279
9. พชื ท่ีมจี โี นไทปเ์ ป็น AABbCcDD จะสร้างเซลล์สบื พนั ธุ์ท่ีมลี กั ษณะแตกต่างกนั ไดก้ แ่ี บบ
ก. 1
ข. 4
ค. 6
ง. 16
10. ในแมลงหว่ี กำหนดให้ L เปน็ ยนี ควบคุมลกั ษณะปกี ยาว และ l เปน็ ยีนควบคุมลกั ษณะปกี ส้ัน เม่ือ
ผสมพันธุ์แมลงหวปี่ ีกยาวและแมลงหว่ีปีกส้ัน จะได้ลูกที่มีปีกยาวและลูกทม่ี ีปีกสั้นในอัตราส่วน 1 : 1
จงหาจีโนไทปข์ องพอ่ แม่ และลกู
ก. พ่อ (Ll), แม่ (ll), ลูก (Ll, ll)
ข. พอ่ (Ll), แม่ (ll), ลกู (LL, ll)
ค. พ่อ (Ll), แม่ (Ll), ลกู (Ll, ll)
ง. พ่อ (LL), แม่ (Ll), ลูก (Ll, ll)
11. เหตุใดการถ่ายทอดลกั ษณะของเสน้ ผมในคนจงึ เปน็ การข่มไมส่ มบรู ณ์
ก. เพราะแอลลีลที่ควบคมุ ลกั ษณะเส้นผมในคนมีมากกว่า 2 แอลลีลใน 1 ลกั ษณะ
ข. เพราะแอลลีลของผมตรง ผมหยิก และผมหยักศก ต่างเปน็ แอลลลี ดอ้ ยทงั้ หมด
ค. เพราะแอลลีลที่ควบคุมลกั ษณะผมต่างกแ็ สดงลกั ษณะเท่าๆ กัน
ง. เพราะแอลลลี แต่ละแอลลลี เปน็ ลักษณะเดน่ ไม่สมบรู ณ์
12. ชายคนหน่ึงมีเลอื ดหมู่ A แตง่ งานกับหญงิ มีเลือดหมู่ B มบี ุตรคนแรกเปน็ เลอื ดหมู่ O จงหา
genotype ของพอ่ และแม่ และสามี ภรรยาคนู่ โี้ อกาสมีบตุ รเลอื ดหม่ใู ดไดอ้ ีกบา้ ง
ก. พ่อ IAIA, แม่ IBi, ลูก AB และ A
ข. พ่อ IAi, แม่ IBIB, ลูก A และ B
ค. พอ่ IAi, แม่ IBi, ลกู A, B และ O
ง. พ่อ IAi, แม่ IBi, ลูก AB, A, B และ O
13. ข้อใดต่อไปนีจ้ ดั เป็นการแปรผันแบบต่อเนื่อง
ก. ความสงู , การมีลกั ย้ิม
ข. นำ้ หนกั , สีผวิ ของคน
ค. การมตี งิ่ ห,ู การงอนิ้ว
ง. การหอ่ ลิน้ , สติปัญญา
280
14. ขอ้ ใดคือลักษณะของการขม่ รว่ มกัน
ก. ลักษณะทงั้ 7ของถั่วลันเตาทีเ่ มนเดลศกึ ษา
ข. สตี าของมนุษย์
ค. สีของดอกล้ินมังกร
ง. ระบบหมูเ่ ลือด ABO ของมนษุ ย์
15. เมอ่ื นำดอกลน้ิ มังกรสีแดงผสมกับดอกมงั กรสีขาว ปรากฎวา่ ได้รนุ่ F1 มีดอกสีชมพทู ้ังหมด
ลกั ษณะที่ปรากฏเรียกว่าอยา่ งไร
ก.การขม่ แบบสมบูรณ์
ข.การข่มแบบไม่สมบูรณ์
ค.การขม่ รว่ มกนั
ง. ไมม่ ีขอ้ ถูก
16. เมลด็ ข้าวสาลีถกู ควบคมุ ด้วยพอลียนี นักเรยี นคดิ วา่ สาเหตุใดที่สง่ ผลต่อความเข้มของเมลด็ ข้าว
สาลี
ก. จำนวนแอลลีลในจโี นไทป์
ข. อุณหภมู ิของสภาพแวดลอ้ ม
ค. จำนวนแอลลีลทีค่ วบคุมลักษณะของสี
ง. จำนวนแอลลลี เดน่ ในจโี นไทป์
17. โรคทางพนั ธกุ รรมท่เี กิดจากยนี เด่นบนโครโมโซม X ขอ้ ใดถูกตอ้ ง
ก. โรคตาบอดสี
ข. โรคภาวะพรอ่ งเอนไซม์ G-6-PD
ค. โรคฮโี มฟิเลีย
ง. มนษุ ยห์ มาป่า
18. ขอ้ ใดต่อไปน้กี ลา่ วถกู ตอ้ ง
ก. B′B′ จะแสดงอาการศรี ษะล้านทงั้ ในเพศหญงิ และเพศชาย
ข. BB จะแสดงอาการศีรษะล้านเฉพาะในเพศชายเท่านน้ั
ค. BB′ จะไมแ่ สดงอาการศีรษะล้านในเพศหญงิ
ง. BB′ จะไมแ่ สดงอาการศรี ษะล้านในเพศชาย
281
19. พอ่ หมูเ่ ลอื ด AB แต่งงานกับแมห่ มเู่ ลอื ด O ลูกท่ีเกิดขนึ้ จะมหี มเู่ ลือดใดไดบ้ ้าง
ก. A อย่างเดยี ว
ข. B อย่างเดยี ว
ค. A และ B
ง. AB และ O
20. ข้อใดกล่าวไมถ่ ูกต้องเก่ียวกับความแปรผนั ทางพนั ธุกรรม
ก.พนี่ ้องท่ีเกิดจากพอ่ แมเ่ ดียวกันมคี วามแปรผันทางพนั ธกุ รรม เชน่ เดียวกบั ฝาแฝดเทียม
ข.ส่ิงมีชีวิตชนิดเดียวกันมีความแปรผันทางพนั ธุกรรมน้อยกวา่ สงิ่ มชี วี ิตต่างชนิดกัน
ค.พชื ชนิดเดยี วกนั นำไปปลูกในสภาพดนิ ตา่ งกันย่อมมีความแปรผันทางพนั ธกุ รรม
ง.พีน่ ้องท่ีเปน็ ฝาแฝดไม่มคี วามแปรผนั ทางพันธกุ รรม
21. หญิงเป็นพาหะของโรคตาบอดสี แต่งงานกบั ชายท่ี ตาปกติ ลูกสาวที่เกดิ มามโี อกาสเปน็ โรคตา
บอดสี
คดิ เป็นร้อยละเท่าใด
ก. ร้อยละ 75
ข. รอ้ ยละ 50
ค. ร้อยละ 25
ง. ร้อยละ 0
22. พันธุกรรมจำกดั เพศ ใหน้ กั เรยี นบอกลักษณะขนหางของไกถ่ งึ ความแตกต่างระหว่างเพศผู้กับเพศ
เมีย พร้อมแสดงจีโนไทป์และฟีโนไทปด์ ้วย ขอ้ ใดแสดงไม่ถูกต้อง
ก. HH ไก่เพศผู้ ขนหางส้ัน
ข. Hh ไกเ่ พศเมีย ขนหางสน้ั
ค. hh ไกเ่ พศผู้ ขนหางยาว
ง. HH ไก่เพศเมีย ขนหางยาว
23. ยนี ทค่ี วบคุมลักษณะตาบอดสีเป็น recessive sex-linked ถ้าหญิงชายตาปกตมิ ีลกุ ชายตาบอดสี
ผู้มียนี ตาบอดสีและถ่ายทอดมายงั ลูกชายคอื
ก. ปู่หรือยา่
ข. ตาหรอื ยาย
ค.แม่
ง.พ่อ
282
24. ขอ้ ใดคอื จโี นไทป์ของผู้ชายศีรษะล้าน (B=ศีรษะปกติ, b=ศีรษะลา้ น)
ก.bb
ข.XYBb และ XYbb
ค.XbY
ง. XbYb
25. ชายผวิ เผือกมีลกั ษณะผวิ เผือกแท้ แตง่ งาน กับหญิงผิวปกติมีลกั ษณะผวิ ปกตแิ ท้ ลกู ทอ่ี อกมาจะ
มีผิวเผอื กกเ่ี ปอร์เซ็นต์
ก. 0
ข. 25
ค. 50
ง. 75
26. ลักษณะใดในมนษุ ยท์ ส่ี ิง่ แวดล้อมมีอิทธพิ ลมากกวา่ ลักษณะทางพันธุกรรม
ก. โรคเบาหวาน
ข. ตาบอดสี
ค. ถนัดซ้ายหรอื ถนดั ขวา
ง. หมู่เลอื ด
27. ลกั ษณะท่ีไม่ไดเ้ ปน็ sex – linkage คือ
ก. โรคเลือดไมห่ ยุด
ข. ตาบอดสี
ค. หมเู่ ลือด
ง. สตี าแมลงหว่ี
28. การแลกเปล่ียนช้นิ ส่วนกัน (crossing over) พบในระยะใดของไมโอซิส
ก. โฟรเฟส I
ข. โฟรเฟส II
ค. เมทาเฟส I
ง. เมทาเฟส II
29. ยนี บนโครโมโซมเดยี วกนั จะมีโอกาสถกู แยกออกจากกันได้โดย
ก. ยนี มิวเทชัน
ข. การไขวก้ ันของโครโมโซม
283
ค. การเลอื กกลุม่ อย่างอสิ ระของยนี
ง. ตามกฎแห่งการแยกของเมนเดล
30. ยีนทค่ี วบคุมสีตวั ของแมลงหว่ี (ยีน B) อย่บู นโครโมโซมเดยี วกนั กับยีนท่คี วบคุมสีตา (ยีน R) แมลง
หวี่ที่มีจีโนไทป์ BbRr โดยยีน B อยู่บนโครโมโซมเดียวกันกับยีน R และ ยีน b อยู่บนโครโมโซม
เดยี วกันกบั ยีน r จะสร้างเซลลส์ ืบพันธท์ุ ี่มีลักษณะอยา่ งไร
ก. มเี ซลล์สบื พนั ธ์ุ 4 แบบ คือ BR : Br : bR : br อตั ราสว่ น 9: 3: 3: 1
ข. มเี ซลล์สบื พันธ์ุ 4 แบบ คือ BR : Br : bR : br อตั ราส่วน 1: 1: 1: 1
ค. มเี ซลล์สบื พนั ธุ์จีโนไทป์ Br และ bR จากการรวมกนั ใหม่ของยนี ได้บางส่วน
ง. มเี ซลลส์ ืบพันธ์ไุ ด้ 2 แบบ คอื BR : br อัตราส่วนเท่ากบั 1 : 1
284
เฉลยแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิท์ างการเรยี น บทท่ี 5 เรื่อง การถา่ ยทอดลกั ษณะทางพนั ธกุ รรม
1. ค. 11. ง. 21. ง.
