- ข้อควรระวังในการทำกิจกรรมมีอะไรบ้าง (เมื่ออ่านค่ากระแสไฟฟ้าและสังเกตความ
เปลี่ยนแปลงของหลอดไฟฟ้าแล้วต้องยกสวิตช์ขึ้นทุกครั้งทันทีเพื่อไม่ให้มีกระแสไฟฟ้าในวงจรเป็นเวลานาน
ซงึ่ จะทำใหอ้ ุปกรณ์ไฟฟ้าและช้นิ สว่ นอิเล็กทรอนกิ ส์เกิดความร้อนสูงหรือเกิดความเสียหาย)
8) ขณะที่นักเรียนแต่ละกลุ่มทำกิจกรรม ครูเดินสังเกตการทำกิจกรรมของนักเรียนแต่ละกลมุ่
และให้คำแนะนำ หากนักเรียนมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการต่อวงจรไฟฟ้า การใช้งานแอมมิเตอร์ และการอ่าน
ค่ากระแสไฟฟ้าของนักเรียน ซ่งึ ครคู วรรวบรวมปญั หา และข้อสงสยั ทพ่ี บจากการทำกจิ กรรมของนักเรียนเพื่อใช้
เป็นข้อมลู ประกอบการอภิปรายหลงั จากการทำกจิ กรรม
9) นักเรียนบันทึกการทำกิจกรรมลงในแบบบันทึกการค้นคว้ากิจกรรมที่ 6.7 ตัวต้านทานมี
หน้าที่อะไร โดยสรุปผลของกิจกรรมและตอบคำถามท้ายกิจกรรม เพื่อให้ได้ข้อสรุปจากกิจกรรมว่า
เมอ่ื ตอ่ ตวั ต้านทานคงที่แบบอนกุ รมในวงจรไฟฟา้ ทำใหค้ วามสวา่ งของหลอดไฟฟา้ ลดลงและปริมาณกระแสไฟฟ้า
ในวงจรมคี า่ ลดลง การสลับขาของตวั ต้านทานคงทไี่ ม่มผี ลตอ่ ความสวา่ งของหลอดไฟฟา้ และปริมาณกระแสไฟฟ้า
ในวงจรไฟฟา้ และเม่ือเพ่ิมค่าความต้านทานไฟฟา้ ในวงจรไฟฟ้าใหม้ ากขน้ึ กระแสไฟฟ้าจะยง่ิ มคี า่ ลดลง
10) ครูนำเข้าสู่กิจกรรมที่ 6.7 ตอนที่ 2 ตัวต้านทานแปรคา่ ได้ โดยใช้คำถามว่านักเรียนคิดวา่
ตวั ตา้ นทานแปรค่าได้จะทำหนา้ ที่เหมอื นกับตัวตา้ นทานคงทีห่ รือไม่ อย่างไร
11) นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม จุดประสงค์ และวิธีดำเนินกิจกรรม ตามหนังสือเรียนรายวิชา
พื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เล่ม 2 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศกึ ษาธิการ หน้า 119 และครูตรวจสอบความ
เขา้ ใจการอา่ น โดยใช้คำถามดงั ตอ่ ไปนี้
ตอนท่ี 2 ตัวต้านทานแปรค่าได้
- กิจกรรมนเี้ กี่ยวกบั เร่อื งอะไร (หน้าท่ขี องตัวต้านทานแปรคา่ ไดใ้ นวงจรไฟฟ้า)
- กิจกรรมนี้มีจุดประสงค์อะไร (สังเกตและบรรยายหน้าที่ของตัวต้านทานแปรค่าได้ใน
วงจรไฟฟา้ )
- วิธีดำเนินกิจกรรมมีขั้นตอนโดยสรุปอย่างไร (ต่อสวิตช์ สายไฟฟ้า หลอดไฟฟ้า และ
แอมมิเตอร์เข้ากับถ่านไฟฉายแบบอนุกรม สังเกตรูปร่างลักษณะของตัวต้านทานแปรค่าได้แล้วต่อแทรกใน
วงจรไฟฟา้ หมุนปมุ่ ปรับคา่ ของตัวต้านทานไปชา้ ๆ และหมนุ กลบั ชา้ ๆ จากนนั้ ย้ายสายไฟฟ้าที่ต่อกับขาริมขวา
ไปต่อท่ีขารมิ ซ้ายของตัวตา้ นทานแปรค่าได้ แลว้ หมนุ ปรบั ค่าซ้ำ)
- นักเรียนต้องสังเกตหรอื รวบรวมขอ้ มูลอะไรบา้ ง (นักเรยี นต้องสังเกตและบันทกึ ขอ้ มูลเกีย่ วกับ
การเปลี่ยนแปลงของหลอดไฟฟา้ และปริมาณกระแสไฟฟา้ )
- ข้อควรระวังในการทำกิจกรรมมีอะไรบ้าง (เมื่ออ่านค่ากระแสไฟฟ้าและสังเกตความ
เปลี่ยนแปลงของหลอดไฟฟ้า แล้วต้องยกสวิตช์ขึ้นทุกครั้งทันทีเพื่อไม่ให้มีกระแสไฟฟ้าในวงจรเป็นเวลานาน
ซึ่งจะทำให้อุปกรณไ์ ฟฟ้าและชิ้นส่วนอเิ ล็กทรอนิกส์เกิดความร้อนสูงหรือเกิดความเสียหาย และระวังไม่ใหล้ วด
ตวั นำของสายไฟฟ้าที่ต่อกบั ขาของตวั ตา้ นทานแปรคา่ ไดแ้ ตะกนั เพราะจะทำใหเ้ กิดไฟฟา้ ลัดวงจร)
ข้นั ท่ี 3 ขนั้ อธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) (20 นาที)
12) ขณะที่นักเรียนแต่ละกลุ่มทำกิจกรรม โดยครูสังเกตการต่อวงจรไฟฟ้า การใช้งาน
แอมมิเตอร์ และการอ่านคา่ กระแสไฟฟ้าของนกั เรยี น ของนักเรียนแต่ละกลุ่ม และให้คำแนะนำ หากนักเรียนมี
ขอ้ สงสยั ครคู วรรวบรวมปญั หา และขอ้ สงสยั ที่พบจากการทำกิจกรรมของนักเรียนเพือ่ ใช้เปน็ ขอ้ มูลประกอบการ
อภปิ รายหลังจากการทำกิจกรรม
ขั้นที่ 4 ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) (20 นาที)
13) ให้นักเรียนนำเสนอผลการทำกิจกรรม ตอบคำถามท้ายกิจกรรม และร่วมกันอภิปราย
สรุปผลของกิจกรรมโดยใช้คำถามท้ายกิจกรรมเป็นแนวทาง เพื่อให้ได้ข้อสรุปจากกิจกรรมว่า เมื่อต่อตัว
ต้านทานแปรค่าได้แบบอนุกรมในวงจรไฟฟ้า การหมุนปุ่มปรับค่าทำให้สามารถปรับค่าความต้านทานไฟฟ้าใน
วงจรให้เพิ่มขึ้นหรือลดลงตามความต้องการได้อย่างต่อเนื่อง ถ้าค่าความต้านทานไฟฟ้ามีค่ามากขึ้น จะทำให้
หลอดไฟฟา้ สว่างลดลง ปริมาณกระแสไฟฟา้ จะมีคา่ น้อยลง แต่ถ้าหมนุ ป่มุ ปรับไปในทิศทางตรงกันข้ามค่าความ
ตา้ นทานไฟฟ้าจะมคี า่ น้อยลง หลอดไฟฟา้ จะสวา่ งมากข้ึนและปริมาณกระแสไฟฟา้ ก็จะมคี ่ามากข้ึน
ขนั้ ท่ี 5 ขน้ั ประเมิน (Evaluation) (20 นาที)
14) ครแู ละนักเรียนอภปิ รายผลการทำกจิ กรรมท่ี 6.7 หน้าทีข่ องตวั ต้านทานในวงจรไฟฟ้าเป็น
อย่างไร จะได้ขอ้ สรปุ ว่า
- ตวั ตา้ นทานทำหนา้ ท่ีควบคุมปริมาณกระแสไฟฟา้ ในวงจรไฟฟ้า โดยถ้าความตา้ นทานไฟฟ้ามี
ค่ามากข้ึน ปรมิ าณกระแสไฟฟ้าจะมคี า่ น้อยลง
- ตัวต้านทานทำหน้าที่ควบคุมปริมาณกระแสไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้า แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ
ตัวต้านทานคงทแ่ี ละตัวตา้ นทานแปรค่าได้ ซ่ึงความตา้ นทานไฟฟา้ มีหน่วยเปน็ โอหม์ การเขยี นตวั ตา้ นทานคงท่ีใน
แผนภาพ ใช้สัญลักษณ์คือ และตวั ตา้ นทานแปรค่าไดใ้ ช้สัญลักษณ์คอื หรือ
15) ครูตรวจสอบการส่งแบบบันทึกการค้นควา้ ของนักเรียนและให้คะแนนประเมินตามเกณฑ์
การประเมนิ (Rubrics Score)
8. สื่อการเรียนรู้/แหลง่ เรยี นรู้
8.1 อุปกรณท์ ำกิจกรรม: จานวน 10 รายการ ดงั แสดงแนบไว้ในใบกิจกรรมที่ 6.7
8.2 คลิปวดี ิทศั น์: Meet R5: Valkyrie (https://www.youtube.com/watch?v=yTGSy-79eHc)
8.3 ใบกิจกรรม: ใบกิจกรรมที่ 6.7 ตวั ต้านทานมีหน้าท่อี ะไร
8.4 แบบบันทึกกจิ กรรม: แบบบนั ทึกการคน้ ควา้ กิจกรรมที่ 6.7 ตวั ตา้ นทานมหี นา้ ทอ่ี ะไร
8.5 แหล่งเรยี นร:ู้ หนังสอื เรียนรายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 3
เลม่ 2 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551
(ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
9. การวัดและการประเมิน
ตัวช้ีวัด/ผลการเรยี นรู้ วธิ กี ารวัด เครอ่ื งมือวดั เกณฑ์ทใ่ี ชใ้ นการประเมิน
- คำถามท้ายกิจกรรมที่ 6.7 - ไดไ้ ม่นอ้ ยกว่า 2 คะแนน
1. บรรยายหน้าทข่ี องตัว - ตรวจการตอบคำถาม
ตวั ต้านทานมหี น้าที่อะไร ระดบั คณุ ภาพดี ถอื ว่าผา่ น
ต้านทานในวงจรไฟฟา้ ได้ ท้ายกิจกรรมท่ี 6.7 จำนวน 8 ข้อ การประเมินดา้ นความรู้
- แบบบันทึกการคน้ ควา้ - ไดไ้ ม่น้อยกว่า 2 คะแนน
(ด้านความรู้: K) กจิ กรรมท่ี 6.7 ระดับคุณภาพดี ถือวา่
ตวั ต้านทานมีหนา้ ทีอ่ ะไร ผา่ นการประเมนิ
2. การใช้ทักษะสงั เกต โดย - ตรวจการทำแบบ ด้านกระบวนการ
- เกณฑ์การประเมินการใช้
การสังเกตการณ์ทำงานของ บนั ทกึ การค้นคว้า งานอปุ กรณ์ในกิจกรรม - ไดไ้ ม่น้อยกว่า 2 คะแนน
ของนักเรยี น ระดับคณุ ภาพดี ถอื วา่
ช้ินสว่ นอิเลก็ ทรอนกิ ส์ กจิ กรรมท่ี 6.7 ผ่านการประเมิน
ด้านเจตคติ
(ตวั ต้านทาน)
(ด้านกระบวนการ: P)
3. ตระหนกั ถงึ ความสำคญั - สงั เกตการใช้งาน
ของการใช้อุปกรณ์ อุปกรณใ์ นกิจกรรม
การทำกจิ กรรมได้ ของนกั เรยี น
(ดา้ นเจตคติ: A)
9.1 เกณฑก์ ารประเมนิ ผลนักเรียน เกณฑ์การประเมนิ (Rubrics Score)
ประเด็นการประเมิน ค่านำ้ หนกั แนวทางการใหค้ ะแนน
คะแนน
การให้คะแนนตอบ ตอบคำถามทา้ ยกิจกรรมท่ี 6.7 ถกู ตอ้ ง จำนวน 6-8 ขอ้
คำถามทา้ ย 3 ตอบคำถามทา้ ยกิจกรรมท่ี 6.7 ถกู ต้อง จำนวน 3-5 ข้อ
กจิ กรรมท่ี 6.7 2 ตอบคำถามท้ายกิจกรรมท่ี 6.7 ถกู ต้อง จำนวน 1-2 ขอ้ หรือไม่ถูกตอ้ ง
1 บนั ทกึ ผลการทำกิจกรรม จากการสงั เกตการทำงานของชิ้นสว่ น
การให้คะแนนการบนั ทกึ อเิ ลก็ ทรอนกิ สต์ ามความเปน็ จริง โดยไมเ่ พิ่มความคิดเหน็ สว่ นตวั และ
แบบบนั ทึกการคน้ ควา้ 3 สอดคลอ้ งกับจุดประสงค์การเรยี นร้ทู ่ถี กู ต้อง ชดั เจน
บนั ทึกผลการทำกจิ กรรม จากการสังเกตการทำงานของชน้ิ ส่วน
กจิ กรรมที่ 6.7 2 อิเล็กทรอนกิ สต์ ามความเปน็ จรงิ แต่ไม่สอดคลอ้ งกบั จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
บนั ทกึ ผลการทำกจิ กรรม จากการสังเกตการทำงานของชิ้นสว่ น
1 อิเล็กทรอนิกส์ไม่ถกู ตอ้ งและไม่สอดคล้องกับจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
ประเด็นการประเมนิ ค่านำ้ หนกั แนวทางการใหค้ ะแนน
คะแนน
การให้คะแนน ใชง้ านอปุ กรณก์ ารทดลองในกิจกรรมได้ถูกวธิ ี หยิบ เคลื่อนย้ายอปุ กรณ์
การใชง้ านอุปกรณ์ 3 อย่างระมดั ระวงั ไม่หยอกล้อหรือแกล้งเพอื่ นขณะกำลังใช้งานอุปกรณ์
และหลงั การใช้งานอปุ กรณม์ กี ารเก็บรกั ษาอย่างถูกวธิ ี
ในกจิ กรรม 2 ใช้งานอุปกรณ์การทดลองในกจิ กรรมไดถ้ กู วธิ ี หยบิ เคลอ่ื นย้ายอปุ กรณ์
อยา่ งระมัดระวงั ไมห่ ยอกล้อหรอื แกลง้ เพอ่ื นขณะกำลังใชง้ านอปุ กรณ์
1 แต่หลังการใช้งานอปุ กรณไ์ มม่ ีการเก็บรกั ษาอย่างถกู วิธี หรือไมเ่ กบ็ อปุ กรณ์
เข้าตเู้ ก็บอุปกรณ์ตามประเภทของอปุ กรณ์
ใช้งานอปุ กรณก์ ารทดลองในกิจกรรมได้ แตข่ ณะหยบิ เคลอื่ นยา้ ยอุปกรณ์
หรอื กำลังใชง้ านอุปกรณ์ จะหยอกล้อหรือแกล้งเพ่ือน อาจทำให้อปุ กรณ์
เสียหายได้ และหลังการใช้งานอุปกรณ์ไม่มกี ารเก็บรักษาอยา่ งถกู วิธี
9.2 ระดบั คุณภาพ
คะแนนรวมเฉลย่ี 3.00 หมายถงึ ดมี าก
คะแนนรวมเฉล่ีย 2.00 - 2.99 หมายถงึ ดี
คะแนนรวมเฉล่ีย 0.01 - 1.99 หมายถงึ พอใช้
ดงั นั้น นักเรียนต้องไดค้ ะแนนเฉล่ยี ทุกประเด็นการประเมนิ ไมต่ ่ำกว่า 2.00 แสดงระดบั
คุณภาพ ดี ถือวา่ ผา่ นเกณฑ์การประเมินในแผนการจัดการเรียนท่ี 20
สือ่ การเรยี นร้แู ผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 20: สอื่ วีดิทัศน์
คลิปวีดที ัศน์: Meet R5: Valkyrie
สื่อวีดิทัศน์เรื่อง หุ่นยนต์ R5 หรือเรียกชื่ออีกอย่างว่า Valkyrie อธิบายเกี่ยวข้องกับหุ่นยนต์ R5 มี
ลักษณะพิเศษ คือสามารถเคล่ือนไหวไดอ้ ย่างอิสระคล้ายมนุษย์ โดยใชเ้ ซ็นเซอรค์ วบคุมการเคลื่อนไหวกว่า 200
จุดทั่วรา่ งกาย
แหลง่ ทม่ี า: เวบ็ ไซตอ์ ้างองิ
https://www.youtube.com/watch?v=yTGSy-79eHc
เผยแพรเ่ ม่อื 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558
(ชอ่ งYouTube: NASA Johnson)
ส่ือการเรียนรู้แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 20: ใบกจิ กรรมที่ 6.7
ใบกิจกรรมที่ 6.7 ตัวตา้ นทานมีหนา้ ทอ่ี ะไร
หนังสอื เรียนรายวชิ าพ้ืนฐานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 เล่ม 2 ตามหลกั สตู รแกนกลาง
การศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธกิ าร หน้า 119
กจิ กรรมท่ี 6.7 ตวั ต้านทานมหี นา้ ที่อะไร?
จุดประสงค์
วัสดอุ ปุ กรณ์ สงั เกตและบรรยายหน้าทข่ี องตวั ตา้ นทานในวงจรไฟฟ้า
วธิ ีดาเนินกจิ กรรม วสั ดทุ ีใ่ ช้ต่อกลุม่
1. แอมมเิ ตอร์ 1 เครือ่ ง
2. สายไฟฟ้า 5 เสน้
3. ถา่ นไฟฉายขนาด 1.5 V 4 ก้อน
4. กระบะถา่ นแบบ 4 กอ้ น 1 อัน
5. สวิตช์แบบโยก 1 อัน
6. หลอดไฟฟ้าขนาด 6 V พรอ้ มฐาน 1 ชุด
7. ตัวตา้ นทานคงที่ขนาด 10 Ω 1 อนั
8. ตวั ต้านทานคงทีข่ นาด 30 Ω 1 อัน
9. ตัวต้านทานคงที่ขนาด 100 Ω 1 อัน
10. ตวั ต้านทานแปรค่าไดข้ นาด 1 kΩ 1 อัน
ตอนที่ 1 ตวั ตา้ นทานคงที่
1. ต่อวงจรไฟฟ้าที่ประกอบด้วยถ่านไฟฉาย 4 ก้อน สวิตช์ สายไฟฟ้า หลอดไฟฟ้า
และแอมมิเตอร์ ดงั ภาพ กดสวติ ชล์ งเพ่ือให้วงจรปิด สงั เกตการเปล่ียนแปลงของหลอด
ไฟฟ้า อา่ นคา่ กระแสไฟฟา้ บนั ทกึ ผล แล้วยกสวติ ชข์ ้นึ
2. สงั เกตรปู ร่างลกั ษณะของตวั ต้านทานคงที่และบันทกึ ผล
3. ต่อตวั ตา้ นทานคงท่ีขนาด 10 โอห์มเข้าในวงจรไฟฟา้ แบบอนกุ รม ดังภาพ กดสวิตซ์
ลงเพ่ือให้วงจรปดิ สงั เกตการเปลย่ี นแปลงของหลอดไฟฟา้ อ่านคา่ กระแสไฟฟ้า
บนั ทกึ ผลแลว้ ยกสวติ ช์ขึ้น
ภาพการจดั อุปกรณ์ในกจิ กรรม
กิจกรรมที่ 6.7 ตัวต้านทานมหี นา้ ทอี่ ะไร?
