46
3) หาดหน้าด่าน คือ หาดที่อยู่บริเวณตอนกลางของอ่าวขนอม ชายหาดเป็นแนวยาว
ทรายขาวเม็ดทรายละเอียด เหมาะแก่การเล่นน้ําทะเล บรรยากาศสงบเงียบ สะอาด สามารถมองทิวทัศน์
ท้องทะเลสีครามสวยงาม มีท่ีพักและร้านอาหารริมหาดให้บริการแก่นักท่องเที่ยว ทั้งนี้ ในอดีตบริเวณ
หาดหน้าด่าน เคยเป็นท่าเรือสินค้าชุมชนชาวจีนซึ่งเป็นต้นตระกูลของชาวจีนอำเภอขนอมในปัจจุบัน
เคยเป็นทีต่ ัง้ ตลาดค้าขายมานบั รอ้ ยปี เพิ่งเลิกไปเม่อื พ.ศ.2505 ครั้งที่เกดิ มหาวาตภัยท่แี หลมตะลุมพกุ ปัจจบุ ัน
ตลาดไดย้ ้ายไปอยู่ท่ีตลาดสแ่ี ยก หา่ งจากหาดขนอมไปประมาณ 1.8 กิโลเมตร นบั ได้ว่าตลาดการคา้ มีตน้ กำเนิด
ณ ท่บี รเิ วณหาดหนา้ ดา่ นแห่งน้ี
หาดหน้าด่าน
4) เขาหินพับผ้า อยู่ในอำเภอขนอม เป็นปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาที่เห็นได้บนเขาหิน
และเกาะบางเกาะในทะเลขนอม บริเวณหน้าอ่าวเตล็ด คือ ท่ีเกาะท่าไร่ เกาะนุ้ยนอก เขาหลักซอ และชายฝั่ง
อ่าวเตล็ด ลักษณะท่ีเห็นจะเหมือนเป็นแผ่นหินที่ทับซ้อนเรียงกันเป็นชน้ั ๆ สูงขึ้นไป ด้านบนมีต้นไม้ข้ึนปกคลุม
หลากหลายชนดิ บางชนิดกด็ ูแปลกตาออกไป สำหรับการเกิดของเขาหนิ พับผ้าเกดิ จากกระบวนการหินตะกอน
ท่ีมีการตกตะกอนของหินท่ีมีส่วนประกอบและความแข็งต่างกัน เป็นช้ัน ๆ ในท้องทะเล ต่อมามีการเอียงและ
ยกตัวของเปลือกโลก ช้ันหินดังกล่าวก็เกิดเป็นหน้าผา เมื่อถูกกระแสน้ำและลมกัดกร่อนเอาชั้นท่ีอ่อนกว่าออก
เหลือชั้นท่ีแข็งแกร่งกว่า ก็จะดเู หมอื นแผ่นหินท่ีซอ้ นกันเป็นชั้น ๆ เปรียบเหมือนขนมช้ันหรือผา้ ท่ีพับไว้ จึงเป็น
ที่มาของชื่อ “หินพับผ้า” เม่ือนักท่องเที่ยวฝรั่งได้มาเห็นที่น่ีก็บอกว่าเขาหินลักษณ ะนี้คล้ายกับ
“PancakeRock” ที่เมือง Punakaiki ประเทศนิวซีแลนด์ ก็เลยเรียกหินพับผ้าเหล่าน้ีว่า “แพนเค้กร็อค
เมืองไทย” ทั้งน้ี การจะมาเยี่ยมชมต้องไปเช่าเรือหางยาวที่แหลมประทับ เรือ 1 ลำ นั่งได้ 7 คน ควรจะมา
เชา้ ๆ เพราะอาจจะได้เห็นโลมาสชี มพดู ว้ ยในระหวา่ งน่ังเรอื ชมหนิ พบั ผ้า
47
5) หาดทรายแก้ว เป็นหาดทรายที่สวยงามมากแห่งหน่ึงในอำเภอท่าศาลา นักท่องเท่ียว
สามารถมานั่งชมพระอาทิตย์ขน้ึ เล่นน้ำทะเล กินอาหารท่ีทะเลสด ๆ อร่อยไดท้ ่ีร้านอาหารหาดทรายแก้ว และ
มานอนนับดาวได้ที่หาดทรายแก้วรีสอร์ท และถึงแม้ว่าหาดทรายชายทะเลแห่งนี้น้ีจะไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แต่
เป็นสถานท่ีพักผ่อนที่สงบร่มร่ืนสวยงามตามแบบชายฝังทะเลตะวันออก ด้วยแนวหาดทรายยาวท่ีมีทิวสนและ
ดงมะพร้าวเป็นฉากหลังนับว่าเปน็ ความสุขท่หี าได้ในราคาไม่แพงเลย
6) หาดท้องชิง ยาวประมาณ 1,300 เมตร รายล้อมด้วยหาดท้องชิง เว้ิงอ่าวที่ถูกห้อมล้อม
ด้วยทิวเขาทั้งสามด้าน ทำให้พ้ืนท่ีน้ีเกือบถูกตัดขาดจากโลกภายนอก จึงยังคงรักษาสภาพธรรมชาติไว้ได้เป็น
อย่างดี เป็นหาดที่มีพ้ืนที่ต่อจากหาดแขวงเภา มีหาดทรายขาว สวนมะพร้าว มีภูเขาไชยสนอยู่ทางใต้ของหาด
สูงกว่า 500 เมตร ปิดก้ันการเดินทางและเสียงจ ากรถยนต์ ได้ยินเฉพาะเสียงเรือ ลักษณ ะพ้ืนท่ี
ยังเป็นธรรมชาติ เหมาะแก่การตัง้ แคมป์ สำหรบั หมคู่ ณะใหญ่ทช่ี ื่นชอบการผจญภัย มที ่ีพักริมหาด ดา้ นบนมีที่
พักของอุทยานๆ สำหรับนกั ท่องเที่ยว
7) อ่าวท้องหยี อยู่เลยจากหาดในเพลาไปทางใต้ นับได้ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางใต้สุด
ของทะเลขนอม มีสภาพแวดล้อมเป็นธรรมชาติที่สมบูรณ์ชายหาดสงบเงียบและเป็นส่วนตัว และเน่ืองจาก
48
อ่าวท้องหยี เป็นแนวโค้งชายหาดลาดลงสทู่ ะเล สลับโขดหินสวยงามเหมาะทจ่ี ะลงเล่นน้ํา จึงเหมาะสำหรบั การ
พักแรมแบบแคมป์ป้งิ หรอื กางเต็นท์ รวมถงึ มีเรือประมงมาขึ้นฝังอ่าวท้องหยดี ้วยสามารถหาซื้อปลาสดไดก้ ันที่นี่
