92 u ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์
ขนั้ ตอน การด�ำ เนนิ การสอน สือ่ การเรียนรู ้ หลักการและเหตุผล
2.3 ให้นกั เรียนในแต่ละกลมุ่ ชว่ ยกนั
ตอบคำ�ถามในแบบฝกึ หดั 2 เปน็ เวลา
10 นาที อธบิ ายวา่ ไม่เป็นไรหากนักเรียน
จะไม่เข้าใจทุกค�ำ หรอื ภาพในสอ่ื นกั เรียน
ไม่จ�ำ เป็นตอ้ งแนใ่ จกบั คำ�ตอบของตน
และใหพ้ ยายามคาดเดาให้ดีท่ีสดุ ครูอาจ
ไปตามกลุ่มตา่ งๆ เพ่อื คอยช่วยเหลอื
เวลานกั เรยี นตดิ ขดั ได้
2.4 ใหท้ ุกกลุ่มรายงานค�ำ ตอบ
หน้าชนั้ เรยี น ถามกลุ่มท่วี เิ คราะห์สื่อ
ช้นิ เดยี วกนั วา่ คำ�ตอบของพวกเขาคล้าย
หรอื แตกตา่ งจากค�ำ ตอบของอีกกลุ่ม
อยา่ งไร
สรุป 1. สรุปการบรรยายส้ัน (5 นาท)ี • ความรูส้ �ำ หรับครู 2 - • การสรุปการบรรยายส้นั
บทเรียน ครูบรรยายตามความรู้ส�ำ หรบั ครู 2 - สรปุ การบรรยายสัน้ จะท�ำ ให้นกั เรียนได้รวบรวม
สรปุ การบรรยายส้ัน • แบบฝกึ หดั 3 - ความเข้าใจเกี่ยวกับเน้อื หา
แบบทดสอบเมือ่ • การใช้แบบทดสอบ
2. คิดทบทวน (10 นาท)ี ส้นิ สดุ บทเรยี น “สิง่ ท่ี เมอื่ ส้นิ สุดบทเรียน
นกั ประวตั ศิ าสตรเ์ ชอื่ ” “สิ่งท่ีนักประวตั ิศาสตร์เช่ือ”
ให้นกั เรยี นท�ำ แบบฝึกหดั 3 - แบบทดสอบ
น้ีจะท�ำ ให้ครรู ู้ว่านกั เรยี น
เม่อื สิ้นสดุ บทเรียน “สิง่ ทีน่ กั ประวัตศิ าสตร์ บรรลตุ ามวัตถุประสงค์
การเรยี นรหู้ รอื ไม่
เช่อื ” ใหน้ ักเรียนแลกเปลี่ยนถึงสิ่งทที่ ำ�ให้
พวกเขาไดค้ น้ พบหรอื เรยี นร้ใู หม่กบั เพื่อน
ในช้นั เรียน
การประเมิน
ครูสามารถประเมินว่านักเรียนบรรลุตามวัตถุประสงค์การเรียนรู้หรือไม่ ด้วยการพิจารณา
คำ�ตอบของพวกเขาในแบบฝึกหัด “คำ�ถามของนักประวัติศาสตร์” สังเกตขณะทำ�งานกลุ่ม และ
พิจารณาค�ำ ตอบในแบบฝึกหัด 2 - การเป็นนักประวตั ิศาสตร์ และแบบฝกึ หดั 3 - แบบทดสอบเม่อื
สนิ้ สดุ บทเรยี น “สง่ิ ทนี่ กั ประวตั ศิ าสตรเ์ ชอ่ื ” หากครตู อ้ งการทดสอบความรนู้ กั เรยี น กใ็ หพ้ วกเขาอธบิ าย
คำ�จำ�กัดความของ “ทฤษฎี” “แหล่งข้อมูล” และ “หลักฐาน” ตลอดจนรายละเอียดเก่ียวกับสิ่งท่ี
นักประวตั ศิ าสตรเ์ ช่อื เกย่ี วกับสอ่ื การเรียนรู้ 1 - 4
หนว่ ยท่ี 2 ศูนยก์ ลางอ�ำ นาจสมัยโบราณ u แผนการเรยี นรูท้ ่ี 1 นกั ประวตั ศิ าสตรท์ �ำ งานอยา่ งไร
ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์ u 93
หน่วยที่ 2 ศนู ยก์ ลางอ�ำ นาจสมยั โบราณ
แผนการเรียนรทู้ ่ี 1 นักประวัตศิ าสตรท์ �ำ งานอย่างไร
ความรูส้ �ำ หรบั ครู สือ่ การเรียนรู้ และแบบฝึกหัด
ความรู้ส�ำ หรับครู 1 - บรรยายสน้ั แบบมีการโตต้ อบ
• ภาพนี้เป็นตัวอย่างหนึ่งของ “ข้อมูล” ท่ีนักประวัติศาสตร์สามารถใช้เรียนรู้เก่ียวกับ
ประวัตศิ าสตร์
• นกั ประวตั ศิ าสตรเ์ ปน็ เหมอื นนกั สบื คอื มองหาเบาะแสหรอื หลกั ฐานเพอื่ คน้ หาวา่ เกดิ อะไรขนึ้
ในอดตี
• มีข้อมูลหลายประเภทที่นักประวัติศาสตร์สามารถใช้ได้ นอกจากภาพถ่าย งานศิลปะและ
สถาปัตยกรรมอย่างภาพน้ี มีแหล่งข้อมูลอะไรอื่นอีกบ้างท่ีนักเรียนนึกออก กระตุ้นคำ�ตอบ
จากนักเรียน และเขียนความคิดของพวกเขาลงบนกระดาน ยกตัวอย่างเช่น ศิลาจารึก
คำ�จารึกบนไม้ไผ่ ใบลาน หรือกระดาษ พงศาวดารเก่ียวกับอาณาจักร จดหมายและบันทึก
ทเ่ี ขยี นโดยคนธรรมดา ประวตั ศิ าสตรจ์ ากค�ำ บอกเลา่ บทความหนงั สอื พมิ พ์ เอกสารของรฐั บาล
• นักประวัติศาสตร์ใชข้ ้อมลู เหลา่ นีเ้ พอ่ื สรา้ งทฤษฎี หรอื การคาดเดาอย่างมีขอ้ มูลเกย่ี วกบั อดีต
• งานของนักประวัติศาสตร์จะยากเป็นพิเศษ เมื่อศึกษายุคสมัยโบราณอย่างท่ีเรากำ�ลังจะทำ�
ในบทเรียนต่อไปนี้ ทำ�ไมถึงเป็นอย่างน้ัน กระตุ้นคำ�ตอบจากนักเรียน และเขียนความคิด
ของพวกเขาลงบนกระดาน ยกตัวอย่างเช่น ข้อมูลจำ�นวนมากสูญหายหรือถูกทำ�ลายไปตาม
กาลเวลา ไม่มีใครท่ียังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบันจะสามารถจดจำ�สมัยโบราณได้ และเรื่องราว
ที่ผู้คนถ่ายทอดกันมาหลายช่ัวคนอาจเช่ือถือไม่ได้ คนส่วนใหญ่ในสมัยโบราณไม่สามารถ
อา่ นหรือเขยี นหนังสอื ได้ ดงั นั้น จึงไม่สามารถบันทึกประสบการณข์ องตนได้
• วนั นนี้ กั เรยี นจะไดเ้ ปน็ นกั สบื แตจ่ ะไดง้ านทที่ า้ ทายมาก คอื จะตอ้ งใชข้ อ้ มลู ตา่ งๆ เพอื่ พยายาม
ปะติดปะต่อว่าในอดีตเคยเกิดอะไรข้ึน และเม่ือนานมาแล้วชีวิตของผู้คนเป็นอย่างไร หรือ
พดู อีกอยา่ งได้วา่ นักเรียนจะไดเ้ รยี นรกู้ ารเป็นนักประวัตศิ าสตร์
หนว่ ยที่ 2 ศนู ยก์ ลางอ�ำ นาจสมยั โบราณ u แผนการเรยี นรู้ท่ี 1 นักประวตั ิศาสตรท์ ำ�งานอย่างไร
94 u ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์
ความรสู้ �ำ หรบั ครู 2 - สรุปการบรรยายสนั้
• นกั เรยี นมคี วามคดิ เหน็ เกย่ี วกบั ขอ้ มลู ตา่ งๆ แตกตา่ งกนั นกั ประวตั ศิ าสตรก์ ม็ กั จะมคี วามคดิ เหน็
ต่างกนั เช่นเดยี วกนั
• นกั ประวตั ศิ าสตรถ์ กเถยี งกนั ในประเดน็ ตา่ งๆ และพยายามหาหลกั ฐานเพม่ิ เตมิ เพอ่ื สนบั สนนุ
หรอื แก้ไขทฤษฎีของตน
• การตคี วามของนักประวตั ศิ าสตร์จะเปลยี่ นแปลงไปเมอ่ื พบข้อมูลใหม่และไดค้ วามคิดใหม่
• ดังนั้น ครูจึงอยากเล่าให้นักเรียนรู้ว่านักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่ออย่างไรเก่ียวกับข้อมูล
ท่ีนักเรียนได้พจิ ารณาไปวนั น้ี
ส่ือการเรยี นรู้ 1 - ศิลาจารึก เตลากา บาตู (Telaga Batu) จากปาเลมบงั สมุ าตรา อินโดนีเซีย
(ที่มา : https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Telaga_Batu_inscription.JPG)
หนว่ ยท่ี 2 ศูนยก์ ลางอ�ำ นาจสมัยโบราณ u แผนการเรยี นร้ทู ี่ 1 นักประวัติศาสตรท์ �ำ งานอยา่ งไร
ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์ u 95
ส่ือการเรียนรู้ 2 - การถอื สตั ยป์ ฏิญาณต่อกษตั ริยแ์ ห่งศรีวิชยั
ข้อความส่วนหน่ึงของศิลาจารึก เตลากา บาตู (Telaga Batu) ซ่ึงเป็นการถือสัตย์ปฏิญาณ
ตอ่ กษตั รยิ ์แหง่ ศรีวิชัย :
“พวกเจ้าทั้งหลาย โอรสแห่งกษัตริย์ เสนาบดี ผู้สำ�เร็จราชการแผ่นดิน ผู้บัญชาการ
เจ้า ขุนนาง อุปราช ผู้พิพากษา... มูร์ดดากา (murddhaka) หัวหน้าคนงาน ผู้คุมคนงาน
สามัญชน ผู้เช่ยี วชาญอาวธุ เสนาบดี ทหาร คนงานกอ่ สรา้ ง การ์มมา (karmma) ... เสมยี น
สถาปนกิ นายเรือ พ่อคา้ กปั ตัน ขา้ ราชบริพาร ขา้ ทาสของกษตั รยิ ์ ผู้คนทงั้ ปวง จะตอ้ งตาย
ดว้ ยมนต์คาถาแหง่ ค�ำ ถวายสัตยป์ ฏญิ าณ หากพวกเจ้าไมจ่ งรักภักดีตอ่ ขา้ ”
สอ่ื การเรยี นรู้ 3 - ภาพสงครามกรงุ ลงกาจากวดั พระแก้ว
(ทม่ี า : © Thaths, Creative Commons, https://www.flickr.com/photos/34816987@N00/1392410389)
ส่อื การเรียนรู้ 4 - ข้อตกลงจากจดหมายเหตมุ ลายู
“ดมี าก ขา้ เหน็ ชอบกบั ข้อตกลงน้ี โดยทีท่ ้งั สองถอื สัตย์ปฏญิ าณวา่ ผ้ใู ดทน่ี อกลนู่ อกทาง
ไปจากขอ้ ตกลงนแี้ ลว้ กข็ อใหบ้ า้ นของมนั ผนู้ น้ั ถกู พลกิ ควา่ํ ไปโดยพระผเู้ ปน็ เจา้ ผทู้ รงพลานภุ าพ
ให้หลังคาลงมาอยู่ท่ีพื้นดินและเสาเรือนพลิกกลับทิศ และพระผู้เป็นเจ้าทรงกำ�ชับผู้ปกครอง
มลายูในการปฏิบัติต่อข้าไพร่ท่ีไม่ว่าจะกระทำ�ความผิดร้ายแรงเพียงใดก็ไม่ให้มีการจับมัด
หรือแขวนคอ หรือลบหลู่ด้วยถ้อยคำ�ที่ชั่วร้าย [ถูกประจานต่อสาธารณะ] หากผู้ปกครอง
ทำ�ให้ไพร่แม้แต่คนเดียวได้รู้สึกอับอาย ก็จะเป็นสัญญาณว่าอาณาจักรน้ันจะถูกทำ�ลายโดย
พระผู้เป็นเจ้า เช่นกัน พระผู้เป็นเจ้าทรงรับสั่งต่อไพร่ชาวมลายูว่าต้องไม่มีวันคิดคดทรยศ
ตอ่ ผูป้ กครอง ตอ่ ใหผ้ ู้ปกครองประพฤติชวั่ ร้ายหรือไม่เปน็ ธรรมตอ่ พวกเขากต็ าม”
หนว่ ยที่ 2 ศนู ยก์ ลางอ�ำ นาจสมยั โบราณ u แผนการเรียนรู้ที่ 1 นกั ประวตั ศิ าสตรท์ ำ�งานอย่างไร
96 u ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์
แบบฝึกหดั 1
ส�ำ หรบั อา่ นก่อนเรยี น
ประวตั ศิ าสตรค์ อื เรอื่ งราวของอดตี ทเ่ี ขยี นขน้ึ ในปจั จบุ นั นกั ประวตั ศิ าสตรบ์ อกเลา่ ประวตั ศิ าสตร์
โดยใช้แหล่งข้อมูลจากอดีต นักประวัติศาสตร์ที่ศึกษาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สมัยโบราณใช้ข้อมูล
หลายประเภท เช่น
ก. ศลิ าจารึก
ข. ค�ำ จารกึ บนไมไ้ ผแ่ ละใบลาน
ค. คำ�บรรยายเก่ียวกบั เอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใตส้ มยั โบราณท่ีเขยี นโดยคนต่างชาติ
ง. ขอ้ ความท่ีเขยี นขน้ึ มาในสมัยหลงั ที่กล่าวถงึ เรอ่ื งราวในสมัยก่อนหนา้ น้ัน
อาจมีข้อมูลประเภทอ่นื อกี แต่อาจสญู สลายตามกาลเวลาไปแลว้
1. นักประวัติศาสตร์มักอาศัยคำ�บอกเล่าเกี่ยวกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของชาวจีน
เอเชยี ใต้ เอเชยี ตะวนั ตก หรือยโุ รป ยกตัวอยา่ งเช่น นักประวตั ิศาสตรต์ อ้ งการรู้มากขึน้
เก่ียวกับอาณาจักรศรีวิชัยท่ีเคยมีอยู่ในบริเวณท่ีเป็นอินโดนีเซียทุกวันน้ีระหว่าง
ศตวรรษที่ 7 ถึง 12 ชาวจีนและอาหรับไปเยือนศรีวิชัย และบันทึกประสบการณ์ของ
ตนเองไว้ คนต่างชาติอ่ืนๆ บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับศรีวิชัยที่ผู้คนจดบันทึกไว้ ข้อมูล
เหล่านี้ถูกเขียนข้ึนจากมุมมองของคนต่างชาติ ดังนั้น จึงอาจไม่ได้แสดงให้เห็นว่า
ชาวศรวี ชิ ัยคดิ เกยี่ วกับตวั เองอยา่ งน้ัน หรือเปน็ ข้อมูลท่เี กดิ ข้นึ จรงิ ก็ได้
2. ศิลาจารึกโบราณของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มักจะเล่าเรื่องราวความสำ�เร็จของกษัตริย์
และบุคคลสำ�คัญ กษัตริย์ต่างๆ ต้องการให้คุณงามความดีของตนได้รับการบันทึก
และจดจำ�ไปเปน็ เวลานาน จงึ โปรดใหม้ ีการจารกึ ไวบ้ นหิน
3. บางครั้งคนสมัยโบราณเร่ิมบันทึกข้อความหรือเล่าเรื่องราวต่างๆ และถ่ายทอดสืบต่อ
กนั มายงั คนรนุ่ หลงั ตวั อยา่ งคอื ฮมานนาน ยะซาวนิ (Hmannan Yazawin - พงศาวดาร
พระราชวังแก้ว) ที่เล่าเร่ืองราวของกษัตริย์โบราณของเมียนมา นักประวัติศาสตร์ของ
ราชสำ�นักเขียนพงศาวดารน้ีเสร็จในศตวรรษท่ี 19 แต่เล่าเร่ืองย้อนไปถึงศตวรรษท่ี 1
ฮมานนาน ยะซาวนิ ถกู เขยี นข้นึ จากการรวบรวมเรื่องราวและขอ้ มูลจากแหลง่ ขอ้ มูลต่างๆ
ทม่ี ีมาก่อนหนา้
4. คนในสมัยโบราณบันทึกข้อความลงบนไม้ไผ่หรือใบลาน เนื่องจากกระดาษเป็นส่ิงหายาก
ยกตัวอย่างเช่น คัมภีร์จำ�นวนมากของศาสนาพุทธถูกเขียนลงบนใบลานซึ่งชำ�รุดและ
สญู หายได้งา่ ย