4. ทาซ้าในข้อ 2 แตส่ ลบั ขาตัวตา้ นทานคงท่ี สงั เกตการเปล่ียนแปลงของหลอดไฟฟ้า
อ่านคา่ กระแสไฟฟ้า บนั ทกึ ผล
5. ทาซา้ ในข้อ 2 โดยเปลยี่ นตวั ตา้ นทานคงท่ีเป็นขนาด 30 โอห์ม และ 100 โอห์ม
ตามลาดับ สังเกตการเปลยี่ นแปลงของหลอดไฟฟ้า อ่านค่ากระแสไฟฟา้ บันทกึ ผล
ตอนท่ี 2 ตวั ต้านทานแปรค่าได้
1. ตอ่ วงจรไฟฟ้าที่ประกอบด้วยถา่ นไฟฉาย 4 กอ้ น สวติ ช์ สายไฟฟา้ หลอดไฟฟ้า
และแอมมเิ ตอร์ ดังภาพ กดสวติ ซล์ งเพ่อื ใหว้ งจรปิด สังเกตการเปลี่ยนแปลง
ของหลอดไฟฟา้ อา่ นคา่ กระแสไฟฟา้ บันทกึ ผล แล้วยกสวติ ช์ขึ้น
2. สงั เกตรูปร่างลักษณะของตัวตา้ นทานแปรค่าได้และบนั ทกึ ผล
3. ตอ่ ตัวตา้ นทานแปรค่าไดข้ นาด 1 กโิ ลโอหม์ เข้าในวงจรไฟฟ้า โดยตอ่ สายไฟฟ้าเขา้
กบั ขาตรงกลางและสายไฟฟ้าอีกสายหน่งึ ตอ่ เข้ากบั ขารมิ ขวาของตัวต้านทานแปรคา่ ได้
ดงั ภาพ กดสวติ ซล์ ง เพ่ือให้วงจรปดิ สังเกตการเปลีย่ นแปลงของหลอดไฟฟา้ อ่านค่า
กระแสไฟฟา้ บันทึกผล แล้วยกสวิตช์ข้ึน
ภาพการจัดอุปกรณใ์ นกจิ กรรม
การเตรียมตัว ตอนที่ 1 ตัวต้านทานคงที่
ล่วงหน้าสาหรบั ครู • ครูควรตรวจสอบอุปกรณไ์ ฟฟ้าและชิน้ ส่วนอเิ ล็กทรอนกิ ส์ให้อยูใ่ นสภาพพรอ้ มใชง้ าน
• ครูควรทดลองตอ่ วงจรไฟฟา้ ก่อนจดั กิจกรรม เพอื่ ตรวจสอบว่าวงจรไฟฟ้าที่ใชใ้ น
กิจกรรมตอ่ อย่างไรและวงจรไฟฟา้ ทางานได้ตามต้องการหรอื ไม่
ตอนท่ี 2 ตวั ตา้ นทานแปรค่าได้
• ครคู วรตรวจสอบอุปกรณไ์ ฟฟา้ และช้นิ ส่วนอเิ ล็กทรอนกิ สใ์ ห้อยู่ในสภาพพร้อมใชง้ าน
• ครคู วรทดลองตอ่ วงจรไฟฟา้ ก่อนจดั กจิ กรรม เพอื่ ตรวจสอบว่าวงจรไฟฟ้าทใี่ ช้ใน
กจิ กรรมตอ่ อย่างไรและวงจรไฟฟา้ ทางานได้ตามต้องการหรือไม่
กิจกรรมที่ 6.7 ตัวต้านทานมหี น้าทอ่ี ะไร?
ข้อควรระวัง ตอนท่ี 1 ตวั ตา้ นทานคงที่
• ครูควรยา้ เตอื นนกั เรียนเมอ่ื อา่ นค่ากระแสไฟฟา้ และสงั เกตการเปลีย่ นแปลงของ
ขอ้ เสนอแนะใน หลอดไฟฟ้า แล้วตอ้ งยกสวิตช์ขน้ึ ทุกครัง้ ทนั ทเี พ่ือไม่ให้มกี ระแสไฟฟา้ ในวงจรเป็น
การทากิจกรรม เวลานาน เพราะจะทาให้อปุ กรณ์ไฟฟา้ และช้นิ สว่ นอเิ ลก็ ทรอนิกสเ์ กดิ ความรอ้ นสงู
ซง่ึ อาจทาใหเ้ สียหายได้
ตอนที่ 2 ตวั ต้านทานแปรคา่ ได้
• ครคู วรย้าเตอื นนักเรียนเมื่ออา่ นค่ากระแสไฟฟ้าและสังเกตความเปลี่ยนแปลงของ
หลอดไฟฟ้าแลว้ ตอ้ งยกสวิตช์ขน้ึ ทกุ คร้ังทันทีเพอ่ื ไมใ่ ห้มีกระแสไฟฟ้าในวงจรเป็น
เวลานาน เพราะจะทาให้อปุ กรณ์ไฟฟา้ และชน้ิ ส่วนอิเล็กทรอนกิ สเ์ กดิ ความร้อนสูงซงึ่
อาจทาให้เสยี หายได้
• เนอื่ งจากขาของตัวตา้ นทานแปรคา่ ไดอ้ ยู่ชดิ กัน ครูควรย้าเตอื นใหน้ ักเรยี นระวัง
ไม่ให้ลวดตวั นาหรือปากหนบี ของสายไฟฟา้ ทต่ี อ่ กับขาของตวั ตา้ นทานแปรค่าได้
แตะกัน เพราะจะทาให้เกดิ ไฟฟ้าลัดวงจร
ตอนที่ 1 ตวั ต้านทานคงที่
• หากครูไม่สามารถจัดหากระบะถา่ นแบบ 4 ก้อน ครูสามารถใชก้ ระบะถา่ นแบบ
2 กอ้ น จานวน 2 อันมาต่อแบบอนุกรมแทนกระบะถ่านแบบ 4 กอ้ นได้
• หากครูไม่สามารถจดั หาตัวตา้ นทานขนาด 30 โอห์ม ครสู ามารถใช้ตวั ต้านทาน
ขนาด 10 โอห์มจานวน 3 อันมาต่อแบบอนุกรม หรอื ใช้ตวั ตา้ นทานขนาด 20 โอหม์
จานวน 1 อัน และ 10 โอห์มจานวน 1 อนั มาต่อแบบอนุกรมแทนตวั ต้านทานขนาด
30 โอห์มได้
ตอนท่ี 2 ตวั ต้านทานแปรคา่ ได้
• หากครูไม่สามารถจัดหากระบะถา่ นแบบ 4 ก้อน ครสู ามารถใช้กระบะถา่ นแบบ
2 ก้อน จานวน 2 อนั มาต่อแบบอนกุ รมแทนกระบะถา่ นแบบ 4 ก้อนได้
• หากครไู ม่สามารถจดั หาตัวตา้ นทานแปรคา่ ไดต้ ามขนาด 1 กิโลโอห์ม ครสู ามารถใช้
ตวั ตา้ นทานแปรค่าได้ทม่ี ขี นาดใกล้เคยี งกบั ขนาดของตัวต้านทานแปรค่าไดท้ ีก่ าหนด
แทนได้ เชน่ ใชต้ วั ต้านทานแปรคา่ ไดข้ นาด 500 โอหม์ อย่างไรกต็ าม ครูไม่ควรใช้
ตัวตา้ นทานแปรคา่ ได้ทม่ี ีขนาดสูงกวา่ ขนาด 1 กโิ ลโอห์ม เพราะจะทาให้สงั เกต
ความสว่างของหลอดไฟฟา้ ไมไ่ ด้เนือ่ งจากกระแสไฟฟา้ ในวงจรมคี ่านอ้ ยเกนิ ไป
• ครูอาจแนะนาให้นกั เรียนใช้เบรดบอรด์ ชว่ ยในการต่อตัวต้านทานแปรค่าได้
ซ่ึงเบรดบอร์ดมกี ารต่อเชอ่ื มตาแหน่งต่าง ๆ บนบอรด์ ดงั ภาพ
คำถามท้ายกิจกรรม
ตอนที่ 1 ตัวต้านทานคงท่ี
1. วงจรไฟฟา้ ทไ่ี มม่ ตี ัวต้านทานคงท่แี ละวงจรไฟฟา้ ทม่ี ีตัวต้านทานคงท่ี เมอ่ื ต่อครบวงจร
ผลทเ่ี กดิ ข้ึนแตกต่างกนั อย่างไร
2. การสลับขาตวั ต้านทานคงท่มี ีผลต่อวงจรไฟฟา้ หรอื ไม่ อยา่ งไร
3. เมอ่ื เปลี่ยนตัวต้านทานคงท่ที ่ีมขี นาดความตา้ นทานไฟฟา้ เพมิ่ ขนึ้ มีผลตอ่ วงจรไฟฟ้าอยา่ งไร
4. กิจกรรมตอนท่ี 1 สรุปไดว้ า่ อยา่ งไร
ตอนที่ 2 ตัวต้านทานแปรค่าได้
1. การหมนุ ปมุ่ ปรบั คา่ ของตวั ตา้ นทานแปรคา่ ไดไ้ ปด้านหน่งึ มผี ลต่อความต้านทานไฟฟ้าหรอื ไม่
ทราบไดอ้ ย่างไร
2. การหมนุ ปมุ่ ปรับค่าของตวั ต้านทานแปรค่าไดใ้ นทิศทางตรงกันขา้ ม ทำให้ความตา้ นทานไฟฟา้
มกี ารเปลยี่ นแปลงตา่ งจากข้อ 1 หรือไม่ ทราบได้อย่างไร
3. จากกิจกรรมตอนที่ 2 สรปุ ไดว้ ่าอยา่ งไร
4. จากกจิ กรรมทง้ั 2 ตอน สรุปไดว้ ่าอย่างไร
สอื่ การเรียนรแู้ ผนการจดั การเรียนรู้ที่ 20: แบบบนั ทกึ การคน้ ควา้ กิจกรรมท่ี 6.7
แบบบนั ทกึ การค้นควา้ กิจกรรมท่ี 6.7 ตวั ต้านทานมหี นา้ ท่อี ะไร
ชือ่ -นามสกุล..........................................................................................ชน้ั .................เลขท่ี...........กลุ่มท.ี่ ...........
ตารางบนั ทกึ ผลการทำกจิ กรรม ตอนท่ี 1 ตัวตา้ นทานคงท่ี
ตารางแสดง การเปล่ยี นแปลงของหลอดไฟฟ้าและปรมิ าณกระแสไฟฟา้ เมอ่ื ต่อตัวตา้ นทานในวงจรไฟฟ้า
ความต้านทานไฟฟา้ ของ การเปลีย่ นแปลงของหลอดไฟฟ้า ปริมาณกระแสไฟฟ้า (A)
ตัวตา้ นทานในวงจรไฟฟ้า (Ω)
-
10 โอหม์
10 โอหม์ (สลบั ขา)
30 โอห์ม
100 โอห์ม
ตารางบนั ทึกผลการทำกิจกรรม ตอนที่ 2 ตัวตา้ นทานแปรคา่ ได้
ตารางแสดง การเปลยี่ นแปลงของหลอดไฟฟา้ และปรมิ าณกระแสไฟฟา้ เมอื่ หมุนปุม่ ปรบั คา่ ของ
ตวั ตา้ นทานแปรคา่ ได้
การตอ่ ตวั ตา้ นทาน ลักษณะการหมุน การเปลีย่ นแปลง ปรมิ าณกระแสไฟฟ้า
แปรคา่ ได้ใน ของหลอดไฟฟา้
วงจรไฟฟา้ ............................................
............................................
ตอ่ ขากลาง ............................................ ............................................ ............................................
และขารมิ ซ้าย ............................................ ............................................ ............................................
............................................
............................................ ............................................ ............................................
............................................ ............................................ ............................................
............................................
ต่อขากลาง ............................................ ............................................
และขารมิ ขวา ............................................ ............................................
............................................ ............................................
............................................ ............................................
แนบท้ายแผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 20: การให้คะแนนด้านกระบวนการ (P)
แนวทางบนั ทึกการคน้ คว้ากิจกรรมที่ 6.7 ตัวต้านทานมีหนา้ ท่ีอะไร
ตารางบันทกึ ผลการทำกจิ กรรม ตอนท่ี 1 ตัวต้านทานคงท่ี
ตารางแสดง การเปลี่ยนแปลงของหลอดไฟฟา้ และปริมาณกระแสไฟฟา้ เมอ่ื ต่อตวั ต้านทานในวงจรไฟฟ้า
ความตา้ นทานไฟฟา้ ของ การเปล่ยี นแปลงของหลอดไฟฟ้า ปริมาณกระแสไฟฟ้า (A)
ตวั ต้านทานในวงจรไฟฟา้ (Ω) สว่าง 0.47
- สวา่ งลดลง 0.30
สว่างเท่ากบั เมอ่ื ไมไ่ ด้สลบั ขา 0.30
10 โอห์ม สว่างลดลงมาก 0.16
10 โอหม์ (สลบั ขา) ไม่สวา่ ง 0.06
30 โอหม์
100 โอห์ม
ตารางบันทึกผลการทำกิจกรรม ตอนท่ี 2 ตัวตา้ นทานแปรคา่ ได้
ตารางแสดง การเปล่ยี นแปลงของหลอดไฟฟา้ และปริมาณกระแสไฟฟา้ เมอื่ หมุนปุ่มปรับคา่ ของ
ตวั ตา้ นทานแปรค่าได้
การตอ่ ตัวตา้ นทาน ลักษณะการหมุน การเปลยี่ นแปลง ปรมิ าณกระแสไฟฟา้
แปรคา่ ไดใ้ น ของหลอดไฟฟ้า ค่ากระแสไฟฟ้าลดลง
วงจรไฟฟ้า หมุนไปทลี ะนอ้ ยจนสุด ค่ากระแสไฟฟ้าเพิ่มขน้ึ
หลอดไฟฟา้ สว่างลดลง
ตอ่ ขากลาง หมุนกลับทลี ะน้อย จนไม่สว่าง คา่ กระแสไฟฟา้ เพิ่มขึ้น
และขาริมซ้าย จนสดุ
หลอดไฟฟา้ จากไม่สว่าง ค่ากระแสไฟฟา้ ลดลง
ตอ่ ขากลาง หมนุ ไปทลี ะน้อยจนสุด มีความสว่างเพมิ่ ข้ึน
และขาริมขวา จนสวา่ งมาก
หมุนกลบั ทีละนอ้ ย
จนสุด หลอดไฟฟา้ จากไมส่ ว่าง
มีความสว่างเพ่มิ ข้ึน
จนสว่างมาก
หลอดไฟฟา้ สว่างลดลง
จนไมส่ ว่าง
แนบทา้ ยแผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ 20: การให้คะแนนด้านความรู้ (K)
เฉลยใบกจิ กรรมท่ี 6.7 ตัวต้านทานมหี นา้ ท่ีอะไร
เฉลยคำถามทา้ ยกจิ กรรม
ตอนท่ี 1 ตัวตา้ นทานคงที่
1. วงจรไฟฟา้ ทไ่ี มม่ ตี วั ตา้ นทานคงท่แี ละวงจรไฟฟา้ ทีม่ ตี วั ตา้ นทานคงที่ เมอื่ ต่อครบวงจร ผลที่เกิดขนึ้ แตกต่างกัน
อย่างไร
แนวคำตอบ วงจรไฟฟ้าทมี่ ตี วั ต้านทานคงท่ีมีปริมาณกระแสไฟฟา้ น้อยกวา่ และหลอดไฟฟา้ สว่างลดลง
กวา่ วงจรไฟฟา้ ทีไ่ ม่มตี วั ต้านทานคงที่
2. การสลับขาตวั ตา้ นทานคงท่มี ีผลตอ่ วงจรไฟฟา้ หรอื ไม่ อยา่ งไร
แนวคำตอบ การสลบั ขาตัวต้านทานคงที่ไม่มผี ลต่อวงจรไฟฟา้ เน่ืองจากเมอื่ สลับขาของตวั ต้านทานคงท่ี
ปริมาณกระแสไฟฟ้าและความสว่างของหลอดไฟฟ้าเหมือนกบั เมื่อไม่สลบั ขาของตวั ต้านทานคงท่ี
3. เม่อื เปลีย่ นตัวตา้ นทานคงที่ทม่ี ีขนาดความตา้ นทานไฟฟ้าเพิม่ ขึ้น มผี ลตอ่ วงจรไฟฟ้าอยา่ งไร
แนวคำตอบ เม่ือเปล่ยี นตัวตา้ นทานคงทีท่ ีม่ ีขนาดความตา้ นทานไฟฟา้ เพมิ่ ข้นึ มผี ลต่อวงจรไฟฟา้
โดยปริมาณกระแสไฟฟา้ ในวงจรมคี ่าลดลงและหลอดไฟฟา้ มีความสว่างลดลง
4. กจิ กรรมตอนท่ี 1 สรปุ ได้ว่าอยา่ งไร
แนวคำตอบ เมื่อตอ่ ตวั ต้านทานคงทีแ่ บบอนุกรมในวงจรไฟฟา้ ทำใหป้ ริมาณกระแสไฟฟ้าในวงจรมี
คา่ ลดลงและความสวา่ งของหลอดไฟฟา้ ลดลง การสลับขาของตวั ต้านทานคงท่ไี มม่ ผี ลตอ่ ปริมาณกระแสไฟฟ้า
ในวงจรไฟฟ้าและความสว่างของหลอดไฟฟ้า
แนบท้ายแผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 20: การให้คะแนนด้านความรู้ (K)
เฉลยใบกิจกรรมที่ 6.7 ตัวต้านทานมีหน้าทอ่ี ะไร
เฉลยคำถามท้ายกิจกรรม
ตอนที่ 2 ตวั ตา้ นทานแปรค่าได้
1. การหมนุ ปุม่ ปรับคา่ ของตวั ตา้ นทานแปรค่าได้ไปดา้ นหนึง่ มีผลต่อความต้านทานไฟฟา้ หรือไม่ ทราบได้
อยา่ งไร
แนวคำตอบ การหมุนปมุ่ ปรับคา่ ของตัวต้านทานแปรค่าได้ไปด้านหน่ึงมผี ลตอ่ ความตา้ นทานไฟฟ้า
โดยทำให้ความต้านทานไฟฟา้ มกี ารเปลย่ี นแปลง สงั เกตได้จากการเปลยี่ นแปลงของปริมาณกระแสไฟฟ้าและ
ความสว่างของหลอดไฟฟ้า เชน่ ปริมาณกระแสไฟฟ้าลดลงและหลอดไฟฟา้ มีความสว่างลดลง
2. การหมนุ ปมุ่ ปรับค่าของตัวต้านทานแปรคา่ ไดใ้ นทศิ ทางตรงกันข้าม ทำใหค้ วามต้านทานไฟฟา้ มีการ
เปลย่ี นแปลงต่างจากข้อ 1 หรือไม่ ทราบได้อยา่ งไร
แนวคำตอบ เมอื่ หมุนปมุ่ ปรบั คา่ ของตัวตา้ นทานแปรค่าได้ในทิศทางตรงกันข้าม ความตา้ นทานไฟฟ้ามี
การเปลี่ยนแปลงต่างกับข้อ 1 โดยเปลี่ยนแบบตรงกันข้าม สังเกตได้จากการเปลี่ยนแปลงของปริมาณ
กระแสไฟฟ้าและความสว่างของหลอดไฟฟ้า เช่น ปริมาณกระแสไฟฟ้าเพิ่มขึ้นและหลอดไฟฟ้ามีความสว่าง
เพิ่มขนึ้
3. จากกจิ กรรมตอนท่ี 2 สรปุ ไดว้ า่ อย่างไร
แนวคำตอบ เมื่อหมุนปุ่มปรับค่าความต้านทานไฟฟ้าของตัวต้านทานแปรค่าได้ที่ต่อแบบอนุกรมใน
วงจรไฟฟ้า ทำให้สามารถปรับค่าความต้านทานไฟฟ้าในวงจรให้เพิ่มขึ้นหรือลดลงตามความต้องการได้อย่าง
ต่อเนื่อง ถ้าค่าความต้านทานไฟฟ้ามีค่ามากขึ้น จะทำให้หลอดไฟฟ้าสว่างลดลง ปริมาณกระแสไฟฟ้าจะมีค่า
น้อยลง แต่ถ้าหมุนปุ่มปรับค่าไปในทิศทางตรงกันขา้ ม ค่าความต้านทานไฟฟ้ามีคา่ นอ้ ยลง หลอดไฟฟ้าจะสว่าง
มากขึ้นและปรมิ าณกระแสไฟฟ้ากจ็ ะมีคา่ มากขนึ้
4. จากกจิ กรรมทัง้ 2 ตอน สรุปได้วา่ อย่างไร
แนวคำตอบ ตัวตา้ นทานทำหน้าที่ควบคมุ ปริมาณกระแสไฟฟ้าในวงจร โดยเม่อื คา่ ความต้านทานไฟฟ้า
มากขึน้ ปริมาณกระแสไฟฟ้าจะน้อยลง
แนบท้ายแผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 20: เฉลยกิจกรรมทบทวนความรู้ก่อนเรียน
