในกลมุ่
ล่าสัตว-์ เกบ็ ของป่า (ไม่ท�ำ การเพาะปลกู )
พวกเขาจบั ปลาโดยใชไ้ ม้แหลม ไมใ่ ช้แห
อวน หรือเบ็ด
7. ชาวโอราง อสั ลี และโอราง อาลทุ
อยนู่ อกอำ�นาจควบคมุ โดยตรงของ
ผปู้ กครอง แตพ่ วกเขากย็ อมรับอำ�นาจของ
ผปู้ กครองมะละกา และสนับสนนุ กำ�ลงั คน
ใหก้ ับกองทพั บกและกองทัพเรือในยาม
สงคราม ชาวโอราง อัสลี และโอราง
อาลุท ยังเกบ็ ของปา่ และจากทะเล
เพื่อขายใหก้ บั พ่อค้าในมะละกาด้วย
8. ด้วยความเป็นศูนยก์ ลางการค้า
นานาชาติ ก็ยงั มกี ลุ่มคนต่างชาติอาศัย
อยูใ่ นมะละกาเปน็ จำ�นวนมาก เรารเู้ ร่อื งน้ี
จากเอกสารของโปรตเุ กส คนเหลา่ น้ี
มาจากจีน อนิ เดยี และเอเชียตะวนั ตก
(เปอร์เซยี และอาหรบั ) โดยมากเปน็ พ่อค้า
หนว่ ยท่ี 1 ผู้คนและพืน้ ท่ี u แผนการเรยี นรทู้ ี่ 5 คาบสมุทรมลายฝู งั่ ตะวนั ตก : อาณาจักรมะละกา
64 u ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์
ข้นั ตอน การด�ำ เนินการสอน ส่อื การเรยี นรู้ หลักการและเหตผุ ล
ทท่ี ำ�มาคา้ ขายในมะละกา ผู้คนจากสว่ นอน่ื ๆ ค�ำ ถามกระตนุ้ ให้นักเรียน
ของเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ก็อาจจะมี วิเคราะหป์ จั จัยต่างๆ ท่สี ง่ ผล
อยู่ในมะละกาดว้ ย ตอ่ ความส�ำ เร็จของมะละกา
9. เอกสารทางประวตั ิศาสตร์ระบุว่า ในฐานะศนู ยก์ ลางการคา้
การค้าในมะละกาถูกก�ำ กับควบคุมอย่างดี โดยเฉพาะเม่ือคำ�นงึ ถึง
มีกฎระเบียบส�ำ หรบั การด�ำ เนนิ การค้าขาย สภาพแวดล้อมของมะละกา
และการแกไ้ ขปญั หาขอ้ พิพาท ทีไ่ ม่ได้เป็นฐานการเกษตร
10. มะละกาเป็นคลงั สนิ ค้า สนิ ค้า วเิ คราะหเ์ ชงิ เปรยี บเทยี บ
เกือบทัง้ หมดไมไ่ ด้มีที่มาจากมะละกา
โดยท่วั ไปผู้ปกครองดแู ลอำ�นวยความสะดวก
และสภาพแวดลอ้ มที่เอ้อื ตอ่ การค้า
11. นกั โบราณคดเี สนอว่าการไมม่ ี
ซากโบราณคดีหลงเหลอื อยูใ่ นมะละกาน้ัน
เน่อื งมาจากการท่ีมะละกามหี นา้ ทหี่ ลัก
เปน็ ศนู ยก์ ลางการคา้ ถงึ จะมีการสร้าง
ศาสนสถานอยู่บา้ ง แตก่ ไ็ ม่ไดก้ ระจาย
ไปกว้างขวางอย่างในพกุ าม (แผนการเรยี นรู้
ท่ี 1) แหล่งข้อมลู ทางประวตั ศิ าสตร์
หลายแหลง่ ระบวุ า่ มะละกานา่ จะเปน็
อาณาจกั รมุสลิมมลายู
พัฒนา แบง่ นกั เรียนออกเปน็ สามกลุม่ เพ่อื พจิ ารณา
บทเรียน ประเด็นทต่ี ่างกัน คอื
• นกั เรยี นคดิ ว่าท�ำ ไมมะละกาจงึ เป็น
ศนู ย์กลางการคา้ ทีป่ ระสบความส�ำ เรจ็
• นักเรยี นคิดว่าท�ำ ไมผ้คู นจาก
ต่างวฒั นธรรมจึงสามารถอยรู่ ว่ ม
และคา้ ขายกนั ไดอ้ ยา่ งสงบในมะละกา
• จากแผนท่แี สดงศนู ย์กลางการคา้ โบราณ
ในช่องแคบมะละกา มะละกาประสบ
ความส�ำ เรจ็ เพียงเพราะทำ�เลท่ีตั้งเท่าน้นั
ใช่หรอื ไม่
สรปุ 1. ใหน้ กั เรยี นน�ำ เสนอความคิดเหน็
บทเรยี น ต่อช้ันเรยี น และแลกเปลี่ยนกบั กลุ่มอนื่ ๆ
2. ให้นักเรยี นเปรียบเทียบมะละกากับ
พฒั นาการที่เกดิ ข้ึนในเขตแห้งแล้ง
ของเมียนมา
หน่วยท่ี 1 ผู้คนและพ้นื ที่ u แผนการเรียนรทู้ ี่ 5 คาบสมทุ รมลายฝู ั่งตะวันตก : อาณาจกั รมะละกา
ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์ u 65
หน่วยที่ 1 ผคู้ นและพ้ืนที่
แผนการเรยี นร้ทู ี่ 5 คาบสมทุ รมลายฝู ่ังตะวนั ตก : อาณาจกั รมะละกา
สอื่ การเรยี นร้แู ละแบบฝกึ หดั
สื่อการเรยี นรู้ 1 - แผนทเ่ี อเชียตะวนั ออกเฉียงใต้แสดงทต่ี ง้ั ของมะละกาและศรวี ชิ ัย
(ท่มี า : https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Malacca_Sultanate_en.svg เพิ่มเตมิ โดยผเู้ ขยี น)
หน่วยที่ 1 ผู้คนและพน้ื ท่ี u แผนการเรยี นร้ทู ่ี 5 คาบสมุทรมลายฝู งั่ ตะวนั ตก : อาณาจกั รมะละกา
66 u ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์
สือ่ การเรียนรู้ 2 - เสน้ ทางการคา้ โบราณผ่านชอ่ งแคบมะละกา แสดงจดุ ที่เปน็ ศนู ยก์ ลาง
การคา้ สำ�คญั ในระหว่างศตวรรษท่ี 6 - 16
(ที่มา : https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Se_asia_malaysia.png เพิ่มเติมโดยผเู้ ขียน)
หน่วยที่ 1 ผู้คนและพนื้ ท่ี u แผนการเรยี นรทู้ ่ี 5 คาบสมทุ รมลายฝู ัง่ ตะวันตก : อาณาจักรมะละกา
ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์ u 67
สอื่ การเรยี นรู้ 3 - ภาพของมะละกาในศตวรรษท่ี 18
(ท่ีมา : https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Antique_Map_Valentijn_Malacca.jpg)
สอื่ การเรียนรู้ 4 - ภาพของชาวโอรงั ลาอุท (orang laut)
(ทม่ี า : https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Bajau_Laut_Pictures_6.jpg)
หน่วยท่ี 1 ผ้คู นและพ้นื ท่ี u แผนการเรยี นรู้ที่ 5 คาบสมทุ รมลายูฝั่งตะวนั ตก : อาณาจกั รมะละกา
68 u ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์
อภิธานศพั ท์ :
การเพาะปลูกแบบถางแล้วเผา (Slash and burn farming) - เกษตรกรทำ�การเพาะปลูกบนทด่ี ิน
แปลงเล็กๆ หลังจากเก็บเกี่ยวแล้ว เกษตรกรจะย้ายไปปลูกพืชบนที่ดินแปลงใหม่และ
เผาแปลงเดมิ บางครงั้ กม็ กี ารโยกยา้ ยหมบู่ า้ นไปยงั ทใี่ หม่ เรยี กอกี อยา่ งหนง่ึ วา่ การเพาะปลกู
แบบหมุนเวียน
คลังสินค้า (Entrepot) - ศูนย์กลางการค้าในทำ�เลยุทธศาสตร์ พ่อค้าจากภายนอกนำ�สินค้ามา
แล้วขายหรอื แลกเปลี่ยนกับสินคา้ อืน่
ช่องแคบมะละกา (Straits of Malacca) - ช่องแคบระหว่างเกาะสุมาตราและคาบสมุทรมลายู
เคยเป็นและยงั คงเป็นเส้นทางการขนสง่ สนิ คา้ ท่สี ำ�คญั ของโลก
ศรวี ิชัย (Srivijaya) - อาณาจักรโบราณบนเกาะสุมาตรา ประเทศอนิ โดนีเซยี ซ่ึงเคยเปน็ ศูนย์กลาง
การค้าทสี่ ำ�คัญในระหวา่ งศตวรรษท่ี 7 - 11
หนว่ ยที่ 1 ผู้คนและพนื้ ท่ี u แผนการเรยี นรทู้ ่ี 5 คาบสมุทรมลายูฝง่ั ตะวนั ตก : อาณาจักรมะละกา
ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์ u 69
หน่วยท่ี 1 ผคู้ นและพน้ื ที่
แผนการเรยี นรู้ท่ี 6 พนื้ ท่ีชายฝงั่ สามเหลย่ี มปะการงั : ซามา/บาเจา
วิชา : ผูค้ นและพ้นื ท่ี
หวั ข้อ : ชาวซามา/บาเจากับชีวิตความเป็นอยูใ่ นพน้ื ท่ีสามเหลี่ยมปะการงั
ระดบั :
จำ�นวนคาบ/แผนการเรยี นรู้ : 1 แผนการเรยี นรู้
อุปกรณ์ท่จี �ำ เปน็ : ห้องเรียนท่ีมอี ปุ กรณฉ์ ายวีดทิ ัศน์ กระดาษ และปากกา
ความรพู้ ื้นฐาน : ไม่จ�ำ เปน็ ตอ้ งมีความรู้พ้ืนฐานมาก่อน
วัตถปุ ระสงคก์ ารเรียนรู้ :
เม่ือส้ินสุดบทเรียน นักเรียนสามารถระบุพื้นท่ีทางภูมิศาสตร์ที่เรียกว่าสามเหล่ียม
ปะการังได้ อันเป็นพ้ืนที่ท่ีมี “ชนเผ่าทะเล” อยู่หลายกลุ่ม และสามารถระบุการที่สภาพแวดล้อม
สง่ ผลตอ่ ชีวติ ความเป็นอยูแ่ ละวิถปี ฏบิ ตั ทิ างวัฒนธรรมของพวกเขา
ความรู ้ ทักษะ เจตคติ
1. ตระหนกั รู้เกยี่ วกับ 1. หดั อา่ นแผนทแ่ี ละใช้ประโยชน์ได้ 1. เข้าใจถึงความซับซอ้ นของ
พนื้ ทที่ เี่ รยี กว่า 2. ไดท้ ักษะในการเปน็ ตวั แทน ผลกระทบทางเศรษฐกจิ สงั คม และ
