ค�มู อื ครูรายวชิ าเพ่ิมเติม
ฉบบั เผยแพร� ต.ค. 63
คูม ือครู
รายวชิ าเพิ่มเตมิ
คณติ ศาสตร
ชน้ั
มัธยมศึกษาปที่ ๔ เลม ๑
ตามผลการเรียนรู
กลุมสาระการเรยี นรูคณติ ศาสตร (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐)
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
จดั ทาํ โดย
สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
กระทรวงศึกษาธกิ าร
ฉบับเผยแพร ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๖๓
คํานาํ
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี (สสวท.) มีหนาท่ีในการพัฒนา
หลักสูตร วิธีการเรียนรู การประเมินผล การจัดทําหนังสือเรียน คูมือครู แบบฝกทักษะ
กิจกรรม และส่อื การเรยี นรเู พื่อใชประกอบการเรียนรูในกลุม สาระการเรยี นรูวิทยาศาสตรและ
คณติ ศาสตรของการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน
คูมือครูรายวิชาเพ่ิมเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปท่ี ๔ เลม ๑ นี้ จัดทําตาม
ผลการเรียนรู กลุมสาระการเรียนรูคณิตศาสตร (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลักสูตร
แกนกลางการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ โดยมีเนื้อหาสาระ ขอเสนอแนะเก่ยี วกบั
การสอน แนวทางการจัดกิจกรรมในหนังสือเรียน การวัดผลประเมินผลระหวางเรียน การ
วิเคราะหความสอดคลองของแบบฝกหัดทายบทกับจุดมุงหมายประจําบท ความรูเพ่ิมเติม
สําหรับครูซ่ึงเปนความรูท่ีครูควรทราบนอกเหนือจากเน้ือหาในหนังสือเรียน ตัวอยาง
แบบทดสอบประจําบทพรอมเฉลย รวมท้ังเฉลยแบบฝกหัด ซ่ึงสอดคลองกับหนังสือเรียน
รายวิชาเพิม่ เติมคณติ ศาสตร ช้นั มัธยมศึกษาปท ่ี ๔ เลม ๑ ท่ตี อ งใชควบคกู นั
สสวท. หวังเปนอยางยิ่งวา คูมือครูเลมน้ีจะเปนประโยชนตอการจัดการเรียนรู และ
เปน สว นสําคญั ในการพัฒนาคณุ ภาพและมาตรฐานการศกึ ษากลมุ สาระการเรยี นรคู ณิตศาสตร
ขอขอบคุณผูทรงคุณวุฒิ บุคลากรทางการศึกษาและหนวยงานตาง ๆ ที่มีสวนเกี่ยวของ
ในการจัดทําไว ณ โอกาสน้ี
(นางพรพรรณ ไวทยางกรู )
ผอู ํานวยการสถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
คําชีแ้ จง
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี (สสวท.) ไดจัดทําตัวชว้ี ัดและสาระ
การเรียนรูแกนกลาง กลุมสาระการเรียนรูคณิตศาสตร (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐)
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ โดยมีจุดเนนเพ่ือตองการพัฒนา
ผูเรียนใหมีความรูความสามารถที่ทัดเทียมกับนานาชาติ ไดเรียนรูคณติ ศาสตรทีเ่ ชอ่ื มโยงความรู
กบั กระบวนการ ใชก ระบวนการสืบเสาะหาความรูแ ละแกป ญ หาท่หี ลากหลาย มีการทํากจิ กรรม
ดวยการลงมือปฏิบัติเพ่ือใหผูเรียนไดใชทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตรและทักษะแหง
ศตวรรษท่ี ๒๑ สสวท. จงึ ไดจ ดั ทําคูม ือครูประกอบการใชหนังสือเรียนรายวิชาเพ่ิมเติมคณิตศาสตร
ช้ันมัธยมศึกษาปท่ี ๔ เลม ๑ ท่ีเปนไปตามมาตรฐานหลักสูตร เพ่ือเปนแนวทางใหโรงเรียนนําไป
จดั การเรยี นการสอนในช้นั เรียน
คูมอื ครูรายวชิ าเพิม่ เติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปท ่ี ๔ เลม ๑ นี้ ประกอบดว ยเน้ือหา
สาระ ขอเสนอแนะเก่ยี วกับการสอน แนวทางการจดั กิจกรรมในหนงั สือเรยี น การวดั ผลประเมินผล
ระหวางเรียน การวิเคราะหความสอดคลองของแบบฝกหัดทายบทกับจุดมุงหมายประจําบท
ความรูเพ่ิมเติมสําหรับครูซ่ึงเปนความรูท่ีครูควรทราบนอกเหนือจากเน้ือหาในหนังสือเรียน
ตัวอยางแบบทดสอบประจําบทพรอมเฉลย รวมท้ังเฉลยแบบฝกหัด ซึ่งครูผูสอนสามารถนําไปใช
เปนแนวทางในการวางแผนการจัดการเรียนรูใหบรรลุจุดประสงคท่ีตั้งไว โดยสามารถนําไปจัด
กิจกรรมการเรียนรูไดตามความเหมาะสมและความพรอมของโรงเรียน ในการจัดทําคูมือครูเลม น้ี
ไดรับความรวมมือเปนอยางดียิ่งจากผูทรงคุณวุฒิ คณาจารย นักวิชาการอิสระ รวมท้ังครูผูสอน
นกั วชิ าการ จากสถาบนั และสถานศึกษาท้ังภาครัฐและเอกชน จงึ ขอขอบคุณมา ณ ท่ีน้ี
สสวท. หวังเปนอยางย่ิงวาคูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร เลมนี้ จะเปนประโยชน
แกผูสอน และผูท่ีเก่ียวของทุกฝาย ท่ีจะชวยใหจัดการศึกษาดานคณิตศาสตรไดอยางมี
ประสิทธิภาพ หากมีขอเสนอแนะใดท่ีจะทําใหคูมือครูเลมน้ีมีความสมบูรณย่ิงขึ้น โปรดแจง
สสวท. ทราบดว ย จะขอบคณุ ยิ่ง
สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
แนะนําการใชคูม อื ครู
ในหนังสือเลมน้ีแบงเปน 4 บท ตามหนังสือเรียนหนังสือเรียนรายวิชาเพ่ิมเติมคณิตศาสตร ชั้น
มัธยมศกึ ษาปท่ี 4 เลม 1 โดยแตล ะบทจะมีสวนประกอบ ดงั นี้
ตัวชวี้ ัด สาระการเรยี นรแู กนกลาง ผลการเรียนรู และสาระการเรียนรูเพิม่ เติม
ตัวชี้วัดและผลการเรียนรูระบุส่ิงที่นักเรียนพึงรูและปฏิบัติได รวมท้ังคุณลักษณะของ
ผูเรียนในแตละระดับชั้น ซึ่งสะทอนถึงมาตรฐานการเรียนรู มีความเฉพาะเจาะจงและมี
ความเปนรูปธรรม นําไปใชในการกําหนดเนื้อหา จัดทําหนวยการเรียนรู จัดการเรียน
การสอน และเปนเกณฑสําคัญสําหรับการวัดผลประเมินผลเพ่ือตรวจสอบคุณภาพ
ผูเรียน ทั้งน้ี หลักสูตรกลุมสาระการเรียนรูคณิตศาสตร ตามหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ไดกําหนดตัวช้ีวัด
และสาระการเรียนรูแกนกลางไวสําหรับรายวิชาพื้นฐาน และไดเ สนอแนะผลการเรียนรู
และสาระการเรยี นรเู พมิ่ เติมไวส าํ หรับรายวชิ าเพิ่มเติม
จดุ มงุ หมาย
เปา หมายทีน่ ักเรียนควรไปถึงหลงั จากเรยี นจบบทนี้
ความรูกอนหนา
ความรูท ่ีนักเรียนจําเปน ตอ งมีกอนทจี่ ะเรยี นบทนี้
ประเด็นสาํ คญั เกีย่ วกับเนื้อหาและส่ิงที่ควรตระหนกั เกย่ี วกบั การสอน
ประเด็นเกี่ยวกับเน้ือหาท่ีครูควรเนนย้ํากับนักเรียน ประเด็นเกี่ยวกับเนื้อหาท่ีครูควร
ระมัดระวัง จุดประสงคของตัวอยางที่นําเสนอในหนังสือเรียน เนื้อหาท่ีควรทบทวน
กอนสอนเนอื้ หาใหม และประเดน็ เก่ียวกับการสอนทีค่ รตู ระหนักในการสอน
ความเขา ใจคลาดเคล่ือน
ประเด็นท่นี ักเรียนมักเขาใจผิดเกี่ยวกบั เนื้อหา
ประเดน็ สาํ คัญเก่ียวกบั แบบฝกหัด
ประเด็นที่ครูควรทราบเก่ียวกับแบบฝกหัด เชน จุดมุงหมายของแบบฝกหัด เน้ือหาที่
ควรทบทวนกอนทําแบบฝกหัด และเรื่องที่ครูควรใหความสําคัญในการทําแบบฝกหัด
ของนกั เรยี น
กิจกรรมในคูม ือครู
กิจกรรมท่ีคูมือครูเลมนี้เสนอแนะไวใหครูนําไปใชในช้ันเรียน ซ่ึงมีทั้งกิจกรรมนําเขา
บทเรียน กิจกรรมท่ีใชเพ่ือตรวจสอบความรูกอนหนาท่ีจําเปนสําหรับเน้ือหาใหมท่ีครูจะ
สอน และกิจกรรมที่ใชสําหรับสรางความคิดรวบยอดในเน้ือหา โดยหลังจากทํากิจกรรม
แลว ครูควรเช่ือมโยงความคิดรวบยอดที่ตองการเนนกับผลท่ีไดจากการทํากิจกรรม
กิจกรรมเหลานีค้ รคู วรสงเสรมิ ใหนักเรยี นไดล งมือปฏิบัตดิ วยตนเอง
กิจกรรมในหนงั สือเรียน
กจิ กรรมที่นักเรยี นสามารถศึกษาเพ่มิ เติมไดดว ยตนเอง เพ่อื ชวยพัฒนาทักษะการเรียนรู
และนวัตกรรม (learning and innovation skills) ท่ีจําเปนสําหรับศตวรรษที่ 21
อันไดแก การคิดสรางสรรคและนวัตกรรม (creative and innovation) การคิดแบบ
มวี จิ ารณญาณและการแกปญหา (critical thinking and problem solving) การสื่อสาร