เฉลยกจิ กรรมทบทวนความรู้กอ่ นเรยี น จำนวน 2 ขอ้
หนังสอื เรยี นรายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ม.3 เลม่ 2 สสวท. หน้า 117
1. เขียนเคร่อื งหมาย หน้าข้อความที่ถกู ตอ้ ง และเขยี นเครอื่ งหมาย × หนา้ ขอ้ ความทไี่ ม่ถูกตอ้ ง
1.1 วงจรไฟฟา้ ประกอบด้วยถา่ นไฟฉายและหลอดไฟฟ้าทเี่ หมือนกัน
3 ดวง คอื a b และ c เม่ือหลอดไฟฟ้า b ขาด ถ้าวัดค่าความตา่ ง
ศักยไ์ ฟฟ้าคร่อมหลอดไฟฟา้ a และหลอดไฟฟา้ c ค่าความตา่ ง
ศักย์ไฟฟา้ ท่วี ัดได้แตกตา่ งกนั
ไมถ่ ูกต้อง เพราะหลอดไฟฟ้าทง้ั 3 ดวงท่เี หมือนกันจะมีความ
ต้านทานไฟฟา้ เท่ากนั เม่อื หลอดไฟฟ้า b ขาด จะเสมือนหลอดไฟฟา้ a และ c ตอ่ อนุกรมกนั
กระแสไฟฟา้ เคลอื่ นทผี่ า่ นจะเทา่ กนั และจากความสมั พันธ์ V = IR เมอื่ คา่ ความตา้ นทานไฟฟา้
และกระแสไฟฟา้ ของหลอดไฟฟา้ a และ c เท่ากัน ทำให้คา่ ความต่างศกั ยไ์ ฟฟา้ ทวี่ ัดครอ่ ม
หลอดไฟฟา้ a และ c เท่ากัน
1.2 จากวงจรไฟฟา้ ข้อ 1.1 ถ้าหลอดไฟฟา้ c ขาด เมอ่ื วัดคา่ กระแสไฟฟ้าทเี่ คล่อื นท่ีผ่านหลอดไฟฟา้
a และหลอดไฟฟ้า b ค่ากระแสไฟฟา้ ทว่ี ดั ไดม้ ีคา่ เป็นศูนย์
ถูกตอ้ ง เพราะหลอดไฟฟา้ c ตอ่ เข้ากบั หลอดไฟฟ้า a และ b แบบอนุกรม ถา้ หลอดไฟฟ้า c
ขาดก็จะทำใหว้ งจรไฟฟ้าเปน็ วงจรเปดิ ไมม่ กี ระแสไฟฟา้ ในวงจร จึงไมม่ ีกระแสไฟฟ้าผา่ น
หลอดไฟฟา้ a และ b
2. เขยี นเคร่ืองหมาย ✓ หนา้ วงจรไฟฟ้าทที่ ำให้หลอดไฟฟ้าสวา่ ง และเขยี นเครือ่ งหมาย ×
หนา้ วงจรไฟฟ้าที่ทำให้หลอดไฟฟา้ ไม่สวา่ ง
แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 21
เรื่อง ไดโอด รหสั วิชา ว23102 เวลา 2 ช่ัวโมง
รวม 22 ชั่วโมง
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 6 ชอื่ หนว่ ยการเรียนรู้ ไฟฟ้า ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 3 ภาคเรียนท่ี 2
มาตรฐาน ว 2.3
กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
สาระที่ 2 ช่ือสาระ วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ
1. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตัวชว้ี ัด
ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่าง
สสารและพลังงาน พลงั งานในชวี ติ ประจำวนั ธรรมชาตขิ องคลนื่ ปรากฏการณ์ทีเ่ กีย่ วข้องกับเสียง แสง และคลื่น
แมเ่ หล็กไฟฟา้ รวมทั้งนำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
ตัวชี้วัด
ว 2.3 ม.3/6 บรรยายการทำงานของชิน้ ส่วนอิเล็กทรอนิกส์อยา่ งง่ายในวงจรจากขอ้ มลู ทร่ี วบรวมได้
2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด
1) ช้ินส่วนอเิ ลก็ ทรอนิกสม์ ีหลายชนิด เชน่ ตวั ตา้ นทาน ไดโอด ทรานซิสเตอร์ ตัวเกบ็ ประจุ โดยชิ้นส่วน
แตล่ ะชนดิ ทำหน้าทีแ่ ตกต่างกันเพื่อให้วงจรทำงานไดต้ ามต้องการ
2) ตัวต้านทานทำหน้าที่ควบคุมปริมาณกระแสไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้า ไดโอดทำหน้าที่ให้กระแสไฟฟ้า
ผา่ นทางเดยี ว ทรานซิสเตอร์ทำหน้าที่เปน็ สวิตชป์ ิดหรอื เปิดวงจรไฟฟ้าและควบคุมปรมิ าณกระแสไฟฟ้า ตัวเก็บ
ประจุทำหนา้ ที่เกบ็ และคายประจุไฟฟา้
3. จุดประสงค์การเรียนรู้ นกั เรียนบรรยายหนา้ ท่ีของไดโอดในวงจรไฟฟ้าได้
1) ดา้ นความรู้ (K) นักเรยี นใช้ทักษะการสงั เกต โดยการสงั เกตการทำงานของไดโอด
2) ด้านทักษะ (P) นักเรียนตระหนกั ถึงความสำคญั ของการใชอ้ ุปกรณก์ ารทำกิจกรรมได้
3) ด้านเจตคติ (A)
4. คุณลักษณะผเู้ รยี น ซอื่ สัตยส์ จุ รติ มงุ่ มน่ั ในการทำงาน
4.1 คณุ ลกั ษณะทีพ่ ึงประสงค์ ใฝ่เรยี นรู้ มีจิตสาธารณะ
รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ อยู่อย่างพอเพียง
มวี นิ ัย รักความเป็นไทย
5. ด้านสมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น
ความสามารถในการสื่อสาร: นักเรียนสามารถส่ือสาร โดยการนำเสนอข้อมลู จากการสงั เกต การ
ปฏิบตั ิกิจกรรมการสบื คน้ ขอ้ มูล และการอภิปราย มาอธบิ ายเกี่ยวกับหน้าท่ีของชิ้นส่วนอเิ ล็กทรอนกิ สแ์ ต่ละ
ชนดิ \
6. สาระการเรียนรู้
เมื่อให้กระแสไฟฟ้าผ่านไดโอดในทิศทางหนึ่ง กระแสไฟฟ้าสามารถผ่านได้ แต่เมื่อสลับขาของไดโอด
กระแสไฟฟ้าจะไม่สามารถผ่านไดโอดนัน้ ได้ ดงั นนั้ ไดโอด (diode) จึงทำหนา้ ทใ่ี ห้กระแสไฟฟา้ ผา่ นไดท้ างเดียว
ไดโอดทำมาจากสารกึ่งตัวนำ มีรูปร่างหลายลักษณะ ไดโอดเป็น
ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่มีขั้ว ซึ่งทำให้กระแสไฟฟ้าผ่านได้ทางเดียว โดย
กระแสไฟฟา้ จะผา่ นได้เมอ่ื ตอ่ ข้ัวบวกของไดโอดเขา้ ทางข้วั บวกของแหล่งกำเนิด
ไฟฟ้า ซง่ึ มีศักยไ์ ฟฟ้าสูง และต่อขว้ั ลบของไดโอดเข้าทางขว้ั ลบของแหล่งกำเนิด
ไฟฟ้าซึง่ มีศกั ย์ไฟฟ้าตำ่ โดยขั้วบวกของไดโอดเรียกว่า ขั้วแอโนด (anode) และ
ขว้ั ลบของไดโอดเรยี กวา่ ขัว้ แคโทด (Cathode) ทั้งนี้สังเกตขัว้ ของไดโอดได้จาก
แถบคาดสีที่ปลายหน่งึ ซึ่งแสดงขาลบ และขาด้านตรงข้ามคือขาบวก สัญลักษณ์ ภาพแสดง สญั ลักษณ์และ
ของไดโอดในวงจรไฟฟ้าคือ ซึ่งจะใช้ลูกศรสามเหลี่ยม เพื่อแสดง ระบุขาของไดโอด
ทิศทางของกระแสไฟฟ้าที่ผ่านไดโอด โดยกระแสไฟฟ้าจะเคลื่อนที่จาก
ขั้วแอโนดไปยังขว้ั แคโทด ดังภาพ การใชง้ านไดโอดจึงต้องตอ่ ขั้วใหถ้ กู ต้องตาม
นอกจากนี้ยังมีไดโอดที่สว่างได้เมื่อมีกระแสไฟฟ้าผ่าน เรียกว่า
ไดโอดเปล่งแสง (light emitting diode : LED) ใช้สัญลักษณ์ในวงจรไฟฟ้า
คือ โดยขั้วของไดโอดเปล่งแสง พิจารณาจากความยาวของขาหรือ
ขอบท่ีมรี อยบาก ดงั ภาพ 6.34 ขายาวเปน็ ขาบวกที่ต่อจากขว้ั บวกหรือข้วั แอโนด
และขาสั้นซึ่งอยู่ด้านเดียวกับขอบบากเป็นขาลบที่ต่อจากขั้วลบหรอื ขั้วแคโทด ภาพแสดง การระบขุ าของ
ทั้งนี้การใช้งานไดโอดและไดโอดเปล่งแสงจะต้องใช้กับความต่างศักย์ไฟฟ้าที่ ไดโอดเปล่งแสง
เหมาะสม
ไคโอดเปล่งแสงสามารถนำไปใช้บอกสถานะการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าและใช้เป็นตัวแสดงผลด้วย
เช่น แสดงสถานะการเปิดหรือปิดของคอมพิวเตอร์ ใช้แสดงขอ้ ความหรอื สญั ลักษณ์ในป้ายโฆษณาและป้ายแสดง
ขอ้ มูลต่าง ๆ
ไคโอดเปน็ ชิ้นสว่ นอิเล็กทรอนกิ ส์ ที่ทำหนา้ ที่ให้กระแสไฟฟา้ เคลือ่ นท่ผี า่ นทางเดียว ใช้สัญลักษณ์ในวงจร
สว่ นไคโอดทใ่ี ห้แสงสวา่ งออกมาเมื่อมีกระแสไฟฟา้ เคล่ือนทผี่ า่ น เรยี กวา่ ไดโอดเปล่งแสง ใช้สญั ลักษณ์
ในวงจรคือ
7. กจิ กรรมการเรียนรู้
ใช้รปู แบบการจดั การเรียนการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Cycles: 5Es) (2 ช่ัวโมง; 120นาที)
ข้นั ที่ 1 กระตุน้ ความสนใจ (Engagement) (10 นาที)
1) ครูเช่ือมโยงไปส่กู ิจกรรมที่ 6.8 ไดโอดมหี นา้ ท่ีอะไร โดยใชค้ ำถามว่า นักเรยี นคดิ วา่ เราจะ
กำหนดให้มีกระแสไฟฟ้าผา่ นหรือไม่ผา่ นอุปกรณไ์ ฟฟา้ ใดอปุ กรณ์ไฟฟา้ หน่งึ ในวงจรไฟฟา้ นอกจากสวติ ชแ์ ลว้ ยงั มี
ชิ้นสว่ นอเิ ล็กทรอนิกสใ์ ดทที่ ำหนา้ ทน่ี ้ีในวงจรไฟฟา้ (นกั เรียนตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง)
ขน้ั ที่ 2 ขนั้ สำรวจและคน้ หา (Exploration) (50 นาที)
2) นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม จุดประสงค์ และวิธีดำเนินกิจกรรม ตามหนังสือเรียนรายวิชา
พื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เล่ม 2 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ หน้า 127 และครูตรวจสอบความ
เข้าใจการอ่าน โดยใช้คำถามดงั ต่อไปนี้
ตอนท่ี 1 ไดโอด
- กิจกรรมนเี้ ก่ยี วกบั เรื่องอะไร (หน้าท่ีของไดโอดในวงจรไฟฟา้ )
- กิจกรรมน้ีมจี ดุ ประสงค์อะไร (สงั เกตและบรรยายการทำงานของไดโอดในวงจรไฟฟา้ )
- วิธีดำเนินกิจกรรมมีขั้นตอนโดยสรุปอย่างไร (ต่อสวิตช์ สายไฟฟ้า หลอดไฟฟ้า และ
ตัวต้านทานคงที่เข้ากับถ่านไฟฉายแบบอนุกรม สังเกตรูปร่างลักษณะของไดโอดแล้วต่อแทรกในวงจรไฟฟ้า
สลบั ขา ของไดโอดเพอื่ ตรวจสอบขัว้ วาดภาพวงจรไฟฟ้าเมือ่ ต่อไดโอดแล้วทำใหห้ ลอดไฟฟา้ สว่าง)
- นักเรียนต้องสังเกตหรือรวบรวมข้อมูลอะไรบา้ ง (นกั เรียนต้องสงั เกตและบนั ทกึ ขอ้ มูลเกี่ยวกับ
การเปลี่ยนแปลงความสว่างของหลอดไฟฟ้า รูปร่างลักษณะของไดโอด การต่อไดโอดในวงจรไฟฟ้าท้ังวงจรที่
หลอดไฟฟา้ สว่างและไมส่ วา่ ง)
- ข้อควรระวงั ในการทำกิจกรรมมอี ะไรบ้าง (เมอ่ื อา่ นคา่ กระแสไฟฟา้ และสังเกตความเปลีย่ นแปลง
ของหลอดไฟฟ้าแล้วต้องยกสวิตช์ขึ้นทุกครั้งทันทีเพื่อไม่ให้มีกระแสไฟฟ้าในวงจรเป็นเวลานาน ซึ่งจะทำให้
อปุ กรณ์ไฟฟา้ และชน้ิ ส่วนอเิ ลก็ ทรอนกิ สเ์ กดิ ความร้อนสงู หรือเกดิ ความเสยี หาย)
3) ให้นักเรียนวางแผนการทำงานเพื่อต่อวงจรไฟฟ้า โดยครูสังเกตการต่อวงจรไฟฟ้าของ
นกั เรียน หากนักเรยี นมีขอ้ สงสัย ครคู วรรวบรวมขอ้ มลู เหล่านั้นเพอื่ ใช้ประกอบการอภิปรายหลงั การทำกิจกรรม
และย้ำเตอื นข้อควรระวงั ในการทำกจิ กรรมแกน่ ักเรียน
4) ให้นักเรียนนำเสนอผลการทำกิจกรรม ตอบคำถามท้ายกิจกรรม และร่วมกันอภิปราย
สรุปผลของกจิ กรรมโดยใช้คำถามท้ายกจิ กรรมเปน็ แนวทาง เพื่อใหไ้ ดข้ ้อสรุปจากกจิ กรรมว่า การตอ่ ไดโอดแบบ
อนกุ รมในวงจรไฟฟา้ จะทำใหก้ ระแสไฟฟา้ ผ่านได้หรอื มีกระแสไฟฟ้าในวงจร เม่ือตอ่ ขาทมี่ ีแถบคาดสีเข้ากับด้าน
ทีต่ อ่ กบั ข้วั ลบของถา่ นไฟฉายและต่อขาท่ีเหลือของไดโอดเข้ากับด้านที่ตอ่ กับข้ัวบวกของถ่านไฟฉาย ถ้าต่อสลับ
ขาจะไม่มกี ระแสไฟฟ้าในวงจร
5) นำเข้าสู่กิจกรรมที่ 6.8 ตอนที่ 2 ไดโอดเปล่งแสง โดยอาจใช้คำถามว่า นอกจากไดโอดท่ี
นักเรียนใช้งานอยู่ยังมีไดโอดอีกแบบ เมื่อกระแสไฟฟ้าเคลื่อนที่ผ่านไดโอดจะเปล่งแสงออกมา เรียกว่า
ไดโอดเปล่งแสง นักเรียนคิดว่าไดโอดเปล่งแสงจะทำหน้าที่ต่างจากไดโอดหรือไม่ และไดโอดเปล่งแสงควบคุม
กระแสไฟฟา้ อย่างไร
6) นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม จุดประสงค์ และวิธีดำเนินกิจกรรม ตามหนังสือเรียนรายวิชา
พื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เล่ม 2 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ หน้า 128 และครูตรวจสอบความ
เขา้ ใจการอ่าน โดยใชค้ ำถามดังต่อไปนี้
ตอนที่ 2 ไดโอดเปล่งแสง
- กจิ กรรมนเี้ กย่ี วกับเร่ืองอะไร (หนา้ ทข่ี องไดโอดเปลง่ แสงในวงจรไฟฟา้ )
- กิจกรรมนี้มีจุดประสงค์อะไร (สังเกตและบรรยายการทำงานของไดโอดเปล่งแสงใน
วงจรไฟฟา้ )
- วิธีดำเนินกิจกรรมมีขั้นตอนโดยสรุปอย่างไร (ต่อสวิตช์ สายไฟฟ้า หลอดไฟฟ้า และ
ตัวต้านทานคงที่เข้ากับถ่านไฟฉายแบบอนุกรม สังเกตรูปร่างลักษณะและความยาวของขาไดโอดเปล่งแสงแลว้
ตอ่ แทรกเข้าในวงจรไฟฟ้าสลบั ขาของไดโอดเปลง่ แสงเพอ่ื ตรวจสอบขว้ั )
- นักเรยี นตอ้ งสังเกตหรือรวบรวมข้อมลู อะไรบา้ ง (นกั เรยี นต้องสงั เกตและบนั ทึกข้อมลู เก่ียวกับ
การเปลี่ยนแปลงของหลอดไฟฟ้า การเปลี่ยนแปลงของไดโอดเปล่งแสง รูปร่างลักษณะของไดโอดเปล่งแสง
การต่อไดโอดเปลง่ แสงในวงจรไฟฟ้าทั้งวงจรท่ีไดโอดเปล่งแสงและหลอดไฟฟา้ สวา่ งและไม่สวา่ ง)
- ข้อควรระวังในการทำกิจกรรมมีอะไรบ้าง (เมื่ออ่านค่ากระแสไฟฟ้าและสังเกตความ
เปลี่ยนแปลงของหลอดไฟฟ้าแล้วต้องยกสวิตช์ขึ้นทุกครั้งทันทีเพื่อไม่ให้มีกระแสไฟฟ้าในวงจรเป็นเวลานาน
ซึ่งจะทำใหอ้ ปุ กรณแ์ ละชน้ิ ส่วนอิเล็กทรอนิกสเ์ กิดความรอ้ นสงู หรือเกดิ ความเสยี หาย)
ขัน้ ท่ี 3 ขนั้ อธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) (20 นาที)
7) ขณะท่นี ักเรยี นแต่ละกลมุ่ ทำกิจกรรม โดยครูสงั เกตการตอ่ วงจรไฟฟ้าของนักเรียนแต่ละกลมุ่
และให้คำแนะนำ หากนักเรียนมีข้อสงสัยครูควรรวบรวมปัญหา และข้อสงสัยที่พบจากการทำกิจกรรม
ของนกั เรยี น เพ่อื ใชเ้ ปน็ ขอ้ มลู ประกอบการอภปิ รายหลังจากการทำกจิ กรรม
ขัน้ ที่ 4 ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) (20 นาที)
8) ให้นักเรียนนำเสนอผลการทำกิจกรรม ตอบคำถามท้ายกิจกรรม และร่วมกันอภิปราย
สรุปผลของกิจกรรมโดยใช้คำถามท้ายกิจกรรมเป็นแนวทาง เพื่อให้ได้ข้อสรุปจากกิจกรรมว่า การต่อ
ไดโอดเปล่งแสงแบบอนุกรมในวงจรไฟฟ้าจะทำให้กระแสไฟฟ้าผ่านได้หรือมีกระแสไฟฟ้าในวงจรเมื่อต่อขาส้ัน
ของไดโอดเปล่งแสงซึ่งขอบจะมีรอยบาก เข้ากับด้านที่ต่อกับขั้วลบของถ่านไฟฉาย และต่อขายาวของ
ไดโอดเปลง่ แสงเข้ากบั ดา้ นทตี่ อ่ กบั ขวั้ บวกของถ่านไฟฉาย ถ้าตอ่ สลบั ขาจะไมม่ กี ระแสไฟฟา้ ในวงจร
ข้นั ที่ 5 ขน้ั ประเมิน (Evaluation) (20 นาที)
9) ครูและนกั เรยี นอภปิ รายผลการทำกิจกรรมที่ 6.8 หนา้ ท่ขี องไดโอดในวงจรไฟฟ้าเป็นอยา่ งไร
จะไดข้ ้อสรุปวา่
- ไดโอดเป็นชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ให้กระแสไฟฟ้าผ่านได้ทางเดียว ซึ่งการต่อไดโอดเข้าใน
