The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by noysupapt2541, 2022-03-05 01:24:39

แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาชีววิทยา 2 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4

รวมเล่มแผนม.4 เทอม 2 ชีววิทยา

29

ชอ่ื -สกุล รายการประเมิน คะแนน ร้อย สรปุ ผลการ
การยอมรบั รวม ละ ประเมิน
เลขท่ี ความใส่ใจ การเสนอ ความ ฟงั คนอื่น
ในการ ความ ร่วมมอื ใน
ทำงาน คิดเหน็ การทำงาน

3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผา่ น ไม่
ผา่ น

37 น.ส.ณัฏฐธดิ า อุปะทะ

38 น.ส.รจุ ี บุตรนนท์

39 น.ส.วิภวานี แสนโสภา

40 น.ส.สริ กิ ัญญา บุตรน้อย

41 น.ส.สกุ ฤตา บรรเรอื ง-
ทอง

42 น.ส.นันทพิ ร โอนากลุ

เกณฑ์การประเมนิ
ร้อยละ 75 ข้ึนไป ( 9 - 12 คะแนน) ผา่ นเกณฑ์
นอ้ ยกว่าร้อยละ 75 ( 0 – 8 คะแนน ) ไมผ่ า่ นเกณฑ์

ลงชอ่ื ........................................................ ผูส้ อน
(นางสาวสุภาวิณี เพิม่ ทอง)

วันท่ี ............ เดือน ........................ พ.ศ..............

30

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน

ประเด็นท่ีประเมิน เกณฑก์ ารให้คะแนน

321

ความใส่ใจในการ เมื่อเกิดปัญหาหรือไม่ ส่ว น ใหญ ่เมื่อเกิด เมื่อเกิดปัญหาหรือไม่

ทำงาน เข้าใจบทเรียนทุกคร้ัง ปัญหาหรือไม่เข้าใจ เข้าใจบทเรียนทุกครั้ง

มักซักถามและมีความ บทเรียนทุกครั้งมัก มักซักถามและมีความ

พยายามในการค้นหา ซักถามและมีความ พยายามในการค้นหา

คำตอบอยเู่ สมอ พยายามในการค้นหา คำตอบเปน็ บางครง้ั

คำตอบ

การเสนอความคดิ เห็น ส ่ ว น ใ ห ญ ่ เ ส น อ เสนอความคิดเห็น ไม่เสนอความคิดเห็น

ความคิดเห็น กล้า กลา้ แสดงออกที่จะพูด กล้าแสดงออกที่จะพูด

แสดงออกที่จะพูดใน ใน สิ่ง ที่ถูก หร ือ ดี ในสิ่งท่ถี ูกหรอื ดี

สิ่งท่ถี กู หรอื ดี บางครั้ง

ความร่วมมือในการ ใหค้ วามรว่ มมอื ในการ ส่วนใหญ่ให้ค ว าม ใหค้ วามรว่ มมอื ในการ

ทำงาน ทำงานกลมุ่ และ ร่วมมือในการทำงาน ทำงานกลุ่มและ

ปฏิบัตงิ านท่ีสมาชิกใน กลุ่มและปฏิบัติงานท่ี ปฏบิ ตั ิงานท่สี มาชิกใน

กลุ่มมอบหมายดว้ ย ส ม า ช ิ ก ใ น ก ลุ่ ม กลุ่มมอบหมายได้เป็น

ความเตม็ ใจทกุ ครง้ั มอบหมายได้ บางคร้งั

การยอมรับฟังคนอนื่ ย อ ม ร ั บ ฟ ั ง ค ว า ม ย อ ม ร ั บ ฟ ั ง ค ว า ม ไม่ยอมรับฟังความ

คิดเห็น ที่ดีและ มี คิดเห็น ที่ดีและ มี คิดเห็น ที่ดีและ มี

เหตุผลของผู้อื่นทุก เหตุผลของผู้อื่นบ้าง เหตุผลของผู้อื่น มัก

ค ร ั ้ ง ไ ม ่ ย ึ ด ค ว า ม แต่บาง คร ั้ง จะ ยึ ด ยึดความคิดเห็นของ

คิดเห็นของตนแต่ฝ่าย ความคดิ เหน็ ของตน ตนแตฝ่ า่ ยเดียว

เดยี ว

31

32

33

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 2

กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4
12 ชั่วโมง
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 4 เรือ่ ง โครโมโซมและสารพนั ธุกรรม 2 ช่ัวโมง

เรอ่ื ง สารพันธุกรรม ภาคเรียนที่ 2/2564

ครูผู้สอน นางสาวสุภาวิณี เพิ่มทอง

ผลการเรียนรู้และสาระการเรียนรู้เพิม่ เตมิ

สาระชีววิทยา 2. เข้าใจการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม สมบัติ

และหน้าที่ของสารพันธกุ รรม การเกิดมิวเทชัน เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ หลักฐาน ข้อมูล และแนวคิด

เกี่ยวกับวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต ภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก การเกิดสปีชีส์ใหม่ ความ

หลากหลายทางชวี ภาพ กำเนดิ ของสิง่ มชี ีวติ ความหลากหลายของส่ิงมีชวี ิต และอนกุ รมวิธาน รวมท้ัง

นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์

ช้ัน ผลการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้เพ่มิ เติม

ม.4 สืบค้นข้อมูล อธิบายสมบัติและ  DNA เปน็ พอลิเมอรข์ องนิวคลีโอไทด์ แตล่ ะนิวคลี

หน้าที่ของสารพันธกุ รรม โครงสร้าง โอไทด์ ประกอบดว้ ย นำ้ ตาลดอี อกซไี รโบส หม่ฟู อสเฟต

และองค์ประกอบทางเคมีของ DNA และไนโตรจนี ัสเบส คือ A T C และ G

และสรุปการจำลองดเี อน็ เอ  โมเลกลุ ของ DNA เปน็ พอลิ

นิวคลีโอไทด์ 2 สายเรียงสลับทิศและบิดเป็นเกลียว

เวียนขวา โดยการเข้าคู่กันของสาย DNA เกิดจากการ

จับค่ขู องเบสค่สู ม คอื A ค่กู ับ T และ C คกู่ ับ G

1. กำหนดเปา้ หมายของการจัดการเรยี นรู้
1.1 สาระการเรียนรู้/เน้ือหาการเรียนรู้
เร่อื ง โครโมโซม
1) การค้นพบสารพันธุกรรม
2) องค์ประกอบทางเคมขี อง DNA
3) โครงสรา้ งของ DNA

34

1.2 สาระสำคญั /ความคิดรวบยอดของเร่อื งท่เี ขียน
โครโมโซมของสิ่งมีชีวติ แต่ละสปีชีส์มจี ำนวนคงที่ โครโมโซมประกอบด้วย DNA และโปรตนี

นกั วิทยาศาสตร์ใชว้ ธิ กี ารทางวิทยาศาสตร์คน้ พบวา่ DNA เปน็ สารพนั ธุกรรม ส่วนของ DNA ท่คี วบคุม
ลักษณะทางพันธกุ รรมของสิ่งมีชีวิตเรียกว่า ยีน และสารพันธุกรรมทั้งหมดที่อยู่ในสิ่งมีชีวิต เรียกว่า
จีโนม DNA เป็นพอลินิวคลีโอไทด์ 2 สายบิดเป็นเกลียวเวียนขวา แต่ละสายเกิดจากนิวคลีโอไทด์
ต่อกันเปน็ สายยาว นิวคลีโอไทด์ประกอบด้วยน้ำตาลดอี อกซีไรโบส หมู่ฟอสเฟต และไนโตรจีนัสเบส
ซ่ึง DNA แตล่ ะโมเลกุลมีจำนวนและลำาดับของนิวคลโี อไทดท์ แี่ ตกตา่ งกัน

1.3 จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้: เม่ือผู้เรียนจบกิจกรรมการเรียนรู้ ผ้เู รยี นสามารถ

ด้านความรู้ (K: Knowledge) อธิบายโครงสร้างและองค์ประกอบทางเคมี

ของ DNA ได้

ด้านทกั ษะกระบวนการ (P: Process) สรา้ งแบบจำลองโครงสรา้ ง DNA ได้

ดา้ นคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (A: Attribute) ทำงานรว่ มกบั ผอู้ ่นื , รบั ผดิ ชอบตอ่ การทำงาน,

แสดงคงามคดิ เหน็ , นำเสนอผลงานหน้าช้ันเรยี น

ได้

ตระหนักถึงการนำความรู้ทางชวี วทิ ยาไปใช้ว่า

ต้องคำนึงถึงจริยธรรมและผลกระทบต่อมนุษย์

และส่ิงแวดล้อม

ดา้ นทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์  การลงความเห็นจากขอ้ มูล
(Sc.P: Science Process Skill)  การกำหนดและควบคุมตวั แปร
 การสังเกต  การกำหนดนิยามเชงิ ปฏบิ ตั ิการ
 การวดั  การตง้ั สมมตฐิ าน
 การคำนวณ/การใช้ตัวเลข  การทดลอง
 การจำแนกประเภท  การตคี วามหมายข้อมูลและลงข้อสรุป
 การจดั กระทำและสื่อความหมายข้อมลู  การสร้างแบบจำลอง
 การหาความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งสเปสกับสเปส
และสเปสกบั เวลา
 การพยากรณ/์ การทำนาย

35

2. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรแู้ บบ 5E
2.1 ขน้ั สรา้ งความสนใจ (Engagement)
2.1.1 ครูนำเข้าสู่บทเรียนโดยเชื่อมโยงกับวิธีการทางวิทยาศาสตร์ในบทที่ 1 เรื่องการศึกษา

ทางชวี วิทยา โดยถามความรูเ้ ดมิ ที่นักเรียนเคยเรียนมาตอนชั้นมธั ยมศึกษาตอนตน้ เก่ียวกับการศึกษา
ของเมนเดล และต้งั คำถามเพอ่ื ใหน้ ักเรียนรว่ มกนั อภปิ ราย โดยมแี นวคำถามดงั นี้

 นักเรียนรู้จักนักวิทยาศาสตร์อื่นอีกหรือไม่ ที่ศึกษาเกี่ยวกับพันธุศาสตร์และ
นักวิทยาศาสตร์เหล่านัน้ ใชว้ ธิ กี ารทางวิทยาศาสตร์อย่างไรบา้ ง (แนวคำตอบ: นักเรยี นอาจจะตอบได้
หรือไมไ่ ด้ ข้นึ กับความร้เู ดิมของนกั เรยี น)

2.1.2 ครูแจกใบความรู้ เร่อื ง การคน้ พบสารพันธกุ รรมของนักวทิ ยาศาสตร์
2.1.3 ครูถามคำถามเพื่อกระตุ้นความสนใจของนักเรียนว่า เพราะเหตุใด DNA จึงมีบทบาท
สำคัญต่อการถา่ ยทอดลกั ษณะทางพันธกุ รรมของสง่ิ มีชีวติ (แนวคำตอบ: DNA เปน็ สารพนั ธุกรรมของ
สง่ิ มชี วี ติ ซง่ึ ทำหนา้ ทกี่ ำหนดลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมของสิง่ มชี วี ติ และยังสามารถถ่ายทอดลกั ษณะทาง
พนั ธกุ รรมจากรุ่นพ่อแม่สรู่ ุ่นลกุ ได้)

2.2 ขน้ั สำรวจและค้นหา (Exploration)

2.2.1 แบ่งนักเรยี นออกเปน็ กลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน คละความสามารถ เกง่ ปานกลาง อ่อน

2.2.2 ให้นักเรียนแตล่ ะกลุ่มทำกิจกรรม เร่อื ง แบบจำลอง DNA

เร่อื ง แบบจำลอง DNA

จุดประสงค์ วัสดุและอปุ กรณ์

1. สร้างแบบจำลอง DNA จากวัสดุต่างๆ กระดาษ ลูกปดั ผัก ผลไม้ หรือวสั ดอุ ืน่ ๆ ท่ี

2. เปรียบเทยี บจำนวนนวิ คลีโอไทด์และชนิด สามารถหาได้ในท้องถ่ิน ที่มีสีแตกตา่ งกนั ชัดเจน

