การประเมนิ พฤติกรรมเด็กและเยาวชนไทยที่ยึดมน่ั ความซอ่ื สัตย์สจุ ริต
ศุภวฒั นากร วงศ์ธนวสุ สุรเดช ทวแี สงสกุลไทย ฌาน เรืองธรรมสงิ ห์
วชิราวุธ ธรรมวเิ ศษ จตภุ ูมิ เขตจตั รุ สั สรุ ยิ านนท์ พลสิม
ปุ่น เทย่ี งบูรณธรรม พชั รนิ ทร์ พลู ทวี ณรงคเ์ ดช มหาศิริกลุ
สภุ าวดี แกว้ คาแสน ภาภรณ์ เรอื งวชิ า ภัทรพล ขวญั สุด
พิมพ์ครัง้ ท่ี 1 สงิ หาคม 2564
จานวน 10 เล่ม
ISBN 978-616-438-617-4
จัดพมิ พโ์ ดย วทิ ยาลัยการปกครองท้องถิ่น มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่
โครงการประเมินพฤตกิ รรมเด็กและเยาวชนไทยท่ียึดมน่ั ความซ่ือสัตย์สุจริต
123 ถนนมติ รภาพ ตาบลในเมือง อาเภอเมือง จงั หวัดขอนแก่น 40002
Website: www.cola.kku.ac.th
Email: [email protected]
พมิ พท์ ี่ วทิ ยาลัยการปกครองทอ้ งถิ่น มหาวทิ ยาลัยขอนแก่น
123 ถนนมติ รภาพ ตาบลในเมือง อาเภอเมือง จังหวดั ขอนแก่น 40002
คำนำ
“เด็กและเยำวชน” ไม่ว่าจะอยู่ในประเทศที่พัฒนาแล้วหรือประเทศที่กาลังพัฒนา ล้วนถูกคาดหวัง
จากคนในสังคมให้เติบโตเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพ ก้าวสู่การเป็นอนาคตของสังคมท่ีเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้
ความสามารถ เปน็ กาลังอนั สาคัญของประเทศในการขับเคล่อื นความเจริญและการพัฒนาประเทศชาติบ้านเกิด
ของตนเอง อย่างไรก็ตาม การที่ทาเช่นน้ันได้ รัฐจาเป็นจะต้องออกแบบระบบการพัฒนาเด็กและเยาวชนท่ีมี
คุณภาพ สั่งสมกระบวนการหล่อหลอมและขัดเกลาทางสังคมที่เป็นธรรมชาติและขับเคล่ือนแบบคติร่วม
(collectivism) ทีเ่ ปน็ หนึง่ เดียวกนั ระหว่างผู้คน กระบวนการ และสถาบนั ต่าง ๆ ท่มี อี ยู่ในสงั คม
เป้าหมายปลายทางอันเป็นภาพลักษณ์สุดท้ายของเด็กและเยาวชนในฐานะ “อนาคตของชาติ”
หรือพลเมืองผู้จะก้าวไปเป็นกาลังอันสาคัญของการพัฒนาประเทศน้ี ดูจะมีความท้าทายไม่น้อย เน่ืองจาก
จุดเน้นสาคัญประการแรกที่รัฐทุกรัฐให้ความสนใจอย่างมากต่อการหล่อหลอมเด็กและเยาวชนในประเทศของ
ตนเองก็คือ การพัฒนาความรู้ความสามารถหรือทักษะท่ีมีผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและความ
เจริญก้าวหน้ากับประเทศเป็นหลัก (hard science) โดยอาจจะละเลยที่จะให้ความสาคัญต่อการพัฒนาระบบ
การคิดและการตระหนักรู้ของเด็กและเยาวชนต่อตัวตนและการดารงอยู่ของตนเองในฐานะปัจเจกบุคคล
และพลเมืองคนหน่ึงของสังคม โดยเฉพาะอย่างย่ิงความสามารถในการคิดแยกแยะ และตระหนักรู้ได้ด้วย
ตนเองว่า ชุดพฤติกรรมในลักษณะใดท่ีอาจก่อให้เกิดความไม่โปร่งใส และความเสียหายต่อสังคมส่วนรวม
และประเทศชาติได้ และความสามารถในการดารงอยู่ในสังคมโดยยึดแนวปฏิบัติที่ถูกต้องไม่ว่าจะเป็นกฎหมาย
ค่านิยมและแนวปฏิบัติร่วมกันเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของคนในชุมชนและสังคม เป็นต้น ส่ิงเหล่านี้คือ
กระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการท่ีมีความยืดหยุ่นสูง (soft science) ไม่ได้เน้นการพัฒนาความรู้หรือทักษะ
ทางเทคนิคเฉพาะด้านเพ่ือมุ่งนาไปใช้ขับเคล่ือนเศรษฐกิจเป็นหลัก แต่เน้นการพัฒนาเชิงลึกในระดับปัจเจก
สาหรับขับเคลื่อน การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเพ่ือสร้างสังคมท่ีมีคุณภาพ เกิดพฤติกรรมท่ีขัดต่อ
กฎหมายหรอื ศีลธรรมนอ้ ยทส่ี ุด
ในหลาย ๆ ประเทศ โดยเฉพาะอย่างย่ิงประเทศท่ีพัฒนาแล้วได้ออกแบบหลักสูตรการเรียนการสอน
ที่เน้นให้ความสาคัญกับการพัฒนาความรู้ความสามารถเฉพาะด้าน (hard science) และการพัฒนาแบบ
บูรณาการ (soft science) เพ่ือเน้นให้เด็กและเยาวชนตระหนักรู้ต่อการดารงอยู่และพฤติกรรมของตนเอง
ในกระบวนการทางสังคมได้ เช่นเดียวกับแนวโน้มการปฏิรูประบบการศึกษาท่ัวโลกซึ่งกาลังให้ความสาคัญกับ
การจัดการเรียนการสอนที่นาเอาข้อเท็จจริงของสังคมมาใช้เป็นฐานในการเรียนรู้ของผู้เรียนเพื่ อให้ผู้เรียน
ซึ่งเป็นเด็กและเยาวชนเข้าใจต่อการดารงอยู่ กระบวนการ และการเปล่ียนแปลงของสังคมมากยิ่งข้ึน
โดยเฉพาะอย่างย่ิงในด้านศีลธรรมและ “ความถูกต้อง” กับ “ความเหมาะสม” ของชุดพฤติกรรม
และกระบวนการหน่ึง ๆ ซ่ึงถือเป็นความท้าทายไม่น้อยต่อการจัดการเรียนการสอนเพื่อให้เด็กและเยาวชน
สามารถตระหนักรู้ได้ด้วยตนเองว่าพฤติกรรมใดเหมาะสม ถูกต้อง หรือขัดต่อแนวปฏิบัติร่วมกันของคน
ในสงั คมหรือไม่
ในกรณีของประเทศไทย ได้มีความพยายามที่จะปฏิรูประบบการศึกษามาอย่างยาวนาน เพื่อพัฒนา
เด็กและเยาวชนท้ังในระบบและนอกระบบการศึกษาให้ สามารถเติบโตเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพครอบคลุม
ทั้งทักษะด้านวิชาการและกระบวนการทางสังคม อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงท่ีปรากฏในสังคมไทยกลับพบ
ความท้าทายสาคัญ คือ หากสมมติฐานโดยท่ัวไปคือ ถ้าเรามีพลเมืองที่มีคุณภาพ ประเทศชาติย่อม
เจริญก้าวหน้า เศรษฐกิจย่อมเติบโต อันจะทาให้คนในสังคมมีคุณภาพชีวิตท่ีดี แต่ข้อเท็จจริงในสังคมไทย
ก
กลับพบว่า ประเทศไทยติดกับดักความยากจนและไม่สามารถหลุดพ้นจากการเป็นประเทศที่กาลังพัฒนาได้มา
เป็นระยะเวลาหลายทศวรรษ รวมถึงภาพลักษณ์ในด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมของไทยในระดับ
นานาชาติกลับพบว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความม่ันคงทางการเมืองต่า ในขณะที่มีการทุจริตค่อนข้าง
สูงมาก ด้วยเหตุน้ี จึงมีความพยายามของหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องไม่ว่าเป็นกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวง
การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และสานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม
การทุจริตแห่งชาติ (สานักงาน ป.ป.ช.) ได้มาทางานร่วมกันเพ่ือพัฒนาหลักสูตร “ต้ำนทุจริตศึกษำ (Anti-
Corruption Education)” ขึ้น โดยมุ่งหวังว่า หลักสูตรดังกล่าวน้ีจะถูกนาไปใช้จัดการเรียนการสอน
เพ่ือพัฒนาและปลูกฝังเด็กและเยาวชนในสถาบันการศึกษาท่ัวประเทศไทยให้เติบใหญ่ไปเป็นพลเมืองท่ีมี
คุณภาพ กลายเป็นพลเมืองท่ีไม่ทนต่อการทุจริตและพฤติกรรมที่อาจนาไปสู่ความเสียหายต่อส่วนรวมทุก
รูปแบบ หลักสตู รดังกล่าว คณะรัฐมนตรี ได้มีมติเมือ่ วนั ที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๑ เหน็ ชอบหลักสูตรต้านทุจริต
ศึกษา (Anti-Corruption Education) ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอ ประกอบด้วย ๕ หลักสูตร ได้แก่
๑. หลักสูตรการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ๒. หลักสูตรอุดมศึกษา
(วัยใส ใจสะอาด “Youngster with good heart”) ๓. หลักสูตรกลุ่มทหารและตารวจ (ตามแนวทางรับ
ราชการ กลุ่มทหารและตารวจ) ๔. หลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./บุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ (สร้างวิทยากร
ผู้นาการเปล่ียนแปลงสู่สังคมท่ีไม่ทนต่อการทุจริต) และ ๕. หลักสูตรโค้ช (โค้ชเพ่ือการรู้คิดต้านทุจริต) โดยให้
กระทรวงศึกษาธิการ สานักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการ
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษาไปพิจารณา
ดาเนินการในส่วนที่เก่ียวข้อง และประสานงานกับสานักงาน ป.ป.ช. อย่างใกล้ชิด พร้อมท้ังให้กระทรวง
กลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ สานักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน สานักงาน
ตารวจแห่งชาติ และหนว่ ยงานทเ่ี ก่ยี วขอ้ งหารือรว่ มกับสานักงาน ป.ป.ช. เพ่ือพจิ ารณานาหลักสตู รไปปรบั ใชใ้ น
โครงการฝกึ อบรมหลักสูตรข้าราชการ บคุ ลากรภาครฐั หรือพนกั งานรฐั วิสาหกจิ ที่บรรจุใหม่
ประกอบกับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นที่ 21 การต่อต้านการทุจริตและประพฤติ
มชิ อบ (พ.ศ. 2561-2580) ได้กาหนดให้ “การประเมินพฤติกรรมเด็กและเยาวชนไทยที่ยึดมนั่ ความซ่ือสัตย์
สุจริต” เป็นตัวชี้วัดสาคัญในการขับเคล่ือนการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ ในการนี้ สานักงาน
ป.ป.ช. ได้คัดเลือกมหาวิทยาลัยขอนแก่น เข้ามารับผิดชอบในฐานะที่ปรึกษาฯ เพื่อทาการประเมิน
เด็กและเยาวชนไทยว่า มีพฤติกรรมที่ยึดม่ันความซ่ือสัตย์สุจริตมากน้อยเพียงใด และมีความท้าทายในด้านใด
ที่จาเป็นจะต้องได้รับการพัฒนาปรับปรุงหรือต่อยอดในอนาคตด้วย ซ่ึงคณะผู้วิจัยจากหลากหลายสาขาวิชา
จากมหาวทิ ยาลัยขอนแก่น รว่ มกับภาคเี ครือข่ายจากหลายภูมภิ าค ได้ร่วมกันทางานอย่างเต็มที่เพื่อสะท้อนให้
เห็นข้อเท็จจริงและสถานภาพของแนวความคิดและพฤติกรรมของเด็กและเยาวชนไทยท่ียึดม่ันความซ่ือสัตย์
สุจริตในปัจจุบัน โดยมุ่งหวังและเชื่อม่ันเป็นอย่างย่ิงว่า หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาน้ี จะกลายมาเป็นฟันเฟือง
ชิ้นสาคัญในการพัฒนาความรู้ ความสามารถ พร้อม ๆ กับหล่อหลอม ขัดเกลาพฤติกรรมและชุดความคิดของ
เด็กและเยาวชนในประเทศไทยให้สามารถเติบโตเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพและกลายเป็นกาลังสาคัญขับเคลื่อน
การสร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต (Zero Tolerance Society) ให้เกิดขึ้นในสังคมไทยอย่างเป็นรูปธรรม
ไดใ้ นท่สี ดุ
คณะผวู้ ิจัย มหาวิทยาลัยขอนแกน่
เมษายน 2564
ข
กิตติกรรมประกำศ
“Integrity” หรือ พฤติกรรมที่ยึดม่ันในความซื่อสัตย์สุจริตเป็นคาท่ีทรงพลังและมีอิทธิพลอย่างสูงยิ่ง
ต่อการดารงอยู่ของคน ที่จะต้องธารงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีของความเป็นคนในฐานะท่ีเป็น “ปัจเจก” รวมถึงการเป็น
ส่วนหนึ่งที่จะต้องรับผิดชอบต่อสังคมในทุกมิติ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต การปลูกฝังความยิ่งใหญ่ให้อยู่ในใจ
ในกายของทุกผู้ทุกคนในสังคม จึงเป็นกลไกสาคัญในการขับเคลื่อนระดับการพัฒนาผ่านกระบวนการ
กล่อมเกลาในสังคมทุกรุ่นวัย ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ให้มีพฤติกรรมที่พึงประสงค์ที่ทุกฝ่าย ทุกองค์กร
ทุกหน่วยงาน ท้ังภาครัฐ เอกชน ผสานและผนึกกาลังกันในการปลูกฝัง “ระบบคิด” น้ีให้บังเกิดในสังคมไทย
จึงนับเป็นความภาคภูมิใจของคณะนักวิจัยที่ได้รับความไว้วางใจจากสานักงาน ป.ป.ช. ให้เป็นส่วนหนึ่ง
ของระบบใหญ่น้ี
การตอบโจทย์ใหญ่ที่ต้องเกี่ยวข้องกับหลากหลายศาสตร์ จึงเป็นโอกาสให้งานวิจัยช้ินนี้ เป็นพื้นท่ีทาง
สังคมท่ีทาให้นักวิจัยจากหลากหลายศาสตร์ ท้ังรัฐประศาสนศาสตร์ สังคมศาสตร์ นโยบายสาธารณะ
วิทยาการคอมพิวเตอร์ จิตวิทยา การวัดผลและประเมินผล สถิติและคณิตศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์
และพยาบาลศาสตร์ได้มาทางานผสานบูรณาการความรู้ ทักษะ และประสบการณ์กับผู้บริหารสถานศึกษา
ครู/อาจารย์ ผู้ปกครองเด็กและเยาวชน จนทาให้ได้แบบประเมินพฤติกรรมท่ียึดมั่นในความซ่ือสัตย์สุจริตท่ี
สอดคล้อง ท้ังเชิงทฤษฎีและบริบทของสังคมไทยถึง 28 ชุด ผนวกกบั การมีสถานการณ์จาลองที่เป็นพื้นท่ีเปิด
(Open Space) ให้เด็กต้ังแต่ปฐมวัยได้ถูกปลูกฝังวินัยต้ังแต่เยาว์วัยผ่านเคร่ืองมือชุด “หมีน้อยคอยได้”
เด็กโตได้สะท้อนผู้ท่ีตนเองอยากจะเห็นอยากจะเป็น ผ่านตัวแทน (Role Model) ที่ตนเองอยากจะเป็น
โดยใช้สิ่งท่ีเรียกว่า Kid’s Cast ส่วนเยาวชนในระดับอุดมศึกษาสามารถใช้เป็นพื้นที่เปิดท่ีมีพื้นที่ “Voice”
ได้อย่างเสรี โดยไม่มีผู้ใดปิดกั้น สิ่งเหล่านี้ คือความภาคภูมิใจของคณะนักวิจัย อีกทั้งยังได้ใช้การแปลงวิกฤต
เป็นโอกาสจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรน่า (Covid-19) ก่อให้เกิดระบบท่ีมีช่ือว่า TYIntegrity
ที่เป็น Collaborative Digital platform ท่ีสถานศึกษาหลายแห่งได้ใช้เป็นโอกาสในการทดสอบ
และประเมินศักยภาพและความพร้อมของระบบโครงสร้างพ้ืนฐานของรัฐในการรองรับกับโลกดิจิ ทัล
รวมถึงเปน็ เครอ่ื งมอื ในการสร้างความสัมพันธ์กับกลมุ่ ผมู้ ีส่วนไดส้ ่วนเสียในยุค Covid-19
การทางานของโครงการที่มีเป้าหมายครอบคลุมสถานศึกษาท่ีกระจายตัวอยู่ใน 76 จังหวัด
รวมทั้งกรุงเทพมหานคร จะสาเร็จลงไม่ได้ หากไม่ได้รับความไว้วางใจจากสานักงาน ป.ป.ช. โดยรอง
ศาสตราจารย์ ดร.มาณี ไชยธีรานุวัฒศิริ ที่ปรึกษาประธานกรรมการ ป.ป.ช . และนายอุทิศ บัวศรี
รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ท่านท้ังสองเปรียบเสมือนท่ีปรึกษาของคณะผู้วิจัย ที่ติดขัดอะไร
ท่านให้คาชี้แนะ ขอขอบคุณคณะผู้บริหารและบุคลากรทุกระดับของสานักต้านทุจริตศึกษา นาโดย
นางสวรรยา รัตนราช ผู้อานวยการสานักต้านทุจริตศึกษา ท่ีให้การสนับสนุนทีมวิจัยมาโดยตลอด ขอขอบคุณ
นางสาวชนิดา อาคมวัฒนะ รักษาราชการแทนหัวหน้ากลุ่มพัฒนาระบบและวิชาการ สานักประเมินคุณธรรม
และความโปร่งใส ผู้ท่ีมีความมุ่งม่ันและเช่ือมั่นในศักยภาพของทีมวิจัยว่า “พวกเราทาได้” ซ่ึงแรงผลัก
อยา่ งมงุ่ มน่ั ทาใหเ้ ราตอ้ งเดินหน้าสเู่ ป้าหมายเพยี งอย่างเดยี ว
งานนี้จะสาเร็จลงไมไ่ ด้เชน่ กนั หากไมไ่ ด้รับการสนับสนุนเชิงนโยบายจาก ดร.อัมพร พนิ ะสา เลขาธิการ
คณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน รวมทั้งผู้บริหารสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาท้ัง 209 เขต ผู้บริหาร
สถานศึกษา ผนวกครูผู้สอน สังกัด สพฐ. กว่า 12,562 คน ผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอนสังกัด
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 702 คน เด็กและเยาวชน ผู้ปกครอง รวมทั้งเพ่ือน 131,751 คน
ค
ท่ีร่วมกันให้ข้อมูลสะท้อน “ตัวตน” รวมทั้งผู้บริหาร คณาจารย์ นักศึกษาและผู้ปกครองจาก 50
สถาบันการศึกษา ภายใต้การประสานงานกากับติดตามและสนับสนุนส่งเสริมอย่างใกล้ชิด และเป็น
กัลยาณมิตรจากเครือข่ายนักวิจัยประจาในแต่ละภูมิภาคของประเทศไทย หากไม่ได้กัลยาณมิตรเหล่านี้
ชว่ ยสนับสนุน โครงการน้ีจะสาเรจ็ ลงไม่ไดเ้ ช่นเดียวกนั
คณะผู้วิจัยขอขอบคุณทุกองค์กร ทั้งท่ีได้เอ่ยนามและไม่ได้เอ่ยนาม ท่ีท่านได้ร่วมกันสร้างสรรค์สังคม
กล่อมเกลาเด็กและเยาวชนไทยให้เติบใหญ่ในสงั คมทไ่ี ม่ทนตอ่ การทจุ รติ ต่อไป
คณะผู้วิจยั จากมหาวิทยาลยั ขอนแกน่
ง
บทสรุปผู้บรหิ าร
การประเมนิ ผลพฤติกรรมเด็กและเยาวชนไทยทย่ี ึดมนั่ ความซื่อสตั ย์สจุ รติ
1. ความเป็นมาและความสาคัญ
ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 เห็นชอบหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา
(Anti-Corruption Education) ตามท่ีคณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอประกอบด้วย 5 หลักสูตร อันได้แก่
๑. หลักสูตรการศึกษาข้ันพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ๒. หลักสูตรอุดมศึกษา
(วัยใส ใจสะอาด “Youngster with good heart”) ๓. หลักสูตรกลุ่มทหารและตารวจ (ตามแนวทางรับราชการ
กลุ่มทหารและตารวจ) ๔. หลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./บุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ (สร้างวิทยากรผู้นา
การเปลี่ยนแปลงสู่สังคมท่ีไม่ทนต่อการทุจริต) และ ๕. หลักสูตรโค้ช (โค้ชเพ่ือการรู้คิดต้านทุจริต) และสานักงาน
ป.ป.ช. ได้มีการหารอื ร่วมกบั หน่วยงานต่าง ๆ ทีเ่ ก่ียวข้องในการพิจารณานาหลักสูตรไปปรับใช้ในการจัดการเรียน
การสอนของสถาบนั การศกึ ษา รวมท้งั การพัฒนาบุคลากรในทกุ ระดบั
ในด้านการนาหลักสูตรไปใช้ในการจดั การเรียนการสอนของสถาบันการศึกษาท่ีผ่านมา สานักงาน ป.ป.ช.
