165
8. ส่อื การเรยี นรู/้ แหลง่ เรยี นรู้
8.1 หนังสือเรียนรายวิชาเพิม่ เตมิ วทิ ยาศาสตร์ (ฟสิ ิกส์) ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 เลม่ 3 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ.2560)
8.2 อินเทอรเ์ น็ต
9. การวดั และประเมินผล วธิ ีการวดั เครื่องมือ เกณฑก์ ารประเมนิ
จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) การตอบคำถามในช้ัน
เรยี น 1) คำถามในชัน้ เรยี น 1) นกั เรยี นสามารถ
ดา้ นความรู้ (K) ตอบคำถามได้ระดบั
1) อธิบายองค์ประกอบตา่ งๆ ของคล่นื 1) ตรวจโจทย์ปัญหา ดีผา่ นเกณฑ์
ดา้ นกระบวนการ (P) 1) ตรวจการส่งสมุด 1) โจทย์ปญั หา 2 ข้อ 1) นักเรยี นสามารถ
1) สามารถคำนวณหาค่าเฟสตา่ งกัน บนั ทึกกิจกรรมได้
ระดับดีผ่านเกณฑ์
ดา้ นคณุ ลกั ษณะ (A)
1) มคี วามรับผิดชอบ 1) สมุด 1) นกั เรยี นได้ระดบั ดี
ผ่านเกณฑ์
10. เกณฑ์การประเมนิ ผลงานนกั เรียน
เกณฑก์ ารประเมินแบบ Rubrics ของการทำกิจกรรม เรือ่ ง ส่วนประกอบของคล่ืน
ประเด็นการ คา่ น้ำหนัก แนวทางการให้คะแนน
ประเมนิ คะแนน
ดา้ นความรู้ 3 ตอบคำถามได้ถูกต้องครบถว้ นทุกขอ้
(K) 2 ตอบคำถามได้ถูกตอ้ ง เพยี ง 3-5 ขอ้
1 ตอบคำถามไดถ้ ูกตอ้ ง เพียง 1-2 ขอ้
ด้าน 3 ทำโจทย์ปัญหาไดถ้ กู ต้องครบถ้วนทุกขอ้
กระบวนการ 2 ทำโจทย์ปัญหาไดถ้ กู ตอ้ งครบถว้ น 1 ข้อ
(P) 1 ทำโจทย์ปญั หา แตไ่ ม่ถกู ตอ้ ง
ด้าน 3 ทำภาระงานทไ่ี ดร้ ับมอบหมายเสรจ็ ภายในเวลาท่ีกำหนด และเรียบรอ้ ยถกู ตอ้ งครบถว้ น
คณุ ลกั ษณะ 2 ทำภาระงานทไ่ี ดร้ บั มอบหมายเสรจ็ ภายในเวลาที่กำหนด แตง่ านยังผดิ พลาดบางสว่ น
(A) 1 ทำภาระงานทไ่ี ดร้ บั มอบหมายเสรจ็ แต่ล่าช้า และเกิดขอ้ ผิดพลาดบางสว่ น
ระดับคะแนน 3 หมายถงึ ระดับดีมาก
คะแนน 2 หมายถงึ ระดับดี
คะแนน 1 หมายถึง ระดับพอใช้
คะแนน
166
การประเมินการทำกจิ กรรม เรือ่ ง ส่วนประกอบของคลนื่
จุดประสงค์การเรียนรู้
ท่ี ชอื่ - นามสกุล ดา้ นความรู้ ด้าน ดา้ น รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คณุ ลักษณะ คะแนน คณุ ภาพ
(P) (A)
3 3 39
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
167
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
ท่ี ชือ่ - นามสกุล ดา้ นความรู้ ด้าน ดา้ น รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คณุ ลักษณะ คะแนน คณุ ภาพ
(P) (A)
3 3 39
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
ระดบั คณุ ภาพ 9 หมายถึง ระดบั ดีมาก
คะแนน 7-8 หมายถึง ระดบั ดี
คะแนน 5-6 หมายถึง ระดบั ปานกลาง
คะแนน 3-4 หมายถึง ระดบั ปรบั ปรงุ
คะแนน
168
บันทึกหลงั การสอน
หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 9 เรือ่ ง คลื่น อ
แผนการสอนที่ 12 เรื่อง ส่วนประกอบของคลืน่ .
วันที.่ ................................................เดือน.......................................................................พ.ศ......................................
ผลการจดั การเรียนรู้
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ปญั หา / อปุ สรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกป้ ัญหา
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ลงชอ่ื ............................................ครผู สู้ อน ลงชื่อ.............................................หัวหนา้ กลมุ่ สาระ
(นางสาวขจรศรี สุทธสังข์) (นางสาวอรอุมา ไชยชนะ)
ลงชอ่ื ............................................. รองฯ กลุม่ บรหิ ารวิชาการ
(นายบพติ ร เหล่ากอ)
ลงชือ่ ............................................ผู้อำนวยการโรงเรียน
(นายสรุ ิยน สายสนองยศ)
…………../…………../………..
169
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 13
เรือ่ ง อัตราเร็วของคลน่ื
รายวิชา ฟิสกิ ส์ 3 รหัสวิชา ว30203 เวลา 2 ช่ัวโมง
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 9 ชอ่ื หนว่ ยการเรียนรู้ คลน่ื รวม 24 ชั่วโมง
กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 5 ภาคเรียนท่ี 1
บรู ณาการ
ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง อาเซยี น STEM PLC
สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน มาตรฐานสากล ข้ามกลมุ่ สาระ
1. สาระฟสิ กิ ส์
2. เข้าใจการเคลื่อนที่แบบฮารม์ อนิกอยา่ งงา่ ย ธรรมชาติของคล่นื เสียงและการไดย้ นิ ปรากฏการณ์ท่ี
เกยี่ วขอ้ งกับเสยี ง แสงและการเหน็ ปรากฏการณ์ทเ่ี ก่ียวข้องกบั แสงรวมทัง้ นำความรู้ไปใช้ประโยชน์
2. ผลการเรยี นรู้
3. อธิบายปรากฏการณ์คล่นื ชนดิ ของคล่ืน ส่วนประกอบของคล่นื การแผ่ของหน้าคลน่ื ด้วยหลักการของ
ฮอยเกนส์ และการรวมกนั ของคลื่นตามหลักการซ้อนทบั พร้อมท้ังคำนวณอตั ราเร็ว ความถ่ี และความยาวคลนื่
3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
3.1 ด้านความรู้ (K)
1) อธิบายความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งอัตราเร็ว ความถ่ี และความยาวคลนื่
3.2 ดา้ นกระบวนการ (P)
1) สามารถคำนวณหาปรมิ ารต่างๆ ทเ่ี กย่ี วข้องได้
3.3 ด้านเจตคติ (A)
1) มีความรบั ผิดชอบ
4. สาระสำคญั
คลื่นเป็นปรากฏการณ์การถ่ายโอนพลังงานจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง คลื่นที่ถ่ายโอนพลังงานโดยต้องอาศัย
ตัวกลาง เรียกว่า คลื่นกล ส่วนคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าถ่ายโอนพลังงานโดยไม่ต้องอาศัยตัวกลาง นอกจากนี้ยังจำแนก
ชนิดของคลืน่ ออกเปน็ สองชนิด ได้แก่ คลื่นตามขวาง และคลื่นตามขวาง คลื่นที่เกิดจากแหล่งกำเนิดคลื่นที่ส่งคลื่น
อยา่ งต่อเน่ืองและมรี ูปแบบท่ีซ้ำกนั บรรยายได้ด้วย การกระจดั สนั คล่นื ท้องคลื่น เฟส ความยาวคลนื่ ความถี่ คาบ
แอมพลจิ ดู และอัตราเรว็ โดยอตั ราเรว็ ความถ่ี และความยาวคลื่น มีความสมั พันธต์ าม สมการ v = fλ
5. สาระการเรียนรู้
5.1 ความรู้
1) เมอ่ื มกี ารรบกวนตวั กลางจากแหล่งกำเนิดคลื่น ทำให้เกดิ คลน่ื แผ่ผ่านตัวกลางออกไปรอบๆ
แหลง่ กำเนดิ คลื่น
2) ความสมั พันธ์ระหว่างอัตราเรว็ ความถ่ี และความยาวคล่ืน
170
- สำหรบั คลนื่ ตอ่ เนอ่ื งที่แผผ่ ่านตวั กลาง อตั ราเรว็ ของคลื่นคำนวณไดต้ ามสมการดังน้ี
=
- สำหรบั อนภุ าคหนึ่งท่ีเวลาผ่านไป 1 คาบ อนุภาคส่นั ครบ 1 รอบ กลา่ วไดว้ ่าเกิดคล่นื
ผ่านอนภุ าคน้ัน 1 ลูก คลน่ื เคลื่อนท่ีไปไดร้ ะยะทางท่เี รียกวา่ ความยาวคล่ืน (λ) ความสมั พนั ธ์ระหว่าง
อัตราเรว็ คาบ และความยาวคล่ืน ไดต้ ามสมการ ดังน้ี
=
- ความสมั พันธร์ ะหวา่ งคาบกบั ความถี่ ไดส้ มการ ดังนี้
1
T =
- ความสมั พนั ธ์ระหว่างอตั ราเร็ว ความถี่ และความยาวคลื่น ไดส้ มการ ดงั น้ี
=
5.2 กระบวนการ
1) ความสามารถในการสื่อสาร (อ่าน ฟัง พดู เขยี น)
2) ความสามารถในการคิด (สงั เกต วิเคราะห์ จัดกลุม่ สรุป)
3) ความสามารถในการแกป้ ญั หา (แก้สมการ)
4) ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ (ทำงานกลุ่ม และความรับผิดชอบ)
5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (ใชก้ ารสืบคน้ ผ่านคอมพิวเตอร)์
5.3 คณุ ลักษณะและคา่ นยิ ม
มีความรับผดิ ชอบ
6. บรู ณาการ
6.1 บรู ณาการขา้ มกลมุ่ สาระ เร่ือง การแกส้ มการทางคณติ ศาสตร์
7. กิจกรรมการเรียนรู้
ขนั้ ตอนการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 ขนั้ สรา้ งความสนใจ
1.1 ครูทบทวนความรูเ้ ดิม เรอ่ื ง องค์ประกอบของคล่ืน
1.2 ครูตัง้ คำถามเพื่อนำเขา้ สกู่ ารทำกิจกรรม
1) เมอื่ ทำให้เกิดคล่ืนเคล่ือนทไ่ี ปในตัวกลาง อตั ราเร็วคลื่นข้ึนอย่กู บั ตวั กลางหรือไม่
2) สามารถหาอตั ราเรว็ ของคลน่ื ได้อย่างไร
3) อตั ราเรว็ คลื่นเกย่ี วขอ้ งกับส่วนประกอบใดของคลืน่
(เปิดโอกาสให้นักเรยี นแสดงความคิดเห็นอยา่ งอสิ ระ ไมค่ าดหวังคำตอบท่ีถกู ตอ้ ง)
171
ขัน้ ท่ี 2 ขั้นสำรวจและคน้ หา
2.1 นกั เรียนใหน้ ักเรยี นศกึ ษาความสัมพันธ์ระหว่างอัตราเร็ว ความถ่ี และความยาวคลน่ื หน้า 61
ในหนังสอื เรียน โดยใหส้ รปุ องคค์ วามรทู้ ่ไี ด้ลงในสมุด
ขัน้ ที่ 3 ขั้นอธบิ ายและลงข้อสรปุ
3.1 ครูสมุ่ นกั เรียน 2 คน ออกมานำเสนอสรุปทีไ่ ดจ้ ากการศึกษาหนา้ ช้นั เรยี น
3.2 ครนู ำนักเรยี นอภปิ รายโดยใช้คำถามต่อไปนี้
1) สมการหาอัตราเร็วของคลืน่ สำหรับคลื่นต่อเน่ืองท่ีแผผ่ ่านตวั กลาง คือ (แนวการตอบ
= ) 2) สำหรับอนภุ าคหนง่ึ ที่เวลาผ่านไป 1 คาบ อนุภาคส่ันครบก่ีรอบ (แนวการตอบ 1 รอบ)
3) คลื่นเคลื่อนที่ไปได้ระยะทาง 1 รอบ เรียกว่าปริมาณนัน้ ว่าอะไร (แนวการตอบ ความ
