The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แนวทางการจัดกิจกรรมแนะแนว ม.4 - ม.6-ผสาน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by สุนีรัตน์ ชูช่วย, 2021-11-13 05:21:41

แนวทางการจัดกิจกรรมแนะแนว ม.4 - ม.6-ผสาน

แนวทางการจัดกิจกรรมแนะแนว ม.4 - ม.6-ผสาน

ใบงำน
เร่อื ง เส้นทำงเดิน

คำชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นใชโ้ ทรศัพท์มือถือสบื ค้นข้อมูลด้านการศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาดงั ตอ่ ไปนี้

กำรสอบท่วั ไป

สาหรบั การสอบของข้อสอบกลางทง้ั หมดจะจัดสอบหลงั จากทน่ี กั เรียนชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 6 ไดส้ าเรจ็
การศึกษา หรอื สอบปลายภาคในภาคเรียนที่ 2 เป็นทีเ่ รยี บรอ้ ยแลว้ ซ่ึงมีชว่ งเวลาท่ตี า่ งกัน

GAT / PAT O – NET
9 วชิ ำสำมัญ กสพท.

5 รอบ ของ TCAS กำรสอบทว่ั ไป 94
รอบที่ 1 กำรรับด้วยแฟม้ สะสมผลงำน (Portfolio)
ช่วงรบั สมัคร

สำหรับใคร

สมคั รท่ไี หน มหำวิทยำลัยแต่ละแห่ง ทปอ.
รำยละเอียด / คณุ สมบัติ / สิ่งทีต่ ้องมี

รอบที่ 2 กำรรับแบบโควตำ
ชว่ งรับสมัคร

สำหรบั ใคร

สมคั รท่ไี หน มหำวิทยำลยั แต่ละแห่ง ทปอ.
รำยละเอยี ด / คุณสมบัติ / ส่งิ ทีต่ ้องมี

95

รอบท่ี 3 กำรรับตรงร่วมกัน
ช่วงรับสมคั ร

สำหรับใคร

สมัครที่ไหน มหำวิทยำลยั แต่ละแห่ง ทปอ.
รำยละเอียด / คุณสมบัติ / ส่งิ ท่ีต้องมี

รอบท่ี 4 กำรรับแบบ Admission
ชว่ งรับสมคั ร

สำหรับใคร

สมคั รทไี่ หน มหำวิทยำลัยแตล่ ะแห่ง ทปอ.
รำยละเอียด / คุณสมบตั ิ / ส่งิ ทตี่ ้องมี

96

รอบที่ 5 กำรรบั ตรงแบบอสิ ระ
ช่วงรบั สมคั ร

สำหรับใคร

สมคั รท่ีไหน มหำวิทยำลัยแต่ละแห่ง ทปอ.
รำยละเอียด / คุณสมบตั ิ / สิ่งทีต่ ้องมี

กำรศึกษำระดับประกำศนียบัตรวิชำชีพช้ันสูง (ปวส.)

หลักสูตรทสี่ นใจ 97
………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………

สถาบันการศกึ ษา
………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………

หลกั สตู รทีส่ นใจ
………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………

สถาบันการศกึ ษา
………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………

หลกั สตู รที่สนใจ
………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………

สถาบันการศึกษา
………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………

ตัวอย่ำงกำรจดั กำรอำชีวศึกษำระบบทวิภำคี

ใบงานเรื่อง ภาพแห่งความสาเรจ็

Goal : คณะ / มหาวิทยาลัยทสี่ อบติด Passion : เหตุผลทเี่ ลือกทนี่ ี่

11

22

98

33

44

ใบงานเรอื่ ง Learn By Heart 99

ตอนที่ 1 ใหน้ ักเรียนตอบคาถามตอ่ ไปน้ี
1. นักเรียนใช้วธิ ใี ดในการแสวงหาความรหู้ รือสืบคน้ ข้อมูลเรือ่ งการศกึ ษาต่อ
......................................................................................................................................................................
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ย้อนหลับไป เมื่อนักเรียนเรียนช้ันมัธยมศึกษาตอนต้น นักเรียนได้แสวงหาความรู้หรือสืบค้นข้อมูลด้าน
การศกึ ษาต่อจากแหลง่ เรียนรูใ้ ดบ้าง
...................................................................................................................................... ................................
......................................................................................................................................................................
3. ปัจจุบนั นักเรยี นเรียนช้ันมธั ยมศึกษาตอนปลาย นักเรยี นได้เรียนรู้จากส่ือแหลง่ เรียนรใู้ ดบ้าง และแสวงหา
ความรู้จากแหล่งเรยี นร้ใู ด
......................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
4. จากการเรียนรู้ท่ีผ่านมาจนถึงปัจจุบัน นักเรียนใช้ส่ือเทคโนโลยีในการเรียนรู้ในระดับชั้นใดมากที่สุด
เพราะเหตใุ ด
.......................................................................................................................................................... ............
.....................................................................................................................................................................
5. จากคาพูดที่ว่า ผู้ท่ีหยุดการเรียนรู้เปรียบได้กับ “ท่อนไม้ท่ีตายแล้ว หาประโยชน์ใดใดไม่ได้” หมายความ
ว่าอย่างไร
...................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................

ตอนท่ี 2 ใหน้ ักเรยี นตอบคาถามตอ่ ไปนี้
นกั เรียนใช้คอมพิวเตอร์ – อนิ เทอร์เน็ต ในเรอ่ื งใดมากท่สี ดุ เรยี งลาดบั จากทีใ่ ชม้ ากไปหาน้อย
........... ทารายงาน
........... เล่นเกม
........... ส่ง E-mail
........... ใชบ้ รกิ ารออนไลนฟ์ รี และเสยี เงินบนอนิ เทอรเ์ น็ต
........... สรา้ งเว็บไซต์ / ขายของออนไลน์
........... ค้นหาความรเู้ รอ่ื งทีส่ นใจ
........... ดาวนโ์ หลดเพลงมาฟงั / ดูภาพยนตร์
........... พดู คุยกับคนที่ออนไลน์ด้วยกนั Facebook twitter Line IG
........... อื่น ๆ โปรดระบุ ....................................................................

แบบสารวจพฤติกรรมการแสงหาความรู้

คำชแี้ จง ให้นกั เรยี นสารวจตนเองว่า พฤติกรรมทนี่ ักเรยี นทาต่อไปนี้ มคี วามถี่อยใู่ นระดับใด

ขอ้ พฤตกิ รรมที่แสดงถึงกำรแสดงถงึ กำรแสวงหำควำมรู้ ระดับควำมถ่ีของพฤตกิ รรม

(มุ่งพัฒนำตนเองอยเู่ สมอ) 3 2 10

1 ซกั ถามครูเม่ือเรยี นไมเ่ ขา้ ใจ

2 ตอบคาถามครใู นห้องเรียน

3 แสดงความคิดเห็นในการอภิปรายกลุม่

4 ทาการบ้านทีไ่ ด้รับมอบหมายให้เสรจ็ กอ่ นเวลาท่ีกาหนด

5 หาความรูเ้ พิ่มเตมิ ทห่ี ้องสมดุ

6 ใช้คอมพวิ เตอร์ ส่ือเทคโนโลยีตา่ ง ๆ สื่อ Social Media ในการสบื คน้

ขอ้ มลู ในการทางาน

7 อ่านหนังสือพมิ พ์ วารสาร E - Book เรอ่ื งที่มสี าระความรู้ต่าง ๆ

8 ดรู ายการโทรทัศน์ หรือรายการ Youtube ท่มี สี าระใหค้ วามรู้เพมิ่ เติม

9 ทศั นศึกษาตามแหลง่ เรยี นรตู้ ่าง ๆ ทอี่ ยู่ในท้องถ่นิ หรอื ต่างจังหวัด

10 สนทนาหรือแลกเปลย่ี นความคิดเห็นกบั ผู้มีความรู้

100

การแปลผล

0 หมายถึง ไม่เคยทา
1 หมายถึง ทานาน ๆ ครั้ง
2 หมายถึง ทาบางครงั้ แตไ่ ม่สม่าเสมอ
3 หมายถงึ ทาเป็นประจา

สรปุ พฤตกิ รรมทแ่ี สดงถงึ กำรแสดงหำควำมรูท้ ่ีอย่ใู นระดับ 3 คือ

............................................................................................................................. .......................................................
............................................................................ .................................................................................. ......................

ข้อคดิ หรือประสบกำรณ์ทไี่ ดร้ บั จำกกิจกรรมนี้
........................................................................................................... .........................................................................
............................................................................................................................. .......................................................

ใบงำน
เรอื่ ง ขุมทรพั ย์ทำงปัญญำ

คำช้แี จง ให้นกั เรียนจบั คู่ และชว่ ยกันคิดหาคาตอบเกย่ี วกับการแสวงหาข้อมูล และเลือกใชข้ ้อมลู จาก
แหลง่ เรียนรู้ ตามประเด็นดังนี้

1. ให้นกั เรยี นระบุแหล่งเรียนรู้ภำยในโรงเรยี น

แหล่งเรยี นรภู้ ำยในโรงเรยี น ใหค้ วำมรู้ในเรอื่ ง
1.
2.
3.

2. ใหน้ กั เรียนระบแุ หล่งเรยี นรภู้ ำยนอกโรงเรียน

แหลง่ เรียนรูภ้ ำยนอกโรงเรยี น ใหค้ วำมรูใ้ นเรอ่ื ง
1.
2. 101
3.

3. ให้นกั เรียนระบแุ หล่งเรียนรู้ทน่ี ักเรียนนยิ มหรือเลือกใช้ในกำรแสวงหำควำมรู้มำกทีส่ ุด เพรำะอะไร

แหล่งเรยี นร้ทู น่ี กั เรียนนิยมใช้ เหตุผลทเ่ี ลือกนยิ มใช้
1.
2.
3.

4. ให้นักเรยี นระบุแหล่งเรยี นรู้ทำงอนิ เตอรเ์ น็ตหรือเว็บไซดท์ ี่จะเป็นประโยชน์

เว็บไซดท์ ่นี ำ่ สนใจ ให้ควำมรูเ้ กยี่ วกบั อะไร
1.
2.
3.

แผนกำรจัดกจิ กรรมแนะแนวท่ี 9

หนว่ ยกำรจดั กจิ กรรม กำรศึกษำ ชั้นมธั ยมศึกษำปีที่ 4 – 6
เรื่อง เป้ำหมำยสู่อนำคต จำนวน 12 ช่ัวโมง

1. สำระสำคัญ
การวางแผนพัฒนาตนเองเป็นส่ิงที่นักเรียนควรปฏิบัติอย่างสม่าเสมอ เพ่ือมุ่งมั่นสู่เป้าหมายในอนาคต

ท้ังนกี้ ารรู้จัก เข้าใจ ยอมรับความสามารถ และรู้ความถนัดทางการเรียนของตนตามความเป็นจรงิ จะทาให้นักเรียน
กาหนดเป้าหมายทางการเรียนได้สอดคล้องกับศักยภาพ สามารถพัฒนาตนได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้
การเตรียมความพร้อมด้านการศึกษาต่อสาหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย เพ่ือเข้าศึกษาต่อ
ในสถาบันอุดมศึกษาน้ัน การพิจารณาข้อมูลอย่างรอบด้านในการเลือกคณะ / สาขาวิชาในการศึกษา
ระดับอุดมศึกษาเป็นการตัดสินใจท่ีสาคัญต่อการประกอบวิชาชีพในอนาคต จึงจาเป็นต้องพิจารณาองค์ประกอบ
หลาย ๆ ด้านประกอบกัน ซ่ึงจะช่วยให้นักเรียนสามารถวางแผน และตัดสินใจได้อย่างเหมาะสม สอดคล้อง
กบั ความสนใจ ความสามารถ ความถนัด และบุคลกิ ภาพของตน

2.สมรรถนะกำรแนะแนว : ดำ้ นกำรศึกษำ 102
ขอ้ 3 การใชข้ อ้ มูลในการวางแผนการศกึ ษา

3. จดุ ประสงคก์ ำรเรียนรู้
3.1 วเิ คราะหข์ อ้ มลู โลกกว้างทางการศกึ ษาต่อและอาชพี เม่ือจบช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 6 ได้
3.2 วเิ คราะห์ข้อมลู ตนเองวา่ มคี วามพร้อมทีจ่ ะศึกษาต่อหรอื เข้าส่อู าชีพทตี่ ัดสินใจได้
3.3 วางแผนและตัดสนิ ใจเลือกแนวทางในการศกึ ษาตอ่ เมือ่ จบช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 6 ได้
3.4 กาหนดแนวทางในการพัฒนาตนเองเพือ่ การศึกษาต่อและการมงี านทาได้
3.5 ระบวุ ิธกี ารเตรยี มความพรอ้ มในการสมัครคดั เลอื กเขา้ ศกึ ษาต่อในสถาบนั การศึกษาต่าง ๆ ได้
3.6 ระบุแนวทางการเรยี น การใช้ชวี ติ และการปฏบิ ตั ติ นในสถาบนั การศึกษาต่าง ๆ ได้

4. สำระกำรเรียนรู้
4.1 โลกกว้างทางการศึกษา
4.2 เป้าหมายการศกึ ษาต่อ และวิธีการพฒั นาตนด้านการเรียนอย่างสอดคลอ้ งกบั เปา้ หมาย
4.3 รูปแบบการรับสมคั รบุคคลเขา้ ศกึ ษาต่อในระดบั อดุ มศึกษา (TCAS)
4.4 เสน้ ทางการศึกษาตอ่ และสาขาทเี่ ปิดสอนในระดบั อดุ มศึกษา
4.5 เทคนิคการเลือกคณะ และจัดอันดับประเภทวชิ าตามระดับความสามารถ ความถนดั และความสนใจ
4.6 แนวทางการพฒั นาตนเอง และการวางแผนศึกษาตอ่ เพื่อเข้าสู่อาชีพท่ตี ัดสินใจเลือก

5. ชนิ้ งำน / ภำระงำน
5.1 ใบงานเร่อื ง เตรยี มความพรอ้ มเพอื่ เขา้ ศึกษาต่อในสถาบนั อุดมศกึ ษา (TCAS)
5.2 ใบงานเร่ือง การทาแบบสารวจการวางแผนเพือ่ การมีงานทา
5.3 ใบงานเรอื่ ง แบบสารวจเพ่ือการค้นพบตวั เอง ของ Samsung Smart Learning Center
5.4 แบบสารวจเจตคตกิ ารต้ังเปา้ หมายในการเรยี นและอาชีพ
5.5 ใบงานเรอ่ื ง แผนชวี ติ แผนอนาคต

6. วธิ กี ำรจัดกจิ กรรม 103
กิจกรรมกำรเรียนรู้เร่อื ง ทำงเดินสูค่ วำมสำเร็จ (ช่วั โมงที่ 1 - 2)
6.1 ครูนาสนทนาเร่ือง เป้าหมายทางการเรียนของนกั เรยี นทกุ คนเมื่อจบชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 6 เพื่อให้

นกั เรยี นไดท้ บทวนตนเอง และแลกเปลีย่ นเรียนรู้รว่ มกนั
6.2 ครูเปิดวีดิทัศน์เร่ือง 5 ข้ันตอน เตรียมพร้อมสู่มหาวิทยาลัย และเร่ือง 5 นาทีกับ TCAS

ให้นกั เรยี นดู จากนน้ั สมุ่ ถามนกั เรียนเก่ียวกับสิ่งท่ีได้เรยี นรู้จากสื่อ
6.3 ครูนาเสนอส่ือ Power Point เรื่อง ระบบการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา

(TCAS) และแผ่นพับองค์ประกอบและค่าร้อยละของกลมุ่ สาขาวิชาในการรับบุคคลเข้าศึกษาในสถาบัน อุดมศึกษา
ระบบกลาง จากนั้นครูสมุ่ ถามนกั เรยี นเพ่ือตรวจสอบความเข้าใจเชิงเน้ือหา

6.4 ครูนาเสนอรายงานสรุปผลการศึกษาต่อของนักเรียนโรงเรียนต่าง ๆ ในปีการศึกษาที่ผ่านมา เพ่ือให้
นักเรียนศึกษาเป็นแบบอย่าง และมีแนวทางในการวางแผนตัดสินใจเลือกศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาตาม
ศักยภาพของตน

กจิ กรรมกำรเรยี นรู้เร่ือง เรียนทีไ่ หน....ใครกำหนด (ชั่วโมงท่ี 3 – 4)
6.5 นักเรียนดูวีดิทัศน์เร่ือง ครูคลับ....คลับของคุณครู ตอนท่ี 1 Mindset และสื่อวีดิทัศน์
เรื่อง ครคู ลบั ....คลบั ของคณุ ครู ตอนที่ 10 การตัง้ เปา้ หมายในการเรยี น และแลกเปลยี่ นเรยี นร้รู ่วมกัน
6.6 ครูทบทวนกิจกรรมในช่ัวโมงที่ผ่านมา และให้นักเรียนทาใบงานเร่ือง เตรียมความพร้อม
เพ่ือเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา (TCAS) โดยสามารถนาโทรศัพท์มือถือสืบค้นข้อมูลได้ จากน้ันครู
ต้ังประเดน็ คาถามเพม่ิ เติมดังน้ี

- นักเรียนสืบค้นข้อมูลจากแหล่งใด พบปัญหาอะไรบ้างในการสืบค้นข้อมูล และมีวิธีการจัดการ
อย่างไร

- นกั เรียนต้องการทราบขอ้ มูลเพมิ่ เติม หรือมีคาถามใดบ้างทต่ี อ้ งการใหค้ รูอธบิ ายเพิม่ เตมิ
- จากการทาใบงาน นกั เรียนจะมวี ิธีเตรียมตัวอยา่ งไรเพื่อไปสเู่ ปา้ หมาย
6.7 ครูอธิบายเพ่ิมเติมเก่ียวกับ รูปแบบการรับสมัครบุคคลเพ่ือเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา
ระบบการรับรูปแบบพิเศษอื่น ๆ (เช่น ระบบรับตรงของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ระบบรับตรงของกลุ่มสถาบัน

แพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (กสพท.) โควตาเรยี นดี โควตาความสามารถพเิ ศษ โครงการทุนการศึกษา โครงการ
พเิ ศษของสถาบนั ต่าง ๆ และสอบคัดเลือกเองตามเงื่อนไขและหลกั เกณฑ์ของแตล่ ะสถาบนั )

6.8 นักเรียนร่วมกันสรุปส่ิงที่ได้เรียนรู้จากกิจกรรม และครูเปิดวีดิทัศน์ให้นักเรียนดูเร่ือง บทเรียน
จากชีวิตนกอินทรีย์ แล้วสรุปประเด็นเชื่อมโยงกับการสร้างแรงบันดาลใจเพื่อออกแบบเป้าหมายทางการศึกษาต่อ
ในอนาคต และการมุ่งม่นั ไปสู่เปา้ หมายดว้ ยตัวของนักเรยี น

กิจกรรมกำรเรยี นรู้เรือ่ ง พิชิตเปำ้ หมำย (ช่วั โมงท่ี 5) 104
6.9 ครแู นะนาหนงั สือ Dek – D TCAS ขน้ั เทพ ฉบับอัพเดท 2562 และหนังสอื คะแนนสงู – ตา่ รอบ
ADMISSIONS ปี 2561 ของบัณฑิตแนะแนว ให้นักเรียนรับทราบข้อมูล เพื่อสามารถสืบค้นข้อมูล
ดา้ นการศึกษาต่อได้ด้วยตนเอง
6.10 ครูสุ่มถามนักเรียนประเด็นเรื่อง “ยามว่างของฉัน” เพ่ือร่วมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็นวา่ ใน
ช่วงเวลาหลังเลิกเรียนหรือในวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์ นักเรียนแบ่งเวลาในแต่ละวันอย่างไรบ้าง เช่น อ่านหนังสือ
เรียนพิเศษ ชว่ ยพ่อแม่ทางานบ้าน ทางาน part – time เลน่ อนิ เทอรเ์ นต็ หรอื ไปเทย่ี ว/พกั ผ่อน
6.11 นักเรียนดูส่ือวีดิทัศน์เรื่อง มารู้จัก TCAS ฉบับเข้าใจง่ายของ Dek-D จากนั้นครูอธิบาย
เพ่ิมเติมด้วยเอกสารเกี่ยวกับคู่มือระบบ TCAS 62 สาหรับนักเรียน และแนะนาแผ่นพับ TCAS Planner
ของ ทปอ. ใหน้ กั เรยี นทราบรายละเอียดเสน้ ทางเตรียมความพร้อมดา้ นการศกึ ษาต่อ
6.12 นักเรียนร่วมกันสรุปส่ิงที่ได้เรียนรู้ และครูแจ้งข่าวสารประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับมหาวิทยาลัย
ที่จัดกิจกรรม Open House เปิดบ้านวิชาการในแต่ละแห่ง เพ่ือให้นักเรียนได้จัดสรรเวลาไปเสริมสร้างประสบการณ์
การเรียนรนู้ อกห้องเรียนในสถานที่จรงิ

กจิ กรรมกำรเรยี นรู้เร่ือง บันไดสดู่ วงดำว (ช่ัวโมงท่ี 6 - 7)
6.13 ทบทวนสงิ่ ที่ไดเ้ รยี นร้ใู นชว่ั โมงท่ีผา่ นมา
6.14 ครูแจกใบความร้เู รื่อง เทคนิคเลอื กคณะ และการจัดอันดบั จากนน้ั นกั เรยี นศกึ ษาใบงาน
เร่ือง การทาแบบสารวจการวางแผนเพื่อการมีงานทา และนักเรียนร่วมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ
โมเดลการพฒั นาผูเ้ รยี นเข้าสอู่ าชีพ
6.15 ครูมอบหมายงานให้นักเรียนทาแบบสารวจการวางแผนเพื่อการมีงานทา โดยใช้โทรศัพท์มือถือ
สแกน QR Code เพ่ือทาแบบสารวจฯ ต่าง ๆ ท่ีอยู่ในใบงาน จากน้ันบันทึกผล / จัดเก็บข้อมูล และบันทึกภาพ
เพ่ือนาผลการทาแบบสารวจฯ ไปจัดวางในคอมพิวเตอร์ พร้อมพิมพ์เอกสารรายงานผลการทาแบบสารวจฯ ทั้งหมด
สง่ ครูในช่ัวโมงถัดไป
6.16 ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปส่ิงท่ีได้เรียนรู้ และอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับความสาคัญของการ
ทาแบบสารวจการวางแผนเพื่อการมีงานทา เพ่ือเป็นข้อมูลประกอบการวางแผน และการตัดสินใจเลือกแนวทาง
ในการศึกษาตอ่ เมื่อเรยี นจบช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 6

กิจกรรมกำรเรยี นรู้เรอื่ ง เลอื กแนวทำง วำงอนำคต (ช่ัวโมงที่ 8 – 9)
6.17 ทบทวนส่งิ ทไ่ี ดเ้ รียนรู้ในชวั่ โมงทีผ่ ่านมา
6.18 ครูตรวจเอกสารรายงานผลการทาแบบสารวจฯ ของนักเรียนเป็นรายบุคคล และแจกเอกสาร
เติมพลังสมอง “เลือกแนวทาง วางอนาคต” ให้นักเรียนศึกษา เพ่ือเรียนรู้เก่ียวกับข้อมูลการศึกษา
ในคณะตา่ ง ๆ และแนวทางการประกอบอาชีพตามสาขาที่เรยี นจบมา โดยใชโ้ ทรศพั ทม์ ือถือสแกน QR Code
6.19 ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันสรุปส่งิ ที่ได้เรยี นรู้ และครอู ธิบายเพ่ิมเตมิ เก่ียวกับความสาคัญของ
บุคลิกภาพกับแนวโน้มการตัดสินใจเลือกศึกษาต่อ และการประกอบอาชีพในอนาคต โดยเน้นการวิเคราะห์ตนเอง
อย่างรอบด้าน ทั้งในด้านความสามารถ ความถนัด ความสนใจ สุขภาพ ความคาดหวังของผู้ปกครอง
ฐานะทางเศรษฐกจิ และตลาดแรงงาน ฯลฯ

กจิ กรรมกำรเรียนรู้เรอ่ื ง พหุปญั ญำ (ชัว่ โมงท่ี 10 - 11) 105
6.20 ทบทวนส่ิงที่ได้เรยี นรใู้ นชั่วโมงทผี่ ่านมา
6.21 ใหน้ กั เรยี นทา แบบสารวจเพ่ือการคน้ พบตวั เอง ของ Samsung Smart Learning Center
ใหน้ กั เรยี นทา และระบายสีแผนภูมิพหปุ ญั ญาใหเ้ รยี บร้อย
6.22 ครอู ธบิ ายความสาคัญของทฤษฎีพหปุ ัญญา และยกตวั อย่างแนวทางการประกอบอาชีพตาม
ความถนัดทัง้ 8 ด้าน จากนนั้ นาเสนอส่ือวีดทิ ศั น์เรือ่ ง พหุปัญญา และนานกั เรยี นอภปิ รายแสดงความคดิ เหน็ รว่ มกัน
6.23 ครแู จกแบบสารวจเจตคตกิ ารต้งั เป้าหมายในการเรยี นและอาชพี ให้นกั เรยี นทา และเขยี น
สรปุ ผลให้เรียบรอ้ ย จากนน้ั ครูอธบิ ายเพ่มิ เติมเกีย่ วกับการแปลผล เพ่อื การสง่ เสริมเป้าหมายดา้ นการเรียน และ
ดา้ นอาชพี ของนักเรียนให้มคี วามสม่าเสมอมากยงิ่ ขน้ึ
6.24 นกั เรียนรว่ มกนั สรปุ สิง่ ทีไ่ ดเ้ รียนร้จู ากกิจกรรมครั้งนี้
กจิ กรรมกำรเรียนรู้เร่ือง สร้ำงฝันเพ่ือควำมสำเรจ็ (ช่ัวโมงที่ 12)
6.25 ทบทวนสง่ิ ที่ไดเ้ รียนร้ใู นชว่ั โมงท่ีผา่ นมา
6.26 นักเรยี นศกึ ษาใบความรเู้ รอ่ื ง วางแผนการศึกษาสคู่ วามสาเร็จในการเลือกอาชพี จากนัน้
รว่ มกันอภปิ รายแสดงความคิดเหน็ ในประเดน็ เรื่อง โลกกว้างทางการศกึ ษา และการกาหนดแนวทางในการพฒั นา
ตนเองเพอ่ื การศึกษาต่อและการมงี านทาในอนาคต
6.27 นกั เรียนทาใบงานเรือ่ ง แผนชวี ิต แผนอนาคต จากน้ันรว่ มกันสง่ิ ทีไ่ ด้เรียนรู้จาก
กิจกรรมครงั้ นี้

7. สอื่ / อุปกรณ์
7.1 สอ่ื วดี ิทัศนเ์ รื่อง 5 ขั้นตอน เตรียมพร้อมสูม่ หาวิทยาลัย
7.2 สื่อวีดทิ ัศน์เร่อื ง 5 นาทีกับ TCAS
7.3 ส่อื Power Point เร่ือง ระบบการคัดเลือกบุคคลเขา้ ศึกษาต่อในสถาบันอดุ มศึกษา (TCAS)

7.4 แผ่นพบั องคป์ ระกอบและคา่ ร้อยละของกลุ่มสาขาวิชา (ทปอ.) 106
7.5 รายงานสรุปผลการศึกษาต่อของนักเรยี นทีจ่ บการศกึ ษาชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 6 ของโรงเรยี นต่าง ๆ
7.6 สอื่ วดี ทิ ัศนเ์ รอ่ื ง ครคู ลบั ....คลบั ของคณุ ครู ตอนที่ 1 Mindset
7.7 สอ่ื วดี ิทัศนเ์ รือ่ ง ครคู ลับ....คลับของคุณครู ตอนท่ี 10 การตั้งเปา้ หมายในการเรียน
7.8 ใบงานเรือ่ ง เตรียมความพรอ้ มเพอื่ เข้าศกึ ษาตอ่ ในสถาบันอุดมศึกษา (TCAS)
7.9 สื่อวีดิทัศน์เร่ือง บทเรียนจากชวี ิตนกอนิ ทรีย์
7.10 หนังสอื Dek – D TCAS ขัน้ เทพ ฉบับอพั เดท 2562
7.11 หนงั สอื คะแนนสงู – ตา่ รอบ ADMISSIONS ปี 2560 - 2561 ของบณั ฑิตแนะแนว
7.12 วีดทิ ัศนเ์ รือ่ ง มารู้จัก TCAS ฉบบั เขา้ ใจงา่ ยของ Dek-D
7.13 เอกสารคมู่ ือระบบ TCAS 62 สาหรับนกั เรยี น/ครู
7.14 แผ่นพับ TCAS Planner ของ ทปอ.
7.15 ใบความรเู้ รือ่ ง เทคนคิ เลอื กคณะ และการจัดอนั ดบั
7.16 แบบสารวจการวางแผนเพือ่ การมีงานทา
7.17 เอกสารเติมพลงั สมอง “เลอื กแนวทาง วางอนาคต”
7.18 แบบสารวจเพือ่ การคน้ พบตวั เอง Samsung Smart Learning Center
7.19 วีดทิ ศั น์เร่ือง พหปุ ญั ญา
7.20 แบบสารวจเจตคติการตง้ั เปา้ หมายในการเรียนและอาชีพ
7.21 ใบความร้เู ร่อื ง วางแผนการศึกษาสูค่ วามสาเรจ็ ในการเลือกอาชีพ
7.22 ใบงานเรื่อง แผนชีวติ แผนอนาคต

8. กำรวดั และประเมินผล
8.1 วธิ กี ำรวัดและประเมินผล

8.1.1 สงั เกตความสนใจในการฟงั การตอบคาถาม และการร่วมอภปิ รายแสดงความคิดเห็น
8.1.2 ตรวจสอบความถูกต้อง ครบถ้วน และความเรยี บร้อยของใบงาน
8.2 เครื่องมอื
-
8.3 เกณฑก์ ำรประเมิน

8.3.1 สงั เกตการปฏบิ ัติกิจกรรม

เกณฑ์ ตัวบง่ ช้ี
ผ่าน มีความสนใจในการฟงั การตอบคาถาม การร่วมอภิปรายแสดงความคิดเห็น
ไมผ่ ่าน ขาดส่งิ ใดสง่ิ หน่ึง

8.3.2 ตรวจใบงาน
เกณฑ์ ตวั บ่งช้ี
ผา่ น ทาใบงานถูกต้อง ครบถ้วน และสง่ งานตามกาหนด
ไม่ผ่าน ขาดสิง่ ใดสงิ่ หน่ึง

107

ใบงานเร่ือง เตรียมความพรอ้ มเพ่ือเข้าศึกษาต่อในสถาบันอดุ มศึกษา (TCAS)

1. ข้อมูลส่วนตัว

1.1 แผนการเรยี น...................................................... ผลการเรยี นเฉลี่ยสะสม..............................
1.2 ความสามารถพเิ ศษ.................................................................................................................
1.3 อาชพี ที่สนใจ………………………………………………………………………………..…………………………….

2. คณะ / สำขำ / สถำบันกำรศกึ ษำท่สี นใจ

คณะ / สำขำ สถำบันกำรศกึ ษำ คะแนนตำ่ สดุ คำ่ นำ้ หนัก %
1 2 ปยี ้อนหลัง GAT PAT
ปี 2560 ปี 2561

…….…...... …….…....... ……. % P….... % P….... %

2 108
…….…..... …….…....... ……. % P….... % P….... %

3
…….…..... …….…...... ……. % P….... % P….... %

4
…….…..... …….…...... ……. % P….... % P….... %

3. สรุปรำยวิชำท่ีต้องใชใ้ นกำรสมคั รสอบคดั เลอื กเขำ้ ศกึ ษำต่อในสถำบนั อุดมศึกษำ (TCAS)

………………………………………………………………………………………………………................................................................
............................................................................................................................. .......................................................
............................................................................................................................. .......................................................

ใบงานเร่อื ง แผนชีวิต แผนอนาคต

1 เป้าหมายอีก 1 ปี ขา้ งหนา้ ของฉัน คือ 109

……………………………………………………………………………………………………………………………………..

เป้าหมายอีก 5 ปี ข้างหน้าของฉัน คือ
…………………………………………………………………………………………………………………………….……..

เปา้ หมายอีก 10 ปี ข้างหนา้ ของฉัน คือ
.................................................................................. ........…………………………………………………..

2 สิ่งทฉี่ นั จะต้องทำเพ่ือให้บรรลุเปำ้ หมำย

2.1…………………………………………………………………………………………………………………………………..
2.2…………………………………………………………………………………………………………………………………..
2.3…………………………………………………………………………………..…………………………………………….

3 คำพดู บอกกับตัวเอง เพ่ือให้มแี รงไปต่อ

3.1…………………………………………………………………………………………………………………………………
3.2……………………………………………………………………………………………….……………………………….

3.3………………………………………………………………………………………………..……………………………….