หน่วยที่ 2 ศนู ย์กลางอ�ำ นาจสมยั โบราณ u แผนการเรยี นรู้ท่ี 1 นกั ประวัตศิ าสตรท์ ำ�งานอย่างไร
ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์ u 97
แบบฝึกหดั
จับคูค่ ำ�บรรยาย 1 - 4 กับประเภทแหล่งขอ้ มูล ก-ง
ก. ___
ข. ___
ค. ___
ง. ___
แบบฝกึ หัด 2
การเปน็ นกั ประวัตศิ าสตร์
แตล่ ะกล่มุ ชว่ ยกันเดาคำ�ตอบตอ่ คำ�ถามต่อไปนี้
1. ขอ้ มลู นคี้ อื อะไร
2. ใครเป็นคนเขียนหรือสร้างขอ้ มูลนี้ขนึ้ มา
3. พวกเขาเขยี นหรือสรา้ งขอ้ มูลน้ีขึน้ มาเมือ่ ใด
4. เหตุใดพวกเขาจงึ เขียนหรอื สร้างข้อมูลน้ีขน้ึ มา
5. นักเรยี นได้เรยี นรู้อะไรบ้างเกยี่ วกับประวตั ศิ าสตร์จากการพิจารณาขอ้ มูลนี้
6. นักเรียนมีคำ�ถามอะไรบ้างเกยี่ วกบั ขอ้ มูลน้ี
หน่วยที่ 2 ศนู ยก์ ลางอำ�นาจสมยั โบราณ u แผนการเรียนร้ทู ี่ 1 นกั ประวตั ศิ าสตร์ท�ำ งานอย่างไร
98 u ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์
แบบฝึกหดั 3
แบบทดสอบเมื่อส้ินสดุ การเรยี น “สงิ่ ทน่ี กั ประวตั ิศาสตรเ์ ชอ่ื ”
อ่านข้อมูลข้างล่าง ขีดเส้นใต้ประเด็นท่ีคล้ายกับสิ่งที่นักเรียนได้คาดเดาไว้ และวงกลมประเด็น
ทต่ี า่ งจากทีค่ าดเดา
ส่ือการเรียนรู้ 2 - การถือสัตย์ปฏิญาณต่อกษัตริย์แห่งศรีวิชัย : นักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่
เช่ือว่าคำ�จารึกน้ีถูกเขียนขึ้นในศตวรรษท่ี 7 ด้วยภาษาท่ีเรียกว่า มลายูเก่า ศิลาจารึกนี้ถูกพบ
ในปาเลมบัง อินโดนีเซีย ซ่ึงเป็นท่ีตั้งของอาณาจักรศรีวิชัยโบราณ นักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่
เชอ่ื ว่าข้อความน้เี ป็นส่วนหนง่ึ ของคำ�ถวายสตั ยป์ ฏญิ าณตอ่ กษตั ริย์แห่งศรีวิชยั กษัตริย์ตอ้ งการ
ใหข้ า้ ของพระองคป์ ฏญิ าณทจ่ี ะทำ�ทกุ อย่างตามทพี่ ระองคต์ ้องการ
สอ่ื การเรยี นรู้3 - ภาพสงครามกรงุ ลงกาจากวดั พระแกว้ :ภาพนเ้ี ปน็ สว่ นหนง่ึ ของจติ รกรรมฝาผนงั
ท่ีวาดข้ึนเมื่อปลายศตวรรษท่ี 19 ในสมัยของรัชกาลที่ 1 ของสยาม ภาพน้ีเป็นฉากหนึ่ง
จากเร่ืองรามายนะท่ีเป็นมหากาพย์ฮินดูที่แพร่หลายไปท่ัวทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
วัดพระแก้วอยู่ในกรุงเทพฯ ประเทศไทย รามายนะเป็นท่ีรู้จักกันในไทยว่า รามเกียรติ์ บางที
รชั กาลที่ 1 อาจจะตอ้ งการให้ข้าของพระองค์ร�ำ ลึกถึงความร่งุ โรจนข์ องกษตั ริยท์ ผี่ ่านมาในอดีต
ซงึ่ เปน็ แนวคดิ ของกษัตริยห์ รือผปู้ กครองในภมู ิภาคเอเชยี ตะวันออกเฉยี งใตก้ ็เปน็ ได้
ส่ือการเรียนรู้ 4 - ขอ้ ตกลงจากจดหมายเหตมุ ลายู : นกั ประวัตศิ าสตร์ส่วนใหญเ่ ชอ่ื วา่ เอกสารน้ี
ทำ�ข้ึนโดยราชสำ�นักของสุลต่านแห่งมะละกา ในศตวรรษท่ี 15 สุลต่านหรือกษัตริย์ปกครอง
สว่ นหนง่ึ ของมาเลเซยี ในปจั จบุ นั เอกสารนแี้ สดงใหเ้ หน็ วา่ กษตั รยิ ม์ หี นา้ ทร่ี บั ผดิ ชอบตอ่ ประชาชน
และเช่นเดียวกันในทางกลับกัน สุลต่านอาจสร้างเอกสารน้ีขึ้นมาด้วยวัตถุประสงค์เพ่ือส่งเสริม
ความจงรกั ภกั ดีในหมู่ประชาชนของตน
อะไรทที่ �ำ ใหน้ กั เรยี นคน้ พบหรอื เรยี นรใู้ หมม่ ากทส่ี ดุ เกยี่ วกบั สง่ิ ทน่ี กั ประวตั ศิ าสตรเ์ ชอื่ เกย่ี วกบั
ข้อมูลเหล่านี้ และเพราะอะไร
หนว่ ยท่ี 2 ศนู ย์กลางอำ�นาจสมยั โบราณ u แผนการเรียนรทู้ ่ี 1 นกั ประวัติศาสตรท์ ำ�งานอยา่ งไร
ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์ u 99
หน่วยที่ 2 ศนู ย์กลางอำ�นาจสมัยโบราณ
แผนการเรยี นรูท้ ี่ 2 คนยุคส�ำ ริดในเอเชียมปี ฏิสมั พนั ธ์กันอยา่ งไร
วชิ า : ประวัตศิ าสตร/์ สังคมศาสตร์
หัวข้อ : คนยุคส�ำ ริดในเอเชียมีปฏสิ ัมพันธก์ นั อย่างไร
ระดบั : มัธยมศึกษาตอนตน้
จ�ำ นวนคาบ/แผนการเรียนรู้ : 2 คาบ/1 แผนการเรียนรู้ (1 คาบ : 45 - 50 นาที)
อปุ กรณ์ทจี่ ำ�เปน็ : หอ้ งเรยี น
ความรู้พนื้ ฐาน : นักเรียนควรมีความรู้พ้ืนฐานจากการทำ�แบบฝึกหัด 1 - สำ�หรับ
ทำ�ก่อนชั่วโมงเรียน ให้นักเรียนทำ�เป็นการบ้านก่อนกิจกรรมท่ีระบุ
ขา้ งล่างน้ี หรือในชัว่ โมงเรยี นกอ่ นหนา้ นี้
วตั ถุประสงค์การเรยี นรู้ :
เม่อื จบบทเรียน นกั เรยี นสามารถ
ความรู้ ทักษะ เจตคติ
1. รจู้ ักการฝังสงิ่ ของ 1. หดั วเิ คราะหภ์ าพวาดทางโบราณคดี 1. เกดิ ความเข้าใจผูค้ นในประวตั ิศาสตร์
รว่ มกบั ศพของคน 2. ใช้แผนทเี่ พื่อทำ�ความเขา้ ใจแบบแผน ด้วยการเปรียบเทียบสิ่งมคี ่าและพธิ ีกรรม
ในยุคส�ำ ริด การคา้ ยคุ ส�ำ ริด ทางวัฒนธรรมของตนทเี่ กยี่ วกบั เรอื่ ง
2. อธบิ ายไดว้ า่ ความตายกบั ของคนสมัยโบราณ
วฒั นธรรมจนี และ 2. เข้าใจการองิ อาศัยกนั และกันของ
เอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ วฒั นธรรมตา่ งๆ ทวั่ ทั้งเอเชีย
ผสมผสานกันอย่างไร
ในยคุ สำ�ริด
หนว่ ยท่ี 2 ศนู ยก์ ลางอ�ำ นาจสมยั โบราณ u แผนการเรยี นรู้ท่ี 2 คนยุคสำ�ริดในเอเชยี มีปฏสิ มั พันธ์กันอย่างไร
100 u ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์
ขัน้ ตอน การด�ำ เนนิ การสอน ส่ือการเรยี นร้ ู หลกั การและเหตผุ ล
เกร่นิ น�ำ วาดสง่ิ มีคา่ ของตนเอง • กระดาษเปล่า กิจกรรมนี้แนะน�ำ เนอื้ หา
1. แจกกระดาษเปล่าและดินสอสี • ดินสอสี ของบทเรยี นโดยใหน้ ักเรียน
2. ใหเ้ วลานกั เรยี น 5 นาที ในการวาดรปู ไดแ้ สดงความสนใจของตน
ตนเองทแี่ วดลอ้ มด้วยส่ิงของท่มี คี า่ ของตน ออกมาอย่างสรา้ งสรรค์
3. เลอื กนกั เรียนบางคนใหแ้ สดงภาพวาด
ของตนตอ่ เพอื่ นรว่ มชั้น
4. ถามนกั เรยี นว่าสิง่ ของในภาพน้ัน
มาจากไหน อาจเปน็ ได้ว่าสง่ิ ของเหลา่ นัน้
บางสว่ นถูกผลติ ขึ้นมาในประเทศของนกั เรยี น
เชน่ วัตถทุ �ำ ด้วยมือทตี่ กทอดมาจากป่ยู ่า
หรอื เส้อื กีฬาทีมชาติ บางส่วนมาจาก
ภายนอกประเทศ เช่น ของเลน่ ท่ีผลติ ในจีน
หนังสือทพ่ี ิมพใ์ นสหรัฐฯ หรอื เส้ือผา้
จากประเทศอน่ื ในเอเชยี ตะวันออกเฉียงใต้
ดึงความสนใจของนักเรียนมายงั
การผสมผสานของสิ่งของจากทว่ั โลก
ท่เี ราเหน็ วา่ มีคณุ ค่า
พฒั นา 1. ความร้สู ำ�หรับครู 1 - การบรรยายส้นั • ความร้สู ำ�หรบั ครู 1 - • การบรรยายสน้ั แบบมกี าร
บทเรียน แบบมกี ารโต้ตอบ (10 นาที) การบรรยายสน้ั โตต้ อบจะทำ�ให้นักเรียนได้มี
ครบู รรยายตามบนั ทกึ ดงั กลา่ ว แบบมกี ารโต้ตอบ ขอ้ มลู ทจี่ ำ�เป็นในการทำ�
2. การวเิ คราะห์ภาพวาดทางโบราณคดี • แผนท่ี 1 - แผนที่ การวิเคราะห์ภาพวาด
(15 นาท)ี เอเชยี ตะวนั ออก ทางโบราณคดี
2.1 จับค่นู ักเรียน แจกแผนท่ี 1 - แผนท่ี เฉียงใต้แสดงสถานที่ • การวเิ คราะห์ภาพวาด
เอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้แสดงสถานท่ี ยคุ ส�ำ รดิ และยุคเหลก็ ทางโบราณคดีจะท�ำ ให้
ยุคสำ�ริดและยุคเหลก็ และส่อื การเรียนรู้ 1 • ส่อื การเรยี นรู้ 1 - นกั เรียนได้ใช้แผนทแ่ี ละสื่อ
2.2 ให้นักเรียนพิจารณาส่อื การเรยี นรู้ 1 การฝงั ศพของ เพอ่ื ทำ�ความเขา้ ใจแบบแผน
และระบายสีตามค�ำ สง่ั ชาวบา้ นเชยี ง การคา้ ยุคส�ำ ริด
2.3 จากนน้ั ใหน้ ักเรียนทำ�เครื่องหมาย
บนแผนที่ 1 แสดงจุดต่างๆ ท่นี ่าจะเป็น
ทีม่ าของส่ิงของตา่ งๆ และวาดเสน้ ทาง
ทผ่ี ูค้ นนา่ จะใช้ในการนำ�ส่ิงของเหล่านั้น
เขา้ มาในพน้ื ท่ี
หน่วยท่ี 2 ศนู ยก์ ลางอำ�นาจสมยั โบราณ u แผนการเรยี นรทู้ ี่ 2 คนยคุ สำ�รดิ ในเอเชยี มปี ฏิสมั พนั ธ์กนั อยา่ งไร
ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์ u 101
ขั้นตอน การด�ำ เนนิ การสอน สอื่ การเรียนรู ้ หลกั การและเหตุผล
สรปุ 1. เดนิ ชมภาพ (5 นาที) • การเดนิ ชมภาพทำ�ให้
บทเรยี น ใหน้ กั เรียนแตล่ ะค่นู ำ�ภาพของตน นกั ศึกษาได้แสดงภาพ
ไปแปะไว้บนผนงั เพอ่ื ให้นกั เรยี นคนอ่นื ของตนเองและไดเ้ รียนรู้
จากกนั และกัน
ได้เดินชม ครูอาจใหน้ ักเรียนลงคะแนนวา่ • การครนุ่ คดิ ทบทวนท�ำ ให้
นักเรียนได้รวบรวมความรู้
ภาพของคู่ไหนทมี่ ีการระบายสแี ละก�ำ หนด และน�ำ ไปใช้กบั คำ�ถามใหมๆ่
จดุ บนแผนทไ่ี ด้ดีและถกู ตอ้ งมากท่ีสดุ
2. คดิ ทบทวน (5 นาที)
ตัง้ ค�ำ ถามกบั นกั เรียนดงั น้ี “ในยุคสำ�รดิ
คนในเอเชยี มวี ฒั นธรรมและภาษา
ท่แี ตกต่างกัน นักเรียนคดิ ว่าพวกเขา
สามารถติดต่อค้าขายกันไดอ้ ย่างไร”
ยกตวั อย่างเชน่ นักเรียนอาจคิดว่าผู้คน
มีแรงจูงใจท่ีจะตอ้ งร่วมมือกันเพราะ
ตอ้ งการสินค้าท่ีคนอ่นื มี บางทพี วกเขา
อาจสือ่ สารกนั ดว้ ยทา่ ทาง หรือพ่อคา้
บางคนอาจพดู ได้หลายภาษา
การประเมินผล
ครสู ามารถประเมนิ วา่ นกั เรยี นไดบ้ รรลตุ ามวตั ถปุ ระสงคก์ ารเรยี นรหู้ รอื ไม่ ดว้ ยการพจิ ารณา
การตอบคำ�ถามของพวกเขาในช่วงการคิดทบทวน และด้วยการพิจารณาแผนท่ีและภาพวาดสิ่งของ
ทฝี่ ังไปกบั ศพท่ีนักเรียนแสดงในช่วงการเดินชมภาพ
หน่วยที่ 2 ศนู ยก์ ลางอำ�นาจสมยั โบราณ u แผนการเรยี นรทู้ ่ี 2 คนยคุ สำ�ริดในเอเชียมีปฏิสัมพนั ธ์กันอยา่ งไร
102 u ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์
หนว่ ยท่ี 2 ศูนย์กลางอ�ำ นาจสมยั โบราณ
แผนการเรยี นรทู้ ี่ 2 คนยุคสำ�ริดในเอเชยี มปี ฏสิ ัมพนั ธก์ นั อย่างไร
ความรูส้ ำ�หรบั ครู ส่อื การเรยี นรู้ และแบบฝึกหัด
ความรู้ส�ำ หรบั ครู 1 - การบรรยายสั้นแบบมีการโตต้ อบ
• เราเก็บสะสมวัตถุส่ิงของที่มีคุณค่าพิเศษสำ�หรับเรา คนสมัยโบราณก็ทำ�เช่นเดียวกัน
นักเรยี นคดิ ว่าส่งิ ของอะไรบ้างที่มคี ุณคา่ ส�ำ หรบั คนสมยั โบราณ
กระตุ้นคำ�ตอบจากนักเรียนที่แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
ยกตัวอย่างเช่น คนสมัยโบราณอาจให้คุณค่ากับเครื่องประดับที่ทำ�จากเพชรพลอย อาวุธ
ท่ีทำ�จากโลหะ หรือเคร่ืองรางของขลัง พึงสังเกตว่าคนจากวัฒนธรรมท่ีต่างกันให้คุณค่ากับ
วตั ถตุ า่ งกัน
• นักโบราณคดีพยายามศึกษาว่าวัตถุใดท่ีคนสมัยโบราณให้คุณค่าด้วยการสำ�รวจหลุมฝังศพ
ของพวกเขา “สิง่ ของในหลุมศพ” สามารถเปน็ หลกั ฐานทางประวัตศิ าสตร์ทสี่ ำ�คญั ทีแ่ สดงถงึ
การผสมผสานของวฒั นธรรมและการเคล่อื นยา้ ยของวตั ถุสงิ่ ของในภูมิภาค
• “สง่ิ ของทฝี่ งั พรอ้ มกบั ศพ” และพธิ กี รรมเกยี่ วกบั ความตายในวฒั นธรรมของนกั เรยี นคอื อะไร
ยกตัวอย่างเช่น การเผาหรือฝังศพที่สวมเคร่ืองแต่งกายพิเศษ หรือพร้อมด้วยส่ิงของพิเศษ
ในโลงศพ
• วนั น้ี นกั เรียนจะได้ศกึ ษา “ส่ิงของท่ฝี ังพรอ้ มกบั ศพ” จากยุคส�ำ รดิ (ชว่ ง 1500 ถงึ 500 ปี
