ขั้นท่ี 1 กระต้นุ ความสนใจ (Engagement) (10 นาที)
1) ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียน เกี่ยวกับเรื่อง ปฏิกิริยาการเกิดสนิมเหล็ก โดยใช้ส่ือ
วดี ิทศั นเ์ รอ่ื ง สนิมเหล็กเกดิ จากอะไร (สืบค้นได้จาก https://www.youtube.com/watch?v=ef8icxK5d5U)
ซ่งึ อธิบายเก่ยี วขอ้ งกบั ปฏิกิรยิ าเคมีการเกดิ สนมิ เหลก็
2) ครูเชื่อมโยงเข้าสู่กิจกรรมที่ 5.6 ปฏิกิริยาการเกิดสนิมเหล็กเป็นอย่างไร โดยใช้คำถามว่า
นอกจากปฏกิ ริ ิยาของกรดกับโลหะและเบสกบั โลหะแล้ว ปฏกิ ิรยิ าเคมอี กี ชนิดหนงึ่ ที่เราพบเห็นในชีวิตประจำวัน
คือ ปฏิกริ ยิ าการเกิดสนมิ เหลก็ ทราบหรือไม่ว่าสนมิ เหลก็ เกดิ ขน้ึ ได้อย่างไร (นกั เรียนตอบตามความเขา้ ใจ)
ขัน้ ที่ 2 ขนั้ สำรวจและค้นหา (Exploration) (20 นาที)
3) นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม จุดประสงค์ และวิธีดำเนินกิจกรรม ตามหนังสือเรียนรายวิชา
พื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เล่ม 2 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ หน้า 24 และครูตรวจสอบความ
เขา้ ใจการอา่ น โดยใช้คำถามดงั ตอ่ ไปนี้
- กจิ กรรมนีเ้ กย่ี วกบั เรอ่ื งอะไร (การเกดิ สนมิ เหลก็ )
- กิจกรรมนมี้ ีจุดประสงค์อะไร (สังเกตและอธิบายปฏิกิรยิ าการเกิดสนมิ เหลก็ )
- วิธีดำเนินกจิ กรรมมขี น้ั ตอนโดยสรปุ อย่างไร (ขัดตะปูเหล็กดว้ ยกระดาษทราย ใส่ตะปูเหล็กลง
ในหลอดทดลอง หลอดที่ 1 และ 2 หลอดละ 1 ตัว เตมิ นำ้ ในหลอดท่ี 1 ใสส่ ำลใี ห้อยู่เหนือตะปแู ล้วเติมแคลเซียม
คลอไรด์เพื่อดูดความชื้นลงบนสำลี ในหลอดที่ 2 แล้วปิดด้วยจุกยาง เติมน้ำลงในหลอดที่ 3 แล้วต้มให้เดือด
ใส่ตะปูเหลก็ เติมนำ้ มนั พืชและปดิ ดว้ ยจุกยาง ต้งั หลอดทดลองท้ัง 3 ไว้ สงั เกตบนั ทกึ ผลทกุ วนั เป็นเวลา2-3 วัน)
- ขอ้ ควรระวงั ในการทำกจิ กรรมมีอะไรบา้ ง (ใชค้ วามระมัดระวงั ขณะหยิบอุปกรณ์ขณะยงั รอ้ น)
- นักเรียนต้องสงั เกตหรอื รวบรวมข้อมลู อะไรบา้ ง (สังเกตและบันทึกข้อมลู การเปลี่ยนแปลงของ
ตะปูในหลอดทดลองทั้ง 3 หลอด ทุกวนั เป็นเวลา 2-3 วนั )
4) ขณะที่นักเรียนแต่ละกลุ่มทำกิจกรรม ครูเดินสังเกตการทำกจิ กรรมของนักเรียนแต่ละกลุม่
และให้คำแนะนำ ถ้านักเรียนมีข้อสงสัยในประเดน็ ต่าง ๆ ที่อาจเป็นปัญหา เช่น การต้มน้ำในหลอดทดลองที่ 3
ไม่ควรใส่น้ำปริมาณมากเกินไป เนื่องจากอาจเกดิ การกระเซ็นของน้ำเมื่อต้มให้เดือด หลังน้ำเดือด ใส่ตะปูลงใน
หลอดทดลอง แล้วเติมน้ำมันพืช โดยให้ชั้นของน้ำมันมีความหนาประมาณ 0.5-1 เซนติเมตร จากนั้นให้ปิด
จุกยางทันที ซึ่งครูควรรวบรวมปัญหา และข้อสงสัยที่พบจากการทำกิจกรรมของนักเรียนเพื่อใช้เป็นข้อมูล
ประกอบการอภปิ รายหลังจากการทำกจิ กรรม
ขนั้ ท่ี 3 ขน้ั อธบิ ายและลงข้อสรปุ (Explanation) (10 นาที)
5) นักเรยี นบันทกึ การทำกิจกรรมลงในแบบบนั ทึกการคน้ คว้ากิจกรรมที่ 5.6 ปฏิกิริยาการเกิด
สนิมเหล็กเป็นอย่างไร โดยสรุปผลของกจิ กรรมและตอบคำถามท้ายกจิ กรรม เพื่อให้ได้ข้อสรปุ จากกิจกรรมวา่
เมื่อตะปูเหล็กทำปฏกิ ริ ิยากับนำ้ และแกส๊ ออกซิเจนจะเกิดสนิมเหล็ก ซ่ึงมีลักษณะเปน็ ของแขง็ สนี ้ำตาลแดง
ขนั้ ที่ 4 ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) (10 นาที)
6) นักเรียนเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับปฏกิ ิริยาการเกิดสนิมเหล็ก โดยอ่านเนือ้ หาในหนงั สือเรียน
หน้า 25 และตอบคำถามระหวา่ งเรยี น โดยใช้ประเดน็ คำถามดงั น้ี
- ถา้ นำตะปเู หลก็ วางไวเ้ ป็นระยะเวลานาน นกั เรียนคดิ วา่ จะเกิดสนิมหรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด (แนว
คำตอบ เกดิ สนิม เพราะตะปเู หลก็ จะทำปฏิกริ ยิ ากบั แกส๊ ออกซเิ จนและความช้นื ในอากาศ)
- ถา้ นำตะปูเหลก็ วางไวใ้ นบรเิ วณที่ไม่มแี กส๊ ออกซิเจน ตะปูเหล็กจะเกิดสนิมหรือไม่ เพราะเหตุใด
(แนวคำตอบ ไม่เกิดสนมิ เพราะขาดแก๊สออกซเิ จนซงึ่ เป็นปจั จัยท่ีทำใหเ้ กิดสนมิ )
- ถ้าเหลก็ ในโครงสร้างอาคารมีสนิมเกดิ ข้ึน จะส่งผลเสยี ต่ออาคารอย่างไร
(แนวคำตอบ ถ้าเหล็กในโครงสร้างอาคารมีสนิมเกิดขึ้น จะทำให้เหล็กผุกร่อน และทำให้ความแข็งแรงของ
โครงสร้างอาคารลดลง)
ข้นั ท่ี 5 ข้ันประเมิน (Evaluation) (10 นาที)
7) ครูและนักเรียนอภิปรายผลการทำกิจกรรม ปฏิกิริยาการเกิดสนิมเหล็ก จะได้ข้อสรุปว่า
เมื่อเหล็ก น้ำ และแก๊สออกซิเจนทำปฏิกิริยากัน จะได้ผลิตภัณฑ์เป็นสนิมเหล็ก ซึ่งเป็นของแข็ง สีน้ำตาลแดง
ปฏิกิริยาเคมีนีเ้ รยี กว่า การเกิดสนิมเหล็ก (rusting) ผลของการเปลี่ยนแปลงน้ีทำให้เหล็กผุกร่อน ปฏิกิริยาการ
เกดิ สนมิ เหลก็ เขยี นแทนไดด้ ้วยสมการขอ้ ความ ดังนี้
เหลก็ + แก๊สออกซิเจน + นำ้ → สนมิ เหลก็
8) ครูนำอภิปรายโดยใช้เกรด็ ความรู้ประกอบการอภิปรายเกี่ยวกับหลักการปอ้ งกันสนิมเหลก็
โดยทั่วไป ซงึ่ ทำได้โดยปอ้ งกนั ไมใ่ ห้เหลก็ สัมผัสกับน้ำและแก๊สออกซเิ จน เชน่ ทาสีบนผวิ ของวสั ดุ เคลือบผิววัสดุ
ดว้ ยน้ำมนั
9) ครูตรวจสอบการส่งแบบบันทึกการค้นคว้าของนักเรียนและให้คะแนนประเมินตามเกณฑ์
การประเมิน (Rubrics Score)
8. สื่อการเรียนรู้/แหล่งเรียนรู้
8.1 อุปกรณท์ ำกจิ กรรม: จำนวน 12 รำยกำร ดังแสดงแนบไวใ้ นใบกิจกรรมท่ี 5.6 ปฏิกริ ยิ ำกำรเกิด
สนิมเหล็กเป็นอยำ่ งไร
8.2 คลปิ วดี ิทศั น์: สนิมเหลก็ เกิดจากอะไร
8.3 ใบกจิ กรรม: ใบกจิ กรรมท่ี 5.6 ปฏิกริ ยิ ำกำรเกิดสนิมเหล็กเป็นอย่ำงไร
8.4 แบบบนั ทกึ กิจกรรม: แบบบันทึกการคน้ ควา้ กจิ กรรมที่ 5.6 ปฏกิ ิรยิ ำกำรเกิดสนิมเหลก็ เป็นอย่ำงไร
8.5 แหลง่ เรยี นร้:ู หนังสือเรียนรายวชิ าพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 3
เลม่ 2 ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551
(ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธกิ าร
9. การวัดและการประเมนิ
ตัวช้ีวัด/ผลการเรยี นรู้ วธิ ีการวดั เครื่องมอื วดั เกณฑ์ท่ีใช้ในการประเมิน
1. อธิบายปฏกิ ริ ิยาการเกดิ - ตรวจการตอบ - คำถามทา้ ยกิจกรรมที่ 5.6 - ไดไ้ ม่นอ้ ยกวา่ 2 คะแนน
สนมิ เหลก็ ได้ (ด้านความรู้: K) คำถามทา้ ย ปฏิกริ ิยำกำรเกิดสนมิ เหล็ก ระดับคณุ ภาพดี ถือว่าผา่ น
กจิ กรรมท่ี 5.6 เปน็ อย่ำงไร จำนวน 6 ข้อ การประเมินดา้ นความรู้
2. การใช้ทกั ษะการตคี วามหมาย - ตรวจการทำแบบ - แบบบันทึกการค้นคว้า - ได้ไม่น้อยกวา่ 2 คะแนน
ขอ้ มูลและลงขอ้ สรปุ โดยระบุ บันทกึ การคน้ ควา้ กจิ กรรมท่ี 5.6 ปฏิกิริยำ ระดบั คุณภาพดี ถือว่า
การเกดิ ปฏิกริ ิยาเคมีจาก กิจกรรมท่ี 5.6 กำรเกดิ สนมิ เหลก็ เปน็ ผ่านการประเมนิ
การเปลยี่ นแปลงของสาร อยำ่ งไร ดา้ นกระบวนการ
(ด้านกระบวนการ: P)
3. ตระหนักถึงความสำคญั - สงั เกตการใช้งาน - เกณฑ์การประเมนิ การใช้ - ได้ไม่นอ้ ยกว่า 2 คะแนน
ของการใช้อปุ กรณ์การทำ อปุ กรณ์ในกิจกรรม งานอุปกรณ์ในกจิ กรรม ระดับคณุ ภาพดี ถอื วา่ ผา่ น
กิจกรรมได้ (ด้านเจตคติ: A) ของนักเรียน ของนักเรียน การประเมินดา้ นเจตคติ
9.1 เกณฑ์การประเมินผลนักเรียน เกณฑก์ ารประเมนิ (Rubrics Score)
ประเด็นการประเมนิ คา่ นำ้ หนัก แนวทางการใหค้ ะแนน
คะแนน
การใหค้ ะแนนตอบ ตอบคำถามทา้ ยกิจกรรมท่ี 5.6 ถกู ต้อง จำนวน 5-6 ขอ้
คำถามท้าย 3 ตอบคำถามท้ายกิจกรรมท่ี 5.6 ถูกต้อง จำนวน 3-4 ข้อ
กิจกรรมที่ 5.6 2 ตอบคำถามท้ายกิจกรรมท่ี 5.6 ถูกตอ้ ง จำนวน 1-2 ขอ้ หรือ ไมถ่ ูกตอ้ ง
1 บันทกึ ผลการทำกจิ กรรมลงในตารางบนั ทกึ ผล โดยระบุผลทีไ่ ด้จากการ
การให้คะแนนการบันทกึ สงั เกตการเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมีจากการเปลย่ี นแปลงของสารไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง
แบบบันทกึ การคน้ คว้า 3 ชัดเจน ครบทุกประเด็นสอดคลอ้ งกบั เนอื้ หาในกิจกรรม
บนั ทกึ ผลการทำกิจกรรมลงในตารางบันทึกผล โดยระบุผลทีไ่ ด้จากการ
กจิ กรรมที่ 5.6 2 สงั เกตการเกิดปฏิกริ ิยาเคมจี ากการเปล่ียนแปลงของสารได้ถกู ตอ้ ง
แต่มีข้อผดิ พลาดบางสว่ น
1 บันทึกผลการทำกจิ กรรมลงในตารางบันทกึ ผล โดยระบผุ ลท่ีได้จากการ
สงั เกตการเกดิ ปฏิกิริยาเคมีจากการเปลยี่ นแปลงของสารไม่ถูกต้อง
มขี ้อผิดพลาด ทำให้ไม่สอดคลอ้ งกับเนอ้ื หาในกิจกรรม
ประเด็นการประเมิน คา่ น้ำหนกั แนวทางการใหค้ ะแนน
คะแนน
การให้คะแนน ใชง้ านอปุ กรณ์การทดลองในกิจกรรมไดถ้ กู วิธี หยบิ เคลอ่ื นยา้ ยอุปกรณ์
การใชง้ านอปุ กรณ์ 3 อย่างระมดั ระวัง ไม่หยอกล้อหรือแกลง้ เพอ่ื นขณะกำลงั ใช้งานอปุ กรณ์
และหลังการใช้งานอปุ กรณม์ กี ารเก็บรักษาอย่างถูกวิธี
ในกจิ กรรม 2 ใช้งานอุปกรณ์การทดลองในกิจกรรมได้ถูกวิธี หยิบ เคล่อื นย้ายอปุ กรณ์
อย่างระมัดระวัง ไม่หยอกล้อหรือแกลง้ เพอ่ื นขณะกำลงั ใชง้ านอุปกรณ์
1 แตห่ ลังการใชง้ านอุปกรณไ์ ม่มีการเกบ็ รกั ษาอย่างถูกวิธี หรอื ไม่เก็บ
อปุ กรณ์เขา้ ตู้เก็บอุปกรณต์ ามประเภทของอุปกรณ์
ใชง้ านอุปกรณก์ ารทดลองในกิจกรรมได้ แต่ขณะหยิบ เคล่ือนย้ายอปุ กรณ์
หรอื กำลงั ใชง้ านอุปกรณ์ จะหยอกล้อหรอื แกลง้ เพื่อน อาจทำให้อปุ กรณ์
เสียหายได้ และหลังการใชง้ านอุปกรณไ์ มม่ ีการเก็บรกั ษาอยา่ งถกู วธิ ี
9.2 ระดบั คุณภาพ หมายถงึ ดมี าก
หมายถงึ ดี
คะแนนรวมเฉลี่ย 3.00 หมายถึง พอใช้
คะแนนรวมเฉล่ยี 2.00 - 2.99
คะแนนรวมเฉลยี่ 0.01 - 1.99
ดงั น้นั นักเรียนต้องไดค้ ะแนนเฉล่ยี ทุกประเด็นการประเมนิ ไม่ต่ำกวา่ 2.00 แสดงระดับ
คณุ ภาพ ดี ถือว่าผา่ นเกณฑก์ ารประเมินในแผนการจัดการเรยี นที่ 6
ส่อื การเรยี นรู้แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ 6: สอ่ื วีดทิ ัศน์
คลปิ วีดที ัศน์: สนิมเหลก็ เกิดจากอะไร
สื่อวีดิทัศน์เร่ือง สนิมเหล็กเกิดจากอะไร อธิบายเก่ียวข้องกับการเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมใี นสนิมเหล็ก
แหลง่ ทม่ี า: เว็บไซตอ์ า้ งองิ
https://www.youtube.com/watch?v=ef8icxK5d5U
เผยแพรเ่ มื่อ 18 มนี าคม พ.ศ. 2558
(ช่องYouTube: ร้หู รือไม่ - DYK)
สือ่ การเรยี นรู้แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 6: ใบกจิ กรรมที่ 5.
ใบกิจกรรมท่ี 5.6 ปฏิกิริยาการเกดิ สนิมเหล็กเปน็ อย่างไร
หนงั สือเรียนรำยวิชำพนื้ ฐำนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี ช้ันมธั ยมศกึ ษำปีที่ 3 เล่ม 2 ตำมหลักสูตรแกนกลำง
กำรศึกษำข้ันพืน้ ฐำน พทุ ธศักรำช 2551 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศกึ ษำธกิ ำร หนำ้ 24
กจิ กรรมท่ี 5.6 ปฏกิ ริ ิยาการเกิดสนมิ เหลก็ เปน็ อยา่ งไร?
จุดประสงค์
วสั ดุอปุ กรณ์ สังเกตและอธบิ ายปฏิกิรยิ าการเกดิ สนมิ เหลก็
วิธีดาเนินกจิ กรรม วัสดทุ ี่ใช้ต่อกลมุ่
1. ตะปูเหล็ก 3 ตัว
2. น้ำ 25 cm3
3. หลอดทดลองขนำดใหญ่ 3 หลอด
4. คีมคีบหลอดทดลอง 1 อัน
5. ท่ีวำงหลอดทดลอง 1 อนั
6. จุกยำงเบอรส์ ิบ 2 จกุ
7. ช้อนตักสาร 1 คัน
8. สำลี 1 ก้อน
9. กระดาษทราย 1 แผ่น
10. ตะเกยี งแอลกอฮอลพ์ ร้อมทีก่ ั้นลม 1 ชดุ
วสั ดุทใ่ี ชต้ อ่ ห้อง
1. นำ้ มันพืช 1 ขวด
2. แคลเซยี มคลอไรด์ 1 กระปกุ
1. ขดั ตะปเู หล็กจำนวน 3 ตัว ดว้ ยกระดำษทรำย สงั เกตและบันทกึ ผล
2. ใสต่ ะปูเหล็กลงในหลอดทดลองหลอดที่ 1 และ 2 หลอดละ 1 ตวั
3. เติมนำ้ ในหลอดทดลองที่ 1 ให้มีระดบั ครง่ึ หน่ึงของควำมสงู ของตะปู ดังภำพ
4. ใส่สำลีลงในหลอดทดลองที่ 2 ใหอ้ ยู่เหนอื ตะปู แล้วเติมแคลเซยี มคลอไรด์
ลงบนสำลี เพอื่ ดูดควำมชื้น จำกนนั้ ปดิ ด้วยจุกยำง ดังภำพ
5. เตมิ นำ้ ลงในหลอดทดลองที่ 3 นำไปตม้ ให้เดือด เพือ่ ไลแ่ กส๊ ออกซิเจนแล้วใสต่ ะปู
จำกน้นั เตมิ นำ้ มันพชื แลว้ ปดิ ด้วยจุกยำงทันที ดงั ภำพ
6. ตงั้ หลอดทดลองทัง้ 3 ไว้เปน็ เวลำ 2-3 วนั สังเกตและบนั ทกึ ผลทุกวัน
กจิ กรรมที่ 5.6 ปฏิกริ ยิ าการเกิดสนมิ เหลก็ เป็นอยา่ งไร?
