The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เเผนการจัดการเรียนรู้ ฟิสิกส์ 3 ว30203 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sutthasangarii, 2022-07-10 03:17:36

เเผนการจัดการเรียนรู้ ฟิสิกส์ 3 ว30203

เเผนการจัดการเรียนรู้ ฟิสิกส์ 3 ว30203 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565

465

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

ท่ี ชือ่ - นามสกุล ดา้ นความรู้ ด้าน ดา้ น รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คณุ ลักษณะ คะแนน คณุ ภาพ

(P) (A)

3 3 39

29

30

31

32

33

34

35

36

37

38

39

40

ระดบั คณุ ภาพ 9 หมายถึง ระดบั ดีมาก
คะแนน 7-8 หมายถึง ระดบั ดี
คะแนน 5-6 หมายถึง ระดบั ปานกลาง
คะแนน 3-4 หมายถึง ระดบั ปรบั ปรงุ
คะแนน

466

บนั ทกึ หลงั การสอน

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 11 เรื่อง แสงเชงิ รงั สี อ

แผนการสอนที่ 35 เรอื่ ง แสงสีและการมองเห็นแสงสี .

วันท.่ี ................................................เดอื น.......................................................................พ.ศ......................................

ผลการจดั การเรียนรู้

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ปญั หา / อุปสรรค

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ปัญหา

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ลงช่อื ............................................ครผู สู้ อน ลงช่ือ.............................................หวั หนา้ กลมุ่ สาระ
(นางสาวขจรศรี สุทธสังข์) (นางสาวอรอมุ า ไชยชนะ)

ลงชื่อ............................................. รองฯ กลุม่ บรหิ ารวชิ าการ
(นายบพิตร เหล่ากอ)

ลงช่อื ............................................ผอู้ ำนวยการโรงเรยี น
(นายสรุ ยิ น สายสนองยศ)
…………../…………../………..

467

468

469

แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 36

เรอ่ื ง ปรากฏการณ์ธรรมชาติและการใช้ประโยชนเ์ ก่ยี วกบั แสง

รายวิชา ฟสิ กิ ส์ 3 รหัสวิชา ว30203 เวลา 3 ช่ัวโมง

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 11 ชอื่ หน่วยการเรียนรู้ แสงเชิงรังสี รวม 24 ชวั่ โมง

กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 5 ภาคเรยี นท่ี 1

บรู ณาการ

 ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง  อาเซยี น  STEM  PLC

 สวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น  มาตรฐานสากล  ข้ามกลุ่มสาระ

1. สาระฟิสกิ ส์
2. เขา้ ใจการเคลื่อนท่ีแบบฮารม์ อนิกอยา่ งงา่ ย ธรรมชาติของคลน่ื เสยี งและการไดย้ ิน ปรากฏการณ์ท่ี

เก่ยี วขอ้ งกบั เสียง แสงและการเห็น ปรากฏการณ์ทเ่ี กี่ยวข้องกับแสงรวมทง้ั นำความร้ไู ปใช้ประโยชน์

2. ผลการเรยี นรู้
9. อธิบายปรากฏการณธ์ รรมชาติทเี่ กี่ยวกับแสง เชน่ รุ้ง การทรงกลด มริ าจ และการเห็นท้องฟา้

เปน็ สตี า่ งๆ ในชว่ งเวลาตา่ งกัน

3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
3.1 ดา้ นความรู้ (K)
1) อธบิ ายการเกิดรงุ้ การทรงกลด มิราจ และการมองเห็นทอ้ งฟ้าเป็นสีตา่ ง ๆ ในช่วงเวลาท่ีต่างกัน
3.2 ด้านกระบวนการ (P)
1) นักเรียนสามารถจดั กระทำและสื่อความหมายของขอ้ มลู ท่ศี กึ ษาค้นคว้าได้
3.3 ดา้ นเจตคติ (A)
1) มงุ่ ม่ันในการทำงาน และมคี วามรบั ผดิ ชอบ

