The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผน2.2564-ครูเมธินีย์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by chaimath2514, 2021-11-07 01:04:27

วิทยาศาสตร์ 6 ม 3

แผน2.2564-ครูเมธินีย์

ส่อื การเรยี นรแู้ ผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 13: สถานการณ์จำลอง

สถานการณ์จำลอง โปรแกรมออนไลน์ เรอ่ื ง ชดุ เครื่องมือต่อวงจรไฟฟา้

โปรแกรมออนไลน์: https://phet.colorado.edu/sims/html/circuit-construction-kit-dc/latest/circuit-

construction-kit-dc_th.html

สื่อการเรียนรู้แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 13: ใบกจิ กรรมท่ี 6.2

ใบกจิ กรรมท่ี 6.2 ใช้โวลตม์ ิเตอร์วัดความต่างศักยไ์ ฟฟา้ ไดอ้ ย่างไร

หนังสือเรียนรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 เล่ม 2 ตามหลกั สตู รแกนกลาง
การศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรบั ปรุงพ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ หนา้ 71

กจิ กรรมท่ี 6.2 ใช้โวลต์มเิ ตอร์วัดความตา่ งศักยไ์ ฟฟา้ ได้อย่างไร?
จุดประสงค์
วัสดอุ ปุ กรณ์ 1. วัดคา่ ความต่างศักยไ์ ฟฟา้ ระหวา่ งข้วั ของแหล่งกำเนิดไฟฟา้ ดว้ ยโวลต์มเิ ตอร์

วิธีดำเนนิ กจิ กรรม พรอ้ มระบุหน่วย

2. วัดค่าความต่างศกั ยไ์ ฟฟ้าระหว่างจุดสองจุดในวงจรไฟฟา้ ดว้ ยโวลตม์ เิ ตอร์

พร้อมระบหุ น่วย

วัสดทุ ีใ่ ชต้ อ่ กล่มุ

1. ถ่านไฟฉายขนาด 1.5 V 4 ก้อน

2. กระบะถา่ นแบบ 4 ก้อน 1 อัน

3. แบตเตอรีข่ นาด 9 V 1 กอ้ น

4. สายไฟฟ้า 5 เส้น

5. หลอดไฟฟ้าขนาด 6 V พรอ้ มฐาน 1 ชุด

6. สวิตชแ์ บบโยก 1 อัน

7. โวลต์มิเตอร์ 1 เครื่อง

ตอนที่ 1 ควำมต่ำงศกั ยไ์ ฟฟำ้ ระหวำ่ งข้ัวของแหลง่ กำเนิดไฟฟ้ำ

1. ตอ่ สายไฟฟ้าเส้นหน่งึ ข้ากับข้ัวลบของโวลตม์ ิเตอร์

อีกเส้นหนึ่งต่อกับขั้วบวกของโวลต์มิเตอร์ที่รองรับ

ความต่างศักยไ์ ฟฟา้ ท่มี คี ่าสูงที่สุด ดงั ภาพ

2. นาถ่านไฟฉาย 1.5 โวลต์ ซึ่งเป็นแหล่งกาเนิด
ไฟฟ้าต่อเข้ากับปลายสายไฟฟ้าทั้งสองเส้นที่ต่อ ภาพการจัดอปุ กรณ์ในกจิ กรรม
จากโวลต์มิเตอร์ โดยให้สายไฟฟ้าจากขั้วบวกต่อ
เขา้ กับขัว้ บวกของถ่านไฟฉาย สายไฟฟ้าจากขั้วลบ
ต่อเข้ากับขั้วลบของถ่านไฟฉายดังภาพ อ่านค่า
ความต่างศกั ยไ์ ฟฟา้ บันทึกผล

ภาพการจัดอปุ กรณใ์ นกิจกรรม

กจิ กรรมที่ 6.2 ใช้โวลต์มิเตอร์วดั ความตา่ งศักย์ไฟฟ้าได้อยา่ งไร?

3. เปลยี่ นขัว้ บวกท่ีรองรับความต่างศกั ย์ไฟฟ้าสงู สุดของโวลต์มเิ ตอร์ให้ลดลงมาท่ี

ค่าตา่ กว่าจนอา่ นค่าความตา่ งศกั ย์ไฟฟา้ บนโวลตม์ ิเตอรไ์ ดอ้ ย่างละเอยี ด บนั ทึกผล

ทกุ ครงั้ ทีเ่ ปลี่ยนข้วั บวกของโวลตม์ เิ ตอร์

4. เปรยี บเทยี บค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าทอ่ี ่านไดจ้ ากโวลตม์ เิ ตอร์กับคา่ ความต่าง

ศกั ยไ์ ฟฟ้าท่รี ะบุบนถา่ นไฟฉาย

5. ร่วมกนั อภิปรายว่า ถ้าเปล่ียนแหล่งกาเนิดไฟฟา้ จากถ่านไฟฉายเป็นแบตเตอรี่

9 โวลต์ จะวดั ค่าความต่างศกั ยไ์ ฟฟ้าไดเ้ ท่าใด และมีวธิ กี ารวดั อยา่ งไร

6.ทากิจกรรมเพอ่ื ตรวจสอบการวดั คา่ ความตา่ งศกั ย์ไฟฟ้าของแบตเตอรี่ 9 โวลต์

นาเสนอ

ตอนที่ 2 ความตา่ งศักยไ์ ฟฟ้าระหว่างจุดสองจุดในวงจรไฟฟ้า

1. ตอ่ วงจรไฟฟ้าท่ีประกอบด้วยถา่ นไฟฉาย 4 กอ้ น สวติ ซ์

สายไฟฟ้าและหลอดไฟฟ้า ดังภาพ กดสวิตซ์ลงให้วงจร

ปิด เพื่อทดสอบว่ามีกระแสไฟฟ้าในวงจรหรือไม่โดย

สังเกตจากการเปลี่ยนแปลงของหลอดไฟฟ้า จากนั้น

ยกสวิตช์ขึ้นให้วงจรเปิด ภาพการจัดอุปกรณ์ในกจิ กรรม

2. ต่อสายไฟฟ้าเส้นหนึ่งเข้ากับขั้วลบของโวลต์มิเตอร์

อีกเส้นหนึ่งต่อกับขั้วบวกของโวลต์มิเตอร์ โดยเลือก

ขั้วบวกที่รองรับความต่างศักย์ไฟฟ้าสูงสุดที่เหมาะสม

ซึ่งพิจารณาจากความต่างศักย์ไฟฟ้าของถ่านไฟฉาย

ดงั ภาพ ภาพการจัดอุปกรณ์ในกจิ กรรม

3. นำโวลต์มิเตอรต์ ่อเข้ากับวงจรไฟฟ้าในข้อ 1 โดย
ให้ปลายสายไฟฟ้าจากขั้วบวกของโวลต์มิเตอร์ต่อที่
ฐานหลอดไฟฟ้าที่ต่อกับทางขัว้ บวกของถ่านไฟฉาย
และปลายสายไฟฟ้าจากขั้วลบของโวลตม์ ิเตอร์ตอ่ ที่
ฐานหลอดไฟฟ้าที่ต่อกับทางขั้วลบของถ่านไฟฉาย ภาพการจัดอุปกรณ์ในกิจกรรม
ดงั ภาพ
4. กดสวิตซ์ลง เพื่อใหว้ งจรปิด อ่านคา่ ความต่างศักย์ไฟฟ้าบนโวลตม์ ิเตอร์ บนั ทึกผล
แล้วยกสวิตช์ขนึ้

กำรเตรียมตัว • ครูควรตรวจสอบคุณภาพของอุปกรณไ์ ฟฟา้ ใหอ้ ยใู่ นสภาพพร้อมใชง้ าน
ลว่ งหนำ้ สำหรับครู • ครูควรฝึกการใช้และการอา่ นคา่ จากโวลตม์ ิเตอร์จนเกดิ ความชานาญ

กจิ กรรมที่ 6.2 ใชโ้ วลตม์ ิเตอรว์ ัดความตา่ งศักย์ไฟฟ้าได้อยา่ งไร?
ข้อเสนอแนะใน ตอนท่ี 1 ควำมตำ่ งศกั ย์ไฟฟำ้ ระหวำ่ งข้ัวของแหลง่ กำเนดิ ไฟฟ้ำ
กำรทำกิจกรรม • ครูควรทบทวนการตอ่ โวลต์มิเตอร์ การเลือกขว้ั บวกทร่ี องรบั ความต่างศักยไ์ ฟฟา้
สูงสุด การอ่านค่าบนหนา้ ปดั จนมัน่ ใจวา่ สามารถใหค้ าแนะนาแก่นักเรียนได้
อยา่ งถูกต้อง
• ไม่ควรใชถ้ า่ นไฟฉายหรอื แบตเตอร่ีท่เี ก็บไวน้ านหรือผ่านการใช้งานมานานแลว้
เพ่ือใหไ้ ดผ้ ลการทากิจกรรมทแ่ี มน่ ยา
ตอนท่ี 2 ควำมต่ำงศักย์ไฟฟำ้ ระหวำ่ งจุดสองจดุ ในวงจรไฟฟำ้
• ครคู วรทบทวนการตอ่ โวลต์มิเตอร์ การเลือกข้วั บวกท่รี องรบั ความตา่ งศักยไ์ ฟฟ้า
สงู สุด การอา่ นค่าบนหนา้ ปดั จนมั่นใจว่าสามารถให้คาแนะนาแก่นกั เรียนไดอ้ ย่าง
ถกู ต้อง
• ครคู วรทบทวนเรื่องการตอ่ เซลล์ไฟฟ้าแบบอนกุ รม
• ไม่ควรใชถ้ ่านไฟฉายท่เี กบ็ ไวน้ านหรอื ผา่ นการใช้งานมานานแล้ว เพื่อผลการทา
กิจกรรมทีแ่ ม่นยา

คำถามทา้ ยกจิ กรรม

ตอนที่ 1 ควำมตำ่ งศักยไ์ ฟฟ้ำระหว่ำงข้ัวของแหล่งกำเนิดไฟฟำ้

1. ค่าความต่างศักยไ์ ฟฟา้ ทวี่ ดั ได้จากโวลต์มิเตอร์และคา่ ท่รี ะบบุ นแหลง่ กำเนิดไฟฟา้ เหมอื นหรอื ตา่ งกันอยา่ งไร
2. จากกจิ กรรมตอนท่ี 1 สรปุ ไดว้ า่ อย่างไร

ตอนที่ 2 ควำมตำ่ งศักย์ไฟฟำ้ ระหวำ่ งจุดสองจดุ ในวงจรไฟฟ้ำ

1. การใช้โวลต์มเิ ตอร์วัดค่าความตา่ งศกั ย์ไฟฟา้ ของหลอดไฟฟา้ ทำไดอ้ ย่างไร
2. การเลือกขวั้ บวกที่รองรบั ความตา่ งศักยไ์ ฟฟ้าสงู สดุ ของโวลตม์ เิ ตอร์ทำได้อยา่ งไร

สอื่ การเรียนรู้แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 13: แบบบนั ทกึ การค้นคว้ากจิ กรรมท่ี 6.2

แบบบันทึกกำรค้นคว้ำกิจกรรมที่ 6.2 ใช้โวลต์มิเตอรว์ ดั ความต่างศักย์ไฟฟา้ ไดอ้ ย่างไร

ชอื่ -นามสกุล..........................................................................................ชนั้ .................เลขท่ี...........กลมุ่ ท.ี่ ...........

 ตารางบนั ทึกผลการทำกิจกรรม ตอนท่ี 1 ความต่างศกั ยไ์ ฟฟ้าระหว่างขั้วของแหลง่ กำเนิดไฟฟ้า

ตารางแสดง คา่ ความตา่ งศักย์ไฟฟ้าของแหลง่ กำเนิดไฟฟ้า

แหล่งกำเนดิ ไฟฟา้ ค่าความตา่ งศกั ย์ไฟฟา้ (V)

บนฉลาก โวลตม์ เิ ตอร์

ถ่านไฟฉาย 1.5 โวลต์ ....................................................... .......................................................

แบตเตอร่ี 9 โวลต์ ....................................................... .......................................................

หมายเหตุ : คา่ ความต่างศกั ยไ์ ฟฟา้ ท่ีระบุบนฉลากอาจมีคา่ ต่างจากทว่ี ัดไดจ้ ากโวลตม์ เิ ตอร์
อาจเป็นเพราะแหล่งกำเนดิ ไฟฟ้านนั้ ได้ผา่ นการใชง้ านหรือเกบ็ ไวเ้ ปน็ เวลานาน

 ตารางบันทึกผลการทำกจิ กรรม ตอนที่ 2 ความต่างศกั ยไ์ ฟฟ้าระหวา่ งจุดสองจุดในวงจรไฟฟ้า

ตารางแสดง คา่ ความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟ้าที่วัดได้จากโวลต์มเิ ตอร์

ขั้วบวกของโวลตม์ เิ ตอรท์ ีเ่ ลือก (V) ความตา่ งศกั ย์ไฟฟ้าท่วี ดั ได้ (V)

....................................................... .......................................................

 คำถามทา้ ยกจิ กรรม
ตอนท่ี 1 ความต่างศกั ย์ไฟฟา้ ระหว่างข้ัวของแหลง่ กำเนดิ ไฟฟ้า
1. ค่าความต่างศักยไ์ ฟฟ้าท่ีวดั ไดจ้ ากโวลตม์ เิ ตอรแ์ ละคา่ ท่รี ะบบุ นแหล่งกำเนดิ ไฟฟ้าเหมือนหรอื ตา่ งกนั อยา่ งไร

ตอบ ………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. จากกจิ กรรมตอนท่ี 1 สรุปได้วา่ อยา่ งไร
ตอบ ………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………
ตอนที่ 2 ความตา่ งศักยไ์ ฟฟา้ ระหว่างจุดสองจุดในวงจรไฟฟา้
1. การใช้โวลต์มเิ ตอรว์ ดั ค่าความตา่ งศักยไ์ ฟฟา้ ของหลอดไฟฟ้าทำได้อยา่ งไร

ตอบ ………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. การเลอื กข้ัวบวกทีร่ องรบั ความตา่ งศักย์ไฟฟา้ สูงสดุ ของโวลตม์ ิเตอรท์ ำได้อย่างไร
ตอบ ………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………

แนบทา้ ยแผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี 13: การใหค้ ะแนนดา้ นกระบวนการ (P)

แนวทางบนั ทกึ การค้นควา้ กิจกรรมท่ี 6.2 ใช้โวลต์มิเตอรว์ ดั ความต่างศกั ย์ไฟฟ้าไดอ้ ยา่ งไร

 ตารางบันทึกผลการทำกิจกรรม ตอนที่ 1 ความตา่ งศักยไ์ ฟฟา้ ระหว่างขั้วของแหล่งกำเนิดไฟฟา้

ตารางแสดง คา่ ความตา่ งศักยไ์ ฟฟ้าของแหลง่ กำเนดิ ไฟฟ้า

แหลง่ กำเนิดไฟฟ้า ค่าความตา่ งศักย์ไฟฟา้ (V)
ถ่านไฟฉาย 1.5 โวลต์
แบตเตอรี่ 9 โวลต์ บนฉลาก โวลต์มเิ ตอร์

..........................1.5....................... .........................1.50.....................

...........................9........................ ...........................9.0.......................

หมายเหตุ : ค่าความต่างศักย์ไฟฟา้ ท่ีระบบุ นฉลากอาจมีค่าต่างจากทวี่ ดั ได้จากโวลต์มเิ ตอร์
อาจเป็นเพราะแหล่งกำเนดิ ไฟฟ้าน้นั ไดผ้ ่านการใชง้ านหรอื เก็บไว้เป็นเวลานาน

 ตารางบันทกึ ผลการทำกจิ กรรม ตอนท่ี 2 ความต่างศักยไ์ ฟฟา้ ระหวา่ งจุดสองจุดในวงจรไฟฟ้า

ตารางแสดง คา่ ความต่างศักยไ์ ฟฟา้ ทว่ี ดั ได้จากโวลต์มเิ ตอร์

ข้วั บวกของโวลต์มเิ ตอรท์ ่ีเลือก (V) ความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟา้ ทวี่ ัดได้ (V)

.......................15........................ ............................6.0....................