2. ง. 12. ง. 22. ง.
3. ค. 13. ข. 23. ค.
4. ง. 14. ง. 24. ข.
5. ก. 15. ข. 25. ค.
6. ก. 16. ง. 26. ก.
7. ข. 17. ง. 27. ค.
8. ข. 18. ค. 28. ก.
9. ข. 19. ค. 29. ข.
10. ก. 20. ง. 30. ค.
285
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 12
กลุม่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 4
12 ช่ัวโมง
หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 6 เรอ่ื ง เทคโนโลยที างดเี อ็นเอ 4 ชัว่ โมง
เร่อื ง พนั ธวุ ิศวกรรมและการโคลนยนี ภาคเรยี นท่ี 2/2564
ครูผ้สู อน นางสาวสุภาวิณี เพ่มิ ทอง
ผลการเรียนร้แู ละสาระการเรียนรู้เพ่มิ เตมิ
สาระชีววิทยา 2. เข้าใจการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม สมบัติ
และหน้าที่ของสารพันธุกรรม การเกิดมิวเทชัน เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ หลักฐาน ข้อมูล และแนวคิด
เกี่ยวกับวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต ภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก การเกิดสปีชีส์ใหม่ ความ
หลากหลายทางชีวภาพ กำเนิดของสิง่ มชี วี ิต ความหลากหลายของสง่ิ มีชวี ิต และอนุกรมวิธาน รวมท้ัง
นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
ชน้ั ผลการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้เพิ่มเตมิ
ม.4 อธิบายหลักการสร้างสิ่งมีชีวิตดัด การใช้เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ ในการสร้างดีเอ็นเอรี
แปรพันธุกรรมโดยใช้ดีเอ็นเอรีคอม คอมบิแนนท์ สามารถนำไปใช้ในการสร้างสิ่งมีชีวิตดัด
บแิ นนท์ แปรพันธุกรรม โดยนำยีนที่ต้องการมาตัดต่อใส่ใน
ส่ิงมชี ีวติ ทำให้ส่งิ มีชีวติ นนั้ มสี มบตั ิตามตอ้ งการ
1. กำหนดเปา้ หมายของการจัดการเรียนรู้
1.1 สาระการเรียนรู/้ เนื้อหาการเรยี นรู้
เร่ือง พนั ธวุ ิศวกรรมและการโคลนยนี
1) การโคลนยนี โดยใช้พลาสมิดของแบคทีเรีย
2) การเพ่มิ จำนวน DNA ดว้ ยเทคนิค PCR
1.2 สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอดของเรื่องท่ีเขยี น
ในปัจจุบันมีการใช้เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอในดา้ นต่าง ๆ เช่น ใช้เทคนิคพันธุวิศวกรรมตดั ต่อ
และถ่ายยีนท่ีต้องการจากสิง่ มีชีวติ หนึ่งไปยงั สิ่งมีชีวิตอกี ชนิดหนึ่ง ได้เป็นสิ่งมชี ีวติ ดัดแปรพันธกุ รรม
การสร้างสิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรมสามารถทำได้ทั้งในจุลินทรีย์ พืช และสัตว์ การเพิ่มจำนวนของ
286
DNA ที่เหมือน ๆ กันนัน้ เรียกว่า การโคลนดีเอน็ เอและถ้า DNA บริเวณดังกล่าวเป็นยีนเรียกวา่ การ
โคลนยีน การเพิ่มจำนวน DNA อาจทำได้โดยใช้พลาสมิดของแบคทเี รียและเทคนิคพอลิเมอเรสเชนรี
แอกชันหรือ PCR การโคลนยนี โดยใช้พลาสมิดของแบคทีเรยี เพื่อสรา้ งดีเอ็นเอรีคอมบิแนนท์ อาจทำ
ได้โดยใช้เอนไซม์ตัดจำเพาะตัดสาย DNA ที่มียีนที่ต้องการและตัดพลาสมิดที่จุดตัดจำเพาะ เมื่อตัด
สาย DNA ตา่ งโมเลกลุ กนั ด้วยเอนไซม์ตัดจำเพาะชนิดเดียวกัน ปลายสาย DNA จะมีลำดับเบสที่เข้าคู่
กันได้ และเชื่อมต่อกันได้ด้วยเอนไซม์ดเี อ็นเอไลเกสทำใหไ้ ด้เป็นดเี อน็ เอรคี อมบแิ นนท์ จากนั้นถา่ ยดี
เอ็นเอรีคอมบิแนนท์เข้าสู่เซลล์เจ้าบ้านเพื่อเพิ่มจำนวน การเพิ่มจำนวน DNA ด้วยเทคนิค PCR
สามารถเพมิ่ ปริมาณของ DNA บริเวณทีต่ อ้ งการจากดเี อน็ เอแม่แบบท่ีมปี รมิ าณน้อยผ่านกระบวนการ
จำลองดเี อน็ เอซำ้ กันหลาย ๆ รอบในหลอดทดลองผลิตภัณฑ์ DNA ทไ่ี ด้จาก PCR สามารถตรวจสอบ
ผลการเพิ่มปริมาณ DNA และหาขนาดของโมเลกุล DNA ด้วยวิธีเจลอิเล็กโทรฟอรีซิส ซึ่งเปน็ เทคนิค
การแยกโมเลกุล DNA ที่มีขนาดแตกต่างกันในสนามไฟฟา้ ผ่านตัวกลางที่เป็นวุ้นแล้วเปรยี บเทียบกบั
การเคล่ือนที่ของโมเลกุลดีเอน็ เอมาตรฐานท่ีทราบขนาด และสามารถวิเคราะห์หาลำดับนิวคลีโอไทด์
ดว้ ยเครือ่ งหาลำดับนวิ คลโี อไทด์แบบอัตโนมตั ิ
1.3 จุดประสงคก์ ารเรียนรู้: เม่ือผเู้ รียนจบกิจกรรมการเรียนรู้ ผเู้ รียนสามารถ
ด้านความรู้ (K: Knowledge) อ ธ ิ บ า ย ห ล ั ก ก า ร ส ร ้ า ง ส ิ ่ ง ม ี ช ี ว ิ ต ด ั ด แ ป ร
พันธกุ รรมและการสรา้ งดีเอน็ เอรีคอมบแิ นนท์
อธิบายหลักการการโคลนยีนโดยใช้ พลาสมิด
ของแบคทีเรียได้
อธิบายหลักการการการเพ่มิ จำนวน DNA ด้วย
เทคนคิ PCR
ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P: Process) สามารถทดลองการสรา้ งดีเอน็ เอรีคอมบิแนนท์
ได้
ด้านคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ (A: Attribute) ทำงานรว่ มกับผ้อู ่ืน, รับผดิ ชอบต่อการทำงาน,
แสดงคงามคดิ เหน็ , นำเสนอผลงานหนา้ ชน้ั เรียน
ได้
ตระหนักถงึ การนำความรู้ทางชีววิทยาไปใช้ว่า
ต้องคำนึงถึงจริยธรรมและผลกระทบต่อมนุษย์
และสงิ่ แวดลอ้ ม
287
ดา้ นทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การลงความเห็นจากขอ้ มูล
(Sc.P: Science Process Skill) การกำหนดและควบคมุ ตวั แปร
การสังเกต การกำหนดนยิ ามเชงิ ปฏิบัติการ
การวัด การต้ังสมมตฐิ าน
การคำนวณ/การใช้ตัวเลข การทดลอง
การจำแนกประเภท การตคี วามหมายข้อมูลและลงข้อสรปุ
การจดั กระทำและสอื่ ความหมายข้อมูล การสร้างแบบจำลอง
การหาความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสเปสกับสเปส
และสเปสกบั เวลา
การพยากรณ์/การทำนาย
2. การจัดกิจกรรมการเรยี นรูแ้ บบ 5E
2.1 ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement)
2.1.1 ครูนำเข้าสู่บทเรียน โดยให้นักเรียนศึกษาภาพนำบทแล้วถามนักเรียนว่า ปลาม้าลาย
เรืองแสงได้อย่างไร และนักวิทยาศาสตร์สร้างปลาม้าลายเรืองแสงเพื่ออะไร นักเรียนร่วมกัน
อภิปรายโดยใช้ข้อมูลจากคำบรรยายใตภ้ าพเพื่อให้ได้ข้อสรุป (แนวคำตอบ: ปลาม้าลายเรืองแสงเกดิ
จากการใช้เทคนิคพันธุวิศวกรรมเคลื่อนย้ายยีนที่สร้างโปรตีนเรืองแสงจากแมงกะพรุนห รือ
ดอกไม้ทะเลใส่ให้ปลาม้าลายจุดประสงค์ของการทำวิจัยปลาเรืองแสงคือ เพือ่ ใชต้ รวจสอบคุณภาพน้ำ
ของแหลง่ น้ำโดยการดัดแปรพันธุกรรมปลาม้าลายให้สร้างโปรตนี เรืองแสงเม่ือถกู กระตุ้นด้วยสารพิษ
ชนิดตา่ ง ๆ แตใ่ นปัจจบุ นั มปี ลาม้าลายทเี่ รอื งแสงไดต้ ลอดเวลาและนำมาเลย้ี งเปน็ ปลาสวยงาม)
288
2.1.2 จากนน้ั ทบทวนความร้เู ดิมของนกั เรียนเร่ืองส่ิงมีชวี ิตดัดแปรพนั ธกุ รรม (GMOs) โดยใช้
คำถามและภาพถา่ ยของ GMOs ประกอบการอภปิ ราย ครตู งั้ คำถามดังนี้
ตัวอย่าง GMOs ที่นักเรียนรู้จักมีอะไรบ้าง และมีลักษณะต่างจากสิ่งมีชีวิตทั่วไป
อย่างไร (แนวคำตอบ: พืชที่สร้างสารที่เป็นพิษต่อแมลงได้ เช่น ข้าวโพด BT และฝ้าย BT ที่สร้าง
โปรตีนที่เป็นพิษต่อแมลง เมื่อแมลงกินเข้าไปจะตาย พืชที่ทนสารพิษได้ เช่น ถั่วเหลืองที่ทนต่อ