ของเบสจากแบบจำาลอง DNA 4 สเี พ่อื แทนเบส 4 ชนดิ

อภิปรายและสรปุ ผล

2.2.3 จากการดำเนนิ การกจิ กรรมการทดลอง เรอื่ ง แบบจำลอง DNA ให้นกั เรียนสรุปผลของ
กจิ กรรม เชือ่ มโยงกับองค์ความรหู้ นงั สือเรียนรายวชิ าเพิ่มเตมิ ชวี วทิ ยา 2 ม.4

2.2.4 ให้นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ ออกแบบการนำเสนอผลของกิจกรรมเพ่ือนำเสนอหน้าช้นั เรยี น

36

2.3 ขั้นอธบิ ายและลงขอ้ สรุป (Explanation)
2.3.1 ใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลของกิจกรรมและองค์ความรู้ที่สรุปได้ หน้าช้ัน

เรยี น
2.3.2 ครูและนกั เรียนรว่ มกันอภปิ รายผลของกจิ กรรม และนำสรปุ องคค์ วามรู้ ดังนี้

37

2.4 ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration)
2.4.1 ครใู ห้นกั เรียนนำใบความรู้ เรือ่ ง การคน้ พบสารพันธกุ รรมของนกั วทิ ยาศาสตร์ โดยให้

นกั เรียนศึกษาการทดลองของนกั วิทยาศาสตร์ และตอบคำถามตอ่ ไปน้ี
 ถ้าทำการทดลองเฉพาะชดุ การทดลองที่ 3 และ 4 โดยทไ่ี ม่มชี ดุ การทดลองท่ี 1 และ 2 จะ

สามารถสรปุ ผลได้หรือไม่ เพราะเหตุใด (แนวคำตอบ: ไมส่ ามารถสรปุ ผลการทดลองได้ เพราะชุดการ
ทดลองท่ี 1 และ 2 เปน็ ชดุ ควบคมุ (ชุดการทดลองที่ 1 เปน็ negative control และชดุ การทดลองท่ี
2 เป็น positive control))

 ในชุดการทดลองที่ 4 พบทั้งแบคทีเรียสายพันธุ์ S และสายพันธุ์ R ในเลือดของหนูที่ตาย
แบคทีเรียสายพันธุ์ใดที่ทำาให้หนูตาย เพราะเหตุใด (แนวคำตอบ: เมื่อพิจารณาชุดการทดลองที่ 1
และ 2 พบวา่ ชดุ การทดลองท่ี 1 ฉดี แบคทีเรียสายพันธ์ุ R ทม่ี ชี ีวิตให้หนู แล้วหนูไม่ตาย ส่วนชุดการ
ทดลองที่ 2 ฉดี แบคทเี รยี สายพันธุ์ S ทีม่ ชี วี ิตใหห้ นู แล้วหนตู าย ดังน้ันในชดุ การทดลองท่ี 4 ท่ีพบทั้ง
แบคทีเรียสายพันธุ์ S และสายพันธุ์ R แบคทีเรียที่ทำให้หนูตายจึงควรเเป็นแบคทีเรียสายพันธุ์ S
เหมอื นกบั ชุดการทดลองท่ี 2)

2.4.2 ครูขยายความรู้เพิ่มเติมว่า การที่แอเวอรีทดลองโดยใช้เอนไซม์ต่าง ๆ ได้แก่ DNase
RNase และ โปรตีเอสลงไปรวมกับสารสกัดจากแบคทีเรียสายพนั ธุ์ S เพื่อให้แน่ใจว่า เมื่อ DNA ถูก
ยอ่ ยสลายโดย DNase จะไมม่ ี DNA ทีจ่ ะไปเปล่ยี นแบคทีเรียสายพนั ธุ์ R ใหเ้ ปน็ แบคทเี รียสายพันธุ์ S
ได้สว่ นหลอดอื่น ๆ DNA ไมถ่ กู ยอ่ ยสลายจะพบแบคทีเรียสายพนั ธ์ุ S นอกจากน้ีมีนักวิทยาศาสตร์บาง
คนคิดว่าโปรตีนอาจเป็นสารพันธุกรรม ดังนั้นการทดลองของแอเวอรีที่เติมโปรตีเอส เมื่อย่อยสลาย
โปรตีนแล้วพบว่ามีแบคทเี รียสายพนั ธุ์ S เกดิ ขึ้น ซึง่ ยืนยนั วา่ สารพันธกุ รรมคือ DNA ไมใ่ ชโ่ ปรตนี

2.5 ขนั้ ประเมนิ (Evaluation)
2.5.1 ครใู หน้ ักเรยี นทำใบงานที่ 2 เรือ่ ง โครงสรา้ งและองค์ประกอบทางเคมขี องดีเอน็ เอ

38

3. สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งการเรยี นรู้

3.1 หนังสอื เรียนรายวชิ าเพิม่ เติม ชวี วทิ ยา 2

3.2 PowerPoint เร่ือง สารพนั ธกุ รรม
3.3 ใบงานที่ 2 เรอื่ ง โครงสรา้ งและองค์ประกอบทางเคมีของดเี อน็ เอ
3.4 ใบความรู้ เรอื่ ง การค้นพบสารพันธกุ รรมของนักวทิ ยาศาสตร์
3.5 ใบกจิ กรรม เรือ่ ง แบบจำลอง DNA
4. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้

จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ วิธีการวัดผลการเรยี นรู้ เกณฑ์การประเมินผล

ดา้ นความรู้ (K: Knowledge) การถามตอบ ผ่านเกณฑ์ไม่นอ้ ยกวา่

อธบิ ายโครงสร้างและองคป์ ระกอบ การตรวจแบบฝึกหดั รอ้ ยละ 75

ทางเคมีของ DNA ได้

ดา้ นทักษะกระบวนการ (P: Process) สงั เกตพฤตกิ รรมในการทำงาน ผ่านเกณฑ์ไมน่ ้อยกว่า

สรา้ งแบบจำลองโครงสรา้ ง DNA ได้ การตรวจชนิ้ งาน ร้อยละ 75

การนำเสนอผลงาน

ดา้ นคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A: สังเกตพฤติกรรมในการทำงาน ผ่านเกณฑ์ไม่นอ้ ยกว่า

Attribute) ร้อยละ 75

ทำงานร่วมกับผ้อู นื่ , รับผิดชอบตอ่

การทำงาน, แสดงความคดิ เหน็ ,

นำเสนอผลงานหน้าชั้นเรยี นได้

ตระหนกั ถงึ การนำความรทู้ าง

ชวี วิทยาไปใชว้ ่าต้องคำนึงถึงจรยิ ธรรม

ดา้ นทกั ษะกระบวนการทาง สังเกตพฤติกรรมในการทำงาน ผา่ นเกณฑ์ไม่นอ้ ยกว่า

วิทยาศาสตร์ การตรวจแบบฝกึ หดั ร้อยละ 75

(Sc.P: Science Process Skill)

 การสงั เกต

 การจัดกระทำและส่อื ความหมาย

ข้อมูล

 การลงความเหน็ จากขอ้ มลู

 การสรา้ งแบบจำลอง

39

แบบสังเกตพฤติกรรม

เรือ่ ง สารพนั ธกุ รรม

คำชี้แจง จงทำเครื่องหมาย  ลงในช่องที่ตรงกับพฤติกรรมที่ผู้เรียนแสดงออก โดยจำแนกระดับ

พฤตกิ รรมการแสดงออกไว้เปน็ 3 คะแนน ดังน้ี

3 คะแนน หมายถึง ผเู้ รียนมีพฤติกรรมในระดับดี

2 คะแนน หมายถึง ผู้เรียนมพี ฤติกรรมในระดับปานกลาง

1 คะแนน หมายถึง ผู้เรียนมพี ฤติกรรมในระดับปรับปรุง

ช่อื -สกุล รายการประเมิน คะแนน รอ้ ย สรุปผลการ

ความใสใ่ จ การเสนอ ความ การยอมรบั รวม ละ ประเมิน

เลขท่ี ในการ ความ รว่ มมอื ใน ฟงั คนอน่ื

ทำงาน คิดเหน็ การทำงาน

3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผ่าน ไม่
ผา่ น

1 นายณฐั นนทส์ ธุ รรมฤทธ์ิ

2 นายระพธี าดา วงศ์คุลี

3 นายจักรกฤษ สีลาแดง

4 นายจกั รภัทร จันทรแ์ กว้

5 นายนรภทั ร ศรที อง

6 นายปรัชญา ใจบญุ

7 นายประสทิ ธิชัย อามาตย์

สมบตั ิ

8 นายจักรภัทร สขุ ณรงค์

9 นายฉัตรดนยั สภุ า

10 นายณัฐพล จันทฤาชา

11 นายณฐั วัศ พนมธีร-
เกียรติ

12 นายถริ ะวฒั น์ แตงเอย่ี ม

13 นายทัธดนัย สแตนลยี ์

14 นายธีรัตเดช น้อยมนตรี

15 นายนันทวฒุ ิ สุขเกิด

40

ช่อื -สกุล รายการประเมิน คะแนน ร้อย สรปุ ผลการ
การยอมรบั รวม ละ ประเมิน
เลขท่ี ความใส่ใจ การเสนอ ความ ฟังคนอ่ืน
ในการ ความ รว่ มมือใน
ทำงาน คิดเห็น การทำงาน

3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผา่ น ไม่
ผา่ น

16 นายนันทศร หูไธสง

17 นายวชริ วชิ ญ์ พันพินิจ

18 นายวรี ภัทร ครูศรี

19 นายสริ วชิ ญ์ สัมฤทธ์ิ

20 น.ส.ปิยธิดา อม้ วชิ า

21 น.ส.จรี ะนันท์ เเหล้ยงั

22 น.ส.ปนัดดา คนดี

23 น.ส.จฑุ ารตั น์ คำเดช

24 น.ส.ชยธิดา สงวนพร

25 น.ส.ณัฐกฤตา หาญโก-
กรวด

26 น.ส.ตติยา อปุ ระโคตร

27 น.ส.ธิดารัตน์ ตอ้ นโสกี

28 น.ส.นครินทร์ สารโี ท

29 น.ส.นภัสสร สำราญบญุ

30 น.ส.ปนัดดา วรรณบูลย์

31 น.ส.ปิน่ ภทั รา ชนิ คำ

32 น.ส.ปณุ ยาพร ทองไชย

33 น.ส.พิชญ์นาฏ ขนั ธวิชัย

34 น.ส.พิมพร ละดาดาษ

35 น.ส.ภัทรภรณ์ สายสขุ

36 น.ส.มณฑาทิพย์ ใจสขุ

41

ชอ่ื -สกุล รายการประเมิน คะแนน ร้อย สรปุ ผลการ
การยอมรบั รวม ละ ประเมิน
เลขท่ี ความใส่ใจ การเสนอ ความ ฟงั คนอน่ื
ในการ ความ ร่วมมอื ใน
ทำงาน คิดเหน็ การทำงาน

3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผา่ น ไม่
ผา่ น

37 น.ส.ณัฏฐธดิ า อุปะทะ

38 น.ส.รจุ ี บุตรนนท์

39 น.ส.วิภวานี แสนโสภา

40 น.ส.สริ กิ ัญญา บุตรน้อย

41 น.ส.สกุ ฤตา บรรเรอื ง-
ทอง

42 น.ส.นันทพิ ร โอนากลุ

เกณฑ์การประเมนิ
ร้อยละ 75 ข้ึนไป ( 9 - 12 คะแนน) ผา่ นเกณฑ์
นอ้ ยกว่าร้อยละ 75 ( 0 – 8 คะแนน ) ไมผ่ า่ นเกณฑ์

ลงชอ่ื ........................................................ ผูส้ อน
(นางสาวสุภาวิณี เพิม่ ทอง)

วันท่ี ............ เดือน ........................ พ.ศ..............