แนบทา้ ยแผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 13: การให้คะแนนด้านความรู้ (K)

เฉลยใบกิจกรรมท่ี 6.2 ใช้โวลตม์ ิเตอรว์ ัดความต่างศกั ยไ์ ฟฟา้ ได้อย่างไร

เฉลยคำถามทา้ ยกิจกรรม

ตอนท่ี 1 ความตา่ งศักย์ไฟฟา้ ระหวา่ งขั้วของแหล่งกำเนดิ ไฟฟ้า

1. คา่ ความตา่ งศักย์ไฟฟา้ ทว่ี ัดไดจ้ ากโวลต์มเิ ตอรแ์ ละค่าท่รี ะบุบนแหล่งกำเนดิ ไฟฟ้าเหมอื นหรอื ตา่ งกันอย่างไร
แนวคำตอบ นักเรยี นตอบตามทวี่ ดั ได้ อาจไดค้ ่าท่ีเทา่ กนั หรือแตกตา่ งกันเลก็ นอ้ ย แต่ควรจะได้ค่าท่ี

ใกล้เคียงกนั
2. จากกิจกรรมตอนที่ 1 สรปุ ไดว้ า่ อย่างไร

แนวคำตอบ ค่าความตา่ งศักย์ไฟฟ้าทีว่ ัดไดจ้ ากโวลตม์ เิ ตอรก์ บั คา่ ที่ระบุบนแหลง่ กำเนดิ ไฟฟ้ามีคา่ เท่ากนั
หรืออาจมคี า่ ต่างกันเลก็ นอ้ ย

ตอนท่ี 2 ความต่างศกั ย์ไฟฟา้ ระหว่างจุดสองจุดในวงจรไฟฟา้

1. การใชโ้ วลต์มเิ ตอร์วดั คา่ ความตา่ งศกั ย์ไฟฟ้าของหลอดไฟฟ้าทำไดอ้ ยา่ งไร
แนวคำตอบ การวัดค่าความต่างศกั ย์ไฟฟา้ ของหลอดไฟฟา้ ทำไดโ้ ดยการตอ่ โวลต์มิเตอร์คร่อมหลอดไฟฟ้า

โดยตอ่ ข้วั บวกของโวลต์มเิ ตอร์เข้ากบั หลอดไฟฟา้ ด้านทต่ี ่อกับขั้วบวกของถ่านไฟฉาย และต่อข้วั ลบของโวลตม์ เิ ตอร์
เขา้ กบั หลอดไฟฟา้ ด้านที่ต่อกับข้ัวลบของถา่ นไฟฉาย
2. การเลือกขั้วบวกท่รี องรับความตา่ งศักยไ์ ฟฟ้าสงู สดุ ของโวลตม์ เิ ตอร์ทำได้อยา่ งไร

แนวคำตอบ เลอื กขวั้ บวกทีม่ คี า่ มากกวา่ และใกลเ้ คยี งกบั คา่ ความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟา้ ของถา่ นไฟฉายข้วั บวกของ
โวลตม์ ิเตอรท์ ีเ่ ลือก (V) ความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟ้าทวี่ ดั ได้ (V)

แนบท้ายแผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 13: VDO ปฏบิ ตั ิการทางวิทยาศาสตรส์ ำหรับครูผสู้ อน

อา้ งองิ จาก https://ipst.me/9875

เว็บไซต์คลังความรู้ SciMath สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.)
กระทรวงศกึ ษาธิการ เผยแพรเ่ ม่อื : วันท่ี 27กมุ ภาพนั ธ์ 2562

สาธิตการทดลองเรื่อง การใชง้ านแอมมเิ ตอร์ทำไดอ้ ยา่ งไร

ตวั อย่างการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพอ่ื ใหน้ กั เรียนหาคำตอบวา่ การใชง้ านโวลต์
มิเตอรท์ ำไดอ้ ยา่ งไร โดยใหน้ ักเรียนใช้โวลต์มเิ ตอร์วดั คา่ ความต่างศักยไ์ ฟฟ้าในวงจรไฟฟ้า เหมาะสำหรบั นักเรียน
ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น

ลิขสิทธ์ิ สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.)
ผู้แต่ง หรอื เจ้าของผลงาน สาขาวิทยาศาสตร์ภาคบังคับ
สาขาวิชา/กลมุ่ สาระวิชา วทิ ยาศาสตร์ท่วั ไป
ระดับชั้น ม.3
กลุม่ เป้าหมาย ครู

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 14

เร่อื ง ความสมั พันธร์ ะหวา่ งความตา่ งศกั ย์ กระแสไฟฟา้ และความตา้ นทาน รหัสวิชา ว23102 เวลา 2 ช่ัวโมง

หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 6 ช่ือหนว่ ยการเรยี นรู้ ไฟฟา้ รวม 22 ชั่วโมง

กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรยี นท่ี 2

สาระที่ 2 ชื่อสาระ วิทยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว 2.3

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วดั
ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่าง

สสารและพลังงาน พลังงานในชวี ติ ประจำวัน ธรรมชาติของคลืน่ ปรากฏการณท์ ่ีเกี่ยวขอ้ งกับเสยี ง แสง และคลื่น
แม่เหล็กไฟฟา้ รวมท้ังนำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์

ตัวชวี้ ัด
ว 2.3 ม.3/1 วเิ คราะหค์ วามสัมพนั ธร์ ะหว่างความต่างศักย์ กระแสไฟฟ้า และความต้านทาน และ

คำนวณปริมาณทเี่ กี่ยวข้อง โดยใชส้ มการ V = IR จากหลักฐานเชงิ ประจักษ์
ว 2.3 ม.3/2 เขยี นกราฟความสมั พนั ธ์ระหวา่ งกระแสไฟฟา้ และความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟา้

2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด
1) ขนาดของกระแสไฟฟา้ มีค่าแปรผันตรงกับความตา่ งศักย์ระหวา่ งปลายท้ังสองของตัวนำ

โดยอตั ราส่วนระหวา่ งความต่างศักยแ์ ละกระแสไฟฟา้ มคี า่ คงท่ี เรียกคา่ คงที่นีว้ า่ ความต้านทาน

3. จุดประสงค์การเรียนรู้ นกั เรียนอธบิ ายความสมั พันธ์ระหว่างความต่างศักยไ์ ฟฟา้ กระแสไฟฟ้า
1) ด้านความรู้ (K) และความต้านทานในวงจรไฟฟา้ ได้
2) ดา้ นทักษะ (P) นักเรียนใช้ทกั ษะการทดลอง โดยออกแบบการทดลองปฏิบตั ิการทดลอง
และออกแบบตารางบันทกึ ผลการทดลองเก่ียวกบั ความสัมพนั ธ์ระหว่าง
3) ด้านเจตคติ (A) ความตา่ งศกั ย์ไฟฟ้ากบั กระแสไฟฟา้
นักเรยี นมลี ักษณะจติ สาธารณะรว่ มกับผอู้ นื่

4. คุณลักษณะผเู้ รยี น ซอื่ สตั ยส์ จุ ริต  มุง่ มน่ั ในการทำงาน
4.1 คณุ ลักษณะทพี่ ึงประสงค์  ใฝ่เรียนรู้  มีจติ สาธารณะ
รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ อยู่อย่างพอเพียง
มีวนิ ยั รกั ความเป็นไทย

กระแสไฟ ้ฟาท่ี ่ผานลวดตัวนำ (A)5. ด้านสมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น
 ความสามารถในการคิด: นกั เรียนสามารถคดิ โดยการวิเคราะห์และแปลความหมายข้อมลู จาก

กราฟเพอ่ื อธิบายความสัมพันธข์ องความตา่ งศักย์ไฟฟ้า กระแสไฟฟ้า และความต้านทาน
 ความสามารถในการสื่อสาร: นักเรียนสามารถส่อื สาร โดยการนำเสนอขอ้ มูลทไ่ี ดจ้ ากการวดั

การทดลอง การคำนวณและการอภิปรายมาอธิบายความสมั พนั ธ์ของความต่างศักยไ์ ฟฟ้า กระแสไฟฟา้
และความต้านทาน
6. สาระการเรียนรู้

เมอ่ื ต่อตวั นำไฟฟา้ ที่มลี กั ษณะเป็นลวดตัวนำเส้นหนง่ึ ได้แก่ ลวดนโิ ครม ซงึ่ เปน็ โลหะผสมระหว่างนิกเกลิ
กบั โครเมียมเขา้ กบั สายไฟฟา้ และแหลง่ กำเนิดไฟฟา้ ทำใหม้ คี วามต่างศกั ยไ์ ฟฟา้ ระหวา่ งปลายลวดตวั นำทัง้ สอง
ด้านและมีกระแสไฟฟ้าผ่านลวดตวั นำน้นั ดงั ภาพน้นั มีความสัมพันธก์ นั

ลวดนโิ ครม

ภาพแสดง วงจรไฟฟา้ ทต่ี อ่ กับลวดตวั นำ
อา้ งอิงจาก: หนังสือเรียนรายวชิ าพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 เล่ม 2 ตามหลักสูตร
แกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศกึ ษาธิการ หนา้ 74

เม่ือตอ่ ลวดตวั นำเข้ากบั แหล่งกำเนิดไฟฟ้า ปลายท้งั สองของลวดตวั นำจะมีความต่างศกั ย์ไฟฟ้า ทำให้มี
กระแสไฟฟา้ ในลวดตัวนำนั้น ถ้าความต่างศักยไ์ ฟฟ้าของปลายทง้ั สองของลวดตวั นำเปลยี่ นไป กระแสไฟฟา้ ท่ี
ผา่ นลวดตวั นำนัน้ จะมีคา่ เปล่ยี นไปดว้ ย โดยเมื่อเขียนกราฟความสมั พันธ์ระหวา่ งความต่างศกั ยไ์ ฟฟา้ และ
กระแสไฟฟ้า จะไดก้ ราฟเส้นตรงผ่านจุดกำเนิด ดังภาพ

0 ความต่างศักยไ์ ฟฟ้าคร่อมลวดตัวนำ (V)

ภาพแสดง กราฟความสัมพันธ์ระหวา่ งความต่างศกั ยไ์ ฟฟา้ และกระแสไฟฟา้ ของลวดตัวนำ

กราฟระหว่างกระแสไฟฟ้า (I) และความต่างศักย์ไฟฟ้า (V) เป็นกราฟเส้นตรง แสดงว่าถ้าความต่างกระแสไฟ ้ฟาท่ี ่ผานลวดตัวนำไฟ ้ฟา (A)
ศกั ย์ไฟฟ้าเพมิ่ กระแสไฟฟา้ ก็จะเพิม่ ตาม โดยทอ่ี ัตราสว่ นระหวา่ งความตา่ งศกั ย์ไฟฟา้ และกระแสไฟฟ้ามีค่าคงท่ี

V = ค่าคงที่

I

เรียกคา่ คงท่ีนี้ว่า ความตา้ นทานไฟฟ้า (resistance) มีสญั ลกั ษณเ์ ป็น R มีหน่วยเปน็ โวลตต์ อ่ แอมแปร์
หรือโอหม์ (ohm : Ω) จากความสมั พนั ธ์ของกระแสไฟฟ้า ความตา่ งศักย์ไฟฟา้ และความต้านทานไฟฟา้
สามารถเขยี นแสดงความสัมพนั ธใ์ หม่ในรูปสมการได้วา่

V =R

I

หรือ

V = IR

ถา้ เปลี่ยนตัวนำไฟฟา้ ที่มีความต้านทานไฟฟ้าต่างๆกัน จะพบวา่ อตั ราส่วนระหว่างคา่ ความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟา้ กบั กระแสไฟฟ้า
ก็จะตา่ งกนั ดว้ ย ดงั ภาพ

ตวั นำไฟฟา้ 1

ตวั นำไฟฟา้ 2

ตัวนำไฟฟ้า 3

0 ความตา่ งศักย์ไฟฟ้าคร่อมลวดตัวนำไฟฟ้า (V)

ภาพแสดง กราฟความสมั พนั ธร์ ะหว่างความต่างศักยไ์ ฟฟา้ และกระแสไฟฟา้
ของตวั นำไฟฟา้ ที่มคี วามตา้ นทานไฟฟา้ ต่างกนั

จากความสัมพันธข์ องสมการ V = IR สามารถนำไปใชใ้ นการคำนวณหาความตา่ งศักย์ไฟฟ้า กระแสไฟฟา้
และความต้านทานไฟฟา้ ได้

ตัวอยา่ งการคำนวณคา่ ความต้านทานไฟฟ้า

เมอื่ ต่อแอมมเิ ตอร์และโวลต์มเิ ตอร์เข้ากับวงจรไฟฟ้า คา่ ที่อ่านได้
จากมเิ ตอรท์ งั้ สองเปน็ ดังภาพ ลวดตวั นำนม้ี ีความตา้ นทานไฟฟ้าเท่าใด

แนวคดิ : จากภาพ จะไดว้ า่ ความต่างศักย์ไฟฟ้าของลวดตวั นำ V = 4.5 V
และกระแลไฟฟา้ I = 300 mA หรือ 0.3 A

จากความสัมพนั ธ์ V = IR สามารถหาความตา้ นทานไฟฟ้าได้เป็น

4.5 V = (0.3 A) R

4.5 =R
0.3
R = 15 Ω ดงั นน้ั คา่ ความตา้ นทานไฟฟา้ ของลวดตัวนำเท่ากับ 15 โอห์ม

จากกฎของโอหม์
จอร์จ ไซมอน โอห์ม(George Simon Ohm) นักฟิสิกส์ ชาวเยอรมันได้ค้นพบความสัมพันธ์

ระหว่างปริมาณของไฟฟ้าทั้ง 3 ตัว คือ ระหว่างกระแสไฟฟ้า (I) แรงดันไฟฟ้า (E) และตัวต้านทาน (R) และได้
สรุปค่าความสัมพันธ์ ดังกล่าวไว้ว่า “กระแสไฟฟ้านั่นวงจรไฟฟ้านั้น จะแปรผัน ตรงกับ แรงดันของแหล่งจ่าย
ไฟฟ้าแต่จะแปรผกผันกับค่า ความต้านทานในวงจรไฟฟ้า” ดังสมการ

I= E
R

เมอื่ I = กระแสไฟฟา้ มีหน่วยเป็น แอมปแ์ ปร์ (A)
E = แรงดนั ไฟฟ้า มีหน่วยเปน็ โวลต์ (V)
R = ความต้านทาน มีหนว่ ยเปน็ โอหม์ ()

กฎของโอหม์ อธบิ ายไดว้ า่ กระแสไฟฟ้าในวงจรจะมีคา่ เพิม่ ขน้ึ ถ้าแรงดนั ท่แี หลง่ จ่าย มคี ่าเพิ่มข้ึน
และในทางกลับกันถ้าแหล่งจ่ายไฟฟ้ามีค่าคงที่ กระแสไฟฟ้าจะมคี ่าลดลง เมื่อค่าความตา้ นทานในวงจรไฟฟา้ มี
ค่ามากขน้ึ ความสัมพนั ธต์ ามกฎของโอห์มอาจเขยี น ในรูปสามเหลยี่ ม ดังรปู

ภาพแสดง สามเหล่ียมหาค่าความสมั พนั ธ์ตามกฎของโอหม์

จากกฎของโอห์ม สามารถนำมาคำนวณหาค่าความต้านทานไฟฟา้ แบบอนกุ รมและขนานได้ดงั นี้
R1 R2
1) การต่อตัวต้านทานแบบอนกุ รม

จากกฎของ โอห์ม จะได้วา่ IR = I1R1 + I2R2

แต่ I = I1 = I2

 R = R1 + R2 1

2) การตอ่ ตวั ตา้ นทานแบบขนาน R1
จากกฎของ โอห์ม จะไดว้ ่า V = +V1 V2 R2

R R1 R2

แต่ V = V1 = V2

1 11

R= +R1 R 2 2

7. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ใชร้ ูปแบบการจัดการเรยี นการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Cycles: 5Es) (2 ชวั่ โมง; 120นาที)
ขัน้ ที่ 1 กระตุน้ ความสนใจ (Engagement) (20 นาที)
1) ครูสนทนาร่วมกบั นักเรียนโดยใชค้ ำถามกระต้นุ ความคดิ ว่า จากความสมั พันธ์กฏของโอห์มมี

ความสัมพันธ์อะไรบ้าง มีสูตรการคำนวณอะไร (จอร์จ ไซมอน โอห์ม(George Simon Ohm) นักฟิสิกส์
ชาวเยอรมนั ไดค้ ้นพบความสัมพนั ธร์ ะหว่างปรมิ าณของไฟฟ้าทง้ั 3 ตัว คอื ระหว่างกระแสไฟฟ้า (I) แรงดันไฟฟ้า
(EหรือV) และตัวต้านทาน (R) และได้สรุปค่าความสัมพันธ์ ดังกล่าวไว้ว่า “กระแสไฟฟ้านั่นวงจรไฟฟ้าน้ัน
จะแปรผัน ตรงกับ แรงดันของแหลง่ จ่ายไฟฟ้าแตจ่ ะแปรผกผนั กับคา่ ความตา้ นทานในวงจรไฟฟา้ ”ความสัมพันธ์
ประกอบดว้ ย 3 ส่วน คือกระแสไฟฟ้า แรงดันไฟฟา้ และความตา้ นทานไฟฟา้ สตู ร I = E/R, E = IxR, R = E/I)

ขั้นที่ 2 ข้ันสำรวจและคน้ หา (Exploration) (40 นาที)
2) ครูเช่อื มโยงเขา้ สู่กิจกรรมที่ 6.3 กระแสไฟฟา้ และความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟา้ ของตัวนำไฟฟา้ มี

ความสัมพันธก์ ันอยา่ งไร โดยใชค้ ำถามวา่ ค่ากระแสไฟฟา้ ท่ผี า่ นลวดตัวนำและความต่างศกั ยไ์ ฟฟ้าคร่อมลวด
ตัวนำน้ันมีความสัมพนั ธก์ ันหรอื ไม่ อย่างไร (นกั เรยี นตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง)

3) นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม จุดประสงค์ และวิธีดำเนินกิจกรรม ตามหนังสือเรียนรายวิชา
พื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เล่ม 2 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ หน้า 75 และครูตรวจสอบความ
เข้าใจการอ่าน โดยใช้คำถามดังต่อไปน้ี

- กจิ กรรมน้ีเกี่ยวกบั เรอ่ื งอะไร (ความสัมพันธร์ ะหว่างกระแสไฟฟา้ และความต่างศกั ยไ์ ฟฟ้าของ
ลวดนโิ ครม)

- กิจกรรมน้ีมีจดุ ประสงค์อะไร (วิเคราะห์และอธิบายความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งกระแสไฟฟา้ ที่ผ่าน
ลวดนิโครมและความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟ้าครอ่ มลวดนิโครมโดยใช้กราฟ)

- วิธีดำเนินกิจกรรมมีขั้นตอนโดยสรุปอยา่ งไร (ต่อลวดนิโครมกับสวิตช์และถา่ นไฟฉายให้เป็น
วงจรไฟฟ้าอย่างง่าย ต่อโวลต์มิเตอร์และแอมมิเตอร์เพื่อวัดค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าของลวดนิโครมและ
ค่ากระแสไฟฟ้าที่ผ่านลวดนิโครม บันทึกค่าปริมาณทางไฟฟา้ เมื่อใช้ถ่านไฟฉาย 1 2 3 และ 4 ก้อน ตามลำดับ
เขยี นกราฟและวิเคราะหค์ วามสมั พนั ธ์ของกระแสไฟฟ้าและความต่างศกั ย์ไฟฟา้ ของลวดนิโครม)