(communication) และการรวมมือ (collaboration)
เฉลยกจิ กรรมในหนังสือเรยี น
เฉลยคําตอบหรือตัวอยางคําตอบของกิจกรรมในหนังสือเรียน
แนวทางการจัดกจิ กรรมในหนงั สือเรยี น
ตัวอยางแนวทางการจัดกิจกรรมในหนังสือเรียน ท่ีมีข้ันตอนการดําเนินกิจกรรม
ซงึ่ เปด โอกาสใหนกั เรยี นไดใชและพัฒนาทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร
สารบญั บทท่ี 1 – 2 หนา
บทที่ เน้อื หา 1
3
1 บทที่ 1 เซต 6
1.1 เนือ้ หาสาระ 19
เซต 1.2 ขอ เสนอแนะเก่ยี วกบั การสอน 20
1.3 การวัดผลประเมนิ ผลระหวางเรียน 22
d 1.4 การวิเคราะหแบบฝกหดั ทายบท 23
1.5 ความรูเพม่ิ เตมิ สําหรบั ครู
2 1.6 ตวั อยา งแบบทดสอบประจาํ บทและ 39
เฉลยตัวอยา งแบบทดสอบประจาํ บท 41
ตรรกศาสตร 44
บทท่ี 2 ตรรกศาสตร 64
d 2.1 เนือ้ หาสาระ 68
2.2 ขอ เสนอแนะเกี่ยวกบั การสอน 69
2.3 แนวทางการจดั กจิ กรรมในหนังสอื เรยี น 71
2.4 การวัดผลประเมนิ ผลระหวา งเรียน 73
2.5 การวิเคราะหแบบฝก หดั ทายบท
2.6 ความรเู พิ่มเติมสําหรับครู
2.7 ตวั อยา งแบบทดสอบประจําบทและ
เฉลยตัวอยางแบบทดสอบประจาํ บท
สารบัญ บทที่ 3 – 4 หนา
บทท่ี เน้อื หา 83
85
3 บทท่ี 3 จาํ นวนจรงิ 94
3.1 เน้ือหาสาระ 108
จํานวนจริง 3.2 ขอ เสนอแนะเกย่ี วกับการสอน 113
3.3 แนวทางการจัดกจิ กรรมในหนังสือเรียน 115
d 3.4 การวัดผลประเมนิ ผลระหวา งเรยี น 117
3.5 การวเิ คราะหแบบฝก หดั ทายบท 138
3.6 ความรเู พ่ิมเตมิ สาํ หรับครู
3.7 ตัวอยา งแบบทดสอบประจาํ บทและ 152
เฉลยตวั อยา งแบบทดสอบประจาํ บท 152
190
เฉลยแบบฝก หดั 272
บทที่ 1 เซต
บทท่ี 2 ตรรกศาสตรเบื้องตน
บทที่ 3 หลกั การนับเบ้ืองตน
1 แหลง เรียนรูเ พ่มิ เติม 413
1 บรรณานุกรม 414
416
คณะผูจัดทาํ
บทท่ี 1 | เซต 1
คูม อื ครรู ายวิชาเพม่ิ เตมิ คณติ ศาสตร ชั้นมธั ยมศกึ ษาปท่ี 4 เลม 1
บทที่ 1
เซต
การศึกษาเรื่องเซตมีความสําคัญตอวิชาคณิตศาสตรเพราะเปนรากฐานและเคร่ืองมือที่สําคัญ
ในการพฒั นาองคค วามรใู นวชิ าคณิตศาสตรส มัยใหมทุกสาขา เนอ้ื หาเร่ืองเซตทน่ี ําเสนอในหนังสือ
เรียนรายวิชาเพ่ิมเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปท่ี 4 เลม 1 มีเปาหมายเพื่อใหนักเรียนเรียนรู
เก่ยี วกับสัญลักษณและภาษาทางคณิตศาสตร ซ่ึงเพียงพอที่จะใชใ นการสื่อสารและส่ือความหมาย
ทางคณติ ศาสตรเพ่อื เปนเครื่องมือในการเรียนรูเน้ือหาคณติ ศาสตรในหัวขอตอไป
ในบทเรียนนี้มุงใหนักเรียนบรรลุตัวช้ีวัดตามสาระการเรียนรูแกนกลาง บรรลุผลการเรียนรูตาม
สาระการเรียนรเู พิม่ เตมิ และบรรลจุ ดุ มุงหมายดังตอไปน้ี
ตวั ชวี้ ดั สาระการเรียนรแู กนกลาง ผลการเรียนรู และสาระการเรียนรเู พ่ิมเตมิ
ตวั ชว้ี ดั สาระการเรียนรูแกนกลาง
• เขาใจและใชค วามรเู กี่ยวกับเซตและ • ความรูเ บ้ืองตนและสัญลักษณพื้นฐาน
ตรรกศาสตรเบ้ืองตน ในการสอ่ื สาร
และส่อื ความหมายทางคณิตศาสตร เกีย่ วกบั เซต
• ยเู นยี น อนิ เตอรเ ซกชนั และคอมพลเี มนต
ผลการเรียนรู
• เขาใจและใชค วามรูเกี่ยวกบั เซต ของเซต
ในการสื่อสารและสอื่ ความหมายทาง
คณติ ศาสตร สาระการเรยี นรูเพิ่มเตมิ
• ความรูเ บ้ืองตนและสญั ลักษณพ้ืนฐาน
เก่ยี วกับเซต
• ยูเนยี น อนิ เตอรเซกชนั และคอมพลเี มนต
ของเซต
สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เซต
2 คูม ือครูรายวิชาเพมิ่ เติมคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 4 เลม 1
จุดมุงหมาย
1. ใชส ญั ลักษณเกี่ยวกับเซต
2. หาเพาเวอรเ ซตของเซตจาํ กดั
3. หาผลการดาํ เนินการของเซต
4. ใชแ ผนภาพเวนนแสดงความสัมพันธระหวา งเซต
5. ใชความรเู กยี่ วกบั เซตในการแกป ญ หา
ความรกู อนหนา
• ความรูเกีย่ วกับจาํ นวนและสมการในระดับมธั ยมศึกษาตอนตน
goo.gl/ZHStZ6
สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เซต 3
คูม ือครูรายวิชาเพม่ิ เติมคณติ ศาสตร ช้ันมธั ยมศกึ ษาปท ี่ 4 เลม 1
1.1 เนือ้ หาสาระ
1. ในวิชาคณิตศาสตร ใชคําวา เซต ในการกลาวถึงกลุมของส่ิงตาง ๆ และเม่ือกลาวถึงกลุมใด
แลวสามารถทราบไดแนนอนวาส่ิงใดอยูในกลุม และสิ่งใดไมอยูในกลุม เรียกส่ิงท่ีอยูในเซต
วา สมาชิก คําวา “เปนสมาชิกของ” หรือ “อยูใน” เขียนแทนดวยสัญลักษณ “∈” คําวา
“ไมเปน สมาชิกของ” เขยี นแทนดวยสญั ลกั ษณ “∉ ”
2. การเขยี นแสดงเซตเบอ้ื งตนมสี องแบบ คอื แบบแจกแจงสมาชกิ และแบบบอกเงอื่ นไขของสมาชิก
3. เซตทีไ่ มม ีสมาชิก เรียกวา เซตวาง เขียนแทนดวยสัญลักษณ “{ }” หรือ “∅”
4. เซตท่มี จี าํ นวนสมาชกิ เปนจํานวนเต็มบวกใด ๆ หรือศูนย เรียกวา เซตจาํ กดั
เซตทีไ่ มใ ชเซตจํากัด เรียกวา เซตอนนั ต
5. ในการเขียนเซตจะตองกําหนดเซตที่บงบอกถึงขอบเขตของส่ิงที่จะพิจารณา เรียกเซตนี้วา
เอกภพสัมพทั ธ ซึง่ มกั เขียนแทนดว ย U เอกภพสมั พทั ธท ่พี บบอ ย ไดแ ก
แทนเซตของจาํ นวนนบั
แทนเซตของจํานวนเต็ม
แทนเซตของจํานวนตรรกยะ
' แทนเซตของจาํ นวนอตรรกยะ
แทนเซตของจํานวนจรงิ
6. บทนิยาม 1
เซต A เทากับเซต B หมายถึง สมาชิกทุกตัวของเซต A เปนสมาชิกของเซต B และ
สมาชกิ ทกุ ตัวของเซต B เปน สมาชิกของเซต A
7. เซต A เทา กับเซต B เขียนแทนดว ย A = B
8. เซต A ไมเทา กับเซต B หมายความวา มสี มาชกิ อยา งนอ ยหนงึ่ ตัวของเซต A ท่ีไมใ ชสมาชกิ ของ
เซต B หรือมสี มาชิกอยา งนอ ยหนึ่งตัวของเซต B ทีไ่ มใ ชสมาชิกของเซต A
9. เซต A ไมเ ทา กับเซต B เขยี นแทนดวย A ≠ B
สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เซต
4 คมู ือครรู ายวิชาเพิม่ เติมคณติ ศาสตร ช้นั มธั ยมศึกษาปท่ี 4 เลม 1
10. บทนิยาม 2
เซต A เปนสับเซตของเซต B ก็ตอเม่ือ สมาชิกทุกตวั ของเซต A เปนสมาชกิ ของเซต B
11. เซต A เปน สบั เซตของเซต B เขยี นแทนดวย A ⊂ B
12. เซต A ไมเปน สับเซตของเซต B ก็ตอ เม่ือ มีสมาชกิ อยางนอยหนง่ึ ตวั ของเซต A ที่ไมเปน
สมาชิกของเซต B
13. เซต A ไมเ ปนสับเซตของเซต B เขียนแทนดวยเขียนแทนดว ย A ⊄ B
14. เซตของสับเซตทั้งหมดของเซต A เรยี กวา เพาเวอรเ ซต ของเซต A เขียนแทนดวย P( A)
15. เรยี กแผนภาพแสดงเซตวา แผนภาพเวนน การเขียนแผนภาพมกั จะแทนเอกภพสัมพัทธ U
ดว ยรูปส่ีเหลยี่ มผนื ผาหรือรปู ปดใด ๆ สว นเซตอื่น ๆ ซงึ่ เปนสบั เซตของ U นัน้ อาจเขียนแทน
ดว ยวงกลม วงรี หรอื รูปปด ใด ๆ
16. อนิ เตอรเซกชนั ของเซต A และ B เขียนแทนดวย A ∩ B
บทนิยาม 3
A ∩ B= { x x ∈A และ x ∈ B}
17. ยูเนียนของเซต A และ B เขยี นแทนดว ย A ∪ B
บทนิยาม 4
A ∪ B= { x x ∈A หรือ x ∈ B}
18. คอมพลีเมนตข องเซต A เม่อื เทียบกบั U หรือคอมพลีเมนตของเซต A เขยี นแทนดว ย A′
บทนิยาม 5
A′ = { x | x ∈U และ x ∉ A}
19. ผลตางระหวา งเซต A และ B หมายถงึ เซตทม่ี สี มาชกิ อยใู นเซต A แตไ มอยใู นเซต B
เขียนแทนดว ย A− B
บทนยิ าม 6
A − B= { x x ∈A และ x ∉ B}
สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เซต 5
คูมือครรู ายวชิ าเพมิ่ เติมคณิตศาสตร ช้นั มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 4 เลม 1
20. สมบตั ิของการดาํ เนินการของเซต
ให A, B และ C เปน สับเซตของเอกภพสมั พทั ธ U จะได
1) A ∪ B = B ∪ A
A∩B= B∩ A
2) ( A ∪ B) ∪ C = A ∪ ( B ∪ C )
(A∩ B)∩C = A∩(B∩C)
3) A ∪ ( B ∩ C ) = ( A ∪ B) ∩ ( A ∪ C )