สามเหล่ยี มปะการัง และถกเถียงจากหลายมุมมอง วฒั นธรรมของประเดน็ การอนุรกั ษ์ต่างๆ
และประเทศต่างๆ ในสามเหลี่ยมปะการงั
ทอี่ ยู่ในบรเิ วณนนั้ 2. เขา้ ใจผลกระทบทางวฒั นธรรม
ของกลมุ่ ทด่ี อ้ ยสทิ ธิ ด้อยเสยี งท่ีมี
ประวตั ิศาสตร์เฉพาะตวั ในพ้นื ท่ี
หมู่เกาะของเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต้
หน่วยท่ี 1 ผูค้ นและพนื้ ที่ u แผนการเรียนรูท้ ี่ 6 พน้ื ทีช่ ายฝง่ั สามเหลย่ี มปะการงั : ซามา/บาเจา
70 u ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์
ความรูพ้ น้ื ฐาน
สามเหล่ยี มปะการงั คืออะไร
สามเหลี่ยมปะการัง คือ บริเวณรูปสามเหล่ียม ณ จุดท่ีมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก
และมหาสมุทรอินเดียมาบรรจบกัน ครอบคลุมพ้ืนท่ีบางส่วนของอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์
ปาปัวนิวกินี ติมอร์ตะวันออก และหมู่เกาะโซโลมอน ด้วยพื้นที่ทางทะเล 5.5 ล้านตารางกิโลเมตร
และพ้ืนท่ีดนิ 1.5 ลา้ นตารางกิโลเมตร บรเิ วณน้ีเปน็ แหล่งปะการงั รอ้ ยละ 76 ของจำ�นวนพันธ์ปุ ะการงั
ทมี่ อี ยทู่ งั้ โลก และสตั วท์ ะเลเลยี้ งลกู ดว้ ยนมรอ้ ยละ 75 ของจ�ำ นวนพนั ธท์ุ ม่ี อี ยทู่ งั้ โลก มปี ะการงั มากกวา่
600 พันธ์ุ และปลาท่ีอาศัยในแนวปะการัง 2,000 ชนิด สามเหล่ียมปะการังเป็นที่อยู่ของเต่าทะเล
6 พนั ธจ์ุ ากทม่ี อี ยู่ 7 ชนดิ ในโลก และยงั มปี า่ โกงกางมากทสี่ ดุ ในโลกอกี ดว้ ย ประมาณการกนั วา่ ในปจั จบุ นั
ประชากรกวา่ 120 ลา้ นคน พ่ึงพาทรพั ยากรทางทะเลจากบรเิ วณนใี้ นการด�ำ รงชวี ิต
บาเจา (Bajau)
ชาวเลท่ีเรียกว่า “บาเจา” (Bajau) ซามา (Sama) หรือโอรัง ลาอุท (Orang laut)
อย่อู าศัยในหลายส่วนของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น หม่เู กาะซูลขู องฟิลปิ ปินส์ และบริเวณชายฝงั่
ของมาเลเซียและอนิ โดนเี ซยี ชาวบาเจามชี อื่ เรยี กตา่ งๆ เชน่ โอรงั ลาอทุ (Orang Laut) ซามา ดลิ าอทุ
(Sama di laut) ชาวเลเร่ร่อน แต่ก็มีภาษาคล้ายกัน สามารถสื่อสารกันได้ และมีอัตลักษณ์
ร่วมกันในความเป็นชาวเลชุมชนซามามีอยู่ในมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และบรูไน พวกเขา
ใช้ชีวิตกับครอบครัวอยู่บนเรือที่เรียกว่า ซาไก (sakai) ชีวิตประจำ�วันของพวกเขาทุกแง่มุมล้วน
ถกู ก�ำ หนดโดยปฏิสัมพันธก์ บั สภาพแวดล้อมทเี่ ป็นทะเล
ชาวบาเจาอาศัยอยู่บริเวณเกาะสุลาเวสี มีความสัมพนั ธท์ ่สี �ำ คญั กบั อาณาจกั รโกวา (Gowa)
และตาลโล (Tallo) และเชน่ เดยี วกบั ในชอ่ งแคบมะละกากม็ สี ว่ นเกยี่ วขอ้ งอยา่ งใกลช้ ดิ กบั ความรงุ่ เรอื ง
ของอาณาจักรมากาซารีส (Makasarese) และบูกิส (Bugis) ในสุลาเวสีตอนใต้ด้วยกิจกรรมการค้า
ชุมชนซามา/บาเจา (Sama/Bajau) ยังเป็นฐานท่ีม่ันให้กับอาณาจักรโกวาบนเกาะฟลอเรส (Flores)
และซัมบาวา (Sumbawa) อกี ด้วย (Andaya and Andaya, 2015 : 212 - 13) สลุ ตา่ นแหง่ ปาเลม็ บัง
อาศัยชาวเลโอรัง อาลุท หลายกลุ่มทำ�หน้าท่ีเป็นกองกำ�ลังคุ้มครองในช่องแคบมะละกาในปลาย
ทศวรรษ 1600 (Rickleffs, 2008 : 82) ชาวบาเจามีบทบาทสำ�คัญในเครือข่ายการค้าทางทะเล
การท่ีพวกเขารับเอาศาสนาอิสลามเป็นผลจากการติดต่อสัมพันธ์กับพ่อค้าอาหรับและจีน
ในศตวรรษท่ี 14
หนว่ ยที่ 1 ผูค้ นและพื้นที่ u แผนการเรียนร้ทู ่ี 6 พน้ื ทชี่ ายฝง่ั สามเหล่ยี มปะการงั : ซามา/บาเจา
ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์ u 71
(ทมี่ า : https://www.atlasofhumanity.com/bajau)
ชาวบาเจาใช้วิธีการจับปลาแบบดั้งเดิมเพื่อหาอาหารและการดำ�รงชีวิต พวกเขาเรียนรู้
ที่จะปรับร่างกายให้เหมาะกับวิธีการจับปลาต้ังแต่ยังเล็ก นักดำ�นํ้าชาวบาเจาท่ีมีประสบการณ์
สามารถดำ�นํ้าได้ลึกถึง 20 เมตรภายในเวลาหน่ึงอึดใจ การศึกษาหลายชิ้นระบุว่าในสภาพใต้นํ้า
สายตาของเดก็ ชาวบาเจามคี วามคมชัดมากกวา่ เด็กท่ีอาศยั บนบกทวั่ ไป
ชาวบาเจามีวิถีปฏิบัติการประมงบนฐานความเช่ือเรื่องวิญญาณที่สิงสถิตอยู่ใน
สภาพแวดล้อมรอบตัว และความรู้เก่ียวกับระบบนิเวศทางทะเล พวกเขาวิงวอนมโบมาดิเลา (Mbo
Madilau) วิญญาณบรรพบุรุษในทะเลท่ีสิงสู่ตามโขดหิน แนวปะการัง กระแสน้ํา คลื่น (Clifton &
Majors, 2012 : 720) เพื่อให้ประสบความสำ�เร็จในการจบั ปลา ความสัมพันธก์ บั วญิ ญาณบรรพบรุ ษุ
แห่งทะเลเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของระบบความสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมทางทะเลและการเดินเรือ
ชาวบาเจาอาศัยการดูข้างขึ้นข้างแรมของพระจันทร์ท่ีสัมพันธ์กับแบบแผนการเคลื่อนย้ายของปลา
ในการหาท�ำ เลจับปลา (Clifton & Majors, 2012 : 719)
ความสัมพันธ์ที่ชาวซามา/บาเจาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีกับระบบนิเวศทางทะเล
ต่างๆ น้ันไม่เพียงแต่กำ�หนดวิถีปฏิบัติในชีวิตประจำ�วันของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงวิถีปฏิบัติ
ทางศาสนาด้วย วิถีชีวิตในท้องทะเลของพวกเขาหมายความว่าพวกเขาเป็นคนกลุ่มแรกๆ ท่ีได้พบกับ
พ่อค้าชาวจีนและอาหรับในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชาวซามา/บาเจานับถือศาสนาอิสลามท่ีรวมเข้า
กับความเชื่อเก่ียวกับวิญญาณบรรพบุรุษที่สิงสู่อยู่ในมหาสมุทรและช่วยบันดาลให้พวกเขาจับปลาได้
ชาวซามา/บาเจาถือว่าการได้รู้จักกับศาสนาอิสลามมาแต่เน่ินๆ และการยึดถือปฏิบัติในปัจจุบัน
ของพวกเขาคือหัวใจสำ�คัญของการเปน็ คนบาเจา
หนว่ ยที่ 1 ผูค้ นและพ้ืนท่ี u แผนการเรยี นรู้ที่ 6 พืน้ ที่ชายฝง่ั สามเหลี่ยมปะการัง : ซามา/บาเจา
72 u ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์
ด้วยการมีวิถีชีวิตที่ต้องพ่ึงพาทรัพยากรในบริเวณสามเหล่ียมปะการัง ชาวบาเจาจึงเป็น
สว่ นหนงึ่ ของระบบนิเวศในพน้ื ท่ี 6 ล้านตารางกโิ ลเมตร ทมี่ ปี ะการังรอ้ ยละ 76 ของจ�ำ นวนชนดิ ท่มี ีอยู่
ท้ังโลก และมีปลาท่ีอาศัยอยู่ในแนวปะการังร้อยละ 37 ของจำ�นวนชนิดท่ีมีอยู่ท้ังโลก สามเหล่ียม
ปะการังมีระบบนิเวศแนวปะการัง ป่าโกงกาง และหญ้าทะเล การประมงเกินขีดจำ�กัดขนานใหญ่
ภาวะโลกร้อน และการปฏิบัติอ่ืนๆ ท่ีทำ�ลายสภาพแวดล้อมได้ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทาง
นิเวศอย่างกว้างขวาง และภยั คกุ คามต่อส่งิ มีชวี ติ จ�ำ นวนมากในสามเหลีย่ มปะการัง การเปลี่ยนแปลง
ทางสภาพแวดลอ้ มเหลา่ นน้ี �ำ ไปสกู่ ารลดลงของจ�ำ นวนสายพนั ธปุ์ ลาทชี่ าวบาเจาพง่ึ พาในการด�ำ รงชวี ติ
เอกสารอ้างองิ :
Andaya, Barbara and Leonard Andaya. (2015). A History of Early Modern South-
East Asia. Honolulu : University of Hawai’i Press.
