129
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 7
กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 4
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 5 เรือ่ ง การถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรม 15 ชว่ั โมง
เรอ่ื ง การศกึ ษาพันธุกรรมของเมนเดล 1 3 ช่วั โมง
ครูผสู้ อน นางสาวสุภาวณิ ี เพ่มิ ทอง ภาคเรียนท่ี 2/2564
ผลการเรยี นร้แู ละสาระการเรียนรู้เพิ่มเตมิ
สาระชีววิทยา 2. เข้าใจการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม สมบัติ
และหน้าที่ของสารพันธุกรรม การเกิดมิวเทชัน เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ หลักฐาน ข้อมูล และแนวคิด
เกี่ยวกับวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต ภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก การเกิดสปีชีส์ใหม่ ความ
หลากหลายทางชวี ภาพ กำเนิดของสิง่ มชี ีวติ ความหลากหลายของสิง่ มีชวี ิต และอนกุ รมวธิ าน รวมทั้ง
นำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์
ช้ัน ผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้เพิม่ เติม
ม.4 สืบค้นข้อมูล อธิบาย และสรุปผล เมนเดลศกึ ษาการถา่ ยทอดลักษณะทางพนั ธกุ รรมโดย
การทดลองของเมนเดล การผสมพนั ธุ์ถั่วลนั เตา จนสรุปเปน็ กฎแหง่ การแยกและ
กฎแหง่ การรวมกลุม่ อย่างอสิ ระ
สรุปความสัมพันธ์ระหว่างสาร
พันธุกรรม แอลลีล โปรตีน ลักษณะ
ทางพันธุกรรม และเชื่อมโยงกับ
ความรูเ้ รอ่ื งพันธศุ าสตร์เมนเดล
1. กำหนดเป้าหมายของการจดั การเรยี นรู้
1.1 สาระการเรียนรู้/เน้อื หาการเรียนรู้
เรอื่ ง การศกึ ษาพนั ธุกรรมของเมนเดล 1
1) ศกึ ษาการถา่ ยทอดลักษณะทางพันธุกรรมโดยการผสมพันธ์ถุ ั่วลันเตา
130
2) ความหมายและยกตัวอย่าง ลักษณะเด่น ลักษณะด้อย แอลลีล ฟีโนไทป์ จีโนไทป์ฮอมอ
ไซกัส เฮเทอโรไซกัส ฮอมอไซกัสโดมิแนนท์ และฮอมอไซกสั รเี ซสสีฟ
1.2 สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอดของเร่ืองท่ีเขียน
เกรเกอร์ โยฮันน์ เมนเดล ทำการทดลองการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมของถั่วลันเตา
โดยผสมถว่ั ลนั เตาที่มลี กั ษณะแตกตา่ งกนั พบวา่ ถั่วลันเตารุน่ ลกู จะมีลักษณะเหมอื นตน้ พ่อหรือต้นแม่
อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านัน้ และเมื่อนาํ รุน่ ลูกมาผสมกันเองจะได้ถั่วลันเตารุ่นหลานท่ีมีบางต้นลักษณะ
เหมือนต้นพ่อและบางตน้ ลกั ษณะเหมือนต้นแม่
การถ่ายทอดลักษณะของถั่วลันเตามียีน (gene) ควบคุม ซึ่งประกอบด้วยแอลลีล (allele) 2
แอลลีล รุ่นลูกจะได้รับแอลลีลจากพ่อและแม่อย่างละหนึ่งแอลลีล แต่ลักษณะที่ปรากฏออกมาจะมี
เพยี งลกั ษณะเดียวเท่าน้นั เน่ืองจากแอลลลี ท่ีควบคุมลักษณะเด่นจะข่มแอลลีลที่ควบคุมลักษณะด้อย
อยู่ โดยเรียกแอลลีลที่ควบคุมลักษณะเด่นว่า แอลลีลเด่น (dominant allele) และเรียกแอลลีลท่ี
ควบคุมลกั ษณะดอ้ ยวา่ แอลลีลด้อย (recessive allele) และเมื่อให้รุ่นลูกผสมกันเองจะได้รุ่นหลานที่
แสดงทั้งลักษณะเด่นและลักษณะด้อยออกมา ซึ่งมีอัตราส่วนระหว่างลักษณะเด่นต่อลักษณะด้อย
เท่ากับ 3 : 1 คู่ของแอลลลี หรอื รูปแบบของยนี ทป่ี รากฏเป็นคกู่ ัน เรียกวา่ จโี นไทป์ (genotype) ส่วน
ลกั ษณะท่แี สดงออกมา เรียกวา่ ฟีโนไทป์ (phenotype)
1.3 จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้: เมื่อผเู้ รยี นจบกิจกรรมการเรียนรู้ ผเู้ รยี นสามารถ
ด้านความรู้ (K: Knowledge) อธบิ าย และสรุปผลการทดลองของเมนเดลได้
อธิบายความหมายและยกตัวอย่าง ลักษณะ
เด่น ลักษณะด้อย แอลลีล ฟีโนไทป์ จีโนไทป์ฮ
อมอไซกัส เฮเทอโรไซกสั ฮอมอไซกัสโดมิแนนท์
และฮอมอไซกัสรีเซสสีฟได้
ด้านทกั ษะกระบวนการ (P: Process) สรุปความสัมพันธ์ระหว่างสารพันธุกรรม แอล
ลลี โปรตนี ลักษณะทางพนั ธุกรรม และเช่อื มโยง
กับความรู้เร่ืองพนั ธศุ าสตรเ์ มนเดล
เขียนการถ่ายทอดลักษณะพันธุกรรมของถ่ัว
ลนั เตาตามการทดลองของเมนเดลได้
ดา้ นคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A: Attribute) ทำงานร่วมกับผูอ้ นื่ , รับผดิ ชอบตอ่ การทำงาน,
แสดงคงามคิดเห็น, นำเสนอผลงานหน้าชน้ั เรียน
ได้
131
ดา้ นทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การลงความเห็นจากข้อมลู
(Sc.P: Science Process Skill) การกำหนดและควบคุมตวั แปร
การสงั เกต การกำหนดนิยามเชิงปฏิบัตกิ าร
การวดั การตัง้ สมมติฐาน
การคำนวณ/การใช้ตัวเลข การทดลอง
การจำแนกประเภท การตีความหมายข้อมูลและลงขอ้ สรุป
การจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูล การสร้างแบบจำลอง
การหาความสมั พันธ์ระหว่างสเปสกับสเปส
และสเปสกบั เวลา
การพยากรณ/์ การทำนาย
2. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้แบบ 5E ร่วมกับ STAD
2.1 ข้นั สร้างความสนใจ (Engagement)
2.1.1 ครใู หน้ กั เรยี นทำแบบทดสอบก่อนเรยี นเรือ่ ง การศึกษาพันธุกรรมของเมนเดล จำนวน
10 ข้อ
2.1.2 ครูใช้รูปสัตว์ที่ลูกมีลักษณะเหมือนพ่อหรือแม่ให้นักเรียนรว่ มกนั อภิปราย เพื่อแสดงให้
เห็นว่าลกั ษณะตา่ ง ๆ ของสง่ิ มีชีวติ สามารถถา่ ยทอดได้
2.1.3 จากนนั้ ใหน้ ักเรียนสำรวจและยกตัวอยา่ งลักษณะของนกั เรยี นวา่ มีลกั ษณะใดท่ีคล้ายพ่อ
หรือแม่และบรรพบุรุษ มีลักษณะใดที่เหมือนหรือแตกต่างจากพี่และน้อง (แนวคำตอบ: คำตอบของ
นักเรียนอาจแตกต่างกันขึน้ อยู่กับบคุ คล)
2.1.3 ครูให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกสิ่งมีชีวิตในการทดลองของเมนเดล และ
อภปิ รายวา่ เหตใุ ดเมนเดลจึงเลอื กถั่วลันเตาเป็นพืชทดลอง (แนวคำตอบ: ถั่วลนั เตามลี ักษณะที่เหมาะ
ต่อการทดลองของเมนเดล คอื
1. เป็นพชื ทม่ี ีวัฏจักรชวี ติ สนั้ ให้ผลการทดลองไดใ้ นระยะเวลาไม่นาน
132
2. ปลูกง่าย เจริญเติบโตเร็ว ให้ลูกหลานจำนวนมากในแต่ละครั้ง ทำาให้ข้อมูลจากผลการทดลอง
น่าเช่ือถือมากขึ้น
3. มีหลายลักษณะซึ่งแต่ละลักษณะแตกต่างกันอย่างชัดเจน เช่น สีกลีบดอกมีสีม่วงและสีขาว
รปู รา่ งของเมล็ดมีเมล็ดกลมและเมลด็ ขรขุ ระ
4. มีดอกสมบูรณ์เพศ มีกลีบดอกปิดคลุมกลุ่มเกสรเพศผู้และเกสรเพศเมีย ป้องกันไม่ให้เรณู
จากดอกอื่นเขา้ ผสมกับเซลล์ไข่ ในธรรมชาติจึงมีการปฏิสนธิตัวเอง ทำให้ควบคุมการปฏิสนธิข้ามได้
งา่ ย)
2.2 ข้นั สำรวจและคน้ หา (Exploration)
2.2.1 แบง่ นกั เรยี นออกเปน็ กลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน คละความสามารถ เกง่ ปานกลาง ออ่ น
2.2.2 ให้นักเรียนแตล่ ะกลุ่มศึกษาและร่วมกันอภปิ รายภายในกลุ่มเร่ืองการศึกษาพันธุกรรม
ของเมนเดล ในหนงั สือเรยี นชีววิทยา 2 หนา้ 58 – 61
2.2.3 ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอองคค์ วามรูท้ ีส่ รปุ ไดจ้ ากการศึกษาในหนงั สือเรียน
ชวี วทิ ยา 2 และใบความรเู้ พ่อื นำเสนอหน้าชน้ั เรียน
2.3 ขั้นอธบิ ายและลงข้อสรปุ (Explanation)
2.3.1 ให้นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มออกมานำเสนอผลองค์ความร้ทู สี่ รุปได้ หน้าชัน้ เรยี น
2.3.2 ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันอภปิ รายและสรปุ องค์ความรู้ ดังน้ี
1. เมนเดลคัดเลือกลักษณะของถั่วลันเตา 7 ลักษณะ ได้แก่ ความสูงของต้น สีของกลีบดอก
ตำแหน่งของดอกบนต้น สีของเมล็ด รูปร่างของเมล็ด สีของฝัก และรูปร่างของฝัก ซึ่งแต่ละ
ลกั ษณะมีรปู แบบท่ีแตกตา่ งกนั อย่างชัดเจน เชน่ กลีบดอกสมี ่วงและกลีบดอกสีขาว
133
2. เมนเดลทำการทดลองผสมพันธุ์ถั่วลันเตาโดยพิจารณาลักษณะทีละลักษณะ เรียกว่าการผสม
ลักษณะเดียว
3. ผสมภายในดอกเดียวกันหลาย ๆ ร่นุ จนแน่ใจวา่ ได้ตน้ ท่เี ป็นพันธแุ์ ทข้ องลักษณะนัน้ แล้วนำต้นแม่
ทีม่ ีกลบี ดอกสีมว่ งพนั ธ์ุแท้และต้นพอ่ ทม่ี ีกลีบดอกสีขาวพนั ธ์ุแท้มาผสมกันเรียกรุ่นน้ีว่ารุ่นพ่อแม่ หรือ
รนุ่ P
4. ตัดเกสรเพศผู้ทิ้งให้เหลือเฉพาะเกสรเพศเมีย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการผสมภายในดอกเดียวกัน
แล้วนำเรณจู ากอับเรณูของดอกจากอีกตน้ หน่งึ มาป้ายทีย่ อดเกสรเพศเมยี ของดอกเพศเมียน้ัน เพ่ือให้
เกิดการปฏิสนธิข้าม
5. ผสมพันธุ์ในรุ่นพ่อแม่จะได้เมล็ดซึ่งไปปลูกได้เป็นต้นใหม่จำนวนมาก เรียกรุ่นนี้ว่า รุ่น F1
6. ให้รุ่น F1 ปฏสิ นธติ ัวเองจะได้เมล็ดซง่ึ ไปปลูกได้เปน็ ต้นใหม่ เรยี กรุ่นนีว้ า่ รุน่ F2
134
2.3.3 ครูและนักเรยี นรว่ มกนั อภปิ รายเกี่ยวกับผลการทดลองในการผสมถัว่ ลันเตาดอกสีม่วง
