The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร์ ป.1 เล่ม 1
สสวท.

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by tassawan., 2022-04-05 03:19:18

คู่มือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร์ ป.1 เล่ม 1 สสวท

คู่มือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร์ ป.1 เล่ม 1
สสวท.

คู่มอื ครูรายวชิ าพน้ื ฐานคณิตศาสตร์ บทที่ 3 | การลบจำ�นวนสองจ�ำ นวนที่ตวั ตั้งไมเ่ กนิ 10
ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 1 เลม่ 1

3.4 การลบด้วยศนู ย์ (1 ช่วั โมง)

จดุ ประสงค์

หาผลลบของจำ�นวนใดกับศนู ย์

สอื่ การเรียนรู้

- ตะกร้า
- ไข่พลาสตกิ
- บัตรภาพ

แนวการจดั การเรยี นรู้
การพฒั นาความรู้

1. ครูอาจน�ำ เขา้ สู่บทเรยี นโดยใช้กิจกรรมคลา้ ยกบั
กิจกรรมเตรียมความพรอ้ ม ครใู ชต้ ะกร้า 3 ใบ
น�ำ ไข่พลาสตกิ ใส่ตะกร้าตรงกลาง 5 ฟอง
แล้วแยกไขพ่ ลาสตกิ 5 ฟองใส่ในตะกร้า 2 ใบทเ่ี หลือ
ใบแรกใส่ 5 ฟอง
ใบที่สองใส่ 0 ฟอง ดงั รปู

จ�ำ นวนไข่

5

ครูแนะนำ�วา่ ไขพ่ ลาสติก 5 ฟอง แยกออกเป็น 5 ฟอง กบั 0 ฟอง หรอื 5 เปน็ สว่ นรวม 5 กับ 0
เป็นสว่ นย่อยของ 5 ถา้ เราน�ำ ไขพ่ ลาสตกิ 5 ฟอง มารวมกบั ไข่พลาสติก 0 ฟอง จะได้ไข่พลาสติก
5 ฟอง หรอื 5 + 0 = 5 แตถ่ ้าเรามไี ข่พลาสติกอยู่ในตะกร้า 5 ฟอง เอาไข่พลาสตกิ ออกไป
0 ฟอง (ครูพดู พร้อมกบั ทำ�ทา่ ทางหยิบไข่ออกจากตะกรา้ ) เหลือไข่พลาสติกในตะกร้า 5 ฟอง
ครูอาจใหน้ กั เรียนชว่ ยกันนบั ไขพ่ ลาสตกิ ท่เี หลอื อยูใ่ นตะกร้า จากน้ันครแู นะน�ำ ว่า การน�ำ สงิ่ ของ
ออกไปจ�ำ นวนหนึง่ ในลกั ษณะเชน่ น้ี เราอาจแทนดว้ ยการลบจ�ำ นวนสองจ�ำ นวน จะได้ 5 – 0 = 5
จากน้นั ครเู ขยี นประโยคสญั ลักษณแ์ สดงการลบบนกระดานดังน้ี 5 – 0 = 5 จากประโยคสัญลักษณ์
แสดงการลบ ครูใหน้ กั เรยี นสงั เกตว่า 5 เป็นตวั ตัง้ ลบด้วย 0 จะไดผ้ ลลบเป็น 5 ตวั ต้ังกับผลลบเป็น
จ�ำ นวนเดยี วกัน จากนั้นครูติดบัตรภาพขนุ และตน้ กลา้ กำ�ลงั เลน่ เกมสาวน้อย
ตกนำ้�ตามหนังสือเรยี นหนา้ 125 บนกระดาน ดงั รปู

เกมสาวนอ� ยตกนำ้

มสี าวนอ้ ย 3 คน สาวน้อยตกนำ้� 1 คน เหลือสาวนอ้ ยท่ียงั นง่ั อยู่ 2 คน
112 |    สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทท่ี 3 | การลบจำ�นวนสองจ�ำ นวนทต่ี วั ตัง้ ไม่เกนิ 10 คูม่ ือครรู ายวชิ าพื้นฐานคณติ ศาสตร์
ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 1 เลม่ 1

จากสถานการณข์ า้ งต้น ครูให้นกั เรยี นช่วยกันเขยี นประโยคสัญลกั ษณแ์ สดงการลบ จะได้ 3 – 1 = 2
ครูตดิ บัตรภาพสถานการณท์ ่สี อง ดังรปู

มสี าวน้อย 3 คน ไมม่ ีสาวน้อยตกนำ�้ หรอื มสี าวนอ้ ยตกนำ�้ 0 คน เหลือสาวน้อยท่ยี ังน่งั อยู่ 3 คน

จากสถานการณข์ า้ งต้น ครใู ห้นกั เรยี นช่วยกนั เขยี นประโยคสัญลักษณแ์ สดงการลบ จะได้ 3 – 0 = 3
จากประโยคสญั ลักษณแ์ สดงการลบ ครูใหน้ กั เรียนสงั เกตวา่
3 เปน็ ตวั ตง้ั ลบดว้ ย 0 จะไดผ้ ลลบเปน็ 3 ตวั ตง้ั กบั ผลลบ
เปน็ จ�ำ นวนเดยี วกัน
2. ครยู กตวั อย่างสถานการณท์ ่เี ปน็ การลบดว้ ยศนู ย์
ตามหนงั สือเรยี นหน้า 126 ครูตดิ บัตรภาพบนกระดาน
ดังรปู

มีหม้อดิน 5 ใบ ขนุ ตีแตกไป 2 ใบ เหลือหมอ้ ดินทไี่ มแ่ ตก 3 ใบ 23
45
จากสถานการณ์ครใู ห้นักเรียนชว่ ยกันเขยี นประโยค
สัญลักษณ์แสดงการลบได้ 5 – 2 = 3 ครตู ิดบัตรภาพ
สถานการณ์ทสี่ อง ดังรปู

เกมป�ดตาตีหมอ�

มหี มอ้ ดนิ 5 ใบ ต้นกลา้ ตไี มแ่ ตกเลย หรือตีแตก 0 ใบ เหลอื หม้อดินท่ไี ม่แตก 5 ใบ

จากสถานการณค์ รใู หน้ ักเรยี นชว่ ยกนั เขียนประโยคสญั ลักษณแ์ สดงการลบได้ 5 – 0 = 5 ครใู ห้
นักเรียนสังเกตว่า 5 เปน็ ตัวตัง้ ลบดว้ ย 0 จะได้ผลลบเป็น 5 ตวั ตั้งกับผลลบเปน็ จ�ำ นวนเดยี วกัน
จากสองสถานการณข์ ้างต้นครใู หน้ กั เรยี นชว่ ยกันเปรยี บเทยี บจ�ำ นวนหมอ้ ดนิ ท่ขี นุ กับตน้ กลา้ ตแี ตกได้
ดงั น้ี ขนุ ตหี มอ้ ดนิ แตกมากกวา่ ตน้ กลา้ 2 – 0 = 2 หรอื ตน้ กลา้ ตหี มอ้ ดนิ แตกนอ้ ยกวา่ ขนุ 2 – 0 = 2
ครูให้นกั เรยี นสังเกตวา่ 2 เปน็ ตัวต้งั ลบดว้ ย 0 จะได้ผลลบเป็น 2 ตวั ต้ังกับผลลบเปน็ จ�ำ นวนเดียวกนั
จากน้ันครูใหน้ ักเรียนจับคูแ่ ละชว่ ยกันหาผลลบของจ�ำ นวนใดกบั ศนู ยข์ อ้ 1 ถึงขอ้ 4 ท้ายหนงั สือเรียน
หน้า 126 ครูและนักเรยี นรว่ มกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ ง และร่วมกนั สรุปว่า จำ�นวนใดลบดว้ ยศนู ย์
จะไดผ้ ลลบเปน็ จำ�นวนนั้น

| 113สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   

คู่มอื ครูรายวชิ าพน้ื ฐานคณติ ศาสตร์ บทท่ี 3 | การลบจำ�นวนสองจำ�นวนท่ตี วั ตั้งไม่เกิน 10
ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 1 เล่ม 1

3. ครูให้นักเรยี นจับคแู่ ละช่วยกันเตมิ ตวั เลขแสดง

จ�ำ นวนในระโยคสญั ลักษณ์แสดงการลบของจำ�นวนใด

กับศนู ย์ ตามหนังสือเรยี นหนา้ 127 โดยให้พิจารณาจาก

ตวั ตั้ง ตวั ลบ และ ผลลบ จากประโยคสญั ลกั ษณ์แสดง

การลบ 6 – 0 = 6 โดยครอู าจใชค้ ำ�ถามนำ� เชน่

- ตวั ตงั้ คือจ�ำ นวนใด

- ตัวลบคือจำ�นวนใด

- ผลลบคอื จ�ำ นวนใด

เช่น ขอ้ 1 จากโจทย์ 6 – 0 = ครูอาจถามนกั เรยี นวา่

จากประโยคสัญลักษณ์ตวั ตง้ั คอื จ�ำ นวนใด (6) ตวั ลบคือ 61

จำ�นวนใด (0) ผลลบคือจำ�นวนใด (6) จากน้ันครูและ 09

นักเรยี นรว่ มกนั ตรวจสอบความถูกต้องและสรุปรว่ มกันว่า

จ�ำ นวนใดลบดว้ ยศูนยจ์ ะไดผ้ ลลบเปน็ จำ�นวนนั้น หรือ

อาจยกตวั อยา่ งการเตมิ ตัวเลขแสดงจ�ำ นวนในประโยค

สญั ลักษณแ์ สดงการลบทเี่ ป็นการลบด้วยศูนย์ เชน่ – 0 = 9 ครูอาจถามนกั เรยี นวา่

จากประโยคสญั ลกั ษณต์ วั ตัง้ คอื จ�ำ นวนใด (9) ตัวลบคือจ�ำ นวนใด (0) ผลลบคอื จ�ำ นวนใด (9)

เพราะจ�ำ นวนใดลบด้วยศูนย์จะไดผ้ ลลบเป็นจ�ำ นวนนัน้

การตรวจสอบความเขา้ ใจ 7 9
10 6
4. ตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรยี นเปน็ รายบุคคล 4 10
โดยให้นักเรียนเตมิ ตัวเลขแสดงจำ�นวนในประโยค 0
สญั ลกั ษณ์แสดงการลบตามหนงั สือเรียนหน้า 128 ครอู าจ 0 0
ใช้คำ�ถามตอ่ ไปนี้เป็นคำ�ถามน�ำ เพอื่ ให้นักเรียนสามารถเตมิ 5
ตัวเลขแสดงจำ�นวนไดถ้ กู ตอ้ ง
- ตัวตั้งคือจำ�นวนใด
- ตัวลบคอื จำ�นวนใด
- ผลลบคือจำ�นวนใด
จากนน้ั ครูและนกั เรยี นร่วมกนั ตรวจสอบความถกู ต้อง
ถ้าพบวา่ มีนกั เรียนคนใดเตมิ ตัวเลขแสดงจำ�นวนไม่ถกู ตอ้ ง
ครใู ห้นกั เรียนคนน้ันแกไ้ ขใหถ้ กู ตอ้ ง โดยครอู าจใชค้ ำ�ถาม
นำ�ตามทก่ี ล่าวไวแ้ ล้วข้างต้น เช่น โจทย์ 3 - = 3
จากประโยคสญั ลกั ษณ์ตวั ตั้งคอื จำ�นวนใด (3) ผลลบคอื
จ�ำ นวนใด (3) ดงั นัน้ ตวั ลบคอื จ�ำ นวนใด (0) เมอ่ื นักเรียน
เข้าใจแลว้ ใหน้ กั เรียนคนน้นั เติมตัวเลขแสดงจ�ำ นวนใหม่
อกี คร้ัง จากนน้ั ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั สรปุ ส่ิงทไี่ ดเ้ รียนรู้

สง่ิ ทไี่ ด้เรียนรู้

จ�ำ นวนใดลบด้วยศูนยไ์ ดผ้ ลลบเท่ากับจ�ำ นวนน้ัน จากนน้ั ใหน้ กั เรยี นท�ำ แบบฝกึ หดั 3.4 หนา้ 80 - 81
114 |    สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทที่ 3 | การลบจำ�นวนสองจำ�นวนทต่ี ัวตัง้ ไม่เกนิ 10 คูม่ อื ครูรายวชิ าพ้นื ฐานคณิตศาสตร์
ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 1 เล่ม 1

3.5 ความสมั พันธ์แบบส่วนย่อย-ส่วนรวมของจำ�นวนกบั การลบ (1 ช่วั โมง)

จดุ ประสงค์

หาผลลบโดยใชค้ วามสมั พนั ธ์แบบส่วนย่อย-ส่วนรวม
ของจ�ำ นวน

สอื่ การเรียนรู้

- ตะกรา้
- ไข่พลาสตกิ
- บัตรภาพ

แนวการจัดการเรียนรู้

การพัฒนาความรู้

1. ครอู าจนำ�เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยใชก้ จิ กรรมคล้ายกับ

กิจกรรมเตรยี มความพรอ้ ม ครใู ช้ตะกรา้ 3 ใบ นำ�ไข่พลาสติก

ใส่ตะกรา้ ตรงกลาง 7 ฟอง แลว้ แยกไขพ่ ลาสติก 7 ฟองใส่ใน

ตะกร้า 2 ใบ ท่ีเหลือ ใบแรกใส่ 5 ฟอง ใบท่ีสองใส่ 2 ฟอง ดงั รูป จำ�นวนไข่
ครแู นะนำ�ว่า ไขพ่ ลาสติก 7 ฟอง แยกออกเป็น 5 ฟอง กับ 2 ฟอง
หรอื 7 เปน็ สว่ นรวม 5 กบั 2 เปน็ สว่ นยอ่ ยของ 7 ถา้ เราน�ำ ไขพ่ ลาสตกิ 7

5 ฟอง มารวมกับไข่พลาสติก 2 ฟอง จะไดไ้ ขพ่ ลาสตกิ 7 ฟอง หรือ 5 + 2 = 7

แต่ถ้าเรามไี ข่พลาสตกิ อยใู่ นตะกร้า 7 ฟอง เอาไขพ่ ลาสติกออกไป 5 ฟอง (ครพู ูดพร้อมกบั หยิบ

ไข่ออกจากตะกร้า) เหลือไขพ่ ลาสตกิ ในตะกรา้ 2 ฟอง ครอู าจใหน้ ักเรยี นช่วยกันนับไขพ่ ลาสติก

ทีเ่ หลอื อยู่ในตะกร้า จากนั้นครแู นะนำ�ว่า การน�ำ สง่ิ ของออกไปจำ�นวนหนึง่ ในลักษณะเชน่ น้ี

เราอาจแทนด้วยการลบจำ�นวนสองจ�ำ นวน จะได้ 7 – 5 = 2 จากนน้ั ครเู ขยี นประโยคสัญลกั ษณ์

แสดงการลบบนกระดานดงั น้ี 7 – 5 = 2 จากประโยคสญั ลักษณแ์ สดงการลบ ครใู หน้ ักเรียนสังเกต

วา่ 7 เป็นตัวตั้งซง่ึ เปน็ จำ�นวนท่เี ปน็ สว่ นรวม ลบด้วย 5 ซ่งึ เปน็ จำ�นวนทีเ่ ป็นส่วนย่อย ได้ผลลบเป็น 2

ซึ่งเป็นจำ�นวนทีเ่ ป็นส่วนยอ่ ยอกี จำ�นวนหน่ึง ดงั รปู 7

52

จากนนั้ ครูติดบัตรภาพลกู โป่งสีฟา้ และลกู โป่งสีชมพูตามหนงั สอื เรียนหนา้ 129 บนกระดาน ดงั รปู

ครูใชก้ ารถาม-ตอบ ดังนี้

- ลกู โปง่ สฟี ้าและลกู โปง่ สชี มพูมีทงั้ หมดก่ลี ูก (6 ลกู )

- ลูกโป่งสฟี ้ามีก่ีลกู (4 ลูก) 6

- ลูกโป่งสีชมพูมกี ่ีลกู (2 ลูก) หาค�ำ ตอบได้อย่างไร (6 – 4 = 2)

ครเู ขียนความสมั พนั ธ์แบบสว่ นยอ่ ย-ส่วนรวมของ 6 ดงั นี้ 42
และเขียนประโยคสัญลกั ษณแ์ สดงการลบ 6 – 4 = 2

ครูใหน้ กั เรียนสังเกตวา่ ตวั ต้งั คอื 6 เปน็ สว่ นรวม ตัวลบคือ 4 เปน็ ส่วนยอ่ ยของ 6 และผลลบคือ 2

| 115สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   

คู่มือครรู ายวิชาพืน้ ฐานคณติ ศาสตร์ บทท่ี 3 | การลบจ�ำ นวนสองจ�ำ นวนท่ีตวั ต้งั ไม่เกิน 10
ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 1 เลม่ 1

เปน็ สว่ นยอ่ ยของ 6 อกี จ�ำ นวนหนง่ึ ดงั นน้ั จากความสมั พนั ธแ์ บบ
สว่ นยอ่ ย-สว่ นรวมข้างตน้ จงึ สามารถเขียนประโยคสญั ลกั ษณ์
แสดงการลบไดอ้ ีกหนงึ่ ประโยคคือ 6 – 2 = 4 ครแู ละนกั เรยี น
ร่วมกนั สรปุ วา่ จากความสมั พันธแ์ บบส่วนยอ่ ย-ส่วนรวมของ 6

6

42 2

เขยี นเปน็ ประโยคสัญลกั ษณ์แสดงการลบไดด้ ังน้ี 2
1

6 – 4 = 2

6 – 2 = 4 3

ครูใหน้ กั เรียนสงั เกตว่า ตวั ต้งั คอื จำ�นวนท่เี ป็นส่วนรวม ตวั ลบ 3
7

และผลลบคอื จ�ำ นวนท่ีเป็นส่วนย่อย

2. ครูยกตัวอยา่ งสถานการณท์ เ่ี ปน็ ความสมั พันธ์แบบสว่ นยอ่ ย-สว่ นรวมของจำ�นวนและกำ�หนด

ความสัมพันธ์แบบสว่ นย่อย-สว่ นรวมของจ�ำ นวนมาใหแ้ ล้วใหน้ ักเรียนฝกึ เขียนเป็นประโยคสญั ลกั ษณ์

แสดงการลบ ตามหนงั สอื เรยี นหน้า 130 ครตู ิดบตั รภาพ ดงั รูป

ครใู ชก้ ารถาม-ตอบ ดังน้ี

- รม่ สีแดงและรม่ สีดำ�ท้งั หมดก่คี นั (5 คัน)

- เป็นร่วมสีแดงกค่ี นั (3 คัน)

-เป็นร่มสีด�ำ ก่คี ัน (2 คนั )

ครเู ขียนความสัมพนั ธ์แบบสว่ นย่อย-ส่วนรวมของ 5 ดังน้ี

5 53

32 65 4

เขยี นประโยคสัญลกั ษณแ์ สดงการลบไดด้ ังน้ี 5 – 3 = 2 หรือ

5 – 2 = 3 ครใู หน้ กั เรยี นสงั เกตวา่ ตวั ตง้ั คอื 5 เปน็ จ�ำ นวน 81 6
ทเ่ี ปน็ สว่ นรวม ตวั ลบและผลลบคอื 3 กบั 2 เปน็ จ�ำ นวนทเ่ี ปน็ 81 6
สว่ นยอ่ ยของ 5 จากนั้นครูให้นกั เรียนจบั คกู่ ันและช่วยกัน
65 4

เขียนประโยคสญั ลกั ษณแ์ สดงการลบจากสถานการณ์และ 65 4

ความสัมพันธ์แบบสว่ นยอ่ ย-สว่ นรวมของจำ�นวนทกี่ �ำ หนดให้

คลู่ ะ 1 ขอ้ ครูสุ่มนักเรยี นออกมาน�ำ เสนอและร่วมกนั ตรวจสอบ

ความถกู ตอ้ ง

3. ครูใหน้ กั เรยี นจบั คูแ่ ละช่วยกนั เตมิ ตวั เลขแสดงจ�ำ นวนในความสมั พันธ์แบบส่วนย่อย-

สว่ นรวมของจ�ำ นวนท่ีกำ�หนดใหแ้ ลว้ น�ำ มาเขยี นเป็นประโยคสญั ลักษณ์แสดงการลบคู่ละ 3 ขอ้

โดยครอู าจใช้คำ�ถามน�ำ ดังนี้

- ส่วนรวมคือจ�ำ นวนใด

- ตัวต้ังคอื จำ�นวนใด
- ส่วนยอ่ ยคอื จำ�นวนใดกับจำ�นวนใด

116 |    สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทท่ี 3 | การลบจ�ำ นวนสองจ�ำ นวนท่ตี ัวตง้ั ไมเ่ กิน 10 คมู่ ือครรู ายวชิ าพนื้ ฐานคณิตศาสตร์
ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 1 เลม่ 1

- ตวั ลบคือจ�ำ นวนใด

- ผลลบคือจำ�นวนใด เช่น จาก 6 2

ครูใช้การถาม-ตอบ ดังน้ี

- ส่วนรวมคือจำ�นวนใด (6) 22 1
22 1
- ตวั ตั้งคือจำ�นวนใด (6) 73 2

- ส่วนยอ่ ยคือ 2 กับจำ�นวนใด (2 กบั 4) เติม 4 73 2

ในความสมั พันธ์แบบสว่ นย่อย-ส่วนรวม

- ตวั ลบคอื จ�ำ นวนใด (2 หรือ 4)

