429
430
431
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 20
กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 4
15 ชว่ั โมง
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 7 เรอื่ ง ววิ ฒั นาการ 3 ชั่วโมง
เร่ือง กำเนดิ สปีชีส์ ภาคเรียนที่ 2/2564
ครูผสู้ อน นางสาวสุภาวิณี เพิ่มทอง
ผลการเรียนรู้และสาระการเรยี นรเู้ พิ่มเตมิ
สาระชีววิทยา 2. เข้าใจการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม สมบัติ
และหน้าที่ของสารพันธกุ รรม การเกิดมิวเทชัน เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ หลักฐาน ข้อมูล และแนวคิด
เกี่ยวกับวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต ภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก การเกิดสปีชีส์ใหม่ ความ
หลากหลายทางชวี ภาพ กำเนดิ ของสง่ิ มีชีวติ ความหลากหลายของส่ิงมีชวี ิต และอนุกรมวิธาน รวมท้ัง
นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
ช้นั ผลการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้เพมิ่ เตมิ
ม.4 สืบค้นข้อมูล อภิปราย และอธิบาย สปชี ีสใ์ หมจ่ ะเกิดขึ้นได้เม่ือไมม่ ีการถา่ ยเทเคลื่อนย้าย
กระบวนการเกิดสปีชีส์ใหม่ของ ยีนระหว่างประชากรหนึ่งกับอีกประชากรหนึ่ง ในรุ่น
สงิ่ มชี วี ิต บรรพบุรุษ ทำให้ประชากรทั้งสอง มีโครงสร้างทาง
พันธุกรรมทีแ่ ตกต่างกันและวิวัฒนาการเกิดเป็นสปีชีส์
ใหม่
ปัจจยั ทท่ี ำให้เกิดสปีชีส์ใหมอ่ าจเกิดได้ 2 แนวทางคือ
การเกิดสปีชีส์ใหม่จากการแบ่งแยกทางภูมิศาสตร์และ
การเกดิ สปีชสี ์ใหมใ่ นเขตภมู ศิ าสตรเ์ ดียวกัน
1. กำหนดเปา้ หมายของการจัดการเรียนรู้
1.1 สาระการเรยี นรู/้ เนื้อหาการเรียนรู้
เรอ่ื ง กำเนดิ สปีชสี ์
1) ความหมายของสปชี ีส์
2) การแยกเหตุการณ์สืบพันธ์ุ
3) กำเนดิ สปีชีส์ใหม่
432
1.2 สาระสำคญั /ความคิดรวบยอดของเรอ่ื งทเ่ี ขียน
ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ได้ใช้ความรู้ทางพันธุศาสตร์ประชากรในการอธิบายการเกิด
วิวัฒนาการของสิ่งมีชวี ิตและปัจจยั ท่ีทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความถ่ีแอลลีลในประชากร ได้แก่ เจ
เนติกดรฟิ ท์แบบสุ่ม การถ่ายเทยนี การผสมแบบไม่สุ่ม มิวเทชัน และการคัดเลือกโดยธรรมชาติ โดย
ปัจจัยดังกลา่ วทำให้ยีนพูลในประชากรเปล่ียนแปลงหรอื เกิดวิวฒั นาการและทำให้เกิดสิ่งมีชีวิตสปีชีส์
ใหม่ขน้ึ สง่ิ มีชีวิตตา่ งสปีชีส์กนั จะมีกลไกในการป้องกนั การผสมพนั ธ์ุต่างสปีชีส์ สิ่งมีชีวิตสปีชีส์ใหม่เป็น