อกี ทง้ั บริเวณแนวหาดทอ้ งหยพี บว่ามแี นวปะการงั ท่ีสมบรู ณ์มาก
8) ชมโลมาสีชมพู สัญลกั ษณ์แห่งท้องทะเลขนอม ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยา3กรทางธรรมชาติใน
อำเภอด้วยกัน คือ อำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี อำเภอขนอมและอำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช
ซึง่ มีพื้นท่ีติดต่อกันทั้งทางบกและทางทะเล ซึ่งในปัจจบุ ันการออกไปท่องเที่ยวชมโลมาในทะเลกำลังเป็นที่นิยม
อย่างมาก
โลมาสีชมพู
9) หลวงปู่ทวด ความมหัศจรรย์ของเกาะแห่งน้ี คือ มีบ่อน้ำธรรมชาติเส้นผ่าศูนย์กลาง
ประมาณ 30 นว้ิ เป็นบ่อน้ําจืดจากแผ่นดินใหญ่ ถือเป็น Unseen Thailand (อันซีน ไทยแลนด์) แห่งหนึง่ ของ
ประเทศไทย โดยเวลาท่ีน้ำทะเลข้ึนจะกลบบ่อน้ำจนมองไม่เห็น ต่อเมื่อน้ำทะเลลดลงจะเผยให้เห็น
บ่อน้ำจืด ชาวบ้านแถบน้ีเชื่อว่า “บ่อน้ำจืด” คือ บริเวณที่หลวงปู่ทวดได้เคยมาเหยียบน้ำทะเลให้กลายเป็น
น้ำจืดตามตำนาน ดังน้ัน บนยอดเขาของเกาะจึงมีหลวงปู่ทวดประดิษฐานอยู่ ซ่ึงช่วงเวลาท่ีควรไปเที่ยว คือ
ตง้ั แต่เช้าเพราะเป็นช่วงท่ีน้ำทะเลยังไม่ข้ึน หากไปสาย ๆ จะไม่สามารถชิมนํ้าจืดได้ ทั้งน้ี นักท่องเท่ียวสามารถ
เดินทางมาท่ีเกาะไดโ้ ดยใช้เรอื หางยาว จากทา่ เรือแหลมประทบั
หลวงปู่ทวด เกาะนุย้ นอก
49
สิ่งอำนวยความสะดวก อุทยานแห่งชาติ ยังไม่ที่พักไว้บริการนักท่องเท่ียว มีแต่สถานท่ี กาง
เต็นท์ให้บริการนักท่องเที่ยว เน่ืองจากเป็นอุทยานแห่งชาติจัดตั้งใหม่ หากสนใจที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวที่
อุทยานแห่งชาติ ต้องจัดเตรียมเต็นท์และอาหารไปเอง รายละเอียดเก่ียวกับสถานท่ี กางเต็นท์
ใหต้ ดิ ต่อสอบถามกบั อุทยานแหง่ ชาตโิ ดยตรง
การเดินทาง จากจังหวัดนครศรีธรรมราช ไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 401
(นครศรีธรรมราช-สุราษฎร์ธานี) ระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตร แล้วแยกเข้าสู่อำเภอขนอมตามทางหลวง
จงั หวดั หมายเลข 4041 ไปประมาณ 30 กโิ ลเมตร ถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติ
สถานที่ติดตอ่ อุทยานแห่งชาติหาดขนอม - หมู่เกาะทะเลใต้ หมู่ 1 ตำบลขนอม อำเภอขนอม
จังหวดั นครศรีธรรมราช 80210 โทรศพั ท์ 075-528495
3.3.3 แหลมตะลมุ พกุ
“แหลมตะลุมพุก” คำว่า ตะลุมพุก เป็นนามของปลาชนิดหน่ึงที่เคยมีชุกชุมในบริเวณ
ปลายแหลมแห่งนี้ชาวบ้านเลยเรียกแหลมน้ีว่า “แหลมตะลุมพุก” จากการมีปลาตะลุมพุกชุกชุมมาจนถึง
ทุกวันนี้ ปัจจุบันปลาตะลุมพุกในบริเวณปลายแหลมไม่มีแล้ว “แหลมตะลุมพุก” มีประชาชนมาตั้งถ่ินฐาน
ในราวรัชกาลที่ 2,3 สมัยรัตนโกสินทร์ ผู้คนอพยพเข้ามาอยู่พวกแรกเป็นชาวไทยอิสลาม เข้ามาทำ
การประมง ปัจจุบันมีกุโบ (หลุมฝังศพ) เก่าอยู่หลายแห่ง หลังจากน้ันมีชาวจีนอพยพเข้ามาอาศัยทำการค้า
มีโรงพระจีน และประชาชนในตำบลมีเช้ือสายแซ่ต่าง ๆ พวกสุดท้ายเป็นคนไทยพื้นเมือง ปัจจุบันประชาชน
ในพื้นที่ตำบลแหลมตะลุมพุก ได้ประสมทางวัฒนธรรมประเพณีท่ีเป็นเอกลักษณ์ ชาวบ้านนับถือส่ิงศักด์ิสิทธ์ิ
เป็นท่ียึดเหน่ียวจิตใจ ท้ังทางศาสนาอิสลาม (แม่แหมะ ตาแหลม) คนจีน (ก่ง) ไทยพุทธ (พ่อท่านลาภ
พ่อท่านสว่าง) ตำบลแห่งน้ี ในอดีตมีความอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก ประชาชน อาศัยอยู่อย่างหนาแน่น
ท้ังไทย จีน อิสลาม มีโรงเรียนจีน วันสำคัญของคนจีนมีธงชาติจีนมากกว่าธงชาติไทย ประชากรอพยพ
มาอาศัยอยู่ไม่น้อยกว่า 800 ครัวเรือน และที่สำคญั พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัฐกาลท่ี 5 เคย
เสด็จแหลมตะลุมพุก เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2432 จากบันทึกจดหมายเหตุเสด็จประพาสแหลมมลายู ร.ศ.
