The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร์ ป.1 เล่ม 1
สสวท.

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by tassawan., 2022-04-05 03:19:18

คู่มือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร์ ป.1 เล่ม 1 สสวท

คู่มือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร์ ป.1 เล่ม 1
สสวท.

คูม่ อื ครู รายวชิ าพื้นฐาน คณติ ศาสตร์ บทท่ี 1 | จำ� นวนนับ 1 ถงึ 10 และ 0
ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 1 เล่ม 1

1.3 การเขยี นตวั เลขและตัวหนังสอื แสดงจ�ำ นวนหนึ่งและสอง (1 ช่วั โมง)

จดุ ประสงค์

เขยี นตวั เลขฮินดอู ารบิก ตวั เลขไทย และตัวหนังสือ

แสดงจำ�นวนหนงึ่ และสอง

ส่ือการเรยี นรู้

- บตั รภาพสัตวห์ รอื บตั รภาพสง่ิ ของ

- สง่ิ ของตา่ ง ๆ เชน่ ตวั นบั ปากกา ดนิ สอ ไมไ้ อศกรมี

แนวการจดั การเรยี นรู้
การพฒั นาความรู้

1. ครูน�ำ เข้าสูบ่ ทเรียนโดยใช้การถาม-ตอบ เกีย่ วกับ
จ�ำ นวนของส่งิ ของหรอื จำ�นวนของรปู ภาพท่เี ป็นจ�ำ นวน 1
เชน่ ครชู ูน้วิ 1 นว้ิ ถามนกั เรยี นว่าครชู ูนิว้ กนี่ วิ้ (1 นิว้ )
ครูชตู วั นบั 1 อัน ถามนกั เรียนวา่ ครูมตี วั นับกี่อนั (1 อัน)
ครชู ูปากกา 1 ดา้ ม ถามนกั เรียนวา่ ครมู ีปากกากีด่ า้ ม
(1 ดา้ ม) ครชู บู ตั รภาพชา้ ง 1 ตวั ถามนกั เรยี นวา่ มชี า้ งในภาพก่ี
ตวั (1 ตวั ) ครชู บู ตั รภาพจกั รยาน 1 คนั ถามนักเรยี นว่ามีจกั รยานในภาพกค่ี ัน (1 คัน)
จากน้ันครใู หน้ ักเรยี นพจิ ารณารปู ในหนังสอื เรยี นหนา้ 13 และใชก้ ารถาม-ตอบ ดงั นี้
- ภาพสตั วท์ ี่นักเรียนเห็นเป็นสัตวช์ นิดใด (ผงึ้ ผเี ส้ือ สงิ โต หมี)
- สัตวแ์ ต่ละชนิดมีจ�ำ นวนเทา่ ไร (ผงึ้ 1 ตัว ผเี สื้อ 1 ตวั สิงโต 1 ตัว หมี 1 ตวั )
ครูแนะนำ�ให้นกั เรยี นรู้จักจำ�นวนหนึง่ วา่ เป็นจำ�นวนของส่งิ ตา่ ง ๆ ท่ีมี 1 อนั 1 ชน้ิ 1 ตวั ฯลฯ
ถ้าเราจะเขยี นแสดงจ�ำ นวนหนึ่งดว้ ยตัวเลขฮนิ ดอู ารบกิ ตัวเลขไทย และตวั หนงั สือ ได้ดังน้ี
“เขียนแสดงด้วยตัวเลขฮนิ ดอู ารบกิ 1
เขยี นแสดงดว้ ยตัวเลขไทย ๑
เขียนแสดงด้วยตวั หนังสอื หน่ึง”
จากนั้นครสู าธิตการเขียนแสดงจ�ำ นวนหนง่ึ ด้วยตวั เลขฮนิ ดอู ารบกิ ตวั เลขไทย และตวั หนังสอื
บนกระดานทีละข้นั ตอนชา้ ๆ เพ่อื ให้นักเรยี นสังเกตวิธเี ขียน โดยอาจใหน้ ักเรยี นฝึกเขยี นตามครู ดังน้ี
ครเู ขยี นตัวเลขฮนิ ดอู ารบกิ บนกระดาน

โดยเขียนเส้นตามข้นั ตอน 1 และ 2 บนกระดาน ชา้ ๆ แลว้ ให้นักเรยี นฝึกเขียนตาม เริม่ จากใช้น้ิว
เขียนตามกอ่ น เมอื่ นกั เรียนทำ�ได้คล่องแลว้ จึงใช้ดินสอเขียนตามข้นั ตอน 1 และ 2 ตามเสน้ ประ
ท่ีก�ำ หนด ครใู ห้นกั เรยี นเขยี นตามเสน้ ประหลาย ๆ ครงั้ เพือ่ ฝึกให้นกั เรยี นเขยี นให้คลอ่ งครูอาจให้
นกั เรยี นฝกึ เขียนตามรอยเสน้ ประตามหนังสอื แบบฝกึ หัด จากน้นั ครูใช้กระบวนการสอนทำ�นอง
เดียวกันในการสอนเขยี นตัวเลขไทย และตวั หนังสอื แสดงจำ�นวนหนึ่ง เมอื่ นกั เรยี นได้ฝึกเขียนแสดง
จ�ำ นวนหนึ่งดว้ ยตวั เลขฮินดอู ารบิก ตัวเลขไทย และตวั หนงั สอื ครบแล้ว ให้นกั เรียนฝกึ เพ่มิ เตมิ ตาม
หนังสือแบบฝกึ หดั ครอู าจสุม่ นกั เรยี นใหอ้ อกมาเขยี นแสดงจำ�นวนหนึ่งดว้ ยตวั เลขฮินดูอารบิก

12 |    สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทที่ 1 | จ�ำนวนนบั 1 ถึง 10 และ 0 คู่มือครู รายวชิ าพื้นฐาน คณิตศาสตร์
ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 1 เล่ม 1

ตวั เลขไทย และตวั หนงั สอื บนกระดาน เพอ่ื เปน็ การตรวจสอบขน้ั ตอนการเขียนทถ่ี ูกต้อง
2. ครูใชก้ ารถาม-ตอบ เก่ยี วกับจ�ำ นวนของสง่ิ ของหรอื จ�ำ นวนของรปู ภาพทเี่ ปน็ จ�ำ นวน 2
เชน่ ครชู นู ว้ิ 2 นว้ิ ถามนกั เรยี นวา่ ครชู นู ว้ิ กน่ี ว้ิ (2 นว้ิ ) ครชู ตู วั นบั 2 อนั ถามนกั เรยี นวา่ ครมู ตี วั นบั กอ่ี นั
(2 อนั ) ครูชูปากกา 2 ดา้ ม ถามนักเรยี นว่าครมู ีปากกาก่ดี ้าม (2 ด้าม) ครูชบู ัตรภาพชา้ ง 2 ตัว
ถามนกั เรยี นว่ามชี ้างในภาพกี่ตวั (2 ตัว) ครูชบู ัตรภาพจกั รยาน 2 คนั ถามนักเรียนว่ามจี กั รยาน
ในภาพกคี่ ัน (2 คัน) จากนั้นครูให้นกั เรยี นพจิ ารณารูปในหนงั สือเรียนหน้า 14 และใช้การถาม-ตอบ
ดังน้ี
- ภาพสตั ว์ทน่ี กั เรียนเหน็ เปน็ สตั วช์ นดิ ใด (แมลงเตา่ ทอง แมลงปอ ลิง นก)
- สัตวแ์ ต่ละชนิดมีจ�ำ นวนเทา่ ไร (แมลงเต่าทอง 2 ตัว แมลงปอ 2 ตวั ลิง 2 ตัว นก 2 ตัว)
ครแู นะนำ�ใหน้ ักเรยี นรจู้ กั จ�ำ นวนสอง วา่ เป็นจำ�นวนของสิ่งต่าง ๆ ที่มี 2 อนั 2 ชนิ้ 2 ตวั ฯลฯ
ถา้ เราจะเขียนแสดงจ�ำ นวนสองด้วยตัวเลขฮนิ ดูอารบิก ตัวเลขไทย และตวั หนังสือ ได้ดังน้ี
“เขียนแสดงดว้ ยตัวเลขฮินดูอารบิก 2
เขยี นแสดงด้วยตัวเลขไทย ๒
เขยี นแสดงดว้ ยตวั หนังสอื สอง”
จากน้นั ครูสาธติ การเขียนแสดงจำ�นวนสองดว้ ยตัวเลขฮนิ ดอู ารบกิ ตวั เลขไทย และตวั หนังสอื
บนกระดานทีละขั้นตอนชา้ ๆ เพอ่ื ใหน้ กั เรียนสงั เกตวิธีเขยี น โดยอาจให้นกั เรียนฝกึ เขยี นตามครู ดงั น้ี
ครูเขียนตัวเลขฮินดูอารบกิ บนกระดาน

โดยเขียนเส้นตามขัน้ ตอน 1 และ 2 บนกระดานช้า ๆ
แลว้ ใหน้ กั เรียนฝกึ เขียนตาม เรม่ิ จากใช้นว้ิ เขยี นตามก่อน
เมอื่ นักเรยี นท�ำ ไดค้ ลอ่ งแล้วจึงใช้ดินสอเขียนตามข้ันตอน
1 และ 2 ตามเส้นประทกี่ ำ�หนด ครูใหน้ ักเรียนเขียนตาม
เส้นประหลาย ๆ ครง้ั เพอื่ ฝึกใหน้ กั เรยี นเขยี นให้คล่อง
ครูอาจใหน้ ักเรียนฝึกเขยี นตามรอยเส้นประตามหนังสือ
แบบฝกึ หดั จากน้นั ครใู ชก้ ระบวนการสอนท�ำ นองเดยี วกนั
ในการสอนเขยี นตวั เลขไทย และตวั หนงั สอื แสดงจ�ำ นวนสอง
เมอ่ื นกั เรยี นไดฝ้ กึ เขยี นแสดงจ�ำ นวนสองดว้ ยตวั เลขฮนิ ดอู ารบกิ
ตวั เลขไทย และตวั หนงั สอื ครบแล้ว ใหน้ กั เรียนฝกึ เพิ่มเตมิ
ตามหนงั สือแบบฝึกหัด ครอู าจสมุ่ นักเรียนใหอ้ อกมาเขยี น
แสดงจ�ำ นวนสองดว้ ยตวั เลขฮนิ ดอู ารบกิ ตวั เลขไทย และ
ตวั หนงั สอื บนกระดาน เพอ่ื เปน็ การตรวจสอบขน้ั ตอน
การเขยี นท่ีถูกตอ้ ง

| 13สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   

คมู่ อื ครู รายวชิ าพน้ื ฐาน คณติ ศาสตร์ บทที่ 1 | จำ� นวนนบั 1 ถงึ 10 และ 0
ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 1 เลม่ 1
1 หน่ึง
3. ครใู ห้นักเรยี นจับคูแ่ ละชว่ ยกันนับแลว้ ให้แต่ละคน
เขียนตวั เลขฮินดอู ารบกิ ตัวเลขไทย และตัวหนงั สือ ๑
แสดงจำ�นวนสัตวล์ งสมดุ ตามหนงั สอื เรียนหนา้ 15
โดยนกั เรยี นอาจดวู ธิ กี ารเขียนตามหนังสอื เรยี นหรือ 2 สอง
บนกระดานตามทค่ี รูเขยี นไว้ จากนั้นครเู ดนิ ดูและ
คอยช่วยเหลอื นักเรียนทเี่ ขยี นไมไ่ ด้ ๒

การตรวจสอบความเข้าใจ

4. ตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรียนเป็นรายบคุ คล
ก่อนการตรวจสอบความเข้าใจ ครอู าจทบทวนการเขยี น
ตัวเลขฮนิ ดูอารบิก ตวั เลขไทย และตวั หนังสือแสดงจ�ำ นวน
หนึ่งและสองบนกระดาน ดงั นี้

หสนอึ่งง

จากนนั้ ครใู ห้นักเรยี นเขยี นตวั เลขฮินดูอารบกิ ตวั เลขไทย
และตวั หนงั สอื แสดงจ�ำ นวนเตา่ ในแตล่ ะภาพตามหนงั สอื เรยี น
หน้า 16 หากนักเรยี นยงั เขียนไดไ้ มค่ ล่อง เขียนไมไ่ ด้ หรอื
เขยี นไมถ่ ูกตอ้ งตามขนั้ ตอน ครอู าจให้ออกไปเขียนตาม
บนกระดาน ครูและนกั เรียนช่วยกันตรวจสอบความถกู ตอ้ ง
และร่วมกนั สรปุ สง่ิ ที่ไดเ้ รียนรู้

ส่งิ ทีไ่ ดเ้ รียนรู้

ตัวเลขฮนิ ดูอารบกิ 1 2
ตัวเลขไทย ๑ ๒
ตวั หนังสือ หน่ึง สอง
เป็นสญั ลกั ษณใ์ ช้เขียนแสดงจำ�นวน
จากนน้ั ให้นกั เรยี นท�ำ แบบฝกึ หัด 1.3 หน้า 8 - 10

14 |    สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทท่ี 1 | จำ� นวนนบั 1 ถึง 10 และ 0 คู่มอื ครู รายวิชาพนื้ ฐาน คณติ ศาสตร์
ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 1 เลม่ 1

1.4 การเขยี นตัวเลข และตวั หนังสือแสดงจ�ำ นวนสามและส่ี (1 ชวั่ โมง)

จุดประสงค์

เขยี นตัวเลขฮนิ ดูอารบกิ ตวั เลขไทย และตัวหนังสอื แสดงจำ�นวนสามและส่ี

สือ่ การเรียนรู้

- บัตรภาพสตั ว์หรอื บัตรภาพสิ่งของ

- สง่ิ ของตา่ ง ๆ เชน่ ตวั นบั ปากกา ดนิ สอ ไมไ้ อศกรมี

แนวการจดั การเรียนรู้
การพัฒนาความรู้

1. ครูน�ำ เข้าสบู่ ทเรียนโดยใช้การถาม-ตอบ เก่ยี วกบั
จ�ำ นวนของสิ่งของหรอื จ�ำ นวนของรปู ภาพท่เี ป็นจำ�นวน 3
เชน่ ครชู นู ิว้ 3 นิ้ว ถามนกั เรียนวา่ ครชู นู ิว้ กี่น้วิ (3 นิ้ว)
ครชู ูตวั นับ 3 อัน ถามนักเรยี นวา่ ครูมตี วั นบั ก่อี ัน (3 อนั )
ครชู ปู ากกา 3 ดา้ ม ถามนกั เรยี นวา่ ครมู ปี ากกากด่ี า้ ม (3 ดา้ ม)
ครชู บู ตั รภาพชา้ ง 3 ตวั ถามนกั เรยี นวา่ มชี า้ งในภาพกต่ี วั (3 ตวั )
ครูชบู ัตรภาพจกั รยาน 3 คนั ถามนกั เรียนวา่ มจี ักรยาน
ในภาพก่ีคัน (3 คัน) จากน้นั ครใู หน้ ักเรียนพิจารณา
รูปในหนังสือเรียนหนา้ 17 และใชก้ ารถาม-ตอบ ดังนี้
- ภาพสัตว์ทน่ี กั เรียนเหน็ เปน็ สตั ว์ชนิดใด (กระรอก หอยทาก เกง้ หม้อ กวาง)
- สตั วแ์ ต่ละชนิดมจี ำ�นวนเทา่ ไร (กระรอก 3 ตัว หอยทาก 3 ตัว เก้งหมอ้ 3 ตัว กวาง 3 ตวั )
ครแู นะน�ำ ใหน้ ักเรียนรูจ้ กั จำ�นวนสาม ว่าเปน็ จ�ำ นวนของสงิ่ ต่าง ๆ ทมี่ ี 3 อนั 3 ชนิ้ 3 ตวั ฯลฯ
ถา้ เราจะเขยี นแสดงจ�ำ นวนสามด้วยตวั เลขฮนิ ดอู ารบิก ตวั เลขไทย และตวั หนงั สอื ได้ดังนี ้
“เขียนแสดงดว้ ยตัวเลขฮนิ ดอู ารบิก 3
เขยี นแสดงดว้ ยตัวเลขไทย ๓
เขยี นแสดงด้วยตวั หนังสอื สาม”
จากนน้ั ครสู าธิตการเขียนแสดงจำ�นวนสามดว้ ยตัวเลขฮินดูอารบิก ตวั เลขไทย และตัวหนงั สอื
บนกระดานทีละขน้ั ตอนช้า ๆ เพ่อื ใหน้ ักเรียนสังเกตวิธีเขยี น โดยอาจให้นักเรยี นฝึกเขียนตามครู ดังนี้
ครเู ขียนตวั เลขฮนิ ดอู ารบิกบนกระดาน

โดยเขียนเสน้ ตามข้ันตอน 1 และ 2 บนกระดานช้า ๆ แล้วให้นกั เรยี นฝกึ เขียนตาม เริม่ จากใช้นิว้
เขียนตามก่อน เมอ่ื นกั เรยี นทำ�ได้คล่องแลว้ จงึ ใช้ดินสอเขยี นตามข้ันตอน 1 และ 2 ตามเสน้ ประ
ทก่ี ำ�หนด ครใู หน้ ักเรียนเขียนตามเส้นประหลาย ๆ ครัง้ เพอ่ื ฝกึ ให้นกั เรยี นเขยี นใหค้ ล่องครอู าจให้
นกั เรียนฝกึ เขียนตามรอยเสน้ ประตามหนงั สือแบบฝกึ หดั จากนั้นครูใช้กระบวนการสอนท�ำ นอง
เดยี วกนั ในการสอนเขยี นตวั เลขไทย และตวั หนงั สอื แสดงจ�ำ นวนสาม เมอ่ื นกั เรยี นไดฝ้ กึ เขยี นแสดง
จ�ำ นวนสามดว้ ยตวั เลขฮนิ ดอู ารบกิ ตวั เลขไทย และตวั หนังสือครบแลว้ ให้นักเรียนฝกึ เพิ่มเตมิ ตาม
หนังสือแบบฝกึ หัด ครอู าจสุ่มนักเรียนใหอ้ อกมาเขยี นแสดงจ�ำ นวนสามดว้ ยตวั เลขฮนิ ดอู ารบกิ

ตวั เลขไทย และตวั หนงั สอื บนกระดาน เพอ่ื เปน็ การตรวจสอบขน้ั ตอนการเขยี นทถ่ี กู ต้อง

| 15สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   

คมู่ อื ครู รายวิชาพื้นฐาน คณติ ศาสตร์ บทที่ 1 | จ�ำนวนนบั 1 ถึง 10 และ 0
ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 1 เล่ม 1

2. ครูใช้การถาม-ตอบ เกยี่ วกับจ�ำ นวนของสงิ่ ของหรือจำ�นวนของรปู ภาพท่ีเปน็ จ�ำ นวน 4
เชน่ ครชู นู ว้ิ 4 นว้ิ ถามนกั เรยี นวา่ ครชู นู ว้ิ กน่ี ว้ิ (4 นว้ิ ) ครชู ตู วั นบั 4 อนั ถามนกั เรยี นวา่ ครมู ตี วั นบั กอ่ี นั
(4 อัน) ครูชปู ากกา 4 ด้าม ถามนกั เรยี นวา่ ครมู ีปากกากดี่ า้ ม (4 ดา้ ม) ครูชูบัตรภาพช้าง 4 ตัว
ถามนักเรยี นว่ามีช้างในภาพกต่ี ัว (4 ตวั ) ครูชบู ัตรภาพจกั รยาน 4 คนั ถามนกั เรยี นวา่ มจี กั รยานใน
ภาพกค่ี นั (4 คนั ) จากนน้ั ครใู หน้ กั เรยี นพจิ ารณารปู ในหนงั สอื เรยี นหนา้ 18 และใชก้ ารถาม-ตอบ ดงั น้ี
- ภาพสัตวท์ ่ีนักเรียนเห็นเปน็ สตั วช์ นิดใด (กระต่าย นก เพนกวนิ สงิ โต)
- สตั วแ์ ต่ละชนดิ มจี ำ�นวนเท่าไร (กระตา่ ย 4 ตวั นก 4 ตวั เพนกวิน 4 ตวั สิงโต 4 ตัว)
ครแู นะนำ�ให้นกั เรียนร้จู ักจ�ำ นวนสี่ วา่ เป็นจำ�นวนของ
ส่งิ ตา่ ง ๆ ทมี่ ี 4 อัน 4 ชนิ้ 4 ตัว ฯลฯ ถา้ เราจะเขยี นแสดง
จำ�นวนสดี่ ้วยตัวเลขฮนิ ดูอารบกิ ตัวเลขไทย และตัวหนังสอื
ไดด้ งั นี้
“เขียนแสดงดว้ ยตัวเลขฮินดูอารบกิ 4
เขยี นแสดงดว้ ยตัวเลขไทย ๔
เขียนแสดงด้วยตัวหนงั สือ สี่”
จากนนั้ ครสู าธิตการเขียนแสดงจ�ำ นวนสี่ดว้ ยตัวเลข
ฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย และตวั หนงั สือ บนกระดานทลี ะ
ขนั้ ตอนชา้ ๆ เพอื่ ให้นกั เรยี นสังเกตวิธีเขียน โดยอาจให้
นักเรยี นฝึกเขียนตามครู ดงั น้ี
ครูเขยี นตวั เลขฮินดอู ารบกิ บนกระดาน

โดยเขียนเส้นตามขนั้ ตอน 1 2 และ 3 บนกระดาน ช้า ๆ
แล้วใหน้ ักเรยี นฝกึ เขียนตาม เรม่ิ จากใชน้ ิ้วเขยี นตามก่อน
เม่อื นกั เรียนท�ำ ได้คล่องแลว้ จึงใช้ดนิ สอเขียนตามขั้นตอน
1 2 และ 3 ตามเสน้ ประท่กี ำ�หนด ครใู หน้ กั เรยี นเขียน
ตามเส้นประหลาย ๆ ครงั้ เพ่ือฝึกใหน้ ักเรยี นเขยี นใหค้ ล่อง
ครูอาจใหน้ ักเรยี นฝึกเขยี นตามรอยเสน้ ประตามหนังสอื
แบบฝกึ หัด จากนน้ั ครใู ชก้ ระบวนการสอนทำ�นองเดียวกนั
ในการสอนเขยี นตัวเลขไทย และตัวหนังสอื แสดงจำ�นวนสี่
เมอ่ื นกั เรยี นไดฝ้ กึ เขยี นแสดงจ�ำ นวนสด่ี ว้ ยตวั เลขฮนิ ดอู ารบกิ
ตัวเลขไทย และตวั หนงั สือครบแลว้ ให้นักเรียนฝกึ เพมิ่ เติม
ตามหนงั สอื แบบฝกึ หดั ครอู าจสมุ่ นกั เรยี นใหอ้ อกมาเขยี น
แสดงจ�ำ นวนสด่ี ว้ ยตวั เลขฮนิ ดอู ารบกิ ตวั เลขไทย และ
ตวั หนงั สอื บนกระดาน เพอื่ เปน็ การตรวจสอบข้นั ตอน