ผลมาจากการแยกกันทางการสืบพันธุ์ ซึ่งมี 2 แนวทาง คือ กำเนิดสปีชีส์แบบแอลโลพาทริก และ
กำเนดิ สปีชสี ์แบบซิมพาทริก
1.3 จดุ ประสงค์การเรียนรู้: เม่ือผเู้ รยี นจบกจิ กรรมการเรียนรู้ ผู้เรียนสามารถ
ดา้ นความรู้ (K: Knowledge) อธิบาย และยกตัวอย่างแนวคิดเกี่ยวกับ
ความหมายของสปีชีส์ดา้ นตา่ ง ๆ
อธิบาย และยกตัวอย่างการแยกเหตุการณ์
สบื พนั ธุ์
อธบิ ายกำเนดิ สปชี สี ์
ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P: Process) สืบคน้ ขอ้ มลู เกยี่ วกบั กำเนิดสปชี ีส์
ดา้ นคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (A: Attribute) ทำงานร่วมกับผอู้ ่ืน, รับผิดชอบต่อการทำงาน,
แสดงคงามคดิ เหน็ , นำเสนอผลงานหนา้ ชนั้ เรียน
ได้
ด้านทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
(Sc.P: Science Process Skill)
การสงั เกต การลงความเห็นจากขอ้ มูล
การวดั การกำหนดและควบคุมตัวแปร
การคำนวณ/การใชต้ วั เลข การกำหนดนยิ ามเชิงปฏบิ ัตกิ าร
การจำแนกประเภท การตง้ั สมมตฐิ าน
การจดั กระทำและส่ือความหมายข้อมลู การทดลอง
การหาความสมั พันธ์ระหวา่ งสเปสกับสเปส การตีความหมายขอ้ มูลและลงขอ้ สรปุ
และสเปสกับเวลา การสรา้ งแบบจำลอง
การพยากรณ์/การทำนาย
433
2. การจัดกิจกรรมการเรียนร้แู บบ 5E
2.1 ข้ันสร้างความสนใจ (Engagement)
2.1.1 ครูให้นักเรียนศึกษารูป 7.20 ในหนังสือเรยี นแล้วถามคำถามในหนังสือเรยี นว่า นกใน
รูปมีลักษณะคล้ายคลึงกันมาก บอกได้หรือไม่ว่าเปน็ สปีชสี ์เดียวกันหรือต่างสปีชีส์ เพราะเหตุใด
(แนวคำตอบ: อาจจะตอบได้ว่าไม่สามารถบอกได้จากลักษณะภายนอก อาจศึกษาจากข้อมูลทาง
พันธุกรรม หรืออาจให้นก 2 ตัวน้ีผสมพนั ธ์กุ ัน หากสามารถผสมพันธก์ุ นั และให้ลกู หลานสืบทอดต่อไป
ได้แสดงวา่ เปน็ นกสปีชีส์เดยี วกนั แตถ่ า้ ให้ลูกท่เี ป็นหมันหรือลูกที่คอ่ ย ๆ อ่อนแอลงเรอ่ื ย ๆ ในแตล่ ะชั่ว
รุ่น หรอื นก 2 ตวั นไี้ ม่สามารถผสมพันธุ์และให้กำาเนิดลกู ได้ แสดงวา่ ต่างสปชี ีสก์ ัน)
2.2 ขน้ั สำรวจและคน้ หา (Exploration)
2.2.1 แบ่งนกั เรยี นออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 5 - 6 คน คละความสามารถ เกง่ ปานกลาง อ่อน
2.2.2 ให้นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ศึกษาและรว่ มกันอภปิ รายภายในกลุ่ม เร่ือง กำเนดิ สปีชีส์ มี
หัวขอ้ ท่ีต้องศึกษา คอื ความหมายของสปีชีส์ การแยกเหตุการณ์สบื พันธ์ุ และกำเนดิ สปีชสี ์ใหม่ ใน