A∩(B∪C) = (A∩ B)∪(A∩C)
4) ( A ∪ B)′ =A′ ∩ B′
( A ∩ B)′ =A′ ∪ B′
5) A − B = A ∩ B′
6) A=′ U − A
21. ถาเซต A, B และ C เปน เซตจาํ กัดใด ๆ ทมี่ ีจํานวนสมาชิกเปน n( A), n(B) และ n(C)
ตามลําดบั แลว
n( A ∪ B)= n( A) + n( B) − n( A ∩ B)
n( A∪ B ∪C) = n( A) + n(B) + n(C) − n( A∩ B) − n( A∩C) − n(B ∩C) + n( A∩ B ∩C)
สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เซต
6 คมู ือครูรายวิชาเพม่ิ เตมิ คณติ ศาสตร ชัน้ มธั ยมศึกษาปท ่ี 4 เลม 1
1.2 ขอ เสนอแนะเก่ียวกับการสอน
เซต
กิจกรรม : การจัดกลุม
จดุ มงุ หมายของกิจกรรม
กิจกรรมน้ีใชเ พอื่ นาํ เขาสูบทเรียน เรอ่ื ง ความหมายของเซต
แนวทางการดาํ เนินกิจกรรม
1. ครูแบงนักเรียนเปนกลุม กลุมละ 3 – 4 คน แบบคละความสามารถ จากนั้นครูเขียนคํา
ตอไปนี้บนกระดาน
หญงิ จนั ทร A พุธ O
อาทิตย ชาย E อังคาร เสาร
ศุกร U I พฤหัสบดี
2. ครใู หน กั เรยี นแตละกลมุ อภปิ รายวาจะจัดกลุมคาํ ทเี่ ขียนบนกระดานอยางไร
3. ครูใหตัวแทนนักเรียนแตละกลุมนําเสนอการจัดกลุมคํา แลวรวมกันอภิปรายเก่ียวกับ
กลมุ คําท่ีจัด ในประเดน็ ตอไปน้ี
3.1 จดั กลมุ คําไดก่กี ลมุ ใชเ กณฑใดในการจัดกลมุ และมีคําใดอยใู นแตละกลมุ บาง
แนวคําตอบ
คําตอบของนกั เรียนมีไดห ลายแบบ เชน
• จัดได 2 กลุม โดยใชภ าษาเปนเกณฑใ นการจัดกลมุ ไดแก
กลมุ ท่ี 1 เปนกลุมคําภาษาไทย ไดแก หญิง ชาย อาทิตย จันทร อังคาร พุธ
พฤหัสบดี ศุกร และเสาร
กลมุ ท่ี 2 เปนกลุมตัวอักษร/สระในภาษาอังกฤษ ไดแก A, E, I, O และ U
สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เซต 7
คมู อื ครรู ายวิชาเพิ่มเติมคณติ ศาสตร ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 4 เลม 1
• จดั ได 3 กลมุ โดยใชประเภทของคําหรือตวั อักษรเปนเกณฑในการจัดกลุม ไดแ ก
กลมุ ที่ 1 เปนกลุมคําที่แสดงชื่อวันในหน่ึงสัปดาห ไดแก อาทิตย จันทร
องั คาร พธุ พฤหสั บดี ศุกร และเสาร
กลมุ ที่ 2 เปน กลมุ คาํ ทแี่ สดงเพศ ไดแก ชาย และหญงิ
กลุมท่ี 3 เปนกลมุ ตวั อักษร/สระในภาษาอังกฤษ ไดแก A, E, I, O และ U
3.2 กลุมคําท่ีกลุมของตนเองจัดไดเหมือนหรือแตกตางจากกลุมคําของเพ่ือนกลุมอื่น
หรอื ไม อยา งไร
4. จากคําตอบท่ีไดในขอ 3 ครูอธิบายเพ่ิมเติมวา ในวิชาคณิตศาสตรใชคําวาเซต ในการ
กลา วถึงกลมุ ของสงิ่ ตาง ๆ และเม่ือกลา วถงึ กลุม ใดแลว สามารถทราบไดแ นนอนวา สง่ิ ใด
อยูในกลมุ
เชน จากตัวอยางคําตอบในขอ 3.1 ซึ่งจัดกลุมคําไดเปน 3 กลุม โดยใชประเภทของ
คําหรือตัวอักษรเปนเกณฑในการจัดกลุม จะไดวา เม่ือกลาวถึงกลุมคําท่ีแสดงช่ือวันใน
หน่ึงสัปดาห หรือเซตของคําท่ีแสดงชื่อวันในหนงึ่ สัปดาห จะทราบไดวาคําใดอยูในกลมุ
หรอื เซตนบ้ี า ง
หมายเหตุ
• ครูอาจเปล่ียนคําท่ีใหนักเรียนพิจารณาเปนคําอื่น ๆ หรือรูปภาพอ่ืน ๆ เพื่อใหนักเรียน
สามารถจดั กลมุ ไดหลายแบบ
• ครอู าจใชต วั อยา งอืน่ ประกอบการอธบิ ายในขอ 4
• ครอู าจจัดกจิ กรรมนอกหองเรยี น เชน ในสวนพฤกษศาสตร แลวใหน กั เรยี นจดั กลุมพนั ธุพืช
• เมื่อนักเรียนไดศึกษาเกี่ยวกับการเขียนแสดงเซตแบบแจกแจงสมาชิก และแบบบอก
เงื่อนไขของสมาชิกแลว ครูอาจใหนักเรียนเขียนกลุมคําในรูปของเซต ทั้งแบบแจกแจง
สมาชกิ และแบบบอกเงือ่ นไขของสมาชิก
สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทท่ี 1 | เซต
8 คมู ือครูรายวชิ าเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 4 เลม 1
ประเด็นสําคัญเกี่ยวกบั เน้ือหาและส่งิ ท่ีควรตระหนักเก่ยี วกับการสอน
• ตัวอยางท่ี 1 ในหนังสือเรียนรายวิชาเพ่ิมเติมคณิตศาสตร ช้ันมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 1
มีไวเ พือ่ สรา งความเขา ใจเกย่ี วกับการเปน สมาชิกของเซต และการใชส ัญลักษณแทนการ
เปน สมาชิกของเซต โดยเฉพาะอยางยิ่งขอ 1) และ 2) ทัง้ นี้ ในการจดั การเรยี นการสอน
ครูควรใหนักเรียนรวมกันอภิปรายทีละขอเกี่ยวกับการเปนสมาชิกหรือไมเปนสมาชิก
ของเซตท่ีกําหนดให และอาจยกตัวอยางเพมิ่ เตมิ เพอื่ ตรวจสอบความเขาใจของนักเรียน
• ครูควรเรม่ิ ตน การยกตวั อยา งการเขยี นแสดงเซตแบบแจกแจงสมาชิกโดยยกตัวอยางเซต
ที่หาสมาชิกของเซตไดงาย เพื่อใหความสําคัญกับการเขียนแสดงเซตแบบแจกแจง
สมาชิกมากกวาการคํานวณเพ่ือหาสมาชิกของเซต เชน เซตของพยัญชนะภาษาไทย
เซตของจํานวนคู เซตของจํานวนนบั ทน่ี อยกวา 5
• การเขียนเซตตองกําหนดเซตท่ีบอกขอบเขตของส่ิงที่จะพิจารณา เรียกเซตน้ีวา
เอกภพสัมพัทธ โดยมีขอตกลงวา เมื่อกลาวถึงสมาชิกของเซตใด ๆ จะไมกลาวถึงส่ิงอ่ืน
ที่นอกเหนือจากสมาชิกในเอกภพสัมพัทธ ดังน้ันเอกภพสัมพัทธจึงมีความสําคัญในการ
พิจารณาสมาชิกของเซต โดยเซตท่ีมีเงื่อนไขเดียวกันแตมีเอกภพสัมพัทธตางกันอาจมี
สมาชิกตางกัน เชน เมื่อ A ={x∈ x2 =4} และ B ={x∈ x2 =4} จะเขียน A
และ B แบบแจกแจงสมาชิกไดเ ปน A = { 2} และ B= { − 2, 2}
• ประเดน็ สาํ คญั เพิ่มเติมเก่ยี วกบั สบั เซตและเพาเวอรเ ซตมดี ังน้ี
o เซตวา งเปนทั้งสับเซตและสมาชิกของเพาเวอรเซตของเซตใด ๆ
o เพาเวอรเซตของเซตวา ง คือ {∅}
o เซตทกุ เซตเปนสับเซตของตวั เอง
o ไมส ามารถหาสับเซตท่ีเปน ไปไดท ั้งหมดของเซตอนันตไ ด
สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทท่ี 1 | เซต 9
คมู ือครรู ายวิชาเพม่ิ เตมิ คณติ ศาสตร ช้ันมธั ยมศึกษาปท ่ี 4 เลม 1
ความเขาใจคลาดเคลื่อน
• นักเรียนบางคนอาจเขาใจผิดวาเซตวางไมใชเซตจํากัด ทั้งน้ีครูควรเนนย้ําวาเซตจํากัด
คือ เซตที่มีจํานวนสมาชิกเปนจํานวนเต็มบวกใด ๆ หรือศูนย จากน้ันครูควรชี้แนะให
นักเรียนเห็นวาเซตวางเปนเซตที่ไมมีสมาชิกหรือมีสมาชิก 0 ตัว ดังนั้น เซตวางจึงเปน
เซตจาํ กัด
• นักเรียนอาจละเลยการพิจารณาเอกภพสัมพัทธของเซตแบบบอกเง่ือนไขที่กําหนด ทําให
เกิดความผิดพลาดในการระบุวาเซตท่ีกําหนดใหเปนเซตจํากัดหรือเซตอนันต เชน
นักเรียนอาจเขาใจผิดวา { x | x∈ , 0 ≤ x ≤ 1} เปนเซตจํากัด เนื่องจากละเลยวา
เอกภพสัมพัทธของเซตน้ีคือเซตของจํานวนจริง จึงเขาใจผิดวาเซตน้ีมีสมาชิกเพียงสองตัว
เทานน้ั คอื 0 และ 1 ท้ังนีค้ รูควรเนน ย้ํากบั นกั เรยี นวา ตอ งพิจารณาเอกภพสัมพทั ธเสมอ
• นกั เรียนบางคนอาจสับสนเกี่ยวกับการใชส ัญลักษณแทนเซตวาง เชน ใชส ญั ลักษณ {∅}
แทนเซตวาง ซงึ่ เปนการใชส ัญลักษณที่ไมถูกตอง ครคู วรใหน ักเรียนพิจารณาจํานวนสมาชิก
ของ {∅} จะไดวา เซตนีม้ ีสมาชกิ 1 ตวั ดังนัน้ เซตนจ้ี งึ ไมใ ชเ ซตวาง นอกจากน้ีครอู าจ
ยกตวั อยางเปรียบเทียบเซตวา งกบั กลอ งเปลา โดยเซตวา งคอื เซตทไ่ี มม ีสมาชิกและกลอง
เปลาคือกลองที่ไมมีอะไรบรรจุอยูภายในเลย แตถานํากลองเปลาใบที่หนึ่งใสลงไปใน
กลองเปลาใบที่สองแลว จะพบวากลองใบท่ีสองไมใชก ลองเปลา อีกตอไป เพราะมีกลอง
เปลาใบแรกบรรจุอยภู ายใน
• นักเรียนบางคนอาจสับสนเก่ียวกับความหมายและสัญลักษณท่ีใชแทนการเปนสมาชิก
ของเซต (∈) และการเปนสับเซต (⊂) ท้ังนี้ ครูควรเนนย้ําความหมายของสมาชกิ ของ
เซต บทนิยามของสับเซต และสัญลักษณที่ใช แลวยกตัวอยางเพิ่มเติมในลักษณะ
เดียวกับแบบฝก หดั 1.1ข ขอ 1
สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทท่ี 1 | เซต