42

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน

ประเด็นท่ีประเมิน เกณฑก์ ารให้คะแนน

321

ความใส่ใจในการ เมื่อเกิดปัญหาหรือไม่ ส่ว น ใหญ ่เมื่อเกิด เมื่อเกิดปัญหาหรือไม่

ทำงาน เข้าใจบทเรียนทุกคร้ัง ปัญหาหรือไม่เข้าใจ เข้าใจบทเรียนทุกครั้ง

มักซักถามและมีความ บทเรียนทุกครั้งมัก มักซักถามและมีความ

พยายามในการค้นหา ซักถามและมีความ พยายามในการค้นหา

คำตอบอยเู่ สมอ พยายามในการค้นหา คำตอบเปน็ บางครง้ั

คำตอบ

การเสนอความคดิ เห็น ส ่ ว น ใ ห ญ ่ เ ส น อ เสนอความคิดเห็น ไม่เสนอความคิดเห็น

ความคิดเห็น กล้า กลา้ แสดงออกที่จะพูด กล้าแสดงออกที่จะพูด

แสดงออกที่จะพูดใน ใน สิ่ง ที่ถูก หร ือ ดี ในสิ่งท่ถี ูกหรอื ดี

สิ่งท่ถี กู หรอื ดี บางครั้ง

ความร่วมมือในการ ใหค้ วามรว่ มมอื ในการ ส่วนใหญ่ให้ค ว าม ใหค้ วามรว่ มมอื ในการ

ทำงาน ทำงานกลมุ่ และ ร่วมมือในการทำงาน ทำงานกลุ่มและ

ปฏิบัตงิ านท่ีสมาชิกใน กลุ่มและปฏิบัติงานท่ี ปฏบิ ตั ิงานท่สี มาชิกใน

กลุ่มมอบหมายดว้ ย ส ม า ช ิ ก ใ น ก ลุ่ ม กลุ่มมอบหมายได้เป็น

ความเตม็ ใจทกุ ครง้ั มอบหมายได้ บางคร้งั

การยอมรับฟังคนอนื่ ย อ ม ร ั บ ฟ ั ง ค ว า ม ย อ ม ร ั บ ฟ ั ง ค ว า ม ไม่ยอมรับฟังความ

คิดเห็น ที่ดีและ มี คิดเห็น ที่ดีและ มี คิดเห็น ที่ดีและ มี

เหตุผลของผู้อื่นทุก เหตุผลของผู้อื่นบ้าง เหตุผลของผู้อื่น มัก

ค ร ั ้ ง ไ ม ่ ย ึ ด ค ว า ม แต่บาง คร ั้ง จะ ยึ ด ยึดความคิดเห็นของ

คิดเห็นของตนแต่ฝ่าย ความคดิ เหน็ ของตน ตนแตฝ่ า่ ยเดียว

เดยี ว

43

แบบประเมินการนำเสนอผลงาน

ช่อื กลุม่ ...............................................................................................................ชั้น............................

รายช่ือสมาชิก 1. .............................................................................................เลขที่...........................

2. .............................................................................................เลขท่ี...........................

3. .............................................................................................เลขที่...........................

4. .............................................................................................เลขที่...........................

5. .............................................................................................เลขท.่ี ..........................

6. .............................................................................................เลขที่...........................

คำช้แี จง จงทำเคร่ืองหมาย  ลงในช่องทีต่ รงกบั พฤติกรรมที่ผู้เรยี นแสดงออก โดยจำแนกระดับ

พฤติกรรมการแสดงออกไวเ้ ป็น 3 คะแนน ดังน้ี

3 คะแนน หมายถงึ ผู้เรียนมีพฤตกิ รรมการแสดงออกอย่างสม่ำเสมอ

2 คะแนน หมายถงึ ผ้เู รียนมีพฤติกรรมการแสดงออกเปน็ ครงั้ คราว

1 คะแนน หมายถึง ผูเ้ รียนมีพฤตกิ รรมการแสดงออกนอ้ ยครั้ง

ท่ี รายการประเมิน คะแนน ขอ้ คิดเห็น

32 1

1 การเตรียมความพร้อม

2 เน้ือหาสาระครอบคลุมชดั เจน

3 ความถกู ตอ้ งของเนอ้ื หา

4 การมีส่วนร่วมของสมาชิกใน

กลุม่

5 รูปแบบการนำเสนอ

รวม

เกณฑ์การประเมิน
ร้อยละ 75 ข้นึ ไป ( 11 - 15 คะแนน) ผ่านเกณฑ์
นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 75 ( 0 – 10 คะแนน ) ไม่ผ่านเกณฑ์

ลงชอื่ ........................................................ ผูส้ อน
(นางสาวสุภาวณิ ี เพิ่มทอง)

วนั ที่ ............ เดอื น ........................ พ.ศ..............

44

เกณฑ์การใหค้ ะแนน

ประเดน็ ท่ีประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน

321

การเตรียมความพรอ้ ม ดำเนินการตามแผนท่ี ดำเนินการตามแผนท่ี ไม่สามารถดำเนินการ

วางไว้ ใช้อุปกรณ์และ วางไว้ ใช้อุปกรณ์และ ตามแผนที่วางไว้

สื่อประกอบได้ถูกต้อง สื่อประกอบได้ถูกต้อง

คล่องแคล่ว และเสร็จ แตไ่ ม่คล่องแคลว่

ทันเวลา

เนือ้ หาสาระ เน ื้อหาถูก ต้อง มี เน ื้อ หาถูก ต้อง มี เนื้อหาถูกต้องแต่ให้

ครอบคลุมชดั เจน สาระสำคัญครบถ้วน สาระสำคัญ แต่ยังไม่ สาระสำคัญน้อยมาก

และระบุแหล่งที่มา ครบถ้วน มีการระบุ และไม่ระบุแหล่งที่มา

ของความรู้ชัดเจน แหล่งที่มาของความรู้ ของความรู้

ความถูกตอ้ งของ เนอ้ื หาสาระถกู ตอ้ ง ส่วนใหญ่เนื้อหาสาระ เนื้อหาสาระไม่ถูกต้อง
เนอ้ื หา
ครบถ้วน ถูกตอ้ ง
การมสี ว่ นร่วมของ
สมาชิกในกลมุ่ มีส่วนร่วมสม่ำเสมอ มีส่วนร่วมบางครง้ั มีส่วนร่วมน้อยครั้ง/

รปู แบบการนำเสนอ ขาดการมสี ว่ นรว่ ม

มีรูปแบบน่าสนใจ มี ร ู ป แ บ บ มี ไม่มีรูปแบบน่าสนใจ

ค ว า ม ส ั ม พ ั น ธ ์ กั บ ค ว า ม ส ั ม พ ั น ธ ์ กั บ มีความสัมพันธ์กับ

ห ั ว ข ้ อ ท ี ่ ก ำ ห น ด หัวข้อที่กำหนด แต่ไม่ หัวข้อที่กำหนดน้อย

ระบายสไี ดส้ วยงาม ดึงดดู ความสนใจ มาก

45

แบบประเมินชนิ้ งาน

ชื่อกลมุ่ ...............................................................................................................ชั้น............................

รายช่อื สมาชกิ 1. .............................................................................................เลขท.ี่ ..........................

2. .............................................................................................เลขท่ี...........................

3. .............................................................................................เลขที่...........................

4. .............................................................................................เลขท.่ี ..........................

5. .............................................................................................เลขที่...........................

6. .............................................................................................เลขท.่ี ..........................

คำชแ้ี จง จงทำเคร่อื งหมาย  ลงในชอ่ งท่ตี รงกับชนิ้ งาน โดยจำแนกระดบั ลกั ษณะไว้เป็น 3 คะแนน

ดังนี้

3 คะแนน หมายถงึ ชิ้นงานมลี กั ษณะระดับดี

2 คะแนน หมายถงึ ชน้ิ งานมลี ักษณะระดับปานกลาง

1 คะแนน หมายถงึ ชน้ิ งานมลี ักษณะระดับปรบั ปรุง

ท่ี รายการประเมนิ คะแนน ขอ้ คิดเห็น

32 1

1 มคี วามคิดสร้างสรรค์

2 ความสวยงาม

3 ความถูกต้องของช้นิ งาน

รวม

เกณฑก์ ารประเมิน
รอ้ ยละ 75 ขน้ึ ไป ( 11 - 15 คะแนน) ผา่ นเกณฑ์
น้อยกว่ารอ้ ยละ 75 ( 0 – 10 คะแนน ) ไมผ่ า่ นเกณฑ์

ลงชอ่ื ........................................................ ผูส้ อน
(นางสาวสภุ าวิณี เพม่ิ ทอง)

วันท่ี ............ เดือน ........................ พ.ศ..............

46

เกณฑ์การให้คะแนน

ประเด็นท่ปี ระเมนิ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน

321

มีความคิดสร้างสรรค์ ผ ล ง า น ม ี ร ู ป แ บ บ ผลงานมีความสัมพันธ์ ผลงานมีความสัมพันธ์

น ่ า ส น ใ จ มี กับหวั ข้อท่กี ำหนด แต่ กับหัวข้อที่กำหนด

ความสมั พนั ธ์กบั หัวขอ้ ไม่ดงึ ดูดความสนใจ นอ้ ยมาก

ที่กำหนด ระบายสีได้

สวยงาม

ความสวยงาม มีขนาดเหมาะสม สสี ัน มขี นาดเหมาะสม สีสัน สีสันไม่น่าสนใจ

นา่ สนใจ สวยงาม สวยงาม

ความถกู ต้องของ ชิน้ งานถกู ต้อง ส ่ ว น ใ ห ญ ่ ช ิ ้ น ง า น ชนิ้ งานไม่ถูกตอ้ ง

ชิน้ งาน ครบถว้ น ถกู ต้อง

47

48

49

ใบงานที่ 2
เร่ือง โครงสร้างและองคป์ ระกอบทางเคมีของดีเอน็ เอ

คำช้แี จง : ตอบคำถามเก่ยี วกบั โครงสร้างและองคป์ ระกอบทางเคมขี องดเี อน็ เอใหถ้ กู ต้อง
1. จงระบโุ ครงสร้างและลักษณะของโครงสรา้ งที่กำหนดให้

1 หมายเลข 1 คอื ...........................................................................
ลกั ษณะ .......................................................................................

......................................................................................................

หมายเลข 2 คอื ...........................................................................
ลกั ษณะ .......................................................................................
......................................................................................................

หมายเลข 3 คอื ...........................................................................
2 3 ลักษณะ .......................................................................................

......................................................................................................
2. จงอธบิ ายลกั ษณะของโครงสรา้ ง DNA ท่กี ำหนดให้

.......................................................................................................
.......................................................................................................
.......................................................................................................
.......................................................................................................
.......................................................................................................
.......................................................................................................
.......................................................................................................
.......................................................................................................
.......................................................................................................
.......................................................................................................
.......................................................................................................
.......................................................................................................
ช่อื ....................................................................................................เลขท.่ี ..................หอ้ ง.....................

50

เฉลยใบงานท่ี 2
เรื่อง โครงสร้างและองค์ประกอบทางเคมีของดีเอน็ เอ

คำชแี้ จง : ตอบคำถามเกี่ยวกบั โครงสรา้ งและองคป์ ระกอบทางเคมขี องดเี อ็นเอให้ถูกตอ้ ง
1. จ1งระบโุ ครงสร้างและลกั ษณะของโครงสรา้ งทก่ี หลำักมหษานยณดเละใหข.้โ..1ค..ร.ค.ง..อืส..ร...้าห....ง..ม..ท....ฟู่ ..ป่ี ..อ..ร....สะ....เ..กฟ....อ..ต..บ......ด....้ว.....ย.....ฟ......อ....ส....ฟ......อ....ร....ัส........แ....ล......ะ....อ....อ......ก....ซ......เิ ..จ....น................

.ม...ีส..ูต..ร..โ..ม..เ..ล..ก..ุล...เ.ป..น็....P...O...4.3..-...............................................................