หนงั สือเรยี นชีววทิ ยา 2 หนา้ 200 – 209
2.2.3 ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลของกิจกรรมและองค์ความรู้ที่สรุปได้จาก
การศึกษาในหนังสอื เรยี นชวี วิทยา 2 เพอ่ื นำเสนอหน้าชั้นเรยี น
2.3 ขัน้ อธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation)
2.3.1 ให้นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ออกมานำเสนอผลของกิจกรรมและองค์ความรู้ท่ีสรปุ ได้ หน้าชั้น
เรยี น
2.3.2 ครแู ละนักเรียนร่วมกนั อภิปรายผลของกจิ กรรม และนำสรปุ องค์ความรู้ ดังน้ี
1) ความหมายของสปชี ีส์
สปชี สี ์ หมายถึง กลุม่ ของสงิ่ มีชีวติ ทมี่ ีโครงสร้าง หน้าท่ีเหมือนกัน และสามารถผสมพันธ์ุกันได้โดย
ทีล่ กู ท่ไี ม่เปน็ หมนั แบง่ ออกเป็น 2 ประเภท
- สปีชีส์ด้านสัณฐานวิทยา : สิ่งมีชีวิตที่มีโครงสร้างภายนอกเหมือนกันหรือการทำงานของ
โครงสรา้ งคลา้ ยกัน
- สปชี ีส์ด้านชวี วิทยา : ส่งิ มชี วี ติ ทส่ี ามารถผสมพันธุก์ ันไดใ้ นธามชาติ และใหก้ ำเนิดลูกทไี่ ม่เป็นหมนั
2) การแยกเหตกุ ารณส์ บื พันธ์ุ
สิ่งมีชีวิตต่างสปีชีส์กันมีการแยกเหตุการสืบพันธุ์อยู่ 2 ระดับ คือ การแยกเหตุการสืบพันธุ์ก่อน
ระยะไซโกต และการแยกเหตกุ ารณ์สบื พนั ธห์ุ ลงั ระยะไซโกต
434
การแยกเหตุการสืบพันธุ์ก่อนระยะไซโกต ได้แก่ สิ่งมีชีวิตต่างสปีชีส์กันอาจมีแหล่งที่อยู่ต่างกันมี
พฤติกรรมต่างกันมีช่วงเวลาในการผสมพันธุ์ต่างกันมีโครงสร้างของอวัยวะสืบพันธุ์แตกต่างกัน
หรอื มสี รีรวทิ ยาของเซลลส์ บื พันธแ์ุ ตกตา่ งกัน ทำให้เซลลส์ บื พันธ์ขุ องสิ่งมชี ีวิตต่างสปีชีส์กันไม่สามารถ
ผสมพนั ธ์กุ ันได้
การแยกเหตุการสืบพันธุ์หลังระยะไซโกต ทำให้ลูกผสมที่เกิดจากสิ่งมีชีวิตต่างสปีชีส์กัน
ไม่สามารถเจริญเติบโตเป็นตัวเต็มวัยหรือสืบพันธุ์ต่อไปได้ ได้แก่ ลูกผสมตายก่อนถึงวัยเจริญพันธ์ุ
ลูกผสมเปน็ หมนั และลกู ผสมลม้ เหลว
3) กำเนิดสปชี ีส์ใหม่
กำเนิดสปชี ีสแ์ บบแอลโลพาทริก เปน็ การเกิดสปีชีส์ใหม่ เน่ืองจากมีสงิ่ กีดขวางทำให้ประชากรดั้งเดิม
ถูกแบ่งแยก จึงไม่มีการถ่ายเทเคลื่อนย้ายยีนระหว่างกัน และประชากรมีการปรับเปลี่ยนพันธุกรรม
ตามการคัดเลอื กโดยธรรมชาติ เช่น กระรอก A. harrisi และ A. leucurus ในบริเวณแกรนดแ์ คนยอน
ซง่ึ เชื่อวา่ เคยเปน็ สปีชีสเ์ ดียวกนั มากอ่ น เปน็ ต้น
กำเนิดสปชี ีส์แบบซมิ พาทริก เป็นการเกิดสปีชีส์ใหม่ในถิ่นทีอ่ ยู่เดียวกับบรรพบุรุษ และมีกลไกป้องกัน
การผสมพันธ์กุ ัน เชน่ การเกิดพอลพิ ลอยดีของพืช เปน็ ตน้
435