ยาวคลืน่ (λ))
4) ความสมั พันธร์ ะหวา่ งอัตราเรว็ คาบ และความยาวคลนื่ ไดต้ ามสมการ อย่างไร (แนว
การตอบ = )
5) สมการความสัมพนั ธร์ ะหว่างคาบกับความถี่ คือ (แนวการตอบ T = 1)
6) สมการความสัมพันธร์ ะหวา่ งอตั ราเรว็ ความถ่ี และความยาวคลน่ื คอื (แนวการตอบ
= )
7) อัตราเร็วของคลื่นในตวั กลางหนึ่งเปล่ียนแปลง เมื่อความถี่หรอื ความยาวคลื่น
เปลี่ยนแปลงใช่หรือไม่ เพราะเหตุใด (แนวการตอบ ไม่ใช่ เพราะอตั ราเร็วในตวั กลางหนึง่ มคี ่าคงตัวไม่
เปลีย่ นแปลงตามการเปลย่ี นแปลงของความถ่ีหรอื ความยาวคล่นื โดยหากความถี่เปลยี่ น ความยาวคลนื่ จะ
เปลยี่ นตาม แต่ผลคูณของความถี่กับความยาวคลื่นคงเดมิ )
ข้ันท่ี 4 ข้ันขยายความรู้
4.1 ครูอธบิ ายตัวอย่างโจทย์ปัญหา 9.2-9.3 ในหนงั สือเรยี น
ขน้ั ท่ี 5 ขั้นประเมินผล
5.1 นักเรียนตอบคำถามในช้ันเรยี น
5.2 นกั เรยี นทำโจทยป์ ญั หา ขอ้ 5.–7. หน้า 67 – 68 ในหนังสือเรียน
8. สือ่ การเรยี นรู้/แหลง่ เรยี นรู้
8.1 หนังสอื เรียนรายวิชาเพมิ่ เติมวิทยาศาสตร์ (ฟิสกิ ส)์ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5 เลม่ 3 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ.2560)
8.2 อินเทอร์เน็ต
172
9. การวัดและประเมินผล วธิ ีการวัด เครอ่ื งมือ เกณฑ์การประเมิน
จุดประสงค์การเรียนรู้
1) การตอบคำถามในช้ัน 1) คำถามในชัน้ เรยี น 1) นักเรียนสามารถ
ดา้ นความรู้ (K) เรยี น ตอบคำถามได้ระดบั
1) อธบิ ายความสมั พนั ธ์ระหวา่ ง
อัตราเรว็ ความถ่ี และความยาวคล่นื ดีผา่ นเกณฑ์
ดา้ นกระบวนการ (P) 1) ตรวจโจทย์ปัญหา 1) โจทยป์ ญั หา 3 ข้อ 1) นกั เรยี นสามารถ
1) สามารถคำนวณหาปรมิ ารตา่ งๆ บนั ทกึ กิจกรรมได้
ทเ่ี กี่ยวขอ้ งได้ ระดับดีผา่ นเกณฑ์
ด้านคุณลกั ษณะ (A) 1) ตรวจการสง่ สมุด 1) สมุด 1) นกั เรยี นได้ระดบั ดี
1) มีความรับผิดชอบ ผ่านเกณฑ์
10. เกณฑ์การประเมนิ ผลงานนกั เรยี น
เกณฑก์ ารประเมินแบบ Rubrics ของการทำกจิ กรรม เร่อื ง อตั ราเรว็ ของคลนื่
ประเดน็ การ คา่ นำ้ หนกั แนวทางการให้คะแนน
ประเมนิ คะแนน
ด้านความรู้ 3 ตอบคำถามได้ถกู ตอ้ งครบถ้วนทกุ ขอ้
(K) 2 ตอบคำถามได้ถูกตอ้ ง เพยี ง 4-6 ขอ้
1 ตอบคำถามได้ถูกต้อง เพียง 1-3 ข้อ
ด้าน 3 ทำโจทย์ปัญหาไดถ้ ูกตอ้ งครบถว้ นทกุ ข้อ
กระบวนการ 2 ทำโจทย์ปัญหาได้ถูกตอ้ งครบถ้วน 2 ขอ้
(P) 1 ทำโจทย์ปญั หาไดถ้ ูกตอ้ งครบถ้วน 1 ข้อ
ด้าน 3 ทำภาระงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จภายในเวลาที่กำหนด และเรียบรอ้ ยถกู ตอ้ งครบถว้ น
คุณลักษณะ 2 ทำภาระงานท่ไี ด้รับมอบหมายเสรจ็ ภายในเวลาท่ีกำหนด แตง่ านยงั ผดิ พลาดบางส่วน
(A) 1 ทำภาระงานท่ีได้รบั มอบหมายเสรจ็ แต่ลา่ ช้า และเกิดขอ้ ผดิ พลาดบางส่วน
ระดับคะแนน 3 หมายถึง ระดับดมี าก
คะแนน 2 หมายถึง ระดับดี
คะแนน 1 หมายถึง ระดบั พอใช้
คะแนน
173
การประเมนิ การทำกจิ กรรม เรอ่ื ง อัตราเรว็ ของคล่ืน
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
ท่ี ชอื่ - นามสกุล ดา้ นความรู้ ด้าน ดา้ น รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คณุ ลกั ษณะ คะแนน คณุ ภาพ
(P) (A)
3 3 39
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
174
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
ท่ี ชือ่ - นามสกุล ดา้ นความรู้ ด้าน ดา้ น รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คณุ ลักษณะ คะแนน คณุ ภาพ
(P) (A)
3 3 39
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
ระดบั คณุ ภาพ 9 หมายถึง ระดบั ดีมาก
คะแนน 7-8 หมายถึง ระดบั ดี
คะแนน 5-6 หมายถึง ระดบั ปานกลาง
คะแนน 3-4 หมายถึง ระดบั ปรบั ปรงุ
คะแนน
175
บนั ทกึ หลังการสอน
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 9 เรื่อง คล่ืน อ
แผนการสอนท่ี 13 เร่อื ง อตั ราเร็วของคลน่ื .
วนั ท่.ี ................................................เดือน.......................................................................พ.ศ......................................
ผลการจดั การเรยี นรู้
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ปัญหา / อปุ สรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ปัญหา
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ลงชอื่ ............................................ครผู ้สู อน ลงช่ือ.............................................หัวหนา้ กลมุ่ สาระ
(นางสาวขจรศรี สุทธสังข์) (นางสาวอรอมุ า ไชยชนะ)
ลงชื่อ............................................. รองฯ กลุม่ บรหิ ารวิชาการ
(นายบพิตร เหล่ากอ)
ลงช่ือ............................................ผู้อำนวยการโรงเรียน
(นายสุริยน สายสนองยศ)
…………../…………../………..
176
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 14
เรื่อง อัตราเรว็ ของคลืน่ ในตวั กลาง
รายวิชา ฟิสกิ ส์ 3 รหสั วชิ า ว30203 เวลา 2 ช่ัวโมง
หน่วยการเรียนรู้ที่ 9 ชื่อหน่วยการเรียนรู้ คลืน่ รวม 24 ช่วั โมง
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5 ภาคเรยี นที่ 1
บูรณาการ
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง อาเซียน STEM PLC
สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน มาตรฐานสากล ขา้ มกลมุ่ สาระ
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
ว 6.2 เขา้ ใจการเคลอ่ื นทแ่ี บบฮาร์มอนิกอย่างงา่ ย ธรรมชาตขิ องคลน่ื เสยี งและการไดย้ ิน ปรากฏการณท์ ี่
เกย่ี วขอ้ งกบั เสยี ง แสงและการเห็น ปรากฏการณ์ทเ่ี กย่ี วข้องกบั แสงรวมทง้ั นำความร้ไู ปใช้ประโยชน์
2. ผลการเรียนรู้
3. อธิบายปรากฏการณ์คลื่น ชนดิ ของคลื่น สว่ นประกอบของคลืน่ การแผ่ของหน้าคล่นื ด้วยหลักการของ
ฮอยเกนส์ และการรวมกนั ของคล่ืนตามหลักการซอ้ นทับ พรอ้ มท้ังคำนวณอัตราเรว็ ความถ่ี และความยาวคล่นื
3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
3.1 ด้านความรู้ (K)
1) ระบปุ จั จยั ท่ีมีผลต่ออัตราเร็วของคลืน่ ในตัวกลาง
3.2 ดา้ นกระบวนการ (P)
-
3.3 ดา้ นเจตคติ (A)
1) มคี วามรบั ผิดชอบ
4. สาระสำคัญ
คลื่นเป็นปรากฏการณ์การถ่ายโอนพลังงานจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง คลื่นที่ถ่ายโอนพลังงานโดยต้องอาศัย
ตัวกลาง เรียกว่า คลื่นกล ส่วนคลื่นแม่เหล็กไฟฟา้ ถ่ายโอนพลังงานโดยไม่ต้องอาศัยตัวกลาง นอกจากนี้ยังจำแนก
ชนิดของคลื่นออกเปน็ สองชนิด ได้แก่ คลื่นตามขวาง และคลื่นตามขวาง คลื่นที่เกิดจากแหล่งกำเนิดคลื่นที่ส่งคลื่น
อยา่ งต่อเนอื่ งและมรี ูปแบบท่ีซ้ำกันบรรยายได้ดว้ ย การกระจัด สนั คล่ืน ท้องคล่ืน เฟส ความยาวคลืน่ ความถี่ คาบ
แอมพลิจดู และอตั ราเรว็ โดยอตั ราเร็ว ความถ่ี และความยาวคลื่น มีความสัมพันธ์ตาม สมการ v = fλ
5. สาระการเรียนรู้
5.1 ความรู้
อตั ราเรว็ ของคลื่นมคี ่าขึน้ อยกู่ ับสมบตั ขิ องตัวกลางทค่ี ลนื่ เคล่ือนท่ีผา่ น เช่น กรณีของคลืน่ ในเสน้
เชอื กทม่ี ีแอมพลิจูดไม่ใหญ่เกนิ ไป คลืน่ มีอัตราเรว็ ขนึ้ อยู่กบั ขนาดของแรงดงึ ในเสน้ เชือกและคา่ ความหนาแนน่ เชงิ
เส้น (มวลตอ่ หนว่ ยความยาว) ของเสน้ เชือก กล่าวคือ เชอื กยิ่งตึงคล่ืนเคล่อื นที่ผา่ นไปได้เรว็ และสำหรบั เชือกทีม่ แี รง
177
ดึงเท่ากนั คลืน่ จะเคล่ือนที่ผา่ นเชอื กท่มี ีความหนาแนน่ เชิงเสน้ สงู ไดช้ ้ากว่า เคลื่อนท่ีผา่ นเชอื กเสน้ ท่ีมีค่าหนาแนน่ เชิง
เสน้ น้อยกวา่
5.2 กระบวนการ
1) ความสามารถในการสื่อสาร (อ่าน ฟัง พูด เขยี น)
2) ความสามารถในการคิด (สงั เกต วิเคราะห์ จดั กล่มุ สรุป)
3) ความสามารถในการแกป้ ัญหา (-)
4) ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต (ทำงานกลมุ่ และความรับผดิ ชอบ)
5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (ใช้การสืบคน้ ผ่านคอมพวิ เตอร์)
5.3 คุณลักษณะและค่านยิ ม
มคี วามรบั ผดิ ชอบ
6. บรู ณาการ
-
7. กจิ กรรมการเรียนรู้
ขัน้ ตอนการเรยี นรู้
ข้นั ที่ 1 ขน้ั สร้างความสนใจ
1.1 ครูทบทวนความรู้เดิม เรื่อง อตั ราเรว็ ของคลน่ื และสูตรที่เก่ียวข้อง
1.2 ครตู ้ังคำถามถามนกั เรยี น
1) การที่ผลคูณความถี่กับความยาวคลื่นในตัวกลางหนึ่งมีค่าเท่าเดิมเสมอแสดงว่า
อัตราเร็วคลื่นในตวั กลางข้นึ กับส่งิ ใด
1.3 ครยู กสถานการณ์คล่ืนเคลอื่ นผ่านเชือกเสน้ เดยี วกนั ทม่ี คี วามตึงต่างกนั แล้วตัง้ คำถาม ดงั น้ี
1) อตั ราเรว็ คล่นื ในเชือกเป็นอย่างไร
2) เชือกที่มีแรงดึงเท่ากันแต่มีค่าความหนาแน่นเชิงเส้น (มวลต่อหน่วยความยาว) ของ