ก่อนคริสตกาล) ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นักประวัติศาสตร์เรียกช่วงเวลานี้ว่ายุคสำ�ริด
เนื่องจากผู้คนเรม่ิ ใช้สำ�ริดผลติ วัตถุสง่ิ ของตา่ งๆ
• สำ�ริด คือ โลหะผสมระหว่างทองแดงและดีบุก มีความแข็งแกร่งมากกว่าทองแดงหรือดีบุก
เพียงอย่างเดียว และขึ้นรูปง่ายกว่าหิน นักประวัติศาสตร์บางส่วนเชื่อว่าพ่อค้าจีนเป็น
คนสอนให้ชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รู้จักการทำ�สำ�ริด แต่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
มเี พียงบางพืน้ ท่ีเทา่ นั้นท่ีมีทองแดงและดบี ุก ให้นกั เรียนดแู ผนที่ 1 นักประวัติศาสตรส์ รุปว่า
คนจากพื้นท่ีต่างๆ ดังกล่าวคงต้องมีการติดต่อสัมพันธ์กันเพ่ือนำ�เข้าทองแดงและดีบุก
ถงึ สามารถผลิตสำ�รดิ ได้
• ในยุคส�ำ ริด การเดนิ ทางทำ�ไดย้ ากกวา่ ในสมยั ปัจจบุ นั มเี ทือกเขาขวางกนั้ ระหว่างพ้ืนที่ต่างๆ
แต่ผู้คนสามารถเดินทางด้วยเรือไปตามแม่นํ้า หรือหาเส้นทางการค้าที่หลีกเล่ียงภูเขาสูง
ดเู ทือกเขาและแม่น้าํ ในแผนท่ี 1
หน่วยที่ 2 ศูนยก์ ลางอ�ำ นาจสมัยโบราณ u แผนการเรียนรู้ที่ 2 คนยคุ สำ�รดิ ในเอเชยี มปี ฏิสัมพนั ธก์ นั อยา่ งไร
ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์ u 103
สอ่ื การเรียนรู้ 1 - การฝงั ศพของชาวบา้ นเชยี ง
ค�ำ สั่งในการระบายสี :
พจิ ารณาภาพวาดจากหลมุ ฝงั ศพขา้ งลา่ งนี้ โครงกระดกู ถกู พบอยพู่ รอ้ มกบั สง่ิ ของมคี า่ ตา่ งๆ
พยายามหาและระบายสสี ่งิ ท่ที ำ�จากโลหะ กระดูกสตั ว์ และสง่ิ ทท่ี �ำ จากดนิ เหนียว ใชส้ ตี า่ งกัน
สำ�หรบั วสั ดทุ ี่ต่างกัน
หนว่ ยท่ี 2 ศูนยก์ ลางอำ�นาจสมยั โบราณ u แผนการเรยี นร้ทู ่ี 2 คนยคุ สำ�ริดในเอเชยี มีปฏสิ ัมพนั ธก์ ันอยา่ งไร
104 u ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์
(ทีม่ า : พพิ ิธภัณฑบ์ า้ นเชียง ประเทศไทย)
(ที่มา : พิพิธภณั ฑ์บา้ นเชียง ประเทศไทย)
หนว่ ยที่ 2 ศูนย์กลางอำ�นาจสมยั โบราณ u แผนการเรียนรู้ที่ 2 คนยุคส�ำ ริดในเอเชียมีปฏสิ มั พนั ธ์กนั อย่างไร
ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์ u 105
แบบฝึกหัด 1
สำ�หรบั ท�ำ กอ่ นชว่ั โมงเรยี น
ในระหว่างศตวรรษท่ี 1 - 6 มีอาณาจักรเกิดขึ้นหลายแห่งบนแผ่นดินใหญ่ของเอเชียตะวันออก
เฉยี งใต้ เชน่
ก. พยู (Pyu) ในเมยี นมา (ราวศตวรรษที่ 1)
ข. ฟนู นั ในกมั พชู าและทางใต้ของเวยี ดนามในปจั จุบัน (ราวศตวรรษที่ 1)
ค. จามในตอนกลางของเวยี ดนาม (ราวศตวรรษท่ี 2)
ในเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต้ทเี่ ป็นหมู่เกาะ มอี าณาจกั รต่างๆ เช่น
ก. อาณาจักรหลายแห่งตามชายฝั่งตะวันออกของเกาะสุมาตราและชายฝ่ังตะวันตก
เฉียงเหนอื ของคาบสมทุ รมลายู ท่มี ีชอื่ เสียงที่สดุ คอื อาณาจกั รศรวี ิชัย (ราวศตวรรษที่ 7)
ข. อาณาจกั รต่างๆ ในตอนกลางของเกาะชวา (ราวศตวรรษที่ 6)
นักโบราณคดีได้ศึกษาอาณาจักรเหล่านี้ นักโบราณคดีคล้ายกับนักประวัติศาสตร์ในแง่ที่ว่า
พวกเขาศึกษาชีวิตของผู้คนในอดีต อย่างไรก็ตาม ในขณะท่ีนักประวัติศาสตร์โดยมากอาศัยข้อความ
หรือภาพเป็นข้อมูลหลักฐาน นักโบราณคดีใช้วัตถุสิ่งของ ยกตัวอย่างเช่น พวกเขาอาจสำ�รวจ
ซากปรักหักพังของศาสนสถานโบราณ เศษหม้อไหเก่าแก่ หรือเศษเคร่ืองประดับท่ีเคยสวมโดย
คนท่ตี ายไปนานแลว้
หน่วยท่ี 2 ศนู ย์กลางอ�ำ นาจสมยั โบราณ u แผนการเรยี นรทู้ ี่ 2 คนยุคส�ำ รดิ ในเอเชยี มีปฏสิ ัมพนั ธก์ ันอยา่ งไร
106 u ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์
นักโบราณคดีที่ศึกษาอาณาจักรโบราณในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้เรียนรู้อย่างมาก
เก่ียวกับผู้คนท่ีอาศัยอยู่ในอาณาจักรเหล่าน้ัน พวกเขาพบว่าอาณาจักรเหล่านี้มีข้อได้เปรียบท่ีสำ�คัญ
คอื เอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใตต้ ง้ั อยรู่ ะหวา่ งศนู ยก์ ลางอารยธรรมหลกั ของโลกยคุ โบราณสองแหง่ คอื จนี
และอินเดยี ตัง้ แต่ยุคแรกๆ ผู้คนได้เดนิ ทางไปมาระหวา่ งภูมิภาคเหล่านี้ แลกเปลี่ยนสนิ คา้ เทคโนโลยี
และความคิดกนั มาตลอด
ดว้ ยเหตนุ ี้ หลกั ฐานทางโบราณคดีจากอาณาจักรต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉยี งใตย้ ุคแรกๆ
จึงแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของจีนและอินเดีย ยกตัวอย่างเช่น นักโบราณคดีพบส่ิงก่อสร้างท่ีแสดง
สัญลักษณ์พุทธและฮินดู และแผ่นหินท่ีมีอักขระของอินเดียจารึกอยู่ ในตอนเหนือของเวียดนาม
นักโบราณคดีพบอิทธิพลจีนจำ�นวนมาก และสรุปว่าพื้นที่น้ีเคยถูกปกครองโดยคนจีนตั้งแต่
ประมาณศตวรรษท่ี 2 กอ่ นศรสิ ตกาลจนถงึ ศตวรรษท่ี 10 หลังคริสตกาล
กระทั่งก่อนที่อิทธิพลของจีนและอินเดียจะแพร่หลาย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็ได้มี
อารยธรรมทซี่ บั ซอ้ นทมี่ คี วามกา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยสี �ำ หรบั ยคุ โบราณ ยกตวั อยา่ งเชน่ โคเลา (Co Loa)
ซ่ึงเป็นถ่ินฐานขนาดใหญ่ท่ีโอบล้อมด้วยกำ�แพงในทางตอนเหนือของเวียดนามอาจจะถูกสร้างข้ึน
ในราวศตวรรษท่ี 5 หรอื 4 ก่อนครสิ ตกาล
โคเลา (Co Loa) ทางตอนเหนือของประเทศเวียดนาม
(ทม่ี า http://www.authenticvietnamtravel.com/2018/05/co-loa-citadel-in-hanoi-vietnam.html)
หน่วยที่ 2 ศนู ยก์ ลางอำ�นาจสมัยโบราณ u แผนการเรียนรู้ท่ี 2 คนยุคสำ�รดิ ในเอเชยี มปี ฏิสัมพันธ์กนั อย่างไร
ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์ u 107
เมอื่ ชาวเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใตไ้ ดต้ ดิ ตอ่ สมั พนั ธก์ บั ชาวอนิ เดยี หรอื จนี พวกเขากม็ กั ดดั แปลง
องค์ประกอบต่างๆ จากอารยธรรมเหล่าน้ันให้เหมาะกับความต้องการของตน ยกตัวอย่างเช่น
นักโบราณคดีที่ทำ�งานที่จันเสนในภาคกลางของไทยพบหวีท่ีมีลักษณะคล้ายกับหวีของอินเดีย
นกั โบราณคดเี ชือ่ วา่ หวีอันนถ้ี ูกทำ�ขน้ึ มาในราวศตวรรษท่ี 1 ก่อนที่อทิ ธิพลฮนิ ดูหรอื พทุ ธจะแพรห่ ลาย
ในบริเวณน้ี ขณะที่วัตถุอ่ืนท่ีพบในจุดนี้มีลักษณะแบบท้องถิ่น/ไทย หลักฐานน้ีทำ�ให้นักโบราณคดี
เชื่อว่าชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รับเอาอิทธิพลอินเดียบางส่วน แต่ก็คงรักษาวัฒนธรรมของตน
ไว้ดว้ ยเช่นกัน
หวีงาชา้ ง พบทเี่ มืองโบราณจันเสน จงั หวดั นครสวรรค์
(ท่ีมา https://www.silpa-mag.com/history/article_2361)
แบบฝึกหัด
ให้นักเรียนวงกลมลอ้ มรอบขอ้ ทคี่ ดิ วา่ ถูกต้องทส่ี ุด
ประเดน็ หลกั ของบทความน้ีคอื
ก. อารยธรรมจนี และอินเดียแทบไมม่ ีอทิ ธพิ ลในเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้สมยั โบราณเลย
ข. อารยธรรมจนี และอินเดยี ครอบง�ำ เอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้สมยั โบราณทัง้ หมด
ค. ชาวเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ปกครองจนี และอนิ เดียสมยั โบราณ
ง. ชาวเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้รบั เอาอิทธพิ ลจนี และอนิ เดียบางส่วน
หนว่ ยท่ี 2 ศนู ยก์ ลางอำ�นาจสมยั โบราณ u แผนการเรียนรูท้ ่ี 2 คนยุคสำ�รดิ ในเอเชียมีปฏิสัมพนั ธก์ นั อยา่ งไร
108 u ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์
แผนท่ี 1- แผนท่เี อเชียตะวันออกเฉียงใต้แสดงสถานท่ขี ดุ สำ�รดิ และยคุ เหลก็
แผนทแี่ สดงแหลง่ ดบี กุ และทองแดง (ทใ่ี ชท้ �ำ ส�ำ รดิ ) และสถานทย่ี คุ ส�ำ รดิ และยคุ เหลก็
เขียนเส้นท่ีน่าจะเป็นเส้นทางที่ผู้คนอาจใช้เดินทางระหว่างแหล่งโลหะและสถานท่ีที่พบสำ�ริด
และเหลก็ ลงบนแผนทเ่ี พอ่ื แสดงพัฒนาการของการค้าและการตดิ ตอ่ สัมพันธใ์ นยคุ ส�ำ รดิ
ทองแดง
ดีบกุ
แหล่งโบราณคดียุคสำ�ริด
และเหลก็
(ที่มา : https://commons.wikimedia.org/wiki/File:South_east_asia_topographic_map.svg เพ่ิมเตมิ โดยผ้เู ขียน)
หนว่ ยที่ 2 ศูนยก์ ลางอำ�นาจสมัยโบราณ u แผนการเรียนรทู้ ี่ 2 คนยุคส�ำ ริดในเอเชียมปี ฏสิ ัมพันธ์กนั อยา่ งไร
ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์ u 109
หนว่ ยที่ 2 ศนู ยก์ ลางอ�ำ นาจสมัยโบราณ
แผนการเรยี นรทู้ ี่ 3 ระบอบอำ�นาจโบราณมีการจัดโครงสรา้ งอย่างไร
วิชา : ประวัติศาสตร/์ สงั คมศึกษา
หวั ข้อ : ระบอบอ�ำ นาจโบราณมีการจดั โครงสรา้ งอยา่ งไร
ระดับ : มธั ยมศึกษาตอนต้น
จำ�นวนคาบ/แผนการเรียนรู้ : 2 คาบ/1 แผนการเรยี นรู้
อปุ กรณ์ทีจ่ �ำ เปน็ : หอ้ งเรียน
ความรู้พ้นื ฐาน : นักเรียนควรมีความรู้พื้นฐานจากการทำ�แบบฝึกหัด 1 - สำ�หรับ
ทำ�ก่อนช่ัวโมงเรียน และแผนที่ 1 - แผนที่อาณาจักรแบบมณฑล
ให้นักเรียนอ่านทำ�เป็นการบ้านก่อนกิจกรรมที่ระบุข้างล่างน้ี หรือ
ในชวั่ โมงเรียนกอ่ นหนา้ น้ี
วตั ถุประสงคก์ ารเรียนรู้ :
เมือ่ จบบทเรียน นักเรียนสามารถ
ความรู้ ทกั ษะ เจตคติ
1. อธิบายคำ�นยิ าม 1. ฝกึ คาดคะเนค�ำ ตอบอย่างมีขอ้ มลู 1. มคี วามเขา้ ใจผคู้ นในสมยั โบราณ
และการจัดโครงสรา้ ง เก่ียวกบั สาเหตแุ ละผลในประวตั ศิ าสตร์ 2. เข้าใจมมุ มองของคนสมยั โบราณ
ของอาณาจักรมณฑล 2. ร่วมในกจิ กรรมบทบาทสมมติ จากส่วนตา่ งๆ ของโครงสรา้ งสงั คม
2. เปรียบเทียบ (ผ้ปู กครอง ชาวบ้าน ทหาร ฯลฯ)
อาณาจักรมณฑล
กบั ประเทศตา่ งๆ
ในปจั จบุ นั
หน่วยท่ี 2 ศนู ย์กลางอำ�นาจสมัยโบราณ u แผนการเรยี นรูท้ ่ี 3 ระบอบอ�ำ นาจโบราณมกี ารจัดโครงสรา้ งอยา่ งไร
110 u ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์
ข้ันตอน การด�ำ เนนิ การสอน สื่อการเรยี นรู้ หลักการและเหตุผล
เกรนิ่ นำ� คิด จบั คู่ แลกเปล่ยี น (5 นาที) กจิ กรรมนท้ี �ำ ใหน้ ักเรียน
1. ใหน้ ักเรียน “คดิ จบั คู่ แลกเปล่ียน” ไดค้ ดิ เกีย่ วกับเน้ือหาของ
เกี่ยวกับคำ�ถามต่อไปน้ี “นกั เรียนคดิ ว่า บทเรียนพร้อมกระตนุ้
ประเทศที่มีอยู่ในปัจจบุ นั นี้เป็นประเทศ ความร้เู ดิมท่พี วกเขามี
เดยี วกนั กบั ท่มี อี ยู่ในสมยั โบราณหรอื ไม่
เพราะอะไร”
2. ในการ “คดิ จบั คู่ แลกเปล่ียน” นกั เรยี น
ควรใช้เวลาสัก 1 นาทใี นการจดบันทึก
ความคดิ ของตน 2 นาทีในการจบั คพู่ ูดคยุ
และ 3 นาทีในการแลกเปล่ยี นความคดิ
กบั เพอ่ื นทง้ั ชนั้
3. ในกรณนี ้ี นักเรยี นอาจบอกว่าประเทศ
