The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายงานวิจัยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในอปท

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by สนง.พมจ.บุรีรัมย์, 2021-05-03 05:36:22

สื่อประชาสัมพันธ์ สนง.ป.ป.ช. NACCmedia

รายงานวิจัยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในอปท

Keywords: สื่อประชาสัมพันธ์ สนง.ป.ป.ช. NACCmedia

292

2) สาเหตุของการทุจริตในการบริหารงานบุคคล
ข้อมลู จากการสาํ รวจภาคสนามนํามาสกู่ ารอธิบายและการวิเคราะห์สาเหตขุ องการ
ทจุ ริตในการบริหารงานบคุ คลขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินได้ดงั ตอ่ ไปนี ้

(1) กฎเกณฑ์ท่ใี ช้ในการบริหารงานบุคคล
ปั จจุบันกฎหมายท่ีใช้ ในการบริ หารงานบุคคลขององค์กรปกครองส่วน
ท้องถ่ินได้แก่ พระราชบญั ญตั ริ ะเบียบบริหารงานบคุ คลสว่ นท้องถ่ิน พ.ศ. 2542 และประกาศ ตา่ ง
ๆ ท่ีออกโดยองค์กรที่ทําหน้าที่ในการบริหารงานบุคคลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทัง้ ท่ีเป็ น
มาตรฐานกลางและมาตรฐานทว่ั ไป แตจ่ ากการศกึ ษาพบวา่ กฎหมายท่ีใช้ในการบริหารงานบคุ คลมี
ข้อบกพร่องที่ทําให้เกิดการทุจริตผ่านการกระบวนการในการบริหารงานบุคคลขององค์กรปกครอง
สว่ นท้องถ่ินดงั นี ้

• กฎหมายให้อํานาจในการบริหารงานบุคคลแก่ผู้บริหารขององค์กร
ปกครองส่วนท้องถ่ินมีมากเกินไป การท่ีกฎหมายให้อํานาจในการบริหารงานบุคคลแก่ผ้บู ริหารของ
องค์กรปกครองส่วนท้ องถิ่นเป็ นอย่างมาก โดยมาตรา 15 มาตรา 23 และมาตรา 25 ของ
พระราชบญั ญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 ได้กําหนดให้อํานาจในการออก
คําสงั่ เกี่ยวกบั การบรรจุ แต่งตงั้ การย้าย การโอนการรับโอน การเลื่อนระดบั การเล่ือนขึน้ เงินเดือน
การสอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์และการร้ องทุกข์เป็ นของ
ผ้บู ริหารขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินทงั้ สิน้ ทําให้ผู้บริหารใช้อํานาจดงั กล่าวในการเรียกรับเงิน
หรือผลประโยชน์จากบคุ ลากรในท้องถ่ิน 

• ปัญหาในเชิงองค์กรบริหารงานบคุ คลขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่น
องค์กรที่ทําหน้าท่ีในการบริหารงานบคุ คลขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นมีจํานวนมากเกินไป โดยมี
ด้วยกันถึง 3 ระดบั ได้แก่ คณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น (ก.ถ.)
คณะกรรมการข้าราชการ/พนกั งานส่วนท้องถิ่น (ก.กลาง) และ คณะกรรมการข้าราชการ/พนกั งาน
สว่ นท้องถิ่นจงั หวดั (ก.จงั หวดั ) โดยในส่วนของ ก.กลาง และ ก.จงั หวดั ยงั ได้มีการแยกประเภทของ
องค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่น ทําให้เกิดความสบั สนในการใช้อํานาจของคณะกรรมการแตล่ ะระดบั อีก
ทงั้ การมีคณะกรรมการในหลายประเภทนีท้ ําให้การบริหารงานบคุ คลขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่น
ขาดความคล่องตวั และการมีองค์กรบริหารงานบุคคลในระดบั จังหวัดที่มีอํานาจในการให้ความ
เห็นชอบกบั การใช้อํานาจของผ้บู ริหารด้วยแล้วก็ย่งิ ทําให้มีโอกาสเกิดการทจุ ริตขนึ ้ ในองค์กรที่มอี าํ นาจ
ในการบริหารงานบคุ คลภายในจงั หวดั ขนึ ้ อีกทางหนง่ึ ด้วย

293

“...ผมว่าข้อกฎหมายมีส่วนเยอะในเร่ืองการโอน การย้าย การจ้างลกู จ้าง
อะไรมาก ๆ ก็จะเกินความจําเป็ น น่าจะเป็ นข้อกฎหมายที่ให้อํานาจนายกฯท่ีมีอํานาจในการแตง่ ตงั้
สงั่ ซือ้ อะไรมากเกินไป ทงั้ ๆ ท่ีกรมสง่ เสริมฯ เป็ นคนควบคมุ อย่แู ต่บางเร่ืองแทนที่จะออกหลกั เกณฑ์
หรือออกกฎหมายท่ีมีการถ่วงดลุ ก็ไม่ได้ออกเท่าท่ีควร เหมือนกบั ว่าอย่างเร่ืองโบนสั หรือเรื่องอะไรก็
เป็ นปัญหาท่ีมีมาหลายปี แล้วก็น่าจะแก้ได้แตก่ ็ไมแ่ ก้ การโอนการย้ายก็เหมือนกนั ก็จะมีอยั การระดบั
จงั หวดั ดแู ลเวลาวิ่งก็จะว่ิงทงั้ สายมนั ไปอย่ทู ี่คนมากเกินไปเป็ นดลุ พินิจของคนมากเกินไป ถ้าเมื่อไหร่
เป็ นระเบียบที่ชดั เจนวา่ กรณีไหนทําได้กรณีไหนทําไม่ได้ หรือไม่ถ้าเป็ นดลุ ยพินิจก็ให้อย่ใู นระดบั กรม
ท่ีไมใ่ ชจ่ งั หวดั ช่องทางท่ีจะทจุ ริตก็นา่ จะน้อยลง...”

เจ้าหนา้ ที่ ป.ป.ช., สมั ภาษณ์ 23 กรกฎาคม 2553

ดงั นนั้ การที่จะแก้ไขปัญหาการทจุ ริตในองค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินในสว่ น
ของการบริหารงานบุคคลนัน้ จําเป็ นที่หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องต้องพิจารณาปรับปรุง แก้ไขกฎหมาย
โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ในสว่ นของการให้อํานาจแก่ผ้บู ริหารมากจนเกินไป

(2) การแลกเปล่ียนผลประโยชน์
การแลกเปล่ียนผลประโยชน์ที่เกิดขึน้ ในการบริหารงานบุคคลขององค์กร
ปกครองสว่ นท้องถิ่นนนั้ เป็ นปัญหาท่ีเกิดขนึ ้ สืบเนื่องจากอํานาจในการบริหารงานบคุ คลของผ้บู ริหาร
ท้ องถิ่นท่ีมีมากกับความต้ องการของผ้ ูท่ีต้ องการได้ รับประโยชน์ จากการใช้ อํานาจของผ้ ูบริ หาร
ท้องถ่ิน อนั ทําให้เกิดความสมั พนั ธ์ในลกั ษณะที่เป็ นการแลกเปล่ียนผลประโยชน์กนั ระหว่างผ้ใู ห้กบั
ผู้รับ ในรูปแบบของการเสนอเงินให้แก่ผู้มีอํานาจในการบริหารงานบุคคลหรือผู้มีอํานาจในการ
บริ หารงานบุคคลเรี ยกรับเงินจากบุคคลท่ีต้ องการตําแหน่งหรื อผลประโยชน์ จากอํานาจในการ
บริหารงานบคุ คลของตน เพื่อปฏิบตั หิ น้าท่ีในทางที่เป็ นการให้คณุ หรือละเว้นการปฏิบตั ิหน้าที่ในทาง
ท่ีเป็ นการให้โทษ ทงั้ นีส้ าเหตทุ ี่ทําให้ต้องมีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กนั ส่วนใหญ่มกั เกิดขึน้ จาก
ความต้องการให้ได้เข้าทํางานหรืออยากได้/เปล่ียนแปลงตําแหน่งซงึ่ จะเกิดขนึ ้ ในกรณีของการบรรจุ
แตง่ ตงั้ เลอ่ื นขนั้ เลือ่ นเงินเดอื น สว่ นในกรณีของการโอนย้ายนนั้ เกิดจากความต้องการเปลี่ยนสถานท่ี
ทํางาน เช่น ย้ายตามครอบครัว หรือย้ายกลบั ภมู ิลําเนา เป็ นต้น สําหรับในสว่ นของการให้เงินโบนสั
นนั้ เกิดจากการท่ีเจ้าหน้าท่ีต้องการได้รับรายได้เพ่ิมจากเงินเดือนโดยปกติของตนในขณะผ้บู ริหารก็
ต้องการผลประโยชน์ในรูปของส่วนแบง่ จากเงินโบนสั ของเจ้าหน้าท่ีอนั เน่ืองมาจากผ้บู ริหารท้องถ่ิน
ไม่มีสิทธิในการได้รับเงินโบนสั ซึ่งลกั ษณะความสมั พนั ธ์ท่ีแต่ละฝ่ ายต่างต้องการประโยชน์จากอีก
ฝ่ ายหนึ่งนัน้ ทําให้เมื่อมีการทุจริตก็จะเอาผิดได้ยากเนื่องจากความสัมพันธ์ของผู้ให้และผู้รับมี
ลกั ษณะเป็ นการได้ผลประโยชน์ร่วมกนั

294

จากสภาพปัญหาที่ได้กล่าวมาข้างต้นสามารถสรุปถึงปัจจยั ท่ีเป็ นสาเหตทุ ่ี
ทําให้เกิดการทจุ ริตในการบริหารงานบคุ คลขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นได้ตามแผนภมู ดิ งั ตอ่ ไปนี ้

แผนภมู ทิ ่ี 7.2 : สาเหตขุ องการทุจริตในการบริหารงานบุคคลขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ 295

ด้านกฎหมาย   การทจุ ริตใน
  การบริหาร
  งานบคุ คล
 

ให้อาํ นาจผ้บู ริหารมากเกินไป

โครงสร้ างระบบบริหารงานบุคคล  
ของท้องถ่ินไมเ่ หมาะสม  
 
การเสนอให้เงินหรือผลประโยชน์  
ต้องการย้ายกลบั ภมู ิลาํ เนา  
ต้องการได้รับหรือเปลย่ี นแปลงตําแหนง่  
 

การเรียกรับเงินหรือผลประโยชน์

ต้องการได้รับรายได้เพ่ิมขนึ ้ จากเงินโบนสั

ด้านแลกเปลย่ี นผลประโยชน์

296

3) การทุจริตในการออกใบอนุญาต
สําหรับสาเหตขุ องการทจุ ริตในการออกใบอนญุ าตขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ในประเทศไทยนนั้ ข้อมลู จากการสํารวจภาคสนามสะท้อนให้เห็นสาเหตขุ องการทจุ ริตในการออก
ใบอนญุ าต ดงั นี ้

(1) สาเหตุด้านกฎหมาย
กฎหมายที่ให้อํานาจแก่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นในการออกใบอนญุ าตมีอย่หู ลาย
ฉบบั ด้วยกนั เช่น พระราชบญั ญตั ิควบคมุ อาคาร พ.ศ.2522 พระราชบญั ญตั ิการสาธารณสขุ พ.ศ.
2535 พระราชบญั ญตั ิรักษาความสะอาดและความเป็ นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535
เป็ นต้น ซึ่งกฎหมายแต่ละฉบบั ก็จะกําหนดหลกั เกณฑ์ วิธีการ หรือเงื่อนไขในการออกใบอนุญาตที่
แตกตา่ งกนั ไปแต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากการออกใบอนญุ าตเป็ นคําสงั่ ทางปกครองชนิดหนึ่ง ดงั นนั้
การดําเนินการในการออกใบอนุญาตจึงต้องเป็ นไปตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทาง
ปกครอง พ.ศ. 2539 ด้วย แต่จากการศกึ ษาพบว่าเจ้าหน้าที่ผ้มู ีอํานาจในการออกใบอนญุ าตส่วน
หนง่ึ ไมน่ ําหลกั การตามพระราชบญั ญตั วิ ิธีปฏิบตั ริ าชการทางปกครอง พ.ศ.2539 โดยเฉพาะการท่ีไม่
นําในเรื่องผู้มีส่วนได้เสียตามมาตรา 13 และมาตรา 16 มาใช้กบั การดําเนินการในการออก
ใบอนญุ าตของตน เชน่ การที่เจ้าหน้าท่ีช่างที่มีอํานาจในการพิจารณาออกใบอนญุ าตก่อสร้างอาคาร
รับจ้างเขียนแบบก่อสร้างจากเอกชนผ้ปู ระสงค์จะขอใบอนญุ าต เป็ นต้น
(2) สภาพปัญหาจากการแลกเปล่ียนผลประโยชน์
ความสมั พนั ธ์ในรูปแบบของการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์จะเกิดขนึ ้ ระหวา่ ง
ผู้ขอใบอนุญาตและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาและอนุมัติคําขออนุญาต โดยผู้ขอ
ใบอนุญาตจะเสนอหรื อให้ เงินหรื อผลประโยชน์แก่เจ้ าหน้ าที่เน่ืองจากต้ องการได้ รับความสะดวก
รวดเร็วในการขออนญุ าต หรือในกรณีท่ีคาํ ขออนญุ าตของตนไมเ่ ข้าเงื่อนไขตามกฎหมายก็อาจให้เพ่ือ
จงู ใจให้เจ้าหน้าท่ีละเลยข้อบกพร่องนนั้ ไป ซงึ่ ในกรณีของการขออนญุ าตเพ่ือให้ได้มีการก่อสร้างหรือ
ดําเนินการตามโครงการขนาดใหญ่ของเอกชนที่มักต้องมีค่าใช้จ่ายจากดอกเบีย้ มากขึน้ ตาม
ระยะเวลา ก็ย่ิงทําให้ผ้ขู อใบอนญุ าตพยายามหาช่องทางที่จะทําให้ตนได้ใบอนญุ าตรวดเร็วที่สดุ โดย
การท่ีให้ประโยชน์แก่เจ้าหน้าท่ีผ้มู ีอํานาจ
    (3) สภาพปัญหาจากระบบในการบริหารจัดการภายใน
สภาพปัญหาการทุจริตในการออกใบอนุญาตที่เกิดจากการบริหารจดั การ
นนั้ ส่วนใหญ่มกั เกิดขึน้ จากความล่าช้าของกระบวนการในการพิจารณาท่ีต้องอาศยั กฎเกณฑ์ และ
ขนั้ ตอนการพิจารณาที่ซบั ซ้อน ทําให้ผู้ขอใบอนุญาตไม่ต้องการท่ีจะรอคอยให้กระบวนการในการ

297

พิจารณาเป็ นไปตามกระบวนการปกติ ทงั้ นีป้ ัญหาดงั กล่าวมกั เกิดขนึ ้ จากการที่องค์กรปกครองสว่ น
ท้องถ่ินมีการจดั โครงสร้างการทํางานที่ซํา้ ซ้อนและต้องผ่านกระบวนการหลายขนั้ ตอน เช่น ในกรณี
การพิจารณาคําขออนญุ าตที่ต้องผ่านการพิจารณาจากเจ้าหน้าที่หลายฝ่ าย จะมีการพิจารณาจาก
แตล่ ะฝ่ ายแล้วทําการสง่ ผ่านกนั ไปทีละขนั้ ตอนทําให้การพิจารณาเป็ นไปได้อย่างล่าช้า และติดตาม
กระบวนการในการพจิ ารณาวา่ เร่ืองยงั คงค้างอยทู่ ่ีเจ้าหน้าที่ท่านใดได้ยาก นอกจากนีอ้ งค์กรปกครอง
สว่ นท้องถ่ินบางพืน้ ที่ก็มีจํานวนบคุ ลากรไมเ่ พียงพอกบั ปริมาณงานซงึ่ ก็เป็ นอีกสาเหตหุ นง่ึ ที่ทําให้การ
บริหารจดั การเป็ นไปอย่างล่าช้าจนส่งผลให้เอกชนผ้ขู ออนญุ าตต้องทําการติดต่อกบั เจ้าหน้าท่ีด้วย
ช่องทางพิเศษที่ไมถ่ กู ต้องตามกฎหมายเพ่ือให้ได้รับใบอนญุ าตเร็วขนึ ้

จากสภาพปัญหาท่ีได้กล่าวมาข้างต้นสามารถสรุปถึงปัจจยั ท่ีเป็ นสาเหตทุ ่ี
ทําให้เกิดการทจุ ริตในการออกใบอนญุ าตขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินได้ตามแผนภมู ิดงั ตอ่ ไปนี ้

แผนภมู ิท่ี 7.3 : สาเหตขุ องการทุจริตในการออกใบอนุญาตขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ 299

  การทจุ ริตใน
การออก
ด้านการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์   ด้านกฎหมาย ใบอนญุ าต

ต้องการให้ได้รับความสะดวกรวดเร็ว  
เสนอให้เงินหรือผลประโยชน์ ไมน่ ําหลกั ผ้มู สี ว่ นได้เสียมาปรับใช้
 

เรียกรับเงินหรือผลประโยชน์

หลบเลีย่ งการปฏิบตั ิตามเงื่อนไขท่ี  
กฎหมายกําหนด ละเลยขนั้ ตอน/วิธีการตามกฎหมาย

 

 

 

 

จดั โครงสร้างการทํางานทซ่ี บั ซ้อน  

บคุ ลากรไมเ่ พียงพอ

ด้านระบบในการบริหารจดั การภายใน

300

จากข้อมลู ภาคสนามท่ีได้นําเสนอมาทงั้ หมดข้างต้น สะท้อนให้เห็นถงึ สภาพปัญหา สาเหตุ
ของการทจุ ริต ตลอดจนรูปแบบ ประเภท และความถี่ของการทจุ ริตที่เกิดขนึ ้ ในองค์กรปกครองสว่ น
ท้องถ่ินรูปแบบทั่วไปของประเทศไทยได้เป็ นอย่างดี ดังนัน้ เพื่อให้เกิดความเข้าใจท่ีชัดเจน
ครอบคลมุ และกระชบั มากยง่ิ ขนึ ้ คณะผ้วู จิ ยั ได้เรียบเรียงข้อมลู เชิงคณุ ภาพที่ได้จากการสํานกั งาน
คณะกรรมการป้ องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และข้อมูลจากการสํารวจ
ภาคสนาม เพ่ือเป็ นการสรุปเก่ียวกับการทุจริตในการจดั ซือ้ จัดจ้าง การจดั ทําโครงสร้ างพืน้ ฐาน
การบริหารงานบุคคล และการออกใบอนุญาตในประเด็นต่าง ๆ ซ่ึงมีรายละเอียดดังนี ้

301

ตารางท่ี 7.8 : สรุปผลการศึกษาการทจุ ริตในการจัดซอื้ จดั จ้าง

รูปแบบการทุจริต ขัน้ ตอนการทจุ ริต สาเหตกุ ารทจุ ริต ผู้กระทาํ ความผดิ ประเภทขององค์กร

ปกครองส่วนท้องถ่นิ

1) ขออนุมตั ิใช้เงินสะสมที่ถูกต้องตาม ขนั้ ตอนขออนมุ ตั ิ 1) กฎหมายให้อํานาจในการใช้ดลุ พินิจของ น า ย ก อ ง ค์ ก า ร บ ริ ห า ร ส่ ว น องค์ การบริ หารส่วน

ระเบียบ แต่มีความไม่เหมาะสมในการ ผ้บู ริหารมากเกินไป จงั หวดั จงั หวดั  

นํามาใช้ 2) การตคี วามกฎหมายเพ่ือเอือ้ ประโยชน์กบั

ตนเองและพวกพ้อง

3)การขาดความชดั เจน รวมทงั้ ความซํา้ ซ้อน

ในอํานาจหน้ าท่ีขององค์กรปกครองส่วน

ท้องถิ่น

2) การสร้างหลกั ฐานเท็จในสว่ นของการ ขั้น ต อ น ก า ร ยื่ น ซ อ ง 1)การใช้ อํานาจโดยมิชอบของผู้บริหาร 1) นายกองค์การบริหารส่วน องค์ การบริ หารส่วน

จัดหาบริษัท ห้างร้ านมาประมูลทําให้ ประกวดราคา ท้องถ่ิน รวมทัง้ การใช้ความรู้ สายสัมพันธ์ จงั หวดั จงั หวดั

ต้องซอื ้ สนิ ค้าในราคาท่ีแพงกวา่ ปกติ ทางการเมืองและธุรกิจเป็ นช่องทางในการ 2) อดีตสมาชิกสภาจงั หวดั

กระทําการทจุ ริต 3)เจ้าพนกั งานในองค์การบริหาร

2) การไมม่ ีความรู้ที่ถกู ต้องและเพียงพอของ สว่ นจงั หวดั (ไมม่ ีหน้าที่แตม่ าทํา