-ข้อควรระวังในการทำกิจกรรมมีอะไรบ้าง (เมื่ออ่านค่ากระแสไฟฟ้าและความต่างศักย์ไฟฟา้
แลว้ ต้องยกสวติ ชข์ น้ึ ทกุ คร้ังทนั ที เพอ่ื ไมใ่ หม้ กี ระแสไฟฟ้าในวงจรเป็นเวลานาน ซ่ึงจะทำใหล้ วดนโิ ครมร้อน และ
ค่าที่วัดได้จะมีความคลาดเคลื่อน นอกจากนี้ต้องระวังไม่ให้ขดลวดนิโครมแตะกันเพราะจะทำให้เกิดไฟฟ้า
ลดั วงจร)

- นักเรียนต้องสังเกตหรือรวบรวมข้อมูลอะไรบ้าง (นักเรียนต้องสังเกตค่ากระแสไฟฟ้าและ
ความต่างศักยไ์ ฟฟา้ ของลวดนิโครมเม่อื ใช้ถ่านไฟฉาย 1 2 3 และ 4 กอ้ น ตามลำดบั )

4) ขณะท่ีนักเรียนแต่ละกลุ่มทำกิจกรรม ครูเดินสังเกตการทำกิจกรรมของนักเรียนแต่ละกล่มุ
และให้คำแนะนำ หากนักเรียนมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการต่อวงจรไฟฟ้า การต่อแอมมิเตอร์และโวลต์มิเตอร์

การเปลี่ยนขัว้ บวกของแอมมิเตอร์และโวลต์มิเตอร์ การอ่านค่ากระแสไฟฟ้าและความต่างศักยไ์ ฟฟา้ บนหนา้ ปัด
และการเขียนกราฟ แสดงความสัมพันธ์ระหว่างกระแสไฟฟ้าและความต่างศักย์ไฟฟ้า ซึ่งครูควรรวบรวมปัญหา
และข้อสงสัยทพ่ี บจากการทำกิจกรรม เพื่อใช้เปน็ ขอ้ มลู ประกอบการอภิปรายหลงั จากการทำกจิ กรรม

ขน้ั ที่ 3 ข้ันอธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) (20 นาที)
5) นักเรยี นบันทกึ การทำกจิ กรรมลงในแบบบันทึกการค้นคว้ากิจกรรมท่ี 6.3 กระแสไฟฟ้าและ

ความตา่ งศักย์ไฟฟ้าของตวั นำไฟฟ้ามีความสัมพันธ์กนั อย่างไร โดยสรุปผลและตอบคำถามท้ายกิจกรรม เพื่อให้
ไดข้ อ้ สรุปจากกิจกรรมว่า คา่ กระแสไฟฟ้าและความต่างศกั ยไ์ ฟฟ้าที่ผ่านลวดนโิ ครมมีความสมั พนั ธแ์ บบเชิงเส้น
โดยเมอื่ คา่ ความต่างศักยไ์ ฟฟ้าเพิ่ม คา่ กระแสไฟฟ้าจะเพมิ่ ตาม เมอื่ เขยี นกราฟระหว่างความต่างศักย์ไฟฟ้าและ
กระแสไฟฟ้าจะไดก้ ราฟเส้นตรงผ่านจดุ กำเนิด

ขั้นที่ 4 ขนั้ ขยายความรู้ (Elaboration) (20 นาที)
6) ให้นักเรียนเรียนรู้เพ่ิมเติมโดยอ่านเนื้อหาในหนังสือเรียนหน้า 76-77 แล้วร่วมกันอภิปราย

เกยี่ วกับความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งกระแสไฟฟา้ ความตา่ งศักยไ์ ฟฟ้า และความตา้ นทานไฟฟา้ ของตัวนำไฟฟ้า เพื่อให้
ได้ข้อสรุปว่า ในตัวนำไฟฟ้าหนึ่ง เมื่อความต่างศักย์ไฟฟ้าของตัวนำมีค่ามากขึ้น กระแสไฟฟ้าจะมีค่าเพิ่มข้ึน
โดยอัตราส่วนระหว่างความต่างศักย์ไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้าของตัวนำไฟฟ้าจะมีค่าคงที่ เรียกว่าความต้านทาน
ไฟฟ้า เขยี นความสัมพันธ์ไดด้ งั สมการ V = IR จากนัน้ ใชค้ ำถามระหว่างเรยี นเพอื่ ตรวจสอบความเข้าใจ

7) นักเรียนตอบคำถามชวนคิด จำนวน 3 ข้อ (หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เล่ม 2 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
(ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศกึ ษาธกิ าร หนา้ 79) (เฉลยแนบท้ายแผนการจัดการเรียนรู้)

ขน้ั ท่ี 5 ขนั้ ประเมนิ (Evaluation) (20 นาที)
8) นักเรยี นตรวจสอบการทำคำถามชวนคิดและแบบบนั ทึกการค้นควา้ สง่ ตามกำหนดท่วี างไว้
9) ครูตรวจสอบการส่งแบบบันทึกการค้นคว้าของนักเรียนและให้คะแนนประเมินตามเกณฑ์

การประเมิน (Rubrics Score)

8. ส่ือการเรยี นรู้/แหลง่ เรียนรู้

8.1 อปุ กรณท์ ำกิจกรรม: 1) ถ่านไฟฉายขนาด 1.5 V 2) กระบะถา่ นแบบ 4 กอ้ น 3) สายไฟฟา้

4) ลวดนโิ ครมเบอร์ 26 ความยาว 1 m 5) สวิตช์แบบโยก

6) แอมมเิ ตอร์ 7) โวลตม์ ิเตอร์

8.2 ใบกจิ กรรม: ใบกิจกรรมท่ี 6.3 กระแสไฟฟา้ และความต่างศักย์ไฟฟา้ ของตัวนาไฟฟ้า

มคี วามสมั พนั ธก์ นั อย่างไร

8.3 แบบบันทกึ กจิ กรรม: แบบบนั ทกึ การคน้ คว้ากิจกรรมที่ 6.3 กระแสไฟฟา้ และความต่างศกั ยไ์ ฟฟ้า

ของตัวนาไฟฟา้ มคี วามสมั พันธ์กันอย่างไร

8.4 แหลง่ เรยี นรู้: หนังสือเรียนรายวชิ าพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 3 เลม่ 2

ตามหลกั สตู รแกนกลางฯ พทุ ธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2560) สสวท.

9. การวดั และการประเมนิ

ตวั ชี้วัด/ผลการเรยี นรู้ วธิ ีการวัด เครื่องมือวัด เกณฑท์ ี่ใช้ในการประเมนิ

1. อธิบายความสมั พันธ์ - ตรวจการตอบ - คำถามท้ายกิจกรรมท่ี 6.3 - ไดไ้ ม่นอ้ ยกว่า 2 คะแนน

ระหวา่ งความตา่ งศกั ย์ไฟฟา้ คำถามทา้ ย กระแสไฟฟ้าและความ ระดับคุณภาพดี ถอื วา่

กระแสไฟฟา้ และความ กิจกรรมท่ี 6.3 ต่างศกั ยไ์ ฟฟ้าของตวั นำ ผ่านการประเมิน

ต้านทานในวงจรไฟฟา้ ได้ ไฟฟ้ามคี วามสมั พนั ธก์ ัน ดา้ นความรู้

(ดา้ นความรู้: K) อยา่ งไร จำนวน 5 ข้อ

2. การใชท้ ักษะการทดลอง - ตรวจการทำแบบ - แบบบันทึกการค้นคว้า - ได้ไม่น้อยกวา่ 2 คะแนน

โดยออกแบบตารางบนั ทกึ ผล บันทกึ การคน้ ควา้ กิจกรรมที่ 6.3กระแสไฟฟา้ ระดบั คณุ ภาพดี ถอื ว่า

เก่ียวกับความสมั พนั ธค์ วาม กจิ กรรมท่ี 6.3 และความตา่ งศกั ย์ไฟฟ้า ผา่ นการประเมิน

ตา่ งศักยไ์ ฟฟ้ากับกระแสไฟฟ้า ของตัวนำไฟฟา้ มี ดา้ นกระบวนการ

(ด้านกระบวนการ: P) ความสมั พนั ธก์ นั อยา่ งไร

3. คุณลักษณะการมี - สังเกตพฤติกรรม - เกณฑ์การประเมิน ได้ไมน่ ้อยกวา่ 2 คะแนน

จิตสาธารณะ การเรยี นร้รู ่วมกับ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ระดบั คุณภาพดี ถอื วา่ ผา่ น

(ด้านเจตคติ: A) ผู้อืน่ ด้านการมจี ิตสาธารณะ การประเมนิ ด้านเจตคติ

9.1 เกณฑ์การประเมนิ ผลนกั เรยี น เกณฑก์ ารประเมนิ (Rubrics Score)

ประเดน็ การประเมนิ คา่ น้ำหนกั แนวทางการให้คะแนน
คะแนน
การให้คะแนนตอบ ตอบคำถามท้ายกิจกรรมท่ี 6.3 ถกู ต้อง จำนวน 4-5 ข้อ
คำถามทา้ ย 3 ตอบคำถามท้ายกิจกรรมที่ 6.3 ถูกตอ้ ง จำนวน 2-3 ข้อ
กจิ กรรมท่ี 6.3 2 ตอบคำถามท้ายกิจกรรมท่ี 6.3 ถูกต้อง จำนวน 1 ข้อ หรอื ไม่ถกู ตอ้ ง
1

ประเด็นการประเมิน คา่ น้ำหนกั แนวทางการใหค้ ะแนน
การให้คะแนนการบนั ทึก คะแนน
แบบบันทกึ การคน้ ควา้ บนั ทกึ ผลการทำกจิ กรรม มีการออกแบบการทดลอง ปฏิบตั กิ ารทดลอง
3 ออกแบบตารางบนั ทึกผลการทดลอง และแสดงกราฟความสัมพันธ์
กจิ กรรมท่ี 6.3 เกย่ี วกับความสัมพนั ธ์ระหว่างความตา่ งศักย์ไฟฟ้ากบั กระแสไฟฟา้ ได้
2 อย่างถูกต้องเหมาะสม ครบทุกประเด็น สอดคลอ้ งกบั เนื้อหาในกจิ กรรม
การให้คะแนนพฤติกรรม บนั ทกึ ผลการทำกจิ กรรม มีการออกแบบการทดลอง ปฏบิ ตั ิการทดลอง
คณุ ลกั ษณะการมจี ติ 1 ออกแบบตารางบนั ทึกผลการทดลอง และแสดงกราฟความสัมพันธ์
สาธารณะ เกีย่ วกบั ความสัมพันธ์ระหวา่ งความต่างศกั ย์ไฟฟ้ากับกระแสไฟฟ้าได้
3 ถกู ตอ้ ง แตม่ ีขอ้ ผิดพลาดบางสว่ น ท่ไี ม่สอดคลอ้ งกับเนื้อหาในกจิ กรรม
บันทกึ ผลการทำกิจกรรม มีการออกแบบการทดลอง ปฏิบตั ิการทดลอง
2 ออกแบบตารางบันทึกผลการทดลอง และแสดงกราฟความสมั พันธ์
เกีย่ วกับความสัมพันธ์ระหว่างความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟ้ากับกระแสไฟฟ้าได้ไม่
1 ถูกต้อง มีขอ้ ผดิ พลาด ทไี่ ม่สอดคลอ้ งกับเนอ้ื หาในกจิ กรรม
1) ดแู ลรกั ษาอุปกรณท์ างวทิ ยาศาสตร์และทรพั ย์สินภายในหอ้ งเรียน
ของนักเรียนทกุ ครงั้ หลงั การใช้งาน
2) มีจิตอาสาช่วยเหลอื การทำงานกล่มุ รว่ มกบั ผูอ้ ื่น จึงไมเ่ กิดปญั หา
ภายในกลุ่ม
1) ดูแลรักษาอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์และทรพั ย์สนิ ภายในห้องเรียน
แต่เกิดอบุ ัติเหตุ ทำใหอ้ ุปกรณเ์ สียหาย
2) ไม่มจี ติ อาสาและไม่ช่วยเหลอื การทำงานกลมุ่ ทำใหเ้ กิดปญั หา
ภายในกลุ่ม แต่สามารถแกป้ ัญหาได้
1) ไม่ดูแลอปุ กรณ์ทางวทิ ยาศาสตร์และและทรัพยส์ ินภายในหอ้ งเรียน
หลงั การใชง้ าน
2) ไม่มีจิตอาสาและไมช่ ่วยเหลือการทำงานกลมุ่ ทำใหเ้ กิดปัญหา
ภายในกลุ่ม

9.2 ระดับคุณภาพ

คะแนนรวมเฉล่ยี 3.00 หมายถงึ ดีมาก

คะแนนรวมเฉลี่ย 2.00 - 2.99 หมายถงึ ดี

คะแนนรวมเฉลยี่ 0.01 - 1.99 หมายถงึ พอใช้

ดงั นั้น นกั เรยี นต้องได้คะแนนเฉลย่ี ทุกประเด็นการประเมนิ ไม่ต่ำกว่า 2.00 แสดงระดบั

คณุ ภาพ ดี ถือวา่ ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ในแผนการจัดการเรยี นที่ 14

สือ่ การเรียนรูแ้ ผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 14: ใบกิจกรรมท่ี 6.3

ใบกจิ กรรมท่ี 6.3 กระแสไฟฟ้าและความต่างศักย์ไฟฟ้าของตวั นาไฟฟ้ามคี วามสัมพันธ์กนั อยา่ งไร

หนังสอื เรยี นรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 3 เล่ม 2 ตามหลกั สูตรแกนกลาง
การศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศกึ ษาธิการ หนา้ 75

กิจกรรมที่ 6.3 กระแสไฟฟา้ และความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟา้ ของตัวนำไฟฟ้ามคี วามสัมพันธก์ นั อยา่ งไร?
จดุ ประสงค์
วสั ดุอปุ กรณ์ วเิ คราะห์และอธบิ ายความสัมพันธร์ ะหวา่ งกระแสไฟฟ้าท่ผี า่ นลวดนโิ ครมและ

วิธีดาเนนิ กิจกรรม ความตา่ งศกั ย์ไฟฟ้าคร่อมลวดนิโครมโดยใชก้ ราฟ

วสั ดทุ ใ่ี ชต้ ่อกลุ่ม

1. ถ่านไฟฉายขนาด 1.5 V 4 กอ้ น

2. กระบะถ่านแบบ 4 ก้อน 1 อัน

3. สายไฟฟา้ 6 เสน้

4. ลวดนิโครมเบอร์ 26 ความยาว 1 m 1 เส้น

5. สวิตชแ์ บบโยก 1 อนั

6. แอมมเิ ตอร์ 1 เคร่ือง

7. โวลตม์ ิเตอร์ 1 เครือ่ ง

1. ต่อวงจรไฟฟา้ ทปี่ ระกอบดว้ ยถ่านไฟฉาย

1 ก้อน สวิตช์ สายไฟฟ้า ลวดนิโครมยาว

1 เมตร ที่ขดเป็นเกลียวและแอมมิเตอร์

มาต่อเรียงกัน แล้วต่อโวลต์มิเตอร์คร่อม

ปลายท้งั สองของลวดนโิ ครม ดงั ภาพ ภาพการจดั อุปกรณ์ในกิจกรรม

2. กดสวติ ซ์ลง เพอื่ ให้วงจรปดิ อา่ นค่ากระแสไฟฟา้ และความต่างศกั ยไ์ ฟฟา้ บันทกึ ผล
แลว้ ยกสวิตช์ข้นึ ทาซ้าข้อ 1-2 โดยเพิ่มถ่านไฟฉายทีละกอ้ นโดยต่อเรยี งกนั ไปแบบ
อนกุ รมจนครบ 4 กอ้ น
4. เขียนกราฟแสดงความสมั พนั ธร์ ะหว่างคา่ กระแสไฟฟา้ ท่ีผ่านลวดนโิ ครมและ
ความต่างศักย์ไฟฟ้าคร่อมลวดนิโครม โดยใหค้ วามตา่ งศกั ยไ์ ฟฟ้าเปน็ แกนนอน
และกระแสไฟฟา้ เปน็ แกนตั้ง
5. ร่วมกันวิเคราะหแ์ ละอภิปรายความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งกระแสไฟฟา้ แลความตา่ ง
ศักย์ไฟฟา้ ของลวดนโิ ครม นาเสนอ

กจิ กรรมที่ 6.3 กระแสไฟฟา้ และความต่างศกั ยไ์ ฟฟ้าของตวั นำไฟฟา้ มีความสมั พันธก์ ันอย่างไร?
การเตรยี มตัว • ครคู วรตรวจสอบคุณภาพของอุปกรณ์ไฟฟ้าใหอ้ ยู่ในสภาพพร้อมใชง้ าน
ลว่ งหนา้ สาหรบั ครู • ครคู วรฝกึ การใชแ้ ละการอา่ นคา่ จากแอมมเิ ตอร์และโวลต์มเิ ตอรจ์ นเกดิ ความชานาญ
ขอ้ ควรระวัง • เมอ่ื อ่านค่ากระแสไฟฟา้ และความต่างศักยไ์ ฟฟา้ แล้วตอ้ งยกสวิตชข์ นึ้ ทกุ คร้ังทนั ที

เพอ่ื ไม่ใหม้ ีกระแสไฟฟา้ ในวงจรเป็นเวลานาน ซง่ึ จะทาให้ลวดนโิ ครมร้อน และค่าทวี่ ัด
ไดจ้ ะมคี วามคลาดเคลื่อน
• ระวังไมใ่ หข้ ดลวดนโิ ครมแตะกนั เพราะจะทาให้เกิดการลดั วงจร
ขอ้ เสนอแนะใน • ครูควรทบทวนการใช้งานแอมมิเตอรแ์ ละโวลตม์ ิเตอรจ์ นม่ันใจว่าสามารถให้
การทากิจกรรม คาแนะนาแกน่ ักเรยี นได้อย่างถกู ต้อง
• เนือ่ งจากกจิ กรรมนใี้ ชล้ วดนิโครมยาว 1 เมตร ครูควรแนะนาให้นักเรียนเตรียม
ลวดนโิ ครมให้เปน็ เกลยี ว โดยการพนั ลวดนโิ ครมรอบดินสอหรอื ปากกา ดงั ภาพ
เพ่อื ความสะดวกในการทากิจกรรม

ภาพการพนั ลวดนิโครมให้เป็นเกลียว

คำถามทา้ ยกจิ กรรม

1. เมื่อเพ่ิมจำนวนถา่ นไฟฉายในวงจรไฟฟ้า คา่ ความต่างศกั ยไ์ ฟฟ้าระหว่างปลายทั้งสองของลวดนโิ ครมเปน็ อย่างไร
2. เมอ่ื เพมิ่ จำนวนถา่ นไฟฉายในวงจรไฟฟา้ คา่ กระแสไฟฟา้ ทผี่ า่ นลวดนโิ ครมเปน็ อยา่ งไร
3. คา่ กระแสไฟฟ้าทีผ่ า่ นลวดนิโครมและความต่างศกั ย์ไฟฟ้าคร่อมลวดนิโครมมีความสมั พนั ธก์ นั อยา่ งไร
ทราบไดอ้ ยา่ งไร
4. อตั ราส่วนระหวา่ งความต่างศกั ย์ไฟฟา้ และกระแสไฟฟ้าท่ีวัดไดแ้ ต่ละคร้ังมีคา่ เปน็ อย่างไร
5. จากกจิ กรรม สรุปได้วา่ อยา่ งไร

ส่ือการเรียนรแู้ ผนการจัดการเรียนรู้ที่ 14: แบบบนั ทึกการค้นคว้ากิจกรรมท่ี 6.3

แบบบนั ทกึ การคน้ ควา้ กจิ กรรมท่ี 6.3 กระแสไฟฟ้าและความต่างศกั ยไ์ ฟฟา้ ของตวั นาไฟฟ้า
มีความสมั พันธก์ นั อย่างไร

ชอ่ื -นามสกลุ ..........................................................................................ชน้ั .................เลขท่ี...........กลมุ่ ท.ี่ ...........
 ตารางบนั ทกึ ผลการทำกิจกรรม

ตารางแสดง คา่ ความต่างศักยไ์ ฟฟา้ คร่อมลวดนโิ ครมและคา่ กระแสไฟฟ้าทผี่ า่ นลวดนิโครม

จำนวนถา่ นไฟฉาย 1.5 ความตา่ งศักย์ไฟฟ้าคร่อม กระแสไฟฟา้ ทผี่ า่ น
โวลต์ (กอ้ น) ลวดนิโครม (V) ลวดนิโครม (A)
1 …………………………………………..
………………………………………….. …………………………………………..
2 ………………………………………….. …………………………………………..
………………………………………….. …………………………………………..
3 …………………………………………..

