143
บทท่ี 5
กฎหมายท่เี ก่ียวข้องกับการดาํ เนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ
การศกึ ษาวิจยั เร่ือง “การป้ องกันและปราบปรามการทุจริตในองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน”
ทางคณะผ้ ูวิจัยได้ กําหนดกรอบความคิดในการศึกษาถึงการทุจริ ตในองค์กรปกครองส่วนท้ องถิ่น
รูปแบบทวั่ ไปของประเทศไทยไว้ทงั้ สิน้ ส่ีประการด้วยกันคือ การจดั ซือ้ จดั จ้าง การจดั ทําโครงสร้าง
พืน้ ฐาน การบริหารงานบคุ คล และการออกใบอนญุ าตขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินรูปแบบทว่ั ไป
ในประเทศไทย ทงั้ นีเ้นื่องจากการดําเนินการดงั กลา่ วมกั พบวา่ มีการทจุ ริตเกิดขนึ ้ อยบู่ อ่ ยครัง้
เม่ือองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินเป็ นองค์กรหนึ่งของรัฐ ฉะนัน้ การดําเนินการใด ๆ ของ
องค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นต้องมีกฎหมายให้อํานาจไว้และการกระทํานนั้ ต้องอยภู่ ายใต้ขอบเขตของ
กฎหมายกําหนดไว้เป็ นสําคญั ดงั นนั้ ในการศึกษาวิจยั ครัง้ นีจ้ ึงจําเป็ นต้องพิจารณาถึงกฎหมายที่
เก่ียวข้องกบั การดาํ เนินการจดั ซือ้ จดั จ้าง การจดั ทําโครงสร้างพืน้ ฐาน การบริหารงานบคุ คล และการ
ออกใบอนญุ าต อนั เป็ นกรอบในการศกึ ษาวจิ ยั ในครัง้ นี ้เพื่อท่ีจะได้นําหลกั เกณฑ์ ขนั้ ตอน หรือวิธีการ
ที่กฎหมายกําหนดไว้มาศึกษาถึงรูปแบบ สาเหตุ ตลอดจนวิธีการในการทุจริต และนําข้อมลู ที่ได้มา
วเิ คราะห์ถงึ สภาพปัญหา และนําเสนอแนวทางในการป้ องกนั และแก้ไขปัญหาการทจุ ริตในสว่ นตอ่ ไป
5.1 การจัดซือ้ จดั จ้างและการจัดทาํ โครงสร้างพืน้ ฐานขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ
การศกึ ษาวิจยั ถึงการทจุ ริตท่ีเกิดจากการจดั ซอื ้ จดั จ้างและการจดั ทําโครงสร้างพืน้ ฐานนี ้ทาง
คณะผ้วู ิจยั ได้กําหนดกรอบในการศกึ ษาออกเป็ นสองสว่ นอนั ได้แก่ การจดั ทําโครงสร้างพืน้ ฐานและ
การจัดซือ้ จัดจ้ างพัสดุท่ัวไป โดยในส่วนของการจัดทําโครงสร้ างพืน้ ฐานจะพิจารณาถึงการ
ดําเนินการในการซือ้ และหรือการจ้างเพ่ือการจัดทําโครงสร้ างพืน้ ฐาน เช่น การก่อสร้ างและ
บํารุงรักษาถนน สะพาน สถานีขนสง่ วิศวกรรมการจราจรทางบก การดแู ลรักษาทางนํา้ การก่อสร้าง
และการดแู ลสถานีขนสง่ ทางนํา้ การคมนาคมและการสญั จรทางนํา้ การจดั หาแหล่งนํา้ ประปา นํา้
บาดาล การดําเนินการในการขดุ ดินหรือถมดิน เป็ นต้น สว่ นการจดั ซือ้ จดั จ้างพสั ดทุ ว่ั ไปจะเป็ นการ
พจิ ารณาถึงการดาํ เนินการในการจดั ซือ้ จดั จ้าง ครุภณั ฑ์ อปุ กรณ์สํานกั งานทวั่ ไป
สําหรับกฎหมายที่วางหลกั เกณฑ์เกี่ยวกบั การดําเนินการในการจดั ซือ้ จดั จ้างและ การจดั ทํา
โครงสร้างพืน้ ฐานขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินของประเทศไทยในรูปแบบทวั่ ไป ได้แก่ ระเบียบ
กระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพสั ดุ ซงึ่ กําหนดถึงวิธีการ ขนั้ ตอน หลกั เกณฑ์ในการดําเนินการด้าน
การพัสดุขององค์กรปกครองท้องถ่ินในรูปแบบต่าง ๆ เอาไว้ โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินใน
144
รูปแบบทวั่ ไปท่ีอย่ใู นขอบเขตของงานวิจยั ชิน้ นี ้เดิมก่อนวนั ท่ี 27 ตลุ าคม 2553 อย่ภู ายใต้ระเบียบ
กระทรวงมหาดไทยวา่ ด้วยการพสั ดจุ ํานวน 2 ฉบบั ด้วยกนั คือ
1) ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพสั ดขุ ององค์การบริหารส่วนตําบล พ.ศ. 2538
[แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบบั ที่ 4) พ.ศ. 2547] ซ่งึ นํามาใช้กบั การดําเนินงานด้านการพสั ดขุ ององค์การ
บริหารสว่ นตําบล
2) ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพสั ดขุ องหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น
พ.ศ. 2535 [แก้ไขเพ่ิมเติมถึง (ฉบบั ท่ี 8) พ.ศ. 2547] นํามาใช้กับการดําเนินงานด้านการพสั ดขุ อง
เทศบาล และองค์การบริหารสว่ นจงั หวดั
ต่อมา กระทรวงมหาดไทยได้ ออกระเบียบกระทรวงมหาดไทยยกเลิกระเบียบ
กระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพสั ดขุ ององค์การบริหารสว่ นตําบล พ.ศ. 2553 เพ่ือยกเลิกระเบียบ
กระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพสั ดขุ ององค์การบริหารส่วนตําบล พ.ศ. 2538 และได้มีการออก
ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดขุ องหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น (ฉบบั ที่ 9)
พ.ศ. 2553 มาแก้ไขเพมิ่ เตมิ ระเบยี บกระทรวงมหาดไทยวา่ ด้วยการพสั ดขุ องหนว่ ยการบริหารราชการ
ส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2535 โดยได้มีการประกาศในราชกิจจานเุ บกษา ฉบบั ประกาศทวั่ ไป เล่ม 127
ตอนพิเศษ 80 ง ลงวนั ที่ 28 มิถนุ ายน 2553 และให้มีผลใช้บงั คบั เม่ือพ้นกําหนด 120 วนั นบั แตว่ นั
ประกาศในราชกิจจานเุ บกษา อนั ทําให้มีผลบงั คบั ใช้ในวนั ท่ี 27 ตลุ าคม พ.ศ. 2553 ซ่งึ ระเบียบฯ
ฉบบั ดงั กล่าวเป็ นการยกเลิกระเบียบพสั ดขุ ององค์การบริหารส่วนตําบล และได้มีการปรับปรุงแก้ไข
ระเบียบพัสดุของเทศบาล และองค์การบริหารส่วนจังหวัด และกําหนดให้การจัดซือ้ จัดจ้างของ
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบทวั่ ไปจะต้องนําระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพสั ดขุ อง
หน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถ่ิน พ.ศ. 2535 [แก้ไขเพ่ิมเติมถึง (ฉบบั ท่ี 9) พ.ศ. 2553] มาใช้
บงั คบั กบั องค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นรูปแบบทวั่ ไปทกุ ประเภทไมแ่ ยกกนั อีกตอ่ ไป
อย่างไรก็ตาม ในการดําเนินการในการจัดซือ้ จัดจ้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนัน้
นอกจากจะต้องพิจารณาตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพสั ดฯุ แล้วยงั ต้องพิจารณา
ประกอบกบั กฎหมายอ่ืน ๆ ท่ีได้บญั ญตั เิ กี่ยวข้องกบั การจดั ซือ้ จดั จ้างด้วย ซงึ่ ในปัจจบุ นั ได้มีการแก้ไข
เพิ่มเติมพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้ องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.
2542 โดยพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรัฐธรรมนญู วา่ ด้วยการป้ องกนั และปราบปรามการทจุ ริต (ฉบบั ท่ี
2) พ.ศ. 2554 ซงึ่ ในกฎหมายฉบบั ดงั กลา่ วได้กําหนดหลกั เกณฑ์ในการดําเนินการจดั ซือ้ จดั จ้างของ
หน่วยงานภาครัฐเพ่ิมเติมอนั จะต้องถกู นํามาใช้ในการจดั ซือ้ จดั จ้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน
ด้วย ได้แก่ การกําหนดให้หน่วยงานของรัฐที่ทําการจัดซือ้ จัดจ้างต้องจัดทําข้อมูลรายละเอียด
คา่ ใช้จ่ายเก่ียวกบั การจดั ซือ้ จดั จ้างไว้ในระบบข้อมลู ทางอิเล็กทรอนิกส์ และการกําหนดให้เอกชนท่ี
เป็ นคสู่ ญั ญากบั หนว่ ยงานของรัฐ มีหน้าท่ีต้องแสดงบญั ชีรายการรับจ่ายของโครงการที่เป็ นคสู่ ญั ญา
145
กบั หน่วยงานของรัฐต่อกรมสรรพากร นอกเหนือจากบญั ชีงบดุลปกติท่ียื่นประจําปี จากการแก้ไข
กฎหมายท่ีได้กล่าวมาจึงทําให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีหน้าท่ีที่จะต้องปฏิบตั ิตามหลกั เกณฑ์
ดงั กลา่ วควบคกู่ บั การปฏบิ ตั ติ ามระเบยี บกระทรวงมหาดไทยวา่ ด้วยการพสั ดฯุ ด้วยเช่นกนั
ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพสั ดฯุ ได้ให้นิยามคําว่า “การพสั ด”ุ ว่าหมายถึง การ
จดั ทําเอง การซือ้ การจ้าง การจ้างที่ปรึกษา การจ้างออกแบบและควบคมุ งาน การแลกเปลี่ยน การ
เชา่ การควบคมุ การจําหนา่ ย และอาจมีการดําเนินการอื่น ๆ ท่ีระเบียบแตล่ ะฉบบั ได้กําหนดไว้1 โดย
ระเบียบฯได้กําหนดหลกั เกณฑ์ ขนั้ ตอน วิธีการ ในการดําเนินการดงั กล่าวเอาไว้เพื่อเป็ นกรอบหรือ
แนวทางให้องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินดําเนินการตาม นอกจากนีย้ งั ได้บญั ญัติถึงความรับผิดของ
เจ้าหน้าที่ท่ีกระทําการโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อไม่ปฏิบตั ิตามระเบียบ หรือกระทําโดยมีเจตนา
ทุจริต หรือกระทําการโดยปราศจากอํานาจหรือนอกเหนืออํานาจหน้าท่ี รวมทัง้ มีพฤติกรรมที่
เอือ้ อํานวยแก่ผ้เู ข้าเสนอราคาหรือเสนองานให้มีการขดั ขวางการแข่งขนั ราคาอยา่ งเป็ นธรรมอีกด้วย
ในส่วนของการจัดซือ้ จัดจ้างและการจัดทําโครงสร้ างพืน้ ฐาน ระเบียบทัง้ สองฉบับได้กําหนด
หลกั เกณฑ์ วิธีการ และขนั้ ตอนไว้ดงั นี ้
5.1.1 วธิ ีการจัดซือ้ จัดจ้าง
ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพสั ดขุ องหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ.
2535 ได้กําหนดวธิ ีการจดั ซอื ้ จดั จ้างไว้ทงั้ หมด 5 วธิ ีด้วยกนั 2 คอื
1) วิธีตกลงราคา
2) วธิ ีสอบราคา
3) วธิ ีประกวดราคา
4) วธิ ีพเิ ศษ
5) วธิ ีกรณีพเิ ศษ
ในระเบียบพสั ดฉุ บบั ใหม่ได้มีการเพิ่มเติมโดยเปิ ดช่องให้สามารถนําวิธีการจดั ซือ้ จดั จ้างโดย
ระบบอิเลก็ ทรอนิกส์มาใช้กบั การซือ้ หรือการจ้างโดยวิธีการทงั้ 5 วิธี ซง่ึ แตกตา่ งไปจากระเบียบพสั ดุ
ฉบบั เดิมท่ีไม่ได้กล่าวถึงการจัดซือ้ จัดจ้างการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ไว้ในระเบียบพสั ดุ
โดยตรงแตไ่ ปปรากฏในประกาศกระทรวงการคลงั เร่ืองหลกั เกณฑ์การจดั หาพสั ดโุ ดยการประมลู ด้วย
ระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซง่ึ ในประกาศกระทรวงการคลงั ได้กําหนดให้การจดั ซือ้ จดั จ้างโดยการประมลู
ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์จะกระทําเฉพาะการจัดซือ้ จัดจ้ างโดยวิธีการประกวดราคาเท่านัน้
1 ระเบียบกระทรวงมหาดไทยวา่ ด้วยการพสั ดขุ องหน่วยการบริหารราชการสว่ นท้องถ่ิน พ.ศ. 2535 ข้อ 5
2 ระเบียบกระทรวงมหาดไทยวา่ ด้วยการพสั ดขุ องหนว่ ยการบริหารราชการสว่ นท้องถ่ิน พ.ศ. 2535 ข้อ 12
146
นอกจากนี ้ ส่ิงท่ีต่างจากระเบียบพสั ดุฯฉบบั เดิมในเรื่องการการจัดซือ้ จดั จ้างโดยการประมูลด้วย
ระบบอิเลก็ ทรอนิกส์อีกประการก็คอื ระเบยี บพสั ดฯุ ได้กําหนดให้การจดั ซือ้ จดั จ้างโดยการประมลู ด้วย
ระบบอิเล็กทรอนิกส์ขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินจะต้องดําเนินการตามหลกั เกณฑ์ท่ีกรมสง่ เสริม
การปกครองท้องถิ่นได้กําหนดขึน้ ซึง่ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้ออก ประกาศกรมส่งเสริม
การปกครองท้องถิ่น เรื่อง หลกั เกณฑ์การซือ้ หรือการจ้างโดยการประมลู ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ มา
เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินได้ไปถือปฏิบตั ิ ซงึ่ ประกาศฉบบั ดงั กล่าวได้กําหนดให้การซือ้ หรือ
การจ้างแตล่ ะครัง้ ที่มีวงเงินรวมเกินสองล้านบาทอนั ได้แก่ การจดั ซือ้ จดั จ้างโดยวิธีการประกวดราคา
จะต้องใช้การประมลู ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ เว้นแต่กรณีการซือ้ หรือการจ้างโดยวิธีพิเศษ วิธีกรณี
พิเศษ การจ้างที่ปรึกษา และการออกแบบและความคมุ งาน
อย่างไรก็ตาม หากในการซือ้ หรือการจ้างในครัง้ นัน้ ไม่มีการนําเอาการจัดซือ้ จัดจ้างโดย
วิธีการทางอิเลก็ ทรอนิกส์มาใช้ การดําเนินการจดั ซือ้ จดั จ้างจะมีลกั ษณะการดําเนินการจดั หาพสั ดทุ ี่
แตกตา่ งกนั ไป ดงั มีรายละเอียดตอ่ ไปนี ้
1) วิธีการตกลงราคา3
การซือ้ หรือการจ้างโดยวิธีตกลงราคา ได้แก่ การซือ้ หรือการจ้างครัง้ หนึ่ง ซงึ่ มีราคา
ไมเ่ กิน 100,000 บาท ซงึ่ วธิ ีการนีเ้ป็ นการเปิ ดโอกาสให้เจ้าหน้าท่ีพสั ดตุ ิดตอ่ ตกลงราคากบั ผ้ขู ายหรือ
ผ้รู ับจ้างโดยตรง แล้วให้หวั หน้าเจ้าหน้าท่ีพสั ดจุ ดั ซอื ้ หรือจดั จ้างได้ภายในวงเงินที่ได้รับความเห็นชอบ
อย่างไรก็ตาม หากผู้สง่ั ซือ้ หรือสงั่ จ้างเห็นว่าควรจะทําการซือ้ หรือจ้างโดยวิธีอื่นก็
สามารถทําการซือ้ หรือการจ้างโดยวิธีท่ีใช้กบั การซือ้ หรือการจ้างในวงเงินที่สงู กว่าได้ แต่จะทําการ
แบ่งซือ้ หรือแบ่งจ้างโดยลดวงเงินที่จะซือ้ หรือจ้างในครัง้ เดียวกนั เพ่ือให้วงเงินตํ่ากว่าท่ีกําหนด หรือ
เพื่อให้อํานาจสงั่ ซือ้ สงั่ จ้างเปลี่ยนไปไมไ่ ด้ เว้นแตจ่ ะเป็ นการแบง่ ซือ้ แบง่ จ้างวสั ดทุ ี่ง่ายตอ่ การเน่าเสีย
หรือโดยสภาพไม่อาจดําเนินการซือ้ หรือจ้างในครัง้ เดียวกนั ทงั้ จํานวนเงิน นอกจากนีก้ ารซือ้ หรือการ
จ้างซึ่งดําเนินการด้วยเงินกู้หรือเงินช่วยเหลือ ผู้สงั่ ซือ้ หรือผู้สงั่ จ้างมีอํานาจที่จะสงั่ ให้กระทําตาม
วงเงินที่สญั ญาเงินก้หู รือสญั ญาเงินช่วยเหลือกําหนดไว้ก็ได้
2) วิธีการสอบราคา4
การซือ้ หรือการจ้างโดยวิธีสอบราคา ได้แก่ การซือ้ หรือการจ้างครัง้ หน่ึง ซ่ึงมีราคา
เกิน 100,000 บาท แตไ่ มเ่ กิน 2,000,000 บาท วิธีการนีเ้ป็ นวิธีการท่ีใกล้เคียงกบั การประกวดราคา
3 ระเบียบกระทรวงมหาดไทยวา่ ด้วยการพสั ดขุ องหนว่ ยการบริหารราชการสว่ นท้องถ่ิน พ.ศ. 2535 ข้อ 13
4 ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพสั ดขุ องหน่วยการบริหารราชการสว่ นท้องถ่ิน พ.ศ. 2535 ข้อ
14 และ ข้อ 16
147
โดยองค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินจะมีการประกาศแจ้งความการสอบราคา ณ สถานท่ีทําการของตน
และจะส่งใบแจ้งความดงั กลา่ วไปให้ผ้ขู ายที่เห็นว่าเหมาะสมโดยตรง เพ่ือให้ผ้ทู ่ีสนใจได้ย่ืนซองสอบ
ราคาตอ่ ไป แตท่ งั้ นีก้ ารจดั ซือ้ จดั จ้างดงั กลา่ วต้องอย่ภู ายในวงเงินเกินกวา่ 100,000 บาท แตไ่ มเ่ กิน
2,000,000 บาท
อย่างไรก็ตาม หากผู้สง่ั ซือ้ หรือสง่ั จ้างเห็นว่าควรจะทําการซือ้ หรือจ้างโดยวิธีอ่ืนก็
สามารถทําการซือ้ หรือการจ้างโดยวิธีที่ใช้กบั การซือ้ หรือการจ้างในวงเงินท่ีสงู กว่าก็ได้เช่นเดียวกับ
การจดั ซือ้ จดั จ้างโดยวิธีตกลงราคา
3) วธิ ีการประกวดราคา5
การซือ้ หรือการจ้างโดยวิธีประกวดราคา ได้แก่ การซือ้ หรือการจ้างครัง้ หนึ่ง ซึ่งมี
ราคาเกิน 2,000,000 บาท ขนึ ้ ไป โดยจะต้องมีการประกาศข่าวการประกวดราคาโดยเปิ ดเผยทาง
สื่อมวลชนซง่ึ ประกาศดงั กล่าวจะต้องมีการระบุถึงสาระสําคญั ของการประกวดราคา เช่น รายการ
พสั ดุท่ีต้องการซือ้ คุณสมบัติของผู้มีสิทธิประกวดราคา กําหนดวันและเวลารับซองและเปิ ดซอง
ประกวดราคาตลอดจนสถานท่ีขอรับหรือซือ้ เอกสารประกวดราคาและราคาของเอกสาร โดยการ
จดั ซือ้ จดั จ้างด้วยวิธีการประกวดราคาขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นยกเว้นงานจ้างที่ปรึกษา งาน
จ้างออกแบบและควบคมุ งานจะต้องกระทําโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ตามประกาศกรมส่งเสริม
การปกครองท้องถ่ิน เรื่อง หลกั เกณฑ์การซือ้ หรือการจ้างโดยการประมลู ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์
เพื่อให้เกิดความโปร่งใส และก่อให้มีการแขง่ ขนั กนั เสนอราคาและคณุ ภาพซง่ึ เป็ นประโยชน์แก่องค์กร
ปกครองสว่ นท้องถิ่นมากที่สดุ
4) วิธีพเิ ศษ6
การซอื ้ หรือการจ้างวธิ ีพิเศษได้แก่ การซือ้ หรือการจ้างครัง้ หนึง่ ซงึ่ มีราคาเกิน 100,000
บาท และต้องอย่ภู ายใต้เง่ือนไขระเบียบพสั ดฯุ ซ่งึ ได้กําหนดเง่ือนไขในการซือ้ และการจ้างโดยวิธี
พเิ ศษไว้ดงั นี ้
การซอื ้ โดยวธิ ีพิเศษ ได้แก่ การซือ้ ครัง้ หนงึ่ ซง่ึ มีราคาเกิน 100,000 บาท โดยสามารถ
กระทําได้เฉพาะกรณีดงั ตอ่ ไปนี ้
5 ระเบียบกระทรวงมหาดไทยวา่ ด้วยการพสั ดขุ องหนว่ ยการบริหารราชการสว่ นท้องถิ่น พ.ศ. 2535 ข้อ 15
6 ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพสั ดขุ องหน่วยการบริหารราชการสว่ นท้องถ่ิน พ.ศ. 2535 ข้อ
17 และ ข้อ18
148
(1) เป็ นพสั ดทุ ่ีจะขายทอดตลาดโดยส่วนราชการ หน่วยงานตามกฎหมาย
ว่าด้วยระเบียบบริหารราชการสว่ นท้องถิ่น หน่วยงานอื่นซง่ึ มีกฎหมายบญั ญตั ใิ ห้มีฐานะเป็ นราชการ
บริหารสว่ นท้องถ่ิน รัฐวสิ าหกิจ องค์การระหวา่ งประเทศ หรือหน่วยงานของตา่ งประเทศ
(2) เป็ นพสั ดทุ ี่ต้องซือ้ เร่งดว่ น หากลา่ ช้าอาจจะเสยี หายแก่หนว่ ยการบริหาร
ราชการสว่ นท้องถ่ิน
(3) เป็ นพสั ดทุ ่ีจําเป็ นต้องซือ้ โดยตรงจากต่างประเทศ หรือดําเนินการโดย
ผา่ นองค์การระหวา่ งประเทศ
(4) เป็ นพัสดุท่ีโดยลักษณะของการใช้งานหรือมีข้อจํากัดทางเทคนิคท่ี
จําเป็ นต้องระบยุ ่ีห้อเป็ นการเฉพาะ ซง่ึ หมายความรวมถงึ อะไหล่ รถประจําตําแหน่ง หรือยารักษาโรค
ที่ไมต่ ้องจดั ซอื ้ ตามชื่อสามญั ในบญั ชียาหลกั แหง่ ชาติ
(5) เป็ นพสั ดทุ ่ีเป็ นท่ีดนิ และหรือสงิ่ ก่อสร้างซง่ึ จําเป็ นต้องซอื ้ เฉพาะแหง่
(6) เป็ นพสั ดทุ ี่ได้ดาํ เนินการซือ้ โดยวิธีอื่นแล้วไมไ่ ด้ผลดี
(7) เป็ นพัสดุที่มีความต้องการใช้เพิ่มขึน้ ในสถานการณ์ที่จําเป็ น หรือ
เร่งดว่ น หรือเพ่ือประโยชน์ของหน่วยบริหารราชการสว่ นท้องถิ่น และจําเป็ นต้องซือ้ เพ่ิม
สว่ นการจ้างโดยวิธีพิเศษ ได้แก่ การจ้างครัง้ หนึ่งซง่ึ มีราคาเกิน 100,000 บาท โดย
กระทําได้เฉพาะกรณีดงั ตอ่ ไปนี ้
(1) เป็ นงานที่ต้องจ้างช่างผู้มีฝี มือโดยเฉพาะ หรือผู้มีความชํานาญเป็ น
พิเศษ
(2) เป็ นงานจ้างซ่อมพัสดุที่จําเป็ นต้องถอดตรวจให้ทราบความชํารุด
เสียหายเสียก่อน จึงจะประมาณค่าซ่อมได้ เช่น งานจ้างซ่อมเครื่องจกั ร เครื่องมือกล เครื่องยนต์
เครื่องไฟฟ้ า หรือเคร่ืองอิเลก็ ทรอนิกส์ เป็ นต้น
(3) เป็ นงานที่ต้องกระทําโดยเร่งด่วน หากล่าช้าอาจจะเสียหายแก่หน่วย
การบริหารราชการสว่ นท้องถิ่น
(4) เป็ นงานที่ได้ดําเนินการจ้างโดยวิธีอ่ืนแล้วไมไ่ ด้ผลดี
(5) เป็ นงานที่จําเป็ นต้องการจ้างเพ่ิมในสถานการณ์ที่จําเป็ นหรือเร่งด่วน
หรือเพื่อประโยชน์ของหน่วยบริหารราชการสว่ นท้องถิ่น และจําเป็ นต้องซอื ้ เพม่ิ
5) วธิ ีกรณีพเิ ศษ7
การจดั ซือ้ จดั จ้างโดยวิธีกรณีพิเศษ หมายถึง การซือ้ หรือการจ้างจากส่วนราชการ
หน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถ่ินอื่น หน่วยงานอ่ืนซ่ึงมีกฎหมาย
7 ระเบียบกระทรวงมหาดไทยวา่ ด้วยการพสั ดขุ องหน่วยการบริหารราชการสว่ นท้องถิน่ พ.ศ. 2535 ข้อ 19
149
บญั ญัติให้มีฐานะเป็ นราชการบริหารส่วนท้องถ่ินหรือรัฐวิสาหกิจ ซึ่งการจดั ซือ้ จดั จ้างโดยวิธีกรณี
พิเศษจะกระทําได้เฉพาะในกรณีดงั ตอ่ ไปนี ้
(1) เป็ นผ้ผู ลิตพสั ดหุ รือทํางานจ้างนนั้ เอง และนายกรัฐมนตรีอนมุ ตั ิให้ซือ้
หรือจ้าง
(2) มีกฎหมายหรือมติคณะรัฐมนตรีกําหนดให้ซือ้ หรือจ้างและกรณีนีใ้ ห้