10 คูม ือครูรายวชิ าเพ่ิมเตมิ คณติ ศาสตร ช้นั มัธยมศกึ ษาปที่ 4 เลม 1
ประเด็นสาํ คัญเกี่ยวกบั แบบฝกหัด
การเขียนแสดงเซตแบบบอกเง่ือนไขของสมาชิกในแบบฝกหัด 1.1ก ขอ 2 สามารถเขียนได
หลายแบบ เง่อื นไขของนกั เรียนอาจไมต รงกับท่ีครูคิดไว
แผนภาพเวนน
กิจกรรม : รับสมัครงาน
จุดมงุ หมายของกจิ กรรม
กิจกรรมน้ีเปนกิจกรรมเพิ่มเติมสําหรับนักเรียนท่ีมีความเขาใจเกี่ยวกับการเขียน
แผนภาพเวนนสาํ หรับ 2 เซตและ 3 เซตแลว
สถานการณ
บริษัทแหงหน่ึงเปดรับสมัครงานหลายตําแหนง หลังจากประกาศรับสมัครงานผานไปหน่ึงเดือน
มผี ูท สี่ นใจสง ใบสมัครท้งั หมด 15 คน แตละคนมคี ุณสมบัติดงั นี้
นางหน่ึง อายุ 32 ป จบการศึกษาปริญญาตรี มใี บอนุญาตขบั ข่ี
นายสอง อายุ 42 ป จบการศกึ ษาชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 6 ไมมีใบอนุญาตขับขี่
นายสาม อายุ 22 ป จบการศกึ ษาปรญิ ญาตรี ไมมใี บอนุญาตขับข่ี
นายสี่ อายุ 25 ป จบการศึกษาปรญิ ญาโท มใี บอนุญาตขบั ขี่
นางหา อายุ 23 ป จบการศึกษาปรญิ ญาตรี มใี บอนญุ าตขบั ข่ี
นายหก อายุ 34 ป จบการศกึ ษาปริญญาตรี ไมมีใบอนุญาตขับขี่
น.ส.เจด็ อายุ 20 ป จบการศึกษาช้นั มัธยมศึกษาปท่ี 6 มใี บอนุญาตขับขี่
นางแปด อายุ 40 ป จบการศกึ ษาปริญญาตรี ไมมีใบอนุญาตขบั ข่ี
นางเกา อายุ 32 ป จบการศึกษาชั้นมธั ยมศกึ ษาปที่ 6 มีใบอนุญาตขบั ขี่
สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เซต 11
คมู อื ครูรายวชิ าเพ่ิมเติมคณิตศาสตร ช้ันมธั ยมศึกษาปที่ 4 เลม 1
นายสิบ อายุ 19 ป จบการศึกษาชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 6 มีใบอนุญาตขบั ขี่
น.ส.สบิ เอด็ อายุ 34 ป จบการศึกษาปรญิ ญาโท ไมม ใี บอนุญาตขับขี่
นายสิบสอง อายุ 30 ป จบการศกึ ษาชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 ไมม ใี บอนุญาตขบั ข่ี
นางสิบสาม อายุ 35 ป จบการศกึ ษาช้ันมธั ยมศึกษาปที่ 6 ไมม ีใบอนุญาตขบั ขี่
นายสิบส่ี อายุ 30 ป จบการศึกษาช้ันมธั ยมศกึ ษาปท ่ี 6 มใี บอนญุ าตขับขี่
นายสิบหา อายุ 36 ป จบการศึกษาปริญญาโท มใี บอนุญาตขบั ขี่
แนวทางการดาํ เนินกจิ กรรม
1. ครใู หน กั เรียนอา นสถานการณที่กําหนดให แลวนํารายชือ่ ผสู มคั รตามที่กาํ หนดให มาจดั
ลงในแผนภาพตอ ไปนี้ ตามคณุ สมบตั ขิ องผูส มัคร
เพศชาย อายุ 25 – 35 ป
มีใบอนุญาตขบั ขี่ จบการศึกษาอยา งตาํ่
ระดบั ปริญญาตรี
แนวคําตอบ
เพศชาย อายุ 25 – 35 ป
สอง สบิ สาม
มีใบอนุญาตขบั ข่ี สบิ สบิ สอง สบิ เอด็ จบการศึกษาอยา งต่ํา
เจ็ด สบิ สี่ หก แปด ระดับปรญิ ญาตรี
เกา สี่ สาม
หนึง่ สิบหา
หา
สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทท่ี 1 | เซต
12 คูมอื ครรู ายวชิ าเพิ่มเตมิ คณิตศาสตร ช้ันมธั ยมศึกษาปท ่ี 4 เลม 1
2. จากแผนภาพที่ไดในขอ 1 ครูใหนักเรียนหาวามีผูสมัครคนใดบางท่ีมีคุณสมบัติตรงกับ
ตาํ แหนงตอไปนี้
2.1 พนักงานขับรถ เพศชาย จบการศึกษาระดบั ใดก็ได มีใบอนญุ าตขบั ข่ี
แนวคําตอบ สี่ สิบ สบิ สี่ สิบหา
2.2 เจา หนา ที่ธรุ การ เพศหญงิ จบการศกึ ษาอยางตา่ํ ระดับปรญิ ญาตรี
แนวคําตอบ หนงึ่ หา แปด สบิ เอ็ด
2.3 พนักงานรับ-สงสินคา เพศหญิงหรือชายก็ได อายุ 25 – 35 ป จบการศึกษาระดับ
ใดกไ็ ด มใี บอนุญาตขบั ข่ี
แนวคําตอบ หนึ่ง สี่ เกา สิบส่ี
2.4 เจา หนา ทพี่ สั ดุ เพศหญงิ หรือชายก็ได อายุ 25 – 35 ป จบการศกึ ษาอยา งต่ําระดับ
ปริญญาตรี
แนวคาํ ตอบ หน่งึ สี่ หก สิบเอด็
2.5 พนักงานฝา ยขาย เพศหญิงหรือชายก็ได อายุ 25 – 35 ป จบการศึกษาอยางตํ่าระดับ
ปริญญาตรี มใี บอนญุ าตขับขี่
แนวคาํ ตอบ หนง่ึ ส่ี
2.6 พนักงานทําความสะอาด เพศหญิง จบการศึกษาระดบั ใดกไ็ ด
แนวคาํ ตอบ หน่งึ หา เจ็ด แปด เกา สบิ เอ็ด สิบสาม
2.7 เจาหนาที่ขนยา ยสนิ คา เพศชาย อายุ 25 – 35 ป จบการศกึ ษาระดบั ใดกไ็ ด
แนวคําตอบ สี่ หก สบิ สอง สบิ ส่ี
3. ครแู ละนักเรยี นรวมกันอภปิ รายเกย่ี วกับคําตอบทีไ่ ดในขอ 1 และ 2
สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เซต 13
คมู อื ครรู ายวิชาเพ่มิ เติมคณิตศาสตร ช้ันมธั ยมศึกษาปที่ 4 เลม 1
การดําเนนิ การระหวา งเซต
กจิ กรรม : หาเพือ่ น
จดุ มงุ หมายของกิจกรรม
กิจกรรมนี้เปนกิจกรรมเพ่ือสรางความเขาใจเก่ียวกับความหมายของอินเตอรเซกชัน
ยูเนียน คอมพลีเมนต และผลตางระหวางเซต โดยกอนทํากิจกรรมนี้ นักเรียนตองมีความ
เขาใจเกีย่ วกบั การเขยี นแผนภาพเวนนแสดงเซต
แนวทางการดาํ เนินกิจกรรม
1. ครจู ับคใู หน ักเรียนแบบคละความสามารถ แลว ครูเขียนแผนภาพนล้ี งบนกระดาน
A 3 B
1 4 0
5
2 6
7
89
2. ครูใหนักเรียนแตละคูอภิปรายในประเด็นตอไปน้ี
2.1 สมาชิกตัวใดบา งทีเ่ ปนสมาชกิ ของทัง้ เซต A และเซต B
แนวคําตอบ 3, 4 และ 5
2.2 สมาชิกตวั ใดบางทเ่ี ปน สมาชิกของเซต A หรือเซต B หรอื ทัง้ สองเซต
แนวคาํ ตอบ 1, 2, 3, 4, 5 และ 6
2.3 สมาชกิ ตัวใดบางทเ่ี ปนสมาชิกของ U แตไมเปนสมาชิกของเซต A
แนวคาํ ตอบ 0, 6, 7, 8 และ 9
2.4 สมาชิกตัวใดบางทเี่ ปนสมาชกิ ของ U แตไ มเปน สมาชกิ ของเซต B
แนวคําตอบ 0, 1, 2, 7, 8 และ 9
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทท่ี 1 | เซต
14 คมู อื ครรู ายวชิ าเพม่ิ เติมคณิตศาสตร ชั้นมธั ยมศึกษาปที่ 4 เลม 1
2.5 สมาชิกตัวใดบา งทเี่ ปน สมาชิกของเซต A แตไ มเปนสมาชิกของเซต B
แนวคาํ ตอบ 1 และ 2
2.6 สมาชกิ ตัวใดบา งทเี่ ปน สมาชิกของเซต B แตไ มเปน สมาชกิ ของเซต A
แนวคําตอบ 6
3. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายเก่ียวกับคําตอบที่ไดในขอ 2 โดยเชื่อมโยงกับเน้ือหา
เรื่องการดําเนินการระหวางเซต ไดแก อินเตอรเซกชัน ยูเนียน คอมพลีเมนต และ
ผลตา งระหวา งเซต ดังน้ี
• คาํ ตอบที่ไดใ นขอ 2.1 คอื A ∩ B
• คําตอบท่ีไดใ นขอ 2.2 คอื A ∪ B
• คาํ ตอบที่ไดในขอ 2.3 คือ A′
• คาํ ตอบทไ่ี ดใ นขอ 2.4 คอื B′
• คําตอบท่ไี ดใ นขอ 2.5 คอื A − B
• คาํ ตอบทไ่ี ดในขอ 2.6 คอื B − A
ประเด็นสาํ คญั เกยี่ วกบั เน้อื หาและสง่ิ ทคี่ วรตระหนกั เกย่ี วกับการสอน
การเขียนวงเล็บมีความสําคัญกับลําดับการดําเนินการระหวางเซตในกรณีที่มีการดําเนินการ
ตางชนิดกัน เชน ( A ∪ B) ∩ C มีลําดับการดาํ เนินการแตกตางกับ A ∪ (B ∩ C) เพอื่ ไมให
เกิดการสับสนเก่ียวกับลําดับในการดําเนินการ จึงจําเปนตองใสวงเล็บเพ่ือบอกลําดับการ
ดําเนินการระหวางเซตเสมอ ทั้งน้ีครูอาจยกตัวอยางใหนักเรียนเห็นความสําคัญของการ
เขียนวงเล็บ เชน=เมื่อ A {=0, 1}, B {1} และ C = {2} จะได ( A ∪ B) ∩ C =∅ และ
A ∪ (B ∩ C) ={0, 1} ซึง่ จะเหน็ วา ( A ∪ B) ∩ C ≠ A ∪ (B ∩ C)
สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เซต 15
คูมอื ครูรายวชิ าเพม่ิ เตมิ คณิตศาสตร ช้นั มธั ยมศึกษาปท ่ี 4 เลม 1
ประเดน็ สําคญั เกยี่ วกบั แบบฝก หดั
แบบฝกหัด 1.2 ขอ 3 และ 4 มีไวเพ่ือเปนตัวอยางของการแสดงสมบัติของการดําเนินการ
ของเซต จากการแรเงาแผนภาพในขอ 3 นักเรียนจะสงั เกตเหน็ วา
• แผนภาพในขอ 3) เปนแผนภาพเดียวกับแผนภาพในขอ 4) ซึ่งสอดคลองกับสมบัติ
ของการดาํ เนินการของเซต คอื A′ ∩ B′ = ( A ∪ B)′
• แผนภาพในขอ 5) เปนแผนภาพเดียวกับแผนภาพในขอ 6) ซึ่งสอดคลองกับสมบัติ