วงจรไฟฟ้าต้องต่อขั้วหรือขาของไดโอดให้ถูกต้องกับขั้วของแหล่งกำเนิดไฟฟ้า ถ้าสลับขาของไดโอดแล้ว
วงจรไฟฟ้าจะไมท่ ำงาน
- ไดโอด ทำหน้าที่ให้กระแสไฟฟ้าผ่านได้ทางเดียวซึ่งเป็นชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่มีข้ัว
โดยขั้วบวกเรยี กว่าขั้วแอโนด และขั้วลบเรียกว่าข้วั แคโทด การเขียนไดโอดในแผนภาพใช้สัญลักษณค์ อื
สว่ นไดโอดทส่ี ว่างเมอ่ื มีกระแสไฟฟ้าเคลอื่ นท่ีผา่ น เรียกว่า ไดโอดเปล่งแสง โดยขั้วของไดโอดเปล่งแสงพิจารณา
จากความยาวของขาและขอบบาก ซึ่งขาสั้นที่อยู่ด้านเดียวกับขอบบากคือขั้วลบขาตรงกันข้ามคือขั้วบวก
ไดโอดเปล่งแสงใช้สัญลักษณ์คือ ในการใช้งานไดโอดและไดโอดเปล่งแสงต้องต่อขั้วให้ถูกต้อง คือ
ต่อขวั้ บวกของไดโอดเข้ากับข้วั บวกของแหลง่ กำเนิดไฟฟ้าและตอ่ ข้วั ลบของไดโอดเข้ากับขั้วลบของแหล่งกำเนิด
ไฟฟ้า
10) ครูตรวจสอบการส่งแบบบันทึกการค้นควา้ ของนักเรียนและให้คะแนนประเมินตามเกณฑ์
การประเมนิ (Rubrics Score)
8. ส่ือการเรียนรู้/แหล่งเรยี นรู้
8.1 อปุ กรณท์ ำกิจกรรม: จานวน 8 รายการ ดงั แสดงแนบไวใ้ นใบกจิ กรรมท่ี 6.8
8.2 ใบกิจกรรม: ใบกิจกรรมที่ 6.8 ไดโอดมหี น้าทอี่ ะไร
8.3 แบบบนั ทึกกจิ กรรม: แบบบนั ทกึ การคน้ ควา้ กจิ กรรมท่ี 6.8 ไดโอดมหี น้าท่ีอะไร
8.4 แหล่งเรียนรู้: หนงั สือเรียนรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3
เลม่ 2 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551
(ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
9. การวดั และการประเมนิ
ตัวชว้ี ัด/ผลการเรยี นรู้ วธิ กี ารวดั เครื่องมอื วัด เกณฑ์ท่ีใชใ้ นการประเมนิ
1. บรรยายหนา้ ทข่ี องไดโอด - ตรวจการตอบคำถาม - คำถามท้ายกิจกรรมที่ 6.8 - ได้ไม่น้อยกว่า 2 คะแนน
ในวงจรไฟฟ้าได้ ทา้ ยกจิ กรรมที่ 6.8 ไดโอดมีหนา้ ท่อี ะไร ระดบั คณุ ภาพดี ถอื วา่ ผา่ น
(ด้านความรู้: K) จำนวน 8 ขอ้ การประเมินดา้ นความรู้
2. การใชท้ ักษะสังเกต โดย - ตรวจการทำแบบ - แบบบนั ทึกการค้นคว้า - ได้ไม่น้อยกวา่ 2 คะแนน
การสงั เกตการณ์ทำงานของ บนั ทึกการค้นคว้า กิจกรรมที่ 6.8 ระดบั คุณภาพดี ถือว่าผา่ น
ช้นิ สว่ นอิเล็กทรอนกิ ส์ กจิ กรรมที่ 6.8 ไดโอดมีหน้าทอี่ ะไร ประเมินดา้ นกระบวนการ
(ไดโอด) (ด้านกระบวนการ: P)
3. ตระหนักถงึ ความสำคัญ - สังเกตการใชง้ าน - เกณฑ์การประเมินการใช้ - ได้ไม่นอ้ ยกว่า 2 คะแนน
ของการใชอ้ ุปกรณ์การทำ อปุ กรณ์ในกจิ กรรม งานอปุ กรณ์ในกจิ กรรม ระดับคุณภาพดี ถือว่าผ่าน
กิจกรรมได้ (ดา้ นเจตคติ: A) ของนักเรียน ของนักเรยี น การประเมินด้านเจตคติ
9.1 เกณฑ์การประเมินผลนักเรียน เกณฑก์ ารประเมนิ (Rubrics Score)
ประเด็นการประเมนิ คา่ น้ำหนกั แนวทางการให้คะแนน
คะแนน
การใหค้ ะแนนตอบ ตอบคำถามท้ายกิจกรรมท่ี 6.8 ถกู ต้อง จำนวน 6-8 ข้อ
คำถามท้าย 3 ตอบคำถามท้ายกิจกรรมท่ี 6.8 ถกู ต้อง จำนวน 3-5 ขอ้
กิจกรรมท่ี 6.8 2 ตอบคำถามทา้ ยกิจกรรมที่ 6.8 ถกู ต้อง จำนวน 1-2 ขอ้ หรอื ไมถ่ กู ต้อง
1
การใหค้ ะแนนการบนั ทกึ บนั ทกึ ผลการทำกิจกรรม จากการสงั เกตการทำงานของชิน้ สว่ น
แบบบันทึกการค้นควา้
3 อเิ ล็กทรอนิกส์ตามความเปน็ จริง โดยไมเ่ พ่ิมความคดิ เหน็ ส่วนตัว และ
กิจกรรมท่ี 6.8
สอดคลอ้ งกบั จดุ ประสงค์การเรียนร้ทู ถ่ี กู ต้อง ชดั เจน
การให้คะแนน
การใชง้ านอุปกรณ์ 2 บันทึกผลการทำกจิ กรรม จากการสงั เกตการทำงานของชน้ิ ส่วน
อิเลก็ ทรอนิกส์ตามความเปน็ จรงิ แต่ไม่สอดคล้องกบั จุดประสงค์การเรียนรู้
ในกจิ กรรม
1 บนั ทกึ ผลการทำกจิ กรรม จากการสงั เกตการทำงานของชิ้นสว่ น
อิเลก็ ทรอนิกส์ไม่ถูกต้องและไม่สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรยี นรู้
ใชง้ านอุปกรณก์ ารทดลองในกิจกรรมได้ถกู วิธี หยบิ เคลอ่ื นยา้ ยอปุ กรณ์
3 อย่างระมัดระวงั ไมห่ ยอกล้อหรอื แกลง้ เพอื่ นขณะกำลงั ใช้งานอุปกรณ์
และหลงั การใช้งานอปุ กรณ์มีการเกบ็ รกั ษาอย่างถูกวธิ ี
ใช้งานอปุ กรณก์ ารทดลองในกิจกรรมได้ถกู วิธี หยิบ เคลอ่ื นย้ายอปุ กรณ์
2 อยา่ งระมัดระวงั ไมห่ ยอกล้อหรือแกลง้ เพ่อื นขณะกำลงั ใชง้ านอุปกรณ์
แต่หลังการใชง้ านอปุ กรณไ์ ม่มกี ารเก็บรกั ษาอยา่ งถกู วิธี หรอื ไมเ่ กบ็ อุปกรณ์
เข้าตู้เกบ็ อุปกรณ์ตามประเภทของอปุ กรณ์
ใชง้ านอุปกรณ์การทดลองในกจิ กรรมได้ แตข่ ณะหยิบ เคล่อื นยา้ ยอุปกรณห์ รือ
1 กำลงั ใชง้ านอปุ กรณ์ จะหยอกลอ้ หรือแกล้งเพอ่ื น อาจทำใหอ้ ปุ กรณเ์ สียหายได้
และหลงั การใชง้ านอปุ กรณไ์ มม่ ีการเก็บรักษาอย่างถูกวิธี
9.2 ระดับคุณภาพ
คะแนนรวมเฉล่ีย 3.00 หมายถงึ ดีมาก
คะแนนรวมเฉลี่ย 2.00 - 2.99 หมายถึง ดี
คะแนนรวมเฉล่ีย 0.01 - 1.99 หมายถึง พอใช้
ดังนั้น นักเรยี นต้องไดค้ ะแนนเฉล่ยี ทกุ ประเดน็ การประเมนิ ไมต่ ำ่ กวา่ 2.00 แสดงระดับ
คุณภาพ ดี ถอื ว่าผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ในแผนการจัดการเรยี นท่ี 21
สอื่ การเรียนรูแ้ ผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ 21: ใบกจิ กรรมท่ี 6.8
ใบกจิ กรรมท่ี 6.8 ไดโอดมีหน้าที่อะไร
หนังสอื เรยี นรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 เลม่ 2 ตามหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศกึ ษาธิการ หนา้ 127
กิจกรรมท่ี 6.8 ไดโอดมีหนา้ ที่อะไร?
จุดประสงค์ สังเกตและบรรยายหนา้ ท่ขี องไดโอดในวงจรไฟฟา้
วสั ดอุ ุปกรณ์ วสั ดทุ ี่ใชต้ ่อกลุ่ม
1. สายไฟฟ้า 5 เสน้
2. ถ่านไฟฉายขนาด 1.5 V 4 ก้อน
3. กระบะถา่ นแบบ 4 ก้อน 1 อัน
4. สวิตช์แบบโยก 1 อัน
5. หลอดไฟฟา้ ขนาด 6 V พร้อมฐาน 1 ชดุ
6. ตัวต้านทานคงทข่ี นาด 10 Ω 1 อัน
7. ไดโอดเบอร์ 1N4001 1 อัน
8. ไดโอดเปล่งแสงสีแดง 1 อัน
วิธดี าเนนิ กิจกรรม ตอนท่ี 1 ไดโอด
1. ต่อวงจรไฟฟา้ ท่ีประกอบดว้ ยถา่ นไฟฉาย 4 กอ้ น สวิตช์ สายไฟฟา้ หลอดไฟฟา้
และตัวตา้ นทานคงที่ ดังภาพ กดสวิตซล์ ง เพอื่ ใหว้ งจรปิด สงั เกตการเปลีย่ นแปลง
ของหลอดไฟฟา้ บันทกึ ผลแล้วยกสวิตช์ขน้ึ
ภาพการจัดอปุ กรณ์ในกิจกรรม
2. สังเกตรปู รา่ งลกั ษณะของไดโอด บนั ทึกผล
3. ต่อไดโอดแทรกเขา้ ในวงจรไฟฟ้าแบบอนกุ รม กดสวิตซล์ งเพอ่ื ใหว้ งจรปิด สังเกต
การเปลี่ยนแปลงของหลอดไฟฟ้า บนั ทกึ ผลแล้วยกสวติ ช์ขึน้
4. ทาซา้ ในข้อ 3 แต่สลบั ขาของไคโอด สงั เกตการเปลี่ยนแปลงของหลอดไฟฟ้า
บนั ทึกผล
5. วาดภาพวงจรไฟฟา้ ที่มีไดโอดทีท่ าให้หลอดไฟฟา้ สวา่ ง
กิจกรรมที่ 6.8 ไดโอดมีหน้าท่อี ะไร?
ตอนท่ี 2 ไดโอดเปล่งแสง
1. ต่อวงจรไฟฟ้าท่ีประกอบดว้ ยถา่ นไฟฉาย 4 กอ้ น สวิตซ์ สายไฟฟ้า หลอดไฟฟ้า
และตัวต้านทานคงที่ กดสวิตซ์ลง เพอื่ ใหว้ งจรปดิ สังเกตผลการเปลี่ยนแปลงของ
หลอดไฟฟา้ บนั ทึกผล แลว้ ยกสวติ ซ์ขนึ้
2. สังเกตรูปร่างลักษณะและความยาวของขาไดโอดเปลง่ แสง บันทกึ ผล
3. ต่อไดโอดเปลง่ แสงแทรกเขา้ ในวงจรไฟฟ้าแบบอนุกรม กดสวิตซ์ลง เพ่อื ใหว้ งจรปดิ
สังเกตการเปล่ียนแปลงของหลอดไฟฟ้าและไดโอดเปล่งแสง บันทกึ ผลแลว้ ยกสวติ ซข์ ้นึ
4. ทาซา้ ในข้อ 3 แต่สลบั ขาของไดโอดเปล่งแสง สังเกตการณ์เปลี่ยนแปลงของ
หลอดไฟฟา้ และไดโอดเปลง่ แสง บนั ทกึ ผล
5. วาดภาพวงจรไฟฟ้าท่มี ีไดโอดเปล่งแสงท่ีทาให้หลอดไฟฟา้ สวา่ ง
การเตรียมตัว ตอนที่ 1 ไดโอด
ล่วงหนา้ สาหรบั ครู • ครคู วรตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนอิเลก็ ทรอนกิ ส์ให้อยูใ่ นสภาพพร้อมใชง้ าน
• ครูควรทดลองต่อวงจรไฟฟา้ กอ่ นจัดกิจกรรม เพอื่ ตรวจสอบวา่ วงจรไฟฟา้ ทีใ่ ชใ้ น
กิจกรรมต่ออย่างไรและวงจรไฟฟา้ ทางานไดต้ ามต้องการหรือไม่
ข้อควรระวัง ตอนที่ 2 ไดโอดเปล่งแสง
• ครูควรตรวจสอบอุปกรณไ์ ฟฟ้าและช้นิ สว่ นอเิ ลก็ ทรอนิกสใ์ หอ้ ยู่ในสภาพพรอ้ มใชง้ าน
• ครูควรทดลองตอ่ วงจรไฟฟ้าก่อนจัดกิจกรรม เพอื่ ตรวจสอบวา่ วงจรไฟฟ้าทใี่ ช้ใน
กจิ กรรมต่ออยา่ งไรและวงจรไฟฟ้าทางานไดต้ ามต้องการหรอื ไม่
ตอนที่ 1 ไดโอด
• ครคู วรยา้ เตือนนกั เรียนเมอื่ สงั เกตการณ์เปล่ยี นแปลงของหลอดไฟฟ้าแล้ว
ต้องยกสวติ ช์ขึน้ ทุกครัง้ ทันที เพอ่ื ไม่ใหม้ กี ระแสไฟฟ้าในวงจรเป็นเวลานาน
เพราะจะทาใหอ้ ปุ กรณ์ไฟฟา้ และชิน้ ส่วนอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์เกดิ ความร้อนสูง
ซึ่งอาจทาใหเ้ สียหายได้
ตอนท่ี 2 ไดโอดเปล่งแสง
• ครคู วรยา้ เตอื นนกั เรยี นเม่ือสงั เกตความเปล่ยี นแปลงของหลอดไฟฟ้าและไดโอดเปล่งแสงแลว้
ต้องยกสวิตชข์ ึน้ ทกุ ครั้งทนั ทเี พื่อไม่ให้มีกระแสไฟฟา้ ในวงจรเป็นเวลานาน เพราะจะทาให้
อปุ กรณ์ไฟฟ้าและช้ินสว่ นอิเล็กทรอนิกส์เกดิ ความร้อนสูงซึ่งอาจทาให้เสยี หายได้
กิจกรรมที่ 6.8 ไดโอดมีหน้าทอ่ี ะไร?
ขอ้ เสนอแนะใน ตอนท่ี 1 ไดโอด
การทากจิ กรรม • เมื่อต่อไดโอดแทรกเข้าในวงจรไฟฟ้าแบบอนกุ รมและวาดภาพลักษณะการตอ่ ไดโอด
ในวงจรไฟฟา้ ครคู วรแนะนาใหน้ กั เรยี นสังเกตการต่อไดโอดและวเิ คราะหข์ ั้วไฟฟ้า
ของแหล่งกาเนิดไฟฟ้าทีต่ ่อกบั ขาของไดโอด เมอื่ ต่อไดโอดแล้วทาใหห้ ลอดไฟฟ้าสวา่ ง
ตอนที่ 2 ไดโอดเปล่งแสง
• เม่อื ตอ่ ไดโอดเปล่งแสงแทรกเข้าในวงจรไฟฟา้ แบบอนุกรมและวาดภาพลกั ษณะ
การต่อไดโอดเปลง่ แสงในวงจรไฟฟา้ ครคู วรแนะนาให้นักเรียนสงั เกตการตอ่
ไดโอดเปล่งแสงและวเิ คราะห์ขว้ั ไฟฟ้าของแหลง่ กาเนิดไฟฟ้าท่ตี อ่ กับขาของ
ไดโอดเปลง่ แสง เมื่อตอ่ ไดโอดเปล่งแสงแลว้ ทาให้หลอดไฟฟ้าและไดโอดเปลง่ แสงสว่าง
คำถามทา้ ยกจิ กรรม
ตอนท่ี 1 ไดโอด
1. การตอ่ วงจรไฟฟา้ ตามขอ้ 1 กระแสไฟฟ้ามีทิศทางการเคลือ่ นที่อย่างไร
2. การเพิม่ ไดโอดเขา้ ไปในวงจรไฟฟา้ มีกระแสไฟฟ้าในวงจรหรอื ไม่ ทราบได้อยา่ งไร
3. การสลบั ขาไดโอดในวงจรไฟฟา้ มีกระแสไฟฟา้ ในวงจรไฟฟา้ หรือไม่ ทราบไดอ้ ยา่ งไร
4. การตอ่ ไดโอดให้หลอดไฟฟา้ สวา่ งทำไดอ้ ยา่ งไร
5. จากกจิ กรรม สรปุ ไดว้ า่ อยา่ งไร
ตอนท่ี 2 ไดโอดเปลง่ แสง
1. การตอ่ ไดโอดเปล่งแสงให้หลอดไฟฟ้าสวา่ งทำไดอ้ ย่างไร
2. จากกจิ กรรมตอนท่ี 2 สรุปไดว้ ่าอยา่ งไร
3. จากกิจกรรมทั้ง 2 ตอน สรุปได้ว่าอย่างไร
สอ่ื การเรียนร้แู ผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 21: แบบบันทึกการคน้ คว้ากจิ กรรมที่ 6.8
แบบบันทึกการค้นควา้ กิจกรรมที่ 6.8 ไดโอดมหี น้าทีอ่ ะไร
ช่อื -นามสกุล..........................................................................................ชนั้ .................เลขที่...........กลุ่มท.ี่ ...........
ผลการทำกิจกรรม ตอนที่ 1 ไดโอด
ตารางแสดง การเปลย่ี นแปลงของหลอดไฟฟ้าเมอื่ ตอ่ ไดโอดในวงจรไฟฟ้า
การต่อไดโอดในวงจรไฟฟา้ การเปลี่ยนแปลงของหลอดไฟฟ้า
ไม่ตอ่ ไดโอดในวงจรไฟฟา้ …………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………..
ผลการทำกิจกรรม ตอนที่ 2 ไดโอดเปลง่ แสง
ลักษณะของไดโอดเปลง่ แสง ตารางแสดง การเปล่ยี นแปลงของหลอดไฟฟ้าเม่อื ตอ่ ไดโอดในวงจรไฟฟ้า
เรยี กอีกชือ่ วา่ การต่อไดโอดเปล่งแสง การเปลีย่ นแปลง การเปลีย่ นแปลง
........................................................ ในวงจรไฟฟา้ ของหลอดไฟฟ้า ของไดโอดเปลง่ แสง
ไม่ตอ่ ไดโอดเปล่งแสง ……………………….… ……………………….…
ในวงจรไฟฟา้
ไดโอดเปล่งแสงมีขา 2 ขา ……………………….… ……………………….…
ท่มี ีลกั ษณะ.................................. ……………………….… ……………………….…
คำถามท้ายกิจกรรม ตอนที่ 1 ไดโอด
1. การตอ่ วงจรไฟฟา้ ตามข้อ 1 กระแสไฟฟา้ มที ศิ ทางการเคลือ่ นทอ่ี ยา่ งไร
ตอบ ………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. การเพ่มิ ไดโอดเข้าไปในวงจรไฟฟ้า มีกระแสไฟฟ้าในวงจรหรอื ไม่ ทราบได้อย่างไร
ตอบ ………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. การสลบั ขาไดโอดในวงจรไฟฟา้ มีกระแสไฟฟา้ ในวงจรไฟฟา้ หรือไม่ ทราบได้อย่างไร
ตอบ ………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
4. การตอ่ ไดโอดให้หลอดไฟฟ้าสวา่ งทำได้อยา่ งไร
ตอบ ………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
5. จากกิจกรรม สรุปได้วา่ อย่างไร
ตอบ ………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
คำถามทา้ ยกิจกรรม ตอนที่ 2 ไดโอดเปลง่ แสง
1. การตอ่ ไดโอดเปล่งแสงให้หลอดไฟฟา้ สวา่ งทำไดอ้ ย่างไร
ตอบ ………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. จากกจิ กรรมตอนที่ 2 สรปุ ได้ว่าอย่างไร
ตอบ ………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. จากกิจกรรมท้งั 2 ตอน สรปุ ไดว้ ่าอย่างไร
ตอบ ………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………..
