The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by noysupapt2541, 2022-03-05 01:24:39

แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาชีววิทยา 2 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4

รวมเล่มแผนม.4 เทอม 2 ชีววิทยา

79

 รหัสใดบ้างที่ไม่กำหนดกรดแอมิโน (แนวคำตอบ: รหัสพันธุกรรมอีก 3 รหัส
ได้แก่ UAA UAG UGA จะไมก่ ำหนดกรดแอมิโน แต่เปน็ รหสั หยดุ การสงั เคราะหโ์ ปรตนี )

2.5 ข้ันประเมิน (Evaluation)
2.5.1 ครูให้นักเรยี นตอบคำถามในเวบ็ Quizizz จำนวน 10 ข้อ

3. สอ่ื /อุปกรณ์/แหล่งการเรยี นรู้

3.1 หนงั สือเรียนรายวชิ าเพ่ิมเติม ชีววิทยา 2

3.2 PowerPoint เรื่อง สมบตั ิของสารพนั ธุกรรม
3.3 ใบความรู้ เรื่อง การถอดรหัส
3.4 เวบ็ Quizizz จำนวน 10 ข้อ
4. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้

จุดประสงค์การเรียนรู้ วธิ ีการวัดผลการเรยี นรู้ เกณฑ์การประเมนิ ผล
ด้านความรู้ (K: Knowledge) การถามตอบ ผา่ นเกณฑไ์ ม่น้อยกวา่
อธบิ าย และระบุขน้ั ตอนในกระบวน การตรวจแบบฝึกหดั ร้อยละ 75
การสงั เคราะหโ์ ปรตนี ได้
อธบิ ายหน้าทข่ี อง DNA และ RNA
แตล่ ะชนิดในกระบวนการสังเคราะห์
โปรตนี ได้

80

ด้านทักษะกระบวนการ (P: Process) สังเกตพฤติกรรมในการทำงาน ผ่านเกณฑไ์ ม่นอ้ ยกว่า

แก้โจทย์ปญั หาการถอดรหัสและการ การนำเสนอผลงาน ร้อยละ 75

แปลรหสั

ด้านคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A: สงั เกตพฤติกรรมในการทำงาน ผา่ นเกณฑ์ไม่นอ้ ยกวา่

Attribute) ร้อยละ 75

ทำงานร่วมกบั ผู้อนื่ , รบั ผดิ ชอบตอ่

การทำงาน, แสดงความคดิ เหน็ ,

นำเสนอผลงานหน้าช้ันเรยี นได้

ตระหนักถงึ การนำความรู้ทาง

ชีววทิ ยาไปใช้ว่าตอ้ งคำนงึ ถงึ จริยธรรม

ด้านทักษะกระบวนการทาง สังเกตพฤตกิ รรมในการทำงาน ผา่ นเกณฑไ์ มน่ อ้ ยกว่า

วทิ ยาศาสตร์ การตรวจแบบฝึกหดั รอ้ ยละ 75

(Sc.P: Science Process Skill)

 การสังเกต

 การจดั กระทำและส่อื ความหมาย

ขอ้ มูล

 การลงความเหน็ จากข้อมูล

 การสร้างแบบจำลอง

81

แบบสังเกตพฤติกรรม

เรื่อง สมบตั ขิ องสารพันธุกรรม

คำชี้แจง จงทำเครื่องหมาย  ลงในช่องที่ตรงกับพฤติกรรมที่ผู้เรียนแสดงออก โดยจำแนกระดับ

พฤตกิ รรมการแสดงออกไว้เปน็ 3 คะแนน ดังนี้

3 คะแนน หมายถึง ผูเ้ รียนมพี ฤติกรรมในระดบั ดี

2 คะแนน หมายถึง ผู้เรียนมีพฤติกรรมในระดบั ปานกลาง

1 คะแนน หมายถงึ ผเู้ รียนมพี ฤติกรรมในระดบั ปรับปรงุ

ช่อื -สกุล รายการประเมนิ คะแนน ร้อย สรุปผลการ

ความใส่ใจ การเสนอ ความ การยอมรบั รวม ละ ประเมิน

เลขท่ี ในการ ความ ร่วมมือใน ฟังคนอนื่

ทำงาน คดิ เห็น การทำงาน

3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผ่าน ไม่
ผา่ น

1 นายณัฐนนทส์ ุธรรมฤทธ์ิ

2 นายระพธี าดา วงศค์ ุลี

3 นายจกั รกฤษ สีลาแดง

4 นายจักรภัทร จนั ทร์แก้ว

5 นายนรภทั ร ศรที อง

6 นายปรชั ญา ใจบุญ

7 นายประสทิ ธชิ ัย อามาตย์

สมบัติ

8 นายจกั รภัทร สุขณรงค์

9 นายฉัตรดนยั สุภา

10 นายณฐั พล จนั ทฤาชา

11 นายณฐั วัศ พนมธีร-
เกียรติ

12 นายถิระวฒั น์ แตงเอ่ียม

13 นายทัธดนยั สแตนลีย์

14 นายธรี ัตเดช นอ้ ยมนตรี

15 นายนันทวฒุ ิ สุขเกิด

82

ช่อื -สกุล รายการประเมิน คะแนน ร้อย สรปุ ผลการ
การยอมรบั รวม ละ ประเมิน
เลขท่ี ความใส่ใจ การเสนอ ความ ฟังคนอ่ืน
ในการ ความ รว่ มมือใน
ทำงาน คิดเห็น การทำงาน

3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผา่ น ไม่
ผา่ น

16 นายนันทศร หูไธสง

17 นายวชริ วชิ ญ์ พันพินิจ

18 นายวรี ภัทร ครูศรี

19 นายสริ วชิ ญ์ สัมฤทธ์ิ

20 น.ส.ปิยธิดา อม้ วชิ า

21 น.ส.จรี ะนันท์ เเหล้ยงั

22 น.ส.ปนัดดา คนดี

23 น.ส.จฑุ ารตั น์ คำเดช

24 น.ส.ชยธิดา สงวนพร

25 น.ส.ณัฐกฤตา หาญโก-
กรวด

26 น.ส.ตติยา อปุ ระโคตร

27 น.ส.ธิดารัตน์ ตอ้ นโสกี

28 น.ส.นครินทร์ สารโี ท

29 น.ส.นภัสสร สำราญบญุ

30 น.ส.ปนัดดา วรรณบูลย์

31 น.ส.ปิน่ ภทั รา ชนิ คำ

32 น.ส.ปณุ ยาพร ทองไชย

33 น.ส.พิชญ์นาฏ ขนั ธวิชัย

34 น.ส.พิมพร ละดาดาษ

35 น.ส.ภัทรภรณ์ สายสขุ

36 น.ส.มณฑาทิพย์ ใจสขุ

83

ชอ่ื -สกุล รายการประเมิน คะแนน ร้อย สรปุ ผลการ
การยอมรบั รวม ละ ประเมิน
เลขท่ี ความใส่ใจ การเสนอ ความ ฟงั คนอื่น
ในการ ความ ร่วมมอื ใน
ทำงาน คิดเหน็ การทำงาน

3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผา่ น ไม่
ผา่ น

37 น.ส.ณัฏฐธดิ า อุปะทะ

38 น.ส.รจุ ี บุตรนนท์

39 น.ส.วิภวานี แสนโสภา

40 น.ส.สริ กิ ัญญา บุตรน้อย

41 น.ส.สกุ ฤตา บรรเรอื ง-
ทอง

42 น.ส.นันทพิ ร โอนากลุ

เกณฑ์การประเมนิ
ร้อยละ 75 ข้ึนไป ( 9 - 12 คะแนน) ผา่ นเกณฑ์
นอ้ ยกว่าร้อยละ 75 ( 0 – 8 คะแนน ) ไมผ่ า่ นเกณฑ์

ลงชอ่ื ........................................................ ผูส้ อน
(นางสาวสุภาวิณี เพิม่ ทอง)

วันท่ี ............ เดือน ........................ พ.ศ..............

84

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน

ประเด็นท่ีประเมิน เกณฑก์ ารให้คะแนน

321

ความใส่ใจในการ เมื่อเกิดปัญหาหรือไม่ ส่ว น ใหญ ่เมื่อเกิด เมื่อเกิดปัญหาหรือไม่

ทำงาน เข้าใจบทเรียนทุกคร้ัง ปัญหาหรือไม่เข้าใจ เข้าใจบทเรียนทุกครั้ง

มักซักถามและมีความ บทเรียนทุกครั้งมัก มักซักถามและมีความ

พยายามในการค้นหา ซักถามและมีความ พยายามในการค้นหา

คำตอบอยเู่ สมอ พยายามในการค้นหา คำตอบเปน็ บางครง้ั

คำตอบ

การเสนอความคดิ เห็น ส ่ ว น ใ ห ญ ่ เ ส น อ เสนอความคิดเห็น ไม่เสนอความคิดเห็น

ความคิดเห็น กล้า กลา้ แสดงออกที่จะพูด กล้าแสดงออกที่จะพูด

แสดงออกที่จะพูดใน ใน สิ่ง ที่ถูก หร ือ ดี ในสิ่งท่ถี ูกหรอื ดี

สิ่งท่ถี กู หรอื ดี บางครั้ง

ความร่วมมือในการ ใหค้ วามรว่ มมอื ในการ ส่วนใหญ่ให้ค ว าม ใหค้ วามรว่ มมอื ในการ

ทำงาน ทำงานกลมุ่ และ ร่วมมือในการทำงาน ทำงานกลุ่มและ

ปฏิบัตงิ านท่ีสมาชิกใน กลุ่มและปฏิบัติงานท่ี ปฏบิ ตั ิงานท่สี มาชิกใน

กลุ่มมอบหมายดว้ ย ส ม า ช ิ ก ใ น ก ลุ่ ม กลุ่มมอบหมายได้เป็น

ความเตม็ ใจทกุ ครง้ั มอบหมายได้ บางคร้งั

การยอมรับฟังคนอนื่ ย อ ม ร ั บ ฟ ั ง ค ว า ม ย อ ม ร ั บ ฟ ั ง ค ว า ม ไม่ยอมรับฟังความ

คิดเห็น ที่ดีและ มี คิดเห็น ที่ดีและ มี คิดเห็น ที่ดีและ มี

เหตุผลของผู้อื่นทุก เหตุผลของผู้อื่นบ้าง เหตุผลของผู้อื่น มัก

ค ร ั ้ ง ไ ม ่ ย ึ ด ค ว า ม แต่บาง คร ั้ง จะ ยึ ด ยึดความคิดเห็นของ

คิดเห็นของตนแต่ฝ่าย ความคดิ เหน็ ของตน ตนแตฝ่ า่ ยเดียว

เดยี ว

85

แบบประเมินการนำเสนอผลงาน

ช่อื กลุม่ ...............................................................................................................ชั้น............................

รายช่ือสมาชิก 1. .............................................................................................เลขที่...........................

2. .............................................................................................เลขท่ี...........................

3. .............................................................................................เลขที่...........................

4. .............................................................................................เลขที่...........................

5. .............................................................................................เลขท.่ี ..........................

6. .............................................................................................เลขที่...........................

คำช้แี จง จงทำเคร่ืองหมาย  ลงในช่องทีต่ รงกบั พฤติกรรมที่ผู้เรยี นแสดงออก โดยจำแนกระดับ

พฤติกรรมการแสดงออกไวเ้ ป็น 3 คะแนน ดังน้ี

3 คะแนน หมายถงึ ผู้เรียนมีพฤตกิ รรมการแสดงออกอย่างสม่ำเสมอ

2 คะแนน หมายถงึ ผ้เู รียนมีพฤติกรรมการแสดงออกเปน็ ครงั้ คราว

1 คะแนน หมายถึง ผูเ้ รียนมีพฤตกิ รรมการแสดงออกนอ้ ยครั้ง

ท่ี รายการประเมิน คะแนน ขอ้ คิดเห็น

32 1

1 การเตรียมความพร้อม

2 เน้ือหาสาระครอบคลุมชดั เจน

3 ความถกู ตอ้ งของเนอ้ื หา

4 การมีส่วนร่วมของสมาชิกใน

กลุม่

5 รูปแบบการนำเสนอ

รวม

เกณฑ์การประเมิน
ร้อยละ 75 ข้นึ ไป ( 11 - 15 คะแนน) ผ่านเกณฑ์
นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 75 ( 0 – 10 คะแนน ) ไม่ผ่านเกณฑ์

ลงชอื่ ........................................................ ผูส้ อน
(นางสาวสุภาวณิ ี เพิ่มทอง)

วนั ที่ ............ เดอื น ........................ พ.ศ..............

