329
คำถาม
1. โรงงานใดมีการปลอมปนหอยเชลล์มากสปีชีส์ที่สุด และมีหอยเชลล์ที่ไม่ใช่สปีชีส์ A กี่ชนิด
อะไรบา้ ง และทราบได้อย่างไร
ตอบ โรงงาน Y มีการปลอมปนหอยเชลล์มากสปีชีส์ที่สุด และมีหอยเชลล์ที่ไม่ใช่สปีชีส์ A
3 ชนิด คือ สปีชีส์ B C และ D ทราบได้จากขนาดของแถบ DNA ที่ปรากฏซึ่งมีขนาด
เท่ากับตัวอย่างของท้งั สปีชสี ์ B C และ D ในแผนภาพท่ี 1
2. ถ้านักเรียนทำงานอยู่บริษัทนำเข้าและส่งออกอาหารทะเลและต้องการหาซื้อหอยเชลล์
สปชี ีส์ A เพอื่ สง่ ขายทั่วโลก จะซอื้ หอยเชลลจ์ ากโรงงาน X Y และ Z หรอื ไม่ เพราะเหตุใด
ตอบ ไม่ซื้อ เพราะมีการปลอมปนหอยเชลล์แช่แข็งที่ติดฉลากว่าเป็นสปีชีส์ A ด้วยหอยเชลล์
สปีชีส์อื่น ๆ ถ้าประเทศที่ส่งไปขายตรวจพบว่ามีการปลอมปน ก็จะส่งสินค้ากลับและ
ไมไ่ ด้รับความเชือ่ ถอื
ชอื่ ....................................................................................................เลขท่.ี ..................หอ้ ง.....................
330
แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ 14
กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4
12 ช่ัวโมง
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 6 เรอ่ื ง เทคโนโลยีทางดเี อ็นเอ 3 ช่วั โมง
เรอื่ ง การประยุกต์ใชเ้ ทคโนโลยีทางดเี อน็ เอ ภาคเรียนท่ี 2/2564
ครผู สู้ อน นางสาวสภุ าวิณี เพิ่มทอง
ผลการเรียนร้แู ละสาระการเรียนรู้เพิม่ เตมิ
สาระชีววิทยา 2. เข้าใจการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม สมบัติ
และหน้าที่ของสารพันธุกรรม การเกิดมิวเทชัน เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ หลักฐาน ข้อมูล และแนวคิด
เกี่ยวกับวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต ภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก การเกิดสปีชีส์ใหม่ ความ
หลากหลายทางชีวภาพ กำเนดิ ของสิ่งมีชวี ิต ความหลากหลายของสง่ิ มีชวี ติ และอนกุ รมวธิ าน รวมท้ัง
นำความรูไ้ ปใช้ประโยชน์
ชัน้ ผลการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้เพิม่ เติม
ม.4 สืบค้นข้อมูล ยกตัวอย่าง และ เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ใน
อภิปรายการนำเทคโนโลยที างดีเอน็ ดา้ นต่าง ๆ เช่น ส่ิงแวดล้อม นิติวทิ ยาศาสตร์การแพทย์
เอไปประยุกต์ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม การเกษตร และอตุ สาหกรรม โดยการใชเ้ ทคโนโลยีทาง
น ิติว ิทยาศา ส ตร ์ ก าร แพ ท ย์ ดเี อน็ เอตอ้ งคำนึงถึงความปลอดภยั ทางชีวภาพ ชีวจริย
การเกษตร และอุตสาหกรรม และ ธรรม และผลกระทบต่อสังคม
ข้อควรคำนึงถึงด้านชวี จริยธรรม
1. กำหนดเปา้ หมายของการจัดการเรียนรู้
1.1 สาระการเรียนรู้/เนื้อหาการเรียนรู้
เร่อื ง การประยุกต์ใชเ้ ทคโนโลยีทางดเี อ็นเอ
1) การประยุกต์ใช้เทคโนโลยที างดีเอ็นเอด้านการแพทย์และเภสัชกรรม
2) การประยกุ ตใ์ ช้เทคโนโลยที างดีเอน็ เอด้านการเกษตรและอุตสาหกรรม
3) การประยกุ ต์ใชเ้ ทคโนโลยีทางดเี อน็ เอดา้ นนิติวทิ ยาศาสตร์
331
1.2 สาระสำคญั /ความคิดรวบยอดของเร่ืองทีเ่ ขียน
เทคโนโลยีทางดีเอน็ เอ สามารถนำไปประยกุ ต์ใชใ้ นด้านการแพทย์ในการวนิ ิจฉยั โรค และใช้
ในการสร้างผลิตภัณฑ์ทางเภสัชกรรม การประยุกต์ในด้านการเกษตรในการสร้างพืชหรือสัตว์ที่มี
สมบัติตามต้องการ รวมทั้งประยุกต์ใช้ในด้านอุตสาหกรรมและสิ่งแวดล้อม ในด้านนิติวิทยาศาสตร์
สามารถใช้ลายพิมพ์ดีเอ็นเอในการพิสูจน์ตัวบุคคลและหาความสัมพันธท์ างสายเลือด อย่างไรก็ตาม
การใชเ้ ทคโนโลยที างดเี อน็ เอต้องคำนึงถึงความปลอดภยั ทางชวี ภาพและชีวจรยิ ธรรม
1.3 จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้: เม่อื ผเู้ รยี นจบกจิ กรรมการเรยี นรู้ ผเู้ รยี นสามารถ
ดา้ นความรู้ (K: Knowledge) ยกตวั อยา่ ง และอธบิ ายการใช้เทคโนโลยีทางดี
เอน็ เอในการสร้างผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ การ
วินจิ ฉัยหรือการตรวจกรองโรค และการรักษาได้
ด้านทักษะกระบวนการ (P: Process) สืบค้นข้อมูลและยกตัวอย่างการใช้เทคโนโลยี
ทางดีเอ็นเอสำหรับการปรับปรุงพันธุ์สิ่งมีชีวิต
เพื่อใช้ประโยชน์ทางด้านการเกษตร
อุตสาหกรรม และสงิ่ แวดล้อมได้
ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A: Attribute) ทำงานร่วมกับผ้อู ื่น, รบั ผิดชอบต่อการทำงาน,
แสดงคงามคดิ เห็น, นำเสนอผลงานหนา้ ช้ันเรยี น
ได้
ดา้ นทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
(Sc.P: Science Process Skill)
การสงั เกต การลงความเห็นจากขอ้ มลู
การวัด การกำหนดและควบคุมตัวแปร
การคำนวณ/การใช้ตวั เลข การกำหนดนิยามเชิงปฏิบตั กิ าร
การจำแนกประเภท การต้งั สมมตฐิ าน
การจัดกระทำและสือ่ ความหมายขอ้ มลู การทดลอง
การหาความสัมพันธ์ระหวา่ งสเปสกบั สเปส การตคี วามหมายขอ้ มลู และลงข้อสรปุ
และสเปสกบั เวลา การสรา้ งแบบจำลอง
การพยากรณ์/การทำนาย
332
2. การจัดกิจกรรมการเรียนรแู้ บบ 5E
2.1 ข้ันสรา้ งความสนใจ (Engagement)
2.1.1 ครูนำนักเรียนเข้าสู่บทเรียนโดยทบทวนการทำงานของยีนที่ควบคุมการสังเคราะห์
โปรตนี ซง่ึ นำไปสู่ฟโี นไทป์ของสิง่ มชี วี ติ และตั้งคำถามเพอ่ื นำเขา้ สู่การอภิปราย ดงั น้ี
ถ้ายีนเปลี่ยนแปลงไป จะมีผลต่อลักษณะของสิ่งมีชีวิตอย่างไร (แนวคำตอบ: ถ้ายีน
เปลย่ี นแปลงไปและมีผลให้โปรตนี เปลี่ยนแปลงไป จะมีผลตอ่ ลักษณะของสิง่ มีชีวิตนัน้ ๆ ได้ ถ้าทราบ
วา่ ลกั ษณะทีเ่ ปลี่ยนแปลงไปเปน็ ผลมาจากการเปลี่ยนแปลงที่โปรตนี ใด ยนี ใด จะทำให้ทราบถึงหน้าท่ี
ของยีนน้ัน ๆ ได้ ดงั นั้นถ้านกั เรียนต้องการทราบหน้าท่ีของยีนใด อาจทำได้โดยทำใหเ้ กิดมวิ เทชันท่ียีน
นั้นแล้วศึกษาจากฟีโนไทปข์ องสิ่งมชี ีวิตท่เี ปลยี่ นแปลงไป)
2.1.2 ครูนำเขา้ สู่บทเรียนโดยอาจยกตวั อย่างการปรับปรงุ พนั ธ์ุข้าวแบบดง้ั เดิม ซึ่งต้องใช้การ
ผสมระหว่างพันธุ์ปลูกเพื่อการค้ากับพันธุ์ที่มีลักษณะที่ต้องการหลาย ๆ รุ่น และใช้เวลาในการ
ตรวจสอบลักษณะในแต่ละรุ่นนานเนื่องจากต้องรอใหต้ ้นข้าวแสดงลกั ษณะท่ีต้องการตรวจสอบกอ่ น
เช่น ความเหนียวของเมล็ดข้าวหุงสุก ความหอมของเมล็ดข้าว ปริมาณผลผลิต ความสูงของต้นการ
ต้านทานโรค การทนเค็ม
2.2 ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration)
2.2.1 แบ่งนกั เรยี นออกเป็นกล่มุ กลมุ่ ละ 5-6 คน คละความสามารถ เก่ง ปานกลาง อ่อน
2.2.2 ให้นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มศึกษาและร่วมกนั อภิปรายภายในกลุ่มในหนงั สือเรยี นชวี วิทยา 2
หน้า 133 – 151 โดยแบ่งกลุ่มดังตอ่ ไปนี้
กล่มุ ที่ 1 การประยุกตใ์ ชเ้ ทคโนโลยที างดเี อ็นเอด้านการแพทย์และเภสชั กรรม
กลมุ่ ที่ 2 การประยกุ ต์ใช้เทคโนโลยีทางดีเอน็ เอดา้ นการเกษตรและอุตสาหกรรม
กลมุ่ ที่ 3 การประยกุ ต์ใชเ้ ทคโนโลยที างดเี อ็นเอด้านนิตวิ ทิ ยาศาสตร์
2.2.3 ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลของกิจกรรมและองค์ความรู้ที่สรุปได้จาก
การศกึ ษาในหนังสือเรยี นชวี วิทยา 2 เพอื่ นำเสนอหน้าชน้ั เรยี น
333
2.3 ขนั้ อธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation)
2.3.1 ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ออกมานำเสนอผลของกิจกรรมและองค์ความรู้ท่ีสรุปได้ หน้าช้ัน
เรยี น
2.3.2 ครูและนักเรียนร่วมกนั อภปิ รายผลของกิจกรรม และนำสรปุ องคค์ วามรู้ ดงั นี้
1) การประยุกต์ใชเ้ ทคโนโลยที างดเี อ็นเอด้านการแพทย์และเภสัชกรรม
ขนั้ ตอนการสร้างแบคทเี รียดดั แปรพันธกุ รรมทม่ี ียนี ทค่ี วบคุมการผลติ อินซลู นิ ของมนุษย์
ครูอาจให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่นักเรียนว่าพันธุวิศวกรรมยังสามารถนำมาใช้ในการผลิตวัคซีนบางชนิด
ซ่ึงวัคซีนใชเ้ พ่ือกระตุ้นภมู ิคุ้มกันโรคท่ีเกิดจากการติดเชื้อ เช่น ไวรัส โดยท่ัวไปใช้ไวรัสที่อ่อนกำลังลง
เพราะได้รับสารเคมีหรือผ่านวิธีทางกายภาพบางอย่าง หรือเป็นไวรัสในสายพันธุ์ที่ไม่ก่อโรคมาฉีด
ให้กับมนุษย์เพื่อกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในบางกรณีวัคซีนที่ใช้ป้อง กันโรคบางชนิดอาจก่อให้เกิด
ผลข้างเคยี ง จงึ สามารถใชเ้ ทคนิคพนั ธุวิศวกรรมในการตัดต่อเฉพาะยนี ท่ีทำหน้าทสี่ ร้างโปรตีนจากเช้ือ
นั้น แล้วใช้โปรตีนดังกล่าวเป็นแอนติเจนในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันแทนการใช้ไวรัสซึ่งทำให้มีความ
ปลอดภยั ยงิ่ ขึน้ เช่น วคั ซีนปอ้ งกันโรคไวรสั ตับอักเสบชนิดบี วัคซนี ป้องกนั โรคมะเร็งปากมดลูกท่ีเกิด
จากไวรัส HPV สรุปว่าเป็นการสร้างสิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรมโดยถ่ายยีนเข้าสู่สิ่งมีชีวิต เช่น
แบคทีเรีย เพื่อผลิตโปรตนี ที่นำามาใช้ประกอบการรักษา ซึ่งทำให้สามารถผลิตสารซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์
ทางการแพทย์ได้ปริมาณมาก สะดวก รวดเร็วและทำาให้การรักษามีความปลอดภัยต่อผู้ป่วยมาก
ย่ิงขึน้
334
การวินิจฉัยโรค