การเขยี นท่ถี ูกต้อง

16 |    สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทที่ 1 | จำ� นวนนับ 1 ถึง 10 และ 0 คู่มอื ครู รายวชิ าพน้ื ฐาน คณติ ศาสตร์
ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 1 เล่ม 1

3. ครูใหน้ ักเรยี นจับคแู่ ละชว่ ยกันนับแล้วให้แตล่ ะคนเขยี นตัวเลขฮนิ ดอู ารบกิ ตวั เลขไทย และ
ตวั หนงั สอื แสดงจ�ำ นวนสตั วใ์ นแตล่ ะขอ้ ลงสมดุ ตามหนงั สอื เรยี นหนา้ 19 โดยนกั เรยี นอาจดวู ธิ กี ารเขยี น
ตามหนังสือเรียนหรือบนกระดานตามทีค่ รูเขียนไว้ จากนัน้ ครูเดนิ ดูและคอยช่วยเหลือนกั เรยี น
ที่เขยี นไม่ได้

การตรวจสอบความเข้าใจ

4. ตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรียนเป็นรายบคุ คล ก่อนการตรวจสอบความเขา้ ใจ ครอู าจ
ทบทวนการเขยี นตวั เลขฮนิ ดูอารบกิ ตัวเลขไทย และตัวหนังสือแสดงจ�ำ นวนสามและส่บี นกระดาน
ดงั น้ี

สาม
สี่
3 ๓ สาม
จากนั้นครูให้นักเรียนเขยี นตวั เลขฮนิ ดอู ารบิก ตวั เลขไทย 4 ๔ สี่
และตวั หนังสือแสดงจำ�นวนปลาในแตล่ ะภาพตาม 3 ๓ สาม
หนงั สือเรียนหนา้ 20 หากนักเรยี นยังเขียนได้ไม่คลอ่ ง 4 ๔ ส่ี
เขียนไม่ได้ หรือเขียนไมถ่ กู ตอ้ งตามขน้ั ตอน ครูอาจใหอ้ อก
ไปเขียนตามบนกระดาน ครูและนกั เรียนช่วยกันตรวจสอบ
ความถูกต้อง และร่วมกันสรปุ ส่ิงทไ่ี ดเ้ รียนรู้

สิ่งท่ไี ดเ้ รยี นรู้

ตัวเลขฮนิ ดอู ารบิก 3 4

ตัวเลขไทย ๓ ๔

ตัวหนังสือ สาม ส่ี

เป็นสญั ลักษณใ์ ช้เขยี นแสดงจ�ำ นวน

จากนนั้ ให้นักเรียนทำ�แบบฝกึ หัด 1.4 หน้า 11 - 13

| 17สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   

คูม่ ือครู รายวชิ าพ้ืนฐาน คณิตศาสตร์ บทท่ี 1 | จ�ำนวนนับ 1 ถึง 10 และ 0
ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 1 เล่ม 1

1.5 การเขยี นตัวเลขและตวั หนงั สอื แสดงจำ�นวนห้าและศนู ย์ (1 ชว่ั โมง)

จดุ ประสงค์

เขียนตัวเลขฮนิ ดูอารบิก ตัวเลขไทย และตวั หนงั สอื

แสดงจำ�นวนห้าและศูนย ์

ส่อื การเรยี นรู้

- บัตรภาพสตั วห์ รอื บตั รภาพสงิ่ ของ

- สง่ิ ของตา่ ง ๆ เชน่ ตวั นบั ปากกา ดนิ สอ ไมไ้ อศกรมี

แนวการจัดการเรียนรู้
การพัฒนาความรู้

1. ครนู ำ�เข้าสู่บทเรียนโดยใช้การถาม-ตอบ เก่ียวกับ
จำ�นวนของสิ่งของหรอื จ�ำ นวนของรปู ภาพทเ่ี ปน็ จำ�นวน 5
เชน่ ครูชนู ว้ิ 5 นวิ้ ถามนักเรยี นว่าครูชนู วิ้ ก่นี วิ้ (5 นวิ้ )
ครูชตู วั นับ 5 อัน ถามนักเรียนว่าครมู ีตัวนบั ก่ีอนั (5 อัน)
ครชู ปู ากกา 5 ดา้ ม ถามนกั เรยี นวา่ ครมู ปี ากกากด่ี า้ ม (5 ดา้ ม)
ครูชบู ัตรภาพชา้ ง 5 ตัว ถามนักเรียนว่ามีช้างในภาพก่ตี ัว (5 ตัว) ครชู ูบตั รภาพจกั รยาน 5 คัน
ถามนกั เรียนวา่ มจี ักรยานในภาพกค่ี นั (5 คนั ) จากน้ัน ครใู ห้นกั เรียนพิจารณารูปในหนงั สือเรยี น
หน้า 21 และใช้การถาม-ตอบ ดังนี้
- นกั เรยี นเหน็ อะไรในภาพบา้ ง (นกกระจอกเทศ และไขน่ กกระจอกเทศ)
- ในภาพมีไข่นกกระจอกเทศกี่ฟอง (5 ฟอง)
ครแู นะนำ�ใหน้ ักเรียนรูจ้ ักจำ�นวนห้า วา่ เป็นจำ�นวนของสิง่ ตา่ ง ๆ ที่มี 5 อัน 5 ชิน้ 5 ตวั ฯลฯ
ถ้าเราจะเขยี นแสดงจำ�นวนห้าด้วยตัวเลขฮนิ ดอู ารบกิ ตัวเลขไทย และตัวหนงั สอื ได้ดงั น้ี
“เขยี นแสดงด้วยตัวเลขฮนิ ดูอารบิก 5
เขียนแสดงดว้ ยตัวเลขไทย ๕
เขียนแสดงดว้ ยตัวหนังสอื ห้า”
จากน้ันครสู าธิตการเขียนแสดงจ�ำ นวนห้าดว้ ยตัวเลขฮนิ ดูอารบิก ตัวเลขไทย และตวั หนงั สอื
บนกระดานทีละขั้นตอนชา้ ๆ เพ่ือใหน้ กั เรียนสงั เกตวธิ เี ขยี น โดยอาจให้นกั เรียนฝกึ เขยี นตามครู ดงั น้ี
ครเู ขียนตัวเลขฮนิ ดูอารบิกบนกระดาน

โดยเขียนเส้นตามข้นั ตอน 1 2 และ 3 บนกระดาน ช้า ๆ แลว้ ให้นกั เรียนฝึกเขียนตาม เริ่มจากใชน้ ้ิว
เขยี นตามกอ่ น เม่อื นกั เรียนท�ำ ไดค้ ลอ่ งแล้วจงึ ใชด้ ินสอเขียนตามขนั้ ตอน 1 2 และ 3 ตามเสน้ ประท่ี
ก�ำ หนด ครใู ห้นกั เรียนเขียนตามเส้นประหลาย ๆ ครง้ั เพือ่ ฝกึ ให้นกั เรยี นเขยี นใหค้ ลอ่ งครอู าจให้
นกั เรยี นฝกึ เขยี นตามรอยเสน้ ประตามหนังสือแบบฝกึ หัด จากน้ันครูใชก้ ระบวนการสอนท�ำ นอง
เดยี วกนั ในการสอนเขยี นตวั เลขไทย และตวั หนงั สอื แสดงจ�ำ นวนหา้ เมอ่ื นกั เรยี นได้ฝึกเขยี นแสดง
จำ�นวนห้าด้วยตวั เลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย และตัวหนงั สอื ครบแล้ว ใหน้ กั เรียนฝึกเพม่ิ เตมิ ตาม
หนังสอื แบบฝึกหัด ครูอาจสุม่ นกั เรียนใหอ้ อกมาเขียนแสดงจำ�นวนหา้ ดว้ ยตวั เลขฮนิ ดอู ารบกิ
ตัวเลขไทย และตวั หนงั สือบนกระดาน เพ่ือเปน็ การตรวจสอบขัน้ ตอนการเขยี นทถ่ี กู ตอ้ ง

18 |    สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทที่ 1 | จำ� นวนนับ 1 ถงึ 10 และ 0 ค่มู ือครู รายวชิ าพ้นื ฐาน คณิตศาสตร์
ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 1 เลม่ 1

2. ครใู ช้การถาม-ตอบ เก่ียวกับจำ�นวนของสง่ิ ของหรือจ�ำ นวนของรูปภาพทเี่ ปน็ จ�ำ นวน 0 เช่น
ครชู บู ัตรภาพชา้ ง แล้วถามนกั เรียนว่าในบตั รภาพนมี้ ีลงิ อยูห่ รือไม่ (ไมม่ ี) ครูชบู ัตรภาพจกั รยาน
แล้วถามนกั เรยี นวา่ ในบตั รภาพนมี้ แี มวอยหู่ รือไม่ (ไมม่ )ี จากนั้นครูให้นกั เรยี นพจิ ารณารปู ในหนงั สอื
เรยี นหน้า 22 และใช้การถาม-ตอบ ดงั น้ี
- ภาพสัตวท์ ่ีนกั เรียนเหน็ เปน็ สตั วช์ นิดใด (นกกระจอกเทศ)
- ในภาพมไี ข่นกกระจอกเทศอยหู่ รือไม่ (ไมม่ )ี
ครูแนะนำ�นักเรียนว่า ไม่มไี ข่นกกระจอกเทศ กลา่ วไดว้ ่าไข่นกกระจอกเทศมจี ำ�นวนเปน็ 0 ฟอง
ถ้าเราจะเขียนแสดงจ�ำ นวนศูนยด์ ้วยตัวเลขฮนิ ดอู ารบิก ตัวเลขไทย และตัวหนงั สอื ไดด้ ังนี้
“เขยี นแสดงด้วยตวั เลขฮนิ ดูอารบิก 0
เขยี นแสดงด้วยตัวเลขไทย ๐
เขียนแสดงดว้ ยตวั หนังสือ ศูนย”์
จากนั้นครสู าธิตการเขยี นแสดงจ�ำ นวนศูนย์ดว้ ยตวั เลข
ฮินดอู ารบกิ ตวั เลขไทย และตวั หนงั สอื บนกระดานทลี ะขน้ั ตอน
ชา้ ๆ เพอื่ ใหน้ ักเรยี นสังเกตวิธเี ขยี น โดยอาจใหน้ กั เรียนฝกึ
เขยี นตามครู ดงั น้ี ครเู ขยี นตวั เลขฮนิ ดอู ารบกิ บนกระดาน

โดยเขียนเสน้ ตามขัน้ ตอนบนกระดานชา้ ๆ แล้วให้นักเรยี น
ฝกึ เขยี นตาม เรม่ิ จากใชน้ ว้ิ เขยี นตามกอ่ น เมอ่ื นกั เรยี นท�ำ ได้
คล่องแลว้ จึงใชด้ ินสอเขยี นตามข้นั ตอน และเขียนตาม
เสน้ ประท่ีก�ำ หนด ครูใหน้ ักเรยี นเขยี นตามเส้นประ
หลาย ๆ คร้ัง เพ่ือฝึกใหน้ กั เรยี นเขยี นใหค้ ล่อง ครูอาจ
ให้นกั เรยี นฝึกเขียนตามรอยเส้นประตามหนงั สอื แบบฝึกหดั จากนั้นครูใช้กระบวนการสอนทำ�นอง
เดยี วกันในการสอนเขยี นตัวเลขไทย และตัวหนงั สอื แสดงจำ�นวนศนู ย์ เมอื่ นกั เรยี นได้ฝึกเขียนแสดง
จำ�นวนศูนย์ดว้ ยตัวเลขฮินดูอารบิก ตวั เลขไทย และตัวหนังสือครบแลว้ ให้นักเรียนฝกึ เพมิ่ เติมตาม
หนงั สือแบบฝึกหดั ครอู าจส่มุ นกั เรยี นใหอ้ อกมาเขยี นแสดงจำ�นวนศูนย์ด้วยตัวเลขฮินดอู ารบกิ
ตวั เลขไทย และตัวหนงั สือบนกระดาน เพ่อื เปน็ การตรวจสอบขนั้ ตอนการเขียนท่ถี ูกต้อง
3. ครใู หน้ ักเรยี นจบั คแู่ ละชว่ ยกันนบั แล้วใหแ้ ตล่ ะคนเขยี นตัวเลขฮินดอู ารบิก ตัวเลขไทย และ
ตวั หนงั สือแสดงจ�ำ นวนไกแ่ ละจ�ำ นวนไขไ่ ก่ในตะกรา้ ลงสมุด ตามหนงั สอื เรยี นหน้า 23 โดยนกั เรยี น
อาจดูวิธกี ารเขยี นตามหนงั สอื เรียนหรอื บนกระดานตามท่ีครเู ขียนไว้ จากนัน้ ครูเดินดแู ละ
คอยช่วยเหลือนักเรียนทเี่ ขยี นไมไ่ ด้

| 19สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   

ค่มู ือครู รายวชิ าพนื้ ฐาน คณติ ศาสตร์ บทที่ 1 | จำ� นวนนบั 1 ถงึ 10 และ 0
ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 1 เลม่ 1
5 หา
การตรวจสอบความเข้าใจ

4. ตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรยี นเป็นรายบคุ คล
กอ่ นการตรวจสอบความเขา้ ใจ ครอู าจทบทวนการเขยี น 0 ศนู ย
ตวั เลขฮินดอู ารบกิ ตัวเลขไทย และตวั หนังสอื แสดงจ�ำ นวน
หา้ และศูนย์บนกระดาน ดงั น้ี ๐

ห้า
ศนู ย์

จากนน้ั ครใู ห้นกั เรียนเขยี นตวั เลขฮินดูอารบกิ ตัวเลขไทย
และตัวหนงั สือแสดงจำ�นวนปลาในแต่ละภาพตาม
หนังสอื เรียนหนา้ 24 หากนักเรียนยงั เขยี นได้ไม่คล่อง
เขยี นไมไ่ ด้ หรือเขียนไม่ถกู ต้องตามขัน้ ตอน ครูอาจให้
ออกไปเขียนตามบนกระดาน ครแู ละนักเรยี นช่วยกัน
ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง และรว่ มกันสรุปสิง่ ท่ีไดเ้ รียนรู้

ส่งิ ทีไ่ ดเ้ รียนรู้

ตวั เลขฮนิ ดอู ารบกิ 5 0
ตวั เลขไทย ๕ ๐
ตัวหนังสอื หา้ ศูนย์
เปน็ สญั ลักษณ์ใชเ้ ขียนแสดงจำ�นวน
จากนั้นใหน้ กั เรยี นทำ�แบบฝึกหัด 1.5 หนา้ 14 - 16

20 |    สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทที่ 1 | จ�ำนวนนับ 1 ถงึ 10 และ 0 คู่มอื ครู รายวชิ าพนื้ ฐาน คณิตศาสตร์
ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 1 เล่ม 1

1.6 การเขยี นตวั เลข และตวั หนังสอื แสดงจ�ำ นวนหกและเจ็ด (1 ช่วั โมง)

จุดประสงค์

เขยี นตัวเลขฮินดอู ารบกิ ตวั เลขไทย และตวั หนังสือแสดงจ�ำ นวนหกและเจ็ด

สื่อการเรยี นรู้

- บัตรภาพสัตวห์ รอื บัตรภาพสงิ่ ของ

- สง่ิ ของตา่ ง ๆ เชน่ ตวั นบั ปากกา ดนิ สอ ไมไ้ อศกรมี

แนวการจดั การเรียนรู้
การพัฒนาความรู้

1. ครูน�ำ เข้าสบู่ ทเรยี นโดยใชก้ ารถาม-ตอบ เกี่ยวกบั
จ�ำ นวนของสงิ่ ของหรอื จำ�นวนของรปู ภาพทีเ่ ปน็ จำ�นวน 6
เชน่ ครูชนู วิ้ 6 น้ิว ถามนกั เรยี นวา่ ครชู ูน้วิ กน่ี ้วิ (6 นว้ิ )
ครูชูตวั นับ 6 อัน ถามนกั เรยี นว่าครมู ีตัวนับกอ่ี นั (6 อนั )
ครชู ปู ากกา 6 ดา้ ม ถามนกั เรยี นวา่ ครมู ปี ากกากด่ี า้ ม (6 ดา้ ม)
ครูชบู ัตรภาพช้าง 6 ตัว ถามนกั เรยี นวา่ มีชา้ งในภาพก่ีตวั
(6 ตวั ) ครูชบู ัตรภาพจกั รยาน 6 คัน ถามนักเรียนว่ามี
จกั รยานในภาพกค่ี นั (6 คนั ) จากนน้ั ครใู หน้ กั เรยี นพจิ ารณารปู
ในหนงั สอื เรียนหน้า 25 และใชก้ ารถาม-ตอบ ดังนี้
- ภาพสตั วท์ ่ีนกั เรยี นเห็นเปน็ สตั ว์ชนดิ ใด (แมวน้�ำ )
- แมวนำ้�มกี ี่ตัว (แมวน�้ำ 6 ตวั )
ครูแนะนำ�ใหน้ ักเรยี นรจู้ ักจ�ำ นวนหก ว่าเปน็ จ�ำ นวนของสงิ่ ต่าง ๆ ทีม่ ี 6 อนั 6 ชนิ้ 6 ตวั ฯลฯ
ถ้าเราจะเขยี นแสดงจ�ำ นวนหกด้วยตวั เลขฮินดูอารบิก ตวั เลขไทย และตวั หนังสือ ได้ดงั น้ี
“เขียนแสดงด้วยตวั เลขฮินดูอารบิก 6
เขียนแสดงด้วยตัวเลขไทย ๖
เขียนแสดงด้วยตวั หนงั สอื หก”
จากนัน้ ครสู าธิตการเขยี นแสดงจำ�นวนหกดว้ ยตวั เลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย และตวั หนังสือ
บนกระดานทีละขัน้ ตอนช้า ๆ เพ่อื ให้นักเรยี นสังเกตวธิ เี ขียน โดยอาจใหน้ กั เรียนฝึกเขียนตามครู ดังนี้
ครเู ขยี นตวั เลขฮนิ ดอู ารบิกบนกระดาน

โดยเขยี นเส้นตามขั้นตอน 1 และ 2 บนกระดาน ชา้ ๆ แลว้ ให้นักเรยี นฝึกเขียนตาม เริม่ จากใชน้ ว้ิ
เขียนตามกอ่ น เมื่อนักเรยี นทำ�ได้คลอ่ งแลว้ จึงใช้ดินสอเขยี นตามขนั้ ตอน 1 และ 2 ตามเสน้ ประท่ี
ก�ำ หนด ครใู หน้ ักเรยี นเขยี นตามเส้นประหลาย ๆ ครงั้ เพอื่ ฝกึ ใหน้ กั เรยี นเขยี นให้คล่องครอู าจให้
นกั เรยี นฝึกเขียนตามรอยเสน้ ประตามหนงั สือแบบฝกึ หัด จากนนั้ ครูใชก้ ระบวนการสอนทำ�นอง
เดียวกันในการสอนเขยี นตวั เลขไทย และตวั หนังสือแสดงจ�ำ นวนหก เม่ือนักเรียนได้ฝึกเขียนแสดง
จ�ำ นวนหกด้วยตวั เลขฮินดอู ารบกิ ตัวเลขไทย และตวั หนังสอื ครบแล้ว ใหน้ ักเรียนฝกึ เพมิ่ เติมตาม
หนงั สือแบบฝึกหัด ครอู าจสมุ่ นักเรียนให้ออกมาเขียนแสดงจำ�นวนหกดว้ ยตวั เลขฮนิ ดอู ารบกิ

ตัวเลขไทย และตวั หนงั สอื บนกระดาน เพอื่ เปน็ การตรวจสอบขนั้ ตอนการเขียนทีถ่ ูกตอ้ ง
| 21สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   

คูม่ ือครู รายวชิ าพน้ื ฐาน คณิตศาสตร์ บทที่ 1 | จ�ำนวนนับ 1 ถึง 10 และ 0
ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 1 เล่ม 1

2. ครูใช้การถาม-ตอบ เกย่ี วกับจ�ำ นวนของสิ่งของหรอื จำ�นวนของรปู ภาพทเ่ี ป็นจ�ำ นวน 7 เช่น
ครชู นู ว้ิ 7 นว้ิ ถามนกั เรยี นวา่ ครชู นู ว้ิ กน่ี ว้ิ (7 นว้ิ ) ครชู ตู วั นบั 7 อนั ถามนกั เรยี นวา่ ครมู ตี วั นบั กอ่ี นั (7 อนั )
ครูชูปากกา 7 ด้าม ถามนกั เรียนวา่ ครมู ีปากกากด่ี ้าม (7 ดา้ ม) ครชู บู ัตรภาพช้าง 7 ตัว ถามนกั เรยี น
วา่ มชี า้ งในภาพกต่ี วั (7 ตวั ) ครชู บู ตั รภาพจกั รยาน 7 คนั ถามนกั เรยี นวา่ มจี กั รยานในภาพกค่ี นั (7 คนั )
จากนน้ั ครใู หน้ ักเรียนพจิ ารณารปู ในหนงั สือเรยี นหนา้ 26 และใช้การถาม-ตอบ ดังน้ี
- ภาพสตั วท์ น่ี กั เรยี นเหน็ เปน็ สตั วช์ นดิ ใด (เพนกวนิ ปลา กงุ้ )
- สัตวแ์ ตล่ ะชนดิ มจี �ำ นวนเทา่ ไร (เพนกวิน 7 ตวั ปลา 7 ตัว กุ้ง 7 ตัว)
ครแู นะน�ำ ใหน้ กั เรยี นรจู้ กั จ�ำ นวนเจด็ วา่ เปน็ จ�ำ นวนของ
สง่ิ ตา่ ง ๆ ทม่ี ี 7 อนั 7 ชน้ิ 7 ตัว ฯลฯ ถา้ เราจะเขียนแสดง
จำ�นวนเจด็ ดว้ ยตวั เลข ฮนิ ดอู ารบกิ ตัวเลขไทย และ
ตวั หนงั สือ ได้ดงั นี้
“เขยี นแสดงด้วยตัวเลขฮนิ ดูอารบิก 7
เขยี นแสดงด้วยตวั เลขไทย ๗
เขียนแสดงดว้ ยตวั หนงั สือ เจ็ด”
จากน้นั ครูสาธติ การเขียนแสดงจ�ำ นวนเจด็ ดว้ ยตัวเลข
ฮินดูอารบิก ตวั เลขไทย และตวั หนังสือ บนกระดาน
ทลี ะขน้ั ตอนชา้ ๆ เพอื่ ให้นักเรียนสงั เกตวธิ เี ขยี น
โดยอาจใหน้ ักเรยี นฝึกเขียนตามครู ดงั น้ี
ครเู ขยี นตัวเลขฮินดอู ารบกิ บนกระดาน