ได้บูรณาการความร่วมมือกับสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ในการนาหลักสูตรการศึกษา
ข้ันพ้ืนฐาน (รายวิชาเพ่ิมเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนต้ังแต่ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา
2562 (พฤษภาคม 2562) รวมทั้งสถาบันอุดมศึกษาได้นาหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster
with Good Heart”) ไปปรับใช้ในการจัดการเรียนการสอนตามความพร้อมของแต่ละสถาบันการศึกษา
โดยมีเป้าประสงค์เพ่ือมุ่งปรับฐานคิดของเด็กและเยาวชน ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาระบบ หรือ
กระบวนการกล่อมเกลาทางสังคม ผ่านการประยุกต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นฐานคิดหลักในการต้าน
ทุจริต ส่งเสริมความตระหนักและปลูกฝังค่านิยมต่อต้านการทุจริตผ่านระบบการศึกษา โดยมุ่งหวังให้ผู้เรียน
กลายเปน็ พลเมืองที่ไม่ทนตอ่ การทุจริต มจี ติ พอเพียง และเปน็ พลเมอื งที่รบั ผิดชอบตอ่ สงั คม
หลกั สูตรต้านทุจรติ ศึกษา จงึ กลายเปน็ เครื่องมอื สาคัญในการขับเคลือ่ นแผนงานด้านการตอ่ ตา้ นการทจุ ริต
และประพฤติมิชอบ ภายใต้แผนแม่บทภายใตย้ ุทธศาสตร์ชาติ ประเดน็ ท่ี ๒๑ การต่อตา้ นการทุจริตและประพฤติมิ
ชอบ (พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐) เป้าหมายและตัวชี้วัดที่ 1 ท่ีได้กาหนดเป้าหมายของแผนงาน คือ ประชาชนมี
วฒั นธรรมและพฤติกรรมซ่ือสัตย์สจุ ริต โดยกาหนดให้มี “การประเมินพฤตกิ รรมเด็กและเยาวชนไทยท่ยี ึดมั่นความ
ซื่อสัตย์สุจริต” โดยในระยะแรก (พ.ศ. 2561 - 2565) กาหนดค่าเป้าหมายตัวชี้วัดเด็กและเยาวชนไทยมี
พฤติกรรมที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริต ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 และตามแผนปฏิบัติการด้านการต่อต้านการทุจริต
และประพฤติมิชอบ ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2563 - 2565) ตัวชี้วัดท่ี 1.1 กาหนดค่าเป้าหมายเด็กและเยาวชนไทยมี
พฤติกรรมท่ียึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริต ในปี2563 ไม่น้อยกว่าร้อยละ 46 ซ่ึงสานักงาน ป.ป.ช. ได้คัดเลือกให้
มหาวิทยาลัยขอนแก่นเป็นที่ปรึกษาในการวิจัยประเมินผลพฤติกรรมเด็กและเยาวชนไทยที่ยึดม่ันความซื่อสัตย์
สุจริต และประเมินผลสัมฤทธิ์ในการใช้หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา โดยเฉพาะหลกั สูตรท่นี าไปใช้ในการจัดการเรียน
การสอนของสถานศึกษา 2 หลักสตู ร
ก-1
2. รูปแบบการประเมินพฤติกรรมเด็กและเยาวชนไทยท่ียดึ มน่ั ความซ่ือสัตย์สจุ รติ
รูปแบบการประเมินพฤติกรรมเด็กและเยาวชนไทยท่ียึดม่ันความซ่ือสัตย์สุจริตในคร้ังนี้ มีลักษณะ
การประเมนิ ทค่ี รอบคลมุ 360 องศา โดยท่ีเดก็ และเยาวชนที่เปน็ กลุ่มเป้าหมายหลักไดแ้ ก่ เด็กและเยาวชน 7 ช่วง
วัย คือ 1) ปฐมวัย 2) ประถมศึกษาตอนต้น 3) ประถมศึกษาตอนปลาย 4) มัธยมศึกษาตอนต้น 5) มัธยมศึกษา
ตอนปลาย 6) อดุ มศึกษาปีที่ 1-2 และ 7) อุดมศึกษาปีที่ 3-4 ท่ีอยู่ในสถานศึกษาสังกัดสานักงานคณะกรรมการ
การศึกษาข้ันพื้นฐาน (สพฐ.) จานวน 4,316 แห่ง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จานวน 177 แห่ง และกระทรวง
การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จานวน 50 แห่ง รวมทั้งสิ้นจานวน 4,542 แห่ง กระจายอยู่ใน
77 จงั หวดั รวมทงั้ กรงุ เทพมหานคร โดยผทู้ ีจ่ ะต้องประเมินเด็กและเยาวชน ประกอบดว้ ย 4 กล่มุ คือ 1) เด็กและ
เยาวชนต้องประเมินตนเอง 2) ครู/อาจารย์ผู้สอนหรืออาจารย์ที่ปรึกษา 3) เพื่อนของเด็กและเยาวชน
และ 4) ผูป้ กครองของเด็กและเยาวชน รวมท้งั 4 กลุ่ม มีจานวนทัง้ สิ้น 140,625 คน
นอกจากนี้ยังมีการจัดทาฐานสถานการณ์จาลอง เพื่อสังเกตพฤติกรรมเด็กและเยาวชน
ในแต่ละ สถานศึกษาอีกจานวน 4,542 ฐาน ปรากฏดงั ตารางท่ี 1
3. เคร่อื งมอื ที่ใช้ในการประเมนิ เด็กและเยาวชนไทยที่ยึดมัน่ ความซ่ือสตั ย์สุจรติ
เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินเด็กและเยาวชนไทยที่ยึดม่ันความซ่ือสัตย์สุจริตมี 2 ลักษณะ คือ
1) แบบประเมินเชิงปริมาณ ที่มุ่งเน้นประเมินพฤติกรรมเชิงจริยธรรมท่ีพึงประสงค์ของกลุ่มเป้าหมายท้ัง 4 กลุ่ม
ซงึ่ จาแนกเป็น 7 ช่วงวัย จานวน 28 ชุดเคร่อื งมือ และ 2) ฐานสถานการณ์จาลอง ซ่ึงเปน็ การประเมินเชงิ คุณภาพ
ทใ่ี ห้เดก็ และเยาวชนได้สะทอ้ นมมุ มองและความคิดเห็นทีม่ ีต่อสถานการณ์บางอยา่ ง (ซึ่งในการศึกษาน้ไี ดจ้ ัดทาฐาน
จาลอง 3 ลักษณะ มชี ื่อว่า 1) Kid’s คิด 2) Kid’s Cast และ 3) Youth’s Voice)
เครอื่ งมอื ทกุ ประเภทที่ไดก้ ล่าวไปแล้วข้างต้นได้มีกระบวนการพฒั นาให้มีความสอดคล้องกับแนวคิดทฤษฎี
และการทบทวนวรรณกรรมท้ังของไทยและต่างประเทศ ในสาระสาคัญของคาว่า “Integrity” ประกอบกับ
การศึกษาภาคสนามเพ่ือให้สอดรับกับบริบทสังคมไทย รวมถึงการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือทั้งความตรงเชิง
เน้ือหาและความนา่ เช่ือถือ โดยผ้เู ชี่ยวชาญและวธิ กี ารทางสถิติ
3.1 ระบบ TYintegrity หรือระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ือการจัดการการประเมินผลพฤติกรรมเด็ก
และเยาวชนไทยที่ยึดมั่นความซ่ือสัตย์สุจริต หรือ Thai Youth Integrity Assessment Management System
เป็นรูปแบบโปรแกรมประยกุ ตใ์ นลกั ษณะ Web-application ทีส่ ามารถเปิดผ่าน browsers ในเครอ่ื งคอมพวิ เตอร์
รวมถงึ โทรศัพท์มือถอื ท่ีเช่ือมต่ออินเตอร์เน็ทได้อย่าง Real Time ระบบประเมินผลพฤติกรรมเด็กและเยาวชนไทย
ทย่ี ึดม่นั ความซื่อสัตย์สุจริต จะเป็นระบบยอ่ ยสว่ นหน่ีงในระบบโปรแกรมประยุกต์ TYintegrity และมีระบบจดั การ
สาหรับสถานศึกษา นับต้ังแต่การสุ่มช่วงช้ัน หรือห้องเรียนท่ีจะประเมิน ระบบการส่งต่อแบบประเมินให้กับ
กลุ่มเป้าหมายที่เกี่ยวข้อง ระบบติดตามความก้าวหน้าในการประเมินของแต่ละกลุ่มเป้าหมาย การประมวลผลและ
วิเคราะหข์ อ้ มลู และระบบรายงานผลการประเมิน ซึ่งทง้ั หมดนีเ้ ปน็ การจดั การของระบบ TYintegrity
3.2 การประมวลและการวิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้ระบบ TYintegrity ซึ่งมีการคิดคะแนนรวมประเมินผล
พฤติกรรมเด็กและเยาวชนไทยที่ยึดมั่นความซ่ือสัตย์สุจริต ซ่ึงได้กาหนดน้าหนักความสาคัญของคะแนนประเมิน
ดงั น้ี
ก-2
3.๒.1 แนวคิดการกาหนดนาหนักคะแนน (Scoring)
ให้ X๑ = ค่าคะแนนทีเ่ ดก็ และเยาวชนประเมนิ ตนเอง
X๒ = ค่าคะแนนท่คี รผู สู้ อนประเมนิ
X๓ = ค่าคะแนนทเี่ พื่อนประเมิน
X๔ = คา่ คะแนนท่ีผ้ปู กครองประเมนิ
Win = ค่าถว่ งนา้ หนักของคะแนนเดก็ และเยาวชนในแต่ละชว่ งช้นั
i = ๑, ๒, ๓, ๔, ๕, ๖, ๗ ซง่ึ หมายถึง ช่วงชั้นของเดก็ และเยาวชน
n = ๑, ๒, ๓, ๔ หมายถงึ กลมุ่ ผู้ประเมนิ
โดยที่
i = ๑ หมายถึง ช่วงช้นั ปฐมวัย
i = ๒ หมายถึง ชว่ งชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๑ – ๓
i = ๓ หมายถึง ช่วงช้นั ประถมศึกษาปที ่ี ๔ – ๖
i = ๔ หมายถงึ ชว่ งชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑ – ๓
i = ๕ หมายถงึ ช่วงชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๔ – ๖
i = ๖ หมายถึง ช่วงชั้นอุดมศกึ ษาปที ่ี ๑ – ๒
i = ๗ หมายถงึ ช่วงชั้นอดุ มศกึ ษาปีท่ี ๓ – ๔
n = ๑ หมายถึง เด็ก/เยาวชน ประเมนิ ตนเอง
n = ๒ หมายถึง ครผู ู้สอน ประเมนิ
n = ๓ หมายถงึ กลุ่มเพือ่ น ประเมนิ
n = ๔ หมายถึง ผ้ปู กครอง ประเมิน
ดังนัน้ ค่าคะแนนพฤตกิ รรมของเดก็ และเยาวชนแต่ละคน (Y) จะมีค่าเทา่ กบั ผลรวมของคา่ ถว่ งน้าหนักของ
แต่ละกลุม่ ที่เปน็ ผ้ปู ระเมนิ คณู ด้วยค่าคะแนนท่ีแตล่ ะกลมุ่ ประเมนิ
Y = W๑X๑ + W๒X๒ + W๓X๓ + W๔X๔ ซง่ึ ค่าถว่ งน้าหนักคะแนนของแต่ละกลุม่ ได้จาก
ผลการศึกษาภาคสนามที่มกี ารยนื ยนั จากกลุม่ ผเู้ ชยี่ วชาญ
3.๒.2 การแปลความหมายรายคน คะแนนดิบ (Y) ท่ีได้จากเคร่ืองมือแต่ละช่วงช้ันจากแต่ละกลุ่ม
ผู้ประเมินจะนามาแปลความหมายในลักษณะคะแนนอิงกลุ่ม (Norm referenced score) โดยในการแปล
ความหมาย ถ้าคะแนนดิบท่ีไดม้ ีค่าคะแนนสูงกว่าค่าเฉลี่ยของช่วงนนั้ ๆ หมายถึง เด็กและเยาวชนไทยมีพฤติกรรม
ท่ียดึ มนั่ ความซ่ือสัตย์สุจรติ
3.๒.3 การแปลความหมายภาพรวมของประเทศ พิจารณาจากจานวนคนท่ีผ่านเกณฑ์แล้วรายงานเป็น
ร้อยละ (%) ทั้งนี้ เกณฑ์การตัดสินว่าเด็กและเยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมท่ียึดม่ันความซื่อสัตย์สุจริต พิจารณาจาก
จานวนคนท่ีผ่านเกณฑ์มากกว่าร้อยละ ๔๖.๐ เน่ืองจากเป็นเกณฑ์ท่ีกาหนดในปี ๒๕๖๓ ของตัวช้ีวัด ๑.๑ ร้อยละของ
เดก็ และเยาวชนไทยมีพฤติกรรมทย่ี ดึ ม่นั ความซ่ือสัตย์สุจริต ร้อยละ ๔๖.๐
ก-3
4. การประเมินความตรงของผลการวจิ ัยประเมนิ ผลโดยผู้เช่ยี วชาญ (Expert Validation)
หลังจากการวิเคราะห์และจัดทารายงานผลการวิจัยเรียบร้อยแล้ว คณะผู้วิจัยได้ดาเนินการจัดประชุม
พิจาณาความตรงของผลการวิจัยประเมินผลโดยผู้เช่ียวชาญจากสานักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริต
แห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผู้เชี่ยวชาญจากสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน กระทรวงศึกษาธิการ และ
ผู้เช่ียวชาญจากสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา โดยผลจากการประชุมสะท้อนผลและให้ข้อเสนอแนะเพื่อการ
ปรับปรงุ ทง้ั ในส่วนผลของการวิจยั เชิงปริมาณและเชิงคณุ ภาพ คณะผู้วิจัยได้นามาปรบั ปรุงผลการวิจัยประเมินให้มี
ความสอดคลอ้ งกับข้อเสนอแนะของผ้เู ชี่ยวชาญ เพ่ือนาไปใชใ้ ห้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป
ตารางที่ 1 ขนาดตัวอยา่ งในการประเมนิ ผลพฤติกรรมเดก็ และเยาวชนไทยทยี่ ึดม่นั ความซ่ือสตั ยส์ ุจริต
ประชากรกลุ่มตวั อย่าง (คน) รวม
ประชากร
ลาดบั สงั กดั /ระดบั ช่วงชัน้ จานวน เดก็ และ ครูผู้สอน กลมุ่ เพอื่ น กลมุ่ ฐานการ
ผูป้ กครอง กลมุ่
สถานศกึ ษา เยาวชนผถู้ กู ผูถ้ กู ผูถ้ ูก ตัวอย่าง จาลอง
(แหง่ ) ประเมนิ ประเมนิ ประเมนิ ผถู้ กู (ฐาน)
ประเมนิ (คน)
๑ สงั กดั สพฐ.
ระดับปฐมวัย 1,831 8,649 1,756 8,649 8,649 84,719 1,831
ระดับประถมศกึ ษา 8,896 1,799 8,896 8,896
8,907 1,808 8,907 8,907
ปฐมวยั 26,452 5,363 26,452 26,452
ประถมศกึ ษาปที ี่ 1-3
ประถมศกึ ษาปีที่ 4-6
รวม
ระดับมธั ยมศกึ ษา
มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1-3 2,485 10,769 2,170 10,769 10,769 45,687 2,485
มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4-6 3,499 713 3,499 3,499
รวม 14,268 14,268 14,268
2,883
๒ สังกดั อปท. 177 563 113 563 563
ระดับปฐมวยั ปฐมวยั 572 114 572 572
ระดับประถมศึกษา ประถมศกึ ษาปีที่ 1-3 642 120 642 642
ประถมศกึ ษาปีที่ 4-6
ระดับมธั ยมศกึ ษา 675 135 675 675
มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1-3 212 42 212 212
มัธยมศึกษาปที ี่ 4-6 2,664 525 2,664 2,664 8,517 177
รวม
สงั กดั อว. 266 51 266 266 1,702 50
๓ ระดับอุดมศึกษา 267 52 267 267 140,625 4,542
533 103 533 533
ปีที่ 1-2 43,917 8,874 43,917 43,917
ปีท่ี 3-4
รวม 50
รวมทงั หมด 4,542
ก-4
4. องค์ประกอบพฤติกรรมทย่ี ดึ ม่นั ความซื่อสตั ย์สุจรติ
พฤติกรรมท่ียึดม่ันความซ่ือสัตย์สุจริตเน้นไปท่ีพฤติกรรมท่ีเช่ือมโยงกับองค์ประกอบของเน้ือหาสาระที่
เช่ือมโยงกับหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา 2 หลักสูตร ได้แก่ 1) หลักสูตรการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม
การป้องกันการทุจริต) และ 2) หลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with good heart”) และมุ่ง
ประเมินผ่านกรอบ 4 ด้านตามชุดสาระการเรียนรู้ของหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา อันประกอบด้วย 1) การคิด
แยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม 2) ความอายและความไม่ทนต่อการทุจริต
3) STRONG : จิตพอเพียงต้านทุจริต และ 4) พลเมืองและความรับผิดชอบต่อสังคม ในแต่ละองค์ประกอบ
มพี ฤติกรรมยอ่ ยที่มุ่งประเมินดงั ท่ีปรากฏดงั แผนภาพที่ 1
แผนภาพที่ 1 องค์ประกอบพฤติกรรมทยี่ ึดมัน่ ความซ่ือสตั ยส์ ุจรติ
แผนภาพที่ 1 องค์ประกอบพฤตกิ รรมทย่ี ดึ มนั่ ความซอ่ื สตั ย์สจุ ริต
ก-5
5. ผลการประเมนิ
5.1 ผลการประเมินพฤติกรรมเด็กและเยาวชนไทยท่ยี ดึ ม่นั ความซื่อสตั ยส์ ุจริตในภาพรวม
5.1.1 รอ้ ยละของเด็กและเยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมยึดมั่นความซ่ือสตั ยส์ ุจริตเทียบกบั คา่ เปา้ หมาย
ผลการประเมินพฤติกรรมเด็กและเยาวชนไทยที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริต มีค่าเท่ากับร้อยละ 52.1
กาหนดไว้ในแผนปฏิบัติการดา้ นการต่อต้านการทจุ ริตและประพฤติมิชอบ ระยะท่ี 1 (พ.ศ. 2563-2565) พบว่า
สงู กวา่ คา่ เป้าหมาย อยรู่ ้อยละ 6.1 ปรากฏดังแผนภาพท่ี 2
ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทย 5444444544544533457800691122..............00000000000000 46.0 52.1
ที่ ีมพฤ ิตกรรม ึยดม่ันความ ่ืซอ ัสต ์ย ุสจริต คา่ เป้าหมาย ปี 2563 ผลการประเมิน ปี 2563
แผนภาพท่ี 2 รอ้ ยละของเด็กและเยาวชนไทยท่ีมีพฤติกรรมยึดม่นั ความซ่ือสตั ย์สุจรติ เทียบกับคา่ เป้าหมาย
ปี 2563 ตามแผนปฏิบัติการ ด้านการตอ่ ตา้ นการทุจริตและประพฤติมิชอบ ระยะท่ี 1
(พ.ศ. ๒๕๖3 – ๒๕๖๕)
5.1.2 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยที่ยึดมั่นความซื่อสตั ยส์ จุ รติ จาแนกตามชว่ งชัน
หากวิเคราะห์จาแนกตามช่วงชั้น พบว่า ในทุกช่วงชั้นมีร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยท่ีมีพฤติกรรมยึดม่ัน
ความซื่อสัตย์สุจริต สูงกว่าค่าเป้าหมายที่กาหนดไว้ที่ร้อยละ 46.0 ยกเว้นระดับมัธยมศึกษาตอนต้น สูงกว่า
ค่าเป้าหมาย เทา่ กบั ร้อยละ 49.9 ทงั้ น้ี ช่วงช้ันท่ีเด็กและเยาวชนไทยมพี ฤติกรรมยึดมั่นความซ่ือสัตย์สุจริตสูงที่สุด
คือ ระดับปฐมวัย คดิ เป็นรอ้ ยละ 55.6 ปรากฏดงั ตารางที่ 3
58 55.6 54.9
56้รอยละของเ ็ดกและเยาวชนไทย 53.9
ี่ท ีมพฤ ิตกรรมยึดม่ันความซ่ือสัต ์ยสุจ ิรต54 53.0
ปฐมวัย 51.0 50.8
52 ประถม ึศกษาตอน ้ตน 49.9
50 ประถม ึศกษาตอนปลาย
ัมธยม ึศกษาตอน ้ตน48
46 ัมธยม ึศกษาตอนปลาย
อุดม ึศกษา ีป ี่ท 1-2
อุดม ึศกษา ีป ่ีท 3-4
แผนภาพที่ 3 รอ้ ยละของเดก็ และเยาวชนไทยที่ยึดมนั่ ความซื่อสัตยส์ ุจริตจาแนกตามชว่ งชั้น
ก-6
5.1.3 ร้อยละของเดก็ และเยาวชนไทยทม่ี ีพฤติกรรมยดึ ม่นั ความซ่อื สัตย์สจุ รติ จาแนกตามเพศ
เม่ือพิจารณาจาแนกตามเพศ พบว่า เด็กและเยาวชนไทยเกือบทุกกลุ่มเพศมีพฤติกรรมที่ยึดม่ันความ
ซื่อสัตย์สุจริตสูงกว่าค่าเป้าหมายท่ีกาหนดไว้ท่ีร้อยละ 46.0 ยกเว้นเพศชายที่ต่ากว่าค่าเป้าหมายเล็กน้อย เท่ากับ
ร้อยละ 43.8 ท้ังนี้เพศของเด็กและเยาวชนท่ีมีพฤติกรรมท่ียึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตสูงที่สุด คือ เพศหญิง
คิดเป็นร้อยละ 60.8 ปรากฏแผนภาพท่ี 4
65.0 60.8
52.3
60.0
หญงิ ไม่ประสงค์ระบเุ พศ
ร้อยละของเ ็ดกและเยาวชนไทย 55.0
ที่ ีมพฤติกรรมยึด ่ัมนความ ื่ซอ ัสตย์สุจริต
50.0 43.8
45.0
40.0
35.0
30.0
25.0
20.0
15.0
10.0
5.0
0.0
ชาย
แผนภาพที่ 4 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมยดึ มั่นความซอ่ื สตั ย์สุจรติ จาแนกตามเพศ
5.1.4 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมยดึ มั่นความซื่อสตั ยส์ ุจรติ จาแนกตามภมู ิภาค
เม่ือพิจารณาจาแนกตามภูมิภาค พบว่า ในทุกภูมิภาคมีร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยที่มีพฤติกรรม
ยดึ มั่นความซ่อื สัตย์สุจริต สูงกว่าค่าเป้าหมายที่กาหนดไว้ที่ร้อยละ 46.0 ทั้งน้ี ภูมิภาคท่มี ีสัดสว่ นเด็กและเยาวชน
ไทยที่มีพฤติกรรมยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตสูงท่ีสุด คือ ภาคกลาง คิดเป็นร้อยละ 53.9 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
มสี ัดสว่ นตา่ สดุ คือ ร้อยละ 50.9 ปรากฏดงั ตารางท่ี 5
ร้อยละของเ ็ดกและเยาวชนไทย 55 53.9
ที่มีพฤ ิตกรรม ึยดม่ันความ ืซ่อ ัสตย์สุจริต 54
53 52.1
52 51.3 50.9
51
50 กลาง ตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ใต้
49
เหนอื
แผนภาพท่ี 5 รอ้ ยละของเด็กและเยาวชนไทยทีม่ ีพฤติกรรมยึดมน่ั ความซือ่ สัตยส์ ุจรติ จาแนกตามภูมภิ าค
ก-7
5.1.5 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยท่ีมีพฤติกรรมยึดมั่นความซ่ือสัตย์สุจริต จาแนกตาม
ภาคของสานักงาน ป.ป.ช.
