The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เเผนการจัดการเรียนรู้ ฟิสิกส์ 3 ว30203 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sutthasangarii, 2022-07-10 03:17:36

เเผนการจัดการเรียนรู้ ฟิสิกส์ 3 ว30203

เเผนการจัดการเรียนรู้ ฟิสิกส์ 3 ว30203 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565

1



บันทึกขอ้ ความ

ส่วนราชการ โรงเรียนลองวทิ ยา อำเภอลอง จงั หวัดแพร่
ที่ วันท่ี 11 กรกฎาคม 2565

เรอ่ื ง ขออนุญาตใชแ้ ผนการจดั การเรยี นรู้

เรียน ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นลองวิทยา

ตามที่ ข้าพเจ้านางสาวขจรศรี สุทธสังข์ ตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการ กลุ่มสาระ
การเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ไดร้ ับมอบหมายให้ปฏิบตั งิ านสอนในรายวิชาฟิสิกส์ 3 รหสั วชิ า ว30203
ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 นั้น ผู้สอนได้วิเคราะห์มาตรฐาน ผลการเรียนรู้
คำอธิบายรายวิชา สู่การจัดทำโครงสร้างรายวิชาและแผนการจัดการเรียนรู้รายวชิ าที่สอดคล้องกับหลักสูตร
สถานศึกษา โรงเรยี นลองวิทยา ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรับปรุง
พุทธศักราช 2560) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงขออนุญาตใช้แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาฟิสิกส์ 3 ระดับ
ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 5 เพื่อดำเนนิ การจดั การเรียนการสอนต่อไป

ลงชือ่ .................................
(นางสาวขจรศรี สทุ ธสงั ข)์
ตำแหน่งครู วิทยฐานะครชู ำนาญการ
ความคิดเห็นของหวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
 เหน็ ควรอนุญาต  ไมเ่ หน็ ควรอนุญาต
ลงชื่อ.........................................
(นางสาวอรอุมา ไชยชนะ)

หัวหน้ากลมุ่ สาระฯ
ความคดิ เหน็ ของรองผอู้ ำนวยการกลมุ่ บริหารวชิ าการ

 เหน็ ควรอนุญาต  ไมเ่ หน็ ควรอนุญาต
ลงชื่อ.........................................
(นายบพิตร เหล่ากอ)
รองผอู้ ำนวยการกลมุ่ บรหิ ารวิชาการ

ความคดิ เห็นของผอู้ ำนวยการ
 ยังไมส่ มบรู ณ/์ ต้องปรบั ปรุง  อนุญาตใหใ้ ช้แผนการจัดการเรียนรู้ในการเรียนการสอน

ลงชือ่ .........................................
(นายสรุ ยิ น สายสนองยศ)
อำนวยการโรงเรียนลองวิทยา



คำนำ

แผนจัดการเรียนรู้ เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อการพัฒนาประสิทธิภาพการเรียนการสอนเพราะเป็น
เอกสารหลักสูตร ที่ใช้ในการบริหารงานของครผู ู้สอนให้ตรงตามนโยบายในการปฏิรูปการศึกษา กำหนดไว้ใน
แผนหลักคุณภาพการศึกษา สนองจุดประสงค์และคำอธิบายรายวิชาของหลักสูตร ในการบริหารงานวิชาการ
ถอื วา่ “แผนจดั การเรียนรู้” เป็นเอกสารทางวชิ าการท่ีสำคญั ท่ีสุดของครู

การจัดทำแผนจัดการเรียนรู้ ถือว่าเป็นการสร้างผลงานทางวิชาการ เป็นผลงานที่แสดงถึงความ
ชำนาญในการสอนของครู เพราะครูใช้ศาสตร์ทุกสาขาอาชีพของครู เช่น การออกแบบการสอน การจัดการ
และการประเมินผล ในการจัดทำแผนจัดการเรียนรู้น้ันจะทำให้เกิดความมั่นใจในการสอน สอนได้ตรง
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ เพิ่มประสทิ ธภิ าพการเรียนการสอนในรายวชิ าที่ รับผิดชอบสูงขึน้ ทั้งยังเป็นข้อมูลใน
การนิเทศติดตามตรวจสอบและปรับปรุงการเรียนการสอนได้อย่างมีระบบและครบวงจร ยังผลให้คุณภาพ
การศึกษาโดยส่วนรวมพฒั นาพัฒนาไปอย่างมีทิศทางบรรลุเป้าหมายของหลักสูตร

(นางสาวขจรศรี สทุ ธสังข์)
ตำแหน่งครู วทิ ยฐานะครชู ำนาญการ

สารบัญ ค

บันทกึ ขอ้ ความขออนญุ าตใช้แผนการจัดการเรียนรู้ หน้า
คำนำ ก
สารบญั ข
การออกแบบการจดั การเรยี นรูแ้ บบอิงมาตรฐานการเรยี นรู้ รายวชิ าฟิสกิ ส์ 3 รหัสวชิ า ว30203 ค
คำอธิบายรายวชิ าฟิสกิ ส์ 3 รหสั วชิ า ว30203 1
ตารางวเิ คราะหห์ ลกั สูตร /ตวั ชวี้ ดั รายวิชาฟสิ กิ ส์3 ว30203 5
โครงสร้างรายวิชาฟิสกิ ส์ 3 7
แผนการจดั การเรยี นรู้ บทท่ี 8 เร่ืองการเคล่ือนท่ีแบบฮาร์มอนกิ อย่างง่าย 17
38
แผนที่ 1 ลกั ษณะการเคลอื่ นที่แบบฮาร์มอนิกอย่างงา่ ย 39
แผนท่ี 2 การกระจดั ของการเคล่ือนที่แบบฮารม์ อนิกอยา่ งงา่ ย 53
แผนท่ี 3 การกระจดั ของการเคลื่อนที่แบบฮารม์ อนกิ อย่างง่าย (ตอ่ ) 64
แผนที่ 4 ความเร็วของการเคลอื่ นทแี่ บบฮารม์ อนิกอย่างง่าย 74
แผนที่ 5 ความเร่งของการเคลอื่ นท่ีแบบฮาร์มอนิกอย่างงา่ ย 84
แผนที่ 6 แรงกับการสน่ั ของมวลตดิ ปลายสปริง 94
แผนที่ 7 คาบและความถ่ีของการสั่นของมวลติดปลายสปรงิ 109
แผนที่ 8 แรงกบั การส่ันของลูกตุ้มอย่างง่าย 119
แผนที่ 9 คาบและความถ่ขี องการแกวง่ ของลูกตมุ้ อยา่ งง่าย 133
แผนท่ี 10 ความถ่ธี รรมชาติและการส่ันพ้องของวตั ถุ 140
แผนการจัดการเรียนรู้ บทท่ี 9 เร่ืองคล่ืน 150
แผนท่ี 11 การเกดิ คล่ืนและชนดิ ของคล่นื 151
แผนที่ 12 สว่ นประกอบของคลืน่ 162
แผนที่ 13 อตั ราเร็วของคล่นื 169
แผนที่ 14 อัตราเรว็ ของคลน่ื ในตวั กลาง 176
แผนที่ 15 คล่ืนผิวน้ำ 183
แผนที่ 16 การซ้อนทบั ของคล่นื 197
แผนที่ 17 การสะทอ้ นของคลืน่ ผิวนำ้ 205
แผนที่ 18 การหกั เหของคลื่นผิวนำ้ 218
แผนท่ี 19 คลน่ื นงิ่ 231
แผนท่ี 20 คลน่ื น่ิงในเส้นเชือก 241
แผนท่ี 21 การแทรกสอดของคล่ืนผิวนำ้ 254
แผนที่ 22 การเล้ยี วเบนของคลื่นผวิ นำ้ 267