2) การประยุกต์ใชเ้ ทคโนโลยีทางดเี อน็ เอดา้ นการเกษตรและอุตสาหกรรม
การสรา้ งสิง่ มีชวี ติ ดดั แปรพนั ธุกรรมโดยศึกษาจากตัวอยา่ งการสร้างตน้ กุหลาบดอกสนี ้ำเงิน
การสร้างสิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรมเพื่อการใช้ประโยชน์ในเชิงอุตสาหกรรม เช่น การใช้ใน
อตุ สาหกรรมการผลิตเนยแข็งหรือชีส การใชแ้ บคทีเรียดัดแปรพนั ธกุ รรมเพอื่ ย่อยน้ำมันท่ีปนเปื้อนใน
แหล่งน้ำ ย่อยขยะที่เป็นผลิตภัณฑ์พลาสติก การใช้ยีสต์ดัดแปรพันธุกรรมเพื่อเปลี่ยนโลหะหนักท่ี
ปนเป้อื นในแหลง่ น้ำาหรอื ดินให้อยูใ่ นรูปท่ีไมเ่ ปน็ อันตรายตอ่ มนุษย์
335
3) การประยุกตใ์ ชเ้ ทคโนโลยที างดีเอน็ เอด้านนิตวิ ิทยาศาสตร์
การนำองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตรม์ าใช้ประโยชน์ในเชิงกฎหมายโดยเทคโนโลยีทางดีเอ็นเอเป็น
อีกหนึ่งในองค์ความรู้ที่ถูกนำามาใช้ในการตรวจวัตถุพยานทางชีววิทยาเช่น การตรวจเส้นผม คราบ
อสจุ ิ คราบเลอื ด ซึง่ ในการพสิ จู น์บางอยา่ งอาจไมส่ ามารถใชเ้ พยี งข้อมลู ทาง DNA พสิ จู น์ได้โดยส้ินเชิง
อาจตอ้ งใชห้ ลักฐานอนื่ ๆ ประกอบดว้ ย
ในการตรวจพสิ ูจน์ความสัมพันธ์ทางสายเลอื ด สามารถใช้DNA ในไมโทคอนเดรียหาความสัมพันธ์
ของพี่น้องร่วมมารดาหรือญาติที่รว่ มสายมารดาเนื่องจากในการปฏิสนธิลูกจะได้รบั เฉพาะนิวเคลียส
จากสเปิร์ม แตจ่ ะไดท้ ง้ั นิวเคลียสและไซโทพลาซึม จากเซลลไ์ ขล่ กู จึงไดร้ ับสารพนั ธกุ รรมในไมโทคอน
เดรียซึ่งอยู่ในไซโทพลาซึมจากเซลล์ไข่ของแม่ด้วย จึงสามารถใช้การตรวจสอบ DNA ใน
ไมโทคอนเดรียเพือ่ หาความสัมพนั ธ์ของพ่นี ้องร่วมมารดาหรือญาตทิ รี่ ่วมสายมารดาได้
2.4 ขนั้ ขยายความรู้ (Elaboration)
2.4.1 จากนั้นครูอาจนำข่าวตัวอย่างประโยชน์จากการใช้เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ และให้
นักเรียนร่วมกันอภิปรายว่าเป็นการใช้ความรู้พืน้ ฐานเกีย่ วกบั สมบัติของสารพันธุกรรมในเรือ่ งใดบ้าง
และใชค้ วามร้เู ก่ยี วกับเทคโนโลยีทางดีเอน็ เอที่นักเรยี นได้เรยี นมาแล้วในด้านใดบ้าง โดยคำตอบอาจมี
ไดห้ ลากหลาย เช่น
- ข่าวการสร้างสิ่งมีชีวิต GMO เป็นการใช้ความรู้เกี่ยวกับหน้าที่ของสารพันธุกรรมใน
การควบคุมลักษณะทางพันธุกรรม โดยมียีนที่ควบคุมการสังเคราะห์โปรตีนซึ่งนำไปสู่ฟีโนไทป์ของ
สงิ่ มีชวี ติ และใช้เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอในการระบยุ ีนท่ีทำหนา้ ท่ีควบคุมลกั ษณะท่ีต้องการ ใช้เทคนิค
พันธวุ ิศวกรรมในการโคลนยนี การตดั ตอ่ และการถา่ ยยีน
336
- ขา่ วการตรวจสอบ DNA ชา้ งบ้านซง่ึ ขึน้ ทะเบียนถกู ต้องตามกฎหมายเพ่ือป้องกนั การนำช้าง
ปา่ มาแอบอา้ งว่าเปน็ ชา้ งบ้าน เป็นการใชค้ วามรูเ้ กีย่ วกบั การทส่ี ง่ิ มีชีวิตแต่ละสิ่งมีชวี ิตมีลำดับนิวคลีโอ
ไทด์ที่แตกต่างกนั จึงสามารถใชใ้ นการระบตุ ัวตนได้
2.4.2 นอกจากนี้ครูอาจขยายความรู้เพิ่มเติมให้นักเรียน โดยยกตัวอย่างเทคโนโลยีอื่น ๆ ท่ี
พฒั นาข้นึ ปัจจุบนั เชน่
- การใช้พันธุวิศวกรรม มีการทดลองใช้รักษาทารก 2 คน ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว
ชนิดหนึ่งซึ่งการรักษาด้วยเคมีบำบัด (chemotherapy) ไม่ประสบความสำเร็จและจะรับการถ่าย
เซลล์เม็ดเลือดขาวจากผู้บริจาค ดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ระบบภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยเกิดการต่อต้าน
เซลล์ของผู้บริจาค จึงใช้เทคนิคทางพนั ธุวิศวกรรมมาปรับแต่งเซลล์เม็ดเลือดขาวของผู้บริจาคให้เข้า
กบั ทารกทัง้ สอง กอ่ นจะถ่ายเขา้ สรู่ า่ งกายของทารกซ่งึ พบวา่ ผลการรักษาประสบความสำเร็จและยังมี
การตดิ ตามผลอยา่ งตอ่ เนื่อง
- การรักษาโรคด้วยการตรวจแก้จีโนม ซึ่งมีทั้งเพิ่มระดับการแสดงออกของยีน ยับยั้ง
การแสดงออกของยีน การนำยีนที่มีอยู่เดิมออก และการใส่ยีนใหม่ที่ต้องการลงไปในจีโนมของ
ส่ิงมชี ีวิต โดยหน่งึ ในเทคนคิ ท่ีมกี ารศกึ ษาอยู่ คอื CRISPR-Cas9 (Clustered RegularlyInterspaced
Short Palindromic Repeats - Cas9 protein) ซึ่งเป็นเทคนิคที่สามารถระบุบริเวณในจีโนมท่ี
ต้องการปรับแต่งยีนได้ โดยเทคนิคดังกล่าวถกู นำมาใช้รักษาผูป้ ่วยโรคมะเร็งปอด ถึงแม้ว่าจะยงั ไม่มี
ข้อมูลเก่ียวกบั ผลการรกั ษา (3 ก.พ. 2560) แต่ก็ถือไดว้ า่ เปน็ พัฒนาการด้านหน่ึงของการนำเทคโนโลยี
ทางดีเอน็ เอมาประยุกต์ใช้ในการรักษาโรคในมนษุ ย์
2.5 ข้นั ประเมนิ (Evaluation)
2.5.1 ครูใหน้ กั เรยี นทำใบงานท่ี 11 เรอื่ ง การประยกุ ตใ์ ช้ประโยชนจ์ ากเทคโนโลยที างดีเอ็นเอ
3. ส่ือ/อุปกรณ/์ แหล่งการเรียนรู้
3.1 หนังสือเรียนรายวชิ าเพม่ิ เตมิ ชวี วิทยา 2
3.2 PowerPoint เร่อื ง การประยุกต์ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีทางดเี อน็ เอ
3.3 ใบงานที่ 11 เร่ือง การประยุกต์ใชป้ ระโยชน์จากเทคโนโลยที างดีเอ็นเอ
337
4. การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ วิธกี ารวดั ผลการเรียนรู้ เกณฑ์การประเมินผล
ดา้ นความรู้ (K: Knowledge) การตอบคำถาม ผา่ นเกณฑไ์ ม่นอ้ ยกว่า
ยกตัวอยา่ ง และอธิบายการใช้ การตรวจแบบฝึกหดั ร้อยละ 75
เทคโนโลยีทางดเี อ็นเอในการสรา้ ง
ผลติ ภัณฑท์ างการแพทย์ การวินจิ ฉยั
หรอื การตรวจกรองโรค และการรักษา
ได้
ด้านทกั ษะกระบวนการ (P: Process) สงั เกตพฤตกิ รรมในการทำงาน ผ่านเกณฑ์ไมน่ ้อยกว่า
สืบค้นข้อมูลและยกตัวอย่างการใช้ การนำเสนอผลงาน รอ้ ยละ 75
เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอสำหรับการ
ปรับปรุงพนั ธ์ุสงิ่ มชี ีวิตเพ่ือใช้ประโยชน์
ทางด้านการเกษตร อุตสาหกรรม และ
สงิ่ แวดล้อมได้
ด้านคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A: สงั เกตพฤติกรรมในการทำงาน ผ่านเกณฑ์ไมน่ ้อยกวา่
Attribute) ร้อยละ 75
ทำงานรว่ มกับผอู้ นื่ , รับผดิ ชอบตอ่
การทำงาน, แสดงความคดิ เห็น,
นำเสนอผลงานหน้าชนั้ เรียนได้
ดา้ นทกั ษะกระบวนการทาง สงั เกตพฤตกิ รรมในการทำงาน ผ่านเกณฑไ์ ม่นอ้ ยกว่า
วทิ ยาศาสตร์ รอ้ ยละ 75
(Sc.P: Science Process Skill)
การสังเกต
การลงความเห็นจากข้อมูล
338
แบบสงั เกตพฤติกรรม
เร่อื ง การประยกุ ตใ์ ชป้ ระโยชน์จากเทคโนโลยที างดีเอ็นเอ
คำชี้แจง จงทำเครื่องหมาย ลงในช่องที่ตรงกับพฤติกรรมที่ผู้เรียนแสดงออก โดยจำแนกระดับ
พฤตกิ รรมการแสดงออกไว้เป็น 3 คะแนน ดังนี้
3 คะแนน หมายถงึ ผเู้ รยี นมีพฤตกิ รรมในระดับดี
2 คะแนน หมายถึง ผเู้ รยี นมพี ฤติกรรมในระดบั ปานกลาง
1 คะแนน หมายถึง ผู้เรียนมีพฤติกรรมในระดับปรบั ปรงุ
ช่ือ-สกุล รายการประเมิน คะแนน รอ้ ย สรปุ ผลการ
ความใส่ใจ การเสนอ ความ การยอมรับ รวม ละ ประเมิน
เลขท่ี ในการ ความ ร่วมมอื ใน ฟงั คนอน่ื
ทำงาน คิดเหน็ การทำงาน
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผ่าน ไม่
ผา่ น
1 นายณัฐนนทส์ ธุ รรมฤทธ์ิ
2 นายระพีธาดา วงศ์คุลี
3 นายจักรกฤษ สลี าแดง
4 นายจกั รภัทร จนั ทรแ์ ก้ว
5 นายนรภทั ร ศรที อง
6 นายปรัชญา ใจบญุ
7 นายประสทิ ธชิ ัย อามาตย์
สมบตั ิ
8 นายจกั รภทั ร สุขณรงค์
9 นายฉัตรดนัย สภุ า
10 นายณัฐพล จันทฤาชา
11 นายณฐั วัศ พนมธีร-
เกียรติ
12 นายถิระวฒั น์ แตงเอีย่ ม
13 นายทธั ดนัย สแตนลยี ์
14 นายธีรตั เดช น้อยมนตรี
15 นายนันทวุฒิ สขุ เกิด
339
ชื่อ-สกลุ รายการประเมิน คะแนน ร้อย สรปุ ผลการ
การยอมรบั รวม ละ ประเมนิ
เลขท่ี ความใส่ใจ การเสนอ ความ ฟังคนอ่ืน
ในการ ความ ร่วมมือใน
ทำงาน คิดเห็น การทำงาน
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผา่ น ไม่
ผ่าน
16 นายนันทศร หไู ธสง
17 นายวชริ วิชญ์ พันพินิจ
18 นายวีรภัทร ครศู รี
19 นายสริ วิชญ์ สมั ฤทธ์ิ
20 น.ส.ปยิ ธิดา อม้ วชิ า
21 น.ส.จรี ะนนั ท์ เเหลย้ ัง
22 น.ส.ปนดั ดา คนดี
23 น.ส.จฑุ ารัตน์ คำเดช
24 น.ส.ชยธิดา สงวนพร
25 น.ส.ณฐั กฤตา หาญโก-
กรวด
26 น.ส.ตติยา อปุ ระโคตร
27 น.ส.ธิดารตั น์ ตอ้ นโสกี
28 น.ส.นครินทร์ สารโี ท
29 น.ส.นภัสสร สำราญบุญ
30 น.ส.ปนดั ดา วรรณบูลย์
31 น.ส.ปิน่ ภทั รา ชินคำ
32 น.ส.ปุณยาพร ทองไชย
33 น.ส.พิชญน์ าฏ ขนั ธวิชัย
34 น.ส.พมิ พร ละดาดาษ
35 น.ส.ภัทรภรณ์ สายสุข
36 น.ส.มณฑาทิพย์ ใจสุข
340
ช่ือ-สกุล รายการประเมนิ คะแนน รอ้ ย สรุปผลการ
การยอมรบั รวม ละ ประเมิน
เลขท่ี ความใส่ใจ การเสนอ ความ ฟงั คนอื่น
ในการ ความ รว่ มมือใน
ทำงาน คิดเห็น การทำงาน
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผ่าน ไม่
ผ่าน
37 น.ส.ณัฏฐธิดา อุปะทะ
38 น.ส.รุจี บุตรนนท์
39 น.ส.วิภวานี แสนโสภา
40 น.ส.สริ ิกญั ญา บตุ รน้อย
41 น.ส.สกุ ฤตา บรรเรือง-
ทอง
42 น.ส.นันทพิ ร โอนากุล
เกณฑก์ ารประเมนิ
รอ้ ยละ 75 ข้ึนไป ( 9 – 12 คะแนน) ผ่านเกณฑ์
นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 75 ( 0 – 8 คะแนน ) ไม่ผา่ นเกณฑ์
ลงชอื่ ........................................................ ผูส้ อน
(นางสาวสุภาวิณี เพิ่มทอง)
วันท่ี ............ เดอื น ........................ พ.ศ..............