1 0 8 โ ด ย ไ ด้
บ รรย าย
สภาพ ความเป็นอยู่
ก าร ประกอบ
อาชีพ ข อ ง
ประชาชนว่า
“ ที่ แหลมนี้เป็น
ห า ด แคบนิดเดียว
50
แต่ยังยาว วงเป็นอ่าวเข้าไปไกล มีเรือนประมาณ 70 หลัง ปลูกมะพร้าวมาก มีของท่ีเป็นสินค้า ขายออก คือ
ปลาเคา้ ปลากระบอก เคย แตง เปน็ จำนวนมาก เวลาบ่าย 4 โมง เสดจ็ กลับมาลงเรือพระท่ีนง่ั แล้วออกเรือพระ
ท่นี ่ังตอ่ มา”
ส่ิงที่น่าสนใจ แหลมทรายรูปจันทร์เส้ียวที่ย่ืนไปในอ่าวไทย บริเวณตอนบนสุดของอำเภอ
ปากพนัง ด้านท่ีติดกับทะเลใน หรืออ่าวนคร เป็นชุมชนชาวประมง ส่วนด้านอ่าวไทยเป็นหาดทราย
ยาวขนานไปกับทิวสนทะเล มีร้านจำหน่ายของที่ระลึก อาหารทะเลแปรรูป ร้านอาหารริมหาด มีส่วน
แสดงเหตุการณ์ในอดีต คร้ังเกิดมหาวาตภัยจากพายุโซลร้อนแฮเรียต เม่ือวันที่ 25 ตุลาคม 2505 ซึ่งทำให้
ชาวแหลมตะลุมพุกสูญหายไปกวา่ 1300 คน
สิ่งอำนวยความสะดวก ลานกางเต็นท์ สุขา ร้านอาหาร ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ป้ายส่ือ
ความหมาย ป้ายช้ที างเขา้ ถงึ
การเดินทาง ใช้เวลาเดินทางราวคร่ึงช่ัวโมงหรือใช้เส้นทางนครศรีธรรมราช - ปากพนัง
(ทางหลวงสาย 4013) ไปยังอำเภอปากพนังฝังตะวันตก ถึงบ้านบางฉลากมีทางแยกเข้าสู่แหลมตะลุมพุก
ระยะทาง จากทางแยกไปยังแหลมประมาณ 16 กิโลเมตร เส้นทางตลอดสายสู่ปลาย แหลมมีการทำนากุ้งสอง
ข้างทางสลับกบั แนวปา่ ชายเลน
ข้อมูลการติดต่อ แหลมตะลุมพุ ก ตำบลแหลมตะลุมพุ ก อำเภอปากพนั ง จังหวัด
นครศรีธรรมราช 80330 เบอร์ตดิ ตอ่ 075-466174
3.4 แหล่งทอ่ งเทย่ี วกล่มุ ความเชอื่ คตชิ นวิทยา
จงั หวัดนครศรีธรรมราช เป็นจังหวัดท่ีเต็มไปด้วยประวัตศิ าสตร์ มีร่องรอยแหล่งอารยธรรมมากมาย
จงึ มแี หลง่ ท่องเที่ยวทางดา้ นกลุ่มความเช่ือ และคติชนวิทยาวทิ ยา ดังต่อไปนี้
3.4.1 ศาลหลวงพอ่ ไทร อำเภอเชียรใหญ่
คงไม่มีใครในจังหวัดนครศรีธรรมราชที่จะไม่รู้จัก ศาลหลวงต้นไทร โดยเฉพาะคนในอำเภอ
เชี ย ร
ให ญ่
และ
51
อำเภอหัวไทร ซ่ึงเป็นพ้ืนที่โครงการพัฒนาพ้ืนท่ีลุ่มน้ําปากพนังอันเน่ืองมาจากพระราชดำริ ที่ต่างร่ำลือถึง
กิตติศพั ทข์ องความศักดสิ์ ทิ ธ์ิขณะก่อสร้างโครงการเมื่อหลายปกี ่อน
ชาวบ้านท่ีนั่นต่างเชื่อว่า สาเหตุของเร่ืองราวประหลาดดังกล่าวเกิดจาก “อาถรรพณ์” ของ
ต้นไทร โดยบริเวณใต้ต้นไทรยังขุดพบซากกระดูกมนุษย์และสัตว์ใหญ่ต่าง ๆ รวมทั้งเปลือกหอยทะเล
เมื่อชาวบ้านทราบข่าวก็พากันไปกราบไหว้ต้นไทรกันเป็นจำนวนมาก ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
รัชกาลท่ี 9 เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
มา ณ แปลงปลกู ป่าชายเลน เฉลิมพระเกียรตขิ องบรษิ ัท ปตท. จำกัด (มหาชน) อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขนั ธ์
เม่ือวันท่ี 16 พฤศจิกายน 2545 คร้ังนั้น นายจำรูญ พลายด้วง ชาวบ้าน ต.แม่เจ้าอยู่หัว อ.เชียรใหญ่
ได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานพระบรม ราชวโรกาสให้เข้าเฝ้าฯ และได้กราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จ
พระเจา้ อยู่หวั ถึงต้นไทรโบราณขนาดใหญ่ท่ขี ึน้ ขวาง แนวขดุ คลองชะอวด – แพรกเมอื ง
