The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ประวัติท่านอาจารย์ตื้อ อจลธัมโม

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ืทีมงานกรุธรรม, 2022-03-06 19:27:08

ประวัติท่านอาจารย์ตื้อ อจลธัมโม

ประวัติท่านอาจารย์ตื้อ อจลธัมโม

Keywords: ประวัติท่านอาจารย์ตื้อ อจลธัมโม

331

พระผู้มีพระภาคตรสั ถามวา่ ดูกรโมคคัลลานะ กส็ ตั วผ์ ้อู าศยั แผน่ ดนิ เลา่ เธอจะทำ� อย่างไร
แกส่ ัตวเ์ หลา่ นนั้ ?
ม. ข้าพระพุทธเจ้าจักนิรมิตฝ่ามือข้างหนึ่งให้เป็นดุจแผ่นดินใหญ่ ยังสัตว์ผู้อาศัยแผ่นดิน
เหล่านั้นใหไ้ ปอยูใ่ นฝ่ามอื นั้น จักพลกิ แผ่นดนิ ด้วยมอื อีกข้างหน่งึ พระพุทธเจา้ ขา้ .
ภ. อยา่ เลย โมคคลั ลานะ การพลกิ แผน่ ดนิ เธออยา่ พอใจเลย สตั ว์ทง้ั หลายจะพงึ ได้รับผล
ตรงกันข้าม.
ม. ขอประทานพระวโรกาส ขอภิกษุสงฆ์ทั้งหมด พึงไปบิณฑบาตในอุตรกุรุทวีป
พระพทุ ธเจา้ ขา้ .
ภ. ก็ภิกษุผ้ไู มม่ ฤี ทธเ์ิ ลา่ เธอจกั ท�ำอย่างไรแกภ่ ิกษเุ หล่านัน้ ?
ม. ข้าพระพุทธเจา้ จักท�ำใหภ้ กิ ษุท้ังหมดไปได้ พระพทุ ธเจา้ ขา้ .
ภ. อยา่ เลย โมคคัลลานะ การท่ีภกิ ษสุ งฆ์ทง้ั หมดไปบิณฑบาตถงึ อตุ รกุรทุ วปี เธออยา่ พอใจ
เลย.”

หลวงปู่ต้ือกับรูปพระเจ้าแผ่นดิน

พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต พระอรหันต์ท่ีเป็นแม่ทัพธรรม มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย
ทไ่ี ปปฏบิ ตั ธิ รรมกับท่าน
หลวงป่ตู อ้ื อจลธมโฺ ม วดั ป่าอรัญญวิเวก ตำ� บลบ้านข่า อำ� เภอศรสี งคราม จังหวดั นครพนม
กเ็ ป็นอีกทา่ นหน่งึ เชน่ เดยี วกับหลวงปขู่ าว อนาลโย แตห่ ลวงปูต่ ือ้ จะดุหน่อย
ลูกศษิ ยข์ อง หลวงปตู่ ้ือ อจลธมโฺ ม เลา่ ใหฟ้ ังวา่ วนั นน้ั มีคุณนายและบรวิ ารมากราบเยย่ี ม
หลวงป่ตู ี้อ อจลธมฺโม แลว้ เรยี นถามถงึ บา้ นที่จะขาย ยงั ขายไม่ไดส้ ักที ได้เที่ยวบนเจ้าบนวัดไปทวั่
ก็ยังขายไมไ่ ด้ มแี ต่คนต่อรองราคา หลังๆ มาตอ่ อีกก็บอกตกลงไป พอให้ราคาที่ต่อ กลับไม่มาซ้ือ
หนอู ยากขายเหลือเกิน รอมาเป็นปีแลว้ เจา้ ค่ะ
หลวงปู่มองหนา้ คณุ นายเจา้ ทุกข์ แล้วตอบวา่ “ทีด่ นิ นนั่ ไมใ่ ช่ของเอ็งสกั หน่อย ของแฟนเอง็
ไม่ใชเ่ หรอ ?”
“เจ้าค่ะ ของสามขี า้ นอ้ ยเจ้าคะ่ ”

332

“เออ ! มนั ตอ้ งให้เจา้ ของเขาบนเอง ของใครของมนั แต่มนั เปน็ ฝรง่ั มนั จะเช่อื หรอื ?”
ถึงตอนนี้ คุณนายและพวกท่มี าด้วย ตา่ งงงและตนื่ เตน้ อทุ านออกมาว่า “หลวงปรู่ ู้ไดไ้ งคะ
วา่ แฟนหนูเปน็ ฝรงั่ ”
“อา้ ว ! แค่นี้ไมร่ ู้แลว้ จะเปน็ พระใหเ้ ขากราบไหวไ้ ดร้ ึ ไป...ไปบอกแฟนเอง็ ให้เขาไปท�ำพธิ ี
เอาเอง ท�ำแทนกนั ไม่ได”้
คุณนายฝร่ังจึงกลับไปอย่างมีความหวัง อีกหน่ึงเดือนต่อมา เข้ามารายงานหลวงปู่อีก
เลา่ ว่า “หนทู ำ� ตามหลวงป่แู ล้ว คอื ให้ฝรั่งไปไหว้ ไปทำ� บุญทพี่ ระธาตุ แล้วบนดว้ ย แต่ยงั ไม่มีคน
มาซ้อื เลยคะ่ ยังเงียบอยู่เลยคะ่ ”
หลวงปู่มองหน้า แล้วเอ็ดเสียงค่อนข้างดังว่า “เป็นคนต่างชาติ แล้วมาหากินที่เมืองไทย
กต็ ้องให้ความเคารพเจา้ ของแผน่ ดนิ เขา บา้ นออกใหญ่โตตดิ รปู ก็เยอะ แต่มีรูปผหู้ ญิงแก้ผา้ ทั้งน้นั
แล้วมันจะไม่ซวยได้ไง เจ้าที่เจ้าทางเขาเห็นก็หนีแล้ว ไม่รู้จักเอารูปเจ้าของแผ่นดินมาติด
มากราบไหว้ แล้วแบบน้มี ันจะเจรญิ ไดอ้ ย่างไร อยูไ่ ปกม็ ีแตฉ่ บิ หายหมด เพราะเงินทองท่ีไดก้ �ำไรมา
ไม่เคยเสียภาษเี ขา้ หลวงเลย ไป...กลบั ไป แกไ้ ขใหม”่ คราวนหี้ ลวงปเู่ ทศนย์ าวเลย
“แล้วรปู เจ้าของแผ่นดินคอื ใครคะ ?”
“อ้าว...ไอ้โง่ ก็ในหลวงไง ยังไม่รู้อีกเรอะ ผัวเอ็งไม่รู้ไม่เป็นไร เพราะเป็นฝร่ังหัวแดง
แตเ่ อง็ นา่ จะรู้นะวา่ ใครคอื เจา้ ของแผน่ ดนิ น้ี นังนีโ่ งจ่ ริงโวย้ ” แลว้ คณุ นายกก็ ราบลาไป แตย่ งั ไมท่ ัน
ได้ลงจากศาลา ก็คลานมาถามหลวงปู่อีกถามว่า “แล้วต้องน�ำรูปในหลวง ไปท�ำพิธีตรงท่ีดิน
ทจี่ ะขายหรอื เปลา่ เจ้าคะ”
“เออ ! ตอ้ งนำ� ไปดว้ ย ไปบอกกลา่ วท่นี ่นั เจ้าทเ่ี จา้ ทางเขาจะไดเ้ ปดิ ทางให้ เอาอยา่ งงี้
ไปตามโยมผัน ให้เขาไปเป็นผู้ท�ำพิธีแล้วจะดี” ไปอีก ๑๐ กว่าวัน คุณนายฝร่ังมาหาหลวงปู่อีก
คราวน้ีพาแฟนฝรั่งหัวแดงมาดว้ ยสีหน้ายิ้มแยม้ กนั ทงั้ คู่ พวกบรวิ ารหอบข้าวของมาเพียบเลย มาถึง
ฝรั่งกก็ ราบหลวงปตู่ ามเมยี เขา กราบแค่น้นั ยงั ไมพ่ อ เจา้ ฝรัง่ เอามือจบั เท้าหลวงปู่มาไวท้ ห่ี วั ตัวเอง
“เออ ! เอาจรงิ โว้ย ไอ้ฝรั่งคนน ้ี ถ้าจะได้เงนิ ทองมาแลว้ สิ ใชไ่ หม ?”
ฝ่ายเมียฝรั่งตอบแทนว่า “ได้มาแล้วเจ้าคะ ได้มาเมื่อวาน ฝร่ังเขาดีใจมาก เขานับถือ
หลวงปู่มาก ท�ำตามทกุ อยา่ ง วันน้ีเขานำ� เงินมาถวายหลวงปู่ ๑ แสนบาท ทำ� บุญกับหลวงปู่ แล้วให้
หลวงปูไ่ ปซื้อรูปในหลวงแจกชาวบา้ นดว้ ยเจา้ คะ่ ”

333

น่ีคือ ความศักด์ิสิทธ์ิของภาพในหลวงท่ีเป็นพระเจ้าแผ่นดิน ไม่มีอะไรที่จะบอกได้
มากกว่าน้ี ส�ำหรับหลวงปู่ตื้อ พระอรหันต์เจ้า และ กฤษฎาภินิหารของพระบาทสมเด็จ–
พระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชมหาราช

เร่ืองเล่าความเก่งของหลวงปู่ตื้อ

ความเก่งของหลวงปตู่ อ้ื อจลธมโฺ ม มีมากมายเล่ากนั ทัง้ วนั ก็ไม่หมด พระศิษยอ์ ปุ ฏั ฐาก
ทีไ่ ด้เขา้ ไปมีโอกาสนวดถวายหลวงปอู่ ยา่ งใกล้ชดิ ต่างได้เลา่ ประสบการณท์ ไี่ ด้ยินไดฟ้ ังจากหลวงปู่
ซงึ่ หลวงปพู่ ดู ถึงเหตกุ ารณต์ ่างๆ ไวล้ ่วงหนา้ ได้อย่างถกู ต้องแม่นยำ� ราวกับตาเห็น ดงั นี้
“คร้งั หน่งึ ไดน้ วดถวายหลวงปูต่ อ้ื กำ� ลงั นวดอยู่ ทา่ นกบ็ อกว่า “น่นั น่ัน ยิงกนั ใหญ่แลว้ ”
พระศิษย์สงสัยว่าอะไรยิงกัน กราบเรียนถามท่าน ท่านก็ว่า “สหรัฐฯ รบกับเวียดนามแล้ว”
พอรุ่งเช้าได้เห็นหนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับต่างลงข่าวสงครามเวียดนาม เหมือนท่ีหลวงปู่ต้ือพูด
ไม่มีผิด กราบเรียนถามท่านว่า “หลวงปู่เห็นหรือครับ” ท่านว่า “อย่าว่าแต่สหรัฐฯ รบกับ
เวียดนามเลย เหน็ หมด ทงั้ โลกกเ็ หน็ ”
พระศิษย์บอกวา่ ความเห็นอันกระจา่ งของทา่ น มเี พ่ืออะไรไม่ทราบ แต่ร้สู ึกว่าครูบาอาจารย์
ก�ำลังกระตุ้นการประพฤตปิ ฏิบัตขิ องเรา ทำ� ให้เราอยากเหน็ อย่างท่านบ้าง
“อกี คราวหน่งึ กำ� ลังนวดทา่ นอยเู่ หมอื นกนั ทา่ นเอะอะว่า “มาแล้ว มาแลว้ รถกระบะสฟี ้า
กำ� ลงั เล้ียวโค้งมา อีก ๑๕ นาที จะมาชนเสาไฟฟ้าหนา้ วดั ตายสองรอดหนึง่ ” ราว ๑๕ นาที
ต่อมา มีเสยี งโครมสนัน่ ล่นั อยู่หน้าวดั พระเณรพากนั ออกไปดู ก็เห็นรถกระบะสีฟา้ หกั งออยกู่ บั
เสาไฟฟ้าหนา้ วัด มคี นโดยสารกนั มา ๓ คน ตาย ๒ คน รอด ๑ คน จริงๆ”
น่ีคือความเกง่ ของหลวงป่ตู ือ้
อีกคราวหนึ่งทว่ี ัดหรอื บ้าน งานอะไรสกั อยา่ ง คือ หลวงปตู่ ้อื ไดไ้ ปรว่ มงานน้นั ดว้ ย ท่านมี
ความส�ำคญั ท่สี ดุ ในงาน เพราะทา่ นเปน็ ประธาน ทุกคนจะต้องรอใหท้ า่ นเปน็ ผู้เรมิ่ สวด แตว่ ันนัน้
ท่านอิดออดประวิงเวลาไว้โดยไม่มีใครทราบสาเหตุท่ีแท้จริง อดรนทนไม่ได้ก็กราบเรียนถามท่าน
“หลวงปู่ครบั ทำ� ไมไมเ่ ริม่ สวดสักทคี รบั  ?” ทา่ นตอบว่า “รออกี สองคนก่อน กำ� ลังจะเข้าเมือง
เชยี งใหมแ่ ล้ว อีกเด๋ียวก็มาถึงวดั ” คร่ใู หญ่ๆ มรี ถเกง๋ ซง่ึ เดินทางไกลมาจากกรงุ เทพฯ เลย้ี วพรืด
เข้ามาจอดในวดั สองสามภี รรยากระหดื กระหอบลงจากรถมาร่วมงาน และถวายของแกท่ า่ นทันที
เม่อื รับประเคนของแลว้ ทา่ นจึงลงมือสวด พระเณรท่อี ยู่ใกลช้ ิด พอได้ยินทา่ นกลา่ วใหร้ อ จึงพากัน
เข้าใจและทง่ึ ในความร้เู หน็ อนั แจ่มใสของทา่ น

334

เร่ืองอภิญญา ๖ ของหลวงปู่ตื้อ

หลวงปู่ต้ือ อจลธมฺโม เป็นพระอรหันต์ที่ทรงอภิญญา ๖ เป็นพระผู้เลิศด้วยฤทธ์ิ
จนเป็นที่ยอมรับในวงพระธุดงคกรรมฐานสายท่านพระอาจารย์เสาร์ ท่านพระอาจารย์ม่ัน
และบรรดาศษิ ย์ผใู้ กลช้ ิด ท่านไดแ้ สดงทพิ พจักขุ หรอื ตาทพิ ย์ อันเป็น ๑ ใน ๖ ของอภิญญา
ให้พระศิษย์ได้เหน็ หลายคร้ังตอ่ หลายครัง้ ดงั เรื่องเล่าต่อไปน้ี
ครั้งหน่ึงหลังจากฉันจังหันเช้าเสร็จ วันนั้นไม่มีญาติโยมคนใดน่ังอยู่เลย พระศิษย์เห็นว่า
สมควรจะได้นิมนต์ให้ท่านกลับไปพักผอ่ นทกี่ ฏุ ิ พอออกปากนิมนต์ หลวงป่กู ็พดู ออกมาวา่
“เราเห็นญาตโิ ยมก�ำลังมาหาอยู่ ขณะนีก้ �ำลงั ออกเดนิ ทางจากเชียงใหม่”
เมอื่ ท่านว่าอย่างน้ัน พระศิษย์ก็มไิ ดว้ ่าอะไร ก็เดนิ กลบั ขึ้นกุฏิ มองเหน็ ท่านยงั นง่ั เฉยอยู่
พระศิษย์ได้น่งั สังเกตดอู ยคู่ รู่ใหญ่ๆ จากนัน้ ไม่นานก็เหน็ มผี คู้ นเดินมายงั ท่ที ่านน่ังอยู่ หลวงปรู่ อ
อยแู่ ล้วจงึ เชญิ นั่ง ต้อนรับกนั อยู่ตรงนัน้ จนบรรดาญาตโิ ยมคณะน้ันกลับกนั หมด ทา่ นกไ็ ม่พูดอะไร
พระศิษยเ์ หน็ ทา่ นน่งั ยม้ิ น้อยๆ อยู่อยา่ งนน้ั

รู้ล่วงหน้าว่าใครจะมาหา

ทา่ นพระอาจารย์ประยุทธ ธมมฺ ยตุ โฺ ต มคี วามเคารพเลือ่ มใสในองคห์ ลวงปูต่ ื้อ อจลธมโฺ ม
พระอาจารยข์ องทา่ นมาก โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ในด้านฤทธ์อิ ภญิ ญา
จากบนั ทกึ ของท่านพระอาจารยป์ ระยทุ ธ บอกวา่ วันหน่งึ พระเณรเขา้ กุฏกิ นั เกือบหมดแลว้
หลวงปสู่ ัง่ ใหเ้ ณรไปตม้ นำ�้ กาใหญ่
เณรย้อนถามด้วยความสงสยั วา่ “ไมม่ ีใครอยฉู่ ันน้�ำแลว้ หลวงปู่จะใหต้ ม้ น้�ำกาใหญไ่ ปท�ำไม”
หลวงป่ตู อื้ พดู ด้วยนำ้� เสียงดวุ า่ “บอกใหต้ ้มก็ตม้ เถอะ ตม้ น�้ำชงชา” แลว้ ทา่ นก็สั่งให้เณร
เอาถว้ ยชามาเตรียมไว้ ๕๐ ถว้ ย
ทา่ นพระอาจารยป์ ระยทุ ธ กร็ สู้ กึ งงๆ หลวงปพู่ ดู ขน้ึ วา่ “เดย๋ี วจะมญี าตโิ ยมมาจากกรงุ เทพฯ”
สักครู่ใหญ่ๆ กม็ ีรถบสั เขา้ มาจอดในบรเิ วณวดั หลวงปูใ่ หน้ �ำนำ้� ชาร้อนๆ มาเลย้ี งญาตโิ ยม
ปรากฏว่าถ้วยชา ๕๐ ถ้วยทีเ่ ตรยี มไวค้ รบจำ� นวนคนพอดี

335

ท่านพระอาจารยป์ ระยทุ ธ เล่าอีกวา่ อยู่ๆ ราวลวดทีข่ ึงไว้ส�ำหรบั ตากสบงจีวรกด็ ังขึ้นมา
หลวงปตู่ อื้ ทา่ นกว็ ่า เขามาบอกว่าจะมีแขกมาหา แลว้ ปรากฏจรงิ ๆ ว่ามีคนมาหาเปน็ คนั รถ

เตรียมรอรับการนิมนต์

หลวงปตู่ ือ้ อจลธมฺโม จะเรียกท่านพระอาจารย์ประยุทธ ธมฺมยตุ โฺ ต วา่ “ตุ๊ไทย”
(ตุ๊ หรือ ตุ๊เจ้า เป็นภาษาเหนอื ใชเ้ รียกพระสงฆ์ มาจากค�ำวา่ สาธ)ุ
คราวหน่ึง ขณะทนี่ ่งั กันอยู่ หลวงปู่กส็ ่ังทา่ นพระอาจารย์ประยุทธวา่ “ตุ๊ไทย รบี ไปสรงน้�ำ
ไวๆ”
สรา้ งความงุนงงสงสัยใหพ้ ระเณร ณ ทีน่ ัน้ แตไ่ หนแต่ไรมาหลวงปไู่ ม่เคยยงุ่ กบั การสรงน้�ำท่า
ของใครเลย
ท่านพระอาจารย์ประยุทธได้เรยี นถามวา่ “หลวงปู่ใหก้ ระผมไปสรงน�้ำท�ำไม ?”
หลวงปูต่ ้อื ตอบวา่ “ให้ไปสรงกไ็ ปเถอะ” แล้วท่านก็พดู ต่อไปวา่ “เยน็ นี้ ๖ โมงเยน็ จะมี
โยมผู้ชายมานมิ นตไ์ ปปัดรงั ควานใหล้ ูกเขาทตี่ กต้นล�ำไย แต่เดก็ มนั ต้องตายแน่ๆ ไมร่ อดดอก
จะให้ตุ๊ไทยไปแทน”
ท่านพระอาจารยป์ ระยุทธ จึงรบี ไปสรงน�้ำ สรงเพง่ิ เสร็จ ยังไมท่ ันครองผ้า โยมที่วา่ ก็ขับ
รถกระบะเขา้ มาจอดในวดั รบี เข้ามากราบหลวงปู่ ขอนิมนตไ์ ปปดั รังควานให้ลูกชายตามท่ีหลวงปู่
บอกไว้ไม่มผี ิด

เร่ืองลงบ่ได้

หลวงปรู่ นิ ทร (ลิ้นทอง) กติ ฺตสิ ทโฺ ธ เลา่ เหตกุ ารณ์ดงั นี้
เสน้ ทางเชียงใหม่ – แม่แตง ในสมยั นน้ั ยังไม่เจริญเอามากๆ แต่กม็ รี ถยนตโ์ ดยสารวง่ิ รับสง่
ผ้คู นบนเส้นทางสายนแ้ี ลว้ ในปีทห่ี ลวงปู่ตอื้ ก�ำลงั บกุ เบกิ สร้างวัดป่า ทา่ นจะต้องเดินทางไปๆ มาๆ
ระหว่างอ�ำเภอแม่แตงกับตัวเมอื งเชยี งใหม่ เพอ่ื ทำ� ธุระในการก่อสร้าง จึงจ�ำเป็นต้องขน้ึ รถโดยสาร
ประจ�ำทางไปมาอยูบ่ ่อยๆ พวกรถโดยสารจะชินตากบั “หลวงตาพระปา่ แก่ๆ กับศิษย์ชาวเขา
ผเู้ ฒ่าท่โี กนหัว นุ่งขาวหม่ ขาว สะพายยา่ ม เดนิ ตามต้อยๆ”

336

พวกรถโดยสารคงร�ำคาญ และหม่ันไส้หลวงตาพระป่ารูปนั้นเอาการอยู่ เพราะว่า
พอข้ึนไปนั่งบนรถปุ๊บ พระหลวงตาก็เอาเท้าข้ึนไปนั่งขัดสมาธิบนเบาะปั๊บ แล้วก็นั่งหลับตาปี๋
หลับเฉยโดยไม่สนใจใคร ช่างน่าเบ่ือหน่าย และน่าร�ำคาญจริง ผู้โดยสารคนอ่ืนๆ น่ังห้อยขา
เบาะเดียวนั่งได้ ๓ – ๔ คน แต่หลวงตาแก่รูปนั้นน่ังเอ้เต้อยู่คนเดียว เด็กหนุ่มกระเป๋ารถจึงพูด
กึง่ ขอรอ้ ง กึง่ ไม่พอใจ “ป้อหลวง ตุเ๊ จ้า ต่นื ...ต่นื เอาตนี ลงจากเบาะเน่อ”
“ลงบไ่ ด”้ หลวงปตู่ อบทัง้ ๆ ทยี่ ังหลับตาอยู่
กระเปา๋ รถเริ่มโมโห เลอื ดขึ้นหน้า ขณะน้ันรถก�ำลังตระเวนรบั ส่ง ผู้โดยสารตามรายทาง
กระเป๋าหนุ่มกล่าวสบถเสียงดัง
“มนั เปน็ อะหยังหอื ...จงึ เอาตีนลงบไ่ ด้”
พร้อมกันนั้นก็เอามอื กระชากขาของหลวงปู่ เพือ่ เอาลงจากเบาะ ทนั ใด ครดื ...ครดื ...ครืด...
ฉกึ ! เคร่ืองยนต์ดับสนทิ รถโดยสารหยดุ กกึ อย่างฉบั พลัน ผ้โู ดยสารทงั้ คัน หวั คะม�ำไปตามๆ กัน
หลวงป่พู ดู ขน้ึ “หลวงตาบอกแล้ว...ลงบ่ได้...ลงบ่ได้ !”
คนขับพยายามติดเคร่ืองรถอยู่หลายครั้ง แต่เคร่ืองยนต์ก็ไม่ติด ผู้โดยสารก็ส่งใจไปลุ้น
แต่เคร่ืองก็ไมต่ ดิ สักที
หลวงปู่พดู ขน้ึ ว่า “ผ้ใู ด๋เอาตีนกูลง มาเอาขนึ้ คนื เน่อ”
กระเป๋ารถจ�ำเป็นต้องท�ำด้วยความจ�ำยอม จากนั้นเคร่ืองยนต์ก็ติด รถโดยสารว่ิงสะดวก
จนถึงตวั เมอื งเชยี งใหม่ เหตุการณเ์ กิดขึน้ ตอ่ หนา้ ผู้โดยสารหลายคน จากการเลา่ ขาน ปากตอ่ ปาก
นบั จากนั้นมา หลวงตาพระปา่ แกๆ่ อยูใ่ นอำ� เภอแมแ่ ตง จึงดังระเบิด ! รถโดยสารทุกคันไมเ่ กบ็ เงิน
หลวงป่ ู และต่างก็อยากให้หลวงปูน่ งั่ รถของตน แม้นง่ั คนเดียวทงั้ คันก็ยินดี

เร่ืองสามล้อเมืองเชียงใหม่

เรอื่ งน้ีกไ็ ด้รบั การถา่ ยทอดจากหลวงปู่รินทร (ลิ้นทอง) อีกเชน่ กนั
เมื่อหลวงปู่ต้ือ อจลธมฺโม เข้ามาในตัวเมืองเชียงใหม่ ท่านจะพักที่วัดเจดีย์หลวง แล้ว
บรรดาลูกศิษยล์ ูกหากจ็ ะพากนั ไปทำ� บุญฟังธรรม และกราบคารวะท่านอยา่ งเนืองแน่น