เจ้าพนักงาน รวมทัง้ โครงสร้ างการบริหาร การรับซอง)

จดั การขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นที่ให้

รูปแบบการทุจริต ขัน้ ตอนการทจุ ริต สาเหตกุ ารทจุ ริต ผู้กระทาํ ความผดิ 302

อํานาจแก่นักการเมืองท้ องถิ่นมากเกินไป ประเภทขององค์กร
ปกครองส่วนท้องถ่นิ
ส่งผลให้ สามารถสั่งการให้ เจ้ าพนักงาน
เทศบาลนคร
กระทําการที่ไมถ่ กู ต้องและไมเ่ หมาะสม
เทศบาลนคร
3) การตกลงกบั เจ้าของทรัพย์สนิ เพื่อซือ้ ขัน้ ตอนก่อน ระหว่าง 1) การใช้อํานาจโดยมิชอบของผู้บริหาร 1) ผ้บู ริหารท้องถ่ิน เทศบาลเมือง

ขายในราคาท่ีสูงกว่าความเป็ นจริ ง และหลงั การย่ืนซองราคา ท้องถิ่น รวมทัง้ การใช้ความรู้ สายสมั พันธ์ 2) เจ้าหน้าที่พสั ดุ

รวมทงั้ การตงั้ คณะกรรมการท่ีเป็ นพรรค ทางการเมืองและธุรกิจเป็ นช่องทางในการ 3) ผ้อู ํานวยการ

พวกตนเองมาเป็ นผ้พู ิจารณา กระทําการทจุ ริต 4) หวั หน้าสว่ น

2) ความร่วมมือเป็ นเครือขา่ ยเพื่อกระทําการ

ทจุ ริตโดยได้รับความร่วมมือทงั้ จากผ้บู ริหาร

ท้องถิ่น ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และเอกชน

(เจ้าของท่ีดนิ )

4) การตรวจรับส่ิงของท่ีไมค่ รบถ้วนตาม ขนั้ ตอนการตรวจรับพสั ดุ 1) การขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ 1) คณะกรรมการตรวจรับ

สญั ญา ระเบยี บการรับพสั ดุ รวมทงั้ การตรวจรับ 2) ปลดั

2) ความร่วมมือเป็ นเครือขา่ ยเพื่อกระทําการ

ทุ จ ริ ต โ ด ย ไ ด้ รั บ ค ว า ม ร่ ว ม มื อ จ า ก

คณะกรรมการตรวจการจ้างคนอื่น ๆ

303

รูปแบบการทจุ ริต ขัน้ ตอนการทจุ ริต สาเหตกุ ารทจุ ริต ผู้กระทาํ ความผดิ ประเภทขององค์กร
ปกครองส่วนท้องถ่นิ
5) ปลอมเอกสารการเบิกจ่ายเงิน โดยทํา ขนั้ ตอนการเบกิ จา่ ยเงิน การใช้อํานาจหน้าท่ีในตําแหน่งเพ่ือกระทํา ผ้อู ํานวยการกอง เทศบาลเมือง

การเบิกจ่ายมากกว่าวงเงินท่ีได้รับอนมุ ตั ิ การทจุ ริต โดยการปลอมแปลงเอกสาร เทศบาลตาํ บล

และใช้ เอกสารปลอมประกอบการ เทศบาลตําบล

เบิกจ่าย รวมทงั้ ไม่มีสิ่งของปรากฏตามท่ี

ขอเบกิ จา่ ย

6) การยกั ยอกเงินของเทศบาลโดยปลอม ขนั้ ตอนการเบกิ จา่ ยเงิน การใช้อํานาจหน้าที่ในตําแหน่งเพ่ือกระทํา เจ้าพนกั งานการเงินและบญั ชี

รายมือชื่อผ้เู บิกจ่ายในเช็ค แล้วก็เบิกเงิน การยกั ยอกทรัพย์ ปลอมเอกสาร และรับรอง

เอามาเป็ นของตนเอง เอกสารอนั เป็ นเท็จ

7) การกําหนดเง่ือนไขในการประกวด ขั้น ต อ น ก า ร กํ า ห น ด 1) ความร่วมมือเป็ นเครือขา่ ยเพื่อกระทําการ 1) นายกเทศมนตรี

ราคา ซึ่งเป็ นการสร้ างภาระให้ แก่ เง่ือนไขในการประกวด ทจุ ริต โดยใช้อํานาจหน้าที่ท่ีตนเองมีอยู่ 2) เจ้าหน้าท่ีเทศบาล

ผ้เู ข้าร่วมในการประกวดราคาเกินควร ราคา 2) การละเว้นการปฏิบตั ิหน้าที่โดยมิชอบ

โดยเฉพาะอย่างย่ิงคณะกรรมการรับและ

เปิ ดซองประกวดราคา เน่ืองจากไม่ลง

รายการของเอกสารและใบเสนอราคาตาม

ระเบียบพสั ดุ

304

รูปแบบการทจุ ริต ขัน้ ตอนการทุจริต สาเหตกุ ารทจุ ริต ผู้กระทาํ ความผิด ประเภทขององค์กร

ปกครองส่วนท้องถ่นิ

8) การปกปิ ดขา่ วสารการประมลู การซือ้ ขนั้ ตอนก่อนและระหว่าง 1) การขาดความรู้ ความเข้าใจ และความ 1).เจ้าหน้าท่ีขององค์กรปกครอง

การจ้าง เช่น การไม่ติดประกาศตาม การย่ืนซองสอบ/ประกวด เอาใจใสใ่ นหน้าท่ีของเจ้าพนกั งาน สว่ นท้องถ่ิน

ระเบียบฯ , การติดประกาศไม่ครบถ้วน ราคา 2) การใช้อํานาจหน้าท่ีในตําแหน่งเพื่อ 2).เจ้ าหน้ าท่ีของอําเภอ (ใน

ตามระเบียบ , การส่งเอกสารเท็จและ/ กระทําการทจุ ริต ฐานะเป็ นศนู ย์ข้อมลู )

หรือไม่ครบถ้ วนไปให้ ผู้ประกอบการ

เป็ นต้น

9) การใช้ดลุ ยพินิจของคณะกรรมการใน ขนั้ ตอนการพิจารณา 1) กฎหมายให้อํานาจในการใช้ดลุ พินิจของ คณะกรรมการรับและเปิ ดซอง

การคดั เลือก กล่าวคือ มีเจตนาทุจริตไม่ ผลการสอบราคา คณะกรรมการมากเกินไป สอบราคา

เลือกผู้ท่ีเสนอราคามาอย่างถูกต้องและ 2) การตีความกฎหมายเพื่อเอือ้ ประโยชน์กบั

ต่ําสุดโดยไม่มีเหตุผล จงใจตัดสิทธิ ตนเองและพวกพ้อง

ผู้ประกอบการออกจากการเสนอราคา

ด้วยเหตผุ ลที่ไมส่ มเหตสุ มผล

10) ผ้บู ริหารหรือข้าราชการประจําสงั่ ขนั้ ตอนก่อนการจดั ซือ้ 1)ไม่มีการวางแผนในเร่ื องการใช้ วัสดุ 1) นกั การเมืองท้องถ่ิน 1) เทศบาลเมือง

เจ้าหน้าที่ให้นําเอาส่ิงของมาจากห้าง จดั จ้าง อปุ กรณ์ตา่ ง ๆ ที่ดพี อ 2) ข้าราชการประจํา 2) เทศบาลตําบล

ร้ านก่อน แล้วค่อยส่งใบส่ังซือ้ ตามไปที 2) การไม่มีความรู้ท่ีถกู ต้องและเพียงพอของ 3) พนกั งาน/ลกู จ้าง 3) องค์การบริหารส่วน

หลงั เจ้าพนกั งาน รวมทงั้ โครงสร้างการบริหาร ตาํ บล

รูปแบบการทุจริต ขัน้ ตอนการทจุ ริต สาเหตกุ ารทจุ ริต ผู้กระทาํ ความผิด 305

จดั การขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินท่ีให้ ประเภทขององค์กร
ปกครองส่วนท้องถ่นิ
อํานาจแก่นักการเมืองท้ องถิ่นมากเกินไป
1) เทศบาลตําบล
ส่งผลให้ สามารถสั่งการให้ เจ้ าพนักงาน 2) องค์การบริหารส่วน
ตาํ บล
กระทําการที่ไมถ่ กู ต้องและไมเ่ หมาะสม
1) เทศบาลเมือง
11) ผ้บู ริหารจดั หาห้างร้านในการซือ้ ขนั้ ตอนก่อนการจดั ซือ้ การท่ีกฎหมายให้อํานาจแก่องค์กรปกครอง นกั การเมืองท้องถ่ิน 2) เทศบาลนคร
3) องค์การบริหารส่วน
พสั ดดุ ้วยวิธีการตกลงราคา จดั จ้าง ส่วนท้ องถ่ินในการจัดหาผ้ ูประกอบการมา จงั หวดั

เป็ นค่สู ญั ญากบั องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

ได้เองด้วยวิธีการตกลงราคา จึงก่อให้เกิด

การแขง่ ขนั ที่ไมเ่ ป็ นธรรม การผกู ขาด

12) การให้อํานาจผู้บริหารในการใช้ ขนั้ ตอนระหวา่ งการจดั ซอื ้ กฎหมายให้ อํานาจในการใช้ ดุลพินิจแก่ นกั การเมืองท้องถิ่น

ดลุ พินิจเลือกผ้ปู ระกอบการโดยวิธีพิเศษ จดั จ้าง ผ้บู ริหารมากเกินไป

ดังนัน้ จึงมีการเลือกห้ างร้ านท่ีให้ ผล

ประโยชน์กับตนเองมากที่สุดและ/หรือ

เป็ นพวกพ้องกนั

รูปแบบการทุจริต ขัน้ ตอนการทุจริต สาเหตกุ ารทจุ ริต ผู้กระทาํ ความผดิ 306

13) การตรวจรับพสั ดไุ ม่ตรงตามสเป็ กท่ี ขนั้ ตอนการตรวจรับ 1) การขาดความรู้ ความเข้ าใจเกี่ยวกับ คณะกรรมการตรวจรับ ประเภทขององค์กร
ปกครองส่วนท้องถ่นิ
กําหนด หรือ ไม่ไปตรวจรับพัสดุ แต่ลง ระเบียบการรับพสั ดุ รวมทงั้ ส่ิงของที่ตนเอง ทุกประเภทขององค์กร
ปกครองสว่ นท้องถิ่น
นามวา่ ได้ตรวจรับแล้ว ตรวจรับ รวมทงั้ การไม่มีเวลา และการได้รับ
ทุกประเภทขององค์กร
เงินค่าตอบแทนในการลงนาม (กรณีภาค ปกครองส่วนท้องถ่ินท่ีมี
การดําเนินการจดั ซือ้ จดั
ประชาชน) จ้ า ง ด้ ว ย วิ ธี ก า ร
e-Auction
2) ความร่วมมือเป็ นเครือขา่ ยเพื่อกระทําการ

ทจุ ริต โดยได้รับความร่วมมือคณะกรรมการ

ตรวจการจ้างคนอื่นๆ

14) การสมยอมราคาในกระบวนการ ขนั้ ตอนการประกวดราคา 1) ความร่วมมือเป็ นเครือขา่ ยเพื่อกระทําการ 1) นกั การเมืองท้องถิ่น

e-Auction โดยผ้ปู ระกอบการด้วยกนั เอง ทุจริตโดยในบางกรณีเป็ นความร่วมมือ 2) ข้าราชการ

แ ล ะ /ห รื อ ผ้ ูป ร ะ ก อ บ ก า ร กับ ผ้ ู บ ริ ห า ร ระหว่างผ้ปู ระกอบการด้วยกนั เอง ขณะที่ใน 3) พนกั งาน

ท้องถิ่น โดยมีบริษัทกลางเป็ นส่อื กลาง บางกรณีนักการเมืองท้ องถิ่น รวมทัง้ 4) ลกู จ้าง

ข้าราชการ พนกั งาน ลกู จ้างจะมีสว่ นรู้เห็น 5) ผ้ปู ระกอบการ

ด้วย

รูปแบบการทจุ ริต ขัน้ ตอนการทจุ ริต สาเหตกุ ารทจุ ริต ผู้กระทาํ ความผิด 307

15)การข่มขู่ไม่ให้ เข้ าแข่งขันในการ ขัน้ ตอนก่อนการซือ้ ซอง การใช้อทิ ธิพลมืด 1) นกั การเมืองท้องถ่ิน ประเภทขององค์กร
ปกครองส่วนท้องถ่นิ
ประมลู (ไ ม่ ใ ห้ ซื ้อ ซ อ ง )แ ล ะ 2) ข้าราชการ ทุกประเภทขององค์กร
ปกครองสว่ นท้องถ่ิน
ขนั้ ตอนการย่ืนซอง (ไมใ่ ห้ 3) พนกั งาน
ทุกประเภทขององค์กร
ยื่นซอง) 4) ลกู จ้าง ปกครองสว่ นท้องถิ่น

5) ผ้ปู ระกอบการ

16) การบรรจโุ ครงการท่ีไมไ่ ด้มีความจํา 1) การจดั ทําแผน ความร่วมมือเป็ นเครือข่ายเพื่อกระทําการ นกั การเมืองท้องถิ่น

เป็ นมาก เพียงแต่มีธงว่าจะใช้ เงิน 2) การจดั ทําเทศบญั ญตั ิ ทุจริตโดยผ่านการทําประชาคม , สภา (ที่

งบประมาณและการใช้แต่ละครัง้ ก็จะมี 3) การจดั ทําข้อบญั ญัติ เป็ นพรรคพวกเดียวกนั )

ประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ตาํ บล,ข้อบญั ญตั อิ งค์การ

บริหารสว่ นตําบล

 

308

ตารางท่ี 7.9 : สรุปผลการศกึ ษาการทจุ ริตในการจดั ทาํ โครงสร้างพนื้ ฐาน

รูปแบบการทจุ ริต ขัน้ ตอนการทุจริต สาเหตกุ ารทจุ ริต ผู้กระทาํ ความผิด ประเภทขององค์กร

ปกครองส่วนท้องถ่นิ

1) ขออนุมัติใช้ เงินสะสมไม่ชอบด้ วย ชว่ งขนั้ ตอนขออนมุ ตั ิ 1) การตคี วามกฎหมายเพื่อเอือ้ ประโยชน์กบั 1) นายกองค์การบริหารส่วน องค์ การบริ หารส่วน

ก ฎ ห ม า ย โ ด ย อ า ศัย ช่ อ ง ว่ า ง ข อ ง ตนเองและพวกพ้อง จงั หวดั จงั หวดั

กฎหมายระหวา่ งท่ีมีการเปล่ียนกฎหมาย 2) การอาศยั ช่องว่างของกฎหมายระหว่างท่ี 2) สภา

ฉบบั ใหมก่ บั เก่า มีการเปลี่ยนกฎหมายฉบบั ใหม่กับเก่าเพ่ือ

เอือ้ ประโยชน์กบั ตนเองและพวกพ้อง

2) การแบ่งซือ้ แบ่งจ้างในโครงการสร้าง ก่อนและระหว่างการ การตีความกฎหมายเพ่ือเอือ้ ประโยชน์กับ 1) นกั การเมืองท้องถิ่น ทุกประเภทขององค์กร

โครงสร้างพืน้ ฐาน ประมลู ตนเองและพวกพ้อง 2) ข้าราชการ ปกครองสว่ นท้องถิ่น

3) พนกั งาน

4) ลกู จ้าง

3) การสมยอมราคาในการประมูล ก่อนและระหว่างการ - ความร่วมมือเป็ นเครือข่ายเพ่ือกระทําการ 1) นกั การเมืองท้องถิ่น ทุกประเภทขององค์กร

โครงการสร้างโครงสร้างพืน้ ฐาน ประมลู ทุจริต โดยใช้อํานาจหน้าที่ท่ีตนเองมีอยู่ 2) ข้าราชการ ปกครองสว่ นท้องถิ่น

ระหว่างผู้บริหารท้องถ่ิน ข้าราชการ และ 3) พนกั งาน

ผ้ปู ระกอบการ 4) ลกู จ้าง

5) ผ้ปู ระกอบการ

309

รูปแบบการทจุ ริต ขัน้ ตอนการทุจริต สาเหตกุ ารทจุ ริต ผู้กระทาํ ความผดิ ประเภทขององค์กร

ปกครองส่วนท้องถ่นิ

4) การเบกิ จา่ ยเงินก่อนการตรวจรับงาน ช่วงการตรวจรับงานและ ความร่วมมือเป็ นเครือข่ายเพื่อกระทําการ 1) นกั การเมืองท้องถิ่น ทุกประเภทขององค์กร

เบกิ จ่ายเงิน ทุจริต โดยใช้อํานาจหน้าท่ีท่ีตนเองมีอยู่ 2) ข้าราชการ ปกครองสว่ นท้องถิ่น

ระหว่างผู้บริ หารท้ องถ่ิน ข้ าราชการ 3) พนกั งาน

เจ้าหน้าท่ี และผ้ปู ระกอบการ 4) ลกู จ้าง

5) ผ้ปู ระกอบการ

5) การฝ่ าฝื นระเบียบกระทรวงมหาดไทย ขั้น ต อ น ก า ร กํ า ห น ด ความร่วมมือเป็ นเครือข่ายเพื่อกระทําการ 1) นกั การเมืองท้องถิ่น ทุกประเภทขององค์กร

ว่าด้วยการพัสดฯุ และหนังสือเวียนของ คณุ สมบตั ิ ทุจริต โดยใช้อํานาจหน้าท่ีที่ตนเองมีอยู่ 2) ข้าราชการ ปกครองสว่ นท้องถ่ิน

กระทรวงมหาดไทยที่ ห้ ามมิให้ องค์กร ระหว่างผู้บริหารท้องถ่ิน ข้าราชการ และ 3) พนกั งาน

ปกครองส่วนท้ องถ่ินทําการกําหนด เจ้าหน้าท่ี เพ่ือเอือ้ ประโยชน์แก่ตนเองและ 4) ลกู จ้าง

คณุ สมบตั ิของผ้เู สนอราคาในการจดั จ้าง พวกพ้อง

โครงการก่อสร้ างว่าจะต้องมีเคร่ืองจักร

เคร่ืองมือ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ในการยื่น

ซองประกวดราคา

6) การให้ความช่วยเหลือผ้เู สนอราคาที่ ขัน้ ตอนการทําสัญญา การใช้อํานาจหน้าที่ในตําแหน่งเพื่อกระทํา น า ย ก อ ง ค์ ก า ร บ ริ ห า ร ส่ ว น องค์ การบริ หารส่วน

ไม่ใช่ผู้เสนอราคาที่ต่ําที่สุดตามมติของ จ้าง การทจุ ริต จงั หวดั จงั หวดั

คณะกรรมการรับและเปิ ดซอง

รูปแบบการทุจริต ขัน้ ตอนการทุจริต สาเหตกุ ารทจุ ริต ผู้กระทาํ ความผิด 310

7) ไม่ปรากฏโครงการฯในเทศบญั ญัติ/ ขั้ น ต อ น ก่ อ น เ ริ่ ม การใช้อํานาจหน้าท่ีในตําแหน่งเพ่ือกระทํา ประเภทขององค์กร
ปกครองส่วนท้องถ่นิ
ข้อบญั ญัติตําบล แต่มีการจดั ซือ้ จัดจ้าง โครงการฯ การทจุ ริต 1) เทศบาล
2) องค์การบริหารส่วน
ไปก่อน แล้วคอ่ ยทําบญั ญตั ทิ ีหลงั ตําบล
ทุกประเภทขององค์กร
8) ขยายเวลาให้แก่ผู้รับเหมาโดยท่ีไม่มี ขัน้ ต อ น ก ร ะ บ ว น ก า ร การใช้อํานาจหน้าที่ในตําแหน่งเพ่ือกระทํา ปกครองสว่ นท้องถิ่น
ทุกประเภทขององค์กร
เหตอุ นั ควรตามระเบยี บฯ สญั ญา การทจุ ริต ปกครองสว่ นท้องถ่ิน

9) การใช้วสั ดอุ ปุ กรณ์ก่อสร้างที่ไม่ได้ ขัน้ ตอนการดําเนินการ 1) การไม่สุจริตของผู้ประกอบการ โดยไม่ ผ้ปู ระกอบการ

มาตรฐาน ตามสญั ญา ปฏบิ ตั ติ ามเงื่อนไขของสญั ญา รวมทงั้ การท่ี

ผู้ประกอบการจะต้ องจ่ายเงิน (ใต้ โต๊ ะ)