เชือกตา่ งกนั อตั ราเร็วคลน่ื ในเชือกจะเปน็ อย่างไร
ขัน้ ท่ี 2 ขัน้ สำรวจและคน้ หา
2.1 นักเรียนให้นักเรียนศกึ ษาอตั ราเร็วของคล่นื ในตวั กลาง หน้า 63-64 ในหนังสอื เรยี น โดยให้
สรุปองค์ความร้ทู ่ไี ดล้ งในสมุด
ขน้ั ท่ี 3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป
3.1 ครสู ่มุ นักเรยี น 2 คน ออกมานำเสนอสรุปทไ่ี ด้จากการศกึ ษาหนา้ ชนั้ เรียน
3.2 ครนู ำนักเรยี นอภิปรายโดยใชค้ ำถามต่อไปนี้
1) การที่ผลคูณความถี่กับความยาวคลื่นในตัวกลางหนึ่งมีค่าเท่าเดิมเสมอแสดงว่า
อัตราเร็วคลื่นในตัวกลางขึ้นกับสิ่งใด (แนวการตอบ อัตราเร็วของคลื่นมีค่าเท่าเดิมขึ้นอยู่กับสมบัติของ
ตัวกลางคลื่นทีเ่ คล่ือนท่ีผา่ น)
178
2) คล่นื เคลื่อนผ่านเชอื กเส้นเดยี วกนั ท่มี ีความตึงตา่ งกัน อตั ราเรว็ คล่ืนในเชือกเป็นอยา่ งไร
(แนวการตอบ อัตราเร็วคลน่ื ในเสน้ เชือกข้นึ อยกู่ ับความตงึ ของเชอื ก โดยเชอื กยง่ิ ตึงคลืน่ เคล่ือนท่ีผ่านไปได้
เร็ว )
3) เชือกที่มีแรงดึงเท่ากันแต่มีค่าความหนาแน่นเชิงเส้น (มวลต่อหน่วยความยาว) ของ
เชือกต่างกนั อัตราเร็วคล่ืนในเชอื กจะเปน็ อย่างไร (แนวการตอบ เชือกที่มีแรงดึงเท่ากนั คลืน่ เคลือ่ นที่ผา่ น
เส้นเชอื กทีม่ ีความหนาแน่นเชิงเส้นสงู ไดช้ า้ กว่า)
ขน้ั ที่ 4 ข้ันขยายความรู้
4.1 ครอู ธบิ ายตวั อยา่ ง 9.4 ในหนงั สือเรียน และให้ความรู้เพิม่ เตมิ ตามหนังสือเรียน หน้า 64
ขน้ั ที่ 5 ขัน้ ประเมนิ ผล
5.1 นกั เรียนตอบคำถามในชนั้ เรยี น
8. สือ่ การเรยี นรู้/แหลง่ เรียนรู้
8.1 หนงั สือเรียนรายวชิ าเพ่มิ เติมวิทยาศาสตร์ (ฟสิ กิ ส์) ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 5 เล่ม 3 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560)
8.2 อินเทอร์เน็ต
9. การวดั และประเมนิ ผล วธิ ีการวัด เครือ่ งมือ เกณฑ์การประเมิน
จุดประสงค์การเรียนรู้
1) การตอบคำถามในชนั้ 1) คำถามในชั้นเรียน 1) นักเรยี นสามารถ
ด้านความรู้ (K) เรยี น ตอบคำถามไดร้ ะดับ
1) ระบปุ ัจจยั ท่มี ีผลตอ่ อตั ราเรว็ ของ
คลืน่ ในตัวกลาง ดผี า่ นเกณฑ์
ด้านกระบวนการ (P) 1) ตรวจการสง่ สมุด 1) สมุด 1) นกั เรยี นไดร้ ะดับดี
- ผา่ นเกณฑ์
ดา้ นคณุ ลกั ษณะ (A)
1) มคี วามรบั ผิดชอบ
179
10. เกณฑ์การประเมินผลงานนกั เรยี น
เกณฑ์การประเมินแบบ Rubrics ของการทำกิจกรรม เรื่อง อตั ราเร็วของคลน่ื ในตัวกลาง
ประเด็นการ ค่าน้ำหนกั แนวทางการให้คะแนน
ประเมิน คะแนน
ดา้ นความรู้ 3 ตอบคำถามได้ถกู ตอ้ งครบถว้ นทกุ ข้อ
(K) 2 ตอบคำถามได้ถูกต้อง เพียง 2 ขอ้
1 ตอบคำถามไดถ้ ูกต้อง เพียง 1ข้อ
ดา้ น - -
กระบวนการ - -
(P) - -
ด้าน 3 ทำภาระงานที่ไดร้ บั มอบหมายเสรจ็ ภายในเวลาที่กำหนด และเรียบรอ้ ยถูกตอ้ งครบถว้ น
คณุ ลักษณะ 2 ทำภาระงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จภายในเวลาท่ีกำหนด แตง่ านยงั ผิดพลาดบางสว่ น
(A) 1 ทำภาระงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จ แต่ล่าช้า และเกิดข้อผดิ พลาดบางส่วน
ระดบั คะแนน 3 หมายถงึ ระดับดมี าก
คะแนน 2 หมายถงึ ระดับดี
คะแนน 1 หมายถงึ ระดบั พอใช้
คะแนน
180
การประเมินการทำกจิ กรรม เรื่อง อัตราเรว็ ของคลืน่ ในตัวกลาง
จุดประสงค์การเรียนรู้
ท่ี ชื่อ - นามสกุล ด้านความรู้ ด้าน ดา้ น รวม ระดบั
(K) กระบวนการ คณุ ลักษณะ คะแนน คุณภาพ
(P) (A)
3 - 36
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
181
จุดประสงค์การเรียนรู้
ท่ี ชอื่ - นามสกลุ ดา้ นความรู้ ด้าน ด้าน รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คุณลักษณะ คะแนน คณุ ภาพ
(P) (A)
3 - 36
28
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
ระดบั คุณภาพ 6 หมายถงึ ระดบั ดมี าก
คะแนน 5 หมายถึง ระดับดี
คะแนน 4 หมายถงึ ระดับปานกลาง
คะแนน 3 หมายถงึ ระดบั ปรับปรุง
คะแนน
182
บันทึกหลงั การสอน
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 9 เร่ือง คลืน่ อ
แผนการสอนท่ี 14 เรื่อง อัตราเรว็ ของคล่นื ในตัวกลาง .
วนั ท.ี่ ................................................เดอื น.......................................................................พ.ศ......................................
ผลการจดั การเรยี นรู้
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ปัญหา / อปุ สรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกป้ ัญหา
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ลงชอื่ ............................................ครผู สู้ อน ลงชอ่ื .............................................หวั หนา้ กลมุ่ สาระ
(นางสาวขจรศรี สุทธสังข์) (นางสาวอรอุมา ไชยชนะ)
ลงช่อื ............................................. รองฯ กลมุ่ บรหิ ารวิชาการ
(นายบพติ ร เหล่ากอ)
ลงช่อื ............................................ผอู้ ำนวยการโรงเรียน
(นายสรุ ยิ น สายสนองยศ)
…………../…………../………..
183
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 15
เรอ่ื ง คล่นื ผิวน้ำ
รายวิชา ฟิสกิ ส์ 3 รหสั วิชา ว30203 เวลา 2 ชั่วโมง
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 9 ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ คลน่ื รวม 24 ชัว่ โมง
กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 5 ภาคเรยี นที่ 1
บรู ณาการ
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง อาเซยี น STEM PLC
สวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น มาตรฐานสากล ขา้ มกลมุ่ สาระ
1. สาระฟสิ กิ ส์
2. เขา้ ใจการเคลื่อนท่แี บบฮารม์ อนกิ อย่างงา่ ย ธรรมชาตขิ องคล่ืน เสียงและการได้ยนิ ปรากฏการณ์ที่
เก่ยี วขอ้ งกับเสียง แสงและการเหน็ ปรากฏการณ์ทเี่ ก่ยี วข้องกับแสงรวมทัง้ นำความรูไ้ ปใช้ประโยชน์
2. ผลการเรียนรู้
3. อธบิ ายปรากฏการณ์คลน่ื ชนดิ ของคลน่ื สว่ นประกอบของคล่นื การแผ่ของหนา้ คล่นื ด้วยหลักการของ
ฮอยเกนส์ และการรวมกันของคล่ืนตามหลักการซอ้ นทบั พรอ้ มท้งั คำนวณอัตราเรว็ ความถี่ และความยาวคลื่น
3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
3.1 ด้านความรู้ (K)
1) อธบิ ายการแผ่ของหน้าคลน่ื โดยใช้หลกั การของฮอยเกนส์
3.2 ด้านกระบวนการ (P)
1) ทำการทดลอง เร่ือง คลืน่ ผวิ นำ้
3.3 ดา้ นเจตคติ (A)
1) มีความรบั ผิดชอบ
4. สาระสำคญั
คลื่นเป็นปรากฏการณ์การถ่ายโอนพลังงานจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง คลื่นที่ถ่ายโอนพลังงานโดยต้องอาศัย
ตัวกลาง เรียกว่า คลื่นกล ส่วนคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าถ่ายโอนพลังงานโดยไม่ต้องอาศัยตัวกลาง นอกจากนี้ยังจำแนก
ชนิดของคลื่นออกเปน็ สองชนิด ได้แก่ คลื่นตามขวาง และคลื่นตามขวาง คลื่นที่เกิดจากแหล่งกำเนิดคลื่นที่ส่งคลนื่
อยา่ งต่อเน่ืองและมีรปู แบบท่ีซ้ำกันบรรยายไดด้ ้วย การกระจดั สันคลนื่ ทอ้ งคลืน่ เฟส ความยาวคลืน่ ความถ่ี คาบ
แอมพลิจูด และอตั ราเรว็ โดยอัตราเรว็ ความถี่ และความยาวคลนื่ มคี วามสมั พันธ์ตาม สมการ v = fλ
5. สาระการเรียนรู้
5.1 ความรู้
เมื่อรบกวนผิวน้ำ 1 ครั้ง จะเกิดแถบสว่างสลับกับแถบมืดเพียงแถบเดียวเคลื่อนที่ออกจาก
แหล่งกำเนิดคลน่ื ตามรูปรา่ งของแหล่งกำเนดิ ถา้ รบกวนผิวนำ้ อยา่ งต่อเนื่องจะเกิดแถบวา่ งและมดื สลับกนั แผ่ออกไป
อยา่ งตอ่ เนื่องโดยมรี ะยะหา่ งระหวา่ งแถบพอๆ กัน
184
พิจารณาคลื่นต่อเน่ืองท่ีเกิดจากแหล่งกำเนิดแบบจุด คลื่นทีแ่ ผอ่ อกไปตัวกลาง ดังรูป
ซ่ึงแสดงภาพของคล่นื นำ้ ทม่ี องจากดา้ นบน โดยแหล่งกำเนดิ เป็นปมุ่ ทเี่ คาะผวิ น้ำด้วยความถ่คี ่าหนึ่ง
เสน้ โค้งทเ่ี หน็ เป็นส่วนหนึ่งของวงกลมท่มี รี ัศมตี ่างกัน ทุกจดุ ทอี่ ยู่บนเสน้ วงกลมเดยี วกนั เป็นจุดของสันคล่ืนที่ออกมา
จากแหลง่ กำเนิดพรอ้ มๆ กนั จึงมเี ฟสตรงกนั เรยี กวา่ เสน้ โคง้ นว้ี ่า หนา้ คล่ืน (Wave-front) หน้าคลน่ื ทอี่ ยู่ถดั กันจะ
มีระยะห่างกนั เท่ากบั ความยาวคล่นื ทศิ ทางการแผไ่ ปของคลื่นแทนดว้ ยลกู ศร โดยทศิ ทางตงั้ ฉากกบั หนา้ คลืน่ เสมอ
เมื่อใช้แหล่งกำเนิดเป็นคานกำเนิดคลื่นยาวตรงแทน หน้าคลื่นที่แผ่ออกไปจะเป็นเส้นตรง เรียกว่า คล่ืน
ระนาบ (plane waves) ดงั รูป
เชน่ เดยี วกันคล่นื ทเ่ี กิดจากแหลง่ กำเนิดแบบจุด ทิศทางการแผ่ของคล่นื ระนาบจะตัง้ ฉากกบั หน้าคล่ืน และ
ระยะระหว่างหน้าเคลือ่ นทอี่ ยถู่ ดั กันจะเทา่ กบั ความยาวคลื่น
หลักการของฮอยเกนส์ (Hutgens’ principle) กล่าวว่า แต่ละจุดบนหนา้ คลื่นเป็นแหล่งกำเนิดแบบจุด
