The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะ โรงเรียนบ้านตาบา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by btbbantaba2561, 2022-10-02 23:48:26

หลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะ โรงเรียนบ้านตาบา

หลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะ โรงเรียนบ้านตาบา

๓๕๑

คำอธบิ ำยรำยวิชำพน้ื ฐำน

ง ๒๓๑๐๒ งานธุรกจิ กลมุ่ สาระการเรียนรูก้ ารงานอาชีพ

ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๓ ภาคเรยี นท่ี ๒ เวลา ๒๐ ชวั่ โมง

ศึกษาความหมาย ความสาคัญ ประโยชน์ หลักการ วิธีการ ข้ันตอน

กระบวนการทางาน การจัดการ สามารถทางานธุรกิจ ประเมินผลการทางานธุรกิจ ทางานธุรกิจ

ด้วยความรบั ผิดชอบ ขยัน ซอื่ สตั ย์ ประหยดั

อดออม มุ่งม่ัน อดทน การเลือกใช้พลังงานทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม

ในการทางานธุรกิจอย่างคุ้มค่าถูกวิธี การวิเคราะห์วางแผนการดาเนินงานธุรกิจ ปฏิบัติงานตาม

แผนท่วี างไว้ ประเมินและปรบั ปรงุ การดาเนินงานธุรกิจ

เห็นคุณค่าของการทางาน ทางานธุรกิจอย่างมีความสุข มีกิจนิสัยในการทางาน

ด้วยความรอบคอบ ทางานอย่างมกี ระบวนการ

หลกั สูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒

๓๕๒

คำอธบิ ำยรำยวิชำพื้นฐำน

ง ๒๓๑๐๓ ช่างเดินสายไฟในอาคาร(งานช่างพนื้ ฐาน๒) กลมุ่ สาระการเรยี นรูก้ ารงานอาชีพ

ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ ๓ ภาคเรียนท่ี ๒ เวลา ๒๐ ช่วั โมง

ศึกษาเก่ียวกับไฟฟ้าเบ้ืองต้น เครื่องมือวัดไฟฟ้า การอ่านแบบ ความปลอดภัยในการ
ปฏิบัติงาน วัสดุอุปกรณ์และเครื่องมือในการเดินสายไฟฟ้า การเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ให้เหมาะสม
กับงาน กฎระเบียบ ข้อบังคับในการเดินสายไฟฟ้าในอาคาร การเดินสายไฟฟ้าวิธีต่างๆ การติดต้ัง
อุปกรณ์ไฟฟ้า ปฏิบัติฝึกทักษะเก่ียวกับการต่อสายไฟฟ้าแบบต่างๆ เดินสายไฟฟ้าด้วยเข็มขัดรัดสาย
ตุ้มและอุปกรณ์จับยึดสายแบบอื่น ๆ ติดต้ังอุปกรณ์ต่างๆ อ่านแบบและปฏิบัติงานตามแบบท่ี
กาหนด ให้บริการตรวจสอบซ่อมแซมเหตุขัดข้องทางไฟฟ้า สารวจแหล่งวัสดุและแหล่งบริการใน
ท้ อ ง ถ่ิ น ค า น ว ณ ค่ า ใ ช้ จ่ า ย แ ล ะ ก า ห น ด ร า ค า ค่ า บ ริ ก า ร ท า บั ญ ชี ร า ย รั บ - ร า ย จ่ า ย

เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจและมีทักษะในการเดินสายไฟ และต่อสายแบบต่าง ๆ
สามารถเลอื กวัสดุอุปกรณไ์ ด้เหมาะสมกบั งาน สามารถอา่ นแบบและปฏิบตั งิ านตามแบบได้ สามารถ
ให้บริการตรวจสอบ ซ่อมแซมเหตุขัดข้องทางไฟฟ้าและเดินสายไฟฟ้าในอาคารได้

มเี จตคติท่ดี ีต่อการประกอบอาชีพ มีความรับผิดชอบต่อการทางาน มีจิตสานึกใน
การใชพ้ ลงั งานอยา่ งประหยดั คมุ้ ค่า และเกิดประโยชน์สูงสดุ

รหัสตัวช้ีวดั ง ๑.๑ ม.๓ /๑, ม.๓ /๒, ม.๓ / ๓
รวมทั้งหมด ง ๔.๑ ม.๓ /๑, ม.๓ / ๒, ม.๓ /๓
๖ ตวั ช้ีวัด

หลักสูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบ้านตาบา สพป.นธ. ๒

๓๕๓

คำอธิบำยรายวิชาผู้ประกอบการนอ้ ย
ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๑ ภาคเรียนท่ี 1 เวลา 20 ช่ัวโมง จานวน 0.5 หนว่ ยกิต

ศึกษาเกีย่ วกับประวตั ิความเป็นมาของชมุ ชนบา้ นตาบา ทเ่ี ป็นผลกระทบต่อเน่ืองมาจาก
อดีตจนถงึ ปจั จุบนั ไม่ว่าเปน็ ด้านสังคม อาชีพ สถานที่ ภาษา และวัฒนธรรมของชมุ ชน ส่งผลใหผ้ ูค้ น
ในท้องถิ่นมีความแตกตา่ งกันทั้งในดา้ นความคิดและการกระทา ศึกษาความหมายและความสาคัญ
ของผปู้ ระกอบการ ที่มีองค์ประกอบส่วนการผลิต การคา้ ขาย การใหบ้ ริการ และคุณสมบัตกิ ารเป็น
ผู้ประกอบการท่ีดี สงิ่ เหลา่ นเี้ ป็นให้การประกอบการมีความก้าวหน้าและเจริญงอกงาม

โดยกระบวนการสรา้ งองค์ความรู้ ด้วยการสืบค้นหาความรู้จากผู้รู้และแหลง่ เรียนรู้ตา่ ง ๆ
ในชมุ ชนบ้านตาบาจากการใช้โครงงานทดลอง

เพ่ือให้เกดิ ความรคู้ วามเขา้ ใจ ความรักความภาคภูมิใจในทอ้ งถ่ินชุมชนบ้านตาบา ร่วมกนั
อนุรักษ์วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมในชมุ ชนบ้านตาบา
ผลกำรเรียนรู้ทคี่ ำดหวัง
1. อธบิ ายความเป็นมาของท้องถิน่ ชุมชนบ้านตาบาได้
2. อธบิ ายความหมาย ความส้าคัญ และคุณสมบตั ิของของผู้ประกอบการที่ดี

มำตรฐำนกำรเรียนรู้
ท ๑.๑ ม.๑/๓ ท ๑.๑ ม.๑/๘ ท ๒.๑ ม.๑/๓ ท ๓.๑ ม.๑/๑-๕
ส ๓.๑ ม.๑/๒ ส ๓.๒ ม.๑/๑-๔
ง ๑.๑ ม.๑/๑-๓ ง ๒.๑ ม.๑/๑-๓
รวมตัวชี้วดั ๑๙ ตวั ช้ีวัด

หลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบ้านตาบา สพป.นธ. ๒

๓๕๔

คำอธบิ ำยรายวิชาผู้ประกอบการน้อย
ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑ ภาคเรียนท่ี ๒ เวลา 20 ชวั่ โมง จานวน 0.5 หน่วยกติ

ศึกษาการสร้างและการออกแบบผลติ ภณั ฑใ์ หม้ คี วามทนั สมัย นา่ สนใจ เพอื่ กระตนุ้ ให้
ผู้บริโภคมคี วามตอ้ งการในสนิ คา้ ท่มี ากขน้ึ ท้ังน้กี ารสร้างสินค้าจะทาร่วมกบั การใชง้ านแอพพลิเคชนั่
ในการออกแบบสนิ คา้ การบริการ กระจายสินค้าไปยังผบู้ ริโภคอยา่ งถูกต้องตามพระราชบัญญตั ิ
คอมพิวเตอร์ และศึกษาการบริหารความสมั พนั ธเ์ ครือข่ายด้วยจรยิ ธรรมตามหลักการของอิสลามทมี่ ี
ความเปน็ ธรรมท้ังผู้ประกอบการและผบู้ ริโภค

โดยกระบวนการสร้างองค์ความรู้ ดว้ ยการสบื คน้ หาความรู้จากผ้รู ูแ้ ละแหล่งเรียนรู้ตา่ ง ๆ
ในชุมชนบา้ นตาบาจากการใช้โครงงานทดลอง

เพ่อื ใหเ้ กดิ ความรู้ความเขา้ ใจ ความรักความภาคภมู ิใจในทอ้ งถิน่ ชุมชนบา้ นตาบา รว่ มกัน
อนรุ กั ษ์วฒั นธรรมและสิ่งแวดล้อมในชุมชนบา้ นตาบา
ผลกำรเรียนรู้ทีค่ ำดหวัง
1. อธิบายการสรา้ งและการออกแบบผลติ ภัณฑไ์ ด้
2. อธิบายการใช้การแอพพลิเคช่นั ให้เหมาะสมกบั การน้าเสนอข้อมลู ได้
3. อธิบายการบริหารความสัมพนั ธ์เครือขา่ ยสาหรับผูป้ ระกอบการได้

มำตรฐำนกำรเรียนรู้
ท ๑.๑ ม.๑/๓ ท ๑.๑ ม.๑/๘ ท ๒.๑ ม.๑/๓ ท ๓.๑ ม.๑/๑-๕
ค ๑.๓ ม.๑/๑
ว ๔.๑ ม.๑/๑-๔ ว ๔.๒ ม.๑/๓-๔
ศ ๑.๑ ม.๑-๖
ง ๑.๑ ม.๑/๑-๓ ง ๒.๑ ม.๑/๑-๓
ต ๑.๒ ม.๑/๒ ต ๔.๑ ม.๑/๑ ต ๔.๒ ม.๑/๑
รวมตัวชวี้ ดั ๓๐ ตวั ชี้วัด

หลกั สูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒

๓๕๕

คำอธิบำยรายวิชาผู้ประกอบการนอ้ ย

ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๒ เวลา ๔0 ช่วั โมง จานวน ๑.๐ หน่วยกิต

ศึกษาประวัติชุมชนเกี่ยวกับ อาชีพ สถานที่ ภูมิปัญญา ความหมายและความสาคัญของ

ผู้ประกอบการประเภทของผู้ประกอบการ บทบาทของผู้ผลิตที่มีประสิทธิภาพ คุณสมบัติของ

ผู้ประกอบการที่ดี การตลาดและการลงทุน ซึ่งจะศึกษาในเรื่องของการสร้างและออกแบบ งาน

ออกแบบผลิตภัณฑ์ การสเก็ตภาพ เทคนิคการขายต่างๆ ปัจจัยท่ีมีอิทธิผลต่อการกาหนด

องค์ประกอบ การขายสินค้าออนไลน์บน Application โฆษณา และศึกษาเก่ียวกับการจัดหาสินค้า

และแหลง่ ทุน ศึกษาถงึ กฎหมาย และ พรบ.คอมพิวเตอร์

โดยใช้กระบวนการเรยี นรู้ แบบโครงงานสารวจ ทางานร่วมกับผู้อื่น การแสดงความคิดเห็น

อย่างหลากหลาย ใช้เกม เพลง การต้ังคาถาม การคิดวิเคราะห์ การแสวงหาความรู้ การประยุกต์

การสรุปข้อมูล กระบวนการกลุ่ม นาเสนองานท่ีเข้าใจง่าย เหมาะสมกับช่วงวัย การนาความรู้และ

ทักษะกระบวนการทไ่ี ดไ้ ปใช้ในชีวติ ประจาวนั อย่างสร้างสรรค์

เพ่ือให้เกิดความรู้ สามารถส่ือสารที่เหมาะสมกับบุคคล มีคุณธรรม จริยธรรม มีวินัย เป็น

ผู้ประกอบการท่ีดี รักท้องถ่ินตนเอง ปฏิบัติตามกฎ กติกา ข้อตกลง มีส่วนร่วมในกิจกรรมและการ

แกป้ ญั หาที่เหมาะสมตามชว่ งวัย

มำตรฐำน/ตัวชี้วดั มาตรฐาน ส ๑.๒ ม.๒/๒ มาตรฐาน ง ๑.๑ ม.๒/๒
มาตรฐาน ท ๒.๑ ม.๒/๕ มาตรฐาน ส ๒.๑ ม.๒/๑ มาตรฐาน ง ๑.๑ ม.๒/๓
มาตรฐาน ท ๓.๑ ม.๒/๓ มาตรฐาน ส ๒.๒ ม.๒/๑ มาตรฐาน ง ๒.๑ ม.๒/๓
มาตรฐาน ท ๓.๑ ม.๒/๖ มาตรฐาน ส ๓.๑ ม.๒/๑ มาตรฐาน ต ๑.๒ ม.๒/๑
มาตรฐาน ค ๒.๑ ม.๒/๒ มาตรฐาน ส ๓.๑ ม.๒/๒ มาตรฐาน ต ๒.๑ ม.๒/๑
มาตรฐาน ค ๒.๒ ม.๒/๑ มาตรฐาน ส ๓.๑ ม.๒/๓ มาตรฐาน ต ๔.๑ ม.๒/๑
มาตรฐาน ค ๒.๒ ม.๒/๔ มาตรฐาน ส ๓.๒ ม.๒/๔
มาตรฐาน ว ๔.๑ ม.๒/๓ มาตรฐาน พ ๕.๑ ม.๒/๒
มาตรฐาน ว ๔.๑ ม.๒/๕ มาตรฐาน พ ๕.๑ ม.๒/๓
มาตรฐาน ว ๔.๒ ม.๒/๒
มาตรฐาน ศ ๑.๑ ม.๒/๓
มาตรฐาน ว ๔.๒ ม.๒/๔
มาตรฐาน ศ ๑.๒ ม.๒/๑
มาตรฐาน ส ๑.๑ ม.๒/๘
มาตรฐาน ง ๑.๑ ม.๒/๑
มาตรฐาน ส ๑.๑ ม.๒/๙

หลกั สตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒

๓๕๖

คำอธิบำยรำยวชิ ำเพ่ิมเติม

ส ๒๑๒๐๑ ต้ำนทจุ รติ ศึกษำ ๑ กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้สังคมศกึ ษำ ศำสนำและวัฒนธรรม

ชั้นมธั ยมศึกษำปที ่ี ๑ ภำคเรียนที่ ๑ เวลำ ๒๐ ชั่วโมง จำนวน ๐.๕ หน่วยกติ
ศึกษาการคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์สว่ นรวม ความ

ละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต STRONG / จิตพอเพียงตอ่ ตา้ นการทุจรติ และพลเมืองกับ

ความรับผดิ ชอบต่อสงั คม

โดยใชก้ ระบวนการสรา้ งความรู้ ความเข้าใจ กระบวนการปฏบิ ตั ิ เพ่ือใหเ้ กิดความรู้

ความเข้าใจเห็นความสาคญั เห็นคณุ ค่า มีทักษะในการคิด แยกแยะ และนาไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั

อย่างมี ความสุข

ผลกำรเรียนรู้

๑. มีความรคู้ วามเข้าใจเกีย่ วกับการแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ่วนตนและ
ผลประโยชน์สว่ นรวม

๒. สามารถคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์สว่ นรวม
๓. มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจเกีย่ วกบั ความละอายและความไม่ทนต่อการทจุ รติ
๔. ปฏบิ ัตติ นเป็นผไู้ ม่ทนและละอายตอ่ การทจุ ริตทุกรปู แบบ
๕. มคี วามรู้ ความเข้าใจเกยี่ วกับ STRONG / จิตพอเพียงต่อตา้ นการทุจริต
๖. ปฏบิ ัติตนเปน็ ผทู้ ่ี STRONG / จิตพอเพียงต่อตา้ นการทจุ รติ
๗. มคี วามรูค้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกบั พลเมอื งและมีความรับผิดชอบต่อสงั คม
๘. ปฏิบัติตนตามหน้าที่พลเมืองและมคี วามรบั ผิดชอบต่อสงั คม

รวมท้ังหมด ๘ ผลกำรเรียนรู้

หลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒

๓๕๗

คำอธิบำยรำยวชิ ำเพ่ิมเติม
ส ๒๑๒๐๓ ต้ำนทุจริตศึกษำ ๒ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้สังคมศกึ ษำ ศำสนำและวัฒนธรรม
ชัน้ มัธยมศกึ ษำปที ่ี ๑ ภำคเรยี นท่ี ๒ เวลำ ๒๐ ชว่ั โมง จำนวน ๐.๕ หนว่ ยกติ

ศึกษาการคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชน์สว่ นรวม ความ
ละอายและความไม่ทนต่อการทจุ ริต STRONG / จิตพอเพียงตอ่ ตา้ นการทุจริต และพลเมืองกบั
ความรับผดิ ชอบต่อสังคม

โดยใช้กระบวนการสรา้ งความรู้ ความเข้าใจ กระบวนการปฏบิ ัติ เพื่อให้เกิดความรู้
ความเข้าใจเหน็ ความสาคัญ เห็นคุณคา่ มีทกั ษะในการคดิ แยกแยะ และนาไปใช้ในชวี ติ ประจาวนั
อยา่ งมี ความสขุ

ผลกำรเรียนรู้
๑. มีความรคู้ วามเขา้ ใจเก่ียวกับการแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและ
ผลประโยชน์ส่วนรวม
๒. สามารถคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ่วนรวมได้
๓. มีความรู้ความเขา้ ใจเก่ียวกบั ความละอายและความไม่ทนต่อการทจุ ริต
๔. ปฏิบตั ิตนเป็นผไู้ ม่ทนและละอายตอ่ การทจุ ริตทุกรปู แบบ
๕. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกยี่ วกับ STRONG / จติ พอเพียงต่อตา้ นการทุจริต
๖. ปฏบิ ตั ติ นเปน็ ผู้ท่ี STRONG / จติ พอเพยี งต่อตา้ นการทุจริต
๗. มีความรูค้ วามเข้าใจเกี่ยวกับพลเมอื งและมคี วามรบั ผดิ ชอบตอ่ สังคมปฏิบัตติ นตาม
หนา้ ท่พี ลเมืองและมคี วามรบั ผิดชอบตอ่ สังคม
๘. ปฏิบตั ิตนตามหน้าที่พลเมืองและมีความรับผดิ ชอบตอ่ สงั คม

