97
๖) แสดงออกถึงการรับรู้และช่ืนชมความงามด้วยหลักการทางองค์ประกอบศิลป์ แสดงอารมณ์ ความคิด
ความรู้สึก ความประทับใจ และนาเสนอผลงานศิลปะ (ทัศนศิลป์ ดนตรี นาฏศิลป์) ด้วยความม่ันใจ
วิเคราะห์ วิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับงานศิลปะ ทั้งของตนเองของผู้อื่น อย่างสุภาพ รับฟัง
ปรับปรงุ ผลงานของตนให้สมบูรณ์
๗) เชื่อมโยงผลงานศิลปะ (ทัศนศิลป์ ดนตรี นาฏศิลป)์ กบั วฒั นธรรม ชีวิตประจาวันเป็นสอ่ื แสดงความงาม ได้
อยา่ งอสิ ระ รวมทั้งการรว่ มสรา้ งงานศลิ ปะ โดยประยกุ ตใ์ ชเ้ พอื่ แก้ปัญหาสงิ่ แวดลอ้ มใกลต้ ัว ชุมชน ทอ้ งถน่ิ
กลุ่มสาระการเรยี นรู้สุขศึกษาและพลศึกษา
สำระสำคญั ของกลุม่ สำระกำรเรียนรู้
ควำมสำคัญของกลุม่ สำระกำรเรียนรสู้ ุขศกึ ษำและพลศึกษำ
กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ช่วยให้ผู้เรียนมีสุขภาวะทั้งกายและจิตท่ีดีซึ่งมีความสาคัญ
เพราะเก่ียวโยงกบั ทกุ มิติของชีวิต ทุกคนควรได้เรียนรู้เรื่องสุขภาพ เพ่ือจะได้มีความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง มี
เจตคติ คุณธรรม และค่านิยมที่เหมาะสม รวมทั้งมีทักษะปฏิบัติด้านสุขภาพจนเป็นนิสัย ทาให้ผู้เรียนเกิด
สมรรถนะในการใช้ชีวิต ส่งผลให้สังคมโดยรวมมีคุณภาพ
ลกั ษณะเฉพำะ/ ธรรมชำตขิ องกลุม่ สำระกำรเรียนรู้
กลุ่มสาระการเรยี นรู้น้ปี ระกอบดว้ ย สุขศึกษาและพลศกึ ษา ดังน้ี
สขุ ศึกษำ มุ่งเน้นการจัดโอกาสการเรยี นรู้ให้เกิดการปฏิบัตทิ าง จนเป็นนิสัย มีความรับผิดชอบต่อตนเอง
และผู้อ่ืน อันจะนาไปสู่การปรับเปล่ียนพฤติกรรมสขุ ภาพของบุคคล ครอบครัว และชุมชน เพื่อการมีสุขภาพกาย
และจติ ที่ดี
พลศึกษำ มุ่งเน้นการจัดกิจกรรมการเคลื่อนไหวทตี่ ้องควบคุมร่างกายและจติ ใจในการทากิจกรรมทาง
กาย การออกกาลงั กาย การเล่นเกม และกฬี า ช่วยใหร้ ่างกายเจรญิ เตบิ โตสมวยั มสี ขุ ภาพดี มรี ะเบยี บ วนิ ยั
อดทน สรา้ งสรรค์ความสามัคคี มีความรบั ผิดชอบตอ่ ตนเองและผ้อู น่ื
จุดเนน้ กำรพัฒนำ
การพัฒนาผู้เรียนในช่วงชั้นที่ ๒ นี้ มีเป้าหมายสาคัญ เพื่อให้ผู้เรียนสร้างเสริมสุขภาพและ
ความปลอดภัยของตนเองและผู้อ่ืน มีการเคล่ือนไหวร่างกายและกิจกรรมกีฬา ตามกฎ กติกาและข้อตกลง อย่าง
สนุกสนานและปลอดภัยทั้งต่อตนเองและผู้อื่น สามารถจัดการอารมณ์และความรู้สึกของตนเอง สร้างและรักษา
สัมพันธภาพทด่ี กี ับผูอ้ นื่ ได้
เป้าหมายสาคัญดังกล่าว ประกอบด้วยสมรรถนะเฉพาะ ๓ สมรรถนะซึ่งมีความสัมพันธ์เช่ือมโยงกับ
สมรรถนะหลักทั้ง ๖ สมรรถนะ และบูรณาการกันเป็นผลลัพธ์การเรียนรู้ช่วงช้ันที่ ๒ จานวน ๘ ข้อ สาหรับนาไปกาหนด
ผลลัพธ์การเรียนรูช้ ั้นประถมศึกษาปที ่ี ๔ - ๖ ตอ้ งคานงึ ถึงการบูรณาการสมรรถนะหลกั และสมรรถนะเฉพาะดว้ ย
หลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบ้านตาบา สพป.นธ. ๒
98
โดยจดั กจิ กรรม ประสบการณ์ หรอื สถานการณจ์ ากเรือ่ งราวใกล้ตัวไปสไู่ กลตัวจากง่ายไปยาก ตามพัฒนาการของ
ผเู้ รยี น ฝกึ ปฏบิ ัติอย่างตอ่ เนอ่ื ง
สาหรับชว่ งชน้ั ที่ ๒ จากผลลัพธ์การเรียนรดู้ งั กล่าว อาจจัดประสบการณ์การเรียนรเู้ ป็น ๓ กล่มุ ดังนี้
กำรสร้ำงเสริมสุขภำพและควำมปลอดภัยของตนเองและผู้อื่น เป็นการจัดประสบการณ์ให้ผู้เรียน
ได้ดูแลรักษาร่างกาย และสุขภาพของตนเองให้ทางานตามปกติ สามารถดูแลสุขภาพทางเพศตามช่วงวัยได้
ป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากการคุกคามทางเพศและไม่แสดงพฤติกรรมคุกคามทางเพศผู้กับอ่ืนทั้งกายและ
วาจา หลีกเลี่ยงและปฏิเสธอย่างรู้ทันในสถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัยและไม่เหมาะสม รวมทั้งหลีกเลี่ยงบุคคล
สถานการณ์ สถานที่ สภาพแวดล้อม ที่จะนาไปสู่การเกี่ยวข้องกับบหุ รี่ สุรา สารเสพตดิ การติดเกมและการพนัน ตลอดจน
ชกั ชวนให้ผ้อู ื่นหลีกเล่ียงสง่ิ ท่ีเป็นอนั ตรายตอ่ ตนเองและผอู้ ื่น โดยรู้ทันสอื่ และระวังอนั ตรายจากบคุ คลที่รูจ้ กั ผา่ น
ทางออนไลน์ซง่ึ อาจนาไปสู่การล่วงละเมิดทางเพศ การข่มเหงรังแก และการใช้ความรุนแรงทางออนไลน์ ตลอดจน
สามารถป้องกันและหลีกเล่ียงโรคและอุบัติเหตุที่พบบ่อยในชีวิตประจาวันได้ บอกปัญหาสุขภาพของตนเอง ใช้ยาตาม
คาแนะนาของแพทย์ ให้การปฐมพยาบาลได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม และแสดงพฤติกรรมที่รับผิดชอบต่อ
สุขภาพของตนเองและส่วนรวม โดยรับรู้และแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ด้านการดูแล รักษาสุขภาพร่างกาย การ
ปอ้ งกนั โรค การใชย้ าและการปฐมพยาบาล เพอ่ื การดแู ลสขุ ภาพท่ดี ี
กำรเคลื่อนไหวร่ำงกำยและกิจกรรมกีฬำตำมกฎ กตกิ ำและข้อตกลง อย่ำงสนุกสนำนและปลอดภัย
ท้ังต่อตนเองและผู้อืน่ เป็นการจัดประสบการณ์ให้ผู้เรยี นได้เคลื่อนไหวร่างกายแบบผสมผสานและมกี ิจกรรมทางกาย
ด้วยตนเองและร่วมกับผู้อ่ืน ท้ังแบบอยู่กับที่ แบบเคลื่อนท่ี และแบบใช้อุปกรณ์ประกอบ ผ่านการฝึกทักษะการเคลื่อนไหว
เรือ่ งการรับแรง การใช้แรง ความสมดุลของร่างกายอยา่ งมีสติ สมา่ เสมอ และคานึงถึงความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่น
โดยเห็นคณุ ค่าของการพัฒนาสมรรถภาพทางกายอย่างต่อเนื่อง รวมทงั้ สามารถออกกาลังกาย เล่นเกม เล่นกีฬาไทย
และกีฬาสากลประเภทบุคคลและทีมที่ตนเองชอบอย่างมีความสามารถ โดยเห็นประโยชน์ท่ีเกิดกับตนเองและ
ผู้อ่ืนจากการปฏิบัติเป็นประจา เป็นทั้งผู้เล่นและผู้ดาเนินการได้อย่างเหมาะสมตามวัย ยอมรับความแตกต่าง
ระหว่างบุคคลในการเล่นเกมและกีฬา มีความสามัคคี มีน้าใจนักกีฬา ปฏิบัติตามกฎ กติกาและข้อตกลง วิเคราะห์
ทักษะการเลน่ จุดแข็ง กลวิธกี ารเล่นของทีมเพอ่ื ปรับปรุงทีมให้ประสบความสาเรจ็
กำรควบคุมอำรมณ์และควำมรู้สึกของตนเอง สร้ำงและรักษำสัมพันธภำพท่ีดีกับผู้อ่ืน
เป็นการจดั ประสบการณ์ใหผ้ ู้เรียนรู้จกั มีสติ รู้เทา่ ทันอารมณ์ และความรู้สึกท่ีเกดิ ข้ึน นาไปส่กู ารควบคุมตนเองให้
แสดงอารมณแ์ ละความรสู้ กึ ในสถานการณ์ตา่ ง ๆ และการบรรเทาความเครียดอย่างเหมาะสมและเข้าใจผลดีและ
ผลเสียที่เกิดขึ้นต่อตนเองและผู้อ่ืน ตลอดจนสร้างและรักษาสัมพันธภาพท่ีดีกับครอบครัว เพ่ือนและบุคคลที่
เก่ยี วขอ้ งกับการใช้ชวี ิตประจาวนั แก้ไขความขดั แยง้ โดยไม่ใชค้ วามรุนแรง ยอมรบั ความแตกต่างระหวา่ งของบุคคล
กำรนำไปใชใ้ นชีวิตจริง
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้บรรลุเป้าหมาย จนเกิดสมรรถนะ ควรออกแบบกิจกรรมท่ีเอ้ือต่อการนาไปใช้
ในชวี ิตจริง จัดการเรยี นรู้ทเี่ นน้ ให้ผ้เู รียนมีสว่ นรว่ ม และเรียนรจู้ ากการปฏิบัติท่หี ลากหลายรปู แบบ เช่น ออกแบบ
การเรียนรู้ท่ใี ห้ผู้เรียนได้เปรียบเทยี บการเจริญเติบโตและพัฒนาการของร่างกายและจติ ใจตนเองกับเกณฑม์ าตรฐาน
หลกั สตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒
99
สามารถบอกเหตุและผลของการรับประทานอาหาร การเคล่ือนไหวร่างกาย การออกกาลังกาย การเล่นกีฬา การพักผ่อนและ
การนอนหลับที่ส่งผลต่อการมีสุขภาพดีและการเจริญเติบโต การวางแผนดูแลสุขภาพของตนเองและผู้อ่ืน
อภิปรายสะท้อนความรู้สึกของตนเองเม่ือถูกสัมผัสร่างกาย เล่าเร่ืองสถานการณ์หรือเหตุการณ์แนวทางการปฏิบัติตน
เพ่ือให้ปลอดภัยจากการคุกคามทางเพศ ฝึกทักษะการปฏิเสธและทักษะการส่ือสารให้ผู้อื่นหลีกเล่ียงสารเสพติด
การติดเกมและการพนัน วางแผนการปฏิบัติตนเพื่อป้องกัน หลีกเลี่ยงและรักษาสุขภาพ สามารถปฐมพยาบาล
ตนเองได้เม่ือเกิดอุบัติเหตุ และปฐมพยาบาลเคลื่อนย้ายผู้ป่วยอย่างปลอดภัย จัดสถานการณ์ให้นักเรียนได้
ตัดสินใจใช้ยาสามัญประจาบ้านที่ถูกต้องตามอาการและการเจ็บป่วย จัดกิจกรรมการเคลื่อนไหวร่างกายแบบ
ผสมผสานและมีกิจกรรมทางกายด้วยตนเองและร่วมกับผู้อ่ืน สามารถออกกาลังกาย เล่นเกม เล่นกีฬาไทยและ
กีฬาสากลประเภทบุคคล คู่ และทีม ท่ีตนเองชอบอย่างมีความสามารถ จัดสถานการณ์ท่ีท้าทายให้นักเรียนได้
ทางานหรือใช้ชีวิตร่วมกันกับเพือ่ น มีโอกาสให้ทางานกับเพื่อนร่วมห้อง เพื่อนในระดับช้ัน นกั เรียนระดับช้ันอ่ืน ๆ
เป็นสถานการณ์ ที่เน้นให้นักเรียนได้ทาความรู้จักกับบุคคลท่ีไม่คุ้นเคย เพ่ือฝึกการสร้างสัมพันธภาพ โดยจัด
สภาพแวดล้อมทเ่ี ออื้ ตอ่ การเรียนรขู้ องผ้เู รียน ประสานความรว่ มมอื ในการทากิจกรรมรว่ มกับสมาชกิ ในครอบครัว
ชุมชน รวมถึงการตดิ ตามความก้าวหนา้ หรอื พัฒนาการของผเู้ รียนอย่างตอ่ เน่อื ง
กำรบูรณำกำรกับกลมุ่ สำระกำรเรียนรู้ตำ่ ง ๆ
กลุม่ สาระการเรยี นรสู้ ุขศึกษาและพลศึกษา สามารถจัดการเรียนรู้บรู ณาการกับกลุ่มสาระการเรียนรอู้ ืน่ ๆ ดังตัวอย่าง
ตอ่ ไปนี้
ภำษำไทย/ ภำษำอังกฤษ จัดสถานการณ์โดยใช้คาศัพท์และเรื่องราวการเล่นเกม การละเล่นพื้นเมือง
การออกกาลังกาย และเล่นกีฬาเพื่อพัฒนาความสามารถในการอ่าน การต้ังคาถามเพื่อสืบค้นข้อมูล การบันทึก
และสรุปข้อมลู ตลอดจนการใช้ภาษาเพอ่ื การนาเสนอเรื่องราวจากกจิ กรรม
คณิตศำสตร์ นับจานวนท่ีเกี่ยวข้องกับสุขภาพ การอ่านข้อมูลจากสถิติอย่างง่ายเพ่ือทาความเข้าใจ
เร่ืองราวรอบตัวทเ่ี ก่ยี วกบั การดูแลสุขภาพ การคานวณผ่านการเล่นเกม การเลน่ กีฬา การเคลื่อนไหวร่างกายตาม
รปู แบบและทิศทางตา่ ง ๆ
ศิลปะ ใช้จินตนาการในการสร้างสรรค์งานศิลปะท่ีสื่อความหมายของเรื่องราว สะท้อนความคิด
และความรสู้ กึ ในหวั ข้อท่นี าเสนอ
สังคมศึกษำ จัดกิจกรรมบูรณาการในประเด็นเก่ียวกับการอยู่ร่วมกันในสังคม สามารถปฏิบัติตน
ตามข้อตกลง ระเบียบ กฎกติกา มารยาท หลักเกณฑ์ของสังคม ได้อย่างมีความรับผิดชอบ ให้ความร่วมมือใน
การทางานเปน็ ทีมผ่านการเลน่ การออกกาลงั กาย และการเล่นกฬี าร่วมกนั
วิทยำศำสตร์และระบบธรรมชำติ จัดกิจกรรมบูรณาการในประเด็นเกี่ยวกับสถานการณ์จริงใน
ชีวิตประจาวัน เช่น การรักษาทรัพยากรธรรมชาติ การจัดสิ่งแวดล้อมให้ถูกสุขลักษณะ ปลอดภัยจากมลพิษทาง
ดิน น้า อากาศ
หลักสตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบ้านตาบา สพป.นธ. ๒
100
ควำมสมั พันธ์ระหวำ่ งสมรรถนะหลกั และสมรรถนะเฉพำะ
สมรรถนะเฉพาะ สมรรถนะหลกั
๑. กำรสรำ้ งเสรมิ สขุ ภำพและควำมปลอดภัยของตนเองและผ้อู ื่น
๑.๑ ความสามารถในการดูแลรักษาร่างกาย และสุขภาพของตนเอง ๑. การจดั การตนเอง
ให้ท้างานตามปกติ
๒. การคิดข้ันสงู
๑.๒ ความสามารถในการป้องกันตนเองจากอุบัติเหตุ และการใช้ ๓. การส่อื สาร
สารเสพตดิ
๕. การเป็นพลเมอื งท่ีเข้มแข็ง
๑.๓ ความสามารถในการดแู ลสุขภาพทางเพศทเ่ี หมาะสมกบั วัย
๑.๔ ความสามารถในการใชแ้ ละร้เู ท่าทนั สอ่ื เทคโนโลยอี ยา่ งถูกต้องปลอดภัย ๖. การอยู่ร่วมกับธรรมชาติ
๑.๕ ความสามารถในการปฐมพยาบาลตนเองและผู้อ่ืนให้ปลอดภัยจาก และวิทยาการอย่างย่งั ยืน
การเจบ็ ปว่ ย
๒. การเคลื่อนไหวร่างกายและกิจกรรมกีฬาตามกฎ กติกาและข้อตกลง อย่างสนุกสนานและปลอดภัย
ท้งั ตอ่ ตนเองและผูอ้ ่นื
๒.๑ ความสามารถในการเคล่ือนไหวร่างกายแบบผสมผสาน ๑. การจดั การตนเอง
๒.๒ ความสามารถในการท้ากิจกรรมทางกายในชีวิตประจา้ วัน ๒. การคิดขั้นสูง
๒.๓ ความสามารถในการพฒั นาสมรรถภาพทางกาย ๓. การส่อื สาร
๒.๔ ความสามารถในการออกก้าลังกาย เล่นเกม และกีฬา อย่างสร้างสรรค์ ๔. การรวมพลังท้างานเป็นทมี
สนุกสนาน และปลอดภยั ๕. การเป็นพลเมอื งที่เข้มแขง็
๖. การอย่รู ว่ มกบั ธรรมชาติ
และวทิ ยาการอยา่ งยง่ั ยืน
๓. การจดั การอารมณ์และความร้สู ึกของตนเอง กับผู้อืน่ สร้างและรกั ษาสัมพันธภาพท่ีดีกับผ้อู ่ืน
๓.๑ ความสามารถในการควบคุมอารมณ์ และความรู้สึกของตนเอง ๑. การจดั การตนเอง
๓.๒ ความสามารถในการปรับอารมณ์ และความร้สู ึก ให้เกิดความสมดุล
๓.๓ ความสามารถในการสร้างและรกั ษาสมั พนั ธภาพทดี่ ีกับผ้อู ่ืน ๒. การคดิ ข้นั สูง
๓. การสื่อสาร
ผลลพั ธก์ ำรเรยี นร้เู มอ่ื จบชว่ งชัน้ ท่ี ๒ ๔. การรวมพลังทา้ งานเปน็ ทมี
๕. การเปน็ พลเมืองทเี่ ข้มแขง็
๑. ดูแลรักษาร่างกายและสุขภาพของตนเองใหท้ างานตามปกติ โดยวิเคราะห์เหตุและผลของการรบั ประทานอาหาร
การขับถ่าย การเคล่อื นไหวรา่ งกาย การออกกาลังกาย การเล่นกฬี า การพกั ผอ่ นและการนอนหลับที่ส่งผลต่อ
การมีสุขภาพดีและการเจริญเติบโต รับรู้และแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารด้านการสร้างเสริมสุขภาพ ข้อมูลบน
ฉลากผลิตภัณฑ์อาหาร ยา และผลิตภัณฑ์สุขภาพ สื่อโฆษณา ในการตัดสินใจเลือกซื้อและเลือกใช้อย่างมี
เหตุผล
๒. ดูแลสุขภาพทางเพศตามช่วงวัย ป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากการคุกคามทางเพศและไม่แสดงพฤติกรรม
คกุ คามทางเพศผู้อน่ื ทง้ั กายและวาจา ด้วยความเขา้ ใจในผลเสียหรืออันตรายที่เกิดจากพฤตกิ รรมเสีย่ งอนั อาจ
นาไปสู่ปัญหาทางเพศและผลกระทบอื่น ๆ ที่ตามมา รู้ทันสื่อ และระวังอันตรายจากบุคคลท่ีรู้จักผ่านทาง
ออนไลน์ซ่ึงอาจนาไปสู่การล่วงละเมิดทางเพศ การข่มเหงรังแก และการใช้ความรุนแรงทางออนไลน์ โดย
หลกั สูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบ้านตาบา สพป.นธ. ๒
101
หาทางออกได้อย่างเหมาะสม ปรึกษาและขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ท่ีไว้ใจหรือหน่วยงานท่ีรับผิดชอบ
หลีกเล่ียงและปฏเิ สธอย่างร้ทู ันสถานการณ์ท่ไี มป่ ลอดภัยและไม่เหมาะสม
๓. หลีกเล่ียงบุคคล สถานการณ์ สถานที่ สภาพแวดล้อม ที่จะนาไปสู่การเกี่ยวข้องกับบุหรี่ สุรา สารเสพติด การ
ตดิ เกมและการพนัน โดยเข้าใจผลเสียทีม่ ตี ่อร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สงั คม และสตปิ ัญญา ตลอดจนชกั ชวนให้
ผูอ้ ื่นหลกี เลีย่ งส่งิ ที่เปน็ อันตรายตอ่ ตนเองและผูอ้ ื่น
๔. ป้องกันและหลีกเลี่ยงโรคและอุบัติเหตุที่พบบ่อยในชีวิตประจาวัน แจ้งผู้ใหญ่เพ่ือขอความช่วยเหลือ บอก
ปัญหาสุขภาพของตนเอง ใช้ยาตามคาแนะนาของแพทย์ ให้การปฐมพยาบาลได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
และแสดงพฤติกรรมที่รับผิดชอบต่อสุขภาพของตนเองและส่วนรวมโดย รับรู้และแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร
ดา้ นการปอ้ งกันโรค การใชย้ าและการปฐมพยาบาล เพ่ือการดแู ลสขุ ภาพท่ดี ี
๕. เคล่ือนไหวร่างกายแบบผสมผสานและมีกิจกรรมทางกายด้วยตนเองและร่วมกับผู้อ่ืน ท้ังแบบอยู่กับท่ี แบบ
เคล่ือนที่ และแบบใช้อุปกรณ์ประกอบ ผ่านการฝึกทักษะการเคลื่อนไหวเรื่องการรับแรง การใช้แรง ความ
สมดุลของร่างกายอย่างมีสติ สม่าเสมอ และคานึงถึงความปลอดภัยของตนเองและผู้อ่ืน โดยเห็นคุณค่าของการพัฒนา
สมรรถภาพทางกายอยา่ งต่อเน่ือง
๖. ออกกาลงั กาย เลน่ เกม เล่นกฬี าไทยและกีฬาสากลประเภทบุคคลและทมี ทต่ี นเองชอบและมคี วามสามารถ โดยเห็น
ประโยชน์ท่ีเกดิ กับตนเองและผู้อนื่ จากการปฏบิ ัติเป็นประจา เป็นท้ังผู้เล่นและผู้ดาเนินการไดอ้ ยา่ งเหมาะสมตามวัย
ยอมรบั ความแตกต่างระหว่างบคุ คลในการเล่นเกมและกีฬา มีความสามคั คี มีนา้ ใจนักกีฬา ปฏิบัตติ ามกฎ กตกิ าและ
ข้อตกลง วเิ คราะห์ทักษะการเลน่ จดุ แข็ง กลวิธีการเล่นของทีมเพือ่ ปรับปรุงทมี ใหป้ ระสบความสาเรจ็
๗. มีสติ รู้เท่าทันอารมณ์ และความรู้สึกที่เกิดข้ึน โดยรู้ขีดจากัดด้านอารมณ์และความรู้สึกของตนเอง รู้สาเหตุของ
ความเครียด นาไปสู่การควบคุมตนเองใหแ้ สดงอารมณ์และความรู้สึกในสถานการณ์ต่าง ๆ และการบรรเทาความเครียด
อยา่ งเหมาะสมและเข้าใจผลดแี ละผลเสยี ทีเ่ กดิ ขน้ึ ตอ่ ตนเองและผู้อืน่
๘. สร้างและรักษาสัมพันธภาพท่ีดีกับครอบครัว เพื่อนและบุคคลท่ีเก่ียวข้องกับการใช้ชีวิตประจาวัน
แกไ้ ขความขดั แยง้ โดยไมใ่ ช้ความรนุ แรง ยอมรบั ความแตกต่างระหวา่ งของบุคคล
กล่มุ สาระการเรยี นรู้สงั คมศึกษา
สำระสำคญั ของกลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้
ควำมสำคัญของกล่มุ สำระกำรเรียนรู้สังคมศึกษำ