ขอ้ เสนอแนะใน หลอดทดลองท่ี 1 หลอดทดลองท่ี 2 หลอดทดลองที่ 3
การทากิจกรรม
ภาพการจัดอุปกรณใ์ นกิจกรรม
• ตะปทู ี่ใช้ควรมลี กั ษณะเรียบ ไมใ่ ชต้ ะปูเกลียว เพ่ือป้องกันการติดคา้ งของฟองอากาศ
ในเกลยี วตะปเู ม่ือใส่ตะปูลงในนำ้
• นำ้ ทีน่ ำมาใช้ควรตม้ ใหเ้ ดอื ดประมาณ 5 นาทีเพื่อไลแ่ กส๊ ออกซเิ จนออกจากน้ำ
ใหไ้ ด้มากท่ีสุด รนิ นำ้ ท่ีผา่ นการตม้ ให้เดือดลงในหลอดทดลองให้ระดบั น้ำสงู กวา่
ความยาวของตะปู จากน้ันจึงใส่ตะปูลงในหลอดทดลอง ในกรณที ่ีมีฟองอากาศติดอยู่
ที่ตะปู ให้เขยา่ หลอดทดลองเบา ๆ เพ่อื ให้ฟองอากาศหลุดออกจากตะปใู ห้หมด
แล้วเติมนำ้ มันพชื เพอ่ื ป้องกนั แกส๊ ออกซิเจนที่อยใู่ นอากาศละลายในนำ้ จากนั้น
ให้ปิดจกุ ทันที
• กรณที ่แี คลเซยี มคลอไรดจ์ บั ตวั กนั เป็นกอ้ นใหญห่ รอื เปียกชนื้ ควรใหค้ วามร้อน
แกแ่ คลเซียมคลอไรด์เพ่อื ระเหยนำ้ ออกก่อนนำมาใช้ในกจิ กรรม
คำถามท้ายกิจกรรม
1. เพราะเหตใุ ดจงึ ใสแ่ คลเซียมคลอไรด์ลงไปในหลอดทดลองท่ี 2
2. เพราะเหตุใดจงึ เติมนำ้ มนั พชื ลงไปในหลอดทดลองท่ี 3
3. ตะปูเหล็กในแตล่ ะหลอดสมั ผัสกบั สารใดบา้ ง
4. ตะปเู หลก็ ในหลอดทดลองใดบ้างมีการเปลย่ี นแปลง และเปลี่ยนแปลงอย่างไร
5. ปัจจยั ทีท่ ำใหเ้ กิดสนมิ เหลก็ มีอะไรบ้าง ทราบได้อยา่ งไร
6. จากกจิ กรรม สรุปไดว้ า่ อย่างไร
สื่อการเรียนรูแ้ ผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6: แบบบนั ทึกกำรค้นควำ้ กิจกรรมท่ี 5.6
แบบบันทึกการคน้ ควา้ กจิ กรรมท่ี 5.6 ปฏกิ ิริยาการเกดิ สนิมเหล็กเป็นอยา่ งไร
ชอื่ -นามสกุล..........................................................................................ชน้ั .................เลขที่...........กล่มุ ท.่ี ...........
ตารางบนั ทึกผล
หลอดท่ี 1 วัน ผลทส่ี ังเกตได้ 3 วัน
2 วนั
1
2
3
คำถามท้ายกิจกรรม
1. เพราะเหตุใดจึงใสแ่ คลเซียมคลอไรด์ลงไปในหลอดทดลองท่ี 2
ตอบ ………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. เพราะเหตุใดจึงเติมน้ำมันพชื ลงไปในหลอดทดลองที่ 3
ตอบ ………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ตะปูเหล็กในแตล่ ะหลอดสมั ผัสกับสารใดบา้ ง
ตอบ ………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……..……………………………………….………………………………………………………………………………………………………..………
4. ตะปูเหลก็ ในหลอดทดลองใดบ้างมกี ารเปลย่ี นแปลง และเปลยี่ นแปลงอยา่ งไร
ตอบ ………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
5. ปจั จัยทที่ ำใหเ้ กดิ สนมิ เหลก็ มีอะไรบ้าง ทราบได้อยา่ งไร
ตอบ ………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……..……………………………………….………………………………………………………………………………………………………..………
6. จากกิจกรรม สรปุ ไดว้ า่ อย่างไร
ตอบ ………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………
แนบท้ายแผนการจดั การเรียนรู้ที่ 6: การใหค้ ะแนนด้านกระบวนการ (P)
แนวทางบันทกึ การค้นคว้ากจิ กรรมที่ 5.6 ปฏกิ ิริยาการเกิดสนมิ เหล็กเป็นอย่างไร
ตารางบันทกึ ผล
หลอดท่ี 1 วัน ผลทีส่ งั เกตได้ 3 วัน
2 วัน เกดิ ของแขง็ สนี ำ้ ตาลแดง
1 เกิดของแข็งสีนำ้ ตาลแดง ไมเ่ ปลี่ยนแปลง
เกิดของแขง็ สนี ำ้ ตาลแดง ไม่เปลยี่ นแปลง
2 ไม่เปลีย่ นแปลง ไมเ่ ปลีย่ นแปลง
ไมเ่ ปล่ียนแปลง
3 ไม่เปล่ียนแปลง
หมายเหตุ ผลการทำกิจกรรมในหลอดทดลองที่ 3 ของนกั เรยี นบางกลมุ่ อาจคลาดเคลอ่ื น เน่ืองจากนกั เรียน
ใชเ้ วลาในการต้มนำ้ น้อยเกินไป ทำใหย้ งั มแี กส๊ ออกซเิ จนเหลืออยูใ่ นนำ้ ตะปูเหล็กจงึ ขึน้ สนมิ
ครคู วรถามผลการทำกิจกรรมของนักเรียนทกุ กลุ่มแลว้ รว่ มกนั อภิปรายผลการทำกิจกรรมทถี่ กู ต้อง
และใช้ผลนัน้ มาอภิปรายเพอ่ื ลงข้อสรุป
แนบทา้ ยแผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 6: การให้คะแนนดา้ นความรู้ (K)
เฉลยใบกิจกรรมท่ี 5.6 ปฏกิ ิริยาการเกดิ สนิมเหล็กเปน็ อย่างไร
เฉลยคำถามทา้ ยกจิ กรรม
1. เพราะเหตใุ ดจึงใส่แคลเซยี มคลอไรด์ลงไปในหลอดทดลองที่ 2
แนวคำตอบ ใส่แคลเซียมคลอไรด์เพอื่ ดดู ความชน้ื หรือน้ำในอากาศ
2. เพราะเหตุใดจึงเตมิ นำ้ มันพืชลงไปในหลอดทดลองที่ 3
แนวคำตอบ เติมนำ้ มนั พชื เพอื่ ป้องกนั ไมใ่ หแ้ ก๊สออกซเิ จนกลับเข้าไปละลายในนำ้
3. ตะปูเหลก็ ในแตล่ ะหลอดสมั ผสั กับสารใดบ้าง
แนวคำตอบ หลอดทดลองที่ 1 ตะปเู หลก็ สัมผสั กับน้ำและอากาศ หลอดทดลองที่ 2 ตะปูเหล็กสมั ผัส
กบั อากาศ และหลอดทดลองท่ี 3 ตะปูเหล็กสมั ผสั กับน้ำ
4. ตะปเู หล็กในหลอดทดลองใดบา้ งมีการเปล่ยี นแปลง และเปลี่ยนแปลงอยา่ งไร
แนวคำตอบ หลอดทดลองท่ี 1 เกิดการเปลย่ี นแปลง โดยเกดิ ของแขง็ สนี ้ำตาลแดงขึ้นทต่ี ะปูเหล็ก
5. ปัจจัยท่ที ำใหเ้ กดิ สนมิ เหลก็ มอี ะไรบา้ ง ทราบไดอ้ ย่างไร
แนวคำตอบ น้ำและแก๊สออกซเิ จนในอากาศเป็นปัจจยั ที่ทำใหเ้ กิดสนิมเหล็ก เนื่องจากตะปเู หลก็ ใน
หลอดทดลองท่ี 1 เกดิ สนิมเหลก็ เพียงหลอดเดียว โดยสัมผัสกับทั้งนำ้ และแกส๊ ออกซเิ จนในอากาศ
6. จากกิจกรรม สรปุ ได้วา่ อย่างไร
แนวคำตอบ เหลก็ จะเกิดสนิมได้เมอื่ สัมผัสกับนำ้ และแก๊สออกซิเจน
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 7
เรอื่ ง ปฏิกิรยิ าเคมมี ีผลตอ่ ส่งิ มชี วี ิตและสง่ิ ต่าง ๆ รอบตวั รหสั วิชา ว23102 เวลา 2 ชั่วโมง
หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 5 ชื่อหนว่ ยการเรยี นรู้ ปฏกิ ริ ิยาเคมีและวสั ดใุ นชีวิตประจำวนั รวม 17 ชัว่ โมง
กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 3 ภาคเรยี นท่ี 2
สาระที่ 2 ชื่อสาระ วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว 2.1
1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้วี ดั
ว 2.1 เขา้ ใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสมบัตขิ องสสารกับโครงสร้าง
และแรงยึดเหนี่ยวระหวา่ งอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสารการเกดิ สารละลาย
และการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมี
ตัวช้วี ัด
ว 2.1 ม.3/6 อธิบายปฏิกิรยิ าการเกดิ สนิมของเหล็กปฏกิ ิริยาของกรดกบั โลหะ ปฏกิ ริ ยิ าของกรดกับเบส
และปฏิกิริยาของเบสกับโลหะ โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์และอธิบายปฏิกิริยาการเผาไหม้ การเกิดฝนกรด
การสังเคราะห์ด้วยแสง โดยใช้สารสนเทศ รวมทงั้ เขียนสมการข้อความแสดงปฏิกิริยาดังกลา่ ว
ว 2.1 ม.3/7 ระบุประโยชน์และโทษของปฏิกิริยาเคมีที่มีต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมและยกตัวอย่าง
วธิ ีการปอ้ งกันและแก้ปัญหาทีเ่ กดิ จากปฏิกิรยิ าเคมที ่พี บในชวี ติ ประจำวนั จากการสบื ค้นข้อมลู
2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
1) ปฏิกิรยิ าการเผาไหมแ้ ละการเกิดสนมิ ของเหลก็ เป็นปฏกิ ิรยิ าระหว่างสารต่าง ๆ กบั ออกซิเจน
2) การเกิดฝนกรด เป็นผลจากปฏิกิริยาระหว่างน้ำฝนกับออกไซด์ของไนโตรเจน หรือออกไซด์ของ
ซัลเฟอร์ ทำใหน้ ้ำฝนมีสมบัตเิ ปน็ กรด
3) การสังเคราะหด์ ้วยแสงของพืช เปน็ ปฏิกริ ยิ าระหว่างแก๊สคารบ์ อนไดออกไซดก์ ับน้ำ โดยมแี สงช่วยใน
การเกดิ ปฏิกริ ยิ าไดผ้ ลติ ภัณฑ์เป็นน้ำตาลกลูโคสและแก๊สออกซเิ จน
4) ปฏิกิริยาเคมีที่พบในชีวิตประจำวันมีทั้งประโยชน์และโทษต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม จึงต้อง
ระมัดระวังผลจากปฏิกิริยาเคมี ตลอดจนรู้จักวิธีป้องกันและแก้ปัญหาท่ีเกิดจากปฏิกิริยาเคมีที่พบใน
ชวี ติ ประจำวัน
3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ นักเรยี นอธิบายเกี่ยวกบั การเกิดปฏิกิริยาการเผาไหม้ การเกิดฝนกรด และ
1) ด้านความรู้ (K) การสงั เคราะห์ดว้ ยแสงพรอ้ มท้ังบอกประโยชน์และโทษของปฏิกริ ยิ า
2) ดา้ นทักษะ (P) นกั เรยี นใช้ทกั ษะการจัดกระทำและสือ่ ความหมายขอ้ มูล โดยนำขอ้ มูลท่ไี ด้
จากการสืบค้นเกี่ยวกบั ผลของปฏกิ ิรยิ าเคมีตา่ ง ๆ ที่พบในชีวิตประจำวัน
3) ดา้ นเจตคติ (A) ที่มีต่อส่งิ มชี วี ติ และสง่ิ แวดลอ้ มมานำเสนอในตารางบนั ทกึ ผล
นักเรียนมีความมงุ่ มน่ั และรับผิดชอบในการทำงาน
4. คุณลกั ษณะผเู้ รยี น
4.1 คุณลกั ษณะทีพ่ งึ ประสงค์
รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ อยู่อย่างพอเพียง ซือ่ สัตยส์ ุจรติ มุ่งมน่ั ในการทำงาน
มีวนิ ัย รกั ความเป็นไทย ใฝ่เรียนรู้ มจี ติ สาธารณะ
5. ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น
ความสามารถในการสอ่ื สาร: นกั เรียนสามารถสื่อสาร โดยการนำเสนอข้อมูลที่ไดจ้ ากการสืบคน้
เก่ยี วกบั ประโยชนแ์ ละโทษของปฏกิ ริ ยิ าเคมที พ่ี บในชีวิตประจำวนั
ความสามารถในการคดิ : นกั เรียนสามารถคดิ อยา่ งมวี ิจารณญาณ โดยการวเิ คราะหข์ อ้ มลู และ
เลอื กใช้เพอ่ื นำมาใช้ในการอภปิ รายและนำเสนอประโยชนห์ รอื โทษของปฏิกิริยาเคมีทมี่ ตี ่อสง่ิ มชี วี ิตและ
สง่ิ แวดลอ้ ม
ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี: นักเรียนสามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สาร
เพือ่ สบื คน้ ข้อมลู ประโยชนแ์ ละโทษของปฏกิ ริ ิยาเคมที พ่ี บในชีวติ ประจำวนั บนอินเทอร์เน็ต
6. สาระการเรยี นรู้
ปฏิกิรยิ าเคมี มผี ลต่อส่งิ มชี ีวิตและสง่ิ ตา่ ง ๆ ทอี่ ยู่รอบตัวในสง่ิ แวดล้อม ยกตัวอยา่ งเชน่
การเผาไหม้ (combustion) การเผาไหม้เป็นปฏิกิริยาเคมีระหว่างแก๊สออกซิเจนกับสารประเภท
เชอ้ื เพลงิ ซง่ึ โดยทัว่ ไปมีคารบ์ อนและไนโตรเจนเป็นองคป์ ระกอบหลัก เรยี กวา่ สารประกอบไฮโดรคารบ์ อน เช่น
แก๊สหุงต้ม น้ำมันเชื้อเพลิง แก๊สธรรมชาติ การเผาไหม้ต้องใช้ความร้อนในการเริ่มต้นปฏิกิริยา และเม่ือ
เกิดปฏิกิริยาแลว้ จะคายความร้อนออกมา เราสามารถนำความร้อนทีไ่ ด้จากปฏิริยาการเผาไหมไ้ ปใช้ประโยชน์
เชน่ ใชข้ ับเคล่ือนยานพาหนะ ผลิตกระแสไฟฟา้ และประกอบอาหาร
การเผาไหมเ้ ชอื้ เพลิงท่ีเปน็ สารประกอบไฮโดรคาร์บอนในขณะทีม่ ีแก๊สออกซิเจนเพยี งพอ จะเกิดการ
เผาไหม้อย่างสมบูรณ์ ได้ผลิตภัณฑ์เป็นน้ำและแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นแก๊สเรือนกระจก หากแก๊สนี้มี
ปริมาณมากเกินไป จะส่งผลให้เกิดภาวะโลกร้อน ตัวอย่างการเผาไหม้อย่างสมบูณ์ของแก๊สมเี ทน เขียนสมการ
ขอ้ ความแสดงปฏกิ ิรยิ าการเผาไหมไ้ ด้ ดงั น้ี
แกส๊ มีเทน + แกส๊ ออกซเิ จน → นำ้ + แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์
สารประกอบไฮโดรคารบ์ อน + แกส็ ออกซิเจน → นำ้ + แกส็ คาร์บอนไดออกไซด์
การเผาไหม้สารประกอบไฮโดรคาร์บอนในขณะที่มีแก๊สออกซิเจนไม่เพียงพอจะเกิดการเผาไหม้
ไม่สมบรู ณ์ ทำใหเ้ กิดน้ำ เขม่า และแก๊สคารบ์ อนมอนอกไซด์ เม่ือร่างกายได้รับเขมา่ เข้าไปจะทำใหเ้ กดิ การระคาย
เคืองต่อระบบหายใจ ส่วนแก็สคาร์บอนมอนอกไซด์สามารถจับกับเฮโมโกลบินได้ดีกว่าแก็สออกซิเจน ทำให้
ร่างกายได้รับแก๊สออกซิเจนลดลง ในกรณีที่เชื้อเพลิงมีซัลเฟอร์หรือไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบ เช่น ถ่านหิน
การเผาไหม้จะเกดิ ผลติ ภัณฑอ์ ่นื ๆ เช่น ออกไซด์ของไนโตรเจน ออกไซดข์ องซัลเฟอร์
การเกิดฝนกรด (acid rain formation) น้ำฝนทีต่ กลงมาจะทำปฏกิ ริ ิยากบั แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์
ในช้ันบรรยกาศได้สารละลายทีม่ ีสมบัติเปน็ กรดอ่อน ๆ ซึ่งไม่เปน็ อนั ตรายตอ่ สิง่ มีชวี ิต แต่ในปัจจุบันมีการปล่อย
แก๊สไนโตรเจนมอนอกไซด์ (nitrogen monoxide หรือ NO) แก็สไนโตรเจนไดออกไซด์ (nitrogen dioxide
หรือ NO2) ซึ่งเป็นแกส๊ ที่เป็นออกไชด์ของไนโตรเจน และมีการปล่อยแก๊สซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (sulfur dioxide
หรอื SO2) ซึ่งเปน็ แก๊สทเี่ ปน็ ออกไซด์ของซัลเฟอร์สู่ชนั้ บรรยากาศในปริมาณมาก แก๊สดังกลา่ วสว่ นใหญไ่ ด้มาจาก
การเผาไหมเ้ ชอื้ พลงิ ของยานพาหนะ โรงงานอุตสาหกรรม และกิจกรรมอ่นื ๆ โดยแก๊สไนโตรเจนมอนอกไซด์และ
แกส๊ ซัลเฟอรไ์ ดออกไซด์จะทำปฏกิ ริ ิยากบั แก๊สออกซิเจนในอากาศได้แก็สไนโตรเจนไดออกไซด์และแก๊สซัลเฟอร์
ไดออกไซด์ (sulfur trioxide หรือ SO2) ซึ่งจะทำปฏิกิริยากับน้ำฝนได้สารละลายกรดไนตริกและสารละลาย
กรดชัลฟิวริกตามลำดับ สารละลายกรดเหล่านี้ทำให้น้ำฝนมีค่าพีเอชต่ำกว่า 5.6 เรียกว่า ฝนกรด (acid ran)
ซึ่งมคี วามเป็นกรดมากกวา่ น้ำฝนท่ัวไป ปฏิกิรยิ าเคมีที่ทำให้เกิดสารทีม่ สี มบัติเป็นกรด เขียนแทนไดด้ ้วยสมการ
ขอ้ ความ ดงั น้ี
แกส๊ ไนโตรเจนไดออกไซด์ + นำ้ → กรดไนตริก + แก็สไนโตรเจนมอนอกไซด์
แก๊สซลั เฟอรไ์ ตรออกไซด์ + น้ำ → กรดซัลฟิวรกิ
ฝนกรดส่งผลกระทบตอ่ สิ่งมชี ีวติ และส่งิ ตา่ งๆ รอบตัว เช่น ทำใหเ้ กิดอาการระคายเคอื งตอ่ เย่ือบุต่างๆ
ดนั ตามผิวหนัง แสบตา ดงั นั้นถ้าต้องการใชน้ ำ้ ฝน เพอื่ การอปุ โภคและบริโภค ควรรอให้ฝนตกไปแลว้ หลายๆ ครงั้
เพื่อให้ฝนมีความเป็นกรดลดลงจนไม่เปน็ อันตราย ฝนกรดไม่เพียงส่งผลต่อมนุษย์เท่านั้น แต่ยังเป็นอันตรายตอ่
พืชอีกดว้ ย ถ้าฝนตกอย่บู อ่ ยครงั้ เปน็ ระยะเวลานาน ๆ มีผลทำให้พืชแห้งและตายในที่สุด นอกจากนฝ้ี นกรด ยัง
ทำให้ความเปน็ กรดของแหลง่ นำ้ เพม่ิ ขน้ึ ส่งผลต่อการดำรงชีวิตของสิ่งมชี วี ติ ในแหลง่ นำ้ อกี ด้วย
จากเรื่องปฏิกิริยของกรดกับโลหะ เราทราบมาแล้วว่ากรดทำให้โลหะผุกร่อน ส่งผลเสียหายต่อ
สิ่งก่อสร้างและสิ่งของที่ทำจากโลหะ นอกจากฝนกรดจะทำปฏิกิริยกับโลหะแล้ว ฝนกรดยังทำปฏิกิริยากับ
แคลเซยี มคารบ์ อเนต ซึง่ พบในหนิ ปนู หนิ ออ่ น และปนู ชเี มนตอ์ ีกดว้ ย ดังนั้นอาคารและส่งิ กอ่ สร้างท่ีทำจากวัสดุ
เหล่านี้ จะสกึ กรอ่ นและผพุ งั ได้ง่าย เมอ่ื สมั ผัสกับฝนกรด
แนวทางการป้องกนั ความเสียหายของฝนกรดทมี่ ีตอ่ สิมีชีวิตและส่ิงต่าง ๆ รอบตวั ด้วยการลดปริมาณ
แก๊สออกไซด์ของซัลเฟอร์และออกไซด์ของไนโตรเจนที่จะเข้าสู่บรรยากาศสามารถทำได้หลายวิธี เช่น ลดการ
เผาไหม้ของเช้อื เพลงิ โดยการใช้ระบบขนส่งสาธารณะแทนการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล ติดต้งั ระบบกำจดั แก๊สท่ีเป็น
สาเหตุของการเกิดฝนกรดในโรงงานอุตสาหกรรมก่อนปล่อยออกสู่ชั้นบรรยกาศ การเลือกใช้พลังงานทดแทน
แทนการใช้พลังงานจากเชื้อเพลิง การเผาไหม้เชื้อเพลิง นอกจากจะทำให้เกิดแก๊สซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิด
ฝนกรดแลว้ ยังทำให้เกิดแก็สคารบ์ อนไดออกไซด์ ซงึ่ เป็นแกส๊ เรือนกระจกอีกดว้ ย
การสังเคราะห์ด้วยแสง (photosynthesis) การสังเคราะห์ด้วยแสงเป็นกระบวนการสร้างอาหาร
ของพืช ซึ่งเป็นปฏิกิริยาเคมีระหว่างแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์กับน้ำ โดยอาศัยพลังงานจากแสงที่ดูดชับได้ด้วย
คลอโรฟิลล์ ได้ผลิตภัณฑ์เป็นน้ำตาลและแก็สออกซิเจน เขียนสมการข้อความแสดงการเกดิ ปฏกิ ริ ิยาได้ ดงั นี้
พลงั งานแสง
น้ำ + แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ → น้ำตาล + แก็สออกซเิ จน
คลอโรฟลิ ล์
การสังเคราะหด์ ้วยแสงของพืช นอกจากจะไดผ้ ลิตภณั ฑ์เปน็ น้ำตาลและแกส๊ ออกซิเจนซ่งึ จำเปน็ ต่อ