สารเคมฆี า่ วัชพืชพืชทเ่ี ก็บไดน้ านขึ้น เชน่ มะเขือเทศดัดแปรพันธุกรรมที่สกุ ช้า สัตว์ท่ีเจริญเติบโตเร็ว
เชน่ ปลาแซลมอนดดั แปรพนั ธุกรรมท่เี จรญิ เรว็ กว่าแซลมอนปกติแบคทีเรียท่ีสรา้ งอนิ ซลู ิน สามารถนำ
อินซูลินมาใช้ลดระดบั นำ้ ตาลในเลอื ดในผูป้ ว่ ยโรคเบาหวาน)
2.1.3 ครตู ้ังคำถามเพ่ือนำเขา้ สู่เนอ้ื หา ดงั นี้
พนั ธวุ ิศวกรรมมกี ระบวนการอยา่ งไร และสามารถนำามาใชป้ ระโยชนอ์ ะไรไดบ้ า้ ง
2.1.4 นักเรียนอภิปรายร่วมกัน ซึ่งคำตอบขึ้นอยู่กับความรู้เดิมของนักเรียน ซึ่งอาจจะถูก
หรอื ไม่ก็ตามครูยังไม่สรปุ เพือ่ ใหน้ ักเรยี นได้ศกึ ษารายละเอยี ดจากหนังสอื เรยี นในหัวข้อพันธุวิศวกรรม
และการโคลนยีน และสืบคน้ ข้อมูลจากแหล่งเรยี นรู้อื่น ๆ
2.2 ข้นั สำรวจและคน้ หา (Exploration)
2.2.1 ครูนำภาพของสิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรมชนิดต่าง ๆ และแหล่งของยีนที่นำมาใส่ใน
สิ่งมชี ีวิตนัน้ มาให้นกั เรยี นศกึ ษา เช่น แบคทีเรียทส่ี รา้ งอนิ ซูลนิ ท่ียีนควบคุมการสรา้ งอินซูลินได้มาจาก
มนษุ ย์
289
2.2.2 แบง่ นักเรยี นออกเป็นกลุ่ม กลมุ่ ละ 5-6 คน คละความสามารถ เกง่ ปานกลาง ออ่ น
2.2.3 ให้นกั เรียนแต่ละกลุ่มทำกิจกรรม เร่ือง การสรา้ งดเี อ็นเอคอมบแิ นนท์
กิจกรรม เรอ่ื ง การสร้างดเี อ็นเอคอมบแิ นนท์
จุดประสงค์ วัสดแุ ละอุปกรณ์
1. อธิบายหลักการตัด DNA ด้วยเอนไซม์ตัด 1. กระดาษสเี หลอื งและสีฟ้า (หรือกระดาษที่
จำเพาะและการสร้างดีเอ็นเอรีคอมบิแนนท์ มีสตี ่างกัน)
2. อธบิ ายความแตกตา่ งของเซลล์แบคทีเรียท่ีได้รับ 2. ปากกา
และไมไ่ ด้รบั ดีเอ็นเอรคี อมบแิ นนท์ 3. เทปใสติดกระดาษ
4. กรรไกร
5. ถงุ ทึบ
6. ถาดกระดาษ
วธิ ีการทำกจิ กรรม
1. ตัดกระดาษสีเหลืองให้มีขนาดกว้าง 3 cm และยาว 30 cm จำนวน 10 ชิ้น เขียนลำดับเบสท่ี
กำหนดลงบนกระดาษสีเหลืองสำหรบั เปน็ พลาสมิดทม่ี ยี ีนต้านยาปฏิชีวนะแอมพิซลิ ลนิ
2. ตัดกระดาษสีฟ้าให้มีขนาดกว้าง 3 cm และยาว 20 cm จำนวน 10 ชิ้น เขียนลำดับเบสที่
กำหนดลงบนกระดาษสีฟ้าสำหรบั เป็น DNA ที่มียีนท่คี วบคุมการสร้างสารทตี่ อ้ งการ
290
3. นำกระดาษสีเหลอื งท่เี ปน็ พลาสมดิ แต่ละชิ้น ม้วนติดกันเปน็ วงกลมด้วยเทปใสไดพ้ ลาสมดิ วงกลม
จำนวน 10 ช้นิ จากนน้ั ใช้กรรไกรตัดกระดาษตรงตำแหน่งตดั จำเพาะของเอนไซม์ EcoRI (รอยประ
สแี ดง)
4. ใชก้ รรไกรตดั กระดาษสีฟา้ จำนวน 10 ชนิ้ ตรงตำแหน่งตดั จำเพาะของเอนไซม์ EcoRI (รอยประ
สีแดง) นำกระดาษส่วนทีม่ ียนี ท่ีตอ้ งการไปใช้ต่อในข้อ 5
5. นำกระดาษทั้ง 20 ชิน้ ใสล่ งในถุงทึบ เขย่าให้กระจาย แล้วหยบิ ทลี ะ 2 ช้นิ จำนวน 10 ครง้ั
- ถ้าได้ชิ้นสีฟ้า 1 ชิ้น และสีเหลือง 1 ชิ้น ให้นำกระดาษสีฟ้าต่อเข้ากับกระดาษสีเหลืองแล้วต่อ
กระดาษเป็นวง
- ถา้ ได้ชนิ้ สฟี า้ 2 ชนิ้ ให้ต่อกระดาษสีฟ้าเข้าดว้ ยกนั แลว้ ตอ่ กระดาษเป็นวง
- ถา้ ไดช้ ้ินสเี หลือง 2 ชิน้ ใหต้ ่อกระดาษแต่ละชิน้ เป็นวงเหมือนเดิม
6. นำชิ้นกระดาษที่ได้จากข้อ 5 ใส่ลงในถุงทึบ แล้วสุ่มหยิบ 1 ชิ้นนำไปวางลงในถาดกระดาษที่
สมมติให้เป็นเซลล์แบคทีเรียนเจ้าบ้าน จากนั้นสุ่มหยิบครั้งที่ 2 แล้วนำไปใส่ถาดกระดาษอีกถาด
หน่ึง สุ่มหยบิ จนครบ 5 คร้ัง
บันทึกผลกิจกรรม
สรปุ ผล
291
2.2.4 ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาและร่วมกันอภิปรายภายในกลุม่ เรื่อง การโคลนยีนโดยใช้
พลาสมดิ ของแบคทีเรีย ในหนังสอื เรยี นชีววทิ ยา 2 หนา้ 116 - 121 เช่อื มโยงกบั องคค์ วามรู้โดยใช้ใบ
ความรู้ เรือ่ ง การโคลนยนี โดยใช้พลาสมิดของแบคทีเรยี
2.2.5 ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลของกิจกรรมและองค์ความรู้ที่สรุปได้จาก
การศึกษาในใบความรแู้ ละในหนังสอื เรยี นชวี วทิ ยา 2 เพ่อื นำเสนอหนา้ ชน้ั เรียน
2.3 ข้นั อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (Explanation)
2.3.1 ให้นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มออกมานำเสนอผลของกิจกรรมและองค์ความรู้ท่ีสรุปได้ หน้าช้ัน
เรียน
2.3.2 ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั อภปิ รายผลของกจิ กรรม และนำสรุปองค์ความรู้ ดงั น้ี
292
2.4 ขนั้ ขยายความรู้ (Elaboration)
2.4.1 ครใู ห้นักเรียนศึกษารปู 6.5 ขัน้ ตอนการเพ่มิ ปรมิ าณ DNA โดยเทคนิค PCR แลว้ ร่วมกัน
วเิ คราะหแ์ ละอภิปรายเพอ่ื นำไปสกู่ ารสบื คน้ โดยมปี ระเดน็ อภิปราย ดงั นี้
เทคนิค PCR มีขั้นตอนอย่างไร (แนวคำตอบ: เทคนิค PCR เป็นการเพ่ิม
จำนวน DNA ในหลอดทดลองเพื่อให้ได้โมเลกุลของ DNA ที่เหมือนกันในปริมาณมาก โดยใช้
เครื่องเทอร์มอลไซเคลอร์ โดยทั่วไปในการทำปฏิกิริยา PCR เป็นการเพิ่มจำนวน DNA บางบริเวณ
ไม่ได้ครอบคลุมทง้ั สายของ DNA ต้นแบบ ถ้าต้องการเพ่มิ จำนวน DNA ท่บี ริเวณใด ให้เลอื กไพรเมอร์
ที่มีลำดับเบสเป็นเบสคู่สมกับดีเอ็นเอแม่แบบที่จุดเริ่มต้นของแต่ละสายซึ่งครอบคลุมบริเวณนั้นของ
สายดเี อน็ เอแม่แบบซงึ่ มลี ำดับเบสเปน็ เบสคสู่ มกบั ไพรเมอร์)
การเพิ่มอุณหภูมิให้สูง ทำให้ DNA สายคู่ แยกออกจากกันได้อยา่ งไร (แนวคำตอบ:
เพิ่มอุณหภูมิให้สูง ทำให้ดีเอ็นเอแม่แบบสายคู่แยกออกเป็นสายเดี่ยว เนื่องจากพันธะ
ไฮโดรเจนระหวา่ งพอลนิ วิ คลโี อไทด์ 2 สายถกู ทำลาย)
293
2.5 ขน้ั ประเมนิ (Evaluation)
2.5.1 ครใู ห้นักเรียนตอบคำถามในเว็บ Quizizz จำนวน 20 ข้อ เกย่ี วกบั เรือ่ ง พนั ธุวิศวกรรม
และการโคลนยีน
3. ส่อื /อปุ กรณ/์ แหล่งการเรยี นรู้
3.1 หนังสือเรยี นรายวิชาเพมิ่ เตมิ ชีววิทยา 2
3.2 PowerPoint เร่ือง พนั ธุวศิ วกรรมและการโคลนยีน
3.3 ใบความรู้ เร่ือง การโคลนยนี โดยใช้พลาสมดิ ของแบคทีเรีย
3.4 ใบกจิ กรรม เร่ือง การสรา้ งดเี อน็ เอคอมบิแนนท์
4. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้
จุดประสงค์การเรยี นรู้ วิธีการวัดผลการเรยี นรู้ เกณฑก์ ารประเมินผล
ผ่านเกณฑไ์ มน่ อ้ ยกว่า
ดา้ นความรู้ (K: Knowledge) การตอบคำถาม รอ้ ยละ 75
อธบิ ายหลกั การสรา้ งสง่ิ มีชีวิตดัดแปร
พันธุกรรมและการสร้างดีเอ็นเอ
รีคอมบิแนนท์
อธิบายหลักการการโคลนยีนโดยใช้
พลาสมดิ ของแบคทเี รียได้
294
อธบิ ายหลกั การการการเพมิ่ จำนวน
DNA ด้วยเทคนิค PCR
ด้านทกั ษะกระบวนการ (P: Process) สงั เกตพฤติกรรมในการทำงาน ผา่ นเกณฑ์ไม่นอ้ ยกว่า
สามารถทดลองการสร้างดีเอ็นเอรี การนำเสนอผลงาน ร้อยละ 75
คอมบิแนนท์ได้
ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A: สงั เกตพฤตกิ รรมในการทำงาน ผา่ นเกณฑ์ไมน่ อ้ ยกว่า
Attribute) รอ้ ยละ 75
ทำงานรว่ มกับผู้อืน่ , รับผิดชอบต่อ
การทำงาน, แสดงความคดิ เหน็ ,
นำเสนอผลงานหนา้ ช้นั เรียนได้
ตระหนกั ถงึ การนำความรทู้ าง
ชวี วทิ ยาไปใช้วา่ ต้องคำนงึ ถงึ จริยธรรม