- ผลลบคอื จำ�นวนใด (4 หรอื 2)

- เขียนประโยคสญั ลักษณ์แสดงการลบไดอ้ ย่างไร

(6 – 2 = 4 หรือ 6 – 4 = 2)

ครใู ห้นกั เรยี นสังเกตวา่ ตวั ตงั้ คอื 6 เป็นจ�ำ นวนทีเ่ ป็น

สว่ นรวม ตวั ลบและผลลบคอื 2 กบั 4 เปน็ จ�ำ นวนทเ่ี ป็น

ส่วนยอ่ ยของ 6 จากนัน้ ครสู ุ่มนกั เรยี นออกมาเขียน

ประโยคสญั ลักษณ์แสดงการลบ และรว่ มกนั ตรวจสอบ

ความถกู ต้อง

การตรวจสอบความเข้าใจ

4. ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนเปน็ รายบุคคลโดยใหน้ กั เรียนเตมิ ตวั เลขแสดงจ�ำ นวนใน
ความสัมพนั ธแ์ บบส่วนยอ่ ย-สว่ นรวมของจ�ำ นวนแลว้ น�ำ ไปเขียนประโยคสญั ลกั ษณแ์ สดงการลบตาม
หนังสอื เรียนหน้า 132 ครอู าจใชค้ ำ�ถามต่อไปนเ้ี ป็นคำ�ถามนำ�เพ่อื ให้นักเรียนสามารถเตมิ ตวั เลขแสดง
จ�ำ นวนและเขยี นประโยคสญั ลักษณแ์ สดงการลบไดถ้ กู ตอ้ ง
- สว่ นรวมคอื จ�ำ นวนใด
- ตวั ต้ังคอื จำ�นวนใด
- ส่วนยอ่ ยคือจ�ำ นวนใดกับจำ�นวนใด
- ตัวลบคือจ�ำ นวนใด
- ผลลบคอื จำ�นวนใด
จากน้นั ครูและนกั เรียนร่วมกันตรวจสอบความถูกต้อง ถา้ พบวา่ มีนกั เรยี นคนใดเตมิ ตัวเลขแสดง
จำ�นวนและเขียนประโยคสัญลกั ษณ์แสดงการลบไม่ถกู ตอ้ ง ครูอาจใหน้ กั เรยี นคนน้นั แกไ้ ขให้ถูกตอ้ ง

โดยครูอาจใชค้ �ำ ถามนำ�ตามทก่ี ลา่ วไว้แลว้ ขา้ งตน้ เชน่
1 จากโจทยส์ ่วนรวมคือจ�ำ นวนใด (3) ส่วนย่อยของ 3 คอื 1 กบั จ�ำ นวนใด (1 กบั 2)
3 ดงั นัน้ ตวั ต้งั คอื จำ�นวนใด (3) ตัวลบคอื จำ�นวนใด (1 หรือ 2) ผลลบคือจ�ำ นวนใด

(2 หรือ 1) เมื่อนกั เรยี นเขา้ ใจแลว้ ให้นกั เรยี นคนนน้ั เตมิ ตวั เลขแสดงจ�ำ นวนและ
เขยี นประโยคสัญลกั ษณ์แสดงการลบใหม่อกี ครั้ง จากนน้ั ครูและนักเรยี นรว่ มกัน
สรปุ ส่งิ ท่ไี ดเ้ รยี นรู้

สง่ิ ทีไ่ ดเ้ รียนรู้

จ�ำ นวนทเ่ี ขยี นในรูปความสัมพนั ธ์แบบส่วนย่อย-สว่ นรวม เมอ่ื รู้จำ�นวนที่เป็นสว่ นรวมและ
จ�ำ นวนทเ่ี ปน็ สว่ นยอ่ ยหน่ึงจำ�นวน สามารถหาจ�ำ นวนท่ีเป็นสว่ นย่อยอกี หนึง่ จำ�นวนไดด้ ้วยการลบ
จากนน้ั ใหน้ กั เรียนท�ำ แบบฝึกหดั 3.5 หน้า 82 - 83

| 117สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   

คมู่ ือครรู ายวชิ าพนื้ ฐานคณิตศาสตร์ บทที่ 3 | การลบจ�ำ นวนสองจ�ำ นวนท่ตี วั ต้ังไมเ่ กนิ 10
ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 1 เล่ม 1

3.6 การหาผลลบโดยใช้กรอบสิบ (Ten Frame) (1 ชั่วโมง)

จุดประสงค์

หาผลลบโดยใช้กรอบสิบ

สื่อการเรียนรู้

- บัตรภาพ
- กรอบสบิ

แนวการจัดการเรยี นรู้
การพฒั นาความรู้

1. ครูนำ�เข้าสูบ่ ทเรยี นโดยการทบทวนการหาผลลบ
แสดงโดยการเอาออก เชน่ ครตู ดิ บัตรภาพดังรปู

มีอยู่ 6 เอาออก 3 เหลอื เทา่ ไร นักเรยี นควรตอบไดว้ า่ เหลอื 3 จากนัน้ ครูยกตวั อย่างการหาผลลบโดย
ใชก้ รอบสบิ ตามหนงั สอื เรียนหนา้ 133 โดยติดบตั รภาพพรอ้ มเขียนบรรยายใตภ้ าพบนกระดาน

มลี ูกโปง่ 9 ลูก แตกไป 4 ลูก เหลอื ลูกโปง่ ไม่แตก 5 ลกู เขยี นเปน็ ประโยคสญั ลกั ษณ์แสดงการลบได้
9 – 4 = 5 จากนนั้ ครูน�ำ กรอบสบิ มาแนะนำ�วา่ สามารถแสดงการลบเชน่ นใ้ี นกรอบสิบได้ดงั น้ี

ครแู นะนำ�กรอบสิบแลว้ เขียนวงกลมในกรอบสิบใหเ้ ท่ากับจำ�นวนที่เป็นตัวตง้ั ในที่น้ีคอื 9 จากน้นั

ครกู ากบาทสแี ดงทบั วงกลมเพอ่ื แสดงการเอาออกเท่ากบั จำ�นวนทเี่ ป็นตวั ลบในที่นีค้ ือ 4 จ�ำ นวน

วงกลมทเี่ หลือจะเปน็ ผลลบ คือ 5 ซง่ึ ในการเขยี นกากบาทออกเท่ากบั จำ�นวนทีเ่ ปน็ ตวั ลบนนั้

นกั เรยี นสามารถเขยี นกากบาทออกตรงไหนก็ได้ เชน่

หรือ หรือ

ทง้ั น้เี พื่อให้นบั จ�ำ นวนทีเ่ หลอื ไดง้ ่ายครจู ึงแนะนำ�วา่ ในการกากบาทออกน้นั ควรกากบาทออกใหง้ า่ ยต่อ
การนับจ�ำ นวนทเี่ หลือ เชน่

118 |    สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทที่ 3 | การลบจ�ำ นวนสองจำ�นวนทต่ี วั ตั้งไมเ่ กิน 10 ค่มู ือครูรายวิชาพ้ืนฐานคณติ ศาสตร์
ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 1 เล่ม 1

จากนั้นครยู กตวั อยา่ งเพิ่มเตมิ เก่ียวกบั การหาผลลบโดยใช้กรอบสิบ
โดยการติดบัตรภาพตามหนังสือเรยี นหน้า 133 ดงั รูป
ครใู ช้การถาม-ตอบ ดงั น้ี
- จากบัตรภาพนักเรียนเหน็ อะไรบา้ ง (พินโบว์ลิง่ ทีล่ ม้ และไมล่ ้ม)
- มีพินโบว์ล่ิงทง้ั หมดก่อี นั (10 อนั )
- มพี นิ โบวล์ งิ่ ไม่ลม้ ก่อี ัน (5 อัน)
- มีพนิ โบวล์ ิ่งล้มกี่อนั (5 อัน)
- เขยี นเปน็ ประโยคสญั ลักษณแ์ สดงการลบได้อยา่ งไร (10 – 5 = 5)
จากน้ันครูแนะน�ำ การใชก้ รอบสบิ ช่วยในการหาผลลบ ดังน้ี

มีท้ังหมด 10 อัน เอาออกไป 5 อัน เหลอื 5 อนั

ครูและนักเรยี นรว่ มกนั สรปุ วา่ ในการใชก้ รอบสิบหาผลลบนัน้ จะเขยี นวงกลมในกรอบสบิ เทา่ กบั

จำ�นวนทีเ่ ปน็ ตัวตั้งแลว้ กากบาทออกเทา่ กบั จำ�นวนท่เี ปน็ ตวั ลบ จ�ำ นวนวงกลมทเ่ี หลอื จะเปน็ ผลลบ

ครูอาจยกตัวอย่างเพ่ิมเติมอกี 2-3 ตวั อยา่ ง เชน่

6 เอาออก 2 เหลอื 4 8 เอาออก 3 เหลอื 5 7 เอาออก 5 เหลือ 2

2. ครูใชก้ รอบสิบช่วยในการหาผลลบตามหนังสอื เรยี นหน้า 134 ดงั นี้ จากโจทย์ มอี ยู่ 10

เอาออก 2 เหลอื เท่าไร ครแู จกกรอบสบิ ใหน้ กั เรยี นคนละแผ่นใหเ้ ขียนวงกลมในกรอบสิบเทา่ กบั ตวั ต้ัง

แล้วเขยี นกากบาทออกเท่ากบั ตวั ลบ ผลลบคือจ�ำ นวน

วงกลมทเ่ี หลอื ดงั น้ี

8

จากกรอบสิบจะไดผ้ ลลบคอื 8 ดังนั้น 10 – 2 = 8 6
จากนัน้ ครูให้นกั เรยี นจับคู่กันและช่วยกนั หาผลลบโดย
ใช้กรอบสบิ ในขอ้ 1 ถงึ ขอ้ 3 ตามหนงั สอื เรยี นหนา้ 134 6
ครแู ละนกั เรียนร่วมกันตรวจสอบความถูกต้อง ซึง่ ในการใช้ 5
กรอบสบิ ชว่ ยในการหาผลลบน้นั ให้เขียนวงกลมในกรอบสิบ
เท่ากับจำ�นวนทเี่ ปน็ ตัวต้งั แตโ่ จทย์ได้กำ�หนดวงกลมที่เป็น 5
ตวั ต้ังในกรอบสบิ ใหแ้ ลว้ ดงั นน้ั นกั เรียนต้องกากบาทออก 4
เทา่ กบั จ�ำ นวนทีเ่ ป็นตัวลบ ผลลบคอื จำ�นวนวงกลมทเ่ี หลอื
4

| 119สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   

คมู่ อื ครรู ายวชิ าพ้นื ฐานคณิตศาสตร์ บทท่ี 3 | การลบจ�ำ นวนสองจ�ำ นวนท่ตี วั ต้งั ไม่เกิน 10
ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 1 เลม่ 1

3. ครใู หน้ กั เรยี นแตล่ ะคู่ช่วยกันหาผลลบโดยใช้ ๖
กรอบสบิ ตามหนงั สอื เรยี นหนา้ 135 โดยนกั เรยี นตอ้ งชว่ ยกนั ๓
เขยี นวงกลมในกรอบสบิ ใหเ้ ท่ากับจ�ำ นวนท่ีเป็นตัวตัง้ แล้ว
เขียนกากบาทออกเท่ากับจำ�นวนท่เี ป็นตวั ลบ ผลลบคือ 4
จ�ำ นวนวงกลมท่เี หลอื เช่น จากโจทย์ 3
2
10 – 7 =

นักเรียนตอ้ งเขยี งวงกลมในกรอบสิบ 10 อนั
แล้วกากบาทออก 7 อัน เหลอื วงกลม 3 อัน ดงั รูป

ดงั น้นั 10 – 7 = 3
ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันตรวจสอบความถกู ตอ้ ง

การตรวจสอบความเขา้ ใจ

4. ตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรยี นเปน็ รายบุคคล
โดยใหน้ ักเรียนหาผลลบโดยใช้กรอบสิบตามหนงั สือเรียน
หนา้ 136 จ�ำ นวน 3 ขอ้ ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั ตรวจสอบ
ความถกู ต้อง ถา้ พบวา่ มนี ักเรียนหาผลลบไมถ่ กู ต้องครูให้
นกั เรียนแกไ้ ขโดยการใชเ้ ขียนวงกลมในกรอบสบิ ให้เทา่ กับ
จำ�นวนที่เป็นตัวตั้งแล้วเขียนกากบาทออกเท่ากบั จ�ำ นวนที่
เป็นตวั ลบ ผลลบคือจำ�นวนวงกลมทเี่ หลือ จากนนั้ ครแู ละ
นกั เรียนร่วมกนั สรปุ สงิ่ ท่ไี ดเ้ รยี นรู้

สง่ิ ทไี่ ด้เรยี นรู้

สามารถใชก้ รอบสบิ ในการผลลบ
จากน้ันให้นักเรยี นท�ำ แบบฝึกหัด 3.6 หน้า 84 – 85

120 |    สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทที่ 3 | การลบจ�ำ นวนสองจ�ำ นวนท่ตี ัวต้งั ไมเ่ กิน 10 คู่มอื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานคณติ ศาสตร์
ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 1 เล่ม 1
3.7 การหาผลลบโดยใชเ้ ส้นจำ�นวน (1 ช่วั โมง)

จดุ ประสงค์

หาผลลบโดยใช้เสน้ จ�ำ นวน

สือ่ การเรียนรู้

- บตั รภาพ
- บัตรเส้นจ�ำ นวน
- บัตรกรอบสบิ

แนวการจดั การเรยี นรู้
การพฒั นาความรู้

1. ครูน�ำ เข้าสู่บทเรียนโดยทบทวนการหาผลลบโดย
ใช้กรอบสิบ 2-3 ตัวอยา่ ง เช่น
6 เอาออก 4 เหลือเทา่ ไร

ตอบ 2 7 เอาออก 2 เหลือเทา่ ไร
8 เอาออก 5 เหลือเท่าไร

ตอบ 3 ตอบ 5

จากนั้นครแู นะนำ�วา่ การหาผลลบอาจใช้วธิ ีอื่นชว่ ยในการหาผลลบได้ เชน่ ใช้เส้นจำ�นวนช่วยในการ
หาผลลบ ครยู กตวั อย่างเสน้ จำ�นวนทีแ่ สดงจ�ำ นวนต่าง ๆ บนเสน้ จ�ำ นวนท่ีเร่มิ จาก 0 และมขี ดี ระบุ
ต�ำ แหนง่ บนเสน้ จ�ำ นวนซง่ึ ระยะหา่ งแตล่ ะขดี จะเทา่ กนั จ�ำ นวนทป่ี รากฎบนเสน้ จ�ำ นวนจะเขยี นเรยี งกนั
ดังนี้

0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10

เส้นจำ�นวนแสดงจำ�นวน 0 ถงึ 10

ครแู จกบตั รเส้นจ�ำ นวน 0 ถงึ 10 ใหน้ ักเรยี นสังเกตเส้นจ�ำ นวนแลว้ ใหเ้ ขียนเส้นโยงจาก 0 ถงึ
จ�ำ นวนต่าง ๆ เชน่

0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10

โยงเสน้ แสดงจำ�นวน 5 บนเส้นจำ�นวน โยงเสน้ แสดงจำ�นวน 9 บนเส้นจำ�นวน

| 121สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   

ค่มู อื ครูรายวชิ าพ้ืนฐานคณติ ศาสตร์ บทที่ 3 | การลบจำ�นวนสองจ�ำ นวนที่ตวั ตัง้ ไม่เกิน 10
ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 1 เล่ม 1

ครยู กตวั อย่างการหาผลลบโดยใช้เส้นจ�ำ นวนตามหนงั สอื เรยี นหนา้ 137 ดังนี้ ครูติดบตั รภาพ

การเล่นเกมบันไดงูของแกว้ ตาและขุน ดังรูป

จุดเริม่ ต�น เดินไปขา� งหนา�
2 ช�อง

เดินถอยหลัง
2 ชอ� ง

กลบั ไป
จุดเริม่ ต�น

ครใู ช้การถาม-ตอบ ดงั น้ี
- จากบัตรภาพนักเรยี นเหน็ อะไรบ้าง (แก้วตากบั ขุนเล่นเกมบันไดง)ู
- ตอนเรม่ิ เล่นแกว้ ตากับขนุ ตอ้ งยนื อย่จู ดุ ใด (จดุ เร่มิ ต้น)
- ขนุ ทอยลกู เต๋าได้แตม้ 5 ขุนตอ้ งเดินไปก่ีชอ่ ง (5 ช่อง)
- ขุนยืนอยชู่ อ่ งหมายเลขใด (ช่องหมายเลข 5)
- ตรงชอ่ งหมายเลข 5 มีปา้ ยบอกใหข้ นุ ท�ำ อะไร (เดนิ ถอยหลัง 2 ชอ่ ง)
- เมือ่ ขุนเดินถอยหลงั ไป 2 ช่องขุนต้องยนื อยูท่ ีช่ ่องหมายเลขใด (ชอ่ งหมายเลข 3)
ครูแนะน�ำ ว่าการเดนิ ไปข้างหนา้ และการเดินถอยหลงั ลกั ษณะเชน่ น้คี ลา้ ยกบั การหาผลลบโดยใช้
เสน้ จ�ำ นวนดังนี้ โยงเสน้ แสดงจ�ำ นวน 5 ซง่ึ เปน็ ตวั ตัง้ บนเสน้ จำ�นวน คือโยงจาก 0 ไปถึง 5 ดงั รปู

0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10

โยงเส้นกลับมา 2 ชอ่ ง แสดงการลบดว้ ย 2 อาจจะโยงกลับทีละชอ่ งหรอื โยงทเี ดยี ว 2 ช่องเลยก็ได้
แต่เพือ่ ไม่ให้ผดิ พลาดจงึ โยงทลี ะชอ่ งแล้วนบั จ�ำ นวนชอ่ งทโี่ ยงไปด้วยเป็น 1 ช่อง 2 ช่อง ดังรปู

0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10

โยงเส้นกลับมาแลว้ เสน้ ท่โี ยงอยู่ในต�ำ แหน่งของจำ�นวนใด ๒
จ�ำ นวนนนั้ เปน็ ผลลบ ในทนี่ เ้ี สน้ ทโี่ ยงกลับมาอยู่ตรง
ต�ำ แหนง่ ของ 3 ดงั น้นั 3 คอื ผลลบ นั่นคือ 5 – 2 = 3
ครยู กตัวอยา่ งการหาผลลบโดยใช้เสน้ จำ�นวนเพิม่ เติมอกี
2 – 3 ตวั อย่างแล้วให้นักเรยี นสรปุ ร่วมกนั ว่า การหาผลลบ
โดยใชเ้ ส้นจ�ำ นวนเริม่ จากโยงเส้นจาก 0 ไปถงึ จำ�นวนท่เี ปน็
ตัวตงั้ จากนัน้ โยงเส้นกลับมาให้จำ�นวนชอ่ งทีโ่ ยงกลับมา
เท่ากับจ�ำ นวนทีเ่ ป็นตวั ลบ โยงมาถึงต�ำ แหนง่ ของจ�ำ นวนใด
จ�ำ นวนนัน้ เปน็ ผลลบ
2. ครยู กตัวอย่างการหาผลลบโดยใช้เส้นจำ�นวนตาม
หนงั สือเรยี นหนา้ 138 และ 139 ดังน้ี

7–3= ๓

122 |    สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทที่ 3 | การลบจ�ำ นวนสองจำ�นวนทต่ี วั ตัง้ ไม่เกิน 10 คูม่ ือครรู ายวิชาพ้ืนฐานคณิตศาสตร์
ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 1 เล่ม 1
ครแู จกบตั รเสน้ จ�ำ นวนให้นักเรียนทกุ คนแล้วใหน้ กั เรยี น
โยงเสน้ จาก 0 ไปถงึ 7 แสดงจ�ำ นวนทเ่ี ปน็ ตวั ตง้ั คอื 7 ดงั รปู

0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 ๐

จากนน้ั โยงเสน้ กลบั ใหจ้ �ำ นวนชอ่ งเทา่ กบั จ�ำ นวนทเ่ี ปน็ ตวั ลบ
ดงั รปู

0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 ๕

จากรูปจะเห็นว่าโยงเสน้ กลับมาถึงต�ำ แหน่งของตัวเลข 4
ดงั นนั้ ผลลบคือ 4 น่นั คอื 7 – 3 = 4 ดงั รูป



0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10

ครูให้นกั เรียนจับคูแ่ ละชว่ ยกนั หาผลลบโดยใช้เส้นจ�ำ นวน
ตามหนังสอื เรยี นหน้า 138 และ 139 ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันตรวจสอบความถกู ตอ้ งและรว่ มกนั สรุป
วา่ ในการใชเ้ สน้ จำ�นวนหาผลลบให้โยงเส้นจาก 0 ไปถงึ จ�ำ นวนที่เป็นตวั ต้งั จากนั้นโยงเสน้ กลบั ให้
จำ�นวนช่องเทา่ กับจ�ำ นวนทีเ่ ป็นตวั ลบ เมือ่ โยงมาถึงจำ�นวนใดจำ�นวนนัน้ เป็นผลลบ

