1
หลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒
ก
คำนำ
การจัดการศึกษาเป็นกลไกสาคัญของการพัฒนาคุณภาพของประชากร ซึ่งส่งผลต่อการพัฒนา
ประเทศ ในทุกมิติ ด้วยสถานการณ์ของโลกปัจจุบันท่ีผันผวน ไม่แน่นอน สลับซับซ้อน ความคลุมเครือ และ
เปล่ียนแปลง รวดเร็วตลอดเวลา การจัดการศึกษาโดยเฉพาะในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน จึงจาเป็นต้อง
เตรียมเด็กและ เยาวชนของชาติให้เข้มแข็งและสามารถดารงอยู่ได้ท่ามกลางภาวะวิกฤติและการ
เปลี่ยนแปลงท้งั วถิ ีชีวติ และการทางาน ดังเป้าหมายการจัดการศึกษาท่ีกาหนดไว้ในแผนการศกึ ษาชาตพิ .ศ.
๒๕๖๐ – ๒๕๗๙ และมาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. ๒๕๖๑ ที่ล้วนมุ่งพัฒนา “ผลลัพธ์ที่เกิดในตัว
ผู้เรียน” กระทรวงศึกษาธิการ โดยสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน ในฐานะหน่วยงานท่ี
รบั ผิดชอบการจัดทา หลักสูตรในระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐานของชาติได้ศึกษาการจัดการศึกษาของประเทศ
ต่างๆ ที่ผู้เรียนมีผลลัพธ์การเรียนรู้ที่มีคุณภาพระดับโลก ภายใต้โครงการพัฒนาการศึกษาร่วมกับองค์การ
เพ่ือความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organisation for Economic Co-operation and
Development: OECD) และองคก์ ารยนู ิเซฟ ประเทศไทย รวมทั้งผลการศกึ ษาและวิจัยของคณะกรรมการ
อิสระเพ่ือการปฏิรูปการศึกษา ให้ข้อเสนอแนะ ว่า “การพัฒนาสมรรถนะ” เป็นทิศทางของการพัฒนา
หลักสูตรใหม่ในการพัฒนาคนให้รองรับและทันกับการเปล่ียนแปลงตอบสนองความจาเป็นและความ
ต้องการของประเทศท้งั ในปจั จบุ ันและอนาคต
กระทรวงศึกษาธิการ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการและอนุกรรมการหลายองค์คณะ เพ่ือศึกษาเอกสาร
งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง แนวปฏิบัติท่ีดีในการจัดการเรียนรู้ รวบรวมข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากทุกฝ่ายท่ี
เกี่ยวขอ้ ง ทั้งระดับนโยบายและผปู้ ฏบิ ัตเิ พื่อออกแบบและพัฒนา (รา่ ง) กรอบหลักสูตรการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช ......ระดับประถมศึกษา ซ่งึ มีองคป์ ระกอบสาคัญท่สี ร้างการเปลี่ยนแปลง คือ “สมรรถนะหลัก”
เป็นสมรรถนะท่ีต้องการพัฒนาบุคคลในฐานะมนุษย์และพลเมืองท่ีเข้มแข็ง ท่ีรู้เท่าทันการเปล่ียนแปลงท้ัง
ภายนอกและภายในตน เรียนรู้และเติบโตร่วมสร้างสรรค์การทางาน การใช้ชีวิตอย่างเห็นคุณค่า และ
ภาคภูมิ ใจในความเป็นไทยบนพ้ืนฐานความเข้าใจความแตกต่างและความหลากหลายในสังคม โดยมีความ
คาดหวังว่า (ร่าง) กรอบหลักสูตรการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช .… ระดับประถมศึกษา จะส่งเสริมให้
ผู้เรียนเกิด แรงจูงใจใฝ่เรียนรู้ในทุกย่างก้าวของเส้นทางการเรียนรู้ตลอดชีวิต และสร้างแรงบันดาลใจให้ครู
ผ้บู รหิ าร บุคลากรทางการศึกษา และผู้เก่ยี วข้องในทุกภาคส่วน ได้ทบทวนรปู แบบและวิธีการจดั การเรียนรู้
ในโรงเรียน การเปล่ียนแปลงที่เกิดจริงในห้องเรียนจะบ่งชี้ถึงการนาเป้าหมายการเรียนรู้ไปออกแบบ
กิจกรรมการเรียนรู้ และจัดประสบการณ์จริงทั้งในและนอกโรงเรียน เพื่อให้เกิดสมรรถนะสาคัญที่ติดตัวไป
ใช้ในการดารงชีวิต ส่ิงสาคัญคือ ผู้เรียนทุกคนประสบความสาเร็จในการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่าง
ตอ่ เน่อื งได้ ไม่ว่าผู้เรียนจะมีความสามารถ ภมู ิหลงั ทางสังคมและเศรษฐกิจใดๆ ก็ตาม และบรรลุผลสาเร็จนี้
ได้ดว้ ยความมงุ่ ม่นั และทางานอยา่ งมอื อาชพี ของทกุ ฝ่าย
โรงเรียนบ้านตาบา จึงได้พัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาขึ้นมา เพ่ือใช้เป็นกรอบแนวคิดในการพัฒนา
ผู้เรียนให้มีคุณลักษณะสอดคล้องกับการเปล่ียนแปลงทุกด้าน พร้อมทั้งเป็นการเตรียมเยาวชนสาหรับการ
หลกั สูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบ้านตาบา สพป.นธ. ๒
ข
เผชิญหน้ากับโลกอนาคตท่ีไม่แน่นอนต่อไป หลักสูตรสถานศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๖๕ (หลักสูตร
ฐานสมรรถนะ) สถานศึกษานาร่องพ้ืนที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดนราธิวาส โรงเรียนบ้านตาบาจึง
พัฒนาข้ึนตามแนวคิดการจัดการศึกษาฐานสมรรถนะ ซึ่งมีความแตกต่างจากหลักสูตรแกนกลางการศึกษา
ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ท่ีพัฒนาขึ้นตามแนวคิดหลักสูตรอิงมาตรฐาน ซ่ึงมีเป้าหมายเพื่อพัฒนา
ผู้เรียนทุกคนให้มีคุณภาพ โรงเรียนดาเนินการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา โดยใช้ (ร่าง) กรอบหลักสูตร
การศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน พุทธศักราช…. ระดบั ประถมศึกษา ของสานักงานคณะกรรมการ การศกึ ษาขั้นพื้นฐาน
ซึ่งเป็นหลักสูตรฐานสมรรถนะ มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาผู้เรียนทุกคนให้มีสมรรถนะหลักท่ีสาคัญจาเป็น และ
ส่งเสริมให้ผเู้ รยี นได้ บ่มเพาะ พัฒนา และต่อยอดสมรรถนะหลักและสมรรถนะอื่นเต็มตามศักยภาพ ตาม
ความจาเพาะเจาะจงของบุคคล (Personalization) ตามความเช่ือท่ีวา่ มนษุ ยม์ ีหน้าที่ในการพยายามค้นหา
ตวั เอง และเลือกสรา้ งลักษณะของตนเองตามทอ่ี ยากจะเป็น การจดั การศึกษาตามแนวคิดน้ี จึงมุ่งให้ผู้เรียน
ทบทวน พิจารณา ไตร่ตรอง ใคร่ครวญและตรวจสอบ เพ่ือให้ค้นพบและรู้จักตนเองอยู่เสมอ เพื่อพัฒนา
ศักยภาพของตนเองอย่างเปน็ องคร์ วม
ขอขอบคุณทุกฝ่ายท่ีเกี่ยวข้องทั้งระดับชาติ ชมุ ชน ครอบครัว และบุคคล ทั้งภาครัฐและเอกชน ใน
การทุ่มเทแรงกายแรงใจ เพื่อให้หลักสูตรสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๖๕ (หลักสูตรฐาน
สมรรถนะ) สถานศึกษานาร่องพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดนราธิวาส โรงเรียนบ้านตาบา มีความ
สมบูรณ์และพร้อม สาหรับการนาไปใช้ให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนาผู้เรียนได้ตามความมุ่งหวังสู่การเป็น
ประชากรทม่ี คี ณุ ภาพ อันจะเปน็ กาลังสาคญั ของการพฒั นาประเทศสู่ความรุ่งเรืองอย่างย่ังยนื สืบไป
โรงเรยี นบา้ นตาบา
หลักสตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒
สำรบญั ค
คำนำ หน้ำ
สำรบัญ ก
ส่วนที่ ๑ ขอ้ มูลพน้ื ฐำน ข
๑
๑. ขอ้ มูลทว่ั ไป ๑
๒.ขอ้ มลู นักเรยี น ๑
๓.ข้อมลู บรบิ ทสถานศึกษา ๓
๔.ขอ้ มลู ระดับชุมชน ท้องถิ่น ๗
๕.ข้อมูลบรบิ ทระดบั สานักงานเขตพืน้ ท่กี ารศกึ ษาประถมศึกษานราธิวาสเขต ๒ ๙
๖. ข้อมูลบริบทระดบั พน้ื ท่ี จงั หวัด
๗.ข้อมูลสถานการณ์ของประเทศและโลกปัจจบุ นั ๑๖
ส่วนที่ ๒ ขอบขำ่ ยของหลักสตู รฐำนสมรรถนะ ๑๘
๑. แนวคิดพื้นฐานของการพัฒนาหลักสตู ร ๒๑
๒. แนวคิดหลกั ในการพฒั นาโรงเรียนทงั้ ระบบ (School Concept) ๒๑
๓. วสิ ยั ทัศน์หลักสูตร ๒๒
๔. หลกั การของหลักสูตร ๒๒
๕. จดุ มุง่ หมายของหลักสตู ร (DOL) ๒๓
๖. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ๒๓
๗. สมรรถนะหลกั ๖ ด้าน และระดับสมรรถนะ ๑๐ ระดบั ๒๔
๘. กลุม่ สาระการเรยี นรู้ ๒๔
๙. ความสัมพันธ์ระหว่างสมรรถนะหลกั กับสาระการเรียนรู้ ๔๐
๑๐. โครงสร้างหลักสตู รสถานศกึ ษา ๔๒
๑๑. หน่วยการเรยี นรู้ ๑๒๘
๑๒.คาอธิบายรายวิชา ๑๔๐
ส่วนที่ ๓ กำรบรหิ ำรจัดกำรหลกั สูตรสถำนศึกษำฐำนสมรรถนะ ๒๑๓
ส่วนท่ี ๔ แนวทำงกำรจดั กำรเรยี นรแู้ ละกำรวดั ประเมนิ ผลกำรเรยี นรู้ฐำนสมรรถนะ ๓๗๐
๑. หลักการจัดการเรียนรู้เชงิ รุก ๓๙๒
๒. การวัดผลประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ๓๙๒
๓. เกณฑ์การจบการศกึ ษา ๓๙๕
๔. การเทยี บโอนผลการเรียน ๓๙๕
ภำคผนวก ๓๙๖
หลกั สตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒
1
ส่วนที่ ๑
ข้อมลู พน้ื ฐาน
๑. ข้อมูลทั่วไป
โรงเรยี นบ้านตาบา ตั้งอยู่หมู่ที่ ๑ ตาบลเจ๊ะเห อาเภอตากใบ จังหวดั นราธิวาส สังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ี
การศกึ ษาประถมศึกษานราธิวาส เขต ๒ รหัสไปรษณีย์ ๙๖๑๑๐ โทรศัพท์ ๐๘-๒๙๑๐-๖๓๕๙ เว็ปไชต์โรงเรียน
www.bantaba.ac.th ปัจจุบันโรงเรียนบ้านตาบามีพ้ืนที่ท้ังส้ิน ๙ ไร่ ๓ งาน ๖๘.๗ ตารางวา เปิดทาการสอน
ตั้งแต่วันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๔๙๓ เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล ๑ – ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๓ ได้จัดการศึกษา
ออกเป็น ๓ ระดับ คือ ระดับก่อนประถมศึกษา ระดับประถมศึกษา และระดับมัธยมศึกษา การจัดการเรียนการ
สอนอิสลามแบบเข้ม และมีเขตพ้ืนทบ่ี รกิ าร ๒ หมู่บ้าน ไดแ้ ก่ หมู่ท่ี ๑ บ้านตาบา และหมทู่ ่ี ๒ บ้านปูลานิบง
๒. ขอ้ มูลจำนวนนักเรียน (จาแนกตามระดับชน้ั จานวนห้องเรียน และเพศ)
๒.๑ จำนวนนกั เรยี น
ระดับชน้ั เรียน จำนวนห้อง เพศ รวม
ชำย หญิง
๑๖
อนบุ าล ๑ ๑ ๗ ๙ ๒๔
๑๗
อนบุ าล ๒ ๑ ๑๑ ๑๓ ๕๗
อนุบาล ๓ ๑ ๖ ๑๑
รวม ๓ ๒๔ ๓๓
ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ ๓ ๕๒ ๔๔ ๙๖
ประถมศึกษาปที ี่ ๒ ๓ ๔๖ ๕๑ ๙๗
ประถมศึกษาปที ี่ ๓ ๓ ๔๙ ๓๓ ๘๒
ประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ ๒ ๓๒ ๒๗ ๕๙
ประถมศกึ ษาปีท่ี ๕ ๒ ๒๕ ๓๓ ๕๘
ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ ๒ ๓๕ ๓๔ ๖๙
รวม ๑๕ ๒๓๙ ๒๒๒ ๔๖๑
มัธยมศกึ ษาปีที่ ๑ ๑ ๓o ๘ ๓๘
มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๒ ๑ ๑๑ ๗ ๑๘
มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๓ ๑ ๓ ๓ ๖
รวม ๓ ๔๔ ๑๘ ๖๒
รวมทัง้ หมด ๒๑ ๓o๗ ๒๗๓ ๕๘o
ตำรำงท่ี ๑ ข้อมูล ณ วันท่ี ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๕
หลักสตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบ้านตาบา สพป.นธ. ๒
2
๒.๒ สภำพทำงครอบครัว สังคม เศรษฐกิจ
สภาพชมุ ชนของโรงเรียน ประชากรนบั ถอื ศาสนาอิสลาม คิดเป็นร้อยละ ๑๐๐ โดยคนในชมุ ชนประกอบ
อาชีพหลากหลายได้แก่ อาชีพค้าขาย รับจ้าง ประมง และอ่ืน ๆ ซ่ึงคนส่วนใหญ่ภายในชุมชนมีฐานะปานกลาง
ฐานะทางเศรษฐกิจ/รายได้เฉลี่ยต่อปีครอบครัวละ ๕๐,๐๐๐ บาท ในด้านจารีตประเพณีและกิจกรรมสาคัญ ๆ ทาง
ศาสนาอันดีงามมาจนถึงปัจจุบัน ซ่ึงประเพณีสาคัญ ๆ ได้แก่ การกวนอาซูรอ เมาลิดดินนาบี วันฮารีรายอ เป็นต้น
ด้านภาษา ภาษาที่ใช้ในการติดต่อกันภายในชุมชน ใช้ภาษาภาลายูถ่ิน แต่จะใช้ภาษาไทยในการติดต่อราชการ
ดา้ นการศึกษาคนในชุมชนส่วนใหญม่ ีการศึกษาระดับการศึกษาภาคบงั คับ
๒.๓ ควำมต้องกำรจำเป็นของนกั เรียน
นักเรียนส่วนใหญ่มฐี านะคอ่ นข้างยากจน ขาดโอกาสทางการศกึ ษา เพอื่ ลดความเหล่ือมลา้ ทางการศกึ ษา
โรงเรียนบา้ นตาบาจึงบริการด้านส่ิงอานวยความสะดวกท่ีเอ้ือตอ่ การพัฒนาการเรียนรู้ ทง้ั ดา้ นแหลง่ เรียนรู้ภายใน
โรงเรยี น ทักษะอาชพี ให้กับนักเรยี น การเข้ารว่ มแข่งขันตา่ ง ๆ ท้ังภายในและภายนอกสถานศึกษา
เพื่อส่งเสรมิ หรือพฒั นานกั เรียนได้เรียนรู้ในทุก ๆ ด้าน
๒.๔ ควำมสนใจของนกั เรยี น
นกั เรยี นมคี วามสนใจดา้ นทักษะอาชพี ดา้ นกีฬา ด้านภาษา ดา้ นวิทยาศาสตรแ์ ละด้านเทคโนโลยี
สารสนเทศ และดา้ นศาสนา
๒.๕ ศักยภำพ ควำมสำมำรถของผูเ้ รียน ควำมถนัด ฯลฯ
ที่ รำยกำร รำงวัล หน่วยงำนจดั กำรแข่งขนั
๑ แข่งขนั การประกวดสนุ ทรพจน์ ชนะเลิศ ระดบั เหรียญทอง ศกึ ษาธิการจังหวดั นราธวิ าส
ภาษาอังกฤษ ระดบั ๑oo เต็ม สถาบันทดสอบทาง
๒ การทดสอบ I – NET ระดับ ๑oo เตม็ การศกึ ษาแหง่ ชาติ (องคก์ ร
ระดับเหรียญเงิน มหาชน)
รายวิชา อัลอคั ลาก ระดับเหรียญเงนิ มหาวทิ ยาลยั นราธวิ าส
ระดบั เหรียญเงนิ ราชนครนิ ทร์
๓ แขง่ ขนั รายการหุ่นยนตเ์ ดินตามเส้น มหาวิทยาลยั นราธิวาส
ระดับช้ันมัธยมศึกษา ราชนครินทร์
มหาวทิ ยาลัยนราธิวาส
๔ แขง่ ขนั รายการหุ่นยนตบ์ ังคบั ระยะไกล ราชนครนิ ทร์
ระดับชั้นประถมศึกษา
๕ แขง่ ขนั รายการห่นุ ยนตบ์ ังคับระยะไกล
ระดับช้นั มัธยมศึกษา
หลักสตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒
3
ที่ รำยกำร รำงวัล หนว่ ยงำนจัดกำรแข่งขนั
๖ แข่งขันรายการหนุ่ ยนตห์ ลบหลีกส่ิงกดี ระดบั เหรียญทองแดง มหาวทิ ยาลยั นราธิวาส
ราชนครินทร์
ขวาง ระดับชน้ั มัธยมศึกษา ระดบั เหรียญทองแดง มหาวทิ ยาลยั นราธวิ าส
๗ แข่งขันรายการหนุ่ ยนตห์ ลบหลีกส่งิ กีด ราชนครนิ ทร์
ระดบั เหรียญทองแดง มหาวทิ ยาลัยนราธวิ าส
ขวาง ระดับช้นั ประถมศึกษา ราชนครนิ ทร์
๘ แข่งขันรายการหุ่นยนตเ์ ดินตามเส้น
ระดับชนั้ ประถมศึกษา
ตารางท่ี ๒
๓. ข้อมูลบริบทสถานศกึ ษา
● ขอ้ มูลครู และบคุ ลากร
ตำแหนง่ เพศ รวม
ชำย หญงิ
ขา้ ราชการ ๑
- ผอู้ านวยการ -๑ ๑
- รองผอู้ านวยการ ๑- ๒๘
- ครู ๙ ๑๙ ๗
๑๖ ๑๐
พนกั งานราชการ ๖๔
วิทยากรอสิ ลามศกึ ษา ๑
บคุ ลากรโรงเรยี น -๑ ๑
-๑ ๑
- ธรุ การ ๑- ๑
- ครูขนั้ วกิ ฤติ -๑ ๑
- ครปู ระชารัฐ ๑- ๓
- ลกู จ้างชว่ั คราว ๓- ๕
- นกั การภารโรง -๕ ๕๘
- พนกั งานรักษาความปลอดภัย ๒๒ ๓๘
- แมค่ รัว
รวมทั้งหมด
ตารางท่ี ๓ ข้อมูล ณ วันท่ี ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๕
หลักสตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบ้านตาบา สพป.นธ. ๒
4
จานวนครู แบ่งตามรายวิชาเอก ดังน้ี จำนวนคน
สำขำวิชำ ๔
๕
๑. บรหิ ารการศึกษา ๑
๒. การศกึ ษาปฐมวยั ๕
๓. คณิตศาสตร์ ๒
๔. วิทยาศาสตร์ ๔
๕. ภาษาไทย ๒
๖. ภาษาอังกฤษ ๓
๗. สังคมศึกษา ๑๕
๘. พละศึกษา ๔๑
๙. อื่นๆ
รวม
ตารางท่ี ๔ ขอ้ มูล ณ วันท่ี ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๕
● ขอ้ มูล ส่อื คอมพิวเตอร์ และระบบ สารสนเทศของโรงเรียน
ท่ี ระบบสารสนเทศท่เี ก่ยี วข้องกบั นกั เรียน
๑. ระบบจัดเก็บขอ้ มูลนกั เรียนรายบุคคล (DMC)
๒. โปรแกรมระบบบริหารจัดการผลการเรียน (SchoolMis)
๓. ระบบบรหิ ารจดั การข้อมลู โรงเรยี นเรียนรวม (SET)
๔. ระบบปจั จยั พืน้ ฐานนักเรียนยากจน (CCT)
๕. โปรแกรม ปพ.5, โปรแกรม ปพ.6 และโปรแกรมประเมินกิจกรรมผ้เู รียน
ตารางท่ี ๕
ท่ี ระบบสารสนเทศท่เี กยี่ วข้องกับครู
๑. ระบบฐานข้อมูลกลาง สพฐ. (Big Data)
๒. ระบบสารสนเทศเพอื่ การบริหารการศึกษา (EMIS)
๓. ข้อมลู ครภุ ณั ฑ์ (M-OBEC)
๔. ระบบข้อมูลอาคารและสิ่งก่อสร้างโรงเรียน (B-OBEC)
ตารางท่ี ๖
หลกั สตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบ้านตาบา สพป.นธ. ๒
5
● ข้อมูลเกีย่ วกับปัจจัยพ้ืนฐานของโรงเรยี น
จานวนหอ้ งเรียนทัง้ หมด ๒๑ ห้องเรยี น
ชน้ั อ.๑ – อ.๓ = ๑ : ๑ : ๑
ช้ัน ป.๑ – ป.๖ = ๓ : ๓ : ๓ : ๒ : ๒ : ๒
ชน้ั ม.๑ – ม.๓ = ๑ : ๑ : ๑
ขอ้ มูลทรัพยำกรท่ีจำเป็น
๑) คอมพิวเตอร์ มจี านวนทั้งหมด ๓๖ เคร่อื ง
- ใชเ้ พอ่ื การเรียนการสอน ๓๐ เคร่ือง
- ใช้ลบื ค้นขอ้ มลู ทางอินเตอร์เนต็ ได้ ๓๐ เครื่อง
- ใช้ในงานบรหิ าร ๖ เครื่อง
๒) ห้องเรยี นท้ังหมด ๒๑ ห้องเรยี น
๓) ห้องทจี่ ัดไว้ใชป้ ฏบิ ตั งิ านกจิ กรรมเฉพาะมีทัง้ หมด ๗ ห้อง ไดแ้ ก่
๑) ห้องวิทยาศาสตร์
๒) หอ้ งปฏิบัติการทางภาษา
๓) หอ้ งคอมพิวเตอร์
๔) หอ้ งศลิ ปะ
๕) ห้องมลั ตมิ เี ดีย
๖) หอ้ งสมุด
๗) หอ้ ง BTB Barber (หอ้ งตัดผมชาย)
๔) พ้ืนทปี่ ฏิบตั กิ ิจกรรม/นนั ทนาการ ได้แก่ สนามกีฬา สนามเด็กเล่น และสนามบาสเกตบอล
หลักสตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒
6
ข้อมลู อาคารสถานท่ี
ท่ี แบบ สรา้ งเมื่อ งบประมาณ ขนาด/จานวน
1. อาคารเรยี น สปช.105/26 ตอ่ 2533 1,120,000 8 ห้องเรียน
เติมชน้ั ล่าง 2539 4,422,000 9 ห้อง
2. อาคารเรียน สปช. 2/28 2519 29,000 7 x 18 เมตร
3. อาคารเอนกประสงค์ 312 2528 823,000 14 x 32 เมตร
4. อาคารเอนกประสงค์แบบ สปช.
2550 300,000 7 x 30 เมตร
205/26 2528 20,000 2 ทน่ี งั่
5. อนื่ ๆ สร้างเอง 2532 50,000 4 ทน่ี ัง่
6. สว้ ม สปช.601/26 2533 90,000 4 ที่นั่ง
7. สว้ ม สปช.601/26 2541 110,000
8. สว้ ม สปช.601/26 2551 484,000 4 ทีน่ งั่ (ใชก้ ารไมไ่ ด้)
9. ส้วม สปช.601/26 2535 280,000 8 ท่นี ั่ง
10. สว้ ม สปช.604/45 2534 663,000
11. ถงั เกบ็ น้าซีเมนต์ แบบ ฝ30 (พเิ ศษ) 2558 3,483,100 4 ถัง สงู 2.4 ม.เกบ็ น้าได้ 30 ลบ.ม.
12. รว้ั โรงเรยี น ยาว 552 ม.
