379
380
381
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 17
กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 4
15 ชัว่ โมง
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 7 เรือ่ ง ววิ ัฒนาการ 3 ชั่วโมง
เรอื่ ง แนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของส่งิ มีชีวิต ภาคเรียนท่ี 2/2564
ครูผูส้ อน นางสาวสุภาวณิ ี เพ่ิมทอง
ผลการเรยี นรูแ้ ละสาระการเรยี นรู้เพิม่ เติม
สาระชีววิทยา 2. เข้าใจการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม สมบัติ
และหน้าที่ของสารพันธกุ รรม การเกิดมิวเทชัน เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ หลักฐาน ข้อมูล และแนวคิด
เกี่ยวกับวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต ภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก การเกิดสปีชีส์ใหม่ ความ
หลากหลายทางชีวภาพ กำเนดิ ของสิง่ มีชีวติ ความหลากหลายของสง่ิ มีชวี ติ และอนกุ รมวิธาน รวมทั้ง
นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
ชน้ั ผลการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้เพมิ่ เตมิ
ม.4 อธิบาย และเปรียบเทียบแนวคิด ฌอง ลามาร์ก ได้เสนอแนวคิดเพื่ออธิบายเกี่ยวกับ
เกี่ยวกับวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต วิวฒั นาการของสิ่งมีชีวิตว่า สงิ่ มีชีวติ มกี ารเปล่ียนแปลง
ของฌอง ลามาร์กและ ท ฤ ษฎี โครงสร้างให้เข้ากับสภาพแวดล้อมโดยอาศัยกฎการใช้
เกี่ยวกับวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต และไมใ่ ช้ และกฎแห่งการถา่ ยทอดลักษณะท่ีเกิดข้ึนมา
ของชาลส์ ดารว์ นิ ใหม่
ชาลส์ ดาร์วิน เสนอทฤษฎีเกี่ยวกับวิวัฒนาการของ
สิ่งมีชีวิตว่า เกิดจากการคัดเลือกโดยธรรมชาติโดย
สิ่งมชี ีวติ มีแนวโน้มทจ่ี ะใหก้ ำเนดิ ลูกที่มลี กั ษณะแตกต่าง
กันจำนวนมาก แต่มีเพียงจำนวนหนึ่งที่เหมาะสมกับ
สภาพแวดล้อมสามารถมีชีวิตรอด และถ่ายทอด
ลักษณะที่เหมาะสมไปยงั รุ่นตอ่ ไปได้
1. กำหนดเป้าหมายของการจัดการเรยี นรู้
1.1 สาระการเรียนร้/ู เนอ้ื หาการเรียนรู้
เรอ่ื ง แนวคิดเก่ียวกบั วิวฒั นาการของส่ิงมชี ีวิต
1) แนวคิดเก่ยี วกบั วิวฒั นาการของลามารก์
382
2) แนวคิดเก่ยี วกับววิ ัฒนาการของดารว์ นิ
1.2 สาระสำคญั /ความคิดรวบยอดของเรือ่ งท่เี ขยี น
แนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตที่สำคัญ ได้แก่ แนวคิดของชอง ลามาร์ก และ
ชาลส์ ดารว์ นิ โดยลามาร์กเสนอแนวคิดเก่ยี วกับววิ ฒั นาการโดยอาศัยกฎการใช้และไม่ใช้ และกฎการ
ถ่ายทอดลกั ษณะที่เกิดขนึ้ มาใหม่ ส่วนดาร์วินเสนอแนวคดิ เกยี่ วกับทฤษฎกี ารคัดเลอื กโดยธรรมชาติ
1.3 จดุ ประสงค์การเรยี นรู้: เม่ือผู้เรียนจบกิจกรรมการเรยี นรู้ ผเู้ รียนสามารถ
ดา้ นความรู้ (K: Knowledge) อธบิ ายเก่ยี วกบั กฎการใช้และไม่ใช้และกฎการ
ถ่ายทอดลกั ษณะทเี่ กิดขนึ้ ใหมข่ องลามารก์ ได้
อ ธ ิ บ า ย เ ก ี ่ ย ว ก ั บ ท ฤ ษ ฎ ี ก า ร ค ั ด เ ล ื อ ก โ ด ย
ธรรมชาติของดาร์วิน และยกตัวอย่าง
วิวัฒนาการของส่งิ มีชีวิตซ่ึงผ่านการคดั เลือกโดย
ธรรมชาติ
อภิปรายและเปรียบเทียบแนวคิดเกี่ยวกับ
ววิ ัฒนาการของลามาร์กและดาร์วนิ
ดา้ นทักษะกระบวนการ (P: Process) สืบค้นข้อมูลและนำเสนอเกี่ยวกับกฎการใช้
และไม่ใช้และกฎการถ่ายทอดลักษณะที่เกิดขึน้
ใหม่ของลามาร์กและทฤษฎีการคัดเลือกโดย
ธรรมชาตขิ องดารว์ ิน
ดา้ นคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (A: Attribute) ทำงานรว่ มกบั ผูอ้ ่นื , รับผิดชอบต่อการทำงาน,
แสดงคงามคดิ เหน็ , นำเสนอผลงานหน้าชนั้ เรียน
ได้
ดา้ นทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
(Sc.P: Science Process Skill)
การสังเกต การลงความเหน็ จากขอ้ มลู
การวัด การกำหนดและควบคุมตัวแปร
การคำนวณ/การใช้ตัวเลข การกำหนดนิยามเชิงปฏิบัติการ
การจำแนกประเภท การตั้งสมมติฐาน
การจัดกระทำและสอื่ ความหมายขอ้ มูล การทดลอง
การหาความสมั พนั ธ์ระหว่างสเปสกบั สเปส การตคี วามหมายขอ้ มลู และลงขอ้ สรปุ
และสเปสกบั เวลา การสรา้ งแบบจำลอง
383
การพยากรณ์/การทำนาย
2. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้แบบ 5E
2.1 ขัน้ สรา้ งความสนใจ (Engagement)
2.1.1 ครอู าจนำเขา้ สู่บทเรียนโดยพดู คยุ กบั นกั เรยี นวา่ ประจกั ษ์พยานจากหลกั ฐานต่าง ๆ ดังที่
ได้กล่าวมาแลว้ ทำใหท้ ราบว่าสงิ่ มีชีวิตมีการเปล่ียนแปลงหรอื เกิดวิวฒั นาการ
2.1.2 จากนั้นครถู ามนำเขา้ ส่หู วั ขอ้ ตอ่ ไปซงึ่ อาจมีแนวคำถามดังน้ี นักวิทยาศาสตร์ในอดตี และ
ในปัจจบุ ันมีแนวคดิ เกย่ี วกับวิวัฒนาการอยา่ งไร
2.2 ขัน้ สำรวจและค้นหา (Exploration)
2.2.1 แบ่งนกั เรยี นออกเปน็ กลุม่ กลุม่ ละ 5-6 คน คละความสามารถ เก่ง ปานกลาง อ่อน
2.2.2 ให้นักเรยี นแต่ละกลุม่ ศกึ ษาและรว่ มกันอภปิ รายภายในกลมุ่ เรอื่ ง แนวคดิ เกย่ี วกบั
ววิ ฒั นาการของสิ่งมชี ีวิตในหนงั สอื เรียนชีววิทยา 2 หนา้ 178 – 186 และเชือ่ มโยงกับองคค์ วามรใู้ น
แอนิเมชน่ั เรื่อง การคน้ พบของชาลส์ ดาร์วิน และทฤษฎกี ารคดั เลือกโดยธรรมชาติ
2.2.3 ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลของกิจกรรมและองค์ความรู้ที่สรุปได้จาก
การศกึ ษาในหนังสอื เรยี นชวี วิทยา 2 เพือ่ นำเสนอหนา้ ชนั้ เรียน
2.3 ขั้นอธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (Explanation)
2.3.1 ใหน้ ักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ออกมานำเสนอผลของกิจกรรมและองค์ความรู้ที่สรปุ ได้ หน้าชั้น
เรยี น
2.3.2 ครูและนกั เรยี นร่วมกันอภิปรายผลของกจิ กรรม และนำสรุปองค์ความรู้ ดังนี้
384
1) แนวคดิ เกี่ยวกบั ววิ ฒั นาการของลามาร์ก
385
2) แนวคดิ เกี่ยวกบั ววิ ฒั นาการของดารว์ ิน
386
2.4 ขัน้ ขยายความรู้ (Elaboration)
2.4.1 ครูอาจใช้คำถามเพิ่มเติมเพื่อให้นักเรียนเปรียบเทียบแนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของ
ลารม์ าร์กและดาร์วนิ ที่ไดเ้ รยี นมา
นักเรียนคิดว่าแนวคิดเกี่ยวกับววิ ฒั นาการของลามาร์กและดาร์วินเหมือนกันหรือแตกต่าง
กันอย่างไร (แนวคำตอบ: แนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของลามาร์กและดาร์วินเหมือนกัน คือ
สภาพแวดล้อมเป็นแรงผลักดันที่ทำให้สิ่งมีชีวิตมีวิวัฒนาการ โดยลักษณะที่เหมาะสมกั บ
สภาพแวดล้อมจะอยู่รอดแต่มีข้อแตกต่างคือ แนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของลามาร์กเป็นการ
เปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับสิ่งมีชีวิตซ่ึงเป็นผลมาจากการใช้หรือไมใ่ ช้โครงสร้าง และสามารถถ่ายทอด
ลักษณะนั้นไปยังรุน่ ต่อไปได้ ในขณะที่แนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของดาร์วิน กล่าวคือลักษณะของ
สิ่งมีชีวิตมีความแตกต่างที่เรียกว่าความแปรผันของลักษณะ ซึ่งสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะท่ี
เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมทด่ี ำรงชีวติ อยู่ จะมีโอกาสอยู่รอดและสืบพันธต์ุ อ่ ไปได้)
2.4.2 ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปรียบเทียบแนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของลามาร์ก
และดารว์ ิน
387
2.4.3 ครใู ห้ความรู้เพม่ิ เติมเกย่ี วกบั การคัดเลอื กโดยธรรมชาติในชวี ิตประจำวัน : การดอื้ ยา
ปฏชิ วี นะ
2.5 ข้ันประเมนิ (Evaluation)
2.5.1 ครใู ห้นักเรียนทำใบงานที่ 12 เรอ่ื ง แนวคิดเกี่ยวกับววิ ฒั นาการของสง่ิ มชี วี ิต
388
3. สอ่ื /อปุ กรณ/์ แหลง่ การเรยี นรู้
3.1 หนังสือเรยี นรายวิชาเพิ่มเตมิ ชีววิทยา 2
3.2 PowerPoint เร่อื ง แนวคิดเกย่ี วกับววิ ฒั นาการของสงิ่ มชี วี ติ
3.3 แอนิเมช่นั เร่อื ง การคน้ พบของชาลส์ ดารว์ ิน และทฤษฎกี ารคดั เลอื กโดยธรรมชาติ
3.4 ใบงานท่ี 12 เรอ่ื ง แนวคดิ เกยี่ วกับวิวัฒนาการของสง่ิ มชี วี ติ
4. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้
จุดประสงค์การเรยี นรู้ วธิ กี ารวัดผลการเรียนรู้ เกณฑก์ ารประเมนิ ผล