4 ฉันอยำกได้กำลังใจจำกใคร (ระบุชื่อบคุ คล) และวธิ กี ำรท่ีได้มำ

4.1…………………………………………………………………………………………….…………………………………
4.2……………………………………………………………………………………………………………………………….
4.3…………………………………………………………………………………………………….…………………………

ใบความรู้เร่อื ง วางแผนการศึกษาสู่ความสาเรจ็ ในการเลือกอาชีพ

แนวโน้มการศึกษาไทยในศตวรรษท่ี 21 ระบบการศึกษาไทย เพ่ือให้ได้มาตรฐานจึงมุ่งเน้น และจาเป็น 110
ต้องมีทิศทางการพัฒนาคุณลักษณะการศึกษาไทยให้ทันยุคทันสมัย โดยเฉพาะทันในยุคศตวรรษท่ี 21 ซ่ึงจะเน้น
เด็กไทยตอ้ งเตรยี มความพร้อมใน 9 ประการ ดงั นี้

1. มีการใช้ และบรู ณาการเทคโนโลยีที่มากขึน้
2. ใช้หลักความเปน็ โลกเรียนรู้ส่งิ ท่อี ย่ไู กลตัวออกไป
3. ตระหนักถึงปจั จัยดา้ นเศรษฐกิจทมี่ ีอิทธพิ ลต่อการจดั การศึกษา
4. ความจาเป็นมีแรงงานเชงิ แข่งขนั ทม่ี ที ักษะสงู
5. การศกึ ษาแบบไร้พรมแดน และขา้ มพรมแดน
6. การแลกเปลยี่ นครู และนกั เรียนใหม้ ีประสบการณร์ ะดบั โลกมากข้นึ
7. ความสรา้ งสรรคม์ ากข้ึน ความรู้ถูกสร้างขึ้น มีมากขน้ึ
8. การเป็นหุ้นส่วนระหว่าวงรัฐบาล กรรมการสถานศกึ ษา สถานศึกษา และนักการศึกษา
9. การเรยี นรู้แบบเปน็ ทางการ และไมเ่ ปน็ ทางการ โดยใช้เทคโนโลยี

นอกจากน้ัน ในด้านการเตรียมเด็กนักเรียนในปัจจุบัน เพื่อตอบรับตลาดแรงงานในอนาคตท่ีซับซ้อน
และมีการแข่งขันกัน โดยจะเน้นในเรื่องของทักษะที่ถือว่าเป็นปัจจัยท่ีส่งผลให้เมื่อจบการศึกษาแล้ว
จะประสบความสาเรจ็ ในการมงี านทา มอี าชพี ในอนาคต ดังน้ี

1. ทกั ษะการคดิ สรา้ งสรรค์ และการแกป้ ัญหา
2. ทกั ษะการทางานร่วมกนั ผา่ นเครือขา่ ย
3. ทักษะความคลอ่ งแคลว่ และสามารถปรับตัว
4. ทักษะการริเริ่ม และการเปน็ ผู้ประกอบการ กล้าคิด กล้าทา
5. ทกั ษะการสื่อสารโดยการพูด และการเขยี นทีม่ ปี ระสทิ ธิภาพ
6. ทกั ษะการเข้าถึง และวิเคราะหส์ ารสนเทศ
7. ทกั ษะความเป็นผู้อยากรู้ อยากเหน็ และมจี ินตนาการ ก่อใหเ้ กิดประโยชน์แกต่ นเอง และสว่ นรวม

ขอ้ แนะนำในกำรเลือกคณะ / สำขำ และสถำบันท่ีต้องกำรศึกษำต่อ 1 111
1. การประเมินตนเอง โดยเร่ิมจากการต้ังคาถาม ถามตนเอง เช่น ส่ิงใดที่ทาให้เรามีความสนุก ส่ิงใดท่ี
เราชอบ และไมช่ อบ วชิ าใดที่เราถนัด หรือสนใจ
2. การประเมนิ จากปจั จยั ภายนอก เรม่ิ จากการสอบถามบุคคลภายนอกหรือเพ่ือนสนิท ส่วนไหน เปน็ ข้อเด่น
และข้อดอ้ ยในเรื่องของความสามารถ
3. ภาพรวมของอาชีพในอนาคต / ตลาดแรงงาน
4. การศกึ ษาหาความรู้ และสอบถามข้อมูลเพ่มิ เติมจากครูแนะแนว ตลอดจนใช้บริการตา่ ง ๆ ท่หี ้องแนะแนว
ของโรงเรียน หรอื ในมหาวิทยาลยั
5. การปรกึ ษา / พดู คุยกบั รุ่นพ่นี ักศกึ ษาในมหาวิทยาลยั ทเี่ ราต้องการศึกษาต่อ
6. การศึกษาโครงสรา้ งรายวชิ า และสาขาโดยตรงจากมหาวทิ ยาลยั

- สาขาวิชาทต่ี ้องการจะสมคั ร จากัดจานวนรับนักศกึ ษาหรอื ไม่
- สาขาวชิ าทตี่ ้องการสมัคร มีขอ้ บังคับใหฝ้ ึกงานก่อนเข้าศึกษาหรือไม่ และเปน็ เวลานานเทา่ ไหร่
- หลักสตู รทต่ี อ้ งการจะสมัครมรี ายละเอยี ดอย่างไร สามารถเลอื กวิชาเอกอะไรไดบ้ ้าง

7. หาข้อมูลของคณะต่าง ๆ จากเว็บไซต์ หรือเอกสารเผยแพร่ของมหาวิทยาลัย และจากแหล่งข้อมูล
อน่ื ๆ ทีเ่ กี่ยวข้อง

8. เข้ารว่ มงาน Open House ของมหาวทิ ยาลัยตา่ ง ๆ และเข้ารว่ มค่ายฝกึ ประสบการณเ์ ตรียมความพร้อม
9. สารวจความสามารถ ความสนใจ ความถนดั และบุคลกิ ภาพของตนเอง ดว้ ยแบบทดสอบทางจิตวทิ ยา

นอกจากนี้ การวางแผนศึกษาต่อสู่ความสาเร็จในการเลือกอาชีพ ตามกลุ่มสาขาวิชา และอาชีพจาแนก
ตามระบบ ISCED (International Standard Classification of Education) สอดคล้องกับการตัดสินใจเลือกอาชีพ
ของบุคคล พัฒนามาจากประสบการณ์ในวัยเด็ก การท่ีบุคคลจะตัดสินใจเลือกประกอบอาชีพใด บุคคลควรจะมี
ความรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกบั ลกั ษณะการทางานของแต่ละอาชีพ เพ่ือช่วยให้เกิดความเข้าใจเก่ียวกับอาชีพตา่ ง ๆ ได้
ถูกต้อง โดยอาชพี ต่าง ๆ ในสังคมสามารถจาแนกประเภทไดใ้ นหลายลักษณะ หากพจิ ารณาตามประสบการณ์ และ
การศึกษาอบรมเก่ียวกับอาชีพแล้ว อาจจาแนกกลุ่มของบุคคลในอาชีพต่างๆ ได้ 5 ระดับ ตามความสามารถ และ
ความชานาญในอาชีพ ดงั นี้

1. ประเภทไร้ฝมี อื ไดแ้ ก่ ผู้ไม่มีความรู้ ความชานาญในอาชีพ จะต้องฝึกฝนและหาประสบการณด์ า้ นอาชพี
หรอื ใชแ้ รงกายในการทางาน

2. ประเภทกง่ึ ฝีมือ ได้แก่ ผมู้ คี วามรู้ ความชานาญในอาชพี เพยี งเลก็ น้อย หรอื ได้รบั การอบรมเกย่ี วกับการ
ประกอบอาชีพในระยะเวลาส้ัน ๆ ไมเ่ กนิ 1 ปี

1 กรมการจัดหางาน. วางแผนการศกึ ษาสู่ความสาเร็จในการเลอื กอาชีพ. กองส่งเสริมการมีงานทา กรมการจดั หางาน
กระทรวงแรงงาน. พิมพค์ รง้ั ที่ 1. 2558.

3. ประเภทช่ำงฝีมอื ได้แก่ ผูม้ คี วามรู้ความชานาญเกย่ี วกับงานในอาชีพมากพอสมควรมคี วามสามารถเฉพาะ 112
ด้านของงานท่ที า หรือได้รบั ประกาศนียบัตร ซ่งึ ใชเ้ วลาในการฝึกฝนฝีมือตั้งแต่ 1 - 3 ปี มคี วามรู้และฝีมือ
ในการประกอบอาชีพพอสมควร

4. ประเภทกึ่งวิชำชีพได้แก่ ผู้ท่มี ีความรู้ความชานาญ ตลอดจนความรอบรเู้ ก่ยี วกับงานในอาชีพในระดับ
อนุปริญญาหรือเทียบเทา่

5. ประเภทวิชำชีพ ได้แก่ ผู้ทีม่ คี วามรู้ความชานาญ และความรอบรู้เก่ียวกับงานในอาชีพอย่างกว้างขวาง
สามารถแนะนาควบคุมตลอดจนบริหารงานในอาชีพนั้นได้อยา่ งดีมีความรูเ้ ก่ียวกบั อาชีพในระดับปรญิ ญา
ตรีขน้ึ ไป
ในยุคแห่งสังคมข้อมูลข่าวสาร การศึกษาถือเป็นเครื่องมือสาคัญสาหรับบุคคลที่จะช่วยพัฒนาตนและ

สังคมให้มีคุณภาพได้โดยเฉพาะการศึกษาในระดับอุดมศึกษา ซึ่งมีสาขาวิชาต่าง ๆ ให้เลือกมากมาย แต่จะเลือก
อย่างไรควรจะวางแผนการศึกษาอย่างไร ให้สอดคล้องกับเป้าหมายในการประกอบอาชีพนั้น สานักงาน
คณะกรรมการอุดมศึกษาได้รวบรวมข้อมูลแนวทางการศึกษาในสาขาวิชาต่าง ๆ ซ่ึงจาแนกตาม ISCED
(International Standard Classification of Education) 10 กล่มุ สาขาวชิ าดงั น้ี

1. กลุม่ สำขำวิชำศกึ ษำศำสตร์
ลักษณะกำรศกึ ษำ เปน็ การศึกษา และฝึกประสบการณใ์ นการเป็นครู เรยี นรู้เกี่ยวกับหลกั สูตร เทคนิค

วธิ กี ารสอน การวัดและประเมินผลการเรียน การใช้เทคโนโลยีทางการศึกษา จติ วิทยา และพฤติกรรมการเรยี นรู้
การจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน

สำขำท่ีเปิดสอน ได้แก่ การศึกษาปฐมวัย การประถมศึกษามัธยมศึกษาอาชีวศึกษาการวัดผล
การศกึ ษา คณติ ศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีววทิ ยา วทิ ยาศาสตร์ทัว่ ไป ภาษาไทย ภาษาองั กฤษ ภาษาฝร่ังเศษ
ภมู ิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ จิตวทิ ยาการศกึ ษาและแนะแนว เทคโนโลยีการศึกษา ศิลปศึกษา พลศกึ ษา
เทคโนโลยีการศึกษา ธุรกิจศึกษา บรรณารักษ์ศาสตร์ ดนตรีศึกษา สุขศึกษา การศึกษานอกระบบ คหกรรม
เกษตรกรรม ศลิ ปะอุตสาหกรรม

คณะทีเ่ ปิดสอน คณะครศุ าสตร์ คณะศกึ ษาศาสตร์
สถำบนั ที่เปิดสอน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลยั ขอนแกน่
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลยั นเรศวร มหาวิทยาลยั บรู พา มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม มหาวทิ ยาลยั
ศรีนครินทรวโิ รฒ มหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวทิ ยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลยั รามคาแหง
มหาวิทยาลยั สุโขทัยธรรมาธริ าช และมหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ตา่ ง ๆ
บุคลิกภำพทีเ่ หมำะสม เป็นผูใ้ ฝ่การศกึ ษา มอี ดุ มคติ รกั เดก็ มคี ุณธรรม เมตตากรณุ า มีความ
สามารถในการถ่ายทอดความรู้ได้ดี ปรับตัวเข้ากับคนอื่นได้ง่าย เป็นอย่างอย่างให้กับผู้อื่นได้ สามารถดูแลแนะนา
เดก็ ๆ ใหเ้ ป็นคนเกง่ และคนดีได้ ช่างสังเกต จิตใจมน่ั คง ชอบใชเ้ หตผุ ลในการแก้ปัญหา มีคุณธรรม
สภุ าพอ่อนโยน
ลักษณะอำชีพ เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับการสอน การฝึกอบรม การให้ความรู้ และสร้างเสริมประสบการณ์
ชีวติ แก่นักเรยี น การบริหารสถานศกึ ษา การนิเทศ

อำชพี หลงั สำเร็จกำรศกึ ษำ ครู / อาจารย์ในสถานศึกษาระดบั ตา่ ง ๆ เจ้าหนา้ ทฝี่ กึ อบรม 113
ศกึ ษานิเทศก์ นักแนะแนว นักวิชาการ เจา้ หน้าที่โสตศึกษา นักจิตวิทยา บรรณารกั ษ์

2. กลุ่มสำขำวชิ ำมนษุ ยศำสตร์ ศำสนำ และเทววิทยำ
ลักษณะกำรศกึ ษำ เปน็ การศึกษาที่ม่งุ พัฒนาความรูค้ วามสามารถในด้านภาษา ปรชั ญา โบราณคดี

และศาสนา
สำขำทเ่ี ปิดสอน ไดแ้ ก่ ภาษาไทย ภาษาองั กฤษ ภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมนั ภาษาจีน ภาษาญ่ีป่นุ

ภาษาบาลีสนั สกฤต ภาษารสั เซีย ภาษามลายู ภาษาอาหรบั โบราณคดี ปรัชญา ศาสนา บรรณารกั ษศาสตร์
คณะที่เปิดสอน คณะอักษรศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ คณะศลิ ปศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์

คณะโบราณคดี คณะมนุษยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์
สถำบนั ท่ีเปิดสอน จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยขอนแก่น

มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั นเรศวร มหาวิทยาลยั บรู พา
มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม มหาวทิ ยาลัยศรีนครนิ ทรวิโรฒ มหาวิทยาลยั ศลิ ปากร มหาวทิ ยาลยั รามคาแหง
มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์ มหาวิทยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธิราช

ลักษณะอำชพี ทางานเกย่ี วกับการใชภ้ าษา งานติดตอ่ สื่อสาร งานแปล การสร้างสรรคบ์ ทกวี
บทประพนั ธ์ งานค้นควา้ วิจยั เร่อื งราวในอดตี

บุคลิกภำพที่เหมำะสมกับอำชีพ รักการอ่านหนังสือ มีความสามารถทางภาษา ชอบการแสดงออกท่ีต้อง
ใชภ้ าษา มีความคดิ สรา้ งสรรค์ ชา่ งสงั เกต ชอบวเิ คราะห์วิจารณ์

อำชพี หลงั สำเร็จกำรศึกษำ มคั คุเทศก์ เจา้ หนา้ ที่งานแปล เลขานกุ าร ล่าม เจ้าหนา้ ทโ่ี บราณคดี
เจ้าหน้าทป่ี ระชาสัมพันธ์ ครู / อาจารย์
3. กลุ่มสำขำวจิ ติ รศลิ ปแ์ ละประยุกตศ์ ลิ ป์

ลกั ษณะกำรศกึ ษำ เปน็ การศึกษา และฝึกประสบการณท์ างด้านศลิ ปะ
สำขำทเี่ ปิดสอน จิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพมิ พ์ ศิลปะไทย มัณฑนศิลป์ การออกแบบนิเทศศิลป์
การออกแบบผลติ ภัณฑ์ ประยุกตศ์ ลิ ปศึกษา เคร่ืองเคลือบดนิ เผา ดรุ ิยางคศลิ ป์ นฤมติ ศิลป์ นาฎศลิ ป์ ศลิ ปะ
การละคร เซรามิกส์
คณะทีเ่ ปดิ สอน คณะจิตกรรม ประตมิ ากรรม และภาพพมิ พ์ คณะศิลปกรรมศาสตร์
คณะมณั ฑนศิลป์ คณะวจิ ติ รศลิ ป์ คณะครุศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์
คณะสถาปตั ยกรรมศาสตร์ คณะโบราณคดี
สถำบันที่เปดิ สอน จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่
มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบรู พา มหาวิทยาลยั มหาสารคาม มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครินทรวโิ รฒ
มหาวิทยาลยั ศิลปากร สถาบันเทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ เจ้าคุณทหารลาดกระบงั
ลกั ษณะอำชพี ทางานเกีย่ วข้องกับการออกแบบตกแต่ง การประดิษฐง์ านศลิ ปะ การวาด
การปั้น การแกะสลัก งานดา้ นนาฎศิลป์ ดนตรี การแสดง การออกแบบนิทรรศการ การออกแบบจดั สวน
จัดทาฉากละครโทรทศั น์ ภาพยนตร์

บุคลกิ ภำพท่เี หมำะสมกับอำชีพ รักงานศลิ ปะ มคี วามสามารถในการแสดงออกด้านศลิ ปะแขนงใดแขนง 114
หนึ่ง มคี วามคิดสร้างสรรค์ มจี ินตนาการ รักความสวยงาม และธรรมชาติ มคี วามละเอียดออ่ น

อำชีพหลังสำเร็จกำรศึกษำ จิตรกร ปฏิมากร มัณฑนากร ช่างศิลป์ ช่างภาพ นักดนตรี นักแต่งเพลง
ชา่ งออกแบบผลติ ภัณฑ์ นกั แสดง นกั ออกแบบ นักวิชาการ ครู / อาจารย์
4. กลมุ่ สำขำวิชำนิตศิ ำสตร์

ลกั ษณะกำรศึกษำ เปน็ การศึกษาเก่ียวกับบทบัญญตั ขิ องกฎหมาย การตีความกฎหมาย
การใชก้ ฎหมาย การดาเนินคดีทางศาล

คณะท่ีเปิดสอน คณะนติ ิศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์
สถำบันที่เปิดสอน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคาแหง
มหาวิทยาลยั สุโขทยั ธรรมาธริ าช มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่
ลักษณะอำชีพ เป็นงานที่เก่ียวข้องกับการใช้กฎหมายต่าง ๆ เช่น กฎหมายแพ่ง และพาณิชย์กฎหมาย
อาญา กฎหมายท่ดี ิน กฎหมายภาษอี ากร ฯลฯ การดาเนนิ คดแี พง่ และคดีอาญา การให้คาแนะนา และปรกึ ษาทาง
กฎหมาย การพิพากษาคดี
บุคลิกภำพท่ีเหมำะสมกับอำชีพ เป็นผู้รักความยุติธรรม รักการอ่าน มีความจาดี ชอบการตีความชอบ
แสดงความคิดเห็น และวิจารณ์ การโต้แย้งโดยใช้เหตุผล ช่างสังเกต ละเอียดรอบคอบ ถนัดการใช้ภาษา
ทัง้ การเขยี น และการพูด
อำชีพหลังสำเร็จกำรศึกษำ ทนายความ นิติกรประจาหน่วยงาน ที่ปรึกษาทางกฎหมาย อัยการ
ผพู้ ิพากษา เจา้ หนา้ ทีส่ รรพากร เจา้ หนา้ ที่สนิ เชอ่ื ตารวจ เจา้ หนา้ ทท่ี ดี่ นิ ครู / อาจารย์
5. กลุม่ สำขำวิชำสังคมศำสตร์
5.1 สำขำสังคมศำสตร์และพฤติกรรมศำสตร์
ลักษณะกำรศกึ ษำ เปน็ การศกึ ษาพฤติกรรมของมนษุ ย์ และความสัมพันธร์ ะหว่างมนษุ ย์กบั สงิ่ แวดล้อม
สำขำที่เปิดสอน การปกครอง รัฐประศาสนศาสตร์ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สังคมวิทยาและ
มานุษยวิทยา เศรษฐศาสตร์การเงิน เศรษฐศาสตร์ การเกษตร ประวัติศาสตร์ จิตวิทยา ภูมิศาสตร์ การพัฒนาทรัพยากร
มนุษย์
คณะท่ีเปิดสอน คณะรัฐศาสตร์ คณะเศรษฐศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ คณะ
สังคมศาสตร์ คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ คณะวิทยาการจัดการ คณะสังคม
วิทยาและมานษุ ยวทิ ยา
สถำบันที่เปิดสอน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลยั บรู พา มหาวทิ ยาลยั
แม่โจ้ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัย
รามคาแหง มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทัยธรรมาธริ าช
ลักษณะอำชีพ เป็นงานที่เก่ียวข้องกับการบริหารราชการแผ่นดิน งานฝึกอบรมและเผยแพร่งาน
วิเคราะห์นโยบายและแผน งานวจิ ัย งานบรหิ าร งานให้คาปรึกษา งานบริการ งานบริการข่าวสารขอ้ มูล