4. สาระสำคญั
การมองเหน็ แสงสเี ปน็ การรบั รอู้ ยา่ งหนงึ่ ทเี่ กดิ ขน้ึ ในสมองเมื่อมีแสงมากระทบบนจอตา (retina) ซ่งึ มีเซลล์

รูปกรวย (cone cell) 3 ชนิด คือ ชนิด S ชนิด M และ ชนิด L โดยเซลล์รูปกรวยแต่ละชนิดจะมีการตอบสนอง
ตอ่ แสงทีม่ ีความยาวคลืน่ ตา่ ง ๆ ทีแ่ ตกต่างกนั การมองเห็นสีของวัตถุจะข้ึนกับแสงสีที่ตก กระทบกับวัตถุและสารสี
บนวัตถุโดยสารสีจะดูดกลืนบางแสงสีและสะท้อนบางแสงสีเมื่อแสงสีสะท้อนจาก วัตถุมาเข้าตาทำให้สามารถ
มองเห็นวัตถเุ ป็นสตี ่าง ๆ ได้ แสงสีแดง แสงสีเขียว และแสงสีน้ำเงิน จดั เป็น แสงสปี ฐมภมู (ิ primary colours of
light) เพราะเมื่อแสงสีเหล่านี้มาผสมกันจะได้เป็นแสงสีต่าง ๆ ครบทุกสี ส่วนสารสีน้ำเงินเขียว สารสีเหลือง และ
สารสีแดงม่วง จัดเป็นสารสีปฐมภูมิ (primary colours of pigment) เพราะเมื่อสารสีเหล่านี้มาผสมกันจะได้
สีต่าง ๆ ครบทุกสี ถ้าเซลล์รูปกรวยชนดิ ใดชนิดหน่ึงหรือ มากกว่ามีความบกพร่อง จะมองเหน็ สแี ตกต่างไปจากคน
ปกตเิ รยี กความผดิ ปกตใิ นการมองเห็นสนี ้วี ่า การบอดสี (colour blindness)

470

ความรู้เรื่องแสงเชิงรังสีสามารถนำไปใช้อธิบายปรากฏการณ์ธรรมชาติ เช่น รุ้ง การทรงกลด มิราจ และ
การเห็นท้องฟ้าเป็นสีต่าง ๆ ในช่วงเวลาต่างกัน รวมทั้งการใช้ประโยชน์เกี่ยวกับแสงในชีวิตประจำวัน เช่น
กลอ้ งโทรทรรศนก์ ล้องจุลทรรศนแ์ ละกล้องถ่ายรูป

5. สาระการเรยี นรู้
5.1 ความรู้
การเกดิ ร้งุ เกดิ จากการทแ่ี สงอาทติ ย์หกั เหและสะท้อนผ่านละอองน้ำ ทำใหเ้ กิดการกระจายแสงได้
สเปกตรมั ของแสงขาว
การทรงกลม เกิดจากการท่ีแสงอาทิตย์หักเหและเกดิ การกระจายแสงผ่านผลึกน้ำแข็งในก้อนเมฆ
ทำให้เกดิ แถบสขี องแสงเปน็ วงกลมรอบดวงอาทิตย์หรือดวงจนั ทร์
มริ าจ เกดิ จากการหกั เหของแสงในอากาศชัน้ ต่างๆ ที่มีความแตกต่างของอุณหภูมิมากๆ ทำให้เห็น
ภาพของวตั ถปุ รากฏข้ึน เช่น เหน็ ภาพท้องฟา้ ปรากฏบนถนนท่รี อ้ นมากๆ
การกระเจิงของแสง เปน็ ปรากฏการณ์ที่แสงตกกระทบอนุภาคหรือโมเลกุลของอากาศ ทำให้แสง
กระจัดกระจายไปโดยรอบ ซึ่งแสงทีม่ ีความยาวคลื่นสั้น เช่น แสงม่วง และแสงสีนำ้ เงินจะกระเจิงได้ดีกว่า
แสงที่มคี วามยาวคล่ืนยาว เช่น แสงสแี ดง
ความร้เู รื่องหลกั การทางแสง เชน่ การสะท้อน และการหกั เหของแสง นำมาใชส้ รา้ งทัศนอุปกรณ์
ซึ่งเป็นเครื่องมือและอุปกรณ์ทางแสงที่เป็นประโยชน์หลายอย่าง เช่น กล้องโทรทรรศน์ กล้องจุลทรรศน์
และกลอ้ งถา่ ยรูป
5.2 กระบวนการ
1) ความสามารถในการสอ่ื สาร (อ่าน ฟัง พูด เขยี น)
2) ความสามารถในการคิด (สงั เกต วเิ คราะห์ จดั กล่มุ สรุป)
3) ความสามารถในการแกป้ ัญหา (-)
4) ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ (ทำงานกลุม่ และความรบั ผดิ ชอบ)
5) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ (ใชก้ ารสืบคน้ ผ่านคอมพิวเตอร์)
5.3 คณุ ลกั ษณะและคา่ นิยม
1) มุง่ มั่นในการทำงาน และมีความรับผิดชอบ