ด้านความรู้ (K: Knowledge) การตอบคำถาม ผา่ นเกณฑ์ไมน่ อ้ ยกว่า
อธิบายเกี่ยวกับกฎการใช้และไม่ใช้ การนำเสนอผลงาน รอ้ ยละ 75
และกฎการถ่ายทอดลักษณะที่เกิดขึ้น การตรวจแบบฝึกหัด
ใหม่ของลามาร์กได้
อธิบายเกี่ยวกับทฤษฎีการคัดเลือก
โดยธรรมชาติของดาร์วิน และ
ยกตวั อย่างววิ ัฒนาการของสิ่งมีชีวิตซ่ึง
ผา่ นการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
อภปิ รายและเปรียบเทยี บแนวคิด
เกย่ี วกับววิ ัฒนาการของลามาร์กและ
ดารว์ ิน
ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P: Process) สงั เกตพฤติกรรมในการทำงาน ผา่ นเกณฑไ์ มน่ อ้ ยกว่า
สืบคน้ ขอ้ มูลและนำเสนอเกี่ยวกับกฎ การนำเสนอผลงาน ร้อยละ 75
การใช้และไม่ใช้และกฎการถ่ายทอด
ลักษณะท่เี กิดขน้ึ ใหมข่ องลามาร์กและ
ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติของ
ดาร์วนิ
ด้านคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ (A: สงั เกตพฤตกิ รรมในการทำงาน ผา่ นเกณฑ์ไมน่ อ้ ยกวา่
Attribute) รอ้ ยละ 75
ทำงานร่วมกับผูอ้ นื่ , รับผิดชอบต่อ
การทำงาน, แสดงความคดิ เห็น,
นำเสนอผลงานหน้าชน้ั เรียนได้
ด้านทกั ษะกระบวนการทาง สงั เกตพฤติกรรมในการทำงาน ผา่ นเกณฑไ์ ม่น้อยกว่า
วิทยาศาสตร์ ร้อยละ 75
389
(Sc.P: Science Process Skill)
การสังเกต
การลงความเหน็ จากขอ้ มลู
390
แบบสังเกตพฤติกรรม
เรื่อง แนวคิดเกีย่ วกบั วิวฒั นาการของส่ิงมีชวี ิต
คำชี้แจง จงทำเครื่องหมาย ลงในช่องที่ตรงกับพฤติกรรมที่ผู้เรียนแสดงออก โดยจำแนกระดับ
พฤติกรรมการแสดงออกไวเ้ ป็น 3 คะแนน ดังนี้
3 คะแนน หมายถงึ ผู้เรียนมพี ฤตกิ รรมในระดบั ดี
2 คะแนน หมายถึง ผ้เู รียนมีพฤตกิ รรมในระดบั ปานกลาง
1 คะแนน หมายถึง ผเู้ รยี นมีพฤตกิ รรมในระดบั ปรบั ปรงุ
ชื่อ-สกุล รายการประเมนิ คะแนน ร้อย สรปุ ผลการ
ความใส่ใจ การเสนอ ความ การยอมรบั รวม ละ ประเมิน
เลขท่ี ในการ ความ ร่วมมอื ใน ฟังคนอ่นื
ทำงาน คดิ เหน็ การทำงาน
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผ่าน ไม่
ผา่ น
1 นายณัฐนนทส์ ุธรรมฤทธ์ิ
2 นายระพีธาดา วงศค์ ุลี
3 นายจักรกฤษ สีลาแดง
4 นายจกั รภทั ร จนั ทร์แก้ว
5 นายนรภทั ร ศรีทอง
6 นายปรชั ญา ใจบุญ
7 นายประสทิ ธิชัย อามาตย์
สมบัติ
8 นายจักรภัทร สขุ ณรงค์
9 นายฉัตรดนัย สภุ า
10 นายณฐั พล จนั ทฤาชา
11 นายณฐั วัศ พนมธรี -
เกียรติ
12 นายถิระวัฒน์ แตงเอีย่ ม
13 นายทธั ดนัย สแตนลยี ์
14 นายธีรัตเดช นอ้ ยมนตรี
15 นายนันทวุฒิ สขุ เกิด
391
ชื่อ-สกลุ รายการประเมิน คะแนน ร้อย สรปุ ผลการ
การยอมรบั รวม ละ ประเมนิ
เลขท่ี ความใส่ใจ การเสนอ ความ ฟังคนอ่ืน
ในการ ความ ร่วมมือใน
ทำงาน คิดเห็น การทำงาน
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผา่ น ไม่
ผ่าน
16 นายนันทศร หไู ธสง
17 นายวชริ วิชญ์ พันพินิจ
18 นายวีรภัทร ครศู รี
19 นายสริ วิชญ์ สมั ฤทธ์ิ
20 น.ส.ปยิ ธิดา อม้ วชิ า
21 น.ส.จรี ะนนั ท์ เเหลย้ ัง
22 น.ส.ปนดั ดา คนดี
23 น.ส.จฑุ ารัตน์ คำเดช
24 น.ส.ชยธิดา สงวนพร
25 น.ส.ณฐั กฤตา หาญโก-
กรวด
26 น.ส.ตติยา อปุ ระโคตร
27 น.ส.ธิดารตั น์ ตอ้ นโสกี
28 น.ส.นครินทร์ สารโี ท
29 น.ส.นภัสสร สำราญบุญ
30 น.ส.ปนดั ดา วรรณบูลย์
31 น.ส.ปิน่ ภทั รา ชินคำ
32 น.ส.ปุณยาพร ทองไชย
33 น.ส.พิชญน์ าฏ ขนั ธวิชัย
34 น.ส.พมิ พร ละดาดาษ
35 น.ส.ภัทรภรณ์ สายสุข
36 น.ส.มณฑาทิพย์ ใจสุข
392
ช่ือ-สกุล รายการประเมนิ คะแนน รอ้ ย สรุปผลการ
การยอมรบั รวม ละ ประเมิน
เลขท่ี ความใส่ใจ การเสนอ ความ ฟงั คนอื่น
ในการ ความ รว่ มมือใน
ทำงาน คิดเห็น การทำงาน
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผ่าน ไม่
ผ่าน
37 น.ส.ณัฏฐธิดา อุปะทะ
38 น.ส.รุจี บุตรนนท์
39 น.ส.วิภวานี แสนโสภา
40 น.ส.สริ ิกญั ญา บตุ รน้อย
41 น.ส.สกุ ฤตา บรรเรือง-
ทอง
42 น.ส.นันทพิ ร โอนากุล
เกณฑก์ ารประเมนิ
รอ้ ยละ 75 ข้ึนไป ( 9 – 12 คะแนน) ผ่านเกณฑ์
นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 75 ( 0 – 8 คะแนน ) ไม่ผา่ นเกณฑ์
ลงชอื่ ........................................................ ผูส้ อน
(นางสาวสุภาวิณี เพิ่มทอง)
วันท่ี ............ เดอื น ........................ พ.ศ..............
393
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
ประเด็นทป่ี ระเมนิ เกณฑ์การให้คะแนน
321
ความใสใ่ จในการ เมื่อเกิดปัญหาหรือไม่ ส่ว น ใหญ ่เมื่อเกิด เมื่อเกิดปัญหาหรือไม่
ทำงาน เข้าใจบทเรียนทุกคร้ัง ปัญหาหรือไม่เข้าใจ เข้าใจบทเรียนทุกคร้ัง
มักซักถามและมีความ บทเรียนทุกครั้งมัก มักซักถามและมีความ
พยายามในการค้นหา ซักถามและมีความ พยายามในการค้นหา
คำตอบอยู่เสมอ พยายามในการค้นหา คำตอบเปน็ บางคร้ัง
คำตอบ
การเสนอความคดิ เหน็ ส ่ ว น ใ ห ญ ่ เ ส น อ เสนอความคิดเห็น ไม่เสนอความคิดเห็น
ความคิดเห็น กล้า กล้าแสดงออกที่จะพูด กล้าแสดงออกที่จะพูด
แสดงออกที่จะพูดใน ใน สิ่ง ที่ถูก หร ือ ดี ในสิง่ ที่ถกู หรอื ดี
ส่งิ ทีถ่ ูกหรอื ดี บางครั้ง
ความรว่ มมือในการ ใหค้ วามร่วมมอื ในการ ส่วนใหญ่ให้ค ว าม ใหค้ วามร่วมมอื ในการ
ทำงาน ทำงานกลมุ่ และ ร่วมมือในการทำงาน ทำงานกลุ่มและ
ปฏบิ ัตงิ านทีส่ มาชิกใน กลุ่มและปฏิบัติงานที่ ปฏิบตั งิ านที่สมาชิกใน
กลมุ่ มอบหมายดว้ ย ส ม า ช ิ ก ใ น ก ลุ่ ม กลุ่มมอบหมายได้เป็น
ความเต็มใจทกุ ครั้ง มอบหมายได้ บางคร้ัง
การยอมรับฟังคนอ่นื ย อ ม ร ั บ ฟ ั ง ค ว า ม ย อ ม ร ั บ ฟ ั ง ค ว า ม ไม่ยอมรับฟังความ
คิดเห็น ที่ดีและ มี คิดเห็น ที่ดีและ มี คิดเห็น ที่ดีและ มี
เหตุผลของผู้อื่นทุก เหตุผลของผู้อื่นบ้าง เหตุผลของผู้อื่น มัก
ค ร ั ้ ง ไ ม ่ ย ึ ด ค ว า ม แต่บาง คร ั้ง จะ ยึ ด ยึดความคิดเห็นของ
คิดเห็นของตนแต่ฝ่าย ความคิดเห็นของตน ตนแต่ฝ่ายเดียว
เดียว
394
แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน
ชอื่ กลมุ่ ...............................................................................................................ชนั้ ............................
รายชื่อสมาชกิ 1. .............................................................................................เลขที่...........................
2. .............................................................................................เลขท.ี่ ..........................
3. .............................................................................................เลขท่.ี ..........................
4. .............................................................................................เลขที่...........................
5. .............................................................................................เลขที.่ ..........................
6. .............................................................................................เลขที่...........................
คำชี้แจง จงทำเครือ่ งหมาย ลงในช่องที่ตรงกบั พฤติกรรมท่ผี ู้เรียนแสดงออก โดยจำแนกระดบั
พฤติกรรมการแสดงออกไวเ้ ป็น 3 คะแนน ดงั น้ี
3 คะแนน หมายถงึ ผู้เรียนมพี ฤติกรรมการแสดงออกอยา่ งสมำ่ เสมอ
2 คะแนน หมายถึง ผู้เรยี นมีพฤติกรรมการแสดงออกเป็นครัง้ คราว
1 คะแนน หมายถงึ ผเู้ รยี นมพี ฤติกรรมการแสดงออกนอ้ ยครั้ง
ท่ี รายการประเมิน คะแนน ข้อคิดเหน็
32 1
1 การเตรียมความพร้อม
2 เนอื้ หาสาระครอบคลุมชัดเจน
3 ความถกู ต้องของเนอ้ื หา
4 การมีสว่ นรว่ มของสมาชิกใน
กลมุ่
5 รูปแบบการนำเสนอ
รวม
เกณฑ์การประเมนิ
รอ้ ยละ 75 ขึน้ ไป ( 11 – 15 คะแนน) ผา่ นเกณฑ์
น้อยกว่ารอ้ ยละ 75 ( 0 – 10 คะแนน ) ไมผ่ ่านเกณฑ์
ลงชอ่ื ........................................................ ผูส้ อน
(นางสาวสภุ าวณิ ี เพม่ิ ทอง)
วันที่ ............ เดือน ........................ พ.ศ..............
