ช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี 4 – 6
กลมุ่ พฒั นาระบบการแนะแนว
สานักวชิ าการและมาตรฐานการศึกษา
สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน
กระทรวงศกึ ษาธิการ
คำนำ ก
แผนการจัดกิจกรรมแนะแนวฉบับนี้ จัดทาขึ้นเพื่อเป็นแนวทางในการจัดกิจกรรม
แนะแนว ในชั้นเรียนให้กับคุณครูและบุคลากรท่ีสนใจและรับผิดชอบในงานแนะแนว ในการนาไป
เป็นแนวทางในการจัดกิจกรรมแนะแนวในชั้นเรียนให้มีประสิทธิภาพ โดยอาศัยความร่วมมือ
ของบุคลากรทุกฝ่ายในโรงเรียน ท้ังน้ีเนื่องจากการจัดกิจกรรมแนะแนวตามหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พ.ศ. 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) วา่ กิจกรรมแนะแนวเปน็ กิจกรรมส่งเสรมิ
และพัฒนาความสามารถของผู้เรียนให้เหมาะสมตามความแตกต่างระหว่างบุคคล สามารถค้นพบ
และพัฒนาศักยภาพของตน เสริมสร้างทักษะชีวิต วุฒิภาวะทางอารมณ์ การเรียนรู้ในเชิง
พหุปัญญา และการสร้างสัมพันธภาพท่ีดี โดยสอดคล้องกับทิศทางของแผนพัฒนาการแนะแนว
การศึกษาข้ันพื้นฐาน ฉบับที่ 1 (พ.ศ.2561 – 2565) ที่กล่าวถึงวิสัยทัศน์ของการแนะแนวท่ีมุ่งเน้น
ให้ผู้เรียนมีสมรรถนะด้านการศึกษา อาชีพ ส่วนตัวและสังคม มีสุขภาวะที่ดี มีทักษะชีวิต และทักษะ
ที่สาคัญจาเป็นในศตวรรษท่ี 21 ซึ่งสอดคล้องกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยมีพันธกิจ
ดังนี้ 1. ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้สามารถค้นพบและพัฒนาศักยภาพตนเอง โดยใช้
กระบวนการแนะแนว การให้คาปรึกษา ให้มีสมรรถนะทางการศึกษา อาชีพ ส่วนตัวและสังคม
เพ่ือการศึกษาและการมีงานทา 2) ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรยี น ให้มีสุขภาวะที่ดี มีทักษะชีวิต มีทักษะ
ท่ีสาคัญจาเป็นในศตวรรษท่ี 21 ดารงชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 3) พัฒนาระบบ
การแนะแนวในสถานศึกษาให้ได้มาตรฐาน 4) ส่งเสริม สนับสนุน และสร้างภาคีเครือข่าย
ความร่วมมือดา้ นการแนะแนว
เพื่อให้การจัดกิจกรรมแนะแนวในช้ันเรียนของสถานศึกษาสามารถดาเนินกิจกรรมได้บรรลุ
วัตถุประสงค์และเป้าหมายของการจัดกจิ กรรมแนะแนว จงึ ได้จดั ทาแผนการจดั กจิ กรรมแนะแนวฉบบั นี้
ข้ึนเพื่อเป็นแนวทางในการวางแผนการจัดกิจกรรมให้ครอบคลุมทุกด้าน เพ่ือพัฒนานักเรียน
ให้มีคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ พร้อมกับส่งเสริมการจัดกิจกรรมแนะแนวในชั้นเรียนของสถานศึกษา
ใหม้ ปี ระสทิ ธิภาพและเกดิ ประสิทธผิ ลต่อไป
คณะผู้จัดทา
สำรบญั
คานา ก
ข
สารบัญ 1
บทนา 6
แนวทางการจัดกิจกรรมแนะแนว 15
โครงสร้างการจัดกิจกรรมแนะแนว 24
แผนการจดั กิจกรรมแนะแนว 25
171
- ดา้ นการศึกษา 289
- ด้านอาชีพ 410
- ด้านสว่ นตวั และสงั คม
บรรณานุกรม 413
คณะทางาน ข
บทนำ 1
บทนำ 1
ตามแผนการศึกษาชาติ (2560-2579) ได้ระบุถึงปัญหาและความท้าทายของระบบ
การศึกษาของกลุ่มเด็กในวัยเรียนที่นักเรียนยังประสบปัญหาทางพฤติกรรมและอารมณ์ การขาดทักษะการ
คิด ท่ีจะพิจารณา แยกแยะ คัดกรองค่านิยมตามบรรทัดฐานที่ดีของสังคมไทย รวมถึงการขาดทักษะชีวิต
ของนักเรียน ซ่ึงส่งผลสืบเนื่องสู่ปัญหาการติดยาเสพติด การต้ังครรภ์ก่อนวัยอันควร การประสบปัญหา
การวางแผนการศึกษาต่อและ การเลือกศึกษาต่อท่ีไม่ตรงตามความสนใจและศักยภาพของตนเอง ส่งผล
ต่อการเกดิ ปญั หาในการประกอบอาชีพในอนาคต
การจัดกิจกรรมแนะแนวตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พ.ศ. 2551
(ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) ระบุว่า กระบวนการแนะแนวเป็นท้ังศาสตร์และศิลป์ท่ีมุ่งเน้นการทางานในเชิง
ป้องกันความเส่ียงแก้ไขปัญหา ส่งเสริมพัฒนาสมรรถนะอันพึงประสงค์ให้นักเรียน ให้รู้จักเข้าใจตนเอง
รู้รักษ์ส่ิงแวดล้อม ส่งเสริมทักษะกระบวนการคิด การตัดสินใจ การคิดแก้ปัญหา สามารถกาหนดเป้าหมาย
ในชีวิตของตนเองทงั้ ดา้ นการศกึ ษาอาชพี ตลอดจนสามารถปรับตัวดารงชวี ิตเปน็ สมาชิกท่ีมคี ุณภาพในสังคม
อยา่ งมีความสุข ควบคกู่ ารมีคุณธรรมตามทิศทางของแผนพฒั นาการแนะแนวการศึกษาขัน้ พื้นฐาน ฉบับที่ 1
(พ.ศ.2561 – 2565) ที่กล่าวถึงวิสัยทัศน์ของการแนะแนวท่ีมุ่งเน้นให้ผู้เรียนมีสมรรถนะด้านการศึกษา
อาชีพ ส่วนตัวและสังคม มีสุขภาวะที่ดี มีทักษะชีวิต และทักษะที่สาคัญจาเป็นในศตวรรษ ท่ี 21
ให้สอดคล้องกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยมีพันธกิจ ดังนี้ 1) ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้สามารถ
ค้นพบและพัฒนาศักยภาพตนเอง โดยใช้กระบวนการแนะแนว การให้คาปรึกษา ให้มีสมรรถนะ
ทางการศึกษา อาชีพ ส่วนตัวและสังคม เพ่ือการศึกษาและการมีงานทา 2) ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียน
ให้มีสุขภาวะที่ดี มีทักษะชีวิต มีทักษะท่ีสาคัญจาเป็นในศตวรรษที่ 21 ดารงชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจ
พอเพียง 3) พัฒนาระบบการแนะแนว ในสถานศึกษาให้ได้มาตรฐาน 4) ส่งเสริม สนับสนุน และสร้างภาคี
เครอื ข่ายความร่วมมอื ดา้ นการแนะแนว
จากแผนพัฒนาการแนะแนวการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ฉบับที่ 1 (พ.ศ.2561–2565) ที่สอดรับ
กับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี มุ่งหวังให้การบริหารจัดการแนะแนวสัมฤทธิผลในการส่งเสริมบุคคลในทุก
ชว่ งวยั ของชวี ติ โดยเฉพาะผู้อยู่ในวยั เรียน ใหร้ ู้จัก เขา้ ใจตนเอง มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ ศีลธรรม จริยธรรม
มีทักษะชีวิต อยู่ดีมีสุข พัฒนาตนเองและสังคมได้เต็มตามศักยภาพ สู่เป้าหมายการพัฒนาคุณภาพนักเรียน
ให้มีคุณธรรมเป็นพลเมืองท่ีดีของสังคมไทยและสามารถปรับตัวเป็นพลเมืองโลกได้อย่างมีความสุข
อย่างยงั่ ยนื
การแนะแนว หมายถึง กระบวนการช่วยเหลือบุคคลให้เข้าใจตนเองและสิ่งแวดล้อม
สร้างเสริมให้เขามีคุณภาพเหมาะสมตามความแตกต่างระหว่างบุคคล ค้นพบและพัฒนาศักยภาพของตน
มีทักษะการดาเนินชีวิต มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ ศีลธรรม จริยธรรม รู้จักการเรียนรู้ในเชิงพหุปัญหา รู้จักคิด
ตัดสินใจ แก้ปัญหาโดยจุดหมายของการแนะแนว คือการป้องกันปัญหา แก้ไขและการพัฒนาให้ทุกคน 2
ไปสู่จุดหมายของชีวิตท่ตี อ้ งการ
กิจกรรมแนะแนว เป็นกิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาความสามารถของผู้เรียน ให้เหมาะสม
ตามความแตกต่างระหว่างบุคคล สามารถคน้ พบและพฒั นาศักยภาพของตน เสริมสรา้ งทกั ษะชวี ิตวฒุ ิภาวะ
ทางอารมณ์ การเรียนรู้ในเชิงพหุปัญญา และการสร้างสัมพันธภาพท่ีดี ซ่ึงครูแนะแนวทุกคนต้องทาหน้าท่ี
แนะแนว ให้คาปรกึ ษาดา้ นชีวิต การศกึ ษาต่อ และการพัฒนาตนเองสโู่ ลกอาชีพและการมีงานทา
หลกั กำรจดั กจิ กรรมแนะแนว มหี ลักการในการดาเนนิ การดังนี้
1. จัดกิจกรรมใหส้ อดคล้องกับสภาพปญั หา ความตอ้ งการและธรรมชาตขิ องนักเรยี น
2. จัดกจิ กรรมใหค้ รอบคลมุ เนื้อหาสาระด้านการศึกษา อาชพี สว่ นตัวและสังคม
3. ประสานความร่วมมือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพ่ือพัฒนานักเรียน ตั้งแต่ผู้บริหาร
ครูทุกคน ผู้ปกครอง ชุมชน ร่วมมีบทบาทและมีส่วนร่วมในการดาเนินการ ให้ความร่วมมือและสนับสนุน
ให้การจดั กจิ กรรมดาเนินไปด้วยความสะดวกอย่างมปี ระสทิ ธิภาพ
ขอบข่ำยกำรจดั กิจกรรมแนะแนว มีขอบข่ายการดาเนนิ งาน 3 ด้าน คือ
1. กำรแนะแนวกำรศึกษำ ซึ่งมีขอบข่ายงานต้ังแต่ การสร้างเจตคติท่ีดีต่อการเรียน
การฝึกทักษะหรือเทคนิคการเรียนที่มีประสิทธิภาพ การวางแผนการเรียนที่ดี การรู้ช่องทางการศึกษา
และการเลือกทางศกึ ษาตอ่ ตลอดทง้ั การสร้างนิสัยเรียนรู้ตลอดชีวิต
2. กำรแนะแนวด้ำนอำชีพ ซ่ึงมีขอบข่ายงานตั้งแต่การสร้างเจตคติท่ีดีต่อการทางานและ
การประกอบอาชีพ การสร้างความตระหนัก รับรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของโลกอาชีพ การสารวจอาชีพ
การตัดสินใจและวางแผนด้านอาชีพ การเตรียมตัวเพ่ืออาชีพ การเข้าสู่อาชีพและการพัฒนาตนเอง
เพ่ือความกา้ วหนา้ ในอาชีพ ตลอดท้งั มีทักษะในการประกอบอาชีพ
3. กำรแนะแนวส่วนตัวและสังคม ซึ่งมีขอบข่ายงานต้ังแต่การรู้จักชีวิตและสังคม
ท่ีเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การรู้จักตนเองและรู้คุณค่าของตน การรู้จักปรับตัวและแก้ปัญหา การพัฒนา
ตนเอง การฝกึ ทกั ษะชีวิตและทักษะทางสังคม เพอ่ื ใหบ้ ุคลกิ ภาพ สขุ ภาพกาย สุขภาพจิตทดี่ ี
เปำ้ หมำยของกำรจดั กิจกรรมแนะแนว
เปำ้ หมำยของกำรจดั กิจกรรมแนะแ นว
ด้ำนกำรศึกษำ นักเรียนมีทักษะในการเรียนเพ่ือส่งเสริมให้ประสบความสาเร็จทางการ