บุคลิกภำพที่เหมำะสมกับอำชีพ สนใจเร่ืองราวความเป็นอยู่ของมนุษย์ ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับ 115
ส่ิงแวดล้อม มีความคลอ่ งแคล่ว ชอบช่วยเหลอื สังคม รจู้ ักการจงู ใจคน

อำชีพหลังสำเร็จกำรศึกษำ นักปกครอง ปลัดอาเภอ นักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา พัฒนากร
นักเศรษฐศาสตร์ เจา้ หนา้ ท่วี เิ คราะห์นโยบายและแผน เจา้ หน้าทฝ่ี ึกอบรม เจ้าหนา้ ท่ีบรหิ ารงานบคุ คล

5.2 สำขำกำรบรหิ ำร พำณิชยกำร และธุรกิจ
ลักษณะกำรศึกษำ เป็นการศึกษาท่ีเกี่ยวกับการดาเนินธุรกิจ การทาบัญชี การจัดการสานักงาน
การบริหารการเงินและการธนาคาร การตลาด งานประกันภยั ภาษาสาหรับธรุ กจิ การบริหารงานบคุ คล
ธรุ กจิ กรขนสง่ ทางเรือ การบรหิ ารงานโรงแรม
สำขำที่เปิดสอน บัญชี การเงินการธนาคาร การบริหารธุรกิจ เลขานุการ สถิติการโรงแรม
และการท่องเทยี่ ว คอมพวิ เตอร์ธรุ กิจ พาณิชยน์ าวี การบริหารงานบคุ คล การจัดการขนส่งระหวา่ งประเทศ
ประกนั ภยั เทคโนโลยีสารสนเทศเพือ่ ธุรกจิ
คณะท่ีเปิดสอน คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี คณะบริหารธุรกิจ คณะวิทยากรจัดการ
คณะมนษุ ยศาสตรแ์ ละสังคมศาสตร์
สถำบนั ท่เี ปิดสอน จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลัย มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ มหาวิทยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลัยบูรพา มหาวิทยาลัยรามคาแหง
มหาวทิ ยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
ลกั ษณะอำชพี ทางานเกย่ี วกบั การวิเคราะห์วางแผน การทาบญั ชี การจดั เก็บข้อมูล งานธรุ การ
การบริหารงานบคุ คล งานสารบรรณ งานติดต่อสอ่ื สารทางธรุ กจิ งานประกันภัย ธุรกิจการขนส่ง
บุคลกิ ภำพทเี่ หมำะสมกับอำชีพ สนใจทางด้านเศรษฐกิจ ชอบคดิ คานวณ ชอบวางแผน มคี วามละเอียด
รอบคอบ กลา้ ตดั สินใจ คล่องแคล่ว
อำชีพหลังสำเร็จกำรศึกษำ เจ้าหน้าท่ีบริหารงานบุคคล นักบัญชี พนักงานธนาคาร เจ้าหน้าท่ี
การเงิน สมุห์บัญชี เจ้าหน้าที่ธุรการ เลขานุการ เจ้าหน้าที่ประกันภัย นักวิจัยตลาด เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบาย
และแผน เจ้าหน้าทีส่ รรพากร เจ้าหนา้ ท่กี ารคลัง เจา้ หนา้ ทค่ี อมพิวเตอร์
5.3 สำขำกำรสอ่ื สำรมวลชน และเอกสำร
ลักษณะกำรศึกษำ เป็นการศึกษาเกี่ยวกับการสื่อสาร การใช้ส่ือประเภทต่าง ๆ การเขียนข่าวการผลิต
รายการวิทยโุ ทรทัศน์ การถ่ายภาพ การออกแบบโฆษณา การประชาสัมพนั ธ์ วทิ ยุ โทรทศั น์
ภาพยนตร์ ภาพถา่ ย วาทศิลป์ งานสารนิเทศ
คณะที่เปิดสอน คณะนิเทศศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน
คณะมนุษยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์
สถำบันที่เปิดสอน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัย
ธรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่ มหาวทิ ยาลัยนเรศวร มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช

ลักษณะอำชีพ เป็นงานท่ีเก่ียวข้องกับการประชาสัมพันธ์ การทาข่าว งานโฆษณา งานแสดง 116
การเขียนบทความบรรณาธิการ การรายงานข่าย เทคโนโลยีการพิมพ์ การกากับภาพยนตร์ การเขียนสารคดี บท
วจิ ารณ์ การจดั รายการวิทยุและโทรทศั น์

บุคลิกภำพที่เหมำะสมกบั อำชพี มีความสามารถในการใช้ภาษา กล้าแสดงออก ชอบการเขา้ สงั คม
สนใจสภาพแวดล้อมรอบตัว มคี วามคล่องแคล่ว มีมนุษยสัมพนั ธ์ดี ทันสมยั

อำชีพหลังสำเรจ็ กำรศึกษำ นกั ขา่ ว นักหนงั สอื พิมพ์ คอลมั นิสต์ เจา้ หนา้ ทผ่ี ลิตรายการ ผปู้ ระกาศ
ผู้ผลิตภาพยนตร์ เจ้าหน้าท่ีประชาสัมพันธ์ ผู้ผลิตงานโฆษณา ผู้เขียนบทโทรทัศน์ วิทยุ นักจัดรายการ พิธีกร
นกั การเมอื ง นักแสดง

5.4 สำขำคหกรรมศำสตร์
ลักษณะกำรศึกษำ เป็นการศึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาเด็กและครอบครัว การใช้และพัฒนาวัสดุ
เพอื่ ประโยชน์สขุ ของบุคคล ครอบครัวและชมุ ชน งานโภชนาการ งานเสือ้ ผา้ และเครอ่ื งแตง่ กาย
สำขำท่ีเปิดสอน อาหารและโภชนาการ ผ้าและเครื่องแต่งกาย พัฒนาการครอบครัวและเด็ก
บา้ นและศลิ ปสมั พนั ธ์ คหกรรมศาสตร์ บา้ นและชุมชน
คณะท่เี ปดิ สอน คณะเกษตรศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ คณะวทิ ยาศาสตร์ สาขาวชิ าคหกรรมศาสตร์
สถำบันทเ่ี ปดิ สอน มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลยั เชยี งใหม่ มหาวทิ ยาลัยศรีนครินทรวโิ รฒ
มหาวิทยาลัยสุโขทยั ธรรมาธิราช
ลักษณะอำชีพ ทางานเกี่ยวกับการออกแบบตัดเย็บเสื้อผ้า งานตรวจสอบและวิจัย งานฝึกอบรมและ
เผยแพร่ความรู้ งานประกอบอาหาร
บุคลิกภำพที่เหมำะสมกับอำชีพ สนใจเกี่ยวกับการเป็นอยู่ของมนุษย์ การพัฒนาคุณภาพชีวิต
มคี วามคิดสร้างสรรค์ มคี วามประณตี
อำชีพหลังสำเร็จกำรศึกษำ นกั ออกแบบตดั เย็บเส้อื ผา้ นักโภชนาการ ครู / อาจารย์ เจา้ หนา้ ทฝ่ี ึกอบรม
6. กล่มุ สำขำวชิ ำวิทยำศำสตร์ธรรมชำติ
ลักษณะกำรศึกษำ เป็นการศึกษาเกี่ยวกับทฤษฎีทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ การค้นคว้าพิสูจน์
ทดลองวจิ ัยทางด้านวิทยาศาสตร์กายภาพชีวภาพ เทคโนโลยี และสิง่ แวดล้อม
สำขำที่เปิดสอน ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา คณิตศาสตร์ ธรณีวิทยา วิทยาการคอมพิวเตอร์ วิทยาศาสตร์
ท่ัวไป วิทยาศาสตร์ทางทะเล พฤกษศาสตร์ สัตววิทยา เทคโนโลยีทางทะเล วิทยาศาสตร์ทางภาพถ่ายและ
เทคโนโลยปี โิ ตรเคมี และวสั ดเุ คมีและวสั ดพุ อลิเมอร์ เทคโนโลยอี าหารเทคโนโลยชี วี ภาพ
คณะที่เปิดสอน คณะวิทยาศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์
คณะเทคโนโลยี คณะส่งิ แวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ คณะเทคโนโลยอี ตุ สาหกรรม
สถำบันท่ีเปิดสอน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัย
บรู พา มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีสรุ นารี มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์มหาวิทยาลัย
นเรศวร มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัย

แม่โจ้ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยรามคาแหง สถาบันเทคโนโลยีเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร 117
ลาดกระบัง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกลา้ ธนบรุ สี ถาบนั เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ

ลักษณะอำชีพ ทางานในห้องปฏิบัติการเพ่ือค้นคว้า ทดลอง วิเคราะห์ หรือปฏิบัติงานวิจัยในพ้ืนที่
ธรรมชาติ ให้บริการข้อมูลทางด้านวิทยาศาสตร์ การปฏิบัติงานด้านคอมพิวเตอร์ การสารวจและ
พยากรณ์การทดสอบผลิตภณั ฑ์

บุคลิกภำพที่เหมำะสมกับอำชีพ มีความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์เป็นอย่างดี ชอบค้นคว้าทดลอง
ชา่ งสังเกต มคี วามละเอียดรอบคอบ ชอบการแกป้ ญั หา ใฝห่ าความรู้อย่เู สมอ

อำชีพหลังสำเร็จกำรศึกษำ นักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ เจ้าหน้าท่ีสถิติ นักธรณีวิทยา เจ้าหน้าที่
อุตุนยิ มวทิ ยา นักคอมพิวเตอร์ นกั วชิ าการทางด้านวิทยาศาสตร์ เจา้ หนา้ ท่วี ิเคราะห์ / ควบคมุ
7. กล่มุ วิชำแพทยศำสตรแ์ ละวชิ ำท่เี กี่ยวข้องกบั สุขภำพอนำมัย

ลักษณะกำรศึกษำ เป็นการศึกษาเกี่ยวกับระบบของร่างกาย สุขภาพอนามัย การดูแลรักษา
การให้บริการ การวินิจฉัยโรค การตรวจ การส่งเสริมสุขภาพและอนามัย การใช้อุปกรณ์เคร่ืองมือทางการแพทย์ การดูแล
ผปู้ ว่ ย โรค และการบาบดั รักษา

สำขำวิชำทเี่ ปิดสอน แพทย์ พยาบาล กายภาพบาบดั รังสีเทคนคิ เภสชั ศาสตร์ สัตวแพทย์
ทันตแพทย์ เทคนิคการแพทย์ วทิ ยาศาสตรอ์ นามยั สง่ิ แวดลอ้ ม บริหารสาธารณสุข โภชนวทิ ยา สขุ ศึกษา

คณะที่เปิดสอน คณะแพทยศาสตร์ คณะทันตแพทย์ศาสตร์ คณะสัตวแทพย์ศาสตร์ คณะเภสัช
ศาสตร์ คณะพยาบาลศาสตร์ คณะเทคนิคการแพทย์ คณะสหเวชศาสตร์ คณะสาธารณสุขศาสตร์

สถำบนั ที่เปิดสอน จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ มหาวยิ าลยั ขอนแก่น
มหาวิทยาลยั เชยี งใหม่ มหาวทิ ยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลยั มหิดล มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวิโรฒ
มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์ มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ศิลปากร มหาวิทยาลยั บูรพา
มหาวทิ ยาลัยอบุ ลราชธานี มหาวิทยาลยั สโุ ขทัยธรรมาธิราช

ลักษณะอำชีพ การตรวจ วินิจฉัย ค้นคว้า วิเคราะห์ ทดลอง และให้บริการด้านการรักษา และดูแล
สุขภาพอนามยั การฟ้ืนฟสู มรรถภาพ การปอ้ งกนั โรค

บุคลิกภำพที่เหมำะสมกับอำชีพ สนใจเก่ียวกับการค้นคว้าทดลอง ใฝ่หาความรู้ ใช้เหตุผล ใจเย็น
วเิ คราะห์ มีความสุขุม ละเอียดรอบคอบ มีเมตตา กลา้ ตัดสินใจ ร่างกายสมบูรณแ์ ขง็ แรง ไมพ่ กิ ารทางกาย

อำชีพหลังสำเร็จกำรศึกษำ แพทย์ สัตวแพทย์ เภสัชกร เจ้าหน้าที่รังสีเทคนิค เจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์
การแพทย์ นกั กายภาพบาบดั

8. กลุ่มสำขำวศิ วกรรมศำสตร์ และสถำปัตยกรรมศำสตร์
8.1 กลุ่มวศิ วกรรมศำสตร์
ลักษณะกำรศึกษำ เป็นการศึกษาเก่ียวกับการคานวณในระดับสูง การออกแบบ ผลิต การควบคุมระบบ

การทางานของเครื่องมือทางด้านอุตสาหกรรม

สำขำที่เปิดสอน วิศวกรรมเคมี วิศวกรรมเครื่องกล วิศวกรรมไฟฟ้า วิศวกรรมโลหการ วิศวกรรม 118
คอมพิวเตอร์ วิศวกรรมเรือ วิศวกรรมยานยนต์ วิศวกรรมสารวจ วิศวกรรมสิ่งแวดล้อม วิศวกรรมเหมืองแร่และ
โลหะวิทยา วิศวกรรมปิโตรเลยี ม วิศวกรรมอุตสาหกรรม วิศวกรรมการผลิต วิศวกรรมระบบควบคุมและเครื่องมือ
วดั วศิ วกรรมเกษตร วศิ วกรรมชลประทาน วศิ วกรรมอาหาร วศิ วกรรมการบินและอากาศยาน
วิศวกรรมทรัพยากรน้า วิศวกรรมชวี การแพทย์

คณะทเ่ี ปดิ สอน คณะวิศวกรรมศาสตร์
สถำบันที่เปิดสอน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
มหาวิทยาลยั บรู พา มหาวทิ ยาลยั มหิดล มหาวทิ ยาลัยศรนี ครินทรวิโรฒ มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์มหาวิทยาลัย
อุบลราชธานี มหาวิทยาลัยแม่โจ้ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังสถาบันเทคโนโลยี
พระจอมเกล้าธนบุรี สถาบันเทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ พระนครเหนอื
ลักษณะอำชีพ ทางานด้านการคานวณ วางแผนการติดตั้ง การสร้าง การควบคุมงานต่าง ๆ การนา
ความรดู้ ้านวทิ ยาศาสตร์มาประยกุ ต์ คิดค้น ออกแบบส่งิ ประดิษฐต์ า่ ง ๆ
บุคลิกภำพที่เหมำะสมกับอำชีพ สติปัญญาดี มีความสามารถด้านคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์
โดยเฉพาะฟิสิกส์ มีทักษะด้านมิติสัมพันธ์ ชอบทางานท่ีเป็นรูปธรรมมากกว่านามธรรม ชอบประดิษฐ์ คิดค้น
ไมช่ อบสังคม อดทน ละเอยี ดรอบคอบ มคี วามมัน่ ใจในตนเอ มคี วามคดิ รเิ รม่ิ ซ่ือสัตย์
อำชพี หลังสำเร็จกำรศึกษำ วิศวกร ผู้ควบคมุ การก่อสร้าง โฟรแ์ มน ช่างเขียนแบบ ชา่ งเทคนคิ อาจารย์
8.2 กลมุ่ สถำปัตยกรรมศำสตร์
ลกั ษณะกำรศึกษำ เปน็ การศึกษาเก่ยี วกับการออกแบบอาคาร การวางผังเมือง
สำขำที่เปิดสอน สถาปตั ยกรรมภายใน การออกแบบอตุ สาหกรรม ภูมสิ ถาปัตยกรรม
สถาปตั ยกรรมไทย สถาปัตยกรรมผงั เมอื ง การออกแบบชุมชนเมอื ง
คณะทีเ่ ปดิ สอน คณะสถาปตั ยกรรมศาสตร์
สถำบันที่เปดิ สอน จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น มหาวิทยาลยั ศลิ ปากร
มหาวิทยาลัยแม่โจ้ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังสถาบัน
เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
ควำมรู้พ้นื ฐำน ความรูด้ า้ นคณติ ศาสตร์ ฟิสกิ ส์ เคมี ภาษาองั กฤษ แบะวชิ าอืน่ ๆ ทเี่ ก่ียวข้อง
บุคลิกภำพที่เหมำะสม มีความสามารถและพื้นฐานศิลปะ รักศิลปะ มีความคิดริเริ่ม และจินตนาการ
มีความคิดในลักษณะท่เี ปน็ ตรรกศาสตร์ สามารถถา่ ยทอดเปน็ ภาพและรปู ธรรมท่เี หน็ ได้ มจี รรยาบรรณวิชาชพี
อำชพี หลังสำเร็จกำรศึกษำ สถาปนิก นักออกแบบ คร/ู อาจารย์
9. กลุ่มสำขำวิชำเกษตรศำสตร์ วนศำสตร์ และกำรประมง
คณะที่เปิดสอน เกษตรศาสตร์ วนศาสตร์ ประมง เทคโนโลยีการเกษตร อุตสาหกรรมการเกษตร
ทรพั ยากรธรรมชาติ ส่งเสริมการเกษตรและสหกรณ์
ควำมรู้พ้นื ฐำน ความร้ดู ้านชีววทิ ยา เคมี ฟิสิกส์ คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และวิชาอ่นื ๆ ท่ีเกี่ยวข้อง