ที่ทำให้เกิดหน้าคลื่นรูปวงกลมใหม่ ซึ่งส่งคลื่นออกไป โดยคลื่นใหม่จะมีอัตราเร็วและความถี่เท่ากับคลื่นเดิม หน้า
คลื่นใหม่เกิดจากการลากเส้นสัมผสั ที่เชื่อมหน้าคลื่นวงกลมด้านหน้าของแหล่งกำเนิดจุดที่เกิดขึน้ ณ เวลาเดียวกนั
ดงั รปู
185
5.2 กระบวนการ
1) ความสามารถในการส่อื สาร (อ่าน ฟงั พูด เขียน)
2) ความสามารถในการคิด (สงั เกต วิเคราะห์ จัดกลุ่ม สรปุ )
3) ความสามารถในการแกป้ ญั หา (-)
4) ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ (ทำงานกลุ่ม และความรบั ผดิ ชอบ)
5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (ใชก้ ารสืบค้นผ่านคอมพวิ เตอร์)
5.3 คณุ ลกั ษณะและคา่ นิยม
มีความรับผิดชอบ
6. บรู ณาการ
-
7. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขนั้ ตอนการเรยี นรู้
ขนั้ ที่ 1 ข้นั สรา้ งความสนใจ
1.1 ครูทบทวนความรู้เดิม เรื่อง องค์ประกอบของคลื่น ความสัมพันธ์ระหว่างอัตราเร็ว ความถ่ี
และความยาวคล่ืน
1.2 ครูยกสถานการณ์ขวา้ งกอ้ นหนิ ลงนำ้ แล้วตง้ั คำถาม ดังน้ี
1) การแผอ่ อกไปของวงคล่นื ในนำ้ ไดอ้ ยา่ งไร
2) ถา้ เปล่ียนขนาดของก้อนหินที่ขว้างลงในการแผข่ องคล่ืนจะเป็นอย่างไร
1.3 ครูต้ังคำถามเพอ่ื นำเข้าส่กู ารทำกจิ กรรม ดงั นี้
1) คลน่ื มลี กั ษณะแตกต่างกนั ตามชนิดของคลน่ื และชนิดของตัวกลางท่ีคล่ืนเดินทางผ่าน
เราจะสามารถอธิบายปรากฏการณ์ต่างๆ ของคลื่นแต่ละชนิด และคลื่นในแต่ละตัวกลางได้ด้วยหลักการ
เดยี วกันหรอื ไม่
ขน้ั ที่ 2 ข้ันสำรวจและค้นหา
2.1 นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ ๆ ละ 5-6 คน โดยคละเพศ คละความสามารถ
2.2 นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มศกึ ษาใบกิจกรรม 9.1 เรื่อง คลืน่ ผิวนำ้
2.3 ครแู จ้งจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ อุปกรณ์ และข้ันตอนการทดลองอย่างละเอียด
2.4 นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มทำการทดลอง สังเกตและบนั ทกึ ผลการทดลอง
ขั้นท่ี 3 ขนั้ อธิบายและลงขอ้ สรปุ
3.1 ครสู ุ่มนักเรยี น 2 คน ออกมานำเสนอสรุปทีไ่ ด้จากการศึกษาหนา้ ช้ันเรยี น
3.2 ครูนำนกั เรียนอภปิ รายเพอ่ื นำไปสู่การสรปุ โดยใชค้ ำถามตอ่ ไปนี้
1) นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ ได้ผลการทำกิจกรรมเหมือนหรือแตกต่างกนั อย่างไร (แนวการตอบ
ได้ผลเหมือนกนั )
186
2) เม่ือใช้ปลายดนิ สอ และไมบ้ รรทดั จมุ่ ลงในน้ำ 1 ครั้ง ภาพทเี่ กิดขน้ึ บนกระดาษขาวเปน็
อยา่ งไร (แนวการตอบ เมือ่ ใช้ปลายดนิ สอจมุ่ ผิวนำ้ 1 คร้ัง เกิดภาพแถบวงกลมสขี าวบนกระดาษขาวใตถ้ าด
คลื่นแถบเดยี วแผอ่ อกจากภาพของตำแหน่งที่จมุ่ ปลายดินสอ เสมอื นกับตำแหน่งภาพที่จมุ่ ปลายดนิ สอเปน็
ศนู ย์กลางของวงกลม เมอื่ ใช้ไม้บรรทัดจมุ่ ท่ีผิวนำ้ ภาพท่เี กิดเปน็ แถบเสน้ ตรงสีขาวเคลื่อนที่ออกจากภาพ
ของตำแหนง่ ที่จมุ่ ไมบ้ รรทดั ออกไปทั้งสองด้าน ด้านละแถบ)
3) แถบสดี ำบนกระดาษขาวท่ีเกิดขึ้นจากการรบกวนผวิ นำ้ อยา่ งตอ่ เนือ่ ง เคลอื่ นท่ีอย่างไร
(แนวการตอบ เมื่อใช้ปุ่มกำเนิดคลื่นสั่นที่ผิวน้ำอย่างต่อเนื่องจะเกิดภาพแถบวงกลมสีดำ สลับแถบวงกลม
สีขาวแผ่ออกจากภาพปุ่มกำ เนิดคลื่นอย่างตอ่ เนื่อง โดยระยะห่างระหว่างแถบจะพอ ๆ กัน เม่ือใช้คานกำ
เนิดคลื่นสั่นที่ผิวน้ำ อย่างต่อเนื่องจะเกิดแถบตรงสีดำ สลับแถบตรงสีขาวแผ่ออกไปทั้งสองด้านของคาน
โดยมรี ะยะหา่ งระหว่างแถบพอ ๆ กนั )
3.3 นักเรียนและครรู ่วมกนั อภิปรายและสรปุ ผลการทำกิจกรรม
ขั้นที่ 4 ขนั้ ขยายความรู้
4.1 ครอู ธิบายใหค้ วามรู้เพิม่ เติม เร่อื ง หนา้ คลืน่ ทศิ ทางของคล่ืน และหลกั การของฮอยเกนส์
ขัน้ ที่ 5 ขั้นประเมินผล
5.1 นกั เรยี นตอบคำถามใบในกิจกรรม
5.2 นกั เรียนสง่ ใบกิจกรรม เรอ่ื ง คลน่ื ผวิ นำ้
8. สอื่ การเรยี นร/ู้ แหลง่ เรยี นรู้
8.1 หนังสอื เรียนรายวิชาเพิ่มเติมวทิ ยาศาสตร์ (ฟิสิกส)์ ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 5 เลม่ 3 (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ.2560)
8.2 อนิ เทอร์เน็ต
8.3 ใบกจิ กรรม เร่ือง คลนื่ ผวิ นำ้
8.4 ชดุ กิจกรรม เร่อื ง คลื่นผิวน้ำ
187
9. การวัดและประเมนิ ผล วธิ ีการวัด เคร่อื งมอื เกณฑก์ ารประเมนิ
จุดประสงค์การเรียนรู้
1) การตอบคำถามในใบ 1) ใบกจิ กรรม เรอ่ื ง 1) นกั เรียนสามารถ
ดา้ นความรู้ (K) กจิ กรรม เรื่อง คลน่ื ผิวนำ้ คล่นื ผิวน้ำ ตอบคำถามได้ระดบั
1) อธบิ ายการแผ่ของหน้าคลื่นโดยใช้ ดีผา่ นเกณฑ์
หลกั การของฮอยเกนส์
1) ตรวจใบกจิ กรรม เร่อื ง 1) ใบกิจกรรม เรือ่ ง 1) นกั เรียนสามารถ
ด้านกระบวนการ (P) คล่นื ผวิ น้ำ คลื่นผวิ นำ้ ทำใบกิจกรรมได้
1) ทำการทดลอง เรอื่ ง คล่ืนผิวน้ำ ระดับดี ผา่ นเกณฑ์
ด้านคุณลักษณะ (A) 1) ตรวจการส่งใบ 1) ใบกิจกรรม เรื่อง 1) นกั เรยี นไดร้ ะดบั ดี
1) มคี วามรบั ผิดชอบ กิจกรรม
คลื่นผิวนำ้ ผา่ นเกณฑ์
10. เกณฑ์การประเมินผลงานนักเรยี น
เกณฑ์การประเมินแบบ Rubrics ของการทำกิจกรรม เรื่อง คล่นื ผิวน้ำ
ประเดน็ การ ค่าน้ำหนกั แนวทางการใหค้ ะแนน
ประเมิน คะแนน
ดา้ นความรู้ 3 ตอบคำถามไดถ้ กู ต้องครบถว้ นทกุ ขอ้
(K) 2 ตอบคำถามได้ถกู ต้อง เพยี ง 1 ขอ้
1 ตอบคำถามไมถ่ กู ตอ้ ง
ดา้ น 3 บันทึกผลกิจกรรมไดถ้ กู ตอ้ งครบถ้วน
กระบวนการ 2 บนั ทกึ ผลกิจกรรมค่อนขา้ งถูกต้อง
(P) 1 บันทกึ ผลกิจกรรมได้คอ่ นขา้ งถูกต้อง
ดา้ น 3 ทำภาระงานทีไ่ ดร้ บั มอบหมายเสรจ็ ภายในเวลาที่กำหนด และเรียบรอ้ ยถกู ต้องครบถ้วน
คณุ ลกั ษณะ 2 ทำภาระงานทไ่ี ดร้ บั มอบหมายเสร็จภายในเวลาที่กำหนด แต่งานยงั ผดิ พลาดบางสว่ น
(A) 1 ทำภาระงานที่ไดร้ บั มอบหมายเสรจ็ แต่ลา่ ช้า และเกิดข้อผดิ พลาดบางสว่ น
ระดบั คะแนน 3 หมายถงึ ระดับดมี าก
คะแนน 2 หมายถึง ระดบั ดี
คะแนน 1 หมายถงึ ระดับพอใช้
คะแนน
188
การประเมนิ การทำกจิ กรรม เร่อื ง คลนื่ ผวิ นำ้
จุดประสงค์การเรยี นรู้
ท่ี ช่อื - นามสกลุ ด้านความรู้ ด้าน ดา้ น รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คณุ ลกั ษณะ คะแนน คณุ ภาพ
(P) (A)
3 3 39
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
189
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
ท่ี ชือ่ - นามสกุล ดา้ นความรู้ ด้าน ดา้ น รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คณุ ลักษณะ คะแนน คณุ ภาพ
(P) (A)
3 3 39
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
ระดบั คณุ ภาพ 9 หมายถึง ระดบั ดีมาก
คะแนน 7-8 หมายถึง ระดบั ดี
คะแนน 5-6 หมายถึง ระดบั ปานกลาง
คะแนน 3-4 หมายถึง ระดบั ปรบั ปรงุ
คะแนน
190
บนั ทกึ หลังการสอน
หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 9 เรือ่ ง คลนื่ อ
แผนการสอนท่ี 15 เรื่อง คล่นื ผวิ นำ้ .
วันท่ี.................................................เดือน.......................................................................พ.ศ......................................
ผลการจัดการเรยี นรู้
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ปญั หา / อุปสรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ปัญหา
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ลงชอ่ื ............................................ครผู ู้สอน ลงชื่อ.............................................หัวหนา้ กลมุ่ สาระ
(นางสาวขจรศรี สุทธสงั ข์) (นางสาวอรอุมา ไชยชนะ)
ลงช่อื ............................................. รองฯ กลุม่ บรหิ ารวิชาการ
(นายบพติ ร เหล่ากอ)
ลงชือ่ ............................................ผู้อำนวยการโรงเรียน
(นายสุรยิ น สายสนองยศ)
…………../…………../………..
ใบกิจกรรม 9.1 คลืน่ ผวิ น้ำ 191
1. รายชอ่ื สมาชกิ ท่ี …………………………………………………….. ช้ัน …………………………………
ชื่อ……………………………………………………………………………....................................เลขท.่ี ..................
ชอ่ื ……………………………………………………………………………....................................เลขที่...................
ช่ือ……………………………………………………………………………....................................เลขท่ี...................
ชื่อ……………………………………………………………………………....................................เลขที.่ ..................
ชื่อ……………………………………………………………………………....................................เลขท.่ี ..................
ชอ่ื ……………………………………………………………………………....................................เลขท.่ี ..................