Clifton, Julian & Chris Majors. (2012). Culture, Conservation, and Conflict :
Perspectives on Marine Protection Among the Bajau of South-East
Asia. Society & Natural Resources : An International Journal, 25 : 7, 716 - 725.
http://dx.doi.org/10.1080/08941920.2011.618487.
Rickleffs, M.C. (2008). A History of Modern Indonesia since c. 1200. Fourth Edition,
New Work : Palgrave Macmillan.
หน่วยท่ี 1 ผู้คนและพ้นื ที่ u แผนการเรยี นรู้ที่ 6 พื้นที่ชายฝั่งสามเหลีย่ มปะการัง : ซามา/บาเจา
ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์ u 73
ขั้นตอน การด�ำ เนินการสอน สอื่ การเรียนรู ้ หลกั การและเหตุผล
เกร่นิ น�ำ กรณศี ึกษาจากสือ่ : ร้จู ักมมุ มองแบบตา่ งๆ • แบบฝึกหัด 1 วีดิทัศนแ์ ละข้อความ
(15 นาที) • สือ่ การเรยี นรู้ 1 - จะช่วยใหบ้ รบิ ทเกีย่ วกับ
ทางเลอื ก 1 : ส�ำ หรบั หอ้ งเรยี นทมี่ อี ุปกรณ์ สารคดี : ผคู้ นแห่ง ชีวติ ของชาวบาเจารว่ มสมัย
ฉายวดี ิทัศน์ สามเหล่ียมปะการัง และเริ่มแนะนำ�ให้นักเรยี น
ให้นักเรยี นดูส่อื การเรยี นรู้ 1 - สารคดี วดี ทิ ัศน์ ผู้คนแหง่ ไดร้ ูจ้ ักกับมุมมองของ
“ผคู้ นแหง่ สามเหลี่ยมปะการงั ” จนถงึ สามเหลี่ยมปะการัง ฝ่ายตา่ งๆ ท่ีมปี ฏิสมั พนั ธ์
นาทีท่ี 9:00 ผู้น�ำ กระบวนการแจกแบบ (สำ�หรบั หอ้ งเรียน กบั สภาพแวดล้อมทางทะเล
แนวทางในการจดบนั ทกึ (แบบฝึกหดั 1) ที่มอี ปุ กรณฉ์ าย ในบริเวณสามเหลย่ี มปะการัง
ใหน้ ักเรียนกอ่ นชมคลปิ วีดิทศั น์ แนวทาง วิดที ัศน)์ ในเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต้
ดงั กลา่ วจะชว่ ยให้นกั เรยี นจดบนั ทกึ มุมมอง • ส่ือการเรียนรู้ 2
และคำ�บอกเล่าที่พวกเขาได้ยินไดเ้ หน็ ในวีดทิ ัศน์ กรณศี กึ ษาขนาดสนั้
ทางเลอื ก 2 : ส�ำ หรบั ห้องเรียนท่ีไมม่ อี ปุ กรณ์ เก่ียวกับ “รอสตอม,
ฉายวีดทิ ัศน์
ปกั โคเบา (Rostom}
ผนู้ ำ�กระบวนการแบ่งนกั เรยี นออกเป็นกลุม่ Pak Kobau)” จาก
กลุม่ ละ 3 - 5 คน แจกแบบฝกึ หัด 1 - รายงานผู้คนไรต้ วั ตน
แนวทางในการจดบนั ทกึ และสอ่ื การเรยี นรู้ 2 - (ส�ำ หรบั ห้องเรียน
กรณศี กึ ษาขนาดสนั้ เก่ียวกบั “รอสตอม, ทีไ่ มม่ อี ุปกรณ์
ปัก โคเบา (Rostom, Pak Kobau)” ฉายวดี ทิ ัศน์)
จากรายงานผู้คนไรต้ ัวตน (Invisible
People Report)
ให้นกั เรยี นอา่ นสื่อการเรียนรู้ 2 และ
จดบันทกึ และแต่ละกลมุ่ ช่วยกนั สรปุ
และแลกเปลี่ยนเก่ียวกับมุมมองของ
ปกั โคเบา เรื่องวิถีปฏบิ ัตใิ นการประมงของ
ชาวบาเจา และคนอื่นๆ ท่เี ก่ียวข้อง
ในการอภปิ รายเก่ียวกับการประมงใน
วากาโตบิ (Wakatobi) อินโดนีเซีย
พัฒนา 1. เปรยี บเทยี บแผนที่ (10 นาท)ี • สือ่ การเรียนรู้ 3 - • นกั เรยี นจะไดม้ คี วามคนุ้ เคย
บทเรียน 1.1 แจกสื่อการเรียนรู้ 3, 4 และ 5 บรเิ วณท่อี ย่อู าศยั กับบริเวณสามเหลย่ี มปะการัง
ท่แี สดงดนิ แดนของชาวบาเจาบรเิ วณ ของชนเผ่าทะเล และประเทศตา่ งๆ ทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง
สามเหล่ียมปะการัง และแผนท่ีทรพั ยากร เรร่ อ่ น นักเรยี นจะได้ฝกึ ทักษะ
แสดงระบบนิเวศต่างๆ ในบริเวณ การอา่ นแผนทแี่ ละรบั รถู้ ึง
สามเหลยี่ มปะการงั ความหลากหลายของ
หน่วยท่ี 1 ผู้คนและพื้นท่ี u แผนการเรียนรูท้ ่ี 6 พืน้ ท่ชี ายฝ่ังสามเหล่ยี มปะการงั : ซามา/บาเจา
74 u ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์
ขัน้ ตอน การดำ�เนนิ การสอน ส่ือการเรียนรู้ หลกั การและเหตผุ ล
1.2 ให้ทัง้ ชน้ั เรียนช่วยกันระบพุ ืน้ ท่ี • สอ่ื การเรยี นรู้ 4 - สภาพแวดล้อมในบริเวณ
ทางภูมศิ าสตร์ทบ่ี รเิ วณอย่อู าศัยของ พื้นท่สี ามเหลี่ยม ท่ีชาวบาเจาอาศัยอยู่
ชาวบาเจาซ้อนทับกบั ระบบนเิ วศต่างๆ ปะการงั • กจิ กรรมนำ�เสนอมุมมอง
ของสามเหล่ียมปะการงั และใหน้ กั เรยี น • สื่อการเรยี นรู้ 5 - จะช่วยให้นกั เรยี นไดศ้ ึกษา
ระบชุ อื่ มหาสมทุ รทบี่ รเิ วณท่ีอยูอ่ าศัย แผนทที่ รพั ยากร และน�ำ เสนอมุมมองตา่ งๆ
ของชาวบาเจา/ชาวประมงเรร่ ่อนครอบคลุม ในระบบนิเวศบรเิ วณ เก่ยี วกับการอนรุ ักษใ์ นบริเวณ
ไปถงึ และบริเวณนัน้ มีประเทศอะไรบ้าง สามเหล่ียมปะการัง สามเหลย่ี มปะการงั และ
2. กจิ กรรมนำ�เสนอมมุ มอง (20 นาที) ทำ�ใหพ้ วกเขาได้คดิ
2.1 วางปา้ ยตรงมมุ หอ้ งสองมุม ป้ายแรก พจิ ารณาว่าอตั ลกั ษณ์
เขยี นว่า “ชาวบาเจา” ป้ายทส่ี องเขียนว่า และปจั จัยทางสงั คม-
“คนที่อาศยั บนบก” วัฒนธรรมก�ำ หนด
2.2 ผูน้ ำ�กระบวนการแบ่งนกั เรียน ปฏสิ มั พนั ธ์ของผคู้ นกบั
ออกเปน็ สองกลุ่ม และให้ไปรวมกนั สภาพแวดล้อมของตน
ตรงมุมหอ้ งตามมุมมองทก่ี ล่มุ ตนจะน�ำ เสนอ อย่างไร
หลังจากปรกึ ษากนั ในกล่มุ เกย่ี วกบั การเลอื ก
มมุ มองแลว้ คนในกลุ่มหน่ึงหรอื สองคน
จะน�ำ เสนอต่อทงั้ ช้นั ว่าฝา่ ยทก่ี ลุ่มของตน
เลือกนำ�เสนอนนั้ มีมุมมองอยา่ งไรในเร่อื ง
การประมงผิดกฎหมาย
สรปุ ครูต้ังค�ำ ถามตอ่ ไปนี้กบั นักเรยี น กิจกรรมน�ำ เสนอมุมมอง
บทเรยี น 1. นักเรยี นเห็นด้วยกับมมุ มองที่ตนน�ำ เสนอ ควรแสดงใหเ้ ห็นวา่ นักเรียน
หรอื ไม่ ได้เข้าใจประเดน็ ทีซ่ บั ซอ้ น
2. หลงั จากไดฟ้ งั ความเห็นจากทกุ กลมุ่ แลว้ ของชวี ติ ความเป็นอยู่
นกั เรียนจะเลือกยืนข้างมมุ มองอนื่ หรอื ไม่ และวัฒนธรรมของ
3. หลงั จากรบั ฟงั มมุ มองทง้ั สามมมุ แล้ว ชนเผ่าทะเลต่างๆ ทตี่ อ้ ง
นักเรียนเหน็ วา่ มีมุมมองใดที่ถูกต้อง พึ่งพามหาสมทุ ร
หรือไม่ ถูกตอ้ งกวา่ มมุ มองอนื่ หรอื ไม่ ตลอดจนการทน่ี โยบาย
จากการแลกเปลยี่ นนี้ อาจให้นักเรียน ของประเทศและประเด็น
เขยี นบนั ทึกเสนอทางแก้ปญั หาทอี่ าจเปน็ การอนุรกั ษ์ถูกก�ำ หนด
ไปได้เพอื่ แก้ไขสถานการณ์ส�ำ หรับชาวบาเจา โดยมมุ มองท่แี ตกตา่ งกนั
และบา้ นในมหาสมทุ รของพวกเขาใหด้ ขี ึน้