โดยเขยี นเสน้ ตามข้นั ตอน 1 และ 2 บนกระดานช้า ๆ 67
แล้วให้นกั เรียนฝึกเขยี นตาม เรม่ิ จากใชน้ ว้ิ เขียนตามกอ่ น
เมื่อนกั เรยี นทำ�ไดค้ ล่องแล้วจึงใช้ดนิ สอเขยี นตามข้นั ตอน ๖๗
1 และ 2 ตามเส้นประท่ีกำ�หนด ครใู ห้นักเรยี นเขียนตาม
เสน้ ประหลาย ๆ คร้ัง เพ่อื ฝึกใหน้ กั เรยี นเขียนใหค้ ลอ่ ง หก เจด็
ครอู าจใหน้ กั เรยี นฝกึ เขยี นตามรอยเสน้ ประตามหนังสือ
แบบฝกึ หดั จากนน้ั ครใู ชก้ ระบวนการสอนทำ�นองเดยี วกนั 76
ในการสอนเขยี นตัวเลขไทย และตวั หนังสือแสดงจำ�นวน
เจด็ เมอ่ื นกั เรียนได้ฝึกเขียนแสดงจ�ำ นวนเจด็ ดว้ ยตวั เลข ๗๖
ฮินดูอารบกิ ตวั เลขไทย และตัวหนังสอื ครบแลว้
ให้นักเรียนฝกึ เพิ่มเติมตามหนงั สอื แบบฝึกหัด ครูอาจสุม่ เจด็ หก
นกั เรยี นใหอ้ อกมาเขยี นแสดงจ�ำ นวนเจด็ ดว้ ยตวั เลข
ฮนิ ดอู ารบกิ ตวั เลขไทย และตวั หนงั สอื บนกระดาน
เพอื่ เปน็ การตรวจสอบขน้ั ตอนการเขียนทถี่ ูกตอ้ ง

22 |    สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทที่ 1 | จำ� นวนนับ 1 ถึง 10 และ 0 คมู่ ือครู รายวิชาพื้นฐาน คณติ ศาสตร์
ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 1 เลม่ 1

3. ครใู ห้นกั เรียนจบั คแู่ ละชว่ ยกันนบั แล้วใหแ้ ตล่ ะคนเขยี นตัวเลขฮนิ ดูอารบกิ ตัวเลขไทย และ
ตวั หนงั สอื แสดงจ�ำ นวนสัตวใ์ นแต่ละขอ้ ลงสมุด ตามหนงั สือเรียนหนา้ 27 โดยนกั เรยี นอาจดูวธิ ีการ
เขียนตามหนงั สือเรียนหรือบนกระดานตามท่คี รูเขียนไว้ จากนน้ั ครเู ดนิ ดูและคอยชว่ ยเหลอื นกั เรียน
ที่เขียนไมไ่ ด้

การตรวจสอบความเขา้ ใจ

4. ตรวจสอบความเข้าใจของนกั เรยี นเป็นรายบุคคล ก่อนการตรวจสอบความเข้าใจ ครอู าจ
ทบทวนการเขียนตวั เลขฮินดูอารบิก ตวั เลขไทย และตัวหนังสือแสดงจำ�นวนหกและเจด็ บนกระดาน

หกดงั นี้
เจด็
จากนนั้ ครูใหน้ ักเรยี นเขียนตวั เลขฮินดอู ารบกิ ตวั เลขไทย และตัวหนังสือแสดงจำ�นวนปแู ละปลา
ในแตล่ ะภาพตามหนงั สือเรียนหนา้ 28 หากนกั เรียนยงั เขียนได้ไมค่ ลอ่ ง เขยี นไม่ได้ หรอื เขยี น
ไม่ถกู ตอ้ งตามขั้นตอน ครอู าจให้ออกไปเขียนตามบนกระดาน ครูและนกั เรยี นช่วยกนั ตรวจสอบ
ความถกู ตอ้ ง และรว่ มกนั สรปุ สงิ่ ท่ไี ด้เรยี นรู้

ส่ิงท่ไี ดเ้ รยี นรู้ 6 ๖ หก
7 ๗ เจ็ด
ตวั เลขฮินดอู ารบกิ 6 7 7 ๗ เจด็
ตัวเลขไทย ๖ ๗
ตวั หนงั สอื หก เจด็
เปน็ สญั ลักษณ์ใชเ้ ขียนแสดงจำ�นวน
จากนั้นใหน้ ักเรียนท�ำ แบบฝึกหดั 1.6 หน้า 17 - 19

6 ๖ หก

| 23สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   

คมู่ ือครู รายวชิ าพน้ื ฐาน คณิตศาสตร์ บทที่ 1 | จ�ำนวนนับ 1 ถงึ 10 และ 0
ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 1 เลม่ 1

1.7 การเขียนตวั เลข และตัวหนังสือแสดงจ�ำ นวนแปดและเก้า (1 ชวั่ โมง)

จุดประสงค์

เขียนตัวเลขฮนิ ดอู ารบิก ตัวเลขไทย และตวั หนงั สอื แสดงจำ�นวนแปดและเก้า

ส่อื การเรียนรู้

- บัตรภาพสตั วห์ รือบตั รภาพสงิ่ ของ

- สง่ิ ของตา่ ง ๆ เชน่ ตวั นบั ปากกา ดนิ สอ ไมไ้ อศกรมี

แนวการจัดการเรยี นรู้
การพฒั นาความรู้

1. ครนู ำ�เข้าสู่บทเรียนโดยใช้การถาม-ตอบ เกย่ี วกบั
จำ�นวนของสง่ิ ของหรอื จำ�นวนของรูปภาพทีเ่ ป็นจ�ำ นวน 8
เช่น ครูชนู วิ้ 8 น้ิว ถามนักเรยี นวา่ ครูชนู ้ิวก่ีนว้ิ (8 นิ้ว)
ครูชตู ัวนับ 8 อัน ถามนกั เรยี นว่าครมู ตี วั นบั กีอ่ นั (8 อนั )
ครชู ูปากกา 8 ดา้ ม ถามนักเรียนว่าครูมปี ากกาก่ีด้าม
(8 ด้าม) ครชู บู ตั รภาพชา้ ง 8 ตวั ถามนกั เรยี นวา่ มชี า้ งใน
ภาพกต่ี วั (8 ตวั ) ครชู ูบัตรภาพจักรยาน 8 คัน ถามนกั เรียน
วา่ มจี ักรยานในภาพกี่คัน (8 คนั ) จากน้ันครูให้นกั เรยี น
พจิ ารณารปู ในหนงั สอื เรยี นหนา้ 29 และใชก้ ารถาม-ตอบ ดงั น้ี
- ภาพสัตว์ท่ีนกั เรียนเหน็ เปน็ สัตว์ชนดิ ใด (เกง้ เผอื ก)
- เก้งเผือกมีจ�ำ นวนเท่าไร (เกง้ เผอื ก 8 ตวั )
ครูแนะน�ำ ให้นกั เรยี นรจู้ กั จ�ำ นวนแปด วา่ เป็นจำ�นวนของสิ่งต่าง ๆ ทม่ี ี 8 อนั 8 ชน้ิ 8 ตัว ฯลฯ
ถา้ เราจะเขยี นแสดงจำ�นวนแปดด้วยตัวเลขฮินดูอารบกิ ตวั เลขไทย และตัวหนังสอื ได้ดังนี้
“เขียนแสดงดว้ ยตวั เลขฮนิ ดอู ารบกิ 8
เขียนแสดงด้วยตวั เลขไทย ๘
เขยี นแสดงด้วยตัวหนงั สอื แปด”
จากน้นั ครสู าธิตการเขยี นแสดงจ�ำ นวนแปดด้วยตวั เลขฮนิ ดูอารบกิ ตวั เลขไทย และตัวหนงั สือ
บนกระดานทีละขนั้ ตอนชา้ ๆ เพ่ือให้นักเรยี นสงั เกตวธิ ีเขยี น โดยอาจใหน้ ักเรยี นฝึกเขียนตามครู ดังน้ี
ครเู ขียนตวั เลขฮินดอู ารบกิ บนกระดาน

โดยเขยี นเส้นตามขัน้ ตอน 1 และ 2 บนกระดาน ชา้ ๆ แล้วใหน้ กั เรยี นฝกึ เขียนตาม เร่มิ จากใช้นว้ิ
เขียนตามกอ่ น เม่อื นักเรียนทำ�ได้คลอ่ งแล้วจงึ ใชด้ ินสอเขยี นตามขัน้ ตอน 1 และ 2 ตามเส้นประที่
กำ�หนด ครูใหน้ ักเรยี นเขยี นตามเส้นประหลาย ๆ คร้ัง เพ่อื ฝึกให้นักเรยี นเขียนให้คล่องครูอาจให้
นักเรยี นฝึกเขียนตามรอยเสน้ ประตามหนังสอื แบบฝึกหัด จากนน้ั ครใู ช้กระบวนการสอนทำ�นอง
เดยี วกนั ในการสอนเขียนตัวเลขไทย และตวั หนังสอื แสดงจ�ำ นวนแปด เม่อื นักเรยี นไดฝ้ ึกเขียนแสดง
จำ�นวนแปดดว้ ยตัวเลขฮนิ ดอู ารบกิ ตัวเลขไทย และตัวหนงั สอื ครบแลว้ ให้นกั เรยี นฝกึ เพิ่มเติมตาม
หนงั สือแบบฝกึ หัด ครูอาจสมุ่ นกั เรียนใหอ้ อกมาเขยี นแสดงจ�ำ นวนแปดดว้ ยตวั เลขฮนิ ดอู ารบกิ

ตวั เลขไทย และตวั หนงั สอื บนกระดาน เพอ่ื เปน็ การตรวจสอบขน้ั ตอนการเขียนทีถ่ กู ตอ้ ง

24 |    สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทท่ี 1 | จ�ำนวนนับ 1 ถงึ 10 และ 0 คู่มอื ครู รายวชิ าพ้นื ฐาน คณิตศาสตร์
ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 1 เลม่ 1

2. ครูใชก้ ารถาม-ตอบ เกยี่ วกับจำ�นวนของส่งิ ของหรอื จำ�นวนของรูปภาพทีเ่ ป็นจ�ำ นวน 9 เชน่
ครูชนู ว้ิ 9 น้ิว ถามนกั เรยี นว่าครูชนู ว้ิ กี่นิว้ (9 น้วิ ) ครชู ตู ัวนบั 9 อนั ถามนกั เรียนวา่ ครมู ตี ัวนบั กอี่ นั
(9 อนั ) ครชู ูปากกา 9 ด้าม ถามนกั เรยี นวา่ ครมู ปี ากกากด่ี ้าม (9 ด้าม) ครูชูบัตรภาพชา้ ง 9 ตัว
ถามนกั เรียนว่ามีช้างในภาพกตี่ วั (9 ตวั ) ครชู ูบตั รภาพจักรยาน 9 คนั ถามนักเรียนวา่ มจี ักรยานใน
ภาพกี่คนั (9 คนั ) จากนน้ั ครูให้นักเรียนพิจารณารูปในหนงั สอื เรียนหน้า 30 และใชก้ ารถาม-ตอบ
ดังนี้
- ภาพสัตวท์ ี่นกั เรียนเหน็ เป็นสตั วช์ นิดใด (ค่างแว่น)
- คา่ งแวน่ มีจำ�นวนเท่าไร (คา่ งแว่น 9 ตวั )
ครูแนะนำ�ใหน้ ักเรยี นรจู้ ักจ�ำ นวนเก้า วา่ เปน็ จ�ำ นวนของ
สิ่งต่าง ๆ ที่มี 9 อัน 9 ช้ิน 9 ตวั ฯลฯ ถา้ เราจะเขยี นแสดง
จำ�นวนเก้าดว้ ยตวั เลขฮนิ ดอู ารบิก ตวั เลขไทย และ
ตวั หนังสอื ได้ดงั นี้
“เขียนแสดงดว้ ยตัวเลขฮินดอู ารบกิ 9
เขยี นแสดงด้วยตัวเลขไทย ๙
เขียนแสดงด้วยตัวหนังสือ เกา้ ”
จากนน้ั ครสู าธติ การเขยี นแสดงจ�ำ นวนเกา้ ดว้ ยตวั เลขฮนิ ดอู ารบกิ
ตัวเลขไทย และตัวหนงั สอื บนกระดานทลี ะขน้ั ตอนชา้ ๆ
เพอื่ ใหน้ ักเรียนสงั เกตวธิ ีเขียน โดยอาจให้นักเรียนฝึกเขยี น
ตามครู ดังน้ี
ครูเขยี นตัวเลขฮนิ ดอู ารบิกบนกระดาน

โดยเขยี นเสน้ ตามข้นั ตอน 1 2 และ 3 บนกระดานช้า ๆ แลว้ ให้นกั เรียนฝึกเขยี นตาม เริ่มจากใชน้ ว้ิ
เขยี นตามก่อน เมอื่ นักเรียนท�ำ ได้คลอ่ งแลว้ จงึ ใช้ดนิ สอเขยี นตามข้นั ตอน 1 2 และ 3 ตามเสน้ ประ
ที่ก�ำ หนด ครใู หน้ ักเรียนเขยี นตามเสน้ ประหลาย ๆ คร้งั เพื่อฝึกใหน้ ักเรียนเขียนใหค้ ลอ่ ง
ครูอาจให้นกั เรียนฝึกเขียนตามรอยเส้นประตามหนังสอื แบบฝกึ หดั จากน้นั ครใู ช้กระบวนการสอน
ท�ำ นองเดยี วกนั ในการสอนเขยี นตัวเลขไทย และตวั หนงั สือแสดงจำ�นวนเกา้ เม่อื นกั เรยี นได้ฝกึ เขยี น
แสดงจำ�นวนเกา้ ด้วยตวั เลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย และตัวหนังสือครบแลว้ ใหน้ กั เรียนฝึกเพม่ิ เติม
ตามหนงั สือแบบฝึกหัด ครูอาจส่มุ นักเรียนใหอ้ อกมาเขยี นแสดงจ�ำ นวนเกา้ ดว้ ยตัวเลขฮนิ ดูอารบกิ
ตวั เลขไทย และตวั หนงั สอื บนกระดาน เพอ่ื เปน็ การตรวจสอบข้ันตอนการเขียนทถ่ี ูกต้อง

| 25สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   

คมู่ ือครู รายวิชาพื้นฐาน คณิตศาสตร์ บทที่ 1 | จำ� นวนนับ 1 ถึง 10 และ 0
ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 1 เล่ม 1
8
3. ครูใหน้ กั เรียนจบั ค่แู ละช่วยกันนบั แลว้ ใหแ้ ต่ละคน
เขยี นตวั เลขฮินดูอารบิก ตวั เลขไทย และตวั หนงั สือแสดง ๘
จ�ำ นวนสง่ิ ของในแตล่ ะข้อลงสมุด ตามหนังสอื เรยี นหน้า 31
โดยนกั เรยี นอาจดวู ธิ ีการเขยี นตามหนังสือเรยี นหรอื แปด
บนกระดานตามทค่ี รเู ขยี นไว้ จากนัน้ ครูเดินดแู ละ
คอยช่วยเหลอื นักเรียนท่เี ขยี นไมไ่ ด้ 9

การตรวจสอบความเข้าใจ ๙

4. ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนเปน็ รายบุคคล เกา
กอ่ นการตรวจสอบความเขา้ ใจ ครูอาจทบทวนการเขียน
ตวั เลขฮินดอู ารบิก ตัวเลขไทย และตัวหนงั สือแสดงจ�ำ นวน 5 ๕ หา
แปดและเก้าบนกระดาน ดังน้ี 6 ๖ หก
7 ๗ เจ็ด
แปด 8 ๘ แปด
เก้า 9 ๙ เกา

จากนน้ั ครใู หน้ กั เรียนเขียนตวั เลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย
และตวั หนงั สอื แสดงจ�ำ นวนจดุ ในแตล่ ะภาพตามหนงั สอื เรยี น
หน้า 32 หากนักเรยี นยังเขยี นไดไ้ มค่ ล่อง เขียนไมไ่ ด้
หรอื เขยี นไมถ่ กู ต้องตามข้นั ตอน ครูอาจให้ออกไปเขยี นตาม
บนกระดาน ครูและนกั เรยี นช่วยกันตรวจสอบความถกู ต้อง
และร่วมกนั สรุปสิ่งที่ไดเ้ รียนรู้

ส่งิ ท่ีได้เรยี นรู้

ตวั เลขฮินดูอารบกิ 8 9

ตัวเลขไทย ๘ ๙

ตัวหนังสอื แปด เกา้

เปน็ สัญลกั ษณ์ใชเ้ ขยี นแสดงจำ�นวน

จากน้นั ใหน้ ักเรยี นทำ�แบบฝกึ หดั 1.7 หนา้ 20 - 22

26 |    สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทที่ 1 | จำ� นวนนับ 1 ถึง 10 และ 0 คมู่ ือครู รายวชิ าพ้ืนฐาน คณิตศาสตร์
ช้ันประถมศึกษาปีที่ 1 เลม่ 1

1.8 การเขยี นตวั เลข และตวั หนงั สือแสดงจ�ำ นวนสบิ (1 ชั่วโมง)

จดุ ประสงค์

เขยี นตัวเลขฮนิ ดอู ารบิก ตัวเลขไทย และตวั หนงั สอื
แสดงจ�ำ นวนสิบ

สื่อการเรียนรู้

- บัตรภาพสตั วห์ รือบัตรภาพสิ่งของ
- สง่ิ ของตา่ ง ๆ เชน่ ตวั นบั ปากกา ดนิ สอ ไมไ้ อศกรมี

แนวการจัดการเรยี นรู้ 10 10 10

การพัฒนาความรู้ ๑๐ ๑๐ ๑๐

1. ครูน�ำ เขา้ สู่บทเรียนโดยใช้การถาม-ตอบ เกีย่ วกับ สิบ สิบ สิบ
จ�ำ นวนของสิ่งของหรอื จ�ำ นวนของรปู ภาพที่เปน็ จ�ำ นวน 10
เช่น ครูชนู วิ้ 10 น้วิ ถามนักเรียนวา่ ครชู ูนิว้ ก่ีนวิ้ (10 นิว้ )
ครชู ูตัวนบั 10 อัน ถามนกั เรยี นว่าครมู ีตัวนบั กีอ่ ัน (10 อนั )
ครชู ปู ากกา 10 ดา้ ม ถามนกั เรยี นวา่ ครมู ปี ากกากด่ี า้ ม
(10 ดา้ ม) ครชู ูบัตรภาพชา้ ง 10 ตวั ถามนกั เรียนว่ามชี า้ งใน
ภาพก่ีตวั (10 ตัว) ครูชูบตั รภาพจักรยาน 10 คัน ถาม
นักเรียนวา่ มีจักรยานในภาพกี่คนั (10 คัน) จากนน้ั ครูให้
นกั เรียนพิจารณารปู ในหนังสือเรียนหน้า 33 และ 34 และ
ใชก้ ารถาม-ตอบ ดังนี้
- ภาพสตั วท์ ่ีนักเรียนเห็นเป็นสัตว์ชนดิ ใด (มา้ )
- ม้ามีจ�ำ นวนเทา่ ไร (10 ตวั )
ครแู นะนำ�ให้นกั เรยี นร้จู ักจ�ำ นวนสิบ วา่ เปน็ จำ�นวนของ
ส่งิ ต่าง ๆ ทมี่ ี 10 อัน 10 ชน้ิ 10 ตัว ฯลฯ ถา้ เราจะเขียน
แสดงจ�ำ นวนสิบด้วยตัวเลขฮินดูอารบกิ ตัวเลขไทย และ
ตัวหนงั สือ ได้ดังน้ี
“เขียนแสดงด้วยตัวเลขฮินดูอารบกิ 10
เขียนแสดงดว้ ยตวั เลขไทย ๑๐
เขียนแสดงดว้ ยตวั หนังสอื สบิ ”
จากน้นั ครูสาธิตการเขียนแสดงจำ�นวนสิบดว้ ยตวั เลข
ฮินดอู ารบิก ตวั เลขไทย และตัวหนงั สอื บนกระดานทลี ะ
ขนั้ ตอนชา้ ๆ เพอื่ ใหน้ กั เรยี นสังเกตวิธีเขยี น โดยอาจให้
นักเรยี นฝกึ เขียนตามครู ดังนี้
ครูเขียนตวั เลขฮินดอู ารบกิ บนกระดาน

| 27สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   

คมู่ อื ครู รายวชิ าพ้ืนฐาน คณติ ศาสตร์ บทที่ 1 | จ�ำนวนนับ 1 ถึง 10 และ 0
ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 1 เลม่ 1

โดยเขียนเส้นตามขั้นตอน 1 และ 2 และเขียนเสน้ ตามขั้นตอน 1 และ 2 บนกระดาน ชา้ ๆ แลว้ ให้
นกั เรยี นฝึกเขียนตาม เริ่มจากใชน้ ้ิวเขยี นตามก่อน เมอื่ นกั เรยี นท�ำ ได้คล่องแล้วจึงใช้ดินสอเขียนตาม
ข้ันตอนตามเส้นประทีก่ ำ�หนด ครูใหน้ ักเรียนเขยี นตามเสน้ ประหลาย ๆ คร้งั เพือ่ ฝึกใหน้ กั เรยี นเขียน
ใหค้ ล่อง ครูอาจใหน้ กั เรยี นฝกึ เขียนตามรอยเสน้ ประตามหนังสือแบบฝกึ หัด จากนน้ั ครูใชก้ ระบวนการ
สอนท�ำ นองเดียวกนั ในการสอนเขียนตัวเลขไทย และตวั หนงั สือแสดงจำ�นวนสิบ เมอื่ นกั เรียนได้ฝกึ
เขียนแสดงจ�ำ นวนสิบด้วยตัวเลขฮนิ ดอู ารบกิ ตวั เลขไทย และตัวหนังสอื ครบแลว้ ใหน้ ักเรยี นฝึกเพ่มิ เตมิ
ตามหนงั สอื แบบฝึกหดั ครอู าจส่มุ นักเรียนใหอ้ อกมาเขียนแสดงจำ�นวนสบิ ดว้ ยตวั เลขฮนิ ดอู ารบกิ