สารบัญ (ตอ่ ) ง

แผนการจดั การเรียนรู้ บทท่ี 10 เร่ืองแสงเชงิ คลืน่ หน้า
แผนท่ี 23 แนวคดิ เกีย่ วกับแสงเชิงคลนื่ 279
แผนที่ 24 การแทรกสอดของแสงผ่านสลิตคู่ 280
แผนท่ี 25 การแทรกสอดของแสงผ่านสลติ คู่ (ตอ่ ) 292
แผนท่ี 26 การเล้ียวเบนของแสงผ่านสลติ เดี่ยว 306
แผนที่ 27 การเลี้ยวเบนของแสงผ่านเกรตติง 319
แผนที่ 28 ความยาวคลน่ื ของแสง 336
347
แผนการจัดการเรยี นรู้ บทท่ี 11 เรอ่ื งแสงเชงิ รังสี 364
แผนที่ 29 การสะทอ้ นของแสง 365
แผนท่ี 30 การหักเหของแสง 380
แผนท่ี 31 การสะทอ้ นกลับหมด มมุ วกิ ฤต และการกระจายของแสง 397
แผนท่ี 32 การมองเห็นและการเกิดภาพ 410
แผนที่ 33 การหักเหของแสงผ่านเลนส์ 423
แผนท่ี 34 การเกดิ ภาพจากกระจกเงาทรงกลม 444
แผนท่ี 35 แสงสีและการมองเหน็ แสงสี 459
แผนท่ี 36 ปรากฏการณธ์ รรมชาติและการใชป้ ระโยชน์เกยี่ วกับแสง 469

1

การออกแบบการจดั การเรียนรู้แบบองิ มาตรฐานการเรยี นรู้
ตามหลกั สตู รแกนกลางขน้ั พื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ.2560)

รายวิชาฟสิ ิกส์ 3 รหสั วิชา ว30203 ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 5

1. ประมวลรายวชิ า
2. คำอธิบายรายวิชา
3. โครงสร้างรายวิชา
4. หน่วยการเรียนรู้
5. แผนการจดั การเรยี นรู้
6. ใบงาน/ใบกจิ กรรม/ผลงาน/เอกสารประกอบการสอน
7. บันทึกหลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้

2

ประมวลรายวชิ า

รหสั วชิ า ว30203
จำนวนหนว่ ยการเรยี น 2.0 หนว่ ยกิต
ชอ่ื วชิ า ฟิสกิ ส์ 3
ระดบั ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 5
ภาคเรยี นท่ี 1
ปกี ารศกึ ษา 2565
จำนวนคาบตอ่ สัปดาห์ 4 คาบ/สัปดาห์
เวลาเรยี น 80 คาบ/ภาคเรียน
ชื่อครูผสู้ อน นางสาวขจรศรี สุทธสังข์

1. หลักการและจุดม่งุ หมายของหลกั สูตรการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน 2551
หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน มุ่งพฒั นาผ้เู รียนทุกคนซ่ึงเป็นกำลงั ของชาติให้เป็นมนุษย์ท่ีมี

ความสมดุลทั้งด้านร่างกาย ความรู้ คุณธรรม มีจิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ยึดมั่นในการ
ปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมพี ระมหากษตั ริย์ทรงเป็นประมขุ มคี วามรู้และทกั ษะพ้นื ฐาน รวมท้งั เจต
คติทีจ่ ำเปน็ ต่อการศกึ ษา การประกอบอาชพี และการศึกษาตลอดชีวิต โดยมุ่งเนน้ ผเู้ รยี นเป็นสำคัญบนพ้ืนฐาน
ความเช่ือว่าทุกคนสามารถเรยี นร้แู ละพัฒนาตนเองไดเ้ ต็มตามศักยภาพ

2. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น
หลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน มงุ่ ให้ผูเ้ รียนเกิดสมรรถนะสำคญั 5 ประการ ดงั น้ี
1) ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรมในการใช้

ภาษาถา่ ยทอดความคดิ ความรคู้ วามเข้าใจ ความรูส้ กึ และทัศนะของตนเองเพอื่ แลกเปลีย่ นข้อมูลขา่ วสารและ
ประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมทั้งการเจรจาต่อรองเพื่อขจัดและลด
ปญั หาความขดั แยง้ ตา่ ง ๆ การเลอื กรบั หรือไมร่ บั ขอ้ มูลข่าวสารด้วยหลกั เหตผุ ลและความถกู ต้อง ตลอดจนการ
เลอื กใช้วธิ กี ารสอ่ื สาร ท่มี ีประสทิ ธภิ าพโดยคำนึงถึงผลกระทบท่ีมตี ่อตนเองและสงั คม

2) ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิด
อย่างสร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อนำไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรือ
สารสนเทศเพ่ือการตัดสนิ ใจเก่ยี วกับตนเองและสังคมไดอ้ ย่างเหมาะสม

3) ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ท่ี
เผชิญได้อย่างถกู ตอ้ งเหมาะสมบนพืน้ ฐานของหลกั เหตุผล คณุ ธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจความสัมพันธ์
และการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่างๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกันและ
แก้ไขปัญหา และมีการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น ต่อตนเอง สังคมและ
สิ่งแวดลอ้ ม

3

4) ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนำกระบวนการต่างๆ ไปใช้ใน
การดำเนินชีวิตประจำวัน การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การทำงาน และการอยู่ร่วมกันใน
สังคมด้วยการสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่างๆ อย่าง
เหมาะสม การปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อม และการรู้จักหลีกเลี่ยง
พฤติกรรมไม่พึงประสงค์ทีส่ ่งผลกระทบตอ่ ตนเองและผู้อ่นื

5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือก และใช้ เทคโนโลยีด้านตา่ งๆ
และมีทกั ษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพอ่ื การพฒั นาตนเองและสงั คม ในดา้ นการเรียนรู้ การสือ่ สาร การทำงาน
การแกป้ ญั หาอยา่ งสรา้ งสรรค์ ถกู ต้อง เหมาะสม และมีคณุ ธรรม

3. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 กำหนดคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 8

ประการ ดงั น้ี
1) รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์
2) ซ่อื สตั ย์สจุ รติ
3) มวี ินยั
4) ใฝ่เรยี นรู้
5) อยู่อย่างพอเพียง
6) มุง่ ม่นั ในการทำงาน
7) รกั ความเปน็ ไทย
8) มจี ติ สาธารณะ

4. ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
ในการศึกษาวิทยาศาสตร์ จำเป็นต้องใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เพื่อนำไปสู่การค้นหา

ความรู้ จากการสำรวจตรวจสอบ หรือจากการทดลอง ทักษะกระยวนการทางวทิ ยาศาสตรม์ ที ั้งหมด 13 ทกั ษะ
ดังน้ี

1) การสังเกต
2) การวดั
3) การจำแนก
4) การหาความสัมพนั ธ์ระหว่างมิติกับมติ ิ และมิตกิ บั เวลา
5) การคำนวณ
6) การจดั กระทำและสอื่ ความหมายข้อมูล
7) การลงความเหน็ จากข้อมลู
8) การพยากรณ์
9) การตั้งสมมตฐิ าน

4

10) การกำหนดนิยามเชงิ ปฏบิ ัติการ
11) การกำหนดและควบคุมตวั แปร
12) การทดลอง
13) การตคี วามหมายขอ้ มูลและลงขอ้ สรุป

5. ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21
การเรียนรู้ในปจั จุบนั เป็นการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ทต่ี ้องกา้ วให้ทนั ต่อการเปลีย่ นแปลงของโลก ซ่ึง

ตอ้ งอาศยั ทักษะต่างๆ เพ่ือช่วยให้การเรียนรู้ ดังนี้
1) ทกั ษะการเรยี นรู้และนวัตกรรม
2) ทกั ษะด้านสารสนเทศ สอ่ื และเทคโนโลยี
3) ทักษะชีวิตและการทำงาน

6. การบรู ณาการ
1. หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง 3 หว่ ง 2 เง่ือนไข 4 มติ ิ
2. งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน 5 องค์ประกอบและ 3 สาระ
3. โรงเรียนมาตรฐานสากล
4. อาเซยี น
5. STEM

7. อตั ราส่วนคะแนน = 80 : 20 คะแนน
คะแนนเกบ็ ระหวา่ งภาค : คะแนนปลายภาค = 30 คะแนน
คะแนนเกบ็ กอ่ นสอบกลางภาค = 20 คะแนน
คะแนนสอบกลางภาค = 30 คะแนน
คะแนนเก็บก่อนสอบปลายภาค = 20 คะแนน
คะแนนสอบปลายภาค = 100
รวม

