The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ประวัติท่านอาจารย์ตื้อ อจลธัมโม

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ืทีมงานกรุธรรม, 2022-03-06 19:27:08

ประวัติท่านอาจารย์ตื้อ อจลธัมโม

ประวัติท่านอาจารย์ตื้อ อจลธัมโม

Keywords: ประวัติท่านอาจารย์ตื้อ อจลธัมโม

381

ดังเหตกุ ารณต์ ่างๆ ทป่ี รากฏในประวตั ิของหลวงปูจ่ นกลายเป็นทองเนอ้ื เดียวกนั สำ� หรบั หลวงปตู่ ้อื
ก็เชน่ เดียวกัน
คราวหนึ่งขณะท่ีหลวงปู่ได้จาริกอยู่ในแถบเชียงใหม่ ท่านได้พบหลวงปู่ต้ือ อจลธมฺโม
ครั้งนัน้ หลวงปเู่ ทีย่ วธดุ งค์ไปเพยี งรูปเดียว โดยหลวงปู่เล่าว่า
“พระอาจารย์ต้อื ทา่ นพกั อยูส่ ำ� นักสงฆแ์ หง่ หนงึ่ (ตอ่ มาคอื วัดปา่ ดาราภริ มย)์ ท่านเป็น
ผู้มีวาระจิตไวมาก ขณะน้ันพระอาจารย์ต้ือท่านก�ำลังอาพาธ อาตมาจึงเดินทางไปเย่ียมไข้ท่าน
ขณะไปถึงท่านนอนคลุมผ้าอยู่ ท่านจึงลุกขึ้นมาน่ัง และได้สนทนากันกับอาตมา จนกระทั่งค่�ำ
ก็ยังได้นอนคุยกันกับท่าน พอยาม ๓ ก็นอนหันหลังให้กันแต่ก็ยังคุยกันอยู่ พระอาจารย์ต้ือ
ไดพ้ ดู ขนึ้ ว่า “ท่านเหรยี ญคอยดูนะ พรงุ่ นเ้ี ชา้ จะมีหมาขาวกับหมาดำ� กดั กัน”
อาตมาก็พดู ขนึ้ วา่ “เออ พรงุ่ นเ้ี ช้า ผมจะคอยดู”
จากนน้ั จงึ ไดพ้ กั ผอ่ น พอเช้าขึ้นมา หลักจากบณิ ฑบาตและฉนั จังหนั เสร็จ อาตมาก็สงั เกตดู
ไม่เห็นมหี มาขาว หมาดำ� กดั กันเลย
พระอาจารยต์ ือ้ กพ็ ดู ว่า “พทุ โธ่ นน่ั ไงละ่ แมข่ าวกบั แม่ด�ำ (แมช่ กี บั ฆราวาส) ทะเลาะกัน
เพราะแย่งขา้ วทเี่ หลือจากพระนนั่ ไง”
อาตมาจึงเข้าใจความหมายของหมาขาว กับ หมาดำ� ตามทท่ี า่ นพดู ถงึ และเกิดความรสู้ ึก
อศั จรรย์ใจในคุณวเิ ศษของทา่ น ขนาดนง่ั คยุ กนั ทง้ั คืนยงั ไม่ฟ้งุ ซา่ น ทา่ นยังก�ำหนดจติ รไู้ ด้
พระอาจารย์ตื้อนั้น ท่านเป็นผู้ท่ีมีจิตไวมาก ญาณของท่านแก่กล้าหนักหนา มีอุปนิสัย
โผงผาง พูดจาตรงไปตรงมา บางครง้ั ท่านสามารถรอู้ ะไรกต็ าม ดว้ ยขา่ ยญาณของท่าน ทา่ นจะ
พดู ข้นึ มาทนั ที ซึ่งก็ทำ� ใหห้ ลายต่อหลายคนถึงขน้ั ตกอกตกใจเลยทีเดยี ว เพราะพระอาจารย์ตือ้
ทา่ นร้คู วามคิดตน รกู้ ารกระท�ำของตน วีรกรรมพระอาจารยต์ ้อื น้ันมมี ากมายนัก สำ� หรบั อาตมานน้ั
พระอาจารยต์ อื้ ทา่ นเมตตามาก ชว่ งบน้ั ปลายชวี ติ ของทา่ น ขณะทที่ า่ นอาพาธหนกั ทา่ นถามถงึ อาตมา
กับลูกศิษย์อยู่ตลอด
“ท่านเหรยี ญอยูไ่ หน ไปตามท่านเหรยี ญมา บอกวา่ เราอยากพบ”
ขณะนั้นอาตมามีภารกิจมาก ก�ำลังพัฒนาวัดอรัญญบรรพต จึงไม่ได้ไป จนกระท่ัง
ทา่ นมรณภาพลงทีว่ ัดอรัญญวเิ วก ตำ� บลบ้านข่า อ�ำเภอศรสี งคราม จงั หวดั นครพนม อาตมาจงึ
ไดไ้ ปร่วมงานฌาปนกจิ ศพทา่ น”

382

ด้วยหลวงปู่ท่านระลึกถงึ ความเมตตาของหลวงปู่ตื้อ เม่อื ทำ� การฌาปนกจิ ศพของหลวงปู่ต้อื
เสรจ็ ส้นิ ลงแล้ว หลวงปูม่ ีโอกาสไดร้ ับแจกอฐั ิของหลวงปตู่ อ้ื มาด้วย ท่านจงึ นำ� อัฐิของหลวงปตู่ ื้อ
พกติดยา่ มตลอดเวลา เพอื่ เปน็ การระลึกถงึ ความเมตตาของทา่ น แม้ครง้ั สุดทา้ ยแหง่ ชวี ติ ทา่ นก็ยัง
ถามหาหลวงปูเ่ รือ่ ยมา
เม่ือมีคนเห็นอัฐิหลวงปู่ตื้อในย่ามของหลวงปู่ และถามท่านว่า “อัฐิใคร” ท่านก็บอกว่า
“ของครบู าอาจารย”์ ใครเอ่ยปากขอกบั ท่าน ท่านก็วางเฉย มไิ ดต้ อบรับ มไิ ดป้ ฏเิ สธ ซึง่ เข้าใจวา่
อัฐิของหลวงปูต่ ้อื ส่วนนีถ้ กู บรรจุไว้ในพระสธุ รรมเจดยี ์เปน็ ทเ่ี รยี บรอ้ ยแล้ว

หลวงปู่สิม เล่าเรื่องฌานของหลวงปู่ตื้อ

ในวงกรรมฐานทราบกันเปน็ อย่างดวี ่า หลวงปู่ตอื้ อจลธมโฺ ม ท่านเป็นพระอรหันต์ผ้มู ฤี ทธ์ิ
ในยุคปจั จุบนั นอกจากนห้ี ลวงปู่ตื้อ ทา่ นยังได้เปดิ เผยวา่ ชว่ งท่ี หลวงปมู่ ่ัน ภูริทตโฺ ต บำ� เพญ็ เพียร
อยู่ท่ถี �้ำเชยี งดาว ทา่ นได้เขา้ ฌานเหาะไปบณิ ฑบาตในตวั เมอื งเชียงใหมอ่ ย่บู ่อยๆ อย่างนา่ อัศจรรย์
เร่อื ง ฌาน นี้ หลวงปู่สมิ พทุ ฺธาจาโร มเี กรด็ เก่ยี วกับหลวงปตู่ ้ือเลา่ ให้ฟังว่า หลวงปตู่ ้อื
ทา่ นเคยเขา้ ฌานไปดูศพพระมหากัสสปเถระ ซึง่ ตามต�ำนานมวี ่า ยังคงเก็บรกั ษาไวแ้ ถบภเู ขาหิมาลัย
คอื ...ก่อนท่จี ะเข้าสนู่ ิพพาน พระมหากัสสปเถระทา่ นได้อธษิ ฐานให้ภูเขาปิดล้อมศพเอาไว้สามดา้ น
รอเวลาพระศรีอารย์มาตรสั รู้ แล้วจะไดเ้ ผาศพของท่านบนฝา่ มือของพระศรีอารย์ เนอ่ื งจากทา่ นมี
บพุ กรรมต่อกัน
เมื่อหลวงปู่ตื้อเข้าฌานไปดูถึงประเทศเนปาลโน้น ต้องไปถึงสองคร้ัง เพราะไปคร้ังแรก
ประตไู มเ่ ปิด หลวงป่ตู ้อื เลา่ วา่ “ในห้องหรอื ภูเขาที่เก็บศพนั้น มีแสงสวา่ งเรืองรอง แต่ไมย่ กั จะ
มดี วงไฟสักดวง” เลา่ มาถงึ ตรงนี้ หลวงปู่กพ็ ดู กับลูกศษิ ย์ด้วยน้�ำเสียงสงบเย็นว่า “ใครอยากพสิ จู น์
ใหเ้ ห็นจริง ก็ใหเ้ ร่งภาวนาเอาให้ถึงให้ได ้ ภาวนาเอง เห็นเอง ฟงั คนอืน่ เลา่ มันกไ็ มส่ ิน้ สงสยั ”

หลวงปู่จาม มหาปุญฺโ เล่าเร่ืองหลวงปู่ต้ือ
• หลวงปู่จามพบหลวงปู่ตื้อคร้ังแรก

ไปเห็นท่านอาจารย์ตื้อ อจลธมฺโม ทีแรก เรา (หลวงปู่จาม) ก็นึกในใจว่า เขาว่า
ทา่ นอาจารยต์ อ้ื ดุ พดู เสยี งดงั ดดุ า่ เกง่ ใครทำ� อะไรไมถ่ กู ใจกว็ า่ ใหท้ นั ที เราไปเหน็ แลว้ กร็ สู้ กึ เฉยๆ
แตเ่ หมือนกบั อยูค่ นุ้ เคยกนั มานาน เพ่ิน (ทา่ น) ว่าอย่างไร กริ ิยาอยา่ งไร ทำ� อะไร เรากเ็ ข้าใจ

383

ในกิริยาของเพน่ิ อยู่ บางทีเพน่ิ ก็วา่
“บ่าเฮย้ บ่างา่ ว (โง่) แทต้ ุห๊ นมุ่ ตนนี”้
“ง่าวอยา่ งใดท่านอาจารย์”
“งา่ วกบั ฮีอ๋ สี าวนน่ั แหละ” เพนิ่ พดู แล้วก็หวั เราะเสียงดังพอปานเสียงเสือฮ้อง (รอ้ ง)
ท่านอาจารย์ตื้อ มักจะถามเร่ืองราวของเพิ่นครูอาจารย์ม่ัน (ภูริทตฺโต) สมัยท่ีมาอยู่
บ้านหว้ ยทราย สมยั ท่ผี ู้ข้าฯ เปน็ สามเณร เรากเ็ ลา่ ใหเ้ พนิ่ ฟังเรื่องราวของเพน่ิ ครูอาจารยเ์ สาร์
(กนตฺ สโี ล) เพิ่นครอู าจารยม์ นั่ น้ ี เลา่ ใหเ้ พนิ่ ฟังยามใด๋ (ยามใด) เพ่ินนงั่ สงบต้งั ใจฟงั เป็นอยา่ งดี
ผู้ขา้ ฯ ผู้เลา่ ใหฟ้ ังก็เล่าไปจนจบ แลว้ เพ่นิ จึงถามอย่างน้นั อยา่ งน้ี
ท่านอาจารยต์ อื้ ถือวา่ ผ้ขู ้าฯ เคยอยู่กบั เพน่ิ ครูอาจารย์มั่นก่อนเพิน่ เสียอกี
ไปอยู่ด้วยแล้วน้ัน เพิ่นก็ว่า “เพิ่นเองก�ำลังจะหาช่องทางออกจากดาราภิรมย์จะเสาะหา
ภาวนาอยู่ป่าอยเู่ ขา อย่นู ีม่ นั ขี้คร้านกาย ขี้ครา้ นใจ เพ่ินให้เหตผุ ลวา่ มันอยูท่ เี่ กา่ ไดเ้ กย่ี วข้องกบั
น่ันน ี่ อยู่ฉลองให้ศรทั ธาของเจา้ แล้วกจ็ ะไปละ่ ”
“ทา่ นอาจารยจ์ ะไปทางใดครับ”
“หว้ ยนำ�้ รนิ หรือไม่ก็จะไปจอมทอง”
เคยถามทา่ นอาจารยต์ อ้ื ว่า “ท่านอาจารยท์ ี่ไหนภาวนาดที ่ีสดุ ”
“ทีใ่ จโว้ย บา่ งา่ วนักหอื ”
“กจ็ ะให้เอาใจเอากายน้ไี ปไว้ไปอยู่ท่ไี หนเล่าครับทา่ นอาจารย์”
“เอาไว้ทสี่ ต ิ กายสต”ิ
( รูก้ าย ใจสติ รูใ้ จ ฮู้ (รู้) ดงั สติ รู้ลมหายใจ สติ สติ สติ มีสตกิ �ำกบั ผูร้ ู้ )

384

• พุทโธของท่านอาจารย์ต้ือ

ท่านอาจารย์ตื้อไปอยู่น้�ำตกแม่กลางใหม่ๆ ผู้คนยังไม่รู้จัก ฝนก็ตกตลอดวันตลอดคืน
ออกไปบณิ ฑบาตกไ็ ม่ได้ ตอ้ งอดขา้ วอย่หู ลายวนั
พอฝนหยดุ ตก น�้ำที่ดมื่ กินไปกเ็ หม็นคาวเลอื ดทั้งล�ำหว้ ย อนั นี้พวกนาคเขาไมอ่ ยากให้อยู่
แต่ทา่ นกอ็ ดทนต่อสู้ อาศยั แต่ธรรมะเอาชนะพวกนาค สอนดา่ มนั สดุ ทา้ ยมนั ก็ยอม อาศัยศรทั ธา
ความเชื่อมน่ั เป็นตน้ ทาง เอาเมตตาสูม้ ัน มันกย็ อม ผูค้ นกม็ าท�ำบุญใหท้ าน
“พุทโธของท่านอาจารย์ต้ือ เทศนธ์ รรมของทา่ นอาจารยต์ ้อื นนี้ า่ ฟังมาก ดูแต่เพ่นิ (ท่าน)
อธบิ ายพทุ โธ ใหฟ้ ังวา่ ...
ใครๆ กพ็ ุทโธได้ แตม่ ผี ู้เห็นพทุ โธน้อยนกั เพราะพุทโธไมส่ มบรู ณ์ พุทแต่ปาก โธแต่ปาก
พทุ โธแตล่ มหายใจตายๆ ได้แต่ว่า ใจไม่เอาพุทโธด้วย ใจไม่เปน็ พุทโธ จะรู้ จะตื่น จะเบิกบาน
มาแต่ไหน จะให้สมบรู ณจ์ รงิ ใจเปน็ ผรู้ ู้ ใจเปน็ พุทโธ ใจเป็นผตู้ ่ืน ใจเป็นพุทโธ ใจเบิกบานแล้ว
ใจเป็นพุทโธ
พุทโธ จึงเป็นศีล
พุทโธ จงึ เป็นฌาน
พทุ โธ จึงเป็นนพิ พาน
ท้ังหมดโคตรเค้าอยู่ที่ใจของเฮา (เรา) น้ีเองหมด พระพุทธเจ้าเท่าใดพระองค์ก็ตาม
พระอรหันตสาวกจะมีเท่าใดก็ตาม ท่ีสุดจิตต้องเป็นพุทโธ พุทธะ เป็นศีล ภาวนา เป็นฌาน
เปน็ มรรค เป็นนิพพาน จงึ วา่ นเ่ี ปน็ หัวใจธรรม”
วันท่ีท่านอาจารย์ตื้อแปลพุทโธให้ผู้ข้าฯ ฟัง เป็นช่วงที่ไปอยู่ด้วยกันห้วยน้�ำรินแล้วเพิ่น
ถามวา่ ...
“จามเอย๊ พทุ โธ ท่านอยา่ ไดท้ งิ้ เห็นได้แลว้ หรือยังละ่ ”
แล้วเพ่ินกส็ อนแปลให้เสียยาวยดื สดุ ทา้ ยก็วา่ “พทุ โธ” ค�ำเดยี ว ตะโกนสดุ เสยี งแล้วก็ลุก
จากไป กบั ท่านอาจารย์ต้อื น้ีชอบพอกันนักกบั ผขู้ า้ ฯ”

385

• หลวงปู่ตื้อคิดอยากจะสึก

“ท่านอาจารยต์ อื้ มีอยคู่ รง้ั หน่ึง เพิ่น (ทา่ น) เล่าให้ฟังว่า คิดอยากจะสึก คดิ อยหู่ ลายวนั
ทีน้ีใจกเ็ อนเอยี งไปทางจะสึกอกี ดว้ ย ก็มาน่งั ด่าตัวเอง
“ไอ้ห่า ไอ้เฒ่า ท�ำไมมึงอยากจะสึก อุปัชฌาย์มึงก็ตายไปแล้ว มึงจะสึกไปหาฮี๋หรือ
อุปัชฌายไ์ ม่พาสึก ครบู าอาจารยไ์ มพ่ าสกึ มึงนค้ี ิดอย่างใด มึงอยากสห้ี รือ” (ฮี๋ คอื อวยั วะเพศหญิง
สี้ คอื เพศสัมพันธ์ เป็นยอดธรรมที่หลวงป่ดู ่าตวั เอง)
ท่านอาจารยต์ ้อื ด่าตัวเองอย่หู ลายอยา่ ง สดุ ท้ายใจลนั่ พรบึ น่ิงสงบอยู่นานคอ่ นวนั
อันน้ีครอู าจารยต์ ื้อ”

• หลวงปู่จามถวายพระบรมสารีริกธาตุหลวงปู่ต้ือ

“ตอนน้ันผู้ข้าฯ เองก็ยังสงสยั ไม่ได้ใส่ใจเรือ่ งพระธาตอุ ะไรนัก และลึกๆ ในใจก็มเิ คยคดิ
อยากได้ด้วยซ้ำ� ไป จนมาอยู่วดั ห้วยทรายน้ีจงึ ไดร้ ู้เรื่องนดี้ ี”
“ต่อมา พ.ศ. ๒๕๑๔ ได้น�ำพระบรมสารรี ิกธาตุของพระพุทธเจ้าไปถวายท่านอาจารย์ต้อื
ที่บ้านข่า ท่านกใ็ ห้ใส่ไว้ในเศยี รพระประธาน”
“ได้พระบรมสารีริกธาตุมานานแล้ว ได้มาแต่อยู่ช่อแล ก่อนอยู่ช่อแลก็ได้ แต่ถวาย
ท่านอาจารยล์ ี (ธมฺมธโร) เหลือตดิ ตัวไว้มาบ้านก็เอาไปใหท้ า่ นอาจารย์ตอ้ื (อจลธมโฺ ม)”
เจดยี ว์ ดั บา้ นขา่ อาจารยต์ อ้ื กบ็ รรจพุ ระธาตพุ ระพทุ ธเจา้ และพระธาตพุ ระอานนท์ เจดยี ว์ ดั เรา
ยังไมไ่ ด้พระธาตุพระอานนท์ (พ.ศ. ๒๕๓๙)

• หลวงปู่ต้ือถามธรรมเพ่ือนสหธรรมิก

“มีอยู่ครั้งหนึ่งหลวงปู่ต้ือ อจลธมฺโม กราบเรียนถามหลวงปู่ชอบ านสโม ขณะอยู่
วัดป่าน�ำ้ รนิ วา่ “ครูอาจารย์เฒ่า กระผมจะขอถามตนที่ประเสรฐิ เลศิ โลกคือตนอยา่ งใด”
หลวงปชู่ อบตอบวา่ “อตตฺ า หิ อตฺตโน นาโถ”
วันนนั้ เปน็ วันอุโบสถ พระเณรอยดู่ ้วยกนั หลายรปู หลวงปู่ตอื้ ถามตอ่ ไปอกี ว่า “อะไรคอื
หลกั ชัยของตน”

386

หลวงป่ชู อบตอบวา่ “ความสงบ”
มอี ยคู่ ราวหนึง่ อยูบ่ ้านปง อนั นี้หลวงปตู่ ื้อถามหลวงป่แู หวน สุจณิ ฺโณ ว่า “ตุ๊ผเู้ ฒา่ วนั นี้
อยูอ่ ย่างไร”
“อยู่ดว้ ยความไม่ประมาท” หลวงปแู่ หวน ตอบพร้อมดูดขโี้ ยมวนใหญ่
“อนั นลี้ ะ่ ” หลวงป่ตู ้ือถามพรอ้ มชี้มือไปทีบ่ หุ ร่ี
“ของเมา มนั ติดแกห้ ง่อมแก้เหงา”
อีกคราวหน่งึ อย่ทู ่วี ัดถำ�้ พระสบาย หลวงป่ตู ือ้ ถามท่านพอ่ ลี ธมมฺ ธโร ว่า “ท่านพระครูอะไร
นิรุชฺฌนฺติ ? ”
ท่านพอ่ ลตี อบว่า “รูปํ เจตสกิ ํ จติ ฺต”ํ
“ใครผูเ้ ปน็ วูปสโม สโุ ข ?”
ทา่ นพอ่ ลี ธมฺมธโร ตอบว่า “นวโลกตุ ตรธรรม”

• หลวงปู่ต้ือได้นิสัยของเสือ

ท่านอาจารย์ต้ือ อจลธมฺโม ไดน้ สิ ัยของเสอื ใจเดด็ ใจเด่ยี ว กลา้ หาญ การเดินธดุ งค์ก็มกั เดนิ
ไปตอนกลางคนื ชว่ งเดอื นหงาย
ปฏิปทาของทา่ นอาจารย์ต้อื ท่านอาจหาญ สมกบั เป็นนักรบธรรมของทา่ นพระอาจารยม์ น่ั
ลักษณะนิสัยท่านเป็นประดุจเสือโคร่ง และท่านมักปฏิบัติกรรมฐานอย่างอุกฤษฏ์ โดยถือเอา
เสอื โครง่ เปน็ แบบอยา่ ง โดยอริ ยิ าบถ ๔ คือ
๑.  ต้องมีน�้ำจิตน�้ำใจแข็งแกร่งกล้าหาญในการเท่ียวธุดงค์ล่ากิเลส ประดุจเสือตัวเปรียว
เทีย่ วลา่ เหยื่อไมก่ ลัวต่อภยั อันตรายใดๆ
๒.  ต้องกล้าเทย่ี วไปในคำ่� คนื ประดจุ เสอื ไม่กลวั ต่อมรณภยั ในความมืด
๓.  ต้องชอบอยู่ในท้องถ�้ำท่ีสงัดจากผู้คน ประดุจเสือหลีกเร้นซ่อนตัวอยู่ในถ้�ำอันลึกลับ
ที่ผูค้ นเข้าไปไมถ่ งึ

387

๔.  คิดท�ำอะไรลงไปแล้วต้องมุ่งความส�ำเร็จเป็นจุดหมาย ประดุจแววตาเสือได้จ้องเขม็ง
ไปทีเ่ หย่ือรายใดแล้ว ต้องตามตะปบขย้�ำจนสำ� เรจ็

• แสดงธรรมหยาบแต่มีผลละเอียด

ท่านอาจารยต์ ื้อ อจลธมโฺ ม แสดงธรรมหยาบแตม่ ีผลละเอียด เพราะอธบิ ายธรรมไดพ้ สิ ดาร
อีกแบบหน่ึง ท่วั ประเทศแสดงธรรมได้อย่างน้ีมที ่านอาจารยต์ ้อื องคเ์ ดียว
แต่เวลาเราถามขอใหอ้ ธบิ าย ทา่ นกลับไมอ่ ธิบายให้ละเอียด บอกแต่ว่า “ตามี หมู ี ใจมี
เอาตวั เจา้ ของเป็นเคร่อื งวดั อย่ามาเอาสญั ญา อย่ามาเอาของหยาบ”
ทา่ นอาจารย์ตอื้ ใชว้ าจาดา่ ก็ดา่ เป็นธรรม คนไม่รูภ้ าษาของท่านก็ว่า ท่านดา่ ทา่ นพูดหยาบ
ด่าไปหมด ใครมาผิดท่า ท่านด่าไว้ก่อน แต่ต่างคนก็ได้ธรรมะ ผิดกันกับพระเหนือแสดงธรรม
แต่มาขอใหท้ ่านอาจารย์ตอ้ื ดา่ ให้
ท่านอาจารยต์ ือ้ อยู่วัดดาราภิรมย์ อ.แม่รมิ ก็นาน อยู่วัดห้วยน้�ำรนิ ก็นาน
ท่านอาจารย์แหวน อยู่บ้านปง วัดอรัญญวเิ วก อ.แม่แตง กน็ าน ภายหลงั ทา่ นอาจารยห์ นู
เอาไปอยแู่ มป่ ๋งั อ.พร้าว

• ท�ำไมหลวงปู่ตื้อสวมสร้อยลูกประค�ำ

“จาม ผู้ขา้ ฯ (หลวงปูต่ ื้อ) ภาวนาเหน็ พระเถระเจ้าองคห์ นง่ึ อยู่วัดน้ลี ่ะ วดั ปา่ อาจารย์ตอ้ื
อ.แม่แตง ยคุ สมัยของพระพทุ ธเจา้ กกสุ นั โธ ทา่ นก็หอ้ ยลูกประค�ำ ๑๑๑ ลูก”
“ทา่ นอาจารย์หมายความวา่ อยา่ งไร”
“พุทโธ ธัมโม สังโฆ ร้อยรวมกันเป็น เอโก ธัมโม”
หลวงปู่จามว่า “หลวงปู่ต้ือท่านสวมลูกประค�ำ ไม่ประจ�ำหรอก เห็นเพ่นิ ใชเ้ วลาสวดมนต์
บรกิ รรมคาถาปลกุ เสก และถา่ ยรูป”
แมห้ ลวงปจู่ ามเอง ก็นึกสงสัยเช่นกันวา่ สวมลกู ประค�ำไม่เป็นบาปหรือ ไม่ผดิ วินัยหรอื
ยงั ไมท่ นั ไดถ้ ามหลวงปูต่ ้อื ด้วยซำ้� เพยี งนึกสงสัยในใจ ก็ได้รบั ค�ำตอบว่า

388

“จาม ลูกประคำ� มิใช่เคร่อื งตกแตง่ ร่างกาย แต่ผขู้ า้ ฯ เอามาธรรมสังขาร ไม่เป็นบาปหรอก”
ท่านเฉลยแลว้ ยมิ้ หลวงปู่จามก็ยิ้มตามอย่างท่ีเข้าใจ