แนบทา้ ยแผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 21: การให้คะแนนดา้ นกระบวนการ (P)
แนวทางบนั ทึกการค้นควา้ กจิ กรรมที่ 6.8 ไดโอดมีหนา้ ทีอ่ ะไร
ผลการทำกิจกรรม ตอนที่ 1 ไดโอด
ตารางแสดง การเปลย่ี นแปลงของหลอดไฟฟ้าเมอ่ื ตอ่ ไดโอดในวงจรไฟฟา้
การต่อไดโอดในวงจรไฟฟ้า การเปลี่ยนแปลงของหลอดไฟฟ้า
ไม่ตอ่ ไดโอดในวงจรไฟฟา้ …………………………………สว่าง…………………………….
…………………………………สวา่ ง…………………………….
…………………………………ไม่สว่าง…………………………….
ผลการทำกิจกรรม ตอนที่ 2 ไดโอดเปล่งแสง
ลกั ษณะของไดโอดเปล่งแสง ตารางแสดง การเปล่ียนแปลงของหลอดไฟฟ้าเมอื่ ต่อไดโอดในวงจรไฟฟา้
เรยี กอีกชอื่ วา่ การตอ่ ไดโอดเปลง่ แสง การเปล่ยี นแปลง การเปลีย่ นแปลง
ในวงจรไฟฟ้า ของหลอดไฟฟ้า ของไดโอดเปลง่ แสง
LED (Light emitting diode)
ไม่ต่อไดโอดเปลง่ แสง …………สว่ า่ ง…….… ………………-……….…
ในวงจรไฟฟ้า
ไดโอดเปล่งแสงมขี า 2 ขา …………ส่วา่ ง…….… …………ส่ว่าง…….…
ทีม่ ีลกั ษณะปลายขา2ข้างไมเ่ ทา่ กนั ……..ไม่สว่ า่ ง…….… ……..ไม่ส่วา่ ง…….…
แนบทา้ ยแผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี 21: การให้คะแนนดา้ นความรู้ (K)
เฉลยใบกจิ กรรมที่ 6.8 ไดโอดมหี นา้ ทอี่ ะไร
เฉลยคำถามทา้ ยกิจกรรม
ตอนท่ี 1 ไดโอด
1. การต่อวงจรไฟฟา้ ตามข้อ 1 กระแสไฟฟ้ามที ิศทางการเคลื่อนท่ีอย่างไร
แนวคำตอบ กระแสไฟฟา้ มที ิศทางการเคลอื่ นที่จากขั้วบวกของถ่านไฟฉายผ่านหลอดไฟฟา้ แล้วกลับ
เขา้ สู่ขัว้ ลบของถ่านไฟฉาย
2. การเพม่ิ ไดโอดเข้าไปในวงจรไฟฟา้ มีกระแสไฟฟา้ ในวงจรหรือไม่ ทราบไดอ้ ย่างไร
แนวคำตอบ การต่อไดโอดแทรกเขา้ ในวงจรไฟฟา้ อาจเกิด 2 กรณคี อื กรณี 1 มกี ระแสไฟฟ้าในวงจร
เน่ืองจากหลอดไฟฟา้ สวา่ ง โดยกระแสไฟฟา้ เคลอื่ นทจี่ ากขัว้ บวกของถ่านไฟฉายผา่ นหลอดไฟฟ้า ไดโอด และ
ตัวตา้ นทานแลว้ กลับเข้าส่ขู ัว้ ลบของถ่านไฟฉาย กรณี 2 ไมม่ กี ระแสไฟฟา้ ในวงจรเน่ืองจากหลอดไฟฟา้ ไมส่ ว่าง
3. การสลบั ขาไดโอดในวงจรไฟฟา้ มกี ระแสไฟฟา้ ในวงจรไฟฟ้าหรอื ไม่ ทราบไดอ้ ยา่ งไร
แนวคำตอบ การสลบั ขาไดโอดในวงจรไฟฟา้ มผี ลต่อกระแสไฟฟ้าในวงจรไฟฟา้ อาจเกิด 2 กรณี คอื
กรณี 1 วงจรไฟฟ้าที่มกี ระแสไฟฟ้าและหลอดไฟฟา้ สวา่ งเปล่ียนเปน็ ไม่มีกระแสไฟฟ้าในวงจรและหลอดไฟฟ้า
ไม่สวา่ ง กรณี 2 วงจรไฟฟา้ ทไ่ี ม่มีกระแสไฟฟา้ และหลอดไฟฟ้าไม่สวา่ งเปลี่ยนเป็นมีกระแสไฟฟา้ ในวงจรและ
หลอดไฟฟ้าสวา่ ง
4. การต่อไดโอดให้หลอดไฟฟ้าสวา่ งทำไดอ้ ยา่ งไร
แนวคำตอบ การต่อไดโอดต่อแทรกเขา้ ในวงจรไฟฟา้ ทำไดโ้ ดยต่อขาทมี่ ีแถบคาดสีเขา้ กบั ด้านท่ีต่อกับ
ขั้วลบของถา่ นไฟฉาย และตอ่ ขาท่ีเหลอื ของไดโอดเข้ากบั ดา้ นท่ีต่อกับขัว้ บวกของถ่านไฟฉาย
5. จากกิจกรรมตอนท่ี 1 สรุปได้วา่ อยา่ งไร
แนวคำตอบ การตอ่ ไดโอดแบบอนุกรมในวงจรไฟฟ้า ไดโอดจะยอมให้กระแสไฟฟา้ ผ่านได้หรอื
มกี ระแสไฟฟา้ ในวงจร เมอื่ ตอ่ ขาท่ีมีแถบคาดสีเข้ากับด้านทต่ี ่อกับขัว้ ลบของถ่านไฟฉายและต่อขาทเ่ี หลอื
ของไดโอดเข้ากบั ดา้ นท่ตี ่อกับขว้ั บวกของถา่ นไฟฉาย ถา้ ตอ่ สลับขาของไดโอดจะไมม่ ีกระแสไฟฟ้าในวงจร
แนบทา้ ยแผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 21: การให้คะแนนด้านความรู้ (K)
เฉลยใบกิจกรรมท่ี 6.8 ไดโอดมหี น้าท่ีอะไร
เฉลยคำถามท้ายกิจกรรม
ตอนที่ 2 ไดโอดเปลง่ แสง
1. การตอ่ ไดโอดเปลง่ แสงใหห้ ลอดไฟฟ้าสวา่ งทำไดอ้ ย่างไร
แนวคำตอบ การตอ่ ไดโอดเปลง่ แสงตอ่ แทรกเข้าในวงจรไฟฟ้า แล้วทำใหห้ ลอดไฟฟา้ สว่างทำได้
โดยตอ่ ขาส้ัน ซ่ึงมขี อบบากของไดโอดเปลง่ แสงเข้ากบั ดา้ นที่ตอ่ กบั ขว้ั ลบของถ่านไฟฉายและตอ่ ขายาวของ
ไดโอดเปล่งแสงเขา้ กับดา้ นทตี่ อ่ กบั ขวั้ บวกของถ่านไฟฉาย
2. จากกิจกรรมตอนที่ 2 สรปุ ได้วา่ อยา่ งไร
แนวคำตอบ การต่อไดโอดเปลง่ แสงแบบอนุกรมในวงจรไฟฟ้า ไดโอดเปล่งแสงจะยอมใหก้ ระแสไฟฟ้า
ผา่ นได้หรือมีกระแสไฟฟ้าในวงจร เมื่อต่อขาสน้ั ของไดโอดเปล่งแสงซ่ึงมีขอบบากเข้ากบั ด้านทีต่ ่อกบั ขว้ั ลบของ
ถ่านไฟฉาย และต่อขายาวของไดโอดเปลง่ แสงเขา้ กับด้านท่ีต่อกับขว้ั บวกของถา่ นไฟฉาย
3. จากกจิ กรรมทั้ง 2 ตอน สรุปไดว้ ่าอยา่ งไร
แนวคำตอบ ไดโอดเป็นชนิ้ ส่วนอเิ ลก็ ทรอนิกสท์ ีย่ อมใหก้ ระแสไฟฟ้าผ่านได้ทางเดยี ว ซึง่ การต่อไดโอด
เขา้ ในวงจรไฟฟา้ ต้องต่อขว้ั หรือขาของไดโอดใหถ้ กู ตอ้ งกับขัว้ ของแหลง่ กำเนดิ ไฟฟา้ ถา้ สลับขาของไดโอดแล้ว
วงจรไฟฟ้าจะไม่ทำงาน
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 22
เร่อื ง ตัวเกบ็ ประจุ รหัสวิชา ว23102 เวลา 1 ชว่ั โมง
รวม 22 ชั่วโมง
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 6 ชือ่ หน่วยการเรยี นรู้ ไฟฟ้า ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 ภาคเรยี นที่ 2
มาตรฐาน ว 2.3
กลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
สาระที่ 2 ชอ่ื สาระ วิทยาศาสตรก์ ายภาพ
1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชีว้ ัด
ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่าง
สสารและพลังงาน พลงั งานในชวี ิตประจำวนั ธรรมชาติของคลนื่ ปรากฏการณท์ เ่ี กีย่ วขอ้ งกับเสียง แสง และคลื่น
แมเ่ หล็กไฟฟ้า รวมทัง้ นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์
ตัวชว้ี ัด
ว 2.3 ม.3/6 บรรยายการทำงานของชนิ้ ส่วนอเิ ลก็ ทรอนิกส์อยา่ งง่ายในวงจรจากข้อมูลทรี่ วบรวมได้
2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด
1) ชิ้นส่วนอเิ ล็กทรอนิกส์มีหลายชนิด เชน่ ตวั ตา้ นทาน ไดโอด ทรานซสิ เตอร์ ตัวเกบ็ ประจุ โดยช้ินส่วน
แต่ละชนิด ทำหนา้ ท่แี ตกตา่ งกนั เพื่อใหว้ งจรทำงานได้ตามต้องการ
2) ตัวต้านทานทำหน้าที่ควบคุมปริมาณกระแสไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้า ไดโอดทำหน้าที่ให้กระแสไฟฟ้า
ผา่ นทางเดยี ว ทรานซิสเตอร์ทำหน้าที่เปน็ สวิตชป์ ิดหรือเปิดวงจรไฟฟ้าและควบคมุ ปรมิ าณกระแสไฟฟ้า ตัวเก็บ
ประจุทำหน้าทเ่ี ก็บและคายประจุไฟฟ้า
3. จุดประสงค์การเรียนรู้ นักเรียนบรรยายหนา้ ทข่ี องตัวเกบ็ ประจุในวงจรไฟฟ้าได้
1) ดา้ นความรู้ (K) นักเรยี นใช้ทักษะการสังเกต โดยการสงั เกตการทำงานของตวั เกบ็ ประจุ
2) ด้านทักษะ (P) นักเรยี นตระหนักถงึ ความสำคญั ของการใช้อุปกรณก์ ารทำกิจกรรมได้
3) ด้านเจตคติ (A)
4. คุณลกั ษณะผ้เู รยี น ซ่อื สัตยส์ ุจริต มุง่ ม่นั ในการทำงาน
4.1 คณุ ลักษณะท่ีพงึ ประสงค์ ใฝเ่ รยี นรู้ มีจิตสาธารณะ
รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ อยู่อย่างพอเพียง
มีวนิ ัย รักความเปน็ ไทย
5. ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน
ความสามารถในการสอื่ สาร: นักเรียนสามารถสอื่ สาร โดยการนำเสนอข้อมลู จากการสงั เกต การ
ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมการสืบคน้ ขอ้ มูล และการอภปิ ราย มาอธิบายเกยี่ วกับหนา้ ที่ของชนิ้ ส่วนอิเล็กทรอนิกสแ์ ต่ละชนดิ
6. สาระการเรียนรู้
เมื่อต่อตัวเก็บประจุที่ยังไม่ได้ต่อกับถ่านไฟฉายเข้ากับไดโอดเปล่งแสงพบว่า ไดโอดเปล่งแสงไม่สว่าง
นั่นคือไมม่ ปี ระจุไฟฟ้าเก็บอยู่ในตัวเก็บประจุจึงไม่มีกระแสไฟฟ้าเคล่ือนท่ีผ่านไดโอดเปล่งแสง แต่เมื่อต่อตัวเกบ็
ประจทุ ต่ี ่อกบั ถ่านไฟฉายแลว้ เข้ากับไดโอดเปล่งแสงพบว่า ไดโอดเปล่งแสงจะสว่างช่วั ขณะหนึ่งแล้วดับลง น่ันคือ
เมื่อต่อตัวเก็บประจุกับถ่านไฟฉายจะมีประจุไฟฟ้าเก็บอยู่ในตัวเก็บประจุ และเมื่อต่อตัวเก็บประจุกับ
ไดโอดเปลง่ แสง ตัวเกบ็ ประจุจะคายประจุไฟฟ้าออกมา ทำใหม้ กี ระแสไฟฟ้าจากตัวเก็บประจุเคลื่อนท่ีผ่านไปยัง
ไดโอดเปลง่ แสง ดังน้ัน ตัวเกบ็ ประจุ (capacitor) ทำหน้าทเี่ ก็บและคายประจุไฟฟ้า สญั ลกั ษณข์ องตวั เก็บประจุ
ในวงจรไฟฟ้าคือ หรือ หรอื ความสามารถในการเก็บประจุไฟฟา้ ของตวั เก็บประจุ
เรียกว่า ความจุไฟฟ้า (capacitance) มีหน่วยเป็นฟารัด (F) โดยตัวเก็บประจุบางชนิดมีดความจุคงที่และบาง
ชนดิ สามารถปรับคา่ ความจไุ ด้
โดยท่ัวไปตัวเก็บประจมุ ที ้ังชนดิ มีขวั้ และชนิดไม่มขี ้ัว ดังนัน้ การตอ่ ตวั เก็บประจใุ นวงจรไฟฟ้าจึงต้องต่อให้
ถูกข้ัว ซง่ึ เราสามารถสังเกตข้วั ของตัวเก็บประจุได้ เมื่อต่อตวั เก็บประจุเขา้ กบั แหล่งกำเนิดไฟฟ้า ตัวเก็บประจุจะ
รบั ประจุไฟฟา้ เข้ามาเก็บในตวั เรยี กว่า การประจุ (charging) และเมอื่ นำลวดตัวนำหรอื ตัวต้านทานมาต่อคร่อม
ขั้วของตัวเก็บประจุที่มีประจุไฟฟ้าอยู่ ตัวเก็บประจุจะคายประจุไฟฟ้าออกมา เรียกว่า การคายประจุ
(dischagng) โดยตัวเก็บประจุสามารถนำมาใช้ในการเกบ็ ประจุไฟฟ้าในอุปกณต์ ่าง ๆ เช่น ไฟให้แสงสว่างในห้อง
โดยสารรถยนด์ ซง่ึ ใชต้ ัวเกบ็ ประจุทอ่ี ยู่ในวงจรหน่วงเวลาทำให้ไฟในหอ้ งโดยสารสว่างอยู่เม่ือปิดประตูรถ และใช้
ในแฟลชของกลอ้ ง
ตัวเก็ประจเุ ปน็ ช้นิ สว่ นอเิ ลก็ ทรอนิกส์ท่ีทำหน้าทเ่ี กบ็ และคายประจุไฟฟา้ ใชส้ ญั ลักษณ์ในวงจรไฟฟ้า คอื
หรอื หรือ
7. กจิ กรรมการเรียนรู้
ใช้รปู แบบการจดั การเรยี นการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Cycles: 5Es) (1 ช่วั โมง; 60นาที)
ขัน้ ท่ี 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engagement) (10 นาที)
1) ครูเชื่อมโยงไปสูก่ จิ กรรมท่ี 6.9 ตวั เก็บประจุมีหน้าที่อะไร โดยใช้คำถามว่า ช้ินสว่ น
อเิ ล็กทรอนิกส์ที่สำคัญอีกชนิ้ สว่ นหนงึ่ คือตัวเกบ็ ประจุ นกั เรียนคิดว่าตัวเกบ็ ประจมุ ีหน้าทแ่ี ละทำงานอยา่ งไรใน
วงจรไฟฟ้า (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง)
ขัน้ ที่ 2 ข้ันสำรวจและคน้ หา (Exploration) (20 นาที)
2) นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม จุดประสงค์ และวิธีดำเนินกิจกรรม ตามหนังสือเรียนรายวิชา
พื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เล่ม 2 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ หน้า 131 และครูตรวจสอบความ
เขา้ ใจการอา่ น โดยใช้คำถามดงั ต่อไปนี้
- กจิ กรรมนีเ้ ก่ยี วกบั เรอ่ื งอะไร (หน้าทขี่ องตวั เกบ็ ประจใุ นวงจรไฟฟ้า)
- กิจกรรมนี้มีจุดประสงคอ์ ะไร (สังเกตและบรรยายหนา้ ท่ขี องตัวเกบ็ ประจุในวงจรไฟฟ้า)
- วิธีดำเนินกิจกรรมมีขั้นตอนโดยสรุปอย่างไร (สังเกตรูปร่างลักษณะของตัวเก็บประจุ
ตรวจสอบประจไุ ฟฟา้ ในตัวเกบ็ ประจุโดยวัดคา่ ความตา่ งศกั ย์ไฟฟา้ และต่อเขา้ กับไดโอดเปล่งแสงต่อตวั เก็บประจุ
กบั ถ่านไฟฉายนาน 5 วินาที ตรวจสอบประจไุ ฟฟ้าในตวั เก็บประจโุ ดยวดั ค่าความต่างศกั ย์ไฟฟ้าต่อตัวเก็บประจุ
เข้ากับถ่านไฟฉายอีกครั้ง แล้วต่อตัวเก็บประจุเข้ากับไดโอดเปล่งแสง ตรวจสอบประจุไฟฟ้า ในตัวเก็บประจุ
โดยวดั คา่ ความต่างศกั ย์ไฟฟา้ )
- นกั เรียนตอ้ งสงั เกตหรือรวบรวมข้อมูลอะไรบ้าง (นักเรยี นต้องสังเกตและบันทึกขอ้ มลู เกี่ยวกับ
รูปร่างลักษณะของตัวเกบ็ ประจุ ค่าความต่างศักย์ไฟฟา้ ของตัวเก็บประจุ การเปลี่ยนแปลงของไดโอดเปล่งแสง
ก่อนต่อและหลังต่อเข้ากบั ถ่านไฟฉาย วงจรไฟฟ้าที่แสดงการต่อตัวเก็บประจุกับถ่านไฟฉายและการต่อตวั เกบ็
ประจกุ ับไดโอดเปล่งแสงทัง้ ทท่ี ำให้ไดโอดเปล่งแสงสว่างและไม่สว่าง)
3) ขณะที่นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ทำกจิ กรรม โดยครสู ังเกตการต่อวงจรไฟฟ้าของนกั เรยี นแต่ละกลมุ่
และให้คำแนะนำ หากนักเรียนมีข้อสงสัยครูควรรวบรวมปัญหา และข้อสงสัยที่พบจากการทำกิจกรรม
ของนกั เรยี น เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการอภปิ รายหลงั จากการทำกจิ กรรม
ข้นั ท่ี 3 ขัน้ อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) (10 นาที)
4) ให้นักเรียนนำเสนอผลการทำกิจกรรม ตอบคำถามท้ายกิจกรรม และร่วมกันอภิปราย
สรุปผลของกิจกรรมโดยใช้คำถามท้ายกิจกรรมเป็นแนวทาง เพื่อให้ได้ข้อสรุปจากกิจกรรมว่า ตัวเก็บประจุ
สามารถเก็บประจุไฟฟ้า เมื่อต่อเข้ากับถ่านไฟฉายและคายประจุไฟฟ้าเมื่อต่อเข้ากับไดโอดเปล่งแสง ทำให้
ไดโอดเปล่งแสงสวา่ งได้
ข้ันที่ 4 ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) (10 นาที)
5) ให้นักเรยี นเรยี นรเู้ พม่ิ เตมิ เกย่ี วกับหน้าท่ีของตัวเก็บประจุในวงจรไฟฟ้าโดยอา่ นหนังสือเรียน
