คำนำ
คู่มือครูการจัดการเรียนรู้รายวิชานครศรีธรรมราชศึกษา ตามหลักสูตรการศึกษา
นอกระบบระดับการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เป็นเอกสารสำหรับครู กศน.ใช้เป็นแนวทาง
ในการจดั การเรียนการสอนให้กบั นักศึกษา ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน
พุทธศกั ราช 2551 ท้ัง 3 ระดบั ซ่ึงเนอื้ หาประกอบดว้ ย 14 หนว่ ยการเรยี นรู้ ดงั นี้
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เร่อื งประวตั ศิ าสตร์นครศรธี รรมราช
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 เรอ่ื งลักษณะภูมปิ ระเทศนครศรีธรรมราช
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 3 เรอ่ื งลกั ษณะภมู ิอากาศนครศรธี รรมราช
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4 เรอ่ื งเศรษฐกจิ นครศรธี รรมราช
หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 5 เรือ่ งการคมนาคมของนครศรีธรรมราช
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 6 เรอ่ื งทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ มจังหวัดนครศรีธรรมราช
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 7 เรอ่ื งประชากรกบั การเมอื งการปกครองจงั หวดั นครศรีธรรมราช
หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 8 เรื่องการจัดการศึกษานครศรีธรรมราช
หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 9 เร่อื งศาสนา
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 10 เรอื่ งประเพณีและวัฒนธรรมนครศรีธรรมราช
หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 11 เรอื่ งโบราณสถานและโบราณวัตถุจงั หวดั นครศรีธรรมราช
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 12 เรือ่ งแหล่งท่องเที่ยวในจงั หวัดนครศรธี รรมราช
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 13 เร่ืองโครงการอันเน่อื งมาจากพระราชดำริในจงั หวดั นครศรธี รรมราช
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 14 เรอ่ื งปัญหาในจังหวดั นครศรธี รรมราช
ส ำ นั ก งาน ส่ งเส ริ ม ก า ร ศึ ก ษ า น อ ก ร ะ บ บ แ ล ะ ก า ร ศึ ก ษ า ต า ม อั ธ ย า ศั ย จั งห วั ด
นครศรีธรรมราช ขอขอบคุณผู้เชี่ยวชาญเน้ือหา ที่ให้การสนับสนุนองค์ความรู้เพื่อประกอบ
การนำเสนอเน้ือหา รวมทัง้ ผู้เก่ียวขอ้ งในการจัดทำคู่มือ หวังเป็นอยา่ งย่ิงว่าคู่มือเล่มนีจ้ ะเกิดประโยชน์
ต่อครู ผู้เรียน และผู้ที่มีความสนใจเพื่อให้มีความรู้ ความภาคภูมิใจ รัก ศรัทธา หวงแหน
แหล่งศิลปวัฒนธรรม และดำเนินชีวิตตามขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม มีคุณธรรม จริยธรรม
ตามหลักศาสนา เห็นคุณค่าของตนเอง มีวินัย เห็นความสำคัญของส่วนรวมและร่วมกันพัฒนา
จังหวดั นครศรีธรรมราช
สำนกั งาน กศน.จังหวดั นครศรีธรรมราช
พฤศจกิ ายน 2562
สารบัญ หนา้
คำนำ
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 ประวตั ศิ าสตรน์ ครศรีธรรมราช
เรอ่ื งที่ 1 ลกั ษณะการตงั้ ถิ่นฐานและการดำเนนิ ชีวิตของผู้คนในเขตจังหวดั
นครศรีธรรมราช
เรอ่ื งท่ี 2 เหตุการณส์ มัยกอ่ นประวัติศาสตร์
เรื่องที่ 3 เหตกุ ารณส์ มัยแรกเรมิ่ ประวตั ิศาสตร์
เรื่องที่ 4 เหตุการณ์สมัยประวัตศิ าสตร์
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 ลกั ษณะภมู ิประเทศนครศรธี รรมราช
เรอ่ื งที่ 1 ทต่ี ัง้ ขนาด และอาณาเขตนครศรธี รรมราช
เรอ่ื งที่ 2 บริเวณเทอื กเขาตอนกลาง
เรอ่ื งที่ 3 บริเวณท่ีราบชายฝง่ั ตะวันออก
เรื่องที่ 4 บริเวณท่รี าบดา้ นตะวันตก
เรอื่ งท่ี 5 แม่น้ำทสี่ ำคัญของนครศรีธรรมราช
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 ลักษณะภูมอิ ากาศนครศรีธรรมราช
เรื่องที่ 1 ฤดกู าลของนครศรธี รรมราช
เรอ่ื งท่ี 2 ภัยธรรมชาตทิ ่เี กดิ ขน้ึ ในจงั หวดั นครศรีธรรมราช
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 4 เศรษฐกิจของนครศรีธรรมราช
เรอ่ื งที่ 1 เศรษฐกิจพอเพยี ง
เร่ืองที่ 2 เศรษฐกจิ กับชุมชนในนครศรีธรรมราช
เรอื่ งท่ี 3 การรวมกลุ่มทางเศรษฐกจิ ของนครศรธี รรมราช
เรื่องที่ 4 แนวโนม้ เศรษฐกจิ ของนครศรีธรรมราช
เรอ่ื งท่ี 5 เศรษฐกิจทส่ี ำคญั ของนครศรธี รรมราช
สารบญั (ตอ่ ) หนา้
หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 5 การคมนาคมของนครศรธี รรมราช
เรอ่ื งท่ี 1 การคมนาคมทางบกของนครศรีธรรมราช
เรื่องที่ 2 การคมนาคมทางรถไฟของนครศรธี รรมราช
เรอ่ื งท่ี 3 การคมนาคมทางอากาศของนครศรธี รรมราช
เรือ่ งที่ 4 การคมนาคมทางนำ้ ของนครศรีธรรมราช
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 6 ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนครศรธี รรมราช
เรื่องที่ 1 ทรพั ยากรปา่ ไม้และสัตว์ปา่ จังหวดั นครศรีธรรมราช
เร่อื งท่ี 2 ทรัพยากรน้ำ
เรอ่ื งท่ี 3 ทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ัง
เร่ืองท่ี 4 ทรัพยากรแร่จงั หวัดนครศรธี รรมราช
เรอ่ื งท่ี 5 ทรัพยากรดนิ
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 7 ประชากรกับการเมอื งการปกครองจงั หวัดนครศรธี รรมราช
เรอื่ งท่ี 1 ประชากรนครศรธี รรมราช
เร่ืองที่ 2 บุคคลสำคัญจังหวดั นครศรีธรรมราช
เรื่องท่ี 3 ประชากร การเมือง และการปกครอง จังหวัดนครศรธี รรมราช
เร่ืองที่ 4 การเมอื งการปกครองจงั หวัดนครศรธี รรมราช
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 8 การจดั การศกึ ษานครศรธี รรมราช
เรอ่ื งที่ 1 ความเป็นมาของการศึกษาในจังหวดั นครศรีธรรมราช
เรอ่ื งท่ี 2 การจัดการศกึ ษาในจงั หวดั นครศรีธรรมราช
เรื่องท่ี 3 หน่วยงานการศึกษาและสถานศกึ ษาท่จี ดั การศึกษา
หน่วยการเรียนรู้ที่ 9 ศาสนานครศรีธรรมราช
เร่ืองท่ี 1 ประวตั ทิ างศาสนาในจงั หวดั นครศรีธรรมราช
เรื่องที่ 2 ศาสนาทช่ี าวจงั หวดั นครศรีธรรมราชส่วนใหญน่ ับถอื
เรื่องท่ี 3 ความเชื่อทางศาสนาและพิธกี รรมอ่ืนๆ จังหวดั นครศรีธรรมราช
สารบญั (ตอ่ )
หนา้
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 10 ประเพณีและวัฒนธรรมนครศรธี รรมราช
เรื่องที่ 1 ประเพณที ่เี กี่ยวเนอื่ งกับความกตญั ญูกตเวที จงั หวัดนครศรธี รรมราช
เรือ่ งท่ี 2 ประเพณที ีเ่ ก่ยี วเน่ืองกบั ความสามคั คี จังหวัดนครศรีธรรมราช
เรอ่ื งท่ี 3 ประเพณที เ่ี กย่ี วเนื่องกับความศรทั ธา จงั หวดั นครศรธี รรมราช
เรื่องท่ี 4 เอกลกั ษณท์ างวัฒนธรรมจังหวดั นครศรีธรรมราช
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 11 โบราณสถานและโบราณวตั ถนุ ครศรธี รรมราช
เรื่องท่ี 1 โบราณสถานจังหวดั นครศรีธรรมราช
เรื่องที่ 2 โบราณวตั ถุ จังหวัดนครศรีธรรมราช
หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 12 แหลง่ ทอ่ งเทีย่ วในจงั หวดั นครศรธี รรมราช
เร่อื งท่ี 1 คำขวัญสง่ เสรมิ การท่องเท่ยี วประจำจงั หวัดนครศรีธรรมราช
เรอ่ื งที่ 2 คำขวญั ส่งเสรมิ การท่องเทีย่ วประจำอำเภอในจงั หวดั นครศรธี รรมราช
เรอ่ื งที่ 3 ประเภทแหลง่ ท่องเทย่ี วในจังหวดั นครศรธี รรมราช
เรื่องท่ี 4 การปฏิบตั ติ นเป็นนักท่องเท่ียวท่ีดี
เร่อื งท่ี 5 การเปน็ มคั คเุ ทศก์ท่ดี ี
เรื่องท่ี 6 การอนุรักษ์สถานทท่ี ่องเที่ยว
เรือ่ งที่ 7 กลยทุ ธก์ ารพัฒนาการทอ่ งเที่ยว
เรื่องท่ี 8 หน่วยงานทเี่ กย่ี วข้องกบั การพัฒนาการทอ่ งเทีย่ ว
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 13 โครงการอนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำรใิ นจังหวดั นครศรีธรรมราช
เรอ่ื งที่ 1 โครงการพฒั นา ด้านแหลง่ นำ้ จังหวัดนครศรีธรรมราช
เรอ่ื งท่ี 2 โครงการพัฒนาด้านส่งิ แวดลอ้ ม จังหวัดนครศรีธรรมราช
เร่ืองที่ 3 โครงการพฒั นาด้านสง่ เสรมิ อาชพี จงั หวัดนครศรีธรรมราช
เรื่องที่ 4 โครงการพัฒนาด้านสวัสดกิ ารสังคม/การศกึ ษา จงั หวัดนครศรีธรรมราช
โครงการพัฒนาดา้ นสง่ เสริมอาชพี จงั หวัดนครศรธี รรมราช
เรื่องที่ 5 โครงการพัฒนาด้านแบบบรู ณาการและโครงการพฒั นาด้านอื่น ๆ
จังหวดั นครศรีธรรมราช “โครงการพัฒนาพ้ืนท่ลี ่มุ น้ำปากพนงั
อันเนอื่ งมาจากพระราชดำริ”
สารบัญ (ตอ่ ) หน้า
หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 14 ปญั หาในจงั หวดั นครศรธี รรมราช
เรอ่ื งที่ 1 ปัญหาขยะมลู ฝอยในจังหวดั นครศรธี รรมราช
เรอ่ื งที่ 2 แนวทางการลดปรมิ าณขยะมูลฝอย
เรือ่ งท่ี 3 ปญั หาการจราจรในจังหวดั นครศรีธรรมราช
เรื่องท่ี 4 ปัญหายาเสพตดิ ในจังหวดั นครศรีธรรมราช
เรอ่ื งที่ 5 ปญั หาการลักขโมยและการพนัน จังหวดั นครศรธี รรมราช
เรอ่ื งท่ี 6 ปัญหาทางด้านเศรษฐกจิ ในจังหวดั นครศรีธรรมราช
เรื่องที่ 7 การมีจติ สาธารณะ
บรรณานกุ รม
คณะผู้จัดทำ
1
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1
ประวตั ิศาสตร์นครศรธี รรมราช
สาระสำคัญ
การใช้วธิ ีการทางประวัตศิ าสตร์ในการสืบคน้ ความเป็นมาของทอ้ งถ่ินและรวบรวมขอ้ มูล
จากแหล่งข้อมลู และหลักฐานทางประวัติศาสตร์ท่มี ีอยู่ทำให้เขา้ ใจความเปน็ มาของชาตภิ ูมิ เกดิ
ความสำนกึ รักและภูมใิ จในทอ้ งถนิ่ ของตนเอง
ตัวชี้วดั
1. อธิบายลักษณะการตงั้ ถ่นิ ฐานและการดำเนนิ ชวี ิตของผูค้ นในเขตจังหวดั
นครศรธี รรมราช
2. แสดงลำดับเหตุการณ์สำคญั สมยั กอ่ นประวัติศาสตร์ในยุคหนิ ยุคหนิ ใหม่
และยคุ โลหะ
3. แสดงลำดับเหตุการณ์สำคญั สมยั แรกเร่มิ ประวตั ิศาสตร์
4. แสดงลำดับเหตุการณ์สำคญั สมัยประวตั ศิ าสตร์
ขอบขา่ ยเนอ้ื หา
เรอ่ื งท่ี 1 ลักษณะการต้ังถ่ินฐานและการดำเนินชวี ิตของผคู้ นในเขตจงั หวัด
นครศรีธรรมราช
1.1 ชาวถำ้ หรอื มนุษย์ถ้ำ
1.2 ชมุ ชนเกษตรกรรมเร่ิมแรก
1.3 ชมุ ชนเมืองท่าและสถานกี ารค้า
1.4 ชุมชนเมืองและนครรัฐ
เรอ่ื งท่ี 2 เหตกุ ารณส์ มัยกอ่ นประวัติศาสตร์
2.1 ยคุ หนิ
2.2 ยคุ หินใหม่
2.3 ยคุ โลหะ
2
เรื่องที่ 3 เหตุการณส์ มัยแรกเริ่มประวตั ศิ าสตร์
เรอ่ื งท่ี 4 เหตุการณ์สมัยประวตั ศิ าสตร์
4.1 สมัยอาณาจักรตามพรลิงค์
4.2 สมัยอาณาจกั รศรีวิชัย
4.3 สมัยสิรธิ รรมนคร
4.4 สมยั สุโขทยั
4.5 สมยั อยธุ ยา
4.6 สมัยกรงุ ธนบรุ ี
4.7 สมัยรัตนโกสินทร์
4.8 ยคุ มณฑลเทศาภบิ าล
เวลาทใ่ี ชใ้ นการศึกษา 12 ช่วั โมง
สือ่ การเรียนรู้
1. ชดุ วิชานครศรธี รรมราชศกึ ษา รหสั รายวชิ า สค3300168
2. สมุดบันทึกกจิ กรรมการเรียนรู้ประกอบชดุ วิชานครศรีธรรมราชศกึ ษา
รหสั รายวชิ า สค3300168
3. สื่อเสริมการเรยี นรอู้ ื่น ๆ
3
เร่อื งท่ี 1 ลกั ษณะการตั้งถิ่นฐานและการดำเนนิ ชีวิตของผู้คนในเขตจงั หวัดนครศรีธรรมราช
ลักษณะการต้ังถน่ิ ฐานและการดำเนินชีวิตของผูค้ น ชาวถำ้ หรือมนุษย์ถำ้ ชมุ ชนเกษตรกรรมเร่มิ แรก
ชุมชนเมอื งท่าและสถานีการค้าและชมุ ชนเมอื งและนครรฐั โดยมีรายละเอียด ดงั นี้
“สังฆราชปราชญ์ เรยี นจบปิฏกไตร หลวกกว่าปู่ครใู นเมอื งนื้
ทกุ คนลกุ แตเ่ มืองนครศร”ี
กอ่ นมาเปน็ นครศรธี รรมราช ชอื่ เมืองท่ีมีความหมายวา่ นครอันงามสงา่ แหง่ พระราชาผทู้ รงธรรม อัน