นายจำรูญ กราบบังคมทูลถึงเรื่องราวประหลาดท่ีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่จะดับทุกครั้ ง
เม่ือขับเคลื่อนมาถึงต้นไทร และเมื่อมีชาวบ้านมาตั้งเครื่องเซ่นไหว้ และขอโชคลาภก็สมปรารถนาในส่ิงท่ีขอ
จึงมีความเช่ือว่าเป็นต้นไทรศักดิ์สิทธ์ิ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงมีพระราชดำริให้ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล
กรรมการและเลขานกุ ารมลู นิธิชยั พฒั นา ไปดำเนินการจดั สร้างศาลหลวงข้นึ ตามโบราณราชประเพณี
ต่อมาสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานงบประมาณให้
แก่มูลนิธิชัยพัฒนาดำเนินการก่อสร้างศาลขึ้น โดยมี นาวาอากาศเอก อาวุธ เงินชูกถิ่น อดีตอธิบดี
กรมศิลปากร เป็นผู้ออกแบบ เมื่อจัดสร้างแล้วเสร็จ มูลนิธิชัยพัฒนาได้ประสานกองพระราชพิธี สำนัก
พระราชวัง คำนวณฤกษ์ศุภมงคล การพิธีตั้งศาลตามฤกษ์ โดยมีพราหมณ์หลวงเป็นผู้ประกอบพิธีหลวง
เม่อื วนั ศกุ รท์ ี่ 29 ตลุ าคม 2547 เวลา 10.09 น.
ส่ิงท่ีน่าสนใจ ศาลหลวงต้นไทร เป็นท่ีเคารพสักการะของชาวลุ่มน้ําปากพนัง และเป็นอนุสรณ์
แห่งพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ศาลหลวงต้นไทรยังถือเป็นสถานที่ยอดนิยม
ในพน้ื ท่ี และเป็นสัญลักษณ์อีกอย่างของโครงการพัฒนาลมุ่ นํ้าปากพนังฯ จากภูมิทัศนท์ ่ีสวยงาม แปลกตา และ
ต้นไทรขนาดใหญ่ที่ยืนต้นตระหง่านอยู่กลางลำน้ํา ด้วยเหตุน้ีในวันหยุดยาวจะมีนักท่องเที่ยวท้ังชาวไทยและ
52
ชาวต่างประเทศ โดยเฉพาะชาวสงิ คโปร์ และมาเลเซีย เดินทางมากราบไหว้ศาลต้นไทรเป็นจำนวนมาก เพราะ
เชอื่ ในความศกั ดิ์สิทธิ์ การให้โชคลาภ และใหค้ ุ้มครองในการเดนิ ทางด้วย
การเดินทาง จากอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช โดยรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ถนนราชดำเนิน
ถึงสี่แยกหัวถนน เข้าสู่ถนนหมายเลข 408 ไปตำบลการะเกศ กลับรถเล้ียวซ้ายถนนสู่ถนนหมายเลข 4151
ศาลหลวงพ่อไทรอยู่ดา้ นขวามอื ระยะทาง 57.4 กิโลเมตร
ข้อมูลการติดต่อ หมู่ท่ี 12 ตำบลการะเกด อำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช 80170
เบอรโ์ ทรศัพทต์ ดิ ต่อ 084-0561665 เวบ็ ไซต์ http://www.karaked.go.th/index.php
3.4.2 พระพุทธสหิ งค์ ณ เชงิ เขามหาชัย อำเภอเมืองนครศรธี รรมราช
พระพุทธสิหิงค์ ตามประวัติกล่าวว่า พระพุทธสิหิงค์ สร้างที่ประเทศลังกา เมื่อ พ.ศ. 700
ดว้ ยกิตติศัพท์เล่ืองลือว่า เป็นพระพุทธรูปที่ศักด์ิสทิ ธิ์ มีพทุ ธลักษณะงดงาม พ่อขุนรามคำแหง จึงทรงขอใหพ้ ระ
เจ้าศรีธรรมโศกราช จัดส่งราชทูตไปลังกาขอพระพุทธรูปองค์น้ีมาบูชาซึ่งก็ได้มาตามราชประสงค์
ได้อัญ เชิญ มาประดิษฐานท่ีนครศรีธรรมราช จัดงานพิธีสมโภชใหญ่ โต เป็นเวลา 7 วัน พระเจ้า
ศรีธรรมโศกราช ได้ให้ชา่ งท้องถิ่น จำลองไวบ้ ูชา 1 องค์ แล้วได้อญั เชญิ ไปไว้ ณ กรงุ สุโขทยั พระพุทธสิหิงค์องค์
ท่ีประดิษฐานอยู่ท่ีนครศรีธรรมราชนี้ มีลักษณะตามแบบสกุลช่างท้องถิ่น เรียกว่า แบบขนมต้ม คือ
มีพระพกั ตร์กลม อมย้มิ พระอุระอวบอ้วน ประทับน่งั ในทา่ ขัดสมาธเิ พชร ชายสงั ฆาฏสิ ้ันระดับพระถนั