หมายเลข 2 คอื ..น...ำ้..ต..า..ล...ด..ีอ..อ...ก..ซ..ีไ..ร..โ.บ...ส..........................................
ลักษณะ ..เ..ป..็.น..น...้ำ..ต...า..ล..ค...า..ร..์บ...อ...น....5....อ...ะ..ต...อ..ม....ม...ีส...ูต..ร..โ..ม...เ.ล..ก...ุล...เ.ป...็น...
..C...5.H...1.0..O...4..โ.ด...ย..ค...า.ร..์บ...อ..น...ต..ำ..แ...ห..น...ง่ ..ท..่ี..2...ไ..ม..ม่...หี ..ม...ู่ไ.ฮ...ด..ร..อ..ก...ซ..ลิ.................

หมายเลข 3 คือ ..ไ.น...โ.ต...ร..จ..นี...สั ..เ.บ...ส....................................................
2 3 ลกั ษณะ ..เ.บ...ส..ท...ี่เ..ป...็น...อ..ง..ค...์ป...ร..ะ..ก...อ..บ...ข..อ...ง..น...ิว..ค...ล..ีโ..อ..ไ..ท...ด..์ข...อ..ง..ด...ีเ..อ..็น...เ.อ

.ม...ี.4....ช..น...ิด...ไ..ด..้แ...ก..่.ก...ว..า..น..ีน....(..G..)...อ..ะ..ด...นี ..ีน....(.A...)..ไ..ซ..โ..ท..ซ...นี ...(..C..)...ไ.ท...ม..ีน....(.T...).
2. จงอธบิ ายลกั ษณะของโครงสรา้ ง DNA ท่กี ำหนดให้

โ..ค..ร..ง..ส..ร..า้..ง..ข...อ..ง...D...N...A...ม...ีล..ัก..ษ...ณ...ะ...ส..ำ..ค..ญั.....ด..งั..น...ี้ ....................................
.......-...โ.ม...เ.ล..ก...ุล...D...N...A...ป...ร..ะ..ก..อ...บ...ด..ว้..ย..พ...อ..ล...นิ ..ิว..ค...ล..โี..อ..ไ.ท...ด..์..2...ส..า..ย..........ท...ี่ .
เ..ร..ีย..ง..ส..ล..บั...ท...ศิ ..ก..นั....แ...ล..ะ..พ...นั...เ.ป...น็ ..เ.ก...ล..ยี..ว..ค...ู่เ.ว..ีย..น...ต..า..ม...เ.ข..ม็...น..า..ฬ...ิก..า...............
.......-...น..วิ..ค...ล..โี..อ..ไ..ท..ด...แ์ ..ต..ล่...ะ..ส..า..ย....ป...ร..ะ..ก..อ...บ..ด...้ว..ย..แ..ก...น..น...ำ้ ..ต..า..ล..-..ฟ...อ..ส..เ..ฟ..ต....
อ...ย..ู่ด...้า..น..น...อ..ก..ข...อ..ง..โ.ม...เ.ล..ก...ุล....แ..ล..ะ..ไ..น...โ.ต..ร..จ...ีน..สั...เ.บ..ส...อ..ย..ดู่...า้ ..น..ใ..น..โ..ม..เ..ล..ก..ลุ........
.......-...ไ.น...โ.ต...ร..จ..นี...ัส..เ.บ...ส..ข...อ..ง..พ...อ..ล..นิ...วิ..ค...ล..ีโ.อ...ไ.ท...ด..์..2....ส..า..ย....จ..ะ..ม...ีก..า..ร..จ...ับ..ค...ู่ .
.ก..ัน..ข...อ..ง..เ.บ...ส..ค...ู่ส..ม....โ..ด..ย..เ..บ..ส....A....จ..บั...ค..ู่ก...บั ..เ..บ..ส....T....ด..ว้..ย...พ..ัน...ธ..ะ..ไ..ฮ..โ..ด..ร..เ..จ..น....
2....พ...ั.น..ธ...ะ....แ..ล...ะ..เ..บ..ส....G....จ...ับ...ค..ู.่ก...ับ...เ.บ...ส....C....ด..้ว...ย..พ...ั.น..ธ...ะ..ไ..ฮ..โ..ด..ร...เ.จ...น....3...
พ...ัน...ธ..ะ...............................................................................................
.......-...โ.ค...ร..ง..ส..ร..้า..ง..เ..ก..ล..ี.ย..ว..ค..ู่.จ..ะ..ม...ีร..ะ..ย..ะ..ห...่า..ง...2...0.....A....แ...ต..่ล..ะ...เ.ก..ล...ีย..ว..ห...่า..ง...
.ก..ัน....3..4......A....แ..ล..ะ..แ...ต..ล่..ะ...ค..เู่.บ...ส..ม...ีร..ะ..ย..ะ..ห...่า..ง..ก..ัน....3...4......A...........................
.......................................................................................................
ช่อื ....................................................................................................เลขท.ี่ ..................หอ้ ง.....................

51

ใบกิจกรรม เร่ือง แบบจำลอง DNA

ชอ่ื กลุม่ ............................................................................................................ช้นั ..................................

รายชือ่ สมาชิก 1. .........................................................................................เลขที่..................................

2. .........................................................................................เลขที่……............................

3. .........................................................................................เลขท…่ี …….........................

4. .........................................................................................เลขท…ี่ …….........................

5. .........................................................................................เลขที่……............................

6. .........................................................................................เลขท่.ี .................................

คำชีแ้ จง ใหน้ กั เรยี นเตรียมอปุ กรณต์ ามท่ีกำหนดให้ และศกึ ษาวิธีทำ จากน้ันใหว้ าดภาพหรอื ตดิ ภาพ

ผลการทดลอง และสรุปผลของกิจกรรมการทดลอง

เร่อื ง แบบจำลอง DNA

จดุ ประสงค์ วัสดุและอปุ กรณ์

1. สร้างแบบจำลอง DNA จากวัสดุตา่ งๆ กระดาษ ลกู ปัด ผกั ผลไม้ หรือวัสดอุ ่ืนๆ ท่ี

2. เปรยี บเทียบจำนวนนวิ คลโี อไทดแ์ ละชนดิ สามารถหาได้ในทอ้ งถิน่ ทม่ี ีสแี ตกต่างกนั ชดั เจน

ของเบสจากแบบจำาลอง DNA 4 สีเพื่อแทนเบส 4 ชนิด

อภิปรายและสรปุ ผล

52

ตวั อยา่ งใบกจิ กรรม เรื่อง แบบจำลอง DNA

ช่ือกลุม่ ............................................................................................................ชน้ั ..................................

รายช่อื สมาชกิ 1. .........................................................................................เลขที่..................................

2. .........................................................................................เลขที่……............................

3. .........................................................................................เลขท่ี……….........................

4. .........................................................................................เลขที่……….........................

5. .........................................................................................เลขที่……............................

6. .........................................................................................เลขที่..................................

คำชี้แจง ให้นักเรยี นเตรยี มอปุ กรณต์ ามท่กี ำหนดให้ และศึกษาวธิ ที ำ จากนัน้ ใหว้ าดภาพหรอื ตดิ ภาพ

ผลการทดลอง และสรุปผลของกิจกรรมการทดลอง

เร่ือง แบบจำลอง DNA

จุดประสงค์ วัสดุและอุปกรณ์

1. สร้างแบบจำลอง DNA จากวัสดตุ า่ งๆ กระดาษ ลกู ปดั ผกั ผลไม้ หรือวสั ดุอนื่ ๆ ท่ี

2. เปรยี บเทยี บจำนวนนิวคลโี อไทด์และชนดิ สามารถหาได้ในทอ้ งถ่ิน ท่ีมีสีแตกต่างกันชดั เจน

ของเบสจากแบบจำาลอง DNA 4 สเี พอ่ื แทนเบส 4 ชนดิ

อภิปรายและสรุปผล
จากการทำกิจกรรมพบว่าจำนวนนิวคลีโอไทด์ของแต่ละกลุ่มอาจจะเท่าหรือไม่เท่ากันก็ได้
และมีการจัดเรียงตัวของเบสในแต่ละพอลินิวคลีโอไทด์มีความหลากหลาย ถ้า DNA ประกอบ
ด้วยนิวคลโี อไทด์ 2 คู่เบสเรียงต่อกัน จะสามารถจัดเรียงให้แตกต่างกันได้ 16 แบบ (42) ดังนั้นถ้า
DNA ประกอบด้วยนิวคลีโอไทด์จำนวนมาก จะมีรูปแบบของการเรียงลำดับนิวคลีโอไทด์ที่แตก
ต่างกนั มากดว้ ย

53

ใบความรู้ เรอ่ื ง การค้นพบสารพนั ธกุ รรมของนักวทิ ยาศาสตร์

การค้นพบของเมนเดลเริ่มจุดประกายความสงสัยให้วงการวิทยาศาสตร์ แต่การศึกษา
เกี่ยวกับสารพันธุกรรมกไ็ มใ่ ช่การวิจัยสั้น ๆ ของนักวิทยาศาสตร์คนใดคนหนึ่ง ทว่าเป็นการศึกษาที่
ต่อเนื่องยาวนาน ดำเนนิ การโดยนกั วทิ ยาศาสตรห์ ลายคน หลายคณะ นักวิทยาศาสตรไ์ ด้ใช้วธิ กี ารทาง
วทิ ยาศาสตร์ศกึ ษาเก่ียวกบั สารพันธกุ รรม ดงั น้ี

ค.ศ. 1869: โยฮันน์ ฟรีดริช มีเชอร์ (Johann Friedrich Miescher) ค้นพบกรดนิวคลีอิก
(Nucleic acid)

ในปี ค.ศ. 1869 โยฮนั น์ ฟรดี รชิ มีเชอร์ นักเคมีชาวสวิสได้ศกึ ษาองค์ประกอบของนิวเคลียส
ของเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ตายแล้วบนผ้าพันแผล มีเชอร์ทดลองนำเซลล์เม็ดเลือดขาวมาย่อยโปรตีน
ออก แต่พบว่ามีสารชนิดหนึ่งภายในนิวเคลียสที่ไม่สามารถย่อยได้ จึงนำสารนี้มาวิเคราะห์
องคป์ ระกอบตอ่ มเี ชอรพ์ บว่าสารน้ปี ระกอบด้วยธาตุ C H O และ P และสารน้กี ็ไมใ่ ชท่ งั้ ลิพิด โปรตีน
หรือคาร์โบไฮเดรต จงึ เรยี กสารนีว้ า่ นวิ คลอี ิน (Nuclein) เนื่องจากเปน็ สารท่อี ยู่ในนิวเคลียส แต่ต่อมา
พบว่าสารนม้ี สี มบตั ิเป็นกรดจึงเรียกวา่ กรดนิวคลีอกิ (Nucleic acid)
ค.ศ. 1928: เฟร็ดเดอริก กริฟฟิทช์ (Frederick Griffith) ค้นพบว่าข้อมูลพันธุกรรมใน DNA
สามารถ่ายทอดได้ จากการศึกษาแบคทีเรีย Streptococcus pneumonia ที่ทำให้เกิดโรคปอด
บวม

ในปี ค.ศ. 1928 เฟร็ดเดอริก กริฟฟิทช์ แพทย์ชาวอังกฤษค้นพบว่า “มีสารบางอย่างทำให้
แบคทีเรีย Streptococcus pneumonia เกิดการแปลสภาพ จากสายพันธุ์ R (ไม่ก่อโรค) เป็นสาย
พนั ธุ์ S (กอ่ โรค)” โดยกรฟิ ฟทิ ช์ทำการทดลองทง้ั หมด 4 ชุด
การทดลองชุดที่ 1 ทดลองฉดี แบคทีเรยี สายพันธุ์ R เข้าไปในหนูทดลอง ปรากฏว่าหนไู ม่ตาย
การทดลองชดุ ท่ี 2 ทดลองฉีดแบคทเี รียสายพนั ธุ์ S เข้าไปในหนูทดลอง ปรากฏวา่ หนูตาย
การทดลองชุดที่ 3 ฆ่าแบคทีเรียสายพันธุ์ S ให้ตายด้วยความร้อน จากนั้นจึงฉีดเข้าไปในหนูทดลอง
ปรากฏว่าหนูไม่ตาย
การทดลองชุดที่ 4 นำแบคทีเรียสายพันธุ์ S ที่ตายแล้วมาผสมกับแบคทีเรียสายพันธุ์ R ที่ยังมีชีวิต
แลว้ ฉีดเขา้ ไปในหนูทดลอง ปรากฏว่าหนตู าย และเมือ่ นำเลือดของหนูไปตรวจกพ็ บว่ามีท้ังแบคทีเรีย
สายพนั ธุ์ R และ S