ของการดําเนนิ การของเซต คือ A′ ∪ B′ = ( A ∩ B)′
• แผนภาพในขอ 7) เปนแผนภาพเดียวกับแผนภาพในขอ 8) ซ่ึงสอดคลองกับสมบัติ
ของการดําเนนิ การของเซต คอื A − B = A ∩ B′
และจากการแรเงาแผนภาพในขอ 4 นกั เรยี นจะสงั เกตเห็นวา
• แผนภาพในขอ 1) เปนแผนภาพเดียวกับแผนภาพในขอ 2) ซึ่งสอดคลองกับสมบัติ
ของการดาํ เนินการของเซต คือ ( A ∪ B) ∪ C = A ∪ (B ∪ C)
• แผนภาพในขอ 3) เปนแผนภาพเดียวกับแผนภาพในขอ 4) ซ่ึงสอดคลองกับสมบัติ
ของการดําเนินการของเซต คือ ( A ∩ B) ∩ C = A ∩ (B ∩ C)
• แผนภาพในขอ 5) เปนแผนภาพเดียวกับแผนภาพในขอ 6) ซึ่งสอดคลองกับสมบัติ
ของการดาํ เนินการของเซต คือ ( A ∪ B) ∩ C = ( A ∩ C) ∪ (B ∩ C)
สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เซต
16 คูมอื ครรู ายวิชาเพม่ิ เติมคณติ ศาสตร ชน้ั มธั ยมศึกษาปท่ี 4 เลม 1
การแกป ญ หาโดยใชเ ซต
กจิ กรรม : แรเงา
จุดมงุ หมายของกิจกรรม
กิจกรรมนี้เปนกิจกรรมเพื่อสรางความเขาใจเกี่ยวกับจํานวนสมาชิกของเซต A ∪ B
โดยกอ นทํากจิ กรรมนี้ นกั เรียนตอ งมีความเขาใจเก่ียวกบั การเขียนแผนภาพเวนนแสดงเซต
และการดําเนินการระหวา งเซต
แนวทางการดาํ เนินกจิ กรรม
1. ครจู บั คูใหน กั เรยี นแบบคละความสามารถ จากนน้ั ครูเขียนแผนภาพนีล้ งบนกระดาน
A 3 B
1 4 0
5
2 6
7
9
8
2. ครูใหน กั เรียนหาจํานวนสมาชิกของเซต A
แนวคําตอบ จาํ นวนสมาชิกของเซต A คอื 5
3. จากคําตอบท่ีไดในขอ 2 ครูแนะนําวาจํานวนสมาชิกของเซต A เขียนแทนดวย n( A)
ซง่ึ จะไดวา n( A) = 5
4. ครใู หนักเรียนแตล ะคหู า n(B), n( A ∪ B) และ n( A ∩ B)
แนวคําตอบ n(B=) 4, n( A ∪ B=) 6 และ n( A ∩ B) =3
สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทท่ี 1 | เซต 17
คมู อื ครูรายวิชาเพิม่ เตมิ คณิตศาสตร ช้นั มธั ยมศึกษาปที่ 4 เลม 1
5. จากคาํ ตอบท่ีไดในขอ 4 ครใู หน กั เรียนคาดการณวา n( A ∪ B) มีความสัมพันธก บั n( A),
n(B) และ n( A ∩ B) อยา งไร
หมายเหตุ ขอนเ้ี ปนเพยี งการคาดการณข องนักเรียน อาจยังไมไดค ําตอบท่ถี กู ตอง
6. ครูใหนักเรียนแตละคูพิจารณาวา n( A ∪ B) มีความสัมพันธกับ n( A), n(B) และ
n( A ∩ B) อยา งไร โดยพจิ ารณาจากแผนภาพดังนี้
AB
6.1 ครใู หน กั เรียนแรเงาเซต A โดยใชส ีหนง่ึ แลว แรเงาเซต B โดยใชอกี สหี น่งึ
6.2 ครูใหนักเรยี นแตละคพู ิจารณาวา
(1) สวนท่แี รเงาทัง้ หมดแทนเซตใด
แนวคําตอบ A ∪ B
(2) สว นที่แรเงาสองครั้งแทนเซตใด
แนวคาํ ตอบ A ∩ B
(3) จากการแรเงาทีไ่ ด n( A ∪ B) มีความสมั พนั ธก ับ n( A), n(B) และ n( A ∩ B)
อยางไร
แนวคาํ ตอบ n( A ∪ B)= n( A)+ n(B)− n( A ∩ B)
7. ครแู ละนกั เรยี นรวมกนั เฉลยคําตอบท่ีไดในขอ 6
หมายเหตุ
ครสู ามารถทํากจิ กรรมในทาํ นองเดยี วกันนี้ไดในการหาจาํ นวนสมาชิกของเซต A∪ B ∪ C
สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เซต
18 คมู ือครรู ายวชิ าเพิม่ เตมิ คณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 1
ประเดน็ สําคัญเกย่ี วกบั เน้ือหาและสิง่ ท่ีควรตระหนักเกย่ี วกบั การสอน
• ครูอาจเสนอแนะใหนักเรียนใชวิธีเขียนแผนภาพแสดงเซตเพื่อชวยในการแกปญหาใน
หัวขอ น้ี
• ครูควรเนนย้ํากับนักเรียนวาตัวเลขท่ีแสดงในแผนภาพแสดงเซต อาจหมายถึงสมาชิก
ของเซตหรือจาํ นวนสมาชกิ ของเซตกไ็ ด
ประเดน็ สาํ คญั เกีย่ วกบั แบบฝก หัด
แบบฝกหัดทายบทขอ 2 มีคําตอบไดหลายแบบ เน่ืองจากการเขียนแสดงเซตแบบบอก
เง่ือนไขของสมาชิกสามารถเขียนไดหลายแบบ ควรใหนักเรียนมีอิสระในการเขียนเงื่อนไข
ของสมาชกิ ของเซต โดยเงอื่ นไขของนักเรยี นไมจําเปนตอ งตรงกบั ที่ครูคิดไว
สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทท่ี 1 | เซต 19
คมู ือครรู ายวชิ าเพ่ิมเตมิ คณิตศาสตร ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที่ 4 เลม 1
1.3 การวัดผลประเมนิ ผลระหวา งเรียน
การวัดผลระหวางเรียนมีจุดมุงหมายเพ่ือปรับปรุงการเรียนรูและพัฒนาการเรียนการสอน และ
ตรวจสอบนักเรียนแตละคนวามีความรูความเขาใจในเรื่องที่ครูสอนมากนอยเพียงใด การให
นักเรียนทําแบบฝกหัดเปนแนวทางหน่ึงท่ีครูอาจใชเพื่อประเมินผลดานความรูระหวางเรียนของ
นักเรียน ซึ่งหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปท่ี 4 เลม 1 ไดนําเสนอ
แบบฝกหัดท่ีครอบคลุมเนื้อหาที่สําคัญของแตละบทไว สําหรับในบทท่ี 1 เซต ครูอาจใช
แบบฝก หัดเพ่ือวดั ผลประเมินผลความรใู นแตล ะเนอ้ื หาไดด งั น้ี
เน้ือหา แบบฝก หัด
ความหมายของเซต สมาชิกของเซต จํานวนสมาชิกของเซต 1.1ก ขอ 3 – 5
เซตวา ง เอกภพสัมพัทธ
การเขียนแสดงเซตแบบแจกแจงสมาชิกและแบบบอกเง่ือนไข 1.1ก ขอ 1 – 2
ของสมาชกิ
เซตจาํ กดั และเซตอนนั ต 1.1ก ขอ 6
เซตทเ่ี ทา กนั 1.1ก ขอ 7 – 8
สับเซต 1.1ข ขอ 1 – 4
เพาเวอรเซต 1.1ข ขอ 5
การเขียนแผนภาพเวนนแ สดงเซต 1.1ค ขอ 1 – 3
การดําเนินการระหวา งเซต 1.2ก ขอ 1 – 6
(อนิ เตอรเซกชัน ยเู นยี น คอมพลเี มนต ผลตา งระหวา งเซต)
การแกป ญ หาโดยใชเ ซต 1.3ก ขอ 1 – 9
สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทท่ี 1 | เซต
20 คูม ือครูรายวิชาเพ่มิ เตมิ คณติ ศาสตร ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท่ี 4 เลม 1
1.4 การวเิ คราะหแ บบฝกหัดทา ยบท
หนังสอื เรียนรายวิชาเพ่ิมเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปท่ี 4 เลม 1 มีจดุ มุงหมายวาเม่ือนักเรียน
ไดเ รียนจบบทที่ 1 เซต แลวนกั เรียนสามารถ
1. ใชสัญลกั ษณเ กี่ยวกบั เซต
2. หาเพาเวอรเซตของเซตจาํ กัด
3. หาผลการดาํ เนนิ การของเซต
4. ใชแ ผนภาพเวนนแสดงความสัมพันธร ะหวางเซต
5. ใชความรเู ก่ยี วกับเซตในการแกปญหา
ซ่ึงหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 1 ไดนําเสนอแบบฝกหัด
ทายบทท่ปี ระกอบดว ยโจทยเพ่ือตรวจสอบความรูหลังเรียน โดยมวี ตั ถปุ ระสงคเพื่อวัดความรูความ
เขาใจของนักเรียนตามจุดมุงหมาย ซึ่งประกอบดวยโจทยฝกทักษะที่มีความนาสนใจและโจทย
ทาทาย ครูอาจเลือกใชแบบฝกหัดทายบทวัดความรูความเขาใจของนักเรียนตามจุดมุงหมาย
ของบทเพ่อื ตรวจสอบวา นกั เรียนมคี วามสามารถตามจุดมุง หมายเมือ่ เรยี นจบบทเรยี นหรือไม
ทัง้ น้ี แบบฝก หดั ทายบทแตละขอในหนังสือเรียนรายวิชาเพ่ิมเติมคณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปท่ี 4
เลม 1 บทท่ี 1 เซต สอดคลอ งกับจุดมงุ หมายของบทเรยี น ดงั นี้
จดุ มงุ หมาย แบบฝก หดั ทา ยบทขอ ที่
1. ใชส ัญลักษณเก่ยี วกับเซต
1 1) – 5)
2. หาเพาเวอรเ ซตของเซตจาํ กดั 2 1) – 4)
3 1) – 5)
4 1) – 6)
4 7) – 9)
5* 1) – 4)
สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทท่ี 1 | เซต 21
คมู ือครรู ายวิชาเพิ่มเตมิ คณติ ศาสตร ช้ันมธั ยมศกึ ษาปท ่ี 4 เลม 1
จุดมุง หมาย แบบฝก หดั ทา ยบทขอ ท่ี
3. หาผลการดาํ เนนิ การของเซต
4. ใชแ ผนภาพเวนนแสดงความสัมพันธระหวา งเซต 5* 1) – 4)
6 1) – 6)
5. ใชความรเู กย่ี วกบั เซตในการแกปญ หา 7 1)*, 2)*
7 1)*, 2)*, 3)
โจทยทาทาย 8 1) – 3)
9 1) – 7)
10 1) – 8)
11 1) – 3)
12 1) – 5)
13
14
15 1) – 2)
16 1) – 2)
17
18 1) – 4)
19 1) – 3)
20
21
22 1) – 4)
หมายเหตุ
แบบฝกหัดทา ยบทขอ ทีส่ อดคลองกับจดุ มุงหมายของบทเรียนมากกวา 1 จดุ มงุ หมาย ไดแ ก