เมือ่ พิจารณาจาแนกตามภาคของสานักงาน ป.ป.ช. พบวา่ สานกั งาน ป.ป.ช. ภาค 7 มีสดั สว่ นเดก็ และ
เยาวชนไทยทีม่ ีพฤติกรรมยดึ มน่ั ความซ่ือสตั ย์สจุ รติ สูงทสี่ ุด คิดเปน็ รอ้ ยละ 55.7 สว่ นสานกั งาน ป.ป.ช. ภาค 3
มีสดั ส่วนตา่ สดุ คือ รอ้ ยละ 48.6 ปรากฏดังตารางที่ 6
สานกั งาน ป.ป.ช. ภาค 9 49.9 54.4
สานักงาน ป.ป.ช. ภาค 8 49.4 55.7
สานักงาน ป.ป.ช. ภาค 7 48.6
สานักงาน ป.ป.ช. ภาค 6 53.2
สานักงาน ป.ป.ช. ภาค 5 52.6
สานักงาน ป.ป.ช. ภาค 4 51.6
สานกั งาน ป.ป.ช. ภาค 3
สานกั งาน ป.ป.ช. ภาค 2 55.0
สานักงาน ป.ป.ช. ภาค 1
45.0 46.0 47.0 48.0 49.0 50.0 51.0 52.0 53.0 54.0 55.0 56.0 57.0
รอ้ ยละของเดก็ และเยาวชนไทยที่มพี ฤตกิ รรมยึดมน่ั ความซอ่ื สตั ย์สจุ รติ
แผนภาพท่ี 6 รอ้ ยละของเด็กและเยาวชนไทยทม่ี พี ฤติกรรมยดึ มนั่ ความซื่อสตั ยส์ ุจริตจาแนกตามภาคของ
สานักงาน ป.ป.ช.
ตารางท่ี 2 รายชื่อจังหวดั ตามภาคของสานักงาน ป.ป.ช. ทม่ี ีสัดส่วนเด็กและเยาวชนไทยท่ีมีพฤติกรรมยึดมั่นความ
ซ่อื สตั ย์สจุ ริตสงู สุดและต่าสดุ
สานกั งาน ป.ป.ช. ภาค เดก็ และเยาวชนไทยทีย่ ดึ มั่นความซอ่ื สตั ยส์ ุจรติ
สานักงาน ป.ป.ช. ภาค 1 สงู สุด รอ้ ยละ ตา่ สดุ รอ้ ยละ
สานักงาน ป.ป.ช. ภาค 2
สานักงาน ป.ป.ช. ภาค 3 ชยั นาท 64.6 พระนครศรีอยธุ ยา 48.8
สานกั งาน ป.ป.ช. ภาค 4 ตราด
สานกั งาน ป.ป.ช. ภาค 5 อบุ ลราชธานี 59.1 จนั ทบรุ ี 44.3
สานกั งาน ป.ป.ช. ภาค 6 เลย
สานกั งาน ป.ป.ช. ภาค 7 เชียงใหม่ 54.9 นครราชสมี า 44.5
สานักงาน ป.ป.ช. ภาค 8 ตาก
สานักงาน ป.ป.ช. ภาค 9 สมุทรสงคราม 58.4 มกุ ดาหาร 48.0
ชมุ พร
สตูล 58.2 พะเยา 44.6
56.7 กาแพงเพชร 43.7
67.7 เพชรบรุ ี 44.1
62.8 พงั งา 45.8
54.9 นราธิวาส 43.8
ก-8
เม่ือพิจารณาจังหวัดตามภาคของ สานักงาน ป.ป.ช. ข้อมูลตารางท่ี 2 แสดงให้เห็นว่า ในแต่ละภาคของ
สานักงาน ป.ป.ช. จงั หวัดทีม่ สี ดั สว่ นของเดก็ และเยาวชนท่ีมีพฤติกรรมยึดม่ันในความซ่ือสัตย์สจุ ริต สูงสุดและต่าสุด
ดังตัวอย่างเช่น สานักงาน ป.ป.ช. ภาค 1 สัดส่วนสูงสุดอยู่ท่ีจังหวัดชัยนาท (ร้อยละ 64.6) ต่าสุดอยู่ที่จังหวัด
พระนครศรอี ยธุ ยา (รอ้ ยละ 48.8) ปรากฏดังตารางที่ 2
5.1.6 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตจาแนกตามจังหวัด
รายเขตพืนทกี่ ารศกึ ษา ทงั ในระดับประถมศึกษาและมธั ยมศกึ ษา
เม่ือพจิ ารณาค่ารอ้ ยละของเด็กและเยาวชนไทยทย่ี ึดมัน่ ความซื่อสัตย์สุจริตจาแนกตามเขตพ้ืนที่การศึกษา
ทั้ง 209 เขต พบว่า เขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาที่มีสัดส่วนเด็กและเยาวชนไทยท่ีมีพฤติกรรมยึดม่ันความ
ซื่อสัตย์สุจริตสูงสุด คือ สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษา เลย เขต 3 (ร้อยละ 84.0) รองลงมาคือ
สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษานคร พนม เขต 1 (ร้อยละ 80.0) ส่วนเขตพื้นที่การศึกษาท่ีมีสัดส่วน
เด็กและเยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตต่าสุด คือ สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษา
บุรีรัมย์ เขต 4 (ร้อยละ 13.3) (ในเขตพื้นที่การศึกษานี้มีโรงเรียนตกเป็นตัวอย่างในการประเมินเพียง 1 แห่ง
เท่าน้ัน) ในส่วนเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศึกษาที่มีสัดส่วนเด็กและเยาวชนไทยท่ีมีพฤติกรรมยึดมั่นความซ่ือสัตย์
สุจริตสูงสุด คือ สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยม เขต 2 (ร้อยละ 70.0) รองลงมาคือ สานักงานเขตพื้นท่ี
การศึกษามัธยมศึกษา เขต 35 (ร้อยละ 67.8) ส่วนเขตพ้ืนที่การศึกษาที่มีสัดส่วนเด็กและเยาวชนไทยที่มี
พฤติกรรมยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตต่าสุด คือ สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 24 (ร้อยละ 24.2)
ปรากฏดงั ตารางที่ 3
ตารางท่ี 3 รายช่ือเขตพ้ืนท่ีการศึกษาท่ีมีสัดสว่ นเด็กและเยาวชนไทยท่ีมีพฤติกรรมยึดม่ันความซ่ือสัตย์สจุ ริตสูงสุด
และตา่ สดุ
เขตพืนท่กี ารศึกษา สงู สดุ เดก็ และเยาวชนไทยทย่ี ึดมัน่ ความซอื่ สตั ย์สจุ ริต ร้อยละ
สพป. สพป.เลย เขต 3 รอ้ ยละ ต่าสดุ 13.3
84.0 สพป.บรุ รี มั ย์ เขต 4
สพม. สพม.เขต 2 70.0 สพม.เขต 24 24.2
รวม สพป.เลย เขต 3 84.0 สพป.บรุ รี มั ย์ เขต 4 13.3
หมายเหตุ *การวิจัยเก็บข้อมูลฯ ระหว่างวันที่ 12 มกราคม – 28 กุมภาพันธ์ 2564 ก่อนมีประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง การกาหนด
และแก้ไขเปล่ยี นแปลงเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษา ประกาศ ณ วนั ที่ 17 กุมภาพนั ธ์ 2564
ก-9
5.1.7 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมยึดมั่นความซ่ือสัตย์สุจริตจาแนกตามสังกัดของ
สถานศกึ ษา
เม่ือพิจารณาจาแนกตามสังกัด พบว่า ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมยึดมั่นความซื่อสัตย์
สุจริต ในสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน (สพฐ.) สังกัดกรุงเทพมหานคร (กทม.)
สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน (อปท.) และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
มีสัดส่วนสูงกว่าค่าเป้าหมายท่ีกาหนดไว้ที่ร้อยละ 46.0 ยกเว้นเด็กและเยาวชนไทยที่อยู่ในสถานศึกษาสังกัด
เมืองพัทยา มีผูท้ ี่มีพฤตกิ รรมยึดมั่นความซ่ือสัตย์สุจริต เพียงร้อยละ 40.1 เท่านน้ั ซึ่งต่ากวา่ ค่าเปา้ หมายทีก่ าหนด
ไวร้ อ้ ยละ 6.1 ปรากฏดงั แผนภาพที่ 7
60 52.3 49.6 50.8 54.4
55
50
ร้อยละของเ ็ดกและเยาวชนไทย 45 40.1
่ีทมีพฤ ิตกรรมยึด ่มันความซ่ือสัตย์สุจ ิรต 40
35
30
25
20
15
10
5
0
สพฐ. อสปถท. กทม. เมืองพัทยา อว.
แผนภาพที่ 7 ร้อยละของเด็กและเยาวชน. ไทยท่ีมีพฤติกรรมยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตจาแนกตามสังกัดของ
สถานศกึ ษา
5.1.8 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมยึดม่ันความซ่ือสัตย์สุจริตจาแนกตามขนาดของ
สถานศกึ ษา
เมอื่ พิจารณาจาแนกตามขนาดของสถานศึกษา ซ่ึงแบ่งเป็น 3 ขนาด คอื สถานศึกษาขนาดเล็กท่ีมีนักเรยี น
ตั้งแต่ 1 - 499 คน สถานศึกษาขนาดกลางท่ีมีนักเรียนต้ังแต่ 500-1,499 คน และสถานศึกษาขนาดใหญ่ท่ีมี
นักเรียนต้ังแต่ 1,500 คน พบว่า จากจานวนเด็กนักเรียนที่อยู่ในสถานศึกษาสังกัด สพฐ. จานวน 40,720 คน
โดยในสถานศึกษาขนาดใหญ่กว่าจะมีสัดส่วนของเด็กท่ีมีพฤติกรรมยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริตสูงกว่าใน
สถานศึกษาที่มีขนาดเล็กกว่า เม่ือนาช่วงช้ันมาพิจารณาร่วมด้วย พบว่า สถานศึกษาขนาดเล็กมีสัดส่วนเด็กและ
เยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมยึดมั่นความซ่ือสัตย์สุจริตสูงสุดอยู่ในช่วงช้ันปฐมวัย (ร้อยละ 55.0) สัดส่วนต่าสุดอยู่
ในช่วงชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย (ร้อยละ 45.2) สถานศึกษาขนาดกลางมีสัดส่วนเด็กและเยาวชนไทยที่มี
พฤติกรรมยึดมั่นความซ่ือสัตย์สุจริตสูงสุดอยู่ในช่วงชั้นปฐมวัย (ร้อยละ 57.9) สัดส่วนต่าสุดอยู่ในช่วงชั้น
ประถมศึกษาตอนต้น (ร้อยละ 50.7) สถานศึกษาขนาดใหญ่มีสัดส่วนเด็กและเยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมยึดมั่น
ความซ่ือสัตย์สุจริตสูงสุดอยู่ในชว่ งชนั้ มัธยมศึกษาตอนต้น (รอ้ ยละ 68.0) สดั ส่วนตา่ สุดอยใู่ นชว่ งช้ันประถมศึกษา
ตอนปลาย (ร้อยละ 53.9) ปรากฏรายละเอียดแผนภาพท่ี 8
ก - 10
ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทย 80 55 53.7 51.1 47.9 45.2 57.9 50.7 52.4 52.6 54.8 66.7 59.6 53.9 68 59.8
่ีท ีมพฤ ิตกรรมยึด ่ัมนความ ่ืซอ ัสตย์สุจริต 60
40
20
0 สถานศึกษาขนาดกลาง สถานศึกษาขนาดใหญ่
สถานศึกษาขนาดเลก็
ปฐมวยั ประถมศกึ ษาตอนตน้ ประถมศกึ ษาตอนปลาย มธั ยมศึกษาตอนตน้ มธั ยมศึกษาตอนปลาย
แผนภาพที่ 8 ร้อยละของเดก็ และเยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมยดึ ม่ันความซื่อสัตยส์ ุจรติ จาแนกตามขนาดของ
สถานศึกษา
5.1.9 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยท่ีมีพฤติกรรมยึดม่ันความซ่ือสัตย์สุจริตจาแนกตามประเภท
ทอี่ ยอู่ าศัย
เม่ือพิจารณาจาแนกตามประเภทที่อยู่อาศัยท่ีแบ่งเป็น 3 ลักษณะ คือ บ้านเช่า บ้านตนเอง
และอาศัยอยู่กับผู้อ่ืน พบว่า เด็กและเยาวชนไทยท่ีมีท่ีอยู่อาศัยเป็นบ้านของตนเอง มีสัดส่วนของผู้ท่ีมีพฤติกรรม
ยึดม่ันความซ่ือสัตย์สุจริต ร้อยละ 52.6 รองลงมา คือ ผู้ท่ีอาศัยอยู่บ้านเช่า ร้อยละ 50.6 และต่าท่ีสุด คือ ผู้ท่ี
อาศยั อยกู่ ับผู้อนื่ รอ้ ยละ 49.1 ปรากฏดงั แผนภาพท่ี 9
ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยท่ีมี 53 52.6
พฤติกรรม ึยด ่ัมนความ ื่ซอสัต ์ย ุสจริต 52 บา้ นตนเอง
51 50.6
50 49.1
49 อาศัยกับผ้อู ่ืน
48
47
บ้านเชา่
แผนภาพที่ 9 รอ้ ยละของเด็กและเยาวชนไทยทมี่ ีพฤติกรรมยึดม่ันความซื่อสตั ยส์ จุ รติ จาแนกตามประเภทท่ีอยู่อาศยั
ก - 11
5.1.10 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมยึดม่ันความซื่อสัตย์สุจริตจาแนกตามสถานะ
การเงนิ ของครอบครัว
เม่ือพิจารณาจาแนกตามสถานะการเงินของครอบครัวที่แยกเป็นครอบครัวท่ีไม่มีหนี้สิ้น ครอบครัวที่มี
หน้ีสินน้อยกว่าทรัพย์สนิ และมีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สนิ พบว่า เด็กและเยาวชนไทยท่ีอยู่ในครอบครัวทไ่ี ม่มีหนี้ส้ิน
มสี ดั สว่ นของผู้ทม่ี ีพฤตกิ รรมยึดมั่นความซอื่ สัตย์สุจริตสูงสุด คือ เกอื บรอ้ ยละ 60 รองลงมา คอื ผูท้ ่ีอยู่ในครอบครัว
ทม่ี ีหนีส้ ินนอ้ ยกวา่ ทรพั ยส์ นิ รอ้ ยละ 53.1 ตา่ สุด คอื เด็กและเยาวชนท่ีอยูใ่ นครอบครัวทีม่ ีหน้ีสินมากกว่าทรัพยส์ ิน
ร้อยละ 45.2 ซงึ่ กลุ่มหลังนี้ มีสดั ส่วนตา่ กว่าค่าเป้าหมายกาหนดไว้ทร่ี ้อยละ 46.0 ปรากฏดงั แผนภาพท่ี 10
ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยที่ ีม 70 59.1 53.1 45.2
พฤติกรรมยึด ่ัมน
ความ ื่ซอ ัสตย์ ุสจริต 60
50
40 มีหนส้ี นิ น้อยกว่าทรพั ยส์ ิน มหี นส้ี นิ มากกว่าทรพั ย์สิน
30
20
10
0
ไมม่ ีหนส้ี ิน
แผนภาพท่ี 10 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยทมี่ พี ฤติกรรมยึดมั่นความซอื่ สตั ยส์ จุ ริตจาแนกตามสถานะการเงิน
ของครอบครัว
5.1.11 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมยึดมั่นความซ่ือสัตย์สุจริตจาแนกตามลักษณะ
ครอบครวั หรอื ประเภทครอบครวั
เม่ือพิจารณาจาแนกตามลักษณะครอบครัวหรือประเภทครอบครัว พบว่า เด็กและเยาวชนไทยท่ีอยู่ใน
ครอบครัวเด่ียว (Nuclear Family) ที่มีลักษณะการอยู่ร่วมกันเฉพาะพ่อแม่ลูก มีสัดส่วนของผู้ท่ีมีพฤติกรรมยึดม่ัน
ความซื่อสัตย์สุจริตสูงสุด คือ ร้อยละ 53.9 รองลงมา คือ ผู้ท่ีอาศัยอยู่ในครอบครัวขยาย (Extended Family)
ที่มีลักษณะอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวใหญ่มีสมาชิกครอบครัวท่ีมีหลากหลายรุ่นวัยอย่างน้อยท่ีสุด 3 รุ่นวัย
ร้อยละ 53.3 ส่วนผู้ที่อาศัยอยู่กับพ่อหรือแม่ตามลาพัง หรืออยู่กับผู้สูงอายุตามลาพังรวมถึงผู้ที่อยู่อาศัยใน
รูปแบบอื่น ๆ อาทิเช่น ผู้อยู่อาศัยตามลาพัง หรืออยู่หอพักเป็นต้นมีสัดส่วนต่ากว่าค่าเป้าหมาย ที่กาหนดไว้ท่ี
ร้อยละ 46.0 ปรากฏดงั แผนภาพท่ี 11
55 53.9 53.3 49.4
46.7
50้รอยละของเ ็ดกและเยาวชนไทยท่ี ีม
พฤ ิตกรรม ึยด ่ัมนความ ื่ซอสัตย์สุจ ิรต
อ ู่ย ่รวม ักนเฉพาะ
่พอแ ่มลูก
อ ่ยู ่รวมกันเป็น
ครอบค ัรวใหญ่
อ ู่ยกับ ่พอห ืรออยู่
กับแ ่มตามลา ัพง
ผู้สูงอายุเลี้ยง ูดเ ็ดก
ตามลา ัพง
่อืน ๆ
45 41.7
40
แผนภาพท่ี 11 รอ้ ยละของเดก็ และเยาวชนไทยท่มี ีพฤติกรรมยดึ ม่ันความซ่ือสัตย์สจุ รติ จาแนกตามลักษณะ
ครอบครวั หรือประเภทครอบครวั
ก - 12
5.1.12 รอ้ ยละของเด็กและเยาวชนไทยท่ีมีพฤติกรรมยึดม่ันความซือ่ สัตย์สุจริตจาแนกตามภาระของ
ครอบครวั (เด็กเล็ก ผู้พิการ ผู้สงู อายุ และผู้ป่วยเรอื รัง)
เมื่อพจิ ารณาจาแนกตามภาระของครอบครัว (ต้องดูแลเด็กเล็ก ผู้พิการ ผู้สูงอายุ หรอื ผู้ป่วยเร้ือรัง) พบว่า
เด็กและเยาวชนไทยผู้ท่ีอาศัยอยู่ในครอบครัวท่ีไม่มีภาระมีสัดส่วนของผู้ท่ีมีพฤติกรรมยึดมั่นความซ่ือสัตย์สุจริตสูง
กวา่ ผ้ทู ่ีอาศยั อย่ใู นครอบครวั ทม่ี ีภาระ ร้อยละ 53.0 และร้อยละ 50.9 ตามลาดบั ปรากฏดงั แผนภาพท่ี 12
ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทย ่ีท ีม 45555555555550010193232112.............8374018164529 53.0 50.9
พฤติกรรมยึด ่ัมนความ ่ืซอ ัสตย์ ไม่มภี าระ มีภาระ
สุจริต
แผนภาพท่ี 12 ร้อยละของเดก็ และเยาวชนไทยทมี่ ีพฤติกรรมยึดมั่นความซ่อื สัตย์สจุ รติ จาแนกตามภาระ
ของครอบครวั
5.1.13 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยท่ีมีพฤติกรรมยึดม่ันความซ่ือสัตย์สุจริตจาแนกตามความรัก
ในครอบครวั
เมื่อพิจารณาจาแนกตามความรักในครอบครัว พบว่า เด็กและเยาวชนไทยผู้ทอ่ี ยู่ในครอบครัวท่ีมีความรัก
และความใกล้ชิดต่อกันมาก มีสัดส่วนของผู้ที่มีพฤติกรรมยึดม่ันความซื่อสัตย์สุจริตสูงกว่าผู้ท่ีอยู่ในครอบครัวที่มี
ความรักความใกล้ชดิ ตอ่ กันนอ้ ย รอ้ ยละ 56.6 และร้อยละ 50.2 ตามลาดบั ปรากฏดังแผนภาพท่ี 13
้รอยละของเ ็ดกและเยาวชนไทยที่ ีม 58 56.6 50.2
พฤ ิตกรรม ึยดม่ันความซ่ือสัต ์ยสุจ ิรต 56 มีความรกั ใกล้ชิดกนั ในครอบครัวน้อย
54
52
50
48
46
มคี วามรกั ใกลช้ ิดกนั ในครอบครัวมาก
แผนภาพที่ 13 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยท่ีมีพฤติกรรมยึดม่ันความซื่อสัตย์สุจริตจาแนกตามความรัก
ในครอบครัว
ก - 13
5.1.14 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตจาแนกตามปัจจัย
นเิ วศวิทยาครูและกลมุ่ เพอื่ น
เม่ือพิจารณาจาแนกตามปัจจัยนิเวศวิทยาท่ีเก่ียวข้องกับครูและกลุ่มเพื่อน พบว่า ปัจจัยในเรื่องการได้รับ