ทีม่ อี ยใู่ นสมยั โบราณเป็นประเทศ
เดียวกันกับในปจั จบุ นั เพราะวัฒนธรรม
ของพวกเขามีความเกา่ แก่มาก หรือพวกเขา
อาจคดิ ว่าประเทศทเี่ คยมีอยู่ในอดีตไมใ่ ช่
ประเทศเดยี วกับในปัจจุบนั เน่อื งจากสงคราม
และผู้ปกครองทีข่ ้นึ มามอี ำ�นาจตา่ งกัน
พฒั นา 1. การบรรยายสัน้ แบบมีการโต้ตอบ • ความรสู้ ำ�หรับครู 1 - • การบรรยายส้นั
บทเรยี น (10 นาที) การบรรยายสัน้ แบบมีการโต้ตอบนี้
ครูบรรยายตามความรสู้ �ำ หรับครู 1 - แบบมีการโตต้ อบ จะท�ำ ใหน้ กั เรียนไดข้ ้อมูล
การบรรยายสน้ั แบบมกี ารโต้ตอบ • ความรสู้ ำ�หรบั ครู 2 - ท่ีจำ�เป็นสำ�หรบั การเลน่
2. กจิ กรรมบทบาทสมมติอาณาจักรมณฑล กติกาการเล่น บทบาทสมมติอาณาจักร
(15 นาที) บทบาทสมมติ มณฑล
2.1 แจกการด์ ทีต่ ดั จากแบบฝกึ หัด อาณาจกั รมณฑล • การเลน่ บทบาทสมมติ
อาณาจกั รมณฑลจะเปน็
การ์ดประกอบการเล่นตามบทบาทสมมติ • แบบฝึกหดั 2 - การสร้างเสรมิ ประสบการณ์
เพม่ิ เติมจากขอ้ มลู ทีไ่ ด้
อาณาจักรแบบมณฑล ใหก้ บั นกั เรียน การ์ดประกอบ จากการบรรยายสน้ั
แบบมีการโต้ตอบและ
แตล่ ะคน ใหน้ กั เรยี นอา่ นการ์ดของตัวเอง การเลน่ ตามบทบาท แบบฝึกหัด 1 ส�ำ หรับ
ทำ�กอ่ นชัว่ โมงเรยี น
ชาวบ้านแต่ละคนจะไดก้ ารด์ ข้าวคนละ 3 ใบ สมมติอาณาจกั ร
ครูอาจจ�ำ เป็นตอ้ งทำ�การ์ดชาวบ้านและ แบบมณฑล
การด์ ขา้ วมากขน้ึ โดยขนึ้ อยกู่ บั จ�ำ นวนนกั เรยี น
ในชัน้ ครูอาจแจกป้ายหรอื สัญลักษณ์
หน่วยท่ี 2 ศนู ยก์ ลางอำ�นาจสมยั โบราณ u แผนการเรียนรู้ที่ 3 ระบอบอ�ำ นาจโบราณมีการจดั โครงสร้างอย่างไร
ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์ u 111
ข้นั ตอน การดำ�เนินการสอน สอื่ การเรยี นรู้ หลักการและเหตุผล
ทแ่ี บ่งนักเรียนตามบทบาทท่ีไดร้ ับ เพอ่ื จะได้ • แบบฝึกหัด 3 -
แยกแยะกนั ถกู เช่น มงกุฎกระดาษสำ�หรับ ผังโครงสรา้ ง
กษตั ริย์ ดาบทที่ �ำ จากกระดาษแข็งสำ�หรบั อาณาจกั รแบบมณฑล
ทหาร ฯลฯ
2.2 ให้นักเรียนดแู บบฝึกหดั 3 -
ผงั โครงสรา้ งอาณาจักรแบบมณฑล
และบอกใหพ้ วกเขาเขา้ ประจ�ำ ทข่ี องตน
2.3 อธิบายตามความร้สู ำ�หรับครู 2 -
กตกิ าการเล่นบทบาทสมมติอาณาจกั รมณฑล
2.4 ให้นักเรยี นเล่นเกมไปสกั 15 นาที
ครคู อยดูแลชว่ ยแก้ปัญหาหรือตอบค�ำ ถาม
ทน่ี ักเรยี นอาจจะมี
สรุป ครุ่นคดิ และทบทวน (15 นาที) แบบฝึกหัด 4 - การคดิ ทบทวนท�ำ ให้
บทเรียน 1. รวบรวมเอกสารวสั ดุและให้นกั เรียน การคิดทบทวน นักเรยี นได้สงั เคราะห์
กลบั ไปยงั ทน่ี ่ังของตวั เอง ความร้คู วามเขา้ ใจทไ่ี ดร้ ับ
เกี่ยวกับอาณาจกั ร การใหน้ กั เรยี นกรอก
2. ให้นักเรยี นทำ�แบบฝึกหดั 4 - การคดิ ทบทวน แบบมณฑล แผน่ ปฏิบัตงิ านของ
เกยี่ วกับอาณาจักรแบบมณฑล
3. นับปริมาณขา้ วทก่ี ษัตริย์/ราชนิ ไี ด้รับ แต่ละคนกเ็ ป็นการชว่ ย
และแสดงความยินดกี ับผทู้ ไ่ี ดข้ า้ วมากที่สุด เปล่ยี นผ่านจากกจิ กรรม
และแสดงความยินดกี ับผทู้ ่ไี ด้ข้าวน้อยทสี่ ุด ทค่ี กึ คกั มชี ีวิตชวี า
เช่นกนั เพราะว่าชาวบา้ นในอาณาจกั ร ไดอ้ ย่างราบร่นื
ก็จะไดม้ ีขา้ วกนิ มากขึน้
4. ให้นกั เรยี นนำ�เสนอค�ำ ตอบของตน
ในแบบฝึกหดั 4 - การคิดทบทวนเกี่ยวกบั
อาณาจกั รแบบมณฑล และแลกเปลี่ยนกับ
เพ่ือนรว่ มชั้น
การประเมินผล
ครูสามารถใช้คำ�ตอบของนักเรียนจากแบบฝึกหัด 4 - แผ่นคิดทบทวนเรื่องมณฑล
เพื่อดูว่านกั เรียนบรรลุตามวัตถปุ ระสงค์การเรียนรู้ของบทเรียนนห้ี รอื ไม่ ครูยังอาจใหน้ กั เรยี นรา่ งภาพ
อาณาจักรมณฑลที่มีกษัตริย์/ราชินี ทหาร เสนาบดี อำ�มาตย์ ชาวบ้าน โดยใช้ลูกศรแสดงทิศทาง
ของการจ่ายส่วย การใหค้ วามคมุ้ ครอง และการลงโทษ
หนว่ ยท่ี 2 ศูนยก์ ลางอำ�นาจสมยั โบราณ u แผนการเรยี นรทู้ ่ี 3 ระบอบอ�ำ นาจโบราณมกี ารจดั โครงสร้างอย่างไร
112 u ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์
หนว่ ยท่ี 2 ศูนยก์ ลางอ�ำ นาจสมัยโบราณ
แผนการเรียนรทู้ ่ี 3 ระบอบอ�ำ นาจโบราณมกี ารจัดโครงสรา้ งอย่างไร
ความรสู้ �ำ หรับครู ส่อื การเรยี นรู้ และแบบฝกึ หดั
ความรสู้ ำ�หรับครู 1 - การบรรยายสนั้ แบบมกี ารโต้ตอบ
• ใหน้ กั เรียนพจิ ารณาแผนทเ่ี อเชียตะวนั ออกเฉยี งใต้และช้ีใหด้ ปู ระเทศของตน อธบิ ายส้นั ๆ ว่า
ประเทศของเรามีพรมแดนอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันมาตั้งแต่เมื่อใดและมีมาได้อย่างไร
ยกตัวอย่างเช่น เมียนมาได้เอกราชจากอังกฤษในปี พ.ศ. 2491 และก็มีรูปร่างอย่างท่ีเห็น
ในแผนทมี่ าต้งั แตน่ ้ัน
• ตั้งแต่ก่อนท่ีประเทศจะมีพรมแดนอย่างนั้น คนหลายกลุ่มท่ีมีวัฒนธรรมและภาษาที่
คล้ายกันกับของเราได้อาศัยอยู่ในบริเวณน้ันมานานแล้ว แต่มีการจัดกลุ่มรวมตัวแตกต่าง
ไปจากท่เี ราเปน็ อยู่ในปัจจบุ นั
• ประการแรก แทนทจ่ี ะเปน็ ประเทศ ตอนนนั้ เป็นเมอื งและหมบู่ ้าน บางครงั้ เมืองและหม่บู ้าน
เหล่าน้กี ็รวมกันเปน็ ราชอาณาจักร
• ประการท่ีสอง คนสมัยโบราณไม่ได้กำ�หนดพรมแดนตายตัวหรือเป็นทางการอย่างท่ีเรามี
ในทุกวันนี้ ทำ�ไมถึงเป็นเช่นนั้น กระตุ้นคำ�ตอบจากนักเรียนที่เน้นถึงการเปลี่ยนแปลง
ในเทคโนโลยีและสังคม ยกตัวอย่างเช่น นักเรียนอาจบอกว่าในสมัยโบราณผู้คนไม่ได้
มีเคร่ืองระบุพิกัด GPS ท่ีจะรู้ได้ว่าตนเองอยู่ตรงไหนตลอดเวลา พรมแดนอาจเปลี่ยนแปลง
ไปเรอื่ ยๆ เน่ืองจากสงครามหรอื การสังกัดทางการเมอื ง
• ประการท่ีสาม คนในสมัยโบราณไม่ได้ระบุตนเองเป็นพลเมืองของประเทศใดประเทศหน่ึง
พวกเขาอาจมองว่าตนเองเป็นคนเมืองน้ันหรือหมู่บ้านนี้ เป็นคนในสังกัดของเจ้านายสักคน
ทำ�ไมถึงเป็นเช่นนั้น กระตุ้นคำ�ตอบจากนักเรียนท่ีเน้นถึงการเปลี่ยนแปลงในเทคโนโลยี
และสังคม ยกตัวอย่างเช่น ผู้คนไม่ได้เข้าโรงเรียนที่สอนว่าพวกเขาเป็นพลเมืองของประเทศ
เดียวกัน
• ประการสดุ ทา้ ย ในสมัยโบราณ มีคนอาศยั อยใู่ นเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต้น้อยกว่าในปจั จบุ ัน
ท่ีดินส่วนใหญ่ไม่มีการจับจอง ผู้ปกครองต้องแข่งขันกันเพื่อแย่งชิงความจงรักภักดีของ
ชาวบา้ นทอ่ี าศัยอยใู่ นพนื้ ท่ีรอบขา้ ง พวกเขาเกบ็ “ส่วย” จากชาวบ้านเพื่อใชใ้ นการปกครอง
หน่วยท่ี 2 ศนู ย์กลางอำ�นาจสมยั โบราณ u แผนการเรยี นรทู้ ี่ 3 ระบอบอ�ำ นาจโบราณมกี ารจัดโครงสรา้ งอยา่ งไร
ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์ u 113
อาณาจักร เพ่อื แลกกบั ส่วย ผู้ปกครองสญั ญาท่จี ะให้ความค้มุ ครองแก่ชาวบ้าน (หรอื ลงโทษ
หากไมจ่ า่ ยสว่ ย) นกั เรยี นคดิ วา่ สว่ ยทวี่ า่ นคี้ อื อะไร กระตนุ้ คำ�ตอบจากนกั เรยี น ยกตวั อยา่ งเชน่
ขา้ วเป็นสว่ ยทีใ่ ชก้ ันทั่วไปอยา่ งหนึ่ง
• นักประวัติศาสตร์เปรียบเทียบอาณาจักรเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โบราณเป็นมณฑล
(Mandalas) (แสดงแผนท่ีอาณาจักรมณฑล) กษัตริย์หรือราชินีอยู่ตรงศูนย์กลาง
แวดลอ้ มดว้ ยเสนาบดที แี่ วดลอ้ มดว้ ยอ�ำ มาตยท์ แี่ วดลอ้ มดว้ ยชาวบา้ น ขนาดและรปู รา่ งของ
อาณาจกั รเปลย่ี นแปลงไปโดยขน้ึ กบั วา่ กษตั รยิ ห์ รอื ราชนิ จี ะสามารถท�ำ ใหช้ าวบา้ นจา่ ยสว่ ย
และจงรกั ภกั ดไี ดด้ ีมากนอ้ ยเพยี งใด
• เราจะทำ�กิจกรรมบทบาทสมมติเพื่อช่วยให้นักเรียนได้เข้าใจว่าอาณาจักรเหล่าน้ีมีการจัด
โครงสรา้ งอย่างไร
ความรสู้ ำ�หรับครู 2 - กตกิ าการเลน่ บทบาทสมมตอิ าณาจักรมณฑล
1. เป้าหมายของกษัตริย์/ราชินีคือการเก็บส่วยข้าวให้ได้มากท่ีสุด แต่ก่อนอื่นพวกเขาต้อง
ให้ข้าวแก่เสนาบดี อ�ำ มาตย์ และทหารคนละหน่ึงกระสอบ ในตอนท้ายจะมีการนับจำ�นวน
กระสอบข้าวทก่ี ษตั ริย/์ ราชนิ ีไดร้ บั
2. กษัตริย์/ราชินีจะพูดได้แต่กับเสนาบดีและทหารเท่านั้น เสนาบดีก็จะพูดได้แต่กับกษัตริย์
และอำ�มาตย์ อำ�มาตย์ก็จะพดู ได้แต่กบั เสนาบดแี ละชาวบา้ นเท่านัน้
3. ทหารจะพูดได้แต่กับกษัตริย์/ราชินีและชาวบ้าน ทหารสามารถคุ้มครองชาวบ้าน หรือ
ทำ�เปน็ ลงโทษชาวบ้าน แต่ทหารไมส่ ามารถเคลื่อนไหวได้จนกว่าจะมีข้าวในมือ
4. อำ�มาตย์ต้องเกลี้ยกล่อมชาวบ้านให้ส่งข้าว พวกเขาสามารถเสนอประโยชน์ (เช่น
ความคุ้มครองจากทหาร) หรือข่มขู่ชาวบ้าน (เชน่ ทหารจะลงโทษ)
5. เสนาบดีต้องเกล้ียกล่อมให้อำ�มาตย์เก็บรวบรวมข้าวจากชาวบ้าน แต่อาจต้องยอมให้
อำ�มาตยแ์ บง่ ขา้ วให้ตวั เองไวส้ ว่ นหนึง่
6. กษัตริย์ต้องเกล้ียกล่อมให้เสนาบดีรวบรวมข้าวจากอำ�มาตย์ แต่อาจต้องยอมให้เสนาบดี
แบ่งขา้ วให้ตวั เองไว้สว่ นหน่ึง
7. ชาวบ้านจำ�เป็นต้องเก็บข้าวไว้เองอย่างน้อยหน่ึงกระสอบ แต่สามารถเลือกได้ท่ีจะให้ข้าว
ที่เหลือเป็นส่วยให้กับกษัตริย์/ราชินีแห่งเดียวหรือทั้งสองแห่ง ชาวบ้านจะพูดได้แต่กับ
ชาวบ้านดว้ ยกนั อำ�มาตย์ และทหารเท่านนั้
8. ผู้เล่นท้ังหมดควรให้เกียรติกันและระมัดระวังเวลาเล่นตามบทบาท ควรใช้แต่เพียงคำ�พูด
(เชน่ “ฉนั จะลงโทษเธอถา้ เธอไมย่ อมใหข้ า้ วแกฉ่ นั ”) ไมใ่ ชก่ ารกระท�ำ (เชน่ ตนี กั เรยี นคนอน่ื )
หน่วยท่ี 2 ศูนยก์ ลางอำ�นาจสมยั โบราณ u แผนการเรยี นรทู้ ี่ 3 ระบอบอ�ำ นาจโบราณมีการจดั โครงสร้างอย่างไร
114 u ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์
แผนท่ี 1 - แผนทอี่ าณาจักรแบบมณฑล
พุกาม จามปา
ศตวรรษที่ 10 ศตวรรษท่ี 2
อยธุ ยา
ศตวรรษท่ี 13
นครวดั
ศตวรรษท่ี 9
ศรีวิชัย
ศตวรรษที่ 17
มชั ปาหติ
ศตวรรษท่ี 13
(ท่มี า : https://en.wikipedia.org/wiki/Mandala_(political_model)#/media/
File:Southeast_Asian_Historical_Mandalas.svg)
หนว่ ยที่ 2 ศนู ยก์ ลางอำ�นาจสมัยโบราณ u แผนการเรยี นร้ทู ี่ 3 ระบอบอ�ำ นาจโบราณมกี ารจดั โครงสรา้ งอย่างไร
ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์ u 115
แบบฝกึ หดั 1
ส�ำ หรบั ทำ�กอ่ นชัว่ โมงเรยี น
ปัจจุบัน ประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีพรมแดนชัดเจนท่ีกำ�หนดโดยสนธิสัญญา
และกฎหมายระหว่างประเทศ ในศตวรรษท่ี 19 ประเทศในยุโรปพัฒนาระบบการเมืองนี้ข้ึน
และเผยแพร่ไปทั่วโลก
แต่อาณาจักรโบราณในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไม่ได้มีการจัดโครงสร้างแบบนั้น ไม่มีพรมแดน
และผู้คนถือตนเป็นข้าของกษัตริย์หรือผู้ปกครองท้องถ่ิน ไม่มีสำ�นึกว่าตนเป็นพลเมืองของ
ประเทศ ในสมัยโบราณประชากรในเอเชยี ตะวันออกเฉยี งใตม้ ีน้อยกว่าในปัจจุบันมาก อำ�นาจ