395
เกณฑก์ ารให้คะแนน
ประเด็นทีป่ ระเมนิ เกณฑ์การใหค้ ะแนน
321
การเตรียมความพร้อม ดำเนินการตามแผนท่ี ดำเนินการตามแผนที่ ไม่สามารถดำเนินการ
วางไว้ ใช้อุปกรณ์และ วางไว้ ใช้อุปกรณ์และ ตามแผนที่วางไว้
สื่อประกอบได้ถูกต้อง สื่อประกอบได้ถูกต้อง
คล่องแคล่ว และเสร็จ แต่ไมค่ ล่องแคล่ว
ทันเวลา
เนือ้ หาสาระ เน ื้อหาถูก ต้อง มี เน ื้อ หาถูก ต้อง มี เนื้อหาถูกต้องแต่ให้
ครอบคลุมชัดเจน สาระสำคัญครบถ้วน สาระสำคัญ แต่ยังไม่ สาระสำคัญน้อยมาก
และระบุแหล่งที่มา ครบถ้วน มีการระบุ และไม่ระบุแหล่งที่มา
ของความรู้ชดั เจน แหล่งทมี่ าของความรู้ ของความรู้
ความถูกต้องของ เนื้อหาสาระถกู ตอ้ ง ส่วนใหญ่เนื้อหาสาระ เน้ือหาสาระไม่ถกู ต้อง
เนื้อหา
ครบถว้ น ถูกต้อง
การมสี ว่ นรว่ มของ
สมาชิกในกลุ่ม มีส่วนร่วมสมำ่ เสมอ มีส่วนร่วมบางครั้ง มีส่วนร่วมน้อยครั้ง/
รปู แบบการนำเสนอ ขาดการมสี ่วนร่วม
มีรูปแบบน่าสนใจ มี ร ู ป แ บ บ มี ไม่มีรูปแบบน่าสนใจ
ค ว า ม ส ั ม พ ั น ธ ์ กั บ ค ว า ม ส ั ม พ ั น ธ ์ กั บ มีความสัมพันธ์กับ
ห ั ว ข ้ อ ท ี ่ ก ำ ห น ด หัวข้อที่กำหนด แต่ไม่ หัวข้อที่กำหนดน้อย
ระบายสีไดส้ วยงาม ดึงดูดความสนใจ มาก
396
397
398
ใบงานท่ี 12
เร่ือง แนวคดิ เก่ียวกบั ววิ ฒั นาการของสง่ิ มีชีวติ
คำชแี้ จง : ระบชุ ่อื นักวทิ ยาศาสตรท์ ีเ่ สนอแนวคิดเกีย่ วกบั วิวัฒนาการของส่งิ มชี วี ติ ต่อไปนใ้ี หถ้ ูกต้อง
ขอ้ แนวคิดเกยี่ วกับวิวัฒนาการ นกั วิทยาศาสตร์ผเู้ สนอแนวคดิ
1 การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของสิ่งมีชีวิตที่เกิดข้ึน
จากการใช้และไม่ใช้ จะยังคงอยู่ภายในชั่วรุ่นน้ัน .........................................................
และสามารถถา่ ยทอดไปยงั รุ่นลูกหลานต่อไปได้
2 สิ่งมีชีวิตแต่ละตัวจะมีความสามารถในการอยู่รอด
และถ่ายทอดลักษณะต่าง ๆ เหล่านั้นไปยังสิ่งมีชีวติ .........................................................
รุ่นลูกหลานได้แตกต่างกัน
3 การอยู่รอดของสมาชิกในสิ่งแวดล้อมเป็นผลมาจาก
ลักษณะทางพันธุกรรมที่แตกต่างกัน สิ่งมีชีวิตที่มี
ลักษณะเหมาะสมกับสิ่งแวดล้อมจะมีโอกาสอยู่รอด .........................................................
และให้กำเนิดลูกหลานได้มากกว่าสิ่งมีชีวิตที่มี
ลักษณะไม่เหมาะสมกบั สิง่ แวดล้อม
4 อวัยวะส่วนใดของส่ิงมีชีวิตที่มีการใช้งานมากในการ
ดำรงชีวติ จะมขี นาดใหญแ่ ละแข็งแรงข้ึน สว่ นอวยั วะ
ใดของสิ่งมีชีวิตที่ไม่คอ่ ยได้ใช้งานจะอ่อนแอลง และ .........................................................
เสื่อมลงไปในท่สี ุด
5 สิ่งมีชีวิตจะมีการปรับตัวเชิงวิวัฒนาการให้สามารถ
ดำรงชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ทำให้เกิดความ
แตกต่างไปจากสปีชีส์เดิมมากขึ้นจนเกิดเป็นสปีชีส์ .........................................................
ใหมใ่ นท่สี ดุ
ช่ือ....................................................................................................เลขท่.ี ..................ห้อง.....................
399
เฉลยใบงานท่ี 12
เรื่อง แนวคดิ เกี่ยวกบั วิวัฒนาการของสง่ิ มชี ีวิต
คำช้ีแจง : ระบุช่อื นกั วทิ ยาศาสตร์ทเี่ สนอแนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของสงิ่ มชี ีวิตต่อไปน้ีให้ถูกตอ้ ง
ข้อ แนวคดิ เกี่ยวกบั ววิ ัฒนาการ นักวทิ ยาศาสตรผ์ ู้เสนอแนวคดิ
1 การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของสิ่งมีชีวิตที่เกิดจาก
การใชแ้ ละไมใ่ ช้ ซ่งึ จะยงั คงอยภู่ ายในชัว่ ร่นุ น้ัน และ ..................ฌ....อ..ง...ล..า..ม...า..ร..ก์ ...................
สามารถถา่ ยทอดไปยงั ร่นุ ลูกหลานตอ่ ไปได้
2 สิ่งมีชีวิตแต่ละตัวจะมีความสามารถในการอยู่รอด
และถ่ายทอดลักษณะตา่ ง ๆ เหล่านั้นไปยังสิ่งมีชีวติ ...................ช...า..ล..ส..์..ด..า..ร..ว์..นิ...................
ร่นุ ลูกหลานได้แตกตา่ งกนั
3 การอยู่รอดของสมาชิกในสิ่งแวดล้อมเป็นผลมาจาก
ลักษณะทางพันธุกรรมที่แตกต่างกัน สิ่งมีชีวิตที่มี
ลักษณะเหมาะสมกับสิ่งแวดล้อมจะมีโอกาสอยูร่ อด .....................ช..า..ล..ส..์..ด..า..ร..ว์..นิ..................
และให้กำเนิดลูกหลานได้มากกว่าสิ่งมีชีวิตที่มี
ลักษณะไม่เหมาะสมกบั สิ่งแวดล้อม
4 อวัยวะสว่ นใดของสง่ิ มีชวี ิตท่ีมีการใช้งานมากในการ
ดำรงชวี ิตจะมีขนาดใหญแ่ ละแข็งแรงขึน้ ส่วนอวยั วะ
ใดของสิ่งมีชีวิตที่ไม่คอ่ ยได้ใช้งานจะอ่อนแอลง และ ...................ฌ....อ..ง...ล..า..ม...า..ร..ก์ ..................
เสอ่ื มลงไปในทีส่ ุด
5 สิ่งมีชีวิตจะมีการปรับตัวเชิงวิวัฒนาการให้สามารถ
ดำรงชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ทำให้เกิดความ
แตกต่างไปจากสปีชีส์เดิมมากขึ้นจนเกิดเป็นสปีชีส์ ....................ช..า..ล...ส..์.ด...า..ร..ว์ ..นิ ..................
ใหม่ในท่ีสดุ
ชื่อ....................................................................................................เลขที.่ ..................ห้อง.....................