เป็นจังหวดั หน่ึงในประเทศไทยปัจจุบันน้ี นครศรีธรรมราช มีพฒั นาการทางประวัติศาสตรม์ ายาวนาน นับตัง้ แต่
ก่อนยุคประวัติศาสตร์ ซึ่งห มายถึงยุคสมัยท่ี ผู้คนแถบนั้น ยังไม่มีตัวอักษ รใช้ส่ือสาร มีการต้ัง
ถ่นิ ฐานอยู่ตามถ้ำหรือ เพิงผา หาพืชและสัตว์กินเปน็ อาหารไปวนั ๆ จนกระทั่งรวมตัวอันเชา้ มาเป็นชุมชนเกษร
กรรมยุคแรกเริ่ม แล้วพัฒนา มาเป็นเมืองท่าหรือสถานีการค้า ซ่ึงมีชื่อว่า ตามพรลิงค์ จนกระทั่งกลายเป็นขุม
ชนเมืองหรือนครรัฐที่รุ่งเรือง ซึ่งมีชื่อว่า นครศรีธรรมราช ในพุทธศตวรรษท่ี 18 เป็นนครศูนย์กลางแห่งพุทธ
ศ าส น าใน ค าบ ส มุ ท รภ า ค ใต้ เป็ น น ค ร ข อ งป ร าช ญ์ ห รื อ ปู่ ค รู ท่ี มี ช่ื อ ป ร าก ฏ ใน ศิ ล าจ ารึ ก
พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ดังขอ้ ความขา้ งต้น
4
หมอ้ และลายเขียนสีแดง พบท่ีวดั สวนหลวง อำเภอเมอื ง จังหวัดนครศรธี รรมราช
การตง้ั ถ่นิ ฐาน
หลักฐานทางโบราณคดีและประวตั ศิ าสตร์ท่สี ำรวจและขุดพบ สามารถแบง่ ลกั ษณะการต้ังถนิ่ ฐาน
และการดำเนินชวี ิตของผู้คนในเขต
1.1 ชาวถำ้ หรือมนษุ ยถ์ ้ำ
จากการขุดค้นแหล่งโบราณคดีก่อนประวัติศาสตร์ในภาคใต้นำมาเปรียบเทียบกับเมืองนคร ฯ
เช่ือว่าคนก่อนประวัติศาสตร์ในเมืองนคร ฯ คงไม่แตกต่างกันมากนักคือ พักอาศัยอยู่ตามถ้ําหรือเพิงผา
หาอาหาร โดยการล่าสัตว์เก็บผลไม้ ใช้เครื่องมือหินประเภทครกและสาก สำหรับบดตำพืชประกอบอาหาร
บางครั้งอาจใช้ใบมีดหรือขวานหินสำหรับปอกลูกไม้หรือเปลือกไม้ ดัดเฉือนเนื้อสัตว์ มีหลักฐานทางโบราณคดี
แสดงให้เห็นว่า เมื่อประมาณ 6,500 - 5,000 ปี มาแล้ว มนุษย์ถ้ําในภ าคใต้ป ระกอบอาหาร
โดยใช้ความร้อนจากไฟ รู้จักการหุงต้ม โดยใช้หม้อดินเผาและมีถ่านไม้เป็นเช้ือเพลิง ภาชนะที่ใช้ประกอบ
อาหารที่มีใช้โดยทั่วไป คือ หม้อดินเผาก้นกลม และภาชนะแบบหม้อสามขาซ่ึงสามารถต้ังคร่อมกองไฟ โดยไม่
ต้องใช้เสาหรือก้อนเส้า นอกจากน้ียังมีภาชนะใส่อาหาร เช่น ภาชนะทรงพาน หม้อก้นตื้น หม้อมีสัน ภาชนะ
ประเภทชาม จอก ถ้วย เหยือก แท่นรองหม้อและแท่นพิงถ้วย สำหรับรองรับถ้วยน้ำด่ืมอาจทำจากเขาสั ตว์
เป็นต้น นอกจากนี้ชาวถ้ำยังรู้จักก่อกองไฟให้ความอบอุ่น รู้จักทำเครื่องนุ่งห่ม โดยทำจากหนังหรือขนสัตว์
หรอื ทำจากเปลือกไม้ พบหนิ ทุบเปลือกไม้หลายชนิ้
1.2 ชมุ ชนเกษตรกรรมเรมิ่ แรก
เป็นวิวัฒนาการของการตั้งถ่ินฐานช่วงที่สองของเมืองนคร เร่ิมจากชุมชนยุคหินใหม่ท่ีอาศัยบน
ที่ราบ ปรากฏชัดขึ้นเมื่อรู้จักใช้เครื่องมือโลหะซ่ึงเป็นองค์ประกอบสำคัญต่อการพัฒนาของชุมชนเกษตรกรรม
ทำให้ สามารถป ลูกข้าวได้มากกว่าเดิม เริ่มต้ังถิ่นฐานถาวร มีการเลือกถิ่นฐานในภูมิประเท ศ
ท่อี ุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูก ปรากฏชุมชนโบราณตามแนวสันทรายและที่ราบลุ่มแม่น้ำลำคลอง เม่ือ
ประมาณพทุ ธศตวรรษท่ี 5 เปน็ ต้นมา โบราณวตั ถุของชมุ ชนสมยั น้ี นอกจากเคร่อื งมือทใ่ี ชใ้ นชวี ติ ประจำวันแล้ว
ยังมีเคร่ืองดนตรีซ่ึงนำจะเกิดจากการขัดแต่งหินจากธรรมชาติท่ีเคาะแล้วมีเสียงดังกังวาน สันนิษฐานว่า เป็น
ระนาดหิน มีลักษณะคล้ายขวานหินยาว ขดั แต่งจนเรียบรอ้ ย ลกั ษณะเป็นรปู สเ่ี หล่ียมผืนผ้า มีด้ามยาวมากกว่า
ดา้ นกว้าง 3 - 6 เท่า ด้วยเหตุท่ีมีขนาดแตกต่างกัน จึงทำให้เกิดระดับเสียงแตกต่างกัน ระนาดหินน้ีพบท่ีแหล่ง
โบราณคดีริมคลองกลาย ตำบลสระแกว้ อำเภอท่าศาลา นอกจากระนาดหินแลว้ ยังพบกลองมโหระทึกสำรดิ ใน
ภาคใต้ และเมืองนคร ฯ 12 ใบ แสดงพัฒนาการทางดา้ น โลหะกรรม และการประกอบพิธีกรรมเก่ียวกับความ
เชื่อ กลองมโหระทึกเป็นวัตถุท่ีนำมาจากชุมชนภายนอก อาจมีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับชุมชนโพ้นทะเล
จากจนี หรอื เวียดนามตงั้ แต่ประมาณพทุ ธศตวรรษท่ี 1-3 เป็นตน้ มา
5
ระนาดหิน พบที่ ต.สระแกว้ อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช
6
1.3 ชุมชนเมืองทา่ และสถานกี ารค้า
นับตั้งแต่พุทธศตวรรษท่ี 3 เป็นต้นมา ชาวอินเดีย ชาวเปอร์เซีย ชาวอาหรับ และชาวโรมัน
ได้ เดิ น เรื อ ม า ถึ ง เอ เชี ย ต ะ วั น อ อ ก เฉี ย งใต้ แ ล ะ เอ เชี ย ต ะ วั น อ อ ก ไก ล แ ล้ ว ค า บ ส มุ ท ร ม ล า ยู จึ ง ก ล า ย เป็ น
จุดศูนย์กลางของเส้นทางเดินเรือ จากฝ่ายตะวันตกอันได้แก่ อินเดีย เปอร์เซีย อาหรับ และโรมัน
กบั ฝ่ายตะวันออก ได้แก่ จนี เวยี ดนาม จามปา และเจนละ เรอื สินค้ามักต้องแวะเวยี นพักเพ่ือขนถ่ายสนิ คา้ หรือ
หาเสบียงอาหาร ระยะแรกของการเดินเรือน้ันต้องอาศัยการเดินเรือเลียบชายฝัง ต่อมาได้อาศัย
ลมมรสมุ ตะวนั ออกเฉียงเหนือและลมมรสมุ ตะวันตกเฉียงใต้ ดงั นน้ั คาบสมทุ รมลายู จงึ เป็นจุดเหมาะสมสำหรับ
เป็นสถานีแวะพักรวมทั้งรอมรสุมสำหรับเดินทางต่อไป โดยมีปัจจัยเกื้อหนุนคือลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ พัด
ระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกันยายน นักเดินเรืออาศัยเดินทางจากตะวันตกไปตะวันออก และลมมรสุม
ตะวันออกเฉียงเหนือซ่ึงพัดระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมีนาคม นักเดินเรือก็อาศัยเดินทางกลับจาก
ตะวันออกไปตะวันตก
จากจุดนี้เรือสินค้าจากตะวันตกเข้าเทียบทางบริเวณฝังตะวันตกของคาบสมุทรมลายู ในแนว
เส้นรุ้ง 7 องศาเหนือ และไม่เกินเส้นรุ้ง 8 องศาเหนือ บริเวณดังกล่าวอยู่ระห่างวังหวัดตรังไปถึงวังหวัดพังงา
จากบริเวณนี้ สามารถเดินทางบกข้ามคาบสมุทรมลายูไปทางฝังตะวันออกท่ีพัทลุง เมืองนครฯ และ
บ้านดอน โดยเส้นทางตรัง - พัทลุง หรือเมืองนครฯ และตะกั่วป่า - ไชยา - บ้านดอน ซึ่งบริเวณเมืองท่า
ฝ่ังตะวันออก ก็เป็นจุดที่เรือสินค้าจากจีน และจากตะวันออกมาเทียบได้พอดชี ่วงเวลาที่รอมรสมุ ก็อาจเป็นเวลา
ซ่อมแซมเรือจัดหาเสบียง เมื่อเตรียมการเสร็จ ก็เป็นเวลาพอดีกับลมมรสุมเริ่มพัดผ่าน ทำให้เดินทางกลับได้
พอดี
หลักฐานสำคัญได้แก่ โบราณวัตถุอันเป็นสินค้าจากต่างประเทศ เช่น ลูกปัดแก้ว ลูกปัดหินสี
เคร่ืองประดับ เครื่องแก้ว เศษเคร่ืองถ้วยชามตลอดจนประติมากรรม รูปเคารพทางศาสนาที่ติดมากับ
เรือเดินทะเล ตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 8 เป็นต้นมา เกิดชุมชนอย่างถาวรบริเวณเมืองท่าชายฝังทะเล ได้แก่ ตะกั่ว
ป่า พบจารึกอักษรปัลลวะ ภาษาทมิฬ มีอายุอยู่ประมาณพุทธศตวรรษท่ี 12 ส่วนชายฝังตะวันออก
พบหลักฐานจากศิลาจารึกหุบเขาช่องคอย อักษรปัลลวะ ภาษาสันสกฤต มีอายุอยู่ประมาณพุทธศตวรรษ
ท่ี 12 แสดงถึงชุมชนของกลมุ่ ผู้นบั ถือ ศาสนาพราหมณอ์ นิ ดู ลทั ธิไศวนกิ ายในเมอื งนคร
น อ กจ ากก ลุ่ มพ่ อค้ าแล ะนั ก แส วงโช ค แล้ ว กลุ่ มนั ก บ วช พ ร าห ม ณ์ แล ะพ ร ะภิ กษุ ใน พุ ท ธ -ศ าส น า
คงเข้ามาตงั้ ถ่ินฐานในดินแดนแถบนี้ในเวลาใกลเ้ คียงกันเพราะพบประติมากรรมรูปเคารพในศาสนา ตั้งแต่พุทธ
ศตวรรษที่ 10 ซ่ึงเป็นของท่ีนำเข้าจากอินเดียโดยตรง และมีประติมากรรมท้องถิ่นตั้งแต่พุทธศตวรรษ
ที่ 11 เป็นตน้ มา แสดงถงึ การรับอิทธิพลทางศิลปกรรมจากอินเดีย เช่น พระพุทธรูปศิลปะอมราวดี คุปตะ หลัง
คุปตะ ปาละ เนะ เทวรูป อทิ ธิพลปัลลวะ และโจฬะจากอนิ เดยี ใต้ เปน็ ต้น
7
1.4 ชมุ ชนเมอื งและนครรฐั
การเข้ามาของวัฒนธรรมอินเดีย ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างมากต่อชุมชนในภูมิภาคนี้
ในระยะเริ่มแรกศาสนาพราหมณ์ดูจะเด่นกว่าศาสนาพุทธอย่เู ล็กน้อยพราหมณ์จึงเป็นบุคคลที่พึงปรารถนาของ
ชนช้ันปกครอง เพราะเป็นผู้สร้างและรับรองความศักด์ิสิทธ์ิของเทวราชา ชนชั้นปกครองจึงยกตน
ใหเ้ หนือกวา่ ระดับหัวหน้าชุมชนเปน็ เทวราชา โดยผ่านแนวความคิดของศาสนาพราหมณ์ ชุมชนหม่บู ้านเปล่ียน
ฐานะเป็นเมืองหรือนคร เอกสารจีนตั้งแต่ประมาณพุทธศตวรรษท่ี 8 ได้กล่าวถึงรัฐต่าง ๆ ในเอเชียตะวันอก
เฉียงใต้ เช่น ฟูนัน ลินยี่ พงศาวดาร ราชวงศ์เหลียงในพุทธศตวรรษท่ี 13 กล่าวถึงอาณ าจักร
ช่ือลังกาสุกะ นักประวัติศาสตร์ลงความเห็นว่า คือรัฐลังกาสุกะ อยู่ในเขตจังหวัดปัตตานี มีหลักฐาน คือ ซาก
โบราณสถานในเขตอำเภอยะรัง อีกรัฐหนึ่งคือ รัฐดันมาลิง จากบันทึกของเฉาจูกัวและหวังค้าหยวน
ในพทุ ธศตวรรษที่ 18 และ 19 ซง่ึ ก็คือ รัฐตามพรลงิ ค์ หรือเมืองนครศรีธรรมราช
เมืองนครศรีธรรมราช เป็นรัฐท่ีมีพื้นฐานทางการเกษตร สินค้าพ้ืนเมือง ได้แก่ ข้าว การบูร
ไม้หอม(ไม้กฤษณา) ไม้ฝาง ไม้จันทน์ ขี้ผึ้ง งาช้าง เขาสัตว์ หนังสัตว์ และดีบุก เป็นเมืองท่าสำคัญมาตั้งแต่พุทธ
ศตวรรษท่ี 8 จากการรับวัฒนธรรมของศาสนาพราหมณ์และความเจริญทางด้านค้าขาย ส่งผลให้ชุมชนเมือง
หลายชุมชนรวมกันเป็นนครรัฐตามพรลิงค์ประมาณพุทธศตวรรษที่ 12 มีกษัตริย์ปกครองอย่างต่อเน่ือง จนถึง
พุทธศตวรรษท่ี 14 ได้ผนวกกับนครรัฐอื่น ๆ ของอาณาจักรศรีวิชัย จนประมาณพุทธศตวรรษท่ี 17 พ.ศ.1773
ตามพรลิงค์ได้ประกาศตัวเป็นอิสระอีกคร้ัง จากหลักฐานจารึกหลักท่ี 24 ของพระเจ้าจันทรภาณุศรีธรรมราช
แส ดงว่า เมื องน ครได้ด ำรงตน เป็ น รัฐอิส ระ มี ค วาม รุ่งเรือ งใน ส มัยป ลายพุ ท ธศต วรรษ ที่ 18
เป็นรัฐเอกราชในระยะเวลาเดียวกันกับสมัยพ่อขุนรามดำแหง แห่งกรุงสุโขทัย เป็นรัฐที่ม่ังค่ังเปน็ ศูนย์กลางการ
เผยแผ่พระพุทธศาสนา มีพระมหากษัตริย์ทรงพระนาม พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช เป็นอาณาจักรที่มีอิทธิพล
ครอบคลุมท้ังแหลมมลายู บรรดาบ้านเมืองในอาณาบริเวณนี้ถูกผนวกเป็นส่วนหน่ึงของอาณาจักร
นครศรีธรรมราช โดยเรียกเมืองหลวงน้ันว่า เมืองสิบสองนักษัตร เมืองนครศรีธรรมราช เจริญรุ่งเรืองถึง
ขีดสุดประมาณร้อยปีเศษ ก่อนจะถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหน่ึงของอาณาจักรอยุธยา เม่ือประมาณปลาย
พุทธศตวรรษที่ 19 หรอื ต้นพทุ ธศตวรรษท่ี 20
8
เรือ่ งท่ี 2 เหตุการณส์ มยั กอ่ นประวัตศิ าสตร์
เหตุการณ์สมยั ก่อนประวัติศาสตร์ประกอบด้วย 3 ยุค ได้แก่ ยุคหิน ยุคหินใหม่ และยุคโละหะ โดยมี
รายละเอยี ด ดงั นี้
ภาชนะดินเผาทรงหม้อสามขา พบทถ่ี า้ํ เขาแอง อำเภอนบพิตำ จงั หวดั นครศรีธรรมราช
2.1 ยคุ หิน
ร่องรอยการอยู่อาศัยของมนุษย์เก่าที่สุดท่ีพบในภาคใต้ และเก่าที่สุดในประเทศไทย ตรงกับ
สมัยทางธรณีวิทยา เรียกว่า ไพลสโตซีนตอนปลาย (Upper Pleistocene) จากการขุดค้นได้พบหลักฐานสมัย
แรก ๆ เกี่ยวกับการตั้งถ่ินฐานของชุมชนโบราณภาคใต้ในพื้นท่ีป่าเขาก่อนพ้ืนที่ราบชายฝ่ังทะเล
แหล่งโบราณคดีก่อนประวิตศาสตร์ ได้พบว่า บริเวณนี้มีการใช้เคร่ืองมือขวานหินกะเทาะสองแหล่ง
คอื ทถ่ี ้าํ ตาหมื่นยม และถํา้ เขาหลัก
ถาํ้ ตาหม่ืนยม ต้ังอยู่หมู่ท่ี 1 บ้านวังเหรียง ตำบลช้างกลาง อำเภอช้างกลาง พบเคร่ืองมือหินกะเทาะ
คุมรอบปลายแหลม ด้านบนมีรอยโดนตัดคล้ายกับขวานสั้นที่เคยพบที่อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี และ
เศษภาชนะดินเผาสีดำ ลายเชอื กทาบ
9
ถ้ําเขาหลัก ต้ังอยู่ในเขตตำบลสิชล อำเภอสิชล พบเคร่ืองมือหินกะเทาะแบบสองหน้า ลักษณะเป็น
ขวานสั้น มีรอยกะเทาะหยาบ ๆ ทำจากหินควอร์ตไซด์ จำนวน 1 ช้ิน และพบภาชนะดินเผาประเภทหม้อต้น