• ภพชาติท่ีเป็นโจร

ท่านอาจารยต์ ื้อ ท่านเลา่ ว่า เมือ่ คร้งั พระพทุ ธเจา้ อโนมทัสสี หลวงปู่ต้ือไดเ้ ปน็ หัวหนา้
โจร ๓,๕๐๐ คน เท่ียวปลน้ บา้ นปลน้ เมืองเลย้ี งชพี มาสุดท้ายถูกทางการจบั ไดท้ ง้ั หมด ต้องโทษ
ประหารชีวิต ทางการตัดคอฆา่ อยู่ ๕ วนั จึงหมดหมูโ่ จร
ถามวา่ “ท่านอาจารย์ไม่เห็นไมไ่ ดพ้ บปะพระพทุ ธเจา้ อโนมทัสสหี รือครับ ?”
“ไดเ้ หน็ อยู่ แต่ไมก่ ล้าเข้าไปหา”
ในวันนั้น อาจารย์ตือ้ ได้บ่นว่า “จามเอย๋ ! อยปู่ ากทาง ๒ ปีแลว้ ก็ปว่ ย ออกบณิ ฑบาต
กล็ ม้ ๒ ครง้ั ไม่มใี ครจะดแู ล ไม่รู้บาปกรรมอนั ใด” อาจารย์ตื้อก็พจิ ารณาไมแ่ จง้
ผู้ข้าฯ กว็ ่า “โจรนายหนง่ึ ร่างใหญ่สงู ตนั หนวดเครารงุ รงั บา้ นเขาอย่หู นา้ วดั มีดาบคมกลา้
๒ เลม่ มีรา่ งสูง ผมแดงซอยวอยไปปลน้ จ้ีคนอ่ืนมาเลี้ยงเมยี ไมใ่ ชบ่ าปอันนห้ี รอื ”
ทา่ นอาจารย์ตือ้ ได้แต่หวั เราะฮาๆ
“ดูแต่หลวงป่ทู ่านอาจารย์ตอื้ วดั บา้ นข่า ศรีสงคราม ในยคุ สมยั พระพทุ ธเจ้าอโนมทัสสี
เกิดเปน็ โจร ๓,๕๐๐ คนทงั้ หมด เป็นหวั หน้านายโจร ใจกล้า ดาบคม เวียนว่ายตายเกิดมาจนชาติ
ชีวิตน้ี กฝ็ กึ หดั นิสัยความกลา้ หาญมาตลอด มาเกดิ ในยคุ ตน้ รตั นโกสินทร์กใ็ จกลา้ หาญ เป็นนกั รบ
ตอ่ สรู้ บกับพมา่ รักษาประเทศตลอดมา มาเกดิ ใหม่เปน็ คนบ้านข่า อายุ ๑๖ ปี จบั ดาบไลฟ่ ัน
พญานาค ท�ำอย่อู ยา่ งนีห้ ลายปี นาคตัวใหญ่เทา่ กับล�ำต้นตาลเล็กกวา่ นดิ หน่อย เวลามันย้ายที่อยู่
จากหนองทศิ ตะวนั ตกไปทศิ ใต้ ลอยข้ามท่งุ นา ผู้เฒา่ ผแู้ กเ่ ห็นวา่ จกั เปน็ อันตรายแกผ่ ้คู นหมบู่ า้ น
จึงตกลงเอาไปบวช บวชแล้วก็ไปธุดงค์ เท่ยี วไปท่ัวหมด ไมม่ กี ลัวใครในโลกอันน้ี จนสดุ ท้าย
อยู่แมแ่ ตง จงั หวดั เชยี งใหม ่ คนเรามาฝกึ อะไรกไ็ ด้อนั นั้น
เมตตา – ใจกลา้ หาญ – ปญั ญา – ฤทธิ์ – อย่ปู ่า – ถอื ธดุ งค์ – ถือศกึ ษา – ถอื อปุ ัฏฐาก –
ถือวชิ ชาใดๆ – ถือเปน็ เอกเป็นเลิศในทางใด ฝึกได้วชิ ชาของใครของมนั ”

389

• เรื่องเปรตวัดเจดีย์หลวง

“อยวู่ ดั เจดยี ห์ ลวง เมอื งเชยี งใหม่ พระคร.ู ..... คนบา้ นหนองไครน้ างเหลว๋ อยเู่ ปน็ สมภารวดั
อะไรๆ ของทานอันใดเก็บไวห้ มดใสล่ ัง หอ่ ผา้ เอาไว้ วางเปน็ ชั้นเปน็ กอง เตม็ ห้องนอน ไดท้ ีน่ อน
พอหลวมตัวนอนได้
สะสม ขเ้ี หนยี ว เก็บ ไมไ่ ด้ทาน ข้ตี ระหนี่ หวงแหนขา้ วของ ไดอ้ ะไรมาเกบ็ ๆ ตายไป
เป็นเปรตนอนเกลอื กกลง้ิ ข้ีโคลนรอ้ น กลง้ิ ไปกลิ้งมาอยู่อยา่ งนนั้ ร้องใหค้ นชว่ ย ใครก็ชว่ ยไม่ได้
ท่านอาจารยต์ ้อื อจลธมฺโม มาถามวา่ “เหน็ ไหม ?”
บอกว่า “เห็นอยู่แตช่ ่วยเหลอื อะไรมิได้”...(หลวงปจู่ าม)
บาปอนั ใด บาปขโ้ี ลภ ขอ้ี ยาก บาปเกบ็ สะสม ไมใ่ หท้ านแกใ่ คร ทา่ นอาจารยต์ อื้ สอนเมตตาให้
ไมร่ ูว้ า่ จะพ้นหรือยัง เราลงมาอีสานก่อน
ครอู าจารย์บางท่านบางองค์ ท่านมีรัศมี เปล่งรศั มอี อกมา ก็เพราะศลี และธรรมะของทา่ น
หมดจด เช่น เพ่ินครูอาจารย์มั่น ท่านอาจารย์ขาว ทา่ นอาจารย์ตอ้ื ท่านอาจารยแ์ หวน
ตัวเราใหม้ ีศลี มีเมตตา มคี วามอดทนต่อทกุ ข์ ใหต้ ั้งใจในตนของตนให้ดี”

• เรียงพรรษาพระศิษย์หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น

ท่านอาจารย์ต้ือ เกิดก่อนหมู่เพ่ือน ครูบาอาจาย์ที่ผู้ข้าฯ (หลวงปู่จาม) ฮู้ (รู้) จักมา
ครูอาจารยพ์ รหม จริ ปญุ ฺโ บ้านดงเย็นก็เกิดหลงั ท่านอาจารยต์ ้ือ
ท่านอาจารย์แหวนอ่อนกวา่ ทา่ นอาจารย์ต้ือ ๘ ปี แตญ่ ัตตธิ รรมยตุ กอ่ นท่านอาจารย์ตื้อ
ปหี นึง่
ท่านอาจารย์กงมา กับ ทา่ นอาจารยล์ ี บวชญัตติพรอ้ มกนั ทา่ นอาจารยก์ งมาเปน็ นาคขวา
ท่านอาจารย์ลี เป็นนาคซ้าย เหมอื นกบั ทา่ นอาจารยห์ ลยุ กบั ครูอาจารยข์ าว สององค์นกี้ ็เป็น
นาคแฝด
สว่ นอายุพรรษานัน้ ครอู าจารย์อ่อนแก่กว่าหมู่

390

รองลงมา ครูอาจารย์ชอบ ครูอาจารย์หลุย ครูอาจารย์ขาว ท่านอาจารย์ฝั้น
ครอู าจารยพ์ รหม ทา่ นอาจารย์แหวน ทา่ นอาจารย์กงมา ท่านอาจารยล์ ี ท่านอาจารยต์ ้ือ
ท่านอาจารย์น้อย ทา่ นอาจารยส์ มิ อันน้ีอายุพรรษาเรยี งลำ� ดับกนั ลงมา
ส่วนรุ่นใหญ่ข้ึนไปกว่ารุ่นนี้ก็นับมาแต่ ท่านพระครูศรีจันทร์ เจ้าคุณวัดศรีเทพฯ
(หลวงปู่จันทร์) เจ้าคุณฯ จูม ครูอาจารย์สิงห์ ท่านอาจารย์มหาปิ่น ครูอาจารย์ทองรัตน์
สมเด็จฯ พมิ พ์ หลวงป่ดู ลู ย์ หลวงปเู่ ทสก์ หลวงปู่ดี ครบู าอาจารย์รุ่นน้ีเปน็ รุ่นใหญ่
มารนุ่ ทเ่ี คยรจู้ กั กนั เคยอยรู่ ว่ มกนั เคยไดพ้ ดู ไดค้ ยุ สนทนาธรรมกนั กนั กม็ หี ลายรปู หลายองค์
ทา่ นอาจารยแ์ วน่ หลวงปูเ่ หรียญ หลวงปู่มหาบัว หลวงปลู่ ือ พระครูปราโมทย์ฯ (หลวงปหู่ ลอด)
อาจารยห์ นู อาจารยเ์ ฟอ่ื ง อาจารย์เจยี๊ ะ อาจารยช์ า หลวงปหู่ ล้า

หลวงตาพระมหาบัว าณสมฺปนฺโน เทศน์ถึงหลวงปู่ต้ือ

• หลวงปู่ต้ือมีคาถาที่ท�ำให้เสือใจอ่อน

(๒ ตลุ าคม ๒๕๓๙)

วิชาขี่เสือก็เหมือนกัน เป็นวิชาไสยศาสตร์อันหนึ่ง เขาร่ายมนต์เรียกเสือมา เสือก็มา
อย่างหลวงปู่ตื้อดังที่ผู้เฒา่ เล่าใหฟ้ งั คือคาถาของผู้เฒา่ เป็นคาถาทท่ี �ำใหเ้ สือใจอ่อน กลัว ใจไมม่ ี
กำ� ลงั จะตอ่ สู้ คาถามันครอบเอา อำ� นาจของคาถาครอบเอาไว้ เสือใจออ่ นลงไปเลย ท�ำอะไรไมไ่ ด้
ท่านมีคาถาขเู่ สอื เป็นครเู สอื ก็ได ้ ข่เู สอื ก็ได้

• มีมากที่สุดคือลูกศิษย์หลวงปู่มั่นที่อัฐิกลายเป็นพระธาตุ

(๒๖ มถิ นุ ายน ๒๕๔๑)
ลกู ศษิ ย์หลวงปู่ม่นั น้อี ฐั ิกลายเปน็ พระธาตุหลายองคน์ ะ มีมากทีส่ ุดคือลูกศิษยห์ ลวงปมู่ ัน่
ที่อฐั ิกลายเปน็ พระธาตุ อฐั ิกลายเป็นพระธาตุ นัน้ คอื ตีตราความเปน็ พระอรหนั ต์ นัน่ เอง เราจะ
พดู วา่ ลกู ศษิ ยห์ ลวงปมู่ ัน่ เปน็ พระอรหนั ต์หลายองค์ก็ไม่ผิด คืออฐั ทิ ก่ี ลายเป็นพระธาตุน้ี ท่านก็บอก
ไวแ้ ลว้ ในต�ำราว่า ตอ้ งเปน็ พระอรหนั ต์เท่าน้ัน อฐั ิจงึ จะกลายเป็นพระธาตไุ ด้ นอกน้ันเปน็ ไม่ได้
ทา่ นว่า พอเหน็ อฐั กิ ลายเปน็ พระธาตุ ออ๋ ! ใชแ่ ล้ว ลูกศิษยห์ ลวงปู่มัน่ เท่าทปี่ รากฏมาน้ี นับตั้งแต่
หลวงปพู่ รหมลงมานะ หลวงปูพ่ รหม หลวงปูแ่ หวน หลวงปู่ขาว ท่านอาจารย์ค�ำดี ทา่ นจวน
อยูด่ ้วยกันทหี่ นองผอื ดว้ ยกัน ทา่ นจวนอฐั กิ ลายเปน็ พระธาตุ แลว้ กห็ ลวงปู่ต้อื

391

หลวงปตู่ อื้ เราไปเหน็ ดว้ ยตาของเราเองนะ โห พระธาตทุ า่ นสวยงามมากนะ หลวงปตู่ อ้ื น่ี
ไปเห็นพระธาตุทา่ นสวยงามแพรวพราว เราไปดดู ว้ ยตาของเรา ทา่ นสงิ หท์ องน้กี อ็ ยู่ใกลๆ้ แม้ไมไ่ ด้
อยู่ในส�ำนักก็ตาม ถึงเวลาก็เข้ามาฟังเทศน์ฟังธรรม เท่ากันกับอยู่กับท่านเร่ือยมา อันน้ี
ก็กลายเป็นพระธาตุเรียบรอ้ ยแลว้
แลว้ แมช่ ีแกว้ ก็ลูกศษิ ยข์ องหลวงปมู่ น่ั นะ นนั่ ก็กลายเป็นพระธาตเุ รียบรอ้ ยแล้ว น่เี หน็ ได้
ชัดๆ แล้ว ประกาศแล้ววา่ คือพระอรหนั ต์ทัง้ น้ัน (หลวงปหู่ ล้า เขมปตโฺ ต ก็ใช่) ใช่ นน่ั ก็เคยอยู่
หนองผอื เหมอื นกัน กอ็ ย่างน้นั แลว้ คดิ ไปก็ลุกลามไปๆ จึงว่ามีมาก ลูกศษิ ย์หลวงปมู่ น่ั มีมากจริงๆ

• ครูบาอาจารย์สอบทานธรรมะซึ่งกันและกัน

(๑๗ กันยายน ๒๕๔๓)
จงั หวดั เชียงใหมร่ ู้สกึ จะเดน่ กวา่ ทกุ จังหวดั บรรดาพระที่เป็นเพชรน้�ำหน่ึง ไปส�ำเรจ็ เปน็
เพชรน�้ำหน่งึ ขน้ึ ท่ีเชียงใหม่ เท่าทจ่ี ำ� ไดน้ ี้ก็ หลวงปูพ่ รหม บ้านดงเยน็ หลวงป่ตู อื้ นอี้ งคห์ น่งึ อันน้ี
ไม่ชัดเจนมากนัก แต่น้�ำหนักทราบว่าอยู่เชียงใหม่ เพราะท่านอยู่เชียงใหม่กับหลวงปู่ม่ันมานาน
หลวงปตู่ อ้ื ทบ่ี า้ นขา่ สามผง นีอ้ งค์นงึ แล้วก็ หลวงปขู่ าว องคน์ ึง พ่อแมค่ รจู ารยม์ ่ันเราองคน์ ึง
หลวงปู่แหวนองค์นึง ๕ องค ์ ทจี่ งั หวัดเชยี งใหม่นะ
พ่อแม่ครูจารย์ม่ันแล้วก็ จากนั้นก็มีลูกศิษย์ลูกหาของท่าน หลวงปู่ขาวก็เชียงใหม่
หลวงปูแ่ หวนกเ็ ชียงใหม่ หลวงปพู่ รหมกเ็ ชียงใหม่ หลวงปูพ่ รหมชัดเจน เพราะทา่ นเล่าใหฟ้ ังเอง
อยทู่ เี่ ชยี งใหม่ หลวงปตู่ อื้ กเ็ ชยี งใหม่ จงั หวดั เชยี งใหมด่ เู หมอื น ๕ องค์ ทเี่ ราไมท่ ราบ เรากไ็ มท่ ราบแหละ
นี่มาเล่าตามที่เราทราบนะ พ่อแม่ครูจารย์มั่นเรา หลวงปู่แหวน หลวงปู่พรหม หลวงปู่ขาว
หลวงปตู่ ื้อ มาจากเชยี งใหมท่ ง้ั น้นั
พระธาตหุ ลวงปู่ต้ือ โอ๋ย ! สวยงามมากนะ เราไปดูเอง เพราะได้ทราบวา่ อัฐิของทา่ น
กลายเป็นพระธาตุ เราก็ต้งั หน้าไปดูเอง ให้พระเอาออกมาให้ดจู รงิ ๆ โอ๋ย ! สวยงามมากจริงๆ
เรือ่ งเปน็ พระธาตุเป็นเหมอื นกัน แตร่ ูปลักษณะ สสี ันวรรณะ จะมีแปลกต่างกนั แต่เป็นพระธาตุ
เปน็ พื้นฐานเป็นด้วยกัน
อย่างหลวงปู่พรหมนี้ เราไม่ได้ไปดู แต่เราเช่ือแน่ไว้แลว้ เพราะท่านคุยให้ฟังแลว้ ตงั้ แตอ่ ยู่
บา้ นนามนด้วยกนั หลวงปู่พรหม ท่านผ่านมาจากเชียงใหมน่ ู่นแล้ว เรามีแตเ่ พยี งวา่ เวลาไปเผาศพ
เรากระซิบบรรดาลูกศิษย์ทางกรุงเทพฯ น่ันแหละ ติดตามไปกับเรา ไปน้ีถ้าหากว่ามีโอกาส
พอไดอ้ ฐั ิท่าน พยายามเอาอฐั ิท่านใหไ้ ด้นะ อัฐขิ องครบู าอาจารยอ์ งคน์ ้ีอยา่ งไรก็ตอ้ งเปน็ พระธาตุ
แนน่ อน เราบอกเลย

392

แล้วพอดพี อเผาศพแล้ว คณะกรรมการเขาล้อมรอบไม่รู้กชี่ น้ั เขา้ ไม่ถึง เราเองก็ไม่กลา้ ไป
ท�ำลายประโยชนข์ องสว่ นรวม ไมถ่ กู ถงึ เราชือ่ วา่ เป็นพระผู้ใหญอ่ งค์หนึง่ ก็ตาม เปน็ ท่ีเคารพนบั ถอื
ของพระเณรเหล่าน้ันก็ตาม สมมุติว่าเราจะไปขอพิเศษยังไงท่านต้องให้ แต่เราไม่กล้าท�ำลาย
ส่วนรวม เราก็ไม่ไปเกี่ยวเสีย สุดท้ายก็เลยไม่ได้ แต่ทางทราบน่ะทราบมาแล้วว่า อัฐิของท่าน
กลายเป็นพระธาตแุ ลว้ สมควรแล้ว เพราะเราเชื่อก่อนแลว้ นี่ ท่านไดเ้ ลา่ ให้ฟงั แลว้ พอมรณภาพแล้ว
ทราบมาปหี ลงั ๆ น้วี ่า อัฐขิ องท่านกลายเปน็ พระธาตเุ รียบรอ้ ยแลว้ ตายใจ เพราะเราเชอื่ ท่านตัง้ แต่
ท่านยังไมต่ าย ว่าง้ันเถอะน่า ท่านเลา่ ให้ฟังสถานทีท่ ี่เป็น ทา่ นเล่าใหฟ้ ังหมดเลย คยุ กัน
หลวงปูข่ าวก็เหมอื นกนั ทีช่ ดั เจนกห็ ลวงปู่ขาว หลวงปพู่ รหมนแี่ หละ พอ่ แม่ครจู ารย์มนั่
ทเี่ ราได้ฟังตอ่ ปากตอ่ คำ� จรงิ ๆ หลวงป่ตู ื้อเราไมไ่ ด้ฟงั จากท่าน แต่กเ็ ชอ่ื แน่ไวแ้ ล้วจากค�ำบอกเลา่
อะไรๆ กับหลวงปแู่ หวน นี่ฟัดกนั เลยไม่ใชธ่ รรมดา เพราะตา่ งคนต่างเตรยี มใสก่ ันอยูต่ ลอด
เหมอื นเรากับหลวงป่ขู าว เราก็จ้อจะคอยโอกาสคุยธรรมะโดยเฉพาะกับท่าน ท่านกจ็ อ้ คอยนั่นกบั
เราเหมอื นกนั ต่างคนตา่ งจ้อใส่กนั กพ็ อดีไดเ้ จอกนั นก่ี ็ซดั กันสดุ เหวี่ยงเหมือนกนั ตัง้ แต่ ๒ ทมุ่ ถงึ
๖ ทมุ่ หลวงปขู่ าว ส่วนหลวงปูพ่ รหมน้ไี ด้พดู กนั อยทู่ บ่ี า้ นนามน อนั นท้ี ่านกเ็ ลา่ ให้ฟงั ชัดเจนมาก

• เราก็ฟังแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ท่านก็เทศน์ร้อยเปอร์เซ็นต์

(๔ เมษายน ๒๕๔๕)
โยม : เคยคุยธรรมะกับหลวงปูต่ ้อื ไหมคะ
หลวงตา : ไม่ได้คุย แต่ทา่ นคยุ ใหพ้ ระสงฆ์ฟงั เสยี ก่อน นิสยั หลวงปู่ตือ้ ท่านตรงไปตรงมา
เรียกว่าร้อยเปอร์เซน็ ตเ์ ลย ท่านไมม่ ีอะไร เทศน์น้ีพวกกิเลสนี้ฟงั ไม่ไดเ้ ลย แตกฮือๆ หนหี มด
ทา่ นใสเ่ ปร้ียงๆ น่ีท่านปฏบิ ตั ิมาอย่างนี้รอู้ ยา่ งนี้ ฆา่ กิเลส ฆา่ แบบน้ีๆ เอาร้อยเปอร์เซ็นตน์ อ้ี อกพูด
คนจึงแตกฮอื เลย เข้าใจไหม
เราไม่ได้พูดกับท่าน แต่ท่านพูดกับพระสงฆ์ต่อหน้าสงฆ์ เร่ืองของเราไปเสียก่อนแล้ว
อยู่วัดอโศการาม มาพูดมันก็ได้พูดล่ะซิ วันน้ันเป็นวันอุโบสถ ลงอุโบสถวันน้ัน เพราะนิสัยท่าน
เป็นอย่างน้ัน ใครก็ทราบกันทั้งวัด พออยู่ๆ ข้ึนไป พระสงฆ์น่ังเงียบอยู่แล้ว บทเวลาจะข้ึน
ทา่ นมหาบัวเป็นพระอรหันต ์ ข้นึ อย่างน้ีเลยนะ หน้าตาเฉยเลย ไมไ่ ด้พูดมาก เพียงเทา่ นลี้ ะ่
ไม่มีเร่ืองราวที่ไปสัมผัสสัมพันธ์อะไรนะ อยู่ๆ ท่านก็ข้ึนเองของท่าน พระสงฆ์เต็มอยู่น้ัน
อยๆู่ เงยี บๆ ทา่ นมหาบวั เปน็ พระอรหนั ต์ จากนน้ั กเ็ ลกิ กนั ไปเลย นล่ี ะ่ เราไมไ่ ดค้ ยุ กบั ทา่ น แตท่ า่ น
พูดอย่างนี้เข้าใจไหม วันนเ้ี ปิดเสียบ้าง ก็มเี หตุจะเปดิ นี่ แลว้ อฐั ขิ องท่านก็กลายเป็น พระธาตุ

393

แตก่ บั เรานีส้ นิทกนั มาก สนทิ ตามนสิ ยั ของทา่ น นิสยั ของท่านเปน็ อยา่ งนน้ั เราก็นิสัย
ของเราเปน็ อยา่ งนี้ พอเข้าไปหาท่านทบ่ี ้านขา่ ทา่ นมาอยู่บ้านขา่ เราทราบวา่ ทา่ นเปน็ อัมพาตแล้ว
เราก็ไม่ได้ไปเย่ยี มทา่ น วันน้ันเลยเตรียมของใส่รถเตม็ ไปเลยแหละเรา พอไปให้พระสงฆ์ทราบแลว้
กเ็ ข้าไปกราบเรยี นท่านว่าเรามา ท่านก็ให้พระท่านเอาแคร่ยกทา่ นออกมา พอทา่ นมา เรานั่งรอ
อยแู่ ลว้
หลวงป่ตู ื้อ : เหอ ! ทา่ นมหามาเหรอ ท่านว่าอย่างนนั้
หลวงตา : โอย๊ ! มาแลว้ คดิ ถึงครบู าอาจารย์อยู่ตัง้ นาน ไม่มเี วลามา พง่ึ ไดม้ ีเวลามาวนั นี้
ต้องมาล่ะวนั นี้
หลวงปูต่ ือ้ : เออ่ ! ถ้าง้ันฟงั เทศน์นะ จะเทศนใ์ ห้ฟัง
โอย๋ ! เปิดร้อยเปอรเ์ ซ็นต์เลย ใส่เปรย้ี งๆ เราก็สนกุ ฟังนะ กม็ นั อา่ นกันชัดเจนแล้ว เรียกว่า
ทา่ นออกร้อยเปอรเ์ ซน็ ต์ๆ เปดิ ใหฟ้ งั เราก็ฟังแบบรอ้ ยเปอรเ์ ซน็ ต์ ทา่ นกเ็ ทศนร์ ้อยเปอรเ์ ซ็นต์
ถึงกันวันนน้ั ต้งั แตน่ นั้ มากไ็ มไ่ ดฟ้ ังเทศนท์ า่ นอีกนะ แล้วกไ็ ม่ได้ไปหาท่าน ทา่ นเสีย เทศน์ในงาน
กเ็ ราแหละเปน็ คนเทศน์ ในงานเผาศพทา่ น เขากน็ ิมนต์เราไปเทศน์ แน่ะกอ็ ย่างนนั้ แหละ เอะอะ
เราตอ้ งเทศน์ๆ พอเทศน์จบลงแลว้ จตุปัจจยั ไทยทานท่ีเขาถวายทัง้ หมดมอบหมดเลยในงานน้ัน
เพื่อเป็นเกียรตใิ นการศพท่าน

• ท่านเป็นนิสัยตรงไปตรงมา เป็นธรรมล้วนๆ

(๖ ตุลาคม ๒๕๕๐)
หลวงปูต่ ือ้ ทา่ นอยูบ่ ้านขา่ แตก่ ่อนท่านไปอย่ทู างเชยี งใหม่ ภาคเหนอื ไปอย่นู านกว่าเพ่อื น
ภาคเหนือ ขา้ มไปถึงพะม่งพมา่ ทไี่ หนล่ะหลวงป่ตู ้ือ เวลาทา่ นมรณภาพไปแล้วอฐั ิของทา่ นกลายเป็น
พระธาตุสวยงามมาก เราได้ไปดแู ลว้ พระธาตทุ ่ีวดั ของท่าน พอถวายเพลงิ เสรจ็ เรยี บร้อยแล้ว เราไป
ทีหลัง วา่ อฐั ขิ องทา่ นกลายเป็นพระธาต ุ ไปดูสวยงามมาก
ท่านเป็นนสิ ัยตรงไปตรงมา เปน็ ธรรมล้วนๆ ไปเลยไมไ่ ด้แบง่ ใหโ้ ลกนะ คือเปน็ นิสยั ธรรม
ไปเรื่อยๆ จติ ของทา่ นกเ็ ป็นธรรมแลว้ เวลาท่านแสดงออกน้ีจะเปน็ ธรรม
ธรรม คอื ตรงไปตรงมาๆ เรยี กว่า ธรรม สว่ นโลกก็มพี ลิกนัน้ พลกิ น้บี า้ งส�ำหรับโลก
สว่ นหลวงปู่ต้อื นี้ไมม่ ี มแี ต่ธรรมลว้ นๆ เรือ่ ยเลย

394

แต่กับเราถูกกันดีนะล่ะ ท่านไปประกาศล่ันอยู่ท่ีวัดอโศการาม พระมากๆ คนมากๆ
เวลาทา่ นจะพูด ท่านมหาบัวเป็นพระอรหันต์ ขึ้นเลย ไมม่ ปี ีม่ ขี ลุ่ยนะ ขึน้ เลย ปงึ๋ เลย เฉยไปเลย
ท่านวา่ งั้นนะ ทา่ นพดู อยา่ งตรงไปตรงมา อัฐิของท่านกลายเปน็ พระธาตสุ วยงามมาก ท่านเปน็
ธรรมล้วนๆ ทา่ นไมแ่ บ่งให้โลก ท่านตรงไปตรงมาเลย เป็นธรรมลว้ นๆ ไปเลย แบง่ โลกคอื แยกออก
เปน็ ทางสมมตุ ินิยมกนั ยังไงๆ แยกส่วนธรรมเป็นธรรม สว่ นแยกเป็นสมมตุ ิกแ็ ยกไปๆ ถ้าแยกไปๆ
ต�่ำสดุ ก็คือจนกระทงั่ เปน็ เส่ียวหมา เขา้ ใจไหม พระวดั น้กี ับหมาถกู กนั มาก เปน็ เส่ยี วหมาท้ังวัด
ไปเลยนับแตห่ ลวงตาบัวลงไป