86

เกณฑ์การใหค้ ะแนน

ประเดน็ ท่ีประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน

321

การเตรียมความพรอ้ ม ดำเนินการตามแผนท่ี ดำเนินการตามแผนท่ี ไม่สามารถดำเนินการ

วางไว้ ใช้อุปกรณ์และ วางไว้ ใช้อุปกรณ์และ ตามแผนที่วางไว้

สื่อประกอบได้ถูกต้อง สื่อประกอบได้ถูกต้อง

คล่องแคล่ว และเสร็จ แตไ่ ม่คล่องแคลว่

ทันเวลา

เนือ้ หาสาระ เน ื้อหาถูก ต้อง มี เน ื้อ หาถูก ต้อง มี เนื้อหาถูกต้องแต่ให้

ครอบคลุมชดั เจน สาระสำคัญครบถ้วน สาระสำคัญ แต่ยังไม่ สาระสำคัญน้อยมาก

และระบุแหล่งที่มา ครบถ้วน มีการระบุ และไม่ระบุแหล่งที่มา

ของความรู้ชัดเจน แหล่งที่มาของความรู้ ของความรู้

ความถูกตอ้ งของ เนอ้ื หาสาระถกู ตอ้ ง ส่วนใหญ่เนื้อหาสาระ เนื้อหาสาระไม่ถูกต้อง
เนอ้ื หา
ครบถ้วน ถูกตอ้ ง
การมสี ว่ นร่วมของ
สมาชิกในกลมุ่ มีส่วนร่วมสม่ำเสมอ มีส่วนร่วมบางครง้ั มีส่วนร่วมน้อยครั้ง/

รปู แบบการนำเสนอ ขาดการมสี ว่ นรว่ ม

มีรูปแบบน่าสนใจ มี ร ู ป แ บ บ มี ไม่มีรูปแบบน่าสนใจ

ค ว า ม ส ั ม พ ั น ธ ์ กั บ ค ว า ม ส ั ม พ ั น ธ ์ กั บ มีความสัมพันธ์กับ

ห ั ว ข ้ อ ท ี ่ ก ำ ห น ด หัวข้อที่กำหนด แต่ไม่ หัวข้อที่กำหนดน้อย

ระบายสไี ดส้ วยงาม ดึงดดู ความสนใจ มาก

87

88

89

90

แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 5

กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4
12 ชว่ั โมง
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 4 เรือ่ ง โครโมโซมและสารพันธกุ รรม 3 ชัว่ โมง

เร่ือง สมบัติของสารพนั ธุกรรม 3 ภาคเรียนท่ี 2/2564

ครูผู้สอน นางวราภรณ์ เบ้าหล่อเพชร และนางสาวสภุ าวณิ ี เพิม่ ทอง

ผลการเรยี นรูแ้ ละสาระการเรยี นรู้เพ่ิมเติม

สาระชีววิทยา 2. เข้าใจการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม สมบัติ

และหน้าที่ของสารพันธกุ รรม การเกิดมิวเทชัน เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ หลักฐาน ข้อมูล และแนวคิด

เกี่ยวกับวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต ภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก การเกิดสปีชีส์ใหม่ ความ

หลากหลายทางชวี ภาพ กำเนิดของส่ิงมชี ีวติ ความหลากหลายของส่ิงมีชวี ิต และอนกุ รมวธิ าน รวมทั้ง

นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์

ชัน้ ผลการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้เพม่ิ เตมิ

ม.4 อ ธ ิ บ า ย แ ล ะ ร ะ บ ุ ข ั ้ น ต อ น ใ น  ยีน คือสาย DNA บางช่วงที่ควบคุมลักษณะทาง

กระบวนการสังเคราะห์โปรตีนและ พันธุกรรมได้ โดยยีนกำหนดลำดับกรดอะมิโนของ

หน้าที่ของ DNA และ RNA แต่ละ โปรตีนซึง่ ทำหน้าที่เป็นโครงสรา้ ง เอนไซม์และอืน่ ๆ มี

ชนิดในกระบวนการสังเคราะห์ ผลทำใหเ้ ซลล์และสง่ิ มีชวี ติ ปรากฏลักษณะต่าง ๆ ได้

โปรตนี  DNA จำลองตวั เองไดโ้ ดยใช้สายหน่งึ เป็นแม่แบบและ

สรา้ งอกี สายขนึ้ มาใหม่ ซ่ึงจะมโี ครงสร้าง และลำดบั

นวิ คลโี อไทดเ์ หมือนเดิม

 DNA ควบคุมลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตได้

โดยการสร้าง RNA 3 ประเภท คือ mRNA tRNA และ

rRNA ซึ่งร่วมกันทำหน้าที่ในกระบวนการสังเคราะห์

โปรตีน

 RNA เป็นพอลเิ มอร์ของนิวคลีโอไทดส์ ายเดยี่ ว แต่ละ

นิวคลีโอไทด์ประกอบด้วย น้ำตาลไรโบส หมู่ฟอสเฟต

และไนโตรจนี ัสเบส คือ A U C และ G

91

1. กำหนดเปา้ หมายของการจดั การเรยี นรู้
1.1 สาระการเรียนร/ู้ เนอื้ หาการเรียนรู้
เรื่อง สมบัติของสารพันธกุ รรม 3
1) การควบคุมลกั ษณะทางพันธุกรรมของ DNA (การแปลรหัส)
1.2 สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอดของเรอื่ งที่เขียน
DNA สามารถจำลองตัวเองขึ้นได้ใหม่ โดยมีโครงสร้างทางเคมีและลำดับของนิวคลีโอไทด์

เหมอื นเดมิ DNA ควบคุมการสงั เคราะห์โปรตีน โดยถ่ายทอดรหสั พันธุกรรมใหแ้ ก่ mRNA เพอ่ื กำหนด
ลำาดบั ของกรดแอมโิ นในโมเลกุลของโปรตีน โปรตนี เก่ียวขอ้ งกบั การแสดงลักษณะทางพันธุกรรม เช่น
เอนไซม์ทท่ี ำงานในกระบวนการเมแทบอลซิ ึมที่เกีย่ วข้องกับการดำรงชวี ติ

1.3 จุดประสงคก์ ารเรียนรู้: เมื่อผเู้ รียนจบกจิ กรรมการเรยี นรู้ ผู้เรยี นสามารถ

ดา้ นความรู้ (K: Knowledge) อธบิ าย และระบุขั้นตอนในกระบวน

การสังเคราะหโ์ ปรตนี ได้

อธิบายหน้าที่ของ DNA และ RNA แต่ละชนิด

ในกระบวนการสังเคราะหโ์ ปรตีนได้

ด้านทกั ษะกระบวนการ (P: Process) แก้โจทยป์ ญั หาการถอดรหัสและการแปลรหสั

ด้านคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A: Attribute) ทำงานรว่ มกับผอู้ ื่น, รับผิดชอบต่อการทำงาน,

แสดงคงามคิดเห็น, นำเสนอผลงานหน้าชน้ั เรยี น

ได้

ตระหนกั ถงึ การนำความรู้ทางชีววิทยาไปใช้วา่

ต้องคำนึงถึงจริยธรรมและผลกระทบต่อมนุษย์

และสิง่ แวดล้อม

ดา้ นทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

(Sc.P: Science Process Skill)

 การสังเกต  การลงความเหน็ จากขอ้ มลู

 การวดั  การกำหนดและควบคุมตวั แปร

 การคำนวณ/การใช้ตัวเลข  การกำหนดนยิ ามเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร

 การจำแนกประเภท  การตงั้ สมมติฐาน

 การจดั กระทำและสือ่ ความหมายขอ้ มลู  การทดลอง

 การหาความสมั พันธ์ระหวา่ งสเปสกับสเปส  การตีความหมายขอ้ มลู และลงข้อสรุป

และสเปสกบั เวลา  การสร้างแบบจำลอง

92

 การพยากรณ์/การทำนาย

2. การจัดกจิ กรรมการเรยี นร้แู บบ 5E
2.1 ขนั้ สร้างความสนใจ (Engagement)
2.1.1 ครูอาจตั้งคำถามให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลและอภิปราย เพื่อให้เห็นบทบาทหน้าที่และ

ความสำคญั ของ DNA และ RNA ในกระบวนการสังเคราะหโ์ ปรตนี ไดด้ ังน้ี
 RNA ที่สำคัญกับการสังเคราะห์โปรตีนมีกี่ชนิด อะไรบ้าง (แนวคำตอบ: การ

สงั เคราะห์ RNA โดยใช้ DNA เป็นแมแ่ บบ ได้ RNA 3 ชนดิ คือ mRNA tRNA และ rRNA)
 RNA แต่ละชนิดมีหน้าที่แตกต่างกันอย่างไรในกระบวนการสังเคราะห์โปรตีน (แนว

คำตอบ: แต่ละชนิดมีหน้าที่เกี่ยวขอ้ งกับกระบวนการสังเคราะห์โปรตีน ดังนี้ 1) mRNA นำรหัสการ
สรา้ งโปรตนี มายังไรโบโซมในไซโทพลาซึม 2) tRNA ทำหนา้ ทีน่ ำกรดแอมิโนมาตอ่ กนั เป็นสายยาวบน
ไรโบโซม 3) rRNA เป็นสว่ นประกอบของไรโบโซม)

2.2 ขัน้ สำรวจและค้นหา (Exploration)
2.2.1 แบง่ นักเรยี นออกเป็นกล่มุ กลมุ่ ละ 5-6 คน คละความสามารถ เก่ง ปานกลาง ออ่ น
2.2.2 ใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มทำกจิ กรรม เรอ่ื ง การถอดรหสั และการแปลรหสั
กจิ กรรม เรื่อง การถอดรหัสและการแปลรหัส

จดุ ประสงค์
นำหลักการถอดรหสั และการแปลรหสั มาใช้แกโ้ จทยป์ ญั หา
วธิ ีการทำกจิ กรรม
พจิ ารณาลำดบั นวิ คลีโอไทด์ตอ่ ไปนีแ้ ละตอบคำถาม

5′C G C A G A T T C G A T G G C C C T G T G G A T A C G C C T C C T G C C C T G AA G C
T C T C T 3′
3′G C G T C T AA G C T A C C G G G A C A C C T A T G C G G A G G A C G G G A C T T C G
A G A G A5′

จากลำดับนิวคลีโอไทด์ของ DNA ที่กำหนดให้ ให้ตัวอักษรสีน้ำเงินแสดงบริเวณที่เป็นยีน
และให้ DNA สายล่างเปน็ แม่แบบสำหรบั การถอดรหัส ตอบคำถามตอ่ ไปน้ี
 mRNA ที่ได้จากการถอดรหสั จะมีลำดบั เบสเปน็ อย่างไร
 เมื่อสน้ิ สุดการแปลรหสั จะไดส้ ายพอลิเพปไทด์ทีม่ กี รดแอมิโนกโี่ มเลกลุ
 สายพอลเิ พปไทดท์ ไ่ี ดจ้ ากการแปลรหสั มลี ำดบั กรดแอมิโนเป็นอยา่ งไร

93

2.2.3 ให้นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มศึกษาและรว่ มกนั อภปิ รายภายในกลุ่มเรอ่ื ง การแปลรหัส จากรูป
4.21 ในหนงั สือเรียนชีววทิ ยา 2 หนา้ 30 - 32 เชอื่ มโยงกับองค์ความรู้โดยใช้ใบความรู้ เร่อื ง การแปล
รหสั

2.2.4 ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลของกิจกรรมและองค์ความรู้ที่สรุปได้จาก
การศกึ ษาในใบความรแู้ ละในหนังสอื เรียนชวี วทิ ยา 2 เพื่อนำเสนอหนา้ ช้นั เรียน

2.3 ขน้ั อธบิ ายและลงข้อสรปุ (Explanation)
2.3.1 ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลุ่มออกมานำเสนอผลของกิจกรรมและองค์ความรู้ที่สรุปได้ หน้าช้ัน

เรียน
2.3.2 ครูและนักเรียนร่วมกนั อภปิ รายผลของกิจกรรม และนำสรุปองค์ความรู้ ดงั น้ี