กลม 1 ช้ิน หมอ้ ตน้ แบน 3 ช้นิ รวมกับกระดกู สตั ว์ประเภทลิง 2 ชิ้น
จากโบราณวัตถุที่พบสันนิษฐานว่า ถํ้าท้ังสองแห่งนี้มนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์เข้ามาพักอาศัย
แต่ไม่สามารถกำหนดอายุของแหล่งได้ชัดเจนจากการเปรียบเทียบกับแหล่งอื่นพอกำหนดอายุได้ประมาณ
6,500-4,200 ปี
2.2 ยคุ หินใหม่
ได้พบแหล่งโบราณคดีเป็นจำนวนมาก พบโบราณวัตถุมากชนิด ได้แก่ ขวานหินขัด และภาชนะดิน
เผาประเภทหมอ้ สามขา ซึ่งสว่ นใหญ่ได้พบตามแหลง่ ท่ีเป็นถ้ําหรือเพิงผา ได้แก่ ถํ้าขา้ ง อยู่ท่ีเขาสำโรง ตำบลนา
หลวงเสน อำเภอทุ่งสง พบเศษภาชนะดินเผาเน้ือหยาบ เผาด้วยอุณหภูมิต่ํามีท้ังผิวเรียบ แบบลายเชือกทาบ
แบบลายกดทับ และเศษหม้อสามขา
ถํา้ เขาพลู อยู่ในตำบลเขาโร อำเภอทุ่งสง พบขวานหนิ ขัดมีบ่า เศษภาชนะดินเผาเน้ือหยาบและเศษ
กระดกู สัตว์
ถ้ำตลอด อยูใ่ นตำบลน้ำตก อำเภอทุ่งสง พบขวานหนิ ขัดและภาชนะดินเผาทรงพาน
ถํ้านางนอนหงาย อยู่ในตำบลบางขัน อำเภอบางขัน พบขวานหินขัดเศษภาชนะดินเผาภาชนะ
ดินเผาสภาพสมบูรณ์ ประเภทหม้อก้นกลม ชามก้นกลมทรงขันนํ้า ถ้วยก้นตัดปากบาน ภาชนะก้นกลมปาก
บาน ขัดมนั ตำ สว่ นใหญต่ กแต่งผิวนอกดว้ ยลายเชอื่ กทาบ และเครอ่ื งประดับทำจากเปลือกหอยกาบเจาะรู
ถํ้าเขาโพรงเสือ อยู่ในเขตตำบลทอนหงส์ อำเภอพรหมคีรี พบเศษภาชนะดินเผา เน้ือหยาบ มีทั้งผิว
เรยี บ และลายเชอื กทาบ ชน้ิ ส่วนหมอ้ สามขาและขวานหนิ ขดั
ถา้ํ เทวดางวงช้าง อยู่ในเขตตำบลลานสกา อำเภอลานสกา พบภาชนะดินเผา เศษภาชนะดินเผา ขัด
ผิวด้านนอกเรียบมัน เน้ือค่อนข้างบางได้แก่ ภาชนะดินเผาลายเชือกทาบรูปท รงคล้ายขันน้ํา และ
ขวานหนิ ขัดแบบจงอยปากนก
เขาปูน อยู่ที่วัดเขาปูน ตำบลพรหมโลก อำเภอพรหมคีรี พบเศษภาชนะดินเผาเนื้อหยาบตกแต่งผิว
ด้วยลายกดทับ ลายเชือกทาบ เป็นช้ินส่วนของภาชนะ ประเภทหมอ้ สามขา พบบริเวณยอดเขาวดั หัวตล่ิง(รา้ ง)
อยู่ในตำบลพรหมโลก อำเภอพรหมคีรี พบเครื่องมือหินขนาดยาวขัดไม่เรียบ ยาว 63 เซนติเมตร
กว้าง 8 เซนติเมตร หนา 4 เซนติเมตร รูปร่างคล้ายเครื่องมือขุดดินในขณะเดียวกันคล้ายเครื่องมือที่เรียกว่า
ระนาดหิน แบบที่พบบริเวณคลองกลาย อำเภอทำศาลา (ปัจจุบันอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
นครศรธี รรมราช)
ถ้ําเขาหินตก อยู่ในเขตตำบลเสาธง อำเภอร่อนพิบูลย์ พบลูกปัดเปลือกหอย ลูกปัดทำจากกระดูก
เศษภาชนะดนิ เผาลายเชอื กทาบ หม้อสามขา ขวานหินขัดหิน
หุบเขาลานสกา อยู่ในเขตตำบลลานสกา อำเภอลานสกา พบขวานหินขนาดเล็ก รูปส่ีเหลี่ยม
คางหมู ขวานหินขดั มีบ่า
10
เขาตอ่ อยู่ท่ีบ้านเขาแกว้ อำเภอลานสกา พบขวานหนิ ขัดหรอื ระนาดหนิ ขนาดหนา ขดั เรียบ
เขาพรง อยูใ่ นเขตตำบลทุง่ ปรงั อำเภอสิชล พบขวานหนิ ขดั ไม่มีบ่า รปู สเ่ี หล่ียมคางหมู
ถํ้าพรรณรา อยู่ในเขตตำบลพรรณรา อำเภอถํ้าพรรณรา พบเศษภาชนะดินเผาสีดำแดง
ลายเชอื กทาบ ขวานหนิ ขัด ช้ินสว่ นกระดกู มนษุ ย์
ถาํ้ เขาแอง อยใู่ นเขตตำบลนบพิตำ อำเภอนบพิตำ พบหม้อสามขา สภาพเกือบสมบรู ณ์ (ปจั จุบนั อยู่ท่ี
พิพิธภณั ฑสถานแห่งชาตินครศรธี รรมราช)
สำหรับแหลง่ โบราณคดียคุ หนิ ใหม่ ท่มี ใิ ชแ่ หลง่ ถํ้าหรอื เพิงผา ไดแ้ ก่
คลองเขาแก้ว อยู่ท่ีหน้าวัดชายเขา ตำบลเขาแก้ว อำเภอลานสกา พบขวานหินขัดขนาดใหญ่ โครง
ร่าง หา้ เหลย่ี ม คมแบบจะงอยปากนก
บ้านในแหนบ อยู่ในเขตตำบลเขาแก้ว อำเภอลานสกา พบโกลนโครงร่างละเอียดของขวานหินขัด
แต่งพอสมควร
หว้ ยครกเบอื อยู่ในเขตตำบลทา่ ดี อำเภอลานสกา พบขวานหินขัด
คลองกลาย อยู่ในเขตตำบลสระแก้ว อำเภอท่าศาลา พบขวานหนิ ยาว หรือระนาดหิน จำนวน 6 ชิน้
เชงิ เขาคา ตงั้ อยู่ท่ีเชิงเขาคา ด้านตะวนั ออกเฉียงเหนือ ตำบลเสาเภา อำเภอสิชล พบขวานหินขัด รูป
สเ่ี หลย่ี มคางหมู
สิชล อยู่ในเขตพ้ืนท่ีอำเภอสิชล พบมีดทำจากหินทรายสีเทา มีลักษณะเป็นมีดด้ามงอ โครงร่าง เป็น
รูปมนรี ส่วนท่ีเป็นด้ามตอนปลายโค้งขนานกับส่วนคม ซึ่งคอดเล็กกว่าด้าม สีสันร่องแบ่งระหว่างส่วนคม และ
สว่ นดา้ มขดั เจน เหมือนมีดมดี ้ามในปัจจบุ นั (ปัจจุบันอยูท่ ี่พพิ ธิ ภณั ฑสถานแห่งชาตินครศรีธรรมราช)
ชุมชนใกล้วัดพระเพรง อยู่ในเขตตำบลนาสาร อำเภอพระพรหม พบขวานหินขัดขนาดกลาง
ไมม่ บี ่า รูปสเ่ี หล่ยี มคางหมู
คลองท่าเรือ อยู่ในเขตตำบลท่าเรอื อำเภอเมือง พบขวานหนิ ขดั และกำไลหิน
วัดหัวมีนา(ร้าง) อยู่ในเขตตำบลทำเรือ อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช พบโกลนขวานหินขัด และ
สะเกด็ หนิ
จากโบราณวัตถุที่พบในแหล่งโบราณคดียุคหินใหม่ แสดงถึงการกระจายตัวของการตั้งชุมชนมายัง
บริเวณน้ี พื้นท่ีราบเชิงเขา ที่ราบริมนํ้าและที่ราบแนวสันทราย โดยมีแม่น้ําลำคลองอันเกิดจากภูเขา
ทางตอนกลาง ไหลลงสู่ที่ราบทั้งทางด้านตะวันออก และด้านตะวันตก เป็นเส้นทางการเชื่อมโยงของ
การเคล่ือนย้ายและการกระจายตัว ของกลุ่มชนกสกิ รรมต่อเนื่องจนเขา้ สู่สมัยเริ่มประวัติศาสตร์ ได้กำหนดอายุ
ชุมชนโบราณยคุ หนิ ใหม่ ในพ้ืนท่ี จงั หวัดนครศรีธรรมราช ว่ามอี ายปุ ระมาณ 4,000 - 2,000 ปมี าแลว้
โบราณวัตถุ ยคุ หนิ ใหม่
11
2.3 ยุคโลหะ
ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 1 - 3 เป็นช่วงท่ีได้รับวัฒนธรรมจากดินแดนภายนอก โดยเริ่มติดต่อกับ
ดนิ แดนโพ้นทะเล เชน่ จีน อนิ เดยี และอาหรบั ทำให้ชุมชนพื้นเมืองเดมิ เปล่ียนแปลงไปส่ชู ุมชนในลกั ษณะใหม่
มีการต้ังถ่ินฐานรวมกลุ่มเป็นชุมชนขนาดใหญ่ ซ่ึงเป็นพื้นฐานการพัฒนาไปสู่การเป็นชุมชนเมือง หลักฐานทาง
โบราณคดีสมัยนี้ทีพ่ บในจังหวดั นครศรธี รรมราช คือ โบราณวัตถุที่ทำจากโลหะ ทั้งที่เป็นสำริดและเหล็ก ได้แก่
กลองมโหระทึกกบั เครื่องมอื สำรดิ และเหลก็
2.3.1 กลองมโหระทึก เป็นกลองสำรดิ พบแหลง่ ผลิตครั้งแรกที่เมืองธันหัว ประเทศเวยี ดนาม เมื่อ
ประมาณปี พ.ศ. 200 - 300 กลองมโหระทึกทพี่ บในเขตจงั หวดั นครศรธี รรมราช จำนวน 4 ใบ คือ
ใบท่ี 1 พบท่บี ้านเกยี กกาย หมู่ 8 ตำบลทำเรือ อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช สภาพชำรดุ
ใบที่ 2 พบท่ีคลองคดุ ด้วน ในเขตอำเภอฉวาง เปน็ ส่วนของหน้ากลอง พบเม่อื ปี พ.ศ. 2482
ใบท่ี 3 พบที่บา้ นนากะชะ ตำบลนากะชะ อำเภอฉวาง เมื่อปี พ.ศ. 2497
ใบท่ี 4 พบท่ีคลองทำทูน (บ้านยวนเท่า)ตำบลเทพราช อำเภอสิชล เป็นส่ีเหล่ียมผืนผ้า (ปัจจุบัน
อยูท่ พี่ พิ ธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาตินครศรธี รรมราช)
กลองมโหระทึก พบทบ่ี า้ นเกียกกาย ต.ท่าเรือ อ.เมอื ง จ.นครศรีธรรมราช
2.3.2 เคร่ืองมือเคร่ืองใช้ ซ่ึงประกอบด้วย แหล่งโบราณคดีบ้านเกียกกาย ตำบลท่าเรือ
พบเครื่องมือสำริดขนาดเล็ก ขวานเหล็กมีป้องท่ีสัน คล้ายกับที่พบในแหล่งโบราณคดียุคโลหะท่ีจังหวัด
กาญจนบุรี พบร่วมกับโบราณวัตถุอื่น เชน่ ภาชนะดินเผาแบบไหก้นกลม เน้ือหยาบและบางมาก ชายปากบาน
ก้นตัด หม้อขนาดเล็กก้นกลม ขวานหินซัด เครื่องประดับต่างหูทองคำ เศษภาชนะ ดินเผาเนื้อดินเผา เผาด้วย
อุ ณ ห ภู มิ ตํ่ า เป็ น จ ำ น ว น ม า ก ช้ั น ดิ น ท า ง โบ ร า ณ ค ดี แ ส ด งกิ จ ก ร ร ม ก า ร อ ยู่ อ า ศั ย ข อ งค น
12
ก่อนประวัติศาสตร์ยุคโลหะ มีอายุอยู่ประมาณ 2,000 - 1,500 ปี หรือประมาณพุทธศตวรรษที่ 6 - 11
แหล่งโบราณคดีบ้านพังสิงห์ ตำบลท่าเรือ อำเภอเมือง พบเครื่องมือเหล็ก รูปเคียว และปะหญ้า ลักษณะเป็น
แผ่นเหลก็ ลเี่ หลี่ยมผนื ผา้ มคี มด้านหน่ึงคล้ายจอบ เมื่อใช้งานด้ามจะอยู่ในแนวต้ัง ส่วนคมอยู่แนวนอน ด้ามเป็น
แทง่ เหล็กเรยี งคลา้ ยคางหมู สำหรับเสยี บเขา้ ดา้ มไมบ้ างท้องถนิ่ เรียก ปา้ ยหญา้ และไตร
เรื่องที่ 3 เหตกุ ารณ์สมัยแรกเริ่มประวตั ศิ าสตร์
เหตุการณ์สมัยแรกเร่มิ ประวตั ิศาสตร์มีรายละเอียด ดงั นี้
นครศรธี รรมราช เข้าสสู่ มยั แรกเริ่มประวัติศาสตร์ สมัยพทุ ธศตวรรษที่ 5 - 6 หรอื ประมาณ 2,000 ปี
มาแล้ว ซ่ึงเป็นช่วงสมัยที่คาบเก่ียวหรือร่วมสมัยกับสมัยก่อนประวัติศาสตร์ยุคโลหะ ความเปล่ียนแปลงทาง
สังคมหรือวัฒนธรรมในช่วงน้ีมาจากการติดต่อค้าขายกับสังคมสมัยประวัติศาสตร์จากดินแดนโพ้นทะเล
ที่มีเทคโนโลยีก้าวหน้ากว่ารูปแบบของชุมชนแรกเร่ิมประวัติศาสตร์ที่พบหลักฐานเป็นไปในรูปของชุมชน
เมืองท่าการค้า ส่วนใหญ่เป็นชุมชน บนเนินริมเส้นทางน้ำท่ีมีทางออกสู่ทะเล โบราณวัตถุที่พบส่วนใหญ่เป็น
สินค้าต่างแดน เช่น เครื่องประดับ แหวน ลูกปัด จี้ เครื่องทองรูปพรรณ ตราประทับมีจารึกอักษร เป็นต้น
แหล่งโบราณคดีสมัยแรกเร่ิมประวัติศาสตร์ท่ีพบ เช่น แหล่งโบราณคดีบ้านเกียกกาย หมู่ 8 กลองมโหระทึก
สำริด เคร่อื งประดบั สำรดิ เครือ่ งประดับทองคำ (ต่างหู) เคร่อื งมอื เหล็ก เครื่องถว้ ยจนี ราชวงศ์ถัง
แหล่งโบราณคดีวัดหัวมินา(ร้าง) พบลูกปัดแก้วสีเขียวสลับลายเส้นสีคำ เศษแก้วหลอมและ
ลูกปัดแก้วแบบมตี า แบบเดียวกับทพ่ี บในแหล่งโบราณคดีควนลูกปดั อำเภอคลองทอ่ ม จงั หวัดกระบี่
แหล่งโบราณคดีในบริเวณพื้นท่ีคลองท่าเรือ แสดงถึงการเป็นที่ตั้งชุมชนเมืองท่าค้าขายและ
แหล่งที่อยู่อาศัย ตั้งแต่สมัยแรกเริ่มประวัติศาสตร์ จนถึงสมัยประวัติศาสตร์ ตั้งแต่พุทธศตวรรษท่ี 5
เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบัน (พบกลองมโหระทึก เครื่องถ้วยจีนต้ังแต่สมัยราชวงศ์ถัง ช้อน หยวนและหมิง เครื่อง
ถ้วยเวยี ดนาม ลูกปัดแก้ว เปน็ ตน้ )
แหล่งโบราณคดีอื่น ๆ ท่ีมีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 5 - 11 ได้แก่ แหล่งท่ีพบกลองมโหระทึก
ท่ีอำเภอฉวาง และอำเภอสชิ ล
ในราวพุทธศตวรรษที่ 10 - 11 ได้พบหลักฐานทางโบราณคดีประเภทโบราณวัตถุทางศาสนาได้แก่
พระพุทธรปู เทวรูป และศิวลงึ ศ์ ดังน้ี
เศียรพระพุทธรูปพบท่ีอำเภอสิชล อายุราวพุทธศตวรรษท่ี 10 - 11 ลักษณะคล้ายกับพระพุทธรูปใน
ศิลปะอินเดีย ภาคตะวันออกเฉียงใต้จากลุ่มแม่น้ำกฤษณา (ปัจจุบันอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
นครศรธี รรมราช)
พระวิษณุหรือพระนารายณ์ พบท่ีหอพระนารายณ์ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช อายุ
ราว พุทธศตวรรษที่ 10 - 11 เป็นรูปแบบพระวิษณุที่เก่าที่สุดในศิลปะอินเดียภาคตะวันออกเฉียงใต้
ท่ีได้รับอิทธพิ ลศิลปะอินเดยี แถบล่มุ แมน่ ้าํ กฤษณา (ปจั จบุ นั อยทู่ พี่ พิ ธิ ภัณฑสถานแห่งชาตนิ ครศรธี รรมราช)
13
พระวิษณุพบท่ีวัดพระเพรง ตำบลนาสาร อำเภอพระพรหม อายุราวพุทธศตวรรษที่11 (ปัจจบุ ันอยู่ที่
พพิ ิธภณั ฑสถานแห่งชาติ วดั พระมหาธาตวุ รมหาวหิ าร นครศรีธรรมราช)
ศิวลึงค์ แบบด้ังเดิม คือ ศิวลึงค์ ที่มีลักษณะรูปร่างเหมือนอวัยวะเพศชาย ได้แก่ ศิวลึงค์ สลักติดกับ
ฐาน โยนิ พ บ ที่ บ้ าน สระกูด ตำบ ลเสาเภ า อำเภ อสิช ล กำห น ด รายป ลายพุ ท ธศตวรรษ ท่ี 10
ต้นพุทธศตวรรษท่ี 12 และกลุ่มศิวลึงค์ แบบหัวเลี้ยวหัวต่อ ก่อนที่จะพัฒนาเป็นศิวลึงค์ แบบประเพณีนิยม
ลกั ษณะท่ปี รากฎส่วนล่างเปน็ ฐานสี่เหลี่ยม เรียก “พรหมภาค” ส่วนกลางเป็นรูปทรงแปดเหลย่ี ม เรยี ก “วิษณุ
ภาค” สว่ นยอดเป็นรปู ทรงกระบอก เรียก “รุทรภาค” ศวิ ลงึ ค์ แบบหัวเล้ียวหวั ตอ่ จะมสี ่วนรุทรภาคสูงใหญ่กว่า