400
แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี 18
กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4
15 ชั่วโมง
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 7 เรอ่ื ง วิวัฒนาการ 3 ชว่ั โมง
เร่อื ง พันธุศาสตร์ประชากร ภาคเรียนท่ี 2/2564
ครูผู้สอน นางสาวสุภาวิณี เพิ่มทอง
ผลการเรยี นรู้และสาระการเรยี นรเู้ พม่ิ เตมิ
สาระชีววิทยา 2. เข้าใจการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม สมบัติ
และหน้าที่ของสารพันธกุ รรม การเกิดมิวเทชัน เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ หลักฐาน ข้อมูล และแนวคิด
เกี่ยวกับวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต ภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก การเกิดสปีชีส์ใหม่ ความ
หลากหลายทางชีวภาพ กำเนิดของส่ิงมชี วี ิต ความหลากหลายของส่งิ มีชวี ิต และอนุกรมวิธาน รวมท้ัง
นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์
ช้นั ผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้เพม่ิ เติม
ม.4 ระบสุ าระสำคญั และอธิบายเง่ือนไข เมื่อประชากรอยู่ในภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก
ของภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบิรก์ โดยประชากรมีขนาดใหญ่ ไม่มีการถ่ายเทยีนระหว่าง
ปัจจัยที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ประชากร ไม่เกิดมิวเทชัน สมาชิกทุกตัวมีโอกาสผสม
ความถี่ของแอลลีลในประชากร พันธ์ไุ ด้เทา่ กัน และไม่เกดิ การคดั เลือกโดยธรรมชาติ จะ
พร้อมทั้งคำนวณหาความถี่ของแอล ทำให้ความถี่ของแอลลีลของลักษณะนน้ั ไมเ่ ปลย่ี นแปลง
ลีลและจีโนไทป์ของประชากรโดยใช้ ไม่ว่าจะผ่านไปกีร่ ุ่นก็ตาม เป็นผลให้ลักษณะนั้นไม่เกิด
หลกั ของฮารด์ ี-ไวนเ์ บริ ก์ ววิ ัฒนาการ
1. กำหนดเปา้ หมายของการจดั การเรียนรู้
1.1 สาระการเรยี นรู้/เนอื้ หาการเรยี นรู้
เรื่อง พันธุศาสตร์ประชากร
1) ความถขี่ องแอลลีลและความถ่ีของจโี นไทป์
2) หลกั การของฮารด์ ี-ไวนเ์ บิร์ก
401
1.2 สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอดของเร่อื งท่เี ขียน
พันธศุ าสตรป์ ระชากร เป็นการศกึ ษาการเปล่ียนแปลงความถ่ีของยีนหรอื ความถี่ของแอลลีลท่ี
เป็นองค์ประกอบทางพันธุกรรมของประชากร ซงึ่ มผี ลต่อการเกิดวิวัฒนาการของสง่ิ มชี ีวิต
เมื่อประชากรอยู่ในภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก ความถี่ของแอลลีลและความถี่ของจีโน
ไทป์ในยีนพูลของประชากรจะคงที่ในทุก ๆ รุ่น ถ้าไม่มีปัจจัยบางอย่างมาเกี่ยวข้อง เป็นผลให้
ประชากรนัน้ ไมเ่ กิดวิวัฒนาการ
1.3 จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้: เมอื่ ผู้เรียนจบกิจกรรมการเรยี นรู้ ผเู้ รียนสามารถ
ด้านความรู้ (K: Knowledge) อธิบายหลักการของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก และระบุ
เงอ่ื นไขของสมดุลฮาร์ดี-ไวน์เบริ ก์ ได้
ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P: Process) คำนวณหาความถ่ขี องแอลลีลและความถี่ของจี
โนไทป์ของประชากรโดยใช้หลักการของฮาร์ดี-
ไวน์เบิรก์
ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A: Attribute) ทำงานร่วมกบั ผอู้ ื่น, รบั ผิดชอบตอ่ การทำงาน,
แสดงคงามคิดเหน็ , นำเสนอผลงานหนา้ ชั้นเรยี น
ได้
ดา้ นทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
(Sc.P: Science Process Skill)
การสังเกต การลงความเหน็ จากขอ้ มลู
การวดั การกำหนดและควบคุมตัวแปร
การคำนวณ/การใช้ตวั เลข การกำหนดนิยามเชิงปฏิบตั กิ าร
การจำแนกประเภท การตงั้ สมมตฐิ าน
การจัดกระทำและสอ่ื ความหมายข้อมูล การทดลอง
การหาความสมั พันธ์ระหว่างสเปสกบั สเปส การตคี วามหมายขอ้ มูลและลงขอ้ สรุป
และสเปสกับเวลา การสรา้ งแบบจำลอง
การพยากรณ/์ การทำนาย
402
2. การจัดกิจกรรมการเรยี นรแู้ บบ 5E
2.1 ขน้ั สร้างความสนใจ (Engagement)
2.1.1 ครูนำเข้าสู่บทเรียนโดยทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับความหมายของประชากร โดยใช้
คำถามวา่ ประชากร หมายความวา่ อยา่ งไร (แนวคำตอบ: สงิ่ มชี ีวติ สปชี ีส์เดยี วกนั ทีอ่ าศัยอยูร่ วมกันใน
พ้ืนทีเ่ ดยี วกันในชว่ งเวลาใดเวลาหน่งึ และสามารถผสมพนั ธุร์ ะหวา่ งกันได้)
2.2 ขน้ั สำรวจและค้นหา (Exploration)
2.2.1 แบง่ นกั เรียนออกเป็นกลุ่ม กลมุ่ ละ 5 - 6 คน คละความสามารถ เกง่ ปานกลาง ออ่ น
2.2.2 ให้นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ศกึ ษาและร่วมกันอภปิ รายภายในกลุ่ม เรอ่ื ง พนั ธุศาสตร์
ประชากร มหี ัวข้อท่ตี ้องศึกษา คอื ความถี่ของแอลลีล ความถี่ของจีโนไทป์ และหลักการของฮารด์ ี-
ไวน์เบริ ก์ ในหนงั สอื เรยี นชีววทิ ยา 2 หนา้ 187 – 192
2.2.3 ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลของกิจกรรมและองค์ความรู้ที่สรุปได้จาก
การศกึ ษาในหนังสอื เรียนชวี วิทยา 2 เพื่อนำเสนอหนา้ ชั้นเรยี น
2.3 ขน้ั อธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation)
2.3.1 ใหน้ กั เรยี นแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลของกิจกรรมและองค์ความรู้ที่สรุปได้ หน้าชั้น
เรียน
2.3.2 ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั อภปิ รายผลของกจิ กรรม และนำสรุปองคค์ วามรู้ ดงั น้ี
1) ความถีข่ องแอลลลี
ขอ้ สรปุ ความถข่ี องแอลลลี คอื จำนวนของแอลลีลใดแอลลีลหนงึ่ ของยนี ท่ีต้องการศึกษาในยีนพูล
ต่อจำนวนแอลลีลทั้งหมดของยีนที่ต้องการศึกษาในยีนพูล เช่น ในการศึกษาลักษณะสีดอกของ
ประชากรไม้ดอกที่ถูกควบคุมโดยยีน 2 แอลลีล คือ R ควบคุมลักษณะดอกสีแดง และ r ควบคุม
ลกั ษณะดอกสีขาวในประชากรไมด้ อก 1,000 ต้น มจี โี นไทปด์ ังน้ี
RR = 640 ตน้ Rr = 320 ตน้ rr = 40 ตน้
สามารถคำนวณหาจำนวนแอลลลี R และ r ได้ดังนี้
จำนวนแอลลีลทงั้ หมด = 1,000 × 2 = 2,000 แอลลีล
จีโนไทป์ RR จำนวน 640 ตน้ จะมแี อลลีล R = 640 + 640 = 1,280 แอลลลี
จีโนไทป์ Rr จำนวน 320 ต้น จะมีแอลลีล R = 320 แอลลีล และแอลลีล r = 320 แอล
ลลี
จโี นไทป์ rr จำนวน 40 ต้น จะมีแอลลีล r = 40 + 40 = 80 แอลลีล
403
ความถีข่ องแอลลลี สามารถคำนวณไดจ้ าก
2) ความถขี่ องจโี นไทป์
ความถี่ของจีโนไทป์ คือ จำนวนสมาชิกท่ีมีจีโนไทป์แตล่ ะแบบของยีนที่ต้องการศึกษาเมื่อคิดเปน็
สัดสว่ นหรอื ร้อยละตอ่ จำนวนสมาชกิ ทั้งหมดในประชากรน้นั จากตัวอยา่ งของประชากรไมด้ อกที่กล่าว
ขา้ งต้น
ความถ่ขี องจีโนไทป์ สามารถคำนวณได้ดังนี้
3) หลักการของฮาร์ดี-ไวนเ์ บิรก์
จากหลักการของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก ประชากรจะอยใู่ นสภาพสมดลุ เม่ืออยู่ภายใต้ข้อกำหนดดังน้ี
1. เปน็ ประชากรขนาดใหญ่ มกี ารจัดคผู่ สมพันธุแ์ บบสุ่ม (random mating)
2. ยนี ทคี่ วบคุมลกั ษณะท่ีศกึ ษา มตี ำแหนง่ อย่บู นออโตโซม (autosome)
3. ไม่มีมวิ เทชัน (no mutation) คือ ไมม่ กี ารเปลี่ยนแปลงรปู แบบของยีน จากแอลลีลหนึ่งไป
เปน็ อกี แอลลีลหนึ่ง
4. ไมม่ กี ารอพยพ (no migration) คือ ไมม่ ีการย้ายถิ่นฐานของสมาชิก จากประชากรหนึ่งไป
ยงั อีกประชากรหนงึ่
5. ไม่มีการคัดเลือก (no selection) คือ ทุกจีโนไทป์ในประชากรมีความสามารถในการอยู่
รอด ผสมพันธ์ุ และผลิตลกู หลานไดเ้ ทา่ ๆ กนั
404
6. การแบ่งเซลล์แบบไมโอซิสดำเนนิ ไปอยา่ งปกติ คอื เซลลส์ ืบพันธ์ุทุกเซลล์ท่ีผลิตได้ สามารถ
ทำหนา้ ทไี่ ด้
ซึ่งถ้าประชากรใดอยู่ภายใต้ข้อกำหนดเหล่านี้ ประชากรดังกล่าวจะมีความถี่แอลลีล และ
ความถจี่ ีโนไทป์คงท่ีในทุกร่นุ ลกั ษณะน้เี รียกว่าสมดุลของประชากร
2.4 ขนั้ ขยายความรู้ (Elaboration)
2.4.1 ครขู ยายความรูด้ ว้ ยคำถามต่อไปน้ี
ถา้ ประชากรน้อี ยู่ในสมดลุ ฮาร์ดี-ไวน์เบริ ์ก ความถ่ีของแอลลลี ดอ้ ยในประชากรมแี นวโนม้
การเปลีย่ นแปลงอยา่ งไรต่อไปในอีก 50 ชวั่ รุน่ (แนวคำตอบ: มแี นวโนม้ คงท่ีไม่มกี ารเปล่ียนแปลง)
เพราะเหตุใดในธรรมชาติ ประชากรส่วนใหญ่จึงไม่อยู่ในสมดุลฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก (แนว
คำตอบ: เนื่องจากในธรรมชาติมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องหลายปัจจัย ประชากรส่วนใหญ่จึงไม่เป็นไปตาม
เง่อื นไขทท่ี ำใหป้ ระชากรอย่ใู นสมดุลฮาร์ดี-ไวน์เบริ ก์ เชน่ มีการเกิดมิวเทชัน หรือเกิดการคัดเลือกโดย
ธรรมชาติอย่ตู ลอดเวลา)
2.4.2 ครูอธิบายให้นักเรียนว่าการนำหลักการของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์กมาใช้ในการคาดคะเน