รวมทั้งหมด ๘ ผลกำรเรยี นรู้

หลกั สตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒

๓๕๘

คำอธิบำยรำยวิชำเพ่ิมเติม
ส ๒๒๒๐๑ ต้ำนทุจริตศึกษำ ๓ กล่มุ สำระกำรเรยี นรู้สังคมศึกษำ ศำสนำและวฒั นธรรม
ชัน้ มัธยมศกึ ษำปที ่ี ๒ ภำคเรยี นท่ี ๑ เวลำ ๒๐ ช่วั โมง จำนวน ๐.๕ หนว่ ยกิต

ศึกษาการคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวม ความ
ละอายและความไม่ทนต่อการทจุ ริต STRONG / จิตพอเพียงตอ่ ตา้ นการทจุ ริต และพลเมอื งกับ
ความรับผดิ ชอบต่อสังคม

โดยใช้กระบวนการสรา้ งความรู้ ความเข้าใจ กระบวนการปฏิบัติ เพ่ือใหเ้ กิดความรู้
ความเข้าใจเหน็ ความสาคัญ เห็นคุณค่า มีทักษะในการคดิ แยกแยะ และนาไปใช้ในชีวติ ประจาวนั
อยา่ งมี ความสขุ

ผลกำรเรียนรู้
๑. มีความรคู้ วามเขา้ ใจเก่ียวกบั การแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตนและ
ผลประโยชนส์ ่วนรวม
๒. สามารถคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์สว่ นรวมได้
๓. มีความรู้ความเขา้ ใจเก่ยี วกบั ความละอายและความไม่ทนต่อการทจุ รติ
๔. ปฏิบตั ิตนเป็นผไู้ ม่ทนและละอายต่อการทจุ รติ ทุกรปู แบบ
๕. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกีย่ วกับ STRONG / จติ พอเพียงต่อตา้ นการทุจรติ
๖. ปฏบิ ตั ติ นเป็นผู้ท่ี STRONG / จิตพอเพยี งต่อต้านการทุจริต
๗. มีความรูค้ วามเข้าใจเกย่ี วกบั พลเมอื งและมคี วามรับผดิ ชอบตอ่ สงั คมปฏิบัตติ นตาม
หนา้ ท่พี ลเมืองและมคี วามรบั ผิดชอบต่อสังคม
๘. ปฏิบตั ิตนตามหน้าที่พลเมืองและมคี วามรับผิดชอบตอ่ สังคม

รวมทั้งหมด ๘ ผลกำรเรยี นรู้

หลกั สตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒

๓๕๙

คำอธิบำยรำยวชิ ำเพ่ิมเติม
ส ๒๒๒๐๔ ต้ำนทุจริตศึกษำ ๔ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้สงั คมศึกษำ ศำสนำและวัฒนธรรม
ชน้ั มธั ยมศึกษำปีที่ ๒ ภำคเรียนท่ี ๒ เวลำ ๒๐ ช่ัวโมง จำนวน ๐.๕ หนว่ ยกิต

ศึกษาการคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม ความ
ละอายและความไม่ทนตอ่ การทจุ ริต STRONG / จิตพอเพียงตอ่ ตา้ นการทจุ ริต และพลเมืองกบั
ความรบั ผดิ ชอบต่อสังคม

โดยใช้กระบวนการสรา้ งความรู้ ความเข้าใจ กระบวนการปฏบิ ัติ เพื่อให้เกิดความรู้
ความเข้าใจเห็นความสาคญั เห็นคุณค่า มีทักษะในการคิด แยกแยะ และนาไปใช้ในชวี ติ ประจาวนั
อยา่ งมี ความสุข

ผลกำรเรยี นรู้
๑. มีความร้คู วามเข้าใจเกี่ยวกับการแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและ
ผลประโยชนส์ ว่ นรวม
๒. สามารถคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวมได้
๓. มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกับความละอายและความไม่ทนต่อการทุจรติ
๔. ปฏิบัติตนเป็นผูไ้ มท่ นและละอายตอ่ การทจุ ริตทุกรูปแบบ
๕. มคี วามรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกับ STRONG / จิตพอเพยี งต่อตา้ นการทุจริต
๖. ปฏบิ ตั ิตนเป็นผทู้ ี่ STRONG / จติ พอเพยี งต่อตา้ นการทจุ รติ
๗. มคี วามรคู้ วามเข้าใจเกย่ี วกับพลเมอื งและมคี วามรับผดิ ชอบตอ่ สงั คมปฏิบัตติ นตาม
หนา้ ทพี่ ลเมืองและมคี วามรบั ผดิ ชอบต่อสังคม
๘. ปฏบิ ตั ติ นตามหนา้ ท่ีพลเมืองและมีความรบั ผดิ ชอบตอ่ สังคม

รวมท้ังหมด ๘ ผลกำรเรียนรู้

หลักสตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒

๓๖๐

คำอธบิ ำยรำยวชิ ำเพ่ิมเตมิ
ส ๒๓๒๐๑ ต้ำนทุจริตศึกษำ ๕ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้สังคมศกึ ษำ ศำสนำและวัฒนธรรม
ชัน้ มัธยมศกึ ษำปที ่ี ๓ ภำคเรยี นท่ี ๑ เวลำ ๒๐ ชว่ั โมง จำนวน ๐.๕ หนว่ ยกติ

ศึกษาการคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม ความ
ละอายและความไม่ทนต่อการทจุ ริต STRONG / จติ พอเพียงต่อตา้ นการทจุ ริต และพลเมืองกับ
ความรับผดิ ชอบต่อสังคม

โดยใช้กระบวนการสรา้ งความรู้ ความเข้าใจ กระบวนการปฏิบตั ิ เพื่อใหเ้ กิดความรู้
ความเข้าใจเหน็ ความสาคัญ เห็นคุณคา่ มีทกั ษะในการคิด แยกแยะ และนาไปใช้ในชีวติ ประจาวนั
อยา่ งมี ความสขุ

ผลกำรเรียนรู้
๑. มีความรคู้ วามเขา้ ใจเก่ียวกับการแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตนและ
ผลประโยชน์ส่วนรวม
๒. สามารถคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชน์สว่ นรวมได้
๓. มีความรู้ความเขา้ ใจเกี่ยวกับความละอายและความไม่ทนต่อการทจุ ริต
๔. ปฏิบตั ิตนเป็นผไู้ ม่ทนและละอายต่อการทุจรติ ทุกรปู แบบ
๕. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกยี่ วกบั STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทุจรติ
๖. ปฏบิ ตั ติ นเปน็ ผู้ท่ี STRONG / จติ พอเพียงต่อต้านการทุจรติ
๗. มีความรูค้ วามเข้าใจเก่ยี วกบั พลเมืองและมคี วามรับผิดชอบต่อสังคมปฏบิ ัตติ นตาม
หนา้ ท่พี ลเมืองและมคี วามรบั ผิดชอบต่อสงั คม
๘. ปฏิบตั ิตนตามหน้าที่พลเมืองและมคี วามรบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คม

รวมทั้งหมด ๘ ผลกำรเรยี นรู้

หลกั สตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบ้านตาบา สพป.นธ. ๒

๓๖๑

คำอธบิ ำยรำยวิชำเพ่ิมเติม
ส ๒๓๒๐๔ ตำ้ นทุจรติ ศึกษำ ๖ กลุม่ สำระกำรเรยี นรู้สงั คมศึกษำ ศำสนำและวัฒนธรรม
ชัน้ มัธยมศกึ ษำปที ี่ ๓ ภำคเรยี นที่ ๒ เวลำ ๒๐ ช่ัวโมง จำนวน ๐.๕ หนว่ ยกิต

ศึกษาการคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม ความ
ละอายและความไม่ทนตอ่ การทุจริต STRONG / จิตพอเพียงตอ่ ตา้ นการทุจริต และพลเมืองกับ
ความรับผดิ ชอบต่อสังคม

โดยใชก้ ระบวนการสร้างความรู้ ความเข้าใจ กระบวนการปฏบิ ตั ิ เพื่อให้เกิดความรู้
ความเข้าใจเห็นความสาคัญ เหน็ คณุ ค่า มีทักษะในการคดิ แยกแยะ และนาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั
อยา่ งมี ความสขุ

ผลกำรเรียนรู้
๑. มคี วามรู้ความเข้าใจเกย่ี วกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและ
ผลประโยชนส์ ่วนรวม
๒. สามารถคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวมได้
๓. มีความรู้ความเข้าใจเกยี่ วกับความละอายและความไม่ทนต่อการทุจรติ
๔. ปฏบิ ตั ิตนเปน็ ผูไ้ ม่ทนและละอายต่อการทจุ รติ ทุกรปู แบบ
๕. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเก่ียวกับ STRONG / จิตพอเพยี งต่อตา้ นการทจุ ริต
๖. ปฏิบตั ิตนเป็นผู้ท่ี STRONG / จติ พอเพยี งต่อต้านการทจุ ริต
๗. มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจเก่ยี วกบั พลเมอื งและมีความรบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คมปฏิบตั ิตนตาม
หน้าทีพ่ ลเมืองและมีความรับผิดชอบต่อสังคม
๘. ปฏิบัติตนตามหน้าที่พลเมืองและมคี วามรบั ผิดชอบตอ่ สังคม

รวมทั้งหมด ๘ ผลกำรเรยี นรู้

หลกั สตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบ้านตาบา สพป.นธ. ๒

๓๖๒

คำอธิบำยรำยวชิ ำกจิ กรรมพัฒนำผเู้ รยี น

กิจกรรมพัฒนำผู้เรยี น กิจกรรมนักเรยี น (เตรยี มลูกเสือสำรองและลกู เสือสำรองดำวดวงที่ ๑)

ชนั้ ประถมศกึ ษำปีที ๑ เวลำ ๓๐ ชัว่ โมง/ปี

เปิดประชุมกอง ดาเนินการตามกระบวนการของลูกเสือและจัดกิจกรรมโดยให้ศึกษา

วิเคราะห์ วางแผน ปฏิบัติกิจกรรมตามฐานการเรียนรู้ โดยเน้นระบบหมู่และปฏิบัติกิจกรรมตามคา

ปฏิญาณและกฎของลูกเสือสารอง เรียนรู้จากการคิดและปฏิบัติจริง ใช้สัญลักษณ์สมาชิกลูกเสือ

สารองท่ีมีความเป็นเอกลักษณ์รว่ มกนั ศกึ ษาธรรมชาติในชุมชนดว้ ยความสนใจ ใฝ่รู้ตามหลักปรัชญา

ของเศรษฐกิจพอเพยี ง สรปุ ผลการปฏบิ ัติกจิ กรรม ปิดประชมุ กอง ในเรอื่ งตอ่ ไปน้ี

๑. เตรียมลูกเสือสารอง นิยายเมาคลี ประวัติการเริ่มกิจการลูกเสือ การทาความ

เคารพหมู่ (แกรนด์ฮาวล์) การทาความเคารพเป็นรายบุคคล การจับมือซ้าย ระเบียบแถว

เบอื้ งต้น คาปฏิญาณ กฎและคตพิ จนข์ องลูกเสือสารอง

๒. ลูกเสือสารองดาวดวงที่ ๑ อนามัย ความสามารถเชิงทักษะ การสารวจ การ

ค้นหา ธรรมชาติ ความปลอดภัย บริการ ธงและประเทศต่างๆ การฝีมือ กิจกรรมกลางแจ้ง

การบันเทงิ การผูกเงื่อน คาปฏิญาณและกฎของลกู เสอื สารอง

เพ่ือให้มีความรู้ ความเข้าใจในกิจกรรมลูกเสือสารองดาวดวงที่ ๑ สามารถปฏิบัติตามคา

ปฏญิ าณ กฎ และคติพจน์ของลูกเสือสารอง มนี ิสัยในการสังเกต จดจา เช่ือฟังและพ่งึ ตนเอง มีความ

ซื่อสัตย์ สุจริต มีระเบียบวินัย และเห็นอกเห็นใจผู้อ่ืน รู้จักบาเพ็ญตนเพ่ือสังคมและ

สาธารณประโยชน์ รู้จักทาการฝีมือและ ฝึกฝนทากิจกรรมต่างๆ ตามความเหมาะสม รักษาและ

สง่ เสริมจารีตประเพณี วัฒนธรรมและความม่นั คงของชาติ และสามารถประยุกต์ใช้หลักปรัชญาของ

เศรษฐกิจพอเพียง

ผลกำรเรียนรู้
๑. มีนสิ ัยในการสงั เกต จดจา เชือ่ ฟงั และพง่ึ พาตนเองได้
๒. มีความซ่ือสตั ย์ สจุ ริต มรี ะเบียบวนิ ยั และเหน็ อกเห็นใจผอู้ ื่น
๓. บาเพญ็ ตนเพื่อสังคมและสาธารณะประโยชน์
๔. ทาการฝีมอื และฝึกฝนการทากิจกรรมต่าง ๆ ตามความเหมาะสม
๕. รักษาและส่งเสรมิ จารีตประเพณี วฒั นธรรมประเพณี ภูมปิ ัญญาทอ้ งถ่นิ และ ความมัน่ คง
๖. อนรุ กั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาติ สงิ่ แวดลอ้ มและลดภาวะโลกรอ้ น
๗. สามารถประยุกต์ใชห้ ลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงได้
รวม ๗ ผลกำรเรยี นรู้

หลกั สูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบ้านตาบา สพป.นธ. ๒

๓๖๓

คำอธิบำยรำยวชิ ำกิจกรรมพัฒนำผู้เรยี น

กจิ กรรมพัฒนำผูเ้ รยี น กจิ กรรมนักเรยี น (ลูกเสอื สำรองดำวดวงที่ ๒)

ชนั้ ประถมศกึ ษำปที ี ๒ เวลำ ๓๐ ช่ัวโมง/ปี

เปิดประชมุ กอง ดาเนินการตามกระบวนการของลูกเสอื และจดั กิจกรรมให้ศึกษา วิเคราะห์

วางแผน ปฏิบัติกิจกรรมตามฐานการเรียนรู้ โดยเน้นระบบหมู่ และปฏิบัติตามคาปฏิญาณ คติพจน์

และกฎของลูกเสือสารอง ศึกษาเรียนรจู้ ากการคิดและปฏิบัติจริงใช้สญั ลักษณ์สมาชิกลูกเสอื สารองที่

มีความเป็นเอกลักษณ์ร่วมกัน ศึกษาธรรมชาติในชุมชนด้วยความสนใจใฝร่ ู้ตามวิถีเศรษฐกิจพอเพียง

สรปุ ผลและปฏิบัติกิจกรรม ปิดประชมุ กองในเรอ่ื งตอ่ ไปนี้

ลูกเสือสารองดาวดวงที่ ๒ นิยายเมาคลี ประวัติการเร่ิมกิจการลูกเสือ การทาความเคารพ

หมู่ (แกรนฮาวล์) การทาความเคารพเป็นรายบุคคล การจับมือซ้าย ระเบียบแถว คาปฏิญาณ กฎ

และคติพจน์ของลูกเสือสารอง อนามัย ความสามารถเชิงทักษะ การสารวจ การค้นหาธรรมชาติการ

อนุรักษ์ทรัพยากรในชุมชนท้องถ่ิน ความปลอดภัย บริการ การผูกเง่ือน ธง และประเทศต่างๆ การ

ฝีมือท่ีใช้วัสดุเหลือใช้ในท้องถิ่น กิจกรรมกลางแจ้ง การบันเทิงท่ีส่งเสริมสุขภาพกายสุขภาพจิตและ

อนรุ ักษ์ภมู ปิ ัญญาท้องถิ่น อนุรักษท์ รพั ยากรธรรมชาตสิ ง่ิ แวดลอ้ มลดภาวะโลกร้อน

เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจในกิจกรรมลูกเสือสารองดาวดวงที่ ๒ สามารถปฏิบัติตามคา

ปฏิญาณ กฎและคติพจน์ของลูกเสือสารอง มนี ิสัยในการสังเกต จดจา เชื่อฟังและพ่ึงตนเอง มีความ

ซ่ือสัตย์สุจริต มีระเบียบวินัย และเห็นอกเห็นใจ รู้จักบาเพ็ญเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ รู้จัก

ทาการฝีมือและฝึกฝน ทากิจกรรมต่างๆ ตามความเหมาะสม รักษาและส่งเสริมจารีตประเพณี

วัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติส่ิงแวดล้อม ความม่ันคงของชาติ และ

สามารถประยุกตใ์ ชห้ ลกั ปรชั ญา ของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

ผลกำรเรียนรู้
๑. มนี ิสยั ในการสังเกต จดจา เชือ่ ฟงั และพึง่ ตนเองได้
๒. มคี วามซอื่ สตั ย์ สุจรติ มีระเบยี บวนิ ยั และเหน็ อกเหน็ ใจผอู้ ่ืน
๓. บาเพ็ญตนเพอื่ สงั คมและสาธารณประโยชน์
๔. ทาการฝีมอื และฝึกฝนทากิจกรรมต่าง ๆ ตามความเหมาะสม
๕. รกั ษาและส่งเสรมิ จารีตประเพณี วฒั นธรรม ภูมปิ ัญญาท้องถ่ินและความม่ันคงของชาติ
๖. อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสงิ่ แวดล้อม ลดภาวะโลกร้อน สามารถประยุกต์ใช้หลัก

ปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพยี งได้
รวม ๖ ผลกำรเรยี นรู้

หลกั สูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบ้านตาบา สพป.นธ. ๒

๓๖๔

คำอธิบำยรำยวิชำกจิ กรรมพัฒนำผู้เรียน

กิจกรรมพัฒนำผเู้ รียน กจิ กรรมนกั เรยี น (ลกู เสือสำรองดำวดวงที่ ๓)

ชนั้ ประถมศึกษำปีที ๓ เวลำ ๓๐ ชวั่ โมง/ปี

เปิดประชมุ กอง ดาเนินการตามกระบวนการของลูกเสือ และจัดกจิ กรรมให้ศกึ ษา วิเคราะห์

วางแผน ปฏิบัติกิจกรรมตามฐานการเรียนรู้ โดยเน้นระบบหมู่ และปฏิบัติตามคาปฏิญาณ คติพจน์

และกฎ ของลูกเสือสารอง ศึกษาเรียนรจู้ ากการคิดและปฏิบัติจริงใช้สัญลักษณ์สมาชิกลูกเสือสารอง