สังคมศึกษาเป็นศาสตร์บูรณาการด้านสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ประกอบด้วยวิชาสาคัญคือ
ประวัติศาสตร์ ศีลธรรม หน้าท่ีพลเมือง เศรษฐศาสตร์ และภูมิศาสตร์ สังคมศึกษามีเป้าหมายสาคัญที่มุ่งพัฒนา
ผู้เรียนให้เป็นพลเมืองท่ีมีคุณภาพ พลเมืองท่ีมีลักษณะหลายระดับ ประกอบด้วยการเป็นพลเมืองของท้องถิ่น
พลเมืองไทย พลเมืองอาเซียน พลเมืองโลก และพลเมืองดิจิทัล มุ่งพัฒนาคุณภาพผู้เรียนให้มีมุมมองหลากหลาย
และมมี โนทัศนส์ าคัญสาหรับใช้ทาความเข้าใจโลกและชีวติ ท่ีกว้างขวาง เป็นผ้มู ีความสามารถทจ่ี ะเรียนรู้ เพิ่มพูน
ประสบการณ์ พัฒนาตนเอง และใช้ศักยภาพของตนอย่างรู้เท่าทันการเปล่ียนแปลง สามารถปรับเปลี่ยนเรียนรู้
ตลอดจนร่วมมือกนั เพือ่ สรา้ งการเปล่ียนแปลงให้แกช่ ุมชนและสงั คม
หลักสตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒
102
กลมุ่ สาระการเรียนรูน้ ้ี มสี มรรถนะเฉพาะ ๗ สมรรถนะ ไดแ้ ก่
๑. ประยุกต์ใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาหรือศาสนาอ่ืนที่ตนนับถือในชีวิตประจาวันอย่างมี
สตปิ ญั ญา สามารถชว่ ยเหลอื ผู้อน่ื และอยู่ร่วมกันอยา่ งสนั ติสุข
๒. กากับตนเองและตัดสินใจใช้จ่ายและใช้ทรัพยากรในฐานะผู้บริโภคอย่างมีเป้าหมาย รับผิดชอบ
และรู้เท่าทัน เพ่ือนาไปสู่การมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและพอเพียงระดับโรงเรียน
และชุมชน
๓. ใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์ด้วยการตรวจสอบและตัดสินข้อมูลหลักฐานโดยไม่ใช้อคติ เลือกใช้และ
แปลความหมายข้อมูลหลักฐาน ลาดับเหตุการณ์ ความต่อเน่ือง และความเปลี่ยนแปลงของสังคม เพื่อนาเสนอ
เรื่องราว ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมของชุมชนท้องถิ่นไทยและสถาบันหลักของชาติ และสร้างสรรค์ต่อยอดองค์
ความร้ใู นการพฒั นาทอ้ งถนิ่ และสงั คมไทยอยา่ งภาคภูมใิ จและเคารพในความแตกต่างหลากหลาย
๔. ติดตาม คาดการณ์แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของส่ิงแวดล้อม ดาเนินชีวิตตามแนวทางของการ
พฒั นาทีย่ ่ังยืนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทรพั ยากรและส่ิงแวดลอ้ มในจงั หวัด และภูมภิ าคทต่ี นอาศัยอยู่ ด้วยความ
เข้าใจในปรากฏการณก์ ารเปล่ียนแปลงของสง่ิ แวดลอ้ ม และปฏิบตั ิสัมพนั ธ์ระหว่างมนษุ ย์กับส่งิ แวดล้อม โดยใช้ภูมิ
สารสนเทศที่เก่ียวขอ้ ง
๕. ปฏิบัติตนตามบทบาทหน้าที่ วิถีวัฒนธรรมของชุมชน กติกาทางสังคมอย่างรับผิดชอบ ปกป้องสิทธิ
เสรีภาพของตนเองและผู้อื่น หาทางออกร่วมกันกับผู้เก่ียวข้อง โดยใช้กระบวนการตามวิถีประชาธิปไตย เข้าร่วม
กจิ กรรมสาธารณะประโยชน์ของโรงเรยี นและชมุ ชนด้วยความสมคั รใจ
๖. รู้เท่าทันและจัดการอารมณ์ เวลา ความต้องการในการใช้สื่อ สารสนเทศ และดิจิทัลอยา่ งเหมาะสม
ประเมินความน่าเชื่อถือและผลกระทบจากการใช้สื่อสารสนเทศ สร้างและเผยแพร่ข้อมูลสารสนเทศอย่างมีมารยาท
เหน็ อกเหน็ ใจ ใหเ้ กียรตผิ ู้อ่ืนและรบั ผิดชอบ เพื่อให้เกดิ ประโยชน์ต่อตนเองและชุมชน
๗. ติดตามและตรวจสอบข้อมูลข่าวสาร ระบุปัญหาและการเปลี่ยนแปลงในโรงเรียนและชุมชน
กาหนดเปา้ หมาย จดั ลาดับสาเหตุ รวบรวมข้อมูล วางแผนวธิ กี ารทางานร่วมกับผู้เกย่ี วขอ้ ง ตัดสินใจลงขอ้ สรปุ และ
สะทอ้ นการแก้ปัญหา
สมรรถนะเฉพาะท้ัง ๗ สมรรถนะดังกล่าว มีความสัมพันธ์เช่ือมโยงกับสมรรถนะหลักทั้ง ๖ สมรรถนะ และบูรณาการ
กันเปน็ ผลลพั ธก์ ารเรยี นรู้ช่วงชน้ั ๑๐ ขอ้ ซ่ึงเปน็ เป้าหมายของช่วงชน้ั น้ี
ผลลัพธ์การเรียนรู้ช่วงช้ันที่ ๒ ท้ัง ๑๐ ข้อ ดังกล่าว นาไปกาหนดเป็นผลลัพธ์การเรียนรู้ชั้นประถมศึกษาปีที่
๔ – ๖ โดยต้องคานึงถงึ การบูรณาการสมรรถนะหลักและสมรรถนะเฉพาะด้วย เพื่อให้เม่อื ผู้เรียนบรรลุผลลัพธ์การเรียนรู้ชั้นปี
แล้ว จะนาไปสู่การบรรลผุ ลลัพธ์การเรยี นรชู้ ว่ งช้นั ตามท่ีหลักสตู รกาหนดไว้
ลกั ษณะเฉพำะ/ ธรรมชำตขิ องกลุ่มสำระกำรเรยี นรู้
กลุ่มสาระการเรียนรู้น้ี ว่าด้วยการศึกษาอย่างเป็นระบบเพ่ือทาความเข้าใจตนเองและสังคม โดยการ
ปฏิบัติตนตามหลักของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาอ่ืนท่ีตนนับถือด้วยสานึกท่ีดี ที่ได้รับการปลูกฝัง การพัฒนา
ระบบความคดิ พิจารณา ไตร่ตรองก่อนตัดสินใจทาส่ิงใด ๆ ทาให้เป็นผู้มจี ิตใจดีที่ส่งผลต่อการคิดดี พูดดี และทา
หลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบ้านตาบา สพป.นธ. ๒
103
แต่ส่ิงที่ดี อันเป็นประโยชน์และสร้างสันติสุขท้ังต่อตนเอง ผู้อื่น และส่วนรวม หาคาตอบเก่ียวกับเร่ืองราวท่ีเกิดข้ึน
ในอดีต ทาให้เข้าใจสังคมในอดีตได้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากท่ีสุด เพื่อนามาเสริมสร้างความเข้าใจในสังคม
ปัจจุบันที่มีรากประวัติศาสตร์ซ่ึงเก่ียวข้องสัมพันธ์กับสถาบันหลัก อันได้แก่ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
โดยเฉพาะความภาคภมู ิใจในครอบครัว โรงเรยี น ชุมชน สังคม และประเทศชาติ อนั สง่ ผลต่อพฤติกรรมในการใช้
ชีวิตและอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างเหมาะสม การปฏิบัติตนตามบทบาทหน้าท่ี และสิทธิเสรีภาพในการอยู่ร่วมกัน รวม
ไปถึงความรับผิดชอบต่อตนเองในการใช้จ่าย และการใช้ทรัพยากรโดยคานึงถึงผลกระทบต่อตนเองและ
ส่งิ แวดล้อม อนั จะนาไปสกู่ ารเปน็ สมาชิกท่ีดขี องประเทศชาติ
การออกแบบกรอบคิดหลักของกลุ่มสาระการเรยี นรู้สังคมศึกษา สอดรับกับกรอบคิดของกลุ่มสาระการ
เรยี นรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ของหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ การ
ดาเนินการเรียนรู้ให้ไปถึงสมรรถนะท้ัง ๖ ประการ ได้น้ัน ต้องอาศัยการปฏิบัติท้ังกายภาวนา ศีลภาวนา จิต
ภาวนา ปญั ญาภาวนา ซง่ึ สามารถท่ีจะถ่ายทอดศลี ธรรมไปสู่ชีวิตตามทฤษฎแี ละหลกั การในการเรยี นรูต้ า่ ง ๆ
การปฏริ ูปการเรียนรู้สังคมศกึ ษา เปน็ การศึกษาถึงคุณคา่ ของความเป็นมนุษย์และการอยู่รว่ มกันในสงั คม
ในฐานะเป็นพลเมืองของชาติภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และของโลกซ่ึง
ร่วมสร้างประวัติศาสตร์ ให้เกิดความม่ันคงทางสังคมโดยมีศีลธรรมตามที่ปรากฏในพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่นเป็นฐาน
(ตามมาตรา ๖๗ ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐) กลุ่มสาระการเรียนรู้นี้ ช่วยให้ผู้เรียนใช้ชีวิตทั้งใน
ฐานะปัจเจกบุคคล และการอยู่รว่ มกนั ในสงั คม เป็นพลเมืองดี
สาหรับช่วงชั้นท่ี ๒ ได้จดั ผลลัพธ์การเรยี นรู้ช่วงชัน้ เปน็ ๔ หวั ขอ้ ดงั นี้
ศำสนธรรมนำทำงชีวติ เป็นการบูรณาการให้นักเรยี นได้ประยุกต์ใช้หลักธรรมของพระพทุ ธศาสนา หรือ
ศาสนาอ่ืนท่ีตนนับถือ มีสติ สมาธิในการศึกษาและทากิจวัตรประจาวัน ใช้สติปัญญาในการช่วยเหลือเก้ือกูลและ
แก้ปญั หาในชวี ติ ของตนเอง
กำรวำงแผนกำรเงินและกำรใช้ทรัพยำกร เป็นการบูรณาการให้นักเรียนได้วางแผนการใช้จ่ายของ
ตนเองและครอบครัว ลดค่าใช้จ่าย รู้เท่าทันโฆษณา ตัดสินใจเลือกใช้ทรัพยากรในชีวิตประจาวัน วางแผนและ
กาหนดการใชท้ รพั ยากรของครอบครัวและโรงเรยี นอยา่ งคานงึ ถงึ หลักพอเพียง และความยัง่ ยืน
ประเทศไทยและเพ่ือนบ้ำน เป็นการบูรณาการให้นักเรียนใช้ค้นหา เช่ือมโยงหลักฐาน ตีความและ
นาเสนอผลการศกึ ษาเกย่ี วกบั เร่อื งราวในอดีตของครอบครัว ชุมชนของตนเองและชุมชนอ่นื ทมี่ บี ริบทแตกตา่ งกัน
ไป ศึกษาการเกิดขึ้นของรัฐโบราณ ศึกษาประวัติศาสตร์สังคม ผู้คน และดินแดนต่าง ๆ ทั้งในประเทศและ
ประเทศเพ่ือนบา้ น นาไปสูก่ ารปฏิบัติตนทีแ่ สดงถงึ ความภาคภมู ิใจในครอบครัว โรงเรยี น ชมุ ชน และประเทศชาติ
รู้เท่ำทันสื่อ เท่ำทันตนเอง เท่ำทันสังคม เป็นการบูรณาการให้ผู้เรียนตระหนักและเท่าทันความคิดของตนเอง ท่ี
ได้รับอิทธิพลจากส่ือและค่านิยมของสังคม เท่าทันสื่อโฆษณา มีวิจารณญาณในการเลือก สร้างและส่งต่อสื่อสารสนเทศ ใช้สื่อ
สังคมออนไลนเ์ พื่อนาเสนอความคิดหรือผลปฏิบตั ทิ เี่ ป็นตวั อย่างได้
หลักสูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบ้านตาบา สพป.นธ. ๒
104
กำรนำไปใช้ในชีวิตจรงิ
จากการฝึกฝนให้ผู้เรียนได้ใช้ศาสนธรรมเป็นแนวทางในการปฏิบัติตนให้สามารถดูแลตนเอง
ในชีวติ ประจาวันอย่างเป็นปกตสิ ขุ
จากการพัฒนาคุณสมบัติการเป็น “นักประวัติศาสตร์ทดี่ ี กล่าวคือ รู้จักสังเกต ไต่ถาม จดจาและนาสิ่งที่
ศึกษาจดจามาได้ มาวิเคราะห์หาเหตุผลท่ีถูกต้องต่อไป” (หนังสือสายธารประวัติวิทยา, สมเด็จพระเทพ
รตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี) ฝึกฝนใช้กระบวนการสบื คน้ เร่ืองราวในอดีตของครอบครวั โรงเรียน ชุมชน
ความสัมพันธร์ ะหว่างชุมชน ทอ้ งถ่ินและสถาบนั หลกั ของชาติ อันได้แก่ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ทาให้
ผู้เรียนมีสมรรถนะในการส่ือสารด้วยภาษา เพ่ือค้นหาข้อเท็จจริงจากแหล่งข้อมูลท่ีน่าเชื่อถือ อาศัยการคิดข้ันสูง
เพ่ือวิเคราะห์สาเหตุและผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลง ซ่ึงผู้เรียนสามารถนาไปใช้ในการทาความเข้าใจและ
ค้นหาข้อมูลเรอื่ งราวตา่ ง ๆ ทีต่ นเองอยากหาคาตอบ
จากการฝึกฝนให้ผู้เรียนสามารถอยู่ร่วมกับผู้อ่ืนอย่างสันติสุข ยอมรับความแตกต่างหลากหลายทาง
ความคิด ความเชื่อและการปฏิบัติของบุคคล เข้าใจการอยู่ร่วมกันตามกฎ กติกา และข้อตกลง ตระหนักถึง
ความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับสิ่งแวดล้อมที่ต้องร่วมกันดูแลรักษา นาไปสู่การทาตนให้เป็นประโยชน์ ร่วมรับรู้และ
แก้ปญั หาโดยไมส่ รา้ งความเดือดร้อนใหก้ ับตนเองและผอู้ ื่น และไมส่ ่งผลเสียตอ่ ส่ิงแวดลอ้ ม
จากการฝึกฝนเร่ืองการออม การวางแผนและใช้เงิน รวมท้ังใช้ทรัพยากรอย่างมีสติ ตระหนักถึงผลที่
เกิดข้ึนจากการใช้เงินและใช้ทรัพยากรของตนเอง ช่วยลดปัญหาทางการเงินและการใช้ทรัพยากรอย่างไม่รู้คุณค่า ท่ี
จะเกดิ ขน้ึ ในอนาคต ท้ังในระดบั ตนเอง และครอบครวั
กำรบูรณำกำรกับกลุ่มสำระกำรเรียนรูต้ ำ่ ง ๆ
ภำษำไทย/ ภำษำต่ำงประเทศ สามารถจัดสถานการณ์จากการฟงั การอ่านวรรณกรรมสาหรับเด็ก
นิทาน ตานาน เร่ืองราวเก่ียวกับบุคคลสาคัญในอดีตที่หลากหลาย ซ่ึงมีรากฐานมาจากพระพุทธศาสนาและ
ศาสนาอ่ืน วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ รวมถึงประเพณีที่ดีงาม โดยใช้คาศัพท์และเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติ ความ
เป็นมาและวิถีชีวิตในครอบครัว โรงเรียนและชุมชน พัฒนาความสามารถในการอ่าน การต้ังคาถามเพ่ือสืบค้น
ข้อมูล การบันทึกและสรุปข้อมูล ตลอดจนการใช้ภาษาเพื่อการนาเสนอเร่ืองราวที่ตนสนใจได้อย่างถูกต้องและ
เหมาะสม
คณติ ศำสตร์ สามารถใช้ทกั ษะการอา่ นและแปลข้อมลู จากสถติ ิอย่างง่ายเพื่อทาความเขา้ ใจเรื่องราว
รอบตัว สามารถบูรณาการร่วมกันในเร่ืองการคานวณเงินเพ่ือวางแผนการใช้จ่ายและใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า และ
บูรณาการในเร่ืองการอ่านปฏิทินและการคานวณเวลาเพ่ือเช่ือมโยงการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางวัฒนธรรมประเพณีในรอบปี
และการทาความเขา้ ใจประวัตคิ วามเปน็ มาของครอบครวั โรงเรยี นและชุมชน
ศิลปะ สามารถใช้จินตนาการในการสร้างสรรค์งานศิลปะท่ีส่ือเรื่องราวท่ีมีความหมายและมีคุณค่า
ต่อความคิด ความสนใจ และความรู้สึกจากสถานการณ์และเหตุการณ์ต่าง ๆ รอบตัว เพื่อให้การสื่อสารมีความ
ชัดเจน และน่าสนใจมากข้นึ
หลักสตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบ้านตาบา สพป.นธ. ๒
105
สุขศึกษำและพลศึกษำ สามารถจัดกิจกรรมส่งเสริมศีลธรรม เพ่ือเสริมสร้างสมรรถภาพจิตในการ
อยู่ร่วมกันกับผู้อ่ืน สามารถจัดการอารมณ์และความรู้สึกอย่างรู้เท่าทัน มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี มีความรักความ
สามคั คีรู้จักใหอ้ ภัย ร่วมสร้างบรรยากาศแหง่ ความเข้าใจและการพง่ึ พาซึง่ กนั และกันในการร่วมกนั แกป้ ญั หาความ
ขัดแยง้ ในฐานะทเ่ี ปน็ สมาชกิ ของครอบครัว โรงเรียนและชุมชน
วทิ ยำศำสตร์และระบบธรรมชำติ สามารถจดั กิจกรรมบูรณาการในประเด็นเก่ียวกับทรพั ยากรและ
สิ่งแวดล้อม รับรู้และเข้าใจระบบความสัมพันธ์ของมนุษย์กับธรรมชาติในห่วงโซ่ที่เกื้อกูลกัน เพ่ือการปฏิบัติตนให้
เหมาะสม อนรุ กั ษ์ธรรมชาติ และพรอ้ มรับมือกับภัยพิบัติ
ควำมสัมพนั ธร์ ะหวำ่ งสมรรถนะหลกั และสมรรถนะเฉพำะ
สมรรถนะเฉพำะ สมรรถนะหลกั
๑. ประยุกต์ใช้หลักธรรมทำงพระพุทธศำสนำหรือศำสนำอื่นที่ตนนับถือในชีวิตประจำวันอย่ำงมีสติปัญญำ
สำมำรถช่วยเหลือผูอ้ ่ืนและอยู่รว่ มกนั อย่ำงสนั ติสุข
๑.๑ มสี ติ สมาธิ ในการศึกษาและทากิจวัตรประจาวนั จดั การอารมณ์และความรสู้ ึกของ ๑. การจดั การตนเอง
ตนเองโดยการพฒั นากาย วาจา ใจ ตามแนวทางของพระพุทธศาสนาหรือศาสนา ๒. การคดิ ข้ันสูง
อน่ื ท่ีตนนับถือ ๓. การส่อื สาร
๑.๒ ปฏบิ ัตติ ามหลกั กุศลกรรมบถ ๑๐ หรอื หลักปฏบิ ตั ิตามคาสอน ๔. การรวมพลงั ทางานเป็นทีม
ในศาสนาอน่ื ที่ตนนบั ถือ ๕. การเป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง
๑.๓ ใช้ปญั ญาในการช่วยเหลือเกอ้ื กูลและแก้ปญั หาในชวี ิตของตนเอง หมคู่ ณะ และ ๖. การอยู่รว่ มกับธรรมชาติ
สังคมอย่างมีโยนโิ สมนสิการ ตลอดถึงสงิ่ แวดล้อมรอบตัวเพ่ืออยู่รว่ มกนั อย่างสันติ และวทิ ยาการอย่างย่ังยนื
สขุ
๑.๔ อ่อนน้อมถ่อมตน มีมทุ ติ ารจู้ กั ช่นื ชมยนิ ดีในความสาเรจ็ ของผ้อู น่ื ใช้หลักสนั ตวิ ธิ ใี น
การสอื่ สาร การทางานและอยรู่ ว่ มกับผู้อ่ืนในฐานะเปน็ พลเมอื งไทยและพลเมือง
โลก บนพืน้ ฐานของหลักธรรมในพระพุทธศาสนาหรือศาสนาอนื่ ทีต่ นนับถอื
๑.๕ ส่งเสริมและอนรุ กั ษ์ธรรมชาตสิ ่งิ แวดล้อมและใช้เทคโนโลยี ใหเ้ กดิ ประโยชน์และมี
คณุ ค่าต่อการเรยี นรแู้ ละการดาเนนิ ชวี ิตอยา่ งพอเพยี ง
๒. กำกับตนเองและตัดสินใจใช้จ่ำย และใช้ทรัพยำกรในฐำนะผูบ้ ริโภคอยำ่ งมีเป้ำหมำย รับผดิ ชอบ
และร้เู ทำ่ ทัน เพอ่ื นำไปสู่กำรมีส่วนรว่ มในกำรจัดกำรทรพั ยำกรอยำ่ งมีประสิทธภิ ำพและพอเพียง
ระดบั โรงเรยี นและชมุ ชน
๒.๑ วางแผนการใชจ้ า่ ยของตนเองและครอบครวั อย่างเหมาะสมและมวี ินยั ชว่ ยลด ๑. การจดั การตนเอง
คา่ ใช้จา่ ยในครอบครัว ตดั สนิ ใจบรโิ ภคอยา่ งรู้ทนั โฆษณา ตดิ ตามและตรวจสอบ ๒. การคิดขัน้ สงู
ขอ้ มลู ขา่ วสารทเ่ี ก่ียวขอ้ งกับการบริโภคในชีวติ ประจาวนั และกฎหมายคมุ้ ครอง ๓. การส่อื สาร
สทิ ธิผูบ้ รโิ ภค วางแผนการออมเงนิ ของตนเองอยา่ งมเี ปา้ หมาย ๔. การรวมพลงั ทางานเป็นทีม
๒.๒ จดั ลาดับความสาคญั เพอ่ื ตดั สินใจเลือกใช้ทรัพยากรในชีวติ ประจาวนั หาทางออก ๕. การเป็นพลเมืองท่ีเข้มแขง็
ร่วมกนั กับผเู้ ก่ยี วข้องในการจดั การทรพั ยากรของครอบครวั และโรงเรียน อย่าง
หลักสูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบ้านตาบา สพป.นธ. ๒
106
สมรรถนะเฉพำะ สมรรถนะหลัก
ประหยดั คุ้มค่า และพอเพยี ง ดว้ ยความตระหนักถงึ ผลกระทบของการใช้
ทรพั ยากรท่มี ีตอ่ ตนเอง และสว่ นรวม
๓. ใชว้ ธิ กี ำรทำงประวัตศิ ำสตร์ด้วยกำรตรวจสอบและตัดสนิ ขอ้ มลู หลักฐำนโดยไม่ใชอ้ คติ เลือกใชแ้ ละแปลควำมหมำย
ขอ้ มูลหลักฐำน ลำดับเหตกุ ำรณ์ ควำมตอ่ เนื่อง และควำมเปลยี่ นแปลงของสงั คม เพือ่ นำเสนอเรื่องรำว ภมู ปิ ญั ญำ
และวัฒนธรรมของชุมชนท้องถนิ่ ไทยและสถำบนั หลักของชำติ
และสรำ้ งสรรคต์ อ่ ยอดองค์ควำมรู้ในกำรพัฒนำทอ้ งถิ่นและสงั คมไทยอย่ำงภำคภูมใิ จและเคำรพ
ในควำมแตกตำ่ งหลำกหลำย
๓.๑ สืบค้นคาตอบของเรื่องราว ประวัตคิ วามเป็นมา วิถชี วี ิตและบคุ คล จับประเดน็ ๒. การคิดขน้ั สูง
สาคญั ลาดบั เหตกุ ารณ์ทีแ่ สดงพัฒนาการทางประวตั ศิ าสตร์ และความตอ่ เนอ่ื งจาก ๓. การส่อื สาร