ด้านทักษะกระบวนการทาง สงั เกตพฤตกิ รรมในการทำงาน ผา่ นเกณฑไ์ ม่นอ้ ยกว่า
วิทยาศาสตร์ รอ้ ยละ 75
(Sc.P: Science Process Skill)
การสงั เกต
การลงความเหน็ จากขอ้ มูล
การทดลอง
295
แบบสงั เกตพฤติกรรม
เรอื่ ง พนั ธุวศิ วกรรมและการโคลนยีน
คำชี้แจง จงทำเครื่องหมาย ลงในช่องที่ตรงกับพฤติกรรมที่ผู้เรียนแสดงออก โดยจำแนกระดับ
พฤตกิ รรมการแสดงออกไว้เปน็ 3 คะแนน ดังน้ี
3 คะแนน หมายถึง ผู้เรียนมพี ฤติกรรมในระดบั ดี
2 คะแนน หมายถึง ผเู้ รียนมีพฤตกิ รรมในระดับปานกลาง
1 คะแนน หมายถงึ ผเู้ รียนมีพฤตกิ รรมในระดับปรบั ปรุง
ชอ่ื -สกลุ รายการประเมนิ คะแนน รอ้ ย สรปุ ผลการ
ความใส่ใจ การเสนอ ความ การยอมรบั รวม ละ ประเมิน
เลขท่ี ในการ ความ รว่ มมือใน ฟังคนอืน่
ทำงาน คดิ เหน็ การทำงาน
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผ่าน ไม่
ผา่ น
1 นายณัฐนนท์สุธรรมฤทธ์ิ
2 นายระพธี าดา วงศ์คุลี
3 นายจกั รกฤษ สลี าแดง
4 นายจักรภทั ร จนั ทรแ์ ก้ว
5 นายนรภทั ร ศรีทอง
6 นายปรัชญา ใจบุญ
7 นายประสทิ ธิชัย อามาตย์
สมบัติ
8 นายจักรภทั ร สขุ ณรงค์
9 นายฉัตรดนยั สภุ า
10 นายณฐั พล จนั ทฤาชา
11 นายณัฐวศั พนมธรี -
เกียรติ
12 นายถริ ะวฒั น์ แตงเอ่ียม
13 นายทธั ดนัย สแตนลีย์
14 นายธีรัตเดช น้อยมนตรี
15 นายนันทวุฒิ สุขเกิด
296
ชื่อ-สกลุ รายการประเมิน คะแนน ร้อย สรปุ ผลการ
การยอมรบั รวม ละ ประเมนิ
เลขท่ี ความใส่ใจ การเสนอ ความ ฟังคนอ่ืน
ในการ ความ ร่วมมือใน
ทำงาน คิดเห็น การทำงาน
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผา่ น ไม่
ผ่าน
16 นายนันทศร หไู ธสง
17 นายวชริ วิชญ์ พันพินิจ
18 นายวีรภัทร ครศู รี
19 นายสริ วิชญ์ สมั ฤทธ์ิ
20 น.ส.ปยิ ธิดา อม้ วชิ า
21 น.ส.จรี ะนนั ท์ เเหลย้ ัง
22 น.ส.ปนดั ดา คนดี
23 น.ส.จฑุ ารัตน์ คำเดช
24 น.ส.ชยธิดา สงวนพร
25 น.ส.ณฐั กฤตา หาญโก-
กรวด
26 น.ส.ตติยา อปุ ระโคตร
27 น.ส.ธิดารตั น์ ตอ้ นโสกี
28 น.ส.นครินทร์ สารโี ท
29 น.ส.นภัสสร สำราญบุญ
30 น.ส.ปนดั ดา วรรณบูลย์
31 น.ส.ปิน่ ภทั รา ชินคำ
32 น.ส.ปุณยาพร ทองไชย
33 น.ส.พิชญน์ าฏ ขนั ธวิชัย
34 น.ส.พมิ พร ละดาดาษ
35 น.ส.ภัทรภรณ์ สายสุข
36 น.ส.มณฑาทิพย์ ใจสุข
297
ชอื่ -สกุล รายการประเมนิ คะแนน รอ้ ย สรุปผลการ
การยอมรบั รวม ละ ประเมิน
เลขท่ี ความใสใ่ จ การเสนอ ความ ฟงั คนอื่น
ในการ ความ รว่ มมือใน
ทำงาน คิดเหน็ การทำงาน
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผ่าน ไม่
ผ่าน
37 น.ส.ณัฏฐธดิ า อุปะทะ
38 น.ส.รจุ ี บุตรนนท์
39 น.ส.วภิ วานี แสนโสภา
40 น.ส.สริ ิกญั ญา บตุ รน้อย
41 น.ส.สกุ ฤตา บรรเรอื ง-
ทอง
42 น.ส.นันทิพร โอนากุล
เกณฑก์ ารประเมิน
รอ้ ยละ 75 ข้ึนไป ( 9 - 12 คะแนน) ผ่านเกณฑ์
น้อยกว่ารอ้ ยละ 75 ( 0 – 8 คะแนน ) ไม่ผา่ นเกณฑ์
ลงชื่อ ........................................................ ผูส้ อน
(นางสาวสุภาวิณี เพิ่มทอง)
วันท่ี ............ เดือน ........................ พ.ศ..............
298
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
ประเด็นทป่ี ระเมนิ เกณฑ์การให้คะแนน
321
ความใสใ่ จในการ เมื่อเกิดปัญหาหรือไม่ ส่ว น ใหญ ่เมื่อเกิด เมื่อเกิดปัญหาหรือไม่
ทำงาน เข้าใจบทเรียนทุกคร้ัง ปัญหาหรือไม่เข้าใจ เข้าใจบทเรียนทุกคร้ัง
มักซักถามและมีความ บทเรียนทุกครั้งมัก มักซักถามและมีความ
พยายามในการค้นหา ซักถามและมีความ พยายามในการค้นหา
คำตอบอยู่เสมอ พยายามในการค้นหา คำตอบเปน็ บางคร้ัง
คำตอบ
การเสนอความคดิ เหน็ ส ่ ว น ใ ห ญ ่ เ ส น อ เสนอความคิดเห็น ไม่เสนอความคิดเห็น
ความคิดเห็น กล้า กล้าแสดงออกที่จะพูด กล้าแสดงออกที่จะพูด
แสดงออกที่จะพูดใน ใน สิ่ง ที่ถูก หร ือ ดี ในสิง่ ที่ถกู หรอื ดี
ส่งิ ทีถ่ ูกหรอื ดี บางครั้ง
ความรว่ มมือในการ ใหค้ วามร่วมมอื ในการ ส่วนใหญ่ให้ค ว าม ใหค้ วามร่วมมอื ในการ
ทำงาน ทำงานกลมุ่ และ ร่วมมือในการทำงาน ทำงานกลุ่มและ
ปฏบิ ัตงิ านทีส่ มาชิกใน กลุ่มและปฏิบัติงานที่ ปฏิบตั งิ านที่สมาชิกใน
กลมุ่ มอบหมายดว้ ย ส ม า ช ิ ก ใ น ก ลุ่ ม กลุ่มมอบหมายได้เป็น
ความเต็มใจทกุ ครั้ง มอบหมายได้ บางคร้ัง
การยอมรับฟังคนอ่นื ย อ ม ร ั บ ฟ ั ง ค ว า ม ย อ ม ร ั บ ฟ ั ง ค ว า ม ไม่ยอมรับฟังความ
คิดเห็น ที่ดีและ มี คิดเห็น ที่ดีและ มี คิดเห็น ที่ดีและ มี
เหตุผลของผู้อื่นทุก เหตุผลของผู้อื่นบ้าง เหตุผลของผู้อื่น มัก
ค ร ั ้ ง ไ ม ่ ย ึ ด ค ว า ม แต่บาง คร ั้ง จะ ยึ ด ยึดความคิดเห็นของ
คิดเห็นของตนแต่ฝ่าย ความคิดเห็นของตน ตนแต่ฝ่ายเดียว
เดียว
299
แบบประเมินการนำเสนอผลงาน
ชอื่ กลมุ่ ...............................................................................................................ชนั้ ............................
รายชื่อสมาชกิ 1. .............................................................................................เลขที่...........................
2. .............................................................................................เลขท.ี่ ..........................
3. .............................................................................................เลขท่.ี ..........................
4. .............................................................................................เลขที่...........................
5. .............................................................................................เลขที.่ ..........................
6. .............................................................................................เลขที่...........................
คำชี้แจง จงทำเครือ่ งหมาย ลงในช่องท่ตี รงกบั พฤตกิ รรมท่ีผู้เรียนแสดงออก โดยจำแนกระดบั
พฤติกรรมการแสดงออกไว้เปน็ 3 คะแนน ดังน้ี
3 คะแนน หมายถงึ ผเู้ รียนมพี ฤติกรรมการแสดงออกอยา่ งสมำ่ เสมอ
2 คะแนน หมายถงึ ผเู้ รยี นมพี ฤติกรรมการแสดงออกเป็นครัง้ คราว
1 คะแนน หมายถึง ผเู้ รียนมพี ฤติกรรมการแสดงออกนอ้ ยครั้ง
ท่ี รายการประเมิน คะแนน ข้อคิดเหน็
32 1
1 การเตรียมความพรอ้ ม
2 เนอื้ หาสาระครอบคลมุ ชดั เจน
3 ความถกู ต้องของเน้อื หา
4 การมีสว่ นรว่ มของสมาชกิ ใน
กลมุ่
5 รูปแบบการนำเสนอ
รวม
เกณฑ์การประเมนิ
รอ้ ยละ 75 ขึน้ ไป ( 11 - 15 คะแนน) ผา่ นเกณฑ์
น้อยกว่ารอ้ ยละ 75 ( 0 – 10 คะแนน ) ไม่ผา่ นเกณฑ์
ลงช่ือ ........................................................ ผูส้ อน
(นางสาวสภุ าวณิ ี เพม่ิ ทอง)
วนั ที่ ............ เดือน ........................ พ.ศ..............