337

ในชว่ งเช้าตรทู่ กุ วัน หลวงปู่จะออกบิณฑบาตเป็นกจิ วัตร แลว้ จะมลี กู ศษิ ยล์ ูกหามารอคอย
ใสบ่ าตรท่านตั้งแตป่ ระตวู ัดเปน็ แถวยาวเหยยี ดไปตามถนน
และทุกเชา้ เช่นกนั บรรดาสารถีในเมืองเชยี งใหม่ ก็จะพากนั จงู รถเดินตามหลวงป่เู ปน็ พรวน
ตอนขากลับจากบณิ ฑบาตต่างกม็ ะรุมมะตุ้มยือ้ แยง่ หลวงปู่ นมิ นตใ์ หท้ ่านน่ังรถสามล้อของตนเพอื่
ความโชคดมี ชี ัย ว่ากันอยา่ งน้นั
ตอนแรกๆ กม็ ีสารถีสามลอ้ คนอสี านไมก่ ่คี น มานมิ นตใ์ หท้ ่านขึ้นน่ัง ท่านกเ็ มตตาฉลอง
ศรทั ธาให้ทกุ คนั ลงคนั นี ้ ขึน้ คันนั้น แบง่ เฉล่ยี คันละนดิ ละหน่อยได้ท่วั ถึงกัน
นับวนั สามลอ้ กม็ มี ากขึ้น เพม่ิ จ�ำนวนเปน็ รอ้ ยๆ คนั ทุกๆ เชา้ ดังน้นั ตอนหลวงปู่บิณฑบาต
สุดแถว แล้วเดนิ กลับวดั จึงมเี หตุการณเ์ กอื บจลาจลวนุ่ วาย ตา่ งยื้อแย่งนิมนตห์ ลวงปู่ใหข้ ึ้นน่งั รถ
ของตน
บรรดาสารถตี า่ งล้อมหน้าล้อมหลังทา่ น ดูมะรุมมะตุม้ ไปหมด เสยี งนมิ นต์ดังเซ็งแซ่
“หลวงป ู่ ขนึ้ รถผม...หลวงตา ขึ้นรถผม...”
คนนน้ั ก็หลวงป.ู่ ..คนนี้ก็หลวงป.ู่ ..คนโน้นกห็ ลวงป.ู่ ..หลวงปู่... หลวงปๆู่ ๆๆ ดูสับสนว่นุ วาย
จนกระทง่ั เกินท่หี ลวงปูจ่ ะรับฉลองศรัทธาไดไ้ หว ปัญหาจึงเกดิ ขน้ึ
เช้าวันหนงึ่ เป็นเชา้ ท่หี ลวงปแู่ กป้ ญั หาในขน้ั แตกหกั ไมม่ ีใครคาดคดิ ในเร่ืองน้ี
ตอนหลวงปู่เดินกลับวัด สามล้อเป็นร้อยก็มามะรุมมะตุ้มหลวงปู่เช่นเคย คันน้ีก็หลวงปู่
คนน้นั ก็หลวงป ู่ หลวงป ู่ หลวงป.ู่ ..
หลวงปู่ วา่ คาถาคำ� เดียวว่า “ขน้ึ บ่ (ไม่) ได้”
ขึ้นบ่ได้... ข้ึนบ่ได้... ขึ้นบ่ได้... ไปตลอดทาง หลวงปู่เดินไปเร่ือย จวนจะถึงประตูวัดแล้ว
สร้างความผิดหวังให้บรรดาสามลอ้ เปน็ อยา่ งมาก
ทนั ใดนั้น มีสามล้อหนุ่มคนหน่ึง แกคงบ้าบิน่ พอสมควร ตดั สินใจจโู่ จมเขา้ อุม้ หลวงปู่เอาไป
นงั่ บนสามล้อของเขาทันที
พลนั เม่ือร่างหลวงปแู่ ตะเบาะน่งั เทา่ น้นั ทกุ คนตกใจเสียง โปง้ .. โป้ง.. โป้ง ๓ คร้งั ติดกัน

338

เสียงดังสนนั่ ...เสน้ ยางระเบดิ ทงั้ ๓ เส้น
ทุกคนที่อยู่ ณ ท่นี น้ั ตา่ งตะลงึ ตาค้างไปตามๆ กนั !

ใช้พลังจิตรักษาศิษย์ท่ีป่วยไข้ป่า

ครัง้ หน่ึง พระเณรในวดั เกิดเจ็บป่วยเปน็ ไขป้ ่า เพราะไปตดิ เชอื้ มาเลเรยี มาจากการไปภาวนา
อยู่ในป่าดงพงไพร เมื่อหลวงปู่ต้ือท่านทราบ ก็จะท�ำการรักษาให้เป็นอย่างดี ท่านให้เหตุผลว่า
“อายุเขายังน้อย ควรทจี่ ะฝึกฝนอบรมให้มพี ลังต่อไป จะตอ้ งรักษาให้หาย”
แล้วหลวงป่ตู ้ือกน็ ั่งเพง่ ใชพ้ ลังจิตเปน็ อำ� นาจในการรกั ษา ทา่ นใชเ้ วลานงั่ เพง่ นานพอสมควร
แล้วทา่ นกท็ ำ� ภารกิจของทา่ นไปตามปกติ เช่น เดินจงกรม ภาวนา พอได้เวลาสมควร ทา่ นกจ็ ะมานง่ั
เพ่งจิตช่วยเหลือตอ่ ท่านทำ� อย่างน้ีเพยี ง ๒ – ๓ วัน เท่านนั้ อาการไข้ของพระเณรกจ็ ะหายเปน็ ปกติ
พระเณรบางรูปก็ไม่รู้ว่าหลวงปู่ท่านส่งพลังจิตไปช่วยเหลือ แต่ทุกรูปก็หายเจ็บไข้ในเวลาที่รวดเร็ว
นบั วา่ หลวงปู่มอี ำ� นาจจติ ทีแ่ กก่ ล้า มพี ลงั มหาศาลเลยทเี ดียว
ส�ำหรับองค์ของหลวงปู่ตื้อเอง ถ้าเกิดอาพาธเจ็บป่วยขึ้นมา ท่านก็เฉยเสีย เดินจงกรม
ก็เปน็ ไปตามปกติ น่งั ภาวนากเ็ ป็นไปตามปกติ เมอ่ื พระศษิ ยเ์ ข้าไปกราบเรียนขอให้ทา่ นเพง่ รกั ษา
โรคภัยในร่างกายของทา่ นบ้าง ท่านก็ตอบวา่
“เราไมเ่ คยตามใจสงั ขาร มนั เปน็ ไดก้ ต็ อ้ งปลอ่ ยใหห้ ายเอง ใครเอาอะไรมาใหก้ ก็ นิ ใครไมเ่ อา
อะไรมาใหก้ ็ไมก่ นิ การเจบ็ ป่วย มันเปน็ เร่อื งของสงั ขาร ใจเราเฉยๆ ก็จะสบายไปเองแหละ”
เม่อื พระศิษยก์ ราบเรยี นถามท่านว่า “หลวงปเู่ จบ็ มากไหม”
หลวงปู่จะตอบวา่ “มากหรือไมม่ าก หนักหรอื ไม่หนักกด็ ูเอาเอง”
เมื่อเป็นดังน้ี หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม จึงต้องมีศิษย์ท่ีเคยรับใช้ใกล้ชิดกันมาก่อน และ
รใู้ จของท่านเป็นอย่างดีไว้คอยดแู ล เม่อื เห็นว่าท่านมีอาการเจบ็ ปว่ ยขน้ึ มา ซ่ึงปกตทิ า่ นจะไม่บอก
ให้ใครรู้ เราต้องคอยสังเกตอาการของท่านจึงจะพอเข้าใจ ในการถวายการรักษาและการจัดยา
ก็ตอ้ งจัดถวายท่าน โดยพระอุปฏั ฐากตอ้ งคาดคะเนเอาเอง

339

ก็ไปถามหัวตอดูซิ

หลวงปู่รนิ ทร (ลน้ิ ทอง) ได้เล่าเร่ืองอำ� นาจพลังจติ ของหลวงปูต่ ้อื อจลธมโฺ ม ดงั น้ี
กล่าวกันว่าอ�ำนาจพลังจิตของหลวงปู่ต้ือน้ันยอดเย่ียมมาก อย่าว่าแต่วัตถุส่ิงของที่ท่าน
ปลกุ เสกอธษิ ฐานจติ ใหเ้ ลย แม้แตท่ ีท่ ท่ี า่ นปัสสาวะรดใสย่ ังยิงไม่ออกเลย
เรื่องน้ีเป็นเร่ืองจริง ไม่ใช่เรื่องเอามาคุยโม้กันเล่นๆ เคยมีคนเอาปืนไปลองยิงมาแล้ว
ปืนยิงไม่ออก กระสุนไม่ล่ัน ลูกศิษย์ผู้ท่ีเอาปืนไปลองยิงนั้นถึงกับตกใจ ประหลาดใจ รีบวิ่งไป
กราบเรียนถามหลวงปู ่ แทบฟงั ไม่เปน็ ศัพท์เปน็ ภาษา
“หลวงป่ๆู ๆ ผมเอาปนื ไปยงิ หวั ตอ ทำ� ไมปืนยิงไม่ออกละ่ ครบั ?”
หลวงปู่ต้ือ ทา่ นตอบสวนมาทันทวี า่
“กไ็ ปถามหวั ตอดซู ิ จะมาถามอาตมาท�ำไม”

ผมของกูไปลักควายพ่อมึงหรือ

หลวงปรู่ นิ ทร (ล้ินทอง) ไดเ้ ลา่ เร่อื งอำ� นาจพลังจติ และวาทะของหลวงปูต่ ื้อ ตอ่ ไปอกี วา่
มีบางคนคิดพิเรนเล่นแปลกๆ ยิ่งไปกว่านั้นอีก ถึงกับเอาเส้นเกศาของหลวงปู่ตื้อท่ีท่าน
โกนทิ้งแลว้ เอาไปลองยิงดู
ปรากฏว่า ยงิ ไมอ่ อก !
พอลงมอื ยงิ ปืนไมล่ นั่ กร็ บี มาบอกหลวงป่ตู ือ้ อีกเช่นกัน เพ่ือหวังว่าจะให้หลวงปู่ชม ท่ตี นเอง
ค้นพบความมหัศจรรย์ ถือวา่ เปน็ คณุ ความดเี กดิ ข้ึนกบั ตัว
“หลวงปู่... หลวงปู่ครับ ผมลองเอาปืนยิงเส้นเกศาของหลวงปู่ดู มันยิงไม่ออกนะครับ
หลวงปู่”
หลวงปู่ตื้อย้อนถามเสียงดังว่า
“ผมของกูไปลักควายพอ่ มึงหรือ ผมของกไู ปนอนกับแมม่ ึงหรือ มงึ เอาผมกไู ปยิงท�ำไม
ท�ำอยา่ งนแ้ี สดงว่าไม่เช่อื กันน่ะสิ”

340

แม้หลวงปู่ท่านจะกล่าวด้วยค�ำพูดที่ดุดัน แต่สีหน้าอาการสงบเงียบ แสดงชัดว่าการดุด่า
ของท่านมิได้เป็นไปดว้ ยอารมณป์ ถุ ุชน แตเ่ ป็นการเตือนสติให้พิจารณาถึงส่งิ อันควรไม่ควร

เกี่ยวกับเคร่ืองรางของขลัง

คำ� บอกเลา่ ของหลวงปรู่ นิ ทร (ล้นิ ทอง) อีกเชน่ กนั
พวกเคร่ืองรางของขลังต่างๆ น้ี หลวงปู่ตื้อ ท่านไม่ชอบเอามากๆ อันน้ีเป็นปฏิปทา
ท่ีโดดเด่นในลกู ศษิ ย์สายพระอาจารยม์ ่นั ภูรทิ ตฺโต
พระปา่ ทา่ นไมต่ ิดยดึ กบั เรอื่ งเหลา่ นี้ การที่ท่านยอมให้ท�ำเหรียญ ท�ำพระตา่ งๆ หรอื ไปร่วม
พิธีปลุกเสกตา่ งๆ นัน้ ถอื เปน็ การอนุโลม ท�ำด้วยจติ เมตตา ให้ใช้เป็นเครือ่ งระลึกถงึ คุณพระรตั นตรัย
มนั่ ใจในความดี มใิ ชเ่ อาไวต้ ีรันฟนั แทงหรอื เอาไปทำ� มาคา้ ขายเพือ่ หาเงินกัน
มคี รั้งหน่งึ พวกทหารอากาศไปนมสั การท่าน แตใ่ นใจอาจจะนึกปรามาสทา่ นอยู่ และคงมี
เหตุที่ไมช่ อบมาพากลบางอยา่ ง หลวงปู่ตอ้ื ท่านผลนุ ผลันลกุ ขนึ้ เดนิ ไปปสั สาวะใสต่ อไม้ แลว้ กลา่ ว
เชิงท้าทายกบั ทหารกลุม่ นนั้ ว่า
“คนเราถ้ามนั จะขลงั ตอ้ งขลงั กระทั่งเยย่ี ว เอา้ ! ยิงเลย”
ทหารกลมุ่ นั้นยิงปืนใส่ตอไม้ กระสุนไมล่ ่นั แม้แตน่ ัดเดยี ว

หลวงปู่แนะน�ำเรื่องฤทธิ์

ทา่ นพระอาจารยไ์ ท านตุ ตฺ โม ทา่ นเลา่ ถงึ หลวงปตู่ อ้ื อจลธมโฺ ม ไดแ้ นะนำ� เรอื่ งฤทธไ์ิ ว้ ดงั น้ี
“ผมก็เคยพบเคยเจอเพื่อนฝูงที่เป็นวิปลาส เป็นมากข้ึนๆ ก็เป็นบ้าไปเลย น่ีผลสุดท้าย
สึกออกมากเ็ ผา ก็ธรรมดาตายท่ัวไปนี่ เบ้อื งต้นนั่นก็คอื อยากมี “ฤทธิ”์ น่งั ดๆี เพ่งพระอาทิตย์
เด๋ียวกเ็ พง่ พระจนั ทร์ เดี๋ยวก็เพ่งแดด เพ่งลม ตวั อยากมีฤทธ์ิ แกก็จบธรรมเอกเหมือนกัน
ครูบาอาจารย์ก็แนะน�ำบอกว่า “เอ้ย ! ท่าน การน่ังเจริญเมตตาภาวนาน่ัน ไม่ต้องไป
สร้างสม “ฤทธิ์” ท�ำใจให้ดี ท�ำใจให้มั่นคงให้เป็นสมาธิเย็น ถ้าวาสนาบารมีมันมีแล้ว
ฤทธิ์มนั เกิดขนึ้ ถา้ วาสนาบารมีไมม่ ี มันไม่เกิด

341

สาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่ีเป็นอริยะ เอตทัคคะไม่เหมือนกัน พระโมคคัลลาน์
ทา่ นก็มฤี ทธ์ไิ ปอยา่ งหนึง่ พระสารีบตุ รทา่ นก็มฤี ทธ์ิไปทางปัญญา อันน้ีเอานยิ ายไมไ่ ด”้
“โอ๊ย ! ไมใ่ ช่ ใชไ้ มไ่ ด้ ใช้ไมไ่ ด้ คนเราไม่สรา้ งสมเอา ไมก่ ระตือรือรน้ มนั เป็นไปไมไ่ ด้
ผิดหลักการ มันต้องทำ� เอาเอง สร้างเอาเอง”
ใครบอกก็ไมฟ่ ัง เพง่ ไปเพง่ มา ก็เรียกว่า ครูบาๆ จติ ผมทรงพระอาทิตยแ์ ล้ว เอาไปกจ็ ติ ผม
ทรงพระจันทร์แล้ว ก็นง่ั หัวเราะกุ๊กๆ ก๊ิกๆ หลายปีหลายเดอื นเข้า ผลสุดทา้ ยกด็ ึงไม่คนื อันนี้ทีเ่ หน็
เหตุน้ัน การนั่งภาวนานั่น ครูบาอาจารย์ท่ีผู้สันทัดกรณี ระวัง ! อย่าไปเพ่งจิตออกไป
ข้างนอก นอกกายของเราคืบหน่งึ วาหนึง่ ศอกหนึ่งก็อยา่ ไปเพ่ง ถึงจะฟุ้งไปใหม้ ันอยู่ในแค่กาย
เอากายเป็นก�ำแพง เอากายเปน็ คนั ล็อกไว ้ ถ้าหากว่าออกจากกายไปแลว้ มันจะไปกนั ใหญ่
ถา้ เปน็ ไปได้ใหร้ วมจากกาย เข้าไปหาจิตผ้รู ู้ ให้มันวางขันธ์ หาผู้รทู้ างจติ ควบคุมตัวสติ
ควบคมุ ปญั ญา พุทโธ ! พุทโธ ! ให้เรารู้จติ
เมื่อจิตเป็นสมาธิแล้ว ตัววิปัสสนามันไม่มีปัญหา ตัวปัญญามันไม่มีปัญหา ตัวฌาน
ตัวญาณมันไม่มปี ญั หา มันเกดิ ข้นึ เอง ร้เู องเป็นเอง ทา่ นจงึ เรียกวา่ “รูด้ ว้ ยตนเอง” ไมใ่ ชว่ า่ รดู้ ้วย
คำ� นวณ ไมใ่ ช่ว่ารูด้ ้วยคิด นกึ ไป – นึกมา นา่ จะเปน็ อย่างนัน่ อาจจะเปน็ อย่างนี้ คงจะเป็นอยา่ งนน้ั
นึกไป – นกึ มา อันนัน้ น่ันน่ะมันเป็นวปิ สั สนึก ของทา่ นอนั น้ที ่านเรียกวา่ ไมใ่ หน้ กึ รเู้ อง เป็นเอง
เหน็ เอง ถ้ามันได้มาตรฐานแลว้ มันเกดิ ขึ้นเอง มนั เป็นอย่างน้นั ”

342
ภาค ๒๑ วีรกรรมหลวงปู่ต้ือ

พระอรหันต์ละนิสัยวาสนาไม่ได้ นอกจากพระพุทธเจ้าเท่าน้ัน

หลวงป่ตู ้อื ทา่ นค้นุ เคยกบั สมเดจ็ พระมหาวีรวงศ์ (พมิ พ์ ธมฺมธโร) แห่งวดั พระศรมี หาธาตุ
บางเขน เวลาเขา้ กรงุ เทพฯ หลวงป่จู งึ มาพกั ที่วดั แห่งน้เี สมอ
ท่านสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ กล่าวถึงหลวงปู่ตื้อ ว่า “หลวงปู่ตื้อน้ี ท่านไม่กลัวใคร
ไมว่ ่าสมเด็จฯ หรือแม้แตท่ า่ นอาจารยม์ ัน่ ท่านก็ไมก่ ลัว ทา่ นเป็นพระที่จดั วา่ ด้ือทเี ดยี ว...”
เรื่องที่หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม ท่านเป็นพระอรหันต์ เป็นปุญญปาปปหินบุคคล แต่ท่าน
ชอบท�ำอะไรแปลกๆ ผดิ ไปจากสมณะรปู อนื่ ๆ บางครัง้ ก็ผดิ พระธรรมวนิ ยั เช่น การขุดดิน ฟนั ต้นไม้
โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ การแสดงธรรมของทา่ น เตม็ ไปดว้ ยค�ำพูดเหมือนกบั ลามกหยาบโลน และดุดา่
หยาบคาย ฯลฯ
หลวงป่หู ลยุ จนฺทสาโร ไดเ้ ล่าใหล้ กู ศษิ ย์ฟงั วา่
“พระอรหนั ต์นั้น เปล่ียนวาสนาเดิมไมไ่ ด้ นอกจากพระพทุ ธเจา้ เทา่ น้ัน จงึ จะเปลีย่ น
วาสนาเดิมได้ แมแ้ ต่พระสารบี ตุ ร ทา่ นก็ยังเดนิ เหินไมเ่ รียบร้อย กระโดกกระเดก” (เพราะใน
อดตี ชาตพิ ระสารีบตุ รเคยเปน็ ลิงปา่ มาก่อน บคุ ลกิ ลักษณะเดมิ หรอื ท่ีพระท่านเรยี กวา่ วาสนาเดิม
จึงยังตดิ ตัวอย ู่ ละไดไ้ ม่หมด)
หลวงปหู่ ลยุ จนทฺ สาโร ได้เลา่ ต่อไปวา่
“เมื่อครั้งพทุ ธกาล มีพระอรหันตร์ ปู หน่ึงไปเรยี กผู้อื่นว่า “บรุ ุษถ่อย” ผถู้ กู เรียกก็พากัน
กราบทูลฟ้องพระพุทธองค์ พระองค์ตรสั ว่า มันเป็นนสิ ัยเดมิ เปลี่ยนไม่ได้ แต่จิตของพระรปู นัน้
ทา่ นไมม่ ีเจตนาท่ีจะดูถูกใครวา่ เป็นคนเลว ทว่ามันติดปาก เลิกไมไ่ ด”้
หลวงตาพระมหาบัว าณสมฺปนโฺ น กไ็ ด้เทศนถ์ งึ เรอ่ื งนไ้ี ว ้ ดังนี้
“ปุญญปาปปหินบุคคล เป็นผู้มีบุญและบาปอันละได้โดยส้ินเชิงแล้วทางด้านจิตใจ
เป็นแต่เพียงมีขันธ์อยู่ ก็ต้องปฏิบัติต่อขันธ์ให้เหมาะสมกับสังคมยอมรับกัน ความเป็นพระ
ยอมรับกัน ก็คือการปฏิบัติตามหลักธรรมหลักวินัย น่ีเป็นขั้นสมมุติในข้ันน้ี ก็ปฏิบัติอย่างน้ัน
ไปเรื่อยๆ จนกระทงั่ วนั นิพพาน

343

ถา้ เปน็ หลกั ธรรมชาติของจติ แล้ว พอกเิ ลสขาดสะบัน้ ลงไปแล้วหมดปญั หาทจี่ ะใหเ้ ป็นบาป
เปน็ บุญ ต้องอาบัติสงั ฆาปาราชิกอยา่ งนไ้ี มม่ ี หมด กิรยิ าทท่ี ่านรกั ษาก็รักษาไวต้ ามสมมุตทิ ีม่ ีอยู่
และปฏบิ ตั ิให้เหมาะสมกันกับดา้ นสมมตุ ทิ ้ังหลายเท่าน้นั จนกระทั่งวันนพิ พาน นอกจากท่านจะท�ำ
แผลงๆ ออกมาบา้ ง พอเป็นขอ้ คดิ อยา่ งน้ีกม็ ีบา้ ง แต่ท่านก็ไม่มีอะไร ท่านแสดงกริ ิยาออกมานดิ ๆ”
หลวงปเู่ พง็ พุทฺธธมฺโม ตอบในปญั หาเดียวกนั โดยสรุปวา่ “...พระอรหนั ต์ท่านไมม่ ีมายา
ยงั มีเหลือแตก่ ริ ยิ า ซ่ึงไมต่ อ้ งปรุงแตง่ แสดงออกไปตรงๆ ตามวาสนาเดมิ ของท่าน ไม่สามารถแก้
ใหห้ ายได ้ นอกจากพระพทุ ธเจา้ องค์เดียวเทา่ น้นั ...”
หลวงปู่เพ็งท่านยังยกตัวอยา่ ง หลวงปู่บดุ ดา ถาวโร แหง่ วัดกลางชูศรเี จรญิ สุข จงั หวดั
สงิ หบ์ รุ วี า่ “… มอี หี นพู ยาบาลคอยเชด็ เนอื้ เชด็ ตวั เชด็ ขเี้ ชด็ เยย่ี วใหท้ า่ น จะหาวา่ ทา่ นอาบตั ไิ มไ่ ดห้ รอก
เพราะจิตของท่านพ้นสมมุติไปแล้ว เรื่องเพศชาย – หญิง ไม่สามารถท�ำให้ท่านเกิดกามกิเลสได ้
ไมเ่ หมอื นกับจติ ปถุ ชุ นท่ัวไป...”
ฉะนนั้ ปุถชุ นคนธรรมดาไมค่ วรไปต�ำหนเิ พ่งโทษกิริยาภายนอกของ หลวงป่ตู ือ้ อจลธมโฺ ม
โดยเฉพาะการแสดงธรรมของทา่ นน้นั ซง่ึ ค�ำบางค�ำไมน่ ่าฟงั แต่องค์หลวงตาพระมหาบวั บอกวา่
นั่นละ่ คอื ยอดธรรม

หลวงปู่ตื้อแอบดูหลวงปู่มั่นเหาะไปบิณฑบาต

เรอ่ื งน้เี ปน็ เหตุการณ์ที่ หลวงปู่มน่ั พักภาวนาท่ี ถ�ำ้ เชยี งดาว อำ� เภอเชียงดาว จงั หวัด
เชียงใหม่ ทา่ นอยู่ในถำ�้ ขา้ งบน บรรดาพระศษิ ยก์ ็กระจายอยูท่ ตี่ ่�ำลงมา และออกไปอย่ใู นสถานที่
ใกล้เคยี ง อย่ตู ามถ�ำ้ ผาปล่อง ถ�้ำปากเปียง อยกู่ ระจายกนั ออกไป ทำ� ตูบ (กระตอ๊ บ) ใครตบู มนั
หลวงป่เู ทสก์ หลวงปูข่ าว หลวงปูแ่ หวน หลวงปูต่ ือ้ ตูบใครก็ตบู มนั ทา่ นไมไ่ ด้อยู่ในถ้�ำรวมกนั
ท่ี ถำ�้ เชียงดาว หลวงปูม่ ่นั ทา่ นอย่ขู า้ งบน แล้วลงมาฉันข้างลา่ ง ๔ วันท่านจะลงมาฉนั
ข้างล่างรวมกับลูกศิษย์ทีหน่ึง ๔ วนั จงึ จะลงมาร่วมฉนั ครง้ั หนง่ึ
ทีน้ี หลวงปู่ต้ือ ทา่ นไม่เชือ่ วา่ หลวงปมู่ ัน่ ทา่ นอดขา้ วในระหว่าง ๔ วัน ไมฉ่ นั ขา้ ว
ไมล่ งมาร่วมฉนั เลย ไม่ลงมาตดิ ตอ่ กันเปน็ วนั ที่ ๕ แลว้
หลวงปู่ต้ือ ท่านก็เลยแอบข้ึนไปตั้งแต่ตี ๔ โน่น ไปดูหลวงปู่ม่ัน คลานข้ึนไปในถ�้ำ
ไปนอนล ้ี (แอบ) อย ู่ หมอบลีอ้ ยู่