ความถี่ของแอลลีลที่เกี่ยวข้องกับโรคทางพันธุกรรมได้ ตัวอย่างเช่น การสุ่มประชากรในจังหวัดหนง่ึ
จำนวน 10000 คน พบว่ามีประชากรผิวเผือกจำนวน 4 คน หากประชากรอยู่ในสภาวะสมดุลตาม
ทฤษฎีของฮารด์ ี-ไวนเ์ บิรก์ จะสามารถหาความถ่ีของแอลลลี ที่ทำให้เกิดโรคผิวเผือก และความถ่ีของ
แอลลีลของคนท่เี ปน็ พาหะของโรคได้
405
จากการคำนวณ แสดงวา่ ในประชากรแห่งน้มี ีความถข่ี องแอลลีลทที่ ำให้เกิดโรคผวิ เผือก
เทา่ กบั 0.02 หรือรอ้ ยละ 2 และความถีข่ องแอลลีลท่แี สดงถึงการเปน็ พาหะของโรคผวิ เผอื กเทา่ กับ
0.04 หรือรอ้ ยละ 4
2.5 ขัน้ ประเมนิ (Evaluation)
2.5.1 ครใู หน้ กั เรียนทำใบงานที่ 13 เรอื่ ง การใช้หลกั การของฮาร์ดี-ไวนเ์ บริ ์ก
3. ส่ือ/อุปกรณ์/แหล่งการเรียนรู้
3.1 หนงั สือเรยี นรายวิชาเพิ่มเติม ชวี วทิ ยา 2
3.2 PowerPoint เรื่อง พนั ธุศาสตร์ประชากร
3.3 ใบงานท่ี 13 เรอ่ื ง การใช้หลักการของฮาร์ดี-ไวนเ์ บริ ก์
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ วธิ กี ารวัดผลการเรียนรู้ เกณฑก์ ารประเมินผล
ด้านความรู้ (K: Knowledge) การตอบคำถาม ผา่ นเกณฑไ์ ม่นอ้ ยกว่า
อธบิ ายหลกั การของฮาร์ดี-ไวนเ์ บริ ์ก การนำเสนอผลงาน รอ้ ยละ 75
และระบเุ ง่ือนไขของสมดุลฮารด์ ี-ไวน์
เบริ ์กได้
ดา้ นทักษะกระบวนการ (P: Process) การตรวจแบบฝึกหัด ผ่านเกณฑไ์ มน่ อ้ ยกว่า
คำนวณหาความถี่ของแอลลีลและ ร้อยละ 75
ความถี่ของจีโนไทป์ของประชากรโดย
ใช้หลักการของฮารด์ ี-ไวน์เบิร์ก
ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A: สงั เกตพฤตกิ รรมในการทำงาน ผา่ นเกณฑไ์ ม่นอ้ ยกวา่
Attribute) ร้อยละ 75
ทำงานร่วมกับผอู้ ่นื , รับผดิ ชอบต่อ
การทำงาน, แสดงความคิดเหน็ ,
นำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียนได้
ดา้ นทกั ษะกระบวนการทาง สงั เกตพฤตกิ รรมในการทำงาน ผ่านเกณฑ์ไมน่ ้อยกว่า
วทิ ยาศาสตร์ การตรวจแบบฝึกหดั รอ้ ยละ 75
(Sc.P: Science Process Skill)
การสงั เกต
การคำนวณ/การใช้ตัวเลข
การลงความเห็นจากข้อมลู
406
แบบสังเกตพฤตกิ รรม
เร่ือง พนั ธุศาสตร์ประชากร
คำชี้แจง จงทำเครื่องหมาย ลงในช่องที่ตรงกับพฤติกรรมที่ผู้เรียนแสดงออก โดยจำแนกระดับ
พฤติกรรมการแสดงออกไวเ้ ปน็ 3 คะแนน ดังน้ี
3 คะแนน หมายถงึ ผเู้ รียนมีพฤตกิ รรมในระดับดี
2 คะแนน หมายถงึ ผ้เู รยี นมีพฤติกรรมในระดบั ปานกลาง
1 คะแนน หมายถึง ผูเ้ รียนมีพฤตกิ รรมในระดบั ปรบั ปรงุ
ชือ่ -สกุล รายการประเมนิ คะแนน ร้อย สรปุ ผลการ
ความใส่ใจ การเสนอ ความ การยอมรับ รวม ละ ประเมิน
เลขท่ี ในการ ความ ร่วมมอื ใน ฟังคนอ่ืน
ทำงาน คดิ เห็น การทำงาน
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผ่าน ไม่
ผา่ น
1 นายณฐั นนท์สุธรรมฤทธ์ิ
2 นายระพธี าดา วงศ์คุลี
3 นายจักรกฤษ สลี าแดง
4 นายจักรภทั ร จนั ทร์แกว้
5 นายนรภทั ร ศรีทอง
6 นายปรัชญา ใจบญุ
7 นายประสทิ ธชิ ัย อามาตย์
สมบัติ
8 นายจักรภัทร สุขณรงค์
9 นายฉัตรดนัย สุภา
10 นายณฐั พล จันทฤาชา
11 นายณัฐวศั พนมธีร-
เกยี รติ
12 นายถิระวัฒน์ แตงเอ่ยี ม
13 นายทัธดนยั สแตนลยี ์
14 นายธีรัตเดช น้อยมนตรี
15 นายนันทวุฒิ สุขเกิด
407
ชื่อ-สกลุ รายการประเมิน คะแนน ร้อย สรปุ ผลการ
การยอมรบั รวม ละ ประเมนิ
เลขท่ี ความใส่ใจ การเสนอ ความ ฟังคนอ่ืน
ในการ ความ ร่วมมือใน
ทำงาน คิดเห็น การทำงาน
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผา่ น ไม่
ผ่าน
16 นายนันทศร หไู ธสง
17 นายวชริ วิชญ์ พันพินิจ
18 นายวีรภัทร ครศู รี
19 นายสริ วิชญ์ สมั ฤทธ์ิ
20 น.ส.ปยิ ธิดา อม้ วชิ า
21 น.ส.จรี ะนนั ท์ เเหลย้ ัง
22 น.ส.ปนดั ดา คนดี
23 น.ส.จฑุ ารัตน์ คำเดช
24 น.ส.ชยธิดา สงวนพร
25 น.ส.ณฐั กฤตา หาญโก-
กรวด
26 น.ส.ตติยา อปุ ระโคตร
27 น.ส.ธิดารตั น์ ตอ้ นโสกี
28 น.ส.นครินทร์ สารโี ท
29 น.ส.นภัสสร สำราญบุญ
30 น.ส.ปนดั ดา วรรณบูลย์
31 น.ส.ปิน่ ภทั รา ชินคำ
32 น.ส.ปุณยาพร ทองไชย
33 น.ส.พิชญน์ าฏ ขนั ธวิชัย
34 น.ส.พมิ พร ละดาดาษ
35 น.ส.ภัทรภรณ์ สายสุข
36 น.ส.มณฑาทิพย์ ใจสุข
408
ช่ือ-สกุล รายการประเมนิ คะแนน รอ้ ย สรุปผลการ
การยอมรบั รวม ละ ประเมิน
เลขท่ี ความใส่ใจ การเสนอ ความ ฟงั คนอ่ืน
ในการ ความ รว่ มมือใน
ทำงาน คิดเห็น การทำงาน
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผ่าน ไม่
ผ่าน
37 น.ส.ณัฏฐธิดา อุปะทะ
38 น.ส.รุจี บุตรนนท์
39 น.ส.วิภวานี แสนโสภา
40 น.ส.สริ ิกญั ญา บตุ รน้อย
41 น.ส.สกุ ฤตา บรรเรือง-
ทอง
42 น.ส.นันทพิ ร โอนากุล
เกณฑก์ ารประเมนิ
รอ้ ยละ 75 ข้ึนไป ( 9 – 12 คะแนน) ผ่านเกณฑ์
นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 75 ( 0 – 8 คะแนน ) ไม่ผา่ นเกณฑ์
ลงชอื่ ........................................................ ผูส้ อน
(นางสาวสุภาวิณี เพิ่มทอง)
วันท่ี ............ เดอื น ........................ พ.ศ..............
409
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
ประเด็นทป่ี ระเมนิ เกณฑ์การให้คะแนน
321
ความใสใ่ จในการ เมื่อเกิดปัญหาหรือไม่ ส่ว น ใหญ ่เมื่อเกิด เมื่อเกิดปัญหาหรือไม่
ทำงาน เข้าใจบทเรียนทุกคร้ัง ปัญหาหรือไม่เข้าใจ เข้าใจบทเรียนทุกคร้ัง
มักซักถามและมีความ บทเรียนทุกครั้งมัก มักซักถามและมีความ
พยายามในการค้นหา ซักถามและมีความ พยายามในการค้นหา
คำตอบอยู่เสมอ พยายามในการค้นหา คำตอบเปน็ บางคร้ัง
คำตอบ
การเสนอความคดิ เหน็ ส ่ ว น ใ ห ญ ่ เ ส น อ เสนอความคิดเห็น ไม่เสนอความคิดเห็น
ความคิดเห็น กล้า กล้าแสดงออกที่จะพูด กล้าแสดงออกที่จะพูด
แสดงออกที่จะพูดใน ใน สิ่ง ที่ถูก หร ือ ดี ในสิง่ ที่ถกู หรอื ดี
ส่งิ ทีถ่ ูกหรอื ดี บางครั้ง
ความรว่ มมือในการ ใหค้ วามร่วมมอื ในการ ส่วนใหญ่ให้ค ว าม ใหค้ วามร่วมมอื ในการ
ทำงาน ทำงานกลมุ่ และ ร่วมมือในการทำงาน ทำงานกลุ่มและ
ปฏบิ ัตงิ านทีส่ มาชิกใน กลุ่มและปฏิบัติงานที่ ปฏิบตั งิ านที่สมาชิกใน
กลมุ่ มอบหมายดว้ ย ส ม า ช ิ ก ใ น ก ลุ่ ม กลุ่มมอบหมายได้เป็น
ความเต็มใจทกุ ครั้ง มอบหมายได้ บางคร้ัง
การยอมรับฟังคนอ่นื ย อ ม ร ั บ ฟ ั ง ค ว า ม ย อ ม ร ั บ ฟ ั ง ค ว า ม ไม่ยอมรับฟังความ
คิดเห็น ที่ดีและ มี คิดเห็น ที่ดีและ มี คิดเห็น ที่ดีและ มี
เหตุผลของผู้อื่นทุก เหตุผลของผู้อื่นบ้าง เหตุผลของผู้อื่น มัก
ค ร ั ้ ง ไ ม ่ ย ึ ด ค ว า ม แต่บาง คร ั้ง จะ ยึ ด ยึดความคิดเห็นของ
คิดเห็นของตนแต่ฝ่าย ความคิดเห็นของตน ตนแต่ฝ่ายเดียว
เดียว
410
แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน
ชอื่ กลมุ่ ...............................................................................................................ชนั้ ............................
รายชื่อสมาชกิ 1. .............................................................................................เลขที่...........................
2. .............................................................................................เลขท.ี่ ..........................
3. .............................................................................................เลขท่.ี ..........................
4. .............................................................................................เลขที่...........................
5. .............................................................................................เลขที.่ ..........................
6. .............................................................................................เลขที่...........................
คำชี้แจง จงทำเครือ่ งหมาย ลงในช่องที่ตรงกบั พฤติกรรมท่ผี ู้เรียนแสดงออก โดยจำแนกระดบั
พฤติกรรมการแสดงออกไวเ้ ป็น 3 คะแนน ดงั น้ี
3 คะแนน หมายถงึ ผู้เรียนมพี ฤติกรรมการแสดงออกอยา่ งสมำ่ เสมอ
2 คะแนน หมายถึง ผู้เรยี นมีพฤติกรรมการแสดงออกเป็นครัง้ คราว
1 คะแนน หมายถงึ ผเู้ รยี นมพี ฤติกรรมการแสดงออกนอ้ ยครั้ง
ท่ี รายการประเมิน คะแนน ข้อคิดเหน็
32 1
1 การเตรียมความพร้อม
2 เนอื้ หาสาระครอบคลุมชัดเจน
3 ความถกู ต้องของเนอ้ื หา
4 การมีสว่ นรว่ มของสมาชิกใน
กลมุ่
5 รูปแบบการนำเสนอ
รวม
เกณฑ์การประเมนิ
รอ้ ยละ 75 ขึน้ ไป ( 11 – 15 คะแนน) ผา่ นเกณฑ์
น้อยกว่ารอ้ ยละ 75 ( 0 – 10 คะแนน ) ไมผ่ ่านเกณฑ์
ลงชอ่ื ........................................................ ผูส้ อน
(นางสาวสภุ าวณิ ี เพม่ิ ทอง)
วันที่ ............ เดือน ........................ พ.ศ..............