• เป็นนิสัยวาสนาแต่ละองค์

(๒๙ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๕๑)
ครูบาอาจารยฝ์ ่ายกรรมฐานก็มีหลวงปูข่ าว หลวงปู่ฝัน้ ท่เี ด่นมาก ทา่ นอาจารยม์ หาทองสกุ
อันนกี้ ็เหมือนกัน หลวงปูต่ อ้ื ท่เี ด่นเร่ืองสัตว์ หลวงปตู่ ือ้ นี้เสอื รักษาจรงิ ๆ ทา่ นไปพกั อย่ทู างนู้น
ไม่ใช่ใกล้ๆ นะ เขาตามไปเลยเสือตัวน้ี เวลาท่านเดินจงกรมอยู่น้ัน เขาจะอยู่ข้างๆ เหมือนว่า
รภู้ าษาคนท่านว่านะ เราเดนิ จงกรมอยูน่ นั้ เขาเงยี บๆ เขาอย่ขู ้างๆ มีใครแปลกหน้าไปน้ันไม่ไดน้ ะ
ท่านว่า เสียงเขาจะขึ้นเลย แต่อยู่ล�ำพังกับท่านไม่มี ถ้ามีคนแปลกหน้าพูดกันยิ่งคุยกันจอแจๆ
เกนิ ไปน้ี เขาจะคำ� ราม เหอ่ ๆ คนแตกฮอื เลย มันกลัว เสอื ตัวนลี้ ่ะมันรักทา่ น
ทนี ก้ี ม็ วี นั หนง่ึ ทม่ี ันน่าขบขนั เจา้ คณะอ�ำเภอเขาว่าเป็นพระแปลกปลอมมาจากไหน มาอยู่
ในป่าน้ี เจา้ คณะอ�ำเภอจะมาขบั ไลท่ ่านหนจี ากที่นั่น ทา่ นก็เลยพดู เสยี งดงั ๆ พูดกับเสือ ก็ไม่เห็น
เสือละ่ มันอยขู่ า้ งๆ นัน่ ล่ะเสือนะ่ คนพูดอะไรนี้ มันจะฟงั ทัง้ นน้ั แหละ แตม่ ันไม่แสดง ถา้ มี
คนแปลกหนา้ มา เอาแล้วนะ เสียงมันจะลน่ั ข้นึ ถา้ มแี ต่เสอื ตัวนกี้ บั ทา่ นแล้วจะไม่มีอะไร เหมอื น
ไม่มเี สอื เขาห้วิ ตะเกยี งเจา้ พายุมากลางคนื เจา้ คณะอ�ำเภอกับพวกบรษิ ทั บรวิ าร กค็ งพวกฆราวาส
น่ันแหละ จุดตะเกียงเจ้าพายุมาจะมาไล่ทา่ นตอนกลางคนื ทา่ นเลยบอกว่า “เฮ้อ ! วนั นีเ้ ขาจะมา
ขบั ไล่ครบู านะ มึงรกั ษาด่านใหก้ ูนะ” ว่าอย่างน้นั
อาจารยต์ ือ้ ใครกร็ ู้นสิ ยั ทา่ นเปน็ อย่างนั้น ท่านนสิ ยั กล้าหาญมาก ท่วี า่ เสอื คอยดแู ลท่านนี่
เปน็ ความจรงิ เพราะนิสัยทา่ นเปน็ นสิ ยั ทไ่ี ม่กลัวอะไร ทีนี้พอคำ�่ มากไ็ ด้ยนิ เสยี งโจเจๆ นเ่ี ขามาแล้ว
มงึ คอยรักษาทางนะ ท่านบอกเสอื ตัวนัน้ มันอยู่ไหนก็ไมร่ ู้ แต่มนั อยู่ข้างๆ น่นั ล่ะ ใหม้ ึงรกั ษาทางไว้
เวลาเขามานีใ่ ห้มึงขคู่ �ำรามเขา อย่าให้เข้ามาหาครูบานะ ทา่ นกพ็ ดู
สักเดย๋ี วกเ็ ห็นไฟตะเกยี งเจ้าพายุมา ไมน่ านนะ ฟงั เสยี งทางนี้ข้นึ แล้ว ฟงั เสียงอา่ วๆ ขนึ้
ทางนัน้ แตกฮอื เลย ตะเกยี งเจา้ พายตุ กไป พวกท่มี าขบั ไล่ เสือขบั ไล่ไปหมด ปา่ ราบไปเลย เสือตวั นี้

395

กอ็ ยสู่ บายกับหลวงปู่ต้ือ
ถ้ามีคนแปลกหนา้ มาไมไ่ ด้นะ เสอื ตวั น้สี �ำคัญมาก แม้แต่พระก็ยงั เป็น คือพระไปจาก
ทางกรุงเทพฯ ทา่ นไปอยู่ที่น่นั ล่ะ ไดย้ ินข่าวเร่อื งท่ีว่าเสือค�ำรามพวกนี้ พวกนี้อยากไปดู ท่านกไ็ ป
ธรรมดา เขากไ็ มต่ ้งั ใจทำ� อะไรท่าน
พระทา่ นก็ไปนอนอยูน่ นั้ ไดค้ นื เดยี ว พอนอนทนี ป้ี วดหนกั แตเ่ ขาไม่ได้บอกว่าขี้ทะลกั นะ
พอไปนั้นปวดหนักพรวดพราดออกมา เสือมันอยู่ข้างๆ ซี ไม่เห็นมัน พอโดดปึ๋งปั๋งออกมา
เสอื มันก็ฮ่า โอย๋ ! ปวดหนักหายเลย ทา่ นว่า ร้องโกก้ ข้ึนเลยพระ ทา่ นกเ็ ลยถามร้องอะไร เสอื น่ี
โอ๋ย ! ไม่เปน็ ไรละ่ ไปท�ำอะไรให้มนั ต่นื เต้นกไ็ มร่ ู้ กป็ วดหนักป๋ึงปง๋ั ออกมา มนั กค็ ำ� รามขน้ึ ท่ีนัน่
มันร้องเฉยๆ มันตน่ื ไมเ่ ป็นไรแหละ แตไ่ มไ่ ด้ถามถงึ ว่าไอ้ขีม้ ันทะลกั ออกหรอื เปล่า กำ� ลงั ปวดหนักๆ
ปึง๊ ปั๊งออกมา พอเสอื ปราบใหข้ ห้ี ายไปเลย ขบขนั ดี
ท่านไปทไ่ี หนตามนะเสือตวั นี้ ตามรักษาท่าน นู่นท่านไปจนกระทั่งแมฮ่ ่องสอน มันก็ตามไป
ตามไปน้นั หากไมท่ ำ� ไม ตามไป นี่อาจารย์ตอ้ื นะ อาจารยต์ ้ือนิสยั ตรงไปตรงมามาก เวลาทา่ น
มรณภาพแลว้ อฐั ขิ องท่านเป็นพระธาตุหมดนะ เหลืองอร่ามเราไปดแู ล้ว ไปดูอฐั ิของหลวงปู่ต้อื
อยู่ทบ่ี ้านข่า ทราบขา่ ววา่ อฐั ขิ องท่านกลายเปน็ พระธาตุเราจงึ ไปดู สำ� หรบั เรากบั ทา่ นน้ันเคารพกนั
มานานแล้ว คนุ้ กนั

• หลวงปู่ต้ือเป็นหนึ่งในโพธ์ิธรรมของท่านพระอาจารย์มั่น

หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม ท่านเป็นพระมหาเถระส�ำคัญองค์หนึ่ง เป็นพระศิษย์รุ่นอาวุโส
ของท่านพระอาจารย์ม่ัน ภูริทตฺโต ที่มีช่ือเสียงโด่งดังและได้รับการยกย่องอย่างสูงสุดองค์หน่ึง
ในคร้ังกึ่งพุทธกาลว่าเป็น “พระอรหันต์ที่เป็นเลิศในด้านฤทธิ์” รวมทั้งองค์หลวงตาพระมหาบัว
ได้ยกยอ่ งว่าเปน็ “โพธิ์ธรรมของท่านพระอาจารย์ม่นั ” ดังท่ี หลวงตาพระมหาบวั าณสมฺปนฺโน
ได้รจนาไว้ในหนงั สือประวตั ทิ า่ นพระอาจารยม์ ่ัน ภรู ิทตตฺ เถร ดังนี ้
“ท่านพระอาจารยม์ น่ั ทา่ นมคี วามรู้ ความสามารถ ประสาทธรรมให้แกค่ ณะลูกศิษย์
ฝ่ายพระเป็นตน้ โพธ์ติ ้นไทรข้ึนมาหลายองค์ ซึ่งเปน็ ประเภทที่ปลกู ให้เจริญเติบโตขนึ้ ยากอยา่ งย่ิง
เพราะเป็นประเภททช่ี อบมีอนั ตรายรอบด้าน ครอู าจารย์ที่เป็นลูกศษิ ยผ์ ้ใู หญท่ ่านยงั มีอย่หู ลายองค์
ท่ีระบนุ ามมาบา้ งแล้วตอนตน้ ก็มี คือ ท่านอาจารย์สงิ ห์ ท่านอาจารยม์ หาปน่ิ อบุ ลฯ ท่านอาจารย์
เทสก์ ท่าบ่อ หนองคาย ทา่ นอาจารย์ฝั้น สกลนคร ทา่ นอาจารย์ขาว วัดถ้ำ� กลองเพล อุดรฯ
ทา่ นอาจารยพ์ รหม บ้านดงเย็น อ.หนองหาน อดุ รฯ แตท่ ่านมรณภาพไปเมอ่ื เรว็ ๆ นี้ ทา่ นอาจารยล์ ี

396

วัดอโศการาม สมุทรปราการ ท่านอาจารยช์ อบ ท่านอาจารยห์ ลยุ จังหวดั เลย ท่านอาจารย์อ่อน
หนองบัวบาน ทา่ นอาจารยส์ มิ เชยี งใหม่ ทา่ นอาจารยต์ อื้ เชียงใหม่ ทา่ นอาจารย์กงมา สกลนคร
ที่หลงลมื จำ� ไม่ได้กย็ งั มีอยูม่ าก
ท่านอาจารยเ์ หลา่ น้ี ลว้ นเปน็ ผูม้ ีคุณธรรมในลกั ษณะต่างๆ กนั องค์หนง่ึ เดน่ ไปทางหนงึ่
อีกองค์หน่งึ เดน่ ไปทางหน่ึง รวมแล้วท่านเป็นผู้นา่ กราบไหวบ้ ชู าอย่างสนิทใจแทบทุกองค์ บางท่าน
มีช่ือเสยี งโด่งดงั มปี ระชาชน พระ เณร ร้จู กั มาก บางทา่ นกช็ อบเก็บตวั และชอบอยใู่ นทส่ี งัด
ตามอัธยาศัย บรรดาลกู ศิษยท์ า่ นพระอาจารยม์ ่นั บางท่านมีสมบัติมาก (คุณธรรม) แต่ไมม่ ีคน
ค่อยทราบกันก็มีอยู่หลายองค์ เพราะท่านชอบอยู่อย่างเงียบๆ ตามนิสัย นับว่าท่านสามารถ
ปลกู พระ ให้เป็นต้นโพธิ์ธรรม ได้มากกว่าทุกอาจารยใ์ นภาคอีสาน โพธ์ิ คือ ความรู้ความฉลาด
ถ้าเปน็ โพธขิ์ องพระพทุ ธเจ้าก็เรยี กวา่ ตรัสรู้ แต่เป็นอาจารย์กค็ วรเรียกตามฐานะหรอื ตามวสิ ัยป่า
ของผู้เขยี นวา่ โพธธิ์ รรม ซ่ึงรู้สกึ ถนัดใจ”

หลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร กล่าวว่า “หลวงปู่ต้ือนักเทศน์”

ในหนังสือท่ีระลึกหลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร วัดประชาชุมพลพัฒนาราม จังหวัดอุดรธานี
มีกล่าวถงึ หลวงป่ตู ้ือ ๒ เร่ือง นเ้ี ปน็ เรอ่ื งแรก มดี ังนี้
หลวงปู่อ่อนสา ท่านเคยกล่าวถึงหลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม พระอาจารย์รุ่นใหญ่ในสาย
พระกรรมฐานของท่านพระอาจารย์ม่ัน ภูริทตฺโต ซึ่งท่านมีความสนิทสนมและพูดถึงอยู่บ่อยๆ
อย่างอารมณ์ดวี ่า
“หลวงปู่ตื้อ เพ่นิ มักเทศน์ หลบั ตาเทศน์ เทศนจ์ นแม่ออกขี้แตกคาศาลา ยา่ นเพ่นิ บ่กล้า
ลุกไป บางเทือหลับตาเทศน์ ลมื ตาขนึ้ มาอีกที ญาตโิ ยมลกั หนลี งศาลาเบ่ดิ แลว้ ยงั แตห่ มาน้อย
๒ – ๓ โต นัง่ กระดิกหางอย่.ู ....”
(หลวงปู่ต้ือท่านชอบเทศน์ หลับตาเทศน์ เทศน์จนโยมผู้หญิงข้ีแตกคาศาลา กลัวท่าน
จนไม่กล้าลุกไป บางครง้ั หลับตาเทศน์ ลมื ตาขึ้นมาอีกที ญาตโิ ยมแอบหนีลงศาลากันไปหมดแล้ว
เหลือแต่หมาน้อย ๒ – ๓ ตวั น่ังกระดิกหางอย.ู่ ...)

397

หลวงปู่ต้ือเตะปากพระฝร่ัง

นี่เป็นอีกเรื่องหนึ่งท่ี หลวงปู่อ่อนสา ท่านเล่าให้ลูกศิษย์ฟังด้วยบรรยากาศอบอุ่นย่ิง
ยามเมอ่ื หลวงปูอ่ ่อนสา อยู่กับลกู ศษิ ย์ตามลำ� พัง หลวงปู่เป็นคนอารมณ์ดี ท่านเมตตาเล่าเรอื่ ง
หลวงปู่ตอื้ อจลธมฺโม ใหฟ้ งั ว่า
วนั หนง่ึ ขณะทห่ี ลวงปู่ต้ือออกรบั ญาตโิ ยมในตอนบ่าย ญาติโยมมาฟงั ธรรมกบั ทา่ นเปน็ ปกติ
วันน้ันมีนักบวชเป็นพระฝร่ังต่างศาสนามาเท่ียวกับเพื่อนที่เป็นคนไทย จึงได้เข้าไปฟังธรรมกับ
หลวงป่ตู อื้
หลวงปู่ต้ือเล่าใหห้ ลวงปูอ่ ่อนสาฟงั ว่า “ขณะทกี่ �ำลังเทศนเ์ ร่อื งอรยิ สจั ๔ ถึงหัวข้อสมุทยั
ต้นเหตแุ ห่งทุกข์ ซง่ึ ล้วนเกิดจากการปรงุ แตง่ ของจติ เปน็ หลกั โดยเฉพาะเร่อื งกาเมฯ ที่เปน็ ตัว
กอ่ ใหเ้ กดิ ทกุ ขอ์ ยา่ งเอกอุ เพราะไปตดิ ทร่ี ปู วา่ สวยวา่ งาม ไมไ่ ดพ้ จิ ารณาดว้ ยสติ เพราะทวี่ า่ สวยวา่ งาม
สุดท้ายก็ลงเอยท่ีเน่าเปื่อย และกลับสู่ธาตุท้ัง ๔ กายน้ีไม่ใช่ของเรา เราเพียงยืมกายน้ีอาศัย
อยเู่ พยี งชว่ งชีวิตหนง่ึ เท่าน้ัน....”
นกั บวชฝร่ังกถ็ ามหลวงป่ตู ือ้ แทรกขน้ึ มาว่า “แลว้ กายของหลวงปูน่ กี้ ไ็ มใ่ ช่ของหลวงปซู่ ิ ?”
หลวงปูก่ ต็ อบรบั วา่ “ไมใ่ ช่”
วา่ แล้วนกั บวชก็เอาไฟแช็คซปิ โปจ้ ดุ ป๊ับ จอ่ ไปท่ีหวั เขา่ หลวงปูต่ ื้อทันที !
ปาฏหิ ารยิ ก์ เ็ กดิ ขน้ึ เดยี๋ วนนั้ อยา่ งไมม่ ใี ครคาดคดิ ขาดา้ นทถ่ี กู ไฟจอ่ ดดี เขา้ ครง่ึ ปากครง่ึ จมกู
ของนักบวชฝร่ังอย่างแม่นย�ำ ผลัวะ ! นักบวชท่านน้ันหงายหลังผลึ่งต่อหน้าญาติโยม ณ ที่น้ัน
เลอื ดกลบปากกลบจมกู ! เมอ่ื ต้ังหลักได ้ ก็ตอ่ ว่าหลวงปู่ตอ้ื วา่
“อ้าว หลวงปู่เพิง่ บอกว่า กายนไี้ มใ่ ช่ของหลวงป ู่ แล้วมาเตะผมท�ำไม ?”
ดว้ ยปฏภิ าณท่านตอบวา่ “ก็เพราะกายนี้ไม่ใช่ของเรา เรากบ็ อกทา่ นแต่แรกแล้ว หากกายนี้
เปน็ ของเรา เราย่อมบังคับเขาได้ ไมใ่ ห้เนา่ ไม่ใหเ้ ปือ่ ย ไม่ให้เจบ็ ไม่ให้ปวด.... ไมใ่ หด้ ดี ถกู ทา่ นได้นี่
ทา่ นเอาไฟมาลนมัน มนั ร้อน มันก็ดีดเอาอย่างทเี่ ห็นน่ีแหละ เขา้ ใจไหม ?”
หลวงป่ตู ื้อบอกหลวงปู่อ่อนสาวา่ “โอ้ย ! ร้อน ขนขาไหม้หมด ใครจะไปทนไหว”

398

หลวงปู่ออ่ นสาท่านหัวเราะชอบใจ แล้วบอกลูกศิษยว์ ่า หลวงปู่ตอ้ื เปน็ พระท่ีมีฤทธ์ิมาก
หาใครจบั ไดย้ าก โดนทีไ่ หนไม่โดน มาโดนเอาเน้ือสัน (แขง้ ) ของหลวงป่ตู ื้อ ท่านตัวโตใหญ่ แข็งแรง
โดนเขา้ ไปไม่สลบก็นบั ว่าบญุ หลายแลว้

หลวงปู่เจ๊ียะ จุนฺโท พูดถึงหลวงปู่ตื้อ

หลวงปู่เจยี๊ ะ จนุ ฺโท แห่งสำ� นักวดั ป่าภูรทิ ัตตปฏปิ ทาราม อำ� เภอสามโคก จงั หวดั ปทุมธานี
เปน็ ศษิ ย์อาวุโสท่สี �ำคญั อกี องค์หน่ึงของหลวงปู่มัน่ ทา่ นไดอ้ ปุ ัฏฐากรับใชใ้ กล้ชิดหลวงปู่มนั่ และ
หลวงปู่ม่ันกเ็ อน็ ดูหลวงปเู่ จ๊ยี ะเหมือนลูกเหมอื นหลานทา่ นจริงๆ
ในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๐๙ – ๒๕๑๘ หลวงปู่เจยี๊ ะ พ�ำนกั จ�ำพรรษาที่ วัดเขาแกว้ อำ� เภอเมือง
จันทบุรี บา้ นเกิดของทา่ น ท่านได้ปฏิบัตพิ ฒั นาวัดแห่งนจี้ นเจรญิ รุ่งเรอื ง สร้างเสนาสนะบริบูรณ์
ทกุ อย่าง
ในปี พ.ศ. ๒๕๑๗ หลวงปเู่ จี๊ยะได้จดั งานท�ำบุญฉลองพระอุโบสถ โดยนมิ นต์หลวงป่ตู อ้ื
อจลธมฺโม มาเป็นประธาน และ พระกรรมฐานท้ังหลายได้มาร่วมงานเป็นจ�ำนวนมาก พระผ้ใู หญ่
กเ็ ชน่ หลวงปหู่ ลยุ จนฺทสาโร หลวงปูช่ อบ านสโม พระอาจารยว์ นั อุตฺตโม พระอาจารยจ์ วน
กลุ เชฏโฺ  พระอาจารย์สงิ หท์ อง ธมมฺ วโร เป็นตน้
เมอ่ื หลวงปูต่ ้อื มาพักทว่ี ัดเขาแก้ว ท่านจะสนทนาธรรมกบั หลวงปูเ่ จ๊ยี ะ เป็นเวลานานๆ
หลวงปู่เจ๊ยี ะจะแสดงกิรยิ านอบนอ้ มนา่ รักย่ิงนัก พดู จาว่า “ครบั ...ครบั ... ครูอาจารย์” ในเวลาพูด
กพ็ นมมือโดยตลอด
ขณะหลวงปตู่ อื้ พักท่ีวัดเขาแกว้ นนั้ มคี นมาถามปัญหาทา่ น บางปัญหาก็นา่ ข�ำ เชน่ มีโยม
คนหน่งึ กราบเรียนถามท่านวา่
“หลวงปคู่ รับ มุตโตทัย มนั เกิดทีไ่ หน ? หลวงป่รู ไู้ หม ? ”
“เฮ้ย ! รู้ๆๆ จากโคราชลงมาทางกรุงเทพฯ นม่ี ตุ โตไทย จากโคราชข้ึนไปทางอุดร ขอนแกน่
โน่น เปน็ มุตโตลาว !” ญาตโิ ยมหัวเราะกนั ครืน
แลว้ หลวงปูต่ อื้ ท่านกพ็ ดู วา่ “มีปัญหาอะไรถามมาเลย กนู ตี่ อบไดห้ มด ยง่ิ ปัญหาเปน็ พนั ๆ ปี
กย็ ิง่ ตอบได้ถนัด”

399

“โอ ! ขนาดนั้นเลยหรือครับหลวงปู่” โยมคนน้ันกล่าว โยมคนอื่นๆ มองหลวงปู่ตื้อ
นยั นต์ าสลอนเหมือนต๊กุ ตา
“เออซีวะ...กูตอบได้หมดปญั หาในโลกนี้ ยิง่ นานเปน็ พนั ปี ย่ิงตอบไดเ้ ตม็ ปากเตม็ ค�ำ”
“ทำ� ไมเปน็ อย่างง้นั ล่ะป่”ู โยมผูห้ ญงิ คนหนึง่ ถาม
“มันนานมาแล้ว ไม่มีคนไปรู้กับกูหรอก ไม่มีคนไปค้นได้ ไอ้คนที่ถามกู มันก็ไม่รู้เร่ือง
หรอกนะ”
หลวงปู่ตอ้ื ทา่ นวา่ อยา่ งนน้ั คนกย็ ่งิ หวั เราะกันครื้นเครง
มีโยมคนหน่ึงน่ังใกล้ๆ กับหลวงปู่เจี๊ยะ พูดกระซิบถามท่านว่า “ถ้าหลวงปู่ตื้ออยู่
ท่านหลวงตามหาบวั จะกล้าหยอกเล่นไหมครบั ?”
“อ้ยู ! ไม่กลา้ หรอก”
หลวงปเู่ จีย๊ ะ ตอบแบบเนน้ ปอ้ งปากแบบซุบซิบๆ

หลวงปู่มหาปราโมทย์ ปาโมชฺโช ถวายตัวเป็นศิษย์หลวงปู่ต้ือ

หลวงปู่มหาปราโมทย์ ปาโมชฺโช ท่านเป็นพระศิษย์ผู้ใหญ่ของหลวงปู่อ่อน าณสิริ
และ หลวงปู่ตอื้ อจลธมฺโม ทา่ นเป็นพระอรยิ ะสปุ ฏปิ ันโนองคห์ น่งึ ซง่ึ มศี ีลาจารวัตรอันงดงาม
เปน็ ทเ่ี คารพสักการะแกป่ ระชาชนโดยทั่วไป เปรียบประดจุ ชา้ งเผือกที่ซอ่ นองค์อยใู่ นป่าลึก ยนิ ดตี อ่
การเจรญิ ภาวนาเพื่อมุ่งหวงั ตอ่ พระวมิ ตุ ติธรรมโดยถ่ายเดียวเท่านนั้ ทา่ นไมย่ ดึ ติดกับสถานที่ และ
มกั จะเปล่ียนสถานท่จี ำ� พรรษาไปเร่อื ยๆ
หลวงปู่มหาปราโมทย์ ออกเท่ียวธุดงค์อยู่ตามป่าตามเขาในเขตจังหวัดเชียงใหม่ และ
เคยพักจำ� พรรษาท่ีวดั สันตธิ รรม วัดปา่ น�้ำรนิ ทา่ นได้มีโอกาสสนทนาธรรมกับหลวงปู่ชอบ านสโม
หลวงปู่แหวน สจุ ิณโฺ ณ หลวงปู่สมิ พทุ ธฺ าจาโร ฯลฯ ทา่ นได้ถวายตวั เปน็ ศษิ ย์เพ่ือศึกษาธรรมกบั
หลวงปตู่ อ้ื อจลธมโฺ ม โดยท่านได้รบั การยกยอ่ งในเรอื่ งการปฏบิ ัตภิ าวนาจากหลวงปูต่ ้ือ
หลวงปู่มหาปราโมทย์ ท่านได้อบรมธรรมและปฏิบัตธิ รรม เปน็ แบบอยา่ งอันดีแก่คณะศษิ ย์
อยู่ตลอดเวลา ทา่ นเป็นผทู้ ่ีชอบปฏิบัติ พดู น้อย มกั นอ้ ย สันโดษ สมถะ ไมช่ อบยินดีและไม่สะสม
ในขา้ วของเงินทอง มคี วามเมตตาธรรมสูง เปน็ ที่เคารพรักแก่ศษิ ยานศุ ิษยท์ ัง้ หลาย

400

ในปัจฉิมวยั ระยะ ๑๐ พรรษาสุดทา้ ย ทา่ นได้มาพักจำ� พรรษาที่วัดป่านิโครธาราม อ�ำเภอ
หนองวัวซอ จงั หวดั อดุ รธานี อันเปน็ วดั ของหลวงปูอ่ อ่ น าณสิริ ซงึ่ เปน็ ครบู าอาจารยอ์ กี องคห์ นง่ึ
ที่ท่านให้ความเคารพเทดิ ทูน หลังจากทีท่ า่ นได้ละขันธเ์ มือ่ วนั ท่ี ๑๘ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๔๘ และไดม้ ี
การถวายเพลิงศพท่านในวันท่ี ๑๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ต่อมาอฐั ขิ องท่านได้กลายเปน็ พระธาตุ

หลวงปู่ผาง ปริปุณฺโณ เคยธุดงค์และพักปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่ตื้อ

ตามชีวประวัติ หลวงปูผ่ าง ปริปณุ โฺ ณ วดั ประสิทธิธรรม บ้านดงเยน็ ตำ� บลดงเยน็ อำ� เภอ
บา้ นดงุ จงั หวัดอดุ รธานี บนั ทกึ ไว้ดังนี้
“พรรษาท่ี ๘ ปี พ.ศ. ๒๔๙๗ พกั จ�ำพรรษาทีป่ ่าบ้านเฮียด อำ� เภอเชียงดาว จงั หวดั เชยี งใหม่
หลวงปู่เลา่ วา่ เป็นหมบู่ า้ นเล็กๆ มี ๑๐ กวา่ หลังคาเรอื น มีพระจ�ำพรรษาดว้ ยกนั ทั้งหมด ๓ รูป
หลังจากออกพรรษาแล้วได้ไปกราบหลวงป่แู หวน สุจิณโฺ ณ วัดป่าบ้านปง อำ� เภอแม่แตง จงั หวดั
เชียงใหม่
พกั อยู่ระยะหน่งึ หลวงปชู่ อบได้มาพักทวี่ ัดป่าบ้านปง พกั อย่ดู ว้ ยกนั ไมน่ าน หลวงปชู่ อบ
ไดพ้ าหลวงปผู่ างไปทว่ี ดั ถำ้� ผาปลอ่ ง อำ� เภอเชยี งดาว จงั หวดั เชยี งใหม่ ไดพ้ บหลวงปสู่ มิ พทุ ธฺ าจาโร
หลวงปู่ต้ือ อจลธมฺโม และได้พักปฏิบัติธรรมร่วมกันท่ีวัดถ�้ำผาปล่อง หลังจากนั้นได้พบ
หลวงปหู่ ลุย จนทฺ สาโร ก็วิเวกมายังถ�้ำผาปล่อง
ตอ่ มา หลวงปชู่ อบ หลวงปูต่ ้ือ หลวงป่ผู าง ได้ออกธุดงค์กลับไปยังส�ำนักหลวงปู่ตือ้
วดั ปากทาง อ�ำเภอแม่แตง หลงั จากนนั้ หลวงปชู่ อบได้ปลีกวิเวกออกไปเพียงองคเ์ ดียว และ
หลวงปู่ผางได้พักปฏิบัติธรรมอยกู่ บั หลวงปตู่ ้ือจนหมดหนา้ แล้ง จนจะเข้าพรรษา และได้กราบลา
หลวงปตู่ อ้ื ออกวเิ วกองค์เดียวตามลำ� พัง”