การเจรญิ เตบิ โตและการดำรงชวี ิตของพชื และสิ่งมชี ีวิตอน่ื การสงั เคราะห์ด้วยแสงยังช่วยลดปริมาณแก๊ส
คารบ์ อนไดออกไซด์ ซ่งึ เปน็ สาเหตหุ น่งึ ของภาวะโลกรอ้ นอีกด้วย
เมื่อเกิดปฏิกิริยาเคมีจะมีสารใหม่เกิดขึ้น เน่ืองจากมีการจัดเรียงตัวใหม่ของอะตอมสารตั้งตันที่ทำ
ปฏิกิริยากัน ปฏิกิริยาเคมีเกิดขึ้นได้ทุกท่ี แม้กระทั่งในร่างกายมนุษย์ เช่น ในระบบย่อยอาหารมีปฏิกิริยาเคมี
ระหวา่ งเอนไชม์กับอาหาร การเผาลาญสารอาหารทีไ่ ด้จากการย่อยอาหารแลว้ ทำให้เกิดพลงั งานก็เป็นปฏิกิริยา
เคมเี ชน่ กัน ปฏกิ ริ ยิ าเคมหี ลายชนิด สามารถนำมาใช้ประโยชนใ์ นชีวิตประจำวัน แตบ่ างปฏิกริ ิยาเคมีก็ก่อให้เกิด
ผลกระทบต่อส่งิ มชี ีวติ และสิ่งต่าง ๆ รอบตัว ดงั นน้ั จึงตอ้ งระมดั ระวงั ผลจากปฏิกิริยาเคมี ตลอดจนรจู้ ักวิธีควบคุม
ป้องกัน และแก้ปัญหาทีเ่ กดิ จากปฏิกิริยาเคมีที่พบในชวี ิตประจำวันซึ่งมีหลายแนวทาง เช่น ลดการใช้เชื้อเพลงิ
ซากดึกดำบรรพ์ นำพลังงานทดแทนมาใช้ให้มากขึ้น เพื่อลดการเกิดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์และแก๊สเรือน
กระจกอื่น ๆ การแก้ปัญหาที่เกิดจากปฏิกริ ยิ าเคมีในชีวิตประจำวัน นอกจากจะใช้ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์แล้ว
อาจต้องอาศัยความรู้ทางคณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และกระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม เพื่อแก้ปัญหาอยา่ ง
เป็นระบบและเหมาะสมกับสถานการณ์
7. กิจกรรมการเรยี นรู้
ใช้รปู แบบการจัดการเรียนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Cycles: 5Es) (2 ชั่วโมง; 120นาที)
ขั้นท่ี 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engagement) (20 นาที)
1) ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรยี น เกยี่ วกบั เร่ือง ปฏกิ ิรยิ าเคมีมีผลต่อส่ิงมีชีวิตและส่ิงต่างๆ
รอบตวั โดยใช้ส่ือวดี ทิ ัศน์ดงั นี้
- สื่อวีดทิ ัศน์เร่ือง การเผาไหม้ (สืบคน้ ได้จาก ipst.me/10607) ซงึ่ อธิบายเก่ยี วขอ้ งกบั ปฏกิ ริ ยิ า
เคมรี ะหวา่ งแกส๊ ออกซเิ จนกับสารประเภทเชื้อเพลิง
- สือ่ วีดทิ ศั นเ์ รอ่ื ง การเกดิ ฝนกรด (สบื ค้นไดจ้ าก ipst.me/10649) ซง่ึ อธบิ ายเกี่ยวข้องกับการ
เกดิ ฝนกรดในธรรมชาติและผลกระทบของฝนกรดตอ่ สง่ิ มีชวี ติ และสง่ิ แวดลอ้ ม
- ส่ือวีดทิ ศั นเ์ ร่ือง การสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง (สืบคน้ ได้จาก ipst.me/10650) ซึ่งอธบิ ายเกี่ยวข้อง
กบั การสรา้ งอาหารของพชื โดยการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง
2) ครูเชอ่ื มโยงเข้าสู่กิจกรรมท่ี 5.7 ปฏกิ ริ ยิ าเคมมี ีผลต่อสิ่งมีชวี ิตและส่ิงตา่ ง ๆ รอบตัวอย่างไร
โดยใช้คำถามว่า นอกจากปฏิกิริยาเคมีที่เราเรียนรู้มาแล้ว ยังมีปฏิกิริยาเคมีอืน่ ๆ อีกหรือไม่ และปฏิกริ ยิ าเคมมี ี
ผลต่อส่ิงมชี วี ติ และสงิ่ ตา่ งๆรอบตวั อย่างไร (นกั เรียนตอบตามความเขา้ ใจ)
ขนั้ ท่ี 2 ขน้ั สำรวจและค้นหา (Exploration) (40 นาที)
3) นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม จุดประสงค์ และวิธีดำเนินกิจกรรม ตามหนังสือเรียนรายวิชา
พื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เล่ม 2 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ หน้า 26 และครูตรวจสอบความ
เขา้ ใจการอา่ น โดยใช้คำถามดังตอ่ ไปนี้
- กิจกรรมนี้เกี่ยวกับเรื่องอะไร (การเกิดปฏิกิริยาเคมีต่าง ๆ และผลของปฏิกิริยาเคมีที่มีต่อ
ส่ิงมชี ีวติ และสิ่งต่าง ๆ รอบตัว)
- กจิ กรรมน้มี ีจุดประสงคอ์ ะไร (สบื ค้นและอธบิ ายการเกดิ ปฏิกริ ิยาการเผาไหม้ การเกดิ ฝนกรด
และการสังเคราะห์ด้วยแสง บอกประโยชน์และโทษของปฏกิ ริ ิยาเหล่าน้ี จากน้ันอภิปรายและเสนอแนวทางการ
ป้องกนั และแก้ไขปญั หาทเ่ี กดิ จากปฏิกิริยาเคมีที่มีผลตอ่ สิง่ มีชวี ิตและสง่ิ ต่าง ๆ รอบตัว)
- วิธีดำเนินกิจกรรมมีขั้นตอนโดยสรุปอย่างไร (สืบค้นข้อมูลการเกิดปฏิกิริยาการเผาไหม้
การเกดิ ฝนกรด และการสงั เคราะห์ด้วยแสง ประโยชนแ์ ละโทษของปฏิกริ ิยาเหล่านัน้ จากน้นั เสนอแนวทางการ
ปอ้ งกนั และแก้ไขปัญหาทเี่ กดิ จากปฏิกริ ยิ าเคมที ่มี ผี ลต่อส่งิ มีชวี ติ และส่งิ ต่าง ๆ รอบตัว)
- ข้อควรระวงั ในการทำกิจกรรมมอี ะไรบ้าง (การเลือกใชข้ ้อมลู จากแหล่งข้อมลู ที่เชื่อถอื ได)้
- นกั เรยี นต้องสังเกตหรือรวบรวมขอ้ มูลอะไรบ้าง (รวบรวมข้อมลู การเกดิ ปฏิกิรยิ าการเผาไหม้
การเกิดฝนกรดและการสังเคราะห์ด้วยแสง ประโยชน์และโทษของปฏิกิริยาเหล่านั้น และแนวทางการป้องกนั
และแก้ไขปัญหาทเี่ กดิ จากปฏกิ ริ ิยาเคมีท่มี ีผลต่อสิง่ มชี ีวติ และสงิ่ ต่าง ๆ รอบตวั )
4) ขณะที่นักเรียนแตล่ ะกลุ่มทำกิจกรรม ครูเดินสังเกตการทำกจิ กรรมของนักเรียนแต่ละกลุ่ม
และให้คำแนะนำ ถ้านักเรียนมีข้อสงสัยในประเด็นต่าง ๆ ที่อาจเป็นปัญหา เช่น การเปรียบเทียบและเลือกใช้
ข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ การอ้างองิ แหล่งที่มาของขอ้ มูล ซึ่งครูควรรวบรวมปัญหา และข้อสงสัยทีพ่ บ
จากการทำกจิ กรรมของนกั เรยี นเพ่อื ใชเ้ ปน็ ขอ้ มลู ประกอบการอภปิ รายหลังจากการทำกจิ กรรม
ขนั้ ท่ี 3 ขั้นอธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) (20 นาที)
5) นักเรยี นบันทกึ การทำกิจกรรมลงในแบบบนั ทกึ การค้นควา้ กจิ กรรมท่ี 5.7 ปฏิกริ ิยาเคมีมีผล
ตอ่ สง่ิ มีชีวติ และสง่ิ ตา่ ง ๆ รอบตวั อยา่ งไร โดยสรุปผลของกิจกรรมและตอบคำถามท้ายกิจกรรม
เพื่อให้ไดข้ ้อสรปุ จากกิจกรรมวา่
- การเผาไหม้เป็นปฏิกิริยาระหว่างเชื้อเพลิงกับแก๊สออกซิเจน การเผาไหม้อย่างสมบูรณ์ของ
เชื้อเพลิงประเภทไฮโดรคาร์บอนจะได้ผลิตภัณฑ์เป็นแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์และน้ำ ปฏิกิริยาการเผาไหม้
ไม่สมบูรณ์จะได้ผลิตภัณฑ์เป็นแก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์ เขม่า และน้ำ การเผาไหม้จะได้ความร้อนซึ่งสามารถ
นำไปใช้ประโยชน์ เช่น การประกอบอาหาร การผลิตกระแสไฟฟ้า แต่จะได้แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ และแก๊ส
คาร์บอนมอนอกไซด์ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม การเผาไหม้เชื้อเพลิงประเภทอื่น ๆ จะเกิด
ผลติ ภณั ฑแ์ ตกต่างกนั ตามองค์ประกอบของเช้ือเพลิงนั้น ๆ เช่น การเผาไหมเ้ ชื้อเพลงิ ทม่ี ีไนโตรเจนหรือซัลเฟอร์
เป็นองคป์ ระกอบ จะได้ผลติ ภณั ฑเ์ ปน็ ออกไซด์ของไนโตรเจน ออกไซดข์ องซลั เฟอร์
- การเกิดฝนกรดเป็นปฏิกิริยาระหว่างออกไซด์ของไนโตรเจนหรอื ออกไซด์ของซัลเฟอรก์ ับน้ำ
ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีสมบัติเป็นกรด ซึ่งเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต และทำให้โลหะผุกร่อน สร้างความเสี ยหาย
ต่อสง่ิ ก่อสร้างตา่ ง ๆ
- การสังเคราะห์ด้วยแสงเป็นปฏิกิริยาระหว่างแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์และน้ำ โดยอาศัย
พลังงานจากแสงและคลอโรฟิลล์ของพืช ได้ผลิตภัณฑ์เป็นน้ำตาลซึ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช และ
แกส๊ ออกซิเจนซ่งึ จำเปน็ ต่อการหายใจของสิ่งมชี ีวิต
ขน้ั ท่ี 4 ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) (30 นาที)
6) นกั เรียนเรียนรู้เพม่ิ เติมเกย่ี วกับ ปฏิกริ ิยาเคมกี บั สง่ิ แวดล้อม โดยอ่านเน้ือหาในหนังสือเรียน
หน้า 27-30 และตอบคำถามระหว่างเรยี น จากนนั้ รว่ มกันอภิปรายเกีย่ วกบั ปฏิกริ ิยาการเผาไหม้ การเกดิ ฝนกรด
และการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง โดยใชป้ ระเดน็ คำถามดังนี้
- นกั เรยี นมวี ิธสี งั เกตไดอ้ ยา่ งไรวา่ สารประกอบไฮโดรคาร์บอนเกดิ การเผาไหม้อยา่ งสมบรู ณ์
(แนวคำตอบ สงั เกตจากเขมา่ ถ้าพบวา่ การเผาไหม้ไม่มีเขมา่ เกดิ ข้นึ แสดงวา่ เปน็ การเผาไหม้อย่างสมบรู ณ์)
- นักเรียนคิดว่าปฏิกิริยาการเผาไหม้ การเกิดฝนกรด และการสังเคราะห์ด้วยแสงเก่ียวข้องกนั
อย่างไร (แนวคำตอบ ปฏิกิริยาการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงบางชนิด นอกจากจะทำให้เกิดออกไซด์ของไนโตรเจน
หรอื ออกไซด์ของซัลเฟอร์ซ่ึงเปน็ สาเหตหุ ลกั ทก่ี อ่ ใหเ้ กดิ ฝนกรดแลว้ ยงั ทำให้เกิดแกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ซึ่งส่งผล
ใหเ้ กิดภาวะโลกรอ้ นอกี ด้วย อยา่ งไรกต็ าม เราสามารถลดปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซดไ์ ด้ โดยอาศัยปฏิกิริยา
การสังเคราะหด์ ้วยแสงของพชื
7) ครูเพ่ิมเตมิ และนักเรยี นร่วมกันสรุปส่งิ ท่ไี ด้เรยี นรู้ในบทที่ 1 ปฏิกริ ยิ าเคมี โดยครูนำเสนอผัง
มโนทัศน์ส่ิงทีไ่ ด้เรยี นร้จู ากบทเรยี นปฏิกิรยิ าเคมี (แนบทา้ ยแผนการจดั การเรียนรู้) และอภิปรายรว่ มกัน
ขน้ั ที่ 5 ข้นั ประเมนิ (Evaluation) (10 นาที)
8) ครูตรวจสอบการส่งแบบบนั ทึกการค้นควา้ ของนักเรยี นและให้คะแนนประเมนิ ตามเกณฑ์
การประเมนิ (Rubrics Score)
8. สื่อการเรียนรู้/แหลง่ เรียนรู้
8.1 อปุ กรณท์ ำกิจกรรม: อุปกรณ์ท่ีใช้ในการสบื คน้ เชน่ โทรศพั ทเ์ คลื่อนท่ี คอมพวิ เตอร์
8.2 คลิปวีดิทัศน์: - เร่ือง การเผาไหม้
- เรอ่ื ง การเกิดฝนกรด
- เรื่อง การสงั เคราะห์ดว้ ยแสง
8.3 แผนผังมโนทัศน์: ส่งิ ทไี่ ดเ้ รียนรู้จากบทเรยี นปฏิกิริยาเคมี
8.4 ใบกจิ กรรม: ใบกิจกรรมท่ี 5.7 ปฏิกิริยาเคมมี ผี ลตอ่ ส่ิงมชี ีวิตและสง่ิ ตา่ ง ๆ รอบตวั อย่างไร
8.5 แบบบนั ทกึ กจิ กรรม: แบบบันทึกการคน้ คว้ากจิ กรรมที่ 5.7 ปฏกิ ริ ิยาเคมีมผี ลต่อสงิ่ มีชีวติ และ
สิ่งต่าง ๆ รอบตวั อย่างไร
8.6 แหลง่ เรียนรู้: - หนังสอื เรยี นรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3
เลม่ 2 ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551
(ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
- กรมควบคมุ มลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม.
สารกรดในบรรยากาศ : มลพษิ ไรพ้ รมแดน. สบื ค้นเมือ่ 30 กรกฎาคม 2562, จาก
http://www.pcd.go.th/info_serv/air_aciddeposition.html
- โครงการสารานกุ รมไทยสำหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์พระบาทสมเดจ็
พระเจา้ อย่หู ัว. การเผาไหมเ้ ช้อื เพลิงทำให้เกิดมลพิษ. สบื ค้นเม่อื 30 กรกฎาคม
2562, จาก http://saranukromthai.or.th/sub/book/book.php?book=15&
chap=9&page=t15-9-infodetail02.html
9. การวดั และการประเมนิ
ตัวช้ีวัด/ผลการเรยี นรู้ วิธกี ารวดั เคร่ืองมือวดั เกณฑท์ ใ่ี ชใ้ นการประเมิน
1. อธิบายเกีย่ วกบั การ - ตรวจการตอบ
เกดิ ปฏิกิรยิ าการเผาไหม้ - คำถามทา้ ยกิจกรรมที่ 5.7 - ไดไ้ ม่น้อยกว่า 2 คะแนน
การเกิดฝนกรด และการ คำถามท้ายกิจกรรม
สงั เคราะหด์ ้วยแสงพรอ้ มทง้ั ท่ี 5.7 ปฏิกริ ยิ าเคมมี ีผลตอ่ ระดับคุณภาพดี ถือวา่ ผ่าน
บอกประโยชน์และโทษของ
ปฏกิ ิรยิ า (ดา้ นความรู้: K) สงิ่ มีชวี ติ และสง่ิ ต่าง ๆ การประเมินดา้ นความรู้
รอบตวั อยา่ งไร
จำนวน 4 ขอ้
ตวั ชว้ี ัด/ผลการเรียนรู้ วิธกี ารวัด เคร่ืองมือวดั เกณฑท์ ใี่ ชใ้ นการประเมิน
2. การใช้ทักษะการจดั กระทำ - ตรวจการทำแบบ - แบบบนั ทึกการค้นคว้า - ได้ไมน่ ้อยกว่า 2 คะแนน
และสื่อความหมายข้อมลู โดย บันทกึ การค้นควา้ กจิ กรรมที่ 5.7 ปฏิกริ ิยา ระดับคุณภาพดี ถือวา่
นำขอ้ มลู ท่ไี ด้ จากการสบื คน้ กิจกรรมที่ 5.7 เคมมี ีผลต่อสิ่งมชี วี ิตและ ผา่ นการประเมิน
เกีย่ วกบั ผลของปฏกิ ริ ยิ าเคมี สิ่งตา่ ง ๆ รอบตวั อยา่ งไร ดา้ นกระบวนการ
ต่าง ๆ ท่ีพบในชีวติ ประจำวนั
ทม่ี ตี ่อสง่ิ มีชีวติ และสง่ิ แวดลอ้ ม
มานำเสนอในตารางบนั ทึกผล
(ด้านกระบวนการ: P)
3. ความม่งุ มัน่ ในการทำงาน - สังเกตพฤติกรรม - เกณฑ์การประเมนิ ความ - ได้ไมน่ ้อยกว่า2 คะแนน
และความรบั ผิดชอบ ของนักเรยี นระหว่าง มงุ่ มั่นและความ ระดับคณุ ภาพดี ถอื ว่า
(ด้านเจตคติ: A) และหลงั การจดั รบั ผิดชอบในการทำ ผ่านการประเมนิ
กิจกรรมการเรียนรู้ กิจกรรมการเรยี นรู้ ดา้ นเจตคติ
9.1 เกณฑ์การประเมินผลนกั เรียน เกณฑก์ ารประเมนิ (Rubrics Score)
ประเดน็ การประเมนิ ค่าน้ำหนกั แนวทางการให้คะแนน
คะแนน
การใหค้ ะแนนตอบ ตอบคำถามท้ายกิจกรรมที่ 5.7 ถูกตอ้ ง จำนวน 3-4 ขอ้
คำถามท้าย 3 ตอบคำถามท้ายกิจกรรมท่ี 5.7 ถกู ตอ้ ง จำนวน 2 ขอ้
กิจกรรมที่ 5.7 2 ตอบคำถามทา้ ยกิจกรรมท่ี 5.7 ถกู ต้อง จำนวน 1 ขอ้ หรอื ไมถ่ ูกต้อง
1 นำข้อมลู ท่ีได้จากการสบื คน้ เกย่ี วกับผลของปฏกิ ิริยาเคมีต่าง ๆ ทพ่ี บใน
การใหค้ ะแนนการบนั ทกึ ชวี ติ ประจำวันทม่ี ีตอ่ ส่งิ มชี วี ติ และสง่ิ แวดล้อม แล้วนำมาเสนอในตาราง
แบบบนั ทึกการคน้ ควา้ 3 บันทกึ ผลไดช้ ัดเจน ถกู ต้อง ครบทกุ ประเด็นในการบนั ทกึ ผล
นำข้อมลู ที่ได้จากการสบื ค้นเกีย่ วกับผลของปฏิกริ ิยาเคมีต่าง ๆ ท่พี บใน
กิจกรรมท่ี 5.7 2 ชวี ิตประจำวนั ทีม่ ตี ่อสิ่งมชี วี ิตและสิง่ แวดลอ้ ม แล้วนำมาเสนอในตาราง
บนั ทึกผลได้ ถูกตอ้ ง แตย่ ังไม่ครบทุกประเดน็ ในการบนั ทกึ ผล
1 นำข้อมูลที่ได้จากการสืบคน้ เกีย่ วกับผลของปฏิกิริยาเคมตี ่าง ๆ ท่ีพบใน
ชวี ิตประจำวนั ทม่ี ตี อ่ สิ่งมีชีวิตและสง่ิ แวดลอ้ ม แล้วนำมาเสนอในตาราง
บนั ทึกผลได้ไม่ถกู ตอ้ ง มีข้อผิดพลาด ในประเด็นการบนั ทึกผล
ประเดน็ การประเมนิ คา่ น้ำหนกั แนวทางการใหค้ ะแนน
คะแนน
การให้คะแนนพฤติกรรม 1) นักเรียนมคี วามสนใจและมุง่ มน่ั ในการทำกจิ กรรม ให้ความรว่ มมือ
ความม่งุ มั่นและความ 3 และปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนการเรยี นรู้เปน็ อยา่ งดี
รบั ผดิ ชอบในการทำ 2) นกั เรียนมีความรับผดิ ชอบทำงานทีไ่ ด้รบั มอบหมายได้ตรงเวลาท่ี
กจิ กรรมการเรียนรู้ 2 กำหนดเปน็ อยา่ งดี
1) นักเรียนสนใจและม่งุ มนั่ ในการทำกจิ กรรมเป็นบางครง้ั และมีการคยุ
1 กนั เลน่ ขณะการเรยี นรู้ แต่ไมก่ ระทบผู้อนื่
2) นกั เรียนมีความรบั ผิดชอบทำงานทีไ่ ด้รับมอบหมายตรงตามเวลาที่
กำหนด แต่เกิดปัญหาระหวา่ งการทำงาน
1) นกั เรยี นขาดความมุง่ ม่ันและไมส่ นใจในการเรียน มีพฤติกรรมชอบคยุ
ชอบเล่นหรอื นอนหลบั ขณะการเรียนการสอน
2) นกั เรยี นขาดความรับผิดชอบในงานที่ได้รับมอบหมายไม่ตรงตาม
กำหนดเวลาท่ีตกลงไว้
9.2 ระดับคุณภาพ หมายถึง ดมี าก
คะแนนรวมเฉลี่ย 3.00 หมายถึง ดี
คะแนนรวมเฉลี่ย 2.00 - 2.99 หมายถึง พอใช้
คะแนนรวมเฉลยี่ 0.01 - 1.99
ดงั น้นั นักเรยี นตอ้ งไดค้ ะแนนเฉลี่ยทุกประเดน็ การประเมิน ไม่ต่ำกวา่ 2.00 แสดงระดบั
คณุ ภาพ ดี ถอื วา่ ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ในแผนการจดั การเรียนที่ 7
สอ่ื การเรียนรูแ้ ผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 7: สือ่ วีดิทัศน์
คลปิ วีดีทศั น์: การเผาไหม้
สื่อวีดิทัศน์เรื่อง การเผาไหม้ อธิบายเกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาเคมีระหว่างแก๊สออกซิเจนกับสารประเภท
เชือ้ เพลิง
แหล่งทีม่ า: เว็บไซตอ์ ้างอิง ipst.me/10607
เผยแพรเ่ ม่อื 30 สิงหาคม พ.ศ. 2562
(เจ้าของผลงาน สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.))