หอพระพุทธสิหิงค์ อันเป็นท่ีประดิษฐานของพระพุทธสิหิงค์เมืองนครนั้น เดิมเป็นหอพระ
ประจำวันของเจ้าพระยานคร ตั้งอยู่ระหว่างศาลากลางจังหวัด และศาลจังหวัด สร้างใหม่แทนหอเดิม
ใน พ.ศ.2457 เป็นวิหารก่ออิฐถือปูนหันหน้าไปทางทิศตะวันออก แบ่งออกเป็นสองตอน มีผนังก่ออิฐกั้น
ตอนหน้าเป็นท่ีประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ และมีพระพุทธรูปยืนปางอุ้มบาตร บุด้วยทองคำและเงิน
อย่างละองค์ ส่วนด้านหลังเป็นท่ีเก็บอัฐิของตระกูล ณ นคร และปัจจุบันได้มีการสร้างพระพุทธสิหิงค์
ราชภฏั นครศรธี รรมราช
การจัดสร้างดังกล่าว สืบเน่ืองจากปีพุทธศักราช 2555 อันเป็นปีที่ 55 ของการสถาปนา
มหาวิทยาราชภัฏนครศรีธรรมราช และเป็นปีสำคัญของชาวพุทธท่ัวโลก ท่ีสมเด็จพระสัมมา สัมพุทธเจ้า
ตรัสรู้ครบ 2,600 ปี เรียกกันว่า “ปีลัมพุทธชยันตี” มหาวิทยาลัยราชกัฏนครศรีธรรมราช และจังหวัด
53
นครศรีธรรมราชจึงได้จัดโครงการก่อสร้าง “พระพุทธสิหิงค์” ขนาดใหญ่หน้าตักกว้าง 9 เมตร สูง 21 เมตร
นามว่า “พระพุทธสิหิงค์ราชกัฏนครศรีธรรมราช” เพ่ือเป็นปูชนียสถานและแหล่งท่องเท่ียวทางธรรม
อีกแห่งหน่ึงของจังหวัดนครศรีธรรมราช พระพุทธรูปที่จะสร้างนี้จำลองพระพุทธสิหิงค์แบบนครศรีธรรมราช
จากหอพระพุทธสิหิงค์ มาประดิษฐานไว้ ณ เชิงเขามหาชัย อันเป็นภูเขาท่ีมีความสำคัญในประวัติศาสตร์
ของอาณาจักรนครศรธี รรมราช
สิ่งท่ีน่าสนใจ พระพุทธสิหิงค์ เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง พระพุทธรูปปางมารวิชัย ขัดสมาธิ
เพชรแบบขนมต้ม
3.4.3 จตคุ ามรามเทพ วดั พระมหาธาตวุ รมหาวหิ าร
ชาวนครศรีธรรมราช มีคติความเช่ือที่ว่า องค์จตุคาม คือ พระเสื้อเมือง จตุ หมายถึง สี่
คาม (คาม-มะ) เขตคาม หมายถึง อาณาเขตหรือบ้าน เมื่อรวมกันนัยความหมายที่มากกว่าความเป็นทิศ
ท้ัง 4 ของ บ้าน หรืออาณาเขต คือทิศท้ังส่ี ซ่ึงหมายถึงทิศท่ีมีท้าวจตุโลกบาลท้ังส่ีดูแลอยู่ ความหมายของ
จตุคามจึงเป็นตำแหน่ง ของผู้เป็นใหญ่ทั้งส่ีทิศ มีท้าวจตุมหาราช ปกป้องคุ้มครองดูแล พระเสื้อเมือง
จึงมีความหมายท่ีควรเป็นตำแหน่ง ๆ หน่ึง เพียงแต่ปราชญ์ โบราณของเมืองสมมติขึ้นเป็นท้าวจตุคาม
ผู้เป็นใหญใ่ น 4 ทิศ
องคจ์ ตุคามรามเทพ
54
องค์รามเทพ คำว่า ราม มีรากฐานมาจากพระราม ท่ีหมายถึงพระนารายณ์อวตารลงมา
เป็นพระมหากษัตริย์ คำว่าเทพ ก็คือเทวดา นัยความหมายคือเป็นพระมหากษัตริย์ ท่ีเป็นสมมติเทพ เม่ือองค์
รามเทพ เป็นพระทรงเมือง คำว่าทรงเมือง พ้องกับคำว่า ครองเมือง นั่งเมือง หรือผู้ปกครองบ้านเมือง ซ่ึงก็คือ
เจา้ เมอื งหรอื พระมหากษัตรยิ ์
เชื่อกันว่าเดิมนั้น องค์จตุคามรามเทพ เป็นกษัตริย์สมัยอาณาจักรนครศรีธรรมราช มีพระนาม
อย่างเป็นทางการว่า พระเจ้าจันทรภาณุ เป็นกษัตริย์พระองค์ที่ 2 ของราชวงศ์ศรีธรรม าโศกราช เช่ือว่า
มี พระวรกายเป็นสีเข้ม เป็นกษัตริย์นักรบท่ีแกร่งกล้า เมื่อสถาปนาอาณาจักรศรีวิชัยได้อย่างมั่นคงแล้ว
จึงได้สมัญญานามว่า “ราชันดำแห่งทะเลใต้” หรือมีอีกราชสมัญญานามหน่ึงว่า “พญาพังพกาฬ” และต่อมา
สำเร็จวิชาจตุคามศาสตร์ และท รงบ ำเพ็ ญ บุ ญ เพื่ อสร้างบ ารมีอธิษ ฐาน จิต เป็ นพ ระโพ ธิสัตว์