หลวงปู่บุญจันทร์ จนฺทวโร ถวายตัวเป็นศิษย์

หลวงปบู่ ุญจนั ทร์ จนฺทวโร แหง่ วดั ถ�้ำผาผง้ึ อำ� เภอไชยปราการ จงั หวัดเชยี งใหม่ ท่านเปน็
พระธุดงคกรรมฐานศษิ ยส์ ายหลวงป่มู ่นั อีกองค์หนึง่ ท่ีไดเ้ ดนิ ทางธดุ งคข์ ้นึ ภาคเหนือ ทา่ นได้ถวายตัว
เป็นศิษย์และขออยู่จ�ำพรรษาอบรมปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่ต้ือ อจลธมฺโม ตามประวัติ
หลวงปู่บุญจันทร์ จนทฺ วโร บันทกึ ไวด้ ังนี้
“วันนข้ี บวนรถไฟจากลำ� ปางไปเชยี งใหม่ ไม่ไดฉ้ ันอาหาร เพราะเทวดาตาดีไม่มี ก็เลยฉนั
พทุ โธ พทุ โธ เรือ่ ยๆ จนถึงสถานีเชียงใหม่ พอรถจอดทสี่ ถานีแล้วถือเอาบรขิ ารลงรถไฟ กพ็ บกบั

401

หลวงปูส่ ิม ทา่ นจะไปล�ำปาง ท่านเหน็ ลงรถไฟ ท่านกเ็ ดนิ มาถามว่า “จะไปไหน” ก็เลยบอกท่าน
“ผมจะไปวัดสนั ติธรรม” ทา่ นเลยบอกเอาบริขารมาน่ี ทา่ นไปสง่ ขนึ้ รถสามลอ้ ทา่ นใหเ้ ด็กของทา่ น
จ่ายคา่ รถสามล้อ ให้บอกคนรถไปสง่ ทว่ี ดั สันติธรรม กเ็ ลยไดไ้ ปพกั อยูว่ ดั สันติธรรม
ตอนน้นั วดั สันตธิ รรมยงั สร้างใหม่ กฏุ เิ ปน็ กระตอ๊ บมงุ ใบตอง โบสถ์ยังไมไ่ ดส้ รา้ ง ถามถงึ
ทา่ นอาจารย์ พระทา่ นบอกว่าไปลำ� ปาง พักอยูว่ ัดสันตธิ รรมหลายวนั รอท่านอาจารย์กลับ ทา่ นก็
ยังไม่กลับ เลยถามอีกว่า “มีครูบาอาจารย์อยู่ท่ีไหนบ้าง” พระท่านก็บอกว่า “มีหลวงปู่ตื้อ
อยูอ่ ำ� เภอแมร่ มิ มหี ลวงป่แู หวน อยู่วดั ปา่ น้�ำริน หลวงปูช่ อบ อยูบ่ ้านยางผาแดน่ ”
มพี ระองคห์ นง่ึ สจุ ิต พกั อยทู่ ว่ี ัดสันติธรรม พดู คุยถูกนิสัยกนั เลยชวนกนั ไปหาหลวงปูต่ อ้ื
ท่ีอำ� เภอแม่รมิ เม่อื เดินทางไปถึงวัดป่าแม่รมิ (วัดปา่ ดาราภิรมย์) แล้ว กไ็ ปกราบนมสั การท่าน
ท่านก็ถามว่า “มาจากไหน” ก็กราบเรียนให้ท่านทราบ และกราบนมัสการถวายตัวเป็นลูกศิษย์
ขอจำ� พรรษากบั ท่าน ทีว่ ดั ป่าแมร่ ิม ในปี พ.ศ. ๒๔๙๓
เมอื่ อยกู่ บั ท่าน ปรากฏวา่ ท่านเทศน์เกง่ แนะนำ� พร่�ำสอนดี ในปนี ัน้ ทา่ นมกั จะเทศนเ์ ร่อื ง
ขนั ธ์ ๕ เทศน์เรอ่ื ง อายตนะ ๑๒ ธาตุ ๑๘ อินทรีย์ ๒๒ โพชฌงค์ ๗ มรรค ๘ ทา่ นยกหัวขอ้ ธรรม
ข้นึ มาแลว้ ท่านอธบิ าย”

หลวงปู่อุดม าณรโต เล่าเรื่องหลวงปู่ต้ือ

หลวงปู่อุดม าณรโต ท่านเลา่ วา่ หลวงปูต่ อ้ื อจลธมโฺ ม นนั้ ทา่ นจะเป็นพระท่เี ทศน์
ตรงไปตรงมามาก จนในบางครงั้ ดแู ลว้ อาจจะไมไ่ พเราะ แต่ทา่ นก็บอกว่า ผ้มู ปี ัญญากต็ อ้ งเลือกฟงั
ให้ถกู กบั จิตของตนเอง อนั ไหนดีก็นำ� มาปฏบิ ตั ใิ ห้ถกู กับจติ ของตน ในยามทีท่ า่ นเขา้ ไปนวดแขน
นวดขาให้กับหลวงปู่ต้ือนั้น หลวงปู่ต้ือท่านจะเทศน์ให้หลวงปู่อุดมฟัง หลวงปู่อุดมท่านเล่าว่า
จับจิตจับใจมากเลยทีเดียว ท�ำให้เกิดความเล่ือมใสในองค์ของหลวงปู่ตื้อมากมายยิ่งขึ้นเลยทีเดียว
องค์หลวงปู่ตอื้ น้ัน ท่านขดุ ดิน ฟนั ต้นไม้ ตน้ กลว้ ยได้ ซง่ึ จรงิ ๆ แล้ว สำ� หรับพระต้องปรับ
เปน็ อาบตั ิ สว่ นองคห์ ลวงป่ตู ื้อน้นั ท่านคงอยู่เหนือสมมุตไิ ปแลว้ เพราะในคราหนึ่ง หลวงปู่แหวน
สุจิณฺโณ วัดดอยแม่ปั๋ง ท่านห้ามหลวงปู่ตื้อไม่ให้ท�ำเช่นน้ี แต่หลวงปู่ตื้อกลับหันมากล่าวกับ
หลวงปู่แหวนว่า “ไม่ต้องมาสอนเฮา (เรา) หรอกน่า เฮาพน้ แล้ว” (จติ ของหลวงปู่ตอ้ื
ท่านหลดุ พน้ ไปแล้วนน่ั เอง)

402

หลวงปู่ลี กุสลธโร เทศน์หลวงปู่ต้ือไม่ห่างพุทโธ

หากพจิ ารณากใ็ หพ้ จิ ารณาอยเู่ ฉพาะในอัตภาพรา่ งกายน่ี ต้งั แต่พนื้ เทา้ ลงไปหาศรี ษะ และ
จากศรี ษะลงมาหาพ้นื เทา้ ค้นคิดอยู่นี่ อย่างทคี่ รบู าอาจารย์ทา่ นพาท�ำมา มีแตพ่ จิ ารณาเทา่ น้ี
มแี ต่เร่อื งใจน่ี คน้ เขา้ ไป... ถา้ หากจะอยู่ก็ใหอ้ ยกู่ ับพุทโธ ครบู าอาจารย์ทา่ นไมห่ ่างพทุ โธ อย่าง
หลวงปตู่ ื้อ ทา่ นเอาพทุ โธเลย เรอ่ื งอน่ื ไม่สนใจ พอจิตสงบมนั จะเห็นไปเอง เร่อื งผลมันเกดิ เอง
ถา้ มแี ตอ่ ยากได้ แต่ไม่ลงมอื ท�ำ กจ็ ะไมม่ ที างได้ จะได้อะไร... มนุษย์เรามีแต่เกิดมาสรา้ ง สรา้ ง
เอาท�ำเอา... สมบัติเหมือนกนั มนั เปน็ กลางอย่อู ยา่ งน้นั ไม่ว่าทางธรรมทางโลก มรรคผลนิพพาน
กเ็ หมือนกัน ถา้ หากจะมแี ต่กินแลว้ นอน กเ็ ป็นเรือ่ งของกเิ ลสมนั เอาไปกินละ่ อำ� นาจของกิเลสไมใ่ ช่
เรอื่ งเล่นๆ นะ

หลวงปู่หลวง กตปุญฺโ เคยร่วมธุดงค์กับหลวงปู่ต้ือ

หลวงปหู่ ลวง กตปญุ ฺโ ทา่ นเปน็ ญาตกิ บั หลวงปสู่ มิ พทุ ฺธาจาโร ทา่ นกเ็ ปน็ พระเถระ
อีกองค์หนง่ึ ซ่ึงเคยรว่ มเดนิ ธดุ งค์ทางภาคเหนอื กบั หลวงป่ตู อ้ื อจลธมโฺ ม และเมอ่ื หลวงปู่หลวง
สรา้ งวดั ป่าสำ� ราญนิวาส ข้นึ ท่อี ำ� เภอเกาะคา จังหวดั ล�ำปาง หลวงปู่ตื้อ ทา่ นก็ได้เมตตาไปพ�ำนัก
ดังน้ี
“คราวหนงึ่ หลวงปหู่ ลวงไดก้ ลบั จากการเดนิ ธดุ งคท์ างภาคเหนอื โดยไดแ้ ยกทางกบั หลวงปตู่ อ้ื
อจลธมฺโม ซึ่งแยกไปพักจ�ำพรรษาอยู่ที่ วัดป่าสามัคคีธรรม (ปัจจุบันคือ วัดป่าอาจารย์ต้ือ)
ท่านกลบั มาพร้อมกับ พระอาจารย์นอ้ ย สภุ โร เพอ่ื มาช่วยหลวงปแู่ ว่นสร้างวดั ป่าสำ� ราญนิวาส…
วดั ป่าส�ำราญนวิ าส เป็นวัดโดยสมบูรณ์เมอ่ื วนั ที่ ๑๘ กนั ยายน พ.ศ. ๒๔๙๓ และไดร้ ับ
พระราชทานวสิ งุ คามสมี า เมอ่ื วนั ท่ี ๒๔ กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๔๙๘ หลงั จากนน้ั จงึ คอ่ ยพฒั นารงุ่ เรอื งขนึ้
ตามลำ� ดบั โดยมหี ลวงปหู่ ลวง กตปญุ ฺโ เป็นประธานรบั ช่วงในการปกครองดแู ลวดั สบื ตอ่ มาจาก
หลวงปแู่ ว่น ธนปาโล
เมือ่ การสร้าง วัดปา่ สำ� ราญนิวาส ได้ส�ำเร็จพอเปน็ รูปรา่ งไดใ้ หมๆ่ น้ัน มีพอ่ แม่ครูอาจารย์
พระธุดงคกรรมฐานสายทา่ นพระอาจารยม์ ั่น ที่มีปฏิปทาน่าเคารพเล่ือมใสมาพ�ำนักอยู่เสมอ เชน่
หลวงปู่เทสก์ เทสฺรํสี หลวงปู่ชอบ านสโม ท่านพ่อลี ธมฺมธโร หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม
หลวงปสู่ ิม พทุ ฺธาจาโร หลวงปูเ่ หรยี ญ วรลาโภ หลวงปบู่ ุญจนั ทร์ จนทฺ วโร ฯลฯ”

403

เรื่องเล่าของหลวงปู่หนูบาล จนฺทปญฺโ
• หลวงปู่ต้ือท่านเก่งมาก

หลวงปูต่ ้อื ทา่ นเกง่ เพราะทา่ นเพิกถอนได้ ท่านไมย่ ึดไมต่ ดิ อะไร ใครมาหาท่าน มากนั กีค่ น
คนเหล่านั้นคดิ อยา่ งไร ท่านรู้หมด เขามาเล่าใหฟ้ งั วา่ หลวงปู่หนบู าลรู้วา่ เขาคิดอะไร เรือ่ งน้ีอาตมา
ยอมแพ้ การปฏิบตั ิใหร้ ถู้ งึ ขัน้ นนั้ มนั ตอ้ งถอดตอ้ งถอนใจตัวเองออกมาจากมานะ ทฏิ ฐิ ตณั หา
อปุ าทาน ให้ใจมันเปน็ ศีลเปน็ ฌานขน้ึ
“หลวงปู่ครับ ครบู าอาจารยท์ ี่ท่านพน้ แล้ว หมดกิเลสตณั หาแล้ว ทา่ นท�ำอะไรสักแต่ว่า
เปน็ กรรม อยากทราบวา่ จติ ใจของทา่ นอยอู่ ยา่ งไร คดิ อะไร คดิ อยา่ งไร ทำ� อยา่ งไร จงึ เชอื่ วา่ มเี วรกรรม
ไมป่ รุงแตง่ ”
“ท่านไม่ได้คิดอะไร ทา่ นอยู่กับอารมณ์ปัจจบุ นั เห็นทา่ นกร็ วู้ ่าเหน็ ไดย้ นิ ทา่ นกร็ วู้ ่าได้ยนิ
สักแต่วา่ รู้ สกั แตว่ ่าเหน็ ตามหี นา้ ท่ดี ู หมู ีหน้าท่ีฟัง เฉยๆ เหน็ แลว้ ได้ยินแล้วก็ไม่ได้คิดอะไร อยู่กับ
อารมณ์ปัจจบุ ัน ท�ำไมสิ่งที่ท่านสมั ผัสจงึ ขลัง เชน่ ของใช้ชานหมาก อะไรพวกน้ี เพราะจติ ของทา่ น
แนว่ แน่ ท่านไมไ่ ด้คิดอะไร แตถ่ ้านกึ จะให้เป็นอะไรอยา่ งไร กเ็ ปน็ ไปตามนั้น พลงั แฝงทม่ี ีอยใู่ น
สิง่ น้ันๆ เมอ่ื คนนิยมนับถือนำ� ไปไว้ตดิ ตัว นกึ จะให้เปน็ อย่างไรก็เป็นไปตามนัน้ แตถ่ า้ นกึ ในทางไมด่ ี
จะถงึ กาลวบิ ตั ิ ไมใ่ ชน่ ึกปรารถนาเชน่ ใดกไ็ ด้ทกุ อยา่ งนะ ต้องนึกในสิ่งที่ดจี ึงส�ำเร็จผล”

• เสือเช่ืองเป็นเพื่อน เพราะใช้วิชาเสือของหลวงปู่ต้ือ

ถงึ แมจ้ ะอยู่วัดป่าสันติธรรมถึง ๕ ปี แตใ่ นชว่ งออกพรรษา ท่าน (หลวงป่หู นูบาล) ก็มัก
ออกธดุ งคไ์ ปตามปา่ เขาลำ� เนาพฤกษ์ บางครัง้ กไ็ ปองคเ์ ดยี ว บางทกี ไ็ ปกับเพอ่ื น ๒ – ๓ องค์ มีอยู่
คร้ังหนง่ึ พระเพื่อนกันชักชวนให้ไปอย่ปู า่ แถวบ้านใกลบ้ ึงโขงหลง จึงไปกนั ๔ มี พระ ๒ เณร ๒
ป่าท่ีไปอยู่นั้นอยู่ใกล้ภูใกล้บึง มีกอไผ่เยอะ ก่อนหน้าท่ีจะไปอยู่ไม่ก่ีวัน เสือลายพาดกลอน
คาบหญิงแก่และเด็กสาวท่ีไปเลี้ยงควายในป่า กินหญิงแก่ไปขาหนึ่ง เขาฝังศพไว้แถวๆ ป่าไผ่
ส่วนหญงิ สาวไดร้ ับบาดเจ็บ เมือ่ ไปปกั กลดภาวนาอยูท่ ี่นั้น กแ็ ยกยา้ ยกนั อย่หู า่ งๆ กนั พระและเณร
๓ องค์ไปอยู่ด้วยกัน เขารู้ว่าตรงนัน้ มเี สอื เพ่งิ กินคนไปไมก่ ่วี นั และฝงั ศพไว้แถวนัน้ จึงพากนั หลีกไป
อยใู่ นทปี่ ลอดภัย กลางคืนกต็ กี องไฟไว้
หลวงปหู่ นูบาลทา่ นไม่สนใจเสือจงึ ปักกลดในบริเวณกอไผ่ เมอ่ื ปรบั ทแี่ ลว้ ก็ล้อมทน่ี งั่ ท่เี ดิน
จงกรมดว้ ยไม้ไผ่ ทัง้ น้ีเพอ่ื ปอ้ งกันวัวควายเข้ามากนิ จีวรทีต่ ากไว้ ไมไ่ ดล้ ้อมป้องกนั เสือ ทส่ี ุดทางเดิน

404

จงกรม ท่านตีกองไฟไว้ เพราะช่วงนน้ั เปน็ ฤดหู นาว เมื่อเดินจงกรมเหน่ือยแล้ว หลวงปหู่ นูบาล
จะมาน่งั ภาวนาใกลก้ องไฟ ถัดจากกองไฟกเ็ ป็นร้วั ไผด่ งั กลา่ ว คนื แรกน่ันเอง ขณะนัน้ ความมดื
กำ� ลังยา่ งเข้ามาปกคลุมไมน่ าน ท่านเดินจงกรมอยูก่ ็ไดย้ ินเสียงรอ้ งเหมอื นแมว ท่านยนื นิ่งฟงั วา่
เป็นเสียงอะไร เม่ือไม่เห็นอะไรก็เริ่มเดินจงกรมไปๆ มาๆ จนถึงที่สุดทางเดินด้านท่ีไม่มีไฟ
ก็หันหลังกลับ หลวงป่หู นูบาลว่าเข่าออ่ นหมด เจา้ ลายพาดกลอนน่งั เหมอื นหมาทีร่ ิมกองไฟนอกรว้ั
มันมองหลวงปหู่ นบู าลตาไมก่ ะพรบิ ความกลัวตายมนั วิ่งขึ้นเปน็ ก้อนจุกท่อี ก หายใจอดึ อดั ขดั ข้อง
ท่านพิจารณาดูวา่ นี่แหละคือความกลัวตาย ถ้าเราสู้ เราก็พน้ ตาย ถ้าไมส่ ู้ เราก็ต้องตาย เราจะส้โู ดย
ใช้คาถาพระพทุ ธเจ้า
แต่มานกึ ถึงค�ำสอนของหลวงปตู่ อื้ ท่านว่า “เจอเสอื อยา่ ออกนอกมุ้ง ห้ามรอ้ ง หา้ มภาวนา
หา้ มกำ� หนดจติ ใหด้ เู ฉยๆ เสอื มนั ไมก่ ล้าทำ� อะไรเรา ถ้าเรากลวั เราลนลาน เสอื จะตะปบเราเมือ่ น้ัน
ถา้ มันหนี มันจะควกั ดนิ ใสเ่ รา” นึกขึ้นดังน้นั จึงใชว้ ิชาของหลวงปตู่ ้อื ยนื จอ้ งดูมันเฉยๆ แตใ่ จก็
กลวั มันไมน่ ้อย ดูไปก็คิดไปปลงตกถึงความเป็นความตาย ความกลัวทั้งหลายเหลา่ นี้มนั รวมสดุ ยอด
อยู่ท่ีกลัวตาย แต่ความจริงแล้วเร่ืองตายก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัว เพราะในวัฏสงสารที่คล�ำหาต้น
หาปลายไมเ่ จอนี้
คนเราเกิดๆ ตายๆ มานับไม่ถ้วน พระพุทธเจา้ สอนว่า “ถ้าเอากองกระดูกของเราทเี่ กิดๆ
ตายๆ ในสังสารวฏั มากองซอ้ นสุมกนั มนั จะกองเป็นภูเขาเลากา” ดังน้นั ความตายก็ไมใ่ ชเ่ ร่อื ง
ที่น่ากลัว ไม่ตายวันน้ี มันก็ตายในวันหน้า ไม่มีใครที่ล่วงพ้นความตายได้ แล้วแต่ว่าจะตาย
ในรูปแบบไหน กับเสือตัวน้ีถ้ามีเวรคอยจองล้างจองผลาญกัน มันฆ่าเราตาย ถ้าไม่มีเวรต่อกัน
มันกไ็ ม่ฆ่าเรา ใยเราตอ้ งกลัวมัน ใยเราต้องกลวั ตาย ถ้าเราตาย เราก็มศี ลี มธี รรม ตายแล้วเรากไ็ ปดี
ไปเปน็ เทวดา เป็นพรหม เรามีความพรอ้ มทีจ่ ะตายแล้ว เราจะกลวั ตายไปใยกนั
เม่ือคดิ ไดด้ งั น้นั จึงไม่กลัว แล้วยืนมองมนั เฉยๆ มันกม็ องเรา จนทส่ี ุดมนั กล็ ุกขน้ึ มาเดิน
รอบรั้ว เดนิ เหน่อื ยมันก็นัง่ มอง ทีนหี้ ลวงปู่หนูบาลจึงเดินบา้ ง มันก็น่ังมองเรา แลว้ เดินไปมาอกี
เม่ือมนั จะไป ไดต้ ะกุยดนิ ใสเ่ รา เผน่ หนีเข้าปา่ ไผห่ ายไป หลวงป่หู นบู าลกน็ ่งั สมาธิต่อ
วนั ท่ี ๒ วันที่ ๓ กเ็ ปน็ อย่างเดิมอกี มนั มานัง่ ๆ เดนิ ๆ ดเู ราจงกรม พอจะไปตะกุยดนิ ใส่
แล้วเผน่ หนี พอคนื ท่ี ๔ ไดเ้ วลาเดิน มนั มาอีก คราวนีไ้ ม่สนใจแลว้ ไม่ดมู นั มันจะกินจริงหรือ
ปล่อยให้มันกินดูสิ จึงเดินจงกรม เหนื่อยก็น่ังภาวนาท่ีกองไฟ โดยหันหลังให้กองไฟ นั่งไปๆ
ก็ได้ยินเสยี งมันมาหยุดอยู่ใกลๆ้ แล้วเงยี บไป ได้แต่กลิ่น จึงหันไปมอง ปรากฏว่ามนั กผ็ งิ ไฟ หันหลัง
ใหก้ องไฟเช่นกัน หา่ งกนั ไม่ถงึ วา ต่างหันหน้ามามองกนั

405

เรามองดเู ขา เขามองดเู รา จงึ นกึ วา่ มนั ไมก่ ลวั เรา เราก็ไม่กลัวมัน จึงพูดขึ้นวา่ “เอ็งจะมา
หลอนให้ข้ากลัวท�ำไมว้า เอ็งเป็นเสือ เอ็งก็ไปท�ำมาหากินของเอ็งสิ ข้าก็อยู่ตามประสาของข้า
ขา้ เป็นพระ มีหน้าทปี่ ฏบิ ตั ธิ รรม น่ังสมาธภิ าวนา เอ็งเป็นเสือหาเนื้อหาหนังกนิ ของเอง็ ที่อ่นื สิ”
เสือมันได้ยินท่านพูดก็กระดิกหาง กะพริบตาเหมือนหมาเชื่องๆ ตัวหน่ึง ท่านเกิดใจกล้า
ขึ้นมาว่า เอ็งเชื่องขนาดนี้ ข้าจับเอ็งได้หรือเปล่าวะ ว่าแล้วท่านก็ลุกขึ้นเดินไปเอามือลูบหัวมัน
มนั กใ็ ห้ลูบแตโ่ ดยดี ทำ� ความคนุ้ เคยกนั พอสมควร ท่านก็กลับมานั่งภาวนาต่อ มนั นั่งผงิ ไฟพอสมควร
กล็ กุ เดินไปตามทางของมนั ตั้งแตว่ ันนน้ั มนั กม็ าหาทา่ นทกุ วนั กลายเปน็ เพ่ือนกนั ไป
จากเหตุการณ์คร้ังน้ัน ต่อมาเมื่อท่านกลับมาอยู่วัดป่าสันติธรรม หรือไปภาวนาน้ัน
มันจะมาเยย่ี มทา่ นเสมอเชน่ กัน จงึ กลายเป็นพระทีม่ ีเสือเปน็ บริวารตัง้ แต่นน้ั มา

• เรื่องพระในกรุเจดีย์เก่า

ต่อมาเมอื่ ทา่ น (หลวงปู่หนบู าล) ไปอยกู่ บั หลวงปู่ตอ้ื ท่เี ชียงใหม่ และเดนิ ธุดงค์ไปป่ากบั
สามเณรนอ้ ย คือคราวน้ันท่านเดินธุดงค์อย่แู ถวลำ� ปาง ได้รบั ข่าวหลวงปู่ไท ซ่งึ อยถู่ ้�ำผาไท ใกลก้ บั
ทางระหว่างล�ำปาง – งาว ว่า “ให้ไปอยู่กับหลวงปู่ต้ือที่แม่ริม” หลวงปู่หนูบาลจึงเรียก
สามเณรนอ้ ยอีก ๒ องค์วา่ ใครอยากไปกบั อาจารย์กไ็ ปด้วยกัน เณรน้อย ๒ องค์จึงตดิ ตามไปดว้ ย
ท่านเดินทางรอนแรมไปเรอ่ื ย พกั ภาวนาไปด้วยไมไ่ ดร้ บี รอ้ นอะไร ตอนน้นั หลวงปตู่ ้อื อยเู่ ชยี งดาว
ต้องเดินไปหาท่านท่ีนั่น จึงพาสามเณรเดินทางไปเชียงใหม่ ไปกราบพระบาทส่ีรอย จากนั้น
เดนิ ทางไปบ้านนาเลา ระหวา่ งเดินทางพบเจดยี เ์ ก่าแก่ เข้าไปส�ำรวจดกู พ็ บพระองคเ์ ล็กๆ เป็นดนิ ก็มี
ทองเหลอื งก็มี หล่นลงมาจากกรุ กเ็ กบ็ ใส่ยา่ มเอาไปใหห้ ลวงปู่ตอื้ ดู ทา่ นว่าดี กเ็ อาแจกพวกทหาร
ตำ� รวจหมดในกาลตอ่ มา

• เรื่องปฏิวัติยึดอ�ำนาจรัฐบาล

เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๐ ปนี ัน้ เขาปฏิวตั ิยึดอ�ำนาจรฐั บาล จอมพลสฤษด์ิ ธนะรัชต์ ท�ำการปฏวิ ตั ิ
ยึดอ�ำนาจจากจอมพล ป. พบิ ลู สงคราม และยดึ อำ� นาจตำ� รวจจากพลต�ำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์
เมือ่ หลวงปูห่ นบู าลไปถงึ เชียงใหม่ กอ็ ยู่วัดปา่ ดาราภริ มย์ หลังค่ายดารารศั มี ทหารจาก
ค่ายกาวิละ ยกก�ำลังไปล้อมค่ายดารารัศมีอันเป็นค่ายต�ำรวจตระเวนชายแดน ซึ่งเป็นลูกน้อง
พลต�ำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์ นายต�ำรวจหัวหน้าเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ต้ือ ได้ฟังค�ำแนะน�ำจาก
หลวงปตู่ ือ้ วา่ “ใหย้ อมเขา มนั เป็นนโยบายระดบั สูง ยอมเขาไปเดีย๋ วก็ดีเอง รบกนั ไปกแ็ พ้เขา ไมม่ ี

406

อะไรดขี น้ึ ” นายต�ำรวจผเู้ ปน็ หวั หนา้ จงึ โบกธงเขียวธงขาว ยินยอมแพ้ ไมม่ กี ารสูร้ บใหเ้ สียเลอื ดเน้อื

• ศิษย์ผู้ได้รับวิชาตะกรุด

“หลวงปูบ่ าลครบั เขียนตะกรดุ กีด่ อก ใช้ประโยชน์อะไรไดบ้ า้ ง”
“๓ ดอก ใช้ปอ้ งกนั เทา่ นัน้ แหละ ไม่มีคุณทางโชคลาภ หรอื เมตตามหานยิ มอะไร”
หลวงปตู่ ้ือท่านถ่ายทอดให้ มอี าตมาเท่านน้ั ท่ีไดม้ า ท่านไมไ่ ด้ถา่ ยทอดใหใ้ ครอกี ใชเ้ ขยี น
ลงในแผน่ ทองแดง ทำ� เปน็ เฉพาะรายไป ใครมาขอก็ท�ำให้ ไปเป็นทหาร ต�ำรวจกม็ ี ไปท�ำงาน
ตา่ งประเทศกม็ ี ไม่ไดท้ ำ� ไว้แจกจา่ ยโดยทัว่ ๆ ไป
“ประเภทใหโ้ ชคลาภน ่ี ทา่ นถา่ ยทอดให้ม้ยั ครับ”
“ไมไ่ ดใ้ ห้ไว้”
“ทำ� ใหย้ ิงไมอ่ อกนที่ ำ� ไดม้ ยั้ ครับ”
“จ�ำไม่คอ่ ยได ้ ถ้าจะตอ้ งภาวนาน้านนาน...”
เสยี่ เล่าว่า “ไดย้ ินหลวงปู่องค์หนงึ่ เล่าใหฟ้ ังวา่ หลวงปู่ตอื้ นเ่ี ก่งมาก ทา่ นหยบิ กอ้ นหนิ มา
ใหเ้ ขายงิ ลกู ปนื กระดกขนึ้ ฟา้ หมด เขามาขอของทยี่ งิ ไมอ่ อก ทา่ นเยยี่ วรดตอไม้ เขาเอามากย็ งิ ไมอ่ อก
ทา่ นใช้คาถาอาคม หรือพลังจติ ครับ”
“มนั ขลังอยแู่ ล้ว อำ� นาจกระแสจิต กำ� หนดให้มนั เปน็ มนั กเ็ ป็น ก�ำหนดให้มนั อยู่ มนั ก็อยู่
รถเรอื วิ่งไป ทา่ นบอกใหม้ ันหยุด มันกห็ ยดุ มนั สำ� เรจ็ ดว้ ยอำ� นาจกระแสจิต”