อดตี ถงึ ปัจจบุ นั ของจงั หวัด ภูมิภาคท่ตี นอาศยั อยู่ และประเทศ พฒั นาการสถาบัน ๕. การเป็นพลเมืองท่ีเข้มแข็ง
พระมหากษตั รยิ ก์ ับชาตไิ ทย นาเสนอเร่ืองราวทสี่ บื คน้ โดยแสดงข้อมลู และแหลง่
หลักฐานทีเ่ ก่ียวข้อง ดว้ ยวิธกี ารท่ีหลากหลาย อย่างเหน็ คณุ คา่ และภาคภูมใิ จ และทา
กิจกรรมในชวี ติ ประจาวนั ทีแ่ สดงถงึ ความตระหนกั ของผลการกระทาในอดีตทม่ี ีต่อ
ปัจจบุ ัน และผลของการกระทาในปัจจุบนั ท่ีมผี ลต่ออนาคต
๓.๒ วเิ คราะหค์ วามคล้ายคลงึ และความแตกต่างของวฒั นธรรมไทย
ในภูมภิ าคต่าง ๆ และประเทศเพ่ือนบา้ น เคารพความแตกต่างหลากหลายทาง
วัฒนธรรมของผคู้ นในแตล่ ะท้องถิน่ ของไทย
และประเทศเพือ่ นบา้ น
๔. ติดตำม คำดกำรณ์แนวโน้มกำรเปล่ยี นแปลงของสง่ิ แวดลอ้ ม ดำเนินชีวติ ตำมแนวทำงของกำรพฒั นำทย่ี ั่งยืน มสี ว่ น
รว่ มในกำรบริหำรจัดกำรทรัพยำกรและสงิ่ แวดลอ้ มในจงั หวัด และภมู ภิ ำคทีต่ นอำศัยอยู่ ดว้ ยควำมเขำ้ ใจในปรำกฏกำรณ์กำร
เปลีย่ นแปลงของส่ิงแวดลอ้ ม และปฏบิ ตั ิสมั พนั ธร์ ะหว่ำงมนุษยก์ บั สิ่งแวดล้อม โดยใชภ้ ูมิสำรสนเทศทเี่ ก่ียวข้อง
๔.๑ ตง้ั คาถาม สืบคน้ วเิ คราะห์และสรุปขอ้ มลู วถิ ีการดาเนินชวี ิตของคนในจังหวัด ๑. การจดั การตนเอง
ภมู ภิ าคทตี่ นอาศัยอยู่ และประเทศไทย ทเ่ี ป็นผลมาจากอทิ ธพิ ลของสงิ่ แวดล้อม ๒. การคดิ ขนั้ สูง
ทางกายภาพ ด้วยการใชแ้ ผนท่ี รปู ถ่าย ภาพถา่ ยทางอากาศและภาพจาก ๓. การสอื่ สาร
ดาวเทยี ม ด้วยความเข้าใจอทิ ธิพลของสง่ิ แวดลอ้ มทางกายภาพทมี่ ผี ลตอ่ การ ๔. การรวมพลังทางานเปน็ ทีม
ดาเนนิ ชีวติ ๕. การเป็นพลเมืองท่ีเข้มแข็ง
๔.๒ ตดิ ตาม คาดการณแ์ นวโนม้ การเปลย่ี นแปลงของสิง่ แวดลอ้ ม ๖. การอยรู่ ่วมกบั ธรรมชาติ
และภยั พิบตั ิ มสี ่วนรว่ มในการปอ้ งกนั แกป้ ญั หาสงิ่ แวดลอ้ ม
และรับมอื กับภยั พบิ ตั ิในชมุ ชนโดยกาหนดแนวทางและบอกเหตผุ ลทเี่ ลือก และวทิ ยาการอย่างย่งั ยนื
แนวทางนัน้ ด้วยความเข้าใจความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสงิ่ แวดลอ้ มกับการดาเนินชวี ติ
ของคนในจงั หวดั ภูมิภาคทีต่ นอาศยั อยู่ และประเทศไทย
๕. ปฏิบตั ติ นตำมบทบำทหน้ำท่ี วิถวี ฒั นธรรมของชมุ ชน กตกิ ำทำงสังคมอยำ่ งรับผิดชอบ ปกป้องสทิ ธเิ สรีภำพของตนเอง
และผอู้ ื่น หำทำงออกร่วมกนั กับผเู้ กีย่ วข้อง โดยใชก้ ระบวนกำรตำมวิถปี ระชำธิปไตย เขำ้ รว่ มกิจกรรมสำธำรณะ
ประโยชนข์ องโรงเรยี นและชมุ ชนด้วยควำมสมคั รใจ
๕.๑ ปฏบิ ัตติ นอย่างเหมาะสมตามบทบาทหนา้ ท่ี ระเบียบ กฎ กติกา และ ๑. การจดั การตนเอง
วถิ ีวัฒนธรรมของชุมชนและทอ้ งถนิ่ ดว้ ยความรบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คม
หลกั สตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒
107
สมรรถนะเฉพำะ สมรรถนะหลัก
ชนื่ ชมการทาความดีของบุคคลในครอบครัว โรงเรียนและชุมชน ร่วมกันหาทาง ๒. การคดิ ขั้นสงู
ออกกบั ผเู้ ก่ียวขอ้ งในการแก้ปญั หาหรอื ความขดั แย้ง ๓. การสอ่ื สาร
ในสถานการณต์ ่าง ๆ โดยใช้กระบวนการประชาธปิ ไตย ศรัทธา ๔. การรวมพลังทางานเปน็ ทีม
และปฏบิ ตั ติ ามหลักการเปน็ พลเมอื งดตี ามวถิ ปี ระชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษตั ริย์ ๕. การเป็นพลเมืองท่ีเข้มแข็ง
ทรงเป็นพระประมุข วิเคราะห์การเปลยี่ นแปลง
ทเ่ี กดิ ขน้ึ แสวงหาแนวทางแกป้ ญั หาร่วมกนั และยอมรับ
ผลจากการตดั สนิ ใจรว่ มกัน
๕.๒ ตดิ ตามข่าวสารและตรวจสอบข้อมลู เกยี่ วกับขา่ วสาร เหตกุ ารณ์ สถานการณ์ท่ี
เกดิ ขน้ึ ในสงั คม เพื่อรบั มือ ป้องกันและแกป้ ัญหา
ในการดาเนินชวี ติ
๕.๓ ปกปอ้ งสทิ ธิเสรภี าพของตนเองและผู้อน่ื เคารพในความหลากหลายของบุคคล ไม่
กล่ันแกล้งเพื่อนทางรา่ งกาย วาจา และความสมั พนั ธ์
ทางสังคม (Social bullying)
๕.๔ ใหเ้ กียรติ เห็นอกเหน็ ใจผอู้ ่ืน (Empathy) ช่วยเหลือผู้อ่ืนในสถานการณต์ ่าง ๆ ไม่
ดว่ นตัดสินผูอ้ ่ืนโดยใชอ้ คติ แบ่งปันส่งิ ของตา่ ง ๆ ของตนให้กบั ผอู้ น่ื ตามความ
เหมาะสม
๕.๕ ปฏบิ ตั ิตนไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งท่ีแสดงถงึ การเคารพสถาบนั หลกั และสัญลักษณข์ องชาติ
ไทย และเข้าร่วมกจิ กรรมเป็นอาสาสมัคร
ด้วยความรสู้ ึกว่าเปน็ สมาชกิ ของชุมชน ตามกาลงั ของตน
๖. รู้เท่ำทนั และจดั กำรอำรมณ์ เวลำ ควำมต้องกำรใชส้ ื่อ สำรสนเทศ และดิจทิ ัลอย่ำงเหมำะสม ประเมินควำมน่ำเช่อื ถือ
และผลกระทบจำกกำรใช้ส่ือสำรสนเทศ สรำ้ งและเผยแพร่ข้อมูลสำรสนเทศอยำ่ งมีมำรยำท เห็นอกเหน็ ใจ ให้เกียรติ
ผูอ้ ื่นและรบั ผดิ ชอบ เพ่ือให้เกดิ ประโยชน์ตอ่ ตนเองและชมุ ชน
๖.๑ รเู้ ทา่ ทันส่ือ สารสนเทศ และดจิ ทิ ัล ท่ีมีตอ่ การหลอ่ หลอมคา่ นยิ ม ๑. การจัดการตนเอง
ให้แกส่ ังคม และส่งผลต่อการปฏิบตั ิตนของตนเอง ๒. การคดิ ขน้ั สูง
๖.๒ รบั รแู้ ละจดั การอารมณ์ ความรสู้ ึกของตนเองในการใชส้ ื่อ สารเทศและดจิ ิทลั ๓. การส่อื สาร
๖.๓ ประเมนิ ความน่าเชื่อถอื คาดการณผ์ ลกระทบทีต่ ามมาจากการใชส้ ือ่ สารสนเทศ ๕. การเป็นพลเมืองท่ีเข้มแข็ง
และเลอื กแนวทางปฏิบัตไิ ดอ้ ย่างเหมาะสม
๗. ติดตำมและตรวจสอบขอ้ มลู ขำ่ วสำร ระบปุ ัญหำและกำรเปลยี่ นแปลงในโรงเรยี นและชุมชน
กำหนดเป้ำหมำย จดั ลำดับสำเหตุ รวบรวมขอ้ มูล วำงแผนวิธีกำรทำงำนร่วมกบั ผ้เู กี่ยวข้อง ตดั สนิ ใจลงขอ้ สรปุ และ
สะท้อนกำรแก้ปัญหำ
๗.๑ ตดิ ตามและตรวจสอบขอ้ มลู ข่าวสารทง้ั แหล่งข้อมลู เจ้าของแหล่งขา่ ว ๒. การคดิ ขนั้ สูง
เพื่อประเมนิ ความน่าเชอ่ื ถอื สาระสาคัญ และคดั สรรสารสนเทศ ๓. การสอื่ สาร
ไปใชป้ ระโยชน์กับชวี ติ ของตนเอง ครอบครัว และชมุ ชน ๔. การรวมพลังทางานเปน็ ทีม
๗.๓ จดั กระทาขอ้ มลู สารสนเทศ เพื่อวิเคราะหป์ ญั หาและการเปลย่ี นแปลง ๕. การเป็นพลเมืองท่ีเข้มแข็ง
เพอ่ื ออกแบบและวางแผนปฏบิ ัตกิ าร ดาเนนิ การตามแผน แล้วสะทอ้ นผลการ
ทางาน
หลักสตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบ้านตาบา สพป.นธ. ๒
108
ผลลัพธก์ ำรเรียนรูเ้ มอื่ จบชว่ งชนั้ ที่ ๒
๑. มีสติ สมาธิ ในการศึกษาและทากิจวัตรประจาวัน จัดการอารมณ์และความรู้สึกของตนเองโดยการพัฒนากาย
วาจา ใจ ตามแนวทางของศาสนาท่ีตนนับถือ และปฏิบัติตามหลักกุศลกรรมบถ ๑๐ หรือหลักปฏิบัติตามคาสอน
ในศาสนาอืน่ ท่ีตนนับถอื
๒. สามารถใช้ปัญญาในการช่วยเหลือเก้ือกูลและแก้ปัญหาในชีวิตของตนเอง หมู่คณะ และสังคม ตลอดถึง
ส่ิงแวดล้อมรอบตัวเพื่ออยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข มีความอ่อนน้อมถ่อมตน ใช้หลักสันติวิธีในการส่ือสาร การ
ทางานและอยู่ร่วมกับผู้อ่ืนในฐานะเป็นพลเมืองไทยและพลเมืองโลก บนพ้ืนฐานของหลักธรรมทาง
พระพุทธศาสนาและศาสนาท่ีตนนับถือ รวมทั้งส่งเสริมและอนุรักษ์ธรรมชาติส่ิงแวดล้อมและใช้เทคโนโลยีให้
เกิดประโยชนแ์ ละมคี ุณคา่ ต่อการเรยี นรแู้ ละการดาเนนิ ชวี ิตอยา่ งพอเพยี ง
๓. วางแผนการใช้จ่ายของตนเองและครอบครัวอย่างเหมาะสมและมีวินัย ช่วยลดค่าใช้จ่ายในครอบครัว
ตัดสินใจบริโภคอย่างรู้ทันโฆษณา สื่อและสารสนเทศของสินค้าและบริการ ติดตามและตรวจสอบข้อมูล
ข่าวสารท่ีเกี่ยวข้องกับการบริโภคในชีวิตประจาวันและกฎหมายคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค วางแผนการออมเงิน
ของตนเองอย่างมเี ปา้ หมาย
๔. จัดลาดับความสาคัญเพอ่ื ตดั สินใจเลอื กใช้ทรัพยากรในชีวติ ประจาวัน หาทางออกร่วมกนั กับผู้เกยี่ วข้องในการ
ตดั สินใจกาหนดเป้าหมายและการปฏบิ ัตเิ พ่ือการจดั การทรัพยากรของครอบครัวและโรงเรียน อย่างประหยัด
คุม้ คา่ และพอเพียง ด้วยความตระหนักถงึ ผลกระทบของการใชท้ รพั ยากรทีม่ ตี ่อตนเอง และส่วนรวม
๕. สืบค้นคาตอบของเร่ืองราว ประวัติความเปน็ มา วิถชี ีวติ และบุคคล จบั ประเด็นสาคัญ ลาดับเหตุการณท์ ี่แสดง
พัฒนาการทางประวัติศาสตร์และความต่อเนื่องจากอดีตถึงปัจจุบันของจังหวัด ภูมิภาคที่ตนอาศัยอยู่ และ
ประเทศ นาเสนอเรื่องราวที่สืบค้นโดยแสดงข้อมูลและแหล่งหลักฐานที่เก่ียวข้องด้วยวิธีการที่หลากหลาย
และทากิจกรรมในชีวิตประจาวันอย่างเห็นคุณค่าและภาคภูมใิ จในความเป็นท้องถ่ินและความเปน็ ไทย แสดง
ถึงความตระหนักของผลการกระทาในอดีตท่ีมีต่อปัจจุบัน ผลของการกระทาในปัจจุบันท่ีมผี ลต่ออนาคต และ
การเคารพความแตกต่างหลากหลายทางวัฒนธรรมของผู้คนในแต่ละท้องถ่ินของไทย ตลอดจนปฏิบัติตนได้
อยา่ งถกู ตอ้ งแสดงถึงการเคารพสถาบันหลกั และสัญลักษณ์ของชาตไิ ทย
๖. วิเคราะห์ความคล้ายคลึงของวัฒนธรรมไทยกับประเทศเพื่อนบ้านจากการอ่านเรื่อง ดูภาพ หรือแลกเปลี่ยน
ประสบการณ์กับบุคคล และส่ือสารในโลกจริงและโลกเสมือนอย่างเคารพความแตกต่างหลากหลายทาง
วฒั นธรรมในประเทศเพ่ือนบา้ น
๗. ต้ังคาถาม สืบค้น วเิ คราะห์และสรปุ ข้อมูลวิถกี ารดาเนินชีวิตท่ีเป็นผลมาจากอิทธพิ ลของส่ิงแวดลอ้ มทางกายภาพ ตดิ ตาม
คาดการณ์แนวโน้มการเปล่ียนแปลงของสงิ่ แวดลอ้ มและภัยพิบัติในจงั หวดั ภูมิภาคท่ีตนอาศัยอยู่ และประเทศไทย ด้วยการ
ใช้แผนที่ รูปถ่าย ภาพถ่ายทางอากาศและภาพจากดาวเทียม เข้าร่วมกิจกรรม ร่วมเป็นอาสาสมัครในการป้องกัน
แก้ปัญหาส่ิงแวดล้อม และรับมือกับภัยพิบัติในชุมชนโดยร่วมกันกาหนดแนวทาง วางแผนขั้นตอนการทางาน
บอกเหตผุ ลที่เลอื กแนวทางนั้น และอธิบายผลดแี ละผลเสียท่ีเกิดขึน้ ต่อตนเองและผู้อืน่ ที่แสดงถึงความเขา้ ใจ
ความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงแวดลอ้ มกับการดาเนนิ ชวี ติ
หลกั สตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒
109
๘. ปฏิบัติตนอย่างเหมาะสมตามบทบาทหน้าที่ ระเบียบ กฎ กติกา และวิถีวัฒนธรรมของชุมชนและท้องถิ่นด้วย
ความรับผิดชอบต่อสังคม ช่ืนชมการทาความดีของบุคคลในครอบครัว โรงเรียนและชุมชน ปกป้องสิทธิ
เสรีภาพของตนเองและผู้อื่น เคารพในความหลากหลายของบุคคล ไม่กล่ันแกล้งเพื่อนทางร่างกาย วาจา และ
ความสัมพันธ์ทางสังคม (Social bullying) ให้เกียรติ เห็นอกเห็นใจผู้อ่ืน (Empathy) ช่วยเหลือผู้อื่นใน
สถานการณ์ต่าง ๆ ไม่ด่วนตัดสินผู้อื่นโดยใช้อคติ แบ่งปันสิ่งของต่าง ๆ ของตนให้กับผูอ้ ื่นตามความเหมาะสม โดย
ไม่สรา้ งความเดือดรอ้ นต่อตนเอง ผู้อ่ืน และสว่ นรวม
๙. ติดตามข่าวสารและตรวจสอบข้อมูลเกย่ี วกับข่าวสาร เหตุการณ์ สถานการณ์ท่เี กิดขึน้ ในสังคม เพื่อรับมือ ปอ้ งกัน
และแก้ปัญหาในการดาเนินชีวิต และร่วมกันหาทางออกกับผู้เก่ียวข้องในการแก้ปัญหาหรือความขัดแย้งใน
สถานการณ์ต่าง ๆ โดยใช้กระบวนการตามวิถปี ระชาธิปไตย วิเคราะห์การเปล่ียนแปลงท่เี กดิ ข้ึนและยอมรบั ผลจาก
การตัดสินใจร่วมกนั รวมทั้งเข้าร่วมกิจกรรมเป็นอาสาสมัครด้วยความรู้สึกว่าเปน็ สมาชิกของชุมชน ตามกาลัง
ของตน
๑๐. รู้เทา่ ทันและจดั การอารมณ์ เวลา ความต้องการในการใช้สอ่ื สารสนเทศ และดิจทิ ลั อยา่ งเหมาะสม ประเมิน
ความน่าเชื่อถือและผลกระทบจากการใช้ส่ือสารสนเทศ สร้างและเผยแพร่ข้อมูลสารสนเทศอย่างมีมารยาท
เห็นอกเหน็ ใจ ใหเ้ กียรติผ้อู น่ื และรบั ผดิ ชอบ เพ่อื ใหเ้ กิดประโยชน์ตอ่ ตนเองและชุมชน
หลักสตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบ้านตาบา สพป.นธ. ๒
110
กลุ่มสาระการเรยี นรู้การจดั การในครวั เรือนและการประกอบการ
สำระสำคญั ของกล่มุ สำระกำรเรยี นรู้
ควำมสำคญั ของกลุ่มสำระกำรเรยี นรกู้ ำรจดั กำรในครัวเรอื นและกำรประกอบกำร
การจัดการในครัวเรือนและการประกอบการเป็นสมรรถนะที่ต้องได้รับการสร้างเสริมและลงมือปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง
เพื่อใหส้ ามารถนาไปใชใ้ นการทากิจกรรมและการดาเนินชวี ิตได้อย่างปลอดภัย เป็นระบบ มีประสิทธิภาพดว้ ยความมั่นใจ
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้น้ีมสี รรมถนะเฉพาะ ๔ ดา้ น ประกอบดว้ ย ๑) ดูแลบ้านและความเป็นอยู่ของ
สมาชิกในบา้ น รวมถงึ แบ่งเบาภาระผ้ปู กครอง ด้วยความรับผิดชอบและกระตือรือรน้ โดยคานึงถึงความปลอดภยั
และการอยรู่ ่วมกนั ดว้ ยดเี ปน็ หลัก ๒) ทางานอย่างเป็นระบบ รวมทัง้ สรา้ งงานท่แี ปลกใหม่หรอื ต่อยอดจาก
ของเดิมดว้ ยตนเองหรือร่วมกับสมาชิกในครอบครัว เพื่อนและผู้อื่น เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์
ต่าง ๆ ด้วยความรับผดิ ชอบ ขยัน อดทน มุ่งมน่ั ซ่ือสตั ย์ ประณตี และมีทักษะทางสงั คม ในการทางาน ๓) ค้นหา
แนวทางและโอกาสในการจดั จาหนา่ ย หรอื สร้างรายได้ตามความสนใจของตนเองและมเี จตคตทิ ่ีดตี ่อการ
ประกอบอาชีพสจุ ริต โดยประยุกต์ใชค้ วามรู้และทักษะพื้นฐาน การเปน็ ผปู้ ระกอบการที่ดตี ามหลักปรัชญาของ
เศรษฐกิจพอเพยี ง การพัฒนาสินค้าและบริการ และ๔) ทางานโดยใช้ทรัพยากร พลังงานและเทคโนโลยีอย่างรู้คุณค่า
พอเพยี ง เหมาะสมกับสถานะทางเศรษฐกิจ ให้เกิดประโยชน์และคานึงถึงผลเสียต่อตนเองและสว่ นรวม สมรรถนะเฉพาะท้ัง
๔ สมรรถนะดงั กลา่ ว มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับสมรรถนะหลักทัง้ ๖ สมรรถนะ และบรู ณาการกันเปน็ ผลลัพธ์การเรียนรู้
ชว่ งช้นั ๓ ข้อ ซึ่งเป็นเป้าหมายการเรียนรู้ของชว่ งชน้ั นี้
ผลลพั ธก์ ารเรียนร้ชู ว่ งชนั้ ที่ ๒ ท้งั ๓ ขอ้ เปน็ ผลลพั ธ์การเรียนรู้ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๔ - ๖ ที่ต้องคานึงถึง
การบูรณาการสมรรถนะหลักและสมรรถนะเฉพาะด้วย เพ่ือให้เม่ือผู้เรียนบรรลุผลลัพธ์การเรียนรู้ช้ันปี นาไปสู่
การบรรลุผลลัพธก์ ารเรียนรชู้ ่วงชั้นตามทห่ี ลกั สูตรกาหนดไว้
ลักษณะเฉพำะ/ ธรรมชำตขิ องกลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้
การเรยี นรู้การจัดการในครัวเรอื นและการประกอบการในชว่ งชั้นที่ ๒ เป็นการเรียนรู้ทมี่ คี วามชัดเจนมาก
ย่ิงขึ้น ต่อเน่ืองเช่ือมโยงจากการเรียนรู้การจัดการในครัวเรือนและการประกอบการในช่วงชั้นที่ ๑ ท่ีบูรณาการใน
กล่มุ สาระการเรียนรู้และกิจกรรมตา่ ง ๆ
ผู้เรียนจะได้รับการพัฒนาให้เกิดสมรรถนะเฉพาะของการจัดการในครัวเรือนและการประกอบการ จาก
การเรียนรู้ การฝึกปฏิบัติ การลงมือทาด้วยตนเองและการสะท้อนผลการเรียนรู้ในรูปแบบต่าง ๆ เพ่ือเพ่ิมเติม
ความรู้ทาความเข้าใจ วิเคราะห์ และประเมินตนเอง รวมท้ังผลงานอย่างมีเหตุผลและเป็นระบบ ไปพร้อมกับการพัฒนา
สมรรถนะการทางานบ้าน การทางาน และการประกอบการอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ และมีทักษะทางสงั คม
หลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบ้านตาบา สพป.นธ. ๒
111
จุดเน้นกำรพฒั นำ
การสอนจัดการในครัวเรือนและการประกอบการในช่วงชั้นท่ี ๒ เป็นการพัฒนาสมรรถนะผ่านการเรียนรู้
หลักการ ขั้นตอน การฝึกปฏิบตั ิ การลงมอื ทาท้งั การทางานบ้าน การทางาน และการประกอบการ เพื่อใหผ้ ู้เรียน
เกดิ สมรรถนะการจัดการในครัวเรอื นและการประกอบการ
การจัดการเรียนรู้ในช่วงช้ันท่ี ๒ ได้ให้ความสาคัญกับการเรียนรู้ที่เพิ่มเติมและเข้มข้นมากยิ่งขึ้นต่อเน่ือง
จากการจัดการเรียนรู้ในช่วงช้ันท่ี ๑ โดยในช่วงชั้นน้ี ผู้เรียนมีความพร้อมในการเรียนรู้และพัฒนาด้านต่าง ๆ
รวมทง้ั ผ้เู รยี น
ยังสามารถบอกความสนใจของตนเองได้ ครูจึงควรจัดการเรียนรู้ในรูปแบบท่ีหลากหลายสอดคล้องกับพัฒนาการ
ตามช่วงวัยท่ีส่งเสริมให้ผเู้ รียนได้เรียนทั้งในส่วนขององค์ความรู้และทักษะตามหลักสูตรและตามความสนใจ เน้น
การลงมอื ทา สง่ เสริมให้เกิดความคดิ สรา้ งสรรค์และการต่อยอด
กำรนำไปใช้ในชวี ิตจริง
ความรู้ ความเข้าใจ และการมีทักษะการจัดการในครัวเรือนและผู้ประกอบการในช่วงช้ันนี้
เป็นประโยชน์กับผู้เรียน ครอบครัว และผู้อื่น โดยผู้เรียนสามารถนาไปใช้และประยุกต์ใช้ในการดูแลทางานบ้าน
การทางาน และการประกอบการ ไดอ้ ยา่ งถูกต้อง สามารถเชอ่ื มโยงกบั บรบิ ท สถานการณ์และการนาไปใชใ้ นชวี ิต