สอ่ื การเรียนร้แู ผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 7: ส่ือวีดทิ ัศน์
คลปิ วีดีทัศน์: การเกิดฝนกรด
ส่อื วีดทิ ัศนเ์ ร่ือง การเกิดฝนกรด อธิบายเกย่ี วขอ้ งกับการเกิดฝนกรดในธรรมชาตแิ ละผลกระทบของฝน
กรดต่อสิง่ มชี ีวิตและส่ิงแวดลอ้ ม
แหลง่ ท่มี า: เวบ็ ไซต์อา้ งองิ ipst.me/10649
เผยแพร่เม่อื 2 กนั ยายน พ.ศ. 2562
(เจ้าของผลงาน สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (สสวท.))
สือ่ การเรียนร้แู ผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 7: สอ่ื วีดิทัศน์
คลิปวีดีทศั น์: การสงั เคราะห์ดว้ ยแสง
สอ่ื วีดิทัศนเ์ รือ่ ง การสงั เคราะหด์ ้วยแสง อธบิ ายเกีย่ วขอ้ งกบั การสรา้ งอาหารของพืชโดยการสังเคราะห์
ดว้ ยแสง
แหลง่ ทมี่ า: เวบ็ ไซต์อา้ งอิง ipst.me/10650
เผยแพรเ่ มอ่ื 2 กันยายน พ.ศ. 2562
(เจา้ ของผลงาน สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.))
สือ่ การเรียนรู้แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 7: ใบกจิ กรรมที่ 5.7
ใบกจิ กรรมที่ 5.7 ปฏกิ ิริยาเคมมี ีผลตอ่ สิง่ มีชวี ติ และสิ่งต่าง ๆ รอบตวั อยา่ งไร
หนงั สอื เรยี นรายวชิ าพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 3 เลม่ 2 ตามหลกั สูตรแกนกลาง
การศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธกิ าร หน้า 26
กิจกรรมที่ 5.7 ปฏกิ ริ ยิ าเคมีมผี ลต่อสง่ิ มีชีวิตและสง่ิ ตา่ ง ๆ รอบตัวอย่างไร?
จุดประสงค์ 1. สบื ค้นและอธิบายเกี่ยวกบั การเกิดปฏิกริ ิยาการเผาไหม้ การเกิดฝนกรด และ
การสังเคราะห์ดว้ ยแสงพร้อมทัง้ บอกประโยชน์และโทษของปฏิกริ ิยาเหลา่ นี้
2. อภิปรายและเสนอแนวทางการปอ้ งกันและแกไ้ ขปญั หาทเ่ี กดิ จากปฏิกริ ิยาเคมี
ท่มี ีผลตอ่ ส่งิ มีชีวติ และสิ่งต่าง ๆ รอบตวั
วสั ดุอุปกรณ์ อุปกรณท์ ่ใี ช้ในการสืบค้น เช่น โทรศัพทเ์ คลอ่ื นที่ คอมพิวเตอร์
วิธดี าเนิน 1. สบื คน้ ข้อมูลการเกิดปฏกิ ริ ิยาการเผาไหม้ การเกดิ ฝนกรด และการสงั เคราะห์
กิจกรรม ดว้ ยแสง พรอ้ มบอกประโยชนแ์ ละโทษของปฏิกิริยาเหลา่ นี้ จากนั้นรว่ มกนั อภปิ ราย บนั ทกึ
ผล
2. รว่ มกันอภิปรายแนวทาการป้อกนั และแกไ้ ขปัญหาที่เกิดจากปฏิกริ ยิ าเคมีทมี่ ีผลต่อ
สงิ่ มีชวี ิตและส่ิงตา่ ง ๆ รอบตวั และนาเสนอ
ข้อเสนอแนะ • ครอู าจมอบหมายให้นักเรียนสบื คน้ ขอ้ มูลล่วงหน้า โดยแนะนำแหล่งขอ้ มูลสำหรับการ
ในการทา สืบค้นท่นี า่ เช่ือถอื ใหน้ กั เรยี น
กิจกรรม
ส่อื การเรยี นร/ู้ • กรมควบคุมมลพษิ กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ้ ม. สารกรดในบรรยากาศ :
แหล่งเรียนรู้ มลพษิ ไร้พรมแดน. สบื ค้นเมื่อ 30 กรกฎาคม 2562, จาก
http://www.pcd.go.th/info_serv/air_aciddeposition.html
• โครงการสารานกุ รมไทยสำหรบั เยาวชน โดยพระราชประสงค์พระบาทสมเด็จพระ
เจ้าอยู่หัว.การเผาไหม้เช้อื เพลิงทำให้เกิดมลพษิ . สืบค้นเม่อื 30 กรกฎาคม 2562, จาก
http://saranukromthai.or.th/sub/book/book.php?book=15&chap=9&page=t15-
9-infodetail02.html
คำถามท้ายกิจกรรม
1. ปฏกิ ริ ยิ าการเผาไหม้ การเกดิ ฝนกรด และการสงั เคราะห์ด้วยแสงเกดิ ขน้ึ ได้อยา่ งไร มีสารใดเป็นสารตั้งต้น
สารใดเป็นผลติ ภัณฑ์ และเขียนเป็นสมการขอ้ ความไดอ้ ย่างไร
2. ปฏิกิรยิ าการเผาไหม้ การเกิดฝนกรด และการสังเคราะหด์ ้วยแสง มีประโยชนแ์ ละโทษอย่างไร
3. แนวทางการปอ้ งกันและแก้ไขปัญหาที่เกิดจากปฏิกริ ิยาเคมที ี่มผี ลตอ่ ส่งิ มีชวี ติ และส่ิงตา่ ง ๆ รอบตวั
เปน็ อย่างไร
4. จากกจิ กรรม สรปุ ได้ว่าอยา่ งไร แบบบนั ทึกการค้นคว้ากิจกรรมท่ี 5.7
สื่อการเรยี นรแู้ ผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 7:
แบบบนั ทึกการคน้ ควา้ กิจกรรมท่ี 5.7 ปฏิกิรยิ าเคมีมผี ลต่อสงิ่ มีชวี ิตและสิง่ ตา่ ง ๆ รอบตวั อยา่ งไร
การสังเคราะห์ การเกิดฝนกรด ปฏิกิริยา ปฏกิ ริ ยิ าเคมี
ดว้ ยแสง การเผาไหม้
การเกิดปฏกิ ิรยิ า
ประโยชน์
โทษ แนวทางการป้องกนั
การให้คะแนน ้ดานกระบวนการ (P) แนวทางบัน ึทกการ ้คนค ้วา ิกจกรรมที่ 5.7 ป ิฏ ิก ิรยาเค ีม ีมผล ่ตอ ่สิง ีมชี ิวตและสิ่ง ่ตาง ๆ รอบ ัตวอย่างไร ปฏกิ ริ ิยาเคมี การเกิดปฏกิ ิรยิ า ประโยชน์ โทษ แนวทางการปอ้ งกัน
ปฏิกิริยา เกดิ จากการทำปฏกิ ิริยาระหว่างแก๊ส ความรอ้ นที่ได้จากปฏิกิริยา ทำให้เกิดแกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ ลดการใชเ้ ชื้อเพลงิ เลิกการเผา
การเผาไหม้ ออกซิเจนกบั สารประเภทเชอ้ื เพลงิ การเผาไหม้สามารถนำไปใช้ ทเ่ี ปน็ สาเหตหุ น่ึงของภาวะเรอื น ป่าและการเผาขยะ
โดยต้องใชค้ วามร้อนในการเรม่ิ ต้น ประโยชน์ในดา้ นต่าง ๆ เช่น กระจก และอาจเกิดเขม่าและแก๊ส
การเกิดฝนกรด ปฏิกริ ยิ า และไดผ้ ลติ ภณั ฑช์ นดิ ใช้ผลติ พลังงานไฟฟา้ เปล่ียนเป็น คารบ์ อนมอนอกไซด์ ซึ่งเมอื่ ลดการใช้เชอื้ เพลิงโดยใชร้ ะบบ
ตา่ ง ๆ พรอ้ มท้งั ความร้อนและแสง พลงั งานในการขบั เคลือ่ น หายใจเขา้ ไปจะเกดิ อนั ตรายต่อ ขนสง่ สาธารณะแทนการใช้
โดยชนดิ ของผลิตภณั ฑท์ ่ไี ดข้ ้ึนอยู่กับ รถยนตห์ รอื ใชใ้ นการประกอบ ส่งิ มีชวี ติ รถยนตส์ ว่ นบคุ คล เลือกใช้
เอกงดิ คจ์ปารกะปกฏอกิ บิรขิยอางรเะชห้ือวเพ่างลนิง้ำฝนกับ อาหาร พลังงานทดแทนแทนการใช้
ออกไซด์ของไนโตรเจน หรอื เกดิ อาการระคายเคอื งต่อ พลังงานจากเชอ้ื เพลงิ
ออกไซดข์ องซลั เฟอร์ ได้สารละลายท่ี เย่อื บุตา่ ง ๆ คันตามผิวหนัง แสบ
มคี า่ พีเอช ตา ทำให้พืชแหง้ และตาย ทำให้
ตำ่ กวา่ 5.6 โครงสรา้ งของอาคารทท่ี ำดว้ ย
โลหะและปนู ผุกร่อน ความเป็น
กรดของแหลง่ นำ้ และดินเพ่ิมขน้ึ
แนบท้ายแผนการ ัจดการเรียน ู้ร ี่ท 7: การสังเคราะห์ เกิดจากปฏิกริ ิยาระหว่างแกส๊ ได้น้ำตาลซึง่ จำเป็นต่อการ
ด้วยแสง คาร์บอนไดออกไซด์กบั น้ำ โดยมี เจริญเตบิ โตของพชื และแก๊ส
แสงและคลอโรฟลิ ลช์ ่วยในการ ออกซิเจนซึง่ จำเปน็ ต่อการ
เกดิ ปฏกิ ริ ิยา ได้ผลติ ภณั ฑเ์ ปน็ ดำรงชวี ิตของงมชี ีวิตอื่น
น้ำตาลและแกส๊ ออกซเิ จน กระบวนการน้ียังชว่ ยลดปรมิ าณ
แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ซึง่ เป็น
สาเหตหุ นง่ึ ของภาวะโลกรอ้ น
อกี ดว้ ย
แนบท้ายแผนการจดั การเรียนรู้ที่ 7: การให้คะแนนดา้ นความรู้ (K)
เฉลยใบกิจกรรมที่ 5.7 ปฏกิ ิริยาเคมีมผี ลต่อสงิ่ มีชวี ิตและสิ่งต่าง ๆ รอบตวั อยา่ งไร
เฉลยคำถามทา้ ยกิจกรรม
1. ปฏกิ ริ ยิ าการเผาไหม้ การเกิดฝนกรด และการสังเคราะห์ด้วยแสงเกดิ ข้นึ ไดอ้ ย่างไร มีสารใดเป็นสารต้งั ต้น
สารใดเป็นผลติ ภัณฑ์ และเขียนเป็นสมการข้อความไดอ้ ย่างไร
แนวคำตอบ การเผาไหม้เกิดจากการทำปฏิกิริยาระหวา่ งเชอ้ื เพลิงและแกส๊ ออกซเิ จน ในกรณีที่เช้อื เพลงิ
เปน็ สารประกอบไฮโดรคารบ์ อน การเผาไหมจ้ ะมีสารประกอบไฮโดรคาร์บอนและแก๊สออกซิเจนเป็นสารตงั้ ตน้
ถา้ เกดิ การเผาไหม้อย่างสมบูรณ์ จะได้น้ำและแกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์เป็นผลติ ภัณฑ์ เขยี นเปน็ สมการข้อความได้ ดังนี้
สารประกอบไฮโดรคารบ์ อน + แก๊สออกซิเจน → น้ำ + แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์
ฝนกรด เกดิ จากการทำปฏิกริ ยิ าระหวา่ งนำ้ และออกไซดข์ องไนโตรเจนหรอื ออกไซดข์ องซัลเฟอร์
ไดส้ ารละลายที่มคี า่ พีเอชนอ้ ยกว่า 5.6 โดยปฏิกริ ิยานมี้ นี ้ำและออกไซดข์ องไนโตรเจนหรอื ออกไซดข์ องซลั เฟอร์
เป็นสารตง้ั ต้น ไดก้ รดไนตรกิ หรือกรดซัลฟิวรกิ เปน็ ผลติ ภัณฑ์ สามารถเขียนเปน็ สมการขอ้ ความได้ ดังน้ี
แกส๊ ไนโตรเจนไดออกไซด์ + น้ำ → กรดไนตรกิ + แกส๊ ไนโตรเจนมอนอกไซด์
แก๊สซลั เฟอรไ์ ตรออกไซด์ + นำ้ → กรดซัลฟวิ ริก
การสังเคราะห์ดว้ ยแสงเปน็ กระบวนการสรา้ งอาหารของพชื เกิดจากการทำปฏกิ ิรยิ าระหว่างน้ำและ
แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ โดยมแี สงและคลอโรฟิลล์ชว่ ยในการเกดิ ปฏิกิริยา ปฏิกิริยานีม้ นี ำ้ และแกส๊
คารบ์ อนไดออกไซด์เป็นสารตงั้ ต้น น้ำตาลและแก๊สออกซิเจนเปน็ ผลิตภณั ฑ์ สามารถเขยี นเปน็ สมการ
ข้อความได้ ดังน้ี
พลงั งานแสง
น้ำ + แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ → น้ำตาล + แก๊สออกซิเจน
คลอโรฟิลล์
2. ฏิกิริยาการเผาไหม้ การเกิดฝนกรด และการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง มปี ระโยชนแ์ ละโทษอย่างไร
แนวคำตอบ การเผาไหม้จะให้ความรอ้ นซงึ่ สามารถนำไปใชป้ ระโยชน์ในดา้ นต่าง ๆ เชน่ ใช้ผลิต
พลงั งานไฟฟ้า เปลยี่ นเปน็ พลงั งานในการขบั เคลื่อนรถยนต์ หรอื ใชใ้ นการประกอบอาหาร แตก่ ารเผาไหม้
กท็ ำให้เกดิ แกส๊ คาร์บอนไดออกไซดท์ เี่ ป็นสาเหตุหน่งึ ของภาวะเรอื นกระจก ทำให้อณุ หภูมิเฉลยี่ ของโลกสงู ขึ้น
นอกจากนอี้ าจก่อให้เกิดเขม่าและแกส๊ คาร์บอนมอนอกไซด์ ซง่ึ เมอ่ื หายใจเข้าไปจะเกิดอนั ตรายตอ่ ส่งิ มชี วี ิตอกี ด้วย
ฝนกรดทำให้เกดิ อาการระคายเคอื งตอ่ เย่ือบุตา่ ง ๆ คันตามผิวหนัง แสบตา ทำให้พชื แหง้ และตาย
ทำให้โครงสร้างอาคารทท่ี ำด้วยโลหะและปูนผุกร่อน ทำใหค้ วามเป็นกรดของแหลง่ นำ้ และดนิ เพ่มิ ข้ึน ส่งผลตอ่
พชื และสตั วท์ ี่ดำรงชีวิตในแหลง่ นำ้
การสงั เคราะห์ดว้ ยแสงของพืชนอกจากจะไดน้ ้ำตาลซง่ึ จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช แล้วยงั ได้แก๊ส
ออกซเิ จนซงึ่ จำเปน็ ต่อการดำรงชวี ติ ของสง่ิ มชี ีวิตอนื่ ๆ กระบวนการน้ียงั ช่วยลดปริมาณแกส๊
คาร์บอนไดออกไซด์ ซงึ่ เป็นสาเหตุหน่งึ ของภาวะโลกรอ้ นอีกดว้ ย
3. แนวทางการปอ้ งกันและแกไ้ ขปัญหาทเี่ กิดจากปฏิกริ ยิ าเคมีทม่ี ผี ลตอ่ สิ่งมีชวี ิตและส่ิงต่าง ๆ รอบตัวเป็นอย่างไร
แนวคำตอบ ลดการใช้เชื้อเพลงิ เลิกการเผาป่าและการเผาขยะ ใชร้ ะบบขนส่งสาธารณะแทนการใช้
รถยนต์ส่วนบคุ คล ตดิ ตั้งระบบกำจัดแก๊สทเ่ี ปน็ สาเหตขุ องการเกดิ ฝนกรดในโรงงานอุตสาหกรรมกอ่ นปลอ่ ยออก
สชู่ น้ั บรรยากาศ เลอื กใชพ้ ลังงานทดแทนแทนการใช้พลงั งานจากเชอ้ื เพลิง
4. จากกิจกรรม สรปุ ได้วา่ อยา่ งไร
แนวคำตอบ ปฏกิ ริ ยิ าเคมีท่พี บทว่ั ไปในส่ิงแวดลอ้ มมหี ลายชนดิ เช่น การเผาไหม้ การเกดิ ฝนกรด
การสงั เคราะห์ด้วยแสง ปฏิกริ ยิ าเคมเี หล่านม้ี ที ั้งท่ีเป็นประโยชน์และเปน็ โทษตอ่ สิง่ มีชีวิตและสิ่งต่าง ๆ รอบตัว
การเลอื กใชป้ ฏิกิรยิ าเคมใี นการทำกจิ กรรมต่าง ๆ ของมนษุ ย์จึงควรคำนึงถงึ ผลกระทบตอ่ สงิ่ แวดล้อม ตลอดจน
รจู้ กั วธิ ีควบคุม ปอ้ งกัน และแก้ปญั หาทเ่ี กิดขึ้น
แนบท้ายแผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 7: แผนผงั มโนทัศน์
แผนผงั มโนทศั น์ส่งิ ท่ไี ดเ้ รยี นร้จู ากบทเรยี นปฏกิ ิรยิ าเคมี
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 8
เรอ่ื ง ออกแบบวิธกี ารลดปริมาณแก๊สเรือนกระจก รหสั วิชา ว23102 เวลา 1 ช่ัวโมง
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 5 ชือ่ หน่วยการเรียนรู้ ปฏิกิรยิ าเคมแี ละวสั ดุในชีวิตประจำวนั รวม 17 ชวั่ โมง
กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรยี นที่ 2
สาระที่ 2 ช่อื สาระ วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว 2.1
1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชีว้ ดั
ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ความสัมพนั ธร์ ะหว่างสมบตั ขิ องสสารกบั โครงสร้าง
และแรงยึดเหนีย่ วระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสารการเกดิ สารละลาย
และการเกิดปฏิกิริยาเคมี
ตัวชว้ี ัด
ว 2.1 ม.3/8 ออกแบบวธิ ีแก้ปญั หาในชีวิตประจำวัน โดยใชค้ วามร้เู ก่ียวกับปฏิกิรยิ าเคมี โดยบูรณาการ
วทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และวิศวกรรมศาสตร์
2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
1) ความรู้เกี่ยวกับปฏิกิริยาเคมี สามารถนำไปใชป้ ระโยชนใ์ นชีวิตประจำวัน และสามารถบูรณาการกับ
คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และวิศวกรรมศาสตร์เพื่อใช้ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพตามต้องการหรืออาจสร้าง
นวัตกรรม เพื่อป้องกันและแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากปฏิกิริยาเคมี โดยใช้ความรู้เกี่ยวกับปฏิกิริยาเคมี เช่น
การเปลยี่ นแปลงพลังงาน ความรอ้ นอันเนือ่ งมาจากปฏกิ ิริยาเคมี การเพิม่ ปรมิ าณผลผลติ
3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ นกั เรียนอธิบายการสรา้ งนวัตกรรมท่ีเกี่ยวกับปฏกิ ิริยาเคมโี ดยบรู ณาการ
1) ดา้ นความรู้ (K) วิทยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ เทคโนโลยี และกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม
นกั เรียนใช้ทกั ษะการจดั กระทำและสื่อความหมายขอ้ มูล โดยนำเสนอขอ้ มลู