6. บูรณาการ
-

7. กิจกรรมการเรยี นรู้
ขนั้ ตอนการเรยี นรู้
ขนั้ ที่ 1 ข้นั สรา้ งความสนใจ
1.1 ครทู บทวนความรู้ เรือ่ ง แสงสีและการมองเห็นแสงสี
1.2 3 ครูต้ังคำถามเพ่ือนำเข้าส่กู ารทำกจิ กรรม ดังนี้
1) นกั เรยี นคิดวา่ ปรากฏการณธ์ รรมชาติใดบ้างทเ่ี กย่ี วข้องกับแสง

471

2) การมองเห็นท้องฟ้าเป็นสีต่าง ๆ ในช่วงเวลาที่ต่างกัน มีลักษณะอย่างไร เกิดเมื่อไร
และเกิดได้อย่างไร

3) นักเรียนคิดวา่ รงุ้ กินน้ำเกิดข้นึ ไดอ้ ยา่ งไร และรงุ้ มีกช่ี นดิ
(โดยครเู ปิดโอกาสให้นักเรยี นแสดงความคิดเห็นอยา่ งอิสระและไมค่ าดหวังคำตอบทถ่ี ูกตอ้ ง

ขั้นท่ี 2 ขั้นสำรวจและค้นหา
2.1 ครใู ห้นกั เรียนทุกคนศึกษาค้นควา้ ขอ้ มูลและทำความเข้าใจ เร่ือง ปรากฏการณธ์ รรมชาตแิ ละ

การใช้ประโยชน์เกี่ยวกับแสง ในหนังสือเรยี น หน้า 228 – 243 และอินเทอรเ์ น็ต
2.2 นักเรยี นทกุ คนสรปุ องคค์ วามรู้ท่ีไดศ้ กึ ษาคน้ คว้า เรอ่ื ง การใชป้ ระโยชนเ์ ก่ยี วกบั แสง และ

ทศั นอปุ กรณ์ ลงในกระดาษ A4 ในรูปแบบ Mind mapping
2.3 นักเรยี นทำใบงาน เรือ่ ง ปรากฏการณธ์ รรมชาตเิ ก่ยี วกับแสง

ขน้ั ท่ี 3 ข้นั อธบิ ายและลงข้อสรปุ
3.1 ครูสุม่ นกั เรียน 1 คน ออกมานำเสนอ Mind mapping ของตนเองหน้าช้นั เรยี น
3.2 ครูนำนักเรียนอภิปรายเพื่อนำไปสู่การสรุปโดยใช้คำถามในใบงาน เรื่อง ปรากฏการณ์

ธรรมชาตแิ ละการใชป้ ระโยชนเ์ กย่ี วกับแสง

ขน้ั ที่ 4 ขัน้ ขยายความรู้
4.1 ครูอธิบายให้ความรู้เพิ่มเติม ดงั น้ี
1) ความรู้เร่ืองหลักการทางแสง เช่น การสะท้อน และการหักเหของแสง นำมาใช้สรา้ ง