ที่มีความเป็น เอกลักษณ์ร่วมกัน ศึกษาธรรมชาติในชุมชนด้วยความสนใจใฝ่รู้ตามวิถีเศรษฐกิจ

พอเพยี ง สรุปผลและปฏิบตั ิ กิจกรรม ปดิ ประชุมกองในเรื่องตอ่ ไปนี้

ลูกเสือสารองดาวดวงที่ ๓ นิยายเมาคลี ประวัติการเริ่มกิจการลูกเสือ การทาความเคารพ

หมู่ (แกรนฮาวล์) การทาความเคารพเป็นรายบุคคล การจับมือซ้าย ระเบียบแถว คาปฏิญาณ กฎ

และคตพิ จน์ ของลูกเสือสารอง อนามัย ความสามารถเชิงทักษะ การสารวจ การคน้ หาธรรมชาติการ

อนุรักษ์ทรัพยากรในชุมชนท้องถ่ิน ความปลอดภัย บริการ การผูกเง่ือน ธง และประเทศต่างๆ การ

ฝมี ือที่ใช้วัสดุเหลือใช้ใน ท้องถน่ิ กิจกรรมกลางแจง้ การบันเทิงท่ีส่งเสริมสุขภาพกายสุขภาพจิตและ

อนุรกั ษ์ภูมปิ ญั ญาทอ้ งถิ่น อนุรักษ์ ทรพั ยากรธรรมชาตสิ ิ่งแวดลอ้ มลดภาวะโลกรอ้ น

เพ่ือให้มีความรู้ความเข้าใจในกิจกรรมลูกเสือสารองดาวดวงที่ ๓ สามารถปฏิบัติตามคา

ปฏิญาณ กฎและคติพจน์ของลูกเสือสารอง มีนิสัยในการสังเกต จดจา เช่ือฟังและพึ่งตนเอง มีความ

ซ่ือสัตย์สุจริต มี ระเบียบวินัย และเห็นอกเห็นใจ รู้จักบาเพ็ญเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์รู้จัก

ทาการฝีมือและฝึกฝน ทากิจกรรมต่างๆ ตามความเหมาะสม รักษาและส่งเสริมจารีตประเพณี

วัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น อนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติส่ิงแวดล้อม ความม่ันคงของชาติและ

สามารถประยุกตใ์ ช้หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจ พอเพยี ง

ผลกำรเรียนรู้
๑. มีนิสัยในการสงั เกต จดจา เชอ่ื ฟงั และพงึ่ ตนเองได้
๒. มีความซอ่ื สตั ย์สุจริต มีระเบียบวินัย และเห็นอกเห็นใจผูอ้ ื่น
๓. บาเพญ็ ตนเพอื่ สงั คมและสาธารณประโยชน์
๔. ทาการฝีมือและฝกึ ฝนทากิจกรรมตา่ ง ๆ ตามความเหมาะสม
๕. รกั ษาและส่งเสรมิ จารตี ประเพณีวัฒนธรรม ภูมิปัญญาทอ้ งถิน่ และความมนั่ คงของชาติ
๖. อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ลดภาวะโลกร้อน สามารถประยุกต์ใช้หลัก

ปรชั ญา ของเศรษฐกิจพอเพียงได้
รวม ๖ ผลกำรเรียนรู้

หลกั สตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒

๓๖๕

คำอธิบำยรำยวิชำกจิ กรรมพัฒนำผู้เรยี น

กจิ กรรมพฒั นำผู้เรียน กจิ กรรมนกั เรียน (ลูกเสอื สำมัญ (ลกู เสือตร)ี

ชั้นประถมศกึ ษำปที ี ๔ เวลำ ๓๐ ชั่วโมง/ปี

เปิดประชุมกอง ดาเนินการตามกระบวนการของลูกเสือ และจัดกิจกรรมโดยให้ศึกษา

วิเคราะห์ วางแผน ปฏิบัติกิจกรรมตามฐานการเรียนรู้โดยเน้นระบบหมู่ และปฏิบัติกิจกรรมตามคา

ปฏิญาณ คติพจน์ และกฎของลูกเสือสามัญ เรียนรู้จากการคิดและปฏิบัติจริง ใช้สัญลักษณ์สมาชิก

ลูกเสือสามัญท่ีมีความเป็น เอกลักษณ์ ร่วมกัน ศึกษาธรรมชาติในชุมชนด้วยความสนใจ ใฝ่รู้ และมี

จิตสานึกในการอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติ วัฒนธรรมประเพณี ภูมิปัญญาท้องถ่ิน ลดภาวะโลก

ร้อนและประยุกต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ความรู้เก่ียวกับกระบวนการลูกเสือ ประวัติของ

Load Baden Powell พระราชประวัติสังเขปของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

ววิ ัฒนาการของกระบวนการ ลกู เสอื ไทย และลูกเสือโลก การทาความเคารพ การแสดงรหัส การจับ

มือซ้าย กิจกรรมกลางแจ้ง ระเบียบแถวท่า มือเปล่า ท่ามือไม้พลวง การใช้สัญญามือและนกหวีด

การตั้งแถวและการเรียนแถว

เพ่ือให้มีความรู้ ความเข้าใจในกิจกรรมลูกเสือสามัญ สามารถปฏิบัติตามคาปฏิญาณ กฎ

และคติพจน์ ของลูกเสือสามัญ มีนิสัยในการสังเกต จดจา เชื่อฟัง และพ่ึงตนเอง มีความซ่ือสัตย์

สุจริต มีระเบียบวินัย และเห็นอกเห็นใจผู้อื่น บาเพ็ญตนเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ทาการ

ฝีมือและฝึกฝนการทากิจกรรมต่างๆ ตามความเหมาะสม ความถนัด และความสนใจ รักษาและ

สง่ เสรมิ จารีตประเพณวี ัฒนธรรมและความมั่นคง ประโยชน์และสามารถประยกุ ต์ใช้หลักปรัชญาของ

เศรษฐกจิ พอเพียง

ผลกำรเรยี นรู้
๑. มนี ิสัยในการสงั เกต จดจา เชอื่ ฟังและพึง่ ตนเองได้
๒. มีความซื่อสตั ยส์ จุ ริต มรี ะเบียบ วินยั และเห็นอกเหน็ ใจผอู้ ื่น
๓. บาเพ็ญตนเพอื่ ส่งเสริมและสาธารณะประโยชน์
๔. ทาการฝีมอื และฝึกฝนทากจิ กรรมตา่ ง ๆ ตามความถนัดและความสนใจ
๕. รกั ษาและสง่ เสริมจารีตประเพณี วัฒนธรรม ภูมปิ ญั ญาท้องถิ่น และความมนั่ คงของชาติ
๖. อนุรกั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอ้ ม ลดภาวะโลกร้อน
๗. สามารถประยุกต์ใชห้ ลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
รวม ๗ ผลกำรเรยี นรู้

หลกั สูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบ้านตาบา สพป.นธ. ๒

๓๖๖

คำอธิบำยรำยวชิ ำกิจกรรมพัฒนำผูเ้ รยี น

กิจกรรมพฒั นำผเู้ รียน กจิ กรรมนักเรียน ( กจิ กรรมลูกเสอื สำมญั (ลกู เสือโท)

ช้นั ประถมศึกษำปที ี ๕ เวลำ ๓๐ ชวั่ โมง/ปี

เปิดประชุมกองดาเนินการตามกระบวนการของลูกเสือ และจัดกิจกรรมโดยให้ศึกษา

วเิ คราะห์ วางแผน ปฏิบัติกิจกรรมตามฐานการเรียนรู้ โดยเน้นระบบหมู่และปฏิบัติกจิ กรรมตามคา

ปฏิญาณ คติพจน์ และกฎของลูกเสือสามัญ เรียนรู้จากคิดและปฏิบัติจริง ใช้สัญ ลักษณ์ สมาชิก

ลูกเสือสามัญท่ีมี ความเป็นเอกลักษณ์ร่วมกัน ศึกษาธรรมชาติในชุมชนด้วยความสนใจ ใฝ่รู้ มี

จิตสานกึ ในการอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติ วัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถ่ิน ลดภาวะโลกร้อนและการ

ประยุกต์ใช้ปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง โดยใช้ทักษะในทางวิชาลูกเสือ การรู้จักดูแลตนเอง การ

ชว่ ยเหลือผ้อู ื่น การเดนิ ทางไปยงั สถานทตี่ ่างๆ ทางานอดเิ รก และเรอื่ งทส่ี นใจ

เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจในกิจกรรมลูกเสือสามัญ สามารถปฏิบัติตามคาปฏิญาณ

กฎ และคติพจน์ของลูกเสือสามัญ มีนิสัยในการสังเกต จดจา เชื่อฟัง และพ่ึงตนเอง มีความซ่ือสัตย์

สุจริต มีระเบียบวินัย และเห็นอกเห็นใจผู้อ่ืน บาเพ็ญตนเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ทาการ

ฝีมือและฝึกฝน การทากิจกรรมต่างๆ ตามความเหมาะสม ความถนัด และความสนใจ รักษาและ

ส่งเสริมจารีตประเพณี วัฒนธรรมและความม่ันคง ประโยชน์และสามารถประยุกต์ใช้หลักปรัชญา

ของเศรษฐกจิ พอเพียง

ผลกำรเรยี นรู้
๑. มีนิสัยในการสังเกต จดจา เชอ่ื ฟังและพ่ึงตนเองได้
๒. มีความซอื่ สัตยส์ ุจริต มรี ะเบยี บ วนิ ัยและเหน็ อกเหน็ ใจผูอ้ น่ื
๓. บาเพญ็ ตนเพอื่ สง่ เสรมิ และสาธารณะประโยชน์
๔. ทาการฝีมอื และฝึกฝนทากจิ กรรมตา่ งๆ ตามความถนัดและความสนใจ
๕. รกั ษาและส่งเสริมจารีตประเพณี วัฒนธรรม ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถ่นิ และความมน่ั คงของชาติ
๖. อนุรักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล้อม ลดภาวะโลกร้อน
๗. สามารถประยุกต์ใช้หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
รวม ๗ ผลกำรเรยี นรู้

หลักสตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒

๓๖๗

คำอธิบำยรำยวิชำกิจกรรมพัฒนำผเู้ รียน

กจิ กรรมพฒั นำผู้เรียน กิจกรรมนักเรยี น ( กจิ กรรมลูกเสอื สำมญั (ลูกเสอื เอก)

ช้ันประถมศึกษำปีที ๖ เวลำ ๓๐ ชั่วโมง/ปี

เปิดประชุมกองดาเนินการตามกระบวนการของลูกเสือ และจัดกิจกรรมโดยให้ศึกษา

วิเคราะห์วางแผน ปฏิบัติกิจกรรมตามฐานการเรียนรู้ โดยเน้นระบบหมู่ และปฏิบัติตามคาปฏิญาณ

คติพจน์และกฎของลูกเสือ สามัญ วิชาการของลูกเสือ ระเบียบแถว การพ่งึ ตนเอง การผจญภัย การ

ใช้สัญลักษณ์ สมาชิกลูกเสือสามัญท่ีมีความเป็นเอกลักษณ์ร่วมกัน เรียนรู้จากการคิดและปฏิบัติจริง

ศึกษาธรรมชาติวัฒนธรรมประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้วยความสนใจ ใฝ่รู้และประยุกต์ใช้หลัก

ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ในการปฏิบัติ กิจกรรมเพ่ือการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและลด

ภาวะโลกร้อน

เพ่ือให้มีความรู้ ความเข้าใจในกิจกรรมลูกเสือสามัญ สามารถปฏิบัติตามคาปฏิญาณ กฎ

และคติพจน์ ของลูกเสือสามัญ มีนิสัยในการสังเกต จดจา เชื่อฟัง และพึ่งตนเอง มีความซ่ือสัตย์

สุจริต มีระเบียบวินัย และเห็นอกเห็นใจผู้อ่ืน บาเพ็ญตนเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ทาการ

ฝีมือและฝึกฝนการทากิจกรรมต่างๆ ตามความเหมาะสม ความถนัด และความสนใจ รักษาและ

ส่งเสริมจารีตประเพณีวัฒนธรรมและ ความม่ันคง ประโยชน์และสามารถประยุกต์ใช้หลักปรัชญา

ของเศรษฐกิจพอเพยี ง

ผลกำรเรียนรู้
๑. มนี สิ ัยในการสังเกต จดจา เชอื่ ฟังและพึ่งตนเองได้
๒. มีความซอื่ สัตย์สุจริต มรี ะเบียบ วนิ ัยและเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
๓. บาเพ็ญตนเพือ่ สง่ เสริมและสาธารณะประโยชน์
๔. ทาการฝมี อื และฝกึ ฝนทากิจกรรมต่างๆ ตามความถนัดและความสนใจ
๕. รกั ษาและส่งเสริมจารีตประเพณี วฒั นธรรม ภูมิปัญญาทอ้ งถิ่น และความมน่ั คงของชาติ
๖. อนรุ กั ษท์ รัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ ม ลดภาวะโลกรอ้ น
๗. สามารถประยกุ ต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
รวม ๗ ผลกำรเรยี นรู้

หลกั สตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒

๓๖๘

คำอธบิ ำยรำยวชิ ำกิจกรรมพัฒนำผูเ้ รยี น

กิจกรรมพัฒนำผเู้ รยี น กิจกรรมเพื่อสังคมและสำธำรณประโยชน์

ชั้นประถมศกึ ษำปีที ๑ - ๖ เวลำ ๑๐ ชวั่ โมง/ปี

ฝึกปฏิบัติกิจกรรมด้วยความสมัครใจผ่านกิจกรรมท่ีหลากหลาย ฝึกการทางานท่ีสอดคล้อง

กับชีวิตจริง ตลอดจนสะท้อนความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ สารวจและใช้ข้อมูลประกอบการ

วางแผนอยา่ งเป็นระบบ เน้นทักษะการคิดวิเคราะห์ และใช้ความคดิ สร้างสรรค์ การบรกิ ารด้านตา่ งๆ

ท่ีเป็นประโยชน์ต่อตนเองและส่วนรวม เสริมสร้างความมีน้าใจ เอ้ืออาทร ความเป็นพลเมืองดีและ

ความรับผิดชอบต่อตนเอง ครอบครัวและสังคม คิดออกแบบกิจกรรมบาเพ็ญประโยชน์ในลักษณะ

อาสาสมคั ร จติ อาสา เพื่อแสดงความรบั ผิดชอบต่อสังคมตามแนวทางวิถีชีวติ เศรษฐกจิ พอเพียง

เพื่อให้ผู้เรียนบาเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อครอบครัว โรงเรียน ชุมชน สังคมและ

ประเทศชาติ สามารถออกแบบการจัดกิจกรรมเพอ่ื สังคมและสาธารณประโยชน์อย่างสรา้ งสรรค์ตาม

ความถนดั และความสนใจในลักษณะอาสาสมัคร พฒั นาศักยภาพตนเองในการจัดกจิ กรรมเพ่ือสังคม

และสาธารณประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์จนเกิดคุณธรรม

จริยธรรมตามคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มีจิตสาธารณะและใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ และ

สามารถประยุกตใ์ ชห้ ลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงได้

ผลกำรเรยี นรู้
๑. บาเพ็ญตนให้เปน็ ประโยชนต์ ่อครอบครัว โรงเรยี น ชุมชน สังคมและประเทศชาติ
๒. ออกแบบการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์อย่างสร้างสรรค์ตามความ

ถนดั และ ความสนใจในลักษณะอาสาสมัคร
๓. สามารถพัฒนาศักยภาพในการจัดกิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ได้อย่างมี

ประสทิ ธภิ าพ
๔. ปฏิบัติกิจการเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์จนเกิดคุณธรรม จริยธรรมตาม

คุณลกั ษณะอัน พงึ ประสงค์
๕. สามารถประยุกตใ์ ชห้ ลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงได้
รวม ๕ ผลกำรเรียนรู้

หลักสูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒

๓๖๙

คำอธบิ ำยรำยวิชำกิจกรรมพัฒนำผ้เู รยี น

กิจกรรมพฒั นำผู้เรียน กิจกรรมแนะแนว

ช้นั ประถมศึกษำปที ี ๑ - ๖ เวลำ ๔๐ ชว่ั โมง/ปี

รู้จักและเข้าใจตนเอง รักและเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อ่ืน มีวฒุ ิภาวะทางอารมณ์ มีเจตคติ

ที่ดีต่อการมีชีวิตที่ดีมีคุณภาพ มีทักษะในการดาเนินชีวิต สามารถปรับตัวให้ดารงชีวิตอยู่ในสังคมได้

อย่างมีความสุข รู้จักตนเองในทุกด้าน รู้ความถนัด ความสนใจ และบุคลิกภาพของตนเอง รู้และ

เข้าใจโลกของงานอาชีพอย่างหลากหลาย มีเจตคติที่ดตี อ่ อาชีพสจุ รติ รู้ข้อมูลอาชพี สามารถเลือกตน

แนวทางในการประกอบอาชีพได้อย่างเหมาะสม มีการเตรียมตัวสู่อาชีพ สามารถวางแผนเพ่ือ

กอบอาชีพตามที่ตนเองมีความถนัดและสนใจ มีคุณลักษณะพ้ืนฐานที่จาเป็นในการประกอบอาชีพ

และพัฒนางานให้ประสบความสาเร็จเพ่ือสร้างฐานะทางเศรษฐกิจให้กับตนเอง ครอบครัว ชุมชน

และประเทศชาติ

พฒั นาตนเองในด้านการเรียนอย่างเต็มศักยภาพ รูจ้ กั แสวงหาความรู้ใฝ่รู้ใฝเ่ รียนใหเ้ ป็นคนดี

มีความรู้ และทักษะทางวิชาการ รู้จักแสวงหาและใช้ข้อมูลประกอบการวางแผนการเรียนหรือ

การศึกษาต่อได้อย่างมี ประสิทธิภาพ มีวิธีการเรียนรู้ มีทักษะการคิดแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ คิด

เปน็ ทาเป็น มีคณุ ธรรมจรยิ ธรรม เออ้ื อาทรและสมานฉันท์ เพือ่ ดารงชวี ติ อย่รู วมกันอย่างสงบสุขตาม

วถิ ีชีวติ เศรษฐกิจพอเพยี ง

เพื่อใหผ้ ู้เรียนเกดิ การเรียนรู้ ร้จู กั เขา้ ใจ รกั และเหน็ คณุ ค่าในตนเองและผูอ้ ืน่ เกดิ การเรยี นรู้