ให้แก่ท้องถ่ินจงึ ทําให้ต้องลดต้นทนุ การสร้าง

ลง

2) ระบบการควบคุมและตรวจสอบไม่มี

ประสทิ ธิภาพ

311

รูปแบบการทจุ ริต ขัน้ ตอนการทจุ ริต สาเหตกุ ารทจุ ริต ผู้กระทาํ ความผิด ประเภทขององค์กร
ปกครองส่วนท้องถ่นิ
10) การไม่ไปตรวจรับงานตามขนั้ ตอนที่ ขัน้ ตอนการตรวจรับงาน 1) การขาดความรู้ ความเข้ าใจเกี่ยวกับ คณะกรรมการตรวจการจ้าง ทุกประเภทขององค์กร
ปกครองสว่ นท้องถ่ิน
กฎหมายกําหนด และการเบกิ จา่ ยเงิน ระเบียบการตรวจการจ้าง รวมทัง้ การไม่มี
ทุกประเภทขององค์กร
เวลา และการได้รับเงินค่าตอบแทนในการ ปกครองสว่ นท้องถ่ิน

ลงนาม (กรณีภาคประชาชน)

2) ความร่วมมือเป็ นเครือขา่ ยเพื่อกระทําการ

ทจุ ริต โดยได้รับความร่วมมือคณะกรรมการ

ตรวจการจ้างคนอื่น ๆ

11) เจ้าพนกั งานไม่ไปควบคมุ งานตามท่ี ขนั้ ตอนการควบคมุ งาน 1) เจ้าพนกั งานขาดความเอาใจใส่ / มีภาระ เจ้าพนกั งาน

กฎหมายกําหนด ทําให้เป็ นช่องทางให้ ง า น ม า ก / ตัง้ ใ จ ร่ ว ม มื อ กัน ทุจ ริ ต กับ

ผู้ประกอบกา รทุจริ ตในการจัดทํ า ผ้ปู ระกอบการ

โครงสร้างพืน้ ฐาน 2) ระบบการตรวจสอบการปฏิบตั ิงานของ

เจ้าพนกั งานไมม่ ีประสทิ ธิภาพ

12) การบังคบั ข่มขู่ ให้องค์กรปกครอง ขัน้ ตอนการตรวจรับงาน การใช้อํานาจหน้าท่ีในตําแหน่งเพื่อกระทํา 1) ผ้ปู ระกอบการ

ส่วนท้ องถิ่นตรวจรับการจ้ าง / เบิก และการเบกิ จา่ ยเงิน การทุจริตทงั้ เพ่ือเอือ้ ประโยชน์ให้กบั ตนเอง 2) นกั การเมืองท้องถ่ิน

จ่ายเงิน โดยผิดระเบียบ และพวกพ้อง โดยนกั การเมืองท้องถิ่น และ 3) ข้าราชการสว่ นภมู ิภาค

ข้าราชการสว่ นภมู ภิ าค

รูปแบบการทจุ ริต ขัน้ ตอนการทุจริต สาเหตกุ ารทจุ ริต ผู้กระทาํ ความผิด 312

13) การเรี ยกรั บผลประโยชน์ จาก ขัน้ ตอนก่อนการอนุมัติ การเสนอขอและให้ ส่วนแบ่งหากมีการ 1) นกั การเมืองท้องถ่ิน ประเภทขององค์กร
ปกครองส่วนท้องถ่นิ
งบประมาณในส่วนของงบอุดหนุน โครงการฯ อนมุ ตั ิโครงการจดั ทําโครงสร้างพืน้ ฐาน โดย 2) นกั การเมืองระดบั ชาติ ทุกประเภทขององค์กร
ปกครองสว่ นท้องถิ่น

เฉพาะกิจ เป็ นความร่วมมือกันระหว่างนักการเมือง 3) ข้าราชการสว่ นภมู ภิ าค

ระดับชาติ นักการเมืองท้ องถ่ิ น และ

ข้าราชการสว่ นภมู ิภาค

313

ตารางท่ี 7.10 : สรุปผลการศกึ ษาการทจุ ริตในการบริหารงานบุคคล

รูปแบบการทจุ ริต ขัน้ ตอนการทจุ ริต สาเหตกุ ารทจุ ริต ผู้กระทาํ ความผิด ประเภทขององค์กร

ปกครองส่วนท้องถ่นิ

1) การรับเงินของผ้มู ีอํานาจในการบรรจุ ขนั้ ตอนการบรรจุ แตง่ ตงั้ 1) การที่กฎหมายให้ อํานาจแก่ผู้บริหาร 1) นายกองค์กรปกครองส่วน ทุกประเภทขององค์กร

แตง่ ตงั้ โยกย้าย โยกย้าย ท้องถิ่นมากเกินไป ท้องถิ่น ปกครองสว่ นท้องถ่ิน

2) ระเบียบว่าด้วยการบริหารงานบคุ คลที่ 2) ผู้ท่ีต้องการได้รับการบรรจุ

บญั ญัติไว้ว่าในการโยกย้ายต้องได้รับความ แตง่ ตงั้ โยกย้าย

ยินยอมจาก 3 ฝ่ าย คือ ผ้ตู ้องการย้าย ,

ผ้บู ริหารของต้นสงั กดั ปัจจบุ นั และ ผ้บู ริหาร

ของต้นสงั กดั ใหม่ ทําให้ผ้ตู ้องการย้ายต้อง

เสียคา่ ใช้จา่ ยทงั้ ต้นทางและปลายทาง

2) การเปิ ดกรอบอตั รากําลงั ในกรณีของ การขออนุมัติเปิ ดกรอบ การที่กฎหมายให้อํานาจแก่ผ้บู ริหารท้องถ่ิน 1) นายกองค์กรปกครองส่วน ทุกประเภทขององค์กร

ลูกจ้ างตามภารกิจที่มากเกินความ อตั รากําลงั มากเกินไป ดงั นนั้ ผ้บู ริหารท้องถ่ินจึงใช้ ท้องถิ่น ปกครองสว่ นท้องถ่ิน

จําเป็ น ช่องทางนีเ้ พ่ืออุปถัมภ์เครือญาติ ตอบแทน 2) ผ้ทู ่ีต้องการได้รับการจ้างงาน

หวั คะแนน รวมทงั้ เรียกรับเงิน (ใต้โต๊ะ)

รูปแบบการทุจริต ขัน้ ตอนการทุจริต สาเหตกุ ารทจุ ริต ผู้กระทาํ ความผดิ 314

3) การเรียกรับสว่ นแบง่ จากเงินโบนสั ขัน้ ต อ น ก า ร พิจ า ร ณ า 1) การท่ีกฎหมายให้ อํานาจแก่ผู้บริหาร 1) นกั การเมืองท้องถิ่น ประเภทขององค์กร
ปกครองส่วนท้องถ่นิ
ความดคี วามชอบ ท้องถิ่นมากเกินไป 2) ข้าราชการ ทุกประเภทขององค์กร
ปกครองสว่ นท้องถ่ิน

2) ระบบอปุ ถมั ภ์ในสงั คม 3) พนกั งาน

4) ลกู จ้าง

5) สภา

4) การอนมุ ตั ใิ ช้เงินสะสมเพื่อจ่ายโบนสั ขนั้ ตอนการอนมุ ตั ใิ ช้ การใช้อํานาจหน้าท่ีในตําแหน่งเพ่ือกระทํา 1) นกั การเมืองท้องถิ่น

เงินสะสม การทจุ ริตเพ่ือเอือ้ ประโยชน์ให้กบั ตนเองและ 2) สภา

พวกพ้อง โดยนกั การเมืองท้องถ่ิน และ สภา

ท้องถ่ิน

5) การใช้ช่องว่างของกฎหมายเพื่อเพิ่ม ขั้ น ต อ น ก า ร โ ย ก นายกองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินใช้อํานาจ 1) นกั การเมืองท้องถิ่น

เงินโบนัสให้ แก่ข้ าราชการ พนักงาน งบประมาณ ที่ตนมีอยู่ ประกอบกับการที่กฎหมายเปิ ด 2) ข้าราชการ

ลกู จ้างขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ิน ช่องให้อํานาจแก่ผู้บริหาร โดยร่วมมือกับ

ข้ า ร า ช ก า ร ท่ี เ กี่ ย ว ข้ อ ง ใ น ก า ร จัด ทํ า

งบประมาณรายจ่ายด้ านการบริ หารงาน

บุคคลท่ีถูกต้ องและเหมาะสมเพื่อให้ ผ่าน

การพิจารณาจากสภาท้องถิ่น

รูปแบบการทุจริต ขัน้ ตอนการทจุ ริต สาเหตกุ ารทจุ ริต ผู้กระทาํ ความผิด 315

ประเภทขององค์กร
ปกครองส่วนท้องถ่นิ

หลงั จากนัน้ จะทําการโยกย้ายงบประมาณ
ใ น ส่ ว น ข อ ง ก า ร บ ริ ห า ร ง า น บุค ค ล ใ น ส่ ว น
อื่น ๆ มาไว้ในส่วนของเงินโบนัส เพ่ือให้
สามารถจ่ายเงินโบนัสได้ มากขึน้ อันจะ
ส่งผลให้ ผ้ ูบริ หารท้ องถ่ินได้ รับผลตอบแทน
มากขนึ ้ ตามไปด้วย

316

ตารางท่ี 7.11 : สรุปผลการศกึ ษาการทุจริตในการออกใบอนุญาต

รูปแบบการทจุ ริต ขัน้ ตอนการทจุ ริต สาเหตกุ ารทจุ ริต ผู้กระทาํ ความผิด ประเภทขององค์กร

ปกครองส่วนท้องถ่นิ

1) เจ้ าหน้ าที่ขององค์กรปกครองส่วน การใช้ความรู้ และอํานาจหน้าท่ีท่ีตนมีอยู่ เจ้าพนกั งานในสว่ นของกองช่าง 1) เทศบาล
ท้ องถ่ินเรียกรับเงินจากผู้มาติดต่อขอ
ใบอนญุ าตเพื่อที่จะออกใบอนุญาต หรือ เพื่อเอือ้ ประโยชน์ให้กบั ตนเองและพวกพ้อง และกองสาธารณสุขท่ีมีหน้าที่ 2) องค์การบริหารส่วน
ตอ่ ใบอนญุ าตให้
2) ประชาชนหรือผ้ปู ระกอบการให้สนิ บน ด้านการออกใบอนญุ าต ตําบล
แก่เจ้าหน้าที่เพ่ือที่จะขอใบอนญุ าต หรือ
ตอ่ ใบอนญุ าตได้ในเวลาอนั รวดเร็ว เอกสารประกอบการขอ หรือต่อใบอนุญาต 1) ประชาชน 1) เทศบาล

ในส่วนของประชาชนหรือผู้ประกอบการไม่ 2) ผ้ปู ระกอบการ 2) องค์การบริหารส่วน

ครบถ้วนทําให้ประชาชนหรือผ้ปู ระกอบการ ตําบล

ท่ีต้องการสะดวกและความรวดเร็วในการขอ

หรื อต่อใบอนุญาตจ่ายเงินใต้ โต๊ ะให้ กับเจ้ า

พนกั งานท่ีเกี่ยวข้อง

3) การนําช่ือผู้อื่นมาลงนามว่าเป็ น ก่อนยื่นขอใบอนญุ าต เจ้าพนักงานพยายามหลีกเลี่ยงในการลง เจ้ าหน้าท่ีขององค์กรปกครอง
ผู้เขียนแบบทัง้ ๆ ท่ีตนเองเป็ นผู้เขียน
แบบเอง นามว่าตนเองเป็ นผู้เขียนแบบ เน่ืองจาก สว่ นท้องถิ่น

ประเดน็ ในเรื่อง “ความไม่เหมาะสม” ซง่ึ อาจ

มองได้วา่ เป็ นเร่ือง “ผลประโยชน์ทบั ซ้อน”

317

รูปแบบการทจุ ริต ขัน้ ตอนการทจุ ริต สาเหตกุ ารทจุ ริต ผู้กระทาํ ความผดิ ประเภทขององค์กร

ปกครองส่วนท้องถ่นิ

4) การออกใบอาชญาบัตรหมูไม่ครบ การออกใบอนญุ าต 1) ผลประโยชน์ท่ีเกิดขึน้ หรือเสียหายมี 1) เจ้าหน้าที่ขององค์กรปกครอง เทศบาล
(กรณีโรงฆ่าสัตว์)ทําให้ ท้ องถ่ินเสีย
ผลประโยชน์ มูลค่าน้ อยในสายตาของผู้ปฏิบัติงาน สว่ นท้องถ่ิน

ประกอบกบั สายสมั พนั ธ์กบั ผ้ปู ระกอบการที่ 2) ผ้ปู ระกอบการ

แน่นแฟ้ นทําให้เกิดการละเลยการปฏิบัติ

หน้าที่

2) ระบบการตรวจสอบไมท่ ว่ั ถงึ

318

7.8 แบบแผนการทจุ ริตในองค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ

คณะผ้วู ิจยั ได้พบแบบแผนการทจุ ริตในองค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ิน ซง่ึ สามารถสรุปได้ตาม
การดําเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินในเรื่องการจดั ซือ้ จดั จ้างและการจดั ทําโครงสร้าง
พืน้ ฐาน การบริหารงานบคุ คล การออกใบอนญุ าต ได้ดงั นี ้

7.8.1 การจดั ซอื้ จดั จ้างและการจดั ทาํ โครงสร้างพนื้ ฐาน

1) องค์กรขนาดใหญ่ : นักการเมืองท้องถ่นิ มีส่วนร่วมทจุ ริตในโครงการ
ขนาดใหญ่

องค์กรขนาดเล็ก : นักการเมืองท้องถ่นิ มีส่วนร่วมในการทจุ ริต
ทุกขนาดของโครงการ

ผลการศกึ ษาในอดีตสะท้อนให้เห็นว่าวงเงินการจดั ซือ้ จดั จ้างมีความสมั พนั ธ์กบั
ผ้กู ระทําความผิด กลา่ วคือ หากเป็ นวงเงินน้อย ซง่ึ ใช้วิธีการตกลงราคาไมเ่ กิน 100,000 บาท ผ้ทู ํา
การทุจริตส่วนใหญ่จะเป็ นเจ้าหน้าที่ แต่ย่ิงงบประมาณในการจัดซือ้ จัดจ้างสูงมากขึน้ ผู้ทุจริต
ตําแหน่งจะใหญ่ขนึ ้ ตามไปด้วย

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบนั พบข้อที่น่าสงั เกตบางประการ กล่าวคือ ในกรณีของ
องค์การบริหารส่วนตําบลท่ีอย่หู ่างไกลหรือมีงบประมาณน้อยนนั้ การทุจริตที่เกิดขึน้ ในกรณีของ
การจดั ซือ้ จดั จ้างผ้บู ริหารหรือข้าราชการระดบั สงู จะเข้ามาเก่ียวข้องในทกุ วิธีการจดั ซือ้ จดั จ้าง โดย
ผ้บู ริหารหรือข้าราชการระดบั สงู จะเป็ นผู้จดั หาห้างร้ าน/ผู้ประกอบการมาทําสญั ญากบั องค์การ
บริหารสว่ นตาํ บลในทกุ วธิ ีการจดั ซอื ้ จดั จ้าง

ข้อมลู ที่คณะผ้วู ิจยั ได้รับเก่ียวกบั วงเงินการจดั ซือ้ จดั จ้างกบั ผ้กู ระทําการทจุ ริตนนั้
สะท้ อนให้ เห็นถึงจํานวน/ปริ มาณเงิน/สิ่งตอบแทนท่ีมีการจ่าย/มอบให้ แก่องค์กรปกครองส่วน
ท้องถ่ินด้วย กล่าวคือ ในกรณีของการจัดซือ้ จัดจ้างด้วยวงเงินน้อย (การตกลงราคา) หากเป็ น
สินค้าจําพวกวัสดุ อุปกรณ์สํานักงาน การมอบสินบน/สิ่งตอบแทนให้นักการเมืองท้องถิ่น/
ข้าราชการ/พนกั งานที่มีสว่ นร่วมในการทจุ ริตจะอยทู่ งั้ ในรูปของสง่ิ ของ และเงิน โดยหากเป็ นสงิ่ ของ
ก็จะมีทงั้ การใช้เป็ นกองกลาง ในบางกรณีผกู ระทําการทุจริตก็เก็บไว้ใช้ส่วนตวั แต่หากเป็ นเงิน
มกั จะมีบญั ชีธนาคาร (แยกตา่ งหาก) เก็บเอาไว้เป็ นเงินกองกลาง เม่ือต้องมีคา่ ใช้จ่ายในกิจกรรมท่ี
อาจเบกิ จา่ ยไมไ่ ด้ครบถ้วนหรือไมส่ ามารถเบกิ จา่ ยได้เลยก็จะมีการนําเงินในสว่ นนีม้ าใช้

นอกจากนีแ้ ล้ว คณะผ้วู ิจยั ยงั พบอีกว่าในส่วนของสินค้าท่ีมีการลดราคา (ถกู กด
ราคา) นนั้ ส่วนใหญ่จะเป็ นวสั ดสุ ํานกั งาน หนงั สือ อปุ กรณ์กีฬา โดยในส่วนของการจดั ซือ้ จดั จ้าง

319

อปุ กรณ์กีฬา ห้างร้านจะต้องจ่ายหรือมีส่วนลดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประมาณ 20-35%
ในขณะท่ีหากเป็ นสินค้าประเภทหนงั สือส่วนท่ีจะต้องจ่าย (ลด) ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
จะสงู ถึง 35-50% เลยที่เดยี ว

2) งบอุดหนุนเฉพาะกจิ : การทุจริตท่พี บเหน็ ได้ตลอดเวลาในทกุ ประเภท
ขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ

ข้อมูลจากการลงพืน้ ที่และการสมั ภาษณ์หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของคณะผู้วิจัย
สามารถสรุปแบบแผนเก่ียวกบั ประเภทของงบประมาณหบั การทุจริตได้คือ องค์กรปกครองส่วน
ท้องถ่ินไม่ว่าจะเป็ นองค์การบริหารส่วนจงั หวดั เทศบาล หรือองค์การบริหารสว่ นตําบลจะมีการ
ทุจริตในเรื่องการจัดซือ้ จัดจ้างและการจัดทําโครงสร้ างพืน้ ฐานในงบอุดหนุนเฉพาะกิจ ซ่ึงเป็ น
นโยบายของรัฐบาลในการกระต้นุ เศรษฐกิจโดยสง่ ผา่ นงบประมาณมายงั ชอ่ งทางตา่ ง ๆ

ตวั อย่างในปัจจบุ นั คือ โครงการ “ไทยเข้มแข็ง” ซงึ่ ข้อมลู จากการลงพืน้ ที่ พบว่า
องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินที่จะได้รับงบประมาณนี ้ ผู้บริหาร (นักการเมืองท้องถ่ิน) ต้องมีสาย
สมั พันธ์ท่ีเน้นเฟ้ นกับการเมืองระดับชาติ และหากต้องการได้รับงบประมาณจะต้องมีการจ่าย
(วาง) เงินสด (ส่วนใหญ่ในหลายพืน้ ท่ีจะกําหนดว่าต้องเป็ นเงินสด) หรือ เช็ค (บางพืน้ ท่ี) เป็ น
สดั ส่วน 25-35% (ส่วนใหญ่ให้ข้อมูลว่าเป็ น 35%) ของงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรให้แก่ผู้มี
อํานาจ (ในกรณีนี ้คอื จงั หวดั ) จงึ จะได้รับการจดั สรรงบประมาณให้

ยกตวั อย่างในกรณีท่ีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องการได้งบประมาณมาสร้าง
ถนนสกั 1 สาย หากได้มีการพดู คยุ กนั เป็ นที่เรียบร้อยแล้ว องค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินจะต้องจดั หา
ผ้รู ับเหมาก่อสร้างเตรียมเอาไว้ พร้อมกบั เสนอโครงการฯไปตามขนั้ ตอนท่ีระเบยี บกําหนด หลงั จาก
นัน้ ผู้รับเหมาก่อสร้ างจะต้องนําเงิน 35% ของวงเงินท่ีโครงการฯ ขอไปไปจ่ายให้กับผู้มีส่วน
รับผิดชอบ เช่น โครงการฯของบประมาณจํานวน 1,000,000 บาท ในการสร้ างถนน ดงั นัน้
ผ้รู ับเหมาก่อสร้างจะต้องเซ็นสญั ญาก่อสร้างถนนในราคา 1,000,000 บาท แต่ตนเองจะได้รับ
งบประมาณในการก่อสร้างจริง ๆ เพียง 650,000 บาท เน่ืองจากอีก 350,000 บาทต้องจ่าย (ใต้
โต๊ะ) ให้แก่ผ้อู ํานาจ

นอกจากนีแ้ ล้ว ข้อมลู ในบางพืน้ ที่ยงั สะท้อนให้เห็นว่าผ้รู ับเหมาก่อสร้างจะต้อง
จ่ายเงินให้แก่ผ้บู ริหารท้องถ่ินนนั้ ๆ เพิม่ เตมิ จากการที่ต้องจ่ายให้แก่สว่ นกลางด้วย โดยสดั สว่ นของ
เงินที่จะต้องจ่ายอย่ทู ่ี 5-15% ของงบประมาณที่ได้รับ ดงั นนั้ จึงไม่น่าแปลกใจแตอ่ ย่างใด หาก
ประชาชนจะพบเห็นวา่ โครงสร้างพืน้ ฐานตา่ ง ๆ ท่ีเพิง่ มีการก่อสร้างได้ไมน่ านเกิดความเสยี หายขนึ ้
จนต้องมีการซอ่ มแซม ปรับปรุง