และดอกสขี าวของเมนเดล
เพราะเหตุใดถั่วลันเตาในรุ่น F1 จึงไม่ปรากฏต้นที่มีดอกสีขาว (แนวคำตอบ: ยีน
ควบคุมลักษณะสีกลีบดอกถูกถ่ายทอดจากรุ่น P ไปยังรุ่น F1 และไปยังรุ่น F2 โดยลูกจะได้
รับแอลลีลหนึ่งจากพ่อและอีกแอลลีลจากแม่ ทั้งนี้ในรุ่น F1 จะปรากฏต้นที่มีกลีบดอกสีม่วง
ซึ่งเป็นลักษณะเด่นทั้งหมด แม้ว่าจะมีแอลลีลด้อยควบคุมกลีบดอกสีขาวจากรุ่น P อยู่ แต่ไม่มี
การแสดงออก จึงทำให้เกดิ กลบี ดอกสีมว่ ง)
เพราะเหตุใดลักษณะที่ปรากฏในรุ่น F2 จึงแตกต่างจากลักษณะที่ปรากฏในรุ่น F1
(แนวคำตอบ: ในรุ่น F2 จะปรากฏทั้งต้นที่มีกลีบดอกสีม่วงและต้นที่มีกลีบดอกสีขาว ในอัตราส่วน
ประมาณ 3 : 1 เนอ่ื งจากรุ่น F1 เป็นลูกผสมจากแม่เด่นพันธ์ุแท้และพ่อด้อยพนั ธ์แุ ท้ เม่อื นำรุ่น F1 ที่
เปน็ เฮเทอโรไซกสั มาผสมภายในดอกเดยี วกนั จงึ ปรากฏตน้ ทมี่ ีกลบี ดอกสีขาว)
2.3.4 ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลการทดลองผสมพันธุ์ถั่วลันเตาจากตาราง 5.1 ใน
หนังสือเรียน
135
ผลการทดลองผสมพันธุถ์ ่ัวลันเตาทั้ง 7 ลักษณะสอดคล้องกันคือ รุ่น F1 จะแสดงเฉพาะลักษณะของ
พ่อหรือแม่เพียงลักษณะเดียวที่เป็นลักษณะเด่น ส่วนลักษณะที่ถ่ายทอดไปยัง F2 จะแสดงทั้งสอง
ลักษณะของรุ่น P ในอัตราสว่ นลกั ษณะเด่น : ลักษณะด้อย โดยประมาณ 3 : 1 ลักษณะเด่น ได้แก่ ตน้
สูง กลีบดอกสีม่วง ดอกตามซอก เมล็ดสีเหลือง เมล็ดกลม ฝักสีเขียว และฝักอวบ ส่วนลักษณะด้อย
ไดแ้ ก่ ตน้ เตยี้ กลบี ดอกสขี าว ดอกตามยอด เมล็ดสเี ขยี ว เมล็ดขรุขระ ฝักสเี หลอื ง และฝักแฟบ โดยถา้
ผสมสลับลักษณะของพอ่ แม่ในรนุ่ P ลกั ษณะของลูกในร่นุ F1 และ F2 จะยังคงเป็นเหมอื นเดมิ แต่ถ้า
ในรุน่ P ตน้ พอ่ หรอื ตน้ แม่ไม่เป็นพันธ์แุ ทจ้ ะส่งผลใหล้ กั ษณะของลูกในร่นุ F1 และ F2 แตกตา่ งไปจาก
ข้อมูลผลการทดลองของเมนเดล
2.4 ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration)
2.4.1 ครูทบทวนและให้ความรู้เกี่ยวกับโลคัสของยีนบนฮอมอโลกัสโครโมโซม และครูอาจ
ทบทวนหลักการเขยี นจีโนไทป์และให้นักเรียนฝึกเขยี นจีโนไทป์ของลักษณะตา่ ง ๆ
136
2.4.2 จากนั้นให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลและอธิบายความหมายของคำศัพท์ต่าง ๆ ที่ใช้ในทาง
พันธุศาสตร์
➢ ลักษณะเด่น (dominant trait) คือ ลักษณะที่แสดงออกมาให้เห็นได้ในสภาพเฮเทอโรไซกัส
แมว้ ่าจะมแี อลลีลเดน่ เพยี งแอลลีลเดียว
➢ ลักษณะด้อย (recessive trait) คือ ลักษณะที่แสดงออกมาให้เห็นได้ในสภาพที่มีแอลลีลด้อย
2 แอลลลี (ฮอมอไซกสั รีเซสสฟี )
➢ แอลลลี (allele) คอื รูปแบบของยนี ท่อี ยู่บนโลคสั เดยี วกนั บนฮอมอโลกสั โครโมโซม
➢ ฟโี นไทป์ (phenotype) คอื ลักษณะทป่ี รากฏซ่ึงเป็นผลจากการควบคุมของจีโนไทป์
➢ จีโนไทป์ (genotype) คือ รูปแบบของยีนที่อยู่เป็นคู่ เพื่อควบคุมลักษณะทางพันธุกรรม
➢ โลคัส (locus) คือ ตำแหน่งของยีนที่เป็นแอลลีลกัน และอยู่ตรงกันบนฮอมอโลกัสโครโมโซม
➢ ฮอมอไซกัส (homozygous) คือ รูปแบบของจีโนไทป์ที่มีแอลลีล 2 แอลลีลที่เหมือนกัน
เช่น แอลลีลเด่นทั้ง 2 แอลลีล (AA) เป็นฮอมอไซกัสโดมิแนนท์ (homozygous dominant)
หรือแอลลีลด้อยทั้ง 2 แอลลีล (aa) เป็นฮอมอไซกัสรีเซสสีพ (homozygous recessive)
➢ เฮเทอโรไซกัส (heterozygous) คือ รูปแบบของจีโนไทป์ที่มีแอลลีล 2 แอลลีลที่แตกต่างกัน
เช่น Aa
2.5 ข้นั ประเมิน (Evaluation)
137
2.5.1 ครูให้นักเรียนทำข้อสอบหลังเรียน เรื่อง การศึกษาพันธุกรรมของเมนเดล ซึ่งเป็นการ
ทดสอบรวบยอดและนำคะแนนของตนไปหาคะแนนพฒั นาการ กลุ่มใดไดค้ ะแนนพัฒนาการของกลุ่ม
สูงสุด กลุ่มนั้นได้รับรางวัลจากครู
2.5.2 ครใู หน้ กั เรยี นทำใบงานท่ี 7 เร่ือง การถ่ายทอดลักษณะถั่วลนั เตาของเมนเดล
3. สอ่ื /อปุ กรณ/์ แหลง่ การเรียนรู้
3.1 หนังสอื เรียนรายวชิ าเพมิ่ เติม ชวี วิทยา 2 ม.4
3.2 PowerPoint เรอ่ื ง การศึกษาพันธุกรรมของเมนเดล
3.3 แบบทดสอบก่อนเรยี นและหลังเรียน เรอ่ื ง การศึกษาพันธุกรรมของเมนเดล
3.4 ใบงานที่ 7 เรือ่ ง การถา่ ยทอดลักษณะถั่วลันเตาของเมนเดล
4. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ วธิ กี ารวัดผลการเรยี นรู้ เกณฑ์การประเมินผล
ด้านความรู้ (K: Knowledge) การนำเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์ไมน่ อ้ ยกว่า
อธบิ าย และสรุปผลการทดลองของ การถามตอบ ร้อยละ 75
เมนเดลได้ การทำแบบทดสอบ
อธิบายความหมายและยกตัวอย่าง
ลักษณะเดน่ ลกั ษณะดอ้ ย แอลลลี ฟี
โนไทป์ จโี นไทปฮ์ อมอไซกัส เฮเทอโร
ไซกัส ฮอมอไซกสั โดมแิ นนท์ และฮ
อมอไซกัสรีเซสสีฟได้
ดา้ นทักษะกระบวนการ (P: Process) การนำเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์ไม่นอ้ ยกว่า
สรุปความสัมพันธ์ระหว่างสาร การถามตอบ รอ้ ยละ 75
พันธุกรรม แอลลีล โปรตีน ลักษณะ การทำแบบทดสอบ
ทางพนั ธุกรรม และเชอ่ื มโยงกับความรู้ การตรวจแบบฝกึ หัด
เร่อื งพันธุศาสตรเ์ มนเดล
เขยี นการถา่ ยทอดลกั ษณะพนั ธุกรรม
ของถั่วลันเตาตามการทดลองของเมน
เดลได้
ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ (A: สังเกตพฤติกรรมในการทำงาน ผ่านเกณฑ์ไมน่ ้อยกว่า
Attribute) ร้อยละ 75
138
ทำงานร่วมกบั ผู้อนื่ , รบั ผดิ ชอบตอ่
การทำงาน, แสดงความคิดเหน็ ,
นำเสนอผลงานหน้าชนั้ เรยี นได้
ตระหนกั ถงึ การนำความรทู้ าง
ชีววทิ ยาไปใช้วา่ ต้องคำนึงถึงจริยธรรม
ด้านทกั ษะกระบวนการทาง สังเกตพฤติกรรมในการทำงาน ผา่ นเกณฑ์ไมน่ ้อยกว่า
วทิ ยาศาสตร์ ร้อยละ 75
(Sc.P: Science Process Skill)
การสงั เกต
การจัดกระทำและสื่อความหมาย
ขอ้ มลู
การลงความเหน็ จากข้อมลู
แบบสงั เกตพฤตกิ รรม
เรื่อง การศกึ ษาพนั ธกุ รรมของเมนเดล 1
คำชี้แจง จงทำเครื่องหมาย ลงในช่องที่ตรงกับพฤติกรรมที่ผู้เรียนแสดงออก โดยจำแนกระดับ
พฤตกิ รรมการแสดงออกไว้เปน็ 3 คะแนน ดังน้ี
3 คะแนน หมายถงึ ผู้เรยี นมีพฤติกรรมในระดับดี
2 คะแนน หมายถึง ผเู้ รียนมพี ฤติกรรมในระดบั ปานกลาง
1 คะแนน หมายถงึ ผเู้ รยี นมพี ฤตกิ รรมในระดับปรับปรุง
ช่อื -สกลุเล รายการประเมิน
ข
่ีท
139
ความใส่ใจ การเสนอ ความ การยอมรบั คะแนน ร้อย สรุปผลการ
ในการ ความ ร่วมมอื ใน ฟงั คนอืน่ รวม ละ ประเมิน
ทำงาน คดิ เห็น การทำงาน 3 2 1 12 100 ผา่ น ไม่
321 321 321 ผ่าน
1 นายณฐั นนท์สธุ รรมฤทธ์ิ ความใสใ่ จ รายการประเมนิ คะแนน รอ้ ย สรปุ ผลการ
2 นายระพีธาดา วงศค์ ลุ ี ในการ การยอมรบั รวม ละ ประเมนิ
เลข ่ที3 นายจกั รกฤษ สีลาแดง ทำงาน การเสนอ ความ ฟงั คนอน่ื
4 นายจักรภัทร จันทร์แกว้ ความ รว่ มมือใน 3 2 1 12 100 ผ่าน ไม่
5 นายนรภทั ร ศรที อง 321 คิดเห็น การทำงาน
6 นายปรชั ญา ใจบญุ ผา่ น
7 นายประสิทธชิ ัย อามาตย์ 321321
สมบัติ
8 นายจักรภทั ร สขุ ณรงค์
9 นายฉัตรดนัย สภุ า
10 นายณฐั พล จนั ทฤาชา
11 นายณัฐวัศ พนมธีร-
เกยี รติ
12 นายถิระวฒั น์ แตงเอ่ียม
13 นายทธั ดนัย สแตนลีย์
14 นายธรี ตั เดช น้อยมนตรี
15 นายนันทวฒุ ิ สขุ เกิด
ช่อื -สกุล
16 นายนันทศร หไู ธสง
17 นายวชริ วิชญ์ พันพนิ ิจ
140
18 นายวรี ภัทร ครูศรี
19 นายสริ วิชญ์ สัมฤทธ์ิ
20 น.ส.ปิยธิดา อม้ วิชา
21 น.ส.จรี ะนนั ท์ เเหลย้ ัง
22 น.ส.ปนดั ดา คนดี
23 น.ส.จุฑารัตน์ คำเดช
24 น.ส.ชยธดิ า สงวนพร
25 น.ส.ณัฐกฤตา หาญโก-
กรวด
26 น.ส.ตติยา อปุ ระโคตร
27 น.ส.ธิดารัตน์ ต้อนโสกี
28 น.ส.นครินทร์ สารโี ท
29 น.ส.นภสั สร สำราญบุญ
30 น.ส.ปนดั ดา วรรณบลู ย์
31 น.ส.ปิ่นภัทรา ชินคำ
32 น.ส.ปณุ ยาพร ทองไชย
33 น.ส.พชิ ญ์นาฏ ขนั ธวชิ ัย
34 น.ส.พิมพร ละดาดาษ
35 น.ส.ภัทรภรณ์ สายสุข
36 น.ส.มณฑาทิพย์ ใจสขุ
ชื่อ-สกุล รายการประเมนิ คะแนน ร้อย สรุปผลการ
การยอมรบั รวม ละ ประเมิน
เลข ่ที ความใสใ่ จ การเสนอ ความ ฟงั คนอนื่
ในการ ความ ร่วมมือใน
ทำงาน คดิ เหน็ การทำงาน
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผ่าน ไม่
ผ่าน
37 น.ส.ณัฏฐธดิ า อุปะทะ
38 น.ส.รุจี บุตรนนท์
141
39 น.ส.วภิ วานี แสนโสภา
40 น.ส.สิริกัญญา บตุ รน้อย
41 น.ส.สุกฤตา บรรเรอื ง-
ทอง
42 น.ส.นันทพิ ร โอนากุล
เกณฑ์การประเมนิ
ร้อยละ 75 ขึ้นไป ( 9 - 12 คะแนน) ผา่ นเกณฑ์
น้อยกว่ารอ้ ยละ 75 ( 0 – 8 คะแนน ) ไมผ่ ่านเกณฑ์
ลงช่อื ........................................................ ผูส้ อน
(นางสาวสุภาวิณี เพิม่ ทอง)
วนั ท่ี ............ เดอื น ........................ พ.ศ..............
เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑ์การใหค้ ะแนน
ประเด็นทป่ี ระเมนิ
321
ความใสใ่ จในการ
ทำงาน เมื่อเกิดปัญหาหรือไม่ ส่ว น ใหญ ่เมื่อเกิด เมื่อเกิดปัญหาหรือไม่
เข้าใจบทเรียนทุกครั้ง ปัญหาหรือไม่เข้าใจ เข้าใจบทเรียนทุกครั้ง
มักซักถามและมีความ บทเรียนทุกครั้งมัก มักซักถามและมีความ
พยายามในการค้นหา ซักถามและมีความ พยายามในการค้นหา
คำตอบอยู่เสมอ คำตอบเป็นบางคร้ัง
142
พยายามในการค้นหา
คำตอบ
การเสนอความคิดเหน็ ส ่ ว น ใ ห ญ ่ เ ส น อ เสนอความคิดเห็น ไม่เสนอความคิดเห็น
ความคิดเห็น กล้า กล้าแสดงออกที่จะพูด กลา้ แสดงออกท่ีจะพูด
แสดงออกที่จะพูดใน ใน สิ่ง ที่ถูก หร ือ ดี ในสิง่ ทถ่ี กู หรือดี
ส่งิ ทีถ่ กู หรอื ดี บางครั้ง
ความร่วมมอื ในการ ให้ความร่วมมือในการ ส่วนใหญ่ให้ค ว าม ให้ความรว่ มมอื ในการ
ทำงาน ทำงานกลมุ่ และ ร่วมมือในการทำงาน ทำงานกลุม่ และ
ปฏิบัติงานทีส่ มาชิกใน กลุ่มและปฏิบัติงานที่ ปฏบิ ตั ิงานทส่ี มาชิกใน
กลมุ่ มอบหมายด้วย ส ม า ช ิ ก ใ น ก ลุ่ ม กลุ่มมอบหมายได้เปน็
ความเตม็ ใจทุกครงั้ มอบหมายได้ บางคร้ัง
การยอมรับฟงั คนอ่ืน ย อ ม ร ั บ ฟ ั ง ค ว า ม ย อ ม ร ั บ ฟ ั ง ค ว า ม ไม่ยอมรับฟังความ
คิดเห็น ที่ดีและ มี คิดเห็น ที่ดีและ มี คิดเห็น ที่ดีและ มี
เหตุผลของผู้อื่นทุก เหตุผลของผู้อื่นบ้าง เหตุผลของผู้อื่น มัก
ค ร ั ้ ง ไ ม ่ ย ึ ด ค ว า ม แต่บาง คร ั้ง จะ ยึ ด ยึดความคิดเห็นของ
คิดเห็นของตนแต่ฝ่าย ความคิดเหน็ ของตน ตนแตฝ่ ่ายเดยี ว
เดียว
แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน
ชอื่ กลุ่ม...............................................................................................................ช้นั ............................
รายชื่อสมาชกิ 1. .............................................................................................เลขที่...........................
2. .............................................................................................เลขท.่ี ..........................
3. .............................................................................................เลขท.ี่ ..........................
4. .............................................................................................เลขที่...........................
5. .............................................................................................เลขท.่ี ..........................
143
6. .............................................................................................เลขที่...........................
คำชแี้ จง จงทำเครอื่ งหมาย ลงในชอ่ งท่ีตรงกับพฤตกิ รรมทผ่ี ูเ้ รียนแสดงออก โดยจำแนกระดับ
พฤติกรรมการแสดงออกไว้เปน็ 3 คะแนน ดังน้ี
3 คะแนน หมายถงึ ผเู้ รียนมีพฤติกรรมการแสดงออกอย่างสมำ่ เสมอ
2 คะแนน หมายถึง ผูเ้ รียนมีพฤตกิ รรมการแสดงออกเปน็ คร้งั คราว
1 คะแนน หมายถึง ผู้เรียนมีพฤติกรรมการแสดงออกนอ้ ยครั้ง
ท่ี รายการประเมนิ คะแนน ขอ้ คดิ เหน็
32 1
1 การเตรยี มความพรอ้ ม
2 เนื้อหาสาระครอบคลุมชดั เจน
3 ความถูกต้องของเน้ือหา
4 การมีส่วนรว่ มของสมาชิกใน
กลุ่ม
5 รูปแบบการนำเสนอ
รวม
เกณฑก์ ารประเมิน
ร้อยละ 75 ขน้ึ ไป ( 11 - 15 คะแนน) ผ่านเกณฑ์
น้อยกว่ารอ้ ยละ 75 ( 0 – 10 คะแนน ) ไมผ่ ่านเกณฑ์
ลงช่ือ ........................................................ ผูส้ อน
(นางสาวสภุ าวณิ ี เพ่ิมทอง)
วันท่ี ............ เดอื น ........................ พ.ศ..............
เกณฑก์ ารให้คะแนน
ประเด็นทปี่ ระเมนิ เกณฑก์ ารให้คะแนน
321
การเตรยี มความพร้อม ดำเนินการตามแผนที่ ดำเนินการตามแผนท่ี ไม่สามารถดำเนินการ
วางไว้ ใช้อุปกรณ์และ วางไว้ ใช้อุปกรณ์และ ตามแผนท่วี างไว้
สื่อประกอบได้ถูกต้อง สื่อประกอบได้ถูกต้อง
แตไ่ มค่ ล่องแคล่ว
144
เน้อื หาสาระ คล่องแคล่ว และเสร็จ
ครอบคลุมชัดเจน ทนั เวลา
เน ื้อหาถูก ต้อง มี เน ื้อ หาถูก ต้อง มี เนื้อหาถูกต้องแต่ให้
สาระสำคัญครบถ้วน สาระสำคัญ แต่ยังไม่ สาระสำคัญน้อยมาก
และระบุแหล่งที่มา ครบถ้วน มีการระบุ และไม่ระบุแหล่งที่มา
ของความร้ชู ัดเจน แหล่งท่ีมาของความรู้ ของความรู้
ความถกู ตอ้ งของ เน้ือหาสาระถูกต้อง ส่วนใหญ่เนื้อหาสาระ เน้ือหาสาระไม่ถกู ต้อง
เน้อื หา
ครบถ้วน ถกู ต้อง
การมีสว่ นร่วมของ
สมาชิกในกลุ่ม มสี ว่ นร่วมสม่ำเสมอ มีส่วนร่วมบางคร้งั มีส่วนร่วมน้อยครั้ง/
รูปแบบการนำเสนอ ขาดการมสี ว่ นร่วม
มีรูปแบบน่าสนใจ มี ร ู ป แ บ บ มี ไม่มีรูปแบบน่าสนใจ
ค ว า ม ส ั ม พ ั น ธ ์ กั บ ค ว า ม ส ั ม พ ั น ธ ์ กั บ มีความสัมพันธ์กับ
ห ั ว ข ้ อ ท ี ่ ก ำ ห น ด หัวข้อที่กำหนด แต่ไม่ หัวข้อที่กำหนดน้อย
ระบายสีไดส้ วยงาม ดงึ ดูดความสนใจ มาก
145
146
ใบงานที่ 7
เร่อื ง การถ่ายทอดลักษณะถ่วั ลันเตาของเมนเดล
คำชแ้ี จง : จงทำนายการถ่ายทอดลักษณะของถวั่ ลนั เตาตอ่ ไปนี้
1. การผสมพันธุ์ถั่วลันเตาเมล็ดสีเหลือง กับถั่วลันเตาเมล็ดสีเขียวที่เป็นพันธุ์แท้ทั้งคู่ รุ่น F1 และ F2 จะมี
ลักษณะจีโนไทป์และฟีโนไทป์อยา่ งไร
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
147
2. ถ้านำรุ่น F1 ที่เกิดจากการผสมพันธุ์ถั่วลันเตาฝักสีเขียวกับฝักสีเหลืองที่เป็นพันธุ์แท้ทั้งคู่ มาผสมกับ
ถว่ั ลันเตาฝักสีเหลอื ง ลกู ท่เี กดิ มาจะมจี โี นไทป์และฟีโนไทป์อย่างไร
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
ชือ่ ....................................................................................................เลขท.่ี ..................ห้อง.....................
เฉลยใบงานท่ี 7
เร่อื ง การถา่ ยทอดลักษณะถ่วั ลันเตาของเมนเดล
คำช้ีแจง : จงทำนายการถา่ ยทอดลักษณะของถั่วลนั เตาต่อไปน้ี
1. การผสมพันธุ์ถั่วลันเตาเมล็ดสีเหลือง กับถั่วลันเตาเมล็ดสีเขียวที่เป็นพันธุ์แท้ทั้งคู่ รุ่น F1 และ F2 จะมี
ลกั ษณะจโี นไทป์และฟโี นไทปอ์ ย่างไร
..ก...ำ..ห..น...ด..ใ..ห...้แ..อ..ล...ล..ีล....Y...ค...ว..บ..ค...ุม..ล...กั ..ษ...ณ...ะ..เ.ม...ล..็ด...ส..ีเ.ห...ล..อื...ง...แ..ล..ะ...แ..อ..ล...ล..ีล....y...ค..ว...บ..ค...ุม..ล..ัก...ษ..ณ....ะ..เ.ม...ล..ด็..ส...ีเ.ข..ยี...ว.....................
..ว...ธิ ..ีท..ำ.......P............................เ.ม...ล..็ด..ส...ีเ.ห...ล..อื..ง.......................x...........................เ..ม..ล..ด็...ส..ีเ.ข...ีย..ว.......................................
................จ...ีโ.น...ไ.ท...ป..์.............................Y..Y..........................x...........................y..y......................................................
................เ..ซ..ล..ล...ส์ ..ืบ...พ..นั...ธ..ุ์.....................Y............................x...........................y........................................................
148
2. ถ้านำรุ่น F1 ที่เกิดจากการผสมพันธุ์ถั่วลันเตาฝักสีเขียวกับฝักสีเหลืองที่เป็นพันธุ์แท้ทั้งคู่ มาผสมกับ
ถว่ั ลันเตาฝกั สเี หลอื ง ลูกท่ีเกดิ มาจะมจี ีโนไทปแ์ ละฟโี นไทป์อย่างไร
..ก..ำ..ห...น...ด..ใ.ห...แ้..อ...ล..ล..ีล....G....ค..ว..บ...ค...มุ ..ล..ัก...ษ...ณ...ะ..ฝ..กั...ส..ีเ.ข...ยี ..ว...แ...ล..ะ..แ...อ..ล..ล...ีล...g....ค..ว..บ...ค..มุ...ล..ัก..ษ...ณ...ะ...ฝ..กั ..ส...เี .ห..ล...อื ..ง.............................