2. จุดประสงค์การทำกิจกรรม
สังเกตและอธิบายหน้าคลนื่ และทิศทางของคล่ืนผวิ น้ำ
3. วัสด-ุ อุปกรณ์ 1 ชดุ
1. ชดุ ถาดคล่ืน 1 เคร่ือง
2. หม้อแปลงโวลต์ต่ำพรอ้ มสายไฟ 1 แผน่
5. กระดาษ
4. วธิ ที ำกิจกรรม
1. ตง้ั ถาดคลน่ื ใหอ้ ยู่ในแนวระดับ เติมนำ้ ลงในระดับความลึกทพ่ี อเหมาะ สังเกตระดับน้ำในถาดคล่ืนต้องมีระดับความ
ลึกเทา่ กันทกุ ดา้ น ถา้ ไมเ่ ทา่ กันใหป้ รับระดับจนเทา่ กัน
2. วางกระดาษขาวใต้ถาดคลื่น
3. ตอ่ สายไฟจากหมอ้ แปลงโยใช้ความตา่ งศักย์ 12 โวลต์ เข้ากับหลอดไฟ เปดิ สวติ ซใ์ ห้หลอดไฟตดิ สว่าง
4. ใชป้ ลายดนิ สอจมุ่ ทผี่ ิวน้ำ 1 ครงั้ บริเวณกลางถาดคลืน่ สงั เกตสิง่ ทเ่ี กิดขน้ึ บนกระดาษขาว
5. ทำการทดลองซำ้ ในขอ้ 4. แตเ่ ปลี่ยนจากดินสอเป็นไมบ้ รรทดั
6. ปรับคานกำเนิดคลื่น ให้ปุ่มกำเนิดคลื่นจุ่มลงบริเวณผิวน้ำ 1 ปุ่ม เปิดมอเตอร์ให้คานสั่น ปรับมอเตอร์ให้หมุนด้วย
ความเรว็ พอเหมาะสังเกตสิ่งทีเ่ กดิ ขนึ้ บนกระดาษขาว
7. หมุนปุ่มกำเนิดคลื่นข้นึ ให้พน้ น้ำ ปรบั คานกำเนดิ คล่ืนให้สมั ผัสผิวนำ้ แทน แลว้ ทำการทดลองซำ้ ในขอ้ 6
5. ผลการทำกจิ กรรม 192
ก. คล่ืนดลวงกลม ข. คลน่ื ดลเส้นตรง
ค. คล่ืนตอ่ เนือ่ งวงกลม ง. คลนื่ ตอ่ เน่ืองเสน้ ตรง
6. คำถามท้ายการทดลอง
1. เม่ือใชป้ ลายดินสอ และไมบ้ รรทัดจมุ่ ลงในนำ้ 1 ครง้ั ภาพทเี่ กดิ ข้ึนบนกระดาษขาวเป็นอยา่ งไร
เม่ือใชป้ ลายดินสอจ่มุ ผิวน้ำ 1 ครั้ง เกดิ ภา พแถบวงกลมสีขาวบนกระดาษขาวใต้ถาดคลืน่ แถบเดียวแผ่ออกจากภาพของ
ตำแหนง่ ทีจ่ ่มุ ปลายดนิ สอ เสมอื นกับตำแห นง่ ภาพทจ่ี ุ่มปลายดินสอเป็นศูนย์กลางของวงกลม เมือ่ ใชไ้ ม้บรรทดั จ่มุ ที่ผวิ น้ำ
ภาพทเี่ กดิ เปน็ แถบเสน้ ตรงสขี าวเค ลื่อนที่ออกจากภาพของตำแหน่งที่จมุ่ ไม้บรรทัดออกไปท้ังสองด้าน ดา้ นละแถบ
เมอ่ื ใช้ปุ่มกำเนิดคล่ืนสน่ั ที่ผิวนำ้ อยา่ งต่อเ นือ่ งจะเกิดภาพแถบวงกลมสดี ำ สลบั แถบวงกลมสีขาวแผอ่ อกจากภาพปุ่มกำ
2. แถบสีดำบนกระดาษขาวท่เี กิดข้นึ จากการรบกวนผวิ น้ำอยา่ งตอ่ เน่ือง เคล่ือนทอ่ี ย่างไร
เมอื่ ใช้ปมุ่ กำเนิดคลนื่ สั่นที่ผวิ นำ้ อยา่ งต่อเ นื่องจะเกิดภาพแถบวงกลมสีดำ สลบั แถบวงกลมสีขาวแผอ่ อกจากภาพป่มุ กำ
เนิดคลน่ื อยา่ งต่อเน่ือง โดยระยะหา่ งระห วา่ งแถบจะพอ ๆ กนั เมือ่ ใช้คานกำ เนิดคล่นื ส่ันท่ีผิวน้ำ อย่างต่อเน่อื งจะเกดิ
แถบตรงสีดำ สลับแถบตรงสขี าวแผอ่ อก ไปทั้งสองดา้ นของคาน โดยมีระยะห่างระหว่างแถบพอ ๆ กนั ฒ
193
6. สรปุ ผลการทดลอง
จากการทำกจิ กรรม เมอื่ ใชป้ ลายดินสอจ่มุ ผิวน้ำ 1 ครั้ง เกิดภาพแถบวงกลมสีขาวบนกระดาษขาวใต้ถาดคลื่น
แถบเดียวแผ่ออกจากภาพของตำแหน่งที่จุ่มปลายดินสอ เมื่อใช้ไม้บรรทัดจุ่มที่ผิวน้ำ ภาพที่เกิดเป็นแถบเส้นตรงสีขาว
เคลอื่ นทอ่ี อกจากภาพของตำแหนง่ ท่ีจุ่ม ม่ือใช้ปุ่มกำเนดิ คลื่นสน่ั ทผี่ วิ น้ำอยา่ งตอ่ เนอ่ื งจะเกิดภาพแถบวงกลมสีดำสลับแถบ
วงกลมสขี าวแผอ่ อกจากภาพปุ่มกำเนดิ คล่ืนอยา่ งตอ่ เนื่อง โดยระยะหา่ งระหวา่ งแถบจะพอ ๆ กัน เมอ่ื ใชค้ านกำเนิดคล่ืน
ส่ันทีผ่ ิวนำ้ อยา่ งต่อเน่ืองจะเกิดแถบตรงสีดำ สลบั แถบตรงสขี าวแผอ่ อกไปทงั้ สองด้านของคาน โดยมีระยะห่างเม่ือใช้ปุ่ม
กำเนิดคล่ืนสั่นทผ่ี ิวนำ้ อย่างต่อเ นื่องจะเกดิ ภาพแถบวงกลมสดี ำ สลบั แถบวงกลมสขี า วแผ่ออกจากภาพปุม่ กำ
ปมุ่ กำเนดิ คลน่ื ส่นั ทผี่ ิวนำ้ อยา่ งตอ่ เ นื่องจะเกิดภาพแถบวงกลมสดี ำ สลบั แถบวงกลมสีขา วแผ่ออกจากภาพปมุ่ กำ
ปมุ่ กำเนิดคลื่นสน่ั ทผ่ี ิวน้ำอยา่ งต่อเ นื่องจะเกิดภาพแถบวงกลมสดี ำ สลบั แถบวงกลมสีขา วแผอ่ อกจากภาพปุม่ กำ
ป่มุ กำเนดิ คลน่ื สน่ั ที่ผวิ นำ้ อยา่ งตอ่ เ น่อื งจะเกดิ ภาพแถบวงกลมสดี ำ สลบั แถบวงกลมสขี า วแผ่ออกจากภาพปุ่มกำ
ปุม่ กำเนิดคลน่ื ส่นั ท่ผี วิ น้ำอยา่ งต่อเ นื่องจะเกิดภาพแถบวงกลมสีดำ สลับแถบวงกลมสขี า วแผอ่ อกจากภาพปุ่มกำ
เฉลยใบกจิ กรรม 9.1 คล่ืนผิวน้ำ 194
1. รายชอื่ สมาชกิ ท่ี …………………………………………………….. ชนั้ …………………………………
ชื่อ……………………………………………………………………………....................................เลขที่...................
ชอ่ื ……………………………………………………………………………....................................เลขท.่ี ..................
ชือ่ ……………………………………………………………………………....................................เลขท.่ี ..................
ชอ่ื ……………………………………………………………………………....................................เลขท่.ี ..................
ช่ือ……………………………………………………………………………....................................เลขท.่ี ..................
ชื่อ……………………………………………………………………………....................................เลขท.ี่ ..................
2. จดุ ประสงค์การทำกิจกรรม
สงั เกตและอธบิ ายหน้าคล่ืน และทิศทางของคลน่ื ผวิ นำ้
3. วสั ด-ุ อุปกรณ์ 1 ชดุ
1. ชุดถาดคล่นื 1 เครื่อง
2. หม้อแปลงโวลต์ต่ำพรอ้ มสายไฟ 1 แผ่น
3. กระดาษ
4. วิธีทำกิจกรรม
1. ต้ังถาดคล่นื ใหอ้ ยู่ในแนวระดับ เตมิ นำ้ ลงในระดบั ความลึกท่ีพอเหมาะ สงั เกตระดับนำ้ ในถาดคล่ืนต้องมีระดับความ
ลกึ เทา่ กันทุกด้าน ถ้าไม่เท่ากนั ให้ปรบั ระดับจนเท่ากนั
2. วางกระดาษขาวใตถ้ าดคลน่ื
3. ต่อสายไฟจากหมอ้ แปลงโยใชค้ วามตา่ งศักย์ 12 โวลต์ เขา้ กับหลอดไฟ เปดิ สวิตซ์ใหห้ ลอดไฟตดิ สว่าง
4. ใชป้ ลายดนิ สอจุ่มท่ผี วิ น้ำ 1 ครัง้ บริเวณกลางถาดคลื่น สังเกตส่งิ ท่เี กิดขนึ้ บนกระดาษขาว
5. ทำการทดลองซ้ำในขอ้ 4. แตเ่ ปลี่ยนจากดินสอเปน็ ไม้บรรทดั
6. ปรับคานกำเนิดคลื่น ให้ปุ่มกำเนิดคลื่นจุ่มลงบริเวณผิวน้ำ 1 ปุ่ม เปิดมอเตอร์ให้คานสั่น ปรับมอเตอร์ให้หมุนด้วย
ความเร็วพอเหมาะสงั เกตสิ่งทเ่ี กิดขนึ้ บนกระดาษขาว
7. หมุนปุ่มกำเนดิ คลืน่ ขึ้นให้พน้ นำ้ ปรบั คานกำเนดิ คลน่ื ให้สมั ผัสผิวน้ำแทน แลว้ ทำการทดลองซำ้ ในข้อ 6
195
5. ผลการทำกจิ กรรม
ก. คลน่ื ดลวงกลม ข. คลนื่ ดลเสน้ ตรง
ค. คล่ืนตอ่ เน่อื งวงกลม ง. คลน่ื ตอ่ เนอ่ื งเส้นตรง
6. คำถามท้ายการทดลอง
1. เมือ่ ใชป้ ลายดนิ สอ และไม้บรรทดั จมุ่ ลงในน้ำ 1 ครั้ง ภาพทเ่ี กิดขึ้นบนกระดาษขาวเปน็ อย่างไร
เมอ่ื ใชป้ ลายดินสอจ่มุ ผวิ นำ้ 1 คร้งั เกิดภาพแถบวงกลมสขี าวบนกระดาษขาวใต้ถาดคลน่ื แถบเดยี วแผอ่ อกจากภาพของ
ตำแหน่งท่ีจุ่มปลายดนิ สอ เสมอื นกับตำแหนง่ ภาพที่จมุ่ ปลายดินสอเปน็ ศนู ย์กลางของวงกลม เมื่อใช้ไม้บรรทดั จุ่มท่ผี ิวนำ้
ภาพที่เกดิ เปน็ แถบเส้นตรงสีขาวเคล่ือนทอี่ อกจากภาพของตำแหนง่ ท่จี มุ่ ไม้บรรทัดออกไปทงั้ สองดา้ น ดา้ นละแถบ
196
2. แถบสีดำบนกระดาษขาวทเ่ี กิดข้ึนจากการรบกวนผวิ น้ำอยา่ งตอ่ เนื่อง เคล่ือนทอ่ี ยา่ งไร
เมื่อใช้ปุ่มกำเนิดคลืน่ สัน่ ที่ผวิ น้ำอยา่ งต่อเน่อื งจะเกดิ ภาพแถบวงกลมสดี ำ สลบั แถบวงกลมสขี าวแผ่ออกจากภาพป่มุ กำ
เนดิ คลน่ื อย่างตอ่ เน่ือง โดยระยะห่างระหวา่ งแถบจะพอ ๆ กัน เมื่อใช้คานกำ เนิดคล่นื สน่ั ที่ผิวนำ้ อย่างต่อเนอื่ งจะเกดิ
แถบตรงสดี ำ สลับแถบตรงสีขาวแผอ่ อกไปทั้งสองดา้ นของคาน โดยมีระยะห่างระหวา่ งแถบพอ ๆ กนั ฒ
6. สรปุ ผลการทดลอง
จากการทำกจิ กรรม เมือ่ ใช้ปลายดนิ สอจุ่มผิวน้ำ 1 ครง้ั เกดิ ภาพแถบวงกลมสขี าวบนกระดาษขาวใต้ถาดคล่ืน
แถบเดียวแผ่ออกจากภาพของตำแหน่งที่จุ่มปลายดินสอ เมื่อใช้ไม้บรรทัดจุ่มที่ผิวน้ำ ภาพที่เกิดเป็นแถบเส้นตรงสีขาว
เคล่อื นท่อี อกจากภาพของตำแหนง่ ทจ่ี ุ่ม มือ่ ใช้ปุม่ กำเนิดคล่ืนส่ันทีผ่ ิวนำ้ อยา่ งตอ่ เนื่องจะเกดิ ภาพแถบวงกลมสีดำสลับแถบ
วงกลมสขี าวแผ่ออกจากภาพปุ่มกำเนิดคลน่ื อย่างตอ่ เน่ือง โดยระยะหา่ งระหวา่ งแถบจะพอ ๆ กนั เมื่อใช้คานกำเนิดคล่ืน
สั่นที่ผิวน้ำ อย่างต่อเนือ่ งจะเกดิ แถบตรงสีดำ สลับแถบตรงสีขาวแผ่ออกไปทั้งสองด้านของคาน โดยมีระยะห่างระหว่าง
แถบพอ ๆ กนั b
197
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 16
เร่ือง การซ้อนทับของคลน่ื
รายวิชา ฟสิ ิกส์ 3 รหัสวิชา ว30203 เวลา 2 ชั่วโมง
หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 9 ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ คล่นื รวม 24 ชวั่ โมง
กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 5 ภาคเรียนท่ี 1
บูรณาการ
ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง อาเซยี น STEM PLC
สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน มาตรฐานสากล ข้ามกลุ่มสาระ
1. สาระฟสิ ิกส์
2. เข้าใจการเคลื่อนทีแ่ บบฮารม์ อนิกอย่างง่าย ธรรมชาติของคล่นื เสียงและการไดย้ ิน ปรากฏการณ์ท่ี
เก่ยี วข้องกบั เสียง แสงและการเห็น ปรากฏการณ์ทีเ่ กย่ี วขอ้ งกบั แสงรวมทง้ั นำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์