รวมถึงหน่วยงานอ่ืนที่กฎหมายหรือมตคิ ณะรัฐมนตรีกําหนดด้วย
จะเห็นได้ว่าวิธีการในการจดั ซือ้ จดั จ้างขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นทงั้ 5 วิธีนนั้
การท่ีองค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินจะเลือกใช้วิธีการจดั ซือ้ จดั จ้างวิธีใดย่อมขึน้ อย่กู บั วงเงินในการซือ้
หรือการจ้างในแตล่ ะครัง้ และในกรณีของการจดั ซือ้ จดั จ้างวิธีพิเศษและวิธีกรณีพิเศษนอกจากจะถกู
จํากดั ด้วยวงเงินในการซือ้ หรือการจ้างแล้ว ยงั ถกู จํากดั ด้วยเหตกุ ารณ์หรือคณุ ลกั ษณะพิเศษของส่ิงที่
ต้องการซือ้ หรือจ้างในการซือ้ หรือการจ้างในแตล่ ะครัง้ ด้วย
5.1.2 ขัน้ ตอนการจดั ซอื้ จดั จ้าง
ในการดําเนินการจดั ซือ้ จดั จ้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินในทกุ วิธีท่ีได้กลา่ วมาข้างต้น
ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพสั ดไุ ด้กําหนดขนั้ ตอนการจดั ซือ้ จดั จ้างอนั สามารถแบ่งได้
เป็ น 6 ขนั้ ตอน ดงั นี ้
1) ขนั้ ตอนก่อนการดาํ เนินการซอื ้ หรือการจ้าง
2) ขนั้ ตอนการดําเนินการจดั ซอื ้ จดั จ้าง
3) ขนั้ ตอนการอนมุ ตั ใิ ห้มีการสง่ั ซือ้ หรือสง่ั จ้าง
4) ขนั้ ตอนการทําสญั ญาซือ้ หรือจ้าง
5) ขนั้ ตอนการตรวจรับและตรวจสอบพสั ดุ
6) ขนั้ ตอนการเบกิ จ่ายพสั ดุ
1) ขัน้ ตอนก่อนการดาํ เนินการซอื้ หรือการจ้าง
การจดั หาพสั ดหุ รือจดั ทําโครงสร้างพืน้ ฐานใด ๆ ขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินจะ
เริ่มจากการสํารวจความต้องการทัง้ จากภายในหน่วยงานของตนและจากความต้องการของ
ประชาชน ซึ่งในส่วนของการจดั ทําโครงสร้างพืน้ ฐานในท้องถ่ินแต่ละแห่งนนั้ องค์กรปกครองส่วน
ท้องถิ่นจะนําความต้องการของประชาชนในท้องถิ่นมาวางแผนโครงการท่ีจะดําเนินการเอาไว้ก่อน
ลว่ งหน้า แล้วนําแผนโครงการดงั กลา่ วมาบรรจไุ ว้ในงบประมาณรายจ่ายประจําปี ขององค์กรปกครอง
สว่ นท้องถิ่นในแตล่ ะปี ตามความเหมาะสม สว่ นในการจดั ซือ้ วสั ดุ ครุภณั ฑ์ หรือการจ้างบคุ คลใดเพื่อ
นํามาใช้ในหน่วยงานของตนนัน้ หน่วยงานต่าง ๆ ภายในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะทําการ
150
สํารวจความต้องการของหน่วยงานของตนแล้วเสนอไปยงั ฝ่ ายพสั ดขุ ององค์กรเพ่ือดําเนินการจดั ซือ้
จดั จ้างตอ่ ไป
ในขัน้ ตอนก่อนการดําเนินการซือ้ หรือการจ้างประกอบไปด้วย ขัน้ ตอนในการ
รายงานขอซือ้ หรือขอจ้าง การคดั เลือกผ้มู ีคณุ สมบตั เิ บือ้ งต้นในการซือ้ หรือการจ้าง และการอนมุ ตั ิ
การดําเนินการจดั ซอื ้ จดั จ้างและแตง่ ตงั้ กรรมการ ซงึ่ มีรายละเอียดดงั นี ้
(1) การรายงานขอซอื้ หรือขอจ้าง
เมื่อองค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินได้รับหรือคาดว่าจะได้รับงบประมาณ และ
มีความจําเป็ นท่ีจะต้องจัดซือ้ หรือจ้างทําพสั ดุเพื่อมาใช้ในการดําเนินงานของตน ก่อนที่จะมีการ
ดําเนินการซือ้ หรือจ้างทุกวิธี เจ้าหน้าท่ีพัสดุจะต้องจัดทํารายงานเสนอผู้สั่งซือ้ หรือผู้สง่ั จ้างตาม
รายการที่กฎหมายได้กําหนดไว้ เชน่ เหตผุ ลและความจําเป็ นท่ีต้องซือ้ หรือจ้าง รายละเอียดของพสั ดุ
ที่จะซือ้ หรืองานท่ีจะจ้าง วงเงินที่จะซือ้ หรือจ้าง กําหนดระยะเวลาท่ีต้องการใช้พสั ดนุ นั้ หรือให้งานนนั้
แล้วเสร็จ วิธีท่ีจะซือ้ หรือจ้าง และเหตผุ ลที่ต้องซือ้ หรือจ้างโดยวิธีนนั้ หรือข้อเสนอในการขออนุมตั ิ
แต่งตงั้ คณะกรรมการต่าง ๆ ท่ีจําเป็ นในการซือ้ หรือจ้าง การออกประกาศสอบราคาหรือประกาศ
ประกวดราคา เป็ นต้น
อย่างไรก็ตาม หากเป็ นกรณีการซือ้ หรือจ้างโดยวิธีตกลงราคาในวงเงิน
ไม่เกิน 10,000 บาท และกรณีการซือ้ หรือจ้างโดยวิธีพิเศษเป็ นงานท่ีต้องกระทําโดยเร่งดว่ น หาก
ลา่ ช้าอาจจะเสียหายแก่องค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินซง่ึ ไมอ่ าจทํารายงานตามปกตไิ ด้ เจ้าหน้าท่ีพสั ดุ
หรือเจ้าหน้าท่ีผ้รู ับผิดชอบในการปฏิบตั ิราชการนนั้ สามารถทํารายงานเฉพาะรายการที่เห็นวา่ จําเป็ น
ส่วนในกรณีของการซือ้ ท่ีดินหรือสิ่งก่อสร้ างก่อนดําเนินการซือ้ ที่ดินและหรือส่ิงก่อสร้ างนอกจาก
เจ้าหน้าที่พสั ดจุ ะต้องทํารายงานดงั กลา่ วแล้ว การดําเนินการในการซือ้ ที่ดินและหรือส่ิงก่อสร้างนนั้
เจ้าหน้าท่ีต้องทําการติดต่อกับเจ้าของโดยตรง ซ่ึงเมื่อผู้สงั่ ซือ้ หรือผู้ส่ังจ้างให้ความเห็นชอบตาม
รายงานที่เสนอแล้ว เจ้าหน้าท่ีพสั ดจุ งึ จะสามารถดาํ เนินการตามวิธีการซอื ้ หรือการจ้างนนั้ ตอ่ ไปได้
สาํ หรับการกําหนดวงเงินในการซือ้ หรือการจ้างนัน้ เจ้าหน้าที่ขององค์กร
ปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความชํานาญเกี่ยวกับพสั ดทุ ี่ต้องการซือ้ หรือจ้างในครัง้ นัน้ จะประมาณ
ราคาเพื่อกําหนดราคากลางซึ่งจะประมาณราคาของพสั ดตุ ่าง ๆ ที่ต้องใช้ตามที่เกณฑ์ราคา
มาตรฐานครุภัณฑ์ของสํานักงบประมาณ หรือสํานกั งานพาณิชย์จังหวดั ได้กําหนดไว้ ซึ่งราคา
กลางที่กําหนดขึน้ จะถูกนําไปเป็ นราคาที่ใช้พิจารณาในการซือ้ หรือการจ้าง ดงั นัน้ การกําหนด
ราคากลางจึงมีความสําคญั เป็ นอย่างมากเพราะหากกําหนดน้อยจนเกินไปก็จะไม่มีผู้ร่วมเข้า
แข่งขนั ในการจัดซือ้ หรือจดั จ้าง แต่หากกําหนดไว้สงู เกินไปก็จะทําเกิดส่วนต่างจากราคาตลาด
มากซึ่งก่อให้เกิดการได้ประโยชน์จากส่วนต่างนัน้ จนมากเกินควรซึ่งก็เป็ นช่องทางในการ
แสวงหาประโยชน์อนั มิควรได้ของเจ้าหน้าที่หรือผู้บริหารในองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินได้เช่นกัน
151
อย่างไรก็ตาม หลงั จากท่ีได้มีการตราพระราชบญั ญตั ิประกอบรัฐธรรมนญู
วา่ ด้วยการป้ องกนั และปราบปรามการทจุ ริต (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2554 เพ่ือแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายฉบบั
เก่าได้มีบทบญั ญัติท่ีกําหนดให้หน่วยงานของรัฐท่ีทําการจดั ซือ้ จดั จ้างต้องดําเนินการจดั ทําข้อมลู
รายละเอียดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกบั การจดั ซือ้ จดั จ้างโดยเฉพาะในส่วนของราคากลางและการคํานวณ
ราคากลางไว้ในระบบข้อมลู ทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าตรวจดไู ด้8 จากผลของ
การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายดงั กล่าวทําให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่จะทําการจดั ซือ้ จดั จ้างซ่ึงมี
หน้าท่ีจดั ทํารายงานเสนอผู้สงั่ ซือ้ หรือผ้สู งั่ จ้าง ต้องจดั ทําข้อมลู รายละเอียดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการ
จดั ซือ้ จดั จ้างเพ่ิมขึน้ ไว้ในระบบข้อมลู ทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะในส่วนของราคากลางและการ
คาํ นวณราคากลาง เพื่อให้ประชาชนมีโอกาสในการตรวจสอบความโปร่งใสในการกําหนดราคากลาง
อีกด้วย
(2) การคัดเลือกผู้มีคุณสมบัตเิ บอื้ งต้นในการซอื้ หรือการจ้าง
ในการดําเนินการจัดซือ้ จัดจ้างนัน้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถ
คดั เลือกผู้มีคณุ สมบตั ิเบือ้ งต้นในการซือ้ หรือการจ้างได้ แต่ทงั้ นีต้ ้องเป็ นกรณีมีความจําเป็ นในการ
กําหนดคุณสมบัติอันเนื่องมาจากความต้องการความสามารถหรือคุณลักษณะเฉพาะ เช่น
ประสบการณ์การทํางาน เคร่ืองมือในการทํางาน หรือฐานะทางการเงินของผ้รู ับจ้างที่จะเข้ามาเสนอ
ราคาในการเข้าร่วมการจัดซือ้ จัดจ้าง เป็ นต้น ซ่ึงการกําหนดคุณสมบัติเบือ้ งต้นดังกล่าวจะต้อง
กําหนดหลกั เกณฑ์และวิธีการคดั เลือก รวมทงั้ ประกาศให้ผู้ท่ีสนใจทราบโดยเปิ ดเผย โดยในการ
ดําเนินการคดั เลือกผ้มู ีคณุ สมบตั ินนั้ เริ่มจากเจ้าหน้าที่พสั ดไุ ด้จดั ทํารายงานเสนอขออนมุ ตั ิหวั หน้า
ฝ่ ายบริหารขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ิน เมื่อหวั หน้าฝ่ ายบริหารขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นสง่ั
การอนุมตั ิในการซือ้ หรือการจ้างเจ้าหน้าที่พสั ดกุ ็จะจดั ทําประกาศเชิญชวนเพื่อคดั เลือกคณุ สมบตั ิ
เบือ้ งต้น โดยกําหนดสถานที่ วนั เวลารับข้อเสนอ ปิ ดการรับข้อเสนอ และเปิ ดซองข้อเสนอ พร้อมทงั้
ประกาศโฆษณาและแจ้ งลักษณะโดยย่อของพัสดุท่ีต้ องการซือ้ หรืองานที่ต้ องการจ้ างและ
กําหนดเวลาให้เพียงพอ เพื่อเปิ ดโอกาสให้แก่ผ้ทู ่ีสนใจจดั เตรียมข้อเสนอ ซ่ึงหลงั จากที่ได้มีการย่ืน
ข้อเสนอแล้วจะมีการพิจารณาคณุ สมบตั ิเบือ้ งต้นโดยคณะกรรมการพิจารณาคดั เลือกผ้มู ีคณุ สมบตั ิ
เบือ้ งต้นท่ีแตง่ ตงั้ โดยหวั หน้าฝ่ ายบริหารขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ิน คณะกรรมการชดุ ดงั กลา่ วมี
หน้าท่ีในการพิจารณาคณุ สมบตั ิเบือ้ งต้นตามหลกั เกณฑ์และภายในระยะเวลาท่ีหวั หน้าฝ่ ายบริหาร
ขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินกําหนดจากนนั้ จะมีการแจ้งให้หวั หน้าฝ่ ายบริหารขององค์กรปกครอง
ส่วนท้องถ่ินทราบเพื่อประกาศรายชื่อผู้มีคณุ สมบตั ิเบือ้ งต้นในการซือ้ หรือจ้างต่อไป ทัง้ นี ้ รายชื่อ
8 มาตรา 103/7 แห่งพระราชบญั ญัติประกอบรัฐธรรมนญู ว่าด้วยการป้ องกนั และปราบปรามการทจุ ริต
พ.ศ. 2542 (แก้ไขเพิม่ เติม พ.ศ. 2554)
152
ของผ้มู ีคณุ สมบตั ิดงั กล่าวมีการพิจารณาทบทวนบญั ชีรายชื่อผ้มู ีคณุ สมบตั ิเบือ้ งต้นในการซือ้ การ
จ้างที่ได้ประกาศไปแล้วอย่างน้อยทุกรอบ 3 ปี
การท่ีระเบียบพสั ดฯุ ได้เปิ ดโอกาสให้มีการคดั เลือกผ้มู ีคณุ สมบตั ิในการซือ้
หรือการจ้างนนั้ ในด้านหนึ่งเป็ นการช่วยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีโอกาสได้พสั ดทุ ่ีมีคณุ ภาพ
หรือได้ผ้รู ับจ้างท่ีมีฝี มือที่ดี แตใ่ นขณะเดียวกนั การคดั เลือกคณุ สมบตั ดิ งั กลา่ วก็ก่อให้เกิดช่องทางการ
ทจุ ริตท่ีเรียกว่าการ “ล็อคสเป็ ก” อนั เป็ นการกําหนดคณุ สมบตั ิบางประการของผู้เข้าร่วมในการซือ้
หรือการจ้างอนั ทําให้เกิดการกีดกันผู้เข้าร่วมในการซือ้ หรือการจ้างบางคนหรือบางกล่มุ ออกไปได้
เช่นเดียวกนั
(3) การอนุมัตกิ ารดาํ เนินการจดั ซอื้ จดั จ้างและแต่งตงั้ กรรมการ
เมื่อเจ้าหน้าที่พสั ดุได้ทํารายงานเสนอวงเงินงบประมาณของการจัดซือ้
จดั จ้างแต่ละประเภทต่อผ้บู ริหารขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว ผ้บู ริหารขององค์กรปกครอง
สว่ นท้องถ่ินจะเป็ นผ้พู จิ ารณาเพ่ือให้ความเห็นชอบ และทําการแตง่ ตงั้ คณะกรรมการเพื่อทําหน้าที่ใน
การดาํ เนินการจดั ซือ้ จดั จ้างแตล่ ะวิธี ซง่ึ ในขนั้ ตอนนีน้ อกจากหวั หน้าฝ่ ายบริหารจะมีอํานาจอนมุ ตั ิให้
มีการซือ้ หรือการจ้างในครัง้ นนั้ ๆ แล้วยงั มีอํานาจหน้าที่ในการอนุมตั ิจ่ายเงินล่วงหน้าในกรณีที่มี
ความจําเป็ นตามเงื่อนไขท่ีระเบยี บกระทรวงมหาดไทยวา่ ด้วยการพสั ดไุ ด้กําหนดไว้ด้วย
ในส่วนของการแต่งตัง้ คณะกรรมการ ผู้บริหารขององค์กรปกครองส่วน
ท้องถ่ินจะแต่งตัง้ คณะกรรมการขึน้ จากข้าราชการส่วนท้องถ่ินหรือข้าราชการอ่ืน โดยคํานึงถึง
ลกั ษณะหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้ได้รับการแต่งตงั้ เป็ นสําคญั โดยไม่นําเกณฑ์ในเร่ืองระดบั
หรือ ซี มาเป็ นเกณฑ์ในการพิจารณาแต่งตงั้ ดงั เช่นในระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพสั ดฯุ
ฉบบั เก่า คณะกรรมการในแต่ละคณะจะประกอบไปด้วย ประธานกรรมการหน่ึงคนและกรรมการ
อย่างน้อยสองคน เพื่อปฏิบตั ิการตามระเบียบนี ้ พร้ อมทัง้ กําหนดระยะเวลาในการพิจารณาของ
คณะกรรมการแล้วแต่กรณี9 ทงั้ นีใ้ นกรณีจําเป็ นหรือเพื่อประโยชน์ขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน
นนั้ ๆ อาจมีการแตง่ ตงั้ บคุ คลอ่ืนอีกสองคนร่วมเป็ นกรรมการด้วยก็ได้ โดยประเภทของคณะกรรมการ
ชดุ ท่ีมีการแตง่ ตงั้ ขนึ ้ ตามระเบยี บในการดําเนินการจดั ซอื ้ จดั จ้างประกอบไปด้วย
1) คณะกรรมการเปิ ดซองราคา
2) คณะกรรมการรับและเปิ ดซองประกวดราคา
3) คณะกรรมการพจิ ารณาผลการประกวดราคา
4) คณะกรรมการจดั ซอื ้ โดยวิธีพิเศษ
9 ระเบียบกระทรวงมหาดไทยวา่ ด้วยการพสั ดขุ องหน่วยการบริหารราชการสว่ นท้องถ่ิน พ.ศ. 2535 ข้อ
27 ถงึ ข้อ 31
153
5) คณะกรรมการจดั จ้างโดยวิธีพิเศษ
6) คณะกรรมการตรวจรับพสั ดุ
7) คณะกรรมการตรวจการจ้าง
ในการดําเนินการของคณะกรรมการ คณะกรรมการแต่ละคณะจะต้อง
รายงานผลการพิจารณาต่อหวั หน้าฝ่ ายบริหารขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นภายในระยะเวลาท่ี
กําหนด ถ้ามีเหตทุ ี่ทําให้การรายงานล่าช้าจะต้องเสนอหวั หน้าฝ่ ายบริหารขององค์กรปกครองส่วน
ท้องถิ่นเพ่ือพจิ ารณาขยายเวลาตามความจําเป็ น และในการซือ้ หรือจ้างในครัง้ เดียวกนั จะไม่สามารถ
แต่งตงั้ ผ้ทู ี่เป็ นกรรมการรับและเปิ ดซองประกวดราคาเป็ นกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคา
หรือแต่งตัง้ ผู้ที่เป็ นกรรมการเปิ ดซองสอบราคาหรือกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคาเป็ น
กรรมการตรวจรับพสั ดหุ รือกรรมการตรวจการจ้างได้
การแต่งตงั้ กรรมการชดุ ต่าง ๆ นนั้ เดิมระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วย
การพสั ดฯุ ฉบบั เก่าได้กําหนดให้หวั หน้าฝ่ ายบริหารขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินแต่งตงั้ ขึน้ จาก
เจ้าหน้าท่ีขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินโดยนําระดบั หรือ ซี ของเจ้าหน้าที่มาเป็ นคณุ สมบตั ิของ
ผ้รู ับการแตง่ ตงั้ และได้กําหนดให้การซือ้ การจ้างโดยวิธีสอบราคา ประกวดราคาและวิธีพิเศษจะต้องมี
การแตง่ ตงั้ ตวั แทนจากประชาคมเข้าร่วมเป็ นกรรมการด้วย ซงึ่ การเปิ ดโอกาสให้ประชาชนในท้องถ่ิน
ได้เข้าร่วมในการตรวจสอบการดําเนินการขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นก็เพ่ือให้การจดั ซือ้ จดั จ้างมี
ความโปร่งใสมากขึน้ ซงึ่ ในทางปฏิบตั ิแล้วประชาชนท่ีถกู แตง่ ตงั้ ให้ร่วมเป็ นคณะกรรมการชดุ ต่าง ๆ
นนั้ จะเป็ นตวั แทนของชุมชนที่มีอย่ใู นแต่ละองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินซึ่งได้มาลงชื่อของตนไว้กับ
ทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้บริหารขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะทําการเลือกจาก
บคุ คลผ้ทู ี่มาลงรายชื่อไว้ตามความเหมาะสมของการซอื ้ หรือการจ้างในครัง้ นนั้ ๆ
อย่างไรก็ตาม ในระเบียบกระทรวงมหาดไทยวา่ ด้วยการพสั ดฯุ ฉบบั ใหม่ได้
มีการปรับปรุงคณุ สมบตั ขิ องคณะกรรมการจดั ซือ้ จดั จ้าง โดยกําหนดให้การแตง่ ตงั้ คณะกรรมการชดุ
ตา่ ง ๆ นนั้ จะต้องคํานึงถึงลกั ษณะหน้าที่และความรับผิดชอบของผ้ทู ่ีได้รับแตง่ ตงั้ เป็ นสําคญั และไม่
อ้างองิ ระดบั หรือ ซี เว้นแตใ่ นกรณีจําเป็ นอาจแตง่ ตงั้ บคุ คลอ่ืนเข้าร่วมเป็ นกรรมการได้ไมเ่ กินสองคน
ซงึ่ ตา่ งจากระเบยี บฉบบั เก่าท่ีบญั ญตั ใิ ห้มีการแตง่ ตงั้ ผ้แู ทนชมุ ชนเพื่อเข้าร่วมเป็ นกรรมการไว้โดยตรง
2) ขัน้ ตอนการดาํ เนินการจัดซอื้ จดั จ้าง
หลงั จากที่เจ้าหน้าท่ีพสั ดไุ ด้ทําการเสนอรายงานแก่ผ้บู ริหารขององค์กรปกครองสว่ น
ท้องถ่ินและผ้บู ริหารให้ความเห็นชอบและทําการแตง่ ตงั้ คณะกรรมการที่เก่ียวข้องกบั การจดั ซือ้ จดั จ้างแล้ว
จากนนั้ ก็จะมีการดาํ เนินการจดั ซอื ้ จดั จ้างตามวิธีการและขนั้ ตอนตา่ ง ๆ ดงั นี ้
154
(1) ขัน้ ตอนการจัดซือ้ จดั จ้างโดยวิธีตกลงราคา10
การซือ้ หรือการจ้างโดยวิธีตกลงราคา ได้แก่ การซือ้ หรือการจ้างครัง้ หน่ึงซง่ึ
มีราคาไม่เกิน 100,000 บาท โดยมีวิธีในการดําเนินการ คือ เจ้าหน้าที่พสั ดจุ ะทําการติดต่อตกลง
ราคากบั ผ้ขู ายหรือผ้รู ับจ้างโดยตรง แล้วหวั หน้าเจ้าหน้าที่พสั ดจุ ะเป็ นผ้จู ดั ซือ้ หรือจ้างภายในวงเงินที่
ได้รับความเห็นชอบจากผ้สู งั่ ซือ้ แตห่ ากเป็ นกรณีที่จําเป็ นและเร่งดว่ นอนั ทําให้ไม่อาจดําเนินการซือ้
หรือจ้างตามปกติได้ทัน เจ้าหน้าที่พัสดุหรือเจ้าหน้าที่ผู้ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบสามารถ
ดําเนินการซือ้ หรือจ้างก่อนท่ีจะได้รับความเห็นชอบจากผ้สู งั่ ซือ้ สงั่ จ้างไปก่อนได้ แต่ต้องรีบรายงาน
ขอความเห็นชอบในภายหลงั
อย่างไรก็ตาม ในกรณีท่ีผู้สง่ั ซือ้ หรือสงั่ จ้างเห็นสมควรก็สามารถสงั่ ให้ทํา
การซือ้ หรือจ้างในวงเงินที่สงู กว่าท่ีกําหนดไว้สําหรับการจดั ซือ้ จดั จ้างโดยวิธีตกลงราคาได้ แต่จะไม่
สามารถแบง่ ซือ้ หรือแบง่ จ้างเพื่อให้อํานาจสง่ั ซือ้ สงั่ จ้างเปล่ียนไปโดยลดวงเงินท่ีจะซือ้ หรือจ้างในครัง้
เดียวกนั เพ่ือให้วงเงินตํ่ากว่าท่ีกําหนด เว้นแต่เป็ นแบ่งซือ้ แบง่ จ้างวสั ดทุ ี่ง่ายต่อการเน่าเสีย หรือโดย
สภาพไมอ่ าจดาํ เนินการซือ้ หรือจ้างในครัง้ เดยี วกนั ทงั้ จํานวนเงินก็สามารถให้มีการแบง่ ซือ้ แบง่ จ้างได้
ตามที่เห็นสมควร
อน่ึง การจดั ซือ้ จดั จ้างโดยวิธีตกลงราคาซ่ึงมีวงเงินในการซือ้ หรือการจ้าง
จํานวนน้อย จงึ มกั ใช้กบั การซอื ้ หรือการจ้างพสั ดทุ ี่มีราคาไม่สงู มากนกั เช่น ครุภณั ฑ์ เครื่องใช้ภายใน
หน่วยงาน ยา เป็ นต้น และเนื่องจากเป็ นการจดั ซือ้ จดั จ้างพสั ดใุ นราคาที่ไม่สงู นกั จึงให้อํานาจแก่
หัวหน้าเจ้าหน้าท่ีพสั ดุค่อนข้างมาก และผู้บริหารขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะเข้ามามีส่วน
เกี่ยวข้องน้อย ทําให้เจ้าหน้าที่พสั ดมุ ีอํานาจในการตดิ ตอ่ ตกลงราคากบั ผ้ขู ายหรือผ้รู ับจ้างโดยตรงซงึ่
อาจเกิดการใช้อํานาจตามอําเภอใจของผ้ทู ําหน้าที่ได้
(2) ขัน้ ตอนการจดั ซอื้ จัดจ้างโดยวิธีสอบราคา11
การซือ้ การจ้างโดยวิธีสอบราคา ได้แก่ การซือ้ หรือการจ้างครัง้ หน่ึง ซ่ึงมี
ราคาเกิน 100,000 บาท แตไ่ มเ่ กิน 2,000,000 บาท โดยมีวิธีในการดาํ เนินการดงั นี ้
ในการสอบราคาเจ้าหน้าที่พสั ดจุ ะต้องจดั ทําเอกสารสอบราคา ซงึ่ มีรายการ
ตามท่ีกฎหมายกําหนดเพื่อกําหนดรายละเอียดของการสอบราคาในครัง้ นนั้ เช่น กําหนดคณุ ลกั ษณะ
เฉพาะของพสั ดทุ ี่ต้องการซือ้ หรือ กําหนดคณุ สมบตั ขิ องผ้เู ข้าเสนอราคา วนั เวลา สถานท่ีในการเปิ ด
ซองสอบราคา เป็ นต้น จากนนั้ ก่อนวนั เปิ ดซองสอบราคาไม่น้อยกว่า 10 วนั สําหรับการสอบราคาใน
10 ระเบียบกระทรวงมหาดไทยวา่ ด้วยการพสั ดขุ องหน่วยการบริหารราชการสว่ นท้องถ่ิน พ.ศ. 2535 ข้อ 32
11 ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพสั ดขุ องหน่วยการบริหารราชการสว่ นท้องถ่ิน พ.ศ. 2535 ข้อ
34 – 36.