54

จากการทดลองนี้ทำให้กริฟฟิทช์สรุปได้ว่า “มีสารบางอย่างจากแบคทีเรียสายพันธุ์ S เข้าไปทำให้
แบคทีเรียสายพันธุ์ R แปลสภาพเป็นแบคทีเรียสายพันธุ์ S” เราเรียกกระบวนการนี้ว่า
Transformation แตก่ รฟิ ฟทิ ช์กย็ งั ไมร่ วู้ ่าสารทวี่ ่านีค้ อื อะไร
ค.ศ. 1944: ออสวาลด์ เอเวอรี่ (Oswald Avery) คอลลิน แมคลาวด์ (Colin MacLeod) และ
แมคลินน์ แมคคาร์ที (Maclyn McCarty) ค้นพบกระบวนการ Transformation และได้ข้อ
สรุปวา่ DNA เป็นสารพันธกุ รรม

ในปี ค.ศ. 1944 เอเวอรี่และคณะจึงทำการทดลองต่อจากเฟร็ดเดอริก กริฟฟิทช์ โดยนำ
แบคทีเรียสายพันธุ์ S มาฆ่าให้ตายด้วยความร้อน สกัดออกมาเป็น 4 หลอด แล้วเติมเอนไซม์ที่
แตกต่างกัน

หลอดที่ 1 ไม่เติมเอนไซม์อะไรเลย (เป็นชุดควบคุมการทดลอง) > แบคทีเรียสายพันธุ์ S ใน
หลอดท่ี 4 มี RNA, DNA และโปรตีน

หลอดท่ี 2 เติมเอนไซม์ Protease เพอ่ื ย่อยโปรตีน > แบคทเี รีย S ในหลอดท่ี 2 ไมม่ ีโปรตนี
หลอดท่ี 3 เตมิ เอนไซม์ Ribonuclease เพ่อื ย่อย RNA > แบคทเี รียสายพนั ธุ์ S ในหลอดที่ 1
ไม่มี RNA
หลอดที่ 4 เติมเอนไซม์ Deoxyribonuclease เพื่อย่อย DNA > แบคทีเรียสายพันธุ์ S ใน
หลอดที่ 3 ไม่มี DNA
จากนั้นจึงเติมแบคทเี รียสายพันธ์ุ R ลงไปในหลอดทดลองทั้ง 4 เม่อื ท้ิงไวร้ ะยะหนง่ึ จึงพบว่า
หลอดที่ 1 พบแบคทีเรียสายพนั ธ์ุ S
หลอดท่ี 2 พบแบคทีเรียสายพันธุ์ S
หลอดที่ 3 พบแบคทเี รียสายพันธ์ุ S
หลอดที่ 4 ไมพ่ บแบคทีเรียสายพันธ์ุ S

55

56

แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 3

กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4
12 ช่วั โมง
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 4 เรือ่ ง โครโมโซมและสารพันธกุ รรม 1 ชั่วโมง

เร่ือง สมบัติของสารพนั ธุกรรม 1 ภาคเรียนที่ 2/2564

ครูผู้สอน นางวราภรณ์ เบ้าหล่อเพชร และนางสาวสภุ าวณิ ี เพิม่ ทอง

ผลการเรยี นรูแ้ ละสาระการเรยี นรู้เพ่ิมเติม

สาระชีววิทยา 2. เข้าใจการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม สมบัติ

และหน้าที่ของสารพันธกุ รรม การเกิดมิวเทชัน เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ หลักฐาน ข้อมูล และแนวคิด

เกี่ยวกับวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต ภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก การเกิดสปีชีส์ใหม่ ความ

หลากหลายทางชวี ภาพ กำเนิดของส่ิงมชี ีวติ ความหลากหลายของส่ิงมีชวี ิต และอนกุ รมวธิ าน รวมทั้ง

นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์

ชัน้ ผลการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้เพม่ิ เตมิ

ม.4 อ ธ ิ บ า ย แ ล ะ ร ะ บ ุ ข ั ้ น ต อ น ใ น  ยีน คือสาย DNA บางช่วงที่ควบคุมลักษณะทาง

กระบวนการสังเคราะห์โปรตีนและ พันธุกรรมได้ โดยยีนกำหนดลำดับกรดอะมิโนของ

หน้าที่ของ DNA และ RNA แต่ละ โปรตีนซึง่ ทำหน้าที่เป็นโครงสรา้ ง เอนไซม์และอื่น ๆ มี

ชนิดในกระบวนการสังเคราะห์ ผลทำใหเ้ ซลล์และสง่ิ มีชวี ติ ปรากฏลักษณะต่าง ๆ ได้

โปรตนี  DNA จำลองตวั เองไดโ้ ดยใช้สายหน่งึ เป็นแมแ่ บบและ

สรา้ งอกี สายขนึ้ มาใหม่ ซ่ึงจะมโี ครงสร้าง และลำดบั

นวิ คลโี อไทดเ์ หมือนเดิม

 DNA ควบคุมลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตได้

โดยการสร้าง RNA 3 ประเภท คือ mRNA tRNA และ

rRNA ซึ่งร่วมกันทำหน้าที่ในกระบวนการสังเคราะห์

โปรตีน

 RNA เป็นพอลเิ มอรข์ องนิวคลีโอไทดส์ ายเด่ยี ว แต่ละ

นิวคลีโอไทด์ประกอบด้วย น้ำตาลไรโบส หมู่ฟอสเฟต

และไนโตรจนี ัสเบส คือ A U C และ G

57

1. กำหนดเป้าหมายของการจดั การเรยี นรู้
1.1 สาระการเรียนรู้/เนอ้ื หาการเรยี นรู้
เรอ่ื ง สมบัตขิ องสารพนั ธุกรรม 1
1) การจำลองดเี อ็นเอ
1.2 สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอดของเรือ่ งทเ่ี ขียน
DNA สามารถจำลองตัวเองขึ้นได้ใหม่ โดยมีโครงสร้างทางเคมีและลำดับของนิวคลีโอไทด์

เหมอื นเดมิ DNA ควบคุมการสังเคราะห์โปรตนี โดยถ่ายทอดรหัสพันธกุ รรมให้แก่ mRNA เพื่อกำหนด
ลำาดบั ของกรดแอมิโนในโมเลกุลของโปรตนี โปรตนี เกยี่ วขอ้ งกับการแสดงลกั ษณะทางพันธุกรรม เช่น
เอนไซม์ท่ที ำงานในกระบวนการเมแทบอลซิ มึ ที่เกี่ยวข้องกบั การดำรงชีวิต

1.3 จุดประสงค์การเรียนรู้: เมื่อผเู้ รยี นจบกิจกรรมการเรยี นรู้ ผ้เู รียนสามารถ

ด้านความรู้ (K: Knowledge) อธิบาย และระบขุ นั้ ตอนในกระบวน

การสงั เคราะหโ์ ปรตนี ได้

อธิบายหน้าที่ของ DNA และ RNA แต่ละชนิด

ในกระบวนการสังเคราะห์โปรตีนได้

ด้านทกั ษะกระบวนการ (P: Process) แกโ้ จทย์ปญั หาการถอดรหัสและการแปลรหสั

ด้านคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ (A: Attribute) ทำงานรว่ มกบั ผอู้ ่นื , รับผิดชอบต่อการทำงาน,

แสดงคงามคดิ เห็น, นำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน

ได้

ตระหนักถงึ การนำความรู้ทางชีววทิ ยาไปใช้วา่

ต้องคำนึงถึงจริยธรรมและผลกระทบต่อมนุษย์

และสิง่ แวดล้อม

ดา้ นทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

(Sc.P: Science Process Skill)

 การสังเกต  การลงความเหน็ จากข้อมูล

 การวัด  การกำหนดและควบคุมตวั แปร

 การคำนวณ/การใช้ตัวเลข  การกำหนดนยิ ามเชิงปฏบิ ัตกิ าร

 การจำแนกประเภท  การต้ังสมมติฐาน

 การจดั กระทำและสอื่ ความหมายข้อมูล  การทดลอง

 การหาความสัมพันธ์ระหวา่ งสเปสกบั สเปส  การตคี วามหมายขอ้ มลู และลงขอ้ สรปุ

และสเปสกบั เวลา  การสรา้ งแบบจำลอง

58

 การพยากรณ์/การทำนาย

2. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรแู้ บบ 5E
2.1 ข้ันสร้างความสนใจ (Engagement)
2.1.1 ครูนำเข้าสู่บทเรยี นโดยทบทวนความรู้เรื่องการแบ่งเซลลโ์ ดยใช้คำถามและให้นักเรยี น

รว่ มกนั อภปิ รายดังนี้
 เม่อื มกี ารแบง่ เซลล์ ขอ้ มลู ทางพันธกุ รรมจากเซลลแ์ ม่จะสง่ ตอ่ ไปยงั เซลล์ลูกได้อยา่ งไร

(แนวคำตอบ: การถ่ายทอดข้อมูลทางพันธุกรรมจากเซลล์แม่ไปยังเซลล์ลูก เกิดขึ้นได้เมื่อมีการแบ่ง
เซลล์ ซึ่งมีการจำลองดีเอ็นเอเพิ่มปริมาณเป็นสองชุด (ในระยะ S) แล้วถ่ายทอด DNA ให้เซลล์ลูก
ตอ่ ไป ขอ้ มลู ใน DNA ท่ีถ่ายทอดให้เซลลล์ กู จะตอ้ งเหมือนกับ DNA ในเซลล์แม)่

2.1.2 ครถู ามนกั เรยี นเพือ่ นำเขา้ สู่หัวข้อการจำลองดีเอ็นเอวา่ ลำดบั นิวคลโี อไทด์ของ DNA ใน
โมเลกลุ เดิมและโมเลกลุ ใหมเ่ หมือนหรอื แตกต่างกันอย่างไร

2.2 ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration)
2.2.1 แบ่งนกั เรียนออกเปน็ กลุ่ม กลุม่ ละ 5-6 คน คละความสามารถ เก่ง ปานกลาง อ่อน
2.2.2 จากนั้นให้นักเรียนแต่ละกลุ่มสืบค้นการจำลองดีเอ็นเอ และการสังเคราะห์ดีเอ็นเอ

เชื่อมโยงกับองค์ความรู้โดยใช้ใบความรู้ เรื่อง การจำลอง DNA และหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติม
ชีววทิ ยา 2 ม.4

2.2.3 ให้นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มออกมานำเสนอองค์ความร้ทู ส่ี รปุ ไดจ้ ากการศึกษาในใบความรู้
เพอ่ื นำเสนอหน้าชน้ั เรียน

2.3 ขั้นอธบิ ายและลงขอ้ สรุป (Explanation)
2.3.1 ใหน้ ักเรยี นแต่ละกลมุ่ ออกมานำเสนอผลของกิจกรรมและองค์ความรู้ที่สรุปได้ หน้าชั้น

เรียน
2.3.2 ครูและนักเรยี นร่วมกนั อภิปรายผลของกิจกรรม และนำสรุปองค์ความรู้ ดงั นี้

การจำลอง DNA
1. พอลินิวคลีโอไทด์สองสายของ DNA คลายเกลียว พันธะไฮโดรเจนที่ยึดระหว่างคู่เบสของ
ทั้งสองสายจะสลาย ทำให้พอลนิ วิ คลีโอไทด์สองสายแยกออกจากกัน