320

3) องค์กรขนาดใหญ่ : ทุจริตในวธิ ีการประกวดราคาและวิธีพเิ ศษ
องค์กรขนาดเล็ก : ทจุ ริตในวิธีการสอบราคาและตกลงราคา

ข้อมลู จากคณะกรรมการป้ องกนั และปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และ
จากการลงพืน้ ที่ พบว่า องค์การบริหารสว่ นจงั หวดั และเทศบาลขนาดใหญ่มกั จะทําการทจุ ริตโดย
ใช้วธิ ีพิเศษและการประกวดราคา ขณะท่ีเทศบาลขนาดเลก็ และองค์การบริหารสว่ นตําบลมกั จะทํา
การทุจริตโดยใช้วิธีการสอบราคา และตกลงราคาซึ่งสอดคล้องกับงบประมาณและโครงการ/
กิจกรรมขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินแตล่ ะรูปแบบ

4) อดตี : ทุจริตในเร่ืองการจดั ทาํ โครงสร้างพนื้ ฐาน
ปัจจุบัน : ทจุ ริตในเร่ืองการศึกษาดงู าน กิจกรรมส่งเสริมการท่องเท่ยี ว

เมื่อกล่าวถึงการทุจริตในกระบวนการจัดซือ้ จัดจ้างขององค์กรปกครองส่วน
ท้องถ่ินในอดตี นนั้ ข้อมลู สว่ นใหญ่ท่ีสะท้อนออกมามกั จะเป็ นเร่ืองการทจุ ริตในการจดั ทําโครงสร้าง
พืน้ ฐาน เช่น ถนน ไฟฟ้ า นํา้ ประปา เป็ นต้น

อย่างไรก็ตาม จากการลงเก็บข้อมลู ในพืน้ ที่ท่ีเป็ นกล่มุ ตวั อย่าง พบว่า ผ้ใู ห้ข้อมลู
สว่ นหนง่ึ ชีเ้บาะแสวา่ ในปัจจบุ นั การทจุ ริตในเร่ืองการจดั ซือ้ จดั จ้างมีการปรับเปล่ียนในประเภทของ
กิจกรรม/โครงการ กล่าวคือ องค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นได้ปรับเปล่ียนการใช้จ่ายงบประมาณโดย
เน้นไปที่กิจกรรมประเภททศั นศกึ ษา กิจกรรมสง่ เสริมศลิ ปวฒั นธรรม สาเหตทุ ี่เป็ นเช่นนี ้เนื่องจาก
กิจกรรม/โครงการดงั กลา่ วมีลกั ษณะที่เป็ นกิจกรรม/โครงการด้านการบริการ ซง่ึ วสั ดุ อปุ กรณ์ พสั ดุ
ที่ใช้มีลกั ษณะใช้แล้วหมดไป ซง่ึ ตรวจสอบได้ยาก ประกอบกบั เป็ นกิจกรรม/โครงสร้างท่ีสร้างความ
บนั เทิง ความพงึ พอใจให้กบั ประชาชน และสามารถเข้าถึงประชาชนกลมุ่ เป้ าหมายได้อยา่ งชดั เจน
ดงั นนั้ ในปัจจบุ นั องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินจึงนิยมหนั มาทํากิจกรรม/โครงการประเภทนีก้ นั เพิ่ม
มากขนึ ้

ในกรณีขององค์การบริหารส่วนตําบลและเทศบาลตําบลนัน้ มักจะมีการนํา
ประชาชนไปศกึ ษาดงู านนอกสถานท่ี ซงึ่ ถือว่าเป็ นกลยทุ ธ์ในการหาเสียงอย่างหนึ่ง รวมทงั้ การจดั
งานเทศบาลประจําปี ซง่ึ มกั มีการใช้งบประมาณไม่สงู นกั ซง่ึ สอดคล้องกบั งบประมาณท่ีองค์กรมี
ในแตล่ ะปี งบประมาณ ตรงกนั ข้ามกบั องค์การบริหารสว่ นจงั หวดั เทศบาลนคร และเทศบาลเมือง
ท่ีมีขนาดใหญ่ ซง่ึ มีงบประมาณในการบริหารจดั การจํานวนมาก รูปแบบการทจุ ริตได้มีการเปลี่ยน
รูปแบบจากการจดั ทําโครงสร้างพืน้ ฐานเป็ นการท่มุ งบประมาณไปที่การจดั งาน Events ต่าง ๆ
เหตทุ ่ีเป็ นเช่นนีเ้ น่ืองจากองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินขนาดใหญ่เหลา่ นีไ้ ด้มีการพฒั นาในสว่ นของ
โครงสร้ างพืน้ ฐานไปมากแล้ว ดงั นัน้ งบประมาณในการจัดทําโครงสร้ างพืน้ ฐานจึงมุ่งไปที่การ

321

ปรับปรุง ซ่อมแซมเสียเป็ นส่วนใหญ่ ขณะท่ีในปัจจุบนั มีการรณรงค์ ส่งเสริมทัง้ จากภาครัฐและ
เอกชนในเรื่องการท่องเท่ียว ดงั นัน้ จากการลงพืน้ ท่ีจึงพบว่าในกรณีขององค์กรปกครองส่วน
ท้องถ่ินขนาดใหญ่และ/หรือมีงบประมาณมากจึงท่มุ งบประมาณไปที่การสง่ เสริม ประชาสมั พนั ธ์
การทอ่ งเที่ยวในพืน้ ท่ี รวมทงั้ การจดั งานเฉลมิ ฉลองในโอกาสตา่ ง ๆ เช่น งานเฉลมิ พระชนมพรรษา
สมเด็จพระเจ้าอยู่หวั และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ งานสงกรานต์ งานลอยกระทง
งานขนึ ้ ปี ใหม่ งานเทศกาลประจําปี ของจงั หวดั เป็ นต้น

สาเหตทุ ี่มีการเปล่ียนแปลงรูปแบบ ประเภทของการทุจริตดงั ที่ได้กล่าวมาแล้ว
ข้างต้นนัน้ สาเหตทุ ่ีสําคญั ประการหนึ่ง คือ การตรวจสอบกิจกรรมดงั กล่าวสามารถทําได้ยาก
เน่ืองจากเป็ นกิจกรรมในลกั ษณะของการบริการ ซงึ่ เมื่อได้ดาํ เนินการไปแล้ว หลกั ฐานตา่ ง ๆ มกั จะ
ไม่ปรากฏ ประกอบกับองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินขนาดใหญ่มกั จะมีข้าราชการ เจ้าหน้าท่ีที่มี
ความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์สงู ในเรื่องการจดั ซือ้ จดั จ้าง ดงั นนั้ ในกระบวนการจดั ซือ้ จดั
จ้างดงั กล่าว ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ปฏิบตั ิงานในเร่ืองการจัดทําเอกสาร หาก
จดั ทําเอกสารให้มีความรัดกมุ และถกู ต้อง การตรวจสอบก็ย่ิงจะเป็ นไปได้ยาก

5) การทุจริตเชงิ นโยบาย : รูปแบบใหม่ของการทจุ ริตในองค์กรปกครอง
ส่วนท้องถ่นิ

ปัจจบุ นั มีการพฒั นารูปแบบของการทจุ ริตไปกว่าในอดีตเป็ นอย่างมาก การทจุ ริต
ท่ีสําคญั ประการหน่ึง คือ “การทุจริตเชิงนโยบาย” โดยเริ่มตงั้ แต่การจัดทําแผน ซึ่งนักการเมือง
ท้องถ่ินท่ีมีความรู้ในเร่ืองนีจ้ ะมีการสง่ั การให้ข้าราชการท่ีอย่ภู ายใต้บงั คบั บญั ชาดําเนินการจดั ทํา
แผนพฒั นาองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน โดยการบรรจุโครงการที่ตนเองต้องการดําเนินการลงไป
ซึ่งมีการสร้างความถกู ต้องและชอบธรรมผ่านกระบวนการต่าง ๆ เช่น การทําประชาคม เป็ นต้น
ดงั นัน้ งบประมาณของท้องถิ่นก็อาจไปกระจุกตวั อยู่ในกิจกรรม/พืน้ ที่หาเสียงของนกั การเมือง
ท้องถ่ิน ซง่ึ การจดั ทําแผนน่ีเองกลายเป็ นช่องทางหนึ่งท่ีนกั การเมืองท้องถิ่นสามารถใช้เป็ นข้ออ้าง
ในการของบประมาณสนบั สนนุ จากรัฐบาลหรือหนว่ ยงานราชการตา่ ง ๆ ได้ โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงเมื่อ
มีงบประมาณประเภทเงินอดุ หนนุ เฉพาะกิจเข้ามาในพืน้ ที่

322

7.8.2 การบริหารงานบุคคล

1) การสมยอมในผลประโยชน์ : ต้นตอการทุจริตในการบริหารงานบุคคล
การทจุ ริตในเรื่องการบริหารงานบคุ คลนนั้ เกิดขนึ ้ ได้ในทกุ เรื่องของการบริหารงาน
บุคคล ไม่ว่าจะเป็ นการสอบ การบรรจุ การแต่งตงั้ การโยกย้าย การจ่ายโบนัส ซึ่งไม่สามารถ
จําแนกได้วา่ องค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินประเภทใดมีการทจุ ริตในเร่ืองนีม้ ากกวา่ กนั ผ้ใู ห้ข้อมลู มอง
วา่ เป็ นเรื่องของการสมยอมกนั การทจุ ริตจะกลายเป็ นเร่ืองขนึ ้ มาเม่ือเกิดการเสยี ผลประโยชน์ขนึ ้

2) อาํ นาจของผู้บริหารส่วนท้องถ่นิ ท่มี ากเกนิ ไป : ต้นตอการทจุ ริตในการ
บริหารงานบุคคล

ผ้ใู ห้ข้อมลู เกือบทงั้ หมด (ยกเว้นนกั การเมือง) เห็นว่า การทุจริตในเรื่องบริหาร
งานบคุ คลเกิดจากการการให้อํานาจผ้บู ริหาร (นกั การเมือง) มากจนเกินไป แม้ว่าจะมี ก.จงั หวดั
เป็ นผ้พู จิ ารณาร่วมด้วย แตผ่ ้ใู ห้ข้อมลู เห็นวา่ ก.จงั หวดั กลายเป็ นเพียง “ตรายาง” ท่ีสร้างความชอบ
ธรรมให้กบั ผ้บู ริหารท้องถ่ินเท่านนั้

3) โบนัส : รูปแบบการทจุ ริตแบบใหม่ในการบริหารงานบุคคล
รูปแบบการทุจริตของการบริหารงานบุคคลในปัจจุบนั จากข้อมลู ของสํานกั งาน
คณะกรรมการป้ องกนั และปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พบว่า มีเรื่องร้องเรียนในเร่ือง
การเรียกรับเงินโบนสั เป็ นจํานวนมาก ซงึ่ สอดคล้องกบั ข้อมลู จากการลงพืน้ ท่ี อย่างไรก็ตาม ข้อมลู
จากการลงพืน้ ที่สะท้อนให้เห็นว่าในเรื่องการทจุ ริตในการบริหารงานบคุ คลนนั้ ยงั มีความซบั ซ้อน
มากไปกวา่ นนั้ กลา่ วคือ
ในสว่ นของการเรียกรับเงินโบนสั นนั้ ในหลายกรณีผ้บู ริหารท้องถิ่นจะใช้วิธีการสงั่
ให้ผู้ประเมินประเมินบุคคลที่ตนมีความสนิทชิดเชือ้ หรือบุคคลท่ีรับปากว่าจะแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้
ผ้บู ริหารมาก ๆ หากได้รับโบนสั มาก ให้ประเมินให้ได้คะแนนสงู ซึง่ วิธีการนีม้ กั มีการถกู ร้องเรียน
มาก แต่เมื่อนําขนึ ้ มาพิจารณาผ้บู ริหารมกั จะรอดตวั เพราะ เป็ นเร่ืองของการใช้ดลุ พินิจ ประกอบ
กบั การตรวจผลงานจะพิจารณาเอกสารเป็ นหลกั ไม่ได้ดผู ลงานที่แท้จริง และเม่ือ ก. จงั หวดั มา
ตรวจ ข้อมลู ภาคสนาม พบว่า มีการจ่ายเงินให้กบั คณะกรรมการท่ีมาตรวจ รวมทงั้ คณะกรรมการ
ใน ก.จงั หวดั ด้วย
ความสลับซับซ้ อนของการได้ มาซ่ึงเงินโบนัสก็สะท้ อนให้ เห็นถึงการทุจริ ตได้
เช่นเดียวกนั กลา่ วคือ ในบางพืน้ ที่โดยเฉพาะอย่างย่ิงในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ฝ่ ายบริหาร
และฝ่ ายนิตบิ ญั ญตั ไิ มไ่ ด้เป็ นพวกเดยี วกนั มกั จะมีการโต้แย้งจากฝ่ ายนิตบิ ญั ญตั เิ ม่ือต้องพิจารณา

323

งบประมาณในส่วนของเงินโบนสั ว่าฝ่ ายบริหารมีการตงั้ เงินโบนสั สงู จนเกินไป และมกั จะไม่ผ่าน
การพิจารณาของฝ่ ายนิติบญั ญัติ ดงั นนั้ ฝ่ ายบริหารและข้าราชการประจํา (บางพืน้ ท่ี)จึงต้องหา
วิธีการแก้ไข คือ การตงั้ งบประมาณในสว่ นของเงินโบนสั ไว้ในจํานวนที่น้อยมาก (หากไมต่ งั้ เลยจะ
ไม่สามารถจ่ายเงินโบนสั ได้) เพื่อให้ฝ่ ายนิติบญั ญตั ิไม่มีข้อโต้แย้ง แตจ่ ะไปตงั้ งบประมาณในส่วน
อื่นๆของการบริหารงานบุคคลให้เต็มท่ีแต่ไม่เกิน 40% ของงบประมาณรายจ่าย เม่ืองบประมาณ
ผ่านสภาแล้ว ผ้บู ริหารท้องถิ่นจะใช้อํานาจท่ีตนเองมีอย่ใู นการท่ีจะลด โยก ย้ายงบประมาณใน
สว่ นของการบริหารงานบคุ คลในรายการอื่น ๆ ที่มีการตงั้ เอาไว้แล้วมาเป็ นเงินงบประมาณในส่วน
ของโบนสั แทน การกระทําเช่นนีแ้ ม้ว่าจะไม่ผิดระเบียบที่กําหนดอํานาจหน้าท่ีของผ้บู ริหารไว้ แต่
เป็ นการกระทําท่ีก่อให้เกิดการทจุ ริตตามมา เนื่องจากยิ่งมีการจ่ายเงินโบนสั มากขนึ ้ เท่าไรผ้บู ริหาร
ท้องถิ่นก็จะย่ิงได้รับผลประโยชน์จากเงินโบนสั มากขนึ ้ เทา่ นนั้

สําหรับในกรณีขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นท่ีฝ่ ายบริหารและฝ่ ายนิติบญั ญตั ิ
เป็ นกล่มุ (พวก) เดียวกนั มกั จะพบว่าปัญหาการถูกแย้งในส่วนของการตงั้ งบประมาณ (โบนสั )
มกั จะไมค่ อ่ ยเกิดขนึ ้ และฝ่ ายนิตบิ ญั ญตั มิ กั จะได้รับผลประโยชน์จากเงินโบนสั เหลา่ นนั้ ด้วย

4) การจ้างลูกจ้างตามภารกิจ : ตอบแทนหวั คะแนนและเครือญาติ
ในหลายพืน้ ท่ีผ้บู ริหารท้องถ่ินจะใช้วิธีเปิ ดกรอบอตั รากําลงั โดยการจ้างลกู จ้าง
ตามภารกิจให้เต็มที่เพ่ือให้รายจ่ายในส่วนของการบริหารงานบคุ คลอย่ทู ่ี 40% เพื่อท่ีจะไม่ต้อง
จ่ายเงินโบนสั หรือจ่ายเงินโบนสั ในอตั ราที่น้อยมาก การจ้างลกู จ้างตามภารกิจนนั้ ผ้ใู ห้ข้อมลู ส่วน
ใหญ่ระบุตรงกันว่าเป็ นวิธีการท่ีผู้บริหารท้องถิ่นนิยมทํากนั มากในปัจจุบนั โดยมีวตั ถุประสงค์ท่ี
แตกต่างจากเดิม คือ เป็ นการกระทําเพื่อตอบแทนหวั คะแนนและเครือญาติของผ้บู ริหารท้องถ่ิน
ดงั นนั้ ผลตอบแทนท่ีผ้บู ริหารท้องถิ่นจะได้รับจึงไมใ่ ช่ตวั เงินเหมือนกบั การเรียกรับเงินในการบรรจุ
แต่งตงั้ โยกย้าย ประเมินเงินโบนสั แต่จะได้ผลตอบแทนในเร่ืองฐานเสียงและความไว้เนือ้ เชื่อใจ
ซง่ึ ทําให้ระบบอปุ ถมั ภ์มีความแนบแน่นมากย่ิงขนึ ้

7.8.3 การออกใบอนุญาต

ใบอนุญาตก่อสร้าง : การทุจริตท่พี บเหน็ มากในพนื้ ท่เี ศรษฐกจิ
การทจุ ริตในเรื่องการออกใบอนญุ าต ลกั ษณะของการทจุ ริตท่ีพบเป็ นสว่ นใหญ่ได้แก่ การ
ท่ีเจ้าหน้าท่ีเรียกรับผลประโยชน์จากผู้มาติดต่อขอใบอนุญาต หรือเป็ นกรณีที่ผู้มาติดต่อให้หรือ
ขอให้สินบนใด ๆ แก่เจ้าหน้าที่ ซ่ึงส่วนใหญ่แล้วการทุจริตในลักษณะนีม้ ักเกิดขึน้ กับองค์กร
ปกครองส่วนท้องถ่ินที่เป็ นพืน้ ที่เศรษฐกิจ โดยใบอนุญาตท่ีมักเกิดการทุจริตได้แก่การออก

324

ใบอนญุ าตก่อสร้างอาคารตามพระราชบญั ญตั คิ วบคมุ อาคาร นอกจากนีย้ งั มีลกั ษณะการทจุ ริตใน
อีกรูปแบบหน่งึ ท่ีเกิดขึน้ ก็คือการท่ีเจ้าหน้าที่ผ้มู ีอํานาจในการพิจารณาอนญุ าตเข้าไปมีสว่ นได้เสีย
ในการขออนุญาต เช่น การที่เจ้าหน้าท่ีช่าง ที่มีอํานาจในการพิจารณาออกใบอนุญาตก่อสร้ าง
อาคารรับจ้างเขียนแบบก่อสร้างจากเอกชนผ้ปู ระสงค์จะขอใบอนญุ าต เป็ นต้น

กล่าวโดยสรุป แม้จะมีข้อจํากัดในเรื่องปริมาณและชนิดของข้อมลู หากแต่เมื่อ
คณะผู้วิจยั ได้ได้รวบรวมและเรียบเรียงข้อมลู ท่ีมีอย่กู ็พอที่จะสามารถสรุปแบบแผนการทุจริตใน
องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินในประเทศไทยตามประเภทของการทจุ ริต คือ การจดั ซือ้ จดั จ้าง การ
จดั ทําโครงสร้างพืน้ ฐาน การบริหารงานบคุ คล และการออกใบอนุญาต ดงั รายละเอียดท่ีได้กลา่ ว
มาแล้วข้างต้น ซึ่งข้อมลู เหล่านีจ้ ะถูกนํามาวิเคราะห์เพ่ือแสวงหามาตรการในการป้ องกันและ
ปราบปรามการทจุ ริตในองค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินของประเทศไทยตอ่ ไป

 
 
 
 