ทศั นอุปกรณซ์ งึ่ เปน็ เครื่องมอื และอปุ กรณ์ทางแสงที่เป็นประโยชน์หลายอย่าง เช่น กล้องโทรทรรศน์ กล้อง
จุลทรรศน์ และกล้องถา่ ยรปู

2) การถนอมสายตา
- ตาเป็นอวัยวะที่มีความไวต่อแสง การมองในบริเวณที่แสงมีความเข้มมากกับ

บริเวณทม่ี คี วามเข้มแสงน้อย อาจทำใหเ้ กิดอันตรายต่อตา หรอื ทำใหส้ ายตาเสยี ได้
- เรตินา เป็นส่วนของตาที่เสียหายได้ เมื่อได้รับแสงที่มีความสว่างเกิน

ความสามารถของการรับรขู้ องมัน เม่อื เราดวู ตั ถุหรือสิง่ ต่างๆ ทวี่ างอยู่กลางแดดหรอื บนหาดทรายขาว เรา
จะรู้สึกตาพร่า หรือบางครั้งก็รู้สึกตามัวทั้งนี้เป็นเพราะว่า เราตินาของตาถูกกระตุ้นจนเกินไปทำให้การ
ตอบสนองช้า ถา้ เราจ้องดูวตั ถุที่มีความสว่างมากตอ่ ไป การตอบสนองกย็ ่งิ ชา้ ลง สำหรับในกรณีท่ีดูวัตถุท่ีมี
ความสว่างสงู มาก เรตินาจะถกู ทำลายจนใช้การไม่ไดต้ ลอดไป คือ ตาคนๆ นนั้ จะบอด

- การดูวตั ถทุ ่มี ีความสวา่ งมาก เช่น ดวงอาทิตย์ แสงจากการเชื่อมโลหะ จะตอ้ ง
ไม่มองสิ่งเหล่าน้โี ดยตรงเพราะความเข้มแสงมากจนทำใหเ้ กิดอันตรายร้าย แรงต่อตาได้ หรอื มองวัตถุท่ีแสง
สวา่ งไม่มากเกินไปแตม่ องตอ่ เน่ืองเปน็ เวลานานกส็ ามารถเกิดอนั ตรายตอ่ สายตาไดเ้ ชน่ กัน การปอ้ งกนั ไม่ให้
แสงทม่ี คี วามเข้มมากเขา้ สตู่ าโดยตรงเปน็ วธิ ปี ้องกนั ดวงตา จากวตั ถทุ ่สี วา่ งมากๆ

- การดูวตั ถทุ ่มี คี วามสว่างนอ้ ย การดูวตั ถทุ มี่ ีความสว่างน้อยก็จะทำใหเ้ กิดความ
เสียหายต่อสายตาได้เนือ่ งจาก จะต้องเพ่งสายตาเป็นเวลานาน เช่น การอ่านหนังสือในที่ที่มีแสงน้อยๆ จะ

472

ทำกล้ามเนื้อตาเสื่อมเร็วกว่าปกติ ดังนั้นจึงต้องอ่านหนังสือในบริเวณที่มีแสงสว่างเพียงพอ เช่น มีการ
กำหนดความสวา่ งสำหรับหอ้ งเรยี นไว้ 300-700 Lux เป็นตน้