155
ประเทศหรือไม่น้อยกวา่ 45 วนั สําหรับการสอบราคานานาชาติ เจ้าหน้าที่พสั ดจุ ะทําการสง่ ประกาศ
เผยแพร่การสอบราคาและเอกสารสอบราคาไปยงั ผ้มู ีอาชีพขายหรือรับจ้างทํางานนนั้ โดยตรง หรือสง่
โดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนให้มากท่ีสดุ เท่าที่จะทําได้และทําการปิ ดประกาศเผยแพร่การสอบราคา
ไว้โดยเปิ ดเผย ณ ที่ทําการขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินหรือตามที่กรมสง่ เสริมการปกครองท้องถ่ิน
กําหนดไว้
อย่างไรก็ตาม ในการประกาศการสอบราคานีแ้ ม้ ระเบียบพัสดุฯได้
กําหนดให้มีการส่งประกาศเผยแพร่การสอบราคาไปยงั ผู้มีอาชีพค้าขาย และให้มีการปิ ดประกาศ
เผยแพร่ก็ตาม แต่การตรวจสอบว่าได้มีประกาศการสอบราคาในกําหนดเวลาจริงหรือไม่ และปิ ด
ประกาศในระยะเวลาที่เหมาะสมหรือไมน่ นั้ ทําได้ยาก จงึ อาจทําให้เกิดการกีดกนั ผ้สู นใจเข้าร่วมการ
สอบราคาบางรายไมใ่ ห้ทราบขา่ วการสอบราคาในครัง้ นนั้ ได้
โดยเม่ือผ้ปู ระกอบการได้รับขา่ วการสอบราคาและมีความสนใจเข้าร่วมการ
สอบราคาก็จะทําการยื่นซองเสนอราคาโดยผนึกซองจ่าหน้าถึงประธานกรรมการเปิ ดซองสอบราคา
การซือ้ การจ้าง และสง่ ถึงหน่วยบริหารราชการสว่ นท้องถิ่นก่อนวนั เปิ ดซองสอบราคา เมื่อเจ้าหน้าที่
ได้รับซองเจ้าหน้าท่ีจะทําการลงรับโดยไม่เปิ ดซองและทําการระบวุ นั เวลาที่รับซองไว้ที่ซอง ในกรณีท่ี
ผ้เู สนอราคามายื่นซองด้วยตนเองเจ้าหน้าที่จะทําการออกใบรับให้ แตห่ ากมีการย่ืนซองทางไปรษณีย์
ระเบียบกระทรวงฯกําหนดให้ถือเอาวนั เวลาท่ีองค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นนนั้ ลงรับจากไปรษณีย์เป็ น
เวลารับซองและเจ้าหน้าที่ท่ีรับซองต้องทําการส่งมอบซองให้แก่หัวหน้าเจ้าหน้าท่ีพสั ดุทนั ที โดย
หัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุจะเป็ นผู้เก็บรักษาซองเสนอราคาทุกรายโดยที่ไม่เปิ ดซองจนกระท่ังถึง
กําหนดเวลาเปิ ดซองจึงจะสง่ มอบซองเสนอราคาพร้อมกบั รายงานการรับซองตอ่ คณะกรรมการเปิ ด
ซองสอบราคา
เมื่อถึงกําหนดเปิ ดซองสอบราคา คณะกรรมการเปิ ดซองสอบราคาจะทํา
การเปิ ดซองใบเสนอราคาแล้วทําการอ่านและแจ้งราคาของผู้เสนอราคาทุกราย จากนนั้ จะมีการ
ตรวจสอบความถกู ต้องในรายละเอียดและเงื่อนไขตามหลกั เกณฑ์ที่ได้กําหนดไว้ แล้วทําการคดั เลือก
พสั ดหุ รืองานจ้างหรือผ้เู สนอราคาที่ได้ทําการเสนอราคาอย่างถกู ต้องตามหลกั เกณฑ์ และพสั ดหุ รือ
งานจ้างนนั้ มีคณุ ภาพและคณุ สมบตั ิตามที่กําหนด และเสนอให้ซือ้ หรือจ้างผ้เู สนอราคาที่คดั เลือกไว้
แล้วท่ีเสนอราคาตาํ่ สดุ แตใ่ นกรณีท่ีผ้เู สนอราคาตาํ่ สดุ ไมย่ อมเข้าทําสญั ญาหรือข้อตกลงภายในเวลา
ท่ีกําหนดคณะกรรมการจะทําการพิจารณาผ้เู สนอราคาต่ํารายถดั ไปตามลําดบั หรือในกรณีมีผ้เู สนอ
ราคาเท่ากนั หลายราย คณะกรรมการเปิ ดซองจะเรียกให้ผ้เู สนอราคาที่เสนอราคาเท่ากนั นนั้ มาเพ่ือ
ขอให้เสนอราคากนั ใหมด่ ้วยวธิ ียื่นซองเสนอราคา หากเป็ นกรณีท่ีปรากฏวา่ ราคาของผ้เู สนอราคาราย
ที่คณะกรรมการเห็นสมควรซือ้ หรือจ้างสงู กว่าวงเงินท่ีจะซือ้ หรือจ้าง คณะกรรมการจะทําการเรียกผู้
เสนอราคารายนนั้ มาต่อรองราคาเพื่อให้ได้ราคาท่ีต่ําท่ีสดุ ซง่ึ เมื่อคณะกรรมการเปิ ดซองดําเนินการ
156
พิจารณาแล้วก็จะรายงานผลการพิจารณาและความเห็นพร้ อมด้วยเอกสารที่ได้รับไว้ทงั้ หมดต่อผู้
สง่ั ซือ้ หรือผ้สู ง่ั จ้างเพ่ือสง่ั การ โดยเสนอผา่ นหวั หน้าเจ้าหน้าท่ีพสั ดแุ ละหวั หน้าฝ่ ายบริหารขององค์กร
ปกครองสว่ นท้องถิ่นนนั้
อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ผู้สงั่ ซือ้ หรือสงั่ จ้างเห็นสมควรจะสงั่ ให้ทําการซือ้
หรือจ้างในวงเงินท่ีสงู กว่าที่กําหนดก็ได้ แตไ่ ม่สามารถแบง่ ซือ้ หรือแบง่ จ้างเพื่อให้อํานาจสงั่ ซือ้ สง่ั จ้าง
เปลี่ยนไปโดยลดวงเงินที่จะซือ้ หรือจ้างในครัง้ เดียวกันเพ่ือให้วงเงินต่ํากว่าที่กําหนด เว้นแต่จะเป็ น
แบง่ ซือ้ แบง่ จ้างวสั ดทุ ่ีง่ายตอ่ การเน่าเสีย หรือโดยสภาพไม่อาจดําเนินการซือ้ หรือจ้างในครัง้ เดียวกนั
ทงั้ จํานวนเงินก็สามารถให้มีการแบง่ ซือ้ แบง่ จ้างได้ตามที่เห็นสมควรเชน่ เดยี วกบั กรณีของการสอบราคา
(3) ขัน้ ตอนการจดั ซอื้ จดั จ้างโดยวธิ ีประกวดราคา12
การซือ้ หรือการจ้างโดยวิธีประกวดราคา ได้แก่ การซือ้ หรือการจ้างครัง้ หน่ึง
ซึง่ มีราคาเกิน 2,000,000 บาท ขึน้ ไป ซ่ึงการดําเนินการในการประกวดราคาเร่ิมขึน้ หลงั จากที่ได้มี
การทํารายงานและได้รับความเห็นชอบในการซือ้ หรือการจ้างครัง้ นัน้ จากผู้สง่ั ซือ้ หรือสง่ั จ้างแล้ว
เจ้าหน้าที่พสั ดกุ ็จะดําเนินการจดั ทําเอกสารประกวดราคาตามตวั อยา่ งท่ีกระทรวงมหาดไทยกําหนด
หรือตามแบบท่ีผ่านการตรวจพิจารณาของสํานกั งานอยั การสงู สดุ แล้ว โดยในเอกสารประกวดราคา
นัน้ จะมีการกําหนดรายละเอียดในการประกวดราคา เช่น รายการพัสดุท่ีต้องการซือ้ หรืองานท่ี
ต้องการจ้าง คณุ สมบตั ขิ องผ้มู ีสทิ ธิเข้าประกวดราคา กําหนดวนั เวลา รับซอง ปิ ดรับซอง และเปิ ดซอง
ประกวดราคา เป็ นต้น
จากนนั้ ก่อนวนั รับซองประกวดราคาไมน่ ้อยกว่า 20 วนั จะมีการปิ ดประกาศ
ประกวดราคาซ่ึงการประกาศประกวดราคาจะทําโดยวิธีการท่ีหลากหลายกว่าการสอบราคา โดย
นอกจากจะมีการปิ ดประกาศ ณ ท่ีทําการของหน่วยงานแล้ ว ยังมีการส่งประกาศเผยแพร่
ประชาสมั พนั ธ์ไปยงั ส่ือต่าง ๆ และอาจทําการส่งไปยงั ผู้มีอาชีพขายหรือรับจ้างทํางานนัน้ โดยตรง
ด้วย หลงั จากท่ีมีการประกาศการประกวดราคาแล้วจะมีการให้หรือขายเอกสารประกวดราคาซง่ึ ทาง
องค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นนนั้ จะต้องเผ่ือเวลาให้ผ้สู นใจเข้าร่วมเสนอราคามีเวลาอนั สมควรในการ
คํานวณราคา โดยจะต้องเริ่มดําเนินการให้หรือขายก่อนวนั รับซองประกวดราคาไมน่ ้อยกวา่ 10 วนั
และให้มีช่วงเวลาในการให้หรือขายไมน่ ้อยกวา่ 10 วนั ด้วย หลงั จากท่ีผ้ปู ระกอบการได้ทําการซือ้ หรือ
ได้รับเอกสารประกวดราคาแล้วและมีความสนใจที่จะเข้าร่วมการประกวดราคา ผ้ปู ระกอบการก็จะ
ทําการยื่นซองประกวดราคาโดยคณะกรรมการรับและเปิ ดซองประกวดราคาจะเป็ นผ้มู ีหน้าท่ีรับซอง
12 ระเบียบกระทรวงมหาดไทยวา่ ด้วยการพสั ดขุ องหน่วยการบริหารราชการสว่ นท้องถ่ิน พ.ศ. 2535 ข้อ
37- 49.
157
และเอกสารหลกั ฐานประกอบต่าง ๆ แล้วตรวจสอบหลกั ประกันซองร่วมกับเจ้าหน้าที่การเงิน และ
เจ้าหน้าท่ีการเงินจะเป็ นผ้อู อกใบรับให้แก่ผ้ยู ่ืนซองไว้เป็ นหลกั ฐาน
ขัน้ ตอนของการขายซองประกวดราคานีม้ ีข้อสังเกตว่าในกรณีของการ
จัดทําโครงสร้ างพืน้ ฐานจะมีผู้ประกอบการท่ีสนใจมาขอซือ้ เอกสารประกวดราคาซ่ึงในปัจจุบัน
ผ้ปู ระกอบการที่ซือ้ เอกสารประกอบราคาสามารถทราบได้วา่ มีผ้ปู ระกอบการรายใดบ้างท่ีจะเข้าร่วม
ในการประกวดราคาเน่ืองจากการท่ีหนว่ ยงานราชการต้องเปิ ดเผยข้อมลู ขา่ วสารให้แกเ่ อกชนได้ทราบ
ซึ่งในแง่มุมหนึ่งก็อาจทําให้ ผ้ ูประกอบการแต่ละรายสามารถติดต่อและทําการสมยอมกันในการ
ประกวดราคาในครัง้ นนั้ ได้
ต่อมาเม่ือถึงกําหนดวนั เปิ ดซองประกวดราคา คณะกรรมการรับและเปิ ด
ซองประกวดราคาจะทําการเปิ ดซองและอา่ นแจ้งราคาพร้อมกบั บญั ชีรายการเอกสารหลกั ฐานตา่ ง ๆ
ของผู้เสนอราคาทุกรายและกรรมการทุกคนต้องลงลายมือช่ือกํากับในใบเสนอราคาและเอกสาร
ประกอบทุกแผ่น จากนัน้ ก็จะทําการส่งมอบใบเสนอราคาและเอกสารประกอบพร้ อมด้วยบนั ทึก
รายงานการดําเนินการต่อคณะกรรมการพิจารณาประกวดราคาทนั ทีในวนั เดียวกบั ที่มีการเปิ ดซอง
จากนนั้ ก็จะเข้าสขู่ นั้ ตอนการพิจารณาโดยคณะกรรมการพิจารณาประกวดราคาโดยจะทําหน้าท่ีใน
การตรวจสอบคุณสมบตั ิของผู้เสนอราคา ใบเสนอราคาและเอกสารหลกั ฐานต่าง ๆ แล้วทําการ
คดั เลือกผ้เู สนอราคาท่ีถกู ต้องตามเง่ือนไขในการประกวดราคา โดยคํานงึ ถึงคณุ ภาพและคณุ สมบตั ิที่
เป็ นประโยชน์ตอ่ องค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ิน แล้วเสนอให้ซือ้ หรือจ้างจากผ้เู สนอราคารายที่คดั เลือก
ไว้แล้วซงึ่ เสนอราคา
อยา่ งไรก็ตามหากเป็ นกรณีดงั ตอ่ ไปนี ้
• ผู้เสนอราคาตํ่าสุดไม่ยอมเข้าทําสัญญาหรือข้อตกลงภายในเวลาที่
กําหนด คณะกรรมการจะทําการพจิ ารณาผ้เู สนอราคาตา่ํ รายถดั ไปตามลาํ ดบั
• มีผ้เู สนอราคาเท่ากนั หลายราย คณะกรรมการเปิ ดซองจะเรียกให้ผ้เู สนอ
ราคาที่เสนอราคาเท่ากนั นนั้ มาเพ่ือขอให้เสนอราคากนั ใหมด่ ้วยวธิ ียื่นซองเสนอราคา
• ราคาของผ้เู สนอราคารายที่คณะกรรมการเห็นสมควรซือ้ หรือจ้างสงู กว่า
วงเงินท่ีจะซือ้ หรือจ้าง คณะกรรมการจะทําการเรียกผู้เสนอราคารายนนั้ มาต่อรองราคาเพื่อให้ได้
ราคาที่ต่าํ ที่สดุ ตามวธิ ีการเดยี วกบั การตอ่ รองในการเสนอราคา
• คณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคาได้ทําการตรวจสอบ
คุณสมบตั ิของผู้เสนอราคา ใบเสนอราคาและเอกสารหลกั ฐานต่าง ๆ และทําการคดั เลือกผู้เสนอ
ราคาที่ถกู ต้องตามเงื่อนไขในการประกวดราคาแล้วปรากฏว่ามีผ้เู สนอราคารายเดียวหรือหลายราย
แตถ่ กู ต้องตามเงื่อนไขที่กําหนดเพียงรายเดียว โดยปกตแิ ล้วคณะกรรมการจะเสนอให้ผ้สู ง่ั ซือ้ สง่ั จ้าง
158
ยกเลกิ การประกวดราคาในครัง้ นนั้ แตถ่ ้าคณะกรรมการเห็นวา่ มีเหตผุ ลสมควรท่ีจะดําเนินการตอ่ ไป
โดยไมต่ ้องยกเลกิ การประกวดราคาก็สามารถให้มีการตอ่ รองราคาตอ่ ไป
เมื่อคณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดดําเนินการตามขนั้ ตอนดงั กลา่ ว
แล้วจะรายงานผลการพิจารณาและความเห็นพร้อมด้วยเอกสารท่ีได้รับไว้ทงั้ หมดตอ่ ผ้สู ง่ั ซือ้ สงั่ จ้าง
โดยเสนอผา่ นหวั หน้าเจ้าหน้าที่พสั ดแุ ละหวั หน้าฝ่ ายบริหารขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินนนั้
อย่างไรก็ตามผู้มีอํานาจสั่งซือ้ หรือสั่งจ้ างอาจมีคําสั่งให้ ยกเลิกการ
ประกวดราคาในครัง้ นัน้ ได้ตามเกณฑ์ดังต่อไปนี ้
(1) หากไม่มีผ้เู สนอราคาหรือมีแต่ไม่ถกู ต้องตามหลกั เกณฑ์หรือเงื่อนไขท่ี
กําหนด ผ้สู งั่ ซือ้ สงั่ จ้างก็จะยกเลิกการประกวดราคาในครัง้ นนั้ เพื่อดําเนินการประกวดราคาใหม่ แต่
หากผ้สู งั่ ซือ้ สงั่ จ้างเห็นวา่ การประกวดราคาใหม่จะไม่ได้ผลดีก็สามารถสงั่ ให้มีการซือ้ หรือจ้างโดยวิธี
พเิ ศษก็ได้
(2) ภายหลงั จากท่ีมีการประกวดราคาแล้วแตย่ งั ไม่มีการทําสญั ญาหรือตก
ลงซือ้ หรือจ้างกบั ผ้เู สนอราคารายใด ถ้ามีความจําเป็ นเพ่ือประโยชน์ขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่น
เป็ นเหตใุ ห้ต้องเปล่ียนแปลงสาระสําคญั ในรายละเอียดหรือเง่ือนไขท่ีกําหนดไว้ในเอกสารประกวด
ราคา ซึง่ ทําให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างผ้เู ข้าเสนอราคาด้วยกนั ผ้สู ง่ั ซือ้ สงั่ จ้างมีอํานาจ
ยกเลกิ การประกวดราคาครัง้ นนั้ ได้
อย่างไรก็ตาม ในปัจจบุ นั การจดั ซือ้ จดั จ้างโดยวิธีประกวดราคาจะต้องทํา
โดยวิธีการประมลู ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction) ยกเว้นงานจ้างที่ปรึกษา งานจ้างออกแบบ
และควบคมุ งาน ตามประกาศกรมสง่ เสริมการปกครองท้องถิ่น เรื่อง หลกั เกณฑ์การซือ้ หรือการจ้าง
โดยการประมลู ด้วยระบบอเิ ลก็ ทรอนิกส์ การจดั หาด้วยการประมลู ระบบ e-Auction จะแตกตา่ งจาก
การสอบราคาและการประกวดราคา คอื หลงั จากท่ีทางองค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินได้เปิ ดให้มีการซือ้
ซองประกวดราคาแล้วหน้าที่ในการดําเนินการแข่งขันประกวดราคาหรือประมูลจะเป็ นของผู้
ให้บริการตลาดกลางท่ีมีการขึน้ ทะเบียนกับกรมบญั ชีกลาง โดยทําการแข่งขันกันผ่านทางระบบ
อิเล็กทรอนิกส์ตามวนั และเวลาที่กําหนดเพ่ือให้ให้ผ้ทู ่ีเสนอราคาที่น้อยที่สดุ ซงึ่ เมื่อได้ผ้ชู นะการแข่ง
แข่งขันประกวดราคาหรื อประมูลแล้ วจึงจะเข้ าสู่การดําเนินการในการเข้ าทําสัญญากับองค์กร
ปกครองสว่ นท้องถิ่นอีกครัง้ หนงึ่
159
(4) ขัน้ ตอนการจัดซอื้ จดั จ้างโดยวิธีพเิ ศษ13
การซือ้ หรือการจ้างโดยวิธีพิเศษ ได้แก่ การซือ้ หรือการจ้างครัง้ หน่ึงซึ่งมี
ราคาเกิน 100,000 บาท โดยแบง่ ออกเป็ นการซอื ้ โดยวิธีพิเศษและการจ้างโดยวิธีพิเศษ ซง่ึ การทําการ
ซือ้ หรือจ้างโดยวิธีพิเศษนี ้ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพสั ดฯุ ได้กําหนดเงื่อนไขในการซือ้
หรือการจ้างไว้อยา่ งจํากดั และกําหนดวธิ ีการซือ้ เอาไว้โดยเฉพาะซง่ึ การดําเนินการซือ้ หรือจ้างโดยวิธี
พิเศษนีจ้ ะดําเนินการโดยคณะกรรมการจดั ซือ้ โดยวิธีพิเศษ หรือคณะกรรมการจดั จ้างโดยวิธีพิเศษ
ซงึ่ แตง่ ตงั้ โดยหวั หน้าฝ่ ายบริหารขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นนนั้ อนั มีรายละเอียดดงั ตอ่ ไปนี ้
การซือ้ โดยวิธีพิเศษ จะสามารถกระทําได้เฉพาะกรณีใดกรณีหน่งึ และตาม
วิธีการท่ีกําหนดดงั นี ้
ก. กรณีเป็นพสั ดจุ ะขายทอดตลาด ต้องดําเนินการซือ้ โดยวิธีเจรจาตกลง
ราคา
ข. กรณีเป็ นพสั ดุที่ต้องการซื้อเร่งด่วน หากล่าช้าจะเสียหายแก่องค์กร
ปกครองส่วนท้องถ่ินนน้ั จะต้องมีการเชิญผู้มีอาชีพขายพสั ดนุ นั้ โดยตรงมาเสนอราคา หากเห็นว่า
ราคาที่เสนอนัน้ ยงั สูงกว่าราคาในท้องตลาดหรือราคาที่คณะกรรมการเห็นสมควรจะต้องทําการ
ตอ่ รองราคาลงเท่าท่ีจะทําได้
ค. กรณีเป็ นพสั ดุที่จําเป็ นต้องซื้อโดยตรงจากต่างประเทศ จะต้องมีการ
เสนอต่อหวั หน้าบริหารขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินเพ่ือติดต่อขอสง่ั ซือ้ โดยตรงจากต่างประเทศ
หรือสืบราคาจากต่างประเทศโดยขอความร่วมมือจากสถานเอกอคั รราชทูต หรือส่วนราชการอ่ืนใน
ต่างประเทศในการให้ความช่วยเหลือ ส่วนการซือ้ โดยผ่านองค์กรระหว่างประเทศจะต้องทําการ
ตดิ ตอ่ กบั สาํ นกั งานองค์การระหวา่ งประเทศท่ีมีอยใู่ นประเทศโดยตรง เว้นแตก่ รณีที่ไม่มีสํานกั งานใน
ประเทศจงึ จะตดิ ตอ่ กบั สาํ นกั งานในตา่ งประเทศได้
ง. กรณีเป็ นพสั ดทุ ี่โดยลกั ษณะของการใช้งานหรือมีข้อจํากดั ทาง
เทคนิคที่จําเป็ นต้องระบุยี่ห้อเป็นการเฉพาะ ต้องมีการเชิญผ้มู ีอาชีพขายพสั ดนุ นั้ โดยตรงมาเสนอ
ราคา หากเห็นวา่ ราคาที่เสนอนนั้ ยงั สงู วา่ ราคาในท้องตลาดหรือราคาท่ีคณะกรรมการเห็นสมควรก็จะ
ตอ่ รองราคาลงเท่าท่ีจะทําได้
จ. กรณีเป็ นพสั ดุที่ได้ดําเนินการซื้อโดยวิธีอื่นแล้วไม่ได้ผลดี จะต้อง
ทําการสืบราคาจากผู้มีอาชีพขายพัสดุนนั้ โดยตรง และผ้เู สนอราคาในการสอบราคาหรือประกวด
13 ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพสั ดขุ องหน่วยการบริหารราชการสว่ นท้องถ่ิน พ.ศ. 2535 ข้อ
50 – 51.