การตรวจสอบความเข้าใจ ๕

4. ตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนเป็นรายบุคคล ๐
โดยให้นักเรยี นหาผลลบโดยใช้เสน้ จ�ำ นวนตามหนังสือเรยี น
หน้า 140 ครูอาจแจกบตั รเส้นจำ�นวนจากส่ือเพ่มิ เตมิ ท่ี
ดาวนโ์ หลดได้จากหน้าแรกของบทเรยี นนี้ แล้วให้นักเรียน
ใช้เสน้ จำ�นวนนั้นหาผลลบโดยที่นักเรียนไม่ตอ้ งเขยี น
เสน้ จ�ำ นวนเอง และเพ่อื ความสะดวกในการจัดการเรยี น
การสอนดว้ ย ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง
ถา้ พบว่ามีนักเรียนหาผลลบไม่ถกู ตอ้ ง ครูให้นกั เรียนแก้ไข
ใหม่ใหถ้ ูกต้องโดยอาจช้ีแนะว่า ให้โยงเสน้ จาก 0 ไปถึง
จำ�นวนทเ่ี ป็นตัวตงั้ แลว้ โยงเสน้ กลับให้จำ�นวนช่องเท่ากบั

จำ�นวนทเี่ ปน็ ตวั ลบ เมือ่ โยงมาถึงจ�ำ นวนใดจ�ำ นวนนัน้ เป็น

ผลลบ จากนน้ั ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั สรุปสง่ิ ท่ไี ดเ้ รยี นรู้

สง่ิ ทไ่ี ดเ้ รยี นรู้

สามารถใชเ้ ส้นจ�ำ นวนในการหาผลลบ

จากน้นั ใหน้ ักเรียนท�ำ แบบฝกึ หัด 3.7 หน้า 86 – 87

| 123สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   

คู่มือครรู ายวิชาพน้ื ฐานคณติ ศาสตร์ บทท่ี 3 | การลบจำ�นวนสองจำ�นวนท่ตี วั ตั้งไม่เกิน 10
ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 1 เล่ม 1

3.8 การหาค่าของตัวไมท่ ราบค่าในประโยคสัญลกั ษณ์แสดงการบวกและประโยค
สัญลกั ษณ์แสดงการลบ (1 ช่ัวโมง)

จุดประสงค์

หาคา่ ของตัวไมท่ ราบค่าในประโยคสัญลกั ษณ์
แสดงการบวกและประโยคสัญลกั ษณแ์ สดงการลบ

ส่อื การเรยี นรู้

- บตั รภาพ
- ตวั นบั
- ไข่พลาสติก
- ตะกร้า

แนวการจดั การเรียนรู้
การพัฒนาความรู้

1. ครนู �ำ เขา้ สู่บทเรียนโดยการทบทวนเร่อื ง
ความสัมพันธ์แบบส่วนยอ่ ย-สว่ นรวมกับการลบโดยใหท้ �ำ
กิจกรรมคลา้ ยกับกิจกรรมเตรียมความพร้อม ดงั นี้ ครใู ชต้ ะกรา้ 3 ใบ น�ำ ไข่พลาสติกใสต่ ะกรา้
ตรงกลาง 7 ฟอง แลว้ แยกไข่พลาสตกิ 7 ฟองใส่ในตะกร้า 2 ใบที่เหลือ ใบแรกใส่ 5 ฟอง
ใบท่ีสองใส่ 2 ฟอง ดังรูป

7

ครูแนะนำ�ว่า ไข่พลาสติก 7 ฟอง แยกออกเปน็ 5 ฟอง กับ 2 ฟอง หรอื 7 เปน็ ส่วนรวม 5 กับ 2 เปน็
ส่วนยอ่ ยของ 7 ถ้าเราน�ำ ไข่พลาสตกิ 5 ฟอง มารวมกบั ไข่พลาสติก 2 ฟอง จะได้ไขพ่ ลาสติก 7 ฟอง
หรือ 5 + 2 = 7 แต่ถ้าเรามีไขพ่ ลาสตกิ อยใู่ นตะกรา้ 7 ฟอง เอาไขพ่ ลาสตกิ ออกไป 5 ฟอง (ครพู ดู
พรอ้ มกบั หยบิ ไขอ่ อกจากตะกรา้ ) เหลอื ไขพ่ ลาสตกิ ในตะกรา้ 2 ฟอง ครูอาจใหน้ ักเรยี นช่วยกันนับ
ไขพ่ ลาสตกิ ทเ่ี หลอื อยใู่ นตะกรา้ จากนน้ั ครแู นะน�ำ วา่ การน�ำ สง่ิ ของออกไปจ�ำ นวนหนง่ึ ในลกั ษณะเชน่ น้ี
เราอาจแทนดว้ ยการลบจำ�นวนสองจ�ำ นวน จะได้ 7 – 5 = 2 จากน้นั ครเู ขยี นประโยคสญั ลกั ษณ์
แสดงการลบบนกระดานดงั น้ี 7 – 5 = 2 หรอื ถา้ เรามไี ขพ่ ลาสตกิ อยใู่ นตะกรา้ 7 ฟอง เอาไขพ่ ลาสตกิ
ออกไป 2 ฟอง (ครพู ดู พร้อมกบั หยิบไขอ่ อกจากตะกร้า) เหลือไขพ่ ลาสติกในตะกรา้ 5 ฟอง
ครูอาจใหน้ กั เรียนช่วยกันนบั ไข่พลาสติกทเี่ หลอื อยใู่ นตะกร้า จากน้ันครูแนะนำ�ว่า การนำ�สง่ิ ของ
ออกไปจำ�นวนหน่ึงในลักษณะเชน่ นี้ เราอาจแทนดว้ ยการลบจำ�นวนสองจำ�นวน จะได้ 7 – 2 = 5
จากนนั้ ครเู ขยี นประโยคสญั ลักษณแ์ สดงการลบบนกระดานดังนี้ 7 – 2 = 5 จากประโยคสัญลกั ษณ์
แสดงการลบ ครใู ห้นกั เรยี นสงั เกตวา่ 7 เป็นตัวตั้งซ่ึงเป็นจ�ำ นวนท่ีเป็นส่วนรวม ลบดว้ ย 5 ซ่ึงเป็น
จ�ำ นวนท่ีเปน็ สว่ นยอ่ ย ได้ผลลบเปน็ 2 ซงึ่ เป็นจำ�นวนท่เี ป็นสว่ นย่อยอกี จ�ำ นวนหนึ่ง หรือ 7 เป็นตวั ตัง้

124 |    สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทท่ี 3 | การลบจำ�นวนสองจ�ำ นวนทตี่ วั ตงั้ ไม่เกนิ 10 คู่มอื ครูรายวชิ าพ้ืนฐานคณิตศาสตร์
ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 1 เลม่ 1

ซึง่ เป็นจำ�นวนทเ่ี ปน็ ส่วนรวม ลบด้วย 2 ซงึ่ เป็นจ�ำ นวนท่เี ป็นส่วนยอ่ ย ได้ผลลบเปน็ 5 ซ่งึ เปน็ จ�ำ นวน

ทเ่ี ปน็ สว่ นยอ่ ยอีกจ�ำ นวนหนึ่งดังรูป 7

52

จากความสมั พนั ธแ์ บบสว่ นย่อย-ส่วนรวม โดยมี 7 เปน็ ส่วนรวมและมี 2 กบั 5 เปน็ สว่ นยอ่ ยของ 7
สามารถเขยี นประโยคสัญลักษณแ์ สดงการบวกและประโยคสญั ลักษณแ์ สดงการลบได้ดงั น้ี
5 + 2 = 7
7 – 5 = 2
7 – 2 = 5
จากนั้นครูยกตัวอย่างความสัมพันธแ์ บบส่วนยอ่ ย-ส่วนรวมของจำ�นวนอนื่ อีก 2-3 จ�ำ นวนแล้วให้
นักเรียนเขียนประโยคสญั ลกั ษณ์แสดงการบวกและประโยคสัญลักษณแ์ สดงการลบ เชน่

6 8 9
42 44 63

4 + 2 = 6 4 + 4 = 8 6 + 3 = 9

6 – 4 = 2 8 – 4 = 4 9 – 6 = 3

6 – 2 = 4 9 – 3 = 6
ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันสรปุ ว่า สามารถเขียนประโยคสัญลกั ษณแ์ สดงการบวกและประโยคสญั ลกั ษณ์
แสดงการลบจากความสัมพันธ์ของจ�ำ นวนแบบส่วนยอ่ ย–ส่วนรวม โดยจำ�นวนที่เปน็ ส่วนย่อยบวกกัน
สองจำ�นวนได้จ�ำ นวนที่เป็นส่วนรวม เมือ่ น�ำ จ�ำ นวนทเ่ี ปน็ ส่วนรวมลบดว้ ยจ�ำ นวนทีเ่ ป็นสว่ นยอ่ ย ผลลบ
จะเปน็ จำ�นวนท่เี ป็นส่วนย่อยอกี จ�ำ นวนหน่ึง จากน้ันครยู กตวั อย่างความสัมพันธแ์ บบส่วนยอ่ ย-สว่ นรวม
ท่ีเปน็ การหาค่าของตวั ไม่ทราบคา่ เชน่ ครูติดบัตรภาพบนกระดานดงั นี้

6
2

จากความสมั พนั ธ์ของจำ�นวนแบบส่วนยอ่ ย-ส่วนรวมนี้ จ�ำ นวนท่เี ป็นสว่ นย่อยของ 6 คือ 2 กับจ�ำ นวนใด
สามารถหาจ�ำ นวนน้นั ได้โดยพิจารณาว่า 2 บวกกับจ�ำ นวนใดได้ 6 เขียนเป็นประโยคสัญลักษณ์ไดเ้ ปน็
2 + = 6 หรอื พิจารณาว่า 6 ลบดว้ ยจ�ำ นวนใดได้เท่ากบั 2 เขียนเป็นประโยคสัญลักษณ์ไดเ้ ป็น
6 – = 2 หรือพิจารณาว่า 6 ลบด้วย 2 เทา่ กบั จ�ำ นวนใด 6 – 2 = เขยี นเป็นความสมั พันธ์
ของการบวกและการลบไดด้ งั น้ี
2 + = 6
6 – = 2
6 – 2 =

| 125สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   

คมู่ อื ครรู ายวชิ าพืน้ ฐานคณิตศาสตร์ บทท่ี 3 | การลบจ�ำ นวนสองจ�ำ นวนท่ีตัวต้ังไมเ่ กิน 10
ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 1 เลม่ 1

นนั่ คอื สามารถเขยี นประโยคสญั ลกั ษณ์ใดก็ได้ใน 3 ประโยคข้างต้นแทนความหมายเดียวกัน น่นั คือ

6 แทนดว้ ย 2 + = 6 หรือ 6 – = 2 หรือ 6 – 2 =

2

จากน้นั ครกู ำ�หนดความสัมพนั ธ์แบบสว่ นยอ่ ย-ส่วนรวมอกี 2-3 ตัวอยา่ งแลว้ ให้นักเรยี นเขียน
ประโยคสัญลกั ษณแ์ สดงการบวกและประโยคสัญลักษณแ์ สดงการลบ เชน่

8 10 9

3 74

3 + = 8 7 + = 10 4 + = 9

8 – = 3 10 – = 7 9 – = 4

8 – 3 = 10 – 7 = 9 – 4 =

จากน้นั ครยู กตัวอย่างการหาค่าของตวั ไมท่ ราบคา่ ในประโยคสญั ลกั ษณ์แสดงการบวกและ

ประโยคสญั ลกั ษณ์แสดงการลบตามหนังสือเรียนหน้า 141 ดงั น้ี ครูตดิ บัตรภาพบนกระดาน

ครใู ชก้ ารถาม-ตอบ ดงั น้ี

- จากบัตรภาพนักเรียนเห็นอะไรบ้าง (มขี นมในกลอ่ งมี 10 ชน้ิ เราเห็นขนม 4 ชนิ้ )

- มีขนมทเ่ี รามองไม่เห็นใชห่ รอื ไม่ (ใช)่ 10 )
- จากภาพน�ำ ไปเขียนเปน็ ความสมั พันธ์แบบส่วนยอ่ ย-ส่วนรวมได้อย่างไร (

4

จากความสัมพนั ธแ์ บบส่วนย่อย-ส่วนรวมเขียนเป็นประโยคสัญลักษณ์แสดงการบวกและ

ประโยคสัญลักษณ์แสดงการลบท่มี ตี ัวไมท่ ราบค่าไดอ้ ยา่ งไร ( 4 + = 10 หรือ 10 – = 4

หรือ 10 – 4 = )

- เลอื กประโยคสญั ลกั ษณจ์ าก 3 ประโยคขา้ งตน้ ส�ำ หรบั หาคา่ ของตวั ไมท่ ราบคา่ คอื (10 – 4 = )

- 10 ลบดว้ ย 4 ไดผ้ ลลบเท่ากับเทา่ ไร (6)

- ดังนน้ั ค�ำ ตอบคอื เทา่ ไร (ตอบ 6)

ครแู นะนำ�วา่ นกั เรียนอาจไม่ต้องเขยี นประโยคสัญลักษณ์แสดงการบวกและประโยคสญั ลักษณ์แสดง

การลบท่มี ีตัวไมท่ ราบค่าท้งั สามประโยคกไ็ ด้เน่อื งจากท้งั 3 ประโยคสามารถเขยี นแทนกนั ได้ ดงั นน้ั

นักเรยี นเลอื กประโยคสญั ลกั ษณท์ ี่งา่ ยในการหาคำ�ตอบดังนี้



10

4 เขียนประโยคสัญลักษณเ์ พอื่ หาค�ำ ตอบ

126 |    สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทท่ี 3 | การลบจ�ำ นวนสองจำ�นวนทตี่ ัวตั้งไมเ่ กนิ 10 คมู่ อื ครรู ายวิชาพื้นฐานคณติ ศาสตร์
ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 1 เล่ม 1

จากรปู ท่กี �ำ หนดให้แปลงมาเปน็ ความสัมพันธแ์ บบสว่ นยอ่ ย-สว่ นรวม 10 – 4 =
จากนัน้ หาคำ�ตอบ 10 – 4 = 6
ครูยกตวั อยา่ งการหาค่าของตวั ไม่ทราบคา่ จากประโยคสญั ลักษณแ์ สดงการบวกและ
ประโยคสญั ลักษณแ์ สดงการลบ เพม่ิ เติมอีก 2 – 3 เช่น


10
เขยี นประโยคสัญลักษณ์เพอ่ื หาคำ�ตอบ

6

จากรูปทกี่ ำ�หนดใหแ้ ปลงมาเป็นความสัมพันธแ์ บบสว่ นย่อย-ส่วนรวม 10 – 6 =
จากนัน้ หาคำ�ตอบ 10 – 6 = 4
ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันสรปุ ว่า ในการหาค่าของตวั ไม่ทราบคา่ อาจแปลงเปน็ ความสัมพันธแ์ บบ
ส่วนย่อย-ส่วนรวมแล้วเขยี นประโยคสญั ลักษณเ์ พอ่ื หาคำ�ตอบ
2. ครูยกตัวอย่างการหาคา่ ของตัวไม่ทราบค่าใน
ประโยคสญั ลักษณ์แสดงการบวกและประโยคสญั ลักษณ์
แสดงการลบตามหนงั สือเรยี นหน้า 142 โดยการแปลงเป็น
ความสมั พันธ์แบบสว่ นย่อย-สว่ นรวมแล้วหาคำ�ตอบ ดังนี้

จากโจทย์ 10 – = 3

แปลงเปน็ ความสมั พันธ์แบบสว่ นย่อย-สว่ นรวมได้ ดงั น้ี

10

3

จากความสมั พันธ์แบบสว่ นย่อย-ส่วนรวมหาค�ำ ตอบได้เป็น
10 – 3 = จะได้ 10 – 3 = 7 ดงั น้นั คำ�ตอบคือ 7
ครใู หน้ ักเรยี นตรวจคำ�ตอบโดยน�ำ 7 ไปแทนคา่ ของตัวไม่ทราบค่าในโจทย์จะได้ 10 – 7 = 3
ดงั นนั้ 7 เป็นคำ�ตอบท่ีถูกต้อง จากนนั้ ครูยกตัวอยา่ งเพมิ่ เติมอีก 2 -3 ตัวอย่าง เชน่

เขยี นประโยคสญั ลักษณ์เพ่อื หาค�ำ ตอบ

73

จากโจทย์ – 7 = 3 แปลงเปน็ ความสมั พันธแ์ บบส่วนยอ่ ย-สว่ นรวม 7 + 3 =
จะได้ 7 + 3 = 10 ดงั นัน้ คำ�ตอบคอื 10 ตรวจคำ�ตอบจะได้ 10 – 7 = 3 ดังนนั้ 10 เป็นค�ำ ตอบ
ที่ถูกต้อง ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันสรปุ ว่า การหาคา่ ของตัวไม่ทราบคา่ สามารถทำ�ได้โดยแปลงสง่ิ ทโี่ จทย์
ก�ำ หนดให้เป็นความสัมพันธ์แบบส่วนย่อย-สว่ นรวมแล้วเขยี นประโยคสัญลกั ษณ์เพือ่ หาค�ำ ตอบ

| 127สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   

คมู่ ือครรู ายวชิ าพ้นื ฐานคณติ ศาสตร์ บทที่ 3 | การลบจ�ำ นวนสองจำ�นวนทีต่ วั ตั้งไมเ่ กนิ 10
ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 1 เล่ม 1

3. ครใู หน้ กั เรียนจับคูแ่ ล้วใหช้ ว่ ยกันหาค่าของตวั ไม่ทราบคา่ จากประโยคสัญลักษณ์แสดง
การบวกและประโยคสัญลกั ษณ์แสดงการลบตามหนงั สือเรียนหนา้ 143 ครอู าจยกตัวอยา่ งการหา
ค�ำ ตอบดงั นี้
จากโจทย์ – 2 = 3
แปลงเป็นความสัมพนั ธ์แบบส่วนยอ่ ย-สว่ นรวม

3+3=6
6

23 2

เขยี นประโยคสญั ลกั ษณเ์ พอ่ื หาค�ำ ตอบคอื วธิ คี ดิ 2 + 3 = 5-5=0 9-6=3
0 3
จะได้ 2 + 3 = 5 คำ�ตอบคอื 5 ตรวจค�ำ ตอบ 5 – 2 = 3
10 - 4 = 6 8-4=4
5 จงึ เปน็ ค�ำ ตอบทถี่ กู ต้อง ครูยกตวั อย่างเพ่ิมเตมิ อกี 2 -3 6 4

ตัวอย่างเพือ่ ใหค้ รบทกุ กรณี ดังนี้

ก�ำ หนดโจทย์ 5 + =8

แปลงเป็นความสัมพันธแ์ บบสว่ นย่อย-สว่ นรวม

8

5

เขียนประโยคสญั ลกั ษณเ์ พอ่ื หาค�ำ ตอบคือวธิ คี ดิ 8 – 5 =

จะได้ 8 – 5 = 3 คำ�ตอบคอื 3 ตรวจคำ�ตอบ 5 + 3 = 8 ดงั นนั้ 3 จงึ เปน็ คำ�ตอบทถ่ี กู ต้อง

ก�ำ หนดโจทย์ 8 – =4

แปลงเป็นความสมั พันธ์แบบสว่ นย่อย-สว่ นรวม

8

4

เขียนประโยคสัญลกั ษณ์เพื่อหาค�ำ ตอบคอื วิธคี ดิ 8 – 4 =
จะได้ 8 – 4 = 4 คำ�ตอบคอื 4 ตรวจค�ำ ตอบ 8 – 4 = 4 ดังนั้น 4 จงึ เป็นค�ำ ตอบท่ีถกู ต้อง
จากนนั้ ครูให้นักเรยี นแตล่ ะคชู่ ่วยกนั หาค่าของตัวไม่ทราบคา่ ขอ้ 1 ถงึ ขอ้ 5 ตามหนงั สอื เรยี น
หน้า 143 ครแู ละนักเรียนชว่ ยกนั ตรวจสอบคำ�ตอบและร่วมกันสรปุ ว่า การหาค่าของตวั ไม่ทราบคา่
ทำ�ได้โดยแปลงโจทย์เป็นความสมั พนั ธแ์ บบส่วนย่อย-ส่วนรวมแลว้ เขียนประโยคสญั ลกั ษณ์เพื่อหา
ค�ำ ตอบ ซึ่งกค็ ือเป็นการหาค�ำ ตอบจากความสัมพันธข์ องการบวกและการลบน่ันเอง

128 |    สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทที่ 3 | การลบจ�ำ นวนสองจ�ำ นวนที่ตวั ต้ังไมเ่ กิน 10 คู่มอื ครูรายวชิ าพ้นื ฐานคณิตศาสตร์
ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 1 เลม่ 1

การตรวจสอบความเข้าใจ

4. ตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรยี นเปน็ รายบคุ คลโดยให้นักเรียนเลือกประโยคสญั ลกั ษณ์
ท่ีเป็นการหาค่าของตัวไมท่ ราบค่าในประโยคสญั ลกั ษณ์แสดงการบวกและประโยคสญั ลกั ษณ์
แสดงการลบ ท่ีก�ำ หนดให้ตามหนังสอื เรยี นหนา้ 144 ครแู ละนักเรียนตรวจสอบความถกู ตอ้ ง
ถา้ พบวา่ มนี กั เรียนไม่สามารถเลอื กประโยคสญั ลักษณ์
ที่ใชใ้ นการหาคา่ ของตัวไม่ทราบคา่ ไดถ้ ูกต้อง
ครูให้นักเรียนแกไ้ ขให้ถูกตอ้ งโดยใชก้ ารถามน�ำ เช่น
จากข้อ 1 โจทยก์ �ำ หนด 4 + = 5
แปลงเปน็ ความสัมพนั ธ์แบบสว่ นย่อย-ส่วนรวม
ของจ�ำ นวนได้อย่างไร