411
เกณฑก์ ารให้คะแนน
ประเด็นทีป่ ระเมนิ เกณฑ์การใหค้ ะแนน
321
การเตรียมความพร้อม ดำเนินการตามแผนท่ี ดำเนินการตามแผนที่ ไม่สามารถดำเนินการ
วางไว้ ใช้อุปกรณ์และ วางไว้ ใช้อุปกรณ์และ ตามแผนที่วางไว้
สื่อประกอบได้ถูกต้อง สื่อประกอบได้ถูกต้อง
คล่องแคล่ว และเสร็จ แต่ไมค่ ล่องแคล่ว
ทันเวลา
เนือ้ หาสาระ เน ื้อหาถูก ต้อง มี เน ื้อ หาถูก ต้อง มี เนื้อหาถูกต้องแต่ให้
ครอบคลุมชัดเจน สาระสำคัญครบถ้วน สาระสำคัญ แต่ยังไม่ สาระสำคัญน้อยมาก
และระบุแหล่งที่มา ครบถ้วน มีการระบุ และไม่ระบุแหล่งที่มา
ของความรู้ชดั เจน แหล่งทมี่ าของความรู้ ของความรู้
ความถูกต้องของ เนื้อหาสาระถกู ตอ้ ง ส่วนใหญ่เนื้อหาสาระ เน้ือหาสาระไม่ถกู ต้อง
เนื้อหา
ครบถว้ น ถูกต้อง
การมสี ว่ นรว่ มของ
สมาชิกในกลุ่ม มีส่วนร่วมสมำ่ เสมอ มีส่วนร่วมบางครั้ง มีส่วนร่วมน้อยครั้ง/
รปู แบบการนำเสนอ ขาดการมสี ่วนร่วม
มีรูปแบบน่าสนใจ มี ร ู ป แ บ บ มี ไม่มีรูปแบบน่าสนใจ
ค ว า ม ส ั ม พ ั น ธ ์ กั บ ค ว า ม ส ั ม พ ั น ธ ์ กั บ มีความสัมพันธ์กับ
ห ั ว ข ้ อ ท ี ่ ก ำ ห น ด หัวข้อที่กำหนด แต่ไม่ หัวข้อที่กำหนดน้อย
ระบายสีไดส้ วยงาม ดึงดูดความสนใจ มาก
412
413
414
ใบงานที่ 13
เรอ่ื ง การใชห้ ลกั การของฮารด์ ี-ไวน์เบิรก์
คำช้แี จง : คำนวณหาความถ่ีของแอลลีลและความถ่จี โี นไทป์โดยใช้หลกั การของฮาร์ดี-ไวนเ์ บริ ก์ ให้
ถูกต้อง
1. ในประชากรดอกไม้ชนดิ หนงึ่ 2,000 ตน้ ประกอบดว้ ยดอกไมส้ ีแดง (RR) 1,340 ต้น ดอกไม้สีชมพู
(Rr) 420 ต้น และดอกไม้สขี าว (rr) 240 ต้น จงคำนวณหาความถ่ีของแอลลีล R และ r ในประชากร
ดอกไม้
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
2. ผีเส้ือกลางคืนสายพนั ธห์ุ นึง่ มีแอลลลี A ควบคมุ ลกั ษณะตัวสีดำ และแอลลีล a ควบคมุ ลักษณะตัว
สีเทา ในการสำรวจผีเสื้อกลางคืนสายพันธุ์นี้ พบประชากรผีเสื้อสีดำ 960 ตัว และประชากรผีเสื้อสี
เทา 40 ตวั หากประชากรนอ้ี ยใู่ นภาวะสมดลุ ฮารด์ ี-ไวน์เบริ ์ก จำนวนผเี ส้ือกลางคนื สีดำท่ีเปน็ เฮเทอโร
ไซกัสมจี ำนวนก่ตี วั
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
ช่ือ....................................................................................................เลขที.่ ..................ห้อง.....................
415
เฉลยใบงานที่ 13
เรอ่ื ง การใชห้ ลักการของฮาร์ดี-ไวน์เบริ ์ก
คำชแ้ี จง : คำนวณหาความถี่ของแอลลีลและความถ่ีจโี นไทป์โดยใชห้ ลกั การของฮารด์ ี-ไวนเ์ บริ ์ก ให้
ถกู ตอ้ ง
1. ในประชากรดอกไมช้ นดิ หน่ึง 2,000 ตน้ ประกอบด้วยดอกไม้สีแดง (RR) 1,340 ตน้ ดอกไม้สีชมพู
(Rr) 420 ต้น และดอกไมส้ ีขาว (rr) 240 ต้น จงคำนวณหาความถ่ีของแอลลีล R และ r ในประชากร
ดอกไม้
วธิ ีทำ ความถ่ขี องแอลลีล R = (2 x 1,340) + 420
(2 x 2,000)
= 0.775
ความถ่ีของแอลลีล r = (2 x 240) + 420
(2 x 2,000)
= 0.225
ดังนั้น ในประชากรดอกไม้แห่งนม้ี ีความถ่ีของแอลลีล R เท่ากบั 0.775 และมคี วามถี่ของแอลลลี r
เท่ากับ 0.225
2. ผีเส้อื กลางคืนสายพนั ธ์ุหนึ่ง มีแอลลีล A ควบคุมลักษณะตวั สีดำ และแอลลลี a ควบคุมลักษณะตัว
สีเทา ในการสำรวจผีเสื้อกลางคืนสายพันธุ์นี้ พบประชากรผีเสื้อสีดำ 960 ตัว และประชากรผีเสื้อสี
เทา 40 ตวั หากประชากรน้อี ยู่ในภาวะสมดุลฮารด์ ี-ไวน์เบริ ก์ จำนวนผเี ส้อื กลางคนื สดี ำทเี่ ป็นเฮเทอโร
ไซกสั มีจำนวนกต่ี ัว
วิธีทำ ความถข่ี องแอลลีล R = (2 x 1,340) + 420
(2 x 2,000)
= 0.775
ความถ่ีของแอลลลี r = (2 x 240) + 420
(2 x 2,000)
= 0.225
ดงั นั้น ในประชากรดอกไมแ้ ห่งน้ีมีความถ่ีของแอลลีล R เทา่ กบั 0.775 และมคี วามถขี่ องแอลลีล r
เทา่ กับ 0.225
ช่อื ....................................................................................................เลขท่.ี ..................หอ้ ง.....................
416
แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี 19
กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4
15 ช่วั โมง
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 7 เรอื่ ง วิวัฒนาการ 3 ชั่วโมง
เร่ือง ปัจจยั ท่ีทำให้เกดิ การเปลย่ี นแปลงความถ่ีของแอลลลี ภาคเรียนที่ 2/2564
ครูผูส้ อน นางสาวสภุ าวิณี เพ่ิมทอง
ผลการเรียนรแู้ ละสาระการเรียนร้เู พ่มิ เติม
สาระชีววิทยา 2. เข้าใจการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม สมบัติ
และหน้าที่ของสารพันธุกรรม การเกิดมิวเทชัน เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ หลักฐาน ข้อมูล และแนวคิด
เกี่ยวกับวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต ภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก การเกิดสปีชีส์ใหม่ ความ
หลากหลายทางชีวภาพ กำเนิดของสิง่ มีชีวิต ความหลากหลายของส่งิ มีชวี ติ และอนกุ รมวธิ าน รวมท้ัง
นำความร้ไู ปใช้ประโยชน์
ชัน้ ผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้เพมิ่ เติม
ม.4 ระบสุ าระสำคัญ และอธบิ ายเง่ือนไข การเปลี่ยนแปลงความถี่ของยีนหรือแอลลีลใน
ของภาวะสมดุลของฮารด์ ี-ไวน์เบิรก์ ประชากร เกดิ จากปจั จยั หลายประการ นำไปสูก่ ารเกิด
ปัจจัยที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง วิวัฒนาการ
ความถี่ของแอลลีลในประชากร
พร้อมทั้งคำนวณหาความถี่ของแอล
ลีลและจโี นไทป์ของประชากรโดยใช้
หลักของฮาร์ดี-ไวนเ์ บริ ์ก
1. กำหนดเป้าหมายของการจดั การเรยี นรู้
1.1 สาระการเรยี นรู้/เนื้อหาการเรียนรู้
เรอื่ ง ปัจจัยท่ที ำให้เกิดการเปล่ียนแปลงความถี่ของแอลลีล
1.2 สาระสำคญั /ความคิดรวบยอดของเรอ่ื งท่ีเขยี น
ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ได้ใช้ความรู้ทางพันธุศาสตร์ประชากรในการอธิบายการเกิด
วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตและปัจจัยที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความถี่แอลลีลในประชากร ได้แก่
417
เจเนติกดริฟท์แบบสุ่ม การถา่ ยเทยีน การผสมแบบไมส่ มุ่ มิวเทชัน และการคดั เลอื กโดยธรรมชาติ โดย
ปัจจยั ดังกล่าวทำให้ยนี พูลในประชากรเปล่ยี นแปลงหรือเกิดวิวฒั นาการ
1.3 จดุ ประสงค์การเรียนรู้: เมือ่ ผเู้ รียนจบกจิ กรรมการเรียนรู้ ผู้เรยี นสามารถ
ดา้ นความรู้ (K: Knowledge) อธิบายปจั จัยทท่ี ำใหเ้ กดิ การเปลยี่ น
แปลงความถี่ของแอลลีลและความถี่ของจีโน
ไทป์ในประชากรที่ส่งผลต่อวิวัฒนาการของ
สงิ่ มีชวี ิตได้
ด้านทกั ษะกระบวนการ (P: Process) สืบค้นข้อมูล และนำเสนอเกี่ยวกับปัจจัยที่ทำ
ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความถี่ของแอลลีลและ
ความถี่ของจีโนไทป์ในประชากรที่ส่งผลต่อ
วิวฒั นาการของส่งิ มชี วี ติ ได้
ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A: Attribute) ทำงานร่วมกับผู้อ่ืน, รบั ผดิ ชอบต่อการทำงาน,
แสดงคงามคดิ เหน็ , นำเสนอผลงานหนา้ ช้ันเรยี น
ได้
ดา้ นทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
(Sc.P: Science Process Skill)
การสังเกต การลงความเห็นจากขอ้ มลู
การวัด การกำหนดและควบคุมตวั แปร
การคำนวณ/การใช้ตวั เลข การกำหนดนยิ ามเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร
การจำแนกประเภท การตงั้ สมมตฐิ าน
การจัดกระทำและสื่อความหมายขอ้ มลู การทดลอง
การหาความสมั พันธ์ระหวา่ งสเปสกบั สเปส การตีความหมายข้อมลู และลงข้อสรปุ
และสเปสกับเวลา การสร้างแบบจำลอง
การพยากรณ/์ การทำนาย
2. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้แบบ 5E
2.1 ขัน้ สร้างความสนใจ (Engagement)
2.1.1 ครูทบทวนหลักการของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก ว่าจะเกิดขึ้นได้ต้องมีเงื่อนไขใดบ้าง
ขณะเดียวกัน ในธรรมชาติเงื่อนไขดังกล่าวเกิดขึ้นได้ยาก ดังนั้นความถี่ของแอลลีลของประชากร
สามารถเปลี่ยนแปลงได้ทำให้ประชากรไม่อยู่ในสมดุลฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก การเปลี่ยนแปลงความถี่ของ
418
แอลลีลในประชากรทำให้โครงสร้างทางพันธุกรรมของประชากรเปลี่ยนแปลง นั่นคือประชากรเกิด
วิวัฒนาการขึน้
2.1.2 จากนั้นครูอธิบายและยกตัวอย่างวิวัฒนาการจุลภาค เช่น การดื้อยาปฏิชีวนะของ
แบคทเี รยี การดื้อสารฆา่ แมลงของแมลงบางชนิด พรอ้ มทัง้ อธบิ ายและยกตัวอยา่ งวิวัฒนาการมหภาค
เช่น นกฟินช์สปีชีสต์ ่าง ๆ บนหม่เู กาะกาลาปากอส
2.2 ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration)
2.2.1 แบ่งนักเรยี นออกเปน็ กลุ่ม กลุ่มละ 5 - 6 คน คละความสามารถ เก่ง ปานกลาง ออ่ น
2.2.2 ใหน้ ักเรียนแตล่ ะกลุ่มศึกษาและรว่ มกนั อภปิ รายภายในกลุ่ม เร่ือง ปัจจัยท่ีทำให้เกดิ
การเปลี่ยนแปลงความถ่ขี องแอลลีล มหี ัวข้อทตี่ อ้ งศึกษา คือ เจเนตกิ ดรฟิ ต์แบบสมุ่ การถา่ ยเทยีน
การผสมพนั ธ์ุแบบไมส่ ่มุ มวิ เทชัน การคัดเลอื กโดยธรรมชาติ ในหนงั สือเรียนชีววิทยา 2 หน้า 192 –
199
2.2.3 ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลของกิจกรรมและองค์ความรู้ที่สรุปได้จาก
การศกึ ษาในหนงั สอื เรยี นชีววิทยา 2 เพื่อนำเสนอหน้าช้ันเรียน
2.3 ขนั้ อธบิ ายและลงขอ้ สรุป (Explanation)
2.3.1 ให้นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มออกมานำเสนอผลของกิจกรรมและองค์ความรู้ท่ีสรปุ ได้ หน้าช้ัน
เรยี น
2.3.2 ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั อภิปรายผลของกจิ กรรม และนำสรปุ องค์ความรู้ ดงั น้ี
1) เจเนตกิ ดรฟิ ตแ์ บบสุ่ม
มกี ารเปลย่ี นแปลงความถ่ีของแอลลีลท่ีเกดิ ขึน้ ในประชากรทีม่ ีขนาดเล็ก ไมไ่ ดเ้ กิดจากการคัดเลือก
โดยธรรมชาติ ทำให้บางแอลลีลไม่มีโอกาสถ่ายทอดไปยังรุ่นลูกได้ เจเนติกดริฟต์แบบสุ่มที่พบใน
ธรรมชาติมี 2 สถานการณ์ คือ ปรากฏการณ์คอขวด (Bottleneck effect) และ ผลกระทบจากผู้
ก่อตั้ง (Founder effect)
419
ปรากฏการณ์คอขวด (Bottleneck effect)
ผลกระทบจากผูก้ ่อต้ัง (Founder effect)
2) การถา่ ยเทยนี
การถา่ ยเทเคลอื่ นย้ายยนี ระหว่างประชากรเกิดขน้ึ จากการอพยพเข้าหรอื อพยพออกของสมาชิกใน
ประชากร ทำให้สัดสว่ นของแอลลีลหรือความถี่ของยนี ในยนี พูลของประชากรเปล่ียนแปลง นอกจากน้ี
การถ่ายเทเคลื่อนย้ายยีนยังเกิดขึ้นในลักษณะอื่น ๆ เช่น การแพร่กระจายของละอองเรณูระหว่าง
ประชากรพืชจากพื้นที่หนึ่งไปยังพื้นที่อื่น การอพยพย้ายถิ่นฐานระหว่างประชากร เป็นต้น ทำให้
ความถ่ีของแอลลีลในประชากรทั้งสองมีแนมโน้มแตกต่างกนั น้อยลงเร่ือย ๆ จนในทส่ี ุดเปรียบเสมือน
เป็นประชากรเดียวกนั
420
3) การผสมพันธแุ์ บบไมส่ มุ่
เป็นรปู แบบของการผสมพันธุ์ทพี่ บในประชากรส่วนใหญ่ โดยสมาชิกทกุ ตวั มีโอกาสผสมพันธุ์ได้เท่า
ๆ กัน ซึ่งจะไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงความถี่ของแอลลีลในยีนพูลของประชากรทุกรุ่น แต่ใน
ธรรมชาติทั่วไป สมาชิกบางส่วนของประชากรไม่มีโอกาสได้ผสมพันธุ์ ซึ่งมีผลต่อการเปลี่ยน แปลง
ความถ่ขี องแอลลลี ในยีนพลู ของประชากรในร่นุ ต่อไป
4) มวิ เทชัน
เปน็ การเปล่ียนแปลงท่ีเกิดขน้ึ ท้งั ในระดับยนี และในระดับโครโมโซมในลักษณะตา่ ง ๆ ซึ่งเกิดข้ึนได้
เสมอในสภาวะปกติ การเกิดมิวเทชันอย่างเดียวไม่มีผลมากพอจะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทาง
พันธุกรรมของยีนพูลในประชากรขนาดใหญ่ภายในร่นุ เดยี ว แต่เป็นการสร้างแอลลลี ใหม่ท่ีสะสมไว้ใน
ยีนพูลของประชากรทำให้เกิดความหลากหลายทางพันธุกรรมของประชากรโดยธรรมชาติจะเป็น
ผูค้ ดั เลอื กแอลลีลใหม่ท่เี หมาะสมไว้ในประชากร
5) การคัดเลอื กโดยธรรมชาติ
การคัดเลือกโดยธรรมชาติทำให้สมาชิกของประชากรที่มีลักษณะเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมมี
ลูกหลานได้มาก จึงมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ประชากรที่มีลักษณะไม่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมจะมี
ลูกหลานน้อยกว่า จึงมีจำนวนลดลง ทำให้แอลลีลบางแอลลีลในประชากรมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นและ
บางแอลลีลในประชากรมีจำนวนลดลง ความถี่ของแอลลีลในประชากรจึงมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้
สง่ิ มชี ีวิตมีวิวฒั นาการที่ช่วยใหอ้ ยรู่ อดในสภาพแวดล้อมได้ดีขึน้
2.4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration)
2.4.1 ครูขยายความรูด้ ว้ ยคำถามตอ่ ไปน้ี
การแปรผันทางพนั ธุกรรม มิวเทชัน และการคัดเลือกโดยธรรมชาติทำาให้เกดิ วิวฒั นาการ
ส่งิ มีชีวิตไดอ้ ยา่ งไร (แนวคำตอบ: มิวเทชัน เป็นการเปลย่ี นแปลงท่ีทำให้เกิดแอลลีลใหม่ ๆ ท่ีสะสมไว้
ในยีนพูลของประชากรที่ทำให้เกิดความแปรผันทางพันธุกรรมของประชากร ในประชากรที่มีความ
แปรผันทางพันธุกรรมนั้น สิ่งมีชีวิตใดที่มีลักษณะเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่อาศัยอยู่ใน
ขณะน้ันกจ็ ะถกู คัดเลือกโดยธรรมชาติ ทำาให้เกดิ ววิ ฒั นาการของสิ่งมีชีวติ )
2.5 ขั้นประเมนิ (Evaluation)
2.5.1 ครใู ห้นักเรียนตอบคำถามในเว็บ Quizizz จำนวน 10 ข้อ เรือ่ ง ปจั จัยท่ีทำให้
เกิดการเปลี่ยนแปลงความถ่ีของแอลลลี
421
3. สอื่ /อุปกรณ์/แหล่งการเรยี นรู้
3.1 หนังสือเรียนรายวชิ าเพม่ิ เติม ชีววิทยา 2
3.2 PowerPoint เรอ่ื ง เรื่อง ปจั จัยทท่ี ำให้เกิดการเปลยี่ นแปลงความถข่ี องแอลลีล
3.3 เว็บ Quizizz จำนวน 10 ข้อ เร่อื ง ปจั จัยท่ีทำให้เกิดการเปลีย่ นแปลงความถี่ของแอลลีล
4. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ วธิ ีการวัดผลการเรยี นรู้ เกณฑ์การประเมนิ ผล
ดา้ นความรู้ (K: Knowledge) การตอบคำถาม ผา่ นเกณฑ์ไมน่ อ้ ยกว่า
อธิบายปัจจยั ทท่ี ำใหเ้ กดิ การเปลี่ยน การนำเสนอผลงาน ร้อยละ 75
แปลงความถข่ี องแอลลีลและความถ่ี
ของจโี นไทปใ์ นประชากรทส่ี ง่ ผลตอ่
วิวฒั นาการของสิ่งมีชวี ิตได้
ดา้ นทักษะกระบวนการ (P: Process) การนำเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์ไมน่ ้อยกว่า
สืบค้นข้อมูล และนำเสนอเกี่ยวกับ รอ้ ยละ 75
ปัจจัยที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
ความถีข่ องแอลลลี และความถ่ขี องจีโน
ไ ท ป ์ ใ น ป ร ะ ช า ก ร ท ี ่ ส ่ ง ผ ล ต่ อ
ววิ ฒั นาการของส่ิงมีชวี ติ ได้
ด้านคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A: สงั เกตพฤติกรรมในการทำงาน ผา่ นเกณฑ์ไมน่ ้อยกวา่
Attribute) รอ้ ยละ 75
422
ทำงานรว่ มกบั ผอู้ ่ืน, รับผดิ ชอบต่อ สังเกตพฤติกรรมในการทำงาน ผา่ นเกณฑไ์ ม่นอ้ ยกว่า
การทำงาน, แสดงความคดิ เหน็ ,
นำเสนอผลงานหน้าชนั้ เรยี นได้ การตรวจแบบฝกึ หดั รอ้ ยละ 75
ดา้ นทกั ษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์
(Sc.P: Science Process Skill)
การสงั เกต
การลงความเห็นจากขอ้ มูล
423
แบบสังเกตพฤตกิ รรม
เรอื่ ง ปจั จัยที่ทำใหเ้ กดิ การเปล่ยี นแปลงความถข่ี องแอลลีล
คำชี้แจง จงทำเครื่องหมาย ลงในช่องที่ตรงกับพฤติกรรมที่ผู้เรียนแสดงออก โดยจำแนกระดับ
พฤตกิ รรมการแสดงออกไวเ้ ป็น 3 คะแนน ดงั น้ี
3 คะแนน หมายถงึ ผเู้ รียนมีพฤตกิ รรมในระดับดี