จริง โดยผู้เรียนจาเป็นต้องเรียนรู้ และพัฒนาหรือฝึกปฏิบัติอย่างต่อเน่ือง เกิดความคล่องแคล่ว มั่นใจในการ
ทางาน ต่อยอดสรา้ งสง่ิ ต่าง ๆตามความสนใจและเกดิ ประโยชน์
กำรบูรณำกำรกับกลมุ่ สำระกำรเรียนรู้ต่ำง ๆ
การเรียนรู้การจัดการในครัวเรือนและการประกอบการในช่วงช้ันที่ ๒ นี้ ผู้เรียนจะได้เรียนรู้
ผ่านการรับ แลกเปล่ียนความรู้และข้อมูลต่าง ๆ ท้ังจากการเรียนรู้ ลงมือปฏิบัติในและนอกห้องเรียน เพื่อให้
สามารถทางานบ้าน ทางานต่าง ๆ และการประกอบการได้ถูกต้อง เหมาะสม ซึ่งการเรียนรู้การจัดการใน
ครัวเรือนและการประกอบการ นอกจากจัดให้สอดคล้องกับความสนใจของผู้เรียนและบริบทความพร้อมต่าง ๆ
แลว้ ยงั ต้องมกี ารบรู ณาการร่วมกบั กจิ กรรมแนะแนวและกลมุ่ สาระการเรยี นรู้อน่ื ๆ เชน่
กจิ กรรมแนะแนว การส่งเสริมให้ผู้เรยี นได้เรียนรู้จกั อาชีพที่หลากหลาย ท้ังอาชีพในท้องถ่ิน อาชีพ
ตา่ ง ๆ และอาชีพที่สนใจ การสารวจความสนใจในอาชพี ในรูปแบบต่างๆ เชน่ การพูดคุยสนทนาการแลกเปลี่ยน
การทาแบบวดั แววความสนใจในอาชพี และสรา้ งเสรมิ ลักษณะนสิ ยั ทีเ่ กยี่ วข้องกับการทางาน
คณติ ศำสตร์ การประยุกต์ใช้ความรเู้ ร่ือง การทาบัญชรี ายรบั -รายจ่าย กาไร ขาดทนุ ร้อยละ การชั่ง ตวง วัดสาร
ในชวี ติ ประจาวัน
ภำษำไทย ใช้ภาษาในการส่ือสารเพอ่ื นาเสนอสินค้าอย่างหลากหลาย ท้งั การพดู และการเขยี น การ
ติดตอ่ ประสานงานเพือ่ ดาเนินกจิ กรรมที่เก่ียวข้อง เชน่ การขออนญุ าตใช้พ้ืนที่ขาย การติดตอ่ ขอยืมวสั ดุ
ภำษำองั กฤษ คาศัพท์ ข้อความบนฉลากแนะนาผลติ ภณั ฑ์หรือวธิ กี ารใช้อุปกรณ์ การสอ่ื สารในการ
ทางานและชวี ิตประจาวัน
หลกั สตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒
112
สุขศึกษำและพลศึกษำ การประยกุ ต์ใช้ความรูเ้ กย่ี วกับโภชนาการ การดแู ลตนเองและผ้อู ่ืนเมื่อเจ็บป่วยอย่าง
ปลอดภยั รวมท้ังการปฐมพยาบาลท่ีอาจเกิดข้นึ จากการทางานบ้าน การทางาน และการประกอบการ
สงั คมศกึ ษำ นาความรู้เรือ่ งสินค้าและบริการ การทาบัญชีครัวเรือนการเลือกซ้ือสนิ คา้ อยา่ งรเู้ ท่า
ทันโฆษณา และหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งมาเช่ือมโยงมาประยุกตใ์ ช้
วทิ ยำศำสตร์และระบบธรรมชำติ/ เทคโนโลยดี ิจทิ ัล นากระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละ
เทคโนโลยมี าใช้ในการทางานและการผลิตสนิ ค้าและบริการตามความสนใจ
ศิลปะ ประยุกตใ์ ชค้ วามรู้ทางศลิ ปะ ในการดูแลรักษาจัดบา้ นให้สะอาดเปน็ ระเบยี บให้น่าอยู่
ออกแบบสนิ คา้ และบริการให้นา่ สนใจ
ควำมสมั พนั ธร์ ะหวำ่ งสมรรถนะหลักและสมรรถนะเฉพำะ สมรรถนะหลัก
สมรรถนะเฉพำะ ๑. การจดั การตนเอง
๒. การคิดขั้นสงู
๑. ดูแลบา้ นและความเปน็ อยู่ของสมาชิกในบา้ นรวมถึงแบ่งเบาภาระ ๓. การสอ่ื สาร
ผูป้ กครอง ดว้ ยความรบั ผิดชอบและกระตือรือรน้ โดยคานงึ ถึง ๔. การรวมพลังทางานเปน็ ทีม
ความปลอดภัยและการอยู่ร่วมกนั ด้วยดีเป็นหลัก ๕. การเป็นพลเมืองที่เข้มแขง็
๖. การอย่รู ว่ มกับธรรมชาติ
๒. ทางานอยา่ งเปน็ ระบบ รวมทง้ั สร้างงานท่ีแปลกใหม่หรือต่อยอด
จากของเดิมดว้ ยตนเองหรือร่วมกับสมาชกิ ในครอบครวั เพื่อนและผู้อน่ื และวิทยาการอย่างยัง่ ยืน
เหมาะสมกับการเปลย่ี นแปลงในสถานการณต์ า่ ง ๆ ด้วยความรบั ผิดชอบ ๑. การจัดการตนเอง
ขยนั อดทน มุ่งมั่น ซื่อสัตย์ ประณตี และมที ักษะทางสังคมในการทางาน ๒. การคดิ ข้นั สูง
๓. การส่ือสาร
๓. คน้ หาแนวทางและโอกาสในการจดั จาหน่าย หรอื สรา้ งรายได้ ๔. การรวมพลงั ทางานเป็นทีม
ตามความสนใจของตนเองและมเี จตคตทิ ีด่ ตี ่อการประกอบอาชพี สจุ ริต ๕. การเป็นพลเมืองท่ีเข้มแขง็
โดยประยุกต์ใชค้ วามรู้และทักษะพ้ืนฐานการเปน็ ผปู้ ระกอบการทด่ี ี ๖. การอยูร่ ่วมกับธรรมชาติ
ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง การพัฒนาสินค้าและบรกิ าร
และวิทยาการอย่างยงั่ ยืน
๑. การจดั การตนเอง
๒. การคิดขั้นสงู
๓. การส่อื สาร
๔. การรวมพลงั ทางานเป็นทีม
๕. การเป็นพลเมืองท่ีเข้มแข็ง
๖. การอยูร่ ว่ มกบั ธรรมชาติ
และวิทยาการอย่างยงั่ ยืน
หลักสูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒
113
สมรรถนะเฉพำะ สมรรถนะหลกั
๔. ทางานโดยใชท้ รัพยากร พลังงานและเทคโนโลยอี ย่างรู้คุณค่า พอเพยี ง ๑. การจดั การตนเอง
๒. การคดิ ขนั้ สงู
เหมาะสมกบั สถานะทางเศรษฐกิจ ใหเ้ กดิ ประโยชนแ์ ละคานงึ ถงึ ผลเสียตอ่ ๔. การรวมพลังทางานเป็นทีม
ตนเองและสว่ นรวม ๕. การเป็นพลเมืองท่ีเข้มแข็ง
๖. การอยูร่ ่วมกบั ธรรมชาติ
และวทิ ยาการอยา่ งยั่งยืน
ผลลัพธ์กำรเรยี นร้เู มือ่ จบชว่ งชน้ั ที่ ๒
๑. ดูแลบ้านและความเป็นอยู่ของสมาชิกในบ้านรวมถึงแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง ด้วยความรับผิดชอบ
กระตือรือร้นและมุ่งม่ันในการทางาน นาไปสู่การวางแผนและลงมือทางานอย่างเป็นระบบโดยคานึงถึงเหตุ
และผลของวิธีทางานแบบต่าง ๆ ใช้ทรัพยากร พลังงานและเทคโนโลยี อย่างรู้คุณค่า พอเพียง เหมาะสมกับ
สถานะทางเศรษฐกิจ ให้เกิดประโยชน์และคานึงถึงผลเสียต่อตนเองและส่วนรวมโดยคานึงถึงความปลอดภัย
และการ อยู่ร่วมกันดว้ ยดเี ปน็ หลกั
๒. ทางานอย่างเป็นระบบ รวมท้ังสร้างงานที่แปลกใหม่หรือต่อยอดจากของเดิมด้วยตนเอง หรือร่วมกับเพื่อนและผู้อ่ืนตาม
หน้าท่ีและบทบาทที่สอดคล้องกับการเปล่ียนแปลงในสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างเหมาะสมโดยกาหนดเป้าหมายที่เป็นไปได้
ประยุกต์ใช้ความรู้ในการวางแผนการทางานท่ีคานึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก ลงมือทาตามแผนโดยใช้ทรัพยากร พลังงาน
และเทคโนโลยีอย่างรู้คุณค่าและพอเพียง ตรวจสอบแก้ไขและปรับปรุงการทางานให้บรรลุเป้าหมายท่ีวางไว้ด้วยความ
รับผิดชอบ ขยัน อดทน มงุ่ ม่ัน ซ่ือสัตย์ ประณีต กล้าแสดงความคิดเห็น ของตนเอง รบั ฟังความคิดเห็นของผู้อ่ืน เข้าใจและ
ยอมรับความสามารถของสมาชิกทีมที่แตกต่างกนั รว่ มกนั แก้ไขความขัดแย้ง มีทักษะทางสังคม ในการทางาน
๓. ค้นหาแนวทางและโอกาสในการจัดจาหน่าย สร้างรายได้ตามความสนใจของตนเอง และมีเจตคติที่ดีต่อการ
ประกอบอาชีพสุจริต โดยประยุกตใ์ ชค้ วามรแู้ ละทักษะพื้นฐานของการเปน็ ผู้ประกอบการท่ดี ีตามหลักปรชั ญา
ของเศรษฐกิจพอเพียง ในการวางแผนการผลิต การพัฒนาสินค้าและบริการอย่างเป็นระบบด้วยตนเอง หรือ
รว่ มกับครอบครวั และผู้อ่นื
หลักสูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒
114
กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และระบบธรรมชาติ
สำระสำคัญของกลมุ่ สำระกำรเรียนรู้
ความสาคญั ของกลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละระบบธรรมชาติ
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และระบบธรรมชาติเป็นสาระที่เน้นการสืบเสาะ (inquiry) เพื่อเข้าใจ
ระบบธรรมชาติ การจัดประสบการณ์เรียนรู้ในช่วงชั้นที่ ๒ ยังต้องเน้นให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากส่ิงที่ใกล้ตัวท่ีสนใจ
และมีส่วนร่วมในการเรียนรู้อย่างกระตอื รอื ร้น ได้สบื เสาะค้นหาคา้ ตอบเพ่อื เขา้ ใจปรากฏการณ์ธรรมชาติผา่ นการ
สังเกต การทดลองร่วมกับการวิเคราะห์แบบจ้าลองหรือข้อมูลต่าง ๆ รวมถึงได้แก้ปัญหาท่ีสนใจ โดยใช้ความรู้
และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เครื่องมือและอุปกรณ์วิทยาศาสตร์อย่างง่าย และใช้คณิตศาสตร์ร่วมกับ
เทคโนโลยีดิจทิ ัลเพื่อเขา้ ถงึ จดั การ และน้าเสนอข้อมูลอยา่ งเหมาะสม ผู้เรียนควรได้รับการปลูกฝังให้สร้างเจตคติ
ท่ีดีต่อวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เข้าใจและสามารถปรับพฤติกรรมของตนเองเพื่ออยู่ร่วมกับธรรมชาติ รักษา
สิ่งแวดลอ้ ม และตระหนักถึงการใชแ้ ละรักษาทรัพยากรธรรมชาติอยา่ งเหมาะสม
เป้าหมายส้าคัญของการจัดประสบการเรียนรู้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และระบบธรรมชาติ
ช่วงชัน้ ที่ ๒
1. ใช้กระบวนการสืบเสาะ (Inquiry process) ในการต้ังค้าถาม ค้นหาหลกั ฐาน รวบรวมและวเิ คราะห์
ข้อมูลต่าง ๆ เพ่อื ทา้ ความเขา้ ใจแนวคดิ ส้าคัญทางวิทยาศาสตร์ทีจ่ า้ เปน็ ต่อการดา้ รงชีวิต
2. ใช้และเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างรู้เท่าทัน และปลอดภัย รวมท้ังใช้ความรู้ทางคณิตศาสตร์ในการ
สบื เสาะ จดั การและนา้ เสนอขอ้ มลู ได้อยา่ งเหมาะสม
๓. มีจินตนาการ จติ วิทยาศาสตร์ คณุ ธรรม จริยธรรม และค่านยิ มในการใช้วทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
ดจิ ิทัลอย่างสรา้ งสรรค์
๔. ตระหนักถึงความสัมพันธ์ของวิทยาศาสตร์กับระบบธรรมชาติ ผลของวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และ
วิทยาการต่าง ๆ ทีม่ ตี อ่ มวลมนุษยแ์ ละสิ่งแวดล้อมในระบบธรรมชาติ
ลกั ษณะเฉพาะ/ ธรรมชาตขิ องกลมุ่ สาระการเรยี นรู้
วทิ ยาศาสตร์ (Science) เป็นความรู้ท่ีเกิดจากสติปัญญาและความพยายามของมนุษย์ในการศึกษา เพื่อ
ท้าความเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดข้ึนโดยธรรมชาติท้ังบนโลกและในเอกภพ วิทยาศาสตร์จึงให้ความส้าคัญกับ การ
สืบเสาะหาค้าตอบเพ่ือท้าความเข้าใจธรรมชาติ การสืบเสาะทางวิทยาศาสตร์เป็นกระบวนการที่ต้องใช้ความรู้
จินตนาการ เคร่ืองมือต่าง ๆ เช่น คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี เพื่อการเก็บรวบรวมข้อมูล จัดรูปแบบของข้อมูล ใช้
สมรรถนะด้านภาษา เพื่อท้าความเข้าใจข้อมูล ส่ือสารความคิด และน้าเสนอข้อมูล ดังน้ัน ความรู้ กระบวนการ
และจิตวิทยาศาสตร์ มคี วามสา้ คญั กับการนา้ ไปใช้ประโยชน์ในชีวิต และการอยรู่ ว่ มกนั กบั ธรรมชาติอย่างสมดลุ
กระบวนการสืบเสาะ (Inquiry Process) เป็นกระบวนการที่น้าไปสู่การเรียนรู้และอธิบายปรากฏการณ์
ต่าง ๆ เชิงวิทยาศาสตร์ ระหว่างการสืบเสาะผู้เรียนจะต้องใช้การให้เหตุผลเชิงตรรกะ (Logic) หลักฐานเชิง
ประจักษ์ (Empirical Evidence) จินตนาการ และการคิดสรา้ งสรรค์ เป็นการทา้ งานอยา่ งเปน็ ระบบ รอบคอบ มี
อิสระและไม่เป็นล้าดับข้ันที่ตายตัว ในช่วงช้ันที่ ๒ ควรจัดการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับธรรมชาติของวิทยาศาสตร์
ดังนี้
ปรากฏการณ์ต่าง ๆ บนโลกหรือในเอกภพท่ีเกิดข้ึนอย่างเป็นแบบรูป (Pattern) สามารถเข้าใจได้
ด้วยสตปิ ัญญา วธิ กี ารศึกษาทเี่ ปน็ ระบบ มนษุ ยส์ ามารถเรียนร้แู ละท้าความเขา้ ใจได้
หลกั สูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบ้านตาบา สพป.นธ. ๒
115
แนวคิดทางวิทยาศาสตร์มีความไม่แน่นอน สามารถเปล่ียนแปลงได้ หากพบหลักฐาน (Evidence)
ใหม่ท่ีน้าไปสกู่ ารสร้างค้าอธบิ าย หรือองค์ความรู้ใหมท่ างวิทยาศาสตร์
ความรู้ทางวิทยาศาสตร์มีความคงทนและเชื่อถือได้ เพราะการสร้างการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ต้อง
ผ่านวธิ ีการตา่ ง ๆ อยา่ งต่อเน่ือง ซ้าแล้วซ้าเลา่ เปน็ ระยะเวลาหนึง่ จนมัน่ ใจในคา้ อธบิ ายนนั้
วทิ ยาศาสตร์เชื่อถอื หลักฐานเชิงประจักษ์ที่ได้จากการสงั เกต ทดลอง หรอื วธิ ีการทางวิทยาศาสตร์
จดุ เนน้ การพฒั นา
การจัดประสบการณ์เรียนรู้เพื่อพัฒนาสมรรถนะของผู้เรียน ในช่วงช้ันที่ ๒ ผู้เรียนควรได้เรียนรู้แนวคิด
ส้าคัญทางวิทยาศาสตร์ผ่านการจัดประสบการณ์เรียนรใู้ นรูปแบบบูรณาการกับสถานการณ์หรือปรากฏการณ์ใน
ชีวติ จริงทีอ่ ยรู่ อบตัวผูเ้ รยี น โดยอาจจัดการเรียนรผู้ า่ นธีมต่อไปน้ี
ทรัพยากรธรรมชาติ
ปรากฏการณ์ วิทยาศาสตร์ ส่งิ แวดล้อม
ธรรมชาตแิ ละ และระบบธรรมชาติ
ภัยอันตราย
สขุ ภาพและโรคภัย ความก้าวหนา้
ของวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยี
จดุ เนน้ การพัฒนาผ่านแตล่ ะหวั ขอ้ มีดงั นี้
สขุ ภำพและโรคภัย
ผู้เรียนได้เรียนรู้แนวคิดสาคัญทางวิทยาศาสตร์เก่ียวกับการเปลี่ยนแปลงทางเคมีและสารละลาย
ระบบย่อยอาหาร การเกดิ เสียง การเคลื่อนทข่ี องเสียง เสียงสงู เสียงต่า เสียงดัง เสยี งค่อย และมลพษิ ทางเสียง เพื่อให้
เกิดความตระหนักในการการดูแลสุขภาพกายและจิตของตนเอง และการปฏิบัติตนให้ปลอดภัยจากมลพิษทาง
เสยี ง
หลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบ้านตาบา สพป.นธ. ๒
116
ทรพั ยำกรธรรมชำติ
ผู้เรียนได้เรียนรู้แนวคิดสาคัญทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับสถานะและการเปลี่ยนสถานะของสสาร
กระบวนการเกิดเมฆ หมอก นา้ ค้าง นา้ ค้างแข็ง ฝน หมิ ะ และลูกเห็บ การหมุนเวียนของน้าในวฏั จกั รน้า ปริมาณ
น้าจืดที่มนุษย์นามาใช้ได้เทียบกับปริมาณน้าท้ังหมดบนโลก การปรับเปล่ียนพฤติกรรมการใช้น้าการแกไ้ ขปัญหา
แหล่งนา้ หรอื แนวทางการอนุรักษน์ า้ ในชมุ ชนเพ่อื ให้ชุมชนมีน้าใชอ้ ย่างไมข่ าดแคลน
สิง่ แวดลอ้ ม
ผู้เรียนได้เรียนรู้แนวคิดสาคัญทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับสภาพแวดล้อมท่ีเหมาะสมต่อการดารงชีวิต
ของพืชและสัตว์ สิ่งท่ีจาเป็นต่อการดารงชีวิตของพืชและสัตว์ วัฏจักรชีวิตของพืชดอกและสัต้ว์ ผลของการ
เปลี่ยนแปลงส่ิงแวดล้อมที่มีต่อพืชและสัตว์ และการดูแลและปกป้องสภาพแวดล้อมให้ความเหมาะสมกับการ
ดารงชีวิตของพืชและสัตว์
ปรำกฏกำรณ์ธรรมชำตแิ ละภยั อันตรำย
ผูเ้ รียนได้เรียนรู้แนวคิดสาคัญทางวิทยาศาสตร์เก่ียวกับแสงและการมองเห็น การเปล่ียนแปลงรูปร่าง
ดวงจันทร์บนท้องฟ้า เงา อุปราคา ระบบสุริยะ การเกิดปรากฏการณ์เรือนกระจก ประโยชน์และผลกระทบของ
ปรากฏการณ์เรือนกระจกต่อส่ิงมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม แหล่งท่ีมาหรือกิจกรรมท่ีก่อให้เกิดแก๊สเรือนกระจก และ
แนวทางในการลดกิจกรรมที่ก่อให้เกิดแก๊สเรือนกระจกเพ่ือเป็นส่วนหนึ่งท่ีช่วยลดผลกระทบท่ีจะเกิดข้ึนต่อ
สงิ่ มชี วี ิตและสิ่งแวดลอ้ ม
ควำมก้ำวหนำ้ ของวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ผู้เรียนได้เรียนรู้แนวคิดสาคัญทางวิทยาศาสตร์เก่ียวกับการเปลี่ยนพลังงานในกิจกรรมต่าง ๆ การต่อ
วงจรไฟฟ้าอย่างง่าย การต่อเซลล์ไฟฟ้าแบบอนุกรม การต่อหลอดไฟฟ้าแบบอนุกรมและแบบขนาน การเขียน
แผนภาพวงจรไฟฟ้า แรงเสียดทาน แรงโน้มถ่วง มวล และน้าหนัก สมบัติการนาไฟฟ้า สมบัติการนาความร้อน
และสมบตั ิดา้ นความแขง็ ของวสั ดุ
ขอบเขตเน้ือหำและกลวิธีสอนเพือ่ พฒั นำสมรรถนะผู้เรยี นตำมชว่ งวัย
ผู้เรียนในช่วงชั้น ๒ (อายุ ๑๐ - ๑๒ ปี) สามารถพัฒนาการคิดเชิงเหตุผลกับสถานการณ์ที่เป็นรูปธรรม
และเริ่มคิดเชิงเหตุผลกับสถานการณ์ที่เป็นนามธรรมได้บ้าง สามารถวางแผน จดจา และนากลยุทธ์ต่าง ๆ มาใช้
จัดระบบการสืบเสาะได้ มีความสามารถในการประยุกต์กลยุทธ์การจาท่ีหลากหลายและละเอียดละออ เป็น
ระบบมากข้ึน เข้าใจความหมายของคาศัพท์ท่ีเป็นคาที่มีความหมายเดียวกัน และความสัมพันธ์เป็นกลุ่ม
ความหมายเดียวกนั มากขึน้ มีการใชโ้ ครงสรา้ งทางไวยากรณท์ ซ่ี บั ซ้อนมากข้ึน ใชก้ ลยุทธใ์ นการสนทนามากข้นึ
การจดั การเรยี นรสู้ าหรับชว่ งชน้ั นจี้ งึ ควรใหผ้ ูเ้ รยี นเรยี นรแู้ ละฝกึ ใชค้ าศพั ท์ทหี่ ลากหลาย แตม่ ีความหมาย
เดยี วกันร่วมกับการใชไ้ วยากรณ์ทซ่ี บั ซอ้ นมากขึ้นในการอธิบายหรือสื่อสารความเห็นหรือส่งิ ที่คน้ พบ รวมถึงฝึกใช้
กลวิธีการสื่อสารเพื่อโน้มน้าวหรือโต้แย้งแนวคดิ ของผู้อ่ืนท้ังในรูปแบบการพูดและการเขียน จะเป็นประโยชน์ต่อ
การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ผู้สอนจึงมีบทบาทสาคัญพัฒนาคลังคาศัพท์และไวยากรณ์ท่ีเหมาะสมตามวัย และฝึก
ความสามารถในการฟังอย่างมคี วามหมาย เรียนรู้คาศัพท์เชิงวิทยาศาสตร์และคาศัพท์ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง รู้จัก
หลกั สตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบ้านตาบา สพป.นธ. ๒
117
จับสาระสาคัญจากการอ่านหรือการฟัง และแสดงความคิดเห็นต่อส่ิงท่ีอ่านอย่างมีจินตนาการ ตลอดช่วงช้ัน