• ขอ 5 ขอยอย 1) – 4) สอดคลองกบั จดุ มงุ หมายขอ 2 และ 3
• ขอ 7 ขอ ยอ ย 1) – 2) สอดคลอ งกบั จุดมงุ หมายขอ 3 และ 4
สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทท่ี 1 | เซต
22 คมู อื ครรู ายวชิ าเพมิ่ เติมคณติ ศาสตร ชน้ั มธั ยมศึกษาปท ่ี 4 เลม 1
1.5 ความรเู พมิ่ เติมสําหรับครู
• เซตอนนั ต จําแนกไดเปน 2 แบบ คอื
แบบที่ 1 เปน เซตอนันตน บั ได (countable infinite) เชน เซตของจํานวนนับ เซตของ
จาํ นวนเต็ม เซตของจํานวนตรรกยะ { x ∈ − | x ≤ 1}, { x ∈ | x ≠ 0}
แบบท่ี 2 เปนเซตอนันตนบั ไมได (uncountable infinite) เชน เซตของจาํ นวนจรงิ
{ x∈ |1< x < 2}
• สมบัติของการดาํ เนนิ การของเซต
สมบัติของการดําเนินการของเซตเทียบเคียงไดกับสมบัติบางขอในสัจพจนเชิงพีชคณิต
ของระบบจาํ นวนจรงิ ดังนี้
ให A, B และ C เปนสบั เซตของเอกภพสมั พัทธ U จะได
1) สมบัตกิ ารสลบั ท่ี
A∪B= B∪ A
A∩B= B∩ A
2) สมบตั กิ ารเปล่ียนหมู
(A∪ B)∪C = A∪(B ∪C)
(A∩ B)∩C = A∩(B ∩C)
3) สมบัตกิ ารแจกแจง
A∪(B∩C) = (A∪ B)∩(A∪C)
A∩(B∪C) = (A∩ B)∪(A∩C)
สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทท่ี 1 | เซต 23
คมู อื ครรู ายวิชาเพม่ิ เตมิ คณติ ศาสตร ช้ันมธั ยมศึกษาปที่ 4 เลม 1
1.6 ตวั อยา งแบบทดสอบประจําบทและเฉลยตัวอยา งแบบทดสอบประจาํ บท
ในสวนน้ีจะนําเสนอตัวอยางแบบทดสอบประจําบทท่ี 1 เซต สําหรับรายวิชาเพ่ิมเติมคณิตศาสตร
ช้ันมัธยมศึกษาปท่ี 4 เลม 1 ซ่ึงครูสามารถเลือกนําไปใชไดตามจุดประสงคการเรียนรูท่ีตองการ
วัดผลประเมนิ ผล
ตัวอยางแบบทดสอบประจาํ บท
1. จงเขยี นเซตตอ ไปนแี้ บบแจกแจงสมาชิก
{ }1) x ∈ 2x2 − x − 3 =0 2) เซตของจาํ นวนเฉพาะท่อี ยูระหวาง 0 กบั 20
2. จงเขยี นเซตตอไปนแี้ บบบอกเงื่อนไขของสมาชกิ
1) 1, 1, 1, 1, 2, 4 2) { 0.1, 0.2, 0.3, 0.4, }
8 4 2
3. จงหาจาํ นวนสมาชิกของเซตตอ ไปนี้
1) {{1, 2, 3, …}} { }2) x ∈ x2 < 150
4. จงพจิ ารณาวาขอ ความตอไปนีเ้ ปนจริงหรอื เปนเทจ็
1) { x x เปน สบั เซตของ ∅} เปน เซตวาง
2) { x x เปนเพาเวอรเ ซตของ ∅} เปนเซตท่ีมีสมาชิก 1 ตัว
3) {1, {1}} ≠ {{1, {1}}}
5. ให A = { a, b, c, {d}} จงพิจารณาวา ขอ ความตอไปนเ้ี ปนจริงหรอื เท็จ
1) a ∈ A 2) {d}∉ A
4) { a, b } ∈ A
3) {{d}} ⊂ A
5) {b, {d}} ⊂ P( A) 6) {∅, {d}} ⊂ P( A)
6. กาํ หนดให A, B เปนเซตอนนั ต และ A ≠ B จงพจิ ารณาวา ขอความตอไปน้ีเปน จริงหรือเท็จ
ถา เปนเท็จจงยกตัวอยางคาน
1) A ∩ B เปนเซตอนันต 2) A ∩ B เปน เซตจํากดั
3) A − B เปน เซตอนันต 4) A − B เปน เซตจาํ กัด
สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เซต
24 คมู ือครูรายวชิ าเพ่ิมเตมิ คณติ ศาสตร ช้นั มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 4 เลม 1
7. กําหนดให A = {a, b, c, d, e}
1) จงหาจาํ นวนสับเซตของ A ทมี่ ี a เปน สมาชิก
2) จงหาจํานวนสับเซตของ A ท่ีไมมี a เปน สมาชกิ
8. กาํ หนดให A = {1, {2, 3}} จงหา P( A) − A
9. ให A, B และ C เปน เซตใด ๆ ท่ีไมใ ชเซตวา ง จงเขียนแผนภาพแสดงเซตตอไปนี้
1) ( A − B) ∪ ( B − A) 2) (( A − B) − ( A − C )) ∪ (B − ( A ∪ C ))
10. จงพจิ ารณาวา ( A − B) ∪ (B − A) และ ( A ∪ B) − ( A ∩ B) เทากนั หรือไม
11. ให A และ B=เปน เซต ซงึ่ A ∪ B {0, 1, 2,=3, 4, 5, 6, 8}, A − B {0, 1, 3} และ
B − A ={2, 4, 6} จงพิจารณาวา A ∩ B เปน สบั เซตของ {4, 6, 8} หรอื ไม
12. ให A, B และ C เปนเซตซ่ึงเปนสับเซตของเอกภพสมั พัทธ U เม่ือ U = {1, 2, 3, , 13},
=A {=3, 4, 5, 8, 9}, B {5, 6, 7, 9, 10, 11} และ C = {8, 9, 10, 11, 12, 13}
จงเขยี น ( A ∪ B) − C′ แบบแจกแจงสมาชิก
13. ถา A มีจํานวนสมาชิกมากกวา B อยู 1 ตัว และ n( A ∪ B) + n( A ∩ B) =75 จงหา
จํานวนสมาชกิ ของ A
14. กําหนดให U = {1, 2, , 100} จงหาจํานวนสมาชิกของ U ท่ีเปนจํานวนคูซึ่งหารดวย 3
ไมลงตวั
15. กําหนดให U = {1, 2, , 60} จงหาจํานวนสมาชิกของ U ที่หารดวย 3 ลงตัว หรือหาร
ดว ย 4 ลงตวั หรือหารดว ย 5 ลงตัว
16. นักเรียน 50 คน แตละคนมีเสื้อสีขาวหรือสีเขียวอยา งนอ ยหนงึ่ ตัว ถามีนักเรียน 39 คนที่มี
เสอื้ สีขาว และมนี กั เรยี น 19 คนท่มี เี สอื้ สเี ขยี ว แลว มีนักเรียนก่ีคนที่มที ้งั เสอื้ สีขาวและสีเขยี ว
17. ในหองเรียนหนึ่งมีนักเรียนที่เล้ียงสุนัข 32 คน มีนักเรียนที่เลี้ยงแมว 25 คน และมีนักเรียนท่ี
เลีย้ งสนุ ัขหรือแมวเพียงชนิดเดียว 47 คน จงหาจาํ นวนของนักเรียนท่ีเลยี้ งท้ังสุนัขและแมว
สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทท่ี 1 | เซต 25
คูมอื ครูรายวิชาเพิม่ เติมคณติ ศาสตร ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที่ 4 เลม 1
18. ในการสํารวจงานอดเิ รกของคน 140 คน พบวา
72 คน ชอบดภู าพยนตร
65 คน ชอบออกกาํ ลงั กาย
58 คน ชอบอานหนังสอื
23 คน ชอบดภู าพยนตรและออกกาํ ลงั กาย
18 คน ชอบดภู าพยนตรและอา นหนงั สือ
40 คน ชอบออกกําลังกายและอา นหนังสอื
10 คน ไมสนใจงานอดิเรกขางตน
จงหาจํานวนคนท่ชี อบทัง้ ดภู าพยนตร ออกกําลังกาย และอานหนงั สือ
19. ในงานเล้ียงแหงหน่ึงมีผูเขารวมงาน 200 คน โดยท่ีทุกคนชอบรับประทานกุง ปลา หรือปู
จากการสํารวจปรากฏวามีคนท่ีชอบรับประทานกุง ปลา และปู 63%, 42% และ 55%
ตามลาํ ดบั มคี นทช่ี อบรบั ประทานกงุ และปลา 24% ชอบรบั ประทานปลาและปู 17% และ
ชอบรับประทานท้ังสามอยาง 9% จงหาจาํ นวนของคนท่ีชอบรบั ประทานท้ังกุงและปู
20. ในการสํารวจขอมูลเก่ียวกับการทองเท่ียวของนักทองเที่ยวชาวตางชาติจํานวน 500 คน
พบวา นักทอ งเท่ยี วทุกคนเคยไปเชียงใหม กระบี่ หรือชลบรุ ี โดยมนี กั ทอ งเท่ียวท่ีเคยไปทั้ง
เชียงใหม กระบ่ี และชลบรุ ี จํานวน 39 คน เคยไปเชียงใหมและกระบ่ีเทา น้ัน 78 คน เคยไป
เชียงใหมและชลบุรเี ทานั้น 96 คน เคยไปกระบแี่ ละชลบุรีเทานัน้ 111 คน และมคี นทไ่ี มเคย
ไปกระบ่ี 208 คน จงหาจาํ นวนคนทเ่ี คยไปกระบ่เี พียงจงั หวัดเดยี ว
เฉลยตัวอยางแบบทดสอบประจาํ บท
1. 1) จาก 2x2 − x − 3 = 0
(2x − 3)( x +1) = 0
จะได x = 3 หรือ x = −1
2
เนอ่ื งจาก x∈ แต 3 ∉
2
สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทท่ี 1 | เซต
26 คมู อื ครูรายวชิ าเพมิ่ เตมิ คณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท่ี 4 เลม 1
จะได คําตอบของสมการนี้ คือ −1
ดังน้ัน เขยี น {x∈ }2x2 − x − 3 =0 แบบแจกแจงสมาชิกไดเ ปน {−1}
2) เนอ่ื งจาก จํานวนเฉพาะที่อยูระหวาง 0 และ 20 ไดแ ก 2, 3, 5, 7, 11, 13, 17 และ 19
ดังนนั้ เขยี นเซตของจํานวนเฉพาะท่ีอยูระหวาง 0 และ 20 แบบแจกแจงสมาชกิ ไดเ ปน
{2, 3, 5, 7, 11, 13, 17, 19}
2. 1) ตวั อยา งคําตอบ
เนือ่ งจาก =1 1= 2−=3 21−4
23
8
=1 1= 2=−2 22−4
4 22
=1 1= 2−=1 23−4
2 21
=1 2=0 24−4
=2 2=1 25−4
และ =4 2=2 26−4
ดังนั้น เขียน 1 , 1, 1 , 1, 2, 4 แบบบอกเงื่อนไขของสมาชิกไดเ ปน
8 4 2
{x x = 2n−4 เม่ือ n∈ และ n ≤ 6}
2) ตัวอยางคาํ ตอบ
เนอื่ งจาก 0.1 = 1
10
0.2 = 2
10
0.3 = 3
10
0.4 = 4
10
ดงั น้ัน เขียน { 0.1, 0.2, 0.3, 0.4, } แบบบอกเงื่อนไขของสมาชิกไดเปน