325

บทท่ี 8
สรุปผลการศกึ ษาและข้อเสนอแนะ

8.1 สรุปผลการศกึ ษา

การศึกษาวิจยั เร่ือง “การป้ องกนั และปราบปรามการทุจริตในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น”
ในครัง้ นี ้ มีวตั ถปุ ระสงค์ของการศกึ ษา 4 ประการ ได้แก่ ประการแรก เพ่ือแสวงหาความรู้เกี่ยวกบั
โครงสร้าง ภมู หิ ลงั และพฒั นาการขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ิน ตลอดจนกระบวนการและขนั้ ตอน
ต่าง ๆ ในการดําเนินงานด้านการจดั ซือ้ จดั จ้าง การจดั ทําโครงสร้างพืน้ ฐาน การบริหารงานบุคคล
และการออกใบอนญุ าตขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินรูปแบบทว่ั ไปของประเทศไทย ประการที่สอง
เพ่ือแสวงหาความรู้จากประสบการณ์ในตา่ งประเทศเก่ียวกบั มาตรการในการป้ องกนั และปราบปราม
การทจุ ริตในองค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่น อนั จะนําไปสกู่ ารประยกุ ต์ ปรับใช้เพื่อการแก้ไขปัญหาการ
ทจุ ริตภายในองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินรูปแบบทว่ั ไปของประเทศไทย ประการท่ีสาม เพ่ือแสวงหา
ความรู้เก่ียวกับสภาพปัญหา สาเหตขุ องการทุจริต ตลอดจนรูปแบบ ประเภท และความถี่ของการ
ทจุ ริตที่เกิดขนึ ้ ในองค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นรูปแบบทว่ั ไปของประเทศไทย และ ประการสดุ ท้าย เพ่ือ
นําข้อมูลท่ีได้จากการศึกษามาทําการวิเคราะห์เพื่อเสนอมาตรการในการป้ องกันที่เหมาะสมและ
เสนอแนะแนวทางในการแก้ไขปัญหาการทจุ ริตท่ีเกิดขึน้ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินรูปแบบทวั่ ไป
ของประเทศไทย

คณะผู้วิจัยได้ สร้ างกรอบแนวคิดในการศึกษาโดยการทบทวนแนวคิด ทฤษฎีและ
งานวิจยั ที่เก่ียวข้องจากเอกสารและงานวิจยั ตา่ ง ๆ ที่เก่ียวข้องกบั การทจุ ริตคอร์รัปชนั่ ประกอบด้วย
1) แนวคิดเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปช่ัน ซ่ึงครอบคลุมความหมาย ลกั ษณะพฤติกรรมและสภาพ
ปัญหา สาเหตุ และแนวทางการแก้ไขปัญหาการทจุ ริตคอร์รัปชน่ั 2) แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกบั การ
ปกครองท้องถิ่น โดยครอบคลมุ ในส่วนของความหมาย และการกระจายอํานาจ และ 3) งานวิจยั ที่
เกี่ยวข้อง ซง่ึ เน้นเฉพาะงานวิจยั ท่ีเกี่ยวข้องกับประเด็นต่าง ๆ ของการทุจริตในองค์กรปกครองส่วน
ท้องถ่ินของประเทศไทยเทา่ นนั้

สําหรับวธิ ีการเก็บรวบรวมข้อมลู เพื่อนําไปสกู่ ารอธิบาย วิเคราะห์ และนําเสนอผลการศกึ ษา
ประกอบด้วย 2 วิธีการที่สําคญั ได้แก่ การศกึ ษาข้อมลู จากเอกสาร ใช้วิธีการรวบรวมจากเอกสาร
ผลงานวิจยั หนงั สือ ตาํ รา บทความ สอ่ื อิเลก็ ทรอนิกส์ รวมทงั้ ฐานข้อมลู ของสาํ นกั งานคณะกรรมการ
ป้ องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตลอดจนหน่วยงานอ่ืนท่ีเก่ียวข้อง เช่น กรม
ส่งเสริมการปกครองท้องถ่ิน สํานักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัด องค์กรปกครองส่วน

326

ท้องถ่ินแต่ละแห่ง สํานกั งานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ผ้ตู รวจการแผ่นดิน สํานกั งาน
คณะกรรมการป้ องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) สถาบนั พระปกเกล้า เป็ นต้น
การศึกษาข้อมูลภาคสนาม ใช้วิธีการสัมภาษณ์ และ การจัดเวทีประชุมระดมความคิดเห็นเป็ น
แหลง่ ท่ีมาของข้อมลู โดยพืน้ ท่ีองค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินซงึ่ เป็ นกลมุ่ เป้ าหมายในการสมั ภาษณ์นนั้
ได้มาจากข้อมลู เอกสารของสํานกั ปราบปรามการทจุ ริตภาคการเมือง 2 สํานกั งานคณะกรรมการ
ป้ องกนั และปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เกี่ยวกบั คดีท่ีมีการชีม้ ลู ความผิดใน 4 ประเภท
ของการทจุ ริต ได้แก่ การจดั ซือ้ จดั จ้าง การจดั ทําโครงสร้างพืน้ ฐาน การบริหารงานบุคคล และการ
ออกใบอนุญาต ตงั้ แต่ปี พ.ศ. 2547-2552 ซ่ึงมีการชีม้ ูลความผิดทัง้ สิน้ 61 คดี หลังจากนัน้
คณะผ้วู ิจยั ได้มาทําการพิจารณาและคดั เลอื กพืน้ ท่ีท่ีจะใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมลู ได้ทงั้ สนิ ้ 20 พืน้ ที่

นอกจากการสัมภาษณ์บุคคลท่ีเก่ียวข้องในพืน้ ที่เป้ าหมายข้างต้นแล้ว คณะผู้วิจัยได้ใช้
วิธีการสมั ภาษณ์เพื่อให้ได้มาซง่ึ ข้อมลู ตามวตั ถปุ ระสงค์ที่ตงั้ ไว้จากบคุ ลากรของหน่วยงานต่าง ๆ ท่ี
ดําเนินงานสมั พนั ธ์เกี่ยวข้องกบั องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ได้แก่ สํานกั งานคณะกรรมการป้ องกนั
และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สํานักงานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)
ผ้ตู รวจการแผ่นดิน กรมสง่ เสริมการปกครองท้องถ่ิน สํานกั งานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจงั หวดั
สมาคมองค์การบริหารสว่ นตําบลแห่งประเทศไทย สมาคมสนั นิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย เป็ น
ต้น รวมทงั้ นกั วิชาการ และผ้ทู รงคณุ วฒุ ดิ ้วย

สว่ นการจดั เวทีประชมุ ระดมความคดิ เห็นนนั้ คณะผ้วู ิจยั ได้ดําเนินการเม่ือมีการเก็บรวบรวม
ข้อมูลด้วยวิธีการสมั ภาษณ์และการศึกษาเอกสารเสร็จสิน้ แล้ว โดยได้จัดเวทีระดมความคิดเห็น
ทงั้ สิน้ 5 เวที แบ่งเป็ นเวทีระดบั ภาคจํานวน 4 เวที ได้แก่ เวทีภาคกลาง เวทีภาคเหนือ เวทีภาคใต้
และเวทีภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ สําหรับอีก 1 เวทีนนั้ เป็ นเวทีในภาพรวมของประเทศ

ผลการศกึ ษาสามารถสรุปได้ ดงั นี ้
ในระหว่างปี พ.ศ. 2547-2552 สํานกั งานคณะกรรมการป้ องกันและปราบปรามการทุจริต
แห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ชีม้ ลู การทุจริตท่ีเกิดขึน้ ในองค์การบริหารส่วนจงั หวดั เทศบาล และองค์การ
บริหารส่วนตําบลในกิจกรรม 4 ด้าน คือ การจัดซือ้ จัดจ้าง การจัดทําโครงสร้ างพืน้ ฐาน การ
บริหารงานบคุ คล และการออกใบอนญุ าต จํานวนทงั้ สิน้ 61 คดี โดยองค์การบริหารสว่ นตําบลเป็ น
หน่วยงานที่ถกู ร้องเรียนและถกู ชีม้ ลู ความผิดมากท่ีสดุ ขณะเดียวกนั การจดั ซือ้ จดั จ้างและการจดั ทํา
โครงสร้างพืน้ ฐานเป็ นกิจกรรมที่พบวา่ มีการกระทําการทจุ ริตมากที่สดุ สําหรับสถานภาพบคุ คลของผู้
ถกู ร้องเรียนและผ้ถู กู ชีม้ ลู ความผิดนนั้ พบว่า ผ้บู ริหารท้องถิ่นและสมาชิกสภาท้องถิ่นเป็ นกลมุ่ ที่ถกู
ร้องเรียนว่าได้กระทําการทุจริตมากท่ีสดุ แต่เมื่อมีการชีม้ ลู ความผิดเกิดขึน้ กลบั พบว่าเจ้าพนกั งาน

327

ผ้ปู ฏิบตั งิ านเป็ นกลมุ่ ท่ีถกู ชีม้ ลู ความผิดมากท่ีสดุ นอกจากนีแ้ ล้วการกระทําการทจุ ริตยงั กระจกุ ตวั อยู่
ในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือมากที่สดุ อีกทงั้ การทุจริตท่ีเกิดขึน้ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินนนั้ มี
ลกั ษณะการกระทําท่ีเป็ นเครือข่ายหรือขบวนการ อย่างไรก็ตาม เป็ นท่ีน่าสงั เกตว่าเมื่อพิจารณาใน
เชิงพืน้ ที่จะพบวา่ ในบางพืน้ ท่ี เชน่ สามจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ เป็ นต้น เป็ นพืน้ ท่ีท่ีไม่พบการถกู ชีม้ ลู
ความผิดในกรณีการทจุ ริตในองค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินเลย

เม่ือพิจารณาเก่ียวกบั การทจุ ริตในองค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ิน พบวา่ การจดั ซือ้ จดั จ้างมีการ
ทจุ ริตมากท่ีสดุ โดยสามารถกระทําการทุจริตได้ในทุกวิธีการและทุกขนั้ ตอนของการดําเนินการ
สําหรับประเภทของกิจกรรม/โครงการที่ทําการทุจริตนัน้ พบว่า ในปัจจุบนั มีแนวโน้มการทุจริตใน
กิจกรรมประเภททัศนศึกษา กิจกรรมบันเทิง ตลอดจนกิจกรรมส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม ซ่ึงเป็ น
กิจกรรม/โครงการด้านการบริการมากขนึ ้ ในขณะเดียวกนั การทจุ ริตในการจดั ทําโครงสร้างพืน้ ฐานก็
ยงั คงมีอยู่เป็ นจํานวนมาก ส่วนวิธีการทุจริตในเรื่องการจัดซือ้ จัดจ้าง พบว่า ในกรณีขององค์กร
ปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดใหญ่มักตรวจพบการทุจริตในเร่ืองการจัดซือ้ จัดจ้ างด้วยวิธีพิเศษ
วิธีประกวดราคา และวิธีสอบราคา ในทางตรงกนั ข้ามองค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นขนาดเล็กมกั ตรวจ
พบการทจุ ริตในเรื่องการจดั ซือ้ จดั จ้างด้วยวิธีตกลงราคา และวิธีสอบราคา นอกจากนีแ้ ล้วยงั พบว่า
หากเป็ นวงเงินน้อยซึ่งจะใช้การจดั ซือ้ จัดจ้างในวิธีการตกลงราคา ผ้ทู ําการทุจริตส่วนใหญ่จะเป็ น
เจ้าหน้าที่ แต่ย่ิงงบประมาณในการจดั ซือ้ จดั จ้างและการจดั ทําโครงสร้างพืน้ ฐานสงู มากขึน้ เท่าไร
ผู้เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทําการทุจริตก็จะเป็ นผู้มีตําแหน่งใหญ่ขึน้ ตามไปด้วย
อย่างไรก็ตาม ในกรณีขององค์การบริหารส่วนตําบลที่อยู่ห่างไกลหรือมีงบประมาณน้อยนัน้ การ
ทุจริตที่เกิดขึน้ ในกรณีของการจดั ซือ้ จดั จ้างและการจดั ทําโครงสร้างพืน้ ฐานจะมีผู้บริหารและ/หรือ
ข้าราชการท้องถ่ินเข้ามาเกี่ยวข้องในทกุ วิธีของการจดั ซือ้ จดั จ้าง สดุ ท้าย คือ ประเด็นในเรื่องการให้
อํานาจใช้ดุลพินิจ การให้อํานาจมากหรือน้อยเกินไปย่อมก่อให้เกิดผลเสียต่อการปฏิบตั ิงานของ
องค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินได้

การทจุ ริตในการจดั ซือ้ จดั จ้างสามารถทําได้ทกุ วิธีการ รวมทงั้ ทกุ ขนั้ ตอนของการดําเนินการ
ไลเ่ รียงตงั้ แตข่ นั้ ตอนก่อนการดาํ เนินการซือ้ หรือการจ้าง ขนั้ ตอนการดําเนินการจดั ซือ้ จดั จ้าง ขนั้ ตอน
การอนมุ ตั ิให้มีการสงั่ ซือ้ หรือสงั่ จ้าง ขนั้ ตอนการทําสญั ญาซือ้ หรือจ้าง ขนั้ ตอนการตรวจรับและ
ตรวจสอบพสั ดุ ซงึ่ มีความแตกตา่ งกนั ออกไปตามวิธีการจดั ซอื ้ จดั จ้าง และขนั้ ตอนการเบกิ จ่ายพสั ดุ

ส่วนการทจุ ริตในการจดั ทําโครงสร้างพืน้ ฐาน พบการทุจริตในโครงการก่อสร้าง ซ่อมบํารุง
สาธารณูปโภคต่าง ๆ ซึ่งมีขนั้ ตอนการทุจริตเก่ียวข้องกบั การจดั ซือ้ จดั จ้างด้วย นอกจากนีแ้ ล้วการ
ทจุ ริตในเร่ืองการจดั ทําโครงสร้างพืน้ ฐานยงั เป็ นกิจกรรมท่ีนกั การเมืองท้องถิ่นนิยมทํา เน่ืองจากเป็ น

328

การตอบแทนหวั คะแนนและรักษาฐานเสียงทางการเมือง ตลอดจนสามารถกระทําการทุจริตได้ใน
หลายลกั ษณะและกระทําได้ในทกุ ขนั้ ตอนของการดาํ เนินการ

สําหรับการบริหารงานบุคคลนนั้ มีการทุจริตในทุกขนั้ ตอน ซึ่งไม่สามารถระบุได้ว่าองค์กร
ปกครองสว่ นท้องถ่ินรูปแบบใดมีการทจุ ริตในเรื่องการบริหารงานบคุ คลมากกว่ากนั นอกจากนีแ้ ล้ว
ยงั พบการเปล่ียนแปลงในเร่ืองวิธีการทจุ ริตด้วย โดยการเปล่ียนแปลงกฎหมายตลอดจนระเบียบตา่ ง
ๆ ในด้านการบริหารงานบคุ คลเป็ นเง่ือนไขที่สําคญั ประการหนงึ่ ที่ทําให้มีการปรับเปลี่ยนวิธีการทจุ ริต
ในแตล่ ะขนั้ ตอนของการบริหารงานบคุ คลในองค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ิน

ลกั ษณะการทจุ ริตในเร่ืองการบริหารงานบคุ คล พบการทจุ ริตในการสอบแขง่ ขนั การบรรจุ
การโอนย้าย การเลือ่ นระดบั หรือตําแหน่ง และเงินโบนสั ในลกั ษณะการเรียกรับเงิน

สว่ นการทจุ ริตในเรื่องการออกใบอนญุ าตมีหลกั ฐานการชีม้ ลู ความผิดน้อยกว่าการทจุ ริตใน
ประเภทอื่น ๆ โดยมกั พบการทุจริตในเร่ืองการออกใบอนุญาตก่อสร้ างต่าง ๆ และองค์กรปกครอง
ส่วนท้องถ่ินขนาดใหญ่ รวมทงั้ องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินที่ตงั้ อย่ใู นพืน้ ที่ท่ีมีความเจริญสงู มกั ถูก
ระบวุ า่ มีการทจุ ริตในเร่ืองการออกใบอนญุ าตมากกวา่ พืน้ ท่ีอื่น ๆ

ลกั ษณะการทจุ ริตในเร่ืองการออกใบอนญุ าต จะอย่ใู นลกั ษณะของการเรียกรับผลประโยชน์
ของเจ้าพนกั งาน หรือการเสนอผลประโยชน์ให้กบั เจ้าพนกั งานโดยผ้ปู ระสงค์จะขอใบอนญุ าต หรือ
ตอ่ ใบอนญุ าต

หากพิจารณาสาเหตขุ องการทุจริต สามารถจําแนกได้เป็ น 2 ส่วน คือ สาเหตใุ นภาพรวม
ได้แก่ ระบบอปุ ถมั ภ์ในสงั คมไทย โครงสร้างขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่น ปัจจยั ทางด้านสงั คม
และเศรษฐกิจ ความด้อยประสิทธิภาพในการตรวจสอบการทุจริตของหน่วยงานตรวจสอบ การถือ
ปฏิบตั ิโดยยึดตามบรรทดั ฐานจากส่วนกลาง และคณุ ภาพของคน สาเหตเุ ฉพาะประเภทการทจุ ริต
ประกอบด้วย 1) การทุจริตในการจัดซือ้ จัดจ้างและการจัดทําโครงสร้ างพืน้ ฐาน มีสาเหตุมาจาก
กฎเกณฑ์ทางกฎหมายท่ีใช้ในการดําเนินการจดั ซือ้ จดั จ้าง การกําหนดราคากลางที่สงู กว่าสภาพ
ความเป็ นจริง การแลกเปล่ียนผลประโยชน์ระหว่างผ้ปู ระกอบการด้วยกนั เอง ระหวา่ งผ้ปู ระกอบการ
กบั บคุ ลากรในองค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ิน และระหวา่ งนกั การเมืองระดบั ชาติ องค์กรเจ้าหน้าท่ีจาก
ราชการส่วนกลางกับผู้บริหารขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน รวมทัง้ ปัจจัยทางด้านการเมือง
ตลอดจนปัจจยั จากการขาดความโปร่งใสในการดาํ เนินการจดั ซือ้ จดั จ้าง และเง่ือนไขจากการขาดกลไก
การตรวจสอบที่มีประสทิ ธิภาพ 2) การทจุ ริตในเรื่องการบริหารงานบคุ คลมีสาเหตมุ าจากกฎเกณฑ์ท่ี
ใช้ ในการบริ หารงานบุคคลให้ อํานาจในการบริ หารงานบุคคลแก่ผ้ ูบริ หารขององค์กรปกครองส่วน
ท้องถ่ินมากเกินไป รวมทัง้ ปัญหาในเชิงโครงสร้ างการบริหารงานบุคคลขององค์กรปกครองส่วน

329

ท้ องถิ่นท่ีมีจํานวนมากเกินไป นอกจากนีแ้ ล้ วการทุจริตยังมีสาเหตุมาจากการแลกเปลี่ยน
ผลประโยชน์ 3) การทุจริตในเรื่องการออกใบอนุญาตมีสาเหตุมาจากกฎหมายที่มีหลายฉบบั ซึ่ง
เจ้าหน้าท่ีผู้มีอํานาจในการออกใบอนุญาตส่วนหน่ึงไม่ปฏิบตั ิตามกฎหมาย และการแลกเปลี่ยน
ผลประโยชน์ รวมทงั้ ระบบในการบริหารจดั การภายในท่ีขาดประสิทธิภาพขององค์กรปกครองส่วน
ท้องถิ่นแตล่ ะแห่ง

จากสภาพปัญหาของการทุจริตในการจัดซือ้ จัดจ้าง การจัดทําโครงสร้ างพืน้ ฐาน การ
บริหารงานบคุ คลและการออกใบอนุญาตขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ทางคณะผ้วู ิจยั ได้ทําการ
วิเคราะห์และเสนอแนะถึงมาตรการในการแก้ไขปัญหาการทจุ ริตดงั กล่าว โดยจกั ได้นําเสนอในส่วน
ตอ่ ไป

8.2 การอภปิ รายผลการศึกษา

ในหัวข้อนีเ้ ป็ นการอภิปรายผลการศึกษาโดยคณะผู้วิจัยจะได้ทําการวิเคราะห์ถึงสภาพ
ปัญหาในการดําเนินการในด้านการจดั ซือ้ จดั จ้างและการจดั ทําโครงสร้างพืน้ ฐาน การบริหารงาน
บุคคล และการออกใบอนุญาตท่ีส่งผลให้เกิดการทุจริต ตลอดจนวิเคราะห์ถึงสภาพปัญหาในการ
ตรวจสอบการทจุ ริตในองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน เพื่อนํามาสกู่ ารแสวงหามาตรการท่ีเหมาะสมใน
การแก้ไขปัญหาการทจุ ริตและเสนอเป็ นข้อเสนอแนะในสว่ นตอ่ ไป โดยในการอภิปรายจะขอแบง่ การ
นําเสนอออกเป็ น 4 หัวข้อ ได้แก่ ปัญหาการทุจริตในการจดั ซือ้ จดั จ้างและการจดั ทําโครงสร้ าง
พืน้ ฐาน ปัญหาการทุจริตในการบริหารงานบุคคล ปัญหาการทุจริตในการออกใบอนุญาต และ
ปัญหาการป้ องกนั และปราบปรามการทุจริตในองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินซึ่งเป็ นลกั ษณะร่วมกัน
ของปัญหาการทจุ ริตทกุ ประเภทในภาพรวม