5

4

เขียนประโยคสญั ลักษณ์เพ่อื หาคำ�ตอบได้อยา่ งไร
5 – 4 = 1 ดงั นน้ั เลือกวงท่สี อง เป็นตน้
จากนน้ั ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปสงิ่ ทไ่ี ด้เรียนรู้

ส่งิ ทีไ่ ดเ้ รยี นรู้

สามารถใช้ความสมั พนั ธข์ องการบวกและการลบ
ในการหาคา่ ของตวั ไมท่ ราบคา่ ในประโยคสญั ลกั ษณแ์ สดงการบวกและประโยคสญั ลกั ษณแ์ สดงการลบ
จากน้นั ให้นักเรยี นท�ำ แบบฝึกหัด 3.8 หน้า 88 – 90

| 129สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   

ค่มู ือครูรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร์ บทที่ 3 | การลบจำ�นวนสองจ�ำ นวนท่ตี ัวต้งั ไม่เกนิ 10
ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 1 เลม่ 1

3.9 สถานการณ์การลบ (1 ช่วั โมง)

จดุ ประสงค์

ระบไุ ดว้ า่ สถานการณท์ ก่ี �ำ หนดใหเ้ ปน็ สถานการณก์ ารลบ

สื่อการเรียนรู้

- บตั รภาพ

แนวการจัดการเรียนรู้

การพัฒนาความรู้

1. ครนู �ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยการทบทวนความหมาย

ของการลบ ดังน้ี การลบแสดงโดยการเอาออก เชน่

ตน้ กลา้ มีมะมว่ ง 5 ผล ใหเ้ พื่อนไป 2 ผล ตน้ กล้าเหลอื

มะมว่ ง 3 ผล เขยี นเป็นประโยคสัญลกั ษณแ์ สดงการลบได้

5 – 2 = 3 การลบแสดงโดยการเปรียบเทยี บ เชน่ แกว้ ตามี

สมุดสีฟ้า 6 เลม่ สมุดสชี มพู 4 เลม่ แกว้ ตามีสมดุ สฟี า้ มากกวา่ สมดุ สีชมพู 2 เล่ม หรอื แกว้ ตามีสมุด

สชี มพูนอ้ ยกวา่ สมดุ สีฟา้ 2 เล่ม เขียนเปน็ ประโยคสัญลกั ษณแ์ สดงการลบได้ 6 – 4 = 2

การลบแสดงโดยความสมั พนั ธข์ องการบวกและการลบ เชน่ มลี ูกโปง่ สีแดงและสมี ว่ ง 8 ลูก

เปน็ ลกู โป่งสีแดง 6 ลกู เป็นลูกโป่งสมี ว่ ง 2 ลูก เขียนเปน็ ประโยคสญั ลักษณ์แสดงการลบได้

8 – 6 = 2 จากนน้ั ครยู กตวั อยา่ งสถานการณก์ ารลบทอ่ี ยู่ในชวี ติ จรงิ ตามหนังสือเรยี นหนา้ 145 ดงั นี้

ครูติดบัตรภาพบนกระดาน เกมตกปลา

ครใู ชก้ ารถาม-ตอบ ดังน้ี
- จากบัตรภาพนักเรยี นเหน็ อะไรบา้ ง (ตน้ กล้ากำ�ลงั เลน่ เกมตักปลา)
- มปี ลาท้ังหมดกต่ี วั (8 ตวั )
- ต้นกล้าตกั ปลาไปกีต่ วั (3 ตัว)
- เหลอื ปลากตี่ วั (5 ตัว)
ครูแนะนำ�วา่ สถานการณท์ ่กี ลา่ วว่า มีปลาทง้ั หมด 8 ตัว ตน้ กลา้ ตกั ปลาไป 3 ตวั เหลือปลา 5 ตัว
เปน็ สถานการณก์ ารลบ เพราะสามารถเขียนเป็นประโยคสญั ลกั ษณ์แสดงการลบได้เปน็ 8 – 3 = 5
จากนน้ั ครูยกตวั อยา่ งสถานการณก์ ารลบทีเ่ กิดขน้ึ ในชวี ิตจริงเพม่ิ เตมิ อกี 2 – 3 ตัวอย่าง เชน่
ครูตดิ บัตรภาพบนกระดาน

130 |    สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทที่ 3 | การลบจ�ำ นวนสองจ�ำ นวนทต่ี วั ตั้งไม่เกิน 10 คูม่ อื ครูรายวชิ าพื้นฐานคณติ ศาสตร์
ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 1 เลม่ 1
เกมปาลกู โปง�
เกมปาลูกโป�ง

ลกู โปง่ แตกไป


ครใู ช้การถาม-ตอบ ดังน้ี
- จากบตั รภาพนกั เรยี นเห็นอะไรบา้ ง (เลน่ เกมปาลูกโป่ง)
- กอ่ นเล่นมลี ูกโปง่ ท้งั หมดกีล่ ูก (10 ลกู )
- ปาลูกโปง่ แตกไปกี่ลูก (7 ลูก)
- เหลือลูกโปง่ ไมแ่ ตกกลี่ กู (3 ลกู )
ครูและนกั เรียนรว่ มกนั กลา่ วถึงสถานการณก์ ารลบไดด้ ังน้ี มลี ูกโป่ง 10 ลูก แตกไป 7 ลกู เหลอื ลกู โปง่
3 ลกู เขียนเป็นประโยคสัญลกั ษณ์แสดงการลบได้เป็น 10 – 7 = 3 จากนัน้ ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั
สรปุ วา่ สถานการณท์ ส่ี ามารถเขยี นเปน็ ประโยคสญั ลกั ษณแ์ สดงการลบได้ เรยี กวา่ สถานการณก์ ารลบ
2. ครใู ห้นกั เรยี นจบั คกู่ ันและแจกบตั รภาพใหน้ กั เรยี นคู่ละ 1 บัตรภาพแล้วใหช้ ว่ ยกันเลา่ เรอื่ ง
จากภาพใหเ้ ป็นสถานการณก์ ารลบ พรอ้ มทั้งเขียนประโยคสญั ลกั ษณ์แสดงการลบ เช่น

จากบัตรภาพ นกั เรยี นอาจเล่าเรือ่ งเป็นสถานการณ์การลบไดด้ งั น้ี มีคนรำ�วงทงั้ หมด 10 คน
เป็นผชู้ าย 4 คน เปน็ ผู้หญงิ 6 คน เขยี นประโยคสญั ลกั ษณแ์ สดงการลบได้เป็น 10 – 4 = 6

จากบัตรภาพ นักเรยี นอาจเลา่ เร่อื งเปน็ สถานการณ์การลบ 7
ไดด้ งั น้ี ใบบวั กอ่ กองทรายได้ 3 กอง แกว้ ตากอ่ กองทรายได้ 7
10 กอง ใบบัวก่อกองทรายไดน้ อ้ ยกว่าแกว้ ตา 7 กอง
เขยี นประโยคสัญลกั ษณ์แสดงการลบได้เป็น 10 – 3 = 7
ครอู าจส่มุ ให้นักเรียนบางคูอ่ อกมาน�ำ เสนอ จากนัน้ ครูและ
นกั เรียนรว่ มกันตรวจสอบความถกู ต้องและร่วมกันสรปุ วา่
สถานการณท์ ี่สามารถเขียนเป็นประโยคสัญลักษณแ์ สดง
การลบได้ เรยี กวา่ สถานการณก์ ารลบ

| 131สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   

คูม่ อื ครรู ายวชิ าพ้ืนฐานคณิตศาสตร์ บทที่ 3 | การลบจำ�นวนสองจำ�นวนทตี่ ัวตง้ั ไมเ่ กิน 10
ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 1 เล่ม 1

3. ครใู หน้ กั เรยี นจบั คแู่ ละแจกบตั รภาพใหน้ กั เรยี น * ใหอ ยใู นดลุ ยพนิ ิจของผูสอน
คลู่ ะ 1 บตั ร ตามหนงั สอื เรียนหนา้ 147 แลว้ ให้ช่วยกนั
เล่าเร่อื งจากภาพใหเ้ ป็นสถานการณก์ ารลบพร้อมกบั เขียน มมีไีไออศศคกรรมีมี รรสสกกะะททมิิ 7ากแกทวง า รรสสททเุเุ รรยีียนน 25 แแททงง
ประโยคสญั ลกั ษณแ์ สดงการลบ ครูและนกั เรยี นร่วมกนั มที หารทัง้ หมเปดน 1ท0หาครนบเกป8น ทคหนารเรอื 2 คน
ตรวจสอบความถกู ต้องโดยใหน้ ักเรยี นแตล่ ะคูอ่ อกมาเล่า มปี อ งแปงขาไยปแทจ้งั กหเมพด่อื น8 เอหนั ลอื ขปุนอเลงอืแปกซงออ้ื ันปเอลง็กแป3ง ออันนั ใหญ 5 อนั
สถานการณ์การลบ บางคอู่ าจจะไดบ้ ัตรภาพไม่เหมือนกนั
ใหค้ ู่ทีไ่ ด้บตั รภาพเดยี วกนั สง่ ตัวแทนออกมาเลา่ ถา้ คูใ่ ดเลา่
สถานการณท์ ่ีตา่ งจากเพื่อนให้ออกมานำ�เสนอด้วย
ท�ำ เชน่ นจ้ี นครบ 3 ขอ้ จากนน้ั ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ วา่
สถานการณ์ท่ีสามารถเขียนเปน็ ประโยคสญั ลกั ษณแ์ สดง
การลบได้ เรยี กวา่ สถานการณก์ ารลบ

การตรวจสอบความเขา้ ใจ

4. ตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรยี นเปน็ รายบุคคลโดยให้นกั เรียนขีด หนา้ ขอ้ ความที่เปน็
สถานการณ์การลบจากภาพทก่ี �ำ หนดให้ ตามหนังสอื เรียนหน้า 148 ท้งั นี้ครูอาจให้นกั เรยี นเขียน
ประโยคสัญลกั ษณ์แสดงการลบด้วยกไ็ ด้ จากนัน้ ครูและนักเรยี นรว่ มกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง
ถ้าพบวา่ มนี ักเรียนท่เี ลือกสถานการณไ์ ม่ถูกต้อง ครูอาจให้นกั เรียนคนนัน้ เล่าสถานการณอ์ ่ืนจาก
บตั รภาพหนา้ 147 ใหเ้ ปน็ สถานการณก์ ารลบ หรอื อาจใหท้ บทวนเรื่องความหมายของการลบ
ทแ่ี สดงโดยการเอาออกแสดงโดยการเปรยี บเทยี บ และแสดงโดยความสมั พนั ธข์ องการบวกและการลบ
จากนัน้ ใหน้ ักเรยี นคนนัน้ แกไ้ ขโดยการเลือกตัวเลือกใหม่อกี คร้ังจนกวา่ จะถูกตอ้ ง ครูและนกั เรียน
ร่วมกนั สรปุ สิง่ ทไี่ ด้เรียนรู้

ส่งิ ท่ีไดเ้ รยี นรู้

สถานการณต์ อ่ ไปนเี้ ป็นสถานการณก์ ารลบ
• สถานการณ์ที่แสดงการเอาออกเพือ่ หาจ�ำ นวน
ที่เหลือ
• สถานการณ์ทแ่ี สดงการเปรียบเทียบเพือ่ หาวา่
มากกว่าหรอื นอ้ ยกว่ากนั อยู่เท่าไร
• สถานการณ์ท่ีแสดงการหาจ�ำ นวนหนง่ึ เมื่อรอู้ กี
จำ�นวนหนึง่ และจ�ำ นวนทง้ั หมด

จากน้ันใหน้ ักเรยี นท�ำ แบบฝึกหดั 3.9 หนา้ 91 – 92

132 |    สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทที่ 3 | การลบจ�ำ นวนสองจ�ำ นวนที่ตัวตั้งไมเ่ กนิ 10 คู่มอื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานคณิตศาสตร์
ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 1 เล่ม 1

3.10 โจทย์ปญั หาการลบ (1 ช่วั โมง)

จดุ ประสงค์

แกโ้ จทย์ปญั หาการลบ

ส่ือการเรยี นรู้

- บตั รภาพ
- บัตรโจทย์
- กรอบสิบ
- เสน้ จำ�นวน

แนวการจัดการเรยี นรู้
การพัฒนาความรู้

1. ครูนำ�เขา้ สู่บทเรียนโดยการทบทวนสถานการณท์ ่ีเปน็ สถานการณก์ ารลบ ดังนี้ สถานการณ์
ท่ีแสดงการเอาออกเพ่อื หาจ�ำ นวนท่เี หลือ เชน่ มปี ลาในอา่ ง 8 ตวั ตักปลาไป 3 ตัว เหลือปลาในอ่าง
5 ตัว เขยี นเป็นประโยคสัญลกั ษณแ์ สดงการลบได้ 8 – 3 = 5 สถานการณท์ ี่แสดงการเปรียบเทยี บ
เพอื่ หาวา่ มากกวา่ หรอื น้อยกวา่ กนั อยูเ่ ท่าไร เช่น แกว้ ตามีสมดุ สฟี า้ 4 เลม่ สมดุ สเี หลือง 2 เลม่
แกว้ ตามสี มดุ สฟี า้ มากกวา่ สมดุ สเี หลอื ง 2 เลม่ เขยี นเปน็ ประโยคสญั ลกั ษณแ์ สดงการลบได้ 4 – 2 = 2
สถานการณ์ท่ีแสดงการหาจ�ำ นวนหนง่ึ เม่ือรู้อกี จ�ำ นวนหน่งึ และจำ�นวนทัง้ หมด เชน่ มีร่มสแี ดงและ
สดี ำ�ทงั้ หมด 6 คนั เปน็ ร่มสีแดง 4 คนั เป็นรม่ สดี �ำ 2 คัน เขยี นเป็นประโยคสญั ลกั ษณ์แสดงการลบได้
6 – 4 = 2 ครแู นะน�ำ วา่ จากสถานการณ์ข้างตน้ ถา้ เราปรบั สถานการณใ์ ห้เปน็ โจทย์ปัญหา
เราตอ้ งปรับเปน็ สว่ นท่โี จทยถ์ ามและสว่ นทีโ่ จทย์บอก ดังน้ี
สถานการณ์
มปี ลาในอา่ ง 8 ตวั ตักปลาไป 3 ตวั เหลือปลาในอา่ ง 5 ตวั ประโยคสัญลักษณ์ 8 – 3 = 5
โจทย์ปัญหา
มปี ลาในอ่าง 8 ตัว ตักปลาไป 3 ตัว เหลอื ปลาในอา่ งกต่ี ัว ประโยคสญั ลักษณ์ 8 – 3 =
สถานการณ์
แกว้ ตามีสมุดสฟี ้า 4 เลม่ สมุดสีเหลือง 2 เล่ม แกว้ ตามีสมดุ สีฟ้ามากกวา่ สมดุ สีเหลอื ง 2 เล่ม
ประโยคสัญลักษณ์ 4 – 2 = 2
โจทย์ปญั หา
แกว้ ตามีสมดุ สฟี ้า 4 เล่ม สมดุ สีเหลอื ง 2 เล่ม แกว้ ตามสี มุดสฟี า้ มากกวา่ สมดุ สีเหลอื งกี่เลม่
ประโยคสญั ลกั ษณ์ 4 – 2 =
สถานการณ์
มรี ม่ สแี ดงและสดี �ำ ทง้ั หมด 6 คนั เปน็ รม่ สแี ดง 4 คนั เปน็ รม่ สดี �ำ 2 คนั ประโยคสญั ลกั ษณ์ 6 – 4 = 2
โจทย์ปัญหา
มรี ม่ สแี ดงและสดี �ำ ทง้ั หมด 6 คนั เปน็ รม่ สแี ดง 4 คนั เปน็ รม่ สดี �ำ กค่ี นั ประโยคสญั ลกั ษณ์ 6 – 4 =

| 133สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   

คมู่ ือครูรายวชิ าพน้ื ฐานคณติ ศาสตร์ บทท่ี 3 | การลบจำ�นวนสองจำ�นวนทตี่ ัวต้ังไม่เกนิ 10
ช้ันประถมศึกษาปีที่ 1 เล่ม 1

ครูใหน้ ักเรียนสงั เกตสถานการณแ์ ละโจทย์ปัญหาว่าแตกตา่ งกนั อยา่ งไร นักเรยี นควรตอบได้วา่ โจทย์
ปญั หามสี ว่ นทโ่ี จทยถ์ ามและสว่ นทโ่ี จทยบ์ อกและเขยี นประโยคสญั ลกั ษณแ์ สดงการลบทม่ี ตี วั ไมท่ ราบคา่
ดงั นนั้ ถา้ เราอา่ นโจทย์ปัญหาแล้วเราระบไุ ดว้ ่าโจทยป์ ัญหาน้เี ป็นโจทยป์ ญั หาการลบ เราสามารถ
เขียนเป็นประโยคสัญลกั ษณแ์ ละหาคำ�ตอบได้โดยการลบ จากน้ันครูยกตัวอย่างโจทยป์ ญั หาและ
การแกโ้ จทย์ปัญหา อาจใชก้ ารวาดรปู ตามหนงั สอื เรยี นหนา้ 149 ดังนี้ ครตู ดิ บตั รภาพพร้อมโจทย์
ปญั หาบนกระดาน

จําหน�ายบตั รรําวง

มบี ตั รรำ�วง 10 ใบ ขายไป 6 ใบ เหลือบตั รร�ำ วงกใี่ บ

ครูใหน้ กั เรียนอ่านโจทยป์ ญั หาพรอ้ มกัน แล้วใช้การถาม-ตอบดงั นี้
- จากโจทย์ โจทยถ์ ามอะไร (เหลอื บัตรรำ�วงก่ใี บ)
- โจทยบ์ อกอะไร (มีบตั รรำ�วง 10 ใบ ขายไป 6 ใบ)
- หาคำ�ตอบไดอ้ ย่างไร (หาค�ำ ตอบได้โดยการลบ)
- เขียนประโยคสัญลักษณไ์ ดอ้ ย่างไร (10 – 6 = )
- ไดผ้ ลลบเป็นเทา่ ไร (4)
- ค�ำ ตอบของโจทยป์ ญั หาคืออะไร (เหลอื บัตรรำ�วง 4 ใบ)
ครแู นะน�ำ ว่า 4 เป็นค�ำ ตอบที่สมเหตุสมผลเพราะ 4 น้อยกว่า 10 เนือ่ งจากมบี ัตรรำ�วง 10 ใบ
ขายไป 6 ใบ ดังนัน้ คำ�ตอบทไ่ี ดต้ อ้ งน้อยกว่า 10 จากนั้นครแู นะน�ำ เกี่ยวกบั การวิเคราะห์โจทยป์ ัญหา
วา่ อาจใชก้ ารวาดรูปเพ่ือแสดงสิ่งท่ีโจทย์ถามและส่ิงท่โี จทยบ์ อก แลว้ หาค�ำ ตอบไดด้ งั นี้
โจทย์บอก มีบัตรร�ำ วง 10 ใบ ครูวาดรปู ส่เี หลีย่ มแสดงบัตรร�ำ วง 10 ใบ ดังน้ี

โจทย์บอก ขายไป 6 ใบ ครวู าดรปู แสดงการเอาออก 6 ดังนี้

โจทย์ถาม เหลอื บัตรร�ำ วงกใ่ี บ ครูใหน้ ักเรยี นดจู ากภาพข้างต้นวา่ เปน็ ความหมายของการลบโดย
การเอาออกดังนน้ั เขยี นประโยคสัญลักษณ์ได้เป็น 10 – 6 = และจากรปู ได้คำ�ตอบคอื 4
ดงั น้นั ค�ำ ตอบของโจทยป์ ญั หาขอ้ นี้คอื เหลอื บัตรร�ำ วง 4 ใบ จากนน้ั ครยู กตัวอย่างโจทยป์ ัญหาท่มี ี
ความหมายของการลบแสดงโดยการเอาออกเพิม่ เติมอกี 2 – 3 ตัวอย่าง โดยครอู าจให้นักเรียนออก

134 |    สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทท่ี 3 | การลบจำ�นวนสองจ�ำ นวนทต่ี วั ตัง้ ไม่เกนิ 10 คมู่ ือครรู ายวิชาพ้ืนฐานคณติ ศาสตร์
ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 1 เลม่ 1