ชนิดและการเรียงลำดบั ของกรดแอมิโนถูกกำหนดโดยลำดับของนิวคลโี อไทด์ 3 โมเลกลุ ของ
mRNA ที่เป็นรหสั พนั ธุกรรม และสรุปได้วา่ สิ่งทีต่ ้องใช้ในกระบวนการสังเคราะหโ์ ปรตีน ได้แก่ DNA
mRNA tRNA ไรโบโซม กรดแอมิโน เอนไซม์

กระบวนการสงั เคราะหโ์ ปรตนี ประกอบดว้ ย
➢ กระบวนการถอดรหัส เป็นกระบวนการที่ DNA ถ่ายทอดข้อมูลทางพันธุกรรมให้ mRNA ซ่ึง
จะนำรหสั การสังเคราะหโ์ ปรตนี ไปยังไซโทพลาซมึ
➢ กระบวนการแปลรหัส เป็นกระบวนการที่เกิดการสังเคราะห์โปรตีนโดย tRNA นำกรดแอมิโน
ชนิดที่ตรงกับโคดอนของ mRNA มายงั ไรโบโซม เชน่ tRNA ทีม่ ีแอนติโคดอน 3′ CCA 5′ จะนำกรดแอ
มิโนชนิดไกลซีน (Gly) มายังไรโบโซมตรงที่มีโคดอน5′ GGU 3′ ของ mRNA โดย tRNA อีกโมเลกุล
หนึ่งจะนำกรดแอมิโนโมเลกุลถัดไปมาเรียงต่อกันบนไรโบโซมตามลำดับรหัสพันธุกรรมของ mRNA
โดยไรโบโซมจะทำหน้าท่ีเช่ือมพนั ธะเพปไทดร์ ะหว่างกรดแอมโิ น

94

2.4 ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration)
2.4.1 ครูอาจต้ังคำถามใหน้ ักเรยี นสืบคน้ ขอ้ มลู ดังนี้
 การสังเคราะห์โปรตีนเกิดขึ้นในทิศทางใดเมื่อเทียบกับทิศทางของ mRNA (แนว

คำตอบ: การสังเคราะหส์ าย mRNA มีทิศทางจากปลาย 5′ ไปปลาย 3′ เช่นเดียวกับทิศทางการแปล
รหสั เพอ่ื สังเคราะห์โปรตีนซึ่งมที ศิ ทางจากปลาย 5′ ไปปลาย 3)

2.4.2 ครูใหค้ วามรู้เพิม่ เติมวา่ บนสาย mRNA อาจมี AUG ไดห้ ลายตำแหนง่ ซ่ึงไมไ่ ด้เป็นรหัส
เริ่มต้นในทุกตำแหน่ง AUG ที่ตำแหน่งใดจะเป็นรหัสเริ่มต้นนั้นจะมีบริเวณที่มีลำดับนิวคลีโอไทด์
จำเพาะอยู่ระหว่างปลาย 5′ และ AUG ซึ่งสามารถจับกับ rRNA ในไรโบโซมหน่วยย่อยขนาดเล็กได้
เมือ่ ไรโบโซมหนว่ ยยอ่ ยขนาดเล็กมาเกาะแล้ว AUG นัน้ จะทำหน้าทเี่ ปน็ รหสั เร่มิ ต้น

DNA เกี่ยวข้องกับการแสดงลักษณะของสิ่งมีชีวิต ซึ่ง DNA เป็นแหล่งเก็บข้อมูลทางพันธุกรรม
ของสิ่งมีชีวิตแล้วถ่ายทอดให้กับ mRNA ผ่านการถอดรหัส จากนั้นมีการแปลรหัสจาก mRNA เป็น

95

กรดแอมิโน ในท่ีสดุ จะไดโ้ ปรตีนซึง่ ทำหน้าท่เี ป็นโปรตนี โครงสร้าง โปรตีนที่เป็นเอนไซม์หรือทำหน้าท่ี
อน่ื ๆ ภายในเซลล์ มผี ลทำาใหเ้ ซลลแ์ ละสงิ่ มีชีวิตมีลักษณะตา่ ง ๆ ปรากฏใหเ้ หน็ ได้

2.5 ขน้ั ประเมนิ (Evaluation)
2.5.1 ครใู หน้ กั เรียนทำใบงานที่ 4 เรอ่ื ง การสังเคราะห์โปรตนี

3. สือ่ /อปุ กรณ์/แหลง่ การเรียนรู้

3.1 หนังสอื เรยี นรายวิชาเพ่มิ เตมิ ชีววิทยา 2
3.2 PowerPoint เรอ่ื ง สมบตั ขิ องสารพนั ธุกรรม
3.3 ใบความรู้ เร่ือง การแปลรหัส
3.4 ใบงานท่ี 4 เรอื่ ง การสังเคราะห์โปรตนี
3.5 ใบกจิ กรรม เรือ่ ง การถอดรหัสและการแปลรหัส

4. การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้

จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ วิธีการวัดผลการเรยี นรู้ เกณฑ์การประเมนิ ผล

ดา้ นความรู้ (K: Knowledge) การถามตอบ ผา่ นเกณฑ์ไมน่ ้อยกว่า

อธิบาย และระบุขัน้ ตอนในกระบวน การตรวจแบบฝึกหดั รอ้ ยละ 75

การสงั เคราะห์โปรตนี ได้

อธิบายหนา้ ท่ีของ DNA และ RNA

แตล่ ะชนดิ ในกระบวนการสงั เคราะห์

โปรตนี ได้

ดา้ นทักษะกระบวนการ (P: Process) สงั เกตพฤติกรรมในการทำงาน ผ่านเกณฑ์ไม่นอ้ ยกว่า

แก้โจทย์ปญั หาการถอดรหัสและการ การนำเสนอผลงาน ร้อยละ 75

แปลรหัส

ดา้ นคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A: สงั เกตพฤติกรรมในการทำงาน ผ่านเกณฑ์ไมน่ ้อยกว่า

Attribute) ร้อยละ 75

ทำงานรว่ มกับผอู้ นื่ , รบั ผดิ ชอบตอ่

การทำงาน, แสดงความคิดเห็น,

นำเสนอผลงานหน้าชนั้ เรียนได้

ตระหนักถงึ การนำความรูท้ าง

ชีววิทยาไปใชว้ า่ ตอ้ งคำนึงถึงจรยิ ธรรม

96

ดา้ นทกั ษะกระบวนการทาง สังเกตพฤติกรรมในการทำงาน ผา่ นเกณฑ์ไม่นอ้ ยกว่า
วทิ ยาศาสตร์
(Sc.P: Science Process Skill) การตรวจแบบฝกึ หัด รอ้ ยละ 75
 การสังเกต
 การจดั กระทำและสอื่ ความหมาย
ข้อมูล
 การลงความเห็นจากขอ้ มลู
 การสรา้ งแบบจำลอง

97

แบบสังเกตพฤติกรรม

เรื่อง สมบตั ขิ องสารพันธุกรรม

คำชี้แจง จงทำเครื่องหมาย  ลงในช่องที่ตรงกับพฤติกรรมที่ผู้เรียนแสดงออก โดยจำแนกระดับ

พฤตกิ รรมการแสดงออกไว้เปน็ 3 คะแนน ดังนี้

3 คะแนน หมายถึง ผูเ้ รียนมพี ฤติกรรมในระดบั ดี

2 คะแนน หมายถึง ผู้เรียนมีพฤติกรรมในระดบั ปานกลาง

1 คะแนน หมายถงึ ผเู้ รียนมพี ฤติกรรมในระดบั ปรับปรงุ

ช่อื -สกุล รายการประเมนิ คะแนน ร้อย สรุปผลการ

ความใส่ใจ การเสนอ ความ การยอมรบั รวม ละ ประเมิน

เลขท่ี ในการ ความ ร่วมมือใน ฟังคนอนื่

ทำงาน คดิ เห็น การทำงาน

3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผ่าน ไม่
ผา่ น

1 นายณัฐนนทส์ ุธรรมฤทธ์ิ

2 นายระพธี าดา วงศค์ ุลี

3 นายจกั รกฤษ สีลาแดง

4 นายจักรภัทร จนั ทร์แก้ว

5 นายนรภทั ร ศรที อง

6 นายปรชั ญา ใจบุญ

7 นายประสทิ ธชิ ัย อามาตย์

สมบัติ

8 นายจกั รภัทร สุขณรงค์

9 นายฉัตรดนยั สุภา

10 นายณฐั พล จนั ทฤาชา

11 นายณฐั วัศ พนมธีร-
เกียรติ

12 นายถิระวฒั น์ แตงเอ่ียม

13 นายทัธดนยั สแตนลีย์

14 นายธรี ัตเดช นอ้ ยมนตรี

15 นายนันทวฒุ ิ สุขเกิด

98

ช่อื -สกุล รายการประเมิน คะแนน ร้อย สรปุ ผลการ
การยอมรบั รวม ละ ประเมิน
เลขท่ี ความใส่ใจ การเสนอ ความ ฟังคนอ่ืน
ในการ ความ รว่ มมือใน
ทำงาน คิดเห็น การทำงาน

3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผา่ น ไม่
ผา่ น

16 นายนันทศร หูไธสง

17 นายวชริ วชิ ญ์ พันพินิจ

18 นายวรี ภัทร ครูศรี

19 นายสริ วชิ ญ์ สัมฤทธ์ิ

20 น.ส.ปิยธิดา อม้ วชิ า

21 น.ส.จรี ะนันท์ เเหล้ยงั

22 น.ส.ปนัดดา คนดี

23 น.ส.จฑุ ารตั น์ คำเดช

24 น.ส.ชยธิดา สงวนพร

25 น.ส.ณัฐกฤตา หาญโก-
กรวด

26 น.ส.ตติยา อปุ ระโคตร

27 น.ส.ธิดารัตน์ ตอ้ นโสกี

28 น.ส.นครินทร์ สารโี ท

29 น.ส.นภัสสร สำราญบญุ

30 น.ส.ปนัดดา วรรณบูลย์

31 น.ส.ปิน่ ภทั รา ชนิ คำ

32 น.ส.ปณุ ยาพร ทองไชย

33 น.ส.พิชญ์นาฏ ขนั ธวิชัย

34 น.ส.พิมพร ละดาดาษ

35 น.ส.ภัทรภรณ์ สายสขุ

36 น.ส.มณฑาทิพย์ ใจสขุ

99

ชอ่ื -สกุล รายการประเมิน คะแนน ร้อย สรปุ ผลการ
การยอมรบั รวม ละ ประเมิน
เลขท่ี ความใส่ใจ การเสนอ ความ ฟงั คนอน่ื
ในการ ความ ร่วมมอื ใน
ทำงาน คิดเหน็ การทำงาน

3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผา่ น ไม่
ผา่ น

37 น.ส.ณัฏฐธดิ า อุปะทะ

38 น.ส.รจุ ี บุตรนนท์

39 น.ส.วิภวานี แสนโสภา

40 น.ส.สริ กิ ัญญา บุตรน้อย

41 น.ส.สกุ ฤตา บรรเรอื ง-
ทอง

42 น.ส.นันทพิ ร โอนากลุ

เกณฑ์การประเมนิ
ร้อยละ 75 ข้ึนไป ( 9 - 12 คะแนน) ผา่ นเกณฑ์
นอ้ ยกว่าร้อยละ 75 ( 0 – 8 คะแนน ) ไมผ่ า่ นเกณฑ์

ลงชอ่ื ........................................................ ผูส้ อน
(นางสาวสุภาวิณี เพิม่ ทอง)

วันท่ี ............ เดือน ........................ พ.ศ..............