สามารถวางแผนการเรียนรู้อาชีพ รวมทั้งการดาเนินชีวิตและมีทักษะทางสังคม เกิดการเรียนรู้

สามารถปรับตัวได้อยา่ งเหมาะสม อยรู่ ่วมกับผู้อืน่ ไดอ้ ย่างมคี วามสขุ พงึ่ ตนเองได้มีทักษะในการเลือก

แนวทางการศึกษา การงานและอาชีพ ชีวิตและสังคม มีสุขภาพจิตท่ีดีและจิตสานึกในการทา

ประโยชนต์ ่อครอบครัว สงั คมและประเทศชาตติ ามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

ผลกำรเรียนรู้
๑. เพื่อให้ผเู้ รียนเกดิ การเรยี นรู้ รู้จกั เข้าใจ รกั และเหน็ คุณคา่ ในตนเองและผูอ้ นื่
๒. เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ สามารถวางแผนการเรียน การศึกษาต่อ อาชีพ รวมท้ังการ

ดาเนนิ ชวี ติ และมีทกั ษะทางสังคม
๓. เพ่ือให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ สามารถปรับตัวได้อย่างเหมาะสม และอยู่ร่วมกับผู้อ่ืนได้

อยา่ ง เหมาะสม
๔. สามารถประยกุ ต์ใชห้ ลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงได้
รวม ๔ ผลกำรเรียนรู้

หลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒

๓๗๐

สว่ นท่ี ๓
แนวทางการบรหิ ารจัดการหลกั สูตรฐานสมรรถนะ

๑.การบรหิ ารจัดการหลกั สูตร
หลกั สูตรสถานศึกษาคือ กลไกหลักในการขบั เคล่ือนและด้าเนินการจัดการศกึ ษาใหบรรลผุ ล
ตามเปาหมายและจุดเนนของสถานศึกษา ในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาจึงตองมีการวางระบบ
การสรางความรูความเขาใจใหบคุ ลากรในระบบนิเวศทางการศึกษาใหสามารถเขาถึงและเขาใจความ
ส้าคัญ พรอมท้ังมีสวนรวมในขั้นตอนตางๆ อยางเหมาะสม มีการเตรียมความพรอม วางแผนและ
ศกึ ษาขอมูลบริบทรอบดาน อยางครอบคลุมชัดเจน สรางเครือขายความรวมมอื จากภาคสวนที่สา้ คัญ
รวมทั้งอาจจัดใหมีการรับฟงความคิดเห็นจากผูเรียน ผูปกครอง ครูและบุคลากรทางการศึกษา องค
กรปกครองสวนทองถ่ิน ผูแทนภาคเอกชน และผูแทนภาคประชาสังคมในพ้ืนที่นวัตกรรมการศึกษา
และเตรียมพรอมส้าหรับการติดตามและประเมินผลการพัฒนาคุณภาพของผู เรียนหลักสูตร
สถานศึกษาฐานสมรรถนะเปนหลักสูตรที่ใชบริบทจัดการเรยี นการสอนเพือ่ พัฒนาสมรรถนะของ ผู
เรียน ซง่ึ สามารถปรับเปลี่ยนไดตามสถานการณของชมุ ชน สังคม ประเทศไทย และโลก สถานศึกษา
สามารถด้าเนินการตามขั้นตอนการจัดท้าหลักสูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะ ดงั แสดงในแผนภาพต
อไปน้ี

หลักสตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒

๓๗๑

1. เตรยี มความพรอม
ในการจัดทาหลักสูตรสถานศึกษา

ฐานสมรรถนะ

ความ จดั ทา้
พรอม ขอ้ มูล แนวคิด กรอบ
ของ บรบิ ท ส้าคญั หลักสตู ร

บุคลากร ฯ

พัฒนา 2. จดั ทาหลักสตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะ บรหิ ารจดั การ
บคุ ลากร และตรวจสอบคุณภาพหลกั สูตร หลักสูตร
- ระบบ
วธิ ีการ - จัดทา้ หลักสูตรตามองคประกอบที่ก้าหนด - จดั ระบบกลไก
- ชดุ ความรู้ - ตรวจสอบความถูกตองเหมาะสมของหลักสตู ร การบรหิ าร
- ตรวจสอบเพือ่ ใหการรับรอง สถานศึกษา
- บรหิ ารจัดการ
3. นาหลักสตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะไปใช หลักสตู ร
และปรับปรุง - ประกนั คณุ ภาพ
ภายใน
- สรางความเขาใจและวางระบบการน้าหลกั สตู รไปใช
- ออกแบบโครงสรางรายวชิ า รายวิชา/ กิจกรรม
หนวยการเรียนรู แผนการจัดการเรียนรู
- จัดกจิ กรรมการเรยี นรู และปรับปรงุ

4. ประเมนิ หลักสตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะ
- เก็บรวบรวมขอมลู การใชหลักสูตร
- ประเมนิ ผลการใชหลกั สูตร
- ปรบั ปรงุ หลักสูตรใหสมบรู ณ

แผนภาพ แสดงการจัดทาและใชหลักสตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะ

หลกั สตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบ้านตาบา สพป.นธ. ๒

๓๗๒

การจัดท้าและใชหลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะใหมีประสิทธิภาพ มีรายละเอียดของ
การด้าเนนิ การในแตละขนั้ ตอน ดังนี้

ขัน้ ตอนที่ 1 เตรียมความพรอมในการจัดทาหลักสตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะ
1) แตงตงั้ คณะกรรมการ
แตงตั้งคณะกรรมการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา โดยแตงต้ังคณะบุคคลท่ีมีหนาท่ี

รับผิดชอบการด้าเนินการจัดท้าหลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะจากภาคสวนตาง ๆ ที่เก่ียวของ
ซง่ึ เปนผูทยี่ อมรบั ในหลกั การของหลกั สตู รฐานสมรรถนะและพรอมเปลี่ยนแปลง

2) จดั ทาขอมูลความตองการจาเปนตามบริบทของสถานศึกษา ชุมชน ทองถ่ิน และ
สถานการณปจจบุ ัน

จดั ท้าขอมูลความตองการจ้าเปนของผูเรียนแตละระดบั และจุดเนนตามบริบทของ
สถานศึกษา ชุมชนและทองถิ่น เนื่องจากหลักสูตรฐานสมรรถนะใหความส้าคัญกับการพัฒนาใหผู
เรียนน้าส่ิงท่ีไดเรียนรูไปใชไดจริงในการด้าเนินชีวิต บริบทของสถานศึกษาจึงเก่ียวของโดยตรงกับผู
เรียน ท้ังสวนที่เปนสถานการณ หรอื ปญหาที่เกิดข้ึนในปจจุบัน หรือการใชชีวิตในอนาคตของผูเรียน
รวมทั้งสถานการณของประเทศและโลกปจจุบันท่ีบงบอกถึงสมรรถนะที่ผูเรียนตองมีเพื่อการใชชีวิต
ในอนาคต

3) ศกึ ษาการจัดการศึกษาฐานสมรรถนะ
ศึกษาการจัดการศึกษาฐานสมรรถนะ ซ่ึงประกอบดวย 1) หลักสูตรฐานสมรรถนะ

2) การจัดการเรียนรูฐานสมรรถนะ และ 3) การวัดและประเมินผลฐานสมรรถนะ ซ่ึงองคประกอบ
ทั้ง 3 องคประกอบมีความสอดคลองและสัมพันธกันตลอดแนว เพื่อท้าความเขาใจในหลักการของ
หลกั สตู รฐานสมรรถนะอันจะน้ามาสูการจดั ท้าหลกั สูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะ

4) ศกึ ษากรอบหลกั สูตรการศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๕
ศึกษา กรอบหลักสูตรฯ ซ่ึงมีองค ประกอบส้าคัญ ไดแก วิสัยทัศน หลักการ

จุดหมายคุณลักษณะอันพึงประสงคสมรรถนะหลัก 6 ดาน และสาระการเรียนรูซึ่งในชวงชั้นท่ี 1
ประกอบดวย 7 สาระไดแก ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร ศิลปะ สุขศึกษาและพลศึกษา
ประวัตศิ าสตร หนาที่พลเมือง และศีลธรรม และวิทยาศาสตรและระบบธรรมชาติ

หลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒

๓๗๓

ขน้ั ตอนที่ 2 จัดทาหลกั สูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะ และตรวจสอบคณุ ภาพหลักสูตร

จดั ทา หลกั สตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะ
และรายละเอียดของหลักสตู ร

ตรวจพิจารณาคุณภาพหลกั สตู ร

เสนอคณะกรรมการสถานศึกษา
และคณะกรรมการขับเคล่ือนพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา

พิจารณาใหความเหน็ ชอบ

1) จัดทา หลกั สตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะ และรายละเอียดของหลักสูตร ไดแก
วิสัยทัศน พันธกิจ สมรรถนะหลัก คุณลักษณะอันพึงประสงค สาระการเรียนรูโครงสรางหลักสูตร
สถานศึกษาค้าอธิบายรายวิชา/ กิจกรรม การวัดและประเมินผลและเกณฑการจบการศึกษา พรอม
ทัง้ จดั ทา้ เอกสารระเบยี บการวัดและประเมินผล ใหตรงตามเปาหมายของ กรอบหลกั สูตรฯ ที่ก้าหนด
ตามขน้ั ตอนตอไปนี้

1.1) วิเคราะห เช่ือมโยงผลลัพธการเรียนรูชวงชั้นที่ 1 ของกรอบหลักสูตร
การศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๖๕ กับบรบิ ทของสถานศึกษาทด่ี ้าเนนิ การไวขั้นตอนท่ี 1 เพื่อ
ปรับ หรือเพ่ิมเติมผลลัพธการเรียนรู ชวงช้ันท่ี 1 ใหสอดคลองกับสภาพบริบท จุดเนน ความพรอม
และความตองการของสถานศึกษา และความถนดั ความสามารถ ความสนใจ และความตองการของ
ผูเรียน

1.2) ก้าหนดโครงสรางหลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะ โดยศึกษากรอบโครง
สรางเวลาเรียนของกรอบหลักสูตรฯ สมรรถนะหลัก และผลลัพธการเรียนรูชวงช้ันท่ี 1 ตามสาระ
การเรียนรูแลว พิจารณาจัดท้ารายวิชา และเวลาเรียน ใหสอดคลองกับบริบทและจุดเนนของ
สถานศึกษา

โรงเรยี นบ้านตาบา ไดก้าหนดแนวการจดั โครงสรางเวลาเรียนของสถานศกึ ษา ในลกั ษณะ
การก้าหนดชวงเวลาที่ยืดหยุน เพื่อใหสถานศึกษาไดพิจารณาก้าหนดโครงสรางเวลาในการจัดการ
เรียนรูที่เอ้ือ ตอการพัฒนาผูเรียนใหบรรลุสมรรถนะตามกรอบหลักสูตรฯ และตามผลการวิเคราะห
บริบทและจุดเนนของสถานศึกษา สถานศึกษาพิจารณาและด้าเนินการจัดโครงสร้างหลักสูตร
สถานศึกษา โดยมหี ลักการ ดงั นี้

หลักสตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบ้านตาบา สพป.นธ. ๒

๓๗๔

1. ยึดสมรรถนะหลักและผลการวิเคราะหบริบทและจุดเนนของสถานศึกษาเปน
เปาหมายของการพฒั นาผูเรียนและการจดั เวลาในการเรียนรู

2. พัฒนาผูเรียนตามความสามารถ ความตองการ ความสนใจและเสนทางการ
เรียนรูของผูเรียน

3. ยืดหยุนตามบรบิ ทและระบบนเิ วศทางการศกึ ษา (Ecosystem) ของโรงเรียน
4. บรู ณาการการจัดการเรียนรูท้งั ภายในสาระการเรยี นรูและขามสาระการเรยี นรู
5. พัฒนาคุณภาพผูเรียนตามจุดเนนของชวงวัยและจุดเนนการจัดการศึกษา ชวง
ชนั้ ท่ี 1 (ช้ันประถมศึกษาปท่ี 1 - 3) มจี ุดเนนของชวงวัย ไดแก อานออก เขยี นได้ คิดเลขเป็น
มีทักษะการคิดข้ันพื้นฐาน ทักษะชีวิต ทักษะการสื่อสารอยางสรางสรรคตามชวงวยั และจุดเนนของ
การจัดการศึกษาเพือ่ เปนฐานการเรียนรูและสรางสุขภาวะของผูเรยี น

1.3) ก้าหนดผลลัพธการเรียนรูของรายวิชา การก้าหนดผลลัพธการเรียนรูของ
รายวิชากา้ หนดจากขอมลู

- ความตองการจ้าเปนของผูเรยี นในชัน้ ป/รายภาค
- จดุ เนนตามบรบิ ทของสถานศกึ ษาทไ่ี ดจดั ทา้ ในขนั้ ตอนท่ี 1
- ค้าบรรยายพฤตกิ รรมระดบั การพัฒนาของสมรรถนะหลักทเ่ี ก่ยี วของ
- ผลลพั ธการเรียนรูชวงช้ันที่ 1 ของสาระการเรียนรูท่เี กย่ี วของ
ผลลัพธการเรียนรูรายวิชา เปนความคาดหวังวาผูเรียนจะกระท้าได โดยระบุสมรรถนะหลัก
ท่เี ก่ียวของ สมรรถนะเฉพาะ (ความรู ทกั ษะ และคุณลักษณะทีเ่ ช่อื มโยงกนั ) และสถานการณ
การบรรลุผลลัพธการเรียนรูเมื่อจบชวงช้ันที่ ๑ ก้าหนดใหผูเรียนใชเวลาเรียนภายใน ๓ ป
ซ่งึ สถานศึกษาสามารถจะก้าหนดผลลัพธ์การเรียนรูแต่ละป / รายภาค ไตล้าดับจากง่ายไปยาก หรือ
ผลลัพธ์การเรียนรูเหมือนกันในแต่ละป แต่มีความเข้มข้นของสมรรถนะเฉพาะ ระดับการพัฒนา
สมรรถนะหลกั และสถานการณทีห่ ลากหลายและซับซอนมากขึน้
1.4) จดั ท้าค้าอธบิ ายรายวชิ า
จัดท้าค้าอธิบายรายวิชา โดยน้าผลลัพธการเรียนรูรายวิชาช้ันปี/รายภาค มาเขียน
เป็นคา้ อธิบายรายวิชา ซงึ่ สามารถเขยี นไดหลายลกั ษณะ มอี งคประกอบทีส่ า้ คญั ดงั น้ี
1.4.1) ชื่อรายวิชา ส้าหรับช่ือรายวิชา สถานศึกษาสามารถก้าหนดไดตามความ
เหมาะสม ทัง้ น้ี ตองสือ่ ความหมายไดชดั เจน สอดคลองกับผลลพั ธการเรียนรูชั้นป/รายภาค
1.4.2) เวลาเรยี น
1.4.3) ขอความทเี่ ปนการระบุรายละเอียดของความรู ทักษะ เจตคติและคานิยมที่
ผูเรียน ตองใชรวมกันเพื่อใหบรรลุความสามารถที่คาดหวังดังกลาวมาเขียนเรียบเรียงเปน
คา้ อธิบายรายวิชาซ่งึ ประกอบดวย

หลักสตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒

๓๗๕

- ผลลัพธการเรียนรูของผูเรียนที่แสดงรายละเอียดพฤติกรรมบงช้ีของสมรรถนะ
หลักโดยระบวุ าผูเรียนท้าอะไรได อยางไร ในระดับใด ในเงื่อนไขใด สถานการณใด

- สมรรถนะเฉพาะ ซ่ึงประกอบดวย ความรู ทักษะ และคุณลักษณะทเ่ี ชือ่ มโยงกัน
- สถานการณและบริบทการเรยี นรู ท่ใี ชในการจัดการเรยี นรูผานรูปแบบ สอ่ื วธิ กี าร
ทีห่ ลากหลายอยางเหมาะสม
ทั้งน้ีอาจมีการก้าหนดรายละเอียดอ่ืน ๆ ท่ีสถานศึกษาเห็นวาส้าคัญจ้าเปน เชน
แนวทางการวัดและประเมินผลที่ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการ และเครื่องมือ นอกจากน้ีการ
ค้าอธิบายรายวิชาควรเขียนใหมีความกระชับ อาจแบงยอหนา หรือไมแบงยอหนาก็ได แตตองมี
ความชดั เจนเพยี งพอในการน้าไปออกแบบหนวยการเรียนรูและแผนการจดั การเรียนรู
2) ตรวจพิจารณาคุณภาพหลักสตู ร
เม่ือจัดท้าหลักสูตรสถานศึกษาเสร็จเรียบรอยแลว ควรมีการพิจารณาคุณภาพ ความ
ถกู ตองเหมาะสม โดยสามารถทา้ ไดหลายวิธี เชน การใหผูเชี่ยวชาญตรวจสอบ หรือการรบั ฟงความ
คิดเหน็ จากผูท่เี ก่ยี วของ เพื่อนา้ ขอมูลที่ไดมาพิจารณาปรับปรงุ แกไขใหสมบรู ณยง่ิ ขึ้น
3) เสนอคณะกรรมการสถานศึกษา และคณะกรรมการขับเคล่ือนพื้นท่ีนวัตกรรม
การศกึ ษาพจิ ารณาใหความเหน็ ชอบ
น้าเสนอ หลักสูตรสถานศึกษา และระเบียบการวัดและประเมินผล ตอคณะกรรมการ
สถานศึกษา และคณะกรรมการขับเคล่ือนพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา เพ่ือพิจารณาใหความเห็นชอบ
หากมีขอเสนอแนะจากคณะกรรมการ ใหน้าขอเสนอแนะดังกล่าวไปพิจารณาปรับปรุงหลักสูตร
สถานศึกษาใหมีความเหมาะสมและชัดเจนยิ่งข้ึนกอนการอนุมัติใชหลักสูตร และเม่ือไดรับความ
เห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษา และคณะกรรมการขับเคลื่อนฯ แลว ใหจัดท้าเป็นประกาศ
หรือค้าส่ัง เรื่อง ใหใชหลักสูตรสถานศึกษา โดยผูบริหารสถานศึกษาและประธานกรรมการ
สถานศึกษาเป นผู ลงนาม หรือผู บริหารสถานศึกษาเป นผู ลงนามเพียงผู เดียว หรือตามที่
คณะกรรมการขับเคลอ่ื นฯ เหน็ ชอบ
ขัน้ ตอนท่ี 3 นาหลักสตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะไปใช และปรับปรุงการจัดการเรยี นรู
1) นาหลกั สตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะไปใช

น้าหลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะซึ่งได้ก้าหนดค้าอธิบายรายวิชาไวแลวไป
จัดท้าโครงสร้างรายวิชา หนวยการเรียนรู้และแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู เพื่อพัฒนาผูเรียนใหมี
คณุ ภาพตามเปาหมาย

1.1) จดั ทาโครงสรางรายวชิ า
จัดท้าโครงสรางรายวิชา เพื่อชวยใหเห็นภาพรวมของรายวิชาประกอบดวย

ชื่อหนวยการเรียนรูและเวลาเรียนของแตละหนวย โดยมีขอค้านึงในการจัดท้าโครงสรางรายวิชา
ดังนี้

หลักสตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒

๓๗๖

- การจัดล้าดับหน วยการเรียนรู ให พิจารณาจากล้าดับของการพัฒนา
สมรรถนะเฉพาะใหมีความตอเนอ่ื งจากงายไปยาก จากใกลตัวไปไกลตัวเพื่อใหผูเรยี นไดสัง่ สม ความรู
ทกั ษะ เจตคติ/ คานิยมและน้าส่ิงที่ไดรับมาพัฒนาสมรรถนะหลักอยางคอยเปนคอยไป โดยเนนการ
ประเมินเพ่ือพัฒนาความกาวหนาโดยค้านึงถึงพัฒนาการ ศักยภาพ และธรรมชาติของผูเรียนเปน
สา้ คัญ ทั้งนี้ พึงตระหนักวาการจดั การเรยี นรูฐานสมรรถนะมุงใหผูเรียนคนพบตัวเอง ซ่ึงผูเรียนแตละ
คนอาจมีศักยภาพ ความถนัด หรือความตองการจ้าเปนแตกตางกัน การจัดล้าดับหนวยการเรียนรูที่
ดี จะท้าใหผูเรียนสามารถพัฒนาตามล้าดับขั้นไดจริง แตการใหความชวยเหลือผูเรียนเทาที่
จ้าเปนตามความแตกตางของผูเรียนแตละคนก็มีความส้าคัญอยางยิ่ง เพราะจะท้าใหผูเรียนสามารถ
บรรลุสมรรถนะหลักท่ีเปนเปาหมายได แมจะใชเวลาเรียน หรือวิธีการท่ีแตกตางกัน และลดความ
เสี่ยงของการสูญเปลาทางการเรียนรูท่ีจะหยุดชะงักลงเม่ือผูเรียนยังไมบรรลุผลลัพธการเรียนรูท่ี
จ้าเปนตอการเรยี นรูในขั้นตอไป

- ความเชื่อมโยงของหนวยการเรียนรูที่จัดขึ้นวามีความเก่ียวเนื่องเชื่อมโยง
กันอยางไร เปนล้าดับขั้นตอนหรือไม หรือสามารถเรียนรูแบบแยกสวนได รวมท้ังหลักฐานการ
เรียนรูของรายวิชามีความสัมพันธกับหนวยการเรียนรูแตละหนวยที่จัดขึ้นหรือไม อยางไร ซ่ึงจะ
น้ามาสู การจัดการเรียนรู ที่มีความหมาย และกระตุ นให ผูเรียนเกิดความคิดเช่ือมโยงและ
บรู ณาการอยางเปนระบบ

- การก้าหนดเวลาเรียนของแต ละหน วยการเรียนรู พิจารณาจากเวลา
ความเขมขนของผลลัพธการเรียนรูเชิงสมรรถนะ โดยเวลาเรียนที่ก้าหนดข้ึนอาจตองพิจารณาวา
นอกจากจะเปนเวลาเรียนใน หองเรียนท่ีก้าหนดตามโครงสรางเวลาเรียนแลว อาจมีความจ้าเปนท่ี
นักเรียนจะตองการศึกษาดวยตนเองนอกหองเรียน หากเปนเชนน้ันครูผูสอนจะตองพิจารณาวา
นักเรียนจะเปนตองใชมีความเหมาะสมแลวท้ังในรายวิชาของตนเอง และตองพิจารณารวมกับ
ครูผูสอนคนอ่ืนท่ีรับผิดชอบจัดการเรียนรู ในระดับช้ันเดียวกันดวยวาเพ่ิมภาระใหกับผูเรียน
จนลดประสทิ ธภิ าพการเรยี นรูหรือไมอกี ดวย

- เมื่อนักเรียนเรียนรู หนวยการเรียนรู สุดทายจบลง นักเรียนต องบรรลุ
จุดมุงหมายของรายวิชา กลาวคือ นักเรียนควรไดรับการพัฒนาจนมีศักยภาพท่ีจะตอยอดความ
ช้านาญไปใชในสถานการณหรือบริบทที่ทาทาย และใกลเคียงกับชีวิตจริง หลังจากออกแบบหนวย
การเรียนรูแลว ครูผูสอนสามารถก้าหนดชื่อหนวยการเรียนรูใหสอดคลองกับเน้ือหา หรือกิจกรรม
ภายในหนวยการเรียนรู โดยอาจก้าหนดใหเปนช่ือท่ี เราความสนใจ และทาทายความสามารถของ
ผูเรียน

1.2) จัดทาหนวยการเรียนรู
จัดท้าหนวยการเรียนรู โดยพิจารณาผลลัพธการเรียนรูรายป /รายภาค

สมรรถนะหลัก และสมรรถนะเฉพาะทั้งดานความรู ทักษะ และคุณลักษณะ ที่เชื่อมโยงและเกี่ยวของ

หลักสูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒

๓๗๗

เป็นเร่ืองเดียวกันมาบูรณาการเป็นหน่วยการเรียนรู และจัดการเรียนการสอนในลักษณะองครวม ซ่ึง
สามารถจัดการเรียนการสอนบรู ณาการกบั สาระการเรยี นรูอ่ืน ๆ ได เพอื่ พฒั นาผูเรียนใหมีสมรรถนะ
การออกแบบหนวยการเรียนรู ตองออกแบบการจัดการเรียนรู (Learning) ควบคูกับการประเมิน
เพ่ือการพัฒนา (Formative Assessment) ใหผูเรียนมีสมรรถนะตามจุดประสงค การเรียนรู้
เชงิ สมรรถนะ (Objective) ซง่ึ เปนเปาหมายการเรียนรู โดยมรี ายละเอยี ด ดังตอไปนี้

1) การกาหนดจดุ ประสงคการเรียนรูเชิงสมรรถนะ

จุดประสงคการเรยี นรูเชิงสมรรถนะจะประกอบดวยองคประกอบส้าคญั 3 ประการ คือ
1. การแสดงความรู ทักษะ คุณลักษณะ ที่ส้าคัญและจ้าเปนส้าหรับการพัฒนาผู

เรยี นทเี่ ช่ือมโยงกัน
2. งาน/ สถานการณ/ บริบท /การแกปญหา ทผ่ี ูเรียนตองใชการบูรณาการความรู

ทักษะ และคุณลกั ษณะ
3. การแสดงพฤติกรรม ท่ีแสดงออกถงึ สมรรถนะของผูเรียน

2) การกาหนดการประเมินการเรียนรู และหลกั ฐานการเรียนรู
เมื่อก้าหนดจุดประสงคการเรียนรูเชิงสมรรถนะ สิ่งที่ตองด้าเนินตอไป คือ ก้าหนด

หลักฐานการเรียนรู ทีส่ ามารถใชประเมนิ ระดับความช้านาญของผูเรียน และใหขอมูล ปอนกลับใน
การพัฒนา ผูเรียน (Assessment as Learning) ชวยใหผูเรียนตระหนักในการเรียนรูของตน
สามารถวางแผนการเรียนรูก้ากับการเรียนรู วินิจฉัย ประเมิน และปรับปรุงการเรียนรูของตนให
พัฒนาในระดับท่ีสูงขึ้น โดยเปดโอกาสให้ ผูเรียนแสดงสมรรถนะผานหลักฐานการเรียนรูได
หลากหลายวิธตี ามความถนัด ความชอบและศกั ยภาพในรปู แบบของตนเอง

3) การกาหนดการจดั การเรยี นรู
หลังจากท่ีผูสอนก้าหนดจุดประสงคการเรียนรูเชิงสมรรถนะ และหลักฐานการ

เรียนรูส้าหรับการประเมินเพ่ือพัฒนา และหลักฐานการเรียนรูส้าหรับการประเมินสรุปผลการพฒั นา
แลวขนั้ ตอนตอไปคือ การออกแบบการจัดการเรียนรู โดยใหมีการประเมินเพื่อพฒั นาควบคไู ปดวย

โดยสรปุ หนวยการเรยี นรูมีองคประกอบดงั น้ี
๑. ช่ือหนวยการเรียนรู และเวลาเรยี น
๒. ผลลัพธการเรยี นรูรายวิชาชน้ั ป
๓. สมรรถนะหลักท่เี กยี่ วของ (ตามระดับการพฒั นา)
๔. สมรรถนะเฉพาะ (ทั้งดานความรู ทักษะและคณุ ลักษณะทีเ่ ช่ือมโยงกัน)
๕. จดุ ประสงคการเรยี นรูเชงิ สมรรถนะ
๖. ความสมั พันธระหวางจุดประสงคเชิงสมรรถนะ กับหลกั ฐานการเรียนรู
๗. การจดั การเรยี นรู
๘. เกณฑการประเมิน

หลกั สตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒

๓๗๘

ดังแสดงในภาพแผนตอไปน้ี

ชื่อหนวยการเรียนรู และเวลาเรยี นอยางเชอื่ มโยงกัน)
ผลลัพธการเรียนรูรายวชิ าชั้นป

สมรรถนะหลกั ที่เก่ียวของ สมรรถนะเฉพาะ
(ตามระดบั การพฒั นา) (ท้ังดานความรู ทักษะ และคุณลกั ษณะ

ท่เี ช่ือมโยงกัน)

ผลลพั ธการเรียนรูรายวิชาชั้นป

การจดั การเรียนรู หลักฐานการเรียนรู้

เกณฑก์ ารประเมนิ

ระบบการจัดการเรยี นรูควบคูการประเมนิ เพ่อื พัฒนาสมรรถนะผูเรียน
การประเมินเปนสวนหน่ึงที่บรู ณาการอยูในกระบวนการเรยี นรู การจัดการเรียนรูควบคูการ

ประเมินเพื่อพัฒนาสมรรถนะผู เรียนจึงเป นระบบที่แสดงให เห็นถึงโครงสร างที่มีองค ประกอบที่
หลากหลาย ท่ีแสดงใหเห็นวาการจัดการเรียนรูด้าเนินการควบคูไปพรอมกับการประเมินตลอดแนว
ดังน้ี

1. การกาหนดจุดประสงคการเรียนรูเชิงสมรรถนะ ออกแบบการเรียนรู และออกแบบ
การประเมนิ

เปนข้ันตอนแรกของการเตรียมการจัดการเรียนรู การก้าหนดจุดประสงคการเรียนรู
พิจารณาใหเหมาะสมตามสมรรถนะหลักและระดับสมรรถนะ ผลลัพธการเรียนรูรายวิชา/ ชวงช้ัน/
รายป และสมรรถนะเฉพาะ โดยบงบอกระดับสมรรถนะท่ีน้ามาใชในการออกแบบการจดั การเรยี นรู
โดยท่ัวไประดับสมรรถนะจะมีการแบงใหเหมาะสมกบั ชวงชนั้ ซง่ึ นา้ มาก้าหนดเปนผลลัพธการเรียนรู
รายวิชา/ ชวงช้ัน/ รายป และสาระการเรียนรูตาง ๆ ก้าหนดสมรรถนะเฉพาะจากความรูและ
สมรรถนะท่เี ชือ่ มโยงกนั ซงึ่ ครูผูสอนสามารถนา้ มาใชในการกา้ หนดวัตถุประสงคของการจดั การเรยี น
รไู ด

หลังจากก้าหนดจุดประสงคการเรียนรูเชิงสมรรถนะแลว ครูผูสอนด้าเนินการออกแบบ
การจัดการเรียนรู และการประเมนิ ไปพรอมกนั กลาวคือ ครอู อกแบบการจัดการเรยี นรูทั้งในลกั ษณะ
หนวยการเรียนรูหรือแผนการจัดการเรียนรู ตามดุลยพินิจของครูและความเหมาะสมกับความตอง
การของผูเรียน การออกแบบการจัดการเรียนรูควรระบุพฤติกรรมบงช้ีท่ีแสดงถึงการบรรลุจุดประ

หลักสตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบ้านตาบา สพป.นธ. ๒

๓๗๙
สงคการเรยี นรูเชิงสมรรถนะ หรือกลาวอีกนัยหนึ่งคือแสดงวามีสมรรถนะตามจดุ ประสงคการเรียนรู
น้ัน ซงึ่ พฤติกรรมดงั กลาวสามารถพจิ ารณาไดจากหลักฐานการเรียนรูของผูเรยี น

การออกแบบการประเมินควบคูกับการเรียนรูควรใหความส้าคัญกับการประเมินเพ่ือความ
กาวหนาเม่ือก้าหนดหลักฐานการเรยี นรูไดแลว ครสู ามารถก้าหนดวธิ กี ารในการเกบ็ รวบรวมหลกั ฐาน
การเรียนรูดังกลาวดวยเคร่ืองมือและชวงเวลาท่ีเหมาะสม โดยพิจารณากิจกรรมการเรยี นรูที่สงเสริม
และเชือ่ มโยงการเรียนรูของผูเรียนอยางตอเนื่องตลอดระยะการเรียนรู หลักฐานการเรียนรูในแตละ
ชวงของการเรียนรูในหนวยการเรียนรูหรือแผนการจัดการเรียนรูเปนหลักฐานส้าคัญท่ีแสดงใหเห็น
ความกาวหนาในการเรียนรูของผูเรียน กอนที่จะไปถึงการท้าผลงาน หรือชิ้นงานที่แสดงการมี
สมรรถนะในตอนทายของการเรียนรู โดยครอบคลุมทุก ชวงเวลาของกิจกรรมการเรียนรู เพ่ือให
สามารถดา้ เนนิ การเกบ็ รวบรวมหลักฐานท่ีแสดงพฤตกิ รรมบงช้ีไดท้ นั ทวงที

หลกั สตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒

การเรียนรูควบคูการประเมินเพือ่ พัฒนา

วงจรของการปฏบิ ัตกิ ารประเมนิ เพ

ก้าหนดจดุ ประสงค ออกแบบ ประเมนิ วนิ จิ ฉัย/ จดั ก
การเรยี นรู และออกแบบการประเมิน ศกึ ษาพนื้ ฐานเดิม การปร

ตามสมรรถนะหลัก ตคี วามและ
และระดับสมรรถนะ พฤติกรร

ตามผลลัพธการเรียนรู รายบคุ
รายวิชา/ ชวงช้นั / รายป
ผูเรยี นสะ
ตามสมรรถนะเฉพาะ และกา้ กบั ก

ผงั แสดงระบบการจดั การเรียนรู้ควบคกู่

หลักสตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒

๓๘๕

พื่อการเรยี นรู

การเรียนรูควบคู ประเมินซ้า พฒั นาตอยอด
ระเมนิ เพ่ือพัฒนา ตามความตองการ ตามลา้ ดับการเรยี น

รู

ะบันทึก ใหขอมลู ไดรบั
รมบงช้ี ปอนกลับ การสนับสนนุ
คคล ชวยเหลือ

ะทอนคิด
การเรยี นรู

การประเมินเพื่อพัฒนาสมรรถนะผู้เรยี น

๓๘๖

2. วงจรการปฏิบตั กิ ารประเมนิ เพ่ือการเรียนรู
เป็นการประเมินท่ีบูรณาการกับกระบวนการเรียนรูในการจัดการเรียนรูครูสามารถเร่ิม

ดวยการประเมินวินิจฉัยเพื่อศึกษาพื้นฐานความรูเดิม หรือจุดออนจุดแข็งของผู้เรียนที่มีอยูเดิมกอน
เรียน หรือการเรียนรูหรือสมรรรถนะเดิมกอนเรียนของผูเรียน ซ่ึงชวยใหครูออกแบบการเรียนรูหรือ
ปรบั การจดั การเรยี นรูใหเหทมาะสมกบั ความตองการของผูเรียนรายบคุ คลได

หลังจากที่เขาใจภาพความคาดหวังของการเรียนรูตรงกันแลว จึงเร่ิมด้าเนินการจัดการ
เรียนรูควบคูการประเมินเพ่ือพัฒนา หมายความวาในระหวางการจัดการเรียนรู ครูและผูเรียน
ติดตามการเรียนรู ของผู เรียนเปนระยะ ๆ ด วยวิธีการประเมินความก าวหน า (Formative
Assessment) ท่ีใชท้ังการประเมินโดยครู เพ่ือนและการประเมินตนเองของผูเรียน การประเมิน
ความกาวหนาท้าใหไดหลักฐานการเรียนรูท่ีแสดงความกาวหนาของผูเรียนเปนล้าดับ มีการให
ขอมูลปอนกลับและการสนับสนุนชวยเหลือผูเรียนตามความตองการที่ วิเคราะหจากหลักฐานการ
เรียนรู ในขณะเดียวกันผูเรียนจะก้ากับติดตามการเรียนรูของตนเองได โดยไมตองรอใหถึงการ
ประเมนิ ในชวงทายของการเรียนรู

3. การพัฒนาตอยอด
เม่ือผูเรียนมีสมรรถนะตามวัตถุประสงคการเรียนรูแลว จะพัฒนาตอเน่ืองตามวัตถุ

ประสงคการเรียนรูอื่นตอไป ซ่ึงเปนไปตามกระบวนการต้ังแตการก้าหนดวัตถุประสงคการเรียนรู้
ออกแบบการจัดการเรียนรูและการประเมิน และวงจรการปฏิบัติการประเมินเพื่อการเรียนรูควบคู
การเรียนรู เปนวงจรตอเน่ืองกันท้าใหการเรียนรูเกิดเปนเสนทางการเรียนรูของผูเรียนรายบุคคล
ตอไป