13. อาคารเรียนแบบ 105/29 2558 22,212.900 4 ห้องเรยี น
ปรับปรงุ 2 ชัน้ 4 ห้องเรียน ๒๕๖๒ ๕๑๐,๑๙๔ 18 หอ้ งเรยี น
(ใต้ถนุ โล่ง) ๒๕๖๒ ๓๘๗,๔๐๑
14. อาคารเรียนแบบ 318 ล./55- ตารางที่ ๗ ๔ ทนี่ ่งั
ก 4 ช้ัน 18 หอ้ งเรยี น ๔ ที่นงั่
๑๕. สว้ มนักเรียนชาย ๔ ท/่ี ๔๙
๑๖. สว้ มนักเรยี นหญิง ๔ ท/ี่ ๔๙
● แหล่งเรียนรู้ภายในโรงเรยี น
1. ลานพัฒนาการเด็กปฐมวัย
2. หอ้ งพยาบาล
3. หอ้ งสหกรณ์โรงเรียน
4. มัสยิด
5. สวนหยอ่ ม
6. บรเิ วณภายในโรงเรยี น
7. หอ้ งคอมพวิ เตอร์
8. ห้องสมดุ
๙. แปลงเกษตร
๑๐. ทีเ่ ลี้ยงไก่
หลกั สตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบ้านตาบา สพป.นธ. ๒
7
● ปญั หา และความต้องการของโรงเรียน
- ดำ้ นอำคำรสถำนที่
๑) อาคารเรียน มีแต่ไม่เพยี งพอด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เวน้
ระยะห่าง การจัดช้ันเรยี นสาคัญ
๒) ห้องส้วม ที่มีอยใู่ นสภาพท่ีทรดุ โทรม ใช้ไม่ได้ และไม่พอต่อจานวนนักเรียนท่ีเพมิ่ มากข้ึน
๓) ด้านสาธารณูปโภค ไฟฟ้า แหล่งน้าด่ืมนา้ ใช้ ไมเ่ พียงพอ แหล่งน้าดม่ื สาหรบั นักเรียนชารุดใช้การไม่ได้
● ศักยภาพของโรงเรียน
- โรงเรียนอยู่ในเขตเทศบาลเมอื ง เปน็ โรงเรียนหนา้ ด่าน การคมนาคมสะดวก แหล่งเรยี นรูน้ อกห้องเรยี น
มีหลากหลาย สามารถพฒั นาให้กา้ วหน้าจากการบรหิ ารจดั การท่ดี ี และความรว่ มมือจากทกุ ภาคสว่ น เร่มิ จาก
ภายในโรงเรยี นสภู่ ายนอกโรงเรยี น
● อัตลกั ษณ์
“สะอาด แจม่ ใส มวี นิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้”
● เอกลักษณ์
โรงเรยี นส่งเสรมิ วถิ ีอสิ ลาม
● จุดเน้นของโรงเรียน
๑. Active Learning
๒. การอา่ นออกเขยี นได้
๓. ทักษะอาชีพ
๔. ข้อมูลบรบิ ทระดบั ชุมชน ท้องถ่ิน
● สภำพชมุ ชนโดยรวม
ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม โดยคนในชุมชนประกอบอาชีพหลากหลาย ไดแ้ ก่ อาชีพคา้ ขาย
รับจ้าง ประมง และอื่นๆ ซ่ึงคนส่วนใหญ่ภายในชุมชนมีฐานะปานกลาง ในด้านจารีตประเพณีและกิจกรรม
สาคัญๆทางศาสนาอันดีงามมาจนปัจจุบัน ซ่ึงประเพณีที่สาคัญๆได้แก่ การกวนอาซูรอ เมาลิดดินนาบี วันฮารีรา
ยอ เป็นต้น ด้านภาษา ภาษาที่ใช้ในการติดต่อกันภายในชุมชน ใช้ภาษามลายูถิ่น แต่ใช้ภาษาไทยในการติดต่อ
ราชการ ดา้ นการศึกษาคนในชุมชนสว่ นใหญ่มกี ารศกึ ษาระดบั การศึกษาภาคบังคับ
● แหล่งเรียนรู้ในชมุ ชน/ท้องถิ่น
1. ตลาดนดั
2. ด่านศุลกากร
3. มัสยิด
4. โรงพยาบาล
5. สถานีตา้ รวจ
หลักสูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒
8
6. เทศบาลเมืองตากใบ
7. ทา่ จอดเรือประมง
8. กโู บร์
9. หาดเสดจ็
10. ศนู ยพ์ ิกลุ ทอง
● แนวโนม้ ปัญหาที่อาจเกดิ ขึ้น ความเปลี่ยนแปลง และการพฒั นาในอนาคต
1. ปัญหาความเหลอ่ื มล้าทางการศกึ ษา จากภาวะทางเศรษฐกิจที่คนท่ีมีฐานะระดับกลาง
จนถึงระดับสูงมีรายได้สูงข้ึน แต่คนที่มีรายได้ต่้า หาเช้ากินค่้า มีรายได้ท่ีไม่แน่นอน ความแตกต่างนี้ท้าให้คน
เหล่าน้นั มีความสามารถในการเลือกโอกาสทางการศึกษาที่แตกต่างกันใหก้ ับนักเรียน
2. ปญั หาด้านเทคโนโลยี จากปัญหาดา้ นเศรษฐกจิ ที่ทา้ ใหเ้ กดิ ปัญหาการเขา้ ถงึ เทคโนโลยที ่ี
มีความสามารถในการเรียนรู้จากส่ือต่าง ๆ ท่ีหลากหลาย ท้าให้นักเรียนที่มีความสามารถด้านเทคโนโลยีจะมี
ความสามารถทส่ี งู กว่านักเรียนทีเ่ ขา้ ถึงเทคโนโลยีได้นอ้ ยกวา่
3. ปญั หาด้านการคดิ วเิ คราะห์ สงั เคราะหใ์ นการเทคโนโลยีใหเ้ กิดประโยชน์ โดยนกั เรียน
จะมีการเลือกใช้เทคโนโลยีในการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ สามารถน้าไปใช้ต่อได้ในชีวิตประจ้าวัน รวมถึง
ความรู้ท่ีจะใช้ในอนาคตได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น นักเรียนไม่ได้ใช้เทคโนโลยีในการสืบค้นหาข้อมูลต่าง ๆ และ
ไม่ได้ใช้ให้เกิดประโยชน์ ซ่ึงนักเรียนมักจะใช้เทคโนโลยีไปกับส่ือบันเทิงเท่าน้ัน และปัญหานี้ยังท้าให้นักเรียนไม่
สามารถคิดวิเคราะห์ข่าวสารท่ีต่าง ๆ ที่มีทั้งข่าวสารท่ีจริงและข่าวสารท่ีเป็นเท็จ ท้าให้มีการแชร์ข้อมูลต่าง ๆ ที่
ไม่ได้มีการกรองความถูกต้องก่อนการแชร์ข้อมูล ส่งผลให้เกิดความไม่สงบในสังคมจากการใช้เทคโนโลยีอย่างไม่
รอบคอบ
4. ปญั หาด้านส่ือสาร จากการการใชเ้ ทคโนโลยี มีนกั เรียนมากมายท่ไี ม่ได้มีการใช้ภาษาท่ีถกู ต้องในการสื่อสาร และ
มีจ้านวนไม่น้อยท่ีไม่ได้เรียนรู้การใช้ภาษาในระดับต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับกาลเทศะ ท้าให้เกิดปัญหาท่ีการเข้าใจ
ความหมายของเน้ือหาสารทใ่ี ช้ในการส่ือสารระหว่างกนั และกัน
5. ปัญหาด้านสงั คม จากปัญหาการสือ่ สารทไ่ี มถ่ ูกตอ้ งตามกาลเทศะ ท้าให้เกดิ ปัญหาระหวา่ งกนั และกัน
ทัง้ ท่ฝี ่ายหนึ่งอาจจะไมไ่ ดส้ ่อื สารไปในทางทไี่ ม่ดี ส่งผลใหม้ คี วามบาดหมางระหวา่ งกันในสังคม
6. ปัญหาต่าง ๆ จากครอบครัว ท้ังการหย่าร้าง การให้ลูกหลานอยู่กับปู่ย่า ตายายที่ไม่สามารถดูแล
ลูกหลานอย่างถกู ต้องและเหมาะสม รวมถึงการท้ิงลูกใหก้ ับศูนย์รับเลย้ี งเด็กก้าพร้าท่ีท้าใหเ้ ดก็ เหล่าน้ัน ส่วนใหญ่
มีปัญหาขาดความอบอุ่น และเป็นปมด้อยในใจที่ท้าให้เด็กเหล่าน้ันเกิดปัญหาได้ในระยะยาว เช่น ปัญหายาเสพ
ติด โรคซึมเศร้า ปัญหาการใชค้ วามรุนแรง ทง้ั กบั ตนเองและผอู้ น่ื
7. ปัญหาการไม่ใส่ใจกับการเรียนรู้ของลูกหลานโดยปล่อยให้ครูเป็นฝ่ายสั่งสอนวิชาความรู้ให้ลูกหลาน
เพยี งฝ่ายเดียว โดยภาคกลางวันพ่อแม่วางเงินให้ลูกไปเรียนหนังสอื แล้วพอ่ แม่ออกไปหารายได้เข้าครอบครัว แต่
พอกลับมา ภาคกลางคืนพ่อแม่ก็นอนหลับโดยไม่ได้อยู่ดูแลลูก ๆ เลยก่อนจะเข้านอนหลับไป ท้าให้ลูก ๆ ขาด
ความอบอนุ่ จากครอบครวั เมื่อนักเรยี นโตข้นึ และจากบ้านไปไกล พวกเขาจะไม่ย้อนคืนกลับมาดแู ลพ่อแม่วยั ชรา
เน่ืองจากไม่เห็นความส้าคัญของการมีพ่อแม่ท่ีต้องดูแล ส่งผลให้เกิดปัญหาที่สังคมวัยชราถูกทอดทิ้งเหมือนท่ีเขา
เหลา่ น้ันไดท้ อดท้งิ ลูก ๆ ของพวกเขาในอดตี
หลักสูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒
9
8. ปัญหายาเสพติดจากการพัฒนาของสังคมที่มีการเปล่ียนแปลงไป คนบางคนไม่สามารถที่จะก้าวตาม
ความเปลี่ยนแปลงได้จึงเลือกวิธีการใช้แก้ปัญหาด้วยยาเสพติด ทั้งการค้าขายยาเสพติด เพื่อให้ตนเองมีฐานะท่ีดี
ข้นึ และการเสพยาเสพติดทต่ี ้องการจะหนปี ญั หา ออกห่างจากสงั คมของความเปน็ จริง
9. ปญั หาจากสอ่ื โซเชียลมีเดียรท์ ่ีมกี ารสร้างตัวตนข้นึ มาใหมใ่ นโลกสังคมออนไลนแ์ ละสงั คมเสมือนจรงิ ที่
กา้ ลังจะเกิดข้ึน โดยอาจจะมีนักเรยี นจา้ นวนไม่น้อยท่ีมคี วามชน่ื ชอบ เน่ืองจากสื่อเหล่านส้ี ามารถท้าให้คน ๆ น้ัน
เป็นที่สนใจ และได้รับความชื่นชอบจากคนจ้านวนมาก อาจท้าให้นักเรียนคนน้ันเลือกท่ีจะสนใจกับส่ือเหล่านี้
แลว้ เลือกทีจ่ ะทิง้ การเรียนรูภ้ ายในห้องเรยี นและโรงเรยี นที่ไมส่ ามารถตอบโจทย์ความต้องการของเขาเหล่าน้ันได้
10. ปญั หาด้านจิตใจ จากการท่ีนักเรียนหมกมุ่นอยู่กับเทคโนโลยีหรือสื่อต่าง ๆ ท้าให้นักเรียนไม่ค่อยเวลา ในการ
ออกก้าลังกาย ดูแลร่างกายให้แข็งแรง และอีกด้านของสังคมออนไลน์ มีส่ิงที่เป็นลบ ไม่ดีต่อสุขภาพร่างกายและ
จิตใจของนกั เรียน ส่งผลให้นกั เรียนเปน็ คนเกบ็ ตัว ไม่กลา้ เข้าสงั คม แลว้ อาจสง่ ผลตอ่ เป็นโรคซมึ เศรา้ ได้
จากปัญหาท่ีกล่าวมาจึงเป็นที่มาในการจัดท้าหลักสูตรสมรรถนะของโรงเรียนบ้านตาบาขึ้น เพ่ือดูแล เอาใจใส่บรรดา
นักเรียน ชมุ ชน รวมถึงการปอ้ งกันและแก้ไขปญั หาท่ีจะเกิดขึ้นในพื้นท่โี รงเรียนกับชุมชนต่อไป
๕. ข้อมูลบริบทระดับสานกั งานเขตพ้ืนทกี่ ารศกึ ษาประถมศึกษานราธวิ าส เขต ๒
ขอ้ มูลพน้ื ฐาน
ส้านักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษานราธิวาส เขต ๒ เป็นหน่วยงานในสังกัดส้านักงาน
คณะกรรมการการศึกษาขนั้ พื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ มีภารกิจหลักท่สี ้าคัญ คือ จัดการ ศึกษาในเขตพืน้ ที่ ๕
อา้ เภอ ของจังหวดั นราธิวาส ได้แก่ อ้าเภอสไุ หงโก-ลก อ้าเภอสุไหงปาดี อ้าเภอตากใบ อ้าเภอแว้ง และอ้าเภอสุ
คริ ิน โดยจัดการศึกษาในระดับต่าง ๆ ดงั น้ี
๑. จัดการศึกษาระดบั ก่อนประถมศกึ ษา
๒. จัดการศึกษาระดบั ประถมศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนตน้ ซงึ่ เปน็ การศึกษาภาคบงั คับให้เดก็ ไทยทกุ คน
สภาพภูมศิ าสตร์
ที่ต้ัง : ส้านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานราธิวาส เขต ๒ ต้ังอยู่ 38/4 หมู่ 3 ต้าบลปาเสมัส อ้าเภอสุ
ไหงโก-ลก จังหวดั นราธวิ าส หา่ งจากกรุงเทพมหานครโดยทางรถยนต์ 1,115 กโิ ลเมตร และ
ทางรถไฟ 1,116 กโิ ลเมตร และหา่ งจากพรมแดนประเทศมาเลเซยี 1 กิโลเมตร
ภมู ิประเทศ : พื้นท่ีประมาณ 2 ใน 3 เป็นปา่ และภูเขา ซึ่งมีภูเขาหนาแน่นแถบทิศตะวันตกเฉียงใต้
จดเทือกเขาสันกาลาคีรี ซึ่งเป็นแนวสันพรมแดนไทย - มาเลเซีย ลักษณะของพื้นท่ีมีความลาดเอียงจากทิศ
ตะวันตกไปสทู่ ิศตะวนั ออก พื้นที่ราบส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณตดิ กบั อา่ วไทย โดยเฉพาะอา้ เภอตากใบ และมีท่รี าบ
ลมุ่ บริเวณแม่น้า 2 สาย คือ แม่นา้ สุไหงโก-ลก และแมน่ ้าตากใบ มพี นื้ ท่พี รปุ ระมาณ 200,000 ไร่
ภูมิอากาศ : เป็นแบบมรสุมเขตร้อน แบ่งฤดูกาลออกเป็น 2 ฤดู ได้แก่ ฤดูฝน ซึ่งจะมีฝนตกชุก
ในชว่ งเดอื นพฤศจกิ ายน - มกราคม และฤดรู ้อน ซ่งึ จะอย่ใู นชว่ งระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ -เมษายน
สภาพสงั คม เศรษฐกจิ การปกครอง
สภาพสังคม : ประชากรส่วนใหญ่ร้อยละ 85 นับถือศาสนาอิสลาม การติดต่อสื่อสารใน
ชีวิตประจา้ วัน สว่ นใหญ่ใช้ภาษามลายทู ้องถิน่ และใชภ้ าษาไทยในบางส่วน
เศรษฐกิจ : รายได้ประชากรส่วนใหญ่ ข้ึนอยู่กับผลผลิตทางด้านการเกษตร และการค้า อาชีพหลัก คือ การท้า
สวนยางพารา การปลกู ผลไม้ การท้านา การท้าสวนมะพร้าว การประมง และการเล้ยี งสัตว์
หลักสูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒
10
การปกครอง : ส้านักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษานราธิวาส เขต 2 เป็นหน่วยงานการบริหารราชการ
ส่วนกลาง ที่ตั้งอยู่ในส่วนภูมิภาค มีพนื้ ที่รบั ผิดชอบ ใน 5 อ้าเภอ ได้แก่ อ้าเภอแว้ง อ้าเภอสุไหงโก-ลก อ้าเภอตากใบ อ้าเภอสุ
ไหงปาดี และอ้าเภอสุคริ ิน
สภาพการจัดการศึกษา
ส้านักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษานราธิวาส เขต 2 มีการจัดการศึกษาหลายระดับ ทั้ง
ระดับก่อนประถมศึกษา ระดับประถมศึกษา และระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ตลอดจนการจัดการศึกษาให้กับ
นักเรียนทดี่ ้อยโอกาสอีกดว้ ย ในการบริหารจัดการศึกษาในปัจจุบันประชาชนในพ้ืนที่ มีการต่ืนตัวทางการศึกษา
สงู ชมุ ชนและองคก์ รตา่ ง ๆ เขา้ มามสี ว่ นร่วมมากขน้ึ มกี ารจัดการเรยี นการสอนทส่ี อดคล้อง
กับความต้องการของท้องถิ่น ตลอดถึงการศึกษาเพื่อพัฒนาสู่อาชีพของนักเรียน ท้าให้นักเรียนมีความรู้
ความสามารถในด้านต่าง ๆ เปน็ การเพมิ่ ศกั ยภาพของนักเรียนอย่างมคี ุณภาพ
ปัญหาอุปสรรคในการบริหารจัดการศึกษา ได้แก่ การขาดแคลนครูและบุคลากรทาง การศึกษา
ความไม่ม่ันใจในความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของครูและบุคลากรทางการศึกษา สืบเนื่องมาจากปัญหา
สถานการณ์ความไมส่ งบในพนื้ ที่จงั หวดั นราธวิ าส อันมผี ลกระทบต่อการจัดการศกึ ษา
จากปัญหาอุปสรรคดังกล่าว ส้านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานราธิวาส เขต 2 มีความมุ่งมั่นที่จะ
สง่ เสริม สนับสนนุ และพฒั นาการจัดการศกึ ษา โดยก้าหนดกลยทุ ธ์และแผนปฏบิ ตั กิ าร ประจ้าปงี บประมาณ ๒๕๖๒
เพ่ือเป็นเครื่องมือในการด้าเนินงาน สอดคล้องกับนโยบายของส้านักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน
กระทรวงศึกษาธิการ ตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๔๒ และที่แก้ไข
เพม่ิ เติม ฉบับท่ี ๒ พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๕ และฉบับที่ ๓ พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๓
ท่ีต้ัง สานกั งานเขตพน้ื ท่กี ารศึกษาประถมศึกษา เขต ๒
แผนภาพที่ ๑ ทีต่ ้ังส้านักงานเขตพน้ื ที่การศึกษาประถมศึกษานราธิวาส เขต 2
หลกั สูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒
11
การพัฒนาคณุ ภาพการบริหารและการจัดการศึกษาของสานกั งานเขตพื้นท่ีการศกึ ษา
ประถมศึกษา นราธวิ าส เขต ๒ โดยใชร้ ูปแบบการบริหาร GACER Model
แผนภาพท่ี ๒ แสดงการพฒั นาคุณภาพการบริหารและการจัดการศึกษาของส้านักงานเขตพ้ืนที่การศกึ ษา
ประถมศึกษานราธิวาส เขต ๒ โดยใชร้ ูปแบบการบรหิ าร GACER Model
การพัฒนาคุณภาพในการบริหารและการจัดการศึกษา ของสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา นราธิวาส เขต 2
โดยใช้รปู แบบการบริหาร GACER Model ประกอบด้วย 6 ขน้ั ดังน้ี
ขั้นที่ 1 ม่งุ เป้า (Goals)
การพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของโรงเรียน ในสังกัดส้านักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา
ประถมศกึ ษานราธวิ าส เขต 2 มีกรอบในการก้าหนดนโยบายการบริหารการพัฒนาคุณภาพการศกึ ษาโดยมุ่งเป้า
ใน 5 ด้าน ได้แก่ ๑) ด้านคุณภาพผู้เรียน ๒) คุณภาพครู ๓) คุณภาพผู้บริหาร ๔) คุณภาพสถานศึกษา และ ๕)
คุณภาพส้านักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา การด้าเนินการให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวต้องได้รับความร่วมมือจากทุก
ภาคส่วน การพัฒนาระบบบริหารการศึกษา การเพ่ิมศักยภาพและประสิทธิภาพ การจัดการเรียนการสอนของครู และการ
ปฏิบัติงานของบุคลากรทางการศึกษา การให้ความส้าคัญต่อคณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพื้นฐาน ผู้ปกครอง
นักเรียน ชุมชนและผู้มีส่วนเก่ียวข้องในทุกภาคส่วนในการร่วมปฏิบัติภารกิจพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้บรรลุ
เป้าหมาย ดังนี้
๑) นักเรียนในวยั เรยี นทุกคนไดร้ ับโอกาสในการเรยี นอย่างมีคุณภาพ
๒) เด็กปฐมวัยมีพัฒนาการด้านร่างกาย อารมณ์จิตใจ สังคม และสติปัญญา ผ่านเกณฑ์ การ
ประเมนิ คุณภาพระดบั ๓ (ด)ี ข้นึ ไป ทง้ั ๔ ด้าน รอ้ ยละ ๗๐ ข้ึนไป
๓) นักเรียนช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๑ มีผลการประเมินความสามารถด้านการอ่านของผู้เรยี น
(Reading Test: RT) ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี ๑ สงู กวา่ ปีการศกึ ษา ๒๕๖3
หลักสตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒
12
๔) นกั เรยี นชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๓ มผี ลการประเมินคุณภาพผู้เรยี น (NT) สงู กวา่ ปกี ารศึกษา ๒๕๖3
๕) นักเรียนชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๖ มีผลการทดสอบระดับชาติ (O-NET) สงู กว่าปีการศึกษา ๒๕๖3
๖) นักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ 1 ถึง ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3 ร้อยละ 7๓ มีผลการประเมินการอ่าน คิด
วเิ คราะห์ และเขียน อยู่ในระดับดี ขน้ึ ไป
๗) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 1 ถึง ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3 ร้อยละ 8๕ มีผลการประเมิน
คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ อยู่ในระดับดี ข้ึนไป
๘) ครูมกี ารจัดการเรียนการสอนเชงิ รุก (Active Learning)
๙) ครูมีการพัฒนาวิชาชีพตนเอง ด้วยกระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ
(Professional Learning Community : PLC)
๑๐) โรงเรียนในสังกัดส้านักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามีนวัตกรรมหรือใช้วิจัยเป็นฐานในการแก้ปัญหา
นักเรียนเปน็ รายบุคคล
๑๑) โรงเรียนในสังกัดส้านักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามีรูปแบบการบริหารจัดการศึกษาตามบริบท ของ
โรงเรยี น
๑๒) โรงเรียนในสังกัดส้านักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามีวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice)
สามารถเปน็ แบบอย่างใหก้ ับโรงเรยี นอื่นได้
1๓) ส้านักงานเขตพืน้ ที่การศึกษาใชว้ ิจัยเปน็ ฐานในการพฒั นาคณุ ภาพการศึกษา
1๔) การติดตามและประเมินผลการบริหารและจัดการของส้านักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา อยู่ในระดับดี
เย่ียม
1๕) สา้ นักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษา สถานศึกษา ให้บริการแก่ผู้รบั บริการแบบจุดเดียวเบ็ดเสร็จ
(One stop service)
ข้นั ที่ 2 สรา้ งความตระหนกั รับรู้ (Awareness)
การสร้างความตระหนักรับรู้ เป็นขั้นตอนการนา้ นโยบายสู่การปฏิบัติเพ่ือพัฒนาคุณภาพการศึกษา
ตอ่ ผมู้ สี ่วนเกยี่ วขอ้ ง ดังน้ี
1) ร่วมขับเคล่ือนการพัฒนาคุณภาพการศึกษากับผู้อา้ นวยการส้านักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา
ของโรงเรียนในสังกัดและบุคลากรในส้านักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา โดยการประชุมช้ีแจงคณะท้างานระดับเขต
พน้ื ท่ี และด้าเนนิ การตามภารกิจทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย
2) ก้าหนดปฏิทินการประชุมช้ีแจงภารกิจการพัฒนาคุณภาพการศึกษาระดับเขตพื้นท่ีการศึกษา
และระดับศูนยเ์ ครอื ข่ายอา้ เภอ ตามเป้าหมายทก่ี ้าหนดไวใ้ น ข้ันที่ 1 มุ่งเป้า (Goals)
๓) ประชุมช้ีแจงสร้างการรับรู้และความตระหนักให้กับบุคลากรในส้านักงานเขตพื้นท่ี
การศึกษา เพอ่ื ใหท้ ราบเปา้ หมายของการพัฒนาคณุ ภาพการศึกษาในสว่ นทเี่ กย่ี วข้อง
๔) ประชุมชี้แจงสร้างการรับรู้และความตระหนักให้กับผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอน และบุคลากร
ทางการศึกษา ของโรงเรียนในสังกัดตามศูนย์เครือข่ายระดับอ้าเภอ เพ่ือให้ทราบเป้าหมายของการพัฒนาคุณภาพการศึกษาใน
ส่วนทเี่ กีย่ วขอ้ ง
5) ติดตามการน้านโยบายสู่การปฏิบัติของสถานศึกษาด้วยรูปแบบการลงพ้ืนท่ี การประชุมทางไกล และ
การพบปะทางช่องทางออนไลนต์ ่าง ๆ
หลกั สตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒
13
ขน้ั ที่ 3 การปฏบิ ัติแบบรว่ มมือ (Cooperative Action)
ส้านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานราธิวาส เขต 2 ได้ก้าหนดแนวปฏิบัติภารกิจ ตาม
นโยบายต่าง ๆ โดยเน้นกระบวนการปฏิบัติแบบร่วมมือที่ตอบสนองเป้าหมายของการพัฒนาคุณภาพ การศึกษา
เพื่อใหเ้ กดิ ประโยชน์กบั ผเู้ รยี น และชมุ ชน เปน็ สา้ คัญ ดงั นี้
1) แต่งตั้งผู้รับผิดชอบในแต่กลุ่มงานที่รับผิดชอบในแต่ละแผนงาน โครงการ และกิจกรรม