2) ด้านทกั ษะ (P) ทีไ่ ดจ้ ากการออกแบบวธิ ีการลดปรมิ าณแก๊สเรือนกระจก
นักเรียนมีความมงุ่ มัน่ และรบั ผิดชอบในการทำงาน
3) ดา้ นเจตคติ (A)
4. คณุ ลักษณะผู้เรียน
4.1 คณุ ลกั ษณะที่พงึ ประสงค์
รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ อยู่อย่างพอเพียง ซื่อสัตย์สจุ ริต มุ่งมน่ั ในการทำงาน
มีวนิ ยั รักความเปน็ ไทย ใฝเ่ รยี นรู้ มจี ิตสาธารณะ
5. ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียน
ความสามารถในการส่อื สาร: นกั เรียนสามารถส่ือสาร โดยการนำเสนอวิธกี ารแกป้ ญั หา หรอื ผลของ
นวตั กรรมทพี่ ัฒนาได้ โดยใช้ความรเู้ กยี่ วกับปฏกิ ิริยาเคมี โดยใช้วิธกี ารสือ่ สารทเี่ หมาะสม
ความสามารถในการคดิ : นักเรยี นสามารถคิด โดยวเิ คราะหป์ ญั หา แกป้ ญั หา และพฒั นานวัตกรรม
โดยใช้ความรูเ้ กยี่ วกบั ปฏิกริ ิยาเคมี
6. สาระการเรียนรู้
ผลปฏกิ ิรยิ าเคมีตอ่ ชีวิตและส่ิงแวดลอ้ ม
ทำให้เกิดปฏิกิริยาเคมี ซึ่งบางปฏิกิริยาทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งมี
ผลกระทบตอ่ สง่ิ แวดล้อมดงั นี้
ปรากฏการณเ์ รอื นกระจก (greenhouse gases) เกิดจากแก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ (CO2) แก๊สมีเทน
(CH4) แก็สไดไนโตรเจนมอนอกไซด์ (N2O) และแก๊สที่มีฟลูออรีนเป็นองค์ประกอบ (fluorinated gases)
เช่น คลอโรฟลูออโรคาร์บอน (CFCS) ซึ่งเป็นแก็สที่พบในบรรยากาศโลก เนื่องจากการกิจกรรมอนั หลากหลาย
ของมนษุ ย์ เม่ือได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์ รงั สอี ลั ตราไวโอเลต (UV) จากดวงอาทิตยม์ ีพลังงานสูงทะลุผ่านชั้น
ก๊าซเรอื นกระจก เมอ่ื ผิวโลกรอ้ นขึ้นจะคายพลังงานความรอ้ นในรปู ของรังสอี ินฟาเรด ซึ่งมีพลงั งานตำ่ ไม่สามารถ
ทะลผุ ่านชน้ั ก๊าซเรือนกระจกออกไปได้ ทำใหอ้ ุณหภูมิของโลกสูงขึ้น คาดว่าอกี ประมาณ 100 ปขี ้างหน้าอุณหภูมิ
ของโลกจะสูงขึน้ 1- 5 องศาเซลเซียส ส่วนใหญ่ก๊าซที่ทำให้เกิดชั้นเรือนกระจก ได้แก่ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
(CO2) เกิดปรากฎการณ์เรือนกระจกได้ถึง 57 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงเป็นส่วนใหญ่
ดงั สมการ
สารเช้ือเพลิง + กา๊ ซออกซเิ จน + กา๊ ซคาร์บอนไดออกไซด์ + ไอน้ำ
ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ท่ีเพิ่มขึน้ เกิดจากกิจกรรมตา่ ง ๆ เช่น โรงงานอตุ สาหกรรม การเผาไหม้
เชอ้ื เพลงิ จากยานพาหนะ การตดั ไม้ทำลายปา่ การเผาปา่
แนวทางในการป้องกันปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทีเ่ พิ่มขึ้น เช่น ควบคุมเครื่องยนต์ในยาพาหนะ
ให้มีสภาพดี และเลือกใช้น้ำมันเชื้อเพลิงคุณภาพดี ลดปริมาณการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล แก้ไขปัญหาจราจร
หนาแน่นปฏบิ ัติตามกฎหมายเกี่ยวกับเรือ่ งควบคุมปริมาณควันไอเสียของโรงงาน และยานพาหนะสู่บรรยากาศ
ไมต่ ดั ไม้ทำลายป่า เผาป่า และเผาฟางขา้ วในนา กำจดั ขยะใหถ้ ูกวิธี หลกี เลี่ยงการเผาขยะ กา๊ ซโอโซนถูกทำลาย
การทีก่ ๊าซโอโซนถกู ทำลายทำให้บรรยากาศของโลกมีอุณหภมู ิสงู ขน้ึ เป็นต้น
7. กิจกรรมการเรยี นรู้
ใช้รปู แบบการจดั การเรียนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Cycles: 5Es) (1 ชั่วโมง; 60นาที)
ข้ันท่ี 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engagement) (10 นาที)
1) ครูกระตนุ้ ความสนใจของนกั เรียน เกย่ี วกบั เร่ือง ผลปฏกิ ริ ยิ าเคมตี ่อชวี ิตและสง่ิ แวดล้อม
โดยใช้สอ่ื วีดทิ ัศน์เรอ่ื ง เขา้ ใจ "ภาวะเรือนกระจก" ใน 2 นาที - วทิ ยาศาสตร์รอบตวั (สืบคน้ ได้จาก
https://www.youtube.com/watch?v=jUkWypOxKbM)
2) ครูและนกั เรยี นพดู คุยแลกเปลย่ี นถงึ ปัญหาและสิ่งที่เกดิ ขึ้นจากปรากฏการณเ์ รอื นกระจก วา่
มีผลกระทบตอ่ ส่งิ มีชีวิตและสิ่งแวดลอ้ มอย่างไร
3) ครูเชื่อมโยงเข้าสู่กิจกรรมท้ายบท ออกแบบวิธีการลดปริมาณแก๊สเรือนกระจกได้อย่างไร
โดยใช้คำถามว่า ผลของปฏิกิริยาเคมีต่อชีวิตและสิ่งแวดล้อม มีปรากฏการณ์หรือสถานการณ์ใดที่เห็นชัดใน
ปัจจุบัน และส่งผลกระทบอย่างไรต่อการดำรงชวี ิตของมนุษย์ (นกั เรียนตอบตามความเขา้ ใจ)
ข้ันที่ 2 ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration) (20 นาที)
4) นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม จุดประสงค์ และวิธีดำเนินกิจกรรม ตามหนังสือเรียนรายวิชา
พื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เล่ม 2 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ หน้า 24 และครูตรวจสอบความ
เข้าใจการอา่ น โดยใชค้ ำถามดังต่อไปน้ี
- กจิ กรรมนี้เก่ยี วกบั เร่อื งอะไร (ออกแบบวธิ ีการลดปรมิ าณแก๊สเรือนกระจก)
- กิจกรรมนี้มีจุดประสงค์อะไร (ออกแบบวิธีการลดปริมาณแก๊สเรือนกระจก โดยใช้ความรู้
เกย่ี วกับปฏิกริ ิยาเคมี บรู ณาการกบั คณติ ศาสตร์ เทคโนโลยี และกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม)
- วธิ ดี ำเนนิ กิจกรรมมขี ้นั ตอนโดยสรปุ อย่างไร (ร่วมกันอภปิ รายสถานการณ์ จากน้ันระบุปัญหา
ที่พบในสถานการณ์ที่กำหนดให้ แล้ววิเคราะห์สาเหตุของปัญหา สืบค้นวิธีแก้ปัญหาที่เป็นไปได้หลาย ๆ วิธี
เลือกออกแบบวธิ แี กป้ ญั หา อธบิ ายเหตผุ ลในการออกแบบ และนำเสนอวธิ ีแก้ปัญหาในรปู แบบต่าง ๆ ทน่ี ่าสนใจ)
- ข้อเสนอแนะในการทำกิจกรรมมีอะไรบ้าง (นักเรียนสืบค้นข้อมูลล่วงหน้า โดยสืบค้นแหล่ง
ค้นควา้ ท่นี า่ เชื่อถือให้นักเรียน)
5) ขณะท่ีนักเรียนแตล่ ะกลุ่มทำกิจกรรม ครูเดินสังเกตการทำกจิ กรรมของนักเรียนแต่ละกลุ่ม
และให้คำแนะนำ ถ้านักเรียนมีข้อสงสัยในประเด็นต่าง ๆ ที่อาจเป็นปัญหา ซึ่งครูควรรวบรวมปัญหา และข้อ
สงสยั ท่พี บจากการทำกิจกรรมของนักเรยี นเพื่อใชเ้ ป็นขอ้ มูลประกอบการอภิปรายหลังจากการทำกิจกรรม
ข้นั ที่ 3 ขน้ั อธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) (10 นาที)
6) นกั เรยี นบนั ทึกการทำกจิ กรรมลงในแบบบนั ทึกการค้นคว้ากิจกรรมท้ายบท ออกแบบวิธกี าร
ลดปรมิ าณแกส๊ เรอื นกระจกไดอ้ ย่างไร โดยการตอบคำถามทา้ ยกจิ กรรม และร่วมกนั สรปุ ผลของกจิ กรรม
ขัน้ ท่ี 4 ขนั้ ขยายความรู้ (Elaboration) (10 นาที)
7) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผล เพื่อให้ได้ข้อสรุปจากกิจกรรมว่า การแก้ปัญหาใน
สถานการณ์น้ี ตอ้ งใช้ความร้ดู ้านวิทยาศาสตร์เพื่อหาปฏิกริ ิยาเคมีที่สามารถลดปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์
ต้องใช้ความรู้ด้านคณิตศาสตร์ในการคำนวณหาปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ที่ลดลงด้วยวิธีต่าง ๆ ต้องใช้
ความรู้ด้านเทคโนโลยีในการสืบค้นและออกแบบ และใช้กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมในการดำเนินงาน
เพอื่ แก้ปัญหาอยา่ งเป็นระบบ
ขนั้ ท่ี 5 ขั้นประเมิน (Evaluation) (10 นาที)
8) นักเรียนตรวจสอบการทำแบบบันทกึ การคน้ ควา้ และส่งตามกำหนดที่วางไว้
9) ครูตรวจสอบการส่งแบบบันทึกการค้นคว้าของนักเรียนและให้คะแนนประเมินตามเกณฑ์
การประเมิน (Rubrics Score)
8. สื่อการเรยี นรู้/แหลง่ เรยี นรู้
8.1 อุปกรณท์ ำกจิ กรรม: อุปกรณท์ ใี่ ช้ในการสืบคน้ เชน่ โทรศัพทเ์ คลือ่ นที่ คอมพวิ เตอร์
8.2 คลปิ วีดิทศั น์: เข้าใจ "ภาวะเรือนกระจก" ใน 2 นาที - วิทยาศาสตรร์ อบตัว
8.3 ใบกิจกรรม: ใบกิจกรรมทา้ ยบท ออกแบบวิธกี ารลดปริมาณแก๊สเรอื นกระจกได้อย่างไร
8.4 แบบบันทึกกิจกรรม: แบบบนั ทกึ การคน้ คว้ากจิ กรรมท้ายบท ออกแบบวิธีการลดปรมิ าณ
แกส๊ เรือนกระจกได้อย่างไร
8.5 แหลง่ เรียนร้:ู หนงั สือเรยี นรายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3
เล่ม 2 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551
(ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธกิ าร
9. การวัดและการประเมนิ
ตัวช้วี ัด/ผลการเรยี นรู้ วธิ ีการวดั เครอื่ งมือวัด เกณฑท์ ใ่ี ชใ้ นการประเมิน
1. อธิบายการสร้างนวตั กรรม - ตรวจการตอบ - คำถามท้ายกิจกรรมทา้ ยบท - ได้ไมน่ อ้ ยกว่า 2 คะแนน
ที่เกย่ี วกบั ปฏกิ ิรยิ าเคมโี ดย คำถามทา้ ยกจิ กรรม ออกแบบวธิ ีการลดปริมาณ ระดบั คณุ ภาพดี ถือว่า
บูรณาการฯได้ ท้ายบท แก๊สเรือนกระจกได้อย่างไร ผ่านการประเมนิ
(ดา้ นความรู้: K) จำนวน 4 ขอ้ ด้านความรู้
2. การใช้ทักษะการจดั กระทำ - ตรวจการทำแบบ - แบบบันทกึ การคน้ ควา้ - ไดไ้ ม่นอ้ ยกวา่ 2 คะแนน
และสอื่ ความหมายข้อมลู บนั ทึกการค้นควา้ กิจกรรมท้ายบทออกแบบ ระดบั คณุ ภาพดี ถือวา่
โดยนำเสนอขอ้ มลู ทีไ่ ด้ กจิ กรรมท้ายบท วธิ ีการลดปริมาณแก๊สเรอื น ผ่านการประเมิน
จากการออกแบบวธิ กี ารลด กระจกไดอ้ ย่างไร ดา้ นกระบวนการ
ปรมิ าณแก๊สเรอื นกระจก
(ด้านกระบวนการ: P)
3. ความมงุ่ มน่ั ในการทำงาน - สังเกตพฤตกิ รรม - เกณฑก์ ารประเมนิ ความ - ไดไ้ ม่นอ้ ยกวา่ 2 คะแนน
และความรบั ผดิ ชอบ ของนักเรยี นระหวา่ ง มงุ่ ม่ันและความรับผดิ ชอบ ระดับคณุ ภาพดี ถือวา่
(ด้านเจตคติ: A) และหลังการจัด ในการทำกจิ กรรมการ ผ่านการประเมนิ
กจิ กรรมการเรยี นรู้ เรียนรู้ ดา้ นเจตคติ
9.1 เกณฑ์การประเมนิ ผลนกั เรยี น เกณฑ์การประเมนิ (Rubrics Score)
ประเดน็ การประเมิน คา่ น้ำหนกั แนวทางการให้คะแนน
คะแนน
การใหค้ ะแนนตอบ ตอบคำถามทา้ ยกิจกรรมท้ายบท ถกู ตอ้ ง จำนวน 4 ข้อ
คำถามท้าย 3 ตอบคำถามทา้ ยกิจกรรมทา้ ยบท ถกู ต้อง จำนวน 3 ขอ้
2 ตอบคำถามท้ายกิจกรรมทา้ ยบท ถกู ต้อง จำนวน 1-2 ขอ้ หรือไม่ถกู ตอ้ ง
กจิ กรรมทา้ ยบท 1
การใหค้ ะแนนการบนั ทกึ บนั ทึกผลการทำกจิ กรรม ในแบบบนั ทึกการคน้ ควา้ ได้ชัดเจน ถูกตอ้ ง
แบบบนั ทกึ การค้นคว้า
3 โดยออกแบบวธิ ีการลดปรมิ าณกา๊ ซเรอื นกระจก มีการอา้ งองิ ขอ้ มูลจาก
กิจกรรมท้ายบท การสืบคน้ ทีน่ า่ เชื่อถอื ได้อย่างสมเหตุสมผล สอดคล้องกับการบรู ณาการ
คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม
บันทกึ ผลการทำกิจกรรม ในแบบบันทกึ การคน้ ควา้ ได้ โดยออกแบบ
2 วธิ ีการลดปรมิ าณก๊าซเรือนกระจก มีการอา้ งองิ ขอ้ มูลจากการสืบคน้ ท่ี
สอดคลอ้ งกับการบรู ณาการความรู้ท่ีเกย่ี วข้องได้
บนั ทกึ ผลการทำกิจกรรม ในแบบบนั ทกึ การคน้ ควา้ โดยออกแบบวธิ ีการ
1 ลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก แตไ่ ม่มกี ารอ้างอิงข้อมูลจากการสืบคน้
สอดคลอ้ งกบั การบรู ณาการความรู้ท่ีเกย่ี วขอ้ งได้
การใหค้ ะแนนพฤติกรรม 3 1) นกั เรยี นมีความสนใจและมงุ่ ม่นั ในการทำกจิ กรรม ให้ความรว่ มมอื
ความมุ่งมั่นและความ และปฏบิ ตั ิตามขั้นตอนการเรยี นรูเ้ ป็นอย่างดี
รับผิดชอบในการทำ 2) นกั เรียนมคี วามรบั ผิดชอบทำงานทไี่ ดร้ บั มอบหมายได้ตรงเวลาท่ี
กจิ กรรมการเรียนรู้ กำหนดเปน็ อย่างดี
2 1) นักเรียนสนใจและม่งุ มน่ั ในการทำกิจกรรมเปน็ บางครง้ั และมีการคุย
กนั เลน่ ขณะการเรยี นรู้ แต่ไมก่ ระทบผอู้ ื่น
2) นักเรยี นมีความรบั ผิดชอบทำงานท่ีไดร้ ับมอบหมายตรงตามเวลาที่
กำหนด แต่เกิดปญั หาระหว่างการทำงาน
1 1) นกั เรียนขาดความมงุ่ มน่ั และไมส่ นใจในการเรยี น มีพฤติกรรมชอบคยุ
ชอบเล่นหรือนอนหลับขณะการเรียนการสอน
2) นักเรียนขาดความรับผิดชอบในงานท่ีได้รบั มอบหมายไม่ตรงตาม
กำหนดเวลาที่ตกลงไว้
9.2 ระดับคุณภาพ
คะแนนรวมเฉลย่ี 3.00 หมายถงึ ดีมาก
คะแนนรวมเฉลย่ี 2.00 - 2.99 หมายถงึ ดี
คะแนนรวมเฉล่ีย 0.01 - 1.99 หมายถงึ พอใช้
ดังน้นั นกั เรียนตอ้ งได้คะแนนเฉลยี่ ทุกประเด็นการประเมนิ ไมต่ ำ่ กวา่ 2.00 แสดงระดบั
คุณภาพ ดี ถือวา่ ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ในแผนการจดั การเรียนที่ 8
สือ่ การเรยี นรู้แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 8: สื่อวีดิทัศน์
คลปิ วีดีทศั น์: เขา้ ใจ "ภาวะเรือนกระจก" ใน 2 นาที - วิทยาศาสตร์รอบตัว
สื่อวีดิทัศน์เรื่อง ภาวะเรือนกระจก อธิบายเกี่ยวข้องกับกระบวนการการเกิดปรากฏการณ์ภาวะเรือน
กระจก (greenhouse effect)
แหล่งท่ีมา: เว็บไซตอ์ ้างอิง
https://www.youtube.com/watch?v=jUkWypOxKbM
เผยแพร่เมื่อ 26 มกราคม พ.ศ. 2562
(ชอ่ งYouTube: SciMathFamily)
สื่อการเรยี นรแู้ ผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 8: ใบกิจกรรมทา้ ยบท
ใบกิจกรรมทา้ ยบท ออกแบบวธิ กี ารลดปริมาณแก๊สเรือนกระจกไดอ้ ย่างไร
หนังสอื เรียนรายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 3 เล่ม 2 ตามหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบับปรบั ปรุงพ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธกิ าร หนา้ 31
กิจกรรมท้ายบท ออกแบบวิธีการลดปรมิ าณแก๊สเรอื นกระจกไดอ้ ยา่ งไร?