สถำบันท่ีเปิดสอน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 119
มหาวิทยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี มหาวิทยาลัยแม่โจ้ สถาบัน
เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ เจ้าคุณทหารลาดกระบัง มหาวทิ ยาลัยสุโขทัยธรรมาธริ าช

ลักษณะอำชีพ ทางานเก่ียวกับการผลิต การบารุงรักษา การจัดการ การแปรรูปผลผลิตทาง
การเกษตร การอนุรักษ์ การเผยแพร่ การวจิ ัย การสง่ เสริม การปอ้ งกนั

บคุ ลิกภำพท่ีเหมำะสมกับอำชพี รักธรรมชาติ ชอบทางานทใี่ ชก้ าลงั ทางานกลางแจ้งได้ สันโดษ อารมณ์
เยือกเยน็ รกั อสิ ระ ชอบการผจญภัย ไม่พถิ ีพิถนั ในการใช้ชวี ิตมากนกั สขุ ภาพแข็งแรง อดทน ขยัน

อำชพี หลงั สำเร็จกำรศึกษำ เกษตรกร นกั วิชาการป่าไม้ เจา้ หน้าทีป่ ระมง เจา้ หนา้ ทป่ี ศสุ ัตว์
นักวิชาการเกษตร เจา้ หน้าทีพ่ ัฒนาทดี่ นิ เจ้าหนา้ ท่ีปราบศตั รูพืช เจ้าหนา้ ทีส่ หกรณ์
10. กลมุ่ สำขำวิชำอ่นื ๆ

ลักษณะกำรศึกษำ เป็นการศึกษาในสาขาวิชาท่ีมีจัดอยู่ใน 9 กลุ่มดังกล่าวข้างต้น ได้แก่ พัฒนาสังคม
สงั คมสงเคราะห์ พลศกึ ษา วทิ ยาศาสตรก์ ารกฬี า วิทยาศาสตร์สงิ่ แวดลอ้ ม เป็นตน้

คณะทีเ่ ปดิ สอน คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ คณะพลศึกษา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
คณะสงั คมศาสตร์ คณะศกึ ษาศาสตร์ คณะวทิ ยาศาสตร์ คณะรฐั ศาสตร์

สถำบันท่เี ปดิ สอน จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลยั ขอนแกน่
มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม มหาวทิ ยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยศรีนครนิ ทรวโิ รฒ มหาวิทยาลัยศิลปากร
มหาวทิ ยาลัยสงขลานครนิ ทร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั รามคาแหง มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่

บุคลกิ ภำพทเ่ี หมำะสมกับอำชพี สนใจเรอื่ งของคน สิง่ แวดลอ้ ม และการพัฒนาคุณภาพชีวิต
ชอบชว่ ยเหลือผอู้ ่นื มีความเป็นผนู้ า/ผ้ตู ามท่ดี ี กล้าหาญ อดทน เสยี สละ

อำชีพหลังสำเร็จกำรศึกษำ นักสังคมสงเคราะห์ เจ้าหน้าท่ีการกีฬา ครู/อาจารย์ พัฒนากร เจ้าหน้าท่ี
ฝึกอบรม นกั วจิ ัย

อำ้ งอิงข้อมลู จำก : http://guidance.obec.go.th/?p=1058. การแนะแนวการศกึ ษาและอาชีพ

ใบความรเู้ รื่อง Student Planner3

1. กำรรู้จกั ตนเอง 120
รู้ว่าเรามีบุคลิกภาพอย่างไร เพ่ือตรวจสอบว่าอาชีพข้างหน้าที่เราอยากเป็นน้ัน มันเข้ากันได้กับบุคลิกภาพ

ความเป็นเราไดแ้ คไ่ หน

2. กำรหำควำมฝัน
เพื่อการสารวจว่ามันมีรากคิกจากฐานตัวเราเอง เป็นความปรารถนาซ่ึงไม่ใชจ่ ากการโหนกระแสตามทีค่ น

อ่ืนบอก

3. กำรกำหนดเปำ้ หมำยชวี ติ
เปน็ การสรา้ งคุณค่า และความหมายให้แก่ชีวิต ทส่ี าคัญจะได้มคี วามสุขกับชีวิตในอนาคตท่ีเรากาหนดเอง

4. กำรวำงแผนงำน
รู้วิธีวางแผนงานใด ๆ ให้เริ่มจากปลายทางสู่ต้นทาง เพ่ือให้ได้เส้นทางที่ลัดตรงสู่เป้าหมายอย่างมี

ประสทิ ธิผลยิ่ง

5. กำรบรหิ ำรเวลำ
เพ่ือจัดเวลาให้กับเรื่องที่สาคัญต่อเป้าหมาย ตัดส่ิงที่ไม่สาคัญ คือ ส่ิงท่ีไม่ตอบโจทย์เส้นทางสู่เป้าหมายท่ี

กาหนดไว้

6. กำรสื่อควำมคิด
เพราะตรรกะ ความคิดเชื่อมโยง การจับประเด็น ให้ส้ันกระชับได้ใจความ เป็นสิ่งที่ฝึกสร้างได้จาก

การบันทึก สิ่งท่ีพบเห็น และแสดงความคิดเห็น ความรู้สึกต่อส่ิงน้ัน ๆ ผ่านสมุดบันทึก ฝึกการมองตัวเอง สารวจ
ตนเอง ใชท้ ักษะการจดคาบรรยาย

ทาไมตอ้ งมแี ปลนชีวติ (ID Planner)

- เคยไหมท่เี หน็ ชีวิตอยูไ่ ปวนั ๆ ทง้ั ทุกข์ท้ังเหนื่อย ไมร่ เู้ พ่ืออะไร
- เคยเห็นคนที่ทมุ่ เท สนุกกบั การเรยี น สนุกกับงาน นัน่ เพราะเขามเี ป้าหมาย ถึงทุ่มเทได้ขนาดนน้ั
- แหละนี่!!! คือ สิ่งจาเป็นทเ่ี ราตอ้ งมาวางแปลนหรอื แผนทช่ี ีวติ กเ็ พอ่ื ตวั เรา

ดำ้ นกำรเรียน
- เทคนิคการเรยี นดี เรยี นอยา่ งไรให้ถงึ ฝนั และสอดคล้องกับศกั ยภาพของตน

- เทคนิคการเตรียมตัวสอบ (รายหน่วย กลางภาค ปลายภาค O-Net Gat/Pat 9 วิชาสามัญ กสพท.
สอบตรงประเภทตา่ ง ๆ และการสอบสมั ภาษณ์)

- การสอบ และการทางานตามทไี่ ด้รบั มอบหมายใหป้ ระสบความสาเร็จ และเป็นไปตามเปา้ หมาย

- สร้างแรงบันดาลใจในการเรียน เชื่อม่ัน / เคารพในคุณค่าของตน และติดตามความก้าวหน้าของตน
อยา่ งสมา่ เสมอ

- เสรมิ ความรู้ เสริมทกั ษะ เสรมิ ประสบการณ์ ทั้งในและนอกหอ้ งเรียน
ดำ้ นทักษะชีวิต

- ใหห้ ลักคดิ ใหม่ : ชวี ติ เรา เราคอื ผู้กาหนด
- แบบทดสอบบุคลิกภาพ เพ่อื รู้จักตวั ตนของเรา
- คาถามเพ่อื ค้นหางาน / อาชีพในอนาคตของเรา ที่เราจะรักงาน และมชี วี ติ เปน็ สขุ
- ค้นหาอาชีพท่เี หมาะสมกับตวั เรา เพอ่ื ไม่เหน่ือยกบั ส่งิ ทไี่ มใ่ ช่เรา
- ตารางเวลาชีวิต วนั ๆ เราหมดเวลาไปกับเรื่องอะไรบา้ ง หรอื เพ่อื ใหช้ วี ติ ไดร้ ับสงิ่ ดี ๆ บา้ ง

121

...........................................................................................................................................

STUDENT
PLANNER

“ชีวติ ทม่ี เี ปา้ หมาย มีแรงบนั ดาลใจ มุ่งม่ัน มแี ผนปฏิบตั ิสเู่ ปา้ หมาย ยอ่ มเปน็ ชวี ิต
ทม่ี คี ุณค่า และเปน็ แบบอยา่ งที่ดแี กส่ งั คม”

กรณศี ึกษา 122
(ID ในการเลือกอนาคต เลือกอาชีพการทางาน ก็ไม่ต่างจากการเห็นภูเขาน้าแข็ง เราเห็นส่วนที่อยู่ผิวน้าว่า
สวยงาม ก็อยากได้บ้าง ทางานตามเพ่ือนบ้าง คนท่ีเรียนสาขาเดียวกัน เก่งเหมือนกัน คะแนนพอ ๆ กัน
แต่เวลาทางานจริง คนสองคนอาจให้ผลงานที่ต่างกันมาก คนหน่ึงคล่องแคล่ว สนุกกับงาน คิดงานได้ดีมาก ชีวิต
เป็นสุข เจ้านายรัก ในขณะที่เพ่ือนอีกคน ทางานเหมือนกัน เรียบจบเหมือนกัน กลับทางานไม่ได้ผลดี ถูกตาหนิ
ทุกข์ใจน้อยใจ สุดท้ายไม่นานก็ลาออก เปลี่ยนงานเร่ือยไป หาตัวเองไม่พบ หางานที่ถูกใจไม่ได้ ไม่ก้าวหน้า ไม่ทัน
เพอ่ื น และมีปัญหาครอบครวั ตา่ ง ๆ ตามมาอีกมากมาย

นจี่ งึ เป็นเหตผุ ลทว่ี ่า ทาไมเราจงึ ต้องค้นหาตวั ตนให้พบโดยเร็ว ให้รูว้ ่า “เราคอื ใคร” “เรารักอะไร” “เรามี
คุณลักษณะอะไร” จะเหมาะกับงานประเภทไหน โดยวิเคราะห์หาว่า อาชีพอะไรท่ีต้องการคุณลักษณะแบบท่ีตัว
เรามี ถ้าจับคู่ได้ตรงมากเท่าไหร่ ชีวิตการงานก็จะล่ืนไหลเป็นสุข งานถูกจริตตน ความก้าวหน้ารุ่งเรืองก็ได้มา
โดยง่าย ครอบครัวก็จะอบอนุ่ และมีพลงั

โมเดลการพฒั นาผเู้ รยี นเข้าสู่อาชีพ

ดา้ นท่ี 1 รูต้ น ดา้ นท่ี 2 รู้งาน ดา้ นที่ 3 สานฝันสอู่ าชีพ

การให้ผ้เู รยี นตระหนักรู้ การให้ผ้เู รยี นรจู้ กั การให้ผ้เู รยี นวิเคราะห์
ในตนเองอยา่ งรอบดา้ น โลกของงานอาชีพ ขอ้ มูลจากดา้ นท่ี 1 และ 2
เพอื่ นาไปส่กู ารตัดสนิ ใจ
- รู้จดุ เดน่ จดุ ทค่ี วรพฒั นา - ร้โู ลกของการศึกษา
- ความสนใจ - รูโ้ ลกอาชีพ เลือกอาชีพ
- ร้โู ลกตลาดแรงงาน
ความสามารถ - ประสบการณ์อาชีพ - ขอ้ มูลจากการสารวจ
ความถนดั ตนเอง
- ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียน
- ขอ้ มูลจากการสารวจ
งาน

- ประมวลผลข้อมลู จาก
การรู้ตน และรู้งาน
แลว้ จัดลาดับอาชีพ

ใบความรูเ้ รอ่ื ง เทคนคิ การเลอื กคณะ และการจดั อันดับ

เทคนิคในการเลือกคณะ และจัดอันดบั

หวั ใจของการสมคั รคัดเลือกเขา้ ศึกษาในสถาบนั อุดมศึกษา ประการหนงึ่ คือ การเลอื กคณะ และจดั อันดับ
ในการเลือกคณะได้สอดคล้องกับความสามารถของนักเรียนเอง ที่กล่าวเช่นน้ีก็เพราะว่า ถึงแม้ว่าเราจะมีความชื่น
ชอบท่ีจะเรียนในสาขาใดสาขาหนึ่ง แต่สาขานั้นเป็นสาขาท่ีผู้เลือกส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่ทาคะแนน ได้สูงกว่า
ความสามารถ ของนกั เรียนมาก ถ้านักเรียนเลือกคณะน้นั โอกาสทน่ี ักเรียนจะสอบติดในคณะนั้นก็เป็นไปได้ยาก ดงั น้นั
ในการพิจารณาเลือกคณะและจดั อันดบั จงึ ควรคานงึ ถงึ ความเป็นไปได้ในการเลือกท่ีเหมาะสมกับตนเองทสี่ ุด ทงั้ ใน
ด้านสตปิ ัญญา ความสามารถ ความชอบ ความถนดั และสขุ ภาพ ฯลฯ โดยมขี ั้นตอนทคี่ วรพิจารณาดังน้ี

เทคนคิ ในการเลอื กคณะ การที่นักเรยี นจะเลอื กคณะอะไรบา้ ง มหี ลกั เกณฑท์ ่ีควรดูพิจารณาดังน้ี 123

1. ตอ้ งรจู้ ักตนเอง และสภำพแวดล้อม

1.1 ร้ถู ึงควำมสำมำรถทำงด้ำนวิชำกำรของตนเอง
ในการเลือกคณะนั้น ควรเลือกคณะท่ีมีความเหมาะสมกับระดับผลการเรียน และผลการสอบของตนเอง
อย่างแท้จริง ไม่เลือกสูง หรือต่ากว่าความสามารถของตนเองจนเกินไป เช่น เลือกคณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ทั้งท่ี
เรียนได้เกรด 1 กว่า หรือ 2 เล็กน้อย และสอบได้คะแนนรวม = 15,000 คะแนน ในขณะที่คะแนนต่าสุดในปี
2559 = 22,664.00 คะแนน กน็ ับวา่ เลือกสงู ไป โอกาสทีจ่ ะสอบตดิ กเ็ ป็นไปไดย้ าก
1.2 ควำมชอบ / ควำมถนัด / ควำมสนใจของตัวเอง
ควรเลือกพิจารณาตามลาดับความชอบจากมากทีส่ ุดไปหาน้อยทสี่ ุด ทง้ั นี้เน่อื งจากบุคคลท่ีสนใจหรือชอบ
ส่ิงใดย่อมจะมีแรงจูงใจในการกระทามากกว่าส่ิงท่ีไม่ชอบ ดังน้ันคณะที่นักเรียนเลือกควรเป็นคณะที่นักเรียน
สนใจจะศึกษาจริง ๆ และเหมาะกับความสามารถของตนเองอย่างแท้จริง ไม่ควรเลือกตามเพื่อน หรือ
ตามค่านิยมโดยไม่ดูความถนัด และความสนใจของตัวเอง เช่น ชอบเรียนฟิสิกส์ ชอบต่อวงจรไฟฟ้า
ก็ควรเลือกเรยี นทางดา้ นวิศวกรรมศาสตร์ หรือชอบวาดรูป กอ็ าจจะเลอื กทางด้านศิลปะ เป็นต้น
1.3 ลกั ษณะนิสัยส่วนตัว
เพราะอาชีพหลายอาชีพต้องการบุคคลท่ีมีลักษณะพิเศษเฉพาะด้าน เช่น งานด้านศิลปะ หรือ
งานดา้ นแพทย-์ พยาบาล เปน็ ต้น
1.4 สขุ ภำพ และลักษณะร่ำงกำย
เพราะบางคณะกาหนดคุณสมบัติเฉพาะไว้ เช่น ส่วนสูง , สายตา หรือโรคบางโรค หรือความพิการใน
อวัยวะบางสว่ นของรา่ งกาย ซงึ่ ส่งิ ตา่ ง ๆ เหลา่ น้ีอาจเป็นสงิ่ จาเปน็ ในการเรยี น และการประกอบอาชีพในอนาคต

1.5 ดคู วำมต้องกำรของญำติพ่ีนอ้ ง และฐำนะทำงครอบครวั
ประกอบด้วยว่า จะได้รบั การสนบั สนุนให้เขา้ ศึกษาในคณะนัน้ มากน้อยเพียงใด หรอื ฐานะทางบา้ น
สามารถสนับสนนุ ค่าใช้จ่ายได้ตลอดระยะเวลาในการศกึ ษาหรือไม่

2. ตอ้ งรู้ขอ้ มลู เกีย่ วกับคณะ / สถำบันตำ่ ง ๆ 124
2.1 ในกำรพิจำรณำเลอื กคณะ อยำ่ ลืม !!!
ศึกษาคุณสมบัติ และเกณฑ์ในการสมัครเข้าศึกษาในคณะ / สถาบันน้ัน ๆ ด้วย เพราะแต่ละมหาวิทยาลัย/