59

2. พอลินิวคลีโอไทด์แต่ละสายจะทำหน้าที่เป็นสายแม่แบบเพื่อสังเคราะห์พอลินิวคลีโอไทด์
สายใหม่ โดยเอนไซม์ดีเอ็นเอพอลิเมอเรสนำนิวคลีโอไทด์อิสระเข้าจับกับนิวคลีโอไทด์ของ
สายแม่แบบท่ีมีเบสคสู่ มกนั คือ เบส A จบั คู่กับ T และเบส G จบั คกู่ ับ C
3. นิวคลีโอไทด์ของพอลินิวคลีโอไทด์สายใหม่จะเข้าคู่กับนิวคลีโอไทด์ของสายแม่แบบ ด้วย
พนั ธะไฮโดรเจน
4. การจำลองดีเอ็นเอทำให้มีการเพิ่มโมเลกุลของ DNA จาก 1 เป็น 2 โมเลกุล โดย DNA แต่ละ
โมเลกุลมีพอลินิวคลีโอไทด์สายเดิม 1 สาย และสายใหม่ 1 สาย การจำลองดีเอ็นเอจึงเป็น
แบบกึ่งอนุรักษ์และการจัดเรียงตัวของนิวคลีโอไทด์ใน DNA ที่สังเคราะห์ใหม่เหมือนกับ
DNA โมเลกลุ เดมิ
การสังเคราะหด์ เี อน็ เอ
1. เอนไซม์เฮลิเคสทำให้ DNA เกลียวคู่คลายเกลียวแยกออกจากกัน ดีเอ็นเอแม่แบบ 2 สาย
ทีแ่ ยกออกจากกนั มที ศิ ทางจากปลาย 5′ ไปยังปลาย 3′ สวนทางกัน
2. DNA สายที่มีปลาย 5′ ไปยังปลาย 3′ สวนทางกับการเคลื่อนที่ของเอนไซม์เฮลิเคสจะเป็น
แม่แบบของการสร้าง DNA สายใหม่จากทิศทาง 5′ ไปยังปลาย 3′ อย่างต่อเนื่องเป็นสาย
ยาว DNA สายใหมน่ ีเ้ รียกวา่ ลดี ดงิ สแทรนด์ (Leading strand)
3. DNA อีกสายหนึ่งที่มีปลาย 5′ ไปยังปลาย 3′ ทิศทางเดียวกับที่เอนไซม์เฮลิเคสเคลื่อนที่จะ
ไม่สามารถเป็นแม่แบบเพื่อสร้างสาย DNA ได้อย่างต่อเนื่อง การสร้าง DNA สายใหม่จึง
สร้างเป็นสายสั้นๆ และจะมีเอนไซม์ดีเอ็นเอไลเกสเชื่อม DNA สายใหม่ที่เป็นสายสั้นๆ เข้า
ด้วยกนั เป็นสายยาวเรียกวา่ แลกกิงสแทรนด์ (Lagging strand)
4. การสังเคราะห์ดีเอ็นเอสายใหม่จะมีเอนไซม์ดีเอ็นเอพอลิเมอเรสทำาหน้าที่เชื่อมนิวคลีโอไทด์
ให้เปน็ สายยาว ทัง้ สำาหรบั ลีดดงิ สแทรนด์และแลกกงิ สแทรนด์
ในการสงั เคราะหด์ เี อ็นเอสายใหม่ จะต้องมีทิศทางจากปลาย 5′ ไปยังปลาย 3′ เสมอ เนอื่ งจากเอนไซม์
ดีเอ็นเอพอลิเมอเรสจะทำางานโดยทำาหน้าท่ีเช่ือมนิวคลีโอไทด์ตอ่ กนั เปน็ สายยาวจากปลาย 5′ ไปยัง
ปลาย 3′ และอีกประการหนึ่งคือ DNA สายใหม่อีกสายหนึ่งไม่สามารถสร้างต่อกันเป็นสายยาวได้
เนื่องจากทิศทางการสร้างจากปลาย 5′ ไปยังปลาย 3′ นั้นสวนทางกับทิศทางการคลายเกลียวของ
DNA โมเลกุลเดิม

60

2.3.3 ครูเปดิ คลิปวิดโี อจาก youtube แสดงการจำลอง DNA เพือ่ ให้นกั เรยี นเขา้ ใจมากข้ึน

2.4 ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration)
2.4.1 ครขู ยายความรเู้ พ่มิ เติมวา่ นอกจากการจำลอง DNA แบบกึ่งอนรุ กั ษ์แล้ว ยงั มกี ารจำลอง

DNA รปู แบบอื่น ๆ ดังน้ี
1) การจำลอง DNA แบบอนุรักษ์ (conservative replication) เป็นการจำลอง DNA ท่ี

จะได้ DNA 2 โมเลกุล โดยเป็น DNA สายเก่าทั้งหมด 1 โมเลกุล และ DNA สายใหม่ทั้งหมดอีก 1
โมเลกลุ

61

2) การจำลอง DNA แบบกระจาย (Dispersion replication) เนื่องจากสาย DNA จะมี
การแยกออกระหว่างทม่ี ีการจำลอง DNA แลว้ เกดิ การรวมตัวกันระหวา่ งชิ้นส่วนใหม่และเก่า ทำให้ได้
DNA สายใหม่ ทีป่ ระกอบด้วยลักษณะของสายเกา่

2.5 ขน้ั ประเมนิ (Evaluation)
2.5.1 ครใู ห้นักเรียนทำใบงานที่ 3 เรือ่ ง การสังเคราะห์ DNA

3. สอ่ื /อปุ กรณ/์ แหลง่ การเรยี นรู้

3.1 หนังสือเรียนรายวิชาเพ่ิมเตมิ ชีววิทยา 2

3.2 PowerPoint เรื่อง สมบัติของสารพนั ธุกรรม
3.3 ใบงานที่ 3 เร่อื ง การสงั เคราะห์ DNA
3.4 ใบความรู้ เรื่อง การจำลอง DNA
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้

จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ วธิ ีการวัดผลการเรยี นรู้ เกณฑก์ ารประเมินผล

ดา้ นความรู้ (K: Knowledge) การถามตอบ ผา่ นเกณฑไ์ มน่ ้อยกวา่

อธิบาย และระบุข้ันตอนในกระบวน การตรวจแบบฝึกหดั ร้อยละ 75

การสังเคราะห์โปรตนี ได้

อธบิ ายหนา้ ที่ของ DNA และ RNA

แต่ละชนดิ ในกระบวนการสังเคราะห์

โปรตนี ได้

ด้านทกั ษะกระบวนการ (P: Process) สังเกตพฤตกิ รรมในการทำงาน ผ่านเกณฑ์ไมน่ ้อยกวา่

แก้โจทย์ปัญหาการถอดรหัสและการ การนำเสนอผลงาน รอ้ ยละ 75

แปลรหสั

ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A: สังเกตพฤติกรรมในการทำงาน ผา่ นเกณฑ์ไม่น้อยกวา่

Attribute) ร้อยละ 75

ทำงานรว่ มกบั ผอู้ ่ืน, รับผดิ ชอบตอ่

การทำงาน, แสดงความคดิ เหน็ ,

นำเสนอผลงานหนา้ ชน้ั เรียนได้

ตระหนกั ถงึ การนำความรทู้ าง

ชีววิทยาไปใชว้ า่ ต้องคำนงึ ถึงจริยธรรม

62

ดา้ นทกั ษะกระบวนการทาง สังเกตพฤติกรรมในการทำงาน ผา่ นเกณฑ์ไม่นอ้ ยกว่า
วทิ ยาศาสตร์
(Sc.P: Science Process Skill) การตรวจแบบฝกึ หัด รอ้ ยละ 75
 การสังเกต
 การจดั กระทำและสอื่ ความหมาย
ข้อมูล
 การลงความเห็นจากขอ้ มลู
 การสรา้ งแบบจำลอง

63

แบบสังเกตพฤติกรรม

เรื่อง สมบตั ขิ องสารพันธุกรรม

คำชี้แจง จงทำเครื่องหมาย  ลงในช่องที่ตรงกับพฤติกรรมที่ผู้เรียนแสดงออก โดยจำแนกระดับ

พฤตกิ รรมการแสดงออกไว้เปน็ 3 คะแนน ดังนี้

3 คะแนน หมายถึง ผูเ้ รียนมพี ฤติกรรมในระดบั ดี

2 คะแนน หมายถึง ผู้เรียนมีพฤติกรรมในระดบั ปานกลาง

1 คะแนน หมายถงึ ผเู้ รียนมพี ฤติกรรมในระดบั ปรับปรงุ

ช่อื -สกุล รายการประเมนิ คะแนน ร้อย สรุปผลการ

ความใส่ใจ การเสนอ ความ การยอมรบั รวม ละ ประเมิน

เลขท่ี ในการ ความ ร่วมมือใน ฟังคนอนื่

ทำงาน คดิ เห็น การทำงาน

3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผ่าน ไม่
ผา่ น

1 นายณัฐนนทส์ ุธรรมฤทธ์ิ

2 นายระพธี าดา วงศค์ ุลี

3 นายจกั รกฤษ สีลาแดง

4 นายจักรภัทร จนั ทร์แก้ว

5 นายนรภทั ร ศรที อง

6 นายปรชั ญา ใจบุญ

7 นายประสทิ ธชิ ัย อามาตย์

สมบัติ

8 นายจกั รภัทร สุขณรงค์

9 นายฉัตรดนยั สุภา

10 นายณฐั พล จนั ทฤาชา

11 นายณฐั วัศ พนมธีร-
เกียรติ

12 นายถิระวฒั น์ แตงเอ่ียม

13 นายทัธดนยั สแตนลีย์

14 นายธรี ัตเดช นอ้ ยมนตรี

15 นายนันทวฒุ ิ สุขเกิด

64

ช่อื -สกุล รายการประเมิน คะแนน ร้อย สรปุ ผลการ
การยอมรบั รวม ละ ประเมิน
เลขท่ี ความใส่ใจ การเสนอ ความ ฟังคนอ่ืน
ในการ ความ รว่ มมือใน
ทำงาน คิดเห็น การทำงาน

3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผา่ น ไม่
ผา่ น

16 นายนันทศร หูไธสง

17 นายวชริ วชิ ญ์ พันพินิจ

18 นายวรี ภัทร ครูศรี

19 นายสริ วชิ ญ์ สัมฤทธ์ิ

20 น.ส.ปิยธิดา อม้ วชิ า

21 น.ส.จรี ะนันท์ เเหล้ยงั

22 น.ส.ปนัดดา คนดี

23 น.ส.จฑุ ารตั น์ คำเดช

24 น.ส.ชยธิดา สงวนพร

25 น.ส.ณัฐกฤตา หาญโก-
กรวด

26 น.ส.ตติยา อปุ ระโคตร

27 น.ส.ธิดารัตน์ ตอ้ นโสกี

28 น.ส.นครินทร์ สารโี ท

29 น.ส.นภัสสร สำราญบญุ

30 น.ส.ปนัดดา วรรณบูลย์

31 น.ส.ปิน่ ภทั รา ชนิ คำ

32 น.ส.ปณุ ยาพร ทองไชย

33 น.ส.พิชญ์นาฏ ขนั ธวิชัย

34 น.ส.พิมพร ละดาดาษ

35 น.ส.ภัทรภรณ์ สายสขุ

36 น.ส.มณฑาทิพย์ ใจสขุ

65

ชอ่ื -สกุล รายการประเมิน คะแนน ร้อย สรปุ ผลการ
การยอมรบั รวม ละ ประเมิน
เลขท่ี ความใส่ใจ การเสนอ ความ ฟงั คนอน่ื
ในการ ความ ร่วมมอื ใน
ทำงาน คิดเหน็ การทำงาน

3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผา่ น ไม่
ผา่ น

37 น.ส.ณัฏฐธดิ า อุปะทะ

38 น.ส.รจุ ี บุตรนนท์

39 น.ส.วิภวานี แสนโสภา

40 น.ส.สริ กิ ัญญา บุตรน้อย

41 น.ส.สกุ ฤตา บรรเรอื ง-
ทอง

42 น.ส.นันทพิ ร โอนากลุ

เกณฑ์การประเมนิ
ร้อยละ 75 ข้ึนไป ( 9 - 12 คะแนน) ผา่ นเกณฑ์
นอ้ ยกว่าร้อยละ 75 ( 0 – 8 คะแนน ) ไมผ่ า่ นเกณฑ์

ลงชอ่ื ........................................................ ผูส้ อน
(นางสาวสุภาวิณี เพิม่ ทอง)

วันท่ี ............ เดือน ........................ พ.ศ..............