- การดูวัตถุผ่านทัศนอุปกรณ์ การใช้ทัศนอุปกรณ์อัน ได้แก่ กล้องส่องทางไกล
กล้องโทรทรรศน์ดูวัตถุหรือแหล่งกำเนิดแสงที่มคี วามสว่างมาก จะทำให้เรตินาเป็นอันตราย เช่นเดียวกับ
การใชต้ าเปล่าดวู ัตถุหรือแหลง่ กำเนิดทีม่ ีความสว่างมาก อุบตั ิเหตุที่เกดิ ขนึ้ บอ่ ย คอื การดูดวงอาทิตย์ขณะ
เกิดสุริยุปราคาไม่ว่าจะด้วยตาเปล่า หรือด้วยกล้องส่องทางไกล ความสว่างที่เกิดจากการมองตรงเช่นนั้น
มากเพียงพอให้เรตินาพิการอย่างถาวรได้ ดังนั้น ในการดูหรือถ่ายภาพดวงอาทิตย์เมื่อเกิดสุ ริยุปราคา
จงึ ตอ้ งทำดว้ ยความระมัดระวงั โดยดูผา่ นแผ่นฟิล์มกรองแสง หรือดโู ดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านดาราศาสตร์ดูแล
ทว่ั ไป เมื่ออยกู่ ลางแจง้ ท่ีมีความสว่างมากกว่า 10,000 ลกั ซ์ ควรใสแ่ ว่นกันแดด เพอื่ ลดความสว่างของแสง
ที่เขา้ ตา
ขัน้ ที่ 5 ขน้ั ประเมินผล

5.1 นักเรียนส่งใบงาน เรอ่ื ง ปรากฏการณ์ธรรมชาติเกี่ยวกบั แสง
5.2 นักเรียนสง่ Mind mapping เรือ่ ง การใช้ประโยชนเ์ กี่ยวกับแสง และทัศนอปุ กรณ์
5.3 นักเรียนทำแบบทดสอบท้ายบท เรื่อง แสงเชิงรงั สี

8. สอื่ การเรียนรู้/แหล่งเรียนรู้
8.1 หนงั สือเรียนรายวชิ าเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ (ฟสิ ิกส์) ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 5 เล่ม 3 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ.2560)
8.2 อินเทอรเ์ น็ต
8.3 ใบงาน เรือ่ ง ปรากฏการณธ์ รรมชาตเิ กี่ยวกับแสง

473

9. การวัดและประเมินผล

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ วธิ ีการวัด เครื่องมอื เกณฑก์ ารประเมนิ

ด้านความรู้ (K) 1) นกั เรียนสามารถ
ตอบคำถามได้ระดับ
1) อธบิ ายการเกิดรุง้ การทรง 1) ตรวจใบงาน เร่อื ง 1) ใบงาน เร่อื ง ดผี า่ นเกณฑ์

กลด มริ าจ และการมองเห็น ปรากฏการณ์ธรรมชาตเิ กีย่ วกับ ปรากฏการณธ์ รรมชาติ 1) นักเรียนสามารถ
สรปุ องคค์ วามรู้
ท้องฟา้ เป็นสตี า่ ง ๆ ในชว่ งเวลา แสง เก่ยี วกับแสง ได้ระดับดี ผา่ นเกณฑ์

ทต่ี ่างกนั 1) นกั เรียนได้ระดบั ดี
ผา่ นเกณฑ์
ดา้ นกระบวนการ (P)

1) นักเรียนสามารถจัดกระทำ 1) ตรวจ Mind mapping เร่อื ง 1) Mind mapping

และสื่อความหมายของข้อมูลท่ี การใชป้ ระโยชนเ์ กีย่ วกบั แสง เร่อื ง การใช้ประโยชน์

ศึกษาคน้ ควา้ ได้ และทัศนอปุ กรณ์ เกยี่ วกบั แสง และทัศน

อุปกรณ์

ดา้ นคุณลักษณะ (A)

1) มุ่งมนั่ ในการทำงาน และมี 1) ตรวจการส่งใบงาน เรอื่ ง 1) ใบงาน เรอ่ื ง

ความรับผดิ ชอบ ปรากฏการณ์ธรรมชาตเิ กย่ี วกับ ปรากฏการณ์ธรรมชาติ

แสง เกย่ี วกับแสง

2) ตรวจการสง่ Mind 2) Mind mapping

mapping เรอ่ื ง การใช้ เรื่อง การใชป้ ระโยชน์

ประโยชนเ์ ก่ยี วกบั แสง และ เกย่ี วกบั แสง และทัศน

ทัศนอุปกรณ์ อปุ กรณ์

474

10. เกณฑก์ ารประเมนิ ผลงานนักเรยี น
เกณฑ์การประเมนิ แบบ Rubrics ของการทำกจิ กรรม เรื่อง ปรากฏการณ์ธรรมชาติและการใชป้ ระโยชน์เก่ียวกบั แสง