300
เกณฑก์ ารให้คะแนน
ประเด็นทีป่ ระเมนิ เกณฑ์การใหค้ ะแนน
321
การเตรียมความพร้อม ดำเนินการตามแผนท่ี ดำเนินการตามแผนที่ ไม่สามารถดำเนินการ
วางไว้ ใช้อุปกรณ์และ วางไว้ ใช้อุปกรณ์และ ตามแผนที่วางไว้
สื่อประกอบได้ถูกต้อง สื่อประกอบได้ถูกต้อง
คล่องแคล่ว และเสร็จ แต่ไมค่ ล่องแคล่ว
ทันเวลา
เนือ้ หาสาระ เน ื้อหาถูก ต้อง มี เน ื้อ หาถูก ต้อง มี เนื้อหาถูกต้องแต่ให้
ครอบคลุมชัดเจน สาระสำคัญครบถ้วน สาระสำคัญ แต่ยังไม่ สาระสำคัญน้อยมาก
และระบุแหล่งที่มา ครบถ้วน มีการระบุ และไม่ระบุแหล่งที่มา
ของความรู้ชดั เจน แหล่งทมี่ าของความรู้ ของความรู้
ความถูกต้องของ เนื้อหาสาระถกู ตอ้ ง ส่วนใหญ่เนื้อหาสาระ เน้ือหาสาระไม่ถกู ต้อง
เนื้อหา
ครบถว้ น ถูกต้อง
การมสี ว่ นรว่ มของ
สมาชิกในกลุ่ม มีส่วนร่วมสมำ่ เสมอ มีส่วนร่วมบางครั้ง มีส่วนร่วมน้อยครั้ง/
รปู แบบการนำเสนอ ขาดการมสี ่วนร่วม
มีรูปแบบน่าสนใจ มี ร ู ป แ บ บ มี ไม่มีรูปแบบน่าสนใจ
ค ว า ม ส ั ม พ ั น ธ ์ กั บ ค ว า ม ส ั ม พ ั น ธ ์ กั บ มีความสัมพันธ์กับ
ห ั ว ข ้ อ ท ี ่ ก ำ ห น ด หัวข้อที่กำหนด แต่ไม่ หัวข้อที่กำหนดน้อย
ระบายสีไดส้ วยงาม ดึงดูดความสนใจ มาก
301
302
303
ใบกิจกรรม เรอ่ื ง การสร้างดเี อ็นเอคอมบแิ นนท์
ช่อื กล่มุ ............................................................................................................ชัน้ ..................................
รายชอื่ สมาชิก 1. .........................................................................................เลขที่..................................
2. .........................................................................................เลขที่……............................
3. .........................................................................................เลขที่……….........................
4. .........................................................................................เลขท…่ี …….........................
5. .........................................................................................เลขที่……............................
6. .........................................................................................เลขท.ี่ .................................
คำชี้แจง ใหน้ กั เรียนเตรยี มอปุ กรณต์ ามทีก่ ำหนดให้ และศกึ ษาวิธีทำ จากน้ันใหว้ าดภาพหรอื ตดิ ภาพ
ผลการทดลอง และสรปุ ผลของกิจกรรมการทดลอง
กิจกรรม เรอ่ื ง การสรา้ งดเี อน็ เอคอมบิแนนท์
จุดประสงค์ วัสดุและอปุ กรณ์
1. อธิบายหลักการตัด DNA ด้วยเอนไซม์ตัด 1. กระดาษสีเหลอื งและสีฟ้า (หรอื กระดาษที่
จำเพาะและการสร้างดีเอ็นเอรีคอมบิแนนท์ มสี ตี า่ งกนั )
2. อธบิ ายความแตกตา่ งของเซลลแ์ บคทเี รียที่ได้รับ 2. ปากกา
และไมไ่ ด้รับดเี อน็ เอรีคอมบแิ นนท์ 3. เทปใสตดิ กระดาษ
4. กรรไกร
5. ถงุ ทบึ
6. ถาดกระดาษ
วธิ กี ารทำกิจกรรม
1. ตัดกระดาษสีเหลืองให้มีขนาดกว้าง 3 cm และยาว 30 cm จำนวน 10 ชิ้น เขียนลำดับเบสท่ี
กำหนดลงบนกระดาษสเี หลืองสำหรบั เป็นพลาสมดิ ทมี่ ียีนตา้ นยาปฏชิ ีวนะแอมพซิ ลิ ลนิ
2. ตัดกระดาษสีฟ้าให้มีขนาดกว้าง 3 cm และยาว 20 cm จำนวน 10 ชิ้น เขียนลำดับเบสที่
กำหนดลงบนกระดาษสีฟ้าสำหรบั เป็น DNA ท่ีมียีนทค่ี วบคมุ การสร้างสารท่ตี ้องการ
304
3. นำกระดาษสีเหลอื งท่เี ปน็ พลาสมดิ แต่ละชิ้น ม้วนติดกันเปน็ วงกลมด้วยเทปใสไดพ้ ลาสมดิ วงกลม
จำนวน 10 ช้นิ จากนน้ั ใช้กรรไกรตัดกระดาษตรงตำแหน่งตดั จำเพาะของเอนไซม์ EcoRI (รอยประ
สแี ดง)
4. ใชก้ รรไกรตดั กระดาษสีฟา้ จำนวน 10 ชนิ้ ตรงตำแหน่งตดั จำเพาะของเอนไซม์ EcoRI (รอยประ
สีแดง) นำกระดาษส่วนทีม่ ียนี ท่ีตอ้ งการไปใช้ต่อในข้อ 5
5. นำกระดาษทั้ง 20 ชิน้ ใสล่ งในถุงทึบ เขย่าให้กระจาย แล้วหยบิ ทลี ะ 2 ช้นิ จำนวน 10 ครง้ั
- ถ้าได้ชิ้นสีฟ้า 1 ชิ้น และสีเหลือง 1 ชิ้น ให้นำกระดาษสีฟ้าต่อเข้ากับกระดาษสีเหลืองแล้วต่อ
กระดาษเป็นวง
- ถา้ ได้ชนิ้ สฟี า้ 2 ชนิ้ ให้ต่อกระดาษสีฟ้าเข้าดว้ ยกนั แลว้ ตอ่ กระดาษเป็นวง
- ถา้ ไดช้ ้ินสเี หลือง 2 ชิน้ ใหต้ ่อกระดาษแต่ละชิน้ เป็นวงเหมือนเดิม
6. นำชิ้นกระดาษที่ได้จากข้อ 5 ใส่ลงในถุงทึบ แล้วสุ่มหยิบ 1 ชิ้นนำไปวางลงในถาดกระดาษที่
สมมติให้เป็นเซลล์แบคทีเรียนเจ้าบ้าน จากนั้นสุ่มหยิบครั้งที่ 2 แล้วนำไปใส่ถาดกระดาษอีกถาด
หน่ึง สุ่มหยบิ จนครบ 5 คร้ัง
บันทึกผลกิจกรรม
สรปุ ผล
305
ตวั อยา่ งใบกจิ กรรม เรื่อง การสร้างดีเอ็นเอคอมบิแนนท์
ชอื่ กลมุ่ ............................................................................................................ชน้ั ..................................
รายชอื่ สมาชิก 1. .........................................................................................เลขที่..................................
2. .........................................................................................เลขท่ี……............................
3. .........................................................................................เลขท…ี่ …….........................
4. .........................................................................................เลขท่ี……….........................
5. .........................................................................................เลขที…่ …............................
6. .........................................................................................เลขที่..................................