เรียนตามศักยภาพของตน ค้นพบศักยภาพและพัฒนาศักยภาพของตนให้เป็นประโยชน์ต่อตน ครอบครัว
สังคม ประเทศชาติ ได้ตามสภาพของแต่ละบคุ คล
ด้ำนอำชีพ นักเรียนมีทักษะในการประกอบอาชีพ รู้จักนาข้อมูลเก่ียวกับตนเอง
เพื่อประกอบการวางแผนในการเลือกอาชีพ เช่น ความถนัด ความสามารถ ความสนใจ จุดเด่น จุดด้อยของ
ตนเอง รู้และเข้าใจในธรรมชาติและคุณลักษณะของอาชีพ มีเจตคติที่ดีต่ออาชีพสุจริต เห็นคุณค่า
ของการทางาน มีความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการศึกษาเพื่อเข้าสู่งานอาชีพ มีเป้าหมายชีวิต รู้จักวางแผน
ชีวิต การเรียน การงาน ท่ีเหมาะสมกับความถนัด ความสนใจ และสภาพการเปล่ียนแปลงทางสังคม 3
และเทคโนโลยีและมคี ุณลกั ษณะพื้นฐานท่จี าเปน็ ในการเตรยี มตัวสูโ่ ลกของงานอาชพี
ด้ำนส่วนตัวและสังคม นักเรียนรู้จักและเข้าใจตนเอง รักและเห็นคุณค่าในตนเอง เข้าใจ
และยอมรับผู้อื่น มีทักษะในการดาเนินชีวิต มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพสังคม
สิ่งแวดล้อมท่ีเปล่ียนไปได้อย่างเหมาะสม และสามารถดาเนินชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
รู้จักตัดสินใจและแก้ปัญหา รวมท้ังสามารถปรับตัวต่อสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตอย่างเหมาะสม
มีคุณธรรม จริยธรรม เป็นคนดีในสังคม อยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข รู้จักหลีกเลี่ยงอบายมุข สารเสพติด
การพนนั หรอื ส่ิงท่ีเปน็ อนั ตรายตอ่ ชวี ติ
รูปแบบกำรจัดกจิ กรรมแนะแนว มี 2 ลกั ษณะ คอื
1) การจดั บรกิ ารแนะแนว 2) การจดั กิจกรรมในและนอกหอ้ งเรียน
1. กำรจัดบริกำรแนะแนว เป็นหน้าท่ีที่ครูทุกคนรวมถึงครูแนะแนวด้วย ร่วมรับผิดชอบ
และมีหน้าที่ในการจัดบริการแนะแนว โดยมีครูแนะแนวเป็นที่ปรึกษาและประสานงานเพ่ือพัฒนานักเรียน
ให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์และครอบคลุมบริการแนะแนวทั้ง 5 บริการ ตามวิธีการดังน้ี 1) บริการ
รวบรวมข้อมูลและศึกษานักเรียนเป็นรายบุคคล เป็นบริการที่จาเป็นพ้ืนฐานในการท่ีจะให้ความช่วยเหลือ
นักเรียนได้ถูกต้อง เพราะจะทาให้ได้ทราบปัญหา หรือข้อบกพร่องในตัวนักเรียน เพื่อดาเนินการแก้ไข
ได้ถูกต้องและนาข้อมูลท่ีได้ศึกษามาเป็นองค์ประกอบในการจัดบริการ อ่ืน ๆ ต่อไป งานบริการด้านน้ี
ได้แก่ การบันทึกประวัตินักเรียนทุกคนไว้ในระเบียนสะสม บริการข้อมูลแก่ผู้ที่เก่ียวข้อง ทดสอบความถนดั
ความสนใจของนักเรียน สารวจพฤติกรรม ที่มีปัญหาของนักเรียน 2) บริการสนเทศ เป็นบริการให้ความรู้
แก่นักเรียนในหลายรูปแบบ เพื่อช่วยให้นักเรียนสามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ รู้จักตัดสินใจ
และวางแผนอนาคตอย่างฉลาด ได้แก่ การจัดสอนให้ความรู้ข้อมูลต่าง ๆ ในคาบกิจกรรมแนะแนว
การจัดป้ายนิเทศ การจัดทาข้อมูลด้านต่างๆที่เป็นประโยชน์แก่นักเรียน การจัดอภิปราย บรรยาย
ให้ความรู้ในด้านการศึกษาอาชีพ และการปรับตัวในสังคม การจัดงานวันอาชีพ การจัดสัปดาห์แนะแนว
ทางศึกษาต่อ การจัดฉายวีดีทัศน์ที่เป็นประโยชน์ต่อนักเรียน การจัดบรรยายจากวิทยากรและรุ่นพี่ เพ่ือให้
ความรู้แก่นักเรียนในด้านการปรับปรุงบุคลิกภาพ การวางตัว และการวางแผนการศึกษาต่อภายหลังจบ
การศึกษา 3) บริการให้คาปรึกษา เป็นบริการท่ีนับว่าเป็นหัวใจสาคัญของกิจกรรมแนะแนว โดยเฉพาะ
การเรียน การสอนตามหลักสูตรใหม่ และในสภาวะเศรษฐกิจและสังคมยุคปัจจุบัน งานบริการในด้านน้ี
คือ ให้คาปรึกษานักเรียนท่ีมีปัญหาด้านส่วนตัว การเรียน และอาชีพ ศึกษาและหาทางช่วยให้นักเรียน
แก้ปัญหาของตนเองได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม เสนอแนะแนวทางปฏิบัติตน เพ่ือเสริมสร้างบุคลิกภาพ
4) บริการจัดวางตัวบุคคล เป็นบริการที่ช่วยเหลือ ส่งเสริมและพัฒนาในด้านต่างๆ ดังนี้ การช่วยเหลือ
ด้านทุนการศึกษา การวางแผนในการเลือกรายวิชาท่ีเรียน และส่งเสริมพัฒนาศักยภาพในด้านต่างๆให้เต็ม
ตามศักยภาพของแต่ละบุคคล 5) บริการติดตามผล มีครูแนะแนวปฏิบัติหน้าท่ีร่วมกับอาจารย์ท่ีปรึกษา
และอาจารยฝ์ ่ายต่างๆ เพื่อตดิ ตามผล และใหบ้ ริการชว่ ยเหลอื เพ่ิมเติม ไดแ้ ก่ การติดตามผลนกั เรยี นที่ได้รับ
ทุนการศึกษา การติดตามผลนักเรียนที่ออกกลางคันหรือมีปัญหา การติดตามผลนักเรียนท่ีจบออกไป 4
นอกจากนย้ี งั นาเอาผลทีไ่ ดม้ าปรบั ปรงุ บริการแนะแนวตา่ งๆ ใหด้ ยี ่ิงขน้ึ
2. กำรจัดกิจกรรมในและนอกห้องเรียน ครทู กุ คนรว่ มรบั ผิดชอบ และมีหนา้ ทใี่ นการจัด
กิจกรรมแนะแนว โดยมีครูแนะแนวเป็นท่ีปรึกษาและประสานงาน ร่วมกันวางแผนและหาวิธีการ
ทีเ่ หมาะสมมาใช้พฒั นานกั เรียน โดยสามารถดาเนนิ กิจกรรมดังน้ี
กจิ กรรมในห้องเรียน มีแนวทางในการจัดกิจกรรมดังน้ี 1) กิจกรรมคาบแนะแนว 2) กจิ กรรม
โฮมรมู 3) การสอดแทรกกระบวนการแนะแนว
กิจกรรมนอกห้องเรียน มีแนวทางในการจัดกิจกรรมดังนี้ 1) กิจกรรมกลุ่มทางจิตวิทยา
และการแนะแนว เช่นโปรแกรมพัฒนาตนเองเกี่ยวกับการรู้จัก และเห็นคุณค่าในตนเอง 2) การอบรมเชิง
ปฏิบัติการ เช่น อบรมนักเรียนเพ่ือนท่ีปรึกษา อบรมเก่ียวกับทักษะชีวิต 3) การทัศนศึกษาแหล่งวิทยาการ
และสถานประกอบการ 4) ตลาดนัดอาชีพ 5) การเชิญวิทยากร ให้ความรู้ ได้แก่ ผู้ปกครอง นักเรียน
ศิษย์เก่า ภูมิปัญญาท้องถ่ิน 6) การจัดนิทรรศการ 7) การจัดป้ายนิเทศ 8) การปฐมนิเทศ 9) การปัจฉิม
นิเทศ 10) การจดั เสยี งตามสาย 10) ชุมนุมแนะแนว 11) กิจกรรมพบผู้ปกครอง 12) กิจกรรมเพื่อนช่วยเพือ่ น
ในการจัดกิจกรรมแนะแนว ควรมีการเสริมสร้างในเร่ืองของสมรรถนะทำงกำรแนะแนว
เข้าไปด้วย ทั้งน้ีเพ่ือให้นักเรียนได้มีแนวทางในการพัฒนาตนเองได้เต็มตามศักยภาพในแต่ละด้าน
เพ่ือใหบ้ รรลุถงึ เป้าหมาย
สมรรถนะทำงกำรแนะแนว หมายถึง คุณลักษณะที่ต้องการให้นักเรียนทุกคนมีและ
สามารถนาไปใช้กับตนเองได้อย่างเหมาะสม ซ่ึงคุณลักษณะเหล่านี้ครูควรส่งเสริมด้านต่างๆได้แก่ ความรู้
(Knowledge) หมายถึง ความรู้เฉพาะด้านของเด็ก เช่น ความรู้ภาษาอังกฤษ ความรู้ด้านคณิตศาสตร์
ความรู้ ด้านภาษา เป็นต้น ทักษะ(Skills) หมายถึง สิ่งที่เด็กกระทาได้ดี และฝึกปฏิบัติเป็นประจาจน
เกิดความชานาญ เช่น ทักษะการอ่าน การเขียน การวาดภาพ การร้องเพลง การทาอาหาร เป็นต้น
ภาพลักษณ์ภายในตน (Self-image/Self-concept) หมายถึง ทัศนคติ ค่านิยม และความคิดเห็นเก่ียวกับ
ภาพลักษณ์ของตนเองหรือส่ิงที่เด็กเช่ือว่าตนเองเป็น เช่น คนที่มีความเช่ือม่ันในตัวเองสูง จะเชื่อว่าตนเอง
สามารถแก้ปัญหาต่างๆ ได้ คุณลักษณะภายในหรืออุปนิสัย (Traits) หมายถึง บุคลิกลักษณะประจาตัว
ของเดก็ เป็นส่งิ ที่อธิบายถึงเด็กคนน้ัน เชน่ เปน็ คนท่นี า่ เชอ่ื ถอื และไวว้ างใจ หรอื มลี กั ษณะเป็นผู้นา เป็นต้น
แรงจูงใจ(Motive) หมายถึง แรงขับภายใน ซึ่งทาให้เด็กแสดงพฤติกรรมท่ีมุ่งสู่ส่ิงที่เป็นเป้าหมาย
เช่น เด็กที่มุ่งผลสัมฤทธ์ิ มักชอบต้ังเป้าหมายที่ท้าทาย และพยายามทางานสาเร็จตามเป้าท่ีต้ังไว้ ตลอดจน
พยายามปรับปรุงการทางานของตนเองตลอดเวลาในการจัดกิจกรรมแนะแนวควรสร้างเสรมิ คุณลักษณะให้
สอดคลอ้ งกบั สมรรถนะทางการแนะแนวในแตล่ ะด้านอย่างเหมาะสม ซึง่ มีอยู่ทัง้ หมดดว้ ยกัน 3 ดา้ น ได้แก่
1. สมรรถนะด้ำนกำรศึกษำ หมายถึง การมีความรู้ ความเข้าใจ มเี จตคตแิ ละค่านิยมท่ีดี
ในเร่ืองเกี่ยวกับการเรียน สามารถนาข้อมูลความรู้ท่ีได้รับมาใช้ในการวางแผนในด้านการเรียน
และการศึกษาตอ่ เพ่ือพฒั นาตนเองด้านการเรียนได้เตม็ ตามศักยภาพ
2. สมรรถนะด้ำนอำชีพ หมายถึง การมีความรู้ ความเข้าใจในเก่ียวกับอาชีพ ตลอดจน
มีเจตคติและค่านิยมที่ดีต่ออาชีพ มีข้อมูล/ประสบการณ์ด้านอาชีพ เพื่อให้มีทักษะในการตัดสินใจวางแผน
การศึกษาเพอ่ื การมงี านทาเตม็ ตามศักยภาพ
3. สมรรถนะด้ำนส่วนตัวและสังคม หมายถึง การรู้จักและเข้าใจตนเอง รักและเห็น
คุณค่าในตนเองและผ้อู ื่น มีวุฒิภาวะทางอารมณแ์ ละปรับตวั และดารงชวี ติ อยใู่ นสังคมไดอ้ ย่างมีความสุข
5
แนวทำงกำรจดั กิจกรรมแนะแนว
6
กำรจัดกิจกรรมแนะแนวในระดับชัน้ มธั ยมศกึ ษำปที ี่ 4-6 7
การศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย เป็นการศึกษาในระดับท่ีสาคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็น
ระดบั สงู สดุ ของการศึกษาในระดับมัธยมศึกษา และเป็นช่วงเวลาที่นักเรียนต้องวางแผนในการตัดสินใจเลือก
คณะและสถาบันอุดมศึกษาในการสอบคัดเลือกเข้าศึกษาในระดับอุดมศึกษาอาชีพในอนาคตและวาง
แผนการเลือกอาชีพให้ตรงกับความถนัด ความสามารถ ความชอบ ความสนใจ สติปัญญา ภูมิหลัง
ของตนเอง วิเคราะห์ตนเองได้ถกู ต้อง
กิจกรรมแนะแนว เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมและพัฒนานักเรียนให้รู้จักตนเอง