ผ้เู รียนควรฝึกสอ่ื สารและใหเ้ หตุผลอย่างมตี รรกะ
โดยธรรมชาติ ผู้เรียนในช่วงชั้นน้ียังมีความกระตือรือร้น ช่างสังเกต ชอบต้ังคาถาม สามารถคิดอย่างมี
เหตุผลเชิงวิทยาศาสตร์ และคิดเชิงวิพากษ์ได้มากขึ้น ผู้เรียนจึงควรเรียนรู้อย่างกระตือรือร้นในการฝึกการตั้ง
คาถามทนี่ าสู่การสังเกตหรือการทดลอง ลงมือสงั เกตด้วยประสาทสัมผัสร่วมกับการใช้อุปกรณ์และเคร่ืองมือทาง
วิทยาศาสตร์ หรือเครื่องมือดิจิทัลอย่างง่าย และใช้เทคโนโลยีร่วมในการออกแบบการบันทึกข้อมูล การเก็บ
รวบรวมหลักฐาน การจัดการและการนาเสนอข้อมูลอย่างมีเหตุผล สามารถแสดงความเห็นหรือโต้แย้งด้วย
หลักฐานหรือข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์ นอกจากน้ี ผู้เรียนในช่วงช้ันนี้เป็นช่วงวัยท่ีต้องการการยอมรับจากเพื่อน
ดังนั้น ผู้สอนจึงควรฝึกฝนกระบวนการทางานร่วมกันทางานเป็นทีม การรู้จักรับฟัง เคารพความเห็นท่ีแตกต่าง
และยอมรับความแตกตา่ งหลากหลายของคนในทมี
กำรนำไปใชใ้ นชวี ิตจริง
ผู้สอนควรจัดให้ผู้เรียนได้ทางานร่วมกันในการสืบเสาะหรือแก้ปัญหาต่าง ๆ ผ่านการตั้งคาถาม การสังเกต การ
ทดลอง การใช้เคร่ืองมือต่าง ๆ การวิเคราะห์ เปรียบเทียบ จาแนกหลักฐานและข้อมูลต่าง ๆ การใช้ภาษาเชิง
วิทยาศาสตร์อย่างเหมาะสมในการแสดงความเห็น อธิบาย ลงข้อสรุป การอ่าน และทาความเข้าใจข้อมูลที่นาเสนอใน
รูปแบบต่าง ๆ การรู้จักรับฟังและยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่างจากตนเอง การเชื่อมั่นในความคิดเห็นท่ีมี
หลักฐานท่นี า่ เชือ่ ถือ สนุกกับการแก้ปญั หา การทางานอยา่ งมงุ่ ม่นั ไม่ยอ่ ทอ้ เปน็ สมาชิกของทีมท่ีเคารพกฎ กติกา
เคารพในความแตกต่างหลากหลายของสมาชิกในทีม เหล่านี้ล้วนพัฒนาผู้เรียนให้เกิดสมรรถนะเฉพาะและ
สมรรถนะหลกั ตามเป้าหมายของหลกั สตู รในชว่ งชนั้ ที่ ๒
กำรบูรณำกำรกบั กลุ่มสำระกำรเรยี นรูต้ ำ่ ง ๆ
ภำษำไทย/ ภำษำอังกฤษ สามารถจัดสถานการณ์ ให้นักเรียนได้เรียนรู้และใช้คาศัพท์
ทางวิทยาศาสตร์ร่วมกับภาษาของตนเองในการส่ือสารด้วยการพูดหรือเขียน เพ่ือนามาใช้ในการบันทึกผลการ
สบื เสาะ สื่อสารความคิด และนาเสนอเรื่องราว และฝึกการสรุปสาระสาคัญของสารที่อ่านแล้วส่ือสารด้วยภาษา
อย่างมีกลยุทธแ์ ละเขา้ ใจงา่ ย
สังคมศึกษำ สามารถจัดสถานการณ์การเรียนรู้ในเร่ืองทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม
ในการติดตาม ตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์หรือสถานการณ์ท่ีเกิดขึ้นในสังคม เพ่ือร่วมกันหาแนวทางใน
การแก้ไขปญั หาในสงั คม ไม่ปฏิบตั ติ นเปน็ ส่วนหนงึ่ ของปญั หาสังคมและสิ่งแวดลอ้ ม
คณิตศำสตร์ นาความรู้ทางคณิตศาสตร์มาใช้เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ เช่น การวัดความยาวหรือ
ความสูง การวัดปริมาตร นอกจากน้ีใช้ความรู้ทางคณิตศาสตร์เพ่ือจัดการข้อมูล และเลือกรูปแบบการนาเสนอ
ข้อมลู ท่ีเหมาะสมตรงตามวัตถุประสงค์
สุขศึกษำ บูรณาการผลลพั ธ์การเรียนรู้เก่ียวกับระบบย่อยอาหารร่วมกับผลลัพธก์ ารเรียนรู้เก่ียวกับ
การรับประทานอาหารทเี่ หมาะสมเพ่อื ให้รา่ งกายมสี ุขภาพแขง็ แรง
หลักสูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒
118
เทคโนโลยีดิจิทัล บูรณาการผลลัพธ์การเรียนรู้ของกลุ่มสาระการเรียนรู้เทคโนโลยีดิจิทัลเก่ียวกับ
การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อรวบรวมข้อมูล ออกแบบการบันทึกข้อมูลจัดเก็บ จัดเตรียม ประมวลผล วิเคราะห์
และการใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหารว่ มกับผลลัพธ์การเรยี นรู้ของกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และ
ระบบธรรมชาติ
ควำมสัมพนั ธร์ ะหว่ำงสมรรถนะหลักและสมรรถนะเฉพำะ
สมรรถนะเฉพำะ สมรรถนะหลัก
๑. อธบิ ำยปรำกฏกำรณ์อย่ำงเป็นวิทยำศำสตร์
๑.๑ สร้างคาอธิบายสาเหตุและกระบวนการของปรากฏการณ์ โดยใช้ ๒. การคดิ ขัน้ สงู
ขอ้ มูลหรือหลักฐานท่ีรวบรวมไดจ้ ากการสังเกตหรอื ทดลอง ๓. การส่ือสาร
๑.๒ ยอมรบั และเชือ่ ถอื คาอธบิ ายทม่ี ีข้อมูลและหลกั ฐานทีน่ ่าเช่ือถอื เพยี งพอ ๖. การอยู่ร่วมกับธรรมชาติและ
๑.๓ เช่ือมโยงสาเหตุและผลของปรากฏการณ์กับการดารงชวี ิตของมนุษย์ วิทยาการอยา่ งยั่งยืน
และสงิ่ แวดลอ้ ม
๑.๔ คาดการณ์ปรากฏการณ์อย่างสมเหตุสมผลโดยอาศัยความรู้
เชงิ วิทยาศาสตร์และขอ้ มลู ท่ีไดจ้ ากการสงั เกตหรอื การทดลอง
๒. ประเมินและออกแบบกำรสบื เสำะเชิงวิทยำศำสตร์
๒.๑ สังเกต ต้ังคาถาม ตั้งสมมติฐาน และทดสอบสมมติฐานเก่ียวกับ ๑. การจัดการตนเอง
ปรากฏการณ์ ๒. การคดิ ข้นั สงู
๒.๒ ประเมินและเลือกวิธีการเก็บรวมรวมหลักฐานโดยการสังเกตหรือ ๖. การอยู่ร่วมกับธรรมชาติและ
การทดลอง และออกแบบการบันทึกข้อมูลเพื่อตอบคาถามหรือ วทิ ยาการอยา่ งยง่ั ยืน
สมมติฐานเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือและความสมเหตุสมผลของข้อมูล
และหลกั ฐาน และลงขอ้ สรปุ
๒.๓ ใส่ใจ พยายาม กระตอื รือร้นในการสืบเสาะเพอ่ื เกบ็ รวบรวมหลักฐาน
ในการอธบิ ายปรากฏการณ์
๓. ตคี วำมหมำยขอ้ มูลและหลักฐำนทำงวิทยำศำสตร์
๓.๑ จัดการข้อมูลที่ได้จากการสังเกตหรือทดลองให้อยู่ในรูปแบบที่เหมาะสม เช่น ๒. การคิดข้ันสงู
รูปภาพ สัญลกั ษณ์ แผนภาพ แผนภูมิ ตาราง หรอื กราฟ ๓. การสื่อสาร
๓.๒ แปลความหมายข้อมูลท่ีอยู่ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น แผนภาพ แผนภูมิ ตาราง ๖. การอยู่ร่วมกับธรรมชาติและ
หรือกราฟ วิทยาการอยา่ งยงั่ ยนื
๓.๓ ลงข้อสรุปโดยอาศัยข้อมูลและหลักฐานที่ได้มาจากการสังเกตหรือ
การทดลอง และไม่ด่วนตัดสินใจเมื่อยังไม่มีหลักฐานที่น่าเช่ือถือ
เพยี งพอ
หลักสตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒
119
สมรรถนะเฉพำะ สมรรถนะหลัก
๔. แกป้ ัญหำ สร้ำงนวตั กรรม และกำรอยรู่ ่วมกนั
๔.๑ แก้ปัญหาหรือสร้างเคร่ืองมอื เคร่ืองใช้เพ่ือตอบสนองความต้องการ ใน ๒. การคดิ ข้นั สูง
ชีวิตโดยใชค้ วามรทู้ างวทิ ยาศาสตรแ์ ละการทางานร่วมกบั ผอู้ ่นื ๔. การรวมพลังทางานเป็นทมี
๔.๒ ประยุกต์ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์หรือศาสตร์อื่น ๆ ในการปฏิบัติตน ๕. การเปน็ พลเมอื งทีเ่ ข้มแข็ง
ในชีวิตประจาวัน โดยคานึงถึงส่วนรวมและการอยู่ร่วมกับธรรมชาติ ๖. การอยู่ร่วมกับธรรมชาติและ
ไดอ้ ย่างเหมาะสม วิทยาการอย่างย่ังยืน
๕. ใช้และเขำ้ ใจภำษำเชิงวิทยำศำสตร์
๕.๑ ทาความเข้าใจ จับประเด็นสาคัญจากการฟังหรืออ่านข้อมูลที่มีภาพ ๒. การคิดข้ันสงู
แผนภาพ แผนภมู ิ ตาราง กราฟ ภาษาสญั ลกั ษณ์ และคาศพั ท์ ๓. การสือ่ สาร
ทางวทิ ยาศาสตร์
๕.๒ แลกเปลย่ี นความคิดเห็น อธิบาย คาดการณ์ ใหเ้ หตุผล
เชงิ วิทยาศาสตร์ สรุปผลการทากจิ กรรมอย่างตรงไปตรงมา
ตรงตามจุดประสงค์ ด้วยคาศัพท์ทางวิทยาศาสตร์ สอื่ หรือวิธกี ารท่ี
เหมาะสม
๖. ใชเ้ ครื่องมือในกำรเรยี นรู้
๖.๑ เลือกและใช้เคร่ืองมือและอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ เครื่องมือดิจิทัล ๓. การสอ่ื สาร
ในการเก็บรวบรวมข้อมูลและหลักฐานท่ีสังเกตหรือทดลองได้อย่าง ๖. การอยู่ร่วมกับธรรมชาติและ
ถูกต้องและเหมาะสม วิทยาการอยา่ งย่งั ยนื
๖.๒ ใชค้ ณติ ศาสตรห์ รือเครื่องมือดิจทิ ัล เพื่อจัดการและนาเสนอข้อมูล
หลกั สูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒
120
ผลลัพธก์ ำรเรียนรู้เมือ่ จบช่วงชัน้ ท่ี ๒
๑. วิเคราะห์และระบุลักษณะที่มีการเปล่ียนแปลงทางเคมี ลักษณะของสารละลายที่พบในชีวิตประจาวัน
อธิบายการทางานของอวัยวะในระบบยอ่ ยอาหาร และความสัมพันธร์ ะหว่างกระบวนการย่อยอาหารกับ
การเปลี่ยนแปลงทางเคมีที่เกิดขึ้นในร่างกายจากหลักฐานท่ีรวบรวมได้อย่างกระตือรือร้น และทางาน
ร่วมกันโดยแบง่ บทบาทหน้าท่ี กาหนดเป้าหมาย จัดลาดับขน้ั ตอนการทางาน และปฏบิ ตั งิ านจนสาเรจ็
๒. สังเกต ทดลอง และอธิบายการเกิดเสียง การเคลอ่ื นที่ของเสยี ง เสียงสูง เสยี งต่า เสยี งดัง เสียงค่อย และ
วิเคราะห์สาเหตุท่ีทาให้เกิดมลพิษทางเสียงโดยประเมินความน่าเชื่อถือและความสมเหตุสมผลของ
หลักฐาน ไม่ประพฤติตนเป็นสาเหตุที่ทาให้เกิดมลพิษทางเสียง และนาเสนอแนวทางการปฏิบัติตนให้
ปลอดภยั จากมลพษิ ทางเสียงเพื่อใหม้ สี ุขภาพกายและจติ ที่ดีด้วยวิธีการที่เหมาะสม เพอ่ื ให้เกดิ ประโยชน์
ตอ่ ตนเองและผอู้ ืน่
๓. ร่วมกันทางานเป็นทีมในการรับฟัง แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และทางานอย่างเป็นขั้นตอนในการสร้าง
แบบจาลองเพ่ืออธิบายกระบวนการเกิดเมฆ หมอก น้าค้าง น้าค้างแข็ง ฝน หิมะ และลูกเห็บโดยอาศัย
ความรเู้ กย่ี วกับสถานะและการเปล่ียนสถานะของสสารและจากข้อมูลทร่ี วบรวมได้
๔. วิเคราะห์แบบจาลองวัฏจักรน้าร่วมกับข้อมูลปริมาณน้าบนโลก เพื่อเปรียบเทียบปริมาณน้าจืดที่มนุษย์
นามาใช้ได้เทียบกับปริมาณน้าท้ังหมดบนโลก ใช้ควำมรู้ทำงคณิตศำสตร์และเคร่ืองมือดิจิทัลในกำร
จัดกำรและนำเสนอข้อมูลอย่ำงเหมำะสม และนาเสนอแนวทางการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้น้า
ของคนในบ้านหรือในโรงเรียน วิเคราะห์ จัดลาดับสาเหตุของปัญหา และร่วมกันหาแนวทางการแก้ไข
ปัญหา หรือนาเสนอแนวทางการอนุรักษ์น้าในชุมชน เพื่อเป็นส่วนหน่ึงที่ช่วยให้ชุมชนมีน้าใช้อย่างไม่
ขาดแคลน
๕. สร้างคาอธิบายและแลกเปล่ียนข้อมูลเก่ียวกับความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อม
ในแหล่งที่อยู่ในเร่ืองการปรับตัวด้านโครงสร้างและลักษณะของส่ิงมีชีวิตที่เหมาะสมกับการดารงชีวิต
ความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงมีชีวิตกับส่ิงมีชีวิตในการถ่ายทอดพลังงานและการเป็นท่ีอยู่อาศัย โดยแบ่ง
บทบาทหนา้ ที่ในการเลือกวิธกี ารรวบรวมข้อมูลทเ่ี หมาะสม จัดการข้อมลู และเลอื กรปู แบบการนาเสนอ
ข้อมูลใหผ้ ู้อ่นื เข้าใจไดง้ ่าย และสอดคล้องกบั จดุ ประสงค์ รบั รคู้ วามสาคัญของความสัมพันธ์ของสิ่งมีชวี ิต
กับส่ิงแวดล้อมโดยบอกแนวทางการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างมีเหตุผลและปฏิบัติตนเพ่ือให้การถ่ายทอด
พลงั งาน การดารงชีวิต และความหลากหลายของสิง่ มีชีวิตเป็นไปตามธรรมชาติ
๖. อธิบายการมองเห็นสิ่งต่าง ๆ รอบตัวและการเกิดเงา คาดการณ์การมองเห็นปรากฏการณ์
การเปลี่ยนแปลงรูปร่างของดวงจันทร์บนท้องฟ้า พยายามหาสาเหตุและอธิบายการเกิดปรากฏการณ์
อปุ ราคาได้อย่างสมเหตุสมผล โดยอาศัยความรู้เร่ืองแสงกับการมองเหน็ การเกิดเงา ร่วมกับการสังเกต
และการสร้างแบบจาลอง ส่ือสารความรู้และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นบนพื้นฐานของความเข้าใจอย่างมี
เหตุผลและตระหนักถึงความแตกต่างในด้านความเชื่อและวัฒนธรรมของคนในสังคม นาเสนอโดย
เลือกใช้สอื่ และวิธกี ารทเ่ี หมาะสม
หลักสูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบ้านตาบา สพป.นธ. ๒
121
๗. วิเคราะห์ความสมเหตุสมผลของดาวต่าง ๆ ในระบบสุริยะกับการดารงชีวิตของส่ิงมีชีวิตจากการสังเกต
แบบจาลองระบบสรุ ิยะและรวบรวมข้อมูล และนาเสนอโดยใช้แบบจาลองหรือในรูปแบบทนี่ ่าสนใจ เพื่อ
นาไปสคู่ วามตระหนักวา่ โลกเป็นดาวดวงเดียวในระบบสรุ ยิ ะทเี่ หมาะสมกับการดารงชวี ิต
๘. สร้างคาอธิบายการเกิดปรากฏการณ์เรือนกระจก โดยอาศัยหลักฐานและการเช่ือมโยงความรู้จากการ
สังเกต จากแบบจาลอง และจากข้อมูลที่รวบรวมได้ และนาเสนอประโยชน์และผลกระทบของ
ปรากฏการณ์เรอื นกระจกต่อสิ่งมีชวี ิตและสง่ิ แวดลอ้ ม
๙. วิเคราะห์พฤติกรรมหรือกิจกรรมต่าง ๆ ของตนเองและสมาชิกในครอบครัวท่ีก่อให้เกิด
แก๊สเรือนกระจกด้วยเหตุและผล แสดงความคิดเห็นของตนเองและรับฟังความคิดเห็นของผู้อ่ืนในการ
เสนอแนวทางในการลดกิจกรรมทีก่ อ่ ใหเ้ กิดแก๊สเรือนกระจกและนาเสนอหรือสือ่ สารผ่านช่องทางตา่ ง ๆ
ทนี่ ่าสนใจและเหมาะสม และมุ่งม่นั ในการลงมอื ปฏิบัตเิ พื่อเปน็ ส่วนหน่ึงท่ีช่วยลดผลกระทบท่ีจะเกิดขึ้น
ต่อสิง่ มชี ีวติ และส่งิ แวดล้อม
๑๐. ตั้งคาถามและสมมติฐานเพ่ือนาไปสู่การทดลองและอธิบายผลของแรงเสียดทานท่ีมีต่อวัตถุ สังเกตและ
อธิบายเก่ียวกับผลของแรงโน้มถ่วงที่มีต่อวัตถุ ความสัมพันธ์ระหว่างแรงโน้มถ่วง มวล และน้าหนักของ
วัตถุ และการวัดน้าหนักของวัตถุด้วยเครื่องช่ังสปริง ประยุกต์ใช้ความรู้เร่ืองแรงเสียดทาน แรงโน้มถ่วง
มวล และน้าหนัก ในการแกป้ ัญหาหรืออธิบายสถานการณห์ รือกิจกรรมตา่ ง ๆ ท่ีเกี่ยวข้อง และนาเสนอ
ผ่านสือ่ หรือวิธีการที่เหมาะสม
๑๑. ร่วมกันทางานเป็นทีมอย่างกระตือรือร้นในการสร้างเครื่องมือหรือเคร่ืองใช้อย่างสร้างสรรค์
เพื่อแก้ปัญหาหรือตอบสนองต่อความต้องการ โดยเลือกใช้ความรู้เกี่ยวกับวงจรไฟฟ้าอย่างง่าย การต่อ
เซลลไ์ ฟฟ้าแบบอนกุ รม การต่ออปุ กรณ์ไฟฟ้าแบบอนุกรมและแบบขนาน สมบัติการนาไฟฟ้า สมบัติการ
นาความร้อน และสมบัตดิ ้านความแข็งของวสั ดุ ประเมินตนเองในด้านผลงานและการทางานในบทบาท
การเป็นสมาชกิ ของทีม
หลกั สูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบ้านตาบา สพป.นธ. ๒
122
กลุ่มสาระการเรยี นรู้เทคโนโลยีดจิ ทิ ัล
สำระสำคัญของกล่มุ สำระกำรเรียนรู้
ควำมสำคัญของกลุ่มสำระกำรเรียนรู้เทคโนโลยีดิจิทัล
การเรียนรู้เพื่อใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลมีความจาเป็นต่อคนทุกช่วงวัย สาหรับในช่วงชั้นท่ี ๒
เป็นวัยท่ีพร้อมต่อการเรียนรู้ และให้ความสนใจกับเรื่องราวใหม่ ๆ เพ่ือเปิดมุมมองรอบตัวหรือในบริบทท่ีแตกต่างออกไป
เทคโนโลยีดิจิทัลจะเป็นเครื่องมือหนึ่งท่ีช่วยให้นักเรียนได้ฝึกกระบวนการคิดอย่างเป็นระบบ และยังช่วยให้
สามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ท่ีตอบสนองต่อความสนใจเหล่าน้ันได้ การจัดประสบการณ์เรียนรู้ด้าน
เทคโนโลยีดิจิทัลในช่วงชั้นนี้เพื่อให้นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจ และสร้างพื้นฐานกระบวนการคิดวิเคราะห์และ
แกป้ ัญหา ใช้เหตผุ ลและมีตรรกะ มีความคดิ สร้างสรรคใ์ นการพัฒนางาน ส่งเสรมิ การคดิ เชิงวิพากษ์ สามารถค้นหา รวบรวม
ประมวลผลข้อมูลเพื่อนาไปใช้แก้ปัญหา เข้าใจถึงข้อจากัดของข้อมูลและอันตรายจากการใช้เทคโนโลยี เพื่อการ
ใช้งานอย่างปลอดภยั และร้เู ทา่ ทัน
ลักษณะเฉพำะ/ ธรรมชำติของกลุ่มสำระกำรเรยี นรู้
เทคโนโลยีดิจิทัลถูกพัฒนาขึ้นเพื่ออานวยความสะดวกในการทางาน การติดต่อสื่อสาร หรือเพื่อ
แก้ปัญหาต่าง ๆ ในชีวิตประจาวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เทคโนโลยีดิจิทัลเก่ียวข้องกับเคร่ืองมือ ระบบ และ
ทรัพยากรต่าง ๆ ท่ีใช้ในการสร้าง รวบรวม ประมวลผล จัดเก็บ แสดงข้อมูล เพ่ือให้ได้ผลลัพธ์ท่ีถูกต้อง แม่นยา
รวดเร็ว การเรียนรู้เก่ียวกับเทคโนโลยีดิจิทัลจะรวมถึงการใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหาทั้งปัญหาทาง
คอมพิวเตอร์และปัญหาอื่น ๆ ในชีวิตประจาวัน มีทักษะในการติดต่อสื่อสาร การเข้าถึงแหล่งข้อมูล และใช้งาน
เทคโนโลยีดิจทิ ลั ไดอ้ ยา่ งปลอดภัย สาหรับนักเรียนในช่วงชัน้ ท่ี ๒ จะไดเ้ พิ่มพูนความรูเ้ กี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีดจิ ิทัล
ประกอบด้วย การแก้ปัญหาโดยใช้เหตุผลเชิงตรรกะ อัลกอริทึม การออกแบบและเขียนโปรแกรม การรวบรวม ประมวลผล
และนาเสนอข้อมูล การสร้างทางเลือก การประเมินความน่าเช่ือถือของข้อมูล การใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม
และปลอดภัย ซ่ึงเป็นความรู้ในระดับพื้นฐานท่ีเป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้ การดาเนินชีวิตประจาวัน พัฒนา
ทักษะ กระบวนการคิดที่จาเป็นในการแก้ปัญหา ให้สามารถดารงชีวิตอยู่ร่วมกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
ดิจทิ ัลได้อยา่ งยงั่ ยนื
จุดเนน้ กำรพัฒนำ