344

เม่ือสว่างมา หลวงปู่ตื้อท่านก็เห็นหลวงปู่มั่นคลุมผ้าจีวร คล้องบาตร จากน้ันท่าน
ก็เข้าฌานแล้วเหาะลอยข้ามหัวหลวงปู่ต้ือ ออกไปบิณฑบาตท่ีเชียงใหม่ หลวงปู่ต้ือแอบเห็น
อยู่ ๒ วัน แล้วท่านก็ไม่ต้องขึ้นไปดูอีก รู้แต่ว่าหลวงปู่มั่นเข้าฌานเหาะไปบิณฑบาตที่เชียงใหม่
มาฉนั ทุกวันเลย

ฉันก่อนหลวงปู่ม่ัน

หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม ท่านเคยอยู่ปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่ม่ัน ภูริทตฺโต ผู้เป็น
พระบูรพาจารย์ วรี กรรมของหลวงปตู่ ้อื มมี ากมายคล้ายกับกรณี หลวงปูท่ องรตั น์ กนฺตสโี ล
กลา่ วคอื คร้ังหนึง่ ขณะทำ� ภตั กจิ ในตอนเช้าทศ่ี าลาฉนั วดั ป่าภรู ิทตั ตถริ าวาส โดยมีองค์หลวงปู่มนั่
น่ังเป็นประธาน เกิดเรื่องท่ีไม่คาดฝัน คือ ขณะพระเณรแจกอาหารอยู่น้ัน แจกยังไม่ทันเสร็จ
หลวงปู่ต้ือท่านลงมือฉันก่อนหมู่ ฉันก่อนหลวงปู่ม่ัน ซึ่งตามปกติการขบฉันของพระป่า
เมอื่ แจกอาหารเสรจ็ แลว้ จะสวดให้พร จงึ จะเริ่มลงมือฉัน
เมือ่ หลวงปู่มัน่ เห็นเช่นนนั้ จงึ ดหุ ลวงป่ตู อื้ ต่อหนา้ พระเณรทันทวี ่า “ทา่ นต้ือ ท�ำไมทา่ น
จึงทำ� เช่นนน้ั ” หลวงปู่ตื้อท่านตอบกลบั ทนั ทีว่า “ก็กระผมหวิ นี่ขอรับ” หลวงป่มู น่ั ท่านจงึ พูด
เตือนพระเณรว่า “อย่าทำ� อย่างท่านต้ือนะ”
หากมีใครท�ำอย่างหลวงปู่ต้ือ โดยท�ำต่อหน้าหลวงปู่มั่นเช่นนี้ จะต้องถูกขับไล่ออกจาก
ส�ำนักทันที แต่หลวงปู่มั่นท่านอบรมหลวงปู่ต้ือมา จึงรู้ว่าหลวงปู่ต้ือมีคุณธรรมในหัวใจ
เร่ืองน้ีครูบาอาจารย์ได้เทศน์ให้ฟังว่า “หลวงปู่ตื้อ ท่านเป็นพระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ
การท�ำความเพียรของท่านก็เก่งเป็นเลิศ คุณธรรมของท่านก็เป็นท่ียอมรับในวงกรรมฐาน
ทั้งหลวงปู่มั่นก็ช่ืนชม กล่าวคือ กิริยาภายนอกของหลวงปู่ต้ือ ท่านมีนิสัยโผงผาง แสดงออก
ตรงไปตรงมา แตก่ ารทำ� ความพากความเพียรแลว้ หลวงป่ตู ้อื ท่านเคยเรง่ ความเพยี รอย่างอกุ ฤษฏ์
โดยการน่งั สมาธิภาวนา ๗ วนั ๗ คนื โดยไม่หลับไม่นอนและไมฉ่ นั อะไรเลยก็เคย ใหพ้ ระเณร
ควรเอาการบำ� เพ็ญเพียรของหลวงปู่ตือ้ เป็นแบบอย่าง”

หลวงปู่ชอบเล่าถึงการอุปัฏฐากหลวงปู่ม่ัน

หลวงปชู่ อบ านสโม พบกบั หลวงปตู่ อื้ อจลธมฺโม และหลวงปูแ่ หวน สจุ ณิ ฺโณ ท่ีวดั
เจดียห์ ลวง หลวงปู่ตอ้ื ถามท่านวา่ “ออกจากน้อี าจารยช์ อบจะไปเทีย่ ววิเวกที่ไหน” ทา่ นบอกว่า
“ยังไม่รู้ว่าจะไปเที่ยววิเวกที่ไหนดี ใจหน่ึงอยากจะกลับไปปฏิบัติอยู่กับพ่อแม่ครูอาจารย์มั่นท่ี

345

บ้านป่าเม่ยี ง แมส่ าย อยากจะกลบั ไปชว่ ยแบง่ เบาภาระดแู ลหมคู่ ณะพระเณรใหก้ บั องคท์ ่าน”
หลวงปู่ตื้อกบั หลวงปแู่ หวนเห็นดว้ ยในเรือ่ งนี้ ทา่ นทงั้ สามจงึ พากันเดินทางมาหาองค์ท่าน
หลวงปมู่ น่ั ที่ส�ำนกั สงฆ์ปา่ เม่ียงแมส่ าย ตำ� บลโหล่งขอด อ�ำเภอพรา้ ว จงั หวดั เชียงใหม่ หลวงปชู่ อบ
เลา่ ถึงหนา้ ท่ีของท่านตอนอยู่กับองค์ทา่ นหลวงปมู่ นั่ ที่เชยี งใหม่ใหฟ้ งั วา่ ท่านมีหน้าทีช่ ่วยองคท์ า่ น
หลวงป่มู ัน่ ดูแลพระเณร และดูแลบริขารอุปฏั ฐากองคท์ า่ น ทา่ นว่านสิ ยั หลวงปมู่ ่นั ทา่ นไม่ชอบให้
พระเณรมารุมลอ้ มปฏบิ ตั ิกบั องคท์ ่านมากนัก ถ้าทา่ นมอบหมายภาระใหพ้ ระเณรองค์ใดดแู ลแลว้
พระเณรองคน์ ้นั จะเป็นผปู้ ฏบิ ัติกบั องค์ท่านเป็นหลกั
การปฏิบัติข้อวัตรกับองค์ท่าน พระเณรจะเข้าไปท�ำได้ไม่เกินสองหรือสามองค์เท่าน้ัน
ถา้ เข้าไปพร้อมกนั หลายองค์ท่านจะดุเอา หลวงปู่มนั่ ท่านจะไม่ให้ลูกศิษยม์ าเฝ้าอปุ ัฏฐากองค์ท่าน
อยตู่ ลอดเวลา เพราะจะทำ� ใหเ้ สยี เวลาในการปฏบิ ตั ขิ องพระเณรรปู นนั้ ๆ เรอ่ื งนอี้ งคท์ า่ นหลวงปมู่ นั่
จะสงั่ หา้ มเปน็ การเฉพาะ
สมัยอยู่กับองค์ท่านหลวงปู่มั่นท่ีเชียงใหม่ หลวงปู่ชอบท่านจะเข้าอุปัฏฐากองค์ท่านคู่กัน
กับหลวงปู่เทสก์ เทสฺรํสี ถ้าหลวงปู่เทสก์ออกเที่ยววิเวก ท่านจะคู่กับหลวงปู่ตื้อหรือไม่ก็
หลวงปแู่ หวน
หลวงปู่ชอบท่านพูดในเร่ืองข�ำ ขันขององค์ท่านหลวงปู่ตื้อว่า “ถ้าวันไหนอาจารย์ต้ือ
ทา่ นเขา้ ไปทำ� ขอ้ วตั รพอ่ แมค่ รอู าจารยม์ น่ั อาจารยต์ อื้ ทา่ นจะสรา้ งเรอื่ งขนึ้ มาเพอื่ ใหพ้ อ่ แมค่ รอู าจารย์
ท่านดุเอา พอตกเย็นเวลาฟังธรรม ท่านอาจารย์ใหญ่ม่ันจะยกเรื่องท่านอาจารย์ต้ือข้ึนมาแสดง
อย่างดุดัน พระเณรเถรชีท่ีน่ังฟังธรรมด้วยกันถึงกับตัวลีบหายใจไม่ทั่วท้อง ท่านว่าน่ีคืออุบาย
การขอฟังธรรมจากทา่ นอาจารยใ์ หญใ่ นแบบฉบับของท่านอาจารย์ตือ้ ”

น่ังอาสนะของสมเด็จพระสังฆราชฯ

พระอาจารยป์ ระยทุ ธ ธมมฺ ยุตฺโต เลา่ อกี ตอนหนึ่งว่า มีอยู่ครงั้ หนึง่ หลวงปู่ตือ้ อจลธมโฺ ม
ไปรว่ มประชุมสงฆ์ในกรงุ เทพฯ ท่านพระเถระน่ังกนั อยพู่ ร้อมแลว้ ยังขาดแต่สมเด็จพระสงั ฆราชฯ
ท่จี ะเสดจ็ มาเป็นองคป์ ระธานของการประชุม
หลวงปู่ตื้อท่านไปถึงก่อน จึงเดินตรงจะไปน่ังตรงอาสนะที่เขาจัดเตรียมไว้ส�ำหรับ
สมเด็จพระสังฆราชฯ

346

เจ้าหน้าที่เข้ามาร้องห้ามว่า “ที่นี่เป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชฯ ที่เสด็จมาเป็น
ประธาน หลวงตามาจากไหน น่งั ไมไ่ ด้นะ”
หลวงปู่ตื้อตอบว่า “ไม่เป็นไรน่า เป็นเพ่ือนกัน” แล้วท่านก็นั่งลงไปบนที่น่ังนั้น ท�ำแบบ
ไมร่ ู้ไม่ช้ี เจา้ หนา้ ทก่ี ็ไม่รจู้ ะขับไลอ่ ยา่ งไร
พระเถระทง้ั หลายก็น่งั ดเู ฉย บางรปู กอ็ มยมิ้ กัน เพราะรู้จักอุปนสิ ยั ของหลวงปู่ต้อื ดี
พอสมเดจ็ พระสังฆราชฯ ทา่ นเสด็จมาถึง หลวงปูต่ ือ้ ท่านกล็ ุกจากอาสนะถวายทีใ่ ห้ และ
ท�ำการกราบไหวแ้ ก่ยศฐานะ พอกราบเสร็จ สมเดจ็ พระสังฆราชฯ ท่านกล็ กุ ขึ้นกราบคนื ในฐานะท่ี
หลวงปตู่ ้ืออาวุโสกวา่
หมายเหตุ – สมเด็จพระสังฆราชทก่ี ลา่ วถงึ ในเรอื่ งนี้ คอื สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จ–
พระสังฆราช (จวน อุฏฺ ายี) วัดมกุฏกษัตรยิ าราม กรุงเทพฯ

สมเด็จฯ จะฟังไหม เกล้าฯ จะเทศน์ให้ฟัง

มีบันทึกตอนหนึ่งว่า มีคุณหญิงคุณนายท่ีได้ฟังเทศน์จากหลวงปู่ต้ือในงานแห่งหน่ึง
พากันไปทูลฟอ้ ง สมเด็จพระสงั ฆราช (จวน อุฏฺ าย)ี วัดมกฏุ กษัตริยาราม ซง่ึ สมเดจ็ พระสงั ฆราชฯ
ท่านกค็ ุ้นเคยกบั หลวงปู่ตือ้ เปน็ อยา่ งดี
เม่ือหลวงปตู่ ื้อเข้าเฝ้า สมเด็จพระสงั ฆราชฯ จึงถามทา่ นว่า “ทา่ นผูห้ ญิงมาฟอ้ งว่าท่าน
เทศน์หยาบคาย จริงไหม ?”
หลวงปู่ตอ้ื ทา่ นตอบรับตรงๆ ว่า “จรงิ ” เพราะส่ิงที่ท่านเทศน์น้ัน ล้วนแตเ่ ปน็ ธรรมะ
ของจริง ไม่รู้จะยกไปซ่อนเร้นปดิ บงั ไว้ท่ีไหน แลว้ ทา่ นก็ย้อนทลู ถามสมเด็จพระสังฆราชฯ กลับไปว่า
“สมเดจ็ ฯ จะฟังไหม เกล้าฯ จะเทศน์ใหฟ้ งั ”
เหตุการณน์ ้ีนับวา่ เป็นเรื่องฮือฮามากในครั้งน้ัน

347

น่าจะเป็นความอารมณ์ดีของท่าน

อีกเรื่องหนึ่ง คราวไปประชุมสงฆ์ทวี่ ัดอโศการาม สมัยทที่ ่านพอ่ ลี ธมฺมธโร ยงั อยู่
หลวงปู่ต้ือ ทา่ นถามพระสงฆท์ ี่มาร่วมประชุมว่า “ในทปี่ ระชุมนี้ มพี ระเถระรูปใด มีอายุ
พรรษาถึง ๕๐ พรรษาบา้ ง”
ที่ประชมุ เงียบ ไมม่ ใี ครตอบ หลวงปู่ตอื้ จึงว่า “งนั้ ผมกต็ อ้ งเปน็ ประธานสิ”
แล้วทา่ นก็หวั เราะชอบใจ ทป่ี ระชมุ กห็ ัวเราะ

ตัวอย่างความกล้าและพูดตรงของหลวงปู่

หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม ท่านเป็นพระอรหันต์ที่ทรงอภิญญาเลิศด้านฤทธ์ิ มีทิพพจักขุ
เป็นต้น ท่านได้เหน็ เหตุการณ์ท่จี ะเกิดข้ึนลว่ งหน้า ตัวอย่างเช่น คราวหนง่ึ จะมญี าติโยมเดินทาง
มาหาทา่ น และท่านทราบต่อไปว่าจะเกิดอะไรข้นึ ซ่ึงทา่ นไดแ้ สดงถึงความกลา้ และพูดตรงของท่าน
โดยทา่ นได้พดู กบั พระศษิ ย์วา่
“วันน้ีจะมีญาติโยมมาหา “เดี๋ยวจะมีผีมาน่ังตรงน้ี” ท่านชี้ไปตรงที่ว่างๆ “ดูจะมีคนมา
นั่งท่ีนี่” ท่านชี้ไปอีกด้านหน่ึงซึ่งอยู่ใกล้กัน น่ังอยู่พักใหญ่ๆ ปรากฏว่ามีญาติโยมเดินทางมาหา
ท่านจริงๆ มีผู้ชายมานั่งตรงที่ท่านบอกว่า “ผีจะมานั่ง” พอนั่งแล้วก็ไม่กราบพระสงฆ์องค์เจ้า
นง่ั เฉยอยู่อยา่ งนนั้ ”
ส่วนตรงที่ท่านบอกว่า “จะมีคนมาน่ัง” ก็มีผู้ชายกับผู้หญิงมาน่ัง ท้ังหมดมาด้วยกัน
มารถคันเดียวกัน แต่แยกลงนั่งที่ต่างๆ กัน สองคนหลังกราบหลวงปู่อย่างนอบน้อม พร้อมกับ
พดู คุยด้วยจิตใจศรทั ธาและเบกิ บาน
คร้นั คนกลมุ่ น้ันขอให้ท่านแสดงธรรมะ คือ เทศน์ให้ฟงั ซง่ึ หลวงปทู่ ่านพรอ้ มเสมออยูแ่ ล้ว
กพ็ ดู ข้นึ วา่ “เอา้ ! ฟงั เทศน์นะ คนน้ีเขาไม่เอาพุทโธ มาถงึ พระพทุ ธรูปก็ไมก่ ลา้ จะกราบ มาถึงกน็ ่ัง
ยังกับวา่ ไมม่ สี ัมมาคารวะ นี่เป็นผีไม่ใช่คน”
น่ีแสดงถึงความกล้าและพูดตรงของท่าน ตาใน (ทิพพจักขุ) ท่านเห็นอย่างไร ท่านก็พูด
อยา่ งนั้น ไม่เกรงว่าใครจะโกรธ ใครจะฟงั หรอื ไม่ ชอบหรอื ไม่ชอบ ทา่ นไม่ใส่ใจ

348

หลวงปู่ต้ือมักจะพูดว่า “เราเทศน์เรื่องจริง เราไม่ได้เทศน์เพื่อเอาใจใคร เอาใจผู้อ่ืน
ก็เท่ากับเลีย้ งกิเลสใหอ้ ้วนพ ี เรามีความจริงใจ เราไมไ่ ด้เทศน์เอาบหุ รีเ่ กล็ดทองของใคร”
หลวงปู่ตื้อท่านมีจิตใจหนักแน่นและเปิดเผย ท่านพูดตรง จนพระเถระผู้ใหญ่บางท่าน
ได้ห้ามปราม แตท่ ่านก็ยงั คงยนื หยดั เชือ่ มัน่ ในองคท์ า่ น และเหตุผลของท่านกเ็ ปน็ จริงเชน่ นัน้ ดว้ ย

แม้พระผู้ใหญ่หลวงปู่ก็ว่าเอาแรงๆ

อย่าว่าแต่ลูกศิษย์เลยท่ีหลวงปู่ตื้อท่านเตือนเมื่อเวลาหลงผิด หรือประพฤติไม่เหมาะสม
กับความเปน็ พระ
แม้แตพ่ ระผใู้ หญ่ หรือสหธรรมกิ ของทา่ น หลวงปกู่ ไ็ มเ่ วน้ ทา่ นจะบอกจะเตอื นตรงๆ และ
บางทีกแ็ รงๆ ด้วย มตี วั อยา่ งตอนหน่ึงในประวตั ิของหลวงปู่บญุ ทนั ติ ปญฺโ แหง่ วัดป่าประดู่
อำ� เภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี เปน็ ลกู ศษิ ย์ร่นุ ใหญใ่ นสายกรรมฐานของหลวงปมู่ ัน่ ภูริทตโฺ ต
หลวงปู่บุญทัน ท่านเล่าว่า ในระหว่างที่ท่านเร่งความเพียรอย่างหนัก ท�ำให้ท่านหลง
สำ� คญั ตนว่า ทา่ นส�ำเรจ็ หมดจากกเิ ลสแล้ว จงึ ไดอ้ อกตดิ ตามหาหลวงปู่มนั่ เพอื่ จะแจง้ ความในใจ
ให้พระอาจารยไ์ ดร้ บั รู้
หลวงปู่บญุ ทนั ติดตามหลวงปมู่ ัน่ จนไปพบทีเ่ ชียงใหม่ เขา้ ไปกราบนมัสการพระอาจารย์
แล้วกราบเรียนอย่างถ่อมตวั วา่ “ส�ำคัญวา่ กระผมเดินทางมาทางอากาศ”
หลวงปู่ต้ืออยู่ในที่นั้นด้วย ก็ออกไปยืนแหงนหน้าข้ึนไปบนท้องฟ้า ท�ำท่ารอดูหลวงปู่
บุญทนั แลว้ พูดเตอื นท่านด้วยเสียงอนั ดังวา่
“โนน่ พระอรหันตผ์ บี ้า พระอรหันต์โลกีย์ พระอรหนั ตเ์ วียนตาย เวียนเกดิ มาแล้วโน่น
เหาะมาแล้ว”
หลวงป่บู ญุ ทัน ได้ยนิ เสียงเตอื นดงั นน้ั ท่านจึงทราบว่า ท่านหลงส�ำคัญตน ท่านยงั ไมไ่ ดเ้ ป็น
พระอรหันต์

349

ฟังธรรมหลวงปู่ต้ือ แล้วไปนิพพานได้

ปรากฏในประวัตขิ องท่านเจ้าคณุ ปู่ (หลวงปู่จันทร์ เขมโิ ย) วดั ศรีเทพประดิษฐาราม จงั หวดั
นครพนม ซ่ึงทา่ นเจา้ คุณปูจ่ ันทรน์ นั้ ไดช้ อื่ วา่ เป็นนกั เทศนจ์ ับหวั ใจผู้ฟัง บางครัง้ ท่านเทศนจ์ บแล้ว
คนยงั ไม่ยอมให้ทา่ นลงจากธรรมาสน์ ขอร้องใหท้ ่านเทศน์อกี กัณฑ์ เพราะติดใจติดหูจงึ อยากฟงั อีก
ครงั้ หนง่ึ ในวัดศรีเทพฯ มีงานบุญอะไรก็เลอื นไปเสยี แล้ว มพี ระรปู หนง่ึ (หลวงปูต่ อ้ื ) เข้าไป
รว่ มด้วย หลงั จากหลวงปู่จันทรเ์ ทศนเ์ สร็จ พระรูปน้ันไดก้ ล่าววา่
“ฟังเทศน์หลวงปูจ่ ันทรไ์ ปนิพพานไม่ไดห้ รอกโยม”
ญาติโยมทไี่ ด้ยนิ หูผึง่ ขนาดสองวา โกรธหนา้ เขยี วนกึ อยากจะซัดทา่ น แตก่ ลับออกไปจาก
วดั ศรีเทพฯ เสยี กอ่ น จึงผกู ใจเจบ็ ไว้ถา้ เจอหนา้ อีกจะซัดใหร้ เู้ รอ่ื ง
ต่อมาพระรปู นน้ั ได้กลับมาที่วัดศรเี ทพฯ อีก บรรดาผู้ผูกใจเจ็บก็กรกู ันเขา้ ไปลอ้ มทา่ น และ
รมุ ซักว่า “คราวกอ่ นท่ที า่ นมาทนี่ ี่ทา่ นวา่ ฟงั เจา้ คุณป่เู ทศน์แลว้ ไปนพิ พานไม่ไดใ้ ชไ่ หม”
“ใช่” ทา่ นตอบ
“ถ้าฟังเทศน์เจา้ คุณปู่แล้วไปนิพพานไม่ได้ ฟงั เทศนใ์ ครละ่ ไปได้ ท่านรึ”
“ใช”่ ท่านตอบหน้าตาเฉยแล้วยำ�้ ว่า “ฟังฉันน่แี หละไปได้”
พวกนั้นเมาหมัด เหมอื นโดนหมดั เขา้ เต็มเปา
“ทำ� ไม ?”
“ก็แคฉ่ ันตัง้ นะโม คนก็ลุกออกไปนอกศาลาแลว้ ๓ คน พอลงมอื เทศนก์ ็หายหมดท้ังศาลา
เพราะว่าฟังเทศน์ฉนั แล้วเกดิ นิพพิทา (เบอ่ื หนา่ ย) จงึ จะไปนพิ พานได้ แต่ฟังเทศนห์ ลวงปู่จันทร์
มีแตต่ ิดอกติดใจไม่เกดิ นพิ พิทา จะไปนิพพานได้ไง”
เท่าน้ันแหละยิม้ กเ็ ปดิ กวา้ งแก่มุมปากมุมใจของทุกคน
พฤตกิ รรมนใี้ นประวตั ไิ มย่ อมบอกชือ่ ไว้ เช่ือว่าถ้าไม่ใชห่ ลวงป่ตู ือ้ อจลธมโฺ มแล้ว ก็ตอ้ งเป็น
หลวงปทู่ องรตั น์ กนตฺ สโี ล เพราะมแี ตส่ องทา่ นทม่ี พี ฤติกรรมคล้ายๆ กัน

350

วันหน่ึงมีศิษย์ได้ข้ึนไปกราบหลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร ที่วัดถ้�ำผาปล่อง อ�ำเภอเชียงดาว
จังหวดั เชียงใหม่ กราบเรยี นถามทา่ นถงึ ความกระจ่างในเรอ่ื งน้ี หลวงป่สู มิ ยม้ิ ๆ และไดบ้ อกใบช้ ี้น�ำ
ไปทีห่ ลวงปู่ตือ้ อย่างชัดเจนว่า
“ทา่ นอาจารย์ทองรัตนส์ หู้ ลวงป่ตู ื้อไมไ่ ดห้ รอก”
พระนิรนามรูปนั้นต้องเป็นหลวงปู่ต้ืออย่างไม่ต้องสงสัย เพราะค�ำบอกใบ้น้ันได้ช้ีน�ำไปท่ี
หลวงปตู่ ือ้ อย่างชัดเจน
หลวงปู่สมิ ตอกยำ้� อีกว่า
“หลวงปู่ตอื้ เกง่ นะ”
รูปถา่ ยของหลวงป่ตู ือ้ กต็ ดิ อยูข่ ้างผนังถ�้ำผาปลอ่ ง ใครไปทน่ี ้นั จะเห็นกนั ทุกคน

เทศน์ไม่ฟัง ฟังตดซะ

จุดเด่นที่ท�ำให้หลวงปู่ตื้อ เป็นท่ีกล่าวขวัญกันมาก คือ อุปนิสัยขวานผ่าซากในวาจา
ท่านมีนิสัยโผงผางไม่กลัวใคร มีเทศนาโวหารที่ไม่เคยไว้หน้าใคร ไม่ว่าคนม่ังมีหรือยาจก
ทา่ นใช้ค�ำพดู เหมือนกันหมด พดู ตรงๆ ไม่ตอ้ งเสกสรรปน้ั แตง่
ทา่ นบอกว่า ทา่ นเทศนต์ ามความจรงิ ไมไ่ ดเ้ ทศน์เพอ่ื เอาสตางค์ หรือเทศนเ์ พ่ือเอาใจใคร
ญาติโยมบางคนบอกวา่ หลวงปู่ตื้อ เทศนห์ ยาบคาย รบั ไม่ได้กม็ ี
มีเร่อื งเล่าวา่ ครงั้ หน่งึ หลวงปกู่ �ำลงั แสดงธรรมเทศนาอยู่ ท่านเทศนผ์ ่านเครอื่ งขยายเสียง
มีญาติโยมบางกลมุ่ คยุ กนั จ๊อกแจ๊กแขง่ กบั การเทศน์ของทา่ น ในขณะทที่ า่ นก�ำลงั หลบั ตาเทศนาอยู่
ทา่ นได้หยดุ เทศนฉ์ บั พลนั แล้วพูดผ่านไมโครโฟนเสียงดงั ว่า
“เอา้ ! หลวงตาตื้อเทศนใ์ ห้ฟงั พวกสบู ่ฟงั เอ้า ! ฟังตดซะ”
แลว้ กม็ ีเสียงประหลาดดังผ่านล�ำโพงออกมาสองสามชุด ทกุ คนเงยี บกรบิ โยมคนหนึง่ ต้งั สติ
ไดก้ ่อนเพือ่ น จงึ พูดเสยี งดงั ว่า “ขอให้หลวงตามีสขุ ภาพแขง็ แรงสมบูรณ์”
แล้วโยมคนอ่นื ๆ ก็ยกมอื และกล่าวพร้อมกันวา่ “สาธุ !”