ตัวเลขไทย และตวั หนังสอื บนกระดาน เพื่อเปน็ การตรวจสอบข้ันตอนการเขียนทถ่ี ูกตอ้ ง

2. ครูใหน้ ักเรียนจับคู่และชว่ ยกนั นับจำ�นวนนกใหไ้ ด้

10 ตวั แล้วช่วยกันระบายสนี ก 10 ตวั แล้วให้แต่ละคน

เขยี นตวั เลขฮินดูอารบิก ตวั เลขไทย และตวั หนังสือแสดง

จ�ำ นวนสบิ ลงสมดุ ตามหนงั สอื เรยี นหน้า 35 โดยนักเรียน

อาจดวู ธิ กี ารเขียนตามหนงั สือเรยี นหรือบนกระดานตาม

ที่ครูเขยี นไว้ จากน้นั ครูเดนิ ดแู ละคอยชว่ ยเหลอื นกั เรียน

ทีเ่ ขียนไมไ่ ด้

การตรวจสอบความเข้าใจ 10 10 10

3. ตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรียนเปน็ รายบคุ คล ๑๐ ๑๐ ๑๐
กอ่ นการตรวจสอบความเข้าใจ ครอู าจทบทวนการเขยี น
ตวั เลขฮนิ ดอู ารบิก ตวั เลขไทย และตัวหนงั สอื แสดงจ�ำ นวน สบิ สิบ สิบ
สิบบนกระดาน ดังนี้

สิบ
จากนนั้ ครใู ห้นกั เรยี นเขยี นตัวเลขฮินดอู ารบกิ ตัวเลขไทย
และตัวหนงั สือแสดงจ�ำ นวนตามหนงั สอื เรยี นหนา้ 36 1 ๑ หนึง่
หากนักเรียนยงั เขียนได้ไมค่ ลอ่ ง เขียนไมไ่ ด้ หรอื เขยี น 2 ๒ สอง
ไม่ถูกต้องตามขัน้ ตอน ครอู าจให้ออกไปเขียนตามบน 3 ๓ สาม
กระดาน ครแู ละนักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถกู ตอ้ ง 4 ๔ ส่ี
และร่วมกนั สรปุ สง่ิ ท่ไี ด้เรียนรู้ 5 ๕ หา
6 ๖ หก
ส่งิ ทีไ่ ด้เรยี นรู้ 7 ๗ เจ็ด
8 ๘ แปด
ตัวเลขฮนิ ดอู ารบกิ 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 9 ๙ เกา
ตวั เลขไทย ๐ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ 10 ๑๐ สิบ
ตวั หนังสอื ศนู ย์ หนึง่ สอง สาม ส่ี หา้ หก เจ็ด แปด

เก้า สิบ เปน็ สญั ลักษณ์ใช้เขยี นแสดงจำ�นวน

จากนนั้ ให้นักเรียนท�ำ แบบฝกึ หัด 1.8 หน้า 23 - 25

28 |    สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทท่ี 1 | จำ� นวนนับ 1 ถึง 10 และ 0 คูม่ อื ครู รายวชิ าพ้นื ฐาน คณิตศาสตร์
ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 1 เลม่ 1

1.9 การเปรียบเทียบจำ�นวนนับโดยการจบั คู่ (1 ชัว่ โมง)

จุดประสงค์

เปรยี บเทยี บจำ�นวนนับโดยการจบั คู่

สอ่ื การเรียนรู้

-

แนวการจัดการเรียนรู้

การพัฒนาความรู้
1. ครนู ำ�เขา้ สู่บทเรียนโดยใหน้ กั เรียนนับจำ�นวนของ

สิง่ ตา่ ง ๆ หรอื อาจสุ่มนักเรยี นชาย 5 คนและนักเรียนหญิง

5 คน ออกมาหน้าชน้ั เรยี น โดยไมบ่ อกจำ�นวนให้นกั เรยี น

ทราบ ครใู ชก้ ารถาม-ตอบ ดังน้ี

- นบั นกั เรยี นชายไดก้ ค่ี น (5 คน) และนบั นกั เรยี นหญงิ

ได้ก่ีคน (5 คน)

ครใู หน้ กั เรียนชายยนื เรยี งกนั และนกั เรยี นหญงิ ยนื เรียงกัน

หนั หนา้ เขา้ หากนั และจบั มอื กนั เปน็ คู่ ๆ ครใู ชก้ ารถาม-ตอบ

ประกอบกจิ กรรม ดงั นี้

- นกั เรียนชายและนักเรียนหญิงยืนจบั มือกนั เป็นคู่ไดพ้ อดีหรือไม่ (พอดี)

- มีนักเรียนชายที่ไมม่ คี ู่หรือไม่ (ไม่มี) และมนี กั เรียนหญิงท่ีไมม่ ีคหู่ รือไม่ (ไม่ม)ี

ครแู นะน�ำ วา่ นกั เรยี นหญงิ 5 คน และนกั เรยี นชาย 5 คน จบั คกู่ นั ไดพ้ อดี แสดงวา่ นกั เรยี นหญงิ กบั

นกั เรยี นชายมจี �ำ นวนเทา่ กนั น่นั คอื จำ�นวนนักเรยี นหญงิ เทา่ กบั จ�ำ นวนนกั เรยี นชาย หรือ 5 เท่ากบั 5

จากนัน้ ครยู กตัวอยา่ งการเปรยี บเทยี บจ�ำ นวนท่เี ท่ากนั โดยการจับคู่ตามหนงั สอื เรยี นหนา้ 37

อาจใชก้ ารถาม-ตอบดังน้ี

- ในภาพมีแครร์ อตก่หี วั (4 หัว)

- ในภาพมีนกฟลามิงโกกต่ี ัว (4 ตวั ) ครอู าจแนะนำ�ใหน้ กั เรียนรจู้ ักนกฟลามิงโกตามเกร็ดนา่ รู้

ครนู �ำ บตั รภาพแครร์ อตไปตดิ บนกระดานเรยี งกนั ทลี ะหวั จนครบ 4 หวั จากนน้ั น�ำ บตั รภาพนกฟลามงิ โก

ไปติดบนกระดานเรียงกนั 4 ตวั ให้ตรงกบั แครร์ อต ครถู ามนกั เรยี นว่านกฟลามิงโกกบั แครร์ อตจบั คกู่ ัน

ได้พอดหี รอื ไม่ (พอด)ี โดยครโู ยงเส้นจบั คแู่ ครร์ อตกับนกฟลามิงโกทลี ะคู่จนครบทุกคู่ ครแู ละนกั เรยี น

รว่ มกนั สรปุ วา่ แครร์ อตกบั นกฟลามงิ โกจบั คกู่ นั ไดพ้ อด ี ครแู นะน�ำ วา่ แครร์ อต 4 หวั กบั นกฟลามงิ โก 4 ตวั

จบั ค่กู นั ไดพ้ อดี แสดงว่า แคร์รอตกบั นกฟลามิงโกมีจำ�นวนเทา่ กัน นนั่ คือ จำ�นวนแครร์ อตเทา่ กับ

จ�ำ นวนนกฟลามิงโก หรอื 4 เทา่ กับ 4 จากนนั้ ครูให้นักเรียนพิจารณาการโยงเส้นจบั คูก่ ันของปกู ับกบ

ตามหนังสือเรยี นหนา้ 37 แล้วใชก้ ารถาม-ตอบ ดงั น้ี

- มีปูกี่ตัว (3 ตัว) มกี บกต่ี วั (3 ตัว)

- ปูกบั กบจบั คู่กันได้พอดหี รือไม่ (พอดี)

- รู้ไดอ้ ย่างไร (จากเสน้ สแี ดงแสดงการโยงเส้นจับคู่กันเปน็ คู่ ๆ แล้วจบั คู่ได้พอดี)

- แสดงวา่ จ�ำ นวนปกู บั กบเทา่ กนั หรอื ไม่ (เทา่ กนั ) เพราะอะไร (ปกู บั กบจบั คกู่ นั ไดพ้ อดี ไมม่ ปี กู บั กบ

เหลอื อย)ู่

- ดังนนั้ 3 เท่ากบั 3 ใช่หรือไม่ (ใช)่ | 29สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   

คู่มือครู รายวิชาพน้ื ฐาน คณิตศาสตร์ บทที่ 1 | จ�ำนวนนับ 1 ถงึ 10 และ 0
ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 1 เลม่ 1

ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรปุ ว่า การจับคสู่ ่งิ ต่าง ๆ สองกลมุ่ ถ้าจบั คูก่ ันได้พอดี แสดงวา่ สิ่งตา่ ง ๆ

สองกลุม่ นัน้ มจี ำ�นวนเท่ากัน

2. ครูให้นกั เรียนหญิง 3 คน และนักเรยี นชาย 4 คน ออกมายนื หนา้ ห้องโดยไมบ่ อกจำ�นวนให้
นักเรยี นทราบ แล้วใหน้ กั เรียนชายและนกั เรยี นหญิงยนื เรยี งหนั หน้าเข้าหากันและจับมือกันเปน็ คู่ ๆ
แลว้ ใชก้ ารถาม-ตอบ ดังน้ี
- มีนักเรยี นหญงิ ก่คี น (3 คน)
- มีนกั เรียนชายกี่คน (4 คน)
- จับคกู่ นั ไดพ้ อดหี รือไม่ (ไม่พอดี)
- นักเรยี นรู้ไดอ้ ยา่ งไรวา่ จบั คไู่ ดไ้ มพ่ อดี (มีนกั เรียนชายไม่มคี ู่ 1 คน)
- นกั เรียนบอกครไู ด้หรือไม่วา่ จ�ำ นวนนกั เรยี นชายและนักเรียนหญงิ เทา่ กันหรอื ไมเ่ ทา่ กัน (ไม่
เท่ากนั )
เพราะเหตุใดจึงไมเ่ ท่ากัน (จับคกู่ ันไดไ้ มพ่ อดี)
ครแู นะน�ำ ว่า นักเรยี นหญงิ 3 คน และนกั เรียนชาย 4 คน จบั คูก่ ันไดไ้ มพ่ อดี แสดงว่า นกั เรียนหญิง
กับนกั เรียนชายมีจ�ำ นวนไม่เท่ากัน น่นั คือ จำ�นวนนักเรียนหญงิ อาจมากกว่าหรือน้อยกว่าจำ�นวน
นักเรียนชาย จากนั้นครูใช้การถาม-ตอบอกี ครัง้ ว่า
- มนี ักเรยี นหญิงก่คี น (3 คน)
- มนี ักเรยี นชายกี่คน (4 คน)
- นกั เรียนหญงิ กบั นักเรยี นชายจบั คู่กันได้พอดหี รือไม่ (ไมพ่ อดี)
- คนทีไ่ ม่มีคูเ่ ป็นนกั เรียนหญงิ หรอื นกั เรียนชาย (นักเรียนชาย)
- นกั เรยี นชายมากกว่าหรอื น้อยกว่านกั เรยี นหญงิ (มากกว่า)
ครูแนะนำ�วา่ นักเรียนหญงิ 3 คน และนักเรยี นชาย 4 คน จบั คู่กนั ได้ไม่พอดี แสดงวา่ นกั เรยี นหญิง
กบั นกั เรยี นชายมีจำ�นวนไมเ่ ท่ากัน น่ันคือ จ�ำ นวนนักเรียนหญงิ อาจมากกวา่ หรือน้อยกวา่ จ�ำ นวน
นักเรียนชาย แตเ่ ม่อื จับคกู่ ันแล้วมีนักเรยี นชายเหลอื อยู่
แสดงว่าจ�ำ นวนนักเรียนชายมากกว่าจ�ำ นวนนักเรียน
หญงิ หรอื จำ�นวนนักเรียนหญิงนอ้ ยกว่าจำ�นวนนักเรียน
ชาย น่นั คือ 4 มากกวา่ 3 หรอื 3 นอ้ ยกวา่ 4 จากน้นั
ครูยกตัวอย่างการเปรยี บเทยี บจ�ำ นวนที่ไมเ่ ท่ากันโดย
การจบั คตู่ ามหนังสือเรยี นหน้า 38 อาจใชก้ ารถาม-ตอบ
ดงั นี้
- ในภาพมขี า้ วโพดก่ฝี ัก (7 ฝัก)
- ในภาพมีกวางกตี่ ัว (5 ตัว)
ครูน�ำ บัตรภาพขา้ วโพดไปติดบนกระดานเรียงกันทีละ
ฝกั จนครบ 7 ฝกั จากนั้นน�ำ บัตรภาพกวางไปตดิ บน
กระดานเรียงกัน 5 ตัวใหต้ รงกับข้าวโพด ครูถาม
นักเรียนว่า กวางกับข้าวโพดจับคู่กันได้พอดีหรอื ไม่
(ไม่พอดี) ครโู ยงเสน้ จับคู่ข้าวโพดกับกวางทีละคจู่ น
ครบทุกคู่ แต่มีขา้ วโพดเหลืออยู่ ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั
สรปุ วา่ ขา้ วโพดกบั กวางจบั คกู่ นั ไดไ้ มพ่ อด ี ครแู นะน�ำ วา่
ขา้ วโพด 7 ฝัก กับกวาง 5 ตัว จับคูก่ ันไดไ้ ม่พอดี
30 |    สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทท่ี 1 | จ�ำนวนนบั 1 ถึง 10 และ 0 คมู่ ือครู รายวิชาพ้นื ฐาน คณติ ศาสตร์
ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 1 เลม่ 1

แสดงว่า ขา้ วโพดกับกวางมีจำ�นวนไมเ่ ท่ากัน หรอื จ�ำ นวนขา้ วโพดไมเ่ ทา่ กบั จ�ำ นวนกวาง นน่ั คอื

7 ไม่เทา่ กบั 5 แตเ่ มอื่ จับคแู่ ล้ว มีขา้ วโพดเหลอื อยู่แสดงว่า จ�ำ นวนข้าวโพดมากกว่าจ�ำ นวนกวาง

หรือ จำ�นวนกวางนอ้ ยกว่าจ�ำ นวนขา้ วโพด น่ันคือ 7 มากกว่า 5 หรือ 5 น้อยกวา่ 7 ครเู ขยี น

บนกระดานวา่

จ�ำ นวนข้าวโพด มากกว่า จำ�นวนกวาง

ดังนน้ั 7 มากกว่า 5

จำ�นวนกวาง นอ้ ยกวา่ จำ�นวนข้าวโพด

ดงั นั้น 5 น้อยกว่า 7

จากน้นั ครูและนักเรยี นร่วมกนั สรุปวา่ การจับคูส่ ง่ิ ตา่ ง ๆ สองกลมุ่ ถ้าจบั ค่กู ันไดไ้ ม่พอดี แสดงวา่

สิง่ ตา่ ง ๆ สองกลมุ่ นนั้ มีจ�ำ นวนไมเ่ ทา่ กัน หรือจำ�นวน

ของสิง่ หนงึ่ ไม่เท่ากับจ�ำ นวนของอีกสิ่งหน่งึ ถ้าสงิ่ ใดมี

ของเหลืออยู่ จำ�นวนของสง่ิ น้นั จะมากกวา่

3. ครูให้นกั เรยี นจับคู่กันและแจกบตั รภาพให้

นักเรียนตามหนงั สือเรียนหน้า 39 ให้นกั แต่ละคู่

เปรยี บเทยี บจำ�นวนของสง่ิ ของทีอ่ ยู่ในภาพโดยการจบั คู่ 74
จากนั้นครใู ช้การถาม-ตอบ ดังนี้

ข้อ 1 เปรียบเทียบจำ�นวนนกกาบบัวกบั จำ�นวนปลา

- มีนกกาบบัวก่ตี ัว (7 ตวั ) มปี ลาก่ีตวั (4ตัว)

- จบั คู่ได้ พอดี หรือ ไม่พอดี (ไม่พอด)ี

- จ�ำ นวนนกกาบบวั กบั จ�ำ นวนปลา เทา่ กนั หรอื

ไมเ่ ทา่ กนั (ไมเ่ ทา่ กนั ) 33
- 4 เทา่ กับ หรอื ไมเ่ ทา่ กับ 7 (ไม่เท่ากับ)

- 4 น้อยกวา่ หรอื มากกว่า 7 (นอ้ ยกวา่ )

- 7 น้อยกว่า หรือ มากกวา่ 4 (มากกวา่ )

ข้อ 2 เปรียบเทียบจ�ำ นวนลงิ กบั จำ�นวนกล้วย

- มลี งิ กีต่ ัว (3 ตัว) มกี ลว้ ยกผ่ี ล (3 ผล)

- จับค่ไู ด้ พอดี หรือ ไมพ่ อดี (พอดี)

- จ�ำ นวนลิงกบั จำ�นวนกลว้ ย เทา่ กัน หรอื ไม่เทา่ กนั (เทา่ กนั )

- 3 เทา่ กับ หรอื ไมเ่ ท่ากับ 3 (เท่ากบั )

การตรวจสอบความเขา้ ใจ

4. ตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรยี นเปน็ รายบุคคล โดยให้นกั เรียนเปรียบเทียบจำ�นวนของ
สง่ิ ต่าง ๆ ตามท่ีกำ�หนดโดยการจบั ค ู่ ครอู าจทบทวนการจับคูเ่ พื่อเปรียบเทยี บจ�ำ นวนก่อน
โดยใชก้ ารถาม-ตอบดงั น้ี
- การจบั คสู่ ง่ิ ตา่ ง ๆ สองกลมุ่ ถา้ จบั คกู่ นั ไดพ้ อดแี สดงวา่ สง่ิ ตา่ ง ๆ สองกลุ่มนน้ั มจี ำ�นวนเทา่ กนั
หรือไมเ่ ทา่ กัน (เท่ากนั )
- การจบั คสู่ ง่ิ ตา่ ง ๆ สองกลมุ่ ถา้ จบั คกู่ นั ไดไ้ มพ่ อดแี สดงวา่ สง่ิ ตา่ ง ๆ สองกลมุ่ นน้ั มจี �ำ นวนเทา่ กนั
หรือไม่เท่ากนั (ไมเ่ ทา่ กนั )

| 31สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   

คมู่ ือครู รายวิชาพ้ืนฐาน คณติ ศาสตร์ บทท่ี 1 | จ�ำนวนนับ 1 ถึง 10 และ 0
ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 1 เล่ม 1

- ถา้ สง่ิ ตา่ ง ๆ สองกลมุ่ นน้ั มจี �ำ นวนไมเ่ ทา่ กนั จะรไู้ ด้

อยา่ งไรวา่ สง่ิ ใดมจี �ำ นวนมากกวา่ หรอื นอ้ ยกวา่ (ถา้ จบั คกู่ นั

แลว้ มสี ง่ิ ใดเหลอื อยู่ แสดงว่าสิ่งน้นั มีจ�ำ นวนมากกว่า)

จากนัน้ ตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนตามหนงั สอื เรยี น

หนา้ 40 ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง

ถา้ พบวา่ มนี กั เรยี นคนใดเตมิ ค�ำ ตอบไมถ่ กู ตอ้ งใหแ้ กไ้ ขให้

ถกู ตอ้ ง โดยอาจใชก้ ารถาม-ตอบให้เขา้ ใจอีกครง้ั นอยกวา
จากน้นั ครแู ละนกั เรียนร่วมกันสรปุ ส่งิ ที่ไดเ้ รยี นรู้ เทากับ
มากกวา
ส่งิ ทีไ่ ด้เรยี นรู้

การเปรยี บเทียบจ�ำ นวนนับโดยการจบั คสู่ ่งิ ต่าง ๆ สองกลุ่ม

• ถา้ จับคู่กันได้พอดี แสดงว่าท้ังสองกลุ่มมจี �ำ นวนของ

สิ่งตา่ ง ๆ เท่ากันหรือจำ�นวนของส่ิงหนึ่งเท่ากบั

จ�ำ นวนของอีกสิง่ หนึ่ง

• ถา้ จบั คไู่ มพ่ อดี แสดงวา่ ทง้ั สองกลมุ่ มจี �ำ นวนของสง่ิ ตา่ ง ๆ

ไม่เท่ากนั หรอื จำ�นวนของสงิ่ หน่งึ ไมเ่ ท่ากับจ�ำ นวนของอกี ส่ิงหนึ่งถา้ สิ่งใดมขี องเหลอื อยู่

จ�ำ นวนของสิ่งนัน้ จะมากกวา่

จากน้ันใหน้ ักเรยี นท�ำ แบบฝึกหดั 1.9 หน้า 26 - 28

32 |    สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทที่ 1 | จำ� นวนนบั 1 ถงึ 10 และ 0 คมู่ ือครู รายวชิ าพื้นฐาน คณิตศาสตร์
ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 1 เลม่ 1