ต่างๆและประชุมชี้แจงรายละเอียดขั้นตอนการดา้ เนินงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายท่ีก้าหนดไว้
2) ปฏิบัติงานแบบร่วมมือภายในกลุ่มงาน ระหว่างกลุ่มงานในส้านักงานเขตพ้ืนที่การ ศึกษา
และเปิดโอกาสให้บุคคลภายนอกเข้ามาร่วมในการขับเคลื่อนการศึกษา ตามนโยบายท่ไี ด้รบั มอบหมาย
3) สรา้ งเคร่ืองมือการนิเทศ กา้ กับ ตดิ ตาม เพ่ือใช้ในการติดตามการดา้ เนินงานพัฒนาคุณภาพการศึกษา
ทั้งในสา้ นักงานเขตพื้นที่การศึกษา และโรงเรียนในสังกัด ตามนโยบาย
4) ด้าเนนิ การนเิ ทศ ก้ากับ และตดิ ตาม ตามแผนการนิเทศ ทกี่ ้าหนดไว้
5) สะท้อนผลการด้าเนินงาน ในขั้นก่อนปฏิบัติ ระหว่างปฏิบัติ และหลังการปฏิบัติตาม
ภารกจิ อยา่ งตอ่ เน่อื ง และน้าผลการดา้ เนนิ งานมาปรบั ปรงุ และพฒั นา
6) สรุปและรายงานผลการด้าเนนิ งานร่วมกนั ของผูม้ ีสว่ นเกี่ยวขอ้ ง
ข้ันที่ 4 การประเมิน (Evaluation)
ส้านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานราธิวาส เขต 2 ด้าเนินการประเมินผลการพัฒนา
คุณภาพการศึกษา โดยใช้วิธีการประเมินที่หลากหลาย เพื่อให้ครอบคลุมคุณภาพทั้ง 5 ด้าน คือ ด้านคุณภาพ
ผู้เรยี น ดา้ นคณุ ภาพครู ดา้ นคุณภาพผบู้ รหิ าร ด้านคณุ ภาพสถานศึกษา และดา้ นคณุ ภาพส้านักงานเขตพืน้ ท่ี ดังนี้
1) แตง่ ต้งั ผรู้ ับผดิ ชอบและประชุมชี้แจงจัดทา้ เครื่องมือการประเมินตามสภาพจรงิ
2) ด้าเนินงานประเมนิ ตามสภาพจริงของคณุ ภาพทงั้ 5 ดา้ น
3) ดา้ เนนิ การประเมินตามขั้นตอนที่ก้าหนดไว้
4) สะท้อนผลการประเมนิ
5) สรุปและรายงานผลการประเมิน
ขนั้ ท่ี 5 เชิดชเู กยี รติ (Reward)
ส้านักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษานราธิวาส เขต 2 เน้นการสร้างขวัญก้าลังใจและ เชิดชู
เกยี รติ ใหแ้ กบ่ ุคลากรในสังกัด โดยดา้ เนินการดังน้ี
1) แตง่ ตงั้ ผู้รับผิดชอบด้าเนินการจัดกิจกรรมเชิดชูเกียรติ เพื่อสร้างขวัญก้าลังใจให้แกบ่ ุคลากร
ในสงั กดั
2) ศึกษาแนวปฏิบัติท่ีดี ด้านคุณภาพผู้เรียน คุณภาพครู คุณภาพผู้บริหารสถานศึกษา คุณภาพ
สถานศึกษา และคณุ ภาพส้านกั งานเขตพ้นื ท่ี
3) สรุปผลการดา้ เนินงานการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ดงั นี้
3.1) นา้ เสนอข้อมูลให้ผเู้ กย่ี วข้องได้รบั ทราบ เพอื่ น้าไปในการพฒั นาคุณภาพการศึกษา
ในปีการศกึ ษาต่อไป
3.2) ยกย่องเชิดชูเกียรติโดยการมอบเกียรติบัตร โล่รางวัลให้แก่ผู้เรียน ครู ผู้บริหาร
สถานศกึ ษา และบุคลากรทางการศึกษา ในสงั กดั สา้ นกั งานเขตพื้นท่ีการศึกษา
หลกั สตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒
14
เปา้ หมายการพัฒนาคณุ ภาพในการบริหารและการจัดการศกึ ษา ของสานกั งานเขตพืน้ ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษา
นราธิวาส เขต 2 โดยใช้รปู แบบการบรหิ าร GACER Model
สา้ นักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษานราธิวาส เขต 2 โดยใช้รูปแบบการบริหาร GACER
Model เพ่ือพัฒนาคุณภาพในการบริหาร และการจัดการศึกษาให้เกิดคุณภาพที่ย่ังยืน ๕ ด้าน (Qualities : ๕ Q)
ดังน้ี
Q๑ : คณุ ภาพผเู้ รยี น (Learners Qualities)
• นกั เรียนระดบั ปฐมวยั มีพฒั นาการทัง้ ๔ ด้าน ตามวัย
• นกั เรียนมผี ลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นตามหลักสูตรสถานศึกษา
• นักเรียนมคี ณุ ลักษณะอันพงึ ประสงคแ์ ละค่านิยมท่ีดี
• นักเรียนมคี วามสามารถในการคิดวเิ คราะห์ และสามารถแกป้ ัญหาได้
• นกั เรยี นมคี วามสามารถในการอา่ น การเขยี น การส่ือสาร และการคดิ คา้ นวณ
• นักเรียนมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
• นักเรียนมีทกั ษะชีวติ ที่สามารถดา้ รงชวี ิตในสังคมได้อยา่ งมีความสขุ
• นกั เรยี นมีความสามารถในการสรา้ งนวตั กรรม มีการน้าไปใชแ้ ละเผยแพร่
• นักเรียนมีสามารถอยรู่ ว่ มกันบนความแตกต่างและความหลากหลายทางพหุวัฒนธรรม
Q๒ : คุณภาพครู (Teachers Qualities) (ปรับปัจจุบันแล้ว)
ครมู ีการบริหารจดั การผู้เรยี นโดยเน้นการมีปฏสิ ัมพนั ธ์เชงิ บวก “ครูรักเด็ก ใหเ้ ดก็ รักครู”
ครสู ามารถออกแบบการจัดการเรียนรู้ การวัดและประเมนิ ผลที่สอดคล้องกับในช่วงสถานการณ์การแพร่
ระบาดของโรคติดเช้อื ไวรัสโคโรนา (COVID-2019) และนาไปตรวจสอบการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ
ครมู ีแผนการจัดการเรียนรทู้ ส่ี อดคล้องกับหน่วยการจัดการเรียนร้ใู นหลักสตู รสถานศึกษาและนาไปใช้
ในการจัดการเรยี นรู้ได้จรงิ
ครจู ดั การเรียนรดู้ ว้ ยวิธีการเชงิ รุก (Active Learning)
ครูมนี วัตกรรมหรือใช้วจิ ยั เปน็ ฐานในการแกป้ ัญหานักเรียนเปน็ รายบุคคล
ครมู ีชุมชนแห่งการเรยี นรู้ทางวชิ าชีพ (Professional Learning Community : PLC)
ครใู ชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ และแหลง่ เรยี นรู้ในการจดั การเรยี นรู้
ครูมวี ธิ ีปฏิบตั ทิ ี่เป็นเลิศ (Best Practice) ดา้ นการจัดการเรยี นรู้ทส่ี ามารถเปน็ แบบอย่างได้
Q๓ : คุณภาพผบู้ ริหารสถานศึกษา (Administers Qualities)
• ผู้บริหาร มีเป้าหมาย วิสัยทัศน์ และพันธกิจ ที่สถานศึกษาก้าหนดชัดเจนสอดคล้องกับบริบทของ
สถานศกึ ษา ความต้องการของชุมชน นโยบายรฐั บาล แผนการศึกษาแห่งชาติเป็นไปไดแ้ ละทนั ต่อการเปลยี่ นแปลง
• ผู้บริหาร มีระบบบริหารจัดการคุณภาพของสถานศึกษาที่ชัดเจนมีประสิทธิภาพ ส่งผลต่อ
คุณภาพมาตรฐานการศกึ ษาของสถานศึกษา
• ผูบ้ รหิ าร มคี วามเปน็ ผูน้ ้าทางวชิ าการและเปน็ ผนู้ า้ การเปลย่ี นแปลง
• ผบู้ รหิ ารมคี วามรอบรู้ในภาระขอบข่ายงานของสถานศกึ ษาอย่างชัดเจน
• ผู้บริหารมีทักษะท่ีจา้ เปน็ ในการพฒั นาตนเองในศตวรรษท่ี ๒๑
หลกั สตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบ้านตาบา สพป.นธ. ๒
15
• ผู้บริหารมีวิธีปฏิบัติท่ีเป็นเลิศ (Best Practice) ด้านการบริหารและจัดการ ศึกษาที่
สามารถเปน็ แบบอย่างได้
Q๔ : คุณภาพสถานศึกษา (Schools Qualities)
• โรงเรียนจัดสภาพแวดล้อมทางกายภาพและสังคมที่เอื้อต่อการจัดการเรียนรู้อย่างมีคุณภาพ และมี
ความปลอดภัย
• โรงเรียนมีการจัดระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการและการ
จดั การเรียนรูท้ ่ีเหมาะสมกับสภาพของสถานศกึ ษา
• โรงเรียนมกี ารจัดระบบดแู ลช่วยเหลือนกั เรยี นทมี่ ีประสทิ ธิภาพ
• โรงเรยี นมจี ุดเน้น และอัตลกั ษณ์ทสี่ อดคลอ้ งตามบริบทของโรงเรียน และท้องถิน่
• โรงเรยี นมเี ครอื ข่ายการพัฒนาจากหน่วยงานองค์กรต่างๆ ทัง้ ภายในและภายนอก
• โรงเรียนมคี วามพร้อมรบั การตรวจสอบ ตดิ ตาม และการประเมนิ จากหน่วยงานต่าง ๆ
ท่ีเก่ยี วขอ้ งได้ อย่างเป็นปัจจุบัน
Q๕ : คณุ ภาพสานักงานเขตพ้ืนที่ (Area Office Qualities)
• ส้านกั งานเขตพ้นื ทก่ี ารศกึ ษาก้าหนดวสิ ยั ทัศน์ พันธกิจ กลยุทธ์ เป้าประสงค์
• ส้านกั งานเขตพนื้ ท่ีการศึกษามีการบรหิ ารจดั การท่ีทันสมัยดว้ ยเทคโนโลยีและดจิ ทิ ัล
• สา้ นกั งานเขตพื้นทีก่ ารศึกษามีการจดั เก็บขอ้ มูล สา้ หรบั ใช้ในการบริหารจดั การ
ไดอ้ ยา่ งครบถ้วนและมีคุณภาพ
• สา้ นกั งานเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษาให้การสนับสนุนการบริหารจัดการของโรงเรียนได้อย่างมีประสิทธภิ าพ
• ส้านักงานเขตพื้นที่การศึกษาให้การบริการแก่ครู และบุคลากรทางการศึกษาและผู้ท่ี
เกย่ี วขอ้ งในด้านต่างๆไดอ้ ย่างมีประสิทธภิ าพ
• สา้ นักงานเขตพื้นที่การศึกษา มกี ารนเิ ทศ ก้ากับ ตดิ ตามอย่างเปน็ ระบบและมี ประสทิ ธิภาพ
• ส้านักงานเขตพื้นที่การศึกษามีการประสานงาน และสร้างเครือข่ายกับองค์กร
หน่วยงาน ทเี่ กย่ี วขอ้ งได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ
• ส้านักงานเขตพนื้ ที่การศึกษามีการบริหารและจดั การคุณภาพการศกึ ษาทมี่ ีประสิทธภิ าพและเปน็
รูปธรรม
• ส้านกั งานเขตพื้นท่ีการศึกษาใช้วิจัยเปน็ ฐานในการพฒั นาคุณภาพการศกึ ษา
• ส้านักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา สถานศึกษา ให้บริการแก่ผู้รับบริการแบบจุดเดียว
เบ็ดเสรจ็ (One stop service)
• ส้านักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามวี ิธปี ฏบิ ัติทเี่ ป็นเลิศ (Best Practice) สามารถเปน็ แบบอย่างได้
หลกั สตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบ้านตาบา สพป.นธ. ๒
16
๖. ข้อมูลบริบทระดบั พน้ื ท่ี จังหวัดนราธวิ าส
การกาหนดอนาคตของการจัดการศึกษาในจังหวัดนราธวิ าสมปี ระเดน็ สาคัญคือการกาหนดความหมายใน
การทางานใหม่ และกาหนดบทบาทใหม่ในการทางาน โดยการปรับนโยบายให้เหมาะสมกบั พนื้ ท่ี เพ่ือ
นาไปสู่การปรบั บทบาทของผู้บรหิ าร ปรบั บทบาทในการจัดการเรยี นรู้ของครู จดั ระบบสนับสนุนการจัดการ
เรียนรขู้ องครู และให้เชื่อมโยงกบั ชุมชนโดยใหค้ นในชุมชนได้มีบทบาทร่วมในการจดั การเรยี นรู้ อนั มี
จุดมุ่งหมายสาคัญไปทสี่ มรรถนะในการเรยี นรู้ของผเู้ รยี นที่ไดค้ ณุ ภาพ มาตรฐาน ตอบโจทยช์ ุมชนและตอบ
ความยง่ั ยืนของการจดั การเรียนรูไ้ ด้
ภำพท่ี ๓ ภาพการสรา้ งความหมายใหมแ่ ละบทบาทใหมใ่ นการจดั การเรยี นรู้ของ จ.นราธวิ าส
หลกั สตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒
17
วิสัยทัศน์กำรศกึ ษำจงั หวดั นรำธิวำส
จดั การศึกษาเพื่อความรักและสันตสิ ุข
วิสยั ทัศนห์ ลกั สูตร
มุ่งพัฒนาผเู้ รียนทุกคนให้เปน็ มนษุ ยท์ ่สี มบูรณ์ มที กั ษะชีวิต ทักษะอาชีพ ทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษ
ที่ ๒๑ ดารงชีวติ บนความหลากหลายของศาสนาและวัฒนธรรมอย่างสันติสขุ
อดุ มกำรณ์หลักสูตร
สร้างพลเมืองท่ีเข้มแข็ง ท้องถน่ิ รักชาติ และมีความเปน็ พลโลก สามารถเรียนรูเ้ พอ่ื นาตนเอง สามารถสร้างงาน สรา้ ง
อาชีพ รักและภาคภูมใิ จในถน่ิ ท่ีอยู่อาศัย รักชาติ มชี ีวิตทด่ี ีบนแผ่นดนิ เกดิ
หลักกำรพฒั นำหลักสตู รฐำนสมรรถนะของจงั หวดั นรำธวิ ำส
แนวคิดหลกั ของโรงเรียนกาหนดมาจากสภาพจริงท่เี ปน็ ลกั ษณะเดน่ ของโรงเรยี นที่ก่อรปู ไปสูก่ ารมงุ่
อุดมการณท์ ่ีมาดหมาย อดุ มการณ์ คือ พนื้ ฐานความเช่ือ ความศรัทธาที่มตี ่อส่งิ ท่ีมุ่งหมาย แนวคิดหลักจะ
สะท้อนอัตลักษณ์ (ความเป็นตวั ตน) ของโรงเรียน และการมุ่งความสาเร็จพรอ้ มกัน การม่งุ ความสาเร็จจะ
ปรากฏชดั เจนทเ่ี ป้าหมาย เปา้ หมาย กาหนดโดยใชส้ มรรถนะผเู้ รยี นเปน็ ทีต่ ัง้ ซงึ่ สมรรถนะของนักเรียนมี
ความหมายต่อความสาเรจ็ ในการใช้ชีวติ การอยรู่ ่วมกบั ชุมชนและสงั คม
“จัดกำรศกึ ษำบนควำมหลำกหลำยทำงวัฒนธรรมทก่ี ลมกลงึ
ลดควำมเหลื่อมลำ้ กำรเข้ำถึงกำรศึกษำ เพอื่ สังคมสนั ตสิ ขุ ”
ภำพที่ ๔ ภาพเนือ้ หาในหลักสตู รจากความร่วมมือระหว่างสถานศึกษาและชมุ ชน
หลักสตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบ้านตาบา สพป.นธ. ๒
18
เปำ้ หมำยหลัก
๑. ผูเ้ รยี น ครู และผบู้ ริหารมคี ่านยิ ม คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ตามหลักศาสนาบนพ้นื ฐานหลกั ปรัชญา
ของเศรษฐกิจพอเพยี ง
๒. การสรา้ งพลเมืองรุ่นใหมท่ เี่ ข้มแข็งในยุคของการเปล่ียนแปลง
๓. ผู้เรียน ครูและผู้บรหิ ารเปน็ บุคคลแห่งการเรียนรู้ รู้ทันโลก กา้ วทนั เทคโนโลยีดิจิทัล และสรา้ งสรรค์
นวตั กรรมเพื่อพัฒนาคณุ ภาพชีวติ ทย่ี ง่ั ยนื โดยการมสี ่วนรว่ มของภาคเี ครือขา่ ย
๔. เยาวชนได้รบั โอกาสทางการศึกษาอย่างทวั่ ถึงและเสมอภาค
๕. การสง่ เสรมิ การใช้แหล่งเรยี นร้ใู นท้องถน่ิ และสนบั สนุนทรัพยากรและการนวตั กรรมการจัดการเรียนรู้
เพือ่ ยกระดบั คณุ ภาพการศึกษา
๖. การพัฒนานวตั กรรมในการจดั การเรยี นรู้ดว้ ยกระบวนการมสี ว่ นรว่ มของภาคเี ครอื ขา่ ย
คำ่ นิยมร่วม (Core Value) การอยรู่ ว่ มกนั บนความหลากหลายทางวัฒนธรรมอย่างกลมกลึง
๗. ขอ้ มูลสถำนกำรณ์ของประเทศและโลกปัจจุบัน
ช่วงสองทศวรรษทผ่ี ่านมานบั ตั้งแต่โลกก้าวเข้าส่ศู ตวรรษท่ี 21 เปน็ ชว่ งเวลาแห่งการเปลย่ี นแปลงและ ผนั แปรอย่าง
รวดเรว็ ของโลก การเปล่ียนแปลงต่าง ๆ เป็นผลจากการขับเคล่ือนของ 3 กระแสหลกั ซึง่ ประกอบดว้ ย
1) กระแสโลกาภิวัตน์ (Globalization) ที่หลอมรวมสังคมทง้ั โลกใหเ้ ปน็ สงั คมเดียว เช่ือมโยงโลกทัง้ ใบ
เข้าด้วยกัน ผู้คนสามารถติดต่อส่ือสารหรือเดินทางถึงกันได้ท่ัวโลกในเวลาอันรวดเร็ว 2) กระแสการพัฒนา
เทคโนโลยี (Big Bang of Technology) ท่ีมีการพัฒนาข้ึนอย่างก้าวกระโดด ก่อให้เกิดนวัตกรรมทางเทคโนโลยี
ขึน้ ในโลกอยา่ งมากมาย และทา้ ให้โลกมีการเปลีย่ นแปลงไปอยา่ งรวดเรว็ มากย่งิ ขน้ึ และ
3) กระแสความเป็นใหญ่ของเงินทุน (Financialization) ที่เงินเขา้ มามีบทบาทมากข้ึนในโลกสมัยใหม่ โลกาภิวตั น์และเทคโนโลยี
ทางการเงนิ ท้าให้เงินเป็นตัวขับเคลือ่ นโลกในแทบทุกด้าน พร้อมกบั การพฒั นารูปแบบเปน็ ดจิ ิทลั มากขึน้ (ธานินทร์
เอื้ออภิธร, 2017) 3 กระแสหลักของโลกท่ีได้กล่าวมาข้างต้นได้สร้างปรากฏการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมใน
โลกสมยั ใหม่ ทเี่ รยี กวา่ VUCA World ซ่ึงหมายถึง โลกทม่ี ีการเปลีย่ นแปลง พลกิ ผันอย่างรวดเร็ว
VUCA เป็นค้าย่อของความผันผวน (volatility) ความไม่แน่นอน (uncertainty) ความสลับซับซ้อน
(complexity) และความคลุมเครือ (ambiguity) เดิมเป็นค้าท่ีกองทัพสหรัฐอเมริกาใช้เรียกสถานการณ์ใน
สงครามที่แอฟริกาและอิรักที่สับสนและผันผวน แต่ตอนนี้ถูกน้ามาใช้อธิบายโลกปัจจุบันที่มีแต่ความสับสนและ
ผันผวน ราวกับอยู่ในสงคราม และสภาวะแวดล้อมเศรษฐกิจในปัจจุบันท่ีเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็ว (Giles,
2018)
ความเปล่ียนแปลงท่ีพลิกผัน และรวดเร็วนี้ ส่งผลให้สภาพสังคม การเมือง และเศรษฐกิจท่ีผู้คนคุ้นเคย เปลี่ยนไป
ดว้ ย กรณีท่เี ห็นชัด คอื การที่โซเชียลมีเดยี เข้ามามีผลตอ่ พฤติกรรมมนุษย์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผลต่อการเลือกตงั้ ตอ่ พฤติกรรม
หลกั สูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบ้านตาบา สพป.นธ. ๒
19
การบริโภค หรือท้าให้ธุรกิจหรืองานอาชีพบางประเภทต้องปรับตัวหรือหายไป และยังมีผลต่อเน่ืองกับอารมณ์
ความคิดและการใช้ชีวิตของคนในสังคมด้วย การเปลี่ยนแปลงน้ี อาจจะเรียกรวม ๆ ว่าเป็นการเกิดข้ึนของ
Disruption นั่นคือ สิ่งท่ีเราเคยเข้าใจ เคยเป็น เคยชิน จะเปล่ียนไปอย่างรวดเร็วไปสู่ส่ิงที่ซับซ้อน คาดเดาไม่ได้ ธุรกิจ งาน
อาชีพจ้านวนมากหายไปและเกิดข้ึนใหม่ จะเกิดการว่างงาน การฝึกฝนเรียนรู้ทักษะใหม่ และการจัดระเบียบใหม่ทางสังคม
ทา่ มกลางโลกอันผันผวน
VUCA World ถือว่าเป็น The New Normal หรือเป็นสภาวะปกติแบบใหม่ของโลกที่ผู้คนในสังคม
จา้ เป็นต้องหาเทคนิค วิธกี ารหรือเคร่ืองมือในการอยู่กับ VUCA World ให้ได้ เพื่อให้ทันหรือน้าการเปลี่ยนแปลงท่ีเกิดข้ึน
และเข้าถึงโอกาสใหม่ ๆ ที่เข้ามา ด้วยการสร้างความพร้อมในการรับมือความผันผวน ไม่แน่นอน ซับซ้อน และ
คลุมเครือใหไ้ ด้ (Namprom, 2019)
ในการรับมือกับกระแสโลกที่ผันผวน หรือ VUCA World นี้ ทุกคนต่างพุ่งเป้าไปท่ีการศึกษาซึ่งเป็นรากฐานส้าคัญ
ในการพัฒนาคน จึงเป็นความจ้าเป็นที่การศึกษาจะต้องทบทวนและปรับเปล่ียน เพื่อสร้างผู้เรียน ให้มีทักษะและ
สมรรถนะที่ส้าคัญจ้าเป็น สามารถปรับตัวให้อยู่ในสังคมโลกท่ีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว พลิกผัน ไม่แน่นอน
ซับซ้อนและคลมุ เครอื ได้ และพรอ้ มรับการเปลย่ี นแปลงในปจั จบุ นั และอนาคต
ดงั นัน้ จงึ ถึงเวลาทกี่ ารศึกษาต้องปรบั เปลีย่ นจากการให้ความส้าคญั กับความรมู้ าเป็นการให้ความส้าคัญ
กับกระบวนการคิดของผู้เรียน ซ่ึงหนึ่งในทักษะที่ถูกหยิบยกข้ึนมากล่าวถึงในการพัฒนาการคิดของผู้เรียน คือ
ทกั ษะการเรยี นรู้ตามแนวทางการพฒั นาในศตวรรษท่ี 21 (ศศิมา สุขสว่าง, 2562) ทักษะการเรียนร้ใู นศตวรรษ
ท่ี 21
กรอบการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 (Framework for 21st Century Learning) เป็นแนวคิดสา้ คัญใน
การจัดการศึกษาทไ่ี ด้ก้าหนดทักษะทีเ่ ปน็ เปา้ หมายในการพัฒนาผเู้ รยี นไว้ 3 สว่ น ประกอบด้วย
1. ทักษะด้านการเรียนรู้และนวัตกรรม คือ มีความคิดสร้างสรรค์ แก้ปัญหาเป็น ใส่ใจนวัตกรรมมีการ
สอ่ื สารทด่ี ี รูจ้ กั คดิ อย่างมวี ิจารณญาณ และมีความร่วมมอื รว่ มใจ
2. ทักษะด้านสารสนเทศ สื่อ และเทคโนโลยี คือรู้จักติดตามข้อมูลข่าวสาร รอบรู้ด้านเทคโนโลยี
สารสนเทศ รูเ้ ท่าทันสอ่ื และฉลาดในการส่อื สาร
3. ด้านชวี ติ และอาชีพ คือ มคี วามยดื หยุ่น ร้จู ักปรับตัว มภี าวะผูน้ ้า มีความคดิ ริเร่มิ ใสใ่ จตวั เอง เรียนรู้
วัฒนธรรม รู้จกั เข้าสังคม มีความขยนั หมนั่ เพยี ร รับผดิ ชอบ และร้จู ักพัฒนาตวั เอง
การส่งเสริมผูเ้ รียนตามแนวทางของศตวรรษท่ี 21 จึงตอบโจทย์ในการพัฒนาคนท่ามกลางกระแสของโลก ยุค VUCA
เพราะจะช่วยอุดช่องโหวจ่ ากผลกระทบที่อาจจะเกิดข้นึ ในการเคลื่อนตัวของกระแส VUCA ดงั น้ี
V (Volatility) คือ ความผันผวน การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว ไม่สามารถคาดเดาได้ สามารถ อุดรอยโหว่จาก
ผลกระทบนีด้ ้วยการรูจ้ ักติดตามข่าวสาร การร้เู ท่าทนั ส่ือ และการรจู้ กั ปรับตัว
U (Uncertainly) คอื ความไม่แน่นอน ยากต่อการตัดสินใจ สามารถอุดรอยโหว่จากผลกระทบน้ี ด้วย
การใชค้ วามคดิ อยา่ งมวี ิจารณญาณ และมภี าวะผู้น้ากลา้ ตดั สนิ ใจ
C (Complexity) คือ ความซับซ้อนที่มากข้ึนเร่ือย ๆ ในเชิงระบบ สามารถอุดรอยโหว่จาก ผลกระทบ
นี้ด้วยการใชป้ ระโยชน์จากนวัตกรรมและเทคโนโลยชี ่วยในการทา้ เกิดการท้างานท่งี ่ายข้ึน
หลกั สตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒
20
A (Ambiguity) คือ ความคลุมเครือไม่ชัดเจน ไม่สามารถคาดเดาผลได้ชัดเจน ซ่ึงเราสามารถอุดรอย
โหว่จากผลกระทบนี้ดว้ ยการร้จู กั สื่อสาร ฉลาดส่ือสาร และรจู้ ักทีจ่ ะท้างานแบบร่วมมือ (PlookTeacher,2562)
หลักสูตรฐานสมรรถนะทางออกของการศึกษาไทย
ในอดีตจนถึงปัจจุบัน ประเทศไทยได้จัดการศึกษาเพ่ือพัฒนาความสามารถของผู้เรียน โดยมีหลักสูตร เป็นพิมพ์
เขียวหรือกรอบในการจัดการเรียนการสอนเพ่ือพัฒนาผู้เรียนให้บรรลจุ ุดหมายทก่ี ้าหนด โดยมีรูปแบบ หลักสูตรที่
ปรับเปล่ียนไปตามบริบทในแต่ละช่วงเวลา ดังเช่น หลักสูตรประถมศึกษา พ.ศ. 2503 ซึ่งเป็นหลักสูตรที่อิง
เน้ือหา (Content-based Curriculum) ท่ีมุ่งถ่ายทอดเนื้อหาวิชาให้ผู้เรียน หลักสูตรประถมศึกษา พ.ศ. 2521
เป็นหลักสูตรบูรณาการเน้ือหา (Integrated Curriculum) ท่ีหลอมรวมเนื้อหาท่ีใกล้เคียงกันมาสอนรวมกันเป็น
กลุ่มวิชา จนมาถึงหลักสูตรการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พ.ศ. 2544 และหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พ.ศ.