100

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน

ประเด็นทป่ี ระเมนิ เกณฑ์การให้คะแนน

321

ความใสใ่ จในการ เมื่อเกิดปัญหาหรือไม่ ส่ว น ใหญ ่เมื่อเกิด เมื่อเกิดปัญหาหรือไม่

ทำงาน เข้าใจบทเรียนทุกคร้ัง ปัญหาหรือไม่เข้าใจ เข้าใจบทเรียนทุกคร้ัง

มักซักถามและมีความ บทเรียนทุกครั้งมัก มักซักถามและมีความ

พยายามในการค้นหา ซักถามและมีความ พยายามในการค้นหา

คำตอบอยู่เสมอ พยายามในการค้นหา คำตอบเปน็ บางคร้ัง

คำตอบ

การเสนอความคดิ เหน็ ส ่ ว น ใ ห ญ ่ เ ส น อ เสนอความคิดเห็น ไม่เสนอความคิดเห็น

ความคิดเห็น กล้า กล้าแสดงออกที่จะพูด กล้าแสดงออกที่จะพูด

แสดงออกที่จะพูดใน ใน สิ่ง ที่ถูก หร ือ ดี ในสิง่ ที่ถกู หรอื ดี

ส่งิ ทีถ่ ูกหรอื ดี บางครั้ง

ความรว่ มมือในการ ใหค้ วามร่วมมอื ในการ ส่วนใหญ่ให้ค ว าม ใหค้ วามร่วมมอื ในการ

ทำงาน ทำงานกลมุ่ และ ร่วมมือในการทำงาน ทำงานกลุ่มและ

ปฏบิ ัตงิ านทีส่ มาชิกใน กลุ่มและปฏิบัติงานที่ ปฏิบตั งิ านที่สมาชิกใน

กลมุ่ มอบหมายดว้ ย ส ม า ช ิ ก ใ น ก ลุ่ ม กลุ่มมอบหมายได้เป็น

ความเต็มใจทกุ ครั้ง มอบหมายได้ บางคร้ัง

การยอมรับฟังคนอ่นื ย อ ม ร ั บ ฟ ั ง ค ว า ม ย อ ม ร ั บ ฟ ั ง ค ว า ม ไม่ยอมรับฟังความ

คิดเห็น ที่ดีและ มี คิดเห็น ที่ดีและ มี คิดเห็น ที่ดีและ มี

เหตุผลของผู้อื่นทุก เหตุผลของผู้อื่นบ้าง เหตุผลของผู้อื่น มัก

ค ร ั ้ ง ไ ม ่ ย ึ ด ค ว า ม แต่บาง คร ั้ง จะ ยึ ด ยึดความคิดเห็นของ

คิดเห็นของตนแต่ฝ่าย ความคิดเห็นของตน ตนแต่ฝ่ายเดียว

เดียว

101

แบบประเมินการนำเสนอผลงาน

ชอื่ กลมุ่ ...............................................................................................................ชนั้ ............................

รายชื่อสมาชกิ 1. .............................................................................................เลขที่...........................

2. .............................................................................................เลขท.ี่ ..........................

3. .............................................................................................เลขท่.ี ..........................

4. .............................................................................................เลขที่...........................

5. .............................................................................................เลขที.่ ..........................

6. .............................................................................................เลขที่...........................

คำชี้แจง จงทำเครือ่ งหมาย  ลงในช่องท่ตี รงกบั พฤตกิ รรมท่ีผู้เรียนแสดงออก โดยจำแนกระดบั

พฤติกรรมการแสดงออกไว้เปน็ 3 คะแนน ดังน้ี

3 คะแนน หมายถงึ ผเู้ รียนมพี ฤติกรรมการแสดงออกอยา่ งสมำ่ เสมอ

2 คะแนน หมายถงึ ผเู้ รยี นมพี ฤติกรรมการแสดงออกเป็นครัง้ คราว

1 คะแนน หมายถึง ผเู้ รียนมพี ฤติกรรมการแสดงออกนอ้ ยครั้ง

ท่ี รายการประเมิน คะแนน ข้อคิดเหน็

32 1

1 การเตรียมความพรอ้ ม

2 เนอื้ หาสาระครอบคลมุ ชดั เจน

3 ความถกู ต้องของเน้อื หา

4 การมีสว่ นรว่ มของสมาชกิ ใน

กลมุ่

5 รูปแบบการนำเสนอ

รวม

เกณฑ์การประเมนิ
รอ้ ยละ 75 ขึน้ ไป ( 11 - 15 คะแนน) ผา่ นเกณฑ์
น้อยกว่ารอ้ ยละ 75 ( 0 – 10 คะแนน ) ไม่ผา่ นเกณฑ์

ลงช่ือ ........................................................ ผูส้ อน
(นางสาวสภุ าวณิ ี เพม่ิ ทอง)

วนั ที่ ............ เดือน ........................ พ.ศ..............

102

เกณฑก์ ารให้คะแนน

ประเด็นทีป่ ระเมนิ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน

321

การเตรียมความพร้อม ดำเนินการตามแผนท่ี ดำเนินการตามแผนท่ี ไม่สามารถดำเนินการ

วางไว้ ใช้อุปกรณ์และ วางไว้ ใช้อุปกรณ์และ ตามแผนที่วางไว้

สื่อประกอบได้ถูกต้อง สื่อประกอบได้ถูกต้อง

คล่องแคล่ว และเสร็จ แต่ไมค่ ล่องแคล่ว

ทันเวลา

เนือ้ หาสาระ เน ื้อหาถูก ต้อง มี เน ื้อ หาถูก ต้อง มี เนื้อหาถูกต้องแต่ให้

ครอบคลุมชัดเจน สาระสำคัญครบถ้วน สาระสำคัญ แต่ยังไม่ สาระสำคัญน้อยมาก

และระบุแหล่งที่มา ครบถ้วน มีการระบุ และไม่ระบุแหล่งที่มา

ของความรู้ชดั เจน แหลง่ ทม่ี าของความรู้ ของความรู้

ความถูกต้องของ เนื้อหาสาระถกู ต้อง ส่วนใหญ่เนื้อหาสาระ เน้ือหาสาระไม่ถกู ต้อง
เนื้อหา
ครบถว้ น ถกู ตอ้ ง
การมสี ว่ นรว่ มของ
สมาชิกในกลุ่ม มีส่วนร่วมสม่ำเสมอ มสี ่วนร่วมบางครง้ั มีส่วนร่วมน้อยครั้ง/

รปู แบบการนำเสนอ ขาดการมสี ่วนร่วม

มีรูปแบบน่าสนใจ มี รูปแบบมี ไม่มีรูปแบบน่าสนใจ

ค ว า ม ส ั ม พ ั น ธ ์ กั บ ค ว า ม ส ั ม พ ั น ธ ์ กั บ มีความสัมพันธ์กับ

ห ั ว ข ้ อ ท ี ่ ก ำ ห น ด หัวข้อที่กำหนด แต่ไม่ หัวข้อที่กำหนดน้อย

ระบายสีไดส้ วยงาม ดึงดดู ความสนใจ มาก

103

104

105

ใบกจิ กรรม เรอื่ ง การถอดรหัสและการแปลรหสั

ช่อื กล่มุ ............................................................................................................ชัน้ ..................................
รายช่ือสมาชกิ 1. .........................................................................................เลขท.ี่ .................................

2. .........................................................................................เลขที…่ …............................
3. .........................................................................................เลขที่……….........................
4. .........................................................................................เลขที่……….........................
5. .........................................................................................เลขที่……............................
6. .........................................................................................เลขที่..................................
คำชี้แจง ให้นกั เรียนเตรยี มอปุ กรณ์ตามท่ีกำหนดให้ และศึกษาวิธที ำ จากนัน้ ให้วาดภาพหรือติดภาพ
ผลการทดลอง และสรุปผลของกจิ กรรมการทดลอง

กิจกรรม เรือ่ ง การถอดรหสั และการแปลรหัส
จดุ ประสงค์
นำหลกั การถอดรหสั และการแปลรหัสมาใช้แกโ้ จทย์ปัญหา
วธิ ีการทำกจิ กรรม
พิจารณาลำดับนวิ คลโี อไทด์ตอ่ ไปนแ้ี ละตอบคำถาม

5′C G C A G A T T C G A T G G C C C T G T G G A T A C G C C T C C T G C C C T G AA G C
T C T C T 3′
3′G C G T C T AA G C T A C C G G G A C A C C T A T G C G G A G G A C G G G A C T T C G
A G A G A5′

จากลำดับนิวคลีโอไทด์ของ DNA ที่กำหนดให้ ให้ตัวอักษรสีน้ำเงินแสดงบริเวณที่เป็นยีน
และให้ DNA สายล่างเป็นแม่แบบสำหรบั การถอดรหสั ตอบคำถามตอ่ ไปนี้
 mRNA ทไี่ ดจ้ ากการถอดรหสั จะมีลำดบั เบสเป็นอย่างไร
...........................................................................................................................................................
 เมือ่ สิ้นสุดการแปลรหัสจะไดส้ ายพอลเิ พปไทด์ทม่ี กี รดแอมโิ นกีโ่ มเลกลุ
...........................................................................................................................................................
 สายพอลเิ พปไทด์ทไ่ี ดจ้ ากการแปลรหสั มีลำดับกรดแอมโิ นเปน็ อย่างไร
...........................................................................................................................................................

106

ตวั อยา่ งใบกจิ กรรม เร่ือง การถอดรหสั และการแปลรหสั

ชือ่ กลุม่ ............................................................................................................ชนั้ ..................................
รายชื่อสมาชกิ 1. .........................................................................................เลขท่ี..................................

2. .........................................................................................เลขท…ี่ …............................
3. .........................................................................................เลขที่……….........................
4. .........................................................................................เลขที่……….........................
5. .........................................................................................เลขที่……............................
6. .........................................................................................เลขท.ี่ .................................
คำชีแ้ จง ให้นักเรียนเตรียมอุปกรณต์ ามท่ีกำหนดให้ และศกึ ษาวธิ ที ำ จากนนั้ ให้วาดภาพหรอื ติดภาพ
ผลการทดลอง และสรปุ ผลของกิจกรรมการทดลอง

กจิ กรรม เรื่อง การถอดรหสั และการแปลรหัส
จุดประสงค์
นำหลกั การถอดรหสั และการแปลรหัสมาใชแ้ กโ้ จทย์ปญั หา
วธิ กี ารทำกจิ กรรม
พจิ ารณาลำดบั นวิ คลีโอไทดต์ ่อไปนี้และตอบคำถาม

5′C G C A G A T T C G A T G G C C C T G T G G A T A C G C C T C C T G C C C T G AA G C
T C T C T 3′
3′G C G T C T AA G C T A C C G G G A C A C C T A T G C G G A G G A C G G G A C T T C G
A G A G A5′

จากลำดับนิวคลีโอไทด์ของ DNA ที่กำหนดให้ ให้ตัวอักษรสีน้ำเงินแสดงบริเวณที่เป็นยีน
และให้ DNA สายลา่ งเปน็ แม่แบบสำหรบั การถอดรหัส ตอบคำถามต่อไปน้ี
 mRNA ทไี่ ดจ้ ากการถอดรหัสจะมลี ำดับเบสเป็นอยา่ งไร

mRNA 5′GAUUCGAUGGCCCUGUGGAUACGCCUCCUGCCCUGAAGC3′

 เม่อื ส้นิ สดุ การแปลรหสั จะไดส้ ายพอลิเพปไทดท์ ี่มีกรดแอมโิ นกโ่ี มเลกุล
กรดแอมโิ น 9 โมเลกุล
 สายพอลเิ พปไทดท์ ีไ่ ด้จากการแปลรหัสมีลำดับกรดแอมิโนเป็นอย่างไร
Met Ala Leu Trp Ile Arg Leu Leu Pro (เริ่มที่รหัสเริ่มต้น AUG GCC CUG UGG AUA CGC
CUC CUG CCC UGA)

107

ใบงานท่ี 4
เรื่องการสังเคราะห์โปรตีน
คำชี้แจง : จงเติมข้อมูลลงในช่องว่างของตารางแสดงการสังเคราะห์โปรตีนบนส่วนหนึ่งของยีน A
ให้สมบูรณ์

108

ช่อื ....................................................................................................เลขที่...................หอ้ ง.....................
เฉลยใบงานที่ 4

เรื่องการสังเคราะห์โปรตนี
คำชี้แจง : จงเติมข้อมูลลงในช่องว่างของตารางแสดงการสังเคราะห์โปรตีนบนส่วนหนึ่งของยีน A
ใหส้ มบูรณ์

109

ช่ือ....................................................................................................เลขที.่ ..................ห้อง.....................
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 6

กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4
12 ช่ัวโมง
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 4 เร่อื ง โครโมโซมและสารพนั ธุกรรม 3 ชว่ั โมง

เรอื่ ง มิวเทชนั ภาคเรยี นท่ี 2/2564

ครผู ู้สอน นางวราภรณ์ เบา้ หลอ่ เพชร และนางสาวสภุ าวณิ ี เพม่ิ ทอง

ผลการเรยี นรแู้ ละสาระการเรยี นรู้เพิม่ เตมิ

สาระชีววิทยา 2. เข้าใจการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม สมบัติ