ส่วนวิษณุ ภาคและพรหมภาครวมกัน หรือมีเฉพาะส่วนพรหมภาคและรุทรภาค ไม่มีส่วนกลาง
ที่เป็นรูปแปดเหลี่ยม ซ่ึงต่อมาศิวลึงค์แบบหัวเลี้ยวหัวต่อจะพัฒนาไปเป็น แบบประเพณีนิยม คือ มีสัดส่วนของ
รทุ รภาค วิษณภุ าค และพรหมภาค เท่า ๆ กัน ซึง่ นยิ มทำในราวพทุ ธศตวรรษท่ี 12 – 14
เร่อื งท่ี 4 เหตุการณส์ มยั ประวตั ิศาสตร์
เหตุการณ์สมัยประวตั ศิ าสตร์ ประกอบดว้ ย สมยั อาณาจักรตามพรลิงค์ สมยั อาณาจักรศรวี ิชยั สมัย
สริ ธิ รรมนคร สมัยสโุ ขทัย สมัยอยธุ ยา สมยั กรุงธนบุรี สมยั รตั นโกสนิ ทร์ และยคุ มณฑลเทศาภบิ าล
โดยมรี ายละเอยี ดดงั ต่อไปน้ี
ระยะเวลาที่จัดวา่ นครศรีธรรมราช เขา้ ส่สู มยั ประวตั ิศาสตร์ ต้งั แต่พุทธศตวรรษที่ 12 ท้ังนี้เพราะ
ไดพ้ บจารึก อักษรโบราณหลายหลักในจงั หวัดนครศรีธรรมราช จารกึ รนุ่ แรก พบศิลาจารึกอักษรปลั ลวะ
3 หลกั ได้แก่
ศิลาจารึกหุบเขาช่องคอย
พบที่ตำบลทุ่งโพธ์ิ อำเภอจุฬาภรณ์ เป็นจารึก
บนแทง่ หนิ ตดิ กบั ภเู ขา อักษรบ้ลลวะ ภาษาสันสกฤต
กำหนดอายรุ าวพทุ ธศตวรรษท่ี 12 จารกึ หลักน้เี ป็นของ
กลุ่มชนทนี่ ับถือศาสนาพราหมณ์ ลทั ธไิ ศวนิกาย คงจะ
เดินทางขา้ มมาพำนกั อาศยั ในบริเวณแหง่ นเี้ ป็นการ ศลิ าจารึกหุบเขาชอ่ งคอย
ชว่ั คราว
ไมใ่ ช่กลมุ่ ชนที่อยู่อาศัย ประจำถ่นิ ไดก้ ำหนดสถานท่ีบรเิ วณ
หบุ เขาช่องคอย เปน็ ศิวสถาน เพื่อปฏิบตั ิศาสนกจิ ตามจารึกของตน พรอ้ มกับอบรมสง่ั สอนใหผ้ ทู้ ี่อยใู่ นสันนิบาต
นัน้ สำนกึ ในความเป็นคนต่างถนิ่ ท่ีพลัดบ้านเมืองมา สมควรประพฤตติ นเปน็ คนดี จะได้พำนกั อาศยั อยู่ในสังคม
ท่มี ีขนบธรรมเนียมแตกต่างกันไดอ้ ย่างสงบสุข
ศิลาจารกึ ช่องคอยหรือศิลาจารกึ หบุ เขาชอ่ งคอย ลักษณะศิลาจารึกเป็นหนิ ขนาด ตงั้ อย่บู รเิ วณหน้า
ผา ระหวา่ งหุบเขาสามารถมองเหน็ พนื้ ทรี่ าบด้านล่างได้ชดั เจนด้านบนเปน็ แผ่นราบมีอักษรปัลลวะจารึกเป็น
ขอ้ ความ 3 ตอน ซ่ึงแปลเปน็ ภาษาไทยปัจจบุ ันไดด้ ังน้ี
14
ตอนที่ 1 (ศิลาจารึกน้ีเป็น) ของผู้เป็นสวามีของนางวิทยาเทวี (นางวิทยาเทวีเป็นร่างหน่ึง
ของนางทรุ คา)
อกั ษรปลั ลวะจารึก ตอนท่ี 1
ตอนท่ี 2 ขอความนอบน้อมจงมีแก่ท่าน ผู้อยู่เป็นเจ้าแห่งป่าพระองค์น้ันขอความนอบน้อมจงมี
แก่ท่านผู้เป็นเจ้าแห่งเทพท้ังมวลพระองค์น้ันชนท้ังหลายผู้เคารพต่อพระศิวะ คิดว่าของอันท่านผู้เจริญ
(พระศิวะ) นจี้ ะพงึ ให้มีอยู่ในทน่ี ้ีจึงมาเพ่ือประโยชนน์ น้ั
อกั ษรปลั ลวะจารึก ตอนที่ 2
ตอนท่ี 3 ถา้ คนดีอยู่ในหมบู่ ้านของชนเหล่าใดความสุขและผลจักมีแก่ชนเหล่านน้ั
15
อักษรปลั ลวะจารึก ตอนที่ 3
ศลิ าจารึกวดั มเหยงคณ์ (จารกึ หลักที่ 27 หรือ น.ศ.10)
พบท่ีวัดมเหยงคณ์ ริมคลองกลาย ตำบลสระแก้ว อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นแท่ง
ศิลาจารึกสีดำ รูปส่ีเหลี่ยมสภาพชำรุด มีรอยหักด้านขวาและด้านซ้ายทั้งสองข้างจารึกอักษรปัลลวะ ภาษา
สันสกฤต กำหนดอายุราวพุทธศตวรรษ ท่ี 12 กล่าวรายละเอียดของการปฏิบัติคาสนกิจที่ บ่งบอกถึงเสนาสนะ
ของจัดการจำหนา่ ยเครอ่ื งเขียน ทั้งหมึก แผ่นเขียน และไดก้ ล่าวถึงคณะพราหมณ์ที่อยรู่ ่วมกันด้วย ดังมีปริศนา
ลายทาง กลา่ วไวว้ ่า
“ วัดมเหยงคณ์ มีธงสามขาย อยู่ปากน้ำกลาย ฝ่ายทิศอุดร มีโหนดด้นอ่อน ๆ มีท้อนด้นแฉ้
ใครรจู้ กั แก้ กินไม่สิ้นเอย”
ศิลาจารึกวดั มเหยงคณ์
ศิลาจารึกวัดพระมหาธาตวุ รมหาวหิ าร (จารึกหลกั ที่ 28 หรือ น.ศ.3)
เป็นแท่งศิลาแผ่นสี่เหลี่ยม จารึกอักษรปัลลวะ ภาษามอญโบราณ กำหนดอายุราวพุทธศตวรรษ
ท่ี 12 กรมศิลปากรอ่านและแปลความได้ว่า “รูปจำลอง พ่อมายาแห่งหัวเมืองข้ันนอก ผู้งามสง่าประดุจ
ถ่านไฟท่ีกำลังลุกโขน” จารึกอักษรปัลลวะทั้ง 3 หลักท่ีพบแสดงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างดินแดน
นครศรีธรรมราชกับอินเดีย อยา่ งเป็นลายลกั ษณอ์ ักษร ขาวอนิ เดยี ที่เดนิ ทางมาในภมู ิภาคนั้น นอกจากเปน็ พ่อค้า
วานิชแล้ว คงมีพราหมณ์ และภิกษุสงฆ์ เดินทางเข้ามาด้วย เนื้อหาสาระเน้นไปทางหลักธรรม
คำส่ังสอนอันเป็นหัวใจของศาสนา ซ่ึงเป็นที่มาของกฎเกณฑ์ทางวัฒนธรรม ในการประคับประคองการ
ดำเนินชีวิตในสังคมให้อยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข ในช่วงเวลานี้ น่าจะมีกลุ่มชาวอินเดีย เข้ามาตั้งถ่ินฐาน
อยู่อาศัยอย่างถาวรแล้ว อาจเป็นในลักษณะนิคมหรือสันนิบาต และมีการผสมผสานอารยธรรมกับกลุ่มชน
พ้ืนเมือง ชาวอินเดียที่เข้ามาคงมีหลายกลุ่ม เขียนหนังสือด้วยอักษรปัลลวะเหมือนกัน แค่ใช้ภาษาต่างกัน เช่น
ภาษาสันสกฤต ภาษามอญ ภาษาทมิฬ (จารึกเขาพระนารายณ์ - ตะกั่วป่า จังหวัดพังงา) กลุ่มชน
ชาวอินเดียเหล่านั้นน่าจะเข้าพำนักอาศัยและตงั้ ถ่ินฐานบ้านเรือนผสมผสานกับชนพื้นเมืองอย่ใู นส่วนต่าง ๆ ของ
16
พ้ืนท่ีจังหวัดนครศรีธรรมราช ดังจะเห็นว่าได้พบหลักฐานทางโบราณคดีที่มีอายุตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 12 ขึ้นไป
กระจัดกระจายอยู่ทั่วไป โดยเฉพาะบริเวณพ้ืนที่ราบระหว่างเทือกเขานครศรีธรรมราช ทางด้านทิศ
ตะวันออกกับชายฝ่ังทะเลอ่าวไทย ต้ังแต่อำเภอสิชล อำเภอท่าศาลา อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช มาถึงอำเภอ
ร่อนพิบูลย์ หลักฐานทางโบราณคดีดังกล่าว ได้แก่ โบราณสถาน โบราณวัตถุ ซ่ึงส่วนใหญ่แสดงอิทธิพลศาสน า
พราหมณ์ ทั้งทเ่ี ปน็ ไศวนิกายและไวษณพนกิ าย สว่ นศาสนาพทุ ธ ก็ปรากฏอยู่บา้ งแตไ่ มโ่ ดดเดน่
4.1 สมัยอาณาจกั รตามพรลงิ ค์
ชื่อแรกของเมืองนครศรีธรรมราช ปรากฏตั้งแต่ก่อนพุทธศตวรรษที่ 10 ท้ังกะมะลิง ตะมะลิง
ตามรยะลิงค์ ตามพรลิงเดศวร ตันหม่าหลิง และตามพรลิงห์ อันแปลว่า ศิวลึงค์ทองแดง หรือลิฝค์ทองแดง
นักวิชาการและผู้สนใจจำนวนมากพยายามสืบค้นว่า ลึงค์ทองแดง เป็นช่ือจากอะไร และอยู่จุดไหน โดยมี
นักโบราณคดีและนักวิชาการบางส่วนได้ศึกษาอย่างละเอียด เจาะลึกและเทียบเคียงกับประเทศต่าง ๆ ที่รับ
อิทธิพลศาสนาพราหมณ์ ได้ช้ีชัดว่า เมืองตามพรลิงค์อันมีความหมายว่า ลิงค์ทองแดง กำเนิดจากเขาคา
ลิงค์ทองแดง เป็นการตั้งช่ือจากลึงคบรรพต หรือสยมภูวลึงค์ ท่ีประดิษฐานเนินเหนือสุดของเขาคา
เป็นหินรูปธรรมชาติ รูปทรงแบบศิวลึงค์ ที่มีร่องรอยการแกะสลัก เล็กน้อย เพื่อให้เกิดเส้นพรหมสูตรและ
เส้นปารศวสูตร (เส้นเอ็นของหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย) สามารถมองเห็น จากทิศตะวันตก ทิศเหนือและทิศ
ตะวันออก ลึงคบรรพต องค์นี้จะห่างจากชายฝั่งโบราณประมาณ 400 เมตร ตั้งสูง 60 เมตร จากระดับน้ำทะเล
ปานกลาง นักเดินเรือโบราณสามารถมองเห็นได้เด่นซัด สามารถเป็นจุดหมาย (Land Mark) สำคัญของนัก
เดินเรือไดอ้ ยา่ งดี
ในความเช่ือของพราหมณ์ลัทธิไศวนิกาย ถ้าลิงคบรรพต หรือสยมภูวลิงค์ แตกหักหรือร้าว จะเกิด
อุบัติภัยอย่างมากต่อชาวบ้าน จะต้องทำพิธีกรรมบูชาเทพและหุ้มห่อศิวลิงค์ด้วยทองแดง หรือทองคำ
ซ่ึงเช่ือว่า ลิงคบรรพต องค์นี้คงจะได้รับการหุ้มห่อด้วยทองแดง และเรียกขานกันต่อมาว่า ตามพรลิงค์
โดยอาจเป็นที่ตั้งเมืองหรอื เป็นจุดหมายนักเดนิ ทางได้ จงึ บันทึกชือ่ เมืองแรกแถบทะเลใต้นี้ว่า “ตามพรลิงค์” คติ
ความเชื่อเรื่องการประดิษฐาน ศิวลึงค์ บนยอดเขาในพุทธศตวรรษที่ 8 - 11 ปรากฏท่ัวภาคพ้ืนท่ีเอเซีย
ตะวันออกเฉียงใต้รัฐท่ีนับถือศาสนาพราหมณ์ ลัทธิไศวนิกาย พระราชา คือ กษัตริย์แห่งภูเขา (King of the
Mountain) ศวิ ลึงค์ จึงเปน็ ภูเขาศักดส์ิ ิทธ์ิ ซ่ึงเป็นสัญลักษณ์ของการสร้างบ้านแปงเมือง และการสถาปนาอำนาจ
ของกษัตริย์ ความเจริญรุ่งเรอื่ งของรัฐ จึงผูกพันกับการทำพิธีบูชาศิวลึงค์โดยรอบเขาคาอันเป็นตีรถะ มีร่องรอย
หลักฐานการอาศัยของประชาชนจำนวนมาก รวมท้ังเทวสถานท่ีมีลำดับรองลงไป ทั่วทุกสายน้ำใกล้เคียง มีการ
ขุดคลองเช่ือมต่อจากสายน้ำอื่นสู่เขาคาอันเป็นศูนย์กลางแดนสถิตของเทพเจ้า บริเวณโดยรอบเหล่าน้ี นัก
โบราณคดี คือ คงเดช ประพัฒน์ทอง ได้เรียกรวมว่า ไศวภูมิมณฑล อันหมายถึงสถานท่ีอันเป็นเขตแดนของพระ
ศิวะ ซ่ึงพราหมณ์ได้เรียกบริเวณนี้ว่า มัณฑละ อันเป็นมณฑลท่ีอาศัยของผู้คนโดยรอบตีรถะเขาคา เขตมณฑล
โดยรอบเขาคา ที่ปรากฏหลักฐานหนาแน่น ด้านทิศเหนือ มีลุ่มน้ำท่าเรือรี ลุ่มน้ำท่าควาย ลุ่มน้ำท่าเชี่ยว และ
ทางดา้ นทศิ ใต้ คอื ลุ่มน้ำทา่ หนิ เช่อื มสู่ลุ่มน้ำกลาย ถือเป็นมณฑลศวิ ะรอบเขาคา เป็นภมู สิ ถานทีว่ ิเศษทง้ั ด้านหลัง
17
เป็นภูเขา ด้านหน้าเป็นทะเล มีความอุดมสมบูรณ์ เปน็ แหล่งรวมทรัพยากรทกุ ชนิด และสอดคลอ้ งกับพระคัมภีร์
จงึ เป็นไศวภมู มิ ณฑล หนงึ่ ในคาบสมทุ รทะเลใต้ ยคุ ก่อตัง้ เมอื งตามพรลิงค์
ตามพรลิงค์ จากยุคที่ก่อต้ังที่เขาคา ตามคติศาสนาพราหมณ์ลัทธิไศวนิกายแล้ว จากหลักฐาน
ทางโบราณคดี น่าจะมีการเปล่ียนศูนย์กลางเป็นระยะจากเขาคาสู่ต้นลุ่มน้ำคลองกลาย และสู่บ้านท่าเรือ
ตามลำดับ บางช่วงสมยั ก็มีอาณาจักรอ่ืน ๆ มีอำนาจเหนอื กวา่
18
4.2 สมัยอาณาจกั รศรวี ิชัย
ศรีวิชัย เป็นชื่ออาณาจักรที่มีช่ือเสียงทางการเดินเรือและการค้า มีความเจริญรุ่งเรืองในช่วง
พุทธศักราชท่ี 13 - 16 อาณาจักรน้ีแต่เดิมอยู่แถวเกาะสุมาตรา และขยายอิทธิพลครอบครองช่องแคบ
มะละกา ได้เป็นจุดควบคุมเส้นทางเดินเรือท้ังในภูมิภาคและรัฐแดนไกล เช่น จีนและอินเดีย และศรีวิชัย
ยังเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนานิกาย มหายานในภูมิภาค ศรีวิชัยตามบันทึกต่าง ๆ ซ่ึงเรียกช่ือ
ตามสำเนียงของชาติต่าง ๆ เช่น ชิลิโฟชิ โฟชิ คันโทสี โดยมีหลักฐานการบันทึกท่ีสำคัญ เช่น บันทึก
หลวงจีนอี้จิง (พ.ศ.1213 - 1238) จารึกสุมาตรา (พ.ศ.1225 - 1229) บันทึกการเดินเรือของสุไลมาน พ่อค้า
อาหรับ (พ.ศ.1394) ของอาบู่โซอิค (พ.ศ.1459) ของมาซูดี (พ.ศ.1486) จารึกตันซอร์ของอินเดีย (พ.ศ.1568)
บันทึกจากเจาจูกัว ในหนังสือจูฟานฉี (พ.ศ.1768) และหลักฐานของไทย ในศิลาจารึกหลักท่ี 23 (พ.ศ.1318)
ศิลาจารกึ หลกั ท่ี 25 (พ.ศ.1726) และศลิ าจารกึ หลกั ที่ 24 (พ.ศ.1773) สรุปความได้ดงั นี้
หลวงจีนอ้ีจิง เป็นชาวจีน บันทึกการเดินทางไปศึกษาคัมภีร์พระพุทธศาสนาประเทศอินเดีย
พ.ศ.1213 มาพักที่เมืองโฟชิ (ศรีวิชัย) แล้วไปศึกษาที่อินเดีย 12 ปี กลับมาพักที่โฟชิ อีก 10 ปี เพื่อแปลภาษา
สันสกฤตเป็นภาษาจีน ได้บันทึกไว้ว่า ศรีวิชัยมีกษัตริย์หลายพระองค์และหัวหน้าเผ่าครอบครองหมู่เกาะ
เล่ือมใสในพระพุทธศาสนา มีพระสงฆ์มากกว่า 1,000 รูป ตอนกลับประเทศโมโลยู (มาลายู) ได้กลายเป็นโฟชิ
ไปแล้ว หมายถึง ศรีวิชัยขยายอาณาเขตขึ้นคาบสมุทรมาลายูแล้ว ซึ่งสอดคล้องกับจารึกสุมาตราที่กล่าวถึง
ศรีวชิ ยั โจมตมี าลายแู ละขวา
หลักฐานอาหรับ บันทึกการเดินเรือของสุไลมาน กล่าวว่า ศรีวิชัยเป็นหมู่เกาะ พระราชา
เรียกมหาราช มีอำนาจเหนือเกาะจำนวนมาก มหาราชประทับบนเกาะของพระองค์ และโยนอิฐทองคำ
ลงสระน้ำสะสมทุกวัน บันทึกของมาซูดี กล่าวว่า “มหาราช ราชาแห่งเกาะ ไม่มีผู้ใดสามารถเดินเรือ
รอบเกาะไดภ้ ายใน 2 ป”ี
จารึกเมอื งตันซอร์ กลา่ วว่าพระเจ้าใจฬะท่ี 1 (พ.ศ.1568) ได้ยกทัพเรอื มาตีศรีวิชยั และปล้นสะดม 12
เมืองบริวาร ปรากฏช่ือเมืองตักโกลา (ตะก่ัวป่า) และตามพรลิงค์ท่ีใหญ่ย่ิงและสามารถในการรบด้วย