2551 เป็นหลกั สตู รอิงมาตรฐาน (Standard-based Curriculum)
ทใี่ ช้มาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตัวชี้วดั เปน็ ตัวกา้ หนดคณุ ภาพ แต่ถึงแม้จะมกี ารปรับเปล่ียนรปู แบบของหลักสตู รไป
เช่นใด ผู้เรียนไทยก็ยังไม่มีคุณภาพ ตามท่ีพึงประสงค์ มีผลลัพธ์การเรียนรู้ที่ตกต้่า ดังจะเห็นได้จากผลการทดสอบ
ระดับชาติ (O–NET) และระดับนานาชาติ (PISA) รวมทั้งยังขาดคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
หลายประการ อาทิเช่น มีความรู้แต่ไม่สามารถประยุกต์ใช้ความรู้ในการท้างานหรือการด้าเนินชีวิต เรียนรู้โดยจดจ้าความรู้
จึงเข้าใจในระดับผิวเผิน ไม่รู้จักตนเอง ไม่รู้ศักยภาพและความถนัดของตนไม่เห็นคุณค่าของการเรียน และการเรียนไม่มี
ความหมายตอ่ ตนและชวี ิตของตน (คณะกรรมการอสิ ระเพ่ือการปฏริ ูปการศึกษา, 2562)
เมื่อวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดข้ึน พบว่า สาเหตุส้าคัญมาจากการจัดการเรียนการสอนและการวัด
ประเมินผลตามหลักสูตรที่ก้าหนดมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดที่อิงเน้ือหาจ้านวนมาก ท้าให้ครูมุ่งสอน และ
วัดผลตามเนื้อหาในตัวชี้วัดอีกท้ังการจัดการเรียนการสอนของครูยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ส่งผลให้ผู้เรียน มีความรู้
แต่ขาดสมรรถนะในการใช้ความรู้ ไม่สามารถน้าความรู้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตได้ จึงมีความจ้าเป็นท่ีจะต้องปรับ
หลักสูตรให้สามารถพัฒนาผู้เรียนไปในแนวทางท่ีต้องการ น่ันคือ หากต้องการผู้เรียนที่มีสมรรถนะในศตวรรษที่
21 การปรับหลักสูตรให้มุ่งสู่การพฒั นาสมรรถนะจึงเป็นความส้าคัญจ้าเปน็ อีกท้ังหลกั สูตรที่ใช้กันอย่ปู ัจจบุ ัน มีการ
ใช้ประมาณ 10 ปี แล้ว ถึงเวลาที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนเพ่ือให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคมและโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
โลกศตวรรษที่ 21 หลกั สูตรฐานสมรรถนะจะเปน็ ทางออกสา้ คัญในการพฒั นาผู้เรยี นให้พร้อมรับและมีสมรรถนะ
ท่ีจา้ เปน็ ต่อการดา้ รงชีวติ ในโลกยุค VUCA อยา่ งมีคณุ ภาพ
จะเห็นได้ว่า ทักษะที่จ้าเป็นในศตวรรษ 21 คืออาวุธช้ินส้าคัญในการพัฒนาคนในระบบการศึกษา เพ่ือ
ตอ่ กรกับกระแส VUCA ที่ก้าลังเข้ามาควบคุมโลกใบน้อี ยู่ทุกขณะ ถึงเวลาแล้วท่กี ารศึกษาไทยควรให้ความสา้ คัญ
กับการศึกษาเพ่ือการพัฒนาในศตวรรษที่ 21 อย่างจริงจัง เพราะไม่เช่นนั้นประเทศไทยจะเป็นหน่ึงในประเทศที่
ถูกกระแส VUCA กลืนกินให้หายไปจากโลกยุคใหม่ และเมื่อวันน้ันมาถึงจริง ๆ เราจะต้องสูญสลายไปโดยที่ไม่มี
เวลาแมก้ ระท่งั มานึกเสียใจทีหลงั เลยกเ็ ป็นได้
หลักสูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบ้านตาบา สพป.นธ. ๒
21
ส่วนที่ ๒
ขอบข่ายหลกั สูตรฐานสมรรถนะ
1. แนวคิดพ้ืนฐานของการพัฒนาหลักสตู ร
ความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาการด้านต่าง ๆ ของโลกในปัจจุบัน โดยเฉพาะการเปล่ียนแปลงความรู้
และเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดด ที่น้าไปสู่การเป็นสังคมดิจิทัลอย่างรวดเร็ว รวมถึงการเกิดปรากฏการณ์ส้าคัญ
ของโลก เช่น ภาวการณร์ ะบาดของเช้ือไวรสั โคโรนา ๒๐๑๙ อยา่ งรนุ แรง สง่ ผลใหท้ ุกประเทศรวมทัง้ ประเทศไทย
เกิดการเปล่ียนแปลงทางสังคม วัฒนธรรมและเศรษฐกจิ ที่กระทบวิถีชวี ิตของผู้คนอยา่ งไม่หยุดยั้ง เกิดปัญหาความ
เหล่ือมล้าทางเศรษฐกิจและสังคมที่ชัดเจนขึน้ เรอื่ ย ๆ นอกจากนั้น ผลสมั ฤทธิท์ างการศึกษายงั ไม่สะท้อนถงึ ศักยภาพของ
ผู้เรียนที่สามารถออกไปสู่สังคมและโลกของการท้างานในอนาคตได้อย่างชัดเจน จึงเป็นความส้าคัญจ้าเป็นท่ี
จะต้องปรบั ปรุงหลักสตู รการศึกษาของชาติ ซ่ึงเป็นพมิ พ์เขยี วและกลไกส้าคัญในการพัฒนาคณุ ภาพการศึกษาของ
ประเทศ ให้สอดคล้องรับกับความก้าวหน้าทางวิทยาการและการเปลี่ยนแปลงทุกด้าน เพ่ือสร้างคนไทยให้มี
คุณลักษณะที่พึงประสงค์ มีความสามารถและศักยภาพในการด้ารงชีวิต ปรับตนให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง พร้อมที่จะ
แข่งขันและร่วมมืออย่างสร้างสรรค์ในเวทีโลก กระทรวงศึกษาธิการ โดยส้านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน
จึงได้ด้าเนินงานพัฒนาหลักสูตรการศึกษาของชาติฉบับใหม่เพื่อใช้เป็นกรอบแนวคิดในการพัฒนาเยาวชนของ
ชาตใิ ห้มคี ุณลักษณะสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลก พร้อมท้ังเป็นการเตรียมเยาชนสา้ หรับการเผชิญหน้า
กบั โลกอนาคตที่ไม่แนน่ อนต่อไป
หลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะ น้ีได้พัฒนาขึ้นตามแนวคิดการจัดการศึกษาฐานสมรรถนะ ซ่ึงมีความ
แตกต่างจากหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ท่ีพัฒนาขึ้นตามแนวคิดหลักสูตรอิงมาตรฐาน ซ่ึงมี
เป้าหมายเพ่ือพัฒนาผู้เรียนทุกคนให้มีคุณภาพอย่างน้อยตามที่มาตรฐานก้าหนด ส่วนหลักสูตรฐานสมรรถนะ มี
เป้าหมายเพื่อพัฒนาผู้เรียนทุกคนให้มีสมรรถนะหลักที่ส้าคัญจ้าเป็น และส่งเสริมให้ผู้เรียนได้บ่มเพาะ พัฒนา
และต่อยอดสมรรถนะหลักและสมรรถนะอ่ืนได้ เต็มตามศักยภาพ ตามความจ้าเพาะเจาะจงของบุคคล
(Personalization) ตามความเชื่อที่ว่ามนุษย์มีหน้าที่ในการพยายามค้นหาตัวเอง และเลือกสร้างลักษณะของตนเอง
ตามที่อยากจะเป็น การจัดการศึกษาตามแนวคิดนี้จึงมุ่งให้ผู้เรียนทบทวน พิจารณา ไตร่ตรอง ใคร่ครวญ และตรวจสอบ
เพื่อใหค้ ้นพบและรจู้ กั ตนเองอยู่เสมอ เพ่อื พัฒนาศกั ยภาพของตนเองอย่างเปน็ องคร์ วม
นอกจากนี้ กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศจัดต้ังพ้ืนท่ีนวัตกรรมการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วย
จังหวัดปัตตานี จังหวัดนราธิวาส และจังหวัดยะลา ตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ ประกาศ ณ วันที่ ๒
ตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๑ เพื่อให้มีกลไกขับเคล่ือนการศึกษาท่ีเข้มแข็งและมีหน่วยงานภายนอกเข้าไปร่วมพัฒนานวัตกรรมการ
เรียนการสอนและการบริหารให้ประสบความสาเร็จอย่างยั่งยืน ท้งั นี้ สง่ เสริมใหส้ ถานศกึ ษามีอิสระในการจดั หลักสูตร
การจัดการเรียนรู้ การบริหารจัดการท่ีคล่องตัว ให้ครูใช้เวลาในการพัฒนานักเรียนอย่างเต็มท่ี ครูและบุคลากร
ทางการศกึ ษาได้รบั การพัฒนาให้มีคุณภาพสงู มีการคิดคน้ พัฒนานวัตกรรมการศึกษาที่เหมาะสมกับบริบทและสามารถ
ขยายวิธีปฏิบัติท่ีดี มีประสิทธิภาพของสถานศึกษาในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา ไปยังสถานศึกษาในพ้ืนที่อ่ืนได้
จากนั้น วันท่ี ๓๐ เมษายน ๒๕๖๒ ราชกจิ จานุเบกษา ไดป้ ระกาศพระราชบัญญัติพน้ื ท่ีนวัตกรรมการศกึ ษา พ.ศ.
๒๕๖๒ เพ่ือพัฒนาการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานอันเป็นรากฐานสาคัญของการพัฒนาคนไทย ให้มีคุณภาพ มีความใฝ่รู้ มี
ความคิดสร้างสรรค์ มีความสามารถในการส่ือสาร สามารถอยู่และทางานร่วมกับผู้อ่ืนซ่ึงมี ความแตกต่างหลากหลายได้
หลกั สตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบ้านตาบา สพป.นธ. ๒
22
มีความรเู้ ท่าทันได้ และมีทกั ษะในการประกอบอาชีพตามความถนัดของผู้เรยี นแต่ละคน และให้รฐั องค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ร่วมกันพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพ และลดความเหล่ือมล้าใน
การจัดการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐานได้อย่างแทจ้ ริง ท้งั นี้ พระราชบัญญัติพื้นท่ีนวัตกรรมการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๒ มาตรา
๒๐ (๔) กาหนดให้คณะกรรมการขับเคลื่อนพื้นที่นวัตกรรมการศึกษามีบทบาทและหน้าที่ นาหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาข้ันพื้นฐานตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติไปปรับใช้กับการจัดการศึกษาในสถานศึกษานาร่องให้เหมาะสม
กับพ้ืนที่นวตั กรรมการศกึ ษา และมาตรา ๒๕ กาหนดให้ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐานทีไ่ ดร้ ับการปรับเพื่อ
นาไปใชต้ ามมาตรา ๒๐ (๔) ตอ้ งครอบคลมุ สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์และมาตรฐาน
การเรยี นรู้ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน ตามกฎหมายวา่ ด้วยการศึกษาแห่งชาติ โดยต้องจดั สาระ
การเรียนรู้รายวชิ าให้หลากหลายและสอดคล้องกับความสามารถ ความถนดั หรือความสนใจของผู้เรียน และสภาพภูมิ
สังคม (พระราชบัญญตั พิ ืน้ ทน่ี วัตกรรมการศึกษา พ.ศ.๒๕๖๔ : หนา้ ๑๑๐ – ๑๑๔)
ดงั นั้น โรงเรียนบา้ นตาบา จึงได้พัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาขึ้นมา เพื่อใช้เป็นกรอบแนวคิดในการพัฒนาผู้เรียนให้
มคี ุณลักษณะสอดคล้องกบั การเปลี่ยนแปลงทุกด้าน พร้อมท้ังเปน็ การเตรยี มเยาวชนส้าหรับการเผชิญหน้ากบั โลกอนาคตที่ไม่
แน่นอนต่อไป หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนบ้านตาบา พัฒนาข้ึนตามแนวคิดการจัดการศึกษาฐานสมรรถนะ ซึ่งมี
ความแตกต่างจากหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ที่พัฒนาข้นึ ตามแนวคิดหลักสูตร
อิงมาตรฐาน ซึ่งมเี ป้าหมายเพอ่ื พฒั นาผู้เรียนทกุ คนใหม้ คี ุณภาพ
๒. แนวคดิ หลกั ในการพฒั นาโรงเรยี นทัง้ ระบบ (School Concept) ของสถานศึกษา
School Concept : โรงเรียนแห่งกำรสรำ้ งผู้ประกอบกำรรุ่นใหม่ในพ้ืนท่ีแห่งควำมสัมพันธ์ระหวำ่ งชำยแดน
ผูป้ ระกอบกำรรนุ่ ใหม่ หมายถึง ผู้ทีม่ คี วามคดิ ใหม่ๆ รเิ ร่ิม สรา้ งสรรค์ ความสามารถในการคน้ หาโอกาส
ให้กับตนเอง ในดา้ นการประกอบธุรกิจต่างๆ และใช้โอกาสนัน้ ผลติ สินคา้ และบริการ เพื่อส่กู ารเป็นเจ้าของ
กจิ การ
ควำมสัมพนั ธร์ ะหว่ำงชำยแดน หมายถึง การติดต่อสื่อสาร ทอี่ ยู่บนพน้ื ฐานตามหลักการอิสลาม
๓. วสิ ยั ทัศน์ของสถานศกึ ษา
โรงเรียนมคี ณุ ภาพและโดดเด่น จดั การเรยี นการสอนยึดผู้เรียนเป็นสาคญั โดยน้อมนาหลักปรชั ญาของ
เศรษฐกิจพอเพียงและหลักศาสนา เป็นองคก์ ารแหง่ การเรียนรู้ มงุ่ สรา้ งสรรค์นวัตกรรมทางการศกึ ษา
๔. พันธกิจของสถำนศกึ ษำ
๑. สง่ เสรมิ และพัฒนาโรงเรยี นใหม้ คี ุณภาพและโดดเด่น โดยยึดผูเ้ รียนเป็นสาคญั
๒. น้อมนาหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งและหลกั ศาสนาสกู่ ารจดั การเรียนการสอนและการบรหิ ารจัดการ
๓. พัฒนาโรงเรียนสอู่ งค์การแหง่ การเรยี นรู้
๔. สนบั สนนุ ใหค้ รู บคุ ลากรและนักเรยี นสร้างสรรคน์ วัตกรรมทางการศึกษา
หลักสูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒
23
๕. อตั ลกั ษณ์
สะอาด แจม่ ใส มวี นิ ัย ใฝ่เรยี นรู้
๖. เอกลกั ษณ์
โรงเรยี นส่งเสริมวถิ ีอสิ ลาม
๗. หลกั การของหลักสตู ร
โรงเรยี นบา้ นตาบา ไดก้ า้ หนดหลกั การของหลกั สตู ร ไว้ดังน้ี
1. เป็นหลักสูตรที่มีเป้าหมายในการพัฒนาสมรรถนะของผู้เรียนที่เหมาะสมตามช่วงวัย เน้นการพัฒนา ผู้เรียน
รายบุคคล (Personalization) อย่างเปน็ องค์รวม (Holistic Development) เพือ่ การเป็นเจ้าของการเรียนรู้และพัฒนา
ตนเองอย่างตอ่ เนื่อง (Life-Long Learning)
2. เป็นหลักสูตรที่เช่ือมโยงระหว่างสมรรถนะหลักและสมรรถนะเฉพาะในการก้าหนดผลลัพธ์การเรียนรู้ (Learning
Outcome) เพอื่ การพฒั นาผเู้ รียนใหส้ ามารถน้าไปใชป้ ระโยชนใ์ นชีวิตและการท้างาน
3. เป็นหลักสูตรที่จัดสภาพแวดล้อมและเส้นทางการเรียนรู้ (Learning Pathway) ท่ีหลากหลาย และ
ระบบสนบั สนนุ การเรียนร้ทู ่ีสอดคลอ้ งกับพหุปัญญาและธรรมชาติของผเู้ รยี น
4. เป็นหลกั สูตรที่มีกระบวนการจดั การเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) การใช้ส่ือและสถานการณ์การ
เรียนรู้ร่วมสมัย มีความหลากหลาย และยืดหยุ่น ตามความสนใจ ความถนัดของผู้เรียน (Differentiated
Instruction) บรบิ ท จดุ เน้นของสถานศึกษา และชุมชนแวดล้อม
5. เป็นหลักสูตรที่มุ่งใช้การประเมินเพื่อการพัฒนาการเรียนรู้และสะท้อนสมรรถนะของผู้เรียน ตาม
เกณฑ์การปฏิบัติ (Performance) ท่ีเป็นธรรม เช่ือถือได้ เอื้อต่อการถ่ายโยงการเรียนรู้และพัฒนาในระดับ ท่ีสูงข้ึน
ตามระดบั ความสามารถ
๘. จดุ มงุ่ หมายของหลักสูตร
การพฒั นาผู้เรียนตามหลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะของโรงเรียนบา้ นตาบา มีจดุ มุ่งหมายเพ่ือพัฒนาให้ผูเ้ รียนให้
มคี ุณลักษณะ ดงั นี้
1. รู้จักรัก เห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่น จัดการอารมณ์และความเครียด ปัญหาและภาวะวิกฤต สามารถฟื้นคืนสู่
สภาวะสมดุล (Resilience) และมีสขุ ภาวะและมสี ัมพันธภาพท่ดี ีกับผู้อืน่
2. มีทักษะการคดิ ขั้นสงู อย่างมคี ุณธรรม มีความสามารถในการนา้ และกา้ กับการเรียนรู้ของตนเองอย่างมี
เปา้ หมาย
3. ส่ือสารอยา่ งฉลาดรู้ สรา้ งสรรค์ มีพลัง ด้วยความรับผดิ ชอบต่อตนเองและสงั คม
4. จัดระบบและกระบวนการท้างานให้บรรลุผลส้าเรจ็ ตามเปา้ หมาย มีความเป็นผู้ประกอบการภาวะผู้น้า
และจัดการความขดั แยง้ ภายใตส้ ถานการณ์ทมี่ ีความซับซอ้ น
5. ปฏิบัติตนอยา่ งรบั ผิดชอบ มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ในฐานะพลเมืองไทยและพลโลก
หลกั สูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒
24
6. เขา้ ใจพ้นื ฐานเกยี่ วกบั ปรากฏการณ์ของโลกและจักรวาล เข้าถึงและรเู้ ทา่ ทันวทิ ยาการเทคโนโลยีเพอ่ื
การดา้ รงชีวติ และอยรู่ ว่ มกบั ธรรมชาติอยา่ งย่งั ยนื
๙. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์
คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ทตี่ ้องการใหเ้ กดิ ขน้ึ กบั ผู้เรยี นของโรงเรยี นบ้านตาบา มีดังนี้
1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นคุณลักษณะท่ีแสดงออกถึงการเป็นพลเมืองดีของชาติ มีทัศนคติ ที่ถูกต้องต่อ
บ้านเมือง ปฏิบัติตนตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนับถือ เคารพสถาบัน พระมหากษัตริย์ และยึดม่ันใน
วถิ ชี ีวติ และการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษตั ริย์ทรงเป็นประมุข
2) ซ่ือสัตย์สุจริต เป็นคุณลักษณะที่แสดงออกถึงการยึดมั่นในความถูกต้อง ประพฤติตรง ตามความเป็นจริงต่อ
ตนเองและผู้อืน่ ท้ังทางกาย วาจาและใจ ยึดหลักความจริงและความถูกต้องในการด้าเนินชีวิต มีความละอายและ เกรงกลัวต่อ
การกระทา้ ผดิ
3) มีวินัย หมายถึง คุณลักษณะที่แสดงออกถึงการยึดมั่นในข้อตกลง กฎเกณฑ์และระเบียบ ข้อบังคับ
ทงั้ ของตนเอง ครอบครวั โรงเรียนและสังคมเป็นปกติวิสยั และไม่ละเมิดสิทธิของผอู้ น่ื
4) อยู่อย่างพอเพียง เป็นคุณลักษณะท่ีแสดงออกถึงการด้าเนินชีวิตอย่างพอประมาณ มีเหตุผล รอบคอบ มี
คุณธรรม อยู่ร่วมกับผู้อื่นด้วยความรับผิดชอบไม่เบียดเบียนผู้อ่ืน เห็นคุณค่าของทรัพยากรต่าง ๆ มีการวางแผนป้องกันความ
เสี่ยงและพร้อมรับการเปล่ยี นแปลง มภี ูมิคมุ้ กันในบคุ คลที่ดีและปรับตวั เพอื่ อยู่ในสงั คม ได้อยา่ งมีความสุข
5) มีจิตสาธารณะ เป็นคุณลักษณะที่แสดงออกถึงการมีส่วนร่วมในกิจกรรมหรือสถานการณ์ ที่ก่อให้เกิด
ประโยชน์แก่ผอู้ ื่น ชมุ ชน และสังคม ด้วยความเต็มใจและกระตือรือรน้ โดยไม่หวงั ผลตอบแทน
๑๐. สมรรถนะหลกั 6 ดา้ น และระดับสมรรถนะ 10 ระดับ
โรงเรยี นได้กา้ หนดสมรรถนะหลกั (Core Competencies) 6 ด้าน เพื่อก้าหนดให้เป็นพื้นฐานท่ีนกั เรยี น
ทุกคนต้องได้รับการพัฒนาให้เป็นความสามารถติดตัวเมื่อจบการศึกษา มีลักษณะเป็นสมรรถนะข้ามสาระการ
เรียนรู้หรอื คร่อมวิชา สามารถพฒั นาใหเ้ กดิ ข้นึ แกผ่ เู้ รียน มีดังน้ี
1. สมรรถนะการจดั การตนเอง
2. สมรรถนะการคดิ ขน้ั สูง
3. สมรรถนะการสื่อสาร
4. สมรรถนะการรวมพลังท้างานเปน็ ทมี
5. สมรรถนะการเป็นพลเมืองทีเ่ ข้มแข็ง
6. สมรรถนะการอยรู่ ่วมกับธรรมชาติ และวิทยาการอย่างยัง่ ยืน
หลกั สูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒
25
1. สมรรถนะการจดั การตนเอง (Self-Management: SM)
นยิ ำม
การรู้จัก รัก เห็นคุณค่าในตนเองและผู้อ่ืน การพัฒนาปัญญาภายใน ต้ังเป้าหมายในชีวิต และกากับตนเองในการ
เรียนรู้และใช้ชีวิต การจัดการอารมณ์และความเครียด รวมถึงการจัดการปัญหาและ ภาวะวิกฤต สามารถฟื้นคืนสู่สภาวะสมดุล
(Resilience) เพื่อไปสคู่ วามสาเร็จของเปา้ หมายในชวี ิต มสี ขุ ภาวะทีด่ แี ละ มสี มั พันธภาพกบั ผอู้ นื่ ไดด้ ี
องคป์ ระกอบ
1. การเห็นคุณค่าในตนเอง หมายถึง การรู้จัก รัก เห็นคุณค่าในตนเอง รู้จุดเด่น ข้อจ้ากัด ความสนใจ
ความสามารถ ความถนัด และภาคภูมิใจในตนเอง ม่ันใจในตนเอง เห็นอกเห็นใจ ให้เกียรติและเคารพสิทธิ ตนเองและผู้อื่น มี
ความรบั ผดิ ชอบในตนเอง
2. การมีเป้าหมายในชีวิต หมายถึง การต้ังเป้าหมายในชีวิต มีวินัยในตนเอง สามารถบริหารจัดการ
เวลา ทรัพยากร สามารถพงึ่ พาและก้ากบั ตนเองให้ไปสเู่ ป้าหมายในชวี ิต และมีสขุ ภาวะทด่ี ี
3. การจัดการอารมณ์และความเครียด หมายถึง การรับรู้ เข้าใจ รู้เท่าทัน อารมณ์ ความรู้สึก
ความคิด และความเครียดท่ีเกิดขึ้นในชีวิตประจ้าวันของตนเอง เข้าใจสาเหตุและสามารถจัดการอารมณ์
ความรู้สกึ และ ความคิดของตนเอง
4. การจัดการปัญหาและภาวะวิกฤต หมายถึง การรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากปัญหาและ
ภาวะ วิกฤต สามารถฟื้นคืนสู่สภาวะสมดุลได้ สามารถเตรียมการ ป้องกัน และแก้ไข เพื่อให้เกิดความปลอดภัย
ในชวี ติ และทรพั ย์สนิ
หลักสูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒
26
ระดบั สมรรถนะกำรจัดกำรตนเอง
ระดบั การพัฒนา ป.1-3 ระดับความสามารถ ม.4-6
ระดับ คาบรรยายระดับ เรมิ่ ต้น ป.4-6 ม.1-3
ร้จู กั ตนเอง (Knowing Self) ทางดา้ นกายภาพ ความชอบ ความสนใจ จัดการชวี ิตประจ้าวัน
1 ของตนเอง รบั รู้และจดั การอารมณ์และความรูส้ ึกพ้ืนฐาน ปฏิบตั ติ นตามบรรทดั ฐาน
ทางสงั คมภายใตก้ ารดูแลของผ้อู ื่น
2 รู้จักตนเองในจุดเด่น จุดควรพัฒนา มวี นิ ยั ในการดแู ลจดั การชีวิตประจ้าวันของตนเอง รบั รู้ กาลัง
และจดั การอารมณ์และความร้สู กึ พน้ื ฐาน รูถ้ กู ผิดในการปฏิบัติตนตามบรรทัดฐานทางสงั คม พัฒนา
ภายใต้การดูแลของผ้อู นื่ ตระหนักรู้ในสถานการณท์ ่ีเป็นปัญหาในชวี ติ ประจา้ วนั
รู้จกั ความสามารถของตนเอง มวี ินยั ในการดูแลจดั การชวี ิตประจา้ วันของตนเอง รับรู้และ สามารถ เริม่ ต้น
3 จดั การอารมณ์และความเครียด แยกแยะส่ิงถกู ผิด หลกี เลย่ี งการนา้ พาตัวเองเข้าไปสู่ภาวะเสยี่ ง
ตามคา้ แนะนา้ อดทนตอ่ ปญั หาในชวี ติ ประจา้ วันและการเรยี น
รู้จักความสามารถของตนเอง มวี ินยั ในการดแู ลจัดการชวี ิตประจา้ วนั ของตนเอง รบั รู้ เหนือ กาลัง
ความ พัฒนา
4 และจัดการอารมณแ์ ละความเครยี ด ตระหนกั ร้ผู ดิ ชอบชว่ั ดี จดั การปญั หาชวี ิตประจา้ วัน คาดหวัง
และการเรยี นตามคา้ แนะน้า พร้อมเผชญิ และยอมรบั ปญั หาที่เกิดขนึ้
มมี โนทศั น์เกย่ี วกบั ตัวเอง (Self Concept) ท่ีถูกต้อง สามารถตัดสินใจและมงุ่ มน่ั ทจี่ ะจัดการ สามารถ เรมิ่ ต้น
5 สงิ่ ทจี่ า้ เป็นส้าหรับชวี ิตและการเรียนของตนเอง รับรแู้ ละจัดการอารมณ์และความเครยี ด
ละเวน้ การกระทา้ ทีไ่ มค่ วรทา้ ร้ทู นั การเปลย่ี นแปลงทเ่ี กดิ ข้ึน จดั การปัญหาชีวติ ประจ้าวัน
และการเรยี นตามคา้ แนะน้า
มคี วามม่นั ใจและภาคภมู ใิ จในตนเอง (Self Esteem) สามารถตดั สนิ ใจและวางแผนเก่ียวกบั เหนอื กาลงั
ความ พัฒนา
6 ชีวติ และการเรียนของตนเอง มีวินยั และจูงใจตนเองให้ไปสเู่ ป้าหมาย รบั รูแ้ ละจดั การอารมณ์ คาดหวงั
และความเครยี ด มจี ดุ ยืนและความเชือ่ ของตวั เอง ปรับตวั รับการเปล่ียนแปลงทเ่ี กิดข้นึ
และสามารถฟืน้ คนื จากสภาพปญั หาเมอ่ื เผชิญภาวะวกิ ฤตตามคา้ แนะนา้
มคี วามภาคภมู ใิ จในตนเอง มกี รอบความคดิ แบบเตบิ โต (Growth Mindset) สามารถกา้ กบั สามารถ เร่ิมต้น
7 ตนเองใหล้ งมอื ท้าตามแผนเก่ยี วกับชวี ิตและการเรียนของตนเอง รบั รู้และจัดการอารมณ์ เหนือ กาลงั
และความเครยี ด แสดงออกตามความเช่อื และจดุ ยนื ของตวั เอง แก้ไขปญั หา มีความรับผดิ ชอบ ความ พฒั นา
ในผลของการกระทา้ ของตนเอง และฟ้ืนคืนจากสภาพปญั หาเมอ่ื เผชญิ ภาวะวกิ ฤตตามค้าปรึกษา คาดหวัง
มีกรอบความคดิ แบบเติบโต สามารถกา้ กบั ตนเองให้ลงมอื ทา้ ตามแผนเกย่ี วกบั ชวี ติ
8 และการเรียนของตนเอง และสะท้อนความกา้ วหนา้ ของตนเอง ร้ทู นั และจดั การอารมณ์
และความเครยี ด มคี วามรบั ผดิ ชอบในผลของการกระท้าของตนเอง วางแผนปอ้ งกนั ปญั หา
และความเสยี่ ง และฟื้นคืนจากสภาพปญั หาเมอื่ เผชญิ ภาวะวิกฤต
มภี าพอนาคตของตนเอง (Ideal Self) ท่ีต้องการจะเปน็ มองเห็นข้อจา้ กดั และแนวทาง สามารถ
เหนือ
9 การพฒั นาตนเอง กา้ หนด ลงมอื ทา้ ปรบั เปลยี่ นพฤติกรรม ค่านิยม และความเชอ่ื ของตนเอง ความ
ตามแผนพัฒนาตนเอง ร้ทู ันและจัดการอารมณแ์ ละความเครยี ด และสามารถฟนื้ คนื คาดหวงั
จากสภาพปัญหาได้ด้วยตนเองเม่ือเผชิญภาวะวกิ ฤต
10 มีความสุขกับชวี ิตท่ตี นเองเป็นอยู่ มุ่งมนั่ เพ่อื ความสา้ เร็จแมต้ อ้ งเผชิญความทา้ ทายทีเ่ ข้ามา
ในชวี ติ รทู้ ันและจัดการอารมณ์และความเครยี ด สามารถสรา้ งมุมมอง ค่านิยมใหม่ ให้กบั ตนเอง
และสามารถฟืน้ คืนจากสภาพปญั หาเม่ือเผชิญภาวะวกิ ฤต
หลกั สูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบ้านตาบา สพป.นธ. ๒
27
2. สมรรถนะการคดิ ข้นั สูง (Higher Order Thinking: HOT)
นยิ าม
สามารถคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ และตัดสินใจอย่างมีวิจารญาณบนหลักเหตุผลอย่างรอบด้าน โดยใช้คุณธรรมก้ากับ
การตัดสินใจไดอ้ ย่างมีวจิ ารณญาณ มีความสามารถคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผลด้วยความเข้าใจถึงความเช่ือมโยงของสรรพ
ส่ิงที่อยู่ร่วมกันอย่างเป็นระบบ ใช้จินตนาการและความรู้สร้างทางเลือกใหม่ เพ่ือแก้ปัญหาท่ีซับซ้อนได้อย่างมี
เป้าหมาย
องคป์ ระกอบ
1. การคิดอย่างมีวิจารณญาณ (Critical Thinking: HOT-CTC) หมายถึง กระบวนการคิด
ท่ีพิจารณาไตร่ตรองอย่างมีเหตุผล มีจุดประสงค์เพื่อตัดสินว่าส่ิงใดควรเช่ือหรือควรกระท้า โดยมีหลักฐาน
สนับสนุนซ่ึงเป็นผลมาจากการตีความ ประเมิน วิเคราะห์ สรุปความ และอธิบายตามหลักฐาน แนวคิด วิธีการ
กฎเกณฑ์ หรือบริบทต่าง ๆ ท่ีเก่ียวกับข้อมูลที่รวบรวมหรือข้อมูลจากการสังเกต ประสบการณ์ การใช้เหตุผล การสะท้อน
คิด การส่ือสาร และการโต้แย้ง น้าไปพิจารณาร่วมกับข้อมูลด้านอ่ืน ๆ เช่น ความเหมาะสม ตามหลักกฎหมาย ศีลธรรม
คณุ ธรรม คา่ นยิ ม ความเชอ่ื และบรรทดั ฐานทางสงั คมและวัฒนธรรม
2. การคิดเชิงระบบ (System Thinking: HOT-STM) หมายถึง กระบวนการคิดท่ีมองเห็น ภาพรวม
โครงสร้างทั้งหมดท่ีเชื่อมโยงสัมพันธ์กันเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างเป็นระบบ ภายใต้บริบท/ปัจจัยของส่ิงแวดล้อมที่เกิด
สถานการณ์นั้น ๆ โดยมองสถานการณ์ให้ลึกลงไปกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เห็นแบบแผน หรือรูปแบบท่ีเกิดข้ึน เห็น
รากเหง้าของสถานการณ์และปัจจัยต่าง ๆ ที่เก่ียวข้องกับสถานการณ์น้ัน ๆ จนเกิดความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ใน
สถานการณ์น้ัน น้าไปสู่การออกแบบระบบ เปรียบเทียบแบบจ้าลองความคิด ท้านายผลลัพธ์ของการแทรกแซง
ระบบ และประเมนิ ระบบได้
3. การคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking: HOT-CRT) หมายถึง กระบวนการคิด ที่หลากหลาย
รเิ รม่ิ ประเมิน ปรับปรุง และพัฒนาต่อยอดความคดิ เพื่อการแก้ปัญหาหรือสรา้ งทางเลอื ก ที่มีประสิทธิภาพ การ
สร้างความก้าวหน้าในความรู้ หรือการแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ โดยอาศัยจินตนาการ และทักษะพ้ืนฐานด้าน
การคดิ ริเรม่ิ คิดคล่อง คิดยดื หยุ่น คิดละเอียดลออ คิดหลากหลาย คิดวิเคราะห์ และสงั เคราะห์ เพื่อให้ได้ส่ิงใหม่
ท่ดี ีกว่า แตกต่างไปจากเดิม มีประโยชน์ และมคี ุณค่าต่อตนเอง ผู้อื่น และสังคมมากกว่าเดิม ซ่ึงสิ่งใหม่ในที่นี้อาจ
เป็นการปรับหรือประยุกต์ส่ิงเดิมให้อยู่ในรูปแบบใหม่ หรือเป็นการต่อยอด จากสิ่งเดิม หรือเป็นการริเริ่มส่ิงใหม่
ข้นึ มาทั้งหมด
4. การคิดแก้ปัญหา (Problem Solving Thinking: HOT-PRB) หมายถึง กระบวนการคิดที่ใช้ใน
การแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการก้าหนดปัญหา เข้าใจเหตุและผลของปัญหา วางแผนการแก้ปัญหาโดย
รวบรวมข้อมูลเพ่ือแกป้ ัญหา ออกแบบวธิ ีการแก้ปัญหาท่ีหลากหลาย และเลือกวิธีการ แกป้ ัญหาท่ีดที ่ีสุด ด้าเนินการ
แกไ้ ขปัญหาตามแผนที่วางไว้อย่างเป็นลา้ ดับข้ันตอน เก็บ และวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อประเมนิ และตรวจสอบผลของ
การแก้ปัญหา ปรับปรงุ จนปัญหาได้รบั การแกไ้ ข
หลกั สูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบ้านตาบา สพป.นธ. ๒
28
ระดบั สมรรถนะกำรคิดข้ันสูง
ระดับการพฒั นา ระดับความสามารถ
ระดบั คาบรรยายระดบั ป.1-3 ป.4-6 ม.1-3 ม.4-6
1 ต้ังคาถามหรอื ระบปุ ัญหาอย่างง่ายจากการสังเกตสงิ่ ตา่ ง ๆ รอบตวั สถานการณ์ หรอื ปรากฏการณ์
ในชีวติ ประจาวัน สังเกต จาแนก สารวจ วางแผน รวบรวมขอ้ มลู หรอื ทรัพยากร สรุปข้อมูล และ
เสนอแนวทางแกป้ ญั หาอยา่ งง่ายได้ สามารถจินตนาการและเสนอความคดิ ได้ อยา่ งอสิ ระ ตลอดจน เรม่ิ ตน้
สามารถผลิตผลงานอยา่ งง่ายโดยอาศยั ตน้ แบบ
2 ต้ังคาถามหรอื ระบปุ ญั หาอย่างง่ายจากการสงั เกตสิ่งต่าง ๆ รอบตัว สถานการณ์ หรือ ปรากฏการณ์
ในชวี ิตประจาวัน สงั เกต จาแนก หรอื ระบุความสัมพันธ์ของสงิ่ ทีเ่ กยี่ วข้องกบั ปรากฏการณห์ รือ
สถานการณ์นั้น ๆ ได้ สามารถสารวจ วางแผน รวบรวมข้อมูลหรอื ทรพั ยากร สรปุ ข้อมูล และเสนอ กาลัง
แนวทางแกป้ ญั หาอยา่ งง่ายได้ พร้อมแสดงเหตุผลและ ประเมินความเหมาะสมของคาตอบ สามารถ พัฒนา
จนิ ตนาการและเสนอความคิดไดอ้ ย่าง คล่องแคลว่ หลายประเภทและหลายทศิ ทาง ตลอดจน
สามารถผลติ ผลงานอย่างง่าย โดยอาศัยต้นแบบ
3 ตั้งคาถามหรือระบุปัญหาอย่างง่ายจากการสังเกตสงิ่ ต่าง ๆ รอบตวั สถานการณ์ หรือ ปรากฏการณ์
ในชีวิตประจาวัน สังเกต จาแนก หรือระบุความสมั พันธข์ องสิง่ ท่ีเกยี่ วขอ้ งกับ ปรากฏการณ์หรือ
สถานการณน์ ั้น ๆ ได้ สามารถสารวจ วางแผน รวบรวมข้อมลู หรือ ทรัพยากร แปลความหมาย
ขอ้ มูลด้วยหลักฐานเชงิ ประจักษ์ และสรปุ ข้อมูล เพอื่ เปรยี บเทยี บ ประเมิน ตัดสินใจ หรอื เสนอ สามารถ เริม่ ตน้
แนวทางแกป้ ัญหาอยา่ งงา่ ยได้ พร้อมแสดงเหตผุ ล โดยคานึงถงึ ความเหมาะสมของการออกแบบ
วิธกี ารแกป้ ญั หา สามารถจนิ ตนาการและ เสนอความคิดไดอ้ ยา่ งคล่องแคลว่ หลากหลาย โดยใช้
ความคิดทแี่ ปลกใหมท่ ีไ่ ม่ซ้าใคร ตลอดจนสามารถผลติ ผลงานตามจินตนาการโดยอาศยั ตน้ แบบ
4 ตง้ั คาถามหรือระบปุ ญั หาอย่างงา่ ยจากการสังเกตสง่ิ ตา่ ง ๆ รอบตวั สถานการณ์ หรอื ปรากฏการณ์
ในชีวติ ประจาวนั โดยละเอียด ระบคุ วามสมั พนั ธข์ องส่ิงทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกับ ปรากฏการณ์หรือสถานการณ์
นัน้ ๆ ได้ สามารถวางแผนและดาเนนิ การสารวจตรวจสอบ เลอื กวธิ ีการเกบ็ รวบรวมข้อมูล แปล เหนือ กาลัง
ความหมายข้อมูลดว้ ยหลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ และสรปุ ข้อมลู พร้อมทง้ั ประเมินความถกู ตอ้ งและ ความ พฒั นา
ขอ้ จากดั ของขอ้ มูล เพอ่ื เปรยี บเทยี บ ประเมิน ตดั สนิ ใจ หรือเสนอแนวทางแก้ปญั หาอยา่ งง่ายได้ คาดหวัง
สามารถจินตนาการและเสนอความคิดได้ อย่างคลอ่ งแคล่ว หลากหลาย โดยใช้ความคดิ ที่แปลกใหม่
ทไ่ี มซ่ า้ ใคร หรอื พัฒนาต่อยอดจาก ของเดิม
5 ตั้งคาถามหรือระบุปญั หาที่ซบั ซอ้ น จากการสังเกตสิง่ ตา่ ง ๆ สถานการณ์ หรอื ปรากฏการณ์ ใน
ชวี ิตประจาวันโดยละเอยี ด สามารถวางแผนและดาเนนิ การการสารวจตรวจสอบ เลอื ก วิธกี ารเกบ็
รวบรวมข้อมลู วิเคราะห์ขอ้ มลู แปลความหมายข้อมูล เพอ่ื สรา้ งข้อสรปุ ทีแ่ ม่นยา และนา่ เชอื่ ถอื สามาร เรมิ่ ตน้
พรอ้ มนาเสนอและเปรยี บเทยี บขอ้ สรปุ ที่เหมอื นหรอื แตกตา่ งกบั ขอ้ สรปุ ของ ตน สามารถพัฒนา ถ
ชน้ิ งานหรอื วธิ กี าร โดยใช้ความคดิ ทแ่ี ปลกใหม่ ท่ีไมซ่ ้าใครหรือพฒั นาตอ่ ยอดจากของเดิม
วเิ คราะห์องคป์ ระกอบของชิน้ งานหรอื วธิ ีการเพื่อสร้างแบบจาลองอยา่ งงา่ ย
6 ตง้ั คาถามหรอื ระบุปญั หาหรือสถานการณท์ ซี่ ับซอ้ น จากการสงั เกตสิ่งต่าง ๆ สถานการณ์ หรอื
ปรากฏการณใ์ นชีวติ ประจาวัน ระบสุ าเหตุของปญั หา แยกปัญหาเปน็ ปัญหายอ่ ย ๆ สามารถ
วางแผนและดาเนนิ การการสารวจตรวจสอบ เลือกวิธีการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู เปรียบเทียบ เหนอื
แหลง่ ข้อมลู และขอ้ เทจ็ จริงได้ วเิ คราะหข์ ้อมลู แปลความหมายข้อมูล ลง ขอ้ สรุปไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง ความ กาลงั
นาเสนอข้อสรปุ รวมท้งั เปรยี บเทยี บและประเมินข้อสรปุ ท่แี ตกตา่ ง หรอื ตรงกนั ขา้ มกับขอ้ สรปุ ของ คาดห พฒั นา
ตน และสามารถปรบั ปรงุ ข้อสรุปของตนตามข้อมลู และ หลักฐานใหมส่ รา้ งแบบจาลองเพอื่ แสดง วัง
โครงสรา้ งของปญั หาหรอื สถานการณ์ได้ พฒั นา ชิ้นงานหรือวธิ กี ารโดยใชค้ วามคิดที่แปลกใหม่ที่ไม่
ซ้าใคร หรือพฒั นาต่อยอดจากของเดิม ให้เหมาะสมตอ่ การใช้งานจรงิ
หลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒
29
ระดับสมรรถนะกำรคิดขนั้ สูง(ต่อ)
ระดบั การพัฒนา ระดบั ความสามารถ
ระดับ คาบรรยายระดบั ป.1-3 ป.4-6 ม.1-3 ม.4-6
7 ตั้งคาถามหรอื ระบุปญั หาหรือสถานการณ์ทีย่ ากและซบั ซ้อน จากการสังเกตส่ิงต่าง ๆ สถานการณ์
หรอื ปรากฏการณใ์ นชวี ติ ประจาวัน ระบสุ าเหตุของปัญหา แยกปญั หา เปน็ ปญั หายอ่ ย ๆ สามารถ
วางแผนและดาเนนิ การการสารวจตรวจสอบโดยใช้เคร่อื งมือ หรอื เทคโนโลยี เลอื กวธิ กี ารเกบ็
รวบรวมข้อมลู วิเคราะห์ขอ้ มลู เพอื่ สรา้ งข้อสรุปที่แมน่ ยา และน่าเชอ่ื ถอื เปรยี บเทยี บแหลง่ ข้อมูล
และขอ้ เท็จจริงได้ สามารถลงข้อสรุปไดอ้ ยา่ ง ถกู ต้อง เปรยี บเทยี บและประเมินข้อสรุปทแ่ี ตกตา่ ง สามารถ เรมิ่ ตน้
หรือตรงกนั ข้ามกบั ขอ้ สรุปของตน โดยใช้เหตุผลและหลกั ฐานทหี่ ลากหลายและสามารถปรับปรงุ
ขอ้ สรปุ ของตนตามข้อมูล และหลกั ฐานใหม่ สร้างแบบจาลองเพอ่ื แสดงโครงสร้างของปญั หาหรอื
สถานการณ์ ได้ พัฒนาช้ินงาน วธิ ีการหรอื นวัตกรรม โดยใช้ความคดิ ทแี่ ปลกใหมท่ ่ไี ม่ซา้ ใครหรอื
พัฒนา ต่อยอดจากของเดิมใหเ้ หมาะสมต่อการใช้งานจรงิ
8 ตั้งคาถามหรือระบปุ ญั หาหรือสถานการณท์ ี่ยากและซับซอ้ น จากการสังเกตสิง่ ตา่ งๆ สถานการณ์
หรือปรากฏการณใ์ นชีวติ ประจาวนั ประเมนิ คาถามวา่ สามารถสารวจ ตรวจสอบได้หรือไม่ ระบุ
สาเหตขุ องปัญหา แยกปญั หาเป็นปญั หายอ่ ยๆ สามารถวาง แผนและดาเนนิ การการสารวจ
ตรวจสอบ เลือกวธิ ีการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู วิเคราะห์ ขอ้ มูลเพ่อื สร้างขอ้ สรปุ ท่แี มน่ ยาและ เหนือ กาลัง
น่าเช่อื ถือ เปรยี บเทียบแหลง่ ขอ้ มูลและข้อเท็จจรงิ ได้ นาเสนอข้อสรปุ รวมท้ังเปรยี บเทียบและ ความ พัฒนา
ประเมินข้อสรุปทแ่ี ตกตา่ งหรอื ตรงกันขา้ มกับขอ้ สรปุ ของตน โดยใชเ้ หตผุ ลและหลักฐานท่ี คาดหวัง
หลากหลายและสามารถปรับปรงุ ข้อ สรปุ ของตนตามข้อมูลและหลกั ฐานใหม่ สร้างแบบจาลอง
ความคดิ เพอื่ อธิบายแนวคิดท่ีใชใ้ นการ ออกแบบระบบได้ สามารถพัฒนาชนิ้ งาน วธิ กี ารหรือนวตั กรรม
โดยใช้ความคิดทแี่ ปลกใหมท่ ่ีไมซ่ า้ ใคร หรอื พฒั นาตอ่ ยอดจากของเดมิ ใหเ้ หมาะสมตอ่ การใช้งานจรงิ
9 ตัง้ คาถามหรอื ระบุปัญหาหรอื สถานการณท์ ยี่ ากและซบั ซอ้ น จากการสงั เกตส่งิ ตา่ ง ๆ สถานการณ์หรือ
ปรากฏการณ์ในชีวติ ประจาวนั หรอื จากผลทไี่ มค่ าดคดิ มากอ่ น เพ่อื หา ขอ้ มูลเพิม่ เติม ประเมนิ คาถามวา่
สามารถสารวจตรวจสอบไดห้ รอื ไม่ ระบสุ าเหตขุ อง ปญั หา สามารถแยกปญั หาเป็นปญั หายอ่ ย ๆ สามารถ
วางแผนและดาเนนิ การการสารวจ ตรวจสอบ เลือกวิธกี ารเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล พร้อมทงั้ ประเมนิ ความ
ถกู ตอ้ ง วเิ คราะหข์ ้อมลู เพือ่ สร้างข้อสรุปทแี่ ม่นยาและนา่ เชอ่ื ถือ เปรียบเทยี บแหลง่ ข้อมูลและขอ้ เท็จจรงิ
ได้ ประเมนิ ผลกระทบของปญั หาโดยใช้วธิ กี ารท่เี หมาะสมและครอบคลุมทกุ มติ ิ นาเสนอ ข้อสรุปรวมทง้ั สามารถ
เปรยี บเทยี บและประเมนิ ขอ้ สรุปท่แี ตกต่างหรือตรงกนั ขา้ มกบั ขอ้ สรุปของ ตน โดยใช้เหตผุ ลและหลักฐาน
ท่ีหลากหลายและสามารถปรับปรงุ ขอ้ สรุปของตน ตามขอ้ มลู และหลกั ฐานใหม่ สามารถสร้างแบบจาลอง
ความคดิ เพอ่ื อธบิ ายแนวคิดท่ีใช้ ในการออกแบบการแกป้ ัญหา สามารถทานายผลลพั ธท์ ่ีเกิดขนึ้ เมอื่ มกี าร
ปจั จยั อนื่ เข้ามา ในระบบ พัฒนาชนิ้ งาน วธิ กี ารหรอื นวตั กรรม โดยใช้ความคดิ ทแี่ ปลกใหมท่ ไ่ี มซ่ ้าใคร หรือ
พฒั นาต่อยอดจากของเดมิ ใหเ้ หมาะสมตอ่ การใชง้ านจริง เขยี นสะท้อนความคิด เกย่ี วกบั เนอ้ื หาและ
กระบวนการเรียนรู้
10 ต้งั คาถามหรอื ระบปุ ัญหาหรือสถานการณท์ ยี่ ากและซบั ซ้อน จากการสงั เกตสิง่ ตา่ ง ๆ สถานการณ์หรือ
ปรากฏการณ์ในชวี ิตประจาวนั หรอื จากผลทไี่ ม่คาดคดิ มากอ่ น เพอ่ื หา ข้อมลู เพ่ิมเตมิ และหาความสัมพนั ธ์
ของสิ่งตา่ ง ๆ รวมทง้ั ประเมนิ คาถามวา่ สามารถสารวจ ตรวจสอนได้หรอื ไม่ ระบสุ าเหตขุ องปญั หา แยก
ปัญหาเปน็ ปัญหาย่อยๆ สามารถ วางแผนและดาเนนิ การการสารวจตรวจสอบ เลอื กวธิ กี ารเก็บรวบรวม
ข้อมูล พรอ้ มท้ัง ประเมนิ ความถกู ตอ้ งและขอ้ จากดั ของข้อมลู วเิ คราะห์ขอ้ มูลเพอื่ สรา้ งข้อสรุปท่แี มน่ ยา เหนอื
และน่าเชอื่ ถอื รวมทงั้ พิจารณาขอ้ จากัดของการวเิ คราะห์และตีความหมายขอ้ มลู สามารถ เปรียบเทียบ ความ
แหลง่ ข้อมูลและข้อเทจ็ จริงได้ นาเสนอขอ้ สรปุ รวมทัง้ เปรียบเทยี บและ ประเมนิ ขอ้ สรปุ ท่ีแตกต่างหรอื คาดหวงั
ตรงกนั ขา้ มกบั ขอ้ สรปุ ของตนโดยใชเ้ หตผุ ลและหลกั ฐาน ทีห่ ลากหลายและสามารถปรบั ปรงุ ข้อสรปุ ของ
ตนตามข้อมลู และหลกั ฐานใหม่ สร้างแบบจาลองเพอ่ื อธบิ ายแนวคิด ทานายหรอื ประเมนิ ผลลพั ธ์ พฒั นา
ชน้ิ งาน วิธกี าร หรือนวัตกรรม โดยใช้ความคิดที่แปลกใหมท่ ่ไี มซ่ า้ ใคร หรือพฒั นาตอ่ ยอดจากของเดิม ให้
เหมาะสมตอ่ การใชง้ านจรงิ และสง่ ผลดตี ่อสงั คม เขยี นสะทอ้ นความคดิ เกย่ี วกบั เนอ้ื หา และกระบวนการ
เรียนรู้ และระบุสิง่ ท่ีตอ้ งสง่ิ ทจ่ี ะทาในอนาคตเพื่อพัฒนาการเรียนรขู้ อง ตนเองและพฒั นาสงั คม
หลกั สูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบ้านตาบา สพป.นธ. ๒
30
3. สมรรถนะการสือ่ สาร (Communication: CM)
นยิ าม