มาวาดรปู แสดงการเอาออกบนกระดาน จากนน้ั จงึ เขยี นประโยคสญั ลกั ษณแ์ ละหาค�ำ ตอบจากรปู ทว่ี าด
ครูและนักเรยี นร่วมกนั สรปุ ว่า การแกโ้ จทยป์ ัญหาสามารถท�ำ ไดโ้ ดยอ่านทำ�ความเขา้ ใจปญั หาโดย
การวเิ คราะหโ์ จทย์วา่ โจทยถ์ ามอะไร โจทย์บอกอะไร และจะหาคำ�ตอบไดอ้ ย่างไร จากนัน้ วางแผน
แก้ปัญหาอาจใช้การวาดรูป หาคำ�ตอบ และตรวจสอบความสมเหตสุ มผลของค�ำ ตอบ
2. ครยู กตวั อยา่ งโจทยป์ ญั หาทีเ่ ปน็ ความหมายของการลบทีแ่ สดงโดยการเปรียบเทยี บตาม
หนังสือเรียนหนา้ 150 เช่น ครตู ิดบัตรโจทย์บนกระดาน บนเวทรี �ำ วงมีผู้ชาย 3 คน ผหู้ ญงิ 4 คน
มผี ู้หญงิ มากกวา่ ผ้ชู ายกค่ี น ครูใหน้ กั เรยี นอ่านโจทยป์ ญั หาพร้อมกนั แล้วใช้การถาม-ตอบดังนี้
- จากโจทย์ โจทยถ์ ามอะไร (มผี ู้หญิงมากกวา่ ผชู้ ายกค่ี น)
- โจทย์บอกอะไร (บนเวทรี ำ�วงมผี ชู้ าย 3 คน ผู้หญิง 4 คน)
- หาค�ำ ตอบได้อย่างไร (หาคำ�ตอบได้โดยการลบ)
- เขียนประโยคสัญลักษณ์ได้อยา่ งไร (4 – 3 = )
- ได้ผลลบเป็นเท่าไร (1)
- ค�ำ ตอบของโจทยป์ ญั หาคอื อะไร (มีผหู้ ญงิ มากกวา่ ผู้ชาย 1คน)
ครูแนะนำ�ว่า 1 เป็นคำ�ตอบท่สี มเหตสุ มผลเพราะ 1 นอ้ ยกวา่ 4 เนือ่ งจากเปน็ การนำ� 4
มาเปรียบเทียบกบั 3 วา่ มากกวา่ กันอยู่เท่าไร ดังนน้ั ค�ำ ตอบทไี่ ดต้ อ้ งนอ้ ยกว่า 4 จากนัน้ ครแู นะน�ำ
เกีย่ วกับการวิเคราะหโ์ จทยป์ ญั หาว่า อาจใชก้ ารวาดรูปเพอ่ื แสดงส่ิงทโี่ จทยถ์ ามและสง่ิ ทีโ่ จทยบ์ อก
แล้วหาคำ�ตอบได้ดังนี้
โจทยบ์ อก บนเวทรี �ำ วงมผี ชู้ าย 3 คน ครวู าดรปู ผชู้ าย 3 คน
ดงั น้ี

โจทยบ์ อก ผูห้ ญิง 4 คน ครูวาดรูปผู้หญิง 4 คน ดงั นี้

โจทย์ถาม มผี ู้หญิงมากกว่าผู้ชายกค่ี น ครวู าดรูปแสดง
การเปรียบเทยี บโดยการโยงเสน้ จบั คูด่ ังนี้

| 135สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   

คู่มือครูรายวชิ าพื้นฐานคณิตศาสตร์ บทที่ 3 | การลบจำ�นวนสองจ�ำ นวนที่ตัวต้ังไมเ่ กิน 10
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เลม่ 1

ครใู หน้ ักเรียนดจู ากภาพข้างตน้ เป็นความหมายของการลบโดยการเปรยี บเทยี บ ดงั นน้ั เขยี นประโยค

สญั ลกั ษณไ์ ดเ้ ปน็ 4 – 3 = และจากรปู ได้ค�ำ ตอบคือ 1 ดังนั้นค�ำ ตอบของโจทย์ปัญหาขอ้ น้คี อื

มผี ้หู ญงิ มากกว่าผู้ชาย 1 คน จากน้นั ครยู กตัวอยา่ งโจทย์ปญั หาท่ีมีความหมายของการลบแสดงโดย

การเปรยี บเทยี บเพม่ิ เตมิ อกี 2 – 3 ตวั อยา่ ง โดยครอู าจใหน้ กั เรยี นออกมาวาดรปู แสดงการเปรยี บเทยี บ

บนกระดาน จากนน้ั จึงเขยี นประโยคสัญลักษณแ์ ละหาคำ�ตอบจากรูปทวี่ าด ครูและนักเรียนร่วมกัน

สรุปวา่ การแก้โจทยป์ ัญหาสามารถทำ�ได้โดยอ่านท�ำ ความเข้าใจปัญหาโดยการวิเคราะห์โจทยว์ า่

โจทยถ์ ามอะไร โจทยบ์ อกอะไร และจะหาค�ำ ตอบไดอ้ ยา่ งไร จากนน้ั วางแผนแกป้ ญั หาอาจใชก้ ารวาดรปู

หาคำ�ตอบ และตรวจสอบความสมเหตสุ มผลของคำ�ตอบ

ครยู กตวั อยา่ งโจทยป์ ญั หาทเ่ี ปน็ ความหมายของการลบทแ่ี สดงโดยความสมั พนั ธข์ องการบวก

และการลบ เช่น ครูติดบัตรโจทยบ์ นกระดาน บนเวทมี ีคนรำ�วงท้ังหมด 9 คน เป็นผูช้ าย 4 คน

เปน็ ผู้หญงิ ก่คี น ครใู หน้ กั เรียนอ่านโจทย์ปัญหาพรอ้ มกนั แล้วใชก้ ารถาม-ตอบดงั น้ี

- จากโจทย์ โจทยถ์ ามอะไร (เป็นผหู้ ญิงกคี่ น)

- โจทย์บอกอะไร (บนเวทมี คี นร�ำ วงทงั้ หมด 9 คน เป็นผ้ชู าย 4 คน)

- หาค�ำ ตอบไดอ้ ย่างไร (หาค�ำ ตอบไดโ้ ดยการลบ)

- เขียนประโยคสัญลักษณ์ได้อยา่ งไร (9 – 4 = )

- ไดผ้ ลลบเป็นเทา่ ไร (5)

- ค�ำ ตอบของโจทย์ปญั หาคอื อะไร (เปน็ ผหู้ ญิง 5 คน)

ครแู นะน�ำ วา่ 5 เปน็ ค�ำ ตอบทส่ี มเหตสุ มผลเพราะ 5 นอ้ ยกวา่ 9

เน่อื งจากเป็นการหาจ�ำ นวนที่มารวมกับ 4 แล้วได้ 9

ดงั นน้ั ค�ำ ตอบทไ่ี ดต้ อ้ งนอ้ ยกวา่ 9 จากนน้ั ครแู นะน�ำ เกย่ี วกบั

การวเิ คราะห์โจทย์ปัญหาวา่ อาจใช้ความสัมพนั ธ์แบบ 9-8=
ส่วนย่อย-สว่ นรวมมาช่วยใหก้ ารวิเคราะหโ์ จทยว์ า่ ต้องหา

คำ�ตอบโดยการลบดงั นี้ จากโจทย์ บนเวทมี คี นรำ�วง ๑
ท้ังหมด 9 คน เปน็ ผู้ชาย 4 คน เปน็ ผหู้ ญงิ กีค่ น
ครูเขียนความสมั พันธแ์ บบส่วนย่อย-สว่ นรวมของ 9 ได้ดังนี้ 8-5=

9 ๓
4

ครูถามนักเรยี นว่า หาจ�ำ นวนท่เี ปน็ ส่วยยอ่ ยอกี จำ�นวนหนึง่ ของ 9 ไดโ้ ดยวธิ ีใด 9
นกั เรียนควรตอบไดว้ ่า หาได้จากการลบ จากความสมั พนั ธแ์ บบส่วนยอ่ ย-ส่วนรวม 45
ดังนัน้ เขียนประโยคสัญลกั ษณ์ได้เปน็ 9 – 4 = และเขียนความสมั พันธ์แบบ
ส่วนย่อย-ส่วนรวมของ 9 ไดด้ ังน้ี

136 |    สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทที่ 3 | การลบจ�ำ นวนสองจำ�นวนที่ตวั ต้ังไม่เกนิ 10 คมู่ อื ครรู ายวชิ าพ้ืนฐานคณิตศาสตร์
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เล่ม 1

จากความสัมพันธแ์ บบสว่ นยอ่ ย-สว่ นรวม ได้คำ�ตอบคอื 5 เพราะ 4 กบั 5 เปน็ ส่วนยอ่ ยของ 9 ดงั นน้ั

คำ�ตอบของโจทย์ปญั หาข้อน้ีคือ เปน็ ผู้หญิง 5 คน จากนน้ั ครยู กตวั อย่างโจทย์ปัญหาท่ีมีความหมาย

ของการลบแสดงโดยความสมั พันธข์ องการบวกและการลบเพิม่ เติมอกี 2 – 3 ตวั อย่าง โดยครูอาจให้

นักเรยี นออกมาเขยี นแสดงความสัมพนั ธแ์ บบส่วนยอ่ ย-สว่ นรวมบนกระดาน จากนั้นจงึ เขยี น

ประโยคสัญลกั ษณแ์ ละหาคำ�ตอบจากความสมั พนั ธ์แบบสว่ นย่อย-สว่ นรวมนัน้ ครูและนกั เรียนรว่ มกัน

สรุปว่า การแกโ้ จทยป์ ัญหาสามารถท�ำ ไดโ้ ดยอา่ นท�ำ ความเขา้ ใจปัญหาโดยการวิเคราะห์โจทยว์ ่า

โจทย์ถามอะไร โจทยบ์ อกอะไร และจะหาค�ำ ตอบได้อย่างไร จากนน้ั วางแผนแก้ปัญหาอาจใช้การเขยี น

ความสมั พันธ์แบบส่วนยอ่ ย-สว่ นรวม หาคำ�ตอบ และตรวจสอบความสมเหตุสมผลของค�ำ ตอบ

3. ครใู หน้ ักเรียนจับคแู่ ละแจกบัตรโจทยค์ ลู่ ะ 1 ข้อ แลว้ ให้ชว่ ยกันเขียนประโยคสัญลกั ษณ์และ

หาค�ำ ตอบตามหนงั สอื เรยี นหนา้ 151 โดยกอ่ นที่นกั เรียนจะเขียนประโยคสญั ลกั ษณค์ รคู วรใหน้ ักเรียน

วาดรปู ประกอบการวเิ คราะห์โจทย์หรอื ใหน้ กั เรียนเขียนความสมั พันธแ์ บบส่วนย่อย-สว่ นรวมเพอ่ื

วเิ คราะห์โจทยก์ อ่ นแลว้ จึงให้เขียนประโยคสัญลกั ษณ์และหาคำ�ตอบจากรปู ท่ีวาดรูปหรอื จาก

ความสมั พนั ธ์แบบสว่ นย่อย-ส่วนรวมน้นั ครอู าจสมุ่ ใหน้ ักเรียนออกมาน�ำ เสนอจนครบทุกข้อ ครแู ละ

นักเรยี นรว่ มกันตรวจสอบความถกู ต้อง ทง้ั นีค้ รูควรใหน้ กั เรียนฝกึ การตรวจสอบความสมเหตสุ มผล

ของค�ำ ตอบแตอ่ าจไม่จ�ำ เปน็ ต้องเขม้ งวดมาก เชน่ ขอ้ 1 อาจจะให้เหตผุ ลเพียงว่า เพราะคำ�ตอบที่ได้

น้อยกว่า 9 หรือ น้อยกว่า 8 เป็นต้น

การตรวจสอบความเข้าใจ

4. ตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรยี นเป็นรายบุคคล

โดยใหเ้ ขยี นประโยคสญั ลกั ษณแ์ ละหาค�ำ ตอบตามหนงั สอื เรยี น

หนา้ 152 ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง 6-2=
ถ้าพบวา่ มนี กั เรยี นเขยี นประโยคสัญลกั ษณ์ไม่ถกู ต้องให้


นกั เรยี นทบทวนเร่อื งความหมายของการลบ แต่ถา้ พบวา่ 7-4=
นกั เรียนหาค�ำ ตอบไมถ่ กู ตอ้ งใหน้ ักเรยี นใช้การวาดรูปเพอ่ื


หาคำ�ตอบหรอื อาจใช้ตัวนับ กรอบสบิ หรือ เสน้ จำ�นวน 9-5=
ชว่ ยในการหาค�ำ ตอบ จากนั้นร่วมกันสรุปสิ่งทไ่ี ด้เรยี นรู้


สง่ิ ท่ไี ด้เรียนรู้

การแกโ้ จทย์ปญั หาท�ำ ไดโ้ ดย อา่ นท�ำ ความเขา้ ใจ
ปัญหา วางแผนแกป้ ัญหาซ่ึงอาจใช้การวาดรปู หาค�ำ ตอบ
และตรวจสอบความสมเหตสุ มผลของค�ำ ตอบ
จากน้นั ให้นกั เรยี นท�ำ แบบฝกึ หดั 3.10 หน้า 93 – 95

| 137สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   

คมู่ อื ครรู ายวชิ าพ้ืนฐานคณติ ศาสตร์ บทที่ 3 | การลบจำ�นวนสองจ�ำ นวนท่ีตัวต้ังไม่เกิน 10
ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 1 เล่ม 1

3.11 การสร้างโจทยป์ ญั หาการลบจากภาพ (1 ชว่ั โมง)

จุดประสงค์

สร้างโจทย์ปญั หาการลบจากภาพ

สื่อการเรียนรู้

- บตั รภาพ
- บัตรขอ้ ความ

แนวการจัดการเรยี นรู้
การพัฒนาความรู้

1. ครนู ำ�เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยทบทวนการแก้โจทยป์ ญั หา
โดยยกตัวอยา่ งโจทยป์ ัญหาการลบทแี่ สดงการลบโดยการ
เอาออก เช่น มบี ตั รรำ�วง 10 ใบ ขายไป 6 ใบ เหลอื บัตร
รำ�วงกใี่ บ ครูใหน้ ักเรยี นอ่านโจทย์ปัญหาพร้อมกัน แล้วใช้
การถาม-ตอบดังนี้
- จากโจทย์ โจทย์ถามอะไร (เหลือบตั รรำ�วงก่ีใบ)
- โจทย์บอกอะไร (มบี ตั รร�ำ วง 10 ใบ ขายไป 6 ใบ)
- หาค�ำ ตอบได้อย่างไร (หาค�ำ ตอบได้โดยการลบ)
- เขียนประโยคสัญลกั ษณ์ไดอ้ ยา่ งไร (10 – 6 = )
ครูยกตัวอยา่ งโจทยป์ ัญหาการลบที่แสดงการลบโดยการเปรียบเทยี บ เช่น บนเวทรี ำ�วงมีผชู้ าย 3 คน
ผหู้ ญงิ 4 คน มผี หู้ ญงิ มากกวา่ ผชู้ ายกค่ี น ครใู หน้ กั เรยี นอา่ นโจทยป์ ญั หาพรอ้ มกนั แลว้ ใชก้ ารถาม-ตอบ
ดงั นี้
- จากโจทย์ โจทย์ถามอะไร (มผี ู้หญิงมากกว่าผชู้ ายกีค่ น)
- โจทย์บอกอะไร (บนเวทรี �ำ วงมผี ู้ชาย 3 คน ผู้หญงิ 4 คน)
- หาคำ�ตอบได้อย่างไร (หาคำ�ตอบไดโ้ ดยการลบ)
- เขยี นประโยคสัญลกั ษณไ์ ดอ้ ย่างไร (4 – 3 = )
ครยู กตวั อยา่ งโจทยป์ ญั หาการลบทแ่ี สดงการลบโดยความสมั พนั ธข์ องการบวกและการลบ เชน่ บนเวที
มคี นร�ำ วงทง้ั หมด 9 คน เป็นผชู้ าย 4 คน เป็นผู้หญิงก่คี น ครูให้นกั เรยี นอ่านโจทยป์ ัญหาพร้อมกัน
แล้วใช้การถาม-ตอบดังน้ี
- จากโจทย์ โจทย์ถามอะไร (เปน็ ผูห้ ญงิ กคี่ น)
- โจทย์บอกอะไร (บนเวทีมคี นร�ำ วงทง้ั หมด 9 คน เป็นผชู้ าย 4 คน)
- หาค�ำ ตอบไดอ้ ย่างไร (หาค�ำ ตอบไดโ้ ดยการลบ)
- เขยี นประโยคสญั ลกั ษณไ์ ดอ้ ยา่ งไร (9 – 4 = )

138 |    สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทท่ี 3 | การลบจ�ำ นวนสองจำ�นวนท่ตี วั ต้งั ไม่เกนิ 10 คมู่ อื ครรู ายวชิ าพ้ืนฐานคณติ ศาสตร์
ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 1 เลม่ 1

จากน้นั ครใู หน้ ักเรยี นสังเกตวา่ โจทยป์ ัญหาประกอบดว้ ยสองสว่ นคอื สว่ นท่โี จทยบ์ อกและส่วนท่ี
โจทยถ์ าม ถา้ เราตอ้ งการสรา้ งโจทยป์ ญั หาการลบ เรากต็ อ้ งสรา้ งโจทยป์ ญั หาทม่ี คี วามหมายของการลบ
ท่แี สดงโดยการเอาออก โดยการเปรยี บเทียบ หรอื โดยความสมั พนั ธข์ องการบวกและการลบท่ี
ประกอบด้วยสองส่วนคือส่วนที่โจทยบ์ อกและสว่ นทโ่ี จทยถ์ าม จากน้ันครใู หน้ กั เรียนสรา้ งโจทยป์ ญั หา
การลบจากภาพ โดยครกู �ำ หนดภาพและบตั รขอ้ ความมาให้ ตามหนงั สอื เรยี นหน้า 153 ดังน้ี

มธี ง 3 อัน

เหลือธงกอ่ี ัน

นำ�ธงปกั บนกองทราย 2 อัน

ครูติดบตั รภาพและบัตรข้อความบนกระดาน ครใู ห้นักเรียนอา่ นบตั รขอ้ ความและจากบตั รภาพ
ให้ชว่ ยกันเรยี งบัตรขอ้ ความให้เป็นโจทยป์ ัญหาการลบจะไดด้ งั น้ี

มีธง 3 อัน นำ�ธงปกั บนกองทราย 2 อัน เหลอื ธงกีอ่ ัน

ครใู หน้ กั เรยี นอ่านโจทย์ปัญหาที่สรา้ งพร้อมกนั ครูตดิ บัตรขอ้ ความส่วนท่ีโจทยบ์ อก และส่วนท่โี จทย์
ถามบนกระดานแลว้ ให้นกั เรยี นน�ำ บตั รโจทย์ไปติดให้ตรงกับบัตรขอ้ ความทีค่ รูติดไว้ ดังน้ี
สว่ นทโี่ จทย์บอก มีธง 3 อัน นำ�ธงปกั บนกองทราย 2 อัน

ส่วนทโ่ี จทย์ถาม เหลือธงกอ่ี ัน

ครแู ละนักเรียนร่วมกนั สรุปวา่ การสรา้ งโจทย์ปญั หาการลบน้เี ปน็ โจทยป์ ัญหาที่เก่ยี วกับความหมาย
ของการลบโดยการเอาออก และโจทยป์ ญั หาทส่ี รา้ งประกอบดว้ ยสว่ นทโ่ี จทยบ์ อกและสว่ นทโ่ี จทยถ์ าม
2. ครยู กตัวอย่างการสรา้ งโจทย์ปญั หาจากภาพ โดยครู
ติดบัตรภาพและบตั รขอ้ ความให้ แลว้ ใหน้ กั เรียนน�ำ มาเรยี ง
เปน็ โจทย์ปัญหาการลบ ตามหนังสือเรียนหนา้ 154 ดงั น้ี

มีน้ำ�ตาลป้นั รูปนกแกว้ ตวั เล็กมากกวา่ ตัวใหญก่ ีอ่ ัน
มนี ้ำ�ตาลป้นั รูปนกแก้วตัวเล็ก 5 อนั
มนี �ำ้ ตาลปนั้ รปู นกแกว้ ตวั ใหญ่ 2 อนั

| 139สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   

คู่มอื ครรู ายวชิ าพืน้ ฐานคณิตศาสตร์ บทที่ 3 | การลบจำ�นวนสองจ�ำ นวนที่ตัวตงั้ ไม่เกนิ 10
ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 1 เล่ม 1

ครใู หน้ กั เรยี นอา่ นบตั รขอ้ ความและจากบตั รภาพใหช้ ว่ ยกนั เรยี งบตั รขอ้ ความใหเ้ ปน็ โจทยป์ ญั หาการลบ
จะได้ดังนี้

มนี ้�ำ ตาลปั้นรูปนกแก้วตัวเล็ก 5 อนั มีน�ำ้ ตาลปัน้ รปู นกแกว้ ตัวใหญ่ 2 อนั มีน้ำ�ตาลปัน้ รูปนกแก้วตวั เล็กมากกว่าตัวใหญ่กอ่ี นั

หรือ มนี �้ำ ตาลปั้นรูปนกแกว้ ตวั เล็กมากกวา่ ตวั ใหญ่กอี่ นั

มีน้�ำ ตาลปน้ั รปู นกแก้วตวั ใหญ่ 2 อนั มนี �ำ้ ตาลปัน้ รูปนกแกว้ ตัวเล็ก 5 อนั

ครใู ห้นกั เรียนอา่ นโจทย์ปัญหาทีส่ รา้ งพร้อมกนั ครตู ิดบัตรข้อความสว่ นทโี่ จทยบ์ อก และส่วนทีโ่ จทย์
ถามบนกระดานแล้วให้นักเรียนน�ำ บัตรโจทย์ไปติดให้ตรงกับบัตรขอ้ ความทคี่ รูติดไว้ ดงั นี้
ส่วนทโ่ี จทย์บอก มีน้ำ�ตาลป้นั รปู นกแกว้ ตวั เล็ก 5 อนั มนี �้ำ ตาลปัน้ รูปนกแกว้ ตวั ใหญ่ 2 อนั