ประเดน็ การ คา่ น้ำหนกั แนวทางการใหค้ ะแนน
ประเมนิ คะแนน

ดา้ นความรู้ 3 สามารถตอบคำถามไดถ้ ูกตอ้ งครบถว้ นทกุ ขอ้
(K) 2 สามารถตอบคำถามคอ่ นข้างถูกตอ้ ง
1 สามารถตอบคำถามไดค้ อ่ นข้างถกู ตอ้ ง

ดา้ น 3 จดั กระทำและสอื่ ความหมายของข้อมูลที่ศึกษาค้นควา้ ได้ถูกต้องครบถ้วนทุกหัวขอ้
กระบวนการ 2 สะอาดและสวยงาม
1 จดั กระทำและสือ่ ความหมายของขอ้ มูลที่ศึกษาค้นควา้ ค่อนขา้ งถกู ต้องครบถ้วน
(P) สะอาดและสวยงาม
จัดกระทำและสื่อความหมายของขอ้ มูลทศ่ี กึ ษาค้นคว้าไดค้ ่อนข้างถกู ต้อง แตไ่ ม่
ครบทุกหัวขอ้ สะอาดและสวยงาม

ดา้ น 3 ทำภาระงานทไ่ี ดร้ ับมอบหมายเสรจ็ ภายในเวลาที่กำหนด และเรยี บรอ้ ยถูกต้อง
ครบถ้วน

คณุ ลกั ษณะ 2 ทำภาระงานทไ่ี ดร้ บั มอบหมายเสร็จภายในเวลาท่ีกำหนด แต่งานยงั ผดิ พลาด
(A) บางสว่ น

1 ทำภาระงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จ แต่ลา่ ช้า และเกิดขอ้ ผดิ พลาดบางส่วน

ระดบั คะแนน 3 หมายถึง ระดบั ดีมาก
คะแนน 2 หมายถงึ ระดบั ดี
คะแนน 1 หมายถงึ ระดบั พอใช้
คะแนน

475

การประเมินการทำกจิ กรรม เรือ่ ง ปรากฏการณ์ธรรมชาตแิ ละการใช้ประโยชนเ์ ก่ยี วกบั แสง

จุดประสงค์การเรียนรู้

ท่ี ชือ่ - นามสกุล ดา้ นความรู้ ด้าน ด้าน รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คุณลกั ษณะ คะแนน คุณภาพ

(P) (A)

3 3 39

1

2

3

4

5

6

7

8

9

10

11

12

13

14

15

16

17

18

19

20

21

22

23

24

25

26

27

28

476

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

ท่ี ชือ่ - นามสกุล ดา้ นความรู้ ด้าน ดา้ น รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คณุ ลักษณะ คะแนน คณุ ภาพ

(P) (A)

3 3 39

29

30

31

32

33

34

35

36

37

38

39

40

ระดบั คณุ ภาพ 9 หมายถึง ระดบั ดีมาก
คะแนน 7-8 หมายถึง ระดบั ดี
คะแนน 5-6 หมายถึง ระดบั ปานกลาง
คะแนน 3-4 หมายถึง ระดบั ปรบั ปรงุ
คะแนน

477

บันทึกหลงั การสอน

หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 11 เรอื่ ง แสงเชิงรังสี อ

แผนการสอนที่ 36 เร่อื ง ปรากฏการณธ์ รรมชาติและการใช้ประโยชน์เกี่ยวกบั แสง .

วันท.่ี ................................................เดือน.......................................................................พ.ศ......................................

ผลการจดั การเรียนรู้

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ปัญหา / อุปสรรค

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกป้ ญั หา

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ลงชือ่ ............................................ครผู ูส้ อน ลงชื่อ.............................................หัวหนา้ กลมุ่ สาระ
(นางสาวขจรศรี สุทธสังข์) (นางสาวอรอุมา ไชยชนะ)

ลงช่ือ............................................. รองฯ กลุม่ บรหิ ารวิชาการ
(นายบพิตร เหล่ากอ)

ลงชือ่ ............................................ผูอ้ ำนวยการโรงเรยี น
(นายสรุ ิยน สายสนองยศ)
…………../…………../………..