ข้นั ตอนท่ี 4 ประเมนิ หลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะ
เป็นขั้นตอนของการวิเคราะห์ และสังเคราะห์ เก็บรวบรวมข้อมูลการใช้หลักสูตรของ

บคุ ลากรในสถานศึกษา โดยใช้หลกั การและทฤษฎีการประเมินหลักสูตร เป็นผลสืบต่อเนอ่ื งจากการ
ท่ีบุคลากรได้น้าหลักสูตรลงสู่การปฏิบัติไปได้ระยะหน่ึง ดังน้ัน การประเมินผลการใช้หลักสูตรจึงมี
ความจ้าเป็นต่อการใช้หลักสูตรอย่างยิ่ง ทั้งเพ่ือให้ทราบถึงผลการใช้หลักสูตรมีความสอดคล้องและ
รองรับนโยบายและการปรับเปล่ียนสภาพเศรษฐกิจและสังคมของท้องถ่ินและประเทศชาติ เพ่ือ
ปรบั ปรุงหลักสตู รใหม้ ีความสมบูรณย์ ิง่ ขึ้น

หลกั สูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบ้านตาบา สพป.นธ. ๒

๓๘๗

● แหล่งเรยี นรูภ้ ายในโรงเรียน
1. ลานพฒั นาการเด็กปฐมวัย
2. หอ้ งพยาบาล
3. ห้องสหกรณ์โรงเรียน
4. มัสยดิ
5. สวนหย่อม
6. บริเวณภายในโรงเรียน
7. หอ้ งคอมพวิ เตอร์
8. หอ้ งสมุด
๙. แปลงเกษตร
๑๐. ที่เลยี้ งไก่

● แหล่งเรียนรใู้ นชุมชน/ท้องถ่ิน
1. ตลาดนดั
2. ด่านศุลกากร
3. มสั ยดิ
4. โรงพยาบาล
5. สถานตี ้ารวจ
6. เทศบาลเมอื งตากใบ
7. ท่าจอดเรือประมง
8. กูโบร์
9. หาดเสดจ็
10. ศูนยพ์ ิกุลทอง

๒. วิธกี ารพัฒนาผบู้ ริหาร ครู และบุคลากรทางการศึกษา มีวิธกี าร ดงั น้ี
* ขั้นวางแผนการท้างาน (Plan : P) ประชุมช้แี จง หาความรู้เพ่มิ เติมเกย่ี วกับหลกั สตู รฐาน

สมรรถนะ ช้แี จงครู และบคุ ลากรทางการศึกษารับทราบ เพ่ือน้าไปสูก่ ารจัดทา้ โครงการ/กจิ กรรม
ต่างๆ ทีต่ อบสนอง/สอดคล้อง กบั การจัดการศึกษาฐานสมรรถนะ

* ข้ันตอนการร่วมกันปฏบิ ัติ ( Do : D) เปน็ ขนั้ ตอนทลี่ งมือดา้ เนินโครงการ/กิจกรรม ให้กบั
นักเรียน ตามเวลาทีไ่ ดก้ า้ หนดหรือตามเวลาท่ีเหมาะสม โดยเนน้ นกั เรยี นเปน็ ส้าคญั

* ขนั้ การตรวจสอบ ( Check : C) เป็นการตรวจสอบถึงผลการดา้ เนินโครงการ/กจิ กรรม ที่
ได้จัดไปแล้วว่าเป็นไปตามฐานสมรรถนะหรอื ไม่ เกิดผลดี ผลเสยี อยา่ งไร

* ขั้นการแก้ไขปรับปรุงการท้างาน (Action : A) เมือ่ ตรวจสอบผลการดา้ เนินโครงการ/
กจิ กรรม พบข้อเสยี ใหแ้ ก้ไขปรับปรงุ หรือเพ่ิมเตมิ ในข้อดี เพ่ือไดจ้ ัดท้าโครงการ/กิจกรรมตา่ งๆ ในปี
ถัดไป

หลกั สูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒

๓๘๘

๓. แผนงาน/วิธกี ารส่ือสาร และการสร้างเครอื ขา่ ยความร่วมมือกับผู้เกีย่ วข้อง
โรงเรียนบา้ นตาบา มีแผนงาน/วธิ กี ารสอ่ื สาร โดยใชว้ งจรเดมมงิ่ ดงั นี้

* ขั้นวางแผนการทา้ งาน (Plan : P) ประชุมชแี้ จง ครูและบุคลากรทางการศึกษา งาน
บรหิ าร 4 ฝา่ ยประกอบด้วย บริหารงานวิชาการ บริหารงานงบประมาณ บริหารงานบุคคลและ
บรหิ ารงานท่ัวไป กา้ หนดโครงการ/กิจกรรม/จุดเน้น ของสถานศึกษา

* ขน้ั ตอนการรว่ มกันปฏบิ ตั ิ ( Do : D) เปน็ ขั้นตอนท่ลี งมือสร้างเครือข่ายกับผู้ที่เก่ยี วข้อง
ไม่วา่ จะเปน็ นักเรยี น ผปู้ กครอง คณะกรรมการสถานศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน และหนว่ ยงานต่างๆที่
เกยี่ วขอ้ ง เชน่ ดา่ นศลุ กากร โรงพยาบาล ห้องสมุดประชาชน เปน็ ต้น

* ขั้นการตรวจสอบ ( Check : C) เปน็ การตรวจสอบถงึ ผลการตอบรับ การให้ความร่วมมอื
การเขา้ รว่ มกจิ กรรมทีโ่ รงเรียนจดั ขึ้น

* ขนั้ การดา้ เนินงานใหเ้ หมาะสม (Action : A) นาผลไปปรบั ปรุงให้ดีขน้ึ

๔. วิธกี ารพัฒนา ข้อมลู หลักฐาน เอกสารเชงิ ประจกั ษ์ ที่สนับสนุนผลการประเมนิ ตนเองของ
สถานศึกษาด้านประกนั คุณภาพการศกึ ษาภายใน

๑) วิธกี ารพัฒนา ทง้ั ๓ มาตรฐาน

โรงเรียนบ้านตาบา พัฒนาผู้เรียนด้วยวิธีการท่ีหลากหลาย ครูจัดการเรียนรู้ให้เป็นไปตาม
ศกั ยภาพของผู้เรียน โรงเรียนสง่ เสริมให้ผู้เรียนมีความสามารถในการคิดอย่างเป็นระบบ โดยจัดการ
เรียนการสอนและกิจกรรมท่ีส่งเสริมพัฒนาให้ผู้เรียนพัฒนาอย่างเต็มท่ี จัดการเรียนการสอนและ
กิจกรรมท่ีส่งเสริมพัฒนาทางด้านร่างกาย การออกกาลังกาย และเล่นอย่างปลอดภัย นักเรียนจะมี
พัฒนาการท่ีเติบโตสมวัย มีอารมณ์ท่ีเบิกบานแจ่มใส ส่งผลให้พัฒนาอย่างเต็มท่ี และเป็นไปตาม
มาตรฐานและตัวช้ีวัดของหลักสูตรมีการออกแบบการจัดการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียน โดยมีการ
จัดการเรียนรู้ท้ังรูปแบบการระดมสมอง แบบลงมือปฏิบัติจริง แบบร่วมมือกันเรียนรู้ แบบใช้
กระบวนการคิด และเน้นเร่ืองการอ่านออก การเขียน ของผู้เรียนเป็นเร่ืองสาคัญที่สุด โดยมุ่งพัฒนาให้
ผู้เรยี นทุกคนอ่านออก เขียนได้และคิดเลขเป็น เหมาะสมตามระดับชั้น ส่งเสริมให้ผู้เรียนใช้ภาษาไทยได้
ตามความเหมาะสมของแตล่ ะระดับชนั้ สง่ เสริมการคิดวเิ คราะห์ แก้ปญั หาได้เหมาะสมตามระดับชั้น
พัฒนาครูทุกคนให้สามารถนาเทคนิควิธีสอนให้สอดคล้องกับศักยภาพผเู้ รียน และพัฒนาผู้เรียนให้มี
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเฉล่ียท้ัง ๘ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ผลการประเมินสมรรถนะสาคัญเป็นไปตาม
เกณฑ์ที่สถานศึกษากาหนด มีผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียนในภาพรวมจากการ
เรียนการสอน การส่งเสริมและการพัฒนาผู้เรียนให้ผู้เรียนมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ ตาม
เกณฑท์ สี่ ถานศึกษากาหนด

โรงเรยี นบ้านตาบาจงึ กา้ หนดมาตรฐานการศกึ ษา ทง้ั ๓ ดา้ น ดงั ต่อไปนี้
๑. มาตรฐานการศึกษาดา้ นคุณภาพผเู้ รยี น จา้ นวน ๒ ด้าน ได้แก่

หลกั สตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒

๓๘๙

๑) ด้านผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน มุ่งเน้นให้นักเรียนมีความสามารถในการอ่าน การ
เขียน การสื่อสาร การคิดค้านวณ รวมท้ังการมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตามหลักสูตรสถานศึกษา มี
ความสามารถในการวิเคราะห์ คิดอย่างมีวิจารณญาณ มีความสามารถในการสร้างนวัตกรรม การใช้
เทคโนโลยสี ารสนเทศ การสือ่ สาร และการมีความรู้ทกั ษะพนื้ ฐาน เจตคตทิ ่ดี ตี ่องานอาชพี

๒) ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน มุ่งเน้นให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะและ
ค่านยิ มทด่ี ตี าม ทสี่ ถานศกึ ษาก้าหนด และมีสุขภาวะทางร่างกายและสังคม ความภูมิใจในท้องถิ่น
และความเป็นไทยการยอมรับ ทจ่ี ะอย่รู ว่ มกนั บนความแตกต่างและหลากหลาย

๒. มาตรฐานการศกึ ษาด้านกระบวนการบริหารและการจัดการ จ้านวน ๖ ดา้ น ได้แก่
๑) ด้านการมีเป้าหมาย วิสัยทัศน์ และพันธกิจที่ชัดเจน สอดคล้องกับบริบทของ

โรงเรียน ความต้องการของชุมชน ท้องถ่ิน วัตถุประสงค์ของแผนการศึกษาชาติ นโยบายของ
รัฐบาล และของหน่วยงาน ตน้ สังกดั อีกทง้ั ใหท้ ันตอ่ การเปลยี่ นแปลงของสังคมและโลก

๒) ด้านการมีระบบบรหิ ารจดั การคุณภาพของสถานศึกษาทมี่ คี ณุ ภาพ โดยใช้แนวทางของ
วงจรคณุ ภาพเดมม่งิ

๓) ด้านการด้าเนินงานวิชาการท่ีเน้นคุณภาพผู้เรียนรอบด้านตามหลักสูตรสถานศึกษา
และครอบคลุมทุกกล่มุ เป้าหมาย เชื่อมโยงวิถชี วี ิตจริง

๔) ด้านการพัฒนาครูและบุคลากรให้มีความเช่ียวชาญทางวิชาชีพ อีกทั้งจัดให้มีชุมชน
การเรยี นร้ทู างวิชาชีพ เพ่ือนา้ มาใช้พฒั นางานและการเรยี นรู้ของนักเรียน

๕) ด้านการจัดสภาพแวดล้อมทางกายภาพและสังคมท่ีเอื้อต่อการจัดการเรียนรู้
ปรบั ปรงุ และพฒั นาแหล่งเรียนร้ภู ายในสถานศกึ ษาและภูมิทศั น์ให้สะอาด เรยี บร้อย สวยงาม และปลอดภยั

๖) ด้านการจัดระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการและการ
จัดการเรียนร้อู ยา่ งพอเพยี ง และเหมาะสม

๓. มาตรฐานการศึกษาดา้ นคุณภาพผู้เรยี น จ้านวน ๕ ดา้ น ได้แก่
๑) ด้านการจัดการเรียนรู้ผ่านกระบวนการคิดและปฏิบัติจริง และสามารถน้าไป

ประยุกต์ใช้ในการด้าเนินชีวิต มีการจัดการบวนการเรียนการสอนตามมาตรฐานและตัวช้ีวัดของ
หลักสูตรสถานศึกษาสร้างโอกาสให้ผู้เรียนเรียนรู้ผ่านกระบวนการคิดและปฏิบัติจริง (Active
learning) มีการสรา้ งปฏสิ ัมพันธ์ทีด่ ี

๒) ด้านการใช้สื่อ เทคโนโลยีสารสนเทศ และแหล่งเรียนรู้ท่ีเอ้ือต่อการจัดการ
เรียนรู้ รวมท้ังน้าภูมิปัญญาท้องถิ่นมาใช้ในการจัดการเรียนการสอน นักเรียนสามารถแสวงหาความรู้
ด้วยตนเองจากส่อื ทห่ี ลากหลาย

๓) ด้านมีการบริหารจัดการชั้นเรียนเชิงบวก ครูรักเด็ก เด็กรักครู สามารถเรียนรู้
รว่ มกนั อยา่ งมีความสุข

๔) ด้านการตรวจสอบและประเมินผู้เรียนอย่างเป็นระบบ และน้าผลมาพัฒนา
นกั เรียน ครูรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล มีการวัดและประเมนิ ผลการเรียนอย่างเป็นระบบและน้าผล
ท่ีไดม้ าพัฒนาผู้เรียนและพัฒนาการจดั การเรยี นการสอน

๕) ด้านการแลกเปล่ียนเรียนรู้และให้ข้อมูลย้อนกลับเพ่ือปรับปรุงและพัฒนาการ
จัดการเรียนรู้
ซึ่งวิธกี ารด้าเนินงาน ทัง้ 3 มาตรฐาน ใชว้ งจรคณุ ภาพเดมมง่ิ ดงั น้ี

หลกั สตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบ้านตาบา สพป.นธ. ๒

๓๙๐
* ขน้ั วางแผนการทา้ งาน (Plan : P) ประชมุ ชแี้ จง วางแผนด้านต่างๆ ทเ่ี กย่ี วกบั นกั เรยี น ไม่
วา่ จะเปน็ ดา้ นคุณภาพผู้เรยี น ดา้ นกระบวนการบรหิ ารและการจัดการ และการจดั ประสบการณท์ ่ี
เนน้ เดก็ เปน็ สา้ คัญ
* ขัน้ ตอนการรว่ มกนั ปฏิบตั ิ ( Do : D) เป็นขั้นตอนทลี่ งมือด้าเนินงานไม่ว่าจะเป็นโครงการ/
กิจกรรม และการจดั การเรยี นการสอนให้กบั นกั เรยี น ตามเวลาทีไ่ ด้ก้าหนดหรือตามเวลาท่เี หมาะสม
โดยเนน้ นักเรียนเป็นสา้ คญั และเนน้ ตามสรรถนะหลัก
* ขั้นการตรวจสอบ ( Check : C) เป็นการตรวจสอบถงึ ผลการด้าเนนิ งานโครงการ/
กจิ กรรม การเรียนการสอน ที่ไดจ้ ดั ไปแลว้ วา่ เปน็ ไปตามฐานสมรรถนะหรอื ไม่ เกิดผลดี ผลเสีย
อยา่ งไร
* ข้นั การแก้ไขปรับปรุงการท้างาน (Action : A) เพอ่ื ปรับปรงุ ปรบั เปลี่ยน ไปในทางทด่ี ีขึ้น
๕. นวัตกรรมการบรหิ ารจัดการศกึ ษา

โรงเรียนบ้านตาบา ใชน้ วตั กรรมทีช่ ื่อวา่ IMPROVE Model ในการบริหารงานภายใน
สถานศึกษา ดงั นี้

หลักสตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบ้านตาบา สพป.นธ. ๒

๓๙๑

สรปุ โดยย่อ : IMPROVE Model
โครงสร้างโมเดลการบริหารโรงเรียนบ้านตาบา เกิดจากสังเคราะห์ทฤษฎีระบบ (System

Theory) SWOT Analysis และหลักการ แนวคิดและทฤษฎีในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา
ปรับปรุงให้สอดคลอ้ งกบั บรบิ ทของสถานศกึ ษา เกิดเปน็ กระบวนการและขน้ั ตอนดงั ต่อไปนี้
ขั้นตอนที่ 1 : ข้ัน INPUT เร่ิมจาก SWOT Analysis โดยการวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาสและ
อุปสรรค ข้ันตอนท่ี 2 : ข้ัน Process สู่กระบวนการท้างาน ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้ท้าการวิเคราะห์
ข้อมูลบริบทเบื้องต้นต่างๆ ของโรงเรียนแล้วน้าไปสู่กระบวนการบริหารงานคุณภาพ PDCA ซ่ึง
ด้าเนินการเป็นวงจรต่อเน่ืองครอบคลุม โดยเริ่มจากข้ัน P = Plan (การวางแผน) D = Do (การ
ปฏิบัติ) C =Check (การตรวจสอบ) และ A = Action (ด้าเนินงานให้เหมาะสม) เมื่อวิเคราะห์งาน
ออกแล้วก็น้าเข้าสู่กระบวนการท้างานภายใต้กระบวนการ PDCA ซึ่งเป็นกระบวนการท้างานของ
โมเดลการทา้ งานของโรงเรียนบา้ นตาบา โดยก้าหนดเปน็ วฏั จกั ร IMPROVE ดงั ต่อไปน้ี
Inspiration คือการสร้างแรงบันดาลใจ Motivation คือแรงกระตุ้น Participation คือการมีส่วนร่วม
Responsibility คอื ความรับผิดชอบ Organization Development คือการพัฒนาองค์กร องค์กรที่มี
ศักยภาพ Visionary คือการมีวิสัยทัศน์ การสร้างภาพในอนาคต Evaluation คือการประเมิน
ก่อให้เกิดนวัตกรรมทางการศึกษาของโรงเรียนข้ึน โรงเรียนมกี ารพัฒนาให้มคี ุณภาพ จะส่งผลใหเ้ กิด
การตอบรับทางสังคม คือจะเป็นโรงเรียนที่มีคุณภาพและโดดเด่นเป็นที่ยอมรับของผู้ปกครองและ
ชุมชน และจะเกิดความไว้ใจ ผู้ปกครองก็จะส่งบุตรหลานเข้ามาเรียนท่ีโรงเรียนเพ่ิมมากข้ึน ขั้นตอนที่ 3 :
ขั้น Output ผลท่ีคาดหวังให้เกิดข้ึนได้แก่ 1) ผู้เรียนมีคุณภาพและคุณลักษณะตามศตวรรษท่ี 21 2) ครูและ
บุคลากรทางการศึกษามีความเป็นมืออาชีพ 3) การบริหารจัดการเป็นระบบ 4)มีนวัตกรรมทาง
การศึกษา ขั้นตอนที่ 4 : ขั้น Outcome ผลกระทบในวงกว้างท่ีคาดเกิดข้ึนแก่โรงเรียน คือ
โรงเรียนมคี ณุ ภาพและโดดเด่นเป็นที่ยอมรับของผูป้ กครองและชุมชน