การดแู ลอย่างดดี ้วยความเสมอภาคในการดแู ลเอาใจใส่จากครู/อาจารย์ คิดเป็นร้อยละ 57.06 และปัจจัยในเรื่อง
การช่วยเหลือเก้ือกูลมีความสัมพันธ์กันอย่างดีกับกลุ่มเพ่ือน คิดเป็นร้อยละ 55.3 ซ่ึงท้ังสองปัจจัยฯ มีสัดส่วน
สงู กว่าค่าเป้าหมายทก่ี าหนดไว้ทร่ี อ้ ยละ 46.0 ปรากฏดงั แผนภาพท่ี 14
127635400000000 57.6 45.8 55.3 43
ร้อยละของเ ็ดกและเยาวชนไทยที่มี
พฤติกรรม ึยดม่ันความ ื่ซอ ัสต ์ย ุสจริต
ได้รับการดูแลอย่างดี
ด้วยความเสมอภาค
การดูแลเอาใจใ ่สยัง
ไม่เ ีพยงพอ
ช่วยเห ืลอเก้ือกูล ีม
ความ ัสม ัพนธ์กัน
อย่าง ีด
ความสัมพันธ์กับกลุ่ม
เ ื่พอนไ ่ม ่คอยดี
การดแู ลเอาใจใส่จากครู/อาจารย์ ความสัมพนั ธก์ ับกลุ่มเพื่อน
แผนภาพท่ี 14 รอ้ ยละของเดก็ และเยาวชนไทยท่ีมีพฤติกรรมยึดมัน่ ความซื่อสตั ยส์ ุจริตจาแนกตามปัจจยั นิเวศวิทยา
ครูและกลมุ่ เพ่ือน
5.1.15 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมยึดมั่นความซ่ือสัตย์สุจริตจาแนกตามปัจจัย
นเิ วศวิทยาด้านสงั คม ชมุ ชน
เม่ือพิจารณาจาแนกตามปัจจัยนิเวศวิทยาด้านสังคม ชุมชน พบว่า เด็กและเยาวชนไทยท่ีใช้เวลา
ในการท่องโลกออนไลน์ไม่มากในแต่ละวัน มีสัดส่วนของพฤติกรรมยึดม่ันความซ่ือสัตย์สุจริต (คิดเป็นร้อยละ
59.6) ซ่ึงมคี ่าสงู กว่าเดก็ และเยาวชนท่ใี ช้เวลากับออนไลนใ์ นแตล่ ะวันมากกวา่ ปรากฏในแผนภาพที่ 15
สว่ นผู้ที่มกี ิจกรรมร่วมกบั ชุมชนน้อยกวา่ กลบั มีผ้ทู ี่มีพฤติกรรมยดึ ม่ันความซอื่ สัตย์สจุ ริตในสัดส่วนสูงกว่าผู้
ท่ีร่วมกิจกรรมกับชุมชนเป็นประจา ในส่วนของข้อคาถามเกี่ยวกับปฏิสัมพันธ์กับชุมชนนี้ จะถามเฉพาะในช่วงช้ัน
ระดับประถมศึกษาตอนปลายข้ึนไปถึงอุดมศึกษาช้ันปีที่ 3-4 ในข้อคาถามว่า นักเรียน/นักศึกษา ได้มีโอกาสทา
กิจกรรมกับชมุ ชนทพี่ ักอาศยั อยู่ บ่อยคร้ังเพียงใด โดยเด็กและเยาวชนที่ร่วมกจิ กรรมกบั ชุมชนบ่อย ๆ หมายถึง ผู้ที่
ระบุว่า ทากิจกรรมกับชุมชนเกือบทุกวัน และ ทากิจกรรมกับชุมชนทุกวัน นอกเหนือจากนี้ ถือว่า เป็นกลุ่มที่ร่วม
กิจกรรมกบั ชุมชนน้อยมาก ปรากฏดงั แผนภาพท่ี 15
ก - 14
ร้อยละของเ ็ดกและเยาวชนไทยท่ี ีมพฤติกรรม ึยด ่มันความซ่ือสัต ์ยสุจริต 65.0 63.0
60.0 59.6
55.0
50.0 48.0 47.8
45.0
40.0
ร่วมกจิ กรรมกบั ชมุ ชนบอ่ ย ๆ ร่วมกิจกรรมกบั ชุมชนนอ้ ยมาก ใชเ้ วลาออนไลน์ไมม่ ากในแต่ละวัน ใช้เวลาออนไลน์มากในแต่ละวัน
กิจกรรมกบั ชมุ ชน การใชเ้ วลาในสังคมออนไลน์
แผนภาพท่ี 15 รอ้ ยละของเดก็ และเยาวชนไทยทมี่ ีพฤติกรรมยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตจาแนกตามปัจจยั นิเวศวิทยา
ดา้ นสงั คม ชมุ ชน
5.2 การแสดงค่าคะแนนผลการประเมินพฤติกรรมเด็กและเยาวชนไทยท่ียึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริต
ในภาพรวมของประเทศ จาแนกตามองคป์ ระกอบ และจาแนกตามช่วงวัย
หากพิจารณาค่าคะแนนพฤติกรรมท่ียึดม่ันความซ่ือสัตย์สุจริตของเด็กและเยาวชนจาแนกตาม 4
องค์ประกอบพฤติกรรมท่ียึดม่ันความซ่ือสัตย์สุจริต อันได้แก่ องค์ประกอบท่ี 1 การคิดแยกแยะระหว่าง
ผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม องค์ประกอบที่ 2 ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต
องค์ประกอบที่ 3 STRONG : จิตพอเพียงต้านทุจริต และองค์ประกอบท่ี 4 พลเมืองกับความรับผิดชอบต่อสังคม
ผลการประเมิน พบว่า ในภาพรวมของคะแนนรวมมีคะแนนร้อยละอยู่ระหว่าง 72.03 - 81.50 โดยช่วงช้ัน
ปฐมวัยมีคะแนนสูงสุด และช่วงชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นมีคะแนนต่าสุด ซ่ึงจากตารางที่ 5 แสดงให้เห็นว่า
เด็กนักเรียนช้ันปฐมวัยมีค่าคะแนนเฉลี่ยขององค์ประกอบท่ี 1 2 และ 3 สูงสุด ในขณะที่เด็กนักเรียนชั้น
ประถมศึกษาตอนต้นมคี ่าคะแนนในองคป์ ระกอบท่ี 4 พลเมอื งกับความรับผิดชอบต่อสังคมสูงสุด (82.7 คะแนน)
เด็กและเยาวชนที่อยู่ในระดับประถมศึกษาตอนปลายข้ึนไปถึงระดับอุดมศึกษา มีค่าคะแนนเฉลี่ยในองค์ประกอบ
ที่ 2 ละอายไมท่ นต่อการทจุ รติ ต่าทีส่ ุด เมือ่ เทยี บกับองค์ประกอบที่ 1 ปรากฏดงั ตารางที่ 5 และแผนภาพท่ี 16
ก - 15
ตารางท่ี 5 คา่ คะแนนผลการประเมนิ พฤตกิ รรมที่ยดึ มัน่ ความซ่ือสตั ยส์ ุจริตของเด็กและเยาวชนไทย
จาแนกตาม 4 องค์ประกอบพฤติกรรมท่ยี ึดม่นั ความซอ่ื สตั ยส์ จุ ริต
ภาพรวมผลคะแนนการประเมนิ พฤตกิ รรมฯ ในแตล่ ะชว่ งชันจาแนกตาม 4 องคป์ ระกอบ คะแนน
รวมเฉล่ีย
ช่วงชัน องคป์ ระกอบที่ 1 องคป์ ระกอบท่ี 2 องคป์ ระกอบท่ี 3 องคป์ ระกอบที่ 4
81.5
ปฐมวัย 84.3 80.5 84.9 78.3 77.9
75.1
ประถมศกึ ษาตอนตน้ 77.9 76.6 74.2 82.7 72.0
73.0
ประถมศกึ ษาตอนปลาย 76.3 72.1 75.7 77.4 75.5
75.6
มธั ยมศึกษาตอนตน้ 72.8 68.5 75.6 73.8
มัธยมศึกษาตอนปลาย 73.9 69.4 78.1 74.4
อุดมศกึ ษาปที ี่ 1-2 75.2 74.5 76.3 76.1
อดุ มศกึ ษาปีที่ 3-4 74.5 75.6 76.8 75.4
แผนภาพท่ี 16 ค่าคะแนนพฤตกิ รรมที่ยึดม่นั ความซ่ือสัตย์สจุ ริตของเด็กและเยาวชน จาแนกตาม 4 องค์ประกอบ
พฤติกรรมท่ียดึ มัน่ ความซอื่ สตั ยส์ จุ รติ
องคป์ ระกอบที่ 4 องค์ประกอบที่ 1 องค์ประกอบท่ี 2 ช่วงชนั ปฐมวัย
86 องค์ประกอบ 3 STRONGT: จิต
84 พอเพียงต้านทุจริตมีค่าคะแนน
82 สูงสุด (ร้อยละ 84.3) ต่าสุดอยู่ที่
80 องค์ประกอบ 4 พลเมืองและ
78 ความรับผิดชอบตอ่ สังคม (ร้อยละ
76 78.3)
74
องค์ประกอบท่ี 3
ก - 16
ช่วงชันประถมศกึ ษาตอนตน้ องคป์ ระกอบที่ 4 องค์ประกอบท่ี 1 องค์ประกอบที่ 2
องค์ประกอบ 4 พลเมืองและ 85
ความรับผิดชอบต่อสังคม มีค่า 80
คะแนนสูงสดุ (ร้อยละ 82.7) และ 75
ค่าคะแนนต่าสุดอยูท่ ่ีองคป์ ระกอบ 70
ที่ 3 STRONGT: จิตพอเพียงต้าน 65
ทจุ ริต (รอ้ ยละ 74.2)
องค์ประกอบที่ 3
องค์ประกอบที่ 4 องคป์ ระกอบท่ี 1 องค์ประกอบที่ 2 ช่วงชนั ประถมศึกษาตอนปลาย
80 องค์ประกอบ 4 พลเมืองและ
75 ความรับผิดชอบต่อสังคม มีค่า
70 คะแนนสูงสุด (รอ้ ยละ 77.4) และ
65 คา่ คะแนนต่าสุดอยทู่ ่ีองคป์ ระกอบ
ท่ี 2 ความละอายและไม่ทนต่อ
องค์ประกอบที่ 3 การทุจรติ (รอ้ ยละ 72.1)
ช่วงชันมัธยมศกึ ษาตอนตน้ องคป์ ระกอบที่ 4 องคป์ ระกอบที่ 1 องค์ประกอบท่ี 2
องค์ประกอบที่ 3 STRONGT: 80
จิตพอเพียงต้านทุจริต มีค่า 75
คะแนนสูงสุด (ร้อยละ 75.6) 70
แ ล ะ ค่ า ค ะ แ น น ต่ า สุ ด อ ยู่ ท่ี 65
องค์ประกอบ 2 ความละอาย 60
และไม่ทนต่อการทุจริต (ร้อยละ
68.5)
องคป์ ระกอบท่ี 3
ก - 17
องคป์ ระกอบที่ 4 องคป์ ระกอบที่ 1 องคป์ ระกอบท่ี 2 ชว่ งชันมัธยมศกึ ษาตอนปลาย
80 องค์ประกอบที่ 3 STRONGT:
75 จิตพอเพียงต้านทุจริต มีค่า
70 คะแนนสูงสุด (ร้อยละ 78.1)
65 แ ล ะ ค่ า ค ะ แ น น ต่ า สุ ด อ ยู่ ที่
องค์ประกอบ 2 ความละอาย
และไม่ทนต่อการทจุ ริต (ร้อยละ
69.4)
องคป์ ระกอบที่ 3
ช่วงชันอุดมศกึ ษาปีท่ี 1-2 องคป์ ระกอบท่ี 4 องค์ประกอบท่ี 1 องคป์ ระกอบท่ี 2
องค์ประกอบท่ี 3 STRONGT: 77
จิตพอเพียงต้านทุจริต มีค่า 76
คะแนนสูงสุด (ร้อยละ 76.3) 75
แ ล ะ ค่ า ค ะ แ น น ต่ า สุ ด อ ยู่ ท่ี 74
องค์ประกอบ 2 ความละอาย 73
และไม่ทนต่อการทุจริต (ร้อยละ
74.5)
องคป์ ระกอบท่ี 3
องคป์ ระกอบที่ 4 องคป์ ระกอบท่ี 1 องคป์ ระกอบที่ 2 ช่วงชันอุดมศกึ ษาปีที 3-4
78 องค์ประกอบท่ี 3 STRONGT: จิต
76 พอเพียงต้านทุจริต มีค่าคะแนน
74 สูงสุด (ร้อยละ 76.8) และค่า
72 คะแนนต่าสดุ อยู่ทอี่ งค์ประกอบ 1
ก า ร คิ ด แ ย ก แ ย ะ ร ะ ห ว่ า ง
องคป์ ระกอบที่ 3 ผ ล ป ร ะ โ ย ช น์ ส่ ว น ต น กั บ
ผลประโยชน์ส่วนรวม (ร้อยละ
75.6)
ก - 18
5.2.1 การแสดงค่าคะแนนผลการประเมินพฤติกรรมเด็กและเยาวชนไทยท่ียึดมั่นความซ่ือสัตย์สุจริต
ในภาพรวมของประเทศ จาแนกตามองค์ประกอบย่อยในองค์ประกอบที่ 1 การคิดแยกแยะระหว่าง
ผลประโยชน์สว่ นตนกบั ผลประโยชน์ส่วนรวม
เมอื่ พิจารณาแตล่ ะองคป์ ระกอบ พบวา่ องค์ประกอบท่ี 1 การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตนกับ
ผลประโยชน์ส่วนรวม ซ่ึงมีพฤติกรรมมุ่งประเมินหรือกลุ่มพฤติกรรมย่อย 3 พฤติกรรม อันได้แก่ 1) แยกแยะ
ระหว่างส่วนตนและส่วนรวม 2) ระบบคิดฐานสอง และ 3) เสียสละ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม ผลการประเมิน
มีดงั นี้
แยกแยะระหว่างส่วนตนและส่วนรวม ในเด็กปฐมวัย
มีค่าคะแนนสูงสดุ (84.3 คะแนน) และคะแนนนี้ มีค่า
ลดน้อยลง เม่ือเด็กอยู่ในช่วงวัยที่โตขึ้น จนกระทั่งถึง
ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นมีค่าต่าสุด จากนั้นมีค่า
คะแนนเพ่ิมข้ึนเล็กน้อยเม่ือถึงระดับอุดมศึกษาปีท่ี 1-
2 ก่อนที่จะเริม่ ลดลงอีกครง้ั เม่ืออยู่ในระดับอุดมศึกษา
ปีที่ 3-4
ระบบคิดฐานสอง (ในเด็กปฐมวัย ไม่ได้มีการประเมิน
พฤติกรรมย่อยข้อนี้) จากผลการประเมนิ พบว่า เด็ก
นักเรียนช้ันประถมศึกษาตอนต้น มีค่าคะแนนสูงสุด
(97.0) และคะแนนน้ีมีค่าลดลงอย่างต่อเน่ืองเม่ือเด็ก
และเยาวชนอยู่ในช่วงวัยท่ีสูงข้ึน จนกระท่ังต่าท่ีสุดใน
ระดับอุดมศึกษาปีท่ี 1-2 มีค่าคะแนนเพียง 65.0
ค ะ แ น น แ ล ะ เ พ่ิ ม ขึ้ น เ ป็ น 6 7 . 1 เ มื่ อ อ ยู่ ใ น
ระดบั อุดมศกึ ษาปีท่ี 3-4
เสียสละ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม (พฤติกรรมมุ่ง
ประเมินน้ี จะประเมินเฉพาะเด็กและเยาวชนที่อยู่ใน
ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นขึ้นไปถึงระดับอุดมศึกษา)
ผลการประเมินแสดงให้เห็นว่า ค่าคะแนนสาหรับชั้น
มัธยมศึกษาตอนต้นมีค่าต่าสุด (65.5) และค่าคะแนน
เพ่ิมข้ึนตามช่วงวัย จนกระทั่งถึง 71.5 คะแนน ซ่ึงมี
ค่าสงู สุด เม่อื อยใู่ นระดบั อดุ มศึกษาปีท่ี 3-4
ก - 19
5.2.2 การแสดงค่าคะแนนผลการประเมินพฤติกรรมเด็กและเยาวชนไทยที่ยึดม่ันความซ่ือสัตย์สุจริต
ในภาพรวมของประเทศ จาแนกตามองค์ประกอบย่อยในองค์ประกอบท่ี 2 ความละอายและความไม่ทนต่อ
การทุจรติ
องค์ประกอบท่ี 2 ความละอายและความไมท่ นต่อการทจุ รติ ซึ่งมพี ฤตกิ รรมมุ่งประเมินหรือกลมุ่ พฤติกรรม
ยอ่ ย 6 พฤติกรรม ได้แก่ 1) รับผิดชอบต่อตนเอง 2) ระเบียบวินัย 3) ละอายต่อการทุจริต 4) ไม่ทนต่อการทุจริต
5) ซ่อื สัตย์ พูดความจริง และ 6) ยอมรบั การกระทาของตนเอง ผลการประเมนิ ในแต่ละพฤติกรรมย่อย มีดังน้ี
รับผิดชอบต่อตนเอง เด็กปฐมวัยมีค่าคะแนนความ
รับผิดชอบต่อตนเองสูงสุด (85.0) ซ่ึงคาถามเน้นไปท่ี
ความรับผิดชอบพื้นฐาน เช่น สามารถแต่งกายด้วย
ตนเองได้ หรือเกบ็ ของเลน่ เขา้ ทีเ่ ป็นตน้ รองลงมา คอื
กลุ่มมัธยมศึกษาตอนปลาย (80.7) ส่วนประถมศึกษา
ตอนต้น ประถมศึกษาตอนปลาย และมัธยมศึกษา
ตอนต้น มีค่าคะแนนพอ ๆ กัน คอื ประมาณ 70 - 71
คะแนน
ระเบียบวินัย (กลุ่มเด็กปฐมวัยไม่ได้มีการประเมิน
พฤตกิ รรมน้)ี ผลการประเมนิ พบว่า กลุ่มที่มรี ะเบยี บ
วินัยสูงสุด คือ นักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา
รองลงมา คือ กลุ่มประถมศึกษาตอนต้น (74.3)
และต่าท่สี ุด คอื กลมุ่ มัธยมศึกษาตอนปลาย (67.2)
ละอายต่อการทุจริต เป็นที่น่าสนใจท่ีเด็กปฐมวัยมีค่า
คะแนนสูงสุด (89.2) (โดยการใช้คาถามท่ีว่า หาก
เพื่อน ๆ กาลังต่อแถวรับขนมแล้ว เด็กท่ีถูกประเมินมา
ทีหลังจะรอได้หรือไม่ได้) รองลงมาคือ เด็กที่อยู่ในชั้น
ประถมศึกษาตอนต้น ต่าสุด คือ ระดับมัธยมศึกษาท้ัง
ตอนต้นและตอนปลายมีค่าคะแนนพอ ๆ กัน ส่วน
นักศึกษาช้ันอุดมศึกษาปีที่ 3-4 มีค่าคะแนนสูงกว่าชั้น
อดุ มศกึ ษา ปีที่ 1-2
ก - 20
ไม่ทนต่อการทุจริต กลุ่มท่ีถือว่า ไม่ทนต่อการทุจริต
มากที่สุด (ถ้าพิจารณาจากค่าคะแนนที่สูงสุด) คือ
กลุ่ มเ ด็ กป ฐ ม วั ย ช่ ว ง วัย อ่ื น ๆ ตั้ งแ ต่ ระ ดั บ
ประถมศกึ ษาตอนต้น จนกระทง่ั ถงึ ระ ดับอดุ มศึกษา
มีคา่ คะแนนพอ ๆ กนั คือ ระหว่าง 72 - 75 คะแนน
ซื่อสัตย์ พูดความจริง เด็กประถมศึกษาตอนต้นมีค่า
คะแนนความซ่ือสัตย์ พูดความจริงสูงสุด (82.2)
รองลงมา คือ กลุม่ เด็กประถมศึกษาตอนปลาย (77.0)
ส่วนเด็กปฐมวัย มัธยมศึกษาตอนต้น มัธยมศึกษาตอน
ปลาย อุดมศึกษาปีท่ี 1-2 และอุดมศึกษาปีที่ 3-4 มี
ค่าคะแนนอยู่ระหวา่ ง 73 - 76 คะแนน
ยอมรับการกระทาของตนเอง (พฤติกรรมมุ่ง
ประเมินนี้ จะประเมินเฉพาะเด็กและเยาวชนท่ีอยู่ใน
ช้ันปฐมวัย และระดับอุดมศึกษา) ผลการประเมิน
แสดงให้เห็นว่า การยอมรับการกระทาของตนเอง
แปรผันไปตามอายุท่ีเพ่ิมข้ึน โดยนักศึกษาอุดมศึกษา
ปีท่ี 3-4 มีค่าคะแนนการยอมรับการกระทาของ
ตนเองสูงสุด (85.0) รองลงมา คือ นักศึกษา
อุดมศึกษาปีที่ 1-2 มีค่าคะแนน 83.4 ส่วนช้ัน
ปฐมวยั มีคา่ คะแนน 80.0
5.2.3 การแสดงค่าคะแนนผลการประเมินพฤติกรรมเด็กและเยาวชนไทยที่ยึดมั่นความซ่ือสัตย์สุจริต
ในภาพรวมของประเทศ จาแนกตามองค์ประกอบย่อยในองค์ประกอบที่ 3 STRONG : จิตพอเพียงต้าน
ทจุ รติ
องค์ประกอบที่ 3 STRONG : จิตพอเพียงต้านทุจริต ซ่ึงมีพฤติกรรมมุ่งประเมินหรือกลุ่มพฤติกรรมย่อย
6 พฤติกรรม อันได้แก่ 1) พอประมาณ 2) โปร่งใสและตรวจสอบได้ 3) มุ่งมั่นทางานมุ่งพัฒนา 4) เอื้ออาทร
และ 5) อดทนอดกล้นั ผลการประเมนิ ในแต่ละพฤตกิ รรมยอ่ ยมีดังนี้
ก - 21
พอประมาณ ในเด็กปฐมวัยมีค่าคะแนนสูงสุด (97.4
คะแนน) รองลงมา คือ เด็กกลุ่มประถมศึกษาตอนต้น
มีค่าคะแนน 79.8 และคะแนนน้ีมีค่าลดน้อยลง เมื่อ
เด็กอยู่ในช่วงวัยท่ีโตขึ้น จนกระท่ังถึงระดับอุดมศึกษา
ปีท่ี 3-4 มีค่าคะแนนตา่ สดุ คือ 59.4 คะแนน
โปร่งใสและตรวจสอบได้ (กลุ่มเด็กปฐมวัยไม่ได้มีการ
ประเ มินพฤ ติกรร มน้ี) ผลก ารปร ะเมิน พบว่ า
เด็กประถมศึกษาตอนต้นมีค่าคะแนนโปร่งใสและ
ตรวจสอบได้สูงสุด (96.3) รองลงมา คือ กลุ่มเด็ก
ประถมศึกษาตอนปลาย (87.0) ส่วนเด็กมัธยมศึกษา
ตอนต้น มัธยมศึกษาตอนปลาย อุดมศึกษาปีที่ 1-2
และอุดมศึกษาปีที่ 3-4 มคี ่าคะแนนอยู่ระหว่าง 61 -
66 คะแนน
มุ่ ง มั่ น ท า ง า น มุ่ ง พั ฒ น า ( ก ลุ่ ม เ ด็ ก ป ฐ ม วั ย
ประถมศึกษาตอนต้น และประถมศึกษาตอนปลาย