และหน้าที่ของสารพันธุกรรม การเกิดมิวเทชัน เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ หลักฐาน ข้อมูล และแนวคิด

เกี่ยวกับวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต ภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก การเกิดสปีชีส์ใหม่ ความ

หลากหลายทางชีวภาพ กำเนดิ ของส่งิ มีชีวติ ความหลากหลายของสิ่งมีชีวติ และอนกุ รมวิธาน รวมท้ัง

นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์

ช้นั ผลการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม

ม.4 สืบค้นข้อมูลและอธิบายการเกิดมิว  มิวเทชันเป็นการเปลี่ยนแปลงของลำดับหรือจำนวน

เทชันระดับยีนและระดับโครโมโซม นิวคลโี อไทดใ์ น DNA ซึง่ อาจนำไปสู่การ

สาเหตุการเกิดมิวเทชัน รวมทั้ง เปลี่ยนแปลงโครงสร้างและการทำงานของโปรตีน ซ่ึง

ยกตัวอย่างโรคและกล่มุ อาการที่เป็น ถ้าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดในเซลล์สืบพันธุ์ จะ

ผลของการเกิดมิวเทชนั สามารถถ่ายทอดไปยังรุ่นต่อ ๆ ไปได้ และทำให้เกิด

ความแปรผันทางพันธุกรรมของส่ิงมีชวี ิต การเกิดมิวเท

ชันมสี าเหตุมาจากปัจจัยต่าง ๆ เชน่ รงั สี และสารเคมี

 การขาดหายไปหรือเพิม่ ขึ้นของนวิ คลโี อไทด์ และการ

แทนที่คู่เบส เป็นการเกิดมิวเทชันระดับยีน เช่น โรค

โลหิตจางชนิดซิกเคิลเซลล์ เป็นผลมาจากการแทนที่คู่

เบส

 การเปลย่ี นแปลงโครงสร้างของโครโมโซม เชน่ หายไป

หรือเพิ่มขึ้นบางส่วน และการเปลี่ยนแปลงจำนวน

โครโมโซม เช่น การลดลงหรือเพิ่มขึ้นของโครโมโซม

110

บางแท่งหรือทั้งชุด เป็นสาเหตุของการเกิดมิวเทชัน
ระดับโครโมโซม เช่น กลุ่มอาการคริดูชาต์และกลุ่ม
อาการดาวน์ กลุ่มอาการเทอร์เนอร์และกลุ่มอาการ
ไคลน์เฟลเตอร์

1. กำหนดเป้าหมายของการจัดการเรยี นรู้
1.1 สาระการเรียนรู/้ เนอ้ื หาการเรียนรู้
เรื่อง มิวเทชนั
1) มวิ เทชันระดับยีน
2) มิวเทชนั ระดับโครโมโซม
1.2 สาระสำคญั /ความคิดรวบยอดของเรอ่ื งทเ่ี ขียน
มิวเทชันเป็นการเปลี่ยนแปลงของลำดับหรือจำนวนนิวคลีโอไทด์ใน DNA ซึ่งอาจนำไปสูก่ าร

เปลี่ยนแปลงโครงสร้างและการทำงานของโปรตีนซึ่งเกิดได้ทั้งในระดับยีนและระดับโครโมโซม
มิวเทชันสามารถเกิดได้ทั้งเซลล์รา่ งกายและเซลล์สืบพันธุ์ ซึ่งมิวเทชันที่เกิดในเซลล์สืบพนั ธุ์สามารถ
ถา่ ยทอดไปยังรุ่นต่อไปได้ จึงอาจก่อใหเ้ กดิ ลกั ษณะใหม่ในสงิ่ มีชวี ิตรนุ่ ต่อไป มนุษย์ประยุกต์ใช้การเกิด
มวิ เทชนั ในการชักนำให้ส่ิงมชี วี ิตมลี ักษณะทแี่ ตกตา่ งไปจากเดมิ โดยการใช้รังสแี ละสารเคมีต่าง ๆ

1.3 จดุ ประสงค์การเรียนรู้: เม่ือผ้เู รียนจบกิจกรรมการเรียนรู้ ผเู้ รียนสามารถ

ด้านความรู้ (K: Knowledge) อธิบายสาเหตุ และผลของการเกิดมิวเทชัน

ระดับยีนและระดบั โครโมโซม

ยกตัวอย่างโรคและกลุ่มอาการที่เป็นผลของ

การเกิดมิวเทชันระดับยีนและระดับโครโมโซม

ได้

ดา้ นทักษะกระบวนการ (P: Process) สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับสาเหตุ และผลของการ

เกิดมิวเทชันระดับยีนและระดับโครโมโซม โรค

และกลุ่มอาการที่เป็นผลของการเกิดมิวเทชัน

ระดบั ยีนและระดับโครโมโซมได้

111

ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A: Attribute) ทำงานร่วมกับผู้อืน่ , รับผดิ ชอบตอ่ การทำงาน,
แสดงคงามคิดเห็น, นำเสนอผลงานหนา้ ชั้นเรยี น
ดา้ นทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ได้
(Sc.P: Science Process Skill) ตระหนักถงึ การนำความรู้ทางชีววิทยาไปใช้วา่
 การสังเกต ต้องคำนึงถึงจริยธรรมและผลกระทบต่อมนุษย์
 การวัด และสง่ิ แวดล้อม
 การคำนวณ/การใช้ตัวเลข
 การจำแนกประเภท  การลงความเห็นจากข้อมลู
 การจดั กระทำและสอ่ื ความหมายขอ้ มลู  การกำหนดและควบคมุ ตัวแปร
 การหาความสัมพันธ์ระหวา่ งสเปสกับสเปส  การกำหนดนิยามเชิงปฏิบัตกิ าร
และสเปสกับเวลา  การตั้งสมมตฐิ าน
 การพยากรณ์/การทำนาย  การทดลอง
 การตคี วามหมายข้อมูลและลงข้อสรปุ
 การสรา้ งแบบจำลอง

2. การจดั กิจกรรมการเรยี นรูแ้ บบ 5E
2.1 ข้ันสร้างความสนใจ (Engagement)
2.1.1 ครูนำเข้าสู่บทเรียนโดยให้นักเรียนศึกษารูปควายเผือกและควายนาหรือรูปสิ่งมีชีวิต

อื่นๆ เช่น กระต่ายสีขาวและกระต่ายสอี ่ืน ๆ แลว้ ใหน้ ักเรียนรว่ มกันอภปิ รายในประเด็นดงั น้ี

 ลักษณะของสัตว์เผือกลักษณะใดที่ผิดไปจากปกติและลักษณะใดบ้างที่เหมือนเดิม
(แนวคำตอบ: สัตวเ์ ผือกมีลักษณะที่ต่างไปจากปกติ เช่น สขี นเปน็ สีขาว สขี องดวงตาเป็นสแี ดง)

112

 ลกั ษณะที่ผิดปกตนิ ี้สามารถถ่ายทอดไปยังรุ่นต่อไปไดห้ รือไม่ (แนวคำตอบ: แม้ว่าสัตว์
เผือกจะมีลักษณะบางอย่างที่ผิดปกติ แต่ลักษณะส่วนใหญ่ยังคงเหมือนกับพ่อแม่ ลักษณะเผือกน้ี
สามารถถ่ายทอดไปยังรนุ่ ตอ่ ไปได้)

2.1.2 ครูถามนักเรียนว่า นักเรียนเคยเห็นสัตว์ที่มีลักษณะเผือกบ่อยหรือไม่ คำตอบของ
นกั เรยี นอาจมีไดห้ ลากหลาย

2.1.3 ครใู ห้ความร้เู กี่ยวกบั มวิ เทชัน ดงั นี้

ลักษณะที่เปลี่ยนแปลงไปเกดิ จากการเปลี่ยนแปลงของ DNA และโครโมโซม เรียกลักษณะนี้ว่า การ
กลายหรือมิวเทชัน มิวเทชันสามารถเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติแต่เกิดในอัตราที่ต่ำมาก
มิวทาเจน เช่น รังสีและสารเคมีต่าง ๆ ชักนำให้เกิดมิวเทชันเพิ่มขึ้นได้ มิวทาเจนบางชนิดเป็น
สิ่งก่อมะเรง็ ถ้าไดร้ ับในปรมิ าณมากหรือบ่อยครง้ั จะทำให้เป็นมะเรง็ ได้ การเกดิ มวิ เทชันแบ่งออกเป็น
มิวเทชันระดับยนี และมวิ เทชันระดับโครโมโซม

2.2 ขน้ั สำรวจและคน้ หา (Exploration)
2.2.1 แบง่ นักเรยี นออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน คละความสามารถ เกง่ ปานกลาง อ่อน
2.2.2 ใหน้ ักเรียนแตล่ ะกลุ่มศึกษาและรว่ มกนั อภปิ รายภายในกลมุ่ เรอื่ งมิวเทชันระดับยีนและ

มวิ เทชนั ระดบั โครโมโซม ในหนงั สือเรียนชีววิทยา 2 หนา้ 36 - 45
2.2.3 ให้นักเรยี นแตล่ ะกล่มุ ออกมานำเสนอองคค์ วามรู้ท่ีสรปุ ได้จากการศึกษาในหนังสือเรียน

ชีววทิ ยา 2 เพื่อนำเสนอหน้าชนั้ เรียน
2.3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation)
2.3.1 ให้นักเรยี นแต่ละกลมุ่ ออกมานำเสนอผลองค์ความรู้ทีส่ รปุ ได้ หน้าชน้ั เรยี น
2.3.2 ครูและนกั เรยี นร่วมกันอภิปรายและสรปุ องคค์ วามรู้ ดงั นี้

1. มิวเทชันระดบั ยีน (gene mutation) เป็นการเปลย่ี นแปลงในระดับนิวคลีโอไทด์ แบ่งออกเปน็
1.1 การแทนที่คู่เบส (base-pair substitution) เป็นการแทนที่คู่ของนิวคลีโอไทด์ แบ่งออกเป็น

การกลายแบบเงียบ (silent mutation) การเปลี่ยนแปลงของลำดับนิวคลีโอไทด์ แต่ถอดรหัสเป็น
กรดอะมิโนชนิดเดมิ การกลายแบบเปล่ียนรหสั (missense mutation) การเปลย่ี นแปลงของลำดับนิ
วคลโี อไทด์ทท่ี ำใหเ้ กิดการแปลรหัสเปน็ กรดอะมโิ นชนดิ อื่น ซึง่ อาจส่งผลกระทบต่อโปรตนี เชน่ กนั การ
กลายเป็นรหัสหยุด (nonsense mutation) การเปลี่ยนแปลงของลำดับนิวคลีโอไทด์ท่ีทำให้เกดิ การ
ถอดรหสั เป็นรหัสหยดุ ทำให้สายพอลเิ พปไทด์สั้นกว่าปกติ และทำให้โปรตีนไมส่ ามารถทำหนา้ ทีไ่ ด้

113

1.2 การเพิ่มขึ้นหรือขาดหายของนิวคลีโอไทด์ (insertion and deletion of nucleotide) ทำให้
มีการจัดกลุ่มโคดอนไม่เหมือนเดิม จึงส่งผลต่อการแปลรหัสและถอดรหัส การกลายแบบนี้เรียกว่า
การกลายแบบเล่อื นกรอบ (frameshift mutation)

2. มิวเทชันระดับโครโมโซม (chromosome mutation)
2.1 การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของโครโมโซม อาจมีสาเหตุมาจากความผิดปกตใิ นการแบง่ เซลล์

แบบไมโอซิส รังสีต่าง ๆ หรือสารเคมี จึงทำให้เกิดเซลล์สืบพันธุ์ที่ผิดปกติ ซึ่งเกิดขึ้นได้หลาย
แบบ เชน่ บางสว่ นของโครโมโซมขาดหายไปอาจเกิดที่ส่วนปลายหรือส่วนกลางแทง่ โครโมโซม ความ
ผิดปกตินี้ทำให้เกิดกลุ่มอาการคริดูชา บางส่วนของโครโมโซมที่ขาดไปอาจจะกลับมาต่อใหม่แต่ต่อ
แบบกลับทิศทำให้ลำดับของยีนเปล่ียนไป บางส่วนของโครโมโซมเกินมาจากปกติ ส่วนที่เกินอาจมา
จากโครโมโซมทีเ่ ป็นคู่กัน และการเคล่ือนย้ายชิ้นส่วนของโครโมโซมทตี่ ่างคู่กัน จากการเปล่ียนแปลง
โครงสร้างของโครโมโซมทำให้จำนวนของนวิ คลโี อไทด์และลำดับของนวิ คลโี อไทด์เปล่ียนไป ซ่ึงทำให้
รหัสพันธุกรรมและการสังเคราะห์โปรตีนเปลี่ยนไป มีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของฟีโนไทป์ซึ่ง
อาจทำให้เกิดโรคตา่ งๆ ได้