รายวชิ าฟสิ กิ ส์ 3 คำอธิบายรายวิชาเพมิ่ เติม 5
กิตชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 5 รหัสวชิ า ว30203
2.0 หนว่ ย
เวลาเรียน 80 ช่ัวโมง/ภาคเรยี น

ศกึ ษาลกั ษณะการเคล่ือนทแ่ี บบฮาร์มอนิกอย่างง่าย ปริมาณที่เกยี่ วข้องกับการเคลื่อนท่ีแบบฮาร์มอนิ
กอย่างง่าย แรงกับการสั่นของมวลติดปลายสปริงและลูกตุ้มอย่างง่าย ความถี่ธรรมชาติและการสั่นพ้อง
ธรรมชาติของคลื่น อัตราเร็วของคลื่น หลักการที่เกี่ยวกับคลื่น พฤติกรรมของคลื่น แนวคิดเกี่ยวกับ แสงเชิง
คล่ืน การแทรกสอดของแสงผา่ นสลิตคู่ การเลย้ี วเบนของแสงผา่ นสลติ เดี่ยว การเลีย้ วเบนของ แสงผา่ นเกรตติง
การสะทอ้ นและการหกั เหของแสง การมองเหน็ และการเกิดภาพ ภาพจากเลนส์และ กระจกเงาทรงกลม แสงสี
และการมองเห็นแสงสี ปรากฏการณ์ธรรมชาติและการใช้ประโยชน์เกี่ยวกับแสง โดยใช้กระบวนการทาง
วทิ ยาศาสตร์ การสบื เสาะหาความรู้การสืบคน้ ขอ้ มูล การสังเกต วิเคราะห์ อธิบายเปรยี บเทียบ อภิปราย และ
สรุป เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ มีทักษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์
รวมทั้งทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ในด้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ด้านการคิดและการแก้ปัญหา สามารถ
สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนำความรู้ไปใช้ในชีวิตของตนเอง มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และค่านิยมท่ี
เหมาะสม

ผลการเรียนรู้ที่
1. ทดลองและอธิบายการเคลื่อนทีแ่ บบฮาร์มอนิกอย่างงา่ ยของวัตถตุ ิดปลายสปรงิ และลูกตุ้มอย่างง่าย

รวมท้งั คำนวณปรมิ าณต่างๆ ท่ีเกยี่ วข้อง
2. อธบิ ายความถ่ธี รรมชาติของวัตถุและการเกดิ การสั่นพอ้ ง
3. อธิบายปรากฏการณ์คลื่น ชนิดของคลื่น ส่วนประกอบของคลื่น การแผ่ของหน้าคลื่นด้วยหลักการ

ของฮอยเกนส์ และการรวมกันของคลื่นตามหลักการซ้อนทบั พร้อมทั้งคำนวณอตั ราเรว็ ความถี่ และความยาว
คล่นื

4. สังเกตและอธิบายการสะท้อน การหักเห การแทรกสอด และการเลี้ยวเบนของคลื่นผิวน้ำ รวมทั้ง
คำนวณปริมาณต่าง ๆ ทเ่ี ก่ยี วข้อง

5. ทดลอง และอธิบายการแทรกสอดของแสงผ่านสลิตคู่และเกรตติง การเลี้ยวเบนและการแทรกสอด
ของแสงผ่านสลิตเดีย่ ว รวมทง้ั คำนวณปรมิ าณตา่ ง ๆ ทเ่ี ก่ียวขอ้ ง

6. ทดลอง และอธิบายการสะทอ้ นของแสงท่ีผวิ วัตถุตามกฎการสะทอ้ น เขียนรังสขี องแสงและ คำนวณ
ตำแหน่งและขนาดภาพของวัตถุ เมอ่ื แสงตกกระทบกระจกเงาราบและกระจกเงาทรงกลม รวมทงั้ อธิบายการนำ
ความรเู้ รอ่ื งการสะทอ้ นของแสงจากกระจกเงาราบ และกระจกเงาทรงกลม ไปใช้ประโยชนใ์ นชีวิตประจำวนั

7. ทดลอง และอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างดรรชนีหักเห มุมตกกระทบ และมุมหักเหรวมทั้งอธิบาย
ความสัมพนั ธ์ระหว่างความลึกจริงและความลึกปรากฏ มุมวิกฤตและการสะทอ้ นกลับหมดของ แสง และคำนวณ
ปรมิ าณตา่ ง ๆ ท่เี กีย่ วข้อง

6

8. ทดลอง และเขียนรังสีของแสงเพื่อแสดงภาพที่เกิดจากเลนส์บาง หาตำแหน่ง ขนาด ชนิดของภาพ
และความสมั พันธ์ระหวา่ งระยะวัตถุ ระยะภาพและความยาวโฟกัส รวมท้งั คำนวณปรมิ าณตา่ งๆ ทเ่ี กี่ยวขอ้ ง และ
อธบิ ายการนำความร้เู รือ่ งการหกั เหของแสงผา่ นเลนส์บางไปใชป้ ระโยชน์ ในชวี ติ ประจำวัน

9. อธิบายปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกี่ยวกับแสง เช่น รุ้ง การทรงกลด มิราจ และการเห็นท้องฟ้า
เปน็ สีตา่ ง ๆ ในช่วงเวลาตา่ งกนั

10. สังเกต และอธบิ ายการมองเหน็ แสงสี สขี องวัตถุ การผสมสารสี และการผสมแสงสี รวมทั้ง อธิบาย
สาเหตุของการบอดสี

รวมทั้งหมด 10 ผลการเรยี นรู้

ตารางวิเคราะห์ห
รายวชิ าฟสิ ิกส์3 ว3020
สาระฟิสกิ ส์
2. เข้าใจการเคลอื่ นท่ีแบบฮาร์มอนกิ อยา่ งงา่ ย ธรรมชาติของคลน่ื เสียงและการได้ยิน ปรา
ความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์

ผลการเรยี นรู้ รอู้ ะไร (สาระการเรยี นร)ู้ พุทธพสิ ัย (K)
1. อธิบายลักษณะขอ
1. ทดลองและอธิบายการเคลอ่ื นท่ีแบบฮาร์ 1. การเคลือ่ นทแี่ บบ
มอนกิ อยา่ งงา่ ยของวัตถุติดปลายสปริง ฮาร์มอนกิ อยา่ งงา่ ย เคลอื่ นทแ่ี บบฮาร์ม
และลูกตมุ้ อยา่ งง่ายรวมทงั้ คำนวณ นิกอย่างง่ายได้
ปริมาณตา่ งๆ ที่เก่ยี วข้อง 1. การกระจัดของการ 1. อธิบายการกระจัด
เคล่อื นที่แบบฮาร์มอ วัตถทุ ่ีเคล่ือนทีแ่ บบ
นกิ อยา่ งงา่ ย มอนกิ อยา่ งง่ายได้

1. ความเรว็ ของการ 1. อธบิ ายความเร็วขอ
เคล่ือนที่แบบฮาร์มอ ทเ่ี คลอื่ นที่แบบฮาร
นิกอยา่ งง่าย นกิ อย่างง่ายได้

7

หลกั สตู ร/ตวั ช้ีวัด
03 ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 5

ากฏการณ์ทเี่ กี่ยวขอ้ งกับเสยี ง แสงและการเหน็ ปรากฏการณท์ เ่ี ก่ียวข้องกบั แสง รวมทงั้ นำ

องการ ทำอะไร จติ พิสยั (A) สมรรถนะ
มอ ทกั ษะพิสยั (P) 1. เปน็ ผูม้ ีความมงุ่ มนั่
ดของ 1. คำนวณหาคาบและ 1. ความสามารถในการ
บฮาร์ ความถี่ท่โี จทยป์ ญั หา ในการทำงาน สือ่ สาร (อ่าน ฟัง พดู
กำหนดให้ได้ 1. เปน็ ผู้มคี วามมุ่งมนั่ เขยี น)
องวัตถุ 1. นักเรียนสามารถจดั
รม์ อ กระทำและส่อื ในการทำงานและ 2. ความสามารถในการคิด
ความหมายของ มคี วามรบั ผิดชอบ (สังเกต วิเคราะห์ จดั
ข้อมูลท่ีศกึ ษาคน้ คว้า กลมุ่ สรุป)
ได้
2. คำนวณหาคา่ การ 3. ความสามารถในการ
กระจัดตามทโี่ จทย์ แก้ปัญหา (แก้สมการ
กำหนดใหไ้ ด้ แก้ปัญหาเฉพาะหน้า)
1. คำนวณหาคา่
ความเรว็ ตามทโี่ จทย์ 4. ความสามารถในการใช้
กำหนดใหไ้ ด้ ทักษะชวี ติ (ความ
รับผดิ ชอบ)