ไม่ไดม้ ีการประเมินพฤติกรรมน้ี) ผลการประเมินพบว่า
นักศึกษาอุดมศึกษาปีที่ 1-2 มีค่าคะแนนการมุ่งม่ัน
ทางานมุง่ พฒั นาสงู สุด (83.5) รองลงมา คอื นกั ศึกษา
อุดมศึกษาปีที่ 3-4 มีค่าคะแนน 79.4 ส่วนเด็ก
มัธยมศึกษาตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลาย มีค่า
คะแนนอยูร่ ะหว่าง 64 - 74 คะแนน
เอืออาทร เด็กปฐมวัยมีค่าคะแนนความเอ้ือ
อาทรสูงสุด (84.7 คะแนน) รองลงมา คือ นักศึกษา
อุดมศึกษาปีท่ี 1-2 มีค่าคะแนน 82.7 ส่วนกลุ่มที่มี
คะแนนความเอื้ออาทรต่าสุด คือ นักเรียนช้ัน
ประถมศกึ ษาตอนปลาย มีคา่ คะแนน 74.0
ก - 22
อดทนอดกลัน (พฤติกรรมมุ่งประเมินน้ี จะประเมิน
เฉพาะเด็กและเยาวชนท่ีอยู่ในช้ันปฐมวัย) ผลการ
ประเมินแสดงให้เห็นว่า เด็กและเยาวชนที่อยู่ในช้ัน
ปฐมวัยมีความอดทนอดกล้ันสูง โดยมีค่าคะแนน
เทา่ กับ 81.2 คะแนน
5.2.4 การแสดงค่าคะแนนผลการประเมินพฤติกรรมเด็กและเยาวชนไทยที่ยึดม่ันความซื่อสัตย์สุจริต
ในภาพรวมของประเทศ จาแนกตามองค์ประกอบย่อยในองค์ประกอบท่ี 4 พลเมืองกับความรับผิดชอบต่อ
สังคม
องค์ประกอบที่ 4 พลเมืองกับความรับผิดชอบต่อสังคม ซ่ึงมีพฤติกรรมมุ่งประเมินหรือกลุ่มพฤติกรรม
ย่อย 5 พฤติกรรม อันได้แก่ 1) เคารพสิทธิหน้าที่ต่อตนเองและผู้อื่น 2) จิตสานึกความเป็นเจ้าของประเทศ
3) รับผิดชอบต่อสังคม 4) จติ สาธารณะ และ 5) ปฏบิ ัติตามกฎ กติกาข้อตกลง ผลการประเมินในแตล่ ะพฤตกิ รรม
ย่อยมีดงั น้ี
เคารพสิทธิหน้าท่ีต่อตนเองและผู้อื่น เด็กประถมศึกษา
ตอนต้นมีค่าคะแนนการเคารพสิทธิหน้าท่ีต่อตนเองและ
ผู้อ่ืนสูงสุด (85.2 คะแนน) รองลงมา คือ เด็กและ
เยาวชนในชั้นประถมศึกษาตอนปลายมีค่าคะแนน 81.9
ส่วนกลุ่มที่มีคะแนนการเคารพสิทธิหน้าท่ีต่อตนเองและ
ผู้อ่ืนต่าสุด คือ เด็กและเยาวชนชั้นประถมศกึ ษาตอนต้น
มคี า่ คะแนน 74.4
จิตสานึกความเป็นเจ้าของประเทศ (พฤติกรรมมุ่ง
ประเมนิ น้ี จะประเมินเฉพาะเดก็ และเยาวชนท่ีอยู่ใน
ชั้นประถมศึกษาตอนต้น ประถมศึกษาตอนปลาย
อดุ มศึกษาปีที่ 1-2 และอุดมศึกษาปีที่ 3-4) ผลการ
ประเมินแสดงให้เห็นว่า การมีจิตสานึกความเป็น
เจ้าของประเทศลดลงตามช่วงวัย เด็กและเยาวชนท่ี
อยู่ในช้ันประถมศึกษาตอนต้นมีคะแนนจิตสานึก
ความเป็นเจ้าของประเทศสูงสุด (86.2 คะแนน)
ร อ ง ล ง ม า คื อ เ ด็ ก แ ล ะ เ ย า ว ช น ท่ี อ ยู่ ใ น ช้ั น
ก - 23
ประถมศึกษาตอนต้นมีคะแนน 74.5 ส่วนเด็กและ
เ ย า ว ช น ที่ มี ค ะ แ น น จิ ต ส า นึ ก ค ว า ม เ ป็ น เ จ้ า ข อ ง
ประเทศต่าสุด คอื นักศึกษาอดุ มศึกษาปีท่ี 3-4 มีค่า
คะแนนเท่ากบั 64.3
รับผิดชอบต่อสังคม เด็กประถมศึกษาตอนต้นมีค่า
คะแนนความรบั ผิดชอบต่อสังคม สงู สดุ (79.3 คะแนน)
รองลงมา คือ เด็กและเยาวชนในชั้นประถมศึกษาตอน
ปลายมีค่าคะแนน 76.9 ส่วนกลุ่มที่มีคะแนนความ
รับผิดชอบต่อสังคม ต่าสุด คือ เด็กและเยาวชนชั้น
ปฐมวัยมคี ่าคะแนน 65.7
จิตสาธารณะ เด็กปฐมวัยมีค่าคะแนนการมีจิต
สาธารณะสูงสุด (98.3 คะแนน) รองลงมา คือ เด็ก
และเยาวชนในช้ันประถมศึกษาตอนปลายมีค่า
คะแนน 76.0 ส่วนกลุ่มท่ีมีคะแนนการมีจิต
สาธารณะต่าสุด คือ นักศึกษาระดับอุดมศึกษาปีท่ี
3-4 มีค่าคะแนน 64.9
ปฏิบัตติ ามกฎ กติกาข้อตกลง เด็กประถมศกึ ษาตอนต้น
มีค่าคะแนนการปฏิบัติตามกฎ กติกาข้อตกลง สูงสุด
(86.1 คะแนน) รองลงมา คือ เด็กและเยาวชนในชั้น
ปฐมวัยมีค่าคะแนน 83.4 ส่วนกลุ่มที่มีคะแนนการ
ปฏิบตั ิตามกฎ กติกาข้อตกลงต่าสุด คือ เด็กและเยาวชน
ในชน้ั มธั ยมศกึ ษาตอนปลายมคี า่ คะแนน 70.8
5.3 การนาหลกั สูตรตา้ นทุจรติ ศกึ ษาไปใช้
หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา (ในการประเมินคร้ังนี้) โดยจาแนกออกเป็น 2 หลักสูตร ได้แก่ 1) หลักสูตร
การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) และ 2) หลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด
“Youngster with good heart”) ผลการประเมินเด็กและเยาวชนท่ีมีพฤติกรรมยึดม่ันความซื่อสัตย์สุจริตของแต่
ละหลักสตู รมีดงั ตอ่ ไปน้ี
ก - 24
5.3.1 หลักสูตรการศกึ ษาขันพืนฐาน (รายวิชาเพ่ิมเติม การปอ้ งกนั การทจุ ริต)
หลักสูตรน้ี สถานศึกษามีรูปแบบการนาไปใช้ 6 รูปแบบ คือ 1) บูรณาการกับวิถีชีวิตในโรงเรียน
2) จัดเป็นกิจกรรมเสริมหลักสูตร 3) กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน 4) บูรณาการการเรียนการสอนกับกลุ่มสาระอื่น ๆ
5) บูรณาการการเรียนการสอนกบั กลุม่ สาระสงั คมศึกษา และ 6) เปิดรายวิชาเพมิ่ เตมิ
เม่ือวิเคราะห์เด็กและเยาวชนท่ีมีพฤติกรรมยึดมั่นความซ่ือสัตย์สุจริต จาแนกตามรูปแบบการนาหลักสูตร
ไปใช้ ผลการประเมินดังท่ีปรากฏในตารางท่ี6 แสดงให้เห็นว่า สถานศึกษาท่ีมีรูปแบบการนาหลักสูตรไปใช้ใน
ลักษณะเป็นกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน มีสัดส่วนของเด็กและเยาวชนที่มีพฤติกรรมที่ยึดม่ันความซ่ือสัตย์สุจริตร้อยละ
56.2 สูงกว่าการนาไปใช้ในรูปแบบอื่น ๆ รองลงมาคือ การบูรณาการการเรียนการสอนกับกลุ่มสาระอ่ืน ๆ หรือ
บูรณาการกับกลุ่มสาระสังคมศึกษามีสัดส่วนพอ ๆ กัน คือ ร้อยละ 54.0ส่วนต่าสุด คือ บูรณาการกับวิถีชีวิตใน
โรงเรียนร้อยละ 51.6 แต่ในท้ัง 6 รูปแบบ ก็ถือว่า มีจานวนเด็กและเยาวชนท่ีมีพฤติกรรมยึดม่ันความซื่อสัตย์
สุจรติ สงู กว่าค่าเป้าหมายรอ้ ยละ 46.0 ปรากฏดังตารางที่ 6
ตารางที่ 6 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยท่ีมีพฤติกรรมยึดม่ันความซื่อสัตย์สุจริตจาแนกตามรูปแบบ
การนาหลกั สูตรการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน (รายวชิ าเพมิ่ เตมิ การปอ้ งกนั การทจุ รติ ) ไปใช้
รูปแบบการนาไปใช้ กลาง ตะวันออก ใต้ เหนอื รวม
เฉียงเหนอื
บูรณาการกบั วิถชี ีวติ ในโรงเรียน 51.8 51.5 55.5 49.3 51.6
จัดเป็นกจิ กรรมเสริมหลักสตู ร 53.2 53.3 52.0 51.3 52.3
กิจกรรมพัฒนาผูเ้ รยี น 57.7 53.5 59.0 53.9 56.2
บูรณาการการเรียนการสอนกบั กลมุ่ สาระอื่น ๆ 59.5 51.0 51.7 53.2 54.4
บูรณาการการเรยี นการสอนกับกลมุ่ สาระสังคมศึกษา 54.3 54.3 53.5 54.6 54.2
เปดิ รายวชิ าเพิม่ เตม็ 55.0 54.0 51.4 54.9 53.9
้รอยละของเ ็ดกและเยาวชนไทยท่ีมีพฤ ิตกรรม56551957
ยึดม่ันความ ่ืซอสัตย์ ุสจริต53
51
บูรณาการกับวิถีชีวิต49
ในโรงเ ีรยน47
จัดเป็นกิจกรรมเส ิรม
หลักสูตร
กิจกรรมพัฒนา
ผู้เ ีรยน
ูบรณาการการเ ีรยน
การสอนกับก ่ลุม
สาระอื่น ๆ
ูบรณาการการเ ีรยน
การสอนกับก ุ่ลม
สาระ ัสงคม ึศกษา
เ ิปดรายวิชาเ ิพ่มเ ็ตม
รวม กลาง ตะวนั ออกเฉยี งเหนือ ใต้ เหนอื
แผนภาพที่ 16 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมยึดมั่นความซ่ือสตั ย์สุจริตจาแนกตามรูปแบบการนา
หลักสูตรการศึกษาขน้ั พื้นฐาน (รายวิชาเพม่ิ เตมิ การป้องกันการทจุ ริต) ไปใช้
ก - 25
5.3.2 หลกั สตู รอดุ มศกึ ษา (วยั ใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”)
เมื่อวิเคราะห์เด็กและเยาวชนที่มีพฤติกรรมยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริต จาแนกตามรูปแบบที่สถาบัน
อุดมศึกษานาไปใช้ ผลการประเมินพบว่า การเปิดเป็น 1 รายวิชา จานวน 3 หน่วยกิต มีสัดส่วนของเด็ก
และเยาวชนที่มีพฤติกรรมยึดมั่นความซ่ือสัตย์สุจริตสูงสุด ร้อยละ 75 ต่าสุด คือ จัดเป็นกิจกรรมเสริมหลักสูตร
ร้อยละ 43.9 ปรากฏดังตารางท่ี 7
ตารางท่ี 7 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมยึดม่ันความซื่อสัตย์สุจริตจาแนกตาม รูปแบบ
การนาหลกั สตู รอุดมศึกษา (วยั ใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ไปใช้
รูปแบบการนาไปใช้ ร้อยละเดก็ และเยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมยดึ มัน่
ความซ่ือสตั ย์สจุ รติ
จัดทาเป็นวชิ าเลือก
บรู ณาการหรือสอดแทรกเนอื้ หากบั รายวชิ าอืน่ ๆ 57.5
จัดเปน็ กจิ กรรมเสรมิ หลกั สตู ร 65.3
เปิดเป็น 1 รายวิชา จานวน 3 หน่วยกิต 43.9
75.0
80 75
ร้อยละของเ ็ดกและเยาวชนไทยที่มีพฤ ิตกรรมยึด ัม่นความ ื่ซอสัตย์
สุจ ิรต7057.565.3
60
จัดทาเป็นวิชาเ ืลอก
บูรณาการห ืรอสอดแทรกเ ืน้อหากับ
รายวิชา ่ือน ๆ
ัจดเ ็ปนกิจกรรมเส ิรมหลักสูตร
เ ิปดเป็น 1 รายวิชา จานวน 3 หน่วย
กิต
50 43.9
40
30
20
10
0
แผนภาพท่ี 17 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมยึดมั่นความซ่ือสัตย์สุจริตจาแนกตามรูปแบบ
การนาหลกั สตู รอดุ มศกึ ษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ไปใช้
ก - 26
5.4 ความสัมพันธ์ระหว่างระดับผลสัมฤทธิ์ในการนาหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้กับร้อยละของ
เดก็ และเยาวชนท่มี ีพฤตกิ รรมยึดม่ันความซื่อสัตยส์ จุ ริต
ระดับคะแนนผลสัมฤทธิ์ในการนาหลักสูตรการศึกษาไปใช้ในสถานศึกษาในภาพรวม การศึกษาคร้ังน้ี
พบว่า มี 5 ระดับ คือ 1) มีศักยภาพและความพร้อมมาก (A) 2) มีศักยภาพและความพร้อมปานกลาง (B)
3) มีศักยภาพและความพร้อมน้อย (C) 4) มีศักยภาพและความพร้อมน้อยมาก (D) และ 5) ไม่มีศักยภาพและ
ความพรอ้ ม (E)
เมื่อนามาวิเคราะห์ร่วมกับร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมยึดม่ันความซ่ือสัตย์สุจริต
ผลการประเมินช้ีให้เห็นว่า สถานศึกษาที่มีระดับคะแนนผลสัมฤทธิ์ในการนาหลักสูตรไปใช้สูง คือ มีศักยภาพและ
ความพร้อมสูง เด็กและเยาวชนในสถานศึกษาน้ัน มีสัดส่วนของผู้ที่มีพฤติกรรมยึดม่ันความซื่อสัตย์สุจริตสูง และ
เมื่อระดับคะแนนผลสัมฤทธ์ิในการนาหลักสูตรไปใช้ลดลง สัดส่วนของเด็กและเยาวชนท่ีมีพฤติกรรมที่พึงประสงค์
มคี ่าลดน้อยลงเช่นกัน สมั พันธก์ นั อย่างมนี ยั สาคัญทางสถติ ิทรี่ ะดับ 0.05
ตารางที่ 8 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยท่ีมีพฤติกรรมยึดมั่นความซ่ือสัตย์สุจริตจาแนกตามระดับคะแนน
ผลสัมฤทธิใ์ นการใช้หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาในภาพรวม
ระดับ การแปลความหมาย คะแนนประเมนิ สถานศกึ ษา ร้อยละของเด็กและเยาวชนทมี่ ี
ผลสัมฤทธิ์ (จานวน) พฤตกิ รรมยดึ มั่นความซื่อสตั ย์สุจรติ
A มศี กั ยภาพและความพรอ้ มมาก ๘๕ - ๙๔.๙๙ 9 75.8
234 66.9
B มีศกั ยภาพและความพร้อมปานกลาง ๗๕ - ๘๔.๙๙ 888 56.5
949 50.5
C มีศกั ยภาพและความพร้อมน้อย ๖๕ - ๗๔.๙๙ 407 49.0
D มศี ักยภาพและความพรอ้ มน้อยมาก ๕๕ - ๖๔.๙๙
E ไมม่ ศี ักยภาพและความพรอ้ ม ๕๐ - ๕๔.๙๙
5.4.1 หลกั สตู รการศกึ ษาขันพนื ฐาน (รายวิชาเพิ่มเตมิ การป้องกันการทุจรติ )
ระดับผลสัมฤทธิ์ในการนาหลักสูตรการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน (รายวิชาเพ่ิมเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใช้ใน
สถานศึกษาสังกัด สพฐ. และองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ในการศึกษาครั้งนี้ พบว่า มี 5 ระดับ คือ
1) มีศักยภาพและความพร้อมมาก (A เท่ากับ ๘๕-๙๔.๙๙) 2) มีศักยภาพและความพร้อมปานกลาง
(B เท่ากับ ๗๕-๘๔.๙๙) 3) มีศักยภาพและความพร้อมน้อย (C เท่ากับ ๖๕-๗๔.๙๙) 4) มีศักยภาพและ
ความพร้อมนอ้ ยมาก (D เท่ากับ ๕๕-๖๔.๙๙ ) และ 5) ไม่มศี ักยภาพและความพรอ้ ม (E เท่ากับ ๕๐-๕๔.๙๙)
เมื่อนาระดับผลสัมฤทธิ์ในการนาหลักสูตรไปใช้มาวิเคราะห์ร่วมกับร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยท่ีมี
พฤติกรรมยึดมน่ั ความซ่ือสัตยส์ ุจรติ ผลการประเมินชี้ให้เห็นวา่ สถานศึกษาที่มีระดับผลสมั ฤทธใ์ิ นการนาหลกั สูตร
ไปใช้สูง คือ มีศักยภาพและความพร้อมสูง เด็กและเยาวชนในสถานศึกษาน้ัน มีสัดส่วนของผู้ท่ีมีพฤติกรรมยึดมั่น
ความซ่ือสัตย์สุจริตสูง และเมื่อระดับผลสัมฤทธิ์ในการนาหลักสูตรไปใช้ลดต่าลง สัดส่วนของเด็กและเยาวชนท่ีมี
พฤตกิ รรมที่พึงประสงคม์ คี ่าลดน้อยลงเชน่ กัน และความแตกตา่ งนี้ มีนัยสาคญั ทางสถติ ิทร่ี ะดบั 0.05
ก - 27
ระดับ การแปลความหมาย คะแนน สถานศกึ ษา รอ้ ยละของเด็กและเยาวชนทีม่ ี
ประเมนิ (จานวน) พฤติกรรมยึดม่ันความซอื่ สตั ย์สจุ รติ
A มศี กั ยภาพและความพร้อมมาก ผลสัมฤทธ์ิ
B มีศักยภาพและความพร้อมปานกลาง 9 75.8
C มีศกั ยภาพและความพรอ้ มนอ้ ย ๘๕ - ๙๔.๙๙ 234 66.9
D มศี กั ยภาพและความพร้อมน้อยมาก ๗๕ - ๘๔.๙๙ 887 56.5
E ไมม่ ีศกั ยภาพและความพร้อม ๖๕ - ๗๔.๙๙ 947 50.5
๕๕ - ๖๔.๙๙ 356 48.3
๕๐ - ๕๔.๙๙
้รอยละของเด็กและเยาวชนไทย ี่ท ีม 80 75.8 66.9 48.3
พฤ ิตกรรมยึด ่มันความ ื่ซอสัตย์ ุสจริต 56.5 50.5 E
60
BCD
40 ระดบั ผลสมั ฤทธิ์
20
0
A
แผนภาพท่ี 18 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยท่ีมีพฤตกิ รรมยดึ ม่นั ความซอ่ื สัตย์สุจรติ จาแนกตามระดับ
ผลสัมฤทธใิ์ นการนาหลักสตู รการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน (รายวชิ าเพิ่มเตมิ การป้องกันการทุจริต) ไปใช้
5.4.2 หลักสูตรอดุ มศึกษา (วยั ใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”)
ระดับผลสัมฤทธิ์ในการนาหลกั สูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ไปใช้
ของสถาบันอุดมศึกษาที่พบในการประเมินครั้งน้ี มีอยู่ 3 ระดับ คือ 1) มีศักยภาพและความพร้อมน้อย (C)
2) มีศักยภาพและความพร้อมน้อยมาก (D) และ 3) ไม่มีศักยภาพและความพร้อม (E) เม่ือนาระดับผลสัมฤทธิ์
ดังกล่าวมาวิเคราะห์ร่วมกับร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยท่ีมีพฤติกรรมยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริต ผลของการ
วิเคราะห์ช้ีให้เห็นว่า ไม่สามารถสรุปได้อย่างชัดเจนว่า ศักยภาพและความพร้อมในการนาหลักสูตรไปใช้มี
ความสัมพันธ์กับร้อยละของเยาวชนท่ีมีพฤติกรรมยึดมั่นในความซื่อสัตว์สุจริต ดังจะเห็นได้จาก กลุ่มท่ีถือว่า ไม่มี
ศักยภาพและความพร้อม (เกรด E) มีร้อยละของเด็กและเยาวชนที่มีพฤติกรรมยึดม่ันความซ่ือสัตย์สูงกว่ากลุ่มที่มี