คำช้ีแจง ให้นกั เรียนเตรยี มอปุ กรณ์ตามทก่ี ำหนดให้ และศกึ ษาวิธีทำ จากนั้นให้วาดภาพหรือตดิ ภาพ
ผลการทดลอง และสรุปผลของกจิ กรรมการทดลอง
กจิ กรรม เร่อื ง การสรา้ งดีเอน็ เอคอมบิแนนท์
จุดประสงค์ วสั ดุและอปุ กรณ์
1. อธิบายหลักการตัด DNA ด้วยเอนไซม์ตัด 1. กระดาษสเี หลอื งและสีฟ้า (หรอื กระดาษที่
จำเพาะและการสร้างดีเอ็นเอรีคอมบิแนนท์ มสี ตี ่างกัน)
2. อธิบายความแตกตา่ งของเซลล์แบคทีเรียท่ีได้รับ 2. ปากกา
และไม่ไดร้ บั ดเี อน็ เอรีคอมบิแนนท์ 3. เทปใสตดิ กระดาษ
4. กรรไกร
5. ถงุ ทึบ
6. ถาดกระดาษ
วิธกี ารทำกจิ กรรม
1. ตัดกระดาษสีเหลืองให้มีขนาดกว้าง 3 cm และยาว 30 cm จำนวน 10 ชิ้น เขียนลำดับเบสท่ี
กำหนดลงบนกระดาษสเี หลืองสำหรบั เป็นพลาสมดิ ทมี่ ียนี ต้านยาปฏชิ ีวนะแอมพซิ ลิ ลิน
2. ตัดกระดาษสีฟ้าให้มีขนาดกว้าง 3 cm และยาว 20 cm จำนวน 10 ชิ้น เขียนลำดับเบสที่
กำหนดลงบนกระดาษสฟี า้ สำหรับเป็น DNA ท่ีมยี ีนท่ีควบคุมการสรา้ งสารทตี่ ้องการ
306
3. นำกระดาษสีเหลืองที่เปน็ พลาสมดิ แต่ละช้นิ ม้วนติดกันเปน็ วงกลมด้วยเทปใสได้พลาสมดิ วงกลม
จำนวน 10 ชนิ้ จากน้ันใชก้ รรไกรตัดกระดาษตรงตำแหนง่ ตดั จำเพาะของเอนไซม์ EcoRI (รอยประ
สีแดง)
4. ใช้กรรไกรตดั กระดาษสีฟา้ จำนวน 10 ช้ิน ตรงตำแหน่งตัดจำเพาะของเอนไซม์ EcoRI (รอยประ
สีแดง) นำกระดาษส่วนทีม่ ยี ีนทต่ี อ้ งการไปใช้ตอ่ ในขอ้ 5
5. นำกระดาษท้ัง 20 ช้ิน ใส่ลงในถงุ ทึบ เขย่าใหก้ ระจาย แลว้ หยิบทีละ 2 ชนิ้ จำนวน 10 คร้ัง
- ถ้าได้ชิ้นสีฟ้า 1 ชิ้น และสีเหลือง 1 ชิ้น ให้นำกระดาษสีฟ้าต่อเข้ากับกระดาษสีเหลืองแล้วต่อ
กระดาษเปน็ วง
- ถ้าไดช้ น้ิ สฟี ้า 2 ช้ิน ใหต้ อ่ กระดาษสีฟ้าเขา้ ด้วยกันแล้วต่อกระดาษเป็นวง
- ถ้าไดช้ ้นิ สีเหลือง 2 ชนิ้ ให้ต่อกระดาษแต่ละชนิ้ เปน็ วงเหมือนเดมิ
6. นำชิ้นกระดาษที่ได้จากข้อ 5 ใส่ลงในถุงทึบ แล้วสุ่มหยิบ 1 ชิ้นนำไปวางลงในถาดกระดาษท่ี
สมมติให้เป็นเซลล์แบคทีเรียนเจ้าบ้าน จากนั้นสุ่มหยิบครั้งที่ 2 แล้วนำไปใส่ถาดกระดาษอีกถาด
หนงึ่ สุ่มหยิบจนครบ 5 ครั้ง
บันทึกผลกิจกรรม
สรุปผล
การโคลนยีนโดยใช้พลาสมิดนั้น เซลล์แบคทีเรียมีทั้งที่ได้รับและไม่ได้รับพลาสมิด เมื่อนำ
เซลล์แบคทีเรียไปเลี้ยงในอาหารเลี้ยงเชื้อที่มียาปฏิชีวนะ เซลล์แบคทีเรียที่ได้รับพลาสมิดเท่านั้น
จะเจริญได้ เนื่องจากพลาสมิดที่ได้รับนั้นมียีนที่ต้านยาปฏิชีวนะ แต่เซลล์แบคทีเรียที่ไม่ได้รับ
307
พลาสมิดจะตายไป อย่างไรก็ตาม แบคทีเรียที่เจริญเติบโตได้นั้นมีทั้งเซลล์ที่ได้รับเฉพาะ
พลาสมิดและได้รับดีเอ็นเอรีคอมบิแนนท์ซึ่งเป็นพลาสมิดที่มียีนแทรกอยู่ แต่เฉพาะเซลล์ที่ได้
รบั ดเี อน็ เอรคี อมบิแนนท์เทา่ นน้ั ท่สี ร้างสารทตี่ อ้ งการ
308
309
310
311
312
313
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 13
กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4
12 ช่ัวโมง
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 6 เร่ือง เทคโนโลยีทางดีเอน็ เอ 2 ช่ัวโมง
เร่อื ง การหาขนาดของ DNA และการหาลำดบั นวิ คลโี อไทด์ ภาคเรียนที่ 2/2564
ครผู สู้ อน นางสาวสภุ าวิณี เพิม่ ทอง
ผลการเรียนรแู้ ละสาระการเรียนรเู้ พ่มิ เติม
สาระชีววิทยา 2. เข้าใจการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม สมบัติ
และหน้าที่ของสารพันธุกรรม การเกิดมิวเทชัน เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ หลักฐาน ข้อมูล และแนวคิด
เกี่ยวกับวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต ภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก การเกิดสปีชีส์ใหม่ ความ
หลากหลายทางชวี ภาพ กำเนิดของสิ่งมชี วี ิต ความหลากหลายของสิ่งมีชีวติ และอนุกรมวธิ าน รวมทั้ง
นำความรูไ้ ปใช้ประโยชน์
ชั้น ผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้เพมิ่ เตมิ
ม.4 อธิบายหลักการสร้างสิ่งมีชีวิตดัด การใช้เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ ในการสร้างดีเอ็นเอรี
แปรพันธุกรรมโดยใช้ดีเอ็นเอรีคอม คอมบิแนนท์ สามารถนำไปใช้ในการสร้างสิ่งมีชีวิตดัด
บิแนนท์ แปรพันธุกรรม โดยนำยีนที่ต้องการมาตัดต่อใส่ใน
ส่งิ มชี วี ติ ทำใหส้ ่ิงมีชวี ิตนนั้ มีสมบัตติ ามตอ้ งการ
1. กำหนดเปา้ หมายของการจดั การเรยี นรู้
1.1 สาระการเรียนรู้/เน้อื หาการเรยี นรู้
เรอ่ื ง การหาขนาดของ DNA และการหาลำดับนิวคลีโอไทด์
1) การหาขนาดของ DNA
2) การหาลำดับนวิ คลโี อไทด์
1.2 สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอดของเร่อื งทเ่ี ขียน
ผลิตภัณฑ์ DNA ท่ไี ดจ้ าก PCR สามารถตรวจสอบผลการเพิ่มปริมาณ DNA และหาขนาดของ
โมเลกุล DNA ด้วยวิธีเจลอเิ ล็กโทรฟอรซี ิส ซ่งึ เปน็ เทคนคิ การแยกโมเลกุล DNA ท่มี ีขนาดแตกต่างกัน
ในสนามไฟฟ้าผา่ นตัวกลางที่เป็นว้นุ แลว้ เปรียบเทยี บกบั การเคล่ือนทขี่ องโมเลกุลดีเอ็นเอมาตรฐานท่ี
ทราบขนาด และสามารถวเิ คราะห์ลำดับนิวคลิโอไทด์ด้วยเคร่อื งหาลำดับนิวคลิโอไทดแ์ บบอัตโนมัติ
314
1.3 จดุ ประสงค์การเรยี นรู้: เม่อื ผเู้ รียนจบกิจกรรมการเรียนรู้ ผู้เรียนสามารถ
ด้านความรู้ (K: Knowledge) สบื ค้นข้อมูลและอธิบายการหาขนาด DNA
โดยใชเ้ ทคนคิ เจลอิเล็กโทรฟอรซี สิ
ด้านทักษะกระบวนการ (P: Process) แสดงวิธีการหาขนาด DNA โดยใช้เทคนิค
เจลอิเลก็ โทรฟอรรซี สิ ได้
ด้านคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A: Attribute) ทำงานร่วมกบั ผ้อู ่ืน, รบั ผิดชอบต่อการทำงาน,
แสดงคงามคดิ เหน็ , นำเสนอผลงานหนา้ ชน้ั เรียน
ได้
ดา้ นทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
(Sc.P: Science Process Skill)
การสังเกต การลงความเห็นจากข้อมลู
การวดั การกำหนดและควบคุมตัวแปร
การคำนวณ/การใช้ตวั เลข การกำหนดนยิ ามเชงิ ปฏิบตั กิ าร
การจำแนกประเภท การตั้งสมมติฐาน
การจดั กระทำและสื่อความหมายข้อมูล การทดลอง
การหาความสัมพันธร์ ะหวา่ งสเปสกบั สเปส การตีความหมายขอ้ มลู และลงข้อสรปุ
และสเปสกบั เวลา การสรา้ งแบบจำลอง
การพยากรณ/์ การทำนาย
2. การจัดกิจกรรมการเรียนรูแ้ บบ 5E
2.1 ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement)
2.1.1 ครูใช้คำถามนำ เพื่อนำไปสู่การสืบค้นและการอภิปราย โดยมีแนวคำถามดังนี้
เมื่อเพิ่มจำนวน DNA ด้วยวิธี PCR แล้ว จะทราบได้อย่างไรว่ามีผลิตภัณฑ์ DNA เพิ่มจำนวนข้ึน
และผลติ ภณั ฑ์ DNA น้ัน มีขนาดเทา่ ใด (แนวคำตอบ: สามารถแยกขนาดของ DNA ได้ในสนามไฟฟ้า
และหาขนาดไดโ้ ดยนำไปเปรยี บเทยี บกบั โมเลกลุ DNA ทท่ี ราบขนาด)
2.2 ขัน้ สำรวจและค้นหา (Exploration)
2.2.1 แบ่งนกั เรียนออกเปน็ กล่มุ กลุ่มละ 5-6 คน คละความสามารถ เก่ง ปานกลาง อ่อน
2.2.2 ให้นักเรียนแต่ละกลมุ่ ศึกษาและร่วมกันอภปิ รายภายในกลุม่ เรอื่ ง การหาขนาด DNA
ดว้ ยเทคนคิ เจลอเิ ลก็ โทรฟอรซี สิ และการหาลำดับนิวคลโี อไทด์ในหนงั สือเรียนชวี วิทยา 2 หนา้ 128 –