8.2.1 ปัญหาการทจุ ริตในการจดั ซอื้ จัดจ้างและการจัดทาํ โครงสร้างพืน้ ฐาน

จากท่ีได้ทําการศึกษาถึงรูปแบบตลอดจนสาเหตุของการทุจริตในการจัดซือ้ จัดจ้างและ
การจดั ทําโครงสร้างพืน้ ฐานขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ิน คณะผ้วู ิจยั พบว่าการดําเนินการในการ
จดั ซือ้ จดั จ้างและการจดั ทําโครงสร้างพืน้ ฐานมีปัญหาที่เอือ้ หรือทําให้เกิดการทจุ ริตซงึ่ ควรได้รับการ
ดําเนินการแก้ไข ได้แก่ ปัญหาทางด้านกฎ/ระเบียบที่ใช้ในการดําเนินการจดั ซือ้ จดั จ้าง ปัญหาการ
ขาดความโปร่งใสในการดําเนินการจดั ซือ้ จดั จ้าง ปัญหาในการกําหนดราคากลางในการจดั ซอื ้ จดั จ้าง
ปัญหาการแลกเปล่ียนผลประโยชน์ระหว่างผ้ปู ระกอบการด้วยกนั เองและระหว่างผ้ปู ระกอบการกบั
บคุ ลากรในองค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ิน ปัญหาการทจุ ริตในขนั้ ตอนของการเบิกจ่ายเงินให้แก่ผ้ขู าย

330

หรือผ้รู ับจ้าง และปัญหาการขาดประสิทธิภาพในการตรวจสอบการดําเนินการขององค์กรปกครอง
สว่ นท้องถ่ิน สําหรับประเดน็ ปัญหาในเรื่องของการตรวจสอบและการปราบปรามการทจุ ริตนนั้ จะขอ
นําเสนอในหวั ข้อ 8.2.4

1) ปัญหาทางด้านกฎ/ระเบยี บท่ใี ช้ในการจัดซอื้ จัดจ้าง
ปัญหาทางด้านกฎ/ระเบียบที่ใช้ในการจดั ซือ้ จดั จ้างนนั้ ทางคณะผ้วู ิจยั แบง่ ประเด็น
ในการพจิ ารณาออกเป็ นสองประการคอื การอาศยั ชอ่ งวา่ งของกฎหมายหรือใช้ดลุ พินิจตามกฎหมาย
ในการแสวงหาประโยชน์โดยการแบง่ ซือ้ แบง่ จ้างเพ่ือหลีกเลี่ยงการปฏิบตั ิตามระเบียบ และการที่ผู้
ปฏิบตั หิ น้าที่ตามกฎหมายแสวงหาประโยชน์จากใช้ดลุ พนิ ิจในการเลือกผ้ขู ายหรือผ้รู ับจ้างโดยตรงใน
กรณีของการตกลงราคา

(1) การอาศัยช่องว่างของกฎหมายหรือใช้ดุลพินิจตามกฎหมายใน
การแสวงหาประโยชน์โดยการแบ่งซือ้ แบ่งจ้างเพ่อื หลีกเล่ียงการปฏบิ ตั ติ ามระเบียบ

ระเบียบกระทรวงมหาดไทยวา่ ด้วยการพสั ดฯุ มีบทบญั ญตั ทิ ี่ไมใ่ ห้มีการแบง่
ซือ้ หรือแบง่ จ้างในข้อ 16 โดยบญั ญตั ิว่า “...การแบ่งซือ้ หรือแบง่ จ้างโดยลดวงเงินท่ีจะซือ้ หรือจ้างใน
ครัง้ เดียวกนั เพื่อให้วงเงินตํ่ากวา่ ท่ีกําหนดโดยวิธีหนึง่ วิธีใด หรือเพ่ือให้อํานาจสง่ั ซือ้ สงั่ จ้างเปลี่ยนไป
จะกระทํามิได้ เว้นแตก่ ารแบ่งซือ้ แบง่ จ้างวตั ถทุ ี่ง่ายต่อการเน่าเสีย หรือโดยสภาพไม่อาจดําเนินการ
ซือ้ หรือจ้างในจํานวนเดียวกนั ทงั้ จํานวนเงิน...” แต่ปัจจบุ นั พบว่ายงั คงมีปัญหาในเรื่องนีอ้ ย่เู ช่นเดิม
ทงั้ นี ้หากพิจารณาถงึ วิธีการจดั ซือ้ จดั จ้างตามท่ีระเบียบพสั ดฯุ กําหนดไว้เป็ น 5 วิธี อนั ได้แก่ วิธีตกลง
ราคา วิธีสอบราคา วิธีประกวดราคา วิธีพิเศษ และวิธีกรณีพิเศษ แล้วนนั้ การจดั ซือ้ จดั จ้างในแตล่ ะ
ครัง้ ขององค์ปกครองสว่ นท้องถิ่นจะทําการจดั ซือ้ จดั จ้างโดยวิธีใดจะต้องพิจารณาจากเกณฑ์ทางด้าน
วงเงินในการจดั ซอื ้ จดั จ้างและเหตผุ ลอนั เป็ นเง่ือนไขตามกฎหมายในการซือ้ หรือการจ้างในแตล่ ะครัง้
แล้วแต่กรณี กล่าวคือ ในการจดั ซือ้ จดั จ้างโดยวิธีตกลงราคา วิธีสอบราคา วิธีประกวดราคา จะถกู
กําหนดด้วยวงเงินในการจดั ซอื ้ จดั จ้างในแตล่ ะครัง้ โดยการจดั ซือ้ จดั จ้างโดยวิธีตกลงราคา ได้แก่ การ
ซอื ้ หรือการจ้างครัง้ หน่ึงซง่ึ มีราคาไมเ่ กิน 100,000 บาท การจดั ซือ้ จดั จ้างโดยวิธีสอบราคา ได้แก่ การ
ซือ้ หรือการจ้างครัง้ หน่งึ ซงึ่ มีราคาเกิน 100,000 บาท แตไ่ มเ่ กิน 2,000,000 บาท และการจดั ซือ้ จดั
จ้างโดยวิธีประกวดราคา ได้แก่ การซือ้ หรือการจ้างครัง้ หนึ่งซง่ึ มีราคาเกิน 2,000,000 บาท สว่ นการ
จดั ซือ้ จดั จ้างในวธิ ีพเิ ศษจะใช้เกณฑ์ในด้านของวงเงินในการจดั ซอื ้ จดั จ้าง ได้แก่ การซือ้ หรือการจ้างท่ี
มีราคาเกิน 100,000 บาท ประกอบกบั เหตผุ ลพิเศษในการจดั ซือ้ หรือการจ้างในครัง้ นนั้ และหากเป็ น
การจดั ซอื ้ จดั จ้างโดยวธิ ีกรณีพิเศษ ได้แก่ การซอื ้ หรือการจ้างที่มีเหตผุ ลพิเศษตามที่ระเบยี บพสั ดฯุ ได้
กําหนดไว้

331

การจดั ซือ้ จ้างในแตล่ ะวิธีจะมีการจดั ซือ้ จดั จ้างที่ซบั ซ้อนแตกตา่ งกนั ไปตาม
วงเงินในการจดั ซือ้ จดั จ้าง กล่าวคือ หากวงเงินในการจดั ซือ้ จดั จ้างยิ่งมีจํานวนมากขนั้ ตอนในการ
ดําเนินการจดั ซือ้ จดั จ้างซง่ึ รวมถึงการเผยแพร่ขา่ วการจดั ซือ้ จดั จ้างก็จะมากขนึ ้ ตามไปด้วยซงึ่ ถือเป็ น
มาตรการในการสร้างความโปร่งใสในการดําเนินการและยงั เป็ นการป้ องกนั การทจุ ริตได้อีกทางหนึ่ง
แต่ในทางกลบั กันขนั้ ตอนท่ีมากขึน้ ก็จะทําให้เกิดความล่าช้าในการดําเนินภารกิจซึ่งอาจทําให้ไม่
สามารถสนองตอบความต้องการขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นหรือประชาชนได้อยา่ งทนั ทว่ งที

เมื่อพิจารณาถึงปัญหาในการแบง่ ซือ้ แบ่งจ้างนนั้ คณะผ้วู ิจยั พบวา่ การแบ่ง
ซอื ้ แบง่ จ้างเกิดขนึ ้ อาจแบง่ ได้เป็ น 2 กรณี คือ 1) การแบง่ ซอื ้ แบง่ จ้างโดยเจตนาเพ่ือทําการทจุ ริต และ
2) การแบง่ ซือ้ แบง่ จ้างเพ่ือให้เกิดความสะดวกในการดําเนินการจดั ซือ้ จดั จ้าง ซงึ่ หากพิจารณาตาม
กฎหมายแล้วทงั้ สองกรณีก็ล้วนแต่เป็ นการกระทําที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายด้วยกันทงั้ สิน้ เพียงแต่มี
ความตา่ งกนั ตรงเจตนาในการทจุ ริตเท่านนั้ ดงั นนั้ ในการพิจารณาถึงแนวทางในการจะแก้ไขปัญหา
การแบ่งซือ้ แบ่งจ้างดงั กล่าวจําเป็ นต้องชง่ั นํา้ หนกั ระหว่างเป้ าหมายในการป้ องกันการทุจริตและ
เป้ าหมายในความมีประสทิ ธิภาพในการดาํ เนินภารกิจขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ิน โดยหากมีการ
กําหนดให้มีขัน้ ตอนหรือวิธีการในการจัดซือ้ จัดจ้างท่ีหละหลวมจนเกินไปก็อาจเกิดการแสวงหา
หนทางในการทุจริตได้ง่ายแต่หากกําหนดขัน้ ตอนหรือวิธีการในการจัดซือ้ จัดจ้างที่ซับซ้อนมาก
จนเกินไปก็จะทําให้การดาํ เนินภารกิจขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นเป็ นไปอยา่ งลา่ ช้า

สําหรับคณะผ้วู ิจยั มีความเห็นว่าการที่ระเบียบพสั ดฯุ ได้แบ่งวิธีการจดั ซือ้
จดั จ้างออกเป็ นหลายวิธีนัน้ ไม่ถือเป็ นปัญหาที่ก่อให้เกิดการทุจริตและมีความเห็นว่าการแบ่งการ
จดั ซอื ้ จดั จ้างออกเป็ นหลายวธิ ีนนั้ มีความเหมาะสมเพราะขนั้ ตอนที่กําหนดในระเบยี บพสั ดทุ ี่มีมากขนึ ้
ตามวิธีการจดั ซือ้ จดั จ้างซึ่งถกู กําหนดโดยวงเงินการจดั ซือ้ จดั จ้างจะช่วยให้การทจุ ริตทําได้ยากขึน้
ดงั นนั้ การแก้ไขปัญหาจึงควรม่งุ เน้นไปที่มาตรการในการตรวจสอบความเหมาะสมในการจดั ซือ้ จดั
จ้างในแตล่ ะครัง้ ผ่านการตรวจสอบของผ้มู ีอํานาจในการกํากบั ดแู ลองค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่น และ
การตรวจสอบทางการเงินของสํานกั งานตรวจเงินแผ่นดิน ส่วนกรณีของการแบ่งซือ้ แบ่งจ้างที่เกิด
จากความจําเป็ นของผ้ปู ฏิบตั ิงานที่ต้องการให้เกิดความรวดเร็วในการบริหารราชการเพ่ือให้ทนั ต่อ
ความต้องการของท้องถิ่นนนั้ ควรมีมาตรการในการเปิ ดโอกาสให้องค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นสามารถ
ดําเนินการจดั ซือ้ จดั จ้างในวงเงินที่ไม่มากได้สะดวกยิ่งขนึ ้ โดยอาจเพ่ิมวงเงินในการจดั ซือ้ จดั จ้างโดย
วธิ ีตกลงราคาเพ่ือให้สามารถดําเนินการจดั ซอื ้ จดั จ้างได้อยา่ งรวดเร็วให้มากขนึ ้

332

(2) การท่ีผู้ปฏิบัติหน้ าท่ีตามกฎหมายแสวงหาประโยชน์ จากใช้
ดุลพนิ ิจในการเลือกผู้ขายหรือผู้รับจ้างโดยตรงในกรณีของการตกลงราคา

ในกรณีที่มีการซือ้ หรือการจ้างในวงเงินไม่เกิน 100,000 บาท องค์กร
ปกครองสว่ นท้องถิ่นจะใช้วิธีการจดั ซอื ้ จดั จ้างโดยวธิ ีตกลงราคาซง่ึ เปิ ดโอกาสให้เจ้าหน้าท่ีพสั ดตุ ิดตอ่
ตกลงราคากบั ผ้ขู ายหรือผ้รู ับจ้างโดยตรงอนั เป็ นช่องทางหน่ึงท่ีทําให้เจ้าหน้าท่ีใช้ดลุ พินิจท่ีระเบียบ
พสั ดฯุ ได้กําหนดไว้ในทางที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายในการเลือกผู้ขายหรือผู้รับจ้างท่ีมีความสมั พนั ธ์
ใกล้ชิดกบั ตนมาเป็ นคสู่ ญั ญาหรือแสวงหาผลประโยชน์จากโอกาสเหลา่ นนั้

ลกั ษณะการกระทําดงั กล่าวเป็ นการขดั กบั หลกั ความเสมอภาคในการจดั ซือ้
จดั จ้างเน่ืองจากผ้มู ีอํานาจใช้ความสมั พนั ธ์สว่ นตวั ในการกําหนดตวั คสู่ ญั ญาผ่านการตกลงราคาอนั
ไมเ่ ป็ นธรรมกบั ผ้ปู ระกอบการรายอ่ืนที่ไมม่ ีความสมั พนั ธ์สว่ นตวั กบั บคุ ลากรหรือเจ้าหน้าท่ีขององค์กร
ปกครองสว่ นท้องถิ่น ซงึ่ คณะผ้วู ิจยั มีความเห็นวา่ การแก้ไขปัญหาดงั กลา่ วสามารถกระทําได้โดยการ
นําหลกั ผ้มู ีสว่ นได้เสียมาใช้ในการตรวจสอบความสมั พนั ธ์ระหว่างบคุ ลากรหรือเจ้าหน้าท่ีขององค์กร
ปกครองส่วนท้องถ่ินท่ีเก่ียวข้องกบั การจดั ซือ้ จดั จ้างในครัง้ นนั้ กบั ผ้ปู ระกอบการท่ีเข้ามาตกลงราคา
กบั องค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่น เมื่อพิจารณาถึงระเบียบพสั ดฯุ แล้วพบว่ากลบั ไมไ่ ด้มีการบญั ญตั ิให้
ทําการตรวจสอบความเป็ นผู้มีส่วนได้เสียระหว่างตวั บุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินกับ
ผู้ประกอบการท่ีเข้าร่วมตกลงราคาโดยตรงคงมีแต่เพียงการตรวจสอบความสมั พันธ์ระหว่างตวั
ผู้ประกอบการด้วยกันเองเท่านัน้ ดังนัน้ จึงถือได้ว่าระเบียบพัสดุฯ ยังคงมีข้อบกพร่องที่ควร
ดาํ เนินการแก้ไข

2) ปัญหาการขาดความโปร่งใสในการดาํ เนินการจัดซือ้ จัดจ้าง
หลักการที่สําคัญของการจัดซือ้ จัดจ้างประการหนึ่งก็คือ หลักความโปร่งใสและ
เปิ ดเผยซึ่งเรียกร้ องให้การดําเนินการจัดซือ้ จัดจ้างในทุกขัน้ ตอนจะต้องกระทําอย่างโปร่งใสและ
เปิ ดเผย เพื่อให้ประชาชนได้ทราบข้อมูลและมีโอกาสเข้าร่วมในการจัดซือ้ จัดจ้างอย่างเท่าเทียม 
รวมถึงเปิ ดโอกาสให้มีการตรวจสอบความถกู ต้องทงั้ จากประชาชนและหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องในการ
ดําเนินการนนั้  
ภายใต้หลักการดงั กล่าวทําให้การดําเนินการจัดซือ้ จัดจ้างจะต้องมีการเผยแพร่
ข่าวสารให้ประชาชนได้รับรู้ รวมถึงการเปิ ดโอกาสให้มีการตรวจสอบการดําเนินการจดั ซือ้ จดั จ้างได้
อย่างเต็มที่ ซ่ึงตัวอย่างของหลักความโปร่งใสและเปิ ดเผยท่ีปรากฏในระเบียบพัสดุฯ เช่น การ
กําหนดให้ ต้ องมีการประกาศข่าวการสอบราคา หรื อประกวดราคา รวมถึงการดําเนินการจัดซือ้

333

จัดจ้างผ่านระบบคณะกรรมการซึ่งรวมถึงการเปิ ดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการ
ดําเนินการดงั กลา่ วด้วย 

อย่างไรก็ตาม เม่ือพิจารณาถึงการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตรวจสอบการ
ดําเนินการจดั ซือ้ จดั จ้างขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นนนั้  พบว่าระเบียบพสั ดฯุ ได้มีการกําหนดให้
ประชาชนเข้ามามีสว่ นร่วมในการเป็ นกรรมการเพื่อดาํ เนินการจดั ซอื ้ จดั จ้างในขนั้ ตอนตา่ ง ๆ เช่น เข้า
ร่วมเป็ นคณะกรรมการในการเปิ ดซองประกวดราคา หรือเป็ นคณะกรรมการในการตรวจรับงาน แต่
การมีส่วนร่วมของประชาชนท่ีได้กล่าวมา ประสบปัญหาอนั เน่ืองมาจากประชาชนที่เข้าร่วมในการ
ดําเนินการจัดซือ้ จัดจ้างบางส่วนไม่มีความรู้ในเรื่องท่ีตนเองเข้าร่วมเป็ นกรรมการ และพบว่า
ประชาชนในพืน้ ท่ีเขตเศรษฐกิจมักไม่ค่อยให้ความสนใจในการเข้าไปมีส่วนร่วมในกระบวนการ
ดังกล่าวเท่าใดนัก นอกจากนีใ้ นกรณีท่ีพบว่ามีการกระทําผิดขึน้ ในการจัดซือ้ จัดจ้างท่ีตัวแทน
ประชาชนได้เข้าไปมีส่วนร่วมและลงนามไว้ก็อาจทําให้ประชาชนรายดงั กล่าวต้องร่วมรับผิดกับ
เจ้าหน้าท่ีขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินด้วย ทําให้ในปัจจบุ นั ระเบียบฯ ฉบบั ใหมจ่ งึ ได้ปลอ่ ยให้เป็ น
ดลุ พนิ ิจของผ้บู ริหารในการท่ีจะให้ประชาชนเข้ามามีสว่ นร่วมในการเป็ นกรรมการหรือไมก่ ็ได้ 

นอกจากปัจจยั ทางด้านการมีส่วนร่วมของประชาชนแล้ว ปัจจยั ทางด้านบุคลากร
ขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินเองก็มีส่วนสําคญั ในการสร้ างความโปร่งใสในการจัดซือ้ จัดจ้าง 
กล่าวคือหากองค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินมีการหมนุ เวียนเจ้าหน้าที่ท่ีเข้าไปเป็ นกรรมการชดุ ต่าง ๆ ก็
จะทําให้โอกาสในการทจุ ริตโดยอาศยั ความสมั พนั ธ์สว่ นตวั ลดน้อยลงและสร้างความโปร่งใสในการ
ดําเนินการจดั ซอื ้ จดั จ้างได้มากย่งิ ขนึ ้  
    ดงั นนั้ คณะผ้วู ิจยั จึงมีความเห็นว่าการจะแก้ไขปัญหาการขาดความโปร่งใสในการ
ดําเนินการจดั ซือ้ จดั จ้างจึงควรกระทําโดยการเปิ ดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการดําเนินการ
จดั ซือ้ จดั จ้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้มากขึน้  และสร้างระบบการหมนุ เวียนเจ้าหน้าท่ีใน
การทําหน้าที่ดาํ เนินการจดั ซือ้ จดั จ้างมากขนึ ้  

3) ปัญหาในการกาํ หนดราคากลาง 
ก่อนการดําเนินการจดั ซือ้ จดั จ้างแตล่ ะครัง้ องค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นนนั้ ๆ จะต้อง
มีการกําหนดราคากลางซง่ึ เป็ นราคาที่ทางราชการยอมรับได้ โดยต้องไม่สงู จนผ้ปู ระกอบการได้กําไร
มากเกินกว่าที่ควรได้รับและเป็ นราคาที่ไม่ตํ่าจนผ้ปู ระกอบการไม่สามารถท่ีจะดําเนินการก่อสร้างได้ 
การกําหนดราคากลางดงั กลา่ วกระทําโดยคณะกรรมการกําหนดราคากลางขององค์กรปกครองสว่ น
ท้องถ่ินซง่ึ จะทําการกําหนดราคากลางตามรายการวสั ดสุ ง่ิ ก่อสร้างที่กรมการค้าภายในหรือสํานกั งาน
พาณิชย์จงั หวดั เป็ นผ้กู ําหนดไว้ อย่างไรก็ตาม จากการศกึ ษาพบวา่ กรมการค้าภายในหรือสํานกั งาน