รักษ์ส่ิงแวดล้อม สามารถคิด ตัดสินใจคิดแก้ปัญหา กาหนดเป้าหมายวางแผนชีวิตทั้งด้านการเรียนและ
อาชีพ สามารถปรับตนได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ยังช่วยให้ครูรู้จักและเข้าใจนักเรียน ท้ังยังเป็นกิจกรรม
ท่ีช่วยเหลือและให้คาปรึกษาแก่ผู้ที่เก่ียวข้อง เช่น ครูประจาชั้น ครูประจาวิชา ฝ่ายกิจการนักเรียน รวมไป
ถงึ ผู้ปกครองในการมสี วนรว่ มพฒั นานกั เรยี น
การจัดกิจกรรมแนะแนวระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 - 6 มีความสาคัญต่อนักเรียนเป็น
อย่างมาก เป็นกระบวนการพัฒนานักเรียนรู้จักตนเองอย่างถ่องแท้ ท่ีนักเรียนจะได้รับการพัฒนาทางด้าน
การศึกษา อาชีพ และการพัฒนาตนในทิศทางท่ีเหมาะสมกับตนเองอย่างเต็มศักยภาพ ซ่ึงจาเป็นอย่างย่ิง
ท่ีครผู จู้ ัดกิจกรรม จะต้องวางแผนการจดั กิจกรรมให้สอดคลอ้ งกบั ความต้องการของนกั เรียนมากท่สี ุด
นอกจากนี้ การจัดกิจกรรมแนะแนวในระดับช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4-6 ควรคานึงถึง
พัฒนาการของวัยรุ่น ซึ่งเป็นระยะหัวเล้ียวหัวต่อของชีวิตทั้งทางด้านกาย อารมณ์ สังคม
และสติปัญญา ดังน้ันการจัดกิจกรรมแนะแนวในระดับช้ันมัธยมศึกษาตอนปลาย จึงได้จัดให้ครอบคลุม
ทั้งทางด้านการศึกษา อาชีพ ส่วนตัวแล ะสังคม และให้สอดคล้องกับพัฒนาการของนักเรียน
ในช่วงวยั นด้ี ว้ ย กลา่ วคือ
ด้านการศึกษาเป็นกิจกรรมเพื่อให้นักเรียนได้รู้จักความถนัด ความสามารถของตนเอง
เพิม่ มากข้ึน เพือ่ เตรยี มความพร้อมสาหรบั การศึกษาตอ่ ในระดับอดุ มศกึ ษา หรอื สายอาชีพในคณะสาขาวิชา
ท่เี หมาะสมกับตวั นักเรยี น เตรยี มนักเรียนเขา้ สู่การประกอบอาชพี
ด้านอาชีพเป็นกิจกรรมท่ีเตรียมความพร้อมให้นักเรียนเข้าสู่การประกอบอาชีพ ศึกษาต่อ
ในสาขาอาชีพที่ตนถนัด สนใจ สอดคล้องกับศักยภาพของตนเอง มีทักษะทางงานอาชีพ นอกจากนี้ยังมี
กิจกรรมที่ให้นักเรียนได้รู้จักและเรียนรู้โลกของอาชีพในอนาคต การเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่โลก
ของอาชีพในศตวรรษท่ี 21 การปรับตัวเข้ากับอาชีพที่มีการเปล่ียนแปลงอย่างหลากหลาย รวมท้ัง
การมโี อกาสฝึกประสบการณง์ านอาชพี ทีน่ ักเรียนสนใจ
ด้านส่วนตัวและสังคม เป็นกิจกรรมท่ีให้นักเรียนได้รู้จักการดารงตนในฐานะพลเมืองดี
ของประเทศ มีทักษะชีวิต และทกั ษะในศตวรรษท่ี 21 สามารถปรบั ตัว ควบคุมอารมณ์ รวมไปถึงการใชช้ วี ติ
ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
โครงสร้ำงกิจกรรมแนะแนวระดับชนั้ มธั ยมศึกษำปที ี่ 4-6 ดังน้ี
คา่ น้าหนัก (ร้อยละ) รวม
100
ด้ำนกำรศกึ ษำ ดำ้ นอำชีพ ด้ำนสว่ นตัวและสงั คม
40 40 20
แผนการจัดกิจกรรมแนะแนวสาหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 จะช่วยให้
ครูแนะแนวมีแนวทางในการจัดกิจกรรมท่ีชัดเจน ดังน้ัน ครูแนะแนวสามารถเลือกใช้กิจกรรมได้ตามสภาพ
ปัญหา ความต้องการ ความสนใจ ธรรมชาติของนักเรียนเป็นรายบุคคล สมรรถนะสาคัญของนักเรียน
ครอบคลุมขอบขา่ ยการแนะแนว 3 ดา้ น คอื ด้านการศึกษา ดา้ นอาชพี ส่วนตวั และสงั คม เพอื่ เกิดประโยชน์
สูงสุดต่อการพัฒนาคุณภาพนักเรียนเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกิจกรรมแนะแนว หลักสูตรแกนกลาง
การศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551
8
ตำรำงกำรวเิ ครำะหจ์ ุดประสงคก์ ำรเรียนรู้
ระดบั ช้นั มธั ยมศึกษำปีท่ี 4-6
ดำ้ นกำรศึกษำ
สมรรถนะ จดุ ประสงคก์ ำรเรยี นรู้
ข้อ 1 รูเ้ ขา้ ใจ และมี 1. ตระหนักในคุณคา่ ของการเรียนตามโครงสรา้ งหลกั สตู รของสถานศึกษา
เจตคติที่ดตี ่อการเรียนรู้ 2. อธิบายแนวทางในการเรยี นกจิ กรรมแนะแนว
ตามหลกั สูตร 3. บอกความสาคญั ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พน้ื ฐานพทุ ธศกั ราช 2551 ได้
4. บอกเกณฑ์การจบหลกั สูตรการศกึ ษาระดับช้นั มธั ยมศึกษาตอนปลายตามโครงสร้าง
หลักสูตรของสถานศึกษา
5. อธบิ ายคณุ ค่าของการเรยี น คุณค่ารายวชิ าของหลกั สตู ร และการวดั และประเมินผลได้
6. บอกแนวทางในการพฒั นานิสยั การเรียนของตนได้
ข้อ 2 มีคา่ นยิ มในการ 1. บอกวธิ ีการปฏบิ ตั ติ นเพื่อพัฒนาทกั ษะการเรยี นที่มปี ระสิทธิภาพ
เรยี นรูต้ ลอดชวี ติ 2. บอกวธิ กี ารแสวงหาข้อมลู จากแหล่งการเรียนรู้ทง้ั ภายในและภายนอกโรงเรียน
3. บอกคุณลกั ษณะข้อดีและข้อบกพร่องของตนเองได้
4. บอกวธิ ีการพัฒนาและปรบั ปรงุ ขอ้ บกพร่องของตนเองได้
5. อธิบายความหมายของการเรียนรู้ตลอดชีวิตได้
6. ยกตัวอย่างบคุ คลทปี่ ระสบความสาเรจ็ จากการเรยี นร้ตู ลอดชวี ติ ได้ 9
7. บอกแนวทางวิธีการเรยี นรู้ตลอดชีวิตได้
8. บอกเป้าหมายในการพัฒนาตนเองด้านการเรยี นรูต้ ลอดชีวติ ได้
ข้อ 3 ใชข้ ้อมลู ในการ 1. บอกวิธกี ารสืบค้นข้อมูลเรื่องการศกึ ษาตอ่ จากแหลง่ เรียนรู้อยา่ งหลากหลาย
วางแผนการศึกษา 2. อธิบายวธิ กี ารแสวงหาความรู้ และแหล่งเรียนรู้อยา่ งหลากหลาย
3. เลือกใช้ส่อื เทคโนโลยี และแหล่งเรียนรไู้ ด้อย่างเหมาะสม
4. วเิ ครำะหข์ ้อมูลโลกกวำ้ งทำงกำรศกึ ษำตอ่ และอำชพี เม่ือจบชั้นมธั ยมศึกษำปีท่ี 6 ได้
5. วิเคราะห์ขอ้ มูลตนเองวา่ มีความพร้อมท่ีจะศึกษาต่อหรือเข้าส่อู าชพี ทีต่ ดั สินใจ
6. วางแผนและตดั สนิ ใจเลือกแนวทางในการศึกษาต่อเมื่อจบชั้น ม.6
7.ระบุองคป์ ระกอบของการจัดทาแฟ้มสะสมงาน
8.จัดทาแฟ้มสะสมงานของตนเองไดอ้ ย่างเปน็ ระบบ
9.ระบุความสาคัญและวิธกี ารในการเตรียมตวั สอบ O-NET ช้นั ม.6 ได้
10.กาหนดแนวทางในการพฒั นาตนเองเพือ่ การศึกษาตอ่ และการมีงานทา
11.ระบุวธิ กี ารเตรยี มความพร้อมในการสมัครคัดเลอื กเข้าศกึ ษาต่อในสถาบนั การศึกษาต่างๆ
12. ระบแุ นวทางการเรียน การใชช้ วี ติ และการปฏิบตั ติ นในสถาบนั การศึกษาตา่ งๆ
ขอ้ 4 พฒั นาตนเอง 1. อธบิ ายทกั ษะการคดิ รปู แบบต่าง ๆได้
ดา้ นการเรยี นได้เต็ม 2. ประยุกตใ์ ชท้ ักษะการคิดได้อยา่ งเหมาะสม
ตามศกั ยภาพ 3. บอกความสาคญั ของความคดิ สร้างสรรค์
4. ฝกึ ทกั ษะการคดิ สร้างสรรค์
5. ระบุความสามารถดา้ นการเรยี นของตนเอง
6. วิเคราะหเ์ ปา้ หมายการศึกษาของตนเอง
7. อธบิ ายขั้นตอนการพฒั นาดา้ นการเรียนให้สอดคลอ้ งกับเปา้ หมายของตนเอง
10
สมรรถนะ ตำรำงกำรวเิ ครำะหจ์ ดุ ประสงคก์ ำรเรียนรู้
ข้อ 1 การเรยี นรเู้ กีย่ วกบั ระดบั ชน้ั มธั ยมศึกษำปที ่ี 4-6
อาชพี ดำ้ นอำชพี
จุดประสงคก์ ำรเรียนรู้
11
1. สารวจความสนใจในอาชีพของตนเองได้
2. บอกอาชพี ท่ีเหมาะสมกบั ตนเองไดอ้ ยา่ งมเี หตผุ ล
3. ระบอุ าชพี ในกลมุ่ อาเซียนได้
4. สบื ค้นเกย่ี วกับคุณสมบตั ขิ องบคุ คล ตลาดแรงงานในกลุ่มประเทศอาเซียนและระบบ
เศรษฐกิจยุคใหมไ่ ด้
5. นาเสนอนทิ รรศการผลการสบื คน้ ขอ้ มูล
6. อธบิ ายวธิ ีการพฒั นาตนให้มปี ระสิทธิภาพสอดคล้องกับความต้องการของ
ตลาดแรงงานในกลุ่มประเทศอาเซียนและระบบเศรษฐกจิ ยุคใหม่
7. อธิบายคณุ ลักษณะ ความสามารถ และทักษะท่ีจาเป็นในการทางานได้
8. อธิบายคณุ ลกั ษณะทจี่ าเป็นในการประกอบอาชีพ การใช้ชีวติ อยา่ งเป็นสขุ และเป็น
ประโยชนไ์ ด้
9. สามารถทางานกับผูอ้ ื่นได้
10. สรุปแนวทางสอู่ าชีพทต่ี อ้ งการเหมาะสมกับข้อมูลของตน
11. ระบุสาขาในสถาบันให้สอดคล้องกับอาชีพที่สนใจ
12. บอกแผนชวี ิตของตนเองได้อย่างเหมาะสม
13. อธิบายปฏิบัตเิ พื่อให้บรรลเุ ปา้ หมายตามแผนชีวิตท่ตี นวางไว้
14. บอกอาชีพทเ่ี หมาะสมกับตนเองได้อยา่ งมีเหตผุ ล
15. ระบแุ นวโนม้ ตลาดแรงงานในอนาคต
16. อธิบายวิธีการพัฒนาตนเองท่สี อดคล้องกับอาชพี ทีส่ นใจได้
17. อธบิ ายคณุ สมบัตขิ องบุคคลทต่ี ลาดแรงงานตอ้ งการในทศวรรษที่ 21 ได้
18. วิเคราะหแ์ นวโนม้ ของตลาดแรงงานของกล่มุ ประเทศอาเซียนได้
ขอ้ 2 มเี จตคติ และ 1. วิเคราะห์ขอ้ มลู อาชีพทส่ี อดคลอ้ งกบั คา่ นิยมของตนเองและมเี จตคติทด่ี ตี ่ออาชพี สจุ รติ
คา่ นยิ มท่ีดีต่ออาชีพ
ข้อ 3 มีทกั ษะการ 1. พิจารณาเลือกโครงงานอาชีพ ท่ีตนเองสนใจ
ตัดสนิ ใจวางแผน 2. เขยี นโครงงานการฝึกปฏบิ ัตอิ าชีพ
การศกึ ษาเพื่อการมงี าน 3. ฝึกปฏบิ ตั ิงานตามโครงงานอาชีพ
ทาเต็มตามศักยภาพ 4. อธิบายคุณสมบตั ิของบุคคลท่ตี ลาดแรงงานต้องการในศตวรรษท่ี 21
5. ระบสุ ่ิงท่ีต้องการพันาเพ่ือความสาเร็จในการประกอบอาชีพทต่ี นเองเลือก
6. ปฏิบัตกิ ารพฒั นาตนเอง ตามวิธีการทีก่ าหนดความตัง้ ใจ
7. วเิ คราะหท์ างเลือกทีเ่ หมาะสมเพ่อื การวางแผนการศกึ ษาเพ่อื การมงี านทาได้
8. วิเคราะหข์ อ้ มลู ตนเองทส่ี อดคลอ้ งกับอาชีพท่สี นใจ
9. วิเคราะหข์ อ้ มลู ของตนเองและเส้นทางสู่อาชพี ท่ีต้องการ
10. จดั ลาดบั การเตรยี มความพร้อมสาหรบั การไปสู่เป้าหมายเพ่ือการมงี านทา
12
ตำรำงกำรวเิ ครำะหจ์ ดุ ประสงค์กำรเรียนรู้
ระดับชน้ั มธั ยมศึกษำปีท่ี 4-6