หนว่ ยที่ 1 ผ้คู นและพ้ืนท่ี u แผนการเรยี นรทู้ ่ี 6 พนื้ ทช่ี ายฝ่งั สามเหลี่ยมปะการัง : ซามา/บาเจา
ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์ u 75
หนว่ ยท่ี 1 ผ้คู นและพืน้ ท่ี
แผนการเรียนรู้ที่ 6 พืน้ ที่ชายฝ่ังสามเหลี่ยมปะการงั : ซามา/บาเจา
ส่ือการเรยี นรู้และแบบฝึกหดั
สอ่ื การเรยี นรู้ 1 - สารคดี : ผคู้ นแหง่ สามเหลย่ี มปะการัง
https://www.youtube.com/watch?v=IwizKx4PCsQ
© James Morgan
ลิขสิทธิ์ของวีดิทัศน์เป็นของเจมส์ มอร์แกน และวีดิทัศน์น้ีอนุญาตให้ใช้เพ่ือวัตถุประสงค์
ทางการศกึ ษาในขอบเขตโครงการประวตั ิศาสตรเ์ อเชยี ตะวันออกเฉยี งใต้เท่าน้นั
ส่อื การเรยี นรู้ 2 - กรณศี กึ ษาขนาดสนั้ เก่ยี วกับ “รอสตอม, ปัก โคเบา (Rostom,
Pak Kobau)” จากรายงานผู้คนไร้ตวั ตน
รอสตอม, “ปัก โคเบา” (Rostom, “Pak Kobau”)
ชาวบาเจา (Bajau) อาศัยอยู่ในที่ใดก็ตามท่ีพวกตนสามารถหาเล้ียงชีพจากทะเลได้
อย่างมีความสุข สำ�หรับชาวประมงชาวบาเจาไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไรท่ีจะจากที่หน่ึงไปทำ�งาน
ในอกี ทห่ี นง่ึ เปน็ เวลาหลายๆ ปี ฉนั เกดิ ทโ่ี มลา (Mola) ซงึ่ เปน็ ชมุ ชนบาเจาบนเกาะวนั ซวิ นั ซิ (Wanci
Wanci) เมอื่ ฉนั อายไุ ดส้ ห่ี รอื หา้ ขวบ พอ่ แมข่ องฉนั ยา้ ยพรอ้ มกบั ครอบครวั อนื่ ๆ ไปยงั เกาะคาเลดปู า
(Kaledupa) ซ่ึงอยู่ในพ้ืนที่อนุรักษ์วาตาโกบี (Wakatobi) เช่นกัน เมื่อฉันอายุสิบห้า หลังจาก
จบมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ แลว้ ฉนั ออกจากบา้ นเพอ่ื ไปท�ำ งานบนเรอื ประมงในมาเลเซยี ในภาษาบาเจา
เราเรียกว่าซากาย (sakai) น่ันหมายถึง การไปจากที่ท่ีเคยอยู่เป็นเวลากว่าหนึ่งปีโดยไม่มีแผน
แน่นอนทจ่ี ะกลับมา
หนว่ ยท่ี 1 ผู้คนและพื้นที่ u แผนการเรียนรู้ที่ 6 พื้นทช่ี ายฝั่งสามเหลยี่ มปะการัง : ซามา/บาเจา
76 u ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์
ฉันเดินทางไปกาลิมันตัน และจากน้ันก็ข้ามพรมแดนไปมาเลเซียด้วยตัวเองโดยไม่มี
เอกสารใดๆ ทง้ั สิ้น ไมม่ ีแมก้ ระทง่ั บัตรประจ�ำ ตวั ประชาชนอินโดนีเซีย ไมว่ ่าจะไปทไ่ี หน ฉนั อาศัย
พักตามบ้านพ่ีน้องในหมู่บ้านบาเจาบนชายฝั่ง ต้ังแต่ติมอร์ไปจนถึงพม่า คุณจะพบหมู่บ้าน
บาเจาตลอด เราใช้ภาษาเดียวกันถึงจะมีสำ�เนียงแตกต่างกันไปตามพื้นท่ีก็ตาม ในหมู่บ้านเหล่าน้ี
ฉันพบหลายครัวเรือนที่มคี วามเก่ยี วโยงกับครอบครวั ของฉนั ทโ่ี มลา
ที่ตาบรากาน (Tabrakan) กาลิมันตัน ลูกพี่ลูกน้องห่างๆ คนหนึ่งช่วยหางานให้ฉันทำ�
บนเรือในมาเลเซีย เจ้าของเรือเป็นคนมาเลเซียเชื้อสายจีน แต่กัปตันเป็นบาเจาจากฟิลิปปินส์
มบี าเจาอนิ โดนเี ซยี ท�ำ งานเปน็ ลกู เรอื อกี สองสามคน และมคี นอนิ โดนเี ซยี จากมากาสซาร์ (Makassar)
อีกคนสองคน แต่ไม่มีคนมาเลเซีย คนมาเลเซียจะไม่มีทางทำ�งานหนักอย่างที่เราทำ�เพื่อค่าแรง
แบบท่ีเราได้รับ เราได้รับค่าจ้างเดือนละ 300 ริงกิต ในอินโดนีเซีย บนเรือแบบพื้นบ้านด้ังเดิม
ลูกเรือมักจะใช้วิธีแบ่งปลาที่จับได้ โดยเจ้าของเรือได้ไปสองส่วน เจ้าของเครื่องมือประมงอย่างอื่น
ไดไ้ ปหน่ึงสว่ น และลกู เรือได้คนละหนง่ึ สว่ น ในมาเลเซีย เราไดแ้ ต่คา่ จา้ งทกี่ �ำ หนดไวแ้ ลว้ แต่กย็ งั คง
มากกวา่ ท่ีฉนั จะสามารถหาได้ในอนิ โดนีเซียมาก
ฉันถูกตำ�รวจน้ําของมาเลเซียจับสามครั้งในช่วงส่ีปีท่ีอยู่ท่ีน่ัน พวกเขาไม่ได้ปฏิบัติไม่ดี
ต่อฉัน เพยี งแตข่ งั ฉนั ไว้ในห้องขงั แลว้ กส็ ่งฉนั กลบั มาท่ีตาบรากาน ทกุ คร้ังฉนั ก็แคเ่ ดินข้ามพรมแดน
กลับไปในวันเดียวกันนั้นเอง หลังจากกลับไปคร้ังท่ีสาม กัปตันที่เป็นชาวบาเจาฟิลิปปินส์บอกว่า
เขากำ�ลงั จะกลบั ไปฟิลปิ ปินส์ และขอให้ฉนั ไปด้วย
ในมาเลเซีย เราใช้อวนจับปลาและปฏิบัติค่อนข้างอยู่ในกรอบกฎหมาย ในฟิลิปปินส์
ฉันทำ�งานบนเรอื ที่ทำ�ประมงอย่างผิดกฎหมาย เราจบั ปลาโดยใชร้ ะเบดิ และไซยาไนด์เปน็ ส่วนใหญ่
ตามแนวปะการงั ทป่ี ลาสว่ นใหญอ่ าศยั อยู่ ไมป่ ฏเิ สธเลยวา่ นเ่ี ปน็ วธิ กี ารทสี่ ง่ ผลท�ำ ลายลา้ ง โดยเฉพาะ
การระเบิด ด้วยระเบิดขนาดเข่ืองหน่ึงลูก คุณสามารถฆ่าหรือสยบปลาทุกตัวได้ภายในรัศมี
ห้าสิบเมตร แต่เม่ือคุณระเบิดแนวปะการังในท่ีหน่ึงไปแล้ว คุณก็จะแทบไม่เจอปลาในท่ีน้ันอีกเลย
เป็นเวลาหลายปี กระท่งั ห้าปีต่อมา คณุ ก็ยังคงมองเหน็ ความเสียหายทเ่ี กดิ กับแนวปะการัง
ทุกท่ีที่ฉันไปเป็นเหมือนกันหมด ปลามีน้อยกว่าที่เคยมี ชาวบาเจารู้ดีกว่าใครว่า
ปลากำ�ลังจะหมดเน่ืองจากเราพึ่งพาอาศัยปลาเพ่ือความอยู่รอด เป็นเหมือนกันหมดในน่านน้ํา
ของอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย คนบนบกมักพูดว่าชาวบาเจาไม่ใส่ใจสภาพแวดล้อม
เพราะไม่รู้สึกผูกพันกับที่ใดท่ีหนึ่ง พวกเขาพูดว่าเม่ือเราทำ�ลายที่หน่ึงไปแล้ว เราก็แค่ย้ายไปที่ใหม่
และก็ท�ำ อยา่ งเดมิ อกี พวกเขาบอกวา่ พวกบาเจามองหาแตผ่ ลประโยชนท์ ีง่ า่ ยและเร็ว พวกเราถึงใช้
วิธีการจับปลาทสี่ ง่ ผลทำ�ลายลา้ งไงละ่
หน่วยที่ 1 ผ้คู นและพ้ืนท่ี u แผนการเรียนรทู้ ี่ 6 พ้นื ที่ชายฝงั่ สามเหลี่ยมปะการัง : ซามา/บาเจา
ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์ u 77
ฉันไม่เห็นด้วยนะ ไม่ใช่เร่ืองง่ายที่จะจับปลาด้วยการใช้ระเบิดและไซยาไนด์ เมื่อคุณ
ประกอบระเบิดและขนไปบนเรือ มีความเสี่ยงท่ีจะเกิดการระเบิดอยู่ตลอดเวลา เม่ือคุณจุดชนวน
ก็มีความเส่ียงว่าจะระเบิดก่อนเวลาอันควร ในการเก็บปลา คุณต้องดำ�นํ้าลงไปโดยไม่มีอุปกรณ์
พิเศษใดๆ จนกว่าจะรู้สึกว่าปอดกำ�ลังจะระเบิด คนงานประมงอาจหมดสติและเสียชีวิตในนํ้าได้
เน่ืองจากทนกล้ันหายใจไม่ไหว การระเบิดปลาไม่ใช่เร่ืองง่าย ฉันว่าบางคร้ังชาวบาเจาใช้วิธีการ