{x | x = n เม่อื n∈ }
10
สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เซต 27
คูมอื ครูรายวิชาเพิม่ เตมิ คณติ ศาสตร ช้นั มธั ยมศึกษาปที่ 4 เลม 1
3. 1) เนอ่ื งจาก {{1, 2, 3, …}} มสี มาชิก คือ {1, 2, 3, …}
ดังนน้ั {{1, 2, 3, …}} มีจาํ นวนสมาชกิ 1 ตัว
{ }2) เนือ่ งจาก x ∈ x2 < 150 ={−12, −11, … , 0, 1, … , 12}
น่ันคอื {x ∈ }x2 <150 มสี มาชิก คือ −12, −11, … , 0, 1, … , 12
ดงั น้นั {x∈ }x2 <150 มีจํานวนสมาชกิ 25 ตวั
4. 1) เนือ่ งจาก ∅ ⊂ ∅
จะได { x x เปนสับเซตของ ∅ }={∅}
เนอื่ งจาก {∅} ≠ ∅
จะได { x x เปน สับเซตของ ∅}≠∅
ดังนนั้ ขอ ความ “{ x x เปน สบั เซตของ ∅} เปน เซตวาง” เปนเท็จ
2) เน่อื งจาก ∅ ⊂ ∅
จะได เพาเวอรเซตของ ∅ คือ {∅}
ดงั นน้ั { x x เปนเพาเวอรเ ซตของ ∅} = {{∅}}
เนื่องจาก {{∅}} เปนเซตท่ีมสี มาชิก 1 ตัว คอื {∅}
จะได { x x เปนเพาเวอรเ ซตของ ∅} เปนเซตทมี่ สี มาชิก 1 ตัว
ดงั น้ัน ขอความ “{ x x เปนเพาเวอรเซตของ ∅} เปนเซตท่ีมสี มาชกิ 1 ตวั ” เปน จรงิ
3) เน่ืองจาก {1, {1}} เปน เซตซึง่ มสี มาชกิ 2 ตวั คือ 1 และ {1}
และ {{1, {1}}} เปนเซตซงึ่ มสี มาชกิ 1 ตวั คือ {1, {1}}
จะเหน็ วาจาํ นวนสมาชกิ ของ {1, {1}} ไมเทา กบั จาํ นวนสมาชิกของ {{1, {1}}}
นน่ั คอื {1, {1}} ≠ {{1, {1}}}
ดงั นัน้ ขอ ความ “{1, {1}} ≠ {{1, {1}}} ” เปน จริง
5. 1) จาก A = {a, b, c, {d}}
จะเห็นวา a ∈{a, b, c, {d}}
ดังนั้น ขอความ “ a∈ A” เปน จริง
สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เซต
28 คมู อื ครรู ายวิชาเพ่ิมเติมคณติ ศาสตร ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท ่ี 4 เลม 1
2) จาก A = {a, b, c, {d}}
จะเห็นวา {d}∈{a, b, c, {d}}
ดังน้นั ขอ ความ “{d}∉ A ” เปนเทจ็
3) จาก A = {a, b, c, {d}}
จะไดวา สบั เซตของ A ท่ีมสี มาชกิ 1 ตัว ไดแ ก {a}, {b}, {c} และ {{d}}
ดงั นั้น ขอ ความ “{{d}} ⊂ A ” เปนจริง
4) จาก A = {a, b, c, {d}}
จะเหน็ วา a ∈ A และ b∈ A แต {a, b}∉ A
ดงั นัน้ ขอ ความ “{a, b}∈ A ” เปน เทจ็
5) จาก A = {a, b, c, {d}}
จะไดวา สับเซตของ A ทม่ี สี มาชิก 2 ตวั ไดแ ก {a, b}, {a, c}, {a, {d}}, {b, c},
{b, {d}} และ {c, {d}}
นั่นคือ {b, {d}}∈ P( A) แต {b, {d}} ⊄ P( A)
ดังนน้ั ขอ ความ “{b, {d}} ⊂ P( A) ” เปนเทจ็
6) จาก A = {a, b, c, {d}}
จะไดวา สับเซตของ A ที่มสี มาชกิ 0 ตัว คือ ∅
และ สับเซตของ A ที่มีสมาชิก 1 ตวั ไดแ ก {a}, {b}, {c} และ {{d}}
นน่ั คือ {∅, {{d}}} ⊂ P( A) แต {∅, {d}} ⊄ P( A)
ดงั น้ัน ขอความ “{∅, {d}} ⊂ P( A) ” เปน เทจ็
6. 1) เปน เทจ็ เชน เมอื่ A เปนเซตของจํานวนคู และ B เปนเซตของจํานวนคี่
จะได A ∩ B =∅ ซง่ึ ∅ เปนเซตจํากดั
ดังนนั้ A ∩ B ไมเปนเซตอนนั ต
2) เปน เท็จ เชน เมื่อ A = และ B =
จะได A ∩ B = ซึ่ง เปนเซตอนันต
ดงั นนั้ A ∩ B ไมเปนเซตจํากดั
สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทท่ี 1 | เซต 29
คมู อื ครรู ายวิชาเพม่ิ เตมิ คณิตศาสตร ช้นั มธั ยมศกึ ษาปท่ี 4 เลม 1
3) เปน เท็จ เชน เมอื่ A= ∪{0} และ B =
จะได A − B ={0} ซงึ่ {0} เปนเซตจํากัด
ดังนัน้ A − B ไมเ ปน เซตอนนั ต
4) เปนเทจ็ เชน เม่ือ A = และ B เปน เซตของจํานวนคี่
จะได A − B คอื เซตของจาํ นวนคู ซงึ่ เซตของจาํ นวนคเู ปนเซตอนนั ต
ดังนัน้ A − B ไมเปน เซตจํากัด
7. จาก A = {a, b, c, d, e}
จะได สับเซตของ A ที่มสี มาชกิ 0 ตวั ไดแก ∅
สบั เซตของ A ที่มสี มาชิก 1 ตวั ไดแ ก {a}, {b}, {c}, {d} และ{e}
สบั เซตของ A ทมี่ สี มาชกิ 2 ตวั ไดแก {a,b}, {a,c}, {a,d}, {a,e}, {b,c},
{b,d}, {b,e}, {c,d}, {c,e} และ {d,e}
สับเซตของ A ทมี่ ีสมาชิก 3 ตวั ไดแก {a,b,c}, {a,b,d}, {a,b,e}, {a,c,d},
{a,c,e},{a, d,e}, {b,c, d}, {b,c,e},
{b,d,e} และ{c,d,e}
สับเซตของ A ทม่ี สี มาชิก 4 ตัว ไดแก {a,b,c,d}, {a,b,c,e}, {a,b,d,e},
{a,c,d,e} และ {b,c,d,e}
สับเซตของ A ที่มีสมาชกิ 5 ตัว ไดแ ก {a,b,c,d,e}
1) เนอ่ื งจาก สบั เซตของ A ที่มี a เปนสมาชิก ไดแ ก {a}, {a,b}, {a,c}, {a,d},
{a,e}, {a,b,c}, {a,b, d}, {a,b,e}, {a,c, d}, {a,c,e}, {a, d,e}, {a,b,c, d},
{a,b,c,e}, {a,b, d,e}, {a,c, d,e} และ {a,b,c, d,e}
ดังน้นั จํานวนสบั เซตของ A ทีม่ ี a เปน สมาชกิ คอื 16 สับเซต
2) เนอื่ งจาก จาํ นวนสบั เซตท้ังหมดของ A คือ 32 สับเซต
และ จาํ นวนสบั เซตของ A ทมี่ ี a เปนสมาชกิ คอื 16 สับเซต
ดงั นัน้ จาํ นวนสับเซตของ A ทไี่ มม ี a เปนสมาชกิ คือ 32 – 16 = 16 สับเซต
สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เซต
30 คมู ือครรู ายวิชาเพมิ่ เตมิ คณติ ศาสตร ช้นั มัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 1
8. จาก A = {1, {2, 3}}
จะได สับเซตของ A ที่มสี มาชกิ 0 ตัว คือ ∅
สับเซตของ A ท่ีมสี มาชกิ 1 ตัว คอื {1}, {{2, 3}}
สับเซตของ A ทม่ี ีสมาชกิ 2 ตัว คอื {1, {2, 3}}
นน่ั คือ P(A)= { ∅, {1}, {{ 2, 3}}, {1, { 2, 3}}}
ดังนั้น {P(A) − A =P(A) = ∅, {1}, {{ 2, 3}}, {1, { 2, 3}}}
9. 1) เขียนแผนภาพแสดง ( A − B) ∪ (B − A) ไดดงั นี้
2) เขยี นแผนภาพแสดง (( A − B) − ( A − C)) ∪ (B − ( A ∪ C))
สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เซต 31
คมู ือครรู ายวชิ าเพม่ิ เตมิ คณติ ศาสตร ชั้นมธั ยมศึกษาปท่ี 4 เลม 1
10. เขียนแผนภาพแสดง ( A − B) ∪ (B − A) และ ( A ∪ B) − ( A ∩ B) ไดดงั น้ี
( A − B) ∪(B − A) (A∪ B)−(A∩ B)
จากแผนภาพ จะไดวา ( A − B) ∪ (B − A) = ( A ∪ B) − ( A ∩ B)
ดังน้ัน ( A − B) ∪ (B − A) และ ( A ∪ B) − ( A ∩ B) เทากนั
11. จาก A และ B=เปน เซต ซงึ่ A ∪ B {0, 1, 2,=3, 4, 5, 6, 8}, A − B {0, 1, 3} และ
B − A ={2, 4, 6}
เขยี นแผนภาพแสดงสมาชกิ ของ A และ B ไดดงั นี้
02
1 54
3 86
จากแผนภาพ จะได A ∩ B ={5, 8} ซ่ึงมสี มาชกิ 2 ตัว คอื 5 และ 8
เนือ่ งจาก {4, 6, 8} มสี มาชกิ 3 ตัว คือ 4, 6 และ 8
จะเห็นวา มี 5 ซ่ึง 5∈ A ∩ B แต 5∉{4, 6, 8}
ดงั นัน้ A ∩ B ไมเ ปน สบั เซตของ {4, 6, 8}
สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เซต
32 คูมอื ครรู ายวชิ าเพม่ิ เติมคณติ ศาสตร ช้นั มัธยมศึกษาปท ี่ 4 เลม 1
12. จาก A, B และ C เปน เซตซึง่ เปน สับเซตของเอกภพสัมพัทธ U เมื่อ
U = {1, 2, 3, , 13},
=A {=3, 4, 5, 8, 9}, B {5, 6, 7, 9, 10, 11} และ C = {8, 9, 10, 11, 12, 13}
จะได A ∪ B ={3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10, 11} และ C′ = {1, 2, 3, 4, 5, 6, 7}
นั่นคือ ( A ∪ B) − C′ ={8, 9, 10, 11}
ดงั นนั้ เขยี น ( A ∪ B) − C′ แบบแจกแจงสมาชิกไดเ ปน {8, 9, 10, 11}
13. ให A และ B เปนเซตใด ๆ โดยท่ี A มสี มาชกิ a ตัว นน่ั คอื n( A) = a
เนื่องจาก A มีสมาชิกมากกวา B อยู 1 ตัว
จะไดวา B มสี มาชกิ a −1 ตวั นั่นคอื n(B)= a −1
จาก n( A ∪ B)= n( A) + n( B) − n( A ∩ B)
จะได n( A ∪ B) + n( A ∩ B)= n( A) + n(B)
จาก n( A ∪ B) + n( A ∩=B) 75, n=( A) a และ n( B)= a −1
จะได 75 =a + (a −1)
น่นั คือ a = 38
ดังนนั้ จาํ นวนสมาชิกของ A คือ 38