ของผู้ปกครองมักไม่ได้แผ่ขยายไปเกินกว่าเมืองหลวง สำ�หรับนอกเขตเมืองหลวงน้ันมีอำ�มาตย์
อย่างเช่น เจ้าเมืองคือผู้กุมอำ�นาจ เจ้าเมืองแสดงความจงรักภักดีต่อกษัตริย์หรือราชินีโดย
การมอบบรรณาการ แต่โดยมากแล้วเปน็ อิสระจากการควบคุมของเมืองหลวง
จากข้อมูลข้างต้น นักประวัติศาสตร์ใช้แนวคิดแบบมณฑลในการอธิบายอาณาจักรโบราณ
ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (แผนท่ี 1 - แผนท่ีอาณาจักรแบบมณฑล) มณฑลมีลักษณะ
เป็นวงกลมซ้อนกันอยู่หลายวงโดยมีกษัตริย์เป็นศูนย์กลาง อาณาจักรเล็กอาจมีกษัตริย์อยู่ใน
จุดศูนย์กลางแล้วมีเจ้าเมืองอยู่ในวงช้ันถัดออกไป อำ�นาจของกษัตริย์หรือราชินีจะลดน้อย
ลงไปเร่ือยๆ ตามระยะห่างจากจุดศูนย์กลาง ดังน้ัน ชาวบ้านตรงชายขอบของอาณาจักร
อาจไม่ได้รู้สึกจงรักภักดีต่อผู้ปกครองมากนัก หรือกระทั่งไม่รู้อะไรมากนักเกี่ยวกับอาณาจักร
วงชนั้ นอกสุดของมณฑลอาจจะเหล่ือมซอ้ นกบั วงช้ันนอกสุดของอาณาจกั รขา้ งเคียง
ไม่มีการกำ�หนดขนาดหรือองค์ประกอบของมณฑล ในกรณีของอาณาจักรขนาดใหญ่ ภายใน
วงกลมอาจจะมีอาณาจักรย่อยๆ ท่ีจ่ายบรรณาการแก่ศูนย์กลาง มณฑลสามารถขยายและ
หดเลก็ ลงได้ โดยขนึ้ กับอำ�นาจทขี่ น้ึ ลงของผปู้ กครอง
“อาณาจักรแบบมณฑล” ในเอเชยี ตะวันออกเฉียงใต้ระหว่างศตวรรษท่ี 7 - 14 เช่น :
ก. อยุธยา ในประเทศไทยในปัจจบุ ัน (ศตวรรษที่ 13)
ข. นครวดั ในกัมพูชาและไทยในปัจจบุ ัน (ศตวรรษที่ 9)
ค. พุกาม ในเมยี นมาปัจจุบนั (ศตวรรษท่ี 10)
ง. ศรีวชิ ยั บนเกาะสุมาตรา อินโดนเี ซียในปัจจุบนั (ศตวรรษท่ี 7)
จ. มชั ปาหติ บนเกาะชวา อินโดนเี ซียปัจจุบนั (ศตวรรษท่ี 13)
แบบฝึกหัด : วาดอาณาจักรแบบมณฑล วาดรูปคนเพ่ือแสดงตำ�แหน่งของกษัตริย์หรือราชินี
อำ�มาตย์หรือเจ้าเมอื ง และชาวบา้ น
หน่วยท่ี 2 ศนู ย์กลางอำ�นาจสมัยโบราณ u แผนการเรียนรทู้ ่ี 3 ระบอบอ�ำ นาจโบราณมกี ารจัดโครงสร้างอย่างไร
116 u ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์
แบบฝกึ หัด 2
การ์ดประกอบการเลน่ ตามบทบาทสมมตอิ าณาจกั รแบบมณฑล
ข้าวหนง่ึ กระสอบ ข้าวหน่งึ กระสอบ ขา้ วหนง่ึ กระสอบ ขา้ วหน่ึงกระสอบ ข้าวหนงึ่ กระสอบ
ขา้ วหนึ่งกระสอบ ขา้ วหน่งึ กระสอบ ข้าวหนึง่ กระสอบ ข้าวหนงึ่ กระสอบ ขา้ วหนึ่งกระสอบ
ข้าวหนึง่ กระสอบ ข้าวหนึง่ กระสอบ ขา้ วหนึง่ กระสอบ ขา้ วหน่งึ กระสอบ ข้าวหน่งึ กระสอบ
ข้าวหนง่ึ กระสอบ ข้าวหนง่ึ กระสอบ ข้าวหน่ึงกระสอบ ข้าวหน่งึ กระสอบ ข้าวหน่งึ กระสอบ
ข้าวหนงึ่ กระสอบ ขา้ วหนึ่งกระสอบ ขา้ วหน่ึงกระสอบ ขา้ วหนึง่ กระสอบ ขา้ วหน่ึงกระสอบ
ข้าวหน่ึงกระสอบ ขา้ วหนง่ึ กระสอบ ข้าวหน่ึงกระสอบ ขา้ วหนึง่ กระสอบ ขา้ วหน่ึงกระสอบ
ข้าวหนึง่ กระสอบ ข้าวหนง่ึ กระสอบ ข้าวหนงึ่ กระสอบ ขา้ วหน่ึงกระสอบ ข้าวหนึ่งกระสอบ
ขา้ วหนึ่งกระสอบ ข้าวหนึง่ กระสอบ ขา้ วหน่ึงกระสอบ ขา้ วหน่งึ กระสอบ ข้าวหน่ึงกระสอบ
ข้าวหนง่ึ กระสอบ ข้าวหนึ่งกระสอบ ข้าวหน่งึ กระสอบ ขา้ วหนึ่งกระสอบ ขา้ วหนงึ่ กระสอบ
หน่วยท่ี 2 ศนู ยก์ ลางอำ�นาจสมัยโบราณ u แผนการเรียนรทู้ ี่ 3 ระบอบอำ�นาจโบราณมกี ารจัดโครงสร้างอยา่ งไร
ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์ u 117
กษัตริย/์ ราชนิ ี ก กษตั ริย/์ ราชินี ข เสนาบดี ก1
เป้าหมาย : เกบ็ สะสมขา้ วใหไ้ ด้ เป้าหมาย : เก็บสะสมข้าวใหไ้ ด้มาก เปา้ หมาย : เก็บรวบรวมข้าวให้กับ
มากทีส่ ดุ แตต่ ้องใหข้ า้ วกบั ท่ีสุด แต่ต้องใหข้ า้ วกับ กษัตรยิ ์ให้ได้มากที่สดุ แต่อย่าลืม
อ�ำ มาตย์ เสนาบดี และทหาร
คนละหน่งึ กระสอบ อำ�มาตย์ เสนาบดี และทหาร แบง่ ไวใ้ หต้ ัวเองหนึ่งกระสอบ
กติกา : พูดไดแ้ ต่กบั เสนาบดี
และทหารเทา่ น้ัน คนละหน่ึงกระสอบ กติกา : พูดได้แตก่ บั กษตั ริย์
เสนาบดี ก2 กติกา : พดู ได้แต่กบั เสนาบดี และอ�ำ มาตยเ์ ทา่ น้นั
เปา้ หมาย : เก็บรวบรวมข้าวใหก้ ับ
กษัตริยใ์ หไ้ ด้มากท่สี ุด แต่อยา่ ลืม และทหารเท่าน้นั
แบง่ ไว้ให้ตวั เองหน่งึ กระสอบ
กตกิ า : พดู ได้แตก่ บั กษัตริย์ เสนาบดี ข1 เสนาบดี ข1
และอ�ำ มาตย์เทา่ นน้ั เป้าหมาย : เกบ็ รวบรวมขา้ วให้กบั เป้าหมาย : เกบ็ รวบรวมขา้ วให้กับ
กษัตรยิ ์ใหไ้ ด้มากท่สี ุด แต่อย่าลมื กษัตริยใ์ หไ้ ด้มากท่ีสดุ แต่อย่าลมื
อ�ำ มาตย์ ก1
เป้าหมาย : เก็บรวบรวมขา้ วใหก้ ับ แบ่งไว้ใหต้ ัวเองหนง่ึ กระสอบ แบ่งไว้ให้ตัวเองหนึ่งกระสอบ
เสนาบดใี ห้ไดม้ ากท่ีสดุ แตอ่ ยา่ ลืม
แบ่งไวใ้ หต้ วั เองหนึ่งกระสอบ กติกา : พูดไดแ้ ต่กบั กษตั รยิ ์ กติกา : พดู ได้แตก่ บั กษัตริย์
กตกิ า : พูดไดแ้ ต่กบั เสนาบดี และอำ�มาตยเ์ ท่านน้ั และอำ�มาตยเ์ ทา่ น้ัน
และชาวบ้านเทา่ นน้ั
อำ�มาตย์ ก2 อ�ำ มาตย์ ก3
อำ�มาตย์ ก4 เปา้ หมาย : เกบ็ รวบรวมข้าวให้กบั เป้าหมาย : เกบ็ รวบรวมข้าวใหก้ บั
เป้าหมาย : เก็บรวบรวมข้าวใหก้ ับ เสนาบดใี ห้ได้มากทีส่ ดุ แต่อยา่ ลมื เสนาบดใี หไ้ ดม้ ากทสี่ ุด แต่อย่าลมื
เสนาบดใี หไ้ ด้มากท่ีสุด แตอ่ ย่าลืม
แบ่งไวใ้ ห้ตัวเองหน่งึ กระสอบ แบ่งไว้ใหต้ วั เองหนง่ึ กระสอบ แบง่ ไวใ้ หต้ วั เองหน่ึงกระสอบ
กติกา : พดู ได้แตก่ บั เสนาบดี
และชาวบ้านเท่านน้ั กตกิ า : พดู ได้แต่กบั เสนาบดี กตกิ า : พดู ได้แตก่ บั เสนาบดี
และชาวบา้ นเทา่ นน้ั และชาวบ้านเทา่ นัน้
อ�ำ มาตย์ ข3
เป้าหมาย : เก็บรวบรวมข้าวใหก้ บั อ�ำ มาตย์ ข1 อ�ำ มาตย์ ข2
เสนาบดใี ห้ไดม้ ากท่ีสุด แต่อยา่ ลมื เป้าหมาย : เกบ็ รวบรวมข้าวใหก้ บั เปา้ หมาย : เกบ็ รวบรวมขา้ วให้กบั
แบ่งไวใ้ หต้ วั เองหนึ่งกระสอบ เสนาบดใี หไ้ ด้มากทส่ี ดุ แตอ่ ยา่ ลืม เสนาบดีให้ไดม้ ากทส่ี ุด แตอ่ ย่าลมื
กตกิ า : พูดไดแ้ ต่กบั เสนาบดี
และชาวบ้านเท่านนั้ แบ่งไว้ให้ตวั เองหนึง่ กระสอบ แบง่ ไวใ้ หต้ ัวเองหน่งึ กระสอบ
กตกิ า : พดู ไดแ้ ตก่ บั เสนาบดี กติกา : พูดไดแ้ ตก่ ับเสนาบดี
และชาวบ้านเท่านน้ั และชาวบ้านเท่านั้น
อำ�มาตย์ ข4 ทหาร ก
เป้าหมาย : เกบ็ รวบรวมข้าวใหก้ ับ เปา้ หมาย : เก็บรวบรวมขา้ วให้กบั
เสนาบดใี ห้ได้มากท่สี ดุ แตอ่ ยา่ ลืม กษตั รยิ ์ให้ได้มากทีส่ ดุ
แบ่งไว้ใหต้ วั เองหนง่ึ กระสอบ กตกิ า : พูดไดแ้ ต่กบั กษตั ริย์
กติกา : พูดได้แต่กบั เสนาบดี และชาวบา้ นเทา่ นัน้ ไม่สามารถขยับ
และชาวบา้ นเท่านัน้ เคลือ่ นไหวได้จนกวา่ จะไดก้ นิ ขา้ ว
หน่วยท่ี 2 ศูนย์กลางอำ�นาจสมยั โบราณ u แผนการเรยี นรู้ที่ 3 ระบอบอำ�นาจโบราณมีการจัดโครงสร้างอยา่ งไร
118 u ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์
ทหาร ข ชาวบา้ น 1 ชาวบ้าน 2
เปา้ หมาย : เกบ็ รวบรวมขา้ วใหก้ บั เปา้ หมาย : เกบ็ ขา้ วไว้
กษตั รยิ ์ให้ไดม้ ากท่ีสดุ เป้าหมาย : เกบ็ ขา้ วไว้
ใหไ้ ด้มากที่สดุ โดยไม่ถูกทหาร ให้ได้มากที่สุดโดยไมถ่ ูกทหาร
กติกา : พดู ได้แตก่ บั กษัตรยิ ์ ลงโทษ ลงโทษ
และชาวบ้านเท่านั้น ไม่สามารถขยบั กติกา : พูดไดแ้ ต่กับอ�ำ มาตย์ ทหาร กตกิ า : พูดได้แตก่ ับอำ�มาตย์ ทหาร
เคล่ือนไหวไดจ้ นกวา่ จะได้กินข้าว และชาวบา้ นด้วยกันเอง และชาวบา้ นด้วยกันเอง
ชาวบ้าน 3 ชาวบา้ น 4 ชาวบา้ น 5
เปา้ หมาย : เกบ็ ข้าวไว้ เป้าหมาย : เกบ็ ข้าวไว้
เปา้ หมาย : เก็บขา้ วไว้
ให้ไดม้ ากทสี่ ดุ โดยไมถ่ กู ทหาร ให้ได้มากทีส่ ุดโดยไม่ถกู ทหาร ให้ได้มากที่สดุ โดยไม่ถูกทหาร
ลงโทษ ลงโทษ ลงโทษ
กติกา : พดู ไดแ้ ตก่ บั อ�ำ มาตย์ ทหาร กติกา : พดู ได้แตก่ บั อำ�มาตย์ ทหาร กตกิ า : พูดไดแ้ ตก่ บั อ�ำ มาตย์ ทหาร
และชาวบ้านดว้ ยกันเอง และชาวบ้านดว้ ยกันเอง และชาวบา้ นดว้ ยกันเอง
ชาวบา้ น 6 ชาวบ้าน 7 ชาวบ้าน 8
เปา้ หมาย : เกบ็ ขา้ วไว้ เปา้ หมาย : เกบ็ ขา้ วไว้
เป้าหมาย : เก็บข้าวไว้
ให้ไดม้ ากทส่ี ดุ โดยไมถ่ ูกทหาร ใหไ้ ดม้ ากท่ีสดุ โดยไม่ถกู ทหาร ใหไ้ ด้มากทส่ี ุดโดยไม่ถกู ทหาร
ลงโทษ ลงโทษ ลงโทษ
กติกา : พดู ไดแ้ ต่กบั อำ�มาตย์ ทหาร กตกิ า : พูดได้แตก่ ับอำ�มาตย์ ทหาร กตกิ า : พูดไดแ้ ตก่ บั อำ�มาตย์ ทหาร
และชาวบ้านดว้ ยกันเอง และชาวบา้ นด้วยกันเอง และชาวบ้านด้วยกันเอง
ชาวบา้ น 9 ชาวบ้าน 10 ชาวบา้ น 11
เป้าหมาย : เกบ็ ข้าวไว้ เปา้ หมาย : เก็บขา้ วไว้
เป้าหมาย : เก็บขา้ วไว้
ใหไ้ ดม้ ากท่ีสุดโดยไม่ถกู ทหาร ใหไ้ ด้มากที่สดุ โดยไมถ่ กู ทหาร ใหไ้ ด้มากท่ีสุดโดยไม่ถกู ทหาร
ลงโทษ ลงโทษ ลงโทษ
กติกา : พูดไดแ้ ตก่ ับอ�ำ มาตย์ ทหาร กติกา : พดู ไดแ้ ต่กบั อำ�มาตย์ ทหาร กติกา : พดู ได้แต่กับอำ�มาตย์ ทหาร
และชาวบ้านดว้ ยกันเอง และชาวบ้านดว้ ยกนั เอง และชาวบ้านดว้ ยกันเอง
ชาวบา้ น 12 ชาวบ้าน 13 ชาวบา้ น 14
เป้าหมาย : เก็บข้าวไว้ เปา้ หมาย : เก็บข้าวไว้
เป้าหมาย : เก็บข้าวไว้
ใหไ้ ด้มากทส่ี ดุ โดยไมถ่ กู ทหาร ให้ไดม้ ากท่สี ดุ โดยไมถ่ ูกทหาร ใหไ้ ดม้ ากทส่ี ดุ โดยไม่ถกู ทหาร
ลงโทษ ลงโทษ ลงโทษ
กตกิ า : พดู ได้แตก่ ับอำ�มาตย์ ทหาร กตกิ า : พูดได้แตก่ ับอ�ำ มาตย์ ทหาร กตกิ า : พูดได้แตก่ บั อำ�มาตย์ ทหาร
และชาวบ้านด้วยกันเอง และชาวบา้ นด้วยกันเอง และชาวบา้ นด้วยกนั เอง
หนว่ ยท่ี 2 ศูนยก์ ลางอำ�นาจสมัยโบราณ u แผนการเรยี นร้ทู ่ี 3 ระบอบอ�ำ นาจโบราณมกี ารจัดโครงสร้างอยา่ งไร
ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์ u 119
แบบฝึกหดั 3
ผังโครงสรา้ งอาณาจักรแบบมณฑล
กษัตริย์/ราชินีควรอยู่ท่ีจุดศูนย์กลางแวดล้อมด้วยทหารและเสนาบดี อำ�มาตย์อยู่ในวง
กแชษบั้นตับ\รฝถยิ ึก/์ดัหรไาัดปช3ินจคี –าวผรกังอโนยคันู้่ทรง่ีจชสุดารศว้าูนบงยอ้าก์านลณอาางยจแู่กักวดรรและบอ้จมบัดดมกว้ ณรยะฑทจหลาารยแรลอะบเสๆนาแบลดะี อราํ ะมหาตวย่า์องยอู่ใานณวงาชจน้ั กัถัดรไปกจาแกลนะนั้ อชาาณวบา้าจนกั อรยู่กขระจัด
กระจายรอบๆ และระหวา่ งอาณาจักร ก และอาณาจกั ร ข
ชาวบา้ น ชาวบ้าน ชาวบา้ น
อาํ มาตย์ ก3 เสนาบดี ก2
อ�ำ มาตย์ ก1 เสนาบดี ก1 ชาวบ้าน
ชาวบา้ น อํามาตย์ ก1 อาํ มาตย์ ก2
กษัตรยิ /์ ราชินี ก
ทหาร ก อํามาตย์ ก4 ชาวบา้ น
ชาวบ้าน
ชาวบา้ น
ชาวบ้าน อ�ำ มาตย์ ข2
อาํ มาตย์ ข4
เสนาบดี ข2 ทหาร ข เสนาบดี ข1 อาํ มาตย์ ข1
กษตั ริย์/ราชนิ ี ข
ชาวบา้ น อํามาตย์ ข3 ชาวบา้ น
ชาวบ้าน
ชาวบา้ น
หนว่ ยท่ี 2 ศูนย์กลางอ�ำ นาจสมัยโบราณ u แผนการเรยี นรู้ที่ 3 ระบอบอำ�นาจโบราณมีการจดั โครงสร้างอย่างไร