2.4 ข้นั ขยายความรู้ (Elaboration)
2.4.1 ครขู ยายความรู้ดว้ ยคำถามต่อไปนี้
เพราะเหตุใดประชากรของสิ่งมีชีวิตที่แยกออกจากกันในลักษณะน้ี เมื่อกลับมาอยู่รว่ มกนั
อีกครั้งจึงไม่สามารถผสมพันธุ์กันได้อีก (แนวคำตอบ: เนื่องจากสภาพแวดล้อมของประชากรที่แยก
ออกจากกันนี้อาจแตกต่างกัน เป็นเหตุให้แต่ละประชากรต่างก็มีวิวัฒนาการให้มีลักษณะหรือ
พฤติกรรมเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมท่ีตนอาศัยอยู่ เมอื่ ผา่ นไปเป็นระยะเวลานาน ประชากรท้ังสอง
จะแตกตา่ งกนั มากจนถา้ กลบั มาอยูร่ ว่ มกันจะไมส่ ามารถผสมพนั ธ์กุ ันได้)
2.5 ขน้ั ประเมิน (Evaluation)
2.5.1 ครูให้นกั เรียนทำใบงานท่ี 14 เรื่อง การแยกเหตุการณส์ บื พนั ธุ์
3. สื่อ/อุปกรณ/์ แหล่งการเรียนรู้
3.1 หนังสือเรียนรายวิชาเพิม่ เตมิ ชวี วิทยา 2
3.2 PowerPoint เรื่อง เรอ่ื ง กำเนิดสปีชีส์
3.3 ใบงานที่ 14 เร่ือง การแยกเหตุการณ์สบื พันธ์ุ
4. การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้
จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวดั ผลการเรียนรู้ เกณฑก์ ารประเมนิ ผล
ดา้ นความรู้ (K: Knowledge) การตอบคำถาม ผา่ นเกณฑ์ไม่น้อยกว่า
อธิบาย และยกตัวอย่างแนวคิด การนำเสนอผลงาน รอ้ ยละ 75
เกี่ยวกับความหมายของสปีชีสด์ ้านต่าง การตรวจแบบฝกึ หดั
ๆ
อธิบาย และยกตัวอย่างการแยก
เหตกุ ารณส์ บื พันธุ์
อธิบายกำเนดิ สปีชีส์
436
ดา้ นทักษะกระบวนการ (P: Process) การนำเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์ไม่นอ้ ยกว่า
สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกบั กำเนิดสปชี ีส์ สังเกตพฤติกรรมในการทำงาน รอ้ ยละ 75
ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A: ผ่านเกณฑ์ไมน่ อ้ ยกว่า
Attribute) สงั เกตพฤตกิ รรมในการทำงาน รอ้ ยละ 75
ทำงานรว่ มกบั ผอู้ ื่น, รบั ผดิ ชอบต่อ การตรวจแบบฝกึ หดั
การทำงาน, แสดงความคดิ เหน็ , ผ่านเกณฑไ์ ม่นอ้ ยกว่า
นำเสนอผลงานหนา้ ชั้นเรียนได้ รอ้ ยละ 75
ด้านทักษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์
(Sc.P: Science Process Skill)
การสงั เกต
การลงความเหน็ จากขอ้ มูล
437
แบบสังเกตพฤติกรรม
เร่ือง กำเนิดสปชี ีส์
คำชี้แจง จงทำเครื่องหมาย ลงในช่องที่ตรงกับพฤติกรรมที่ผู้เรียนแสดงออก โดยจำแนกระดับ
พฤติกรรมการแสดงออกไว้เปน็ 3 คะแนน ดังน้ี
3 คะแนน หมายถึง ผเู้ รยี นมพี ฤติกรรมในระดบั ดี
2 คะแนน หมายถึง ผเู้ รยี นมีพฤติกรรมในระดบั ปานกลาง