5. ความสามารถในการใช้
เทคโนโลยีสารสนเทศ

1. ความเรง่ ของการ 1. อธิบายความเร่งขอ
เคลื่อนทแี่ บบฮาร์มอ ทเ่ี คลื่อนท่ีแบบฮาร
นิกอย่างง่าย กอย่างง่ายได้

1. แรงกับการสนั่ ของมวล 1. อธบิ ายการกระจดั

ติดปลายสปรงิ ความเรว็ การสัน่ ขอ

มวลติดปลายสปรงิ

1. คาบและความถ่ีของ 1. อธบิ ายความหมาย
การสั่นของมวลตดิ ดึงกลับของสปรงิ แ
ปลายสปริง กฎการเคล่อื นทีข่ อ้
สองของนิวตนั เกย่ี
1. แรงกับการแกว่งของ ระบบการเคล่ือนท
ลกู ตมุ้ อยา่ งง่าย วตั ถุตดิ ปลายสปรงิ

1. อธบิ ายความสมั พัน
ระหว่างคาบการแก
ลกู ต้มุ อย่างง่าย กบั
ทส่ี องของความยา
เชือก

องวัตถุ 1. คำนวณหาคา่ 8
ร์มอนิ ความเร่งตามทีโ่ จทย์
(ใช้การสืบค้นผา่ น
กำหนดใหไ้ ด้ คอมพวิ เตอร)์

ดและ 1. ทดลองการเคล่อื นที่

อง แบบฮาร์มอนกิ อยา่ ง

ง งา่ ยของรถทดลองตดิ

ปลายสปรงิ

ยแรง 1. สามารถคำนวณหา 1. เป็นผูม้ คี วามมงุ่ มั่น 1. ความสามารถในการ

และ ปรมิ าณของคาบและ ในการทำงานและ สอ่ื สาร (อ่าน ฟงั พูด

อที่ ความถ่ที ่ีโจทย์ มคี วามรบั ผิดชอบ เขียน)

ยวกบั กำหนดให้ได้ 2. ความสามารถในการคิด

ที่ของ (สังเกต วิเคราะห์ จดั

ง กลมุ่ สรปุ )

นธ์ 1. ทดลองการแกวง่ ของ 3. ความสามารถในการ

กวง่ ลกู ตุม้ อยา่ งง่าย แกป้ ญั หา (แก้สมการ

บราก แกป้ ญั หาเฉพาะหน้า)

าว

1. คาบและความถ่กี าร 1. อธบิ ายความหมาย
แกวง่ ของลูกตุ้มอย่าง คาบและคามถี่การ
ง่าย แกว่งของลูกตมุ้ อย
งา่ ย
2. อธบิ ายความถ่ธี รรมชาติของวตั ถแุ ละการ 1. ความถ่ธี รรมชาตแิ ละ
1. อธบิ ายความหมาย
เกิดการส่นั พอ้ ง การส่นั พ้องของวัตถุ ความถีธ่ รรมชาติข
วตั ถุได้

3. อธิบายปรากฏการณ์คลนื่ ชนิดของคล่นื 1. การเกิดคลืน่ และชนิด 1. อธิบายปรากฏการ
สว่ นประกอบของคลน่ื การแผ่ของหนา้ ของคล่นื คลืน่ และลักษณะ
คลน่ื ด้วยหลกั การของฮอยเกนส์ และ คลน่ื ชนดิ ต่างๆ
การรวมกนั ของคลื่นตามหลักการ 1. ส่วนประกอบของคล่นื
ซ้อนทับ พรอ้ มทง้ั คำนวณอัตราเร็ว 1. อตั ราเรว็ ของคลืน่ 1. อธิบายองคป์ ระกอ
ความถี่ และความยาวคล่ืน ต่างๆ ของคลน่ื
1. อตั ราเร็วของคล่นื ใน
ตัวกลาง 1. อธบิ ายความสมั พัน
ระหวา่ งอตั ราเรว็
ความถี่ และความย
คลนื่

1. ระบปุ ัจจยั ทีม่ ีผลตอ่
อัตราเร็วของคล่ืนใ
ตวั กลาง

9

ย 1. คำนวณปรมิ าณท่ี 4. ความสามารถในการใช้

ร เก่ยี วขอ้ งกบั คาบ ทักษะชวี ติ (ความ

ยา่ ง และความถี่การแกวง่ รับผดิ ชอบ)

ของลูกตุ้มอยา่ งงา่ ย 5. ความสามารถในการใช้

ยของ 1. สามารถทำกจิ กรรม เทคโนโลยีสารสนเทศ

ของ เรอื่ ง ความถ่ี (ใช้การสืบค้นผ่าน

ธรรมชาตแิ ละการส่ัน คอมพวิ เตอร์)

ของวัตถไุ ด้

2. คำนวณหาค่าความถ่ี

ธรรมชาตขิ องวตั ถุได้

รณ์ 1. สามารถทำกิจกรรม 1. มีความรับผิดชอบ 1. ความสามารถในการ

ะของ เรือ่ ง คล่ืนในสปรงิ สื่อสาร (อ่าน ฟัง พูด

เขยี น)

อบ 1. สามารถคำนวณหาคา่ 2. ความสามารถในการคิด

เฟสต่างกนั (สงั เกต วเิ คราะห์ จดั

นธ์ 1. สามารถคำนวณหา กลมุ่ สรปุ )

ปริมาณตา่ งๆ ที่ 3. ความสามารถในการ

ยาว เกยี่ วขอ้ งได้ แกป้ ญั หา (แก้สมการ

แกป้ ญั หาเฉพาะหน้า)

อ 4. ความสามารถในการใช้

ใน ทกั ษะชีวติ (ความ

รบั ผิดชอบ)

1. คลนื่ ผิวนำ้ 1. อธบิ ายการแผ่ของ
1. การซ้อนทับของคลน่ื คล่ืนโดยใช้หลักกา
ฮอยเกนส์

1. อธบิ ายการรวมกนั
คลน่ื โดยอาศยั หลกั
ซอ้ นทับได้

4. สังเกตและอธิบายการสะท้อน การหกั เห 1. การสะท้อนของคล่นื 1. อธิบายการสะทอ้ น
คลื่นผวิ นำ้ ได้
การแทรกสอด และการเล้ยี วเบนของ ผิวน้ำ
1. อธบิ ายการหกั เหข
คล่ืนผิวน้ำ รวมทง้ั คำนวณปริมาณ 1. การหกั เหของคล่ืนผวิ คลื่นผวิ นำ้ ได้

ตา่ ง ๆ ที่เกยี่ วข้อง นำ้ 1. อธบิ ายการเกิดคลน่ื
ได้
1. คล่นื นงิ่
1. อธบิ ายการเกิดคลื่น
1. คลื่นนิง่ ในเส้นเชอื ก ในเส้นเชอื กได้

งหน้า 1. ทำการทดลอง เร่อื ง 10
ารของ คลื่นผวิ น้ำ
5. ความสามารถในการใช้
นของ 1. สามารถเขียน เทคโนโลยีสารสนเทศ
กการ แผนภาพการแทรก (ใช้การสืบค้นผา่ น
คอมพิวเตอร)์
สอดแบบเสริมกัน
และการแทรกสอด
แบบหักลา้ งกนั ได้

นของ 1. ทดลองและสงั เกต 1. ใฝ่เรียนรู้ และมี 1. ความสามารถในการ
การสะท้อนของคลน่ื ความรบั ผิดชอบ ส่อื สาร (อ่าน ฟงั พดู
เขยี น)
ของ ผิวนำ้ ได้
2. ความสามารถในการคิด
นน่ิง 1. สงั เกตและเขยี นภาพ (สงั เกต วิเคราะห์ จดั
การเกดิ คล่ืนนง่ิ ได้ กลมุ่ สรุป)