สว่ นทโ่ี จทยถ์ าม มีน้ำ�ตาลป้นั รปู นกแกว้ ตวั เล็กมากกว่าตวั ใหญก่ ีอ่ นั

ครูและนกั เรียนร่วมกันสรปุ ว่า การสร้างโจทย์ปัญหาการลบนีเ้ ปน็ โจทยป์ ญั หาท่ีเก่ียวกบั ความหมาย
ของการลบโดยการเปรียบเทยี บ และโจทยป์ ัญหาท่สี รา้ งประกอบด้วยส่วนท่โี จทยบ์ อกและสว่ นท่ี
โจทย์ถาม
3. ครูใหน้ ักเรยี นจบั คแู่ ละแจกบัตรภาพและบัตรข้อความ
คลู่ ะ 1 ขอ้ ตามหนงั สอื เรยี นหนา้ 155 แลว้ ใหน้ กั เรยี นชว่ ยกนั
สรา้ งโจทยป์ ญั หาการลบจากภาพ โดยเรยี งขอ้ ความแล้วเขียน
ตวั เลข 1 2 หรือ 3 หน้าบัตรขอ้ ความ แล้วจดั เรียงขอ้ ความให้
เปน็ โจทยป์ ญั หาการลบ พร้อมระบุสว่ นทโ่ี จทย์ถามและส่วนท่ี
โจทยบ์ อก เช่น

เป็นดาวสีฟ้า 6 ดวง 2
เปน็ ดาวสีชมพกู ี่ดวง
มีดาวสีฟ้าและดาวสีชมพู 9 ดวง 1

3
มีชอ็ กโกแลตท้ังหมด 6 ชิ้น เปนชอ็ กโกแลตรปู หมี 4 ชนิ้
เปน ช็อกโกแลตรปู กระตายกช่ี ิ้น

ครใู หน้ กั เรยี นอา่ นบตั รขอ้ ความและจากบตั รภาพใหช้ ว่ ยกนั เรยี งบตั รขอ้ ความใหเ้ ปน็ โจทยป์ ญั หาการลบ
จะได้ดงั นี้

1 มดี าวสฟี ้าแลดาวสีชมพู 9 ดวง 2 เปน็ ดาวสีฟ้า 6 ดวง 3 เปน็ ดาวสีชมพูกดี่ วง

140 |    สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทที่ 3 | การลบจ�ำ นวนสองจำ�นวนทีต่ วั ตงั้ ไม่เกนิ 10 คู่มอื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานคณติ ศาสตร์
ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 1 เลม่ 1

ครใู ห้นักเรียนอ่านโจทย์ปัญหาท่สี ร้างพรอ้ มกนั และใหน้ ักเรียนระบสุ ่วนทโ่ี จทย์บอก และสว่ นที่โจทย์ถาม

ดงั นี้

สว่ นทโี่ จทย์บอก 1 มีดาวสีฟ้าแลดาวสชี มพู 9 ดวง 2 เปน็ ดาวสีฟ้า 6 ดวง

สว่ นที่โจทย์ถาม 3 เปน็ ดาวสีชมพกู ่ีดวง

ครูและนักเรียนรว่ มกนั สรปุ ว่า การสร้างโจทยป์ ญั หาการลบนี้เป็นโจทยป์ ญั หาที่เกย่ี วกบั ความหมาย
ของการลบโดยความสมั พนั ธข์ องการบวกและการลบ และโจทย์ปญั หาท่สี รา้ งประกอบดว้ ย
ส่วนท่ีโจทยบ์ อกและสว่ นท่โี จทยถ์ าม ครอู าจสุ่มใหน้ ักเรยี นบางคู่ออกมานำ�เสนอ ครูและนักเรียน
รว่ มกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง

การตรวจสอบความเข้าใจ * คาํ ตอบอาจตา งจากน้ี
โดยการเรยี งลําดับขอ ความ
4. ตรวจสอบความเข้าใจของนกั เรยี นเปน็ รายบุคคล อาจสลับลําดับระหวาง 1 และ 2 ได
โดยใหน้ ักเรียนเขียน 1 2 หรือ 3 หนา้ ขอ้ ความท่ีน�ำ ไป
เรียงกันเพอ่ื สร้างโจทยป์ ัญหาการลบ พร้อมกับใหร้ ะบุ 1
ส่วนท่ีโจทยบ์ อกและสว่ นทโ่ี จทยถ์ าม ตามหนงั สอื เรยี น
หนา้ 156 ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง 3
ถา้ พบวา่ มนี กั เรยี นทเ่ี รยี งล�ำ ดบั ขอ้ ความใหเ้ ปน็ โจทยป์ ญั หา
การลบไมถ่ กู ตอ้ ง ครใู หแ้ กไ้ ขใหถ้ กู ตอ้ งโดยอาจใชค้ �ำ ถาม 2
น�ำ วา่ โจทยบ์ อกอะไร โจทยถ์ ามอะไร เปน็ ตน้ จากนน้ั มเี ดก็ ใสแวน 4 คน มเี ดก็ ไมใสแวน 6 คน
ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั สรุปส่งิ ท่ไี ด้เรียนรู้ มีเดก็ ไมใสแ วน มากกวาใสแวนกค่ี น

หรือ มีเด็กไมใ สแ วน 6 คน มเี ด็กใสแ วน 4 คน
มีเดก็ ไมใ สแ วน มากกวา ใสแ วนก่ีคน

สิ่งที่ได้เรียนรู้

โจทย์ปญั หามสี ว่ นทโ่ี จทย์บอกและส่วนท่ีโจทย์ถาม
จากนั้นใหน้ ักเรยี นทำ�แบบฝึกหดั 3.11 หนา้ 96 – 98

| 141สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   

คมู่ ือครูรายวิชาพ้ืนฐานคณติ ศาสตร์ บทท่ี 3 | การลบจำ�นวนสองจำ�นวนทต่ี ัวตง้ั ไม่เกนิ 10
ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 1 เลม่ 1

3.12 การสร้างโจทย์ปญั หาการลบจากประโยคสญั ลักษณ์ (1 ช่ัวโมง)

จดุ ประสงค์

สรา้ งโจทยป์ ญั หาการลบจากประโยคสัญลกั ษณ์

สือ่ การเรียนรู้

- บตั รภาพ
- บัตรประโยคสญั ลักษณ์

แนวการจัดการเรยี นรู้
การพัฒนาความรู้

1. ครูน�ำ เข้าสูบ่ ทเรยี นโดยทบทวนการแก้โจทยป์ ญั หา
โดยยกตัวอยา่ งโจทยป์ ัญหาการลบท่ีแสดงการลบโดยการ
เอาออก เชน่ มีบตั รร�ำ วง 10 ใบ ขายไป 6 ใบ เหลอื บตั ร
รำ�วงกีใ่ บ ครใู ห้นักเรียนอา่ นโจทย์ปัญหาพร้อมกนั แล้วใช้
การถาม-ตอบดงั น้ี
- จากโจทย์ โจทย์ถามอะไร (เหลอื บัตรร�ำ วงกี่ใบ)
- โจทย์บอกอะไร (มบี ัตรรำ�วง 10 ใบ ขายไป 6 ใบ)
- หาค�ำ ตอบไดอ้ ย่างไร (หาค�ำ ตอบไดโ้ ดยการลบ)
- เขยี นประโยคสญั ลักษณ์ไดอ้ ยา่ งไร (10 – 6 = )
ครยู กตวั อยา่ งโจทยป์ ัญหาการลบทีแ่ สดงการลบโดยการเปรยี บเทียบ เช่น บนเวทรี ำ�วงมีผู้ชาย 3 คน
ผู้หญิง 4 คน มีผู้หญิงมากกวา่ ผ้ชู ายก่คี น ครูใหน้ ักเรียนอ่านโจทย์ปญั หาพรอ้ มกัน
แล้วใชก้ ารถาม-ตอบดังน้ี
- จากโจทย์ โจทย์ถามอะไร (มผี ู้หญงิ มากกวา่ ผู้ชายกี่คน)
- โจทย์บอกอะไร (บนเวทีร�ำ วงมผี ชู้ าย 3 คน ผหู้ ญิง 4 คน)
- หาค�ำ ตอบไดอ้ ย่างไร (หาค�ำ ตอบได้โดยการลบ)
- เขียนประโยคสัญลกั ษณไ์ ดอ้ ย่างไร (4 – 3 = )
ครยู กตวั อย่างโจทยป์ ญั หาการลบท่แี สดงการลบโดยความสัมพนั ธ์ของการบวกและการลบ เชน่
บนเวทีมีคนร�ำ วงท้งั หมด 9 คน เปน็ ผู้ชาย 4 คน เป็นผหู้ ญิงก่คี น
ครใู หน้ กั เรียนอ่านโจทย์ปญั หาพร้อมกนั แล้วใช้การถาม-ตอบดังน้ี
- จากโจทย์ โจทย์ถามอะไร (เป็นผู้หญิงกีค่ น)
- โจทย์บอกอะไร (บนเวทีมคี นร�ำ วงทั้งหมด 9 คน เป็นผชู้ าย 4 คน)
- หาคำ�ตอบไดอ้ ยา่ งไร (หาคำ�ตอบได้โดยการลบ)
- เขียนประโยคสญั ลกั ษณไ์ ด้อยา่ งไร (9 – 4 = )

142 |    สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทที่ 3 | การลบจ�ำ นวนสองจ�ำ นวนท่ตี ัวตั้งไมเ่ กนิ 10 ค่มู ือครรู ายวิชาพ้นื ฐานคณิตศาสตร์
ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 1 เลม่ 1

จากนนั้ ครูใหน้ ักเรยี นสงั เกตว่า โจทยป์ ญั หาประกอบดว้ ยสองส่วนคอื ส่วนท่โี จทย์บอกและส่วนท่ี
โจทยถ์ าม ถ้าเราตอ้ งการสรา้ งโจทยป์ ัญหาการลบ เราตอ้ งสรา้ งโจทยป์ ญั หาที่มีความหมายของการลบ
ท่ีแสดงโดยการเอาออกโดยการเปรยี บเทยี บหรอื โดยความสมั พันธ์ของการบวกและการลบท่ปี ระกอบ
ด้วยสองสว่ นคอื สว่ นท่ีโจทยบ์ อกและส่วนท่ีโจทย์ถาม จากนน้ั ครูให้นักเรียนสร้างโจทย์ปัญหาการลบ
จากภาพและประโยคสญั ลกั ษณ์ โดยครกู �ำ หนดภาพและบตั รประโยคสญั ลกั ษณม์ าให้ ตามหนงั สอื เรยี น
หนา้ 157 ดังนี้ ครูตดิ บตั รภาพและบตั รประโยคสญั ลักษณบ์ นกระดาน

ประโยคสญั ลกั ษณ ์ 7 – 5 =

จากบตั รภาพและบัตรประโยคสัญลักษณ์ ครใู ห้นักเรยี นอ่านบตั รประโยคสัญลกั ษณแ์ ล้วใหส้ รา้ งโจทย์
ปญั หาการลบ ครอู าจฝึกให้นักเรยี นสรา้ งโจทยป์ ญั หาการลบให้ครบทุกความหมาย ดงั นี้
ตัวอย่างโจทยป์ ัญหาการลบทเี่ ป็นโจทยป์ ญั หาทเ่ี กีย่ วกบั ความหมายของการลบโดยการเอาออก
ฉันมโี ดนัท 7 ชิ้น กินไป 5 ชิ้น ฉันเหลือโดนทั กี่ชน้ิ
สว่ นท่โี จทย์บอกคือ ฉันมีโดนทั 7 ช้นิ กนิ ไป 5 ชน้ิ
สว่ นที่โจทยถ์ ามคอื ฉนั เหลอื โดนัทกีช่ ้นิ
ตัวอย่างโจทยป์ ญั หาการลบท่เี ป็นโจทยป์ ัญหาทีเ่ กี่ยวกบั ความหมายของการลบโดยการเปรียบเทียบ
ฉันมีโดนัทรสสม้ 7 ชิ้น โดนัทรสช็อกโกแลต 5 ช้ิน ฉนั มีโดนทั รสชอ็ กโกแลตนอ้ ยกวา่ รสส้มกช่ี ิ้น
ส่วนทโ่ี จทย์บอกคอื ฉนั มีโดนัทรสสม้ 7 ช้นิ โดนทั รสชอ็ กโกแลต 5 ช้ิ น
ส่วนที่โจทยถ์ ามคอื ฉนั มีโดนทั รสช็อกโกแลตนอ้ ยกวา่ รสสม้ กีช่ น้ิ
ตวั อย่างโจทย์ปัญหาการลบทเ่ี ป็นโจทย์ปญั หาทีเ่ ก่ียวกบั ความหมายของการลบโดยความสัมพันธ์ของ
การบวกและการลบ
ฉนั มโี ดนทั รสสม้ และรสช็อกโกแลต 7 ชนิ้ เปน็ รสส้ม 5 ช้นิ เป็นรสช็อกโกแลตกชี่ นิ้
ส่วนทโ่ี จทยบ์ อกคือ ฉนั มีโดนัทรสสม้ และรสชอ็ กโกแลต 7 ชนิ้ เป็นรสส้ม 5 ชิ้น
สว่ นทโ่ี จทยถ์ ามคอื เปน็ รสชอ็ กโกแลตก่ีช้นิ
ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั ตรวจสอบความถกู ต้องและรว่ มกันสรุปวา่ การสรา้ งโจทยป์ ญั หาการลบ
ตอ้ งสร้างโจทยป์ ญั หาทเ่ี ปน็ โจทยป์ ัญหาเก่ียวกบั ความหมายของการลบทีแ่ สดงโดยการเอาออก
โดยการเปรยี บเทียบ หรือโดยความสมั พันธข์ องการบวกและการลบ ซึ่งต้องประกอบดว้ ยส่วนทโี่ จทย์
ถามและสว่ นที่โจทย์บอก

| 143สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   

คู่มือครูรายวชิ าพน้ื ฐานคณิตศาสตร์ บทท่ี 3 | การลบจ�ำ นวนสองจำ�นวนทีต่ วั ตงั้ ไม่เกนิ 10
ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 1 เลม่ 1

2. ครยู กตวั อยา่ งประโยคสัญลกั ษณ์แลว้ ให้นกั เรียนช่วยกัน
สร้างโจทย์ปัญหาการลบใหไ้ ด้มากทส่ี ดุ จะเปน็ ความหมายใน
ลกั ษณะใดก็ได้ โดยนำ�บตั รประโยคสัญลักษณ์ไปตดิ บนกระดาน
แลว้ สุ่มนักเรียนใหส้ ร้างโจทยป์ ญั หาการลบ พรอ้ มทงั้ ระบุส่วนท่ี
โจทยบ์ อกและส่วนทีโ่ จทย์ถามตามหนงั สือเรียนหน้า 158 เชน่
3 – 2 = นกั เรยี นอาจสรา้ งโจทย์ปญั หาได้ดังน้ี
บนรถมนี กั เรยี น 3 คน ลงจากรถ 2 คน เหลอื นักเรียนบนรถกีค่ น
สว่ นทโ่ี จทยบ์ อกคอื บนรถมนี กั เรยี น 3 คน ลงจากรถ 2 คน
ส่วนท่ีโจทยถ์ ามคือ เหลอื นกั เรียนบนรถก่ีคน
ในตะกรา้ มสี ม้ 3 ผล มะมว่ งสกุ 2 ผล มสี ม้ มากกวา่ มะมว่ งสกุ กผ่ี ล
ส่วนทโี่ จทยบ์ อกคือ ในตะกร้ามสี ้ม 3 ผล มะมว่ งสกุ 2 ผล
ส่วนทโ่ี จทยถ์ ามคอื มีสม้ มากกว่ามะม่วงสุกก่ผี ล
ในตะกร้ามสี ม้ 3 ผล มะมว่ งสกุ 2 ผล มีมะมว่ งสกุ น้อยกวา่ ส้มกผ่ี ล
สว่ นทโ่ี จทย์บอกคือ ในตะกร้ามีส้ม 3 ผล มะมว่ งสุก 2 ผล
สว่ นท่โี จทย์ถามคือ มมี ะม่วงสุกนอ้ ยกวา่ สม้ ก่ีผล
พ่อของแกว้ ตาเล้ยี งไกแ่ ละเป็ด 3 ตวั เป็นเปด็ 2 ตวั เปน็ ไก่กตี่ วั
ส่วนทีโ่ จทยบ์ อกคือ พ่อของแกว้ ตาเลีย้ งไกแ่ ละเป็ด 3 ตวั เปน็ เปด็ 2 ตัว
สว่ นท่ีโจทย์ถามคือ เป็นไก่กี่ตัว
ครูและนักเรยี นรว่ มกนั ตรวจสอบความถูกต้องและรว่ มกันสรปุ วา่ การสร้างโจทย์ปญั หาการลบ
ตอ้ งสร้างโจทย์ปัญหาทเ่ี ป็นโจทย์ปัญหาเกีย่ วกับความหมายของการลบที่แสดงโดยการเอาออก
โดยการเปรียบเทยี บ หรือโดยความสมั พันธ์ของการบวกและการลบ ซ่ึงตอ้ งประกอบด้วยส่วนที่
โจทย์ถามและสว่ นที่โจทยบ์ อก
3. ครูให้นักเรยี นจับคู่และชว่ ยกันเตมิ ขอ้ ความใหเ้ ป็นโจทยป์ ัญหาการลบท่สี มบูรณ์ในขอ้ 1 และ
ข้อ 2 ตามหนงั สอื เรยี นหน้า 159 และสรา้ งโจทยป์ ัญหาการลบจากประโยคสญั ลักษณท์ ่กี �ำ หนดใหใ้ น
ขอ้ 3 และข้อ 4 พร้อมระบสุ ว่ นที่โจทย์บอกและสว่ นทีโ่ จทย์ถาม ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั ตรวจสอบ
ความถกู ตอ้ ง เชน่ ในขอ้ 1 เมอ่ื อ่านประโยคสัญลักษณ์ และภาพท่ีกำ�หนดให้ และข้อความของโจทย์
ปญั หาท่ไี มส่ มบูรณ์ ดงั รูป

144 |    สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทที่ 3 | การลบจ�ำ นวนสองจ�ำ นวนที่ตวั ตัง้ ไมเ่ กิน 10 ค่มู อื ครรู ายวชิ าพ้นื ฐานคณิตศาสตร์
ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 1 เลม่ 1
จากรูปครูอาจแนะน�ำ วา่ ในประโยคสญั ลกั ษณป์ รากฎ
ตัวเลข 8 และ 2 ในข้อความท่กี �ำ หนดปรากฎเลข 8 แล้ว รถกระบะ 2 คนั
ดงั นน้ั ยงั ขาดเลข 2 ในขอ้ ความทเ่ี ราจะเตมิ ตอ้ งเกย่ี วขอ้ งกบั
เลข 2 เม่ือพิจารณาจากภาพ รถกระบะมี 2 คัน เปนตุกตาหมี 3 ตวั
ดงั น้นั ข้อความท่จี ะเตมิ จงึ เป็นรถกระบะ 2 คัน เปน ดอกบัวก่ีดอก
จงึ ไดโ้ จทย์ปัญหาการลบทีส่ มบรู ณว์ ่า มรี ถเกง๋ 8 คนั
รถกระบะ 2 คนั มรี ถเกง๋ มากกวา่ รถกระบะกค่ี ัน มขี นมปงในจาน 10 ชน้ิ ในถุง 2 ชน้ิ
จากนัน้ ครูและนักเรียนรว่ มกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ งและ มีขนมปง ในจานมากกวา ในถงุ กช่ี ้ิน
รว่ มกนั สรปุ ว่า การสรา้ งโจทยป์ ญั หามที งั้ สว่ นท่โี จทยบ์ อก
และสว่ นท่ีโจทยถ์ าม เหลอื จานที่ยงั ไมไ ดล างก่ีใบ
มีจานทัง้ หมด 8 ใบ ลา งจานไปแลว 2 ใบ
การตรวจสอบความเข้าใจ มีจานทัง้ หมด 8 ใบ ลางจานไปแลว 2 ใบ
เหลอื จานที่ยงั ไมไ ดลา งกี่ใบ
4. ตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรยี นเป็นรายบุคคล * คําตอบอาจแตกตางจากน้ีใหอยใู นดุลยพนิ จิ ของผูส อน
โดยใหน้ กั เรียนสรา้ งโจทยป์ ัญหาจากภาพและจากประโยค
สัญลกั ษณท์ กี่ �ำ หนดให้ พรอ้ มกับให้ระบสุ ่วนที่โจทย์บอก
และสว่ นท่ีโจทย์ถาม ตามหนังสือเรยี นหน้า 160 ครูและ
นกั เรียนรว่ มกันตรวจสอบความถกู ต้อง ถา้ พบว่ามนี ักเรยี น
สรา้ งโจทยป์ ัญหาไม่ถกู ต้องครใู ห้แก้ไขใหถ้ กู ต้องโดยอาจ
ใชค้ �ำ ถามนำ�ว่า โจทยบ์ อกอะไร โจทยถ์ ามอะไร
จากนน้ั ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันสรปุ สิง่ ที่ได้เรียนรู้

สิ่งที่ไดเ้ รียนรู้

โจทยป์ ัญหามีสว่ นทีโ่ จทย์บอกและส่วนทโ่ี จทย์ถาม
จากนัน้ ใหน้ ักเรยี นทำ�แบบฝกึ หดั 3.12 หน้า 99 – 101

| 145สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   

คมู่ ือครูรายวชิ าพน้ื ฐานคณิตศาสตร์ บทที่ 3 | การลบจำ�นวนสองจ�ำ นวนท่ตี ัวตัง้ ไมเ่ กิน 10
ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 1 เล่ม 1