1.10 การเปรยี บเทียบจำ�นวน 1 ถงึ 10 และ 0 (1 ช่ัวโมง)
จดุ ประสงค์

เปรยี บเทียบจำ�นวน 1 ถงึ 10 และ 0

สอื่ การเรยี นรู้

- บตั รภาพ

- แถบจำ�นวน 1 ถงึ 10

แนวการจัดการเรยี นรู้
การพัฒนาความรู้

1. ครนู �ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยการทบทวนการเปรยี บเทยี บ
จ�ำ นวนโดยการจบั คสู่ ง่ิ ตา่ ง ๆ ตามหนงั สอื เรยี นหนา้ 41
กจิ กรรม “จบั ค”ู่ ดังนี ้
กจิ กรรมยอ่ ยท่ี 1 ครชู บู ตั รภาพ 10 บตั ร โดยชทู ลี ะบตั ร
แลว้ ใหน้ กั เรียนบอกว่าสง่ิ ท่ีอยู่ในบัตรภาพแต่ละบัตรมี
จำ�นวนเท่ากันหรอื ไมเ่ ท่ากนั ครูควรใช้บตั รภาพทีง่ า่ ยใน
การจับคู่ส่งิ ของ
กจิ กรรมยอ่ ยท่ี 2 ครชู บู ตั รภาพ 10 บตั ร โดยชทู ลี ะบตั ร
แล้วให้นกั เรยี นบอกว่าสิ่งทีอ่ ย่ใู นบัตรภาพแต่ละบตั รสิ่งใดมจี ำ�นวนมากกวา่ ครคู วรใช้บัตรภาพ
ทงี่ า่ ยในการจบั คสู่ ่ิงของ
กจิ กรรมยอ่ ยท่ี 3 ครชู บู ตั รภาพ 10 บตั ร โดยชทู ลี ะบตั ร แลว้ ใหน้ กั เรยี นบอกวา่ สง่ิ ทอ่ี ยใู่ นบตั รภาพ
แตล่ ะบตั ร สง่ิ ใดมจี ำ�นวนนอ้ ยกวา่ ครูควรใชบ้ ตั รภาพท่ีง่ายในการจบั คู่สิ่งของ ครูและนกั เรียนรว่ มกัน
ทบทวนขอ้ สรุปเก่ยี วกับการเปรยี บเทยี บจำ�นวนโดยการจับควู่ ่า การเปรยี บเทยี บจำ�นวนนับโดยการ
จบั คูส่ งิ่ ต่าง ๆ สองกลมุ่ ถ้าจับคู่กนั ไดพ้ อดี แสดงว่าทง้ั สองกลุ่มมจี �ำ นวนของสง่ิ ต่าง ๆ เท่ากนั หรอื
จ�ำ นวนของส่งิ หน่ึงเทา่ กบั จ�ำ นวนของอกี ส่งิ หนงึ่ ถ้าจับคู่ไมพ่ อดี แสดงว่าท้ังสองกลุม่ มจี ำ�นวนของ
สิง่ ตา่ ง ๆ ไมเ่ ท่ากนั หรอื จ�ำ นวนของสง่ิ หน่งึ ไมเ่ ทา่ กบั จำ�นวนของอกี ส่ิงหนง่ึ ถ้าสิ่งใดมีของเหลอื อยู่
จ�ำ นวนของส่ิงนน้ั จะมากกว่า
2. ครถู ามนักเรยี นเก่ียวกบั การเปรียบเทียบจำ�นวนสองจ�ำ นวน เชน่ 5 กับ 6 เทา่ กนั หรอื ไม่
ถ้าไมเ่ ทา่ กนั จำ�นวนใดมากกว่า จำ�นวนใดน้อยกวา่ นักเรียนบางคนอาจตอบได้ บางคนอาจตอบไม่ได้
ก่อนการเปรียบเทยี บจ�ำ นวนโดยใชแ้ ถบจำ�นวน ครแู นะนำ�แถบจำ�นวน 1 ถึง 10 วา่ เป็นสอ่ื ส�ำ หรับ
แสดงจ�ำ นวนทเ่ี ขยี นตัวเลข 1 ถึง 10 ในชอ่ งสเ่ี หลี่ยมทเี่ ท่ากนั ดังรูป

1 2 3 4 5 6 7 8 9 10

ครยู กตวั อยา่ งการเปรยี บเทยี บ 5 กบั 5 โดยใชแ้ ถบจ�ำ นวนสองแถบทม่ี ขี นาดเทา่ กนั (ขนาดชอ่ งเทา่ กนั
ความยาวเทา่ กัน) แรเงาแถบจ�ำ นวนแตล่ ะแถบท่ีตวั เลข 1 ถึง 5 ดังน้ี

1 2 3 4 5 6 7 8 9 10

1 2 3 4 5 6 7 8 9 10

เปรียบเทียบสว่ นที่แรเงา จะไดว้ ่า 5 เท่ากับ 5 | 33สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   

คมู่ อื ครู รายวิชาพ้ืนฐาน คณิตศาสตร์ บทที่ 1 | จ�ำนวนนับ 1 ถึง 10 และ 0
ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 1 เล่ม 1

ครยู กตวั อยา่ งการเปรยี บเทยี บ 3 กบั 7 โดยใชแ้ ถบจ�ำ นวนสองแถบทม่ี ขี นาดเทา่ กนั (ขนาดชอ่ งเทา่ กนั
ความยาวเท่ากัน) แรเงาแถบจ�ำ นวนท่ีตวั เลข 1 ถงึ 3 และตัวเลข 1 ถงึ 7 ดังน้ี

1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 ǠLjˡǒǗ˵ǣǩǏǛ˱ LjǏǥǛǑ˯ƿǥǟLj˥˵ ǓǥLj ʡ ǁNj˯DžǃǥǗDžǏ ̆ ǙȲDZ
ǘdždžˣ˱ DZ ʡ ǐ˷ǥLjǑLjLjǘˡ DZ Ưǒ˳ DZǰ ǪǖǨ ǰ
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10
ljǥƮƮǑǥ̂ ǠǏ˵ǣ Lj̃ǣǛƮǑ̂ǥ
เปรยี บเทยี บสว่ นทแ่ี รเงา จะไดว้ า่ 3 นอ้ ยกวา่ 7 หรอื 7
มากกวา่ 3 เมอ่ื นกั เรยี นเขา้ ใจการเปรยี บเทยี บจำ�นวนโดย DžƮˡ ǙǖǥǫDŽ̃ Dz DžǑˡ
ใช้แถบจ�ำ นวนแล้ว ครยู กตัวอยา่ งการเปรียบเทียบจำ�นวน
ของสิ่งต่าง ๆ โดยใชแ้ ถบจ�ำ นวนตามหนังสือเรียนหน้า 42 DžˡƮǙǖǥǫDŽ̃ Ƕ DžˡǑ
โดยใช้การถาม-ตอบ ดังน้ี
- ตน้ กล้ากบั ใบบัวก�ำ ลังทำ�อะไร (ตักปลา) DZ 2 3 Ǵ ǵ Ƕ Ƿ 8 9 DZǰ
- ต้นกลา้ ตกั ปลาได้ก่ตี วั (6 ตัว) ใบบวั ตกั ปลาไดก้ ต่ี ัว (2 ตัว) DZ 2 3 Ǵ ǵ Ƕ Ƿ 8 9 DZǰ
ครใู ห้นกั เรียนเปรียบเทียบจำ�นวนปลาโดยใช้แถบจำ�นวน
นัน่ คอื เปรียบเทียบ 6 กบั 2 โดยให้นักเรียนแรเงาแสดง Ƕ ljǥƮƮǑ̂ǥ 2
จ�ำ นวน 6 และ 2 ในแถบจ�ำ นวน แลว้ เปรยี บเทยี บกนั ดงั รปู 2 Ljǣ̃ ǛƮǑǥ̂ Ƕ

1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 LjLjˡˣ ǁǣ˵ DžˡƮǙǖǥǫDŽ ̃ ljǥƮƮǑ̂ǥ

Dž̃LjƮǖǥ̃ ǬǘǘǑˡ

ǠǏǣ˵ DžƮˡ ǙǖǥǫDŽ̃ Ljǣ̃ ǛƮǑ̂ǥ Dž̃LjƮǖ̃ǥ

ǬǘǘǑˡ

42 | ǗƯǥǘˡLjǗ̂ǒǩǗǏ˯ljƮǥǏǗǣLjǑ˯džǛǥǃǥǗDžǏ̆ǪǖǨǩdžǁǭLjǭǖǛ˱

1 2 3 4 5 6 7 8 9 10

จากแถบจ�ำ นวนจะได้ 6 มากกวา่ 2 หรอื 2 นอ้ ยกวา่ 6 ดังนั้น ตน้ กลา้ ตักปลาได้มากกวา่ ใบบัว
หรอื ใบบวั ตกั ปลาไดน้ ้อยกว่าต้อนกล้า
3. ครยู กตวั อยา่ งการเปรยี บเทยี บจ�ำ นวนสง่ิ ตา่ ง ๆ โดยใชแ้ ถบจ�ำ นวนตามหนงั สอื เรยี นหนา้ 43
โดยใชก้ ารถาม-ตอบ ดงั น้ี
- มีเก้งก่ีตวั (4 ตัว) มีกวางก่ีตวั (5 ตวั )
- มมี ้าลายกี่ตวั (7 ตัว) มลี ากตี่ ัว (5 ตวั )
ครใู หน้ ักเรยี นแรเงาจ�ำ นวนสัตวแ์ ต่ละชนิดในแถบจำ�นวน
เพือ่ นำ�มาเปรียบเทียบกัน ดงั น้ี

เกง้ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 45 75

กวาง 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10

ม้าลาย 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 มากกวา
ลา 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 มากกวา

จากแถบจ�ำ นวนครูใช้การถาม-ตอบ ดงั น้ี

34 |    สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทที่ 1 | จ�ำนวนนับ 1 ถึง 10 และ 0 คู่มอื ครู รายวิชาพน้ื ฐาน คณติ ศาสตร์
ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 1 เลม่ 1

- 4 นอ้ ยกว่าหรอื มากกวา่ 5 (น้อยกวา่ )
- เกง้ นอ้ ยกวา่ หรอื มากกวา่ กวาง (นอ้ ยกวา่ )
- 7 น้อยกวา่ หรอื มากกว่า 4 (มากกวา่ )
- ม้าลาย น้อยกว่าหรอื มากกวา่ เก้ง (มากกว่า)
- 5 นอ้ ยกว่า มากกว่า หรอื เทา่ กบั 5 (เทา่ กับ)
- กวาง นอ้ ยกว่า มากกวา่ หรือเทา่ กับ ลา (เท่ากบั )
จากนนั้ ครูใหน้ ักเรียนเปรยี บเทียบจ�ำ นวนสัตวแ์ ตล่ ะชนิดโดยใชแ้ ถบจ�ำ นวนในกรอบทา้ ยหนงั สอื เรียน
หนา้ 43 ครูและนกั เรียนร่วมกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ ง

การตรวจสอบความเข้าใจ 63

4. ตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนเปน็ รายบคุ คล 47
โดยใหน้ ักเรยี นเติมตวั เลขแสดงจ�ำ นวนเพ่อื แสดงการ
เปรยี บเทยี บจ�ำ นวนสองจ�ำ นวนตามตามหนงั สอื เรยี นหนา้ 44 09
ในแต่ละขอ้ อาจมีหลายค�ำ ตอบให้นกั เรยี นเลอื กตอบเพยี ง
คำ�ตอบเดียว ดงั น้ันค�ำ ตอบของนักเรียนแต่ละคนอาจ 55 8
ไมเ่ หมอื นกนั ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง
ถา้ พบว่ามีนักเรียนคนใดเตมิ คำ�ตอบไม่ถกู ต้องใหน้ กั เรยี น * คําตอบอาจแตกตา งจากนี้
มาฝกึ แก้ไขใหถ้ กู ต้อง จากน้นั ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั
สรปุ สงิ่ ทีไ่ ด้เรยี นรู้

ส่ิงท่ีไดเ้ รยี นรู้

เทา่ กบั ไมเ่ ท่ากับ มากกว่า นอ้ ยกว่า เป็นคำ�ท่ใี ช้
ในการเปรียบเทยี บจำ�นวน
จากนนั้ ใหน้ กั เรียนท�ำ แบบฝึกหัด 1.10 หน้า 29 - 31

| 35สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   

คมู่ ือครู รายวิชาพน้ื ฐาน คณติ ศาสตร์ บทท่ี 1 | จำ� นวนนบั 1 ถึง 10 และ 0
ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 1 เลม่ 1

1.11 การเรยี งล�ำ ดบั จ�ำ นวน 1 ถงึ 10 และ 0 (1ชว่ั โมง)

จุดประสงค์

เรยี งล�ำ ดับจำ�นวน 1 ถึง 10 และ 0

สอ่ื การเรยี นรู้

- แถบจ�ำ นวน 1 ถงึ 10

แนวการจดั การเรียนรู้
การพฒั นาความรู้

1. ครนู ำ�เข้าสู่บทเรียนโดยทบทวนการเปรียบเทยี บ
จำ�นวนสองจ�ำ นวนโดยใชแ้ ถบจ�ำ นวน เชน่ เปรยี บเทยี บ
5 กับ 7 แล้วให้นกั เรยี นแรเงาแถบจ�ำ นวนแสดงการ
เปรียบเทยี บ 5 กับ 7 ดงั นี้

1 2 3 4 5 6 7 8 9 10

1 2 3 4 5 6 7 8 9 10

จากแถบจ�ำ นวนครถู ามนกั เรยี นวา่ เปรียบเทยี บ 5 กับ 7 ไดอ้ ย่างไร นกั เรียนควรตอบไดว้ ่า
5 น้อยกวา่ 7 หรอื 7 มากกว่า 5 เมื่อนักเรยี นได้ทบทวนการเปรยี บเทยี บจำ�นวนสองจ�ำ นวน
โดยใช้แถบจำ�นวนแล้ว ครใู ห้นักเรียนเรยี งล�ำ ดบั จ�ำ นวนสามจ�ำ นวนโดยใช้ความร้เู ร่อื งการ
เปรยี บเทยี บจ�ำ นวนสองจำ�นวนโดยใชแ้ ถบจำ�นวน เชน่ เรียงล�ำ ดับ 1 5 3 จากนอ้ ยไปมาก
ครเู ขยี นรปู สเ่ี หลย่ี มส�ำ หรบั เตมิ ตวั เลขแสดงจ�ำ นวนทเ่ี รยี งล�ำ ดบั จากนอ้ ยไปมากสามรปู บนกระดาน ดงั น ้ี

ครถู ามนกั เรียนว่า ถา้ ต้องการเรยี งลำ�ดับจ�ำ นวนจากนอ้ ยไปมาก จำ�นวนที่ต้องเติมในรูปส่ีเหล่ยี ม
รปู แรกตอ้ งเป็นจ�ำ นวนท่ีนอ้ ยท่ีสดุ หรอื จ�ำ นวนทมี่ ากทสี่ ุด (จ�ำ นวนท่ีน้อยที่สดุ ) เพราะอะไร (เพราะ
ตอ้ งน�ำ จำ�นวนมาเรยี งล�ำ ดบั จ�ำ นวนจากน้อยไปมาก) จำ�นวนทตี่ ้องเติมในรปู ส่ีเหลี่ยมรูปสุดทา้ ย
ต้องเปน็ จ�ำ นวนท่ีนอ้ ยทส่ี ุดหรือจ�ำ นวนที่มากทสี่ ุด (จ�ำ นวนทม่ี ากที่สดุ ) เพราะอะไร (เพราะตอ้ งน�ำ
จ�ำ นวนมาเรียงลำ�ดับจำ�นวนจากน้อยไปมาก) จากนัน้ ครูเขียนบอกว่า จ�ำ นวนที่นอ้ ยทส่ี ุด กบั จำ�นวนท่ี
มากที่สดุ ใตร้ ูปสีเ่ หล่ียม ดังน้ี

จำ�นวนทนี่ อ้ ยท่ีสดุ จ�ำ นวนท่มี ากที่สุด

36 |    สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทที่ 1 | จ�ำนวนนบั 1 ถึง 10 และ 0 คมู่ อื ครู รายวชิ าพื้นฐาน คณิตศาสตร์
ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 1 เล่ม 1

ครตู ดิ แถบจ�ำ นวน 1 ถงึ 10 บนกระดาน แล้วสุ่มใหน้ ักเรยี นออกมาแรเงาแสดงจ�ำ นวน 1 5 และ 3
บนแถบจ�ำ นวนที่ตดิ บนกระดาน แล้วใช้การถาม-ตอบ ดังน้ี

1 2 3 4 5 6 7 8 9 10

1 2 3 4 5 6 7 8 9 10

1 2 3 4 5 6 7 8 9 10

จากแถบจำ�นวน
- จำ�นวนใดน้อยทส่ี ุด (1)
- จำ�นวนใดมากที่สดุ (5)
ครูสมุ่ ใหน้ ักเรยี นออกมาเติมตัวเลขแสดงจ�ำ นวนในรูปสีเ่ หล่ียมบนกระดาน ดังนี้

15

จำ�นวนที่นอ้ ยท่สี ดุ จำ�นวนท่ีมากท่ีสุด

- ในรปู สเ่ี หล่ียมรปู ทีอ่ ย่ตู รงกลางควรเตมิ จ�ำ นวนใด (3)
ครูสุ่มให้นักเรยี นออกมาเตมิ ตัวเลขแสดงจำ�นวนในรูปส่ีเหล่ยี มบนกระดาน ดงั น้ี

1 35

จ�ำ นวนท่ีน้อยทีส่ ุด จ�ำ นวนท่มี ากท่สี ุด

ครแู ละนักเรียนร่วมกนั เขยี นเรยี งล�ำ ดบั จำ�นวนจากน้อยไปมากได้ดังน้ ี 1 3 5
ครถู ามนกั เรียนว่า ถา้ ตอ้ งการเรยี งลำ�ดับจ�ำ นวนจากมากไปน้อยได้อย่างไร นักเรยี นควรตอบไดว้ า่
เรยี งลำ�ดบั จ�ำ นวนจากมากไปนอ้ ยได้ดงั น้ี 5 3 1
ครูให้นักเรียนสังเกตวา่ ถ้าต้องการเรียงลำ�ดับจำ�นวนสามจำ�นวนจากมากไปนอ้ ยหรือจากน้อยไปมาก
ให้หาจ�ำ นวนทมี่ ากที่สุดและจำ�นวนทน่ี อ้ ยท่สี ุดก่อน แล้วจงึ น�ำ จำ�นวนมาเรียงล�ำ ดับตามทก่ี ำ�หนด
ครยู กตวั อยา่ งการเรยี งลำ�ดบั จ�ำ นวนตามหนังสอื เรียนหนา้ 45 โดยใชก้ ารถาม-ตอบ ดังน้ี
- ในภาพมไี ขไ่ ก่ก่ีฟอง (5) ไขน่ กกระทาก่ีฟอง (8) ไขเ่ ปด็ กฟ่ี อง (4)
ครูติดแถบจ�ำ นวน 1 ถึง 10 บนกระดาน แล้วใหน้ กั เรยี นแรเงาแสดงจำ�นวนไข่แตล่ ะชนิดบนกระดาน

ดังนี้ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10

1 2 3 4 5 6 7 8 9 10

1 2 3 4 5 6 7 8 9 10
| 37สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   

คู่มือครู รายวิชาพ้ืนฐาน คณติ ศาสตร์ บทที่ 1 | จ�ำนวนนับ 1 ถงึ 10 และ 0
ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 1 เล่ม 1

ครูถามนักเรยี นว่า ถ้าต้องการเรยี งลำ�ดบั จ�ำ นวนไข่แต่ละชนิด ตอ้ งท�ำ อย่างไร (หาจ�ำ นวนที่มากที่สุด
และจำ�นวนที่นอ้ ยทีส่ ุด) จากแถบจำ�นวน
- จำ�นวนใดมากท่สี ดุ (8)
- จ�ำ นวนใดน้อยที่สดุ (4)
ครูเขียนจำ�นวนทมี่ ากท่สี ุดและจำ�นวนทน่ี อ้ ยท่สี ดุ ในรูป
ส่ีเหลี่ยมบนกระดาน ดังนี้

48

จ�ำ นวนทนี่ อ้ ยทีส่ ดุ จ�ำ นวนท่ีมากท่สี ดุ

- ในรปู สเ่ี หลย่ี มรปู ทอ่ี ยตู่ รงกลางควรเตมิ จ�ำ นวนใด (5)
ครสู ่มุ ให้นักเรยี นออกมาเติมตวั เลขแสดงจ�ำ นวนในรูปส่เี หล่ียม
บนกระดาน ดงั นี้

4 58

จ�ำ นวนทน่ี อ้ ยทีส่ ดุ จ�ำ นวนที่มากทสี่ ุด

ครแู ละนกั เรียนร่วมกันเขยี นเรียงลำ�ดับจ�ำ นวนไข่จากมากไปน้อยได้ดังน ้ี 8 5 4 หรอื เรยี งล�ำ ดับ
จำ�นวนไขจ่ ากน้อยไปมากได้ดังนี้ 4 5 8
จากน้นั ครยู กตวั อยา่ งการเรยี งล�ำ ดบั จำ�นวนสามจ�ำ นวนเพิ่มเติมอกี 2-3 ตัวอยา่ ง โดยพิจารณาจาก
แถบจำ�นวน 1 ถึง 10 แลว้ ใหห้ าจ�ำ นวนทมี่ ากทส่ี ดุ และจ�ำ นวนที่น้อยทส่ี ดุ แล้วเขียนเรยี งล�ำ ดับจ�ำ นวน
ตามทกี่ �ำ หนด
2. ครยู กตวั อยา่ งการเรยี งล�ำ ดบั จ�ำ นวนสจ่ี �ำ นวนตามหนงั สอื เรียนหนา้ 46 โดยใชแ้ ถบจำ�นวน
และใชก้ ารถาม-ตอบ ดังนี้
- จากภาพนกั เรยี นเหน็ สตั วช์ นิดใดบา้ ง (แมว หนูตะเภา กระตา่ ย กระรอก)
- มีแมวกตี่ วั (6 ตวั ) มหี นตู ะเภากี่ตวั (2 ตวั ) มกี ระต่ายกตี่ วั (7 ตวั ) มกี ระรอกกี่ตวั (1 ตวั )
เรียงลำ�ดับจ�ำ นวนแมว หนตู ะเภา กระต่าย กระรอก โดยนำ� 6 2 7 1 มาเรยี งลำ�ดบั จ�ำ นวนจากมาก
ไปน้อยและจากน้อยไปมาก ดงั น้ี
ครตู ดิ แถบจ�ำ นวน 1 ถึง 10 บนกระดาน แล้วส่มุ ใหน้ กั เรียนออกมาแรเงาแสดงจ�ำ นวนสัตว์แตล่ ะชนิด

บนแถบจำ�นวนทต่ี ิดบนกระดาน แลว้ ใช้การถาม-ตอบ ดังน้ี

1 2 3 4 5 6 7 8 9 10

1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 จากแถบจำ�นวน
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 - จำ�นวนใดนอ้ ยท่ีสดุ (1)
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 - จ�ำ นวนใดมากท่ีสดุ (7)

38 |    สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทท่ี 1 | จ�ำนวนนบั 1 ถงึ 10 และ 0 ค่มู อื ครู รายวิชาพน้ื ฐาน คณติ ศาสตร์
ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 1 เลม่ 1

ครสู ุ่มใหน้ ักเรยี นออกมาเติมตวั เลขแสดงจ�ำ นวนในรปู ส่ีเหลย่ี มบนกระดาน ดงั น้ี

17

จ�ำ นวนท่ีน้อยที่สุด จ�ำ นวนทีม่ ากที่สุด

- เมอื่ เติม 1 และ 7 ในรูปส่เี หลยี่ มแลว้ เหลอื จำ�นวนใดบ้างทต่ี อ้ งน�ำ มาเรียงล�ำ ดับ ( 2 กบั 5)
- น�ำ 2 กบั 5 มาเปรียบเทยี บกนั ได้อย่างไร ( 2 นอ้ ยกวา่ 5)
ครสู มุ่ ใหน้ กั เรียนออกมาเตมิ ตัวเลขแสดงจำ�นวนในรปู สี่เหลยี่ มบนกระดาน ดงั น้ี