2 คะแนน หมายถงึ ผ้เู รยี นมีพฤติกรรมในระดบั ปานกลาง
1 คะแนน หมายถงึ ผเู้ รียนมพี ฤติกรรมในระดบั ปรบั ปรุง
ชอ่ื -สกุล รายการประเมนิ คะแนน ร้อย สรปุ ผลการ
ความใสใ่ จ การเสนอ ความ การยอมรบั รวม ละ ประเมนิ
เลขท่ี ในการ ความ รว่ มมือใน ฟังคนอ่ืน
ทำงาน คดิ เหน็ การทำงาน
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผ่าน ไม่
ผา่ น
1 นายณัฐนนท์สธุ รรมฤทธ์ิ
2 นายระพีธาดา วงศ์คลุ ี
3 นายจกั รกฤษ สีลาแดง
4 นายจักรภทั ร จนั ทรแ์ ก้ว
5 นายนรภทั ร ศรีทอง
6 นายปรชั ญา ใจบญุ
7 นายประสทิ ธชิ ัย อามาตย์
สมบตั ิ
8 นายจกั รภทั ร สขุ ณรงค์
9 นายฉัตรดนยั สุภา
10 นายณัฐพล จันทฤาชา
11 นายณัฐวศั พนมธีร-
เกยี รติ
12 นายถริ ะวัฒน์ แตงเอ่ยี ม
13 นายทธั ดนัย สแตนลีย์
14 นายธีรัตเดช น้อยมนตรี
15 นายนันทวุฒิ สขุ เกิด
424
ชื่อ-สกลุ รายการประเมิน คะแนน ร้อย สรปุ ผลการ
การยอมรบั รวม ละ ประเมนิ
เลขท่ี ความใส่ใจ การเสนอ ความ ฟังคนอ่ืน
ในการ ความ ร่วมมือใน
ทำงาน คิดเห็น การทำงาน
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผา่ น ไม่
ผ่าน
16 นายนันทศร หไู ธสง
17 นายวชริ วิชญ์ พันพินิจ
18 นายวีรภัทร ครศู รี
19 นายสริ วิชญ์ สมั ฤทธ์ิ
20 น.ส.ปยิ ธิดา อม้ วชิ า
21 น.ส.จรี ะนนั ท์ เเหลย้ ัง
22 น.ส.ปนดั ดา คนดี
23 น.ส.จฑุ ารัตน์ คำเดช
24 น.ส.ชยธิดา สงวนพร
25 น.ส.ณฐั กฤตา หาญโก-
กรวด
26 น.ส.ตติยา อปุ ระโคตร
27 น.ส.ธิดารตั น์ ตอ้ นโสกี
28 น.ส.นครินทร์ สารโี ท
29 น.ส.นภัสสร สำราญบุญ
30 น.ส.ปนดั ดา วรรณบูลย์
31 น.ส.ปิน่ ภทั รา ชินคำ
32 น.ส.ปุณยาพร ทองไชย
33 น.ส.พิชญน์ าฏ ขนั ธวิชัย
34 น.ส.พมิ พร ละดาดาษ
35 น.ส.ภัทรภรณ์ สายสุข
36 น.ส.มณฑาทิพย์ ใจสุข
425
ช่ือ-สกุล รายการประเมนิ คะแนน รอ้ ย สรุปผลการ
การยอมรบั รวม ละ ประเมิน
เลขท่ี ความใส่ใจ การเสนอ ความ ฟงั คนอื่น
ในการ ความ รว่ มมือใน
ทำงาน คิดเห็น การทำงาน
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผ่าน ไม่
ผ่าน
37 น.ส.ณัฏฐธิดา อุปะทะ
38 น.ส.รุจี บุตรนนท์
39 น.ส.วิภวานี แสนโสภา
40 น.ส.สริ ิกญั ญา บตุ รน้อย
41 น.ส.สกุ ฤตา บรรเรือง-
ทอง
42 น.ส.นันทพิ ร โอนากุล
เกณฑก์ ารประเมนิ
รอ้ ยละ 75 ข้ึนไป ( 9 – 12 คะแนน) ผ่านเกณฑ์
นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 75 ( 0 – 8 คะแนน ) ไม่ผา่ นเกณฑ์
ลงชอื่ ........................................................ ผูส้ อน
(นางสาวสุภาวิณี เพิ่มทอง)
วันท่ี ............ เดอื น ........................ พ.ศ..............
426
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
ประเด็นทป่ี ระเมนิ เกณฑ์การให้คะแนน
321
ความใสใ่ จในการ เมื่อเกิดปัญหาหรือไม่ ส่ว น ใหญ ่เมื่อเกิด เมื่อเกิดปัญหาหรือไม่
ทำงาน เข้าใจบทเรียนทุกคร้ัง ปัญหาหรือไม่เข้าใจ เข้าใจบทเรียนทุกคร้ัง
มักซักถามและมีความ บทเรียนทุกครั้งมัก มักซักถามและมีความ
พยายามในการค้นหา ซักถามและมีความ พยายามในการค้นหา
คำตอบอยู่เสมอ พยายามในการค้นหา คำตอบเปน็ บางคร้ัง
คำตอบ
การเสนอความคดิ เหน็ ส ่ ว น ใ ห ญ ่ เ ส น อ เสนอความคิดเห็น ไม่เสนอความคิดเห็น
ความคิดเห็น กล้า กล้าแสดงออกที่จะพูด กล้าแสดงออกที่จะพูด
แสดงออกที่จะพูดใน ใน สิ่ง ที่ถูก หร ือ ดี ในสิง่ ที่ถกู หรอื ดี
ส่งิ ทีถ่ ูกหรอื ดี บางครั้ง
ความรว่ มมือในการ ใหค้ วามร่วมมอื ในการ ส่วนใหญ่ให้ค ว าม ใหค้ วามร่วมมอื ในการ
ทำงาน ทำงานกลมุ่ และ ร่วมมือในการทำงาน ทำงานกลุ่มและ
ปฏบิ ัตงิ านทีส่ มาชิกใน กลุ่มและปฏิบัติงานที่ ปฏิบตั งิ านที่สมาชิกใน
กลมุ่ มอบหมายดว้ ย ส ม า ช ิ ก ใ น ก ลุ่ ม กลุ่มมอบหมายได้เป็น
ความเต็มใจทกุ ครั้ง มอบหมายได้ บางคร้ัง
การยอมรับฟังคนอ่นื ย อ ม ร ั บ ฟ ั ง ค ว า ม ย อ ม ร ั บ ฟ ั ง ค ว า ม ไม่ยอมรับฟังความ
คิดเห็น ที่ดีและ มี คิดเห็น ที่ดีและ มี คิดเห็น ที่ดีและ มี
เหตุผลของผู้อื่นทุก เหตุผลของผู้อื่นบ้าง เหตุผลของผู้อื่น มัก
ค ร ั ้ ง ไ ม ่ ย ึ ด ค ว า ม แต่บาง คร ั้ง จะ ยึ ด ยึดความคิดเห็นของ
คิดเห็นของตนแต่ฝ่าย ความคิดเห็นของตน ตนแต่ฝ่ายเดียว
เดียว
427
แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน
ชอื่ กลมุ่ ...............................................................................................................ชนั้ ............................
รายชื่อสมาชกิ 1. .............................................................................................เลขที่...........................
2. .............................................................................................เลขท.ี่ ..........................
3. .............................................................................................เลขท่.ี ..........................
4. .............................................................................................เลขที่...........................
5. .............................................................................................เลขที.่ ..........................
6. .............................................................................................เลขที่...........................
คำชี้แจง จงทำเครือ่ งหมาย ลงในช่องที่ตรงกบั พฤติกรรมท่ผี ู้เรียนแสดงออก โดยจำแนกระดบั
พฤติกรรมการแสดงออกไวเ้ ป็น 3 คะแนน ดงั น้ี
3 คะแนน หมายถงึ ผู้เรียนมพี ฤติกรรมการแสดงออกอยา่ งสมำ่ เสมอ
2 คะแนน หมายถึง ผู้เรยี นมีพฤติกรรมการแสดงออกเป็นครัง้ คราว
1 คะแนน หมายถงึ ผเู้ รยี นมพี ฤติกรรมการแสดงออกนอ้ ยครั้ง
ท่ี รายการประเมิน คะแนน ข้อคิดเหน็
32 1
1 การเตรียมความพร้อม
2 เนอื้ หาสาระครอบคลุมชัดเจน
3 ความถกู ต้องของเนอ้ื หา
4 การมีสว่ นรว่ มของสมาชิกใน
กลมุ่
5 รูปแบบการนำเสนอ
รวม
เกณฑ์การประเมนิ
รอ้ ยละ 75 ขึน้ ไป ( 11 – 15 คะแนน) ผา่ นเกณฑ์
น้อยกว่ารอ้ ยละ 75 ( 0 – 10 คะแนน ) ไมผ่ ่านเกณฑ์
ลงชอ่ื ........................................................ ผูส้ อน
(นางสาวสภุ าวณิ ี เพม่ิ ทอง)
วันที่ ............ เดือน ........................ พ.ศ..............
428
เกณฑก์ ารให้คะแนน
ประเด็นทีป่ ระเมนิ เกณฑ์การใหค้ ะแนน
321
การเตรียมความพร้อม ดำเนินการตามแผนท่ี ดำเนินการตามแผนที่ ไม่สามารถดำเนินการ
วางไว้ ใช้อุปกรณ์และ วางไว้ ใช้อุปกรณ์และ ตามแผนที่วางไว้
สื่อประกอบได้ถูกต้อง สื่อประกอบได้ถูกต้อง
คล่องแคล่ว และเสร็จ แต่ไมค่ ล่องแคล่ว
ทันเวลา
เนือ้ หาสาระ เน ื้อหาถูก ต้อง มี เน ื้อ หาถูก ต้อง มี เนื้อหาถูกต้องแต่ให้
ครอบคลุมชัดเจน สาระสำคัญครบถ้วน สาระสำคัญ แต่ยังไม่ สาระสำคัญน้อยมาก
และระบุแหล่งที่มา ครบถ้วน มีการระบุ และไม่ระบุแหล่งที่มา
ของความรู้ชดั เจน แหล่งทมี่ าของความรู้ ของความรู้
ความถูกต้องของ เนื้อหาสาระถกู ตอ้ ง ส่วนใหญ่เนื้อหาสาระ เน้ือหาสาระไม่ถกู ต้อง
เนื้อหา
ครบถว้ น ถูกต้อง
การมสี ว่ นรว่ มของ
สมาชิกในกลุ่ม มีส่วนร่วมสมำ่ เสมอ มีส่วนร่วมบางครั้ง มีส่วนร่วมน้อยครั้ง/
รปู แบบการนำเสนอ ขาดการมสี ่วนร่วม
มีรูปแบบน่าสนใจ มี ร ู ป แ บ บ มี ไม่มีรูปแบบน่าสนใจ
ค ว า ม ส ั ม พ ั น ธ ์ กั บ ค ว า ม ส ั ม พ ั น ธ ์ กั บ มีความสัมพันธ์กับ
ห ั ว ข ้ อ ท ี ่ ก ำ ห น ด หัวข้อที่กำหนด แต่ไม่ หัวข้อที่กำหนดน้อย
ระบายสีไดส้ วยงาม ดึงดูดความสนใจ มาก