1 คะแนน หมายถึง ผู้เรยี นมีพฤติกรรมในระดบั ปรับปรงุ
ชือ่ -สกลุ รายการประเมนิ คะแนน รอ้ ย สรปุ ผลการ
ความใสใ่ จ การเสนอ ความ การยอมรบั รวม ละ ประเมิน
เลขท่ี ในการ ความ รว่ มมอื ใน ฟงั คนอืน่
ทำงาน คดิ เหน็ การทำงาน
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผ่าน ไม่
ผา่ น
1 นายณฐั นนท์สุธรรมฤทธิ์
2 นายระพีธาดา วงศ์คลุ ี
3 นายจกั รกฤษ สลี าแดง
4 นายจักรภัทร จันทรแ์ ก้ว
5 นายนรภัทร ศรที อง
6 นายปรัชญา ใจบุญ
7 นายประสิทธิชยั อามาตย์
สมบัติ
8 นายจักรภทั ร สุขณรงค์
9 นายฉัตรดนยั สภุ า
10 นายณฐั พล จนั ทฤาชา
11 นายณัฐวัศ พนมธีร-
เกยี รติ
12 นายถริ ะวัฒน์ แตงเอยี่ ม
13 นายทธั ดนยั สแตนลีย์
14 นายธรี ัตเดช นอ้ ยมนตรี
15 นายนันทวุฒิ สขุ เกิด
438
ชื่อ-สกลุ รายการประเมิน คะแนน ร้อย สรปุ ผลการ
การยอมรบั รวม ละ ประเมนิ
เลขท่ี ความใส่ใจ การเสนอ ความ ฟังคนอ่ืน
ในการ ความ ร่วมมือใน
ทำงาน คิดเห็น การทำงาน
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผา่ น ไม่
ผ่าน
16 นายนันทศร หไู ธสง
17 นายวชริ วิชญ์ พันพินิจ
18 นายวีรภัทร ครศู รี
19 นายสริ วิชญ์ สมั ฤทธ์ิ
20 น.ส.ปยิ ธิดา อม้ วชิ า
21 น.ส.จรี ะนนั ท์ เเหลย้ ัง
22 น.ส.ปนดั ดา คนดี
23 น.ส.จฑุ ารัตน์ คำเดช
24 น.ส.ชยธิดา สงวนพร
25 น.ส.ณฐั กฤตา หาญโก-
กรวด
26 น.ส.ตติยา อปุ ระโคตร
27 น.ส.ธิดารตั น์ ตอ้ นโสกี
28 น.ส.นครินทร์ สารโี ท
29 น.ส.นภัสสร สำราญบุญ
30 น.ส.ปนดั ดา วรรณบูลย์
31 น.ส.ปิน่ ภทั รา ชินคำ
32 น.ส.ปุณยาพร ทองไชย
33 น.ส.พิชญน์ าฏ ขนั ธวิชัย
34 น.ส.พมิ พร ละดาดาษ
35 น.ส.ภัทรภรณ์ สายสุข
36 น.ส.มณฑาทิพย์ ใจสุข
439
ช่ือ-สกุล รายการประเมนิ คะแนน รอ้ ย สรุปผลการ
การยอมรบั รวม ละ ประเมิน
เลขท่ี ความใส่ใจ การเสนอ ความ ฟงั คนอื่น
ในการ ความ รว่ มมือใน
ทำงาน คิดเห็น การทำงาน
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผ่าน ไม่
ผ่าน
37 น.ส.ณัฏฐธิดา อุปะทะ
38 น.ส.รุจี บุตรนนท์
39 น.ส.วิภวานี แสนโสภา
40 น.ส.สริ ิกญั ญา บตุ รน้อย
41 น.ส.สกุ ฤตา บรรเรือง-
ทอง
42 น.ส.นันทพิ ร โอนากุล
เกณฑก์ ารประเมนิ
รอ้ ยละ 75 ข้ึนไป ( 9 – 12 คะแนน) ผ่านเกณฑ์
นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 75 ( 0 – 8 คะแนน ) ไม่ผา่ นเกณฑ์
ลงชอื่ ........................................................ ผูส้ อน
(นางสาวสุภาวิณี เพิ่มทอง)
วันท่ี ............ เดอื น ........................ พ.ศ..............