351

ดิฉันปล่อยวางหมดแล้ว

เหตุการณ์น้ีเกิดข้ึนที่วัดอโศการาม อ.เมือง จ.สมุทรปราการ หลวงปู่ต้ือ อจลธมฺโม
ท่านได้รับนิมนต์ข้ึนเทศน์ในการจัดอบรมกรรมฐานให้แก่พระและญาติโยม มีผู้สนใจใคร่ต่อธรรม
มาเขา้ รว่ มอย่างเนอื งแน่น
ในวันนนั้ หลวงปู่ตือ้ ทา่ นแสดงธรรมไดอ้ ย่างจบั ใจไดอ้ รรถรส ในเบื้องตน้ ท่ามกลาง และ
ปรโิ ยสาน อะไรเป็นธรรม เปน็ วินยั เป็นตัวทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์ ตลอดจนวธิ ดี บั ทุกข์ อะไรท่ีควรมน่ั
อะไรที่ควรปลง ควรปล่อยวาง ไม่ควรยึดมัน่ ว่าเป็นตัวกขู องกู
ว่ากันว่า หลวงปู่ตื้อ ได้แสดงธรรมให้สาธุชนที่อยู่ ณ ที่น้ัน ตรองตามแล้วเห็นจริงได้
เสมือนหงายสง่ิ ที่ควำ�่ เสมอื นจุดประทปี โคมไฟในที่มืด เสมอื นชท้ี างให้กับผูท้ ่ีหลงทาง
อบุ าสก อบุ าสิกา ท่ีได้สดับเทศนาของหลวงปู่ตื้อในครง้ั น้นั แล้ว ตา่ งก็รู้สกึ ปตี ิ อิ่มเอบิ ในบุญ
รสู้ ึกปลอดโปรง่ เบากายเบาใจ ต่างก็รู้สึกวา่ ภายในจิตไดป้ ล่อยวาง ไม่ยดึ มนั่ ถือมนั่ แล้ว
พอหลวงปู่เทศน์จบลง ท่านว่า “เอวัง ก็มีด้วยประการฉะน้ี” แล้วญาติโยม “สาธุ”
เสียงดังสน่ันน่าอนโุ มทนายิ่ง
สุดจะเก็บความปิติไว้ได้ มีอุบาสิกาท่านหนึ่งแหวกผู้คนเข้ามาข้างหน้าสุด ใกล้กับ
หลวงปู่ทสี่ ุด แลว้ รายงานผลวา่
“หลวงปูเ่ จา้ คะ ดฉิ ันไดฟ้ งั หลวงป่เู ทศนแ์ ลว้ ร้สู กึ เบากายเบาใจ ดฉิ นั ปล่อยวางได้หมดเลย
เจ้าคะ่ ”
หลวงปกู่ ล่าวด้วยเมตตา “อนุโมทนาด้วยคุณโยมท่ไี ดด้ วงตาเห็นธรรม”
“จรงิ ๆ นะคะหลวงปู่ เดย๋ี วนีด้ ิฉันไม่ยึดม่ันถือมั่นอกี ต่อไปแลว้ ปลอ่ ยวางไดห้ มดเลยเจ้าค่ะ”
“...อตี อแหล...” ไม่มใี ครคาดคิดวา่ หลวงปูจ่ ะอนโุ มทนาดว้ ยการหกั มมุ เช่นนน้ั
“ว้าย ! ตายแล้ว ทำ� ไมหลวงปู่จงึ มาด่าอีฉัน !” แล้วรีบผลนุ ผลัน ลกุ หนดี ว้ ยความโกรธ
อยา่ งเป็นฟืนเปน็ ไฟ บง่ บอกลักษณะของคน “ปล่อยวาง” ไดอ้ ย่างประจักษ์ชัด
หลวงปู่ไดแ้ ต่หวั เราะห.ึ .หึ ในล�ำคอ ขณะเดียวกนั บนศาลาการเปรียญกเ็ งยี บกรบิ ตามดว้ ย
เสยี งซบุ ซิบ และบางส่วนก็หวั เราะสะใจ !

352

ออ้ ! คนปลอ่ ยวางมลี กั ษณะเช่นน้เี องหนอ !

หลวงปู่ตื้อต่อยพระพม่า

หลวงป่ตู ้อื อจลธมฺโม ทา่ นเคยเลา่ ใหผ้ ขู้ า้ ฯ (หลวงปูจ่ าม) ฟังว่า ในสมยั ท่านยงั เป็น
พระหน่มุ ออกเท่ยี วธุดงคกรรมฐาน ทา่ นเคยธุดงค์ไปเมืองพม่าถึงเมอื งมณั ฑะเลย์ ซ่งึ เมืองนี้ตัง้ อยู่
ทางภาคเหนือของพม่า โดยต้ังใจวา่ จะไปให้ถึงอินเดยี ไปแล้วไปตดิ อยู่กับเทศกาลท�ำบญุ ของพวก
ไทยใหญ่ เลยี้ งพระประจ�ำปี ในงานนน้ั เขาจะตัง้ ปะร�ำพิธี แล้วนิมนต์พระไทยใหญ่ ทง้ั พระพม่า
มาท�ำบุญให้ทาน มีพระพม่ารูปหน่ึงเกะกะระรานหมู่เพ่ือนอยู่ มันอ้างว่ากรวยทานของมัน
ได้ของไม่เท่าหมู่ หาว่าหมู่เอาของมันไป ตัวมันเองก็เวียนเข้าจับฉลาก ๒ รอบ ๓ รอบ
พระเถระหา้ มกไ็ มฟ่ งั หลวงปูต่ ื้อทา่ นได้หมายตาไว้อยู่
พอตกหวั คำ�่ ไทยใหญเ่ ขาจะถวายแสงไฟ ถวายดนตรี ก็ท�ำท่าท�ำทางระรานหมู่ หลวงปตู่ ้ือ
ท่านก็นุ่งห่มใหม่ให้เหมือนพระพม่า เข้าไปปะปนอยู่ใกล้กับพระหาเรื่องรูปนั้น ได้จังหวะเหมาะ
กโ็ ยนหมดั เขา้ ยอดคางมนั ล้มหงายสลบไป พระเณรท้งั หลายก็สาธุ ไมม่ ใี ครสนใจมัน มแี ต่พวกหม่มู ัน
ช่วยกันดูแลเอาน้�ำมาเป่าให้ หลวงปู่ต้ือท่านก็ท�ำเฉยอยู่ ค่อยแฝงตัวหนีออกมานุ่งห่มใหม่
ให้เหมอื นพระไทยใหญ่ นั่งส�ำรวมเฉยอยู่
ผู้ข้าฯ (หลวงปู่จาม) กราบเรยี นถามหลวงปูต่ อ้ื วา่ “ท�ำไมหลวงป่เู อาแรงแท้ ครบั ”
หลวงปู่ตอ้ื ทา่ นตอบวา่ “สอนมนั บกั พม่า ตายห่ามนั มนั จะไดร้ ตู้ ัวของมนั บ้าง พอมนั ลกุ มา
กเ็ สาะหาดูมือคนนนั้ คนน ้ี ดีมนั ไม่มาถงึ เรา หากมาถงึ จะเอาตนี ใหม้ นั ”
“ไม่บาปหรอื ท่านอาจารย์”
“บาปอยู่เน้อ มันเป็นบาป กลับมาจากพม่าจ�ำพรรษาวัดเจ้าแม่ (วัดป่าดาราภิรมย์)
วันหนึ่งฝนตก ฟ่าว (รีบ) ด่วนลงกุฏิไปเก็บผ้า พลัดตกกระไดล้มลง คางไปกระทบกับก้อนดินกี่
(ก้อนอิฐ) จนคางแตก มใิ ช่บาปตอ่ ยกับคนพาล แต่มันเปน็ บาปต่อยกบั ธรรมวินัยพระพทุ ธเจ้า”
“หลวงปไู่ ปไมถ่ ึงอินเดีย”
“ถึงแต่มณั ฑะเลย์ ไดห้ มู่เพอื่ นพระเง้ียว ๒ องค์ กว็ ่าจะไปเป็นหมกู่ ัน ตั๋วเรือก็ได้แล้ว คิดไป
คดิ มาเลยกลับมาอยูข่ องเก่า พม่ามันหนักอภิธรรม ไทยใหญม่ นั หนักวินยั พระไทยมนั หนกั บาตร”
“แลว้ พระไหนดีท่ีสุดล่ะครบั หลวงปู”่

353

หลวงปูต่ อ้ื ตอบพร้อมเอามือตบหน้าอกตัวเองพรอ้ มวา่
“พระเฒ่าผูน้ ด้ี ีที่สดุ ”
จากน้นั ทง้ั หลวงปู่และหลวงปจู่ ามตา่ งกห็ วั เราะ

เร่ืองพระตีโยม ขณะไปพระธาตุย่างกุ้ง

ท่านพระอาจารยไ์ ท านตุ ฺตโม เลา่ ถึงวีรกรรมหลวงปขู่ ณะไปพระธาตยุ ่างกงุ้ ดงั นี้
“แลว้ ตอนไปย่างกุง้ ไปนมสั การพระธาตุยา่ งกุ้ง สมยั โบราณหากใครไดไ้ ปนมสั การพระธาตุ
ย่างกงุ้ หงสา อานสิ งส์แรงที่สดุ เอ้อ ! เรียกวา่ ยอด ใครไมม่ บี ุญไม่เหน็ คล้ายๆ วา่ พระธาตุยา่ งก้งุ ลอย
เอาเซอื ก (เชอื ก) สลงิ ลอดพนื้ ก็ได้ วา่ กันไป พวกคุยฝอยใหญ่ ผูย้ ังไม่เคยเห็น บางคนเดินขาด
เดนิ ลอดพน้ื นี่
โอ้โธ่ ! พระธาตุไม่ถงึ ดิน พอๆ กับพวกไปเทย่ี วเมอื งนอกละ่ หนาวขนาดไหน เยย่ี วออกมา
ใสก่ ระดมุ ผา้ ยงั ไมเ่ สรจ็ แทบจะเด็ดเอาเลย เยี่ยวโคง้ ไมไ่ ดม้ ันหนาว วา่ ขนาดนนั้ มันเรยี กว่าคนโกหก
กนั ตอ่
ก็เลยไป หลวงปู่ตอื้ วา่ ไปนมสั การ ไปนมัสการพระธาตุย่างกุ้ง ก็ตอนขากลับกไ็ ปล่องเรือ
ขา้ มอา่ วเมาะตะมะ ลอ่ งเรือมา พระในราว (ประมาณ) ๓๐ มีพระลงั กา พระพมา่ พระอนิ เดีย
โอ ้ ! มีพระมากอยู่ มา เมื่อเรอื มาจอดอ่าวเมาะตะมะแล้วก็ ตอนเชา้ ก็บิณฑบาต ฉันเสร็จแลว้
ก็ล้างบาตร แลว้ ข้นึ เรอื เรือกอ็ อก คนโดยสารมานัน้ ก็ลงเรือ แลว้ ก็หาซือ้ ข้าวซื้อของ ผลสุดท้าย
มาถึงอ่าวเมาะตะมะนี่
เอาแล้วฮั่นน่ี (ทนี )ี้ เออ้ ! ไปบิณฑบาตมาฉนั เรียบร้อย ไปลา้ งบาตร แขกไง แขกรักษาเรือ
ไม่ให้ขึ้นนี่ ไม่ให้ขึ้น ไม่ขึ้น ปลอมขึ้นเรือ ต้องถามเอาเงิน มาด้วยกัน ๓ วันนะไม่ได้ถาม
คนหนงึ่ กอดหลวงป่ไู ว้ คนหน่งึ ถามเอาเงนิ ผลสดุ ทา้ ยกแ็ พะท่ีเขาจบั ไว้นน่ั น่ะ ผกู มาในเรือมนั ขาด
เชอื กขาดโดดลงเรือ หลวงปู่ก็เลยชม้ี อื ใส่แพะน่นั คนหนง่ึ กว็ ิ่งไปเอาแพะ ไอ้คนทีถ่ ามเงินวงิ่ ไปเอา
แพะ คนท่จี ับหลวงปู่อย่นู ี่ มันก็เซ่อดกู นั อยู่
“มึงนะ่ เน้อ มึงไม่รู้จักหลวงตาต้อื ” หลวงปู่ต้อื ก็เขว้ยี ง เฮิ่ม ! ลงเรอื เอ แลว้ กะหน้าผาก
ไอ้หวั ล้านจก๊ั (สกั ) หนอ่ ย กส็ ิไปเจอเอาแคมเรือเข้าเบด๊ิ (ไมม่ ีเหลือ) กเ็ ลอื ดไหล หลวงปกู่ ป็ บุ๊ ปั๊บ
ขน้ึ มา คลุมผา้ ดีน่งั กรรมฐานเฉย ใจคอไม่ด ี กลัวแขกจบั เด๊ะ เอ้อ ! ใจคอไม่ดี

354

เห็นเถียงกัน โจ๊เจ๊ๆ เถียงกัน บอกว่าพระตีโยม อือ พระองค์หน่ึงพูดไทยก็เป็น
พูดพม่าก็เป็น ไม่รู้องค์ไหน องค์ไหนๆ ก็ไม่รู้ ดูองค์น้ันก็เหมือนองค์น้ี องค์น้ีก็เหมือนองค์นั้น
หลวงปู่กด็ �ำๆ เหมอื นกบั แขกน่นั นะ่ กเ็ ลยรู้แลว้ รู้รอดกนั ไป หลวงปวู่ ่า”

พบเสือใหญ่บนดอยลูกกะโซ

ท่านพระอาจารยไ์ ท านุตตฺ โม เล่าตอ่ ไปว่า
“เดินจากนัน้ มาหามะละแหมง่ (หรอื อีกชอื่ เมาะลำ� เลงิ เป็นเมอื งใหญอ่ นั ดบั ๔ ของพม่า)
ลงเรือมะละแหม่ง ลงเรอื ก็สะพายบาตร สามล้อกะ วื๊ด ! มาดักหนา้ “ไปสามลอ้ ไหม ?” “ไมม่ เี งิน”
มนั ก็ออกไปอีก เดยี๋ วสกั พกั ว๊ดื ! มาตดั หนา้ “ไปสามลอ้ ไหม ?” “ไม่มีเงิน” ก็หลายเท่ียวหลาย
กเ็ ท่ยี วสุดท้าย ก็ว๊ดื ! “ไปสามลอ้ ไหม ?”
ก็ยกตีนใส่ เฮิม่  ! โนน่ แล่ว พลกิ ... หงายทอ้ งทั้งสามล้อทัง้ คน ลกุ ข้ึนมานกึ ว่ามนั จะมาสู้
สู้ไมข่ ้นึ หลวงปวู่ ่า แหม ! มันก็เกินไปละ่ อนั น ี่ หลวงปู่ว่า มันแกล้งกัน
เม่ือถงึ มะละแหม่ง เดนิ ตดั ออกมาทางดอยลกู กะโซ มพี อ่ ค้าเกวียน พวกแขกขายผา้ อยู่
ประมาณ ๒๐ – ๓๐ คัน หลวงปวู่ า่ ได้ยินเสยี งปืน ตม้ึ ๆ ! ตอนเยน็ มันเสือกินคนนี่ มันจะไปกิน
แยง่ กินเขา เขายงิ ยงิ ก็ไมถ่ กู หรอก หลวงป่เู ดนิ ตามหลังมามันเริม่ จะมดื ไมม่ ืด มนั เปน็ ขา้ งซ้าย
ก็เปน็ เหว ข้างขวาก็เป็นเหว ทางลอ้ ทางคนไว้หว่าง (ตรง) กลาง
กว็ ่ิงมาใส่หลวงปเู่ ลย เสอื ใหญ่ จ้องแล้ว จอ้ งกลดนี่ล่ะ หลวงปกู่ ็จบั ไวอ้ ย่างน้ี เม่อื เสอื วง่ิ มา
กก็ ดปุ่ม มันก็ วก๊ึ ! เสือมันกน็ ึกว่าแผน่ ดนิ ป้นิ (พลกิ ) ตะครบุ มันโดด โดดถอยหลัง กระโดดทางขา้ ง
ก็เลยตกลงเหวเลย เฮิ่ม ! สงสัยตาย หลวงปู่ว่า สงสัยตาย แน่ะ อยู่ดีๆ เสือตัวน้ีจะมาหากิน
หลวงตาตอื้ เล่น หลวงปูว่ า่ อันนผี้ า่ นดอยลกู กะโซมาแลว้ ”

ไล่ปล้�ำผีสาวท่ีมารื้อมุ้งกลด

ท่านพระอาจารยไ์ ท านตุ ฺตโม เล่าเร่ืองหลวงปตู่ อื้ ไลป่ ล�้ำผสี าวท่ีมาร้ือมุง้ กลด ดังนี้
“เม่อื อยู่อำ� เภอจอมทอง ผู้เฒ่าวา่ ผูเ้ ฒา่ จ�ำพรรษาอยู่อำ� เภอจอมทองโนน่ หลายปี มคี รงั้ หน่งึ
พอไลส่ ี้ (ปล�ำ้ ) ผอี �ำเภอจอมทองนะ ผตี ัวนน่ั กผ็ สี าวนะ ผสี าวจะเป็นสาวแก่หรือสาวกระหรีก่ ย็ งั ไมร่ ู้
พระเจา้ พระสงฆไ์ ปแตก (อยูไ่ ม่ได้) กภ็ าวนาอยู่ กางกลดในปา่ ก็มารื้อมุง้ มาย้มิ ใส ่

355

หลวงปตู่ อ้ื ไปภาวนา เพน่ิ (ผ)ี กม็ ารอื้ มงุ้ ยถา สพั พี กรวดนำ�้ ให้ สกั พกั มนั กม็ ารอ้ื มงุ้ อกี แลว้ ละ่
“มงึ ผีตวั นี”้ หลวงป่วู า่ แกผ้ า้ สบงจวี รอยา่ งดี กผ็ ้าสบง ผ้าคลมุ ๆ รัดไว ้
เม่ือมันมารื้อมุ้ง “เฮ้ย ! ผีตัวนี้มึงไม่รู้จักหลวงตาต้ือ กูไล่ส้ีผีก่อนน้า” หลวงปู่ก็รื้อมุ้ง
ไล่ตามปา่ ตะครบุ ต้องว่งิ ข้นึ ภูเขา กมึ ๆๆ
ได้ ๓ – ๔ วนั เข้าสงิ คน “โอย้  ! พระธุดงค์องคส์ ีด�ำๆ ตาลึกๆ ใครอยา่ ไปวุ่นวายเนอ้
พวกผยู้ า่ ผู้หญิง ให้พวกมงึ ระวงั วนั นัน้ กูเกอื บตายแลว้ ถา้ กูวงิ่ ซ้า (ชา้ ) หนอ่ ยแน่นอนเลย”
ว้า หลวงปวู่ า่ ผีไปโฆษณา อายโวย้ อันน้ีหลวงปูค่ ุยเรอื่ งผี แตน่ ้นั ต่อมาก็เงียบอยู่ หลวงปูว่ ่า”

356
ภาค ๒๒ ปกิรณกธรรม

การอุปัฏฐากครูบาอาจารย์

พระศษิ ย์ทีอ่ ย่จู ำ� พรรษากับ หลวงปูต่ ้อื อจลธมโฺ ม จะทำ� ข้อวัตรปฏบิ ตั ติ ามหลกั อาจริยวัตร
กจิ ทีอ่ นั เตวาสกิ (ลกู ศษิ ย์) ควรประพฤติปฏบิ ตั ติ อ่ ครูบาอาจารย์ พระศิษย์ผูไ้ ดร้ บั มอบหมายจะอยู่
คอยปรนนิบตั ิครูบาอาจารย ์ อนั เปน็ การแสดงออกถงึ ความกตัญญู และไดอ้ านิสงส์มาก
ขอ้ ปฏบิ ัตติ อ่ หลวงป่ตู ้ังแต่เช้ามืดจนมืดคำ่� มดี ังนี้
๑. ถวายไม้ช�ำระฟัน ถวายน�้ำลา้ งหน้า ปอู าสนะ
๒. ช่วยดแู ลสอดสอ่ งสงิ่ ของ เช่น บาตร ผา้ ไตรจวี ร อาสนะ กระโถน เปน็ ตน้
๓. ทำ� ความสะอาดกุฏิ หอ้ งนำ�้ และทางเดินจงกรมถวายทา่ น ปดั กวาดลานวัด วหิ าร ศาลา
๔. ถวายนำ�้ ร้อน น�ำ้ เยน็ ถวายน�้ำใช้ นำ้� ฉนั
๕. ถวายการนวด
ฯลฯ
เวลาพิเศษส�ำหรับพระเณรลูกวัดก็เห็นจะได้แก่เวลาค�่ำ ในเวลาดังกล่าว ครูบาอาจารย์
จะหยุดพักผ่อน ดื่มน�้ำชาน้�ำร้อน พระภิกษุสามเณรต่างมาพร้อมกันท่ีกุฏิของท่าน ส�ำหรับ
พระอุปฏั ฐากจะบบี นวดถวายทา่ น ในระหวา่ งนี้เองหลวงปูท่ า่ นจะเทศนใ์ ห้ฟังบา้ ง สอนธรรมะบา้ ง
สอนวธิ ปี ฏิบัตทิ ไ่ี ดผ้ ลมากๆ เชน่ การละขนั ธ์ ๕ เพราะเปน็ แนวทางแห่งความพ้นทุกขจ์ ริงๆ
พระเณรที่มีปัญหาขัดข้องในการปฏิบัติธรรมประการใดๆ ก็น�ำมากราบเรียนถาม เพ่ือขอ
ความเมตตาอนุเคราะห์แก้ไขและช้ีแนะอุบายธรรม ในช่วงนี้เองจึงเป็นช่วงเวลาที่ส�ำคัญมากและ
มีประโยชนม์ าก

357

เก่ียวกับการขบฉันจังหัน

การขบฉนั จังหนั ของพระป่ากรรมฐานกับพระบ้านโดยท่วั ไปน้ัน ไม่ค่อยจะเหมือนกนั
พระบ้านโดยปกติจะน่ังฉันเป็นหมู่ เป็นวงร่วมกัน และฉันจากจานหรือภาชนะต่างๆ
หลายใบ สว่ นพระธดุ งค์ หรอื พระวดั ปา่ ทา่ นจะนงั่ เรยี งเปน็ แถวตามลำ� ดบั พรรษา และจะฉนั ในบาตร
ท่านจะพิจารณาเลือกอาหารตามหลัก “อาหารสัปปายะ” เลือกท่ีถูกกับธาตุขันธ์และเหมาะกับ
การภาวนา แลว้ จดั อาหารในสว่ นทท่ี า่ นตอ้ งการใสล่ งในบาตร จากนนั้ จะนง่ั พจิ ารณาอาหารกอ่ นฉนั
แล้วจึงเรมิ่ ลงมอื ฉนั เฉพาะในบาตร ขณะฉนั ตา่ งองค์ต่างเงยี บๆ ไมพ่ ดู ไม่คุยกนั ฉันเสร็จก็ลุกขนึ้ ไป
โดยไมต่ อ้ งรอกนั เก็บบาตรไปล้างทำ� ความสะอาด และไปภาวนาตอ่ ไป
ส�ำหรบั หลวงปู่ตอ้ื อจลธมโฺ ม ทา่ นเป็นพระทีแ่ ปลกกว่าพระเถระองค์อื่นๆ ในวงกรรมฐาน
ซึ่งมเี รือ่ งเลา่ สู่กนั ฟัง ดงั น้ี
มีอยูว่ ันหนง่ึ พระผ้ใู หญร่ ปู หนึ่งมาทวี่ ัด พอถงึ เวลาฉนั พระอาจารยท์ า่ นน้นั กน็ งั่ รอเฉยอยู่
พระจงึ กราบนิมนตใ์ ห้ท่านฉัน ทา่ นก็บอกวา่ รอหลวงปตู่ ้ือก่อน หลวงปู่ยงั ไม่มา
เมื่อพระผู้ใหญ่ไม่ลงมือฉัน พระลูกวัดก็ต้องนั่งรอไปด้วย ใช้ผ้าปิดบาตร นั่งภาวนารอ
นานพอสมควร หลวงปตู่ ้อื ท่านกเ็ ดินขึ้นมา พอเหน็ ว่ายงั ไมไ่ ดฉ้ นั กนั เลย ทา่ นกพ็ ดู ว่า
“จะรอไปทำ� ไม ขนั ธ์ ๕ ของใครกข็ องใคร ทอ้ งใครกท็ อ้ งใคร นัน่ ปากใครก็ปากใครสิ
ไม่ต้องรอ ฉันไปเถดิ ฉนั เสรจ็ แลว้ ก็ไปลา้ งบาตร ตากแหง้ เลย แลว้ ไปภาวนา เราจะฉนั เวลาไหน
หรือไมฉ่ ันเลย กข็ อใหเ้ ปน็ เร่อื งของเราเถดิ ”
หลวงปู่ต้อื จงึ เปน็ พระรูปเดยี วในวัด เปน็ พระผนู้ ่ังฉันเสรจ็ เป็นรูปสดุ ท้าย จากนน้ั พระศิษย์
ก็จะน�ำบาตรของท่านไปล้างท�ำความสะอาด เช็ดจนแห้ง แล้วก็เทกระโถนของท่าน ดูเวลา
พอสมควรแลว้ จึงนิมนต์ท่านขน้ึ กุฏิ