หลวงปู่ต้ือกล่าวถึงท่านพระอาจารย์ไท านุตฺตโม

ทา่ นพระอาจารยไ์ ท านตุ ฺตโม วัดเขาพุนก อำ� เภอปากท่อ จังหวดั ราชบรุ ี ท่านเปน็
หลานแท้ๆ และเป็นศิษย์ส�ำคัญของหลวงปู่ต้ือ อจลธมฺโม ท่ีได้รับการถ่ายทอดความเข้มขลัง
มาจากหลวงปตู่ อื้ ทั้งหมด จนหลวงปู่ตอื้ เคยกล่าวไว้วา่ “ต่อไป ไทจะแทนฉัน แต่จะอยู่ไมน่ านนกั ”
ท่านพระอาจารย์ไท เป็นพระปา่ กรรมฐานศิษยส์ ายทา่ นพระอาจารย์ม่ัน อกี องค์หนึ่ง
ทสี่ รา้ งบารมีเปน็ พระโพธิสตั ว์ ปรารถนาพทุ ธภูมเิ ป็นพระพุทธเจ้า ท่านจึงมบี ารมีมาก ท่านมัก
สงเคราะห์ชว่ ยเหลือญาติโยมผู้เจบ็ ปว่ ยตกทุกข์ไดย้ าก จงึ มลี ูกศษิ ยล์ ูกหามากมาย ทา่ นได้จัดสร้าง

407

วัตถุมงคลและไดอ้ ธษิ ฐานจิต วตั ถมุ งคลของท่านมนี ้อยรนุ่ นักและเขม้ ขลงั มาก ทา่ นเคยกลา่ วกบั
ลกู ศษิ ยใ์ กล้ชิดว่า “ของ (วตั ถมุ งคล) ถ้าไม่ได้ถึงทีส่ ดุ ข้าไมท่ �ำ” ท่านมีสหธรรมกิ ทเ่ี คยเดินธุดงค์
ด้วยกัน เชน่ หลวงป่สู ังข์ สงฺกิจโฺ จ หลวงป่ทู องอินทร์ กุสลจิตฺโต เปน็ ตน้
หลวงป่ตู อื้ กลา่ วถึงบารมขี องทา่ นพระอาจารย์ไทวา่ “ท่านไท บารมขี องท่านกนิ เป็ด
กินไก่” ซ่ึงหมายความว่า ท่านพระอาจารย์ไท เป็นพระโพธิสัตว์สร้างบารมีเป็นพระพุทธเจ้า
เปน็ พระทม่ี ีลาภสักการะมาก ปฏิปทาของท่านไมอ่ ดไม่อยาก แตกต่างจากปฏิปทาของหลวงปตู่ อื้
ซ่งึ เปน็ ปฏปิ ทาอดอยาก ท่านไปธดุ งคใ์ นป่าดงพงลกึ ซึ่งเป็นถ่นิ ทรุ กันดารยากล�ำบาก บิณฑบาต
หาอาหารขบฉันกย็ าก บางคร้ังต้องอดอาหารอย่หู ลายวัน จนเทวดามาช่ืนชมความอดทนของท่าน

ท่านพระอาจารย์ไท านุตฺตโม เทศน์ถึงหลวงปู่ต้ือ
• ภูมิพระนิพพาน

ความละเอียดของจติ ที่เปน็ พระนพิ พาน กเ็ คยไดฟ้ ังครบู าอาจารย์ หลวงป่ตู อ้ื อจลธมโฺ ม
เทศน์วา่ มนั ละเอียดขนาดไหน ละเอยี ดจนสามารถ แดดไม่เผา ฝนตกไมถ่ งึ มนั ละเอยี ดมาก
เรียกวา่ คลื่นพเิ ศษ ถ้าเป็นวิทยุ ถงึ ฟา้ ผ่ากไ็ ม่รบกวน ฟา้ รอ้ งกไ็ มม่ คี อ่ กมแี ค่ก เรยี กวา่ ท่ีกนั ทคี่ ุ้มกนั
อะไรมี อะไรมาก ถา้ วา่ ละเอียดถึงแดดกไ็ ม่ถูก ฝนกไ็ มถ่ กู
และถา้ หากว่าเป็นลักษณะน้ี พระนิพพานมนั จะเป็นเมืองหนึง่ ต่างหากหรือไม่ ไมใ่ ชเ่ มือง
จะว่าล่องลอยเหมือนกับดาวก็ถูก แต่ว่าเป็นภูมิอันหน่ึง เรียกว่า ภูมิพระนิพพาน เหมือนกับ
ภูมิเทวดา ภูมิจิตท่ัวๆ ไป เรียกว่าในธรรมะ ในธัมมจักฯ ว่า สังกัมปิ สัมปะกัมปิ สัมปะเวธิฯ
อัปปะมาโณ จะ โอฬาโร โอภาโส โลเก ปาตรุ ะโหสิ ในโลกนมี้ หี ้าหม่นื แสนโลก ไม่ใช่วา่ โลกมนุษย์
โลกเดียว มีหม่ืนแสนโลก
เมื่อพิจารณาดูในอาการของจิต เมื่อท�ำความสงบลงไปถึงขั้นหน่ึง มันก็เห็นภูมิๆ หน่ึง
ท�ำความละเอยี ดขน้ึ ไปอีก มันก็เหน็ ภูมิๆ หนึ่ง ทำ� ความละเอียดขน้ึ ไปอีก มันก็ภูมิๆ หนง่ึ
ภูมิเบ้ืองต้น หมายถึง ภูมิผีสางละเอียดขนาดหน่ึง ระดับละลมหายใจได้ก็พอจะเห็น
ถา้ หากว่าเรารวมลึกเข้าไปจนขนาดวางขันธ์ได้ก็เหน็ เทวดา พวกผไี ม่เหน็ ละ่ มนั ละเอยี ด ถ้าลกึ ข้นึ
ไปจนถงึ วางรปู วางนามนนั้ เหน็ ภูมผิ ู้อยู่ในฌาน ถา้ หากเข้าในโลกตุ ตรธรรมคงจะเหน็ พระนิพพาน
ค�ำว่า คงจะเห็น ผมกไ็ ด้รบั ค�ำบอกเลา่ คงจะเห็น เนือ่ งจากว่ามนั เทา่ เทียมกัน

408

• ครูบาอาจารย์ท่านให้เอาปรมัตถ์ตลอด

เหตนุ นั้ พวกเราทเี่ จริญเมตตาภาวนานี้ ใหย้ ้อนมาหาเหตใุ ห้มากๆ ใครจะรูอ้ ะไรกแ็ ล้วแต่
จะเหน็ อะไรก็แล้วแต่ จะเจออะไรก็แล้วแต่ ถ้าหากว่า ราคะ โทสะ โมหะ ยังมีประจำ� จติ เรายังละ
ไมไ่ ด้ อยา่ ถอื วา่ เราเกง่ อยา่ ไปลืมตวั อย่าไปสำ� คัญวา่ เราวิเศษ นกึ ว่าเรากระจอกๆ ตามธรรมเนยี ม
อนั นเี้ ปน็ หลกั การที่ครูบาอาจารย์ท่านย้�ำแลว้ ย้ำ� อีก ท่านสอนแลว้ สอนอกี
แต่บางทกี ็สงบนิดๆ หนอ่ ยๆ เขา้ จดุ เขา้ มุมอยู่บา้ ง กบ็ งั เอญิ ไปคน้ ควา้ ต�ำรับตำ� ราเพ่ิมเตมิ
โลกียมนุษย์ หากคนใดมีความจ�ำมาก มันก็ย่อมมีสติปัญญามากธรรมดา ถ้ามีหนังสือพิมพ์
มาสมั ภาษณ์ มอี ะไรฝอยฟงุ้ ใหญ่ อยากใหเ้ อารปู ตนเองไปตดิ หนงั สอื พมิ พบ์ า้ ง เหน็ คนมากอ็ ยากฝอย
อยากให้คนท้ังหลายรู้ว่า เรานี่เป็นผู้มีความรู้ อยากให้เราน่ีเป็นปรากฏตัวให้คนทั้งหลายรู้ว่า
เป็นผู้ได้ธรรม เปน็ ผ้ไู ดเ้ รียนธรรมแลว้ ลักษณะนเ้ี ป็นลกั ษณะเขา้ ใจผดิ
หลักครบู าอาจารย์นน้ั คนอ่นื จะรู้ หรอื คนอ่ืนจะไมร่ ู้ ทา่ นไม่เกี่ยว ท่านให้เอาปรมตั ถ์ตลอด
เหตนุ ้ันหลวงปตู่ อ้ื ทา่ นจงึ ว่า เมตตากต็ ัวนรก กรุณากต็ ัวนรก มุทิตาก็ตวั นรก อุเบกขาเป็นยอดสดุ
อันน้ปี รมตั ถธรรม แต่วา่ พูดถงึ โลกียะ ก็เรียกวา่ เปน็ พรหมวิหารมันกด็ ี

• ท่านพระอาจารย์ไทเล่าหลวงปู่ต้ือเทศน์ธรรมมหานาม

กาลนาคเจ้าตนหนงึ่ แต่สมัยกุกกุสันโธ มีพระ ๕๐๐ มีเณรนอ้ ยอยู่ ๕ องค์ ปฏบิ ตั คิ รบู า–
อาจารย์ องคล์ ะ ๑๐๐ องคท์ ่ี ๑ กต็ ายไป องคท์ ี่ ๒ กต็ ายไป องคท์ ่ี ๓ ก็ตายไป องคท์ ่ี ๔ ก็ตายไป
ผลสุดท้ายยงั เหลือองค์ท่ี ๕ เปน็ วา่ พระ ๕๐๐ ส่วนเณรนอ้ ยน้ันมีองค์เดียว ปฏิบัติพระท้ัง ๕๐๐
ทกุ อยา่ งขอ้ วัตรไม่ใหข้ าด ครบู าอาจารยก์ เ็ ลยบอกว่า เณร กจิ วัตรของทา่ นนี่ ดเี หลือเกิน
ของเณรนี่
เณรจะปรารถนาอะไรก็ปรารถนาเอาเถอะ
เณรองค์น้ันไม่คอ่ ยได้พกั ไดผ้ อ่ น มันหิวมนั เหน่ือย ผมขอปรารถนาเอานอนเถอะ แหม !
ไม่คอ่ ยจะได้นอน เดยี๋ วก็เคนนำ้� รอ้ นองคน์ นั้ เดย๋ี วก็เคนน้�ำรอ้ นองค์น้ี ผมปรารถนาเอานอนเถอะ
อาจารย์ ต่อมาเณรนั้นก็เลยตาย ไปเกดิ เป็นกาลนาค อยู่รากเขาพระสเุ มรุ นอน เพราะอธษิ ฐาน
เอานอน

409

พระพทุ ธเจ้ากุกกสุ นั โธ ส้ินศาสนา แลว้ กอ็ ายุยนื ต้งั ๘๐,๐๐๐ ปี วางศาสนาไว้ ๘๐,๐๐๐ ปี
เท่าอายุ
โกนาคมโน มาตรัสร้กู เ็ ส่ยี งถาดทองค�ำ ถาดทองค�ำไดไ้ ปซอ้ นกัน เป๊ง เณรก็ตนื่ ข้นึ พง่ึ ตนื่
แนม (มอง) พทุ ธเจา้ กุกกุสนั โธ พง่ึ นพิ พานไปไมก่ ี่วัน เอะ๊ ! วันนี้กโ็ กนาคมโนมาตรสั (ตรัสร)ู้
ซะแลว้ นอนตอ่ หลบั งีๆ้ ๆๆๆ..ตลอด อายยุ นื ๖๐,๐๐๐ ปี วางศาสนา ๖๐,๐๐๐ ปี เทา่ อายุ
อือ ! มนั กเ็ ปน็ ๑๒๐,๐๐๐ ปี
กสั สโป มาตรัส ถาดทองคำ� กซ็ ้อนกันอีก โอโ้ ถ ! พระพทุ ธเจา้ ท�ำไมตรัสร้ทู ุกวัน เม่อื วานนี้
โกนาคมโนตรัส วันนี้กัสสโปก็มาตรัสอีกแล้ว ก็นอนต่อ อายุยืน ๔๐,๐๐๐ ปี วางศาสนาไว้
๔๐,๐๐๐ ปี เท่าอายุ เปน็ ๘๐,๐๐๐ ปี
โคตมะของเรา ฉันข้าวนางสุชาดา เส่ียงถาดทองค�ำลงไปซ้อนกัน เป๊งอีก เม่ือวานนี้
กสั สโปมาตรัสรแู้ ล้ว โคตมะกม็ าตรัสอีกแล้ว แหม้ ! พุทธเจา้ ท�ำไมตรสั รทู้ ุกวนั ก็นอนต่อ ยงั นอน
อย่พู ้นื น�้ำ ยงั ไม่ตน่ื เนื่องจากอธษิ ฐานนอน
แต่วา่ หลวงปตู่ อื้ ทา่ นเทศน์บอกว่า อันนี้ทา่ นบอก มนั เปน็ ธรรมมหานาม (มหานามสูตร)
นาค นาค มันไม่ใช่คนอนื่ ตัวของเราท่ยี งั มีกเิ ลส มันยังนอนอยูใ่ นกอ้ นราคะ โทสะ โมหะ อนั นอ้ี ยู่
ในน�้ำอนั น้ี น้�ำกามนี้ทา่ นว่า น�้ำทว่ มปากทว่ มหัวมนั อยู่ แตพ่ ระพุทธเจา้ กกุ กสุ ันโธมาตรสั รู้ เรากไ็ ป
นิพพานกับทา่ นไม่ได้ ก็พอเพยี งว่าโกนาคมโนมาตรสั รู้ ก็พอเพียงตื่น เออ กเ็ พียงต่ืน กไ็ ปนพิ พาน
ของทา่ นไมไ่ ด้ กัสสโปมาตรัสรู้ ก็พอเพียงว่าตรัสรู้ เราก็ไปกบั ทา่ นไม่ได้ โคตมะมาตรสั รู้ เราก็ต่นื
แตพ่ วกเรากย็ งั ดอี ยู่ออกบวชตาม ก็ไปกับท่านไม่ได้ พอเพยี งต่ืนเฉยๆ มนั ไมใ่ ช่ได้ธรรมะ พอเพยี งต่ืน
ไมใ่ ชว่ า่ นาคตวั อ่นื นาคตวั นี้
คำ� วา่ ถาดทองคำ� น้ัน หมายถึง คำ� สอน ซ้อนกัน นะ ซอ้ น นะ โม ซ้อน โม
แต่พระพทุ ธเจ้าองค์ไหนมาตรสั รูก้ ็ นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพทุ ธสั สะ
ก็ พทุ ธัง สรณัง คจั ฉามิ ธัมมัง สรณงั ... น่ีละ่ แล้วก็ปาณาติปาตา เวรมณี องคไ์ หนมาตรสั รู้
ก็เหมอื นกัน มันตอ้ งศลี สมาธิ ปัญญา อยา่ งเดยี วกัน แต่ว่ามันแปลกตอนบรรยาย เทศน์สอนแตล่ ะ
บคุ คล

410

• ให้พิจารณาปารมี

ท่านพระอาจารย์ไท านตุ ฺตโม เทศน์เร่ืองพิจารณาปารมี โดยยกค�ำสอนของหลวงปู่ตื้อ
ดงั น้ี
“คำ� ว่า “พทุ โธๆ” เกดิ น้ัน มันเกดิ ขนึ้ ตรงไหน มันมาจากไหน พุทโธเกดิ เกิดขนึ้ จากจติ ท่พี ้น
จากอาสวะ มนั มาจากไหน มนั มาจากปารมธี รรมท่สี ร้างสม ได้แก่ ปารมี ๓๐ ทัศ ทีเ่ ราสวดเมอ่ื กน้ี ้ ี
สร้างได้ก่วี นั ได้ ๔ อสงไขย แสนก�ำไรมหากปั จงึ ไดม้ ามีปารมถี ึง จงึ ได้ธรรมะเป็นพระพุทธเจ้า
แต่ปารมนี ้ี ถา้ หากว่าเปรียบเทยี บเป็นคนธรรมดา เปน็ พระเจา้ พระสงฆ์อยา่ งเราๆ ท่านๆ
มันไม่ค่อยเหมือนกัน บางคนทานแกก่ ลา้ แตว่ ่าศีลไมค่ ่อยมี บางทา่ นก็ศีลแก่กลา้ แตข่ เ้ี หนียว
บางคนทานก็ไม่เอา ศีลกไ็ มเ่ อา เออ ! แตว่ า่ เปน็ ผมู้ ขี นั ตอิ ดทน บางคนอย่างอ่นื ไมม่ ี แต่วา่ ปัญญา
ปารมเี ป็นผเู้ ฉลียวฉลาดสอนผู้อืน่
เหตุนนั้ ก็บางคนกเ็ ปน็ ปารมี บางทา่ นกเ็ ป็นอปุ ปารมี บางท่านกเ็ ปน็ ปรมัตถปารมี ปรมัตถ์
มันก็ปรมัตถ์เป็นบางข้อ เหตุน้ัน ถ้าหากผู้อบรมมีอันน้ีมาพินิจพิจารณาในอารมณ์ของจิต
ลด เลือก (ทวน) เทียมเข้ามาพิจารณาในตัวแล้ว ผู้นั้นอยู่ที่ไหนก็ย่อมมีความสุข น่ังท่ีไหนก็ย่อมมี
ความสขุ เป็นคนหัวโลน้ ก็มีความสขุ เปน็ คนหวั ด�ำก็มีความสขุ
ทว่ี า่ มนั ไม่มคี วามสุขทกุ วันน้ี เนอ่ื งจากไมเ่ อาปารมีอนั นีม้ าพนิ ิจพิเคราะห์ เมอ่ื ไม่เอาปารมี
อันน้ีไม่มาพินิจพิเคราะห์แล้ว จิตใจก็เลยฟุ้งซ่าน ติกันบ้าง โจมตีกันบ้าง ให้คะแนนตนเองบ้าง
ใหโ้ ทษตนเองบ้าง
ถา้ หากพิจารณาดูแล้ว เอ้อ ! บุญของเรา ปารมขี องเรา ได้สรา้ งสมมาอยา่ งนี้ เรากพ็ ยายาม
มันอย่างนี้ ใหน้ ึกถึงแตบ่ ุญกรรมของเรา ขนาดน้มี นั กไ็ ม่มีอะไรที่จะขัดขอ้ ง ไม่มีอะไรท่จี ะเดอื ดร้อน
เหตนุ นั้ ครบู าอาจารย์ (หลวงป่ตู ้ือ) ท่านบอกวา่ “อยา่ ไปเข้าข้างเรา อยา่ ไปใหค้ ะแนน
ตนเอง” ถ้าผใู้ ดเขา้ ขา้ งเรา ใหค้ ะแนนตนเอง ผู้นัน้ จะโจมตีเพง่ เล็งสหธรรมกิ หรอื ใครคนใดคนหนงึ่
ในทางทีไ่ ม่ค่อยจะสวยจะงาม
มีอีกอยา่ งหนงึ่ วา่ “ดตู นเองไปในทางทแี่ งด่ ี ไปดทู ีอ่ ่นื คนอืน่ เป็นทางทแ่ี ง่ผดิ ” ลกั ษณะ
อาการเหลา่ นี้ มันจะแทรกข้นึ มาจากการใหค้ ะแนนตนเอง เหตนุ ัน้ เมือ่ รอู้ ยา่ งนี้ ท่านจึงใหพ้ ิจารณา
ปารมี อปุ ปารมี ปรมัตถปารมี บางคนก็ขั้นต�่ำ บางคนกข็ ้ันกลาง บางคนกข็ น้ั สูง อนั นเ้ี ป็นหลกั
วธิ ีการท่ใี หร้ ้จู กั ไมใ่ หท้ ะเลาะกบั โลก”

411

• อรหันต์หรือพระนิพพาน

ส่วนพระนิพพานเป็นอย่างไง ส่วนพระนิพพานน้ันมันเหนือภูมิโลก ไม่มีธาตุเกิดแก่
ไมม่ ธี าตเุ จบ็ ไมม่ ธี าตตุ าย ตวั ตายเปน็ ธาตขุ องโลกยี ะ ถา้ พดู ยอ่ ๆ แลว้ เปน็ ธาตขุ องกาม ตวั กามออกมา
เปน็ ขนั ธ์ ๕ เปน็ กระดกู เป็นเน้ือ เปน็ หนงั เปน็ มังสังทกุ อยา่ ง เมอ่ื ผ้ใู ดยังมีจิตสมั ผัสด้วยกาม
เรยี กว่ายงั หว่ งกามอยู่ เมอื่ ท้งิ ขนั ธ์ ๕ ไปแลว้ เมือ่ ผลสุดท้าย มนั ก็มาเข้าขนั ธ์ ๕ กค็ อื มากนิ น�้ำกาม
อย่างท่กี ล่าวมาแล้ว เจตภูตนน้ั เอง
หลวงปูต่ ือ้ ทา่ นบอกว่า “ธรรมดาทองค�ำและเงนิ มนั จะเกิดขนึ้ จากแรห่ นิ แร่ธาตุ เกดิ จาก
ธาตุหิน แรธ่ าตมุ ันจะมาเป็นเงินเปน็ ทอง เม่ือทองอนั น้ันเอาไปใสไ่ ม้ มันก็ไม่เขา้ กัน เอาไปใสเ่ หลก็
อยา่ งอ่นื มันกไ็ ม่เขา้ กัน เมือ่ ไปใสด่ ินใส่ธาตขุ องมัน มนั กไ็ ปตามดนิ เลื่อนลอยไปตามสถานท่ีต่างๆ
ถ้าหากว่านายช่างผู้ฉลาดเอาแรข่ องทองนั้นมาหล่อมาหลอม เป็นสายสรอ้ ยบ้าง เป็นต้มุ หู
บา้ ง เปน็ อะไรกแ็ ล้วแต่ อันนีไ้ ปทงิ้ เศษตรงไหน มนั กไ็ ม่เขา้ เนื่องจากว่าธาตขุ องมนั ตายซะแล้ว
กย็ ังเหลอื แต่เฉพาะตวั ทองบริสุทธ์ิ จติ ของคนทว่ั ๆ ไป ถา้ เอาจติ ออกจากธาตทุ ั้งหมด ยังเหลือแต่
ตวั จิตใสสะอาด เรียก พทุ โธ ธัมโม สงั โฆ เหมอื นทองบรสิ ุทธ์ อนั นน้ั แหละท่านวา่ อรหนั ตห์ รอื
พระนิพพาน” ท่านว่าอย่างน้ัน “ถ้าหากว่าผู้ใดยังไม่ได้ค้น เร่ืองปฏิสนธิธาตุ ปฏิสนธิจิต
ปฏิสนธวิ ญิ ญาณ ยงั คาคน ถ้าหากจิตดีแล้ว จงพยายามคน้ ปฏสิ นธธิ าตุ ปฏิสนธิจติ ปฏสิ นธิวญิ ญาณ
นีใ้ ห้แตกนะ” ท่านกว็ ่าอย่างนน้ั

• สัจจญาณของหลวงปู่มั่น

สัจจญาณ ตั้งสัจจะ ว่าจะให้มันอยู่ ให้มันนิ่ง กี่วันก็ได้ กี่นาทีก็ได้ อย่างหลวงปู่ตื้อ
เล่าให้ฟัง หลวงปูม่ น่ั นั่งเขา้ ฌาน ๗ วนั ๗ คืน จึงออกไปบิณฑบาต ช่วงระยะ ๗ วนั ๗ คืนนัน้
ไม่ฉนั ขา้ วฉนั ปลา ไม่ไปถา่ ยอจุ จาระ ปสั สาวะ เฉย นงิ่ ไม่โค่นลม้ ตน่ื ขึ้นมาเมอ่ื เวลาไดเ้ วลาก็
ออกไปบิณฑบาตธรรมดา จะไม่เมอ่ื ย ไม่เหน่อื ย ไมเ่ พลยี ไมห่ วิ นั่นแหละสจั จญาณ
ตง้ั สัจจะว่าจะอยกู่ อ็ ยูไ่ ด้ คือ จิตท่านมญี าณ มีญาณเปน็ ที่อยู่ ถา้ อยา่ งเราละ่ ก็ไมต่ ้องไป
สจั จะอยา่ งนน้ั หรอก ไม่ต้องไปถงึ ๗ วัน จากนี้ไปถึงวันพรุ่งน้ี ตอนเชา้ ก็สงสยั ไดค้ ลานหลายองค์
เผลอๆ อาจจะไม่บิณฑบาต เซลม้ จติ พวกเรามนั มีกิเลสเป็นที่อยู่ จติ พวกเรามันไม่มฌี านมีญาณ
เหมอื นครูบาอาจารยร์ นุ่ ปรู่ ่นุ ตาทท่ี า่ นสำ� เรจ็ เมอ่ื ไดจ้ ดุ น้แี ล้วโคตระ โคตรภูญาณ ก็คือรโู้ คตรของ
ตณั หา รูปโคตร เวทนาโคตร สญั ญาโคตร สังขารโคตร วิญญาณโคตร

412

• ดีแต่ธรรมเนียม

ท่านจงึ ให้เอาทางเดนิ ของจติ สจั จญาณ อนโุ ลมญาณ ตัง้ สจั จะให้มันนง่ิ ตั้งสัจจะให้มนั รวม
ต้งั สัจจะใหม้ นั เยน็ จะเวลาไหนกไ็ ด้ อยู่ทไ่ี หนก็ได้ ขอให้รวม ขอใหเ้ ย็น ส่งิ ท่วี า่ ท�ำไมใ่ หร้ วม
ท�ำไมใ่ ห้เยน็ ทำ� ไมใ่ หม้ นั รอ้ น ทำ� ไมใ่ หม้ นั หนาว ทำ� ไมใ่ ห้มันเคืองน้ัน เน่อื งจากเอาจติ ใจของเราน้ัน
ไปหน่วงเหนี่ยวเอาอารมณ์เหล่านั้นมาเป็นเจ้าของหัวใจ หรือสร้างอารมณ์อันนั้นให้เกิดให้มีข้ึน
ในจิต ผลสดุ ทา้ ยก็น่งั พุทโธมนั กย็ ังไม่เปน็ พุทโธ นง่ั ธัมโมมันกไ็ ม่เป็นธัมโม นงั่ สังโฆมันกไ็ ม่เปน็ สงั โฆ
คิดเรอื่ งนัน้ คิดเรื่องน้ี คิดไปคิดมาเจบ็ หลงั เจบ็ เอวแลว้ กน็ อน ผลสุดทา้ ยกพ็ ุทโธใหม่อกี วนั ใหม่
มนั กย็ ังดอี ยูเ่ อาตามธรรมเนียมไว้
เหมือนอย่างหลวงปู่ตื้อพูด ดีสะพายบาตรเอาธรรมเนียม เป็นกรรมฐานเอาธรรมเนียม
ภาวนาเอาธรรมเนยี ม ดีอยู่ท่านว่าอย่างนั้น ดกี ็ดแี ตธ่ รรมเนียม ถา้ หากว่าลึกเข้าไป พ้นเหนอื จาก
ธรรมเนยี ม อนั นไ้ี ดแ้ ก ่ เขา้ สจู่ ุดอรโิ ย หรอื พูดงา่ ยๆ ว่าอรหันต์