เพ่ือบรรเทาทกุ ข์แก่มนษุ ย์ท้งั ปวง
สิ่งท่ีนา่ สนใจ จตุคามรามเทพเปน็ องค์เทพบุตรในท่านั่ง มี 4 กร ถืออาวธุ ต่าง ๆ และนายทหาร 4
นายนั้น จะปรากฏ ในรูปของหนุมาน 4 กร ถืออาวุธใน ท่วงท่าต่าง ๆ ตามศิลปะศรีวิชัย และ
จตุคามรามเทพ ได้รับความนับถืออย่างกว้างขวาง โดยเช่ือว่าทรงฤทธานุภาพในทุก ๆ ด้าน ตามจารึกของชาว
ศ รีวิชั ยได้ บ อ ก ว่า “ มี อ านุ ภ าพ ดุ จดั งพ ระอ าทิ ต ย์ แ ล ะพ ระจั น ท ร์ ท่ี ข จัด ค วาม มื ด มั ว ใน โล ก ”
การขออธษิ ฐานจากพระองคน์ นั้ ทำได้ โดยมเี งือ่ นไข 3 ประการ
1. อธิษฐานขอในสง่ิ ที่เป็นไปได้โดยไม่ชัดต่อศีลธรรม
2. เมือ่ ไดร้ ับสิ่งทหี่ วังแลว้ ต้องรกั ษาสจั จะทไี่ ด้ใหไ้ ว้กบั พระองค์
3. ควรจะสรา้ งกศุ ลกรรมถวายแดอ่ งค์จตคุ ามรามเทพ
แต่ที่สำคัญ อย่าลำพังเพียงอธิษฐาน ต้องสร้างกุศลกรรมให้แก่ตนเองให้ครบทุกด้านด้วย
คอื ให้ทาน รกั ษาศลี และบำเพญ็ ภาวนา
สง่ิ อำนวยความสะดวก ปา้ ยส่ือความหมาย ปา้ ยช้ที างเข้าถึง มัคคุเทศก์นำเท่ยี ว และสุขา
การเดินทาง
1. การเดินทางโดยรถยนตส์ ่วนตัวจากเส้นทางสาย 401 ถึงตัวเมืองนครศรีธรรมราช ไปท่ีถนนราช
ดำเนนิ เมือ่ ถึงตำบลในเมือง วดั พระมหาธาตวุ รมหาวหิ ารเดน่ ตระหง่านอยู่ดา้ นขวามือ
2. การเดินทางโดยรถสาธารณะจากตัวเมืองนครศรีธรรมราช สามารถมั่งรถโดยสาร
สาย สนามกีฬา-หัวถนน(รถมาสด้า) ค่าโดยสารประมาณ 10 บาท ไปลงหน้าวัดพระธาตุหรือ
จะน่ังรถจกั รยานยนต์รบั จา้ ง ประมาณ (20 - 50 บาท ข้นึ อยูก่ ับระยะทาง)
สถานที่ตั้ง วัดพระมหาธาตุ วรมหาวิหาร ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช
นครศรีธรรมราช 80000 โทรศพั ท์ 075-343411
55
3.5 แหลง่ ทอ่ งเที่ยวกลมุ่ ชุมชนเข้มแขง็
จังหวัดนครศรีธรรมราช ในแต่ละอำเภอมีสภาพพื้นท่ี บริบทชุมชนที่แตกต่างกัน ซ่ึงคนในพ้ืนท่ี
มีวิถีชีวิตที่แตกต่างกัน จึงมีการรวมกลุ่มกันในการดำเนินกิจกรรมด้านอาชีพจนเกิดเป็นชุมชนที่เข้มแข็ง
และสามารถเปน็ แหล่งทอ่ งเทีย่ วกลุม่ ชุมชนเขม้ แขง็ ท่ีปรากฏ ดงั ต่อไปน้ี
3.5.1 บา้ นคีรีวง
บา้ นคีรีวง เป็นชมุ ชนเก่าแก่ที่อพยพไปอาศัยอยู่บริเวณเชิงเขาหลวง ตำบลกำโลน อันเป็นเสน้ ทาง
เดินขึ้นสู่ยอดเขาหลวง ชาวบ้านมีวิถีชีวิตที่สงบ สังคมแบบเครือญาติ อาชีพหลักคือการทำสวนผลไม้ผสม
เรียกว่า “สวนสมรม” เช่น มังคุด เงาะ ทุเรียน สะตอ ชุมชนบ้านคีรีวง แบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม ได้แก่ กลุ่ม
มัดย้อม กลุ่มสมุนไพร กลุ่มจักสานกะลามะพร้าว กลุ่มแปรรูปน้ําผลไม้ กลุ่มไวน์ และกลุ่มทุเรียนกวน ซึ่งแต่
กลุ่มจะมีผลิตภัณฑ์ ที่ไดร้ ับความนิยมจากผู้บรโิ ภค และนักท่องเท่ียวที่เดนิ ทางมาท่องเท่ียว ก็มักจะซ้ือเป็นของ
ฝากกนั อยูเ่ สมอ สินค้าราคาไมแ่ พงและมีคุณภาพ
ทัศนียภาพแห่งธรรมชาติ เพราะคีรีวงต้ังอยู่ท่ามกลางเทือกเขา ป่าไม้และสายนํ้า กิจกรรม
ที่น่าสนใจในหมู่บ้านคีรีวง คือ การพักในท่ีพักแบบโฮมสเตย์ เพลินตาและเพลินอารมณ์กับทัศนียภาพ
56
แห่งธรรมชาติ ที่ต้ังอยูท่ ่ามกลางเทือกเขา ป่าไม้ ปนั่ จกั รยานชมวิวสดู อากาศบริสุทธ์ ซงึ่ สามารถหาเช่าจักรยาน
ไดต้ ามรา้ นเชา่ จักรยาน ในจุดต่าง ๆ รอบหม่บู า้ น