ศักยภาพและความพร้อม (เกรด D) แต่กลุ่มที่มีศักยภาพและความพร้อมอยู่ในระดับ C มีสัดส่วนของผู้ท่ีมี
พฤติกรรมที่ยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริตสูงกว่า อย่างไรก็ตาม เม่ือพิจารณาดูภาพรวมทั้งหมด โดยแบ่งเป็นกลุ่มท่ี
ถือว่า มีศักยภาพและความพร้อม (กลุ่ม C และกลุ่ม D) กับกลุ่มที่ไม่มีศักยภาพและความพร้อม ถือว่า มีความ
แตกตา่ งกนั
ก - 28
ระดบั การแปลความหมาย คะแนน สถานศกึ ษา รอ้ ยละของเด็กและเยาวชนทม่ี ี
ประเมิน (จานวน) พฤตกิ รรมยึดมนั่ ความซอ่ื สัตย์สุจริต
C มศี กั ยภาพและความพร้อมน้อย ผลสัมฤทธ์ิ
D มีศักยภาพและความพรอ้ มน้อยมาก 1 80.0
E ไม่มศี กั ยภาพและความพร้อม ๖๕ - ๗๔.๙๙ 2 50.0
๕๕ - ๖๔.๙๙ 51 54.1
๕๐ - ๕๔.๙๙
้รอยละของเด็กและเยาวชนไทย ี่ท ีม 100.0 80.0 50.0 54.1
พฤ ิตกรรมยึด ่มันความ ื่ซอสัตย์ ุสจริต 80.0 C E
60.0 D
40.0 ระดบั ผลสัมฤทธิ์
20.0
0.0
แผนภาพที่ 19 รอ้ ยละของเดก็ และเยาวชนไทยท่ีมีพฤติกรรมยึดมนั่ ความซื่อสัตยส์ จุ ริตจาแนกตามระดับ
ผลสมั ฤทธใ์ิ นการนาหลกั สูตรอดุ มศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ไปใช้
5.4.3 ร้อยละของเดก็ และเยาวชนท่ีมพี ฤตกิ รรมยึดมนั่ ความซื่อสตั ยส์ จุ รติ จาแนกตามโครงการต้าน
ทุจรติ อ่ืน ๆ ท่ีดาเนนิ การในสถานศกึ ษานอกเหนือจากหลกั สตู รตา้ นทุจรติ ศกึ ษา
จากการวิเคราะห์ข้อมูลการดาเนินโครงการต้านทุจริตอ่ืน ๆ ท่ีดาเนินการในสถานศึกษานอกเหนือจาก
หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาท่ีได้ดาเนินการในสถานศึกษาที่ตกเป็นตัวอย่าง พบว่ามี 10 โครงการหลักท่ีได้ดาเนินการ
คือ 1) โรงเรียนสีขาว 2) โรงเรียนคุณธรรม 3) โรงเรียนสุจริต 4) โครงการโรงเรียนวิถีพุทธ
5) โรงเรียนศีล 5 6) บริษัทสร้างการดี 7) โตไปไม่โกง 8) สถานศึกษาพอเพียง 9) ส่งเสริมประชาธิปไตย
ในโรงเรียน และ 10) โครงการอน่ื ๆ คอื โครงการต้านทุจรติ อน่ื ๆ ทีส่ ถานศกึ ษาได้ริเริม่ ดาเนินการเอง
ส่วนใหญ่โครงการต้านทุจริตศึกษาอื่น ๆ ท่ีสถานศึกษาดาเนินการนอกเหนือจากหลักสูตรต้านทุจริต พบ
มากที่สุดคือโครงการโรงเรียนคุณธรรม (ร้อยละ 67.1) รองลงมาคือ โครงการโรงเรียนสีขาว (ร้อยละ 28.2)
โครงการโรงเรียนสุจริต (ร้อยละ 14.7) และโครงการโรงเรียนวิถีพุทธ์ (ร้อยละ 11.5) ตามลาดับ ท้ังนี้พบโครงการ
ต้านทุจริตศึกษาอ่ืน ๆ ท่ีสถานศึกษาระบุว่าได้ริเริ่มดาเนินการเอง (ร้อยละ 7.0) อาทิ โครงการของหายได้คืน
โครงการโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพ โครงการโรงเรียนดีประจาตาบล โครงการยุติธรรม โครงการส่งเสริมคุณธรรม
จริยธรรม โครงการพระโพธิสัตย์น้อย โครงการโรงเรียนต้นกล้าคุณธรรม โครงการโรงเรียนปลอดบุหร่ี โครงการสมุด
บนั ทกึ ความดี เปน็ ตน้
ก - 29
ตารางที่ 9 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยท่ีมีพฤติกรรมยึดม่ันความซ่ือสัตย์สุจริตจาแนกตามโครงการ
ต้านทจุ รติ อ่นื ๆ ที่ดาเนนิ การในสถานศึกษานอกเหนือจากหลักสูตรตา้ นทุจรติ ศึกษา
โครงการตา้ นทจุ รติ อนื่ ๆ สถานศึกษาทีม่ โี ครงการฯ ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทย
จานวน รอ้ ยละ ที่มพี ฤติกรรมยึดมัน่ ความ
โรงเรยี นสขี าว ซอ่ื สตั ย์สจุ รติ
โรงเรียนคุณธรรม 590 28.2 53.1
โรงเรียนสุจริต 1,405 67.1 52.5
โรงเรียนวิธีพุทธ 304 14.7 51.1
โรงเรยี นศีล 5 240 11.5 51.3
บริษทั สร้างการดี 1.0 53.8
โตไปไม่โกง 21 1.4 49.8
สถานศกึ ษาพอเพยี ง 30 1.9 59.0
สง่ เสรมิ ประชาธิปไตยในโรงเรียน 40 1.5 50.6
โครงการอ่ืน ๆ 31 2.5 54.3
53 7.0 53.0
146
เมื่อจาแนกรอ้ ยละของเดก็ และเยาวชนไทยท่ีมพี ฤตกิ รรมยึดมั่นความซ่ือสัตย์สจุ ริตจาแนกตามโครงการต้าน
ทุจริตอื่น ๆ ที่ดาเนินการในสถานศึกษานอกเหนือจากหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาในแต่ละโครงการ พบว่า เด็กและ
เยาวชนท่ีศึกษาอยู่ในโรงเรียนที่มโี ครงการต้านทุจริตศึกษา โครงการโตไปไม่โกงมีค่าร้อยละของเด็กและเยาวชนไทย
ที่มีพฤติกรรมยึดมั่นความซ่ือสัตย์สจุ ริตสูงท่ีสุด (รอ้ ยละ 59.0) รองลงมาได้แก่เด็กและเยาวชนที่อยู่ในสถานศึกษาท่ี
ดาเนินโครงการส่งเสรมิ ประชาธิปไตยในโรงเรียนที่รอ้ ยละ 54.3 โครงการโรงเรียนศลิ 5 ที่รอ้ ยละ 53.8 โครงการ
โรงเรียนสีขาวและโครงการอื่น ๆ ท่ีโรงเรียนดาเนินการเองสัดส่วนใกล้เคียงกันท่ีร้อยละ 53.1 โรงเรียนคุณธรรมท่ี
ร้อยละ 52.5 ตามลาดับ ส่วนเด็กและเยาวชนที่อยู่ในสถานศึกษาท่ีดาเนินโครงการบริษัทสร้างการดีมีร้อยละของ
เด็กและเยาวชนไทยท่มี ีพฤติกรรมยึดมัน่ ความซอ่ื สัตย์สจุ รติ ต่าสุดท่รี ้อยละ 49.8
4.5 การวิเคราะห์รอ้ ยละของเด็กและเยาวชนทมี่ พี ฤตกิ รรมยดึ มัน่ ความซื่อสัตย์สุจริต จาแนกตามตัวแปร
สาคญั โดยการวเิ คราะหก์ ารจาแนกพหุ (Multiple Classification Analysis หรอื MCA)
การวิเคราะห์ทไ่ี ด้กล่าวไปแลว้ ข้างต้น คณะผู้วิจัยได้ทาการวิเคราะหร์ ้อยละของพฤติกรรมเด็กและเยาวชน
ไทยท่ีมีพฤติกรรมยดึ มนั่ ความซ่อื สตั ย์สจุ ริต จาแนกตามตวั แปรเดียวในลกั ษณะทเ่ี ป็น Univariate เท่านัน้ แตห่ วั ข้อ
ต่อไปนี้ คณะผู้วิจัยจะได้ทาการวิเคราะห์ตัวแปรสาคัญ ๆ อันได้แก่ ภูมิภาค รูปแบบการนาหลักสูตรไปใช้ ขนาด
ของสถานศึกษา และโครงการตา้ นทุจรติ ศกึ ษาอื่น ๆ ทีไ่ ด้มีการดาเนินการในสถานศึกษาสังกัด สพฐ. โดยใช้วิธกี าร
การวิเคราะห์การจาแนกพหุ (Multiple Classification Analysis) ซึ่งก่อนที่จะทาการวิเคราะห์ คณะผู้วิจัยได้ทา
การจดั กลุ่มของคาตอบใหม่สาหรับตัวแปรรูปแบบการนาหลักสูตรไปใช้ และโครงการตา้ นทจุ ริตศกึ ษาอน่ื ๆ โดยที่
ก - 30
รูปแบบการนาไปใช้ของสถานศึกษาสังกัด สพฐ. เดิมมี 6 รูปแบบ คือ 1) บูรณาการกับวิถีชีวิตในโรงเรียน 2)
จัดเป็นกิจกรรมเสริมหลักสูตร 3) กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน 4) บูรณาการการเรียนการสอนกับกลุ่มสาระอ่ืน ๆ 5)
บูรณาการการเรียนการสอนกับกลุ่มสาระสังคมศึกษา และ 6) เปิดรายวิชาเพิม่ เต็ม แตค่ ณะผู้วจิ ยั ไดท้ าการจดั กลุ่ม
ใหม่ให้เหลือเพียง 2 กลุ่ม (เพื่อให้เห็นความแตกต่างระหว่าง 2 รูปแบบท่ีชัดเจนข้ึน) คือ 1) เปิดรายวิชาเพ่ิมเติม
และ 2) รูปแบบอื่น ๆ สว่ นโครงการต้านทุจริตศึกษาอ่ืน ๆ ท่ีดาเนินการในสถานศึกษานอกเหนือจากหลักสูตรตา้ น
ทุจริตศึกษา คณะผู้วิจัยก็ได้ทาการจัดกลุ่มของคาตอบโดยนาสถานศึกษาที่ไม่ได้มีการดาเนินโครงการต้านทุจริต
ศึกษาอื่นใดเลยแบ่งเป็นกลุ่มที่ “ไม่มีโครงการ” ส่วนโครงการต้านทุจริตศึกษาอ่ืน ๆ ที่ดาเนินการ (10 โครงการ)
จดั เป็นกลุ่มท่ี “มโี ครงการ”
ตารางท่ี 10 ร้อยละของเดก็ และเยาวชนไทยที่มพี ฤติกรรมยดึ ม่นั ความซอ่ื สตั ย์สุจริต จาแนกตามตัวแปรสาคัญโดย
การวเิ คราะห์การจาแนกพหุ
ตวั แปรสำคญั ขนำดตัวอย่ำง ร้อยละของเด็กและเยำวชนไทยท่ีมพี ฤติกรรมยดึ มัน่ ควำม
(n)
ภมู ิภำค ซื่อสตั ยส์ ุจริต
กลาง 11,023
ตะวนั ออกเฉยี งเหนอื 11,018 ก่อนปรับ หลงั ปรับ
ใต้ 5,778
เหนือ 9,210 54.6 54.1
51.0 51.1
รูปแบบกำรนำหลกั สูตรไปใช้ 11,352 52.1 52.2
เปดิ รายวิชาเพิ่มเตมิ 25,677 51.8 52.3
รูปแบบอื่น ๆ
30,423 53.0 53.4
ขนำดของสถำนศกึ ษำ 4,947 52.2 52.0
ขนาดเล็ก 1,659
ขนาดกลาง 51.7 51.7
ขนาดใหญ่ 34,147 53.7 53.4
2,822 63.0 62.8
โครงกำรต้ำนทจุ ริตศึกษำอื่น
มโี ครงการ 52.4 52.4
ไมม่ โี ครงการ 52.9 52.8
เม่ือนาร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตมาวิเคราะห์จาแนกพหุ
ผลที่ปรากฏในตารางท่ี 10 แสดงให้เห็นว่า ในภาพรวมแล้ว ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยท่ีมีพฤติกรรมยึดมั่น
ความซื่อสัตย์สุจริตก่อนและหลังปรับ มีค่าทั้งเพ่ิมขึ้นและลดลง โดยในกลุ่มท่ีเพ่ิมข้ึน คือ กลุ่มท่ีอยู่ในภาค
ก - 31
ตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ และภาคเหนือ และเปิดรายวิชาเพ่ิมเติม (แต่ความแตกต่างท่ีเพ่ิมขึ้น มีไม่ถึงร้อยละ
1) ส่วนกลุ่มอื่น ๆ นอกเหนือจากท่ีได้กล่าวไปแล้วข้างต้น ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยท่ีมีพฤติกรรมยึดม่ัน
ความซ่ือสัตย์สุจริตมีค่าลดลง หลังจากที่ได้มีปรับอิทธิพลของตัวแปรอื่น ๆ แต่ค่าท่ีลดลงมีไม่ถึง
ร้อยละ 1 เชน่ กนั
ข้อมูลจากตารางเดียวกันน้ี ช้ีให้เห็นอีกว่า เม่ือใช้การวิเคราะห์การจาแนกพหุ ภาคกลางยังคงมีสัดส่วน
สูงสุด (ร้อยละ 54.1) รองลงมา คือ ภาคเหนือและภาคใต้มีสัดส่วนพอ ๆ กัน (ร้อยละ 52.3) ส่วนภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือ ประมาณร้อยละ 51.1 การเปิดรายวิชาเพิ่มเติม เม่ือเทียบกับรูปแบบการนาไปใช้รูปแบบ
อื่น ๆ พบว่า แม้จะมีค่าสูงกว่า แตค่ วามแตกต่างน้ี กไ็ มม่ ีนยั สาคญั ทางสถติ แิ ต่อยา่ งใด
ในส่วนร้อยละฯ ตามขนาดของสถานศึกษา ซึ่งจาแนกเป็นขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก
เมอ่ื นามาวเิ คราะห์รว่ มกบั ตวั แปรอ่นื ๆ ข้อมลู ที่ปรากฏในตารางท่ี 10 แสดงใหเ้ ห็นว่า สถานศกึ ษาทมี่ ีขนาดต่างกัน
สั ด ส่ ว น ข อ ง เ ด็ ก ที่ มี พ ฤ ติ ก ร ร ม ยึ ด ม่ั น ค ว า ม ซื่ อ สั ต ย์ สุ จ ริ ต ต่ า ง กั น อ ย่ า ง มี นั ย ส า คั ญ โ ด ย ข น า ด
ของสถานศึกษาแปรผันโดยตรงกับสัดส่วนของเด็กที่มีพฤติกรรมยึดมั่นความซ่ือสัตย์สุจริต ในขณะที่สถานศึกษา
ขนาดกลาง และขนาดเล็ก มีสัดส่วนพอ ๆ กัน ส่วนโครงการต้านทุจริตศึกษาอื่น ๆ ท่ีสถานศึกษาได้มีการ
ดาเนินการ เมื่อเปรียบเทียบกับสถานศึกษาที่ระบุว่า ไม่มีการดาเนินโครงการใด ๆ เลย พบว่า สดั สว่ นของเด็กและ
เ ย า ว ช น ท่ี มี พ ฤ ติ ก ร ร ม ยึ ด ม่ั น ค ว า ม ซ่ื อ สั ต ย์ สุ จ ริ ต ไ ม่ ต่ า ง กั น อ ย่ า ง มี นั ย ส า คั ญ ท า ง ส ถิ ติ แ ม้ ว่ า
จะมสี ดั ส่วนสูงกว่ากต็ าม
5.6 ข้อมูลเชิงคุณภาพท่ีได้จากเคร่ืองมือฐานจาลองสถานการณ์สะทอ้ นพฤติกรรมเดก็ และเยาวชนทย่ี ึดมน่ั ความ
ซ่ือสตั ยส์ จุ รติ
จากการวิเคราะห์ข้อมูลฐานจาลอง Kid’s คิด
เด็กในช่วงช้ันปฐมวัยหรือระดับอนุบาล สะท้อนฐานคิดผ่าน
ภาพการ์ตูนเคล่ือนไหว โดยมีเนื้อหาเก่ียวกับการตัดสินใจต่อ
แถวเข้าคิวเพ่ือซ้ือขนม พบว่า เด็กปฐมวัยท่ีเป็นกลุ่มตัวอย่าง
ทัง้ ในภาพรวม จาแนกตามสังกัดของสถานศกึ ษาและในระดับ
ภูมิภาค มีการแสดงความคิดเห็นที่คล้ายกัน คือ สามารถ
เขา้ แถวรอ จนกว่าจะถึงคิวของตนเองเพ่อื ซ้อื ขนม มีเพียงสว่ น
น้อยที่ไม่รอต่อคิว ส่วนหนึ่ง คือ มากินในวันอ่ืน หรือรอ
จนกว่าคนนอ้ ยจึงมาซ้อื
ในฐานจาลอง Kid’s Cast จะมีบทสนทนาอยู่ใน 3 รูปแบบแตกต่างกันไปตามช่วงชั้น โดยในช่วงช้ัน
ประถมศึกษาตอนต้น (ป.1-3) บทสนทนาออกแบบเพ่ือให้เด็กสะท้อนพัฒนาการการเรียนรู้โดยการเลียนแบบ
หัวข้อในบทสนธนนาจะให้เด็กสะท้อนว่าโตขึ้น เขาอยากเป็นเหมือนกับใคร แล้วทาไมถึงอยากเป็นเหมือนคนนั้น
แล้วให้เด็กสะท้อนเพ่ิมเติมว่า เด็กอยากทาอะไรให้คนอ่ืนบ้าง ผลการวิเคราะห์ข้อมูล Kid’s Cast ของบทสนทนา
ในช่วงชั้นประถมศึกษาตอนต้น พบว่า บุคคลท่ีเด็กอยากเป็นและเป็นแบบอย่าง ส่วนใหญ่จะเป็นท่ีอยู่ใกล้ตัวของ
ก - 32
เด็กๆ ได้แก่ พ่อ แม่ หรือครู โดยเด็กๆให้เหตุผลว่า เน่ืองจาก ใจดี ขยัน สอนนักเรียนให้มีความรู้ ทางานเก่ง
บางสว่ นอยากเป็น แพทย์ พยาบาล ทหาร ตารวจ เหตผุ ลเพราะจะไดช้ ว่ ยเหลอื คนอน่ื
Kid’s Cast ช่วงชั้นประถมศึกษาตอนปลาย (ป.4-
6) บทสนทนาออกแบบเพ่ือให้เด็กได้สะทอ้ นถึงเพื่อนว่ามองตัว
เด็กเป็นอย่างไรและมุมมองที่เด็กมีต่อตนเอง ซ่ึงในช่วงวัยนี้ถือ
ได้ว่ากลุ่มเพ่ือนและมุมมองที่มีต่อตนเองจะมีบทบาทในการ
หล่อหลอมการมีทัศนคติต่อพฤติกรรมท่ีจะกระทาหรือไม่
กระทา ผลการศึกษา พบว่า มีความหลากหลาย ส่วนใหญ่ตอบ
ว่าเพื่อนมองตนเองว่าเป็นคนดี (มีน้าใจ) เป็นคนสนุกสนานร่า
เริง ตลก เฮฮา อารมณ์ดี และเป็นคนเงียบ ไม่ค่อยพูด อยู่
พอประมาณ คาตอบค่อนข้างตอกย้านิสัยโดยส่วนใหญ่ของคน
ไทย ที่มองว่าเป็นคนมีน้าใจ และเป็นคนยิ้มง่าย สนุกสนานร่า
เริง เมื่อสอบถามถึงมุมมองต่อตนเองว่าเคยทาความดีอะไรบ้าง
พบวา่ มี 3 ลกั ษณะ คอื การทาความดีต่อตนเอง เชน่ ตง้ั ใจเรียน
เช่ือฟังพ่อแม่ ส่งงานตรงเวลาทุกครั้ง การทาความดีต่อผู้อ่ืน
เช่น ช่วยครูถือของ ช่วยพ่อแม่ทางานบ้าน และการทาความดี
ต่อส่วนรวม เช่น เก็บขยะ ทาความสะอาดบริเวณโรงเรียน
เป็นต้น
ฐานจาลอง Kid’s Cast ในช่วงชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.1-3) บทสนทนายังคงต้องการให้เด็กสะท้อน
ฐานคิดว่าเพื่อนมองเด็กเป็นคนเช่นไร ต่อด้วยการให้เด็กสะท้อนสภาพสังคมในเวลานี้ในความคิดของเด็ก และเขา
จะทาอยา่ งไรไดบ้ ้าง พบว่าในฐานคิดเกี่ยวกับตนเองในมุมมองของเพอื่ น ๆ คาตอบมคี วามคล้ายคลึงกับบทสนทนา
เดียวกันในช่วงช้ันประถมศึกษาตอนปลาย ท่ีมีความหลากหลาย ส่วนใหญ่ตอบว่าเพื่อนมองตนเองว่าเป็นคนดี
(มีน้าใจ) เป็นคนสนกุ สนานร่าเรงิ ตลก เฮฮา อารมณ์ดี และเป็นคนเงียบ ๆ ที่เพ่ิมเติมของคาตอบในช่วงชั้นน้ี คือ
คาตอบจะมีการกระจายตัวมาก และจะมีลกั ษณะคาตอบของมุมมองที่เป็นมิติอารมณ์หลากหลาย เชน่ มองว่า เป็น
คนอารมณ์ร้อน บ้า ๆ บอ ๆ แต่รักเพื่อน นอกเหนือจากคาตอบว่าดี ท่ีดูเหมือนจะเป็นคาตอบตามความคาดหวัง
ก - 33
ของสังคมแล้ว พบว่าคาตอบที่เหลือมีความหลากหลายสูงมาก กระจายตัวในลักษณะคาตอบขนาดเดียวกัน ท้ัง
ระนาบ ดีเย่ียม ดมี าก ดี สงบสุข ปกติ เฉย ๆ พอใช้ แขง่ ขัน ไม่น่าอยู่ ไมด่ ี วุน่ วาย เห็นแกต่ วั ถงึ แยม่ าก
ฐานจาลองสุดท้าย Youth Voice สาหรับช่วงชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.4-6)และระดับอุดมศึกษา
มีบทสนทนาอยู่ใน 2 รูปแบบในสามช่วงช้ัน ในช่วงช้ันมัธยมศึกษาตอนปลายบทสนทนาชักชวนให้เยาวชนมองถึง
การเปล่ียนแปลงสังคม และความคาดหวังต่ออนาคตเก่ียวกับความซื่อสัตย์ในประเทศไทย คาตอบในบทสนทนานี้