กล่าวโดยสรุปโมเดลการบริหารโรงเรียนบ้านตาบา IMPROVE Model คือการบริหาร
จัดการอย่างเป็นระบบ เพ่ือก่อให้เกิดคุณภาพทางการศึกษาในทุกมิติ ท้าให้นักเรียนมีคุณภาพ ครู
และบุคลากรทางการศึกษาเกิดการเรียนรู้การท้างานอย่างมืออาชีพ ก่อให้เกิดนวัตกรรมทางการ
ศึกษาเกิดขึ้นในโรงเรียน ส่งผลให้เหตุผลตอบรับจากสังคมและบุคคลภายนอก โดยผู้ที่จะร่วม
ขับเคล่ือน IMPROVE Model หมายรวมถึง ผู้บริหาร ครูและบุคลากรทางการศึกษาและผู้ที่มีสาวน
เกี่ยวข้องทุกคนท่ีมีส่วนร่วมในการท้างานและรับผิดชอบในหน้าท่ี ท้าให้โรงเรียนมีคุณภาพและโดด
เดน่ เป็นท่ียอมรบั

หลกั สตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒

๓๙๒

ส่วนท่ี ๔
แนวทางการจดั การเรียนรูแ้ ละการวดั ประเมนิ ผลการเรียนรู้ฐานสมรรถนะ

๑. หลักการจัดการเรียนร้เู ชิงรุก
โรงเรยี นบ้านตาบา จดั การเรียนรู้เชิงรกุ (Active Learning) คือ
๑) ขนั้ รบั รู้ (K1 – 3 )
ครู : สนทนา/ชี้แจงจุดประสงค์ /วัตถุประสงค์ ใช้คา้ ถามเกี่ยวกบั เน้ือหารายวิชา สร้างการ

รับรู้ ทบทวนความรู้เดิมของนักเรียน เพ่ือเชื่อมโยงกับประสบการณ์เดิมของนักเรียนไปสู่
ประสบการณ์ใหม่ จัดกิจกรรม ขยับกาย ขยายสมอง (Brain Gym) โดยใช้เกม เพลง การท่องสูตร
คูณแบบใชจ้ งั หวะ ชว่ ยกระตุน้ นกั เรียนให้เกิดความสนใจ อยากเรียนรู้ เรา้ ความสนใจของนกั เรยี นให้
มีต่อบทเรียนหรือเน้ือหาที่เรียนอย่างสนุกสนาน เพ่ือสร้างวินัยและความกระตือรือร้นในการเรียนรู้
ของนักเรียน ท้าให้นักเรียนมีความพร้อม สามารถรู้ว่าเรียนเรื่องอะไร และกระตุ้นให้นักเรียนท้า
แบบทดสอบก่อนเรยี นดว้ ยความซื่อสตั ย์

นักเรยี น : โต้ตอบ รับฟังค้าชี้แจง ท้าความเข้าใจ น้าความรูเ้ ดิมมาสมั พันธ์กบั บทเรียนใหม่
ได้อย่างถูกต้อง เข้าใจจุดประสงค์/วัตถุประสงค์ได้ชัดเจนยิ่งข้ึน ปฏิบัติกิจกรรมและท้าแบบทดสอบ
กอ่ นเรยี นดว้ ยความซ่อื สตั ย์

๒) ข้นั เช่ือมโยง (K4 )
นักเรียน : แบ่งกลุ่ม 3 – 5 คนรวบรวมความรู้ท่ีได้จากการศึกษาลงในแผนภาพความคิด
นกั เรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันสรปุ ความคิดรวบยอดท่ีสมั พันธเ์ ชื่อมโยงกนั เป็นโครงสรา้ งทางความคิดท่ี
ประกอบด้วยความคิดหลักเป็นศูนย์กลาง ความคิดรองและความคิดย่อยที่แตกแขนงจากความคิด
รองออกไป ซ่ึงแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์กันเป็นเครอื ข่ายให้เสร็จตรงตามเวลาท่ีก้าหนด นักเรียน
เกดิ มโนทัศน์ท่ดี แี ละถกู ตอ้ ง
ครู : น้าเสนอความรู้และส่ือการเรียนรู้ เช่น การสาธิต การน้าเสนอตัวอย่าง โดยให้
นักเรียนได้เห็นตัวอย่างท่ีหลากหลายแล้วสรุปความหมายของส่ิงนั้นด้วยตนเอง ลงในแผนภาพ
ความคิด ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย กระตุ้นให้นักเรียนในกลุ่มมีน้าใจ มีจิตอาสา มีความสามัคคีช่วยเหลือ
ซ่ึงกันและกัน ไมล่ อกช้ินงานกลุ่มอืน่
๓) ข้นั ประยกุ ต์ใช้ (K 5 – 6 )
ครู : กระตุ้นให้นักเรียนมีความสามัคคีช่วยเหลือซ่ึงกันและกัน ร่วมสร้างช้ินงาน/นวัตกรรม
ให้ประสบความสา้ เร็จ และรว่ มกนั สรุปองค์ความรู้ใหม่
นักเรียน : สร้างชิ้นงาน/นวัตกรรม ประเมินจุดดี จุดด้อย น้าเสนอและสรุปองค์ความรู้ใหม่
ทา้ แบบทดสอบหลังเรียนดว้ ยความซือ่ สตั ย์

หลักสตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒

๓๙๓

รปู แบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning)
๑. การเรียนรเู้ ชงิ ประสบการณ์ (Experiential Learning) เป็นการสอนทส่ี ง่ เสรมิ ใหน้ กั เรยี น

เกิดการเรียนรู้จากประสบการณ์ที่เป็นรูปธรรม เพื่อน้าไปสู่ความรู้ความเข้าใจเชิงนามธรรม เหมาะ
กับรายวิชาท่ีเน้นปฏิบัติ หรือเน้นการฝึกทักษะ สามารถจัดการเรียนการสอนได้ท้ังเป็นกลุ่มและ
รายบุคคล หลักการสอน คือ ครูผู้สอนวางแผนจัดสถานการณ์ให้นักเรียนมีประสบการณ์จ้าเป็นต่อ
การเรียนรู้ กระตุ้นให้นักเรียนสะท้อนความคดิ อภิปราย ส่ิงท่ีได้รบั จากสถานการณ์ ตัวอย่างเทคนิค
การสอนท่ใี ช้ในการจัดการเรยี นรแู้ บบเน้นประสบการณ์ ได้แก่ เทคนิคการสาธติ และเทคนิคเนน้ การ
ฝกึ ปฏิบัติ มขี ้ันตอนดงั นี้

๑.๑ เทคนิคการสอนแบบสาธิต ครูผู้สอนวางแผนการสอนและออกแบบกิจกรรมการ
เรยี นรูโ้ ดยแบ่งสดั ส่วนเวลาส้าหรับการบรรยายเน้ือหาและการสาธิต พรอ้ มกับคดั เลอื กวธิ ีการท่ีจะลง
มือปฏบิ ัตใิ ห้นักเรียนได้เรียนรู้ โดยถา้ เป็นกิจกรรมกลุ่มจะต้องวางโครงสร้างการท้างานกลุ่ม การแบ่ง
หน้าที่และมีการสลับหมุนเวียนกันทุกคร้ัง จากน้ันด้าเนินการบรรยายเน้ือหาและสาธิต โดยขณะ
สาธิตจะเปิดโอกาสใหน้ ักเรียนซักถาม ครผู สู้ อนสอนเทคนิคปลีกย่อย จากน้ันให้นักเรยี นลงมอื ปฏิบัติ
และครูผู้สอนประเมินนักเรียน โดยการสังเกต พร้อมกับให้ค้าแนะน้าในจุดที่บกพร่องเป็นรายบุคคล
หรอื เปน็ รายกลุ่ม เมอื่ เสร็จสิ้นการปฏบิ ัติกิจกรรม ครูผูส้ อนและนกั เรียนร่วมกันอภิปราย สรุปผลสง่ิ ที่
ได้จากการลงมอื ปฏบิ ตั ิ

๑.๒ เทคนิคการสอนแบบเน้นฝึกปฏิบัติ ครูผู้สอนวางแผนและออกแบบกิจกรรมทเี่ น้น
การฝึกทักษะ เช่น การฝึกทักษะทางภาษา การฝึกทักษะท่ีส่งเสริมทักษะอาชีพ โดยจัดกิจกรรมที่
กระตุ้นให้นักเรียนได้ฝึกทักษะช้าๆ อาจเป็นในลักษณะใช้โปรแกรมช่วยสอนส้าหรับการฝึก โดย
ครูผู้สอนมบี ทบาทใหค้ า้ แนะน้าอ้านวยความสะดวก กระตุ้นให้นักเรยี นมสี ว่ นรว่ มในชั้นเรียน

๒. การสอนแบบโครงงาน (Project Based Learning) โดยการสอนแบบโครงงานสามารถ
จัดเป็นกิจกรรมกลุ่มหรือกิจกรรมรายบุคคลก็ได้ ซึ่งพิจารณาความยาก - ง่าย และความเหมาะสม
ของงาน และคุณลักษณะที่ต้องการพัฒนาวางแผนและก้าหนดเกณฑ์อย่างกว้างๆ แล้วให้นักเรียน
วางแผนดา้ เนินการศึกษาค้นควา้ ขอ้ มูลด้วยตนเอง โดยครผู ู้สอนมีบทบาทเป็นผู้ใหค้ ้าปรกึ ษา จากน้ัน
นักเรียนน้าเสนอแนวคิดการออกแบบช้ินงาน พร้อมให้เหตุผลประกอบจากการค้นว้า ให้ครูผู้สอน
พิจารณาร่วมกับการอภิปรายในช้ันเรียน จากนั้นนักเรียนลงมือปฏิบัติท้าช้ินงาน และส่งความ
คืบหน้าตามก้าหนด การประเมินผลจะประเมินตามสภาพจริง โดยมีเกณฑ์การประเมินก้าหนด
ลว่ งหน้าและแจง้ ใหน้ กั เรยี นทราบกอ่ นลงมือท้าโครงการ และมกี ารเชญิ ผูท้ รงคณุ วุฒริ ว่ มประเมินผล

๓. การสอนแบบใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem Based Learning) เป็นการสอนท่ีส่งเสริมให้
นักเรียนเกดิ จากการเรยี นรูต้ ามวัตถปุ ระสงค์ทก่ี ้าหนด ดว้ ยการศึกษาปัญหาทสี่ มมุตขิ ้ึนจากความเป็น
จริง แล้วครูผู้สอนกับนักเรียนร่วมกันวิเคราะห์ปัญหา เสนอวิธีการแก้ปัญหา หลักของการสอนแบบ
ใช้ปัญหาเป็นฐานคือ การเลือกปัญหาท่ีสอดคล้องกับเนื้อหาการสอน และกระตุ้นให้นักเรียนเกิด
ค้าถาม วิเคราะห์ วางแผนก้าหนดวิธีแก้ปัญหาด้วยตนเอง โดยครูผู้สอนมีบทบาทให้ค้าแนะน้าแก่
นักเรียนขณะลงมือแก้ปัญหา สุดท้ายเม่ือเสร็จสิ้นกระบวนการแก้ปัญหา ครูผู้สอนและนักเรียน
ร่วมกันสรุปผลการแกป้ ญั หา และแลกเปลีย่ นเรยี นรู้ถงึ ส่งิ ที่ได้จากการลงมอื แก้ปญั หา

๔. การสอนแบบใช้ปรากฏการณ์เป็นฐาน (Phonemenon based Learning : PhBL) เป็น
การสอนโดยใช้ปรากฏการณ์เป็นฐาน จุดเริ่มต้นในการกระตุ้นให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้โดยอาศัย

หลกั สตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบ้านตาบา สพป.นธ. ๒

๓๙๔

แนวคิดพื้นฐานที่นักเรยี นสามารถสร้างองค์ความรู้ได้เอง ผา่ นข้ันตอนคือ ตั้งค้าถาม ซึ่งได้จากมมุ มอง
ท่ีแตกต่างหลากหลาย สืบค้นให้ได้ข้อมูลและความเช่ือมโยงในสิ่งท่ีตนสงสัย ศึกษาจากการทดลอง
ประมวลผลจากค้าตอบที่เป็นไปได้ต่างๆ เพ่ือท้าความเข้าใจปรากฏการณ์นั้น ครูผู้สอนแนะน้า
แนวคดิ ทักษะทจ่ี า้ เปน็ เพอ่ื แก้ปญั หาและทดสอบนกั เรียน และอธิบายทางออก

๕. การสอนท่ีเน้นทักษะกระบวนการคิด (Thinking Based Learning) เป็นกระบวนการ
สอนท่ีผู้เรียนใช้เทคนิค วิธีการกระตุ้นให้นักเรียน คิดเป็นล้าดับข้ันแล้วขยายความคิดต่อเน่ืองจาก
ความคิดเดิม พิจารณาแยกแยะอย่างรอบด้าน ด้วยให้เหตุผล และเช่ือมโยงกับความรู้เดิมที่มีจน
สามารถสร้างสิ่งใหมห่ รือตัดสนิ ประเมนิ หาขอ้ สรปุ แล้วนา้ ไปแก้ปัญหาอย่างมหี ลักการ

๕.๑ การคิดวิเคราะห์ หมายถึง การพิจารณาสิ่งตา่ งๆ ในส่วนย่อย ๆ ซ่ึงประกอบดว้ ย การ
วิเคราะห์เนื้อหาด้านความสัมพันธ์และด้านหลักการจัดการโครงสร้างของการส่ือความหมาย และ
สอดคล้องกับกระบวนการคิดทางวิทยาศาสตร์ คือการคิดจ้าแนก รวบรวมเป็นหมวดหมู่ และจับ
ประเด็นต่างๆ เช่ือมโยงความสัมพันธ์ ดังน้ัน การคิดเชิงวิเคราะห์เป็นทักษะการคิดท่ีสามารถพัฒนา
ใหเ้ กดิ กบั นักเรยี น

๕.๒ การคิดสังเคราะห์ หมายถึง ความสามารถในการคิดท่ีดึงองค์ประกอบต่างๆ มาหลอม
รวมกนั ภายใต้โครงรา่ งใหม่อย่างเหมาะสม เพื่อใหเ้ กดิ ส่งิ ใหม่ๆ ท่ีมลี ักษณะเฉพาะแตกต่างไปจากเดิม
การคิดสังเคราะห์ครอบคลุมถึงการค้นคว้า รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเร่ืองท่ีคิด ซึ่งมีมากหรือ
กระจายกันอยู่มาหลอมรวมกัน คนท่ีคิดสังเคราะห์ได้เร็วกว่าย่อมได้เปรียบกว่าคนที่สังเคราะห์ไม่ได้
ซึ่งจะท้าให้เข้าใจ และเห็นภาพรวมของส่ิงนัน้ ได้มากกว่า การคดิ สังเคราะห์แบ่งเปน็ 2 ลักษณะ คือ

๑) การคิดสังเคราะห์เพ่ือสร้างส่ิงใหม่ เช่น ประดิษฐ์สิ่งของเคร่ืองใช้ อุปกรณ์ต่างๆ ตาม
ตอ้ งการ

2) การคิดสังเคราะห์เพื่อสร้างแนวคิดใหม่ เป็นการพัฒนาและคิดค้นแนวคิดใหม่ ถ้าเรา
สามารถคดิ สังเคราะห์ได้ดีจะท้าใหพ้ ฒั นาความคิดหรือส่งิ ใหม่ๆ ที่เป็นประโยชนต์ อ่ สังคม

๕.๓ การคิดสร้างสรรค์ หมายถึง ความคิดใหม่ๆ แนวทางใหม่ ๆ ทัศนคติใหม่ๆ ความ
เข้าใจและการมองปัญหาในรูปแบบใหม่ ผลลัพธ์ของการคิดสร้างสรรค์อย่างชัดเจน คือ ดนตรี การ
แสดง วรรณกรรมละคร ส่ิงประดิษฐ์ นวัตกรรมทางเทคนิค แต่บางคร้ังความคิดสร้างสรรค์ก็มองไม่
เห็นชัดเจน เช่น การตั้งค้าถามบางอย่างท่ีช่วยขยายกรอบของแนวคิดซึ่งให้ค้าตอบบางอย่าง หรือ
การมองโลกหรอื ปญั หาในแนวนอกกรอบ ซง่ึ มวี ธิ กี าร 6 ข้ันตอน คอื

1) แสวงหาขอ้ บกพร่อง
2) รวบรวมข้อมูล
3) มองปัญหาทกุ ดา้ น
4) แสวงหาความคิดท่ีหลากหลาย
5) หาค้าตอบทรี่ อบด้าน
6) หาขอ้ สรุปทเี่ หมาะสม

หลักสตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒

๓๙๕

2. นวัตกรรมการเรียนการสอนทส่ี ถานศกึ ษาใช้
โรงเรียนบ้านตาบามี School concept คือ โรงเรียนแหง่ การสร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ใน

พ้ืนท่ีแห่งความสมั พันธ์ระหว่างชายแดน กล่าวคอื เป็นท่ีสร้างนักเรียนให้เกิดความคิดใหม่ๆ สร้างสิ่ง
ใหม่ๆ โดยเร่ิมจากการเป็นผู้ผลิต ผู้ขาย และการบริการ ตลอดจนการขายสินค้าออนไลน์ ซ่ึงใน
ระดับป.1 - ป.3 จะบูรณาการในรายวิชาที่เกี่ยวข้อง แทรกในกิจกรรมลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้
ป.4 – 6 จะบรู ณาการในรายวิชา แทรกในกจิ กรรมลดเวลาเรยี น เพ่ิมเวลารแู้ ละกิจกรรมชุมนุม และ
ม.1 – 3 บูรณาการในรายวิชา แทรกในกิจกรรมชุมนุม กิจกรรมทักษะอาชีพ เพ่ือให้นักเรียนเกิด
สมรรถนะการจัดการตนเอง การคิดขั้นสูง การสอ่ื สาร การรวมพลังท้างานเป็นทมี การเป็นพลเมอื งที่
เข้มแข็ง และการอยู่ร่วมกับธรรมชาติและวิทยาการอย่างยั่งยืน และส่งเสริมทักษะอาชีพให้กับ
นกั เรยี น