2.2 การเปลี่ยนแปลงจำนวนโครโมโซม อาจมีสาเหตุมาจากความผิดปกติในการแบ่งเซลล์แบบ
ไมโอซิส คือ เกิดนอนดิสจังชัน (nondisjunction) ซึ่งฮอมอโลกัสโครโมโซมไม่แยกจากกนั ขณะแบง่
เซลล์ในระยะไมโอซิส I หรือไมโอซิส II มีผลทำให้เซลล์สืบพันธุ์มีจำนวนโครโมโซมขาดหรือเกินเป็น
แท่ง ซึ่งเกิดขึ้นได้ทั้งออโตโซมและโครโมโซมเพศ ความผิดปกตินี้ทำให้เกิดกลุ่มอาการดาวน์
กลุ่มอาการเทิร์นเนอร์ หรือกลุ่มอาการและโรคอื่น ๆ นอกจากนี้จำนวนโครโมโซมขาดหรือ
เกินเป็นชุด เรียกว่า พอลิพลอยด์ มักพบในพืชซึ่งทำให้ขนาดของดอกและผลใหญ่ขึ้น ซึ่ง
มนุษย์นำมาใช้ประโยชน์ในการปรับปรุงพันธุ์พืชได้ แต่ถ้าเกิดกับสัตว์ โดยเฉพาะสัตว์เลี้ยง
ลกู ด้วยนำ้ นมมักจะเกดิ ผลเสียมากกวา่ ผลดี

2.3.3 ครูให้นักเรียนศึกษาฮีโมโกลบินที่ผิดปกติของคนที่เป็นโรคโลหิตจางชนิดซิกเคิลเซลล์
โดยการเปรียบเทียบกบั ฮีโมโกลบินของคนปกติ โดยใชร้ ูป 4.25 ในหนังสือเรยี นหนา้ 37 แล้วนักเรียน
ร่วมกนั อภปิ รายในประเด็นดงั น้ี

 ผู้ป่วยโรคโลหิตจางชนิดซิกเคิลเซลล์มีลำดับของกรดแอมิโนในฮีโมโกลบินสายบีตา
แตกตา่ งจากคนปกตอิ ย่างไร (แนวคำตอบ: แตกต่างกนั คอื กรดแอมิโนตำแหนง่ ที่ 6 ของพอลิเพปไทด์

114

สายบีตาของฮีโมโกลบินในคนปกติเปน็ กรดกลตู ามิก ส่วนในคนที่เป็นโรคโลหติ จางชนดิ ซกิ เคลิ เซลล์จะ
เป็นวาลนี )

2.4 ข้ันขยายความรู้ (Elaboration)
2.4.1 ครูใหน้ ักเรยี นทำกจิ กรรมสืบค้นและยกตัวอยา่ งโรคและกลมุ่ อาการทเี่ ป็นผลของการเกิด

มิวเทชันระดบั ยนี และระดับโครโมโซม

กิจกรรม เรือ่ ง กลุ่มอาการหรือโรคที่เกิดจากมิวเทชัน

จดุ ประสงค์ วธิ ีการทำกิจกรรม

สบื ค้นและยกตวั อย่างโรคและกล่มุ อาการที่เป็น ให้นักเรยี นสืบคน้ ขอ้ มลู เกีย่ วกับกลุ่มอาการหรือ

ผลของการเกิดมิวเทชันระดับยีนและระดับ โรคที่เกิดจากมิวเทชันระดับยีนและระดับ

โครโมโซม โครโมโซมของมนุษย์ แล้วนำเสนอหน้าชัน้ เรียน

เกี่ยวกับชื่อของกลุ่มอาการหรือโรค ความ

ผิดปกติที่เกิดขึ้นกับยีนและโรคโมโซม และ

ลักษณะของความผดิ ปกตทิ ่ีเกิดขนึ้ ในส่ิงมชี ีวิต

การเกิดมิวเทชนั ระดบั ยนี การเกดิ มิวเทชันระดบั โครโมโซม

115

2.5 ขน้ั ประเมิน (Evaluation)
2.5.1 ครใู หน้ ักเรียนทำใบงานท่ี 5 เร่อื ง การกลายระดบั ยนี จากการแทน่ ท่ีคู่เบส และใบงานที่

6 เร่ือง การกลายระดับยนี จากจากการเพ่มิ ข้นึ หรอื ขาดหายของนิวคลีโอไทด์

3. สือ่ /อุปกรณ์/แหลง่ การเรียนรู้
3.1 หนงั สือเรยี นรายวิชาเพิ่มเติม ชีววิทยา 2
3.2 PowerPoint เรื่อง มวิ เทชนั
3.3 ใบงานท่ี 5 เรอื่ ง การกลายระดบั ยีนจากการแทน่ ทีค่ ูเ่ บส
3.4 ใบงานท่ี 6 เรือ่ ง การกลายระดบั ยีนจากจากการเพ่ิมขนึ้ หรอื ขาดหายของนิวคลโี อไทด์
3.6 ใบกิจกรรม เรอื่ ง กลมุ่ อาการหรือโรคทเ่ี กิดจากมิวเทชนั

4. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้

จุดประสงค์การเรยี นรู้ วธิ ีการวัดผลการเรียนรู้ เกณฑก์ ารประเมินผล

ด้านความรู้ (K: Knowledge) การถามตอบ ผา่ นเกณฑ์ไมน่ อ้ ยกวา่

อธบิ ายสาเหตุ และผลของการเกิดมิว การตรวจแบบฝึกหัด รอ้ ยละ 75

เทชนั ระดับยนี และระดบั โครโมโซม

ยกตวั อย่างโรคและกลมุ่ อาการที่เป็น

ผลของการเกิดมวิ เทชันระดบั ยีนและ

ระดบั โครโมโซมได้

ด้านทักษะกระบวนการ (P: Process) สังเกตพฤติกรรมในการทำงาน ผ่านเกณฑ์ไมน่ อ้ ยกว่า

สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับสาเหตุ และผล การนำเสนอผลงาน รอ้ ยละ 75

ของการเกิดมิวเทชันระดับยีนและ

ระดับโครโมโซม โรคและกลมุ่ อาการท่ี

เป็นผลของการเกิดมิวเทชันระดับยีน

และระดบั โครโมโซมได้

ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A: สังเกตพฤติกรรมในการทำงาน ผา่ นเกณฑ์ไมน่ อ้ ยกว่า

Attribute) ร้อยละ 75

116

ทำงานร่วมกับผู้อน่ื , รบั ผดิ ชอบตอ่

การทำงาน, แสดงความคิดเหน็ ,

นำเสนอผลงานหน้าช้นั เรยี นได้

ตระหนักถงึ การนำความรู้ทาง

ชีววทิ ยาไปใช้ว่าต้องคำนึงถึงจริยธรรม

ดา้ นทกั ษะกระบวนการทาง สังเกตพฤติกรรมในการทำงาน ผา่ นเกณฑไ์ ม่นอ้ ยกว่า

วิทยาศาสตร์ การตรวจแบบฝกึ หดั รอ้ ยละ 75

(Sc.P: Science Process Skill)

 การสงั เกต

 การจัดกระทำและส่ือความหมาย

ขอ้ มูล

 การลงความเหน็ จากข้อมลู

117

แบบสังเกตพฤตกิ รรม

เร่ือง มิวเทชนั

คำชี้แจง จงทำเครื่องหมาย  ลงในช่องที่ตรงกับพฤติกรรมที่ผู้เรียนแสดงออก โดยจำแนกระดับ

พฤตกิ รรมการแสดงออกไว้เปน็ 3 คะแนน ดังนี้

3 คะแนน หมายถงึ ผ้เู รียนมีพฤติกรรมในระดบั ดี

2 คะแนน หมายถึง ผู้เรยี นมีพฤติกรรมในระดบั ปานกลาง

1 คะแนน หมายถงึ ผเู้ รียนมีพฤตกิ รรมในระดับปรับปรงุ

ชื่อ-สกลุ รายการประเมนิ คะแนน รอ้ ย สรุปผลการ

ความใสใ่ จ การเสนอ ความ การยอมรบั รวม ละ ประเมิน

เลข ่ที ในการ ความ รว่ มมอื ใน ฟังคนอน่ื

ทำงาน คิดเหน็ การทำงาน

3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผ่าน ไม่
ผ่าน

1 นายณัฐนนทส์ ุธรรมฤทธิ์

2 นายระพีธาดา วงศค์ ุลี

3 นายจกั รกฤษ สีลาแดง

4 นายจักรภัทร จันทร์แก้ว

5 นายนรภทั ร ศรที อง

6 นายปรัชญา ใจบญุ

7 นายประสทิ ธชิ ัย อามาตย์

สมบตั ิ

8 นายจักรภทั ร สขุ ณรงค์

9 นายฉัตรดนยั สุภา

10 นายณัฐพล จันทฤาชา

11 นายณัฐวศั พนมธรี -
เกยี รติ

12 นายถริ ะวฒั น์ แตงเอ่ียม

118

13 นายทธั ดนัย สแตนลีย์

14 นายธรี ตั เดช น้อยมนตรี

15 นายนันทวฒุ ิ สุขเกิด

ชอ่ื -สกลุ รายการประเมิน คะแนน ร้อย สรุปผลการ
การยอมรบั รวม ละ ประเมิน
เลขท่ี ความใสใ่ จ การเสนอ ความ ฟังคนอ่ืน
ในการ ความ รว่ มมือใน
ทำงาน คดิ เหน็ การทำงาน

3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผา่ น ไม่
ผา่ น

16 นายนันทศร หไู ธสง

17 นายวชริ วิชญ์ พันพินิจ

18 นายวรี ภทั ร ครศู รี

19 นายสริ วิชญ์ สัมฤทธ์ิ

20 น.ส.ปยิ ธิดา อ้มวิชา

21 น.ส.จีระนันท์ เเหลย้ งั

22 น.ส.ปนัดดา คนดี

23 น.ส.จุฑารัตน์ คำเดช

24 น.ส.ชยธดิ า สงวนพร

25 น.ส.ณัฐกฤตา หาญโก-
กรวด

26 น.ส.ตติยา อุประโคตร

27 น.ส.ธิดารัตน์ ตอ้ นโสกี

28 น.ส.นครนิ ทร์ สารโี ท

29 น.ส.นภสั สร สำราญบุญ

30 น.ส.ปนัดดา วรรณบูลย์

31 น.ส.ปิน่ ภทั รา ชนิ คำ

32 น.ส.ปุณยาพร ทองไชย

33 น.ส.พชิ ญน์ าฏ ขนั ธวิชยั

34 น.ส.พิมพร ละดาดาษ

119

35 น.ส.ภทั รภรณ์ สายสขุ
36 น.ส.มณฑาทิพย์ ใจสขุ

ชอื่ -สกุล รายการประเมิน คะแนน รอ้ ย สรุปผลการ
การยอมรบั รวม ละ ประเมิน
เลขท่ี ความใสใ่ จ การเสนอ ความ ฟังคนอนื่
ในการ ความ ร่วมมือใน
ทำงาน คิดเหน็ การทำงาน

3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผ่าน ไม่
ผ่าน

37 น.ส.ณฏั ฐธิดา อปุ ะทะ

38 น.ส.รุจี บตุ รนนท์

39 น.ส.วิภวานี แสนโสภา

40 น.ส.สริ ิกัญญา บุตรนอ้ ย

41 น.ส.สกุ ฤตา บรรเรือง-
ทอง

42 น.ส.นันทพิ ร โอนากุล

เกณฑ์การประเมนิ
รอ้ ยละ 75 ข้ึนไป ( 9 - 12 คะแนน) ผ่านเกณฑ์
นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ 75 ( 0 – 8 คะแนน ) ไม่ผา่ นเกณฑ์

ลงชื่อ ........................................................ ผูส้ อน
(นางสาวสุภาวณิ ี เพม่ิ ทอง)

วนั ท่ี ............ เดือน ........................ พ.ศ..............