2. ผลการเรียนรู้
3. อธบิ ายปรากฏการณ์คลื่น ชนดิ ของคลน่ื ส่วนประกอบของคล่ืน การแผ่ของหนา้ คลน่ื ด้วยหลักการของ
ฮอยเกนส์ และการรวมกนั ของคลื่นตามหลักการซ้อนทบั พร้อมทง้ั คำนวณอตั ราเรว็ ความถี่ และความยาวคลน่ื
3. จุดประสงค์การเรยี นรู้
3.1 ด้านความรู้ (K)
1) อธิบายการรวมกนั ของคล่ืนโดยอาศัยหลกั การซ้อนทบั ได้
3.2 ดา้ นกระบวนการ (P)
1) สามารถเขยี นแผนภาพการแทรกสอดแบบเสริมกนั และการแทรกสอดแบบหกั ลา้ งกันได้
3.3 ดา้ นเจตคติ (A)
1) มคี วามรบั ผิดชอบ
4. สาระสำคัญ
คลื่นเป็นปรากฏการณ์การถ่ายโอนพลังงานจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง คลื่นที่ถ่ายโอนพลังงานโดยต้องอาศัย
ตัวกลาง เรียกว่า คลื่นกล ส่วนคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าถ่ายโอนพลังงานโดยไม่ต้องอาศัยตัวกลาง นอกจากนี้ยังจำแนก
ชนิดของคลืน่ ออกเป็นสองชนิด ได้แก่ คลื่นตามขวาง และคลื่นตามขวาง คลื่นที่เกิดจากแหล่งกำเนิดคลื่นที่ส่งคลื่น
อยา่ งต่อเนื่องและมรี ูปแบบที่ซ้ำกนั บรรยายได้ด้วย การกระจัด สนั คลื่น ท้องคล่ืน เฟส ความยาวคล่ืน ความถี่ คาบ
แอมพลจิ ูด และอัตราเรว็ โดยอัตราเร็ว ความถ่ี และความยาวคลื่น มีความสัมพันธ์ตาม สมการ v = fλ
5. สาระการเรียนรู้
5.1 ความรู้
เมื่อคลื่น 2 คลื่น เคลื่อนที่มาซ้อนทับกันในตัวกลางหนึ่งๆ คลื่นรวมจะมีค่าตามหลักการซ้อนทบั
(principle of superposittion) กล่าวคือ คลื่นรวมจะมีการกระจัดของตัวกลางที่แต่ละตำแหน่ง ณ เวลาหนึ่ง ๆ
เทา่ กับผลบวกของการกระจัดของตวั กลางที่เกิดจากแตล่ ะคลนื่ ท่ีตำแหนง่ และเวลานนั้ ๆ
198
ถ้าคล่ืน 2 คลื่น เคลื่อนทใี่ นทศิ ทางตรงขา้ มกนั เมือ่ ซ้อนทับแล้ว คลนื่ แต่ละขบวนก็จะเคล่ือนท่ีผ่าน
กนั ไปโดยยังคงรปู รา่ งและทศิ ทางการเคลอื่ นท่ขี องแตล่ ะคลน่ื ไว้
ในกรณีของคล่ืนดล ถ้าคลื่น 2 คลื่น มีการกระจัดของตัวกลาง ณ ตำแหน่งที่รวมกันอยู่ในทิศทาง
เดียวกัน เรียกผลของการซ้อนทับกันนี้ว่า การแทรกสอดแบบเสริม (constructive interference) แต่ถ้า ณ
ตำแหน่งที่มารวมกัน มีการกระจัดของตัวกลาง ณ ตำแหน่งที่มารวมกันอยู่ในทิศทางที่ตรงข้ามกัน เรียกการแทรก
สอดนว้ี า่ การแทรกสอดแบบหักล้าง (destructive interference)
การรวมกันของคลืน่ ดล 2 คลื่นที่มีแอมพลจิ ูดต่างกันและการเคล่ือนที่สวนทางกัน ใน 2 ลักษณะ
คอื กรณีเป็นการแทรกสอดแบบเสริม ดังรปู ก. และการแทรกสอดแบบหกั ลา้ ง ดงั รปู ข.
รปู ก.
รปู ข.
การรวมกนั ของคลน่ื ดล 2 คลนื่ ที่มแี อมพลิจูดเท่ากนั พบว่ามีตำแหนง่ หนึ่งในตัวกลางที่จะไม่มีการ
เคล่ือนทีห่ รือขยับเลย ดงั รูป ค.
รปู ค.
5.2 กระบวนการ
1) ความสามารถในการสือ่ สาร (อ่าน ฟงั พูด เขยี น)
2) ความสามารถในการคิด (สังเกต วิเคราะห์ จัดกล่มุ สรุป)
3) ความสามารถในการแก้ปัญหา (วเิ คราะห์โจทยป์ ญั หา)
4) ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต (ทำงานกลุม่ และความรบั ผดิ ชอบ)
5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (ใช้การสืบค้นผ่านคอมพวิ เตอร)์
5.3 คณุ ลักษณะและค่านิยม
มีความรับผดิ ชอบ
6. บูรณาการ
-
199
7. กิจกรรมการเรียนรู้
ขน้ั ตอนการเรยี นรู้
ขน้ั ท่ี 1 ขนั้ สร้างความสนใจ
1.1 ครูทบทวนความรเู้ ดมิ เร่อื ง ส่วนประกอบของคลื่น และการเกดิ คลน่ื ผวิ น้ำ
1.2 ครยู กสถานการณ์คลืน่ สองคลื่นเคลอ่ื นทีพ่ บกนั แลว้ ต้งั คำถาม ดังนี้
1) เมอื่ คลื่น 2 คลน่ื มแี อมพลจิ ดู ไม่เทา่ กนั เมอื่ พบกันลกู คลืน่ ซ้อนกันจะเกดิ ผลอย่างไร
2) เมอื่ คลื่น 2 คล่ืน มแี อมพลจิ ูดเทา่ กัน เมอื่ พบกนั ลูกคล่ืนซอ้ นกันจะเกิดผลอย่างไร
ขัน้ ที่ 2 ข้นั สำรวจและค้นหา
2.1 นักเรียนให้นกั เรียนศึกษาหลักการซอ้ นทับ หนา้ 72-74 ในหนังสือเรียน โดยใหส้ รปุ ลงในสมุด
ขั้นที่ 3 ขน้ั อธบิ ายและลงขอ้ สรุป
3.1 ครสู ่มุ นกั เรียน 2 คน ออกมานำเสนอสรปุ ทไ่ี ดจ้ ากการศกึ ษาหน้าชนั้ เรยี น
3.2 ครนู ำนักเรียนอภิปรายจนไดข้ อ้ สรุป ดังน้ี
1) เมื่อคล่ืน 2 คลืน่ เคลือ่ นท่ีมาซ้อนทับกันในตวั กลางหน่ึงๆ คลืน่ รวมจะมีค่าตามหลักการ
ซ้อนทับ (principle of superposittion) กล่าวคือ คลื่นรวมจะมีการกระจัดของตัวกลางที่แต่ละตำแหนง่
ณ เวลาหน่ึงๆ เท่ากับผลบวกของการกระจดั ของตัวกลางที่เกดิ จากแต่ละคลน่ื ที่ตำแหนง่ และเวลานนั้ ๆ
2) ถ้าคลื่น 2 คลื่น เคลอ่ื นทใ่ี นทิศทางตรงขา้ มกนั เม่อื ซ้อนทบั แลว้ คลืน่ แต่ละขบวนก็จะเคล่ือนท่ี
ผ่านกันไปโดยยังคงรปู ร่างและทศิ ทางการเคลื่อนทขี่ องแตล่ ะคลื่นไว้
3) ในกรณีของคลื่นดล ถ้าคลื่น 2 คลื่น มีการกระจัดของตัวกลาง ณ ตำแหน่งที่รวมกันอยู่ใน
ทศิ ทางเดียวกัน เรยี กผลของการซ้อนทบั กนั นว้ี ่า การแทรกสอดแบบเสรมิ (constructive interference) แต่ถ้า
ณ ตำแหน่งทมี่ ารวมกัน มกี ารกระจดั ของตัวกลาง ณ ตำแหน่งที่มารวมกันอยู่ในทศิ ทางทต่ี รงข้ามกนั เรยี กการแทรก
สอดน้ีวา่ การแทรกสอดแบบหกั ลา้ ง (destructive interference)
4) การรวมกนั ของคลื่นดล 2 คล่ืนทม่ี แี อมพลิจดู ตา่ งกันและการเคลอ่ื นท่ีสวนทางกนั ใน 2 ลกั ษณะ
คือ กรณเี ปน็ การแทรกสอดแบบเสริม ดังรูป ก. และการแทรกสอดแบบหกั ลา้ ง ดงั รูป ข.
รปู ก.
รปู ข.
200
5) การรวมกันของคลื่นดล 2 คลื่นที่มีแอมพลิจดู เทา่ กัน พบว่ามีตำแหน่งหนึ่งในตัวกลางท่ีจะไมม่ ี
การเคล่ืนอท่ีหรอื ขยับเลย ดงั รูป ค.
รูป ค.
ขน้ั ที่ 4 ขน้ั ขยายความรู้
4.1 ครูอธบิ ายตัวอย่างโจทย์ปญั หา 9.5 ในหนงั สอื เรยี น
ขั้นที่ 5 ขัน้ ประเมินผล
5.1 นกั เรยี นทำคำถามตรวจสอบความเข้าใจ 9.3 ขอ้ 1-3
8. สอื่ การเรยี นร้/ู แหลง่ เรียนรู้
8.1 หนงั สือเรยี นรายวิชาเพม่ิ เตมิ วทิ ยาศาสตร์ (ฟสิ ิกส์) ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5 เล่ม 3 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ.2560)
8.2 อนิ เทอรเ์ น็ต
8.3 ใบกิจกรรม เร่อื ง คล่นื ผวิ นำ้
8.4 ชดุ กจิ กรรม เร่อื ง คลื่นผวิ นำ้
9. การวัดและประเมินผล วธิ ีการวดั เครอ่ื งมอื เกณฑ์การประเมิน
จุดประสงค์การเรยี นรู้
1) การตอบคำถาม 1) คำถามตรวจสอบ 1) นักเรียนสามารถ
ด้านความรู้ (K) ตรวจสอบความเข้าใจ 9.3 ความเขา้ ใจ 9.3 ข้อ ตอบคำถามไดร้ ะดบั
1) อธิบายการรวมกนั ของคล่นื โดยอาศยั ขอ้ 1 1 ดีผา่ นเกณฑ์
หลกั การซอ้ นทับได้
1) ตรวจคำถามตรวจสอบ 1) คำถามตรวจสอบ 1) นกั เรียนสามารถ
ด้านกระบวนการ (P) ความเขา้ ใจ 9.3 ขอ้ 2-3 ความเข้าใจ 9.3 ขอ้ ตอบคำถามได้ระดับ
1) สามารถเขยี นแผนภาพการแทรก 2-3 ดี ผา่ นเกณฑ์
สอดแบบเสรมิ กัน และการแทรกสอด 1) ตรวจการสง่ สมุด
แบบหักลา้ งกนั ได้ คำถามตรวจสอบความ 1) สมุด 1) นกั เรียนไดร้ ะดบั ดี
ด้านคณุ ลกั ษณะ (A) เข้าใจ 9.3 ข้อ 1-3 ผ่านเกณฑ์
1) มคี วามรบั ผิดชอบ
201
10. เกณฑก์ ารประเมินผลงานนกั เรยี น
เกณฑ์การประเมนิ แบบ Rubrics ของการทำกิจกรรม เรือ่ ง การซ้อนทบั ของคล่ืน
ประเดน็ การ คา่ นำ้ หนกั แนวทางการใหค้ ะแนน
ประเมิน คะแนน
ด้านความรู้ 3 ตอบคำถามไดถ้ ูกต้องครบถว้ น
(K) 2 ตอบคำถามคอ่ นขา้ งถูกตอ้ ง
1 ตอบคำถามไมถ่ กู ตอ้ ง
ดา้ น 3 สามารถทำแบบฝกึ หัดไดถ้ ูกตอ้ งทกุ ขอ้
กระบวนการ 2 สามารถทำแบบฝึกหดั ได้ถูกตอ้ ง 1 ข้อ
(P) 1 สามารถทำแบบฝึกหดั ได้ แต่ไม่ถูกต้อง
ด้าน 3 ทำภาระงานทไี่ ดร้ ับมอบหมายเสรจ็ ภายในเวลาที่กำหนด และเรียบร้อยถูกต้องครบถ้วน
คณุ ลักษณะ 2 ทำภาระงานทไี่ ดร้ บั มอบหมายเสร็จภายในเวลาท่ีกำหนด แตง่ านยังผดิ พลาดบางส่วน
(A) 1 ทำภาระงานท่ีได้รับมอบหมายเสร็จ แต่ลา่ ช้า และเกดิ ข้อผดิ พลาดบางส่วน
ระดับคะแนน 3 หมายถึง ระดับดมี าก
คะแนน 2 หมายถึง ระดับดี
คะแนน 1 หมายถึง ระดบั พอใช้
คะแนน
202
การประเมินการทำกจิ กรรม เรื่อง การซ้อนทบั ของคลน่ื
จุดประสงค์การเรยี นรู้
ท่ี ชอื่ - นามสกุล ด้านความรู้ ด้าน ดา้ น รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คุณลกั ษณะ คะแนน คุณภาพ
(P) (A)
3 3 39
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
203
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
ท่ี ชือ่ - นามสกุล ดา้ นความรู้ ด้าน ดา้ น รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คณุ ลักษณะ คะแนน คณุ ภาพ
(P) (A)
3 3 39
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
ระดบั คณุ ภาพ 9 หมายถึง ระดบั ดีมาก
คะแนน 7-8 หมายถึง ระดบั ดี
คะแนน 5-6 หมายถึง ระดบั ปานกลาง
คะแนน 3-4 หมายถึง ระดบั ปรบั ปรงุ
คะแนน
204
บนั ทึกหลังการสอน
หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 9 เรอื่ ง คลน่ื อ
แผนการสอนที่ 16 เร่ือง การซอ้ นทับของคล่นื .