พบว่า เยาวชนส่วนใหญ่อยากเปลีย่ นแปลงสงั คมให้ดีข้ึน โดยมองด้าน ความเสมอภาค ทกุ คนมสี ทิ ธ์เิ ท่าเทยี มกัน ใน
สังคมมากที่สุด และอยากให้ลดความเหลื่อมล้าทางสังคม ลดการคดโกงไม่มีคอรัปช่ัน เป็นประชาธิปไตย เพ่ิมการ
รับฟังความเห็นประชาขน และมีเศรษฐกิจการศึกษาที่ดี ในข้อสนทนาเกี่ยวกับความซื่อสัตย์สุจริตในประเทศไทย
ส่วนใหญ่มองว่าความซื่อสัตย์สุจริตของคนในสังคมยังไม่ค่อยมีหรือมีอยู่น้อยมาก ต้องมีการปรับปรุง ในขณะที่
บางส่วนมีมุมมองท่ีน่าสนใจว่าความซื่อสัตย์สุจริตไม่มีอยู่จริง ต่อข้อสนทนาในด้านความคาดหวังต่อการอนาคต
เกย่ี วกับปญั หาทุจรติ คอรปั ชน่ั เยาวชนมีฐานคิดแยกกนั เป็นสามกลุ่มความคดิ กลมุ่ แรกมองวา่ เปน็ ไปได้ที่การทจุ ริต
คอรัปชั่นในประเทศจะลดน้อยลงได้ ในกลุ่มที่สองจะมองว่า สังคมสามารถลดการทุจริตคอรัปชั่นได้เช่นกันแต่ไม่
ง่าย ต้องร่วมมือกัน และในกลุ่มสุดท้ายมองว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่การทุจริตคอรัปชั่นในประเทศจะลดน้อยลงได้
สะทอ้ นใหเ้ หน็ ถึงความแตกต่างกนั ในความเชื่อ ความคิด ของเยาวชนในช่วงชัน้
Youth Voice ช่วงชนั้ อุดมศึกษาปที ี่ 1 – 2 และช่วงช้ันอุดมศึกษาปีท่ี 3 – 4 บทสนทนาออกแบบเพื่อให้
เปน็ พืน้ ทเ่ี ปิดให้เยาวชนสะท้อนฐานคิดมุมมอง ปัญหาทจุ รติ คอรัปชัน่ หรอื ในบทสนทนาใช้คางา่ ย ๆ วา่ สถานการณ์
คนขี้โกงตอนนี้ของสังคมไทยเป็นอย่างไร ถ้าเราเจอแล้วจะทาอย่างไร และถ้าจะไม่ให้มีการขี้โกงในสังคมเราจะทา
ก - 34
อย่างไร จากการวิเคราะห์บทสนทนาพบว่า คาตอบของทั้งสองช่วงช้ันในระดับอุดมศึกษา เป็นไปในแนวทาง
เดียวกนั คือส่วนใหญม่ องว่าประเทศไทยมกี ารทุจรติ คอรัปชั่นอยู่มาก เห็นได้จาก ขา่ วหรือคดีจากส่ือ จากเศรษฐกิจ
ไทยในปจั จุบัน ผลงานที่เป็นอยู่ และจากประสบการณท์ ี่พบเห็นเอง วิธีแก้ไขส่วนใหญ่ยัง มองเรื่องการใช้กฎหมาย
เป็นหลัก การจัดการอย่างเด็ดขาด กับนักการเมืองและข้าราชการ จัดการกับคนโกง และการปลูกฝังจิตสานึกท่ีดี
เมื่อวิเคราะห์ถึงบทสนทนาท่ีจะต้องทาอย่างไรถ้าเยาวชนเจอกับการทุจริตคอรัปช่ัน เยาวชนท่ีตกเป็นกลุ่มตัวอย่าง
ส่วนใหญ่ แจ้งหน่วยงานท่ีรับผิดชอบ นาไปร้องเรียน ทาเท่าเราทาได้ และมีมุมมองอยู่มากพอสมควรเหมือนกันท่ี
มองวา่ ตอ้ งดกู ่อนวา่ มันจะนามาซ่งึ ความเดอื ดรอ้ นหรือไม่ หนอี อกมา หลกี เล่ียงหรอื อย่เู ฉย ๆ ไปเลยทาอะไรไม่ได้
5.6 ขอ้ เสนอแนะต่อสานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ
ผลการวิจัยประเมินผลพฤติกรรมเด็กและเยาวชนไทยที่ยึดมั่นความซ่ือสัตย์สุจริตชิ้นน้ี สานักงาน
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติสามารถใช้ในการวัดความสาเร็จตามเป้าหมายและตัวชี้วัด
ของแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นท่ี 21 การต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ (พ.ศ. 2561 -
2580) ซ่ึงผลการประเมินปี 2563 มีค่าร้อยละอยู่ท่ีระดับ 52.1 ซึ่งเป็นค่าร้อยละท่ีสูงกว่าค่าเป้าหมายอยู่ร้อยละ
6.1 ถือได้ว่าประสบความสาเร็จตามเป้าหมายและตัวชี้วัดที่กาหนด ผลการวิจัยช้ินน้ียังสามารถใช้ประกอบการ
ประเมินผลความสาเร็จการขับเคล่ือน หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา 2 หลักสูตร ทั้งในระดับนโยบายและระดับปฏิบัติ
โดยคณะผู้วจิ ัยมีขอ้ เสนอแนะต่อสานกั งานคณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ ดังต่อไปน้ี
5.6.1 จากผลการประเมินพฤติกรรมเด็กและเยาวชนไทยที่ยึดม่ันความซื่อสัตย์สุจริต เม่ือจาแนกตามช่วง
ช้ัน จะพบว่า ค่าผลร้อยละมีลักษณะเป็นตัววีในภาษาอังกฤษ (V-shape) กล่าวคือ ในช่วงชั้นปฐมวัย มีสัดส่วนของ
เด็กที่มีพฤติกรรมยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตสูง และมีแนวโน้มลดลง เม่ือเด็กเข้าสู่ช่วงชั้นท่ีสูงข้ึน โดยเฉพาะเม่ืออยู่
ในช่วงมัธยมศึกษาตอนต้นมีสัดส่วนต่าสุด และสัดส่วนน้ีค่อย ๆ เพิ่มสูงขึ้นเม่ือเข้าสู่ช่วงชั้นท่ีสูงขึ้นจนกระท่ังถึง
ระดับอุดมศึกษา ผลดังกล่าวแสดงให้เหน็ ว่า ในการปลูกฝังความซ่ือสัตย์สุจรติ สานักงานคณะกรรมการป้องกันและ
ปราบปรามการทุจริตแห่งชาติควรเน้นไปยังช่วงชั้นมัธยมศึกษา โดยเฉพาะมัธยมศึกษาตอนต้น ที่ต้องได้รับการ
ปลูกฝังและเสรมิ แรงอย่างมนี ยั สาคญั แตกตา่ งจากชว่ งช้ันอ่นื ๆ
ก - 35
5.6.2. จากการศึกษาในคร้ังนท้ี พ่ี บว่า ผลสัมฤทธิ์ในการใช้หลกั สูตรต้านทุจริตศึกษาที่มผี ลตอ่ ระดับความรู้
ความเข้าใจ เจตคติ และพฤติกรรมที่ยึดม่ันความซ่ือสัตย์สุจริตของเด็กและเยาวชนไทย ซ่ึงในการศึกษาวิจัยคร้ังนี้
เน่ืองด้วยข้อจากัดของข้อมูลระดับการนาหลักสูตรไปใช้ของสถานศึกษาท่ีมีหลากหลายถึง 6 รูปแบบและเพื่อ
สามารถสุ่มสถานศึกษาให้ได้อย่างท่ัวถึงสามารถนาผลการประเมิน ใช้ในการวัดความสาเร็จตามเป้าหมายและ
ตัวช้ีวัดของแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ การประเมินจึงมุ่งเน้นประเมินผลสัมฤทธ์ิในมิติศักยภาพในการนา
หลักสูตรไปใชข้ องสถานศึกษาเพียงมิติเดียว ดังน้ันเพื่อให้ทราบถึงผลสมั ฤทธ์ิในการใช้หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาที่มี
ผลต่อระดับความรู้ความเข้าใจ เจตคติ และพฤติกรรมท่ียึดม่ันความซ่ือสัตย์สุจริตของเด็กและเยาวชนไทยอย่าง
แท้จริง สานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ควรจัดการประเมินผลสัมฤทธ์ิในการใช้
หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาเฉพาะกับสถานศึกษาท่ีมีรูปแบบการนาหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้เต็มรูปแบบ
กล่าวคือ เปิดรายวิชาเพ่ิมเติม การป้องการทุจริต สาหรับหลักสูตรการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน และ เปิดเป็น 1 รายวิชา
จานวน 3 หน่วยกิต สาหรับหลักสตู รอุดมศึกษา รวมถงึ พิจารณาประเมินใหค้ รอบคลมุ ท้ัง 5 หลักสูตร
5.6.3. การที่ค่าเฉลี่ยร้อยละพฤติกรรมเด็กและเยาวชนไทยท่ียึดม่ันความซ่ือสัตย์สุจริ ต ของ
สถาบันการศึกษาสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน พัทยา และกรุงเทพมหานคร มีค่าน้อยกว่า สถาบันการศึกษาที่
สังกัดสานักงานการศึกษาข้ึนพื้นฐานในทุกองค์ประกอบ อาจจะมาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยด้าน
การจัดการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน มีลักษณะของการกระจายอานาจ แตกต่างจากการจัดการแบบ
รวมศูนย์อานาจ รวมถงึ ปจั จัยสภาพแวดล้อมอื่น ๆ อาทิ นเิ วศครอบครัว ภมู เิ ศรษฐกจิ ภมู ิสงั คม ของเดก็ และเยาวชน
ในสถานศึกษาองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ที่อาจจะมีเศรษฐฐานะที่ต่ากว่า ส่งผลต่อค่าร้อยละพฤติกรรมเด็กและ
เยาวชนไทยท่ียึดม่ันความซ่ือสัตย์ ดังนั้นในการขับเคล่ือนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา อาจจะต้องมีการดาเนินการที่
แตกต่างกันระหว่างสถาบันการศึกษาท่ีสังกัดสถานศึกษาสานักงานการศึกษาขึ้นพ้ืนฐาน กับสถาบันการศึกษาสังกัด
องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ท่ีต้องการโครงสร้างการประสานงานที่มีประสิทธิภาพสูง เนื่องด้วยโครงสร้างการจัด
การศึกษาของสถานศึกษาเหล่านนั้ อยู่ในรูปแบบการกระจายอานาจการสงั่ การ
5.6.4. จากการวเิ คราะห์ในรายละเอยี ดองคป์ ระกอบยอ่ ยหรือพฤตกิ รรมบ่งชี้ขององค์ประกอบพฤตกิ รรมที่
ยดึ มัน่ ความซ่อื สตั ยส์ ุจริต จะเห็นว่าพฤติกรรมบง่ ชี้ ระบบคิดฐานสอง พอประมาณ โปร่งใสตรวจสอบได้ จิตสานึก
ความเป็นเจ้าของประเทศ และจิตสาธารณะ มีแนวโน้มค่าคะแนนพฤติกรรมท่ียึดม่ันความซื่อสัตย์สุจริตของ
เด็กและเยาวชนลดลงชัดเจนอย่างต่อเนื่องเมื่อเด็กและเยาวชนอยู่ในช่วงวัยท่ีสูงข้ึน ดังน้ันในการปรับปรุงหลักสูตร
ต้านทุจรติ ศกึ ษา สานกั งานคณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจรติ แหง่ ชาติอาจจะต้องมกี ารปรับปรุงเนื้อหา
ทีม่ ุ่งเน้นการเสริมสร้างพฤตกิ รรมเหล่าน้ีให้เข้มข้นและตอ่ เน่ืองในทุกช่วงชัน้ และเช่นเดียวกันจากผลการวิจัยท่พี บว่า
พฤตกิ รรมมุง่ ประเมิน คอื ความรับผิดชอบต่อตนเอง มีคา่ ต่าในช่วงชั้นประถมศึกษาตอนปลาย มัธยมศกึ ษาตอนต้น
และมัธยมศึกษาตอนปลาย และพฤติกรรม ระเบียบวินัย ละอายต่อการทุจริต และการปฏิบัติตามกฎ กติกา
ข้อตกลง ที่พบคา่ คะแนนต่าในมธั ยมศึกษาตอนตน้ และมัธยมศึกษาตอนปลาย เนือ้ หาหลักสูตรตา้ นทุจรติ ศกึ ษาควร
ได้รับการปรับปรุงใหม้ ุ่งเป้าการสรา้ งเสรมิ ในชว่ งช้นั นน้ั ๆ ใหเ้ ขม้ ข้นดว้ ยเชน่ กนั
5.6.5. ผลจากการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพจากเคร่ืองมือฐานจาลองสถานการณ์สะท้อนพฤติกรรมเด็ก
และเยาวชนทย่ี ึดม่นั ความซื่อสัตย์สุจริต ตอกย้าความสาคัญของการเอาใจใส่สั่งสอนและการเป็นตัวอย่างทีด่ ีจากพ่อ-
แม่ ผู้ปกครองและครูท่ีใกล้ชิด ในช่วงช้ันปฐมวัยและประถมศึกษาตอนต้น กลุ่มเพ่ือนและสื่อเข้ามามีบทบาทมาก
ขึ้น นอกเหนือจากโรงเรียนในช่วงชั้นประถมศึกษาตอนปลายและมัธยมศึกษาตอนต้น และมุมมองความต้องการ
ก - 36
ความเสมอภาค สิทธ์ิเท่าเทียมกัน ของคนในสังคม ของเยาวชนในช่วงช้ันระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
และระดบั อุดมศึกษา จากผลดังกล่าวจะเห็นไดว้ ่า ในช่วงช้ันปฐมวยั ถึงประถมศึกษาตอนตน้ การปลูกฝังพฤติกรรม
ท่ีได้ผล ตอ้ งมาจากทั้งฝ่ังผู้ปกครองและครทู ่ีใกลช้ ิดท่ีตอ้ งหลอ่ หลอมแนวคิดพฤตกิ รรมให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน
หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาในช่วงช้ันเหล่าน้ี อาจจะต้องเน้นย้าการมีส่วนร่วมของพ่อ-แม่ ผู้ปกครองในการจัด
การศึกษา ในชว่ งช้นั ประถมศกึ ษาตอนปลายถงึ มธั ยมศกึ ษาตอนต้น นอกเหนือจากการเรียนในเนื้อหา การรวมกลุ่ม
กันของเด็กเยาวชนในกิจกรรมร่วมกับชุมชนควรได้รับการสนับสนุน รวมถึงการสนับสนุนสื่อที่ดี และควรมีเนื้อหา
การเรยี นรู้สอ่ื (Media Literacy) เพอ่ื สรา้ งการรบั รู้ การคดิ วิเคราะห์และแยกแยะ เน้อื หา จากส่อื ต่าง ๆ ได้ ในการ
เสริมสร้างความยึดม่ันความซื่อสัตย์สุจริตในช่วงชั้นเยาวชน (มัธยมปลายถึงอุดมศึกษา) เป็นโจทย์ที่ท้าทาย
เพราะในช่วงช้ันนี้การเรียนการสอนทางด้านสังคมในสถาบันการศึกษาจะไม่มีผลเท่ากับมุมมอง ความเชื่อม่ัน
ศรัทธา และเส้นเร่ืองของสังคม จากผลการวิจัยน่าจะสรุปได้ว่า ในความคิดของเยาวชนในปัจจุบัน ความเชื่อมั่น
ศรัทธาในความซ่อื สัตยส์ จุ ริตจะเกดิ ข้นึ ถ้าเส้นเรือ่ งของสงั คมไทย ให้ค่ากบั ความเสมอภาคและความเท่าเทยี มกนั
5.6.6. จากผลการประเมินจาแนกตามเพศและภูมภิ าค ที่พบว่า เดก็ และเยาวชนในชว่ งช้นั เดยี วกัน แต่มีค่า
คะแนนร้อยละพฤติกรรมท่ียึดมั่นความซ่ือสัตย์สุจริต แตกต่างกัน และจากผลการศึกษาสภาพแวดล้อมทางสังคม
ตา่ ง อาทิ ขนาดของโรงเรยี น ประเภททอ่ี ย่อู าศยั สถานครอบครัว ภาระของครอบครัว ความรกั ในครอบครวั ปจั จัย
คร/ู อาจารย์ ปัจจัยกลุ่มเพื่อน สังคมออนไลน์ พบว่า ปัจจัยเหลา่ นี้มีผลต่อพฤติกรรมที่ยดึ ม่นั ความซ่ือสัตย์สุจรติ ของ
เด็กและเยาวชนไทย ดังน้ัน ในการจัดการเรียนการสอนในหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา สานักงานคณะกรรมการ
ป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ อาจะต้องออกแบบกจิ กรรมใหเ้ หมาะสม ให้ความสาคัญกับความแตกต่าง
กับปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ อาจจะต้องเปิดโอกาสให้ สถานศึกษาหรือเขตพ้ืนที่การศึกษาและชุมชน
ไดม้ โี อกาสออกแบบเน้อื หาและกิจกรรมได้เอง เพ่ือสรา้ งความตระหนักและการม่ีส่วนรว่ มของการเป็นสว่ นหน่งึ ของ
สงั คม รว่ มสรา้ งวฒั นธรรมความซอ่ื สัตย์สจุ ริตใหช้ มุ ชนและสงั คม
ก - 37
รายงานการประเมนิ พฤตกิ รรมเดก็ และเยาวชนไทยทย่ี ึดมั่นความซอ่ื สัตยส์ จุ รติ หนา้
ก
สารบัญ ค
ก-1
คานา 1-1
กิตติกรรมประกาศ 1-1
บทสรปุ ผู้บรหิ าร 1-4
บทท่ี 1 บทนา 1-4
1-5
1. ข้อมลู โครงการ 1-5
2. วตั ถปุ ระสงค์โครงการ 2-1
3. ขอบเขตการดาเนินงาน 2-2
4. ประโยชน์ท่ีคาดว่าจะไดร้ ับ 2-5
5. นิยามศพั ท์เฉพาะ/รายละเอียดพฤตกิ รรม (Behavior Templete)
บทที่ 2 แนวคิดและทฤษฎที ใ่ี ชใ้ นการวิจัยประเมนิ ผล 2-7
1. ทฤษฎีการขัดเกลาทางสังคม (Socialization Theory)
2. ทฤษฎีการเรียนรขู้ องบลมู (Bloom’s Taxonomy) 2-8
3. ทฤษฎีพัฒนาการทางจริยธรรมของโคลเบอร์ก 2-10
2-18
(Kohlberg’s Moral Development) 2-23
4. แนวคดิ แรงผลักดันพ้ืนฐานของความซ่ือสตั ย์สุจริต 3-1
3-1
(The Foundational Drives of Integrity) 3-1
5. ความหมายและองค์ประกอบของความซ่ือสัตยส์ ุจริต (Integrity) 3-7
6. งานวจิ ัยท่ีเก่ียวข้อง
7. กรอบแนวคิดในการวจิ ยั 3-14
บทท่ี 3 ระเบียบวธิ ีวิจัย 3-36
1. ประชากรและตวั อย่าง 3-62
2. วิธีการสุม่ ตัวอย่าง 3-71
3. เคร่อื งมอื ท่ใี ชใ้ นการเก็บรวบรวมขอ้ มูล 3-72
4. กระบวนการสร้างและตรวจสอบคุณภาพเคร่ืองมือประเมนิ พฤติกรรม 4-1
4-1
เด็กและเยาวชนไทยทยี่ ดึ มั่นความซ่ือสตั ย์สุจรติ
5. การออกแบบระบบการประเมิน TYintegrity 4-22
6. เกณฑก์ ารวัดผล การให้คะแนน การแปลความหมาย
7. การวิเคราะหข์ ้อมลู
8. การตรวจสอบความตรงของผลการวิจยั โดยผเู้ ชีย่ วชาญ (Expert Validation)
บทท่ี 4 ผลการประเมนิ พฤตกิ รรมเดก็ และเยาวชนไทยที่ยึดมัน่ ความซ่ือสัตย์สจุ ริต
1. ผลการประเมินพฤติกรรมเด็กและเยาวชนไทยท่ียดึ ม่นั ความซ่ือสัตย์สุจรติ
2. ผลการประเมนิ พฤติกรรมเด็กและเยาวชนไทยทย่ี ดึ ม่นั ความซือ่ สตั ยส์ ุจรติ
จาแนกตามองค์ประกอบ และจาแนกตามช่วงวยั
รายงานการประเมินพฤติกรรมเดก็ และเยาวชนไทยท่ียดึ ม่ันความซอ่ื สัตยส์ จุ รติ
สารบัญ (ต่อ) หน้า
บทที่ 4 ผลการประเมนิ พฤติกรรมเดก็ และเยาวชนไทยท่ยี ึดมน่ั ความซอื่ สตั ยส์ ุจรติ (ตอ่ ) 4-48