120 u ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์
แบบฝึกหัด 4
การคิดทบทวนเก่ยี วกับอาณาจักรแบบมณฑล
1. บทบาทสมมติของนกั เรียนคืออะไร
2. นักเรยี นสามารถบรรลุเป้าหมายตามท่กี ำ�หนดไดห้ รอื ไม่ เพราะเหตใุ ด
3. นักเรยี นมีปฏสิ มั พนั ธ์อยา่ งไรกบั ผเู้ ลน่ คนอน่ื ๆ
4. ตามทไี่ ดเ้ รยี นรจู้ ากการเลน่ ตามบทบาทสมมติ ท�ำ ไมพรมแดนของอาณาจกั รแบบมณฑล
จงึ เปล่ยี นแปลงไปได้เรื่อยๆ
5. นักเรียนคิดว่าวิธีการเก็บส่วยแบบไหนได้ผลมากกว่ากันระหว่างการให้ความคุ้มครอง
กับขม่ ขู่ที่จะลงโทษ เพราะอะไร
6. อาณาจักรแบบมณฑลแตกต่างจากประเทศในปจั จบุ นั อยา่ งไร
หน่วยท่ี 2 ศูนย์กลางอ�ำ นาจสมัยโบราณ u แผนการเรยี นรทู้ ี่ 3 ระบอบอำ�นาจโบราณมีการจดั โครงสรา้ งอย่างไร
ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์ u 121
หน่วยที่ 2 ศนู ย์กลางอำ�นาจสมัยโบราณ
แผนการเรยี นรู้ที่ 4 ความสัมพันธ์ระหว่างผูป้ กครองกับผู้อยูใ่ ต้ปกครองในสมยั โบราณ
เปน็ อยา่ งไร
วชิ า : ประวัตศิ าสตร/์ สงั คมศึกษา
หัวข้อ : ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ปกครองกับผู้อยู่ใต้ปกครองในสมัยโบราณ
เป็นอย่างไร
ระดับ : มัธยมศกึ ษาตอนต้น
จ�ำ นวนคาบ/แผนการเรยี นรู้ : 2 คาบ/1 แผนการเรียนรู้ (1 คาบ : 45 - 50 นาที)
อุปกรณ์ทจ่ี ำ�เปน็ : ห้องเรียน
ความรพู้ นื้ ฐาน : นักเรียนควรมีความรู้พ้ืนฐานจากการทำ�แบบฝึกหัด 1 - สำ�หรับ
ทำ�ก่อนชั่วโมงเรียน ให้นักเรียนทำ�เป็นการบ้านก่อนกิจกรรมที่ระบุ
ขา้ งล่างนี้ หรอื ในชว่ั โมงเรียนกอ่ นหน้าน้ี
วตั ถุประสงค์การเรียนรู้ :
เมอ่ื จบบทเรยี น นักเรยี นสามารถ
ความร ู้ ทักษะ เจตคติ
1. อธิบายความสมั พนั ธ์ 1. อา้ งองิ แหล่งขอ้ มูลเพ่อื สนบั สนุน 1. เข้าใจมุมมองต่างๆ ในประวตั ศิ าสตร์
ระหวา่ งผูป้ กครองกับ คำ�ตอบ ด้วยการจนิ ตนาการตนเองในสถานะ
ผู้อย่ใู ตป้ กครอง 2. ฝึกอา่ นแหล่งข้อมลู อย่างมี ผู้ปกครองและผู้อยใู่ ต้ปกครอง
ในอาณาจกั รโบราณ วิจารณญาณ 2. มีทศั นคตเิ ชิงวิพากษต์ ่อประวัติศาสตร์
2. นิยามค�ำ ศพั ทท์ ใ่ี ช้ ที่จะสร้างแรงบนั ดาลใจใหพ้ วกเขาศกึ ษา
ในแหล่งข้อมลู ขนั้ ต้น คน้ ควา้ เพม่ิ เติมต่อไป
เก่ยี วกับสถานทเ่ี หล่านี้
หนว่ ยที่ 2 ศนู ยก์ ลางอ�ำ นาจสมยั โบราณ u แผนการเรยี นรทู้ ี่ 4 ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งผปู้ กครองกบั ผอู้ ยใู่ ตป้ กครองในสมยั โบราณเปน็ อยา่ งไร
122 u ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์
ขัน้ ตอน การดำ�เนินการสอน ส่อื การเรยี นร ู้ หลักการและเหตุผล
กจิ กรรมเลอื กจดุ ยืน
เกริน่ น�ำ เลือกจุดยืน - ปา้ ยเขียนวา่ ทำ�ใหน้ ักเรยี นเข้าใจเนอ้ื หา
ของบทเรยี นโดยใหพ้ วกเขา
1. ตดิ ป้ายบนฝ่งั หนึง่ ของห้องเขียนวา่ “คมุ้ ครอง” ไดแ้ สดงความคดิ เหน็ และ
ได้เคลือ่ นไหวร่างกาย
“คุ้มครอง” และอกี ป้ายบนฝ่งั ตรงข้าม กับปา้ ยเขยี นว่า
• การสร้างเสริมคำ�ศพั ท์
เขยี นว่า “ลงโทษ” “ลงโทษ” ท�ำ ใหน้ ักเรยี นไดเ้ รียนรู้
ค�ำ ศัพท์ท่ีจ�ำ เปน็ ใน
2. ถามนักเรียนว่า “หากนักเรียน การทำ�ความเข้าใจข้อมลู
ทีต่ อ้ งอา่ นในบทเรยี นนี้
เป็นผู้ปกครองประเทศ นักเรียนจะท�ำ อยา่ งไร
ให้ผู้คนปฏิบัติตามคำ�ส่งั จะขลู่ งโทษ
หรือสัญญาว่าจะให้ความคุม้ ครอง”
3. ให้นักเรียนไปยนื ตามป้ายทต่ี รงกบั
ความเห็นของตน นักเรียนสามารถ
ยนื ตรงกลางได้หากวา่ ไม่แน่ใจ
4. ถามนักเรยี นสักสองสามคนจากแต่ละฝงั่
และตรงกลางวา่ ทำ�ไมถงึ เลือกอยา่ งนนั้
5. อธบิ ายวา่ กษัตรยิ แ์ ละราชินีในสมยั โบราณ
เผชญิ กบั ค�ำ ถามนี้เชน่ กัน ส่วนหน่งึ ให้
ความค้มุ ครอง ส่วนหนง่ึ ข่มขทู่ ่ีจะลงโทษ
และส่วนหนงึ่ ทำ�ทั้งสองอยา่ ง วนั น้ี นกั เรียน
จะได้พิจารณาสื่อการเรียนสองชุดท่ีแสดง
ใหเ้ หน็ ว่ากษตั รยิ แ์ ละราชินแี สดงให้
ประชาชนรคู้ วามตั้งใจของตนได้อย่างไร
ยกตวั อยา่ งเช่น นกั เรยี นอาจบอกว่า
การข่มข่ทู ่จี ะลงโทษนา่ จะไดผ้ ลมากกวา่
เพราะผ้คู นจะไดก้ ลวั ไม่กลา้ ทจ่ี ะไม่เชือ่ ฟงั
หรือนกั เรียนอาจคดิ ว่าการสญั ญา
ทจ่ี ะใหค้ วามคมุ้ ครองนา่ จะได้ผลกวา่
เพราะประชาชนจะจงรักภักดีแทนที่
จะตอ่ ตา้ นขัดขืน
พัฒนา 1. กิจกรรมสรา้ งเสรมิ ค�ำ ศัพท์ (15 นาที) • แบบฝกึ หดั 2 -
บทเรยี น 1.1 อธิบายกับนกั เรยี นวา่ เพ่อื ทำ� คำ�ศัพทข์ อง
ความเขา้ ใจขอ้ มูลทเ่ี ราจะพจิ ารณาในวันน้ี ผูป้ กครอง
นักเรยี นจำ�เป็นต้องเรยี นรูค้ �ำ ศัพทบ์ างค�ำ • แบบฝึกหดั 3 -
ให้นกั เรียนท�ำ แบบฝกึ หัด 2 - ค�ำ ศพั ท์ การอา่ น
ของผู้ปกครอง อยา่ งมวี จิ ารณญาณ
หนว่ ยท่ี 2 ศนู ยก์ ลางอ�ำ นาจสมยั โบราณ u แผนการเรยี นรทู้ ่ี 4 ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งผปู้ กครองกบั ผอู้ ยใู่ ตป้ กครองในสมยั โบราณเปน็ อยา่ งไร
ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์ u 123
ขนั้ ตอน การดำ�เนินการสอน สือ่ การเรยี นรู้ หลักการและเหตุผล
• กิจกรรมการอ่าน
1.2 ครอู าจตอ้ งการเพิม่ เตมิ ค�ำ ศพั ท์ • ส่ือการเรยี นรู้ 1 - โดยละเอียดทำ�ใหน้ ักเรียน
ไดค้ วามรู้เกยี่ วกบั
เขา้ ไปในแบบฝกึ หดั ดงั กล่าวดว้ ยหากมีค�ำ อื่น การถอื สัตยป์ ฏิญาณ ความสมั พันธร์ ะหว่าง
ผู้ปกครองกับผอู้ ยู่
ในสอ่ื การเรียนรู้ 1 หรือสือ่ การเรยี นรู้ 2 ต่อกษัตริยแ์ หง่ ใต้ปกครอง และได้หดั อ่าน
โดยละเอียดกนั เป็นกลมุ่
ทีน่ กั เรยี นอาจไม่ร้จู กั อาณาจักรศรวี ิชัย
การคิดทบทวนท�ำ ให้นกั เรยี น
1.3 เมอื่ ท�ำ เสร็จ นกั เรียนอาจ • สอ่ื การเรียนรู้ 2 - ได้พิจารณาทบทวนคำ�ตอบ
ในตอนแรกของตน
เปรยี บเทยี บค�ำ ตอบกบั เพ่ือนท่ีนั่งขา้ งๆ ขอ้ ตกลงจาก ในกิจกรรมเลอื กจุดยนื
โดยใช้ความร้ใู หม่จาก
1.4 เฉลยค�ำ ตอบและตอบค�ำ ถาม จดหมายเหตมุ ลายู ข้อมูลตา่ งๆ
ทีน่ กั เรยี นอาจมี
2. กิจกรรมการอา่ นโดยละเอียด (15 นาที)
2.1 แบ่งนักเรียนออกเป็นกลมุ่
กล่มุ ละ 4 - 6 คน แจกสื่อการเรยี นรู้ 1
สือ่ การเรยี นรู้ 2 และแบบฝึกหัด 3 - การอา่ น
อยา่ งมวี ิจารณญาณ
2.2 ให้เวลาท�ำ แบบฝกึ หัด 15 นาที
2.3 เดนิ ดูตามกล่มุ ตา่ งๆ เผอ่ื นักเรียน
มคี �ำ ถาม
2.4 ให้นกั เรยี นน�ำ เสนอคำ�ตอบ
ต่อเพ่ือนรว่ มชน้ั สำ�หรับบางคำ�ถาม
คำ�ตอบของนักเรยี นอาจเปน็ การคาดเดา
อยา่ งมีขอ้ มูล สำ�หรับค�ำ ถามอน่ื ๆ นกั เรียน
ควรยกขอ้ ความจากข้อมูลเพ่ือสนบั สนนุ
คำ�ตอบของตน
สรุป คดิ ทบทวน (10 นาที)
บทเรยี น 1. ใหน้ ักเรียนไปยืนตามป้าย (“คุ้มครอง”
หรือ “ลงโทษ”) ท่แี สดงถงึ อาณาจกั ร
ทตี่ นอยากจะอาศยั อยเู่ ป็นผใู้ ตป้ กครอง
2. กระตุ้นค�ำ ตอบจากนักเรยี นวา่ ท�ำ ไม
ถงึ เลอื กอยา่ งนนั้ ยกตัวอยา่ งเชน่ นกั เรยี น
อาจบอกว่าตนอยากจะอาศัยอยใู่ นท่ี
ที่จะไดร้ บั ความคุ้มครองเพราะผู้ปกครอง
หนว่ ยท่ี 2 ศนู ยก์ ลางอ�ำ นาจสมยั โบราณ u แผนการเรยี นรทู้ ี่ 4 ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งผปู้ กครองกบั ผอู้ ยใู่ ตป้ กครองในสมยั โบราณเปน็ อยา่ งไร
124 u ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์
ขน้ั ตอน การด�ำ เนินการสอน สอื่ การเรยี นร้ ู หลักการและเหตผุ ล
มหี น้าทรี่ ับผดิ ชอบดว้ ย หรอื อาจบอกวา่
อยากอาศัยอยใู่ นทที่ จ่ี ะตอ้ งถกู ลงโทษ
หากกระท�ำ ความผิดเพราะสังคมจะมี
ความเป็นระเบียบเรยี บร้อย
3. ถามนกั เรียนวา่ อาณาจกั รศรวี ิชัย
(ส่ือการเรียนรู้ 1) หรือรฐั สุลต่านมะละกา
(สอ่ื การเรยี นรู้ 2) เป็นตวั อยา่ งที่ชดั เจนของ
อาณาจักรทผี่ ู้ใตป้ กครองได้รบั ค�ำ สัญญา
ทจี่ ะไดร้ ับความคมุ้ ครองหรือวา่ ถูกข่มขู่
ที่จะถูกลงโทษ ให้นกั เรยี นอา้ งอิงข้อมลู
จากสอ่ื การเรยี นทไ่ี ด้อ่านเพอื่ สนบั สนุน
ค�ำ ตอบของตน
ยกตวั อย่างเชน่ นกั เรียนอาจบอกวา่
รัฐสลุ ต่านมะละกามลี ักษณะผสมผสาน
ระหวา่ งทง้ั สองด้าน เพราะข้อมลู บอกวา่
“อาณาจกั รจะพนิ าศ” หากคนใตป้ กครอง
ของสลุ ตา่ น “ถูกลบหลดู่ ว้ ยถอ้ ยค�ำ ทีช่ ว่ั ร้าย”
แตก่ บ็ อกดว้ ยว่าผู้อยใู่ ต้ปกครองจะถกู ลงโทษ
หาก “คดิ คดทรยศ”
การประเมินผล
ครูสามารถประเมินว่านักเรียนบรรลุตามวัตถุประสงค์การเรียนรู้ของบทเรียนหรือไม่
ด้วยการพิจารณาคำ�ตอบในช่วงการคิดทบทวนและคำ�ตอบท่ีพวกเขาเขียนลงบนกระดาษคำ�ตอบ
คำ�ศัพทข์ องผูป้ กครอง และแบบฝึกหดั กิจกรรมการอา่ นโดยละเอียด
หนว่ ยที่ 2 ศนู ยก์ ลางอ�ำ นาจสมยั โบราณ u แผนการเรยี นรทู้ ่ี 4 ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งผปู้ กครองกบั ผอู้ ยใู่ ตป้ กครองในสมยั โบราณเปน็ อยา่ งไร
ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์ u 125
หน่วยที่ 2 ศนู ย์กลางอ�ำ นาจสมัยโบราณ
แผนการเรยี นรู้ที่ 4 ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งผปู้ กครองกบั ผอู้ ยใู่ ตป้ กครองในสมยั โบราณเปน็ อยา่ งไร
ความรสู้ �ำ หรับครู ส่ือการเรยี นรู้ และแบบฝกึ หดั
สือ่ การเรียนรู้ 1 - การถอื สัตยป์ ฏญิ าณตอ่ กษัตริย์แห่งอาณาจักรศรวี ชิ ยั
นักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่เช่ือว่าคำ�จารึกน้ีถูกเขียนข้ึนในศตวรรษที่ 7 ด้วยภาษาที่เรียกว่า
มลายูเก่า ศลิ าจารึกนถ้ี กู พบในปาเลมบัง อนิ โดนีเซยี ซ่ึงเปน็ ที่ตง้ั ของอาณาจกั รศรีวชิ ยั โบราณ
นักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่เช่ือว่าข้อความน้ีเป็นส่วนหนึ่งของคำ�ถวายสัตย์ปฏิญาณต่อกษัตริย์
แห่งศรีวิชัย กษัตริย์ต้องการให้คนใต้บังคับของพระองค์ปฏิญาณที่จะทำ�ทุกอย่างตามที่
พระองคต์ อ้ งการ
“พวกเจา้ ทั้งหลาย โอรสแหง่ กษัตริย์ เสนาบดี ผสู้ ำ�เร็จราชการแผน่ ดิน ผูบ้ ญั ชาการ เจา้ ขุนนาง
อุปราช ผู้พิพากษา...มูรด์ดากา (murddhaka) หัวหน้าคนงาน ผู้คุมคนงาน สามัญชน
ผู้เช่ียวชาญอาวุธ เสนาบดี ทหาร คนงานก่อสร้าง การ์มมา (karma)...เสมียน สถาปนิก
นายเรือ พ่อคา้ กัปตนั ข้าราชบรพิ าร ขา้ ทาสของกษัตริย์ คนทง้ั ปวง จะต้องตายด้วยมนตค์ าถา
แห่งคำ�ถวายสัตย์ปฏญิ าณหากพวกเจา้ ไมจ่ งรักภักดตี อ่ ขา้ ”
[J.G. deCasparis, Prasasti Indonesia II : Selected inscriptions from the 7th to 9th century CE (Bandung,
Masa Baru, 1956)].