ซึง่ ส่งผลใหศ้ รีวิชยั ออ่ นแอ และขวาได้เข้าโจมตีศรีวชิ ัยซ้ํา
บันทึกเจาจูกัว ในหนังสือจูฟานฉี (พ.ศ.1768) กล่าวถึง ที่ต้ังของศรีวิชัย ควบคุมช่องแคบมะละกา มี
เมืองข้ึน 15 เมือง ชาวต่างชาติไม่ว่าจะเดินทางบกทางเรือ ไม่ว่ามาจากทิศใดจะต้องผ่านศรีวิชัย นับว่า
ศรีวชิ ยั เปน็ อาณาจักรรํ่ารวย มีความเจรญิ รงุ่ เรืองทางด้านการคา้ จนถึงการถูกโจมตจี ากพวกโจฬะ และขวา
สำหรับหลักฐานของไทย มีศิลาจารึก 3 หลัก ท่ีกล่าวถึงพระเจ้ากรุงศรีวิชัย ส่ังให้สร้างประสาทอิฐ 3
หลัง (สันนิษฐานว่า วัดแก้ว วัดหลัง และวัดเรียง ที่ไชยา) มีฐานพระพุทธรูปนาคปรก พบที่วัดเรียง
มีข้อความว่า “มหาราช แห่งศรีวิชัย ส่ังให้มหาเสนาบดีตลาไน ผู้รักษาเมืองครหิ (ไชยา) หล่อพระปฏิมากร”
และหลักศิลาจารึกหลักท่ี 24 (พ.ศ.1773) กล่าวถึง พระเจ้าศรีธรรมโศก (จันทรภาณุ) ว่า “พระผู้ครองเมือง
ตามพรลิงค์ จันทรภาณุศรีธรรมราช ทรงเป็นใหญ่เหนือราชวงศ์ท้ังหมด ทรงพระราชสมภพ เพ่ือให้ประชาชนท่ี
ถกู ชนชาตติ ่ําปกครองมาแล้วใหร้ ุ่งเรอื ง”
19
จากหลกั ฐานต่าง ๆ สันนษิ ฐานได้ว่า ศรีวชิ ัย ก่อตั้งขึ้นบนเกาะใกล้ช่องแคบมะละกา รุ่งเรืองทางด้าน
การค้า เพราะครอบครองเส้นทางคาบสมุทร สามารถขยายอาณาเขต มีเมืองข้ึนถึง 15 เมือง ต่อมาถูกพระเจ้า
โจฬะที่ 1 จากอินเดยี เขา้ โจมตีปลน้ สะดมเมอื งบรวิ าร จนศรีวิชยั ออ่ นแอ
4.3 สมัยสิริธรรมนคร
ช่ือน้ีพบว่าใช้ในกรณีท่ีเป็นช่ือของสถานที่ (คือเมืองหรือนคร) เช่นเดียวกับช่ืออื่น ๆ ที่กล่าวมา
แต่หากเป็น ชื่อของกษัตริย์มักจะเรียนว่า “พระเจ้าสิริธรรม” หรือ “พระเจ้าสิริธรรมนคร” หรือ
“สริ ิธรรมราช”
“สริ ิธรรมนคร” ปรากฏในหนังสอื บาลีเรื่องจามเทววี งศ์ ซ่ีงมีพระโพธริ งั ลีพระเถระ ชาวเชียงใหม่ เป็น
ผู้ แ ต่ งขึ้ น ใน ร า ว พุ ท ธ ศ ต ว ร ร ษ ที่ 2 1 น อ ก จ า ก น้ี ป ร าก ฏ อ ยู่ ใน ห นั งสื อ ชิ น ก าล ม า ลี ป ก ร ณ์
ซ่งึ พระรตั นปัญญา พระเถระขาวเชียงใหม่ เป็นผู้แต่งขึ้นเป็นภาษาบาลี เม่ือ พ.ศ.2060 มีข้อความกล่าวถงึ เมือง
น้วี า่ ใน พ.ศ. 1799 พระรว่ งโรจนราช แหง่ กรุงสุโขทัยไดเ้ สดจ็ มาเยี่ยมพระเจ้าสิรธิ รรมนคร ทรงทราบเร่ืองพระ
พุทธสิหิงศ์ที่ลังกา จึงทรงอยากได้ พระเจ้าสิริธรรมนครจึงส่งทูตไปขอกษัตริย์ลังกาให้กรุงสุโขทัย
จึงได้พระพุทธสิหิงศ์มาบูชา” ในตำนานพระบรมธาตุเมืองนครศรีธรรมราช ได้กล่าวถึงเมืองขึ้นของ
นครศรีธรรมราช สิบสองเมือง เรียกว่า เมืองสิบสองนักษัตร ได้แก่ เมืองสาย (สายบุรี) ใช้ตราหนู เมืองตานี
(ปัตตานี) ใช้ตราวัว เมืองกลันตัน ใช้ตราเสือ เมืองปาทังใช้ตราแพะ เมืองบันทายสมอ ใช้ตราสิง
เมืองสระอุเลา ใช้ตราไก่ เมืองตะก่ัวป่าใช้ตราหมา เมืองกระ(กระบุรี) ใช้ตราหมู และคงเป็นเมืองขึ้นต้ังแต่
ปลายพุทธศตวรรษที่ 18 ถึงปลายพุทธศตวรรษท่ี 19 หรือต้นพุทธศตวรรษท่ี 20 ก่อนท่ีนครศรีธรรมราช
จะถูกผนวกเป็นส่วนหน่ึงของอาณาจักรอยุธยา รวมเวลาท่ีนครศรีธรรมราช หรืออาณาจักรตามพรลิงค์
เจรญิ อยา่ งสงู สุดประมาณหนึง่ ศตวรรษตัง้ แต่ปลายพทุ ธศตวรรษที่ 18 เปน็ ตน้ มา
4.4 สมยั สโุ ขทัย
พุทธศตวรรษที่ 19 - 20 ในช่วงพุทธศตวรรษท่ี 18 นครศรีธรรมราช หรือตามพรลิงค์ เป็น
เมืองใหญ่ในคาบสมุทรภาคใต้ มีแสนยานุภาพทางทหาร โดยเฉพาะอย่างย่ิงกำลังทางเรือ สามารถ
ยกกองทัพเรือไปตีลังกาถึงสองคร้ัง รวมทั้งยกพลไปตีเมืองละโว้ได้ด้วย พญ าศรีธรรมาโศกราช
มีความสัมพันธ์กับเมือง หรือดินแดนทางตอนเหนือ ต้ังแต่ดินแดนในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาไปจนถึงสุโขทัย
ความสัมพนั ธน์ ี้ ส่วนหนง่ึ เกิดจากความสัมพันธ์ในระบบเครือญาตโิ ดยการแตง่ งาน
4.5 สมัยอยธุ ยา
นอกจากน้ี นครศรีธรรมราช ยังเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ มีปราชญ์และ
มีพระสงฆ์ทีม่ ีความรูไ้ ดเ้ ขา้ ไปส่งั สอนผคู้ นในเมืองสุโขทยั
20
ในกลางพุทธศตวรรษที่ 19 นครศรีธรรมราชอ่อนแอลง ตามตำนานเมืองนครศรีธรรมราช มีว่า
หลังจากพระเจ้าอู่ทองสถาปนากรุงศรีอยุธยาในปี พ.ศ.1893 แล้วได้ยกกองทัพลงมาทางใต้ สู้รบกับเมือง
นครศรีธรรมราช แต่ไม่แพ้ชนะกัน จึงได้เจรจาแบ่งดินแดนกับพญาศรีธรรมาโศกราช ท่ีบริเวณบ้าน
บางตะพาน (อำเภอบางสะพาน จงั หวัดประจวบคีรีขันธ)์
ในรัชสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ นครศรีธรรมราช เป็นเมืองหน่ึงในจำนวนเมืองพระยา
มหานคร 8 เมืองที่ต้องถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา มีฐานะเป็นเมืองเอกข้ึนต่อกรงุ ศรีอยุธยา และไม่ได้มีอำนาจทาง
การเมืองเหนือดินแดนมลายูดังก่อน ทางกรุงศรีอยุธยาได้สร้างดุลยภาพทางอำนาจในภาคใต้
ด้วยการแยกเมืองพัทลุง ไชยาและชุมพร ออกจากนครศรีธรรมราช แล้วให้ขึ้นตรงต่อกรุงศรีอยุธยา
ลดฐานะเมืองนครศรีธรรมราชจากเมืองพระยามหานครลงมาเป็นหัวเมืองช้ันเอก ส่งข้าหลวงจากส่วนกลางมา
ปกครองแทนเช้ือสายคนท้องถ่ินเดิม เช่น ส่งพระพนมวังกับนางเสดียงทองจากเมืองเพชรบุรีมาเป็น
เจ้าเมอื ง วัดระบบควบคุมคณะสงฆ์ใหพ้ ระสังฆราชาอยู่ท่เี มืองนครศรธี รรมราช พุทธศตวรรษที่ 21 - 22 ในชว่ ง
พุทธศตวรรษท่ี 22 ทางกรุงศรีอยุธยาอ่อนกำลังลงจากการทำสงครามกับพม่า มีแขกมลายูทางใต้
เข้ามาก่อกวนน่านน้ําเมืองท่าชายทะเล ในตำนานพระบรมธาตุนครศรธี รรมราช ได้กล่าวถึงการปล้นสะดมชอง
แขกสลัด ตั้งแต่ประมาณกลางพุทธศตวรรษที่ 20 - 21 ครั้งแรกประมาณปี พ.ศ.1919 - 2039 และ
ถ่มี ากขน้ึ ในปี พ.ศ. 2141
ในรัชสมัยสมเด็จพระเอกาทศรถ เม่ือปี พ.ศ.2155 ฮอลันดาสามารถทำการค้ากับนครศรีธรรมราช
และเมืองปัตตานี ปี พ.ศ.2164 กรุงศรีอยุธยาอนุญาตให้อังกฤษเข้ามาตั้งห้างในนครศรีธรรมราชได้ ปี พ.ศ.
2172 ชาวฮอลันดาท่ีค้าขายท่ีเมืองปัตตานีได้ยุยงให้ปัตตานี เป็นกบฏและยกกำลังเข้าตีหัวเมืองปักษ์ใต้
เจ้าเมืองนครศรีธรรมราชต้องทำการปราบปราม และติดพันอยู่กับการรบและถูกเจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์
กราบทูลสมเด็จพระอาทิตยวงศ์ ว่า เจ้าเมืองนครศรีธรรมราชเป็นกบฏให้ส่งออกญาเสนาภิมุข (ยามาดะ
นางามาชา) ขุนนางเช้ือสายญ่ีปุ่น ไปเป็นเจ้าเมืองแทน โดยมีอาสาญ่ีปุ่นประมาณ 600 คนเศษ ติดตามไปด้วย
ออกญาเสนาภิมขุ จึงได้กินเมืองนครศรีธรรมราช และได้ยกกองทัพไปปราบเมืองปัตตานีแต่ไม่สำเรจ็
การส่งขนุ นางเชอื้ สายญปี่ ุน่ ออกมาเปน็ เจ้าเมือง กอ่ ใหเ้ กิดปญั หาความขัดแย้งจนเกิดการสรู้ บระหวา่ ง
ชาวเมืองกับทหารญ่ีปุ่น ผู้คนล้มตายและหลบหนีออกไปจากเมืองไปเป็นจำนวนมาก จนเกือบจะเป็นเมืองร้าง
หลังจากขับไล่ญ่ีปุ่นออกไปแล้ว นครศรีธรรมราช จึงแข็งเมืองในปี พ.ศ.2175 กรุงศรีอยุธยาได้ส่งกำลัง
10,000 คน พร้อมด้วยแม่ทัพสามคน รวมทั้งเจ้าเมืองนครศรีธรรมราชคนใหม่เข้าตีเมืองนครศรีธรรมราช
จับตัวพวกกบฏได้ส่งไปยงั กรงุ ศรีอยธุ ยา
ปี พ.ศ.2177 ปัตตานีได้แข็งเมืองอีกคร้ัง ทางกรุงศรีอยุธยาได้ให้นครศรีธรรมราช ส่งกองทัพขนาด
ใหญ่มี กำลัง 30,000 คน ลงไปปราบ โดยเคลื่อนทัพผ่านเมืองสงขลา แต่ทำการไม่สำเร็จ ปี พ.ศ.2185
เมืองสงขลาเป็นกบฏต่อกรุงศรีอยุธยา แต่ถูกปราบลงได้และในในปี พ.ศ.2192 เมืองสงขลาได้ก่อกบฏอีกคร้ัง
โดยบุกเข้ายึดเมืองนครศรีธรรมราชไว้ได้ชั่วคราวและได้ดึงเอาปัตตานี พัทลุงและไทรบุรี เข้ามาเป็นพันธมิตร
สมเดจ็ พระเจา้ ปราสาททอง สง่ กองทัพมาปราบ แตไ่ มส่ ำเร็จ
21
พุทธศตวรรษที่ 23 ในรชั สมยั สมเดจ็ พระนารายณ์มหาราช ไดด้ ำเนินกุศโลบายใหม่โดยส่งพระยาราม
เดโช ทหารเอกเช้อื สายแขกอาหรับ นบั ถอื ศาสนาอสิ ลามมาเป็นเจา้ เมอื งนครศรีธรรมราช เพื่อใหเ้ ป็นศูนยก์ ลาง
อำนาจของอยุธยาในแหลมมลายูเพ่ือโดดเด่ียวและปิดล้อมเมืองสงขลา ส่งผลให้การค้าของสงขลาซบเซา และ
สามารถกีดกันอำนาจของอังกฤษออกไปจากสงขลาได้ในที่สุด สงขลาถูกกองทัพของกรุงศรีอยุธยา จาก
นครศรธี รรมราชตีแตก เมือ่ ปี พ.ศ.2233 และกลบั มาอยใู่ นปกครองของเมอื งนครศรธี รรมราชตามเดิม
รชั สมัยสมเด็จพระเพทราชาได้ทรงจดั การกับหัวเมืองที่ขดั ขืนพระราชอำนาจไมไ่ ด้เข้ามาร่วมงานพระ
ราชพิธี ถือน้ําพระพิพัฒน์สัตยาแสดงความจงรักภักดี มีเมืองนครศรีธรรมราชกับเมืองนครราชสีมา
เมื่อปี พ.ศ.2235 จึงได้ยกกองทัพทั้งทางบกและทางเรอื ไปดเี มืองนครศรีธรรมราช โดยมีพระยาสุรสงครามเป็น
แม่ทัพหลวง และพระยาราชวังสันเป็นแม่ทัพหน้า พระยารามเดโชมีหนังสือลับ พระยาราชวังสัน
ซึง่ เป็นเพ่ือนและเป็นมุสลิมดว้ ยกนั ช่วยจัดหา เรือให้พระยารามเดโชหนีไปได้ เมื่อตเี มืองนครศรีธรรมราชไดพ้ ระ
ยาราชวังสนั ต้องโทษประหารชีวิตภายหลงั เสรจ็ ศึก
ความเสียหายของนครศรีธรรมราชครั้งนี้ ทำให้อำนาจของเมืองนครศรีธรรมราชอ่อนแอลงไปมาก
สมเดจ็ พระเพทราชา ทรงนำวธิ ีการกลั ปนาวดั กลับมาใชอ้ กี ครงั้ คือ ใหอ้ ำนาจพระสงฆใ์ นการควบคมุ ชุมชน
4.6 สมัยกรงุ ธนบรุ ี
พุทธศตวรรษที่ 24 หลังจากกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่า เมื่อปี พ.ศ.2310 หลวงสิทธินายเวร
ผู้เปน็ ปลัดเมอื งนครศรีธรรมราชหรือท่เี รียกกันว่า พระปลดั หนู ไดร้ วบรวมผู้คนตงั้ ตนเปน็ อิสระ เรียกว่า ชุมนุม
เจ้านคร
ในปี พ.ศ.2312 สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ได้โปรดให้เจ้าพระยาจักรี (หมุด) พระยาอภัย
รณฤทธ์ิ พระยายมราช และพระยาเพชรบุรี ยกกำลงั ทางบกไปปราบแต่ไม่สำเร็จสมเด็จพระเจ้าตากสนิ มหาราช
จึงเสด็จยกกำลงั ทางเรอื ไปตเี มืองนครศรีธรรมราช ทัพหลวงเขา้ ตคี ่ายท่าหมาก ที่คลองปากนคร และทค่ี ลองท่า
ศาลาสี่หน้า (บ้านปากพญา) แตก เจ้านครศรีธรรมราชทิ้งเมืองอพยพครอบครัวหนีไปเมืองสงขลา แล้วให้
หลวงสงขลา (วิเถียน) พาไปพักพิงอยู่เมืองเทพา เมืองปัตตานี สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ได้โปรดให้
22
เจ้าพระยาจักรีและพระยาพิชัย ราชายกกองทัพเรือติดตามไปเมืองปัตตานี เจ้าเมืองปัตตานียอมส่งตัว
เจ้านครศรีธรรมราช (หนู) มาถวายแต่โดยดี สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงแต่งต้ังพระเจ้าหลานเธอเจ้า
นราสุริยวงศ์ ข้ึนครองเมืองนครศรีธรรมราช ต้ังแต่ ปี พ.ศ.2312 จนถึงแก่พิราลัย เม่ือปี พ.ศ. 2319 จึงทรง
แต่งตั้งให้ เจ้านครศรีธรรมราช (หนู) กลับไปครองเมืองนครศรีธรรมราช อีกครั้ง พระราชทานบรรดาศักด์ิเป็น
พระเจ้านครศรีธรรมราช เจ้าขัณฑสีมา ให้มีเกียรติเสมอเจ้าประเทศราชมีอำนาจแต่งตั้งขุนนางตามแบบ
จตุสดมภไ์ ด้เช่นเดียวกับราชธานี
4.7 สมยั รตั นโกสนิ ทร์
ปี พ.ศ. 2325 ในรัชสมัยพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟ้าจฬุ าโลกมหาราช ได้มีการเปล่ียนแปลงฐาน
อำนาจ ทางการเมือง และการปกครองเมืองนครศรีธรรมราช ดงั น้ี
โปรดเกล้าให้พระเจ้านครศรีธรรมราช (หนู) พ้นจากตำแหน่ง ให้เข้ามารับราชการที่กรุงเทพฯ เม่ือปี
พ.ศ. 2327
ลดอำนาจและฐานะทางการเมืองของนครศรีธรรมราช ในการปกครองหัวเมอื งปักษ์ใต้
ลดตำแหน่งพระเจ้านครศรีธรรมราช ซึ่งมีเกียรติเสมอเจ้าประเทศราช ลงเป็น เจ้าพระยา
นครศรีธรรมราช
ลดฐานะเมอื งนครศรธี รรมราช จากเมืองประเทศราช ลงมาเปน็ หัวเมืองชนั้ เอก