160
ราคาซึ่งถกู ยกเลิกไป (ถ้ามี) ในกรณีท่ีเห็นว่าผ้เู สนอราคารายที่เห็นสมควรซือ้ นนั้ เสนอราคาสงู กว่า
ราคาในท้องตลาดหรือราคาท่ีคณะกรรมการเห็นสมควรก็จะต้องทําการตอ่ รองลงเทา่ ที่จะทําได้
ฉ. กรณีเป็นพสั ดปุ ระเภททีด่ ินหรือสิ่งก่อสร้างซึ่งจําเป็นตอ้ งซื้อเฉพาะแห่ง
จะต้องเชิญเจ้าของท่ีดินโดยตรงมาเสนอราคา หากเห็นว่าราคาที่เสนอนนั้ ยงั สงู วา่ ราคาในท้องตลาด
หรือราคาที่คณะกรรมการเห็นสมควรก็จะต้องทําการตอ่ รองลงเท่าท่ีจะทําได้
การจ้างโดยวิธีพเิ ศษ จะสามารถกระทําได้เฉพาะกรณีใดกรณีหนง่ึ และตาม
วิธีการท่ีกําหนดดงั นี ้
ก. ในกรณีที่เป็ นงานที่ต้องจ้างช่างผู้มีฝี มือโดยเฉพาะหรื อผู้มีความ
ชํานาญเป็นพิเศษ งานจ้างซ่อมพสั ดทุ ีจ่ ําเป็นตอ้ งถอดตรวจใหท้ ราบความชํารุดเสียหายเสียก่อนจึง
ประมาณค่าซ่อมได้ หรืองานทีจ่ ะตอ้ งกระทําโดยเร่งด่วนหากล่าชา้ จะเกิดความเสียหาย ในการจ้าง
จะมีการเชิญผ้มู ีอาชีพรับจ้างทํางานนนั้ โดยตรงเพ่ือให้มาเสนอราคา ซง่ึ หากเห็นวา่ ราคาที่เสนอนนั้ สงู
กว่าราคาในท้องถิ่นหรือราคาที่ประมาณได้หรือราคาที่คณะกรรมการเห็นสมควร ก็จะมีการต่อรอง
ราคาเท่าท่ีจะสามารถตอ่ รองได้
ข. กรณีทีเ่ ป็นงานทีไ่ ดด้ ําเนินการจ้างโดยวิธีอืน่ แล้วไม่ไดผ้ ลดี ทางองค์กร
ปกครองส่วนท้องถ่ินจะทําการสืบราคาจากผ้มู ีอาชีพรับจ้างทํางานนนั้ โดยตรงและผ้เู สนอราคาหรือ
ประกวดราคาในการจดั จ้างในครัง้ ก่อน ซง่ึ หากเห็นว่าผ้เู สนอราคารายท่ีเห็นสมควรจ้างเสนอราคาสงู
กว่าราคาในท้องถ่ินหรือราคาที่ประมาณได้หรือราคาท่ีคณะกรรมการเห็นสมควร ก็จะมีการต่อรอง
ราคาเท่าที่จะสามารถตอ่ รองได้
ค. กรณีที่เป็นงานที่จําเป็ นต้องการจ้างเพิ่มในสถานการณ์ที่จําเป็น หรือ
เร่งด่วน หรือเพือ่ ประโยชน์ขององค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่ินและจําเป็นต้องจ้างเพิ่ม องค์กรปกครอง
สว่ นท้องถิ่นจะทําการเจรจากบั ผ้รู ับจ้างรายเดิมตามสญั ญาหรือข้อตกลงที่ยงั ไม่สนิ ้ สดุ ระยะเวลาการ
สง่ มอบเพื่อขอให้มีการจ้างตามรายละเอียดและราคาที่ตา่ํ กวา่ หรือราคาเดมิ
เม่ือคณะกรรมการจัดซือ้ โดยวิธีพิเศษ หรือคณะกรรมการจัดจ้างโดยวิธี
พิเศษได้ดําเนินการตามท่ีกําหนดไว้แล้ว คณะกรรมการก็จะรายงานผลการพิจารณาและความเห็น
พร้อมทงั้ เอกสารท่ีได้รับไว้ทงั้ หมดต่อผ้สู ง่ั ซือ้ หรือสงั่ จ้างเพื่อสง่ั การ โดยเสนอผ่านหวั หน้าเจ้าหน้าท่ี
พสั ดแุ ละหวั หน้าฝ่ ายบริหารขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ิน
จากท่ีได้กลา่ วมาการจดั ซือ้ จดั จ้างโดยวิธีพิเศษจะเป็ นการให้ดลุ พินิจในการซือ้ หรือ
การจ้างแก่องค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินค่อนข้างมากและมีขนั้ ตอนในการควบคมุ การดําเนินงานน้อย
ดงั นนั้ การจดั ซือ้ จดั จ้างโดยวิธีการดงั กลา่ วจึงอาจทําให้องค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินพยายามอ้างเหตุ
ท่ีจะทําให้เกิดการซือ้ หรือการจ้างโดยวิธีพเิ ศษขนึ ้ โดยไมจ่ ําเป็ นหรือไมเ่ ป็ นไปตามความจริงเพอื่ ให้การ
161
ดําเนินการจดั ซือ้ จดั จดั จ้างดําเนินไปได้อย่างรวดเร็วและตรวจสอบได้ยาก ซง่ึ อาจก่อให้เกิดโอกาสใน
การทจุ ริตขนึ ้ ได้งา่ ยตามไปด้วย
(5) ขัน้ ตอนการจดั ซือ้ จัดจ้างโดยวธิ ีกรณีพเิ ศษ14
การซือ้ หรือการจ้างโดยวิธีกรณีพิเศษ ได้แก่ การซือ้ หรือการจ้างจากส่วน
ราชการ หน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถ่ิน หน่วยงานอื่นซ่ึงมี
กฎหมายบญั ญตั ใิ ห้มีฐานะเป็ นราชการบริหารสว่ นท้องถ่ิน หรือรัฐวิสาหกิจ ในกรณีท่ี
• หน่วยงานดังกล่าวเป็ นผู้ผลิตพัสดุหรื อทํางานจ้ างนัน้ เอง และ
นายกรัฐมนตรีอนมุ ตั ใิ ห้ซือ้ หรือจ้าง
• มีกฎหมายหรือมติคณะรัฐมนตรีกําหนดให้ซือ้ หรือจ้าง และกรณีนีใ้ ห้
รวมถงึ หน่วยงานอ่ืนท่ีมีกฎหมายหรือมตคิ ณะรัฐมนตรีกําหนดด้วย
การดําเนินการซือ้ หรือจ้างโดยวิธีกรณีพิเศษนี ้ หัวหน้าฝ่ ายบริหารของ
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะทําการส่ังซือ้ หรือสั่งจ้างจากผู้ขายหรือผู้รับจ้างจากส่วนราชการ
หน่วยงานตามกฎหมาย หรือรัฐวิสาหกิจได้โดยตรง เว้นแตก่ ารซือ้ หรือการจ้างครัง้ หน่ึงมีราคาไมเ่ กิน
100,000 บาท หัวหน้าเจ้าหน้าที่พสั ดจุ ะเป็ นผู้ซือ้ หรือจ้างภายในวงเงินที่ได้รับความเห็นชอบจาก
หวั หน้าฝ่ ายบริหารขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ิน
จากท่ีได้กล่าวถึงวิธีการจดั ซือ้ จดั จ้างและขนั้ ตอนในการการดําเนินการซือ้ หรือจ้าง
ในแต่ละวิธี จะเห็นได้ว่าการซือ้ หรือการจ้างที่มีวงเงินย่ิงสงู ขนั้ ตอนในการดําเนินการก็จะย่ิงมากตาม
ไปด้วย เช่น ในกรณีของการตกลงราคาการดําเนินการซือ้ หรือจ้างจะเป็ นหน้าที่หลักของหัวหน้า
เจ้าหน้าที่พสั ดุ ในขณะที่การสอบราคาหรือการประกวดราคาจะต้องมีการตงั้ คณะกรรมการขึน้ มา
เพ่ือดําเนินการในการจัดซือ้ จดั จ้าง และต้องมีการประกาศให้มีผู้เข้าร่วมแข่งขนั ทราบข้อมูลอย่าง
แพร่หลาย ทงั้ นีก้ ็เพื่อเป็ นการป้ องกนั การทุจริตท่ีอาจเกิดขึน้ ได้จากการดําเนินการซือ้ หรือการจ้าง
ดงั กลา่ ว และเนื่องจากการที่กําหนดให้การจะจดั ซอื ้ จดั จ้างโดยวิธีใดนนั้ จะใช้วงเงินในการซือ้ หรือการ
จ้างในแตล่ ะครัง้ เป็ นเกณฑ์ในการกําหนดเป็ นสําคญั เช่น ในกรณีของการจดั ซือ้ จดั จ้างโดยวิธีตกลง
ราคา วิธีสอบราคา และวิธีประกวดราคา เป็ นต้น ส่วนการจดั ซือ้ จดั จ้างโดยวิธีพิเศษ หรือวิธีกรณี
พิเศษ นอกจากจะใช้วงเงินเป็ นเกณฑ์แล้วยงั กําหนดเหตหุ รือลกั ษณะเฉพาะในการซือ้ หรือการจ้างใน
ครัง้ นนั้ เป็ นเกณฑ์ด้วย จึงอาจเกิดช่องว่างให้องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินพยายามใช้วิธีการในการ
กําหนดวงเงินในการซือ้ หรือการจ้างให้น้อยลงอนั เป็ นการแบง่ ซอื ้ แบง่ จ้าง หรือพยายามเลย่ี งไปใช้การ
14 ระเบียบกระทรวงมหาดไทยวา่ ด้วยการพสั ดขุ องหน่วยการบริหารราชการสว่ นท้องถ่ิน พ.ศ. 2535 ข้อ 52.
162
จดั ซอื ้ จดั จ้างโดยวธิ ีพิเศษโดยอ้างเหตเุ พื่อให้เข้าเกณฑ์ที่ระเบียบกําหนดเพ่ือเล่ียงการใช้วิธีการจดั ซือ้
จดั จ้างที่มีขนั้ ตอนในการดาํ เนินการอนั เป็ นการตรวจสอบการดาํ เนินการดงั กลา่ วได้
3) ขัน้ ตอนการอนุมัตใิ ห้มีการส่ังซือ้ หรือส่ังจ้าง15
บคุ คลผ้มู ีอํานาจในการสง่ั ซือ้ หรือสง่ั จ้างในการดําเนินการขององค์กรปกครองส่วน
ท้องถ่ินแบง่ ได้เป็ น 4 กรณี คือ
(1) กรณีการสง่ั ซือ้ หรือสงั่ จ้างที่ใช้จ่ายจากเงินรายได้ตามงบประมาณของ
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้มีอํานาจในการสงั่ ซือ้ หรือสงั่ จ้างได้แก่หวั หน้าฝ่ ายบริหารขององค์กร
ปกครองสว่ นท้องถ่ินโดยสงั่ ซอื ้ หรือสงั่ จ้างไมจ่ ํากดั วงเงิน
(2) กรณีการสงั่ ซือ้ หรือสงั่ จ้างครัง้ หนึ่งนอกจากวิธีพิเศษและวิธีกรณีพิเศษ
จากเงินอดุ หนนุ เงินก้ภู ายในประเทศ หรือเงินชว่ ยเหลอื หรือเงินกู้ ทงั หมดหรือบางสว่ น ผ้มู ีอํานาจใน
การสงั่ ซือ้ หรือส่งั จ้าง คือ ผู้บริหารขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแต่มีบางกรณีต้องได้รับความ
เห็นชอบจากผ้มู ีอํานาจกํากบั ดแู ล อนั ได้แก่
ก. องค์การบริหารส่วนจังหวดั และเทศบาล ในกรณีท่ีการสง่ั ซือ้ ส่ังจ้าง
วงเงิน เกิน 300,000,000 บาท ต้องได้รับความเห็นชอบจากผ้วู า่ ราชการจงั หวดั
ข. องค์การบริหารส่วนตําบล แบง่ ออกเป็น
• กรณีท่ีการสงั่ ซือ้ สง่ั จ้างมีวงเงินเกิน 100,000,000 บาท แต่
ไมเ่ กิน200,000,000 บาท ต้องได้รับความเห็นชอบจากนายอําเภอ
• กรณีที่การสงั่ ซือ้ สงั่ จ้างมีวงเงินเกิน 200,000,000 บาท ต้อง
ได้รับความเห็นชอบผ้วู า่ ราชการจงั หวดั
(3) กรณีการส่ังซือ้ ส่ังจ้างโดยวิธีพิเศษครัง้ หน่ึง จากเงินอุดหนุน เงินกู้
ภายในประเทศหรือเงินช่วยเหลือ หรือเงินก้ทู งั้ หมดหรือบางส่วน ผ้มู ีอํานาจในการสง่ั ซือ้ หรือสงั่ จ้าง
คือ ผ้บู ริหารขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินแต่มีบางกรณีต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้มีอํานาจ
กํากบั ดแู ล อนั ได้แก่
ก. องค์การบริหารส่วนจงั หวดั และเทศบาล ในกรณีที่การสง่ั ซือ้ สง่ั จ้างโดย
วิธีพิเศษมีวงเงินเกิน 20,000,000 บาท ต้องได้รับความเห็นชอบจากผ้วู า่ ราชการจงั หวดั
15 ระเบียบกระทรวงมหาดไทยวา่ ด้วยการพสั ดขุ องหนว่ ยการบริหารราชการสว่ นท้องถิ่น พ.ศ. 2535 ข้อ
57 – 60.
163
ข. องค์การบริหารสว่ นตําบล แบง่ ออกเป็ น
• กรณีท่ีการสงั่ ซือ้ สง่ั จ้างโดยวธิ ีพิเศษมีวงเงินเกิน 10,000,000
บาท แตไ่ มเ่ กิน 20,000,000 บาท ต้องได้รับความเห็นชอบจากนายอําเภอ
• กรณีท่ีการสงั่ ซือ้ สงั่ จ้างโดยวิธีพเิ ศษมีวงเงินเกิน 20,000,000
บาท ต้องได้รับความเห็นชอบผ้วู า่ ราชการจงั หวดั
การสง่ั ซือ้ สงั่ จ้างโดยวิธีกรณีพิเศษ หวั หน้าฝ่ ายบริหารขององค์กรปกครอง
สว่ นท้องถ่ินเป็ นผ้มู ีอํานาจในการสง่ั ซอื ้ หรือสงั่ จ้างโดยไมจ่ ํากดั วงเงิน
4) ขัน้ ตอนการทาํ สัญญาซอื้ หรือจ้าง16
เม่ือมีการดําเนินการจดั ซือ้ จดั จ้างตามวธิ ีการตา่ ง ๆ จนได้ผ้เู สนองานหรือเสนอราคา
ที่เหมาะสมแล้ว องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะต้องจดั ทําสญั ญาตามที่ระเบียบกระทรวงมหาดไทย
ว่าด้วยการพสั ดฯุ โดยผู้บริหารขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือผู้สง่ั ซือ้ หรือผู้สงั่ จ้างจะเป็ นผู้มี
อํานาจในการลงนามในสญั ญาที่จดั ทําขนึ ้ ตามตวั อยา่ งท่ีกระทรวงมหาดไทยกําหนด แตห่ ากมีความ
จําเป็ นที่ทําให้ต้องกําหนดข้อความหรือรายการท่ีแตกต่างออกไปก็สามารถกําหนดให้ต่างจาก
ตวั อย่างได้ แตส่ ญั ญาท่ีทํานนั้ ต้องมีสาระสําคญั ตามที่กําหนดไว้ในตวั อย่างของสญั ญาและจะต้อง
ไม่ทําให้ทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเสียเปรียบ ซงึ่ หากผ้บู ริหารขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน
หรือผู้มีอํานาจในการสั่งจัดหาเห็นว่าสัญญานัน้ จะน่าจะทําให้ทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
เสียเปรียบหรือไมร่ ัดกมุ พอก็จะต้องทําการสง่ ร่างสญั ญานนั้ ไปให้อยั การจงั หวดั หรือสํานกั งานอยั การ
สงู สดุ เพ่ือพิจารณาก่อน และหากจําเป็ นต้องร่างสญั ญาขนึ ้ ใหมต่ ้องสง่ ร่างสญั ญานนั้ ให้อยั การสงู สดุ
พิจารณาก่อน เว้นเสียแต่ว่าผู้บริหารขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือผู้ส่ังซือ้ หรือผู้ส่ังจ้าง
เห็นสมควรทําสญั ญาตามแบบท่ีเคยผา่ นการพิจารณาของอยั การจงั หวดั หรือสํานกั งานอยั การสงู สดุ
มาแล้ว
อยา่ งไรก็ตาม ในบางกรณีการจดั หาอาจทําข้อตกลงเป็ นหนงั สือไว้ตอ่ กนั โดยให้เป็ น
ดลุ พินิจของผ้บู ริหารขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินหรือผ้มู ีอํานาจในการจดั หา ซงึ่ กรณีท่ีสามารถทํา
ข้อตกลงเป็ นหนงั สือมีดงั นี ้
(1) การซือ้ การจ้าง หรือการแลกเปลย่ี นโดยวิธีตกลงราคา
(2) การจดั หาท่ีคสู่ ญั ญาสามารถมอบพสั ดไุ ด้ครบถ้วนภายในห้าวนั ทําการ
ของทางราชการนบั ตงั้ แตว่ นั ถดั จากวนั ทําข้อตกลงเป็ นหนงั สอื
16 ระเบียบกระทรวงมหาดไทยวา่ ด้วยการพสั ดขุ องหน่วยการบริหารราชการสว่ นท้องถิ่น พ.ศ. 2535 ข้อ
125 – 133.
164
(3) การซือ้ หรือการจ้างโดยวธิ ีกรณีพเิ ศษ และการจดั หาจากสว่ นราชการ
(4) การซือ้ โดยกรณีพิเศษในเฉพาะกรณีเป็ นพสั ดทุ ่ีจะขายทอดตลาดโดย
ส่วนราชการ หน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น หน่วยงานอ่ืนซึง่ มี
กฎหมายบญั ญตั ใิ ห้มีฐานะเป็ นราชการบริหารสว่ นท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ องค์การระหวา่ งประเทศ หรือ
หน่วยงานของต่างประเทศ หรือเป็ นกรณีพสั ดทุ ่ีต้องซือ้ เร่งด่วน หากล่าช้าอาจจะเสียหายแก่หน่วย
การบริหารราชการส่วนท้องถ่ิน หรือกรณีเป็ นพัสดุที่จําเป็ นต้องซือ้ โดยตรงจากต่างประเทศ หรือ
ดาํ เนินการโดยผา่ นองค์การระหวา่ งประเทศ
(5)การจ้ างโดยวิธีพิเศษ เฉพาะกรณีเป็ นงานที่ต้ องจ้ างช่างผู้มีฝี มือ
โดยเฉพาะ หรือผ้มู ีความชํานาญเป็ นพิเศษ หรือกรณีเป็ นงานจ้างซอ่ มพสั ดทุ ่ีจําเป็ นต้องถอดตรวจให้
ทราบความชํารุดเสียหายเสียก่อนจึงจะประมาณค่าซ่อมได้ หรือกรณีท่ีเป็ นงานท่ีต้องกระทําโดย
เร่งดว่ น หากลา่ ช้าอาจจะเสยี หายแก่หน่วยการบริหารราชการสว่ นท้องถ่ิน
(6) การเช่า ซงึ่ ผ้เู ช่าไมต่ ้องเสยี เงินอื่นใดนอกจากคา่ เช่า
นอกจากนีใ้ นกรณีการจัดหาขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินซึ่งมีราคาไม่เกิน
10,000 บาท หรือในกรณีการซือ้ หรือการจ้างโดยวิธีตกลงราคาในกรณีจําเป็ นเร่งด่วนที่เกิดขึน้ โดย
ไมไ่ ด้คาดหมายไว้ก่อนและไมอ่ าจดําเนินการไปโดยปกตไิ ด้ทนั ก็อาจไมท่ ําข้อตกลงเป็ นหนงั สอื ก็ได้
ทัง้ นี ้ ในการทําสญั ญาหรือข้อตกลงเป็ นหนังสือจะต้องมีการกําหนดค่าปรับเป็ น
รายวนั ในอตั ราตายตวั ตามหลกั เกณฑ์ที่ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพสั ดฯุ ได้กําหนดไว้17
และหากสญั ญาหรือข้อตกลงนนั้ มีมลู คา่ ตงั้ แตห่ นง่ึ ล้านบาทขนึ ้ ไป ระเบยี บกระทรวงมหาดไทยวา่ ด้วย
การพสั ดฯุ ได้กําหนดให้ผ้บู ริหารขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินต้องสง่ สําเนาสญั ญาหรือข้อตกลงไป
ให้แก่สํานกั งานตรวจเงินแผน่ ดนิ หรือสํานกั งานตรวจเงินแผน่ ดนิ ภมู ภิ าค และสรรพากรจงั หวดั ภายใน
30 วนั นบั แต่วนั ทําสญั ญาหรือข้อตกลง ทงั้ นี ้เมื่อมีการทําสญั ญาหรือข้อตกลงเป็ นหนงั สือและได้ลง
นามแล้วจะแก้ไขเปลี่ยนแปลงไม่ได้ เว้นแตก่ ารแก้ไขนนั้ จะเป็ นความจําเป็ นเพื่อประโยชน์แก่องค์กร
ปกครองส่วนท้องถิ่นหรือไม่ทําให้องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินต้องเสียประโยชน์ ซงึ่ การแก้ไขจะต้อง
ดําเนินการตามท่ีระเบียบกระทรวงมหาดไทยวา่ ด้วยการพสั ดฯุ ได้กําหนดไว้18
ในกรณีท่ีมีเหตอุ นั เช่ือได้วา่ ผ้รู ับจ้างไมส่ ามารถทํางานให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา
ที่กําหนด ผู้บริหารขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินสามารถพิจารณาใช้สิทธิบอกเลิกสญั ญาหรือ
ข้อตกลงได้ โดยการตกลงกับคู่สัญญาท่ีจะบอกเลิกสญั ญาหรือข้อตกลงนัน้ ผู้บริหารขององค์กร
17 ระเบียบกระทรวงมหาดไทยวา่ ด้วยการพสั ดขุ องหนว่ ยการบริหารราชการสว่ นท้องถิ่น พ.ศ. 2535 ข้อ 127.
18 ระเบียบกระทรวงมหาดไทยวา่ ด้วยการพสั ดขุ องหน่วยการบริหารราชการสว่ นท้องถิ่น พ.ศ. 2535 ข้อ 129.
165
ปกครองสว่ นท้องถ่ินพิจารณาได้เฉพาะกรณีท่ีเป็ นประโยชน์แก่องค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่น หรือเพื่อ
แก้ไขข้อเสียเปรียบขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินในการท่ีจะปฏิบตั ิตามสญั ญาหรือข้อตกลงนัน้
ตอ่ ไปเท่านนั้ นอกจากนีห้ ากเป็ นกรณีที่คสู่ ญั ญาไม่สามารถปฏิบตั ิตามสญั ญาหรือข้อตกลงได้และ
จะต้องมีการปรับตามสญั ญาหรือข้อตกลงนนั้ หากจํานวนเงินค่าปรับเกินร้ อยละสิบของวงเงินค่า
พัสดุหรือค่าจ้าง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถพิจารณาดําเนินการบอกเลิกสัญญาหรือ
ข้อตกลงได้เว้นแตค่ สู่ ญั ญาจะได้ยินยอมเสียคา่ ปรับให้แก่องค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินโดยไมม่ ีเงื่อนไข
ใด ๆ ทงั้ สนิ ้ ซงึ่ ในกรณีของการบอกเลกิ สญั ญานนั้ ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพสั ดฯุ ได้ให้
ผ้บู ริหารขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินพจิ ารณาผอ่ นปรนการบอกเลกิ สญั ญาได้เท่าท่ีจําเป็ น
นอกจากอํานาจในการลงนามในสัญญาแล้ วผ้ ูบริ หารขององค์กรปกครองส่วน
ท้องถิ่นยงั มีอํานาจในการพิจารณางดหรือลดคา่ ปรับให้แก่คสู่ ญั ญา หรือการขยายเวลาทําการตาม
สญั ญาหรือข้อตกลงได้ เฉพาะกรณีดงั ตอ่ ไปนี ้
(1) เหตเุ กิดจากความผิดหรือความบกพร่องขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่น
(2) เหตสุ ดุ วิสยั
(3) เหตเุ กิดจากพฤตกิ ารณ์อนั หนงึ่ อนั ใดท่ีคสู่ ญั ญาไมต่ ้องรับผิดตามกฎหมาย
แต่ถ้าวงเงินในการส่ังการให้จัดหาครัง้ นัน้ เกินอํานาจของผู้บริหารขององค์กร
ปกครองสว่ นท้องถิ่นก็จะต้องเสนอผ้วู า่ ราชการจงั หวดั ให้เป็ นผ้พู ิจารณา
ในส่วนของขนั้ ตอนในการทําสญั ญาอนั เป็ นเร่ืองความสมั พนั ธ์ระหว่างบุคคลสอง
ฝ่ าย อันได้แก่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและผู้ที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็ นคู่สัญญากับองค์กร
ปกครองส่วนท้องถ่ินซ่ึงโดยมากจะเป็ นเอกชน จะเห็นได้ว่าผู้ที่มีบทบาทท่ีสําคญั ในขัน้ ตอนนีค้ ือ
ผ้บู ริหารขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ิน ดงั นนั้ ในขนั้ ตอนของการทําสญั ญานีจ้ งึ อาจเกิดการเรียก
รับผลประโยชน์จากการเข้าทําสญั ญาได้
อยา่ งไรก็ตาม ในปัจจบุ นั ได้มีการแก้ไขเพิ่มเตมิ พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรัฐธรรมนญู
วา่ ด้วยการป้ องกนั และปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. 254219 ซง่ึ ได้กําหนดมาตรการในการป้ องกนั และ
ปราบปรามการทจุ ริตไว้ในกรณีท่ีมีการทําสญั ญาระหว่างหน่วยงานของรัฐกบั บคุ คลหรือนิติบคุ คลที่
เป็ นค่สู ญั ญากบั หน่วยงานของรัฐ โดยได้มีการกําหนดหน้าท่ีให้บุคคลหรือนิติบคุ คลที่เป็ นค่สู ญั ญา
กับหน่วยงานของรัฐนัน้ มีหน้าท่ีต้องแสดงบัญชีรายการรับจ่ายของโครงการท่ีเป็ นคู่สัญญากับ
หน่วยงานของรัฐต่อกรมสรรพากร นอกเหนือจากบัญชีงบดุลปกติท่ีย่ืนประจําปี เพื่อให้มีการ
ตรวจสอบเก่ียวกบั การใช้จ่ายเงินและการคํานวณภาษีเงินได้ในโครงการท่ีเป็ นคสู่ ญั ญากบั หน่วยงาน
19 แก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบญั ญัติประกอบรัฐธรรมนญู ว่าด้วยการป้ องกนั และปราบปรามการทจุ ริต
พ.ศ. 2554.
166
ของรัฐดงั กลา่ วซง่ึ หลกั เกณฑ์ในการแสดงบญั ชีดงั กลา่ วนนั้ จะเป็ นไปตามที่คณะกรรมการป้ องกนั และ
ปราบปรามการทจุ ริตแหง่ ชาตกิ ําหนด20
5) ขัน้ ตอนการตรวจรับและตรวจสอบพัสดุ21
หลงั จากท่ีได้มีการส่งมอบพสั ดทุ ี่ได้มาการการซือ้ หรือการจ้างแล้วองค์กรปกครอง
สว่ นท้องถิ่นจะต้องมีการตรวจสอบวา่ ได้รับพสั ดหุ รือทําการจ้างตามที่ได้มีการระบไุ ว้ในสญั ญาหรือไม่
ซงึ่ หากมีการผดิ สญั ญาหรือเกิดข้อผิดพลาดขนึ ้ จะนํามาซง่ึ การเรียกคา่ ปรับที่ระบไุ ว้ตามสญั ญา
ในการตรวจรับพสั ดหุ รือตรวจการจ้างจะกระทําโดยกลมุ่ บคุ คลซงึ่ แบง่ เป็ นสามสว่ น
ด้วยกนั คือ คณะกรรมการตรวจรับพสั ดุ คณะกรรมการตรวจการจ้าง ผู้ควบคมุ งาน ซ่ึงจะต้อง
ดําเนินการตรวจพสั ดหุ รือการจ้างให้เป็ นไปตามคณุ ลกั ษณะเฉพาะแบบ รายละเอียด เง่ือนไข และ
ข้อกําหนดในสญั ญาหรือข้อตกลงทกุ ประการและจะต้องรีบดําเนินการให้เสร็จสิน้ โดยเร็ว เนื่องจาก
จะมีผลเกี่ยวเน่ืองกบั การเบิกจ่ายเงินให้แก่คสู่ ญั ญาและการปรับด้วย สําหรับในขนั้ ตอนการตรวจรับ
พสั ดมุ ีหลกั เกณฑ์ที่สําคญั ดงั นี ้
(1) การตรวจรับพัสดุ
ในการดาํ เนินการตรวจรับพสั ดจุ ะกระทําโดยคณะกรรมการตรวจรับพสั ดซุ ง่ึ
ได้รับการแตง่ ตงั้ จากผ้บู ริหารขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นที่มีการจดั ซือ้ จดั จ้างในครัง้ นนั้ โดยการ
ตรวจรับพสั ดจุ ะมีตรวจรับพสั ดุ ณ ท่ีทําการของผ้ใู ช้พสั ดนุ นั้ หรือสถานท่ีซงึ่ กําหนดไว้ในสญั ญาหรือ
ข้อตกลงการตรวจรับพสั ดุ ณ สถานท่ีอ่ืน ในกรณีที่ไม่มีสญั ญาหรือข้อตกลงจะต้องได้รับอนุมตั ิจาก
ผ้บู ริหารขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินก่อน การตรวจรับพสั ดนุ นั้ คณะกรรมการจะต้องตรวจรับพสั ดุ
ให้ถูกต้องครบถ้วนตามหลกั ฐานที่ตกลงกันไว้ สําหรับกรณีที่มีการทดลองหรือตรวจสอบในทาง
เทคนิคหรือทางวิทยาศาสตร์ อาจมีการเชิญผู้ชํานาญการหรือผู้ทรงคณุ วุฒิเก่ียวกับพสั ดนุ ัน้ มาให้
คาํ ปรึกษา หรือสง่ พสั ดนุ นั้ ไปทดลองหรือตรวจสอบ ณ สถานท่ีของผ้ชู ํานาญการหรือผ้ทู รงคณุ วฒุ ินนั้
ๆ ได้ และโดยปกติแล้วจะต้องทําการตรวจรับพสั ดใุ นวนั ท่ีผ้ขู ายหรือผ้รู ับจ้างนําพสั ดมุ าส่งและต้อง
ดําเนินการให้เสร็จสนิ ้ ไปโดยเร็วที่สดุ
เม่ือตรวจถกู ต้องครบถ้วนแล้วคณะกรรมการจะทําการรับพสั ดไุ ว้และถือว่า
ผ้ขู ายหรือผ้รู ับจ้างได้สง่ มอบพสั ดถุ กู ต้องครบถ้วนตงั้ แตว่ นั ท่ีผ้ขู ายหรือผ้รู ับจ้างนําพสั ดนุ นั้ มาสง่ แล้ว
มอบแก่เจ้าหน้าที่พสั ดพุ ร้อมกบั ทําใบตรวจรับ โดยลงชื่อไว้เป็ นหลกั ฐาน เพ่ือดําเนินการเบิกจ่ายเงิน
20 มาตรา 103/7 แห่งพระราชบญั ญัติประกอบรัฐธรรมนญู ว่าด้วยการป้ องกนั และปราบปรามการทจุ ริต
พ.ศ. 2542.