ด้ำนส่วนตัวและสงั คม
สมรรถนะ จุดประสงคก์ ำรเรียนรู้
ขอ้ 1 รจู้ กั และเข้าใจตนเอง 1. อธบิ ายการเปล่ียนแปลงด้านรา่ งกาย อารมณ์ และจติ ใจของตนเอง
2. วิเคราะห์ปัจจัยท่ที าใหม้ ีการเปลยี่ นแปลงดา้ นรา่ งกายและอารมณต์ ามวยั
3. วเิ คราะห์ความพงึ พอใจของตนเองเกย่ี วกับการดาเนนิ ชวี ติ ในปัจจบุ นั ของตนได้
ข้อ 2 รักและเหน็ คุณคา่ ใน 1. คน้ หาระดับความรแู้ ละเหน็ คณุ คา่ ในตนเอง
ตนเองและผ้อู น่ื 2. ระบุแนวทางในการพฒั นาความรแู้ ละเห็นคุณคา่ ของตนเอง
3. ประเมนิ จดุ เดน่ ของตนเองได้
4. ระบุความสาเรจ็ ของตนเองทไี่ ดร้ ับและมีความภาคภมู ใิ จ
5. ระบุแนวทางในการวางแผนชีวิตสเู่ ปา้ หมายดา้ นการเรยี น ดา้ นการประกอบอาชพี และด้าน
การดาเนนิ ชีวิต
6. ตระหนักในคุณคา่ ของการช่วยเหลือผอู้ ื่น
7. สารวจแววนกั เรยี น YC ของตนเองได้
8. อธบิ ายองค์ความรู้เกี่ยวกบั นักเรยี นเพ่อื นทีป่ รึกษาและขนั้ ตอนเทคนคิ การให้คาปรึกษาเพ่ือนได้
9. อธิบายแนวทางการพฒั นาบคุ ลกิ ภาพของตนเองได้ 13
10. บอกคณุ ลกั ษณะทด่ี ที ่คี วรพัฒนาและข้อจากัดของตนเอง และผูอ้ ่นื
11. ชืน่ ชมข้อดีและยอมรับขอ้ จากัดของตนเองและ ผ้อู ่ืน
12. วิเคราะห์พฤติกรรมทสี่ ง่ เสรมิ ให้แสดงออกถงึ ลักษณะทดี่ ีของตัวเองได้
ข้อ 3 มีวฒุ ิภาวะทางอารมณ์ 1. สงั เกตและรบั รอู้ ารมณท์ างบวกและทางลบของตนเอง
2. วเิ คราะห์สาเหตขุ องอารมณ์ทางบวกและทางลบของตนเอง
3. ระบุผลกระทบของอารมณท์ างลบและความเครยี ดท่มี ผี ลตอ่ ตนเองละผู้อื่น
4. ปฏิบตั ิตนในการจัดการอารมณ์ทางลบและความเครียดได้อยา่ งเหมาะสม
5. แสดงออกทางอารมณท์ างดา้ นบวกและด้านลบได้อย่างเหมาะสม
ขอ้ 4 ปรับตวั และดารงชีวติ 1. บอกปัญหาท่เี กิดขนึ้ ในการอยรู่ ่วมกนั ในสงั คม
อยู่ในสังคมได้อย่างมี 2. จัดลาดับความสาคัญของปัญหาไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
ความสุข 3. บอกวิธีการแกป้ ญั หาไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ
4. เสนอรูปแบบและตวั อยา่ งของการแสดงออกอยา่ งเหมาะสม
5. ปฏิบตั ติ นตอ่ ผูอ้ ่ืนได้อย่างเหมาะสม
6. ปฏิบัตติ นเปน็ ผนู้ าและผูต้ ามได้
7. อธบิ ายขอ้ ดีและข้อจากัดในการใช้เทคโนโลยี
8. สามารถใช้เทคโนโลยีสรา้ งสรรค์ชนิ้ งานได้
9. ตระหนกั ในคุณค่าของการใช้เวลาและการบรหิ ารเวลาของตนได้
10. ออกแบบกิจกรรม การปฏิบตั ใิ นตารางของตนเองได้
11. วิเคราะห์สถานการณ์ภยั คกุ คามท่เี กิดขนึ้ ในสงั คม
12. ปฏบิ ัตติ นใหป้ ลอดภัยจากภยั คุกคาม
13. วเิ คราะหส์ ภาพปัญหาภายในโรงเรียน ชุมชน และสงั คม
14. สรปุ แนวทางในการแกป้ ัญหาและพัฒนาภายในโรงเรยี นชมุ ชน และสังคม
15. ตระหนกั ในความสาคัญของหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง
16. ประยกุ ตห์ ลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งในชีวติ ประจาวนั ได้
14
โครงสรำ้ งกำรจัดกิจกรรม
15
แนะแนว
โครงสร้ำงกำรจัดกิจกรรมแนะแนว ระดบั ชนั้ มธั ยมศึกษำปีที่ 4-6
สมรรถนะดำ้ นกำรศกึ ษำ
สมรรถนะกำร จดุ ประสงคก์ ำรเรยี นรู้ เรื่อง จำนวนชัว่ โมง
แนะแนว 1
1
ข้อ 1 รู้เข้าใจ และมี 1. บอกเกณฑก์ ารจบหลกั สูตรการศกึ ษา 1. ปฐมนิเทศกิจกรรม 3
เจตคติทด่ี ีตอ่ การ
เรียนรตู้ ามหลักสตู ร ระดับชัน้ มธั ยมศึกษาตอนปลายตาม แนะแนว 2
2 16
ข้อ 2 มคี ่านยิ มใน โครงสรา้ งหลักสูตรของสถานศกึ ษา 2. รู้จกั หลักสตู ร 2551 3
การเรยี นรู้ตลอดชวี ติ 4
2. ตระหนกั ในคณุ คา่ ของการเรียนตาม
ข้อ 3 ใช้ขอ้ มลู ในการ 5
วางแผนการศึกษา โครงสรา้ งหลักสูตรของสถานศึกษา
3. อธิบายแนวทาง 3. คณุ ค่ารายวชิ า
ในการจัดกิจกรรมแนะแนว
4. อธิบายคุณค่าของการเรยี น คณุ คา่
รายวชิ าของหลักสตู รและการวดั
ประเมินผลได้
1. วิเคราะหน์ สิ ยั การเรียนของตนเอง 4. การสารวจนสิ ยั
2. สรปุ แผนท่ีความคิดการเรยี นของตนเอง ในการเรียน
ใหม้ ปี ระสิทธภิ าพ
1. บอกวธิ ีการปฏบิ ัตติ นเพอื่ พฒั นาทักษะ 5. เทคนิคการเรยี น
การเรยี นท่มี ีประสทิ ธิภาพ ท่ีมปี ระสิทธภิ าพ
2. บอกวิธีการแสวงหาข้อมูลจากแหลง่
เรียนรภู้ ายในและภายนอกโรงเรยี นได้ 6. การพฒั นาตน
อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ
1. อธบิ ายความหมายของการเรยี นรตู้ ลอด 7. Life Long Learning
ชวี ิตได้
2. ยกตัวอยา่ งบคุ คลท่ปี ระสบความสาเรจ็
จากการเรียนรตู้ ลอดชวี ิตได้
3. บอกแนวทาง/วิธี การเรียนรู้
ตลอดชีวิตได้
4. บอกเปา้ หมายในการพฒั นาตนเองดา้ น
การเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ ได้
1.บอกวิธกี ารสืบคน้ ขอ้ มลู เรอ่ื งการศึกษา 8. สารสนเทศทางการศึกษา
ต่อจากแหลง่ เรยี นร้อู ยา่ งหลากหลาย
2.เลอื กใช้ส่ือเทคโนโลยีและแหลง่ เรยี นรไู้ ด้
อย่างเหมาะสม
สมรรถนะ จุดประสงคก์ ำรเรยี นรู้ เรื่อง จำนวนชัว่ โมง
กำรแนะแนว
3.อธบิ ายวธิ กี ารแสวงหาความรู้และแหลง่
เรยี นร้อู ย่างหลากหลาย
ข้อ 3 ใช้ขอ้ มลู ใน 1. วเิ คราะหข์ อ้ มลู โลกกว้างทางการศกึ ษา 9. เปา้ หมายสู่อนาคต 12
การวางแผนการศึกษา ตอ่ และอาชีพเม่อื จบชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 6 10
(ต่อ) ได้ 1
2
5. วิเคราะห์ข้อมลู ตนเองวา่ มคี วามพรอ้ มที่ 2
จะศึกษาตอ่ หรอื เข้าสู่อาชพี ท่ีตัดสนิ ใจ
6. วางแผนและตดั สนิ ใจเลือกแนวทางใน
การศกึ ษาต่อเมือ่ จบชั้น มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6
7. กาหนดแนวทางในการพัฒนาตนเอง
เพื่อการศึกษาต่อและการมีงานทา
8. ระบวุ ิธีการเตรียมความพรอ้ มในการ
สมคั รคัดเลอื กเข้าศึกษาต่อใน
สถาบันการศกึ ษาตา่ งๆ
1. ระบุองคป์ ระกอบของการจดั ทาแฟ้ม 10. แฟม้ สะสมผลงาน (Portfolio)
สะสมงาน 17
2. จดั ทาแฟ้มสะสมงานของตนเองไดอ้ ย่าง
เป็นระบบ
3. ระบคุ วามสาคญั และวิธีการในการ
เตรียมตัวสอบ O-NET ชน้ั ม.6 ได้
4. ระบุแนวทางการเรยี น การใช้ชีวติ และ
การปฏิบตั ติ นในสถาบนั การศกึ ษาต่างๆ
4. พฒั นาตนเองด้าน 1. อธบิ ายทักษะการคิดอยา่ งมีพิจารณ 11. การคิดอย่างมวี ิจารณญาณ
การเรยี นไดเ้ ตม็ ตาม ญาณได้
ศกั ยภาพ 2. ประยกุ ต์ใชท้ ักษะการคดิ อยา่ งมี
วจิ ารณญาณ
1. บอกความสาคญั ของความคดิ 12. การคดิ อย่างสรา้ งสรรค์
สรา้ งสรรค์ 13. การคิดอย่างสรา้ งสรรค์
2. ฝกึ ทักษะการคดิ สรา้ งสรรค์
รวม 48
โครงสร้ำงกำรจัดกจิ กรรมแนะแนว ระดบั ช้นั มธั ยมศึกษำปีที่ 4-6
สมรรถนะด้ำนอำชีพ
สมรรถนะ จดุ ประสงคก์ ำรเรยี นรู้ เร่ือง จำนวน
กำรแนะแนว ช่ัวโมง
ขอ้ 1 การเรยี นรู้ 1. สารวจความพอใจในอาชพี ตนเองได้ 1. อาชีพที่เหมาะ 2
เก่ยี วกับอาชพี กบั ฉนั 5
1. ระบอุ าชีพในกลมุ่ อาเซียนได้ 2. ความเหมาะสม
2. สืบค้นเก่ียวกบั คุณสมบตั ขิ องบุคคลท่ตี ลาดแรงงาน ของอาชพี สบู่ ุคคล 5 18
ในกลมุ่ ประเทศอาเซยี นตอ้ งการ
3. นาเสนอนทิ รรศการผลการสบื ค้นข้อมูล 3.อาชีพของฉนั 3
4. อธิบายวิธกี ารพัฒนาตนให้มปี ระสทิ ธิภาพสอดคลอ้ งความ 1
ตอ้ งการของตลาดแรงงานในกลมุ่ 4. อายุนอ้ ยรอ้ ย 4
1. ระบแุ นวโน้มตลาดแรงงานของอาชีพในอนาคต ล้าน* 1
2. อธบิ ายขัน้ การพฒั นาตนเองที่สอดคล้องกบั อาชพี อยา่ ง 2
เหมาะสม 5.คนแบบไหนจะ
3.บอกคุณสมบตั ขิ องบุคคลที่ตลาดแรงงานต้องการใน ไดง้ านในศตวรรษ
ศตวรรษที่ 21 ที่ 21
1. พิจารณาเลือกโครงงานอาชพี ทต่ี นเองสนใจ 6.พัฒนาตน
2. เขยี นโครงงานการฝึกปฏิบตั อิ าชพี พฒั นาชาติ
3. ฝกึ ปฏิบตั ิงานตามโครงงานอาชพี
4. ระบุแหล่งฝึกประสบการณ์อาชีพท่ตี นเองสนใจ 7. แสงสว่างที่
1. บอกคณุ สมบตั ขิ องบคุ คลทต่ี ลาดแรงงานตอ้ งการใน ปลายอโุ มงค์
ศตวรรษ ที่ 21 8. เส้นทางชวี ติ
ลขิ ิตเอง
1. บอกคุณสมบัติของบุคคลท่ีตลาดแรงงานต้องการใน
ศตวรรษ ท่ี 21
2. บอกแผนชีวิตของตนเองไดอ้ ย่างเหมาะสม
1. สรปุ แนวทางสู่อาชีพที่ต้องการเหมาะสมกบั ข้อมลู ของตน
1. ระบสุ าขาวชิ าในสถาบันที่เลอื กเรียน เพ่อื ใหส้ อดคล้องกับ
อาชพี ทสี่ นใจ
สมรรถนะกำร จุดประสงค์กำรเรยี นรู้ เร่อื ง จำนวน
แนะแนว ชัว่ โมง
2. บอกแผนชีวติ ของตนเองได้อย่างเหมาะสม
3. บอกวธิ ีปฏิบัตเิ พอ่ื ให้บรรลุเปา้ หมายตามแผนชวี ติ ที่ตนวางไว้
ข้อ 1 การเรยี นรู้ 1. ระบุสิ่งท่ตี ้องการพฒั นาเพอื่ ความสาเรจ็ ในการประกอบ 9. รู้จักตน รูจ้ กั 1
งาน
เกี่ยวกับอาชพี อาชพี ท่ีตนเองเลอื ก 5
10. ค่านยิ มในงาน 2
(ต่อ) 2. ปฏบิ ตั ิการพฒั นาตนเองตามวธิ กี ารท่ีกาหนดดว้ ยความ อาชพี 2
3
ต้ังใจ 11. นีไ่ ง….ใชเ่ ลย 2
1
ขอ้ 2 มีเจตคติ 1. วเิ คราะหข์ อ้ มูลอาชพี ที่สอดคลอ้ งกับคา่ นยิ มของตนเอง 12. อจั ฉรยิ ะสร้าง 39
ได้
และคา่ นยิ มท่ีดี และมีเจตคติท่ดี ีต่ออาชีพสจุ ริต 13. อาชพี ในกลุม่
อาเซียน
ตอ่ อาชพี 1. วิเคราะห์ขอ้ มูลอาชีพทสี่ อดคล้องกับคา่ นิยมของตนเอง 14. อาชีพกา้ วหน้า