ลดฐานะเสนาบดีจตสุ ดมภเ์ มืองนครศรธี รรมราช เป็นเพียงกรมการเมือง
ให้แยกหัวเมืองซึ่งเคยอยู่ใต้การปกครองของนครศรธี รรมราช ได้แก่ เมอื งสงขลา ปัตตานี ไทรบุรี ตรัง
กานู และกลันดัน ไปขึน้ กับกรุงเทพฯ เมอ่ื ปี พ.ศ. 2335
แต่งต้ังเจ้าพัฒน์ (หรือพัด) ปลัดเมืองนครศรีธรรมราชข้ึนเป็นเจ้าเมืองแทนโดยได้รับบรรดาศักด์ิเป็น
เจ้าพระยาศรีโศกราช ชาติเดโชไชย มไหสุริยาบดี อภัยพิรยิ ะ ปรากรมพาหุ พระยาศรีธรรมราช หรือเรียกสั้น ๆ
ว่าเจา้ พระยานครศรธี รรมราช (พฒั น)์
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เจ้าพระยานครศรีธรรมราช (พัฒน์)
ได้กราบบังคมทูลขอลาออกจากตำแหน่ง เน่ืองจากมีปัญหาเร่ืองสุขภาพ พระองค์ได้ทรงแต่งตั้ง
พระบริรักษ์ภูเบศร์ (น้อย) ผู้ช่วยราชการเมืองนครศรีธรรมราช เป็นเจ้าเมืองแทน เม่ือปี พ.ศ.2354
โดยได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น พระยานครศรีธรรมราช (น้อย) มีนามในตราต้ังว่า พระยา
ศรีธรรมโศกราช ชาติเดโชไชย มไหสุริยิบดี อภัยพิริยปรากรมพาหุ พระยานครศรีธรรมราช และได้เป็น
เจ้าพระยานครศรีธรรมราช ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระน่ังเกลา้ เจ้าอย่หู ัว คนท่ัวไปนิยม เรียกว่า เจ้าพระยา
นครนอ้ ย
สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงกล่าวยกย่องเจ้าพระยานคร (น้อย) มีความตอนหนึ่งว่า
“เป็นผู้มีอำนาจมากกว่าเจ้าพระยานครทั้งปวง ได้บังคับบัญชาตลอดจนมาถึงเมืองไชยาข้างฝังตะวันตก
ก็มีอำนาจเอ้ือมแผ่ไปจนถึงถลาง นำทัพศึกท่ีเป็นเรื่องสำคัญก็คือ ตีเมืองไทร มีอำนาจในเมืองแขกมาก
23
นบั ถือเป็นพระเจ้าแผ่นดินรอง เป็นผู้ได้รับอำนาจทำหนังสือสัญญากับอังกฤษเจ้าของพระขรรคเ์ นาวโลหะ พระ
แทน่ ถม พระราชยานถม พระแสงทวนถมและอ่นื ๆ ”
เจ้าพระยาศรีธรรมราช (น้อย) ได้สร้างความสำคัญให้แก่เมืองนครศรีธรรมราชเป็ นอันมาก
สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงกล่าวถึงไว้ในหนังสือสาส์น สมเด็จภาคที่ 6 มีความตอนหน่ึงว่า
“เจ้าพระยานครฯ (น้อย) ปกครองบ้านเมอื งเข้มแข็งกว่าเจ้าเมืองแต่ก่อน” ในดา้ นการช่างไดต้ ่อเรือรบ และเรือ
กำปั่นแปลงแก่กองทัพไทยสมัยรัชกาลที่ 2 จำนวน 30 ลำ ได้ส่งเสริมงานช่างศิลปกรรม เครื่องถมและ ผ้ายก
เมืองนคร จนเป็นทรี่ ู้จักกว้างขวาง ด้านการรบได้ทำศึกสงครามเพื่อปราบปรามกบฏเมืองไทรบุรชี นะ ทำให้ไทร
บุรี ยังคงข้ึนอยู่กับไทย และทำให้ทางอังกฤษยอมรับว่าไทรบุรีเป็นประเทศราชของไทย และ
ดา้ นการทูตได้ทำหน้าที่เจรจาความเมืองข้ันต้นเพื่อเจริญความสัมพันธไมตรีกับตัวแทนรัฐบาลอังกฤษ (จอห์นค
รอเฟิร์ด และเฮนรีเ่ บอร์น่)ี หลายคร้งั
ก่อนท่ีจะเดินทางไปเข้าเฝ้าท่ีกรุงเทพฯ ลักษณะเด่นดังกล่าวจึงทำให้ทางกรุงเทพฯ ให้อำนาจและ
ความไว้วางใจแก่ เจา้ เมืองนครศรธี รรมราชมากกวา่ ยคุ สมัยใด
เจ้าพระยานครศรีธรรมราช (น้อย) ถึงแก่อนิจกรรม เม่ือปี พ.ศ.2382 พระบาทสมเด็จ
พระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงแต่งต้ังพระเสน่หามนตรี (น้อยกลาง) ผู้ช่วยว่าราชการเมืองนครศรีธรรมราช
ผู้เป็นบุตรคนท่ีส่ีของเจ้าพระยานครศรีธรรมราช (น้อย) เป็นเจ้าเมือง ปรากฏนามในตราต้ังว่า พระยา
นครศรีธรรมราช แต่คนทั่วไป มักเรียกว่า พระยานครน้อยกลาง ภายหลังได้รับสถาปนาเป็นเจ้าพระยา
นครศรีธรรมราช เมื่อปี พ.ศ.2395 และได้ถึงแก่อนิจกรรม เม่ือปี พ.ศ.2410 พระเสน่หามนตรี (หนูพร้อม)
บุตรคนโตของเจ้าพระยานครศรีธรรมราช (น้อยกลาง) ได้เข้าดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองเป็นเจ้าพระยา
นครศรธี รรมราชสบื แทน ปรากฏนามภายหลงั วา่ เจา้ พระยาสุธรรมมนตรี คนท่ัวไป เรยี กวา่ เจา้ พระยาชนทวน
ในปี พ.ศ. 2418 เจ้าพระยานครศรีธรรมราช (หนูพร้อม) ถูกเรียกตัวไปอยู่กรุงเทพฯ เน่ืองจาก
บกพร่องในหน้าที่ราชการเป็นเวลา 20 ปี จึงได้กลับมารับราชการท่ีเมืองนครศ รีธรรมราชอีกครั้ง
เมื่อปี พ.ศ. 2437 อันเป็นระยะเวลาที่ทางกรุงเทพฯ กำลังดำเนินการปฏิรูปการปกครองใหม่ ท่ีเรียกว่า ระบบ
เทศาภิบาล เมอื งนครศรธี รรมราช จึงมาเปน็ เมืองหน่งึ ในมณฑลนครศรีธรรมราช
4.8 ยคุ มณฑลเทศาภิบาล
มณฑลเทศาภิบาล เป็นรูปแบบปกครองโดยการรวมหัวเมือง เข้ามาอยู่ภายใต้การกำกับดูแล และ
บงั คับบัญชาของข้าหลวงเทศาภิบาล แทนการมีเจ้าเมืองดังแต่ก่อน ข้าหลวงเทศาภิบาล มีฐานะเป็นข้าราชการ
ต่างพระเนตร พระกรรณ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงไว้วางพระราชหฤทัย คัดเลือกจากขุนนางชั้น
ผู้ใหญ่ ท่มี คี วามรู้ความสามารถสูงออกไปปฏิบัติราชการ และยงั มีข้าราชการรองอกี จำนวนหนึ่งรวมเรยี กวา่ กอง
มณฑลทำหนา้ ที่ ช่วยเหลือการปฏิบัตริ าชการในแผนกการต่าง ๆ ในมณฑล
24
กอ่ นการปฏิรูปการปกครอง หัวเมืองทางปักษ์ใต้ที่มีความสำคัญมาก คือ เมืองนครศรีธรรมราช และ
เมอื งสงขลา เพราะเมืองทัง้ สองทำหนา้ ที่ควบคุมบังคับบญั ชาประเทศราชมลายู เมอื่ อังกฤษมีเมืองขึน้ อย่ปู ระชิด
ดินแดนไทย เป็นเหตุให้โทษกับอังกฤษมีกรณีพิพาทกันในเร่ืองหัวเมืองมลายูหลายครั้งพระบาทสมเด็จพระ
จลุ จอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงใชน้ โยบายประนปี ระนอม ทรงยกฐานะผู้ครองนครรัฐไทรบุรี ขึ้นเปน็ เจ้าพระยาและ
ให้ขึ้นตรงต่อกรุงเทพฯ จากเดิมท่ีขึ้นกับเมืองนครศรีธรรมราช ทรงมีพระราชประสงค์ให้ หัวเมืองมลายูเป็น
พระราชอาณาเขตชนั้ นอกติดกับฝร่ังเศสตะวันตกและได้โปรดเกล้าฯ ให้หัวเมืองปักษ์ใต้ท้ังหมด ท่ีเคยข้ึนสังกัด
กระทรวงกลาโหมมาอยูใ่ นสงั กัดกระทรวงมหาดไทย
สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงเสนอนโยบายจัดการปกครองหัวเมืองปักษ์ใต้ โดยให้มี
ข้าหลวงกลางสามคนเป็นข้าหลวงฝ่ายตะวันตก บังคับบัญชาหัวเมืองตลอดหน้านอกต้ังอยู่ท่ีภูเก็ตคนหนึ่งให้มี
ข้าหลวงตั้งอยู่ท่ีหัวเมืองสงขลาบังคับบัญชาตั้งแต่เมืองนครศรีธรรมราชไปจนถึงหัวเมืองแรกคนหนึ่ง
และมีข้าหลวงตั้งอยู่ที่ชุมพรหรือหลังสวนอีกคนหน่ึง บังคับบัญชาต้ังแต่เมืองกำเนิดนพคุณลงไปจนถึง
กาญจนดิษฐ์ ให้ข้าหลวงทั้งสามคนนี้ฟังคำสั่ง จากกรุงเทพมหานคร เสมือนกระทรวงมหาดไทย
เป็นผู้อำนวยการแทนข้าหลวงใหญ่ ซ่ึงควรจะมีที่เมืองนครศรีธรรมราช เป็นการรวมนครศรธี รรมราชกับสงขลา
อยใู่ นมณฑลเดยี วกันใหพ้ ระยาสขุ มุ นยั วนิ ิตเมื่อคร้ังเป็นพระวิจิตรวรสาสน์ เป็นขา้ หลวงเทศาภิบาล
พ.ศ.2439 ได้โปรดเกลา้ ฯ ให้ตั้งมณฑลนครศรีธรรมราชและมณฑลชมุ พรขน้ึ สมเด็จกรมพระยาดำรง
ราชานุภาพ ทรงกล่าวไว้ตอนหน่ึงว่า “เม่ือเจ้าพระยายมราชเป็นพระยาสุขุมนัยวินิต ข้าหลวงเทศาภิบาลก็
ส าม ารถ เก็ บ ภ าษี อ าก รได้ ถ้ ว น ถี่ เงิน ห ล ว งใน ม ณ ฑ ล น ค รศ รีธ รรม ราช เพ่ิ ม ขึ้ น ก ว่าท่ี ต้ อ งใช้
ในการตั้งมณฑลมาก กระทรวงการคลังจึงเพ่ิมรายจ่ายให้ท่านทำการโยธาต่าง ๆ และยอมให้สร้าง
เรือกำปั่นไฟช่ือนครศรีธรรมราชข้ึนหนึ่งลำ สำหรับตัวท่านไปตรวจราชการในมณฑล ได้ใช้สำหรับขนเงิน
แผน่ ดินเขา้ กรุงเทพฯ และรบั เสนาบดีไปตรวจราชการมณฑล ชายทะเลด้วย”
พ.ศ.2453 ได้โปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ดำรงตำแหน่งข้าหลวงในฐานะ
สมุหเทศาภิบาลมณฑลนครศรีธรรมราชและในปี พ.ศ.2458 - 2468 ดำรงตำแหน่งอุปราชปักษ์ใต้ มีอำนาจ
บังคบั บัญชามณฑลสรุ าษฎร์ธานี มณฑลนครศรธี รรมราช และมณฑลปัตตานี
พ.ศ.2469 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้ยุบเลิกตำแห่งอุปราชภาคและ
ให้มณฑลเทศาภิบาลกลับไปสังกัดกระทวงมหาดไทยตามเดิม นครศรีธรรมราชจึงอยู่ภายใต้การบังคับบัญชา
ของสมุหเทศาภิบาล มณฑลนครศรีธรรมราช จนกระทั่งมีการเปล่ียนแปลงการปกครองใน พ.ศ.2475
ครั้นถึง พ.ศ.2476 จงึ ยบุ มณฑล ให้มีฐานะเป็นจังหวัดสืบมาถึงปจั จุบัน
25
Time Line ประวตั เิ มืองนครศรีธรรมราช
1. ยุคก่อนประวัติศาสตร์
ยุค อายุ (ประมาณ) วัฒนธรรม หลักฐาน
ยคุ หนิ - - -
ยคุ หินกลาง
4,000-5,000 ปี - มนษุ ยถ์ ํา้ เครอ่ื งมือหนิ กะเทาะ
ยคุ หินใหม่
- วัฒนธรรมผี - เครอื่ งมือหนิ ขวานหนิ ขดั
ยุคโลหะ - ขวานหินยาวหรอระนาดหิน
2,000-4,000 ปี - มนุษยถ์ ํา้ /เชงิ เขา - หม้อสามขา
- วฒั นธรรมผี - กลองมโหระทึกทำด้วยสำรดิ
2,000 ปลี งมา - มนุษย์เชิงเขา/ลุ่มนาํ้
- วฒั นธรรมผี
2. ยุคประวตั ิศาสตร์
ยุค อายุ (ประมาณ) วฒั นธรรม หลักฐาน
ชุมชนแรกเร่ิม
ศ. 11 การเข้ามาของศาสนาพรหมณ์ ตำนาน
ตามพรลิงค์ ศาสนาพุทธ โบราณสถาน/วัตถุ
การคา้ กบั ตา่ งชาติ (อินเดีย จีน กลุม่ โบราณสถาน 11 ลมุ่ น้ํา
อาหรบั ) ศลิ าจารึก
ศ. 12 - ศูนย์กลางจกั รวาล - โบราณสถาน /วัตถุ
- การสร้างมณฑลพราหมณ์ - ความเช่ือ-ประเพณี
(ลัทธิไศวนกิ าย)
26
ยุค อายุ (ประมาณ) วัฒนธรรม หลักฐาน
ศรีวชิ ัย
ศ. 14 - เมืองภายใต้ศรวี ิชัย - พุทธมหานกิ าย
- บนั ทกึ หลวงจีนอ้ีจงิ
ศรีธรรมราช/ ศ.18 - เมอื ง 12 นกั ษตั ร - บนั ทึกเจาจูกัว ฯลฯ
สิรธิ รรมนคร/ - พระเจา้ ศรีธรรมโศกราช พระบรมธาตุ
สิรธิ มั นศร - พทุ ธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ - ตำนาน
(ราชวงศ์ - การไปตีลังกา - ประเพณี/วฒั นธรรม
ศรีธรรมโศกราช) - การสรา้ งพระธาตุ - หลักฐานลงั กา
- ตำนาน
- ความสัมพนั ธ์กับพระรว่ ง - ตำนานซลิ กาลมณปี กรณ์
- ตำนาน
นครศรีธรรมราช ศ.20 - การแบ่งอาณาเขตกับอยุธยา - ตำนาน
- ตำนาน
ยุคเสอื่ มถอย - เกิดไข้หา่ คร้ังใหญ่
- ยอดพระธาตุหัก
เมอื งพระยา ศ.21 - แขกสลัดโจมตเี มืองนครฯ
มหานคร
(พระบรม (เผาวัดทา่ โพธ)
ไตรโลกนาถ)
ขนุ นางมา (2171)สมัยพระยารามราชทา้ ยนํา้
ปกครอง 2176 - ยามาดะ (ออกญาเสนาภมิ ุข)
ปราบกบฏเมอื งนคร
2230 - ฝรั่งเขา้ เมืองนคร - ประวัตศิ าสตร์
2223 - มร.เดอลามาร์ (ฝรั่งเศส) - ประวตั ิศาสตร/์ แผนท่ี
มาทา้ แผนท่ี
- สงครามพระเพทราชา
2310 - เสยี กรงุ ศรีอยุธยาครง้ั ท่ี 2
27
ยคุ อายุ (ประมาณ) เหตกุ ารณ์ หลกั ฐาน
สมยั กรงุ ธนบุรี 2310 - ตั้งตนเป็นอิสระ (ชมุ นุมเจ้านคร) - ประวตั ศิ าสตร์
2312 - สงครามปราบก๊ก
- เมืองประเทศราช
สมัยรัตนโกสนิ ทร์ 2325 - หัวเมืองใหญ่ - ประวตั ิศาสตร์
2328 - สงครามเกา้ ทัพ
2354 - จัดปกครองใหม่
(เมืองนครศรีธรรมราช มี 9 กรมใหญ่
13 กรมย่อย 10 เมือง 14 อำเภอ)
2476 - เป็นจังหวัด
1
หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 2
ลกั ษณะภูมิประเทศนครศรธี รรมราช
สาระสำคญั
การเรียนร้แู ละการสบื คน้ ข้อมลู ลักษณะภูมปิ ระเทศนครศรีธรรมราช จะสง่ ผลใหผ้ ้เู รยี น
เขา้ ใจบริบทของพน้ื ทีน่ ครศรีธรรมราชไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง
ตัวชวี้ ัด
1. ระบุท่ตี ัง้ ขนาด และอาณาเขต นครศรธี รรมราช
2. อธิบายและยกตวั อยา่ งลกั ษณะบริเวณเทอื กเขาตอนกลาง
3. อธบิ ายและยกตวั อยา่ งบริเวณทร่ี าบชายฝั่งตะวันออก
4. อธิบายและยกตวั อยา่ งบริเวณที่ราบดา้ นตะวนั ตก
5. อธิบายและยกตัวอย่างแม่นำ้ ท่ีสำคญั ของนครศรีธรรมราช
ขอบข่ายเนื้อหา
เรื่องที่ 1 ทีต่ ัง้ ขนาด และอาณาเขตนครศรีธรรมราช
เรือ่ งท่ี 2 บริเวณเทอื กเขาตอนกลาง
เร่ืองท่ี 3 บริเวณท่ีราบชายฝงั่ ตะวนั ออก
เรอ่ื งที่ 4 บริเวณทรี่ าบดา้ นตะวันตก