หลวงปู่ต้ือก็เคยใบ้หวย

ตามปกติศรทั ธาญาติโยมคนเขา้ วัด ยอ่ มมวี ตั ถปุ ระสงคแ์ ตกตา่ งกนั ไป บา้ งก็เขา้ วดั เพราะ
ต้องการฟงั เทศน์บำ� เพ็ญทาน ศลี ภาวนา บา้ งกเ็ ขา้ วดั เพราะตอ้ งการเพยี งใส่บาตรถวายทาน บ้างก็
เขา้ วัดเพราะตอ้ งการท�ำบญุ แต่หวังโชคลาภ ดว้ ยการเสี่ยงโชคซอ้ื หวย เพ่อื หวงั รวยทางลดั ฯลฯ
ซึ่งจำ� พวกหลังน้มี ักเสาะแสวงหาเกจิอาจารย์ หรอื หลวงป่ตู ามวัดดังตา่ งๆ เพอื่ หวังเลขเด็ด

358

หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม ก็เป็นพระมหาเถระอีกองค์หน่ึง ท่ีญาติโยมผู้ช่ืนชอบเลขหวย
มักมาฟงั ทา่ นเทศน์แล้วจับคำ� เทศนม์ าตเี ปน็ เลขหวย หรือมาเลยี บเคยี งขอให้ทา่ นใบห้ วยตรงๆ ก็มี
เรื่องเล่ามอี ยวู่ ่า คร้งั หน่ึงมีญาติโยมผู้นิยมหวยอยกู่ ล่มุ หนึง่ มที ั้งชายและหญิง ได้รวมกันเชา่ เหมารถ
เพอื่ ไปกราบโดยหวังจะไดเ้ ลขเด็ดจากหลวงปู่ ทุกคนต่างเต็มไปด้วยความหวงั
หลวงปู่กใ็ ห้การตอ้ นรบั ขบั สตู้ ามปกติทวั่ ไป พอได้จงั หวะ สมาชกิ ทีเ่ ปน็ หัวหน้ากลุม่ กเ็ จรจา
เลียบเคียงเพอ่ื ขอเลขเดด็ จากท่าน
หลวงปู่พูดว่า “มันจะไปยากอะไร ก็อยู่ที่ตูดของพวกสูน่ันแหละ น่ังทับกันอยู่ก็ยังไม่รู้
กลับไปดเู อาเองก็แลว้ กนั ”
สมาชิกกลุ่มผู้นิยมหวย ต่างนึกกระหยิ่มยิ้มย่อง แต่ละคนก็ไม่เคยดู “ตูด” ของตัวเอง
ขากลบั จากวัดก็พากนั หาสถานทเี่ หมาะๆ จอดรถแล้วพากนั ลง ชายแยกไปเฉพาะชาย หญิงแยกไป
เฉพาะหญงิ ชว่ ยกันพนิ จิ พจิ ารณาดตู ูดของกันและกนั ดอู ยา่ งละเอียดลออ เพ่อื หาเลขเด็ดตามที่
หลวงป่ใู บ้หวยให้
ในเรอื่ งไมไ่ ดบ้ อกว่า ตัวเลขเด็ดที่ทกุ คนใฝห่ าน้นั สถิตอยูท่ ช่ี ิ้นส่วนของใคร ? ผ้หู ญิงหรือ
ผูช้ าย ? แตท่ ่ีแนๆ่ เลขที่ออกในงวดนน้ั กค็ อื เลขปา้ ยทะเบียนรถท่ที ุกคนน่งั ไปนนั่ เอง

อัจฉริยภาพด้านภาษาและการส่ือสาร

จากการศกึ ษาประวตั ิและเรอ่ื งราวของหลวงปูต่ ้ือ อจลธมฺโม จะเห็นว่าหลวงปทู่ า่ นสามารถ
ติดต่อสือ่ สารกับบรรดาเทพทั้งหลาย รวมถึงภตู ผปี ีศาจและวิญญาณในระดับต่างๆ ไดเ้ ป็นอย่างดี
หลวงปู่ตื้อสามารถเข้าใจภาษาสัตว์ชนิดต่างๆ นับต้ังแต่ลิง นก ไปถึงสัตว์ที่ดุร้าย เช่น
เสอื และสตั วใ์ หญ่ เชน่ ชา้ ง ไดอ้ ย่างไม่ต้องสงสัย นอกจากนี้ หลวงปู่ตอื้ กับ หลวงปูแ่ หวน
ท่านเดินธุดงค์ไปถึงลาว พม่า อินเดีย เนปาล จนถึงทิเบต และลงเรือส�ำเภาไปเกาะศรีลังกา
จงึ แน่ใจวา่ ท่านสามารถสื่อสารกบั ประชาชนในประเทศเหลา่ น้นั อยา่ งน้อยกส็ ามารถเอาตวั รอดได้
เรอ่ื ง ภาษาบาลี หลวงปู่ตอื้ ท่านร้แู นน่ อน เพราะท่านเคยเรียนมูลกัจจายน์ หรอื หลักสูตร
นักปราชญ์มาแลว้
ภาษาที่หลวงปู่ใช้อยู่ประจ�ำ คือ ภาษาไทยภาคกลาง ไทยภาคอีสาน ไทยภาคเหนือ
ภาษาลาว ท่านใชไ้ ด้คลอ่ งแคลว่ อย่แู ล้ว ไม่ตอ้ งสงสยั

359

พระศิษย์ของท่านบอกว่า หลวงปู่ต้ือท่านพูดฝร่ังเศสได้ตั้งแต่ครั้งธุดงค์ไปทางฝั่งลาว
และก็เคยได้ยินหลวงปู่ท่านพูดภาษาเขมรกับพระที่มาจากจังหวัดสุรินทร์ได้อย่างคล่องแคล่ว
ซ่งึ ไมท่ ราบวา่ ทา่ นไปเรียนมาต้ังแต่เมอื่ ใด
นอกจากนภี้ าษาชาวเขาและชาวปา่ เผา่ ตา่ งๆ หลวงป่ตู ื้อทา่ นก็สามารถสอ่ื สารได้เป็นอย่างดี
เท่าที่ศึกษาประวัติของท่านโดยละเอียด หลวงปู่ตื้อ ท่านเป็นพระอรหันต์ที่ครบเครื่อง
อย่างแท้จริง ท่านแตกฉานด้านพระธรรมวินัย ธุดงค์เก่ง ภาวนาเก่ง เทศน์เก่ง สอนเก่ง
ดา้ นพลงั จติ อทิ ธฤิ ทธขิ์ องทา่ นกม็ อี ยา่ งเพยี บพรอ้ มบรบิ รู ณ์ (คอื ไดท้ ง้ั “ดา้ นปญั ญา” และ “ดา้ นฤทธ”ิ์
อย่างครบเคร่อื งจรงิ )
ดงั นั้น จงึ ไม่มีความเคลอื บแคลงสงสยั วา่ “หลวงปูต่ ้ือ อจลธมโฺ ม ทา่ นเปน็ พระอรหนั ต์
ปฏิสัมภิทาญาณ”

หลวงปู่ต้ือสวมสร้อยลูกประค�ำเป็นประจ�ำหรือ ?

ภาพของ หลวงปตู่ ื้อ อจลธมโฺ ม ทปี่ รากฏแพร่หลายในปจั จบุ ันน้ี จะเห็นทา่ นสวมสรอ้ ย
ลูกประค�ำไว้ที่คอ เหมอื นกบั เกจิอาจารย์และพระครูบาทางภาคเหนือ เท่าทป่ี รากฏ ครบู าอาจารย์
สาย หลวงปู่ม่ัน ภูริทตฺโต ไม่เห็นมีพระองค์ใดท่ีสวมสร้อยลูกประค�ำ ก็เห็นมีแต่หลวงปู่ต้ือ
องคน์ ้ีแหละที่ต่างไปจากองคอ์ ื่นๆ
คนสว่ นใหญ่มคี วามสงสัยในเรอ่ื งนว้ี า่ ตามปกติหลวงปูต่ ้อื ทา่ นสวมสรอ้ ยลกู ประค�ำไวท้ ี่คอ
เป็นประจ�ำหรอื ?
ครบู าอาจารย์ต่างกพ็ ูดยนื ยนั วา่ “สร้อยลูกประคำ� ของ หลวงปตู่ อื้ อจลธมโฺ ม ทา่ นแกะ
ของท่านเอง แต่ตามปกติองค์หลวงปู่ต้ือก็มิได้คล้องสร้อยลูกประค�ำไว้ตลอดเวลา ท่านจะน�ำ
สรอ้ ยลกู ประคำ� ออกมาคลอ้ งคอเฉพาะเมือ่ มผี มู้ าขอถ่ายภาพเทา่ น้นั ” ดังนี้
องค์แรก พระพทุ ธพจนวราภรณ์ (จนั ทร์ กุสโล) วัดเจดียห์ ลวง อ.เมอื ง จ.เชยี งใหม่
ซ่ึงวัดเจดีย์หลวงเป็นวัดท่ีหลวงปู่ต้ือมักจะมาพ�ำนักเม่ือเข้ามาในตัวเมืองเชียงใหม่ ท่านก็ยืนยันว่า
“เคยเห็นหลวงปู่ต้ือท่านสวมสร้อยลูกประค�ำ แต่ว่าสวมเป็นประจ�ำหรือไม่นั้นไม่ขอยืนยัน
ให้ถือตามหลวงปสู่ ังข์ ท่วี ดั ป่าอาจารยต์ อื้ ก็แล้วกัน เพราะหลวงปสู่ งั ข์ท่านใกล้ชิดกบั หลวงปู่ตื้อ
มากกวา่ ”

360

องค์ที่สอง พระครูภาวนาภิรัต (หลวงปู่สังข์ สงกฺ ิจโฺ จ) ท่านเป็นทั้งลูกศิษย์และ
เป็นหลานแท้ๆ ของหลวงปู่ตื้อ และเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าอาจารย์ตื้อ สืบต่อมาจากหลวงปู่ตื้อ
ท่านก็ไม่ค่อยชอบใจท่ีเห็นภาพหลวงปู่ต้ือแขวนสร้อยลูกประค�ำไว้ที่คอ จนท�ำให้ใครต่อใคร
เข้าใจผิดโดยคิดว่าท่านแขวนเป็นประจ�ำ ซ่ึงโดยปกติท่ัวไปท่านไม่ได้แขวน แต่ท่านมี
สร้อยลูกประคำ� ไว้ในยา่ มเปน็ ประจำ� ทา่ นแขวนบา้ งตอนท�ำพิธีหรอื ปลกุ เสกบางอย่าง เสร็จแลว้
ท่านก็เก็บ ไมไ่ ด้แขวนเป็นประจำ� เหมอื นทีเ่ ห็นในภาพถ่าย
หลวงปู่สังข์บอกว่า ก็เป็นปฏิปทาที่แปลก เวลามีคนขอถ่ายภาพ ท่านจะหยิบ
สร้อยลูกประค�ำท่ีอยู่ในย่ามมาคล้องคอ แล้วจึงอนุญาตให้ถ่ายได้ เป็นดังน้ีเสมอ ดังน้ัน
ภาพหลวงปตู่ อื้ ทเ่ี ผยแพรอ่ อกมา จงึ แขวนสรอ้ ยลกู ประคำ� แทบทกุ รปู จนคนรนุ่ หลงั จำ� ตดิ ตา คดิ วา่
ท่านสวมสร้อยลูกประค�ำเป็นประจ�ำ นอกจากน้เี วลามคี นขอลูกประค�ำจากท่าน ทา่ นจะแกะให้
ทลี ะลูก หรือบางคนขอไปทงั้ สาย ทา่ นก็ถอดให้ เขาเรยี กวา่ “ลกู ประคำ� บญุ ฤทธ์”ิ
องค์ที่สาม ท่านพระอาจารยไ์ ท านุตตฺ โม วดั เขาพุนก อ.ปากท่อ จ.ราชบรุ ี ท่านเปน็ ทั้ง
ลูกศษิ ย์และเปน็ หลานแทๆ้ ของหลวงป่ตู ้ือ และท่านกส็ วมสรอ้ ยลกู ประค�ำเชน่ เดยี วกับหลวงปตู่ ือ้
ทา่ นก็เห็นองคห์ ลวงปู่ต้ือคลอ้ งสร้อยลกู ประคำ� ในเวลาถ่ายภาพเท่านั้น เนื่องจากทา่ นไดม้ รณภาพ
ไปหลายปีแล้ว ปัจจุบันจึงยังมิอาจทราบในอุบายธรรมเรื่องสร้อยลูกประค�ำท่ีองค์หลวงปู่ต้ือ
ท่านฝากเอาไวใ้ นภาพถ่าย

เมตตาธรรมของหลวงปู่ โปรดวิญญาณ

หลวงป่ตู อ้ื อจลธมฺโม ทา่ นสอนวา่ การเดินธดุ งค์อยู่ปา่ ดงพงไพร ทำ� ความสงบทางใจ
ท�ำไปเพ่ือความสิน้ ทกุ ขน์ ้ัน ตอ้ งอาศยั อยา่ งมากเร่ืองของภาวนาธรรมนะ
อีกประการหนงึ่ เราดำ� เนนิ ไปเพ่อื หนทางแหง่ การสรา้ งบารมี ไมใ่ ชว่ า่ จะนงั่ เฉย ไม่มีเมตตา
ปราณี ไม่ท�ำจติ – กิจอันชอบด้วยธรรม มีเมตตา กรุณา เป็นต้น
เหมอื นอยา่ งทเ่ี ราไดเ้ ล่าใหฟ้ งั มาน่ันแหละ เปน็ เร่ืองของวญิ ญาณ เปน็ เร่ืองท่ีเราเหน็ กค็ วร
ช่วยเหลือ โปรดสัตว์ เม่ือมาปรากฏ วิญญาณเหล่าน้ีเขามีทุกข์อย่างมาก จึงต้องค่อยๆ โปรด
ค่อยๆ สอนมันไป เพอื่ ใหว้ ิญญาณเหล่านั้นไดเ้ ล่อื นภพภมู ิของมนั บ้าง
“ช่วยมัน” ท่านว่า ไม่งั้นจะเป็นเปรตเป็นผีอยู่อย่างนั้น ไม่มีท่ีสิ้นสุด ผุดเกิดก็ไม่ได้
บาปบญุ คุณโทษกไ็ ม่รู้

361

น่ี การเดินธุดงค์นะ เดินธุดงค์ไปก็สอนธรรมะให้ประชาชนบ้าง เขาจะได้มีหูตาสว่าง
ด�ำเนนิ ชวี ติ ได้ถูกตอ้ งตามทำ� นองคลองธรรม
นีเ่ ป็นคำ� สอนของหลวงปตู่ อื้ อจลธมโฺ ม ใครจะเชื่อหรอื ไม ่ ตอ้ งพิจารณาเอาเอง
ผีเข้าหลวงปู่แหวน ก็เป็นค�ำบอกเล่าจากหลวงปู่ต้ือ แต่เป็นเม่ือครั้งที่ท่านทั้งสอง
จะเร่ิมภาวนา
แต่...กาลต่อมา ผีจะกล้าเฉียดท่านหรือเปล่าก็ไม่รู้นะ อย่าว่าแต่ผีเลย เสือสางช้างป่า
ทา่ นกไ็ ม่หวัน่ ไหว แมค้ วามตาย ท่านกไ็ ม่เคยเกรงกลัวด้วยซ�้ำไป

หลวงปู่ต้ือพบเร่ืองแปลกต่างๆ เพราะบุพกรรมเคยเป็นโจร

หลวงปู่ต้ือ อจลธมโฺ ม ท่านมักจะพบเร่ืองไม่ดีไม่งามแปลกๆ เกดิ ข้ึนภายในวัดหลายเร่อื ง
เสมอๆ เชน่ คนตดิ ฝิ่นมาขโมยขา้ วของภายในวดั กม็ ี เขามาหลอกลวงต้มตุ๋นก็มี เขามาเสพกามกัน
อย่ภู ายในวัดกม็ ี เขามานง่ั ดา่ ทอกันในวัดก็มี เขามาบน่ ทกุ ขบ์ ่นยากแล้วขอเงินไปกม็ ี หลายเร่ือง
หลายอยา่ ง แปลกๆ ไมด่ ไี ม่งาม เปน็ เพราะบพุ กรรมเก่า ในอดีตชาตหิ ลวงปู่ต้ือ ท่านเคยเปน็ โจร
มาหลายภพหลายชาตินน่ั เอง

หลวงปู่ต้ือกล่าวแก้ต�ำราพราหมณ์

หลวงปู่ต้อื อจลธมโฺ ม ทา่ นไดก้ ล่าวแก้ต�ำราพราหมณ์ ซึ่งมคี วามเชอ่ื เกยี่ วกับฤกษง์ ามยามดี
ดังน้ี
สัญญาโลกมนั ชอบโกหก ขปี้ ดกันไป ข้ปี ดกันมา แตส่ ัญญาธรรม ใหร้ ้จู กั ทกุ ข์ ใหร้ จู้ กั
หกั วัฏฏะลง ๑๒ เดอื น ๑ ป ี ๑๒ ปี ๑ รอบ เดอื นหนึ่งข้ึนแรม ข้นึ แรมวันโกนวันพระ วนั หนึง่
มีดมี ีช่วั ดชี ว่ั อยูก่ บั ตน ใหร้ อู้ ย่างนี้
อยา่ ไปโง่กับตำ� ราข้ีปด พราหมณ์ขี้ปด มสุ าวาท หารจู้ ริงไม่มี
วันไหนก็พทุ โธ ธัมโม สงั โฆ พุทโธดี ธมั โมด ี สังโฆดี ดกี ด็ อี ยา่ งพทุ โธ ดกี ด็ ีอย่างธมั โม
ดกี ด็ อี ย่างสงั โฆ ให้รูอ้ ย่างนน้ี ่ะ

362

หลวงปู่ตื้อพาสวดปารมี ๓๐ ทัศ

จากเทศนท์ ่านพระอาจารยไ์ ท านุตฺตโม
เมือ่ นมนานมา ปารมีอนิ ทรยี ์แก่กลา้ นกกระทากเ็ ลยมาเกดิ เปน็ พระสัมมาสมั พุทธเจ้า คือ
พระองค์นนั่ เอง สว่ นชา้ งกเ็ กิดเป็นพระโมคคลั ลาน์ สว่ นลงิ กเ็ กิดเปน็ ท่านพระสารีบุตร
พระสารีบุตรท่านเคยเป็นลิงมา นิสัยเก่าอันน้ันเคยติดนิสัย ถึงจิตใจเป็นอริยะ นิสัยเก่า
บางอย่างมนั ทิ้งไมไ่ ด้ มนั ยังตดิ เป็นกระสายมาอยู่ อดตี กรรมทา่ นเปน็ มาอย่างน้นั เหตุนนั้ ไปเจอ
ห้วยทไ่ี หน เจอขอนไม้ที่ไหน บางทที า่ นก็เดนิ บางทที า่ นกก็ ระโดดข้าม นิสยั เกา่ อันน้แี หละท่วี า่
สรา้ งปารมมี าทางฤทธม์ิ าทางเดชแล้ว จะฝนื ไปทางปญั ญาอยา่ งเดียวไม่ได้ ถา้ สรา้ งปารมมี าทาง
ปัญญาอยา่ งเดยี ว ไม่ประกอบทางฤทธ์ิ ใครจะพูดเร่ืองฤทธ์กิ ข็ ดั ไว้ หรือบางทกี อ็ ยากไดอ้ ยู่ แต่ว่า
มันไม่เกิด ปารมีไมม่ ี มนั เปน็ ไปไม่ได้
เหตุนั้นท่ีพวกเราสวดกันทุกวันนี้ ที่ว่าหลวงปู่ต้ือพาสวด ผมก็เคยพาสวดบูชาอยู่ว่า
ทานปารมี ศีลปารมี เนกขมั มะปารมี ปญั ญาปารมี พระพทุ ธเจา้ สรา้ งปารมี ๔ อสงไขย
แสนก�ำไรมหากปั ดว้ ยปารมี ๓๐ ทศั จงึ มาอุบตั ิเกดิ เปน็ พระสมั มาสมั พุทธเจา้ ปารมีเพยี งพอ
ถ้าปารมีพระคุณเจ้าไปทางไหน มนั ก็ไปทางน้นั

วิธีปราบผีกองกอย

ทา่ นพระอาจารย์ไท านุตฺตโม เล่าเรอื่ งหลวงปู่ต้ือสอนวิธปี ราบผกี องกอย ดังนี้
“ทไี่ หนมเู ซออยู่ล่ะก ็ ไอผ้ ีกองกอยมนั หมดโคตร ไมม่ ีตัวร้องน่ะ มเู ซอดำ� มนั กินหมด
“มันเป็นอย่างไง”
“อ้าว โอ้ ! ก็ผีกองกอยมันไปจากน้”ี ท่านว่า “ลิงคา่ งตัวผกู้ เ็ ปน็ ปอบ ลงิ ตัวเมยี ก็เปน็ ปอบ
เมื่อผีปอบกับผีปอบไปเป็นผัวเป็นเมียกัน คลอดลูกออกมาก็เลยเป็นผีกองกอย ก�ำเนิดมาจาก
ลิงนนั้ ” หลวงปู่ตอ้ื วา่ อยา่ งน้นั กใ็ ห้รู้จักอย่างนี้ ถา้ หากวา่ มันมาหา หลวงปู่ว่าอย่างนนั้ เยยี่ วนเี่ ผาไฟ
ได้กลน่ิ เยย่ี วกห็ น ี ข้อที่ ๒ ดินปนื เผาไฟกห็ น ี ข้อที่ ๓ ก็พรกิ ทิ้งใสไ่ ฟมนั กห็ นี คา่ งกห็ นี
ถา้ หากวา่ ยงั ไมห่ นี ใชก้ อ้ นหนิ ถอื ตะบอง อยา่ ไปภาวนานะ พวกนมี้ นั ไมร่ บั ศลี รบั ทานนะ
ภาวนาเมื่อจิตสงบ ปุ๊บ ! มันมาข่ม ถ้าจิตออกไปน่ีตายน่ะ ก้อนหินนะดีท่ีสุด ตะบองเตรียมไว้
หลวงปวู่ ่า “ตะบองเตรียมไว ้ ถา้ จะปราบกใ็ หว้ ่าอย่างน”้ี หลวงปวู่ ่า เจริญอาการ ๓๒

363

เกศา ผมขา้ ใหญ่เทา่ ต้นตาลไวแ้ ทงหูผีกองกอยตาย
โลมา ขนขา้ เท่าตน้ พรา้ วไวแ้ ทงตาผกี องกอยตาย
นขา เลบ็ ตีนเล็บมือของขา้ เท่าเขาปูนซเี มนต์ อันนเี้ อาไวห้ ยิกหวั ผี ผกี องกอย
ทันตา ฟันของขา้ ใหญ่กว่าจอบกว่าเสียมเคีย้ วผมี าหลายรอ้ ยแล้ว
“ใหว้ ่าอย่างนี้ น้นั มนั กลัว” หลวงปู่ว่า
“พุทโธ ธัมโม สงั โฆ ไมว่ ่าแตผ่ ี แตค่ นมันจะไม่เอาอย่แู ลว้ หลวงปวู่ า่ ตะบองน่นั ล่ะดที ส่ี ดุ ”
ผกี องกอยน่ี ผกี องกอยมีมาอย่างน้ีท่านวา่ หลวงป่เู ล่าใหฟ้ งั ดอกนั่น
อันนผ่ี ีกองกอย แตว่ า่ มันรอ้ ง กอ๋ ยๆ เย็น หมู่น่ี ถ้ากองกอ๋ ยๆ อันนี้เปน็ เห็น (ตัวเหน็ )
สมมุติถ้ากองกอ๋ ย กอ๊ ก กองกอ๋ ยมันจะมีก๊อก กอ๊ กนนั่ นะเปน็ ผกี องกอย กองก๋อยๆ กอ๊ ก กองกอ๋ ยๆ
ก๊อก น่นั แหละผีกองกอย
ถา้ กองก๋อยๆ นเ่ี ปน็ เหน็ ข้า (พระอาจารยไ์ ท) กไ็ ปเจอแลว้ อยูด่ อยโมคคลั ลาน์ ไอท้ ีว่ ่า
น่นั นะ ไปอยู่องคเ์ ดยี ว กองก๋อยๆ หมาเห่าแลว้ เดอ้ ใจคอเรามันก็ไมด่ นี ี่ อยอู่ งคเ์ ดียวน่หี นาวก็หนาว
ก็คว้าถุงย่ามอีโต้มาเตรียมไว้แล้วนี่ แหม ได้สู้กันแล้วน่ีกับอีโต้นั้นล่ะ มาใกล้ๆ มันยังหอมนะ
กล่ินมันหอมน่ี เวย้ เหน็ แล้วนั้น เหน็ ชะมด นกึ วา่ ผีกองกอย ระวงั อโี ตก้ แ็ นเดอ้ ว่า มันได้ไปเจอล่ะ
กองก๋อยๆๆ
อนั นี้เป็นลักษณะผีกองกอยแลว้ ว่า เปน็ ลกั ษณะผีกองกอยต้องปราบอยา่ งน้ี วิธีปราบมนั ”