..ว..ิธ..ที...ำ.......P.........................................ฝ...ัก..ส..ีเ..ข..ีย..ว...............x............................ฝ..กั...ส..ีเ.ห...ล..ือ..ง.........................................
................จ..โี ..น..ไ..ท..ป...์ ............................G...G.........................x............................g..g......................................................
................เ.ซ...ล..ล..ส์..ื.บ..พ...ัน..ธ...์ุ ....................G............................x............................g........................................................
................F..1...................................................................G...g...(.ฝ..ัก...ส..เี.ข...ีย..ว..)..............................................................
................F..1.......................................G...g.........................x............................g..g......................................................
................เ.ซ...ล..ล..ส์..ื.บ..พ...นั..ธ...ุ์ ....................½.....G....,..½.....g............x............................g........................................................
................F..2.....................................................½.....G...g.................½....g..g...................................................................
..ด..งั..น...ั้น.......ร..ุน่....F..2..ม...ฟี ...โี .น...ไ.ท...ป..์แ...บ..บ...ฝ..กั...ส..ีเ.ข..ยี...ว...แ...ล..ะ..ฝ..กั...ส..เี.ห...ล..อื...ง...ท...่ีอ..ตั..ร..า..ส...ว่ ..น....1...:...1...แ...ต..ฝ่ ..ัก...ส..ีเ.ข...ยี ..ว..ม..จี...โี .น...ไ.ท...ป..แ์...บ..บ........
................G...g......................................................................................................................................................
แบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง การศกึ ษาพันธกุ รรมของเมนเดล
ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2564 ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 4
รายวชิ าชวี วิทยา 2 รหัสวิชา ว31242 เวลาสอบ 10 นาที
149
คำช้ีแจง: แบบทดสอบทั้งหมดประกอบดว้ ย ข้อสอบปรนยั 4 ตวั เลอื ก จำนวน 10 ขอ้
1. ลกั ษณะของถว่ั ลนั เตาในข้อใดตอ่ ไปนท้ี เ่ี มนเดลนำมาศึกษา
1. สีของเมล็ด
2. รูปร่างของใบ
3. ความสูงของลำตน้
4. รปู ร่างของเมล็ด
5. ตำแหนง่ ของดอก
ก. 1, 2, 3 ข. 2, 3, 4
ค. 1, 3, 4, 5 ง. 1, 2, 3, 4, 5
2. ข้อใดอธบิ ายความหมายของ “ฟีโนไทป์” ไดถ้ ูกต้องทสี่ ดุ
ก. ลกั ษณะท่ถี ่ายทอดจากพ่อแมม่ าสู่ลกู
ข. ยนี ที่ควบคมุ ลักษณะพนั ธุกรรมของสงิ่ มชี วี ติ
ค. หนว่ ยทคี่ วบคุมลักษณะพันธุกรรมของสงิ่ มชี วี ิต
ง. ลกั ษณะทางพันธุกรรมท่ีปรากฏออกมาภายนอกของสิง่ มีชวี ติ
3. ขอ้ ใดอธบิ ายความหมายของ “แอลลีล” ได้ถกู ต้องทีส่ ุด
ก. ยนี เหมอื นกนั ควบคุมพันธุกรรมเดียวกนั
ข. หนว่ ยพันธุกรรมทอี่ ยูเ่ ปน็ ค่กู นั บนฮอมอโลกัสโครโมโซม
ค. รปู แบบของยนี ทีอ่ ยคู่ ู่กนั อาจมแี บบเดยี วหรอื หลายแบบ
ง. ยนี ท่เี ป็นฮอมอไซกสั กนั บนตำแหน่งเดยี วกนั ของฮอมอโลกสั โครโมโซม
4. ข้อใดไมใ่ ช่เหตุผลท่ีเมนเดลเลอื กศึกษาลกั ษณะของถว่ั ลนั เตาในการทดลอง
ก. ปลกู งา่ ย วงจรชีวิตยาว และให้เมล็ดมาก
ข. มีลกั ษณะทางพันธกุ รรมทีแ่ ตกต่างกนั ชัดเจน
ค. อายุส้ัน เจรญิ เตบิ โตไดเ้ ร็ว มหี ลากหลายพันธุ์
ง. เปน็ พชื ทีป่ ลูกไดง้ ่าย ไมต่ อ้ งบำรุงรกั ษามาก และใหเ้ มล็ดมาก
อ่านข้อความเหล่าน้แี ลว้ ตอบคำถามขอ้ 5
1. Ss
2. SS
3. เมล็ดกลม
4. เมลด็ ขรขุ ระ
150
5. ขอ้ ใดต่อไปนี้จัดเป็น heterozygous genotype ได้
ก. ขอ้ 1 และ 3
ข. ขอ้ 1 และ 4
ค. ขอ้ 2 และ 3
ง. ข้อ 2 และ 4
6. ในการทดลองผสมพันธถ์ุ วั่ ลนั เตาพันธ์ุแทฝ้ ักสีเขยี วลักษณะเด่น และฝักสีเหลอื งลักษณะด้อย จะได้
ลูกในรุน่ F1 มีฟีโนไทป์อยา่ งไร
ก. ฝกั สีเหลอื งท้ังหมด
ข. ฝกั สเี ขยี วทง้ั หมด
ค. ฝักสีเขียวอมเหลอื งทัง้ หมด
ง. ฝักสีเขียว : ฝกั สเี หลอื ง = 1 : 1
7. หากนำถั่วลนั เตาพนั ธุท์ างดอกสมี ว่ งผสมกนั จะได้ลูก ท่มี ีลักษณะอย่างไร
ก. ดอกสมี ่วงท้ังหมด
ข. ดอกสมี ว่ ง และดอกสีขาว ในอัตราส่วน 1 : 1
ค. ดอกสีมว่ ง และดอกสขี าว ในอัตราส่วน 1 : 3
ง. ดอกสมี ่วง และดอกสีขาว ในอตั ราสว่ น 3 : 1
อ่านข้อความต่อไปน้ีแล้วตอบคำถามข้อ 8
1. ยีน
2. หนว่ ยท่คี วบคมุ ลกั ษณะพนั ธกุ รรมของส่งิ มชี วี ิต
3. ลกั ษณะทปี่ รากฏออกมาในรุ่นลกู หรือรนุ่ ต่อ ๆ ไปเสมอ
4. หน่วยทบี่ รรจุสารพันธุกรรมทจ่ี ะถ่ายทอดไปยังรนุ่ ลกู
8. ข้อใดใหค้ วามหมายเกยี่ วกับคำว่า “แฟกเตอร์” ทีเ่ มนเดลกล่าวถงึ ในการศึกษาการถา่ ยทอด
ลกั ษณะทางพันธกุ รรมไดถ้ ูกตอ้ ง
ก. ข้อ 1 และ 2 ข. ข้อ 2 และ 3 ค. ขอ้ 2 และ 4 ง. ขอ้ 3 และ 4
9. homozygous และ heterozygous มีความหมายเหมอื น หรอื แตกต่างกันอย่างไร
ก. เหมือนกนั หมายถึง คขู่ องแอลลลี ทตี่ ่างกัน เชน่ Aa
ข. เหมือนกัน หมายถงึ คู่ของแอลลีลท่เี หมอื นกัน เช่น AA aa
151
ค. ต่างกนั เพราะ homozygous หมายถึง คู่ของแอลลลี ที่เหมอื นกัน เช่น AA aa แต่
heterozygous หมายถึง คขู่ องแอลลีลท่ีตา่ งกนั เช่น Aa
ง. ตา่ งกนั เพราะ homozygous หมายถึง คูข่ องแอลลีลที่ตา่ งกนั เชน่ Aa แต่heterozygous
หมายถงึ คู่ของแอลลลี ทีเ่ หมอื นกัน เชน่ AA aa
10. นำถัว่ ลันเตารุน่ พ่อแม่ homozygous dominant และ recessive ผสมพนั ธ์ุกันจะทำใหม้ โี อกาส
ไดร้ นุ่ F2 ที่มจี โี นไทป์แตกตา่ งกนั ก่ีแบบ
ก. 4 แบบ
ข. 3 แบบ
ค. 2 แบบ
ง. 1 แบบ
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน เรือ่ ง การศกึ ษาพันธุกรรมของเมนเดล
ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2564 ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 4
รายวชิ าชวี วิทยา 2 รหัสวิชา ว31242 เวลาสอบ 10 นาที
คำช้แี จง: แบบทดสอบทง้ั หมดประกอบดว้ ย ขอ้ สอบปรนัย 4 ตวั เลือก จำนวน 10 ขอ้
1. ลักษณะของถัว่ ลันเตาในข้อใดตอ่ ไปนี้ท่เี มนเดลนำมาศึกษา
152
1. สีของเมลด็
2. รปู รา่ งของใบ
3. ความสูงของลำตน้
4. รูปร่างของเมล็ด
5. ตำแหน่งของดอก
ก. 1, 2, 3 ข. 2, 3, 4
ค. 1, 3, 4, 5 ง. 1, 2, 3, 4, 5
2. ข้อใดอธบิ ายความหมายของ “ฟีโนไทป์” ได้ถูกต้องท่สี ดุ
ก. ลักษณะทีถ่ ่ายทอดจากพอ่ แม่มาสู่ลกู
ข. ยนี ทคี่ วบคมุ ลกั ษณะพันธกุ รรมของส่ิงมชี วี ิต
ค. หน่วยทคี่ วบคมุ ลักษณะพันธกุ รรมของสิ่งมชี ีวติ
ง. ลักษณะทางพันธุกรรมที่ปรากฏออกมาภายนอกของสง่ิ มชี วี ิต
3. ข้อใดอธบิ ายความหมายของ “แอลลีล” ไดถ้ ูกตอ้ งท่สี ดุ
ก. ยนี เหมือนกันควบคุมพนั ธกุ รรมเดยี วกัน
ข. หน่วยพนั ธุกรรมทอ่ี ยเู่ ปน็ คู่กันบนฮอมอโลกัสโครโมโซม
ค. รปู แบบของยนี ท่ีอยคู่ ่กู ัน อาจมีแบบเดียวหรือหลายแบบ
ง. ยนี ทเี่ ปน็ ฮอมอไซกสั กนั บนตำแหน่งเดยี วกนั ของฮอมอโลกัสโครโมโซม
4. ขอ้ ใดไม่ใช่เหตุผลท่ีเมนเดลเลือกศึกษาลกั ษณะของถ่วั ลนั เตาในการทดลอง
ก. ปลกู งา่ ย วงจรชวี ติ ยาว และใหเ้ มล็ดมาก
ข. มีลักษณะทางพันธกุ รรมทแ่ี ตกตา่ งกนั ชัดเจน
ค. อายสุ น้ั เจรญิ เตบิ โตไดเ้ ร็ว มีหลากหลายพนั ธุ์
ง. เปน็ พชื ทป่ี ลูกไดง้ ่าย ไม่ตอ้ งบำรุงรกั ษามาก และให้เมล็ดมาก
อ่านขอ้ ความเหล่าน้แี ลว้ ตอบคำถามข้อ 5
1. Ss
2. SS
3. เมลด็ กลม
4. เมล็ดขรุขระ
5. ขอ้ ใดตอ่ ไปนจี้ ัดเป็น heterozygous genotype ได้