อยา่ งทที่ �ำ เพราะพวกเขาไมส่ ามารถแขง่ ขนั กบั ธุรกจิ ประมงใหญๆ่ ทมี่ อี ุปกรณร์ าคาแพงได้ ดว้ ยเหตุ
ที่ปลากำ�ลังหมดไป ชาวประมงจำ�นวนมากจึงรู้สึกว่าวิธีการแบบน้ันคือหนทางเดียวที่พวกเขา
สามารถหาเงินพอเลีย้ งครอบครวั ได้
106 ผคู้ นไรต้ วั ตน
เมอื่ กลบั มาทค่ี าเลดปู า ฉนั กไ็ ดม้ าเกย่ี วขอ้ งกบั FORKANI (Forum Kahedupa Toudani),
ซ่ึงเป็นองค์กรรณรงค์สร้างจิตสำ�นึกด้านสิ่งแวดล้อมท่ีมีฐานอยู่ท่ีชุมชน ผู้คนท่ีนี่กำ�ลังลืมขนบเดิม
ที่เคยกำ�กบั ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งคนบนบก ชาวบาเจา และสภาพแวดลอ้ มทเี่ รามรี ว่ มกัน เมื่อก่อน
เวลาชาวบาเจาสร้างหมู่บ้านในทะเล พวกเขาไม่ได้มาโดยไม่ได้รับอนุญาต พวกเขาขออนุญาต
จากเจ้าของที่ดิน พวกเขาได้รับอนุญาต เน่ืองจากท้ังสองชุมชนจำ�เป็นต้องพ่ึงพาซึ่งกันและกัน
มีการแลกเปล่ียนสิ่งของระหว่างคนท้ังสองกลุ่ม และปลาท่ีเราจับได้จะถูกแบ่งไว้ส่วนหนึ่งสำ�หรับ
หน่วยท่ี 1 ผู้คนและพ้ืนท่ี u แผนการเรียนรทู้ ่ี 6 พ้ืนทีช่ ายฝง่ั สามเหลย่ี มปะการัง : ซามา/บาเจา
78 u ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์
เจ้าของท่ีดิน เมื่อก่อนเคยมีสภาท้องถิ่นท่ีคอยตัดสินใจว่าปลากำ�ลังจะหมดในพื้นท่ีใด โดยทุกคน
ตกลงที่จะไม่ไปพื้นท่ีน้ันอีกจนกว่าปลาจะกลับมา สำ�หรับ FORKANI เราไม่ได้บอกว่าเราต้อง
หวนกลับไปใช้แบบแผนปฏิบัติเดิมๆ ทั้งหมด เรากำ�ลังบอกว่าเราควรบันทึกและรวบรวมวิถีปฏิบัติ
เหล่าน้นั เพือ่ ชมุ ชนจะไดพ้ ิจารณาและตัดสนิ ใจไดว้ ่าอะไรที่ยงั คงเหมาะสมสอดคล้องอยู่ ฉันเขา้ รว่ ม
FORKANI เพราะเห็นว่าแทบไม่มีใครจากชุมชนบาเจามาเข้าร่วมเลย อาจจะมีอีกแค่สามหรือ
ส่ีคน มันจะไม่เกิดผลหากว่ามีแต่คนบนบกเท่านั้นที่เข้าร่วม บางทีฉันอาจจะผิดแผกไปจากชาว
บาเจาอนื่ ๆ อยบู่ า้ ง ชาวบาเจาสว่ นใหญไ่ มค่ อ่ ยกลา้ ขอ้ งเกยี่ วกบั คนบนบก เมอ่ื ฉนั ยงั เดก็ ฉนั จะขน้ึ บก
ก็ต่อเมื่อไปกับเพ่ือนบาเจาเป็นกลุ่มสักสามสี่คนเท่าน้ัน ฉันรู้สึกอึดอัดเวลาเกี่ยวข้องกับคนบนบก
มีหลายคนท่ียังคงรู้สึกเช่นน้ันอยู่ ไม่ได้มีความขัดแย้งหรือความรู้สึกเป็นปรปักษ์กัน แต่ชุมชน
ทั้งสองไม่ได้กลมกลืนกัน เราจำ�เป็นต้องทำ�ให้ท้ังสองชุมชนเข้าใจกันมากข้ึน ฉันรู้สึกว่าตัวเอง
น่าจะมีบทบาทได้เพราะว่าฉันสามารถพูดคุยกับชาวบาเจาด้วยภาษาของเราเอง ชาวบาเจา
น่าจะอยากรบั ฟังคนจากชุมชนตัวเองมากกวา่ คนจากภายนอก
ขณะท่ีชาวบาเจามักจะถูกกล่าวโทษว่าเป็นต้นเหตุสร้างความเสียหายต่อสภาพแวดล้อม
พวกเขาก็โต้ว่าพ้ืนที่ท่ีพวกเขาเคยหาปลามักจะถูกปนเปื้อนอย่างหนักจากการทำ�เหมืองและ
การตัดไม้
ฉันว่าหนทางทดี่ ีทีส่ ดุ ทีจ่ ะได้รบั ความรว่ มมอื จากชาวบาเจากค็ อื ...
ผู้คนไรต้ วั ตน 107
หนว่ ยท่ี 1 ผูค้ นและพืน้ ท่ี u แผนการเรียนรู้ที่ 6 พ้นื ทชี่ ายฝง่ั สามเหลีย่ มปะการงั : ซามา/บาเจา
ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์ u 79
...การหาหนทางที่เราสามารถใช้ทักษะของเราได้อย่างไม่ส่งผลทำ�ลาย หากชาวบาเจา
มีช่องทางเข้าถึงเงินทุน เราก็จะสามารถต้ังสหกรณ์เพื่อซื้อเรือและเคร่ืองมือทันสมัย รัฐบาล
พยายามตรวจตราน่านน้ําเพื่อป้องกันการกระทำ�ผิดกฎหมาย แต่ว่ามีเรือไม่ก่ีลำ�และเคร่ืองมือ
จำ�กัด รัฐบาลสามารถร่วมงานกับชาวบาเจา โดยให้พวกเขาทำ�หน้าที่ตรวจตราน่านน้ําเอง
ชาวบาเจาอยู่ในทะเลมาท้ังชีวิต เรารู้เร่ืองนี้ดีกว่าใคร เรามีชื่อปลาสายพันธุ์ท่ีไม่เคยมีการบันทึกไว้
เรารู้ได้ทันทีเวลามีอะไรผิดปกติไป ไม่ใช่ชาวบาเจาทุกคนท่ีเก่ียวข้องในการทำ�ผิดกฎหมาย และ
คนท่ีไม่ได้ทำ�ผิดกฎหมายก็รังเกียจคนท่ีทำ�ผิดกฎหมาย หากรัฐบาลจัดหาเคร่ืองมือธรรมดาๆ
ให้กลุ่มลาดตระเวนชาวบาเจาอย่างโทรศัพท์มือถือและวิทยุ เราก็สามารถแจ้งเกี่ยวกับการทำ�
ผิดกฎหมายได้ เราสามารถจับตาและควบคุมชุมชนของเราเองได้ ชาวบาเจาจะไม่มีวันกลายเป็น
ชาวนา แต่ถ้ารัฐบาลช่วยให้เราได้ใช้ทักษะทางทะเลของเราให้เป็นประโยชน์ เราก็จะสามารถ
มีสว่ นช่วยเหลอื ประเทศชาติได้ รัฐบาลควรมองเราเป็นทรพั ย์สนิ มีค่า ไม่ใชพ่ วกสร้างปัญหา
หนว่ ยท่ี 1 ผ้คู นและพืน้ ที่ u แผนการเรยี นรทู้ ่ี 6 พน้ื ท่ชี ายฝ่ังสามเหลยี่ มปะการงั : ซามา/บาเจา
80 u ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์
ส่ือการเรยี นรู้ 3 - บรเิ วณท่อี ยอู่ าศยั ของชนเผ่าทะเลเร่ร่อน
การกระจายตัวของคนกลุม่ ตา่ งๆ ทีถ่ ูกเรยี กวา่ “ชนเผ่าทะเลเร่รอ่ น” หรอื “ยิปซีทะเล” :
สฟี า้ : มอแกน, ส้ม : โอราง ลาอทุ , เขียว : ซามา/บาเจา
Z
(ท่ีมา : https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Sea_Nomads_distribution_map.jpg)
หน่วยที่ 1 ผคู้ นและพ้นื ที่ u แผนการเรยี นรู้ที่ 6 พื้นทีช่ ายฝง่ั สามเหล่ยี มปะการงั : ซามา/บาเจา
ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์ u 81
สือ่ การเรยี นรู้ 4 - พ้นื ท่ีสามเหลีย่ มปะการงั
(ทีม่ า : https://commons.wikimedia.org/wiki/File:CT_Boundaries_Map_2011_Nov_9_Final_0.jpg)
หนว่ ยที่ 1 ผ้คู นและพ้ืนท่ี u แผนการเรยี นร้ทู ่ี 6 พ้นื ท่ีชายฝัง่ สามเหลย่ี มปะการัง : ซามา/บาเจา
82 u ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์
สอื่ การเรียนรู้ 5 - แผนที่ทรพั ยากรในระบบนิเวศบริเวณสามเหลยี่ มปะการงั
(ท่มี า : Coral Triangle Atlas, http://ctatlas.reefbase.org)
หน่วยท่ี 1 ผคู้ นและพน้ื ที่ u แผนการเรียนรทู้ ี่ 6 พื้นที่ชายฝั่งสามเหลีย่ มปะการงั : ซามา/บาเจา
ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์ u 83
แบบฝกึ หดั 1
แนวทางการจดบันทกึ สำ�หรับสารคดี “ผคู้ นแห่งสามเหลีย่ มปะการงั ”
และ “รอสตอม, ปกั โคเบา (Rostom, Pak Kobau)”
พจิ ารณาค�ำ ถามตอ่ ไปน้รี ะหวา่ งการชมสารคดหี รอื อ่านบทความ