132
315
2.2.3 ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลของกิจกรรมและองค์ความรู้ที่สรุปได้จาก
การศกึ ษาในหนังสอื เรียนชีววทิ ยา 2 เพอื่ นำเสนอหนา้ ชั้นเรียน
2.3 ขนั้ อธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation)
2.3.1 ใหน้ ักเรยี นแต่ละกล่มุ ออกมานำเสนอผลของกิจกรรมและองค์ความรู้ท่ีสรุปได้ หน้าชั้น
เรยี น
2.3.2 ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั อภปิ รายผลของกิจกรรม และนำสรปุ องค์ความรู้ ดงั น้ี
1) การแยกขนาด DNA โดยเทคนิคเจลอเิ ล็กโทรฟอรซี ิส โดยมีหลักการโดยสรปุ
2) การหาลำดบั นวิ คลีโอไทดส์ ามารถทำได้โดยใช้
การหาลำดับนิวคลีโอไทด์สามารถทำได้โดยใช้เครื่องหาลำดับนิวคลีโอไทด์แบบอัตโนมัติ ซึ่งเมื่อ
ทราบลำดับนิวคลีโอไทด์ของโมเลกุล DNA แล้วจะสามารถบอกได้ว่า DNA นั้นเป็นยีนใดโดยนำไป
เทยี บกับฐานขอ้ มูลที่มีการศึกษาแลว้ นอกจากนล้ี ำดบั นวิ คลโี อไทด์ยังสามารถใชว้ ิเคราะห์การเกิดมิว
เทชันได้อีกด้วย รวมทั้งนำลำดับนิวคลีโอไทด์ไปแปลเป็นลำดับกรดแอมิโนเพื่อใช้ในการทำนาย
โครงสร้างและการทำของโปรตนี ได้
316
2.4 ขัน้ ขยายความรู้ (Elaboration)
2.4.1 ครยู กตัวอยา่ งเหตุการณ์หน่งึ ขึน้ มาว่า ในงานเล้ยี งหน่งึ มผี ู้รบั ประทานอาหารเกิดอาการ
อาหารเป็นพษิ เม่ือนำเช้ือแบคทเี รียจากผู้ป่วยไปเพาะเชอ้ื พบว่ามีเชอ้ื แบคทีเรยี ท่ไี ม่กอ่ โรค (B1) และ
แบคทีเรียท่กี อ่ โรค (B2) เมอ่ื สอบถามผู้ป่วยพบว่า ผู้ป่วยทกุ คนรับประทานอาหารชนิดที่ 1 (F1) และ
อาหารชนิดที่ 2 (F2) จากน้นั นำ DNA ท่ีได้จากเทคนิค PCR ไปหาขนาดด้วยเทคนิคเจลอเิ ลก็ ดทรฟอรี
ซิส โดยเปรยี บเทยี บกับ DNA ท่ที ราบขนาด (M)
2.4.2 ครูแสดงแถบ DNA จากผลิตภัณฑ์ PCR กับ DNA ที่ได้จากแต่ละตัวอย่างในแถวของ
แผ่นเจล
2.4.3 ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปและอธิบายผลที่ได้จากแถบ DNA จากผลิตภัณฑ์ PCR กับ
DNA ที่ได้จากแตล่ ะตัวอยา่ งในแถวของแผ่นเจล
- B1 เปน็ แบคทีเรยี สายพันธุ์ไมก่ อ่ โรค จะได้ช้ิน DNA จำนวน 1 ขนาด คือ 150 คเู่ บส
- F1 ทีม่ ีแบคทีเรียสายพันธุ์ไม่ก่อโรคและท่ีก่อโรค จะได้ชนิ้ DNA จำนวน 2 ขนาด คอื 150 และ 400
คูเ่ บส
- F2 ทีม่ แี บคทเี รยี สายพันธไ์ุ ม่กอ่ โรคจะไดช้ น้ิ DNA จำนวน 1 ขนาด คอื 150 คู่เบส
- B2 เปน็ แบคทีเรยี สายพันธุ์กอ่ โรค จะไดช้ ้นิ DNA จำนวน 1 ขนาด คอื 400 คู่เบส
2.5 ขัน้ ประเมิน (Evaluation)
2.5.1 ครูให้นักเรียนทำใบงานที่ 10 เรื่อง ผลของการ DNA จากผลิตภัณฑ์ PCR กับ DNA ท่ี
ได้จากแต่ละตวั อยา่ งในแถวของแผน่ เจล
3. สอื่ /อปุ กรณ/์ แหลง่ การเรียนรู้
3.1 หนงั สอื เรยี นรายวิชาเพ่ิมเติม ชีววิทยา 2
3.2 PowerPoint เร่อื ง การหาขนาดของ DNA และการหาลำดับนวิ คลีโอไทด์
317
3.3 ใบงานที่ 10 เรื่อง ผลของการ DNA จากผลิตภัณฑ์ PCR กับ DNA ที่ได้จากแต่ละตัวอย่างใน
แถวของแผ่นเจล
4. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้
จุดประสงค์การเรียนรู้ วธิ ีการวดั ผลการเรยี นรู้ เกณฑ์การประเมนิ ผล
ดา้ นความรู้ (K: Knowledge) การตอบคำถาม ผ่านเกณฑ์ไม่นอ้ ยกว่า
สบื คน้ ข้อมลู และอธิบายการหาขนาด การตรวจแบบฝึกหดั ร้อยละ 75
DNA โดยใชเ้ ทคนิคเจลอเิ ล็กโทรฟอรี
ซสิ
ดา้ นทักษะกระบวนการ (P: Process) สงั เกตพฤตกิ รรมในการทำงาน ผา่ นเกณฑ์ไม่น้อยกวา่
แสดงวิธีการหาขนาด DNA โดยใช้ การนำเสนอผลงาน รอ้ ยละ 75
เทคนคิ เจลอเิ ลก็ โทรฟอรรีซสิ ได้
ด้านคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (A: สังเกตพฤติกรรมในการทำงาน ผ่านเกณฑ์ไม่น้อยกว่า
Attribute) รอ้ ยละ 75
ทำงานรว่ มกบั ผ้อู นื่ , รับผดิ ชอบต่อ
การทำงาน, แสดงความคิดเห็น,
นำเสนอผลงานหนา้ ชน้ั เรียนได้
ดา้ นทักษะกระบวนการทาง สังเกตพฤติกรรมในการทำงาน ผ่านเกณฑ์ไม่น้อยกว่า
วทิ ยาศาสตร์ รอ้ ยละ 75
(Sc.P: Science Process Skill)
การสงั เกต
การลงความเหน็ จากขอ้ มลู
318
แบบสังเกตพฤตกิ รรม
เร่อื ง การหาขนาดของ DNA และการหาลำดับนิวคลโี อไทด์
คำชี้แจง จงทำเครื่องหมาย ลงในช่องที่ตรงกับพฤติกรรมที่ผู้เรียนแสดงออก โดยจำแนกระดับ
พฤตกิ รรมการแสดงออกไว้เป็น 3 คะแนน ดงั น้ี
3 คะแนน หมายถึง ผเู้ รียนมีพฤตกิ รรมในระดับดี
2 คะแนน หมายถึง ผู้เรียนมพี ฤตกิ รรมในระดบั ปานกลาง
1 คะแนน หมายถึง ผ้เู รียนมีพฤติกรรมในระดับปรับปรุง
ชื่อ-สกลุ รายการประเมนิ คะแนน ร้อย สรปุ ผลการ
ความใส่ใจ การเสนอ ความ การยอมรับ รวม ละ ประเมิน
เลขท่ี ในการ ความ ร่วมมือใน ฟงั คนอื่น
ทำงาน คดิ เห็น การทำงาน
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผ่าน ไม่
ผา่ น
1 นายณฐั นนทส์ ุธรรมฤทธ์ิ
2 นายระพธี าดา วงศ์คุลี
3 นายจกั รกฤษ สลี าแดง
4 นายจักรภทั ร จนั ทรแ์ กว้
5 นายนรภทั ร ศรที อง
6 นายปรชั ญา ใจบุญ
7 นายประสิทธชิ ยั อามาตย์
สมบัติ
8 นายจกั รภทั ร สุขณรงค์
9 นายฉัตรดนยั สุภา
10 นายณัฐพล จันทฤาชา
11 นายณัฐวัศ พนมธรี -
เกียรติ
12 นายถิระวฒั น์ แตงเอ่ียม
13 นายทธั ดนยั สแตนลยี ์
14 นายธีรตั เดช น้อยมนตรี
15 นายนันทวุฒิ สุขเกิด
319
ชื่อ-สกลุ รายการประเมิน คะแนน ร้อย สรปุ ผลการ
การยอมรบั รวม ละ ประเมนิ
เลขท่ี ความใส่ใจ การเสนอ ความ ฟังคนอ่ืน
ในการ ความ ร่วมมือใน
ทำงาน คิดเห็น การทำงาน
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผา่ น ไม่
ผ่าน
16 นายนันทศร หไู ธสง
17 นายวชริ วิชญ์ พันพินิจ
18 นายวีรภัทร ครศู รี
19 นายสริ วิชญ์ สมั ฤทธ์ิ
20 น.ส.ปยิ ธิดา อม้ วชิ า
21 น.ส.จรี ะนนั ท์ เเหลย้ ัง
22 น.ส.ปนดั ดา คนดี
23 น.ส.จฑุ ารัตน์ คำเดช
24 น.ส.ชยธิดา สงวนพร
25 น.ส.ณฐั กฤตา หาญโก-
กรวด
26 น.ส.ตติยา อปุ ระโคตร
27 น.ส.ธิดารตั น์ ตอ้ นโสกี
28 น.ส.นครินทร์ สารโี ท
29 น.ส.นภัสสร สำราญบุญ
30 น.ส.ปนดั ดา วรรณบูลย์
31 น.ส.ปิน่ ภทั รา ชินคำ
32 น.ส.ปุณยาพร ทองไชย
33 น.ส.พิชญน์ าฏ ขนั ธวิชัย
34 น.ส.พมิ พร ละดาดาษ
35 น.ส.ภัทรภรณ์ สายสุข
36 น.ส.มณฑาทิพย์ ใจสุข
320
ช่ือ-สกุล รายการประเมนิ คะแนน รอ้ ย สรุปผลการ
การยอมรบั รวม ละ ประเมิน
เลขท่ี ความใส่ใจ การเสนอ ความ ฟงั คนอ่ืน
ในการ ความ รว่ มมือใน
ทำงาน คิดเห็น การทำงาน
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผ่าน ไม่
ผ่าน
37 น.ส.ณัฏฐธิดา อุปะทะ
38 น.ส.รุจี บุตรนนท์
39 น.ส.วิภวานี แสนโสภา
40 น.ส.สริ ิกญั ญา บตุ รน้อย
41 น.ส.สกุ ฤตา บรรเรือง-
ทอง
42 น.ส.นันทพิ ร โอนากุล
เกณฑก์ ารประเมนิ
รอ้ ยละ 75 ข้ึนไป ( 9 – 12 คะแนน) ผ่านเกณฑ์
นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 75 ( 0 – 8 คะแนน ) ไม่ผา่ นเกณฑ์
ลงชอื่ ........................................................ ผูส้ อน
(นางสาวสุภาวิณี เพิ่มทอง)
วันท่ี ............ เดอื น ........................ พ.ศ..............