การจัดประสบการณ์เพ่ือพฒั นาสมรรถนะของผูเ้ รียนสาหรับกลุ่มสาระการเรียนรูเ้ ทคโนโลยดี ิจทิ ลั
ในช่วงชน้ั ที่ ๒ ผู้เรียนจะได้เรยี นรู้และได้รบั การพัฒนาผ่านหัวขอ้ ตอ่ ไปนี้
กำรแกป้ ญั หำและกำรเขยี นโปรแกรม
เป็นการจัดประสบการณ์เก่ียวกับการคิดแก้ปัญหาอย่างมีตรรกะ การออกแบบวิธีการแก้ปัญหาและ
ปรบั เปล่ียนให้สอดคลอ้ งไดต้ ามเงือ่ นไข แสดงวธิ ีการแกป้ ัญหาโดยใช้อลั กอรทิ มึ ที่ชัดเจนเข้าใจง่าย เขยี นโปรแกรม
เพอื่ แกป้ ัญหาและปรบั ปรงุ แกไ้ ขข้อผดิ พลาด มีความพยายามและมุ่งมน่ั ในการแก้ปัญหา
หลกั สูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบ้านตาบา สพป.นธ. ๒
123
กำรจดั กำรและใช้เทคโนโลยดี จิ ิทลั
เป็นการจัดประสบการณ์เกี่ยวกับเกี่ยวกับข้อมูล การรวบรวม จัดเก็บ จัดเตรียม และนาข้อมูลไป
ประมวลผลด้วยวิธีการต่าง ๆ ตามวัตถุประสงค์ วเิ คราะห์ขอ้ มูล สรุปผล นาเสนอขอ้ มูลในรปู แบบตาราง แผนภูมิ
กราฟ สร้างทางเลือกจากข้อมูลและเงื่อนไขทก่ี าหนดและตัดสินใจเลือกทางเลือกอย่างมเี หตผุ ล มีมารยาทในการ
ให้และการใชข้ อ้ มูล เข้าใจถึงคณุ คา่ และตระหนกั ถงึ ความเอนเอียงของข้อมลู
กำรใชเ้ ทคโนโลยีดจิ ิทัลอย่ำงปลอดภยั และเหมำะสม
เป็นการจัดประสบการณ์เกี่ยวกับการใช้โปรแกรมค้นหา ระบุคาค้นท่ีกระชับ ตรงประเด็น ใช้เทคนิค
การค้นหาข้อมูลแบบต่าง ๆ ประเมินความน่าเช่ือถือของข้อมูลและแหล่งข้อมูล แยกแยะข้อเท็จจริงและ
ขอ้ คิดเห็นจากข้อมูลท่ีพบในเว็บไซต์และสื่อสังคมออนไลน์ก่อนนาข้อมูลไปใช้งาน ติดต่อสื่อสารผ่านช่องทางต่าง
ๆ ในอินเทอร์เน็ตอยา่ งมมี ารยาทและเขา้ ใจถึงผลกระทบจากการใชง้ าน ปกป้องตนเองจากการระรานทางไซเบอร์
รกั ษาอตั ลักษณ์และร่องรอยทางดิจิทัลได้อย่างเหมาะสม
กำรสร้ำงและใชเ้ ทคโนโลยอี ย่ำงค้มุ ค่ำ
เป็นการจัดประสบการณ์เกี่ยวกับการสร้างของเล่น ชิ้นงาน หรือสิ่งของเคร่ืองใช้เพ่ือตอบสนองความ
ตอ้ งการหรอื แก้ปัญหา เลอื กใช้เทคโนโลยีไดต้ ามหนา้ ทใี่ ชส้ อยและใชอ้ ยา่ งค้มุ ค่า
กำรนำไปใชใ้ นชีวิตจริง
เม่ือนักเรียนได้เรียนรู้และฝึกฝนกลุ่มสาระการเรียนรู้เทคโนโลยีดิจิทัลในช่วงช้ันท่ี ๒ จะทาให้นักเรียนมี
พื้นฐานกระบวนคิดแก้ปัญหาต่าง ๆ อย่างมีเหตุผล มีตรรกะ แก้ปัญหาอย่างเป็นลาดับข้ันตอนและเป็นระบบ
สามารถออกแบบลาดับข้ันตอนในการแก้ปัญหาท่ีมีความชัดเจนและยืดหยุ่น ค้นหาจุดหรือขั้นตอนของการ
ทางานท่ีทาให้ผลลัพธ์ผิดพลาดไม่เป็นไปตามความต้องการ มีความพยายามในการแก้ปัญหา สามารถทางาน
รว่ มกนั เปน็ ทมี รบั ฟังและแลกเปล่ียนความคดิ เห็นทแ่ี ตกต่างเพ่ือให้ได้แนวทางในการแก้ปญั หาทหี่ ลากหลาย
นักเรียนนาทักษะการรวบรวม ประมวลผล นาเสนอข้อมูล ไปใช้ในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์
วิทยาศาสตร์เพ่ือหาคาตอบหรือข้อสรุปของปัญหา สร้างทางเลือกในการทากิจกรรมต่าง ๆ โดยพิจารณาข้อมูล
และเง่อื นไขท่มี ี พจิ ารณาถงึ ผลกระทบและมีมารยาทในการใหข้ ้อมลู หรือการนาข้อมลู ของผ้อู ื่นมาใชง้ าน
นั ก เ รี ย น น า วิ ธี ก า ร ค้ น ห า ข้ อ มู ล อ ย่ า ง มี ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ ไ ป ใ ช้ ใ น ก า ร ค้ น ห า ข้ อ มู ล ห รื อ ห า ค า ต อ บ
เพ่ือประโยชน์ในการเรียนและการดาเนินชีวิต ประเมินความน่าเช่ือถือของข้อมูลและแหล่งข้อมูล แยกแยะ
ข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็นก่อนนาข้อมูลไปใช้งานหรือเผยแพร่ต่อ ใช้อินเทอร์เน็ตในการติดต่อส่ือสารและทางาน
ร่วมกับผู้อ่ืนอย่างมีมารยาท เคารพในความคิดเห็นของผู้อื่น สามารถรับมือและจัดการปัญหาหากพบการระราน
ทางไซเบอร์ สรา้ งอตั ลกั ษณ์และรอ่ งรอยทางดจิ ทิ ลั ของตนเองอยา่ งเหมาะสมเพ่ือการเปน็ พลเมืองท่ีเขม้ แข็ง
หลกั สูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒
124
กำรบูรณำกำรกับกลุ่มสำระกำรเรียนรู้ต่ำง ๆ
ภำษำไทย สามารถจัดให้นักเรียนได้ฝึกการส่ือสารจากการอธิบายอัลกอริทึมด้วยภาษาท่ีมีความ
ชัดเจน ไมก่ ากวม เรียบเรียงประโยคให้ผอู้ ่ืนเข้าใจขั้นตอนการทางานและเหตผุ ลของคาส่ังได้ การเขียนอีเมลตาม
หลักการเขียนจดหมายท่ีมีองค์ประกอบครบสมบูรณ์ การเรียบเรียงและสรุปประเด็นจากการค้นหาข้อมูลใน
อินเทอร์เน็ตด้วยภาษาของตนเอง การเขียนอ้างอิงแหล่งท่ีมาของข้อมูล การใช้ภาษาในการติดต่อส่ือสารอย่างมี
มารยาทผา่ นชอ่ งทางติดต่อสอ่ื สารต่าง ๆ การนาเสนอข้อมลู ด้วยการพูด เขียน หรือสร้างงานนาเสนอเพ่ือสอื่ สาร
เรื่องราวให้น่าสนใจ
ภำษำอังกฤษ สามารถจัดให้นักเรียนรู้จักคาศัพท์ต่าง ๆ โดยใช้เมนูหรือคาส่ังต่าง ๆ ในโปรแกรม
เป็นภาษาอังกฤษและเช่ือมโยงกับโปรแกรมอ่นื ๆ ในกรณีท่มี ีการใชค้ าที่ใกล้เคียงหรือแตกตา่ งกัน เพ่ือพัฒนาเป็น
คลังคาศัพท์ท่ีเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีดิจิทัล ฝึกทกั ษะการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง โดยการแปลภาษาดว้ ยเคร่ืองมือการ
คน้ หาข้นั สูง ออกแบบบทสนทนาระหวา่ งตวั ละคร ในการเขียนโปรแกรมทม่ี ีเร่ืองราวและการโต้ตอบ
ศิลปะ นาศิลปะมาใชใ้ นการออกแบบและสร้างงานนาเสนอ หรือใชเ้ ทคโนโลยดี จิ ิทัลสร้างงานศลิ ปะ
ในรูปแบบต่าง ๆ เพ่ือช่วยให้ช้ินงานมีความสวยงามและสื่อสารความคิดให้น่าสนใจ เขียนโปรแกรมสร้างงาน
ศิลปะ เช่น ภาพวาด ภาพเคลื่อนไหว (animation) เร่อื งราว และเกม ฝึกทักษะการเขยี นโปรแกรมผ่านกิจกรรม
ศิลปะ เช่น โปรแกรมวาดภาพ pixel art โปรแกรมผสมสีน้า โปรแกรมวนซ้าวาดลวดลายหรือสร้างลายเส้นให้
เป็นภาพต่าง ๆ เผยแพร่ผลงานศิลปะของตนโดยแสดงสิทธิความเป็นเจ้าของ ปกป้องงานลิขสิทธิ์ของตนเอง ไม่
ละเมิดสิทธขิ องผ้อู ่ืน
สุขศึกษำและพลศึกษำ สามารถบูรณาการการเรียนรู้เกี่ยวกับการบอกขั้นตอนที่ชัดเจนในการทา
กิจกรรม กาหนดกติกา หรือวิธีการเล่นกีฬา ด้วยการเขียนเป็นข้อความหรือผังงาน ใช้ซอฟต์แวร์บันทึกข้อมูล
น้าหนกั สว่ นสูง และขอ้ มลู อืน่ ๆ เพ่ือวิเคราะห์การเจริญเติบโตของร่างกาย
สังคมศึกษำ สามารถจัดการเรียนรู้ในเรื่องการเป็นพลเมืองที่รู้จักปกป้องสิทธิและเสรีภาพของ
ตนเอง ยอมรับความแตกต่าง ไม่กล่ันแกล้งผู้อ่ืน การปกป้องตนเองจากการระรานทางไซเบอร์ และความเข้าใจ
เก่ียวกับอัตลักษณ์เพื่อให้สามารถจัดการอัตลักษณ์ของตนเองผ่านการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลได้อย่างเหมาะสม
ใชเ้ ทคโนโลยีใหเ้ ป็นประโยชน์กบั ผอู้ ่นื ชว่ ยเหลือผอู้ น่ื และเพอ่ื ส่งเสรมิ ความมีส่วนรว่ มของสมาชิกชุมชน เช่น การ
สารวจความคิดเห็น การทาโพล (poll) การสรา้ งตารางคานวณค่าใช้จ่ายในการทากิจกรรมร่วมกนั คน้ หาข้อมูล
ทางประวัติศาสตร์จากแหล่งข้อมูลที่น่าเช่ือถือ เปรียบเทียบแนวคิดที่แตกต่างกัน แยกแยะข้อเท็จจริงจาก
ข้อคิดเห็น เคารพความคิดเห็นท่ีแตกต่าง การแสดงความคิดเห็นที่สร้างสรรค์และสมเหตุสมผล ต่อประเด็นทาง
สงั คมและชมุ ชน
กำรจัดกำรในครวั เรือนและกำรประกอบกำร สามารถบูรณาการความรใู้ นการวางแผนการทางาน
และจัดการงานต่าง ๆ อย่างเป็นลาดับขั้นตอนเพ่ือให้ได้ผลลัพธ์ตามท่ีต้องการและใช้เวลาไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ
ใช้เทคโนโลยีอย่างรู้คุณค่าและพอเพียง ใช้ซอฟต์แวร์ในการคานวณต้นทุน ทาบัญชีรายรับ-รายจ่าย และประมวลผล
หลกั สตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒
125
ข้อมูลเพื่อวิเคราะห์ความเป็นไปได้ในการขายสินค้าและบริการโดยไม่ขาดทุน ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการทา
โฆษณา โบรชัวร์ ป้ายโฆษณาสนิ คา้
คณิตศำสตร์/ วิทยำศำสตร์และระบบธรรมชำติ สามารถใช้ซอฟต์แวร์ช่วยในการประมวลผล
ข้อมูล นาเสนอขอ้ มลู นาความรดู้ า้ นคณติ ศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์มาสรา้ งของเลน่ สิ่งของเคร่ืองใช้ท่ีมกี ารใช้แมเ่ หล็ก
ไฟฟ้า หรือกลไกต่าง ๆ ตามความสนใจหรือเพ่ือแก้ปัญหาจากสถานการณ์ท่ีพบ เขียนโปรแกรมจาลอง
ปรากฏการณ์ธรรมชาติให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรม เช่น วัฏจักรน้า การโคจรของดาวเคราะห์ การเกิดกลางวัน-
กลางคืน สุริยุปราคา จันทรุปราคา ใช้โปรแกรมตารางทางานในการคานวณและสร้างกราฟแสดงความสัมพันธ์
ระหว่างปริมาณต่าง ๆ ทางวิทยาศาสตร์ สร้างความคุ้นเคยกับพิกัด มุม และมุมภายในของรูปหลายเหล่ียมด้วย
การเขียนโปรแกรมให้ตัวละครเคล่ือนท่ีและวาดภาพเรขาคณิต จาลองการเคลื่อนท่ีในแนวเส้นตรงด้วยการเขียน
โปรแกรมภาพเคล่ือนไหว เขียนโปรแกรมคานวณอย่างง่ายโดยรับข้อมูลนาเข้า และใช้สูตรคานวณต่าง ๆ เช่น
การทอนเงิน การลดราคาสินคา้ ดอกเบ้ยี ทบต้น ปรมิ าตร และมวล
บูรณำกำรเทคโนโลยีดิจิทัลกับทุกกลุ่มสำระกำรเรียนรู้ สามารถนาแนวคิดในการวิเคราะห์ วางแผน
ออกแบบอัลกอริทึมหรือข้ันตอนการแก้ปัญหา และการค้นหาวิธีการต่าง ๆ ไปใช้ในการแก้ปัญหาอย่างมี
ประสิทธิภาพ ใช้ความรู้และเทคนิคเกี่ยวกับการค้นหาข้อมูลในการหาคาตอบท่ีสงสัยหรือเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ที่
ต้องการ ประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูลและแหล่งข้อมูล อ้างอิงแหล่งข้อมูลท่ีนามาใช้งาน ใช้เทคโนโลยี
ดิจิทัลเป็นเครื่องมือในการสร้างกระบวนการคิดเพ่ือแก้ปัญหาหรือสร้างชิ้นงานตามวัตถุประสงค์ ใช้ซอฟต์แวร์
ในการจดั การงานหรือทางานรว่ มกบั ผูอ้ น่ื
ควำมสมั พนั ธ์ระหว่ำงสมรรถนะหลกั และสมรรถนะเฉพำะ
สมรรถนะเฉพำะ สมรรถนะหลัก
๑. แก้ปญั หำและเขียนโปรแกรม
๑.๑ แกป้ ัญหาโดยใช้เหตุผลเชงิ ตรรกะ ๑. การจัดการตนเอง
๑.๒ ออกแบบและเขียนโปรแกรมเพอื่ แก้ปัญหา ตรวจหาข้อผิดพลาดของ ๒. การคิดข้ันสงู
โปรแกรม ๔. การรวมพลงั ทางานเป็นทีม
๖. การอยู่ร่วมกับธรรมชาติ
และวิทยาการอย่างยงั่ ยนื
๒. จดั กำรขอ้ มลู และใชเ้ ทคโนโลยดี จิ ทิ ัล
๒.๑ ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการรวบรวมข้อมูล จัดเก็บ จัดเตรียม ๒. การคิดขนั้ สูง
ประมวลผล นาเสนอข้อมูล เพ่อื การแก้ปญั หาหรือตัดสนิ ใจ ๓. การสือ่ สาร
๔. การรวมพลังทางานเปน็ ทีม
๖. การอยู่ร่วมกับธรรมชาติ
และวทิ ยาการอย่างยั่งยืน
หลักสูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบ้านตาบา สพป.นธ. ๒
126
สมรรถนะเฉพำะ สมรรถนะหลกั
๓. รู้เทำ่ ทันดิจิทลั
๓.๑ เข้าถึงแหล่งข้อมลู ประเมินความนา่ เชือ่ ถือของแหล่งข้อมูล ๑. การจดั การตนเอง
๓.๒ ใช้เทคโนโลยดี จิ ิทัลอย่างเหมาะสม ปลอดภัย ๒. การคดิ ข้นั สูง
๓. การสอ่ื สาร
๔. ใชแ้ ละสร้ำงเทคโนโลยี ๔. การรวมพลงั ทางานเป็นทีม
๔.๑ เลอื กใชเ้ ทคโนโลยีอย่างคุ้มค่า และสร้างสิ่งของเครื่องใชเ้ พ่ือแกป้ ัญหา ๕. การเป็นพลเมอื งทเี่ ข้มแข็ง
๖. การอยู่ร่วมกับธรรมชาติ
และวิทยาการอย่างย่ังยืน
๑. การจัดการตนเอง
๒. การคิดขน้ั สูง
๔. การรวมพลังทางานเป็นทมี
๕. การเปน็ พลเมอื งที่เขม้ แขง็
๖. การอยู่ร่วมกับธรรมชาติ
และวทิ ยาการอย่างย่งั ยืน
ผลลัพธ์กำรเรยี นรเู้ มื่อจบช่วงชนั้ ที่ ๒
1. ใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหาในชีวิตประจาวันหรือสถานการณ์จาลอง หาวิธีการแก้ปัญหาท่ี
หลากหลายที่เป็นไปได้ แสดงวิธีการแก้ปัญหาโดยวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของเหตุและผลด้วยข้อความหรือ
แผนภาพ อธิบายเหตุผลของการตัดสินใจหรือการลงข้อสรุป มีความพยายามและกระตือรือร้นในการ
แก้ปญั หาอยา่ งอยา่ งมุ่งมน่ั ไม่ยอ่ ท้อ
2. วเิ คราะห์ปจั จยั ในสถานการณ์ วางแผน ออกแบบและเขยี นโปรแกรมเพื่อแก้ปัญหาอยา่ งสรา้ งสรรค์ ตรวจหา
ข้อผิดพลาดของโปรแกรม เรียนรู้จากความผิดพลาด สะท้อนการทางานของตนเอง ร่วมกันทางานเป็นทีม
เพอ่ื ปรับปรุงแก้ไขผลลัพธใ์ ห้ดขี ึน้
3. ใชเ้ ทคโนโลยดี จิ ิทลั ในการออกแบบการบนั ทึกขอ้ มลู รวบรวมข้อมลู ทส่ี อดคล้องกับวธิ กี าร จัดเกบ็ จดั เตรยี ม
ประมวลผล วิเคราะหข์ ้อมลู และลงขอ้ สรปุ เพ่อื การแก้ปัญหาหรือตดั สินใจ นาเสนอขอ้ มลู โดยเลือกใชว้ ิธีการ
สือ่ สารท่ีเหมาะสม ตระหนักถึงคณุ คา่ และขอ้ จากดั ของข้อมลู
4. ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการค้นหาข้อมูล ติดต่อส่ือสาร เพ่ือทางานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ รับฟัง อ่าน
เร่ือง หรอื ดภู าพที่เกีย่ วข้องในสถานการณ์อย่างมีสติ จับประเด็นสาคญั ท้ังเชิงบวกและลบ ไม่ตัดสินผอู้ ่ืนโดย
ใช้อคติ ประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูลและแหล่งข้อมูล เคารพในความคิดเห็นที่หลากหลาย มีมารยาท
หลกั สูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบ้านตาบา สพป.นธ. ๒
127
และจริยธรรมในการส่ือสาร และปกป้องตนเองจากการระรานทางไซเบอร์ รกั ษาอัตลกั ษณ์และร่องรอยทาง
ดิจทิ ัลอยา่ งเหมาะสมและปลอดภัย
5. พฒั นาช้ินงานเพ่ือแก้ปัญหาอย่างสรา้ งสรรค์และนาไปใช้จรงิ โดยรว่ มกันทางานเป็นทีมในการวิเคราะห์และ
รวบรวมปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ ระบุปัญหา วางแผนแก้ปัญหา เลือกใช้เทคโนโลยี โดยตอบสนอง
ความต้องการหรือสภาพปัญหาในบริบทได้อย่างคุ้มค่า ตรวจสอบผลและปรับปรุงแก้ไข สะท้อนผลท่ีมีต่อ
ตนเองและผ้อู ่ืนหรือผลกระทบท่ีเกิดขึ้น
หลักสตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบ้านตาบา สพป.นธ. ๒
128
1๐. โครงสร้างหลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นบ้ำนตำบำ
1๐.๑ โครงสร้ำงเวลำเรยี นหลกั สตู รฐำนสมรรถนะ
ช่วงชั้นท่ี ๑ (ช้นั ประถมศกึ ษำปที ่ี ๑ - ชั้นประถมศึกษำปีที่ ๓)
กลุม่ สาระการเรียนร/ู้ กจิ กรรม เวลาเรียนรายกลมุ่ เวลาเรยี น
สาระการเรียนรู้ ชว่ งชน้ั ที่ 1 (ป.1-3)
เวลาเรียนบรู ณาการ เวลาเรียนรวม
• กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ๑๒๐ (๑๕ %) ๓ ชม.
๑๒๐ (๑๕ %) ๓ ชม. ขา้ มกลมุ่ สาระ ๑๒๐ (๑๕ %) ๓ ชม.
- ภาษาไทย ๑๒๐ (๑๕ %) ๓ ชม. การเรียนรู้ ๑๒๐ (๑๕ %) ๓ ชม.
๓๖๐ (๔๕ %) ๙ ชม. ๑๒๐ (๑๕ %) ๓ ชม.
- คณิตศาสตร์ ๔๐ (๕ %) ๑ ชม. ๘๐ (๑๐ %) ๒ ชม. ๓๖๐ (๔๕ %) ๙ ชม.
๔๐ (๕ %) ๑ ชม. ๘๐ (๑๐ %) ๒ ชม. ๔๐ (๕ %) ๑ ชม.
- ภาษาอังกฤษ ๔๐ (๕ %) ๑ ชม.
๘๐ (๑๐ %) ๒ ชม.
รวมเวลาเรียน
๘๐ (๑๐ %) ๒ ชม.
- สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา
- วิทยาศาสตร์และระบบธรรมชาติ
- ภูมปิ ระวตั แิ ละวัฒนศลิ ป์
( ศลิ ปะ , ศาสนประวัติ,ประวัติศาสตร์)
- วถิ พี ลเมอื งสูผ่ ู้ประกอบการนอ้ ย
(,หนา้ ที่พลเมือง ,ศีลธรรม สังคมศกึ ษา จรยิ ธรรม)
อิสลามศึกษา
- อัล-กุรอานน้าทาง ๘๐ (๑๐ %) ๒ ชม. ๔๐ (๕ %) ๑ ชม. ๔๐ (๕ %) ๑ ชม.
- หลกั การแห่งชีวิต(บัญญตั ิ , ศรัทธา) ๔๐ (๕ %) ๑ ชม. ๔๐ (๕ %) ๑ ชม.
- ภาษานา่ รู้ (อาหรับ,มลายู) ๔๐ (๕ %) ๑ ชม. ๔๐ (๕ %) ๑ ชม.
๒๘๐ (๓๕ %) ๗ ชม. ๓๖๐ (๔๕ %) ๙ ชม.
รวมเวลาเรียน
๔๐ (๕ %) ๑ ชม. ๔๐ (๕ %) ๑ ชม.
• กจิ กรรมเพ่มิ เติมตามจุดเน้น และบรบิ ท ๔๐ (๕ %) ๑ ชม.
๘๐ (๑๐ %) ๒ ชม. ๔๐ (๕ %) ๑ ชม.
ของสถานศกึ ษา และกจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น
ชุมนมุ กรุ อานเพอ่ื แนะแนว ไม่เกิน 800 ชัว่ โมง/ ปี ๘๐ (๑๐ %) ๒ ชม.
ลูกเสือ -เนตรนารี กิจกรรมเพื่อสังคมและ ๘๐๐ (๑๐๐ %) ๒๐
สาธารณประโยชน์
ชม.
รวมเวลาเรียน
รวมเวลาเรยี นทัง้ หมด
รวมเวลาเรียนทั้งหมด
หลักสูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบ้านตาบา สพป.นธ. ๒
129
1๐.๒ โครงสรำ้ งเวลำเรียนหลักสูตรฐำนสมรรถนะ
ชว่ งชนั้ ที่ ๒ (ช้นั ประถมศกึ ษำปที ่ี ๔ - ชั้นประถมศกึ ษำปีท่ี ๖)
กลมุ่ สาระการเรียนร/ู้ กิจกรรม เวลาเรยี นรายกลุ่ม เวลาเรียน เวลาเรียนรวม
สาระการเรยี นรู้
• กลุ่มสาระการเรียนรู้ ชว่ งชัน้ ท่ี ๒ (ป.๔-๖)
- ภาษาไทย เวลาเรยี นบูรณาการ
ข้ามกลุ่มสาระ
การเรยี นรู้
๑๒๐ (๑๓.๖๔ %) ๓ ชม. ๑๒๐ (๑๓.๖๔ %) ๓ ชม.