341
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
ประเด็นทป่ี ระเมนิ เกณฑ์การให้คะแนน
321
ความใสใ่ จในการ เมื่อเกิดปัญหาหรือไม่ ส่ว น ใหญ ่เมื่อเกิด เมื่อเกิดปัญหาหรือไม่
ทำงาน เข้าใจบทเรียนทุกคร้ัง ปัญหาหรือไม่เข้าใจ เข้าใจบทเรียนทุกคร้ัง
มักซักถามและมีความ บทเรียนทุกครั้งมัก มักซักถามและมีความ
พยายามในการค้นหา ซักถามและมีความ พยายามในการค้นหา
คำตอบอยู่เสมอ พยายามในการค้นหา คำตอบเปน็ บางคร้ัง
คำตอบ
การเสนอความคดิ เหน็ ส ่ ว น ใ ห ญ ่ เ ส น อ เสนอความคิดเห็น ไม่เสนอความคิดเห็น
ความคิดเห็น กล้า กล้าแสดงออกที่จะพูด กล้าแสดงออกที่จะพูด
แสดงออกที่จะพูดใน ใน สิ่ง ที่ถูก หร ือ ดี ในสิง่ ที่ถกู หรอื ดี
ส่งิ ทีถ่ ูกหรอื ดี บางครั้ง
ความรว่ มมือในการ ใหค้ วามร่วมมอื ในการ ส่วนใหญ่ให้ค ว าม ใหค้ วามร่วมมอื ในการ
ทำงาน ทำงานกลมุ่ และ ร่วมมือในการทำงาน ทำงานกลุ่มและ
ปฏบิ ัตงิ านทีส่ มาชิกใน กลุ่มและปฏิบัติงานที่ ปฏิบตั งิ านที่สมาชิกใน
กลมุ่ มอบหมายดว้ ย ส ม า ช ิ ก ใ น ก ลุ่ ม กลุ่มมอบหมายได้เป็น
ความเต็มใจทกุ ครั้ง มอบหมายได้ บางคร้ัง
การยอมรับฟังคนอ่นื ย อ ม ร ั บ ฟ ั ง ค ว า ม ย อ ม ร ั บ ฟ ั ง ค ว า ม ไม่ยอมรับฟังความ
คิดเห็น ที่ดีและ มี คิดเห็น ที่ดีและ มี คิดเห็น ที่ดีและ มี
เหตุผลของผู้อื่นทุก เหตุผลของผู้อื่นบ้าง เหตุผลของผู้อื่น มัก
ค ร ั ้ ง ไ ม ่ ย ึ ด ค ว า ม แต่บาง คร ั้ง จะ ยึ ด ยึดความคิดเห็นของ
คิดเห็นของตนแต่ฝ่าย ความคิดเห็นของตน ตนแต่ฝ่ายเดียว
เดียว
342
แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน
ชอื่ กลมุ่ ...............................................................................................................ชนั้ ............................
รายชื่อสมาชกิ 1. .............................................................................................เลขที่...........................
2. .............................................................................................เลขท.ี่ ..........................
3. .............................................................................................เลขท่.ี ..........................
4. .............................................................................................เลขที่...........................
5. .............................................................................................เลขที.่ ..........................
6. .............................................................................................เลขที่...........................
คำชี้แจง จงทำเครือ่ งหมาย ลงในช่องที่ตรงกบั พฤติกรรมท่ผี ู้เรียนแสดงออก โดยจำแนกระดบั
พฤติกรรมการแสดงออกไวเ้ ป็น 3 คะแนน ดงั น้ี
3 คะแนน หมายถงึ ผู้เรียนมพี ฤติกรรมการแสดงออกอยา่ งสมำ่ เสมอ
2 คะแนน หมายถึง ผู้เรยี นมีพฤติกรรมการแสดงออกเป็นครัง้ คราว
1 คะแนน หมายถงึ ผเู้ รยี นมพี ฤติกรรมการแสดงออกนอ้ ยครั้ง
ท่ี รายการประเมิน คะแนน ข้อคิดเหน็
32 1
1 การเตรียมความพร้อม
2 เนอื้ หาสาระครอบคลุมชัดเจน
3 ความถกู ต้องของเนอ้ื หา
4 การมีสว่ นรว่ มของสมาชิกใน
กลมุ่
5 รูปแบบการนำเสนอ
รวม
เกณฑ์การประเมนิ
รอ้ ยละ 75 ขึน้ ไป ( 11 – 15 คะแนน) ผา่ นเกณฑ์
น้อยกว่ารอ้ ยละ 75 ( 0 – 10 คะแนน ) ไมผ่ ่านเกณฑ์
ลงชอ่ื ........................................................ ผูส้ อน
(นางสาวสภุ าวณิ ี เพม่ิ ทอง)
วันที่ ............ เดือน ........................ พ.ศ..............
343
เกณฑก์ ารให้คะแนน
ประเด็นทีป่ ระเมนิ เกณฑ์การใหค้ ะแนน
321
การเตรียมความพร้อม ดำเนินการตามแผนท่ี ดำเนินการตามแผนที่ ไม่สามารถดำเนินการ
วางไว้ ใช้อุปกรณ์และ วางไว้ ใช้อุปกรณ์และ ตามแผนที่วางไว้
สื่อประกอบได้ถูกต้อง สื่อประกอบได้ถูกต้อง
คล่องแคล่ว และเสร็จ แต่ไมค่ ล่องแคล่ว
ทันเวลา
เนือ้ หาสาระ เน ื้อหาถูก ต้อง มี เน ื้อ หาถูก ต้อง มี เนื้อหาถูกต้องแต่ให้
ครอบคลุมชัดเจน สาระสำคัญครบถ้วน สาระสำคัญ แต่ยังไม่ สาระสำคัญน้อยมาก
และระบุแหล่งที่มา ครบถ้วน มีการระบุ และไม่ระบุแหล่งที่มา
ของความรู้ชดั เจน แหล่งทมี่ าของความรู้ ของความรู้
ความถูกต้องของ เนื้อหาสาระถกู ตอ้ ง ส่วนใหญ่เนื้อหาสาระ เน้ือหาสาระไม่ถกู ต้อง
เนื้อหา
ครบถว้ น ถูกต้อง
การมสี ว่ นรว่ มของ
สมาชิกในกลุ่ม มีส่วนร่วมสมำ่ เสมอ มีส่วนร่วมบางครั้ง มีส่วนร่วมน้อยครั้ง/
รปู แบบการนำเสนอ ขาดการมสี ่วนร่วม
มีรูปแบบน่าสนใจ มี ร ู ป แ บ บ มี ไม่มีรูปแบบน่าสนใจ
ค ว า ม ส ั ม พ ั น ธ ์ กั บ ค ว า ม ส ั ม พ ั น ธ ์ กั บ มีความสัมพันธ์กับ
ห ั ว ข ้ อ ท ี ่ ก ำ ห น ด หัวข้อที่กำหนด แต่ไม่ หัวข้อที่กำหนดน้อย
ระบายสีไดส้ วยงาม ดึงดูดความสนใจ มาก
344
345
346
ใบงานท่ี 11 เร่ือง การประยุกตใ์ ชป้ ระโยชนจ์ ากเทคโนโลยที างดเี อ็นเอ
คำชี้แจง : อธิบายการประยกุ ตใ์ ชป้ ระโยชน์จากเทคโนโลยีทางดเี อน็ เอด้านตา่ ง ๆ ต่อไปนี้
1. เชิงการแพทย์และเภสชั กรรม
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
2.....เ.ช..ิง..น...ติ ..วิ..ทิ...ย..า..ศ...า.ส...ต..ร..์..........................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.3......เ.ช..ิง..ก..า..ร..เ.ก...ษ..ต...ร...................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
4.....เ.ช...งิ .ส...่งิ ..แ..ว..ด..ล...อ้ ..ม...................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.5......เ.ช..งิ ..อ..ตุ ...ส..า..ห...ก..ร..ร..ม................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
ชอื่ ....................................................................................................เลขที.่ ..................หอ้ ง.....................
347
ใบงานที่ 11 เรือ่ ง การประยกุ ตใ์ ชป้ ระโยชน์จากเทคโนโลยที างดีเอน็ เอ
คำชแี้ จง : อธิบายการประยกุ ต์ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยที างดีเอน็ เอด้านตา่ ง ๆ ต่อไปนี้
1. เชงิ การแพทยแ์ ละเภสชั กรรม
การใช้วนิ ิจยั โรค โดยตรวจสอบจีโนมหรือออกแบบไพรเมอรท์ ่ีจำเพาะกับยีนท่ีเกี่ยวข้องกับโรคเพ่ือหา
การกลายของยนี ที่สมั พนั ธ์ของโรค การบำบดั ด้วยยนี โดยการแทรกยีนปกติเข้าไปแทนท่ยี ีนทบี่ กพรอ่ ง
เพื่อให้กลับมาทำงานได้อย่างปกติ และการสร้างผลิตภัณฑ์ทางเภสัชกรรม โดยการสร้างส่ิงมีชีวติ ดัด
แปรพนั ธกุ รรมทีส่ ามารถผลติ ยาหรือฮอรโ์ มนได้
2. เชิงนิตวิ ทิ ยาศาสตร์
การใช้ลายพิมพ์ DNA ซึ่งเป็นลำดับดีเอ็นเอที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละบุคคลเพื่อพิสูจน์ตัวบุคคลใน
กรณีต่าง ๆ เช่น การตรวจสอบความสัมพันธ์ทางสายเลือด การตรวจหาผู้กระทำความผิดในคดี
อาชญากรรมตา่ ง ๆ
3. เชงิ การเกษตร
การสร้างสิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรม ทั้งพืชและสัตว์ เพื่อปรับปรุงพันธุ์สิ่งมีชีวิตให้มีลักษณะหรือ
คุณสมบัติที่ดีหรือตามที่ต้องการ เช่น พืชที่มีความสามารถในการต้านทานแมลงศตรูพชื หรือโรคพืช
พืชทีม่ ีคุณคา่ ทางอาหารเพ่ิมมากขึ้น พชื ท่สี ามารถยดื อายขุ องผลผลิต สตั วท์ ่มี ปี รมิ าณเนอื้ เพม่ิ ข้นึ สัตว์
ท่เี จรญิ เติบโตเรว็ ขน้ึ เป็นต้น
4. เชิงสิ่งแวดล้อม
การสร้างสง่ิ มชี วี ติ ดัดแปรพันธุกรรมท่ีสามารถย่อยสลายสารเคมี หรอื สารตกคา้ งในสิ่งแวดล้อมเพื่อใช้
เปน็ แหล่งอาหารหรือพลงั งานในการดำรงชีวิต ซ่งึ มผี ลทำให้สารเคมีหรือสารตกค้างในส่ิงแวดล้อมลด
น้อยลง หรือการสรา้ งพชื ทีส่ ามารถต้านทานแมลงศัตรพู ชื หรอื โรคพชื ซึ่งมีผลตอ่ การลดการใช้สารเคมี
จงึ ทำใหส้ ารเคมตี กค้างในส่ิงแวดลอ้ มลดนอ้ ยลง
5. เชิงอตุ สาหกรรม
การพัฒนาผลผลิตหรอื ส่ิงมีชีวิตที่ใช้เป็นวัตถุดบิ ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ซ่งึ เปน็ กระบวนการหนึ่งในการ
เพม่ิ ผลผลติ ในอุตสาหรรม และลดคา่ ใชจ้ า่ ยท่ีไมจ่ ำเป็นในกระบวนการผลติ ลง
ช่อื ....................................................................................................เลขที.่ ..................ห้อง.....................