จุดประสงค์ ออกแบบวธิ ีการลดปริมาณแก๊สเรือนกระจก โดยใช้ความรเู้ กย่ี วกบั ปฏิกิริยาเคมี
บูรณาการกบั คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม
วสั ดอุ ุปกรณ์ อปุ กรณ์ทีใ่ ช้ในการสบื คน้ เชน่ โทรศพั ทเ์ คล่ือนที่ คอมพวิ เตอร์
สถานการณ์ท่ี
กาหนดให้ แกส๊ เรือนกระจก (greenhouse gases) ได้แก่ แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2)
แก๊สมีเทน (CH4) แก็สไดโนโตรเจนมอนอกไซด์ (N2O) และแก๊สที่มีฟลูออรีนเป็น
องค์ประกอบ (fluorinated gases) เชน่ คลอโรฟลูออโรคารบ์ อน (CFCS) ซึง่ เป็นแก็ส
ที่พบในบรรยากาศโลก แก๊สเหล่านี้สามารถกักเก็บความร้อนไว้ และคายความร้อน
บางส่วนใหแ้ ก่โลก ทาให้อุณหภูมิบนโลกเหมาะสมสาหรับการดารงชีวิตของสิ่งมีชีวิต
ในกรณีท่ีมีแก๊สเหล่านีม้ ากเกินไปจะทาให้ปรากฏการณ์เรือนกระจกรุนแรงข้ึน ส่งผล
ใหเ้ กดิ ภาวะโลกร้อน จากภาพแผนภมู วิ งกลมแสดงปริมาณแก๊สเรอื นกระจกจะพบว่า
แก๊สเรือนกระจกท่ีมปี ริมาณมากท่ีสดุ คือ แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ และเมื่อพิจารณา
ความสัมพันธ์ระหวา่ งปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์และการเปลี่ยนแปลงอุณหภมู ิ
โลกในแต่ละปี ต้งั แตป่ ีพ.ศ.2503 พบการเพ่ิมขน้ึ ของปรมิ าณแก็สคารบ์ อนไดออกไซด์
มีแนวโน้มเดยี วกบั การเปลีย่ นแปลงของอณุ หภมู ิ ดงั ภาพ
ถ้านักเรียนเป็นนักสิ่งแวดล้อม จะออกแบบวิธีการลดปริมาณแก๊ส
คาร์บอนไดออกไซด์ โดยใชค้ วามรู้เรอื่ งปฏิกิรยิ าเคมีได้อย่างไร ซ่ึงวธิ ีท่เี ลือกใช้จะต้อง
เป็นวิธีที่ลดปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซดีได้ในปริมาณมาก สารตั้งต้นที่ใช้ใน
ปฏกิ ิริยาเคมีหาง่าย และได้ผลิตภัณฑท์ ี่ไม่เป็นพิษตอ่ สงิ่ แวดล้อม
ภาพแผนภูมวิ งกลมแสดงปรมิ าณแก็สเรอื นกระจก ปี พ.ศ. 2553
ท่ีมา : United States Environmental Protection Agency (US EPA)
กิจกรรมทา้ ยบท ออกแบบวิธีการลดปริมาณแก๊สเรอื นกระจกไดอ้ ย่างไร?
วิธดี าเนนิ กิจกรรม 1. ร่วมกนั อภิปรายสถานการณ์ จากนั้นระบุปญั หาทีพ่ บในสถานการณน์ ี้ และบันทกึ ผล
2. รวบรวมแนวคดิ ทเี่ ก่ียวข้อง วิเคราะห์สาเหตขุ องปัญหา สืบค้นวิธีแกป้ ัญหาทเี่ ป็นไปได้
ข้อเสนอแนะใน หลาย ๆ วธิ ี ตลอดจนวิเคราะหค์ วามเป็นไปไดข้ องแตล่ ะวธิ ี
การทากจิ กรรม 3. ร่วมกันอภิปรายและเลอื กวิธแี กป้ ญั หาให้เป็นไปตามเงื่อนไขทก่ี าหนด
ส่ือการเรยี นรู/้ 4. ออกแบบวธิ แี กป้ ัญหา อธิบายเหตุผลในการออกแบบทส่ี อดคลอ้ งกับเงอ่ื นไขท่ีกาหนด
แหลง่ เรียนรู้ และบันทกึ ผล
5. นาเสนอวธิ แี ก้ปญั หาในรูปแบบต่าง ๆ ทนี่ า่ สนใจ
• ครูอาจมอบหมายใหน้ ักเรียนสืบค้นขอ้ มูลลว่ งหน้า โดยแนะนาแหลง่ ข้อมลู สาหรับการสืบค้น
ที่นา่ เช่อื ถอื ให้นกั เรียน
• การปลอ่ ยกา๊ ซคารบ์ อนไดออกไซด์ (CO2) จากการใช้พลงั งานปี 2561 สานักงานนโยบาย
และแผนพลงั งาน กระทรวงพลังงาน. สบื ค้นเม่ือ 13 กมุ ภาพนั ธ์ 2563, จาก
http://www.eppo.go.th/index.php/th/component/k2/item/download/19020_03
bec3b51616b97b8c5427a1faa82f3d
• สถาบนั วิจยั วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่.
สืบคน้ เม่อื 13 กุมภาพนั ธ์ 2563, จาก https://stri.cmu.ac.th/article_detail.php?id=25
• สานักงานการวจิ ัยแห่งชาติ. สบื ค้นเมอ่ื 13 กุมภาพันธ์ 2563, จาก
https://doi.nrct.go.th/ListDoi/Download/155502/85a049310eaf0368423bf785ed0
8927e?Resolve_DOI=10.14456/jem.2015.14
• Thai Journal Online (ThaiJO). สืบคน้ เมือ่ 13 กมุ ภาพนั ธ์ 2563, จาก
https://www.tci-thaijo.org/index.php/JASCI/article/download/146361/107927/
คำถามทา้ ยกจิ กรรม
1. ปญั หาในสถานการณ์นีค้ อื อะไร และเกี่ยวข้องกบั ปฏิกิริยาเคมใี ดบา้ ง
2. ความรู้เกย่ี วกบั ปฏกิ ริ ิยาเคมีสามารถนำไปแก้ปญั หาในสถานการณน์ ไี้ ด้อย่างไร
3. การแกป้ ญั หาในสถานการณน์ ไี้ ด้ใช้ความรวู้ ทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และกระบวนการ
ออกแบบเชิงวิศวกรรมอยา่ งไร
4. วธิ ีการแก้ปญั หาทอี่ อกแบบไว้ มขี อ้ ดี ขอ้ เสียอยา่ งไร เม่ือเปรยี บเทยี บกับวิธแี ก้ปัญหาของกลมุ่ อ่นื และ
มแี นวทางปรบั ปรุงแบบของตนเองอยา่ งไร
ส่ือการเรียนรู้แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 8: แบบบันทกึ การค้นคว้ากจิ กรรมท้ายบท
แบบบันทกึ การค้นควา้ กจิ กรรมทา้ ยบท ออกแบบวิธกี ารลดปรมิ าณแกส๊ เรือนกระจกได้อย่างไร
ช่อื -นามสกุล..........................................................................................ชน้ั .................เลขที่...........กล่มุ ท.่ี ...........
ผลการวิเคราะห์สถานการณท์ ี่กำหนดให้
ปญั หาที่พบในสถานการณ์คอื ..................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
ตารางบนั ทึกผลการสบื ค้น
ชนิดของแกส๊ วธิ กี ารแกป้ ญั หา ความเป็นไปได้ ปริมาณแก๊ส
ของแต่ละวธิ กี าร ทลี่ ดได้
คารบ์ อนไดออกไซด์ …………………………………………………… ……………………………… ……………………………
…………………………………………………… ……………………………… ……………………………
………………………………………………….. ……………………………… ……………………………
คารบ์ อนไดออกไซด์ …………………………………………………… ……………………………… ……………………………
…………………………………………………… ……………………………… ……………………………
………………………………………………….. ……………………………… ……………………………
ผลการออกแบบวธิ แี กป้ ัญหา
อธิบายเหตุผล
..........................................................................................
.........................................................................................
..........................................................................................
.........................................................................................
..........................................................................................
.........................................................................................
..........................................................................................
.........................................................................................
..........................................................................................
.........................................................................................
.........................................................................................
แนบทา้ ยแผนการจดั การเรียนรู้ที่ 8: การให้คะแนนด้านกระบวนการ (P)
แนวทางบันทกึ การค้นคว้ากิจกรรมท้ายบท ออกแบบวธิ ีการลดปรมิ าณแกส๊ เรอื นกระจกไดอ้ ย่างไร
ผลการวิเคราะห์สถานการณท์ กี่ ำหนดให้
ปัญหาทพ่ี บในสถานการณ์คอื อุณหภูมเิ ฉลีย่ ของโลกมีแนวโน้มสงู ขน้ึ ซง่ึ อตั ราการเพ่มิ ขน้ึ ของ
อณุ หภูมิสอดคลอ้ งกบั การเพม่ิ ขน้ึ ของปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ซึง่ เป็นแกส๊ เรอื นกระจกท่มี ีปริมาณมากท่ีสุด
ตารางบันทึกผลการสืบคน้
ชนดิ ของแก๊ส วธิ กี ารแก้ปญั หา ความเป็นไปได้ ปริมาณแก๊ส
ของแตล่ ะวธิ กี าร ที่ลดได้
การดกั จับแก๊สคารบ์ อนไดออกไซดท์ ี่ การศกึ ษาใช้เวลานาน มากกวา่ รอ้ ยละ 90
คาร์บอนไดออกไซด์ ปลอ่ ยออกมาดว้ ยสารละลายโมโนเอ และมตี ้นทุนสูง
ทาโนเอมีน
การปลกู สาหร่ายเพอ่ื ลดแก๊ส ตน้ ทนุ ต่ำ แต่ ข้นึ อย่กู ับชนิดของ
คารบ์ อนไดออกไซด์ คารบ์ อนไดออกไซดจ์ ากการ ประสทิ ธภิ าพนอ้ ยกวา่ สาหร่ายและความ
สงั เคราะห์ดว้ ยแสง เข้มข้นของแกส๊
คาร์บอนไดออกไซด์
ผลการออกแบบวธิ ีแกป้ ัญหา
อธบิ ายเหตุผล
แนบท้ายแผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 8: นักเรยี นสามารถตอบได้หลากหลาย โดยตอ้ งมีเหตผุ ล
สนับสนนุ แนวทางท่ีเลอื ก เชน่ เลือกลดด้วยวิธดี ักจับ
แก๊สคารบ์ อนไดออกไซดท์ ่ปี ล่อยออกมาด้วยสารละลาย
โมโนเอทาโนเอมนี เน่อื งจากเป็นวธิ ที มี่ ปี ระสิทธภิ าพสงู
เม่ือพิจารณาแผนภมู ริ ปู วงกลมท่ีแสดงสัดสว่ นการปลอ่ ย
แกส๊ คาร์บอนไดออกไซดท์ ้ังหมด 260.3 ล้านตัน
ในป2ี 561 พบว่าปรมิ าณแก๊สคาร์บอนไดออกไซดท์ มี่ า
จากภาคอตุ สาหกรรมคิดเป็น 31% ของปริมาณแกส๊
คาร์บอนไดออกไซด์ทัง้ หมดหรือประมาณ 81 ลา้ นตัน
ดงั นัน้ ถ้าตอ้ งการลดปริมาณแก๊สคารบ์ อนไดออกไซดด์ ว้ ย
สารละลายโมโนเอทาโนเอมนี ซึ่งระบุว่าสามารถลดแก๊ส
คารบ์ อนไดออกไซด์ไดม้ ากกว่าร้อยละ 90 แสดงว่าจะ
สามารถลดปรมิ าณแกส๊ คาร์บอนไดออกไซดจ์ าก
ภาคอุตสาหกรรมไดม้ ากกวา่ 72 ล้านตัน
การให้คะแนนด้านความรู้ (K)
เฉลยใบกจิ กรรมท้ายบท ออกแบบวิธีการลดปริมาณแกส๊ เรอื นกระจกไดอ้ ยา่ งไร
เฉลยคำถามทา้ ยกจิ กรรม
1. ปญั หาในสถานการณน์ ีค้ อื อะไร และเกี่ยวขอ้ งกับปฏกิ ิริยาเคมใี ดบา้ ง
แนวคำตอบ ปัญหาปริมาณแกส๊ คาร์บอนไดออกไซดใ์ นบรรยากาศมีปรมิ าณมากเกินไปทำใหเ้ กิดภาวะ
โลกรอ้ นซงึ่ เกี่ยวข้องกบั ปฏกิ ิรยิ าการเผาไหม้
2. ความรู้เกีย่ วกบั ปฏกิ ิริยาเคมีสามารถนำไปแก้ปญั หาในสถานการณ์น้ีไดอ้ ยา่ งไร
แนวคำตอบ ความรเู้ ก่ยี วกับปฏกิ ริ ยิ าเคมีทำให้ทราบวา่ สารใดบา้ งท่ีสามารถทำปฏิกิรยิ ากับแก๊ส
คาร์บอนไดออกไซด์ จึงสามารถเลอื กสารท่ีมปี ระสิทธภิ าพสงู สดุ ภายใต้ข้อจำกัดของสถานการณ์ มาทำ
ปฏกิ ริ ิยาเพอ่ื ลดปรมิ าณแกส๊ คารบ์ อนไดออกไซดใ์ นบรรยากาศ
3. การแก้ปัญหาในสถานการณน์ ไ้ี ด้ใชค้ วามรูว้ ิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และกระบวนการ
ออกแบบเชิงวิศวกรรมอยา่ งไร
แนวคำตอบ การแก้ปัญหาในสถานการณน์ ้ี ตอ้ งใช้ความรดู้ ้านวิทยาศาสตร์เพอ่ื หาปฏกิ ิรยิ าเคมที ี่
สามารถลดปริมาณแกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ ตอ้ งใช้ความรดู้ ้านคณิตศาสตร์ในการคำนวณหาปรมิ าณแก๊ส
คาร์บอนไดออกไซดท์ ่ลี ดลงด้วยวธิ ีต่าง ๆ ต้องใช้ความรดู้ า้ นเทคโนโลยใี นการสืบคน้ และออกแบบ และใช้
กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรมในการดำเนนิ งานเพือ่ แกป้ ัญหาอย่างเป็นระบบ
4. วิธีการแก้ปัญหาทอี่ อกแบบไว้ มขี ้อดี ขอ้ เสียอยา่ งไร เม่อื เปรยี บเทียบกบั วิธแี ก้ปญั หาของกลมุ่ อื่น และมี
แนวทางปรบั ปรงุ แบบของตนเองอย่างไร
แนวคำตอบ นักเรยี นสามารถตอบได้หลากหลาย ข้ึนอยู่กบั การออกแบบวิธกี ารลดปรมิ าณแก๊ส
คารบ์ อนไดออกไซดข์ องแต่ละกลุม่ ตวั อยา่ งเชน่ เลอื กลดด้วยวธิ ีดกั จับแก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ทีป่ ล่อยออกมา
ดว้ ยสารเคมี เชน่ สารละลายโมโนเอทาโนเอมีน วิธนี ม้ี ีขอ้ ดคี อื เปน็ วิธที มี่ ีประสิทธิภาพสูงในการลดปรมิ าณ
แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ แตม่ ีขอ้ เสียคือต้องใช้ตน้ ทุนสงู ซึง่ อาจปรบั ปรงุ ไดโ้ ดยใชส้ ารเคมชี นิดอ่ืนท่ีมีราคาต่ำกว่า
แตย่ งั คงมีสมบตั ิในการดกั จับแกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ไดด้ ีเช่นเดิม
แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ 9
เรอ่ื ง สมบตั ิของพอลิเมอร์ เซรามิก และโลหะ รหัสวชิ า ว23102 เวลา 2 ชวั่ โมง
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 5 ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ ปฏิกิรยิ าเคมีและวัสดใุ นชีวติ ประจำวัน รวม 17 ช่ัวโมง
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 3 ภาคเรยี นที่ 2
สาระที่ 2 ช่อื สาระ วทิ ยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว 2.1
1. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตัวชว้ี ัด
ว 2.1 เขา้ ใจสมบตั ขิ องสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งสมบตั ิของสสารกับโครงสร้าง
และแรงยึดเหนี่ยวระหวา่ งอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลีย่ นแปลงสถานะของสสารการเกดิ สารละลาย
และการเกิดปฏิกริ ิยาเคมี
ตัวช้ีวัด
ว 2.1 ม.3/1 ระบุสมบตั ทิ างกายภาพและการใช้ประโยชนว์ สั ดุประเภทพอลิเมอร์ เซรามิก และวัสดุผสม
โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษแ์ ละสารสนเทศ
2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด
1) พอลิเมอร์ เซรามกิ และวัสดุผสม เป็นวสั ดุท่ีใช้มากในชีวติ ประจำวนั
2) พอลิเมอร์เป็นสารประกอบโมเลกุลใหญ่ที่เกิดจากโมเลกุลจำนวนมากรวมตัวกันทางเคมี เช่น
พลาสติก ยาง เสน้ ใย ซ่ึงเป็นพอลิเมอร์ที่มีสมบัติแตกต่างกัน โดยพลาสตกิ เปน็ พอลิเมอร์ที่ข้ึนรูปเป็นรูปทรงต่าง
ๆ ได้ ยางยืดหยุน่ ได้ สว่ นเส้นใยเป็นพอลเิ มอรท์ ่ีสามารถดงึ เปน็ เสน้ ยาวได้ พอลเิ มอร์จึงใช้ประโยชน์ไดแ้ ตกตา่ งกัน
3) เซรามิกเป็นวัสดุที่ผลิตจากดิน หิน ทราย และแร่ธาตุต่าง ๆ จากธรรมชาติ และส่วนมากจะผ่าน
การเผาที่อุณหภูมิสูง เพื่อให้ได้เนื้อสารที่แข็งแรง เซรามิกสามารถทำเป็นรูปทรงต่าง ๆ ได้ สมบัติทั่วไปของ
เซรามิกจะแข็ง ทนต่อการสึกกร่อนและเปราะ สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ เช่น ภาชนะที่เป็นเครื่องป้ัน
ดินเผา ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนกิ ส์
3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ นักเรยี นระบสุ มบตั ทิ างกายภาพบางประการและการใชป้ ระโยชน์ของวัสดุ
1) ดา้ นความรู้ (K) ประเภทพอลิเมอร์ เซรามกิ และโลหะได้