66

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน

ประเด็นท่ีประเมิน เกณฑก์ ารให้คะแนน

321

ความใส่ใจในการ เมื่อเกิดปัญหาหรือไม่ ส่ว น ใหญ ่เมื่อเกิด เมื่อเกิดปัญหาหรือไม่

ทำงาน เข้าใจบทเรียนทุกคร้ัง ปัญหาหรือไม่เข้าใจ เข้าใจบทเรียนทุกครั้ง

มักซักถามและมีความ บทเรียนทุกครั้งมัก มักซักถามและมีความ

พยายามในการค้นหา ซักถามและมีความ พยายามในการค้นหา

คำตอบอยเู่ สมอ พยายามในการค้นหา คำตอบเปน็ บางครง้ั

คำตอบ

การเสนอความคดิ เห็น ส ่ ว น ใ ห ญ ่ เ ส น อ เสนอความคิดเห็น ไม่เสนอความคิดเห็น

ความคิดเห็น กล้า กลา้ แสดงออกที่จะพูด กล้าแสดงออกที่จะพูด

แสดงออกที่จะพูดใน ใน สิ่ง ที่ถูก หร ือ ดี ในสิ่งท่ถี ูกหรอื ดี

สิ่งท่ถี กู หรอื ดี บางครั้ง

ความร่วมมือในการ ใหค้ วามรว่ มมอื ในการ ส่วนใหญ่ให้ค ว าม ใหค้ วามรว่ มมอื ในการ

ทำงาน ทำงานกลมุ่ และ ร่วมมือในการทำงาน ทำงานกลุ่มและ

ปฏิบัตงิ านท่ีสมาชิกใน กลุ่มและปฏิบัติงานท่ี ปฏบิ ตั ิงานท่สี มาชิกใน

กลุ่มมอบหมายดว้ ย ส ม า ช ิ ก ใ น ก ลุ่ ม กลุ่มมอบหมายได้เป็น

ความเตม็ ใจทกุ ครง้ั มอบหมายได้ บางคร้งั

การยอมรับฟังคนอนื่ ย อ ม ร ั บ ฟ ั ง ค ว า ม ย อ ม ร ั บ ฟ ั ง ค ว า ม ไม่ยอมรับฟังความ

คิดเห็น ที่ดีและ มี คิดเห็น ที่ดีและ มี คิดเห็น ที่ดีและ มี

เหตุผลของผู้อื่นทุก เหตุผลของผู้อื่นบ้าง เหตุผลของผู้อื่น มัก

ค ร ั ้ ง ไ ม ่ ย ึ ด ค ว า ม แต่บาง คร ั้ง จะ ยึ ด ยึดความคิดเห็นของ

คิดเห็นของตนแต่ฝ่าย ความคดิ เหน็ ของตน ตนแตฝ่ า่ ยเดียว

เดยี ว

67

แบบประเมินการนำเสนอผลงาน

ช่อื กลุม่ ...............................................................................................................ชั้น............................

รายช่ือสมาชิก 1. .............................................................................................เลขที่...........................

2. .............................................................................................เลขท่ี...........................

3. .............................................................................................เลขที่...........................

4. .............................................................................................เลขที่...........................

5. .............................................................................................เลขท.่ี ..........................

6. .............................................................................................เลขที่...........................

คำช้แี จง จงทำเคร่ืองหมาย  ลงในช่องทีต่ รงกบั พฤติกรรมที่ผู้เรยี นแสดงออก โดยจำแนกระดับ

พฤติกรรมการแสดงออกไวเ้ ป็น 3 คะแนน ดังน้ี

3 คะแนน หมายถงึ ผู้เรียนมีพฤตกิ รรมการแสดงออกอย่างสม่ำเสมอ

2 คะแนน หมายถงึ ผ้เู รียนมีพฤติกรรมการแสดงออกเปน็ ครงั้ คราว

1 คะแนน หมายถึง ผูเ้ รียนมีพฤตกิ รรมการแสดงออกนอ้ ยครั้ง

ท่ี รายการประเมิน คะแนน ขอ้ คิดเห็น

32 1

1 การเตรียมความพร้อม

2 เน้ือหาสาระครอบคลุมชดั เจน

3 ความถกู ตอ้ งของเนอ้ื หา

4 การมีส่วนร่วมของสมาชิกใน

กลุม่

5 รูปแบบการนำเสนอ

รวม

เกณฑ์การประเมิน
ร้อยละ 75 ข้นึ ไป ( 11 - 15 คะแนน) ผ่านเกณฑ์
นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 75 ( 0 – 10 คะแนน ) ไม่ผ่านเกณฑ์

ลงชอื่ ........................................................ ผูส้ อน
(นางสาวสุภาวณิ ี เพิ่มทอง)

วนั ที่ ............ เดอื น ........................ พ.ศ..............

68

เกณฑ์การใหค้ ะแนน

ประเดน็ ท่ีประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน

321

การเตรียมความพรอ้ ม ดำเนินการตามแผนท่ี ดำเนินการตามแผนท่ี ไม่สามารถดำเนินการ

วางไว้ ใช้อุปกรณ์และ วางไว้ ใช้อุปกรณ์และ ตามแผนที่วางไว้

สื่อประกอบได้ถูกต้อง สื่อประกอบได้ถูกต้อง

คล่องแคล่ว และเสร็จ แตไ่ ม่คล่องแคลว่

ทันเวลา

เนือ้ หาสาระ เน ื้อหาถูก ต้อง มี เน ื้อ หาถูก ต้อง มี เนื้อหาถูกต้องแต่ให้

ครอบคลุมชดั เจน สาระสำคัญครบถ้วน สาระสำคัญ แต่ยังไม่ สาระสำคัญน้อยมาก

และระบุแหล่งที่มา ครบถ้วน มีการระบุ และไม่ระบุแหล่งที่มา

ของความรู้ชัดเจน แหล่งที่มาของความรู้ ของความรู้

ความถูกตอ้ งของ เนอ้ื หาสาระถกู ตอ้ ง ส่วนใหญ่เนื้อหาสาระ เนื้อหาสาระไม่ถูกต้อง
เนอ้ื หา
ครบถ้วน ถูกตอ้ ง
การมสี ว่ นร่วมของ
สมาชิกในกลมุ่ มีส่วนร่วมสม่ำเสมอ มีส่วนร่วมบางครง้ั มีส่วนร่วมน้อยครั้ง/

รปู แบบการนำเสนอ ขาดการมสี ว่ นรว่ ม

มีรูปแบบน่าสนใจ มี ร ู ป แ บ บ มี ไม่มีรูปแบบน่าสนใจ

ค ว า ม ส ั ม พ ั น ธ ์ กั บ ค ว า ม ส ั ม พ ั น ธ ์ กั บ มีความสัมพันธ์กับ

ห ั ว ข ้ อ ท ี ่ ก ำ ห น ด หัวข้อที่กำหนด แต่ไม่ หัวข้อที่กำหนดน้อย

ระบายสไี ดส้ วยงาม ดึงดดู ความสนใจ มาก

69

70

71

ใบงานท่ี 3
เร่อื ง การสังเคราะห์ DNA

คําชแี้ จง : ตอบคาํ ถามเก่ยี วกบั การสงั เคราะห์ DNA ต่อไปน้ี
1. การสังเคราะห์ DNA สายใหม่ 2 สาย จาก DNA แมแ่ บบเดียวกัน มลี ักษณะแตกต่างกันอยา่ งไร
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
2. จากภาพทก่ี าํ หนดให้ นักเรียนคดิ ว่า DNA สายใดเปน็ สายนำ และสายใดเป็นสายตาม เพราะเหตุใด
..........................................................................................
..........................................................................................
..........................................................................................
..........................................................................................
..........................................................................................
..........................................................................................
3. ดเี อ็นเอแม่แบบสายหน่ึง มีลำดับเบส ดังนี้

5’ ACGGTGTTCAAATGCCAAAGTTTACCTGGTACCACTTT 3’
3.1 ลำดบั เบสของ DNA ที่มีการเข้าคู่กับดีเอ็นเอแมแ่ บบสายน้ี มีลำดับเบสอยา่ งไร
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
3.2 ลำดับเบสของ DNA ทีม่ กี ารเข้าค่กู ับดีเอน็ เอแม่แบบอีกสายหนึ่งท่ีเปน็ โมเลกลุ เดียวกนั มีลำดบั
เบสอยา่ งไร
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................

ช่ือ....................................................................................................เลขที่...................ห้อง.....................

72

ใบงานที่ 3
เรอ่ื ง การสังเคราะห์ DNA

คาํ ชแ้ี จง : ตอบคําถามเกี่ยวกบั การสังเคราะห์ DNA ตอ่ ไปนี้
1. การสงั เคราะห์ DNA สายใหม่ 2 สาย จาก DNA โมเลกลุ เดยี วกนั มีลกั ษณะแตกต่างกนั อยา่ งไร
การสงั เคราะห์ DNA สายใหม่ 2 สาย จาก DNA โมเลกุลเดียวกนั จะมลี กั ษณะต่างกนั แบง่ ออกเปน็
สายนาํ ทมี่ ีการสงั เคราะห์ DNA อย่างต่อเนือ่ งจากปลาย 5’ ไปยังปลาย 3’ สว่ นอีกสายเปน็ สายตามที่
มีการสังเคราะห์ DNA อย่างไม่ต่อเนื่อง เนื่องจากทิศทางการคลายเกลียวสวนทางกับ DNA แม่แบบ
ทําให้มีการสังเคราะห์เป็นช้ืนส่วนโอคาซากิ ที่เป็น DNA สายสั้น ๆ และจะเชื่อมต่อกันด้วยเอนไซม์ดี
เอน็ เอไลเกส
2. จากภาพทก่ี ําหนดให้ นกั เรยี นคดิ วา่ DNA สายใดเป็น
สายนาํ และสายใดเปน็ สายตาม เพราะเหตใุ ด
DNA สายบน เปน็ สายนาํ เน่อื งจากมกี าร
สงั เคราะห์อยา่ งต่อเน่อื งจากปลาย 5’ ไปยงั ปลาย 3’
สว่ น DNA สายลา่ ง เปน็ ตาม เนอื่ งจากมีการ
สงั เคราะหเ์ ปน็ ชนิ้ ส่วน DNA สายส้ัน ๆ จากปลาย 5’
ไปยังปลาย 3’

3. ดีเอน็ เอแมแ่ บบสายหน่งึ มลี ำดับเบส ดงั น้ี
5’ ACGGTGTTCAAATGCCAAAGTTTACCTGGTACCACTTT 3’

3.1 ลำดบั เบสของ DNA ทมี่ ีการเขา้ คู่กบั ดีเอ็นเอแมแ่ บบสายนี้ มีลำดับเบสอย่างไร
3’ TGCCACAAGTTTACGGTTTCAAATGGACCATGGTGAAA 5’
3.2 ลำดับเบสของ DNA ที่มีการเข้าคู่กับดีเอ็นเอแม่แบบอีกสายหนึ่งที่เป็นโมเลกุลเดียวกัน มีลำดับ
เบสอย่างไร
5’ ACGGTGTTCAAATGCCAAAGTTTACCTGGTACCACTTT 3’

ชอ่ื ....................................................................................................เลขท่.ี ..................ห้อง.....................