348
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 15
กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4
12 ช่วั โมง
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 6 เร่อื ง เทคโนโลยที างดีเอน็ เอ 3 ช่วั โมง
เรอ่ื ง เทคโนโลยีทางดเี อ็นเอกับความปลอดภัยทางชวี ภาพและชีวจริยธรรม ภาคเรยี นท่ี 2/2564
ครูผู้สอน นางสาวสุภาวณิ ี เพมิ่ ทอง
ผลการเรียนรแู้ ละสาระการเรียนรู้เพิม่ เตมิ
สาระชีววิทยา 2. เข้าใจการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม สมบัติ
และหน้าที่ของสารพันธกุ รรม การเกิดมิวเทชัน เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ หลักฐาน ข้อมูล และแนวคิด
เกี่ยวกับวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต ภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก การเกิดสปีชีส์ใหม่ ความ
หลากหลายทางชีวภาพ กำเนิดของสิ่งมีชีวติ ความหลากหลายของสงิ่ มีชีวติ และอนุกรมวธิ าน รวมทั้ง
นำความรูไ้ ปใช้ประโยชน์
ชน้ั ผลการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้เพ่ิมเติม
ม.4 สืบค้นข้อมูล ยกตัวอย่าง และ การใช้เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ ในการสร้างดีเอ็นเอรี
อภิปรายการนำเทคโนโลยีทางดีเอน็ คอมบิแนนท์ สามารถนำไปใช้ในการสร้างสิ่งมีชีวิตดัด
เอไปประยุกต์ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม แปรพันธุกรรม โดยนำยีนที่ต้องการมาตัดต่อใส่ใน
น ิติว ิทยาศา ส ตร ์ ก าร แพ ท ย์ ส่ิงมีชีวติ ทำใหส้ ง่ิ มชี วี ติ นัน้ มีสมบตั ิตามตอ้ งการ
การเกษตร และอุตสาหกรรม และ
ขอ้ ควรคำนงึ ถงึ ดา้ นชีวจริยธรรม
1. กำหนดเป้าหมายของการจดั การเรียนรู้
1.1 สาระการเรียนรู้/เน้อื หาการเรยี นรู้
เรอ่ื ง เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอกับความปลอดภัยทางชีวภาพและชวี จรยิ ธรรม
1.2 สาระสำคญั /ความคิดรวบยอดของเรื่องทเี่ ขยี น
เทคโนโลยีทางดีเอน็ เอ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในด้านการแพทย์ในการวนิ ิจฉัยโรค และใช้
ในการสร้างผลิตภัณฑ์ทางเภสัชกรรม การประยุกต์ในด้านการเกษตรในการสร้างพืชหรือสัตว์ที่มี
สมบัติตามต้องการ รวมทั้งประยุกต์ใช้ในด้านอุตสาหกรรมและสิ่งแวดล้อม ในด้านนิติวิทยาศาสตร์
349
สามารถใช้ลายพิมพ์ดีเอ็นเอในการพิสูจน์ตวั บุคคลและหาความสัมพันธ์ทางสายเลือด อย่างไรก็ตาม
การใชเ้ ทคโนโลยีทางดีเอน็ เอต้องคำนงึ ถึงความปลอดภัยทางชวี ภาพและชวี จรยิ ธรรม
1.3 จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้: เม่อื ผู้เรียนจบกิจกรรมการเรียนรู้ ผูเ้ รยี นสามารถ
ด้านความรู้ (K: Knowledge) อภิปรายเกี่ยวกับความปลอดภัยทางชีวภาพ
และชีวจริยธรรมในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี
ทางดเี อน็ เอได้
ด้านทกั ษะกระบวนการ (P: Process) สืบค้นขอ้ มลู แนวทางในการนำเทคโนโลยีทางดี
เอ็นเอมาใช้ประโยชน์โดยคำนึงถึงความ
ปลอดภัยทางชีวภาพ ชีวจริยธรรม และ
ผลกระทบตอ่ สงั คม
ด้านคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A: Attribute) ทำงานรว่ มกบั ผูอ้ นื่ , รับผิดชอบต่อการทำงาน,
แสดงคงามคิดเหน็ , นำเสนอผลงานหนา้ ช้ันเรยี น
ได้
ด้านทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
(Sc.P: Science Process Skill)
การสังเกต การลงความเห็นจากขอ้ มูล
การวัด การกำหนดและควบคุมตัวแปร
การคำนวณ/การใช้ตัวเลข การกำหนดนยิ ามเชิงปฏิบตั ิการ
การจำแนกประเภท การตง้ั สมมตฐิ าน
การจดั กระทำและสื่อความหมายข้อมลู การทดลอง
การหาความสมั พนั ธ์ระหวา่ งสเปสกับสเปส การตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป
และสเปสกบั เวลา การสร้างแบบจำลอง
การพยากรณ/์ การทำนาย
2. การจดั กิจกรรมการเรียนรแู้ บบ 5E
2.1 ข้นั สร้างความสนใจ (Engagement)
2.1.1 ครูอาจนำนักเรียนเข้าสู่บทเรยี นโดยใช้ภาพข่าวหรือภาพยนตร์ซึ่งแสดงให้เห็นถงึ ความ
กังวลของคนในสังคมต่อการใช้เทคโนโลยีทางดเี อ็นเอ เช่น ภาพยนตร์ทกี่ ลา่ วถงึ การใชเ้ ทคโนโลยีทางดี
เอ็นเอในการพยากรณ์ลักษณะหรือความเสีย่ งของการเกิดโรคต่าง ๆ จากจีโนมของแต่ละบุคคล เพ่ือ
นำมาตดั สนิ ชนชน้ั และโอกาสในการทำงาน ซึ่งแสดงให้เหน็ ถงึ ความกงั วลเกย่ี วกบั ความเหลื่อมล้ำของ
350
มนุษย์จากการแบ่งชนชั้นโดยใช้ข้อมูล DNA ข่าวการบุกทำลายแปลงทดลองมะละกอดัดแปร
พันธุกรรม
2.1.2 ครชู ้แี จงนักเรียนเก่ยี วกับความปลอดภยั ทางชวี ภาพ ชวี จรยิ ธรรม และมุมมองทางสังคม
ซึ่งนกั เรียนควรตระหนักถึงจากการใช้เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ โดยอาจยกตวั อยา่ งขอ้ ควรคำนึงเกี่ยวกับ
การใช้เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอในการสร้าง GMO รวมทั้งแนวทางในการป้องกันและแก้ไขผลกระทบ
ด้านต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากหนังสือเรียน จากนั้นครูอาจให้นักเรียนทำกิจกรรมข้อกังวลเกี่ยวกับ
ผลกระทบท่ีอาจเกิดขึ้นจากการใช้เทคโนโลยที างดีเอน็ เอในหนงั สอื เรียน
2.2 ขน้ั สำรวจและค้นหา (Exploration)
2.2.1 แบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน คละความสามารถ เก่ง ปานกลาง ออ่ น
2.2.2 ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มทำกิจกรรม เรื่อง ประโยชน์และข้อควรคำนึงถึงในการใช้
เทคโนโลยที างดเี อ็นเอ
กิจกรรม เรือ่ ง ประโยชนแ์ ละขอ้ ควรคำนึงถึงในการใช้เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ
จดุ ประสงค์
1. สืบค้นข้อมูล วิเคราะห์ และอภิปรายแนวทางในการนำเทคโนโลยีทางดีเอ็นเอมาใช้ประโยชน์
โดยคำนึงถงึ ความปลอดภยั ทางชีวภาพ ชีวจรยิ ธรรม และผลกระทบตอ่ สังคม
2. สืบค้นข้อมลู วิเคราะห์ และอธบิ ายความนา่ เชอ่ื ถอื ของแหล่งข้อมูล
แนวทางการจดั กจิ กรรม
ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่มและเลือกตัวอย่างเทคโนโลยีทางดีเอ็นเอที่ถูกนำมาใช้จริงเพื่อสืบค้น
ข้อมูลและอภิปรายในด้านต่าง ๆ ทั้งในแง่ของประโยชน์ ความปลอดภัยทางชีวภาพ ชีวจริยธรรม
และผลกระทบต่อสังคม รวมทั้งแนวทางป้องกันและแก้ไขเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
351
ตามข้อกังวลเหล่านั้น และให้นักเรียนนำเสนอผลการสืบค้นและอภิปรายของแต่ละกลุ่มใน
รปู แบบต่าง ๆ เชน่ นำเสนอหน้าชน้ั เรยี น จัดทำาแผ่นพับ เขียนบทความลง blog ในอนิ เทอรเ์ นต็
ตวั อยา่ งเทคโนโลยที ่ีถกู นำมาใชจ้ รงิ เช่น
- กรณีการนำมะละกอดัดแปรพันธุกรรมทตี่ า้ นทานโรคพืชใบด่างจดุ วงแหวนมาปลกู
2.2.3 ให้นักเรยี นแต่ละกลุม่ ศึกษาและรว่ มกันอภปิ รายภายในกลุ่มเรื่อง ประโยชน์และขอ้ ควร
คำนงึ ถึงในการใชเ้ ทคโนโลยที างดเี อ็นเอ ในหนงั สอื เรยี นชวี วิทยา 2 หนา้ 152 – 155
2.2.4 ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลของกิจกรรมและองค์ความรู้ที่สรุปได้จาก
การศกึ ษาในหนังสอื เรยี นชวี วิทยา 2
2.3 ขนั้ อธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation)
2.3.1 ให้นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มออกมานำเสนอผลของกิจกรรมและองค์ความรู้ที่สรุปได้ หน้าช้ัน
เรยี น
2.3.2 ครูและนกั เรยี นรว่ มกันอภิปรายผลของกิจกรรม และนำสรปุ องคค์ วามรู้ ดงั นี้
ตัวอย่างประเด็นข้อกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ
- อาจมีการรั่วไหลของสิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรมในระบบนิเวศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิต
อื่น ๆ ในระบบนิเวศ หรือทำาให้สิ่งมีชีวิตที่มีอยู่ในธรรมชาติสูญพันธุ์และถูกแทนที่โดย
สงิ่ มชี วี ิตดดั แปรพันธุกรรม
- อาจมีการถ่ายยีนจากสิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรมออกสู่สิ่งแวดล้ อม ทำให้วัชพืชหรือ
พืชอื่น ๆ ในธรรมชาติมียีนต้านทานโรคหรือยีนต้านทานยาปราบศัตรูพืช หรือทำให้สิ่งมี
ชีวิตในธรรมชาติมีความเร็วในการเติบโตหรือใช้อาหารมากกว่าเดิม หรือเกิดเชื้อโรคสายพันธุ์
ใหม่ ๆ ที่ดื้อยาปฏิชีวนะ เนื่องจากมีการใช้ยีนต้านทานยาปฏิชีวนะเป็นเคร่ื องหมายใน
การคัดเลอื กในการสร้างสิ่งมชี ีวติ ดดั แปรพนั ธุกรรม
- อาจเกิดการเปิดเผยหรือรั่วไหลของข้อมูลทางพันธุกรรมซึ่งเป็นความลับส่วนบุคคล และ
อาจทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำและการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล เช่น สิทธิ์ใน
การทำประกันสุขภาพ สิทธิ์ในการเข้าทำงาน จากการใช้ข้อมูลทางพันธุกรรมเป็นเงื่อนไข
ในการเข้าถึงสทิ ธ์ิดังกลา่ ว
- อาจเกิดการกระทำาท่ไี มถ่ กู ต้องตามหลักจรยิ ธรรมในการคดั เลือกตัวออ่ นของสิง่ มีชวี ติ
- อาจทำให้ผู้เป็นมารดาเกิดความวิตกกังวลจนส่งผลต่อสุขภาพในกรณีที่ตรวจพบว่าตัวอ่อน
ในครรภ์เป็นโรคทางพันธุกรรม นอกจากนี้ยังอาจส่งผลต่อการตัดสินใจยุติการตั้งครรภ์ ซ่ึง
อาจขดั ตอ่ จริยธรรมและผดิ กฎหมายในบางประเทศ
352
ตวั อยา่ งแนวทางในการป้องกันและแก้ไขข้อกังวล เชน่
- การจัดทำระบบป้องกันอันตรายทางชีวภาพที่มีการระบุถึงข้อพึงปฏิบัติและเครื่องมือที่
เกยี่ วขอ้ งในขณะทปี่ ฏิบัตงิ าน
- การจัดทำระบบป้องกันสิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรมไม่ให้มีการรั่วไหลหรือปนเปื้อนสู่
ระบบนเิ วศ ทง้ั จากการนำมาใช้ในเชิงพาณิชย์ การเกษตร รวมถึงการนำามาใช้ในดา้ นอ่นื ๆ
- เมื่อเสร็จสิ้นการทดลองหรือการใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ สิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรมจะ
ต้องถกู ทำลายให้สูญเสียความสามารถในการดำรงชวี ิตและสืบพนั ธ์ดุ ว้ ยวิธีที่เหมาะสม
- การจำหน่ายสิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรมเพื่อเป็นอาหารและการใช้ในกระบวนการผลิตต้อง
มีฉลากระบุข้อมูลชดั เจนและเพียงพอต่อผบู้ รโิ ภค
- จัดทำระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลทางพันธุกรรม การปกปิดข้อมูลทางพันธุกรรม
ซึ่งทำให้ไม่สามารถระบุตัวตนของผู้ที่เป็นเจ้าของข้อมูล รวมถึงการจำกัดสิทธิ์ในการเข้าถึง
ข้อมูลทางพันธุกรรมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเข้าถึ งหรือการใช้ประโยชน์ของข้อมูลจาก
ผทู้ ่ีไมใ่ ช่เจ้าของขอ้ มลู หรือผู้ท่ีไม่ไดร้ ับอนุญาตจากเจา้ ของข้อมูล
- จัดทำระบบป้องกันการกระทำที่ไม่ถูกต้องตามหลักจริยธรรมในการทำการทดลองกับ