สถาบันจะกาหนดกฎเกณฑ์ออกมาหลากหลาย แม้แต่สาขาเดียวกันแต่ต่างสถาบันก็ยังมีเกณฑ์คุณสมบัติที่ไม่
เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับปรัชญาของแต่ละสถาบัน ดังน้ัน นักเรียนจึงต้องศึกษารายละเอียดให้ดีอย่างละเอียดก่อนว่า
เรามีคุณสมบัติตามที่คณะต้องการหรือไม่ ถ้านักเรียนมีคุณสมบัติไม่ครบตามข้อกาหนดท่ีได้กาหนดไว้ ก็ไม่ควร
เลือกเพราะจะทาให้โดนตัดสิทธิ์เช่นเดียวกัน ดังน้ันก่อนที่จะตัดสินใจเลือกคณะ จึงควรศึกษาคุณสมบัติ และ
ข้อกาหนดของคณะนั้น ๆ ให้ชัดเจน และเข้าใจเสียก่อน หากยังไม่แน่ใจควรศึกษา หรือถามผู้รู้ก่อน ทั้งนี้
เพ่อื ประโยชน์ของตวั นกั เรยี นเอง

2.2 คณะที่เรำสนใจน้ันมกี ม่ี หำวิทยำลัยทีเ่ ปดิ สอน
และสภาพในแต่ละมหาวิทยาลัยเป็นอย่างไร เช่น ที่ต้ัง, ระบบการเรียนการสอน, วิชาที่เรียน, การวัดผล,
บรรยากาศโดยท่ัวไปเป็นอย่างไร ถ้านักเรียนสอบเข้าคณะน้ันได้ นักเรียนจะเรียนหรือไม่ (เพราะถ้าหากนักเรียน
สอบเขา้ ไปได้ และสละสทิ ธิ์ก็จะเปน็ การไปกนั ท่ขี องคนอืน่ ที่ต้องการจะเข้าศึกษาในคณะนนั้ จริง ๆ)

2.3 สัดส่วนกำรแขง่ ขันของแต่ละคณะ / สถำบนั
ดูได้จากสถติ คิ ะแนนสูง - ต่า ของบัณฑิตแนะแนว ที่มขี ้อมูลจานวนผสู้ มัคร จานวนผ้สู อบผ่านข้อเขยี น
หรือความนิยมของสถาบนั ว่ามผี ู้สนใจเลือกสมัครมากนอ้ ยแคไ่ หน
2.4 จำนวนรบั ทแี่ ตล่ ะมหำวิทยำลยั / สถำบนั จะรับได้
จานวนท่รี บั มากอาจแข่งขันกันน้อยกวา่ จานวนท่ีได้รับน้อย

เทคนิคในการจดั อนั ดับ

ในการสมัครคัดเลือกเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา TCAS รอบท่ี 4 Admissions ผู้สมัครแต่ละคนมี
สิทธิ์เลือกคณะได้ 4 คณะ ซึ่งไม่จาเป็นจะต้องอยู่ในมหาวิทยาลัยเดียวกัน และผู้ท่ีเลือกคณะเดียวกันแต่อันดับไม่
ตรงกนั ก็มีสิทธิ์เท่ากนั ทจ่ี ะติดคณะนนั้ ถ้าคณะเขา้ ถงึ เกณฑ์ เชน่ นำย ก เลือกรัฐศาสตรเ์ ปน็ อันดบั 1
นำย ข เลือกรัฐศาสตร์เป็นอันดับ 3 ปรากฏว่าคะแนนเขาทั้งคู่ สูงกว่าคะแนนต่าสุดของคณะรัฐศาสตร์
(คือทาคะแนนได้สูงกว่าคนสุดท้ายท่ีสอบเข้าคณะรัฐศาสตร์ได้) เขาทั้งคู่ก็จะได้รับการคัดเลือกให้เข้าเรียน
คณะรัฐศาสตรเ์ หมอื นกัน สาหรับหลักเกณฑใ์ นการจดั คณะมีหลกั เกณฑ์ ดงั นี้

1. รวบรวมคณะท่ีตนเองพิจำรณำว่ำเหมำะสมแล้ว ทั้งในแง่ความสามารถทางสติปัญญา ความถนัดและ
ความสนใจ

2. นำคณะต่ำสดุ ของคณะทั้งหมดท่ีเลือกไว้ มาเรยี งอนั ดับอีกครงั้ เพื่อใหม้ โี อกาสในการเขา้ ศกึ ษาต่อ
มากยิ่งข้ึน โดยเรียงอับดับคณะจากคณะท่ีมีคะแนนต่าสุดท่ี “มำกที่สุด” ไว้เป็นอันดับแรก คณะที่มีคะแนนต่า
ทส่ี ุด “นอ้ ยกว่ำ” รองลงมาเรอื่ ย ๆ เช่น

นางสาวฟา้ เลอื กคณะทีต่ อ้ งการ 4 คณะ โดยเรยี งจากความชอบได้ดังน้ี

คณะ มหำวิทยำลัย คะแนนต่ำสดุ % ตำ่ สดุ
74.88
พาณิชยศาสตร์และการบญั ชี จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั 22,463.0000 73.74
68.96
นเิ ทศศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั 22,121.2000 57.95

จิตวิทยา จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั 20,687.5000

วิศวกรรมศาสตร์ เกษตรศาสตร์ 17,385.0000

ในการสมัครคัดเลอื กเข้าศึกษาตอ่ TCAS รอบที่ 4 ADMISSIONS นำงสำวฟำ้ ควรเรยี งอันดับคณะ ดงั น้ี

อันดบั ท่ี 1 คณะพาณชิ ยศาสตรแ์ ละการบัญชี จฬุ าฯ คะแนนต่าสดุ 22,463.0000 125
อันดบั ที่ 2 คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ คะแนนต่าสดุ 22,121.2000
อนั ดบั ท่ี 3 คณะจติ วิทยา จฬุ าฯ คะแนนต่าสุด 20,687.5000
อนั ดับท่ี 4 คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ คะแนนตา่ สุด 17,385.0000

หมำยเหตุ : ในการจัดเรียงอันดับด้วยวิธีน้ี เหมาะกับการจัดเรียงคณะที่มีเงื่อนไขต่าง ๆ เหมือนกัน เช่น จานวน
วิชาสอบ, ค่าน้าหนักคะแนน แต่ถ้าคณะท่ีมีความแตกต่างกัน เช่น วิชาสอบไม่เหมือนกัน ค่าน้าหนักแตกต่างกัน
ก็ตอ้ งพจิ ารณาปัจจัยต่าง ๆ เหลา่ น้ดี ว้ ยว่าจะเรยี งอันดบั คะแนนอย่างไร
3. กำรจัดอนั ดบั โดยคร่ำว ๆ ทั่วไปมลี ักษณะดงั นี้

- อันดบั 1 หรือ อนั ดับ 1 ถึง 2 เลอื กคณะท่ีเราอยากเรยี นจรงิ ๆ คือ ชอบมาก แต่ไม่ควรใหค้ ะแนน
สูงกว่าความสามารถจนเกินไป

- อันดับ 3 หรือ อันดบั 2 ถึง 3 เลือกประเภทวิชาทเี่ ราชอบอยบู่ ้าง และคะแนนควรรอง ๆ ลงมา

- อนั ดบั 4 ใหเ้ ลือกคณะที่มีคะแนนต่าทส่ี ุดเท่าท่ีคดิ ว่าพอจะเรียนได้ถ้าสอบติด โดยคณะทีเ่ ลอื กเป็น
อนั ดับที่ 4 ควรมี “คะแนนต่าสดุ ” ไมส่ งู กว่าคะแนนรวมท่ีทาได้

ข้อควรระวังในการเลือกคณะ และการจัดอันดับ 126

1. ไม่ควรเลอื กสถำบันยอดนยิ มท้ังหมด 4 อันดบั
ควรเลือกปะปนสถาบันที่มีความนิยมรอง ๆ ลงไป หรืออย่าเจาะจงว่าต้องเป็นสถาบันนั้น ๆ สถาบันน้ี

ขอให้พิจารณาคณะ / สาขาวิชาที่นักเรียนมีความสนใจ ความชอบที่จะเรียน ตลาดแรงงานมีความต้องการ และ
คะแนนสงู -ตา่ ในปที ีผ่ ่าน ๆ มา ไม่สูงเกนิ ความสามารถของตน

2. ไม่ควรเลอื กคณะตำมใจผู้อื่น
ควรถือหลักว่า “ไม่มีใครรู้จักตัวเรา และรู้ความต้องการของตนได้มากไปกว่าตนเอง” สิ่งสาคัญ คือ เลือก

เพราะอยากจะเรียน อยากประกอบอาชีพน้ันจริง ๆ ถ้าผู้ปกครองมีความคาดหวังในบางคณะ/บางสาขาวิชาท่ีไม่
ตรงกบั ความต้องการองนักเรียน ควรหันหน้ามาปรกึ ษากันดว้ ยเหตผุ ล

3. ไม่ควรเลอื กคณะท่ีมีจำนวนวิชำสอบแตกตำ่ งกนั มำก
ควรเลือกคณะท่ีสอบวชิ านอ้ ย แต่เลือกคณะได้ครบ 4 อันดับ เพ่ือจะได้มีเวลาดูหนังสือได้เต็มที่ ซ่ึงถ้าเป็น

รอบ Admissions น้ัน จะอยู่ในส่วนของการสอบวิชา PAT ว่ามีวิชาที่ต้องสอบแตกต่างกันอย่างไร
ถ้านักเรียนเลือกกลุ่มสาขาท่ีจะเรียนแตกต่างกันมาก จะทาให้ต้องสอบวิชา PAT มากขึ้น แต่นักเรียนทุกคนต้อง
สอบวิชา GAT อยแู่ ลว้

4. ไม่ควรเลอื กคณะที่มคี ะแนนตำ่ สุดตดิ หมดกนั หมด
อันตรายมากควรเล่ียงเสีย โดยหันไปพิจารณาเลือกคณะเดียวกันของมหาวิทยาลัยอื่นท่ีอาจจะมีคะแนน

ต่ากว่าเข้ามาแทนก็ได้ตามความเหมาะสม เพื่อให้มีการท้ิงช่วงคะแนนบ้าง สาหรับการท้ิงช่วงห่างของคะแนน
ต่าสุด ให้พิจารณาจากระดับความสามารถทางวิชาการ และสติปัญญ าของตนเป็นเกณฑ์ กล่าวคือ
หากเป็นคนเรียนเก่ง ช่วงห่างของคะแนนก็ไม่ต้องมากนัก แต่ผู้มีผลการเรียนปานกลางหรือต่าควรท้ิงช่วงห่าง
คะแนนมาก

แบบสารวจการวางแผนเพือ่ การมงี านทา

127

128

129

เอกสำรเตมิ พลงั สมอง “เลอื กแนวทำง วำงอนำคต”

แบบสารวจเจตคติการตั้งเป้าหมายในการเรียนและอาชีพ

คำชีแ้ จง ขอให้นักเรยี นทาเคร่ืองหมาย ∕ ลงในตารางช่อง ทต่ี รงตามความเปน็ จรงิ มากทส่ี ุด
ถ้าข้อความนั้นเปน็ จริงทสี่ ุด (5)
ถ้าข้อความนัน้ สว่ นใหญจ่ รงิ หรอื ค่อนข้างมนั่ ใจ (4)
ถ้าข้อความน้นั บางครง้ั จริง บางครั้งไม่จรงิ พอๆ กัน (3)
ถ้าข้อความนน้ั สว่ นใหญ่ไมจ่ ริง หรือไม่แนใ่ จ (2)
ถา้ ข้อความนั้นไมจ่ รงิ เลย (1)

ขอ้ ควำม ระดับท่ตี รงกบั นกั เรียน
(5) (4) (3) (2) (1)

1. นักเรียนตั้งเปา้ หมายทีจ่ ะเรยี นหนังสอื ให้ไดผ้ ลการเรยี นดีทส่ี ุดทุกวิชา 130
2. นกั เรยี นเตรียมหนงั สอื และอุปกรณ์การเรยี นท่ีจะมาโรงเรยี นในแต่วันเสมอ
3. นักเรยี นร้วู า่ ตัวเองชอบเรียนวิชาอะไร
4. นักเรียนอยากเรยี นตอ่ จนไดร้ ับปริญญาในมหาวทิ ยาลยั
5. นกั เรียนส่งงานตามกาหนดทุกคร้ังทค่ี รสู ่ัง
6. นกั เรียนพยายามทาการบา้ นเองทกุ คร้ังถงึ แม้ว่าจะยาก
7. นักเรยี นทบทวนส่ิงที่เรยี นในแตล่ ะวันอยา่ งสมา่ เสมอ
8. นกั เรียนรวู้ า่ จะต้องทาอยา่ งไรให้เรยี นหนงั สอื ไดด้ ี
9. นักเรียนรูว้ า่ ควรทาอย่างไรใหไ้ ดค้ ะแนนสอบมาก ๆ
10. นกั เรยี นชอบจดบันทกึ การนัดหมายสง่ การบ้าน หรอื อืน่ ๆ ลงตารางปฏทิ ิน
11. นักเรยี นรวู้ ่าควรทาสิ่งทีม่ คี วามสาคญั ตามลาดบั ก่อนหลงั
12. นักเรียนรู้ว่าตัวเองอยากทาอาชีพอะไรในอนาคต
13. นกั เรยี นรู้วา่ หากนกั เรยี นจะทาอาชีพท่ีชอบน้ัน จะตอ้ งเตรียมตัวอย่างไร
14. นักเรียนรู้จักอาชีพต่าง ๆ มากกว่า 10 อาชีพ
15. นักเรยี นรู้ว่าคนทีท่ าอาชีพต่าง ๆ ในขอ้ ท่ี 14 ต้องมีคุณสมบตั อิ ยา่ งไรบ้าง
16. นักเรยี นรู้วา่ ตวั เองมคี วามถนดั และความสามารถที่จะทาอะไรได้บ้าง
17. นักเรยี นรวู้ ่าตวั เองมีบคุ ลกิ ภาพสอดคลอ้ งกบั อาชพี ใด
18. นกั เรยี นมบี ุคคลต้นแบบทปี่ ระสบความสาเร็จในการเรียน หรือทางานท่ีนักเรยี น
ชื่นชอบ
19. นักเรยี นปรกึ ษากบั พ่อแม่ และครวู า่ จะศกึ ษาต่อและทางานอะไรในอนาคต
20. นกั เรียนคดิ วา่ การทางานท่ตี รงกับความสนใจ ความสามารถ ความถนดั และ
บคุ ลิกภาพของตนเองสาคัญกวา่ การทางานในอาชพี ทเี่ ปน็ ท่นี ิยมของสังคม

คะแนนรวม = .............. / 20 คะแนนเฉลย่ี ทไี่ ด้ = ………….. ควำมหมำย ........................................................

แผนกำรจัดกจิ กรรมแนะแนวท่ี 10 ชน้ั มัธยมศึกษำปที ่ี 4 – 6
หน่วยกำรจดั กิจกรรม กำรศึกษำ จำนวน 10 ชั่วโมง
เร่ือง แฟม้ สะสมผลงำน (Portfolio)

1. สำระสำคญั
การสมคั รคัดเลือกเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาด้วยแฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio) TCAS รอบท่ี 1 โดยไม่

มีการสอบข้อเขียน เป็นอีกทางเลือกหน่ึงของผู้เรียนท่ีมีความสนใจจะเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา การศึกษา
ขอ้ มูล คณุ สมบัติ และเกณฑก์ ารรบั สมัครจึงมีความจาเป็นต่อการเตรียมความพร้อมของตนเอง ส่ิงสาคญั ทีน่ ักเรียน
ควรเตรียมเพื่อใช้ในการสมัคร และเข้ารับการสัมภาษณ์คือ เอกสารแฟ้มสะสมงาน และเอกสารประวัติย่อ ดังน้ัน
การศึกษาข้อมูลการศึกษาต่อที่ถูกต้อง เป็นจริง และหลากหลาย เป็นองค์ประกอบสาคัญท่ีช่วยนักเรียนในการ
เตรียมความพร้อมในทุกด้าน เพื่อการตัดสินใจและวางแผน ไปสู่เป้าหมายทางการเรียนในอนาคต นอกจากนี้
การเตรียมความพร้อมในการสอบ O – NET ซ่ึงเป็นการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติ และมผี ลต่อการตัดสินใจ
เลือกศึกษาต่อของนักเรียนในระดับอุดมศึกษา จึงควรให้ความสาคัญ มุ่งม่ันตั้งใจในการอ่านหนังสือ ท้ังน้ีเพ่ือ
ประโยชนท์ างการศกึ ษาท่ดี ใี นอนาคตต่อไป

2. สมรรถนะกำรแนะแนว : ดำ้ นกำรศึกษำ 131
ข้อ 3 การใช้ขอ้ มูลในการวางแผนการศึกษา

3. จดุ ประสงค์กำรเรยี นรู้
3.1 ระบอุ งค์ประกอบของการจดั ทาแฟ้มสะสมงาน
3.2 จดั ทาแฟ้มสะสมงานของตนเองไดอ้ ยา่ งเปน็ ระบบ
3.3 ระบคุ วามสาคัญ และวธิ ีการในการเตรยี มตัวสอบ O - NET ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 6 ได้

4. สำระกำรเรยี นรู้
4.1 การเตรียมความพร้อมสมัครสอบคัดเลือกเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาดว้ ยแฟม้ สะสมผลงาน

(Portfolio) TCAS รอบที่ 1
4.2 การจัดทาแฟม้ สะสมงานอย่างเปน็ ระบบ
4.3 การเตรียมตวั สอบ O - NET ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6
4.4 เทคนคิ การสอบสมั ภาษณ์ และการเตรยี มความพร้อมเข้าสมู่ หาวทิ ยาลยั

5. ช้ินงำน / ภำระงำน
แฟม้ สะสมผลงาน (Portfolio)