นนง่ิ 1. สังเกตการเกิดคล่ืน
น่ิงในเสน้ เชอื กได้

1. แทรกสอดของคลนื่ ผวิ 1. อธบิ ายการแทรกส
น้ำ ของคลน่ื ผวิ น้ำได้

1. การเลยี้ วเบนของคลน่ื 1. อธบิ ายการเล้ยี วเบ
ผิวนำ้ คล่นื ผวิ นำ้ ได้

5. ทดลอง และอธิบายการแทรกสอดของ 1. แนวคดิ เก่ยี วกบั แสง 1. อธิบายแนวคิดเกย่ี
แสงผ่านสลิตคู่และเกรตติง การ
เลีย้ วเบนและการแทรกสอดของแสง เชงิ คล่นื แสงเชิงคลนื่ ได้
ผา่ นสลิตเด่ียว รวมท้งั คำนวณปริมาณ
ตา่ ง ๆ ท่เี กี่ยวขอ้ ง 1. การแทรกสอดของแสง 1. อธบิ ายรูปแบบการ

ผา่ นสลิตคู่ แทรกสอดของแสง

สลติ ค่ไู ด้

5. ทดลอง และอธบิ ายการแทรกสอดของ 1. การเลีย้ วเบนของแสง 1. อธบิ ายรปู แบบการ
แสงผ่านสลิตคแู่ ละเกรตติง การ เล้ยี วเบนของแสงผ
เลย้ี วเบนและการแทรกสอดของแสง สลิตเดีย่ วท่ีมคี วาม
ผ่านสลิตเด่ยี ว รวมท้งั คำนวณปรมิ าณ ขนาดต่างๆ ได้
ตา่ ง ๆ ที่เกยี่ วข้อง

11

สอด 1. ทดลองและสังเกต 1. ใฝ่เรยี นรู้ และมี 3. ความสามารถในการ
การแทรกสอดของ ความรับผดิ ชอบ แกป้ ัญหา (แก้สมการ
บนของ คลืน่ ผิวนำ้ ได้ แก้ปญั หาเฉพาะหน้า)

ยวกบั 1. ทดลองและสังเกต 4. ความสามารถในการใช้
การเลี้ยวเบนของ ทักษะชีวิต (ความ
ร คลืน่ ผวิ นำ้ ได้ รับผดิ ชอบ)
งผ่าน
1. ระบุได้วา่ แสงเปน็ 5. ความสามารถในการใช้
ร คลื่นแมเ่ หลก็ ไฟฟ้าที่ เทคโนโลยีสารสนเทศ
ผา่ น ตามองเหน็ ได้ (ใชก้ ารสืบคน้ ผา่ น
มกวา้ ง คอมพิวเตอร์)
1. ทดลองการแทรก
สอดของแสงผ่าน 1. ความสามารถในการ
สลิตค่ไู ด้ สอ่ื สาร (อ่าน ฟงั พูด
เขียน)
2. คำนวณหาปริมาณ
ต่างๆ ทเี่ ก่ียวข้องกบั
การแทรกสอดของ
แสงผา่ นสลิตคู่ได้

1. ทดลองการเลีย้ วเบน
ของแสงผา่ นสลิต
เดย่ี วได้

2. คำนวณหาปรมิ าณ
ต่างๆ ทเี่ กี่ยวขอ้ งกับ

1. การเลีย้ วเบนของแสง 1. อธบิ ายรูปแบบการ

ผ่านเกรตตงิ เลยี้ วเบนของแสงผ

เกรตตงิ ได้

1. ความยาวคลื่นของแสง 1. อธบิ ายรปู แบบการ
เลย้ี วเบนของแสงผ
เกรตตงิ ได้

6. ทดลอง และอธิบายการสะทอ้ นของแสง 1. การสะทอ้ นของแสง 1. อธิบายการสะท้อน
ที่ผิววตั ถุตามกฎการสะท้อน เขียนรงั สี แสง และกฎการสะ
ของแสงและ คำนวณตำแหน่งและขนาด ของแสงได้
ภาพของวัตถุ เมื่อแสงตกกระทบกระจก
เงาราบและกระจกเงาทรงกลม รวมท้ัง
อธบิ ายการนำความรู้เร่ืองการสะทอ้ น
ของแสงจากกระจกเงาราบ และกระจก

12

การเลีย้ วเบนของ 2. ความสามารถในการคิด
แสงผ่านสลิตเด่ยี วได้ (สังเกต วเิ คราะห์ จดั
กลุม่ สรุป)
ร 1. นกั เรียนสามารถจดั 1. ใฝ่เรยี นรู้ และมี
3. ความสามารถในการ
ผ่าน กระทำและสอ่ื ความรับผดิ ชอบ แกป้ ัญหา (แก้สมการ
แก้ปัญหาเฉพาะหนา้ )
ความหมายของ
4. ความสามารถในการใช้
ขอ้ มูลที่ศกึ ษาคน้ คว้า ทักษะชวี ิต (ความ
รับผดิ ชอบ)
ได้
5. ความสามารถในการใช้
ร 1. ทดลองหาความยาว 1. ใฝ่เรยี นรู้ และมี เทคโนโลยีสารสนเทศ
(ใชก้ ารสืบคน้ ผา่ น
ผ่าน คลื่นของแสงได้ ความรบั ผดิ ชอบ คอมพิวเตอร์)

2. คำนวณหาความยาว 1. ความสามารถในการ
ส่ือสาร (อ่าน ฟัง พูด
คลื่นแสงและปรมิ าณ เขียน)

ต่างๆ ท่ีเกีย่ วข้องโดย 2. ความสามารถในการคิด
(สังเกต วเิ คราะห์ จัด
ใชเ้ กรตตงิ กลมุ่ สรปุ )

นของ 1. ทดลองกฎการ 1. ใฝ่เรียนรู้ และมี

ะทอ้ น สะทอ้ นของแสงได้ ความรับผิดชอบ

เงาทรงกลมไปใช้ประโยชนใ์ น
ชีวติ ประจำวัน

7. ทดลอง และอธิบายความสัมพนั ธ์ 1. การหักเหของแสง 1. อธบิ ายการหักเหข
ระหว่างดรรชนหี กั เห มมุ ตกกระทบ แสง และกฎของส
และมมุ หักเหรวมท้งั อธิบาย 1. การสะท้อนกลบั หมด ได้
ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งความลึกจริงและ มมุ วิกฤต และการ
ความลึกปรากฏ มมุ วิกฤตและการ กระจายของแสง 1. อธิบายการสะท้อน
สะทอ้ นกลับหมดของ แสง และคำนวณ หมด การเกิดมุมวกิ
ปริมาณตา่ ง ๆ ทเ่ี กี่ยวข้อง 1. การมองเห็นและการ และการกระจายข
เกดิ ภาพ
6. ทดลองและอธิบายการสะท้อนของแสง 1. อธบิ ายวธิ ีการเขยี น
ท่ีผิววัตถุตามกฎการสะท้อน เขียนรังสี ของแสงและการเก
ของแสงและคำนวณตำแหน่งและขนาด ภาพจากการสะท้อ
ภาพของวัตถุ เมอื่ แสงตกกระทบกระจก ของแสงจากกระจ
เงาราบและกระจกเงาทรงกลม รวมทงั้ ราบ
อธิบายการนำความร้เู รอ่ื งการสะทอ้ น
ของแสงจากกระจกเงาราบ และกระจก 2. อธบิ ายวิธีการเขยี น
ของแสงและการเก

13

ของ 1. ทดลองการหักเหของ 1. ใฝ่เรียนรู้ และมี 3. ความสามารถในการ
แกป้ ัญหา (แกส้ มการ
สเนลล์ แสงได้ ความรับผิดชอบ แก้ปัญหาเฉพาะหนา้ )

4. ความสามารถในการใช้
ทักษะชวี ิต (ความ
รบั ผิดชอบ)

5. ความสามารถในการใช้
เทคโนโลยีสารสนเทศ
(ใชก้ ารสืบคน้ ผ่าน
คอมพวิ เตอร์)