1. ผลกระทบตอ่ สภาพแวดลอ้ มทเ่ี กดิ จากการใชร้ ะเบดิ และไซยาไนดใ์ นการจบั ปลาคอื อะไร
2. ทำ�ไมชาวบาเจาจงึ ใช้วธิ กี ารเหล่าน้ใี นการจับปลา
3. ชาวบาเจากงั วลเกีย่ วกบั สภาพแวดล้อมเรือ่ งอะไรบ้าง
4. อะไรท่ีเป็นลักษณะสำ�คัญทีท่ ำ�ให้ชาวบาเจารสู้ ึกว่าตวั เองเป็นคนบาเจา
5. ความแตกตา่ งระหวา่ งชาวบาเจาและคนบนบกมอี ะไรบา้ ง
6. ชาวบาเจากบั คนบนบกคิดเกยี่ วกบั มหาสมุทรแตกตา่ งกนั อย่างไร
7. ความขัดแย้งระหวา่ งคนบนบกกับชาวบาเจามอี ะไรบ้าง
ชาวบาเจา “คนบนบก”
(เจา้ หน้าทีร่ ฐั เจา้ หน้าทอ่ี ทุ ยาน กลุม่ คนท่ไี ม่ใชบ่ าเจา)
หน่วยที่ 1 ผ้คู นและพนื้ ที่ u แผนการเรยี นรูท้ ี่ 6 พน้ื ทีช่ ายฝั่งสามเหลย่ี มปะการัง : ซามา/บาเจา
84 u ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์
เอกสารอา้ งอิง :
Gusni Saat. (2003). The identity and social mobility of Sama-Bajau. SARI : Jurnal
Alam dan Tamadun Melayu, 21. pp. 3 - 11.
Nimmo, Harry Arlo. (2001). Magosaha : An Ethnography of the Tawi-Tawi Sama
Dilaut. Quezon City : Ateneo de Manila University Press.
Kortschak, Irfan. (2010). Invisible People : Poverty and Empowerment in Indonesia.
Mandiri : Godown Lontar.
State of the Coral Triangle : Indonesia, Asian Development Bank. (2014) Manila :
Philippines.
http://coraltriangleinitiative.org/sites/default/files/resources/SCTR-IN.pdf
Micheal Feener and Terenjit Sevea. (2009). Islamic Connections : Muslim Societies
in South and South-East Asi eds. Singapore : Institute of South-East
Asian Studies Publishing.
หน่วยท่ี 1 ผคู้ นและพ้ืนที่ u แผนการเรยี นรู้ท่ี 6 พน้ื ทชี่ ายฝั่งสามเหลย่ี มปะการัง : ซามา/บาเจา
2หหนน่วย่วยทท่ี ่ี ศูนยก์ ลางอำ�นาจสมัยโบราณ
ผู้เรียนได้ศกึ ษาลักษณะรว่ มกันทางดา้ นการเมอื งและการค้าในสมัยโบราณ
ที่เปน็ พลวัตและเช่ือมโยงสัมพนั ธ์กันทง้ั ในระดบั ภมู ิภาคและส่วนอนื่ ๆ ของโลก
มไิ ดจ้ �ำ กัดอยเู่ ฉพาะขอบเขตรัฐชาตแิ บบปัจจุบนั
แผนการเรยี นรูท้ ี่ 1 แผนการเรียนร้ทู ี่ 2 แผนการเรยี นร้ทู ่ี 3
นกั ประวัตศิ าสตรท์ �ำ งานอย่างไร คนยุคสำ�รดิ ในเอเชีย ระบอบอำ�นาจโบราณ
มปี ฏสิ มั พนั ธก์ นั อยา่ งไร มกี ารจัดโครงสรา้ งอยา่ งไร
แผนการเรยี นรู้ท่ี 4 แผนการเรยี นรู้ที่ 5 แผนการเรียนร้ทู ่ี 6
ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งผปู้ กครอง ระบอบอำ�นาจสมัยโบราณ วัฒนธรรมตา่ งๆ ผสมผสานกนั
กบั ผู้อยูใ่ ตป้ กครองในสมัยโบราณ มขี นาดใหญ่โตเพยี งใด อยา่ งไรในเอเชียตะวันออกเฉยี งใต้
เปน็ อย่างไร สมยั โบราณ
86 u ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์
เกรนิ่ น�ำ
ในกรณที สี่ บื สาวได้ ประวตั ศิ าสตรข์ องรฐั -ชาตติ า่ งๆ ในเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใตม้ กั จะสบื ยอ้ น
กลับไปได้ถึงอาณาจักรโบราณ ท่ีว่ากันว่าเป็นยุคทองก่อนการรุกเข้ามาของนักล่าอาณานิคมต่างชาติ
ผู้ปกครองที่มีชื่อเสียงและเหตุการณ์สำ�คัญ อย่างเช่น สงครามและการยึดดินแดนต่างๆ เป็นจุดเน้น
ในการศึกษาอดีตเชน่ น้ี อาณาจกั รยุคแรกๆ ทมี่ ีคำ�อธบิ ายวา่ มอี ารยธรรม มักจะมีความสมั พนั ธ์ใกลช้ ดิ
กับการรับศาสนาฮินดูและพุทธ ดังน้ัน จึงเป็นที่มาของความภาคภูมิใจของชาติ หรือในบางกรณี
ประเทศอ่ืนๆ ในภูมิภาคไม่สามารถอ้างการสืบทอดโดยตรงจากอาณาจักรโบราณใดได้ ประเทศ
ของนักเรียนอาจอยู่ในสถานการณ์ใดสถานการณ์หน่ึงดังกล่าว นักเรียนเคยนึกสงสัยบ้างหรือไม่ว่า
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราสามารถทำ�การเชื่อมโยงโดยตรงถึงอาณาจักรโบราณได้หรือไม่ได้ เราจะ
ทำ�ความเข้าใจอดีตของประเทศอ่ืนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยสามารถอ้างว่าพัฒนาหรือ
สืบเน่ืองจากอาณาจักรโบราณได้หรือไม่ อย่างไร มีแนวทางท่ีจะศึกษาอาณาจักรโบราณในลักษณะ
ทจ่ี ะท�ำ ใหเ้ ราเขา้ ใจเกย่ี วกบั ภมู ภิ าคนโ้ี ดยรวมไดด้ ขี นึ้ หรอื ไม่ โดยไมจ่ �ำ เปน็ วา่ ประเทศนน้ั ๆ จะใชข้ อ้ อา้ ง
การสบื ทอดโดยตรงจากอาณาจกั รโบราณเหลา่ นน้ั
หน่วยเรื่อง ศูนย์กลางอำ�นาจสมัยโบราณ นี้ ใช้แนวทางที่แตกต่างออกไปในการศึกษา
อาณาจักรยุคแรกๆ ซ่ึงเราเรียกด้วยคำ�ที่ธรรมดาทั่วไปว่า ระบอบอำ�นาจโบราณ
หมายความรวมทั้งอาณาจกั รโบราณท่รี ู้จกั กันดี ตลอดจนศนู ยก์ ลางอ�ำ นาจอื่นๆ ทเี่ รารจู้ ักกันนอ้ ยกว่า
ซึ่งมีอยู่ท่ัวภูมิภาค จุดเน้นอยู่ที่องค์ประกอบต่างๆ ที่ทำ�ให้บรรดาระบอบอำ�นาจโบราณเหล่าน้ีมีอยู่
เหมือนหรอื คลา้ ยกนั จดุ รว่ มเหล่าน้ีข้ามพ้นความหลากหลายทางวฒั นธรรมของระบอบอำ�นาจโบราณ
ตลอดจนความแตกต่างท่ีชัดเจนในเรื่องภาษา ศิลปะ และสถาปัตยกรรม ท่ีเราเห็นในหมู่คน
เชื้อชาติต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปัจจุบัน และในสถานท่ีทางประวัติศาสตร์และพิพิธภัณฑ์
ในภูมิภาค แผนการเรียนรู้ในหน่วยนี้จะบอกเล่าประวัติศาสตร์ของภูมิภาคท่ีมีพลวัตภายในของ
ตนเอง แต่ก็แน่นอนว่าไม่ได้แยกขาดจากส่วนอ่ืนๆ ของโลก มีหลักฐานว่าคนรุ่นแรกๆ ท่ีอาศัยอยู่ใน
ภมู ภิ าคนม้ี กี ารตดิ ตอ่ สมั พนั ธก์ นั และกบั โลกภายนอกภมู ภิ าค และหลกั ฐานยงั บง่ บอกดว้ ยวา่ คนเหลา่ น้ี
ทมี่ ที ศั นคตเิ ปดิ รบั โลกภายนอก และดดั แปลงอทิ ธพิ ลตา่ งๆ เหลา่ นนั้ ใหเ้ หมาะกบั ความตอ้ งการของตน
และสภาพการณเ์ ฉพาะ มมุ มองเกย่ี วกบั เอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใตย้ คุ โบราณนอี้ าศยั ขอ้ มลู ตามแบบแผนท่ี
ท่ีนักประวัติศาสตร์ใช้กัน ตลอดจนข้อมูลที่ไม่ใช่แบบแผนของประวัติศาสตร์โดยตรง เช่น ข้อมูล
ท่ีใชใ้ นมานุษยวิทยา โบราณคดี และประวัติศาสตรศ์ ิลปะ