1257

จำ�นวนท่นี อ้ ยท่ีสดุ จำ�นวนทีม่ ากที่สดุ

ครูและนักเรียนร่วมกนั เขียนเรยี งลำ�ดับจำ�นวนจากน้อยไปมากไดด้ ังน้ี 1 2 5 7

หรอื เรยี งล�ำ ดบั จ�ำ นวนจากมากไปนอ้ ยได้ดังนี ้ 7 5 2 1

ครใู ห้นักเรียนสังเกตว่า ถ้าตอ้ งการเรียงล�ำ ดับจ�ำ นวนสี่จ�ำ นวนจากมากไปนอ้ ยหรอื จากน้อยไปมาก

ให้หาจำ�นวนที่มากท่สี ุดและจ�ำ นวนทีน่ ้อยที่สุดก่อน แลว้ จึงน�ำ จ�ำ นวนทเี่ หลอื มาเปรยี บเทียบกัน แลว้

จงึ เขยี นเรียงล�ำ ดับจ�ำ นวนตามท่กี �ำ หนด จากนัน้ ครูยกตวั อย่างการเรียงลำ�ดับจ�ำ นวนสจ่ี ำ�นวนเพ่ิมเตมิ

อีก 2-3 ตวั อยา่ ง

3. ครอู าจใหน้ กั เรียนจบั คแู่ ละช่วยกนั เรียงล�ำ ดบั

จ�ำ นวนสามจำ�นวนและเรยี งล�ำ ดับจำ�นวนสี่จำ�นวน

ตามหนงั สอื เรยี นหน้า 47 โดยครอู าจแจกแถบจ�ำ นวน

1 ถึง 10 ใหน้ ักเรยี นแตล่ ะคูแ่ รเงาในแถบจำ�นวนแสดง 10 5
จ�ำ นวนต่าง ๆ ที่น�ำ มาเรยี งล�ำ ดบั ในแต่ละข้อ แลว้ เขยี น
ตวั เลขแสดงจ�ำ นวนลงในรปู สี่เหล่ียมทีก่ �ำ หนดให้ 10 8 5

5 8 10

เพื่อเป็นแนวทางในการเรยี งลำ�ดบั จำ�นวน เชน่ ข้อ 1

ตอ้ งการเรยี งลำ�ดับจำ�นวนสามจ�ำ นวน คอื 8 5 10

ครูอาจถามเป็นแนวทางวา่ ตอ้ งหาจำ�นวนท่ีมากทีส่ ดุ และ 61
จำ�นวนท่ีน้อยทส่ี ุดก่อนแล้วนำ�จำ�นวนเหล่าน้ันไปเขยี นใน 34
รูปสเี่ หลี่ยมตามทกี่ �ำ หนด ครอู าจสุม่ นักเรียนบางคู่ออกมา
4 33 4
6 431
1 346

น�ำ เสนอวิธีเรียงล�ำ ดับจ�ำ นวนในแตล่ ะข้อจนครบทกุ ขอ้

ครูและนกั เรยี นร่วมกันตรวจสอบความถกู ตอ้ ง และรว่ มกนั

สรปุ เกีย่ วกบั การเรียงลำ�ดับจ�ำ นวน ดงั น้ี การเรยี งลำ�ดับจ�ำ นวนอาจเรยี งลำ�ดับจำ�นวนจากมากไปนอ้ ย

หรอื จากนอ้ ยไปมาก โดยพจิ ารณาจ�ำ นวนทม่ี ากทส่ี ดุ และจ�ำ นวนทน่ี อ้ ยทส่ี ดุ กอ่ น แลว้ น�ำ จ�ำ นวนทเ่ี หลอื

มาเปรยี บเทยี บกัน

| 39สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   

ค่มู ือครู รายวชิ าพืน้ ฐาน คณติ ศาสตร์ บทท่ี 1 | จ�ำนวนนับ 1 ถึง 10 และ 0
ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 1 เล่ม 1
962
การตรวจสอบความเข้าใจ 269
8740
4. ตรวจสอบความเข้าใจของนกั เรยี นเป็นรายบคุ คล 0478
โดยใหน้ ักเรยี นเรียงล�ำ ดบั จำ�นวนทกี่ �ำ หนดให้ตาม
หนังสอื เรียนหน้า 48 ครแู ละนักเรียนรว่ มกันตรวจสอบ
ความถกู ต้อง ถ้าพบว่ามนี ักเรียนคนใดเรยี งลำ�ดับจำ�นวน
ไมถ่ ูกตอ้ ง ให้แก้ไขให้ถกู ตอ้ ง โดยครูอาจใหน้ กั เรยี นใชแ้ ถบ
จ�ำ นวนแรเงาแสดงจำ�นวนทจ่ี ะน�ำ มาเรยี งลำ�ดบั กันกอ่ น
พจิ ารณาจากแถบจ�ำ นวนแล้วเรียงลำ�ดบั จ�ำ นวนใหม่
ใหถ้ กู ต้อง จากนน้ั ครูและนกั เรยี นรว่ มกันสรุปสง่ิ ทไ่ี ดเ้ รยี นรู้

ส่ิงทไ่ี ด้เรยี นรู้

การเรยี งล�ำ ดบั จำ�นวนอาจเรยี งลำ�ดับจ�ำ นวนจากมาก
ไปน้อยหรือจากน้อยไปมาก โดยพิจารณาจ�ำ นวนท่มี ากทีส่ ุด
และจ�ำ นวนท่นี ้อยทีส่ ดุ ก่อน แล้วนำ�จำ�นวนท่เี หลือมา
เปรยี บเทียบกนั
จากนัน้ ให้นกั เรยี นทำ�แบบฝกึ หดั 1.11 หนา้ 32 - 34

40 |    สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทที่ 1 | จำ� นวนนับ 1 ถึง 10 และ 0 คูม่ อื ครู รายวชิ าพื้นฐาน คณติ ศาสตร์
ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 1 เล่ม 1

1.12 ความสัมพันธ์แบบส่วนย่อย – ส่วนรวมของจำ�นวน 0 ถึง 5 (1 ชัว่ โมง)

จดุ ประสงค์

เขยี นตัวเลขแสดงความสัมพันธแ์ บบส่วนยอ่ ย – สว่ นรวมของจ�ำ นวน 0 ถึง 5

สอ่ื การเรียนรู้

- วดี ิทศั นเ์ รอื่ งความสัมพันธ์แบบสว่ นย่อย – ส่วนรวม
- ใบกิจกรรมและแบบบนั ทึกกิจกรรม
- ตัวนับ

แนวการจดั การเรยี นรู้
การพัฒนาความรู้

1. ครูอาจศึกษาวดี ทิ ศั นเ์ ร่ืองความสมั พนั ธ์แบบ
สว่ นย่อย – ส่วนรวมกอ่ น โดยสแกน QR Code จาก
หนังสอื เรยี นหน้า 49 ครอู าจนำ�เขา้ สบู่ ทเรียนโดยให้
นกั เรยี นแสดงตวั นบั ตามจ�ำ นวนทก่ี �ำ หนด เชน่ ครกู �ำ หนด 3
แล้วใหน้ กั เรียนแสดงตัวนบั ใหเ้ ท่ากับ 3 ครถู ามนักเรียนวา่
แสดงตัวนบั ให้เท่ากับ 3 ไดอ้ ย่างไรบ้าง นักเรียนสว่ นใหญ่
อาจตอบว่า นบั จ�ำ นวนตวั นบั มา 3 อัน แล้ววางตัวนับ 3 อนั
นกั เรียนบางคนอาจวางตวั นบั ทลี ะอันจนครบ 3 อัน
นกั เรียนบางคนอาจวาง 2 อนั แลว้ วาง 1 อัน ครูชแ้ี จงว่า สามารถวางตัวนับแสดงจ�ำ นวน 3 ได้
หลายแบบจากนัน้ ครใู หน้ ักเรยี นทำ�กจิ กรรมความสัมพนั ธแ์ บบส่วนย่อย-ส่วนรวมของจำ�นวน 0 ถึง 5
โดยแจกตัวนบั ให้นักเรยี นคนละ 5 อัน ใบกิจกรรมคนละ 1 ใบ และแบบบนั ทกึ กจิ กรรมคนละ 1 ชุด
ครใู ห้นกั เรียนแตล่ ะคนวางตวั นับ 5 อัน ในใบกจิ กรรมช่องบนสุด แล้วแยกตัวนบั 5 อนั ออกเป็น
2 กอง กองละเทา่ ไรก็ได้ ให้อยู่ใน 2 ชอ่ งลา่ งในใบกิจกรรม เช่น

| 41สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   

คมู่ ือครู รายวิชาพืน้ ฐาน คณิตศาสตร์ บทท่ี 1 | จ�ำนวนนับ 1 ถงึ 10 และ 0
ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 1 เลม่ 1

ครใู ห้นักเรียนบันทึกจ�ำ นวนตวั นบั ท่แี ยกออกมาเป็น 2 กอง ลงในใบกิจกรรม เชน่ เมอื่ แยกตวั นับได้
ดงั รูป เขียนบนั ทกึ จำ�นวนตวั นบั ลงในแบบบันทกึ กิจกรรมไดด้ ังนี้

5

32

จากนน้ั ครใู หน้ กั เรยี นรวมตวั นบั เปน็ 5 อนั เหมอื นเดมิ 12 03
แลว้ แยกตวั นบั 5 อนั ออกเปน็ 2 กอง ทต่ี า่ งจากแบบแรก 21 30
แลว้ บนั ทกึ จ�ำ นวนตวั นับลงในแบบบนั ทึกกจิ กรรม ทำ�เช่นนี้
ไปจนครบทุกแบบ เชน่ ถา้ มตี วั นับ 5 อัน นกั เรียนสามารถ 02 11 20
แยกเป็น 2 กอง และบนั ทกึ ผลลงในแบบบันทึกกิจกรรม
ครบทกุ แบบไดด้ ังน้ี 01
10
555

1 51 42 3

ครแู นะนำ�ว่า 5 เปน็ ส่วนรวม 0 กบั 5 1 กับ 4 และ
2 กับ 3 เปน็ ส่วนย่อยของ 5 อาจเขียน 0 กับ 5
แสดงความสัมพันธแ์ บบสว่ นย่อย-ส่วนรวมของ 5 ไดเ้ ป็น

55 04 13 22

หรอื
05 50
31 40

ดังนน้ั ในการเขียน 0 กบั 5 แสดงความสัมพันธแ์ บบ 01 2
สว่ นย่อย-ส่วนรวมของ 5 อาจเขยี นแบบใดแบบหนึง่ 3
จากขา้ งตน้ ก็ไดถ้ ือวา่ เปน็ แบบเดียวกนั 54 5
34 0

2. ครูใหน้ ักเรียนใชต้ วั นบั ตามจำ�นวนทีก่ �ำ หนดใน 21

หนังสือเรียนหนา้ 50 - 51 แล้วทำ�กิจกรรมแยกตัวนบั เปน็

2 กอง เช่นเดยี วกับข้อ 1 และบันทกึ ผลการแยกตวั นบั ลง

ในแบบบันทึกกจิ กรรม ทำ�กิจกรรมเช่นน้ีจนครบทกุ จ�ำ นวน

เชน่ ก�ำ หนดตวั นบั 4 อนั แลว้ ใหแ้ ยกตวั นบั เปน็ 2 กอง และ

บนั ทกึ จ�ำ นวนตวั นบั ทแ่ี ยกเปน็ 2 กองลงในแบบบนั ทกึ กจิ กรรมจนครบทกุ แบบ ดงั น้ี

4 4 4
04 13 22

42 |    สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทท่ี 1 | จ�ำนวนนบั 1 ถึง 10 และ 0 ค่มู ือครู รายวชิ าพนื้ ฐาน คณติ ศาสตร์
ช้ันประถมศึกษาปีที่ 1 เล่ม 1

นกั เรียนอาจเขยี นความสัมพันธ์แบบส่วนยอ่ ย-สว่ นรวมท่เี ปน็ แบบเดยี วกันกไ็ ด้ เช่น

44444

0 44 02 21 33 1

จากนน้ั ครคู วรแนะนำ�วา่ แบบไหนบา้ งทเ่ี ปน็ แบบเดยี วกัน สามารถเขียนไดแ้ บบใดแบบหนึ่ง
โดยไมจ่ ำ�เปน็ ตอ้ งเขียนทั้งสองแบบ

การตรวจสอบความเข้าใจ 1 1
0 3
3. ตรวจสอบความเข้าใจของนกั เรยี นเปน็ รายบุคคล 0
โดยให้นกั เรียนเตมิ ตัวเลขแสดงความสัมพันธ์แบบ 1 30
สว่ นย่อย – สว่ นรวมของจำ�นวน 0 ถึง 5 ตามหนงั สอื เรียน 4 4
หนา้ 52 จากนั้นครแู ละนักเรยี นร่วมกันตรวจสอบ
ความถกู ตอ้ ง ถ้าพบวา่ มนี ักเรียนคนใดเตมิ ตัวเลขแสดง 4
ความสัมพันธ์แบบสว่ นย่อย – สว่ นรวมของจ�ำ นวน 0 ถงึ 5
ไมถ่ กู ต้อง ครูอาจให้นกั เรยี นแก้ไขโดยใช้ตวั นบั ใหเ้ ท่ากับ 20
จำ�นวนท่เี ป็นส่วนรวมแล้วแยกตวั นับเปน็ 2 กอง * คาํ ตอบอาจแตกตา งจากนไ้ี ด
กองแรกเทา่ กับจ�ำ นวนทกี่ ำ�หนดใหแ้ ละบันทกึ จำ�นวนตัวนบั
อกี กองท่ีแยกได้ลงในข้อท่แี ก้ไขนน้ั หรือ เมอื่ ก�ำ หนดจ�ำ นวน
ท่ีเปน็ ส่วนยอ่ ยสองจ�ำ นวน ใหแ้ ยกตัวนบั ออกเปน็ 2 กอง
เทา่ กับจ�ำ นวนท่ีกำ�หนดเมื่อน�ำ ตัวนบั 2 กองมารวมกัน
ก็จะไดจ้ ำ�นวนท่ีเป็นสว่ นรวมของจำ�นวนทีก่ ำ�หนดใหน้ ้ัน
จากนน้ั ครูและนักเรยี นร่วมกันสรุปสงิ่ ทไี่ ดเ้ รียนรู้

สิง่ ท่ีได้เรียนรู้

ความสัมพนั ธ์แบบส่วนย่อย – สว่ นรวมของจ�ำ นวน 0 ถงึ 5 เปน็ การเขยี นแสดงจำ�นวนทเี่ ป็น
ส่วนรวมและจำ�นวนทเ่ี ปน็ สว่ นย่อยของจำ�นวน 0 ถึง 5 เชน่ 5 เปน็ สว่ นรวม 1 กบั 4 หรือ 2 กับ 3
หรอื 0 กับ 5 เปน็ ส่วนยอ่ ยของ 5
จากนน้ั ให้นกั เรียนทำ�แบบฝกึ หดั 1.12 หนา้ 35 - 37

| 43สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   

คมู่ อื ครู รายวิชาพ้นื ฐาน คณติ ศาสตร์ บทที่ 1 | จ�ำนวนนับ 1 ถงึ 10 และ 0
ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 1 เลม่ 1

1.13 ความสัมพนั ธแ์ บบสว่ นย่อย – สว่ นรวมของจำ�นวน 6 ถงึ 10 (1 ช่ัวโมง)

จุดประสงค์

เขียนตัวเลขแสดงความสัมพนั ธแ์ บบสว่ นยอ่ ย – สว่ นรวมของจำ�นวน 6 ถงึ 10

สื่อการเรียนรู้

- ใบกจิ กรรมและแบบบนั ทกึ กจิ กรรม
- ตวั นบั

แนวการจดั การเรียนรู้ 0 10 1 9 2 8
การพัฒนาความรู้

1. ครนู �ำ เข้าสูบ่ ทเรียนโดยใหน้ กั เรยี นเขยี นความสมั พนั ธ์

แบบสว่ นย่อย – ส่วนรวมของ 4 โดยใช้การถาม-ตอบ ดงั น้ี

4 374655

87

65 10

- จำ�นวนใดเป็นส่วนรวม (4)
- สว่ นยอ่ ยของ 4 มจี �ำ นวนใดบา้ ง (0 กบั 4 1 กบั 3 2 กบั 2 )
จากน้ันครูให้นกั เรียนจบั คู่กันท�ำ กิจกรรม จดั คู่ 10 โดยแจกตวั นบั ใหน้ ักเรยี นคู่ละ 10 อัน ใบกิจกรรม
คลู่ ะ 1 ใบ และแบบบันทึกกิจกรรมคลู่ ะ 1 ชุด ตามหนงั สอื เรยี นหนา้ 53 ให้นกั เรยี นแตล่ ะคู่
วางตวั นับ 10 อัน ในช่องบนสุดของใบกิจกรรม แลว้ แยกตัวนบั เป็นสองกองเล่ือนลงมาช่องล่างสุดใน
ใบกจิ กรรม และบนั ทกึ จ�ำ นวนตวั นบั ทง้ั สองกองลงในแบบบนั ทกึ กจิ กรรม ท�ำ เชน่ นจ้ี นครบทกุ แบบ ดงั น้ี

10 10 10 10 10 10

0 10 1 92 83 74 65 5

ครูและนกั เรยี นร่วมกันสรุปว่า 10 เป็นส่วนรวม 0 กบั 10 1 กับ 9 2 กับ 8 3 กบั 7 4 กบั 6
และ 5 กบั 5 เป็นสว่ นยอ่ ยของ 10
2. ครใู หน้ ักเรยี นแตล่ ะคู่ใช้ตัวนับตามจ�ำ นวนที่กำ�หนดในหนังสอื เรียนหนา้ 54 – 55 แล้วให้
นักเรียนจดั ตัวนับตามจำ�นวนท่กี ำ�หนดใหใ้ นแตล่ ะข้อ แยกเป็น 2 กอง แล้วบันทึกผลที่ไดล้ งใน
แบบบนั ทกึ กจิ กรรม ครอู าจใหแ้ นวทางการท�ำ กจิ กรรม เชน่ ครถู ามนกั เรยี นวา่ ขอ้ 1 ตอ้ งใชต้ วั นบั กอ่ี นั
(9 อนั ) แยกตัวนบั 9 อนั ออกเปน็ 2 กอง โดยกองหน่งึ ให้มจี �ำ นวนตวั นบั เท่ากับจำ�นวนที่กำ�หนดให้
ในแบบบนั ทึกกจิ กรรม 0 1 2 3 หรือ 4 แล้วบนั ทึกจำ�นวนตวั นบั อีกกองหนงึ่ ลงในแบบบันทึก
กิจกรรม จนครบทกุ จำ�นวน ครูใหน้ กั เรยี นสงั เกตวา่ จำ�นวนท่ีกำ�หนดใหใ้ นแบบบนั ทกึ กจิ กรรมเป็น
จ�ำ นวนทีเ่ ริ่มจาก 0 แล้วเพ่ิมขึน้ ทีละ 1 เปน็ 0 1 2 3 4 และจำ�นวนอกี จ�ำ นวนหนึง่ ท่นี ำ�มาเตมิ ใน
แบบบันทึกกจิ กรรมคือ 9 8 7 6 5 ตามล�ำ ดับ ซ่ึงเป็นจำ�นวนท่ีลดลงทีละ 1

44 |    สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทท่ี 1 | จำ� นวนนบั 1 ถึง 10 และ 0 ค่มู อื ครู รายวชิ าพ้ืนฐาน คณติ ศาสตร์
ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 1 เลม่ 1

9 8765 5 4 33 06

01234 0 10 1 9 28 37
87654 46 55 * คาํ ตอบอาจแตกตางจากนี้

0 1 23
7 6 54

จากนัน้ ครถู ามนกั เรยี นวา่ ในขอ้ 2 ตอ้ งใชต้ วั นบั กอ่ี นั (8 อนั ) ออกเปน็ 2 กอง ใหค้ รบทกุ แบบ แลว้ บนั ทกึ
จ�ำ นวนตวั นบั ทง้ั สองกองทแ่ี ยกไดล้ งในแบบบนั ทกึ กจิ กรรม ในขอ้ 3 ครจู ดั กจิ กรรมท�ำ นองเดยี วกนั กบั ขอ้ 2
จากนัน้ ครใู หน้ ักเรียนแต่ละคชู่ ว่ ยกันเตมิ ตวั เลขแสดงความสัมพนั ธ์แบบส่วนย่อย-สว่ นรวมของจ�ำ นวน
6 และ 10 ลงในแบบบันทึกกิจกรรมตามหนังสือเรียนหนา้ 54 และ 55 ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั
ตรวจสอบความถูกตอ้ ง

การตรวจสอบความเขา้ ใจ 6543
7777
3. ตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรยี นเปน็ รายบคุ คล
โดยใหน้ กั เรียนเติมตัวเลขแสดงความสัมพันธ์แบบ 8 765 4
ส่วนยอ่ ย – สว่ นรวมของจำ�นวน 6 ถึง 10 ตามหนังสอื เรียน 9 876 5
หน้า 56 ครูและนักเรยี นร่วมกันตรวจสอบความถูกตอ้ ง 10 9 8 7 6 5
ถา้ พบว่ามนี ักเรียนคนใดเติมตวั เลขแสดงจ�ำ นวนไม่ถูกตอ้ ง
ครูอาจให้นกั เรยี นแก้ไขโดยใช้ตวั นับให้เท่ากับจ�ำ นวนท่ีเป็น
ส่วนรวมแล้วแยกตัวนบั เปน็ 2 กอง โดยกองหน่งึ ใหม้ ตี วั นับ
ตามจำ�นวนทก่ี ำ�หนดให้ และอีกกองหนึง่ มจี ำ�นวนตวั นับเปน็
เท่าไรให้เติมจ�ำ นวนน้ันลงในข้อทแี่ ก้ไข หรอื ใหแ้ ยกตวั นบั
เป็น 2 กองเท่ากบั จำ�นวนท่ีเปน็ ส่วนย่อยแล้วน�ำ ตวั นับมา
รวมกนั กจ็ ะไดจ้ �ำ นวนทเ่ี ป็นส่วนรวม จากน้ันครแู ละนกั เรียน
รว่ มกันสรปุ สิง่ ทไี่ ด้เรยี นรู้

สงิ่ ท่ีไดเ้ รียนรู้

ความสัมพันธ์แบบสว่ นย่อย – สว่ นรวมของจำ�นวน 6 ถงึ 10 เปน็ การเขยี นแสดงจ�ำ นวนทีเ่ ป็น
สว่ นรวมและจำ�นวนท่ีเป็นสว่ นย่อยของจำ�นวน 6 ถึง 10 เชน่ 6 เป็นส่วนรวม 1 กบั 5 หรอื 2 กับ 4