นกลับ 1. สามารถคำนวณหา 1. ใฝ่เรยี นรู้ และมี
กฤต ปรมิ าณต่างๆ ท่ี ความรบั ผิดชอบ
ของได้ เกยี่ วข้องได้

นรงั สี 1. เขียนรังสขี องแสง 1. มงุ่ มน่ั ในการทำงาน 1. ความสามารถในการ

กิด ระบุตำแหนง่ และ และมีความ สอ่ื สาร (อ่าน ฟัง พดู

อน ชนิดของภาพท่เี กิด รบั ผดิ ชอบ เขยี น)

จกเงา จากการสะท้อนของ 2. ความสามารถในการคิด

แสงจากกระจกเงา (สังเกต วิเคราะห์ จดั

นรงั สี ราบ กล่มุ สรุป)

กดิ

เงาทรงกลม ไปใชป้ ระโยชน์ใน ภาพจากการหกั เห
ชวี ิตประจำวัน แสงทีผ่ า่ นตัวกลาง
ต่างกัน

1. การเกดิ ภาพจาก 1. อธิบายการเกิดภาพ

กระจกเงาทรงกลม กระจกเงาทรงกลม

8. ทดลอง และเขียนรังสีของแสงเพ่อื แสดง 1. การหักเหของแสงผ่าน 1. อธิบายการเกดิ ภาพ
ภาพทีเ่ กดิ จากเลนสบ์ าง หาตำแหนง่ เลนส์ เลนส์บาง
ขนาด ชนิดของภาพ และความสมั พนั ธ์
ระหวา่ งระยะวัตถุ ระยะภาพและความ
ยาวโฟกัส รวมทั้งคำนวณปรมิ าณต่างๆ
ที่เกี่ยวขอ้ ง และอธิบายการนำความรู้

14

หของ 2. เขียนรงั สีของแสง 3. ความสามารถในการ

งท่ี และคำนวณหา แก้ปญั หา (แก้สมการ

ปรมิ าณตา่ ง ๆ ของ แกป้ ัญหาเฉพาะหน้า)

การเกดิ ภาพที่เกดิ 4. ความสามารถในการใช้

จากการหกั เหของ ทักษะชีวิต (ความ

แสงท่ีผ่านตวั กลางที่ รบั ผิดชอบ)

ต่างกัน 5. ความสามารถในการใช้

พของ 1. เขียนรังสีของแสงท่ี เทคโนโลยีสารสนเทศ

ม สะท้อนจากผวิ ของ (ใชก้ ารสืบคน้ ผา่ น

กระจกเงาทรงกลม คอมพิวเตอร์)

เพื่อระบุตำแหนง่

และชนดิ ของภาพ

2. คำนวณหาปรมิ าณ

ต่าง ๆ ทีเ่ กี่ยวขอ้ ง

กบั การเกิดภาพจาก

กระจกเงาทรงกลม

พของ 1. ทดลอง และเขียน 1. ม่งุ มนั่ ในการทำงาน 1. ความสามารถในการ

รงั สีของแสงท่ีหกั เห และมคี วาม สอ่ื สาร (อ่าน ฟงั พูด

ผา่ นเลนส์บางเพื่อ รบั ผิดชอบ เขียน)

ระบตุ ำแหนง่ และ

ชนดิ ของภาพ

เร่อื งการหักเหของแสงผา่ นเลนส์บางไป
ใชป้ ระโยชน์ ในชวี ติ ประจำวนั

7. ทดลอง และอธิบายความสมั พนั ธ์ 1. การหักเหของแสง 1. อธบิ ายการหักเหข

ระหวา่ งดรรชนหี ักเห มุมตกกระทบ แสง และกฎของส

และมุมหักเหรวมทง้ั อธิบาย ได้

ความสมั พนั ธร์ ะหว่างความลึกจริงและ

ความลกึ ปรากฏ มุมวิกฤตและการ

สะทอ้ นกลบั หมดของ แสง และคำนวณ

ปริมาณตา่ ง ๆ ทเี่ กยี่ วข้อง

10. สงั เกต และอธบิ ายการมองเหน็ แสงสี 1. แสงสแี ละการมองเห็น 1. อธิบายการมองเหน็

สีของวตั ถุ การผสมสารสี และการผสม แสงสี สี สีของวัตถุ และส

แสงสี รวมทัง้ อธบิ ายสาเหตขุ องการบอด ของการบอดสี

สี 2. อธบิ ายการผสมแส

และการผสมสารส

9. อธบิ ายปรากฏการณ์ธรรมชาติทีเ่ กีย่ วกบั 1. ปรากฏการณ์ 1. อธบิ ายการเกดิ รุ้ง

แสง เชน่ รุ้ง การทรงกลด มริ าจ และ ธรรมชาติและการใช้ ทรงกลด มริ าจ แล

การเหน็ ท้องฟ้า เปน็ สตี ่างๆ ในช่วงเวลา ประโยชนเ์ ก่ียวกบั แสง มองเห็นทอ้ งฟา้ เป

ต่างกนั ตา่ ง ๆ ในช่วงเวลา

ต่างกัน

15

2. คำนวณหาปริมาณ 2. ความสามารถในการคิด

ตา่ ง ๆ ที่เกย่ี วขอ้ ง (สังเกต วเิ คราะห์ จดั

กับการเกิดภาพจาก กลมุ่ สรุป)

เลนสบ์ าง 3. ความสามารถในการ

ของ 1. ทดลองการหกั เหของ แกป้ ญั หา (แก้สมการ

สเนลล์ แสงได้ แก้ปัญหาเฉพาะหนา้ )

4. ความสามารถในการใช้

ทักษะชีวิต (ความ

รบั ผิดชอบ)

5. ความสามารถในการใช้

นแสง 1. นักเรยี นสามารถจดั เทคโนโลยีสารสนเทศ
สาเหตุ กระทำและสื่อ (ใชก้ ารสืบคน้ ผา่ น
คอมพิวเตอร์)
ความหมายของ

สงสี ขอ้ มูลที่ศึกษาค้นควา้

สี ได้

การ 1. นกั เรยี นสามารถจัด 1. มงุ่ มัน่ ในการทำงาน 1. ความสามารถในการ

ละการ กระทำและส่อื และมคี วาม ส่อื สาร (อ่าน ฟัง พูด

ปน็ สี ความหมายของ รับผิดชอบ เขยี น)

าที่ ขอ้ มูลที่ศกึ ษาค้นควา้ 2. ความสามารถในการคิด

ได้ (สังเกต วิเคราะห์ จัด

กลุม่ สรุป)



16

3. ความสามารถในการ
แกป้ ัญหา (แก้สมการ
แกป้ ญั หาเฉพาะหน้า)

4. ความสามารถในการใช้
ทักษะชีวติ (ความ
รบั ผิดชอบ)

5. ความสามารถในการใช้
เทคโนโลยีสารสนเทศ
(ใช้การสืบคน้ ผา่ น
คอมพวิ เตอร์)

โครงสร้างราย

ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5 เวลา 80

ลำดบั ชือ่ หนว่ ยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ ผลการเรยี
ท่ี

1 หน่วยที่ 8 การเคล่อื นท่ีแบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย

แผนท่ี 1 1. ทดลองและอธิบา
แบบฮาร์มอนิกอย
เรอ่ื ง ลักษณะการเคลื่อนที่ ติดปลายสปริงแล
แบบฮารม์ อนกิ อย่างง่าย ง่ายรวมทั้งคำนวณ
ทเี่ กย่ี วข้อง
แผนที่ 2