364
ภาค ๒๓ บูรพาจารย์

พ่อแม่ครูอาจารย์ของหลวงปู่ต้ือ

พอ่ แม่ครอู าจารย์ของหลวงป่ตู อ้ื มี ๒ องค์ ซง่ึ เปน็ พระมหาเถระส�ำคัญในครัง้ กึ่งพุทธกาล คอื
๑. ท่านเจ้าคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท) ซ่ึงท่านเป็นพระอุปัชฌาย์
อาจารย์ของหลวงปตู่ ือ้ และหลวงปเู่ รยี กดว้ ยความเคารพวา่ เจ้าคุณป่อู บุ าลฯี
๒. หลวงปมู่ ั่น ภรู ทิ ตฺตมหาเถร พระปรมาจารยใ์ หญฝ่ า่ ยกรรมฐาน ซ่ึงทา่ นเปน็ ครผู ้สู ่ังสอน
พระกรรมฐานของหลวงปตู่ อื้ และหลวงปเู่ รียกดว้ ยความเคารพว่า เจา้ คณุ ปูม่ ัน่ ภูริทตั ฯ

หลวงปู่ต้ือกล่าวถึงท่านเจ้าคุณอุบาลีฯ

หลวงปตู่ ือ้ อจลธมโฺ ม สหธรรมิกของหลวงป่แู หวน สุจิณฺโณ ทา่ นใหค้ วามเคารพเทดิ ทนู
ทา่ นเจ้าคณุ อุบาลีฯ พระอุปชั ฌายข์ องทา่ นยิ่งนัก เม่ือทา่ นกลา่ วถงึ ทา่ นเจ้าคณุ อบุ าลีฯ ทา่ นจะ
ยกมือพนมไหว้ทกุ คร้ังไป
พระที่ทา่ นใหค้ วามเคารพเทดิ ทนู อย่างสงู สุดอยูใ่ นใจทา่ นวา่ เปน็ พระแท้ พระจรงิ มี ๒ องค์
คอื ทา่ นเจา้ คุณอบุ าลีฯ และ พ่อแมค่ รูอาจารยม์ ั่น
หลวงปู่ต้ือ ท่านได้กล่าวเทิดทูนคุณธรรมของท่านเจ้าคุณอุบาลีฯ ด้วยความช่ืนชมว่า
“ทา่ นเจ้าคณุ อบุ าลีฯ เปน็ คนมรี ศั มคี วามเย็น เยือกเย็น ได้อรรถได้ธรรม แจง้ ในธรรม กลา้ หาญ
ไมม่ ีใครทดั เทียม”

ท่านเจ้าคุณอุบาลีฯ จัดงานบุญถวายทานสลากภัต

บุญถวายทานสลากภัต ศรทั ธาญาตโิ ยมเขากไ็ ด้อทุ ิศบญุ กศุ ลไปให้เปรต ผี บรรพบุรษุ
บูรพาจารย์ วัดวาศาสนามาแต่ก่อนแต่เก่า ไมม่ อี ะไรหรอก กพ็ อทา่ นเจ้าคณุ อบุ าลีฯ ขน้ึ ไปอยู่
เพ่นิ เหน็ เปรตเห็นผหี ลายหมู่หลายตน เพิน่ (ทา่ น) ก็หาอบุ ายสงเคราะหส์ ัตวโ์ ลกไปตามเร่อื ง
จากนน้ั มา เขากท็ ำ� กนั ทุกปี เป็นประเพณบี ุญของเขา ครบู าอาจารยท์ ่ีมาเปน็ ประธาน
เทศน์ธรรม บางปีเขาก็ไปนิมนต์เอาท่านอาจารย์ตื้อ อจลธมฺโม บางปีก็เอาท่านอาจารย์สิม
พทุ ธฺ าจาโร บางทีก็เอาทา่ นอาจารยแ์ หวน สุจิณโฺ ณ แตท่ ่านอาจารย์ชอบ านสโม มาร่วมอยู่
แตไ่ มเ่ ทศน์ เขานิมนต์เทศน์ธรรมเพิ่นกต็ อบแตว่ า่

365

“บจ่ า่ ง – บจ่ า่ ง เอาตน๋ อื่นเถ้อะขึ้นเทศน์”
พอแจ้งเป็นวันใหม่แล้ว เขาก็เอารถข้ึนมารับท่านอาจารย์ตื้อมาแต่ดาราภิรมย์
ท่านอาจารยช์ อบมาแต่หว้ ยน�้ำรนิ ท่านอาจารยส์ ิมอยู่สนั ตธิ รรม ทา่ นอาจารย์แหวนอย่บู า้ นปง
ผขู้ ้าฯ (หลวงปู่จาม) อย่ปู ากทางแม่แตง องค์อื่นอกี เป็นรอ้ ยสองร้อยพระนอ้ ยเณรหนุ่มทั้งหลาย
บางตนโชคดีเคยทำ� ทานมาดีก็ได้ของดีไปใช้ บางตนอานิสงส์ให้ทานมมี าน้อยก็ได้ของไม่ดี ผขู้ ้าฯ
มกั จะได้แตเ่ ก้าอนี้ งั่ – เก้าอนี้ อน เป็นสว่ นใหญ่ สอู้ าจารยต์ ือ้ ไมไ่ ด้
ปีใดถ้าท่านอาจารย์ต้ือมาร่วมงาน เพ่ิน (ท่าน) มักจะได้ของท่ีเป็นฉลากเบอร์หนึ่ง
เปน็ อยา่ งนน้ั เกอื บทุกปี
ชาวศรทั ธาว่า “ทา่ นอาจารยต์ ้อื เอามือเทวดามาจับฉลาก”
แตพ่ อได้แลว้ เพิน่ กแ็ จกแบง่ ปันใหพ้ ระเณรรปู ท่เี พน่ิ อยากให้ ไม่เอากลบั วดั เพ่นิ หรอก
ชาวเมืองเหนือน้ี เขาตอ้ งเอาแทๆ้ ล่ะ การทานกว๋ ยฉลาก เขาฮอ้ ง “กว๋ ยตาน” มขี า้ วของ
เครือ่ งใช้ มีของอยูข่ องฉนั ของแหง้ หรือแล้วแต่เขาจะจดั หามา ของเลก็ ๆ นอ้ ยๆ น้ีไดเ้ สมอกัน
แต่ของพเิ ศษอีกตา่ งหาก เอาบญุ เอาอานิสงส์ทานมาวดั กนั วา่ ใครจะไดอ้ ันใด

หลวงปู่ต้ือเล่าเร่ืองท่านเจ้าคุณอุบาลีฯ และ ครูบาศรีวิชัย

ท่านอาจารย์ต้อื อจลธมฺโม เล่าให้ฟังวา่ “ครูบาศรวี ิชัยท่านเทศนน์ ้อย แตร่ จู้ กั ความนึกคดิ
ของผคู้ น รู้ไดใ้ กลไ้ กล เจรญิ แตค่ าถาอิตปิ ิโสฯ อย่เู ป็นนิจ ทีแรกครอู าจารย์มน่ั ภูรทิ ตโฺ ต จะสอน
วิปัสสนากรรมฐานบอกอุบายธรรมให้ แตเ่ มอื่ ทา่ นเจ้าคุณพระอุปชั ฌายท์ า่ นใหพ้ ิจารณาจงึ ร้ไู ดว้ ่า
ยังไมอ่ าจทีจ่ ะบรรลมุ รรคผลได้ แตจ่ ักได้ด้วยตนของครูบาเจ้าเอง เป็นอิตปิ ิโสฯ ได้เอง”
พวกยางปะเก่อ พวกมูเซอ คนภูเขา แห่กันมาท�ำบุญกับครูบาศรีวิชัย เอาเงินเหรียญ
ใส่กระบอกไม้ไผ่ไม้เฮ้ียะ เตม็ กระบอก อดั ปากกระบอก แลว้ เอามาถวายครูบาศรวี ชิ ยั
“พวกสูแบกอะไรมา ?”
“กระบอกเงนิ ”
“เอามาดูดู”๊

366

พวกเขาเปิดปากกระบอกออกแล้วก็เทเป็นกองๆ “เอามาถวายบูชาครูบาเจ้าตนบุญ
ของหมตู่ ูขา้ สุดแทแ้ ต่จะทำ� อนั ใด”
ครบู าศรีวิชัย เป็นพระโพธิสัตว์ บำ� เพ็ญมาอยา่ งรวยอตุ มลาภ ชาตชิ ีวิตนีไ้ ปไหนมาไหน
กม็ ผี คู้ นแหแ่ หนเอาเงนิ เอาปจั จยั ทง้ั ๔ มาทำ� บญุ ใหท้ าน เพนิ่ (ทา่ น) กเ็ อาไปสรา้ งวดั ไดห้ ลายรอ้ ยวดั
ทัง้ บูรณะปฏิสงั ขรณแ์ ละทำ� ข้ึนมาใหม่ก่อสรา้ งรา่ งแปลน แตเ่ ช้าจนค่ำ� คืน น่ังปนั พรให้แกผ่ ูเ้ อาเงนิ
มาใหถ้ วายทาน เทศน์ธรรมก็บอกแต่วา่ “ให้สวดทอ่ งอิตปิ โิ สฯ” สอนผู้คนชาวบา้ นใหถ้ ือศาสนา
รกั ษาศลี ๕ ศีล ๘ สอนคนก็สอนจีล้ งไปทใ่ี จ เพนิ่ ภาวนาเกง่ รู้ใจผู้คนหลายอย่าง ตายแล้ว
ยงั ลกุ ขนึ้ มาสรา้ งสะพานขา้ มแมน่ ำ้� ปงิ ไดแ้ ลว้ เสรจ็ พระภาคเหนอื รงั เกยี จเพนิ่ มาก แตพ่ อเพน่ิ จากไป
ตคุ๊ นใด๋กอ็ า้ งว่า
“ข้าลูกศิษย์ครบู ๋าเจ้า” “ขา้ กล็ ูกศษิ ย์ครบู า๋ เจ้า”
“ท่านเจา้ คุณพระอบุ าลฯี ข้ึนอยู่เชียงใหมร่ อบหลังน้ี เปน็ เพราะเจา้ แม่ดารารศั มี อยากจะ
ท�ำบญุ ให้ทานและจะสร้างวดั ถวายแกพ่ ระศาสนา เจ้าแมไ่ ด้บัญชาใหเ้ จา้ แก้วนวรฐั เจ้าตนเชียงใหม่
สดุ ทา้ ยลงไปอาราธนาทา่ นเจ้าคณุ ขึน้ มาครองวัดเจดยี ์หลวง เป็นปที ท่ี า่ นอาจารยต์ อ้ื อจลธมโฺ ม
ทา่ นอาจารย์แหวน สจุ ิณฺโณ ท่านอาจารยก์ งมา จริ ปญุ โฺ  ท่านอาจารย์ลี ธมฺมธโร พากันญัตติ
เป็นธรรมยุต
เอาท่านเจา้ คุณพระอุบาลีฯ เพนิ่ ครอู าจารย์มั่น ภรู ทิ ตโฺ ต และทา่ นอาจารย์ลี มาตั้งหลัก
ฟ้ืนฟศู รัทธาคนธรรมยุตใหม้ นั่ คงในภาคเหนอื แตป่ ี พ.ศ. ๒๔๗๑ – ๒๔๗๔ ท่านเจา้ คุณอบุ าลฯี
บริหารบรู ณะ ฟืน้ ฟปู ฏสิ ังขรณ์ สร้างวัดเจดีย์หลวง เชยี งใหม่ วัดดาราภิรมย์ อยูแ่ มร่ ิม วดั บา้ นปง
แม่แตง เป็นท่ีวิเวกรุกขมลู ท่านเจา้ คุณอุบาลฯี ไดข้ อต�ำแหน่งพระครูใหเ้ พ่นิ ครอู าจารยม์ น่ั จาก
สมเดจ็ พระสังฆราชกรมหลวง ชินวรฯ ได้เปน็ พระครวู นิ ัยธร ตำ� แหน่งพระอปุ ัชฌายแ์ ละเจ้าอาวาส
เพน่ิ ครูอาจารยม์ น่ั ได้บวชให้หลวงตาปลดั เกตุ วณณฺ โก คนเดียวกอ่ นเขา้ พรรษา ออกพรรษาแลว้
กห็ นขี ้นึ เมอื งพร้าวทง้ิ ให้ต�ำแหน่งพระครูครองวดั เจดียห์ ลวง
เจา้ แมด่ ารารศั มี ไดท้ ำ� บญุ บำ� รุงค�้ำชทู ่านเจ้าคุณอบุ าลีฯ และ บำ� รุงครบู าเจ้าศรีวิชัยตนบุญ
เมืองเหนอื เหตเุ พราะพระเถระทั้ง ๒ องคน์ ี้มีคณุ วเิ ศษคุณธรรมอยูใ่ นตนมาก แตม่ ากไปคนละทาง
ทา่ นเจ้าคณุ อบุ าลฯี บรรลุธรรมานศุ าสตร์ ท่านครบู าเจ้าบำ� เพ็ญพทุ ธภมู ิ โพธสิ ตั ว์
“ท่านอาจารย์แหวนไปเฝ้าไข้ท่านเจ้าคุณอุบาลีฯ ท่านขึ้นธรรมาสน์หัวเข่ากระแทกกับ
หวั บนั ไดธรรมาสน์ กระดกู หวั เขา่ แตก กระดกู ขาหกั ทา่ นอาจารยแ์ หวนเลา่ วา่ “ทา่ นเจา้ คณุ อาจารย์

367

เปน็ ผูม้ ีขนั ติอดทนอย่างยง่ิ เทศน์จนจบกณั ฑ์มานอนป่วยอยู่วัดก็ไม่แสดงอาการวา่ เจบ็ ปวดอย่างใด
แมแ้ ต่เวลาเปล่ยี นอริ ิยาบถ ญาติโยมกแ็ ห่แหนกันมา แตแ่ จ้งเปน็ วันใหมจ่ นถงึ ๓ ทุ่ม เป็นอย่างนน้ั
ทุกวนั กลุ่มนน้ั ไปกลุ่มน้ันมา คณุ ท้าว คณุ นาย ท่านขุน คณุ หลวง คณุ พระ
พระยา เจ้าพระยา เจา้ นายผใู้ หญใ่ นวังหลวง ขา้ ราชการ คหบดี ผคู้ นชาวศรัทธา ชาวบา้ น
ทางอีสาน ทางเมืองเหนือทางลพบรุ ี พ่อคา้ วาณชิ ภิกษสุ ามเณรกแ็ ห่กนั มา ทยอยกันมาเยีย่ มอาพาธ
มากนั ทุกวันทุกคนื บางคนมารอบเชา้ รอบบา่ ย เปน็ ห่วงเป็นใย เสาะหาหมอหายา หมอไทย หมอจีน
หมอโรงพยาบาล ท่านเจ้าคณุ ฯ อาจารยไ์ มเ่ ดอื ดร้อนไมร่ �ำคาญ แต่ร้สู ึกวา่ ทา่ นพอใจมาก เพราะ
จะไดเ้ ทศนใ์ หโ้ อวาทอบรมแสดงธรรมชี้แจง พวกแรกไปพวกใหมม่ า มาใหม่ก็เทศน์ใหม”่
ท่านเจ้าคุณฯ อาจารย์ยังว่า “เราป่วยคราวนี้ดีมากหลาย เพราะได้ฝากธรรมแก่ผู้คน
โดยมากและทั่วถึง นับว่าเราประสบพยาธิทุกข์ที่ให้สุขแก่ท่านผู้อื่น” ท่านอาจารย์แหวนว่า
“ผู้คนต่างช้ันต่างวรรณะก็อิ่มเอิบชื่นชมยินดี ได้รับความสุขสบายใจไปเสมอท่ัวกัน” สุดท้าย
ท่านเจา้ คุณฯ อาจารยบ์ อกวา่ “ช่ือวา่ สงั ขารไม่ยั่งยนื อะไรเลยนะคุณแหวนนะ มีแตเ่ รือ่ งของทกุ ข”์
ท่านอาจารย์ตื้อ อจลธมโฺ ม วา่ ทา่ นเจ้าคณุ ฯ นั่งสมาธนิ ิพพานอยวู่ ดั บรมนวิ าส กรุงเทพฯ
อายุ ๗๗ ปี ทา่ นเปน็ พระอุปชั ฌายข์ องท่านอาจารยแ์ หวน สุจณิ ฺโณ ท่านอาจารยต์ ือ้ อจลธมฺโม
ศึกษาเถอะ ใครจะศึกษาชีวิตและธรรมะค�ำสอนของท่าน จะได้คุณได้ประโยชน์ยิ่งทีเดียว เพิ่น
ครอู าจารยม์ น่ั ภรู ทิ ตโฺ ต รบั รองอย่วู า่ เป็นการศกึ ษามสิ ูญเปล่าประโยชนด์ อก ใครมีปญั ญาเดินตาม
ไปได ้ ใครบารมยี งั ออ่ นก็ได้ความร้คู วามเข้าใจ

หลวงปู่ต้ือเทศน์ถึงสถานท่ีนิพพานของพ่อแม่ครูอาจารย์

พระอาจารยต์ ้อื หรือ หลวงปูต่ ้อื อจลธมฺโม ท่เี ป็นลูกศษิ ยข์ องทา่ นเจ้าคุณพระอุบาล–ี
คุณูปมาจารย์ วัดสุปัฏนาราม จังหวัดอุบลราชธานี พระปิยมหาราช คือ พระบาทสมเด็จ–
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หวั ได้อาราธนามาอยู่ท่ี วดั เทพศริ ินทราวาส
กรมพระยาสวสั ด์ิฯ และ ท่านย่าฯ ไดอ้ าราธนาท่านเจ้าคณุ พระอุบาลีคณุ ปู มาจารย์ กบั
หลวงปู่มั่น ภูริทตฺตเถร ไปอยู่วัดบรมนิวาส ส่วนที่วัดสระปทุม ให้หลวงพ่อพระอาจารย์หนู
ไปอยู่ ไดต้ งั้ สมณศกั ดเิ์ ปน็ เจา้ คณุ กติ ตเิ ถระ ตอ่ มาเปน็ เจา้ คณุ พระปญั ญาพศิ าลเถร เปน็ เจา้ อาวาส
วดั สระปทมุ (วัดปทุมวนาราม) และท่านก็นิพพานทนี่ ัน่ ส่วนท่านเจ้าคุณอุบาลฯี ไปนิพพานท่ี
วัดบรมนิวาส ส�ำหรับท่านอาจารย์มั่น นายเตียง สิริขันธ์ ไปนิมนต์มาอยู่วัดสุทธาวาส
จงั หวดั สกลนคร เลยนิพพานทนี่ ่ัน

368

ท่านเจ้าคุณอุบาลีฯ และหลวงปู่มั่นเล่าถึงโยมพ่อโยมแม่

(จากกัณฑเ์ ทศน์ หวั ใจของพระพุทธศาสนา โดยหลวงปู่ต้ือ)
.... แมข่ องทา่ นเจา้ คุณอุบาลฯี พอถงึ วันแปดค�่ำ ก็นุ่งขาวห่มขาว แตว่ นั ธรรมดากน็ งุ่ ด�ำ
เหมือนชาวบา้ น เม่อื จะถงึ แกก่ รรม ไดภ้ าวนาอยใู่ นห้อง จ�ำศลี ภาวนาอยตู่ ลอดวนั ได้ยนิ ทางหวู า่
“อนี ายขึน้ มาเถดิ ”
คณุ ยายกต็ อบว่า “รอก่อน รอก่อน” อยอู่ ยา่ งน้ี พดู อยู่คนเดียว ฝา่ ยลูกสาวสงสยั จึงให้
หลานสาวไปกราบเรียนท่านเจา้ คณุ อุบาลฯี ทา่ นเจา้ คณุ อุบาลีฯ ก็บอกความใหห้ ลานสาวไปหา
น้องชายหลา้ (น้องสดุ ทอ้ ง) คือ ท่านเจา้ คณุ ศีลวรคุณ
เมือ่ ทา่ นเจา้ คุณศลี วรคณุ ไดท้ ราบแลว้ กจ็ ดุ ธูปเทยี นไหว้พระพุทธรูป ไหว้พระธาตุ ต้งั สัจจะ
อธิษฐาน ขอบญุ กศุ ลไปช่วยคุ้มครองรักษาวญิ ญาณของคุณแม่ เสรจ็ แล้วจงึ ออกจากวัดไป
เมือ่ ไปถงึ แลว้ ก็ถามตามภาษาอสี านว่า “แม่ออกเว้าอีหยงั (พดู อะไร) เว้ากับไผ (พดู กับใคร)
กลางคนื มาเวา้ อุ่มๆ อยู่ผูเ้ ดียว บแ่ มน่ แม่ออกเผอบ๊อ” (ตอนกลางคนื คุณแมพ่ ดู กบั ใคร เหน็ พึมพ�ำ
อย่คู นเดยี ว คณุ แม่หลงไปไม่รู้สึกตวั ใชไ่ หม)
ส่วนแม่กต็ อบว่า “เจ้าคณุ ฯ ลกู เอย๊ แม่ออกบ่เผอดอก แมอ่ อกเวา้ กบั แม่เฒ่าใหญ่ คือ
นางสุชาดา และ นางสธุ รรมา จะเอาอู่มารับเอาออกแล้ว”
พอถงึ เดือนสิบเอ็ด ออกห้าคำ่� คุณยายกอ็ าบนำ�้ ช�ำระกายนงุ่ ขาวห่มขาว รับอาหารขา้ วต้ม
ประมาณสี่ช้อนหา้ ช้อน เรียบร้อยแล้วกเ็ ข้าภาวนา ใจก็ไปสวรรค์ ขันธท์ ิ้งไว้ พอถงึ วนั ขน้ึ แปดค่�ำ
กเ็ อาเศษของคุณยายไปเผาจ่ีเรียบร้อย
สว่ นโยมพอ่ ของทา่ นเจา้ คุณอบุ าลฯี กน็ งุ่ ขาวหม่ ขาวไปเผาศพของคุณยายดว้ ย พอกลับมา
สามทุม่ เศษ ท่านกส็ ั่งวา่ “ลกู หลานเอย๊ แมเ่ ฒา่ สไู ปแล้ว กูจะไปตามแมเ่ ฒ่าสเู น้อ”
พวกลูกหลานก็ถาม “พ่อเฒ่าจะไปท่ีไหน ?” ตอบว่า “กูจะไปอยู่ป่าช้า คือตายล่ะสู
ไปคืนนีแ้ หละ”
พวกลูกหลานก็วา่ “บแ่ ม่นพอ่ เฒา่ เวา้ เล่นบ ่ หรอื เวา้ หยอกหลานสาวบ”่
พอ่ เฒา่ ย้�ำวา่ “กบู ่เคยบอกสูว่าอย่างน้นั ”