ก. ข้อ 1 และ 3
153
ข. ขอ้ 1 และ 4
ค. ขอ้ 2 และ 3
ง. ขอ้ 2 และ 4
6. ในการทดลองผสมพันธถ์ุ ัว่ ลนั เตาพนั ธแ์ุ ทฝ้ ักสีเขียวลักษณะเดน่ และฝกั สีเหลอื งลกั ษณะด้อย จะได้
ลูกในรุ่น F1 มฟี ีโนไทป์อยา่ งไร
ก. ฝักสีเหลอื งทั้งหมด
ข. ฝกั สีเขียวท้งั หมด
ค. ฝกั สีเขยี วอมเหลืองทงั้ หมด
ง. ฝักสีเขียว : ฝกั สเี หลือง = 1 : 1
7. หากนำถ่วั ลนั เตาพนั ธทุ์ างดอกสีม่วงผสมกนั จะไดล้ กู ท่ีมีลกั ษณะอยา่ งไร
ก. ดอกสมี ว่ งทัง้ หมด
ข. ดอกสีม่วง และดอกสีขาว ในอตั ราส่วน 1 : 1
ค. ดอกสีมว่ ง และดอกสขี าว ในอตั ราสว่ น 1 : 3
ง. ดอกสีมว่ ง และดอกสีขาว ในอัตราสว่ น 3 : 1
อา่ นข้อความต่อไปนแ้ี ล้วตอบคำถามข้อ 8
1. ยีน
2. หน่วยท่คี วบคุมลกั ษณะพันธกุ รรมของส่งิ มีชวี ิต
3. ลักษณะทป่ี รากฏออกมาในรนุ่ ลกู หรือรุ่นตอ่ ๆ ไปเสมอ
4. หน่วยท่ีบรรจสุ ารพนั ธกุ รรมทจ่ี ะถา่ ยทอดไปยังรุ่นลกู
8. ขอ้ ใดใหค้ วามหมายเกย่ี วกบั คำว่า “แฟกเตอร์” ท่ีเมนเดลกล่าวถึง ในการศึกษาการถา่ ยทอด
ลกั ษณะทางพนั ธุกรรมได้ถูกต้อง
ก. ขอ้ 1 และ 2 ข. ขอ้ 2 และ 3 ค. ข้อ 2 และ 4 ง. ข้อ 3 และ 4
9. homozygous และ heterozygous มคี วามหมายเหมือน หรือแตกตา่ งกนั อย่างไร
ก. เหมอื นกนั หมายถงึ ค่ขู องแอลลีลทต่ี า่ งกัน เชน่ Aa
ข. เหมือนกนั หมายถงึ คขู่ องแอลลลี ทีเ่ หมือนกัน เชน่ AA aa
ค. ต่างกัน เพราะ homozygous หมายถงึ คู่ของแอลลลี ที่เหมอื นกนั เชน่ AA aa แต่
heterozygous หมายถงึ คูข่ องแอลลีลท่ีตา่ งกัน เชน่ Aa
154
ง. ต่างกัน เพราะ homozygous หมายถงึ คูข่ องแอลลีลที่ต่างกัน เช่น Aa แต่heterozygous
หมายถึง คู่ของแอลลีลที่เหมอื นกนั เช่น AA aa
10. นำถ่วั ลันเตาร่นุ พอ่ แม่ homozygous dominant และ recessive ผสมพันธกุ์ นั จะทำใหม้ ีโอกาส
ไดร้ นุ่ F2 ทมี่ ีจีโนไทป์แตกตา่ งกนั กี่แบบ
ก. 4 แบบ
ข. 3 แบบ
ค. 2 แบบ
ง. 1 แบบ
แบบทดสอบหลังเรียน เรอื่ ง การศึกษาพันธกุ รรมของเมนเดล
ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2564 ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 4
รายวชิ าชีววิทยา 2 รหสั วชิ า ว31242 เวลาสอบ 10 นาที
คำชีแ้ จง: แบบทดสอบทั้งหมดประกอบด้วย ขอ้ สอบปรนยั 4 ตัวเลอื ก จำนวน 10 ขอ้
1. ขอ้ ใดอธบิ ายความหมายของ “แอลลีล” ได้ถกู ต้องทสี่ ุด
ก. ยนี เหมอื นกันควบคุมพนั ธกุ รรมเดยี วกัน
ข. หน่วยพันธกุ รรมทอ่ี ยูเ่ ปน็ ค่กู ันบนฮอมอโลกัสโครโมโซม
155
ค. รปู แบบของยนี ที่อยู่คกู่ ัน อาจมีแบบเดียวหรอื หลายแบบ
ง. ยีนท่ีเป็นฮอมอไซกสั กันบนตำแหน่งเดียวกันของฮอมอโลกสั โครโมโซม
2. นำถ่วั ลนั เตารุ่นพอ่ แม่ homozygous dominant และ recessive ผสมพนั ธก์ุ ันจะทำใหม้ โี อกาสได้
ร่นุ F2 ทม่ี ีจโี นไทปแ์ ตกตา่ งกันก่แี บบ
ก. 4 แบบ
ข. 3 แบบ
ค. 2 แบบ
ง. 1 แบบ
อา่ นขอ้ ความเหล่านี้แล้วตอบคำถามขอ้ 3
1. Ss
2. SS
3. เมล็ดกลม
4. เมล็ดขรขุ ระ
3. ขอ้ ใดตอ่ ไปนจี้ ดั เปน็ heterozygous genotype ได้
ก. ข้อ 1 และ 3
ข. ข้อ 1 และ 4
ค. ขอ้ 2 และ 3
ง. ข้อ 2 และ 4
4. หากนำถวั่ ลันเตาพนั ธ์ุทางดอกสีมว่ งผสมกนั จะได้ลกู ทม่ี ีลักษณะอยา่ งไร
ก. ดอกสมี ว่ งท้งั หมด
ข. ดอกสมี ่วง และดอกสีขาว ในอัตราส่วน 1 : 1
ค. ดอกสมี ่วง และดอกสีขาว ในอัตราสว่ น 1 : 3
ง. ดอกสีม่วง และดอกสขี าว ในอัตราส่วน 3 : 1
5. ข้อใดอธบิ ายความหมายของ “ฟีโนไทป์” ไดถ้ กู ตอ้ งที่สุด
ก. ลักษณะทีถ่ ่ายทอดจากพอ่ แม่มาสู่ลูก
ข. ยนี ท่ีควบคมุ ลักษณะพนั ธุกรรมของสง่ิ มชี วี ิต
ค. หนว่ ยท่คี วบคมุ ลักษณะพันธกุ รรมของส่งิ มชี ีวิต
156
ง. ลักษณะทางพนั ธุกรรมท่ีปรากฏออกมาภายนอกของส่ิงมชี ีวิต
อ่านข้อความต่อไปนแี้ ลว้ ตอบคำถามขอ้ 6
1. ยนี
2. หนว่ ยท่ีควบคุมลกั ษณะพันธกุ รรมของสิ่งมีชีวิต
3. ลักษณะทป่ี รากฏออกมาในร่นุ ลกู หรอื รุ่นตอ่ ๆ ไปเสมอ
4. หน่วยทบี่ รรจสุ ารพันธุกรรมที่จะถา่ ยทอดไปยังรุน่ ลกู
6. ข้อใดใหค้ วามหมายเกยี่ วกับคำว่า “แฟกเตอร์” ทเี่ มนเดลกลา่ วถึง ในการศกึ ษาการถ่ายทอด
ลกั ษณะทางพันธุกรรมได้ถกู ตอ้ ง
ก. ข้อ 1 และ 2 ข. ข้อ 2 และ 3 ค. ขอ้ 2 และ 4 ง. ขอ้ 3 และ 4
7. homozygous และ heterozygous มคี วามหมายเหมอื น หรอื แตกต่างกันอยา่ งไร
ก. เหมือนกัน หมายถงึ คู่ของแอลลีลท่ีตา่ งกนั เช่น Aa
ข. เหมือนกัน หมายถงึ คู่ของแอลลลี ท่เี หมือนกัน เช่น AA aa
ค. ต่างกนั เพราะ homozygous หมายถงึ คขู่ องแอลลลี ที่เหมือนกัน เชน่ AA aa แต่
heterozygous หมายถึง คขู่ องแอลลีลที่ต่างกนั เช่น Aa
ง. ต่างกนั เพราะ homozygous หมายถงึ ค่ขู องแอลลีลท่ีตา่ งกนั เชน่ Aa แต่heterozygous
หมายถงึ คู่ของแอลลลี ท่เี หมือนกัน เช่น AA aa
8. ขอ้ ใดไม่ใช่เหตุผลท่ีเมนเดลเลือกศึกษาลักษณะของถั่วลนั เตาในการทดลอง
ก. ปลูกง่าย วงจรชวี ิตยาว และให้เมล็ดมาก
ข. มีลักษณะทางพนั ธุกรรมที่แตกต่างกันชัดเจน
ค. อายุสั้น เจรญิ เตบิ โตไดเ้ ร็ว มหี ลากหลายพนั ธุ์
ง. เป็นพชื ทปี่ ลกู ได้ง่าย ไม่ตอ้ งบำรงุ รกั ษามาก และให้เมล็ดมาก
9. ในการทดลองผสมพนั ธุ์ถ่ัวลนั เตาพนั ธแ์ุ ท้ฝกั สีเขียวลกั ษณะเด่น และฝกั สีเหลืองลักษณะด้อย จะได้
ลูกในรุน่ F1 มีฟีโนไทปอ์ ย่างไร
ก. ฝกั สเี หลืองทัง้ หมด
ข. ฝักสเี ขยี วทงั้ หมด
ค. ฝกั สีเขยี วอมเหลอื งทั้งหมด
ง. ฝักสีเขยี ว : ฝกั สีเหลือง = 1 : 1
10. ลกั ษณะของถวั่ ลันเตาในขอ้ ใดตอ่ ไปน้ีท่ีเมนเดลนำมาศกึ ษา
1. สีของเมล็ด
157
2. รูปรา่ งของใบ
3. ความสงู ของลำตน้
4. รูปรา่ งของเมลด็
5. ตำแหน่งของดอก
ก. 1, 2, 3 ข. 2, 3, 4
ค. 1, 3, 4, 5 ง. 1, 2, 3, 4, 5
เฉลยแบบทดสอบหลงั เรยี น เร่ือง การศึกษาพันธุกรรมของเมนเดล
ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2564 ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 4
รายวิชาชวี วิทยา 2 รหสั วิชา ว31242 เวลาสอบ 10 นาที
คำช้ีแจง: แบบทดสอบท้งั หมดประกอบด้วย ขอ้ สอบปรนยั 4 ตวั เลือก จำนวน 10 ขอ้
1. ข้อใดอธบิ ายความหมายของ “แอลลีล” ได้ถกู ตอ้ งทส่ี ดุ
ก. ยนี เหมือนกนั ควบคุมพนั ธุกรรมเดียวกนั
ข. หนว่ ยพันธุกรรมท่อี ยเู่ ป็นคู่กันบนฮอมอโลกัสโครโมโซม
ค. รปู แบบของยนี ทีอ่ ย่คู กู่ ัน อาจมแี บบเดยี วหรือหลายแบบ
158
ง. ยีนท่ีเป็นฮอมอไซกสั กนั บนตำแหน่งเดยี วกนั ของฮอมอโลกัสโครโมโซม
2. นำถ่วั ลนั เตารนุ่ พอ่ แม่ homozygous dominant และ recessive ผสมพนั ธุ์กนั จะทำใหม้ โี อกาสได้
ร่นุ F2 ที่มีจีโนไทปแ์ ตกต่างกนั กี่แบบ
ก. 4 แบบ
ข. 3 แบบ
ค. 2 แบบ
ง. 1 แบบ
อ่านขอ้ ความเหล่านแ้ี ล้วตอบคำถามข้อ 3
1. Ss
2. SS
3. เมลด็ กลม
4. เมล็ดขรขุ ระ
3. ข้อใดตอ่ ไปนจ้ี ดั เป็น heterozygous genotype ได้
ก. ขอ้ 1 และ 3
ข. ขอ้ 1 และ 4
ค. ข้อ 2 และ 3
ง. ข้อ 2 และ 4
4. หากนำถวั่ ลันเตาพันธ์ุทางดอกสีมว่ งผสมกันจะไดล้ กู ทมี่ ีลักษณะอยา่ งไร
ก. ดอกสีม่วงทั้งหมด
ข. ดอกสมี ่วง และดอกสีขาว ในอตั ราสว่ น 1 : 1
ค. ดอกสมี ว่ ง และดอกสีขาว ในอัตราส่วน 1 : 3
ง. ดอกสมี ่วง และดอกสีขาว ในอตั ราส่วน 3 : 1
5. ขอ้ ใดอธบิ ายความหมายของ “ฟโี นไทป์” ไดถ้ ูกตอ้ งท่ีสดุ
ก. ลักษณะที่ถ่ายทอดจากพ่อแม่มาสู่ลกู
ข. ยีนทคี่ วบคมุ ลักษณะพนั ธุกรรมของสง่ิ มชี ีวติ
ค. หน่วยทคี่ วบคุมลกั ษณะพนั ธกุ รรมของส่ิงมชี วี ิต
ง. ลกั ษณะทางพนั ธุกรรมทปี่ รากฏออกมาภายนอกของสิ่งมชี ีวติ
159
อ่านขอ้ ความต่อไปน้ีแล้วตอบคำถามขอ้ 6
1. ยีน
2. หนว่ ยที่ควบคุมลักษณะพนั ธุกรรมของส่ิงมีชีวิต
3. ลกั ษณะท่ีปรากฏออกมาในรุ่นลกู หรอื รุ่นตอ่ ๆ ไปเสมอ
4. หนว่ ยท่ีบรรจุสารพันธกุ รรมทจ่ี ะถ่ายทอดไปยังรนุ่ ลกู
6. ข้อใดให้ความหมายเกยี่ วกบั คำว่า “แฟกเตอร์” ทเ่ี มนเดลกลา่ วถึง ในการศึกษาการถา่ ยทอด
ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมได้ถูกต้อง
ก. ขอ้ 1 และ 2 ข. ขอ้ 2 และ 3 ค. ข้อ 2 และ 4 ง. ข้อ 3 และ 4
7. homozygous และ heterozygous มีความหมายเหมอื น หรอื แตกต่างกนั อยา่ งไร
ก. เหมอื นกนั หมายถงึ ค่ขู องแอลลีลทต่ี ่างกนั เชน่ Aa
ข. เหมอื นกัน หมายถงึ คขู่ องแอลลลี ทเ่ี หมือนกนั เช่น AA aa
ค. ต่างกัน เพราะ homozygous หมายถงึ คู่ของแอลลลี ที่เหมอื นกนั เชน่ AA aa แต่
heterozygous หมายถงึ ค่ขู องแอลลีลที่ตา่ งกัน เช่น Aa
ง. ตา่ งกนั เพราะ homozygous หมายถึง คู่ของแอลลีลที่ต่างกนั เชน่ Aa แต่heterozygous
หมายถึง คู่ของแอลลลี ทเี่ หมอื นกนั เชน่ AA aa
8. ขอ้ ใดไม่ใช่เหตุผลที่เมนเดลเลอื กศกึ ษาลักษณะของถั่วลนั เตาในการทดลอง
ก. ปลกู ง่าย วงจรชวี ิตยาว และให้เมล็ดมาก
ข. มีลกั ษณะทางพนั ธุกรรมทแี่ ตกตา่ งกนั ชัดเจน
ค. อายสุ นั้ เจรญิ เติบโตไดเ้ ร็ว มหี ลากหลายพนั ธุ์
ง. เปน็ พชื ท่ปี ลูกไดง้ า่ ย ไมต่ ้องบำรงุ รกั ษามาก และใหเ้ มล็ดมาก
9. ในการทดลองผสมพนั ธถ์ุ ่วั ลันเตาพันธ์ุแทฝ้ กั สีเขยี วลักษณะเดน่ และฝักสเี หลอื งลักษณะด้อย จะได้
ลูกในรนุ่ F1 มีฟโี นไทปอ์ ย่างไร
ก. ฝักสเี หลอื งท้งั หมด
ข. ฝักสีเขยี วทงั้ หมด
ค. ฝักสีเขียวอมเหลืองท้ังหมด
ง. ฝกั สีเขยี ว : ฝักสีเหลอื ง = 1 : 1
10. ลักษณะของถ่ัวลันเตาในข้อใดตอ่ ไปนีท้ เี่ มนเดลนำมาศกึ ษา
1. สีของเมล็ด
2. รูปรา่ งของใบ
160
3. ความสูงของลำตน้
4. รปู รา่ งของเมลด็
5. ตำแหนง่ ของดอก
ก. 1, 2, 3 ข. 2, 3, 4
ค. 1, 3, 4, 5 ง. 1, 2, 3, 4, 5
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8
กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 4
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 5 เรอ่ื ง การถา่ ยทอดลักษณะทางพนั ธกุ รรม 15 ชั่วโมง
เร่ือง การศกึ ษาพนั ธุกรรมของเมนเดล 2 3 ชั่วโมง
ครผู สู้ อน นางสาวสภุ าวณิ ี เพมิ่ ทอง ภาคเรียนท่ี 2/2564
ผลการเรียนรแู้ ละสาระการเรยี นรู้เพิม่ เติม
สาระชีววิทยา 2. เข้าใจการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม สมบัติ
และหน้าที่ของสารพันธกุ รรม การเกิดมิวเทชัน เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ หลักฐาน ข้อมูล และแนวคิด
161
เกี่ยวกับวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต ภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก การเกิดสปีชีส์ใหม่ ความ
หลากหลายทางชวี ภาพ กำเนิดของสิ่งมชี ีวิต ความหลากหลายของสิ่งมีชีวติ และอนกุ รมวิธาน รวมทั้ง
นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
ชน้ั ผลการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้เพ่มิ เติม
ม.4 อธิบาย และสรุปกฎแห่งการแยก กฎแห่งการแยกมีใจความว่า แอลลีลที่อยู่เป็นคู่จะ
และกฎแห่งการรวมกลุม่ อย่างอิสระ แยกออกจากกันในระหว่างการสร้างเซลล์สืบพันธุ์ โดย
และนำกฎของเมนเดลนี้ ไปอธิบาย เซลล์สืบพันธุ์แต่ละเซลล์จะมีเพียงแอลลีลใดแอลลีลห
การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม น่งึ
และใช้ในการคำนวณโอกาสในการ กฎแห่งการรวมกลุ่มอย่างอิสระมีใจความว่าหลงั จาก
เกิดฟีโนไทป์และจโี นไทป์แบบต่าง ๆ คู่ของแอลลีลแยกออกจากกัน แต่ละแอลลีลจะจัดกลมุ่
ของรุ่น F1 และ F2 อย่างอิสระกับแอลลีลอื่น ๆ ที่แยกออกจากคู่เช่นกันใน
การเข้าไปอย่ใู นเซลล์สบื พนั ธุ์
โครโมโซมภายในเซลล์ร่างกายแบ่งเป็นออโตโซมและ
โครโมโซมเพศ ลักษณะทางพันธุกรรมส่วนใหญ่ถูก
ควบคุมดว้ ยยีนบนออโตโซมบางลักษณะถูกควบคุมด้วย
ยีนบนโครโมโซมเพศ ซึ่งส่วนมากเป็นยีนบนโครโมโซม
X
1. กำหนดเป้าหมายของการจัดการเรยี นรู้
1.1 สาระการเรียนร/ู้ เนื้อหาการเรียนรู้
เรือ่ ง การศึกษาพนั ธุกรรมของเมนเดล 2
1) กฎการแยก
2) กฎการรวมกลุม่ อย่างอสิ ระ
3) การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม
1.2 สาระสำคญั /ความคิดรวบยอดของเรอื่ งทเี่ ขยี น
การศึกษาการถ่ายทอดลักษณะของถั่วลันเตา เมนเดลสามารถสรุปกฎแห่งการถ่ายทอด
ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมได้ 2 ข้อ ดงั นี้
162
กฎการแยก (law of segregation) มีใจความสำคัญว่า ลักษณะของสิ่งมีชวี ิตถูกควบคุมโดย
ยีนและยีนจะปรากฎเป็นคู่ ๆ เสมอ ซึ่งยีนจะแยกจากกันเมื่อมีการสร้างเซลล์สืบพันธุ์ โดยเซลล์
สบื พนั ธุ์แตล่ ะเซลลจ์ ะไดร้ ับเพยี งแอลลลี ใดแอลลลี หนึง่
กฎการรวมกล่มุ อยา่ งอิสระ (law of independent assortment) มีใจความสำคัญวา่
แอลลีลของยีนที่เป็นคู่กัน เมื่อแยกออกจากกันจะจัดกลุ่มกันอย่างอสิ ระกับแอลลีลของยีนอื่น ๆ ซึ่ง
แยกออกจากค่เู ช่นกนั เพื่อเขา้ ไปยังเซลลส์ ืบพันธ์ุ
1.3 จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้: เมื่อผู้เรียนจบกิจกรรมการเรยี นรู้ ผู้เรียนสามารถ
ด้านความรู้ (K: Knowledge) อธิบายและสรุปกฎแห่งการแยกและกฎแห่ง
การรวมกลุ่มอยา่ งอิสระ และนำกฎของเมนเดล
นี้ไปอธิบายการถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธกุ รรม
และใช้ในการคำนวณโอกาสในการเกิดฟีโนไทป์
และจโี นไทปแ์ บบตา่ งๆ ของรนุ่ F1 และ F2
ด้านทกั ษะกระบวนการ (P: Process) เขียนจีโนไทป์และฟีโนไทป์จากสถานการณ์ท่ี
กำหนดใหไ้ ด้
ดา้ นคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A: Attribute) ทำงานร่วมกับผอู้ ่นื , รบั ผิดชอบตอ่ การทำงาน,
แสดงคงามคิดเหน็ , นำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน
ได้
ด้านทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
(Sc.P: Science Process Skill)
การสงั เกต การลงความเหน็ จากข้อมูล
การวัด การกำหนดและควบคมุ ตัวแปร
การคำนวณ/การใช้ตวั เลข การกำหนดนิยามเชิงปฏิบัติการ
การจำแนกประเภท การตง้ั สมมตฐิ าน
การจัดกระทำและสื่อความหมายขอ้ มูล การทดลอง
การหาความสมั พันธร์ ะหวา่ งสเปสกับสเปส การตคี วามหมายข้อมูลและลงขอ้ สรปุ
และสเปสกบั เวลา การสรา้ งแบบจำลอง
การพยากรณ์/การทำนาย
2. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้แบบ 5E ร่วมกับ STAD
2.1 ข้นั สรา้ งความสนใจ (Engagement)
163
2.1.1 ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดก่อนเรียนเรื่อง กฏของเมนเดลและเขียนจีโนไทป์และฟโี น
ไทปจ์ ากสถานการณท์ ่ีกำหนดให้ จำนวน 10 ข้อ
2.1.2 ครใู ห้นักเรยี นพิจารณารูป แลว้ ครตู งั้ คำถามนำเพ่อื เชอื่ มโยงความนา่ จะเป็นและกฎการ
แยกของเมนเดลว่า เพราะเหตุใดอัตราส่วนฟีโนไทป์ของรุ่น F2 จึงมีลักษณะเด่นต่อลักษณะด้อย
เทา่ กับ 3 : 1 (แนวคำตอบ: ถว่ั ลนั เตาที่มกี ลีบดอกสมี ่วงมจี ีโนไทป์ Pp โดยแอลลีล P และ p มีโอกาส
ที่จะแยกสู่เซลลไ์ ข่หรือสเปิรม์ เท่า ๆ กัน คือ 1/2 เมื่อมีการปฏิสนธิโอกาสท่ีสเปริ ์มจะรวมกบั เซลล์ไข่
เป็นไปได้ 3 แบบ คือ PP Pp และ pp ในอัตราส่วน 1 : 2 : 1 และมีฟีโนไทป์ 2 แบบ คือ กลีบดอกสี
มว่ งและกลีบดอกสขี าวในอตั ราสว่ น 3 : 1)
2.1.3 ครูโยนเหรียญ 2 เหรยี ญ เพื่อศกึ ษาความนา่ จะเป็น เพอื่ ใหไ้ ด้ขอ้ สรุปวา่ เมื่อโยนเหรียญ
2 เหรียญพร้อมกัน โอกาสที่จะเป็นไปได้มี 3 แบบ คือ ออกหัว 2 เหรียญ ออกหัวและออกก้อย และ
ออกกอ้ ยท้งั 2 เหรยี ญ ในอตั ราส่วน 1 : 2 : 1 เช่นเดียวกับการผสมพนั ธุต์ น้ ถว่ั ลันเตา
2.1.4 ครอู าจต้ังคำถามวา่ ในการผสมพันธ์ุของพอ่ และแมท่ ี่มีลกั ษณะแตกต่างกัน 2 ลักษณะ
พร้อมกัน ลักษณะท้ังสองลกั ษณะมีการถา่ ยทอดไปดว้ ยกันจากรุ่นสู่รนุ่ หรือไม่ (แนวคำตอบ: ได้)
2.2 ขั้นสำรวจและคน้ หา (Exploration)
2.2.1 แบ่งนักเรยี นออกเปน็ กล่มุ กลุ่มละ 5-6 คน คละความสามารถ เกง่ ปานกลาง ออ่ น