วันที.่ ................................................เดือน.......................................................................พ.ศ......................................
ผลการจดั การเรียนรู้
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ปญั หา / อปุ สรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกป้ ัญหา
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ลงชอ่ื ............................................ครผู สู้ อน ลงชื่อ.............................................หวั หนา้ กลมุ่ สาระ
(นางสาวขจรศรี สุทธสังข์) (นางสาวอรอุมา ไชยชนะ)
ลงชือ่ ............................................. รองฯ กลุ่มบรหิ ารวิชาการ
(นายบพติ ร เหล่ากอ)
ลงชือ่ ............................................ผู้อำนวยการโรงเรยี น
(นายสุริยน สายสนองยศ)
…………../…………../………..
205
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 17
เรอื่ ง การสะทอ้ นของคล่นื ผวิ นำ้
รายวิชา ฟิสิกส์ 3 รหสั วิชา ว30203 เวลา 2 ชั่วโมง
หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 9 ช่ือหนว่ ยการเรยี นรู้ คล่นื รวม 24 ช่ัวโมง
กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 5 ภาคเรยี นท่ี 1
บูรณาการ
ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง อาเซยี น STEM PLC
สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน มาตรฐานสากล ข้ามกล่มุ สาระ
1. สาระฟสิ กิ ส์
2. เข้าใจการเคลอื่ นท่แี บบฮาร์มอนิกอย่างงา่ ย ธรรมชาตขิ องคล่ืน เสียงและการได้ยิน ปรากฏการณ์ที่
เกย่ี วข้องกบั เสียง แสงและการเห็น ปรากฏการณ์ทเ่ี กี่ยวข้องกับแสงรวมท้งั นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
2. ผลการเรียนรู้
4. สังเกตและอธิบายการสะท้อน การหักเห การแทรกสอด และการเลี้ยวเบนของคลื่นผิวน้ำ รวมท้ัง
คำนวณปริมาณต่าง ๆ ทีเ่ กีย่ วข้อง
3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
3.1 ด้านความรู้ (K)
1) อธบิ ายการสะทอ้ นของคลืน่ ผิวน้ำได้
3.2 ดา้ นกระบวนการ (P)
1) ทดลองและสงั เกตการสะทอ้ นของคล่นื ผิวน้ำได้
3.3 ด้านเจตคติ (A)
1) ใฝ่เรียนรู้ และมคี วามรับผิดชอบ
4. สาระสำคญั
พฤติกรรมของคลน่ื คล่ืนแสดงพฤตกิ รรมการสะทอ้ นเมื่อกระทบสงิ่ กีดขวางหรอื รอยตอ่ ของตวั กลางท่ี
ต่างกัน
การสะทอ้ นของคลื่นเปน็ ไปตามกฎการสะทอ้ น คือ มมุ สะท้อนเท่ากบั มุมตกกระทบ คลืน่ สะทอ้ นในเชือกจะ
กลบั เฟสเม่อื ปลายเชอื กตรงึ แนน่ และคล่นื สะท้อนในเชอื กมเี ฟสคงเดิม เม่ือปลายเชอื กอิสระ
คลื่นเกิดการหกั เหเมื่อเคล่อื นท่ีผ่านรอยต่อของตัวกลางทีต่ ่างกัน โดยคลน่ื มคี วามถค่ี งที่ แตอ่ ตั ราเรว็ คลนื่
เปลยี่ นไปเป็นไปตามกฎการหกั เห แทนด้วยสมการ sin 1 = 1
sin 2 2
เมอ่ื คล่ืนสองขบวนเคลื่อนท่มี าพบกนั เกิดการแทรกสอดกัน ถา้ คลน่ื จากแหล่งกำเนิด S1 และ S2 มีความถี่
เท่ากนั เฟสตรงกัน แอมพลจิ ูดเทา่ กนั เม่ือแทรกสอดกนั เกดิ ตำแหนง่ ที่รวมแบบเสรมิ เรียกว่า ปฏบิ พั และแบบหักลา้ ง
เรียกว่า บัพ โดยตำแหนง่ ที่เกดิ ปฏบิ ัพเปน็ ไปตามสมการ | 1 − 1 | = เมื่อ n = 0, 1, 2, 3, …
และตำแหน่งทเ่ี กดิ บัพเป็นไปตามสมการ | 1 − 1 | = ( = 1) เมอื่ n = 1, 2, 3, …
2
206
คลน่ื อาพันธ์สองขบวนเคลอ่ื นทีส่ วนทางกันจะเกดิ การแทรกสอดเกดิ เปน็ ปฏิบัพและบพั ทอ่ี ย่นู ่งิ โดยมีระยะ
ระหว่างบัพท่ถี ัดกนั และปฏิบัพที่ถัดกนั เท่ากับครงึ่ หนึง่ ของความยาวคล่ืน เรยี กว่า คลนื่ นง่ิ
คล่นื เกิดการเลี้ยวเบนเมอ่ื เคล่ือนทีพ่ บขอบของสงิ่ กีดขวางหรอื ช่องแคบ แล้วมคี ลนื่ แผอ่ อกจากของของสงิ่ กีด
ขวางไปทางดว้ นหลังได้
5. สาระการเรียนรู้
5.1 ความรู้
เมื่อคลื่นเคลือ่ นที่จากแหล่งกำเนิดคลื่นไปถึงปลายสุดของตัวกลางหนึ่ง คลื่นส่วนหนึ่งจะเคลื่อนท่ี
กลับมาในตัวกลางเดิม การที่คลื่นเคลื่อนที่กลับมาในตัวกลางเดิม เรียกว่า การสะท้อนของคลื่น และเรียกคลื่นที่
สะท้อนกลับมาในตัวกลางเดิมว่า คลื่นสะท้อน ส่วนคลื่นที่เคลื่อนที่ไปตกกระทบปลายสุดของตัวกลางก่อนการ
สะทอ้ นเรยี กวา่ คลนื่ ตกกระทบ
การสะทอ้ นของคล่ืนในเสน้ เชือก กรณที ี่ปลายเชือกยึดตรงึ แน่นกับกำแพง เมือ่ คลื่นเคล่ือนท่ีมาถึง
จุดที่ตรึงกับกำแพง กำแพงจะดึงเชือกลง (เพราะเชือกดึงกำแพงขึ้น กำแพงจึงออกแรงดึงเชือกกลับ ตามกฎการ
เคล่อื นที่ขอ้ ท่ี 3 ของนวิ ตัน) ทำใหเ้ กดิ คล่ืนสะท้อนกลบั ทมี่ ีรปู ร่างกลับด้าน กล่าวคอื มกี ารกระจัดของตัวกลางเทียบ
กบั แนวสมดลุ ตรงข้ามกบั คล่นื ตกกระทบหรอื กลา่ วได้ว่า คลื่นสะทอ้ นมเี ฟสตรงข้ามกบั คลน่ื ตกกระทบ
แต่ถ้าปลายเชือกสามารถเคลื่อนที่ขึ้นลงได้อย่างอิสระ คลื่นที่สะท้อนออกมาจะมีการกระจัด
ตวั กลางทม่ี ีทศิ ทางเดียวกบั คล่ืนตกกระทบ หรือกลา่ วได้ว่า คล่นื สะท้อนมเี ฟสตรงกันกับคลน่ื ตกกระทบ
5.2 กระบวนการ
1) ความสามารถในการสอื่ สาร (อ่าน ฟงั พูด เขยี น)
2) ความสามารถในการคิด (สงั เกต วิเคราะห์ จดั กลุ่ม สรปุ )
3) ความสามารถในการแกป้ ญั หา (-)
4) ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต (ทำงานกลุม่ และความรบั ผดิ ชอบ)
5) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ (ใชก้ ารสืบค้นผ่านคอมพิวเตอร)์
5.3 คณุ ลกั ษณะและค่านยิ ม
ใฝ่เรยี นรู้ และมคี วามรบั ผดิ ชอบ
6. บูรณาการ
6.1 บูรณาการ PLC นักเรียนแต่ละกลุ่มแลกเปลี่ยนเรียนรู้เล่าสู่กันฟังถึงความรู้ที่ได้จากการทำกิจกรรม และ
ปัญหาท่เี กิดขนึ้ ระหว่างการทำกิจกรรม
207
7. กิจกรรมการเรยี นรู้
ข้ันตอนการเรยี นรู้
ขั้นท่ี 1 ขนั้ สรา้ งความสนใจ
1.1 ครูทบทวนความรเู้ ดมิ เรอ่ื ง กฎการเคลือ่ นทีข่ อ้ ที่ 3 ของนิวตัน การเกิดคลนื่ และคล่ืนผิวนำ้
1.2 ครูต้งั คำถามเพือ่ นำเขา้ สู่การทำกิจกรรม ดงั น้ี
1) จากการทดลอง เรื่อง คล่ืนผิวนำ้ ผลการทดลองเปน็ อยา่ งไร
2) จากการทดลอง เรื่อง คลื่นผิวน้ำ คลื่นที่แผ่ออกไปในถาดคลื่น หากไปกระทบกับวัตถุ
อื่น คลื่นจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร (เปิดโอกาสให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นอย่างอสิ ระไม่คาดหวงั
คำตอบที่ถกู ตอ้ ง)
1.3 ให้ตัวแทนนักเรียนขว้างลกู บอลกระทบผนงั แล้วให้นักเรยี นทุกคนสงั เกตแล้วอธิบายสิ่งทีเ่ กิด
ขน้ึ กับลูกบอล แลว้ ครูตั้งคำถาม ดงั น้ี
1) ลูกบอลเม่อื กระทบผนงั ผลเปน็ อยา่ งไร
2) ถ้าเปลี่ยนจากลูกบอลเป็นคลื่น ผลจะเป็นอย่างไร (เปิดโอกาสให้นักเรียนแสดงความ
คิดเห็นอย่างอิสระไม่คาดหวงั คำตอบทถี่ ูกต้อง)
ขั้นท่ี 2 ข้นั สำรวจและคน้ หา
2.1 นักเรยี นแบ่งกลุม่ ๆ ละ 5-6 คน โดยคละเพศ คละความสามารถ
2.2 นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มศกึ ษาใบกิจกรรม 9.2 เรื่อง การสะทอ้ นของคล่นื ผวิ น้ำ
2.3 ครูแจง้ จุดประสงค์การเรยี นรู้ อุปกรณ์ และขั้นตอนการทดลองอยา่ งละเอียด
2.4 นกั เรยี นรับอปุ กรณก์ ารทดลอง พร้อมตดิ ต้ังอุปกรณ์
2.5 นกั เรยี นแต่ละกลุม่ ทำการทดลอง สงั เกตและบนั ทกึ ผลการทดลอง
ข้นั ท่ี 3 ขน้ั อธิบายและลงขอ้ สรุป
3.1 ครสู มุ่ นกั เรยี น 2 คน ออกมานำเสนอสรุปทีไ่ ดจ้ ากการศกึ ษาหนา้ ชัน้ เรยี น
3.2 ครูนำนักเรยี นอภิปรายเพ่อื นำไปสู่การสรุปโดยใชค้ ำถามตอ่ ไปนี้
1) นักเรยี นแต่ละกลุ่มได้ผลการทำกิจกรรมเหมือนหรอื แตกต่างกันอยา่ งไร (แนวการตอบ
ไดผ้ ลเหมอื นกนั )
2) จากการทดลองเม่ือมมุ ระหวา่ งแผน่ ก้นั กับแนวอา้ งองิ 30 องศา มมุ ระหว่างคล่ืน
สะทอ้ นกบั แนวอา้ งอิงมคี า่ เท่าใด (แนวการตอบ ใกลเ้ คียง 30 องศา หรอื เท่ากบั 30)
3) จากการทดลองเมือ่ มุมระหวา่ งแผ่นกั้นกับแนวอา้ งองิ 45 องศา มมุ ระหวา่ งคลื่น
สะทอ้ นกับแนวอ้างอิงมคี ่าเทา่ ใด (แนวการตอบ ใกล้เคียง 45 องศา หรือเทา่ กบั 45
4) จากการทดลองเมอ่ื มมุ ระหวา่ งแผ่นกน้ั กับแนวอา้ งอิง 60 องศา มุมระหวา่ งคลน่ื
สะท้อนกบั แนวอา้ งอิงมคี ่าเท่าใด (แนวการตอบ ใกลเ้ คียง 60องศา หรือเท่ากบั 60)