6. วธิ กี ำรจดั กจิ กรรม 132

กิจกรรมกำรเรยี นรู้เรอ่ื ง กำรศึกษำในระดบั อุดมศกึ ษำ (ชัว่ โมงที่ 1 - 2)
6.1 ครูสอบถามนักเรียนว่า มีนักเรียนคนใดบ้างท่ีสนใจจะสมัครสอบคัดเลือก (TCAS) รอบที่ 1 Portfolio
จากนัน้ รว่ มกันแลกเปลยี่ นความคิดเหน็ เก่ียวกบั การเตรียมเอกสารเพื่อจัดทาแฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio) ตามท่ี
สมาคมที่ประชมุ อธิการบดแี หง่ ประเทศไทยกาหนดไว้
6.2 ครูนาเสนอสื่อ Power Point เร่ือง เตรียมตัวอย่างไรกับการสอบคัดเลือกเข้าสถาบันอุดมศึกษา
ยุคปัจจุบัน (Portfolio) และส่ือ Power Point เรื่อง แฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio) เพ่ืออธิบายองค์ประกอบของ
การจดั ทาแฟ้มสะสมผลงานอยา่ งเป็นระบบ และร่วมกันอภปิ รายแสดงความคดิ เหน็
6.3 นกั เรยี นร่วมกันสรุปสิ่งท่ีไดเ้ รยี นรู้ จากน้ันครูแจ้งขา่ วประชาสัมพันธเ์ กีย่ วกับปฏทิ ินการสมัครสอบใน
รอบที่ 1 (Portfolio) , การสมัครลงทะเบียน MyTacs , การสมัครสอบ GAT/PAT , การสมัครสอบ 9 วิชาสามัญใน
ระบบออนไลน์ ทงั้ คณะทางสายวทิ ย์ฯ และคณะทางสายศลิ ป์ เปน็ ต้น

กจิ กรรมกำรเรยี นรู้เรือ่ ง Check In TCAS (ช่วั โมงท่ี 3)
6.4 ครูนาสนทนาเรอ่ื ง มหาวิทยาลยั ในฝนั และคณะ/สาขาของนักเรยี นแตล่ ะคนว่าสนใจจะเข้าศึกษาต่อ
ในมหาวทิ ยาลัยใด เพราะเหตุใด
6.5 นักเรียนศกึ ษาใบความรเู้ รอื่ ง Student Planner จากนั้นรว่ มกนั อภิปรายแสดงความคิดเหน็
6.6 ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ ครูกล่าวนาถึงพัฒนาตนเองในรูปแบบต่าง ๆ
เช่น การฝึกฝน การทากิจกรรมต่าง ๆ ของนักเรียน ซ่ึงสิ่งเหล่าน้ีนอกจากจะเป็นการพัฒนาทักษะทางการ
เรียนแล้ว ยังเป็นการเตรียมตัวเพื่อเข้าสู่ระบบมหาวิทยาลัยอีกด้วย น่ันคือ การเตรียมแฟ้มสะสมผลงาน
(Portfolio)
6.7 ครูมอบหมายให้นักเรียนจัดทาแฟ้มสะสมงาน Portfolio PART 1 เพื่อนามาส่งในชั่วโมงต่อไป
(หน้าปก ประวตั ิสว่ นตวั และประวัติการศึกษา) และให้นกั เรยี นซกั ถามข้อสงสยั

กจิ กรรมกำรเรยี นรู้เรื่อง Check Up Portfolio (ชวั่ โมงที่ 4 - 5)
6.8 ครูทบทวนกจิ กรรมในช่ัวโมงทีผ่ ่านมา และนาสนทนาเร่ือง “ทาไมต้องเตรยี มตวั สาหรับ Portfolio”
6.9 ครูตรวจแฟม้ สะสมผลงาน (Portfolio) PART ท่ี 1 ของนกั เรยี นเปน็ รายบุคคล และให้ข้อเสนอแนะใน
การพัฒนางานให้ดยี งิ่ ขนึ้
6.10 นักเรียนร่วมกันสรุปส่ิงที่ได้เรียนรู้จากกิจกรรม และครูมอบหมายให้นักเรียนจัดทาแฟ้มสะสมงาน
Portfolio ต่อใน PART ที่ 2 เพ่ือนามาส่งในชั่วโมงต่อไป (ประวัติการเข้าร่วมกิจกรรม รูปภาพประกอบ และ
ประกาศนียบตั ร)

กจิ กรรมกำรเรยี นรู้เร่ือง Present Portfolio (ช่วั โมงท่ี 6 - 7) 133
6.11 ครูทบทวนกจิ กรรมในช่ัวโมงทผ่ี า่ นมา และตรวจแฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio) ใน PART 2 ของ
นักเรยี นเปน็ รายบคุ คล (ต่อ) จากนั้นแจกแบบประเมนิ ผลงานผเู้ รียนรายบคุ คลแฟ้มสะสมผลงาน(Portfolio) ให้
นกั เรียนประเมินตนเอง และส่งเอกสารคืนครู พร้อมกบั สง่ ผลงาน (Portfolio)
6.12 นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับกิจกรรมคร้ังน้ี จากนั้นครูสรุปให้ความรู้เก่ียวกับ
ความสาคญั ของการทาแฟ้มสะสมผลงาน เพอ่ื นาไปใชป้ ระโยชนเ์ ก่ยี วกับการสมัครสอบคัดเลือกเพือ่ เข้าศกึ ษาต่อใน
ระดบั อุดมศึกษา รอบที่ 1 Portfolio ซึง่ เปน็ การรวบรวมข้อมูล / สรปุ ผลงานเชิงประจักษ์ของนักเรียน ท่ีผ่านมา
ในระดับช้ันมัธยมศึกษาศึกษาตอนปลายในการใช้เป็นข้อมูลสาหรับการตัดสินใจเพื่อศึกษาต่อได้สอดคล้องกับ
ความสามารถ ความถนัด ความสนใจ และบุคลิกภาพของตน

กจิ กรรมกำรเรียนรู้เรือ่ ง ชีวติ ในมหำวทิ ยำลัย (ชวั่ โมงที่ 8)
6.13 นักเรียนศึกษาใบความรู้เรื่อง คาแนะนา ข้อควรรู้และปฏิบัติในการเข้าสอบ O – NET จากนั้นครู
นาสนทนา และซักถามนกั เรียนเก่ียวกับความสาคัญของการสอบ O - NET และวธิ ีการเตรียมตัวสอบ
6.14 ครนู าสนทนาเก่ียวกบั แนวทางการเรียน การใชช้ ีวิต และการปฏบิ ัติตนในการศึกษาระดับอุดมศึกษา
จากนั้นให้นักเรียนศึกษาใบความรู้เรื่อง ชีวิตในมหาวิทยาลัย และร่วมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็นในแต่ละ
ประเด็น
6.15 นักเรยี นรว่ มกันสรปุ สิ่งท่ีได้เรยี นรู้จากกิจกรรมครัง้ น้ี

กิจกรรมกำรเรยี นรู้เรอ่ื ง กำรสอบสัมภำษณเ์ พื่อกำรศึกษำตอ่ (ชัว่ โมงท่ี 9 - 10)
6.16 ทบทวนส่งิ ที่ได้เรยี นรู้ในช่ัวโมงท่ีผ่านมา
6.17 ครูนาเสนอสอื่ Power Point เร่ือง เทคนคิ การสอบสัมภาษณ์ เพอ่ื เตรียมความพรอ้ มเขา้ สู่
มหาวิทยาลัย
6.18 ครูส่มุ เรียกนักเรยี นใหเ้ ปน็ กรณีศกึ ษาในการแสดงบทบาทสมมตเิ ก่ียวกับการสัมภาษณ์ตาม
ระบบการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา TCAS รอบ Portfolio จานวน 5 คู่ โดยมีครูร่วมแสดง
เป็นอาจารยม์ หาวทิ ยาลัยทสี่ ัมภาษณน์ ักเรยี น
6.19 นกั เรยี นร่วมกันสิ่งที่ได้เรยี นร้จู ากกิจกรรมคร้งั น้ี

7. สอื่ / อปุ กรณ์
7.1 สื่อ Power Point เรื่อง เตรียมตัวอย่างไรกับการสอบคัดเลอื กเขา้ สถาบนั อุดมศกึ ษายุคปัจจุบนั (Portfolio)
7.2 สอ่ื Power Point เรอ่ื ง แฟม้ สะสมผลงาน (Portfolio)
7.3 ใบความรเู้ รือ่ ง Student Planner
7.4 แบบประเมนิ ผลงานผ้เู รยี นรายบคุ คลแฟม้ สะสมผลงาน (Portfolio)
7.5 ใบความรู้เรอื่ ง คาแนะนา ขอ้ ควรรู้และปฏบิ ัติในการเขา้ สอบ O – NET

7.6 ใบความรูเ้ รอื่ ง ชีวติ ในมหาวทิ ยาลยั 134
7.7 สอ่ื Power Point เรอื่ ง เทคนคิ การสอบสมั ภาษณ์ เพื่อเตรยี มความพรอ้ มเขา้ สู่มหาวิทยาลยั

8. กำรวดั และประเมนิ ผล
8.1 วิธีกำรวดั และประเมินผล

8.1.1 สังเกตความสนใจในการฟัง การตอบคาถาม และการรว่ มอภิปรายแสดงความคิดเหน็
8.1.2 ตรวจสอบความถูกต้อง ครบถ้วน และความเรียบรอ้ ยของชิ้นงาน (Portfolio)
8.2 เครอ่ื งมือ
แบบประเมนิ ผลงานผู้เรียนรายบุคคล (แฟ้มสะสมผลงาน Portfolio) สาหรบั นกั เรยี น

8.3 เกณฑ์กำรประเมิน
8.3.1 สังเกตการปฏบิ ัติกจิ กรรม

เกณฑ์ ตวั บ่งชี้
ผา่ น มีความสนใจในการฟงั การตอบคาถาม การร่วมอภปิ รายแสดงความคิดเหน็
ไมผ่ ่าน ขาดส่งิ ใดสงิ่ หนึ่ง

8.3.2 ตรวจช้ินงาน

เกณฑ์ ขอ้ ควำมบ่งช้ี
ผา่ น จัดทาแฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio) ได้ถูกตอ้ ง/ครบถ้วนตามมาตรฐานคุณภาพ

แบบประเมินผลงานผ้เู รียนรายบคุ คลตรงตามเกณฑท์ ่ีสมาคมท่ีประชุมอธกิ ารบดี
แหง่ ประเทศไทยกาหนดไว้ และสง่ ชิน้ งานตามกาหนด
ไม่ผ่าน ขาดสง่ิ ใดส่งิ หนึ่ง

ใบควำมรเู้ รอื่ ง
คำแนะนำ ขอ้ ควรร้แู ละปฏิบัตใิ นกำรเข้ำสอบ O - NET

O - NET ห รื อ มี ช่ื อ เ รี ย ก เ ต็ม ๆ ว่ า Ordinary National Educational Test คื อ ก า ร ท ด สอบ
ทางการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นการทดสอบเพื่อวัดความรู้และความคิดของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 นักเรียน
ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 และนกั เรยี นชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6 ซ่งึ จะทาการทดสอบเพียงครัง้ เดยี วเท่าน้ัน

โดยท่ีนักเรียนไม่ต้องสมัครสอบเอง แต่ทางโรงเรียนจะเป็นคนสมัครสอบให้ เพ่ือใช้ในการประเมิน
มาตรฐานการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 ครอบคลุม 5 กลุ่มสาระ
การเรียนรู้ ได้แก่ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สาหรับ
การสอบ O - NET ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 6 น้ันมีความสาคัญมาก ๆ เพราะต้องนาไปใช้
ในการยื่นคะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งส่ิงที่ต้องตรวจเช็คให้เรียบร้อยก่อนไปสอบก็คือ ระเบียบ
และข้อปฏบิ ตั ใิ นการสอบ O - NET

135

ตวั อย่ำงตำรำงสอบ O – NET ปกี ำรศกึ ษำ 2561

136

ขนั้ ตอนกำรเขำ้ หอ้ งสอบ O – NET

1. เตรยี มบตั รประชาชน ปากกา ดนิ สอดา (2B) ยางลบ กบเหลาดนิ สอ
2. ตรวจสอบรายชอื่ และเลขที่นัง่ สอบทสี่ นามสอบ
3. ดูแผนผงั ที่นงั่ สอบ หน้าห้องสอบ
4. ยน่ื บตั รประชาชนเพอ่ื แสดงตนเข้าห้องสอบ
5. รบั กระดาษคาตอบและตรวจสอบขอ้ มลู ตนเองวา่ ถูกต้อง เซ็นชอ่ื ในกระดาษคาตอบ
6. รบั แบบทดสอบ อ่านระเบียบการสอบ และเขยี นชื่อ-สกุล บนปก
7. ฝนรหัสชุดข้อสอบในกระดาษคาตอบ ใหต้ รงแบบทดสอบท่ีไดร้ ับ
8. แกะและเปิดแบบทดสอบ อ่านคาช้ีแจงใหเ้ ข้าใจและลงมือทาข้อสอบ
9. เซน็ ชื่อในใบเซน็ ชื่อผู้เข้าสอบเมอ่ื เวลาผ่านไป 30 นาที
10. ตรวจความเรียบรอ้ ยของกระดาษคาตอบ ส่งให้กรรมการคุมสอบ

137

ส่งิ ทีค่ วรรูใ้ นกำรสอบ O – NET และกำรเตรยี มควำมพร้อมก่อนสอบ
1. ไมม่ เี ลขท่ีน่ังสอบ จะไม่มีสิทธสิ์ อบ
2. ไมม่ บี ัตรแสดงตน จะไมม่ ีสิทธส์ิ อบ (เช่น บัตรประชาชน บัตรนักเรียนที่มรี ูปถ่าย หรือบัตรท่ีทางราชการออกให้

และต้องมรี ูปถ่ายด้วย เป็นตน้ )
3. ไปผดิ สนามสอบ จะไม่มีสิทธสิ์ อบ
4. ไปสายเกนิ 30 นาที จะไม่มสี ิทธ์ิสอบ
5. ห้ามนาอุปกรณ์ส่อื สารทุกชนิด เขา้ สนามสอบ
6. ให้นัง่ สอบจนหมดเวลา ถงึ จะสามารถออกจากห้องสอบได้
7. อนุญาตใหน้ านาฬิกาเขา้ ห้องสอบได้ แตต่ ้องเปน็ นาฬกิ าเขม็ เท่าน้นั

138

ควำมสำคญั ของกำรสอบ O - NET 139
1. O - NET สอบไดค้ ร้งั เดียว

การสอบ O-NET สามารถทาการทดสอบได้เพียงครั้งเดียว ไม่สามารถเลือกวิชาสอบเองได้ จะต้องเข้าสอบให้
ครบทุกวิชาที่ได้มีการกาหนดเอาไว้ ซ่ึงมีความแตกต่างกับการสอบ GAT/PAT, วิชาสามัญ 9 วิชา
ท่ีนักเรียนสามารถสมัครสอบได้เร่ือย ๆ หากไม่ทันในปีน้ี ปีถัดไปก็สามารถสมัครสอบใหม่ได้ และยังสามารถเลือก
วชิ าท่ตี อ้ งการสอบได้เองอกี ดว้ ย และอีกหนึ่งความแตกต่างก็คอื คะแนนสอบ O-NET จะอยู่ติดตัวนกั เรียนไปตลอด
ชีวิต ส่วนคะแนนสอบ GAT/PAT, วิชาสามัญ 9 วิชา นั้นมีวันหมดอายุ เม่ือหมดอายุแล้ว หากเราต้องการใช้
คะแนนกต็ ้องสมัครสอบใหม่

2. คะแนน O - NET ใช้สมคั รเขำ้ มหำวิทยำลยั
การสมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัยน้ัน จะต้องสมัครสอบผ่านระบบ TCAS โดยมีท้ังหมด 5 รอบด้วยกัน และ

ถึงแม้ว่าการสมัครสอบ TCAS ในรอบท่ี 1 และ 2 จะไม่ใช้คะแนนสอบ O-NET แต่นักเรียนต้องไม่ลืมว่าต้ังแต่
TCAS รอบที่ 3 ถึง รอบที่ 5 มีการนาคะแนน O-NET มาใช้เป็นเกณฑ์การพิจารณาสมัครเข้าเรียนต่อในแต่ละ
คณะ/สาขาวิชาของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ (ทั้งนี้สัดส่วนคะแนนท่ีใช้อาจจะมีความแตกต่างกันออกไป ข้ึนอยู่กับทาง
มหาวิทยาลัยเป็นคนกาหนด) นอกจากน้ี นักเรียนคนใดท่ีต้องการใช้ในอนาคตคะแนนส่วนนี้ก็มีความสาคัญไม่แพ้
กัน เพราะมันอาจจะตอ้ งนามาใชไ้ ด้ในอนาคต

3. กสพท. ใชค้ ะแนน O-NET ด้วย
สาหรับนักเรียนที่อยากจะเข้าเรียนต่อด้านแพทยศาสตร์ คะแนน O-NET ก็มีความสาคัญไม่แพ้คะแนน

วิชาถนัดทางแพทย์เลย เพราะทาง กสพท. ได้มีการกาหนดคะแนนท้ัง 5 วิชาของ O-NET ว่านักเรียน
จะต้องได้คะแนนไม่ตา่ กวา่ 60% ถา้ ต่ากว่าเกณฑ์ทก่ี าหนดเอาไว้จะถกู ตัดสทิ ธิโ์ ดยอัตโนมัติ

4. รอบที่ 3 รบั ตรงร่วมกัน (+ กสพท.)
TCAS รอบที่ 3 รับตรงร่วมกัน (+กสพท.) จะเป็นรอบท่ีแต่ละคณะ/สาขาวิชา หรือมหาวิทยาลัย