- คณติ ศาสตร์ ๑๒๐ (๑๓.๖๔ %) ๓ ชม. ๑๒๐ (๑๓.๖๔ %) ๓ ชม.
- ภาษาองั กฤษ ๑๒๐ (๑๓.๖๔ %) ๓ ชม. ๑๒๐ (๑๓.๖๔ %) ๓ ชม.
รวมเวลาเรยี น ๓๖๐ (๔๐.๙๒ %) ๙ ชม. ๓๖๐ (๔๐.๙๒ %) ๙ ชม.
- สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา ๔๐ (๔.๕๔ %) ๑ ชม. ๔๐ (๔.๕๔ %) ๑ ชม.
- วิทยาศาสตร์และระบบธรรมชาติ ๔๐ (๔.๕๔ %) ๑ ชม. ๔๐ (๔.๕๔ %) ๑ ชม.
- ภูมิประวตั ิและวัฒนศลิ ป์ ๘๐ (๙.๑๐ %) ๒ ชม. ๘๐ (๙.๑๐ %) ๒ ชม.
( ศลิ ปะ , ศาสนประวตั ิ,ประวัติศาสตร์) ๘๐ (๙.๑๐ %) ๒ ชม. ๘๐ (๙.๑๐ %) ๒ ชม.
๔๐ (๔.๕๔ %) ๑ ชม. ๔๐ (๔.๕๔ %) ๑ ชม.
- วิถพี ลเมอื งสผู่ ปู้ ระกอบการนอ้ ย
(,หนา้ ทพี่ ลเมอื ง ,ศีลธรรม สงั คมศกึ ษา
จริยธรรม)
- เทคโนสู่ผู้ประกอบการ
(เทคโนโลยดี จิ ทิ ลั , การจดั การในครัวเรอื น
และการประกอบการ )
อสิ ลามศกึ ษา
- อัล-กุรอานนา้ ทาง ๔๐ (๔.๕๔ %) ๑ ชม. ๔๐ (๔.๕๔ %) ๑ ชม.
- หลกั การแห่งชีวิต(บญั ญตั ิ , ศรทั ธา) ๔๐ (๔.๕๔ %) ๑ ชม. ๔๐ (๔.๕๔ %) ๑ ชม.
- ภาษาน่ารู้ (อาหรับ,มลาย)ู ๔๐ (๔.๕๔ %) ๑ ชม. ๔๐ (๔.๕๔ %) ๑ ชม.
รวมเวลาเรยี น ๘๐ (๙.๑๐ %) ๒ ชม. ๓๒๐ (๓๖.๓๘ %) ๘ ชม. ๔๐๐ (๔๕.๔๘ %) ๑๐ ชม.
• กจิ กรรมเพมิ่ เตมิ ตามจดุ เน้น และบริบท ๔๐ (๔.๕๔ %) ๑ ชม. ๔๐ (๔.๕๔ %) ๑ ชม.
ของสถานศึกษา และกจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น
ชุมนุมกรุ อาน
แนะแนว ๔๐ (๔.๕๔ %) ๑ ชม. ๔๐ (๔.๕๔ %) ๑ ชม.
ลูกเสอื กจิ กรรมเพือ่ สังคมและ ๔๐ (๔.๕๔ %) ๑ ชม. ๔๐ (๔.๕๔ %) ๑ ชม.
สาธารณประโยชน์ ๑๒๐ (๑๓.๖๔ %) ๓ ชม. ๑๒๐ (๑๓.๖๔ %) ๓ ชม.
รวมเวลาเรียน
รวมเวลาเรยี นทง้ั หมด ๘๘๐ (๑๐๐ %) ๒๒ ชม.
รวมเวลาเรยี นทงั้ หมด ไม่เกนิ ๙00 ช่วั โมง/ ปี
หลกั สตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒
130
๑๐.๓ โครงสร้ำงเวลำเรยี นโรงเรียนบ้ำนตำบำ
ชว่ งชน้ั ท่ี ๓ (ชั้นมธั ยมศึกษำปีที่ ๑ – ช้ันมัธยมศกึ ษำปที ่ี ๓)
กลุ่มสาระการเรยี นร/ู้ กจิ กรรม เวลาเรยี นไม่น้อยกว่า ๑,๒๐๐ ช่ัวโมง/ปี
ชว่ งชั้นที่ ๓ (ม.๑-๓)
• กลุม่ สาระการเรยี นรู้
ม.๑ ม.๒ ม.๓
รายวิชาพ้ืนฐาน
- ภาษาไทย ๑๒๐ ( ๓ นก. ) ๑๒๐ ( ๓ นก. ) ๑๒๐ ( ๓ นก. )
- คณติ ศาสตร์ ๑๒๐ ( ๓ นก. ) ๑๒๐ ( ๓ นก. ) ๑๒๐ ( ๓ นก. )
- วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ๑๒๐ ( ๓ นก. ) ๑๒๐ ( ๓ นก. ) ๑๒๐ ( ๓ นก. )
- สังคมศกึ ษา ๘๐ ( ๒ นก. ) ๘๐ ( ๒ นก. ) ๘๐ ( ๒ นก. )
- ภาษาต่างประเทศ ๒๐๐ ( ๕ นก. ) ๒๐๐ ( ๕ นก. ) ๒๐๐ ( ๕ นก. )
- ภาษาองั กฤษ ๑๒๐ ( ๓ นก. ) ๑๒๐ ( ๓ นก. ) ๑๒๐ ( ๓ นก. )
- ภาษามลายู ๔๐ ( ๑ นก. ) ๔๐ ( ๑ นก. ) ๔๐ ( ๑ นก. )
- ภาษาอาหรับ ๔๐ ( ๑ นก. ) ๔๐ ( ๑ นก. ) ๔๐ ( ๑ นก. )
รวมเวลาเรยี นพนื้ ฐาน ๖๔๐ ( ๑๖ นก. ) ๖๔๐ ( ๑๖ นก. ) ๖๔๐ ( ๑๖ นก. )
รายวชิ าชวี ิตด้านใน(อิสลามศกึ ษา)
- แบบอย่างศาสดา ๘๐ ( ๒ นก. ) ๘๐ ( ๒ นก. ) ๘๐ ( ๒ นก. )
- หลกั การแหง่ ชีวติ ๘๐ ( ๒ นก. ) ๘๐ ( ๒ นก. ) ๘๐ ( ๒ นก. )
- กุรอานนา้ ทาง ๘๐ ( ๒ นก. ) ๘๐ ( ๒ นก. ) ๘๐ ( ๒ นก. )
รวมเวลาเรยี นชวี ติ ดา้ นใน(อสิ ลามศกึ ษา) ๒๔๐ ( ๖ นก. ) ๒๔๐ ( ๖ นก. ) ๒๔๐ ( ๖ นก. )
รายวิชาทักษะชีวติ ทกั ษะอาชีพและรายวชิ าเพ่มิ เตมิ
- สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา ๔๐ ( ๑ นก. ) ๔๐ ( ๑ นก. ) ๔๐ ( ๑ นก. )
- ศลิ ปะ ๔๐ ( ๑ นก. ) ๔๐ ( ๑ นก. ) ๔๐ ( ๑ นก. )
- การงานอาชีพ ๔๐ ( ๑ นก. ) ๔๐ ( ๑ นก. ) ๔๐ ( ๑ นก. )
- คอมพิวเตอรเ์ พ่อื ทกั ษะอาชพี ๔๐ ( ๑ นก. ) ๔๐ ( ๑ นก. ) ๔๐ ( ๑ นก. )
- ผปู้ ระกอบการน้อย ๔๐ ( ๑ นก. ) ๔๐ ( ๑ นก. ) ๔๐ ( ๑ นก. )
- ต้านทจุ รติ ศึกษา ๔๐ ( ๑ นก. ) ๔๐ ( ๑ นก. ) ๔๐ ( ๑ นก. )
รวมรายวชิ าทักษะชีวติ ทกั ษะอาชพี และรายวชิ าเพ่มิ เตมิ ๒๔๐ ( ๖ นก. ) ๒๔๐ ( ๖ นก. ) ๒๔๐ ( ๖ นก. )
• กจิ กรรมเพมิ่ เติมตามจดุ เนน้ และกิจกรรมพฒั นาผ้เู รียน
- กิจกรรมชุมนมุ ๔๐ ( ๑ นก. ) ๔๐ ( ๑ นก. ) ๔๐ ( ๑ นก. )
- กจิ กรรมแนะแนว ๔๐ ( ๑ นก. ) ๔๐ ( ๑ นก. ) ๔๐ ( ๑ นก. )
- ลูกเสือ - เนตรนารี กิจกรรมเพือ่ สังคมและ ๔๐ ( ๑ นก. ) ๔๐ ( ๑ นก. ) ๔๐ ( ๑ นก. )
สาธารณประโยชน์ ๑๒๐ ( ๓ นก. ) ๑๒๐ ( ๓ นก. ) ๑๒๐ ( ๓ นก. )
รวมกจิ กรรมเพิ่มเตมิ ตามจดุ เนน้ และกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน
รวมเวลาเรียนทั้งหมด ๑,๒๔0 ชวั่ โมง/ ปี
หลักสตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒
131
1๐.๔ โครงสรา้ งหลักสูตรชั้นปี ชั้นประถมศึกษำปีที่ ๑
กลมุ่ สาระการเรยี นร/ู้ กจิ กรรม เวลาเรยี นรายกล่มุ เวลาเรียน เวลาเรียนรวม
สาระการเรียนรู้ ๗๒๐
• กลุ่มสาระการเรียนรู้ ชว่ งชั้นที่ 1 (ป.1-3) ๘๐
- ภาษาไทย เวลาเรียนบูรณาการ
- คณิตศาสตร์ ขา้ มกลุม่ สาระ
- ภาษาอังกฤษ การเรียนรู้
- สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา
- วทิ ยาศาสตรแ์ ละระบบธรรมชาติ ๑๒๐
- ภูมิประวัตแิ ละวฒั นศลิ ป์
-วถิ ีพลเมอื งสูผ่ ปู้ ระกอบการน้อย ๑๒๐
อิสลามศึกษา
- อลั -กรุ อานนา้ ทาง ๑๒๐
- หลกั การแห่งชวี ิต
- ภาษาน่ารู้ ๔๐
๔๐
• กจิ กรรมเพิม่ เติมตามจุดเน้น และบรบิ ทของ
๘๐
สถานศกึ ษา และกจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น
- ชุมนมุ กรุ อานเพือ่ แนะแนว ๘๐
- ลกู เสอื - เนตรนารี กจิ กรรมเพอื่ สงั คมและ
สาธารณประโยชน์ ๔๐
๔๐
รวมเวลาเรียนท้ังหมด
๔๐
๔๐
๔๐
ไม่เกนิ 800 ช่ัวโมง/ ปี
หลักสตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒
132
1๐.๕ โครงสรา้ งหลักสูตรชั้นปี ชั้นประถมศึกษำปีที่ ๒
กลุม่ สาระการเรยี นร/ู้ กจิ กรรม เวลาเรยี นรายกล่มุ เวลาเรียน เวลาเรียนรวม
สาระการเรียนรู้ ๗๒๐
• กลุ่มสาระการเรียนรู้ ชว่ งชั้นท่ี 1 (ป.1-3) ๘๐
- ภาษาไทย เวลาเรียนบูรณาการ
- คณติ ศาสตร์ ขา้ มกลุม่ สาระ
- ภาษาอังกฤษ การเรียนรู้
- สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา
- วิทยาศาสตรแ์ ละระบบธรรมชาติ ๑๒๐
- ภูมิประวัติและวฒั นศลิ ป์
- วถิ พี ลเมืองสผู่ ้ปู ระกอบการนอ้ ย ๑๒๐
อิสลามศกึ ษา
- อลั -กรุ อานนา้ ทาง ๑๒๐
- หลักการแห่งชวี ิต
- ภาษาน่ารู้ ๔๐
๔๐
• กจิ กรรมเพ่ิมเติมตามจุดเน้น และบรบิ ทของ
๘๐
สถานศกึ ษา และกจิ กรรมพัฒนาผ้เู รยี น
- ชุมนมุ กรุ อานเพ่อื แนะแนว ๘๐
- ลูกเสอื - เนตรนารี กิจกรรมเพอ่ื สงั คมและ
สาธารณประโยชน์ ๔๐
๔๐
รวมเวลาเรยี นทงั้ หมด
๔๐
๔๐
๔๐
ไม่เกนิ 800 ช่ัวโมง/ ปี
หลกั สตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒
133
1๐.๖ โครงสรา้ งหลักสูตรชั้นปี ชั้นประถมศึกษำปีที่ ๓
กลุม่ สาระการเรยี นร/ู้ กจิ กรรม เวลาเรยี นรายกล่มุ เวลาเรียน เวลาเรียนรวม
สาระการเรียนรู้ ๗๒๐
• กลุ่มสาระการเรียนรู้ ชว่ งชั้นท่ี 1 (ป.1-3) ๘๐
- ภาษาไทย เวลาเรียนบูรณาการ
- คณติ ศาสตร์ ขา้ มกลุม่ สาระ
- ภาษาอังกฤษ การเรียนรู้
- สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา
- วิทยาศาสตรแ์ ละระบบธรรมชาติ ๑๒๐
- ภูมิประวัติและวฒั นศลิ ป์
- วถิ พี ลเมืองสผู่ ้ปู ระกอบการนอ้ ย ๑๒๐
อิสลามศกึ ษา
- อลั -กรุ อานนา้ ทาง ๑๒๐
- หลักการแห่งชวี ิต
- ภาษาน่ารู้ ๔๐
๔๐
• กจิ กรรมเพ่ิมเติมตามจุดเน้น และบรบิ ทของ
๘๐
สถานศกึ ษา และกจิ กรรมพัฒนาผ้เู รยี น
- ชุมนมุ กรุ อานเพ่อื แนะแนว ๘๐
- ลูกเสอื - เนตรนารี กิจกรรมเพอ่ื สงั คมและ
สาธารณประโยชน์ ๔๐
๔๐
รวมเวลาเรยี นทงั้ หมด
๔๐
๔๐
๔๐
ไม่เกนิ 800 ช่ัวโมง/ ปี
หลกั สตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒
1๐.๗ โครงสรา้ งหลักสตู รช้ันปี ช้นั ประถมศกึ ษำปที ี่ ๔ 134
กลุ่มสาระการเรียนร/ู้ กิจกรรม เวลาเรียนรายกลุ่ม เวลาเรยี น เวลาเรยี นรวม
สาระการเรยี นรู้ ๗๖๐
• กล่มุ สาระการเรยี นรู้ ช่วงช้นั ที่ ๒ (ป.๔-๖) ๑๒๐
- ภาษาไทย เวลาเรียนบรู ณาการ
- คณิตศาสตร์ ขา้ มกลุ่มสาระ
- ภาษาองั กฤษ การเรยี นรู้
- สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา
- วิทยาศาสตรแ์ ละระบบธรรมชาติ ๑๒๐
- ภูมปิ ระวัตแิ ละวฒั นศลิ ป์ ๑๒๐
- วิถีพลเมืองสผู่ ปู้ ระกอบการนอ้ ย ๑๒๐
- เทคโนส่ผู ปู้ ระกอบการ
อสิ ลามศกึ ษา ๔๐
- อลั -กุรอานน้าทาง ๔๐
- หลกั การแห่งชีวิต
- ภาษานา่ รู้ ๘๐
• กจิ กรรมเพ่มิ เติมตามจดุ เนน้ และบริบทของ ๘๐
สถานศึกษา และกจิ กรรมพฒั นาผ้เู รยี น ๔๐
- ชมุ นุมกุรอาน
- แนะแนว ๔๐
- ลูกเสอื - เนตรนารี กิจกรรมเพอื่ สังคมและ ๔๐
สาธารณประโยชน์
๔๐
รวมเวลาเรยี นทง้ั หมด
๔๐
๔๐
๔๐
๘๘0 ชั่วโมง/ ปี
หลกั สูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบ้านตาบา สพป.นธ. ๒
1๐.๘ โครงสรา้ งหลักสตู รช้ันปี ช้นั ประถมศกึ ษำปที ี่ ๕ 135
กลุ่มสาระการเรียนร/ู้ กิจกรรม เวลาเรียนรายกลุ่ม เวลาเรยี น เวลาเรยี นรวม
สาระการเรยี นรู้ ๗๖๐
• กล่มุ สาระการเรยี นรู้ ช่วงช้นั ที่ ๒ (ป.๔-๖) ๑๒๐
- ภาษาไทย เวลาเรียนบรู ณาการ
- คณิตศาสตร์ ขา้ มกลุ่มสาระ
- ภาษาองั กฤษ การเรยี นรู้
- สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา
- วิทยาศาสตรแ์ ละระบบธรรมชาติ ๑๒๐
- ภูมปิ ระวัตแิ ละวฒั นศลิ ป์ ๑๒๐
- วิถีพลเมืองสผู่ ปู้ ระกอบการนอ้ ย ๑๒๐
- เทคโนส่ผู ปู้ ระกอบการ
อสิ ลามศกึ ษา ๔๐
- อลั -กุรอานน้าทาง ๔๐
- หลกั การแห่งชีวิต
- ภาษานา่ รู้ ๘๐
• กจิ กรรมเพ่มิ เติมตามจดุ เนน้ และบริบทของ ๘๐
สถานศึกษา และกจิ กรรมพฒั นาผ้เู รยี น ๔๐
- ชมุ นุมกุรอาน
- แนะแนว ๔๐
- ลูกเสอื - เนตรนารี กิจกรรมเพอื่ สังคมและ ๔๐
สาธารณประโยชน์
๔๐
รวมเวลาเรยี นทง้ั หมด
๔๐
๔๐
๔๐
๘๘0 ชั่วโมง/ ปี
หลกั สูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบ้านตาบา สพป.นธ. ๒
1๐.๙ โครงสรา้ งหลักสตู รช้ันปี ช้นั ประถมศกึ ษำปที ี่ ๖ 136
กลุ่มสาระการเรียนร/ู้ กิจกรรม เวลาเรียนรายกลุ่ม เวลาเรยี น เวลาเรยี นรวม
สาระการเรยี นรู้ ๗๖๐
• กล่มุ สาระการเรยี นรู้ ช่วงช้นั ที่ ๒ (ป.๔-๖) ๑๒๐
- ภาษาไทย เวลาเรียนบรู ณาการ
- คณิตศาสตร์ ขา้ มกลุ่มสาระ
- ภาษาองั กฤษ การเรยี นรู้
- สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา
- วิทยาศาสตรแ์ ละระบบธรรมชาติ ๑๒๐
- ภูมปิ ระวัตแิ ละวฒั นศลิ ป์ ๑๒๐
- วิถีพลเมืองสผู่ ปู้ ระกอบการนอ้ ย ๑๒๐
- เทคโนส่ผู ปู้ ระกอบการ
อสิ ลามศกึ ษา ๔๐
- อลั -กุรอานน้าทาง ๔๐
- หลกั การแห่งชีวิต
- ภาษานา่ รู้ ๘๐
• กจิ กรรมเพ่มิ เติมตามจดุ เนน้ และบริบทของ ๘๐
สถานศึกษา และกจิ กรรมพฒั นาผ้เู รยี น ๔๐
- ชมุ นุมกุรอาน
- แนะแนว ๔๐
- ลูกเสอื - เนตรนารี กิจกรรมเพอื่ สังคมและ ๔๐
สาธารณประโยชน์
๔๐
รวมเวลาเรยี นทง้ั หมด
๔๐
๔๐
๔๐
๘๘0 ชั่วโมง/ ปี
หลกั สูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบ้านตาบา สพป.นธ. ๒
137
1๐.๑๐ โครงสรา้ งหลักสูตรชน้ั ปี
ชนั้ มธั ยมศึกษำปที ่ี ๑
ชั้นมัธยมศึกษำปีท่ี ๑
ภำคเรยี นที่ ๑ ภำคเรยี นท่ี ๒
รำยวิชำ/กิจกรรม เวลำเรยี น(หนว่ ยกิต) รำยวิชำ/กิจกรรม เวลำเรียน(หน่วย
กิต)
รำยวชิ ำพืน้ ฐำน รำยวชิ ำพน้ื ฐำน
ท ๒๑๑๐๑ ภาษาไทย ๑ ๑.๕ (๖๐) ท ๒๑๑๐๒ ภาษาไทย ๒ ๑.๕ (๖๐)
ค ๒๑๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ๑ ๑.๕ (๖๐) ค ๒๑๑๐๒ คณติ ศาสตร์ ๒ ๑.๕ (๖๐)
ว ๒๑๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์และ ๑.๕ (๖๐) ว ๒๑๑๐๒ วทิ ยาศาสตรแ์ ละ ๑.๕ (๖๐)
เทคโนโลยี ๑ เทคโนโลยี ๒
ส ๒๑๑๐๑ สังคมศกึ ษา ๑ ๑.๐ (๔๐) ส ๒๑๑๐๒ สังคมศึกษา ๒ ๑.๐ (๔๐)
- ภาษาต่างประเทศ ๒.๕ (๑๐๐) - ภาษาต่างประเทศ ๒.๕ (๑๐๐)
๑.๕ (๖๐) ๑.๕ (๖๐)
- อ ๒๑๑๐๑ ภาษาองั กฤษ ๐.๕ (๒๐) - อ ๒๑๑๐๒ ภาษาองั กฤษ ๐.๕ (๒๐)
- ม ๒๑๘๐๑ ภาษามลายู ๐.๕ (๒๐) - ม ๒๑๘๐๒ ภาษามลายู ๐.๕ (๒๐)
- ร ๒๑๘๐๑ ภาษาอาหรบั - ร ๒๑๘๐๒ ภาษาอาหรบั
พ ๒๑๑๐๑ สุขศกึ ษา และพลศึกษา ๑ ๐.๕ (๒๐) พ ๒๑๑๐๒ สุขศกึ ษา และพลศกึ ษา ๒ ๐.๕ (๒๐)
ศ ๒๑๑๐๑ ศลิ ปะดนตรี ๑ ๐.๕ (๒๐)
ง ๒๑๑๐๑ การงานอาชีพ ๑ ๐.๕ (๒๐) ศ ๒๑๑๐๒ ศลิ ปะดนตรี ๒ ๐.๕ (๒๐)
แบบอยา่ งศาสดา ๑ ๑.๐ (๔๐)
หลักการแหง่ ชีวิต ๑ ๐.๕ (๒๐) ง ๒๑๑๐๒ การงานอาชีพ ๒ ๑.๐ (๔๐)
รำยวชิ ำเพ่ิมเติม ๑.๐ (๔๐) แบบอย่างศาสดา ๒ ๐.๕ (๒๐)
คอมพวิ เตอรเ์ พอ่ื ทักษะอาชีพ ๑ ๐.๕ (๒๐)
ผปู้ ระกอบการนอ้ ย ๑ ๑.๐ (๔๐) หลักการแหง่ ชีวติ ๒ ๐.๕ (๒๐)
ต้านทจุ รติ ศกึ ษา ๑ ๑.๐ (๔๐)
กรุ อานนาทาง ๑ รำยวชิ ำเพ่มิ เตมิ
๒๐
กจิ กรรมพัฒนำผเู้ รียน ๐.๕ (๒๐) คอมพวิ เตอรเ์ พ่ือทกั ษะอาชีพ ๒ ๑๕
กจิ กรรมแนะแนว ๕
ลกู เสอื – เนตรนารี ๐.๕ (๒๐) ผปู้ ระกอบการนอ้ ย ๒ ๒๐
กจิ กรรมเพือ่ สงั คม ฯ ๖๒๐
กจิ กรรมชมุ นุมเพื่ออาชีพ ๐.๕ (๒๐) ตา้ นทุจรติ ศกึ ษา ๒
รวมเวลำเรียนภำค ๑ ๑.๐ (๔๐) กุรอานนาทาง ๒
กจิ กรรมพัฒนำผ้เู รยี น
๒๐ กิจกรรมแนะแนว
๑๕ ลกู เสอื – เนตรนารี
๕ กิจกรรมเพอ่ื สังคม ฯ
๒๐ กิจกรรมชมุ นมุ เพ่ืออาชพี
๖๒๐ รวมเวลำเรียนภำค ๒
รวมเวลาเรยี นทงั้ หมด ๑,๒๔๐ ชัว่ โมง
หลกั สูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบ้านตาบา สพป.นธ. ๒
138
1๐.๑๑ โครงสร้างหลกั สูตรชัน้ ปี ช้นั มัธยมศกึ ษำปีท่ี ๒
ภำคเรียนที่ ๑ ช้ันมธั ยมศึกษำปที ่ี ๒
ภำคเรยี นที่ ๒
รำยวิชำ/กิจกรรม เวลำเรยี น(หนว่ ยกติ ) รำยวิชำ/กิจกรรม เวลำเรยี น(หนว่ ยกติ )
รำยวชิ ำพ้ืนฐำน ๑.๕ (๖๐) รำยวชิ ำพืน้ ฐำน ๑.๕ (๖๐)
๑.๕ (๖๐) ๑.๕ (๖๐)
ท ๒๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๑.๕ (๖๐) ท ๒๒๑๐๒ ภาษาไทย ๔ ๑.๕ (๖๐)
ค ๒๒๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ๓ ค ๒๒๑๐๒ คณติ ศาสตร์ ๔