ถา้ พัฒนาตนเอง
และมี 15. เลือกทางเดิน
อย่างมน่ั ใจ มชี ัย
เจตคติท่ดี ีตอ่ อาชีพสุจริต เกินกว่าครง่ึ
ขอ้ 3 มที กั ษะ 1. วิเคราะหข์ อ้ มูลตนเองทส่ี อดคลอ้ งกับอาชพี ทส่ี นใจ 19
การตดั สินใจ 2. วิเคราะหข์ อ้ มูลของตนเองและเสน้ ทางสู่อาชพี ทต่ี ้องการ
วางแผน 1. วิเคราะหแ์ นวโนม้ ของตลาดแรงงานของกลมุ่ ประเทศ
การศึกษาเพือ่ อาเซียนและสาขาอาชพี ในอนาคตได้
การ มีงานทาเต็ม 1. จดั ลาดบั การเตรียมความพรอ้ มสาหรบั การไปสูเ่ ปา้ หมาย
ตามศักยภาพ เพื่อการมงี านทา
1. ตรวจสอบผลการพัฒนาตนเองตามวิธีการที่กาหนด เพ่อื
ดาเนนิ การต่อและหรือปรับปรงุ วิธีการพฒั นา
รวม
โครงสร้ำงกำรจดั กิจกรรมแนะแนว ระดับชั้นมัธยมศกึ ษำปที ่ี 4-6
สมรรถนะดำ้ นส่วนตวั และสงั คม
สมรรถนะ จุดประสงคก์ ำรเรียนรู้ เรื่อง จำนวน
กำรแนะแนว (ชัว่ โมง)
ขอ้ 1 รจู้ ักและ 1. อธบิ ายการเปลี่ยนแปลงด้านรา่ งกาย 1. ก้าวยา่ งสวู่ ัย 2
เขา้ ใจตนเอง อารมณ์ และจติ ใจของตนเอง หนุ่มสาว 1
2
2. วเิ คราะหป์ ัจจัยที่ทาให้มีการเปลยี่ นปลง
2
ดา้ นร่างกายและอารมณต์ ามวัย
1
1.ระบคุ วามต้องการพืน้ ฐานของตนเองดา้ น 2. รูใ้ จตนเอง 1
ร่างกาย จิตใจ อารมณแ์ ละสังคม
ขอ้ 2 รักและเหน็ 1. ค้นหาระดบั ความรู้และเหน็ คณุ คา่ ในตนเอง 3. ฉันหรือเธอย่อม
คุณคา่ ในตนเองและ 2. ระบแุ นวทางในการพฒั นาความรแู้ ละเห็น มดี ีเสมอ
ผู้อื่น คณุ ค่าในตนเอง
3. ประเมนิ จดุ เดน่ ของตนเองได้
1. ตระหนักในคุณค่าของการช่วยเหลอื ผอู้ ื่น 4. เปา้ หมายแค่ 20
2. สารวจแววนกั เรียน YC ของตนเองได้ เอื้อม
3. อธบิ ายองค์ความรู้ เก่ยี วกับนักเรยี นเพ่ือน
ที่ปรกึ ษาและขนั้ ตอนการให้คาปรกึ ษา
1. ตระหนักในคุณคา่ ของการชว่ ยเหลือผอู้ ่ืน 5. เพือ่ นชว่ ยเพ่ือน
1. อธิบายแนวทางการพฒั นาตนเอง 6. คนมีเสนห่ ์
1. บอกคุณลักษณะทีด่ ที ี่ควรพัฒนาและ 7. สะทอ้ นตนเอง 2
ข้อจากดั ของตนเองและผูอ้ ืน่
2. ช่ืนชมข้อดแี ละยอมรบั ข้อจากดั ของ
ตนเองและผอู้ ื่น
3. วิเคราะห์พฤตกิ รรมที่สง่ เสรมิ ให้
แสดงออกถึงลักษณะท่ดี ขี องตัวเองได้
สมรรถนะ จดุ ประสงคก์ ำรเรยี นรู้ เรือ่ ง จำนวน
กำรแนะแนว (ชว่ั โมง)
ข้อ 3 มีวฒุ ิภาวะ 1. สังเกตและรบั รู้อารมณ์ทางบวกและ ทาง 8. อารมณข์ องฉนั 3
ทางอารมณ์
ลบของตนเอง 2
ขอ้ 4 ปรับตวั และ
ดารงชวี ิตอยู่ 2. วิเคราะห์สาเหตขุ องอารมณ์ทางบวกและ 2
ในสงั คมได้อย่างมี 2
ความสขุ ทางลบของตนเอง 2
3. ระบผุ ลกระทบของอารมณ์ทางลบและ
ความเครยี ดท่ีมผี ลตอ่ ตนเองละผู้อื่น
4. ปฏบิ ตั ิตนในการจดั การอารมณ์ทางลบ
และความเครยี ดได้อยา่ งเหมาะสม
5. แสดงออกทางอารมณ์ทางด้านบวกและ
ดา้ นลบไดอ้ ย่างเหมาะสม
1. บอกปญั หาทีเ่ กิดขน้ึ ในการอยู่ร่วมกันใน 9.ปัญหามีไวแ้ ก้
สังคม
2. จดั ลาดบั ความสาคญั ของปญั หาได้อย่าง
เหมาะสม 21
3. บอกวิธกี ารแก้ปัญหาได้อย่างมี
ประสทิ ธิภาพ
1. เสนอรูปแบบตัวอยา่ งของการแสดงออก 10.การแสดงออก
อยา่ งเหมาะสม อยา่ งเหมาะสม
2. ปฏิบัตติ นต่อผู้อ่ืนได้อย่างเหมาะสม
3. ปฏบิ ตั ติ นเป็นผูน้ า ผตู้ ามได้
1. อธบิ ายขอ้ ดีและข้อจากดั ในการใช้ 11. รเู้ ท่าทนั
เทคโนโลยีได้ เทคโนโลยี
2. สามารถใชเ้ ทคโนโลยีสรา้ งสรรคช์ ิน้ งานได้
1.ตระหนักในคุณค่าของการใช้เวลาและการ 12. การบริหาร
บรหิ ารเวลาของตนเอง เวลา
2. ออกแบบกิจกรรม การปฏิบตั ิใน
ตารางเวลาของตนเองได้
สมรรถนะ จดุ ประสงคก์ ำรเรียนรู้ เรือ่ ง จำนวน
กำรแนะแนว (ชัว่ โมง)
ข้อ 4 ปรับตัวและ 1. วเิ คราะหส์ ถานการณ์ภยั คุกคามทเ่ี กดิ ขนึ้ 13. ภัยคุกคามใน 2
ดารงชวี ิตอยูใ่ น ในสังคม ชวี ติ
สังคมได้อยา่ งมี 2. ระบแุ นวปฏบิ ัตติ นใหป้ ลอดภัยจาก 2
ความสขุ (ต่อ) ภยั คุกคาม 14. ชุมชนของเรา
1. วเิ คราะหส์ ภาพปัญหาภายในโรงเรียน 2
ชมุ ชน และสังคม 15. หลกั ปรัชญา
2.สรุปแนวทางในการแกป้ ัญหาและพัฒนา เศรษฐกิจพอเพียง
ภายในโรงเรยี น ชมุ ชน และสงั คม
1.ตระหนักในความสาคญั ของหลกั ปรัชญา
ของเศรษฐกิจพอเพียง
2. ประยกุ ต์หลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง
ในชีวติ ประจาวันได้
รวม 30 22
หมำยเหตุ เวลำในกำรจดั กิจกรรมสำมำรถปรบั และยดื หยุ่นไดต้ ำมควำมเหมำะสม
แผนกำรจัดกิจกรรมแนะแนว 23
ดำ้ นกำรศึกษำ
แผนกำรจดั กิจกรรมแนะแนวท่ี 1
หนว่ ยกำรจดั กจิ กรรม กำรศกึ ษำ ช้ันมัธยมศกึ ษำปีที่ 4 - 6
เร่ือง ปฐมนเิ ทศกิจกรรมแนะแนว จำนวน 1 ช่ัวโมง
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
1. สำระสำคญั
การเขา้ รว่ มกิจกรรมแนะแนวนักเรียนต้องมเี วลาในการร่วมกจิ กรรมทัง้ หมด 20 ชัว่ โมงต่อภาคเรียน
หากนักเรียนมีช่ัวโมงการร่วมกิจกรรมไม่ครบจะไม่จบการศึกษา และการจัดกิจกรรมแนะแนวของแต่ละ
โรงเรียนจะจัดให้แก่นักเรียนทุกคน สัปดาห์ละ 1 ชว่ั โมง ภาคเรียนละ 20 ชว่ั โมง นักเรียนต้องเข้าร่วมกจิ กรรม
ในชั่วโมงแนะแนวเป็นจานวน 80 % ของเวลาท้ังหมด และได้ผลการประเมินเป็น ผ่าน และไม่ผ่าน กรณีมี
เวลาเรียนไม่ครบ 80 % ของเวลาท้ังหมด ซ่ึงในการจัดกิจกรรมแนะแนวจะเน้นการจัดกิจกรรมท่ีมีนักเรยี น
เป็นสาคัญและครอบคลุมท้ังด้านส่วนตัว อารมณ์ สังคม การศึกษาต่อและอาชีพ ตลอดจนได้รับบริการ 5
บริการ ประกอบด้วย บริการเก็บรวบรวมข้อมูล บริการสารสนเทศ บริการจัดวางตัวบุคคล บริการให้
คาปรกึ ษา และบรกิ ารติดตามประเมินผล
2. สมรรถนะกำรแนะแนว : ดำ้ นกำรศกึ ษำ
ข้อ 1 รู้ เข้าใจ และมีเจตคติท่ีดีต่อการเรียนรู้ตามหลกั สตู ร
24
3. จดุ ประสงคก์ ำรเรียนรู้
3.1 ตระหนกั ในคุณค่าของการเรียนตามโครงสรา้ งหลกั สตู รของสถานศึกษา
3.2 อธิบายแนวทางในการจัดกิจกรรมแนะแนวได้
4. สำระกำรเรยี นรู้
4.1 หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 และเกณฑ์การจบหลักสตู ร
4.2 แนวทางการจัดกจิ กรรมแนะแนวในชัน้ เรยี น และการให้บรกิ ารแนะแนว 5 บรกิ าร
4.3 บริการแนะแนว ประกอบด้วย 5 บริการ คือ บริการเก็บรวบรวมข้อมูล บริการสารสนเทศ
บริการจดั วางตวั บุคคล บรกิ ารให้คาปรกึ ษา และบรกิ ารตดิ ตามประเมนิ ผล
5. ช้ินงำน / ภำระงำน
ใบงาน เรอื่ ง เพ่อื นใหมข่ องฉัน
6. วธิ กี ำรจัดกจิ กรรม
6.1 ครแู นะนาตนเองโดยการให้นักเรียนถามคาถาม 5 คาถามทีอ่ ยากทราบเกี่ยวกบั ตวั ครู
6.2 ครนู าการเลน่ เกม “ตามหาหัวใจ”
6.3 ครูอธบิ ายการสร้างความสัมพันธ์ทีด่ ีต่อกนั ตอ้ งเริ่มจากการจาชอ่ื และรายละเอียดเล็ก ๆ 25
น้อยๆ ของเพอ่ื นทกุ คนใหไ้ ด้
6.4 ครูแจกกระดาษทต่ี ัดเปน็ รูปหัวใจคร่ึงดวง ใหน้ ักเรยี นทกุ คนดาเนนิ กจิ กรรม “ตามหาหัวใจ”
6.5 ให้นักเรียนออกตามหาหัวใจอีกครึ่งดวงที่เป็นคู่กัน เม่ือหาพบให้นักเรียนสัมภาษณ์และจด
บันทึกรายละเอียดเด่น ๆ ลงในหวั ใจคร่ึงดวงทอ่ี ยู่กับตนเอง
6.6 ใหน้ กั เรยี นออกมาแนะนาช่อื และรายละเอียดเดน่ ๆ ของเพือ่ นทีเ่ ปน็ คขู่ องตนเอง โดยสลับกนั
แนะนาชอ่ื ของเพ่อื นท่ีหัวใจเปน็ ดวงเดียวกันทกุ คู่
6.7 ใหน้ ักเรียนเตมิ ชื่อเพื่อนใหมท่ ี่ไดร้ จู้ กั กนั ลงในใบงาน เร่ือง เพอื่ นใหม่ของฉนั
6.8 ครอู ธิบายความสาคญั ของขอบข่ายหนา้ ท่ขี องงานแนะแนว และแนวทางการจดั กจิ กรรม
แนะแนวในช้ันเรียน ตามใบความรู้เรอ่ื ง แนวทางการจดั กจิ กรรมแนะแนว
6.9 ครแู นะนาการใหบ้ รกิ ารแนะแนว ทั้ง 5 บรกิ ารกบั นักเรียน
6.10 ครเู ปิดโอกาสใหน้ กั เรียนชกั ถาม และแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกับการให้บริการแนะแนว
6.11 ครสู รปุ ประโยชนข์ องเกม “ตามหาหัวใจ” และการบรกิ ารแนะแนว ท้งั 5 บริการ หลังจากน้นั
นกั เรยี นร่วมกันสรปุ ส๋ิงท่ีได้เรียนรู้
7. สื่อ / อุปกรณ์
7.1 ใบความร้เู รือ่ ง แนวทางการจัดกจิ กรรมแนะแนว
7.2 เกม “ตามหาหัวใจ”
7.3 กระดาษโปสเตอร์สีตัดเป็นรูปหัวใจคร่งึ ดวง
7.4 แบบสารวจ เรื่อง เพ่ือนใหมข่ องฉนั
8. กำรวัดและประเมนิ ผล
8.1 วธิ ีกำรวดั และประเมินผล
8.1.1 สงั เกตความสนใจในการฟัง การตอบคาถาม และการร่วมอภปิ รายแสดงความคิดเหน็
8.1.2 ตรวจสอบความถูกต้อง ครบถ้วน และความเรียบร้อยของใบงาน
8.2 เครอ่ื งมอื -
8.3 เกณฑก์ ำรประเมิน
8.3.1 สังเกตการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม
เกณฑ์ ตัวบง่ ช้ี
ผ่าน มีความสนใจในการฟัง การตอบคาถาม การร่วมอภปิ รายแสดงความคดิ เหน็
ไมผ่ ่าน ขาดสงิ่ ใดส่ิงหนง่ึ
8.3.2 ตรวจใบงาน ตัวบง่ ช้ี
ทาใบงานถูกต้อง ครบถว้ น และส่งงานตามกาหนด
เกณฑ์ ขาดส่งิ ใดสิ่งหน่ึง
ผา่ น
ไม่ผ่าน
26
ใบควำมรู้
เร่อื ง แนวทำงกำรจัดกิจกรรมแนะแนว
27
ใบงำน
เรอ่ื ง เพอื่ นใหม่ของฉนั
ชอื่ .............................................นำมสกลุ .......................................ช้นั ....................เลขท่ี.............