หรือ 3 กบั 3 หรือ 0 กับ 6 เปน็ ส่วนยอ่ ยของ 6

จากน้นั ให้นักเรียนทำ�แบบฝึกหัด 1.13 หน้า 38 - 40
| 45สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   

คู่มอื ครู รายวิชาพนื้ ฐาน คณิตศาสตร์ บทที่ 1 | จ�ำนวนนบั 1 ถึง 10 และ 0
ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 1 เล่ม 1

1.14 การบอกจ�ำ นวนโดยไมต่ อ้ งนบั (1 ชวั่ โมง)
จุดประสงค์
บอกจ�ำ นวนโดยไมต่ ้องนับ
สื่อการเรยี นรู้

- บตั รภาพ
- ลูกเตา๋
- แบบบนั ทึกกิจกรรม

แนวการจัดการเรยี นรู้
การพฒั นาความรู้

1. ครูนำ�เขา้ สู่บทเรียนโดยการนับและบอกจำ�นวน
ของส่งิ ต่าง ๆ เชน่ ครตู ิดบัตรภาพยรี าฟบนกระดาน
แล้วใช้การถาม-ตอบ

- มยี รี าฟกีต่ วั (10 ตวั )
- รู้ไดอ้ ย่างไรวา่ มยี ีราฟ 10 ตัว (ไดจ้ ากการนบั )
จากน้ันครูแบ่งนักเรียนเปน็ กล่มุ แจกลกู เตา๋ ใหน้ กั เรียนกลุ่มละ 1 ลกู และแบบบนั ทกึ กิจกรรม
กลุม่ ละ 1 ใบ ตามหนงั สอื เรียนหนา้ 57 ใหน้ กั เรียนท�ำ กิจกรรม “สนกุ กบั ลกู เตา๋ ” 3 กจิ กรรม ดังนี้
กจิ กรรมที่ 1 ครูให้นกั เรียนแต่ละกลุ่มช่วยกนั นบั จำ�นวนจดุ และสังเกตการวางจดุ บนหน้าลกู เตา๋
แตล่ ะหน้า แล้วเขยี นจุดที่มกี ารวางจดุ แบบเดียวกบั จดุ ท่ีอยูบ่ นหนา้ ลกู เต๋าแตล่ ะหนา้ ลงในแบบบนั ทึก
กจิ กรรม ใหค้ รบทง้ั 6 หนา้ ครูควรเดนิ ดนู ักเรยี นเพอื่ ตรวจสอบการเขียนจุดและเน้นย้ำ�ให้นกั เรยี น
สงั เกตลักษณะการวางจดุ บนหน้าลกู เตา๋ ทกุ หนา้ เช่น หนา้ ลูกเตา๋ หนา้ ทม่ี ี 5 จุด มีการวางจดุ ดังน้ี

กิจกรรมท่ี 2 ครใู หน้ กั เรียนในกล่มุ ผลัดกันโยนลกู เตา๋ และให้สมาชิกในกลุ่มบอกจ�ำ นวนจุดบน
หน้าลูกเต๋าใหถ้ ูกต้องและรวดเรว็

46 |    สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทที่ 1 | จ�ำนวนนับ 1 ถงึ 10 และ 0 คู่มอื ครู รายวิชาพน้ื ฐาน คณิตศาสตร์
ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 1 เลม่ 1
กิจกรรมที่ 3 ครูโยนลกู เตา๋ ที่มขี นาดใหญ่หน้าหอ้ งเรยี น
แลว้ ให้นกั เรยี นบอกจ�ำ นวนจดุ บนหน้าลูกเตา๋ ใหถ้ ูกตอ้ งและ
รวดเรว็ ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายเกย่ี วกบั การนบั และ
บอกจ�ำ นวนของจดุ บนหน้าลูกเต๋าแต่ละหน้า โดยใหส้ ังเกต
ว่ามใี ครท่สี ามารถบอกจ�ำ นวนจดุ บนหน้าลกู เตา๋ ไดอ้ ยา่ ง
รวดเรว็ บา้ ง แลว้ ให้คนน้นั อธบิ ายเกีย่ วกับการบอกจำ�นวน
จดุ บนหน้าลกู เตา๋ ไดถ้ กู ตอ้ งและรวดเร็วนน้ั มีวธิ นี บั อยา่ งไร
ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สรุปว่า จุดบนหนา้ ลูกเตา๋ แต่ละหน้า
เป็นการวางจดุ แบบเฉพาะทำ�ใหส้ ามารถจำ�ได้และ
บอกจำ�นวนไดโ้ ดยไมต่ อ้ งนับ
2. ครูชบู ัตรภาพแสดงจำ�นวนจุดในกิจกรรมบอก
จ�ำ นวนโดยไม่ตอ้ งนับ ตามหนงั สือเรยี นหน้า 58 แล้วให้
นักเรยี นแข่งขนั บอกจำ�นวนจุดในบัตรภาพใหเ้ ร็วทีส่ ดุ
ใครสามารถบอกจ�ำ นวนไดก้ ่อนและถูกตอ้ งจะเป็นผชู้ นะ
จากนัน้ ครูและนักเรยี นร่วมกนั อภิปรายเก่ียวกบั การบอก
จ�ำ นวนจดุ ในบตั รภาพไดถ้ ูกตอ้ งและรวดเรว็ จากคนที่ชนะ
มากที่สดุ วา่ มวี ิธกี ารบอกจ�ำ นวนได้อยา่ งไร
3. ครใู หน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ บอกจ�ำ นวนสตั วใ์ นบตั รภาพ
ตามหนงั สอื เรยี นหนา้ 59 โดยให้นักเรยี นสงั เกตลักษณะ
การเรยี งกนั ของรปู สตั วแ์ ตล่ ะชนดิ ในภาพ ดภู าพแตล่ ะภาพ
ไปพรอ้ ม ๆ กนั ทลี ะขอ้ แลว้ บอกจ�ำ นวนใหถ้ กู ตอ้ งและรวดเรว็
ครูควรชมเชยนกั เรยี นที่ตอบได้รวดเร็ว และควรถามว่า
สงั เกตภาพอย่างไรจึงตอบได้ถกู ต้องและรวดเรว็

| 47สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   

คมู่ ือครู รายวิชาพน้ื ฐาน คณติ ศาสตร์ บทที่ 1 | จำ� นวนนบั 1 ถึง 10 และ 0
ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 1 เล่ม 1

การตรวจสอบความเขา้ ใจ

4. ตรวจสอบความเข้าใจของนกั เรียนเปน็ รายบุคคล
โดยให้นกั เรยี นแต่ละคนบอกจ�ำ นวนของสงิ่ ต่าง ๆ ในบตั รภาพ
โดยไม่ตอ้ งนับ และโยงเส้นจับคูจ่ �ำ นวนกับภาพโดยไม่ตอ้ งนับ
ตามหนังสอื เรยี นหนา้ 60 จากนนั้ ครูและนกั เรียนร่วมกนั
ตรวจสอบความถูกตอ้ งและร่วมกันสรุปสง่ิ ทไ่ี ด้เรียนรู้

สง่ิ ทไ่ี ดเ้ รียนรู้

การบอกจำ�นวนของส่งิ ตา่ ง ๆ ได้อย่างรวดเรว็ โดยไมต่ อ้ งนบั
อาจอาศยั การสังเกตลักษณะการวางของสิ่งตา่ ง ๆ
จากนน้ั ให้นกั เรียนท�ำ แบบฝกึ หดั 1.14 หนา้ 41 - 43

48 |    สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทที่ 1 | จำ� นวนนับ 1 ถึง 10 และ 0 คู่มือครู รายวิชาพ้ืนฐาน คณติ ศาสตร์
ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 1 เลม่ 1

ร่วมคิดรว่ มทำ� (1 ชว่ั โมง)
กจิ กรรม เกมลา่ ขมุ ทรพั ย์

ส่อื การเรียนรู้

สอ่ื เพ่มิ เติมหนา้ 61 24 6 ๓
* คําตอบอาจแตกตางจากน้ี
เตรยี มสถานท่ี

ใชห้ อ้ งเรียนตามปกติ
2 3 6 7 9 10
วธิ ีจัดกจิ กรรม

1. ครใู ห้นกั เรียนจบั คู่กนั แลว้ แจกใบกจิ กรรม เกมล่า 8632
ขมุ ทรัพย์ ตามหนงั สอื เรียนหน้า 61 แลว้ ให้นักเรยี นแต่ละคู่

ชว่ ยกันท�ำ กิจกรรม จนสามารถชว่ ยลิงเกบ็ มะพรา้ วได้สำ�เรจ็ 30
ครอู าจก�ำ หนดเวลาในการท�ำ กจิ กรรม และร่วมกนั 7 3 10

* คาํ ตอบอาจแตกตา งจากน้ี

ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง หรอื

2. ครูใหน้ กั เรียนจับค่แู ละชี้แจงว่า ในการชว่ ยลงิ ผ่าน

กอ้ นหินแตล่ ะกอ้ นนนั้ ใหแ้ ตล่ ะคชู่ ่วยกนั คิดและเตมิ คำ�ตอบให้เสรจ็ กอ่ น แลว้ ครูจะสุ่มนกั เรียนออกมา

เขียนค�ำ ตอบบนกระดาน เพอ่ื ร่วมกนั ตรวจสอบ

ความถูกต้อง จากนน้ั ครใู ห้นกั เรยี นแตล่ ะคู่ทำ�กจิ กรรมไปพร้อมกนั โดยใช้การถาม-ตอบ ดงั น้ี

- เกมนชี้ ือ่ ว่าเกมอะไร (เกมลา่ ขุมทรัพย์)

- ขุมทรัพยค์ ืออะไร (มะพร้าว)

- ใครเป็นผ้ลู า่ ขุมทรัพย์ (ลิงจ๋อ)

- นกั เรียนแต่ละคู่ต้องชว่ ยลิงจอ๋ อย่างไร (ชว่ ยลิงจ๋อเกบ็ มะพร้าวโดยตอ้ งผ่านก้อนหินแต่ละกอ้ น

ซ่งึ ต้องชว่ ยกันหาค�ำ ตอบให้ถกู ต้องจงึ จะสามารถผ่านกอ้ นหินแต่ละก้อนได้)

- จากจดุ เร่ิมตน้ ลิงจ๋อเดินไปพบก้อนหินกอ้ นแรกนกั เรยี นต้องท�ำ อะไร (เขยี นตัวเลขฮนิ ดอู ารบกิ

3 ตวั โดยไม่ซ้ำ�) ครูใหน้ กั เรียนแตล่ ะคเู่ ขียนตวั เลขฮนิ ดูอารบิก 3 ตวั ไม่ซ้ำ�กันลงในใบกิจกรรม แล้วให้

ตัวแทนออกมาเขียนคำ�ตอบของคู่ตนเอง ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันตรวจสอบความถกู ตอ้ ง

- ลงิ จอ๋ เดนิ ไปพบก้อนหนิ ก้อนที่สอง นักเรยี นต้องทำ�อะไร (เขยี นเจด็ และสามเป็นตวั เลขไทย)

ครสู มุ่ ให้นกั เรยี นออกมาเขยี นค�ำ ตอบบนกระดาน แล้วให้นกั เรียนแต่ละคู่ตรวจสอบความถูกตอ้ งของ

คูต่ นเอง ครูจัดกิจกรรมเชน่ นไี้ ปจนลงิ จ๋อถึงก้อนหนิ ก้อนสุดทา้ ยและสามารถช่วยลิงจ๋อเกบ็ มะพรา้ วได้

สำ�เรจ็ จากนัน้ ครูใหน้ ักเรียนทำ�แบบฝกึ ท้าทายหนา้ 44

| 49สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   

คูม่ อื ครู รายวชิ าพ้นื ฐาน คณติ ศาสตร์ บทท่ี 1 | จ�ำนวนนบั 1 ถงึ 10 และ 0
ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 1 เลม่ 1
คณิตคดิ ทา้ ทาย
1.

มีขายีราฟท้ังหมด ................ขา
มขี านกกระจอกเทศทง้ั หมด ...................ขา
จ�ำ นวนขาของยรี าฟ..............ตวั เทา่ กับจำ�นวนขาของนกกระจอกเทศ.................ตวั


2.

ฉนั มลี ูก 9 ตัว
ฉนั มีลกู นอ้ ยกว่าลูกนก 5 ตัว
ฉนั มีลูกมากกว่าลกู ไก่ 2 ตวั

เรยี งล�ำ ดบั จำ�นวนของลูกไก่ ลูกนก และลกู ววั จากนอ้ ยไปมาก
…………………………………………………………………………………………

50 |    สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทท่ี 1 | จ�ำนวนนับ 1 ถึง 10 และ 0 คมู่ ือครู รายวิชาพ้นื ฐาน คณติ ศาสตร์
ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 1 เล่ม 1

ตวั อยา่ งแบบทดสอบทา้ ยบท

ตัวอยา่ งแบบทดสอบน้ีใชใ้ นการประเมินผลระหว่างเรียนเพอื่ พฒั นานกั เรียนหากมีนกั เรียน
คนใดทไ่ี มส่ ามารถท�ำ แบบทดสอบนไ้ี ดค้ รคู วรใหน้ กั เรยี นคนนน้ั ฝกึ ทกั ษะมากขน้ึ โดยอาจใชแ้ บบฝกึ เสรมิ
ในหนงั สือเสริมเพมิ่ ปัญญาของสสวท. หรือแบบฝกึ อื่นท่ีเห็นว่าสมควร ซงึ่ แบบทดสอบทา้ ยบทนี้
มีจ�ำ นวน 10 ข้อ คะแนนเต็ม 10 คะแนน ใช้เวลาในการท�ำ แบบทดสอบ 20 นาที และวเิ คราะห์
เปน็ รายจดุ ประสงค์ไดด้ ังนี้

จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ขอ้ ที่
1. บอกจ�ำ นวนสิ่งต่าง ๆ และแสดงส่งิ ต่าง ๆ ตามจ�ำ นวนที่กำ�หนด 1 ถงึ 10 และ 0 1-3
2. อา่ นและเขยี นตัวเลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย แสดงจ�ำ นวนนบั 1 ถงึ 10 และ 0 4-6
3. เปรยี บเทียบและเรยี งล�ำ ดบั จำ�นวนนับ 1 ถงึ 10 และ 0 7-10

ตวั อยา่ งแบบทดสอบทา้ ยบท บทที่ 1

เลอื ก ก ข หรอื ค ทเ่ี ป็นค�ำ ตอบทถ่ี ูกตอ้ ง
1. “อลั ปากา” เปน็ สตั วเ์ ลย้ี งลกู ดว้ ยนม ขนของอลั ปากาไดช้ อ่ื วา่ เปน็ ขนสตั วท์ น่ี มุ่ ทส่ี ดุ ในโลกจนไดร้ บั
การขนานนามวา่ “เสน้ ใยจากพระเจา้ ” ข้อใดแสดงจำ�นวนของอลั ปากาในภาพ ไดถ้ ูกตอ้ ง

ก. ข. ค.

2. ภาพใดแสดงจำ�นวนไข่ศนู ยฟ์ อง
ก. ข. ค.

| 51สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   

คู่มือครู รายวชิ าพ้ืนฐาน คณิตศาสตร์ บทที่ 1 | จำ� นวนนับ 1 ถึง 10 และ 0
ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 1 เล่ม 1

3. ภาพสัตว์ในข้อใดมีจำ�นวนสบิ ตัว

ก. ข. ค.


พิจารณาภาพใช้ตอบคำ�ถามข้อ 4 – 5

4. ข้อใดเขยี นแสดงจำ�นวนชา้ งทมี่ ใี นภาพดว้ ยตวั หนงั สือได้ถกู ตอ้ ง
ก. หนึง่ ข. สอง ค. สาม
5. ขอ้ ใดเขียนเปน็ ตวั เลขฮินดูอารบกิ ตัวเลขไทย และตวั หนังสือแสดงจำ�นวนสัตว์ทั้งหมดในภาพ
ได้ถกู ต้อง
ก. 9 ๙ แปด ข. 8 ๙ เก้า ค. 9 ๙ เกา้
6. จากภาพแสดงความสมั พันธ์แบบสว่ นยอ่ ย – ส่วนรวมของ 9 จำ�นวนใน คือจำ�นวนใด


9

ก. 2 กับ 5 ข. 4 กบั 5 ค. 5 กับ 5

52 |    สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทที่ 1 | จ�ำนวนนบั 1 ถึง 10 และ 0 คูม่ ือครู รายวิชาพนื้ ฐาน คณติ ศาสตร์
ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 1 เลม่ 1
พิจารณาภาพใช้ตอบคำ�ถามข้อ 7 - 8

ใบที่ 1 ใบที่ 2

7. ข้อใดแสดงการเปรยี บเทียบจ�ำ นวนปลาทองในโหลใบที่ 1 และจ�ำ นวนปลาทองในโหลใบที่ 2

โดยใชแ้ ถบจ�ำ นวนไดถ้ กู ต้อง

ก. ข.

ค.

8. ข้อใดถกู ต้อง
ก. ปลาทองในโหลใบที่ 1 มจี ำ�นวนน้อยกว่าปลาทองในโหลใบท่ี 2
ข. ปลาทองในโหลใบท่ี 1 มจี �ำ นวนมากกวา่ ปลาทองในโหลใบท่ี 2
ค. ปลาทองในโหลใบท่ี 1 มจี ำ�นวนเทา่ กับปลาทองในโหลใบท่ี 2

ผเี ส้อื
ต๊กั แตน
แมลงเต่าทอง

9. ขอ้ ใดบอกชือ่ สัตวโ์ ดยการเรียงลำ�ดบั จำ�นวนจากสัตวท์ ม่ี จี ำ�นวนนอ้ ยไปหามากไดถ้ กู ตอ้ ง
ก. ผเี ส้ือ ตัก๊ แตน แมลงเต่าทอง
ข. ต๊กั แตน แมลงเต่าทอง ผเี สือ้
ค. ต๊กั แตน ผีเสอื้ แมลงเต่าทอง

10. ข้อใดเรียงลำ�ดับจ�ำ นวนจากมากไปหานอ้ ยไดถ้ ูกต้อง
ก. 9 6 5 2 ข. 9 8 6 7 ค. 8 7 6 9

เฉลยแบบทดสอบท้ายบท บทท่ี 1 6. ข 7. ก 8. ข 9. ค 10. ก
1. ค 2. ข 3. ก 4. ก 5. ค | 53สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   

ค่มู ือครู รายวชิ าพน้ื ฐาน คณิตศาสตร์ บทที่ 2 |การบวกจำ�นวนสองจ�ำ นวนท่ีมีผลบวกไม่เกิน 10
ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 1 เล่ม 1

บทท่ี 2 การบวกจ�ำ นวนสองจำ�นวน
ทผี่ ลบวกไมเ่ กิน 10

จดุ ประสงค์การเรยี นรแู้ ละสาระสำ�คญั

จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ สาระส�ำ คญั

นกั เรยี นสามารถ • จำ�นวนของสิ่งต่าง ๆ รวมกันสองจำ�นวน อาจบอก
จ�ำ นวนของทง้ั หมดไดด้ ว้ ยการบวกของสองจ�ำ นวนนน้ั
1. หาผลบวกในประโยคสญั ลกั ษณ์ จำ�นวนของทง้ั หมดเรียกวา่ ผลบวก ซ่ึงสามารถเขียน
แสดงการบวกของจ�ำ นวนนับไมเ่ กนิ แสดงการบวกด้วยประโยคสญั ลักษณ์ทีเ่ รียกว่า
10 และ 0 ประโยคสัญลักษณแ์ สดงการบวก ไดโ้ ดยใช้
(หัวขอ้ 2.1 ถึง 2.8) เครอ่ื งหมายบวก (+) และเครอื่ งหมายเทา่ กับ (=)

• จำ�นวนสองจ�ำ นวนบวกกนั อาจหาผลบวกโดยใช้
การนบั การวาดรปู การบวกจ�ำ นวนเดยี วกนั
การบวกใหค้ รบสบิ หรืออาจใชค้ วามสัมพันธ์
แบบส่วนย่อย-ส่วนรวมของจ�ำ นวน
ซึง่ ในการหาผลบวกของจำ�นวนใดกับ 0 หรอื
0 บวกกับจำ�นวนใด ผลบวกจะเท่ากบั จำ�นวนน้ัน
และจำ�นวนสองจ�ำ นวนบวกกัน เมอ่ื สลบั ทกี่ นั ผลบวก
ยงั คงเทา่ เดมิ

2. แสดงวธิ หี าคำ�ตอบของโจทย์ปญั หา • โจทย์ปัญหามสี ว่ นท่โี จทย์บอกและส่วนที่โจทย์ถาม
การบวกของจ�ำ นวนนบั ไมเ่ กนิ 10 และ 0 ซง่ึ ในการแกโ้ จทยป์ ญั หาท�ำ ไดโ้ ดยอา่ นท�ำ ความเขา้ ใจ
(หวั ขอ้ 2.9 ถงึ 2.11) ปญั หาวางแผนแก้ปญั หา หาค�ำ ตอบ และตรวจสอบ
ความสมเหตสุ มผลของคำ�ตอบ

54 |    สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทที่ 2 | การบวกจ�ำ นวนสองจ�ำ นวนทีม่ ีผลบวกไม่เกนิ 10 คู่มอื ครู รายวชิ าพ้ืนฐาน คณติ ศาสตร์
ช้ันประถมศึกษาปีที่ 1 เลม่ 1

การวเิ คราะห์เนอื้ หากับทกั ษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์

หัวขอ้ เน้อื หา เวลา ทักษะและกระบวนการ
(ชั่วโมง) ทางคณติ ศาสตร์

12345

เตรยี มความพร้อม 1 

2.1 การรวมจ�ำ นวนสองจ�ำ นวน 1 

2.2 การบวกและประโยคสัญลักษณแ์ สดงการบวก 1  

2.3 การหาผลบวกโดยใช้การวาดรปู 1 

2.4 ศนู ย์กบั การบวก 1 

2.5 การบวกจ�ำ นวนเดียวกัน 1 

2.6 การบวกท่ผี ลบวกเป็น 10 1 

2.7 ความสมั พันธแ์ บบส่วนย่อย – ส่วนรวม กับการบวก 1 

2.8 การบวกกบั การสลบั ที่ 1 

2.9 สถานการณก์ ารบวก 1  

2.10 โจทยป์ ญั หาการบวก 1 

2.11 การสร้างโจทย์ปัญหาการบวก 1  

ร่วมคิดรว่ มท�ำ 1  

j การแก้ปญั หา k การส่อื สารและการส่อื ความหมายทางคณิตศาสตร์ l การเชอื่ มโยง m การใหเ้ หตผุ ล n การคิดสรา้ งสรรค์

| 55สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   

คูม่ ือครู รายวิชาพ้ืนฐาน คณติ ศาสตร์ บทที่ 2 |การบวกจ�ำ นวนสองจำ�นวนที่มผี ลบวกไม่เกนิ 10
ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 1 เล่ม 1