มีความสามารถรับรู้ รับฟัง ตีความ และส่งสารด้วยภาษาต่าง ๆ ทั้งวัจนภาษาและอวัจนภาษา โดยใช้กระบวนการคิด
ซ่ึงจะน้าไปสกู่ ารเรยี นรู้ ความเข้าใจ ในระบบคุณคา่ การแกป้ ญั หาร่วมกนั ผ่านกลวธิ ี การสื่อสารอยา่ งฉลาดรู้ สรา้ งสรรค์
มพี ลัง โดยค้านึงถึงความรับผดิ ชอบต่อสงั คม
องคป์ ระกอบ
1. การรับสารอย่างมีสติและถอดรหัสเพ่ือให้เกิดความเข้าใจ หมายถึง การรับสารด้วยความใส่ใจ ผ่าน
ประสาทสัมผัสในการรับสาร ตลอดจนสามารถตีความ 1 สารที่ส่งมาได้ท้ังความคิด ความรู้สึก เจตนา ตลอดจนสามารถ
ตคี วามสารและสามารถน้าสารมาใชพ้ ฒั นาตนเองและสังคม
2. การรับส่งสารบนพนื้ ฐานความเข้าใจและความเคารพในความคิดเห็นและวัฒนธรรมที่แตกต่าง หมายถึง การ
รับส่งสารด้วยวิธีการที่หลากหลาย ท้ังการเจรจาต่อรอง หรือแลกเปลี่ยนข้อมูล สารสนเทศ องค์ความรู้
ประสบการณ์ผ่านช่องทางหรือส่ือท่ีมีความหลากหลาย ทั้งสื่อบุคคล ส่ือธรรมชาติ ส่ือส่ิงพิมพ์สื่ออิเล็กทรอนิกส์
และสื่อระคน โดยปราศจากความขัดแย้งต่าง ๆ และรู้เท่าทัน บนพ้ืนฐานความเข้าใจ ในบริบทสังคมท่ีมีความคิดและ
วัฒนธรรมทีแ่ ตกต่าง ทงั้ ในระดบั ชุมชน ชาติ และสากล
3. การเลือกใช้กลวิธีการส่ือสารอย่างเหมาะสมโดยคานึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมเพ่ือบรรลุ
วัตถุประสงค์ในการสื่อสาร หมายถึง การเลอื กใช้วิธกี ารสื่อสารในลกั ษณะต่างๆ ทั้งวจั นภาษาและอวจั นภาษา ตลอดจน
การส่ือความหมายผ่านสื่อในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายในการสื่อสาร โดยมีความรับผิดชอบต่อผลท่ีจะเกิดขึ้นใน
สังคมและวฒั นธรรมท่ีแตกตา่ งทั้งในระดับชมุ ชน ชาติ และสากล
หลักสูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒
31
ระดับสมรรถนะกำรส่ือสำร ป.1-3 ระดับความสามารถ ม.4-6
ป.4-6 ม.1-3
ระดับการพฒั นา เร่ิมตน้ เริ่มตน้
เริ่มตน้ กาลงั
ระดับ คาบรรยายระดบั กาลงั พัฒนา
พฒั นา กาลงั สามารถ
1 ใช้ประสาทสัมผัสในการรบั และสง่ สารอยา่ งต้งั ใจ เข้าใจความแตกต่างทางกายภาพทม่ี ผี ลตอ่ การส่ือสาร พฒั นา เหนือ
สามารถ ความ
ใชส้ ื่อ ภาพ เสียง คาพดู ทา่ ทาง สัญลกั ษณ์ใกลต้ วั และผลงานอย่างง่าย ๆ ในการส่ือสารแบบ คาดหวงั
ตรงไปตรงมา เหนือ
ความ
2 รบั และส่งสารอยา่ งตง้ั ใจโดยใชป้ ระสาทสมั ผัส เข้าใจนัยตรง บอกข้อมูลและความร้สู กึ ทมี่ ตี อ่ สารในสถานการณ์ คาดหวงั
ใกล้ตัวแบบตรงไปตรงมา โดยเลอื กและผลติ สื่อทเี่ หมาะสมกับบุคคลผ่านการเคล่ือนไหว ทา่ ทาง เสยี ง ภาษา ภาพ สามารถ เร่ิมตน้
สัญลักษณ์ และผลงานแบบงา่ ย ๆ พร้อมทัง้ คานึงถึงประโยชนแ์ ละโทษของการสอ่ื สารทมี่ ีผลกระทบ ต่อตนเอง
เหนือ กาลัง
3 รับและส่งสารทเี่ ป็นขอ้ มลู ข้อเทจ็ จรงิ และความร้สู กึ ทมี่ ีรายละเอยี ดมากขน้ึ ในสถานการณใ์ กลต้ วั มีความอดทน ความ พฒั นา
คาดหวงั
ในการรบั สารแลกเปล่ียนประสบการณแ์ ละส่อื สาร โดยตระหนักถึงความแตกต่างระหวา่ งตนเองกบั บคุ คลใกลต้ ัว
คานงึ ถงึ ประโยชนแ์ ละโทษของส่อื ทม่ี ีตอ่ ตนเอง สามารถสอ่ื สารเร่อื งราวใกลต้ ัวท้ังทเ่ี ปน็ ภาษา ภาพ เสยี ง สามารถ
สญั ลกั ษณ์ ทา่ ทาง การแสดงออกทางศลิ ปะอย่างง่าย โดยเลือกและผลติ ส่อื ใหเ้ หมาะกบั บคุ คล และกาลเทศะ
เหนือ
4 รับและสง่ สารทเี่ กย่ี วขอ้ งกับสถานการณท์ ใี่ กล้ตวั จับประเดน็ สาคัญ หรอื วัตถุประสงค์ของผู้ส่งสารได้ ความ
คาดหวัง
อธบิ าย ความร้สู กึ ท่เี กดิ ขึ้นจากการรับสารประเภทตา่ ง ๆ ทมี่ คี วามซับซอ้ นมากขน้ึ มคี วามอดทนในการ
รบั และส่งสาร ใช้สือ่ ทม่ี คี วามหลากหลายขนึ้ เขา้ ใจผลกระทบของสื่อทมี่ ีตอ่ ตนเอง มีจุดมงุ่ หมาย และ
กลวิธใี นการสอ่ื สารและ การผลิตส่อื เพอื่ สอ่ื สาระทเี่ ป็นประโยชนต์ อ่ ตนเองได้อย่างเหมาะสม
5 รบั และส่งสารทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั สถานการณ์ในชุมชน สังคม อย่างมสี ติ จบั ประเดน็ สาคญั ข้อคดิ ท้งั เชงิ บวก และลบท่ี
ไดร้ ับตามวัตถุประสงคข์ องผู้สง่ สาร แลกเปล่ียนประสบการณ์อย่างมสี ติกับบุคคลท่หี ลากหลายขึน้ ในสถานการณ์
ทม่ี ีความซบั ซ้อน ทั้งโลกจรงิ และโลกเสมอื น มมี ารยาทและจริยธรรมในการสอ่ื สาร เลือกใช้ กลวิธใี นการผลติ ส่ือ
และสอื่ สารท่เี หมาะสม และเกิดประโยชน์ตอ่ ตนเองและตอ่ กลมุ่ ตามจดุ มงุ่ หมายทก่ี าหนดไว้
6 รบั และสง่ สารผ่านสื่อท่ีหลากหลายโดยปราศจากอคติ สรปุ ประเดน็ ตีความ และประเมินคุณคา่ ในมิติ
ความจรงิ (ข้อมลู ขา่ วสาร) ความดี (แกน่ แนวคดิ ) และความงาม (อารมณ์ สนุ ทรียะ) แบบงา่ ยได้ สื่อสาร
อย่างสร้างสรรค์ เพอื่ การอยรู่ ว่ มกนั ในสงั คม โดยคานึงถึงผลกระทบของการสอื่ สาร รผู้ ลกระทบของส่อื
ประเมนิ คณุ คา่ และ จรยิ ธรรมในการส่ือสาร ผ่านส่ือประเภทตา่ ง ๆ มจี ุดมุ่งหมายในการส่อื สาร การผลติ
สอ่ื และออกแบบการสื่อสาร เพอื่ ให้เกิดประโยชน์ตอ่ ตนเอง ตอ่ กล่มุ และตอ่ สงั คม
7 รับและส่งสารผ่านสือ่ ท่หี ลากหลาย โดยปราศจากอคติ สรุปประเดน็ ตีความ วเิ คราะห์ และประเมิน
คณุ คา่ ในมติ ิความจริง ความดี ความงาม ที่มีความซับซอ้ นมากขนึ้ และเข้าใจกฎหมายที่เกี่ยวขอ้ งกับ
การสอ่ื สาร สามารถออกแบบการสื่อสารทซ่ี ับซ้อนไดอ้ ย่างมศี ลิ ปะ และสร้างสรรคใ์ นการสอื่ สารมากข้ึน
โดยคานึงถึง ประโยชนท์ งั้ ตอ่ ตนเอง กลมุ่ และสังคมของตนเอง ตามจุดมงุ่ หมายที่กาหนดไว้
8 รบั และสง่ สารท่ีมคี วามซบั ซ้อนผ่านส่ือทหี่ ลากหลาย โดยปราศจากอคติ ตคี วาม วเิ คราะห์ วพิ ากษ์
จดุ เดน่ จุดด้อย ประเมินคุณคา่ ของสารท่ีเกิดประโยชนก์ บั คนหมู่มาก หรอื ที่ทดสอบได้ว่าเป็นประโยชน์
จรงิ หรอื ท่ีเป็นไปตามอดุ มการณ์ สอื่ สารทางบวก ผลิตสอ่ื ทใ่ี ช้เทคโนโลยกี ารสอ่ื สารท่ีซบั ซอ้ นได้ โดย
คานงึ ถงึ กฎหมายทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง และสามารถออกแบบการส่ือสารผ่านสอื่ หลากหลายประเภทไดอ้ ยา่ งเหมาะสมกบั
กลมุ่ เป้าหมายทต่ี ้องการ คานึงถึงสทิ ธแิ ละประโยชนข์ องสว่ นรวมและมีความรบั ผิดชอบตอ่ สังคม
9 รบั และสง่ สารทม่ี คี วามซับซ้อนและมนี ัยแฝงผ่านสอ่ื ทหี่ ลากหลาย โดยปราศจากอคติ ตคี วาม วเิ คราะห์
วิพากษ์ จุดเด่น จดุ ดอ้ ย ประเมินคณุ ค่าของสารนนั้ ได้ลกึ ขนึ้ มีพฤตกิ รรมทางกาย วาจาและใจในการ
สือ่ สารกับบคุ คล ทีม่ ีความตา่ งอยา่ งเห็นอกเห็นใจได้อยา่ งเหมาะสม ร้สู ึกรว่ มและเข้าใจความรู้สึกตอ่
บุคคลท่ีมคี วามตา่ งจากตนเอง มีกลยทุ ธใ์ นการผลิตสือ่ และสอื่ สารผา่ นสอ่ื หลากหลายประเภทได้อยา่ งมี
ศลิ ปะและมพี ลงั ด้วยความรับผิดชอบ ต่อสังคม (Social Responsibility)
10 รบั และส่งสารผ่านสอ่ื ท่หี ลากหลายรปู แบบและมคี วามซับซอ้ นหรอื มนี ยั มากข้ึน เข้าใจ วเิ คราะห์ วพิ ากษ์ และนา
สารท่ไี ด้รับไปใช้ประโยชน์เพอื่ การพัฒนาตนเอง ชุมชน หรอื สังคมได้ ใชก้ ลยทุ ธ์ในการผลติ สอ่ื และ สือ่ สารได้อย่าง
มีสตแิ ละวจิ ารณญาณ และรู้สกึ รว่ มและเขา้ ใจความรู้สกึ (Empathy) เพ่อื สร้างความเขา้ ใจ โดยคานึงถงึ ความ
แตกตา่ งในทกุ มิตดิ ้วยความรบั ผิดชอบตอ่ สังคมและการสรา้ งสังคมทพ่ี ฒั นาอย่างย่งั ยนื
หลกั สูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบ้านตาบา สพป.นธ. ๒
32
4. สมรรถนะการรวมพลังทางานเปน็ ทีม (Teamwork and Collaboration: TC)
นยิ าม
สามารถจดั ระบบและกระบวนการท้างาน กจิ การ และการประกอบการใด ๆ ทั้งของตนเอง และ ร่วมกับ
ผู้อ่ืน โดยใช้การรวมพลังท้างานเป็นทีม มีแผน ข้ันตอน ให้บรรลุผลส้าเร็จตามเป้าหมาย มีภาวะผู้น้า มีความ
โปร่งใส ตรวจสอบได้ มีการประสานความคิดเห็นที่แตกต่างสู่การตัดสนิ ใจและแก้ปัญหาเปน็ ทีม อย่างรับผิดชอบ
ร่วมกัน สรา้ งความสมั พันธ์ท่ีดีและจดั การความขดั แย้งภายใตส้ ถานการณท์ ีย่ ุ่งยาก
องค์ประกอบ
1. เป็นสมาชิกทีมท่ีดแี ละมภี าวะผูน้ า หมายถึง มีทักษะการท้างานเป็นทมี รับผิดชอบในบทบาทหนา้ ท่ี
ของตนและของทีม มีความยืดหยุ่นในการท้างานร่วมกับกลุม่ คนทแ่ี ตกต่าง น้าจุดเดน่ ของตนและสมาชิกมาใช้ ใน
การท้างานให้บรรลุเป้าหมาย สะท้อนการท้างานของตนเองและทีม ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของทีม สร้าง
แรงบันดาลใจในการพัฒนาตนเอง ให้เป็นท่ียอมรับและไว้วางใจ ประสานความรว่ มมือภายในทีม และระหว่างทีม
สร้างค่านิยมใหมใ่ นการทา้ งานร่วมกัน และการพัฒนาทีมท่ีเขม้ แข็ง สามารถเปน็ ต้นแบบผู้สร้าง การเปลี่ยนแปลง
2. กระบวนการทางานแบบร่วมมือรวมพลังอย่างเป็นระบบ หมายถึง สามารถจัดระบบการท้างาน
กิจการ และการประกอบการใด ๆ ท้ังของตนเอง และร่วมกับผู้อื่น ร่วมกันก้าหนดเป้าหมาย แผนการท้างาน
ขั้นตอน และกระบวนการท้างานเป็นทีม เห็นภาพความส้าเร็จของทีม ค้านึงถึงประโยชน์ของทีมก่อนประโยชน์
ส่วนตน แบ่งบทบาทหน้าที่ให้เหมาะสมกับศักยภาพของสมาชิก รับผิดชอบตามบทบาทหน้าท่ีด้วยความใส่ใจ มี
ความพยายามในการทา้ งานและสนับสนุนช่วยเหลือใหเ้ กิดความสา้ เร็จ เคารพ รับฟัง แลกเปลีย่ น และ ประสาน
ความคิดเห็นที่แตกต่าง ประยุกต์ใช้ทักษะการคิดข้ันสูงในการตัดสินใจเป็นทีมท่ีมีประสิทธิภาพ ประเมินและ
ปรับปรุงกระบวนการท้างานร่วมกันอย่างเป็นระบบ ด้วยความโปร่งใสและตรวจสอบได้ ร่วมรับผิด และรับชอบ
ตอ่ ผลการตดั สนิ ใจของทีม เหน็ คุณคา่ ของการท้างานแบบร่วมมือรวมพลงั
3. สร้างความสัมพันธ์ที่ดีและการจัดการความขัดแย้ง หมายถึง มีทัศนคติเชิงบวกในการท้างาน
ร่วมกับ ผู้อ่ืน เหน็ คณุ ค่าของสัมพันธภาพท่ีดี สร้างและรักษาความสัมพันธ์อันดีในทีม ใหค้ วามไว้วางใจซึ่งกันและ
กัน ปฏิบัติต่อผู้อ่ืนด้วยความจริงใจ เห็นอกเห็นใจในฐานะท่ีเป็นมนุษย์ด้วยกัน เคารพและเห็นประโยชน์ของ
ความแตกตา่ งหลากหลาย มที กั ษะและใชว้ ิธกี ารป้องกันและจดั การความขัดแย้งได้อย่างเป็นระบบ
หลักสูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบ้านตาบา สพป.นธ. ๒
33
ระดบั สมรรถนะกำรรวมพลังทำงำนเปน็ ทีม
ระดบั การพฒั นา ระดับความสามารถ
ระดบั คาบรรยายระดับ ป.1-3 ป.4-6 ม.1-3 ม.4-6
1 รบั รบู้ ทบาทหน้าทีข่ องตนเอง มุ่งมนั่ ท้างานและทา้ กิจกรรมของตนเอง และ
ร่วมกับผอู้ ่ืนไดส้ ้าเรจ็ ตามข้อตกลง กฎ กตกิ า และแสดงออก อยา่ งเหมาะสม เร่ิมต้น
ในสถานการณต์ า่ ง ๆ ตามคา้ ชแี้ นะ
2 รู้และรบั ผดิ ชอบในบทบาทหน้าทข่ี องตนเอง มีความมน่ั ใจในการทา้ งาน
ตามข้ันตอนต่าง ๆ ใหส้ ้าเรจ็ ตามคา้ แนะนา้ และปฏิบัตติ ามกฎ กตกิ า ของ กาลงั
ทีม เมือ่ ไดร้ บั การช้แี นะเพื่อสนับสนนุ การทา้ กจิ กรรมรว่ มกับผ้อู ่นื ให้บรรลผุ ล พฒั นา
ส้าเรจ็ สามารถรบั รู้ความรู้สกึ ของผ้อู ่นื และตอบสนองตอ่ สถานการณ์ตา่ ง ๆ
ตามคา้ แนะนา้
3 มีความรับผดิ ชอบและใชจ้ ุดเดน่ ในการท้างานให้สา้ เร็จ รกั การท้างาน เป็น
สมาชิกทีมทีม่ สี ่วนรว่ มในการตดั สนิ ใจ การกา้ หนดเป้าหมาย การสรา้ ง สามารถ เร่มิ ต้น
ขอ้ ตกลงและการทา้ งานของทีม แสดงออกถึงความเข้าใจ ต่อเพอ่ื นในทมี ดว้ ย
ความเปน็ มติ รตามค้าแนะน้า
4 เป็นสมาชิกทีมท่รี บั ผิดชอบต่อบทบาทและงานตามทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย เหนอื กาลงั
จัดระบบความคดิ กอ่ นลงมือท้างานอยา่ งเป็นลา้ ดบั ขนั้ และปฏิบตั ิงานจน ความ พัฒนา
สา้ เรจ็ รวมทง้ั การช่วยเหลอื เพื่อนในทีม โดยปฏบิ ตั ิตอ่ ผู้อ่นื อย่างเปน็ มติ ร คาดหวงั
5 เป็นสมาชกิ ที่รเิ รม่ิ กา้ หนดเปา้ หมาย วิธีการท้างานท้งั ของตนเองและทมี ใช้
ความคิดสร้างสรรคใ์ นการวางแผนการทา้ งานอย่างเป็นล้าดับขัน้ และ สามารถ เรมิ่ ต้น
ปฏิบัตงิ านจนสา้ เรจ็ วิเคราะห์และสะท้อนการทา้ งาน แสดง ความคดิ เหน็
และสนบั สนุนการทา้ งานของสมาชิกในทมี ให้บรรลุเป้าหมาย
6 เป็นผนู้ า้ ตนเองมสี ว่ นรว่ มในการตดั สนิ ใจและการทา้ งานเพ่อื ให้บรรลุ เหนือ กาลัง
เปา้ หมายของตนเองและทีม จดั ระบบความคดิ และการทา้ งาน สะทอ้ น ผล ความ พัฒนา
การท้างานโดยตระหนกั ถงึ เป้าหมายและสมั พันธภาพเชงิ บวกของทีม คาดหวงั
7 เป็นผู้น้าตนเอง สร้างการมีส่วนรว่ มในการตัดสินใจและกระบวนการ ทา้ งาน
ตรวจสอบและพัฒนางานร่วมกบั ผอู้ นื่ อย่างเปน็ ระบบ มีวิธีการ ท้างานที่
โปร่งใสตรวจสอบได้ สรา้ งสมั พนั ธภาพเชงิ บวก และจดั การ ความขัดแย้งด้วย สามารถ เร่ิมต้น
ความเข้าใจและยอมรับ ความแตกต่าง ความเสมอภาค และเทา่ เทยี มกนั โดย
ไมเ่ ลือกปฏิบตั ิ เหน็ คณุ คา่ ของทุกคนในทีม อยา่ งเท่าเทียมกัน
8 มีภาวะผู้นา้ ใช้ทกั ษะการคดิ ข้ันสงู เพื่อมองเห็นภาพความส้าเรจ็ ตดั สินใจ เหนอื กาลงั
และท้างานอย่างมีส่วนรว่ ม เพอื่ ขบั เคล่ือนทมี ใหบ้ รรลเุ ป้าหมาย ด้วย ความ พัฒนา
กระบวนการท้างานทโ่ี ปร่งใส ตรวจสอบได้ อีกทง้ั รักษาสมั พันธภาพ เชิงบวก คาดหวัง
ในทมี
9 มีภาวะผู้นา้ เสรมิ สร้างความสัมพนั ธ์ เชงิ บวกและคุณค่าของการรวมพลัง
ท้างานเป็นทีม มีความสามารถในการประสานความคิดเหน็ ท่แี ตกตา่ ง และ สามารถ
ทา้ งานดว้ ยความโปร่งใส ตรวจสอบได้และสามารถจัดการ ความขัดแย้งได้
10 มคี ณุ ลักษณะของผู้ที่สรา้ งการเปลย่ี นแปลง สร้างแรงบันดาลใจ เห็นคุณคา่ เหนือ
ของทุกคนอย่างเทา่ เทียมกัน สร้างพลวตั รของการทา้ งาน เปน็ ทมี เพอ่ื ความ
ขบั เคลอ่ื นสเู่ ปา้ หมายความสา้ เร็จของงานและของทีม คาดหวงั
หลกั สูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบ้านตาบา สพป.นธ. ๒
34
5. สมรรถนะการเปน็ พลเมืองที่เข้มแข็ง (Active Citizen: AC)
นยิ าม
การปฏิบตั ิตนอยา่ งรับผิดชอบในฐานะพลเมืองไทยและพลโลก รู้เคารพสทิ ธิเสรีภาพของตนเอง และผู้อ่ืน
เคารพในกฎกติกาและกฎหมาย มีส่วนร่วมทางสังคมอย่างมีวิจารณญาณ อยู่ร่วมกับผู้อ่ืนท่ามกลาง ความ
หลากหลาย เห็นคุณค่าของศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ มีบทบาทในการตัดสินใจและสร้างการเปลี่ยนแปลง ทาง
สงั คม โดยยดึ ม่นั ในความเท่าเทียมเป็นธรรม ค่านยิ มประชาธิปไตย และสนั ตวิ ธิ ี
องค์ประกอบ
๑. พลเมืองรู้เคารพสิทธิ หมายถงึ เคารพสิทธเิ สรีภาพของผอู้ ื่น ตระหนักในสทิ ธิเสรีภาพของตนเอง ชว่ ยเหลือ ให้
เกียรติ และเห็นอกเห็นใจผู้อ่ืนบนพ้ืนฐานของการพ่ึงพาอาศัยกัน โดยปราศจากอคติ ไม่เลือกปฏิบัติ เพ่ือการอยู่
รว่ มกนั อย่างสนั ติ
๒. พลเมืองรับผิดชอบต่อบทบาทหน้าที่ หมายถึง ปฏิบัติตนตามกฎ กติกา ข้อตกลง กฎหมาย อย่าง
ถกู ตอ้ ง และเหมาะสม รบั ผดิ ชอบบทบาทหนา้ ท่ตี นเองในฐานะพลเมอื งไทยและพลโลก
๓. พลเมืองมีส่วนร่วมอย่างมีวจิ ารณญาณ หมายถึง ตดิ ตามสถานการณ์และประเด็นปัญหาของสังคม อย่างมี
วจิ ารณญาณ มีส่วนร่วมทางสังคมด้วยจิตสาธารณะและส้านึกสากล
๔. พลเมืองผู้สร้างการเปลี่ยนแปลง หมายถึง มีความกระตือรือร้นในการสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิง
บวก ทางสงั คม บนพนื้ ฐานของความเท่าเทียมเป็นธรรม คา่ นิยมประชาธิปไตย และสนั ตวิ ธิ ี
หลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบ้านตาบา สพป.นธ. ๒
35
ระดับสมรรถนะกำรเป็นพลเมอื งทเี่ ข้มแขง็
ระดบั การพัฒนา ระดับความสามารถ
ระดับ คาบรรยายระดบั ป.1-3 ป.4-6 ม.1-3 ม.4-6
1 เขา้ ใจผลกระทบของการกระท้าอะไรทตี่ ามใจตนเอง รับผดิ ชอบและปฏบิ ตั ิ
ตน ตามค้าแนะน้าอยา่ งเหมาะสม มีส่วนร่วมในกิจกรรมส่วนรวมและแจ้ง เร่มิ ตน้
ผูเ้ กย่ี วข้อง เมือ่ พบปญั หาในชั้นเรยี น
2 มคี วามสามารถในการยบั ย้งั ชงั่ ใจ เคารพสทิ ธิเสรภี าพของผอู้ ่นื รู้จักปฏเิ สธ
ชว่ ยเหลอื ผอู้ ่ืนเมอ่ื ได้รับการรอ้ งขอ รบั ผดิ ชอบและปฏิบัตติ นอย่างเหมาะสม กาลงั
ตามบทบาทหน้าทขี่ องตนเอง มีสว่ นร่วมในกจิ กรรมสว่ นรวมตา่ ง ๆ ที่ พฒั นา
โรงเรียน จัดขน้ึ หรอื ครูมอบหมายและแจ้งผเู้ กี่ยวข้องเมือ่ พบปัญหาหรือ
ความขดั แยง้ ในชัน้ เรยี น
3 อสิ ระท่ีจะคดิ และแสดงออกที่รับผดิ ชอบและไมท่ ้าใหผ้ อู้ น่ื เดือดร้อน เคารพ
สทิ ธิ เสรภี าพของผู้อ่นื ชว่ ยเหลือผู้อ่ืน รับผดิ ชอบและปฏิบัตติ นอยา่ ง
เหมาะสม ตามบทบาทหน้าที่ของตนเอง เคารพตอ่ สถาบันหลกั ของชาติ สามารถ เรม่ิ ตน้
ติดตามข้อมูลขา่ วสาร ที่เกย่ี วข้องกบั ตนเอง ครอบครวั เพ่อื นร่วมชน้ั เรยี น มี
สว่ นรว่ มในกจิ กรรมสว่ นรวมตา่ ง ๆ ในระดบั ช้นั เรยี นหรือโรงเรยี น แกไ้ ข
ปญั หาความขดั แย้งในช้นั เรียนอยา่ งมีเหตผุ ล
4 อดทนอดกล้ันในความคดิ เห็นและการแสดงออกที่แตกตา่ ง ยอมรบั ความ
แตกตา่ ง หลากหลาย ชว่ ยเหลือและแบ่งปนั กับผอู้ ื่น รับผดิ ชอบและปฏบิ ัติ
ตนอย่างเหมาะสม ตามบทบาทหนา้ ทีใ่ นฐานะพลเมอื งในระบอบ เหนือ กาลัง
ประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษัตรยิ ์ ทรงเป็นประมขุ เคารพต่อสถาบนั หลกั ความ พัฒนา
ของชาติ ตดิ ตามและตรวจสอบข้อมลู ขา่ วสาร เข้าร่วมกิจกรรมและรว่ มเปน็ คาดหวงั
อาสาสมัครในกิจกรรมสาธารณะประโยชน์ ระดับโรงเรยี นและชุมชน
หาทางออกรว่ มกันกับผูเ้ กยี่ วขอ้ งในการแกป้ ญั หา หรอื ความขัดแยง้ อย่างมี
เหตผุ ล
5 รจู้ ักและปกป้องสทิ ธิเสรภี าพของตนเอง และผูอ้ นื่ ยอมรบั และเคารพ ความ
แตกต่างหลากหลาย พยายามทีจ่ ะเหน็ อกเห็นใจ ชว่ ยเหลอื และแบง่ ปนั กับ
ผู้อ่นื รบั ผดิ ชอบและปฏบิ ัตติ นอยา่ งเหมาะสมตามบทบาทหนา้ ท่ใี นฐานะ
พลเมอื ง ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษตั ริย์ทรงเป็นประมขุ สามารถ เร่ิมตน้
เคารพต่อสถาบนั หลกั ของชาติ ติดตามและตรวจสอบขอ้ มูลข่าวสาร เข้า