2) ดา้ นทกั ษะ (P) นักเรยี นใช้ทักษะการตีความหมายขอ้ มูลและลงข้อสรปุ โดยนำข้อมูลจากการ
สงั เกตและการสบื คน้ ข้อมูลมาแปลความหมายเพื่อสรปุ ชนดิ และสมบัติบาง
3) ด้านเจตคติ (A) ประการของพอลเิ มอร์
นกั เรียนตระหนกั ถึงความสำคญั ของการใช้อุปกรณก์ ารทำกิจกรรมได้
4. คุณลักษณะผู้เรียน ซ่ือสตั ย์สุจริต มุง่ ม่ันในการทำงาน
4.1 คุณลักษณะที่พึงประสงค์ ใฝ่เรียนรู้ มจี ิตสาธารณะ
รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ อยู่อย่างพอเพียง
มวี นิ ยั รกั ความเปน็ ไทย
5. ด้านสมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น
ความสามารถในการสอ่ื สาร: นกั เรยี นสามารถสื่อสาร โดยการนำเสนอความหมาย ชนดิ และสมบัติ
ของพอลเิ มอร์
ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี: นักเรยี นสามารถใช้เทคโนโลยี โดยสืบคน้ ข้อมลู เกี่ยวกบั ความหมาย
และชนิดของพอลเิ มอร์บนอินเทอร์เนต็
6. สาระการเรยี นรู้
พอลิเมอร์ เชรามิก และโลหะสมบัติการนำไฟฟา้ ความเหนียวหรอื ความเปราะ และการทนความร้อน
แตกตา่ งกนั นอกจากนยี้ งั มีสมบัตอิ นื่ ๆ เช่น สภาพยดื หยนุ่ ต่างกันด้วย เนอื่ งจากมีโครงสร้างและองค์ประกอบที่
แตกตา่ งกนั การนำวสั ดุไปใชป้ ระโยชนจ์ งึ ต้องพจิ ารณาจากสมบัตขิ องวัสดเุ พอื่ ใหเ้ หมาะสมกับการใชง้ าน
พอลิเมอร์ (polymer) เป็นสารประกอบที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่ เกิดจากสารที่มีโมเลกุลขนาดเล็ก
จำนวนมากมาทำปฏกิ ิริยาเคมกี นั โครงสร้างของพอลเิ มอรท์ ไี่ ด้จะประกอบดว้ ยหนว่ ยซำ้ ๆ ทีเ่ รียกว่า มอนอเมอร์
(monomer) จำนวนมากมายึดเหนี่ยวกัน โครงสร้างของพอลิเมอร์มีทั้งแบบเส้น แบบกิ่ง และแบบร่างแห
ดังภาพ พอลิเมอร์บางชนิดเกิดขึ้นตามธรรมชาติ เช่น แป้งและเซลลูโลสเป็นพอลิเมอร์ที่มีน้ำตาลกลูโคสเป็น
มอนอเมอร์เชื่อมตอ่ กนั พอลเิ มอร์บางชนดิ เกิดขึ้นจากการสังเคราะห์ เชน่ พอลิเอทิลีน เปน็ พอลิเมอร์ท่ีมีเอทิลีน
เปน็ มอนอเมอรเ์ ชอ่ื มต่อกัน
ก. พอลิเมอร์แบบเส้น ข. พอลิเมอร์แบบกิ่ง ค. พอลเิ มอร์แบบร่างแห
ภาพแสดง โครงสรา้ งของพอลเิ มอร์
(อ้างองิ จาก: หนังสอื เรยี นรายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 เลม่ 2 ตามหลักสูตร
แกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ หน้า 41)
พอลิเมอร์มีสมบัติหลากหลาย บางชนิดไม่นำไฟฟ้า เช่น ฉนวนหุ้มสายไฟ บางชนิดเหนียว เช่น
ถงุ พลาสตกิ บางชนดิ ยดื หยนุ่ สงู เช่น ยางรดั ของ บางชนิดไม่ยดื หยุน่ เชน่ ชอ้ นเมลามนี บางชนิดไม่ทนความร้อน
เมื่อได้รับความร้อนแล้วเปลย่ี นแปลง เช่น ขวดนำ้ พลาสติก ขณะท่บี างชนิดทนความรอ้ น เมอื่ ไดร้ บั ความรอ้ นแล้ว
ไม่เปลี่ยนแปลง เช่น เส้นด้าย ช้อนเมลามีน เนื่องจากพอลิมอมีสมบัติที่เหมาะสมต่อการใช้งานในหลากหลาย
รูปแบบ และสามารถนำมาขึ้นรูปเป็นผลิตภัณฑ์รูปทรงต่าง ๆ ได้ง่ายโดยใช้พลังงานความรอ้ นน้อยกว่าเซรามิก
และโลหะ พอลิเมอร์จึงเป็นวัสดุที่นำมาใช้ในชีวิตประจำวันอย่างแพร่หลาย พอลิเมอร์ส่วนใหญ่เหนียว
ไม่นำไฟฟ้าและไม่นำความร้อน เบากว่าเซรามิกและโลหะ ของใช้ในชีวิตประจำวันที่ทำจากพอลิเมอรม์ ี 3 กลุ่ม
ได้แก่ พลาสตกิ ยาง และเส้นใย
พลาสติก (plastic) เป็นพอลิเมอร์ที่มีสมบัติหลากหลายขึ้นอยู่กับโครงสร้างของพลาสติก การ
พิจารณาเลอื กใชพ้ ลาสติก จงึ ควรพิจารณาจากสมบตั ิของพลาสติก เช่น ขวดพอลเิ อทลิ ีน เทเรฟทาเลต หรือขวด
เพ็ต (PET) มสี มบัตโิ ปรง่ ใส มคี วามเหนยี วสูง ป้องกนั การซมึ ผ่านของสารได้หลายชนิด จงึ นิยมนำมาทำขวดบรรจุ
น้ำดื่ม ผลิตภัณฑ์จากพลาสติกที่พบบ่อยในชีวิตประจำวัน เช่น ขวดเพ็ต ขวดพอลิเอทิลีน (PE) ท่อพีวีซี (PVC)
จานเมลามีน ปจั จุบันมีการพฒั นาพลาสติกให้ทนความร้อนได้สูง แตย่ งั คงเหนยี วไม่แตกงา่ ย
ยาง (rubber) เป็นพอลิเมอร์ที่มีสมบัติไม่นำไฟฟ้าและไม่นำความร้อน ทนต่อแรงดึงได้ดี มีสภาพ
ยืดหยนุ่ สงู สามารถคืนกลบั สู่สภาพเดิมไดอ้ ยา่ งรวดเร็วภายหลังจากทไ่ี ด้รับแรงกระทำ จึงนยิ มนำมาใช้ทำยางรัด
ของ ลูกโปง้ ถงุ มอื ยาง ยางรถยนต์ อยา่ งไรกต็ ามยางธรรมชาติยังมีข้อจำกัดในการใช้งาน เนอื่ งจากที่อุณหภูมิสูง
จะออ่ นตวั และทอ่ี ณุ หภมู ิต่ำจะแขง็ กระด้าง ไม่ยดื หยุ่น จึงมกี ารปรบั ปรุงสมบัตใิ ห้เหมาะสมยิ่งขึ้นก่อนนำมาทำ
ผลิตภณั ฑต์ ่าง ๆ
เส้นใย (Fiber) เป็นพอลิเมอร์ที่มีสมบัติไม่นำไฟฟ้าและไม่นำความร้อน มีสภาพยืดหยุ่นและความ
เหนียวแตกตา่ งกนั โดยเสน้ ใยจากธรรมชาติ เช่น เสน้ ใยฝา้ ย เสน้ ใยสับปะรด ปา่ น ปอ ขนแกะ ใยไหม ซ่ึงมีสภาพ
ยืดหยุ่นและความเหนียวต่ำ จึงมีการพัฒนาเส้นใยสังเคราะห์ เช่น พอลิเอสเทอร์ ไนลอน ที่มีสภาพยืดหย่นุ และ
ความเหนียวสูง ซึ่งเสน้ ใยสังเคราะห์เหลา่ น้ี นิยมนำมาทำเครอื่ งนุ่งหม่ แห เชือก
พอลิเมอร์ที่ได้จากธรรมชาติบางชนิดยังมีข้อจำกัดในการใช้งาน และมีปริมาณไม่เพียงพอต่อความ
ต้องการที่เพิ่มขึ้น จึงมีการผลิตพอลิเมอร์สังเคราะห์เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการใช้และปรับปรุงสมบัติให้
เปน็ ไปตามตอ้ งการ เชน่ ยางธรรมชาติไมท่ นนำ้ มัน ไม่ทนความรอ้ น จึงใช้ยางสงั เคราะหใ์ นผลิตภณั ฑท์ ี่ต้องสัมผัส
กับน้ำมันและใช้งานที่อุณหภูมิสูง เส้นใยธรรมชาติบางชนิดที่นำมาผลิตเป็นเสื้อผ้าจะดูแลรักษาได้ยาก ยับง่าย
และมีความทนทานน้อย จึงใช้เส้นใยสังเคราะห์ในการผลิตเป็นเสือ้ ผ้า เพื่อง่ายตอ่ การดูแลรักษา และคงทน ใช้
งานไดเ้ ปน็ เวลานาน
อย่างไรก็ตาม พอลิเมอร์สังเคราะห์บางชนิดยอ่ ยสลายในธรรมชาติได้ยาก จึงควรใช้เท่าท่ีจำเปน็ นำ
กลับมาใช้ซ้ำและนำกลับไปผลิตใหม่หรือรไึ ซเคิล ซึ่งเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและช่วยลดปริมาณขยะท่ี
กอ่ ใหเ้ กิดปัญหาสิ่งแวดลอ้ ม
เซรามกิ (ceramic) ทใ่ี ช้งานทั่วไปเปน็ วัสดุท่ีผลิตจากดิน หนิ ทราย และแร่ธาตตุ า่ งๆ จากธรรมชาติ
ที่ผ่านการขึ้นรูปแล้วนำไปเผาที่อุณหภูมิสูง ทำให้โครงสร้างและสมบัติเปลี่ยนไปจากเดิม เซรามิกส่วนใหญ่มี
ความแขง็ แต่เปราะ ทนตอ่ การสกึ กรอ่ นไดส้ ูง มีจดุ หลอมเหลวสูง ไม่นำความรอ้ นและไมน่ ำไฟฟา้ ทนความรอ้ น
ได้ดี เมื่อได้รับความรอ้ นแล้วไม่เปลี่ยนแปลงรูปร่าง ตัวอย่างของใช้ทีท่ ำจากเซรามิกที่ใช้ในชีวติ ประจำวัน เช่น
จานชามเซรามกิ แจกนั เซรามกิ กระเบื้อง กระจก ลูกถ้วยไฟฟ้า ในปจั จุบันมีการนำเซรามิก ซ่ึงผลิตจากสารท่ีมี
ความบรสิ ุทธิ์สงู เช่น อะลมู นิ า มาใช้ในอตุ สาหกรรมอิเลก็ ทรอนิกส์
โลหะ (metal) เป็นวัสดุที่ได้จากการถลุงสินแร่ในธรรมชาติ เช่น ทอง ทองแดง เงิน อะลูมิเนียม
โลหะส่วนใหญ่มีความแข็ง เหนียว สามารถตีไห้เป็นแผ่นหรือยืดเป็นเส้นได้ นำความร้อนและนำไฟฟ้าได้ดีกวา่
พอลิเมอร์และเซรามิก มีจดุ หลอมเหลวและจุดเดอื ดสูง ตัวอย่างของใช้ที่ทำจากโลหะท่ีใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น
ภาชนะหงุ ตม้ กลอนประตู ตวั ถงั รถยนต์ เส้นลวดทองแดงในสายไฟ
เหลก็ เป็นโลหะที่ใชก้ นั อย่างแพรห่ ลาย เมอ่ื เหล็กทำปฏิกิริยาเคมีกับแกส๊ ออกซเิ จนและนำ้ จะเกิดสนิม
เหล็ก ทำให้เหล็กผกุ ร่อนได้ง่าย จงึ มกี ารผลิตเหล็กกล้าไร้สนิมโดยเติมคาร์บอนและโลหะอื่น ๆ เช่น โครเมียม ให้
มีสมบัติทนต่อการกัดกร่อนได้ ตัวอย่างของใช้ที่ทำจากเหล็กกล้าไร้สนิมที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่นภาชนะ
เหล็กกลา้ ไรส้ นิม สายนาฬกิ า มือจบั ประตูรถยนต์ โคมไฟ เป็นตน้
7. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ใช้รูปแบบการจัดการเรยี นการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Cycles: 5Es) (2 ชว่ั โมง; 120นาที)
ขั้นที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (Engagement) (20 นาที)
1) ครูกระต้นุ ความสนใจของนักเรียน เพ่ือนำเข้าสู่บทท่ี 2 วสั ดุในชวี ติ ประจำวนั โดยให้นกั เรียน
ดูภาพนำเรือ่ ง (หนังสือเรียนรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นม.3 เล่ม2 สสวท. หน้า 37) โดยใช้
ประเดน็ คำถามดังน้ี
- จากภาพ นักเรียนเห็นผลิตภัณฑ์ใดบ้าง (นักเรียนตอบตามที่สังเกตจากภาพ เช่น หนังสือ
โทรศัพท์เคล่อื นทคี่ อมพวิ เตอรโ์ นต้ บุ๊ก ถว้ ยกาแฟ โคมไฟ โตะ๊ )
- ผลิตภณั ฑเ์ หล่าน้นั ทำจากวัสดุชนิดใด (นกั เรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง เช่น หนังสือ
ทำจากกระดาษ ถ้วยกาแฟทำจากดนิ เผา โทรศัพท์เคลื่อนทีท่ ำจากวัสดุหลายชนิด เช่น พลาสติก โลหะ กระจก
คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กทำจากวัสดุหลายชนิด เช่น พลาสติก กระจก โคมไฟทำจากวัสดุหลายชนิด เช่น พลาสติก
โลหะ แก้ว โต๊ะทำจากไม้ และพลาสตกิ )
- จากเรอื่ งท่นี ักเรียนอ่าน กล่าวถงึ วสั ดุประเภทใดบ้าง (พอลเิ มอร์ เซรามิก โลหะ วสั ดผุ สม)
- ให้นักเรียนยกตัวอย่างของใช้ในชีวิตประจำวัน และระบุว่าของใช้เหล่านั้นทำมาจากวัสดุ
ใดบ้าง (นักเรียนตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง เชน่ เกา้ อี้ทำจากไม้ อะลมู เิ นยี มและพลาสติก กระเป๋านักเรียน
ทำจากพลาสตกิ และเหลก็ ดินสอทำจากไม้ แกรไฟตแ์ ละยาง กระถางตน้ ไมท้ ำจากดินเผา รองเท้าทำจากยางและ
พลาสติก กรอบรูปทำจากกระดาษอดั กาว ไม้ กระจกและพลาสตกิ เปน็ ต้น)
- ใหน้ กั เรยี นจดั ประเภทของวัสดขุ ้างตน้ วา่ อยูใ่ นกลมุ่ พอลิเมอร์ เซรามกิ โลหะหรอื วัสดุผสม (ผา้
ไม้ ยาง พลาสตกิ กระดาษ อยใู่ นกลมุ่ ของพอลิเมอร์ ดนิ เผา กระจก อยใู่ นกลุ่มของเซรามิก เหลก็ อะลมู เิ นยี ม อยู่
ในกลมุ่ ของโลหะ กระดาษอัดกาว อยู่ในกลุ่มของวัสดุผสม)
2) ครใู หค้ วามรู้เพิม่ เติมว่าวัสดแุ บง่ ออกเปน็
- พอลเิ มอร์ ซ่งึ มีทัง้ พลาสตกิ ยาง และเส้นใย
- เซรามกิ เช่น เครอื่ งปั้นดินเผา กระถางดินเผา กระจก แกว้
- โลหะ เช่น เหล็ก อะลมู ิเนียม
- วสั ดผุ สม เช่น กระดาษอัดกาว
แล้วให้นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์ว่าวัสดุต่าง ๆ ได้แก่ พอลิเมอร์ เซรามิก โลหะและวัสดุผสม
เหมอื นหรือตา่ งกันอย่างไร (นักเรยี นอาจตอบตามความรทู้ ่ีเคยเรยี นมาแลว้ ในชั้นประถมศึกษา เชน่ วัสดสุ ว่ นใหญ่
เปน็ ของแข็งเหมือนกนั แตม่ ีความยืดหยุ่นต่างกนั วสั ดบุ างชนิด เช่น โลหะนำไฟฟา้ และนำความร้อนได้)
3) ให้นักเรียนดูภาพนำเรื่อง (หนังสือเรยี นรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นม.3
เล่ม2 สสวท. หน้า 38) และอ่านเนื้อหานำเรื่องที่เกี่ยวกับเคร่ืองดื่มในบรรจุภณั ฑ์แบบต่าง ๆ จากนั้น นักเรียน
อภิปรายร่วมกนั โดยใช้แนวคำถามดงั นี้
- ร้านค้าในท้องถิ่นของเราจำหน่ายเครื่องดื่มที่บรรจุในบรรจุภัณฑ์แบบใดบ้าง (ร้านค้าใน
ทอ้ งถ่ินของเราจำหนา่ ยเครอ่ื งดม่ื ท่สี ว่ นใหญบ่ รรจุในขวดพลาสตกิ และกระป๋องอะลมู ิเนียม)
- บรรจุภัณฑ์ดังกล่าวทำจากวัสดุชนิดใด มีข้อดีอย่างไร (ขวดพลาสติกทำจากพลาสติก ส่วน
กระป๋องอะลูมิเนียมทำจากโลหะอะลูมิเนียม ข้อดีคือเครื่องดื่มในขวดพลาสติกสามารถนำติดตัวไปได้สะดวก
เนื่องจากบรรจภุ ัณฑ์มีน้ำหนักเบา เครื่องดื่มในกระป๋องอะลูมิเนยี มเม่ือนำไปแช่เย็น จะเย็นเร็วกว่าบรรจุภัณฑ์
ชนิดอนื่ )
- นักเรียนนิยมซื้อเครื่องดื่มในบรรจุภัณฑ์แบบใด เพราะเหตุใด (คำตอบของนักเรียนอาจ
หลากหลาย เชน่ นิยมซื้อเครอ่ื งดม่ื ทีบ่ รรจใุ นขวดพลาสตกิ หรอื กระป๋องอะลูมเิ นียม เพราะมีน้ำหนกั เบา สามารถ
นำติดตัวไปได้สะดวก ถ้าเป็นเครื่องดื่มประเภทอัดลม นิยมซื้อเครื่องดื่มที่บรรจุในขวดแก้วเพราะมีฟองแก๊ส
มากกวา่ ท่ีบรรจใุ นขวดพลาสติก)
4) ให้นักเรียนทำกิจกรรมทบทวนความรู้ก่อนเรียน (หนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยี ช้ันม.3 เลม่ 2 สสวท. หน้า39) จำนวน 5 ข้อ (เฉลยแนบทา้ ยแผนการจดั การเรยี นรู้)
5) ครูตรวจสอบการทำกิจกรรมทบทวนความรู้ก่อนเรียน ถ้าไม่ถูกต้องให้แก้ไขความเข้าใจ
คลาดเคลื่อนของนักเรยี น เพือ่ ให้นักเรียนมีความรูพ้ ้ืนฐานท่ีถกู ต้องและเพียงพอที่จะเรียนเร่ืองวัสดุรอบตัว และ
อภปิ รายร่วมกนั
ขนั้ ท่ี 2 ขั้นสำรวจและคน้ หา (Exploration) (40 นาที)
6) ครูเชื่อมโยงเขา้ สกู่ ิจกรรมที่ 5.8 พอลเิ มอร์ เซรามกิ และโลหะ มีสมบตั ิอย่างไร โดยใช้คำถาม
ว่า นักเรียนทราบหรือไม่ว่าพอลิเมอร์ เซรามิก และโลหะ มีสมบัติเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร และนำไปใช้
ประโยชน์อะไรบา้ ง (นักเรียนตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง)
7) นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม จุดประสงค์ และวิธีดำเนินกิจกรรม ตามหนังสือเรียนรายวิชา
พื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เล่ม 2 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ หน้า 40 และครูตรวจสอบความ
เข้าใจการอ่าน โดยใชค้ ำถามดงั ตอ่ ไปนี้
- กิจกรรมนี้เกี่ยวกับเรื่องอะไร (สมบัติทางกายภาพบางประการของพอลิเมอร์ เซรามิก และ
โลหะ)
- กิจกรรมนี้มีจุดประสงค์อะไร (สังเกต ตรวจสอบและอธิบายสมบัติทางกายภาพของวัสดุ
ประเภทพอลิเมอร์ เซรามิก และโลหะ)
- วิธีดำเนินกิจกรรมมขี ั้นตอนโดยสรุปอย่างไร (เลือกวัสดุแต่ละประเภทมาอยา่ งน้อยประเภท
ละ 2 อยา่ ง สงั เกตลกั ษณะของวสั ดุ ตรวจสอบการนำไฟฟา้ ความเหนียวหรือความเปราะ และการทนความร้อน
ของวัสดุ ครอู าจสาธิตวธิ ตี รวจสอบสมบตั ดิ า้ นต่าง ๆ ของวัสดุ จากนั้นเปรยี บเทียบสมบัติของวสั ดุแตล่ ะประเภท)
- ขอ้ ควรระวงั ในการทำกิจกรรมมอี ะไรบ้าง (สงั เกตและบนั ทกึ ข้อมูลของวัสดุประเภทพอลิเมอร์