21 ระเบียบกระทรวงมหาดไทยวา่ ด้วยการพสั ดขุ องหน่วยการบริหารราชการสว่ นท้องถ่ิน พ.ศ. 2535 ข้อ
64 – 65.
167
ตามระเบียบว่าด้ วยการเบิกจ่ายเงินขององค์กรปกครองส่วนท้ องถิ่นและรายงานให้ ผ้ ูบริ หารของ
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทราบ แต่หากการตรวจรับพบว่าพสั ดทุ ่ีส่งมอบมีรายละเอียดไม่เป็ นไป
ตามข้อกําหนดในสญั ญาหรือข้อตกลง หรือส่งมอบพสั ดถุ ูกต้องแต่ไม่ครบจํานวนหรือส่งมอบครบ
จํานวน แตไ่ ม่ถกู ต้องทงั้ หมด หรือสง่ มอบไม่ถกู ต้องประการใดก็จะต้องรายงานผ้บู ริหารขององค์กร
ปกครองส่วนเพื่อทราบหรือสงั่ การแล้วแต่กรณี ทงั้ นี ้ หากกรรมการตรวจรับพสั ดบุ างคนไม่ยอมรับ
พัสดุ และกรรมการคนนัน้ ได้ทําความเห็นแย้งไว้จะต้องเสนอให้หัวหน้าฝ่ ายบริหารขององค์กร
ปกครองสว่ นท้องถิ่นเพื่อสง่ั การให้รับพสั ดนุ นั้ ไว้ได้
(2) การตรวจการจ้าง
ในการตรวจการจ้ างจะกระทําโดยคณะกรรมการตรวจการจ้ าง โดย
คณะกรรมการจะต้องทําการตรวจสอบรายงานการปฏิบตั งิ านของผ้รู ับจ้าง และเหตกุ ารณ์แวดล้อมที่
ผ้คู วบคมุ งานรายงาน โดยตรวจสอบกับรูปแบบ รายละเอียด และข้อกําหนดในสญั ญาทุกสปั ดาห์
รวมทงั้ รับทราบหรือพจิ ารณาการสงั่ หยดุ งาน หรือพกั งานของผ้คู วบคมุ งาน แล้วรายงานผ้บู ริหารของ
องค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นเพ่ือพิจารณาสงั่ การตอ่ ไป ในการดําเนินการตรวจการจ้างดงั กลา่ วหากมี
ข้อสงสยั หรือมีกรณีที่ได้พิจารณาตามหลกั วิชาการช่างแล้วมีความเห็นว่าไม่น่าจะทําการก่อสร้างก็
จะมีการออกตรวจงานจ้าง ณ สถานท่ีที่กําหนดไว้ในสญั ญาหรือท่ีตกลงให้ทํางานจ้างนัน้ ๆ โดย
คณะกรรมการให้มีอํานาจสง่ั เปล่ยี นแปลงแก้ไขเพิ่มเตมิ หรือตดั ทอนงานจ้างได้ตามท่ีเห็นสมควรและ
ตามหลกั วิชาการชา่ งเพ่ือให้เป็ นไปตามแบบรูป รายการละเอียดและข้อกําหนดในสญั ญา
ในส่วนของระยะเวลาในการตรวจผลงานนัน้ โดยปกติแล้วจะต้องมีการ
ตรวจผลงานท่ีผ้รู ับจ้างส่งมอบภายใน 3 วนั ทําการ นบั แต่วนั ที่ประธานกรรมการได้รับทราบการส่ง
มอบงาน และให้ทําการตรวจรับให้เสร็จสิน้ ไปโดยเร็วท่ีสดุ ซ่ึงเมื่อตรวจแล้วเห็นว่าเป็ นการถูกต้อง
ครบถ้วนเป็ นไปตามรูปแบบ รายละเอียดและข้อกําหนดในสญั ญา ก็จะถือว่าผ้รู ับจ้างส่งมอบงาน
ครบถ้วนตงั้ แต่วนั ท่ีผ้รู ับจ้างสง่ งานจ้างนนั้ และให้ทําใบรับรองผลการปฏิบตั ิงานทงั้ หมดหรือเฉพาะ
งวดแล้วแตก่ รณี เพื่อทําการเบกิ จ่ายเงินตามระเบียบว่าด้วยการเบกิ จ่ายเงินขององค์กรปกครองสว่ น
ท้องถ่ินและรายงานให้ผ้บู ริหารขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินทราบ แต่หากเม่ือตรวจสอบแล้วเห็น
ว่าผลงานท่ีส่งมอบทงั้ หมดหรืองวดใดก็ตามไม่เป็ นไปตามรูปแบบ รายละเอียด และข้อกําหนดใน
สญั ญาก็จะต้องรายงานผ้บู ริหารขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพ่ือทราบหรือสงั่ การแล้วแต่กรณี
ทงั้ นี ้หากกรรมการตรวจการจ้างบางคนไม่ยอมรับงาน และกรรมการคนนนั้ ได้ทําความเห็นแย้งไว้
จะต้องเสนอให้หวั หน้าฝ่ ายบริหารขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นสง่ั การเพื่อให้รับพสั ดนุ นั้ ไว้ได้
(3) การควบคุมงานก่อสร้าง
ในระหว่างการก่อสร้างตามสญั ญาท่ีองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินได้เข้าทํา
กบั เอกชนจะต้องมีการควบคมุ งานก่อสร้างให้เป็ นไปตามรายละเอียดตามสญั ญาซง่ึ การควบคมุ งาน
168
ก่อสร้างจะเป็ นหน้าท่ีของผ้คู วบคมุ งานในการตรวจและควบคมุ งาน ณ สถานที่ที่กําหนดไว้ในสญั ญา
หรือที่ตกลงให้ทํางานจ้างนนั้ ๆ ทกุ วนั เพ่ือให้งานเป็ นไปตามแบบรูปรายการละเอียดและข้อกําหนด
ไว้ในสญั ญา แล้วทําการรายงานผลการปฏิบตั ิงานของผ้รู ับจ้างไปยงั คณะกรรมตรวจการจ้าง โดยผู้
ควบคมุ งานอาจสงั่ เปล่ียนแปลงแก้ไขเพ่ิมเติมหรือตดั ทอนงานจ้างได้ตามท่ีเห็นสมควรและตามหลกั
วิชาช่างเพื่อให้เป็ นไปตามรูปแบบ รายละเอียด และข้อกําหนดในสญั ญา ถ้าผ้รู ับจ้างไม่ปฏิบตั ติ ามก็
สามารถสงั่ ให้หยดุ งานนนั้ เฉพาะสว่ นหนง่ึ สว่ นใดหรือทงั้ หมดไว้ก่อน จนว่าผ้รู ับจ้างจะยอมปฏิบตั ิให้
ถกู ต้องตามคําสง่ั ในกรณีท่ีผ้คู วบคมุ งานเห็นว่ารูปแบบ รายการละเอียดหรือข้อกําหนดในสญั ญามี
ข้อความขดั กนั หรือเป็ นที่คาดหมายได้ว่าถึงแม้ว่างานนนั้ จะได้เป็ นไปตามแบบรูป รายการละเอียด
และข้อกําหนดในสญั ญา แต่เมื่อสําเร็จแล้วจะไม่มนั่ คงแข็งแรง หรือไม่เป็ นไปตามหลกั วิชาช่างที่ดี
หรือไมป่ ลอดภยั ก็สามารถสง่ั พกั งานนนั้ ไว้ก่อนได้ โดยการสง่ั หยดุ งานหรือพกั งานดงั กลา่ วผ้คู วบคมุ
งานจะต้องรายงานคณะกรรมการตรวจการจ้างโดยเร็ว
ขนั้ ตอนของการตรวจรับและตรวจสอบพัสดุที่ได้กล่าวมาจะเห็นได้ว่าใน
กรณีของการจดั ซอื ้ จดั จ้างหรือการจดั ทําโครงสร้างพืน้ ฐาน การตรวจรับและตรวจสอบพสั ดจุ ะกระทํา
โดยกล่มุ บคุ คลซง่ึ แบง่ เป็ นสามสว่ นด้วยกนั คือคณะกรรมการตรวจรับพสั ดุ คณะกรรมการตรวจการ
จ้าง ผ้คู วบคมุ งาน ทําให้บคุ คลผ้ทู ําหน้าที่ดงั กลา่ วต้องเป็ นผ้ทู ี่มีความชํานาญเก่ียวกบั การดําเนินการ
ในเร่ืองที่มีการตรวจรับหรือตรวจสอบนนั้ เป็ นผ้พู ิจารณาว่าสิ่งท่ีได้จากการซือ้ หรือการจ้าง หรือการ
จัดทําโครงสร้ างพืน้ ฐานในครัง้ นัน้ คู่สญั ญาหรือผู้จัดหาหรือจัดทําพัสดุได้จัดหาหรือจัดทําอย่าง
ถูกต้องหรือมีคณุ ภาพตามความต้องการท่ีได้ตกลงกันไว้หรือไม่ ก่อนที่จะมีการชําระราคาหรือให้
คา่ ตอบแทนตามสญั ญาตอ่ ไป ดงั นนั้ การปฏิบตั ิหน้าท่ีของผ้ตู รวจรับ คณะกรรมการตรวจรับ หรือผู้
ควบคมุ งานจงึ สามารถให้คณุ หรือให้โทษแก่ผ้ขู าย ผ้รู ับจ้าง หรือผ้จู ดั ทําโครงสร้างพืน้ ฐานได้ ซง่ึ จาก
อํานาจหน้าที่ดงั กลา่ วก็อาจเป็ นชอ่ งทางหนงึ่ ที่ทําให้มีการให้ทรัพย์สนิ หรือประโยชน์อ่ืนใดจากผ้จู ดั หา
หรือผ้รู ับจ้าง เพ่ือให้บคุ คลดงั กลา่ วใช้อํานาจในทางมิชอบเพื่อเอือ้ ประโยชน์แก่ตนเองได้
6) ขัน้ ตอนการเบกิ จ่ายพัสดุ
การเบิกจ่ายพสั ดุถือเป็ นขนั้ ตอนสดุ ท้ายของกระบวนการในการจดั ซือ้ จดั จ้างโดย
หลงั จากที่ได้รับพสั ดทุ ี่ได้มีการซือ้ หรือการจ้างมาแล้ว หากหน่วยงานใดมีความต้องการท่ีจะใช้พสั ดุ
ดงั กลา่ วก็ต้องมีการเบิกพสั ดจุ ากหน่วยพสั ดขุ ององค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่น โดยหวั หน้าหน่วยงานท่ี
ต้องการใช้พสั ดนุ นั้ จะเป็ นผ้เู บิก และหวั หน้าหน่วยงานท่ีมีหน้าท่ีเก่ียวกับการควบคมุ พสั ดเุ ป็ นผู้สงั่
จ่ายซง่ึ ในการจ่ายพสั ดนุ นั้ ผ้จู ่ายพสั ดจุ ะต้องตรวจสอบความถกู ต้องของใบเบกิ และเอกสารประกอบ
(ถ้ามี) แล้วทําการลงบญั ชีหรือทะเบียนทกุ ครัง้ ที่มีการสงั่ จ่ายและจะต้องมีการเก็บในเบิกจ่ายไว้เป็ น
หลกั ฐานด้วย
169
นอกจากนีต้ ้องมีการตรวจสอบพสั ดปุ ระจําปี ก่อนสิน้ เดือนกันยายนของทุกปี โดย
ผ้บู ริหารขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินจะเป็ นผ้แู ต่งตงั้ เจ้าหน้าท่ีของหน่วยงานซ่ึงไม่ใช่เจ้าหน้าที่
พสั ดคุ นหนง่ึ หรือหลายคนตามความจําเป็ นเพื่อตรวจสอบการรับจ่ายพสั ดงุ วดตงั้ แตว่ นั ที่ 1 ตลุ าคมปี
ก่อน จนถึงวนั ที่ 30 กนั ยายน ปี ปัจจบุ นั และตรวจนบั พสั ดปุ ระเภทที่คงเหลืออยเู่ พียงวนั สิน้ งวดนนั้
โดยการตรวจสอบนนั้ จะเร่ิมทําดําเนินการตรวจสอบพสั ดใุ นวนั ทําการวนั แรกของเดือนตลุ าคมเป็ น
ต้นไปว่าการรับจ่ายถูกต้องหรือไม่ พัสดคุ งเหลือมีอยู่ตรงตามบญั ชีหรือทะเบียนหรือไม่ มีพัสดใุ ด
ชํารุดเสื่อมคุณภาพหรือสูญไปหรือไม่ เพราะเหตุใด หรือพสั ดุใดไม่จําเป็ นต้องใช้ในราชการต่อไป
และทําการเสนอรายงานผลการตรวจสอบดงั กล่าวต่อผ้แู ตง่ ตงั้ ภายใน 30 วนั ทําการ นบั แตว่ นั เริ่ม
ดําเนินการตรวจสอบพสั ดนุ ัน้ ซ่ึงเม่ือผู้แต่งตงั้ ได้รับรายงานจากผู้ตรวจสอบแล้วจะต้องส่งสําเนา
รายงานไปยงั สาํ นกั งานตรวจเงินแผน่ ดนิ หรือสํานกั งานตรวจเงินแผน่ ดนิ ภมู ิภาคจํานวนหนง่ึ ชดุ
เม่ือผ้บู ริหารขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นได้รับรายงานและปรากฏวา่ มีพสั ดชุ ํารุด
เสื่อมคณุ ภาพหรือสญู ไปหรือไม่จําเป็ นต้องใช้ในราชการตอ่ ไปจะต้องมีการตงั้ คณะกรรมการสอบหา
ข้อเท็จจริงขนึ ้ คณะหนง่ึ เพ่ือทําหน้าท่ีสอบสวนหาข้อเท็จจริงและถ้าผลการพิจารณาปรากฏว่าจะต้อง
หาตวั ผ้รู ับผิดชอบด้วย ผ้บู ริหารขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นก็จะต้องดําเนินการตามหลกั เกณฑ์
ของกระทรวงมหาดไทยวา่ ด้วยเรื่องความรับผิดทางแพง่ ตอ่ ไป
5.2 กฎหมายท่เี ก่ียวกับการบริหารงานบุคคลขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ
การบริหารงานบุคคลขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ได้ถูกบญั ญัติไว้ในกฎหมายหลาย
ฉบบั และมีลําดบั ชนั้ ท่ีแตกตา่ งกนั ไป โดยมีรัฐธรรมนญู เป็ นกฎหมายท่ีวางหลกั การโดยภาพรวมแล้ว
จงึ มีการบญั ญตั ิกําหนดรายละเอียดไว้ใน พระราชบญั ญตั ิ และกฎหมายลําดบั รองต่าง ๆ ที่ออกโดย
กระทรวงมหาดไทยหรื อองค์กรท่ีมีอํานาจหน้ าท่ีในการบริ หารงานบุคคลขององค์กรปกครองส่วน
ท้องถิ่นในรูปแบบตา่ ง ๆ ซงึ่ ผลจากการประกาศใช้รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. 2540 ทํา
ให้การบริหารงานบคุ คลขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นมีการเปล่ียนไปจากเดมิ โดยการวางแนวทาง
ให้ ระบบการบริ หารงานบุคคลของท้ องถิ่นที่เดิมแยกออกจากกันตามแต่ละรู ปแบบขององค์กร
ปกครองส่วนท้องถ่ินมาเชื่อมโยงกนั อยู่ภายใต้คณะกรรมการข้าราชการส่วนท้องถ่ิน (ก.ถ.) ทําให้
ข้าราชการหรือพนกั งานขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินแตล่ ะประเภทมาขนึ ้ อยกู่ บั ศนู ย์กลางเดียวกนั
คือ คณะกรรมการข้าราชการสว่ นท้องถิ่น เพื่อให้การไหลเวียนของบคุ ลากรระหว่างท้องถ่ินเป็ นไปได้
อยา่ งสะดวกมากขนึ ้ และหลกั การนีไ้ ด้ถกู นํามาใช้ตอ่ เนื่องถึงรัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พ.ศ.
2550 ซง่ึ ปรากฏอยใู่ น มาตรา 288 ท่ีวา่
170
“การแต่งตงั้ และ การให้ พนกั งาน และ ลกู จ้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินพ้นจาก
ตําแหน่งต้องเป็ นไปตามความเหมาะสมและความจําเป็ นของแตล่ ะท้องถ่ิน โดยการบริหารงานบคุ คล
ขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินต้องมีมาตรฐานสอดคล้องกนั และอาจได้รับการพฒั นาร่วมมือหรือ
สบั เปล่ยี นบคุ ลากรระหวา่ งองค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นด้วยกนั ได้ รวมทงั้ ต้องได้รับความเห็นชอบจาก
คณะกรรมการพนกั งานสว่ นท้องถ่ินซง่ึ เป็ นองค์กรกลางบริหารงานบคุ คลสว่ นท้องถ่ินก่อน ทงั้ นีต้ ามท่ี
กฎหมายบญั ญตั ิ
ในการบริหารงานบคุ คลขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นต้องมีองค์กรพิทกั ษ์ระบบคณุ ธรรม
ของข้าราชการส่วนท้องถ่ินเพื่อสร้างระบบค้มุ ครองคณุ ธรรมและจริยธรรมในการบริหารงานบุคคล
ทงั้ นีต้ ามที่กฎหมายบญั ญตั ิ
คณะกรรมการข้าราชการส่วนท้องถ่ินตามวรรคหน่ึง จะต้องประกอบด้วยผ้แู ทนของหน่วย
ราชการท่ีเกี่ยวข้อง ผ้แู ทนขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน และผ้ทู รงคณุ วฒุ ิ โดยมีจํานวนเท่ากนั
ทงั้ นีต้ ามที่กฎหมายบญั ญตั ิ
การโยกย้าย การเลื่อนตําแหน่ง การเลื่อนเงินเดือน และ การลงโทษ ข้าราชการและลกู จ้าง
ขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินให้เป็ นไปตามที่กฎหมายบญั ญตั ”ิ
สําหรับกฎหมายที่สําคญั ท่ีกําหนดเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลขององค์กรปกครองส่วน
ท้องถ่ินที่สําคญั ได้แก่
1) พระราชบัญญัตริ ะเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถ่นิ พ.ศ. 2542
หลงั จากมีการประกาศใช้รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. 2540 ทําให้มีการ
ตราพระราชบญั ญตั ิระเบียบบริหารงานบคุ คลสว่ นท้องถ่ิน พ.ศ. 2542 ขนึ ้ เพ่ือเป็ นกฎหมายหลกั ใน
การดําเนินการด้านการบริหารงานบุคคลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยใช้กับพนักงานส่วน
ท้องถ่ินทุกประเภทอนั ได้แก่ ข้าราชการองค์การบริหารส่วนจงั หวดั พนกั งานเทศบาล พนกั งานส่วน
ตําบล ข้าราชการกรุงเทพมหานคร พนกั งานเมืองพทั ยา และข้าราชการหรือพนกั งานปกครองส่วน
ท้องถ่ินอ่ืนท่ีมีกฎหมายจัดตงั้ และได้รับการบรรจุแต่งตงั้ ให้ปฏิบตั ิราชการโดยได้รับเงินเดือนจาก
งบประมาณหมวดเงินเดือนขององค์กรปกครองส่วนท้ องถ่ินหรื อจากเงินงบประมาณหมวดเงิน
อดุ หนุนของรัฐบาลที่ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ซงึ่ องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินนํามาจดั เป็ น
เงินเดือนของข้าราชการหรือพนกั งานสว่ นท้องถ่ิน22
การจดั ทําพระราชบญั ญตั ิระเบียบบริหารงานบคุ คลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 ส่งผล
ให้ระบบการบริหารงานบคุ คลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของไทยมีโครงสร้างที่เปลี่ยนแปลงไป
22 นนั ทวฒั น์ บรมนนั ท์, การปกครองท้องถิ่นตามรัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. 2540, พิมพ์ครัง้
ท่ี 4, กรุงเทพฯ : วิญญชู น, 2549, น.110.
171
โดยมีองค์กรท่ีทําหน้าท่ีในการบริหารงานบคุ คลของท้องถิ่นที่มีความเช่ือมโยงกนั มากขนึ ้ อนั ประกอบ
ไปด้วย
(1) คณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถ่นิ (ก.ถ.)
คณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบคุ คลส่วนท้องถิ่น หรือ ก.ถ. เป็ น
องค์กรที่จัดตัง้ ขึน้ เพื่อประโยชน์ในการกํากับดูแลการบริหารงานบุคคลของพนักงานในองค์กร
ปกครองสว่ นท้องถ่ินทกุ รูปแบบให้มีประสทิ ธิภาพ เพื่อประโยชน์แก่ประชาชนในท้องถิ่น และสามารถ
รองรับการกระจายอํานาจให้แก่ท้องถิ่น เพ่ือประโยชน์ของประเทศเป็ นสว่ นรวม โดยคณะกรรมการ
มาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถ่ินนีม้ ีองค์ประกอบในรูปแบบขององค์กร “ไตรภาคี”
กล่าวคือ ประกอบด้วย กรรมการโดยตําแหน่งจากราชการส่วนกลาง ผู้ทรงคณุ วุฒิ และผ้แู ทนจาก
องค์กรบริหารงานบคุ คลสว่ นท้องถ่ินในระดบั ชาติ มาร่วมกนั โดยมีอํานาจหน้าที่ท่ีสําคญั ในการกํากบั
ดูแลการบริหารงานบุคคลขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินโดยเป็ นผู้กําหนดมาตรฐานกลางและ
แนวทางในการรักษาระบบคณุ ธรรมเก่ียวกบั การบริหารงานบุคคลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ทัง้ หมด23 ซ่ึงคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถ่ินมีอํานาจเพียงกําหนด
มาตรฐานในการดําเนินการด้านการบริหารงานบคุ คล แต่ไม่มีอํานาจในการแต่งตงั้ หรือถอดถอน
พนกั งานสว่ นท้องถิ่นได้เลย
(2) องค์กรบริหารงานบุคคลส่วนท้องถ่นิ ในระดบั ชาติ
องค์กรบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่นในระดบั ชาติเป็ นองค์กรท่ีมีอํานาจ
หน้ าท่ีเก่ียวกับการบริ หารงานบุคคลขององค์กรปกครองส่วนท้ องถ่ินที่มีอยู่ท่ัวประเทศในแต่ละ
รูปแบบ อนั ได้แก่ คณะกรรมการกลางข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวดั คณะกรรมการกลาง
พนักงานเทศบาล และคณะกรรมการกลางพนกั งานส่วนตําบล โดยคณะกรรมการมีลกั ษณะเป็ น
องค์กร “ไตรภาคี” จากผู้แทนของหน่วยราชการท่ีเก่ียวข้อง ผู้ทรงคุณวุฒิและผู้แทนจากองค์กร
ปกครองส่วนท้องถ่ินในจํานวนฝ่ ายละเท่า ๆ กัน ซึ่งมีอํานาจหน้าที่ในการกําหนดมาตรฐานท่วั ไป
เก่ียวกบั ลกั ษณะต้องห้ามเบือ้ งต้น สําหรับข้าราชการ หรือพนกั งานขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน
อตั ราเงินเดอื น วธิ ีการจา่ ยเงินเดือน และผลประโยชน์ตอบแทนอ่ืน หลกั เกณฑ์เง่ือนไขในการคดั เลือก
การบรรจแุ ละแตง่ ตงั้ การย้าย การโอน การเล่ือนระดบั และการเล่ือนขนั้ เงินเดือน วินยั และการรักษา
วินยั และการดําเนินการทางวินยั การให้ออกจากราชการ สิทธิในการอทุ ธรณ์ การพิจารณาอทุ ธรณ์
และร้ องทุกข์ โครงสร้ างการแบ่งส่วนราชการ วิธีการบริหารและวิธีการปฏิบตั ิของข้าราชการของ
องค์กรบริหารส่วนจงั หวดั และกิจการเกี่ยวกบั การบริหารงานบคุ คลขององค์การบริหารส่วนจงั หวดั
ตลอดจนการให้ข้อคิดเห็นหรือให้คําปรึกษาเกี่ยวกับการปฏิบตั ิงานของคณะกรรมการในองค์กร
23 ดเู พ่ิมเติมใน พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการบคุ คลสว่ นท้องถ่ิน พ.ศ. 2542 มาตรา 33.