เรอื่ งท่ี 5 แมน่ ้ำที่สำคัญของนครศรธี รรมราช
5.1 แม่น้ำปากพนัง
5.2 แม่นำ้ หลวง
5.3 คลองปากพูน
5.4 คลองปากพญา-คลองปากนคร
5.5 คลองเสาธง
5.6 คลองกลาย
5.7 คลองท่าทน
5.8 คลองน้ำตกโยง
2
5.9 คลองมีน
5.10 คลองทา่ เลา
5.11 คลองท่าโลน
เวลาทใี่ ชใ้ นการศกึ ษา 9 ช่วั โมง
สอ่ื การเรยี นรู้
1. ชุดวชิ านครศรีธรรมราชศึกษา รหสั รายวชิ า สค3300168
2. สมุดบนั ทกึ กจิ กรรมการเรียนรูป้ ระกอบชุดวิชานครศรีธรรมราชศกึ ษา
รหสั รายวชิ า สค3300168
3. สอ่ื เสรมิ การเรียนร้อู น่ื ๆ
3
เรอื่ งที่ 1 ทต่ี งั้ ขนาด และอาณาเขตนครศรธี รรมราช
จังหวัดนครศรีธรรมราช ต้ังอยู่ทางตอนกลางของภาคใต้ ห่างจากกรุงเทพมหานคร 780 กิโลเมตร
มีเน้ือท่ีประมาณ 9,942,502 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 6,214,064 ไร่ มีพื้นที่มากเป็นอันดับ 2
ของภาคใต้ และเป็นอันดับท่ี 16 ของประเทศ หรือประมาณ ร้อยละ 1.98 ของพ้ืนที่ท้ังประเทศ ที่ตั้งของ
ตัวจังหวัด ต้ังอยู่ประมาณ ละติจูด 9 องศาเหนือและลองติจูด 100 องศาตะวันออก มีอาณาเขตติดต่อกับ
จังหวดั ต่าง ๆ ดังน้ี
ทิศเหนอื ตดิ ตอ่ กับ จ.สรุ าษฎร์ธานแี ละอา่ วไทย อ.เหนือสุด คือ อ.ขนอม
ทิศใต้ ติดต่อกับ อ.ห้วยยอด จ.ตรงั อ.ควนขนนุ จ.พทั ลุง และ อ.ระโนด จ.สงขลา
อ.ใตส้ ุด คือ อ.หวั ไทร อ.ชะอวด อ.ทุ่งสง และ อ.บางขัน
ทศิ ตะวนั ออก ตดิ ต่อกับ อ่าวไทย ซึง่ มฝี ง่ั ทะเลยาว 225 กโิ ลเมตรจาก อ.ขนอมถึง อ.หวั ไทร
อ.ตะวันออกสุด คือ อ.หวั ไทร
ทิศตะวันตก ติดตอ่ กับ จ.สรุ าษฎรธ์ านี และจ.กระบ่ี อ.ตะวันตกสุด คอื อ.ทงุ่ ใหญ่
4
ท่ีมา :dmcrth.go.th
เรื่องท่ี 2 บริเวณเทือกเขาตอนกลาง
บรเิ วณเทือกเขาตอนกลาง ได้แก่
บริเวณเทือกเขานครศรธี รรมราช มีอาณาเขต
ตั้งแต่ตอนเหนือของจังหวัดลงไปถึงตอนใต้
สุด บริเวณพื้นท่ีของอำเภอ ท่ีอยู่ในเขต
เทือกเขาตอนกลาง ได้แก่ อำเภอสิชล อำเภอ
ข น อ ม อ ำเภ อ ท า่ ศ าล า อ ำ เภ อ เมื อ ง
นครศรีธรรมราช อำเภอลานสกา อำเภอ
พ ร ห ม คี รี อ ำ เ ภ อ
ร่อนพิบูลย์ อำเภอชะอวด อำเภอจุฬาภรณ์ พนื้ ท่ี อ.พรหมครี ี
และอำเภอพระพรหม ในเขตเทือกเขานี้
ทม่ี า : https://www.welovelocal.travel/outingonthetrain
มภี เู ขาสูงสดุ ในจงั หวดั คือ เขาหลวง ซง่ึ สงู ประมาณ 1,835 เมตร เหนือระดบั น้าํ ทะเล
น อ ก จ า ก น้ี เทื อ ก เ ข า ดั ง ก ล่ า ว
ยังเป็นเส้นแบ่งเขตอำเภอ ระหว่างอำเภอ
ทุ่งสง อำเภอฉวาง กับอำเภอ ชะอวด
อำเภอร่อนพิบูลย์ อำเภอลานสกา อำเภอ
เมืองนครศรีธรรมราช อำเภอพรหมคีรี
อำเภอท่าศาลา และเป็นเส้นแบ่งเขต
จังห วัด น ครศ รีธรรม ราช กับ อ ำเภ อ
บ้านนาสาร อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัด
สุราษฎร์ธานีอีกด้วย บริเวณเทือกเขา
ตอนกลาง มีเส้นทางคมนาคม ผ่านจาก พน้ื ที่ อ.ลานสกา
บริเวณท่ีราบชายฝั่งตะวันออกไปยังบริเวณ ทมี่ าhttps://pantip.com/topic/35053664
ท่ีราบด้านตะวันตกคือ ทางหลวงหมายเลข
40 ซ่ึงข้ามจากอำเภอสิชล อำเภอขนอมสู่เขตอำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี และ ทางหลวง
หมายเลข 405 จากอำเภอลานสกา ไปสู่อำเภอฉวาง ในเขตจงั หวัดนครศรีธรรมราช และทางหลวงหมายเลข 4
จาก อำเภอร่อนพบิ ูลย์ ไปสอู่ ำเภอทงุ่ สง
5
เร่อื งท่ี 3 บริเวณที่ราบชายฝ่งั ตะวนั ออก
บริเวณทรี่ าบชายฝ่ังดา้ นตะวันออก
ไดแ้ ก่ บริเวณต้ังแต่เทอื กเขาตอนกลางไปทาง
ตะวันออกถึงฝังทะเลอ่าวไทย จำแนกได้เป็น
2 ตอน คือ ต้ังแต่อำเภอเมืองนครศรธี รรมราช
ลงไปทางใตเ้ ปน็ ทร่ี าบทม่ี คี วามกว้าง
จากบรเิ วณเทือกเขาตอนกลาง ไปถึง
ชายฝ่ังทะเลระยะทางประมาณ 95 กโิ ลเมตร พนื้ ท่อี ำเภอสชิ ล
มีแม่น้าํ ลำคลองที่มีต้นน้ำเกิดจากบรเิ วณ ที่มา : about:blank
เทือกเขาตอนกลางไหลลงสูอ่ ่าวไทยหลายสาย
นับเป็นท่ีราบซ่ึงมีค่าทางเศรษฐกิจของจังหวัด ลำน้ําสำคัญ ได้แก่ แม่น้ำปากพนัง และมีคลอง
สายเล็ก ๆ ในเขตอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช อีกหลายสาย เช่น คลองปากพญาและคลองท้ายวัง เป็นต้น
อีกบรเิ วณหน่งึ คอื ต้งั แตอ่ ำเภอทา่ ศาลาขน้ึ ไปทางทิศเหนอื เปน็ บริเวณ ฝ่ังแคบ ๆ ไมเ่ กิน 15 กิโลเมตรอำเภอท่ี
อยู่ในเขตท่ีราบชายฝั่งทะเลด้านนี้คือ อำเภอขนอม อำเภอสิชล อำเภอท่าศาลา อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช
อำเภอปากพนงั อำเภอเชยี รใหญ่ อำเภอหัวไทร และอำเภอชะอวด
6
เร่อื งที่ 4 บรเิ วณทร่ี าบด้านตะวันตก
บริเวณที่ราบด้านตะวันตก ได้แก่ บริเวณท่ีราบระหว่างเทือกเขานครศรีธรรมราช จึงมีลักษณะเป็น
เนินเขา อยู่เป็นแห่ง ๆ อำเภอท่ีอยู่บริเวณที่ราบด้านนี้คือ อำเภอพิปูน อำเภอทุ่งใหญ่ อำเภอฉวาง อำเภอนา
บอน อำเภอบางขัน อำเภอถํ้าพรรณรา และอำเภอทุ่งสง
ลำนำ้ สำคัญไดแ้ ก่ ต้นน้ำของแม่นำ้ ตาปี ไหลผ่านอำเภอพปิ ูน อำเภอทงุ่ ใหญ่ อำเภอฉวาง
ทม่ี า : https://www.naewna.com/likesara
เรอ่ื งท่ี 5 แม่นำ้ ทสี่ ำคัญของนครศรีธรรมราช
แม่น้ำทส่ี ำคัญของนครศรีธรรมราช ประกอบด้วย แม่น้ำปากพนงั แม่นำ้ หลวง คลองปากพนู คลอง
ปากพญา-คลองปากนคร คลองเสาธง คลองกลาย คลองท่าทน คลองน้ำตกโยง คลองมีน คลองท่าเลาและ
คลองท่าโลน โดยมีรายละเอียด ดงั นี้
7
5.1 แม่นำ้ ปากพนัง
ต้ น น้ ำ เ กิ ด จ า ก เ ทื อ ก เข า บ ร ร ทั ด
ในเขตตำบลวังอ่าง อำเภอชะอวด ไหลผ่าน
อำเภอชะอวด อำเภอเชียรใหญ่ และมีสาขา
จากอำเภ อหัวไทร ไหลมารวมกันท่ีบ้าน
ปากแพรก กลายเป็นแม่น้ำปากพนัง ไหลลงสู่
อา่ วนครศรีธรรมราช นับเป็นแม่น้ำท่ีสำคัญทาง
เศรษฐกิจของจังหวัดมาก โดยเฉพาะทางการ
เกษตรกรรม บริเวณลุ่มน้ำปากพนังและสาขา ท่ีมา : https://www.nakhononline.com/3387/
เป็นบริเวณที่ราบมีพื้นท่ีนากว่า 500,000 ไร่
มีโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเน่ืองมาจากพระราชดำริ ดำเนินการโดยกรมชลประทาน และแม่น้ำ
ปากพนงั เปน็ ที่ต้งั ของทา่ เทียบเรอื ประมงจังหวดั นครศรีธรรมราช และตลาดกลางกุ้งกลุ าดำนครศรธี รรมราช
5.2 แม่นำ้ หลวง
เป็นสาขาหนึ่งของแม่น้ําตาปี ต้นน้ํา
เกิ ด จ า ก บ ริ เว ณ ทิ ศ ต ะ วั น ต ก ข อ งเทื อ ก เข า
นครศรีธรรมราช และเทือกเขาภูเก็ต ส่วนที่
เกิดจากเทือกเขานครศรีธรรมราช มีต้นน้ําอยู่
ในเขตอำเภอพิปูน และอำเภอฉวาง ไหลผ่าน
อำเภอฉวางและอำเภอทุ่งใหญ่ เข้าเขตจังหวัด แม่น้ำหลวง
สุราษฎร์ธานีในเขตอำเภอพระแสง อำเภอ ทม่ี า : http://oknation.nationtv.tv/blog
นาสารไปรวมกับแม่นํ้าคีรีรัฐนิคม (แม่น้ํา
พุมดวง) ท่ีอำเภอพุนพิน เรียกว่า “แม่น้ำตาปี” แล้วไหลลงสู่อ่าวบ้านดอน จังหวัดสุราษฎร์ธานี แม่น้ําสายน้ี
เป็นแมน่ ้ำสายทมี่ คี วามยาวท่สี ุดของภาคใต้
5.3 คลองปากพูน
ต้ น น้ํ า เกิ ด จ า ก เทื อ ก เข า
น ค ร ศ รี ธ ร ร ม ร า ช บ ริ เว ณ เข า ห ล ว ง ท า ง
ด้านตะวันออกของเทือกเขา ต้นนํ้าอยู่ที่
นํ้าตกพรหมโลก ในเขตอำเภอพรหมคีรี
ไห ลไป ท างทิ ศ ตะวัน ออ กผ่าน ต ำบ ล
บ้านเกาะ อำเภอพรหมคีรี และบ้านท่าแพ
คลองปากพนู
ท่มี า : http://oknation.nationtv.tv
8
ต ำ บ ล ป า ก พู น อ ำ เ ภ อ เ มื อ ง แ ล้ ว ไ ห ล ล ง สู่
อ่ า ว น ค ร ศ รี ธ ร ร ม ร า ช ต้ น น้ ำ เ รี ย ก ว่ า
ค ล อ ง น อ ก ท่ า ใ ก ล้ ป า ก น้ ำ เ รี ย ก ว่ า
คลองปากพูน เป็นคลองท่มี คี วามสำคญั ทางเศรษฐกจิ มาแตส่ มัยโบราณ
5.4 คลองปากพญา-คลองปากนคร
ต้นนํ้าเกิดจากแหล่งนํา้ หลายสาขา
ใน เข ต เทื อ ก เข า น ค ร ศ รี ธ ร ร ม ร า ช
โดยเฉพาะที่เขาคีรีวง ตำบลกำโลน อำเภอ
ลานสกา ไหลผ่านอำเภอเมือง ต้นนาํ้ เรยี กว่า
คลองท่าดี ผ่านตำบลกำแพงเซา ตำบล
มะม่วงสองต้น อำเภอเมือง เม่ือไหลมาถึง
สันทรายซ่ึงเป็นที่ตั้งตัวเมือง คลองแบ่งแยก คลองปากพญา-คลองปากนคร
เป็ น ห ล า ย ส า ข า ส าย ห นึ่ งไห ล เลี ย บ
ตัวเมืองข้ึนไปทางตะวันออกผ่านตัวเมือง ท่มี า : https://pimnatnicha14.wordpress.com
ท่สี ะพานราเมศวร์ ตำบลท่าวัง ผ่านตำบลท่าซัก ออกทะเล ที่ปากพญา เรียกว่า คลองปากพญา ซึ่งเป็นคลองท่ี
มีความสำคัญ ด้านประวัติศาสตร์เศรษฐกิจของจังหวัด มีหลักฐานว่า เดิมมีขนาดกว้างและลึก
เรือกำปั่นขนาดใหญเ่ ขา้ มาตดิ ต่อค้าขายได้ถึงตวั เมืองนครศรีธรรมราช
5.5 คลองเสาธง
ต้นนํ้าเกิดจากเทือกเขานครศรีธรรมราช ในเขตอำเภอลานสกา คลองนี้มีชื่อเรียกกันหลายช่ือ
ตามท้องที่ท่ีคลองไหลผ่าน คือ เมื่อไหลจากน้ําตกกะโรม เรียกว่า คลองเขาแก้ว เม่ือไหลเข้าสู่อำเภอ
รอ่ นพบิ ลู ย์ เรยี กว่า คลองเสาธง เม่ือไหลผ่านบา้ นโคกคราม อำเภอร่อนพบิ ูลย์ เรียกว่า คลองโคกคราม เมือ่ ไหล
เข้าสู่ตำบลชะเมา เรียกว่า คลองชะเมา เม่ือถึงหนองน้ํามนต์มีคลองแยกไปลงคลองปากนคร แต่ส่วนใหญ่ออก
ทะเลท่ีปากคลองบางจากตอนปลาย คลองนี้จึงเรียกว่า คลองบางจาก คลองนี้เป็นคลองที่แบ่งเขตอำเภอเมือง
นครศรีธรรมราชกับอำเภอปากพนัง ในสมัยท่ีพระยาสุขุมนัยวินิตเป็นเทศาภิบาลมณฑลนครศรีธรรมราช
ได้ขุดคลองนี้เชื่อมกับแม่น้ำปากพนัง เรียกว่า คลองสุขุม ท่ีตำบลบางจากกรมชลประทานได้สร้างประตูระบาย
น้ำเพื่อเก็บกักน้ำไว้ในลำคลองและป้องกันน้ำเค็ม ระบายให้แก,คลองสุขุม และช่วยการเกษตรกรรมพื้นที่
58,200 ไร่
9
คลองเสาธง
ทม่ี า : https://pimnatnicha14.wordpress.com
5.6 คลองกลาย
ต้ น น้ ำ เ กิ ด จ า ก เ ทื อ ก เ ข า
นครศรีธรรมราช ในเขตพื้นที่ อำเภอนบพิตำ
ไหลไปออกทะเลที่อำเภอท่าศาลา คลองกลาย
เป็นท่ีรู้จักของชาวนครศรีธรรมราช เพราะมี
สะพานทย่ี าวทีส่ ุดในจังหวัดนครศรธี รรมราช
คลองกลาย
ท่มี า : https://pimnatnicha14.wordpress.com
5.7 คลองท่าทน
ต้ น น้ ำ เ กิ ด จ า ก เ ทื อ ก เ ข า
นครศรีธรรมราชตอนบน ไหลลงสู่อ่าวไทยท่ี
อำเภอสิชล
คลองทา่ ทน
ทม่ี า : https://pimnatnicha14.wordpress.com
5.8 คลองน้ำตกโยง
คลองนา้ ตกโยง
ท่มี า : https://pimnatnicha14.wordpress.com
10
ต้นน้ําเกิดจากเทือกเขานครศรีธรรมราช ด้านตะวันตกบริเวณน้ําตกโยงตำบลถ้ําใหญ่ อำเภอทุ่งสง
แล้วไหลผ่านตำบลปากแพรก ตำบลชะมาย ตำบลที่วัง และตำบลกะปาง เข้าสู่อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง
กลายเป็นสาขาหน่ึงของแม่น้ําตรัง
5.9 คลองมีน
ต้นน้ําเกิดจากภูเขาสามจอมในเขตอำเภอ
ทุ่งใหญ่ ไหลลงมาทางตะวันออกเฉียงเหนือผ่าน
บ้านห้วยญวณข้างเหนือ ผ่านบ้านเขาขาว สหกรณ์
นิคมทุ่งสง บ้านลำสาย บ้านทุ่งส้าน สถานีรถไฟ
หลักช้าง บ้านปากนํ้า คลองจันดี ไหลไปเป็นสาขา
หนึ่งของแม่น้ําหลวงหรือแม่น้ําตาปี และออก
อ่าวบ้านดอน จังหวดั สุราษฎรธ์ านี
คลองมนี
ท่มี า : https://pimnatnicha14.wordpress.com
5.10 คลองท่าเลา คลองท่าเลา
ต้นน้ําเกิดจากภูเขาวังหีบ อำเภอทุ่งสง ท่ีมา : https://pimnatnicha14.wordpress.com
ซึ่งเป็ น ภู เข าลู ก ห นึ่ งใน เทื อ ก เข าน ค รศ รีธ รรม ราช
ไหลลงทางใต้ผ่านบ้านประดู่ บา้ นท่าเลา บา้ นปังทอง
บ้านเขาปรีดี สถานีรถไฟทุ่งสง บ้านตลาดใน
บ้ าน ด่ าน ป าบ บ้ าน ห้ ว ย ขั น บ้ าน เข าก ล าย
บา้ นนาหลานา้ํ บ้านฉลาง บ้านเขาโร แลว้ เขา้ อำเภอ
11
ห้วยยอด อำเภอเมืองตรัง และออกทะเลอนั ดามันท่ี อำเภอกันตงั จังหวดั ตรงั