หนว่ ยท่ี 2 ศนู ยก์ ลางอ�ำ นาจสมยั โบราณ u แผนการเรยี นรทู้ ่ี 4 ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งผปู้ กครองกบั ผอู้ ยใู่ ตป้ กครองในสมยั โบราณเปน็ อยา่ งไร
126 u ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์
สอ่ื การเรยี นรู้ 2 - ข้อตกลงจากจดหมายเหตุมลายู
ข้างล่างนี้เป็นข้อความหน่ึงย่อหน้าจากจดหมายเหตุมลายู นักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่เช่ือว่า
เอกสารนี้เขียนข้ึนโดยราชสำ�นักของสุลต่านแห่งมะละกา ในศตวรรษท่ี 15 สุลต่านหรือ
กษตั รยิ ์ปกครองส่วนหน่ึงของมาเลเซยี ในปจั จบุ นั
“ดมี าก ขา้ เหน็ ชอบกับขอ้ ตกลงนี้ โดยท่ีท้งั สองถอื สัตยป์ ฏญิ าณว่าผู้ใดทีน่ อกลู่นอกทางไปจาก
ข้อตกลงน้ีแล้ว ก็ขอให้บ้านของมันผู้นั้นถูกพลิกควํ่าไปโดยพระผู้เป็นเจ้า ให้หลังคาลงมาอยู่ท่ี
พื้นดินและเสาเรือนพลิกกลับทิศ และพระผู้เป็นเจ้าทรงกำ�ชับผู้ปกครองมลายูในการปฏิบัติ
ตอ่ ขา้ ผอู้ ยใู่ ตป้ กครองทไี่ มว่ า่ จะกระท�ำ ความผดิ รา้ ยแรงเพยี งใดกไ็ มใ่ หม้ กี ารจบั มดั หรอื แขวนคอ
หรอื ลบหลดู่ ว้ ยถอ้ ยค�ำ ทช่ี ว่ั รา้ ย [ถกู ประจานตอ่ สาธารณะ] หากผปู้ กครองท�ำ ใหผ้ อู้ ยใู่ ตป้ กครอง
แมแ้ ตค่ นเดียวไดร้ สู้ ึกอบั อาย กจ็ ะเป็นสัญญาณวา่ อาณาจักรนัน้ จะถูกท�ำ ลายโดยพระผเู้ ปน็ เจ้า
เช่นกัน พระผู้เป็นเจ้าทรงรับสั่งต่อผู้อยู่ใต้ปกครองชาวมลายูว่าต้องไม่มีวันคิดคดทรยศต่อ
ผู้ปกครอง ตอ่ ใหผ้ ู้ปกครองประพฤติช่ัวร้ายหรือไม่เปน็ ธรรมตอ่ พวกเขาก็ตาม”
(C.C. Brown, Sejarah Melayuor Malay Annals, Journal of the Malay Branch of the Royal Asiatic Society
25, 2/3, 1952, p. 26 - 7).
หนว่ ยท่ี 2 ศนู ยก์ ลางอ�ำ นาจสมยั โบราณ u แผนการเรยี นรทู้ ี่ 4 ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งผปู้ กครองกบั ผอู้ ยใู่ ตป้ กครองในสมยั โบราณเปน็ อยา่ งไร
ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์ u 127
แบบฝกึ หัด 1
สำ�หรับท�ำ กอ่ นชัว่ โมงเรยี น
แต่เดิมมา คนจำ�นวนมากในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เช่ือว่าผู้ปกครองสามารถมีอำ�นาจได้
ก็เพราะว่ามีบุญบารมีหรืออิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ คุณสมบัติพิเศษน้ีทำ�ให้บุคคลหน่ึงมีสิทธิ
ท่ีจะปกครองเป็นหัวหน้าหรือกษัตริย์ ผู้นำ�สามารถสูญเสียสิทธิที่จะปกครองนี้ไปได้หาก
หมดบุญบารมีหรือสิ้นอิทธิฤทธ์ิไป นักประวัติศาสตร์บางส่วนเรียกผู้ปกครองเหล่านี้ว่า
“ชายผู้มีความสามารถเหนือคนอื่น” (เคยมีผู้นำ�หญิงอยู่บ้างในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สมัยโบราณ แต่ชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ส่วนใหญ่เช่ือกันมาแต่ด้ังเดิมว่าผู้ชายมีบุญญา
อภนิ ิหารมากกว่า และดงั นั้นมีผชู้ ายจึงขน้ึ มามอี ำ�นาจบอ่ ยกวา่ )
ความเช่ือด้ังเดิมน้ีที่ว่าผู้ปกครองมีบุญญาธิการผสมผสานกับความเช่ือแบบฮินดูและพุทธ
ท่ีว่าผู้นำ�เป็นเสมือนพระเจ้า ยกตัวอย่างเช่น ในชวาและกัมพูชาสมัยโบราณ กษัตริย์ถูกถือว่า
เปน็ เทวราชา ถือเป็นตวั แทนของเทพฮนิ ดูคอื พระศิวะหรือพระวษิ ณุ
ผู้ปกครองจำ�เป็นต้องมีข้าใต้อำ�นาจ ทั้งเพ่ือบารมีและเพื่อให้ทำ�งานในอาณาจักร ผู้ปกครอง
ที่มีข้าไพร่จำ�นวนมากก็จะสามารถอวดอ้างความย่ิงใหญ่ได้ แรงงานเป็นสิ่งจำ�เป็นสำ�หรับ
การสรา้ งอนสุ รณ์สถานและวัด ทำ�สงคราม และปลูกพืชผล
อย่างไรก็ตาม เอเชียตะวันออกเฉียงใต้สมัยโบราณไม่ได้มีคนมากเหมือนในสมัยปัจจุบัน
ด้วยประชากรท่ีมีไม่มากและมีท่ีดินมหาศาล ผู้คนบางคร้ังจึงโยกย้ายจากถิ่นเดิมไปต้ังรกราก
ในท่ีใหม่ ดังนั้น ผู้ปกครองจึงต้องดึงผู้อยู่ใต้ปกครองไว้ไม่ว่าจะด้วยการเอื้อเฟื้อและให้
ความคุ้มครองแก่พวกเขา หรือดว้ ยการใชก้ ำ�ลงั หรอื ข่มขใู่ หพ้ วกเขาอยู่
แบบฝึกหดั
ใช้ข้อมูลที่นักเรียนได้เรียนรู้มาวาดการ์ตูนแสดงภาพผู้ปกครองและผู้อยู่ใต้ปกครอง
ในเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใตส้ มยั โบราณ กษตั รยิ ์หรือราชินีน่าจะพูดอะไรกับชาวบา้ น ชาวบ้านน่าจะพดู
อะไรกับกษตั รยิ ห์ รอื ราชนิ ี
หนว่ ยท่ี 2 ศนู ยก์ ลางอ�ำ นาจสมยั โบราณ u แผนการเรยี นรทู้ ี่ 4 ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งผปู้ กครองกบั ผอู้ ยใู่ ตป้ กครองในสมยั โบราณเปน็ อยา่ งไร
128 u ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์
แบบฝกึ หดั 2
คำ�ศัพท์ของผูป้ กครอง
1. จับคู่คำ�ศัพทก์ ับความหมาย ใชพ้ จนานกุ รมได้ถา้ จ�ำ เปน็
1. ผูส้ �ำ เร็จราชการแผ่นดนิ ก. ผ้อู ยูใ่ ตอ้ ำ�นาจปกครองของผู้ปกครอง
2. อปุ ราช ข. ผปู้ ฏบิ ัตหิ นา้ ท่ตี ามคำ�สงั่ ของผ้ปู กครอง
3. กปั ตนั เรอื ค. จริงจัง
4. เคร่งขรึม ง. ค�ำ สัญญา
5. ปฏิญาณ จ. ข้อตกลงระหวา่ งคนหลายคน
6. ขอ้ ตกลง ฉ. พลกิ คว่ํา
7. พลกิ ช. ผูท้ ำ�หน้าท่ีปกครองแทนกษัตรยิ ์
หรือราชนิ ที ป่ี ่วยหรือยังเดก็
8. คดิ คดทรยศ ซ. ไม่จงรกั ภกั ดี
9. ไพร่ ฌ. คนควบคุมเรอื
2. แต่งประโยคหนึง่ ประโยคโดยใช้คำ�ศัพทด์ งั กลา่ วสองค�ำ
หนว่ ยท่ี 2 ศนู ยก์ ลางอ�ำ นาจสมยั โบราณ u แผนการเรยี นรทู้ ี่ 4 ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งผปู้ กครองกบั ผอู้ ยใู่ ตป้ กครองในสมยั โบราณเปน็ อยา่ งไร
ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์ u 129
แบบฝึกหัด 3
การอา่ นอย่างมวี จิ ารณญาณ
พิจารณาส่ือการเรยี นรู้ 1 แล้วตอบคำ�ถามต่อไปนี้
1. นักเรียนคิดว่า “จะต้องตายด้วยมนต์คาถาแห่งคำ�ถวายสัตย์ปฏิญาณ” หมายความว่า
อย่างไร
2. นกั เรยี นคิดว่ามกี ารกระทำ�แบบใดบ้างที่กษตั ริย์จะถือวา่ เปน็ การคดิ คดทรยศ
3. ในบรรดากลมุ่ คนทไ่ี ดร้ บั การเอย่ ถงึ มกี ลมุ่ ใดบา้ งทน่ี กั เรยี นคดิ วา่ นา่ จะเปน็ ไปไดม้ ากทส่ี ดุ
ทีจ่ ะคดิ คดทรยศต่อกษัตรยิ ์ เพราะอะไร
พิจารณาส่ือการเรียนรู้ 2 แล้วตอบคำ�ถามต่อไปนี้
1. ส่ือระบุว่าจะเกิดอะไรข้ึนต่อผู้ปกครองท่ีละเมิดข้อตกลง ตอบด้วยถ้อยคำ�ของ
นักเรยี นเอง และคดั ถ้อยค�ำ จากสอ่ื ที่สนบั สนุนค�ำ ตอบของนักเรยี น
2. ใครจะลงโทษผู้ปกครองหากเขาทำ�ให้ผู้อยู่ใต้ปกครองได้รับความอับอาย ตอบด้วย
ถ้อยค�ำ ของนกั เรียนเอง และคดั ถ้อยค�ำ จากสอื่ ทส่ี นับสนนุ คำ�ตอบของนักเรียน
3. นกั เรียนคดิ ว่าจะเกิดอะไรข้นึ หากผอู้ ยใู่ ต้ปกครองคดิ คดทรยศ
หนว่ ยท่ี 2 ศนู ยก์ ลางอ�ำ นาจสมยั โบราณ u แผนการเรยี นรทู้ ่ี 4 ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งผปู้ กครองกบั ผอู้ ยใู่ ตป้ กครองในสมยั โบราณเปน็ อยา่ งไร
130 u ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์
หน่วยท่ี 2 ศนู ย์กลางอำ�นาจสมัยโบราณ
แผนการเรียนร้ทู ี่ 5 ระบอบอ�ำ นาจสมยั โบราณมีขนาดใหญโ่ ตเพยี งใด
วชิ า : ประวัตศิ าสตร/์ สงั คมศกึ ษา
หวั ขอ้ : ระบอบอ�ำ นาจสมัยโบราณมีขนาดใหญโ่ ตเพียงใด
ระดับ : มัธยมศึกษาตอนตน้
จำ�นวนคาบ/แผนการเรยี นรู้ : 2 คาบ/1 แผนการเรียนรู้ (1 คาบ : 45 - 50 นาที)
อปุ กรณท์ ่จี �ำ เปน็ : หอ้ งเรยี น
ความร้พู ้ืนฐาน : นักเรียนควรมีความรู้พ้ืนฐานจากการทำ�แบบฝึกหัด 1 - สำ�หรับ
ทำ�ก่อนชั่วโมงเรียน ให้นักเรียนทำ�เป็นการบ้านก่อนกิจกรรมท่ีระบุ
ข้างล่างนี้ หรอื ในช่วั โมงเรยี นก่อนหนา้ นี้
วตั ถุประสงคก์ ารเรียนรู้ :
เมื่อจบบทเรยี น นักเรียนสามารถ
ความรู้ ทักษะ เจตคติ
1. แสดงความร้เู ก่ียวกบั 1. พจิ ารณาหลักฐานของทฤษฎี 1. ต้งั ค�ำ ถามกบั สมมติฐานท่ีวา่ ประเทศ/
ศิลปะและสถาปตั ยกรรม ท่ีแยง้ กนั สองทฤษฎเี ก่ยี วกับ อาณาจกั รมลี ักษณะเปน็ เนือ้ เดียวกัน
ของคนสมัยโบราณ ประวัติศาสตร์ และตัดสินใจว่าทฤษฎไี หน ในทางวัฒนธรรม
(ชาวพยู) 2. บ่มเพาะความเคารพต่อผคู้ น
น่าคลอ้ ยตามมากกวา่
2. อธิบายไดว้ า่ 2. สรา้ ง “นิสัยแบบนกั ประวตั ิศาสตร์” ในประเทศเพอ่ื นบ้านโดยพจิ ารณา
นักโบราณคดีใชห้ ลกั ฐาน ในการพจิ ารณาทศั นะของเพอ่ื นรว่ มช้นั จดุ รว่ มต่างๆ ทม่ี รี ว่ มกนั
สนบั สนนุ ทฤษฎีของตน และนำ�เสนอทัศนะของตนอย่างเป็นเหตุ
อยา่ งไร
เป็นผล และเคารพกัน
หน่วยที่ 2 ศนู ยก์ ลางอ�ำ นาจสมัยโบราณ u แผนการเรียนรทู้ ี่ 5 ระบอบอำ�นาจสมัยโบราณมขี นาดใหญ่โตเพียงใด
ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์ u 131
ขั้นตอน การด�ำ เนนิ การสอน สื่อการเรยี นร ู้ หลักการและเหตุผล
เกร่นิ น�ำ เปรยี บเทยี บเมืองต่างๆ (10 นาท)ี แบบฝกึ หดั 2 - แบบฝกึ หัด 2 - เปรียบเทยี บ
แจกแบบฝกึ หดั 2 - เปรียบเทียบเมอื งตา่ งๆ เปรยี บเทียบ เมืองต่างๆ ทำ�ให้นกั เรียน
เมืองตา่ งๆ ไดใ้ ช้ความรูท้ มี่ ีมาเดมิ
ให้นกั เรยี นท�ำ
ในการคิดเก่ยี วกบั เน้ือหา
ของบทเรยี นน้ี
พฒั นา 1. การบรรยายส้ันแบบมีการโต้ตอบ • ความรูส้ �ำ หรบั ครู 1 - • การบรรยายส้นั แบบ
บทเรยี น (10 นาที)
ครูบรรยายตามบนั ทึกส�ำ หรับครู 1 - การบรรยายสนั้ มกี ารโตต้ อบท�ำ ให้นกั เรยี น
การบรรยายส้นั แบบมีการโต้ตอบ
2. งานกลุ่ม (15 นาท)ี แบบมกี ารโตต้ อบ ไดข้ อ้ มูลทจ่ี ำ�เป็นส�ำ หรบั
2.1 แบ่งนักเรยี นออกเปน็ กล่มุ
กลุ่มละ 4 - 6 คน แจกแผนที่ 1 และ • แผนที่ 1 - การท�ำ งานกลมุ่
แผนท่ี 2 สอื่ การเรยี นรทู้ ่ี 1 - 5
และแบบฝึกหดั 3 - ปรศิ นาประวัตศิ าสตร์ แผนที่เมอื ง • การท�ำ งานกลุ่มทำ�ให้
2.2 แสดงกระบวนการหาหลักฐาน
สนับสนนุ ทฤษฎี ในอาณาจกั รพยู นกั เรียนได้พจิ ารณาหลักฐาน
ครูอาจช้ีให้เห็นวา่ ในแผนท่ี 1
เมืองตา่ งๆ มีอยู่ในช่วงเวลาทแ่ี ตกต่างกัน • แผนที่ 2 - แผนที่ ส�ำ หรบั ทฤษฎที แี่ ยง้ กัน
ซ่งึ สามารถสนบั สนุนทฤษฎี 1 แตส่ ่ือ 4
บอกว่าชาวพยู (Pyu) ย้ายเมืองหลวง แสดงอาณาจักรพยู สองทฤษฎีเกย่ี วกบั
ของตนไป ซงึ่ สนับสนุนทฤษฎี 2
2.3 ใหเ้ วลานกั เรียน 10 นาที • สอื่ การเรียนรู้ 1 - ประวัตศิ าสตรแ์ ละตดั สนิ ใจ
ในการพิจารณาขอ้ มูลต่างๆ และจดบนั ทึก
หลักฐานที่สนบั สนุนทฤษฎี 1 หรือทฤษฎี 2 ภาพโกศจากเบคธาโน วา่ ทฤษฎีไหนน่าคลอ้ ยตาม
(Beikthano) มากกวา่
• สอื่ การเรยี นรู้ 2 -
ภาพโกศจาก
อาณาจักรศรีเกษตร
(Sriksetra)
• ส่อื การเรียนรู้ 3 -
ค�ำ บรรยายของจีน
ในศตวรรษที่ 5
• ส่อื การเรยี นรู้ 4 -
คำ�บรรยายเกี่ยวกับ
เมืองหลวงของพยู
โดยชาวจนี ใน
ศตวรรษท่ี 9
(หมายเลข 1
ในแผนที่ 1)
• ส่อื การเรยี นรู้ 5
• แบบฝกึ หดั 3 -
ปริศนาประวัติศาสตร์
หนว่ ยท่ี 2 ศูนยก์ ลางอำ�นาจสมัยโบราณ u แผนการเรียนรทู้ ่ี 5 ระบอบอำ�นาจสมัยโบราณมขี นาดใหญ่โตเพียงใด
132 u ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์
ขั้นตอน การดำ�เนินการสอน สอื่ การเรยี นรู้ หลักการและเหตุผล
สรปุ นำ�เสนอทฤษฎขี องเรา (10 นาท)ี อธิบายแก่นักเรียนวา่ การนำ�เสนอทฤษฎที ำ�ให้
บทเรียน ใหต้ ัวแทนกลุ่มอธบิ ายวา่ กลุ่มตนสนับสนนุ ทฤษฎอี นั ใดอนั หนึง่ นักเรยี นได้แสดงความคิดเหน็
ทฤษฎไี หนและเพราะเหตใุ ด อาจถูกต้องกไ็ ด้ ของตน รับฟงั ความคิดเห็น
นักประวัติศาสตร์ ของคนอ่ืน และรวบรวม
ยงั ถกเถยี งกนั อยู่ สิง่ ทีไ่ ด้เรยี นรู้มา
ในเรื่องน้ี และตอนน้ี
นกั เรียนก็เปน็
ส่วนหนึ่งใน
การถกเถียงดังกล่าว
การประเมนิ ผล
ครูสามารถประเมินว่านักเรียนบรรลุตามวัตถุประสงค์การเรียนรู้ของบทเรียนหรือไม่
ด้วยการพิจารณาคำ�ตอบในแบบฝึกหัด 2 - เปรียบเทียบเมืองต่างๆ และด้วยการฟังการนำ�เสนอ
และพิจารณาจากคำ�ตอบในแบบฝึกหัด 3 - ปริศนาประวตั ศิ าสตร์
หน่วยท่ี 2 ศูนยก์ ลางอ�ำ นาจสมยั โบราณ u แผนการเรยี นรทู้ ่ี 5 ระบอบอ�ำ นาจสมัยโบราณมีขนาดใหญโ่ ตเพยี งใด
ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์ u 133
หนว่ ยท่ี 2 ศูนยก์ ลางอ�ำ นาจสมัยโบราณ
แผนการเรยี นรู้ที่ 5 ระบอบอ�ำ นาจสมัยโบราณมีขนาดใหญโ่ ตเพียงใด
ความรสู้ ำ�หรับครู สอ่ื การเรยี นรู้ และแบบฝึกหัด
ความร้สู �ำ หรับครู 1 - การบรรยายสัน้ แบบมกี ารโตต้ อบ
• ในสมัยโบราณ ไม่มีประเทศที่มีพรมแดนตายตัวเหมือนอย่างท่ีเป็นอยู่ในปัจจุบัน
มีหลายอาณาจกั รทพี่ รมแดนเปลีย่ นแปลงไปตามกาลเวลา และมีเมอื งอิสระเลก็ ๆ อยอู่ กี
• ใหน้ กั เรียนดแู ผนท่ี 1 และแผนท่ี 2
• แผนทท่ี ้งั สองนแ้ี สดงทฤษฎปี ระวัตศิ าสตร์ทีต่ ่างกันสองทฤษฎี คอื
1. ผู้คนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โบราณรวมตัวกันเป็นเมืองอิสระเล็กๆ ในช่วงเวลาต่างๆ
และ
2. ผู้คนรวมตวั เป็นอาณาจกั รใหญ่ท่ปี ระกอบด้วยเมืองต่างๆ และด�ำ รงอยมู่ าเป็นพันๆ ปี
* นักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่าชาวพยู (Pyu) ก่อต้ังอาณาจักรแห่งแรกในบริเวณน้ี
ที่ปัจจุบันเป็นประเทศเมียนมา มีซากปรักหักพังของเมืองต่างๆ ท่ีเราเห็นได้ในปัจจุบัน
นกั โบราณคดีเช่อื ว่าเมอื งเหล่าน้ถี กู สร้างขึน้ ในชว่ งระหว่างศตวรรษท่ี 1 - 9
* แต่นักประวัติศาสตร์เห็นไม่ตรงกันในเร่ืองท่ีว่าอาณาจักรพยูน้ีมีขนาดใหญ่แค่ไหนและดำ�รง
อยู่นานเพียงใด ไม่ชัดเจนว่าเมืองต่างๆ ท่ีนักโบราณคดีพบนั้นทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของ
อาณาจักรเดียวที่มีขนาดใหญ่และมีอายุยาวนาน หรือว่าเป็นเมืองอิสระเล็กๆ ท่ีมีลักษณะ
ร่วมกันบางอยา่ ง
* วันนี้ นักเรียนจะทำ�งานเป็นกลุ่มเพ่ือพิจารณาข้อมูลที่สนับสนุนทฤษฎีเหล่านี้ และนักเรียน
จะมขี ้อสรุปของตัวเอง
หน่วยท่ี 2 ศูนย์กลางอ�ำ นาจสมัยโบราณ u แผนการเรยี นร้ทู ี่ 5 ระบอบอ�ำ นาจสมัยโบราณมขี นาดใหญ่โตเพยี งใด
134 u ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์
สือ่ การเรียนรู้ 1 - ภาพโกศจากเบคธาโน (Beikthano)
(ทม่ี า : Aung Thaw, Reports of the Excavations at Beikthano, 1968, Rangoon, Ministry of Union Culture.)