172
บริหารงานบุคคลขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินระดบั จงั หวดั หรือภูมิภาค รวมทงั้ การกํากบั ดแู ล
แนะนําและชีแ้ จง ส่งเสริมและพัฒนาความรู้แก่ข้าราชการหรือพนักงานในองค์กรปกครองส่วน
ท้องถิ่นระดบั จังหวดั และการปฏิบตั ิการอื่นตามท่ีพระราชบญั ญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วน
ท้องถ่ิน พ.ศ. 2542 หรือกฎหมายอ่ืนได้กําหนดไว้24 แตท่ งั้ นีม้ าตรฐานทวั่ ไปดงั กลา่ วจะต้องอยภู่ ายใต้
มาตรฐานกลางท่ี ก.ถ. กําหนด
(3) องค์กรบริหารงานบุคคลส่วนท้องถ่นิ ระดบั จงั หวัด
องค์กรบริหารงานบุคคลส่วนท้องถ่ินระดบั จงั หวดั มีการจดั โครงสร้างเป็ น
รูปแบบคณะกรรมการอันได้แก่ คณะกรรมการข้าราชการหรือพนักงานขององค์การบริหารส่วน
ท้องถิ่นตามประเภทต่าง ๆ ท่ีตงั้ อย่ใู นจงั หวดั นนั้ โดยคณะกรรมการดงั กล่าวมีลกั ษณะเป็ นองค์กร
“ไตรภาค”ี อนั ประกอบไปด้วยผ้แู ทนของหนว่ ยราชการท่ีเก่ียวข้อง ผ้ทู รงคณุ วฒุ แิ ละผ้แู ทนจากองค์กร
ปกครองส่วนท้องถ่ิน ในจํานวนฝ่ ายละเท่า ๆ กนั โดยองค์กรบริหารงานบุคคลส่วนท้องถ่ินระดบั
จังหวดั ท่ีอยู่ในขอบเขตของงานวิจัยนี ้ได้แก่ คณะกรรมการข้าราชการองค์การบริหารส่วนจงั หวดั
คณะกรรมการพนกั งานเทศบาล และคณะกรรมการพนกั งานสว่ นตาํ บล
องค์กรบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่นระดบั จังหวัดมีอํานาจหน้าท่ีในการ
กําหนดหลักเกณฑ์และดําเนินการเก่ียวกับการบริ หารงานบุคคลในองค์กรปกครองส่วนท้ องถ่ิน
ตามแต่ละประเภทในจังหวัดของตน โดยมีอํานาจหน้าที่ในการกําหนดคุณสมบัติและลักษณะ
ต้องห้ามท่ีมีความจําเป็ นเฉพาะสําหรับข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถ่ิน กําหนดจํานวนอตั รา
ตําแหน่ง อัตราเงินเดือน วิธีการจ่ายเงินเดือน และประโยชน์ตอบแทนอ่ืนสําหรับข้าราชการหรือ
พนกั งานส่วนท้องถ่ิน กําหนดหลกั เกณฑ์และเง่ือนไขในการคดั เลือก การบรรจแุ ละแต่งตงั้ การย้าย
การโอน การรับโอน การเลื่อนระดบั การเล่ือนขนั้ เงินเดือน การสอบสวน การลงโทษทางวินยั การ
ให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์ และการร้ องทุกข์ กําหนดระเบียบเกี่ยวกับการบริหารและการ
ปฏิบตั ิงานของข้าราชการหรือพนกั งานส่วนท้องถิ่น รวมทงั้ การกํากับดแู ลตรวจสอบ แนะนําชีแ้ จง
ส่งเสริมและพฒั นาความรู้แก่ข้าราชการหรือพนกั งานส่วนท้องถ่ิน ทงั้ นีโ้ ดยต้องได้รับความเห็นชอบ
จากองค์กรบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่นระดบั ชาติตามประเภทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ก่อน25 และการกําหนดหลกั เกณฑ์ดงั กล่าวจะต้องอยู่ภายใต้มาตรฐานท่ัวไปท่ีองค์กรบริหารงาน
บคุ คลสว่ นท้องถ่ินในระดบั ชาติ และ มาตรฐานกลางที่ ก.ถ. กําหนด
นอกจากพระราชบญั ญตั ิระเบียบบริหารงานบคุ คลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 จะได้
กําหนดถึงองค์กรที่ทําหน้ าท่ีในการบริ หารงานบุคคลขององค์กรปกครองส่วนท้ องถิ่นและอํานาจ
24 สมคิด เลศิ ไพฑรู ย์, อ้างแล้ว, น. 340.
25 สมคิด เลศิ ไพฑรู ย์, อ้างแล้ว, น. 341.
173
หน้าที่ในการกําหนดมาตรฐานการบริหารงานบคุ คลขององค์กรดงั กลา่ วแล้ว พระราชบญั ญตั ริ ะเบียบ
บริหารงานบคุ คลสว่ นท้องถิ่น พ.ศ. 2542 ยงั ได้กําหนดให้หวั หน้าฝ่ ายบริหารขององค์กรปกครองสว่ น
ท้องถิ่นมีอํานาจออกคาํ สง่ั เก่ียวกบั การบรรจแุ ละแตง่ ตงั้ การย้าย การโอน การรับโอน การเล่ือนระดบั
การเล่ือน ขนั้ เงินเดือน การสอบสวน การลงโทษทางวินยั การให้ออกจากราชการ การอทุ ธรณ์ และ
การร้องทกุ ข์ หรือการอ่ืนใดท่ีเกี่ยวกบั การบริหารงานบุคคล แต่ทงั้ นีก้ ารกระทําดงั กลา่ วจะต้องอยู่
ภายใต้หลกั เกณฑ์ที่คณะกรรมการบริหารงานบคุ คลสว่ นท้องถิ่นระดบั จงั หวดั ตามแตล่ ะประเภทของ
องค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นได้กําหนดไว้ด้วย นอกจากนีห้ ากเป็ นกรณีของการออกคําสงั่ แตง่ ตงั้ และ
การให้ข้าราชการหรือพนกั งานท้องถ่ินพ้นจากตําแหน่งต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ
กลางท่ีทําหน้าที่ในการบริหารงานบคุ คลสว่ นท้องถิ่นระดบั จงั หวดั ก่อน26
2) ประกาศท่อี อกโดยองค์กรบริหารงานบุคคลส่วนท้องถ่นิ ต่าง ๆ
องค์กรบริหารงานบคุ คลส่วนท้องถิ่นที่ถกู จดั ตงั้ ขนึ ้ มีอํานาจในการออกประกาศเพื่อ
กําหนดมาตรฐานและกําหนดหลกั เกณฑ์ที่นําไปใช้ในการบริหารงานบคุ คลขององค์กรปกครองสว่ น
ท้องถ่ินตา่ ง ๆ โดยแบง่ เป็ น
(1) ประกาศคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วน
ท้องถ่นิ เร่ือง กาํ หนดมาตรฐานกลางการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถ่นิ
มาตรฐานกลางฉบับนีอ้ อกโดยคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงาน
บคุ คลสว่ นท้องถิ่น (ก.ถ.) อนั เป็ นการวางกรอบแนวทางในการบริหารงานบคุ คลในภาพรวมซง่ึ ได้วาง
แนวทางเก่ียวกบั การกําหนดโครงสร้างการแบง่ สว่ นราชการ การกําหนดตําแหน่งและมาตรฐานของ
ตาํ แหนง่ โครงสร้างอตั ราเงินเดือนและประโยชน์ตอบแทนอื่น การสรรหาบคุ คล การแตง่ ตงั้ และ การ
ให้พ้นจากตําแหน่ง การเพิ่มพนู ประสทิ ธิภาพ และเสริมสร้างแรงจงู ใจในการปฏิบตั ิราชการ และการ
เล่ือนขนั้ เงินเดือน วินัย การรักษาวินยั และการดําเนินการทางวินัย การอุทธรณ์ การร้องทุกข์ การ
บริ หารงานบุคคลของพนักงานครู ส่วนท้ องถิ่นและการบริ หารงานบุคคลของลูกจ้ างขององค์กร
บริหารงานบคุ คลสว่ นท้องถิ่นในระดบั ชาติ องค์กรบริหารงานบคุ คลสว่ นท้องถิ่นระดบั จงั หวดั และของ
องค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินทงั้ หมดทกุ รูปแบบ
(2) ประกาศคณะกรรมการกลางในการกาํ หนดมาตรฐานท่วั ไปการ
บริหารงานบุคคลส่วนท้องถ่นิ
คณะกรรมการกลางขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นประเภทตา่ ง ๆ ได้มีการ
กําหนดมาตรฐานทว่ั ไปอนั เป็ นการกําหนดแนวทางในการบริหารงานบคุ คลขององค์กรปกครองสว่ น
ท้องถ่ินอีกกรอบหนึ่งรองจากมาตรฐานกลางท่ี ก.ถ. ได้กําหนดไว้ โดยแบ่งออกเป็ นมาตรฐานทว่ั ไป
26 พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการบคุ คลสว่ นท้องถิ่น พ.ศ. 2542 มาตรา 15 มาตรา 23 และมาตรา 25.
174
การบริหารงานบุคคลข้าราชการองค์การบริหารส่วนจงั หวดั มาตรฐานท่วั ไปการบริหารงานบุคคล
พนกั งานเทศบาล และมาตรฐานทว่ั ไปการบริหารงานบคุ คลพนกั งานองค์การบริหารสว่ นตําบล ซง่ึ
เป็ นการกําหนดเก่ียวกบั หลกั เกณฑ์การให้ออกจากราชการ การอทุ ธรณ์ และวินยั ของข้าราชการหรือ
พนกั งานท้องถ่ินประเภทตา่ ง ๆ โดยนอกจากมาตรฐานทว่ั ไปดงั กลา่ วแล้ว คณะกรรมการกลางของ
องค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นยงั มีการออกประกาศหลกั เกณฑ์การบริหารงานบคุ คลในเรื่องตา่ ง ๆ เพื่อ
นําใช้ในการบริหารงานบคุ คลองค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นด้วย
จากพระราชบญั ญตั ริ ะเบียบบริหารงานบคุ คลสว่ นท้องถ่ิน พ.ศ. 2542 และ
ประกาศคณะกรรมการมาตรฐานการงานบุคคลส่วนท้องถ่ินที่ได้กล่าวมาข้างต้น ทําให้ข้าราชการ
และพนักงานส่วนท้องถิ่นทุกประเภทต้องตกอย่ภู ายใต้กรอบมาตรฐานกลางตามที่คณะกรรมการ
มาตรฐานการงานบคุ คลสว่ นท้องถ่ินกําหนดไว้ ดงั ตอ่ ไปนี ้
ก. คุณสมบัตทิ ่ัวไปของข้าราชการและพนักงานท้องถน่ิ
คณุ สมบตั ิของพนกั งานส่วนท้องถิ่นได้ถกู กําหนดไว้ใน ข้อ 3 ของประกาศ
คณะกรรมการมาตรฐานการงานบคุ คลสว่ นท้องถิ่น โดยพนกั งานสว่ นท้องถ่ิน นอกจากมีคณุ สมบตั ิ
ทว่ั ไปและไม่มีลกั ษณะต้องห้ามตามมาตรฐานทว่ั ไปที่คณะกรรมการกลางข้าราชการหรือพนกั งาน
สว่ นท้องถิ่นกําหนดแล้ว ยงั ต้องมีคณุ สมบตั ทิ ว่ั ไปและไมม่ ีลกั ษณะต้องห้าม ดงั ตอ่ ไปนี ้
• มีสญั ชาตไิ ทย
• มีอายไุ มต่ า่ํ กวา่ สบิ แปดปี
• เป็ นผ้เู ล่ือมใสในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษัตริย์
ทรงเป็ นประมขุ ตามรัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทยด้วยความบริสทุ ธิ์ใจ
• ไม่เป็ นผ้ดู ํารงตําแหน่งข้าราชการการเมือง และไม่เป็ นกรรมการพรรค
การเมือง หรือเจ้าหน้าท่ีในพรรคการเมือง
อย่างไรก็ตาม คณุ สมบตั ิทว่ั ไปและลกั ษณะต้องห้ามตามมาตรฐานทวั่ ไปที่
คณะกรรมการกลางข้าราชการหรือพนกั งานส่วนท้องถิ่นกําหนดต้องเทียบได้ไม่น้อยกว่ามาตรฐาน
ของข้าราชการพลเรือน ซง่ึ มาตรา 36 แห่งพระราชบญั ญตั ริ ะเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 ได้
กําหนดไว้ว่า ผู้ท่ีจะเข้ารับราชการเป็ นข้าราชการพลเรือนต้องมีคุณสมบตั ิทั่วไปและไม่มีลกั ษณะ
ต้องห้ามดงั ตอ่ ไปนี ้คือ
• คณุ สมบตั ทิ ว่ั ไป
(1) มีสญั ชาตไิ ทย
(2) มีอายไุ มต่ ่าํ กวา่ สบิ แปดปี
175
(3) เป็ นผู้เล่ือมใสในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมี
พระมหากษัตริย์ทรงเป็ นประมขุ ด้วยความบริสทุ ธ์ิใจ
• ลกั ษณะต้องห้าม
(1) เป็ นผ้ดู าํ รงตําแหนง่ ทางการเมือง
(2) เป็ นคนไร้ ความสามารถ คนเสมือนไร้ ความสามารถ คน
วิกลจริตหรือจิตฟ่ันเฟื อนไม่สมประกอบ หรือเป็ นโรคตามที่กําหนดในกฎ ก.พ.
(3) เป็ นผู้อยู่ในระหว่างถูกสั่งพักราชการหรือถูกสั่งให้ออกจาก
ราชการไว้ก่อนตามพระราชบญั ญตั นิ ีห้ รือตามกฎหมายอื่น
(4) เป็ นผ้บู กพร่องในศีลธรรมอนั ดจี นเป็ นท่ีรังเกียจของสงั คม
(5) เป็ นกรรมการหรือผู้ดํารงตําแหน่งที่รับผิดชอบในการบริหาร
พรรคการเมืองหรือเจ้าหน้าท่ีในพรรคการเมือง
(6) เป็ นบคุ คลล้มละลาย
(7) เป็ นผู้เคยต้องรับโทษจําคุกโดยคําพิพากษาถึงที่สุดให้จําคุก
เพราะกระทําความผิดทางอาญา เว้นแต่เป็ นโทษสําหรับความผิดที่ได้กระทําโดยประมาทหรือ
ความผดิ ลหโุ ทษ
(8) เป็ นผู้เคยถูกลงโทษให้ ออก ปลดออก หรื อไล่ออกจาก
รัฐวิสาหกิจ หรือหนว่ ยงานอื่นของรัฐ
(9) เป็ นผ้เู คยถกู ลงโทษให้ออก หรือปลดออก เพราะกระทําผิดวินยั
ตามพระราชบญั ญตั นิ ีห้ รือตามกฎหมายอ่ืน
(10) เป็ นผู้เคยถูกลงโทษไล่ออก เพราะกระทําผิดวินัยตาม
พระราชบญั ญตั นิ ี ้หรือตามกฎหมายอ่ืน
(11) เป็ นผ้เู คยกระทําการทจุ ริตในการสอบเข้ารับราชการ หรือเข้า
ปฏิบตั งิ านในหนว่ ยงานของรัฐ
ผ้ทู ่ีจะเข้ารับราชการเป็ นข้าราชการพลเรือนซึ่งมีลกั ษณะต้องห้ามตาม ข.
(4) (6) (7) (8) (9) (10) หรือ (11) ก.พ. อาจพิจารณายกเว้นให้เข้ารับราชการได้ แต่ถ้าเป็ นกรณีมี
ลกั ษณะต้องห้ามตาม (8) หรือ (9) ผ้นู นั้ ต้องออกจากงานหรือออกจากราชการไปเกินสองปี แล้ว และ
ในกรณีมีลกั ษณะต้องห้ามตาม (10) ผ้นู นั้ ต้องออกจากงานหรือออกจากราชการไปเกินสามปี แล้ว
และต้องมิใช่เป็ นกรณีออกจากงานหรือออกจากราชการเพราะทจุ ริตต่อหน้าที่ มติของ ก.พ. ในการ
ยกเว้นดงั กลา่ วต้องได้คะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสี่ในห้าของจํานวนกรรมการท่ีมาประชมุ การลงมตใิ ห้
กระทําโดยลบั
176
ทงั้ นีก้ ารขอยกเว้นและการพิจารณายกเว้นในกรณีท่ีมีลกั ษณะต้องห้ามให้
เป็ นไปตามระเบียบท่ี ก.พ. กําหนดและในการพิจารณายกเว้นดงั กล่าว ก.พ. จะยกเว้นให้เป็ นการ
เฉพาะราย หรือจะประกาศยกเว้นให้เป็ นการทวั่ ไปก็ได้
ข. โครงสร้างอัตราเงนิ เดอื นและประโยชน์ตอบแทนอ่นื
คณะกรรมการบริหารงานบคุ คลส่วนท้องถ่ินได้กําหนดมาตรฐานเก่ียวกบั
โครงสร้างอตั ราเงินเดือนและประโยชน์ตอบแทนอื่นของข้าราชการและพนกั งานสว่ นท้องถิ่นไว้ใน ข้อ
6 และ ข้อ 7 ของประกาศฯ โดยกําหนดให้การจดั โครงสร้างอตั ราเงินเดือนและประโยชน์ตอบแทนอื่น
ให้คาํ นงึ ถงึ หน้าที่ความรับผดิ ชอบ คณุ ภาพปริมาณและความยากงา่ ยของงานในแตล่ ะตําแหน่ง ให้มี
สดั ส่วนที่เหมาะสมแก่รายได้และการพัฒนาท้องถ่ินตามอํานาจหน้าท่ีขององค์กรปกครองส่วน
ท้องถ่ิน อตั ราเงินเดอื น อตั ราเงินประจําตําแหน่งของพนกั งานสว่ นท้องถ่ิน ให้เป็ นไปตามกฎหมายวา่
ด้วยเงินเดอื นและเงินประจําตาํ แหนง่ ที่กําหนดไว้สาํ หรับข้าราชการพลเรือนหรือข้าราชการครู แล้วแต่
กรณีโดยอนโุ ลม
สําหรับการจดั ประโยชน์ตอบแทนอ่ืนแก่พนกั งานสว่ นท้องถ่ิน เพ่ือเป็ นการ
เสริมสร้างความมน่ั คง สร้างขวญั และแรงจูงใจให้กบั พนกั งานส่วนท้องถ่ิน องค์กรปกครองส่วน
ท้องถิ่นที่บริหารจดั การการจ่ายเงินเดือน ประโยชน์ตอบแทนอื่นและเงินคา่ จ้างได้ต่ํากวา่ ที่กําหนดใน
มาตรา 35 แห่งพระราชบญั ญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถ่ิน พ.ศ. 2542 สามารถจดั
ประโยชน์ตอบแทนอ่ืนแก่พนกั งานสว่ นท้องถ่ินเป็ นพิเศษอีกก็ได้ แตต่ ้องเป็ นไปตามมาตรฐานทว่ั ไปท่ี
คณะกรรมการกลางข้าราชการหรือพนกั งานสว่ นท้องถิ่นกําหนด
ค. การสรรหาบุคคลและการแต่งตง้ั
การสรรหาบุคคลเข้ารับราชการในองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินนัน้ ทาง
คณะกรรมการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่นได้กําหนดไว้ในประกาศฯ ข้อ 3 โดยให้ใช้วิธีการ
สอบแข่งขนั หรือการคดั เลือก โดยดําเนินการในรูปคณะกรรมการและคํานึงถึงความเป็ นธรรมและ
ความเสมอภาคในโอกาสแก่บุคคลท่ีมีสิทธิอย่างเท่าเทียมกนั เพื่อให้ได้ผ้ทู ่ีมีความรู้เหมาะสมกบั
ตําแหน่งตามวตั ถปุ ระสงค์ขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน และในการสอบแข่งขนั อย่างน้อยต้องมี
หลกั เกณฑ์และวิธีการดงั นี2้ 7
(1)หลกั สตู รการสอบแข่งขนั อย่างน้อยต้องมี 3 ภาค คือ ภาค
ความรู้ความสามารถทวั่ ไป ภาคความรู้ความสามารถที่ใช้เฉพาะตําแหน่งและภาคความเหมาะสม
กบั ตาํ แหน่ง
27 ประกาศคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบคุ คลส่วนท้องถิ่น เร่ือง การกําหนดมาตรฐานกลาง
การบริหารงานบคุ คลสว่ นท้องถิ่น ในการประชมุ ครัง้ ที่ 6/2544 เม่ือวนั ท่ี 14 มถิ นุ ายน 2544 ข้อ 9
177
(2)การกําหนดหลักสูตร วิธีการสอบแข่งขันและวิธีดําเนินการ
เก่ียวกบั การสอบแข่งขนั ตลอดจนเกณฑ์การตดั สิน การขึน้ บญั ชีผ้สู อบแข่งขนั ได้ การนํารายชื่อผู้
สอบแข่งขนั ได้ในตําแหน่งหน่ึงไปขึน้ บญั ชีเป็ นผ้สู อบแข่งขนั ได้ในตําแหน่งอ่ืนและการยกเลิกบญั ชีผู้
สอบแขง่ ขนั ได้
(3)ผ้สู มคั รสอบแข่งขนั ในตําแหน่งใด ต้องมีคณุ สมบตั ิทวั่ ไปและ
คณุ สมบตั เิ ฉพาะสําหรับตาํ แหน่งที่กําหนดไว้ในมาตรฐานของตําแหน่งนนั้
การดําเนินการสอบแข่งขนั และการประกาศผลสอบจะต้องดําเนินการเป็ น
การทวั่ ไปอยา่ งเปิ ดเผย โปร่งใส สามารถ ตรวจสอบได้ อยา่ งไรก็ตาม องค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินอาจ
ขอใช้ บัญชีผ้ ูสอบแข่งขันได้ จากองค์กรปกครองส่วนท้ องถ่ินหรื อส่วนราชการอ่ืนซ่ึงมีหลักสูตร
หลกั เกณฑ์ และมาตรฐานการสอบเทียบเท่ากบั มาตรฐานของ ก.พ. มาบรรจเุ ข้ารับราชการได้ แต่
ต้องได้รับความยินยอมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือส่วนราชการนัน้ และต้องเป็ นไปตาม
ความสมัครใจของผู้สอบแข่งขันได้ตามลําดับท่ีในบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ ซ่ึงต้องเป็ นบัญชีผู้
สอบแขง่ ขนั ในตําแหนง่ เดยี วกบั ตาํ แหนง่ ที่จะบรรจเุ ข้ารับราชการ
สว่ นการคดั เลือกจะต้องคํานึงถึงความรู้ความสามารถ และคณุ ลกั ษณะอ่ืน
ๆ ให้มีความเหมาะสมกบั ตําแหน่ง และต้องเป็ นไปตามความต้องการและความเหมาะสมของแตล่ ะ
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งการดําเนินการคัดเลือกอาจกระทําโดยการสอบสัมภาษณ์ สอบ
ข้อเขียน สอบปฏิบตั ิ หรือทดลองปฏิบตั ิงานอย่างใดอย่างหน่ึงหรือจะดําเนินการหลายอย่าง ก็ได้
ส่วนกรณีของการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุเข้ารับราชการในฐานะผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญ
ผ้ชู ํานาญการ จะเป็ นไปตามมาตรฐานทว่ั ไปที่คณะกรรมการกลางข้าราชการหรือพนกั งานส่วน
ท้องถิ่นกําหนด ทงั้ นี ้หากกรณีมีเหตพุ ิเศษที่ไมจ่ ําเป็ นต้องมีการสอบแข่งขนั ก็อาจคดั เลือกบคุ คลเพื่อ
บรรจเุ ข้ารับราชการและแตง่ ตงั้ ให้ดํารงตําแหน่งได้28
สําหรับการบรรจุแต่งตัง้ นัน้ จะต้ องคํานึงถึงความรู้ความสามารถ
คณุ สมบตั เิ ฉพาะสําหรับตําแหน่ง รวมทงั้ ต้องพิจารณาถึงคณุ ลกั ษณะความจําเป็ นอยา่ งอื่นที่ต้องใช้
ในการปฏิบตั งิ านในตําแหนง่ ตามลกั ษณะงานของแตล่ ะองค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่น การบรรจบุ คุ คล
เข้ารับราชการเป็ นพนกั งานสว่ นท้องถิ่น และการแตง่ ตงั้ ให้ดํารงตาํ แหน่งจะมีการบรรจแุ ละแตง่ ตงั้ จาก
(1) ผ้สู อบแขง่ ขนั ได้ตามลาํ ดบั ที่การขนึ ้ บญั ชี
(2) ผ้ไู ด้รับคดั เลือก
28 ประกาศคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบคุ คลส่วนท้องถิ่น เร่ือง การกําหนดมาตรฐานกลาง
การบริหารงานบคุ คลสว่ นท้องถ่ิน ในการประชมุ ครัง้ ท่ี 6/2544 เมื่อวนั ท่ี 14 มถิ นุ ายน 2544 ข้อ 10.