ชอ่ื ……………………………………………………………………………….. ชน้ั ……………………….. เลขท่ี ……………… 478

ใบงาน เรอื่ ง ปรากฏการณธ์ รรมชาตเิ กีย่ วกับแสง

คำชีแ้ จง ใหน้ ักเรียนตอบคำถามให้ถกู ตอ้ งครบถว้ น

1. จงอธบิ ายปรากกฎการณ์การเกดิ รุ้ง

ตอบ เกดิ จากการที่แสงอาทิตยห์ กั เหและสะท้อนผ่านละอองน้ำ ทำใหเ้ กดิ การกระจายแสงได้สเปกตรัมของแสงขาว

2. รงุ้ มกี กี่ชนดิ อะไรบ้าง

ตอบ ร้งุ มี 2 ชนิด คือ 1. รงุ้ ทตุ ยิ ภมู ิ และรงุ้ ปฐมภูมิ อ

3. การเกดิ รงุ้ ปฐมภูมิและการเกดิ รุ้งทุติยภมู เิ หมือนหรอื แตกตา่ งกนั อย่างไร

ตอบ การเกดิ รงุ้ ปฐมภูมิและรุ้งทุตยิ ภมู เิ กิดจากการทีแ่ สงหักเหและสะท้อนภายในหยดนำ้ โดยรุ้งปฐมภมู เิ กิดจากการ

ทแี่ สงสะทอ้ นภายในหยดนำ้ 1 คร้งั แต่รุ้งทุติยภมู ิเกดิ จากการทแี่ สงสะท้อนภายในหยดน้ำ 2 ครั้งใ รุง้ ปฐมภูมิ เกดิ

จากแสงก ระทบท่ีผิวบนของ รุ้งท่ไี ลจ่ า กสแี ดงไปสีมว่ งจากบนลงล่างตามลำดบั

4. จงอธบิ ายปรากกฎการณ์การทรงกลม
ตอบ เกดิ จากการทแี่ สงอาทิตย์หกั เหและเกิดการกระจายแสงผ่านผลึกนำ้ แข็งในกอ้ นเมฆ ทำให้เกดิ แถบสขี องแสง

เป็นวงกลมรอบดวงอาทิตยห์ รือดวงจันทร์ อ

5. จงอธบิ ายปรากกฎการณ์มริ าจ
ตอบ เกิดจากการหกั เหของแสงในอากาศช้นั ตา่ งๆ ท่มี คี วามแตกตา่ งของอณุ หภมู ิมากๆ ทำให้เหน็ ภาพของวตั ถุ

ปรากฏขึน้ เช่น เห็นภาพท้องฟ้าปรากฏบนถนนท่ีร้อนมากๆ อ

6. จงอธบิ ายปรากกฎการณก์ ารกระเจงิ ของแสง
ตอบ เป็นปรากฏการณท์ ่แี สงตกกระทบอนภุ าคหรอื โมเลกลุ ของอากาศ ทำให้แสงกระจดั กระจายไปโดยรอบ ซึง่ แสง
ทีม่ คี วามยาวคล่นื สั้น เช่น แสงม่วง และแสงสีน้ำเงนิ จะกระเจิงได้ดีกวา่ แสงทมี่ ีความยาวคลน่ื ยาว เช่น แสงสแี ดงใรุ้

7. ดวงจนั ทรส์ ามารถเกดิ การทรงกลดไดห้ รอื ไม่ ถา้ ได้จะเกดิ ข้นึ เมือ่ ไร
ตอบ ดวงจนั ทรส์ ามารถเกดิ การทรงกลดได้โดยจะเกิดในคืนที่ดวงจนั ทรส์ ว่างจ้า และในชั้นบรรยากาศมีเมฆท่ี