คำชแี้ จง ให้นกั เรยี นเขียนคุณลกั ษณะของเพ่ือน พร้อมบอกจุดเด่น และประโยคทกั ทาย อยา่ งน้อย 5 คน
ชอ่ื ......................นามสกลุ ............................. ชอ่ื ......................นามสกลุ .............................
ชอื่ เล่น…………………………………………………… ชอ่ื เลน่ ……………………………………………………
ทักทายเพ่ือน 1 ประโยค ทกั ทายเพ่ือน 1 ประโยค
..................................................................... ....................................................................
..................................................................... .....................................................................
28
ชื่อ......................นามสกุล............................. ชอ่ื ......................นามสกลุ .............................
ชอื่ เลน่ …………………………………………………… ชอ่ื เล่น…………………………...………………………
ทักทายเพ่ือน 1 ประโยค ทกั ทายเพื่อน 1 ประโยค
..................................................................... .....................................................................
..................................................................... .....................................................................
ช่ือ......................นามสกลุ .............................
ชื่อเลน่ …...………………………………………………
ทกั ทายเพ่ือน 1 ประโยค
.....................................................................
.....................................................................
แผนกำรจัดกิจกรร
แผนกำรจัดกิจกรรมแนะแนวท่ี 2
หนว่ ยกำรจดั กิจกรรม กำรศึกษำ ชนั้ มธั ยมศกึ ษำปีท่ี 4 - 6
เรอ่ื ง รูจ้ ักหลกั สตู รแกนกลำง จำนวน 1 ชั่วโมง
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
1. สำระสำคญั
หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพืน้ ฐานพทุ ธศักราช 2551 มงุ่ พัฒนาผ้เู รียนทุกคน ซึง่ เปน็ กาลงั ของ
ชาติให้เป็นมนุษย์ที่มีความสมดุลทั้งด้านร่างกาย ความรู้ คุณธรรม มีจิตสานึกในความเป็นพลเมืองและพล
โลก ยึดมั่นในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีความรู้และ
ทักษะพ้ืนฐาน รวมทั้งเจตคติท่ีจาเป็นต่อการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และการศึกษาตลอดชีวิต
โดยมุ่งเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญบนฐานความเช่ือว่า ทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้เต็มศักยภาพ
ตลอดจนบอกเกณฑ์การจบหลักสูตรการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ตามโครงสร้างหลักสูตร
ของสถานศึกษา
2. สมรรถนะกำรแนะแนว : ดำ้ นกำรศึกษำ 29
ขอ้ 1 รู้ เข้าใจ และมเี จตคตทิ ี่ดตี ่อการเรยี นรู้ตามหลักสตู ร
3. จดุ ประสงคก์ ำรเรยี นรู้
2.1 บอกความสาคัญของหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 ได้
2.2 บอกเกณฑก์ ารจบหลกั สูตรการศกึ ษาระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลายตามโครงสร้างหลักสูตร
ของสถานศึกษาได้
4. สำระกำรเรยี นรู้
4.1 สาระสาคัญของหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551
4.2 เกณฑ์การจบหลกั สูตรการศกึ ษาระดับชัน้ มธั ยมศึกษาตอนปลาย
5. ชน้ิ งำน / ภำระงำน
5.1 ใบความรู้ เรือ่ ง ร้จู ักหลักสตู ร
5.2 ใบความรู้ เรื่อง เกณฑ์การจบหลักสตู รการศึกษาระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย
6. วิธีกำรจดั กิจกรรม
6.1 ครูนาเข้าส่บู ทเรียน โดยสนทนาซกั ถามนกั เรยี นวา่ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ในระดบั ชนั้ มธั ยมศึกษา
ตอนปลายมกี ลุม่ สาระการเรียนรู้อะไรบ้าง
6.2 นักเรยี นศึกษาใบความรู้เร่ือง รูจ้ กั หลกั สตู ร และใบความรเู้ รื่อง เกณฑก์ ารจบระดับมธั ยมศึกษา 30
ตอนปลาย”
6.3 ครเู ปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นสอบถามในเรื่องท่ตี นเองยังไมเ่ ขา้ ใจเก่ียวกับหลักสตู รแกนกลางการศึกษา
ข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 และเกณฑ์การจบหลักสูตรการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย หลังจาก
นั้นครแู ละนกั เรยี นสรุปความรู้ร่วมกัน
7. ส่อื / อปุ กรณ์
7.1 ใบความรู้เรือ่ ง รู้จกั หลกั สูตร
7.2 ใบความรู้เรือ่ ง เกณฑ์การจบหลักสตู รการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
8. กำรวดั และประเมนิ ผล
8.1 วิธีกำรวดั และประเมนิ ผล
8.1.1 สังเกตความสนใจในการฟงั การตอบคาถาม และการรว่ มอภปิ รายแสดงความคิดเห็น
8.1.2 ตรวจสอบความถูกตอ้ ง ครบถว้ น และความเรียบร้อยของใบงาน
8.2 เคร่อื งมอื
-
8.3 เกณฑ์กำรประเมนิ
8.3.1 สงั เกตการปฏิบัตกิ ิจกรรม
เกณฑ์ ตวั บ่งช้ี
ผา่ น มคี วามสนใจในการฟัง การตอบคาถาม การร่วมอภิปรายแสดงความคิดเห็น
ไมผ่ า่ น ขาดส่ิงใดส่ิงหนึ่ง
8.3.2 ตรวจใบงาน
เกณฑ์ ตวั บ่งชี้
ผ่าน ทาใบงานถกู ต้อง ครบถว้ น และสง่ งานตามกาหนด
ไมผ่ า่ น ขาดสิ่งใดส่งิ หนึ่ง
ใบควำมรู้
เรอื่ ง ร้จู ักหลักสูตร
1. เปำ้ หมำยของหลกั สตู ร
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มีเป้าหมายสาคัญในการพัฒนา
นักเรยี นดา้ นสมรรถนะสาคญั และคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ต่อไปนี้
สมรรถนะสำคญั 5 ดำ้ น
1. มคี วามสามารถในการสื่อสาร
2. มคี วามสามารถในการคิด 3. มีความสามารถในการแกป้ ญั หา
4. มีความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต 5. มคี วามสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 8 ประกำร
1. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ 2. ซอื่ สัตยส์ ุจรติ 31
3. มีวินัย 4. ใฝ่เรียนรู้
5. อยูอ่ ยา่ งพอเพียง 6. มุ่งมัน่ ในการทางาน
7. รักความเปน็ ไทย 8. มีจติ สาธารณะ
2. สิง่ ทน่ี ักเรียนจะไดเ้ รียนตำมหลกั สูตร
รำยวิชำเรยี น 8 กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้ 1 กจิ กรรมพัฒนำผู้เรยี น
1. กจิ กรรมแนะแนว
1. ภาษาไทย 2. คณิตศาสตร์ 2. กจิ กรรมลกู เสอื เนตรนารี
3. วิทยาศาสตร์ 4. สังคมศกึ ษา ศาสนา และ 3. กิจกรรมชมุ นุม
วัฒนธรรม 4. กจิ กรรมเพ่ือสังคมและ
5. สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา 6. ศิลปศึกษา สาธารณประโยชน์
7. การงานอาชีพและเทคโนโลยี 8. ภาษาตา่ งประเทศ
ใบควำมรู้
เร่ือง เกณฑก์ ำรจบหลกั สตู ร ระดับมธั ยมศึกษำตอนปลำย
เกณฑก์ ำรจบ ระดับมธั ยมศึกษำตอนปลำย
1. ผู้เรียนเรียนรายวิชาพื้นฐานและเพิ่มเติม โดยเป็นรายวิชาพื้นฐาน ๔๑ หน่วยกิต และรายวิชา
เพม่ิ เติมตามที่สถานศึกษากาหนด
2. ผู้เรียนต้องได้หน่วยกิตตลอดหลักสูตรไม่น้อยกว่า ๗๗ หน่วยกิต โดยเป็นรายวิชาพ้ืนฐาน
๔๑ หนว่ ยกติ และรายวิชาเพ่มิ เตมิ ไม่น้อยวา่ ๓๖ หน่วยกติ
3. ผู้เรียนมีผลการประเมิน การอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมินตาม
ทีส่ ถานศกึ ษากาหนด
4. ผู้เรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมินตาม
ที่สถานศกึ ษากาหนด
5. ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์การประเมินตาม
ที่สถานศกึ ษากาหนด
32
แผนกำรจดั กจิ กรรมแนะแนวที่ 3 ชน้ั มัธยมศกึ ษำปีท่ี 4 - 6
หน่วยกำรจัดกจิ กรรม กำรศกึ ษำ จำนวน 3 ชั่วโมง
เรอ่ื ง คณุ ค่ำรำยวิชำ
1.สำระสำคัญ
การรู้จักเป้าหมายของหลักสตู ร และตระหนักในคุณคา่ ของการเรียนรายวชิ าตามหลักสูตรวิธกี ารวัด
และประเมินผลจะทาให้นักเรียนเกิดความเข้าใจและมีแรงจูงใจในการพัฒนาทักษะ และความสามารถ
ทางการเรยี นใหม้ ีประสทิ ธิภาพเพอ่ื ความสาเรจ็ ทางการเรียน
2. สมรรถนะกำรแนะแนว : ด้ำนกำรศึกษำ
ข้อ 1 รู้ เขา้ ใจ และมีเจตคตทิ ี่ดตี อ่ การเรยี นรู้ตามหลักสตู ร
3. จุดประสงค์กำรเรียนรู้
3.1 บอกเกณฑ์การจบหลักสูตรการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายตามโครงสร้างหลักสูตร
ของสถานศึกษาได้
3.2 อธิบายคุณคา่ ของการเรยี น คณุ คา่ รายวชิ าของหลกั สูตร และการวดั และประเมินผลได้
4. สำระกำรเรียนรู้ 33
4.1 หลกั สูตรการศึกษาระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย
4.2 คุณคา่ ของการเรยี น คุณค่ารายวิชาตามหลักสตู ร
5. ชิ้นงำน / ภำระงำน
5.1 ใบงานเรอ่ื ง แบบสารวจสมรรถนะและคุณลักษณะตามจุดหมายของหลกั สตู ร
5.2 ใบงานเรอ่ื ง วชิ าน้ีเพ่ือเธอ
5.3 ใบงานเรื่อง วิชาที่ฉันเรยี นในชนั้ ม........(เลือกตามระดับทสี่ อน)
6. วธิ กี ำรจัดกจิ กรรม
ชว่ั โมงที่ 1
6.1 ครูนาสนทนาเปรียบเทียบเรื่องชีวิตการเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นกับมัธยมศึกษา
ตอนปลาย(แนวทางในการสนทนา : จุดมุ่งหมายของหลักสูตรระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย เป็นการศึกษา
เพื่อให้นักเรียนมีความรู้และทักษะในวิชาสามัญเฉพาะด้าน สามารถนาความรู้ไปใช้ในการพัฒนาตนเอง
ชุมชน และประเทศได้ตามความเหมาะสม การศึกษาในระดับน้ีจึงเป็นการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะความรู้
เฉพาะดา้ นตามแผนการเรยี นท่นี ักเรยี นเลอื กเรยี น)
6.2 ครอู ธิบายเร่อื งจดุ มงุ่ หมาย คุณลกั ษณะ สมรรถนะ และโครงสร้างหลักสูตรแกนกลางการศึกษา
ข้นั พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 ประกอบสื่อ Power Point และให้นกั เรียนซักถาม
ชั่วโมงที่ 2
6.3 ครูทบทวนการเรียนรใู้ นช่ัวโมงทผ่ี า่ นมา
6.4 นักเรียนทาใบงานเร่ือง แบบสารวจสมรรถนะและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามหลักสตู รโดย
ใหน้ ักเรียนประเมนิ ตนเอง และสรปุ ผลการประเมนิ
6.5 นักเรยี นนาเสนอ และอภปิ รายแสดงความคดิ เห็นตอ่ ผลการประเมนิ เพือ่ แลกเปลีย่ นเรียนรู้
6.6 นักเรียนร่วมกันคิดวิธีการพัฒนาตนเองเพื่อให้สอดคล้องตามสมรรถนะและคุณลักษณะ
อนั พึงประสงคต์ ามหลักสูตร
ชั่วโมงที่ 3
6.7 ครูทบทวนการเรยี นรใู้ นช่วั โมงที่ผา่ นมา
6.8 ครูอธิบายเร่ืองการวัดและการประเมินผล และเกณฑ์การจบหลักสูตรการศึกษาระดับ
มธั ยมศึกษาตอนปลายประกอบสื่อ Power Point เรื่องโครงสรา้ งหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน 2551
6.9 นกั เรียนทาใบงานเรอ่ื ง วิชาน้เี พื่อเธอ
6.10 นักเรียนร่วมกันอภปิ รายเกี่ยวกับคุณค่าของการเรียนในรายวิชาต่าง ๆ ท่ีนาไปใช้ ใน 34
ชีวิตประจาวนั
6.11 นักเรียนทาใบงานเร่ือง วิชาท่ีฉันเรียนในชั้น ม......... (ครูเก็บใบงานนี้ไว้สาหรับใช้ในกิจกรรม
ของภาคเรียนท่ี .......) จากนัน้ ครูและนักเรียนร่วมกนั สรุปสิ่งทไี่ ด้เรยี นรู้จากกจิ กรรม
7. สอ่ื / อุปกรณ์
7.1 สอื่ Power Point เรือ่ ง โครงสร้างหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551
7.2 ใบงานเรอ่ื ง แบบสารวจสมรรถนะและคณุ ลักษณะอนั พึงประสงคต์ ามหลกั สตู ร
7.3 ใบงานเรอ่ื ง วิชาน้เี พอื่ เธอ
7.4 ใบงานเรือ่ ง วิชาทฉ่ี ันเรียนในชัน้ ม........ (ปรบั ตามช้นั ท่นี าไปใช้)
7.5 ใบความรู้สาหรบั ครู เรื่อง เกณฑ์การประเมนิ และตดั สนิ ผลการเรียน
8. กำรวดั และประเมินผล
8.1 วิธกี ำรวดั และประเมินผล
8.1.1 สังเกตความสนใจในการฟงั การตอบคาถาม และการรว่ มอภิปรายแสดงความคดิ เหน็
8.1.2 ตรวจสอบความถูกต้อง ครบถว้ น และความเรยี บร้อยของใบงาน
8.2 เคร่อื งมือ
-
8.3 เกณฑ์กำรประเมนิ
8.3.1 สงั เกตการปฏิบตั กิ ิจกรรม
เกณฑ์ ตัวบง่ ชี้
ผา่ น มคี วามสนใจในการฟัง การตอบคาถาม การร่วมอภปิ รายแสดงความคดิ เหน็
ไมผ่ า่ น ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
8.3.2 ตรวจใบงาน
เกณฑ์ ตัวบ่งช้ี
ผา่ น ทาใบงานถูกต้อง ครบถว้ น และสง่ งานตามกาหนด
ไมผ่ า่ น ขาดสงิ่ ใดส่ิงหน่ึง
35
ใบงำน
เรอ่ื ง แบบสำรวจสมรรถนะและคณุ ลกั ษณะตำมจดุ หมำยของหลักสูตร
ชือ่ ……………………………………….นามสกลุ .................................ชนั้ ม. ……/..........เลขที่...........