เซรามิกและโลหะที่เลือกมาตรวจสอบในด้านลักษณะ การนำไฟฟ้า ความเหนียวหรือความเปราะ และการทน
ความรอ้ น)
- นักเรียนต้องสังเกตหรือรวบรวมข้อมูลอะไรบ้าง (ครูควรแนะนำการใช้ตะเกียงแอลกอฮอล์
และเตือนใหน้ กั เรยี นระวงั ขณะหยิบจับวสั ดุท่ีร้อนและมีคม)
8) ขณะที่นักเรียนแต่ละกลุม่ ทำกิจกรรม ครูเดินสังเกตการทำกิจกรรมของนกั เรียนแต่ละกลมุ่
และให้คำแนะนำ ถ้านักเรียนมีข้อสงสัยในประเด็นต่าง ๆ ที่อาจเป็นปัญหา เช่น วิธีการทดสอบสมบัติของวัสดุ
อย่างถูกวิธี การบันทึกผลการตรวจสอบสมบัติของวัสดุ ถ้านักเรียนทำไม่ถูกต้อง ครูควรแนะนำตามความ
เหมาะสม ซึ่งครูควรรวบรวมปัญหา และข้อสงสัยที่พบจากการทำกิจกรรมของนักเรียนเพื่อใช้เป็นข้อมูล
ประกอบการอภปิ รายหลังจากการทำกิจกรรม
ขนั้ ท่ี 3 ขนั้ อธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) (20 นาที)
9) นักเรียนบันทึกการทำกจิ กรรมลงในแบบบันทึกการค้นควา้ กิจกรรมที่ 5.8 พอลิเมอร์ เซรา
มิก และโลหะ มีสมบัติอย่างไร โดยสรุปผลของกิจกรรมและตอบคำถามท้ายกิจกรรม เพื่อให้ได้ข้อสรุปจาก
กจิ กรรมวา่ พอลิเมอร์ เซรามิก และโลหะ มีสมบตั ิบางอย่างเหมอื นกัน และมสี มบตั บิ างอย่างต่างกัน พอลิเมอร์
และเซรามิกไม่นำไฟฟ้า สังเกตได้จากเมื่อนำไปต่อกับวงจรไฟฟ้าอย่างง่ายแล้วหลอดไฟฟ้าไม่สว่าง ในขณะที่
โลหะนำไฟฟ้า เซรามิกและโลหะทนต่อความร้อน เมื่อนำไปให้ความร้อนโดยการต้มในน้ำเดือดจะไม่เปลี่ยน
รปู รา่ ง แต่พอลเิ มอร์บางชนิดเปล่ียนแปลงรูปร่างเม่อื นำไปใหค้ วามรอ้ นโดยการตม้ ในน้ำเดอื ด
ขน้ั ท่ี 4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) (20 นาที)
10) นกั เรยี นเรียนรเู้ พิ่มเติมเกี่ยวกับ พอลิเมอร์ เซรามิก และโลหะ โดยอ่านเนื้อหาและเกร็ดน่า
รใู้ นหนังสอื เรยี นหนา้ 41-44 และตอบคำถามระหวา่ งเรียนดงั น้ี
- พอลเิ มอร์แต่ละกลุ่มมีสมบัติทางกายภาพและการใช้ประโยชนเ์ หมือนหรือแตกต่างกันอยา่ งไร
(แนวคำตอบ พอลิเมอร์ ได้แก่ พลาสติก ยาง และเส้นใย ทั้งสามกลุ่มส่วนใหญ่ไม่นำไฟฟ้า ไม่นำความร้อน
พลาสตกิ มีสมบตั หิ ลากหลายข้ึนอยกู่ ับโครงสร้าง บางชนิดใส เหนียว ปอ้ งกนั การซมึ ผ่านของสารไดด้ ี ยางเป็น พอ
ลิเมอร์ทีม่ ีสภาพยืดหยุ่นสูง ทนต่อแรงดงึ ไดด้ ี เส้นใยทไี่ ดจ้ ากธรรมชาติสว่ นใหญ่มีสภาพยืดหยนุ่ และความเหนียว
ต่ำ ส่วนเส้นใยสังเคราะห์มีความเหนียวและแข็งแรงมากกวา่ จากสมบัติทางกายภาพที่ต่างกันจึงทำให้มีการใช้
งานพอลเิ มอร์แตล่ ะกลุ่มต่างกัน พลาสตกิ ทเี่ หนยี ว ปอ้ งกนั การซมึ ผา่ นของสารได้ดี นยิ มนำมาทำเปน็
บรรจุภัณฑต์ ่าง ๆ ยางนิยมนำมาทำเคร่ืองใช้ทีต่ ้องใช้ความยืดหยุ่นและทนตอ่ แรงดงึ ได้ดี เช่น ถุงมือ ส่วนเส้นใย
นิยมนำมาถักทอเปน็ เส้น เปน็ ผนื ทำเป็นเครือ่ งนงุ่ หม่ และของใชต้ า่ ง ๆ)
- เซรามิกมีสมบัติทางกายภาพและการใช้ประโยชน์เป็นอย่างไร (แนวคำตอบ เซรามิกไม่นำ
ไฟฟ้า ไม่นำความรอ้ น และทนความร้อนได้ดี แขง็ แต่เปราะ ทบุ ให้แตกได้ง่าย ทนตอ่ การสึกกรอ่ น จากสมบัติทาง
กายภาพดงั กลา่ วจึงนยิ มนำเซรามกิ มาทำภาชนะบรรจอุ าหาร เครื่องดม่ื เครือ่ งประดบั ตกแต่งบา้ น)
- โลหะมสี มบัติทางกายภาพและการใช้ประโยชน์เปน็ อย่างไร (แนวคำตอบ โลหะนำไฟฟ้าและ
นำความร้อนได้ดี มีจุดหลอมเหลวสงู โลหะมคี วามเหนียว สามารถตใี หเ้ ป็นแผน่ หรือยดื เปน็ เสน้ ได้ จากสมบัตทิ าง
กายภาพดังกลา่ วจึงนิยมนำโลหะมาทำเคร่อื งใชท้ ่ีทนความร้อน นำความร้อนหรือนำไฟฟ้าไดด้ ี เช่น ภาชนะหุงต้ม
ตัวนำไฟฟา้ )
11) ครอู ธบิ ายเพมิ่ เตมิ โดยใชส้ ่อื วีดิทศั น์เร่อื ง การเกดิ พอลเิ มอร์ (สบื ค้นได้จาก
ipst.me/10651) อธิบายเก่ียวกบั กระบวนการเกดิ พอลิเมอรจ์ ากการรวมตวั ของมอนอเมอร์
ข้ันที่ 5 ขนั้ ประเมิน (Evaluation) (20 นาที)
12) ครแู ละนักเรยี นอภปิ รายผลการทำกิจกรรม สมบตั ขิ องพอลเิ มอร์ เซรามิก และโลหะ
จะได้ขอ้ สรุปวา่
- พอลเิ มอร์ (polymer) ประกอบด้วยมอนอเมอร์ (monomer) ซึ่งเป็นหนว่ ยซ้ำ ๆ จำนวนมาก
มาเชื่อมต่อกันด้วย ปฏิกิริยาเคมี มีทั้งที่ได้จากธรรมชาติและการสังเคราะห์ แบ่งกลุ่มได้เป็นพลาสติก ยาง และ
เส้นใย พอลิเมอร์ ส่วนใหญ่ไม่นำไฟฟ้า มีความเหนียว บางชนิดมีสภาพยืดหยุ่นสงู บางชนิดไดร้ ับความร้อนแล้ว
เปลี่ยนแปลง สามารถนำมาขึ้นรูปเป็นผลิตภัณฑ์รูปทรงต่าง ๆ ได้ง่าย และมีสมบัติเหมาะสมต่อการใช้งานใน
หลากหลายรูปแบบ จึงเป็นวสั ดทุ น่ี ำมาใช้ในชีวิตประจำวนั อย่างแพรห่ ลาย แตพ่ อลเิ มอรส์ งั เคราะหส์ ว่ นใหญ่ย่อย
สลายได้ยากในธรรมชาติ จงึ ควรใช้อย่างค้มุ คา่ ตามความจำเป็น
- เซรามิก (ceramic) ที่ใช้งานทั่วไปผลิตจากดิน หิน ทราย และแร่ธาตุต่าง ๆ จากธรรมชาติ
ท่ผี า่ นการขน้ึ รูปแล้วนำไปเผาทอ่ี ุณหภมู ิสงู ทำให้โครงสรา้ งและสมบตั ิเปล่ยี นไปจากเดิม เซรามกิ สว่ นใหญแ่ ขง็ แต่
เปราะ ทนตอ่ การสกึ กรอ่ นไดส้ งู กวา่ พอลิเมอร์และโลหะ มีจดุ หลอมเหลวสงู เปน็ ฉนวนความรอ้ นและฉนวนไฟฟ้า
ทนความรอ้ นได้ดี เมื่อไดร้ ับความร้อนแลว้ ไม่เปลี่ยนแปลงรูปร่าง นอกจากเซรามกิ ท่ีผลิตจากดนิ หนิ ทราย และ
แร่ธาตุต่าง ๆแล้ว ในปัจจุบันยังมีเซรามิกที่ผลิตจากสารที่มีความบริสุทธิ์สูงเพื่อใช้ในงานเฉพาะด้าน เช่น
อุตสาหกรรมอเิ ล็กทรอนิกส์
- โลหะ (metal) ส่วนใหญ่มีสมบัติแข็ง เหนียว สามารถตีให้เป็นแผ่นหรือยืดเป็นเส้นได้
นำความร้อนและนำไฟฟ้าได้ดีกว่าพอลิเมอร์และเซรามิก มีจุดหลอมเหลวและจุดเดือดสูง นิยมนำมาผลิต
เครื่องใช้ท่ีต้องการความคงทนแขง็ แรง แต่โลหะบางชนิดทำปฏกิ ริ ิยากับออกซิเจนและน้ำ ทำให้เกิดการผุกร่อน
จึงตอ้ งปรับปรงุ คณุ ภาพโดยการเตมิ โลหะอนื่ ๆ ใหม้ ีความคงทนแข็งแรงมากขึน้
13) ครูตรวจสอบการส่งแบบบันทกึ การค้นคว้าของนกั เรยี นและใหค้ ะแนนประเมินตามเกณฑ์
การประเมนิ (Rubrics Score)
8. ส่ือการเรียนรู้/แหล่งเรยี นรู้
8.1 อุปกรณท์ ำกจิ กรรม: จำนวน 12 รำยกำร ดังแสดงแนบไวใ้ นใบกจิ กรรมที่ 5.8 พอลเิ มอร์ เซรำมกิ
และโลหะ มีสมบัตอิ ย่ำงไร
8.2 คลิปวีดิทศั น์: การเกดิ พอลิเมอร์
8.3 ใบกิจกรรม: ใบกจิ กรรมท่ี 5.8 พอลิเมอร์ เซรำมกิ และโลหะ มีสมบัตอิ ยำ่ งไร
8.4 แบบบนั ทึกกจิ กรรม: แบบบันทกึ การคน้ ควา้ กจิ กรรมที่ 5.8 พอลิเมอร์ เซรำมิก และโลหะ
มสี มบตั ิอยำ่ งไร
8.5 แหลง่ เรียนร:ู้ - หนังสือเรียนรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3
เล่ม 2 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551
(ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
- สถาบันพลาสติก. https://thaiplastics.org/
- การไฟฟา้ ฝา่ ยผลติ แหง่ ประเทศไทย : รู้ไว้ใชว่ ่า ไฟฟ้าใกล้ตวั “การใชไ้ ฟฟ้าอย่าง
ปลอดภัย”https://www.egat.co.th/index.php?option=com_content&vi
ew=article&id=2507:art20180508-01&catid=49&Itemid=251
9. การวัดและการประเมิน
ตวั ชว้ี ัด/ผลการเรียนรู้ วิธกี ารวดั เครือ่ งมอื วัด เกณฑ์ทีใ่ ช้ในการประเมิน
- คำถามทา้ ยกิจกรรมท่ี 5.8 - ได้ไม่นอ้ ยกว่า 2 คะแนน
1. ระบสุ มบตั ิทางกายภาพบาง - ตรวจการตอบคำถาม
พอลเิ มอร์ เซรำมิก และ ระดบั คณุ ภาพดี ถือวา่
ประการและการใชป้ ระโยชน์ ทา้ ยกิจกรรมที่ 5.8 โลหะ มีสมบัตอิ ย่ำงไร ผา่ นการประเมิน
จำนวน 4 ข้อ ดา้ นความรู้
ของวสั ดุประเภทพอลเิ มอร์
- แบบบันทกึ การค้นคว้า - ไดไ้ มน่ อ้ ยกวา่ 2 คะแนน
เซรามิก และโลหะได้ กจิ กรรมที่ 5.8 ระดบั คณุ ภาพดี ถอื ว่า
พอลเิ มอร์ เซรำมิก และ ผา่ นการประเมนิ
(ด้านความรู้: K) โลหะ มสี มบตั ิอย่ำงไร ดา้ นกระบวนการ
2. การใช้ทักษะการตีความ - ตรวจการทำแบบ - เกณฑ์การประเมินการใช้ - ไดไ้ มน่ อ้ ยกว่า 2 คะแนน
งานอุปกรณใ์ นกิจกรรม ระดับคณุ ภาพดี ถือวา่
หมายขอ้ มลู และลงข้อสรปุ บนั ทึกการค้นควา้ ของนกั เรยี น ผา่ นการประเมิน
ด้านเจตคติ
เพื่อสรุปชนดิ และสมบัติ กจิ กรรมท่ี 5.8
บางประการของพอลิเมอร์
(ด้านกระบวนการ: P)
3. ตระหนักถึงความสำคญั - สงั เกตการใชง้ าน
ของการใชอ้ ปุ กรณ์ อุปกรณใ์ นกจิ กรรม
การทำกจิ กรรมได้ ของนักเรยี น
(ดา้ นเจตคติ: A)
9.1 เกณฑ์การประเมินผลนักเรยี น เกณฑ์การประเมิน (Rubrics Score)
ประเด็นการประเมนิ คา่ น้ำหนกั แนวทางการให้คะแนน
การให้คะแนนตอบ คะแนน
ตอบคำถามทา้ ยกิจกรรมท่ี 5.8 ถกู ตอ้ ง จำนวน 3-4 ขอ้
คำถามทา้ ย 3 ตอบคำถามท้ายกิจกรรมท่ี 5.8 ถกู ต้อง จำนวน 2 ข้อ
กจิ กรรมท่ี 5.8 2 ตอบคำถามท้ายกิจกรรมที่ 5.8 ถกู ต้อง จำนวน 1 ข้อ หรือ ไมถ่ ูกต้อง
การให้คะแนนการบนั ทึก 1 บันทึกผลลงในตารางบันทกึ ผลการทำกจิ กรรม โดยตคี วามหมายขอ้ มูล
แบบบนั ทึกการคน้ ควา้ และลงข้อสรปุ จากการวเิ คราะหข์ ้อมูล จากการสังเกตและการสืบคน้
กจิ กรรมท่ี 5.8 3 และลงขอ้ สรุปเก่ียวกับประเภทและสมบตั ิบางประการของพอลเิ มอรไ์ ด้
อย่างถูกต้อง ตามความเปน็ จรงิ โดยไม่เพม่ิ ความคิดเห็นส่วนตัว ลงใน
การให้คะแนน 2 แบบบันทึกการคน้ คว้า ครบทุกประเดน็ สอดคลอ้ งกับเนอื้ หาในกจิ กรรม
การใช้งานอุปกรณ์ บันทกึ ผลลงในตารางบนั ทึกผลการทำกจิ กรรม โดยตคี วามหมายขอ้ มูล
1 และลงขอ้ สรปุ จากการวเิ คราะหข์ อ้ มลู จากการสังเกตและการสบื คน้
ในกิจกรรม และลงขอ้ สรุปเกย่ี วกับประเภทและสมบตั ิบางประการของพอลเิ มอรไ์ ด้
3 ตามความเป็นจริงลงในแบบบนั ทึกการคน้ ควา้ แต่ยงั มีข้อผดิ พลาด
บันทึกผลลงในตารางบนั ทึกผลการทำกิจกรรม โดยตีความหมายขอ้ มูล
2 และลงข้อสรุปจากการวเิ คราะหข์ ้อมลู จากการสังเกตและการสบื ค้น
และลงขอ้ สรุปเก่ียวกับประเภทและสมบตั ิบางประการของพอลิเมอรไ์ ด้
1 ไม่ถูกต้อง มขี ้อผิดพลาดท่ตี อ้ งแก้ไขปรบั ปรงุ
ใช้งานอุปกรณก์ ารทดลองในกจิ กรรมไดถ้ กู วิธี หยิบ เคลื่อนยา้ ยอุปกรณ์
อยา่ งระมัดระวงั ไม่หยอกลอ้ หรือแกลง้ เพ่อื นขณะกำลงั ใชง้ านอุปกรณ์
และหลังการใชง้ านอปุ กรณม์ กี ารเก็บรกั ษาอยา่ งถูกวิธี
ใช้งานอปุ กรณก์ ารทดลองในกิจกรรมได้ถูกวธิ ี หยิบ เคลื่อนย้ายอุปกรณ์
อยา่ งระมดั ระวงั ไมห่ ยอกล้อหรอื แกลง้ เพือ่ นขณะกำลังใช้งานอุปกรณ์
แต่หลังการใชง้ านอปุ กรณไ์ ม่มีการเกบ็ รักษาอยา่ งถูกวธิ ี หรือไม่เกบ็
อปุ กรณเ์ ข้าตู้เก็บอุปกรณต์ ามประเภทของอุปกรณ์
ใชง้ านอปุ กรณก์ ารทดลองในกจิ กรรมได้ แต่ขณะหยบิ เคลือ่ นย้ายอุปกรณ์
หรือกำลงั ใชง้ านอุปกรณ์ จะหยอกล้อหรือแกลง้ เพื่อน อาจทำใหอ้ ุปกรณ์
เสียหายได้ และหลงั การใชง้ านอุปกรณ์ไม่มกี ารเกบ็ รักษาอยา่ งถกู วธิ ี
9.2 ระดบั คณุ ภาพ
คะแนนรวมเฉลีย่ 3.00 หมายถึง ดีมาก
คะแนนรวมเฉลี่ย 2.00 - 2.99 หมายถึง ดี
คะแนนรวมเฉล่ีย 0.01 - 1.99 หมายถึง พอใช้
ดงั น้ัน นักเรียนตอ้ งได้คะแนนเฉลี่ยทกุ ประเด็นการประเมนิ ไม่ต่ำกวา่ 2.00 แสดงระดับ
คุณภาพ ดี ถอื ว่าผา่ นเกณฑก์ ารประเมินในแผนการจดั การเรยี นที่ 9
ส่อื การเรยี นรู้แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 9: สอื่ วีดิทัศน์
คลิปวีดที ศั น์: การเกดิ พอลิเมอร์
สอ่ื วดี ิทศั น์เรื่อง การเกิดพอลิเมอร์ อธิบายเก่ียวข้องกับการเกดิ พอลเิ มอร์จากการรวมตัวของมอนอเมอร์
แหลง่ ทม่ี า: เว็บไซตอ์ า้ งองิ ipst.me/10651
เผยแพร่เมอ่ื 2 กันยายน พ.ศ. 2562
(เจา้ ของผลงาน สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.))
ส่ือการเรียนรแู้ ผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 9: ใบกิจกรรมที่ 5.8
ใบกิจกรรมที่ 5.8 พอลเิ มอร์ เซรามิก และโลหะ มสี มบัตอิ ย่างไร
หนังสือเรยี นรำยวชิ ำพ้นื ฐำนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้นั มธั ยมศกึ ษำปที ี่ 3 เลม่ 2 ตำมหลกั สูตรแกนกลำง
กำรศึกษำขั้นพื้นฐำน พทุ ธศกั รำช 2551 (ฉบับปรับปรุงพ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศกึ ษำธิกำร หน้ำ 40
กจิ กรรมท่ี 5.8 พอลิเมอร์ เซรามกิ และโลหะ มสี มบตั อิ ยา่ งไร?
จุดประสงค์ 1. สงั เกตลักษณะของวสั ดุประเภทพอลเิ มอร์ เซรามิก และโลหะ
2. ตรวจสอบและอธบิ ายสมบัตทิ างกายภาพของวัสดปุ ระเภทพอลิเมอร์ เซรามกิ และโลหะ
วสั ดอุ ุปกรณ์ วัสดุท่ใี ช้ตอ่ กลมุ่
1. พอลิเมอร์ เช่น ยำงรัดของ ลูกโป่ง ขวดเพต็ 2 ชนิด ชนดิ ละ 1 ชิ้น
ชำมเมลำมีน ถงุ พลำสตกิ (ถงุ เย็น ถงุ ร้อน) เสน้ ด้ำย
2. เซรามิก เช่น ชอ้ นกระเบอื้ ง แผน่ กระเบ้อื งดิน 2 ชนดิ ชนดิ ละ 1 ชิ้น
เผาอฐิ มอญ
3. โลหะ เชน่ แผน่ สังกะสี แผ่นอะลูมเิ นยี ม แผน่ ทองแดง 2 ชนดิ ชนดิ ละ 1 ชนิ้
ตะปเู หล็ก 200 cm3
4. นำ้
5. ถ่ำนไฟฉำย 1.5 V พรอ้ มกระบะถ่ำน 2 ก้อน
6. สำยไฟฟ้ำพรอ้ มขว้ั เสียบและคลิปปำกจระเขย้ ำว 50 cm 3 เสน้
7. หลอดไฟฟา้ 2.5 V พร้อมฐาน 1 ชดุ
8. บีกเกอรข์ นาด 250 cm3 1 ใบ
9. คมี คีบ 1 อนั
10. ตะเกยี งแอลกอฮอลพ์ ร้อมทกี่ ้นั ลม 1 ชุด
11. คอ้ นขนาดเล็ก 1 อัน
12. ถงุ ผ้า ขนาดกว้าง x ยาว ประมาณ 7 นิว้ x 9 นิว้ 1 ใบ
วิธดี าเนนิ 1. เลอื กพอลิเมอร์ เซรำมกิ และโลหะมำประเภทละ 2 ตัวอย่ำง สังเกตลักษณะของวสั ดุ
กิจกรรม ที่เลือกและบนั ทกึ ผล
2. ทำกิจกรรมเพอ่ื ตรวจสอบสมบตั ิตำ่ ง ๆ ของวัสดุ ดงั นี้
2.1 การนาไฟฟ้า ทดสอบโดยนำวสั ดุไปตอ่ กับวงจรไฟฟำ้ อย่ำงง่ำย สังเกตกำร
เปล่ยี นแปลงของหลอดไฟฟ้ำ และบันทึกผล
2.2 ความเหนยี วหรือความเปราะ ทดสอบโดยนำวสั ดใุ ส่ถุงผำ้ แลว้ ใชค้ อ้ นทุบด้วย
แรงเท่ำกนั สังเกตกำรเปลี่ยนแปลงและบนั ทกึ ผล
2.3 การทนความรอ้ น ทดสอบโดยนำวสั ดุที่ตัดเป็นชิน้ เลก็ ๆ ใสล่ งในบีกเกอร์ท่ีมนี ้ำ
บรรจุอยู่ จำกนัน้ นำไปให้ควำมรอ้ นจนน้ำเดอื ด สงั เกตกำรเปลย่ี นแปลงและบันทกึ ผล