สิ่งมชี วี ติ รวมถงึ ข้ันตอนปฏบิ ตั ใิ นการทดลองกับสิ่งมชี ีวติ หรอื ตัวอ่อนของสิง่ มีชีวติ
2.3.3 ครูควรบันทึกสรุปผลการอภิปรายและแยกประเด็น เพื่อให้นักเรียนเห็นความสำคัญ
และภาพรวมของหัวขอ้ นี้ ซงึ่ การสรปุ ผลและการอภิปรายของนกั เรียนอาจมีความคิดเห็นทหี่ ลากหลาย
ครคู วรให้อิสระแก่นกั เรยี นในการแสดงความคิดเหน็ โดยเนน้ ย้ำใหน้ ักเรยี นหาข้อมลู หรือหลักฐานทาง
วิชาการมาสนับสนุนข้อคดิ เห็นของตนอย่างมเี หตุผล
2.4 ข้นั ขยายความรู้ (Elaboration)
2.4.1 ครูตั้งคำถามเพื่อให้นักเรียนอภิปรายร่วมกันว่า จากภาพข่าวหรือภาพยนตร์ที่ครู
นำมาใช้ในขั้นนำนักเรียนคิดว่าข้อกังวลดังกล่าวสามารถเป็นจริงได้หรือไม่ ข้อมูลที่สื่อเหล่านนั้
นำาเสนอน่าเชอ่ื ถือเพยี งใด และมแี นวทางในการป้องกนั หรือแก้ไขขอ้ กังวลเหลา่ นนั้ อย่างไร (แนว
คำตอบ: คำตอบอาจมีได้หลากหลายขึ้นอยู่กับความรู้ท่ีนักเรียนได้จากการสืบค้นข้อมูลในกิจกรรม
เสนอแนะ รวมถึงมุมมองของนักเรียน เช่น น่าเชื่อถือเนื่องจากน่าจะมีนักวิทยาศาสตร์ช่วยเป็นที่
ปรึกษา หรือไม่น่าเชื่อถอื เนือ่ งจากสื่อภาพยนตรม์ กั จะมกี ารเสริมสรา้ งสถานการณ์ใหเ้ กินจริงเพือ่ ความ
สนุกของภาพยนตร์)
353
2.4.2 ครูควรชี้แจงให้นักเรียนตระหนักถึงความสำคัญของการหาข้อมูลหรือหลักฐานทาง
วิชาการในการใช้ประกอบข้อคิดเห็นต่าง ๆ โดยแสดงให้นักเรียนเห็นว่าข้อมูลที่นักเรียนได้จากการ
สืบค้นนั้นอาจมีทั้งข้อมูลที่เป็นจริง ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนจากความจริง และข้อมูลที่เกินความจริง
รวมทัง้ ความน่าเชอ่ื ถือของแหลง่ ทมี่ าของข้อมลู โดยครอู าจยกตัวอย่างข้อมูลใหน้ ักเรยี นพจิ ารณาว่ามา
จากแหล่งทีม่ าทีน่ ่าเชื่อถอื หรือไม่ เพ่อื เนน้ ยำ้ ให้เหน็ ถงึ ความสำคัญในการหาและคดั กรองขอ้ มูลที่จะใช้
สนบั สนนุ หรือคัดค้านขอ้ คดิ เห็นตา่ ง ๆ
2.4.3 จากน้ันครแู ละนกั เรียนร่วมกันอภิปรายเก่ียวกับการใช้เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอกับความ
ปลอดภยั ทางชีวภาพ และมุมมองทางสังคมและชีวจริยธรรม เพือ่ นำไปสูข่ ้อสรุปท่ีว่า เทคโนโลยีทางดี
เอ็นเอมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วและต่อเน่ืองตลอดเวลา สามารถนำมาประยุกต์ใช้ประโยชน์ได้หลาย
ด้าน ซึ่งควรจะเปน็ ไปโดยระมัดระวัง คำนึงถงึ ผลกระทบทอี่ าจเกิดขึ้นในด้านต่าง ๆ และชีวจริยธรรม
เช่น ความปลอดภัยต่อชีวิตและสุขภาพของมนุษย์ การป้องกันการสูญเสียความหลากหลายทาง
ชีวภาพ การปฏิบัติต่อสง่ิ มชี ีวติ อยา่ งมีคณุ ธรรม โดยไม่ทำรา้ ยหรอื ทำอนั ตรายตอ่ สง่ิ มีชีวิต
2.5 ข้ันประเมนิ (Evaluation)
2.5.1 ครถู ามนักเรยี น โดยให้นกั เรยี นคดิ วา่ เทคโนโลยที างดเี อน็ เอมีประโยชน์และความจำเป็น
ต่อมนุษย์หรือไม่ เพราะเหตุใด (แนวคำตอบ: คำตอบอาจมีได้หลากหลาย นักเรียนอาจตอบว่ามี
ประโยชนห์ รอื ไม่มปี ระโยชนก์ ไ็ ด้ มคี วามจำเป็นหรอื ไมจ่ ำเป็นกไ็ ด้ ให้พิจารณาจากเหตุผลท่นี ักเรียนใช้
ประกอบคำอธิบาย รวมทั้งข้อมูลหรือหลักฐานทางวิชาการที่ใช้สนับสนุนข้อคิดเห็นของตนอย่างมี
เหตผุ ล)
3. ส่ือ/อุปกรณ/์ แหลง่ การเรียนรู้
3.1 หนังสือเรียนรายวชิ าเพิ่มเตมิ ชีววทิ ยา 2
3.2 PowerPoint เร่ือง เทคโนโลยีทางดเี อ็นเอกบั ความปลอดภัยทางชีวภาพและชวี จรยิ ธรรม
3.3 ใบกิจกรรม เร่อื ง ประโยชนแ์ ละข้อควรคำนงึ ถึงในการใชเ้ ทคโนโลยที างดีเอน็ เอ
354
4. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้
จดุ ประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัดผลการเรียนรู้ เกณฑก์ ารประเมินผล
ด้านความรู้ (K: Knowledge) การตอบคำถาม ผ่านเกณฑไ์ ม่นอ้ ยกว่า
อภิปรายเกยี่ วกบั ความปลอดภัยทาง การนำเสนอผลงาน รอ้ ยละ 75
ชวี ภาพ และชวี จริยธรรมในการ
ประยุกตใ์ ช้เทคโนโลยที างดีเอน็ เอได้
ด้านทักษะกระบวนการ (P: Process) สงั เกตพฤติกรรมในการทำงาน ผา่ นเกณฑ์ไมน่ ้อยกว่า
สืบค้นข้อมูลแนวทางในการนำ การนำเสนอผลงาน รอ้ ยละ 75
เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอมาใช้ประโยชน์
โดยคำนึงถึงความปลอดภัยทาง
ชีวภาพ ชีวจริยธรรม และผลกระทบ
ตอ่ สังคม
ดา้ นคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A: สังเกตพฤติกรรมในการทำงาน ผา่ นเกณฑ์ไมน่ ้อยกวา่
Attribute) รอ้ ยละ 75
ทำงานรว่ มกับผู้อน่ื , รับผิดชอบต่อ
การทำงาน, แสดงความคดิ เหน็ ,
นำเสนอผลงานหนา้ ชนั้ เรียนได้
ด้านทกั ษะกระบวนการทาง สังเกตพฤติกรรมในการทำงาน ผ่านเกณฑไ์ ม่นอ้ ยกว่า
วิทยาศาสตร์ รอ้ ยละ 75
(Sc.P: Science Process Skill)
การสังเกต
การลงความเหน็ จากขอ้ มูล
355
แบบสังเกตพฤตกิ รรม
เรื่อง เทคโนโลยที างดีเอน็ เอกบั ความปลอดภยั ทางชีวภาพและชีวจริยธรรม
คำชี้แจง จงทำเครื่องหมาย ลงในช่องที่ตรงกับพฤติกรรมที่ผู้เรียนแสดงออก โดยจำแนกระดับ
พฤติกรรมการแสดงออกไว้เปน็ 3 คะแนน ดังน้ี
3 คะแนน หมายถงึ ผูเ้ รยี นมพี ฤติกรรมในระดบั ดี
2 คะแนน หมายถึง ผเู้ รียนมีพฤติกรรมในระดับปานกลาง
1 คะแนน หมายถงึ ผเู้ รียนมพี ฤตกิ รรมในระดบั ปรับปรุง
ช่ือ-สกลุ รายการประเมิน คะแนน ร้อย สรุปผลการ
ความใส่ใจ การเสนอ ความ การยอมรบั รวม ละ ประเมิน
เลขท่ี ในการ ความ รว่ มมือใน ฟังคนอืน่
ทำงาน คดิ เห็น การทำงาน
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผ่าน ไม่
ผา่ น
1 นายณัฐนนท์สธุ รรมฤทธิ์
2 นายระพธี าดา วงศค์ ุลี
3 นายจักรกฤษ สลี าแดง
4 นายจักรภัทร จนั ทร์แก้ว
5 นายนรภัทร ศรที อง
6 นายปรัชญา ใจบญุ
7 นายประสิทธชิ ยั อามาตย์
สมบตั ิ
8 นายจักรภัทร สขุ ณรงค์
9 นายฉัตรดนยั สภุ า
10 นายณฐั พล จันทฤาชา
11 นายณัฐวัศ พนมธรี -
เกียรติ
12 นายถริ ะวฒั น์ แตงเอ่ยี ม
13 นายทัธดนัย สแตนลยี ์
14 นายธรี ัตเดช นอ้ ยมนตรี
15 นายนันทวุฒิ สขุ เกิด
356
ชื่อ-สกลุ รายการประเมิน คะแนน ร้อย สรปุ ผลการ
การยอมรบั รวม ละ ประเมนิ
เลขท่ี ความใส่ใจ การเสนอ ความ ฟังคนอ่ืน
ในการ ความ ร่วมมือใน
ทำงาน คิดเห็น การทำงาน
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผา่ น ไม่
ผ่าน
16 นายนันทศร หไู ธสง
17 นายวชริ วิชญ์ พันพินิจ
18 นายวีรภัทร ครศู รี
19 นายสริ วิชญ์ สมั ฤทธ์ิ
20 น.ส.ปยิ ธิดา อม้ วชิ า
21 น.ส.จรี ะนนั ท์ เเหลย้ ัง
22 น.ส.ปนดั ดา คนดี
23 น.ส.จฑุ ารัตน์ คำเดช
24 น.ส.ชยธิดา สงวนพร
25 น.ส.ณฐั กฤตา หาญโก-
กรวด
26 น.ส.ตติยา อปุ ระโคตร
27 น.ส.ธิดารตั น์ ตอ้ นโสกี
28 น.ส.นครินทร์ สารโี ท
29 น.ส.นภัสสร สำราญบุญ
30 น.ส.ปนดั ดา วรรณบูลย์
31 น.ส.ปิน่ ภทั รา ชินคำ
32 น.ส.ปุณยาพร ทองไชย
33 น.ส.พิชญน์ าฏ ขนั ธวิชัย
34 น.ส.พมิ พร ละดาดาษ
35 น.ส.ภัทรภรณ์ สายสุข
36 น.ส.มณฑาทิพย์ ใจสุข
357
ช่ือ-สกุล รายการประเมนิ คะแนน รอ้ ย สรุปผลการ
การยอมรบั รวม ละ ประเมิน
เลขท่ี ความใส่ใจ การเสนอ ความ ฟงั คนอื่น
ในการ ความ รว่ มมือใน
ทำงาน คิดเห็น การทำงาน
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผ่าน ไม่
ผ่าน
37 น.ส.ณัฏฐธิดา อุปะทะ
38 น.ส.รุจี บุตรนนท์
39 น.ส.วิภวานี แสนโสภา
40 น.ส.สริ ิกญั ญา บตุ รน้อย
41 น.ส.สกุ ฤตา บรรเรือง-
ทอง
42 น.ส.นันทพิ ร โอนากุล
เกณฑก์ ารประเมนิ
รอ้ ยละ 75 ข้ึนไป ( 9 – 12 คะแนน) ผ่านเกณฑ์
นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 75 ( 0 – 8 คะแนน ) ไม่ผา่ นเกณฑ์
ลงชอื่ ........................................................ ผูส้ อน
(นางสาวสุภาวิณี เพิ่มทอง)
วันท่ี ............ เดอื น ........................ พ.ศ..............
358
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
ประเด็นทป่ี ระเมนิ เกณฑ์การให้คะแนน
321
ความใสใ่ จในการ เมื่อเกิดปัญหาหรือไม่ ส่ว น ใหญ ่เมื่อเกิด เมื่อเกิดปัญหาหรือไม่
ทำงาน เข้าใจบทเรียนทุกคร้ัง ปัญหาหรือไม่เข้าใจ เข้าใจบทเรียนทุกคร้ัง
มักซักถามและมีความ บทเรียนทุกครั้งมัก มักซักถามและมีความ
พยายามในการค้นหา ซักถามและมีความ พยายามในการค้นหา
คำตอบอยู่เสมอ พยายามในการค้นหา คำตอบเปน็ บางคร้ัง
คำตอบ
การเสนอความคดิ เหน็ ส ่ ว น ใ ห ญ ่ เ ส น อ เสนอความคิดเห็น ไม่เสนอความคิดเห็น
ความคิดเห็น กล้า กล้าแสดงออกที่จะพูด กล้าแสดงออกที่จะพูด
แสดงออกที่จะพูดใน ใน สิ่ง ที่ถูก หร ือ ดี ในสิง่ ที่ถกู หรอื ดี
ส่งิ ทีถ่ ูกหรอื ดี บางครั้ง
ความรว่ มมือในการ ใหค้ วามร่วมมอื ในการ ส่วนใหญ่ให้ค ว าม ใหค้ วามร่วมมอื ในการ
ทำงาน ทำงานกลมุ่ และ ร่วมมือในการทำงาน ทำงานกลุ่มและ
ปฏบิ ัตงิ านทีส่ มาชิกใน กลุ่มและปฏิบัติงานที่ ปฏิบตั งิ านที่สมาชิกใน
กลมุ่ มอบหมายดว้ ย ส ม า ช ิ ก ใ น ก ลุ่ ม กลุ่มมอบหมายได้เป็น
ความเต็มใจทกุ ครั้ง มอบหมายได้ บางคร้ัง
การยอมรับฟังคนอ่นื ย อ ม ร ั บ ฟ ั ง ค ว า ม ย อ ม ร ั บ ฟ ั ง ค ว า ม ไม่ยอมรับฟังความ
คิดเห็น ที่ดีและ มี คิดเห็น ที่ดีและ มี คิดเห็น ที่ดีและ มี
เหตุผลของผู้อื่นทุก เหตุผลของผู้อื่นบ้าง เหตุผลของผู้อื่น มัก
ค ร ั ้ ง ไ ม ่ ย ึ ด ค ว า ม แต่บาง คร ั้ง จะ ยึ ด ยึดความคิดเห็นของ
คิดเห็นของตนแต่ฝ่าย ความคิดเห็นของตน ตนแต่ฝ่ายเดียว
เดียว
359
แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน
ชอื่ กลมุ่ ...............................................................................................................ชนั้ ............................
รายชื่อสมาชกิ 1. .............................................................................................เลขที่...........................
2. .............................................................................................เลขท.ี่ ..........................
3. .............................................................................................เลขท่.ี ..........................
4. .............................................................................................เลขที่...........................
5. .............................................................................................เลขที.่ ..........................
6. .............................................................................................เลขที่...........................