ร่วมคดิ ร่วมท�ำ (1 ชัว่ โมง)
กิจกรรม เกมต้งั ไข่

ส่อื การเรยี นรู้ และอปุ กรณ์

- ใบงาน
- ขวดน�ำ้ 10 ใบ
- ไข่พลาสติก 10 ฟอง

เตรยี มสถานที่

ใช้หอ้ งเรียนตามปกติ จดั หอ้ งใหโ้ ลง่ ส�ำ หรับเลน่ เกม

วิธจี ัดกจิ กรรม

1. ครแู บง่ นกั เรยี นเป็นกลุ่มแล้วใหน้ กั เรียนแต่ละกลมุ่
ยืนเข้าแถวตอน และแจกไข่พลาสตกิ 10 ฟอง และ
ใบงาน 1 ใบ

2. ครูวางขวดน้ำ�ทเี่ ปิดฝาขวดไวแ้ ล้ว กลมุ่ ละ 10 ใบ
ใหห้ า่ งจากจดุ เรม่ิ ต้นที่นักเรียนคนแรกของแตล่ ะกลมุ่ ยืนเขา้ แถวอยู่ประมาณ 1 เมตร 50 เซนตเิ มตร
3. ครูให้สัญญาณเริ่มการแขง่ ขนั โดยการเปา่ นกหวดี ให้นักเรยี นคนแรกของกลมุ่ นำ�ไข่พลาสตกิ
1 ฟอง แลว้ วิ่งเอาไปวางไว้บนปากขวด จากน้นั วงิ่ กลบั ไปยนื ตอ่ ทา้ ยแถว จากนัน้ ใหน้ กั เรยี นคนท่สี อง
ของแถวนำ�ไข่พลาสติก 1 ฟอง แล้ววิ่งเอาไปวางไว้บนปากขวดใบที่ 2 และวง่ิ กลบั ไปยนื ตอ่ ท้ายแถว
นักเรยี นคนตอ่ ไปทำ�เช่นน้ีไปเรอ่ื ย ๆ จนกระทง่ั ไดย้ นิ เสยี งสัญญาณเปา่ นกหวดี ใหห้ ยุด โดยครจู ะให้
เวลาแขง่ ขัน 2 นาที
4. ครใู ห้นักเรียนแต่ละกลุ่มสรา้ งโจทย์ปัญหาการลบจากการเล่มเกมตั้งไขใ่ นกลุ่มตนเอง เขียน
ประโยคสญั ลกั ษณพ์ ร้อมท้ังหาคำ�ตอบในใบงาน จากนัน้ ครูใหแ้ ต่ละกลมุ่ ออกมานำ�เสนอ
จากน้นั ครใู ห้นกั เรยี นท�ำ แบบฝึกท้าทายหนา้ 101

146 |    สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทท่ี 3 | การลบจ�ำ นวนสองจ�ำ นวนที่ตัวตง้ั ไมเ่ กนิ 10 คมู่ ือครรู ายวชิ าพ้นื ฐานคณติ ศาสตร์
ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 1 เล่ม 1

คณติ คิดทา้ ทาย

1. หาค�ำ ตอบแต่ละขอ้ เพ่ือน�ำ คำ�ตอบแต่ละข้อชว่ ยใบบวั เดนิ ไปตามบันไดงจู นถงึ เส้นชยั
1) + 5 = 9
2) 8 – = 0
3) – 1 = 4
4) 7 + = 10

2. แม่ของแก้วตามีมะมว่ ง แอปเปลิ ส้ม และมงั คุด อย่างละ 10 ผล ต้องการจดั ผลไม้ใสต่ ะกรา้

เพอ่ื น�ำ ไปเยย่ี มญาติ 4 คน แมข่ องแกว้ ตาใชต้ ะกรา้ 4 ใบ และจดั ผลไมใ้ สต่ ะกรา้ ใบละ 2 ชนดิ

รวมกันให้ได้ 10 ผล แม่ของแก้วตาจดั ผลไม้ชนดิ ใดบา้ งใส่ตะกรา้ แต่ละใบและแตล่ ะชนดิ มีกผ่ี ล

ตะกร้าใบที่ 1 …………………………………………………………………………………………………………

ตะกรา้ ใบท่ี 2 …………………………………………………………………………………………………………

ตะกร้าใบที่ 3 …………………………………………………………………………………………………………

ตะกรา้ ใบท่ี 4 …………………………………………………………………………………………………………

*คำ�ตอบมีหลากหลาย | 147สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   

คูม่ อื ครูรายวชิ าพื้นฐานคณติ ศาสตร์ บทที่ 3 | การลบจ�ำ นวนสองจ�ำ นวนทีต่ ัวต้งั ไม่เกนิ 10
ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 1 เลม่ 1

ตวั อย่างแบบทดสอบท้ายบท

ตัวอยา่ งแบบทดสอบนใ้ี ชใ้ นการประเมนิ ผลระหว่างเรียนเพ่ือพัฒนานกั เรยี นหากมนี กั เรียน
คนใดท่ีไม่สามารถท�ำ แบบทดสอบน้ีไดค้ รคู วรใหน้ กั เรียนคนน้ันฝกึ ทกั ษะมากข้ึนโดยอาจใช้แบบฝกึ
เสริมในหนงั สอื เสรมิ เพม่ิ ปญั ญาของสสวท.หรือแบบฝึกอนื่ ทีเ่ หน็ ว่าสมควร ซ่งึ แบบทดสอบทา้ ยบทน้ี
มจี �ำ นวน 10 ข้อ คะแนนเตม็ 10 คะแนน ใชเ้ วลาในการท�ำ แบบทดสอบ 20 นาที และวเิ คราะห์
เปน็ รายจดุ ประสงค์ได้ดังนี้

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ขอ้ ท่ี
1-3
1. หาผลลบในประโยคสญั ลกั ษณแ์ สดงการลบของจ�ำ นวนนบั ไมเ่ กิน 10 และ 0
2. ใช้ความสมั พนั ธข์ องการบวกและการลบชว่ ยในการหาคา่ ของตัวไม่ทราบค่า 4-6

ในประโยคสัญลกั ษณแ์ สดงการบวกและประโยคสัญลกั ษณ์แสดงการลบของ 7-10
จำ�นวนนับไม่เกิน 10 และ 0
3. แสดงวิธหี าค�ำ ตอบของโจทยป์ ัญหาการลบของจำ�นวนนบั ไม่เกิน 10 และ 0

ตัวอยา่ งแบบทดสอบทา้ ยบท บทที่ 3
เลอื ก ก ข หรือ ค ท่เี ป็นคำ�ตอบท่ถี กู ต้อง

1. จากรปู เขียนประโยคสญั ลักษณ์แสดงการลบได้ตรงกบั ข้อใด

ก. 10 – 6 = 4 ข. 10 – 4 = 6 ค. 10 – 6 =
2. จากรูปเขยี นประโยคสัญลักษณ์แสดงการลบไดต้ รงกบั ขอ้ ใด

3 นอ้ ยกว่า 9

ก. 9 – 6 = 3 ข. 9 – 6 = ค. 9 – 3 = 6

148 |    สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทที่ 3 | การลบจำ�นวนสองจำ�นวนท่ีตวั ตงั้ ไมเ่ กิน 10 คูม่ ือครรู ายวิชาพ้ืนฐานคณิตศาสตร์
ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 1 เลม่ 1
3. จากรปู เขยี นประโยคสัญลักษณแ์ สดงการลบได้ตรงกับข้อใด

มีมะม่วง 8 ผล เป็นมะมว่ งสกุ 3 ผล เปน็ มะม่วงดิบ.....ผล

ก. 8 – 3 = 5 ข. 8 – 5 = ค. 8 – 5 = 3

4. จากรูปเขียนประโยคสญั ลักษณแ์ สดงการลบที่มีตัวไม่ทราบคา่ ได้อย่างไร

มีขนมทัง้ หมด 10 ช้นิ กินไปแลว้ ....ชิ้น จึงเหลอื ขนมอยู่ 4 ชน้ิ

ก. 10 – 6 = 4 ข. 10 – = 4 ค. 10 – 4 = 6

5. – 7 = 2 ข้อใดเป็นวธิ หี าคำ�ตอบโดยใช้ความสมั พนั ธ์ของการบวกและการลบ
ก. 7 – 2 = ข. 9 – 2 = ค. 7 + 2 =

6. 5 – = 0 ค�ำ ตอบตรงกบั ขอ้ ใด
ก. 0 ข. 5 ค. 1

7. ข้อใดหาคำ�ตอบโดยใชก้ ารลบ
ก. ใบบวั มีลกู อม 3 เม็ด แก้วตามีลูกอม 6 เมด็ แกว้ ตามีลูกอมมากกวา่ ใบบวั กี่เมด็
ข. ใบบวั มลี ูกอม 3 เม็ด แกว้ ตามีลกู อม 6 เม็ด ใบบัวและแก้วตามีลูกอมทงั้ หมดก่เี มด็
ค. ใบบวั มลี กู อม 3 เมด็ แก้วตาให้ลกู อมใบบวั อีก 6 เมด็ ใบบวั มีลกู อมกีเ่ มด็

8. แม่ให้ขุนช่วยเกบ็ มะมว่ งได้ 10 ผล แบ่งใหเ้ พ่อื นบ้าน 4 ผล ขนุ เหลือมะม่วงกีผ่ ล
เขียนประโยคสัญลกั ษณ์ได้อยา่ งไร

ก. 10 – 4 = ข. 4 + = 6 ค. 10 – = 6

9. ขนุ มลี กู โป่งสฟี ้าและสีเขียว 7 ลูก เป็นลูกโปง่ สฟี ้า 3 ลกู เป็นลูกโปง่ สีเขียวกี่ลูก
ค�ำ ตอบคือขอ้ ใด
ก. 5 ข. 4 ค. 10

| 149สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   

คูม่ ือครรู ายวชิ าพืน้ ฐานคณติ ศาสตร์ บทที่ 3 | การลบจำ�นวนสองจำ�นวนท่ีตัวต้งั ไมเ่ กนิ 10
ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 1 เลม่ 1

10. แม่ซื้อมะมว่ ง 2 กิโลกรมั ซอ้ื เงาะ 5 กิโลกรมั แม่ซือ้ มะมว่ งนอ้ ยกว่าเงาะกีก่ โิ ลกรมั

คำ�ตอบคอื ขอ้ ใด
ก. 7 ข. 4 ค. 3

เฉลยแบบทดสอบท้ายบท บทที่ 3
1. ข 2. ค 3. ก 4. ข 5. ค 6. ข 7. ก 8. ก 9. ข 10. ค

150 |    สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทท่ี 4 | จำ�นวนนบั 11 ถงึ 20 ค่มู อื ครูรายวิชาพนื้ ฐานคณิตศาสตร์
ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 1 เล่ม 1

บทท่ี 4 จำ�นวนนบั 11 ถงึ 20

จุดประสงค์การเรียนรแู้ ละสาระส�ำ คัญ

จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ สาระส�ำ คัญ

นกั เรียนสามารถ • การบอกจำ�นวนของส่งิ ต่าง ๆ บอกได้จากการนบั
1. บอกจ�ำ นวนของสิง่ ตา่ ง ๆ และ สิบเอด็ สิบสอง สิบสาม สิบส่ี สบิ หา้ สิบหก สิบเจ็ด
สบิ แปด สบิ เก้า ยีส่ บิ เปน็ จำ�นวนทเ่ี พิม่ ข้นึ ทีละหน่ึง
แสดงสง่ิ ต่าง ๆ ตามจ�ำ นวนทกี่ �ำ หนด ตามล�ำ ดับ โดยนับตอ่ จากสิบ
11 ถงึ 20
(หัวข้อ 4.1 และ 4.2)

2. อา่ นและเขียนตัวเลขฮนิ ดอู ารบกิ • ตวั เลขฮนิ ดอู ารบกิ 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20
ตวั เลขไทย ตวั หนังสือแสดง ตวั เลขไทย ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑๕ ๑๖ ๑๗ ๑๘ ๑๙ ๒๐
จ�ำ นวนนับ 11 ถึง 20 ตวั หนงั สอื สบิ เอด็ สบิ สอง สบิ สาม สบิ ส่ี สบิ หา้ สบิ หก
(หัวขอ้ 4.3 4.4 และ 4.8) สิบเจด็ สิบแปด สิบเก้า ยสี่ ิบ เป็นสญั ลกั ษณ์ใชเ้ ขียน
แสดงจ�ำ นวน ซง่ึ การเขียนแสดงจำ�นวนอาจเขยี น
ในรูปกระจาย

• การเขยี นแสดงจ�ำ นวน 11 ถงึ 20 อาจเขียนเป็น
จำ�นวนทเี่ ปน็ ส่วนรวมและจำ�นวนท่เี ปน็ สว่ นย่อย
ซง่ึ เปน็ ความสัมพนั ธแ์ บบสว่ นยอ่ ย – ส่วนรวมของ
จ�ำ นวนนนั้

3. เปรียบเทียบและเรียงล�ำ ดบั • การเปรียบเทยี บจำ�นวนสองจำ�นวนวา่ จ�ำ นวนใด
จ�ำ นวนนับ 11ถึง 20 มากกวา่ นอ้ ยกว่า หรอื เทา่ กบั สามารถใชเ้ ครื่องหมาย
(หัวขอ้ 4.5 ถงึ 4.7) > แทน มากกวา่ < แทน นอ้ ยกว่า หรือ
= แทน เท่ากบั ซง่ึ ในการเปรียบเทยี บจ�ำ นวน
อาจใช้เสน้ จ�ำ นวนโดยจ�ำ นวนทอี่ ยู่ทางซา้ ยจะนอ้ ยกวา่
จำ�นวนทอี่ ยทู่ างขวาหรือจ�ำ นวนท่ีอย่ทู างขวาจะ
มากกว่าจำ�นวนทอ่ี ยทู่ างซ้าย

• การเรยี งลำ�ดบั จ�ำ นวนอาจเรยี งล�ำ ดับจากมากไปนอ้ ย
หรือจากน้อยไปมาก โดยพิจารณาจำ�นวนที่มากท่สี ุด
และจำ�นวนท่นี อ้ ยทีส่ ดุ กอ่ น แล้วน�ำ จำ�นวนทเ่ี หลือ
มาเปรียบเทียบกัน

| 151สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   

คู่มือครรู ายวชิ าพน้ื ฐานคณิตศาสตร์ บทท่ี 4 | จ�ำ นวนนบั 11 ถงึ 20
ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 1 เลม่ 1

การวเิ คราะห์เนือ้ หากับทกั ษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร์

หวั ข้อ เน้อื หา เวลา ทักษะและกระบวนการ
(ชั่วโมง) ทางคณิตศาสตร์
เตรยี มความพร้อม
4.1 การนบั สบิ เอด็ ถงึ ย่สี ิบ 1 12345
4.2 การแสดงจ�ำ นวนนับสิบเอ็ดถงึ ย่สี บิ ด้วยกรอบสิบ 1
4.3 การเขยี นตวั เลข และตัวหนังสอื แสดงจำ�นวน 1 

สบิ เอด็ ถึงยีส่ ิบ 1 
4.4 การเขยี นแสดงจ�ำ นวนในรปู กระจาย
4.5 การเปรียบเทยี บจำ�นวนโดยใช้เส้นจ�ำ นวน 1 
4.6 การใชเ้ คร่ืองหมาย > < และ = 1
4.7 การเรยี งล�ำ ดับจ�ำ นวน 1 
4.8 ความสมั พนั ธข์ องจ�ำ นวนแบบสว่ นยอ่ ย - สว่ นรวม 1 
1 
รว่ มคดิ ร่วมท�ำ 1 



j การแกป้ ญั หา k การสอ่ื สารและการสอ่ื ความหมายทางคณติ ศาสตร์ l การเชอ่ื มโยง m การใหเ้ หตผุ ล n การคดิ สรา้ งสรรค์

คำ�ส�ำ คัญ

การนบั จำ�นวนนบั 11 ถึง 20 การเปรยี บเทยี บจ�ำ นวน การเรยี งลำ�ดบั จ�ำ นวน
ความสมั พนั ธแ์ บบสว่ นย่อย - สว่ นรวมของจ�ำ นวน

ความรูห้ รือทักษะพ้นื ฐานของนกั เรียน

1. การนบั และการบอกจ�ำ นวนไม่เกิน 10 และ 0
2. จำ�นวนนบั ไมเ่ กนิ 10 และ 0
3. การอา่ นและเขียนตัวเลขแสดงจ�ำ นวนนบั 1 ถึง 10 และ 0
4. ความสัมพันธแ์ บบส่วนยอ่ ย – สว่ นรวมของจำ�นวน 1 ถงึ 10
5. การเปรยี บเทียบและเรยี งล�ำ ดับจ�ำ นวนนบั ไม่เกนิ 10
6. การใชก้ รอบสบิ การใช้แถบจ�ำ นวน การใชเ้ สน้ จำ�นวน

152 |    สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทที่ 4 | จำ�นวนนบั 11 ถงึ 20 คู่มอื ครรู ายวิชาพนื้ ฐานคณิตศาสตร์
ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 1 เลม่ 1

ส่ือและแหลง่ เรียนรู้

1. หนงั สือเรียนหนา้ 162 - 197
2. แบบฝกึ หดั หน้า 102 - 120
3. แบบบนั ทกึ กจิ กรรม ใบกจิ กรรม บตั รภาพตา่ ง ๆ และอปุ กรณต์ า่ ง ๆ ทใ่ี ชป้ ระกอบกจิ กรรม ดงั น้ี

• บตั รภาพ
• กรอบสิบ
• ดนิ สอ ดินสอสี
• เส้นจำ�นวน
• บัตรตัวเลข
4. สอ่ื เพิ่มเตมิ หน้า 164 167 168 169 172 176 180 182 183 184 187 188
191 193 194 195 196 และ 197 (Download ไดจ้ าก QR code หนา้ 162)

เวลาท่ใี ช้จดั การเรยี นรู้ 10 ช่ัวโมง

| 153สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   

คู่มอื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานคณติ ศาสตร์ บทที่ 4 | จ�ำ นวนนับ 11 ถงึ 20
ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 1 เล่ม 1

การจัดการเรยี นรู้
การเตรยี มความพรอ้ ม (1 ช่วั โมง)

บทที่ 4 จาำ นวนนบั 11 ถึง 20

เรยี นจบบทน้แี ล้ว นกั เรยี นสามารถ

บอกจ�ำ นวนของส่ิงต่�ง ๆ และแสดงสง่ิ ต่�ง ๆ
ต�มจำ�นวนท่กี ำ�หนด 11 ถึง 20

อ่�นและเขียนตวั เลขฮินดอู �รบิก ตัวเลขไทย
ตัวหนังสอื แสดงจ�ำ นวนนบั 11 ถงึ 20

เปรียบเทยี บและเรียงลำ�ดับจำ�นวนนบั 11 ถึง 20

ส่ือเพมิ่ เตมิ

1. ใช้ขอ้ มลู ในหนงั สอื เรยี นหน้าเปดิ บทสนทนากบั นกั เรียนเก่ยี วกบั การเล่นชงิ ชา้ สวรรค์
ในสวนสนกุ ของเด็ก ๆ กบั ครอบครวั เพอ่ื กระต้นุ ความสนใจของนักเรียนโดยใชก้ ารถาม – ตอบ เชน่
- ในสวนสนกุ มีเครื่องเล่นอะไรบ้าง
- ใครเคยไปเทยี่ วสวนสนกุ บา้ งและเลน่ เครอ่ื งเล่นประเภทใด
- ในภาพเดก็ ๆ และครอบครวั ก�ำ ลังเลน่ เครือ่ งเลน่ ประเภทใด
- ชงิ ช้าสวรรคท์ ี่เดก็ ๆ และครอบครวั ก�ำ ลังเล่นอยู่มกี ก่ี ระเช้า (10 กระเชา้ ) นกั เรยี นรไู้ ด้อยา่ งไร
(รไู้ ด้โดยการนับ 1 2 3 ... 10 กระเชา้ )
- มคี นอยู่ในกระเช้ามากกว่า 10 คน ใช่หรือไม่ (ใช่)
- มีคนอยใู่ นกระเช้ากี่คน นกั เรียนรจู้ ำ�นวนคนในกระเช้าไดอ้ ย่างไร
ครูอาจไม่คาดหวงั ค�ำ ตอบ จากนนั้ ครูนำ�เขา้ สู่บทเรียนโดยบอกนักเรียนวา่ ในบทเรียนนี้จะเรียนรู้
เกยี่ วกับจ�ำ นวนนับที่มากกวา่ 10 ซง่ึ จะสามารถหาคำ�ตอบได้วา่ มีคนอยู่ในกระเชา้ กค่ี น

154 |    สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทที่ 4 | จำ�นวนนบั 11 ถงึ 20 คมู่ อื ครูรายวชิ าพืน้ ฐานคณิตศาสตร์
ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 1 เล่ม 1