เรอ่ื ง การกระจดั ของการ
เคลื่อนทีแ่ บบฮารม์ อนิกอยา่ ง
งา่ ย

17

ยวชิ าฟสิ กิ ส์ 3

0 ชั่วโมง จำนวน 2.0 หนว่ ยกติ

ยนรู้ สาระสำคญั เวลา นำ้ หนัก
(ชั่วโมง) คะแนน

20 10

ายการเคลื่อนท่ี 1. การสั่น (vibration) หรือการแกว่งกวัด 2 2
2 1
ยา่ งง่ายของวัตถุ (oscillation) ท้งั สองคำนห้ี มายถึงกาเคลื่อนท่ี
ละลูกตุ้มอย่าง เดียวกนั การสั่นแบบทง่ี า่ ยทส่ี ุดคอื การเคลื่อนที่
ณปริมาณต่างๆ แ บ บ ฮ า ร ์ ม อ น ิ ก อ ย ่ า ง ง ่ า ย ( simple

harmonicmotion)เป็นการเคลื่อนที่กลับไป

ม า ซ ้ ำ ร อ ย เ ด ิ ม ผ ่ า น ต ำ แ ห น ่ ง ส ม ดุ ล

(equilibrium position)มีคาบและแอมพลิ

จดู คงตัว

แผนที่ 3

เร่ือง การกระจัดของการ
เคลื่อนทแี่ บบฮารม์ อนิกอยา่ ง
ง่าย(ต่อ)

แผนท่ี 4

เรื่อง ความเร็วของการ
เคลอื่ นที่แบบฮารม์ อนกิ อย่าง
งา่ ย

แผนที่ 5

เรื่อง ความเรง่ ของการ
เคล่ือนท่ีแบบฮาร์มอนกิ อยา่ ง
งา่ ย

แผนที่ 6 1. ทดลองและอธบิ าย
แบบฮารม์ อนกิ อยา่
เรื่อง แรงกับการสัน่ ของมวล ติดปลายสปรงิ และ
ติดปลายสปริง

2. เม่ือฉายแสงให้ขนานกบั ระนาบการเคลื่อนท่ี 2 18
ของวัตถุแบบวงกลมด้วยอัตราเร็วเชิงมุมคงตัว 2 1
เงาของวัตถุบนฉากจะเคลื่อนที่กลับไปกลับมา 2
ซ้ำรอยเดิมในแนวตรงมีความเร่งเข้าสู่จุดสมดลุ 1
ซึ่งเป็นการเคลื่อนที่ แบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย
จากการวิเคราะห์การเคลื่อนที่ของเงากับการ 1
เคล่ือนที่แบบวงกลมของวัตถุสรุปเป็นสมการ
ของปริมาณทีเ่ ก่ียวขอ้ งกับการเคลอ่ื นท่ีแบบฮาร์
มอนิกอยา่ งงา่ ยของเงาไดด้ ังน้ี

การกระจดั = sin( + ∅)

ความเร็ว = cos( + ∅)

ความเร่ง = − 2 sin( + ∅)

ยการเคล่อื นท่ี 3. ความเร่งแปรผันตรงกับการกระจัดแต่มีทิศ 2 1
างงา่ ยของวตั ถุ ทางตรงข้ามกันสัมพันธ์กันตามสมการ =
ะลูกตมุ้ อย่าง

แผนท่ี 7 ง่ายรวมท้งั คำนวณ
ทีเ่ กี่ยวขอ้ ง
เรอื่ ง คาบและความถ่ีของการ
ส่นั ของมวลติดปลายสปริง

แผนท่ี 8

เรอื่ ง แรงกับการแกวง่ ของ
ลกู ตมุ้ อยา่ งง่าย

แผนที่ 9

เรอ่ื ง คาบและความถก่ี าร
แกว่งของลกู ตุ้มอยา่ งง่าย

ณปริมาณตา่ งๆ − 2ส่วนความเร็วสัมพันธ์กับการกระจัด 2 19
ตามสมการ = +− √ 2 − 2 2 0.5
2
4. การเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่ายของ 1
วัตถุจะมีแรงที่ดึงวัตถุให้กลับมาที่ตำแหน่ง
สมดุล เรียกแรงนี้ว่าแรงดึงกลับ (restoring 0.5
force)การส่ันของมวลติดปลายสปริงและการ
แกว่งของลูกตุ้มอย่างง่ายเป็นตัวอย่างของการ
เคลอื่ นท่ีแบบฮาร์มอนิกอยา่ งงา่ ย

5. การสั่นของมวลติดปลายสปริงแรงดึงกลับ
เท่ากับ–kxจากกฎการเคลื่อนที่ข้อที่สองของ
นวิ ตนั จะได้ ความสัมพนั ธร์ ะหว่างค่าคงตวั สปรงิ
(k)มวลของวตั ถุ (m)กับความถเ่ี ชงิ มมุ

ตามสมการω = √ และ จาก



ความสัมพนั ธ์ระหว่างความถเี่ ชิงมุมกบั คาบและ

ความถีจ่ ะได้

คาบ T = 2 √



20

ความถ่ี f = 1 √

2

ในทำนองเดียวกันน้ีของการแกว่งของลูกตุ้ม
อย่างง่ายแรงดึงกลับเท่ากับ −mg sin
เมอื่ พจิ ารณากรณีθ < 10°จะได้

ความถี่เชงิ มุม ω = √

คาบ T = 2 √

ความถ่ี f = 1 √
2

6. เมื่อให้วัตถุสั่นหรือแกว่งอย่างอิสระเช่น
การเคลอ่ื นทแ่ี บบฮารม์ อนิกอย่างง่ายในวัตถุติด
สปริงหรือลูกตุ้มอย่างง่าย วัตถุจะสั่นด้วย
ความถี่เฉพาะตัวค่าหนึ่ง เรียก ความถ่ี
ธรรมชาติ(natural frequency) เมื่อวัตถุถูก
กระตุ้นต่อเนื่องให้สั่นอย่างอิสระด้วยแรงหรือ
พลังงานที่มีความถี่เท่ากับหรือใกล้เคียงกับ

แผนที่ 10 2. อธบิ ายความถธ่ี รร
และการเกดิ การส่นั
เร่ือง ความถธ่ี รรมชาตแิ ละ
การส่ันพ้องของวตั ถุ

21

ความถี่ธรรมชาติของวัตถุ วัตถุนั้นจะสั่นด้วย
ความถี่ธรรมชาติของวัตถุนั้นและสั่นด้วยแอม
พลิจูดที่ค่ามาก เรียกปรากฏการณ์นี้ว่าการสนั่
พอ้ ง (resonance)

รมชาติของวตั ถุ เมือ่ ให้วัตถุสัน่ หรอื แกวง่ อยา่ งอิสระ เช่น ก าร 2 1
นพอ้ ง เคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่ายในวัตถุติด
สปริงหรือลูกตุม้ อย่างงา่ ย วัตถุจะสัน่ หรือแกวง่
ด้วยความถี่เฉพาะตัวค่าหนึ่ง เรียก ความถี่
ธรรมชาติ(natural frequency) เมื่อวัตถุถูก
กระตุ้นต่อเนื่องให้สั่นอย่างอิสระด้วยแรงหรือ
พลังงานที่มีความถี่เท่ากับหรือใกล้เคียงกับ
ความถี่ธรรมชาติของวัตถุ วัตถุนั้นจะสั่นด้วย
ความถี่ธรรมชาติของวัตถุนั้นและสั่นด้วยแอม
พลิจูดที่ค่ามาก เรียกปรากฏการณ์นี้ว่าการสน่ั
พ้อง (resonance)

2 หนว่ ยที่ 9 คล่นื

แผนที่ 11 3. อธิบายปรากฏกา
เรอ่ื ง การเกดิ คลืน่ และชนิด ของคลื่นส่วนประ
ของคลื่น การแผข่ องหนา้ คล
แผนท่ี 12 ของฮอยเกนส์ แล
เรอื่ ง สว่ นประกอบของคลน่ื ของคล่ืนตามหลั
แผนที่ 13 พร้อมทั้งคำนว
เรื่อง อตั ราเรว็ ของคลนื่ ความถี่ และความย
แผนที่ 14
เรื่อง อตั ราเร็วของคลนื่ ใน 3. อธิบายปรากฏกา
ตัวกลาง ของคลื่นส่วนประ
แผนที่ 15
เรื่อง คล่นื ผวิ น้ำ