440
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
ประเด็นทป่ี ระเมนิ เกณฑ์การให้คะแนน
321
ความใสใ่ จในการ เมื่อเกิดปัญหาหรือไม่ ส่ว น ใหญ ่เมื่อเกิด เมื่อเกิดปัญหาหรือไม่
ทำงาน เข้าใจบทเรียนทุกคร้ัง ปัญหาหรือไม่เข้าใจ เข้าใจบทเรียนทุกคร้ัง
มักซักถามและมีความ บทเรียนทุกครั้งมัก มักซักถามและมีความ
พยายามในการค้นหา ซักถามและมีความ พยายามในการค้นหา
คำตอบอยู่เสมอ พยายามในการค้นหา คำตอบเปน็ บางคร้ัง
คำตอบ
การเสนอความคดิ เหน็ ส ่ ว น ใ ห ญ ่ เ ส น อ เสนอความคิดเห็น ไม่เสนอความคิดเห็น
ความคิดเห็น กล้า กล้าแสดงออกที่จะพูด กล้าแสดงออกที่จะพูด
แสดงออกที่จะพูดใน ใน สิ่ง ที่ถูก หร ือ ดี ในสิง่ ที่ถกู หรอื ดี
ส่งิ ทีถ่ ูกหรอื ดี บางครั้ง
ความรว่ มมือในการ ใหค้ วามร่วมมอื ในการ ส่วนใหญ่ให้ค ว าม ใหค้ วามร่วมมอื ในการ
ทำงาน ทำงานกลมุ่ และ ร่วมมือในการทำงาน ทำงานกลุ่มและ
ปฏบิ ัตงิ านทีส่ มาชิกใน กลุ่มและปฏิบัติงานที่ ปฏิบตั งิ านที่สมาชิกใน
กลมุ่ มอบหมายดว้ ย ส ม า ช ิ ก ใ น ก ลุ่ ม กลุ่มมอบหมายได้เป็น
ความเต็มใจทกุ ครั้ง มอบหมายได้ บางคร้ัง
การยอมรับฟังคนอ่นื ย อ ม ร ั บ ฟ ั ง ค ว า ม ย อ ม ร ั บ ฟ ั ง ค ว า ม ไม่ยอมรับฟังความ
คิดเห็น ที่ดีและ มี คิดเห็น ที่ดีและ มี คิดเห็น ที่ดีและ มี
เหตุผลของผู้อื่นทุก เหตุผลของผู้อื่นบ้าง เหตุผลของผู้อื่น มัก
ค ร ั ้ ง ไ ม ่ ย ึ ด ค ว า ม แต่บาง คร ั้ง จะ ยึ ด ยึดความคิดเห็นของ
คิดเห็นของตนแต่ฝ่าย ความคิดเห็นของตน ตนแต่ฝ่ายเดียว
เดียว
441
แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน
ชอื่ กลมุ่ ...............................................................................................................ชนั้ ............................
รายชื่อสมาชกิ 1. .............................................................................................เลขที่...........................
2. .............................................................................................เลขท.ี่ ..........................
3. .............................................................................................เลขท่.ี ..........................
4. .............................................................................................เลขที่...........................
5. .............................................................................................เลขที.่ ..........................
6. .............................................................................................เลขที่...........................
คำชี้แจง จงทำเครือ่ งหมาย ลงในช่องที่ตรงกบั พฤติกรรมท่ผี ู้เรียนแสดงออก โดยจำแนกระดบั
พฤติกรรมการแสดงออกไวเ้ ป็น 3 คะแนน ดงั น้ี
3 คะแนน หมายถงึ ผู้เรียนมพี ฤติกรรมการแสดงออกอยา่ งสมำ่ เสมอ
2 คะแนน หมายถึง ผู้เรยี นมีพฤติกรรมการแสดงออกเป็นครัง้ คราว
1 คะแนน หมายถงึ ผเู้ รยี นมพี ฤติกรรมการแสดงออกนอ้ ยครั้ง
ท่ี รายการประเมิน คะแนน ข้อคิดเหน็
32 1
1 การเตรียมความพร้อม
2 เนอื้ หาสาระครอบคลุมชัดเจน
3 ความถกู ต้องของเนอ้ื หา
4 การมีสว่ นรว่ มของสมาชิกใน
กลมุ่
5 รูปแบบการนำเสนอ
รวม
เกณฑ์การประเมนิ
รอ้ ยละ 75 ขึน้ ไป ( 11 – 15 คะแนน) ผา่ นเกณฑ์
น้อยกว่ารอ้ ยละ 75 ( 0 – 10 คะแนน ) ไมผ่ ่านเกณฑ์
ลงชอ่ื ........................................................ ผูส้ อน
(นางสาวสภุ าวณิ ี เพม่ิ ทอง)
วันที่ ............ เดือน ........................ พ.ศ..............