120

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน

ประเด็นทป่ี ระเมนิ เกณฑ์การให้คะแนน

321

ความใสใ่ จในการ เมื่อเกิดปัญหาหรือไม่ ส่ว น ใหญ ่เมื่อเกิด เมื่อเกิดปัญหาหรือไม่

ทำงาน เข้าใจบทเรียนทุกคร้ัง ปัญหาหรือไม่เข้าใจ เข้าใจบทเรียนทุกคร้ัง

มักซักถามและมีความ บทเรียนทุกครั้งมัก มักซักถามและมีความ

พยายามในการค้นหา ซักถามและมีความ พยายามในการค้นหา

คำตอบอยู่เสมอ พยายามในการค้นหา คำตอบเปน็ บางคร้ัง

คำตอบ

การเสนอความคดิ เหน็ ส ่ ว น ใ ห ญ ่ เ ส น อ เสนอความคิดเห็น ไม่เสนอความคิดเห็น

ความคิดเห็น กล้า กล้าแสดงออกที่จะพูด กล้าแสดงออกที่จะพูด

แสดงออกที่จะพูดใน ใน สิ่ง ที่ถูก หร ือ ดี ในสิง่ ที่ถกู หรอื ดี

ส่งิ ทีถ่ ูกหรอื ดี บางครั้ง

ความรว่ มมือในการ ใหค้ วามร่วมมอื ในการ ส่วนใหญ่ให้ค ว าม ใหค้ วามร่วมมอื ในการ

ทำงาน ทำงานกลมุ่ และ ร่วมมือในการทำงาน ทำงานกลุ่มและ

ปฏบิ ัตงิ านทีส่ มาชิกใน กลุ่มและปฏิบัติงานที่ ปฏิบตั งิ านที่สมาชิกใน

กลมุ่ มอบหมายดว้ ย ส ม า ช ิ ก ใ น ก ลุ่ ม กลุ่มมอบหมายได้เป็น

ความเต็มใจทกุ ครั้ง มอบหมายได้ บางคร้ัง

การยอมรับฟังคนอ่นื ย อ ม ร ั บ ฟ ั ง ค ว า ม ย อ ม ร ั บ ฟ ั ง ค ว า ม ไม่ยอมรับฟังความ

คิดเห็น ที่ดีและ มี คิดเห็น ที่ดีและ มี คิดเห็น ที่ดีและ มี

เหตุผลของผู้อื่นทุก เหตุผลของผู้อื่นบ้าง เหตุผลของผู้อื่น มัก

ค ร ั ้ ง ไ ม ่ ย ึ ด ค ว า ม แต่บาง คร ั้ง จะ ยึ ด ยึดความคิดเห็นของ

คิดเห็นของตนแต่ฝ่าย ความคิดเห็นของตน ตนแต่ฝ่ายเดียว

เดียว

121

แบบประเมินการนำเสนอผลงาน

ช่อื กลมุ่ ...............................................................................................................ชั้น............................

รายช่ือสมาชิก 1. .............................................................................................เลขที่...........................

2. .............................................................................................เลขท.ี่ ..........................

3. .............................................................................................เลขที่...........................

4. .............................................................................................เลขที่...........................

5. .............................................................................................เลขท.่ี ..........................

6. .............................................................................................เลขที่...........................

คำช้ีแจง จงทำเคร่ืองหมาย  ลงในชอ่ งทีต่ รงกบั พฤตกิ รรมที่ผูเ้ รยี นแสดงออก โดยจำแนกระดบั

พฤติกรรมการแสดงออกไว้เปน็ 3 คะแนน ดังน้ี

3 คะแนน หมายถงึ ผเู้ รียนมพี ฤติกรรมการแสดงออกอยา่ งสมำ่ เสมอ

2 คะแนน หมายถึง ผู้เรยี นมีพฤตกิ รรมการแสดงออกเป็นคร้งั คราว

1 คะแนน หมายถงึ ผู้เรยี นมีพฤตกิ รรมการแสดงออกนอ้ ยครงั้

ท่ี รายการประเมิน คะแนน ขอ้ คิดเหน็

32 1

1 การเตรยี มความพรอ้ ม

2 เนอื้ หาสาระครอบคลมุ ชดั เจน

3 ความถูกตอ้ งของเนือ้ หา

4 การมีส่วนรว่ มของสมาชกิ ใน

กล่มุ

5 รูปแบบการนำเสนอ

รวม

เกณฑ์การประเมิน
รอ้ ยละ 75 ข้นึ ไป ( 11 - 15 คะแนน) ผา่ นเกณฑ์
นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ 75 ( 0 – 10 คะแนน ) ไม่ผ่านเกณฑ์

122

ลงชอ่ื ........................................................ ผูส้ อน
(นางสาวสุภาวณิ ี เพิ่มทอง)

วนั ท่ี ............ เดือน ........................ พ.ศ..............

เกณฑ์การให้คะแนน

ประเด็นทีป่ ระเมิน เกณฑ์การให้คะแนน

321

การเตรียมความพร้อม ดำเนินการตามแผนที่ ดำเนินการตามแผนที่ ไม่สามารถดำเนินการ

วางไว้ ใช้อุปกรณ์และ วางไว้ ใช้อุปกรณ์และ ตามแผนทว่ี างไว้

สื่อประกอบได้ถูกต้อง สื่อประกอบได้ถูกต้อง

คล่องแคล่ว และเสร็จ แต่ไมค่ ลอ่ งแคลว่

ทนั เวลา

เนื้อหาสาระ เน ื้อหาถูก ต้อง มี เน ื้อ หาถูก ต้อง มี เนื้อหาถูกต้องแต่ให้

ครอบคลมุ ชดั เจน สาระสำคัญครบถ้วน สาระสำคัญ แต่ยังไม่ สาระสำคัญน้อยมาก

และระบุแหล่งที่มา ครบถ้วน มีการระบุ และไม่ระบุแหล่งที่มา

ของความร้ชู ดั เจน แหลง่ ทีม่ าของความรู้ ของความรู้

ความถกู ตอ้ งของ เนือ้ หาสาระถูกต้อง ส่วนใหญ่เนื้อหาสาระ เนอ้ื หาสาระไมถ่ กู ต้อง
เนอ้ื หา
ครบถว้ น ถกู ตอ้ ง
การมสี ว่ นร่วมของ
สมาชกิ ในกลุ่ม มีสว่ นรว่ มสม่ำเสมอ มีส่วนรว่ มบางครง้ั มีส่วนร่วมน้อยครั้ง/

รูปแบบการนำเสนอ ขาดการมีส่วนร่วม

มีรูปแบบน่าสนใจ มี ร ู ป แ บ บ มี ไม่มีรูปแบบน่าสนใจ

ค ว า ม ส ั ม พ ั น ธ ์ กั บ ค ว า ม ส ั ม พ ั น ธ ์ กั บ มีความสัมพันธ์กับ

ห ั ว ข ้ อ ท ี ่ ก ำ ห น ด หัวข้อที่กำหนด แต่ไม่ หัวข้อที่กำหนดน้อย

ระบายสไี ด้สวยงาม ดึงดดู ความสนใจ มาก

123

124

125

ใบงานที่ 5
เรอ่ื ง การกลายระดับยนี จากการแทน่ ทค่ี เู่ บส

คำช้ีแจง : ตอบคำถามเก่ียวกับการกลายจากการแทนท่ีคเู่ บส

กำหนดให้ DNA ปกติ มลี ำดับเบส ดงั น้ี
5’ GTAGGTTGCCGTCAATGGCTAAGGTTTCTCAGTCCATTGGAACCTTAACTTGCA 3’

จงตอบคำถามต่อไปน้ี
1. หากเบส G ในตำแหนง่ ที่ 17 ถกู แทนที่ดว้ ยเบส A จดั เปน็ การกลายรูปแบบใด และมกี ารเปลยี่ นแปลงของ
กรดอะมิโนในสายพอลิเพปไทด์อย่างไร (ไมค่ ำนึงถงึ รหัสเร่ิมตน้ )
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
2. หากเบส C ในตำแหนง่ ที่ 30 ถกู แทนที่ดว้ ยเบส T จัดเป็นการกลายรปู แบบใด และมีการเปลีย่ นแปลงของ
กรดอะมิโนในสายพอลเิ พปไทด์อย่างไร (ไม่คำนงึ ถึงรหัสเร่ิมตน้ )
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
3......ห...า.ก...เ.บ...ส....G...ใ..น..ต...ำ..แ..ห...น..่ง..ท...่ี .4...0...ถ..ูก...แ..ท...น..ท...ด่ี..้ว..ย...เ.บ...ส....A...จ...ัด..เ.ป...็น..ก...า..ร..ก..ล..า..ย...ร..ูป..แ...บ..บ...ใ.ด....แ...ล..ะ..ม...กี ..า..ร..เ.ป...ล..ย่ี...น..แ...ป..ล...ง.ข...อ..ง..
กรดอะมิโนในสายพอลเิ พปไทดอ์ ยา่ งไร (ไม่คำนึงถึงรหัสเรม่ิ ตน้ )
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................

126

ชื่อ....................................................................................................เลขท.ี่ ..................หอ้ ง.....................

ใบงานที่ 6
เรือ่ ง การกลายระดบั ยนี จากจากการเพม่ิ ขึ้นหรือขาดหายของนิวคลีโอไทด์

คำช้ีแจง : ตอบคำถามเกี่ยวกับการกลายจากการเพิม่ ขึน้ หรอื ขาดหายของนิวคลีโอไทด์
กำหนดให้ DNA ปกติ มลี ำดบั เบส ดังนี้

3’ GTAGGTTGCCGTCAATGGCTAAGGTTTCTCAGTCCATTGGTTCCTTAACTT 5’
จงตอบคำถามตอ่ ไปนี้
1. หากมีการเพ่ิมข้นึ ของเบส C ระหว่างนิวคลีโอไทด์ตำแหนง่ ที่ 5 และ 6 (จากด้าน 3’ ของสาย DNA ปกติ)
จะมีการเปล่ียนแปลงของกรดอะมโิ นในสายพอลเิ พปไทดอ์ ย่างไร (ไม่คำนึงถึงรหสั เรม่ิ ตน้ )
...........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
2. หากมีการเพิ่มขึ้นของเบส G ระหว่างนิวคลีโอไทดต์ ำแหนง่ ที่ 24 (จากด้าน 3’ ของสาย DNA ปกติ) จะมี
การเปลี่ยนแปลงของกรดอะมิโนในสายพอลเิ พปไทดอ์ ย่างไร (ไมค่ ำนงึ ถงึ รหัสเร่ิมต้น)
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
3. หากมีการเพิ่มขึ้นของเบส A ระหว่างนิวคลีโอไทด์ตำแหน่งที่ 11 และ 12 (จากด้าน 3’ ของสาย DNA
ปกติ) และการลดลงของเบส C ในวคลีโอไทด์ตำแหน่งที่ 28 (จากด้าน 3’ ของสาย DNA ปกติ)จะมีการ
เปลยี่ นแปลงของกรดอะมิโนในสายพอลิเพปไทด์อยา่ งไร (ไม่คำนงึ ถึงรหสั เร่มิ ตน้ )
...........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................

127

ช่อื ....................................................................................................เลขท่.ี ..................ห้อง.....................