ประกอบดว้ ยผลกึ น้ำ แข็งรูปหกเหลยี่ มในประมาณท่ีเหมาะสม อ

เฉลยใบงาน เรอ่ื ง ปรากฏการณธ์ รรมชาตเิ ก่ยี วกบั แสง 479

คำชแ้ี จง ให้นักเรียนตอบคำถามใหถ้ กู ตอ้ งครบถ้วน

1. จงอธบิ ายปรากกฎการณ์การเกิดรุ้ง

ตอบ เกดิ จากการทแี่ สงอาทิตย์หักเหและสะท้อนผ่านละอองนำ้ ทำให้เกิดการกระจายแสงได้สเปกตรัมของแสงขาว

2. รุ้งมีกกชี่ นิด อะไรบ้าง

ตอบ รุง้ มี 2 ชนดิ คือ 1. ร้งุ ทุตยิ ภมู ิ และรงุ้ ปฐมภูมิ อ

3. การเกิดรุง้ ปฐมภูมแิ ละการเกิดรงุ้ ทุตยิ ภูมิเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร

ตอบ การเกดิ ร้งุ ปฐมภูมแิ ละรงุ้ ทุตยิ ภมู ิเกิดจากการท่ีแสงหักเหและสะท้อนภายในหยดน้ำ โดยรงุ้ ปฐมภมู ิเกิดจากการ

ทแ่ี สงสะทอ้ นภายในหยดน้ำ 1 ครง้ั แต่รงุ้ ทตุ ยิ ภูมเิ กิดจากการท่ีแสงสะท้อนภายในหยดน้ำ 2 ครั้งใ รงุ้ ปฐมภมู ิ เกดิ

จากแสงก ระทบท่ีผวิ บนของ ร้งุ ทไ่ี ล่จา กสแี ดงไปสีมว่ งจากบนลงลา่ งตามลำดับ

4. จงอธิบายปรากกฎการณ์การทรงกลม

ตอบ เกดิ จากการทแี่ สงอาทติ ย์หกั เหและเกิดการกระจายแสงผา่ นผลกึ น้ำแขง็ ในก้อนเมฆ ทำใหเ้ กิดแถบสขี องแสง

เป็นวงกลมรอบดวงอาทิตย์หรอื ดวงจนั ทร์ อ

5. จงอธบิ ายปรากกฎการณ์มริ าจ

ตอบ เกดิ จากการหกั เหของแสงในอากาศช้ันต่างๆ ท่มี ีความแตกตา่ งของอุณหภูมิมากๆ ทำให้เหน็ ภาพของวัตถุ

ปรากฏข้นึ เช่น เหน็ ภาพทอ้ งฟา้ ปรากฏบนถนนที่ร้อนมากๆ อ

6. จงอธิบายปรากกฎการณ์การกระเจงิ ของแสง

ตอบ เปน็ ปรากฏการณ์ท่แี สงตกกระทบอนุภาคหรือโมเลกุลของอากาศ ทำใหแ้ สงกระจดั กระจายไปโดยรอบ ซึ่งแสง

ทม่ี ีความยาวคลน่ื ส้ัน เชน่ แสงม่วง และแสงสนี ้ำเงนิ จะกระเจงิ ได้ดกี ว่าแสงท่ีมีความยาวคลน่ื ยาว เช่น แสงสีแดงใรุ้

เกิดจากแสงกระทบทผ่ี ิว ไปสี ตาม บ

7. ดวงจันทร์สามารถเกดิ การทรงกลดไดห้ รือไม่ ถ้าไดจ้ ะเกิดขน้ึ เม่ือไร

ตอบ ดวงจันทร์สามารถเกิดการทรงกลดได้โดยจะเกิดในคนื ท่ดี วงจนั ทร์สว่างจา้ และในช้นั บรรยากาศมีเมฆท่ี

ประกอบดว้ ยผลึกน้ำ แขง็ รปู หกเหล่ียมในประมาณท่เี หมาะสม อ

480

481


Click to View FlipBook Version