442
เกณฑก์ ารให้คะแนน
ประเด็นทีป่ ระเมนิ เกณฑ์การใหค้ ะแนน
321
การเตรียมความพร้อม ดำเนินการตามแผนท่ี ดำเนินการตามแผนที่ ไม่สามารถดำเนินการ
วางไว้ ใช้อุปกรณ์และ วางไว้ ใช้อุปกรณ์และ ตามแผนที่วางไว้
สื่อประกอบได้ถูกต้อง สื่อประกอบได้ถูกต้อง
คล่องแคล่ว และเสร็จ แต่ไมค่ ล่องแคล่ว
ทันเวลา
เนือ้ หาสาระ เน ื้อหาถูก ต้อง มี เน ื้อ หาถูก ต้อง มี เนื้อหาถูกต้องแต่ให้
ครอบคลุมชัดเจน สาระสำคัญครบถ้วน สาระสำคัญ แต่ยังไม่ สาระสำคัญน้อยมาก
และระบุแหล่งที่มา ครบถ้วน มีการระบุ และไม่ระบุแหล่งที่มา
ของความรู้ชดั เจน แหล่งทมี่ าของความรู้ ของความรู้
ความถูกต้องของ เนื้อหาสาระถกู ตอ้ ง ส่วนใหญ่เนื้อหาสาระ เน้ือหาสาระไม่ถกู ต้อง
เนื้อหา
ครบถว้ น ถูกต้อง
การมสี ว่ นรว่ มของ
สมาชิกในกลุ่ม มีส่วนร่วมสมำ่ เสมอ มีส่วนร่วมบางครั้ง มีส่วนร่วมน้อยครั้ง/
รปู แบบการนำเสนอ ขาดการมสี ่วนร่วม
มีรูปแบบน่าสนใจ มี ร ู ป แ บ บ มี ไม่มีรูปแบบน่าสนใจ
ค ว า ม ส ั ม พ ั น ธ ์ กั บ ค ว า ม ส ั ม พ ั น ธ ์ กั บ มีความสัมพันธ์กับ
ห ั ว ข ้ อ ท ี ่ ก ำ ห น ด หัวข้อที่กำหนด แต่ไม่ หัวข้อที่กำหนดน้อย
ระบายสีไดส้ วยงาม ดึงดูดความสนใจ มาก
443
444
445
ใบงานท่ี 14
เรอื่ ง การแยกเหตุการณส์ บื พนั ธ์ุ
คำชีแ้ จง : จงเติมข้อความเกี่ยวกับการแยกเหตุการสบื พันธ์ุท่กี ำาหนดให้ ลงในท่ีว่างหน้าข้อความท่ีมี
ความสัมพันธ์กัน (ตอบซำ้ ได้)
แหล่งท่อี ยู่ ชว่ งเวลาในการผสมพนั ธ์ุ โครงสร้างของอวยั วะสืบพันธ์ุ
สรรี วทิ ยาของเซลลส์ ืบพนั ธุ์ พฤติกรรม
………………………….1) กบ Rana sylvatica ผสมพันธ์ุในชว่ งกลางเดือนมีนาคม ขณะทกี่ บ R. pipiens
ผสมพันธ์ุชว่ งต้นเดือนเมษายน
………………………….2) ลักษณะการวนของเปลือกหอยทาก 2 ชนิด ในสกุล Bradybaena มีการวน
ต่างทิศกนั ทำให้ช่องเปดิ อวัยวะสบื พนั ธ์ุไมต่ รงกัน
………………………….3) การท่เี มน่ ทะเล 2 สายพนั ธุ์ คอื red urchin และ purple urchin ปลอ่ ยสเปิร์ม
และไขอ่ อกไปในน้ำาทะเล แต่ไมส่ ามารถปฏิสนธิเปน็ zygote ได้ เพราะโปรตนี บนผิวของสเปิร์มและ
ไขย่ ดึ ติดกนั ไมไ่ ด้
………………………….4) งู 2 ชนดิ ในสกลุ Thamnophis อยใู่ นพ้ืนทีเ่ ดียวกันแตพ่ บวา่ ชนิดหน่ึงอยู่ในน้ำ