4

 กราฟความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งความตา่ งศักย์ไฟฟา้ ครอ่ มลวดนโิ ครมและค่ากระแสไฟฟ้าท่ผี า่ นลวดนิโครม

กระแสไฟฟ้า ่ีท ่ผานลวดนิโครม (แอมแปร์) 000000 000000 000000 000000 000000 000000
0.1 0.2 0.3 0.4 0.5 0.6 0.7 000000 000000 000000 000000 000000 000000

000000 000000 000000 000000 000000 000000
000000 000000 000000 000000 000000 000000

000000 000000 000000 000000 000000 000000
000000 000000 000000 000000 000000 000000

000000 000000 000000 000000 000000 000000
000000 000000 000000 000000 000000 000000

000000 000000 000000 000000 000000 000000
000000 000000 000000 000000 000000 000000

0 000000 000000 000000 000000 000000 000000
000000 000000 000000 000000 000000 000000
000000 000000 000000 000000 000000 000000
000000 000000 000000 000000 000000 000000

01 23 456

ความต่างศักยไ์ ฟฟ้าครอ่ มลวดนิโครม (โวลต์)

(แอมแปร)์

แนบท้ายแผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 14: การให้คะแนนด้านกระบวนการ (P)

แนวทางบันทกึ การคน้ คว้ากจิ กรรมท่ี 6.3 กระแสไฟฟา้ และความต่างศักย์ไฟฟ้าของตวั นาไฟฟา้
มคี วามสมั พนั ธ์กนั อยา่ งไร

 ตารางบันทึกผลการทำกจิ กรรม

ตารางแสดง คา่ ความต่างศกั ยไ์ ฟฟ้าคร่อมลวดนโิ ครมและค่ากระแสไฟฟา้ ท่ีผา่ นลวดนโิ ครม

จำนวนถา่ นไฟฉาย 1.5 ความต่างศกั ย์ไฟฟ้าคร่อม กระแสไฟฟ้าท่ีผา่ น
โวลต์ (ก้อน) ลวดนโิ ครม (V) ลวดนโิ ครม (A)
1 ……………………0.16……………..
…………………1.25……………….. ……………………0.31……………..
2 …………………2.4……………….. ……………………0.50……………..
……..……………4…..…………….. ……………………0.65……………..
3 ……………………5…………………..

4

 กราฟความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งความต่างศักย์ไฟฟ้าคร่อมลวดนโิ ครมและค่ากระแสไฟฟ้าทผ่ี า่ นลวดนโิ ครม

แนบทา้ ยแผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 14: การให้คะแนนด้านความรู้ (K)

เฉลยใบกิจกรรมท่ี 6.3 กระแสไฟฟ้าและความต่างศักยไ์ ฟฟ้าของตัวนาไฟฟ้ามีความสมั พันธก์ นั อยา่ งไร

เฉลยคำถามท้ายกจิ กรรม

1. เม่ือเพ่มิ จำนวนถา่ นไฟฉายในวงจรไฟฟ้า ค่าความต่างศกั ย์ไฟฟ้าระหว่างปลายทั้งสองของลวดนิโครมเปน็ อยา่ งไร
แนวคำตอบ เมอ่ื เพมิ่ จำนวนถา่ นไฟฉายในวงจรไฟฟา้ คา่ ความต่างศกั ยไ์ ฟฟา้ ระหว่างปลายทง้ั สองของ

ลวดนิโครมเพมิ่ ข้ึน

2. เม่ือเพม่ิ จำนวนถ่านไฟฉายในวงจรไฟฟ้า คา่ กระแสไฟฟา้ ท่ผี ่านลวดนโิ ครมเป็นอยา่ งไร
แนวคำตอบ เมื่อเพิ่มจำนวนถา่ นไฟฉายในวงจรไฟฟ้า คา่ กระแสไฟฟา้ ทผี่ า่ นลวดนโิ ครมเพมิ่ ขึ้น

3. คา่ กระแสไฟฟ้าท่ีผ่านลวดนิโครมและความต่างศักย์ไฟฟา้ คร่อมลวดนิโครมมคี วามสัมพนั ธก์ ันอยา่ งไร
ทราบไดอ้ ย่างไร

แนวคำตอบ ค่ากระแสไฟฟา้ และความต่างศักยไ์ ฟฟา้ ทผี่ ่านลวดนโิ ครมมีความสมั พนั ธ์กนั โดยเมื่อคา่
ความตา่ งศักย์ไฟฟ้าเพ่ิมขึ้น ค่ากระแสไฟฟ้าก็เพิ่มขนึ้ ทราบได้จากกราฟความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง
ความตา่ งศักยไ์ ฟฟา้ และกระแสไฟฟา้ ท่เี ปน็ กราฟเส้นตรง

4. อัตราสว่ นระหว่างความต่างศกั ย์ไฟฟา้ และกระแสไฟฟ้าท่ีวดั ได้แตล่ ะครัง้ มคี ่าเปน็ อยา่ งไร
แนวคำตอบ นกั เรยี นตอบตามผลการทำกิจกรรม ซ่งึ ควรจะมีคา่ เทา่ กนั หรอื มคี า่ ใกล้เคียงกัน

5. จากกิจกรรม สรุปไดว้ า่ อย่างไร
แนวคำตอบ ค่ากระแสไฟฟา้ และความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟา้ ทผี่ า่ นลวดนโิ ครมมีความสมั พันธก์ ัน โดยเมือ่ คา่

ความตา่ งศกั ย์ไฟฟ้าเพ่ิม คา่ กระแสไฟฟ้าจะเพม่ิ ตาม เม่อื เขยี นกราฟแสดงความสมั พนั ธ์ระหว่างความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟา้
และกระแสไฟฟ้าจะได้กราฟเสน้ ตรงผ่านจุดกำเนิด

แนบทา้ ยแผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 14: เฉลยคำถามชวนคิด

เฉลยคำถามชวนคดิ จำนวน 3 ขอ้

หนังสือเรียนรายวชิ าพืน้ ฐานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 3 เลม่ 2 ตามหลักสตู รแกนกลาง
การศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศกึ ษาธกิ าร หนา้ 79

1. ถ้าอุปกรณ์ไฟฟา้ หนง่ึ มีความต้านทานไฟฟ้า 100 โอหม์ และกระแสไฟฟา้ ทผ่ี า่ นอุปกรณไ์ ฟฟา้ นนั้
เท่ากับ 0.05 แอมแปร์ ความต่างศักย์ไฟฟ้าของอุปกรณไ์ ฟฟ้ามีค่าเท่าใด

แนวคำตอบ
จากโจทย์ กระแสไฟฟา้ I = 0.05 A และความตา้ นทานไฟฟ้า R = 100 Ω
จากความสมั พันธ์ V = IR จะได้วา่
V = 0.05 A × 100 Ω
V=5V
ดังนั้น ความต่างศักย์ไฟฟา้ ของอุปกรณ์ไฟฟ้าเทา่ กับ 5 โวลต์

2. กราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างความต่าง
ศักย์ไฟฟ้าท่ีคร่อมตวั ต้านทานไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้าที่ผ่าน
ตัวต้านทานไฟฟ้านั้นเป็นดังภาพ ตัวต้านทานไฟฟ้านี้มีค่า
ความตา้ นทานไฟฟ้าเปน็ เทา่ ใด

แนวคำตอบ
จากความสมั พนั ธ์ V = IR ความตา้ นทานไฟฟ้า R คืออตั ราสว่ นระหว่าง V/I
จากกราฟ จะได้ว่า
ถ้าใช้คา่ ความต่างศักยไ์ ฟฟา้ เท่ากับ 9 โวลต์ กระแสไฟฟ้า 0.045 แอมแปร์
R = (9 V)/(0.045 A)
R = 200 Ω
หรือ ถา้ ใช้คา่ ความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟ้าเทา่ กับ 6 โวลต์ กระแสไฟฟ้า 0.030 แอมแปร์
R = (6 V)/(0.030 A)
R = 200 Ω
หรือ ถ้าใช้คา่ ความตา่ งศักยไ์ ฟฟา้ เท่ากบั 3 โวลต์ กระแสไฟฟา้ 0.15 แอมแปร์
R = (3 V)/(0.015 A)
R = 200 Ω
ดงั นนั้ ความตา้ นทานไฟฟ้าของตัวตา้ นทานไฟฟา้ นเี้ ทา่ กบั 200 โอห์ม

แนบท้ายแผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 14: เฉลยคำถามชวนคิด

เฉลยคำถามชวนคดิ จำนวน 3 ขอ้

หนงั สือเรยี นรายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 3 เลม่ 2 ตามหลกั สตู รแกนกลาง
การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศกึ ษาธิการ หน้า 79

3. วงจรไฟฟ้าประกอบดว้ ยแบตเตอรี่ สายไฟฟ้า และอุปกรณ์ไฟฟ้า ถ้าให้ความต่างศักย์ไฟฟา้ ของ
อปุ กรณ์ไฟฟา้ นัน้ 12 โวลต์ กระแสไฟฟ้าทผี่ า่ นอุปกรณ์ไฟฟ้านนั้ จะเท่ากบั 10 มลิ ลแิ อมแปร์ ถ้าเปล่ียนความ
ตา่ งศักยไ์ ฟฟา้ ทใี่ ห้แกอ่ ุปกรณน์ ั้นเป็น 18 โวลต์ กระแสไฟฟ้าท่ีผา่ นอุปกรณไ์ ฟฟา้ นนั้ จะเปน็ ก่มี ลิ ลิแอมแปร์

แนวคำตอบ จากโจทย์ ถ้าความต่างศักย์ไฟฟ้าของอุปกรณ์ไฟฟา้ เป็น V = 12 V
กระแสไฟฟา้ จะเทา่ กบั I = 10 mA = 0.010 A
จากความสมั พนั ธ์ V = IR จะได้ว่าความตา้ นทานไฟฟ้าของอปุ กรณ์ไฟฟา้ เปน็

R = V/I
R = (12 V)/(0.010 A)
R = 1,200 Ω
และเมื่อเปล่ียนความตา่ งศกั ย์ไฟฟ้าเป็น V = 18 V
จากความสัมพันธ์ V = IR จะไดว้ า่ กระแสไฟฟา้ ทผ่ี ่านอุปกรณไ์ ฟฟ้านัน้ เป็น
I = V/R
I = (18 V)/(1,200 Ω)
I = 0.015 A หรอื 15 mA
ดังนัน้ กระแสไฟฟา้ ทผี่ า่ นอปุ กรณ์ไฟฟา้ น้นั จะเปน็ 15 มลิ ลแิ อมแปร์

แนบทา้ ยแผนการจดั การเรียนรู้ที่ 14: VDO ปฏบิ ัตกิ ารทางวิทยาศาสตร์สำหรับครผู ้สู อน

อา้ งองิ จาก https://ipst.me/9877

เว็บไซต์คลังความรู้ SciMath สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (สสวท.)
กระทรวงศกึ ษาธิการ เผยแพรเ่ มื่อ : วนั ท่ี 27กมุ ภาพันธ์ 2562

สาธิตการทดลองเรื่อง ความต่างศักย์ไฟฟ้าและกระแสไฟฟา้ สัมพันธ์กันอย่างไร

ตัวอย่างการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อให้นักเรียนหาคำตอบว่าความต่าง
ศักย์ไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้าสมั พนั ธก์ ันอย่างไร โดยให้นักเรยี นใช้แอมมิเตอรแ์ ละโวลตม์ เิ ตอร์วัดค่ากระแสไฟฟ้า
และค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้าตามลำดับ แล้วเขียนกราฟระหว่างค่ากระแสไฟฟ้าและค่าความต่าง
ศกั ยไ์ ฟฟา้ เหมาะสำหรับนักเรียนระดับมธั ยมศึกษาตอนตน้

ลิขสิทธิ์ สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (สสวท.)
ผ้แู ตง่ หรอื เจ้าของผลงาน สาขาวิทยาศาสตรภ์ าคบังคบั
สาขาวชิ า/กลุม่ สาระวิชา วิทยาศาสตร์ทว่ั ไป
ระดบั ช้นั ม.3
กลมุ่ เป้าหมาย ครู

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 15

เร่ือง วงจรไฟฟ้าแบบอนุกรม รหสั วิชา ว23102 เวลา 2 ชัว่ โมง
รวม 22 ช่ัวโมง
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 6 ช่อื หนว่ ยการเรยี นรู้ ไฟฟ้า ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 ภาคเรียนที่ 2
มาตรฐาน ว 2.3
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

สาระที่ 2 ชือ่ สาระ วทิ ยาศาสตร์กายภาพ

1. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตัวชว้ี ัด
ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่าง

สสารและพลงั งาน พลงั งานในชวี ติ ประจำวนั ธรรมชาตขิ องคล่ืน ปรากฏการณท์ เ่ี ก่ยี วข้องกบั เสียง แสง และคล่ืน
แม่เหล็กไฟฟา้ รวมท้ังนำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์

ตัวชี้วัด
ว 2.3 ม.3/4 วเิ คราะหค์ วามต่างศกั ย์ไฟฟา้ และกระแสไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้าเมอื่ ต่อตัวต้านทานหลายตัว

แบบอนุกรมและแบบขนานจากหลักฐานเชงิ ประจักษ์
ว 2.3 ม.3/5 เขยี นแผนภาพวงจรไฟฟ้าแสดงการตอ่ ตัวตา้ นทานแบบอนกุ รมและแบบขนาน

2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด
1) ในวงจรไฟฟ้าประกอบดว้ ยแหลง่ กำเนดิ ไฟฟ้า สายไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้า โดยอุปกรณ์ไฟฟา้ แตล่ ะ

ชน้ิ มีความตา้ นทานในการต่อตัวตา้ นทานหลายตวั มีท้ังต่อแบบอนกุ รมและแบบขนาน
2) การต่อตัวต้านทานหลายตัวแบบอนุกรมในวงจรไฟฟ้า ความต่างศักย์ที่คร่อมตัวต้านทานแต่ละตัว

มีค่าเท่ากับผลรวมของความต่างศักย์ที่คร่อมตัวต้านทานแต่ละตัว โดยกระแสไฟฟ้าที่ผ่านตัวต้านทานแต่ละตัว
มคี า่ เทา่ กัน

3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ นกั เรยี นวเิ คราะหค์ วามต่างศกั ย์ไฟฟา้ และกระแสไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้า
1) ด้านความรู้ (K) เมื่อต่ออุปกรณ์ไฟฟา้ หลายตัวแบบอนกุ รมได้
นกั เรยี นใช้ทักษะการสร้างแบบจำลอง โดยการเขียนแผนภาพวงจรไฟฟา้
2) ดา้ นทักษะ (P) แสดงการต่ออุปกรณ์ไฟฟา้ แบบอนกุ รม
นักเรยี นมลี ักษณะจิตสาธารณะร่วมกับผอู้ ่นื
3) ดา้ นเจตคติ (A)

4. คุณลักษณะผ้เู รียน ซื่อสตั ย์สจุ ริต  มุ่งมน่ั ในการทำงาน
4.1 คุณลกั ษณะทีพ่ ึงประสงค์  ใฝเ่ รียนรู้  มจี ิตสาธารณะ
รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ อยู่อย่างพอเพียง
มวี ินยั รักความเปน็ ไทย

5. ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน
 ความสามารถในการสื่อสาร: นักเรยี นสามารถส่ือสาร โดยการนำเสนอข้อมูลจากการสงั เกต การวัด