ารณ์คลื่น ชนิด คลนื่ เป็นปรากฏการณก์ ารถ่ายโอนพลงั งานจาก 24 22
2 20
ะกอบของคลื่น ที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง คลื่นที่ถ่ายโอนพลังงานโดย 1
2
ลืน่ ดว้ ยหลักการ ต้องอาศัยตัวกลาง เรียกว่า คลื่นกล ส่วนคลื่น 2 2
ละการรวมกัน แม่เหลก็ ไฟฟา้ ถา่ ยโอนพลังงานโดยไมต่ ้องอาศัย 2 2
กการซ้อนทับ ตัวกลาง นอกจากนี้ยังจำแนกชนิดของคล่ืน 1
ออกเป็นสองชนิด ได้แก่ คลื่นตามขวาง และ
วณอัตร า เร็ว คลื่นตามขวาง คลื่นที่เกดิ จากแหล่งกำเนดิ คลน่ื 2
ยาวคลื่น ที่ส่งคลื่นอย่างต่อเนื่องและมีรูปแบบท่ีซ้ำกัน

บรรยายได้ด้วย การกระจัด สันคลื่น ท้องคล่ืน

เฟส ความยาวคลนื่ ความถ่ี คาบ แอมพลจิ ูด

และอตั ราเร็ว โดยอตั ราเร็ว ความถี่ และความ

ยาวคล่ืน มีความสมั พนั ธต์ าม สมการ v = fλ

ารณ์คลื่น ชนิด คล่ืนเปน็ ปรากฏการณก์ ารถ่ายโอนพลังงานจาก 2
ะกอบของคล่ืน ที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง คลื่นที่ถ่ายโอนพลังงานโดย

แผนท่ี 16 การแผข่ องหน้าคล
เรอื่ ง การซอ้ นทับของคล่ืน ของฮอยเกนส์ แล
ของคล่ืนตามหลั
พร้อมทั้งคำนว
ความถี่ และความย

แผนที่ 17 4. สังเกตและอธิบา

เรอ่ื ง การสะท้อนของคล่นื ผิว การหักเห การแท
น้ำ การเลี้ยวเบนขอ
รวมทั้ง คำนวณปร
แผนท่ี 18 เกย่ี วขอ้ ง

เรอื่ ง การหักเหของคล่นื ผิวนำ้

แผนท่ี 19

เรือ่ ง คลน่ื นงิ่

ลืน่ ด้วยหลกั การ ต้องอาศัยตัวกลาง เรียกว่า คลื่นกล ส่วนคล่ืน 2 23
1
ละการรวมกัน แมเ่ หล็กไฟฟ้าถา่ ยโอนพลังงานโดยไมต่ ้องอาศัย 2
2 2
กการซ้อนทับ ตัวกลาง นอกจากนี้ยังจำแนกชนิดของคลื่น 2 2
วณอัตร า เร็ว ออกเป็นสองชนิด ได้แก่ คลื่นตามขวาง และ 1
คลื่นตามขวาง คลื่นที่เกดิ จากแหล่งกำเนดิ คล่ืน
ยาวคลื่น ที่ส่งคลื่นอย่างต่อเนื่องและมีรูปแบบท่ีซ้ำกัน

บรรยายได้ด้วย การกระจัด สันคลื่น ท้องคลื่น

เฟส ความยาวคลื่น ความถี่ คาบ แอมพลิจูด

และอัตราเร็ว โดยอัตราเร็ว ความถี่ และความ

ยาวคล่นื มคี วามสัมพันธต์ าม สมการ v = fλ

ายการสะท้อน 1. พฤติกรรมของคลนื่ คล่นื แสดงพฤติกรรมการ
ทรกสอด และ สะท้อนเมื่อกระทบสิ่งกีดขวางหรือรอยต่อของ
องคลื่นผิวน้ำ ตัวกลางที่ตา่ งกนั
ริมาณต่าง ๆ ท่ี 2. การสะท้อนของคลื่นเป็นไปตามกฎการ

สะท้อน คือ มุมสะท้อนเท่ากับมุมตกกระทบ
คลน่ื สะทอ้ นในเชอื กจะกลับเฟสเมื่อปลายเชือก
ตรึงแน่น และคลื่นสะท้อนในเชือกมเี ฟสคงเดิม
เมื่อปลายเชอื กอสิ ระ

แผนที่ 20
เรื่อง คลื่นนิ่งในเสน้ เชือก

แผนที่ 21 4. สังเกตและอธิบา
การหักเห การแท
เรื่อง การแทรกสอดของคลน่ื การเลี้ยวเบนขอ
ผวิ น้ำ รวมทั้ง คำนวณปร
เกี่ยวขอ้ ง
แผนท่ี 22

เรื่อง การเลี้ยวเบนของคล่ืน
ผิวน้ำ

3. คลื่นเกิดการหักเหเมื่อเคลื่อนที่ผ่านรอยต่อ 2 24
ของตวั กลางที่ต่างกนั โดยคล่นื มคี วามถค่ี งที่ แต่ 2
อัตราเร็วคลนื่ เปลย่ี นไปเป็นไปตามกฎการหกั เห 2
2 2
ายการสะท้อน แทนดว้ ยสมการ sin 1 = 1 2
ทรกสอด และ sin 2 2

องคลื่นผิวน้ำ 4. เมื่อคล่นื สองขบวนเคลอื่ นทมี่ าพบกนั เกิดการ
ริมาณต่าง ๆ ท่ี แทรกสอดกัน ถ้าคลื่นจากแหล่งกำเนิด S1และ
S2 มีความถี่เท่ากัน เฟสตรงกัน แอมพลิจูด

เท่ากัน เมื่อแทรกสอดกันเกิดตำแหน่งที่รวม

แบบเสริม เรียกว่า ปฏิบัพ และแบบหักล้าง

เรียกว่า บัพ โดยตำแหน่งที่เกิดปฏิบัพเป็นไป

ตามสมการ| 1 − 1 | = เมื่อ n =
0, 1, 2, 3, …และตำแหน่งทีเ่ กดิ บพั เป็นไป

ตามสมการ| 1 − 1 | = ( = 1)

เมือ่ n = 1, 2, 3, … 2

5.คลนื่ อาพนั ธ์สองขบวนเคล่ือนทส่ี วนทางกันจะ
เกิดการแทรกสอดเกิดเปน็ ปฏิบัพและบพั ทอ่ี ยนู่ งิ่
โดยมีระยะระหว่างบพั ทถ่ี ัดกนั และปฏิบัพท่ถี ัด

3 หนว่ ยท่ี 10 แสงเชิงคล่นื

แผนท่ี 23 5. ทดลองและอ
ของแสงผ่าน
เรอ่ื ง แนวคดิ เกีย่ วกับแสง การเลี้ยวเบ
เชงิ คล่ืน ของแสงผ่าน
คำนวณปรมิ า

แผนที่ 24

เรอ่ื ง การแทรกสอดของแสง
ผา่ นสลิตคู่

25

กันเท่ากบั ครึ่งหน่ึงของความยาวคลนื่ เรียกวา่
คลื่นน่งิ

6.คลื่นเกิดการเลี้ยวเบนเมื่อเคลื่อนที่พบขอบ
ของสิ่งกีดขวางหรอื ช่องแคบ แลว้ มีคล่ืนแผ่ออก
จากของของส่งิ กีดขวางไปทางด้วนหลังได้

อธิบายการแทรกสอด แสงเปน็ คลืน่ แม่เหล็กไฟฟา้ ความยาว 12 10
นสลิตคู่และเกรตติง คลื่นอยู่ในชว่ งประมาณ 400-700 นาโน 2 1
บนและการแทรกสอด เมตร ซ่ึงตามนษุ ยร์ บั รู้ได้ และแสดง
นสลิตเดี่ยว รวมทั้ง พฤติกรรมการแทรกสอดและการ 2 2
าณต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวขอ้ ง เลี้ยวเบนเชน่ เดียวกับคลื่นกล

การแทรกสอดของแสงผ่านแสงผา่ นสลิต
คู่ จากการแทรกสอดของแสงตามการ
ทดลองของ ธอมัส ยงั พจิ ารณาวา่ เมอื่
แสงผ่านสลิตคู่ชอ่ งของสลิตเหมอื นกบั

แผนที่ 25

เร่อื ง การแทรกสอดของแสง
ผ่านสลิตคู่ (ต่อ)

แผนท่ี 26 5. ทดลองและอ
เรื่อง การเลยี้ วเบนของแสง ของแสงผา่ นส
การเล้ยี วเบน
ของแสงผ่านส
คำนวณปริมา


Click to View FlipBook Version