3.การวดั ผลประเมินผลการเรียนรู้
การประเมินผลจะประเมินจากชิ้นงานหรือภาระงาน โดยใช้เกณฑ์การประเมนิ ที่ครูและ

นกั เรียนรว่ มกนั ก้าหนด การประเมนิ โดยใชร้ ูบริค (Rubric) ช่วยในการสอ่ื สารหนึง่ ให้ผู้เรียนมองเหน็
เป้าหมายของการทา้ ชิน้ งานหรือภาระงานของตนเอง หรือของกลุ่ม ได้รับความยุตธิ รรมในการให้
คะแนนของครูผสู้ อนตามคณุ ภาพของงาน อย่างไรกต็ ามการประเมนิ ชน้ิ งานหรือภาระงานอาจใช้
วิธีการอ่นื ไดต้ ามความเหมาะสมกับธรรมชาติของช้นิ งานหรือภาระงาน เช่น การท้าแบบ check list
การทดสอบ เป็นต้น

๔. เกณฑ์การจบการศกึ ษา
การจบการศึกษาของผูเ้ รยี น ประเมนิ จากผลสมั ฤทธท์ิ างการศึกษาของผเู้ รยี น ประกอบด้วย

2 ระดับ ไดแ้ ก่ ระดับประถมศึกษา ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ (การศึกษาภาคบังคับ) โดยมี
รายละเอียดดังน้ี

1) ผเู้ รยี นทุกคนมผี ลสมั ฤทธ์ิทางการศึกษาในกล่มุ สมรรถนะพื้นฐาน อยา่ งน้อย 2 ดา้ น ไม่
ตา้่ กว่ารอ้ ยละ 50 และอีก 2 ดา้ นทเ่ี หลือไม่ต้า่ กว่าร้อยละ 40 ยกเวน้ กรณผี เู้ รียนทีเ่ ป็นเด็กพิเศษ
และ

2) ผู้เรียนทกุ คนมผี ลสัมฤทธ์ิทางการศึกษาในกลุ่มสมรรถนะหลกั อยา่ งน้อย 2 ดา้ นในระดับ
“สามารถ”ของแต่ละช่วงช้นั ซึง่ แบ่งเปน็ 4 ระดับ ไดแ้ ก่ เริ่มตน้ ก้าลังพฒั นา สามารถและเหนือ
ความคาดหวัง ยกเว้น กรณีผูเ้ รยี นท่เี ป็นเดก็ พิเศษ

๕. การรายงานผลการพัฒนาและการเล่ือนชน้ั
๑) การรายงานผลการพฒั นา
 การรายงานผลการเรยี นรู้ในระหวา่ งช้นั ปีและเมื่อจบช่วงชั้นให้องิ สมรรถนะ โดยมี
องค์ประกอบอย่างน้อย ๒ สว่ น ไดแ้ ก่ ผลการเรียนรตู้ ามผลลัพธ์การเรียนรทู้ ผ่ี ูเ้ รียน
บรรลุ และสรุปผลระดบั สมรรถนะหลกั ท่ผี เู้ รยี นบรรลุ

หลกั สูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบ้านตาบา สพป.นธ. ๒

๓๙๖

 หากผ้เู รยี นย้ายสถานศึกษาระหว่างการศกึ ษาภายในช้ันปี สถานศกึ ษาดา้ เนนิ การ
สรปุ รายงานผลการเรียนรู้ของผเู้ รียนในปกี ารศึกษาที่ผา่ นมาและผลการเรยี นร้ทู ่ี
บรรลใุ นช่วงเวลาน้ัน

๒) การเล่ือนชน้ั
การเลอ่ื นช้ันของผเู้ รยี น แบ่งเปน็ ๒ ประเภท ไดแ้ ก่ การเลื่อนชั้นระหวา่ งปแี ละการเลื่อนชั้น
เม่ือจบชว่ งชั้น
 การเล่อื นชนั้ ระหว่างชนั้ ปเี ปน็ การประเมนิ เพื่อจดั ท้าข้อมูลการเรียนรขู้ องผเู้ รยี นในแต่
ละผลลพั ธ์การเรยี นรใู้ นระหว่างการศึกษา หรือชน้ั ปีท่ี ๑ - ๒ ของแต่ละช่วงช้ัน ผเู้ รียนจะได้รับการ
เลื่อนชนั้ หากมีผลการเรียนรูต้ ามผลลพั ธก์ ารเรียนรูท้ ่กี ้าหนดในรายวชิ าท่ีเรียน ถ้าผลการเรยี นรขู้ อง
ผ้เู รียนต่้า หรอื ไม่เปน็ ไปตามระดบั ที่คาดหวังทีส่ ถานศกึ ษาก้าหนด สถานศกึ ษาสามารถให้ผู้เรียน
เลอื่ นระดบั ชน้ั ปีได้ โดยจัดกจิ กรรม หรือระบบสนับสนุนอ่ืน ซึ่งสอดคล้องกับหลักสูตรสถานศึกษา
เพ่อื ช่วยใหผ้ ู้เรียนมีผลการเรยี นรตู้ ามท่ีหลกั สูตรสถานศึกษากา้ หนด
 การเลื่อนชัน้ เม่อื จบชว่ งชน้ั (จากชว่ งช้ันท่ี ๑ ไปชว่ งช้นั ท่ี ๒ )เป็นการตดั สนิ ผลการ
เรยี นรใู้ นภาพรวมเพ่ือพจิ ารณาตัดสนิ การเลื่อนชั้นระหวา่ งช่วงชนั้ เม่อื จบการศึกษาหรือชัน้ ปีสดุ ทา้ ย
ของชว่ งช้ันที่ ๑ และชว่ งชน้ั ที่ ๒ การเล่อื นระหว่างช่วงชน้ั สามารถด้าเนินการได้ เม่อื ผู้เรยี นมผี ลลพั ธ์
การเรยี นร้ตู ามเกณฑ์ที่สถานศึกษากา้ หนดและมสี มรรถนะหลักตามเกณฑ์ที่ส่วนกลางกา้ หนด
 เกณฑ์การเลือ่ นชั้น ทง้ั การเล่ือนระหว่างปีและเลอื่ นเมอ่ื จบชว่ งชน้ั ใหเ้ ป็นไปตามที่
หลกั สูตรสถานศกึ ษากา้ หนด ซึง่ ต้องสะท้อนสมรรถนะและหรือคณุ ลักษณะตามเปา้ หมายของ
หลกั สูตร ทัง้ น้ี ใหส้ ถานศึกษาเปน็ ผู้พิจารณาอนมุ ตั ิการเลื่อนชน้ั โดย

- เกณฑ์การเล่อื นช้ันระหวา่ งปี : ผเู้ รียนจะได้รับการเลื่อนชนั้ เมอื่ มผี ลลพั ธ์
การเรยี นรูต้ ามเกณฑส์ ถานศึกษาก้าหนด ซ่ึงระบุความสามารถส้าคัญท่ผี ู้เรียนพึงมี

- เกณฑ์การเลือ่ นชั้นเม่อื จบชว่ งช้นั : ผเู้ รียนจะไดร้ ับการเลอ่ื นช่วงช้นั เมอ่ื
บรรลุครบทกุ ผลลัพธ์การเรียนรูช้ ่วงช้ันตามเกณฑ์ที่สถานศึกษาก้าหนด และมสี มรรถนะ
หลักตามเกณฑ์ท่ีส่วนกลางกา้ หนด

๖. การเทยี บโอนผลการเรียน
1. สถานศึกษาทีร่ บั นักเรียน แต่งตัง้ คณะกรรมการ ไมน่ ้อยกว่า 3 คน อาจแตง่ ต้ัง

บคุ คลภายนอกได้
2. คณะกรรมการพิจารณาความสอดคล้องของโครงสรา้ งหลักสูตรไมน่ ้อยกวา่ ร้อยละ 60

อาจให้การประเมนิ ความรู้พน้ื ฐานของผูเ้ รียนได้ (ถ้าจ้าเป็น)
3.จัดเขา้ เรยี นในชั้นเรยี นตอ่ เนื่อง ตามความเหน็ ชอบของคณะกรรมการ
4.จัดให้มีการเรียนเพมิ่ เติม กรณที ไ่ี มแ่ น่ใจในความรูพ้ ืน้ ฐานเดมิ หรอื รายวิชาทีไ่ ม่ตดั สินผล

การเรียนและมกี ารทดสอบความร้พู ้นื ฐานแลว้ ไมผ่ า่ นเกณฑ์การประเมนิ
5.บนั ทกึ ผลการเรยี น ลงในใบแสดงผลการเรียนรู้

หลักสูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒

๓๙๗

ภาคผนวก

หลกั สูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒

๓๙๘

ควำมเหน็ ชอบของคณะกรรมกำรสถำนศกึ ษำข้นั พื้นฐำน
ตามทีโ่ รงเรียนบ้านตาบา สงั กัดสานกั งานเขตพืน้ ท่ีการศึกษาประถมศึกษานราธวิ าส เขต ๒
เป็นโรงเรียนนารอ่ งพ้ืนท่นี วัตกรรมการศกึ ษาจงั หวัดนราธิวาส รนุ่ ท่ี ๒ ได้พฒั นาหลักสตู รสถานศึกษาข้ัน
พื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๖๕ (หลักสูตรฐานสมรรถนะ) สถานศึกษานาร่องพื้นท่ีนวัตกรรมการศึกษา
จังหวัดนราธิวาส เพ่ือนาไปใช้ประโยชน์และเป็นกรอบในการวางแผน พัฒนาหลักสูตรของ
สถานศึกษาและจัดกิจกรรมการเรียนรู้สู่การสร้างสมรรถนะสาคัญให้กับผู้เรียน โดยมีเป้าหมายเพ่ือ
พัฒนาคุณภาพผู้เรียนให้มีกระบวนการนาหลักสูตรไปสู่การปฏิบัติ โดยมีการกาหนดวิสัยทัศน์
หลักการ สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รยี น คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ สาระการเรียนรู้ ผลลัพธ์การเรียนรู้
โครงสร้างเวลาเรียน โครงสร้างเวลาเรียนตลอดจนเกณฑ์การวัดประเมินผลและจบหลักสูตร ให้มี
ความสอดคล้องกับผลลัพธ์การเรียนรู้ เปิดโอกาสให้โรงเรียนสามารถกาหนดทิศทางในการจัดทา
หลักสูตรการเรียนการสอนในแต่ละระดับช้ันตามความพร้อมและจุดเน้น โดยมีกรอบแนวทางที่
ชัดเจน
คณะกรรมการสถานศึกษาข้นั พ้ืนฐานโรงเรียนบา้ นตาบา ได้รับทราบผลการดาเนนิ งานการ
พัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาข้ันพืน้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๖๕ (หลกั สตู รฐานสมรรถนะ) สถานศึกษานา
ร่องพน้ื ทนี่ วตั กรรมการศึกษาจังหวดั นราธวิ าส โรงเรียนบ้านตาบาน้แี ลว้ และเหน็ ชอบให้ดาเนนิ การ
ตามแนวทางการพัฒนาทป่ี รากฏในหลกั สูตรฉบบั น้ี

ลงช่ือ
(นายกูรอฮิง พระศรีณวงค์)
ประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพน้ื ฐาน

หลกั สูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒

แผนจดั กำรเรียนร้วู ิชำคณิตศาสตร์ เร่อื งการอ่านการเข
หนว่ ยกำรเรยี นรเู้ รอื่ งจานวนนับที่มากกว่า 100,000 ช้ันประถม

โรงเรียนบ้ำนตำบำ อำเภอ

สมรรถนะหลกั : สมรรถนะการส่อื สาร
สมรรถนะเฉพำะ : สอ่ื สารแนวคดิ ทางคณิตศาสตร์ของตนเองอย่างมัน่ ใจโดยใชก้ ารแส
ภาษา หรือสัญลกั ษณ์
พฤตกิ รรมบ่งชี้ : ระดับ เรม่ิ ต้น

- รับและส่งสารทีเ่ ป็นข้อมูล ข้อเท็จจรงิ และความรู้สึกที่ม
- ฟงั เสยี ง อา่ นเรื่อง และดภู าพทเี่ ก่ยี วข้องกบั สถานการณ

ขอ้ มูล และความรู้สึกทไ่ี ด้

ขอบเขตเนื้อหำ จดุ ประสงค์

ควำมรู้ (K) ทักษะ (S) คุณค่ำ (A)

จานวนนับท่ีมากกวา่ - นักเรยี นเขา้ ใจ - อ่านจานวนของ -นาไปใชใ้ น 1. ขั้นน

100,000 สามารถอ่าน หลักการอ่าน สง่ิ ทก่ี าหนดได้ สถานการณต์ ่างๆ 1.1 คร

และเขยี นแทนดว้ ย จานวนนบั ถูกต้อง ได้ มากกว

ตวั เลขฮนิ ดอู ารบิก มากกวา่ - เขียนตัวเลข ออกมา

ตัวเลขไทยและ 100,000 ฮนิ ดูอารบิก บัตรตัว

ตวั หนงั สอื ตวั เลขไทย และ 1.2 คร

หลักสูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบา้ นตาบา สพป.นธ. ๒

๓๙๙

ขยี นจานวนนับท่ีมากกวา่ 100,000 ปกี ำรศกึ ษำ 2565
มศึกษำปีท่ี 4 ครผู ู้สอน นางสาวสุรพี ร มณีแสง จำนวน 1 ชว่ั โมง
อตำกใบ จังหวดั นรำธวิ ำส

สดงแทนทางคณิตศาสตร์ท่หี ลากหลาย ดว้ ยสอ่ื ของจรงิ รปู ภาพ งานศลิ ปะ แผนภาพ

มรี ายละเอยี ดมากขึ้นในสถานการณใ์ กล้ตัว
ณ์ใกล้ตัวทมี่ ีรายละเอยี ด มากข้ึน แล้วตอบคาถามอย่างตรงไปตรงมา ทงั้ ในสว่ นของ

กระบวนกำรเรียนรู้ สอ่ื กำรประเมิน

นาเข้าสบู่ ทเรยี น บตั รตัวเลข K1,K2,S1,S2,A1 ประเมิน
จากการตอบคาถามและใบ
รูนาลกู คดิ และบตั รตวั เลขแสดงจานวนที่ บัตรภาพ งาน

วา่ 100,000 ใหน้ ักเรยี นดู แล้วส่มุ นกั เรยี น ลกู คดิ

าใส่ลกู คดิ ทลี ะหลกั ให้ตรงกบั จานวนใน

วเลข โดยเรม่ิ จากหลักหนว่ ยก่อน

รูตงั้ คาถามกระตุ้นความคิดนกั เรียนว่า

ขอบเขตเนอื้ หำ จดุ ประสงค์ คุณคำ่ (A)
ควำมรู้ (K) ทกั ษะ (S)
- เข้าใจถงึ ความ ตวั หนงั สือแสดง หลักถัด
หลากหลายของ จานวนนบั ที่ (แนวต
การแสดงจานวน กาหนดได้ถกู ต้อง ลา้ น ตา
และการใชจ้ านวน 2. ข้นั ก
ในชีวิตจริง 2.1 คร
จานวน
เกี่ยวกบั
พจิ ารณ
และจา
เป็นตัว
2.2 จา
จากน้ัน
ประชา
ลูกคดิ แ
เงาลูกค

หลกั สูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนบ้านตาบา สพป.นธ. ๒

กระบวนกำรเรียนรู้ สอ่ื ๔๐๐
กำรประเมนิ
ดจากหลกั สบิ ล้านไปทางซา้ ยคือหลักใด
ตอบ หลักร้อยล้าน หลักพันล้าน หลักหมื่น
ามลาดบั )
การจัดการเรยี นรู้
รจู ัดกิจกรรมเกีย่ วกับการอา่ นและการเขียน
นนบั ที่มากกว่า 100,000 โดยใช้ขอ้ มลู
บจานวนประชากรในใบความรู้ ให้นักเรียน
ณาตัวเลขฮนิ ดูอารบกิ แสดงจานวนหลัก
านวนลูกคดิ ทอ่ี ยู่ในแตล่ ะหลัก การเขียน
วเลขไทยและตัวหนังสอื
ากน้นั ครอู าจใชล้ ูกคดิ ประกอบการอธิบาย
นร่วมกนั ทากจิ กรรมเกย่ี วกับจานวน
ากรของจังหวัดกาฬสนิ ธุ์ ในการแรเงา
แต่ละหลัก ครคู วรแนะนาให้นักเรียนเร่มิ แร
คิดจากลา่ งขึน้ บน

ขอบเขตเนอื้ หำ ควำมรู้ (K) จดุ ประสงค์ คุณคำ่ (A)
ทักษะ (S)

2.3 คร
จากหล
ประจา
ลูกคดิ ป
ความเข
จานวน

หลักสตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นบ้านตาบา สพป.นธ. ๒

กระบวนกำรเรียนรู้ สอ่ื ๔๐๑
กำรประเมิน
รทู บทวนค่าประจาหลกั ของหลกั ที่อยู่ติดกนั
ลักหนว่ ยไปถึงหลกั แสน เพ่อื เช่ือมโยงค่า
าหลักของหลักแสนไปสู่หลักลา้ น ซงึ่ อาจใช้
ประกอบการอธิบาย จากนนั้ ตรวจสอบ
ข้าใจโดยอาจใช้คาถาม เชน่ การสอน
น 1,000,000

 10 แสน เท่ากับกี่ลา้ น และ1
ล้าน เท่ากับกี่แสน (10 แสน)

 หลกั ที่อยู่ติดกนั ทางซา้ ยของ
หลกั แสนคอื หลักใด (หลักลา้ น)
และหลกั ที่อยตู่ ิดกันทางขวา
ของหลกั ลา้ นคือหลักใด (หลัก
แสน) จากนั้นขยายไปสจู่ านวน
7 หลกั อ่ืน ๆ เชน่


Click to View FlipBook Version