หนา้ 132-133 และตอบคำถามระหวา่ งเรียน จากนนั้ ร่วมกันอภปิ รายเกยี่ วกับคำตอบของนักเรียน
- จากกจิ กรรมท่ี 6.9 จะเขียนแผนภาพการตอ่ ตัวเก็บประจุในวงจรไฟฟา้ ขณะท่ีมกี ารประจุและ
มีการคายประจุได้อย่างไร (แนวคำตอบ เราสามารถเขียนแผนภาพการต่อตัวเก็บประจุกับถ่านไฟฉายใน
วงจรไฟฟ้าขณะท่ีมกี ารประจุได้ ดงั ภาพ
และแผนภาพการต่อตัวเก็บประจุกับไดโอดเปล่งแสงในวงจรไฟฟ้าขณะทม่ี ีการคายประจไุ ด้ ดังภาพ)
ขน้ั ที่ 5 ขน้ั ประเมิน (Evaluation) (10 นาที)
6) ครูและนกั เรยี นอภิปรายผลการทำกิจกรรมท่ี 6.9 หนา้ ทีข่ องตัวเก็บประจุในวงจรไฟฟ้าเป็น
อย่างไร จะไดข้ อ้ สรุปวา่
- ตัวเกบ็ ประจุทำหน้าทเ่ี ก็บและคายประจุไฟฟา้ ซงึ่ ความสามารถในการเก็บประจไุ ฟฟ้าของตัว
เกบ็ ประจเุ รยี กวา่ ความจุไฟฟ้า มหี น่วยเป็นฟารัด (F) ตวั เก็บประจุในกิจกรรมเปน็ ชนดิ มีขว้ั ใช้สญั ลกั ษณใ์ นวงจร
คือ หรือ หรือ เมื่อต่อตัวเก็บประจุเข้ากับแหล่งกำเนิดไฟฟ้า ตัวเก็บประจุจะรับ
ประจุไฟฟ้ามาเก็บในตัว เรียกว่า การประจุ (charging) และเมื่อต่อลวดตัวนำหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าและชิ้นส่วน
อิเล็กทรอนกิ ส์เข้ากับตัวเกบ็ ประจทุ ่ีไดร้ บั การประจุแลว้ ตวั เกบ็ ประจจุ ะคายประจุไฟฟ้าออกมาเรียกว่า การคาย
ประจุ (discharging)
7) ครูตรวจสอบการส่งแบบบันทึกการค้นคว้าของนักเรียนและให้คะแนนประเมินตามเกณฑ์
การประเมนิ (Rubrics Score)
8. สื่อการเรยี นรู้/แหลง่ เรยี นรู้
8.1 อุปกรณท์ ำกิจกรรม: จานวน 6 รายการ ดงั แสดงแนบไว้ในใบกิจกรรมท่ี 6.9
8.2 ใบกิจกรรม: ใบกิจกรรมท่ี 6.9 ตวั เก็บประจุมหี น้าทอี่ ะไร
8.3 แบบบันทกึ กิจกรรม: แบบบนั ทึกการค้นควา้ กจิ กรรมท่ี 6.9 ตวั เกบ็ ประจุมหี นา้ ท่ีอะไร
8.4 แหลง่ เรยี นร:ู้ หนงั สอื เรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 3
เล่ม 2 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551
(ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ
9. การวัดและการประเมนิ
ตวั ชวี้ ัด/ผลการเรยี นรู้ วิธีการวดั เครอ่ื งมอื วัด เกณฑ์ทีใ่ ชใ้ นการประเมิน
1. บรรยายหน้าท่ขี องตัว - ได้ไม่นอ้ ยกวา่ 2 คะแนน
- ตรวจการตอบคำถาม - คำถามท้ายกิจกรรมท่ี 6.9
เกบ็ ประจุในวงจรไฟฟา้ ได้ ระดับคณุ ภาพดี ถอื วา่
(ด้านความรู้: K) ทา้ ยกจิ กรรมท่ี 6.9 ตัวเกบ็ ประจุมหี น้าที่อะไร ผา่ นการประเมนิ
ดา้ นความรู้
2. การใช้ทักษะสังเกต โดย จำนวน 6 ข้อ - ได้ไม่นอ้ ยกวา่ 2 คะแนน
การสังเกตการณ์ทำงาน ระดับคณุ ภาพดี ถอื วา่
ของช้ินสว่ นอิเลก็ ทรอนกิ ส์ - ตรวจการทำแบบ - แบบบันทกึ การคน้ คว้า ผ่านการประเมิน
(ตวั เกบ็ ประจุ) บนั ทึกการค้นควา้ กจิ กรรมท่ี 6.9 ด้านกระบวนการ
(ด้านกระบวนการ: P) กิจกรรมที่ 6.9 ตวั เก็บประจมุ หี น้าท่ีอะไร
- ไดไ้ มน่ ้อยกว่า 2 คะแนน
3. ตระหนักถึงความสำคญั - สังเกตการใชง้ าน - เกณฑก์ ารประเมนิ การใช้ ระดับคุณภาพดี ถือวา่
ของการใช้อุปกรณ์ อุปกรณใ์ นกิจกรรม งานอปุ กรณใ์ นกจิ กรรม ผา่ นการประเมนิ
การทำกิจกรรมได้ ของนกั เรยี น ของนักเรียน
(ด้านเจตคติ: A) ด้านเจตคติ
9.1 เกณฑ์การประเมนิ ผลนักเรยี น เกณฑก์ ารประเมิน (Rubrics Score)
ประเด็นการประเมิน คา่ นำ้ หนกั แนวทางการให้คะแนน
การใหค้ ะแนนตอบ คะแนน
ตอบคำถามทา้ ยกิจกรรมที่ 6.9 ถูกต้อง จำนวน 5-6 ข้อ
คำถามทา้ ย 3 ตอบคำถามทา้ ยกิจกรรมที่ 6.9 ถูกต้อง จำนวน 3-4 ขอ้
กจิ กรรมที่ 6.9 2 ตอบคำถามท้ายกิจกรรมท่ี 6.9 ถกู ตอ้ ง จำนวน 1-2 ข้อ หรอื ไม่ถูกตอ้ ง
การใหค้ ะแนนการบันทึก 1 บันทึกผลการทำกจิ กรรม จากการสังเกตการทำงานของชน้ิ ส่วน
แบบบันทึกการค้นควา้ 3 อเิ ล็กทรอนิกสต์ ามความเป็นจริง โดยไม่เพิม่ ความคดิ เหน็ สว่ นตัว และ
กิจกรรมที่ 6.9 สอดคล้องกับจุดประสงคก์ ารเรยี นร้ทู ถ่ี กู ต้อง ชัดเจน
2 บนั ทึกผลการทำกจิ กรรม จากการสังเกตการทำงานของช้นิ ส่วน
การให้คะแนน 1 อิเล็กทรอนิกสต์ ามความเปน็ จริง แต่ไม่สอดคลอ้ งกบั จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
การใช้งานอุปกรณ์ บันทึกผลการทำกิจกรรม จากการสงั เกตการทำงานของช้ินส่วน
3 อิเล็กทรอนิกส์ไมถ่ ูกต้องและไม่สอดคลอ้ งกับจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
ในกิจกรรม ใช้งานอปุ กรณก์ ารทดลองในกิจกรรมไดถ้ กู วิธี หยบิ เคลอื่ นย้ายอปุ กรณ์
2 อยา่ งระมดั ระวงั ไม่หยอกลอ้ หรอื แกลง้ เพอื่ นขณะกำลังใช้งานอุปกรณ์
และหลังการใช้งานอปุ กรณ์มีการเกบ็ รักษาอย่างถูกวิธี
1 ใช้งานอุปกรณก์ ารทดลองในกิจกรรมได้ถกู วธิ ี หยิบ เคลื่อนย้ายอุปกรณ์
อย่างระมดั ระวัง ไมห่ ยอกล้อหรือแกลง้ เพือ่ นขณะกำลงั ใช้งานอุปกรณ์
แตห่ ลังการใช้งานอปุ กรณไ์ ม่มีการเก็บรักษาอยา่ งถูกวิธี หรอื ไมเ่ ก็บอปุ กรณ์
เขา้ ตเู้ ก็บอุปกรณ์ตามประเภทของอุปกรณ์
ใช้งานอุปกรณก์ ารทดลองในกจิ กรรมได้ แต่ขณะหยิบ เคล่อื นยา้ ยอปุ กรณ์
หรือกำลงั ใชง้ านอุปกรณ์ จะหยอกลอ้ หรือแกล้งเพื่อน อาจทำให้อุปกรณ์
เสยี หายได้ และหลังการใชง้ านอปุ กรณไ์ ม่มกี ารเกบ็ รกั ษาอยา่ งถูกวิธี
9.2 ระดบั คณุ ภาพ
คะแนนรวมเฉลยี่ 3.00 หมายถึง ดมี าก
คะแนนรวมเฉลีย่ 2.00 - 2.99 หมายถงึ ดี
คะแนนรวมเฉลย่ี 0.01 - 1.99 หมายถึง พอใช้
ดงั นนั้ นกั เรียนต้องได้คะแนนเฉลีย่ ทุกประเดน็ การประเมนิ ไม่ต่ำกวา่ 2.00 แสดงระดับ
คุณภาพ ดี ถือว่าผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ในแผนการจัดการเรยี นท่ี 22
สอ่ื การเรยี นรู้แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 22: ใบกจิ กรรมที่ 6.9
ใบกจิ กรรมท่ี 6.9 ตวั เกบ็ ประจมุ หี นา้ ทีอ่ ยา่ งไร
หนังสือเรยี นรายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3 เลม่ 2 ตามหลกั สตู รแกนกลาง
การศึกษาขน้ั พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศกึ ษาธิการ หน้า 131
กิจกรรมที่ 6.9 ตัวเก็บประจมุ ีหนา้ ท่อี ยา่ งไร?
จุดประสงค์
วัสดอุ ปุ กรณ์ วดั ค่ากระแสไฟฟา้ ดว้ ยแอมมิเตอร์พร้อมระบหุ น่วย
วธิ ีดำเนนิ กิจกรรม วสั ดุที่ใชต้ ่อกลุ่ม
1. โวลตม์ ิเตอร์ 1 เครือ่ ง
2. สายไฟฟา้ 2 เสน้
3. ถ่านไฟฉายขนาด 1.5 V 2 กอ้ น
4. กระบะถา่ นแบบ 2 ก้อน 1 อัน
5. ไดโอดเปลง่ แสงสีเขียว 1 อนั
6. ตวั เกบ็ ประจขุ นาด 470 μF 1 อัน
1. สังเกตรูปร่างลักษณะของตัวเก็บประจุ
บันทกึ ผล
2. วัดค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าคร่อมขาของ
ตัวเก็บประจุ โดยต่อขั้วลบของโวลต์มิเตอร์
กับขาที่มีแถบสีและต่อขั้วบวกของโวลต์
มิเตอร์กบั ขาอกี ขาหนึ่งของตวั เกบ็ ประจุ ภาพการจดั อุปกรณ์ในกิจกรรม
ดังภาพ สังเกตการเปลี่ยนแปลงของโวลต์
มเิ ตอร์ บนั ทึกผล
3. ต่อตัวเก็บประจุกับไดโอดเปล่งแสง
โดยต่อขาด้านที่มแี ถบสีเข้ากับขาแคโทดของ
ไดโอดเปล่งแสงและขาของตัวเก็บประจทุ ี่ ภาพการจดั อุปกรณใ์ นกจิ กรรม
เหลือเขา้ กบั ขาแอโนด ดงั ภาพ สงั เกตการเปล่ยี นแปลงของไดโอดเปล่งแสงบนั ทึกผล
4. ตอ่ ตัวเกบ็ ประจุเข้ากบั ถา่ นไฟฉาย 2 กอ้ น โดยต่อขาด้านทมี่ ีแถบสีเขา้ กบั ข้ัวลบของ
ถ่านไฟฉาย และขาอีกด้านต่อกับขว้ั บวกของถ่านไฟฉาย เพ่ือใหว้ งจรปิดเป็นเวลานาน
5 วนิ าที
5. ทาซ้าในข้อ 2 อา่ นค่าความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟา้ บันทึกผล
6. ทาซ้าในข้อ 4 จากนนั้ ทาซ้าในข้อ 3 สงั เกตการเปลี่ยนแปลงของไดโอดเปลง่ แสง บนั ทึกผล
7. วดั ค่าความต่างศกั ยไ์ ฟฟ้าคร่อมขาของตวั เก็บประจุอีครง้ั สงั เกตการเปลี่ยนแปลง
ของโวลตม์ ิเตอร์ บันทกึ ผล
กิจกรรมที่ 6.9 ตัวเกบ็ ประจมุ ีหนา้ ท่ีอยา่ งไร?
กำรเตรียมตัว • ครูควรตรวจสอบอปุ กรณ์ไฟฟ้าและชน้ิ สว่ นอเิ ลก็ ทรอนิกส์ใหอ้ ยู่ในสภาพพร้อมใชง้ าน
ลว่ งหนำ้ สำหรบั ครู • ครูควรเตรยี มตวั เก็บประจโุ ดยใหต้ วั เก็บประจุคายประจไุ ฟฟา้ ออกให้หมดกอ่ น
นำมาใชท้ ำกจิ กรรม เชน่ การนำขาของตวั เกบ็ ประจมุ าแตะกัน
• ครคู วรทดลองตอ่ วงจรไฟฟา้ ก่อนจดั กจิ กรรม เพอื่ ตรวจสอบว่าวงจรไฟฟา้ ทใี่ ชใ้ น
กจิ กรรมตอ่ อย่างไรและวงจรไฟฟา้ ทำงานไดต้ ามต้องการหรือไม่
ข้อควรระวัง ไมค่ วรใชไ้ ดโอดเปล่งแสงสีแดง เพราะทนความตา่ งศักย์ไฟฟ้าไดน้ อ้ ย
ข้อเสนอแนะใน • ไดโอดเปล่งแสงทีส่ ามารถใช้ได้ควรมคี วามตา่ งศักย์ไฟฟ้าระหว่าง 2.2-3 โวลต์
กำรทำกิจกรรม • การวดั คา่ ความต่างศกั ย์ไฟฟ้าคร่อมขาของตัวเก็บประจุให้ไดค้ า่ ทถ่ี กู ต้องและแมน่ ยำ
ครคู วรแนะนำใหน้ กั เรยี นเลือกขั้วบวกที่รองรับความต่างศกั ยไ์ ฟฟ้าสูงสดุ ที่มีค่าใกล้เคยี ง
กบั ค่าความตา่ งศกั ย์ไฟฟ้าของแหล่งกำเนดิ ไฟฟ้า
คำถามท้ายกจิ กรรม
1. เมื่อนำตวั เก็บประจุทย่ี ังไมไ่ ด้ต่อกับถ่านไฟฉายมาวดั ค่าความตา่ งศกั ย์ไฟฟา้ คา่ ที่อ่านไดเ้ ปน็ อย่างไร
เพราะเหตใุ ด
2. เมือ่ นำตัวเกบ็ ประจทุ ี่ต่อกับถ่านไฟฉายแล้วมาวัดค่าความตา่ งศักย์ไฟฟ้า คา่ ท่อี า่ นไดเ้ ป็นอย่างไร
เพราะเหตใุ ด
3. เมอ่ื นำตวั เกบ็ ประจุทต่ี ่อกับถ่านไฟฉายแลว้ มาตอ่ กบั ไดโอดเปลง่ แสง ไดโอดเปล่งแสงเกดิ การเปล่ยี นแปลง
อยา่ งไร เพราะเหตุใด
4. การตอ่ ตัวเกบ็ ประจุให้ไดโอดเปลง่ แสงสวา่ งทำได้อย่างไร
5. เมอ่ื นำตวั เก็บประจทุ ตี่ อ่ กบั ไดโอดเปลง่ แสงแล้วมาวดั คา่ ความต่างศักย์ไฟฟา้ คา่ ทอี่ ่านได้เปน็ อย่างไร
เพราะเหตใุ ด
6. จากกิจกรรม สรุปได้วา่ อยา่ งไร
ส่อื การเรยี นรแู้ ผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 22: แบบบันทึกการคน้ คว้ากิจกรรมท่ี 6.9
แบบบนั ทกึ กำรคน้ คว้ำกจิ กรรมท่ี 6.9 ตวั เก็บประจมุ หี น้าที่อย่างไร
ชื่อ-นามสกุล..........................................................................................ชน้ั .................เลขท่ี...........กลมุ่ ท.่ี ...........
บันทกึ ผลการทำกิจกรรม .................................... ....................................
ส่วนประกอบของตวั เกบ็ ประจุ
- ตัวเกบ็ ประจุมขี า 2 ขาที่มีความยาวไมเ่ ท่ากัน
ตารางบนั ทึกผลการทำกจิ กรรม ....................................
ตาราง ความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟ้าของตัวเก็บประจุและการเปลี่ยนแปลงของไดโอดเปลง่ แสง ก่อนและหลังต่อถ่านไฟฉาย
การตอ่ ตวั เก็บประจุกบั ถ่านไฟฉาย ค่าความตา่ งศักย์ไฟฟ้า (V) การเปลยี่ นแปลงของไดโอดเปลง่ แสง
ก่อนตอ่
หลังต่อ
หมายเหตุ : การวัดค่าความต่างศักยไ์ ฟฟา้ คร่อมขาของตวั เกบ็ ประจหุ ลงั จากต่อกับไดโอดเปล่งแสงพบวา่ อา่ นคา่ ได้ 0 โวลต์
คำถามท้ายกิจกรรม
1. เมอ่ื นำตวั เกบ็ ประจุทย่ี ังไมไ่ ด้ต่อกบั ถา่ นไฟฉายมาวัดค่าความตา่ งศักยไ์ ฟฟ้า คา่ ท่อี า่ นไดเ้ ปน็ อย่างไร เพราะเหตุใด
ตอบ ………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. เม่อื นำตวั เก็บประจุท่ตี ่อกบั ถ่านไฟฉายแลว้ มาวัดค่าความต่างศกั ยไ์ ฟฟา้ ค่าทอ่ี ่านได้เปน็ อย่างไร เพราะเหตุใด
ตอบ ………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. เมอ่ื นำตัวเก็บประจุทต่ี อ่ กบั ถา่ นไฟฉายแลว้ มาต่อกับไดโอดเปล่งแสง ไดโอดเปล่งแสงเกิดการเปลีย่ นแปลงอยา่ งไร
เพราะเหตใุ ด
ตอบ ………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
4. การต่อตัวเก็บประจใุ หไ้ ดโอดเปล่งแสงสวา่ งทำไดอ้ ย่างไร
ตอบ ………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
5. เมื่อนำตัวเกบ็ ประจุทตี่ อ่ กบั ไดโอดเปล่งแสงแลว้ มาวัดค่าความต่างศักยไ์ ฟฟา้ คา่ ทอี่ ่านได้เปน็ อย่างไร เพราะเหตใุ ด
ตอบ ………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
6. จากกิจกรรม สรปุ ไดว้ ่าอย่างไร
ตอบ ………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
แนบทา้ ยแผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 22: การใหค้ ะแนนด้านกระบวนการ (P)
แนวทางบนั ทกึ การค้นควา้ กิจกรรมที่ 6.9 ตัวเก็บประจุมีหนา้ ท่อี ยา่ งไร
บันทึกผลการทำกจิ กรรม ..........แถบส.ี ........... ............ขาสัน้ .........
ส่วนประกอบของตัวเก็บประจุ
- ตัวเก็บประจุมีขา 2 ขาที่มคี วามยาวไมเ่ ท่ากัน
...........ขายาว........