คำชี้แจง จงทำเครือ่ งหมาย ลงในช่องที่ตรงกบั พฤติกรรมท่ผี ู้เรียนแสดงออก โดยจำแนกระดบั
พฤติกรรมการแสดงออกไวเ้ ป็น 3 คะแนน ดงั น้ี
3 คะแนน หมายถงึ ผู้เรียนมพี ฤติกรรมการแสดงออกอยา่ งสมำ่ เสมอ
2 คะแนน หมายถึง ผู้เรยี นมีพฤติกรรมการแสดงออกเป็นครัง้ คราว
1 คะแนน หมายถงึ ผเู้ รยี นมพี ฤติกรรมการแสดงออกนอ้ ยครั้ง
ท่ี รายการประเมิน คะแนน ข้อคิดเหน็
32 1
1 การเตรียมความพร้อม
2 เนอื้ หาสาระครอบคลุมชัดเจน
3 ความถกู ต้องของเนอ้ื หา
4 การมีสว่ นรว่ มของสมาชิกใน
กลมุ่
5 รูปแบบการนำเสนอ
รวม
เกณฑ์การประเมนิ
รอ้ ยละ 75 ขึน้ ไป ( 11 – 15 คะแนน) ผา่ นเกณฑ์
น้อยกว่ารอ้ ยละ 75 ( 0 – 10 คะแนน ) ไมผ่ ่านเกณฑ์
ลงชอ่ื ........................................................ ผูส้ อน
(นางสาวสภุ าวณิ ี เพม่ิ ทอง)
วันที่ ............ เดือน ........................ พ.ศ..............
360
เกณฑก์ ารให้คะแนน
ประเด็นทีป่ ระเมนิ เกณฑ์การใหค้ ะแนน
321
การเตรียมความพร้อม ดำเนินการตามแผนท่ี ดำเนินการตามแผนที่ ไม่สามารถดำเนินการ
วางไว้ ใช้อุปกรณ์และ วางไว้ ใช้อุปกรณ์และ ตามแผนที่วางไว้
สื่อประกอบได้ถูกต้อง สื่อประกอบได้ถูกต้อง
คล่องแคล่ว และเสร็จ แต่ไมค่ ล่องแคล่ว
ทันเวลา
เนือ้ หาสาระ เน ื้อหาถูก ต้อง มี เน ื้อ หาถูก ต้อง มี เนื้อหาถูกต้องแต่ให้
ครอบคลุมชัดเจน สาระสำคัญครบถ้วน สาระสำคัญ แต่ยังไม่ สาระสำคัญน้อยมาก
และระบุแหล่งที่มา ครบถ้วน มีการระบุ และไม่ระบุแหล่งที่มา
ของความรู้ชดั เจน แหล่งทมี่ าของความรู้ ของความรู้
ความถูกต้องของ เนื้อหาสาระถกู ตอ้ ง ส่วนใหญ่เนื้อหาสาระ เน้ือหาสาระไม่ถกู ต้อง
เนื้อหา
ครบถว้ น ถูกต้อง
การมสี ว่ นรว่ มของ
สมาชิกในกลุ่ม มีส่วนร่วมสมำ่ เสมอ มีส่วนร่วมบางครั้ง มีส่วนร่วมน้อยครั้ง/
รปู แบบการนำเสนอ ขาดการมสี ่วนร่วม
มีรูปแบบน่าสนใจ มี ร ู ป แ บ บ มี ไม่มีรูปแบบน่าสนใจ
ค ว า ม ส ั ม พ ั น ธ ์ กั บ ค ว า ม ส ั ม พ ั น ธ ์ กั บ มีความสัมพันธ์กับ
ห ั ว ข ้ อ ท ี ่ ก ำ ห น ด หัวข้อที่กำหนด แต่ไม่ หัวข้อที่กำหนดน้อย
ระบายสีไดส้ วยงาม ดึงดูดความสนใจ มาก
361
362
363
ใบกจิ กรรม เรอื่ ง ประโยชน์และข้อควรคำนึงถงึ ในการใช้เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ
ชือ่ กลุ่ม............................................................................................................ช้ัน..................................
รายช่อื สมาชกิ 1. .........................................................................................เลขที่..................................
2. .........................................................................................เลขท…่ี …............................
3. .........................................................................................เลขที…่ …….........................
4. .........................................................................................เลขที่……….........................
5. .........................................................................................เลขท่ี……............................
6. .........................................................................................เลขท.่ี .................................
คำช้แี จง ให้นกั เรียนเลือกตวั อย่างเทคโนโลยีทางดีเอ็นเอทถ่ี ูกนำมาใช้จรงิ เพอ่ื สืบคน้ ขอ้ มูลและ
อภปิ รายในดา้ นต่าง ๆ
กิจกรรม เร่ือง ประโยชนแ์ ละขอ้ ควรคำนึงถงึ ในการใช้เทคโนโลยีทางดเี อ็นเอ
จุดประสงค์
1. สืบค้นข้อมูล วิเคราะห์ และอภิปรายแนวทางในการนำเทคโนโลยีทางดีเอ็นเอมาใช้ประโยชน์
โดยคำนงึ ถึงความปลอดภัยทางชวี ภาพ ชวี จริยธรรม และผลกระทบตอ่ สงั คม
2. สืบคน้ ข้อมูล วเิ คราะห์ และอธบิ ายความน่าเชื่อถอื ของแหลง่ ขอ้ มูล
แนวทางการจดั กจิ กรรม
ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่มและเลือกตัวอย่างเทคโนโลยีทางดีเอ็นเอที่ถูกนำมาใช้จริงเพื่อสืบค้น
ข้อมูลและอภิปรายในด้านต่าง ๆ ทั้งในแง่ของประโยชน์ ความปลอดภัยทางชีวภาพ ชีวจริยธรรม
และผลกระทบต่อสังคม รวมทั้งแนวทางป้องกันและแก้ไขเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดข้ึน
ตามข้อกังวลเหล่านั้น และให้นักเรียนนำเสนอผลการสืบค้นและอภิปรายของแต่ละกลุ่มใน
รปู แบบตา่ ง ๆ เช่น นำเสนอหนา้ ช้นั เรยี น จดั ทำาแผน่ พบั เขียนบทความลง blog ในอนิ เทอรเ์ นต็
ตวั อยา่ งเทคโนโลยีที่ถูกนำมาใชจ้ ริง เช่น
364
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 16
กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4
15 ชว่ั โมง
หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 7 เรอ่ื ง วิวัฒนาการ 3 ชว่ั โมง
เรอ่ื ง หลักฐานและข้อมลู ทใ่ี ชใ้ นการศึกษาวิวัฒนาการของสิ่งมีชวี ิต ภาคเรียนท่ี 2/2564
ครผู สู้ อน นางสาวสภุ าวิณี เพ่มิ ทอง
ผลการเรยี นร้แู ละสาระการเรียนรเู้ พ่มิ เตมิ
สาระชีววิทยา 2. เข้าใจการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม สมบัติ
และหน้าที่ของสารพันธกุ รรม การเกิดมิวเทชัน เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ หลักฐาน ข้อมูล และแนวคิด
เกี่ยวกับวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต ภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก การเกิดสปีชีส์ใหม่ ความ
หลากหลายทางชีวภาพ กำเนดิ ของส่งิ มชี วี ติ ความหลากหลายของสิง่ มีชวี ิต และอนุกรมวธิ าน รวมท้ัง
นำความร้ไู ปใช้ประโยชน์
ช้นั ผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้เพิ่มเตมิ
ม.4 สืบค้นข้อมูล และอธิบายเกี่ยวกับ หลักฐานที่ทำให้เชื่อว่าสิ่งมีชีวิตมีวิวัฒนาการ เช่น
หลักฐานที่สนับสนุนและข้อมูลที่ใช้ ซากดึกดำบรรพ์ กายวิภาคเปรียบเทียบวทิ ยาเอ็มบริโอ
อธิบายการเกิดวิวัฒนาการของ การแพรก่ ระจายของสิง่ มีชวี ิตทางภูมศิ าสตร์ การศึกษา
ส่งิ มชี วี ติ ทางชีวภูมิศาสตร์ และด้านชวี วิทยาระดับโมเลกุล
มนษุ ยม์ ีการสืบสายวิวัฒนาการมาเป็นเวลานานโดยมี
หลกั ฐานทีส่ นบั สนนุ จากซากดึกดำบรรพข์ องบรรพบุรุษ
มนุษย์ที่ค้นพบ และจากการเปรียบเทียบลำดับเบสบน
DNA ระหวา่ งมนุษยก์ ับไพรเมตอนื่ ๆ
1. กำหนดเป้าหมายของการจดั การเรยี นรู้
1.1 สาระการเรียนรู/้ เนื้อหาการเรียนรู้
เร่อื ง หลักฐานและขอ้ มลู ทใ่ี ช้ในการศึกษาววิ ัฒนาการของสง่ิ มชี ีวติ
1) ซากดึกดำบรรพ์
2) กายวภิ าคเปรียบเทยี บ
3) วทิ ยาเอม็ บริโอ
365
4) ชีววทิ ยาโมเลกลุ
5) การแพร่กระจายของส่งิ มชี ีวติ ทางภูมศิ าสตร์
1.2 สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอดของเร่อื งทเ่ี ขยี น
สิ่งมีชีวิตในปัจจุบันเป็นลูกหลานที่มีลักษณะที่แตกต่างจากบรรพบุรุษในอดีต โดยผ่านการ
เปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมทีละเล็กทีละน้อย มีการสะสมลักษณะที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมใน
ขณะนั้น ๆ เป็นเวลานานหลายชั่วรุ่น การเปลี่ยนแปลงของสิ่งมีชีวิตจากอดีตจนถึงปัจจุบัน เรียกว่า
วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต หลักฐานที่บ่งบอกวา่ สิ่งมีชีวิตมีวิวฒั นาการศึกษาได้จาก ซากดึกดำาบรรพ์
กายวิภาคเปรียบเทียบวิทยาเอ็มบริโอ ชีววิทยาโมเลกุล และการแพร่กระจายของสิ่งมีชีวิตทาง
ภูมิศาสตร์ เป็นต้น
1.3 จดุ ประสงค์การเรียนรู้: เม่อื ผเู้ รียนจบกิจกรรมการเรียนรู้ ผเู้ รยี นสามารถ
ดา้ นความรู้ (K: Knowledge) อธิบายเกี่ยวกับหลักฐานต่าง ๆ ที่สนับสนุน
และข้อมูลที่ใช้อธิบายการเกิดวิวัฒนาการของ
สิง่ มีชีวิตได้
ดา้ นทักษะกระบวนการ (P: Process) สืบค้นข้อมูล และนำเสนอเกี่ยวกับหลักฐาน
ต่าง ๆ ที่สนับสนุน และข้อมูลที่ใช้อธิบายการ
เกิดววิ ัฒนาการของสงิ่ มีชีวติ ได้
ด้านคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A: Attribute) ทำงานรว่ มกบั ผอู้ ่นื , รบั ผดิ ชอบต่อการทำงาน,
แสดงคงามคิดเห็น, นำเสนอผลงานหน้าชั้นเรยี น
ได้
ด้านทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
(Sc.P: Science Process Skill)
การสังเกต การลงความเห็นจากขอ้ มลู
การวดั การกำหนดและควบคุมตวั แปร
การคำนวณ/การใช้ตวั เลข การกำหนดนิยามเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร
การจำแนกประเภท การต้ังสมมติฐาน
การจัดกระทำและส่อื ความหมายข้อมูล การทดลอง
การหาความสมั พนั ธ์ระหว่างสเปสกบั สเปส การตคี วามหมายข้อมลู และลงขอ้ สรปุ
และสเปสกบั เวลา การสรา้ งแบบจำลอง
การพยากรณ/์ การทำนาย
366
2. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้แบบ 5E
2.1 ขนั้ สรา้ งความสนใจ (Engagement)
2.1.1 ครนู ำเสนอวดิ ีโอจากยูทปู เร่ือง สารคดสี ำรวจโลก ตอน ววิ ฒั นาการแห่งชีวติ โดยอาจใช้