คำช้แี จง ใหน้ กั เรยี นพิจารณาว่า ท่ผี า่ นมานกั เรียน เคยทำ สงิ่ ตอ่ ไปนี้บ่อยครง้ั เพียงใด
ทาเป็น ทาบอ่ ย ทา ทานอ้ ย ไม่เคยทา รวม
ขอ้ ท่ี ขอ้ ความ ประจา ครั้ง บางคร้ัง คร้งั คะแนน
1 ถา่ ยทอดความคิด ความรสู้ กึ หรอื ความรูใ้ หผ้ ู้อืน่ เขา้ ใจ (1)
2 แลกเปลี่ยนขอ้ มูลขา่ วสารและประสบการณ์ทเ่ี ปน็ ประโยชนก์ บั ผอู้ น่ื
3 เจรจาต่อรองเพอื่ ขจดั และลดปัญหาความขดั แยง้ ต่าง ๆ (5) (4) (3) (2)
4 เลอื กรบั ขอ้ มูลขา่ วสารดว้ ยหลักเหตผุ ลและความถกู ตอ้ ง
5 เลือกใชว้ ธิ ีการสื่อสารที่เหมาะสมโดยคานงึ ถึงผลกระทบท่เี กดิ ขน้ึ ……….
6 จาแนก แยกแยะองคป์ ระกอบของวตั ถสุ ่งิ ของ เรือ่ งราว หรือเหตกุ ารณ์
………. 36
ตา่ ง ๆ ทเี กยี่ วข้องกบั ชวี ิตและสังคม ……….
……….
7 หลอมรวมความคดิ จากสิ่งที่อา่ นหรือเรียนรู้มาจนเกิดสงิ่ ใหม่ทเ่ี ปน็ ……….
ประโยชน์
8 คิดสรา้ งสรรค์สิ่งใหม่ๆ ท่ีเป็นประโยชน์ จากส่ิงทม่ี ีอยู่เดิม
9 คดิ ไตรต่ รองอย่างรอบคอบ ก่อนการตัดสินใจแกไ้ ขปัญหา
10 คดิ อยา่ งเป็นระบบและมขี ้ันตอนกอ่ นทาสง่ิ ใด
11 เขา้ ใจท่มี าของการเกดิ ปัญหา และการเปลย่ี นแปลงต่างๆในชวี ิต
12 ไตรต่ รอง ค้นหาสง่ิ ทีเ่ ปน็ เหตใุ หเ้ กดิ ความทุกข์ ความไมส่ บายใจ
13 ใชเ้ หตุผล คุณธรรม และข้อมูลในการแกป้ ญั หาและอุปสรรคต่างๆ
14 แสวงหาความรู้ มาใชใ้ นการป้องกันและแก้ไขปญั หา
15 ตดั สนิ ใจโดยคานงึ ถงึ ผลกระทบทเ่ี กดิ ขน้ึ ต่อตน ผ้อู น่ื และสง่ิ แวดลอ้ ม
16 พัฒนาการเรยี นรู้ด้วยตนเองอย่างตอ่ เนอ่ื ง
17 สรา้ งความสมั พนั ธ์ ในการทางาน และอยู่รว่ มกนั กบั ผอู้ ่ืน
18 จดั การปญั หาและความขัดแยง้ ตา่ ง ๆ ได้อย่างเหมาะสม
19 ปรับตวั ได้ทนั กบั การเปลยี่ นแปลงของสงั คมและสภาพแวดลอ้ ม
20 หลกี เลย่ี งพฤตกิ รรมท่สี ่งผลกระทบในทางไม่ดี ต่อตนเองและผูอ้ ืน่
21 รู้จกั เลือก และใชเ้ ทคโนโลยี ที่เปน็ ประโยชน์ตอ่ ชวี ติ
22 กา้ วทนั เทคโนโลยีท่ีเปลี่ยนแปลงและเลอื กใชไ้ ดอ้ ยา่ งเหมาะสม
23 ใช้เทคโนโลยเี พอ่ื การพฒั นาการเรยี นรู้
24 ใช้เทคโนโลยีอยา่ งถกู ต้อง เหมาะสม มีคุณธรรม
25 ใชเ้ ทคโนโลยใี นการทางาน การแกป้ ัญหาอยา่ งสร้างสรรค์
ทาเป็น ทาบ่อย ทา ทานอ้ ย ไมเ่ คยทา รวม
ขอ้ ที่ ขอ้ ความ ประจา ครง้ั บางครั้ง ครง้ั คะแนน
(1)
(5) (4) (3) (2)
26 รักชาติ มีจติ สานกึ ในความเปน็ พลเมืองไทย
27 ศรทั ธาและยดึ มนั่ ในหลกั ศาสนาท่ีตนนบั ถอื
28 ยึดมั่นการปกครองแบบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษตั ริยท์ รงเป็น ……….
ประมุข
29 มีความร้คู วามเข้าใจเกย่ี วกับประวตั ิศาสตรแ์ ละความเปน็ มาของชาติไทย
30 ปฏิบัตติ นตามหลกั ธรรมของศาสนาที่ตนนบั ถือ
31 ไมล่ กั ขโมย ไม่นาทรัพย์สนิ และสง่ิ ของของผอู้ ่นื มาเป็นของตน
32 พูดความจรงิ ไม่พดู โกหกหลอกลวง
33 ซอื่ สตั ย์ในการเรยี น เช่น ไม่ลอกการบา้ น ……….
ไมข่ โมยงานเพือ่ น ไมท่ ุจรติ ในการสอบ
34 ปฏิบัติตนอยา่ งซ่ือสัตย์ อยา่ งตรงไปตรงมาทง้ั กาย วาจา ใจ
35 พบส่ิงของทผ่ี อู้ นื่ ลมื หรอื ทาหายกน็ าไปคืนเจ้าของ
36 ปฏบิ ตั ติ ามระเบยี บของโรงเรยี น สงั คม และประเทศชาติ ดว้ ยตนเอง
37 ปฏบิ ตั หิ นา้ ทีต่ ามบทบาทของตน เชน่ เปน็ ลูกท่ีดี เปน็ ศษิ ย์ท่ีดี
38 ควบคมุ ตนเองในการดารงชีวิตตามหลักศาสนาทต่ี นนบั ถือ ……….
39 มาโรงเรยี นทนั เวลา/เข้าเรยี นตรงเวลา
37
40 สนใจกจิ กรรมการเรยี นและรบั ผิดชอบงานท่ีครูมอบหมาย
41 รกั การอ่าน การเขียน และการฟงั
42 สนใจแสวงหาความรจู้ ากแหล่งเรียนรูต้ ่าง ๆ รอบตวั
43 หมัน่ พัฒนาตนเอง และพัฒนาศกั ยภาพท่ตี นมีอยเู่ สมอ ……….
44 อ่านหนงั สือพมิ พ์ วารสาร หรือนิตยสารเปน็ ประจา
45 มีความกระตือรือรน้ ในการเรยี นและเขา้ เรยี นสมา่ เสมอ
46 กนิ อยู่อยา่ งประหยดั พอดีและพอเพยี ง
47 ใช้สงิ่ ของ เคร่อื งใช้ตา่ ง ๆ อยา่ งพอดี ตามความจาเปน็
48 มีความพอดไี ม่หมกมุ่นจนเกดิ ผลเสีย เชน่ ตดิ เกม ดารานกั รอ้ ง นิยาย
ฯลฯ
49 สามารถเกบ็ ออมเงินตามฐานะ
50 รู้จักใชท้ รพั ยากรทีม่ อี ยจู่ ากัดใหม้ ปี ระสทิ ธิภาพและคมุ้ ค่า
51 ร้จู ักวางแผนและทางานอยา่ งมขี ั้นตอน
52 หมนั่ ตรวจสอบ และมคี วามละเอียดรอบคอบในการทางาน
53 เพยี รพยายาม ขยนั อดทน ทางานที่ไดร้ ับมอบหมายให้สาเร็จ ……….
54 มคี วามรับผิดชอบ ปฏบิ ัตงิ านท่ไี ดร้ ับมอบหมายจนสาเร็จ
ทาเปน็ ทาบ่อย ทา ทาน้อย ไมเ่ คยทา รวม
ขอ้ ที่ ขอ้ ความ ประจา ครั้ง บางครั้ง คร้ัง คะแนน
(1)
(5) (4) (3) (2)
55 มสี ว่ นร่วมในการแสดงความคดิ ในการทากิจกรรมและทางานรว่ มกับผ้อู ื่น
ได้
56 มีจติ สานกึ ในการอนุรกั ษว์ ฒั นธรรมไทยและภูมิปญั ญาไทย
57 ปฏิบตั ติ นตามประเพณี วัฒนธรรมและค่านิยมท่ีดีงามของไทย
58 มสี ่วนในการเผยแพรศ่ ลิ ปวฒั นธรรม ประเพณีและภูมปิ ญั ญาไทย ……….
59 รู้ และเขา้ ใจเกย่ี วกับประเพณี วฒั นธรรม และภูมปิ ญั ญาไทย
60 เข้าชมหรือร่วมกจิ กรรมศลิ ปวัฒนธรรมและประเพณีท่ดี งี ามของท้องถ่ิน
และของไทย
61 ชว่ ยเหลืองานบา้ น ชว่ ยแบง่ เบาภาระพอ่ แม่
62 ยนิ ดีให้ความชว่ ยเหลอื ผอู้ นื่ โดยไม่เรยี กรอ้ งส่ิงตอบแทน
63 ใชเ้ วลาวา่ งอาสาทาประโยชนต์ ่อผอู้ ื่น ชมุ ชน และสิง่ แวดลอ้ ม ……….
64 ช่วยเหลืองานโรงเรียน ชว่ ยแบง่ เบาภาระครู
65 แบ่งปันทรัพย์สนิ สิ่งของ ตามกาลงั เพ่อื ชว่ ยเหลือผู้ประสบปัญหา/ภัย
พบิ ตั ิตา่ งๆ
38
สรุปผลกำรสำรวจตนเอง
ดำ้ นทีป่ ระเมิน รำยกำร ขอ้ คะแนน ค่ำเฉล่ีย ระดับคณุ ภำพ
1. ความสามารถในการส่ือสาร รวม (คะแนนรวมหำรด้วย 5)
สมรรถนะสำคญั 2. ความสามารถในการคดิ
คุณลกั ษณะอนั พงึ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 1-5
ประสงค์ 4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ
5 .ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6-10
1. รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ 11-15
2. ซ่ือสัตยส์ จุ รติ
3. มีวินัย 16-20
4. ใฝ่เรยี นรู้
5. อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง 21-25
6. มุ่งมนั่ ในการทางาน
7. รกั ความเป็นไทย 26-30
8. มจี ิตสาธารณะ 31-35
36-40
41-45
46-50
51-55
56-60
61-65
แนวทำงกำรสรำ้ งแบบสำรวจสมรรถนะและคณุ ลักษณะตำมจดุ หมำยของหลักสูตร
1. ลักษณะของเคร่ืองมือ เป็นแบบตรวจสอบตนเองตามกรอบจุดหมายของหลักสูตร คือ สมรรถนะสาคัญ
5 ด้าน และคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 8 ประการ โดยจัดทาเปน็ ข้อความประเมินแต่ละดา้ น ดา้ น ๆ ละ 5 ขอ้
รวม 65 ขอ้
จดุ หมำยทป่ี ระเมิน จำนวนด้ำน 39
สมรรถนะสำคญั 5 ดำ้ น
1. ความสามารถในการสอื่ สาร 5 ขอ้
2. ความสามารถในการคิด 5 ขอ้
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 5 ขอ้
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5 ขอ้
5 .ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5 ขอ้
คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 8 ประกำร
1. รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ 5 ขอ้
2. ซอื่ สตั ยส์ จุ ริต 5 ข้อ
3. มีวนิ ยั 5 ขอ้
4. ใฝเ่ รยี นรู้ 5 ข้อ
5. อยู่อย่างพอเพียง 5 ข้อ
6. มงุ่ มน่ั ในการทางาน 5 ข้อ
7. รักความเปน็ ไทย 5 ขอ้
8. มีจติ สาธารณะ 5 ขอ้
2. กำรตรวจคะแนน คะแนนทีไ่ ด้
5
ระดบั กำรตอบ 4
ทาเป็นประจา 3
ทาบอ่ ยคร้ัง 2
ทาบางครงั้ 1
ทานอ้ ยครั้ง
ไมเ่ คยทา
3. กำรแปลควำมระดับคณุ ภำพ
ระดับคุณภาพตามจุดหมายของหลักสตู ร จดั ระดับเป็น 5 ระดับ โดยใช้ช่วงคะแนนเฉล่ีย ดงั นี้
ชว่ งคะแนนเฉลย่ี ระดับคณุ ภำพ 40
4.21 – 5.00 ดีเยี่ยม
3.41 – 4.20 ดี
2.61 – 3.40
1.81 – 2.60 ปานกลาง
1.00 – 1.80 ควรพัฒนา
ต้องพฒั นาอยา่ งย่ิง
ใบงำน
เรือ่ ง วิชำนเ้ี พือ่ เธอ
ช่ือ................................................นามสกลุ .................................................ช้นั ……../..........เลขท.่ี ..........