5.11 คลองทา่ โลน คลองทา่ โลน
ต้นนํ้าเกิดจากภูเขาปลายเบิกใกล้ ๆ ทมี่ า : https://pimnatnicha14.wordpress.com
กับภูเขาวังหีบในอำเภอทุ่งสง ไหลลงทางใต้
ผ่านบ้านท่าเลา บ้านเป็นคุ้ง ที่ว่าการอำเภอทุ่งสง
ด้านตะวันออก บ้านในหวัง บ้านด่านปาบ บ้านห้วย
ขั น แ ล้ ว ร ว ม เข้ า เป็ น ล ำ น้ํ า เดี ย ว กั น กั บ
คลองท่าเลา ไหลผ่านภูเขากลาย บ้านเขาโร
เข้าอำเภอห้วยยอด อำเภอเมืองตรัง และออกทะเล
อันดามนั ในเขตอำเภอกนั ตังที่ปนั หยี จงั หวัดตรัง
1
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 3
ลักษณะภมู อิ ากาศนครศรีธรรมราช
สาระสำคญั
ลักษณะทางกายภาพของพนื้ นครศรธี รรมราช ท่ีส่งผลตอ่ การเกดิ ภัยพิบัตทิ ี่แตกตา่ งกนั การ
เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างลักษณะทางกายภาพในประเทศไทยกับภัยพิบัติจะช่วยให้มนุษย์อาศัย
อยู่รว่ มกับธรรมชาติอยา่ งยั่งยนื
ตัวชี้วดั
1. ระบุฤดูกาลของนครศรีธรรมราช
2. อธบิ ายและยกตัวอย่างภัยธรรมชาติท่เี กิดขนึ้ ในจังหวัดนครศรีธรรมราช
ขอบขา่ ยเน้ือหา
เรือ่ งท่ี 1 ฤดกู าลของนครศรีธรรมราช
1.1 ฤดูฝน
1.2 ฤดูรอ้ น
เรือ่ งท่ี 2 ภยั ธรรมชาตทิ เ่ี กิดขึน้ ในจังหวดั นครศรีธรรมราช
2.1 อทุ กภัย
2.2 วาตภัย
2.3 ภยั แล้ง
2.4 ไฟปา่
เวลาท่ใี ช้ในการศกึ ษา 9 ช่วั โมง
ส่อื การเรยี นรู้
1. ชดุ วชิ านครศรีธรรมราชศึกษา รหัสรายวิชา สค3300168
2. สมดุ บนั ทึกกิจกรรมการเรยี นรู้ประกอบชุดวชิ านครศรีธรรมราชศึกษา
2
รหสั รายวิชา สค3300168
3. สอ่ื เสริมการเรยี นรูอ้ นื่ ๆ
เร่อื งท่ี 1 ฤดกู าลของนครศรีธรรมราช
ลักษณะภูมิอากาศของจังหวัดนครศรีธรรมราชจากสถานท่ีตั้งอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร และมีภูเขา
แบ่งพ้ืนที่เป็น 2 คาบสมุทร คือ ด้านตะวันออกเป็นทะเลจีนใต้มหาสมุทรแปซิฟิก ส่วนด้านต ะวันตก
เปน็ ทะเลอนั ดามนั มหาสมุทร อนิ เดีย สง่ ผลใหจ้ งั หวดั นครศรีธรรมราชมีอุณหภูมิ ดังน้ี
อุณหภมู ิ เฉลี่ยทงั้ ปี 27.0 °c
อุณหภูมสิ ูงสุดเฉลยี่ ท้งั ปี 32.1 °c
อณุ หภูมติ ่ำสดุ เฉล่ยี ทัง้ ปี 23.0 °c
นอกจากนี้ยังได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมจากมหาสมุทรอินเดียและพายุหมุนเขตร้อนจากทะเล
จีนใต้ ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดผ่านมหาสมุทรอินเดีย และทะเลอันดามัน เข้าสู่ประเทศไทยบริเวณชายฝ่ัง
ตะวันตก จึงมีฝนตกชุก แต่จังหวัดนครศรีธรรมราชมีเทือกเขาทางตะวันตกและตอนกลางเป็นแนวกั้น
ทิศทางลม ทำให้ได้รับอิทธิพลไม่มากนัก ลมมรสุมดังกล่าวอยู่ในช่วงประมาณ เดือนพฤษภาคม
ถึงเดือนตุลาคม
1.1 ฤดฝู น
1.1.1 ต้ังแต่เดือน พฤษภาคม - ตุลาคม ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้
แต่เนื่องจากมีเทือกเขานครศรีธรรมราชที่สูงชัน เป็นที่กั้นทิศทางลมจึงมีฝนตกไม่มากนัก พื้นท่ี
ที่ได้รับฝน คือ พ้ืนท่ีทางตะวันตกของเทือกเขา จำนวน 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอทุ่งใหญ่ อำเภอฉวาง
อำเภอพปิ ูน อำเภอทงุ่ สง อำเภอบางขนั อำเภอช้างกลาง อำเภอถ้ำพรรณรา อำเภอนาบอน
1.1.2 ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน - กุมภาพันธ์ ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ
ทำให้มีฝนตกหนาแน่น ประกอบด้วย 15 อำเภอ ได้แก่ อำเภอขนอม อำเภอจุฬาภรณ์ อำเภอชะอวด อำเภอ
เฉลิมพระเกียรติ อำเภอท่าศาลา อำเภอนบพิตำ อำเภอปากพนัง อำเภอพรหมคีรี อำเภอพระพรหม อำเภอ
เมืองนครศรีธรรมราช อำเภอรอ่ นพบิ ูลย์ อำเภอลานสกา อำเภอสิชล อำเภอหวั ไทร อำเภอเชียรใหญ่ เนื่องจาก
พน้ื ท่ีสว่ นใหญต่ งั้ อยูด่ ้านรบั ลมทำให้เกิดอทุ กภยั ขนึ้ เปน็ ประจำทุกปี
เกณฑป์ รมิ าณฝนตก
ปรมิ าณฝนตก ตงั้ แต่ 0.1 - 10.0 มลิ ลิเมตร/วนั เรยี กว่า ฝนตกเลก็ นอ้ ย
ปรมิ าณฝนตก ตั้งแต่ 10.1 - 35.0 มลิ ลิเมตร/วนั เรยี กว่า ฝนตกปานกลาง
ปรมิ าณฝนตก ตงั้ แต่ 35.1 - 90 มิลลิเมตร/วนั เรยี กวา่ ฝนตกหนกั
ปรมิ าณฝนตก ตั้งแต่ 90.1 มลิ ลิเมตรขึน้ ไป เรียนวา่ ฝนตกหนักมาก
สถานีอุตุนิยมวิทยาจังหวัดนครศรีธรรมราช เก็บข้อมูลปริมาณน้ำฝน จำนวน 5 ปี (ระหว่าง
พ.ศ. 2557-2561) ปรมิ าณน้ำฝนสูงสุด คือ เดอื นพฤศจกิ ายน รองลงมาคือ เดือน ธันวาคม และเดือนมกราคม
3
1.2 ฤดูรอ้ น
จังหวัดนครศรีธรรมราช เร่ิมเข้าฤดูร้อนต้ังแต่เดือนกลางเดือนมกราคม - กลางเดือนพฤษภาคม
ระยะเวลา 3 เดือน อุณหภูมิ ระยะเวลา 5 ปี ต้ังแต่ปี 2557 - 2561 อุณหภูมิสูงสุดอยู่ในช่วงระหว่าง
เดือนเมษายน - สิงหาคม เดือนที่มีอุณหภูมิสูงสุด คือ เดือนพฤษภาคม รองลงมาคอื เดือนมิถุนายน และเดือน
เมษายน อุณ หภูมิต่ำสุดอยู่ในช่วงระหว่างเดือนมกราคม - มีนาคม เดือนที่มีอุณ หภูมิต่ ำสุด คือ
เดือนกุมภาพนั ธ์ รองลงมา คือ เดอื นมกราคม และเดือนมนี าคม
เรือ่ งท่ี 2 ภยั ธรรมชาติท่เี กดิ ขนึ้ ในจังหวดั นครศรีธรรมราช
จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นจังหวัดท่ีมีขนาดใหญ่ มีลักษณะทางกายภาพของพ้ืนท่ีเป็นภูเขา
ป่าไม้ นาข้าว ป่าพรุและทะเล ข้ึนกับทำเลท่ีตั้ง การได้รับอิทธิพลในทางลบจากธรรมชาติหรือที่เรียกว่า
ภัยธรรมชาตอิ ยา่ งหลากหลาย ได้แก่ น้ำท่วม ดนิ ถลม่ พายุ การกดั เซาะชายฝั่งทะเล ภยั แล้ง และไฟป่า
2.1 อทุ กภัย
อุทกภัย คือ ภัยหรืออันตรายท่ีเกิดจากน้ำท่วม หรืออันตรายอันเกิดจากสภาวะท่ีน้ำไหล เอ่อล้น
ฝั่งแม่น้ำ ลำธาร หรือทางน้ำเข้าท่วมพื้นท่ี ซึ่งโดยปกติแล้วไม่ได้อยู่ใต้ระดับน้ำ หรือเกิดจากการสะสมน้ำ
บนพื้นท่ี ซึ่งระบายออกไม่ทัน ทำให้พ้ืนท่ีน้ันปกคลุมไปด้วยน้ำ พื้นท่ีและบริเวณที่อาจจะเกิดอุทกภัย
ดนิ ถล่มจะเปน็ ท่ีราบลุ่มบริเวณริมตลิง่ และเชิงเขา เกิดการเล่ือนไหลของตะกอนมวลดินและหินทอ่ี ยบู่ นภเู ขาสูท่ ่ี
ต่ำในลำห้วยและทางน้ำขณะเม่ือมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ลักษณะของพ้ืนท่ีเส่ียงอุทกภัย-ดินถล่ม จังหวัด
นครศรธี รรมราช
2.1.1 อุทกภัยท่ีเกิดจากนำ้ ทว่ ม
แบง่ เปน็ ลกั ษณะใหญ่ 2 ลกั ษณะดงั นี้
1) น้ำทว่ มขงั /นำ้ ล้นตลิ่ง
เป็นสภาวะน้ำท่วมที่เกิดข้ึน เน่ืองจากระบบระบายน้ำไม่มีประสิทธิภาพ มีสิ่ง
กีดขวางทางน้ำ มักเกิดขึ้นในบริเวณท่ีราบลุ่มแม่น้ำและบริเวณชุมชนเมือง มีลักษณะค่อยเป็นค่อยไป ซ่ึงเกิด
จากฝนตกหนัก ณ บริเวณน้ัน ๆ ติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน หรือเกิดจากสภาวะน้ำล้นตล่ิง น้ำท่วมขัง
ส่วนใหญ่จะเกิดบริเวณท้ายน้ำ และมีลักษณะแผ่เป็นบริเวณ
กว้างเน่ืองจากไม่สามารถระบายได้ทัน ความเสียหายจะเกิดกับ
พืชผลทางการเกษตร และทรัพยส์ นิ
2) น้ำท่วมฉบั พลัน
4
เกิดขึ้นเน่ืองจากอิทธิพลจาก หย่อมความกดอากาศต่ำ (เกิดพายุอ่อนๆ) ร่องความกด
อากาศต่ำและพายุเคล่ือนตัวผ่าน ซึ่งอาจจะไม่มีฝนตกหนักในบรเิ วณน้ันมาก่อน แต่มีฝนตกหนักมากบริเวณต้น
น้ำที่อยู่ห่างออกไป น้ำท่วมฉับพลันมีความรุนแรงและเคล่ือนที่ด้วยความรวดเร็วมาก โอกาสท่ีจะป้องกันและ
หลบหนี จงึ มนี ้อยทำให้ได้รับความเสยี หาย ท้งั ชวี ติ และทรัพยส์ ิน
2. สาเหตุการเกดิ อุทกภยั
2.1 เกิดจากธรรมชาติ
1. ฝนตกหนักจากพายุหรือพายุฝนฟ้าคะนอง เป็นพายุท่ีเกิดข้ึนติดต่อกันเป็นเวลา
หลายชั่วโมง มีปริมาณฝนตกหนกั มาก ไหลลงสูต่ ้นนำ้ ลำธารไม่ทัน จึงทว่ มพ้นื ท่ี ทอ่ี ยู่ในทต่ี ่ำมกั เกิดในชว่ งฤดฝู น
หรอื ฤดรู อ้ น
2. ฝนตกหนักในป่าบนภูเขา มีปริมาณมาก น้ำไหลเช่ียวอย่างรุนแรงลงสู่-ท่ีราบ
เชิงเขา ทำให้เกิดน้ำท่วมขึ้นอย่างกะทันหัน เรียกว่า น้ำท่วมฉับพลัน เกิดข้ึนหลังจากที่มีฝนตกหนักในช่วง
ระยะเวลาส้ันๆ หรือเกิดก่อนท่ีฝนจะหยุดตก มักเกิดขึ้นในลำธารเล็ก ๆ โดยเฉพาะตอนที่อยู่ใกล้ต้นน้ำของ
บริเวณลุ่มน้ำ ระดับน้ำจะสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ผลจากพายุหรือลมมรสุมมีกำลังแรง มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ เป็น
มรสุมท่ีพัดพาความช้ืนจากมหาสมุทรอินเดียเข้าสู่ประเทศไทย ทำให้จังหวัดนครศรีธรรมราช มีฝนตกต้ังแต่
ปลายเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม และระหว่างเดือนตุลาคม-กมุ ภาพันธ์ มลี มมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้
จงั หวดั นครศรีธรรมราช จะมีฝนตกชุกอีกครั้ง เน่ืองจากมรสุมนี้นำความชุ่มช่ืนจากทะเลจีนใต้ เมอ่ื กำลังลมแรง
เป็นระยะเวลาหลายวัน ทำให้เกิดคลื่นลมแรง ระดับน้ำในทะเลตามขอบฝ่ังจะสูงข้ึน ประกอบกับมีฝนตกหนัก
ทำใหเ้ กิดนำ้ ท่วมได้
3. ผลจากพายุหรือลมมรสุมมีกำลังแรง มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ เป็นมรสุมท่ีพัดพา
ความช้ืนจากมหาสมุทรอินเดียเข้าสู่ประเทศไทย ทำให้จังหวัดนครศรีธรรมราช มีฝนตกตั้งแต่ปลายเดือน
พฤษภาคม - กรกฎาคม และระหว่างเดือนตุลาคม - กุมภาพันธ์ มีลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้จังหวัด
นครศรีธรรมราช จะมีฝนตกชุกอีกคร้ัง เน่ืองจากมรสุมนี้นำความชุ่มชื้นจากทะเลจีนใต้ เมื่อกำลังแรงเป็น
ระยะเวลาหลายวัน ทำให้เกิดคลน่ื ลมแรง ระดับนำ้ ในทะเลตามขอบฝ่ังจะสงู ขน้ึ ประกอบกับมีฝนตกหนักทำให้
เกิดนำ้ ทว่ มได้
2.2 เกิดจากมนษุ ย์
1. การตัดไม้ทำลายป่าในพื้นท่ีเสี่ยงภัย เมื่อเกิดฝนตกหนักจะทำให้อัตราการไหลของ
กระแสน้ำเพิ่มขึ้นและไหลมาเร็วขึ้น เป็นการเพ่ิมความ รุนแรง
ของน้ำในการทำลาย ทำใหด้ ินถล่มรากไม้ ขนาดใหญ่ถูกชะ ล้างให้
ไหลลงมาในทอ้ งน้ำ
5
2. การขยายเขตเมืองลุกล้ำเข้าไปในพื้นท่ีลุ่มต่ำซึ่งเป็นแหล่งเก็บน้ำธรรมชาติ ทำให้ไม่มี
ทร่ี ับนำ้ ดงั นน้ั เม่ือน้ำล้นตล่งิ ก็จะเข้าไปท่วมบรเิ วณท่ีเป็นพื้นทีล่ ุ่มตำ่ ซง่ึ เป็นเขตเมอื งที่ขยายใหมก่ ่อน
3. การก่อสรา้ งอาคารบา้ นเรือนขวางทางนำ้ ธรรมชาติ
4. การออกแบบทางระบายน้ำของถนนไม่เพียงพอ ทำใหน้ ำ้ ลน้ เออ่ ในเขตเมือง
5. การก่อสร้างในบรเิ วณเชิงเขาท่ีลาดชัน โดยไมม่ กี ารคำนวณด้านวิศวกรรมท่ีดีพอ
6. การเกษตรในพ้นื ทล่ี าดชันเชงิ เขา
7. การกำจดั พชื ทีป่ กคลมุ ดนิ
8. ชุมชนสว่ นใหญ่ตั้งอยูบ่ รเิ วณเชิงเขาและท่รี าบลุ่ม
9. การบุกรกุ พ้นื ทปี่ ่า
10. การเปลยี่ นแปลงการใช้ประโยชนท์ ่ดี นิ ท่ไี มเ่ หมาะสมกับสภาพพน้ื ที่
3.การปอ้ งกนั อทุ กภัย
3.1 ก่อนเกิดอุทกภยั
3.1.1 การเตอื นภัยจากธรรมชาติ มขี ้อสังเกต ดังน้ี
1. มีฝนตกหนกั ถงึ หนกั มากตลอดทงั้ วัน
2. มีนำ้ ไหลซึมหรือนำ้ พพุ ุ่งขึ้นมาจากใต้ดนิ นอกจากน้ีอาจจะสังเกตจากลกั ษณะการอุ้ม
นำ้ ของชน้ั ดิน เนอ่ื งจากการเกดิ ดนิ ถลม่ ดนิ จะอิ่มตวั ดว้ ยนำ้ หรือชุ่มนำ้ มากกวา่ ปกติ
3. ระดบั น้ำในแมน่ ้ำลำห้วยเพม่ิ สูงขึ้นอยา่ งรวดเรว็ ผดิ ปกติ
4. สขี องน้ำมสี ขี นุ่ มากกว่าปกติ
5. มกี ่ิงไมห้ รอื ท่อนไม้ไหลมากับกระแสน้ำ
6. เกดิ ชอ่ งทางเดินนำ้ แยกข้นึ ใหม่หรอื หายไปจากเดมิ
7. ต้นไม้ เสาไฟ รัว้ หรือกำแพงเอียงหรอื ลม้ ลง
8. เกิดรอยแตกร้าวขึ้นท่ีโครงสร้างต่างๆ ในสง่ิ ก่อสรา้ ง เช่น รอยแยกระหว่างวงกบกับ
ประตู หรือระหว่างวงกบกับหนา้ ตา่ งขยายใหญข่ ้ึน
3.1.2 การเตอื นภยั จากมนุษย์ มีข้อสงั เกตดงั นี้