สิ่งท่นี ่าสนใจ จุดท่องเท่ียว มดี ังนี้
จุดที่ 1 “สะพานบ้านคีรวี ง” เป็นจุดแลนด์มาร์กสำคัญที่ไม่ว่าใครก็ต้องมาถ่ายรูปเหมือนกับว่าถ้า
ใครไมไ่ ด้มาถ่ายรูปกับสะพานน้ี ก็เหมอื นมาไมถ่ งึ บ้านคีรีวง
จุดที่ 2 “หนานหินท่าหา” มีลักษณะเป็นลำคลอง ช่วงฤดูท่องเที่ยวจะมีนักท่องเที่ยวมา
เล่นน้าํ ทบี่ รเิ วณน้ีกันอย่างสนกุ สนาน
จุดที่ 3 “สะพานแขวน-ท่าหา” อยู่ไม่ไกลจากหนานหินท่านา เป็นสะพานแขวนเล็ก ๆ ล้อมรอบ
ด้วยววิ ปา่ เขาเอาไว้เปน็ อีกหนงึ่ ท่ีถ่ายรูปสวย ๆ ของบา้ นคีรวี ง
จุดที่ 4 “ตลาดบ้านคีรีวง” ตลาดเล็ก ๆ อยู่ไม่ไกลจากสะพานบ้านคีรีวง นักท่องเที่ยวจะได้เดิน
เลือกซือ้ ของกนิ ต่าง ๆ มากมาย จนอยากซอื้ ติดมือกลับไปเป็นของฝากให้กบั คนท่ีบ้าน
จุดท่ี 5 “ถํ้านํ้าวังศรีธรรมโศกราช” ถ้ําหินงอกหินย้อยที่สวยงาม ภายในมีสายนํ้าไหลผ่าน
นอกจากทัศนียภาพที่สวยงามแล้ว ถ้ําแห่งนี้ยังเป็นแหล่งประวัติศาสตร์ท่ีสำคัญของเมืองนครศรีธรรมราช
อีกด้วย เน่ืองจากเคยมีการค้นพบวัตถุโบราณจำนวนมากภายในถ้ํา และได้นำไปจัดแสดงไว้ท่ีพิพิธภัณฑ์ตำบล
ขุนทะเลซงึ่ อย่หู ่างออกไปไมไ่ กล
จดุ ท่ี 6 “น้ำตกวังไม้ปัก” น้ําตกขนาดเล็กที่อยู่สุดถนนของหมู่บ้านคีรีวง ยังคงอุดมด้วยธรรมชาติ
ทีส่ มบูรณ์ท้งั ปา่ ไมโ้ ดยรอบ แถมอากาศกย็ ังสดชน่ื สุด ๆ
ส่งิ อำนวยความสะดวก โฮมสเตย์ ลานกางเต็นท์ สุขา ร้านอาหาร ศนู ย์บริการนักท่องเที่ยว ร้าน
ขายสนิ ค้าทร่ี ะลกึ มัคคุเทศกท์ อ้ งถนิ่ ปา้ ยสอื่ ความหมาย ป้ายชี้ทางเขา้ ถงึ
การเดินทาง การเดินทางไปบ้านคีรีวงจากอำเภอเมือง โดยรถจักรยาน รถมอเตอร์ไซด์
รถโดยสารประจำทาง และรถยนต์ตามทางหลวงหมายเลข 4016 จากนั้นเล้ียวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข
4015 บรเิ วณ กโิ ลเมตรที่ 9 เลี้ยวขวาเข้าหม่บู ้านคีรวี ง เข้าไป 9 กโิ ลเมตร หรือขน้ึ รถสองแถวจากตลาดยาว ใน
อำเภอเมือง มีรถออก ต้ังแต่เวลา 07.00 - 16.00 น. ราคา 20 บาท เมื่อมาถึงหมู่บ้านหากต้องการ
เที่ยวชมหมู่บ้านสามารถเช่าจักรยานปั่นได้ โดยจุดเช่าจักรยานที่เป็นที่นิยมคือ ที่ร้านกาแฟบ้านนายท้ัง ต้ังอยู่
ใกล้กับสะพานครี ีวง
ข้อมูลการติดต่อ ที่อยู่ ตำบลกำโลน อำเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช 80230
เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ 075-533111 เว็บไซต์ http://www.kam lone.§o.th/index.php และ
อเี มล [email protected]
3.5.2 วสิ าหกจิ ชมุ ชนกลมุ่ อนรุ ักษ์ปา่ ชายเลนบ้านแหลมโฮมสเตย์
57
กลมุ่ อนุรักษป์ ่าชายเลนบ้านแหลมโฮมสเตย์ ต้งั อยู่ท่ี หมู่ 7 ตำบลท่าศาลา อำเภอท่าศาลา จังหวัด
นครศรีธรรมราช ลักษณะของพื้นที่มีส่วนของผืนดินที่งอกย่ืนลงไปในทะเล โดยมีขนาดของพ้ืนท่ีเพิ่มข้ึนทุกปี
ทางชาวบ้าน องค์กร หน่วยงาน และนักเรยี น นกั ศึกษา ได้มีการร่วมกนั ในการปลกู ป่าชายเลนอยทู่ กุ ๆ ปี โดยมี
ก าร เลื อ ก พั น ธุ์ โก งก าง ล ำพู ต้ น จ าก แ ล ะ ต ล อ ด จ น พั น ธ์ุ พื ช ที่ ส าม ารถ เจ ริ ญ งอ ก งาม ได้ ดี
ในพื้นท่ีน้ํากร่อย ได้มีการขยายพื้นท่ีปลูกอยู่ตลอดทุกปี โดยมีพ้ืนท่ีรวมโดยประมาณ 5,000 กว่าไร่ และ