2. ครูเตรียมความพรอ้ มเก่ียวกบั ความรูพ้ ื้นฐาน
ที่จ�ำ เป็นส�ำ หรบั บทเรียนน้ี โดยใหน้ ักเรียนท�ำ กจิ กรรม
เกมโยนห่วง ตามหนังสือเรียนหน้า 164 ซงึ่ เป็นการนบั
จำ�นวนและเรียงลำ�ดบั จำ�นวน 1 ถึง 10 โดยครูเตรียม
อปุ กรณด์ งั น้ี หว่ งพลาสตกิ หรอื หว่ งยาง หลกั ส�ำ หรบั โยนหว่ ง
ไปคลอ้ งบตั รตัวเลขแสดงจำ�นวน จากน้ันด�ำ เนนิ การ
จัดกจิ กรรมตามหนงั สือเรยี นหนา้ 164 โดยครูแบง่
นกั เรียนออกเปน็ 3 ทมี ใหแ้ ต่ละทีมได้รบั หว่ งยาง
10 หว่ ง นักเรยี นแต่ละทีมโยนห่วงไปคลอ้ งหลัก
นับจำ�นวนห่วงท่ีคล้องอยู่ในหลกั แล้วมารบั บัตรตัวเลข
แสดงจำ�นวนหว่ งในหลักของทมี ตัวเอง จากนัน้ ให้ทกุ ทมี
นำ�บตั รตัวเลขมาวางรวมกนั แลว้ เรยี งลำ�ดบั จ�ำ นวนท่ีมี
อย่ใู นบัตรตวั เลขจากมากไปน้อยหรอื จากนอ้ ยไปมาก
ทมี ที่ชนะเปน็ ทีมที่โยนห่วงคลอ้ งอยใู่ นหลักได้มากที่สุด ครูอาจให้นักเรียนเล่นเปน็ รอบ
รอบละ 10 หว่ ง หลายรอบก็ได้ตามความเหมาะสม เช่นทมี ท่ี 1 โยนห่วงไปคลอ้ งหลักนบั จำ�นวนห่วง
ได้ 8 สง่ ตัวแทนมารับบัตรตวั เลข 8 ทีมที่ 2 โยนหว่ งไปคลอ้ งหลกั นบั จำ�นวนหว่ งได้ 7 ส่งตัวแทน
มารับบัตรตวั เลข 7 และ ทมี ท่ี 3 โยนหว่ งไปคลอ้ งหลกั นบั จ�ำ นวนหว่ งได้ 10 สง่ ตัวแทน
มารบั บัตรตัวเลข 10 จากนน้ั นกั เรียนชว่ ยกนั เรียงบัตรตัวเลขจากนอ้ ยไปมาก ไดด้ ังน้ี

7 8 10 หรอื เรยี งบตั รตวั เลขจากมากไปนอ้ ยไดด้ งั น้ี 10 8 7 จะเหน็ ว่า
ทมี ท่ี 3 โยนห่วงลงหลักไดม้ ากท่สี ุดจึงเปน็ ทมี ท่ีชนะ ครูและนักเรียนชว่ ยกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ ง

| 155สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   

คมู่ ือครรู ายวชิ าพ้ืนฐานคณติ ศาสตร์ บทท่ี 4 | จ�ำ นวนนบั 11 ถึง 20
ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 1 เลม่ 1

4.1 การนบั สบิ เอด็ ถึงยส่ี บิ (1 ชัว่ โมง)

จุดประสงค์

นบั และบอกจ�ำ นวนของสง่ิ ตา่ ง ๆ ตามจ�ำ นวน
ทก่ี �ำ หนด 11 ถงึ 20

สื่อการเรยี นรู้

- ดนิ สอ
- ยางรดั
- บตั รภาพ
- ตัวนับ

แนวการจดั การเรียนรู้
การพัฒนาความรู้

1. ครูน�ำ เข้าสู่บทเรยี นโดยการทบทวนการนับ
1 ถึง 10 ครใู ห้นักเรยี นนบั ดนิ สอที่ครูเตรียมมา 10 แท่ง
โดยครูชูดินสอ 1 แท่ง แล้วถามนักเรยี นวา่ มีดินสอก่ีแทง่
(1 แทง่ ) ครชู ดู ินสอเพมิ่ อีกหน่ึงแทง่ แลว้ ถามนกั เรียนว่ามี
ดนิ สอก่ีแท่ง (2 แท่ง) ครูทำ�กิจกรรมเชน่ นี้ โดยชูดนิ สอเพิ่ม
ทลี ะ 1 ไปเรอื่ ย ๆ จนถงึ ดินสอแท่งที่สบิ แล้วถามนักเรียน
ว่ามีดินสอกแี่ ทง่ (10 แทง่ ) ครนู ำ�ดนิ สอ มัดรวมกัน ครชู ูให้
นกั เรยี นดู แลว้ ถามนกั เรยี นวา่ ดนิ สอมดั นม้ี กี แ่ี ทง่ (10 แทง่ )
ครูแนะน�ำ วา่ ดินสอ10 แทง่ มัดรวมกนั ก็ยงั เปน็ ดินสอ
10 แทง่ มัดได้ 1 มัด หรอื 1 สบิ
จากน้นั ครูใหน้ กั เรยี นเริม่ นับจากสิบ ตามหนังสอื เรียนหน้า
165 โดยครวู างดนิ สอ 1 มดั หรือ 1 สบิ กับ 1 แท่ง บนโต๊ะ
ดงั น้ี

แลว้ แนะน�ำ นกั เรยี นวา่ สิบเพม่ิ อกี 1 เป็น สิบเอ็ด
ครวู างดินสอ เพม่ิ อีก 1 แท่ง แล้วแนะนำ�นักเรียนว่า สิบเอด็ เพมิ่ อกี 1 เป็น สิบสอง
ครใู หน้ กั เรยี นออกมาวางดนิ สอ เพม่ิ อกี 1 แทง่ ครแู นะน�ำ นกั เรยี นวา่ สบิ สอง เพม่ิ อกี 1 เปน็ สบิ สาม
ครูใหน้ ักเรยี นออกมาวางดนิ สอ เพิม่ อีก 1 แทง่ ครแู นะน�ำ นกั เรยี นวา่ สิบสาม เพมิ่ อกี 1 เปน็ สิบส่ี

156 |    สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทท่ี 4 | จำ�นวนนับ 11 ถึง 20 ค่มู ือครูรายวิชาพืน้ ฐานคณติ ศาสตร์
ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 1 เลม่ 1

ครูให้นกั เรยี นวางดินสอเพิม่ ทีละหนึง่ ไปเรื่อย ๆ และนับ

ดินสอเพิ่มทีละหน่ึง ตามหนงั สอื เรยี นหน้า 166 ดังนี้

วางดินสอ เพ่ิมอีก 1 แทง่ มอี ยู่ สิบส่ี เพม่ิ อีก 1

เป็น สบิ ห้า วางดนิ สอ เพิม่ อกี 1 แทง่ มีอยู่ สิบห้า สบิ หา
เพิ่มอกี 1 เป็น สบิ หก วางดินสอ เพิ่มอกี 1 แทง่

มอี ยู่ สบิ หก เพม่ิ อกี 1 เปน็ สบิ เจ็ด วางดนิ สอ สิบแปด
เพมิ่ อีก 1 แทง่ มีอยู่ สบิ เจด็ เพ่มิ อกี 1 เป็น สบิ แปด

วางดินสอ เพมิ่ อีก 1 แทง่ มีอยู่ สิบแปด เพิม่ อีก 1 สิบเกา
เป็น สบิ เกา้ วางดนิ สอ เพ่มิ อีก 1 แท่ง มอี ยู่ สิบเกา้

เพิ่มอีก 1 เป็น ยีส่ บิ ยี่สิบ
ครูใหน้ ักเรยี นสงั เกตจ�ำ นวนย่สี บิ ครูถามนักเรยี นว่า ยส่ี บิ

มีดินสอ 1 มดั กบั ดนิ สออีกก่แี ท่ง (10 แทง่ )

ครมู ดั ดนิ สอ 10 แทง่ รวมกนั ครถู ามวา่ มดี นิ สอกม่ี ดั (2 มดั )

ครูแนะนำ�วา่ มดั ดนิ สอ 2 มัด คือ 2 สิบ หรือ ย่ีสบิ ครูใช้แจกตวั นบั ให้นกั เรยี นคนละ 20 อนั แล้วให้

นกั เรียนช่วยนับตัวนับพร้อมกันโดยเร่ิมนบั ต้ังแต่ 1 ถึง 20 จนนกั เรยี นทุกคนนับตวั นับไดค้ ล่องแคล่ว

2. ครูให้นกั เรยี นชว่ ยกนั นับและบอกจ�ำ นวนของขนมปยุ ฝา้ ยทีอ่ ยใู่ นบตั รภาพ ตามหนงั สือเรยี น

หน้า 167 เชน่ ครูชบู ตั รภาพขนมปุยฝ้ายดงั รปู

แลว้ ใหน้ กั เรียนช่วยกนั นับและบอกจำ�นวนของขนมปุยฝา้ ยที่อยใู่ นบตั รภาพนี้ โดยครอู าจสุม่ ให้
นกั เรยี น 1 คน ออกมาชีร้ ูปขนมเพ่อื ให้เพอื่ นนับตามท่ชี ้ีพร้อมกัน ดังน้ี 1 2 3 4 5 6 7 8 9
10 11 12 13 นกั เรยี นชว่ ยกนั บอกวา่ มขี นมปยุ ฝา้ ย 13 ชน้ิ ครใู หน้ กั เรยี นสงั เกตวา่ มขี นมปยุ ฝา้ ย
ที่อยใู่ นกล่องแลว้ 10 ช้ิน นักเรยี นอาจใชก้ ารนับตอ่ จาก 10 เปน็ 11 12 13 กไ็ ด้ จากน้ันครูชู
บัตรภาพขนมปุยฝา้ ยทลี ะขอ้ แลว้ ให้นักเรยี นช่วยกันนับและบอกจำ�นวนขนมปุยฝา้ ยโดยใหน้ ับต่อ
จาก 10 จนครบทกุ ข้อ เม่ือครบทุกขอ้ แล้วครแู ละนักเรียนชว่ ยกันตรวจสอบความถกู ตอ้ ง
ครเู นน้ ยำ�้ วา่ การนบั และบอกจำ�นวนสงิ่ ของ 11 ถึง 20 เรมิ่ นับจากสบิ และนับเพิ่มขึน้ ทีละหนง่ึ เปน็
สิบเอด็ สิบสอง สิบสาม สิบส่ี สบิ หา้ สิบหก สิบเจ็ด สบิ แปด สบิ เกา้ และยีส่ ิบ

| 157สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   

คมู่ ือครูรายวชิ าพน้ื ฐานคณิตศาสตร์ บทที่ 4 | จำ�นวนนับ 11 ถึง 20
ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 1 เล่ม 1

การตรวจสอบความเขา้ ใจ

3. ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนเปน็ รายบคุ คล
กอ่ นทีจ่ ะใหน้ กั เรยี นทำ�กจิ กรรมครทู บทวนการนบั จ�ำ นวน
11 ถึง 20 โดยครวู างชอล์กบนโต๊ะ ดังน้ี

ครูถามนักเรียนวา่ มีชอลก์ ท้ังหมดก่แี ทง่ (15 แท่ง)
นกั เรยี นมวี ธิ ีนับจ�ำ นวนอย่างไร (เร่ิมนบั จากสิบและนบั เพม่ิ
ทลี ะหนงึ่ เปน็ สบิ เอด็ สบิ สอง สิบสาม สบิ สี่ สบิ หา้ )
จากนั้นครใู หน้ ักเรยี นท�ำ กิจกรรมหยบิ บัตรภาพ
บอกจำ�นวนตามหนงั สอื เรียนหน้า 168 โดยใหน้ กั เรียน
แตล่ ะคนหยิบบตั รภาพแลว้ บอกจ�ำ นวนของสิง่ ต่าง ๆ ท่ีอยู่ในบัตรภาพคนละ 1 บตั รภาพ หรือ
ครูอาจชบู ตั รภาพแลว้ ใหน้ ักเรยี นแตล่ ะคนบอกจ�ำ นวนของสิ่งตา่ ง ๆ ทอ่ี ยใู่ นบัตรภาพ ครแู ละนกั เรยี น
ช่วยกนั ตรวจสอบความถกู ต้อง ถ้าพบว่ามีนักเรียนทีน่ ับและบอกจ�ำ นวนไมถ่ กู ตอ้ งครอู าจใหน้ กั เรยี น
นบั และบอกจ�ำ นวนของสงิ่ ตา่ ง ๆ ในบตั รภาพใหมอ่ กี คร้ัง จากนนั้ ครแู ละนักเรยี นสรุปสงิ่ ที่ไดเ้ รียนรู้

สิง่ ทไ่ี ดเ้ รียนรู้

สิบเอ็ด สบิ สอง สบิ สาม สิบสี่ สบิ หา้ สิบหก สิบเจ็ด สิบแปด สบิ เก้า และย่ีสบิ เป็นจ�ำ นวนนบั ที่
เพ่มิ ข้ึนทีละหนงึ่ ตามลำ�ดับ โดยนบั ต่อจากสบิ
จากนัน้ ให้นกั เรียนทำ�แบบฝึกหดั 4.1 หน้า 102 – 103

158 |    สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทที่ 4 | จ�ำ นวนนบั 11 ถึง 20 คู่มอื ครรู ายวชิ าพ้นื ฐานคณิตศาสตร์
ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 1 เลม่ 1

4.2 การแสดงจ�ำ นวนนับ สบิ เอ็ดถงึ ยีส่ บิ ด้วยกรอบสบิ (1 ชว่ั โมง)

จุดประสงค์

แสดงสง่ิ ตา่ ง ๆ ตามจ�ำ นวนทก่ี �ำ หนด 11 ถงึ 20 ดว้ ยกรอบสบิ

สอ่ื การเรียนรู้

- ตัวนบั
- กรอบสิบ

แนวการจดั การเรยี นรู้
การพฒั นาความรู้

1. ครนู �ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยการทบทวนการนับและ
บอกจ�ำ นวนของสง่ิ ของ โดยครูอาจก�ำ หนดสิ่งของตา่ ง ๆ
ให้มีจำ�นวนแตกตา่ งกนั แล้วให้นกั เรียนช่วยกันนบั และ
บอกจ�ำ นวนของสง่ิ ของน้นั เช่น ครูหยิบส้มมาใสถ่ าดไว้
15 ผล แลว้ ให้นักเรยี นชว่ ยกันนับและบอกจ�ำ นวนสม้ ท่อี ยู่
ในถาด โดยอาจนบั ตั้งแต่ 1 ถึง 15 หรือนบั ตอ่ จาก 10
ไปถงึ 15 แต่ถ้าใชก้ ารนบั ตอ่ จาก 10 ครูต้องนำ�สม้ 10 ผล
ใส่ในถงุ แล้วจึงวางใสถ่ าดให้นักเรียนรวู้ า่ มสี ม้ 10 ผลอยู่
ในถุงแล้ว เรมิ่ นับต่อจากสบิ เปน็ สิบเอด็ สิบสอง สิบสาม สบิ สี่ สิบห้า จากน้นั ครนู ำ�กรอบสิบ
มา 2 แผ่น ติดบนกระดาน ครูจดั กิจกรรมการแสดงจ�ำ นวนสบิ เอด็ ถึงย่สี บิ ด้วยกรอบสบิ
ตามหนงั สือเรียนหนา้ 169 - 170 โดยเร่มิ จากครูติดบตั ร
ภาพลกู เทนนิสทลี ะลูกในกรอบสบิ ให้ครบสิบลูก ดังรูป

ครูถามนกั เรียนว่ามลี ูกเทนนสิ กี่ลูก (10 ลูก) จากน้นั ครตู ิด
บตั รภาพลกู เทนนิสในกรอบสบิ อนั ท่ีวา่ งอยู่ 1 ลูก ดงั รปู

ครถู ามนกั เรียนว่า มลี กู เทนนสิ กลี่ ูก (11 ลูก) ครใู หน้ กั เรยี น
สังเกตว่า การนับและบอกจำ�นวนลูกเทนนสิ โดยใช้กรอบสบิ
นัน้ เพ่อื ใหง้ า่ ยต่อการนบั และการแสดงจ�ำ นวน ซง่ึ ในที่นี้

| 159สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   

ค่มู ือครูรายวิชาพน้ื ฐานคณิตศาสตร์ บทท่ี 4 | จำ�นวนนบั 11 ถึง 20
ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 1 เลม่ 1

คือการแสดงลกู เทนนิสให้เต็มกรอบสิบ 1 แผ่นแสดงวา่ มีลูกเทนนิสแลว้ 10 ลกู จากน้ันนบั ตอ่ จาก 10
ได้เป็น 11 นั่นคอื 10 กบั 1 เปน็ 11 จากนน้ั ครูติดบัตรกรอบสิบ 2 แผ่นบนกระดาน ติดบตั รภาพ
ลูกขนไกท่ ลี ะลูกในกรอบสิบให้ครบสิบลูก ดงั รูป

ครถู ามนกั เรียนว่ามีลูกขนไก่ก่ีลกู (10 ลูก) จากน้ันครูตดิ บตั รภาพลกู ขนไก่ในกรอบสบิ อันทีว่ า่ งอยู่
2 ลูก ดงั รูป

ครถู ามนักเรียนวา่ มีลกู ขนไก่ก่ลี กู (12 ลกู ) ครูใหน้ ักเรยี นสังเกตวา่ การนับและบอกจำ�นวนลูกขนไก่
โดยใชก้ รอบสิบนั้นเพ่ือใหง้ ่ายตอ่ การนบั และการแสดงจ�ำ นวน ซึ่งในที่นค้ี อื การแสดงลกู ขนไก่ใหเ้ ต็ม
กรอบสบิ 1 แผน่ แสดงวา่ มีลกู ขนไก่แล้ว 10 ลูก จากน้นั
นับต่อจาก 10 ได้เปน็ 11 12 นัน่ คือ 10 กบั 2 เปน็ 12
ครูท�ำ กจิ กรรมเช่นนไ้ี ปเร่อื ย ๆ จนครบ 20 โดยการแสดง
จ�ำ นวน 20 ดว้ ยกรอบสบิ ครใู ห้นักเรยี นสงั เกตวา่ 20 คือ
10 กบั 10 หรือ 2 สบิ
2. ครแู บ่งนกั เรียนเป็นกลุม่ แล้วแจกตัวนับกลุ่มละ
20 ตัว และบัตรกรอบสิบให้นกั เรยี นกลมุ่ ละ 2 แผน่ โดยครู
กำ�หนดจ�ำ นวนให้แลว้ ใหน้ ักเรียนวางตวั นบั ในกรอบสบิ ให้
เทา่ กบั จำ�นวนท่ีครกู �ำ หนด เชน่ ครกู �ำ หนด 18 ใหน้ กั เรียน
แตล่ ะกล่มุ ช่วยกันวางตวั นบั ในกรอบสบิ แสดงจำ�นวน 18
โดยวาง 10 กับ 8 ดังรูป

ครูให้นักเรยี นสงั เกตวา่ การใชก้ รอบสิบช่วยในการนบั และการแสดงจ�ำ นวนน้นั จะท�ำ ใหง้ า่ ยต่อการนบั
เพราะเรารู้ว่าในกรอบสิบ 1 แผ่น มสี งิ่ ของอยู่แล้ว 10 เราสามารถนับต่อจาก 10 ได้ จึงสามารถนบั
และแสดงจ�ำ นวนได้งา่ ย จากนน้ั ครูและนักเรยี นชว่ ยกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง

160 |    สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทท่ี 4 | จำ�นวนนบั 11 ถึง 20 คมู่ ือครรู ายวชิ าพื้นฐานคณติ ศาสตร์
ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 1 เล่ม 1

การตรวจสอบความเข้าใจ *ตาํ แหนง การวาดอาจแตกตางจากนไี้ ด

3. ตรวจสอบความเข้าใจของนกั เรยี นเป็นรายบคุ คล
โดยให้นักเรยี นทำ�กิจกรรมแสดงตวั นับตามจ�ำ นวนทกี่ ำ�หนด
ตามหนังสือเรยี นหน้า 172 ครแู จกตวั นบั 20 อนั และ
กรอบสิบ 2 แผน่ ใหน้ ักเรียนแต่ละคน จากนัน้ ครูกำ�หนด
จำ�นวนใหน้ กั เรียนวางตวั นบั ในกรอบสิบตามจ�ำ นวนท่ี
ครูก�ำ หนด ครูควรกำ�หนดใหน้ กั เรยี นแต่ละคนได้จ�ำ นวนที่
แตกตา่ งกนั ครเู ดินดกู ารวางตัวนบั ของนกั เรยี นแตล่ ะคน
ว่าวางถกู ตอ้ งหรือไมห่ รืออาจใหเ้ พือ่ น ๆ ชว่ ยกันดู ถา้ พบวา่
มนี ักเรยี นคนใดวางตวั นบั ในกรอบสบิ ตามจ�ำ นวนท่ีครบู อก
ไมถ่ กู ตอ้ งใหน้ กั เรยี นแกไ้ ขใหถ้ กู ตอ้ ง โดยครอู าจใชค้ �ำ ถามน�ำ
เชน่ ครกู ำ�หนดจำ�นวน 16 นกั เรยี นวางตัวนับไม่ถกู ตอ้ ง
ครูอาจถามวา่ 16 คอื 10 กับจำ�นวนใด (6) แลว้ ให้นกั เรยี น
วางตัวนับใหม่ใหถ้ ูกตอ้ ง จากนัน้ ครูและนกั เรยี นรว่ มกัน
สรปุ ส่ิงที่ไดเ้ รียนรู้

สงิ่ ท่ีไดเ้ รียนรู้

สามารถแสดงสิ่งตา่ ง ๆ ตามจำ�นวนทก่ี �ำ หนดโดยใชก้ รอบสบิ
จากน้ันให้นกั เรยี นท�ำ แบบฝึกหดั 4.2 หน้า 104 - 106

| 161สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   


Click to View FlipBook Version