164
2.2.2 ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มทำกิจกรรม เรื่อง ความน่าจะเป็นกับการถ่ายทอดลักษณะทาง
พนั ธุกรรม
กจิ กรรม เรือ่ ง ความน่าจะเปน็ กบั การถา่ ยทอดลกั ษณะทางพนั ธกุ รรม
จุดประสงค์
นำกฎการแยก กฎการรวมกลุ่มอย่างอิสระ และหลักการความน่าจะเป็นมาใช้ในการหา
โอกาสการเกดิ ลักษณะของลกู ที่เกิดจากพอ่ แม่ที่กำหนด
วสั ดแุ ละอุปกรณ์
วธิ ีการทำกิจกรรม
กิจกรรมแบ่งเป็น 2 ตอน ตอนที่ 1 เป็นการจำลองการผสมลักษณะเดียว และตอนที่ 2 เป็นการ
จำลองการผสมสองลักษณะ เริ่มจากการสร้างเซลล์สืบพันธุ์ จากนั้นศึกษาจีโนไทป์ของรุ่นลูกที่ได้
จากการผสมระหว่างตน้ พอ่ และตน้ แม่
กำหนดให้ พชื ชนิดหนงึ่ มียนี ควบคุมลักษณะสดี อกและขอบใบ ดังน้ี
แอลลลี A แทนด้วยลูกปดั สแี ดง ควบคุมลกั ษณะดอกสีแดง
แอลลลี a แทนดว้ ยลูกปัดสีชมพู ควบคมุ ลักษณะดอกสชี มพู
แอลลีล B แทนด้วยลกู ปดั สีน้ำเงนิ ควบคุมลักษณะขอบใบเรียบ
แอลลีล b แทนดว้ ยลูกปัดสฟี ้า ควบคมุ ลกั ษณะขอบใบหยัก
ตอนที่ 1 การผสมลกั ษณะเดยี ว ตอนท่ี 2 การผสมสองลกั ษณะ
1.1 นำลูกปัดสีแดงและสชี มพอู ยา่ งละ 10 เม็ด 2.1 นำลูกปัดสีแดงและสีชมพูอย่างละ 20 เม็ด
ใส่ลงในถุงใบท่ี 1 สุ่มหยบิ ลกู ปัดคร้งั 1 เมด็ ออก ใส่ลงในถุงใบที่ 1 นำลูกปัดสีน้ำเงินและสีฟ้า
จากถุงจำนวน 30 ครัง้ และหลังจากหยบิ ทุกครงั้ อย่างละ 20 เม็ด ใส่ลงในถุงผ้าใบที่ 2 จากนั้น
ใส่ลูกปัดคืนกลับลงในถุง บันทึกผลหาค่าเฉล่ีย สุ่มหยิบลูกปัดมาจากถุงผ้าใบที่ 1 และ 2พร้อม
และอตั ราสว่ นของการไดล้ ูกปดั สีแดงต่อลูกปัดสี กันครงั้ ละ 1 เม็ด จำนวน 50 ครง้ั และหลังการ
ชมพู หยิบทุกครั้งใส่ลูกปัดคืนกลับลงในถุงผ้า บันทึก
1.2 นำลกู ปัดสีแดงและสีชมพอู ยา่ งละ 10 เมด็ ผล หาค่าเฉลยี่ และอัตราสว่ นของการได้สีลูกปัด
ท้ัง 4 กลมุ่ ดงั นี้ ก) แดง-นำ้ เงนิ ข) แดง-ฟ้า
165
ใส่ลงในถุงผ้าใบที่ 2 สุ่มหยิบลูกปัดมาจากถุง ค) ชมพู-น้ำเงนิ ง) ชมพู-ฟา้
ผา้ ใบท่ี 1 (แทนต้นแม่) และใบท่ี 2 (แทนตน้ พอ่ ) 2.2 จัดลูกปัดตามคู่สีที่ได้จากตอนที่ 2.1 ใส่ลง
พร้อมกัน ครั้งละ 1 เม็ด จำนวน 50 ครั้ง โดย ในถุงพลาสติกใสแบบซิป ถุงละ 1 คู่สี ปิดปาก
หลังการหยิบทกุ ครัง้ ให้ใส่ลูกปัดคนื กลับลงในถุง ถุงในสนิท จะได้ชุดละ 4 แบบ ทำถุงลูกปัด
บันทึกผล หาอัตราส่วนของการได้สีลูกปดั ทั้ง 3 จำนวน 6 ชุด จากนัน้ นำ 3 ชุด ใสล่ งในถุงผ้าใบ
กลุ่ม ดงั นี้ ก) แดง-แดง ที่ 3 และนำอีก 3 ชุด ใส่ในถุงผ้าใบที่ 4 ใช้มือ
ข) แดง-ชมพู หรือ ชมพู-แดง ค) ชมพู-ชมพู สองข้างสุ่มหยิบถุงพลาสติกลูกปัดมาจากถุง
ผ้าใบที่ 3 (แทนตน้ แม่) และใบที่ 4 (แทนต้นพ่อ)
พร้อมกัน ครั้งละ 1 ถุง จำนวน 50 ครั้ง และ
หลังการหยิบทกุ ครั้งใส่ถุงลูกปัดคืนกลับลงในถุง
ผา้ บนั ทกึ ผล หาคา่ เฉลี่ยและอัตราส่วนของการ
ผสมท่ีได้
บนั ทกึ ผลการทดลอง
2.2.3 ให้นักเรียนแต่ละกลุม่ ศึกษาและร่วมกันอภิปรายภายในกลุ่มเรื่อง กฏของเมนเดล ใน
หนงั สอื เรียนชวี วิทยา 2 หนา้ 66 – 75
2.2.4 ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลของกิจกรรมและองค์ความรู้ที่สรุปได้จาก
การศกึ ษาในหนังสือเรยี นชวี วิทยา 2
2.3 ข้นั อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (Explanation)
2.3.1 ใหน้ กั เรยี นแต่ละกลมุ่ ออกมานำเสนอผลของกิจกรรมและองค์ความรู้ท่ีสรปุ ได้ หน้าชั้น
เรยี น
2.3.2 ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั อภิปรายผลของกิจกรรม และนำสรุปองคค์ วามรู้ ดงั น้ี
1) ผลการทำกิจกรรมที่ 1
166
2) ผลการทำกิจกรรมท่ี 2
3) ใจความสำคัญของกฎการแยก คือ แอลลีลที่อยู่เป็นคู่กันจะแยกออกจากกันในระหว่างการสร้าง
เซลล์สืบพันธุ์ โดยเซลล์สืบพันธุ์แต่ละเซลล์จะมีเพียงแอลลีลใดแอลลีลหนึ่ง จากการทดลองของเมน
เดล มกี ารนำคณติ ศาสตรม์ าใชใ้ นการวเิ คราะหข์ ้อมูลจากการทดลองและใชห้ ลักความนา่ จะเปน็ ในการ
อธิบาย และนำไปสกู่ ารอธิบายเกี่ยวกับการแยกของแอลลีลที่เข้าคู่กนั ไปยงั เซลล์สืบพันธุซ์ ่งึ จะมีโอกาส
ปรากฏในเซลลส์ ืบพนั ธไุ์ ด้เท่า ๆ กนั โดยในกรณที มี่ ีจโี นไทป์แบบฮอมอไซกัส เซลลส์ ืบพันธ์ุท้ังหมดจะ
มีแบบเดียว ส่วนในกรณมี ีจีโนไทป์แบบเฮเทอโรไซกัส เซลล์สืบพันธ์ุจะมี 2 แบบ แต่ละแบบมีโอกาส
เกิดเทา่ กนั คอื 1/2 ดงั รปู
167
4) ใจความสำคัญของกฎการรวมกลุ่มอย่างอสิ ระ คือ ในระหว่างการสรา้ งเซลล์สืบพันธุ์ ยีนที่อยู่บน
โครโมโซมทไี่ มไ่ ด้เป็นคู่ฮอมอโลกัสกนั จะมีการจัดกลมุ่ อย่างอิสระ โดยแต่ละคู่ของแอลลีลจะแยกออก
จากกัน และจัดกลุ่มอยา่ งอิสระกับแอลลลี อนื่ ที่แยกออกจากคู่เช่นกนั
168
2.3.3 จากนนั้ ครูและนักเรยี นรว่ มกันอภิปรายและเขยี นจีโนไทป์และฟีโนไทปจ์ ากสถานการณ์
ทก่ี ำหนดใหไ้ ด้
169
2.4 ข้นั ขยายความรู้ (Elaboration)
2.4.1 ครูอธบิ ายการหาผลลัพธข์ องโอกาสการเข้าคู่กันของแอลลลี ในขณะเกิดการปฏิสนธิ โดย
ใชต้ ารางพันเนตต์ (Punnett square) และแผนภาพต้นไม้ (fork line หรือ branching method)
2.4.2 ครูอธบิ ายถึงการประยุกตใ์ ช้กฏการแยกและกฏการรวมกลุ่มอยา่ งอิสระสามารถนำมาใช้
ในการอธิบายการถา่ ยทอดลักษณะทางพนั ธุกรรมของส่งิ มีชีวิตต่าง ๆ และทำนายโอกาสการเกดิ ฟีโนป์
และจีโนไทป์ได้ เช่น การนำมาประกอบการศึกษาพันธุประวัติ ช่วยให้ครอบครัวที่มีประวัติโรคทาง
พันธกุ รรมสามารถวางแผนการมีบตุ รในครอบครวั ได้
170
2.5 ข้ันประเมิน (Evaluation)
2.5.1 ครใู หน้ ักเรียนทำขอ้ สอบหลังเรียน เรอ่ื ง กฏของเมนเดลและเขียนจีโนไทป์และฟีโนไทป์
จากสถานการณ์ที่กำหนดให้ ซึ่งเป็นการทดสอบรวบยอดและนำคะแนนของตนไปหาคะแนน
พฒั นาการ กลมุ่ ใดไดค้ ะแนนพฒั นาการของกลุ่มสงู สุด กล่มุ นน้ั ได้รบั รางวัลจากครู
2.5.2 ครูให้นักเรยี นทำใบงานที่ 8 การเขยี นจีโนไทป์และฟโี นไทป์จากสถานการณ์ท่ีกำหนดให้
3. ส่อื /อปุ กรณ/์ แหลง่ การเรยี นรู้
3.1 หนังสือเรียนรายวชิ าเพิ่มเตมิ ชีววทิ ยา 2 ม.4
3.2 PowerPoint เรื่อง กฏของเมนเดล
3.3 ใบกิจกรรม เรือ่ ง ความน่าจะเป็นกบั การถา่ ยทอดลกั ษณะทางพันธุกรรม
3.4 แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน เรอ่ื ง กฏของเมนเดลและเขียนจีโนไทป์และฟีโนไทป์จาก
สถานการณ์ทีก่ ำหนดให้
3.5 ใบงานที่ 8 การเขียนจโี นไทป์และฟโี นไทปจ์ ากสถานการณ์ที่กำหนดให้
4. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ วธิ ีการวดั ผลการเรียนรู้ เกณฑ์การประเมนิ ผล
ด้านความรู้ (K: Knowledge) การนำเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์ไมน่ อ้ ยกวา่
อธบิ ายและสรปุ กฎแหง่ การแยกและ การถามตอบ ร้อยละ 75
กฎแห่งการรวมกลมุ่ อยา่ งอิสระ และ การทำแบบทดสอบ
นำกฎของเมนเดลน้ีไปอธบิ ายการ สังเกตพฤติกรรมในการทำงาน
ถ่ายทอดลักษณะทางพนั ธกุ รรม และ
ใช้ในการคำนวณโอกาสในการเกดิ ฟโี น
ไทป์และจโี นไทป์แบบต่างๆ ของรุน่
F1 และ F2
ดา้ นทักษะกระบวนการ (P: Process) การทำแบบทดสอบ ผา่ นเกณฑ์ไม่นอ้ ยกว่า
เขียนจีโนไทป์และฟีโนไทป์จาก การตรวจแบบฝกึ หดั รอ้ ยละ 75
สถานการณ์ที่กำหนดให้ได้
ด้านคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A: สังเกตพฤติกรรมในการทำงาน ผา่ นเกณฑ์ไมน่ อ้ ยกว่า
Attribute) ร้อยละ 75
171
ทำงานร่วมกับผูอ้ ่ืน, รับผดิ ชอบต่อ สงั เกตพฤติกรรมในการทำงาน ผา่ นเกณฑไ์ ม่นอ้ ยกว่า
การทำงาน, แสดงความคดิ เหน็ , รอ้ ยละ 75
นำเสนอผลงานหนา้ ช้ันเรยี นได้
ด้านทกั ษะกระบวนการทาง
วทิ ยาศาสตร์
(Sc.P: Science Process Skill)
การสังเกต
การจดั กระทำและส่อื ความหมาย
ขอ้ มูล
การลงความเห็นจากข้อมูล
172
แบบสงั เกตพฤติกรรม
เร่อื ง การศึกษาพันธุกรรมของเมนเดล 2