การปฏิบัติกิจกรรม และการอภิปราย มาอธิบายเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างความต่างศักย์ไฟฟ้าและ
กระแสไฟฟ้าของการต่อตวั ตา้ นทานแต่ละแบบ
6. สาระการเรียนรู้

ในวงจรไฟฟา้ มอี ุปกรณ์ไฟฟ้าหลาย ๆ ตัวตอ่ เข้าด้วยกัน ซึ่งการตอ่ อุปกรณ์ไฟฟ้าเหล่านั้นต่อได้หลาย
แบบ เช่น ต่อเรียงกันไปจนครบวงจร เรียกว่า การต่อแบบอนุกรม หรืออาจต่อแบบคร่อมกัน เรียกว่า การต่อ
แบบขนาน ถ้าต้องการออกแบบหรืออธิบายการต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้า อาจวาดภาพเพื่ออธิบาย
ส่วนประกอบของวงจรไฟฟ้า และเพ่ือให้ง่ายต่อการส่ือสาร จงึ มีการใช้สญั ลักษณ์ท่เี ป็นสากลแทนอุปกรณ์ไฟฟ้า
และส่วนประกอบต่าง ๆ ในวงจรไฟฟ้าโดยเขียนเป็นแผนภาพวงจรไฟฟ้า การเขีนแผนภาพวงจรไฟฟ้านอกจาก
จะทำให้ง่ายต่อการสือ่ สารแลว้ ยงั ทำใหเ้ ขา้ ใจตรงกนั และตอ่ วงจรไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง สัญลกั ษณ์ทสี่ ำคัญในวงจรไฟฟ้า
แสดงดังตาราง (แนบท้ายแผนการจัดการเรยี นรู้)

การเขียนสัญลักษณ์ในวงจรไฟฟ้า อุปกรณ์ไฟฟ้าแต่ละตัวจะเชื่อมต่อกันด้วยเส้นที่แทนสายไฟฟ้า
วงจรไฟฟ้าจะครบวงจรเมื่อไม่มีเส้นใดขาดจากกัน ตัวอย่างแผนภาพวงจรไฟฟ้าอย่างง่ายที่ประกอบด้วย
แหลง่ กำเนิดไฟฟา้ สวิตซ์ สายไฟฟ้า หลอดไฟฟา้ และแอมมเิ ตอร์ ดังภาพ่

ก. ตวั อย่างการเขียนแผนภาพวงจรไฟฟา้ อย่างง่าย

ข. ตัวอย่างการเขยี นแผนภาพวงจรไฟฟ้าทีต่ อ่ แอมมิเตอร์
ภาพแสดง วงจรไฟฟา้ และแผนภาพวงจรไฟฟา้

(ท่ีมา: หนงั สอื เรยี นรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นม.3 เล่ม 2 สสวท. หน้า 84)
การเขียนแผนภาพวงจรไฟฟา้ จะช่วยให้ออกแบบหรอื สอ่ื สารการตอ่ วงจรไฟฟา้ ทม่ี อี ุปกรณไ์ ฟฟ้าหลาย

ตัวได้งา่ ยขึ้น การต่ออุปกรณไ์ ฟฟ้าหลายตวั แบบอนุกรมหรือแบบขนานมกี ารเชื่อมต่ออุปกรณ์ไฟฟา้ แตกต่างกนั
นอกจากรูปแบบการต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าที่ต่างกันแล้ว ค่ากระแสไฟฟ้าและความตา่ งศักย์ไฟฟา้ ในการต่ออปุ กรณ์
ไฟฟา้ ท้งั สองแบบกแ็ ตกตา่ งกนั

วงจรไฟฟ้าที่มีการต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าแบบเรียงต่อกัน เรียกว่า วงจรไฟฟ้าแบบอนุกรม (series
circuit) กระแสไฟฟา้ ท่ีผา่ นอุปกรณ์ฟฟ้าแต่ละตัวจะเท่ากนั แตค่ วามต่างศักยไ์ ฟฟา้ คร่อมอุปกรณ์ไฟฟ้าแต่ละตัว
อาจไม่เท่ากันข้นึ อยูก่ ับความตา้ นทานไฟฟ้าของอุปกรณน์ น้ั อปุ กรณ์ไฟฟ้าทีม่ ีความตา้ นทานไฟฟา้ มากกว่าก็จะมี
ความต่างศักย์ไฟฟ้าท่ีคร่อมอุปกรณ์นั้นมากกว่าอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีความต้านทานไฟฟ้าน้อยกว่า โดยความต่าง
ศกั ย์ไฟฟา้ ทีค่ ร่อมอุปกรณไ์ ฟฟ้าแตล่ ะตัวรวมกนั จะเท่ากับความตา่ งศักย์ไฟฟ้ารวมของวงจรดังภาพ

ก. กระแสไฟฟา้ ท่ผี า่ นอุปกรณไ์ ฟฟา้ ข. ความตา่ งศกั ย์ไฟฟ้าครอ่ มอปุ กรณไ์ ฟฟ้า
ภาพแสดง ปริมาณทางไฟฟา้ ของวงจรไฟฟ้าแบบอนกุ รม

(ทีม่ า: หนังสอื เรยี นรายวชิ าพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นม.3 เลม่ 2 สสวท. หนา้ 86)

ในการต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าแบบอนุกรม ถ้าอุปกรณ์ไฟฟา้ ตัวใดตัวหน่ึงเสียหายหรือไม่ทำงานก็จะทำให้
เป็นวงจรเปิดไม่มีกระแสไฟฟ้าในวงจร อุปกรณ์ไฟฟ้าที่เหลือก็จะไม่ทำงาน ดังนั้นการต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าแบบ
อนกุ รมจึงใช้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าทม่ี ีหนา้ ท่ีควบคุมวงจรไฟฟ้า ชน่ สวติ ช์ การต่อแอมมิตอรเ์ พื่อวัดค่ากระแสไฟฟ้าที่
ผ่านอุปกรณ์ไฟฟ้าจะต้องต่อแบบอนุกรมกบั อุปกรณไ์ ฟฟ้าน้ัน เพราะค่ากระแสไฟฟ้าท่ีผา่ นแอมมติ อร์จะเท่ากบั
ค่ากระแสไฟฟ้าที่ผ่านอปุ กรณไ์ ฟฟ้า

วงจรไฟฟ้าที่มีการต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าแบบคร่อมกัน เรียกว่า วงจรไฟฟ้าแบบขนาน (parallel
circuit) ความต่างศักย์ไฟฟ้าคร่อมอุปกรณ์ไฟฟ้าแต่ละตัวจะเท่ากัน เนื่องจากอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกตัวจะมีจุดที่มี
ศักย์ไฟฟ้าสูงร่วมกันและจุดที่มีศักย์ไฟฟ้าต่ำร่วมกัน แต่กระแสไฟฟที่ผ่านอุปกรณ์ไฟฟ้าแต่ละตัวอาจไม่เท่ากนั
โดยกระแสไฟฟ้าจะมีค่ามากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความต้านทานไฟฟ้าของอุปกรณ์นั้น อุปกรณไฟฟ้าที่มีความ
ตา้ นทานไฟฟ้ามากจะมกี ระแสไฟฟ้าผ่านน้อยกวา่ อุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีความตา้ นทานไฟฟ้านอ้ ย โดยกระแสไฟฟ้าท่ี
ผา่ นอปุ กรณแ์ ตล่ ะตวั รวมกนั จะเท่ากับกระแสไฟฟา้ รวมของวงจรไฟฟ้า

ในการต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าแบบขนาน ถ้าอุปกรณ์ไฟฟ้าตัวใดตัวหนึ่งเสียหายหรือไม่ทำงานจะยังมี
กระแสไฟฟ้าในวงจรผ่านอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เหลือให้ทำงานต่อไปได้ ดังนั้นการต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าแบขนานจึงใช้กบั
การต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าตา่ ง ๆ ภายในบ้าน สำหรับการต่อโวลตม์ เิ ตอร์เพื่อวัดค่าความต่างศกั ย์ไฟฟา้ ในวงจรไฟฟ้าจะ
เปน็ การต่อแบบขนานเชน่ กัน โดยตอ่ ครอ่ มระหวา่ งจดุ ทตี่ อ้ งการวดั ความต่างศกั ยไ์ ฟฟ้า

วงจรไฟฟ้าโดยท่วั ไปอาจมกี ารต่ออุปกรณ์ไฟฟา้ แบบผสม คอื มีการต่อท้ังแบบอนกุ รมและแบบขนาน
ท้งั นีข้ นึ้ อยกู่ บั ความตอ้ งการในการใชง้ าน

7. กิจกรรมการเรยี นรู้
ใชร้ ปู แบบการจดั การเรยี นการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Cycles: 5Es) (2 ช่วั โมง; 120นาที)
ขน้ั ที่ 1 กระต้นุ ความสนใจ (Engagement) (20 นาที)
1) ให้นักเรียนทำกิจกรรมทบทวนความรู้ก่อนเรียน (หนังสือเรยี นรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์

และเทคโนโลยี ช้ันม.3 เลม่ 2 สสวท. หน้า 64) จำนวน 3 ขอ้ (เฉลยแนบท้ายแผนการจดั การเรียนรู้)
2) ครูตรวจสอบการทำกิจกรรมทบทวนความรู้ก่อนเรียน ถ้าไม่ถูกต้องให้แก้ไขความเข้าใจ

คลาดเคลื่อนของนักเรียน ความรู้พื้นฐานเร่ืองส่วนประกอบของวงจรไฟฟ้าท่ีถูกต้องและเพียงพอท่ีจะเรยี นเร่ือง
การตอ่ วงจรไฟฟ้าแบบอนกุ รมและขนานต่อไป

ขนั้ ท่ี 2 ขั้นสำรวจและคน้ หา (Exploration) (40 นาที)
3) ใหน้ กั เรยี นอ่านเนือ้ หาเก่ียวกบั การเขียนแผนภาพวงจรไฟฟา้ ในหนงั สือเรยี นหนา้ 82-84

ครใู ชค้ ำถามเพอื่ ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียน ดังนี้
- วงจรไฟฟ้าดงั ภาพ เขยี นเป็นแผนภาพวงจรไฟฟา้ ได้อย่างไร
แนวคำตอบ

4) ครูเชื่อมโยงเข้าสู่กิจกรรมที่ 6.4 วงจรไฟฟ้าแบบอนุกรมเป็นอย่างไร โดยใช้คำถามว่า
นักเรียนคิดว่าค่ากระแสไฟฟ้าและความต่างศักย์ไฟฟ้าในวงจรอนุกรมและขนานแตกต่างกันหรือไม่ (นักเรียน
ตอบตามความเข้าใจของตนเอง)

5) นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม จุดประสงค์ และวิธีดำเนินกิจกรรม ตามหนังสือเรียนรายวิชา
พื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เล่ม 2 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ หน้า 85 และครูตรวจสอบความ
เขา้ ใจการอา่ น โดยใช้คำถามดงั ตอ่ ไปน้ี

- กจิ กรรมนีเ้ ก่ยี วกับเร่ืองอะไร (วงจรไฟฟา้ แบบอนกุ รม)
- กิจกรรมน้ีมีจุดประสงค์อะไร (วิเคราะห์ความต่างศกั ย์ไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้าของวงจรไฟฟา้
แบบอนุกรมและเขยี นแผนภาพวงจรไฟฟ้า)
- วิธีดำเนินกิจกรรมมขี ั้นตอนโดยสรุปอย่างไร (ต่อวงจรไฟฟา้ แบบอนุกรม วัดค่ากระแสไฟฟ้า
และความตา่ งศักย์ไฟฟ้าท่ีตำแหนง่ ต่าง ๆ เขยี นแผนภาพวงจรไฟฟา้ )
- นักเรียนต้องสังเกตหรือรวบรวมข้อมูลอะไรบ้าง (นักเรียนต้องสังเกตค่ากระแสไฟฟ้าและ
ความต่างศักย์ไฟฟ้าทีต่ ำแหน่งต่าง ๆ)

6) ขณะท่ีนักเรียนแต่ละกลุ่มทำกิจกรรม ครูเดินสังเกตการทำกิจกรรมของนักเรียนแต่ละกลมุ่
และให้คำแนะนำ หากนักเรียนมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการต่อวงจรไฟฟ้า การวัดค่ากระแสไฟฟ้าและความต่าง
ศักย์ไฟฟ้า และการเขียนแผนภาพวงจรไฟฟ้า ซึ่งครูควรรวบรวมปัญหา และข้อสงสัยที่พบจากการทำกิจกรรม
ของนักเรยี นเพือ่ ใช้เปน็ ข้อมูลประกอบการอภิปรายหลังจากการทำกิจกรรม

ขน้ั ที่ 3 ข้ันอธิบายและลงขอ้ สรุป (Explanation) (20 นาที)
7) นักเรียนบนั ทกึ การทำกิจกรรมลงในแบบบันทึกการค้นคว้ากิจกรรมที่ 6.4 วงจรไฟฟ้าแบบ

อนุกรมเป็นอย่างไร โดยสรุปผลของกิจกรรมและตอบคำถามท้ายกิจกรรม เพื่อให้ได้ข้อสรุปจากกิจกรรมว่า
วงจรไฟฟ้าแบบอนุกรม ค่ากระแสไฟฟ้าที่จุดต่าง ๆ จะเท่ากัน ส่วนคา่ ความต่างศักย์ไฟฟ้าแต่ละจุดจะไม่เท่ากัน
โดยความต่างศกั ย์ไฟฟ้าคร่อมหลอดไฟฟา้ แต่ละหลอดรวมกนั จะเทา่ กับความต่างศักย์ไฟฟ้ารวมของวงจร

ข้นั ที่ 4 ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) (20 นาที)
8) นักเรยี นเรียนรู้เพ่ิมเติมในหนงั สอื เรียนหน้า 86 จากน้ันรว่ มกนั อภปิ รายเก่ียวกับวงจรไฟฟ้า

แบบอนุกรม โดยใชป้ ระเด็นคำถามเพิ่มเติมดงั นี้
- ถ้ากระแสไฟฟ้าที่ผ่านหลอดไฟฟ้า ก เป็น 0.25 แอมแปร์ และความต่างศักย์ไฟฟ้าคร่อม

หลอดไฟฟ้า ก เป็น 6 โวลต์ ถ้าค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าคร่อมตำแหน่ง AC เป็น 9 โวลต์ ค่ากระแสไฟฟ้าที่ผ่าน
หลอดไฟฟา้ ข และค่าความตา่ งศักย์ไฟฟ้าครอ่ มหลอดไฟฟ้า ข เปน็ เท่าใด

(แนวคำตอบ หลอดไฟฟ้าทั้งสองต่อกันแบบอนุกรม กระแสไฟฟ้าที่ผ่านหลอดไฟฟ้าทั้งสอง
จะเท่ากัน ดังนั้นกระแสไฟฟ้าที่ผ่านหลอดไฟฟ้า ข จะมีค่าเท่ากับ 0.25 แอมแปร์ ส่วนค่าความต่างศักย์ไฟฟ้า
คร่อมหลอดไฟฟ้า ก และ ข รวมกันจะเท่ากับความต่างศักย์ไฟฟ้าที่คร่อมระหว่างจุด AC ดังนั้นความต่าง
ศักย์ไฟฟ้าคร่อมหลอดไฟฟา้ ข จะมคี ่าเปน็ 3 โวลต์ ซ่ึงหาไดจ้ าก 9 V – 6 V = 3 V)

9) นักเรียนเรียนรู้การใช้สถานการณ์จำลอง สื่ออินเตอร์แอ็กทีฟซิมูเลชัน ตอน วงจรไฟฟ้า
โดยใช้โปรแกรมออนไลน์ ตาม link ดงั นี้ http://ipst.me/10653 เพ่ือให้นกั เรยี นสามารถสรา้ งวงจรไฟฟา้ จำลอง
ไดต้ ามต้องการ และสามารถวัดค่าทางไฟฟา้ ได้

ข้ันที่ 5 ข้ันประเมิน (Evaluation) (20 นาที)
10) ครูและนักเรียนอภิปรายผลการทำกิจกรรม วงจรไฟฟ้าแบบอนุกรมเป็นอย่างไร จะได้

ข้อสรุปว่า วงจรไฟฟา้ แบบอนุกรม ค่ากระแสไฟฟ้าที่จุดต่าง ๆ จะเท่ากัน ส่วนค่าความต่างศักยไ์ ฟฟ้าแต่ละจดุ
อาจจะเท่ากนั หรือไมเ่ ท่ากันกไ็ ด้ แต่ความตา่ งศักย์ไฟฟา้ คร่อมอุปกรณ์ไฟฟ้าแต่ละตัวรวมกนั จะเท่ากับความต่าง
ศกั ย์ไฟฟา้ รวมของวงจร

11) ครูตรวจสอบการส่งแบบบันทกึ การค้นควา้ ของนักเรยี นและใหค้ ะแนนประเมินตามเกณฑ์
การประเมนิ (Rubrics Score)

8. ส่ือการเรยี นรู้/แหล่งเรียนรู้

8.1 อปุ กรณท์ ำกจิ กรรม: 1) ถ่านไฟฉายขนาด 1.5 V 2) กระบะถา่ นแบบ 4 กอ้ น 3) สายไฟฟา้

4) หลอดไฟฟา้ ขนาด 2.5 V พรอ้ มฐาน 5) หลอดไฟฟา้ ขนาด 6 V พร้อมฐาน

6) สวติ ช์แบบโยก 7) แอมมเิ ตอร์ 8) โวลต์มเิ ตอร์

8.2 สถานการณ์จาลอง: ส่อื อนิ เตอรแ์ อ็กทีฟซิมูเลชนั ตอน วงจรไฟฟ้า

8.3 ใบกิจกรรม: ใบกจิ กรรมที่ 6.4 วงจรไฟฟา้ แบบอนุกรมเปน็ อย่างไร

8.4 แบบบนั ทกึ กจิ กรรม: แบบบันทกึ การคน้ คว้ากจิ กรรมที่ 6.4 วงจรไฟฟา้ แบบอนุกรมเป็นอยา่ งไร