• เร่ืองวิญญาณ

เหตุน้นั พวกเราท่ีสวดมนต์สวดพรตา่ งๆ ทอี่ าราธนา สคเฺ คฯ เทวดา
สมนฺตา จกกฺ วาเฬสุ ขอเทวดาในจักรวาลใหม้ า จกกฺ วาเฬสุ ศริ สิ ิขรตเฏ ในต้นไม้ ภูเขา
ก็มา จกฺกวาเฬ นี่ จักรวาลขอให้มา ขอให้มาเป็นสิริมงคล ธมฺมสฺสวนกาโล อยมฺภทนฺตา
ธมฺมสฺสวนกาโล อยมภฺ ทนฺตาฯ กข็ อมาเป็นสริ มิ งคล การอาราธนาเชญิ เอาวญิ ญาณผูท้ ศ่ี กั ดสิ์ ิทธ์ิ
มีฤทธิม์ อี ำ� นาจนี่
ส่วนวญิ ญาณกระจอกๆ มนั ไมม่ าหรอก เนื่องจากวา่ มันกไ็ ปอยตู่ ามกรรม ตามสมัย ไมร่ ูบ้ ุญ
ไม่รบู้ าป ไปอย่ทู ี่ไหน มันกพ็ อใจทอี่ ย่ขู องมนั ไปเรอ่ื ย มนั ก็ทนทกุ ขท์ รมานอยู่ วญิ ญาณตา่ งๆ นี้
ท่าน (หลวงปู่ตื้อ) บอกว่า “ตุ๊หลวงให้ดูดีๆ นะ บางทีบางดวงวิญญาณ มันไม่ได้ท�ำบุญ
ทำ� กศุ ล มาแย่งข้ีกินก็ม”ี ทา่ นว่าอย่างนน้ั ก็พจิ ารณาดอู ยา่ งท่านว่า บางทีไม่ใช่มีวิญญาณหมานะ
คนธรรมดาเรานี่แหละ ตายไปแล้วที่ไม่ได้สร้างบุญสร้างกุศล หิวมาก ขี้ก็กิน กินขี้ในถานก็มี
โดยเฉพาะอย่างย่งิ ขหี้ มาผสมหมากด็ ี ขคี้ นผสมคนกด็ ี เจตภูตพวกปราศจากฤทธ์ิน่ี มันยินดีในกาม
ไปหากนิ น้ำ� กามเป็นแถว เปน็ ฝูงเลย ถงึ ขนาดนัน้
แต่ว่าเรารู้วิญญาณอย่างน้ี มันจะได้มรรคได้ผลยังไง ท�ำไมพูดกันแล้วพูดกันอีก
เรื่องวิญญาณ ผมสงสัย คือว่ามรรคผลน้ันมันไม่ได้อยู่กับวิญญาณ มันข้ึนอยู่กับภูมิของจิตท่ี
เอาใจออกจาก ราคะ โทสะ เอาออกจากโมหะ เม่ือจิตใสสะอาด ปราศจากมลทนิ แล้วก็ร้จู ักวญิ ญาณ

413

ละเอียดเรียบร้อยท้ังหมด ถ้าใสว่าเพียงไม่พอก็รู้เป็นบางครั้งบางคราว อันน้ีเป็นส่ิงที่ประกอบ
เปน็ ความรขู้ องจิต เกิดจากภาคปฏิบัติ

ท่านพระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต เทศน์ถึงหลวงปู่ตื้อ
• พัฒนาการทางจิต

(ถาม–ตอบ ปัญหาธรรม ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๒)
โยม : ไปถำ้� พระภวู วั วนั ท่ี ๑๐ ทีผ่ ่านมามไี ปงานฉลองพิพธิ ภัณฑเ์ จดยี ห์ ลวงปูต่ ื้อ ท่นี ครพนม
ก็เลยถอื โอกาสไป
หลวงพอ่ : เขาฉลอง เขาเปดิ เจดยี แ์ ล้วหรอื เจดียห์ ลวงปู่ต้อื เขาเปดิ แลว้ หรือ
โยม : (เสียงพูดไม่ชดั เจน)
หลวงพ่อ : เขาสร้างไง เรารอู้ ยู่ เพราะหลวงตา (หลวงตาพระมหาบัว าณสมปฺ นฺโน)
พูดถึงบอ่ ย หลวงตาท่านบอกไปดูหลวงปู่ตอื้ เพราะอะไร เพราะเวลาหลวงตานน่ี ะ ท่านอยูก่ บั
หลวงปมู่ ัน่ แลว้ พระองคไ์ หนกลบั ไปกราบหลวงปู่มั่น แล้วหลวงปู่มนั่ รบั อย่างไร หลวงตาตอนนน้ั
พรรษาทา่ นนอ้ ยกวา่ แลว้ ท่านสงั เกตมาก แล้วหลวงปู่ตอื้ ไป โอโ้ ฮ ! หลวงปมู่ นั่ นี่ เพราะอย่างทว่ี า่
มนั อยู่ท่จี รติ ไง เพราะตอนทอี่ ยทู่ ่ีถำ�้ เชยี งดาว พอหลวงปมู่ ่นั ทา่ นชราภาพแล้ว ไม่ใชช่ ราภาพมาก
แตก่ อ็ าย ุ ๗๐ – ๘๐ แล้ว ตอนน้ัน ๗๐ ทา่ นน่งั สมาธิ ท่านจะเหน็ อะไรเปน็ นมิ ิต
แลว้ ถ้าเปน็ ปกติ อย่างเชน่ หลวงป่ฝู ้ัน ท่านอยทู่ ี่วดั ป่าภธู รพิทักษ์ วันน้นั กลางคนื จิตมัน
สง่ ออก มนั เหน็ จติ มันไปเหน็ เปน็ ลูกมะละกอในสวน เช้าขน้ึ มาไปดจู รงิ หรอื เปลา่ ชัดเจนแดงแจเ๋ ลย
ลูกมะละกอ หลวงปู่มั่นกเ็ หมอื นกนั ท่านเห็นของทา่ นนะ
อยา่ งที่หลวงตาทา่ นเขยี นในประวตั หิ ลวงปูม่ น่ั ทีถ่ �้ำเชยี งดาวหน้าผาตัดขา้ งบน พระปัจเจก-
พุทธเจ้ามานิพพาน ๓ องค์ แลว้ หลวงปมู่ นั่ ท่านเหน็ ของท่านหมด อย่างเชน่ ในถ�้ำเปน็ อยา่ งไรแลว้
ให้หลวงปตู่ ้อื พสิ จู น์ องคอ์ ื่นไมเ่ ขม้ แขง็ อย่างน้นั ไง หลวงปูต่ ือ้ ท่านกม็ ีกำ� ลงั ใจของทา่ น เพราะเรา
เช่ือมน่ั วา่ สมัยทหี่ ลวงปตู่ ื้ออยเู่ ชียงใหม่ หลวงปตู่ ้ืออยา่ งนอ้ ยต้องเปน็ พระอริยบุคคลอยแู่ ลว้
ผู้ที่มีอริยบุคคลจิตใจจะเข้มแข็งอยู่แล้ว จิตใจมันอยู่ในสัจจะความจริง ทีนี้หลวงปู่ม่ัน
บารมที ่านมากกว่า เพราะทา่ นปรารถนาพระโพธิสตั ว์มา ทีน้ีทา่ นจะสัมผสั เรื่องนไ้ี ด้ง่าย เวลาท่วี ่า
อย่างเวลาทา่ นปฏบิ ัติไปท่วี า่ พระพทุ ธเจา้ มาเยย่ี มมาอะไรน ี่ พอออกมาแล้วทางวทิ ยาศาสตร์

414

ทางวทิ ยาศาสตรเ์ ชื่อไม่ได้วา่ นพิ พานแล้วตอ้ งไมม่ ี ถา้ นิพพานไม่มี นิพพานก็สญู เปล่าสิ
นพิ พานมี แตม่ แี บบนพิ พาน แตเ่ ขาไมเ่ ขา้ ใจว่า นิพพานคือนิพพานอยา่ งไร ทีนี้พอหลวงปู่ม่ัน
ไปเห็นอะไรปบั๊ หลวงปูต่ ือ้ ไปดู
ทีนี้พอหลวงปู่ม่ันกลับมาที่หนองผือ เวลาหลวงปู่ตื้อท่านมาเยี่ยมมาอะไร เพราะนิสัย
องอาจไง เวลาแจกอาหารทุกคนก็ตอ้ งอย่ใู น.. โห ! กลัวผิด – ถูก เพราะไอ้นี่คอื กรอบ ถา้ พดู ถงึ
พวกเราออกจากกรอบแลว้ พวกเรากจ็ ะไปตามอำ� นาจของกเิ ลส
ทนี ีก้ รอบทผี่ ิด ถ้าไปผดิ ท่ีหลวงปู่มน่ั หลวงปูม่ ่นั ทา่ นเอาเต็มทเ่ี ลย ท่านจะวางกรอบกตกิ า
สำ� หรบั วงกรรมฐานในประเทศไทย ทนี ีเ้ วลาหลวงปู่ต้อื มา เวลาแจกอาหารอยู่ หลวงปู่ตอ้ื ฉนั เลย
หลวงปมู่ นั่ ถาม
“ตอ้ื ทำ� ไมทำ� อยา่ งน้ัน”
“ก็ผมหวิ ”
นี่ไงทเ่ี ราพดู เห็นไหม พระอรหันต์ ถึงบอกวา่ หวิ กก็ ิน ร้อนก็อาบน้�ำ แตพ่ ระอรหนั ตน์ ะ
ไม่ใช่พวกเรา ถ้าพวกเรานะ เพราะอะไร เพราะใจไมไ่ ด้เป็นอยา่ งน้นั ไม่รู้จกั หิวโดยกเิ ลสหวิ
แต่พระอรหนั ตห์ ิว ธาตขุ ันธม์ ันหวิ กิเลสไมไ่ ด้หวิ ด้วย
ท่านกินด้วยความสะอาดบริสุทธ์ิไง หลวงปู่มั่นก็เลยปล่อย แล้วหลวงปู่มั่นก็เลยบอก
กับพระ บอกวา่
“ใครอยา่ เอาแบบอย่างทา่ นต้ือนะ”
ท่านตอ้ื ประสาเราเรยี กวา่ ทา่ นพ้นไปแลว้ ใช่ไหม ไอพ้ วกปฏบิ ัติอยู่ เอาอยา่ งน้ีไมไ่ ดน้ ะ
แตถ่ า้ เปน็ องคอ์ น่ื ทา่ นไมย่ อม ทา่ นไมใ่ หห้ รอก เพราะอะไร มนั เปน็ แบบอยา่ งทไ่ี มด่ ี หลวงตาทา่ นเหน็
หลวงตาทา่ นจะสังเกตตรงนี้ ตรงทว่ี ่าใครไปหาหลวงปู่มัน่ เพราะตอนนนั้ หลวงตาทา่ นยังไม่ส้ิน
คนไม่ส้นิ มนั ยังดูไม่รอบ ใครไปหาหลวงปู่ม่ัน
หลวงปู่ม่ันเป็นพระอรหันต์ เป็นอาจารย์ เวลาต้อนรับใคร องค์น้ันต้องมีอะไรพิเศษ
พอพิเศษทา่ นจะเก็บขอ้ มลู ไว้ หลวงตาท่านเลา่ ใหฟ้ งั พอเวลาหลวงปู่ตอื้ ท่านไปสรา้ งวดั นั่นแหละ
หลวงตาไปเยี่ยมไง มหามาเหรอ มหาฟังเทศน์นะ เทศน์หลวงปู่ต้ือ เต็มท่ีเลย ของจริง
แลว้ หลวงตาท่านบอกวา่ เทศนห์ ลวงปตู่ อ้ื เป็นยอดธรรมะ ! เปน็ ยอดธรรมะ !

415

ยอดธรรมะเพราะอะไร เพราะเวลาคนเกดิ มา มนั เกดิ มาจากอวัยวะเพศทง้ั นั้นระหวา่ งหญงิ
กับชาย แลว้ เวลาหลวงปตู่ ้อื ท่านเทศน์ตรงน้อี ยา่ งเดยี วไมไ่ ปทอ่ี น่ื ไมไ่ ปท่ีอืน่ เลย ประวัตินรี้ �่ำลอื มาก
จะเรอื่ งอวยั วะเพศสองฝา่ ยเทา่ นนั้ ไมไ่ ปทอี่ นื่ เลย แลว้ ยำ�้ แลว้ ยำ้� เลา่ แลว้ พดู ชดั เจน พดู แบบลกู ทงุ่ เลย
หลวงตาท่านบอกว่า “ยอดธรรม”
แต่พวกเราฟังกันนะ ย่ิงมารยาทสังคมฟังไม่ได้เลย หาว่าพระองค์น้ีพูดจาไม่ไพเราะ
แต่หลวงตาบอกยอดธรรม เพราะอะไรรไู้ หม เพราะจิตใจมน่ั คง จิตใจกล้าหาญ จติ ใจกล้าแสดงออก
โดยตามความเปน็ จรงิ ไม่ใช่ว่าข้อเทจ็ จรงิ มนั เปน็ อยา่ งน้ัน แต่พดู ไปเลียบๆ เคยี งๆ ไม่กลา้ เขา้ สู่
จดุ ความเป็นจรงิ ของการเกิดภพชาติ

• นั่งตลอดรุ่ง

(ถาม–ตอบ ปัญหาธรรม ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๒)
อยา่ งเช่นเรานง่ั นี่ โดยวิทยาศาสตรเ์ ห็นไหม พวกเรานง่ั กนั แล้วน่ี ทางหมอจะบอกเลยนะ
มันทบั เส้น เลอื ดลมมนั ไม่เดิน มนั จะปวด อนั น้นั เราไปคิดเปน็ วิทยาศาสตร์นะ เราใจออ่ นแลว้ เราสู้
ไม่ได้หรอก แต่ถ้าเราคดิ เป็นธรรมะนะ เรารักษาใจของเรา รา่ งกายคือเปน็ อยา่ งนี้
ครูบาอาจารยน์ ะ่ หลวงปูต่ ้ือนั่งที ๗ วัน ๗ คนื
๗ วัน ๗ คนื เลยนะ ไมม่ ใี ครทำ� ได้ หลวงปู่ตอ้ื น่ีทำ� ประวตั ิไว้ อยูใ่ นประวัตหิ ลวงปมู่ น่ั
นั่งทีหน่งึ ๗ วนั ๗ คนื คนนั่งอยู่ ๗ วนั ๗ คนื นีร่ ่างกายเลอื ดลมมันจะเดินไหม ไม่พกิ ารไป
แล้วเหรอ หลวงปู่ต้ือท่านไม่เหน็ เป็นไรเลย
แล้วบอกว่า ถ้าจิตมันถอนมาจากร่างกายน่ีมันจะเป็นอิสระของมัน ไม่เก่ียวกับร่างกาย
แตข่ ณะทีเ่ ราลกุ ขึ้นมาแล้วเส้นมนั พลิกอะไรน่ี มันเป็นอบุ ตั ิเหตไุ ด้ ถา้ เป็นอุบตั เิ หตุหรอื มนั เปน็ เรอ่ื ง
ของร่างกายท่เี จ็บไข้ได้ป่วย

• มรรคญาณ

(๖ กรกฎาคม ๒๕๕๒)
ในสมัยพุทธกาลนะ พระอรหันต์เวลาส�ำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว มีความวิตกขึ้นมาว่า
เราเปน็ พระอรหันต์แลว้ จะตอ้ งลงอโุ บสถหรือเปลา่ ?

416

พระพทุ ธเจา้ มาดว้ ยฤทธเิ์ ลย “ถา้ เธอไมล่ งอโุ บสถ แลว้ พระทว่ั ไปเขาจะมหี ลกั มเี กณฑไ์ ดอ้ ยา่ งไร”
แมแ้ ตเ่ ป็นพระอรหันต์ก็ยังลงอโุ บสถ เหน็ ไหม เราเหน็ ความเป็นอยจู่ ากข้างนอก เราไมร่ ู้
หรอกวา่ องคไ์ หนดีหรอื ไม่ดหี รอก กพ็ ระเหมอื นกนั นีแ่ หละ แต่ถา้ คนมีคณุ ธรรมนะ คนท่มี หี วั ใจนะ
สมั ผัสได้ สมั ผสั ได้ กิรยิ าแสดงออกร้เู ลย จะช้า จะนิม่ นวล จะรวดเร็ว จะทำ� อย่างไร สตมิ นั จะ
พร้อมหมด สติการกา้ วเดินไป การเหยยี ด การคู้ จะเหน็ หมดเลย
จะอยา่ งไรก็แล้วแต่ แตส่ ติมี คนมสี ติกบั คนขาดสตติ า่ งกนั มาก การกา้ วเดิน การขยบั
ถา้ คนขาดสตนิ ะ เร็วกเ็ รว็ แบบขาดสติ ช้ากช็ ้าแบบขาดสติ แตถ่ า้ คนที่เปน็ คุณธรรมนะ เรว็ ก็มีสติ
ช้าก็มีสติ มนั รไู้ ด้ มนั รูไ้ ด ้ รู้ได้ชดั ๆ เลย น่ีมันชัดเจนมาก
ฉะนั้น เราถึงจะบอกว่าส่ิงท่ีครูบาอาจารย์เทศน์ อย่างเช่น หลวงปู่มั่น หลวงตา
ท่านพดู บ่อยวา่ ท่านเป็นพระอรหนั ต์ไปแล้ว ท่านเก็บหอมรอมริบนะ หมายถึงว่าความผดิ เลก็ นอ้ ย
ก็ไม่ให้ผดิ อะไรกไ็ มใ่ ห้ผดิ เพราะผดิ แลว้ พระเด็กๆ มนั จะอา้ งเปน็ ตวั อยา่ ง
อยา่ งเชน่ หลวงปู่ตอ้ื มีพระอา้ งมาก ว่าหลวงปตู่ ือ้ ทา่ นปลอ่ ยตัวไง หลวงป่ตู ื้อท�ำอะไร
ตามใจชอบนะ แตเ่ วลาหลวงปู่ตอื้ ท่านนง่ั ที ๗ วนั ๗ คนื ไม่มีใครอ้าง
เราไปเจอพระบอ่ ยมาก ทำ� ไมหลวงปตู่ ้อื ท�ำได้ เราสวนเลยนะ แล้วหลวงปู่ตอื้ นั่ง ๗ วนั
๗ คืน ท�ำไมมึงไม่ท�ำบ้างล่ะ คนเรานะมันจะเอาแต่สิ่งท่ีสะดวกสบายของมัน นี่ไงเราถึงบอกว่า
ยอ้ นกลบั มาที่ธรรมวินยั น้ไี ง เราจะต้องทำ� เราต้องอยใู่ นหลกั เพอื่ อนชุ นรนุ่ หลงั

• พิจารณากายเหมือนกัน แต่เทคนิคไม่เหมือนกัน

(๗ กรกฎาคม ๒๕๕๒)
ธรรมะน่ี พระพทุ ธเจ้านี่บอกวา่ ไมม่ กี �ำมือในเรา ธรรมะ คอื แบตลอด ไมม่ ีก�ำหรอก
แบตลอดเลย ถ้าปฏิบตั ิไปแลว้ มนั แบหมด เหมือนกนั หมดเลย แต่ขณะที่จะแบน่ี คนมันจำ� ไปได้
ฉะนน้ั ถงึ บอกว่าวงใน คือว่าครบู าอาจารยเ์ หมอื นกันหมด
ดูอย่างเช่น หลวงตานีท่ ่านพดู ถงึ ท่านก�ำหนดของท่านเหน็ ไหม เสือมนั มีขน เรากม็ ขี น
เสอื มเี ล็บ เราก็มีเลบ็ เสือมีหนงั เราก็มหี นัง มีเหมือนกนั หมดเลย แลว้ หลวงตาน่ีกไ็ ปคุยกบั
หลวงปู่ค�ำดี หลวงปู่ค�ำดีก็ใช้เทคนิคอย่างน้ีเหมือนกัน แต่หลวงปู่ค�ำดีท่านใช้ก่อนอยู่ในป่า
มันเหมอื นกันแตค่ นละกาลเวลา เทคนคิ ไง เทคนคิ วธิ กี ารนี่ ดูสิ อย่างเชน่ การพิจารณากายน่ี

417

พิจารณากายเหมือนกัน ก็ไม่เหมือนกัน อย่างเช่น หลวงปู่ชอบ หลวงปู่เจ๊ียะ หลวงปู่ค�ำดี
หลวงปตู่ อ้ื นีพ่ ิจารณากายหมดนะ แต่เทคนคิ ก็ไม่เหมอื นกนั ไม่เหมอื นกนั หรอก
ฉะนน้ั เวลาเราถอื ธดุ งควตั ร เราถอื สง่ิ ตา่ งๆ เราจะยอ้ นกลบั มาตรงนี้ ตรงนท้ี วี่ า่ นคี้ อื พนื้ ฐาน
ถา้ สังคมเรานะลมื พนื้ ฐาน อยา่ งเชน่ สังคมเราไม่มกี ฎหมาย สังคมเราจะปนั่ ป่วนมากเลย สงั คมเรา
จะอยูก่ ันไม่ได้ ถ้าพระท่ีดี ครูบาอาจารย์ของเราทดี่ ี ไม่มรี ากฐาน ไมม่ ีพน้ื ฐานให้พระของเรา
ได้ก้าวเดินต่อไป ในศาสนาพุทธเราจะมพี ระท่เี รามั่นใจเปน็ พระท่ดี สี ืบต่อไปอกี ไหม ?

• หลวงปู่ต้ือชอบพูดเร่ืองพระโมคคัลลานะหลงทิศ

(๘ กรกฎาคม ๒๕๕๒)
พระพุทธเจ้าพูดไว้ในพระไตรปิฎก มีเจ็ดจักรวาล ถ้าไม่มีจักรวาล พระโมคคัลลานะ
หลงทิศไปไหน พระโมคคัลลานะหลงทิศน่ะ พระโมคคัลลานะ พระโมคคัลลานะเนี่ยธุดงค์ไง
เที่ยวเผยแผ่ธรรมไป ไปพักอยู่ที่บ้านโยมผู้หญิง โยมผู้หญิงเขาเห็นพระโมคคัลลานะ โทษนะ
เขากลับมคี วามสนใจ เขาพยายามจะร่วมนอนกับพระโมคคลั ลานะ พระโมคคัลลานะพระอรหนั ต์
ไม่ยอม ไม่ยอมๆ น้ีเขาก็พยายามเข้ามานะ พยายามเข้ามา ท่านก็บอกว่า เน่า บอกว่า
ทวารเนา่ หมด มนั พล้งั ปาก พอพลั้งปากไป โอโ้ ฮ ! หนอนเหนนิ เตม็ ไปหมดเลย
โอ้ ! สงสารเขานะ ไปกราบพระพุทธเจ้า บอกวา่ เนย่ี มนั เปน็ อยา่ งนี้ พระพุทธเจา้ บอกเนีย่
มนั กรรม เร่อื งของกามเนย่ี มนั เปน็ โทษมากอย่างน้ี แล้วเน่ยี อยากจะช่วยเขาท�ำยงั ไง กผ็ ลมนั เปน็
วบิ ากเป็นผลไปแลว้ แลว้ จะท�ำยงั ไงล่ะ น้กี รรมมนั ใหญม่ าก นพ่ี ระโมคคัลลานะเวลาเกง่ เก่งมากนะ
เวลาพดู นะข้าพเจ้าจะพาพวกนี้ไปบณิ ฑบาตอกี ทวปี หนงึ่ ขา้ พเจา้ จะพลกิ ง้วนดนิ พระโมคคัลลานะ
เวลาพูด ปัญญาของท่านก็รู้ของท่าน แต่เราพูดเรื่องเน่ีย มันวุฒิภาวะไม่เท่าพระพุทธเจ้าไง
ก็ผลแห่งกรรมของเขามากเนย่ี สงสารเขามากเลย จะชว่ ยเขา
พระพทุ ธเจา้ บอกว่า กรรมมันหนกั มาก กรรมมันใหญ่ ใหญแ่ ค่ไหน ใหญเ่ ทา่ แผน่ ดินนะ่
ใหญ่ก็เท่ากับโลกเน่ีย แผ่นดินขนาดไหนขอดูหน่อย ขอดูหน่อย พระพุทธเจ้าสั่งไว้ น่ีมันอยู่ใน
พระไตรปิฎกนะ พระพุทธเจ้าส่ังไว้เลยนะ ถ้าเหาะไปแล้วเน่ีย ถ้าเห็นโลกเนี่ยเท่าใบมะขาม
อย่าไปอีกนะ ให้ไปแค่น้ีพอ ก็เหาะจากโลกนี้ออกไปเลย ก็เหมือนกับส่งยานอวกาศแหละ
เหน็ โลกเนยี่ ออกไปดโู ลกไงวา่ แผ่นดินใหญ่ขนาดไหน มันก็ไปเรือ่ ย ไปเรอ่ื ยๆๆ ย่งิ ไปขนาดไหน
มันไปโดยฤทธน์ิ ่ะ มนั นะ่ แว้บหายไปเลย

418

พอหายไปเนยี่ ไม่เห็นโลกแลว้ พอไม่เห็นโลกแลว้ เนยี่ มนั ก็ไปเห็นแสงสวา่ ง กพ็ ุ่งเข้าไปหา
เลยไปอกี โลกหนง่ึ ไปถึงพระพทุ ธเจา้ อกี องค์หนึง่ พระพทุ ธเจ้าบอกเราไม่ใชส่ มณโคดม เราไมใ่ ช่
สมณโคดม กำ� หนดจิตเลยนะ ไปตามล�ำแสงนี้ ไปตามล�ำแสงนี้ พอไปตามลำ� แสงน้ี กำ� หนดจิต
เขา้ มานะ่ กลับมาหาพระพทุ ธเจ้าได้
พระโมคคลั ลานะหลงทศิ ในพระไตรปิฎกเน่ียมันเป็นบาลีทอ่ นเดียว แล้วพอมาขยายความ
อยู่ในธรรมบท อันน้ีหลวงปู่ต้ือชอบเทศน์มาก หลวงปู่ต้ือเนี่ยอภิญญา ๖ พวกที่มีอภิญญา
เรอ่ื งอยา่ งนี้ มนั เปน็ ชอ่ งทางเดยี วกนั มนั จรติ อนั เดยี วกนั เหมอื นนำ�้ มนั เบนซนิ นำ้� มนั โซลา่ นำ�้ มนั ตา่ งๆ
นำ้� มนั โซลา่ เขา้ กบั นำ้� มนั โซลา่ ใชก้ นั ดี นำ้� มนั เบนซนิ อยกู่ บั นำ้� มนั เบนซนิ นำ�้ อยกู่ บั นำ้� ผทู้ ม่ี อี ภญิ ญาเนย่ี
เร่อื งน้ี หลวงปู่ตือ้ เนี่ย โมคคลั ลานะหลงทิศ โมคคัลลานะหลงทิศ เอามาพดู บอ่ ยมากเลย
คอื ทา่ นอธบิ ายด้วย มันช�ำนาญไง มันแบบวา่ ทา่ นจะครอบคลมุ หมด ทา่ นอธบิ ายไดเ้ จา๊ ะแจ๊ะ
เจา๊ ะแจะ๊ ๆ เพราะงานถนดั
นี่ถามว่าโลกอื่นมีไหม แล้วเอ็งเช่ือไหมล่ะ ตอบแล้วเช่ือไหม ไม่เชื่อเพราะพิสูจน์ไม่ได้
เนย่ี โลกอืน่ มีไหม โลกอื่นทเ่ี หมอื นเรามีไหมคะ ทางนีว้ ิทยาศาสตร์เขาก�ำลังหากันอยู่ ของอยา่ งน้ีนะ
มนั ทำ� ไม่ได้หรอก เขาหาไมเ่ จอหรอก หรือเขาหาแลว้ เขาท�ำไม่ได้หรอก ถ้าหาไดห้ รือเขาท�ำได้
วิทยาศาสตร์ทำ� ไดห้ มดนะ กรรมไม่มีหรอก กรรมนะ่ มันมี คนเราเกดิ มาดว้ ยวบิ าก มนั ตอ้ งทนทกุ ข์
ตรอมตรมตามแต่กรรมของคน ถ้าวิทยาศาสตร์มาจัดการให้ได้ดีหมด กรรมมันอยู่ท่ีไหนวะ
กรรมกไ็ ม่มีนะ่ สิ