3. รอ้ ยละของเด็กและเยาวชนที่มพี ฤติกรรมยึดมน่ั ความซ่ือสัตยส์ ุจริต
จาแนกตามการนาหลักสตู รตา้ นทุจรติ ศกึ ษาไปใช้ 4-50
4. ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งระดับผลสมั ฤทธ์ใิ นการนาหลักสตู รต้านทุจริตศกึ ษาไปใช้กบั
ร้อยละของเด็กและเยาวชนท่มี พี ฤติกรรมยดึ มัน่ ความซื่อสตั ย์สจุ รติ 4-53
5. รอ้ ยละของเด็กและเยาวชนท่ีมพี ฤตกิ รรมยดึ มั่นความซื่อสตั ย์สุจริต จาแนกตาม
โครงการตา้ นทุจริตอืน่ ๆ ทีด่ าเนนิ การในสถานศึกษานอกเหนือจากหลักสูตร 4-54
ต้านทจุ ริตศกึ ษา
6. การวิเคราะหร์ ้อยละของเด็กและเยาวชนที่มีพฤตกิ รรมยดึ ม่นั ความซ่ือสตั ยส์ จุ รติ 4-56
จาแนกตามตวั แปรสาคัญ โดยการวิเคราะห์การจาแนกพหุ 5-1
(Multiple Classification Analysis หรอื MCA) 5-1
7. ข้อมลู ทั่วไปร้อยละของผ้ตู อบแบบประเมินพฤติกรรมเด็กและเยาวชนทย่ี ดึ มน่ั 5-2
ความซื่อสัตย์สุจริต 5-16
5-22
บทท่ี 5 สรุป อภปิ รายผล และข้อเสนอแนะ 5-22
1. สรุป 6-1
2. สรุปผลการศึกษา 7-1
3. อภปิ รายผล
4. ขอ้ จากดั ในการวจิ ัย
3. ข้อเสนอแนะ
เอกสารอา้ งอิง
ภาคผนวก: เครอ่ื งมือประเมินผลพฤติกรรมเด็กและเยาวชนไทยท่ยี ดื มั่นความซื่อสตั ย์สจุ ริต
รายงานการประเมินพฤตกิ รรมเดก็ และเยาวชนไทยท่ียดึ มั่นความซอ่ื สัตยส์ จุ รติ
สารบญั ตาราง
ตารางท่ี 2-1 สรุปองคป์ ระกอบความซ่อื สัตยส์ จุ รติ (Integrity) จากการทบทวนวรรณกรรม หน้า
ในตา่ งประเทศ
2-13
ตารางท่ี 2-2 สรปุ องคป์ ระกอบความซอ่ื สัตย์สุจรติ (Integrity) จากการทบทวนวรรณกรรม
ในประเทศ 2-14
2-16
ตารางที่ 2-3 องคป์ ระกอบของความซ่ือสัตย์สจุ ริต 2-22
ตารางท่ี 2-4 องคป์ ระกอบของ Integrity
ตารางที่ 3-1 ขนาดตวั อย่างในการประเมินผลพฤติกรรมเด็กและเยาวชนไทยที่ยึดมัน่ ความ 3-5
ซ่ือสัตยส์ จุ รติ 3-7
ตารางที่ 3-2 ชุดเครื่องมือสาหรับประเมนิ พฤตกิ รรมทยี่ ดึ มั่นความซื่อสัตย์สจุ รติ ของ 3-18
เด็กและเยาวชนไทย 3-21
ตารางท่ี 3-3 กล่มุ พฤติกรรมย่อยภายใต้แต่ละองค์ประกอบ
ตารางท่ี 3-4 กลมุ่ พฤติกรรมย่อยภายใต้แต่ละองค์ประกอบแยกตามระดับชั้น 3-26
3-28
และแหลง่ การประเมิน 3-29
ตารางท่ี 3-5 ชดุ เคร่ืองมือสาหรบั ประเมนิ พฤติกรรมทยี่ ดึ มน่ั ความซ่อื สัตย์สจุ รติ ของ 3-32
เดก็ และเยาวชนไทย 3-33
ตารางที่ 3-6 รายช่ือผู้เชีย่ วชาญตรวจสสอบความตรงเชงิ เนือ้ หาของชุดเครื่องมือ
ตารางท่ี 3-7 สถานศกึ ษากลมุ่ เปา้ หมาย 3-35
ตารางที่ 3-8 พน้ื ทท่ี ดลองใชเ้ คร่ืองมือฉบับ paper pencil
ตารางท่ี 3-9 ดชั นีความตรงเชงิ เนือ้ หาทง้ั ฉบบั (Content Validity Index for Scale: S-CVI) 3-66
ของเคร่อื งมือแตล่ ะชดุ 3-67
ตารางท่ี 3-10 คา่ สัมประสิทธ์คิ วามเที่ยงของแบบประเมินตนเองแยกตามลกั ษณะของวธิ ีการวัด
3-68
ของการประเมินตนเองนักเรยี น (self-rating)
ตารางที่ 3-11 การตรวจสอบพฤติกรรมการตอบตามความปรารถนาของสงั คมของนกั เรียน 4-4
ประถมศกึ ษา ตอนปลายและมัธยมศึกษาตอนตน้ 4-5
ตารางที่ 3-12 การตรวจสอบพฤตกิ รรมการตอบตามความปรารถนาของสงั คมของนักเรยี น
มธั ยมศึกษาตอนปลายและมหาวทิ ยาลยั
ตารางท่ี 3-13 โครงสรา้ งการใหค้ ะแนนในแต่ละองคป์ ระกอบทมี่ ่งุ วดั ในรูปคะแนนดบิ
(raw score)
ตารางท่ี 4-1 รายช่ือจังหวัดตามภาคของสานักงาน ป.ป.ช. ท่ีมีสัดสว่ นเดก็ และเยาวชนไทย
ทีม่ พี ฤติกรรมยึดม่ันความซอ่ื สัตยส์ ุจริตสูงสุดและตา่ สดุ
ตารางท่ี 4-2 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยทม่ี ีพฤติกรรมยึดมั่นความซ่ือสัตย์สุจรติ
จาแนกตามจังหวัดในสานกั งาน ป.ป.ช. ภาค
รายงานการประเมินพฤติกรรมเดก็ และเยาวชนไทยท่ยี ึดม่ันความซอ่ื สัตยส์ ุจรติ
สารบัญตาราง (ตอ่ )
ตารางที่ 4-3 รายชอ่ื เขตพื้นทีก่ ารศึกษาที่มีสัดสว่ นของเด็กและเยาวชนที่มีพฤติกรรมยึดมนั่ หนา้
ความซอื่ สัตย์สุจริตสูงสดุ และตา่ สดุ 4-7
4-8
ตารางที่ 4-4 รอ้ ยละของเด็กและเยาวชนท่ีมพี ฤติกรรมยดึ ม่ันความซื่อสตั ย์สจุ รติ
จาแนกตามขนาดสถานศกึ ษา สังกดั สพฐ. ทเี่ ด็กและเยาวชนศึกษาอยู่ 4-16
ตารางที่ 4-5 รอ้ ยละของผ้ตู อบแบบประเมินพฤติกรรมเดก็ และเยาวชนที่ยึดมั่นความซ่ือสตั ย์ 4-16
สุจริต จาแนกตามสังกดั และตามลักษณะขอ้ มูลปจั จยั นิเวศท่ีสง่ ผลต่อพฤติกรรม
ในระดบั ชั้นปฐมวยั 4-16
4-19
ตารางท่ี 4-6 ร้อยละของผตู้ อบแบบประเมินพฤติกรรมเด็กและเยาวชนท่ียดึ มัน่ ความซ่ือสตั ย์ 4-23
สจุ ริต จาแนกตามสงั กดั และตามลกั ษณะข้อมูลปจั จยั นิเวศท่ีสง่ ผลตอ่ พฤตกิ รรม 4-27
ในระดบั ช้นั ประถมศึกษาตอนตน้ 4-29
4-31
ตารางท่ี 4-7 ร้อยละของผู้ตอบแบบประเมินพฤติกรรมเดก็ และเยาวชนท่ียึดมัน่ ความซื่อสัตย์ 4-33
สุจริต จาแนกตามสงั กดั และตามลักษณะข้อมูลปัจจัยนิเวศที่ส่งผลต่อพฤตกิ รรม
ในระดบั ชั้นประถมศึกษาตอนปลายจนถงึ ระดบั ชัน้ อุดมศึกษาปีท่ี 3-4 4-48
ตารางท่ี 4-8 ร้อยละของเด็กและเยาวชนในแตล่ ะชว่ งช้ันทม่ี ีพฤตกิ รรมยึดมนั่ ความซื่อสัตย์ 4-50
สจุ รติ จาแนกตามลักษณะข้อมลู ทัว่ ไปของเด็กและเยาวชน และผปู้ กครอง 4-51
ตารางที่ 4-9 ค่าคะแนนพฤติกรรมท่ียึดมัน่ ความซื่อสัตย์สจุ ริตของเดก็ และเยาวชน
จาแนกตาม 4 องค์ประกอบพฤติกรรมทยี่ ดึ มนั่ ความซื่อสัตยส์ จุ ริต
ตารางที่ 4-10 การแสดงค่าคะแนนองค์ประกอบท่ี 1 การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์
สว่ นตนกบั ผลประโยชน์สว่ นรวม จาแนกตามแต่ละช่วงวัย
ตารางท่ี 4-11 การแสดงคา่ คะแนนองค์ประกอบท่ี 2 ความละอายและความไม่ทนตอ่ การทจุ ริต
จาแนกตามแต่ละชว่ งวัย
ตารางที่ 4-12 การแสดงค่าคะแนนองคป์ ระกอบที่ 3 STRONG : จติ พอเพยี งตา้ นทจุ รติ
จาแนกตามแตล่ ะชว่ งวยั
ตารางท่ี 4-13 การแสดงค่าคะแนนองคป์ ระกอบท่ี 4 พลเมืองกับความรับผดิ ชอบตอ่ สงั คม
จาแนกตามแตล่ ะชว่ งวยั
ตารางที่ 4-14 รอ้ ยละของเด็กและเยาวชนไทยท่ีมีพฤติกรรมยดึ ม่ันความซือ่ สัตย์สจุ รติ
จาแนกตามรูปแบบการนาหลักสูตรการศึกษาขัน้ พื้นฐาน
(รายวชิ าเพมิ่ เติม การปอ้ งกันการทุจริต) ไปใช้
ตารางท่ี 4-15 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยท่ีมีพฤติกรรมยึดมั่นความซ่ือสัตยส์ จุ ริต
จาแนกตามรูปแบบการนาหลักสตู รต้านทจุ รติ ศึกษา หลกั สูตรอุดมศึกษา
(วยั ใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ไปใช้
ตารางท่ี 4-16 รอ้ ยละของเด็กและเยาวชนไทยทม่ี ีพฤติกรรมยึดม่ันความซือ่ สตั ยส์ จุ ริตจาแนก
ตามระดบั คะแนนผลสมั ฤทธ์ิในการใช้หลักสตู รตา้ นทุจริตศึกษาในภาพรวม
รายงานการประเมินพฤตกิ รรมเดก็ และเยาวชนไทยที่ยดึ ม่นั ความซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ
สารบัญตาราง (ตอ่ )
ตารางท่ี 4-17 รอ้ ยละของเด็กและเยาวชนไทยทีม่ ีพฤติกรรมยดึ มน่ั ความซือ่ สัตย์สุจรติ หนา้
จาแนกตามระดับคะแนนผลสัมฤทธ์ิในการใช้หลักสูตรต้านทจุ รติ ศกึ ษา
หลักสตู รการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน (รายวชิ าเพ่มิ เตมิ การป้องกนั การทจุ รติ ) 4-51
ตารางที่ 4-18 รอ้ ยละของเด็กและเยาวชนไทยทม่ี ีพฤติกรรมยดึ มนั่ ความซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ 4-53
จาแนกตามระดบั คะแนนผลสัมฤทธ์ใิ นการใชห้ ลักสตู รต้านทุจรติ ศึกษา
หลักสูตรอุดมศกึ ษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) 4-54
4-55
ตารางที่ 4-19 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยทีม่ ีพฤติกรรมยดึ มัน่ ความซอื่ สตั ยส์ ุจรติ 4-56
จาแนกตามโครงการตา้ นทุจริตอน่ื ๆ ที่ดาเนนิ การในสถานศึกษานอกเหนือจาก 5-10
หลกั สูตรตา้ นทุจริตศึกษา
ตารางท่ี 4-20 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยทม่ี ีพฤติกรรมยดึ มั่นความซือ่ สัตยส์ จุ รติ
จาแนกตามตัวแปรสาคัญโดยการวิเคราะห์การจาแนกพหุ
ตารางท่ี 4-21 ข้อมูลทั่วไปรอ้ ยละของผตู้ อบแบบประเมนิ พฤติกรรมเด็กและเยาวชนทย่ี ึดมน่ั
ความซ่อื สัตยส์ ุจริต จาแนกตามสังกดั และชว่ งชน้ั
ตารางท่ี 5-1 แนวโน้มพฤติกรรมทย่ี ดึ มนั่ ความซอื่ สัตย์สจุ รติ จาแนกตามองค์ประกอบย่อย
หรอื พฤติกรรมมุ่งประเมนิ ขององคป์ ระกอบพฤติกรรมที่ยึดม่ันความซอ่ื สัตย์สจุ ริต
รายงานการประเมนิ พฤติกรรมเดก็ และเยาวชนไทยที่ยึดมน่ั ความซอื่ สตั ยส์ จุ รติ
สารบญั ภาพ
แผนภาพท่ี 2-1 แนวคดิ และทฤษฎที ี่เกย่ี วข้องท่ีใช้ในการวิจยั หนา้
แผนภาพที่ 2-2 แรงผลกั ดนั พ้นื ฐานของความซือ่ สตั ย์สุจรติ 2-2
(The Foundational Drives of Integrity)
แผนภาพท่ี 2-3 องค์ประกอบพฤติกรรมท่ียึดม่ันความซือ่ สัตย์สุจริตในงานวิจัย 2-9
แผนภาพท่ี 2-4 กรอบแนวคิดในการวิจยั 2-17
แผนภาพที่ 3-1 การพฒั นาเครื่องมอื ประเมนิ พฤติกรรมท่ยี ึดมั่นความซื่อสัตยส์ จุ รติ ของ 2-23
เดก็ และเยาวชนไทย
แผนภาพท่ี 3-2 โมเดลการวัดพฤติกรรมของเด็กและเยาวชนไทยทยี่ ึดม่ันความซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ 3-14
แผนภาพที่ 4-1 รอ้ ยละของเด็กและเยาวชนไทยทีม่ ีพฤติกรรมยึดม่นั ความซอ่ื สตั ย์สจุ ริต 3-17
เทยี บกับค่าเปา้ หมาย
แผนภาพที่ 4-2 รอ้ ยละของเด็กและเยาวชนไทยที่ยดึ มน่ั ความซื่อสัตย์สจุ ริตในภาพรวม 4-2
ของประเทศทกุ ช่วงชั้น
แผนภาพที่ 4-3 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยทม่ี ีพฤติกรรมยดึ ม่นั ความซือ่ สตั ยส์ ุจริต 4-2
จาแนกตามเพศ
แผนภาพท่ี 4-4 รอ้ ยละของเด็กและเยาวชนไทยทม่ี ีพฤติกรรมยึดมัน่ ความซอื่ สัตย์สุจริต 4-3
จาแนกตามภูมิภาค
แผนภาพท่ี 4-5 รอ้ ยละของเด็กและเยาวชนไทยทม่ี ีพฤติกรรมยึดมั่นความซอื่ สตั ยส์ จุ รติ 4-3
จาแนกตามภาคของสานักงาน ป.ป.ช.
แผนภาพที่ 4-6 รอ้ ยละของเด็กและเยาวชนไทยทม่ี ีพฤติกรรมยดึ มนั่ ความซอื่ สตั ยส์ จุ ริต 4-4
จาแนกตามสังกดั ของสถานศึกษา
แผนภาพท่ี 4-7 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยทีม่ ีพฤติกรรมยดึ ม่นั ความซ่อื สัตยส์ ุจริต 4-7
จาแนกตามขนาดของสถานศึกษาสงั กัด สพฐ. ทเี่ ด็กและเยาวชนศกึ ษาอยู่
แผนภาพท่ี 4-8 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยท่ีมีพฤติกรรมยึดม่ันความซอื่ สตั ย์สุจริต 4-8
จาแนกตามประเภทท่ีอยู่อาศัย
แผนภาพท่ี 4-9 รอ้ ยละของเด็กและเยาวชนไทยทมี่ ีพฤติกรรมยดึ มั่นความซอ่ื สัตยส์ จุ รติ 4-9
จาแนกตามสถานะการเงินของครอบครัว
แผนภาพที่ 4-10 รอ้ ยละของเด็กและเยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมยึดมนั่ ความซื่อสัตยส์ ุจรติ 4-9
จาแนกตามลักษณะครอบครัวหรือประเภทครอบครัว
แผนภาพท่ี 4-11 รอ้ ยละของเด็กและเยาวชนไทยทีม่ ีพฤติกรรมยดึ มนั่ ความซอ่ื สตั ย์สุจริต 4-10
จาแนกตามภาระของครอบครวั (เดก็ เล็ก ผพู้ ิการ ผู้สงู อายุ และผปู้ ่วยเรอ้ื รัง)
แผนภาพที่ 4-12 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมยึดม่นั ความซื่อสัตยส์ จุ ริต 4-10
จาแนกตามความสามารถในการพง่ึ พาตนเองได้ของครอบครัว
4-11
รายงานการประเมนิ พฤตกิ รรมเดก็ และเยาวชนไทยที่ยดึ มั่นความซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ
สารบญั ภาพ (ต่อ)
แผนภาพที่ 4-13 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยทมี่ ีพฤติกรรมยดึ มนั่ ความซ่ือสัตย์สุจรติ หนา้
แผนภาพที่ 4-14 จาแนกตามทุนทางสงั คมของครอบครัวของครอบครวั 4-12
แผนภาพที่ 4-15 รอ้ ยละของเด็กและเยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมยึดมั่นความซือ่ สตั ย์สุจริต 4-13
แผนภาพท่ี 4-16 จาแนกตามความรักในครอบครวั 4-14
แผนภาพที่ 4-17 รอ้ ยละของเด็กและเยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมยึดมั่นความซ่ือสัตย์สจุ รติ 4-15
แผนภาพที่ 4-18 จาแนกตามปจั จยั นิเวศวิทยาครแู ละกลุ่มเพ่ือน 4-22
รอ้ ยละของเด็กและเยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมยึดมน่ั ความซ่อื สตั ย์สจุ รติ
แผนภาพท่ี 4-19 จาแนกตามปจั จยั นเิ วศวิทยาด้านสงั คม ชมุ ชน 4-23
คา่ คะแนนพฤตกิ รรมท่ยี ดึ มน่ั ความซ่ือสตั ยส์ จุ ริตของเดก็ และเยาวชน
แผนภาพท่ี 4-20 จาแนกตาม 4 องคป์ ระกอบพฤติกรรมทย่ี ดึ มั่นความซ่ือสตั ย์สจุ รติ 4-24
ค่าคะแนนพฤติกรรมท่ยี ึดมัน่ ความซื่อสตั ย์สุจรติ ของเดก็ และเยาวชน
แผนภาพที่ 4-21 จาแนกตาม 4 องค์ประกอบพฤติกรรมที่ยึดมัน่ ความซื่อสตั ยส์ จุ รติ 4-24
ตามช่วงชั้นปฐมวยั
แผนภาพที่ 4-22 ค่าคะแนนพฤตกิ รรมทยี่ ดึ มน่ั ความซื่อสัตย์สุจรติ ของเดก็ และเยาวชน 4-25
จาแนกตาม 4 องคป์ ระกอบพฤติกรรมทีย่ ึดม่ันความซ่ือสตั ย์สจุ ริต
แผนภาพท่ี 4-23 ตามชว่ งชั้นประถมศกึ ษาตอนต้น 4-25
คา่ คะแนนพฤติกรรมที่ยึดม่นั ความซอื่ สัตยส์ จุ ริตของเดก็ และเยาวชน
แผนภาพที่ 4-24 จาแนกตาม 4 องคป์ ระกอบพฤติกรรมท่ียดึ มั่นความซื่อสตั ย์สจุ รติ 4-26
ตามชว่ งชน้ั ประถมศกึ ษาตอนปลาย
แผนภาพที่ 4-25 คา่ คะแนนพฤตกิ รรมทยี่ ดึ ม่ันความซื่อสัตยส์ จุ ริตของเด็กและเยาวชน 4-26
จาแนกตาม 4 องค์ประกอบพฤติกรรมที่ยดึ มั่นความซื่อสัตยส์ ุจรติ 4-28
ตามช่วงชัน้ มธั ยมศกึ ษาตอนต้น
คา่ คะแนนพฤตกิ รรมทีย่ ึดม่นั ความซื่อสัตยส์ ุจริตของเด็กและเยาวชน
จาแนกตาม 4 องค์ประกอบพฤติกรรมท่ียึดมน่ั ความซ่ือสตั ยส์ ุจรติ
ตามช่วงช้นั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย
คา่ คะแนนพฤตกิ รรมทย่ี ดึ ม่ันความซื่อสัตยส์ จุ ริตของเดก็ และเยาวชน
จาแนกตาม 4 องคป์ ระกอบพฤติกรรมทย่ี ดึ ม่นั ความซ่ือสตั ย์สจุ รติ
ตามระดบั อุดมศกึ ษาปีที่ 1-2
ค่าคะแนนพฤตกิ รรมที่ยดึ มน่ั ความซื่อสัตย์สุจรติ ของเดก็ และเยาวชน
จาแนกตาม 4 องค์ประกอบพฤติกรรมที่ยดึ มัน่ ความซื่อสัตยส์ จุ ริต
ตามระดบั อดุ มศึกษาปที ี่ 3-4
พฤติกรรมยอ่ ยในองค์ประกอบท่ี 1 การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์
สว่ นตนกบั ผลประโยชน์ส่วนรวม จาแนกตามแตล่ ะช่วงวยั