ตารางบนั ทึกผลการทำกจิ กรรม
ตาราง ความต่างศกั ย์ไฟฟ้าของตวั เกบ็ ประจุและการเปล่ียนแปลงของไดโอดเปล่งแสง ก่อนและหลังตอ่ ถา่ นไฟฉาย
การต่อตวั เก็บประจุกบั ถ่านไฟฉาย ค่าความต่างศักยไ์ ฟฟา้ (V) การเปลีย่ นแปลงของไดโอดเปล่งแสง
กอ่ นต่อ 0 ไม่สวา่ ง
หลังตอ่ 3
สว่างแลว้ ดบั
หมายเหตุ : การวัดคา่ ความตา่ งศักย์ไฟฟา้ ครอ่ มขาของตวั เก็บประจุหลงั จากต่อกบั ไดโอดเปล่งแสงพบว่าอ่านค่าได้ 0 โวลต์
แนบทา้ ยแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 22: การให้คะแนนด้านความรู้ (K)
เฉลยใบกิจกรรมที่ 6.9 ตัวเก็บประจุมีหน้าท่อี ยา่ งไร
เฉลยคำถามท้ายกจิ กรรม
1. เมื่อนำตวั เกบ็ ประจุทยี่ ังไมไ่ ด้ต่อกบั ถา่ นไฟฉายมาวัดคา่ ความต่างศักย์ไฟฟา้ คา่ ที่อ่านได้เปน็ อยา่ งไร
เพราะเหตใุ ด
แนวคำตอบ ความต่างศักยไ์ ฟฟา้ ของตวั เก็บประจทุ ี่ยังไม่ไดต้ อ่ กับถา่ นไฟฉายมคี า่ เป็นศนู ย์ เพราะ
ไม่มีประจุไฟฟา้ อยใู่ นตวั เกบ็ ประจุ
2. เมอ่ื นำตัวเก็บประจุทีต่ อ่ กบั ถ่านไฟฉายแลว้ มาวดั คา่ ความตา่ งศักย์ไฟฟ้า คา่ ที่อา่ นไดเ้ ป็นอยา่ งไร
เพราะเหตุใด
แนวคำตอบ ความต่างศกั ยไ์ ฟฟ้าของตัวเกบ็ ประจุท่ีตอ่ กบั ถ่านไฟฉายมีคา่ เทา่ กบั 3 โวลต์ ซง่ึ มีคา่ เท่ากบั
ความต่างศักยไ์ ฟฟ้าระหว่างขั้วบวกและข้วั ลบของถา่ นไฟฉาย 2 กอ้ น
3. เมือ่ นำตวั เกบ็ ประจทุ ต่ี อ่ กับถ่านไฟฉายแล้วมาตอ่ กับไดโอดเปลง่ แสง ไดโอดเปลง่ แสงเกิดการเปลย่ี นแปลง
อยา่ งไร เพราะเหตใุ ด
แนวคำตอบ เม่อื นำตวั เก็บประจุทต่ี อ่ กับถา่ นไฟฉายแลว้ มาตอ่ กบั ไดโอดเปล่งแสง ไดโอดเปลง่ แสง
จะสวา่ งแลว้ ดับลง เพราะมกี ระแสไฟฟา้ เคล่ือนท่จี ากตวั เก็บประจุไปยงั ไดโอดเปล่งแสง
4. การต่อตวั เก็บประจใุ ห้ไดโอดเปลง่ แสงสวา่ งทำไดอ้ ย่างไร
แนวคำตอบ การต่อตวั เกบ็ ประจเุ ขา้ กับไดโอดเปล่งแสงทำได้โดยตอ่ ขาท่ีมแี ถบสขี องตวั เกบ็ ประจเุ ข้ากับ
ข้วั แคโทดของไดโอดเปล่งแสง และต่อขาที่เหลอื ของตัวเกบ็ ประจเุ ขา้ กับขาแอโนดของไดโอดเปล่งแสง
5. เมอ่ื นำตัวเกบ็ ประจทุ ่ีตอ่ กับไดโอดเปลง่ แสงแล้วมาวัดคา่ ความตา่ งศักย์ไฟฟา้ คา่ ทอ่ี ่านไดเ้ ป็นอยา่ งไร
เพราะเหตุใด
แนวคำตอบ เมื่อนำตวั เกบ็ ประจทุ ่ีตอ่ กับไดโอดเปลง่ แสงแลว้ มาวัดค่าความต่างศักย์ไฟฟา้ คา่ ทไ่ี ด้
จะมคี า่ เปน็ ศูนย์ เพราะตัวเกบ็ ประจุคายประจุไฟฟา้ ใหแ้ กไ่ ดโอดเปล่งแสง ทำใหไ้ มม่ ีประจไุ ฟฟ้าเหลอื อย่ใู น
ตวั เกบ็ ประจุ
6. จากกิจกรรม สรปุ ไดว้ ่าอย่างไร
แนวคำตอบ ตวั เกบ็ ประจุเป็นช้นิ ส่วนอิเลก็ ทรอนิกส์ท่ีเกบ็ ประจไุ ฟฟ้าเม่อื ตอ่ ตัวเกบ็ ประจกุ ับ
แหล่งกำเนดิ ไฟฟ้าและคายประจไุ ฟฟ้าออกเม่ือตอ่ ตัวเก็บประจุกบั ไดโอดเปล่งแสงหรือชิน้ สว่ นอิเล็กทรอนิกส์อนื่
แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 23
เร่อื ง ทรานซิสเตอร์ รหสั วิชา ว23102 เวลา 2 ชั่วโมง
รวม 22 ชั่วโมง
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 6 ชือ่ หน่วยการเรยี นรู้ ไฟฟ้า ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 3 ภาคเรียนที่ 2
มาตรฐาน ว 2.3
กลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
สาระที่ 2 ชอ่ื สาระ วิทยาศาสตรก์ ายภาพ
1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ช้วี ัด
ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่าง
สสารและพลังงาน พลังงานในชวี ติ ประจำวนั ธรรมชาตขิ องคล่นื ปรากฏการณ์ทเ่ี กยี่ วข้องกบั เสยี ง แสง และคลื่น
แมเ่ หล็กไฟฟ้า รวมท้งั นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
ตัวชว้ี ัด
ว 2.3 ม.3/6 บรรยายการทำงานของชิ้นสว่ นอิเล็กทรอนิกส์อยา่ งง่ายในวงจรจากขอ้ มลู ท่ีรวบรวมได้
2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด
1) ชิ้นส่วนอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์มีหลายชนิด เชน่ ตวั ตา้ นทาน ไดโอด ทรานซิสเตอร์ ตวั เก็บประจุ โดยชิ้นส่วน
แต่ละชนิด ทำหน้าท่ีแตกต่างกันเพอ่ื ใหว้ งจรทำงานได้ตามต้องการ
2) ตัวต้านทานทำหน้าที่ควบคุมปริมาณกระแสไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้า ไดโอดทำหน้าที่ให้กระแสไฟฟ้า
ผา่ นทางเดยี ว ทรานซสิ เตอร์ทำหน้าที่เปน็ สวิตชป์ ิดหรอื เปิดวงจรไฟฟ้าและควบคมุ ปริมาณกระแสไฟฟ้า ตัวเก็บ
ประจุทำหน้าทเ่ี กบ็ และคายประจไุ ฟฟ้า
3. จุดประสงค์การเรียนรู้ นกั เรียนบรรยายหน้าทขี่ องทรานซิสเตอร์ในวงจรไฟฟ้าได้
1) ดา้ นความรู้ (K) นักเรยี นใช้ทักษะการสังเกต โดยการสงั เกตการทำงานของทรานซิสเตอร์
2) ด้านทักษะ (P) นกั เรยี นตระหนักถงึ ความสำคัญของการใช้อุปกรณ์การทำกิจกรรมได้
3) ด้านเจตคติ (A)
4. คุณลกั ษณะผ้เู รียน ซอ่ื สัตย์สุจรติ มงุ่ มน่ั ในการทำงาน
4.1 คณุ ลกั ษณะทพี่ งึ ประสงค์ ใฝเ่ รียนรู้ มีจติ สาธารณะ
รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ อยู่อย่างพอเพียง
มีวนิ ัย รักความเป็นไทย
5. ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน
ความสามารถในการส่อื สาร: นักเรยี นสามารถส่ือสาร โดยการนำเสนอข้อมลู จากการสงั เกต การ
ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมการสบื คน้ ข้อมูล และการอภปิ ราย มาอธบิ ายเกี่ยวกบั หน้าที่ของชิน้ สว่ นอเิ ล็กทรอนิกสแ์ ต่ละชนิด
6. สาระการเรยี นรู้
ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์นอกจากตัวต้านทาน ไดโอด และตัวเก็บ
ประจุแล้ว ยังมีทรานซิสเตอร์ซึ่งทำจากสารกึ่งตัวนำประกอบด้วยขา 3 ขา
คือ ขาเบส (bese: B) ขาอิมิตเตอร์ (emitter : E) และขาคอลเล็กเตอร์
(collector : C)
ภาพแสดง การระบุขาของทรานซิสเตอร์
การต่อทรานซิสเตอร์เข้าไปในวงจรไฟฟ้า ถ้าค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าระหว่างขาเบสและขาอิมิตเตอร์
ไม่เหมาะสม ทรานซิสเตอร์จะไมท่ ำงาน ทำใหว้ งจรไฟฟา้ เปดิ จึงไม่มีกระแสไฟฟ้าในวงจรน้ัน ไดโอดเปลง่ แสงจึงไม่
สว่าง แต่ถ้าป้อนกระแสไฟฟ้าให้เคลื่อนที่ผ่านขาเบส เมื่อปรับค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าระหว่างขาเบสและขา
อิมิตเตอรใ์ หเ้ หมาะสม โดยมีคา่ ความต่างศักย์ไฟฟ้าค่าหน่งึ ทรานซสิ เตอรจ์ ะเร่ิมทำงน ทำใหว้ งจรไฟฟ้าเป็นวงจร
ปดิ จงึ มีกระแสไฟฟ้าในวงจรนน้ั ไดโอดเปล่งแสงจงึ สว่างดงั นนั้ ทรานซิสเตอร์ (transistor) ทำหน้าท่ีควบคุมการ
ปิดหรือเปิดวงจรไฟฟ้าเมื่อมีกระแสไฟฟ้าเคลื่อนที่ผ่านขาเบส โดยมีความต่างศักย์ไฟฟ้าระหว่างขาเบสและขา
อมิ ติ เตอร์ท่เี หมาะสม โดยทั่วไปทรานซิสเตอรจ์ ะเริ่มทำงานท่คี วามตา่ งศักยไ์ ฟฟา้ ระหว่างขาเบสและขาอิมิตเตอร์
ประมาณ 0.65 โวลต์ ซึ่งที่ค่าความต่างศกั ย์ไฟฟ้านี้ กระแสไฟฟ้าท่เี คลือ่ นท่ีผา่ นขาเบสจะมปี ริมาณเพียงเล็กน้อย
ในท่นี ีต้ ัวต้านทานแปรค่าได้ จะทำหนา้ ที่ปรบั ค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าระหวา่ งขาเบสและขาอิมติ เตอร์ให้เหมาะสม
และจำกัดปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ผ่านขาเบส เมื่อทรานซิสเตอร์ทำงานจะสามารถควบคุ มการปิดหรือเปิด
วงจรไฟฟ้าท่มี กี ระแสไฟฟา้ ปริมาณมากให้เคลอ่ื นทีผ่ า่ นขาคอลเลก็ เตอรแ์ ละอิมิตเตอรไ์ ด้
ทรานซิสเตอร์แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ ชนิดเอ็นพีเอ็น (NPN) เช่น ทรานซิสเตอร์เบอร์ BC547 และ
ชนิดพีเอ็นพี (PNP) เชน่ ทรานซิสเตอร์เบอร์ BC557 ซึง่ ทรานซสิ เตอรท์ ้ังสองชนิดใช้สัญลักษณ์ในวงจร สัญลกั ษณ์
ของทรานซสิ เตอรจ์ ะแสดงทิศทางของกระแสไฟฟ้า โดยทรานซสิ เตอรช์ นิดเอ็นพเี อน็ กระแสไฟฟ้าจะเคลื่อนที่ออก
จากทรานซสิ เตอร์ทางขาอมิ ติ เตอร์ สว่ นทรานซสิ เตอรช์ นิดพีเอน็ พีกระแสไฟฟ้าจะเคลื่อนที่เข้าทรานซิสเตอร์ทาง
ขาอมิ ิตเตอร์
โดยทว่ั ไปทรานซสิ เตอร์เปน็ ชิน้ สว่ นอิเลก็ รอนกิ ส์พน้ื ฐานที่สามารถไปประยุกต์ใช้ในวงจรไฟฟ้าพ้ืนฐานได้
มากมาย เช่น เครื่องขยายเสียงที่ใช้วงจรขยายเสียง ไฟกะพริบจราจรที่ใช้วงจรไฟกะพริบ ไฟถนนที่วงจรสวิตช์
ทำงานดว้ ยแสง ตลอดจนเคร่ืองวดั ความชืน้ ในดนิ ท่ใี ชว้ งจรตรวจสอบความชืน้
ทรานซสิ เตอร์เปน็ ขึ้นส่วนอิเลก็ ทรอนิกสท์ ี่ทำหนา้ ท่ีเป็นสวติ ชอ์ ัตโนมัตปิ ิดหรือเปิดวงจรไฟฟ้าและควบคุม
ปริมาณกระแสไฟฟ้าแบ่งเปน็ 2 ชนิด คอื
ชนิดเอน็ พีเอ็น ใชส้ ญั ลักษณใ์ นวงจรไฟฟ้าคือ
ชนิดพเี อน็ พี ใชส้ ญั ลักษณใ์ นวงจรไฟฟ้าคอื
การออกแบบวงจรไฟฟ้าใหท้ ำงานไดต้ ามตอ้ งการในบางคร้ังจำเป็นต้องใช้ช้นิ ส่วนอิเลก็ ทรอนิกสห์ ลายช้ิน
พรอ้ มกนั จึงมกี ารประดิษฐ์วงจรรวม (integrated circuit) หรือเรยี กวา่ ไอซี (IC) ซ่ึงภายในจะมีวงจรหรือส่วน
ของวงจรขนาดเล็กที่รวบรวมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ เช่น ทรานซิสเตอร์ ไดโอด ตัวต้านทานลงบนชิพ
(chip) ที่สร้างจากซิลิกอน โดยไอซีหน่ึงๆ อาจมีวงจรที่ประกอบด้วยขึ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เพียงไม่กี่ชิ้นส่วนไป
จนถึงหลายร้อยขึ้นส่วนแต่ใช้พื้นที่น้อย เราจึงนำไอซีมาต่อในวงจรไฟฟ้าของเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ได้ เช่น
วีดโิ อเกมส์ สมารต์ โฟน คอมพิวเตอร์
จากการเรียนรู้ที่ผ่านมาจะพบว่า ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์มีหลายชนิด เช่น ตัวต้านทาน ไดโอด
ตัวเก็บประจุ ทรานซิสเตอร์ โดยชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์แต่ละชนิดทำหน้าที่แตกต่างกัน บางชนิดมีข้ัว บางชนิด
ไม่มีขั้ว ดงั นัน้ การต่อวงจรไฟฟ้า เพ่อื ใชง้ านตอ้ งเลือกใช้ช้ินส่วนอิเล็กทรอนกิ ส์ให้เหมาะสมตามหน้าท่ีของชิ้นส่วน
น้นั ๆ และตอ้ งต่อวงจรให้ถกู ตอ้ งจงึ จะสามารถทำใหว้ งจรไฟฟา้ ทำงานไดต้ ามตอ้ งการ
7. กิจกรรมการเรยี นรู้
ใช้รูปแบบการจดั การเรยี นการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Cycles: 5Es) (1 ช่ัวโมง; 60นาที)
ขั้นท่ี 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engagement) (10 นาที)
1) ครูเชือ่ มโยงไปสู่กจิ กรรมที่ 6.10 ทรานซิสเตอร์มีหนา้ ที่อะไร โดยรว่ มกนั อภปิ รายว่า
นอกจากตัวต้านทาน ไดโอด และตวั เกบ็ ประจุแล้ว ยังมีช้นิ สว่ นอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์อกี ชนิดหนึ่ง เรยี กวา่ ทรานซิสเตอร์
ซง่ึ ประกอบด้วยขา 3 ขา คอื ขาเบสหรอื ขา B ขาอมิ ติ เตอร์หรือขา E และขาคอลเล็กเตอร์หรือขา C นกั เรียนคดิ
วา่ ทรานซสิ เตอรม์ ีหนา้ ท่อี ะไรในวงจรไฟฟ้าและทำงานอยา่ งไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง)
ขนั้ ท่ี 2 ขั้นสำรวจและคน้ หา (Exploration) (20 นาที)
2) นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม จุดประสงค์ และวิธีดำเนินกิจกรรม ตามหนังสือเรียนรายวิชา
พื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เล่ม 2 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธกิ าร หน้า 131 และครูตรวจสอบความ
เข้าใจการอา่ น โดยใช้คำถามดังตอ่ ไปนี้
- กิจกรรมน้เี กีย่ วกบั เร่อื งอะไร (หน้าทข่ี องทรานซสิ เตอร์ในวงจรไฟฟ้า)
- กิจกรรมน้มี ีจดุ ประสงคอ์ ะไร (สงั เกตและบรรยายหนา้ ท่ีของทรานซิสเตอรใ์ นวงจรไฟฟา้ )
- วิธีดำเนินกิจกรรมมีขั้นตอนโดยสรุปอย่างไร (ต่อสวิตช์ ตัวต้านทาน ไดโอดเปล่งแสง และ
ถ่านไฟฉายแบบอนุกรมต่อทรานซิสเตอร์แทรกในวงจรไฟฟ้าให้ขาคอลเล็กเตอร์ต่อกับขาแคโทดของ
ไดโอดเปล่งแสง ขาเบสและอิมิตเตอร์ต่อกับขั้วลบของถ่านไฟฉาย ตรวจสอบการทำงานของทรานซิสเตอร์
เมื่อป้อนกระแสไฟฟ้าผ่านที่ขาเบส ตรวจสอบการทำงานเริ่มต้นของทรานซิสเตอร์เมื่อควบคุมค่าความต่าง
ศักยไ์ ฟฟา้ ระหวา่ งขาเบสและขาอิมติ เตอรด์ ้วยตัวตา้ นทานแปรคา่ ได้ แล้วหมุนป่มุ ปรบั คา่ ของตัวตา้ นทานแปรค่า
ได้เพอ่ื ให้ความต่างศกั ย์ไฟฟ้าระหวา่ งขาเบสและขาอิมติ เตอร์เพ่ิมทลี ะ 0.1 โวลต์)
- นกั เรียนต้องสงั เกตหรือรวบรวมข้อมูลอะไรบ้าง (นกั เรยี นตอ้ งสงั เกตและบนั ทึกขอ้ มูลเกี่ยวกับ
การเปลี่ยนแปลงของไดโอดเปล่งแสงของวงจรไฟฟ้าทั้งที่ไม่ต่อและต่อทรานซิสเตอร์ ค่าความต่างศักย์ไฟฟ้า
ระหว่างขาเบสและขาอิมิตเตอรเ์ มอื่ หมุนปุ่มปรบั ค่าของตวั ตา้ นทานแปรคา่ ได้ทที่ ำให้ทรานซิสเตอร์ทำงาน)
- ข้อควรระวังในการทำกิจกรรมมีอะไรบ้าง (เมื่ออ่านค่ากระแสไฟฟ้าและสังเกตความ
เปลี่ยนแปลงของไดโอดเปลง่ แสงแลว้ ต้องยกสวิตช์ข้ึนทกุ ครั้งทนั ทีเพ่ือไม่ให้มกี ระแสไฟฟ้าในวงจรเป็นเวลานาน
ซึ่งจะทำให้อุปกรณไ์ ฟฟ้าและชิ้นส่วนอเิ ล็กทรอนิกส์เกิดความร้อนสูงหรือเกิดความเสียหาย และระวังไม่ให้ลวด
ตัวนำของสายไฟฟ้าทต่ี อ่ กับขาของตวั ตา้ นทานแปรคา่ ไดแ้ ตะกนั เพราะจะทำใหเ้ กดิ ไฟฟา้ ลัดวงจร)
3) ขณะท่ีนักเรียนแต่ละกลุ่มทำกิจกรรม โดยครูสังเกตการต่อวงจรไฟฟ้า การใช้งานโวลต์
มิเตอร์ และการอ่านคา่ ความตา่ งศักย์ไฟฟ้าของนกั เรยี นของนักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ และให้คำแนะนำ หากนกั เรียนมี
ขอ้ สงสยั ครคู วรรวบรวมปญั หา และข้อสงสัยทีพ่ บจากการทำกจิ กรรมของนกั เรียน เพอื่ ใช้เป็นข้อมูลประกอบการ