ว ๒๒๑๐๑ วิทยาศาสตรแ์ ละ ๑.๐ (๔๐) ว ๒๒๑๐๒ วิทยาศาสตรแ์ ละ ๑.๐ (๔๐)
เทคโนโลยี ๓ ๒.๕ (๑๐๐) เทคโนโลยี % ๒.๕ (๑๐๐)
ส ๒๒๑๐๑ สงั คมศกึ ษา ๓ ๑.๕ (๖๐) ส ๒๓๑๐๒ สังคมศกึ ษา ๔ ๑.๕ (๖๐)
- ภาษาต่างประเทศ ๐.๕ (๒๐) - ภาษาต่างประเทศ ๐.๕ (๒๐)
๐.๕ (๒๐) ๐.๕ (๒๐)
- อ ๒๒๑๐๑ ภาษาอังกฤษ - อ ๒๒๑๐๒ ภาษาองั กฤษ
- ม ๒๒๘๐๑ ภาษามลายู - ม ๒๒๘๐๒ ภาษามลายู
- ร ๒๒๘๐๑ ภาษาอาหรบั - ร ๒๒๘๐๒ ภาษาอาหรบั
พ ๒๒๑๐๑ สขุ ศกึ ษา และพลศกึ ษา ๓ ๐.๕ (๒๐) พ ๒๒๑๐๒ สขุ ศกึ ษา และพลศกึ ษา ๔ ๐.๕ (๒๐)
ศ ๒๒๑๐๑ ศลิ ปะดนตรี ๓ ๐.๕ (๒๐)
ง ๒๒๑๐๑ การงานอาชีพ ๓ ๐.๕ (๒๐) ศ ๒๒๑๐๒ ศิลปะดนตรี ๔ ๐.๕ (๒๐)
แบบอย่างศาสดา ๓ ๑.๐ (๔๐)
หลักการแห่งชวี ติ ๓ ๐.๕ (๒๐) ง ๒๒๑๐๒ การงานอาชีพ ๔ ๑.๐ (๔๐)
รำยวิชำเพิ่มเติม ๑.๐ (๔๐) แบบอยา่ งศาสดา ๔ ๐.๕ (๒๐)
คอมพิวเตอร์เพื่อทกั ษะอาชพี ๓ ๐.๕ (๒๐)
ผปู้ ระกอบการน้อย ๓ ๑.๐ (๔๐) หลักการแหง่ ชวี ติ ๔ ๐.๕ (๒๐)
ตา้ นทุจริตศกึ ษา ๓ ๑.๐ (๔๐)
กุรอานนาทาง ๓ รำยวชิ ำเพมิ่ เติม
๒๐
กจิ กรรมพัฒนำผเู้ รยี น ๐.๕ (๒๐) คอมพิวเตอร์เพอ่ื ทกั ษะอาชีพ ๔ ๑๕
กจิ กรรมแนะแนว ๕
ลูกเสอื – เนตรนารี ๐.๕ (๒๐) ผปู้ ระกอบการนอ้ ย ๔ ๒๐
กิจกรรมเพอื่ สังคม ฯ ๖๒๐
กจิ กรรมชมุ นุมเพือ่ อาชพี ๐.๕ (๒๐) ตา้ นทุจรติ ศึกษา ๔
รวมเวลำเรียนภำค ๑ ๑.๐ (๔๐) กุรอานนาทาง ๔
กจิ กรรมพฒั นำผเู้ รยี น
๒๐ กิจกรรมแนะแนว
๑๕ ลกู เสือ – เนตรนารี
๕ กิจกรรมเพ่ือสังคม ฯ
๒๐ กิจกรรมชมุ นมุ เพอ่ื อาชพี
๖๒๐ รวมเวลำเรยี นภำค ๒
รวมเวลาเรียนทง้ั หมด ๑,๒๔๐ ชว่ั โมง
หลักสตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒
139
1๐.๑๒ โครงสร้างหลักสตู รชนั้ ปี ช้ันมัธยมศกึ ษำปีที่ ๓
ภำคเรียนที่ ๑ ช้นั มัธยมศึกษำปีที่ ๓
ภำคเรียนที่ ๒
รำยวิชำ/กิจกรรม เวลำเรียน(หน่วยกติ ) รำยวชิ ำ/กิจกรรม เวลำเรยี น
(หน่วยกติ )
รำยวชิ ำพนื้ ฐำน ๑.๕ (๖๐) รำยวิชำพ้ืนฐำน
๑.๕ (๖๐) ๑.๕ (๖๐)
ท ๒๓๑๐๑ ภาษาไทย ๕ ๑.๕ (๖๐) ท ๒๓๑๐๒ ภาษาไทย ๖ ๑.๕ (๖๐)
ค ๒๓๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ๕ ค ๒๓๑๐๒ คณติ ศาสตร์ ๖ ๑.๕ (๖๐)
ว ๒๓๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์และ ๑.๐ (๔๐) ว ๒๓๑๐๒ วทิ ยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี ๕ ๒.๕ (๑๐๐) เทคโนโลยี ๖ ๑.๐ (๔๐)
ส ๒๓๑๐๑ สงั คมศกึ ษา ๕ ๑.๕ (๖๐) ส ๒๓๑๐๒ สังคมศกึ ษา ๖ ๒.๕ (๑๐๐)
- ภาษาต่างประเทศ ๕ ๐.๕ (๒๐) - ภาษาต่างประเทศ ๖ ๑.๕ (๖๐)
๐.๕ (๒๐) ๐.๕ (๒๐)
- อ ๒๓๑๐๑ ภาษาอังกฤษ - อ ๒๒๑๐๒ ภาษาองั กฤษ ๐.๕ (๒๐)
- ม ๒๓๘๐๑ ภาษามลายู - ม ๒๓๘๐๒ ภาษามลายู
- ร ๒๓๘๐๑ ภาษาอาหรบั - ร ๒๓๘๐๒ ภาษาอาหรบั ๐.๕ (๒๐)
๐.๕ (๒๐)
พ ๒๓๑๐๑ สุขศกึ ษา และพลศึกษา ๕ ๐.๕ (๒๐) พ ๒๓๑๐๒ สขุ ศึกษา และพลศกึ ษา ๖ ๐.๕ (๒๐)
ศ ๒๓๑๐๑ ศิลปะดนตรี ๕ ๑.๐ (๔๐)
ง ๒๓๑๐๑ การงานอาชีพ ๕ ๐.๕ (๒๐) ศ ๒๓๑๐๒ ศิลปะดนตรี ๖ ๑.๐ (๔๐)
แบบอยา่ งศาสดา ๕
หลักการแหง่ ชวี ิต ๕ ๐.๕ (๒๐) ง ๒๓๑๐๒ การงานอาชีพ ๖ ๐.๕ (๒๐)
๐.๕ (๒๐)
รำยวชิ ำเพม่ิ เติม ๑.๐ (๔๐) แบบอยา่ งศาสดา ๖ ๐.๕ (๒๐)
คอมพิวเตอร์เพ่ือทักษะอาชพี ๕ ๑.๐ (๔๐)
ผูป้ ระกอบการนอ้ ย ๕ ๑.๐ (๔๐) หลักการแหง่ ชวี ติ ๖
ตา้ นทุจริตศกึ ษา ๕ ๒๐
กรุ อานนาทาง ๕ รำยวิชำเพ่มิ เตมิ ๑๕
๕
กจิ กรรมพัฒนำผู้เรยี น ๐.๕ (๒๐) คอมพิวเตอร์เพอ่ื ทกั ษะอาชีพ ๖ ๒๐
กิจกรรมแนะแนว ๖๒๐
ลูกเสือ – เนตรนารี ๐.๕ (๒๐) ผ้ปู ระกอบการนอ้ ย ๖
กจิ กรรมเพ่อื สังคม ฯ
กจิ กรรมชมุ นมุ เพอื่ อาชีพ ๐.๕ (๒๐) ต้านทจุ รติ ศกึ ษา ๖
รวมเวลำเรียนภำค ๑ ๑.๐ (๔๐) กรุ อานนาทาง ๖
กจิ กรรมพฒั นำผู้เรยี น
๒๐ กจิ กรรมแนะแนว
๑๕ ลกู เสอื – เนตรนารี
๕ กจิ กรรมเพ่อื สงั คม ฯ
๒๐ กจิ กรรมชุมนมุ เพอ่ื อาชีพ
๖๒๐ รวมเวลำเรยี นภำค ๒
รวมเวลาเรียนท้งั หมด ๑,๒๔๐ ชวั่ โมง
หลกั สตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒
140
หน่วยการเรียนรู้
วชิ าภาษาไทย ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๑ จานวนเวลา ๑๒0 ชวั่ โมง
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ จานวนชั่วโมง หมายเหตุ
1 พยญั ชนะน่ารู้ 1๔
2 สระน่ารู้ ๑ ๑๓
3 สระนา่ รู้ ๒ 1๕
4 สระน่ารู้ ๓ 1๑
5 สระน่ารู้ ๔ 1๒
6 มาตราตัวสะกด ๑0
๗ วาจากอ้ งกังวาน ๕
๘ ส่ือสารสัมพนั ธ์ ๙
๙ อา่ นมาก เกง่ มาก ๘
๑0 ๗
๑๑ สละสลวยด้วยภาษา ๖
๑๒ ภาษาพาไป ๕
๑๓ ๕
เครือ่ งหมายและสัญลกั ษณ์ ๑๒0
เรยี งรอ้ ย ถ้อยคา
รวม
หลักสูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒
141
โครงสรา้ งรายวิชาภาษาไทย
ช้ันประถมศกึ ษาปที ี ๑ จานวนเวลา ๑๒๐ ช่ัวโมง
หนว่ ย ช่ือหน่วยการเรียนรู้ สมรรถนะหลกั ผลลัพธ์ ความคดิ รวบยอด เวลา
ที่ การเรียนรู้ 1๔
พยญั ชนะน่ารู้ (อกั ษร กลาง ๑.การจัดการตนเอง THAI ๑ การเขยี นพยญั ชนะและ เลข
๑ สระ อะ อา อิ อี อึ อือ อุ อู) ๒ การคิดขนั้ สงู THAI ๒ ไทย ต้องอา่ นเขียน ใหถ้ ูกตอ้ ง
๓.การสื่อสาร THAI ๓ ตามอักขรวิธี เพือ่ เปน็ พื้นฐาน
๕.การเปน็ พลเมืองท่ี THAI ๔ ในการ เรียนรู้ภาษาไทยและ
เขม้ แข็ง THAI ๕ น้าไปใช้ในชีวิตประจ้าวนั ได้
THAI ๘
THAI ๙
๒ สระน่ารู้ 1 (สระ เอะ เอ แอะ ๑.การจดั การตนเอง THAI ๑ สระเป็นสว่ นประกอบ ของคา้ ๑๓
แอ โอะ โอ) ๒ การคิดข้ันสูง THAI ๒ จงึ เปน็ สิ่งจ้าเป็น ท่ีตอ้ งอ่าน
๓.การสือ่ สาร THAI ๓ ออกเสียงเขียน และประสมค้า
๕.การเป็นพลเมืองท่ี THAI ๔ ใหถ้ ูกต้อง ตามอกั ขรวธิ ี
เขม้ แข็ง THAI ๕
THAI ๖
THAI ๘
THAI ๙
๓ สระน่ารู้ 2 (อกั ษรสูง สระ ๑.การจดั การตนเอง THAI ๑ - สระเปน็ ส่วนประกอบ ของ 1๕
คา้ จึงเปน็ ส่งิ จา้ เป็น ทีต่ ้อง ๑๑
เอาะ ออ เออะ เออ ๒ การคดิ ขน้ั สงู THAI ๒ อ่านออกเสยี งเขยี น และ
ประสมค้าใหถ้ กู ต้อง ตาม
๓.การสือ่ สาร THAI ๓ อักขรวิธี
๕.การเปน็ พลเมืองท่ี THAI ๔ สระเป็นสว่ นประกอบ ของคา้
จึงเป็นสิง่ จา้ เป็น ทตี่ ้องอ่าน
เขม้ แข็ง THAI ๕ ออกเสยี ง เขียนและประสมค้า
ให้ ถูกต้องตามอกั ขรวิธี
THAI ๖
THAI ๘
THAI ๙
๔ สระนา่ รู้ 3 (อกั ษรต่ า สระ ๑.การจดั การตนเอง THAI ๑
เอียะเอีย เอือะเอืออัวะอวั ) ๒ การคดิ ขั้นสงู THAI ๒
๓.การสื่อสาร THAI ๓
๕.การเปน็ พลเมืองท่ี THAI ๔
เข้มแข็ง THAI ๕
THAI ๖
THAI ๘
THAI ๙
หลักสตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒
142
หนว่ ย ช่อื หน่วยการเรียนรู้ สมรรถนะหลกั ผลลัพธ์ ความคดิ รวบยอด เวลา
ท่ี การเรยี นรู้
๕ สระนา่ รู้ 4 (อ้า ไอ ใอ เอา) ๑.การจดั การตนเอง THAI ๑ สระเปน็ สว่ นประกอบ ของค้า ๑๒
๒ การคิดขนั้ สงู THAI ๒ จงึ เป็นส่ิงจา้ เป็น ท่ตี อ้ งอ่าน
๓.การสือ่ สาร THAI ๓ ออกเสียงเขยี น และประสมค้า
๕.การเปน็ พลเมืองที่ THAI ๔ ใหถ้ กู ต้อง ตามอกั ขรวธิ ี
เข้มแข็ง THAI ๕
THAI ๖
THAI ๘
THAI ๙
๖ มาตราตวั สะกด ๑.การจดั การตนเอง THAI ๑ การเรยี นรู้เรอ่ื งมาตรา ๑0
๒ การคดิ ขั้นสูง THAI ๒ ตัวสะกดจะท้าให้ เรยี นรู้ คา้
๓.การสอ่ื สาร THAI ๓ ไดห้ ลากหลาย สามารถน้าคา้
๕.การเป็นพลเมืองที่ THAI ๔ ท่เี รยี นรู้ มาใชใ้ น การเรียน
เขม้ แข็ง THAI ๕ และ ในชีวติ ประจา้ วัน
THAI ๖
THAI ๘
THAI ๙
๗ วาจากอ้ งกงั วาน ๑.การจดั การตนเอง THAI ๑ - การฟังและการพดู เป็น ๕
๒ การคดิ ขั้นสูง ส่งิ จา้ เปน็ ใน การ ส่อื สาร
๓.การสอื่ สาร เพื่อใหเ้ กิดความ เข้าใจท่ี
๕.การเป็นพลเมืองท่ี ถกู ต้องตรงกันและ เกดิ ประ
เข้มแข็ง สทิ ธิ ภาพในการติดต่อสอ่ื สาร
๘ ส่อื สารสมั พันธ์ ๑.การจดั การตนเอง THAI ๑ การจบั ใจความสา้ คัญจาก ๙
๒ การคดิ ข้นั สงู THAI ๒ เรื่องราวท่ีฟังหรือดู จะทา้ ให้
๓.การสอ่ื สาร THAI ๓ สามารถเล่าเรื่อง ตอบ ค้าถาม
๕.การเป็นพลเมืองท่ี THAI ๔ หรือพดู แสดงความ คิดเห็น
เข้มแข็ง และความรูส้ ึกได้
๙ อา่ นมากเก่งมาก ๑.การจดั การตนเอง THAI ๑ การจับใจความส้าคัญจาก ๘
การอา่ นหรือ การฟัง ๗
๒ การคดิ ขั้นสูง THAI ๒ เรอื่ งราวต่าง ๆจะท้าให้
สามารถเล่าเรอ่ื งตอบ คา้ ถาม
๓.การส่อื สาร THAI ๓ หรอื คาดคะเน เหตุการณ์
๕.การเป็นพลเมืองที่ THAI ๔ ประโยคท่ีดตี ้องมีใจความ
ครบถ้วนสมบูรณ์ สามารถ ใช้
เข้มแข็ง
๑๐ สละสลวยด้วยภาษา ๑.การจัดการตนเอง THAI ๑
๒ การคิดขั้นสูง THAI ๒
หลกั สูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒
143
หน่วย ช่ือหน่วยการเรียนรู้ สมรรถนะหลกั ผลลพั ธ์ ความคิดรวบยอด เวลา
ที่ การเรยี นรู้
๓.การสอ่ื สาร THAI ๓ ตดิ ตอ่ สือ่ สารได้อย่างมี
๕.การเปน็ พลเมืองท่ี THAI ๔ ประสทิ ธิภาพ
เข้มแข็ง THAI ๕
THAI ๖
THAI ๘
๑๑ ภาษาพาไป ๑.การจดั การตนเอง THAI ๑ คา้ คล้องจองเปน็ เอกลักษณ์ ๖
๒ การคดิ ข้ันสงู THAI ๒ ของภาษาไทย การเรยี นรูค้ า้
๓.การสื่อสาร THAI ๓ คล้องจอง งา่ ย ๆเป็นพ้ืนฐาน
๕.การเปน็ พลเมืองที่ THAI ๔ ในการ เรียนร้บู ทร้อยกรอง
เข้มแข็ง THAI ๕ ตา่ งๆ
THAI ๖
THAI ๘
๑๒ เครื่องหมายและ สญั ลักษณ์ ๑.การจัดการตนเอง THAI ๑ การเรยี นรู้ และการสังเกต ๕
๒ การคดิ ขั้นสงู THAI ๒ เครอ่ื งหมาย และ สัญลักษณ์ท่ี
๓.การสอ่ื สาร พบเห็นใน ชวี ติ ประจา้ วันจะ
๕.การเป็นพลเมืองที่ ทา้ ให้ ปฏบิ ตั ิตนได้เหมาะสม
เข้มแข็ง และถูกตอ้ งตามกาลเทศะ
๑๓ เรียงร้อยถ้อยค้า ๑.การจดั การตนเอง THAI ๓ การอ่านบทร้อยแก้วและ บท ๕
๒ การคดิ ข้ันสูง ร้อยกรองใหข้ ้อคิดต่างๆ
๓.การสอ่ื สาร มากมายจึงควรฝกึ
๕.การเป็นพลเมืองที่ อ่านและฝึกท่องจ้าเพื่อใหร้ ู้
เข้มแข็ง คณุ คา่ ของบทร้อยแกว้ และ
บทรอ้ ยกรอง
รวมเวลา ๑๒๐
หลกั สูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒
144
โครงสร้างรายวชิ าภาษาไทย
ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ จานวนเวลา ๑๒๐ ชวั่ โมง
หน่วยที่ ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ สมรรถนะหลกั ผลลพั ธก์ ารเรียนรู้ ความคดิ รวบยอด เวลา
LO๔-Thai-๐๑ ๑๕
๑ พดู ดีมสี าระ สมรรถนะหลกั LO๔-Thai-๐๒ -การฟัง ดู สอ่ื ตา่ งๆ จาก
๑. การจัดการตนเอง ขา่ ว บทความสั้นๆ ๒๐
2. การคิดขน้ั สูง LO๔-Thai-๐๓ -การพูดลาดับขนั้ ตอนการ
3. การสอ่ื สาร LO๔-Thai-๐๔ ปฏิบตั งิ าน ๒๕
4. การรวมพลังท้างาน LO๔-Thai-๐๕ - การพูดลาดบั เหตุการณ์
เป็นทีม - การพดู โนม้ นา้ ว
5. การเป็นพลเมืองท่ี LO๔-Thai-๐๖ พูดปฏเิ สธ พดู โตต้ อบ
เข้มแข็ง LO๔-Thai-๐๗ -ฟังเพลงคุณธรรม นิทาน
LO๔-Thai-๐๘ -พูดแสดงความคิดเห็น
สมรรถนะหลกั และความรูส้ ึก
๑. การจัดการตนเอง -มารยาทในการฟงั การดู
คนดศี รโี รงเรียน 2. การคิดข้ันสูง และการพูด
๒ 3. การส่อื สาร
5. การเป็นพลเมืองท่ี -การอ่านออกเสียง
เขม้ แข็ง บทรอ้ ยแก้วและบทร้อย
๖. การอย่รู ่วมกบั รรม กรอง บทอาขยาน
ชาตแิ ละวทิ ยาการ -การอา่ นสญั ญาลักษณ์
อยา่ งยัง่ ยืน ต่างๆ
-การใช้หอ้ งสมุด
สมรรถนะหลกั -การอา่ นนทิ านพ้ืนบ้าน
๑. การจดั การตนเอง เรอ่ื งสัน้
๓ มารจู้ กั รักการเขียน 2. การคิดขนั้ สงู -การตงั้ ค้าถาม ตอบ
3. การสอื่ สาร คา้ ถาม สรปุ ข้อคิดทีไ่ ด้
5. การเป็นพลเมืองท่ี จากเร่ือง
เขม้ แข็ง -อ่านวรรณคดแี ละ
๖. การอยู่ร่วมกับ วรรณกรรมในบทเรยี น
-มารยาทในการอา่ น
-การเขียนคัดลายมือ
-เขียนค้า ลักษณะของค้า
ไวพจน์
-หลักการใช้ค้า (ค้านาม
ค้ากริยา คา้ สรรพนาม)
-การเขียนคา้ ขวัญ
-การเขียนอธิบายการท้า
วา่ วบุหลนั อย่างง่ายๆ
หลกั สตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒
145
หนว่ ยท่ี ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ สมรรถนะหลกั ผลลพั ธ์การเรียนรู้ ความคดิ รวบยอด เวลา
ธรรมชาตแิ ละ
-การเขยี นจดหมายถงึ
วิทยาการอย่างยัง่ ยนื เพือ่ น บดิ ามารดา
-จดหมายอเิ ล็กทรอนิกส์ใน
สถานการณ์
-เขียนปา้ ยรณรงคร์ ักษา
ความสะอาด
-การยอ่ ความ
-เขียนบนั ทึกการอา่ น
-การเขียนรายงานศึกษา
คน้ คว้าเร่อื งสหกรณ์
โรงเรียน
-การเขยี นโครงเร่ืองและ
แผนภาพความคิด
-เขียนเร่ืองตามจนิ ตนาการ
เรื่องเยาวชนยุคโควิด-19
-เรียงความเร่ืองโรงเรียนของ
ฉัน
สมรรถนะหลัก LO๔-Thai-๐๙ -บอกความหมายและ ๒๐
ลกั ษณะของภาษาพดู และ
๔ เขยี นอา่ นผา่ น 2. การคดิ ขน้ั สูง LO๔-Thai-๑๐ ภาษาเขยี น
-ระดับภาษา ทักษะกาใช้
ประโยค 3. การส่อื สาร ภาษา
-ความสาคัญของ
๕. การเป็นพลเมอื งท่ี ภาษาไทยมาตรฐาน
- การหาคาศัพท์ภาษาถ่ิน
เข้มแข็ง ในชวี ิตประจาวัน พรอ้ ม
ความหมาย ๑๐๐ คา
-การเปรียบเทยี บ
ภาษาไทยมาตราฐานกับ
ภาษาถิ่น
-บอกความหมาย สานวน
ไทย
- คาราชาศัพท์ ประเภท
ของคาควบกลา้
- คาทีม่ ีอักษรนา
- คาท่มี ตี วั การันต์
หลกั สูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒
146
หน่วยท่ี ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ สมรรถนะหลกั ผลลัพธก์ ารเรยี นรู้ ความคดิ รวบยอด เวลา
- แตง่ ประโยค
-ประโยคสามัญ หรือ
ประโยคพน้ื ฐาน
๕ บทร้อยกรองแสน สมรรถนะหลัก LO๔-Thai-๑๑ -การแตง่ บทร้อยกรอง ๒๐
สนุก 2. การคิดขัน้ สูง -บอกความหมายและ
3. การสอ่ื สาร ประเภทของบทร้อยกรอง
๕. การเป็นพลเมอื งท่ี -แต่งคาขวญั
เข้มแข็ง -คาคลอ้ งจอง
-แต่งกลอนสี่
-ท่องบทอาขยานทก่ี าหนด
๖ ภาษาน่าเรียนรู้ สมรรถนะหลัก LO๔-Thai-๑๒ -หลกั การใช้ภาษาไทย ๒๐
ภูมใิ จใชช้ ีวติ 2. การคดิ ขั้นสงู -เข้าใจการฟัง การอา่ น
3. การสอ่ื สาร การดจู ากสื่อตา่ งๆ เพ่ือ
๕. การเป็นพลเมืองท่ี ค้นหาศกั ยภาพของตนเอง
เข้มแข็ง สู่การเปน็ เมลด็ พันธใ์ หม่
รวมเวลา ๑๒๐
หลักสูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