334

พาณิชย์จังหวัดไม่สามารถกําหนดราคาวัสดุส่ิงก่อสร้ างได้ครบทุกรายการได้ อีกทัง้ ราคาวัสดุ
ส่งิ ก่อสร้างในแตล่ ะพืน้ ที่นนั้ ก็มีราคาที่แตกตา่ งกนั  ทําให้รายการราคาวสั ดสุ ง่ิ ก่อสร้างไม่เป็ นปัจจบุ นั  
ดังนัน้ การจะแก้ปัญหาดังกล่าวจึงควรต้องมีการปรับปรุงระบบการจัดทํามาตรฐานราคาวัสดุ
สิ่งก่อสร้างให้มีความคลอบคลมุ และให้มีความเป็ นปัจจุบนั มากขึน้ เพ่ือป้ องกันไม่ให้มีการกําหนด
ราคากลางสงู เกินความจริงซง่ึ เป็ นชอ่ งวา่ งท่ีทําให้เกิดการทจุ ริตประการหนง่ึ

4) ปัญหาการแลกเปล่ียนผลประโยชน์
การทุจริตที่พบได้บ่อยในการดําเนินการจดั ซือ้ จดั จ้างก็คือ การฮัว้ ประมลู ระหว่าง
ผู้ประกอบการด้วยกันเองซึ่งจากข้อมูลของคณะผู้วิจัยท่ีได้จากการสัมภาษณ์เจ้ าหน้ าท่ีและ
ผ้ปู ระกอบการที่เกี่ยวข้องกบั การจดั ซือ้ จดั จ้างพบว่าทงั้ เจ้าหน้าที่และผ้ปู ระกอบการตา่ งยอมรับวา่ ใน
การดําเนินการจดั ซือ้ จัดจ้างโดยวิธีสอบราคา และวิธีประกวดราคามกั มีการฮวั้ ประมลู กนั ระหว่าง
ผ้ปู ระกอบการ ถึงแม้วา่ จะมีมาตรการในการดําเนินการกบั การกระทําอนั มีลกั ษณะเป็ นการฮวั้ ประมลู
ตามพระราชบญั ญตั วิ ่าด้วยความผิดเก่ียวกบั การเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 ก็ตาม
แต่ในทางปฏิบตั ิแล้วก็กลบั ไม่มีการนํากฎหมายฉบบั ดงั กล่าวมาบงั คบั ใช้อย่างเคร่งครัด ซ่ึงทําให้ผู้
ประกอบไมเ่ กรงกลวั ตอ่ โทษตามกฎหมายและกระทําความผดิ ตอ่ ไปในที่สดุ
สําหรับสาเหตุท่ีทําให้พระราชบญั ญัติว่าด้วยความผิดเก่ียวกับการเสนอราคาต่อ
หนว่ ยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 ไม่ถกู นําไปบงั คบั ใช้นนั้ จากข้อมลู ท่ีคณะผ้วู ิจยั ได้รับจากทางเจ้าหน้าที่
ขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินพบว่า เจ้าหน้าที่ไม่สามารถหรือไม่กล้าที่จะดําเนินการร้องเรียนเพ่ือ
เอาผิด หรือทําการยกเลิกการสอบราคาหรือประกวดราคาในครัง้ นนั้ เน่ืองจากพยานหลกั ฐานที่จะ
นํามาพิสูจน์ความผิดทําได้ยากเพราะการติดต่อเพื่อฮัว้ ประมูลมักจะเป็ นการกระทํากันลับหลัง
เจ้าหน้าที่ อีกทงั้ ในกรณีท่ีมีการเสนอราคาที่แตกต่างกันไม่มากซึ่งเจ้าหน้าท่ีจะทําการเลือกผู้เสนอ
ราคาท่ีเสนอราคามาตํ่าที่สุดให้ได้รับงานไปซึ่งก็เป็ นไปตามระเบียบพัสดุฯ ซึ่งหากเจ้าหน้าที่
ดําเนินการตามกฎหมายก็จะถูกร้ องเรียนจากผู้เสนอราคาว่าไม่ได้รับความเป็ นธรรมซึ่งทําให้
เจ้าหน้าท่ีต้องเดอื ดร้อนจากการถกู สอบสวน
ส่วนในกรณีของผ้ปู ระกอบการนนั้ คณะผ้วู ิจยั พบว่าในการจดั ซือ้ จดั จ้างแต่ละครัง้
จะมีการฮวั้ ประมลู กนั ระหวา่ งผ้ปู ระกอบการอย่เู สมอ นอกจากนีห้ ากผ้ปู ระกอบการรายใดได้รับเลือก
ให้เป็ นค่สู ญั ญากบั องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินแล้ว ผ้ปู ระกอบการรายนนั้ ยงั ต้องให้เงินสว่ นหนึ่งแก่
ผ้บู ริหารหรือเจ้าหน้าท่ีขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นด้วยทกุ ครัง้ ซงึ่ ผ้ปู ระกอบการมองวา่ พฤติกรรม
ดงั กล่าวเป็ นส่ิงท่ีปฏิบตั ิกนั เป็ นปกติอย่แู ล้วในวงธุรกิจของพวกตน และแม้จะไม่เห็นด้วยกบั การฮวั้

335

ประมลู และทราบว่ามีจะมีสิทธิร้องเรียนตอ่ ป.ป.ช. หรือหน่วยงานภาครัฐอื่น ๆ แต่ก็เกรงว่าจะทําให้
ตนประกอบอาชีพได้ลาํ บากและในกรณีพืน้ ท่ีท่ีมีผ้มู ีอิทธิพลก็อาจไมไ่ ด้รับความปลอดภยั ก็เป็ นได้

จากปัญหาที่ได้กลา่ วมาทางคณะผ้วู ิจยั มีความเห็นว่าการท่ีปัญหาการฮวั้ ประมลู จะ
ลดลงไปได้นนั้ จําเป็ นต้องสร้างมาตรการที่สามารถทําให้พระราชบญั ญตั วิ า่ ด้วยความผิดเกี่ยวกบั การ
เสนอราคาตอ่ หน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 ถกู นําไปบงั คบั ใช้อยา่ งเคร่งครัด ซงึ่ สามารถทําได้โดยการ
สร้างมาตรการในด้านการสร้างแรงจงู ใจให้กบั เจ้าหน้าท่ีหรือประชาชนในการท่ีจะดําเนินการกบั การ
กระทําอนั เป็ นการฮวั้ ประมลู การลดข้อจํากดั ในการแสวงหาพยานหลกั ฐานในการพิสจู น์ความผิด
สร้ างมาตรการในด้านความมีประสิทธิภาพในการดําเนินคดีตัง้ แต่ในชัน้ สอบสวนจนกระท่ังถึง
กระบวนการทางชนั้ ศาล รวมถึงสร้างมาตรฐานทางจริยธรรมให้เกิดขนึ ้ ระหวา่ งผ้ปู ระกอบการ

หากพิจารณาถึงมาตรการในการส่งเสริมการป้ องกนั และปราบปรามการทจุ ริตตาม
พระราชบญั ญตั ิประกอบรัฐธรรมนญู ว่าด้วยการป้ องกนั และปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. 2542 ตาม
มาตรา 103/1-103/7 พบว่ามีบทบญั ญตั ิอนั เป็ นมาตรการท่ีจะช่วยส่งเสริมให้การทําหน้าที่ในการ
ป้ องกันและปราบปรามการทุจริตของ ป.ป.ช. ซึ่งรวมถึงอํานาจหน้าที่ในการดําเนินการตาม
พระราชบญั ญตั ิว่าด้วยความผิดเกี่ยวกบั การเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 ให้สามารถ
เป็ นไปได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพมากขนึ ้ ได้แก่

(1) การให้การค้มุ ครองผ้กู ลา่ วหา ผ้เู สียหาย ผ้ทู ําคําร้อง ผ้รู ้องทกุ ข์กลา่ วโทษ ผ้ใู ห้
ถ้อยคํา หรือผู้ที่แจ้งเบาะแสหรือข้อมูลการทุจริตทัง้ ที่เป็ นประชาชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตาม
กฎหมายค้มุ ครองพยาน

(2) การให้ค่าตอบแทนแก่ผู้กล่าวหา ผู้เสียหาย ผู้ทําคําร้ อง ผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ
ผ้ใู ห้ถ้อยคํา หรือผ้ทู ่ีแจ้งเบาะแสหรือข้อมลู การทจุ ริต

(3) การให้ความความดีความชอบแก่เจ้าหน้าท่ีของรัฐที่ดําเนินการตามพระราช
บญั ญตั วิ า่ ด้วยความผดิ เกี่ยวกบั การเสนอราคาตอ่ หน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542

(4) การกนั ผ้มู ีสว่ นเก่ียวข้องกบั การกระทําผิดไว้เป็ นพยาน
ซึ่งการนํามาตรการเหล่านีม้ าใช้จะเป็ นการสร้ างแรงจูงใจและให้ความคุ้มครอง
ความปลอดภยั ให้แก่ประชาชนและเจ้าหน้าที่ อีกทงั้ ยงั ชว่ ยลดข้อจํากดั ในการแสวงหาพยานหลกั ฐาน
ในการดําเนินการทางกฎหมายกบั ผ้กู ระทําผดิ ตามพระราชบญั ญตั วิ ่าด้วยความผิดเก่ียวกบั การเสนอ
ราคาตอ่ หน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 ได้อีกทางหนงึ่

336

5) ปัญหาการทุจริตในขัน้ ตอนของการเบกิ จ่ายเงนิ ให้แก่ผู้ขายหรือผู้รับจ้าง
ในกรณีของปัญหาการทุจริตในขนั้ ตอนของการเบิกจ่ายเงินจากการศึกษาพบว่า
ผู้มีส่วนร่วมในการทุจริตแบ่งเป็ นสองฝ่ าย คือ ฝ่ ายบุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน 
อนั ได้แก่ เจ้าหน้าท่ีการคลงั ซงึ่ เป็ นผ้จู ่ายเงิน และผ้บู ริหารท้องถ่ินซงึ่ เป็ นผ้มู ีอํานาจสงั่ จ่าย กบั อีกฝ่ าย
หนง่ึ คอื ฝ่ ายเอกชนที่เป็ นคสู่ ญั ญากบั องค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่น ซงึ่ รูปแบบการทจุ ริตท่ีพบเกิดขนึ ้ ทงั้
จากกรณีที่บคุ ลากรขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินเป็ นผ้ทู จุ ริตเอง เช่น การที่ผ้จู ่ายเงินทําการปลอม
แปลงเอกสารของทางราชการแล้วทําการยกั ยอกเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือ การท่ี
ผ้จู ่ายเงินร่วมมือกบั ผ้บู ริหารท้องถ่ินในจ่ายเงินโดยไม่ถกู ต้องตามกฎหมายหรือใช้วิธีการที่เป็ นการ
หลีกเลี่ยงกฎหมาย เป็ นต้น และกรณีที่ค่สู ญั ญาร่วมมือกบั บคุ ลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ในการทุจริ ต เช่น ให้ เงินหรื อผลประโยชน์แก่ผ้ ูตรวจรับงานและเจ้ าหน้ าท่ีการคลังรวมถึงบริ หาร
ท้องถ่ิน เพื่อให้ตนเองได้รับการจ่ายเงินตามสญั ญาได้เร็วขนึ ้  หรือได้รับเงินตามงวดงานทงั้ ๆ ท่ีงานท่ี
ทํายงั มีปัญหาหรือยงั ดําเนินการไมแ่ ล้วเสร็จตรงตามงวดงาน เป็ นต้น
สงั เกตได้ว่าในขนั้ ตอนของการเบิกจ่ายเงินบุคคลท่ีมีความสําคญั ได้แก่ เจ้าหน้าท่ี
การคลงั ในฐานะท่ีเป็ นผ้จู ่ายเงินและผ้บู ริหารท้องถ่ินในฐานะผ้มู ีอํานาจสงั่ จ่ายซงึ่ จะเข้ามาเก่ียวข้อง
อยู่เสมอ ดังนัน้ การจะแก้ไขปัญหาการทุจริตจึงควรให้ความสําคญั กับตวั ของผู้จ่ายเงินและผู้มี
อํานาจสงั่ จ่ายเป็ นสําคญั  ซ่ึงตวั อย่างในการป้ องกันการทุจริตในขนั้ ตอนของการเบิกจ่ายเงินของ
ต่างประเทศท่ีน่าสนใจ คือ กรณีขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในประเทศฝรั่งเศสท่ีมีการแบ่งแยก
ผ้มู ีอํานาจสง่ั จ่ายเงินกบั ผ้จู ่ายเงินออกจากกนั  โดยผ้บู ริหารท้องถิ่นเป็ นผ้มู ีอํานาจสงั่ จ่ายเงิน ส่วนผู้
จ่ายเงินได้ แก่หัวหน้ าส่วนการคลังที่ไม่ได้ สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้ องถิ่นนัน้  แต่สังกัด
กระทรวงการคลงั  ซ่ึงทําให้เกิดการตรวจสอบและถ่วงดุลซ่ึงกันและกันและยงั ช่วยทําให้ผู้บริหาร
ท้องถิ่นครอบงําหัวหน้าส่วนการคลงั ได้ยาก นอกจากนีใ้ นกรณีการตรวจสอบการจ่ายเงินจะมีการ
ตรวจสอบการจ่ายเงินโดยดูจากบญั ชีของหัวหน้าส่วนการคลงั ซ่ึงหากพบข้อบกพร่องหรือพบการ
ทจุ ริตผ้ทู ี่ต้องรับผิดชอบคือหวั หน้าสว่ นการคลงั และผ้บู ริหารท้องถิ่น ทําให้ผ้จู ่ายเงินต้องระมดั ระวงั
การจ่ายเงินมากขึน้  ซึง่ คณะผ้วู ิจยั มีความเห็นว่าควรนําตวั อย่างของประเทศฝร่ังเศสมาปรับใช้กบั ใน
กรณีของประเทศไทย
นอกจากนีร้ ูปแบบในการจ่ายเงินให้แก่ผ้ปู ระกอบการท่ีเป็ นค่สู ญั ญาก็เป็ นช่องทาง
หน่ึงท่ีก่อให้ เกิดโอกาสในการทุจริ ต เน่ืองจากระบบการจ่ายเงินขององค์กรปกครองส่วนท้ องถิ่นใช้
การจ่ายเงินผ่านเช็คเงินสดซึ่งผ้ ูประกอบการต้ องมาติดต่อกับเจ้ าหน้ าท่ีขององค์กรปกครองส่วน
ท้องถิ่นโดยตรง การท่ีผู้ประกอบการท่ีเป็ นคู่สญั ญาใช้โอกาสในการรับเงินในการติดต่อหรือสร้ าง

337

ความสมั พนั ธ์กบั เจ้าหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ง่าย ดงั นนั้ จึงควรหามาตรการในการ
ลดการติดตอ่ ระหว่างผ้ปู ระกอบการกบั เจ้าหน้าท่ีการคลงั ขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินโดยการใช้
ระบบการจ่ายเงินในรูปแบบอื่น 

8.2.2 ปัญหาการทจุ ริตในการบริหารงานบุคคล

จากการศึกษาถึงรูปแบบและสาเหตุของการทุจริตในการบริหารงานบุคคลขององค์กร
ปกครองสว่ นท้องถ่ิน ทางคณะผ้วู จิ ยั พบวา่ ปัญหาสําคญั ที่ทําให้เกิดการทจุ ริตในองค์กรปกครองสว่ น
ท้องถิ่น ได้แก่ การท่ีพระราชบญั ญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 อนั เป็ น
กฎหมายหลกั ในการวางระบบการบริหารงานบคุ คลขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่น ได้ให้อํานาจใน
การบริหารงานบุคคลแก่ผู้บริหารขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมากจนเกินไป โดยให้อํานาจแก่
ผ้บู ริหารท้องถ่ินในการออกคําสง่ั เก่ียวกับการบรรจุ แต่งตงั้ การย้าย การโอนการรับโอน การเล่ือน
ระดบั การเลื่อนขึน้ เงินเดือน การสอบสวน การลงโทษทางวินยั การให้ออกจากราชการ การอทุ ธรณ์
และการร้องทกุ ข์ ซงึ่ ถงึ แม้วา่ จะมีองค์กรในการบริหารงานบคุ คลของท้องถิ่นเข้ามากํากบั ดแู ล แตก่ าร
จัดโครงสร้ างทางองค์กรในการบริหารงานบุคคลขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินก็มีจํานวนมาก
เกินไป โดยมีถึง 3 ระดบั ได้แก่ คณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบคุ คลส่วนท้องถิ่น (ก.ถ.)
คณะกรรมการข้าราชการ/พนกั งานส่วนท้องถ่ิน (ก.กลาง) และ คณะกรรมการข้าราชการ/พนกั งาน
ส่วนท้องถิ่นจงั หวดั (ก.จงั หวดั ) โดยในส่วนของ ก.กลางและ ก.จงั หวดั ยงั ได้มีการแยกประเภทของ
องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ทําให้เกิดความสบั สนในการใช้อํานาจของคณะกรรมการแต่ละระดบั
อีกทงั้ การมีคณะกรรมการในหลายประเภทนีท้ ําให้การบริหารงานบุคคลขององค์กรปกครองส่วน
ท้องถ่ินขาดความคลอ่ งตวั

อํานาจในการบริหารงานบคุ คลของผ้บู ริหารท้องถิ่นที่มีอยอู่ ย่างมากประกอบกบั องค์กรที่ทํา
หน้าท่ีในการบริหารงานบุคคลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่สามารถควบคมุ ตรวจสอบการใช้
อํานาจของผ้บู ริหารท้องถิ่นได้อย่างเต็มที่ ทําให้ข้าราชการ พนกั งาน ลกู จ้างตลอดจนประชาชนที่
ต้องการทํางานหรือต้องการปรับเปล่ียนตําแหน่งหรือหน่วยงาน จําต้องแสวงหาช่องทางพิเศษเพื่อให้
ตนสมประโยชน์โดยการเสนอให้ เงินหรื อผลประโยชน์แก่ผ้ ูบริ หารท้ องถิ่น หรื อผ้ ูบริ หารท้ องถิ่น
แสวงหาประโยชน์จากอํานาจตามกฎหมายของตนในการเรียกรับเงินหรือผลประโยชน์จากข้าราชการ 
พนกั งาน ลกู จ้างตลอดจนประชาชน นอกจากนีอ้ ํานาจในการบริหารงานบคุ คลของผ้บู ริหารท้องถิ่นท่ี
สามารถให้คุณหรือให้โทษแก่ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง ก็เป็ นสาเหตุหนึ่งท่ีทําให้ข้าราชการ 

338

พนักงาน ลกู จ้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินจําเป็ นต้องตกเป็ นเคร่ืองมือของผู้บริหารในการ
กระทําทจุ ริตในด้านอ่ืน ๆ ด้วย 

สําหรับการแก้ ไขปั ญหาการทุจริ ตในการบริ หารงานบุคคลขององค์กรปกครองส่วนท้ องถิ่น
ในต่างประเทศจะสะท้อนออกมาในเรื่องของการมงุ่ เน้นจริยธรรมของเจ้าหน้าท่ี บคุ ลากรของรัฐและ
องค์กรเอง ซงึ่ มาตรการดงั กลา่ วคือ เรื่องการกําหนดจริยธรรมในวิชาชีพ เพ่ือให้เจ้าหน้าท่ีของรัฐทราบ
เกี่ยวกบั กฎระเบียบพืน้ ฐานและจริยธรรมในวิชาชีพ เพ่ือควบคมุ ความประพฤติและการปฏิบตั ิงานใน
วิชาชีพ และมีการวางกฎเกณฑ์ในวิชาชีพราชการ ซง่ึ มาตรการทางจริยธรรมได้ถกู นํามาใช้ในกรณี
ของประเทศไทยเช่นกนั โดยอย่ใู นรูปของประกาศคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบคุ คลสว่ น
ท้องถิ่น เร่ือง มาตรฐานทางคณุ ธรรมและจริยธรรมของข้าราชการ พนกั งาน และลกู จ้างขององค์กร
ปกครองสว่ นท้องถิ่น
   นอกจากประเดน็ เร่ืองมาตรฐานทางจริยธรรมแล้ว คณะผ้วู ิจยั เห็นว่าส่งิ ท่ีควรได้รับการแก้ไข
เป็ นประเด็นหลกั ในการแก้ไขปัญหาการทุจริตในการบริหารงานบุคคลได้แก่การลดอํานาจในการ
บริหารงานบุคคลของผู้บริหารท้องถ่ินลงและปรับปรุงโครงสร้ างบริหารงานบุคคลขององค์กรให้มี
ความคลอ่ งตวั และมีบทบาทสําคญั ในการเป็ นศนู ย์กลางในการบริหารงานบคุ คลขององค์กรปกครอง
สว่ นท้องถ่ินเพราะอํานาจในการบริหารงานบคุ คลของผ้บู ริหารท้องถ่ินจะเก่ียวโยงถึงการป้ องกนั การ
ทจุ ริตในประเภทอ่ืน ๆ ด้วย 