73

74

แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 4

กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4
12 ช่ัวโมง
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 4 เรือ่ ง โครโมโซมและสารพันธกุ รรม 2 ชัว่ โมง

เร่ือง สมบัติของสารพนั ธุกรรม 2 ภาคเรียนท่ี 2/2564

ครูผู้สอน นางวราภรณ์ เบ้าหล่อเพชร และนางสาวสภุ าวณิ ี เพิม่ ทอง

ผลการเรยี นรูแ้ ละสาระการเรยี นรู้เพ่ิมเติม

สาระชีววิทยา 2. เข้าใจการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม สมบัติ

และหน้าที่ของสารพันธกุ รรม การเกิดมิวเทชัน เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ หลักฐาน ข้อมูล และแนวคิด

เกี่ยวกับวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต ภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก การเกิดสปีชีส์ใหม่ ความ

หลากหลายทางชวี ภาพ กำเนิดของส่ิงมชี ีวติ ความหลากหลายของสิง่ มีชวี ิต และอนกุ รมวธิ าน รวมท้ัง

นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์

ชัน้ ผลการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้เพม่ิ เตมิ

ม.4 อ ธ ิ บ า ย แ ล ะ ร ะ บ ุ ข ั ้ น ต อ น ใ น  ยีน คือสาย DNA บางช่วงที่ควบคุมลักษณะทาง

กระบวนการสังเคราะห์โปรตีนและ พันธุกรรมได้ โดยยีนกำหนดลำดับกรดอะมิโนของ

หน้าที่ของ DNA และ RNA แต่ละ โปรตีนซึง่ ทำหน้าที่เป็นโครงสรา้ ง เอนไซม์และอืน่ ๆ มี

ชนิดในกระบวนการสังเคราะห์ ผลทำใหเ้ ซลล์และสง่ิ มีชวี ิตปรากฏลักษณะต่าง ๆ ได้

โปรตนี  DNA จำลองตวั เองไดโ้ ดยใช้สายหนงึ่ เป็นแมแ่ บบและ

สรา้ งอกี สายขนึ้ มาใหม่ ซงึ่ จะมโี ครงสร้าง และลำดับ

นวิ คลโี อไทดเ์ หมือนเดิม

 DNA ควบคุมลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตได้

โดยการสร้าง RNA 3 ประเภท คือ mRNA tRNA และ

rRNA ซึ่งร่วมกันทำหน้าที่ในกระบวนการสังเคราะห์

โปรตีน

 RNA เป็นพอลเิ มอร์ของนวิ คลีโอไทดส์ ายเด่ียว แต่ละ

นิวคลีโอไทด์ประกอบด้วย น้ำตาลไรโบส หมู่ฟอสเฟต

และไนโตรจนี ัสเบส คือ A U C และ G

75

1. กำหนดเป้าหมายของการจดั การเรียนรู้
1.1 สาระการเรียนรู/้ เน้ือหาการเรยี นรู้
เรือ่ ง สมบัติของสารพนั ธุกรรม 2
1) การควบคมุ ลักษณะทางพนั ธุกรรมของ DNA (การถอดรหัส)
1.2 สาระสำคญั /ความคิดรวบยอดของเร่อื งท่ีเขยี น
DNA สามารถจำลองตัวเองขึ้นได้ใหม่ โดยมีโครงสร้างทางเคมีและลำดับของนิวคลีโอไทด์

เหมอื นเดิม DNA ควบคมุ การสงั เคราะห์โปรตีน โดยถา่ ยทอดรหัสพนั ธกุ รรมให้แก่ mRNA เพอ่ื กำหนด
ลำาดบั ของกรดแอมิโนในโมเลกุลของโปรตีน โปรตนี เกยี่ วข้องกบั การแสดงลกั ษณะทางพันธุกรรม เช่น
เอนไซมท์ ่ีทำงานในกระบวนการเมแทบอลิซึมท่เี กีย่ วข้องกับการดำรงชีวิต

1.3 จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้: เมอ่ื ผู้เรียนจบกจิ กรรมการเรยี นรู้ ผเู้ รยี นสามารถ

ด้านความรู้ (K: Knowledge) อธิบาย และระบุข้ันตอนในกระบวน

การสังเคราะห์โปรตีนได้

อธิบายหน้าที่ของ DNA และ RNA แต่ละชนิด

ในกระบวนการสังเคราะหโ์ ปรตีนได้

ด้านทกั ษะกระบวนการ (P: Process) แกโ้ จทยป์ ัญหาการถอดรหัสและการแปลรหัส

ด้านคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ (A: Attribute) ทำงานรว่ มกับผูอ้ ื่น, รบั ผดิ ชอบต่อการทำงาน,

แสดงคงามคิดเห็น, นำเสนอผลงานหน้าชน้ั เรียน

ได้

ตระหนกั ถงึ การนำความรู้ทางชีววิทยาไปใช้วา่

ต้องคำนึงถึงจริยธรรมและผลกระทบต่อมนุษย์

และสิง่ แวดล้อม

ดา้ นทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

(Sc.P: Science Process Skill)

 การสังเกต  การลงความเห็นจากขอ้ มลู

 การวัด  การกำหนดและควบคมุ ตัวแปร

 การคำนวณ/การใช้ตัวเลข  การกำหนดนยิ ามเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร

 การจำแนกประเภท  การตงั้ สมมติฐาน

 การจัดกระทำและส่ือความหมายขอ้ มลู  การทดลอง

 การหาความสมั พันธ์ระหวา่ งสเปสกบั สเปส  การตีความหมายข้อมลู และลงข้อสรุป

และสเปสกบั เวลา  การสรา้ งแบบจำลอง

76

 การพยากรณ/์ การทำนาย
2. การจดั กจิ กรรมการเรียนรแู้ บบ 5E

2.1 ขัน้ สรา้ งความสนใจ (Engagement)
2.1.1 ครูใหน้ ักเรยี นศึกษารปู 4.15 หน้า 22 ซึง่ เป็นรปู เซลล์ 2 ชนิดในตอ่ มไทรอยด์ คือ เซลล์

ฟอลลคิ ิวลาร์ท่มี ีโปรตีนสำหรับการสังเคราะห์ฮอรโ์ มนไทรอกซนิ และเซลลพ์ าราฟอลลิคิวลาร์ที่สร้าง
ฮอรโ์ มนแคลซิโทนนิ และถามนกั เรียนว่า

 ถา้ เซลลท์ ้งั 2 ชนดิ มาจากบุคคลเดียวกันซง่ึ มีขอ้ มูลทางพนั ธกุ รรมใน DNA เหมือนกัน
เพราะเหตุใดจึงมรี ปู ร่าง ลักษณะ และหน้าท่ที ่ีแตกต่างกนั (แนวคำตอบ: แม้วา่ เซลลใ์ นบุคคลเดียวกัน
จะมีข้อมูลทางพันธุกรรมใน DNA เหมือนกันแต่มีการแสดงออกของยีนและสังเคราะห์โปรตีนท่ี
แตกต่างกนั )

2.1.2 ครูอาจทบทวนความรู้เร่ืองเซลล์ให้นักเรียนเห็นว่า DNA อยู่ในนิวเคลียส แต่ในเซลล์ยู
แคริโอตนั้นการสงั เคราะห์โปรตนี อยู่ในไซโทพลาซมึ โดยมไี รโบโซมทำหน้าท่ีสงั เคราะห์โปรตีน

2.2 ขน้ั สำรวจและค้นหา (Exploration)
2.2.1 แบง่ นักเรียนออกเปน็ กลุ่ม กลมุ่ ละ 5-6 คน คละความสามารถ เกง่ ปานกลาง ออ่ น
2.2.2 ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาและร่วมกันอภิปรายภายในกลุ่มเรื่องการสังเคราะห์

mRNA จากดเี อน็ เอแม่แบบ จากรูป 4.17 ในหนงั สือเรียนชวี วิทยา 2 หน้า 25 - 26 เช่ือมโยงกับองค์
ความรูโ้ ดยใชใ้ บความรู้ เร่ือง การถอดรหสั

77

2.2.3 ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอองค์ความรู้ที่สรุปได้จากการศึกษาในใบความรู้
และหนังสอื เรยี นชวี วทิ ยา 2 เพ่อื นำเสนอหนา้ ช้นั เรียน

2.3 ขั้นอธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation)
2.3.1 ให้นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ออกมานำเสนอผลของกิจกรรมและองค์ความรู้ท่ีสรุปได้ หน้าช้ัน

เรียน
2.3.2 ครแู ละนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลของกจิ กรรม และนำสรปุ องคค์ วามรู้ ดังนี้

การสังเคราะห์ mRNA นั้น เอนไซม์อาร์เอ็นเอพอลิเมอเรสไปจับกับ DNA บริเวณที่จะ
สังเคราะห์ mRNA แล้ว DNA สองสายจึงคลายเกลียวแยกออกจากกัน โดยมีสายหนึ่งของ DNA ทำ
หน้าทีเ่ ปน็ แมแ่ บบ จากนน้ั นิวคลโี อไทด์ที่มีเบสคู่สมกับนวิ คลีโอไทด์บน DNA แม่แบบจะเข้าไปจับกับ
สายแมแ่ บบ โดยนิวคลโี อไทดบ์ น RNA จะเชอ่ื มตอ่ กันเป็นสายยาว มที ศิ ทางจากปลาย 5′ ไปยังปลาย
3′ ซึ่งสลับทิศทางกับสายดีเอ็นเอแม่แบบจนได้เป็นสาย mRNA จากนั้น mRNA แยกออกจาก DNA
ไปยังไรโบโซม

เอนไซม์อารเ์ อน็ เอพอลเิ มอเรสมบี ทบาทในการสงั เคราะห์ mRNA คือ ทำใหพ้ อลินวิ คลโี อไทด์
2 สายแยกออกจากกัน และเชื่อมนิวคลีโอไทด์ต่อกันเป็นสาย mRNA และทิศทางการ
สังเคราะห์mRNA จะสังเคราะหจ์ ากปลาย 5′ ไปยังปลาย 3′ กระบวนการสังเคราะห์ mRNA เรียกว่า
การถอดรหัส

2.3.3 จากนั้นครูให้นักเรียนเปรียบเทียบกระบวนการสังเคราะห์ดีเอ็นเอและกระบวนการ
สังเคราะห์mRNA ซง่ึ นักเรียนควรเปรยี บเทียบได้ดังน้ี

78

2.4 ขัน้ ขยายความรู้ (Elaboration)
2.4.1 ครูให้นักเรียนศึกษาตาราง 4.4 ในหนังสือเรียนหน้าที่ 28 ที่แสดงรหัสพันธุกรรม 64

รหสั เรยี กรหสั พันธุกรรมทป่ี ระกอบด้วยนวิ คลีโอไทด์ 3 โมเลกุลเรยี งกนั วา่ โคดอน จากนัน้ ตง้ั คำาถาม
แลว้ ใหน้ ักเรยี นวิเคราะห์ เพือ่ นำความรเู้ ก่ยี วกบั รหสั พันธุกรรมไปใช้ในกระบวนการสังเคราะห์โปรตีน
ต่อไปดงั นี้

 จำนวนรหัสพันธุกรรมที่กำหนดกรดแอมิโน 20 ชนิด มีเท่าใด (แนวคำตอบ: รหัส
พันธุกรรมที่กำาหนดกรดแอมิโน 20 ชนิด มีเพียง 61 รหัสเท่านั้นที่จะกำาหนดกรดแอมิโนใน
กระบวนการสังเคราะห์โปรตนี )

 กรดแอมิโนชนดิ ใดที่กำหนดโดยรหสั พนั ธกุ รรม 1 รหัส หรอื 2 หรอื 3 หรอื 4 หรอื 6
รหสั (แนวคำตอบ: กรดแอมิโนบางชนิดทก่ี ำหนดโดยรหัสพนั ธุกรรม 1 รหสั ได้แก่ เมไทโอนนี (Met)
และทริปโตเฟน (Trp) กรดแอมโิ นท่ีกำหนดโดยรหสั พนั ธกุ รรม 2 รหัส เช่น ฮสิ ทิดีน (His) กำหนดโดย
3 รหัส เช่น ไอโซลิวซนี (Ile) กำหนดโดย 4 รหัส เช่น วาลนี (Val) และกำหนดโดย 6 รหัส เชน่ ลิวซีน
(Leu))


Click to View FlipBook Version