8.5 แหลง่ เรียนร:ู้ หนงั สือเรยี นรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 3

เล่ม 2 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551

(ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ

9. การวดั และการประเมิน

ตวั ชว้ี ัด/ผลการเรยี นรู้ วิธกี ารวดั เคร่อื งมือวดั เกณฑท์ ่ใี ชใ้ นการประเมิน

1. วิเคราะหค์ วามต่าง - ตรวจการตอบคำถาม - คำถามทา้ ยกิจกรรมท่ี 6.4 - ได้ไม่นอ้ ยกว่า 2 คะแนน

ศกั ย์ไฟฟา้ และกระแสไฟฟ้า ทา้ ยกิจกรรมที่ 6.4 วงจรไฟฟ้าแบบอนกุ รม ระดับคุณภาพดี ถือว่า

ในวงจรไฟฟ้าเมือ่ ตอ่ อปุ กรณ์ เป็นอยา่ งไร จำนวน 3 ขอ้ ผ่านการประเมนิ

ไฟฟา้ หลายตัวแบบอนกุ รม ด้านความรู้

ได้(ดา้ นความรู้: K)

2. การใชท้ กั ษะการสรา้ ง - ตรวจการทำแบบ - แบบบันทกึ การค้นควา้ - ไดไ้ ม่นอ้ ยกวา่ 2 คะแนน

แบบจำลอง โดยการเขียน บนั ทกึ การค้นควา้ กิจกรรมที่ 6.4 ระดบั คุณภาพดี ถือว่า

แผนภาพวงจรไฟฟา้ แสดง กจิ กรรมที่ 6.4 วงจรไฟฟ้าแบบอนกุ รม ผา่ นการประเมนิ

ต่ออปุ กรณ์ไฟฟา้ แบบอนกุ รม เป็นอย่างไร ด้านกระบวนการ

(ดา้ นกระบวนการ: P)

ตวั ช้วี ัด/ผลการเรียนรู้ วิธีการวัด เครอ่ื งมือวัด เกณฑท์ ีใ่ ชใ้ นการประเมนิ

3. คุณลักษณะการมี - สงั เกตพฤตกิ รรมการ - เกณฑ์การประเมิน - ไดไ้ มน่ ้อยกว่า2 คะแนน

จติ สาธารณะ เรยี นร้รู ่วมกับผอู้ น่ื คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ระดบั คณุ ภาพดี ถือวา่ ผ่าน

(ด้านเจตคติ: A) ดา้ นการมีจิตสาธารณะ การประเมนิ ดา้ นเจตคติ

9.1 เกณฑก์ ารประเมินผลนกั เรียน เกณฑก์ ารประเมนิ (Rubrics Score)

ประเด็นการประเมนิ คา่ นำ้ หนกั แนวทางการใหค้ ะแนน
คะแนน
การให้คะแนนตอบ ตอบคำถามท้ายกิจกรรมที่ 6.4 ถูกตอ้ ง จำนวน 3 ขอ้
คำถามทา้ ย 3 ตอบคำถามท้ายกิจกรรมที่ 6.4 ถูกตอ้ ง จำนวน 2 ขอ้
กิจกรรมที่ 6.4 2 ตอบคำถามท้ายกิจกรรมท่ี 6.4 ถูกตอ้ ง จำนวน 1 ขอ้ หรอื ไม่ถกู ต้อง
1

การให้คะแนนการบันทึก บนั ทกึ ผลการทำกิจกรรม จากการสร้างแบบจำลอง โดยเขยี นแผนภาพแสดงการ
แบบบนั ทกึ การคน้ ควา้ 3 ตอ่ ตวั ตา้ นทานแบบอนกุ รมไดอ้ ย่างถูกต้อง ระบุสัญลกั ษณไ์ ด้สอดคล้องกับ

กจิ กรรมท่ี 6.4 กจิ กรรมที่กำหนดให้

บนั ทึกผลการทำกิจกรรม จากการสร้างแบบจำลอง โดยเขยี นแผนภาพแสดงการ
2 ต่อตัวตา้ นทานแบบอนกุ รมได้ แต่มีขอ้ ผิดพลาด โดยระบสุ ญั ลักษณไ์ ม่

สอดคล้องกับกิจกรรมที่กำหนด
บนั ทกึ ผลการทำกิจกรรม จากการสร้างแบบจำลอง โดยเขยี นแผนภาพแสดงการ
1 ตอ่ ตัวตา้ นทานแบบอนกุ รม และระบุสญั ลักษณไ์ ม่สอดคล้องกับกิจกรรมที่
กำหนด

การใหค้ ะแนนพฤติกรรม 1) ดูแลรกั ษาอุปกรณท์ างวิทยาศาสตร์และทรพั ย์สินภายในห้องเรยี น
คณุ ลักษณะการมีจิต
สาธารณะ 3 ของนักเรียนทกุ ครัง้ หลงั การใชง้ าน
2) มีจิตอาสาชว่ ยเหลอื การทำงานกลุม่ รว่ มกับผอู้ ื่น จึงไม่เกิดปัญหา

ภายในกลุ่ม

1) ดูแลรักษาอุปกรณท์ างวิทยาศาสตรแ์ ละทรพั ยส์ นิ ภายในห้องเรียน

2 แต่เกดิ อบุ ตั ิเหตุ ทำให้อุปกรณเ์ สยี หาย
2) ไมม่ ีจติ อาสาและไมช่ ่วยเหลอื การทำงานกล่มุ ทำให้เกิดปัญหาภายในกลมุ่ แต่

สามารถแกป้ ญั หาได้

1) ไมด่ แู ลอปุ กรณ์ทางวทิ ยาศาสตร์และและทรัพย์สนิ ภายในห้องเรยี นหลงั การ

1 ใช้งาน

2) ไมม่ จี ติ อาสาและไม่ช่วยเหลือการทำงานกล่มุ ทำให้เกิดปญั หาภายในกลมุ่

9.2 ระดับคณุ ภาพ

คะแนนรวมเฉลี่ย 3.00 หมายถงึ ดีมาก
คะแนนรวมเฉลย่ี 2.00 - 2.99 หมายถงึ ดี
คะแนนรวมเฉล่ยี 0.01 - 1.99 หมายถึง พอใช้

ดงั นั้น นักเรยี นตอ้ งไดค้ ะแนนเฉล่ยี ทกุ ประเดน็ การประเมิน ไมต่ ่ำกวา่ 2.00 แสดงระดบั

คุณภาพ ดี ถือว่าผา่ นเกณฑ์การประเมินในแผนการจดั การเรียนที่ 15

สอื่ การเรียนรแู้ ผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 15: สอื่ อนิ เตอร์แอก็ ทีฟซมิ ูเลชัน

สอื่ อินเตอรแ์ อก็ ทฟี ซิมเู ลชัน ตอน วงจรไฟฟ้า

สื่ออินเตอร์แอ็กทีฟซิมูเลชัน ตอน วงจรไฟฟ้า เป็นสื่อประกอบการจัดการเรียนการสอนวิชา
วิทยาศาสตร์ ในระดับมัธยมศกึ ษาตอนต้น ทีจ่ ะชว่ ยใหน้ กั เรียนเข้าใจวงจรไฟฟา้ มากข้ึน โดยนกั เรียนสามารถ
สรา้ งวงจรไฟฟ้าจำลองไดต้ ามต้องการ และสามารถวัดค่าทางไฟฟ้าได้

แหล่งทมี่ า: เว็บไซต์อา้ งองิ http://ipst.me/10653
เผยแพรเ่ มอ่ื 2 กนั ยายน พ.ศ. 2562
(เจ้าของผลงาน สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (สสวท.))

ส่ือการเรยี นรู้แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 15: ใบกจิ กรรมท่ี 6.4

ใบกจิ กรรมที่ 6.4 วงจรไฟฟ้าแบบอนกุ รมเป็นอยา่ งไร

หนังสือเรยี นรายวชิ าพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 3 เล่ม 2 ตามหลักสตู รแกนกลาง

การศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศกึ ษาธิการ หนา้ 85

กจิ กรรมท่ี 6.4 วงจรไฟฟ้าแบบอนุกรมเป็นอย่างไร?

จุดประสงค์ วิเคราะห์ความตา่ งศกั ย์ไฟฟา้ และกระแสไฟฟ้าในวงจรไฟฟา้ เมอื่ ตอ่ อปุ กรณ์ไฟฟา้

หลายตวั แบบอนกุ รม และเขยี นแผนภาพวงจรไฟฟา้ การต่ออปุ กรณไ์ ฟฟา้ แบบอนกุ รม

วัสดอุ ุปกรณ์ วสั ดุท่ใี ชต้ ่อกลมุ่

1. ถ่านไฟฉายขนาด 1.5 V 4 ก้อน

2. กระบะถา่ นแบบ 4 กอ้ น 1 อัน

3. สายไฟฟา้ 6 เส้น

4. หลอดไฟฟ้าขนาด 2.5 V พร้อมฐาน 1 ชดุ

5. หลอดไฟฟ้าขนาด 6 V พรอ้ มฐาน 1 ชดุ

6. สวิตชแ์ บบโยก 1 อัน

7. แอมมิเตอร์ 1 เครอ่ื ง

8. โวลตม์ ิเตอร์ 1 เครอ่ื ง

วิธีดาเนินกิจกรรม 1.ต่อวงจรไฟฟ้าที่ประกอบด้วยถ่านไฟฉาย 4 ก้อน

สายไฟฟ้า หลอดไฟฟ้า ก ขนาด 2.5 โวลต์ หลอด

ไฟฟ้า ข ขนาด 6 โวลต์ และสวิตช์ ดังภาพ

2. กดสวิตซ์ลง เพื่อให้วงจรปิด นาโวลต์มิเตอร์วัด ภาพการจัดอุปกรณ์ในกจิ กรรม
ค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าระหว่างจุด AB ดังภาพ
บันทึกผล จากนั้นวดั ค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าระหว่าง
จุด BC และ AC บนั ทกึ ผลแล้วยกสวติ ชข์ ึ้น

3. นาแอมมิเตอร์วัดค่ากระแสไฟฟ้าที่จุด A ดังภาพ ภาพการจัดอปุ กรณใ์ นกิจกรรม
กดสวิตซ์ลง เพื่อให้วงจรปิด บันทึกผลแล้วยกสวิตช์ ภาพการจัดอปุ กรณใ์ นกิจกรรม
ข้ึน จากน้ันวัดค่ากระแสไฟฟา้ ทจ่ี ดุ B และ C
บนั ทกึ ผล

4. เขียนแผนภาพวงจรไฟฟ้าในข้อ 1 พร้อมระบุขนาดและทิศทางของกระแสไฟฟ้า
ทผี่ ่านจุด A B และ C และคา่ ความต่างศกั ยไ์ ฟฟา้ ระหวา่ งจดุ AB BC และ AC

กจิ กรรมที่ 6.4 วงจรไฟฟา้ แบบอนุกรมเป็นอย่างไร?

การเตรียมตัว • ครูควรตรวจสอบคุณภาพของอปุ กรณไ์ ฟฟ้าให้อยใู่ นสภาพพร้อมใช้งาน

ล่วงหน้าสาหรับครู • ครูควรฝึกการใช้แอมมเิ ตอรแ์ ละโวลต์มิเตอรจ์ นเกดิ ความมั่นใจ

ขอ้ เสนอแนะใน • ครสู ามารถทดลองเสมอื นจริงดว้ ยสือ่ อนิ เตอร์แอ็กทีฟซมิ ูเลชนั สาหรับทากิจกรรม

การทากจิ กรรม ในกรณที ่อี ปุ กรณไ์ ม่เพยี งพอ หรอื ในกรณีทต่ี อ้ งการให้นกั เรียนไปฝกึ ฝนนอกเวลาเรียน

• ครคู วรแนะนานกั เรยี นเกย่ี วกับการวดั คา่ ความต่างศกั ยไ์ ฟฟ้าระหว่างจดุ 2 จุด

เชน่ ที่จุด A และจุด B ทาได้โดยนาปลายของสายไฟฟ้าจากโวลตม์ ิเตอรม์ าสัมผัสท่ี

บรเิ วณข้วั ไฟฟา้ ของฐานหลอดไฟฟา้ ไมใ่ ช่สมั ผัสกับสายไฟฟา้ บริเวณทห่ี มุ้ ฉนวน

สอ่ื การเรียนรู/้ • ส่ือการเขยี นแผนภาพวงจรไฟฟา้ CircutiLab

แหลง่ เรียนรู้ https://www.circuitlab.com/

• สอ่ื อินเตอร์แอก็ ทีฟซิมเู ลชัน ตอน วงจรไฟฟ้า

http://ipst.me/10653

คำถามท้ายกจิ กรรม

1. ในการต่อหลอดไฟฟ้าสองหลอดแบบอนุกรม ค่ากระแสไฟฟ้าทจี่ ุด A B และ C เปน็ อยา่ งไร
2. ค่าความต่างศักยไ์ ฟฟา้ ระหวา่ งจดุ AB BC และ AC สัมพนั ธก์ ันอย่างไร
3. จากกจิ กรรม สรุปได้วา่ อย่างไร

ส่ือการเรยี นรู้แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 15: แบบบนั ทกึ การค้นคว้ากิจกรรมท่ี 6.4

แบบบนั ทกึ การค้นคว้ากจิ กรรมที่ 6.4 วงจรไฟฟา้ แบบอนุกรมเปน็ อยา่ งไร

ชื่อ-นามสกลุ ..........................................................................................ชนั้ .................เลขท่ี...........กลุ่มท.่ี ...........
 ตารางบนั ทกึ ผลการทำกิจกรรม

ตารางแสดง คา่ ความต่างศักย์ไฟฟ้าระหวา่ งจุดต่าง ๆ

คา่ ความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟา้ ระหวา่ งจุดตา่ ง ๆ (V)

AB BC AC

………………….………. ………………….………. ………………….……….

ตารางแสดง ค่ากระแสไฟฟ้าทีจ่ ดุ ต่าง ๆ C
คา่ กระแสไฟฟ้าทจ่ี ดุ ตา่ ง ๆ (A)

AB

………………….………. ………………….………. ………………….……….

 แผนภาพวงจรไฟฟา้ แบบอนุกรม

 คำถามท้ายกิจกรรม
1. ในการตอ่ หลอดไฟฟา้ สองหลอดแบบอนกุ รม คา่ กระแสไฟฟา้ ที่จุด A B และ C เป็นอยา่ งไร

ตอบ ………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ค่าความต่างศกั ย์ไฟฟ้าระหว่างจดุ AB BC และ AC สมั พันธ์กันอยา่ งไร
ตอบ ………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. จากกจิ กรรม สรุปได้ว่าอยา่ งไร

ตอบ ………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………

แนบทา้ ยแผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 15: การใหค้ ะแนนดา้ นกระบวนการ (P)

แนวทางบันทกึ การค้นควา้ กจิ กรรมท่ี 6.4 วงจรไฟฟา้ แบบอนกุ รมเป็นอย่างไร

 ตารางบนั ทึกผลการทำกจิ กรรม

ตารางแสดง ค่าความต่างศกั ย์ไฟฟ้าระหว่างจดุ ต่าง ๆ

ค่าความต่างศักย์ไฟฟา้ ระหวา่ งจุดตา่ ง ๆ (V)

AB BC AC

……………2.0….………. ……………4.0….………. ……………6.0….……….

ตารางแสดง คา่ กระแสไฟฟา้ ท่ีจดุ ตา่ ง ๆ

A คา่ กระแสไฟฟ้าท่ีจุดต่าง ๆ (A) C
……………0.335….………. B ……………0.335….……….

……………0.335….……….