ตัวอย่างคำถามเพื่อให้นักเรียนอภิปราย ดังนี้ ซากดึกดำบรรพ์ของสิ่งมีชีวิตที่นักเรียนเห็นมีลักษณะ
อย่างไร และมีโครงสร้างใดคล้ายกับสิ่งมีชีวิตในปัจจุบัน เป็นไปได้หรือไม่ว่ามีการเปลี่ยนแปลงของ
สงิ่ มชี วี ติ จากอดตี จนถงึ ปจั จุบัน (แนวคำตอบ: คำตอบนักเรยี นอาจจะมีหลากหลายคำตอบ มีทั้งเปน็ ไป
ไดแ้ ละเป็นไปไม่ได้ทีจ่ ะมกี ารเปลี่ยนแปลง ขนึ้ อยกู่ ับประสบการณ์ของนักเรยี น)
2.1.2 ครูอาจใช้รูปซากดึกดำบรรพ์ของอาร์คีออพเทอริกซ์ (Archaeopteryx) จากภาพนำ
บทในหนงั สอื เรียน โดยอาจใชค้ ำถามเพ่อื นำเขา้ สู่การอภิปราย ดงั นี้
ซากดกึ ดำบรรพข์ องอาร์คอี อพเทอรกิ ซ์น้มี ีโครงสรา้ งใดคลา้ ยกบั สง่ิ มชี ีวิตใดในปัจจุบัน
(แนวคำตอบ: มรี ่องรอยที่ชัดเจนของการมีขนแบบขนนก (feather) ทบ่ี รเิ วณปีกและหางซ่ึงคล้ายกับ
สัตวป์ กี ในปจั จุบันมรี ่องรอยของกระดกู หางยาว ฟันขนาดเล็ก ขามีเกลด็ ซึ่งคลา้ ยกับสัตวเ์ ลื้อยคลานใน
ปจั จุบนั )
จากหลักฐานซากดึกดำบรรพ์ของอาร์คีออพเทอริกซ์นี้เป็นไปได้หรื อไม่ว่า
สัตว์เลอื้ ยคลานและนกในปัจจุบนั จะมีบรรพบรุ ุษร่วมกัน เพราะเหตุใด (แนวคำตอบ: อาจเป็นไปได้ว่า
สัตว์เลื้อยคลานและนกมีบรรพบรุ ุษร่วมกัน เนื่องจากอาร์คีออพเทอริกซ์มีลักษณะบางอย่างคลา้ ยนก
เช่น การมีขนแบบขนนกที่บริเวณปีกและหาง ในขณะเดียวกันก็มีลักษณะบางอย่างคล้าย
สัตว์เลื้อยคลาน เช่น ขามีเกล็ด ฟันขนาดเล็ก กระดูกหางยาว แต่ทั้งคู่ต่างมีวิวัฒนาการของตนเอง
จนกระท่งั ปัจจบุ นั มลี กั ษณะท่แี ตกต่างกนั อย่างชดั เจน)
367
2.2 ข้ันสำรวจและคน้ หา (Exploration)
2.2.1 แบ่งนักเรียนออกเปน็ กล่มุ กลมุ่ ละ 5-6 คน คละความสามารถ เกง่ ปานกลาง ออ่ น
2.2.2 ให้นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มศึกษาและรว่ มกันอภิปรายภายในกลุ่มในหนงั สอื เรียนชีววิทยา 2
หน้า 166 – 178 โดยแบง่ กลุ่มดงั ตอ่ ไปนี้
กลุ่มที่ 1 ซากดึกดำบรรพ์
กลุ่มที่ 2 กายวิภาคเปรียบเทยี บ
กลุม่ ที่ 3 วทิ ยาเอม็ บริโอ
กลมุ่ ท่ี 4 ชีววทิ ยาโมเลกลุ
กลุ่มที่ 5 การแพร่กระจายของสงิ่ มชี ีวิตทางภูมิศาสตร์
2.2.3 ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลของกิจกรรมและองค์ความรู้ที่สรุปได้จาก
การศกึ ษาในหนังสือเรยี นชีววิทยา 2 เพือ่ นำเสนอหน้าชัน้ เรียน
2.3 ข้นั อธบิ ายและลงข้อสรปุ (Explanation)
2.3.1 ให้นักเรยี นแต่ละกลมุ่ ออกมานำเสนอผลของกิจกรรมและองค์ความรู้ท่ีสรปุ ได้ หน้าชั้น
เรยี น
2.3.2 ครแู ละนักเรียนร่วมกนั อภปิ รายผลของกจิ กรรม และนำสรุปองค์ความรู้ ดังนี้
1) ซากดึกดำบรรพ์
ซากดึกดำบรรพ์ คือซากหรือร่องรอยของสิ่งมีชีวิตที่ตายไปแล้วอาจจมอยู่ในน้ำและมีโคลนหรือ
ตะกอนทับถมอย่างรวดเร็ว ทำาให้แร่ธาตุในน้ำซึมเข้าสู่กระดูกและฟันหรือเนื้อเยื่อ และเกิดการตก
ผลึกภายในเนือ้ เย่ือเมื่อผ่านไปเป็นเวลานาน ตวั อย่างซากดึกดำบรรพท์ ีเ่ กิดจากกระบวนการนี้ที่พบใน
ประเทศไทย เช่น โครงกระดูกไดโนเสาร์ที่ขุดพบในจังหวัดขอนแก่น ไม้กลายเป็นหินที่จังหวัด
นครราชสีมา สุสานหอย 45 ล้านปีที่จังหวัดกระบ่ี นอกจากนี้ซากดึกดำบรรพ์ยังอาจเกิดขึ้นได้จาก
สาเหตุอื่น เช่น สิ่งมีชีวติ ที่ถกู รักษาสภาพไว้ในยางสน (อำพัน) รอยพิมพ์ของใบไม้ รอยเท้าไดโนเสาร์
เป็นต้น จากนั้นครูอาจให้ความรู้เพิ่มเติมแก่นักเรียนเกี่ยวกับกระบวนการเกิดซากดึกดำาบรรพ์ใน
ลกั ษณะต่าง ๆ เชน่
- จมอยู่ในน้ำ และมีโคลนหรือตะกอนทบั ถมอยา่ งรวดเร็ว ทำให้แร่ธาตุในน้ำซึมเข้าสู่กระดกู และฟนั
หรอื เนือ้ เยอ่ื และเกดิ การตกผลึกทำให้ส่วนนน้ั ๆ แขง็ ข้ึน
- เกิดเปน็ รอยประทับอยบู่ นชั้นตะกอน เช่น รอยประทบั ของเปลือกหอย
368
- ถกู เก็บรักษาสภาพไวใ้ นยางไม้ เช่น ซากแมลงในอำพนั นอกจากนี้ซากดึกดำบรรพอ์ าจเปน็ รอ่ งรอยที่
เกดิ จากสงิ่ มีชวี ิต เช่น รอยเท้าทอ่ี ยใู่ นชั้นตะกอนมลู สัตวห์ รอื เศษอาหารทอ่ี ย่ใู นกระเพาะ
ส่งิ มีชวี ติ บางชนดิ ท่ีพบมาตัง้ แต่อดีตและยังคงมีลักษณะทใี่ กล้เคียงกับปัจจุบันท้ังสัตว์และพืช
เชน่ ปลาซลี าแคนธ์ แมงดาทะเล หวายทะนอย หญ้าถอดปลอ้ งและแปะกว๊ ย เป็นส่งิ มีชีวติ ทจี่ ัดว่าเป็น
ซากดกึ ดำบรรพ์ท่ีมีชีวติ หรือสงิ่ มีชีวิตคงสภาพดกึ ดำบรรพ์
ซากดึกดำาบรรพท์ มี่ ีอายมุ ากกว่าจะอย่ใู นหินช้ันลา่ งท่ีมอี ายุมากกวา่ และซากดึกดำาบรรพ์ท่ี
มีอายุน้อยกวา่ จะพบอยูใ่ นหินชั้นบนทมี่ อี ายนุ ้อยกว่า นอกจากน้ีซากดกึ ดำาบรรพ์ทีม่ อี ายนุ อ้ ยกวา่ จะมี
โครงสร้างที่ซับซ้อนและมีลักษณะใกล้เคียงกับสิ่งมีชีวิตในปัจจุบันมากกว่าซากดึ กดำาบรรพ์ที่มีอายุ
มาก ดังนั้นซากดึกดำาบรรพ์นอกจากจะเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นลำาดับการเกิดวิวัฒนาการของ
สิ่งมีชีวติ แล้วยงั เป็นหลักฐานทีบ่ ่งช้ีใหเ้ ห็นถงึ การเปล่ียนแปลงของสิ่งมีชีวติ จากอดีตจนถึงปัจจบุ ันอกี
ดว้ ย
369
2) กายวิภาคเปรยี บเทียบ
โครงสร้างของรยางค์คู่หนา้ ของสัตว์ตา่ ง ๆ นม้ี อี งคป์ ระกอบของกระดูกแตล่ ะส่วนคลา้ ยกัน แต่อาจ
เปลี่ยนแปลงรูปร่าง ขนาด และจำนวน เพื่อให้สัมพันธ์กับการทำหน้าที่และการดำรงชีวิตใน
สภาพแวดลอ้ มท่แี ตกต่างกัน จึงเป็นหลกั ฐานสนับสนนุ ว่าสัตว์มกี ระดกู สันหลังเหล่าน้ีมีวิวัฒนาการมา
จากบรรพบรุ ุษรว่ มกัน
3) วิทยาเอ็มบริโอ
เอ็มบริโอในระยะตน้ ของสัตวม์ ีกระดกู สันหลังทุกชนิดในภาพมีลกั ษณะคล้ายกนั แต่ในระยะกลาง
และระยะปลายจะเริ่มมคี วามแตกต่างกันมากขึ้น นอกจากนีเ้ มือ่ เปรียบเทียบรูปร่างของเอ็มบริโอใน
ระยะปลาย จะเหน็ วา่ มนษุ ย์และวัวยังคงมีความคล้ายกันมากกว่าสัตว์ชนิดอืน่ จงึ อาจสนั นิษฐานได้ว่า
มนษุ ย์และววั น่าจะมคี วามสมั พันธ์ท่ีใกล้ชิดกันทางววิ ฒั นาการมากกว่าสัตว์ชนิดอน่ื
4) ชวี วิทยาโมเลกุล
จากข้อเท็จจริงที่ว่าสิ่งมีชีวิตมี DNA เป็นสารพันธุกรรม และใช้รหัสพันธุกรรมเหมือนกันในการ
สังเคราะห์โปรตีน จึงนำไปสู่ข้อสันนิษฐานว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้มีวิวัฒนาการมาจากบรรพบุรุษร่วมกนั
ดังนั้น หลกั ฐานทางด้านชีววิทยาโมเลกุลจงึ เป็นหลกั ฐานทีน่ ่าเช่ือถือไดม้ ากและเป็นหลักฐานสำคัญท่ี
ใชส้ นบั สนุนหลักฐานทางด้านอ่นื ๆ
370
5) การแพร่กระจายของสงิ่ มีชวี ติ ทางภมู ศิ าสตร์
ลักษณะของการแพร่กระจายของส่ิงมีชีวิตทางภูมิศาสตร์ สามารถนำมาใช้เป็นข้อมูลในการตั้งข้อ
สันนิษฐานเกี่ยวกับวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตได้ โดยเมื่อประกอบกับหลักฐานซากดึกดำบรรพ์ และ
หลักฐานทางธรณีวิทยาอื่น ๆ เช่น การที่เคยมีบริเวณที่เช่ือมต่อกันในอดีต หรือการแยกจากกันของ
ทวปี จะทำใหเ้ ขา้ ใจถงึ ววิ ัฒนาการของสิ่งมชี ีวติ นน้ั ไดด้ ีย่ิงขน้ึ
2.3.3 เม่ือเรียนจบหัวข้อนี้แล้วครูอาจให้นักเรียนสรุปประเด็นสำคัญที่ได้จากเนื้อหาเพื่อให้
เขา้ ใจเกี่ยวกับการใชห้ ลกั ฐานตา่ ง ๆ ในการศึกษาวิวฒั นาการ ซึง่ อาจสรุปไดด้ งั นี้
1) การศึกษาซากดกึ ดำบรรพจ์ ะช่วยให้ทราบถึงช่วงเวลาโดยประมาณทสี่ ่งิ มีชีวิตนัน้ ๆ ปรากฏ
ขึ้นในโลก ได้เห็นรูปร่างลักษณะของสิ่งมีชีวิตนั้น ๆ ในอดีต และยังทำให้ทราบได้ว่าสิ่งมีชีวิต
มีการเปลี่ยนแปลงมาอย่างไรจนถึงปัจจุบัน แต่อาจมีข้อจำกัดในแง่ของความสมบูรณ์ของ
ซากดึกดำบรรพ์ที่ปรากฏ จงึ ตอ้ งอาศัยหลกั ฐานทางดา้ นอ่ืน ๆ ประกอบ
2) การเปรยี บเทยี บความคล้ายกนั ของโครงสร้างของส่งิ มีชีวติ ทำให้เหน็ ความสมั พันธ์ทางสาย
ววิ ฒั นาการของสง่ิ มีชีวิตได้
3) สัตว์ที่มีความใกล้ชิดกันทางสายวิวัฒนาการ จะมีพัฒนาการของเอ็มบริโอคล้ายกัน
4) การศึกษาชีววิทยาโมเลกุลเป็นหลักฐานสำคัญที่ใช้สนับสนุนหลักฐานทางด้านอื่น ๆ เพื่อ
บอกถึงความสมั พนั ธข์ องสายววิ ฒั นาการของสง่ิ มชี วี ติ
5) สิ่งมีชีวิตที่มีความใกล้ชิดกันทางสายวิวัฒนาการ อาจพบได้ในบริเวณที่อยู่ห่างไกลกัน มี
สภาพแวดลอ้ มต่างกนั จึงมีวิวฒั นาการปรบั เปลีย่ นไปตามสภาพแวดลอ้ มท่ีอาศัยอยู่
2.4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration)
2.4.1 ครูควรให้ความรู้เพิ่มเติมแก่นักเรียนด้วยว่าในการคาดคะเนลักษณะของสิ่งมีชีวิตใน
อดตี นั้นนักวทิ ยาศาสตร์ต้องใช้ข้อมูลและรายละเอียดต่าง ๆ เช่น ร่องรอย สภาพแวดล้อมของโลกใน
371
ยุคนัน้ ความสมั พันธร์ ะหว่างโครงสร้างกับหน้าที่ และความสัมพันธร์ ะหวา่ งสภาพแวดล้อมกับส่ิงมีชีวิต
เปน็ ตน้ มาประกอบกับข้อมูลของซากดกึ ดำบรรพ์จงึ สามารถคาดคะเนลกั ษณะของสิ่งมชี ีวติ นน้ั ได้
2.5 ข้นั ประเมิน (Evaluation)
2.5.1 ครูให้นักเรยี นตอบคำถามในเว็บ Quizizz จำนวน 10 ข้อ เรอื่ ง หลักฐานและข้อมูลท่ีใช้
ในการศึกษาววิ ัฒนาการของสงิ่ มีชีวติ
3. สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งการเรยี นรู้
3.1 หนังสอื เรยี นรายวชิ าเพ่ิมเตมิ ชีววิทยา 2
3.2 PowerPoint เร่อื ง หลักฐานและขอ้ มลู ท่ใี ชใ้ นการศกึ ษาวิวฒั นาการของส่ิงมีชีวิต
3.3 เว็บ Quizizz จำนวน 10 ข้อ เรื่อง หลักฐานและข้อมูลที่ใช้ในการศึกษาวิวัฒนาการของ
สง่ิ มชี วี ติ
4. การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ วิธกี ารวัดผลการเรยี นรู้ เกณฑก์ ารประเมนิ ผล
ด้านความรู้ (K: Knowledge) การตอบคำถาม ผ่านเกณฑ์ไมน่ อ้ ยกว่า
อธบิ ายเกีย่ วกบั หลกั ฐานต่าง ๆ ที่ การนำเสนอผลงาน ร้อยละ 75
สนบั สนุน และข้อมูลท่ใี ช้อธิบายการ
เกดิ วิวฒั นาการของสง่ิ มชี ีวติ ได้
ดา้ นทักษะกระบวนการ (P: Process) สงั เกตพฤติกรรมในการทำงาน ผา่ นเกณฑ์ไมน่ ้อยกวา่
สืบค้นข้อมูล และนำเสนอเกี่ยวกับ การนำเสนอผลงาน ร้อยละ 75
หลักฐานต่าง ๆ ทีส่ นบั สนุน และข้อมลู
ที่ใช้อธิบายการเกิดวิวัฒนาการของ
สิง่ มชี ีวติ ได้
372
ด้านคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A: สงั เกตพฤติกรรมในการทำงาน ผ่านเกณฑไ์ ม่น้อยกว่า
Attribute) รอ้ ยละ 75
ทำงานร่วมกบั ผอู้ นื่ , รบั ผิดชอบตอ่
การทำงาน, แสดงความคดิ เห็น, สงั เกตพฤตกิ รรมในการทำงาน ผ่านเกณฑไ์ ม่นอ้ ยกว่า
นำเสนอผลงานหนา้ ช้นั เรยี นได้ รอ้ ยละ 75
ด้านทกั ษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์
(Sc.P: Science Process Skill)
การสงั เกต
การลงความเหน็ จากขอ้ มลู
373
แบบสงั เกตพฤติกรรม
เรือ่ ง หลักฐานและขอ้ มูลทใ่ี ชใ้ นการศกึ ษาววิ ัฒนาการของสง่ิ มีชีวติ
คำชี้แจง จงทำเครื่องหมาย ลงในช่องที่ตรงกับพฤติกรรมที่ผู้เรียนแสดงออก โดยจำแนกระดับ
พฤตกิ รรมการแสดงออกไวเ้ ป็น 3 คะแนน ดงั นี้
3 คะแนน หมายถึง ผูเ้ รยี นมีพฤติกรรมในระดบั ดี
2 คะแนน หมายถงึ ผเู้ รียนมพี ฤติกรรมในระดับปานกลาง
1 คะแนน หมายถงึ ผเู้ รยี นมีพฤติกรรมในระดบั ปรับปรุง
ช่ือ-สกลุ รายการประเมนิ คะแนน รอ้ ย สรปุ ผลการ
ความใส่ใจ การเสนอ ความ การยอมรับ รวม ละ ประเมนิ
เลขท่ี ในการ ความ รว่ มมอื ใน ฟงั คนอ่นื
ทำงาน คดิ เห็น การทำงาน
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผา่ น ไม่
ผา่ น
1 นายณัฐนนทส์ ุธรรมฤทธิ์
2 นายระพีธาดา วงศค์ ุลี
3 นายจักรกฤษ สีลาแดง
4 นายจกั รภทั ร จันทร์แกว้
5 นายนรภทั ร ศรีทอง
6 นายปรชั ญา ใจบุญ
7 นายประสทิ ธชิ ยั อามาตย์
สมบัติ
8 นายจกั รภทั ร สขุ ณรงค์
9 นายฉัตรดนัย สภุ า
10 นายณฐั พล จันทฤาชา
11 นายณฐั วศั พนมธีร-
เกียรติ
12 นายถิระวฒั น์ แตงเอยี่ ม
13 นายทธั ดนัย สแตนลีย์
14 นายธรี ัตเดช นอ้ ยมนตรี
15 นายนันทวฒุ ิ สุขเกิด
374
ชื่อ-สกลุ รายการประเมิน คะแนน ร้อย สรปุ ผลการ
การยอมรบั รวม ละ ประเมนิ
เลขท่ี ความใส่ใจ การเสนอ ความ ฟังคนอ่ืน
ในการ ความ ร่วมมือใน
ทำงาน คิดเห็น การทำงาน
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผา่ น ไม่
ผ่าน
16 นายนันทศร หไู ธสง
17 นายวชริ วิชญ์ พันพินิจ
18 นายวีรภัทร ครศู รี
19 นายสริ วิชญ์ สมั ฤทธ์ิ
20 น.ส.ปยิ ธิดา อม้ วชิ า
21 น.ส.จรี ะนนั ท์ เเหลย้ ัง
22 น.ส.ปนดั ดา คนดี
23 น.ส.จฑุ ารัตน์ คำเดช
24 น.ส.ชยธิดา สงวนพร
25 น.ส.ณฐั กฤตา หาญโก-
กรวด
26 น.ส.ตติยา อปุ ระโคตร
27 น.ส.ธิดารตั น์ ตอ้ นโสกี
28 น.ส.นครินทร์ สารโี ท
29 น.ส.นภัสสร สำราญบุญ
30 น.ส.ปนดั ดา วรรณบูลย์
31 น.ส.ปิน่ ภทั รา ชินคำ
32 น.ส.ปุณยาพร ทองไชย
33 น.ส.พิชญน์ าฏ ขนั ธวิชัย
34 น.ส.พมิ พร ละดาดาษ
35 น.ส.ภัทรภรณ์ สายสุข
36 น.ส.มณฑาทิพย์ ใจสุข
375
ช่ือ-สกุล รายการประเมนิ คะแนน รอ้ ย สรุปผลการ
การยอมรบั รวม ละ ประเมิน
เลขท่ี ความใส่ใจ การเสนอ ความ ฟงั คนอื่น
ในการ ความ รว่ มมือใน
ทำงาน คิดเห็น การทำงาน
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผ่าน ไม่
ผ่าน
37 น.ส.ณัฏฐธิดา อุปะทะ
38 น.ส.รุจี บุตรนนท์
39 น.ส.วิภวานี แสนโสภา
40 น.ส.สริ ิกญั ญา บตุ รน้อย
41 น.ส.สกุ ฤตา บรรเรือง-
ทอง
42 น.ส.นันทพิ ร โอนากุล
เกณฑก์ ารประเมนิ
รอ้ ยละ 75 ข้ึนไป ( 9 – 12 คะแนน) ผ่านเกณฑ์
นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 75 ( 0 – 8 คะแนน ) ไม่ผา่ นเกณฑ์
ลงชอื่ ........................................................ ผูส้ อน
(นางสาวสุภาวิณี เพิ่มทอง)
วันท่ี ............ เดอื น ........................ พ.ศ..............
376
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
ประเด็นทป่ี ระเมนิ เกณฑ์การให้คะแนน
321
ความใสใ่ จในการ เมื่อเกิดปัญหาหรือไม่ ส่ว น ใหญ ่เมื่อเกิด เมื่อเกิดปัญหาหรือไม่
ทำงาน เข้าใจบทเรียนทุกคร้ัง ปัญหาหรือไม่เข้าใจ เข้าใจบทเรียนทุกคร้ัง
มักซักถามและมีความ บทเรียนทุกครั้งมัก มักซักถามและมีความ
พยายามในการค้นหา ซักถามและมีความ พยายามในการค้นหา
คำตอบอยู่เสมอ พยายามในการค้นหา คำตอบเปน็ บางคร้ัง
คำตอบ
การเสนอความคดิ เหน็ ส ่ ว น ใ ห ญ ่ เ ส น อ เสนอความคิดเห็น ไม่เสนอความคิดเห็น
ความคิดเห็น กล้า กล้าแสดงออกที่จะพูด กล้าแสดงออกที่จะพูด
แสดงออกที่จะพูดใน ใน สิ่ง ที่ถูก หร ือ ดี ในสิง่ ที่ถกู หรอื ดี
ส่งิ ทีถ่ ูกหรอื ดี บางครั้ง
ความรว่ มมือในการ ใหค้ วามร่วมมอื ในการ ส่วนใหญ่ให้ค ว าม ใหค้ วามร่วมมอื ในการ
ทำงาน ทำงานกลมุ่ และ ร่วมมือในการทำงาน ทำงานกลุ่มและ
ปฏบิ ัตงิ านทีส่ มาชิกใน กลุ่มและปฏิบัติงานที่ ปฏิบตั งิ านที่สมาชิกใน
กลมุ่ มอบหมายดว้ ย ส ม า ช ิ ก ใ น ก ลุ่ ม กลุ่มมอบหมายได้เป็น
ความเต็มใจทกุ ครั้ง มอบหมายได้ บางคร้ัง
การยอมรับฟังคนอ่นื ย อ ม ร ั บ ฟ ั ง ค ว า ม ย อ ม ร ั บ ฟ ั ง ค ว า ม ไม่ยอมรับฟังความ
คิดเห็น ที่ดีและ มี คิดเห็น ที่ดีและ มี คิดเห็น ที่ดีและ มี
เหตุผลของผู้อื่นทุก เหตุผลของผู้อื่นบ้าง เหตุผลของผู้อื่น มัก
ค ร ั ้ ง ไ ม ่ ย ึ ด ค ว า ม แต่บาง คร ั้ง จะ ยึ ด ยึดความคิดเห็นของ
คิดเห็นของตนแต่ฝ่าย ความคิดเห็นของตน ตนแต่ฝ่ายเดียว
เดียว
377
แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน
ชอื่ กลมุ่ ...............................................................................................................ชนั้ ............................
รายชื่อสมาชกิ 1. .............................................................................................เลขที่...........................
2. .............................................................................................เลขท.ี่ ..........................
3. .............................................................................................เลขท่.ี ..........................
4. .............................................................................................เลขที่...........................
5. .............................................................................................เลขที.่ ..........................
6. .............................................................................................เลขที่...........................
คำชี้แจง จงทำเครือ่ งหมาย ลงในช่องที่ตรงกบั พฤติกรรมท่ผี ู้เรียนแสดงออก โดยจำแนกระดบั
พฤติกรรมการแสดงออกไวเ้ ป็น 3 คะแนน ดงั น้ี
3 คะแนน หมายถงึ ผู้เรียนมพี ฤติกรรมการแสดงออกอยา่ งสมำ่ เสมอ
2 คะแนน หมายถึง ผู้เรยี นมีพฤติกรรมการแสดงออกเป็นครัง้ คราว
1 คะแนน หมายถงึ ผเู้ รยี นมพี ฤติกรรมการแสดงออกนอ้ ยครั้ง
ท่ี รายการประเมิน คะแนน ข้อคิดเหน็
32 1
1 การเตรียมความพร้อม
2 เนอื้ หาสาระครอบคลุมชัดเจน
3 ความถกู ต้องของเนอ้ื หา
4 การมีสว่ นรว่ มของสมาชิกใน
กลมุ่
5 รูปแบบการนำเสนอ
รวม
เกณฑ์การประเมนิ
รอ้ ยละ 75 ขึน้ ไป ( 11 – 15 คะแนน) ผา่ นเกณฑ์
น้อยกว่ารอ้ ยละ 75 ( 0 – 10 คะแนน ) ไมผ่ ่านเกณฑ์
ลงชอ่ื ........................................................ ผูส้ อน
(นางสาวสภุ าวณิ ี เพม่ิ ทอง)
วันที่ ............ เดือน ........................ พ.ศ..............
378
เกณฑก์ ารให้คะแนน
ประเด็นทีป่ ระเมนิ เกณฑ์การใหค้ ะแนน
321
การเตรียมความพร้อม ดำเนินการตามแผนท่ี ดำเนินการตามแผนที่ ไม่สามารถดำเนินการ
วางไว้ ใช้อุปกรณ์และ วางไว้ ใช้อุปกรณ์และ ตามแผนที่วางไว้
สื่อประกอบได้ถูกต้อง สื่อประกอบได้ถูกต้อง
คล่องแคล่ว และเสร็จ แต่ไมค่ ล่องแคล่ว
ทันเวลา
เนือ้ หาสาระ เน ื้อหาถูก ต้อง มี เน ื้อ หาถูก ต้อง มี เนื้อหาถูกต้องแต่ให้
ครอบคลุมชัดเจน สาระสำคัญครบถ้วน สาระสำคัญ แต่ยังไม่ สาระสำคัญน้อยมาก
และระบุแหล่งที่มา ครบถ้วน มีการระบุ และไม่ระบุแหล่งที่มา
ของความรู้ชดั เจน แหล่งทมี่ าของความรู้ ของความรู้
ความถูกต้องของ เนื้อหาสาระถกู ตอ้ ง ส่วนใหญ่เนื้อหาสาระ เน้ือหาสาระไม่ถกู ต้อง
เนื้อหา
ครบถว้ น ถูกต้อง
การมสี ว่ นรว่ มของ
สมาชิกในกลุ่ม มีส่วนร่วมสมำ่ เสมอ มีส่วนร่วมบางครั้ง มีส่วนร่วมน้อยครั้ง/
รปู แบบการนำเสนอ ขาดการมสี ่วนร่วม
มีรูปแบบน่าสนใจ มี ร ู ป แ บ บ มี ไม่มีรูปแบบน่าสนใจ
ค ว า ม ส ั ม พ ั น ธ ์ กั บ ค ว า ม ส ั ม พ ั น ธ ์ กั บ มีความสัมพันธ์กับ
ห ั ว ข ้ อ ท ี ่ ก ำ ห น ด หัวข้อที่กำหนด แต่ไม่ หัวข้อที่กำหนดน้อย
ระบายสีไดส้ วยงาม ดึงดูดความสนใจ มาก