5) ในแตล่ ะกรณีมุมท่ีหนา้ คลนื่ ตกกระทบกระทำต่อแผน่ ก้นั และมมุ ทีห่ น้าคลืน่ สะทอ้ นทำ
กับแผน่ กั้น มีความสัมพันธก์ นั หรอื ไม่ อยา่ งไร (แนวการตอบ มุมทห่ี นา้ คลนื่ ตกกระทบกระทำต่อแผ่นกั้น
และมุมท่หี น้าคลื่นสะท้อนกระทำต่อแผ่นกน้ั มคี ่าเท่ากนั ทุกกรณี)
208
3.3 นักเรียนและครรู ว่ มกันอภปิ รายและสรปุ ผลการทำกจิ กรรม จนสรปุ ได้ ดังน้ี
การสะท้อนของคลืน่ เกิดขึ้นเมื่อคลื่นเคลื่อนที่ไปกระทบขอบเขตของตัวกลาง ทำให้คลื่น
ส่วนหนึ่งกลับมาในตัวกลางเดิมและอธิบายดว้ ยกฎการสะทอ้ น คือเส้นรังสีตกกระทบ รังสีสะท้อน รอยต่อ
ขอบเขตของตวั กลาง และเสน้ แนวฉากอยูใ่ นระนาบเดียวกัน และมมุ ตกกระทบเทา่ กบั มมุ สะท้อน
ข้นั ที่ 4 ขน้ั ขยายความรู้
4.1 ครูอธิบายใหค้ วามรเู้ พมิ่ เตมิ ดงั น้ี
1) เมือ่ คลื่นเคล่อื นทีจ่ ากแหลง่ กำเนดิ คลนื่ ไปถึงปลายสุดของตวั กลางหนึง่ คลืน่ สว่ นหนง่ึ จะเคลื่อนท่ี
กลบั มาในตวั กลางเดิม การท่ีคลืน่ เคล่ือนทีก่ ลับมาในตวั กลางเดิม เรียกว่า การสะทอ้ นของคลื่น และเรียก
คลนื่ ทส่ี ะทอ้ นกลับมาในตวั กลางเดิมว่า คลื่นสะทอ้ น สว่ นคลน่ื ทีเ่ คลอ่ื นทไี่ ปตกกระทบปลายสุดของตวั กลาง
กอ่ นการสะทอ้ นเรยี กวา่ คลืน่ ตกกระทบ
2) การสะท้อนของคลื่นในเส้นเชือก กรณีที่ปลายเชือกยึดตรึงแน่นกับกำแพง เมื่อคลื่นเคลื่อนท่ี
มาถึงจุดที่ตรึงกับกำแพง กำแพงจะดึงเชือกลง (เพราะเชือกดึงกำแพงขึ้น กำแพงจึงออกแรงดึงเชือกกลบั
ตามกฎการเคลื่อนที่ข้อที่ 3 ของนิวตัน) ทำให้เกิดคลื่นสะท้อนกลับที่มีรูปร่างกลับด้าน กล่าวคือ มีการ
กระจัดของตัวกลางเทียบกับแนวสมดุล ตรงข้ามกับคลื่นตกกระทบหรือกล่าวได้ว่า คลื่นสะท้อนมเี ฟสตรง
ขา้ มกับคลน่ื ตกกระทบ
3) แต่ถ้าปลายเชือกสามารถเคลื่อนที่ขึ้นลงได้อย่างอิสระ คลื่นที่สะท้อนออกมาจะมีการกระจัด
ตวั กลางท่ีมีทิศทางเดยี วกบั คลืน่ ตกกระทบ หรอื กลา่ วได้ว่า คลนื่ สะทอ้ นมเี ฟสตรงกันกบั คลน่ื ตกกระทบ
209
ขน้ั ที่ 5 ข้ันประเมนิ ผล
5.1 นกั เรียนส่งใบกิจกรรม เรอื่ ง การสะทอ้ นของคลน่ื ผิวนำ้
8. ส่ือการเรยี นร้/ู แหล่งเรยี นรู้
8.1 หนงั สอื เรยี นรายวิชาเพ่มิ เติมวทิ ยาศาสตร์ (ฟสิ ิกส)์ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 5 เล่ม 3 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560)
8.2 อนิ เทอรเ์ น็ต
8.3 ใบกิจกรรม เรือ่ ง การสะท้อนของคลื่นผิวนำ้
8.4 ชดุ กิจกรรม เรอ่ื ง การสะท้อนของคลื่นผวิ นำ้
9. การวดั และประเมินผล วธิ กี ารวดั เคร่อื งมอื เกณฑก์ ารประเมนิ
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1) ตรวจใบกจิ กรรม เรื่อง 1) ใบกิจกรรม เรอ่ื ง 1) นักเรียนสามารถ
ดา้ นความรู้ (K) การสะทอ้ นของคลน่ื ผิวน้ำ การสะทอ้ นของคลื่น สรุปผลการทดลองได้
1) อธิบายการสะท้อนของคลื่นผิวนำ้ ได้
ผวิ น้ำ ระดับดีผา่ นเกณฑ์
ด้านกระบวนการ (P)
1) ทดลองและสังเกตการสะทอ้ นของ 1) ตรวจใบกิจกรรม เร่ือง 1) ใบกจิ กรรม เร่อื ง 1) นกั เรียนสามารถ
คลืน่ ผิวนำ้ ได้ การสะทอ้ นของคลืน่ ผวิ นำ้ การสะท้อนของคลื่น ทำใบกิจกรรมได้
ดา้ นคณุ ลักษณะ (A) ผิวนำ้ ระดบั ดี ผา่ นเกณฑ์
1) ใฝ่เรยี นรู้ และมคี วามรบั ผิดชอบ
1) ตรวจการส่งใบกิจกรรม 1) ใบกิจกรรม เรอ่ื ง 1) นกั เรยี นได้ระดบั ดี
การสะท้อนของคลื่น ผ่านเกณฑ์
ผิวนำ้
210
10. เกณฑ์การประเมนิ ผลงานนักเรยี น
เกณฑก์ ารประเมนิ แบบ Rubrics ของการทำกจิ กรรม เรื่อง การสะทอ้ นของคลนื่ ผวิ นำ้
ประเดน็ การ ค่าน้ำหนัก แนวทางการให้คะแนน
ประเมนิ คะแนน
ดา้ นความรู้ 3 สรปุ ผลการทดลองได้ถูกต้องครบถว้ น
(K) 2 สรุปผลการทดลองค่อนข้างถูกต้องครบถว้ น
1 สรุปผลการทดลองได้ค่อนข้างถูกต้อง
ด้าน 3 บนั ทกึ ผลกิจกรรมไดถ้ ูกตอ้ งครบถ้วน
กระบวนการ 2 บันทกึ ผลกิจกรรมคอ่ นขา้ งถูกต้อง
(P) 1 บันทกึ ผลกิจกรรมไดค้ อ่ นขา้ งถกู ตอ้ ง
ด้าน 3 ทำภาระงานที่ไดร้ ับมอบหมายเสร็จภายในเวลาท่ีกำหนด และเรยี บรอ้ ยถูกตอ้ งครบถ้วน
คณุ ลักษณะ 2 ทำภาระงานทไี่ ด้รับมอบหมายเสร็จภายในเวลาท่ีกำหนด แต่งานยังผิดพลาดบางส่วน
(A) 1 ทำภาระงานทไ่ี ด้รบั มอบหมายเสรจ็ แต่ลา่ ช้า และเกดิ ขอ้ ผิดพลาดบางส่วน
ระดับคะแนน 3 หมายถงึ ระดบั ดีมาก
คะแนน 2 หมายถงึ ระดับดี
คะแนน 1 หมายถงึ ระดับพอใช้
คะแนน
211
การประเมินการทำกจิ กรรม เร่ือง การสะทอ้ นของคลื่นผิวน้ำ
จุดประสงค์การเรียนรู้
ท่ี ชื่อ - นามสกลุ ดา้ นความรู้ ด้าน ดา้ น รวม ระดบั
(K) กระบวนการ คณุ ลกั ษณะ คะแนน คุณภาพ
(P) (A)
3 3 39
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
212
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
ท่ี ชือ่ - นามสกุล ดา้ นความรู้ ด้าน ดา้ น รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คณุ ลักษณะ คะแนน คณุ ภาพ
(P) (A)
3 3 39
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
ระดบั คณุ ภาพ 9 หมายถึง ระดบั ดีมาก
คะแนน 7-8 หมายถึง ระดบั ดี
คะแนน 5-6 หมายถึง ระดบั ปานกลาง
คะแนน 3-4 หมายถึง ระดบั ปรบั ปรงุ
คะแนน
213
บนั ทกึ หลังการสอน
หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 9 เรือ่ ง คลน่ื อ
แผนการสอนที่ 17 เรื่อง การสะท้อนของคลนื่ ผิวนำ้ .
วนั ท่ี.................................................เดอื น.......................................................................พ.ศ......................................
ผลการจัดการเรยี นรู้
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ปัญหา / อุปสรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกป้ ัญหา
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ลงช่อื ............................................ครผู ู้สอน ลงชอื่ .............................................หัวหนา้ กลมุ่ สาระ
(นางสาวขจรศรี สุทธสงั ข์) (นางสาวอรอมุ า ไชยชนะ)
ลงชอ่ื ............................................. รองฯ กลุม่ บรหิ ารวิชาการ
(นายบพติ ร เหล่ากอ)
ลงชือ่ ............................................ผู้อำนวยการโรงเรียน
(นายสรุ ยิ น สายสนองยศ)
…………../…………../………..
214
ใบกิจกรรม 9.2 การสะทอ้ นของคลืน่ ผิวน้ำ
1. รายชื่อสมาชิกที่ …………………………………………………….. ชนั้ …………………………………
ชอื่ ……………………………………………………………………………....................................เลขท.่ี ..................
ช่อื ……………………………………………………………………………....................................เลขท.่ี ..................
ช่ือ……………………………………………………………………………....................................เลขท่.ี ..................
ช่อื ……………………………………………………………………………....................................เลขท.ี่ ..................
ชอ่ื ……………………………………………………………………………....................................เลขท่ี...................
ชอ่ื ……………………………………………………………………………....................................เลขท.ี่ ..................
2. จดุ ประสงค์การทำกิจกรรม
สงั เกตและอธิบายการสะท้อนของคลืน่ ผิวน้ำ
3. วสั ด-ุ อปุ กรณ์ 1 ชดุ
3. ชุดถาดคล่ืน 1 เคร่ือง
4. หมอ้ แปลงโวลต์ต่ำพร้อมสายไฟ 1 แผ่น
5. กระดาษขาว
4. วธิ ที ำกจิ กรรม
8. ต้งั ถาดคลื่นใหอ้ ยู่ในแนวระดับ เตมิ น้ำลงในระดับความลึกทพ่ี อเหมาะ สังเกตระดับนำ้ ในถาดคล่ืนต้องมีระดับความ
ลึกเท่ากันทุกดา้ น ถ้าไมเ่ ทา่ กันให้ปรับระดับจนเทา่ กนั
9. วางกระดาษขาวใต้ถาดคลืน่
10. ต่อสายไฟจากหมอ้ แปลงโยใช้ความต่างศักย์ 12 โวลต์ เขา้ กบั หลอดไฟ เปิดสวิตซ์ให้หลอดไฟตดิ สวา่ ง
11. ทำใหเ้ กิดคล่นื หนา้ ตรงบนถาดคลนื่
12. ลากเสน้ บนกระดาษขาวท่เี ป็นฉากใต้ถาดคลนื่ โดยให้ขนานกับแนวหนา้ คลนื่ กำหนดใหเ้ ปน็ แนวอา้ งอิง
13. ลากเสน้ บนฉากให้ทำมมุ 30 องศากับแนวอา้ งองิ
14. วางแผ่นกั้นบนถาดคลื่นให้ทำมุม 30 องศากับแนวหน้าคลื่น (เงาของแผ่นกั้นอยู่ในแนวเส้นตรงบนฉากที่ทำมุมกับ
แนวอา้ งอิง)
15. ลากแนวหน้าคลนื่ สะท้อนบนฉากบนั ทกึ มุมทีห่ นา้ คล่ืนทำกบั แผ่นกั้น
16. ทดลองซ้ำโดยเปล่ียนมมุ เป็น 45 และ 60 องศาตามลำดับ