369

พอแจ้งสว่างขน้ึ ลกู หลานไปด ู กเ็ ห็นพ่อเฒา่ น่ังในท่าภาวนาหมอบตดิ อยู่กับหมอน
เดอื นสิบเอด็ ออกหา้ ค่�ำ ถา้ จะวา่ ตามโลก เรยี กวา่ ตายเอาใจไปสวรรค์ แต่ขันธต์ วั พอ่ ของ
ท่านเจา้ คุณอบุ าลฯี ตายวันแปดคำ่� แต่ใจไปสวรรค์
ความอนั นี้ ทา่ นเจา้ คณุ อบุ าลีฯ ท่านเป็นผ้เู ล่าใหอ้ าตมาฟังเอง
มารดาของครอู าจารยม์ ่นั ปฏิบตั ิศีลแปดอยู่กับทา่ นอาจารย์มน่ั ภรู ทิ ตฺตเถร นัง่ กภ็ าวนา
นอนก็ภาวนาได้สามวันสามคืน ท่านอาจารย์มั่น ภรู ทิ ตตฺ เถร ก็เข้าฌานช่วย ฤทธิ์ของมารดา
กก็ ลับคนื มาได้
ท่านอาจารยม์ ัน่ จงึ ถามมารดา มารดาตอบวา่ “นางภิกษุณีโคตมี นางอุบลวรรณาเถรี
ภกิ ษุณี นางยโสธราพิมพาภกิ ษุณีไดม้ าเย่ียม นบั ตงั้ แต่น้ีไปอีก ๒๐ วัน แม่ออกจะไดล้ ะขนั ธ์”
พอถงึ เวลานนั้ พอครบวันทยี่ ีส่ บิ แมอ่ อกของทา่ นอาจารย์กท็ ิง้ ขนั ธ์ตามทแ่ี ม่ออกกลา่ วไว้
จรงิ ๆ
อันนี้จึงเป็นเคร่ืองแสดงว่า แม่ออกของท่านอาจารย์ยกจิตขึ้นไปสู่สันติสุข พ้นจากทุกข์
ในสงสาร
เรอ่ื งน ้ี ท่านอาจารยม์ ่นั ภูริทตฺตเถร ท่านก็เลา่ ใหอ้ าตมาฟงั ดว้ ยเหมือนกัน
ในคัมภรี ์พระพุทธศาสนาน้ัน เคยมเี รอื่ งเล่าไว้เป็นหลกั ฐาน ดังน้นั จงึ ขอใหพ้ วกนักปราชญ์
และนักธรรม นักกรรมฐาน จงยกใจของตนเองทุกๆ คน ใหเ้ ป็นพระพทุ โธ ใหเ้ ปน็ พระธมั โม
พระสังโฆ
เม่ือใจของพระคณุ เจา้ ทง้ั หลายไดพ้ ระพุทโธ ชนั้ สทุ ธาวาส เกิดจากพระสงั โฆ ทสี่ ุดวิญญาณ
ดบั แล้ว กเ็ ข้าพระนพิ พาน
ขา้ พเจา้ อาตมาภาพ พระอาจารย์ต้ือ พทุ ธคุณ ธัมมคณุ สังฆคณุ ขอถวายไวเ้ ปน็ พุทธบชู า
ธรรมบูชา สังฆบชู า แดพ่ ระพุทธเจ้าท้ังหลายทุกพระองค์”

370

หลวงปู่ตื้อเทศน์ถึงหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่ม่ัน

ส�ำหรบั ผทู้ พ่ี น้ ไปแล้วเหมือนกับหลวงป่เู สาร์ หลวงปมู่ ัน่ นน่ั ทา่ นข้ามพ้นไปได้แล้ว เขา้ สู่
ศาลาพนั ห้อง คอื เข้าสกู่ ายานคร แลว้ ให้พจิ ารณาจนรู้จัก หมดสัญญา สงั ขาร วิญญาณ รูแ้ ล้วจะได้
หมดท้ัง รปู รส กลนิ่ เสียง โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ เชน่ นี้ จิตมันกเ็ ลยเป็นศีล เป็นสมาธิ เป็นปญั ญา
ห่างเหนิ ไปจากโลภ โกรธ หลง นน่ั แหละจงึ ว่า ศาลาพันหอ้ ง ถงึ บรมสขุ ท่วี า่ นตถฺ ิ สนตฺ ปิ รํ สขุ ํ
มันมีความสขุ
อย่างหลวงปู่ม่ัน ท่านถึงศาลาพันห้องแล้ว ท่านไม่อดไม่อยาก คนเอาของไปให้ท่าน
ทรพั ย์สนิ ต่างๆ ท่านไม่เอาไวด้ อก ดูตอนท่านหมดลม จนถึงวนั เผา ไดย้ ินเท่าไร ๕๖ ลา้ น น่นั
ไม่ใชน่ ้อยๆ คนไปบรจิ าค ทำ� บญุ สนุ ทานกับท่าน
นนั่ แหละคนถงึ ศาลาพันห้อง หอ้ งกายมนั กไ็ มม่ ีสุด ห้องวาจามนั ก็เต็มแล้ว ห้องจิตใจมันก็
บ่มโี ลภ บ่มโี กรธ บม่ หี ลง น้นั แหละจงึ ว่าศาลาพนั หอ้ ง

หลวงปู่ตื้อเทศน์ถึงครูบาอาจารย์ท่ีถึงศาลาพันห้อง

เร่ืองศีล เร่อื งทาน เรอ่ื งภาวนา กห็ ดั เขา เออ้ ให้เขารู้จกั บาป ให้เขารจู้ กั บญุ เน่ีย
ถา้ บ่ (ไม)่ สอนเขาละ่ ตายแลว้ เขาบ่มาสนใจนะ กระดูกฝงั ใสห่ ม้อฝังไวใ้ สด่ ิน เขาบ่ไปเรียก
ลงุ ป้า น้าอา พ่อแม่ เขาบ่ชักอนิจจงอนจิ จาหาสักทลี ่ะ ได้กินเขากว็ ่าดี ได้กินเขาก็ว่าสนุกเท่าน้ันละ่
มันเป็นอย่างน้ันดอก สอนเอา ลูกใครหลานมัน ถ้าสอนเขาบ่ได้แล้วล่ะ ตายท้ิงเฉยๆ น้ันล่ะ
เป็นอยา่ งนั้นดอก
เหมือนอาตมานี้ล่ะ เป็นหัวหน้าหมู่ก็สอน เอ้อ ! เรื่องศีล เร่ืองสมาธิ เรื่องภาวนา
เรื่องหลักพระพทุ ธศาสนาใหม้ นั ถกู ต้อง ก็สอนไปตามนั้นละ่ คือพ่อออก – แมอ่ อกมาหาแลว้ กส็ อน
แต่ในทางท่ีดี แตว่ ่าข้อส�ำคัญ จะเอาหรือไม่นัน้ มันเปน็ หน้าทีข่ องผฟู้ ังเทา่ นั้น
ถา้ สอนบไ่ ด้ จะท�ำเอาไหม ? จะรักษาศลี ใหม้ ันบรสิ ทุ ธิบ์ ่ ? จะบ�ำเพ็ญสมาธใิ ห้มนั มน่ั บ่ ?
จะบ�ำเพ็ญปัญญาให้มันรู้หรือไม่ ? จะดูเจ้าของหรือไม่ ? จะเชื่อพระพุทธเจ้าหรือจะเช่ือกิเลส
มนั เป็นของสำ� คัญ
ถ้าผู้ใดเช่ือ มันก็มีความสุขข้ึนไปเร่ือยๆ ล่ะ เกิดปัญญารู้จากตนเอง สอนเจ้าของได้
อยา่ ยอมใหก้ ิเลสสอน นัน่ น่ะ เป็นอยา่ งนนั้ ดอก

371

รับรอง เอาแตธ่ รรมะของพระพทุ ธเจ้ามาเวา้ ตวั๊ (มาพดู นะ) บแ่ มน่ (ไมใ่ ช่) จะเอาตัง้ แต่
กิเลสออกมาสอนนะเด๋ียวน้ี เอาธรรมของพระพุทธเจ้ามาเว้าสู่ฟัง เมื่อมันดีก็หามาเว้าให้ฟัง
เอาแต่กกมาเลา่ เอาแต่เหงา้ มาเวา้ สู่ฟงั บไ่ ด้เอาแนว (ทาง) อืน่
ใครบ่มศี ีลก็แนะน�ำใหม้ ศี ลี ใครบเ่ ป็นสมาธิก็อบรมใหเ้ ปน็ สมาธิ ใครบ่ทนั มี (ยังไมม่ )ี ปัญญา
ก็สร้างข้ึนเอา ฝึกให้มันมีปัญญา แนวทางพระพุทธศาสนาให้มันเจริญข้ึนในตัวของเจ้าของแล้ว
เพอ่ื ไปสอนตนเอง ชว่ ยสอนกลุ บตุ รกลุ ธดิ าของใครของมนั ใหม้ นั เจรญิ ๆ เถดิ เผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนา
อันนที้ กุ คนก็คงจะเขา้ ใจ
เรียกว่าเป็นผู้ต่ืนแล้วว่าง้ันเถอะ คือตื่นจากความชั่ว ถ้าบ่ต่ืนนั้นมาบ่ได้ดอก เห็นบ่
เขากางภาพยนตร์ ๒ จอโนน่ รำ� วงก็มี ต้งั จอขาวแซวๆ อยู่นั่น ถา้ ฝนบต่ ก น่นั จิตมนั ปึก (โง่)
มันก็ไปทางนัน้ ล่ะ อนั น้ีถอื ว่าเกง่ ล่ะ เออ้ !
จึงว่าตอ้ งอบรมใจของตนใหม้ นั เป็นบุญเปน็ กศุ ล อย่าปกึ (อย่าโง่) อยา่ ปกึ เมอื่ มาถึงศาลา
พันห้อง คอื สมมุตวิ า่ ศาลาหลงั น้มี ันเป็นศาลาพันหอ้ ง
เหมือนอย่างว่า หลวงพอ่ พุ่ม อาจารย์พุม่ เพ่นิ เคยเทศนใ์ หอ้ าตมา
นำ� ไปพิจารณาได้ ๒ ปี ๓ ปี จึงแปลได้ “ถา้ จะไปศาลาพันห้องกต็ ิดแลว้ ติดผู้สาว ผสู้ าว
สองคนว่างนั้ กอดคอไว้ ตดิ อยนู่ ั่น คาอยนู่ ั่นเลย ไปบ่ได้ ถ้ากาย (ข้าม – พน้ ) ผู้สาวสองคน
แล้วก็ไปติดผู้สาวหกคนโน่นล่ะ ไปบ่ได้ล่ะ ออกจากผู้สาวหกคนแล้วก็ไปติดกองเงินกองค�ำ
แลว้ กป็ า่ ยกองเงินกองค�ำนัน่ ล่ะ จึงจะถึงศาลาพันห้อง บ่อดึ (บ่อด) บ่อยากละ่ เนรมิตขึน้ ได้
อะไรสารพดั นนั่ ละ่ ”
ให้ไปภาวนาดเู ด้อมนั อะไร ? ผู้สาวสองคน ผสู้ าวหกคน กองเงนิ กองค�ำ เพน่ิ บแ่ ปลใหฟ้ ังเดอ้
อันนกี้ จ็ ะแปลใหฟ้ ังซะ มนั จะแม่นบ่ (ถูกไหม)
คำ� วา่ ผสู้ าวสองคนนน่ั นะ่ ไดแ้ กอ่ ะไรล่ะ คอื อย่างวนั น้ี วนั พระกด็ ี พระเจา้ พระสงฆ์เพน่ิ
บวชแลว้ จะภาวนานั่นนะ่ ต้ังใจจะภาวนา ไหว้พระสวดมนต์เสรจ็ แลว้ ก็จะนัง่ สมาธอิ บรมจติ ให้สงบ
นน่ั น่ันคือมาศาลาพนั หอ้ ง
ผู้สาวสองคนท่ีกอดคอไว้ ก็คือ สาด (เสื่อ) กับหมอน มันดึงคออยู่น่ันล่ะ ให้อยู่เฉยๆ
นอนกรนอยคู่ ร่อกๆ น่นั ล่ะ คา (ตดิ ) ตายอยนู่ ่นั ไปบ่ได้ เลยบเ่ ปน็ สมาธิ – ปญั ญา อะไรละ่

372

ถ้าผ้ใู ดกายจากนนั้ แล้ว ความคิดก็มาติดรปู ผ้สู าวหกคน รูป อดตี เสียง เนี่ย รปู นอก
เสยี งนอก กล่นิ นอก โผฏฐัพพะ ธรรมารมณภ์ ายนอก วุ่นวาย ใจมนั ก็เลยบเ่ ป็นสมาธิ น่ันล่ะ
ถ้าผู้ใดกายจากนนั่ มาได้ กม็ าคากองเงนิ กองเงินก็หมายความวา่ อติเรกลาภ ทรัพยส์ ิน
เงินทองอะไรทุกอยา่ งนั้นละ่ เปน็ อตเิ รกลาภ ถ้าผ้ใู ดกายก็ไปตดิ ยศ ยศฐาบรรดาศักดิ์ ถ้าไดเ้ ป็น
ยกขนึ้ มาเป็นพระครูพระคา เจา้ ฟา้ เจา้ คุณ เทา่ นัน้ ก็ติดแล้ว จะเดนิ จงกรมกบ็ ม่ ี จะใหม้ ีธุดงควอก–
ควตั ร อะไรต่างๆ เพ่อื ให้หลุดพ้น กข็ ดั ขอ้ งในธรรมวินยั
อันผู้เพ่ินกายได้ เหมือนอย่างหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่ม่ัน หลวงปู่ฝั้น หลวงปู่อ่อน
ผู้เพ่ินกายได้ น่ัน เข้าสู่ศาลาพันห้องเน่ีย เอ้อ เข้าสู่กายนคร ดูแล้วรู้จักหมดนั่นล่ะทั้งกายนคร
สงิ่ ทเ่ี ป็นรูป เปน็ เวทนา สัญญา สังขาร วญิ ญาณ แล้วละไดห้ มด รปู รส กล่ิน เสยี ง โผฏฐพั พะ
ธรรมารมณ์ นนั่ น่ะ จติ ใจเพน่ิ ก็เลยเปน็ ศีล เปน็ สมาธิ เปน็ ปญั ญา ห่างเหินออกจากโลภ โกรธ หลง
น่นั ละ่ จึงว่าศาลาพนั หอ้ ง
ถงึ บรมสุขท่วี า่ นตถฺ ิ สนตฺ ิ ปรมํ สุขํ มันมคี วามสุข
ดเู อานัน่ เห็นบ่ (เห็นไหม) เพนิ่ นงั่ อยู่เฉยๆ มีแต่คนเอาของไปใหเ้ พนิ่ เหน็ บ่ หลวงป่ฝู ้ัน
หลวงปมู่ น่ั หลวงปู่เสาร์ นีก่ ต็ งั้ แต่เราบท่ ัน... ผเู้ พ่ินคักดอก (ดีมาก) หลวงปมู่ ่ัน หลวงปเู่ สาร์
ของพวกเราน่ีคัก ...บ่อึด (เยอะ) คนเอาของไปให้เพ่ิน ทรัพย์สินเพ่ินบ่เอาไว้ดอก เห็นบ่
เพน่ิ มรณภาพแตว่ ันหมดลมจนถงึ วันเผา เปน็ เวลาปีหนงึ่ พอดี ไดเ้ งนิ เทา่ ไร ๕๖ ลา้ น นน่ั บแ่ ม่น
(ไม่ใช)่ นอ้ ยๆ คนไปทำ� บญุ สุนทานกบั เพิ่น น่นั ล่ะเพ่ินถึงศาลาพนั หอ้ ง หอ้ งกายเพ่ินก็บรสิ ุทธ์ิ
หอ้ งวาจาเพนิ่ ก็เตม็ หอ้ งจิตใจเพิ่นก็บ่มโี ลภ บม่ ีโกรธ บม่ หี ลง นน้ั ล่ะจึงวา่ ถงึ ศาลาพนั ห้อง

วีรกรรมหลวงปู่ทองรัตน์ กนฺตสีโล

หลวงปูท่ องรัตน์ กนฺตสโี ล ท่านเป็นพระทีม่ จี ริตนสิ ยั ลกั ษณะทา่ ทางองอาจกล้าหาญ
คลา้ ยๆ กับ หลวงปู่ตือ้ อจลธมฺโม วรี กรรมของหลวงปู่ทองรัตน์ มมี ากมาย ขอยกพอเปน็ ตวั อยา่ ง
ดงั น้ี
กรณีแรก เม่ือหลวงปู่ทองรัตน์ ได้ฝึกอบรมธรรมปฏิบัติอยู่กับท่านพระอาจารย์ใหญ่
ท้ังสององค์ จนเป็นทีม่ นั่ ใจแลว้ ท่านพระอาจารยม์ นั่ ได้ทดสอบพลงั จติ ของลกู ศษิ ย์ โดยให้
ลกู ศษิ ยแ์ ต่ละองคแ์ ยกไปจำ� พรรษายงั ท่ตี า่ งๆ กนั ส�ำหรับหลวงปทู่ องรตั นน์ ั้น ทา่ นบอกใหไ้ ป
จ�ำพรรษาทถี่ ำ�้ บงั บด ถา้ ไม่ครบ ๓ พรรษาไมต่ ้องลง ทถ่ี ำ้� นที้ ่านพระอาจารยม์ ่ันเคยไปภาวนา

373

มาแล้ว เหมาะกับพระเณรท่ีมีภูมิจิตภูมิธรรมท่ีแข็งกล้าแล้วจึงจะไปอยู่ได้ เคยมีพระธุดงค์
ไปมรณภาพหลายรปู แลว้ ถา้ ไมเ่ ก่งจริงคงกลบั ออกมายาก หลวงปู่มั่น ได้แนะนำ� อย่างน้ัน
เมอื่ หลวงปทู่ องรตั น์ รับคำ� พระอาจารยแ์ ลว้ ก็ได้ไปภาวนาที่ถ�้ำนน้ั เพยี งรปู เดยี วจนตลอด
๓ พรรษา
ทา่ นเลา่ ว่า ในคืน ๑๕ ค่�ำ เดือน ๑๐ พรรษาแรกทไ่ี ปอยู่ หลังจากเดินจงกรมตอนหวั ค�่ำแลว้
ได้เปลยี่ นมานัง่ สมาธิ ทา่ นไดย้ นิ เสยี งกกึ ก้อง ราวกบั ฟ้าจะทลาย ภูเขาทั้งลกู ถูกเขยา่ ให้สัน่ สะเทือน
ทา่ นแยกไมอ่ อกวา่ เสยี งอะไร ทา่ นเลา่ วา่ ทา่ นกลวั จนไมร่ วู้ า่ กลวั อะไร ขนและผมลกุ ชชู นั แทบจะหลดุ
ออกจากหวั เหงอื่ ออกท่วมตวั จะวง่ิ หนกี ไ็ มร่ ู้วา่ จะหนไี ปไหน
เมื่อความกลัวถึงขีดสุด ก็ได้มีเสียงกระซิบที่หูท่านว่า “ในสากลพิภพน้ี สรรพสัตว์
ตลอดทงั้ เทพ พรหม ยม ยกั ษ์ ทั้งหลายท้ังปวง ล้วนเคารพและย�ำเกรงตอ่ พระพทุ ธเจา้ ทง้ั ส้ิน
เราเป็นลกู ศษิ ยพ์ ระตถาคตจะไปกลวั อะไร”
เมอื่ ไดย้ นิ อยา่ งนนั้ สตเิ รม่ิ กลบั คนื มา ความกลวั คอ่ ยหายไป แลว้ เกดิ ความอาจหาญขน้ึ มาแทน
จากน้ันท่านไม่เคยรู้สึกกลัวอะไรเลย ท่านเล่าเหตุการณ์คร้ังน้ันว่า “อาการหายกลัวคร้ังน้ีมี
อานุภาพมากกวา่ คร้ังท่ผี า่ นมาหลายร้อยพนั เท่า เดนิ จงกรม น่ังสมาธิ มแี ต่ความเยือกเย็น
สบาย ขา้ วปลาอาหารไมห่ วิ เปน็ อยู่ ๗ วนั ๗ คืน นอนก็ไม่นอน”
เม่อื อยคู่ รบ ๓ พรรษา จึงได้ลงมากราบหลวงปมู่ นั่ แลว้ เลา่ เรอื่ งตา่ งๆ ถวาย หลวงป่มู นั่
ออกปากวา่ “ทองรัตน์ เด๋ียวนีจ้ ติ ของท่านเทา่ กับจิตของผมแล้ว ตอ่ ไปนท้ี า่ นจะเทศนจ์ ะสอนคนอ่ืน
ก็จงสอนเถดิ ”
หลวงปู่ทองรตั น์ มคี วามคุน้ เคยกับ หลวงป่ตู ือ้ อจลธมโฺ ม มาก ท่านจงึ พูดสพั ยอก
กนั แรงๆ ทา่ นเคยบอกศษิ ยว์ า่ “ญาทา่ นตอ้ื น่ี ตอ่ ไปจะเปน็ ผมู้ ชี อื่ เสยี งหลายองคห์ นง่ึ ” และกเ็ ปน็ จรงิ
ตามนั้น

หลวงปู่ต้ือเล่าเรื่องอาจารย์กู่ เจอผีใหญ่ภูกระดึง – เจออาจารย์ผู้วิเศษ

หลวงปูต่ ้อื อจลธมฺโม เลา่ เรือ่ งอาจารยก์ ู่เจอผีใหญ่อยภู่ ูกระดงึ และเจออาจารยผ์ ้วู เิ ศษ
ให ้ ทา่ นพระอาจารยไ์ ท านตุ ฺตโม ฟังดงั น้ี
“แล้วก็หลวงปู่ตื้อ คุยต่อเร่ืองผีใหญ่ตัวหน่ึงอยู่เขาภูกระดึงนี่ คุยต่อ อาจารย์กู่ไปอยู่
คือทน่ี ัน้ เขาไปทำ� ไรท่ ำ� สวน ใครไปทำ� ไมไ่ ดม้ นั ตาย ใครไปทำ� ไม่ไดม้ ันตาย เขานมิ นตอ์ าจารย์กไู่ ป

374

กไ็ ปจ�ำวัดอยู่นนั่ เป็นเดอื น เขาก็เข้าไปส่งท่ปี ่า
มันบอกว่า “โว้ย ! สู้ครบู าไม่ได้ จึงหนีก่อน”
“เขามาท�ำที่อยู่ข้า ข้าเป่ามาจากภูเขาโน้น เขาอยู่บ้าน เลือดออกปากออกจมูกตาย”
ไม่ใชไ่ มเ่ ข้าสิงเหมอื นคนนะ ไอ้อว้ นนะไอ้นี่ฤทธขี นาดไหน อยภู่ เู ขาเป่ามา พรดู ... เลือดออกปาก
ออกจมูก ขนาดอยู่บา้ น มันเปา่ มาจากภูเขา จรวดแซม (ยัง) อาย ขนาดไหน อนั น้ันก็ จรวดแซมอาย
น่ีตวั นี้กเ็ หลือเกนิ มนั บอกวา่ มนั จะออกทน่ี ้ ี จะไปอยหู่ วั เขาลูกนั้น ทนี่ ัน้ มนี ำ�้ บ่อ มีต้นม่วงไข่
“ออกจากน้ี มันจะไปโนน้ ” มนั ว่าอย่างน้ัน
แลว้ เมอื่ อยไู่ ปมีพระองคห์ น่งึ มา มาหาหลวงปูก่ ู่ “อาจารย์เคยเห็นผไี หม ?”
“เคยเห็นแต่ตาใน ตานอกไมเ่ คยเหน็ ” หลวงปู่กวู่ า่
“โฮ้ ! อนั น้ี ท่านอาจารย์นธ่ี รรมยงั ไม่แก่ ต้องเจรญิ ธรรมใหม้ ากๆ เดีย๋ วผมจะมา”
ผีใหญ่ตนหน่งึ มาจากอินเดีย มาอยู่ต้นบอน มนั บอกว่า “ขอใหไ้ ปนมสั การ พาไปนมัสการ
ในหลวง พระเจ้าอยู่หวั มันขอเปน็ ทหารเอก ให้เลย้ี งมันววั ปลี ะคู่ ถา้ เคร่ืองบนิ มามันจะจับผลกั
ชนภเู ขา” มนั ฝอย
“ถา้ เรือเดนิ มหาสมุทร มันจะจบั ชนหินพนื้ นำ้� ตาย ว่างั้นนัน่ นะ แตก่ อ่ นขา้ อยเู่ มืองอนิ เดยี ”
“อ้าว ! ก็เมอื งอินเดยี วา่ องั กฤษยึดครอง ก็ทำ� ไมไม่จับเรอื องั กฤษนน้ั ชนภเู ขาให้มนั ตาย
รู้แลว้ รรู้ อด” มนั เสียใจมาก มันยงั เปน็ คนอย ู่ ยังเปน็ ทิศาปาโมกข์
“ข้าตายเม่อื ยังไมน่ านน”้ี น่มี ันว่า “ข้าตายยงั ไม่นานนี้ แตก่ ่อนเป็นทิศาปาโมกข์”
พอดีอยู่ไป กม็ าละ่ ท่านอาจารยอ์ งคน์ นั้ “อาจารย์ไดห้ รอื ยงั ?”
“โฮ้ ! ยงั ไมไ่ ด”้
เวลาจะไปขู่ “โฮ้ ! อาจารยธ์ รรมยงั ไมแ่ ก่ บารมีไม่ไป”
เดนิ ตามหลังทา่ นครูบาองคน์ ้นั ครบู าองค์น้นั นน่ั ก็ อายพุ รรษาก็ไมม่ ากเทา่ ทค่ี วร แต่วา่
ไมก่ ินข้าวกนิ ปลาล่ะ อยู่ปา่ ก็สงสัยจะลมื ตาเห็นผี เดินมาตน้ บอนนัน่