321
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
ประเด็นทป่ี ระเมนิ เกณฑ์การให้คะแนน
321
ความใสใ่ จในการ เมื่อเกิดปัญหาหรือไม่ ส่ว น ใหญ ่เมื่อเกิด เมื่อเกิดปัญหาหรือไม่
ทำงาน เข้าใจบทเรียนทุกคร้ัง ปัญหาหรือไม่เข้าใจ เข้าใจบทเรียนทุกคร้ัง
มักซักถามและมีความ บทเรียนทุกครั้งมัก มักซักถามและมีความ
พยายามในการค้นหา ซักถามและมีความ พยายามในการค้นหา
คำตอบอยู่เสมอ พยายามในการค้นหา คำตอบเปน็ บางคร้ัง
คำตอบ
การเสนอความคดิ เหน็ ส ่ ว น ใ ห ญ ่ เ ส น อ เสนอความคิดเห็น ไม่เสนอความคิดเห็น
ความคิดเห็น กล้า กล้าแสดงออกที่จะพูด กล้าแสดงออกที่จะพูด
แสดงออกที่จะพูดใน ใน สิ่ง ที่ถูก หร ือ ดี ในสิง่ ที่ถกู หรอื ดี
ส่งิ ทีถ่ ูกหรอื ดี บางครั้ง
ความรว่ มมือในการ ใหค้ วามร่วมมอื ในการ ส่วนใหญ่ให้ค ว าม ใหค้ วามร่วมมอื ในการ
ทำงาน ทำงานกลมุ่ และ ร่วมมือในการทำงาน ทำงานกลุ่มและ
ปฏบิ ัตงิ านทีส่ มาชิกใน กลุ่มและปฏิบัติงานที่ ปฏิบตั งิ านที่สมาชิกใน
กลมุ่ มอบหมายดว้ ย ส ม า ช ิ ก ใ น ก ลุ่ ม กลุ่มมอบหมายได้เป็น
ความเต็มใจทกุ ครั้ง มอบหมายได้ บางคร้ัง
การยอมรับฟังคนอ่นื ย อ ม ร ั บ ฟ ั ง ค ว า ม ย อ ม ร ั บ ฟ ั ง ค ว า ม ไม่ยอมรับฟังความ
คิดเห็น ที่ดีและ มี คิดเห็น ที่ดีและ มี คิดเห็น ที่ดีและ มี
เหตุผลของผู้อื่นทุก เหตุผลของผู้อื่นบ้าง เหตุผลของผู้อื่น มัก
ค ร ั ้ ง ไ ม ่ ย ึ ด ค ว า ม แต่บาง คร ั้ง จะ ยึ ด ยึดความคิดเห็นของ
คิดเห็นของตนแต่ฝ่าย ความคิดเห็นของตน ตนแต่ฝ่ายเดียว
เดียว
322
แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน
ชอื่ กลมุ่ ...............................................................................................................ชนั้ ............................
รายชื่อสมาชกิ 1. .............................................................................................เลขที่...........................
2. .............................................................................................เลขท.ี่ ..........................
3. .............................................................................................เลขท่.ี ..........................
4. .............................................................................................เลขที่...........................
5. .............................................................................................เลขที.่ ..........................
6. .............................................................................................เลขที่...........................
คำชี้แจง จงทำเครือ่ งหมาย ลงในช่องที่ตรงกบั พฤติกรรมท่ผี ู้เรียนแสดงออก โดยจำแนกระดบั
พฤติกรรมการแสดงออกไวเ้ ป็น 3 คะแนน ดงั น้ี
3 คะแนน หมายถงึ ผู้เรียนมพี ฤติกรรมการแสดงออกอยา่ งสมำ่ เสมอ
2 คะแนน หมายถึง ผู้เรยี นมีพฤติกรรมการแสดงออกเป็นครัง้ คราว
1 คะแนน หมายถงึ ผเู้ รยี นมพี ฤติกรรมการแสดงออกนอ้ ยครั้ง
ท่ี รายการประเมิน คะแนน ข้อคิดเหน็
32 1
1 การเตรียมความพร้อม
2 เนอื้ หาสาระครอบคลุมชัดเจน
3 ความถกู ต้องของเนอ้ื หา
4 การมีสว่ นรว่ มของสมาชิกใน
กลมุ่
5 รูปแบบการนำเสนอ
รวม
เกณฑ์การประเมนิ
รอ้ ยละ 75 ขึน้ ไป ( 11 – 15 คะแนน) ผา่ นเกณฑ์
น้อยกว่ารอ้ ยละ 75 ( 0 – 10 คะแนน ) ไมผ่ ่านเกณฑ์
ลงชอ่ื ........................................................ ผูส้ อน
(นางสาวสภุ าวณิ ี เพม่ิ ทอง)
วันที่ ............ เดือน ........................ พ.ศ..............
323
เกณฑก์ ารให้คะแนน
ประเด็นทีป่ ระเมนิ เกณฑ์การใหค้ ะแนน
321
การเตรียมความพร้อม ดำเนินการตามแผนท่ี ดำเนินการตามแผนที่ ไม่สามารถดำเนินการ
วางไว้ ใช้อุปกรณ์และ วางไว้ ใช้อุปกรณ์และ ตามแผนที่วางไว้
สื่อประกอบได้ถูกต้อง สื่อประกอบได้ถูกต้อง
คล่องแคล่ว และเสร็จ แต่ไมค่ ล่องแคล่ว
ทันเวลา
เนือ้ หาสาระ เน ื้อหาถูก ต้อง มี เน ื้อ หาถูก ต้อง มี เนื้อหาถูกต้องแต่ให้
ครอบคลุมชัดเจน สาระสำคัญครบถ้วน สาระสำคัญ แต่ยังไม่ สาระสำคัญน้อยมาก
และระบุแหล่งที่มา ครบถ้วน มีการระบุ และไม่ระบุแหล่งที่มา
ของความรู้ชดั เจน แหล่งทมี่ าของความรู้ ของความรู้
ความถูกต้องของ เนื้อหาสาระถกู ตอ้ ง ส่วนใหญ่เนื้อหาสาระ เน้ือหาสาระไม่ถกู ต้อง
เนื้อหา
ครบถว้ น ถูกต้อง
การมสี ว่ นรว่ มของ
สมาชิกในกลุ่ม มีส่วนร่วมสมำ่ เสมอ มีส่วนร่วมบางครั้ง มีส่วนร่วมน้อยครั้ง/
รปู แบบการนำเสนอ ขาดการมสี ่วนร่วม
มีรูปแบบน่าสนใจ มี ร ู ป แ บ บ มี ไม่มีรูปแบบน่าสนใจ
ค ว า ม ส ั ม พ ั น ธ ์ กั บ ค ว า ม ส ั ม พ ั น ธ ์ กั บ มีความสัมพันธ์กับ
ห ั ว ข ้ อ ท ี ่ ก ำ ห น ด หัวข้อที่กำหนด แต่ไม่ หัวข้อที่กำหนดน้อย
ระบายสีไดส้ วยงาม ดึงดูดความสนใจ มาก
324
325
326
ใบงานที่ 10 เร่อื ง ผลของการ DNA จากผลิตภัณฑ์ PCR กับ DNA
ทไี่ ดจ้ ากแตล่ ะตัวอย่างในแถวของแผ่นเจล
คำช้แี จง อ่านเหตกุ ารณต์ ่อไปนแ้ี ล้วตอบคำถาม
หอยเชลลแ์ ช่แข็งส่วนมากที่วางขายตัดมาเฉพาะส่วนกล้ามเนอ้ื ยดึ เปลือก
หอยเชลล์สปีชีส์ A B C และ D มีกล้ามเนื้อยึดเปลือกที่คล้ายกันมากจนไม่สามารถแยก
ได้จากลักษณะภายนอก ทำให้บางครั้งมีการนำสปีชีส์ B C และ D ซึ่งราคาถูกกว่ามาขายปนกับ
สปีชีส์ A ที่มีราคาแพง บริษัทที่ทำาธุรกิจนำเข้าและส่งออกอาหารทะเลจึงมีการสุ่มตรวจ
หอยเชลล์แช่แข็งที่วางขายและติดป้ายบอกว่าเป็นสปีชีส์ A ซึ่งผลิตจาก 3 โรงงาน คือ X Y และ
Z โรงงานละ 3 ถุงจากร้านค้าต่าง ๆ แล้วนำไปวิเคราะห์ DNA โดยใช้เครื่องหมายพันธุกรรม
ว่ามีการปลอมปนหอยเชลล์หรือไม่ โดยเปรียบเทียบกับ DNA ที่ทราบขนาด (M) ผลการตรวจ
หอยเชลล์สปีชีส์ A B C และ D ได้ผลดังแผนภาพที่ 1 และผลการตรวจหอยเชลล์จากโรงงาน
X Y และ Z ได้ผลดงั แผนภาพที่ 2
327
คำถาม
1. โรงงานใดมีการปลอมปนหอยเชลล์มากสปีชีส์ที่สุด และมีหอยเชลล์ที่ไม่ใช่สปีชีส์ A กี่ชนิด
อะไรบ้าง และทราบไดอ้ ย่างไร
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
2. ถ้านักเรียนทำงานอยู่บริษัทนำเข้าและส่งออกอาหารทะเลและต้องการหาซื้อหอยเชลล์
สปชี ีส์ A เพื่อส่งขายท่ัวโลก จะซ้ือหอยเชลล์จากโรงงาน X Y และ Z หรือไม่ เพราะเหตุใด
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
ช่ือ....................................................................................................เลขที่...................ห้อง.....................
328
เฉลยใบงานท่ี 10 เร่อื ง ผลของการ DNA จากผลิตภัณฑ์ PCR กบั DNA
ท่ีได้จากแตล่ ะตัวอยา่ งในแถวของแผน่ เจล
คำชแ้ี จง อา่ นเหตุการณ์ต่อไปนี้แลว้ ตอบคำถาม
หอยเชลล์แชแ่ ข็งส่วนมากทวี่ างขายตัดมาเฉพาะส่วนกล้ามเนือ้ ยดึ เปลือก
หอยเชลล์สปีชีส์ A B C และ D มีกล้ามเนื้อยึดเปลือกที่คล้ายกันมากจนไม่สามารถแยก
ได้จากลักษณะภายนอก ทำให้บางครั้งมีการนำสปีชีส์ B C และ D ซึ่งราคาถูกกว่ามาขายปนกับ
สปีชีส์ A ที่มีราคาแพง บริษัทที่ทำาธุรกิจนำเข้าและส่งออกอาหารทะเลจึงมีการสุ่มตรวจ
หอยเชลล์แช่แข็งที่วางขายและติดป้ายบอกว่าเป็นสปีชีส์ A ซึ่งผลิตจาก 3 โรงงาน คือ X Y และ
Z โรงงานละ 3 ถุงจากร้านค้าต่าง ๆ แล้วนำไปวิเคราะห์ DNA โดยใช้เครื่องหมายพันธุกรรม
ว่ามีการปลอมปนหอยเชลล์หรือไม่ โดยเปรียบเทียบกับ DNA ที่ทราบขนาด (M) ผลการตรวจ
หอยเชลล์สปีชีส์ A B C และ D ได้ผลดังแผนภาพที่ 1 และผลการตรวจหอยเชลล์จากโรงงาน
X Y และ Z ไดผ้ ลดงั แผนภาพท่ี 2