ในบางโครงการกาหนดคะแนน O-NET ข้นั ตา่ ไว้ด้วย ถา้ นกั เรียนมคี ะแนนสอบ O-NET ไมถ่ ึงก็ไมส่ ามารถสมัครเข้า
ศึกษาต่อได้ เพราะขาดคุณสมบัติท่ีทางมหาวิทยาลัยกาหนดเอาไว้ ดังนั้น ไ ม่ควรที่จะลืมดูคะแนน
ข้นั ต่าของแตล่ ะคณะ/สาขาวิชาด้วย

5. รอบท่ี 4 Admission
ส่วนในรอบท่ี 4 Admission นอกจากนักเรียนจะต้องใช้คะแนนสอบ GAT/PAT, ผลการเรียนเฉลี่ยสะสม

(GPAX) แล้วน้ัน ยังจะต้องใช้คะแนน O-NET ด้วย เพราะในรอบ Admission ต้องใช้คะแนน O-NET
ถึง 30% ดังนั้นถ้านักเรียนทาคะแนนในส่วนน้ีของ O-NET ไม่ดี ก็อาจจะมีผลทาให้รอบ Admission
ไม่ติดในคณะทีต่ ้องการได้

6. รอบท่ี 5 รบั ตรงอิสระ 140
TCAS รอบท่ี 5 รับตรงอิสระ จะเป็นรอบท่ีทางมหาวิทยาลัยเปิดรับสมัครเอง โดยในบางโครงการ

ที่เปิดรับสมัคร นอกจากจะมีการใช้คะแนน ผลการเรียนเฉล่ียสะสม (GPAX), GAT/PAT, วิชาสามัญ 9 วิชา
ก็อาจจะมีการใช้คะแนน O-NET ด้วย ท้ังน้ีไม่ว่าจะเป็นสัดส่วนคะแนนท่ีใช้ หรือเกณฑ์คะแนนที่ใช้จะขึ้นอยู่กับแต่
ละคณะ/สาขาวิชาหรือมหาวิทยาลัยเป็นคนกาหนดเอง ดังนั้น ควรเข้าไปดูรายละเอียดเกณฑ์ท่ีใช้
ในการพิจารณาของแตล่ ะมหาวิทยาลยั เสียกอ่ นทาการสมัคร จะได้ไมส่ มัครพลาด

7. ใชร้ ำยงำนตัวกับมหำวิทยำลยั (บำงแห่ง)
ถึงแม้ว่าจะผ่านเกณฑ์การคัดเลือกได้เข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยแล้ว แต่ในวันรายงาน

ตวั บางมหาวทิ ยาลัยได้มีการกาหนดใหน้ ักเรียนท่จี ะเข้าศึกษาจะตอ้ งมีผลการสอบ O-NET ในวันท่ไี ปรายงานตัวมา
ให้กับทางมหาวิทยาลัยด้วย หากนักเรียนไม่มีคะแนน O-NET อาจจะทาให้พลาดการเข้าเรียนต่อ
ในมหาวิทยาลัยท่ตี ้องการได้

8. คะแนน O-NET มผี ลต่อคุณภำพโรงเรยี น
นอกจากคะแนน O-NET จะใช้ในสมัครเข้าเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยของนักเรียนแล้ว ยังนามาใช้

ประเมินคุณภาพของโรงเรียนอีกด้วย สาหรับโรงเรียนท่ีมีผลคะแนนสอบดีจะได้รับโควตาจากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ
ให้กับนักเรียนท่ีมีผลคะแนนสอบดีใน 100 อันดับแรก (ไม่ได้เป็นทุกมหาวิทยาลัยที่จะมีโควตามอบให้กับนักเรียน
เข้าเรียนต่อท่ีสถาบันของตนเอง) และยังเป็นการใช้จัดอันดับโรงเรียนในเขตพื้นท่ีต่าง ๆ ว่าในแต่ละปี มีความ
เปลี่ยนแปลงอนั ดบั ในทิศทางไหนกนั บ้าง

ใบความรู้เร่อื ง ชีวิตในมหาวิทยาลยั

ชีวิตการศึกษาในมหาวิทยาลัย มีหลายส่ิงหลายอย่างที่แตกต่างกับชีวิตนักเรียนระดับมัธยมศึกษา เช่น 141
การเรียนการสอน กิจกรรมต่าง ๆ ความเป็นอิสระของผู้เรียน เป็นต้น การทราบข้อมูลเบ้ืองต้นเกี่ยวกับ
การปฏิบัติตนในมหาวิทยาลัย ย่อมเป็นการเตรียมพร้อมอันจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการปรับตัว
ในสถาบนั อดุ มศกึ ษา ดังนน้ั จึงควรมกี ารเตรยี มตวั กบั 21 ส่ิงที่เดก็ ปี 1 ควรรู้ดังน้ี

1. วำงแผนกำรเรียน

ปีหนึ่งน้ันขอรับรองว่าตอ้ งมีงานค่อนข้างเยอะ ควรหาเวลาทาการบ้าน และทาความเข้าใจกับการเรียนให้
ได้อย่างน้อยวันละ 2 – 3 ชั่วโมง ถ้าสามารถวางแผนการเรียนได้แต่เนิ่น ๆ ก็ย่อมจะทาให้เรียนสนุก และใช้
ประโยชน์ของเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ 2 – 3 อาทิตย์แรกของการเป็นนิสิต / นักศึกษาช้ันปีที่หน่ึงนั้น มีส่ิงท่ี
น่าสนใจค่อนข้างมาก ทั้งการได้เจอเพ่ือนใหม่ สถานท่ีแปลกๆ หรูหรากว่าท่ีเคยเรียนในโรงเรียนมัธยม อาจารย์ก็
พดู แบบนักวชิ าการชน้ั สูง ไม่พูดหลายรอบเหมือนก่อน ทกุ อยา่ งต้องมแี ผน

2. ลองเรียนวิชำแปลก ๆ นอกคณะ

การเรียนระดับอุดมศึกษาในมหาวิทยาลัยไม่ใช่มาเพียงแค่เรียนเนื้อหาวิชาชีพ แต่ยังควรต้องได้ทดลอง
เรียนอะไรอย่างอื่นท่ีไม่ใช่เพียงแค่ไปประกอบอาชีพ ต้องถือว่าการเรียนมหาวิทยาลัยน้ันคือ โอกาสท่ีจะขยาย
ฐานความรู้หรือความสนใจไปในโลกกว้าง นักศึกษาที่เรียนจนจบได้ปริญญาไปแล้ว รุ่นแล้วรุ่นเล่า
ไม่เคยลืมว่าวิชาพิเศษ ๆ ที่ได้ไปลองเรียนนอกคณะหรือภาควิชาอ่ืน ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับวิชาที่เลือกเรียนเป็น
วชิ าเอกของตวั เองน้นั ไดส้ อนให้ได้ความคดิ ดี ๆ ใหม่ ๆ ได้อยา่ งนา่ สนใจ

3. เรียนวิชำท่ีบงั คับให้เรียนกอ่ นวชิ ำเลือก 142
แม้อาจจะยงั ไมถ่ ึงกาหนดเวลาใหเ้ ลือกวชิ าเอก แต่นักศกึ ษาที่รู้ความต้องการของตวั เองชดั เจนแลว้ ก็ควรท่ี

จะเลือกวิชาที่เป็นพื้นฐานของวิชาเอกได้อยู่แล้ว และในกรณีน้ีก็อาจรวมถึงวิชาอ่ืน ๆ ท่ีกาหนดไว้ว่า ถ้าเลือก
วชิ าเอกนัน้ ๆ แล้วตอ้ งมวี ชิ าอน่ื ท่ีต้องเรียนให้ครบ
4. ควรสอบถำมให้รแู้ นช่ ัดวำ่ ต้องเลอื กวชิ ำเอกเมื่อไร

บางมหาวิทยาลัยจะกาหนดให้นักศึกษาเลือกวิชาเอกในเทอม 2 ของนักศึกษาปี 2 หรือเทอมแรกของปี 3
บางสาขาวิชาอาจกาหนดให้เลือกวิชาเอกก่อนหน้านนั้ กย็ งั มี ดังนน้ั เป็นหนา้ ที่สาคญั ของพวกคุณเองทจี่ ะตอ้ งทราบ
เรือ่ งเช่นนล้ี ่วงหนา้

5. ศกึ ษำให้ทรำบวำ่ ต้องเรยี นที่เครดิตจึงจะได้ปรญิ ญำ

น่ีก็เป็นธรรมดา แต่เป็นเร่ืองท่ีเผลอตัวไปได้เหมือนกัน จึงต้องรู้ว่าต้องเรียนท้ังหมดเท่าไร มีวิชาบังคับ
อะไรบ้างท่ีได้เรียนไปแล้ว มีเหลืออีกกี่วิชาที่ยังไม่ได้เรียนหลักสูตร ปริญญาสี่ปีมีโอกาสหลงลืมได้เสมอ ยิ่งเป็น
ปริญญาสาหรับนักศึกษาต่อเน่ืองที่มีหน่วยกิตประมาณ 75 - 80 หน่วยกิต ใช้เวลาเรียนท่ัวไปเพียงสองปีหรือราว
คร่ึงหน่ึงของปริญญาตรีภาคปกติยังมีตกหล่นเรียนไม่ครบ แล้วยิ่งถ้าไม่มีการเปิดสอนในภาคเรียนสุดท้ายที่จะจบ
น้ัน ก็ทาให้เป็นเรื่องใหญ่ได้เหมือนกัน บางครั้งวิชาภาษาอังกฤษที่บังคับให้เรียนแล้วตกอาจมีผลต่อการเรียน
ภาษาอังกฤษลาดับถัดไป ที่เป็นเหมือนซีรีส์หนัง ดังน้ัน อย่าปล่อยให้ถึงเทอมสุดท้ายถึงค่อยมาดูว่าเรียนอะไรไป
แล้ว และท่ียังไม่ได้เรียนอีกมีอะไร การเรียนจบในส่ีปีย่อมดีกว่าสี่ปีบวกซัมเมอร์ หรือส่ีปีกับหนึ่งเทอม หรือถ้าเป็น
หา้ ปี จะขาดทุน "ชีวติ " ไปเหมือนกัน

6. หำเวลำพบอำจำรยท์ ่ีปรกึ ษำบำ้ ง

การศึกษาจากคู่มือนักศึกษาหรอื ระเบียบการต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัย บางทีก็ไม่สามารถตอบคาถามท่ีคา
ใจของพวกคุณได้ทุกเร่ืองเสมอไป เช่น การเลือกเรียนวิชาเอกควรจะต้องเลือกอย่างไร หรือการเลือกวิชาเอกน้ัน
จะต้องผ่านวิชาบังคับใดก่อนบ้าง ซ่ึงแม้จะมีคาอธิบายบางอย่างบางประการอยู่แล้วในคู่มือ แต่ความเหมาะสมกับ
นักศึกษาแต่ละคนอาจมีส่วนแปรเปล่ียนการเลือกวิชาตรงนั้นไปก็ได้ ดังนั้น การปรึกษาหารือกับอาจารย์ที่ปรึกษา
จึงเป็นสิ่งที่ดีกว่า ยิ่งกว่านั้นยังอาจได้รับคาแนะนาเพ่ิมเติมจากอาจารย์ที่ปรึกษาถึงเรื่องวิธีการเรียนวิชาบางวิชา
หรอื วิธกี ารเรยี นกับบางอาจารย์เสียด้วยซา้ ไป

7. หำโอกำสพบปะสนทนำกบั อำจำรย์ผูส้ อนตำมโอกำสอันควร

การแวะเยี่ยมอาจารย์ผู้สอน โดยใช้กาหนดเวลาที่อาจารย์แจ้งไว้ว่าจะอยู่ท่ีห้องทางาน จะทาให้นักศึกษา
ไดร้ ู้จักมกั ค้นุ กับอาจารย์เพ่มิ มากขนึ้ พร้อมกับมโี อกาสสอบถามส่งิ ท่ีไม่เขา้ ใจหรือเพิ่มเตมิ เนื้อหาของวชิ าให้มากขึ้น
ยิ่งกว่าน้ันยังเป็นโอกาสที่ทาให้อาจารย์รู้จักกับตัวนักศึกษามากขึ้น ซ่ึงในอนาคตก็ไม่แน่เหมือนกันว่า อาจต้องมา
ขอให้อาจารย์ทาจดหมายรับรองหรือจดหมายแนะนาตัว ทั้งในเรื่องการทางานหรือการหางานทาก็เป็นได้ ดังน้ัน
การทาเช่นนสี้ ่งผลดีทัง้ ปจั จุบันและอนาคต

8. หำเวลำเขำ้ สงั คมไวบ้ ้ำง 143
การหาเพ่ือน รู้จกั คบหาผู้คน นับเป็นสิ่งสาคัญของชวี ติ ศึกษาในมหาวิทยาลัย ดังน้นั การเข้าสงั คมเพื่อพบ

เพื่อนใหม่จงึ เปน็ สิ่งทล่ี ะเลยไมไ่ ด้ ถ้ายงั ไมก่ ล้าพอ ครั้งแรกอาจชวนเพือ่ นเก่าทมี่ กั คุ้นอยู่แลว้ ไปด้วย

9. เขำ้ เป็นสมำชกิ ชมรมหรือสโมสรทถี่ กู ใจหรือตอ้ งกำรมีส่วนร่วม
มีชมรม สโมสรคลับหรือค่ายอาสาฯ ที่เป็นท่ีชุมนุมของเพื่อน ๆ ในมหาวิทยาลัย มีรุ่นพ่ีรุ่นน้อง

คณะเดียวกันล้วน ๆ ก็มีหรืออาจมีเพื่อนต่างคณะเข้ามาร่วม "แจม" ก็มี ดังน้ัน ขออย่าได้มองข้าม จะเอาแต่เรียน
อย่างเดียวก็คงไม่ได้เรื่องแน่ บางทีอาจจะพบสิ่งแปลกใหม่และถูกอัธยาศัย หรื อพบเพื่อนท่ีถูกใจ
อยา่ งไมค่ าดคดิ

10. ลองสำรวจดูว่ำมีกิจกรรมอะไรใหม่ ๆ เกิดขึ้นในมหำวทิ ยำลัย

อาจไดพ้ บส่ิงที่ตวั เองอยากทามานาน ไมว่ า่ จะเป็นงานอดิเรก หรอื ส่งิ ทีเ่ กย่ี วพันกับอาชีพในอนาคตก็ตามอาจ
เป็นเร่ืองกีฬา ดนตรีหรือนันทนาการอื่นใด แม้กระทั่งการเข้าฟังสัมมนาของสโมสรการท่องเที่ยวก็น่าจะได้
ประโยชน์กว่าการฆา่ เวลาดว้ ยการดทู ีวคี นเดียว หรือไปชอ้ ปปงิ้ กับเพ่อื นเสียดว้ ยซา้ ไป

11. ลองสำรวจรอบมหำวิทยำลยั ใหร้ ้วู ำ่ อะไรอยู่ที่ไหน และมีบริกำรอื่นใดให้นกั ศกึ ษำ

บางทีมหาวิทยาลัยมีอะไรท่ีจะให้บริการมากกว่าท่ีพวกคุณคิดไว้ การเดินแวะเวียนเย่ียมชมตึกนั้นตึกน้ีไม่
น่าจะเป็นเร่ืองประหลาด ก็มหาวิทยาลัยท้ังหมดเลยน่ีเป็นของพวกคุณแล้ว จึงไม่จาเป็นต้องเรียน
และเดินอยู่ที่คณะของตัวเอง ยิ่งถ้าเอาแต่อยู่ที่ภาควิชาที่ตัวเอง เมเจอร์หรือเรียนเป็นวิชาเอกก็ย่ิงน่าสงสาร
การรู้ส่ิงละอัน พันละน้อยเช่นนี้ จะทาให้รู้ว่าจะใช้คอมพิวเตอร์ได้ท่ีไหน ถ้าที่ส่วนกลางไม่เปิด จะต้องไปใช้
ที่ไหนได้เป็นการเฉพาะหน้า จะเช่ือมต่ออินเตอร์เน็ตได้ที่ตึกไหน หรือระยะเชื่อมโยงไร้สายของอินเตอร์เน็ตจะอยู่
ในรัศมีใด ห้องสมุดท่ีมีก่ีแห่งในมหาวิทยาลัยมีหอสมุดกลางแห่งเดียว หรือมีห้องสมุดของคณะต่าง ๆ
อกี ด้วย

12. เปดิ หูเปิดตำกับควำมเป็นไปในมหำวทิ ยำลัย

มีกิจกรรมมากมายที่เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยภายใต้เวลาท่ีจากัด บางอย่างมีเพียงแค่ช่ัวโมงเดียว
หรือวันเดียวหรือสองสามวันหรืออาจมีแค่ไม่ก่ีนาที กิจกรรมที่มหาวิทยาลัยก็ดี ชมรม ชุมนุม สโมสร คลับ ฯลฯ
หรือกระท่ังชุมชนท่ีเข้ามาจัดงานเผยแพร่ความรู้ หรือเสนอขายสินค้า นักการเมืองหรือนายกรัฐมนตรี
มาบรรยายพิเศษ อาจเปน็ ส่ิงท่เี กิดข้ึนชวั่ ครัง้ ชว่ั คราว ถา้ ไมเ่ ปิดหูเปิดตาให้กวา้ งไว้ก็อาจพลาดสิ่งดี ๆ ในชีวิต ไม่ได้ดู
ได้ชมและอาจต้องรอถึงปีหน้าปีโน้น หรืออาจไม่มีอีกเลยชั่วชีวิต การแสดงดนตรี การแสดงละคร
การบรรยายพิเศษการสาธิต การปาฐกถา ฯลฯ ล้วนเป็นส่ิงทีเกิดขึ้นเสมอ แต่เกิดแล้วอาจไม่เกิดอีก และพวกคุณไม่มี
โอกาสอีกเมอื่ พ้นรวั้ มหาวิทยาลัย


Click to View FlipBook Version