• แก้ความเช่ือ

(๘ กรกฎาคม ๒๕๕๒)
แหม นีพ่ ูดเปน็ คตินะ มนั ชดั เจน มันชดั แลว้ เราพูดแลว้ มันกินใจนะ เหน็ ไหม ทห่ี ลวงปตู่ ือ้
มาพกั อยู่ท่ีวัดอโศการามไง แล้วพวกคุณหญิงคุณนายกไ็ ปอธบิ ายธรรมใหท้ า่ นฟงั ไง ว่าส้นิ กิเลสแลว้
ทา่ นก็น่ังฟงั เฉย… เพราะหลวงปู่ตือ้ เป็นพระอรหันต์นะ มอี ภญิ ญาด้วย แลว้ พอโยมเขามานงั่
อธิบายธรรมะไง จะโออ้ วดว่าตัวเองไม่มีกิเลสไง ทา่ นก็น่งั ฟงั เฉย พอนึกวา่ หลวงปรู่ ับรองไง กล็ า
ล่ะค่ะ ลกุ ขึน้ กราบนะ นีเ่ ปน็ ธรรมนะ แต่ท่านพูดอย่างนี้จรงิ ๆ “กลบั แลว้ เหรอ กลบั แลว้ เหรอ
อดี อกทอง” เทา่ นั้นแหละ หลดุ หมดเลย พระอรหนั ต์หายเกลย้ี งเลย ก็บรรลุธรรมหมดแลว้ ไง
มนั กดไว้เห็นไหม ไปพดู ให้หลวงปตู่ ื้อฟังทีว่ ดั อโศฯ นเ่ี ราพดู ป๊ับอย่างน้กี ็เหมอื นพวกเราท�ำ
รุนแรงเกินไป แตม่ นั เปน็ ภาพทช่ี ดั เจนไหม พอพูดธรรมะนะ โอ้โฮ ! ธรรมะนะสิน้ กิเลสแล้วละ่
โห ! ละความโลภ ความโกรธ ความหลง ทกุ อยา่ งทำ� ได้หมดเลย โหย ! รธู้ รรมะ ทา่ นก็นงั่ ฟังเฉย

419

ถ้าพดู มันก็โต้แยง้ กนั ไปเท่านนั้ น่ะ จนกราบนะ งั้นหนกู ราบลานะ “เออ ! กลบั เถอะอีดอกทอง”
อรหนั ต์เกลี้ยงเลยนะ บรรลุธรรมนีห่ ลุดหมดเลย หายหมดเลย
น่ไี ง มนั กดไว้เฉยๆ พอมนั กดไว้เฉยๆ ที่วา่ เขาไมโ่ กรธ ไมโ่ กรธน่ะ มาเถอะ มาเถอะ มนั มี
เทคนคิ ไง ถา้ มันไม่มคี อื มันไมม่ ี มนั มแี ต่เราไปพดู กนั เราจะบอกว่าเหน็ ไหม ธรรมะจอมปลอมไง
ส่งิ ทจ่ี อมปลอมอยา่ งนี ้ แล้วเรากย็ ึดถอื กนั
แล้วพอเราเป็นตามความเป็นจริงไง ความโลภ ความโกรธ มันแก้ได้ยาก เห็นไหม
ก�ำหนดพุทโธๆ ตามหลวงตาสอน แล้วมันแก้ไม่ได้ แล้วมันแก้ ท�ำไมแก้ไม่ได้ มันก็แก้ไม่ได้
ท�ำไมจะไปแกไ้ ด้ยังไง กม็ นั คนละชัน้ นะ มันจะแกน้ ะ่ ก็พุทโธๆ ไป พทุ โธเพยี งสรา้ งก�ำลัง

• พระอรหันต์เป็นปาปมุต

(๒๖ กรกฎาคม ๒๕๕๒)
หลวงตา (หลวงตาพระมหาบัว) ทา่ นบอก ท่านอยูก่ บั หลวงปูม่ ัน่ หลวงป่มู ัน่ นะผิดเลก็ น้อย
อะไรก็ไม่ยอม ไม่ยอมเลย เปน็ พระอรหันตท์ ี่สะอาดบรสิ ทุ ธแ์ิ ล้วนะ
พระอรหนั ตน์ ีเ่ ปน็ ปาปมุต ไมม่ อี าบตั ิอกี แลว้ ไมต่ ้องเกร็ง ไมต่ ้องเกก๊ ไม่ต้องท�ำอะไรเลย
ปล่อยตัวตามสบายยังไงก็ได้ ดูหลวงปู่ตื้อสิ หลวงปู่ต้ือก็เป็นพระอรหันต์ เวลาหลวงปู่ต้ือ
ทา่ นมาเยยี่ มหลวงปมู่ นั่ ทหี่ นองผอื หลวงปตู่ อื้ ทา่ นธรรมชาตขิ องทา่ น เวลาพระแจกอาหารเหน็ ไหม
บาตรของหลวงปมู่ น่ั หลวงตาท่านเป็นคนดแู ลอยู่ ท่านกน็ ่งั ดอู ยู่ หนั ไปเหน็ หลวงป่ตู ื้อ
ก�ำลงั กนิ ข้าวเลย หลวงปมู่ ัน่ ก็วา่
“ตื้อทำ� ไมท�ำอย่างนั้นล่ะ”
“อ้าว กผ็ มหิวนะ ผมกนิ แลว้ ”
หลวงปมู่ ่ันท่านก็ โอเค เพราะหลวงป่ตู อ้ื เปน็ พระอรหันต์ ทา่ นก็รูใ้ ช่ไหม แลว้ ทา่ นกห็ ันมา
พูดกับพระ
“ใครจะเอาอย่างท่านตอ้ื เปน็ ตวั อย่างไมไ่ ดน้ ะ”
น่พี ระอรหันต์ พระอรหนั ตเ์ ปน็ ปาปมตุ ปาปมตุ คือ ไมม่ ีวิบากกรรม ไม่มีอะไรในหัวใจ
อยูแ่ ล้ว ส่งิ ท่ีเกิดกับพระอรหนั ตใ์ นปัจจบุ ันน้ี คือวิบากกรรมตัง้ แต่อดตี ชาตขิ องเก่าๆ ที่มนั มีมา
อดีตชาติ

420

• นิพพานเห็นแก่ตัว

(๒๖ กรกฎาคม ๒๕๕๒)
พอจิตที่มันถึงนิพพานแล้ว คือ จิต อนุปาทิเสสนิพพาน คือ พระอรหันต์ท่ียังมีชีวิตอยู่
มันสอนคนไดช้ ดั เจนมาก มนั สอนคนได้ มันรือ้ สัตวข์ นสัตวไ์ ด้ เอาคนขน้ึ ฝง่ั ได้ทง้ั หมด ประโยชน์
ตรงนม้ี ันมี แต่เขาบอกว่าถา้ ปรารถนาเปน็ พระโพธิสตั ว์ใชไ่ หมแบบพระพุทธเจา้ น้ี จะได้ชว่ ยเหลือ
คนต่อไป
โธ่ ! พระท่ีปรารถนาพระโพธสิ ตั ว์กนั นี่มีเยอะมาก พอเยอะมากก็มีฌานโลกยี ์ อยา่ งเช่น
อาจารย์ไท พุนก นี่พระโพธิสัตว์ เราอยู่กับท่านมา ท่านเล่าให้ฟังเองว่า หลวงปู่ตื้อน่ีเป็น
พระอรหันต์ หลวงปู่ต้ือน่ีก็อยากเอาอาจารย์ไทน่ีให้พ้นกิเลสไป ทีน้ีหลวงปู่ต้ือท่านก็พิจารณา
ของทา่ นไง พอพิจารณากม็ าดจู ริตนสิ ยั ของอาจารย์ไท
หลวงป่ตู อ้ื บอกว่า ท่านทอดธุระไง “เออ้ ! บารมกี ินเปด็ กนิ ไก”่ คอื บารมีของท่านจะร้อื สัตว์
ขนสัตว์ มันช่วยเหลือประชาชน ประชาชนจะเขา้ ไปพงึ่ พาอาศยั ทา่ นมาก พอประชาชนไปพึ่งพา
อาศยั ประชาชนก็ตอ้ งท�ำบุญกบั ท่าน ท่านบอกบารมกี ินเปด็ กนิ ไก่
คือถ้าเป็นพระโพธิสัตว์ มันร้ือสัตว์ขนสัตว์ มันช่วยเหลือ นี่ก็ช่วยเหลือทางโลก แล้ว
หลวงปู่มนั่ หนไี ปนิพพาน ไมไ่ ดช้ ่วยสตั ว์โลกหรอื หลวงตาทา่ นเล่าให้ฟงั ประจ�ำว่าหลวงปู่มน่ั ทา่ น
ไม่มเี วลาวา่ งเลย
ดสู ิ เวลาองคส์ มเดจ็ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ตรสั รธู้ รรมขน้ึ มา เหน็ ไหม เปน็ สตถฺ า เทวมนสุ สฺ านํ
สอนท้ังมนุษย์ สอนทั้งเทวดา สอนท้ังอินทร์ ท้ังพรหม ไอ้เราก็ว่า แหม ! ท�ำงานด้วยมือนี่
หนักมากเลย หลวงปูม่ ่ันท่านทำ� ด้วยจิตนะ ท่านเทศนาว่าการเทวดา อนิ ทร์ พรหม มหาศาลเลย
แล้วเราเห็นไหม แล้วเราบอกวา่ หนีไปนิพพานไม่ไดท้ ำ� อะไรเลย ไมม่ นี ิพพาน คือ ไม่มขี อ้ มูลในหัวใจ
ทเี่ ปน็ จรงิ สอนใครไมไ่ ด้ แตเ่ พราะมหี ลกั วชิ าในหวั ใจทเ่ี ตม็ หวั ใจอนั นน้ั ถงึ สอนเทวดา อนิ ทร์ พรหม
สอนไดท้ กุ คนเลย

421

• สติวินัย

(๒๓ มกราคม ๒๕๕๔)
หลวงปู่ตอ้ื ท่านไปอยกู่ ับหลวงปูม่ ่ัน แลว้ เวลาแจกอาหารอยหู่ ลวงปู่ตอ้ื ฉนั เลย ธรรมดา
หลวงปู่ม่นั ทุกคนเคารพท่านมาก ทนี ห้ี ลวงปู่ตือ้ ทา่ นกอ็ ภญิ ญา ๖ นะ หลวงปตู่ อ้ื เป็นพระอรหันต์
ท่ีรับรู้ไปหมด แลว้ เวลาเขาแจกอาหารมา พอหลวงป่ตู ้อื ทา่ นฉนั เลย หลวงปมู่ ่นั หนั ไปถาม
“อ้าว.. ท่านตอ้ื ทำ� ไมฉนั ละ่ ”
“อ้าว.. ก็ผมหวิ ! กผ็ มหวิ ”
น่ีพระอรหันต์.. เราจะบอกว่าพระอรหันต์นี่นะ สติวินัย สติวินัยมันพ้นจากอาบัติไง
มนั พน้ จากกฎทกุ ๆ กฎ แต่มนั ต้องเป็นความจริงไง ถา้ ไม่ใชห่ ลวงป่ตู อ้ื นะ หลวงปูม่ ่ัน.. เพราะ
หลวงปมู่ นั่ ทา่ นพยายามสรา้ งเหน็ ไหม ดสู ศิ าสนาของเรามนั มา ๒,๐๐๐ กวา่ ปี พอ ๒,๐๐๐ กวา่ ปี
ผู้ท่ีปฏิบัติเป็นหลักเป็นเกณฑ์น่ีมันน้อยลงๆ ฉะน้ัน หลวงปู่มั่นท่านมาฟื้นฟู มันไปตรงกับใน
พระไตรปฎิ กวา่ “กึ่งพุทธกาลศาสนาจะเจริญอกี หนหนึ่ง”
น่ีหลวงปูม่ ัน่ ท่านกม็ าฟน้ื ฟู ท่านพยายามจะวางข้อวัตร คอื วางปฏปิ ทาไว้ วางปฏิปทาไว้
เหมือนกบั สรา้ งถนนให้พวกเราได้เดนิ สร้างปฏปิ ทาไวใ้ ห้เรากา้ วเดนิ ฉะนั้น ทา่ นถงึ ตอ้ งท�ำสิ่งที่
เปน็ หลกั เป็นเกณฑ์ แลว้ หลวงป่ตู อื้ ไปท�ำตอ่ หน้าท่าน มันจะเปน็ อยา่ งไรละ่ ทนี ้ีหลวงปู่ตอ้ื ท่าน
สะอาดบริสทุ ธ์ิจรงิ ๆ ท่านเปน็ ความจริง หลวงปู่มั่นท่านถงึ พดู ค�ำน้ี นห่ี ลวงตาเล่าประจ�ำ
“ใครอยา่ เอาแบบหลวงปูต่ อื้ นะ ใครหา้ มท�ำตามหลวงปู่ต้ือนะ”
แตเ่ วลาหลวงปตู่ ื้อท่านก็ปล่อย เหน็ ไหม นีเ่ ราจะบอกว่า ถา้ ถงึ ท่จี ริงแล้วน่ี มนั พ้นจริงๆ
มันเปน็ สติวนิ ยั มันพ้นจากกฎกติกา จิตนมี้ นั ไม่มีมารยาสาไถย ไม่มสี ่งิ ต่างๆ ทมี่ ันพน้ ไป.. นน้ั พูดถึง
ความจริงอย่างน้ัน แต่สิ่งนี้ใครจะเอามาเป็นบรรทัดฐานล่ะ ฉะนั้น กรณีอย่างนี้เราต้องยกไว้
ยกไวใ้ ห้ครบู าอาจารยข์ องเราท่านวนิ ิจฉัยกนั เอาเอง ครบู าอาจารย์ท่เี ป็นประโยชน์กบั เรา
ถ้าอย่างพวกเรา เราต้องบอกว่าศีล สมาธิ ปัญญา ผิดก็คือผิด ถูกก็คือถูก.. ผิดก็ผิด
ถกู กถ็ กู ในสายตาพวกเรา ตอบในสายตาพวกเรา ฉะนนั้ ในครบู าอาจารยท์ ีท่ า่ นมัน่ คงของทา่ นแล้ว
นั่นเปน็ อกี เรอื่ งหนง่ึ ฉะนั้น ไอ้เร่ืองอยา่ งน้มี ันกอ็ ยทู่ ่คี วามเชอื่ ของคนวา่ ใครเช่อื ไดม้ ากน้อยแคไ่ หน
มันเป็นความเหน็ ของคนนะ

422

• หลวงปู่มั่น หลวงปู่ต้ือ ท่านมีอภิญญา ๖

(๑๙ มีนาคม ๒๕๕๔)
องคส์ มเดจ็ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ สรา้ งบญุ ญาธกิ ารมามาก เวลาตรสั รเู้ องโดยชอบ ทา่ นกต็ อ้ ง
ตรัสรู้เองโดยชอบด้วยบุญญาธิการของท่าน หลวงปู่ม่ันท่านก็ได้สร้างบุญญาธิการของท่าน
มามาก ฉะนนั้ เวลาท่านสละพุทธภมู แิ ล้วออกมาคน้ ควา้ เป็นสาวก – สาวกะ แตพ่ อท่านปฏิบัติแลว้
ท่านจะมีเครอ่ื งมอื ของทา่ นเยอะมาก
ผูท้ ป่ี ระพฤติปฏิบัติ เวลาจติ สะอาดนี้ก็สะอาดเหมอื นกนั แต่มเี ครือ่ งมอื อกี ไหม หลวงปู่มั่น
มีอภิญญา ๖ หลวงป่ตู อ้ื มอี ภิญญา ๖ หลวงปมู่ ่นั กบั หลวงปู่ต้อื เวลาท่านจะใชง้ านกนั เหน็ ไหม
ท่านรู้ท่านเห็นสงิ่ ใด ทา่ นจะใหห้ ลวงป่ตู ้อื ไปพสิ ูจน์ตรวจสอบ ถา้ จะบอกวา่ หลวงปมู่ ่ันมอี ภิญญา ๖
จะเอาอะไรมาเป็นหลกั ฐาน กห็ ลวงป่ตู ือ้ กับหลวงปู่มัน่ เป็นหลักฐาน
ฉะน้ัน หลวงปู่มั่นท่านมีเครื่องมือของท่านมาก แล้วท่านใช้เครื่องมือน้ีเพ่ือประโยชน์
กบั การสงั่ สอน อภิญญาแก้กิเลสไมไ่ ด้
หลวงปู่เจีย๊ ะเปน็ คนถามหลวงป่มู น่ั เองว่า “อภิญญาแก้กเิ ลสไดไ้ หม ?”
หลวงปูม่ ัน่ บอกวา่ “ไมไ่ ด้ !”
แลว้ หลวงป่เู จย๊ี ะกย็ งั ถามท่านว่า “ไมไ่ ด้แล้วหลวงปูม่ นั่ ฝกึ ท�ำอภิญญาทำ� ไม ?”
ทา่ นบอกว่า “ฝึกอภิญญามาเป็นเคร่อื งมือส่งั สอนคน”
ฉะน้ัน เวลาพระท่ีอยู่กบั ทา่ นคดิ นอกกรอบ คดิ นอกกรอบ คิดเรื่องเหลวไหล ท่านกจ็ ะเตือน
ทนั ทีๆ ทา่ นรขู้ องทา่ น แต่อนั นีไ้ ม่ใชธ่ รรมะ ไมใ่ ช่สัจธรรม ถา้ สัจธรรมก็คือ ศลี สมาธิ ปญั ญา
ความด�ำรชิ อบ งานชอบ เพียรชอบ อนั น้นั มันเปน็ การช�ำระกิเลส

• ท่านพระอาจารย์ประยุทธ ศิษย์หลวงปู่ต้ือ

(๒๗ มนี าคม ๒๕๕๔)
เราเคยเห็นอาจารย์ยุทธ (ท่านพระอาจารย์ประยุทธ ธมฺมยุตฺโต) ท่านเป็นลูกศิษย์
หลวงปู่ต้ือ ในประวัติของหลวงปู่ต้ือ เวลาท่านเดินจงกรม หลวงปู่ตื้อต้องขนาดไปบิณฑบาต
มาเลี้ยงท่านเลยละ่ เดินจงกรมนะ เพราะว่าท่านเขม้ แขง็ มาก

423

สดุ ทา้ ยแล้ว ทา่ นมาอยูท่ ีผ่ าลาด (วัดป่าผาลาด จ.กาญจนบรุ ี) ท่านเป็นพระทีด่ ีนะ แตท่ ่าน
ท�ำเลน่ ไง ทา่ นบอกวา่ ท่านเพง่ นะ เพง่ จนตะกรดุ มนั หมนุ รอบถาดเลย สุดทา้ ยแลว้ ท่านไมใ่ หใ้ คร
นะ ทา่ นท�ำตะกรดุ เสร็จแลว้ ท่านก็เอาไปผกู ไว้ท่ีคอหมา ทนี พี้ อหมามันเขา้ ไป มีพรานมันยงิ สตั ว์ไง
พอมันยิงมาท่หี มานี่ มันยงิ ไมอ่ อก มันอยากได้นะ มนั ต้องพยายามจับหมา จับหมาแล้วปลดจาก
คอหมามนั ถึงได้
เราจะบอกว่า ครูบาอาจารย์ทา่ นไม่ได้ทำ� ไวแ้ บบวา่ ให้คนเชอ่ื ถือศรทั ธา เพราะของอย่างนี้
ถา้ เราไม่เชื่อมนั่ ตัวเราเอง เราไมเ่ ช่อื สตปิ ัญญาของเรา เราจะเอาตัวรอดกนั ไดอ้ ย่างใด ในอริยสจั นี่
ใหเ้ ชื่อตวั เอง ให้เชอ่ื เรา
ฉะนั้น ส่ิงท่ีวา่ ท่านทำ� น้ี ทา่ นท�ำเพอื่ พสิ ูจน์ว่า ท่านทำ� แล้วมนั มีผลจรงิ ไหม แลว้ ท่านกไ็ ปผูก
คอหมาไว้ หมาน่ีไปไหน ยงิ ไม่ออก ยงิ ไมเ่ ขา้ จนชาวบา้ นพวกกะเหรย่ี งมนั อยากได้ มนั ตอ้ งพยายาม
จบั หมา แล้วปลดจากคอหมาไป คือท่านไม่ให้ไมแ่ จกใคร แตท่ า่ นท�ำของทา่ นนะอาจารยย์ ุทธ
นพ้ี ดู ถงึ ว่าคนทำ� ได้ ทา่ นกท็ ำ� ของท่านได้ ของอยา่ งน้เี ราเชื่อวา่ มันเปน็ ไปได้ มนั มีของมนั อยู่
แต่ ! แตเ่ รามีทุกข์ไหม เราอยากพ้นจากทกุ ข์ไหม เราอยากได้คุณงามความดที มี่ นั เปน็ สมั มาทฏิ ฐิ
ใหช้ วี ติ เราปลอดโปรง่ ใหช้ วี ติ เราเปน็ ชวี ติ ทม่ี คี ณุ ธรรม นเ่ี ราจะคดิ อยา่ งใด ไอก้ รณอี ยา่ งน้ี เราเลอื กเอา

• ความเห็นภายในของหลวงปู่ม่ัน หลวงปู่ต้ือเป็นผู้พิสูจน์

(๙ เมษายน ๒๕๕๔)
อภิญญา ๖ เห็นไหม ถ้าอธิบายเรื่องพระอรหันต์ไปอีกไกลเลย พระอรหันต์ก่ีประเภท
สุกขวิปัสสโก เตวิชโช พระอรหันต์ท่ีว่าเป็นพระอรหันต์เรียบๆ ถ้าพระอรหันต์แล้วมีฤทธ์ิมากนอ้ ย
ขนาดไหน แลว้ ถา้ เป็นฉฬภญิ โญ อภิญญา ๖ อย่างเช่น หลวงปตู่ ื้อ เพราะหลวงปู่ตื้อเราพูดบอ่ ย
หลวงปู่ต้ือกับหลวงปู่มั่น พระพุทธเจ้ากับพระโมคคัลลานะ พระพุทธเจ้ากับพระสารีบุตร
ถา้ พระพุทธเจา้ ไมม่ ีวฒุ ิภาวะ พระพทุ ธเจา้ จะต้ังพระสารบี ุตรกับพระโมคคลั ลานะไดอ้ ย่างไร
ถ้าหลวงปู่มั่นท่านไม่มีความรู้ความเห็นของท่านตามความเป็นจริง ท่านให้หลวงปู่ต้ือ
ไปในท่ีท่ีท่านเห็นของท่าน ว่าไปในถ�้ำเชียงดาวมันผ่านไปไม่มีท่ีสิ้นสุด ข้างในมันจะมีอะไรต่างๆ
น่ีท่านเห็นของท่านหมดนะ ทีนี้ท่านอายุมาก หลวงปู่ม่ันท่านอายุมาก ท่านให้หลวงปู่ต้ือไป
หลวงปตู่ อื้ น่ีนะทา่ นดำ� น�้ำเข้าไป ๗ วัน ๗ คนื ไม่ทะลถุ ้�ำ ไปอยู่เรอื่ ยๆ น่นั ล่ะ

424

แล้วเวลาข้ึนถึงหน้าผาตัด เห็นไหม น่ีหลวงปู่ม่ันท่านเล่า หน้าผาตัดบนถ้�ำเชียงดาวมี
พระปจั เจกพทุ ธเจา้ มานพิ พานหลายองค์ ทนี ห้ี ลวงปมู่ น่ั ทา่ นกช็ ราภาพอกี แหละ ทา่ นกใ็ หห้ ลวงปตู่ อ้ื
ข้ึนไป พอหลวงปู่ต้ือท่านขึ้นไปข้างบน เมื่อก่อนนะธรรมชาติยังไม่เป็นแบบน้ี พอข้ึนไปถึง
ข้างบนนะ หนา้ ผานท่ี า่ นบอกอยู่ไม่ได้ ลมแรงมาก ลมพายุแรงมาก หลวงปตู่ ื้อนะตอ้ งเอาตวั
ทา่ นเองมดั กับต้นไม้ไว้ พงิ ต้นไม้ไว้ แลว้ เอาผ้าอาบผกู กับตน้ ไมไ้ ว้ ไมอ่ ยา่ งน้ันลมมันจะพดั ไปเลย
สมัยนัน้ นะ
นพ่ี ูดถึงวา่ หลวงปมู่ ั่นกบั หลวงปู่ตื้อ เร่ืองนี้สบายมาก สบายมาก.. เราจะบอกวา่ เรอ่ื งอะไร
ก็แลว้ แต่ เราตอ้ งพูดเปน็ วทิ ยาศาสตร์ คอื มพี ยานหลักฐาน ไม่ใชเ่ ราพดู คนเดียว ท�ำคนเดยี ว ทำ� ได้
คนเดยี ว แล้วคนอืน่ ทำ� ไมไ่ ด้กับเรา เรากโ็ มไ้ ปตลอดใชไ่ หม แต่ถ้าใครท�ำอะไรได้ มันตอ้ งมพี ยาน
ทค่ี นท�ำได้เหมอื นกัน แลว้ พิสูจน์ตรวจสอบเหมือนกัน
ฉะนั้น เวลาหลวงปู่มนั่ ท่านจะมีสงิ่ ใดทเ่ี ปน็ การพิสูจน์ทางโลก ทา่ นจะใหห้ ลวงปูต่ อื้ เพราะ
หลวงปตู่ อ้ื ท่านแขง็ แรงมาก แล้วหลวงป่ตู ื้อจะขึ้นไปพสิ จู น์ แล้วพิสจู นล์ งมาแลว้ นะเหมือนกัน

• ท�ำตามแต่ไม่ปฏิบัติตามหลวงปู่ต้ือ

(๑๕ เมษายน ๒๕๕๔)
เราเจอมามากนะเวลาเท่ียวไป พระหลายๆ องคบ์ อกว่าเอาแบบหลวงปู่ต้อื หลวงปตู่ ื้อ
ท�ำอะไรกไ็ ด้ หลวงปู่ตื้อทา่ นท�ำประสาทา่ นนะ เราเห็นพวกนแ้ี ล้วรบั ไม่ได้ เขาบอกว่าเวลาจะเอา
กเ็ อาแบบหลวงปู่ตื้อ เอาสะดวกไง เอาศลี อัตโนมัติ ถ้าเอ็งจะเอาแบบหลวงปู่ตือ้ ได้ เอ็งก็ตอ้ งนัง่
แบบหลวงปู่ตือ้ ไดก้ อ่ น หลวงปตู่ อื้ ท่านนง่ั สมาธิทหี น่ึง ๗ วนั ๗ คืน
อา้ ว ! เวลาหลวงปตู่ อ้ื ทำ� ดไี มพ่ ดู ถงึ นะ แตเ่ วลาหลวงปตู่ อื้ ทา่ นอตั โนมตั ิ มนั กจ็ ะอตั โนมตั ดิ ว้ ย
อะไรก็หลวงปู่ตื้อ หลวงปู่ตื้อ.. หลวงปู่ตื้อท่านเป็นพระอรหันต์นะ ท่านได้อภิญญา ๖ นะ
ท่านเป็นมือขวาของหลวงปู่มั่นนะ หลวงปู่ม่ันมีอะไร ท่านให้หลวงปู่ตื้อไปพิสูจน์ท้ังน้ันนะ
คนอยา่ งน้ันเขาเรียกว่าสตวิ นิ ยั มนั พน้ ไปจากธรรมวนิ ัยแล้ว พวกเราจะไมจ่ าบจ้วง ไมไ่ ปดหู มิ่น
โดยเปน็ บาปอกศุ ลเลย
นล่ี ะ่ พระอรยิ เจา้ ใครดหู มนิ่ พระอรยิ เจา้ ใครเพง่ โทษพระอรยิ เจา้ ตกนรกอเวจี แตไ่ อพ้ วกเรา
มันไม่ได้หม่ินพระอริยเจ้า จะเกาะหลังพระอริยเจ้า เห็นหลวงปู่ตื้อท�ำ กูก็อ้าง กูจะท�ำบ้าง
กูจะท�ำบา้ ง แล้วเวลาหลวงปู่ต้ือปฏิบตั ิ มึงไม่ปฏบิ ตั ิบ้าง