หนว่ ยที่ 2 ศนู ยก์ ลางอำ�นาจสมยั โบราณ
ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์ u 87
เนือ้ หาโดยรวม
บทเรียนในหน่วยน้ีเน้นไปท่ีจุดคล้ายคลึงกันระหว่างอาณาจักรต่างๆ กับวัฒนธรรมที่
หลากหลายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยุคต้น นักวิชาการจำ�นวนมากได้ให้ความสนใจมานานแล้วว่า
อะไรที่ทำ�ให้เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นภูมิภาคที่มีลักษณะเฉพาะตัว แนวทางที่ใช้คือ การสำ�รวจ
หาลักษณะร่วม มากกว่าท่ีจะหาความแตกต่างในประวัติศาสตร์ของภูมิภาค และยังอาศัย
แหล่งข้อมูลอื่นๆ นอกเหนือจากเอกสารทางประวัติศาสตร์เป็นหนทางในการทำ�ความเข้าใจ
ประวัติศาสตร์ยุคแรกๆ ของภูมิภาคน้ี เน้ือหาในหลายบทท่ีนำ�เสนอในที่น้ีคือ ผลที่ได้จากแนวทาง
การศึกษาอดีตดังกลา่ ว
เนื่องจากว่า เม่ือสำ�รวจประวัติศาสตร์ในฐานะเรื่องราวของกษัตริย์และเหตุการณ์ต่างๆ
จะพบว่ามีลักษณะร่วมไม่ชัดเจนนัก นักวิชาการจึงได้หันไปให้ความสำ�คัญกับวัฒนธรรมต่างๆ ของ
ระบอบอ�ำ นาจโบราณเหล่านแี้ ทน และในการทำ�เช่นนั้นกส็ ามารถมองเหน็ จุดรว่ มตา่ งๆ ท่วั ทง้ั ภมู ิภาค
แนวทางน้ีใช้เอกสารทางประวัติศาสตร์ผสมผสานกับข้อมูลทางโบราณคดี มานุษยวิทยา และ
ประวัติศาสตร์ศิลปะ เพื่อให้มีความเข้าใจที่ดีข้ึนเก่ียวกับความคล้ายคลึงต่างๆ ในประสบการณ์
ทางประวัติศาสตร์ของคนในยุคแรกๆ ของภูมิภาคนี้ ควรกล่าวเน้นว่าการศึกษาอดีตนี้อาศัย
ไม่เพียงแต่ข้อมูลเชิง “ภววิสัย” เท่าน้ัน แต่ยังต้องอาศัยการตีความหลักฐานชนิดต่างๆ (ที่จำ�เป็น
ต้องเช่ือมโยงกับหลักฐานประเภทอื่น) อีกด้วย การเชื่อมโยงดังกล่าวน้ันจำ�เป็นต้องอาศัย
กรอบการตีความที่มีความเป็นไปได้
ขอ้ มลู บางประการทเ่ี กดิ จากการศกึ ษาระบอบอ�ำ นาจโบราณทปี่ ระกอบเปน็ เนอื้ หาสว่ นหนง่ึ
ของบทเรยี นชดุ น้ี เช่น
ก. ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ปกครองและผู้ถูกปกครองตามท่ีสะท้อนในเอกสารทาง
ประวตั ิศาสตร์
ข. ลักษณะของระบอบอำ�นาจโบราณในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ท่ีเป็นแบบมณฑล
(แมนดาลา-mandala) ท่ีอำ�นาจของผู้ปกครองมีความเข้มข้นมากท่ีสุดตรงจุดศูนย์กลาง และลดลง
มาเรื่อยๆ เมอื่ เคลอื่ นออกหา่ งจากศนู ยก์ ลาง
ค. การรับและดัดแปลงศาสนาฮินดูและพุทธดังที่สะท้อนให้เห็นในบางวิถีปฏิบัติทาง
วัฒนธรรมของภมู ภิ าค
ง. หลักฐานทางโบราณคดีของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยุคต้นท่ีแสดงถึงความเป็นภูมิภาค
ทีค่ ึกคักกระท่ังก่อนการรบั ศาสนาฮินดแู ละพุทธ
จ. ความหลากหลายทางวัฒนธรรมของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยุคต้นที่สะท้อนในศิลปะ
และสถาปัตยกรรม และเอกสารทางประวตั ิศาสตร์
หน่วยที่ 2 ศูนย์กลางอำ�นาจสมัยโบราณ
88 u ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์
แผนการเรียนรู้ที่ 1 นักประวัติศาสตร์ทำ�งานอยา่ งไร
แผนจัดการเรียนรู้นี้แนะนำ�วิธีการศึกษาและแหล่งข้อมูลต่างๆ ท่ีนักประวัติศาสตร์ใช้
ในการทำ�ความเข้าใจอดีต เม่ือจบบทเรียน นักเรียนควรจะสามารถวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ด้วยการใช้
กระบวนการสบื หาข้อมลู แบบปลายเปดิ และเข้าใจความคลุมเครอื ทางประวัติศาสตร์
แผนการเรียนรทู้ ี่ 2 คนยคุ สำ�ริดในเอเชียมปี ฏสิ ัมพนั ธก์ นั อย่างไร
แผนจัดการเรียนร้นู ส้ี ำ�รวจความสัมพนั ธ์ระหวา่ งคนจนี อนิ เดยี และเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้
ในยุคส�ำ รดิ เมอื่ จบบทเรยี น นักเรียนควรจะเขา้ ใจแบบแผนการค้าในยุคสำ�รดิ และเริ่มเขา้ ใจความร้สู ึก
ของคนในประวัติศาสตร์ด้วยการเปรียบเทียบส่ิงของมีค่าท่ีตนเองให้ความสำ�คัญกับพิธีปฏิบัติ
ทางวัฒนธรรมเก่ยี วกับความตายกับของคนในสมยั โบราณ
แผนการเรยี นรูท้ ี่ 3 ระบอบอำ�นาจโบราณมกี ารจัดโครงสรา้ งอยา่ งไร
แผนจัดการเรียนรู้น้ีแนะนำ�แนวคิดเรื่องมณฑล (Mandala) ที่เป็นแบบแผนและการจัด
โครงสร้างของระบอบอำ�นาจในสมัยโบราณโดยใช้กิจกรรมบทบาทสมมติ (Role-playing) เม่ือจบ
บทเรียน นกั เรียนควรจะสามารถอธิบายค�ำ นิยามของระบอบอำ�นาจแบบมณฑลได้ และเข้าใจมุมมอง
ของผคู้ นจากสว่ นตา่ งๆ ของระบบล�ำ ดบั ชนั้ ในสงั คมยคุ โบราณ (ผปู้ กครอง ขนุ นาง ชาวบา้ น ทหาร ฯลฯ)
แผนการเรียนรู้ท่ี 4 ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ปกครองกับผู้อยู่ใต้ปกครองในสมัยโบราณ
เปน็ อย่างไร
แผนจัดการเรียนรู้น้ีแนะนำ�ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ปกครองและผู้อยู่ใต้ปกครองในระบอบ
อำ�นาจโบราณ เม่ือจบบทเรียน นักเรียนควรจะสามารถเข้าใจมุมมองต่างๆ ในประวัติศาสตร์ได้
โดยการจินตนาการตนเองในฐานะของท้ังผู้ปกครองและผู้ถูกปกครอง และพัฒนาทัศนะเชิงวิพากษ์
ตอ่ ประวัติศาสตรท์ ี่จะสรา้ งแรงบนั ดาลใจให้สนใจศกึ ษาเพมิ่ เติม
แผนการเรียนร้ทู ี่ 5 ระบอบอ�ำ นาจสมัยโบราณมขี นาดใหญโ่ ตเพียงใด
แผนจัดการเรียนรู้นี้สำ�รวจศิลปะและสถาปัตยกรรมของคนโบราณในนครรัฐพยู (Pyu)
ด้วยการเปรียบเทียบหลักฐาน เม่ือจบบทเรียน นักเรียนควรจะสามารถพิจารณาหลักฐานของทฤษฎี
เก่ียวกับประวัติศาสตร์ท่ีประชันกันสองทฤษฎี และตัดสินใจได้ว่าทฤษฎีใดที่ตนเห็นว่าน่าคล้อยตาม
มากกว่า นอกจากน้ี นักเรียนจะได้มีความเคารพต่อคนในประเทศเพื่อนบ้านด้วยการพิจารณา
จดุ ร่วมต่างๆ
หนว่ ยท่ี 2 ศนู ย์กลางอำ�นาจสมยั โบราณ
ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์ u 89
แผนการเรียนรู้ท่ี 6 วัฒนธรรมต่างๆ ผสมผสานกันอย่างไรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สมยั โบราณ
แผนจัดการเรียนรู้น้ีอธิบายการแพร่กระจายของวรรณกรรมเรื่องรามเกียรต์ิไปท่ัวเอเชีย