เป็นหลกั ขณะท่อี ีกชนดิ อยบู่ นบกเป็นส่วนใหญ่
………………………….5) สกั๊งค์ (skunk) 2 ชนิด ในทวีปอเมริกาเหนือ อาศัยอยู่ในเขตภูมิศาสตร์
ซ้อนทับกัน แต่พบว่าชนิด Spilogale putoris ผสมพันธุ์ปลายฤดูหนาวขณะที่ชนิด S. gracilis ผสม
พันธปุ์ ลายฤดรู อ้ น
………………………….6) นก blue-footed booby เพศผเู้ ตน้ รำเพอื่ ดึงดดู ให้เพศเมียเข้าร่วมเต้นด้วย
ชอ่ื ....................................................................................................เลขท.ี่ ..................หอ้ ง.....................
446
เฉลยใบงานที่ 14
เร่อื ง การแยกเหตุการณ์สืบพนั ธุ์
คำชแี้ จง : จงเตมิ ข้อความเกยี่ วกับการแยกเหตุการสบื พันธ์ุท่ีกำาหนดให้ ลงในที่ว่างหน้าข้อความท่ีมี
ความสมั พนั ธ์กัน (ตอบซ้ำได)้
แหลง่ ทอ่ี ยู่ ชว่ งเวลาในการผสมพันธุ์ โครงสร้างของอวยั วะสืบพันธุ์
สรรี วิทยาของเซลลส์ บื พันธุ์ พฤติกรรม
ช่วงเวลาในการผสมพันธุ์ 1) กบ Rana sylvatica ผสมพันธุ์ในช่วงกลางเดือนมีนาคม ขณะที่กบ R.
pipiens ผสมพนั ธ์ชุ ่วงต้นเดือนเมษายน
โครงสรา้ งของอวยั วะสบื พนั ธ์ุ 2) ลักษณะการวนของเปลือกหอยทาก 2 ชนดิ ในสกลุ Bradybaena มี
การวนตา่ งทิศกัน ทำให้ชอ่ งเปิดอวยั วะสบื พนั ธไุ์ มต่ รงกนั
สรีรวิทยาของเซลล์สืบพันธุ์ 3) การที่เม่นทะเล 2 สายพันธุ์ คือ red urchin และ purple urchin
ปล่อยสเปิร์มและไข่ออกไปในน้ำาทะเล แต่ไม่สามารถปฏิสนธิเป็น zygote ได้ เพราะโปรตีนบนผิว
ของสเปริ ม์ และไข่ยึดติดกนั ไม่ได้
แหล่งทีอ่ ยู่ 4) งู 2 ชนดิ ในสกุล Thamnophis อยู่ในพื้นที่เดยี วกนั แต่พบวา่ ชนดิ
หนง่ึ อยู่ในน้ำเป็นหลกั ขณะทอี่ กี ชนิดอย่บู นบกเป็นส่วนใหญ่
ช่วงเวลาในการผสมพนั ธ์ุ 5) สกัง๊ ค์ (skunk) 2 ชนดิ ในทวีปอเมริกาเหนือ อาศัยอย่ใู นเขตภูมศิ าสตร์
ซ้อนทับกัน แต่พบว่าชนิด Spilogale putoris ผสมพันธุ์ปลายฤดูหนาวขณะที่ชนิด S. gracilis ผสม
พนั ธ์ปุ ลายฤดรู ้อน
พฤตกิ รรม 6) นก blue-footed booby เพศผู้เต้นรำเพ่ือดงึ ดูดให้เพศเมยี เข้าร่วมเต้น
ดว้ ย
ชอ่ื ....................................................................................................เลขที่...................ห้อง.....................