14. จาก U = {1, 2, , 100}
ให A แทนเซตของจํานวนท่เี ปนสมาชกิ ของ U ซงึ่ เปน จาํ นวนคู
B แทนเซตของจาํ นวนท่เี ปน สมาชกิ ของ U ซ่ึงหารดว ย 3 ลงตัว จะได
และ A ∩ B แทนเซตของจํานวนทเี่ ปนสมาชกิ ของ U ซึ่งเปนจํานวนคแู ละหารดวย 3 ลงตวั
จะได A = {2, 4, 6, , 100} นัน่ คอื n( A) = 50
B = {3, 6, 9, , 99} นัน่ คือ n(B) = 33
และ A ∩ B ={6, 12, 18, , 96} น่นั คอื n( A ∩ B) =16
เขียนแผนภาพแสดงจํานวนสมาชิกของ A และ B ไดด งั นี้
สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เซต 33
คูมือครูรายวิชาเพมิ่ เตมิ คณติ ศาสตร ช้ันมธั ยมศกึ ษาปท ี่ 4 เลม 1
34 16 17
จากแผนภาพ จะได n( A − B) =34
ดงั นัน้ จํานวนสมาชกิ ของ U ที่เปนจํานวนคซู งึ่ หารดวย 3 ไมลงตัว เทากบั 34 ตัว
15. จาก U = {1, 2, , 60}
ให A แทนเซตของจํานวนทเ่ี ปนสมาชิกของ U ซ่งึ หารดวย 3 ลงตวั
B แทนเซตของจํานวนทีเ่ ปน สมาชกิ ของ U ซ่ึงหารดว ย 4 ลงตวั
และ C แทนเซตของจํานวนที่เปน สมาชิกของ U ซึง่ หารดว ย 5 ลงตัว
จะได A = { 3, 6, , 60} นนั่ คือ n( A) = 20
B = { 4, 8, , 60} นน่ั คือ n( B) =15
และ C = { 5, 10, , 60} นัน่ คือ n(C ) =12
ให A ∩ B แทนเซตของจํานวนทีเ่ ปนสมาชกิ ของ U ซึ่งหารดว ย 3 และ 4 ลงตัว
A ∩ C แทนเซตของจํานวนทเ่ี ปนสมาชกิ ของ U ซง่ึ หารดว ย 3 และ 5 ลงตวั
B ∩ C แทนเซตของจํานวนที่เปนสมาชิกของ U ซง่ึ หารดว ย 4 และ 5 ลงตวั
และ A ∩ B ∩ C แทนเซตของจํานวนท่ีเปน สมาชกิ ของ U ซง่ึ หารดว ย 3 และ 4 และ 5 ลงตวั
จะได A ∩ B ={12, 24, 36, 48, 60} น่ันคือ n( A ∩ B) =5
A ∩ C ={15, 30, 45, 60 } นน่ั คอื n( A ∩ C ) =4
B ∩ C ={ 20, 40, 60 } นน่ั คือ n( A ∩ C) =3
A ∩ B ∩ C ={ 60 } นน่ั คือ n( A ∩ B ∩ C) =1
สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทท่ี 1 | เซต
34 คมู ือครูรายวชิ าเพ่ิมเตมิ คณติ ศาสตร ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท่ี 4 เลม 1
วิธีที่ 1 เขียนแผนภาพแสดงจํานวนสมาชกิ ของ A, B และ C ไดดังน้ี
12 4 8
1
32
6
จากแผนภาพ จะได n( A ∪ B ∪ C ) = 12 + 8 + 6 + 4 + 3 + 2 +1 = 36
ดังนน้ั จํานวนสมาชกิ ของ U ท่ีหารดวย 3 ลงตัว หรือหารดวย 4 ลงตัว หรือหาร
ดวย 5 ลงตัว มีอยู 36 ตัว
วิธีที่ 2 จาก n( A ∪ B ∪ C ) = n( A) + n(B) + n(C ) − n( A ∩ B) − n( A ∩ C )
−n(B ∩ C) + n( A ∩ B ∩ C)
จะได n( A ∪ B ∪ C ) = 20 +15 +12 − 5 − 4 − 3 +1
= 36
ดงั นน้ั จํานวนสมาชิกของ U ท่ีหารดว ย 3 ลงตวั หรือหารดวย 4 ลงตัว หรือหาร
ดว ย 5 ลงตัว เทากบั 36 ตวั
16. ให A แทนเซตของนักเรยี นทีม่ เี สื้อสีขาว
B แทนเซตของนักเรียนที่มีเส้ือสีเขยี ว
จะได A ∪ B แทนเซตของนกั เรยี นทีม่ เี ส้ือสขี าวหรือสีเขียว
และ A ∩ B แทนเซตของนักเรยี นที่มีทัง้ เส้อื สีขาวและสีเขียว
เนื่องจาก มีนกั เรียน 39 คนท่ีมีเสื้อสีขาว น่ันคอื n( A) = 39
มนี กั เรียน 19 คนทม่ี เี สื้อสีเขียว นน่ั คอื n(B) =19
และ มีนกั เรยี นท้ังหมด 50 คน แตละคนมีเสื้อสีขาวหรอื สเี ขยี วอยา งนอ ย 1 ตัว
นั่นคือ n( A ∪ B) =50
จาก n( A ∪ B) = n( A) + n( B) − n( A ∩ B)
สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เซต 35
คูมือครูรายวิชาเพิม่ เตมิ คณิตศาสตร ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที่ 4 เลม 1
จะได 50 = 39 +19 − n( A ∩ B)
นั่นคือ n( A ∩ B) = 8
ดังน้นั มนี ักเรยี น 8 คน ท่ีมที ั้งเส้ือสีขาวและสีเขียว
17. ให A แทนเซตของนักเรยี นทีเ่ ลย้ี งสุนขั
B แทนเซตของนักเรียนทเ่ี ลี้ยงแมว
และ x แทนจํานวนนักเรียนทเ่ี ลี้ยงทงั้ สุนัขและแมว
เน่อื งจาก มนี ักเรยี นที่เลี้ยงสนุ ัข 32 คน และมนี กั เรยี นที่เลี้ยงแมว 25 คน
จะได n( A) = 32 และ n(B) = 25
เขียนแผนภาพแสดงจาํ นวนสมาชิกของ A และ B ไดด ังน้ี
32 – x x 25 – x
จากแผนภาพ จะไดวา มีนักเรยี นที่เลี้ยงสุนัขหรอื แมวเพียงชนดิ เดียว
(32 − x) + (25 − x) = 57 + 2x คน
เนื่องจาก มีนักเรยี นที่เล้ียงสุนัขหรือแมวเพยี งชนดิ เดียว 47 คน
จะได 57 − 2x = 47
2x = 10
นั่นคือ x = 5
ดงั นน้ั จํานวนของนกั เรียนทเ่ี ลยี้ งทัง้ สนุ ขั และแมว เทา กับ 5 คน
สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เซต
36 คมู อื ครรู ายวชิ าเพม่ิ เตมิ คณิตศาสตร ชนั้ มธั ยมศึกษาปท ี่ 4 เลม 1
18. ให A แทนเซตของคนทช่ี อบดภู าพยนตร จะได n( A) = 72
B แทนเซตของคนทชี่ อบออกกําลังกาย จะได n(B) = 65
C แทนเซตของคนทีช่ อบอา นหนังสือ จะได n(C) = 58
A ∩ B แทนเซตของคนท่ชี อบดูภาพยนตรแ ละออกกาํ ลงั กาย จะได n( A ∩ B) =23
A ∩ C แทนเซตของคนทช่ี อบดูภาพยนตรแ ละอา นหนังสือ จะได n( A ∩ C) =18
B ∩ C แทนเซตของคนทช่ี อบออกกําลงั กายและอานหนังสือ จะได n(B ∩ C) =40
และ ( A ∪ B ∪ C)′ แทนเซตของคนท่ีไมชอบงานอดเิ รกขางตนเลย
จะได n( A ∪ B ∪ C )′ =10 นน่ั คอื n( A ∪ B ∪ C )= 140 −10= 130
วิธีที่ 1 ให x แทนจาํ นวนคนท่ีชอบทั้งดภู าพยนตร ออกกาํ ลังกาย และอา นหนังสือ
เขยี นแผนภาพแสดงจาํ นวนสมาชิกของ A, B และ C ไดด งั น้ี
U
A 23 – x B
31 + x 2+x
x
18 – x 40 – x
x
C
วิธที ี่ 2 จากแผนภาพ จะได
(31+ x) + (23 − x) + (2 + x) + (18 − x) + x + (40 − x) + x = 130
x +114 = 130
x = 16
ดังนั้น มคี นท่ชี อบท้งั ดภู าพยนตร ออกกาํ ลงั กาย และอานหนังสอื 16 คน
จาก n( A ∪ B ∪ C ) = n( A) + n( B) + n(C ) − n( A ∩ B) − n( A ∩ C )
−n(B ∩ C) + n( A ∩ B ∩ C)
จะได 130 = 72 + 65 + 58 − 23 −18 − 40 + n( A ∩ B ∩ C )
น่ันคือ n( A ∩ B ∩ C) = 16
ดงั นัน้ มีคนท่ีชอบท้งั ดูภาพยนตร ออกกําลังกาย และอา นหนังสอื 16 คน
สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทท่ี 1 | เซต 37
คมู อื ครูรายวชิ าเพิ่มเตมิ คณติ ศาสตร ชนั้ มธั ยมศึกษาปท่ี 4 เลม 1
19. ให A แทนเซตของคนทีช่ อบรับประทานกงุ
B แทนเซตของคนท่ชี อบรบั ประทานปลา
C แทนเซตของคนทีช่ อบรับประทานปู
A ∩ B แทนเซตของคนท่ชี อบรบั ประทานกุง และปลา
B ∩ C แทนเซตของคนท่ชี อบรบั ประทานปลาและปู
A ∪ B ∪ C แทนเซตของคนที่ชอบรับประทานกงุ ปลา หรอื ปู
และ A ∩ B ∩ C แทนเซตของคนทีช่ อบรบั ประทานท้ังสามอยา ง
เนือ่ งจาก งานเลย้ี งนี้มผี เู ขา รวมงาน 200 คน โดยทีท่ กุ คนชอบรับประทานกงุ ปลา หรือปู
จะได n( A ∪ B ∪ C ) =200
และเนือ่ งจากในงานเลี้ยงน้ี มีผรู วมงานที่
ชอบรับประทานกงุ 63% จะได n( A) = 63 × 200 = 126
100
ชอบรบั ประทานปลา 42% จะได n( B) = 42 × 200 = 84
100
ชอบรับประทานปู 55% จะได n(C ) = 55 × 200 = 110
100
ชอบรบั ประทานกงุ และปลา 24% จะได n( A ∩ B) = 24 × 200 = 48
100
ชอบรบั ประทานปลาและปู 17% จะได n(B ∩ C) = 17 × 200 = 34
100
ชอบรับประทานท้งั สามอยา ง 9% จะได n( A ∩ B ∩ C)= 9 × 200= 18
100
จาก n( A ∪ B ∪ C ) = n( A) + n( B) + n(C ) − n( A ∩ B) − n( A ∩ C ) − n( B ∩ C )
+n( A∩ B ∩C)
จะได 200 = 126 + 84 +110 − 48 − n( A ∩ C ) − 34 +18
น่ันคอื n( A ∩ C) = 56
ดังนน้ั มคี นทช่ี อบรับประทานทั้งกุงและปู 56 คน
สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี