ทม่ี า: https://en.islcollective.com/resources/printables/worksheets_doc_docx/whats_the_
matter/modals-health-health/69518
ข้นั Practice
1. หนงั สือเรยี น หน้า 29 Ex. 4 ครูทบทวนช่ือเดก็ ในภาพให้นกั เรียนฟัง และอ่านคาแนะนา
ดา้ นขวามือ แลว้ ใหน้ กั เรียนอา่ นตาม
196
2. ให้นกั เรียนอ่านประโยคตวั อยา่ งพร้อมกนั จากน้นั ให้ทาแบบฝึกหัด
1. Tom should drink some orange juice. He shouldn’t play outside.
2. Lin should eat more fruit. She shouldn’t eat too much chocolate.
3. Oscar should put on warm clothes. He shouldn’t go out in the cold.
ข้นั Production
1. ครูแบ่งนกั เรียนออกเป็น 2 กลุ่ม คอื กลมุ่ A และกลมุ่ B ครูสงั่ ให้กลุม่ A เขยี นประโยคเกี่ยวกบั
ปัญหาสุขภาพลงแผน่ กระดาษ ส่วนกลุม่ B เขยี นคาแนะนาเก่ียวกบั สุขภาพ เสร็จแลว้ ครูนา
กระดาษทนี่ กั เรียนเขยี นประโยคเกี่ยวกบั ปัญหาสุขภาพ และคาแนะนาเก่ียวกบั สุขภาพจากท้งั 2
กลุ่ม มาอ่านให้นกั เรียนฟัง แลว้ ให้นกั เรียนเป็นผูบ้ อกว่าประโยคที่เขียนน้นั ถูกตอ้ งหรือไม่ ถา้ ไม่
ใหน้ กั เรียนแกไ้ ขให้ถูกตอ้ ง
เช่น T: I’ve got a cold. You should go out.
Class: Wrong! You should stay in bed. etc.
2. ครูให้นกั เรียนจบั คู่ทากิจกรรมเหมอื นขอ้ ทีแ่ ลว้ โดยใหม้ ีนกั เรียนหน่ึงคนเขยี นประโยคเก่ียวกบั
ปัญหาสุขภาพ และใหน้ กั เรียนอกี คนเขยี นคาแนะนาเกี่ยวกบั สุขภาพลงบนแผน่ กระดาษ จากน้นั ให้
ท้งั คู่อา่ นประโยคของตวั เอง แลว้ พจิ ารณาวา่ เขยี นถูกตอ้ งหรือไม่ ถา้ ไม่ถกู ตอ้ ง ใหช้ ่วยกนั แกไ้ ข
เช่น S1: I’ve got a cold.
S2: You should go out.
Classs: Wrong! You should stay in bed.
3. หนงั สือเรียน หน้า 29 หวั ข้อ GO GREEN ใหค้ รูและนกั เรียนสนทนาถึงอาหารท่ีควรรับประทาน
เมื่อไม่สบาย ครูถามวา่ “What should you eat/drink when you’ve got a cold? และใหน้ กั เรียน
ระดมสมองหาคาตอบ เช่น You should eat fruit and vegetables. You should drink orange juice.
You should eat chicken soup.
4. ครูและนกั เรียนสนทนาถึงผลไมแ้ ละผกั ทนี่ กั เรียนควรรับประทานเมอ่ื เป็นหวดั และถามว่าทาไมจึง
ควรรบั ประทานอาหารเหลา่ น้นั “What fruit and vegetables should you eat when you’ve got a
cold? You should eat oranges, guava, kiwi, broccoli, green pepper, and ect. They’ve got a lot of
vitamin c.
197
5. ใหน้ กั เรียนดโู ปสเตอร์ภาพผกั และผลไม้ แลว้ ครูถามคาถามตอ่ ไปน้ี
What is the poster about? (Food with High Vitamin C.)
What fruit has got the highest vitamin c? (Guava.)
Has broccoli got more vitamin c than peas? (Yes.)
6. ใหน้ กั เรียนแบง่ กลุ่ม สืบคน้ ขอ้ มลู เก่ียวกบั ผกั และผลไมท้ ม่ี ีวติ ามินสูง 5 ชนิด แลว้ ให้ทาโปสเตอร์
ในหัวขอ้ Food with High Vitamin C และพดู ให้เพ่ือนฟัง จากน้นั นาไปติดบอร์ด นกั เรียนอาจ
สืบคน้ ขอ้ มลู ไดจ้ ากเวบ็ ไซตต์ ่อไปน้ี
https://draxe.com/top-10-vitamin-c-foods/
https://www.healthaliciousness.com/articles/vitamin-C.php
7. ครูให้นกั เรียนคน้ หาคาศพั ทต์ ามหมวดทเี่ รียนในบทน้ีเพิ่มเติมอีก 4 คา และบอกความหมายดว้ ย
จากน้นั ใหน้ กั เรียนบนั ทกึ คาศพั ทล์ งในสมดุ คาศพั ท์
198
8. ใหน้ กั เรียนทากิจกรรมในแบบฝึ กหดั หน้า 25 Exs. 3-4 เป็นการบา้ น
Ex. 3 3. shouldn’t 4. should
2. shouldn’t 2. b
Ex. 4
1. c
One
What’s the matter with Pat?
Man: What’s the matter, Pat?
Girl: Oh, I feel terrible.
Man: Have you got a headache?
Girl: No.
Man: Does your tooth hurt?
Girl: I’ve got a stomach ache.
Man: Oh, dear. I hope you feel better soon.
Two
What should Paul do today?
Boy: I’m ill, Mum.
Woman: You shouldn’t go swimming today, Paul.
Boy: I know, Mum.
Woman: And you shouldn’t go to the park.
Boy: OK, Mum.
Woman: Go upstairs and put on your pyjamas.
You should stay in bed.
199
7. การวดั และประเมนิ ผล เคร่ืองมือ เกณฑ์
วธิ กี ารวดั แบบประเมินการพูด ระดบั คุณภาพ พอใช้
ประเมนิ การพูดประโยคตา่ ง ๆ
ตามทก่ี าหนด ผา่ นเกณฑ์
ตรวจการตอบคาถามจากการอา่ น
ประเมนิ ชิ้นงานโปสเตอร์ แบบฝึกหดั /แบบทดสอบ ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
ในหัวขอ้ Food with High Vitamin C
ตรวจแบบฝึ กหัด แบบประเมนิ ชิ้นงาน ระดบั คุณภาพ พอใช้
สงั เกตพฤติกรรมบ่งช้ีดา้ น
ใฝ่เรียนรู้ มวี นิ ยั และมุ่งมนั่ ผ่านเกณฑ์
ในการทางาน
แบบฝึกหัด (Workbook) ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พึง ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
ประสงค์ ผา่ นเกณฑ์
8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
8.1 หนงั สือเรียน EXTRA and Friends 6 ป. 6
8.2 แบบฝึกหดั EXTRA and Friends 6 ป. 6
8.3 Class Audio CD ประกอบสื่อฯ ชุด EXTRA and Friends 6 ป. 6
8.4 อินเทอร์เน็ต
200
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 3 Oh, my throat hurts.
เวลา 1 ชั่วโมง
จดุ ประสงค์ (Objectives)
- ออกเสียง สะกดคา และบอกความหมายคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั เร่ืองทอ่ี ่านได้
- ฟังเพื่อความเขา้ ใจได้
- พดู ถาม-ตอบเกี่ยวกบั ปัญหาสุขภาพได้
1. สาระมาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชีว้ ัด
สาระท่ี 1 ภาษาเพอื่ การสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเร่ืองทฟี่ ังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเหน็
อย่างมีเหตผุ ล
ตวั ชีว้ ดั
ต 1.1 ป. 6/1 ปฏิบตั ติ ามคาสง่ั คาขอร้อง และคาแนะนาท่ีฟังและอ่าน
ต 1.1 ป. 6/2 อา่ นออกเสียงขอ้ ความ นิทาน และบทกลอนส้นั ๆ ถกู ตอ้ งตามหลกั การอ่าน
ต 1.1 ป. 6/3 เลอื ก/ระบปุ ระโยค หรือขอ้ ความส้ัน ๆ ตรงตามภาพ สัญลกั ษณ์ หรือเครื่องหมาย
ทีอ่ า่ น
มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึก
และความคดิ เหน็ อย่างมีประสิทธภิ าพ
ตัวชี้วดั
ต 1.2 ป. 6/1 พดู /เขียนโตต้ อบในการสื่อสารระหวา่ งบุคคล
ต 1.2 ป. 6/4 พูดและเขียนเพ่ือขอและใหข้ อ้ มลู เกี่ยวกบั ตนเอง เพ่อื น ครอบครัว และเร่ืองใกลต้ วั
ต 1.2 ป. 6/5 พูด/เขยี นแสดงความรู้สึกของตนเองเกี่ยวกบั เรื่องตา่ ง ๆ ใกลต้ วั กิจกรรมต่าง ๆ
พร้อมท้งั ใหเ้ หตุผลส้ัน ๆ ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเหน็ ในเรื่องต่าง ๆ
โดยการพูดและการเขยี น
ตัวชีว้ ัด
ต 1.3 ป. 6/1 พูด/เขียนให้ขอ้ มลู เกี่ยวกบั ตนเอง เพอื่ น และสิ่งแวดลอ้ มใกลต้ วั
ต 1.3 ป. 6/3 พูด/เขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั เรื่องตา่ ง ๆ ใกลต้ วั
201
สาระที่ 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ได้
อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ
ตัวชี้วัด
ต 2.1 ป. 6/1 ใชถ้ อ้ ยคา น้าเสียง และกิริยาท่าทางอยา่ งสุภาพ เหมาะสม ตามมารยาทสังคม
และวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา
มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวฒั นธรรมของเจ้าของ
ภาษากับภาษาและวัฒนธรรมไทย และนามาใช้อย่างถกู ต้องและเหมาะสม
ตวั ชีว้ ดั
ต 2.2 ป. 6/1 บอกความเหมือน/ความแตกตา่ งระหวา่ งการออกเสียงประโยคชนิดตา่ ง ๆ
การใชเ้ ครื่องหมายวรรคตอน และการลาดบั คาตามโครงสร้างประโยค
ของภาษาต่างประเทศและภาษาไทย
สาระท่ี 3 ภาษากบั ความสัมพนั ธ์กบั กล่มุ สาระการเรียนรู้อ่ืน
มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กับกล่มุ สาระการเรียนรู้อ่นื และเป็ น
พื้นฐานในการพัฒนา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทัศน์ของตน
ตัวชี้วัด
ต 3.1 ป. 6/1 คน้ ควา้ รวบรวมคาศพั ทท์ ี่เก่ียวขอ้ งกบั กลมุ่ สาระการเรียนรู้อ่นื จากแหลง่ การเรียนรู้
และนาเสนอดว้ ยการพูด/การเขยี น
สาระท่ี 4 ภาษากบั ความสัมพนั ธ์กับชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม
ตวั ชีว้ ดั
ต 4.1 ป. 6/1 ใชภ้ าษาสื่อสารในสถานการณต์ ่าง ๆ ท่เี กิดข้นึ ในหอ้ งเรียนและสถานศึกษา
2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
การเรียนรู้คาศพั ท์เกี่ยวกบั health problems รวมท้งั การบอกอาการ เป็นทกั ษะสาคญั ที่สามารถนาไป
ส่ือสารในชีวิตประจาวนั
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Vocabulary: temperature, medicine, aspirin, sweets, hurt, chest, throat
202
Structure: Oh, my throat hurts.
Pronunciation: Word stress
Function: Telling one’s health problem
2) Language Skills
Listening: ฟังเพ่อื ความเขา้ ใจ
Speaking: พูดถาม-ตอบเก่ียวกบั ปัญหาสุขภาพ
Reading: ออกเสียง สะกดคา และบอกความหมายคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั เร่ืองที่อ่าน
4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น 4.2 ความสามารถในการคดิ
4.1 ความสามารถในการสื่อสาร
4.3 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต
5. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 5.2 มีวนิ ยั
5.1 ใฝ่ เรียนรู้
5.3 มงุ่ มน่ั ในการทางาน
6. กิจกรรมการเรียนรู้
ข้นั Warm Up
1. ครูกล่าวทกั ทายนกั เรียนท้งั ช้นั
2. นกั เรียนออกมานาเสนอโปสเตอร์เก่ียวกบั อาหารทีม่ ีวิตามนิ ซีสูงหนา้ ช้นั เรียน และนาไปตดิ บอร์ด
ข้นั Presentation
1. ให้นกั เรียนปิ ดหนงั สือ แลว้ ตดิ ภาพเดก็ อมปรอทบนกระดาน ครูเขียนคาศพั ท์ temperature ใตภ้ าพ
พร้อมกบั ออกเสียงให้นกั เรียนฟัง และใหน้ กั เรียนพดู ตาม ครูสอนคาศพั ทท์ ่เี ก่ียวขอ้ งเพิ่มเตมิ
เช่น medicine, aspirin, sweets, hurt, chest และ throat ดว้ ยวิธีการเดียวกนั ขณะทน่ี กั เรียนพูด
ครูเนน้ ให้นกั เรียน stress ให้ถกู พยางค์ (temperature, medicine, aspirin)
2. หนังสือเรยี น หน้า 30 Ex. 5 ครูให้นกั เรียนเปิ ดหนงั สือเรียน และฟัง CD แลว้ พูดตามพร้อมกบั ช้ี
ภาพ ครูเปิ ด CD อีกคร้ัง แต่คร้ังน้ีใหห้ ยดุ หลงั คาแต่ละคา เพอื่ ใหน้ กั เรียนพูดตาม CD ขณะนกั เรียน
ออกเสียง ครูตรวจสอบใหน้ กั เรียนออกเสียงให้ถูกตอ้ ง
3. ครูให้นกั เรียนปิ ดหนงั สือ แลว้ ครูชูบตั รภาพทลี ะภาพ โดยใหน้ กั เรียนออกเสียงคาศพั ทใ์ นบตั รภาพ
พร้อมกนั จากน้นั สุ่มใหอ้ อกเสียงเป็นรายบุคคล ในขณะที่นกั เรียนออกเสียง ครูตรวจสอบการ
ออกเสียงเนน้ คา (stress) ใหถ้ กู ตอ้ งดว้ ย
203
ข้นั Practice
1. ครูให้นกั เรียนปิ ดหนงั สือ แลว้ ครูแสดงอาการเจ็บคอ พร้อมกบั พดู ว่า Oh, my throat hurts. และ
เขยี นประโยคน้นั ลงบนกระดาน ครูใหน้ กั เรียนพดู ตาม และแสดงอาการเจบ็ คอเหมือนกนั ดว้ ย
2. ใหน้ กั เรียนแสดงอาการเจ็บส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย พร้อมกบั พูดประโยคให้สอดคลอ้ งกบั อาการ
เช่น ถา้ นกั เรียนแสดงอาการเจ็บมือ นกั เรียนตอ้ งพูดวา่ Oh, my hand hurts.
3. หนังสือเรียน หน้า 30 Ex. 6 ครูให้นกั เรียนเปิ ดหนงั สือและดรู ูป ครูอา่ นประโยคในกรอบคาพดู
ใหน้ กั เรียนฟัง และใหน้ กั เรียนอ่านตาม จากน้นั ให้นกั เรียนพดู โดยดรู ูปในแบบฝึกหัดประกอบ
1. Oh, my knee hurts. 2. Oh, my head hurts.
3. Oh, my tooth hurts. 4. Oh, my chest hurts.
ข้นั Production
1. ครูสุ่มให้นกั เรียนหน่ึงคนออกมาแสดงทา่ ทางเก่ียวกบั ปัญหาสุขภาพ โดยครูถาม และใหน้ กั เรียน
ตอบ ดงั ตวั อยา่ ง
S: (แสดงกริยาเจบ็ เข่า)
T: What’s the matter?
S: My knee hurts.
T: Oh, that’s too bad. etc.
ครูอธิบายความหมาย That’s too bad. ว่าสานวนน้ี อาจพูดเป็นภาษาไทยไดว้ ่า แยจ่ งั เลย
2. ตอ่ มาครูใหน้ กั เรียนจบั คู่ผลดั กนั แสดงท่าทางเจ็บส่วนตา่ ง ๆ ของร่างกาย และสนทนาโตต้ อบ
เหมอื นตวั อยา่ งทไี่ ดก้ ลา่ วไปขา้ งตน้
3. ครูสุ่มเรียกนกั เรียนบางค่อู อกมาพูดสนทนาทหี่ นา้ ช้นั
That’s/It’s too bad.
It’s a pity.
It’s a shame.
เป็นสานวนที่เจา้ ของภาษาใช้เพอ่ื แสดงความเห็นใจ ซ่ึงมคี วามหมายว่า แยจ่ งั เลย
น่าสงสารจงั เลย หรือน่าเห็นใจจงั เลย
204
4. ครูให้นกั เรียนคน้ หาคาศพั ทต์ ามหมวดท่ีเรียนในบทน้ีเพิ่มเติมอกี 4 คา และบอกความหมายดว้ ย
จากน้นั ใหน้ กั เรียนบนั ทกึ คาศพั ทล์ งในสมดุ คาศพั ท์
5. ครูให้นกั เรียนทากิจกรรมในแบบฝึ กหัด หน้า 26 Exs. 5-6 เป็นการบา้ น
Ex. 5 4. medicine 6. sweets
2. temperature 5. sore throat 7. hurt
3. chest
3. temperature 4. sweets
Ex. 6
2. jumper
7. การวดั และประเมินผล เครื่องมือ เกณฑ์
วิธกี ารวดั แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ผ่านเกณฑ์
สงั เกตการออกเสียงคาศพั ท์
ประเมนิ การพดู ถาม-ตอบ แบบประเมนิ การพูด ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ผา่ นเกณฑ์
เก่ียวกบั ปัญหาสุขภาพ
ตรวจแบบฝึ กหดั แบบฝึกหัด (Workbook) ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
สงั เกตพฤตกิ รรมบ่งช้ีดา้ น แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ผา่ นเกณฑ์
ใฝ่ เรียนรู้ มีวนิ ยั และมงุ่ มน่ั ประสงค์
ในการทางาน
8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
8.1 หนงั สือเรียน EXTRA and Friends 6 ป. 6
8.2 แบบฝึกหัด EXTRA and Friends 6 ป. 6
8.3 Class Audio CD ประกอบสื่อฯ ชุด EXTRA and Friends 6 ป. 6
8.4 บตั รภาพ
205
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 4 You must be quiet! เวลา 1 ช่ัวโมง
จดุ ประสงค์ (Objectives)
- พูด must/mustn’t ประกอบประโยคได้
- บอกเก่ียวกบั ขอ้ ควรปฏบิ ตั แิ ละความจาเป็นของขอ้ ห้ามได้
- สนทนาเกี่ยวกบั ส่ิงทต่ี อ้ งทาหรือตอ้ งไม่ทาไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
- ตอบคาถามจากการฟังได้
- ทาป้ายเตอื นเก่ียวกบั กฎต่าง ๆ ได้
1. สาระมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด
สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องทฟี่ ังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เหน็
อย่างมีเหตุผล
ตัวชี้วดั
ต 1.1 ป. 6/1 ปฏิบตั ติ ามคาสัง่ คาขอร้อง และคาแนะนาท่ฟี ังและอ่าน
ต 1.1 ป. 6/3 เลอื ก/ระบปุ ระโยค หรือขอ้ ความส้นั ๆ ตรงตามภาพ สญั ลกั ษณ์ หรือเคร่ืองหมาย
ท่ีอ่าน
มาตรฐาน ต 1.2 มที ักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก
และความคิดเห็นอย่างมีประสิทธภิ าพ
ตวั ชีว้ ดั
ต 1.2 ป. 6/1 พดู /เขยี นโตต้ อบในการส่ือสารระหว่างบุคคล
ต 1.2 ป. 6/2 ใชค้ าส่ัง คาขอร้อง คาขออนญุ าต และให้คาแนะนา
ต 1.2 ป. 6/4 พดู และเขยี นเพ่ือขอและให้ขอ้ มลู เก่ียวกบั ตนเอง เพื่อน ครอบครัว และเรื่องใกลต้ วั
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคิดเหน็ ในเรื่องต่าง ๆ
โดยการพูดและการเขยี น
ตวั ชีว้ ัด
ต 1.3 ป. 6/1 พูด/เขียนให้ขอ้ มูลเกี่ยวกบั ตนเอง เพอ่ื น และสิ่งแวดลอ้ มใกลต้ วั
ต 1.3 ป. 6/2 เขยี นภาพ แผนผงั แผนภมู ิ และตารางแสดงขอ้ มลู ตา่ ง ๆ ทฟ่ี ังหรืออ่าน
ต 1.3 ป. 6/3 พดู /เขยี นแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั เร่ืองตา่ ง ๆ ใกลต้ วั
206
สาระที่ 2 ภาษาและวฒั นธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพนั ธ์ระหว่างภาษากบั วฒั นธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ได้
อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ
ตัวชี้วดั
ต 2.1 ป. 6/1 ใชถ้ อ้ ยคา น้าเสียง และกิริยาท่าทางอยา่ งสุภาพ เหมาะสม ตามมารยาทสังคม
และวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา
มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวฒั นธรรมของเจ้าของ
ภาษากบั ภาษาและวัฒนธรรมไทย และนามาใช้อย่างถกู ต้องและเหมาะสม
ตวั ชีว้ ัด
ต 2.2 ป. 6/1 บอกความเหมอื น/ความแตกตา่ งระหวา่ งการออกเสียงประโยคชนิดต่าง ๆ
การใชเ้ ครื่องหมายวรรคตอน และการลาดบั คาตามโครงสร้างประโยค
ของภาษาต่างประเทศและภาษาไทย
สาระท่ี 3 ภาษากบั ความสัมพันธ์กบั กล่มุ สาระการเรียนรู้อ่ืน
มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กับกล่มุ สาระการเรียนรู้อื่น และเป็ น
พื้นฐานในการพัฒนา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทัศน์ของตน
ตวั ชี้วดั
ต 3.1 ป. 6/1 คน้ ควา้ รวบรวมคาศพั ทท์ เ่ี กี่ยวขอ้ งกบั กลุ่มสาระการเรียนรู้อน่ื จากแหลง่ การเรียนรู้
และนาเสนอดว้ ยการพูด/การเขียน
สาระท่ี 4 ภาษากบั ความสัมพนั ธ์กบั ชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม
ตวั ชีว้ ัด
ต 4.1 ป. 6/1 ใชภ้ าษาส่ือสารในสถานการณ์ตา่ ง ๆ ทเ่ี กิดข้นึ ในหอ้ งเรียนและสถานศึกษา
มาตรฐาน ต 4.2 ใช้ภาษาต่างประเทศเป็ นเครื่องมอื พน้ื ฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ
และการแลกเปล่ียนเรียนรู้กับสังคมโลก
ตัวชี้วัด
ต 4.2 ป. 6/1 ใชภ้ าษาต่างประเทศในการสืบคน้ และรวบรวมขอ้ มูลต่าง ๆ
2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด
การรู้และวเิ คราะหโ์ ครงสร้างของ must/mustn’t และพูดประโยคไดอ้ ยา่ งเหมาะสมกบั บริบท
การบอกเกี่ยวกบั ขอ้ ควรปฏบิ ตั ิและความจาเป็นของขอ้ หา้ ม หรือส่ิงที่ตอ้ งทาหรือตอ้ งไม่ทาไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
207
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Vocabulary: temperature, medicine, aspirin, sweets, hurt, chest, throat
Structure: You must be quiet! We mustn’t eat in class.
Function: Expressing obligation and necessity of prohibition
Using must/musn’t
2) Language Skills
Listening: ตอบคาถามจากการฟัง
Speaking: สนทนาเก่ียวกบั สิ่งท่ตี อ้ งทาหรือตอ้ งไม่ทาไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
บอกเกี่ยวกบั ขอ้ ควรปฏบิ ตั ิและความจาเป็นของขอ้ หา้ ม
พูดประโยคโดยใช้โครงสร้าง must/mustn’t
4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน 4.2 ความสามารถในการคดิ
4.1 ความสามารถในการส่ือสาร 4.4 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
4.3 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต
5. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 5.2 มวี นิ ัย
5.1 ใฝ่ เรียนรู้
5.3 มุง่ มน่ั ในการทางาน
6. กิจกรรมการเรียนรู้
ข้นั Warm Up
1. ครูกลา่ วทกั ทายนกั เรียนท้งั ช้นั
2. ครูให้นกั เรียนบอกกิจกรรมที่นกั เรียนทาเป็นประจา
T: What do you do in the morning/afternoon/in the evening?
S1: I make my bed in the morning.
S2: I do homework in the evening. etc.
ข้นั Presentation
1. ให้นกั เรียนปิ ดหนงั สือ ครูพดู และเขยี นประโยคบนกระดาน You are in class. You must be quiet.
You mustn’t run. และขีดเส้นใตค้ า must และ mustn’t ให้นกั เรียนอา่ นตามพร้อมกนั เป็นรายบุคคล
208
2. ให้นกั เรียนอา่ นประโยคบนกระดานอกี คร้งั ครูใหน้ กั เรียนสงั เกต verb ทีต่ ามหลงั must และ
mustn’t และช่วยกนั สรุปวา่ รูป verb เป็น base form
3. ครูอธิบายวา่ เราใช้ must เมอื่ พดู ถงึ สิ่งท่ตี อ้ งทา และใช้ mustn’t เมื่อหา้ มไม่ให้ทาสิ่งใดสิ่งหน่ึง
4. หนังสือเรียน หน้า 31 Ex. 7 ครูให้นกั เรียนเปิ ดหนงั สือเรียน และอ่านประโยคในกรอบ Grammar
พร้อม ๆ กนั จากน้นั ให้นกั เรียนทาแบบฝึกหัด ฟัง CD และเลอื กคาตอบ yes หรือ no เม่ือนกั เรียน
ทาเสร็จแลว้ ให้ตรวจคาตอบพร้อมกนั
1. tidy room yes 2. watch TV no
3. do homework
5. brush teeth yes 4. eat too much chocolate no
yes
Mum: Sam? Oh, here you are! Oh – look at all these clothes!
You must tidy your room, Sam!
Sam: Sorry, Mum.
Mum: You mustn’t watch TV, now. You must do your homework.
Sam: Oh, OK.
Mum: And what’s this? Chocolate? You mustn’t eat too much chocolate, Sam.
You must eat more fruit and vegetables.
Sam: I know, Mum.
Mum: Go to the bathroom, dear. You must brush your teeth, now.
Sam: Yes, Mum.
5. หนังสือเรียน หน้า 31 หัวข้อ Now say. ให้นกั เรียนอา่ นคาตอบท่ถี กู ตอ้ งใน Ex. 7 พร้อม ๆ กนั
จากน้นั ให้แตล่ ะคนพดู ถงึ สิ่งที่ Sam ตอ้ งทา (must do) และตอ้ งไม่ทา (mustn’t do)
Sam mustn’t watch TV. Sam must do his homework.
Sam mustn’t eat too much chocolate. Sam must brush his teeth.
209
ข้นั Practice
หนงั สือเรียน หน้า 31 Ex. 8 ครูอธิบายกิจกรรมแบบฝึกหัดในหนงั สือเรียน โดยครูทาขอ้ ที่ 1
เป็นตวั อยา่ งให้แกน่ กั เรียน จากน้นั ครูใหน้ กั เรียนดูภาพประกอบของขอ้ ที่ 1 แลว้ อา่ นคาตอบ
ให้นกั เรียนฟัง แลว้ ใหน้ กั เรียนทาขอ้ ทีเ่ หลอื เอง โดยให้เตมิ must หรือ mustn’t ให้สอดคลอ้ ง
กบั ภาพ เม่อื นกั เรียนทาเสร็จแลว้ ตรวจคาตอบพร้อมกนั
2. mustn’t 3. mustn’t 4. must 5. mustn’t
ข้นั Production
1. ครูให้นกั เรียนบอกเพ่อื นวา่ นกั เรียนตอ้ งทาอะไรเม่อื อยบู่ า้ น ตวั อยา่ งเช่น
S1: I must tidy my room.
S2: I must take the dog for a walk.
S3: I must water the plants. etc.
2. หนังสือเรียน หน้า 31 หัวข้อ Let’s play! ครูเขียนคาว่า My class rules บนกระดาน และให้
นกั เรียนจบั คู่กนั คิดกฎในห้องเรียนคนละ 1 กฎ จากน้นั ใหผ้ ลดั กนั ถามกฎทคี่ ่ขู องตนเขยี น
เช่น S1: What’s your rule?
S2: We must listen to the teacher.
3. ครูมอบหมายใหน้ กั เรียนแต่ละคนกลบั ไปทาป้ายเตอื นตา่ ง ๆ ทีจ่ ะใชต้ กั เตอื นเพอื่ นภายในโรงเรียน
ของเราเอง โดยมีเง่อื นไขว่า นกั เรียนจะตอ้ งใชว้ สั ดุจากธรรมชาติในการประดิษฐ์ พอเพียง และ
ประหยดั ทีส่ ุด แลว้ นามาเสนอหนา้ ช้นั เรียนในคาบต่อไป นกั เรียนสามารถดตู วั อยา่ งไดใ้ นเวบ็ ไซต์
https://www.google.co.th/search?q=school+rules+for+students&tbm=isch&tbo=u&source=univ
&sa=X&ved=0ahUKEwi5loq5yeLVAhXCsI8KHQJrDOwQsAQIIw&biw=1366&bih=662#img
rc=HJdMEj5OlNX7HM
4. ครูให้นกั เรียนคน้ หาคาศพั ทต์ ามหมวดท่ีเรียนในบทน้ีเพ่มิ เติมอกี 4 คา และบอกความหมายดว้ ย
จากน้นั ใหน้ กั เรียนบนั ทึกคาศพั ทล์ งในสมุดคาศพั ท์
5. ครูให้นกั เรียนทากิจกรรมในแบบฝึ กหัด หน้า 27 Exs. 7-8 เป็นการบา้ น
210
Ex. 7
2. must 3. mustn’t 4. mustn’t
Ex. 8
In the swimming pool:
You mustn’t eat before you swim.
You must have a shower before you swim.
In the forest:
You mustn’t pick flowers.
You must put out camp fires.
You mustn’t run after the animals.
7. การวดั และประเมนิ ผล
วิธีการวดั เครื่องมือ เกณฑ์
ประเมินการสนทนาตามที่ แบบประเมนิ การสนทนา ระดบั คุณภาพ พอใช้ ผ่านเกณฑ์
กาหนด
ตรวจการตอบคาถามจากการฟัง แบบฝึกหดั ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ประเมนิ ชิ้นงานป้ายเตอื นเก่ียวกบั แบบประเมนิ ช้ินงาน ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ผ่านเกณฑ์
กฎต่าง ๆ
ตรวจแบบฝึ กหัด แบบฝึกหัด (Workbook) ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
สังเกตพฤติกรรมบง่ ช้ีดา้ น แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พึง ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ผา่ นเกณฑ์
ใฝ่เรียนรู้ มีวินยั และมงุ่ มนั่ ประสงค์
ในการทางาน
8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
8.1 หนงั สือเรียน EXTRA and Friends 6 ป. 6
8.2 แบบฝึกหัด EXTRA and Friends 6 ป. 6
8.3 Class Audio CD ประกอบสื่อฯ ชุด EXTRA and Friends 6 ป. 6
8.4 อปุ กรณ์การทาช้ินงาน
8.5 อินเทอร์เนต็
211
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 5 What’s the matter? I’ve got a sore throat.
เวลา 1 ช่ัวโมง
จดุ ประสงค์ (Objectives)
- ออกเสียง สะกดคา และบอกความหมายเก่ียวกบั เร่ืองทอี่ ่านได้
- หาขอ้ มลู จาเพาะจากสิ่งท่ฟี ังได้
- ตอบคาถามจากการฟังและอ่านได้
- พูดบอกอาการไมส่ บายตา่ ง ๆ ได้
- แสดงบทบาทสมมตเิ ก่ียวกบั เรื่องที่อา่ นได้
1. สาระมาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วดั
สาระท่ี 1 ภาษาเพอื่ การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องทฟ่ี ังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เหน็
อย่างมเี หตุผล
ตัวชีว้ ดั
ต 1.1 ป. 6/1 ปฏิบตั ติ ามคาสั่ง คาขอร้อง และคาแนะนาที่ฟังและอ่าน
ต 1.1 ป. 6/2 อ่านออกเสียงขอ้ ความ นิทาน และบทกลอนส้นั ๆ ถกู ตอ้ งตามหลกั การอา่ น
ต 1.1 ป. 6/3 เลอื ก/ระบปุ ระโยค หรือขอ้ ความส้ัน ๆ ตรงตามภาพ สัญลกั ษณ์ หรือเครื่องหมาย
ทอ่ี า่ น
ต 1.1 ป. 6/4 บอกใจความสาคญั และตอบคาถามจากการฟังและอา่ นบทสนทนา นิทานงา่ ย ๆ
และเรื่องเล่า
มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก
และความคิดเห็นอย่างมปี ระสิทธภิ าพ
ตวั ชี้วัด
ต 1.2 ป. 6/1 พูด/เขยี นโตต้ อบในการส่ือสารระหว่างบุคคล
ต 1.2 ป. 6/2 ใชค้ าสั่ง คาขอร้อง คาขออนญุ าต และให้คาแนะนา
ต 1.2 ป. 6/3 พดู /เขียนแสดงความตอ้ งการ ขอความช่วยเหลอื ตอบรบั และปฏเิ สธการให้ความ
ช่วยเหลอื ในสถานการณ์ง่าย ๆ
ต 1.2 ป. 6/4 พดู และเขียนเพอ่ื ขอและให้ขอ้ มลู เก่ียวกบั ตนเอง เพือ่ น ครอบครวั และเร่ืองใกลต้ วั
ต 1.2 ป. 6/5 พดู /เขยี นแสดงความรู้สึกของตนเองเกี่ยวกบั เร่ืองต่าง ๆ ใกลต้ วั กิจกรรมต่าง ๆ
พร้อมท้งั ให้เหตผุ ลส้ัน ๆ ประกอบ
212
สาระท่ี 2 ภาษาและวฒั นธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ได้
อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ
ตวั ชีว้ ัด
ต 2.1 ป. 6/1 ใชถ้ อ้ ยคา น้าเสียง และกิริยาท่าทางอยา่ งสุภาพ เหมาะสม ตามมารยาทสังคม
และวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา
มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวฒั นธรรมของเจ้าของ
ภาษากบั ภาษาและวฒั นธรรมไทย และนามาใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
ตวั ชีว้ ดั
ต 2.2 ป. 6/1 บอกความเหมือน/ความแตกตา่ งระหว่างการออกเสียงประโยคชนิดต่าง ๆ
การใชเ้ ครื่องหมายวรรคตอน และการลาดบั คาตามโครงสร้างประโยค
ของภาษาต่างประเทศและภาษาไทย
สาระที่ 3 ภาษากับความสัมพนั ธ์กบั กล่มุ สาระการเรียนรู้อ่นื
มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเช่ือมโยงความรู้กับกล่มุ สาระการเรียนรู้อน่ื และเป็ น
พน้ื ฐานในการพัฒนา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทศั น์ของตน
ตัวชี้วัด
ต 3.1 ป. 6/1 คน้ ควา้ รวบรวมคาศพั ทท์ เ่ี ก่ียวขอ้ งกบั กลุ่มสาระการเรียนรู้อนื่ จากแหลง่ การเรียนรู้
และนาเสนอดว้ ยการพูด/การเขยี น
สาระที่ 4 ภาษากับความสัมพนั ธ์กับชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม
ตัวชีว้ ัด
ต 4.1 ป. 6/1 ใชภ้ าษาส่ือสารในสถานการณ์ต่าง ๆ ทเี่ กิดข้นึ ในหอ้ งเรียนและสถานศกึ ษา
มาตรฐาน ต 4.2 ใช้ภาษาต่างประเทศเป็ นเครื่องมือพน้ื ฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ
และการแลกเปล่ียนเรยี นรู้กับสังคมโลก
ตวั ชี้วัด
ต 4.2 ป. 6/1 ใชภ้ าษาตา่ งประเทศในการสืบคน้ และรวบรวมขอ้ มูลต่าง ๆ
2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
การฟังและการอา่ นเกี่ยวกบั ปัญหาสุขภาพและคาแนะนา เป็นประโยชนใ์ นการสื่อสาร สามารถนา
ความรู้ไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั
213
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทักษะเฉพาะวิชา
1) Language Features and Functions
Vocabulary: feel, ill, pyjamas
Structure: What’s the matter? I’ve got a sore throat. You should go to bed.
You mustn’t play in here. You must be quit.
Pronunciation: Intonation
Function: giving advice and obligation
2) Language Skills
Listening: หาขอ้ มูลจาเพาะจากสิ่งทฟ่ี ัง, ตอบคาถามจากการฟัง
Speaking: บอกความหมายเก่ียวกบั เรื่องทอี่ ่าน
พดู บอกอาการไมส่ บายตา่ ง ๆ
Reading: ตอบคาถามจากการอา่ น
4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น 4.2 ความสามารถในการคิด
4.1 ความสามารถในการส่ือสาร
4.3 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต
5. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 5.2 มุ่งมนั่ ในการทางาน
5.1 ใฝ่ เรียนรู้
6. กจิ กรรมการเรียนรู้
ข้นั Warm Up
1. ครูกลา่ วทกั ทายนกั เรียน หลงั จากน้นั ใหน้ กั เรียนบอกกฎโรงเรียนที่นกั เรียนคิด
2. ครูให้นกั เรียนบางคนดูภาพเก่ียวกบั อาการไม่สบายตา่ ง ๆ อาทิ sore throat, cough, headache,
a cold, toothache และ stomach ache หลงั จากน้นั ให้นกั เรียนชูบตั รภาพ ครูถามนกั เรียนดว้ ย
ประโยคดงั น้ี
T: What’s the matter with (name)?
Class: He’s got a cold.
T: What’s the matter with (name)?
Class: She’s got stomach ache.
214
ข้นั Pre-reading
1. หนังสือเรยี น หน้า 32-33 Ex. 9 ครูให้นกั เรียนเปิ ดหนงั สือดภู าพ และตอบคาถามต่อไปน้ี Where
was Oscar? What’s the matter with the children in picture 8?
2. ใหน้ กั เรียนดรู ูปในกรอบที่สาม และเดาความหมายของคาวา่ ill จากน้นั ครูพดู และเขียนประโยค
I feel sick. และ I’m not well. บนกระดาน ใหน้ กั เรียนพดู ตาม และครูอธิบายว่า 2 ประโยคน้ี
มีความหมายเดียวกบั I feel ill.
3. ครูให้นกั เรียนดูรูปชุดนอน จากน้นั ครูพูดและเขียนคาศพั ทค์ าว่า pyjamas ลงบนกระดาน แลว้ ให้
นกั เรียนฟังและพูดตาม
4. ใหน้ กั เรียนอ่านประโยคคาถาม 2 ประโยคท่อี ยเู่ หนือรูปภาพ ในหนงั สือเรียน หนา้ 32 จากน้นั ครู
อธิบายใหน้ กั เรียนฟังว่า นกั เรียนจะไดฟ้ ัง CD และเมอ่ื ฟังจบแลว้ ใหน้ กั เรียนเลือกคาตอบ
5. เม่ือครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังครบ 2 รอบแลว้ ใหน้ กั เรียนเลือกคาตอบ yes or no.
1. Yes. 2. No.
6. ครูเปิ ด CD อีกคร้ัง หยดุ CD ทกุ คร้งั เมอ่ื จบประโยค เพอื่ ใหน้ กั เรียนพูดตาม ในขณะท่ีนกั เรียนพดู
ครูตรวจสอบการออกเสียงและระดบั เสียงสูง-ต่า (intonation)
ข้นั Reading
หนังสือเรียน หน้า 33 Ex. 10 ใหน้ กั เรียนอ่านบทอา่ นอกี คร้งั และเตมิ คาลงในสมุด
ดว้ ยคาในบทอา่ น เมอ่ื นกั เรียนทากิจกรรมเสร็จ ครูตรวจคาตอบในหอ้ งเรียน
2. White 3. cold 4. medicine
ข้นั Post-reading
1. ครูมอบหมายให้นกั เรียนจบั กลุ่มกบั เพอ่ื น ๆ ตามจานวนตวั ละครในหนงั สือ จากน้นั มอบหมายให้
แตล่ ะกลมุ่ ฝึกซ้อมการสนทนาเช่นเดียวกบั ในหนงั สือ (ประมาณ 5-10 นาท)ี ครูกาชบั วา่ หากกลมุ่
ใดแสดงไดเ้ หมือนกบั ในบทเรียน มกี ารออกเสียงถกู ตอ้ ง และไม่ดใู นหนงั สือ จะไดร้ บั คะแนน
พิเศษ
2. ครูให้แตล่ ะกลมุ่ ออกมานาเสนอหนา้ ช้นั เรียน ให้นกั เรียนทีไ่ ม่ไดแ้ สดงสังเกตและจดบนั ทกึ
เรื่องการพดู การออกเสียง การแสดงทา่ ทาง และความเป็นธรรมชาติ เป็นตน้
215
3. เมื่อทุกกลมุ่ แสดงเสร็จหมดแลว้ ครูและนกั เรียนร่วมกนั อภิปรายขอ้ ดี และขอ้ บกพร่อง เพอื่ ที่
นกั เรียนจะไดน้ าไปแกไ้ ขปรบั ปรุง
4. ให้ทากิจกรรมทบทวนเน้ือเร่ืองทอ่ี า่ น ครูให้นกั เรียนทางานคู่ โดยถา่ ยเอกสารจากแบบฝึ กหัด
หน้า 81 Story Cutouts ให้นกั เรียนแต่ละคู่ คู่ละ 1 ภาพ และฝึกพูดสนทนาตามภาพท่ไี ดร้ ับ แลว้ ครู
พูดว่า Close your book. ใหน้ กั เรียนทาตามคาสั่ง และแบง่ นกั เรียนเป็นกลมุ่ กลมุ่ ละเท่า ๆ กนั
ครูอา่ นประโยคในเน้ือเร่ืองทีละประโยค ให้แต่ละกลมุ่ ช่วยกนั ระบุภาพท่ีสมั พนั ธก์ บั ประโยค
ที่ครูพดู
5. ครูใหน้ กั เรียนคน้ หาคาศพั ทต์ ามหมวดท่เี รียนในบทน้ีเพ่มิ เตมิ อกี 4 คา และบอกความหมายดว้ ย
จากน้นั ให้นกั เรียนบนั ทึกคาศพั ทล์ งในสมดุ คาศพั ท์
6. ครูให้นกั เรียนทากิจกรรมในแบบฝึ กหัด หน้า 28 Exs. 9-10 เป็นการบา้ น
Ex. 9 3. cold
1. sore throat 4. medicine
2. doctor
3. You should take an aspirin
Ex. 10
2. You shouldn’t eat sweets
4. You shouldn’t eat chocolate
7. การวดั และประเมนิ ผล เครื่องมือ เกณฑ์
วธิ กี ารวดั แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คุณภาพ พอใช้ ผ่านเกณฑ์
แบบฝึ กหัด ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
สงั เกตการออกเสียงคาศพั ท์
ตรวจการตอบคาถามจากการฟัง แบบประเมินการแสดงละคร/ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ผา่ นเกณฑ์
และอา่ น บทบาทสมมติ
ประเมนิ การแสดงบทบาทสมมติ แบบฝึกหัด (Workbook) ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ระดบั คุณภาพ พอใช้ ผา่ นเกณฑ์
ตรวจแบบฝึ กหัด ประสงค์
สงั เกตพฤติกรรมใฝ่ เรียนรู้
และมงุ่ มน่ั ในการทางาน
216
8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
8.1 หนงั สือเรียน EXTRA and Friends 6 ป. 6
8.2 แบบฝึกหดั EXTRA and Friends 6 ป. 6
8.3 Class Audio CD ประกอบส่ือฯ ชุด EXTRA and Friends 6 ป. 6
8.4 บตั ร Story Cutouts
8.5 บตั รภาพ
217
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 6 Get well!
เวลา 2 ช่ัวโมง
จดุ ประสงค์ (Objectives)
- ตอบคาถามจากการฟังและอา่ นได้
- พดู สนทนาเกี่ยวกบั อาหารและการปฏบิ ตั ิตวั เม่อื ไมส่ บายได้
- เขียนส่ิงที่ควรทาเพอ่ื ป้องกนั ความเจบ็ ป่ วย สิ่งทีค่ วรทาและไมค่ วรทาเมือ่ เราไมส่ บายได้
และเขยี นจดหมายแนะนาการปฏบิ ตั ติ วั เม่อื ไมส่ บายได้
1. สาระมาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชี้วดั
สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเรื่องทฟี่ ังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เห็น
อย่างมีเหตผุ ล
ตัวชี้วดั
ต 1.1 ป. 6/1 ปฏิบตั ติ ามคาสั่ง คาขอร้อง และคาแนะนาท่ีฟังและอา่ น
ต 1.1 ป. 6/2 อ่านออกเสียงขอ้ ความ นิทาน และบทกลอนส้ัน ๆ ถกู ตอ้ งตามหลกั การอา่ น
ต 1.1 ป. 6/3 เลือก/ระบปุ ระโยค หรือขอ้ ความส้ัน ๆ ตรงตามภาพ สัญลกั ษณ์ หรือเคร่ืองหมาย
ที่อา่ น
ต 1.1 ป. 6/4 บอกใจความสาคญั และตอบคาถามจากการฟังและอ่านบทสนทนา นิทานงา่ ย ๆ
และเร่ืองเลา่
มาตรฐาน ต 1.2 มที ักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึก
และความคิดเห็นอย่างมีประสิทธภิ าพ
ตัวชีว้ ัด
ต 1.2 ป. 6/1 พูด/เขียนโตต้ อบในการส่ือสารระหวา่ งบุคคล
ต 1.2 ป. 6/2 ใชค้ าสงั่ คาขอร้อง คาขออนญุ าต และให้คาแนะนา
ต 1.2 ป. 6/3 พูด/เขยี นแสดงความตอ้ งการ ขอความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏเิ สธการให้ความ
ช่วยเหลือในสถานการณง์ ่าย ๆ
ต 1.2 ป. 6/4 พูดและเขยี นเพอ่ื ขอและให้ขอ้ มลู เกี่ยวกบั ตนเอง เพือ่ น ครอบครวั และเรื่องใกลต้ วั
218
ต 1.2 ป. 6/5 พดู /เขยี นแสดงความรู้สึกของตนเองเกี่ยวกบั เรื่องต่าง ๆ ใกลต้ วั กิจกรรมตา่ ง ๆ
พร้อมท้งั ใหเ้ หตุผลส้ัน ๆ ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ
โดยการพูดและการเขยี น
ตัวชี้วัด
ต 1.3 ป. 6/1 พูด/เขยี นใหข้ อ้ มูลเก่ียวกบั ตนเอง เพอ่ื น และส่ิงแวดลอ้ มใกลต้ วั
ต 1.3 ป. 6/3 พดู /เขียนแสดงความคดิ เห็นเก่ียวกบั เร่ืองต่าง ๆ ใกลต้ วั
สาระท่ี 2 ภาษาและวฒั นธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากบั วัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ได้
อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ
ตัวชีว้ ดั
ต 2.1 ป. 6/1 ใชถ้ อ้ ยคา น้าเสียง และกิริยาท่าทางอยา่ งสุภาพ เหมาะสม ตามมารยาทสังคม
และวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา
มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของ
ภาษากับภาษาและวฒั นธรรมไทย และนามาใช้อย่างถกู ต้องและเหมาะสม
ตัวชีว้ ัด
ต 2.2 ป. 6/1 บอกความเหมอื น/ความแตกตา่ งระหวา่ งการออกเสียงประโยคชนิดตา่ ง ๆ
การใชเ้ คร่ืองหมายวรรคตอน และการลาดบั คาตามโครงสร้างประโยค
ของภาษาตา่ งประเทศและภาษาไทย
สาระท่ี 3 ภาษากบั ความสัมพันธ์กบั กล่มุ สาระการเรียนรู้อน่ื
มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กับกล่มุ สาระการเรียนรู้อืน่ และเป็ น
พืน้ ฐานในการพัฒนา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทศั น์ของตน
ตวั ชีว้ ัด
ต 3.1 ป. 6/1 คน้ ควา้ รวบรวมคาศพั ทท์ ่ีเก่ียวขอ้ งกบั กลุ่มสาระการเรียนรู้อืน่ จากแหล่งการเรียนรู้
และนาเสนอดว้ ยการพูด/การเขียน
สาระที่ 4 ภาษากบั ความสัมพนั ธ์กบั ชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม
219
ตัวชีว้ ัด ใชภ้ าษาส่ือสารในสถานการณต์ ่าง ๆ ท่ีเกิดข้ึนในหอ้ งเรียนและสถานศกึ ษา
ต 4.1 ป. 6/1 ใช้ภาษาต่างประเทศเป็ นเครื่องมือพืน้ ฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ
มาตรฐาน ต 4.2 และการแลกเปลย่ี นเรียนรู้กับสังคมโลก
ตัวชีว้ ัด ใชภ้ าษาต่างประเทศในการสืบคน้ และรวบรวมขอ้ มูลต่าง ๆ
ต 4.2 ป. 6/1
2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด
การอา่ น และการเขยี นบอกข้นั ตอน เป็นประโยชน์ในการส่ือสาร สามารถนาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Vocabulary: feel, ill, pyjamas
Structure: Dear Wendy, I’m sorry you feel ill. You should eat a lot of fruit and
vegetables and drink a lot of orange juice. I hope you feel better soon.
Function: giving advice
2) Language Skills
Listening: ตอบคาถามจากเรื่องทฟี่ ัง
Speaking: พดู สนทนาเกี่ยวกบั อาหารและการปฏบิ ตั ติ วั เม่ือไมส่ บาย
Reading: ตอบคาถามจากเรื่องที่อา่ น
Writing: เขยี นสิ่งที่ควรทาเพอ่ื ป้องกนั ความเจ็บป่ วย
เขยี นประโยค วลี หรือคา ทีค่ วรทาและไมค่ วรทาเมอ่ื เราไมส่ บาย
เขียนจดหมายแนะนาการปฏบิ ตั ิตวั เมอื่ ไมส่ บายได้
4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น 4.2 ความสามารถในการคดิ
4.1 ความสามารถในการส่ือสาร 220
4.3 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต
5. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 5.2 มุ่งมน่ั ในการทางาน
5.1 ใฝ่ เรียนรู้
6. กจิ กรรมการเรียนรู้
ชั่วโมงที่ 1
ข้นั Warm Up
1. ครูกลา่ วทกั ทายนกั เรียน
2. ให้นกั เรียนจบั คู่ ผลดั กนั แสดงอาการป่ วยและให้คาแนะนา ดงั ตวั อยา่ ง
S1: (แสดงอาการปวดทอ้ ง)
S2: What’s the matter?
S1: I’ve got a stomach ache.
S2: You should take medicine.
S1: Thank you for your advice. etc.
ข้นั Presentation
1. ครูให้นกั เรียนดบู ทอา่ น และบอกนกั เรียนว่า จะไดอ้ ่านจดหมาย ใหน้ กั เรียนต้งั ใจอา่ นจดหมายน้นั
เพื่อตอบคาถามครู เช่น Who’s the letter from? (Lin.) Who’s the letter for? (Wendy.)
2. ใหน้ กั เรียนสงั เกตคาข้ึนตน้ คาลงทา้ ยจดหมาย และการใชเ้ ครื่องหมายวรรคตอน [ใชเ้ คร่ืองหมาย
comma (,)] ว่ามีวิธีการเขียนอยา่ งไร
3. ครูเขียนประโยค I hope you feel better soon. ให้นกั เรียนดูบนกระดาน และให้นกั เรียนคิดว่า
เราจะสามารถใชค้ าอะไรมาแทนคาวา่ feel better ได้ (คาตอบกค็ อื get well)
ข้นั Practice
1. หนงั สือเรยี น หน้า 34 Ex. 11 ให้นกั เรียนอ่านจดหมายและเตมิ คาให้สอดคลอ้ งกบั ภาพ ลงในสมดุ
2. ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟัง 2 คร้งั คร้ังแรกให้นกั เรียนตรวจคาตอบ คร้ังทีส่ องใหน้ กั เรียนอา่ นตาม
โดยครูตรวจสอบการออกเสียงของนกั เรียนว่า ออกเสียงถูกตอ้ งหรือไม่
221
1. fruit 2. orange 3. bed 4. school
3. หนงั สือเรียน หน้า 34 Ex. 12 ครูใหน้ กั เรียนอ่านบทอา่ นในใจอีกคร้ัง และเลอื กคาตอบ เมื่อนกั เรียน
ทาเสร็จแลว้ ครูเฉลยคาตอบ
1. should 2. should 3. shouldn’t 4. shouldn’t
ข้นั Production
1. หนงั สือเรยี น หน้า 34 Ex. 13 ครูอา่ นขอ้ ความในกรอบคาพูดให้นกั เรียนฟัง แลว้ ให้นกั เรียนอ่านตาม
2. ให้นกั เรียนจบั คู่ผลดั กนั ให้คาแนะนาเก่ียวกบั สุขภาพ 2 ขอ้ ดงั ตวั อยา่ ง
S1: I feel ill.
S2: You should stay in bed and shouldn’t go to school.
3. ครูใหน้ กั เรียนบนั ทกึ คาศพั ทใ์ หมท่ ่ีเรียนในชวั่ โมงน้ี พร้อมกบั บอกความหมายลงในสมดุ คาศพั ท์
ชั่วโมงที่ 2
ข้นั Warm Up
ให้นกั เรียนช่วยกนั บอกสิ่งทีค่ วรทา และไมค่ วรทาเม่อื ไมส่ บาย โดยใชป้ ระโยค We should / shouldn’t
Listen. Play the game.
1. หนงั สือเรยี น หน้า 35 Ex. 14 ให้นกั เรียนอ่านคาในกรอบสี่เหลยี่ ม จากน้นั ให้ดูภาพ และครูเปิ ด CD
ให้นกั เรียนฟัง แลว้ ใหน้ กั เรียนพูดตาม
2. ครูใหน้ กั เรียนเล่มเกม โดยครูอธิบายวิธีการเล่นดงั น้ี ครูเลือกนกั เรียนหน่ึงคนออกมาหนา้ ช้นั แลว้ ให้
นกั เรียนคนน้นั บอกปัญหาสุขภาพ โดยเพื่อนในหอ้ งจะตอ้ งใหค้ าแนะนา คือส่ิงทค่ี วรปฏิบตั ิและ
ไม่ควรปฏิบตั ิ โดยใชว้ ลีท่ีกาหนดในกรอบสี่เหลี่ยม นกั เรียนคนใดใหค้ าแนะนาท่ีถกู ตอ้ งคนแรก
จะไดเ้ ป็นคนบอกปัญหาสุขภาพคนตอ่ ไป
222
Sound Spot
หนงั สือเรียน หน้า 35 Sound Spot ครูใหน้ กั เรียนปิ ดหนงั สือ ครูพดู คาวา่ headache แลว้ ให้นกั เรียนพูด
ตาม จากน้นั ครูพดู ประโยค I’ve got a headache. You shouldn’t eat a lot sweets. และให้นกั เรียนพดู
ตามดว้ ย ตอ่ มาใหน้ กั เรียนเปิ ดหนงั สือเรียนไปท่ีหนา้ ดงั กล่าว และฟัง CD โดยขณะทคี่ รูเปิ ด CD
คร้งั ที่ 2 ครูใหน้ กั เรียนพูดตาม CD พร้อมกนั ท้งั ช้นั จากน้นั ให้พดู เป็นรายบคุ คล
I’ve got a headache.
You shouldn’t eat a lot of sweets.
ในบางคร้งั คาทเ่ี ขียนดว้ ย ch อาจจะออกเสียงเป็นตวั k ซ่ึงคาทีเ่ ขยี นดว้ ย ch แต่ออกเสียง
เป็น /k/ เช่น
stomach stomach ache school
Christmas chrome character
chemistry Christ schedule
Portfolio
ข้นั Pre-writing
1. ครูให้นกั เรียนอ่านบทอา่ นในหนงั สือเรียน หนา้ 34 Ex. 11 อีกคร้งั แลว้ ครูอธิบายการใชเ้ ครื่องหมาย
comma (,) หลงั คาข้นึ ตน้ และลงทา้ ยจดหมาย (Dear Wendy และ Love)
2. ครูให้นกั เรียนเขยี นประโยค วลี หรือคา ทคี่ วรทาและไมค่ วรทาเมื่อเราไม่สบายลงบนแผน่ กระดาษ
โดยครูเขียนตวั อยา่ งประโยค วลี หรือคา เพื่อเป็นขอ้ มูลให้แก่นกั เรียนในการเขยี น เช่น
You feel ill. You should … You feel ill. You shouldn’t …
stay in bed play outside
go to school
drink orange juice go to bed late
eat vegetables
223
ข้นั Writing
1. หนังสือเรียน หน้า 39 Portfolio ให้นกั เรียนร่างจดหมาย โดยใชข้ อ้ มูลที่นกั เรียนไดอ้ ่านจาก Ex. 11
หนา้ 34
2. ขณะทีน่ กั เรียนทากิจกรรม ครูคอยสงั เกต และให้ความช่วยเหลอื นกั เรียนที่จาเป็น
3. เมอื่ นกั เรียนร่างจดหมายเสร็จแลว้ ให้ครูตรวจสอบเพอ่ื ดสู ่ิงท่ีเขยี นไมถ่ ูกตอ้ ง ซ่ึงนกั เรียนจะไดแ้ กไ้ ข
กอ่ นลงมอื เขียนจริง ครูอาจให้นกั เรียนจบั คู่ แลว้ สลบั กนั อา่ นจดหมายของเพอ่ื น และใหข้ อ้ เสนอแนะ
แกก่ นั และกนั
4. ครูให้นกั เรียนเขียนจดหมายฉบบั สมบรู ณ์ลงในกระดาษที่ครูแจก
ข้นั Post-writing
1. เมอื่ ครูตรวจผลงานแลว้ ครูอาจใหน้ กั เรียนแลกเปลย่ี นกนั ดูอกี คร้งั หรือออกมานาเสนอผลงานหนา้ ช้นั
และจดั เกบ็ ไวใ้ นแฟ้ม Portfolio
2. ครูแบง่ นกั เรียนออกเป็นกลมุ่ ยอ่ ย ให้นกั เรียนระดมสมอง ช่วยกนั เขียนส่ิงทนี่ กั เรียนควรทาเพ่ือป้องกนั
ความเจบ็ ป่ วย เช่น eat a lot of fruit and vegetables, sleep eight hours a day และ drink a lot of water
เป็นตน้ เสร็จแลว้ ใหแ้ ต่ละกลุ่มอา่ นใหเ้ พื่อนในช้นั ฟัง
Dear Sally,
I’m sorry you feel ill. You should eat some soup and drink milk. You should
stay in bed and you shouldn’t go to school. I hope you feel better soon.
Love,
Nicole
3. ครูใหน้ กั เรียนบนั ทกึ คาศพั ทใ์ หม่ทีเ่ รียนในชว่ั โมงน้ี พร้อมกบั บอกความหมายลงในสมดุ คาศพั ท์
4. ครูให้นกั เรียนทากิจกรรมในแบบฝึ กหัด หน้า 29 Exs. 11-12 เป็นการบา้ น
Ex. 11
1. c 2. b 3. a
224
Ex. 12 3. for 4. with 5. to
2. should 7. send 8. hope
6. is
7. การวดั และประเมนิ ผล เคร่ืองมือ เกณฑ์
แบบฝึ กหัด ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
วธิ ีการวดั แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คุณภาพ พอใช้ ผ่านเกณฑ์
ตรวจการตอบคาถามจากการฟัง แบบประเมินการพูด ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ผา่ นเกณฑ์
และอา่ น
สงั เกตการเล่นเกมทางภาษา แบบประเมินการเขียน ระดบั คุณภาพ พอใช้ ผา่ นเกณฑ์
ประเมินการพูดสนทนาเก่ียวกบั
อาหารและการปฏิบตั ติ วั เมื่อ แบบฝึกหดั (Workbook) ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ไม่สบาย แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พึง ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ผ่านเกณฑ์
ประเมนิ การเขียนจดหมาย ประสงค์
เกี่ยวกบั สิ่งท่ีควรทาเพ่ือป้องกนั
ความเจบ็ ป่ วย, ประโยค วลี หรือ
คาที่ควรทาและไม่ควรทา เมอ่ื เรา
ไมส่ บาย
ตรวจแบบฝึ กหัด
สงั เกตพฤตกิ รรมบ่งช้ีดา้ น
ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมน่ั ในการ
ทางาน
8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
8.1 หนงั สือเรียน EXTRA and Friends 6 ป. 6
8.2 แบบฝึกหดั EXTRA and Friends 6 ป. 6
8.3 Class Audio CD ประกอบส่ือฯ ชุด EXTRA and Friends 6 ป. 6
225
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 7 Get well soon!
เวลา 1 ช่ัวโมง
จุดประสงค์ (Objectives)
- ฟังและอ่านเพ่ือความเขา้ ใจได้
- ร้องเพลงทางภาษาได้
- ประพนั ธ์เพลงใหมไ่ ดอ้ ยา่ งเหมาะสมกบั บริบท
1. สาระมาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชีว้ ดั
สาระท่ี 1 ภาษาเพอื่ การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเรื่องทฟ่ี ังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเหน็
อย่างมเี หตผุ ล
ตัวชี้วดั
ต 1.1 ป. 6/1 ปฏิบตั ิตามคาสั่ง คาขอร้อง และคาแนะนาท่ีฟังและอา่ น
ต 1.1 ป. 6/2 อา่ นออกเสียงขอ้ ความ นิทาน และบทกลอนส้ัน ๆ ถูกตอ้ งตามหลกั การอา่ น
มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึก
และความคดิ เหน็ อย่างมีประสิทธภิ าพ
ตัวชีว้ ดั
ต 1.2 ป. 6/1 พดู /เขยี นโตต้ อบในการส่ือสารระหว่างบคุ คล
ต 1.2 ป. 6/2 ใชค้ าสง่ั คาขอร้อง คาขออนุญาต และใหค้ าแนะนา
ต 1.2 ป. 6/4 พดู และเขียนเพอ่ื ขอและใหข้ อ้ มูลเก่ียวกบั ตนเอง เพื่อน ครอบครวั และเรื่องใกลต้ วั
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ
โดยการพูดและการเขยี น
ตัวชีว้ ัด
ต 1.3 ป. 6/1 พดู /เขยี นให้ขอ้ มูลเกี่ยวกบั ตนเอง เพือ่ น และสิ่งแวดลอ้ มใกลต้ วั
ต 1.3 ป. 6/3 พดู /เขยี นแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั เร่ืองต่าง ๆ ใกลต้ วั
สาระท่ี 2 ภาษาและวฒั นธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากบั วฒั นธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ได้
อย่างเหมาะสมกบั กาลเทศะ
226
ตัวชี้วัด
ต 2.1 ป. 6/1 ใชถ้ อ้ ยคา น้าเสียง และกิริยาท่าทางอยา่ งสุภาพ เหมาะสม ตามมารยาทสังคม
และวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา
ต 2.1 ป. 6/3 เขา้ ร่วมกิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมตามความสนใจ
มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวฒั นธรรมของเจ้าของ
ภาษากับภาษาและวัฒนธรรมไทย และนามาใช้อย่างถกู ต้องและเหมาะสม
ตัวชีว้ ดั
ต 2.2 ป. 6/1 บอกความเหมือน/ความแตกตา่ งระหว่างการออกเสียงประโยคชนิดต่าง ๆ
การใชเ้ คร่ืองหมายวรรคตอน และการลาดบั คาตามโครงสร้างประโยค
ของภาษาตา่ งประเทศและภาษาไทย
สาระที่ 3 ภาษากับความสัมพนั ธ์กับกล่มุ สาระการเรียนรู้อน่ื
มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กับกล่มุ สาระการเรียนรู้อืน่ และเป็ น
พนื้ ฐานในการพัฒนา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทศั น์ของตน
ตัวชีว้ ัด
ต 3.1 ป. 6/1 คน้ ควา้ รวบรวมคาศพั ทท์ เี่ กี่ยวขอ้ งกบั กลุ่มสาระการเรียนรู้อืน่ จากแหลง่ การเรียนรู้
และนาเสนอดว้ ยการพูด/การเขียน
สาระท่ี 4 ภาษากับความสัมพนั ธ์กบั ชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม
ตวั ชี้วดั
ต 4.1 ป. 6/1 ใชภ้ าษาสื่อสารในสถานการณ์ต่าง ๆ ทีเ่ กิดข้นึ ในห้องเรียนและสถานศึกษา
มาตรฐาน ต 4.2 ใช้ภาษาต่างประเทศเป็ นเครื่องมือพนื้ ฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ
และการแลกเปลย่ี นเรยี นรู้กบั สังคมโลก
ตวั ชี้วัด
ต 4.2 ป. 6/1 ใชภ้ าษาตา่ งประเทศในการสืบคน้ และรวบรวมขอ้ มลู ต่าง ๆ
2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด
การร้องเพลงเป็นประโยชนใ์ นการเรียน จะไดฝ้ ึกทกั ษะการฟัง พดู อ่าน และเขยี น เกิดความสนุกสนาน
เพลิดเพลนิ มีเจตคติท่ีดีต่อการเรียนภาษาองั กฤษ
227
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทกั ษะเฉพาะวิชา
1) Language Features and Functions
Vocabulary: feel, ill, pyjamas
Structure: What’s the matter? I feel ill! You must see a doctor. Get well soon!
Function: Expressing obligation
2) Language Skills
Listening: ฟังเพอื่ ความเขา้ ใจ
Speaking: ร้องเพลงทางภาษา
Reading: อา่ นเพ่ือความเขา้ ใจ
Writing: เขยี นเน้ือเพลงเกี่ยวกบั ปัญหาสุขภาพ
4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน
4.1 ความสามารถในการสื่อสาร
4.2 ความสามารถในการคิด
4.3 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ
5. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์
5.1 ม่งุ มน่ั ในการทางาน
5.2 ใฝ่ เรียนรู้
6. กจิ กรรมการเรียนรู้
ข้นั Warm Up
1. ครูกลา่ วทกั ทายกบั นกั เรียน
2. ครูทบทวนสานวน Get well soon! เป็นสานวนสาหรับใชใ้ นการอวยพรให้บุคคลท่ปี ่ วยมสี ุขภาพ
แข็งแรงในเร็ววนั และใหน้ กั เรียนคดิ สานวนทใ่ี ชแ้ ทน get well (เช่น feel better)
228
ข้นั Presentation
1. หนังสือเรยี น หน้า 36 Ex. 15 ครูให้นกั เรียนดภู าพ แลว้ ครูถามวา่ What can you see in the picture?
(medicine, aspirin and a boy)
2. ใหน้ กั เรียนดภู าพเดก็ และถามนกั เรียนว่า What’s the matter with him? คาตอบอาจจะหลากหลาย
เช่น He’s got temperature. He’s got toothache. ฯลฯ
ข้นั Practice
1. ให้นกั เรียนฟัง CD และอ่านเน้ือเพลงตามในใจ ครูเปิ ด CD อกี คร้งั แต่คร้งั น้ีหยดุ ทกุ ๆ บรรทดั
เพ่ือใหน้ กั เรียนอา่ นตาม เสร็จแลว้ ครูเปิ ด CD อีกเป็นคร้งั ที่ 3 คร้ังน้ีให้นกั เรียนร้องเพลงตาม
2. ใหน้ กั เรียนจบั คู่กนั แลว้ ฝึกร้องเพลง ต่อมาครูสุ่มนกั เรียนออกมาร้องเพลงทหี่ นา้ ช้นั เรียน
ข้นั Production
1. หนังสือเรียน หน้า 36 Ex. 16 ให้ครูแบง่ นกั เรียนออกเป็นกลมุ่ ยอ่ ย โดยใหแ้ ตล่ ะกลุม่ เลือกปัญหา
สุขภาพมา 1 อยา่ ง และเขียนเน้ือเพลงใหม่เก่ียวกบั ปัญหาสุขภาพท่นี กั เรียนน้นั ไดเ้ ลือกไว้ เมื่อเขยี น
เสร็จแลว้ ใหน้ กั เรียนส่งตวั แทนของแตล่ ะกลมุ่ ออกมาอา่ นเน้ือเพลงใหเ้ พ่ือน ๆ ฟังหนา้ ช้นั เรียน
2. ให้แตล่ ะกลุ่มร้องเพลงทแี่ ต่งข้นึ ใหม่ พร้อมกบั แสดงทา่ ทางประกอบตามไปดว้ ย
3. ครูแบง่ นกั เรียนออกเป็น 2 กลมุ่ เพ่ือร้องเพลง โดยใหก้ ล่มุ หน่ึงถามและใหค้ าแนะนา อกี กล่มุ ตอบ
หลงั จากน้นั สลบั บทบาทกนั
4. ใหน้ กั เรียนช่วยกนั คดิ ชื่อเพลง ลงคะแนนว่าจะใชช้ ื่ออะไร
5. ครูให้นกั เรียนคน้ หาคาศพั ทต์ ามหมวดที่เรียนในบทน้ีเพ่มิ เตมิ อีก 4 คา และบอกความหมายดว้ ย
จากน้นั ให้นกั เรียนบนั ทึกคาศพั ทล์ งในสมดุ คาศพั ท์
6. ครูให้นกั เรียนทากิจกรรมในแบบฝึ กหัด หน้า 30 Ex. 13 เป็นการบา้ น
Ex. 13 4. throat hurts
2. feel ill 5. Get well soon
3. must see a doctor
229
7. การวดั และประเมนิ ผล เคร่ืองมือ เกณฑ์
แบบประเมินการเขียน ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ผา่ นเกณฑ์
วิธีการวดั
ประเมนิ การเขียนเน้ือเพลง แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ผ่านเกณฑ์
เกี่ยวกบั ปัญหาสุขภาพ แบบฝึกหดั (Workbook) ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
สังเกตการร้องเพลงทางภาษา แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ระดบั คุณภาพ พอใช้ ผ่านเกณฑ์
ตรวจแบบฝึ กหดั ประสงค์
สังเกตพฤติกรรมบ่งช้ีดา้ น
ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ มน่ั ในการ
ทางาน
8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
8.1 หนงั สือเรียน EXTRA and Friends 6 ป. 6
8.2 แบบฝึกหดั EXTRA and Friends 6 ป. 6
8.3 Class Audio CD ประกอบส่ือฯ ชุด EXTRA and Friends 6 ป. 6
230
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8 Road Safety
เวลา 2 ช่ัวโมง
จดุ ประสงค์ (Objectives)
- ออกเสียง สะกดคา และบอกคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั เร่ือง Road safety ได้
- พูดถาม-ตอบ บอกกฎการขบั ขรี่ ถยนตไ์ ด้
- วิเคราะห์และตอบคาถามจากการอ่านได้
- ทาโปสเตอร์นาเสนอกฎสาหรบั การขบั ขี่ได้
- การเปรียบเทยี บการขบั ขี่ระหว่างของไทยและขององั กฤษ
1. สาระมาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วดั
สาระที่ 1 ภาษาเพอ่ื การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเร่ืองทฟี่ ังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เหน็
อย่างมเี หตุผล
ตัวชี้วดั
ต 1.1 ป. 6/1 ปฏบิ ตั ิตามคาสงั่ คาขอร้อง และคาแนะนาที่ฟังและอา่ น
ต 1.1 ป. 6/2 อา่ นออกเสียงขอ้ ความ นิทาน และบทกลอนส้ัน ๆ ถูกตอ้ งตามหลกั การอา่ น
ต 1.1 ป. 6/3 เลอื ก/ระบุประโยค หรือขอ้ ความส้ัน ๆ ตรงตามภาพ สัญลกั ษณ์ หรือเครื่องหมาย
ที่อ่าน
ต 1.1 ป. 6/4 บอกใจความสาคญั และตอบคาถามจากการฟังและอ่านบทสนทนา นิทานง่าย ๆ
และเรื่องเลา่
มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก
และความคิดเห็นอย่างมปี ระสิทธภิ าพ
ตัวชี้วัด
ต 1.2 ป. 6/1 พดู /เขียนโตต้ อบในการสื่อสารระหว่างบุคคล
ต 1.2 ป. 6/2 ใชค้ าส่ัง คาขอร้อง คาขออนญุ าต และใหค้ าแนะนา
ต 1.2 ป. 6/4 พดู และเขียนเพอื่ ขอและใหข้ อ้ มูลเกี่ยวกบั ตนเอง เพื่อน ครอบครวั และเร่ืองใกลต้ วั
ต 1.2 ป. 6/5 พดู /เขียนแสดงความรู้สึกของตนเองเก่ียวกบั เรื่องตา่ ง ๆ ใกลต้ วั กิจกรรมต่าง ๆ
พร้อมท้งั ใหเ้ หตผุ ลส้ัน ๆ ประกอบ
231
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคดิ เหน็ ในเรื่องต่าง ๆ
โดยการพูดและการเขยี น
ตวั ชี้วัด
ต 1.3 ป. 6/1 พดู /เขียนใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั ตนเอง เพอ่ื น และสิ่งแวดลอ้ มใกลต้ วั
ต 1.3 ป. 6/2 เขียนภาพ แผนผงั แผนภูมิ และตารางแสดงขอ้ มูลตา่ ง ๆ ทฟ่ี ังหรืออา่ น
ต 1.3 ป. 6/3 พดู /เขยี นแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั เรื่องต่าง ๆ ใกลต้ วั
สาระที่ 2 ภาษาและวฒั นธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ได้
อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ
ตวั ชี้วัด
ต 2.1 ป. 6/1 ใชถ้ อ้ ยคา น้าเสียง และกิริยาท่าทางอยา่ งสุภาพ เหมาะสม ตามมารยาทสังคม
และวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา
สาระที่ 3 ภาษากับความสัมพนั ธ์กับกล่มุ สาระการเรียนรู้อน่ื
มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเช่ือมโยงความรู้กับกล่มุ สาระการเรียนรู้อื่น และเป็ น
พน้ื ฐานในการพฒั นา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทัศน์ของตน
ตวั ชีว้ ัด
ต 3.1 ป. 6/1 คน้ ควา้ รวบรวมคาศพั ทท์ ่ีเก่ียวขอ้ งกบั กลุ่มสาระการเรียนรู้อืน่ จากแหล่งการเรียนรู้
และนาเสนอดว้ ยการพูด/การเขียน
สาระที่ 4 ภาษากับความสัมพันธ์กบั ชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม
ตวั ชีว้ ดั
ต 4.1 ป. 6/1 ใชภ้ าษาส่ือสารในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดข้ึนในห้องเรียนและสถานศึกษา
มาตรฐาน ต 4.2 ใช้ภาษาต่างประเทศเป็ นเคร่ืองมือพนื้ ฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ
และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กบั สังคมโลก
ตัวชีว้ ดั
ต 4.2 ป. 6/1 ใชภ้ าษาต่างประเทศในการสืบคน้ และรวบรวมขอ้ มลู ต่าง ๆ
2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
การอา่ นและพดู เกี่ยวกบั Road safety สามารถนาไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั
232
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทกั ษะเฉพาะวิชา
1) Language Features and Functions
Vocabulary: road safety, dangerous, traffic, between, zebra crossing, hurry, work,
important, exercise, unfortunately, helmet, bright, Highway Code, just,
cycling lanes
Structure: A lot of children in Britain ride their bikes to school.
But often, the streets in their towns are very dangerous.
Function: Expressing obligation
2) Language Skills
Speaking: ออกเสียง สะกดคา และบอกคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั เร่ือง Road safety
พูดถาม-ตอบ บอกกฎเก่ียวกบั การขบั ขรี่ ถยนต์
Reading: ตอบคาถามจากการอา่ น
3) Culture: การเปรียบเทียบการขบั ข่ีระหว่างของไทยและขององั กฤษ
4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน 4.2 ความสามารถในการคิด
4.1 ความสามารถในการสื่อสาร 4.4 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
4.3 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ
5. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 5.2 ใฝ่ เรียนรู้
5.1 มุ่งมนั่ ในการทางาน
6. กจิ กรรมการเรียนรู้
ช่ัวโมงที่ 1
ข้นั Warm Up
1. ครูกลา่ วทกั ทายนกั เรียนในช้นั
233
2. ครูถามคาถาม Do you ride your bike to school? จากน้นั ครูสอบถามนกั เรียนถึงวิธีการขบั ขีร่ ถจกั รยาน
อยา่ งปลอดภยั (wear a helmet, wear bright colour, have reflectors, etc.)
ข้นั Pre-reading
ครูสอนคาศพั ท์ highway code ให้แก่นกั เรียน โดยครูชูภาพป้ายจราจร และออกเสียงคาวา่ highway
code และเขียนคาศพั ทบ์ นกระดาน แลว้ ให้นกั เรียนออกเสียงตาม ตอ่ มาครูสอนคาศพั ทค์ าว่า helmet
(หมวกกนั นอ็ ค), cycling lane (ทางขีจ่ กั รยาน) และ zebra crossing (ทางมา้ ลาย) ดว้ ยวธิ ีการเดียวกนั
ข้นั Reading
หนงั สือเรียน หน้า 37 Ex. 17 ใหน้ กั เรียนดูภาพขวามอื และระดมสมอง ช่วยกนั ตอบวา่ คนในภาพ
ขวามือ ทาอะไรทน่ี กั เรียนเห็นว่าไมถ่ กู ตอ้ งเม่ือขจี่ กั รยาน
T: Look at the people in the right picture. Why are they wrong?
S1: They don’t wear helmets. It is dangerous.
S2: They don’t ride on cycling lane. It isn’t safe.
ข้นั Post-reading
ครูอ่านบทอ่านในหนงั สือเรียน หนา้ 37 Ex. 17 ให้นกั เรียนฟัง และให้นกั เรียนอ่านตามในใจ จากน้นั
ใหน้ กั เรียนอ่านเองในใจอกี คร้งั และตอบคาถามเกี่ยวกบั ตวั เองลงในหนงั สือ ครูตรวจคาตอบ และให้
นกั เรียนแต่ละคนอ่านบทอา่ นออกเสียง
1. By bus. / I walk. / I ride my bike.
2. Yes, I do. / No. I don’t
234
ช่ัวโมงที่ 2
ข้นั Warm Up
1. ครูกล่าวทกั ทายนกั เรียน
2. ให้นกั เรียนทบทวนเน้ือเร่ืองทอี่ า่ น โดยตอบคาถามเก่ียวกบั เร่ืองทอ่ี ่าน เช่น
- You don’t wear a helmet, when you ride a bike. (No)
- You wear bright clothes, when you ride a bike. (Yes) etc.
3. ครูใหน้ กั เรียนปิ ดหนงั สือ แลว้ บอกกฎการข่จี กั รยานที่นกั เรียนจาได้
ข้นั Presentation
ครูพูดคุยเกี่ยวกบั กฎการขบั ขี่รถยนตก์ บั นกั เรียนท้งั ช้นั และใหน้ กั เรียนบอกกฎการขบั ข่ีรถยนตท์ ี่
นกั เรียนทราบ
ข้นั Practice
1. ครูใหน้ กั เรียนแบ่งกลุ่มทางาน และมอบหมายใหเ้ ขยี นกฎการขบั ขีร่ ถยนต์ และทาเป็นโปสเตอร์
ออกแบบให้สวยงาม นกั เรียนอาจจะใชบ้ ทอ่านใน Ex. 17 เป็นตน้ แบบ และอาจหาขอ้ มลู เพ่มิ เติมจาก
เวบ็ ไซต์ http://www.highwaycodeuk.co.uk/rules-for-cyclists.html
2. เม่ือทาเสร็จแลว้ ให้นกั เรียนนาผลงานติดทีบ่ อร์ด
Rules for drivers
• Wear a seatbelt.
• Don’t drink and drive.
• Don’t talk on mobile phone.
• Stop at traffic lights.
235
ข้นั Production
1. ครูให้นกั เรียนคน้ หาคาศพั ทต์ ามหมวดทีเ่ รียนในบทน้ีเพิ่มเตมิ อีก 4 คา และบอกความหมายดว้ ย
จากน้นั ให้นกั เรียนบนั ทึกคาศพั ทล์ งในสมุดคาศพั ท์
2. ครูให้นกั เรียนทากิจกรรมในแบบฝึ กหัด หน้า 31 Ex. 14 เป็นการบา้ น
2. helmet 4. Code
3. clothes 5. lanes
7. การวัดและประเมนิ ผล
วธิ ีการวดั เคร่ืองมือ เกณฑ์
ระดบั คุณภาพ พอใช้ ผ่านเกณฑ์
สังเกตการออกเสียงคาศพั ท์ แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ผา่ นเกณฑ์
ประเมนิ การถาม-ตอบ บอกกฎ แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
ระดบั คุณภาพ พอใช้ ผ่านเกณฑ์
การขบั ขรี่ ถยนต์
ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ตรวจการตอบคาถามจากการอา่ น แบบฝึกหัด ระดบั คุณภาพ พอใช้ ผ่านเกณฑ์
ประเมินการทาโปสเตอร์กฎการ แบบประเมนิ ชิ้นงาน
ขบั ข่รี ถยนต์
ตรวจแบบฝึ กหัด แบบฝึกหัด (Workbook)
สงั เกตพฤติกรรมบ่งช้ีดา้ น แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พึง
ใฝ่เรียนรู้ และมุง่ มนั่ ในการ ประสงค์
ทางาน
8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
8.1 หนงั สือเรียน EXTRA and Friends 6 ป. 6
8.2 แบบฝึกหัด EXTRA and Friends 6 ป. 6
8.3 อุปกรณก์ ารทาชิ้นงาน
8.4 อินเทอร์เนต็
236
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 9 Herbs
เวลา 2 ช่ัวโมง
จดุ ประสงค์ (Objectives)
- ออกเสียง สะกดคา และบอกคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั เร่ือง Herbs ได้
- ฟังและอา่ นเพ่ือหาขอ้ มูลจาเพาะ และตอบคาถามจากการฟังและอา่ นได้
- วเิ คราะหเ์ รื่องทอี่ ่าน และนามาเขียนเป็นผงั ความคดิ ได้
1. สาระมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด
สาระที่ 1 ภาษาเพอ่ื การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเร่ืองทฟี่ ังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเหน็
อย่างมเี หตผุ ล
ตัวชีว้ ดั
ต 1.1 ป. 6/1 ปฏิบตั ิตามคาสง่ั คาขอร้อง และคาแนะนาท่ฟี ังและอ่าน
ต 1.1 ป. 6/2 อา่ นออกเสียงขอ้ ความ นิทาน และบทกลอนส้ัน ๆ ถูกตอ้ งตามหลกั การอา่ น
มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก
และความคิดเห็นอย่างมปี ระสิทธิภาพ
ตัวชีว้ ัด
ต 1.2 ป. 6/1 พดู /เขยี นโตต้ อบในการสื่อสารระหว่างบุคคล
ต 1.2 ป. 6/2 ใชค้ าสัง่ คาขอร้อง คาขออนุญาต และใหค้ าแนะนา
ต 1.2 ป. 6/4 พดู และเขียนเพือ่ ขอและใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั ตนเอง เพอ่ื น ครอบครัว และเร่ืองใกลต้ วั
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เห็นในเรื่องต่าง ๆ
โดยการพูดและการเขยี น
ตัวชีว้ ัด
ต 1.3 ป. 6/1 พดู /เขยี นให้ขอ้ มูลเก่ียวกบั ตนเอง เพื่อน และสิ่งแวดลอ้ มใกลต้ วั
ต 1.3 ป. 6/2 เขียนภาพ แผนผงั แผนภูมิ และตารางแสดงขอ้ มูลตา่ งๆทฟ่ี ังหรืออ่าน
ต 1.3 ป. 6/3 พูด/เขยี นแสดงความคดิ เห็นเก่ียวกบั เร่ืองต่าง ๆ ใกลต้ วั
237
สาระท่ี 2 ภาษาและวฒั นธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพนั ธ์ระหว่างภาษากบั วัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ได้
อย่างเหมาะสมกบั กาลเทศะ
ตวั ชีว้ ัด
ต 2.1 ป. 6/1 ใชถ้ อ้ ยคา น้าเสียง และกิริยาท่าทางอยา่ งสุภาพ เหมาะสม ตามมารยาทสังคม
และวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา
ต 2.1 ป. 6/2 ให้ขอ้ มลู เก่ียวกบั เทศกาล/วนั สาคญั /งานฉลอง/ชีวิตความเป็นอยขู่ องเจา้ ของภาษา
มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา
กบั ภาษาและวฒั นธรรมไทย และนามาใช้อย่างถกู ต้องและเหมาะสม
ตัวชี้วัด
ต 2.2 ป. 6/1 บอกความเหมอื น/ความแตกตา่ งระหวา่ งการออกเสียงประโยคชนิดต่าง ๆ
การใชเ้ คร่ืองหมายวรรคตอน และการลาดบั คาตามโครงสร้างประโยค
ของภาษาต่างประเทศและภาษาไทย
สาระท่ี 3 ภาษากบั ความสัมพันธ์กับกล่มุ สาระการเรียนรู้อน่ื
มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเช่ือมโยงความรู้กับกล่มุ สาระการเรียนรู้อ่ืน และเป็ น
พน้ื ฐานในการพฒั นา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทศั น์ของตน
ตวั ชี้วัด
ต 3.1 ป. 6/1 คน้ ควา้ รวบรวมคาศพั ทท์ ่เี กี่ยวขอ้ งกบั กลมุ่ สาระการเรียนรู้อ่นื จากแหล่งการเรียนรู้
และนาเสนอดว้ ยการพูด/การเขยี น
สาระท่ี 4 ภาษากับความสัมพันธ์กบั ชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม
ตวั ชีว้ ดั
ต 4.1 ป. 6/1 ใชภ้ าษาส่ือสารในสถานการณต์ ่าง ๆ ที่เกิดข้ึนในห้องเรียนและสถานศกึ ษา
2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด
การอ่านเรื่องเก่ียวกบั ประเทศเพอ่ื นบา้ น เป็นการพฒั นาทกั ษะการอ่าน ทาให้เกิดการเรียนรู้และอยใู่ น
สงั คมโลกอยา่ งมีความสุข
238
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Vocabulary: basil, ginger, ginkgo, lemongrass
Structure: What do you normally do when you are sick?
In ASEAN countries, herbs are easy to find and they are cheap.
Besides basil, there are a lot of herbs that can help stay in good health.
For example, ginger, ginkgo and lemongrass.
Function: Describing herbs in ASEAN countries
2) Language Skills
Listening: ฟังเพื่อหาขอ้ มลู จาเพาะ และตอบคาถามจากการฟัง
Speaking: ออกเสียง สะกดคา และบอกคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั เร่ือง Herbs
Reading: อ่านเพอ่ื หาขอ้ มลู จาเพาะ และตอบคาถามจากการอ่าน
Writing: วเิ คราะหเ์ รื่องทอ่ี ่าน และนามาเขยี นเป็นผงั ความคิด
3) Culture: herbs in ASEAN countries
4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น 4.2 ความสามารถในการคิด
4.1 ความสามารถในการส่ือสาร
4.3 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
5. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 5.2 มงุ่ มนั่ ในการทางาน
5.1 ใฝ่ เรียนรู้
6. กจิ กรรมการเรียนรู้
ช่ัวโมงที่ 1
ข้นั Warm Up
1. ครูกล่าวทกั ทายนกั เรียนในช้นั
2. ให้นกั เรียน 3-4 คนออกมาแสดงท่าทางไม่สบาย แลว้ ให้เพอ่ื นในช้นั บอกว่าเป็นอะไร เช่น
S1: (แสดงทา่ ทางปวดทอ้ ง)
239
Class: You’ve got stomach ache.
S1: Right.
3. ครูถามคาถามกบั นกั เรียนว่า เม่อื ไม่สบาย นกั เรียนทาอยา่ งไร What do you do when you feel ill?
คาตอบอาจจะเป็น I go to the doctor., I stay in bed., I take medicine. ฯลฯ
4. ครูบอกนกั เรียนวา่ นอกจากการรบั ประทานยา นกั เรียนยงั มที างเลือกอยา่ งอ่ืน คือ รบั ประทาน
สมนุ ไพร
ข้นั Pre-reading
1. ครูใหน้ กั เรียนปิ ดหนงั สือ และใหน้ กั เรียนดภู าพใบโหระพา ครูพูดและเขียนคาบนกระดานวา่ basil
แลว้ อา่ นให้นกั เรียนฟังและพดู ตาม โดยครูนาเสนอคาต่อไปน้ี ginger, ginkgo และ lemongrass ดว้ ย
วิธีการเดียวกนั
2. ครูพดู และเขยี นประโยคตอ่ ไปน้ีบนกระดาน basil, ginger, ginkgo and lemongrass are herbs. แลว้ ให้
นกั เรียนอ่านและเดาความหมายของคาวา่ herb
3. ครูเขยี น side effects บนกระดาน และบอกความหมายเป็นภาษาไทย
herb ถา้ ออกเสียงแบบองั กฤษ จะออกเสียงวา่ เฮิร์บ
ถา้ ออกเสียงแบบอเมริกนั จะออกเสียงวา่ เอริ ์บ
ข้นั Reading
1. หนงั สือเรียน หน้า 38 Welcome to ASEAN countries 3 ครูให้นกั เรียนเปิ ดหนงั สือเรียนหนา้ น้ี
ใหน้ กั เรียนอ่านเน้ือเรื่องในหนา้ น้ี และทาความเขา้ ใจเก่ียวกบั เรื่องท่อี ่าน
2. ครูอา่ นยอ่ หนา้ ทสี่ องให้นกั เรียนฟังและอา่ นตามในใจ เม่อื จบยอ่ หนา้ แลว้ ครูช้ีทีน่ ้าใบโหระพา และ
ถามคาถามว่า What kind of juice is it? (It’s basil juice.)
3. ครูอ่านยอ่ หนา้ ทสี่ องให้นกั เรียนฟังและอ่านตามในใจอีกคร้งั เม่อื อ่านจบแลว้ ครูถามคาถาม แลว้ ให้
นกั เรียนตอบ How many kinds of herbs are there in the passage? (There are three kinds of herbs.)
240
ข้นั Post-reading
1. ใหน้ กั เรียนอา่ นเน้ือเร่ืองในหนงั สือเรียน หนา้ 38 อีกคร้ัง จากน้นั ให้แตล่ ะคนหาขอ้ มลู เก่ียวกบั สมนุ ไพร
อน่ื ๆ เพิม่ เตมิ จากอนิ เทอร์เน็ต คนละ 1 ชนิด และเขยี นประโยคบรรยายเก่ียวกบั สรรพคุณของสมุนไพร
น้นั แลว้ ออกมาพดู ใหเ้ พื่อนฟังทห่ี นา้ ช้นั
2. ครูใหน้ กั เรียนบนั ทกึ คาศพั ทใ์ หมท่ เี่ รียนในชวั่ โมงน้ี พร้อมกบั บอกความหมายลงในสมดุ คาศพั ท์
ช่ัวโมงที่ 2
ข้นั Warm Up
ครูทกั ทายนกั เรียน จากน้นั ใหอ้ าสาสมคั รออกมาพดู ใหเ้ พอื่ นในช้นั ฟังเกี่ยวกบั สมนุ ไพร และสรรพคุณ
โดยครูสุ่มเรียกนกั เรียน 5-6 คน ออกมาพดู หนา้ ช้นั
ข้นั Presentation
ครูเขยี นประโยคบรรยายเกี่ยวกบั สมุนไพร และสรรพคณุ ของสมนุ ไพร ใหน้ กั เรียนดบู นกระดาน
แลว้ พูดเป็นตวั อยา่ งใหน้ กั เรียนในช้นั ฟัง เช่น
T: If you have stomach problems, you should drink basil juice.
จากน้นั ใหแ้ ตล่ ะคนพดู ประโยคใหเ้ พื่อนฟังตามท่ีกาหนดจนคล่อง
ข้นั Practice
1. หนังสือเรียน หน้า 39 Ex. 1 ให้นกั เรียนอา่ นบทอา่ นในหนา้ 38 ท้งั หมด และทากิจกรรมแบบฝึกหัด เมื่อ
นกั เรียนทาเสร็จแลว้ ตรวจคาตอบพร้อมกนั ในห้องเรียน
1. yes 2. yes 3. no 4. yes
2. หนังสือเรยี น หน้า 39 Ex. 2 ครูให้หน้ กั เรียนอ่านบทอา่ นในหนา้ 38 อกี คร้ัง และจบั คู่ขอ้ ความทางซา้ ย
และขวาให้ตรงกนั เมือ่ นกั เรียนทาเสร็จแลว้ ตรวจคาตอบพร้อมกนั ในหอ้ งเรียน
1. d 2. c 3. a 4. b
241
ข้นั Production
1. หนงั สือเรยี น หน้า 39 Ex. 3 ครูให้นกั เรียนทา mind map บทอา่ น แลว้ ใหน้ กั เรียนระดมสมองคิดว่า
หัวขอ้ mind map ควรจะมีอะไรบา้ ง ครูและนกั เรียนช่วยกนั สรุปหวั ขอ้ ดงั น้ี
Names Herbs in Good for
ASEAN
countries
Possible answers Why we Why we use them
Names use them easy to find
Ginger cheap
Lemongrass herbs safer
Basil good for health
Ginko Good for
losing weight
keeping skin healthy
stomach problems
memory improvement
2. ครูให้นกั เรียนคน้ หาคาศพั ทต์ ามหมวดท่เี รียนในบทน้ีเพม่ิ เตมิ อกี 4 คา และบอกความหมายดว้ ย
จากน้นั ให้นกั เรียนบนั ทึกคาศพั ทล์ งในสมุดคาศพั ท์
3. เมือ่ เรียนจบหน่วยน้ีแลว้ ครูใหน้ กั เรียนทาแบบฝึ กหัด หน้า 32-33 Exs. 1-6 Modular Revision and
Assessment 3
242
Ex. 1
Ex. 2 2. aspirin 3. temperature 4. sweets
1. chest
2. shouldn’t 3. mustn’t 4. must
Ex. 3 6. must 7. shouldn’t 8. should
1. mustn’t
5. shouldn’t 2. temperature 3. medicine 4. feel
Ex. 4 2. 3. ✓ 4. ✓
1. What’s
2. no 3. yes 4. yes
Ex. 5
1.
Ex. 6
1. yes
243
7. การวดั และประเมินผล เคร่ืองมือ เกณฑ์
แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ผา่ นเกณฑ์
วธิ กี ารวดั แบบฝึ กหดั ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
สงั เกตการออกเสียงคาศพั ท์
ตรวจการตอบคาถามจากเร่ือง แบบประเมนิ การเขยี น ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ผ่านเกณฑ์
ทฟี่ ังและอ่าน แบบฝึกหัด (Workbook) ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ประเมนิ การทา mind map แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึง ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ผ่านเกณฑ์
ตรวจแบบฝึ กหดั ประสงค์
สังเกตพฤตกิ รรมบง่ ช้ีดา้ น
ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมน่ั ในการ
ทางาน
8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
8.1 หนงั สือเรียน EXTRA and Friends 6 ป. 6
8.2 แบบฝึกหดั EXTRA and Friends 6 ป. 6
8.3 Class Audio CD ประกอบส่ือฯ ชุด EXTRA and Friends 6 ป. 6
244
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 10 CLIL 3 Class Rules เวลา 1 ชั่วโมง
จดุ ประสงค์ (Objectives)
- ออกเสียง สะกดคา และบอกคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั เรื่อง Class Rules ได้
- ตอบคาถามจากการฟังและอา่ นได้
- พดู สนทนาเกี่ยวกบั กฎและประโยคตา่ ง ๆ ทีใ่ ชใ้ นช้นั เรียนได้
- เล่นเกมทางภาษาตามที่กาหนดได้
1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วดั
สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเร่ืองทฟ่ี ังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เหน็
อย่างมีเหตุผล
ตวั ชีว้ ดั
ต 1.1 ป. 6/1 ปฏบิ ตั ิตามคาสั่ง คาขอร้อง และคาแนะนาทฟี่ ังและอา่ น
ต 1.1 ป. 6/2 อ่านออกเสียงขอ้ ความ นิทาน และบทกลอนส้นั ๆ ถูกตอ้ งตามหลกั การอา่ น
ต 1.1 ป. 6/3 เลือก/ระบปุ ระโยค หรือขอ้ ความส้นั ๆ ตรงตามภาพ สญั ลกั ษณ์ หรือเครื่องหมาย
ที่อา่ น
มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึก
และความคิดเหน็ อย่างมีประสิทธภิ าพ
ตวั ชีว้ ัด
ต 1.2 ป. 6/2 ใชค้ าสง่ั คาขอร้อง คาขออนุญาต และใหค้ าแนะนา
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เหน็ ในเร่ืองต่าง ๆ
โดยการพูดและการเขยี น
ตัวชี้วัด
ต 1.3 ป. 6/1 พูด/เขยี นให้ขอ้ มลู เก่ียวกบั ตนเอง เพื่อน และส่ิงแวดลอ้ มใกลต้ วั
ต 1.3 ป. 6/3 พดู /เขียนแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั เร่ืองตา่ ง ๆ ใกลต้ วั
245