178
(3) กรณีอื่นตามท่ีกําหนดไว้ในกฎหมาย หรือตามมาตรฐานทวั่ ไปท่ี
คณะกรรมการกลางข้าราชการหรือพนกั งานสว่ นท้องถ่ินกําหนด29
สําหรับการย้ายพนกั งานส่วนท้องถ่ินให้ไปดํารงตําแหน่งใดจะต้องเป็ นไป
ตามคณุ สมบตั ิเฉพาะสําหรับตําแหน่งนนั้ โดยคํานึงถึงความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ เพื่อ
ประโยชน์แก่การบริหารงานขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นและการพฒั นาพนกั งานสว่ นท้องถิ่น ใน
กรณีที่มีการย้ายพนักงานส่วนท้องถิ่นเพื่อแต่งตงั้ ให้ดํารงตําแหน่งอ่ืนภายในองค์กรปกครองส่วน
ท้องถิ่นแห่งเดียวกนั จะต้องย้ายไปแตง่ ตงั้ ให้ดํารงตําแหน่งในระดบั เดียวกนั แตห่ ากเป็ นกรณีของการ
ย้ายไปแต่งตงั้ ให้ดํารงตําแหน่งในระดบั ท่ีตํ่ากว่าเดิมจะต้องเป็ นไปตามความสมคั รใจของพนกั งาน
ส่วนท้องถ่ินผ้นู นั้ และเป็ นไปตามมาตรฐานทว่ั ไปที่คณะกรรมการกลางข้าราชการหรือพนกั งานส่วน
ท้องถ่ินกําหนด
ในส่วนของการโอน การรับโอน พนักงานส่วนท้องถิ่นไปปฏิบตั ิหน้าที่ใน
ระหว่างองค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นด้วยกนั จะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการข้าราชการ
หรือพนกั งานสว่ นท้องถิ่น ส่วนการรับโอนข้าราชการตามกฎหมายอ่ืน ซง่ึ ไม่ใช่ข้าราชการการเมือง
หรือข้าราชการวิสามญั มาบรรจเุ ป็ นพนกั งานสว่ นท้องถ่ินก็สามารถทําได้เชน่ กนั ถ้าผ้นู นั้ สมคั รใจ โดย
ผ้บู ริหารท้องถิ่นหรือผ้มู ีอํานาจตามกฎหมายที่จะรับโอนจะทําความตกลงกบั ผ้มู ีอํานาจสง่ั บรรจขุ อง
สว่ นราชการหรือหน่วยงานสงั กดั เดิม แล้วเสนอเร่ืองให้คณะกรรมการข้าราชการหรือพนกั งานส่วน
ท้องถ่ินพิจารณาให้ความเห็นชอบ การรับโอน จะต้องรับโอนมาแตง่ ตงั้ ให้ดํารงตําแหน่งในระดบั ท่ีไม่
สงู กวา่ เดมิ และรับเงินเดือนในขนั้ ท่ีไมส่ งู กวา่ เดมิ
ง. ระบบวนิ ัยของข้าราชการและพนักงานท้องถนิ่
คณะกรรมการมาตรฐานการบริ หารงานบุคคลส่วนท้ องถ่ินได้ กํ าหนด
มาตรฐานกลางในเรื่องของวินยั และการรักษาวินยั ของข้าราชการหรือพนกั งานท้องถ่ินไว้โดยให้มี
มาตรฐานเดยี วกบั ที่บญั ญตั ไิ ว้ในกฎหมายวา่ ด้วยระเบยี บข้าราชการพลเรือน30
ในกรณีที่พนกั งานส่วนท้องถ่ินถูกกล่าวหาว่ากระทําผิดวินัยจะต้องมีการ
สอบสวนเพื่อให้ได้ความจริงและยตุ ิธรรมโดยสามารถสง่ั ให้ผ้ถู กู กล่าวหาพกั ราชการหรือให้ออกจาก
ราชการไว้ก่อนเพื่อรอฟังผลการสอบสวนพิจารณาก็ได้ โดยในการดําเนินการสอบสวนดงั กล่าว
จะต้องมีการแจ้งข้อกล่าวหาและสรุปพยานหลกั ฐานที่สนบั สนุนข้อกล่าวหาให้ผู้ถกู กล่าวหาทราบ
เพ่ือให้ผ้ถู กู กล่าวหามีโอกาสชีแ้ จงและนําสืบแก้ข้อกลา่ วหา และต้องให้สทิ ธิผ้ถู กู กล่าวหาท่ีปรึกษา
29 ประกาศคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบคุ คลส่วนท้องถิ่น เรื่อง การกําหนดมาตรฐานกลาง
การบริหารงานบคุ คลสว่ นท้องถิ่น ในการประชมุ ครัง้ ที่ 6/2544 เมื่อวนั ท่ี 14 มถิ นุ ายน 2544 ข้อ 11.
30 ดเู พ่มิ เตมิ ในพระราชบญั ญตั ริ ะเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 หมวด 6.
179
หรือทนายความเข้าฟังการชีแ้ จงหรือให้ปากคําของตน และเมื่อผ้บู งั คบั บญั ชาได้ดําเนินการทางวินยั
หรือสง่ั ให้พนกั งานสว่ นท้องถ่ินออกจากราชการไปแล้ว จะต้องมีการรายงานการดําเนินการทางวินยั
หรือการสง่ั ให้ออกจากราชการดงั กลา่ วต่อผ้บู งั คบั บญั ชาตามลําดบั ชนั้ เพ่ือพิจารณาหรือตรวจสอบ
ตามอํานาจหน้าที่ท่ีกําหนดในกฎหมายวา่ ด้วยระเบยี บบริหารงานบคุ คลสว่ นท้องถ่ิน
นอกจากนีค้ ณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลยงั ได้กําหนดให้
พนกั งานท้องถ่ินที่ถกู สงั่ ลงโทษทางวินยั หรือถกู สง่ั ให้ออกจากราชการ มีสิทธิในการอทุ ธรณ์หรือร้อง
ทกุ ข์ได้ โดยกําหนดหลกั เกณฑ์ วิธีการ และการพิจารณาเป็ นไปตามมาตรฐานทว่ั ไปที่คณะกรรมการ
ข้าราชการหรือพนกั งานสว่ นท้องถิ่นกําหนด31
เม่ือพิจารณาจากระบบการบริหารงานบุคคลขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินท่ีได้
กล่าวมาข้างต้นสามารถสรุปได้ว่าหลกั ในการบริหารงานบุคคลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ประกอบไปด้วยหลกั การสําคญั 3 ประการ คือ หลกั ความสมคั รใจ หลกั ความยินยอม และหลกั การ
ให้ความเห็นชอบ โดยการบรรจุ แตง่ ตงั้ โอนหรือย้ายบคุ ลากรของท้องถิ่น บคุ ลากรของท้องถ่ินท่ีได้รับ
คําสงั่ จะต้องมีความสมคั รใจในการบรรจุ แต่งตงั้ โอนย้ายในครัง้ นนั้ และจะต้องได้รับความยินยอม
จากผ้บู ริหารขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินที่เกี่ยวข้อง นอกจากผ้ทู ี่จะเข้ามาทํางานมีความสมคั รใจ
และผ้บู ริหารยินยอมแล้ว ความสมคั รใจและความยินยอมดงั กล่าวยงั ต้องได้รับความเห็นชอบจาก
คณะกรรมการกลางท่ีทําหน้าที่ในการบริหารงานบคุ คลสว่ นท้องถ่ินระดบั จงั หวดั ด้วย ซงึ่ การให้ความ
เห็นชอบของคณะกรรมการกลางหมายความรวมถึงกรณีที่มีการลงโทษทางวินัยแก่บุคลากรของ
ท้องถิ่น และการให้ความเห็นชอบดังกล่าวนับว่ามีส่วนสําคัญในการตรวจสอบการใช้อาจของ
ผ้บู ริหารขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นได้อีกทางหนง่ึ
อย่างไรก็ตามในทางปฏิบตั ิผ้บู ริหารขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็ นผ้มู ีบทบาท
ที่สําคญั ในการบริหารงานบคุ คลขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินของตน เพราะผ้บู ริหารขององค์กร
ปกครองสว่ นท้องถ่ินมีอํานาจในการออกคาํ สงั่ เก่ียวกบั การบรรจแุ ละแตง่ ตงั้ การย้าย การโอน การรับ
โอน การเล่ือนระดับ การเลื่อน ขัน้ เงินเดือน การสอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ออกจาก
ราชการ การอทุ ธรณ์ และการร้องทกุ ข์ ซง่ึ เป็ นอํานาจในการออกคําสงั่ ท่ีเป็ นการให้คณุ หรือให้โทษแก่
บคุ คล ดงั นนั้ ผ้บู ริหารขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินจึงมีโอกาสที่จะใช้อํานาจของตนในส่วนนีไ้ ป
ในทางที่ไม่ชอบเพื่อหาประโยชน์แก่ตนเอง หรืออาจใช้อํานาจดงั กล่าวเป็ นเคร่ืองมือในการบีบให้
ข้าราชการ หรือพนกั งานในองค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินของตนกระทําหรือไมก่ ระทําการใดอนั เป็ นการ
ให้ประโยชน์แก่ผ้บู ริหารท้องถิ่นได้
31 พระราชบญั ญตั ิระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 หมวด 8 และ หมวด 9.
180
5.3 การใช้อาํ นาจตามกฎหมายในการออกใบอนุญาตขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ
องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินเป็ นองค์กรฝ่ ายปกครองและเป็ นผู้ใช้อํานาจปกครองในการ
ดําเนินการตามอํานาจหน้าที่ของตน ดงั นนั้ การดําเนินการต่าง ๆ จะต้องมีกฎหมายให้อํานาจแก่
องค์กรหรือเจ้าหน้าท่ี และองค์กรหรือเจ้าหน้าท่ีนัน้ จะต้องดําเนินการตามอํานาจหน้าท่ีภายใต้
ขอบเขตของกฎหมายเพ่ือค้มุ ครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน ซึ่งกฎหมายอนั เป็ นท่ีมาของการใช้
อํานาจขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนัน้ มีทัง้ กฎหมายในลําดบั พระราชบัญญัติ และกฎหมาย
ลําดับรอง เช่น ระเบียบกระทรวง ประกาศกระทรวง และข้อบัญญัติท้องถิ่น เป็ นต้น สําหรับใน
กฎหมายลําดบั พระราชบญั ญตั ิท่ีให้อํานาจแก่องค์กรหรือเจ้าหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน
นนั้ มีทงั้ กฎหมายท่ีบญั ญัติให้ท้องถิ่นมีอํานาจหน้าที่นนั้ โดยตรง เช่น ตามพระราชบญั ญัติท่ีจดั ตงั้
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบต่าง ๆ และตามพระราชบญั ญัติกําหนดแผนและขัน้ ตอนการ
กระจายอํานาจให้แก่องค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ิน พ.ศ. 2542 ซงึ่ สว่ นใหญ่มกั จะเป็ นการให้บริการ
สาธารณะแก่ประชาชน นอกจากนีแ้ ล้วองค์กรหรือเจ้าหน้าที่ขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นยงั ได้รับ
อํานาจตามกฎหมายท่ีราชการสว่ นกลางมอบหมายให้ดําเนินการแทนด้วย เช่น ตามพระราชบญั ญตั ิ
ควบคมุ อาคาร พ.ศ. 2522 หรือ พระราชบญั ญตั กิ ารสาธารณสขุ พ.ศ. 2535 เป็ นต้น จากกฎหมาย
ดงั กล่าวทําให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถอาศยั อํานาจจากพระราชบญั ญัติต่าง ๆ ออก
ข้อบญั ญัติท้องถิ่น หรือ เทศบญั ญัติ อนั มีลกั ษณะเป็ นกฎ เพ่ือนํามาใช้ในเขตพืน้ ท่ีของตน รวมถึง
สามารถออกคําสง่ั ทางปกครองไปกระทบสทิ ธิของประชาชนในเขตพืน้ ท่ีของตนได้ด้วย
สําหรับในบรรดาการใช้ อํานาจตามกฎหมายในการออกกฎหรื อคําส่ังทางปกครองของ
องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินนนั้ การใช้อํานาจตามกฎหมายที่เอือ้ ต่อการเกิดการทจุ ริตในการองค์กร
ปกครองส่วนท้องถิ่นท่ีมกั จะพบได้บอ่ ยก็คือ การใช้อํานาจในการออกคําสง่ั ทางปกครอง ในรูปแบบ
ของการออกคาํ สง่ั อนญุ าต ไมอ่ นญุ าต หรือเพิกถอนคาํ สง่ั อนญุ าตให้เอกชนกระทําการใด ๆ ซง่ึ ในท่ีนี ้
จะขอเรียกการอนญุ าต การไมอ่ นญุ าต และการเพิกถอนดงั กลา่ วรวมกนั วา่ การใช้อํานาจในการออก
ใบอนญุ าตขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่น ซงึ่ กฎหมายท่ีให้อํานาจในการออกใบอนญุ าตแก่องค์กร
ปกครองสว่ นท้องถิ่นนนั้ มีอยหู่ ลายฉบบั ด้วยกนั โดยองค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นแตล่ ะประเภท แตล่ ะ
พืน้ ท่ีจะมีโอกาสใช้อํานาจตามกฎหมายแต่ละฉบบั ท่ีแตกต่างกันไปขึน้ อยู่กับลกั ษณะของพืน้ ที่ท่ี
องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินนัน้ ตงั้ อยู่ โดยกฎหมายท่ีเกี่ยวข้องกับการออกใบอนุญาตขององค์กร
ปกครองสว่ นท้องถิ่นมีดงั ตอ่ ไปนี ้
181
1) พระราชบัญญัตคิ วบคุมอาคาร พ.ศ. 2522
พระราชบญั ญตั ิควบคมุ อาคาร พ.ศ. 2522 ให้อํานาจแก่องค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นในการ
ออกใบอนญุ าตในการก่อสร้าง ดดั แปลง เคลอื่ นย้ายอาคาร รือ้ ถอน ใช้หรือเปลยี่ นแปลงการใช้อาคาร
เป็ นการชัว่ คราว และในกรณีที่มีการก่อสร้ าง ดดั แปลง รือ้ ถอน หรือเคล่ือนย้ายอาคารโดยฝ่ าฝื น
บทบญั ญตั ิ องค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินก็มีอํานาจในการออกคําสงั่ ให้ระงบั การกระทํา สงั่ ห้ามไม่ให้
บุคคลใช้หรือเข้าไปใช้อาคาร สง่ั ให้ดําเนินการแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือรือ้ ถอนอาคารทัง้ หมดหรือ
บางสว่ นได้หากเจ้าของอาคารไม่แก้ไข และสงั่ ให้แก้ไขเปล่ียนแปลงพืน้ ที่หรือสิ่งก่อสร้างให้กลบั คืนสู่
สภาพเดมิ ได้
สําหรับอํานาจในการออกใบอนญุ าตตามพระราชบญั ญตั ิควบคมุ อาคาร พ.ศ. 2522 ของ
องค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นท่ีสําคญั มีดงั นี ้
(1) อํานาจในการออกใบอนญุ าตเพ่ือก่อสร้าง ดดั แปลง หรือเคลอื่ นย้ายอาคาร32
(2) อํานาจในการออกใบอนญุ าตเพื่อรือ้ ถอนอาคารดงั ตอ่ ไปนี3้ 3
(2.1) อาคารท่ีมีส่วนสูงเกินสิบห้าเมตรซ่ึงอยู่ห่างจากอาคารอื่นหรือที่
สาธารณะน้อยกวา่ ความสงู ของอาคาร
(2.2) อาคารท่ีอยหู่ า่ งจากอาคารอ่ืนหรือท่ีสาธารณะน้อยกวา่ สองเมตร
(3) อํานาจในการออกใบอนญุ าตให้เจ้าของหรือผ้คู รอบครองอาคารซงึ่ ไมเ่ ป็ นอาคาร
ประเภทควบคมุ การใช้ ใช้หรือยนิ ยอมให้บคุ คลใดใช้อาคารดงั กลา่ วเพ่ือกิจการบางประเภท34
(4) อํานาจในการออกใบอนุญาตให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารที่ต้องมีพืน้ ที่
หรือสิ่งท่ีสร้างขึน้ เพ่ือใช้เป็ นท่ีจอดรถ ท่ีกลบั รถ และทางเข้าออกของรถตามท่ีระบไุ ว้ในมาตรา 8 (9)
ดดั แปลง หรือใช้หรือยินยอมให้บคุ คลอื่นดดั แปลงหรือใช้ท่ีจอดรถ ท่ีกลบั รถ และทางเข้าออกของรถ
นนั ้ เพ่ือการอ่ืน35
(5) อํานาจในการต่อใบอนญุ าตก่อสร้าง ดดั แปลง เคล่ือนย้ายอาคารหรือรือ้ ถอน
อาคาร36
32 พระราชบญั ญตั คิ วบคมุ อาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 21.
33 พระราชบญั ญตั ิควบคมุ อาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 22.
34 พระราชบญั ญตั คิ วบคมุ อาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 33 ประกอบ มาตรา 32.
35 พระราชบญั ญตั ิควบคมุ อาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 34.
36 พระราชบญั ญตั ิควบคมุ อาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 35.
182
2) พระราชบัญญัตกิ ารสาธารณสุข พ.ศ. 2535
พระราชบญั ญตั กิ ารสาธารณสขุ พ.ศ. 2535 ให้อํานาจแก่องค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินในการ
ควบคมุ ดแู ลเกี่ยวกบั สขุ ลกั ษณะของอาคารและการอย่อู าศยั ของประชาชน โดยมีอํานาจในการออก
คําสง่ั ให้เจ้าของหรือผ้คู รอบครองอาคารแก้ไขเปล่ียนแปลง รือ้ ถอนอาคารที่มีสภาพทรุดโทรม หรือมี
สภาพท่ีอาจเป็ นอนั ตรายต่อผ้อู ย่อู าศยั หรือไม่ถกู สขุ ลกั ษณะของการใช้เป็ นท่ีอย่อู าศยั มีอํานาจใน
การควบคมุ ไม่ให้มีการก่อเหตรุ ําคาญในที่หรือทางสาธารณะโดยการออกคําสงั่ ให้บคุ คลที่เก่ียวข้อง
ระงบั การกระทําหรือป้ องกนั มิให้เกิดเหตรุ ําคาญ และมีอํานาจในการออกใบอนญุ าตให้เอกชนกระทํา
การต่าง ๆ โดยในส่วนของอํานาจในการออกใบอนุญาตขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินตาม
พระราชบญั ญตั กิ ารสาธารณสขุ มีดงั ตอ่ ไปนี ้
(1) อํานาจในการออกใบอนญุ าตเพื่อดําเนินกิจการรับทําการเก็บ ขน หรือกําจดั สิ่ง
ปฏิกลู หรือมลู ฝอย โดยทําเป็ นธุรกิจหรือโดยได้รับประโยชน์ตอบแทนด้วยการคดิ คา่ บริการ37
(2) อํานาจในการออกใบอนญุ าตให้ดําเนินกิจการตามประเภทที่มีข้อกําหนดของ
ท้องถ่ินกําหนดให้เป็ นกิจการท่ีต้องมีการควบคมุ 38
(3) อํานาจในการออกใบอนญุ าตในการจดั ตงั้ ตลาด39
(4) อํานาจในการออกใบอนญุ าตในการจดั ตงั้ สถานท่ีจําหน่ายอาหารหรือสถานท่ี
สะสมอาหารในอาคารหรือพืน้ ท่ีใดซึ่งมีพืน้ ท่ีเกินสองร้ อยตารางเมตรและมิใช่เป็ นการขายของใน
ตลาด40
(5) อํานาจในการออกใบอนญุ าตให้จําหนา่ ยสนิ ค้าในที่หรือทางสาธารณะ41
(6) อํานาจในการตอ่ อายใุ บอนญุ าต มาตรา 5542
(7) อํานาจในการสง่ั พกั ใบอนญุ าตในกรณีท่ีปรากฏวา่ ผ้รู ับใบอนญุ าตสําหรับกิจการ
ใดไม่ปฏิบตั ิหรือปฏิบตั ิไม่ถูกต้องตามบทแห่งพระราชบญั ญัตินี ้ กฎกระทรวง หรือข้อกําหนดของ
ท้องถ่ินท่ีออกตามพระราชบญั ญัตินี ้หรือเง่ือนไขท่ีระบุไว้ในใบอนญุ าตในเรื่องที่กําหนดไว้เก่ียวกับ
การประกอบกิจการตามที่ได้รับใบอนญุ าตนนั้ 43
37 พระราชบญั ญตั ิสาธารณสขุ พ.ศ. 2535 มาตรา 19.
38 พระราชบญั ญตั ิสาธารณสขุ พ.ศ. 2535 มาตรา 33.
39 พระราชบญั ญตั สิ าธารณสขุ พ.ศ. 2535 มาตรา 34.
40 พระราชบญั ญตั สิ าธารณสขุ พ.ศ. 2535 มาตรา 38.
41 พระราชบญั ญตั ิสาธารณสขุ พ.ศ. 2535 มาตรา 41.
42 พระราชบญั ญตั ิสาธารณสขุ พ.ศ. 2535 มาตรา 55.
43 พระราชบญั ญตั สิ าธารณสขุ พ.ศ. 2535 มาตรา 59.
183
(8) อํานาจในการออกคําสงั่ เพกิ ถอนใบอนญุ าต44
3) พระราชบัญญัตริ ักษาความสะอาดและความเป็ นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง
พ.ศ. 2535
พระราชบญั ญตั ฉิ บบั นีไ้ ด้กําหนดอํานาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ท้องถ่ินในการดําเนินการรักษา
ความสะอาดและความเป็ นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง ที่สาธารณะและสถานสาธารณะ ดแู ล
รักษาสนามหญ้าและต้นไม้ในถนนและสาธารณะ จดั ท่ีสําหรับทิง้ ขยะมลู ฝอย รวมทงั้ มีอํานาจจบั กมุ
ดําเนินคดีกับผู้กระทําความผิดตามกฎหมายนี4้ 5 สําหรับในส่วนของอํานาจในการออกคําสงั่ ทาง
ปกครองของเจ้าหน้าท่ีท้องถิ่นจะเป็ นกรณีของการอนญุ าตให้กระทําการตา่ ง ๆ เช่น การโฆษณาด้วย
การปิ ด ทิง้ หรือโปรยแผน่ ประกาศหรือใบปลวิ ในที่สาธารณะหรือการสงั่ ให้กระทําการในกรณีที่บคุ คล
นนั้ ก่อให้เกิดความสกปรกหรือไม่เป็ นระเบียบขนึ ้ 46 สําหรับอํานาจขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นใน
การอนญุ าตตามพระราชบญั ญตั ฉิ บบั นีม้ ีดงั นี ้คือ
(1) การออกหนงั สืออนญุ าตให้มีการโฆษณาด้วยการปิ ด ทิง้ หรือโปรยแผน่ ประกาศ
หรือ ใบปลวิ ในที่สาธารณะ47
(2) อํานาจในการออกหนงั สืออนญุ าตห้ามมิให้ผ้ใู ดปลอ่ ยสตั ว์ นําสตั ว์ หรือจงู สตั ว์
ไปตามถนนหรือเข้าไปในบริเวณ ท่ีเจ้าพนกั งานท้องถ่ินได้ประกาศห้ามไว้ หรือปลอ่ ยให้สตั ว์ถ่ายมลู
บนถนนและมิได้ขจดั มลู ดงั กลา่ วให้หมดไป48
(3) อํานาจในการให้อนญุ าตเป็ นหนงั สือให้ผ้ใู ดโคน่ ต้นไม้ ตดั เด็ด หรือกระทําด้วย
ประการใด ๆ ให้เกิดความเสียหายหรือน่าจะเป็ นอนั ตรายแก่ต้นไม้ หรือใบ ดอก ผล หรือสว่ นใดสว่ น
หนงึ่ ของต้นไม้ที่ปลกู ไว้หรือขนึ ้ เองตามธรรมชาตใิ นท่ีสาธารณะ หรือสถานสาธารณะ49
(4) อํานาจในการให้อนญุ าตเป็ นหนงั สือให้ติดตงั้ ตาก วาง หรือแขวนสิ่งใด ๆ ในท่ี
สาธารณะ50
44 พระราชบญั ญตั สิ าธารณสขุ พ.ศ. 2535 มาตรา 60.
45 สมคิด เลศิ ไพฑรู ย์,อ้างแล้ว, น. 218.
46 พระราชบญั ญตั ิรักษาความสะอาดและความเป็ นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 มาตรา
10 และ มาตรา 23.
47 พระราชบญั ญตั ิรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 มาตรา 10.
48 พระราชบญั ญตั ริ ักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 มาตรา 14.
49 พระราชบญั ญตั ริ ักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 มาตรา 27.
50 พระราชบญั ญตั ิรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 มาตรา 39.
184
4) พระราชบญั ญัตสิ ่งเสริมและรักษาคุณภาพส่ิงแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535
พระราชบญั ญัติฉบบั นีก้ ําหนดอํานาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการจดั การ
เก่ียวกบั การบาํ บดั นํา้ เสยี หรืออากาศเสยี หรือระบบกําจดั ของเสีย โดยให้อํานาจเจ้าหน้าท่ีท้องถิ่นใน
การออกใบอนญุ าตให้บคุ คลใดเป็ นผ้คู วบคมุ หรือรับจ้างให้บริการบําบดั นํา้ เสีย หรือกําจดั ของเสยี 51
5) พระราชบญั ญัตคิ วบคุมการฆ่าและจาํ หน่ายเนือ้ สัตว์ พ.ศ. 2535
กําหนดให้เจ้าพนกั งานท้องถิ่นมีอํานาจในการออกใบอนญุ าตตงั้ โรงงานฆ่าสตั ว์ โรงพกั สตั ว์
และดําเนินการฆา่ สตั ว์ รวมทงั้ การมีอํานาจเพกิ ถอน หรือสง่ั พกั ใบอนญุ าตดงั กลา่ วด้วย52
6) พระราชบัญญัตคิ วบคุมการโฆษณาโดยใช้เคร่ืองขยายเสียง พ.ศ. 2493
กฎหมายฉบบั นีก้ ําหนดให้พนกั งานท้องถ่ินมีอํานาจออกใบอนญุ าตให้บคุ คลทําการโฆษณา
โดยใช้เคร่ืองขยายเสยี ง ภายในเง่ือนไขและสถานที่ที่กําหนด53
7) พระราชบัญญัตสิ ุสานและฌาปนสถาน พ.ศ. 2528
พระราชบญั ญตั ิสสุ านและฌาปนสถาน พ.ศ. 2528 ให้อํานาจเจ้าพนกั งานท้องถ่ินในการ
พิจารณาการออกใบอนญุ าตให้จดั ตงั้ และดําเนินการและฌาปนสถานเอกชน รวมทงั้ การอนญุ าตให้
บคุ คลใดเก็บ ฝัง หรือเผาศพในสถานท่ีอ่ืนนอกจากในสสุ านและฌาปนสถานสาธารณะหรือสสุ าน
และฌาปนสถานเอกชน หรือในสถานพยาบาล อนั อาจสรุปอํานาจหน้าที่ในการออกใบอนญุ าตตาม
พระราชบญั ญตั ไิ ด้ดงั นี ้
(1) อํานาจในการออกใบอนญุ าตให้จดั ตงั้ และดําเนินการสสุ านและฌาปนสถาน
สาธารณะ หรือสสุ านและฌาปนสถานเอกชน54
(2)อํานาจในการออกใบอนุญาตให้เก็บ ฝัง หรือเผาศพในสถานที่อื่นนอกจากใน
สสุ านและฌาปนสถานสาธารณะ หรือสสุ านและฌาปนสถานเอกชน หรือเก็บศพในสถานพยาบาล
ตามกฎหมายวา่ ด้วยสถานพยาบาลหรือเคหสถานเป็ นการชวั่ คราว55
51 พระราชบญั ญตั ิสง่ เสริมและรักษาคณุ ภาพสงิ่ แวดล้อมแหง่ ชาติ พ.ศ. 2535 มาตรา 73.
52 พระราชบญั ญตั ิควบคมุ การฆา่ และจําหนา่ ยเนือ้ สตั ว์ พ.ศ. 2535 มาตรา 11.
53 สมคิด เลิศไพฑรู ย์,อ้างแล้ว, น. 219. และ มาตรา 4 ของพระราชบญั ญัติควบคมุ การโฆษณาโดยใช้
เคร่ืองขยายเสยี ง พ.ศ. 2493.
54 พระราชบญั ญตั สิ สุ านและฌาปนสถาน พ.ศ. 2528 มาตรา 6 และ มาตรา 7.
55 พระราชบญั ญตั ิสสุ านและฌาปนสถาน พ.ศ. 2528 มาตรา 10.