ส่อื การเรียนรู้ 2 - ภาพโกศจากอาณาจกั รศรเี กษตร (Sriksetra)
(ทม่ี า : © UNESCO, 2016)
หนว่ ยที่ 2 ศนู ย์กลางอำ�นาจสมยั โบราณ u แผนการเรยี นรทู้ ่ี 5 ระบอบอ�ำ นาจสมยั โบราณมีขนาดใหญโ่ ตเพยี งใด
ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์ u 135
ส่ือการเรียนรู้ 3 - คำ�บรรยายของจีนในศตวรรษท่ี 5
“พน้ ไปจากนั้น 3,000 ลี้ ไปทางตะวันตกเฉยี งใตข้ องยุงฉลาง (Yung-ch’ang) (บริเวณทางใต้
ของจีนในปจั จบุ นั ) มีการเอ่ยถงึ ผูค้ นท่มี ีอารยธรรม ชาวเปียว… ทีเ่ จา้ และเสนาบดี พอ่ และลูก
คนแก่และหนุ่มสาว ต่างมลี �ำ ดบั ฐานันดรของตน (หมายความว่าผูค้ นมีการจัดลำ�ดบั ช้ัน)”
(G.H. Luce, The Ancient Pyu, in Fiftieth Anniversary Publications No 2, 1960,
Rangoon, Burma Research Society, p. 309).
นักประวัติศาสตร์กอร์ดอน ลูซ ท่ีตีความข้อความภาษาจีนจากศตวรรษท่ี 5 เชื่อว่าชาวพยู
รวมตัวเป็นอาณาจกั รขนาดใหญเ่ ทา่ พ้ืนท่ีสีแดงในแผนท่ี 2
ส่ือการเรียนรู้ 4 - คำ�บรรยายเก่ยี วกับเมอื งหลวงของพยู โดยชาวจีนในศตวรรษท่ี 9
(หมายเลข 1 ในแผนที่ 1)
“มีประตูสิบสองแห่งพร้อมด้วยเจดีย์ตรงมุมท้ังสี่มุม” (G.H. Luce, The Ancient Pyu,
in Fiftieth Anniversary Publications No 2, 1960, Rangoon, Burma Research
Society, p. 319).
นักประวัติศาสตร์กอร์ดอน ลูซ ที่ตีความข้อความภาษาจีนจำ�นวนมากจากศตวรรษที่ 8 - 9
เช่ือว่าอาณาจักรพยูมีการเปล่ียนแปลงสองคร้ังในช่วงเวลาน้ี เขาเช่ือว่าข้อความของชาวจีน
เป็นคำ�บรรยายเมืองพยูแห่งศรีเกษตร (Sriksetra) (หมายเลข 1 ในแผนที่ 1) ลูซไปสำ�รวจ
ศรีเกษตรและสังเกตเห็นซากประตูสบิ สองแหง่ และเจดยี ์ทง้ั ส่ีที่น่ัน
หนว่ ยที่ 2 ศนู ยก์ ลางอำ�นาจสมัยโบราณ u แผนการเรียนรูท้ ี่ 5 ระบอบอ�ำ นาจสมัยโบราณมขี นาดใหญ่โตเพียงใด
136 u ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์เบคธาโน
สอื่ การเรียนรู้ 5ช่วงเวลา
ค.ศ.
หนว่ ยที่ 2 ศูนย์กลางอำ�นาจสมัยโบราณ u แผนการเรยี นรู้ท่ี 5 ระบอบอำ�นาจสมัยโบราณมขี นาดใหญ่โตเพยี งใด
่กอนคริสตกาล ฮาลิน ศรีเกษตรา เมอื งมาว
(ช่วงเวลามาจากความคลา้ ยคลึงกับ
(คารบ์ อน 14 วันท่จี ากจารึก วตั ถใุ นโบราณสถานพยิวอน่ื ๆ)
ระบบการเขยี น และจารึกฮินดู
และพุทธ)
(ที่มา : Shah Alam Zaini, 2016)
ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์ u 137
แผนท่ี 1 - แผนทเี่ มอื งในอาณาจักรพยู
แผนทแ่ี สดงเมอื งทม่ี กี ำ�แพงลอ้ มรอบของอาณาจกั รพยู 5 แหง่ โดย 3 แหง่ เปน็ มรดกโลกทรี่ บั รอง
โดยยูเนสโกและเมืองวาดดิ (Waddi) และเมืองมาว (Mongmao) แผนท่ีนี้ควรระบุช่วงเวลา
โดยประมาณท่ีแต่ละเมืองดำ�รงอยู่ (ข้อมูลจากการตรวจหาอายุโดยใช้วิธีการหาอายุจาก
คาร์บอนกัมมนั ตรังสี (ดสู อ่ื การเรียนรู้ 5)
เมืองต่างๆ ในแผนท่ี : 1 ธิยิกิติยา (Thiyikittiya) (ศรีเกษตร), 2 เบคธาโน, 3 ฮาลิน,
4 ฮเมงมาว (Hmaingmaw) (เมอื งมาว), 5 วาดดิ (Waddi) หมายเลข 6 คือ ต�ำ แหนง่ ของพุกาม
(ทีม่ า : https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Myanmar_relief_location_map.jpg เพมิ่ เตมิ โดยผู้เขียน)
หน่วยท่ี 2 ศนู ยก์ ลางอำ�นาจสมัยโบราณ u แผนการเรียนรทู้ ่ี 5 ระบอบอำ�นาจสมยั โบราณมีขนาดใหญ่โตเพียงใด
138 u ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์
แผนท่ี 2 - แผนทีแ่ สดงอาณาจักรพยู
แผนทแ่ี สดงอาณาจกั รพยตู ามทนี่ กั ประวัตศิ าสตร์บางคนน�ำ เสนอ
(ที่มา : https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Myanmar_relief_location_map.jpg เพ่มิ เตมิ โดยผู้เขยี น)
หนว่ ยท่ี 2 ศนู ยก์ ลางอำ�นาจสมัยโบราณ u แผนการเรียนรู้ที่ 5 ระบอบอำ�นาจสมยั โบราณมขี นาดใหญโ่ ตเพยี งใด
ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์ u 139
แบบฝึกหัด 1
สำ�หรับท�ำ กอ่ นช่ัวโมงเรยี น
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตั้งอยู่ระหว่างศูนย์กลางอารยธรรมสำ�คัญสองแห่ง คือ เอเชียใต้
หรืออินเดีย และเอเชียตะวันออกหรือจีน ชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ดัดแปลงส่ิงต่างๆ
จากวฒั นธรรมอนิ เดียและจีนใหเ้ หมาะกับความต้องการท้องถิ่น
ด้วยเหตุนั้น ศิลปะและสถาปัตยกรรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จึงได้รับอิทธิพลอย่างมาก
จากฮินดูและพุทธท่ีมีต้นกำ�เนิดจากอินเดีย แต่ชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไม่ได้เพียงแต่
คัดลอกศิลปะอินเดีย แต่ว่าใช้อิทธิพลของอินเดียเพื่อสร้างลีลาทางศิลปะที่เป็นตัวของตัวเอง
ยกตัวอย่างเช่น ชาวมอญที่เคยเป็นกลุ่มอำ�นาจหลักในบริเวณท่ีเป็นประเทศไทยในปัจจุบัน
จนถึงศตวรรษที่ 12 สร้างธรรมจักรสมัยทวารวดี หินแกะสลักเหล่าน้ีแสดงถึงอิทธิพลพุทธ
จากอินเดียแต่มีลักษณะเฉพาะตัวของวัฒนธรรมมอญ ศิลปะมอญแบบใหม่น้ีต่อมาก็ได้
แพรห่ ลายไปยงั ส่วนอ่นื ๆ ของเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้
หนทางสำ�คัญอีกทางหน่ึงที่ทำ�ให้เกิดการแพร่หลายและผสมผสานวัฒนธรรมก็คือการรุกราน
ยกตัวอย่างเช่น กองทัพจีนรุกรานทางเหนือของเวียดนามในศตวรรษท่ี 2 ก่อนคริสตกาล
ผู้ปกครองชาวจีนใช้ระบบการปกครอง ระบบการเขียน และความเช่ือทางศาสนาของตน
แต่ผู้คนในตอนเหนือของเวียดนามก็ไม่ได้กลายเป็นจีน พวกเขาคงรักษาวัฒนธรรมบางอย่าง
ของตนเองไว้ และรับเอาวิถีปฏิบัติจากจีนมาบางส่วน เมื่อชาวเวียดนามทางเหนือขับไล่
กองทัพจีนออกไปได้ พวกเขาก็รักษาอิทธิพลจีนบางส่วน แต่ก็ดัดแปลงให้เข้ากับความคิด
ในทอ้ งถนิ่
หนว่ ยท่ี 2 ศูนย์กลางอำ�นาจสมยั โบราณ u แผนการเรยี นรู้ที่ 5 ระบอบอำ�นาจสมยั โบราณมีขนาดใหญโ่ ตเพยี งใด
140 u ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์
นักเรียนบันทึกสิ่งท่ีได้เรียนรู้มาเติมลงในแผนภาพนี้ เพื่อเปรียบเทียบอิทธิพลอินเดีย
ท่ีมีต่อวัฒนธรรมมอญกับอิทธิพลจีนที่มีต่อวัฒนธรรมเวียดนาม มีคำ�ตอบบางส่วนให้ไว้แล้วเพ่ือเป็น
ตัวอย่าง
ทั้งคู่
- ดัดแปลงอทิ ธิพลตา่ งชาติ
เพื่อสร้างวฒั นธรรมที่มีความเฉพาะตัว
มอญ เวยี ดนาม
- เผยแพร่ศลิ ปะของตนไปทัว่ - ถูกรุกราน
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
หน่วยที่ 2 ศนู ยก์ ลางอ�ำ นาจสมยั โบราณ u แผนการเรียนรู้ท่ี 5 ระบอบอำ�นาจสมัยโบราณมขี นาดใหญโ่ ตเพียงใด
ประวัติศาสตร์ร่วมรากอุษาคเนย์ u 141
แบบฝึกหัด 2
เปรียบเทยี บเมอื งต่างๆ
1. นึกถึงเมืองในประเทศของนักเรียนท่ีแตกต่างจากเมืองที่โรงเรียนของนักเรียนตั้งอยู่
มากทีส่ ดุ ยกตวั อย่างเชน่ หากโรงเรยี นของนกั เรยี นอยู่ในหมู่บา้ นชายฝ่งั เลก็ ๆ นกั เรียนก็อาจจะนกึ ถงึ
เมอื งขนาดใหญ่ทอี่ ยหู่ า่ งไกลทะเล : ____________________________________
ใช้ตารางขา้ งล่างน้ีในการหาความคลา้ ยคลึงระหวา่ งเมอื งของนักเรียนกบั เมอื งท่นี กั เรียน
นึกถึงข้างบน นึกถึงว่าผู้คนทำ�งานอะไร นับถือศาสนาอะไร มีเช้ือชาติอะไร พูดภาษาอะไร ฟังดนตรี
ประเภทใด รับประทานอาหารอะไร และอยใู่ นบา้ นแบบใด
ความเหมือน ความต่าง
2. คราวนล้ี องนกึ ถงึ เมอื งในประเทศเพอื่ นบา้ นท่ีคลา้ ยกบั เมอื งทโ่ี รงเรยี นของนกั เรยี นตงั้ อยู่
มากทส่ี ดุ : ___________________________
ใช้ตารางข้างล่างเพ่ือหาความเหมือนระหว่างเมืองของนักเรียนกับเมืองท่ีนึกถึงข้างต้น
นึกถึงว่าผู้คนทำ�งานอะไร นับถือศาสนาอะไร มีเชื้อชาติอะไร พูดภาษาอะไร ฟังดนตรีประเภทใด
รับประทานอาหารอะไร และอยู่ในบ้านแบบใด
ความเหมอื น ความต่าง
3. อีก 2,000 ปีข้างหน้า นักประวัติศาสตร์จะรู้ได้อย่างไรว่าเมืองที่นักเรียนพูดถึง
ในคำ�ถาม 1 อยู่ในประเทศเดียวกันกับของนักเรียน ขณะท่ีเมืองท่ีนักเรียนพูดถึงในคำ�ถาม 2 อยู่ใน
อีกประเทศหนึ่ง นึกถึงแผนท่ี ป้ายบอกทางริมถนน ธงชาติ และเงิน นักประวัติศาสตร์สามารถ
พสิ จู น์ไดอ้ ย่างไรวา่ เมืองตา่ งๆ อยหู่ รอื ไมอ่ ยู่ในประเทศเดยี วกนั
หนว่ ยที่ 2 ศูนย์กลางอำ�นาจสมัยโบราณ u แผนการเรยี นร้ทู ่ี 5 ระบอบอำ�นาจสมัยโบราณมีขนาดใหญ่โตเพยี งใด