คำชี้แจง จงทำเครื่องหมาย ลงในช่องที่ตรงกับพฤติกรรมที่ผู้เรียนแสดงออก โดยจำแนกระดับ
พฤตกิ รรมการแสดงออกไว้เปน็ 3 คะแนน ดงั นี้
3 คะแนน หมายถงึ ผู้เรียนมีพฤตกิ รรมในระดบั ดี
2 คะแนน หมายถงึ ผเู้ รยี นมพี ฤติกรรมในระดับปานกลาง
1 คะแนน หมายถึง ผู้เรยี นมพี ฤตกิ รรมในระดบั ปรบั ปรงุ
ชอ่ื -สกลุ รายการประเมนิ คะแนน ร้อย สรปุ ผลการ
ความใสใ่ จ การเสนอ ความ การยอมรบั รวม ละ ประเมิน
เลขท่ี ในการ ความ ร่วมมอื ใน ฟังคนอน่ื
ทำงาน คิดเหน็ การทำงาน
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผ่าน ไม่
ผา่ น
1 นายณัฐนนท์สธุ รรมฤทธิ์
2 นายระพีธาดา วงศค์ ลุ ี
3 นายจกั รกฤษ สีลาแดง
4 นายจักรภัทร จันทรแ์ ก้ว
5 นายนรภทั ร ศรีทอง
6 นายปรชั ญา ใจบญุ
7 นายประสทิ ธิชยั อามาตย์
สมบตั ิ
8 นายจกั รภทั ร สุขณรงค์
9 นายฉัตรดนยั สภุ า
10 นายณฐั พล จันทฤาชา
11 นายณฐั วศั พนมธรี -
เกยี รติ
12 นายถิระวฒั น์ แตงเอย่ี ม
13 นายทธั ดนยั สแตนลีย์
14 นายธีรตั เดช น้อยมนตรี
15 นายนันทวฒุ ิ สขุ เกิด
173
ชื่อ-สกลุ รายการประเมิน คะแนน ร้อย สรปุ ผลการ
การยอมรบั รวม ละ ประเมนิ
เลขท่ี ความใส่ใจ การเสนอ ความ ฟังคนอ่ืน
ในการ ความ ร่วมมือใน
ทำงาน คิดเห็น การทำงาน
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผา่ น ไม่
ผ่าน
16 นายนันทศร หไู ธสง
17 นายวชริ วิชญ์ พันพินิจ
18 นายวีรภัทร ครศู รี
19 นายสริ วิชญ์ สมั ฤทธ์ิ
20 น.ส.ปยิ ธิดา อม้ วชิ า
21 น.ส.จรี ะนนั ท์ เเหลย้ ัง
22 น.ส.ปนดั ดา คนดี
23 น.ส.จฑุ ารัตน์ คำเดช
24 น.ส.ชยธิดา สงวนพร
25 น.ส.ณฐั กฤตา หาญโก-
กรวด
26 น.ส.ตติยา อปุ ระโคตร
27 น.ส.ธิดารตั น์ ตอ้ นโสกี
28 น.ส.นครินทร์ สารโี ท
29 น.ส.นภัสสร สำราญบุญ
30 น.ส.ปนดั ดา วรรณบูลย์
31 น.ส.ปิน่ ภทั รา ชินคำ
32 น.ส.ปุณยาพร ทองไชย
33 น.ส.พิชญน์ าฏ ขนั ธวิชัย
34 น.ส.พมิ พร ละดาดาษ
35 น.ส.ภัทรภรณ์ สายสุข
36 น.ส.มณฑาทิพย์ ใจสุข
174
ชอื่ -สกุล รายการประเมนิ คะแนน รอ้ ย สรุปผลการ
การยอมรบั รวม ละ ประเมิน
เลขท่ี ความใสใ่ จ การเสนอ ความ ฟงั คนอื่น
ในการ ความ รว่ มมือใน
ทำงาน คิดเหน็ การทำงาน
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผ่าน ไม่
ผ่าน
37 น.ส.ณัฏฐธดิ า อุปะทะ
38 น.ส.รจุ ี บุตรนนท์
39 น.ส.วภิ วานี แสนโสภา
40 น.ส.สริ ิกญั ญา บตุ รน้อย
41 น.ส.สกุ ฤตา บรรเรอื ง-
ทอง
42 น.ส.นันทิพร โอนากุล
เกณฑก์ ารประเมิน
รอ้ ยละ 75 ข้ึนไป ( 9 - 12 คะแนน) ผ่านเกณฑ์
น้อยกว่ารอ้ ยละ 75 ( 0 – 8 คะแนน ) ไม่ผา่ นเกณฑ์
ลงชื่อ ........................................................ ผูส้ อน
(นางสาวสุภาวิณี เพิ่มทอง)
วันท่ี ............ เดือน ........................ พ.ศ..............
175
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
ประเด็นทป่ี ระเมนิ เกณฑ์การให้คะแนน
321
ความใสใ่ จในการ เมื่อเกิดปัญหาหรือไม่ ส่ว น ใหญ ่เมื่อเกิด เมื่อเกิดปัญหาหรือไม่
ทำงาน เข้าใจบทเรียนทุกคร้ัง ปัญหาหรือไม่เข้าใจ เข้าใจบทเรียนทุกคร้ัง
มักซักถามและมีความ บทเรียนทุกครั้งมัก มักซักถามและมีความ
พยายามในการค้นหา ซักถามและมีความ พยายามในการค้นหา
คำตอบอยู่เสมอ พยายามในการค้นหา คำตอบเปน็ บางคร้ัง
คำตอบ
การเสนอความคดิ เหน็ ส ่ ว น ใ ห ญ ่ เ ส น อ เสนอความคิดเห็น ไม่เสนอความคิดเห็น
ความคิดเห็น กล้า กล้าแสดงออกที่จะพูด กล้าแสดงออกที่จะพูด
แสดงออกที่จะพูดใน ใน สิ่ง ที่ถูก หร ือ ดี ในสิง่ ที่ถกู หรอื ดี
ส่งิ ทีถ่ ูกหรอื ดี บางครั้ง
ความรว่ มมือในการ ใหค้ วามร่วมมอื ในการ ส่วนใหญ่ให้ค ว าม ใหค้ วามร่วมมอื ในการ
ทำงาน ทำงานกลมุ่ และ ร่วมมือในการทำงาน ทำงานกลุ่มและ
ปฏบิ ัตงิ านทีส่ มาชิกใน กลุ่มและปฏิบัติงานที่ ปฏิบตั งิ านที่สมาชิกใน
กลมุ่ มอบหมายดว้ ย ส ม า ช ิ ก ใ น ก ลุ่ ม กลุ่มมอบหมายได้เป็น
ความเต็มใจทกุ ครั้ง มอบหมายได้ บางคร้ัง
การยอมรับฟังคนอ่นื ย อ ม ร ั บ ฟ ั ง ค ว า ม ย อ ม ร ั บ ฟ ั ง ค ว า ม ไม่ยอมรับฟังความ
คิดเห็น ที่ดีและ มี คิดเห็น ที่ดีและ มี คิดเห็น ที่ดีและ มี
เหตุผลของผู้อื่นทุก เหตุผลของผู้อื่นบ้าง เหตุผลของผู้อื่น มัก
ค ร ั ้ ง ไ ม ่ ย ึ ด ค ว า ม แต่บาง คร ั้ง จะ ยึ ด ยึดความคิดเห็นของ
คิดเห็นของตนแต่ฝ่าย ความคิดเห็นของตน ตนแต่ฝ่ายเดียว
เดียว
176
แบบประเมินการนำเสนอผลงาน
ชอื่ กลมุ่ ...............................................................................................................ชนั้ ............................
รายชื่อสมาชกิ 1. .............................................................................................เลขที่...........................
2. .............................................................................................เลขท.ี่ ..........................
3. .............................................................................................เลขท่.ี ..........................
4. .............................................................................................เลขที่...........................
5. .............................................................................................เลขที.่ ..........................
6. .............................................................................................เลขที่...........................
คำชี้แจง จงทำเครือ่ งหมาย ลงในช่องท่ตี รงกบั พฤตกิ รรมท่ีผู้เรียนแสดงออก โดยจำแนกระดบั
พฤติกรรมการแสดงออกไว้เปน็ 3 คะแนน ดังน้ี
3 คะแนน หมายถงึ ผเู้ รียนมพี ฤติกรรมการแสดงออกอยา่ งสมำ่ เสมอ
2 คะแนน หมายถงึ ผเู้ รยี นมพี ฤติกรรมการแสดงออกเป็นครัง้ คราว
1 คะแนน หมายถึง ผเู้ รียนมพี ฤติกรรมการแสดงออกนอ้ ยครั้ง
ท่ี รายการประเมิน คะแนน ข้อคิดเหน็
32 1
1 การเตรียมความพรอ้ ม
2 เนอื้ หาสาระครอบคลมุ ชดั เจน
3 ความถกู ต้องของเน้อื หา
4 การมีสว่ นรว่ มของสมาชกิ ใน
กลมุ่
5 รูปแบบการนำเสนอ
รวม
เกณฑ์การประเมนิ
รอ้ ยละ 75 ขึน้ ไป ( 11 - 15 คะแนน) ผา่ นเกณฑ์
น้อยกว่ารอ้ ยละ 75 ( 0 – 10 คะแนน ) ไม่ผา่ นเกณฑ์
ลงช่ือ ........................................................ ผูส้ อน
(นางสาวสภุ าวณิ ี เพม่ิ ทอง)
วนั ที่ ............ เดือน ........................ พ.ศ..............
177
เกณฑก์ ารให้คะแนน
ประเด็นทีป่ ระเมนิ เกณฑ์การใหค้ ะแนน
321
การเตรียมความพร้อม ดำเนินการตามแผนท่ี ดำเนินการตามแผนที่ ไม่สามารถดำเนินการ
วางไว้ ใช้อุปกรณ์และ วางไว้ ใช้อุปกรณ์และ ตามแผนที่วางไว้
สื่อประกอบได้ถูกต้อง สื่อประกอบได้ถูกต้อง
คล่องแคล่ว และเสร็จ แต่ไมค่ ล่องแคล่ว
ทันเวลา
เนือ้ หาสาระ เน ื้อหาถูก ต้อง มี เน ื้อ หาถูก ต้อง มี เนื้อหาถูกต้องแต่ให้
ครอบคลุมชัดเจน สาระสำคัญครบถ้วน สาระสำคัญ แต่ยังไม่ สาระสำคัญน้อยมาก
และระบุแหล่งที่มา ครบถ้วน มีการระบุ และไม่ระบุแหล่งที่มา
ของความรู้ชดั เจน แหล่งทมี่ าของความรู้ ของความรู้
ความถูกต้องของ เนื้อหาสาระถกู ตอ้ ง ส่วนใหญ่เนื้อหาสาระ เน้ือหาสาระไม่ถกู ต้อง
เนื้อหา
ครบถว้ น ถูกต้อง
การมสี ว่ นรว่ มของ
สมาชิกในกลุ่ม มีส่วนร่วมสมำ่ เสมอ มีส่วนร่วมบางครั้ง มีส่วนร่วมน้อยครั้ง/
รปู แบบการนำเสนอ ขาดการมสี ่วนร่วม
มีรูปแบบน่าสนใจ มี ร ู ป แ บ บ มี ไม่มีรูปแบบน่าสนใจ
ค ว า ม ส ั ม พ ั น ธ ์ กั บ ค ว า ม ส ั ม พ ั น ธ ์ กั บ มีความสัมพันธ์กับ
ห ั ว ข ้ อ ท ี ่ ก ำ ห น ด หัวข้อที่กำหนด แต่ไม่ หัวข้อที่กำหนดน้อย
ระบายสีไดส้ วยงาม ดึงดูดความสนใจ มาก
178