425

• หลวงปู่ตื้อเทศน์แต่ยอดธรรม

(๒๔ เมษายน ๒๕๕๔)
ถาม : การแสดงธรรมหรอื สอนธรรมะโดยใช้วาจาไม่สุภาพ ขัดตอ่ จริยธรรมหรอื เปล่า
หลวงพอ่ : ไมข่ ดั เปน็ ประโยชนต์ ่างหาก มันเป็นประโยชนเ์ พราะอะไร มนั เป็นประโยชน์
เพราะมันหันต์จริงเว้ย ถ้าหันต์ไมจ่ รงิ มนั ก็เป็นโทษน่ะสิ
หันตจ์ รงิ คอื อะไร ? ถา้ หนั ตจ์ รงิ หลวงปมู่ ั่นทา่ นแรงกวา่ นี้เยอะมาก ไปดูหลวงปูต่ ้อื นะ
หลวงปตู่ ้ือนี่ หลวงตาบอกว่า ยอดธรรม แล้วใครฟังเทศนห์ ลวงป่ตู ื้อไม่ได้เลย เรอื่ งอวยั วะเพศ
อย่างเดยี วไมม่ อี ย่างอ่นื เลย อย่างนัน้ มันขดั ตอ่ ธรรมไหม มนั ยอดธรรมตรงไหน มนั ยอดธรรม
มนั ทิ่มเข้าหัวใจไง

การแสดงธรรมนะ การฟังธรรมมนั มีอานิสงส์ ๕ อย่าง ส่งิ ทไ่ี มเ่ คยไดย้ นิ ไดฟ้ งั สิ่งทีไ่ ดย้ นิ
ได้ฟังแลว้ แกค้ วามลงั เลสงสยั .. น่อี านสิ งสข์ องมนั นะ แลว้ เอง็ ไดอ้ ะไรล่ะ ก็ได้บญุ กลับบ้านไง
แตถ่ า้ ฟงั พระปฏิบัติ พระกรรมฐานนะ จากใจดวงหน่ึงสูใ่ จดวงหน่ึง เวลาแสดงธรรมมันทม่ิ เขา้
หัวใจเลย ! มนั ทิ่มเข้าหวั ใจเลย ! ถ้ามนั ทม่ิ เข้าหัวใจเลย มนั จะเปลย่ี นแปลงมัน

การฟังธรรมท่ีเป็นประโยชน์ เหน็ ไหม เวลาครบู าอาจารย์พูดออกมามนั สะเทือนหวั ใจเลย
พูดออกมานะ โอโ้ ฮ.. รู้ไดอ้ ยา่ งไร ร้ไู ด้อยา่ งไร ขนพองหมดเลย ถ้าขนพองอย่างนน้ั มันถงึ เปน็
ประโยชน์ไง ฉะนัน้ ศาสนธรรมทว่ี ่าจากใจดวงหนึ่งสู่ใจดวงหนง่ึ มนั หาไม่ไดห้ รอก จากใจดวงหนึ่ง
คอื ธรรมในหวั ใจท่ีมีจรงิ แลว้ ธรรมอนั นีม้ ันยงิ เขา้ ใจมึงไง มงึ หาทไ่ี หน ! ไปหาจนตาย หาก็หาไมเ่ จอ

• พระมหากัสสปะ

(๓๐ เมษายน ๒๕๕๔)

เรือ่ งพทุ ธวิสยั เรื่องกรรม เร่อื งฌาน.. เรื่องฌาน คอื การท�ำความสงบของใจมันมรี ะดบั
ของมัน มนั มีความแตกตา่ งมาก ท่เี ราจะมาบอกวา่ ใหม้ นั เปน็ ระดบั อย่างนน้ั ๆ ไมม่ ี แล้วก็เร่ืองฌาน
เรอ่ื งโลก

ฉะนั้น เรื่องกรรมนี่ พทุ ธวิสัยบอกมนั ลึกลบั ซบั ซ้อน ซบั ซ้อนตรงไหน นีเ่ วลาเราไปดหู มอกนั
หรือไม่ดทู เี่ ขาแก้กรรม บางทเี ขาแก้กรรม เขาน่ังจนตาหลุด เขายังไม่รู้ว่า กรรมนีม้ าจากไหน
เพราะอะไร เพราะว่าการเกดิ และการตาย สมมตุ วิ า่ .. ไมส่ มมตุ ิหรอก เร่อื งจริงเลย อยา่ งท่ีว่า

426

ไมม่ ตี ้น ไมม่ ีปลาย สดุ วสิ ัยของการเกดิ ท่เี รานบั ไม่ไดเ้ ลย แล้วเขาจะตามดไู ด้ไหม
อยา่ งหลวงปู่ต้อื พดู ประจ�ำ มาถามเราสิ ยิง่ พันชาติ แสนชาติท่ีแลว้ เราจะตอบใหห้ มดเลย
เพราะหลวงปูต่ อ้ื ท่านตอบ แลว้ เอ็งจะพสิ ูจน์อย่างไร ทา่ นย่ิงตอบไดใ้ หญ่ หลวงปู่ตือ้ ท่านบอก
ไอ้เรือ่ งอดีตชาตินีม่ าถามเราเลย เราตอบได้หมดแหละ หลวงป่ตู ือ้ นะ่ แตท่ า่ นรู้จริงๆ นะ ทา่ นรู้
จรงิ ๆ ของท่านด้วย เพราะรู้จรงิ มนั ถึงเห็นระดับของมันว่า มันหา่ งไกลขนาดไหน
พอการห่างไกลอยา่ งนน้ั ปบ๊ั ฉะนั้น คำ� ว่า อนจิ จงั คอื มนั ไมแ่ น่นอนใช่ไหม มนั ไม่แน่นอน
มันแปรสภาพตลอด แตก่ รรมนม้ี นั แน่นอน คำ� ว่าแนน่ อนนะ มนั ต้องใหผ้ ล ถ้าไมแ่ น่นอนนะ
พระโพธิสัตว์เป็นพระพุทธเจ้า สร้างบุญญาธิการมาเป็นพระพุทธเจ้า มันท�ำไมแน่นอน แล้วมา
เป็นพระพุทธเจ้าล่ะ ? พระพุทธเจ้าพยากรณ์แล้วน่ีกลับไม่ได้ ต้องเป็นพระพุทธเจ้าเด็ดขาด
พระพทุ ธเจ้าพดู คำ� ไหนคำ� นนั้
สังเกตได้ไหม เวลาคนทวี่ า่ มีคณุ ธรรมบอกวา่ เขาเขา้ ทรงอยา่ งนั้น รับรอู้ ยา่ งน้ัน ไอน้ ม่ี ัน
ถอื มงคลตื่นขา่ วแลว้ นะ
การเขา้ ทรง การตา่ งๆ จติ มนั ประทบั นน่ี ะ พระกสั สปะจะประทับได้อยา่ งไร ? พระอรหนั ต์
จะมาประทับทรงมันเปน็ ไปไมไ่ ด้ แต่สังเกตไดไ้ หม ในการประทับทรงในสงั คมไทยจะมีพระอรหนั ต์
ทั้งนน้ั เลย แลว้ พระอรหนั ตเ์ วลาจะมาประทบั ทรงนไี่ ม่มีทาง ! แล้วพระอรหนั ต์ เวลาองค์สมเด็จ–
พระสมั มาสมั พุทธเจ้าหรือพระอรหันต์ต่างๆ ทีม่ าอนโุ มทนากับหลวงปูม่ นั่ มาอยา่ งไร ?
ไม่ได้มาประทบั ทรง หลวงป่มู น่ั ท่านมอี ภญิ ญา ๖ ใช่ไหม เวลาท่านสัง่ สอนเทวดาตา่ งๆ
ทา่ นคยุ กบั เทวดาได้ คุยกบั ตา่ งๆ ได้ นพ่ี ระอรหันตต์ า่ งๆ ท่านมาอยา่ งนี้ แตถ่ ้าเรอ่ื งประทบั แลว้ นี่
มนั มีอยทู่ วี่ ่าอาจารยไ์ ท (ท่านพระอาจารย์ไท านุตฺตโม) ท่เี ขาพุนก มันมีอยู่ พวกญาติโยมเขาก็พา
ญาติเขามาใหอ้ าจารย์ไทรกั ษา กเ็ นย่ี ประทบั ทรง เทศนน์ ะ ในการประทับทรงนัน้ วญิ ญาณนนั้
บอกวา่ เขาเปน็ สมเด็จโต เทศนธ์ รรมะนี่ถ้าไมใ่ ชค่ นทันนะ อฮู้ ู ! มนั ซาบซง้ึ มาก
ทีนอี้ าจารยไ์ ททา่ นกน็ งั่ เพราะอาจารยไ์ ททา่ นเป็นหลานของหลวงปูต่ ื้อ ท่านปรารถนา
พุทธภูมิ ทา่ นก�ำหนดจิตดูนะ แล้วพอทา่ นออกจากสมาธิมาแล้วท่านพดู เลย “มึงช่อื ไอแ้ ดง มึงเปน็
ควาญช้างอยสู่ รุ ินทร์ มึงจะมาอา้ งวา่ เปน็ สมเด็จโตๆ อยอู่ ย่างน้ี มงึ มุสา !” อยูใ่ นทรงนะ ถา้ ประทับ
อย่างน้นั นะพดู ออกมาเลย
“ถา้ ท่านอาจารยร์ ูท้ ันผม ผมก็ไปแล้วล่ะ แตก่ อ่ นไป ผมขอเหลา้ ขวดหนึ่งกบั ไก่ตวั หนงึ่ ”
เมื่อก้ยี ังเทศน์อยูเ่ ลย ยังเทศน์แจ้วๆ อยเู่ ลย พอจะไปนะขอเหลา้ ขวดหนึ่ง ขอไก่ตัวหนึง่ ญาติเขาก็

427

เอาเหล้าขาวขวดหนงึ่ กับไกต่ ัวหนึ่งมาให้ เขาวา่ อฮู้ ู.. หิวกระหาย กนิ ใหญ่เลย แลว้ ก็ออกไป
กรณอี ย่างนี้ เวลาเขาเทศนน์ ะ เขาเทศน์วา่ เขาเปน็ สมเดจ็ โต เขาเทศน์น่ี เขาอา้ งวา่ เปน็
สมเด็จโต เทศน์ใหญ่เลย เทศน์ธรรมะนี่ พดู ธรรมะไง พอพดู ธรรมะทุกคนที่ฟงั อยู่กร็ าบกับพ้นื เลย
เช่อื ราบเลย อาจารยไ์ ทกำ� หนดเลย “มึงชือ่ ไอแ้ ดง มงึ เคยเปน็ ควาญช้างอยสู่ รุ นิ ทร์ มงึ ตายไปแลว้
มึงมาท�ำอย่างน ี้ มันเปน็ การมสุ า”
นี่พระถ้ามีจุดยนื มีหลัก เรอ่ื งอย่างน้เี ขาไมเ่ ชือ่ กันหรอก แตเ่ รื่องการประทบั ทรงน่มี ีไหม มี
เรื่องจติ วิญญาณมีไหม มี แตจ่ ติ วญิ ญาณน่ี ดจู ติ วิญญาณมีเตม็ ไปหมด แลว้ จิตวิญญาณนน้ั จะเปน็
คนๆ นัน้ จรงิ หรอื เปล่า
ฉะนัน้ กรณีศพของพระกัสสปะยังไม่ไดเ้ ผา อย่ใู นเขาหมิ าลยั นีเ่ ป็นอยา่ งนนั้ เพราะว่า
หลวงปตู่ ื้อ หลวงป่มู ่ัน ครบู าอาจารยเ์ รา เรื่องอย่างนีพ้ วกเราพยายามศึกษากันไง เรายงั ไม่อยาก
จะพูดออกมา เพราะเดีย๋ วมันออกนไี่ ป หลวงปูม่ ั่นกบั หลวงปู่ตือ้ ครบู าอาจารย์เราทา่ นรู้แล้ว
หลวงป่สู มิ
ถา้ พดู อย่างน้ถี ูก วา่ สรรี ะทา่ นยงั ไม่ไดเ้ ผา แล้วพระพุทธเจ้าเราพยากรณ์ไว้วา่ พระศรีอรยิ –
เมตไตรยจะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไป แล้วพระศรีอริยเมตไตรยจะเอาซากกระดูกของ
พระกัสสปะมาฌาปนกิจบนฝ่ามือของพระศรีอริยเมตไตรย เพราะว่าพระกัสสปะยอมสละชีวิต
ให้พระศรีอริยเมตไตรย เวลาพระศรีอริยเมตไตรยมาตรัสรู้แล้ว จะเอากระดูกของพระกัสสปะ
ที่นิพพานไปแล้วมาอย่บู นฝ่ามือนี้ แลว้ จะมาฌาปนกิจบนฝา่ มือของพระศรอี รยิ เมตไตรย เห็นไหม
นี่อนิจจังไหม ? ไม่อนิจจังใช่ไหม เพราะมันมีผลแน่นอน มันข้ามภพข้ามชาติขนาดนี้
น่ีพระพุทธเจ้าพยากรณไ์ วใ้ นพระไตรปฎิ กนะ คำ� วา่ พระกสั สปะนน้ั เคยเปน็ ชา้ งใชไ่ หม ได้เสียสละ
ใหก้ บั ควาญช้างเข้าไปกอดแท่งไฟแลว้ ตายไป นผี่ ลบญุ ผลกรรมมันตดิ พันกันมา ฉะนน้ั ผลบญุ
ผลกรรมอันน้ี ควาญชา้ งตอนน้ีรอมาจะตรัสรเู้ ป็นพระศรอี ริยเมตไตรยแลว้
เพราะเรอ่ื งนม้ี นั นานนมกาเล อดตี ชาตมิ นั นานนมกาเลเลยละ่ ปจั จบุ นั นพ้ี ระศรอี รยิ เมตไตรย
จะมารอตรัสรู้แล้ว พอพระศรีอริยเมตไตรยมาตรัสรู้ธรรมข้ึนมา น่ีซากศพของพระกัสสปะ
ทย่ี ังไมไ่ ด้เผา กจ็ ะมาเผาฌาปนกิจอยบู่ นฝ่ามอื ของพระศรอี รยิ เมตไตรย อจนิ ไตยไหม ? ไม่อจนิ ไตย
ใช่ไหม เพราะมนั ตอ้ งแน่นอน กรรมนี่เราบอกว่าไม่เปน็ อจนิ ไตย กรรมน้ีแน่นอน เพียงแตว่ ่ามนั จะ
ให้ผลเมอื่ ไหร่ มันซบั ซอ้ น ไกลมากไง มันจะใหผ้ ลเม่ือไหร่ แต่ให้ผลเด็ดขาด

428

• จิตพระอรหันต์ไม่หวั่นไหวคลอนแคลน

(๒ พฤษภาคม ๒๕๕๔)
ดสู ดิ ูฤๅษีสมัยพุทธกาลนี่เหาะมาเลย เหาะมาผา่ นราชวังใชไ่ หม เห็นพวกนางสนมเขาอาบน�้ำ
กันอยู่ โอ้โฮ ! ตกต้บุ เลย นน่ั เนรมติ ได้ไหม คอื ใจมันไมม่ ัน่ คงไง ใจมันยงั ไมม่ ่นั คง แตเ่ วลาท่ีว่าเนรมิต
ไดไ้ หม อะไรได้ไหมนีถ่ ้าจติ มนั ด ี ถ้าจิตไมด่ ี มันทำ� ไมไ่ ด้
เขาถามว่า “จรงิ ๆ แล้วมันมคี วามลกึ ซ้ึงในทางปฏบิ ัตขิ นาดไหน” มันไม่มีขอบเขตเลย ไม่มี
ขอบเขตหมายความว่า ถ้าจติ มนั มีก�ำลังมาก จติ มนั มีวาสนามาก มนั ทำ� ไดม้ หศั จรรยม์ าก ดอู ยา่ ง
พระโมคคัลลานะ พระโมคคลั ลานะท�ำไดท้ ุกอย่าง ทำ� ได้ทุกอย่างแลว้ ไมไ่ ด้ทำ� เองนะ เวลาทวี่ า่
พราหมณ์นมิ นต์ไป ไมม่ จี ะกิน เห็นไหม บอกพระพทุ ธเจ้าเลยวา่
“ข้าพเจ้าจะพลกิ ง้วนดนิ ข้นึ มากนิ ”
ดินสอพองไง งว้ นดิน คอื ดนิ ท่กี ินได้ ข้าพเจา้ จะพลิกง้วนดนิ คือ พลกิ โลก
พระพทุ ธเจ้าบอกว่า “เธอจะพลิกโลก แล้วพระ แล้วประชาชนอยูเ่ ต็มไปหมด เธอจะทำ�
อยา่ งไร”
พระโมคคลั ลานะบอกว่า “ข้าพเจา้ จะแผ่มือของขา้ พเจา้ เปน็ อกี ทวีปหนง่ึ รองรบั ประชาชน
ไวท้ ้งั หมดเลย แล้วข้าพเจ้าจะพลิกแผ่นดนิ ขึ้นมา แล้วเอาประชาชนมาวางลงไปบนแผน่ ดินน”ี้
นพี่ ระโมคคลั ลานะบอกกับพระพทุ ธเจ้านะว่าจะทำ� อยา่ งน้ี
พระพทุ ธเจา้ บอกว่า “เราไมอ่ นญุ าต” อด ไมต่ อ้ งกนิ อดขา้ วกันอยูอ่ ยา่ งน้ันจนออกพรรษา
พระพุทธเจา้ อนโุ มทนา
“เออ.. พวกเธอชนะแลว้ ชนะความอยาก”
พระไมม่ จี ะกินไง พราหมณ์นมิ นตไ์ ว้แลว้ ลืมใส่บาตร แมแ้ ตพ่ ระพุทธเจา้ นะ ฉะนนั้ จะทำ� อะไร
ก็แลว้ แต่ พระพุทธเจา้ ไม่ใหท้ ำ� ๆ พระโมคคัลลานะพูดกับพระพทุ ธเจ้าอยู่ พูดโกหกได้ไหม ?
นพ่ี ดู ถงึ เนรมติ ไง แลว้ เราจะบอกวา่ พระโมคคลั ลานะทำ� ไดเ้ พราะอะไร เพราะพระโมคคลั ลานะ
เป็นพระอรหนั ต์ ถา้ สมมุตินะ อนั นส้ี มมุตนิ ะ สมมุติว่าพวกเราท�ำ อย่าวา่ แต่เราเลย พวกเราทำ�
สมมุติว่าให้พวกเราท�ำ เราก็เนรมิตขึ้นมาเลยนะ พอเนรมิตข้ึนมา พอมันเห็นมหัศจรรย์ข้ึนมา

429

ใจมันไหวนะ โอ๋ย ! ฉิบหายเลย หลุดหมด ให้เราเนรมิตใช่ไหม เราก็เนรมิตเลย พอเนรมิต
ขน้ึ มาแลว้ มนั เห็นใชไ่ หม มนั ก็ตกใจ ตกใจ คือ จิตมันเคลอ่ื น ถา้ จิตมันเคล่อื น สิ่งทเ่ี ปน็ เนรมิตนะ
แหลกหมด เปน็ ไปไมไ่ ด้ไง
ถ้าใจพวกเรามันไม่ม่ันคงนะ แล้วคนมีกิเลสมันม่ันคงไหม ? แต่พระโมคคัลลานะเป็น
อคั รสาวกเบ้ืองซ้าย เปน็ พระอรหนั ต์ จติ ใจพระอรหันตจ์ ะคลอนแคลนไหม แตเ่ พราะจิตใจพวกเรา
คลอนแคลน มโนมยิทธิมันแค่ท�ำสมาธิ แล้วถ้าจิตใจเราคลอนแคลน เราท�ำแล้วคลอนแคลน
สง่ิ ที่ทำ� คลอนแคลนอย่มู นั กล็ ม่ นะ่ ส ิ มันเปน็ ไปไดย้ าก
แต่นส้ี ง่ิ ทเ่ี ป็นมันมอี ยู่ ๒ อย่าง อยา่ งหน่ึง คอื พระอรหันต์ท�ำ อยา่ งเชน่ หลวงปตู่ ้ือนี่
พระอรหนั ต์แลว้ ทำ� หลวงปมู่ น่ั ใชป้ ระจ�ำ ไปนนู่ ไปนี่ ไปพสิ จู นน์ นู่ พสิ ูจน์นี่ ทำ� ไมม่ หี วน่ั ไหว
แตอ่ ย่างพวกเรา ถา้ หลวงป่มู ั่นใช้นะ โอโ้ ฮ ! จะกลับมาคยุ เขยี นประวัติไง
โอ้โฮ ! หลวงปู่ม่ันใช้อย่างนั้น หลวงปู่มั่นท�ำอย่างนั้น จะเก็บสถิติ แต่หลวงปู่ตื้อ
ท่านไม่เห็นพูดอะไรเลย เพราะท่านเป็นพระอรหันต์ ท่านไม่หว่ันไหว แต่ถ้าเป็นพวกเรานะ
ลองให้หลวงปู่มน่ั ได้สง่ั อย่างนัน้ นะ ประวตั นิ ่ียาวเปน็ หางวา่ วเลย เขียนใหญเ่ ลย โอ้โฮ ! หลวงปมู่ ่นั
ใชอ้ ยา่ งน้ัน ใชอ้ ย่างนนั้ กเิ ลส ! กิเลสไง กเิ ลสมนั ยกตดู กเิ ลสมนั อยากดงั

• หลวงปู่ต้ือถ้าไม่จ�ำเป็นไม่ใช้ยาแรง

(๒๗ กนั ยายน ๒๕๕๔)
เวลาครูบาอาจารยข์ องเรา เวลาหลวงป่ตู ือ้ หลวงปตู่ ือ้ เวลาท่านจะใช้ยาแรงนะ เวลาท่าน
จะใชย้ าแรงกับใครนีจ่ ะเฉพาะบุคคล บคุ คลคนน้ัน
ถ้าได้ใช้ยาอย่างน้ันแล้ว เขาจะฟื้นคืนมาจากความหลับใหล จากสิ่งท่ีเป็นกิเลสตัณหา
ความทะยานอยาก ทา่ นจะใชย้ าแรง แต่ถา้ ไมจ่ �ำเปน็ ท่านไมใ่ ช้หรอก ท่านไม่ใช้ ไม่ทำ� อะไรให้มัน
กระเทือนใคร
เพราะความกระเทอื นอนั นนั้ มนั กระเทอื นแลว้ มนั ไดผ้ ลบวกหรอื ผลลบ ถา้ มนั ไดผ้ ลลบขนึ้ มา
ดสู เิ วลาเราดคู รูบาอาจารย์ของเรา เห็นไหม ความน่ิงเฉยอยู่ น่ิงเฉยอยู่ ทา่ นรขู้ องทา่ น ท่านรู้
ในหัวใจของท่าน จ�ำเปน็ หรอื ไม่จ�ำเป็นนะ เวลาถงึ คราวควรจะใชห้ รอื ไมค่ วรจะใช้ น่ีความเกรงกลวั
ความละอายต่อบาปเวลามนั เสวยไง

430

• หลวงปู่ตื้อสอนผิดรีบกลับมาแก้

(๒๗ กันยายน ๒๕๕๔)
หลวงปูต่ ้อื ท่านอยูท่ างเชยี งใหมน่ ะ ท่านไปพดู ใหพ้ ระฟัง ท่านเทศน์สอนพระแลว้ ท่าน
กก็ ลบั สุดท้ายท่านกเ็ ดินกลบั มาอีกนะ บอกว่า “ทีผ่ มพูดไปขอ้ น้ันผดิ นะ”
พระทหี่ ลวงปูต่ ื้อเทศน์สอนทา่ นบอก “โอ้โฮ.. อาจารย์ไมต่ อ้ งมากไ็ ด้ มาเม่อื ไหร่ก็ได้”
ท่านบอกว่า “ไม่ได้ ! เดยี๋ วพรงุ่ นี้เชา้ ท่านไปพูดใหใ้ ครฟงั ผมเสียด้วยไง”
ทา่ นสอนผิดนะ ทา่ นรบี กลบั มาแกเ้ ลย หลวงปู่ตอื้ นี่แหละ นี่มนั เปน็ ผลทีก่ รรมฐานเรา
ถอื กันมา ฉะนน้ั ขนาดวา่ พดู ผิดแลว้ คนอ่ืนพูดตอ่ ไปมนั ยังเปน็ ผลเสีย ถ้าครูบาอาจารย์ท่ีเปน็ ธรรม
ท่านไมต่ อ้ งการให้ใครเสียไง

• หลวงปู่มั่นท่านมีพระไตรปิฎกในไว้สอนศิษย์ที่มีจริตต่างกัน

(๘ ตุลาคม ๒๕๕๔)
พดู ถึงถ้ามพี ระไตรปฎิ กในไปน่ีเขาจะรู้ได้ เพราะเขารูไ้ ดว้ ่าควรหรอื ไมค่ วรไง ถา้ ควรหรอื
ไม่ควร ฉะนั้น พระไตรปฎิ กเปน็ กรอบ เป็นกรอบ ธรรมวินัยน่ถี ูกต้อง ทกุ คนศกึ ษาเป็นปริยัติ
ทีนี้ปรยิ ตั ิแลว้ ปฏเิ วธไม่มี ถ้าปริยตั ิแลว้ ตอ้ งปฏบิ ัติ แล้วถ้าปฏิบัติแลว้ น่ีปฏิบตั ิอย่างไร ? ปฏิบตั ิ
อย่างไร ?
แล้วปฏิบัตมิ านี.่ . โธ่ ! หลวงปูม่ น่ั นะเวลาลูกศษิ ย์ลูกหาเยอะแยะไปหมดเลย จริตนสิ ัย
ไมเ่ หมอื นกนั หลวงปู่ต้อื กไ็ ปอย่างหนึง่ หลวงปู่สงิ หก์ ็ไปอย่างหนึง่ หลวงปู่ขาวกไ็ ปอยา่ งหนง่ึ
คนละอยา่ งทง้ั น้ันเลย เวลาหลวงตาท่านพูดถึง เหน็ ไหม ทา่ นบอกว่าครูบาอาจารยน์ ่ี โอ้โฮ ! ทา่ น
เหมือนกับผ้าพับไวเ้ ลยนะ หลวงปู่ฝัน้ โอ้โฮ ! ทา่ นเรียบรอ้ ยมาก พดู จาน่อี ู้ฮู นุ่มนวลมาก พอมาเจอ
หลวงตา หลวงตาบอกว่าทา่ นเปน็ ปืนกลเลย พ่ับ ! พบ่ั ! พ่บั ! พั่บ ! พบ่ั ! พบ่ั ! มันก็ต่างกนั
ฉะน้ัน ค�ำว่าต่างกัน เราจะให้เห็นว่าคนสอนจะสอนอย่างไร ? หลวงปู่ม่ันท่านจะสอน
ลกู ศษิ ยท์ ีแ่ ตกต่างกนั น่อี ย่างไร ? นถี่ า้ มพี ระไตรปิฎกใน เห็นไหม เหมอื นครูน่ี ครจู ะสอนลูกศิษย์
ลกู ศิษย์ทงั้ ห้องนสิ ัยมนั เหมือนกันสกั คนไหม ? แล้วครพู ยายามจะใหค้ วามรจู้ ะใหอ้ ยา่ งไร ? น่ีพูดถึง
ฉะน้ัน บอกวา่ จะเอาพระไตรปิฎกมาแลว้ กท็ มุ่ ใสๆ่ เอาพระไตรปิฎกมาเลยนะ เอาไมบ้ รรทดั มาวัด
เลยนะ ทกุ คนตอ้ งเป็นอยา่ งน ี้ ทุกคนตอ้ งเป็นอย่างน ี้ มันมที ่ีไหน ?


Click to View FlipBook Version