อภิปรายหลังจากการทำกิจกรรม
ขั้นที่ 3 ขน้ั อธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation) (10 นาที)
4) ให้นักเรียนนำเสนอผลการทำกิจกรรม ตอบคำถามท้ายกิจกรรม และร่วมกันอภิปราย
สรปุ ผลของกิจกรรมโดยใช้คำถามท้ายกจิ กรรมเป็นแนวทาง เพอ่ื ให้ได้ขอ้ สรปุ จากกจิ กรรมว่า ทรานซิสเตอร์ทำ
หนา้ ที่เสมือนเป็นสวิตชอ์ ัตโนมัติปดิ หรือเปิดวงจรไฟฟา้ และควบคมุ กระแสไฟฟ้าให้เคลื่อนที่จากขาคอลเล็กเตอร์
ไปขาอิมิตเตอรไ์ ด้ หากมีกระแสไฟฟ้าปริมาณน้อยค่าหนง่ึ เคลอื่ นที่ผ่านขาเบสไปขาอิมิตเตอร์ หรอื ทรานซิสเตอร์
จะเริ่มทำงานเมอ่ื มีความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟา้ ระหวา่ งขาเบสและขาอิมิตเตอรป์ ระมาณ 0.65 โวลต์
ขน้ั ท่ี 4 ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) (10 นาที)
5) ใหน้ กั เรยี นเรยี นร้เู พิ่มเตมิ เกี่ยวกบั หน้าที่ของตัวเกบ็ ประจุในวงจรไฟฟา้ โดยอา่ นหนังสือเรียน
หน้า 132-133 และตอบคำถามระหวา่ งเรยี น จากนั้นร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับคำตอบของนักเรียน
- จากกิจกรรมที่ 6.10 จะเขียนแผนภาพการต่อทรานซิสเตอร์ในวงจรไฟฟ้าในขณะที่
ทรานซิสเตอร์ทำงานได้อย่างไร (แนวคำตอบ เราสามารถเขียนแผนภาพการต่อทรานซิสเตอร์ในวงจรไฟฟ้า
ขณะทีท่ รานซิสเตอร์เร่ิมทำงานได้ ดังภาพ
ข้ันที่ 5 ขัน้ ประเมนิ (Evaluation) (10 นาที)
6) ครูและนักเรียนอภิปรายผลการทำกิจกรรมที่ 6.10 หน้าที่ของทรานซิวเตอร์ในวงจรไฟฟ้า
เป็นอยา่ งไร จะไดข้ อ้ สรปุ วา่
- ทรานซิสเตอร์ทำหน้าที่ควบคุมการปิดหรือเปิดวงจรไฟฟ้าเมื่อกระแสไฟฟ้าปริมาณน้อย
เคลอ่ื นท่ีผา่ นขาเบส ขณะเดียวกันก็ทำหน้าท่คี วบคุมกระแสไฟฟ้าทมี่ ีปริมาณมากให้เคลือ่ นที่ผา่ นขาคอลเล็กเตอร์
และขาอิมติ เตอร์
- ทรานซิสเตอร์จะเรม่ิ ทำงาน เม่ือความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟ้าระหว่างขาเบสและขาอมิ ิตเตอร์หรือสาย
รว่ มหรือกราวด์ประมาณ 0.65 โวลต์
- ทรานซสิ เตอรแ์ บง่ เปน็ 2 ชนดิ คอื ชนดิ เอน็ พเี อ็นและชนิดพเี อ็นพี ใช้สญั ลักษณ์ในวงจรไฟฟ้า
ดังภาพ
- สัญลักษณ์ของทรานซิสเตอร์ที่ขาอิมิตเตอร์จะมีลูกศรแสดงทิศทางการเคลื่อนที่ของ
กระแสไฟฟ้า โดยทรานซิสเตอร์ชนิดเอ็นพีเอ็น กระแสไฟฟ้าจะเคลื่อนที่ออกจากขาคอลเล็กเตอร์เข้าไปยังขา
อิมิตเตอร์ หรืออาจกล่าวได้ว่ากระแสไฟฟ้าจะเคลื่อนที่ออกทางขาอิมิตเตอร์ ส่วนทรานซิสเตอร์ชนิดพีเอ็นพี
กระแสไฟฟ้าจะเคลอ่ื นท่อี อกจากอิมติ เตอร์เข้าไปยังขาคอลเล็กเตอร์ หรืออาจกลา่ วไดว้ ่ากระแสไฟฟ้าจะเคล่ือนท่ี
เขา้ ทางขาอิมิตเตอร์
7) ครูตรวจสอบการส่งแบบบันทึกการค้นคว้าของนักเรียนและให้คะแนนประเมินตามเกณฑ์
การประเมิน (Rubrics Score)
8. ส่ือการเรียนรู้/แหล่งเรยี นรู้
8.1 อปุ กรณท์ ำกจิ กรรม: จานวน 10 รายการ ดังแสดงแนบไวใ้ นใบกิจกรรมที่ 6.10
8.2 ใบกจิ กรรม: ใบกจิ กรรมที่ 6.10 ทรานซสิ เตอร์มีหน้าท่ีอะไร
8.3 แบบบนั ทกึ กจิ กรรม: แบบบนั ทึกการค้นควา้ กิจกรรมที่ 6.10 ทรานซิสเตอร์มหี น้าทอี่ ะไร
8.4 แหล่งเรียนร:ู้ หนงั สอื เรียนรายวชิ าพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 3
เลม่ 2 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551
(ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศกึ ษาธิการ
9. การวดั และการประเมิน
ตวั ช้ีวัด/ผลการเรยี นรู้ วธิ กี ารวัด เครอื่ งมือวัด เกณฑท์ ใี่ ช้ในการประเมนิ
1. บรรยายหน้าท่ขี อง - ตรวจการตอบคำถาม - คำถามท้ายกิจกรรมท่ี 6.10 - ได้ไมน่ อ้ ยกวา่ 2 คะแนน
ทรานซิสเตอร์ในวงจรไฟฟ้า ทา้ ยกจิ กรรมท่ี 6.10 ทรานซสิ เตอร์มีหน้าท่ี ระดับคณุ ภาพดี ถอื ว่า
(ด้านความรู้: K) อะไรจำนวน 4 ข้อ ผา่ นการประเมิน
ดา้ นความรู้
2. การใชท้ กั ษะสังเกต โดย - ตรวจการทำแบบ - แบบบันทกึ การคน้ ควา้ - ไดไ้ มน่ อ้ ยกว่า 2 คะแนน
การสังเกตการณ์ทำงานของ บันทกึ การค้นควา้ กจิ กรรมที่ 6.10 ระดับคุณภาพดี ถอื ว่า
ชนิ้ สว่ นอิเลก็ ทรอนิกส์ กิจกรรมท่ี 6.10 ทรานซิสเตอร์มหี นา้ ทอี่ ะไร ผา่ นการประเมนิ
(ทรานซสิ เตอร์) ด้านกระบวนการ
(ด้านกระบวนการ: P)
3. ตระหนักถงึ ความสำคัญ - สงั เกตการใช้งาน - เกณฑ์การประเมินการใช้ - ไดไ้ มน่ อ้ ยกว่า 2 คะแนน
ของการใช้อุปกรณ์ อปุ กรณ์ในกจิ กรรม งานอปุ กรณใ์ นกจิ กรรม ระดบั คุณภาพดี ถอื ว่า
การทำกจิ กรรมได้ ของนกั เรียน ของนักเรยี น ผ่านการประเมิน
(ด้านเจตคติ: A) ด้านเจตคติ
9.1 เกณฑ์การประเมนิ ผลนกั เรียน เกณฑก์ ารประเมิน (Rubrics Score)
ประเด็นการประเมนิ ค่านำ้ หนัก แนวทางการใหค้ ะแนน
คะแนน
การใหค้ ะแนนตอบ ตอบคำถามทา้ ยกิจกรรมท่ี 6.10 ถกู ตอ้ ง จำนวน 4 ข้อ
คำถามทา้ ย 3 ตอบคำถามท้ายกิจกรรมท่ี 6.10 ถูกต้อง จำนวน 3 ข้อ
2 ตอบคำถามท้ายกิจกรรมที่ 6.10 ถูกตอ้ ง จำนวน 1-2 ขอ้ หรือไม่ถกู ต้อง
กจิ กรรมท่ี 6.10 1
การใหค้ ะแนนการบนั ทึก บนั ทึกผลการทำกจิ กรรม จากการสังเกตการทำงานของช้ินสว่ น
แบบบนั ทึกการคน้ ควา้ 3 อเิ ล็กทรอนิกสต์ ามความเป็นจรงิ โดยไมเ่ พ่มิ ความคิดเห็นส่วนตวั และ
กิจกรรมที่ 6.10 สอดคลอ้ งกบั จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ทีถ่ กู ต้อง ชัดเจน
2 บันทกึ ผลการทำกิจกรรม จากการสงั เกตการทำงานของช้ินสว่ น
อิเลก็ ทรอนิกสต์ ามความเปน็ จรงิ แตไ่ มส่ อดคล้องกับจุดประสงค์การเรยี นรู้
1 บนั ทกึ ผลการทำกิจกรรม จากการสงั เกตการทำงานของช้นิ สว่ น
อิเลก็ ทรอนกิ ส์ไมถ่ ูกตอ้ งและไม่สอดคล้องกับจุดประสงคก์ ารเรียนรู้
การให้คะแนน ใช้งานอุปกรณ์การทดลองในกิจกรรมได้ถกู วธิ ี หยบิ เคลือ่ นย้ายอุปกรณ์
การใช้งานอปุ กรณ์
3 อยา่ งระมัดระวงั ไมห่ ยอกลอ้ หรือแกล้งเพอ่ื นขณะกำลังใชง้ านอปุ กรณ์
ในกิจกรรม
และหลงั การใชง้ านอปุ กรณม์ กี ารเกบ็ รกั ษาอยา่ งถูกวธิ ี
ใช้งานอปุ กรณ์การทดลองในกิจกรรมไดถ้ กู วธิ ี หยบิ เคลื่อนย้ายอปุ กรณ์
2 อยา่ งระมดั ระวัง ไมห่ ยอกล้อหรือแกล้งเพอ่ื นขณะกำลังใช้งานอปุ กรณ์
แตห่ ลังการใช้งานอุปกรณ์ไม่มกี ารเก็บรกั ษาอย่างถูกวธิ ี หรอื ไมเ่ ก็บอุปกรณ์
เข้าต้เู ก็บอุปกรณ์ตามประเภทของอปุ กรณ์
ใช้งานอปุ กรณก์ ารทดลองในกจิ กรรมได้ แตข่ ณะหยิบ เคล่อื นยา้ ยอุปกรณ์หรอื
1 กำลงั ใช้งานอุปกรณ์ จะหยอกลอ้ หรือแกลง้ เพ่ือน อาจทำให้อุปกรณ์เสยี หายได้
และหลังการใชง้ านอุปกรณ์ไม่มกี ารเกบ็ รกั ษาอย่างถกู วิธี
9.2 ระดับคุณภาพ
คะแนนรวมเฉลีย่ 3.00 หมายถึง ดีมาก
คะแนนรวมเฉลี่ย 2.00 - 2.99 หมายถึง ดี
คะแนนรวมเฉลย่ี 0.01 - 1.99 หมายถึง พอใช้
ดงั น้ัน นักเรยี นตอ้ งไดค้ ะแนนเฉลยี่ ทกุ ประเดน็ การประเมิน ไม่ต่ำกว่า 2.00 แสดงระดับ
คณุ ภาพ ดี ถอื ว่าผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ในแผนการจดั การเรยี นที่ 23
ส่ือการเรยี นรแู้ ผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 23: ใบกจิ กรรมที่ 6.10
ใบกิจกรรมท่ี 6.10 ทรานซสิ เตอรม์ ีหนา้ ท่อี ะไร
หนังสือเรียนรายวชิ าพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 3 เล่ม 2 ตามหลักสตู รแกนกลาง
การศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศกึ ษาธิการ หนา้ 134
กจิ กรรมที่ 6.10 ทรานซิสเตอรม์ หี น้าท่ีอะไร?
จุดประสงค์
วัสดอุ ุปกรณ์ วัสดุที่ใช้ตอ่ กลมุ่
วิธีดาเนินกจิ กรรม 1. โวลตม์ เิ ตอร์ 1 เครอ่ื ง
2. สายไฟฟ้า 13 เสน้
3. ถา่ นไฟฉายขนาด 1.5 V 4 ก้อน
4. กระบะถา่ นแบบ 4 กอ้ น 1 อัน
5. สวติ ชแ์ บบโยก 1 อัน
6. ทรานซสิ เตอรช์ นดิ NPN เบอร์ BC547 1 อัน
7. ตัวตา้ นทานคงที่ขนาด 330 Ω 1 อัน
8. ตัวต้านทานคงที่ขนาด 20 kΩ 1 อนั
9. ตวั ตา้ นทานแปรค่าไดข้ นาด 10 kΩ 1 อัน
10. ไดโอดเปลง่ แสงสีเขยี ว 1 อัน
1. ตอ่ วงจรไฟฟ้าทป่ี ระกอบดว้ ยถา่ นไฟฉาย 4 ก้อน สวิตซ์ สายไฟฟ้า ตัวต้านทานคงที่
ขนาด 330 โอห์ม และไดโอดเปลง่ แสง ดงั ภาพ กดสวิตซล์ งเพ่อื ใหว้ งจรปดิ สังเกตการ
เปลย่ี นแปลงของไคโอดเปลง่ แสงบันทกึ ผลแลว้ ยกสวติ ซ์ข้นึ
2. นาทรานซิสเตอร์ตอ่ แทรกเข้าในวงจรไฟฟ้า โดยใหข้ าคอลเลก็ เตอรเ์ ข้ากบั ขา
แคโทดของไคโอดเปลง่ แสง จากน้ันต่อขาเบสและขาอมิ ิตเตอร์เข้ากับข้ัวลบของ
ถ่านไฟฉายทจี่ ดุ ก ให้เป็นสายรว่ ม ดังภาพ กดสวิตซล์ งเพอื่ ใหว้ งจรปิด สังเกตการ
เปลีย่ นแปลงของไคโอดเปลง่ แสง บันทึกผล แล้วยกสวิตซ์ขนึ้
ภาพการจัดอุปกรณ์ในกจิ กรรม (1) ภาพการจัดอปุ กรณใ์ นกิจกรรม (2)
กจิ กรรมที่ 6.10 ทรานซิสเตอร์มหี น้าที่อะไร?
3. นาตัวต้านทานคงที่ ขนาด 20 กิโลโอห์ม ภาพการจดั อุปกรณ์ในกิจกรรม
ต่อขนานเขา้ กับวงจรโดยปลายด้านหนึ่ง
ต่อเขา้ กับจดุ ข และปลายอีกด้านหน่ึงต่อเข้า
กับขาเบสของทรานซิสเตอร์ เพื่อป้อน
กระแสไฟฟ้าที่ขาเบส ดังภาพ กดสวิตซ์ลง
เพื่อให้วงจรปิด สังเกตการเปลี่ยนแปลงของ
ไดโอดเปล่งแสง บันทึกผล แล้วยกสวติ ซข์ ึน้
4. ต่อตัวต้านทานแปรค่าได้ 10 กิโลโอห์ม ภาพการจดั อปุ กรณใ์ นกิจกรรม
แทรกในวงจรโดยต่ออนุกรมกับตัวต้านทาน
คงท่ี 20 กิโลโอหม์ ดังภาพ กดสวิตซ์ลงเพ่อื ให้
ว ง จ ร ป ิ ด ห ม ุ น ป ุ ่ ม ป ร ั บ ค่ า ก ล ั บ ไ ป ก ล ั บ ม า
สังเกตการเปลี่ยนแปลงของไดโอดเปล่งแสง
บันทึกผล แลว้ ยกสวิตซข์ ้นึ
5. ต่อโวลตม์ ิเตอร์ครอ่ มระหวา่ งขาเบสและขาอิมิตเตอร์ของทรานซสิ เตอร์ กดสวิตซ์
ลงเพื่อให้วงจรปดิ จากน้นั หมนุ ปุม่ ปรบั คา่ ของตัวตา้ นทานแปรค่าได้ให้เขม็ ของโวลต์
มิเตอร์ข้ีเริม่ ตน้ ที่ 0 แลว้ หมุนปรับค่าความต้านทานไฟฟา้ ทีละน้อย จนไดโอดเปล่งแสง
เรม่ิ เปลง่ แสง อา่ นคา่ ความต่างศกั ยไ์ ฟฟ้า บันทกึ ผล แล้วยกสวิตซ์ขน้ึ
ภาพการจัดอุปกรณ์ในกิจกรรม
การเตรยี มตัว • ครคู วรเตรียมทรานซสิ เตอร์ให้มีจานวนมากกว่าทก่ี าหนดในกิจกรรม เพราะขาของ
ล่วงหน้าสาหรบั ครู ทรานซสิ เตอร์หักงา่ ย
• ครคู วรตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟา้ และชนิ้ ส่วนอิเลก็ ทรอนิกสใ์ หอ้ ยใู่ นสภาพพร้อมใชง้ าน
• ครคู วรทดลองต่อวงจรไฟฟา้ ก่อนจดั กจิ กรรม เพอ่ื ตรวจสอบว่าวงจรไฟฟ้าทใ่ี ชใ้ น
กจิ กรรมต่ออย่างไรและวงจรไฟฟ้าทางานได้ตามต้องการหรอื ไม่
กิจกรรมท่ี 6.10 ทรานซิสเตอร์มีหนา้ ท่อี ะไร?
ข้อควรระวัง การต่อวงจรไฟฟ้าข้อ 1-3 มีจุดประสงค์เพื่อตรวจสอบว่าทรานซสิ เตอร์จะทำงาน
เมื่อมีกระแสไฟฟ้าปริมาณเล็กน้อยเคลื่อนที่ผ่านขาเบส และการต่อวงจรไฟฟ้าข้อ 4
มีจุดประสงค์เพือ่ ตรวจสอบวา่ ทรานซิสเตอร์จะทำงานเมอื่ ความตา่ งศักยไ์ ฟฟ้าระหว่าง
ขาเบสและขาอมิ ิตเตอร์เป็นเท่าใด
• ครคู วรย้าเตอื นนักเรยี นเมอ่ื สังเกตความเปล่ียนแปลงของไดโอดเปลง่ แสงแล้วต้อง
ยกสวติ ช์ขึน้ ทกุ ครั้งทันทเี พ่ือไม่ให้มีกระแสไฟฟ้าในวงจรเปน็ เวลานาน เพราะจะทาให้
อุปกรณไ์ ฟฟา้ และชิ้นสว่ นอเิ ลก็ ทรอนิกส์เกิดความร้อนสูงซง่ึ อาจทาให้เสยี หายได้
• เนอื่ งจากขาของทรานซสิ เตอร์อยชู่ ิดกัน ครูควรย้าเตือนใหน้ ักเรียนระวังไมใ่ ห้ลวด
ตวั นาของสายไฟฟ้าทตี่ อ่ กบั ขาของทรานซิสเตอรแ์ ตะกนั เพราะจะทาให้เกดิ ไฟฟ้า
ลัดวงจร
• ครคู วรยา้ เตือนนักเรียนไม่ควรดัดขาของทรานซสิ เตอร์ไปมาเนอ่ื งจากขาของ
ทรานซสิ เตอรห์ ักงา่ ย
ข้อเสนอแนะใน • กอ่ นต่อทรานซสิ เตอรแ์ ทรกในวงจรไฟฟ้า ครคู วรแนะนาใหน้ ักเรียนสงั เกตและ
การทากิจกรรม วิเคราะหข์ าของทรานซสิ เตอร์เพื่อใหก้ ารตอ่ วงจรไฟฟ้าถูกตอ้ ง
• ครสู ามารถใชท้ รานซิสเตอร์เบอร์ BC546 BC548 BC549 หรือ BC550 แทน
ทรานซิสเตอร์ เบอร์ BC547 ได้
คำถามท้ายกิจกรรม
1. วงจรไฟฟ้าท่ไี มม่ ที รานซิสเตอรแ์ ละวงจรไฟฟ้าทม่ี ที รานซสิ เตอรใ์ นวิธีการดำเนินกิจกรรมขอ้ 2 มผี ลให้
ไดโอดเปลง่ แสงมีการเปลี่ยนแปลงแตกตา่ งกันหรือไม่ อยา่ งไร
2. เมอ่ื ตอ่ ตวั ต้านทานคงที่ 20 กิโลโอหม์ เขา้ ในวงจรไฟฟา้ และต่อเข้าที่ขาเบสของทรานซสิ เตอร์ มีผลต่อ
ไดโอดเปลง่ แสงหรือไม่ อยา่ งไร ทำไมจึงเป็นเชน่ นั้น
3. การปรบั ตัวต้านทานแปรคา่ ไดม้ ผี ลต่อค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าครอ่ มขาเบสและขาอิมิตเตอร์ และมผี ลตอ่
การเปลง่ แสงของไดโอดเปลง่ แสงอย่างไร
4. จากกิจกรรม สรุปได้วา่ อยา่ งไร
ส่อื การเรียนรแู้ ผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 23: แบบบันทึกการคน้ ควา้ กจิ กรรมที่ 6.10
แบบบันทึกการค้นควา้ กจิ กรรมที่ 6.10 ทรานซิสเตอร์มีหนา้ ท่อี ะไร
ชื่อ-นามสกลุ ..........................................................................................ชน้ั .................เลขที่...........กลมุ่ ท.่ี ...........
ตารางบนั ทึกผลการทำกจิ กรรม
ตารางแสดง การเปล่ยี นแปลงของไดโอดเปล่งแสงในวงจรไฟฟา้
การต่อวงจรไฟฟ้า การเปลยี่ นแปลงของไดโอดเปล่งแสง
…………………………………………………………………….
…………………………………………………………………….
…………………………………………………………………….
ตารางแสดง การเปลยี่ นแปลงของไดโอดเปลง่ แสงในวงจรไฟฟ้าเมื่อความตา่ งศักย์ไฟฟ้าครอ่ มระหว่างขาเบสและ
ขาอมิ ิตเตอรข์ องทรานซสิ เตอร์เพม่ิ ข้นึ
ความต่างศกั ยร์ ะหว่าง การเปล่ียนแปลงของ หมายเหตุ
ขาเบสเทยี บกับสายรว่ ม (V) ไดโอดเปลง่ แสง
0
0.1
0.2
0.3