เฉลยใบงานที่ 5
เรือ่ ง การกลายระดับยนี จากการแทน่ ทค่ี ู่เบส

คำชแ้ี จง : ตอบคำถามเกี่ยวกบั การกลายจากการแทนทค่ี เู่ บส

กำหนดให้ DNA ปกติ มีลำดบั เบส ดังน้ี
3’ GTAGGTTGCCGTCAATGGCTAAGGTTTCTCAGTCCATTGGTTCCTTAACTT 5’

จงตอบคำถามตอ่ ไปนี้

1. หากเบส G ในตำแหนง่ ที่ 17 ถูกแทนท่ีด้วยเบส A จดั เปน็ การกลายรปู แบบใด และมกี ารเปล่ียนแปลงของ
กรดอะมิโนในสายพอลเิ พปไทดอ์ ย่างไร (ไมค่ ำนงึ ถึงรหัสเรม่ิ ต้น)
.D..N...A....ส..า..ย..ใ..ห..ม...่ .:..3...’...G..T..A...G..G...T..T...G..C...C..G...T..C...A..A...T..A..G...C..T...A..A..G...G...T..T..T...C..T..C...A..G...T..C...C..A...T..T..G...G...T..T..C...C..T...T..A..A...C..T...T.....5..’.........
.m...R...N..A...............:..5..’...C...A..U...C...C..A..A...C..G...G...C..A...G..U...U...A..U...C...G..A...U...U..C...C..A...A..A...G..A...G..U...C...A..G...G..U...A...A..C...C..A...A..G...G...A..A..U...U...G...A..A....3..’....
.พ...อ..ล..เิ.พ...ป...ไ.ท...ด..์...:..H...i.s.-..P..r.o...-.T..h...r.-.A...l.a..-..V..a..l.-..Il..e..-.A..s..p...-.S..e..r..-.L..y..s..-.G...l.u...-.S..e..r..-.G...l.y..-.A...s..n..-.G...l.n...-.G..l..y..-.I.l.e...-.G..l..u..........................
.ก..ร..ด...อ..ะ..ม...ิโ..น..ต...ำ..แ..ห...น..่ง..ท...ี่ .5....จ..ะ..เ..ป..ล...ี่ย..น...จ..า..ก..ท...ร..ีโ..อ..น...ีน....(.T..h..r..)..เ..ป..็น...ไ.อ...โ.ซ...ล..ิว..ซ...นี ...(..I.l.e..)...เ.ร..ีย...ก..ว..่า....ก..า..ร..ก...ล..า..ย..แ...บ..บ...เ.ป...ล..ี.่ย..น..
.ร..ห..สั.....................................................................................................................................................................
2. หากเบส C ในตำแหนง่ ท่ี 30 ถูกแทนทีด่ ว้ ยเบส T จัดเป็นการกลายรปู แบบใด และมกี ารเปลี่ยนแปลงของ
กรดอะมิโนในสายพอลิเพปไทด์อย่างไร (ไม่คำนงึ ถึงรหสั เริ่มต้น)
...D..N...A....ส..า..ย..ใ..ห...ม..่ .:...3..’...G..T...A..G...G..T...T..G...C..C...G..T...C..A...A..T..G...G...C..T..A...A..G...G...T..T..T...C..T..T...A..G...T..C...C..A...T..T..G...G...T..T..C...C..T...T..A..A...C..T...T.....5..’.......
...m....R..N..A...............:..5..’...C...A..U...C...C..A...A..C...G..G...C..A...G..U...U...A...C..C...G..A...U...U..C...C..A...A..A...G..A...A..U...C...A..G...G..U...A...A..C...C..A...A..G...G..A...A..U...U...G...A..A....3..’...
...พ...อ..ล..เิ..พ..ป...ไ.ท...ด..์...:..H...i.s..-.P..r..o..-..T..h..r..-.A..l..a..-.V..a...l.-.I.l.e...-.A..s..p...-.S..e..r..-.L..y..s..-.G...l.u...-.S..e..r..-.G...l.y..-.A...s..n..-.G...l.n..-..G..l..y..-.I.l.e..-..G..l..u........................
...ก..ร..ด...อ..ะ..ม...ิโ.น...ต..ำ..แ..ห...น...ง่ .ท...ี่.1...0...ไ..ม..ม่...ีก..า..ร..เ.ป...ล..่ยี..น...แ..ป...ล..ง...เ..ร..ยี ..ก..ว..า่....ก..า..ร..ก..ล...า..ย..แ..บ...บ..เ..ง.ีย...บ...................................................
...........................................................................................................................................................................
3. หากเบส G ในตำแหนง่ ที่ 40 ถูกแทนทดี่ ้วยเบส A จดั เปน็ การกลายรปู แบบใด และมกี ารเปลีย่ นแปลงของ
กรดอะมโิ นในสายพอลิเพปไทดอ์ ยา่ งไร (ไมค่ ำนงึ ถงึ รหัสเริม่ ตน้ )
.D...N..A....ส..า..ย...ใ.ห...ม..่.:...3..’...G..T...A..G...G..T...T..G..C...C...G..T..C...A..A...T..G...G..C...T..A..A...G..G...T..T...T..C..T...C..A...G..T...C..C...A..T..T...G..A...T..T..C...C...T..T..A...A..C...T..T.....5..’.........
.m....R..N...A..............:..5..’...C...A..U...C...C..A...A..C..G...G...C..A...G..U...U...A..C...C..G...A..U...U...C..C...A..A...A..G...A..G...U...C..A...G..G...U...A..A...C..T...A..A...G..G...A..A...U...U..G...A..A....3..’.....
.พ...อ..ล..เิ..พ..ป...ไ..ท..ด..์...:..H...i.s..-.P...r.o..-..T..h..r..-.A..l..a..-.V..a...l.-.I.l.e..-..A..s..p..-..S..e..r.-..L..y..s..-.G...l.u..-.S...e..r.-..G..l.y..-..A..s..n......................................................
.ก..ร..ด...อ..ะ..ม...ิโ.น...ต..ำ..แ..ห...น...ง่ .ท...ี่.5....จ..ะ..เ.ป...ล..ีย่...น..ก..ล...ูต..า..ม..นี....(..G..l.n...)..เ..ป..น็...ร..ห..สั...ห..ย..ดุ....(.U...A...A..)...เ.ร..ีย..ก..ว...า่ ...ก..า..ร..ก..ล...า..ย..เ.ป...็น..ร..ห...ัส..ห...ย..ุด..........
..........................................................................................................................................................................

128

เฉลยใบงานที่ 6
เรอ่ื ง การกลายระดบั ยนี จากจากการเพ่ิมขึน้ หรือขาดหายของนวิ คลโี อไทด์

คำชแ้ี จง : ตอบคำถามเก่ียวกบั การกลายจากการเพิม่ ข้ึนหรอื ขาดหายของนิวคลโี อไทด์

กำหนดให้ DNA ปกติ มีลำดบั เบส ดงั นี้
3’ GTAGGTTGCCGTCAATGGCTAAGGTTTCTCAGTCCATTGGTTCCTTAACTT 5’

จงตอบคำถามตอ่ ไปนี้
1. หากมีการเพ่มิ ข้ึนของเบส C ระหว่างนิวคลีโอไทด์ตำแหนง่ ท่ี 5 และ 6 (จากด้าน 3’ ของสาย DNA ปกติ)
จะมีการเปลี่ยนแปลงของกรดอะมิโนในสายพอลเิ พปไทด์อย่างไร (ไมค่ ำนึงถึงรหัสเรม่ิ ต้น)
..D...N..A....ส..า..ย..ใ..ห..ม...่ .:...3..’...G..T..A...G..G...C...T..T..G...C..C...G..T...C..A...A..T..G...G...C..T..A...A..G...G..T...T..T..C...T..C...A..G...T..C..C...A..T...T..G...G..T...T..C..C...T..T...A..A...C..T..T.....5...’.....
..m....R..N..A...............:..5..’...C...A..U...C..C...G...A..A..C...G..G...C...A..G...U..U...A...C..C...G..A...U..U...C...C..A...A..A...G..T...G..U...C...A..G...G..U...A...A..C...C..A...A..G...G..A...A..U...U...G...A..A....3..’.
..พ...อ..ล..เิ..พ..ป...ไ.ท...ด..์...:..H...i.s..-.P..r.o...-.A...s.n...-.G...l.y..-.S..e...r.-.T...y..r.-.A...r.g..-.P...h..e..-..G..l.u...-.A..g..n...-.V..a...l.-.A..g..n...-.S..t..o..p................................................
..ก..ร..ด...อ..ะ..ม...ิโ.น...ต..ำ..แ..ห...น..ง่..ท...ี่ ..3...จ..ะ..เ..ป..ล...่ีย..น..จ...า..ก..ท...ร..โี .อ..น...นี....เ.ป...็น...แ..อ..ส...พ..า..ร..า..จ..นี.....ร..ว..ม..ถ..ึง..ก...ร..ด..อ..ะ...ม..โิ..น..ใ..น..ล...ำ..ด..ับ...ถ..ดั..ไ..ป.....แ..ล..ะ...จ..ะ.
..เ.จ..อ...ร..ห..ัส...ห..ย..ุด...ก..า..ร..ส..ัง..เ.ค...ร..า..ะ..ห..์เ..ร..็ว..ก..ว..า่ ...D...N...A....ส..า..ย..ป...ก..ต..ิ. .........................................................................................
2. หากมีการเพ่ิมขึ้นของเบส G ระหว่างนิวคลีโอไทดต์ ำแหนง่ ท่ี 24 (จากด้าน 3’ ของสาย DNA ปกติ) จะมี
การเปล่ยี นแปลงของกรดอะมิโนในสายพอลเิ พปไทด์อยา่ งไร (ไมค่ ำนึงถึงรหสั เร่มิ ต้น)
.D...N...A...ส...า..ย..ใ.ห...ม..่..:..3..’...G...T..A..G...G...T..T..G...C..C...G..T...C..A...A..T..G...G...C..T..A...A..G...T..T..T...C..T..C...A..G...T..C...C..A...T..T..G...G...T..T..C...C..T...T..A..A...C..T...T...5...’............
.m....R..N...A..............:...5..’...C..A...U..C...C..A...A..C...G..G...C...A..G...U..U...A...C..C...G..A...U...U..C...A..A...A..G...A..G...U...C..A...G..G...U...A..A...C..C...A..A...G..G...A..A...U...U..G...A...A...3...’......
.พ...อ...ล..ิเ.พ...ป..ไ..ท...ด..์ ..:...H..i.s..-.P...r.o..-..T..h..r..-.A...l.a..-.V...a..l.-.T..h...r.-.A...s..p..-.S...e..r.-.L..y...s.-..S..e..r.-..G..l..n..-.V...a..l.-.T...h..r.-..L..y..s..-.G...l.u..-..P..h..e..............................
.ก...ร..ด..อ...ะ..ม..ิโ..น..ต...ำ..แ..ห..น...่ง..ท..ี่..1..0...จ...ะ..เ.ป...ล..ยี่ ..น...จ..า..ก..ก...ร..ด..ก..ล...ตู ..า..ม..กิ....เ.ป...็น..ซ...รี ..นี ....ร..ว..ม..ถ..ึง..ก...ร..ด..อ..ะ...ม..ิโ..น..ใ..น..ล...ำ.ด...ับ..ถ...ดั ..ไ..ป.....................
..........................................................................................................................................................................
3. หากมีการเพิ่มขึ้นของเบส A ระหว่างนิวคลีโอไทด์ตำแหน่งที่ 11 และ 12 (จากด้าน 3’ ของสาย DNA
ปกติ) และการลดลงของเบส C ในวคลีโอไทด์ตำแหน่งที่ 28 (จากด้าน 3’ ของสาย DNA ปกติ)จะมีการ
เปล่ยี นแปลงของกรดอะมิโนในสายพอลิเพปไทดอ์ ยา่ งไร (ไม่คำนึงถงึ รหัสเร่ิมต้น)
D...N...A...ส...า..ย..ใ.ห...ม..่..:..3..’...G...T..A...G..G...T..T...G..C...C..G...A..T...C..A...A..T..G...G...C..T...A..A...G..G...T..T..T...T..C...A..G...T..C...C..A...T..T..G...G..T...T..C...C..T..T...A..A...C..T....5..’.............
m....R..N...A..............:..5...’..C...A..U...C...C..A...A..C...G..G...C..U...A...G..U...U...A..C...C..G...A..U...U...C..C...A..A...A..A...G...U..C...A..G...G...U..A...A..C...C...A..A..G...G...A..A...U...U..G...A..A....3..’.....
พ...อ..ล...ิเ.พ...ป..ไ..ท..ด...์ ..:...H..i.s..-.P..r..o..-..T..h..r..-.A..l..n..-.S..e...r.-.T...h..y..-.A...r.g..-.P...h..e..–..G...l.n...-.L..y..s..-.S..e...r.-.G...l.y..-.A...s..n..-.G...l.y..-..I.l.e..-.G...l.u...............................
ก...ร..ด..อ..ะ...ม..ิโ..น..ต...ำ.แ...ห..น...่ง..ท...ี่ .5...จ...ะ..เ.ป...ล..ย่ี..น...จ..า..ก..ว..า..ล...นี ....เ.ป..น็...ซ..รี..ีน....ร..ว..ม...ถ..งึ..ก..ร..ด...อ..ะ..ม...โิ.น...ใ.น...ล..ำ..ด...บั ..ถ...ัด..ไ.ป.....................................
..........................................................................................................................................................................


Click to View FlipBook Version