185
(3)อํานาจในการให้อนุญาตเป็ นหนังสือให้เปล่ียนแปลงหรือต่อเติมสุสานและ
ฌาปนสถานสาธารณะหรือสสุ านและฌาปนสถานเอกชน56
การออกใบอนุญาตที่ได้กล่าวมานนั้ อํานาจในการพิจารณาการออกใบอนญุ าตจะเป็ นของ
เจ้าหน้าท่ีขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินท่ีมีหน้าที่เกี่ยวข้องกบั ใบอนญุ าตนนั้ ๆ เช่น หากเป็ นกรณี
ของใบอนุญาตท่ีเกี่ยวกับการก่อสร้างหรือต่อเติมอาคารก็จะเป็ นอํานาจหน้าท่ีหน่วยงานด้านโยธา
ใบอนุญาตเก่ียวกับการขายสินค้าไม่ปลอดภยั เรื่องที่มีผลกระทําต่อสิ่งแวดล้อม หรือเรื่องความ
สะอาดของท้องถ่ินก็จะเป็ นหน้าท่ีของหน่วยงานด้านการสาธารณสขุ ขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่น
ซ่ึงหน่วยงานสองหน่วยงานนีถ้ ือได้ว่าเป็ นหน่วยงานท่ีได้รับอํานาจหน้าท่ีในการออกใบอนุญาต
จํานวนมากและเป็ นชนิดท่ีมีความสําคญั ดงั นนั้ กฎหมายที่สําคญั ที่เก่ียวกบั การออกใบอนญุ าตของ
องค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นจงึ ได้แก่ พระราชบญั ญตั ิควบคมุ อาคาร พ.ศ. 2522 และพระราชบญั ญตั ิ
การสาธารณสขุ พ.ศ. 2535 ทงั้ นีป้ ระเภทของใบอนญุ าตในแต่ละองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินมี
อํานาจออกให้เอกชนจงึ แตกตา่ งกนั ไปตามลกั ษณะหรือที่ตงั้ ขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นนนั้
สําหรับกระบวนการในการดําเนินการออกใบอนุญาตนัน้ จะเร่ิมจากเอกชนท่ีต้องการ
ดําเนินการใด ๆ และมีกฎหมายกําหนดให้การดําเนินการนนั้ ต้องขออนญุ าตจากองค์กรปกครองสว่ น
ท้องถ่ินก่อน เอกชนจงึ ต้องยื่นคําขออนญุ าตและสง่ เอกสารประกอบตา่ ง ๆ ตามรายการที่กฎหมายใน
เร่ืองนนั้ กําหนดไว้ตอ่ เจ้าหน้าที่ขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ิน จากนนั้ จะเข้าสกู่ ระบวนการพิจารณา
ของเจ้าหน้าท่ีท่ีมีอํานาจ โดยเจ้าหน้าที่จะต้องทําการตรวจสอบคณุ สมบตั ขิ องผ้ขู อ และเหตแุ ห่งการ
ขอในอนญุ าต ซง่ึ หากผ้ขู อใบอนญุ าตหรือการขอใบอนญุ าตนนั้ เป็ นไปตามเกณฑ์ท่ีกฎหมายกําหนด
ไว้ทุกประการ เจ้าหน้าท่ีผู้มีอํานาจจะต้องอนุญาตเสมอ ทัง้ นีใ้ นการพิจารณาคําขออนุญาตของ
เจ้าหน้าท่ีอาจใช้เวลาระยะหน่ึงในการดําเนินการ ซึ่งระยะเวลาดงั กล่าวนีโ้ ดยปกติกฎหมายท่ีให้
อํานาจในการออกใบอนญุ าตจะกําหนดกรอบระยะเวลาให้เจ้าหน้าที่ดําเนินการไว้ด้วย ดงั นนั้ หากผู้
ขอใบอนญุ าตดาํ เนินการตามขนั้ ตอนหรือเหตทุ ี่จะขอใบอนญุ าตนนั้ ถกู ต้องครบถ้วนผ้ขู อใบอนญุ าตก็
จะได้รับการอนุญาต แต่หากเจ้าหน้าที่เห็นว่าผู้ขอในอนุญาตมีคุณสมบัติหรือมีเหตุแห่งการขอ
อนญุ าตที่ไมผ่ า่ นเกณฑ์ตามท่ีกฎหมายกําหนดก็จะให้ไปแก้ไขข้อบกพร่องหรืออาจไมอ่ อกใบอนญุ าต
ให้ โดยหากผ้ขู อใบอนญุ าตไมเ่ ห็นด้วยกบั การที่เจ้าหน้าท่ีไมอ่ อกใบอนญุ าตก็สามารถใช้สิทธิอทุ ธรณ์
คําสง่ั ไม่อนุญาตนนั้ ต่อผู้ออกคําสง่ั ภายในเวลาท่ีกฎหมายกําหนดเพ่ือให้องค์กรหรือเจ้าหน้าที่ของ
ปกครองส่วนท้องถ่ินผู้มีอํานาจ พิจารณาอุทธรณ์ ซ่ึงหากผู้ขอใบอนุญาตยังไม่พอใจในผลการ
พิจารณาอทุ ธรณ์ก็จะมีสทิ ธินําคดไี ปฟ้ องตอ่ ศาลปกครองได้ตอ่ ไป
56 พระราชบญั ญตั ิสสุ านและฌาปนสถาน พ.ศ. 2528 มาตรา 14.
186
บทท่ี 6
การตรวจสอบการทจุ ริตในองค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็ นองค์กรหนึ่งท่ีใช้อํานาจบริหารโดยมีภารกิจสําคญั ในการ
ให้บริการสาธารณะแก่ประชาชนในท้องถิ่น เมื่อเป็ นองค์กรท่ีใช้อํานาจรัฐในการดําเนินการใด ๆ จึง
ย่อมถกู ตรวจสอบได้เพื่อเป็ นการค้มุ ครองสิทธิเสรีภาพและรักษาผลประโยชน์ของประชาชน ซึ่งการ
ตรวจสอบดงั กลา่ วสามารถกระทําได้หลายช่องทาง ทงั้ จากองค์กรฝ่ ายบริหารที่มีหน้าที่ในการกํากบั
ดูแลอันได้แก่กระทรวงมหาดไทย และองค์กรอ่ืน ๆ ที่กฎหมายจัดตงั้ ขึน้ ทัง้ ในรูปขององค์กรท่ีใช้
อํานาจตลุ าการ อนั ได้แก่ ศาล หรือองค์กรในรูปแบบขององค์กรอิสระ นอกจากองค์กรในภาครัฐแล้ว
การตรวจสอบการทํางานขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินยงั ถกู กระทําได้โดยประชาชนผ้เู ป็ นเจ้าของ
อํานาจอธิปไตยอีกทางหนึ่ง ดงั นนั้ ในบทนีจ้ ะขอกล่าวถึงกลไกการตรวจสอบการทุจริตในองค์กร
ปกครองส่วนท้องถ่ินของไทยโดยแบ่งออกเป็ น การตรวจสอบโดยกลไกทางการเมือง การตรวจสอบ
โดยองค์กรผ้มู ีอํานาจในการกํากบั ดแู ล การตรวจสอบโดยองค์กรที่มีบทบาทในการป้ องกนั และปราบ
การการทุจริต การตรวจสอบโดยองค์กรตุลาการ และการตรวจสอบโดยภาคประชาชน อันมี
รายละเอียดดงั นี ้
6.1 การตรวจสอบโดยกลไกทางการเมือง
การตรวจสอบโดยกลไกทางการเมืองเป็ นการตรวจสอบการบริหารราชการของฝ่ ายบริหาร
โดยฝ่ ายนิติบัญญัติอันเป็ นการตรวจสอบโดยอาศยั กลไกในทางการเมืองตามหลักการแบ่งแยก
อํานาจ และถ่วงดลุ อํานาจ สําหรับการตรวจสอบโดยกลไกทางการเมืองนีแ้ บง่ เป็ นการตรวจสอบผา่ น
กลไกทางรัฐสภา และการตรวจสอบผา่ นกลไกทางสภาท้องถ่ิน
6.1.1 คณะกรรมาธิการของรัฐสภา
รัฐสภาเป็ นองค์กรที่ทําหน้าท่ีทางด้านนิติบญั ญตั ิซงึ่ ประกอบไปด้วยสมาชิกรัฐสภาจํานวน
ทงั้ สนิ ้ 630 คน แบง่ เป็ นสมาชิกสภาผ้แู ทนราษฎรจํานวน 480 คน และสมาชิกวฒุ ิสภาจํานวน 150
คน ซง่ึ ดําเนินงานภายใต้ขอบเขตและวิธีการที่รัฐธรรมนญู และข้อบงั คบั การประชมุ สภาได้กําหนดไว้
สําหรับอํานาจหน้าที่ของรัฐสภานนั้ รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย ได้กําหนดอํานาจหน้าท่ีของ
รัฐสภาไว้พอสรุปได้ ดงั นี ้
187
1) การตรากฎหมาย ได้แก่ การตราพระราชบญั ญตั ิ หรือพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบ
รัฐธรรมนญู การตราพระราชกําหนด และการแก้ไขเพิ่มเตมิ รัฐธรรมนญู
2) การควบคมุ การบริหารราชการแผ่นดิน ได้แก่ การตงั้ กระท้ถู าม การเสนอญตั ติ
ต่าง ๆ ได้แก่ ญัตติขอเปิ ดอภิปรายทวั่ ไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ ญัตติขอเปิ ดอภิปรายทว่ั ไปโดยไม่มี
การลงมตแิ ละญตั ตติ งั้ คณะกรรมาธิการ
สําหรับกลไกในการควบคมุ และตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดินด้านการป้ องกันและ
ปราบปรามการทจุ ริตของรัฐสภาทางหน่ึงก็คือ กลไกในรูปแบบของคณะกรรมาธิการการป้ องกนั และ
ปราบปรามการทจุ ริตประพฤตมิ ชิ อบสภาผ้แู ทนราษฎร (คณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. สภาผ้แู ทนราษฎร)
คณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. สภาผ้แู ทนราษฎร มีภาระหน้าท่ีตามรัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย
มาตรา 135 และข้อบงั คบั การประชมุ สภาผ้แู ทนราษฎร พ.ศ. 2551 ข้อ 82 (22) ในการทําการ
พิจารณาสอบสวน หรือศกึ ษาเร่ืองใด ๆ ที่เก่ียวกบั กระบวนการและมาตรการในการป้ องกนั และ
ปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ซง่ึ อํานาจในการตรวจสอบดงั กล่าวรวมถึงการตรวจสอบการ
ทจุ ริตในองค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นด้วย
ในการศกึ ษาตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. คณะกรรมาธิการจะมีอํานาจใน
การเรียกเอกสารหรือบุคคลใดมาชีแ้ จงต่อคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. ซ่ึงหากผ้ใู ดในหน่วยงานของรัฐที่
คณะกรรมาธิการเชิญมาชีแ้ จงแล้วไม่ปฏิบตั ติ ามก็อาจมีความผิดทางวินยั ได้ เม่ือได้เรียกพยานเอกสาร
หรือบคุ คลตา่ ง ๆ มาชีแ้ จงหมดแล้ว คณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. ก็จะทําการสรุปวา่ การกระทําดงั กลา่ วเป็ น
การกระทําผิดอนั เป็ นการทุจริตหรือประพฤติมิชอบหรือไม่ หลงั จากนัน้ จะจัดส่งรายงานสรุปพร้ อม
ข้อเสนอแนะตา่ ง ๆ ให้ฝ่ ายบริหารนําไปปรับปรุงแก้ไขทงั้ ทางด้านการบริหาร ระเบียบ ข้อบงั คบั รวมทงั้
การแก้ไขกฎหมายตา่ ง ๆ ด้วย
ในการดาํ เนินการตามหน้าที่ของคณะกรรมาธิการได้มีการกําหนดกรอบการทํางานไว้ ดงั นี ้
1) ที่มาของญตั ติ หรือเรื่องร้องเรียน
(1) สมาชิกสภาผ้แู ทนราษฎร หรือสมาชิกวฒุ ิสภาเป็ นผ้เู สนอญตั ติ หรือ
เร่ืองร้ องเรียน
(2)ประชาชนท่ัวไปยื่นเร่ืองร้ องเรียนต่อประธานคณะกรรมาธิการ หรือ
คณะกรรมาธิการ
(3) คณะกรรมาธิการหยบิ ยกขนึ ้ พจิ ารณา
188
2) กําหนดขนั้ ตอนการทํางาน
(1) รวบรวมข้อเท็จจริง โดยเปิ ดให้มีการชีแ้ จงของผ้รู ้องเรียน และผ้ถู กู ร้องเรียน
พร้อมทงั้ ส่งมอบเอกสารหลกั ฐานให้คณะกรรมาธิการพิจารณา ซ่งึ จะมีการสอบถามข้อเท็จจริงและข้อ
กฎหมายจากหน่วยงานต้นสงั กดั และหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องอื่น ๆ ทงั้ นีค้ ณะกรรมาธิการอาจเดินทางไป
ศกึ ษาดงู านตามข้อร้องเรียนหรือทําการสืบสวนสอบสวนในทางลบั
(2) พิจารณาข้อกฎหมาย โดยจะพิจารณาว่ามีการกระทําผิดตามกฎหมาย
ตอ่ ไปนีห้ รือไม่
• พระราชบญั ญตั ิว่าด้วยความผิดเก่ียวกบั การเสนอราคาต่อหน่วยงาน
ของรัฐ พ.ศ. 2542
• ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143 หรือมาตรา 157
• พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้ วยการป้ องกันและ
ปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. 2542 ในกรณีของเจ้าหน้าท่ีของรัฐและผ้ดู าํ รงตําแหน่งทางการเมือง
• พระราชบญั ญตั คิ วามรับผดิ ทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539
• พระราชบญั ญตั ริ ะเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535
• ระเบียบตา่ งๆอนั วา่ ด้วยการพสั ดขุ องหนว่ ยงานภาครัฐ
• กฎหมายและระเบยี บอื่น ๆ ท่ีเก่ียวข้องกบั เรื่องร้องเรียนในแตล่ ะกรณี
(3) จดั ทําร่างรายงานสรุป
(4) คณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรายงานสรุป และหลงั จากพิจารณา
พร้อมแก้ไขจนเป็ นรายงานที่สมบรู ณ์แล้ว คณะกรรมาธิการจะดําเนินการ ดงั นี ้
• แจ้งประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อทราบและพิจารณาตามข้อบงั คบั
การประชมุ สภาผ้แู ทนราษฎร ข้อ 96
• แจ้งผ้รู ้องเรียนเพ่ือทราบ
• แจ้งหน่วยงานต้นสงั กดั เพื่อพิจารณาตามอํานาจหน้าที่
• แจ้ งหน่วยงานที่เกี่ยวข้ องเพื่อพิจารณาตามอํานาจหน้ าท่ี เช่น
สํานกั งานการตรวจเงินแผน่ ดิน สํานกั งานป้ องกนั และปราบปรามการฟอกเงิน สํานกั งานผ้ตู รวจการ
แผน่ ดนิ เป็ นต้น
• ถ้ามีมลู ทจุ ริต จะทําการแจ้งไปยงั สํานกั งานคณะกรรมการป้ องกนั และ
ปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ เพ่ือพิจารณาตามอํานาจหน้าที่
189
6.1.2 สภาท้องถ่นิ
ตามโครงสร้ างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของไทยในปัจจุบนั ที่ประกอบไปด้วยฝ่ าย
บริหารและสภาท้องถิ่นที่ล้วนมีท่ีมาจากการเลือกตงั้ โดยประชาชน ซงึ่ เป็ นไปตามหลกั การแบง่ แยก
อํานาจและถ่วงดลุ อํานาจ จากหลกั การดงั กล่าวทําให้สภาและผ้บู ริหารท้องถ่ินต่างมีบทบาทในการ
ถ่วงดลุ ตรวจสอบซง่ึ กนั และกนั สําหรับในสว่ นของสภาท้องถ่ินนนั้ ถือเป็ นองค์กรท่ีมีฐานะเป็ นตวั แทน
ของประชาชนในชุมชนท้องถ่ินนนั้ ๆ ดงั นนั้ จึงต้องทําหน้าท่ีเป็ นผู้สะท้อนปัญหาของประชาชนใน
ท้องถิ่นและกลน่ั กรอง ตรวจสอบการดําเนินการตา่ ง ๆ ขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นแทนประชาชน
ซง่ึ โดยหลกั แล้วบทบาทในการตรวจสอบของสภาท้องถิ่นมีอยดู่ ้วยกนั 4 ประการ คือ
1) การพิจารณาร่างข้อบญั ญตั งิ บประมาณขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ิน
2) การพจิ ารณาร่างข้อบญั ญตั ทิ ้องถ่ิน
3) การตงั้ กระท้ถู าม
4) การเปิ ดอภิปรายทวั่ ไป
จากบทบาทของสภาท้ องถิ่นท่ีได้ กล่าวมาทําให้ สภาท้ องถิ่นสามารถตรวจสอบการทํางาน
ของฝ่ ายบริหารได้ตัง้ แต่ในขัน้ ตอนของการจัดทํางบประมาณผ่านกลไกในการพิจารณาร่าง
ข้อบญั ญตั ิงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหากในกรณีท่ีสมาชิกสภาท้องถ่ินได้รับ
เร่ืองร้องเรียนจากประชาชนในพืน้ ท่ีของตนว่ามีการทจุ ริตหรือมีความไม่ชอบมาพากลเกิดขนึ ้ สมาชิก
สภาท้องถ่ินสามารถทําการตัง้ กระทู้ถามหรือขอเปิ ดอภิปรายทั่วไปได้ แต่อย่างไรก็ตาม จาก
โครงสร้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินในปัจจบุ นั ทําให้การตรวจสอบฝ่ ายบริหารโดยสภาท้องถ่ิน
ไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร ทัง้ นี ้ เนื่องจากสภาท้องถ่ินไม่มีอํานาจในการลงมติไม่ไว้วางใจฝ่ าย
บริหาร อีกทงั้ ตวั ผ้บู ริหารท้องถิ่นสามารถปฏิเสธท่ีจะไม่ตอบกระท้ขู องสมาชิกสภาท้องถิ่นได้ และยิ่ง
ไปกว่านัน้ หากในองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินใดมีฝ่ ายบริหารและสภาท่ีมาจากกลุ่มหรือพรรค
การเมืองเดียวกนั กลไกการตรวจสอบโดยสภาท้องถ่ินก็จะเกิดขนึ ้ ได้ยาก
6.2 การตรวจสอบโดยองค์กรผู้มีอาํ นาจในการกาํ กับดแู ล : กระทรวงมหาดไทย
องค์กรท่ีมีอํานาจในการกํากบั ดแู ลองค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ิน ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย ซงึ่
การกํากบั ดแู ลองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินโดยกระทรวงมหาดไทยนนั้ ต้องเป็ นการใช้อํานาจในการ
กํากบั ดแู ลตามที่กฎหมายได้ให้อํานาจไว้ และการกํากบั ดแู ลดงั กล่าวจะต้องอย่ใู นรูปแบบของการ
ตรวจสอบด้านความชอบด้วยกฎหมายเท่านนั้ โดยผ้มู ีอํานาจอาจกํากบั ดแู ลไม่สามารถตรวจสอบถึง
190
ความเหมาะสมในการใช้อํานาจขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินได้ สําหรับบคุ คลท่ีมีอํานาจในการ
กํากับดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ปลดั กระทรวง
มหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอําเภอ ทัง้ นี ้ ในการกํากับดูแลของบุคคลดังกล่าวจะมี
หน่วยงานที่ทําหน้าท่ีเป็ นผ้ชู ่วยเหลือในการกํากบั ดแู ลอีกชนั้ หนึ่งอนั ได้แก่ กรมสง่ เสริมการปกครอง
ท้องถ่ินที่ตงั้ อยู่ทัง้ ในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคโดยมีบทบาทในการเป็ นผู้ให้การสนับสนุนและผู้
ตรวจสอบการดําเนินการตา่ ง ๆ ขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินไปพร้อมกนั จากบทบาทดงั กลา่ วทํา
ให้เปรียบเสมือนว่ากรมส่งเสริมการปกครองท้องถ่ินเป็ นหน่วยงานท่ีคนั่ กลางระหว่างองค์กรกํากับ
ดแู ลและองค์กรผ้อู ย่ภู ายใต้การกํากบั ดแู ลเพื่อประสานงานและสนบั สนนุ การดําเนินการตามอํานาจ
หน้าท่ีขององค์กรทงั้ สองไปพร้อมกนั
ในส่วนของการใช้อํานาจในการกํากับดแู ลขององค์กรผู้มีอํานาจในการกํากับดูแลองค์กร
ปกครองส่วนท้องถ่ินนัน้ สามารถแบ่งออกเป็ นสามประเภทใหญ่ ๆ กล่าวคือ การกํากับดูแลโดย
กฎหมายจดั ตงั้ องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินอนั เป็ นการกํากับดแู ลทางตรง และการกํากับดูแลโดย
กฎระเบียบ ข้อบงั คับและการกํากับดูแลโดยกฎหมายอ่ืน ๆ ซ่ึงเป็ นการกํากับดูแลทางอ้อม โดย
รูปแบบของการกํากบั ดแู ลองค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นของไทยมีดงั ตอ่ ไปนี ้ คือ
6.2.1 การกาํ กับดแู ลโดยกฎหมายจัดตงั้ องค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ
การกํากบั ดแู ลโดยกระทรวงมหาดไทยในกรณีนีเ้กิดจากการท่ีพระราชบญั ญตั ทิ ี่จดั ตงั้ องค์กร
ปกครองสว่ นท้องถิ่นรูปแบบตา่ ง ๆ อนั ได้แก่ พระราชบญั ญตั อิ งค์การบริหารสว่ นจงั หวดั พ.ศ. 2540
พระราชบญั ญตั ิเทศบาล พ.ศ. 2496 และพระราชบญั ญตั ิสภาตําบลและองค์การบริหารสว่ นตําบล
พ.ศ. 2537 ได้ให้อํานาจไว้โดยเฉพาะ ซง่ึ ในกฎหมายฉบบั ดงั กลา่ วจะมีการกํากบั ดแู ลใน 3 ลกั ษณะ
ด้วยกัน คือการกํากับดูแลองค์กรและตวั บุคคล การกํากับดแู ลการกระทํา และการกํากับดแู ลการ
กระทําก่ึงตวั บคุ คล
1) การกาํ กับดแู ลองค์กรและตวั บุคคล
วิธีการกํากบั ดแู ลตวั บุคคลเป็ นการให้ผู้กํากบั ดแู ลมีอํานาจในการแต่งตงั้ และถอด
ถอนบุคคลผู้ดํารงตําแหน่งในองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน หรือการใช้อํานาจลงโทษทางวินยั เหนือ
บคุ คลขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ิน การออกคําสงั่ พกั การปฏิบตั ิงาน หรือ การให้พ้นจากตําแหน่ง
การไลอ่ อกจากตําแหน่ง เช่น ให้องค์กรผ้มู ีอํานาจกํากบั ดแู ลสามารถดําเนินการสอบสวนหวั หน้าหรือ
รองหัวหน้าฝ่ ายบริหาร ประธานหรือรองประธานของสภาท้องถ่ินว่าบุคคลดังกล่าวละเลยไม่
ปฏิบตั ิการตามอํานาจหน้าที่หรือปฏิบตั ิการไม่ชอบด้วยอํานาจหน้าที่หรือทุจริต หรือประพฤติตน
191
ฝ่ าฝื นความสงบเรียบร้ อยของประชาชนหรือไม่ และหากตรวจสอบแล้วปรากฏว่า บุคคลนัน้ มี
พฤติการณ์ดงั กล่าวจริง ก็จะเสนอให้มีการสงั่ ให้บุคคลดงั กล่าวพ้นจากตําแหน่งไป ส่วนการกํากับ
ดแู ลองค์กรท่ีสําคญั เช่น การที่ให้อํานาจแก่ผ้กู ํากบั ดแู ลในการยบุ สภาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ในกรณีที่เห็นว่าการกระทําดงั กล่าวจะเป็ นการค้มุ ครองประโยชน์ของประชาชน เช่น เพ่ือแก้ปัญหา
ความขดั แย้งระหว่างสภาและผ้บู ริหาร และทําให้ต้องมีการเลือกตงั้ เลือกตงั้ สมาชิกสภาท้องถ่ินใหม่
เป็ นต้น
2) การกาํ กับดแู ลการกระทาํ
การกํากบั ดแู ลการกระทําเป็ นการท่ีผ้มู ีอํานาจกํากบั ดแู ล กํากบั ดแู ลองค์กรปกครอง
สว่ นท้องถ่ินไมใ่ ห้กระทําการขดั หรือแย้งตอ่ กฎหมาย ได้แก่ การให้ความเห็นชอบ การอนญุ าต อนมุ ตั ิ
เพิกถอน ระงบั ยบั ยงั้ สง่ั ยกเลิกการกระทําท่ีขดั หรือแย้งกบั กฎหมาย นอกจากนีย้ งั มีอํานาจในการ
ชีแ้ จง หรือแนะนําด้วย
3) การกาํ กับดแู ลการกระทาํ ก่งึ ตวั บุคคล
การกํากบั ดแู ลการกระทําก่ึงตวั บคุ คลเป็ นการท่ีกระทรวงมหาดไทยมีอํานาจในการ
เห็นชอบหรือไม่เห็นชอบในงบประมาณของท้องถิ่นซงึ่ การให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบนนั้ ในแง่
หน่ึงเป็ นการกํากบั ดแู ลด้านการกระทํา แต่มีความสมั พนั ธ์ถึงการออกจากตําแหน่งของฝ่ ายบริหาร
หรือสภาท้องถิ่นอนั เน่ืองมาจากผลของการให้ความเห็นชอบหรือไมใ่ ห้ความเห็นชอบงบประมาณของ
องค์กรผ้มู ีอํานาจกํากบั ดแู ลนน่ั เอง
6.2.2 การกาํ กับดแู ลโดยกฎระเบยี บ ข้อบงั คับ
การกํากับดูแลโดยการออกกฎระเบียบ ข้ อบังคับ เป็ นกรณีที่กฎหมายให้ อํานาจแก่
กระทรวงมหาดไทยในการกํากบั ดแู ลองค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นโดยการ ออกกฎ ระเบียบ ข้อบงั คบั
คําสงั่ ประกาศหรือหนงั สือเวียน คําสง่ั วินิจฉยั การให้ชีแ้ จง การกําหนดมาตรฐานให้องค์กรปกครอง
ส่วนท้ องถิ่นถือปฏิบัติ การทําสัญญาทางปกครองและการปฏิบัติการอื่น ๆ โดยอาจจําแนก
กฎระเบยี บข้อบงั คบั ตา่ ง ๆ ได้ดงั นี ้
• ระเบียบข้อบงั คบั เกี่ยวกบั พสั ดุ เช่น ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพสั ดขุ อง
หนว่ ยการบริหารราชการสว่ นท้องถิ่น พ.ศ. 2535 เป็ นต้น
• ระเบยี บ ข้อบงั คบั เก่ียวกบั การจดั หาประโยชน์ในทรัพย์สนิ และการพาณิชย์
• ระเบียบ ข้อบงั คบั เกี่ยวกบั การบริหารงานบคุ คล