ค�ำ สำ�คญั

การรวมจ�ำ นวนสองจำ�นวน การบวก ประโยคสญั ลักษณ์แสดงการบวก ผลบวก
เครื่องหมายบวก (+) เครอื่ งหมายเท่ากบั (=) การบวกให้ครบสบิ การสลับที่ สถานการณก์ ารบวก
โจทยป์ ญั หาการบวก การแกโ้ จทย์ปญั หาการบวก

ความรูห้ รือทกั ษะพ้นื ฐานของนักเรียน

1. จ�ำ นวนนับไม่เกิน 10 และ 0
2. การนบั และการบอกจำ�นวนไมเ่ กนิ 10 และ 0
3. การอ่านและเขียนตวั เลขแสดงจำ�นวนนับ 1 ถึง 10 และ 0
4. การวาดรปู
5. การใช้กรอบสิบ

ส่ือและแหล่งเรียนรู้

1. หนังสอื เรยี นหน้า 62 – 109
2. แบบฝกึ หัดหนา้ 45 – 71
3. ใบกจิ กรรม แบบบนั ทกึ กจิ กรรม บตั รภาพตา่ ง ๆ และอปุ กรณต์ า่ ง ๆ ทใ่ี ชป้ ระกอบกจิ กรรม ดงั น้ี

• ต วั นบั
• บ ัตรภาพ
• บ ัตรประโยคสญั ลักษณแ์ สดงการบวก
• กรอบสบิ
• แบบบนั ทึกกิจกรรม
• บ ัตรโจทย์ปญั หา
4. สื่อเพิ่มเติมหน้า 73 83 85 86 87 88 89 90 96 101 103 104 และ 105
(Dowload ไดจ้ าก QR code หน้า 62)

เวลาที่ใช้จดั การเรียนรู้ 13 ช่วั โมง

56 |    สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทที่ 2 | การบวกจ�ำ นวนสองจำ�นวนทมี่ ผี ลบวกไมเ่ กิน 10 คมู่ อื ครู รายวิชาพ้นื ฐาน คณติ ศาสตร์
ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 1 เล่ม 1
การจดั การเรยี นรู้
การเตรียมความพร้อม (1 ช่ัวโมง)

บทที่ 2 การบวกจาำ นวนสองจำานวน
ทผ่ี ลบวกไม่เกิน 10

เรียนจบบทนี้แลว้ นกั เรียนสามารถ โรงเรยี นของเรานา� อยู�

หาผลบวกในประโยคสัญลักษณ์แสดงการบวก
ของจำานวนนบั ไม่เกนิ 10 และ 0

แสดงวิธหี าคำาตอบของโจทย์ปญั หาการบวก
ของจำานวนนับไมเ่ กิน 10 และ 0

สอื่ เพม่ิ เตมิ

1. ใชภ้ าพในหนังสือเรียนหน้าเปดิ บทสนทนากับนักเรยี นเพอ่ื กระตุน้ ความสนใจในการน�ำ เข้า
สบู่ ทเรยี นเกีย่ วกับการบวกจำ�นวนสองจำ�นวนทีผ่ ลบวกไม่เกิน 10 โดยเปน็ สถานการณก์ ารเกบ็ ขยะ
ในโรงเรยี นซึง่ กำ�ลังมีนักเรยี นช่วยกันเกบ็ ขยะ โดยใช้การถาม-ตอบ เช่น

• ในภาพนกั เรยี นเห็นอะไรบ้าง
• นกั เรยี นและครูกำ�ลังท�ำ กจิ กรรมอะไร
• ถ ังขยะแต่ละสีมคี วามหมายวา่ อย่างไร
• ใบบวั และแก้วตากำ�ลงั ท้งิ ขยะมขี ยะอยู่ในมอื คนละกช่ี ิน้
• ขยะในมือของใบบวั และแกว้ ตามที ง้ั หมดเท่าไร
ในคำ�ถามสุดท้ายนกั เรยี นบางคนอาจจะตอบคำ�ถามได้ บางคนอาจจะตอบไมไ่ ด้ ครแู นะน�ำ วธิ ที ี่ใช้ใน
การหาค�ำ ตอบ โดยน�ำ เขา้ สู่บททเรียนนี้ ครอู าจน�ำ ขวดน้ำ�และตะกร้าหรอื กลอ่ ง โดยใช้มือท้ังสองข้าง
ถอื ขวดนำ�้ ใหข้ ้างใดข้างหนงึ่ เทา่ กับจำ�นวนขวดนำ้�ในมอื ของใบบัวและแก้วตา เช่น มอื ซ้ายถอื ขวดน�้ำ
2 ขวด มือขวาถอื ขวดน�้ำ 1 ขวด ครูถามนักเรียนวา่ มอื ซ้ายของครูมีขวดน้�ำ อยู่ก่ขี วด (2 ขวด) และ
มอื ขวามีขวดน้ำ�อยู่ก่ีขวด (1 ขวด) ครนู ำ�ขวดน�้ำ ใส่ลงในกลอ่ งพรอ้ มกับถามนกั เรียนว่าในกลอ่ งมี
ขวดน้�ำ ทั้งหมดกข่ี วด ครใู ห้นกั เรยี นนบั ขวดน้ำ�ท้ังหมดทีอ่ ยู่ในกลอ่ งพรอ้ มกัน แล้วบอกจำ�นวนขวดน�้ำ
ทงั้ หมด

| 57สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   

คู่มอื ครู รายวิชาพน้ื ฐาน คณติ ศาสตร์ บทท่ี 2 |การบวกจ�ำ นวนสองจ�ำ นวนทีม่ ผี ลบวกไมเ่ กิน 10
ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 1 เลม่ 1

2. ครูเตรียมความพร้อมโดยการจดั กจิ กรรม
“รวมเปน็ เทา่ ไร” ตามหนงั สอื เรียนหนา้ 64
โดยครแู จกตวั นับใหน้ ักเรียนคนละ 5 อนั แล้วให้นกั เรียน
จับค่กู ัน โดยใหแ้ ต่ละคนก�ำ ตัวนบั ไว้จำ�นวนเทา่ ไรก็ได้
แล้วนำ�ตัวนับออกมาวางบนโต๊ะพรอ้ มกัน แขง่ กันบอก
จ�ำ นวนตัวนับท้ังหมดที่ทง้ั สองคนวางบนโต๊ะหรือผลัดกนั
ตอบว่าจ�ำ นวนตัวนับทง้ั หมดเป็นเท่าไร ให้นักเรยี นแตล่ ะคู่
เลน่ หลาย ๆ รอบ เพือ่ ใหน้ ักเรียนฝึกการนับรวมกันไดค้ ลอ่ ง
และรวดเรว็ ซง่ึ ในการบอกจ�ำ นวนตวั นบั ทง้ั หมดทว่ี างบนโตะ๊
ครูอาจให้นักเรยี นใช้การนบั จ�ำ นวนตัวนบั ท้ังหมดรวมกนั
คล้ายกบั การนบั จ�ำ นวนขวดนำ�้ ในขน้ั การน�ำ เข้าสบู่ ทเรยี น

2.1 การรวมจำ�นวนสองจ�ำ นวน (1 ชัว่ โมง)

จุดประสงค์

นบั และบอกจ�ำ นวนของสง่ิ ตา่ ง ๆ ทน่ี �ำ มารวมกนั สองสง่ิ

สอื่ การเรยี นรู้

- ตัวนับ
- บตั รภาพ
- ตะกร้า

แนวการจัดการเรียนรู้

การพฒั นาความรู้

1. ครูน�ำ เขา้ สู่บทเรียนโดยการน�ำ ตวั นับมารวมกัน 8
แลว้ ให้หาจำ�นวนตวั นบั ทั้งหมดโดยใชก้ ารนบั รวมกัน

ครูแจกตัวนับใหน้ กั เรยี นคนละ 10 อนั ให้นกั เรียนชว่ ยกนั

หาจำ�นวนตวั นบั ท่นี ำ�มารวมกนั เชน่ ตวั นับ 3 อัน รวมกบั

ตวั นบั 2 อนั นบั รวมกนั เปน็ ตวั นบั ทง้ั หมดกอ่ี นั ครใู หน้ กั เรยี น

ท�ำ กิจกรรมจนไดข้ ้อสรุปร่วมกันวา่ หาตัวนับทงั้ หมดโดยใชก้ ารนบั จำ�นวนตัวนับทัง้ หมดรวมกัน

จากนั้นน�ำ บตั รภาพตามหนังสอื เรียนหนา้ 65 ตดิ บนกระดาน ใหน้ ักเรยี นนบั สงิ่ ของสองสง่ิ รวมกัน

และบอกจ�ำ นวนของส่งิ ของทงั้ หมด เช่น บัตรภาพใบบัวและออมสนิ ถือขวดทจี่ ะนำ�มาทิ้งลงในถงั ขยะ

โดยใช้การถาม-ตอบ ดงั นี้

- ใบบวั มีขวดน�ำ้ กขี่ วด (3 ขวด)

58 |    สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทท่ี 2 | การบวกจ�ำ นวนสองจ�ำ นวนทมี่ ีผลบวกไม่เกนิ 10 คมู่ ือครู รายวิชาพ้นื ฐาน คณิตศาสตร์
ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 1 เล่ม 1

- ออมสนิ มขี วดนำ้�กี่ขวด (1 ขวด)

- นับขวดน้ำ�ท้งั หมดรวมกนั ไดก้ ่ีขวด (4 ขวด)

- ดังนนั้ 3 รวมกับ 1 เป็นเทา่ ไร (4)

จากน้ันครูยกตวั อย่างเพิม่ เติมโดยใชบ้ ัตรภาพตามหนงั สอื เรียนหนา้ 65 ใหน้ กั เรยี นนบั สงิ่ ของสองสิ่ง

รวมกันและบอกจ�ำ นวนของสิ่งของทั้งหมด โดยครูควรเนน้ ย้ำ�เรอ่ื งการนับสง่ิ ของสองสง่ิ รวมกันวา่

เป็นการน�ำ จำ�นวนสองสงิ่ ของสิ่งน้ันมารวมกัน เชน่ บตั รภาพแกว้ ตากบั ตน้ กลา้ แก้วตามกี ลอ่ งนม

4 กล่อง ตน้ กล้ามีกลอ่ งนม 2 กล่อง นบั กลอ่ งนมรวมกันได้ 6 กล่อง น่ันคือ 4 รวมกับ 2 เป็น 6

ครูอาจสมุ่ นกั เรยี นออกมานบั ส่ิงของสองสงิ่ รวมกัน หรอื นับตวั นับรวมกนั เพือ่ ตรวจสอบความถูกต้อง

ครูและนกั เรียนรว่ มกันสรปุ ว่าเมือ่ น�ำ สงิ่ ของสองสง่ิ มารวมกนั

สามารถบอกจ�ำ นวนทั้งหมดได้โดยการนบั สง่ิ ของทัง้ หมด

รวมกัน

2. ครูยกตัวอยา่ งการนบั สิง่ ของรวมกันและบอก

จำ�นวนของสงิ่ ของทั้งหมด โดยการนำ�ส่งิ ของมาเพ่มิ อีก เช่น

ครใู ส่ตัวนบั ในตะกรา้ 3 อัน ครถู ามนักเรียนวา่ มีตัวนับใน

ตะกรา้ กอ่ี นั (3 อนั ) ครนู �ำ ตวั นบั มาใสใ่ นตะกรา้ เพม่ิ อกี 5 อนั

ครูถามนกั เรยี นวา่ ในตะกรา้ มตี ัวนบั ทัง้ หมดกอี่ ัน นกั เรียน

อาจตอบโดยใช้นำ�ตัวนับวางรวมกันแลว้ นับจ�ำ นวนทง้ั หมด

ครแู นะน�ำ นกั เรยี นวา่ การน�ำ สง่ิ ของมาเพม่ิ อกี ให้นบั ส่ิงน้ัน 10

ต่อจากจ�ำ นวนสง่ิ ของเดมิ ทม่ี ีอยจู่ ะเป็นการนบั ส่ิงของเพม่ิ

ทลี ะ 1 จะท�ำ ให้รูจ้ �ำ นวนของสิง่ ของท้งั หมดได้ ในทน่ี ีม้ ี

ตัวนับในตะกรา้ แลว้ 3 อัน ครใู ส่ตัวนบั เพิ่มอีก 5 อนั ครใู ห้

นกั เรียนนบั ตัวนบั ต่อจาก 3 จนครบทกุ อัน เปน็ 4 5 6 7

8 ดังนนั้ นบั ตวั นบั รวมกนั ทงั้ หมดได้ 8 อนั จากนัน้ ครู

ยกตัวอย่างการน�ำ สิ่งของมาเพิม่ อีกแลว้ นับรวมกนั เพือ่ บอกจำ�นวนท้ังหมดโดยใชบ้ ัตรภาพตาม

หนังสือเรียนหนา้ 66 เช่น มกี ระปอ๋ งสีอยใู่ นถงั ขยะแล้ว 3 น�ำ มาท้งิ เพ่ิมอีก 4 รวมมกี ระป๋องสีทงั้ หมด

เป็นเท่าไร

ครูให้นักเรยี นนบั จำ�นวนกระปอ๋ งสีรวมกันโดยใช้การถาม – ตอบ ดงั นี้

- เดิมมกี ระป๋องสอี ยูใ่ นถังขยะกก่ี ระปอ๋ ง (3 กระป๋อง)

- นำ�กระปอ๋ งสีมาท้ิงเพม่ิ อีกก่ีกระปอ๋ ง (4 กระปอ๋ ง)

- นับกระปอ๋ งสตี ่อจากทมี่ อี ยู่เปน็ ทั้งหมดกกี่ ระป๋อง (นับต่อจาก 3 เปน็ 4 5 6 7 รวมเปน็

กระปอ๋ งสที ง้ั หมด 7 กระปอ๋ ง)

จากนน้ั ครูยกตัวอยา่ งเพ่มิ เติมโดยใช้บตั รภาพตามหนังสอื เรียนหนา้ 66 จนครบทกุ บัตรภาพ ครแู ละ

| 59สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   

คมู่ ือครู รายวชิ าพ้ืนฐาน คณิตศาสตร์ บทที่ 2 |การบวกจำ�นวนสองจ�ำ นวนทีม่ ผี ลบวกไมเ่ กิน 10
ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 1 เล่ม 1

นกั เรยี นรว่ มกนั สรุปวา่ เม่ือน�ำ สง่ิ ของมาเพ่มิ อกี สามารถ 63 9
บอกจำ�นวนท้ังหมดไดโ้ ดยการนบั ส่งิ ของน้นั ต่อจากจำ�นวน
ท่ีมีอยู่ 9 1 10
3. ครูยกตัวอยา่ งการนบั ส่งิ ของรวมกนั และ
บอกจำ�นวนของสงิ่ ของท้ังหมด โดยการนบั จำ�นวนของ 5
สง่ิ ของรวมกนั ตามหนงั สอื เรยี นหนา้ 67 เชน่ ครตู ดิ บตั รภาพ 7
ขวดนำ้�สชี มพู 3 ขวด และขวดน้�ำ สเี ขยี ว 3 ขวด ครูให้ 3
นกั เรียนนับจ�ำ นวนขวดนำ�้ รวมกันเปน็ 6 ขวด ครแู ละ
นักเรยี นร่วมกันสรปุ วา่ 3 กับ 3 รวมเปน็ 6 จากน้ัน 8
ให้นกั เรยี นจบั คู่กนั แลว้ ช่วยกนั นบั จำ�นวนของสิ่งของ
รวมกนั และบอกจ�ำ นวนทง้ั หมด เมอ่ื นกั เรยี นท�ำ เสรจ็ แลว้
ครสู ุม่ นกั เรียนออกมาแสดงการนับส่งิ ของบอก
จำ�นวนทัง้ หมด จากนั้นครแู ละนักเรยี นร่วมกนั
ตรวจสอบความถกู ตอ้ งและร่วมกันสรปุ ว่าจ�ำ นวนส่ิงต่าง ๆ
รวมกนั สองจำ�นวน อาจบอกจ�ำ นวนของทง้ั หมดไดจ้ าก
การนบั สง่ิ ของนน้ั รวมกนั

การตรวจสอบความเข้าใจ

4. ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรยี นเป็นรายบคุ คล
ตามหนงั สือเรียนหนา้ 68 โดยให้นักเรยี นนบั สง่ิ ของรวมกนั
และบอกจ�ำ นวนท้งั หมด ซ่ึงในการนบั รวมกนั ครูอาจให้
นักเรยี นนำ�สง่ิ ของสองสิง่ มารวมกันแล้วจึงนับส่งิ ของ
ทัง้ หมด หรอื ครูอาจใหน้ ักเรยี นนบั ตอ่ จากจ�ำ นวนของ
สิง่ ของท่มี ีอยู่แลว้ ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันตรวจสอบ
ความถกู ต้อง ถา้ พบว่ามีนักเรยี นบางคนที่ไมส่ ามารถ
บอกจำ�นวนทั้งหมดได้ ครคู วรให้นักเรยี นแก้ไขโดยการ
นบั จ�ำ นวนของส่งิ ของท้งั หมดนัน้ อีกคร้ังใหถ้ ูกตอ้ ง
จากนนั้ ครูและนักเรียนรว่ มกันสรุปสงิ่ ทีไ่ ดเ้ รียนรู้

ส่ิงท่ีได้เรยี นรู้

จ�ำ นวนของส่งิ ต่าง ๆ รวมกนั สองจำ�นวน อาจบอกจำ�นวนของท้ังหมดไดจ้ ากการนบั
จากน้ันครูใหน้ ักเรยี นทำ�แบบฝกึ หัด 2.1 หนา้ 45 - 47

60 |    สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทที่ 2 | การบวกจำ�นวนสองจำ�นวนทมี่ ผี ลบวกไมเ่ กนิ 10 ค่มู ือครู รายวชิ าพ้นื ฐาน คณติ ศาสตร์
ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 1 เล่ม 1

2.2 การบวกและประโยคสญั ลกั ษณ์แสดงการบวก (1 ช่ัวโมง)

จุดประสงค์

เขยี นประโยคสญั ลักษณ์แสดงการบวก

ส่อื การเรยี นรู้

- บตั รภาพ

- บตั รข้อความ

แนวการจัดการเรยี นรู้

การพฒั นาความรู้

1. ครนู ำ�เข้าสบู่ ทเรียนโดยการทบทวนการนำ�จ�ำ นวน

ของสิง่ ตา่ ง ๆ มารวมกันสองจำ�นวน ให้นกั เรยี นบอกจำ�นวน

ท้งั หมด เช่น สมุดสฟี ้า 3 เลม่ รวมกบั สมุดสีแดง 4 เล่ม

เป็นสมุดทง้ั หมด 7 เลม่ หรือครมู ีปากกาอยู่ 3 ด้าม เอามา +=
เพมิ่ อกี 2 ด้าม รวมเปน็ ปากกา 5 ดา้ ม หรอื น�้ำ แดง 1 ขวด

กบั น้�ำ เขียว 2 ขวด รวมเปน็ 3 ขวด จากนั้นครตู ดิ บัตรภาพ

นักเรียนเขา้ แถวรับอาหารบนกระดานตามหนงั สอื เรยี น

หน้า 69 ครแู ละนักเรียนสนทนาร่วมกันโดยใชก้ ารถาม-ตอบ ดังน้ี

- จากภาพนักเรยี นเห็นอะไรบา้ ง (นกั เรยี นชาย นักเรียนหญงิ หอ้ งอาหารหรือโรงอาหาร)

- มนี กั เรยี นชายก่ีคน (4 คน)

- มนี กั เรียนหญงิ กี่คน (1 คน)

- นับจำ�นวนนกั เรียนรวมกันเป็นกคี่ น (5 คน)

ครูตดิ บตั รขอ้ ความตามหนงั สือเรยี นหนา้ 69 ดังนี้ ในแถวมนี ักเรียนชาย 4 คน รวมกบั นกั เรียนหญงิ

1 คน เปน็ นกั เรยี นทง้ั หมด 5 คน ครแู นะน�ำ วา่ 4 รวมกบั 1 เปน็ 5 การนบั จ�ำ นวนรวมกนั เปน็ การบวก

ซงึ่ สามารถเขยี นเป็นประโยคสญั ลกั ษณ์แสดงการบวกได้ ดังนี้

4 + 1 = 5 อ่านว่า สบ่ี วกหนง่ึ เทา่ กับหา้

ครแู นะนำ�เพ่ิมเตมิ ว่า สัญลักษณ์ + เรยี กว่า เคร่อื งหมายบวก ซง่ึ เปน็ การแสดงการนับจ�ำ นวนของ

ส่ิงของมารวมกัน และสัญลกั ษณ์ = เรยี กวา่ เครือ่ งหมายเทา่ กับ แสดงการเท่ากนั

จากประโยคสญั ลักษณแ์ สดงการบวก 4 + 1 = 5 จะไดว้ า่ 5 เป็นผลบวกของ 4 กับ 1

ครยู กตวั อยา่ งเพม่ิ เตมิ โดยใหน้ กั เรยี นเขยี นประโยคสญั ลกั ษณ์แสดงการบวก เชน่ สมุดสีฟา้ 3 เลม่

รวมกับสมุดสีแดง 4 เล่ม เป็นสมุดทงั้ หมด 7 เลม่ ครแู ละนักเรียนรว่ มกันเขียนประโยคสัญลกั ษณ์

แสดงการบวกได้ 3 + 4 = 7 ครสู นทนากบั นกั เรียนร่วมกันเกยี่ วกบั เครอื่ งหมายบวก เคร่อื งหมายเท่ากับ

และผลบวก ครูยกตวั อยา่ งเพ่มิ เติม 2–3 ตัวอย่าง ครแู ละนักเรียนร่วมกันตรวจสอบความถูกต้อง

จากนั้นใหน้ ักเรียนจบั คู่กนั เขียนประโยคสญั ลักษณ์แสดงการบวกท้ายหนงั สือเรยี นหน้า 69

ครูและนกั เรยี นรว่ มกันตรวจสอบความถกู ตอ้ ง

| 61สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   


Click to View FlipBook Version