375

“อุบาสกๆ อาจารย์อยากให้แสดงฤทธ์ิให้ดู อย่าให้ท่านเห็นตัวนะ จิตท่านยังไม่แก่
ถ้าเห็นตัวแล้ว ท่านจะกลัว แล้วจะไข้เป็นอะไรจะเป็นบาป” สักพักต้นบอนพรึบเลยนี่ โอโถ !
ใบบอนขนาดฆอ้ งใหญ ่ ไมใ่ ชธ่ รรมดา
พอดไี ปก็แสดง โดดไปตน้ นั้น โดดไปต้นนี้ สกั พกั “เอ้า ! พอแลว้ ๆ อุบาสก” น่ตี น้ บอนทา่ น
กย็ ุบ แลว้ กเ็ ป็นบอนเลก็ ๆ นอ้ ยๆ หรอกละ่ ก็ธรรมดานี่ เหมือนกับต้นเผอื กหลังบา้ นตาซกุ น่ีมนั กย็ ัง
จะใหญ่กว่าอกี
“อาจารย์อยูไ่ มไ่ กลหรอก ฉนั มะม่วงหิมพานตไ์ หม เดี๋ยวผมไปบอกมนั กอ่ น”
กเ็ ดนิ ไปที่ต้นบอนนนั่ ล่ะ “อบุ าสกๆ ไปเอามะม่วงหมิ พานตม์ าไป๊ ถวายอาจารยฉ์ นั เพล
ไวๆ หนอ่ ยนะ จะไมท่ นั เพล” แลว้ มาคุยธรรมะกบั ทา่ นอาจารยก์ ู่
สกั พกั กต็ ้องเอาผ้าอาบนำ้� ไป เดี๋ยวมนั มาแลว้ เดินๆ ไป เอามาสองลูก ถวายอาจารย์กู่
ลูกหนง่ึ กับทา่ นองคน์ ้ันฉนั ลกู หนงึ่
“อาจารย์ธรรมยังไมแ่ กน่ ะ” ท่านครูบาองคน์ ้ลี ่ะไม่กนิ ขา้ วกินปลา กนิ กไ็ ด้ ไมก่ ินกไ็ ด้
เก่งมาก อยูน่ ่ันล่ะ อยู่ภูเขา อยู่ภูเขาลกู นน้ั อยู่ภูกระดึง อมื ! อยภู่ ูกระดึง อยภู่ เู ขานี่ บางทไี ม่รู้
ท่านจะไป คงสงสัยจะบินบนได้ อยแู่ ตป่ ่าแตเ่ ขาเทา่ นั้น ไมก่ นิ ขา้ วกินปลาละ่ มีท่านอาจารยอ์ งค์น้ี
อย่นู ภี่ ูกระดึงน้ี
เออ ! ทา่ นว่า “ของลกึ ลบั ของนน้ั กม็ ีอยู่ ผูว้ ิเศษวิโสก็มีอย”ู่ ท่านก็ว่าแค่นนั้ แตห่ ลวงปตู่ ื้อ
นีเ่ สยี อยา่ งเดยี ว ถามอย่าไปย�้ำมากไม่ไดด้ ุ ดุ เลา่ ให้ฟงั กไ็ ด้ฟังแค่นนั้ ไปถามมากดุ ก็อย่างนน้ั ”

หลวงปู่ชอบกล่าวชมปัญญาของหลวงปู่ตื้อ

หลวงปู่ชอบ านสโม ท่านกล่าวชมในเร่ืองปัญญาของหลวงปู่ต้ือให้ฟังว่า “อาจารย์ตื้อ
ท่านเป็นผู้ท่ีมีความเฉลียวฉลาดมาก ปัญญาของท่านฉลาดโลดโผนพิสดารมาก ค�ำถามแค่ส้ันๆ
อาจารย์ต้ือท่านสามารถอธิบายขยายความออกมาได้อย่างกว้างขวาง ปัญหาคาใจของหมู่คณะ
เท่าดวงตะวัน ท่านก็ย่นย่อความหมายลงมาได้เท่าแสงสว่างลอดรูเข็ม อาจารย์ตื้อท่านเป็น
ลูกศิษย์ของพอ่ แม่ครูอาจารยม์ นั่ ที่รใู้ นอรรถ รูใ้ นธรรม อยา่ งลกึ ซึ้ง”
“ทา่ นเปน็ ผปู้ ระพฤตหิ า่ มดว้ ยกริ ยิ าวาจาภายนอก สง่ิ นเี้ กดิ จากวาสนาเกา่ ของทา่ นทสี่ ง่ั สมมา
แต่ปญั ญาภายในของทา่ นนั้นหลักแหลมจนหมู่คณะคดิ ตามไม่ทัน อาจารย์ตอื้ ท่านมกั จะสร้างเรือ่ ง

376

ให้พ่อแม่ครูอาจารย์ม่ันท่านดุ เพ่ือขอฟังธรรมกัณฑ์ใหญ่จากพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ท่านชอบ
ฟังธรรมแบบดุเด็ดเผ็ดร้อนตามจริตนิสัยของท่านเหมือนกับท่านเจ๊กเจ๊ียะ (หลวงปู่เจี๊ยะ จุนฺโท)
ตอนอยู่เชียงใหม่ ถ้าสององค์นี้มาอยู่พร้อมกัน ท่านอาจารย์ใหญ่ท่านได้เทศน์เสียงดังอยู่เรื่อย
วนั นท้ี า่ นตอื้ วันนนั้ ท่านเจยี๊ ะ สลบั กันอยู่อย่างนีจ้ นเราคดึ อยากหวั (จนเรานึกขำ� )”
เวลาหลวงปชู่ อบพดู ถึงสหธรรมิกของท่าน หลวงปู่ตื้อ อจลธมโฺ ม กับศิษยผ์ ูน้ อ้ งของทา่ น
หลวงปเู่ จยี๊ ะ จุนโฺ ท ทา่ นจะเลา่ อย่างสนกุ สนานขบขันถึงเร่ืองอปุ นสิ ยั ความห่ามของครูบาอาจารย์
ท้ังสองท่าน ลูกศิษย์พลอยได้เห็นความสัมพันธ์ในอดีตที่พ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านมีต่อกันมา
ตั้งแต่กอ่ นเกิดสงครามอนิ โดจนี

หลวงปู่ชอบพาหลวงปู่ซามาฟังธรรมหลวงปู่ต้ือ

หลงั จาก หลวงปชู่ อบ กลบั จากประเทศพมา่ แลว้ กเ็ ดนิ ยอ้ นไปทางเหนอื อกี ครงั้ หลวงปชู่ อบ
ใช้ชีวิตการเดินธุดงค์อยู่หลายพรรษา แล้วเดินย้อนกลับมาทางเพชรบูรณ์ เหตุการณ์บ้านเมือง
ในขณะนัน้ อย่ใู นระหว่างสงครามอินโดจนี บา้ นเมืองในแถบเอเชียเรานี้ยงั วุ่นวายจากพวกอมนษุ ย์
กระหายเลอื ดอยู่
หลวงปชู่ อบ านสโม ได้มาถงึ จังหวดั เพชรบรู ณ์ และได้พบกบั หลวงป่ซู ามา อจุตโฺ ต
ศิษยอ์ าจารย์เดียวกบั ทา่ น มาพักทจ่ี งั หวัดเพชรบูรณ์ ไมน่ านนัก จงึ ได้ชวนหลวงปู่ซามา เดินทางไป
ภาคเหนืออกี คร้งั และได้ไปจ�ำพรรษาอย ู่ ณ วัดปา่ เจรญิ ธรรม อำ� เภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่
ขณะพักอยู่เชียงใหม่ หลวงปู่ชอบ ได้พาหลวงปู่ซามาออกธุดงค์ละแวกใกล้เคียงนั้น
เป็นบางโอกาส ไดช้ กั ชวนกนั ไปฟังธรรมเทศนาจาก หลวงปู่ตือ้ อจลธมโฺ ม นำ� ธรรมะทไ่ี ด้รับมา
ปฏบิ ัติฝึกฝนจิตใจใหม้ กี ำ� ลังกล้าแหลมคมอีกทอดหนง่ึ
และตอ่ มา หลวงปซู่ ามา ได้อยูอ่ บรมปฏบิ ตั ิธรรมกับ หลวงปูต่ อื้ อจลธมฺโม อีก ๑ พรรษา
นบั วา่ เป็นประโยชนแ์ กจ่ ิตใจของทา่ นอย่างทวีคณู

หลวงปู่ชอบเล่าเรื่องพญานาคที่ถ้�ำผาจมอดีตสหายธรรมหลวงปู่ตื้อ

หลวงปูช่ อบ านสโม ท่านบอกว่า สมยั นั้นถำ้� ผาจมยังไมไ่ ด้เป็นวัดวาศาสนาเหมอื นกับ
ปจั จุบนั ทีเ่ ราเห็น ตอนท่านกบั หลวงปพู่ รหม จริ ปุญโฺ  พากันมาพักภาวนา ถำ้� ผาจมยังเปน็ ปา่ เขา
ไม่มบี า้ นเรอื นผ้คู น เน่อื งจากชาวบ้านท่ีนส่ี มัยกอ่ นเขากลัวผถี ำ้� ผาจม จึงไมม่ ีใครกล้าเข้ามาอยู่อาศัย

377

พ่อแมค่ รอู าจารยท์ ่านว่าที่ถ้�ำผาจมผไี มด่ อุ ยา่ งทค่ี นท่ัวไปเข้าใจหรอก สิ่งทดี่ อุ ยถู่ ้�ำผาจม คอื
พญานาคเฝ้าสมบัติพระศาสนา
ท่านบอกถ้าใครไปก้าวก่ายกับสมบัติเก่าของพระศาสนา อยู่ท่ีนี่มักจะได้รับอันตราย
จากฤทธ์ริ ้ายของนาคา คนสมยั ก่อนจงึ ไม่มใี ครกลา้ เขา้ ไปหักร้างถางพง ทำ� อะไรไม่ดีกับถำ�้ ผาจม
ทา่ นบอกคนทนี่ สี่ มยั นน้ั เขายงั ไมค่ นุ้ เคยกบั พระปา่ กรรมฐานเทา่ ไร พอเหน็ พระปา่ กรรมฐาน
นงุ่ ห่มผ้าสแี กน่ ขนนุ หมน่ หมองเดินบณิ ฑบาต เขาจะไม่กล้าออกมาใสบ่ าตร ย่งิ เปน็ ลูกเลก็ เด็กแดง
พอเจอพระป่ากรรมฐาน จะพากันร้องไห้วิ่งหนกี นั จ้าละหวนั่ ไมก่ ลา้ ออกมาดู
องคท์ า่ นเลา่ อยา่ งขำ� ๆ พวกเดก็ น้อยเห็นพระป่ากรรมฐาน เขาจะเรยี กพวกเราวา่ ต๊ดุ งๆ
ต๊ดุ ง คอื คำ� พดู ของคนเมอื งเหนอื สมัยนั้นใช้เรยี กพระปา่ กรรมฐานอีสาน
ท่านบอกกว่าจะมีคนใสบ่ าตรให้ ทา่ นท้งั สองต้องเดินวนรอบบ้านเวียงผางค�ำสองสามรอบ
ถงึ มีคนออกมาใสบ่ าตรให้ หลังฉนั อาหารแลว้ ท่านทง้ั สองแยกย้ายกันท�ำความเพียร หลวงป่พู รหม
ทา่ นลงไปเดินจงกรมท่รี ิมหาดน้ำ� สาย ส่วนทา่ นจะเดนิ จงกรมอยู่หนา้ ถ�้ำผาจม
ท่านบอกระหว่างเดินจงกรมอยู่หน้าถ้�ำผาจม เราจะได้ยินเสียงเหมือนหวูดรถไฟไอน้�ำ
ดังขึ้นมาเป็นระยะๆ เวลาเสียงนี้ดังขึ้นมาแต่ละคร้ัง พ้ืนดินที่เราเดินจงกรมอยู่นั้นจะส่ันสะเทือน
เบาๆ พอสือ่ ความหมายใหเ้ ทา้ ได้รูถ้ งึ สมั ผสั
หลังเลิกจากการเดินจงกรม หลวงปู่ชอบท่านเข้าไปน่ังภาวนาอยู่บนก้อนหินภายในถ�้ำ
องคท์ ่านนง่ั ภาวนาแผ่เมตตาใหส้ รรพสัตว์ทง้ั หลาย ทั้งกายทพิ ย์ กายหยาบ ทอ่ี าศัยอย่ใู นสถานท่ี
ถำ�้ ผาจมแห่งน้ีให้ได้รบั ผลบญุ ในธรรมโดยท่ัวกนั
ท่านว่าขณะเราแผ่เมตตาอยู่น้ัน ก้อนหินที่เราน่ังอยู่จะสั่นไหวไปมามีเสียงดังครืดๆ อยู่ใต้
ก้อนหนิ คลา้ ยกบั มวี ัตถุสิ่งของเคลอื่ นตวั อยูใ่ ต้กอ้ นหินทเ่ี ราน่งั
องคท์ า่ นกำ� หนดดทู ม่ี าของเสยี งแผน่ ดนิ สนั่ ไหว ทา่ นวา่ สาเหตทุ แ่ี ผน่ ดนิ สนั่ ไหวใตก้ อ้ นหนิ นนั้
เกิดจากพญานาคเฝ้าสมบัติพระศาสนาที่ถ�้ำผาจม แสดงอนุโมทนาเวลาท่ีองค์ท่านแผ่เมตตา
พญานาคถำ้� ผาจมตนนเ้ี ขายนิ ดใี นเมตตาธรรมทอ่ี งคท์ า่ นเผอื่ แผไ่ พศาล เขาเปน็ ผหู้ นง่ึ ทไ่ี ดร้ บั บญุ ธรรม
ฉ่�ำเย็นจากองค์ท่าน พญานาคตนนี้เขาจึงแสดงอนุโมทนาเทพฤทธ์ิโดยการมวนแผ่นดินเพื่อให้
องคท์ ่านหลวงป่ชู อบรับทราบ

378

องคห์ ลวงปชู่ อบว่า พญานาคตนนอ้ี ดตี เขาเคยเปน็ สหายธรรมของหลวงปู่ตอ้ื อจลธมฺโม
เคยบวชเป็นฤๅษีด้วยกันมาเม่ือปลายสมัยพระศาสนาของพระพุทธเจ้ากัสสโป หลวงปู่ต้ือ
ท่านปฏบิ ัติจนได้คณุ ฌานสมาบตั ิ สหายธรรมของท่านปฏบิ ตั ิไดแ้ ค่ศีลพรตมุนีไพรปรารถนาอยาก
จะเกิดเปน็ พญานาคราช หลังหมดอายุขัยสิ้นใจจากโลกไปแลว้ หลวงปตู่ ือ้ ท่านกเ็ วยี นเกดิ เวยี นตาย
สงั่ สมบญุ ญาบารมขี ององคท์ า่ นมา ตลอดจนมาสน้ิ ทกุ ขเ์ สวยวมิ ตุ ตธิ รรมในชาตปิ จั จบุ นั

เล่าเรื่องถาม – ตอบพระนิพพานกับหลวงปู่เกิ่ง

หลวงปู่ต้ือ อจลธมฺโม เล่าเรื่องท่านเคยเข้ากราบเรียนถาม หลวงปู่เกิ่ง อธิมุตฺตโก
แห่งวัดโพธ์ิชัย บ้านสามผง อ�ำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม ว่า “พระนิพพานเป็นอย่างใด
ครอู าจารย์”
หลวงปู่เกง่ิ ตอบวา่ “นพิ ฺพานํ ปรมํ สุญฺํ พระนิพพานเป็นของสูญหมด จึงเปน็ นพิ พาน”
พระศิษย์ได้กราบเรียนถามว่า “แลว้ หลวงปู่เหน็ วา่ อย่างใดครับ ?”
หลวงปู่ตื้อ ตอบว่า “พระนิพพานเป็นความสุขอย่างยิ่ง นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ พระบาลี
วา่ ไว้อย”ู่
องค์หลวงตาพระมหาบวั าณสมปฺ นโฺ น เทศนาเรอ่ื งพระนพิ พานไว ้ ดังนี้
“พระพทุ ธเจา้ พระธรรม พระสงฆ์ น่ีเปน็ “เอกธรรม” ธรรมอันเดียว เปน็ ธรรมแทง่ เดยี วกนั
น่คี ือผลแหง่ การปฏบิ ตั กิ ำ� จัดกิเลสอาสวะของตวั ตั้งแตเ่ รมิ่ แรกท่ไี มม่ คี ณุ ค่าราคา มีแต่ “ขี”้
เต็มหัวใจ คอื ข้โี ลภ ขีโ้ กรธ ขีห้ ลง ชำ� ระ “ข้”ี น้อี อกโดยหลักธรรม เมอื่ หมดของสกปรกน้แี ลว้ ก็เป็น
ธรรมขน้ึ มา เป็นธรรมขนึ้ มาแล้วแสนสบาย อยไู่ หนกส็ บาย
“นพิ พฺ านํ ปรมํ สญุ ฺ ํ ” อะไรสูญกร็ นู้ ่ี อะไรยังอยู่ก็รู้ ใครจะไปรู้ย่งิ กวา่ ผู้สิ้นกเิ ลสแล้วเลา่
เพราะค�ำว่า “นิพฺพานํ ปรมํ สญุ ฺ ํ ” น้ี ท่านพูดออกมาจากความท่ีสน้ิ กเิ ลสแลว้
ผู้เหน็ นิพพานแล้วพูดออกมา คอื พระพทุ ธเจา้ พวกเราไมเ่ ห็น วา่ เท่าไรมนั ก็ยงั อยู่อย่างน้นั
จงพิจารณาให้เหน็ จรงิ กบั สิง่ เหล่านี้ คำ� ว่า “นพิ พฺ านํ ปรมํ สุญฺํ ” จะไม่มปี ัญหาอะไรเลย เพราะ
ประจกั ษก์ บั ใจแล้วอันใดสูญ อนั ใดยงั
“นพิ พฺ านํ ปรมํ สุขํ” ฟังซิ

379

คำ� ว่า “ปรมํ สขุ ”ํ อนั เปน็ ความสุขอยา่ งยง่ิ น้ัน ไมใ่ ช่ “สุขเวทนา” เปน็ สุขท่ีเกิดขึน้ จาก
ความบรสิ ทุ ธขิ์ องใจล้วนๆ โดยไม่มีค�ำว่า “เกดิ - ดับ” เหมือนเวทนาของพวกเรา มีทกุ ขเวทนา
เปน็ ตน้ อนั นีไ้ ม่ใช่ไตรลกั ษณ์ “ปรมํ สขุ ํ” ท่มี ปี ระจำ� จิตทบี่ ริสทุ ธิ์นไ้ี ม่ใช่ไตรลักษณ์ ไม่ใชส่ ิง่ ท่ีเป็น
อนจิ ฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา จึงไม่มคี วามแปรสภาพ คงเสน้ คงวา ท่านว่า “นิพพานเทีย่ ง” อะไรเท่ียง ?
จิตทบ่ี ริสุทธิ์นเ้ี ท่านนั้ เท่ียง จงเอาใหเ้ หน็ เอาใหร้ ู้”

หลวงปู่ต้ือกับหลวงปู่แหวนเที่ยวธุดงค์เก่งท่ีสุด

พอ่ แมค่ รอู าจารยอ์ งคส์ ำ� คัญมหี ลายองค์เคยธุดงคไ์ ปพม่า เช่น หลวงปู่มนั่ หลวงปเู่ ทสก์
หลวงปชู่ อบ หลวงป่พู รหม หลวงปู่แหวน หลวงปู่ตอ้ื ฯลฯ เพราะไปงา่ ยดี สมยั ก่อนไม่ตอ้ งทำ�
พาสปอรต์ อะไรเหมอื นสมัยน ้ี ท่านเดินธดุ งคไ์ ปสบายๆ ไปเมอื งไหนกไ็ ด้
แต่ประวตั พิ อ่ แมค่ รูอาจารย์ท่เี ที่ยวธุดงค์เก่งท่สี ดุ ไม่มอี งค์ไหนเท่า หลวงปแู่ หวน กบั
หลวงปตู่ อื้ สององค์นี้ ฟังเลา่ ประวัตจิ ากทกุ องค์ รองมาก็ หลวงปชู่ อบ แตห่ ลวงปู่ชอบดจู ะไปถึง
แตพ่ มา่ เมือ่ เกิดสงครามทหารองั กฤษเข้าพมา่ ชาวพมา่ เกรงวา่ ทา่ นจะไม่ปลอดภัย ท่านจึงเดนิ ทาง
กลบั ไทย
หลวงปตู่ ือ้ กับ หลวงปแู่ หวน นี ้ ท่านไปต้งั แต่เข้าเมอื งลาว เข้าเวยี ดนาม ไปเขมร มาพมา่
ไปบงั คลาเทศ แลว้ เข้าประเทศอินเดยี เนปาล อัฟกานสิ ถาน จากอนิ เดยี ก็ลงเรอื ส�ำเภาไปศรีลังกา
ไปศรลี ังกาแลว้ กลับมา สมยั นั้นไมม่ เี รือยนต ์ น่ังเรือใบไปสมยั นัน้ ท่านเลา่ ใหฟ้ งั

อุบายขัดเกลากิเลสของหลวงปู่แหวนกับหลวงปู่ต้ือ

มีอยู่ปีหนึ่งท่านอาจารย์แหวนกับท่านอาจารย์ต้ือ ได้รับกิจนิมนต์ขณะเดินธุดงค์ผ่าน
จงั หวดั สุโขทัย ศรสี ัชนาลยั โยมเขาจะทำ� บญุ เล้ียงพระวนั แต่งงาน
ตอนเช้าเขาเล้ียงพระอาหารท้ังคาวท้ังหวาน และท่ีดีที่สุดคือขนมจีนน�้ำยาของชอบของ
ทา่ นอาจารยแ์ หวน
วนั น้ันคาวหวานอยา่ งอื่นไมฉ่ ัน ให้โยมเขาประเคนกระจาดเส้นขา้ วปุ้น และหม้อน้�ำยาให้
กเ็ อาเส้นลงในบาตร เทน้�ำยาลง ฉนั อ่มิ แลว้ กน็ ั่งเทงิ้ เต้ิงองิ หมอนอยู่
เสร็จพิธีของเขาแลว้ กร็ บี ด่วนกลับวดั พอถึงวัดยน่ื บาตรข้ึนกุฏิ ตัวทา่ นอาจารย์แหวน
ก็ลงไปฟูมนำ�้ อยู่หลงั วดั แช่อยใู่ นนำ�้ จนเทย่ี งวนั ขนมจีนไดน้ ำ้� แล้ว มนั ขึ้นอดื เตม็ อัดอยู่ในกระเพาะ

380

อยมู่ ิไดท้ รุ นทรุ าย พอขึ้นมาจากน้ำ� ก็อาเจียนออกจนหมด เป็นขีร้ ากเขยี ว
นับแตว่ ันนนั้ มากเ็ ปน็ อนั หมดในความอยากที่จะฉนั หมดความอาลยั ในรสชาติของขนมจีน
นำ�้ ยา
ผู้ข้าฯ ถามวา่ ... “ทำ� ไมทา่ นอาจารยเ์ ล่นแก่แท้”
“สอนมนั มันอยากกินก็ใหม้ นั กิน มนั อมิ่ จนล้นแลว้ มนั กไ็ ม่อยากอีก” ทา่ นอาจารย์แหวน
ตอบแล้วกห็ ัวเราะ
“สว่ นท่านอาจารย์ตือ้ น้นั อยากจะฉนั นมข้นหวาน อนั น้อี ยวู่ ดั ปา่ หว้ ยน�้ำรนิ วนั ใดก็คดิ ถึง
แตน่ มข้นหวาน วนั ใดก็คิดอยากฉัน
ได้ปัจจัยมาจากไปสวดมนต์คนตาย ใช้ให้เด็กน้อยวัดไปซ้ือมาให้ ๑๐ กระป๋อง
เป็นนมข้นหวานตราทหาร กระป๋องมันสูงกว่ากระปอ๋ งนมข้นสมยั น้ี
ได้มาก็เอามีดพับเจาะแทงเป็นสองรูตรงข้ามกัน เอาใส่แก้วผสมน้�ำร้อนฉัน ไม่ทันใจ
เปิดได้แล้ว ก็ยกข้ึนดูดกลืนๆ หมดกระป๋องน้ีเอากระป๋องนี้ หมดกระป๋องน้ีเอากระป๋องน้ี
หมดไปได ้ ๙ กระปอ๋ ง เหลอื กระปอ๋ งสุดทา้ ยเปิดแล้ววา่ จะฉันมนั อิม่ ก่อน
อดึ อัดจากท้อง ลุกไดม้ อื จับเสากุฏิได้ยนื่ หนา้ ออกนอกกฏุ ิ อว้ กออกจนหมด ตีรวนมวนทอ้ ง
อาเจียนออกหมดทงั้ จังหันทฉี่ ันเข้าไป จนเหน่อื ยออ่ นระทวย จากนั้นมาไม่คิดถงึ มันอกี เลย
ท่านอาจารยต์ ือ้ ว่า... “ดดั สันดานปาก ดัดกกลิน้ กินให้มนั ตาย ทำ� ไมมันจึงอยาก”
(อุบายการขัดเกลากิเลสของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ท้ังสององค์ ผู้มีปฏิปทาคล้ายคลึงกัน
นบั เปน็ ปฏปิ ทาอนั นา่ ศกึ ษา ถือเอามาเปน็ แบบอยา่ งมิใชน่ อ้ ย)

หลวงปู่เหรียญกราบนมัสการและสนทนาธรรมกับหลวงปู่ตื้อ

จากประวัติ หลวงป่เู หรยี ญ วรลาโภ แหง่ วัดอรญั ญบรรพต อ.ศรเี ชยี งใหม่ จ.หนองคาย
ท่านเป็นพระมหาเถระอีกองค์หนึ่ง ซ่ึงเคยไปธุดงค์ทางภาคเหนือ ท่านได้มากราบนมัสการและ
สนทนาธรรมกับ หลวงปู่ตอ้ื อจลธมโฺ ม ดงั น้ี
การทหี่ ลวงปู่เหรยี ญ วรลาโภ ไดจ้ าริกไปในที่ต่างๆ น้นั และได้พบปะสนทนาแลกเปล่ยี น
ทัศนธรรมกันกับพ่อแม่ครูบาอาจารย์หลายต่อหลายองค์ จึงเกิดความใกล้ชิดสนิทสนมกัน


Click to View FlipBook Version