8.2.3 ปัญหาการทุจริตในการออกใบอนุญาต

การออกใบอนุญาตถือเป็ นการออกคําสง่ั ทางปกครองของเจ้าหน้าท่ี เน่ืองจากเป็ นการใช้
อํานาจตามกฎหมายของเจ้ าหน้ าท่ีที่มีผลเป็ นการสร้ างนิติสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในการก่อ
เปล่ียนแปลง สงวน ระงับหรือมีผลกระทบต่อสิทธิหรือหน้าท่ีของบุคคล เช่น ในกรณีท่ีประชาชน
ต้องการท่ีจะก่อสร้างอาคารก็จะต้องมีการดําเนินการขออนญุ าตจากเจ้าหน้าที่ขององค์กรปกครอง
ส่วนท้องถ่ินเสียก่อนเพ่ือให้ตนสามารถทําการก่อสร้างอาคารได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ดงั นัน้
อํานาจของเจ้าหน้าที่ขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินในการออกใบอนญุ าตจึงมีผลตอ่ การได้หรือเสีย
ประโยชน์ของประชาชนผู้มาขอใบอนุญาต ซึ่งนอกจากประโยชน์ในการได้รับอนุญาตให้สามารถ
ดําเนินการในกิจการที่กฎหมายกําหนดให้ ต้ องมีการขออนุญาตตามกฎหมายจากเจ้ าหน้ าที่แล้ ว
ปัจจยั ทางด้านระยะเวลาก็ถือเป็ นประโยชน์อีกประการของผ้ขู ออนญุ าตโดยเฉพาะในกรณีของการ
ขออนญุ าตที่มีผลตอ่ คา่ ใช้จา่ ยของโครงการทางธรุ กิจหรือการประกอบการค้าของ ผ้ขู ออนญุ าตท่ีต้อง

339

มีการลงทุนไปเป็ นจํานวนมากซ่ึงหากการดําเนินการในการออกใบอนุญาตของเจ้าหน้าท่ีล่าช้า
คา่ ใช้จ่ายในการดําเนินโครงการหรือธุรกิจของผ้ขู ออนญุ าตก็จะมีมากขนึ ้ ตามไปด้วย

จากลกั ษณะดงั กลา่ วจะเห็นวา่ เจ้าหน้าที่ขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นเป็ นผ้มู ีอํานาจตาม
กฎหมายในการพิจารณาคําขออนุญาตซึ่งอาจมีผลเป็ นการได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์ของ
ประชาชนจงึ ทําให้ปัญหาการทจุ ริตในการใช้อํานาจในการออกใบอนญุ าตของเจ้าหน้าท่ีเกิดขนึ ้ โดย
รูปแบบการทุจริตที่พบ ได้แก่ การที่เจ้าหน้าที่เรียกรับเงินหรือผลประโยชน์อ่ืนใดจากประชาชนผ้ขู อ
ใบอนุญาต หรือ การที่ประชาชนผู้ขอใบอนุญาตขอให้เงินหรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าหน้าที่เพ่ือใช้
อํานาจในทางที่เอือ้ ประโยชน์แก่ตน ซึ่งทงั้ สองกรณีนีก้ ็เพื่อให้ผู้ขอใบอนุญาตได้รับใบอนุญาตทงั้ ที่
หลกั เกณฑ์หรือเง่ือนไขในการให้อนุญาตไม่ถูกต้องตามกฎหมาย หรือเพื่อให้ผ้ขู อใบอนุญาตได้รับ
การพิจารณาในระยะเวลาที่รวดเร็วขึน้ นอกจากนีย้ งั พบการทจุ ริตในรูปแบบของการที่เจ้าหน้าท่ีท่ีมี
สว่ นเก่ียวข้องกบั การพจิ ารณาออกใบอนญุ าตเข้าไปมีสว่ นได้เสียกบั ผ้มู าขอใบอนญุ าต

เม่ือปัญหาการทุจริตในการออกใบอนุญาตเกิดขึน้ จากการใช้อํานาจตามกฎหมายที่มิชอบ
ของเจ้าหน้าท่ี และความลา่ ช้าในการปฏิบตั ริ าชการขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่น ดงั นนั้ การแก้ไข
ปัญหาดงั กลา่ วจึงควรมงุ่ เน้นไปท่ีการใช้มาตรการตามกฎหมายที่มีอย่แู ละการปรับปรุงประสทิ ธิภาพ
ในการปฏิบตั ริ าชการขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่น โดยในกรณีของการใช้มาตรการทางกฎหมายที่
มีอยมู่ าใช้ในการแก้ปัญหานนั้ ตามท่ีได้กลา่ วมาแล้ววา่ ใบอนญุ าตเป็ นคําสง่ั ทางปกครองชนิดหน่งึ ซง่ึ
ในการออกใบอนญุ าตอนั มีสถานะเป็ นคําสง่ั ทางปกครองนนั้ จะต้องดําเนินการตามพระราชบญั ญตั ิ
วิธีปฏิบตั ริ าชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 แตจ่ ากข้อมลู สว่ นหนง่ึ ท่ีทางผ้วู ิจยั ได้รับ พบว่า เจ้าหน้าท่ีท่ี
เก่ียวข้องกบั การออกใบอนญุ าตไมค่ อ่ ยให้ความสาํ คญั กบั การดาํ เนินการตามขนั้ ตอนหรือหลกั เกณฑ์
ของพระราชบญั ญตั วิ ิธีปฏิบตั ิราชการทางปกครองฯ เท่าใดนกั อีกทงั้ พบว่าเจ้าหน้าที่บางสว่ นยงั ขาด
ความรู้ทางด้านกฎหมายฉบบั นี ้ดงั นนั้ จึงควรมีการดแู ลให้มีการปฏิบตั ติ ามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
เช่น ในการออกคําสงั่ อนญุ าตหรือไม่อนญุ าต จะต้องมีการให้เหตผุ ลถึงการใช้ดลุ พินิจของเจ้าหน้าที่
ตามมาตรา 37 รวมถึงมีการจดแจ้งสทิ ธิและระยะเวลาในการอทุ ธรณ์โต้แย้งไว้ในคําสงั่ ดงั กลา่ ว ตาม
มาตรา 40 เป็ นต้น เพื่อให้ผู้ขออนุญาตได้รับทราบถึงเหตผุ ลและสิทธิของตนอีกทัง้ ยังเป็ นการ
ตรวจสอบการทํางานของเจ้าหน้าที่ได้อีกทางหนง่ึ ทงั้ นีเ้นื่องจากในอนาคตอนั ใกล้นีอ้ งค์กรปกครอง
สว่ นท้องถ่ินจะได้รับการถ่ายโอนอํานาจในการออกใบอนญุ าตจากสว่ นกลางมากย่งิ ขนึ ้ ดงั นนั้ จงึ ควร
ให้ความสําคัญกับการเสริมสร้ างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ วิธีการในการออก
ใบอนญุ าตอนั เป็ นคาํ สงั่ ทางปกครองให้กบั ทางบคุ ลากรขององค์กรสว่ นท้องถิ่นมากยงิ่ ขนึ ้ ด้วย

340

นอกจากการแก้ไขปัญหาโดยการให้มีการนําหลกั การตามพระราชบญั ญตั วิ ิธีปฏิบตั ริ าชการ
ทางปกครองฯ มาใช้ แล้ ว แนวทางในการแก้ ปั ญหาอีกประการก็คือการปรับปรุ งระบบการบริ หาร
ราชการหรือระบบการปฏิบตั ิงานขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินให้มีความรวดเร็วโดยลดขนั้ ตอนท่ี
ไม่จําเป็ นออกไป มีการเปิ ดเผยถึงขนั้ ตอนและระยะเวลาในการดําเนินการให้ประชาชนได้รับทราบ 
และเปิ ดโอกาสให้ประชาชนสามารถติดตามคําขออนุญาตของตนได้อย่างสะดวก รวมถึงการสร้าง
ทางเลือกหรืออํานวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในการติดต่อหรือขอรับบริการจากหน่วยงานหรือ
เจ้าหน้าท่ีให้มากขนึ ้  เป็ นต้น 

8.2.4 ปัญหาการป้ องกันและปราบปรามการทจุ ริตในภาพรวม

นอกจากปัญหาการทุจริตในเร่ืองการจัดซือ้ จัดจ้างและการจัดทําโครงสร้ างพืน้ ฐาน การ
บริหารงานบุคคล และการออกใบอนญุ าต อนั เป็ นประเภทของการทุจริตที่งานวิจยั ชิน้ นีไ้ ด้กําหนด
เป็ นประเดน็ หลกั ของการศกึ ษาตามท่ีได้กลา่ วมาข้างต้นแล้ว ทางคณะผ้วู ิจยั มีความเห็นว่าการแก้ไข
ปัญหาการทุจริตจําเป็ นต้องพิจารณาถึงกลไกในการป้ องกันและปราบปรามการทุจริตในองค์กร
ปกครองสว่ นท้องถิ่นในด้านอ่ืน ๆ ด้วย เช่น ความรู้ของผ้ปู ฏิบตั ิงาน ความมีประสทิ ธิภาพขององค์กร
ท่ีทําหน้าท่ีในการตรวจสอบการทุจริต รวมถึงการนําหลกั ความโปร่งใส หลักการมีส่วนร่วมของ
ประชาชน หลกั ความรับผิดชอบ หลกั การห้ามบุคลากรเป็ นผ้มู ีส่วนได้เสียมาปรับใช้ในการป้ องกัน
และปราบปรามการทุจริต ซ่ึงจากการศึกษากลไกในการป้ องกนั และปราบปรามการทุจริตของไทย
ยงั คงมีปัญหาดงั ตอ่ ไปนี ้

1) ปัญหาการขาดความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับกฎหมาย กฎ ระเบียบต่างๆท่ี
เก่ียวข้องกับการดาํ เนินการขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ

ปัจจบุ นั กฎ ระเบียบ รวมถึงหนงั สือสง่ั การตา่ ง ๆ ที่เก่ียวข้องกบั การดําเนินการของ
องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินมีอยู่หลายฉบบั ด้วยกัน ซ่ึงเจ้าหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน
จะต้องปฏิบตั ิตามกฎ ระเบียบ รวมถึงหนังสือส่งั การเหล่านัน้ อย่างไรก็ตาม ในการบังคับใช้กฎ
ระเบียบตา่ ง ๆ นนั้ พบว่า เจ้าหน้าท่ีผ้บู งั คบั ใช้กฎหมายบางส่วนขาดความเข้าใจในบทบญั ญตั ิตา่ ง ๆ
ท่ีตนต้องปฏิบตั ิตามซ่ึงอาจนําไปส่กู ารทุจริตได้ในที่สดุ ดงั นนั้ การจะป้ องกนั ปัญหาดงั กล่าวได้นนั้
ต้องเริ่มจากการสร้ างความรู้ความเข้าใจในกฎ หรือระเบียบต่าง ๆ ให้แก่เจ้าหน้าท่ีเพื่อให้มีความ
เข้าใจอยา่ งถกู ต้องและตรงกนั

นอกจากนีใ้ นบางกรณีปัญหาการทุจริตท่ีเกิดขึน้ มีสาเหตสุ ่วนหน่ึงมาจากความไม่
เข้าใจและไม่ตระหนกั ถึงบทบาทอํานาจหน้าท่ีของเจ้าหน้าท่ีแต่ละคนทําให้มีการละเลยการปฏิบตั ิ

341

หน้าท่ีหรือปฏิบตั ิหน้าท่ีโดยไม่ถูกต้องจนทําให้ต้องมีการทุจริตตามมาในท่ีสดุ ดงั นนั้ นอกจากการ
เสริมสร้างความรู้ทางด้านกฎ ระเบียบต่าง ๆ ท่ีเจ้าหน้าที่จะต้องใช้ในการปฏิบตั ิหน้าที่แล้วก็ควรมี
มาตรการในการสร้างความรู้ในเชิงของการป้ องปรามการทจุ ริตควบคกู่ นั ไปด้วย เช่น การให้ความรู้ใน
เรื่องความรับผิดชอบตามอํานาจหน้าท่ีของเจ้าหน้าที่ นําเสนอกรณีตวั อย่างของผลร้ายหรือโทษที่
ผ้กู ระทําการทจุ ริตจะต้องได้รับ เป็ นต้น เพ่ือป้ องปรามให้ผ้ทู ี่จะกระทําการทจุ ริตได้ยบั ยงั้ ชงั่ ใจในการ
กระทําของตน

2) ปัญหาการขาดการนําหลักผู้มีส่วนได้เสียหรือการเป็ นผู้มีผลประโยชน์
ขัดกันมาใช้ในการดาํ เนินการขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ

ปัญหาการทุจริตรูปแบบหน่ึง ได้แก่ การที่นักการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ขององค์กร
ปกครองส่วนท้องถิ่นเข้าไปมีส่วนได้เสียไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมในสญั ญาหรือกิจการท่ีกระทํากบั
องค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ิน เช่น ในกรณีท่ีมีการจดั ซือ้ จดั จ้างโดยวิธีตกลงราคาซง่ึ มีการเปิ ดโอกาสให้
มีการเลือกผ้ขู ายหรือผ้รู ับจ้างโดยตรง ทําให้ผ้บู ริหารหรือเจ้าหน้าที่ในองค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นนํา
บริษัทของตน ญาติหรือคนใกล้ชิดมาร่วมในการจดั ซือ้ จัดจ้างกับหน่วยงานที่ตนสงั กัดและให้การ
ช่วยเหลือโดยการให้ประโยชน์หรือสิทธิพิเศษบางประการแก่บริษัทหรือบคุ คลดงั กลา่ วหรือแสวงหา
ผลประโยชน์ให้แก่ตนเองหรือพวกพ้อง หรือ กรณีท่ีเจ้าหน้าที่ที่มีอํานาจในการออกใบอนุญาต
ก่อสร้างอาคาร รับจ้างออกแบบอาคารให้กบั ผ้ขู ออนญุ าตโดยที่ตนเองเป็ นผ้มู ีหน้าท่ีในการพิจารณา
คําขอนนั ้

ปัญหาการมีส่วนได้เสียตามที่ได้กล่าวมา ในกรณีของบุคคลผู้ดํารงตําแหน่งเป็ น
สมาชิกสภาท้องถิ่น ผ้บู ริหารท้องถิ่น รองผ้บู ริหารท้องถิ่น เลขานุการผ้บู ริหารท้องถิ่น และท่ีปรึกษา
ผ้บู ริหารท้องถ่ิน ได้มีกฎหมายจดั ตงั้ องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ซึ่งได้แก่ พระราชบญั ญัติองค์การ
บริหารสว่ นจงั หวดั พ.ศ. 2540 พระราชบญั ญตั ิเทศบาล พ.ศ. 2496 และพระราชบญั ญตั สิ ภาตําบล
และองค์การบริหารสว่ นตําบล พ.ศ. 2537 กําหนดห้ามมิให้สมาชิกสภาท้องถิ่น ผ้บู ริหารท้องถ่ิน รอง
ผ้บู ริหารท้องถิ่น เลขานุการผ้บู ริหารท้องถ่ิน และที่ปรึกษาผ้บู ริหารท้องถิ่น เป็ นผ้มู ีส่วนได้เสียไม่ว่า
ทางตรงหรือทางอ้อมในสญั ญาที่องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินนัน้ เป็ นคู่สญั ญา หรือในกิจการท่ีได้
กระทําให้แก่องค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นหรือที่องค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินจะกระทํา ซงึ่ หากมีการฝ่ า
ฝื นจะมีผลทําให้สมาชิกสภาท้องถิ่น ผ้บู ริหารท้องถ่ิน รองผ้บู ริหารท้องถ่ิน เลขานกุ ารผ้บู ริหารท้องถ่ิน
และท่ีปรึ กษาผ้ ูบริ หารท้ องถิ่นต้ องพ้ นจากตําแหน่งและทําให้ ขาดคุณสมบัติไม่สามารถสมัครรับ
เลือกตงั้ เป็ นผ้บู ริหารหรือสมาชิกสภาท้องถ่ินในระยะเวลา 5 ปี นบั ถึงวนั สมคั รรับเลือกตงั้ เอาไว้ แตก่ ็

342

ยงั พบว่าบุคคลตามกฎหมายดงั กล่าวยังได้เข้าไปมีส่วนได้เสียในสญั ญาหรือกิจการท่ีกระทํากับ
องค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินของตนอยู่

ทัง้ นี ้ การที่ยังเกิดปัญหาการทุจริตในรูปแบบของการเป็ นผู้มีส่วนได้เสียในการ
ดําเนินการต่าง ๆ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินอย่นู นั้ อาจเกิดขนึ ้ จากการที่ไม่ได้มีการตรวจสอบ
ถึงความเป็ นผ้มู ีสว่ นได้เสียของสมาชิกสภาท้องถ่ิน ผ้บู ริหารท้องถ่ิน รองผ้บู ริหารท้องถิ่น เลขานกุ าร
ผู้บริหารท้องถิ่น และท่ีปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่นที่ฝ่ าฝื นหลักการดังกล่าวอย่างจริงจัง นอกจากนี ้
กฎหมายจดั ตงั้ องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินแตล่ ะฉบบั ล้วนไม่ได้กําหนดโทษในทางอาญาของผ้ทู ่ีฝ่ า
ฝื นเอาไว้จึงอาจทําให้ผ้ดู ํารงตําแหน่งดงั กล่าวขาดความเกรงกลวั ต่อกฎหมาย ซึ่งต่างจากกรณีของ
พระราชบญั ญตั ิประกอบรัฐธรรมนญู ว่าด้วยการป้ องกนั และปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. 2542 ใน
มาตรา 100 ที่บญั ญตั วิ า่ “ห้ามมิให้เจ้าหน้าท่ีของรัฐผ้ใู ดดาํ เนินกิจการ ดงั ตอ่ ไปนี ้

(1) เป็ นคู่สญั ญาหรือมีส่วนได้เสียในสญั ญาที่ทํากับหน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าท่ี
ของรัฐผ้นู นั้ ปฏิบตั ิหน้าที่ในฐานะที่เป็ นเจ้าหน้าที่ของรัฐซ่ึงมีอํานาจกํากบั ดแู ล ควบคมุ ตรวจสอบ
หรือดําเนินคดี

(2) เป็ นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้ างหุ้นส่วนหรือบริษัทที่เข้ าเป็ นคู่สัญญากับ
หนว่ ยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผ้นู นั้ ปฏิบตั หิ น้าที่ในฐานะท่ีเป็ นเจ้าหน้าท่ีของรัฐซง่ึ มีอาํ นาจกํากบั
ดแู ล ควบคมุ ตรวจสอบ หรือดาํ เนินคดี

(3) รับสมั ปทานหรือคงถือไว้ซ่ึงสมั ปทานจากรัฐ หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ
รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น หรือเข้าเป็ นค่สู ญั ญากับรัฐ หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ
รัฐวสิ าหกิจ หรือราชการสว่ นท้องถิ่นอนั มีลกั ษณะเป็ นการผกู ขาดตดั ตอน ทงั้ นี ้ไมว่ า่ โดยทางตรงหรือ
ทางอ้อม หรือเป็ นห้นุ สว่ นหรือผ้ถู ือห้นุ ในห้างห้นุ สว่ นหรือบริษัทที่รับสมั ปทานหรือเข้าเป็ นคสู่ ญั ญาใน
ลกั ษณะดงั กลา่ ว

(4) เข้าไปมีสว่ นได้เสยี ในฐานะเป็ นกรรมการ ที่ปรึกษา ตวั แทน พนกั งานหรือลกู จ้าง
ในธุรกิจของเอกชนซ่ึงอยู่ภายใต้การกํากับ ดูแล ควบคุม หรือตรวจสอบของหน่วยงานของรัฐที่
เจ้าหน้าท่ีของรัฐผู้นัน้ สังกัดอยู่หรือปฏิบัติหน้าท่ีในฐานะเป็ นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซ่ึงโดยสภาพของ
ผลประโยชน์ของธุรกิจของเอกชนนนั้ อาจขดั หรือแย้งตอ่ ประโยชน์สว่ นรวม หรือประโยชน์ทางราชการ
หรือกระทบตอ่ ความมีอสิ ระในการปฏบิ ตั หิ น้าที่ของเจ้าหน้าท่ีของรัฐผ้นู นั้

เจ้าหน้าที่ของรัฐตําแหน่งใดท่ีต้องห้ามมิให้ดําเนินกิจการตามวรรคหน่ึงให้เป็ นไป
ตามท่ีคณะกรรมการ ป.ป.ช. กําหนดโดยประกาศในราชกิจจานเุ บกษา


Click to View FlipBook Version