คำชี้แจง ให้นกั เรยี นอา่ นสถานการณแ์ ตล่ ะข้อ และพจิ ารณาว่าตอ้ งใชค้ วามรู้จากการเรียนวชิ าใด
โดยเขยี นเครือ่ งหมาย ลงในช่องวชิ า (มากกวา่ 1 ช่อง ได)้
วิชำกำรงำนอำชพี
ภำษำไทย
ข้อท่ี สถำนกำรณ์ ค ิณตศำสตร์
ิวทยำศำสตร์
ัสงคมศึกษำ
ุสข- พล ึศกษำ
ศิลปะ
ภำษำ ัองกฤษ
คอมฯ
เกษตร
ประดิษฐ์
งำน ่ชำง
งำนบ้ำน
ุธร ิกจ
1 อ่านสลากยาเวลาไมส่ บาย 41
2 คิดเงินทอนเวลาซอื้ ของ
3 ทดสอบหาสารพิษในอาหาร
4 ศกึ ษาภมู ปิ ระเทศ เตรียมตวั ไปเทยี่ วเหนือ
5 เลอื กทานอาหารทม่ี คี ุณคา่
6 ทาการ์ดให้คนสาคัญ
7 อ่านสลากยาภาษาอังกฤษ เวลาปว่ ย
8 สัง่ อาหารรา้ นทเ่ี มนเู ป็นภาษาอังกฤษ
9 ประดิษฐข์ องใช้ ของที่ระลึกด้วยวสั ดุตา่ ง ๆ
10 ต้องเป็นคนอาราธนาศลี เวลาทาบญุ บา้ น
11 ป้องกันตนเองให้ปลอดจากโรคระบาด
12 อา่ นปา้ ยเวลาหลงทาง
13 ดูแลตนเองให้ห่างไกลเอดส์
14 ตกแต่งเสือ้ ผ้าใหส้ วยงาม
15 ทางานคอมพิวเตอร์ทเี่ มนเู ป็นภาษาอังกฤษ
16 เตรยี มปอ้ งกนั ตัวก่อนเกิดภยั ธรรมชาติ
17 ทาของที่ระลกึ ให้เพือ่ น
18 เขยี นจดหมายลาครู
19 บอกรปู พรรณสณั ฐานของคนรา้ ย
20 ประดษิ ฐช์ น้ิ งานเพ่อื ขายหารายไดพ้ ิเศษ
21 ทาบญั ชีรายรับ รายจ่ายแตล่ ะเดือน
22 คานวณเงินในการปลูกบา้ น
23 ชว่ ยบอกทางแกช่ าวตา่ งชาติท่ีหลงทาง
ขอ้ ท่ี สถำนกำรณ์ ภำษำไทยวิชำกำรงำนอำชพี
ค ิณตศำสตร์
24 ออกแบบเส้ือผา้ ใหส้ วยงาม เหมาะสม ิวทยำศำสตร์ 42
25 ซ่อมเครื่องมือเครอ่ื งใชใ้ นบ้านทีช่ ารุด ัสงคมศึกษำ
26 ทดลองวา่ แชมพูยีห่ ้อไหนใช้แล้วไมแ่ พ้ ุสข- พล ึศกษำ
27 สงั เกตธรรมชาตเิ พ่อื รูเ้ ทา่ ทนั สง่ิ ท่จี ะเกิดขนึ้
28 ปลูกต้นไม้ช่วยลดโลกรอ้ น ศิลปะ
29 พมิ พร์ ายงานสง่ ครู ภำษำ ัองกฤษ
30 เพมิ่ สมรรถภาพทางกายของตนเอง คอมฯ
31 รักษาตัวเองใหส้ ุขภาพแข็งแรง เกษตร
32 เล่าใหเ้ พอื่ นฟังถึงเรือ่ งราวที่ไปอบรมมา ประ ิดษฐ์
33 ใชช้ ีวิตเวลาไปท่องเทย่ี วตา่ งประเทศ งำน ่ชำง
34 ดแู ลจดั บา้ นเรือนใหส้ ะอาดนา่ อยู่ งำนบ้ำน
35 หาข้อมลู ความรูท้ างอนิ เตอรเ์ นต ุธรกิจ
36 เพาะตน้ ไมข้ ายหารายไดพ้ ิเศษ
37 ตรวจดเู วลาไฟฟา้ ในบ้านดับ
38 สอ่ื สารพดู คุยกับชาวตา่ งชาติ
39 ทาอาหารและขนมเล้ียงดคู นในครอบครัว
40 ออกแบบปกรายงานส่งครู
41 ตกแต่งบา้ นให้นา่ อยู่
42 สเกตภาพคนร้ายเพือ่ ชว่ ยเหลือตารวจ
43 ดูแลคนปว่ ยในบ้าน
44 จัดการแขง่ ขนั กฬี าประเภทต่าง ๆ ใน
โรงเรียน
45 คดิ ดอกเบีย้ เวลากเู้ งินทาธรุ กิจ
46 จะจัดพิธที าบญุ ที่บา้ น
47 ทาหน้าทีเ่ ป็นทตู วัฒนธรรมไทยในตา่ งแดน
48 คิดคา่ น้ามันรถแตล่ ะเดือน
49 เขยี นจดหมายสมัครงาน
50 เปรยี บเทยี บปริมาณและราคาก่อนซ้ือ
51 ต้องเรียนรมู้ ารยาทในการเขา้ สงั คม
52 ไวต่อการเปล่ียนแปลงของส่ิงรอบตวั
53 เปน็ ไกด์นาชมสถานท่ีสาคญั ตา่ ง ๆ ของไทย
54 คานวณเงินในการแลกเปล่ียนเงนิ ตรา
วชิ ำกำรงำนอำชีพ
ภำษำไทย
ขอ้ ท่ี สถำนกำรณ์ ค ิณตศำสตร์
ิวทยำศำสตร์
55 เขียนใบสมัครเรยี นตอ่ ัสงคมศึกษำ
56 เลอื กน้ายาล้างหอ้ งน้าที่ไมเ่ ปน็ อนั ตราย ุสข- พล ึศกษำ
57 เลา่ ประวตั ศิ าสตรไ์ ทยใหล้ ูกหลานฟงั
58 วเิ คราะหส์ ว่ นผสมของผลิตภัณฑ์กอ่ นซอ้ื ศิลปะ
ภำษำ ัองกฤษ
คอมฯ
เกษตร
ประ ิดษฐ์
งำน ่ชำง
งำนบ้ำน
ุธรกิจ
1. ชอ่ งวิชาใดทไี่ ม่มเี คร่ืองหมาย เลย………………………………………………………… 43
2. ส่ิงทน่ี ักเรียนได้เรยี นรจู้ ากการทาใบงานนี้คืออะไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………….…………………………………………………………….…
…………………………………………………………………………………………………………………………………
3. จากสิ่งทไ่ี ด้เรยี นรู้ นักเรียนจะนาไปประยกุ ต์ใช้ให้เกดิ ประโยชนอ์ ยา่ งไรในการเรยี น
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………
ใบงำน
เรอื่ ง วิชำทฉี่ ันเรยี นในชัน้ ม.4
ชอ่ื ......................................................นามสกุล.......................................ชนั้ ม………/..........เลขท.ี่ ..........
คำช้ีแจง ใหร้ ะบุวิชาท่ีเรียนในช้ัน ม. ........... จาแนกประเภทตามโครงสร้างหลักสตู รดังน้ี
รายวิชาทเ่ี รียนในชน้ั ม. ......... ภาคเรียนที่ ……….
รายวิชาพื้นฐาน
ที่ รหัสวิชา ชือ่ วชิ า ครูผสู้ อน หนว่ ยกติ เกรด เกรดท่ี
เปา้ หมาย ได้
1
2 44
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
ท่ี รหัสวิชา ชอ่ื วิชา รายวิชาเพิ่มเตมิ หน่วยกิต เกรด เกรดที่
ครูผสู้ อน เป้าหมาย ได้
1
2 กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น
3 ครูผสู้ อน
4
ท่ี ชอ่ื กิจกรรม ผลเปา้ หมาย ผล
ที่ได้
1 กจิ กรรมแนะแนว
2 กิจกรรมนกั เรียน
3 กจิ กรรมชุมนมุ
4 กิจกรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์
เกรดเฉลีย่ ภาคเรยี นทใี่ บ…ค…วำทมี่ตร้งั ูส้ เปำหา้ หรบัมคายรไูเรวือ่้ ง เคกือณ…ฑ…์ก…ำ…รป…ร…ะเ…ม…ิน…แล…ะเกกำรรดตเฉดั ลส่ยีนิ ทผ่ีไลดกจ้ ำรรงิ เรคียือน……………..………………..
1. กำรประเมินผลสำระกำรเรยี นรู้ ควำมหมำย ชว่ งคะแนน
ดีเยี่ยม 80 - 100
ระดบั ผลกำรเรยี น ดีมาก 75 – 79
4 ดี 70 – 74
3.5 ค่อนข้างดี 65 – 69
3 นา่ พอใจ 60 – 64
2.5 พอใช้ 55 – 59
2 50 – 54
1.5 ผ่านเกณฑ์ขนั้ ตา่ 0 – 49
1 ต่ากวา่ เกณฑ์
0
หมำยเหตุ “ มส ” หมายถึง ไมม่ สี ิทธ์ิเขา้ รบั การประเมนิ ผลปลายภาคเรียน 45
“ ร ” หมายถึง รอการตดั สิน หรอื ยงั ตัดสินไม่ได้
“ ผ ” หมายถึง ผู้เรยี นมีเวลาเข้าร่วมกจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน ปฏิบัตกิ ิจกรรม และ มี
ผลงานตามเกณฑท์ ีส่ ถานศึกษากาหนด
“ มผ ” หมายถงึ ผเู้ รียนมเี วลาเข้าร่วมกจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน ปฏบิ ตั ิกิจกรรมและมีผลงาน
ไมเ่ ปน็ ไปตามเกณฑ์ท่ีสถานศึกษากาหนด
2. กำรประเมินคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์
2. ซื่อสตั ยส์ จุ ริต
3. มวี ินัย
4. ใฝ่เรียนรู้
5. อย่อู ย่างพอเพยี ง
6. มุ่งม่ันในการทางาน
7. รกั ความเปน็ ไทย
8. มจี ิตสาธารณะ
เกณฑ์พิจำรณำสรุปผลกำรประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 43
ระดบั เกณฑ์กำรพจิ ำรณำ
ดเี ย่ยี ม (3) 1. ได้ผลการประเมนิ ระดับดเี ยี่ยมจานวน 5-8 คณุ ลกั ษณะ และไมม่ คี ุณลักษณะใด
ไดผ้ ลการประเมินระดับดี
ดี (2) 1. ไดผ้ ลการประเมินระดบั ดเี ยีย่ มจานวน 1-4 คณุ ลกั ษณะ และไม่มีคุณลกั ษณะใด
ได้ผลการประเมินต่ากวา่ ระดบั ดี หรอื
2. ไดผ้ ลการประเมินระดับดี ท้ังคุณลักษณะ 8 คุณลักษณะ หรอื
3. ได้ผลการประเมินต้ังแต่ระดับดี ขน้ึ ไป จานวน 5-7 คุณลักษณะ และมี บาง
คุณลักษณะไดผ้ ลการประเมินระดับผา่ น
ผา่ น (1) 1. ไดผ้ ลการประเมินระดบั ผ่านทงั้ 8 คณุ ลกั ษณะ หรือ
2. ไดผ้ ลการประเมนิ ตั้งแตร่ ะดบั ดีขึ้นไป จานวน 1-4 คุณลักษณะ และคุณลักษณะ
ที่เหลือได้ผลการประเมินระดับผ่าน
ไมผ่ ่าน (0) ได้ผลการประเมนิ ระดบั ไมผ่ ่านตง้ั แต่ 1 คุณลักษณะขน้ึ ไป
3. กำรประเมนิ ควำมสำมำรถในกำรอำ่ น คดิ วิเครำะห์ และเขียน
ตวั ช้ีวดั ควำมสำมำรถในกำรอำ่ น คิดวิเครำะห์ และเขียน
1. สามารถอ่านเพ่ือการศกึ ษาค้นควา้ เพ่ิมพูนความรู้ ประสบการณ์ และการประยกุ ตใ์ ชใ้ น
ชวี ิตประจาวัน
2. สามารถจบั ประเดน็ สาคญั ลาดบั เหตุการณ์จากการอ่านสื่อท่มี คี วามซับซ้อน
3. สามารถวเิ คราะหส์ ่ิงท่ีผู้เขียนต้องการสื่อสารกับผอู้ ่านและวพิ ากษ์ ให้ข้อเสนอแนะในแงม่ ุมต่าง ๆ
4. สามารถประเมนิ ความนา่ เชื่อถอื คุณคา่ แนวคดิ ที่ได้จากส่ิงทอี่ ่านอย่างหลากหลาย
5. สามารถเขยี นแสดงความคดิ เห็นโตแ้ ยง้ สรุป โดยมขี ้อมลู อธิบายสนับสนุนอยา่ งเพียงพอและ
สมเหตสุ มผล
เกณฑก์ ำรประเมนิ ควำมสำมำรถในกำรอ่ำน คดิ วิเครำะห์ และเขียน
ระดับ เกณฑ์กำรพิจำรณำ
ดีเยีย่ ม (3) มผี ลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขียนที่มคี ณุ ภาพดีเลศิ อย่เู สมอ
ดี (2) มีผลงานท่แี สดงถึงความสามารถในการอา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขยี นที่มีคุณภาพเปน็ ทย่ี อมรบั
ผา่ น (1) มีผลงานท่แี สดงถงึ ความสามารถในการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขยี นทีม่ ีข้อบกพรอ่ งบางประการ
ไมผ่ ่าน (0) ไม่มผี ลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขยี น หรือถ้ามผี ลงาน
ผลงานนั้นยงั มีข้อบกพร่องท่ตี ้องได้รับการปรบั ปรุงแก้ไขหลายประการ