ตะวันออกเฉียงใต้และแนะนำ�แนวคิดเรื่องการแพร่ของวัฒนธรรม เมื่อจบบทเรียน นักเรียนควรจะ
มีความเคารพและเข้าใจการเชื่อมโยงและถ่ายเทของวัฒนธรรมต่างๆ ทั่วท้ังเอเชีย และตระหนักว่า
ประวตั ิศาสตร์สง่ ผลต่อชวี ิตของตนในปจั จุบันอย่างไร
หลกั การและเหตผุ ล
• เพอื่ เสนอประวตั ศิ าสตรร์ ว่ มของเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใตผ้ า่ นทางการศกึ ษาระบอบอำ�นาจ
โบราณในภูมภิ าค การจัดโครงสรา้ งและการแสดงออกทางวฒั นธรรมของระบอบอำ�นาจเหลา่ นน้ั
• เพ่ือเน้นพลวัต “ภายใน” ของภูมิภาค กระท่ังในช่วงเวลาท่ีเรียกกันว่ายุคสมัยของ
การรบั อิทธพิ ลจากอนิ เดีย
วตั ถปุ ระสงค์การเรียนรู้
เมอื่ จบหน่วยน้ี นกั เรยี นควรสามารถ
1. บรรยายงานที่ซับซอ้ นในการศึกษาและตีความอดีตได้
2. ระบลุ ักษณะรว่ มของระบอบอ�ำ นาจโบราณในเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้
3. อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างผู้ปกครองและผู้อยู่ใต้ปกครองท่ัวท้ังภูมิภาคเอเชีย
ตะวนั ออกเฉียงใต้
4. อภิปรายเก่ียวกับการรับศาสนาฮินดูและพุทธของชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ในสมัยโบราณได้
เนอ้ื หาของหนว่ ย
หน่วยนีป้ ระกอบด้วยแผนการเรยี นรู้ 6 แผน โดยแต่ละแผนจะมีส่อื การเรยี น ความรูส้ �ำ หรบั
ครู และแบบฝกึ หดั แผนการเรยี นรมู้ ดี งั ตอ่ ไปนี้
แผนการเรียนรทู้ ี่ 1 นกั ประวตั ิศาสตรท์ ำ�งานอย่างไร
แผนการเรยี นรูท้ ี่ 2 คนยุคสำ�ริดในเอเชียมปี ฏิสัมพันธก์ ันอยา่ งไร
แผนการเรียนรทู้ ่ี 3 ระบอบอ�ำ นาจโบราณมกี ารจัดโครงสร้างอย่างไร
แผนการเรียนรู้ที่ 4 ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ปกครองกับผู้อยู่ใต้ปกครองในสมัยโบราณ
เป็นอย่างไร
แผนการเรียนรูท้ ี่ 5 ระบอบอำ�นาจสมัยโบราณมขี นาดใหญโ่ ตเพียงใด
แผนการเรยี นรู้ท่ี 6 วัฒนธรรมต่างๆ ผสมผสานกันอย่างไรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สมัยโบราณ
หนว่ ยท่ี 2 ศนู ย์กลางอำ�นาจสมัยโบราณ
90 u ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์
หน่วยที่ 2 ศูนย์กลางอำ�นาจสมยั โบราณ
แผนการเรยี นรู้ท่ี 1 นกั ประวตั ศิ าสตรท์ �ำ งานอย่างไร
วชิ า : ประวตั ิศาสตร/์ สงั คมศึกษา
หัวขอ้ : นกั ประวัติศาสตร์ท�ำ งานอยา่ งไร
ระดับ : มัธยมศกึ ษาตอนต้น
จำ�นวนคาบ/แผนการเรยี นรู้ : 2 คาบ/1 แผนการเรยี นรู้ (1 คาบ : 45 - 50 นาที)
อปุ กรณท์ จี่ �ำ เป็น : ห้องเรียน
ความรพู้ ืน้ ฐาน : นักเรยี นควรมคี วามรพู้ ื้นฐานจากการท�ำ แบบฝึกหัด 1 -
สำ�หรบั อา่ นก่อนเรียน ให้นักเรียนทำ�เป็นการบา้ นกอ่ นกจิ กรรม
ที่ระบุขา้ งลา่ งนี้ หรือในช่ัวโมงเรียนก่อนหน้านี้
วตั ถุประสงค์การเรยี นรู้ :
เมอื่ จบบทเรยี น นักเรียนสามารถ
ความรู้ ทกั ษะ เจตคติ
1. บรรยายเกี่ยวกบั 1. หดั วิเคราะห์แหล่งขอ้ มูลต่างๆ 1. รจู้ กั เปดิ กวา้ งต่อมุมมองต่างๆ
แหลง่ ข้อมูลต่างๆ ด้วยการใช้กระบวนการสบื หาขอ้ มลู 2. แสดงถงึ ความเข้าใจความไม่แนน่ อน
ทน่ี กั ประวัตศิ าสตร์ใช้ แบบปลายเปิด ทางประวัตศิ าสตร์
2. อธิบายค�ำ ถาม 2. ทำ�งานรว่ มกนั เปน็ กลมุ่
แบบทน่ี ักประวัตศิ าสตร์
ถาม
หน่วยท่ี 2 ศนู ยก์ ลางอำ�นาจสมัยโบราณ u แผนการเรยี นรู้ท่ี 1 นกั ประวัตศิ าสตร์ทำ�งานอยา่ งไร
ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์ u 91
ขัน้ ตอน การดำ�เนินการสอน สอ่ื การเรียนร ู้ หลกั การและเหตผุ ล
เกร่ินนำ� ถามค�ำ ถามของนักประวตั ศิ าสตร์ (5 นาท)ี • แบบฝึกหดั 2 - กิจกรรมกระต้นุ ความสนใจนี้
1. ใหน้ ักเรียนดูสอ่ื การเรยี นรู้ 1 และแจกภาพ การเป็น จะดึงความสนใจของนกั เรยี น
หากจำ�เปน็ นกั ประวัตศิ าสตร์ และกระตนุ้ ใหพ้ วกเขาตอบ
2. ต้งั คำ�ถามกบั นกั เรยี นตาม • สอื่ การเรยี นรู้ 1 - ค�ำ ถามของนักประวตั ิศาสตร์
แบบฝกึ หัด 2 - การเป็นนกั ประวตั ิศาสตร์ ศลิ าจารกึ เตลากา
และใหน้ กั เรยี นอย่างน้อยสองคนตอบคำ�ถาม บาตู (Telaga Batu)
เพื่อเขยี นลงบนกระดาน จากปาเลมบงั
หากนกั เรยี นลังเลทจี่ ะคาดเดาค�ำ ตอบ สมุ าตรา อินโดนีเซยี
ของคำ�ถามเหล่าน้ี ยกตัวอยา่ งคำ�ตอบ
ให้พวกเขาดู เช่น “ครคู ิดว่าคนในสมัยโบราณ
สร้างอันน้ี เพราะครูไมเ่ คยเหน็ มีใครใช้
การเขยี นแบบนใี้ นปัจจุบนั ” เน้นว่านักเรยี น
สามารถเดาค�ำ ตอบอย่างไรกไ็ ด้ และ
กระตนุ้ ให้พวกเขาอธิบายวา่ ท�ำ ไมจึงเดา
เช่นนั้น
พฒั นา 1. บรรยายส้นั ๆ แบบมีการโต้ตอบ • ความร้สู ำ�หรบั ครู 1 - • การบรรยายสัน้
บทเรยี น บรรยายตามความรสู้ �ำ หรบั ครู 1 - บรรยายส้นั แบบมกี ารโต้ตอบจะท�ำ ให้
บรรยายส้นั แบบมกี ารโตต้ อบ แบบมีการโตต้ อบ นกั เรยี นได้ขอ้ มลู ทจี่ �ำ เปน็
2. ทำ�งานเปน็ กล่มุ (15 นาท)ี • สอื่ การเรียนรู้ 2 - สำ�หรับการทำ�งานกล่มุ
2.1 แบ่งนกั เรยี นออกเป็น 6 กลุ่ม การถอื สัตยป์ ฏิญาณ • การท�ำ งานกลมุ่ จะทำ�ให้
ส�ำ หรับแตล่ ะกลุ่ม ครอู าจมอบหมายหนา้ ท่ี ต่อกษตั ริย์แหง่ ศรวี ชิ ยั นักเรยี นไดห้ ัดวเิ คราะห์
หรือใหน้ กั เรียนแบ่งหน้าท่กี ันเอง คอื • สื่อการเรียนรู้ 3 - แหล่งข้อมลู ตา่ งๆ ดว้ ย
เปน็ คนด�ำ เนนิ การพูดคุยแลกเปลยี่ น ภาพสงครามกรุงลังกา การใช้กระบวนการสบื หา
คนจดบนั ทึกคำ�ตอบของกลุม่ คนรายงาน จากวดั พระแก้ว ข้อมลู แบบปลายเปดิ
หนา้ ชั้นเรียน และคนคมุ เวลาทคี่ อยก�ำ กบั • สอ่ื การเรียนรู้ 4 -
การท�ำ งานใหเ้ สรจ็ สนิ้ ขอ้ ตกลงจาก
2.2 แจกสอ่ื การเรยี นรอู้ ันใดอันหน่ึง จดหมายเหตุมลายู
ให้กบั แตล่ ะกลมุ่ (ส่ือการเรียนรู้ 2, 3 • แบบฝกึ หัด 2 -
และ 4) โดยจะมสี องกลุ่มวิเคราะหส์ ่อื การเป็น
ชนิ้ เดียวกนั นกั ประวัติศาสตร์
หนว่ ยที่ 2 ศนู ยก์ ลางอ�ำ นาจสมัยโบราณ u แผนการเรยี นรู้ที่ 1 นักประวัตศิ าสตร์ท�ำ งานอยา่ งไร