 แผนภาพวงจรไฟฟ้าแบบอนกุ รม

แนบทา้ ยแผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 15: การให้คะแนนดา้ นความรู้ (K)

เฉลยใบกิจกรรมที่ 6.4 วงจรไฟฟ้าแบบอนุกรมเปน็ อย่างไร

เฉลยคำถามทา้ ยกิจกรรม

1. ในการตอ่ หลอดไฟฟ้าสองหลอดแบบอนกุ รม ค่ากระแสไฟฟ้าท่ีจุด A B และ C เปน็ อย่างไร
แนวคำตอบ ค่ากระแสไฟฟ้าทจ่ี ดุ A B และ C มคี ่าเทา่ กัน

2. ค่าความตา่ งศักย์ไฟฟ้าระหวา่ งจดุ AB BC และ AC สมั พันธ์กนั อยา่ งไร
แนวคำตอบ ค่าความต่างศักยไ์ ฟฟา้ ไมเ่ ทา่ กัน โดยคา่ ความต่างศกั ยไ์ ฟฟ้าระหว่างจุด AB และ BC

จะน้อยกวา่ AC แตผ่ ลรวมของค่าความต่างศักย์ไฟฟา้ ระหวา่ งจดุ AB และ BC จะเทา่ กับความตา่ งศักย์ไฟฟ้า
ระหวา่ งจุด AC

3. จากกิจกรรม สรุปไดว้ า่ อย่างไร
แนวคำตอบ ในการตอ่ หลอดไฟฟ้าสองหลอดแบบอนุกรม กระแสไฟฟา้ ทผี่ า่ นหลอดไฟฟา้ ท้ังสอง

จะเทา่ กนั สว่ นความต่างศกั ย์ไฟฟ้าทีค่ ร่อมหลอดไฟฟา้ แตล่ ะหลอดรวมกนั จะเท่ากบั ความตา่ งศักยไ์ ฟฟา้ รวม
ของวงจร

แนบท้ายแผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 15: เฉลยทบทวนความรู้กอ่ นเรยี น

เฉลยกิจกรรมทบทวนความรู้กอ่ นเรยี น จำนวน 3 ข้อ
หนังสือเรยี นรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ม.3 เล่ม2 สสวท. หน้า 81-82

แนบท้ายแผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 15: ตารางแสดงสัญลักษณ์ในวงจรไฟฟ้า

ตารางแสดง สญั ลักษณท์ ี่สำคัญในวงจรไฟฟา้
สัญลักษณ์แทนตวั อปุ กรณจ์ ะถูกใชใ้ นแผนภาพวงจร เพอ่ื แสดงให้เห็นการต่อเข้าดว้ ยกนั ของวงจร
แตร่ ปู แบบตวั อปุ กรณ์จริงจะแตกตา่ งจากแผนภาพวงจร ฉะนน้ั ในการสรา้ งวงจรจึงจำเป็นต้องมีแผนภาพแสดง

สายและการต่อ สญั ลกั ษณ์วงจร หน้าทีข่ องอปุ กรณ์
อปุ กรณ์
ให้กระแสผา่ นไดง้ า่ ยมากจากสว่ นหน่งึ ไปยงั ส่วนอน่ื ของ
สาย(wire) วงจร

จดุ ต่อสาย เขียนหยดจุดทีส่ ายตอ่ กนั ถ้าสายตอ่ และตดั กันเป็นสแ่ี ยก
ตอ้ งเลื่อนให้เหลื่อมกนั เล็กนอ้ ยเป็นรปู ตัวทสี องตวั ต่อกลบั
หวั เชน่ จุดตอ่ ด้านขวามอื

ในวงจรที่ซบั ซ้อนมสี ายมากจำเป็นต้องเขียนสายตัดกนั แต่

ไมต่ ่อกนั นิยมใชส้ องวธิ ีคือเสน้ ตรงตัดกนั โดยไม่มีจดุ หยด

สายไมต่ อ่ กนั หรือเส้นหน่งึ เขยี นโคง้ ข้าม อกี เส้นทเ่ี ป็นเสน้ ตรงดงั รปู

ทางขวา อยากแนะนำให้ใชแ้ บบหลงั เพ่ือ

ป้องกันการเขา้ ใจผดิ วา่ เป็น จดุ ต่อท่ลี มื ใส่จุดหยด

แหลง่ จา่ ยกำลงั

อปุ กรณ์ สัญลักษณ์วงจร หนา้ ทีข่ องอปุ กรณ์

เซลล์ แหลง่ จ่ายพลงั งานไฟฟ้า เซลลต์ วั เดยี วจะไม่เรยี กวา่ แบตเตอรี่

แบตเตอรี่ แหล่งจา่ ยพลังงานไฟฟ้า แบตเตอรจ่ี ะมมี ากกว่า 1 เซลลต์ ่อ
เข้าดว้ ยกนั
ป้อนไฟตรง
(DC) ป้อนพลังงานไฟฟา้
DC = ไฟกระแสตรง ไหลทิศทางเดยี วเสมอ
ปอ้ นไฟ
สลับ(AC) ป้อนพลงั งานไฟฟา้
AC = ไฟกระแสสลับ เปล่ยี นทิศทางการไหลตลอด

ฟวิ ส์ ปอ้ งกันอปุ กรณ์เสยี หาย โดยตัวมนั จะละลายขาดหากมี
กระแสไหลผา่ นเกนิ คา่ กำหนด

หมอ้ แปลง ขดลวดสองขดเชอ่ื มโยงกันด้วยแกนเหล็ก หม้อแปลงใชแ้ ปลง
แรงดนั กระแสสลับใหส้ งู ข้ึนหรอื ลดลง พลงั งานจะถ่ายโอน
ระหวา่ ง ขดลวดโดยสนามแม่เหล็กในแกนเหล็ก และไมม่ กี าร
ต่อกันทางไฟฟา้ ระหวา่ งขดลวด ท้ังสอง

ดนิ (earth) ต่อลงดิน สำหรบั วงจรอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ท่วั ไปนีค่ อื 0V (ศูนย์
(กราวด์) โวลท)์ ของแหลง่ จ่ายกำลงั แตส่ ำหรบั ไฟฟา้ หลักและวงจร
วทิ ยบุ างวงจรหมายถึงดิน บางทเี่ ราเรียกวา่ กราวด์

อุปกรณ์ด้านออก: หลอดไฟ, ไส้ความรอ้ น, มอเตอร์ ฯลฯ

อุปกรณ์ สญั ลกั ษณ์วงจร หนา้ ทีข่ องอปุ กรณ์

หลอด (แสง ตัวแปลงพลงั งานไฟฟา้ เป็นแสง สญั ลักษณน์ เ้ี ปน็ หลอด
สว่าง) ใหแ้ สงสวา่ ง ตัวอยา่ งเช่นหลอดไฟหน้ารถยนต์ หรือ
หลอดไฟฉาย

หลอด(ตัวชี)้ ตวั แปลงพลังงานไฟฟ้าเปน็ แสง สัญลักษณน์ ้ใี ชส้ ำหรับ
(indicator) เปน็ หลอดตัวชี้บอก ตวั อยา่ งเชน่ หลอดไฟเตือนบน
หนา้ ปดั รถยนต์

ตวั ทำความร้อน ตวั แปลงพลงั งานไฟฟ้าเป็นความรอ้ น
(heater)

มอเตอร์ ตวั แปลงพลงั งานไฟฟ้าเปน็ พลังงานจล (หมนุ )

กระดง่ิ (bell) ตัวแปลงพลังงานไฟฟา้ เป็นเสียง

ออด (buzzer) ตวั แปลงพลังงานไฟฟา้ เป็นเสยี ง

สวทิ ช์ สญั ลักษณว์ งจร หน้าท่ขี องอปุ กรณ์
อุปกรณ์
สวทิ ช์กดตอ่ สวทิ ช์กด ยอมใหก้ ระแสไหลผ่านเมอ่ื สวทิ ชถ์ ูกกด เช่น
สวิทช์กรง่ิ ประตูบ้าน
สวทิ ช์กดตดั
สวทิ ชแ์ บบกด ซ่ึงปกตจิ ะต่อ (on) และเม่ือถูกกดจะตัด
สวทิ ชป์ ิดเปดิ (off)
(SPST)
SPST(Single Pole Single Throw)
สวิทช์สองทาง สวิทชป์ ิดเปิด ยอมให้กระแสไหลผา่ นทต่ี ำแหนง่ ต่อ
(SPDT) (on)

สวทิ ชป์ ิดเปดิ คู่ SPDT(Single Pole Double Throw)
(DPST)
สวิทช์สองทาง เปล่ียนสลับการต่อเพ่อื ใหก้ ระแสไหล
สวทิ ช์สองทางคู่
(DPDT) ผา่ นได้ ไปทางตำแหนง่ ที่เลอื ก สวิทชส์ องทางบาง

ตวั ตา้ นทาน แบบจะมสี ามตำแหน่ง โดยตำแหนง่ กลางไมต่ ่อ(off)
อุปกรณ์
ตวั ตา้ นทาน ตำแหน่งจงึ เปน็ เปดิ -ปิด-เปดิ (on-off-on)

DPST(Double Pole Single Throw)
สวทิ ชป์ ิดเปดิ แบบคู่ ปดิ เปิดพรอ้ มกนั เหมาะสำหรับ
ตดั -ต่อหรอื ปิด-เปิด วงจรพร้อมกนั สองเส้น เช่น ไฟเมน

DPDT(Double Pole Double Throw)
สวิทช์สองทางแบบคู่ เปลี่ยนสลบั การตอ่ พรอ้ มกนั เช่น
ใช้ในการตอ่ เพอ่ื กลับทิศทางการหมนุ ของมอเตอรด์ ีซี
สวิทชบ์ างแบบจะมสี ามตำแหนง่ คือตำแหน่งไมต่ ่อ
(off)ตรงกลางด้วย

สญั ลกั ษณว์ งจร หน้าท่ขี องอปุ กรณ์

ตัวตา้ นทานทำหนา้ ทีต่ ้านการไหลของกระแส เช่น การ
ใชต้ วั ต้านทานตอ่ เพื่อจำกดั กระแสท่ีไหลผ่าน LED

ตวั ตา้ นทาน ตัวตา้ นทานปรับคา่ ได้ชนดิ นม้ี ีสองคอนแทค (รโี อสตาท)
ปรบั ค่าได้ ใช้สำหรับปรับกระแส ตัวอยา่ งเชน่ ปรบั ความสว่างของ
(รีโอสตาท) หลอดไฟ, ปรับความเรว็ มอเตอร์, และปรับอตั ราการ
ไหลของประจุเข้า ในตัวเก็บประจุ เป็นตน้
ตวั ต้านทาน
ปรบั คา่ ได้ ตัวต้านทานปรับค่าได้ชนดิ นม้ี สี ามคอนแทค (โพเทนชิ
(Potentiometer)
ออมเิ ตอร์) ใช้สำหรับควบคมุ แรงดัน สามารถใช้
ตวั เกบ็ ประจุ
อปุ กรณ์ เหมอื นกับตัวแปลงเพ่ือแปลง ตำแหนง่ (มุมของการ

ตวั เก็บประจุ หมุน)เปน็ สญั ญาณไฟฟา้ เชน่ วอลมุ่ ปรับความดงั โทน

ตัวเกบ็ ประจุมีขั้ว คอนโทรล ปรับทุ้มแหลม

ตัวเก็บประจปุ รบั สญั ลักษณว์ งจร หนา้ ทีข่ องอปุ กรณ์
คา่ ได้ สัญลักษณว์ งจร
ตวั เก็บประจุ เก็บสะสมประจไุ ฟฟา้ ใช้ต่อร่วมกับตัว
ทรานซิสเตอร์ ตา้ นทานเปน็ วงจรเวลา สามารถใช้เป็นตัวกรอง เปน็
อุปกรณ์ ตวั กนั้ ไฟดีซไี ม่ให้ผ่าน แตย่ อมให้สัญญาณเอซผี ่านได้

ทรานซิสเตอร์ NPN ตัวเก็บประจชุ นิดมีขัว้ เกบ็ สะสมประจไุ ฟฟา้ เวลาใช้

ตอ้ งตอ่ ใหถ้ กู ขว้ั ใชต้ ่อรว่ มกบั ตัวต้านทานเป็นวงจร

เวลา สามารถใช้เป็นตัวกรองเปน็ ตวั ก้นั ไฟดซี ไี มใ่ หผ้ า่ น

แต่ยอมให้สญั ญาณ เอซผี ่านได้

ตัวเกบ็ ประจปุ รับค่าไดใ้ ชใ้ นจูนเนอร์วิทยุ

หน้าท่ขี องอุปกรณ์

ทรานซสิ เตอรอ์ ุปกรณ์สารก่งึ ตัวนำชนิดNPN สามารถ
ตอ่ ร่วมกับอปุ กรณอ์ ื่นๆเพ่อื เป็นตวั ขยาย
(Amplifier)หรือวงจรสวทิ ชิ่ง(Switching)

ทรานซิสเตอร์ PNP ทรานซิสเตอรอ์ ุปกรณส์ ารก่งึ ตัวนำชนิดPNP สามารถ
ต่อร่วมกบั อุปกรณ์อน่ื ๆเพอื่ เปน็ ตวั ขยาย
ทรานซิสเตอร์ (Amplifier)หรือวงจรสวทิ ช่งิ (Switching)
พลงั แสง
ทรานซสิ เตอร์ทม่ี คี วามไวตอ่ แสง
อปุ กรณเ์ สยี งและวทิ ยุ
หนา้ ท่ีของอุปกรณ์
อุปกรณ์ สญั ลกั ษณ์วงจร ตัวแปลงสญั ญาณเสียงเป็นพลังงานไฟฟ้า

ไมโครโฟน

หฟู ัง ตวั แปลงพลงั งานไฟฟา้ เปน็ เสยี ง

ลำโพง ตัวแปลงพลังงานไฟฟ้าเป็นเสียง

มเิ ตอร์และออสซิลโลสโคป

อุปกรณ์ สัญลักษณ์วงจร หนา้ ที่ของอปุ กรณ์

โวลทม์ ิเตอร์ โวลทม์ เิ ตอรใ์ ชว้ ัดแรงดันชอ่ื ที่ถูกต้องของแรงดัน
คือ ความต่างศกั ยแ์ ตค่ นส่วนใหญ่ชอบเรียกว่าแรงดนั

แอมป์มิเตอร์ แอมปม์ เิ ตอร์ใชว้ ดั กระแส

โอห์มมิเตอร์ โอห์มมเิ ตอร์ใชว้ ัดความตา้ นทาน เครอื่ งมลั ติมเิ ตอรส์ ว่ น
ใหญ่สามารถต้ังวดั ความต้านทานได้

ตารางแสดง: สัญลักษณท์ ่ีใชใ้ นวงจร(Circuit Symbols) (ท่มี า : https://sites.google.com/site/
electronicisfun/hnwy-thi-6-saylaksn-thang-fifa-laea-xilekthrxniks)

แนบทา้ ยแผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี 15: VDO ปฏิบัตกิ ารทางวิทยาศาสตรส์ ำหรับครูผสู้ อน

อ้างอิงจาก https://ipst.me/9530

เวบ็ ไซต์คลงั ความรู้ SciMath สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.)
กระทรวงศึกษาธกิ าร เผยแพรเ่ มอ่ื : วันที่ 28 พฤศจิกายน 2561

สาธิตการทดลองเร่อื ง วงจรไฟฟ้าแบบอนุกรมและขนานเปน็ อย่างไร

ตัวอย่างการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อให้นักเรียนหาคำตอบว่าวงจรไฟฟ้า
แบบอนุกรมและขนานเป็นอย่างไร โดยให้นกั เรยี นทำตอ่ วงจรไฟฟ้าเพ่ืออธิบายคา่ กระแสไฟฟ้าและค่าความต่าง
ศกั ย์ไฟฟา้ ของวงจรไฟฟ้าแบบอนุกรมและขนาน เหมาะสำหรบั นกั เรยี นระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนต้น

ลขิ สิทธิ์ สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.)
ผแู้ ตง่ หรือ เจ้าของผลงาน สาขาวิทยาศาสตรภ์ าคบงั คับ
สาขาวิชา/กลุ่มสาระวิชา วทิ ยาศาสตรท์ ั่วไป
ระดบั ชัน้ ม.3
กลุ่มเปา้ หมาย ครู

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 16

เรือ่ ง วงจรไฟฟา้ แบบขนาน รหสั วิชา ว23102 เวลา 2 ชั่วโมง
รวม 22 ชั่วโมง
หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 6 ชอ่ื หนว่ ยการเรยี นรู้ ไฟฟา้ ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 3 ภาคเรยี นที่ 2
มาตรฐาน ว 2.3
กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

สาระที่ 2 ช่ือสาระ วิทยาศาสตรก์ ายภาพ

1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชว้ี ดั
ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่าง

สสารและพลงั งาน พลงั งานในชวี ิตประจำวัน ธรรมชาติของคล่นื ปรากฏการณ์ที่เกีย่ วข้องกบั เสยี ง แสง และคล่ืน
แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ รวมทงั้ นำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์

ตัวชีว้ ัด
ว 2.3 ม.3/4 วเิ คราะหค์ วามตา่ งศักย์ไฟฟา้ และกระแสไฟฟา้ ในวงจรไฟฟ้าเมอื่ ตอ่ ตัวต้านทานหลายตัว

แบบอนุกรมและแบบขนานจากหลักฐานเชิงประจักษ์
ว 2.3 ม.3/5 เขียนแผนภาพวงจรไฟฟ้าแสดงการต่อตัวต้านทานแบบอนกุ รมและแบบขนาน

2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด
1) ในวงจรไฟฟ้าประกอบด้วยแหลง่ กำเนดิ ไฟฟ้า สายไฟฟ้าและอปุ กรณ์ไฟฟ้า โดยอุปกรณ์ไฟฟ้าแตล่ ะ

ชน้ิ มีความตา้ นทานในการตอ่ ตัวต้านทานหลายตัว มที ง้ั ตอ่ แบบอนกุ รมและแบบขนาน
2) การต่อตัวต้านทานหลายตัวแบบอนุกรมในวงจรไฟฟ้า ความต่างศักย์ที่คร่อมตัวต้านทานแต่ละตัว

มีค่าเท่ากับผลรวมของความต่างศักย์ที่คร่อมตัวต้านทานแต่ละตัว โดยกระแสไฟฟ้าที่ผ่านตัวต้านทานแต่ละตัว
มีค่าเท่ากนั

3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ นกั เรียนวเิ คราะห์ความต่างศักยไ์ ฟฟา้ และกระแสไฟฟา้ ในวงจรไฟฟา้
1) ดา้ นความรู้ (K) เมื่อต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าหลายตวั แบบขนานได้
นกั เรียนใช้ทกั ษะการสรา้ งแบบจำลอง โดยการเขียนแผนภาพวงจรไฟฟา้
2) ด้านทักษะ (P) แสดงการต่ออปุ กรณไ์ ฟฟ้าแบบขนาน
นกั เรียนมลี ักษณะจติ สาธารณะร่วมกับผ้อู ่นื
3) ด้านเจตคติ (A)

4. คุณลักษณะผูเ้ รียน ซือ่ สตั ยส์ จุ รติ  มุ่งมนั่ ในการทำงาน
4.1 คุณลักษณะทพ่ี ึงประสงค์  ใฝ่เรยี นรู้  มจี ติ สาธารณะ
รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ อยู่อย่างพอเพียง
มีวินัย รกั ความเปน็ ไทย

5. ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น
 ความสามารถในการสื่อสาร: นกั เรยี นสามารถสื่อสาร โดยการนำเสนอขอ้ มูลจากการสังเกต การวัด

การปฏิบัติกิจกรรม และการอภิปราย มาอธิบายเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างความต่างศักย์ไฟฟ้าและ
กระแสไฟฟ้าของการต่อตวั ตา้ นทานแต่ละแบบ
6. สาระการเรียนรู้

ในวงจรไฟฟา้ มีอปุ กรณ์ไฟฟ้าหลาย ๆ ตัวตอ่ เขา้ ด้วยกนั ซ่ึงการตอ่ อุปกรณ์ไฟฟ้าเหล่านั้นต่อได้หลาย
แบบ เช่น ต่อเรียงกันไปจนครบวงจร เรียกว่า การต่อแบบอนุกรม หรืออาจต่อแบบคร่อมกัน เรียกว่า การต่อ
แบบขนาน ถ้าต้องการออกแบบหรืออธิบายการต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้า อาจวาดภาพเพื่ออธิบาย
ส่วนประกอบของวงจรไฟฟ้า และเพ่ือให้ง่ายต่อการส่ือสาร จึงมกี ารใช้สัญลักษณ์ทีเ่ ป็นสากลแทนอุปกรณ์ไฟฟ้า
และส่วนประกอบต่าง ๆ ในวงจรไฟฟ้าโดยเขียนเป็นแผนภาพวงจรไฟฟ้า การเขีนแผนภาพวงจรไฟฟ้านอกจาก
จะทำใหง้ า่ ยตอ่ การสอ่ื สารแลว้ ยงั ทำใหเ้ ขา้ ใจตรงกันและต่อวงจรได้อย่างถกู ตอ้ ง สัญลักษณท์ ่สี ำคญั ในวงจรไฟฟ้า
แสดงดังตาราง (แนบทา้ ยแผนการจัดการเรยี นรู้)

การเขียนสัญลักษณ์ในวงจรไฟฟ้า อุปกรณ์ไฟฟ้าแต่ละตัวจะเชื่อมต่อกันด้วยเส้นที่แทนสายไฟฟ้า
วงจรไฟฟ้าจะครบวงจรเมื่อไม่มีเส้นใดขาดจากกัน ตัวอย่างแผนภาพวงจรไฟฟ้าอย่างง่ายที่ประกอบด้วย
แหลง่ กำเนิดไฟฟา้ สวติ ซ์ สายไฟฟ้า หลอดไฟฟา้ และแอมมิเตอร์ ดงั ภาพ่

ก. ตวั อยา่ งการเขยี นแผนภาพวงจรไฟฟ้าอย่างง่าย

ข. ตวั อย่างการเขียนแผนภาพวงจรไฟฟ้าท่ตี อ่ แอมมเิ ตอร์
ภาพแสดง วงจรไฟฟ้าและแผนภาพวงจรไฟฟา้

(ที่มา: หนังสอื เรยี นรายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชั้นม.3 เล่ม 2 สสวท. หนา้ 84)

การเขียนแผนภาพวงจรไฟฟา้ จะชว่ ยให้ออกแบบหรือส่อื สารการตอ่ วงจรไฟฟา้ ท่ีมอี ุปกรณไ์ ฟฟ้าหลาย
ตัวได้ง่ายขึ้น การต่ออุปกรณไ์ ฟฟ้าหลายตัวแบบอนุกรมหรือแบบขนานมกี ารเชื่อมต่ออุปกรณ์ไฟฟา้ แตกต่างกัน

นอกจากรูปแบบการต่ออุปกรณ์ไฟฟา้ ที่ต่างกันแล้ว ค่ากระแสไฟฟ้าและความต่างศักย์ไฟฟ้าในการต่ออุปกรณ์
ไฟฟ้าท้งั สองแบบกแ็ ตกตา่ งกนั

วงจรไฟฟ้าที่มีการต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าแบบเรียงต่อกัน เรียกว่า วงจรไฟฟ้าแบบอนุกรม (series
circuit) กระแสไฟฟา้ ทผี่ า่ นอปุ กรณ์ฟฟ้าแต่ละตวั จะเท่ากนั แต่ความต่างศกั ยไ์ ฟฟา้ คร่อมอุปกรณไ์ ฟฟ้าแต่ละตัว
อาจไม่เทา่ กันขนึ้ อยกู่ ับความต้านทานไฟฟา้ ของอุปกรณ์นน้ั อปุ กรณ์ไฟฟา้ ท่มี คี วามต้านทานไฟฟ้ามากกว่าก็จะมี
ความต่างศักย์ไฟฟ้าที่คร่อมอุปกรณ์นั้นมากกว่าอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีความต้านทานไฟฟ้าน้อยกว่า โดยความต่าง
ศกั ย์ไฟฟ้าท่คี ร่อมอุปกรณ์ไฟฟา้ แตล่ ะตัวรวมกันจะเทา่ กบั ความต่างศกั ย์ไฟฟ้ารวมของวงจร

ในการต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าแบบอนุกรม ถ้าอุปกรณ์ไฟฟ้าตัวใดตัวหน่ึงเสียหายหรือไม่ทำงานก็จะทำให้
เป็นวงจรเปิดไม่มีกระแสไฟฟ้าในวงจร อุปกรณ์ไฟฟ้าที่เหลือก็จะไม่ทำงาน ดังนั้นการต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าแบบ
อนุกรมจึงใช้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าทม่ี ีหนา้ ท่ีควบคุมวงจรไฟฟ้า ชน่ สวติ ช์ การตอ่ แอมมิตอรเ์ พ่ือวัดค่ากระแสไฟฟ้าที่
ผ่านอุปกรณ์ไฟฟ้าจะต้องต่อแบบอนุกรมกับอุปกรณ์ไฟฟ้าน้ัน เพราะค่ากระแสไฟฟ้าท่ีผ่านแอมมิตอร์จะเท่ากบั
ค่ากระแสไฟฟา้ ทผี่ า่ นอปุ กรณ์ไฟฟ้า

วงจรไฟฟ้าที่มีการต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าแบบคร่อมกัน เรียกว่า วงจรไฟฟ้าแบบขนาน (parallel
circuit) ความต่างศักย์ไฟฟ้าคร่อมอุปกรณ์ไฟฟ้าแต่ละตัวจะเท่ากัน เนื่องจากอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกตัวจะมีจุดที่มี
ศักย์ไฟฟ้าสูงร่วมกันและจุดที่มีศักยไ์ ฟฟ้าต่ำร่วมกัน แต่กระแสไฟฟที่ผ่านอุปกรณ์ไฟฟ้าแต่ละตัวอาจไม่เท่ากัน
โดยกระแสไฟฟ้าจะมีค่ามากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความต้านทานไฟฟ้าของอุปกรณ์นั้น อุปกรณไฟฟ้าที่มีความ
ตา้ นทานไฟฟา้ มากจะมกี ระแสไฟฟ้าผ่านน้อยกว่าอปุ กรณไ์ ฟฟ้าที่มีความต้านทานไฟฟ้าน้อย โดยกระแสไฟฟ้าที่
ผ่านอุปกรณแ์ ต่ละตวั รวมกนั จะเท่ากับกระแสไฟฟา้ รวมของวงจรไฟฟา้ ดงั ภาพ

ก. กระแสไฟฟ้าท่ผี า่ นอปุ กรณไ์ ฟฟา้ ข. ความตา่ งศกั ย์ไฟฟา้ คร่อมอุปกรณไ์ ฟฟ้า
ภาพแสดง ปริมาณทางไฟฟา้ ของวงจรไฟฟา้ แบบขนาน

(ทมี่ า: หนงั สือเรียนรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั ม.3 เลม่ 2 สสวท. หนา้ 88)

ในการต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าแบบขนาน ถ้าอุปกรณ์ไฟฟ้าตัวใดตัวหนึ่งเสียหายหรือไม่ทำงานจะยังมี
กระแสไฟฟ้าในวงจรผ่านอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เหลือให้ทำงานต่อไปได้ ดังนั้นการต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าแบขนานจึงใช้กบั
การต่ออปุ กรณไ์ ฟฟา้ ตา่ ง ๆ ภายในบ้าน สำหรบั การต่อโวลต์มิเตอรเ์ พอื่ วัดค่าความตา่ งศกั ย์ไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้าจะ
เปน็ การตอ่ แบบขนานเชน่ กนั โดยตอ่ ครอ่ มระหวา่ งจดุ ท่ีตอ้ งการวดั ความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟ้า

วงจรไฟฟา้ โดยทว่ั ไปอาจมีการตอ่ อุปกรณ์ไฟฟ้าแบบผสม คือ มีการต่อทัง้ แบบอนุกรมและแบบขนาน
ทั้งน้ขี น้ึ อยูก่ ับความต้องการในการใช้งาน

7. กจิ กรรมการเรียนรู้
ใชร้ ูปแบบการจดั การเรยี นการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Cycles: 5Es) (2 ช่วั โมง; 120นาที)
ข้ันท่ี 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engagement) (20 นาที)
1) ครูกระตุน้ ความสนใจของนักเรียน ครูสนทนารว่ มกบั นักเรียนโดยใช้คำถามกระตุ้นความคิด

ว่า วงจรไฟฟ้าแบบอนุกรมและวงจรไฟฟ้าแบบขนาน แบบใดเหมาะสมกบั การตอ่ หลอดไฟในห้องเรียน
(นักเรียนตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง)

2) นักเรียนเรียนรู้การใช้สถานการณ์จำลอง สื่ออินเตอร์แอ็กทีฟซิมูเลชัน ตอน วงจรไฟฟ้า
โดยใชโ้ ปรแกรมออนไลน์ ตาม link ดังนี้ http://ipst.me/10653 เพ่ือใหน้ กั เรียนสามารถสรา้ งวงจรไฟฟ้าจำลอง
ไดต้ ามตอ้ งการ และสามารถวดั ค่าทางไฟฟ้าได้

ขนั้ ท่ี 2 ข้ันสำรวจและคน้ หา (Exploration) (40 นาที)
3) ครูเชื่อมโยงเข้าสู่กิจกรรมที่ 6.5 วงจรไฟฟ้าแบบขนานเป็นอย่างไร โดยใช้คำถามว่า

วงจรไฟฟ้าท่มี กี ารต่ออุปกรณไ์ ฟฟา้ แบบขนานเป็นอยา่ งไร (นกั เรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง)
4) นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม จุดประสงค์ และวิธีดำเนินกิจกรรม ตามหนังสือเรียนรายวิชา

พื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เล่ม 2 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ หน้า 87 และครูตรวจสอบความ
เข้าใจการอา่ น โดยใช้คำถามดังตอ่ ไปนี้

- กิจกรรมน้เี ก่ยี วกับเรอ่ื งอะไร (วงจรไฟฟา้ แบบขนาน)
- กิจกรรมนี้มีจุดประสงค์อะไร (วิเคราะห์ความต่างศกั ย์ไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้าของวงจรไฟฟ้า
แบบขนานและเขยี นแผนภาพวงจรไฟฟา้ )
- วิธีดำเนินกิจกรรมมีขั้นตอนโดยสรุปอย่างไร (ต่อวงจรไฟฟ้าแบบขนาน วัดค่ากระแสไฟฟ้า
และความต่างศกั ย์ไฟฟ้าทตี่ ำแหนง่ ต่าง ๆ เขียนแผนภาพวงจรไฟฟ้า)
- นักเรยี นตอ้ งสังเกตหรือรวบรวมข้อมูลอะไรบ้าง (นักเรยี นต้องสังเกตค่าของกระแสไฟฟ้าและ
ความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟ้าท่ตี ำแหนง่ ตา่ ง ๆ)
5) ขณะท่ีนักเรียนแต่ละกลุม่ ทำกิจกรรม ครูเดินสังเกตการทำกิจกรรมของนกั เรียนแต่ละกลุม่
และให้คำแนะนำ หากนักเรียนมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการต่อวงจรไฟฟ้า การวัดค่ากระแสไฟฟ้าและความต่าง
ศักย์ไฟฟ้า และการเขียนแผนภาพวงจรไฟฟ้า ซึ่งครูควรรวบรวมปัญหา และข้อสงสัยที่พบจากการทำกิจกรรม
ของนักเรียนเพอ่ื ใช้เป็นขอ้ มูลประกอบการอภิปรายหลงั จากการทำกจิ กรรม

ขัน้ ท่ี 3 ขั้นอธบิ ายและลงข้อสรปุ (Explanation) (20 นาที)
6) นักเรียนบันทึกการทำกิจกรรมลงในแบบบันทึกการค้นคว้ากิจกรรมที่ 6.5 วงจรไฟฟ้าแบบ

ขนานเป็นอย่างไร โดยสรุปผลของกิจกรรมและตอบคำถามท้ายกิจกรรม เพื่อให้ได้ข้อสรุปจากกิจกรรมว่า
วงจรไฟฟ้าแบบขนาน ค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าคร่อมหลอดไฟฟ้าแต่ละหลอดจะเท่ากันและเท่ากับความต่าง
ศักย์ไฟฟ้ารวมของวงจร โดยกระแสไฟฟ้าที่ผ่านหลอดไฟฟ้าแต่ละหลอดรวมกันจะเท่ากับกระแสไฟฟ้ารวม
ของวงจร

ขัน้ ที่ 4 ข้ันขยายความรู้ (Elaboration) (20 นาที)
7) นกั เรียนเรยี นรเู้ พิม่ เตมิ ในหนงั สือเรียนหน้า 88 จากน้ันร่วมกันอภปิ รายเกี่ยวกับวงจรไฟฟ้า

แบบขนาน โดยใชป้ ระเด็นคำถามเพม่ิ เติมดังนี้
- จากภาพ ถ้าหลอดไฟฟ้าทั้ง 3 หลอด เหมือนกันทุกประการ นักเรียนคิดว่าค่ากระแสไฟฟ้า

และความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟ้าของหลอดไฟฟา้ แตล่ ะหลอดจะเป็นเทา่ ใด

(แนวคำตอบ เนื่องจากหลอดไฟฟ้าทั้ง 3 หลอดเหมือนกันทุกประการ แต่ละหลอดจึงมี
ความต้านทานไฟฟ้าเท่ากัน ดังนั้นกระแสไฟฟ้าที่ผ่านหลอดไฟฟ้าแต่ละหลอดจะเท่ากัน โดยจะเท่ากับ
กระแสไฟฟ้ารวมแบ่ง 3 ส่วน เท่ากับ 0.2 แอมแปร์ ส่วนความต่างศักย์ไฟฟ้าของหลอดไฟฟ้าแต่ละหลอดจะมี
ขนาดเท่ากนั และเท่ากบั ความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟ้ารวมของวงจรคือ 9 โวลต์)

ขั้นท่ี 5 ขัน้ ประเมนิ (Evaluation) (20 นาที)
8) ครูและนักเรียนอภิปรายผลการทำกิจกรรม วงจรไฟฟ้าแบบอนุกรมเป็นอย่างไร จะได้

ข้อสรุปว่า วงจรไฟฟ้าแบบขนาน ค่าความต่างศักย์ไฟฟา้ คร่อมอปุ กรณ์ไฟฟ้าแต่ละตัวจะเท่ากัน กระแสไฟฟา้ ท่ี
ผ่านอุปกรณไ์ ฟฟา้ แตล่ ะตวั รวมกันจะเทา่ กับกระแสไฟฟา้ รวมของวงจร

9) ครูตรวจสอบการส่งแบบบันทึกการค้นคว้าของนักเรียนและให้คะแนนประเมินตามเกณฑ์
การประเมนิ (Rubrics Score)

8. สื่อการเรียนรู้/แหลง่ เรียนรู้

8.1 อปุ กรณท์ ำกิจกรรม: 1) ถ่านไฟฉายขนาด 1.5 V 2) กระบะถา่ นแบบ 4 ก้อน 3) สายไฟฟ้า

4) หลอดไฟฟา้ ขนาด 2.5 V พร้อมฐาน 5) หลอดไฟฟ้าขนาด 6 V พรอ้ มฐาน

6) สวิตช์แบบโยก 7) แอมมิเตอร์ 8) โวลตม์ ิเตอร์

8.2 สถานการณ์จาลอง: สื่ออนิ เตอรแ์ อก็ ทีฟซมิ ูเลชัน ตอน วงจรไฟฟา้

8.3 ใบกจิ กรรม: ใบกิจกรรมที่ 6.5 วงจรไฟฟ้าแบบขนานเปน็ อยา่ งไร

8.4 แบบบันทึกกจิ กรรม: แบบบนั ทึกการคน้ ควา้ กิจกรรมท่ี 6.5 วงจรไฟฟ้าแบบขนานเป็นอยา่ งไร

8.5 แหล่งเรียนร:ู้ หนงั สือเรยี นรายวชิ าพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 3

เลม่ 2 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551

(ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ

9. การวัดและการประเมนิ

ตัวชี้วัด/ผลการเรยี นรู้ วิธีการวดั เครื่องมอื วัด เกณฑท์ ่ีใชใ้ นการประเมนิ

1. วิเคราะหค์ วามต่าง - ตรวจการตอบคำถาม - คำถามทา้ ยกิจกรรมท่ี 6.5 - ไดไ้ มน่ อ้ ยกว่า 2 คะแนน

ศกั ยไ์ ฟฟา้ และกระแสไฟฟ้า ทา้ ยกจิ กรรมที่ 6.5 วงจรไฟฟา้ แบบอนกุ รม ระดบั คณุ ภาพดี ถอื ว่า

ในวงจรไฟฟา้ เมื่อตอ่ อปุ กรณ์ เป็นอยา่ งไร จำนวน 3 ขอ้ ผา่ นการประเมิน

ไฟฟา้ หลายตวั แบบขนาน ด้านความรู้

ได้(ดา้ นความรู้: K)

2. การใชท้ ักษะการสร้าง - ตรวจการทำแบบ - แบบบันทึกการค้นควา้ - ได้ไมน่ ้อยกวา่ 2 คะแนน

แบบจำลอง โดยการเขียน บนั ทกึ การคน้ ควา้ กจิ กรรมท่ี 6.5 ระดบั คณุ ภาพดี ถือวา่

แผนภาพวงจรไฟฟา้ แสดง กิจกรรมท่ี 6.5 วงจรไฟฟา้ แบบขนาน ผา่ นการประเมิน

ตอ่ อปุ กรณไ์ ฟฟ้าแบบขนาน เป็นอย่างไร ด้านกระบวนการ

(ดา้ นกระบวนการ: P)

3. คณุ ลักษณะการมี - สังเกตพฤติกรรมการ - เกณฑก์ ารประเมิน - ไดไ้ มน่ ้อยกวา่ 2 คะแนน

จิตสาธารณะ เรียนรู้ร่วมกบั ผูอ้ ่นื คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ระดบั คุณภาพดี ถือว่าผา่ น

(ดา้ นเจตคติ: A) ด้านการมีจติ สาธารณะ การประเมนิ ดา้ นเจตคติ


Click to View FlipBook Version