ร่วมกจิ กรรมและร่วมเปน็ อาสาสมคั ร ในกจิ กรรมสาธารณะประโยชน์ระดับ
โรงเรยี นและชุมชน หาทางออกรว่ มกัน กบั ผเู้ ก่ยี วขอ้ งในการแก้ปัญหา โดย
ใช้กระบวนการปรกึ ษาหารอื ตามวถิ ีประชาธิปไตย
6 รจู้ กั และปกปอ้ งสิทธเิ สรีภาพของตนเอง และผูอ้ ืน่ พยายามทจี่ ะเหน็ อกเหน็
ใจและ ช่วยเหลือผู้อน่ื เคารพและปฏบิ ตั ติ นตามกฎ กติกาทางสงั คม มี
ความรับผิดชอบต่อ ผลการกระท้าตามบทบาทหน้าท่พี ลเมืองประชาธปิ ไตย เหนอื กาลงั
ติดตามและประเมิน ความถูกตอ้ งและนา่ เชื่อถือของข้อมูล ริเรม่ิ และมสี ว่ น ความ พฒั นา
ร่วมทางสังคมในประเดน็ ทสี่ นใจ ระดบั ท้องถ่ินและประเทศ ดว้ ยจติ คาดหวัง
สาธารณะ กระตือรอื รน้ ในการหาทางออก และร่วมสร้างการเปล่ยี นแปลง
รว่ มกันเกยี่ วกับประเด็นปัญหา โดยคา้ นงึ ถงึ ความเทา่ เทยี มเป็นธรรมด้วย
สันติวธิ ีและวิถปี ระชาธิปไตยอันมพี ระมหากษตั รยิ ์ ทรงเปน็ ประมขุ
หลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒
36
ระดบั สมรรถนะกำรเปน็ พลเมืองท่ีเข้มแข็ง (ต่อ)
ระดบั การพัฒนา ระดับความสามารถ
ระดบั คาบรรยายระดบั ป.1-3 ป.4-6 ม.1-3 ม.4-6
7 รูจ้ ักและปกปอ้ งสิทธิเสรภี าพของตนเอง และผอู้ ื่น พยายามทจ่ี ะเหน็ อกเห็นใจ
ผู้อ่ืน ท้ังในโลกจรงิ และโลกเสมอื น ให้เกยี รติ ชว่ ยเหลือผู้อนื่ โดยไมเ่ ลอื กปฏบิ ตั ิ
เคารพและปฏิบตั ติ นตามกฎ กติกาทางสังคม มคี วามรบั ผดิ ชอบตอ่ บทบาท
หนา้ ท่ี พลเมอื งประชาธปิ ไตย ตดิ ตามและประเมนิ ความถูกต้องและน่าเชอื่ ถอื
ของข้อมลู ท่เี ก่ยี วข้องกับการเปลยี่ นแปลงทางสงั คม เศรษฐกจิ การเมือง และ สามารถ เริ่มตน้
วัฒนธรรม รเิ รมิ่ และมสี ว่ นร่วมทางสงั คมในประเด็นท่ีสนใจระดับท้องถิน่ และ
ประเทศ ดว้ ยจติ สาธารณะ กระตอื รือรน้ ในการหาทางออกร่วมกันและรเิ รม่ิ ใน
การสรา้ ง การเปลี่ยนแปลงของท้องถ่ิน ภูมภิ าค และประชาคมโลก เกย่ี วกับ
ประเด็นปญั หา โดยคา้ นงึ ถงึ ความเทา่ เทยี มเปน็ ธรรม ด้วยสนั ตวิ ิธแี ละวิถี
ประชาธปิ ไตยอนั มี พระมหากษัตรยิ ์ทรงเป็นประมุข
8 ยึดม่นั ในหลักสิทธเิ สรีภาพและความเสมอภาค พยายามท่จี ะเห็นอกเห็นใจผู้อน่ื
ทงั้ ในโลกจริงและโลกเสมอื นบนพน้ื ฐานของการพง่ึ พาอาศยั กันโดยปราศจาก
อคติ ใชว้ จิ ารณญาณในการตดิ ตามสถานการณแ์ ละประเดน็ ปัญหา รเิ รม่ิ และมี เหนือ กาลัง
สว่ นร่วม ทางสงั คมในประเด็นที่หลากหลายระดบั ภมู ิภาคและประชาคมโลก ความ พัฒนา
ด้วยจติ สาธารณะและส้านึกสากล กระตอื รือรน้ ในการรว่ มสรา้ งการ คาดหวัง
เปลย่ี นแปลงเชิงบวก เกี่ยวกบั ประเด็นปัญหาของทอ้ งถ่นิ ด้วยค่านยิ ม
ประชาธปิ ไตย
9 ยึดมนั่ ในหลกั สิทธิเสรภี าพและความเสมอภาค เคารพและปฏบิ ตั ติ ามกฎ กติกา
ทางสังคม พยายามทีจ่ ะเห็นอกเหน็ ใจผอู้ ่นื ทั้งในโลกจรงิ และโลกเสมอื น บน
พ้นื ฐานของการพง่ึ พากนั โดยปราศจากอคติ ไมเ่ ลือกปฏิบตั ิ มีความรับผิดชอบ
ตอ่ บทบาทหน้าท่พี ลเมอื งประชาธิปไตยอันมพี ระมหากษตั รยิ ์ทรงเปน็ ประมุข
ยอมรับความแตกตา่ งหลากหลาย ใช้วิจารณญาณในการตดิ ตามสถานการณ์ สามารถ
และประเด็นปัญหา รเิ รมิ่ และมีสว่ นรว่ มทางสงั คมในประเด็นที่หลากหลาย
ระดับภมู ิภาคและประชาคมโลก ดว้ ยจติ สาธารณะและส้านกึ สากล
กระตือรือรน้ ในการรว่ มสรา้ งการเปลยี่ นแปลงเชิงบวก เกย่ี วกับประเด็นปญั หา
ของท้องถ่นิ ดว้ ยความเชื่อม่นั ในสงั คมท่เี ท่าเทียมเป็นธรรม คา่ นิยม
ประชาธปิ ไตย และแนวทาง ที่ไมเ่ กิดความรนุ แรงตอ่ สงั คมและต่อตวั เอง
10 ยึดมน่ั และปกปอ้ งในหลกั สทิ ธิเสรภี าพและความเสมอภาค สอ่ื สารผา่ นช่องทาง เหนอื
สาธารณะระดับภมู ภิ าคและประชาคมโลก ดว้ ยจิตสาธารณะ ส้านึกสากล ดว้ ย ความ
ความเช่อื มัน่ ในสงั คมทเี่ ท่าเทียมเป็นธรรม ค่านยิ มประชาธปิ ไตย และแนวทาง คาดหวงั
ทไ่ี มเ่ กิดความรุนแรงตอ่ สงั คมและตอ่ ตัวเอง แนวทางสนั ตวิ ิธี
หลกั สตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒
37
๖. สมรรถนะกำรอยรู่ ่วมกับธรรมชำติ และวิทยำกำรอยำ่ งย่ังยนื (Sustainable coexistence with
living in the harmony of nature and science: SLNS)
นยิ ำม
มีความเข้าใจพ้ืนฐานเกี่ยวกับปรากฏการณ์ของโลกและเอกภพและความสัมพันธ์ของคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และ
ธรรมชาติในชีวิตประจาวัน ใช้และรู้เท่าทันวิทยาการเทคโนโลยี มีความอยากรู้ อยากเห็น ช่างสังเกต เห็นคุณค่า สามารถ
แก้ปัญหา หรอื สร้างสรรค์นวัตกรรมได้เพ่ือการดารงชีวติ และอยรู่ ว่ มกบั ธรรมชาติ อย่างย่งั ยนื
องคป์ ระกอบ
๑. กำรเข้ำใจปรำกฏกำรณ์ท่ีเกิดข้ึนบนโลกและในเอกภพ หมายถึง สืบเสาะ ทาความเข้าใจข้อเท็จจริง
สาเหตุ กระบวนการ และผลกระทบท่ีเกิดขึน้ ของปรากฏการณ์ต่าง ๆ ทเี่ กิดขึ้นบนโลก และในเอกภพ
๒. กำรเช่ือมโยงควำมสัมพันธ์ของคณิตศำสตร์ วิทยำศำสตร์เพ่ือกำรอยู่ร่วมกันกับธรรมชำติ อย่ำงย่ังยืน
หมายถึง มองเห็นปญั หา เชื่อมโยงและประยุกต์ใช้ความรู้ ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
เพื่อแก้ปญั หา หรอื สรา้ งสรรคน์ วัตกรรม เพ่ือการดารงชีวิตและอยรู่ ่วมกบั ธรรมชาติอยา่ งยัง่ ยืน
๓. กำรสร้ำง ใช้ และรู้เท่ำทันวิทยำกำรเทคโนโลยี หมายถึง สร้างและใช้เทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพ
สร้างสรรค์ รู้เท่าทนั มคี วามฉลาดทางดิจิทลั คานงึ ถงึ ผลกระทบต่อชีวิต ส่งิ แวดล้อม และสังคม
๔. กำรมีคุณลกั ษณะทำงคณติ ศำสตร์และวทิ ยำศำสตร์สำหรับกำรเข้ำใจระบบธรรมชำตแิ ละ กำรอยู่
ร่วมกันอย่ำงยั่งยืน หมายถึง มีความอยากรู้อยากเห็น ช่างสังเกต เข้าใจระบบธรรมชาติ เห็นคุณค่าของ
คณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ เพือ่ การดารงชีวิตและอยรู่ ่วมกบั ธรรมชาติอย่างยง่ั ยืน
หลักสตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒
38
ระดบั สมรรถนะการอยูร่ ่วมกับธรรมชาติ และวิทยาการอยา่ งยั่งยืน
ระดบั การพัฒนา ระดบั ความสามารถ
ระดบั คาบรรยายระดบั ป.1-3 ป.4-6 ม.1-3 ม.4-6
1 ชา่ งสงสัย มีจินตนาการ สงั เกต ซักถาม เก็บรวบรวมข้อมูลอยา่ ง กระตอื รอื ร้น บอก
ขอ้ เท็จจรงิ ลงความเหน็ จากการสงั เกต จ้าแนก ความแตกตา่ งของข้อมูล นา้ เสนอ
ข้อมลู ในรปู แบบทเี่ หมาะสม และอธิบาย สถานการณ์ทเ่ี กีย่ วข้องกบั ตนเองและสงิ่ เรมิ่ ตน้
รอบตวั ทา้ กิจกรรม กิจวตั รต่าง ๆ และแกป้ ัญหาโดยใชค้ วามรู้คณิตศาสตร์
วิทยาศาสตร์ และ/ หรือ เทคโนโลยี ใช้เทคโนโลยอี ยา่ งปลอดภยั และเหมาะสม มี
สว่ นรว่ มในการ ดูแลสิง่ แวดล้อมรอบตวั ใช้สงิ่ ของอย่างประหยดั
2 ชา่ งสงสยั กระตอื รอื ร้นในการต้ังค้าถามและรวบรวมข้อมูลโดยใช้ เครอื่ งมืออยา่ ง
ง่าย อ่านขอ้ มลู และลงข้อสรุปเพอื่ อธิบายสาเหตุของ สถานการณ์ใกล้ตัวจาก
ความสัมพันธ์ของหลักฐานท่ีรวบรวมได้ แก้ปัญหา จากสถานการณใ์ กล้ตัวหรอื กาลงั
ส่งิ แวดลอ้ มโดยใช้ความรูค้ ณติ ศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และ/ หรอื เทคโนโลยี ใช้ พัฒนา
เทคโนโลยีอยา่ งปลอดภยั และ เหมาะสม มสี ่วนร่วมในการดแู ลสิง่ แวดล้อมใน
โรงเรยี นหรือชมุ ชน ใชส้ ง่ิ ของอย่างใสใ่ จและรูค้ ุณค่า
3 กระตอื รอื ร้นและมฉี นั ทะในการใฝห่ าความรู้ ต้งั คา้ ถามที่น้าไปสกู่ ารหา ค้าตอบและ
รวบรวมข้อมูลโดยใชเ้ ครือ่ งมืออย่างง่าย เลอื กรปู แบบ การน้าเสนอ วเิ คราะห์ และ
ประเมินความนา่ เชอ่ื ถือของข้อสรปุ อธิบาย สาเหตขุ องปรากฏการณ์จากหลักฐานที่
รวบรวมไดแ้ ละเช่อื มโยงผลท่ีมีต่อ ชีวติ และส่งิ แวดล้อมในชมุ ชน ออกแบบแนวทาง สามารถ เรม่ิ ตน้
และลงมือแก้ปัญหา จากสถานการณ์ใกล้ตัวหรอื สิง่ แวดลอ้ มโดยใช้ความรู้
คณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ และ/ หรือเทคโนโลยี ใช้เทคโนโลยอี ย่างปลอดภยั และ
เหมาะสม ใสใ่ จ ดแู ลสิง่ แวดล้อมในบรเิ วณบ้าน โรงเรียน หรอื ชมุ ชน ของตนเอง ใช้
ทรัพยากรธรรมชาตอิ ยา่ งรู้คุณค่า
4 รวบรวมข้อมูลอยา่ งซื่อสัตย์ ออกแบบและเลือกใชเ้ ครอื่ งมอื ทีเ่ หมาะสม ประเมิน
ความน่าเชอ่ื ถือของข้อมูล วเิ คราะห์ขอ้ มลู ทจี่ ัดการเพอื่ ลงข้อสรปุ อธิบายสาเหตุและ
กระบวนการของปรากฏการณ์จากหลกั ฐานทร่ี วบรวม ได้โดยใช้ความรู้ในศาสตร์ตา่ ง เหนือ กาลงั
ๆ และเชือ่ มโยงผลตอ่ ธรรมชาติและ สง่ิ แวดล้อมในชุมชน คาดการณ์เกยี่ วกับ ความ พฒั นา
ปรากฏการณโ์ ดยอาศัยหลกั วิชา และไม่มอี คติ ออกแบบแนวทางและลงมือ คาดหวัง
แกป้ ญั หาจากสถานการณ์ ต่าง ๆ ในธรรมชาติหรอื สิง่ แวดลอ้ ม โดยใช้ความรู้
คณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ใชเ้ ทคโนโลยีตามวตั ถุประสงค์อยา่ งค้มุ คา่
และปลอดภัย รับรู้และมจี ิตส้านกึ ในการดแู ลธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม
5 ใสใ่ จ และมฉี นั ทะในการใฝ่หาความรู้ สงั เกต ตัง้ คา้ ถามที่นา้ ไปสู่การหา ค้าตอบ
เกยี่ วกับปรากฏการณ์ท่ัวไป ประเมินและเลือกวธิ กี ารรวบรวม ข้อมูลทส่ี อดคลอ้ งกับ
ค้าถาม ประเมินความน่าเชอ่ื ถือของขอ้ มลู จดั การ และนา้ เสนอขอ้ มลู หลายประเภท
ไดอ้ ย่างเหมาะสม วิเคราะหแ์ ละเลือก ชดุ ขอ้ มลู ทส่ี อดคล้องกบั สมมติฐาน และ
ประเมนิ ขอ้ สรปุ และขอ้ กล่าวอ้าง อธิบายสาเหตุและกระบวนการของปรากฏการณ์
จากหลกั ฐานทีร่ วบรวม ไดโ้ ดยใช้ความรู้ในศาสตร์ตา่ ง ๆ และเช่อื มโยงผลต่อ สามารถ เร่ิมตน้
ธรรมชาติและ ส่งิ แวดล้อมในชุมชน คาดการณ์เกยี่ วกับปรากฏการณ์โดยอาศยั หลัก
วิชา อย่างมเี หตุผลและไม่มีอคติ แก้ปญั หาปัจจุบันทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกับ การเปล่ยี นแปลง
ของปรากฏการณ์ต่าง ๆ ในระบบธรรมชาติ โดยใช้ความรู้ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยี ใชเ้ ทคโนโลยีอยา่ งคุ้มคา่ ปลอดภยั และเหมาะสม รับรูแ้ ละเหน็
ตวั เองเปน็ ส่วนหนึง่ ของระบบ ธรรมชาติ ใชท้ รพั ยากรธรรมชาติตามความจ้าเป็น
หลกั สูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบ้านตาบา สพป.นธ. ๒
39
ระดบั สมรรถนะการอยูร่ ่วมกับธรรมชาติ และวิทยาการอยา่ งยั่งยนื (ตอ่ )
ระดับการพัฒนา ระดับความสามารถ
ระดับ คาบรรยายระดบั ป.1-3 ป.4-6 ม.1-3 ม.4-6
6 มุ่งม่ันในการหาสาเหตขุ องปรากฏการณ์ ออกแบบวิธีการรวบรวมขอ้ มลู วิเคราะหแ์ ละ
น้าเสนอขอ้ มูลท่คี อ่ นขา้ งซับซ้อนและประเมนิ ความสมเหตุ สมผลของขอ้ สรุปและการ
อนมุ าน ยอมรับและยินดีเปล่ียนแปลงข้อสรุป เมือ่ มหี ลักฐานท่ีน่าเชอ่ื ถอื เพยี งพอ
อธิบายสาเหตแุ ละกระบวนการของ ปรากฏการณ์จากหลักฐานที่รวบรวมได้โดยใช้ เหนือ กาลัง
ความรู้ในศาสตร์ต่าง ๆ และเชือ่ มโยงผลตอ่ ธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ้ มในระดับประเทศ ความ พฒั นา
อย่างเปน็ ระบบ คาดการณเ์ ก่ียวกบั ปรากฏการณ์โดยอาศยั หลักวชิ าและข้อมูล รอบ คาดหวัง
ดา้ น แก้ปัญหาอย่างเป็นระบบด้วยคณติ ศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยี และ
ปฏบิ ัติตนเพอื่ อยูร่ ว่ มกับการเปลย่ี นแปลงของ ปรากฏการณ์ในระบบธรรมชาตไิ ดอ้ ยา่ ง
เหมาะสม ใชเ้ ทคโนโลยี โดยค้านงึ ถึงผลกระทบตอ่ ตนเอง สงั คมและสิ่งแวดล้อม และ
รู้เท่าทัน ในการสอ่ื สารผ่านโลกดจิ ทิ ัล ใช้ทรพั ยากรธรรมชาตอิ ยา่ ง มีความรบั ผิดชอบ
7 มุ่งม่ัน อดทน และจดจ่อในการหาสาเหตขุ องปรากฏการณท์ ่ีค่อนขา้ ง ซบั ซ้อน สังเกต
ต้งั ค้าถาม ออกแบบ ประเมนิ และปรับปรงุ วิธกี าร และเครือ่ งมือในการเก็บรวบรวม
ขอ้ มูล ตรวจสอบและประเมนิ ความน่าเช่ือถอื ของขอ้ มลู ประเมนิ และปรับปรงุ การ
น้าเสนอข้อมลู ใหเ้ หมาะสม ใช้ความรู้ในการประเมินความสมเหตสุ มผลของขอ้ สรปุ
และการอนมุ าน อธิบายสาเหตแุ ละกระบวนการของปรากฏการณ์ จากหลกั ฐานที่
รวบรวมได้ และใช้ความรู้ หลักการ ทฤษฎี หรือกฎ และเช่ือมโยงผลตอ่ ชวี ิต ธรรมชาติ
และสิง่ แวดลอ้ มในระดับประเทศ อยา่ งเป็นระบบ พยากรณ์เก่ยี วกบั ปรากฏการณ์อย่าง สามารถ เริม่ ตน้
สมเหตุสมผลและใช้ ขอ้ มลู รอบด้าน แก้ปัญหาเฉพาะหน้าท่ีไม่คาดคิดเก่ยี วกับการ
ด้าเนินชีวิต ของมนุษยส์ งิ่ แวดล้อม และธรรมชาติ ด้วยคณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ และ
เทคโนโลยีมีสว่ นร่วมในการปกปอ้ งหรือฟื้นฟสู ิ่งแวดลอ้ มในโรงเรียน หรือชมุ ชน โดย
เสนอแนวทาง น้าไปปฏิบตั ิ ตรวจสอบผลและปรับปรุง วธิ กี าร ใช้เทคโนโลยโี ดย
ค้านึงถงึ ผลที่เกดิ ข้ึนตอ่ ตนเอง สังคม และ ส่ิงแวดล้อม สรา้ งและแบง่ ปันข้อมูลอย่าง
ปลอดภยั
8 สร้างโครงงานตามหัวข้อทกี่ ้าหนด โดยตัง้ คา้ ถาม ก้าหนดขอบเขตทีศ่ ึกษา ออกแบบ
ประเมนิ และปรับปรุงวธิ ีการรวบรวมข้อมลู วเิ คราะหข์ ้อมูล และเลือกการอนุมานท่ี
ตรงกบั เง่ือนไขและขอ้ จา้ กัดอยา่ งมเี หตุผล อธิบาย สาเหตุและกระบวนการของ
ปรากฏการณ์ที่ซับซ้อนจากหลกั ฐาน ที่รวบรวมได้ โดยใชค้ วามรู้ หลกั การ ทฤษฎี กฎ
และปัจจัยตา่ ง ๆ ทีเ่ ก่ียวขอ้ ง และเชอื่ มโยงผลต่อชวี ติ สิง่ แวดล้อม และธรรมชาตอิ ยา่ ง
เปน็ ระบบ พยากรณเ์ กย่ี วกับปรากฏการณ์อย่างสมเหตสุ มผล ใช้ข้อมูล รอบด้านและ เหนือ กาลงั
นา่ เชอ่ื ถือ วเิ คราะห์ปัญหาในเชงิ ระบบจากสถานการณ์ ที่ซบั ซอ้ นในธรรมชาติ ความ พัฒนา
แก้ปญั หาอย่างเปน็ ระบบและมวี ิจารณญาณ ด้วยคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และ คาดหวัง
เทคโนโลยีมีสว่ นร่วมสรา้ งสมดลุ เพื่อการดา้ รงชีวติ ในธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดล้อมของ
ชุมชนโดยเสนอ แนวทาง น้าไปปฏิบัติ ตรวจสอบผลและปรับปรงุ วธิ กี ารอย่างมุ่งมั่น
อดทน ใชเ้ ทคโนโลยีทีห่ ลากหลายในการท้างาน และจัดการผลที่เกิดขึ้น เคารพ
กฎหมาย มีจรยิ ธรรม เห็นคุณค่าของระบบธรรมชาติโดยปรับตวั ให้อย่รู ว่ มกนั ไดอ้ ย่าง
สมดลุ
หลักสตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบ้านตาบา สพป.นธ. ๒
40
ระดบั สมรรถนะการอยู่ร่วมกับธรรมชาติ และวิทยาการอยา่ งยั่งยนื (ตอ่ )
ระดบั การพฒั นา ระดับความสามารถ
ระดบั คาบรรยายระดับ ป.1-3 ป.4-6 ม.1-3 ม.4-6
9 สร้างโครงงานตามความสนใจ โดยต้ังค้าถาม วเิ คราะห์ สังเคราะห์ หลักการหรอื ทฤษฎี
อยา่ งรอบด้านเพอ่ื ออกแบบวธิ ีการรวบรวมขอ้ มูล ประเมนิ และปรับปรงุ การน้าเสนอ
ขอ้ มูล วิเคราะห์ข้อมลู เพอ่ื การอนมุ าน เลอื กใช้โมเดลในการวเิ คราะห์ข้อมลู เพ่อื น้าไปสู่
ข้อสรุป และตอบข้อสงสยั อธิบายสาเหตแุ ละกระบวนการของปรากฏการณ์ ทซี่ ับซ้อน
และสนใจโดยบูรณาการความรู้หลากหลายสาขาวิชาและ เชือ่ มโยงผลต่อธรรมชาติ
วิเคราะห์ปัญหาในเชงิ ระบบจากสถานการณ์ ในระบบธรรมชาติ แก้ปัญหาอย่างเป็น สามารถ
ระบบและมีวจิ ารณญาณ โดยบรู ณาการศาสตร์ตา่ ง ๆ อย่างแนว่ แน่ ไมย่ อ่ ท้อ ปฏิบตั ิ
ตน เพอื่ ด้ารงชวี ิตในธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ มอยา่ งสมดุล มสี ่วนร่วม ในการสร้าง
จิตสา้ นึกของคนในชมุ ชน โดยเสนอแนวทางในการปกป้อง หรอื ฟน้ื ฟู และอยู่ร่วมกับ
ธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ มไดอ้ ย่างเหมาะสมและ ยง่ั ยนื ใช้เทคโนโลยเี พือ่ สง่ เสริมการ
สร้างอาชพี และโอกาสในการแข่งขัน รเู้ ทา่ ทันการเปลีย่ นแปลงของเทคโนโลย
10 วเิ คราะห์ สงั เคราะห์หลกั การหรือทฤษฎี เอกสารและงานวจิ ัยทีเ่ ก่ยี วข้อง เพื่อก้าหนด
ขอบเขตโครงงานท่ศี กึ ษา ออกแบบวิธีการรวบรวมขอ้ มูล อย่างมปี ระสทิ ธิภาพและ
สร้างสรรค์ ประเมนิ จดุ แข็งของชุดข้อมูล สร้าง และยืนยนั ความถูกต้องของข้อสรุป
อธิบายสาเหตุ กระบวนการ และ ความสมั พนั ธข์ องปรากฏการณ์ทีซ่ ับซอ้ นในระบบ
ธรรมชาติโดยบรู ณาการ ความร้ใู นศาสตรต์ ่าง ๆ วเิ คราะห์ความสมั พันธ์เชิงเหตุและผล เหนือ
ท่ีเปน็ จุดวิกฤตซง่ึ มีผลตอ่ ความอยู่รอดของมนุษย์และโลกจากสถานการณ์ ในระบบ ความ
ธรรมชาติ สรา้ งนวตั กรรมเพอ่ื แกป้ ัญหาอยา่ งเปน็ ระบบ สรา้ งสรรค์ และมีวิจารณญาณ คาดหวงั
โดยบรู ณาการศาสตร์ตา่ ง ๆ อย่างมุ่งมน่ั และเดด็ เดี่ยว สรา้ งจติ สา้ นกึ ของคนในชุมชน
ปกป้องหรือฟ้ืนฟู และ อยู่รว่ มกบั ธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ้ มไดอ้ ยา่ งสมดุลและย่ังยนื ใช้
เทคโนโลยีเพือ่ ส่งเสริมการสร้างอาชีพหรอื การเพมิ่ มลู ค่าของผลผลิต และโอกาสในการ
แขง่ ขนั ค้านงึ ถึงผลท่ีจะเกดิ ขน้ึ อย่างรอบด้าน
8. กลมุ่ สาระการเรียนรู้
หลักสตู รสถานศกึ ษา โรงเรยี นบ้านตาบา กา้ หนดกล่มุ สาระการเรียนรู้ ซง่ึ ประกอบดว้ ย สมรรถนะเฉพาะ
และผลลัพธก์ ารเรียนรู้เม่ือจบชว่ งชน้ั ดงั น้ี
ชว่ งช้นั ท่ี 1 (ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 1 - ๓) ก้าหนด 7 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ดงั น้ี
๑. ภาษาไทย
๒. คณิตศาสตร์
๓. ภาษาอังกฤษ
๔. ศิลปะ
๕. สุขศกึ ษาและพลศึกษา
๖. สงั คมศึกษา
๗. วิทยาศาสตรแ์ ละระบบธรรมชาติ
หลักสตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒
41
ชว่ งชัน้ ที่ 2 (ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 4 - 6) ก้าหนด 9 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ดังนี้
๑. ภาษาไทย
๒. คณิตศาสตร์
๓. ภาษาองั กฤษ
๔. ศิลปะ
๕. สุขศึกษาและพลศึกษา
๖. สงั คมศกึ ษา
7. การจัดการในครัวเรอื นและการประกอบการ
8. วทิ ยาศาสตรแ์ ละระบบธรรมชาติ
9. เทคโนโลยดี ิจทิ ลั
ความหมายขององค์ประกอบกลุม่ สาระการเรียนรู้
สมรรถนะเฉพาะ (Specific Competencies) เปน็ สมรรถนะเฉพาะกลุ่มสาระการเรียนรทู้ ่ีประกอบดว้ ย ความรู้
(Knowledge) ทกั ษะ (Skills) เจตคติ (Attitudes) และค่านยิ ม (Values) ของแตล่ ะกลุ่มสาระการเรียนรู้ ทกี่ ้าหนดส้าหรับ
นักเรียนในแต่ละชว่ งช้ัน
ผลลัพธ์การเรยี นรเู้ ม่อื จบชว่ งชัน้ (Learning Outcome) เปน็ เป้าหมายของการจัดการเรียนรู้ เม่ือจบชว่ ง
ช้ัน ผลลพั ธ์การเรียนรู้ประกอบด้วย พฤติกรรมทสี่ ะท้อนสมรรถนะหลกั และสมรรถนะเฉพาะ ทีค่ รูผู้สอน ต้องน้าไปใช้เปน็ กรอบ
แนวคิดในการออกแบบการจดั การเรียนรู้และการวัดผลประเมินผล เพื่อพัฒนาผ้เู รยี น ผลลัพธ์การเรยี นรู้เมื่อจบชว่ งชัน้ เป็น
ภาพรวมความสามารถของนักเรียนตามกลมุ่ สาระการเรียนรู้
หลักสูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบ้านตาบา สพป.นธ. ๒
42
๙. ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งสมรรถนะหลกั กับกลมุ่ สาระการเรยี นรู้
ระดับชว่ งช้นั ที่ 1 (ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 1 - ๓)
กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย
สาระสาคญั ของกลมุ่ สาระการเรียนรู้
ความสาคัญของกลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
ภาษาไทยเป็นเครื่องมือส้าหรับการส่ือสารที่ส้าคัญของคนไทย ท้าให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน ทั้งระดับบุคคลและ
ระดับสังคม เป็นเคร่ืองมือส้าหรับการคิด การรู้คิดด้วยภาษาไทยจะช่วยให้การเรียนรู้ และการแสวงหาความรู้ในศาสตร์อ่ืน ๆ
เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ภาษาไทยเป็นส้านึกร่วม เป็นมรดก ทางวัฒนธรรม และเป็นเอกลักษณ์ของชาติตลอดจนเป็น
เคร่ืองมือส้าหรับการสร้างสรรค์และการเข้าถึง สุนทรียภาพ ดังน้ัน การใช้ภาษาไทยจึงเป็นสมรรถนะที่ต้องศึกษาและฝึกฝนจน
เกดิ ความช้านาญ
กลุ่มสาระการเรียนรู้น้ีมสี มรรถนะเฉพาะ 4 สมรรถนะ ได้แก่ 1) การฟัง การดู และการพูด เพื่อพัฒนาการคิด 2) การ
อา่ นเพ่อื พัฒนาการคิด 3) การเขยี นเพ่อื พัฒนาการคิด และ 4) การเข้าใจธรรมชาติของภาษาและการใช้ภาษาไทย
ผลลพั ธ์การเรียนรชู้ ่วงช้นั ท่ี 1 ทง้ั 9 ข้อ นา้ ไปกา้ หนดเปน็ ผลลพั ธก์ ารเรียนรชู้ น้ั ประถมศึกษาปีที่ 1 - 3 โดยต้อง
ค้านงึ ถงึ การบูรณาการสมรรถนะหลกั และสมรรถนะเฉพาะด้วย เพ่อื ให้เม่ือผู้เรียนบรรลุผลลพั ธ์ การเรียนรชู้ ั้นปี
แล้ว จะน้าไปสู่การบรรลผุ ลลพั ธก์ ารเรียนรู้ชว่ งชั้นตามทห่ี ลกั สตู รกา้ หนดไว้
ลักษณะเฉพาะ/ ธรรมชาติของกล่มุ สาระการเรยี นรู้
การเรียนรู้ภาษาไทยในช่วงช้ันที่ 1 เป็นการเรียนรู้การใช้ภาษาที่เก่ียวข้องกับบริบทใกล้ตัว เร่ิมต้นจากเร่ือง ของ
ตัวเอง เรื่องท่ีเก่ียวข้องกับตัวเอง สถานการณ์ หรือบริบทใกล้ตัวของนักเรียน ท้ังในและนอกโรงเรียน นักเรียนจะ
ได้รับการพัฒนาสมรรถนะการฟังจากการฟังและ/ หรือดูส่ิงต่าง ๆเพ่ือเรียนรู้ค้าศัพท์ และสร้างความเข้าใจ
เร่ืองราวไปพร้อม ๆ กับการพัฒนาสมรรถนะการพดู จากการพูดสนทนาและการเล่าเรื่อง เพือ่ แลกเปลย่ี น ความรู้
แสดงความคิดเห็น และความรู้สึก รวมท้ังถ่ายทอดประสบการณ์ของตนเองอย่างมีประสิทธิภาพ ถูกกาลเทศะ
บุคคล รวมท้ังมีมารยาทในการฟัง การดู และการพูด ในขณะเดียวกัน นักเรียนก็ต้องได้รับการพัฒนาสมรรถนะ
การอ่านจากการอ่านบทอ่านประเภทต่าง ๆ เพ่ือให้สามารถอ่านออกและเข้าใจเนื้อหาสาระของบทอ่านไปพร้อม
ๆ กับการพัฒนาสมรรถนะการเขียน เพื่อให้สามารถเขียนสะกดค้าได้ถูกต้องตามโครงสร้างภาษา และเขียน
ข้อความแสดงความรูค้ วามเข้าใจ ความคิด ความร้สู ึก โดยใช้ค้าและประโยคง่าย ๆ ตรงตามวัตถุประสงค์ได้อย่าง
ถูกหลกั การใช้ภาษาในการสอื่ ความหมาย เพ่ือส่ือสารและเรยี นรู้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ และมีมารยาทในการอ่าน
และการเขียน ทั้งน้ี วิธีการสอนอ่านเขียนแบบแจกลูกสะกดค้า และอ่านตามครู ยังคงเป็นวิธีการสอนที่มี
ประสทิ ธภิ าพ สา้ หรบั จัดการเรียนการสอนให้นักเรยี นสามารถอา่ นออกและเขยี นได้
จดุ เน้นการพฒั นา
การสอนภาษาไทยในชว่ งชน้ั ท่ี 1 เปน็ การพฒั นาสมรรถนะการใช้ภาษาของนักเรียน ผ่านการเรยี นร้หู ลัก
ภาษาไทยและโครงสร้างภาษาไทยพ้ืนฐานจากสือ่ ต่าง ๆ เพื่อให้นกั เรียนเกิดสมรรถนะการใช้ภาษา เพื่อสอ่ื สารใน
บริบทต่าง ๆ และเกิดสมรรถนะการใช้ภาษาในฐานะเครื่องมือการเรียนรู้ การจัดการเรียนรู้ ในช่วงชั้นท่ี 1 เป็น
หลกั สูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒
43
การเรียนร้อู ย่างมีความหมาย โดยค้านงึ พฒั นาการการเรียนรู้ภาษาของนักเรียนเป็นส้าคัญ เน่ืองจากเป็นวัยที่เพ่ิง
ก้าวออกมาจากระดับปฐมวัย หรอื ครอบครัว นักเรียนจึงมีความแตกต่างระหว่างบุคคล ทง้ั ด้านการใช้ภาษา การ
เรียนรู้ร่วมกับเพื่อน และการใช้ชีวิตกับผู้อ่ืนที่ไม่ใช่คนในครอบครัว ในเบ้ืองต้นครูควรจัดการเรียนรู้ท่ีสอดคล้อง
กับความสามารถในการรับรู้และการเรียนรู้ของนักเรียน ปรับพ้ืนฐานของนักเรียน แต่ละคน โดยออกแบบการจัด
กิจกรรมการเรียนการสอนบนฐานของสถานการณ์ หรือบริบทใกล้ตัว ของนักเรียน ทั้งในและนอกโรงเรียน
เช่น การใช้ภาษาพูดเพื่อสื่อสารในห้องเรียน หอ้ งสมุด โรงอาหาร เป็นตน้ รวมทั้งออกแบบ กิจกรรมการอา่ นและ การเขียน
โดยใช้วิธีการสอนหลากหลาย เพ่ือให้นักเรียนอา่ นออกเขียนไดแ้ ละส่ือสารได้ อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสมกับ
ช่วงวัยของนักเรียน โดยใช้บทอ่านในหนังสือหรือส่ือประเภทต่าง ๆ ในชีวิตประจ้าวัน เช่น บทอ่านส้าหรับเด็ก
วรรณคดีไทย ป้ายโฆษณา ประกาศ
การนาไปใชใ้ นชีวิตจริง
การเข้าใจธรรมชาติของภาษาและการใชภ้ าษาไทยในช่วงชน้ั นี้ มวี ัตถุประสงค์สา้ คัญเพ่ือให้นักเรยี น ได้
ฝึกการฟัง การดู การพูด การอ่าน และการเขียน ผ่านการเรียนรู้หลักการใช้ภาษาและโครงสร้างภาษาไทย
พ้ืนฐานจากสื่อต่าง ๆ เพื่อให้นักเรียนเกิดสมรรถนะการใช้ภาษาเพื่อส่ือสารในบริบทต่าง ๆ และเกิดสมรรถนะ
การใช้ภาษาในฐานะเคร่ืองมือการเรียนรู้ ทั้งน้ี การสอนอา่ นเขียนในเบ้ืองตน้ เพ่ือใหน้ ักเรียนสามารถอ่านเขียน ได้
อย่างถูกต้อง ชัดเจน ยังคงเน้นการสอนอ่านเขียนโดยการแจกลูกสะกดค้าเป็นหลัก จากน้ันจะเป็นการเรียนรู้
เก่ียวกับการเข้าใจความหมายของค้า การน้าไปใช้แต่งประโยคอย่างง่ายในบริบทและสถานการณ์ต่าง ๆ รวมท้ัง
การใชภ้ าษาไทยได้อย่างเหมาะสมกบั กาลเทศะ
การใช้ภาษาไทยเพอ่ื ให้สามารถสอื่ สารได้ในบริบทต่าง ๆ ทั้งการเรียนในช้ันเรียนและทุกเวลาทตี่ ้องมีการปฏิสมั พนั ธ์
สื่อสารกบั ผ้อู ่ืน นกั เรยี นจา้ เป็นตอ้ งได้รบั การพัฒนาหรือฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง เพ่ือใหก้ ารสื่อสาร เป็นไปอย่างมปี ระสิทธิภาพ
การบูรณาการกบั กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ต่างๆ
การเรียนรู้ภาษาไทยในช่วงช้ันท่ี 1 น้ี นักเรียนจะได้เรียนรู้ผ่านการรับสารต่าง ๆ ทั้งจากการฟัง การดู
และการอ่าน เพ่ือให้สามารถส่งสาร คือ การเขียนและการพูดได้อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะและบุคคล ด้วยเหตุ
น้ี การออกแบบการจดั กิจกรรมการเรียนการสอนนอกจากจ้าเป็นต้องเช่ือมโยงบนฐานของสถานการณ์ หรือบริบทใกล้ตัวแล้ว
ยงั ต้องมีการบรู ณาการรว่ มกับวิชาอื่น ๆ เช่น
คณิตศาสตร์ อ่านและเขียนแผนภาพแผนภูมิ แผนผัง ฟัง ดู และอ่านโจทย์คณิตศาสตร์ ตีความ
แก้ปัญหา พูดน้าเสนอ แสดงวิธีคิด เขียนค้าท่ีส่ือความหมายถึงการบวก การลบ การคูณ การหาร แสดงความสัมพันธ์ของ
จ้านวนท่เี ป็นรูปธรรม รบั ฟังและอธบิ ายให้เหตุผลความสัมพันธข์ องจ้านวน
ภาษาอังกฤษ เรียนรู้ ฟัง ดู และพูดค้าศัพท์ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ศิลปะ วาดภาพประกอบค้า ประโยค
เรอ่ื งราวเกย่ี วกับตนเอง ครอบครวั และชมุ ชน แล้วเขียน เรอ่ื งราวเกย่ี วกบั ภาพที่ตนวาดขึ้น
สุขศึกษาและพลศึกษา พูดน้าเสนอความรู้ที่ได้จากการดูคลิปสถานการณ์ต่าง ๆ เก่ียวกับ ชีวิตประจ้าวัน เช่น
การดูแลสุขภาพ การรักษาส่ิงแวดล้อม ฟัง ดู และอ่านวิธีการใช้วัสดุ อุปกรณ์ ฉลากต่าง ๆ การปฏิบัติตนเกี่ยวกับสุขอนามัย
อา่ นสัญลกั ษณ์ หรือป้ายเตอื นในโรงเรียนและชมุ ชน
หลกั สูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒
44
สังคมศึกษา อ่านแผนผังโรงเรียน แผนผังหมู่บ้าน ชุมชนท่ีตนเองอยู่ อ่าน และเขียนบันทึก รายรับ - รายจ่ายใน
ครัวเรือน เรียนรู้เรื่องราวจากบทอ่านที่มีเนื้อหาเก่ียวกับวันส้าคัญประเพณีและวัฒนธรรม ชุมชน ท้องถ่ิน สภาพแวดล้อม
ศาสนา พิธีกรรม ประวัติของท้องถ่ิน นิทานในท้องถิ่น เพลงพ้ืนบ้าน อ่านข้อมูล จากแผ่นพับส้าหรับโฆษณาหรือป้ายโฆษณา
สินค้า หรือแพลตฟอร์มดจิ ทิ ลั เชน่ สภาพอากาศ แผนที่ การเดนิ ทาง
วทิ ยาศาสตรแ์ ละระบบธรรมชาติ สืบค้น หาแหล่งข้อมูลท่ีต้องการศึกษาได้สอดคล้องกับความต้องการ หรอื ได้
ตรงตามสถานการณ์ หรือข้อความที่ก้าหนดให้ สังเกต พูด เขียน หรือวาดภาพเกี่ยวกับ พืชและสัตว์ท่ีมี ในท้องถ่ิน
สรปุ ความเขา้ ใจในสิง่ ทไ่ี ด้เรยี นรูจ้ ากปรากฏการณ์ ธรรมชาติ สถานการณ์ ในรูปแบบต่าง ๆ ตามความสนใจ
ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งสมรรถนะหลักและสมรรถนะเฉพาะ
สมรรถนะเฉพาะ สมรรถนะหลกั
1. การฟัง การดู และการพูดเพือ่ พัฒนาการคิด
1.1 ฟงั และ/ หรือดอู ยา่ งตง้ั ใจแล้วปฏบิ ัติตามคา้ ส่ัง คา้ ช้ีแจง และ 1. การจัดการตนเอง
ค้าแนะน้าได้ถูกต้องเหมาะสม 2. การคิดขั้นสูง
1.2 ฟงั และ/ หรือดสู อ่ื ต่าง ๆ อย่างตั้งใจแลว้ พดู เลา่ เร่ือง บอก 3. การสอื่ สาร
รายละเอียด และสาระส้าคญั รวมทง้ั แสดงความคิดเห็นและ 5. การเป็นพลเมอื งท่ีเข้มแข็ง
ความรู้สึกอย่าง สรา้ งสรรค์
1.3 พูดสอื่ สารไดต้ รงตามวตั ถุประสงค์อยา่ งเหมาะสม
1.4 พดู แสดงความคิดเห็นและความรสู้ กึ เกย่ี วกบั การพดู ของตน ได้อย่าง
เป็นกลาง
1.5 สนทนาแลกเปล่ยี นความรู้ ความคดิ เห็น และประสบการณ์กับผอู้ ื่น
ในสถานการณต์ า่ ง ๆ โดยเคารพในความหลากหลาย
2. การอา่ นเพอื่ พฒั นาการคิด
2.1 อ่านออกเสียงค้าในบทอ่านและส่อื ประเภทตา่ ง ๆ ที่กา้ หนดให้ 1. การจดั การตนเอง
อย่างตั้งใจและถกู ต้อง รวมทงั้ เขา้ ใจความหมายของค้า แลว้ สามารถ 2. การคดิ ขั้นสงู
อ่านออกเสยี งตลอดจนท้าความเขา้ ใจบทอ่านและสื่อทีพ่ บ ใน 3. การสือ่ สาร
ชวี ิตประจา้ วนั 5. การเปน็ พลเมอื งทเ่ี ข้มแข็ง
2.2 อ่านบทอา่ นและสอื่ ประเภทต่าง ๆ แลว้ ล้าดับเหตกุ ารณ์ ตง้ั ค้าถาม ๖. การอยรู่ ่วมกับธรรมชาติ
และตอบคา้ ถามเพือ่ สรปุ เร่ืองและบอกข้อคดิ ตลอดจนคาดคะเน และวทิ ยาการอยา่ งยั่งยนื
เหตกุ ารณ์จากเรือ่ งทอ่ี ่านอย่างมีเหตุผล
2.3 อา่ นบทอ่านและส่ือประเภทต่าง ๆ แลว้ นา้ ความรแู้ ละข้อคิด ไป
ปรบั ใชใ้ หเ้ ป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อนื่
2.4 อา่ นบทอ่านตามความสนใจอย่างสม่า้ เสมอและนา้ เสนอเรอ่ื งที่อ่าน
ไดอ้ ย่างสร้างสรรค์
3. กำรเขยี นเพอื่ พฒั นำกำรคดิ
3.1 คดั ลายมอื และเขยี นคา้ อย่างตั้งใจและถูกต้อง แล้วสามารถนา้ ไปใช้ 1. การจัดการตนเอง
ในการเขียนส่ือสารในชีวิตประจ้าวันได้ถูกต้อง ชดั เจน และ 2. การคดิ ขน้ั สงู
เหมาะสม 3. การส่ือสาร
หลกั สตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒
45
3.2 เขียนส่อื สารได้ตรงตามวัตถุประสงค์และรปู แบบการเขียน โดยไม่ 5. การเปน็ พลเมอื งทีเ่ ข้มแข็ง
ละเมดิ สทิ ธขิ์ องผ้อู ่นื
3.3 เขียนเรื่องตามจนิ ตนาการอย่างสร้างสรรค์
3.4 เขยี นแสดงความคิดเหน็ และความรสู้ กึ เกย่ี วกบั งานเขียนของตน ได้
อยา่ งเปน็ กลาง
4. การเขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและการใช้ภาษาไทย
4.1 ใช้ภาษาพูดและภาษาเขยี นได้ถกู ต้อง เหมาะสมกบั บุคคลและ 2. การคดิ ขั้นสูง
กาลเทศะ 3. การสือ่ สาร
4.2 ใชภ้ าษาไทยมาตรฐานได้ถูกต้อง เหมาะสมกับบุคคลและกาลเทศะ 5. การเป็นพลเมืองทเี่ ข้มแข็ง
เรยี นรภู้ าษาถ่ินเพ่ือใหเ้ กดิ ความเข้าใจในความหลากหลาย
4.3 อ่านและเขียนสะกดค้าตามหลักการได้ถกู ต้องและน้าไปใช้อา่ น และ
เขยี นสะกดคา้ ใหมใ่ นชวี ิตประจ้าวนั
4.4 แต่งประโยคอย่างง่ายตรงตามเจตนาในการสอ่ื สารและเหมาะสมกบั
บริบท
ผลลัพธ์การเรียนรู้เมอ่ื จบชว่ งช้ันท่ี 1
1. มีสมาธิในการฟังและการดูเข้าใจและตอบสนองต่อสิ่งที่ฟังและดู สามารถถ่ายทอดเนื้อหาของสิ่งที่ฟังและดู รวมทั้ง
แสดงความคิดเหน็ และความรู้สกึ ได้อย่างเหมาะสม
2. พูดเพ่ือส่ือสารข้อเท็จจริง ความคิดเห็น ความรู้สึก ได้ถูกต้องเหมาะสมและเป็นกลาง โดยเคารพใน
ความหลากหลาย
3. อ่านออกเสียงค้าได้ถกู ตอ้ ง เขา้ ใจความหมายของค้าท่ีอ่านออกเสียง สามารถอ่านออกเสียงและเข้าใจ
ตัวบท ได้หลากหลายมากข้นึ
4. มสี มาธิในการอ่าน เข้าใจสง่ิ ท่ีอ่าน มีนิสัยรกั การอ่าน สามารถวเิ คราะห์สิ่งทอ่ี า่ นและน้าขอ้ คิดจากการ
อา่ น ไปประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ิตประจ้าวันได้อยา่ งสรา้ งสรรค์
5. คัดลายมือและเขียนค้าได้ถูกต้อง แล้วสามารถน้าไปใช้ในการเขียนเพ่ือส่ือสารในชีวิตประจ้าวันได้
ชัดเจนและ เหมาะสม
6. เขียนสื่อสารได้ตรงตามวัตถุประสงค์ เขียนแสดงความคิดเห็นและความรู้สกึ เกี่ยวกบั งานเขียนของตน
ไดเ้ หมาะสมเป็นกลางโดยไมล่ ะเมิดสิทธ์ขิ องผู้อ่ืน
7. เขียนเร่อื งตามจินตนาการอยา่ งสร้างสรรค์
8. ใชภ้ าษาพูดและภาษาเขยี นได้ถกู ต้อง เหมาะสมกับบุคคลและกาลเทศะ
9. มเี จตคติที่ดีตอ่ การใช้ภาษาไทยอย่างถกู ต้อง
หลกั สูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบ้านตาบา สพป.นธ. ๒
46
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์
สาระสาคญั ของกลมุ่ สาระการเรียนรู้
ความสาคัญของกลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์
คณิตศาสตร์มีบทบาทส้าคัญต่อการพัฒนาความคิดของนักเรียนในช่วงชั้นท่ี 1 ท้าให้สามารถ คิด
วเิ คราะห์ สงั เคราะห์ และตัดสินใจอย่างมีเหตุผล การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ทางคณิตศาสตร์ ให้กับนักเรียน
จะส่งผลให้นักเรียนมีความสามารถในการคิดอย่างมีเหตุผล สื่อสารนา้ เสนอ คิดสร้างสรรค์ และ สามารถเลือกใช้
เคร่ืองมือในการน้าไปใช้แก้ปัญหาในชีวิตประจ้าวันได้อย่างถูกต้องเหมาะสม นอกจากน้ี คณิตศาสตร์ยังเป็น
เครื่องมือในการศึกษาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตลอดจนศาสตร์อื่น ๆ เพื่อให้มีความเข้าใจ เก่ียวกับ
ปรากฏการณ์ต่าง ๆ ใกลต้ ัว อย่รู ่วมกับธรรมชาตแิ ละผูอ้ น่ื ในสังคมได้อยา่ งมีความสขุ
ลักษณะเฉพาะ/ ธรรมชาติของกลุม่ สาระการเรยี นรู้
คณิตศาสตร์เป็นศาสตร์ท่ีเกี่ยวข้องกับการค้านวณ การคิด และการสร้างแบบจ้าลองทางคณิตศาสตร์ เพื่อ
แก้ปัญหาในชีวิตประจ้าวัน ส้าหรับนักเรียนช่วงช้ันที่ 1 จะได้เรียนรู้คณิตศาสตร์ท่ียังไม่เคยมีประสบการณ์ การ
เรียนรู้ มาก่อน ได้แก่ จ้านวน การด้าเนินการของจ้านวน การวัด รูปเรขาคณิต แบบรูปและความสัมพันธ์ และสถิติ ท่ีเป็น
ความรู้เบื้องตน้ โดยใช้การใหเ้ หตผุ ลที่สมเหตสุ มผลสรา้ งองค์ความรู้ต่าง ๆ ข้นึ และน้าไปใช้ อย่างเปน็ ระบบ
คณิตศาสตร์มคี วามถกู ต้องเที่ยงตรง คงเสน้ คงวา มีระเบียบแบบแผน เป็นเหตุเป็นผล เพื่อให้ ได้ข้อสรุปและนา้ ไปใช้
ประโยชน์ คณติ ศาสตร์มลี ักษณะเป็นภาษาสากลที่ทุกคนเข้าใจตรงกันในการสอ่ื สาร สอ่ื ความหมายและถ่ายทอดความรู้ระหว่าง
ศาสตรต์ า่ งๆ
จดุ เนน้ การพฒั นา
ในกลุ่มสาระการเรียนรู้น้ี สา้ หรบั นักเรียนในชว่ งช้นั ท่ี 1 มจี ุดเนน้ ในการพฒั นา ดงั น้ี จ้านวนและการดา้ เนินการเป็น
การเริ่มต้นพัฒนากระบวนการคิดโดยให้นักเรียนใช้จ้านวนนับ และ การด้าเนินการของจ้านวนนับไม่เกิน 100,000 และ 0
บูรณาการกบั สถานการณ์ตา่ ง ๆ ในชวี ติ ประจ้าวนั ผ่านกิจกรรมแกป้ ัญหาทางคณิตศาสตร์ จนเกิดความคลอ่ งแคลว่ และน้าไปใช้
เป็นเครอื่ งมือในการเรียนรู้ คณติ ศาสตรเ์ นือ้ หาอืน่ หรอื วชิ าอื่นได้อย่างมีประสิทธภิ าพ
แบบรูปของจ้านวนและแบบรูปซ้าของรูปเรขาคณิตและรูปอ่ืน ๆ เป็นการเช่ือมโยงความสัมพันธ์ ของสิ่งต่าง ๆ ใน
ลักษณะแบบรูปผ่านกิจกรรมบูรณาการกับธรรมชาติและชีวิตประจ้าวัน ให้นักเรียนใช้ การค้นหาความสัมพันธ์ สื่อสารและ
น้าเสนอขอ้ สรุปและขยายแนวคดิ น้าไปสู่การสร้างสรรคผ์ ลงาน ตามจินตนาการ
การวัดความยาว น้าหนักและปริมาตร เน้นทักษะเกี่ยวกับการวัดโดยการลงมือปฏิบัติ ให้นักเรียน สังเกตเครื่องวัด
และใช้เครื่องวัดให้เหมาะสมกับสิ่งท่ีต้องการวัด ส่ือสารและเชื่อมโยงการวัดกับความรู้ เรื่องจ้านวนและ การด้าเนิน
การบูรณาการกับสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจ้าวันผ่านกิจกรรมแก้ปัญหา คณิตศาสตร์จนเกิดความคล่องแคล่วและใช้เป็น
ทกั ษะพ้นื ฐานในการสืบเสาะหาความรู้ในศาสตร์แขนงอนื่
เงินและการวางแผนเก่ียวกับเงิน เน้นการสือ่ สาร น้าเสนอ และเชื่อมโยงความรู้เรื่องเงินกับความรู้ เร่ือง
จา้ นวนและการดา้ เนินการบูรณาการกบั สถานการณต์ ่าง ๆ ในชีวิตประจ้าวนั ผ่านกิจกรรมแก้ปัญหา คณิตศาสตร์
จนเกิดความคล่องแคล่ว น้าไปใช้ในชีวิตประจ้าวันและใช้เป็นทักษะพ้ืนฐานในการวางแผนการเงิน เพ่ือน้าไปสู่
การจัดการเรื่องเงนิ อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ
หลกั สตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบ้านตาบา สพป.นธ. ๒