มีแนวโน้มเพ่ิมขึ้นทุกปี โดยอยู่ในพื้นท่ีหมู่ 7 และ หมู่ 14 ตำบลท่าศาลา อำเภอท่าศาลา จังหวัด
นครศรีธรรมราช ด้วยลักษณะพ้ืนท่ีดังกล่าว ทำให้ชาวบ้านได้รับประโยชน์เป็นแหล่งอาหารเป็นที่อยู่อาศัยของ
พืชและสัตว์ตามธรรมชาติ เพื่อเป็นตัวช่วยป้องกันการกัดเซาะตามแนวชายฝ่ังทะเลจากป่าโกงกาง
ท่ีมีส่วนเพ่ิมขึ้นทุกปี โดยพื้นท่ีดังกล่าวเป็นแหล่งขยายพันธุสัตว์น้ําให้กับชาวบ้านในพ้ืนที่ สามารถท่ีจะมีพันธุ์
ปลาเพ่อื เปน็ แหลง่ อาหาร ตลอดจนสามารถสร้างรายได้ใหก้ บั ครอบครัวไดเ้ ปน็ อยา่ งดี
ส่ิงท่ีน่าสนใจ แหล่งท่องเท่ียวแห่งเดียวที่มีจุดเด่นที่สุดในประเทศ ท่ีมีการสปาโคลนสด
ในทะเล ที่มีแหล่งโคลนที่มีความอุดมสมบูรณ์สูงในการท่าสปา มีเมนูอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ คือ
ขา้ วมนั ทะเลโคลน และใบโกงกางทอดเทมปรุ ะท่ีอร่อยที่สุด
ส่ิงอำนวยความสะดวก โฮมสเตย์ ลานกางเต็นท์ สุขา ศูนย์บริการนักท่องเท่ียว ป้ายสื่อ
ความหมาย ปา้ ยชี้ทางเข้าถงึ
การเดินทาง จากอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช โดย รถจักรยานยนต์ รถโดยสารประจำทาง
รถยนต์ ถนนหมายเลข 4012 สู่อำเภอท่าศาลา เลี้ยวขวาสี่แยกโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 8 ถนน
สวุ รรณเจดยี ์ บา้ นแหลมอยูด่ ้านซา้ ยมอื ระยะทาง 22 กิโลเมตร
ข้อมูลการติดต่อ ท่ีอยู่ เลขท่ี 128 หมู่ 7 ตำบลท่าศาลา ถนนนครศรี-ท่าศาลา-สุราษฎร์ ตำบล
ท่าศาลา อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช 80160 เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ 065-5137273 เว็บไซต์
http://www.thasala.go.th/index.php
3.5.3 ชมุ ชนบ้านไมเ้ รยี ง
58
ชุมชนไม้เรียง เดิมชาวชุมชนไม้เรียงประกอบอาชีพทำสวนยางพาราเป็นหลัก แต่ต่อมา ประสบ
ปัญหาราคายางตกตํ่า จึงได้มีแนวทางการแก้ปัญหา โดยมีการรวมกลุ่มเกษตรกรเพื่อร่วมกันปรับปรุงคุณภาพ
ยางแผ่นที่มีคุณภาพ “กลุ่มเกษตรกรชาวสวนยางไม้เรียง” และใช้เทคโนโลยีในการผลิตเพ่ือให้ขายยางปริมาณ
มาก ๆ ให้ได้ราคาและมีคุณภาพและเป็นที่ต้องการของตลาด ต่อมานายประยงค์ รณรงค์ ผู้นำชุมชน
บ้านไม้เรียง ได้เสนอแผนพัฒนาชุมชนท่ีเป็นการเปลี่ยนทิศทางของเกษตรกรรมแผนใหม่ จากการมุ่งเน้นปลูก
พืชเชิงเด่ียวจากทำสวนยางพารา มาเป็นการแสวงหาความหลากหลายของการประกอบอาชีพการเกษตร คือ
การพัฒนาความสามารถของ เกษตรกรและเสริมสร้างเศรษฐกิจชุมชน ประกอบด้วยกิจกรรมการเกษตร
8 กิจกรรม ได้แก่ กลุ่มเพาะเล้ียงปลา กลุ่มผักปลอดสารพิษ กลุ่มแปรรูปข้าว กลุ่มเพาะเล้ียงไก่พ้ืนเมือง กลุ่ม
ผลิตอาหารสัตว์ กลุ่มเพาะเลี้ยงสุกร กลุ่มสมุนไพรและกลุ่มเพาะเล้ียงเห็ด กลุ่มกิจกรรมเหล่านี้ มีวัตถุประสงค์
ชัดเจนในการผลิตเพ่ือการพึ่งตนเอง ของชุมชนและเชื่อมโยงกับตลาดภายนอก โดยผ่านการจัดการของแต่ละ
กลมุ่ ทม่ี อี งค์กรบรหิ ารของตน
ส่ิงที่น่าสนใจ ชาวบ้านเป็นเจ้าของการเรียนรู้ เจ้าของการพัฒนา เจ้าของการศึกษา เจ้าของ
ทรัพยากร เจ้าของแบบแผนชีวิตของตนเอง หน่วยงานต่าง ๆ ลงไปช่วยเสริมเติมเต็มให้ศูนย์การเรียนรู้
ของไม้เรียงจงึ ไม่มีป้ายท่ีใคร ๆ ไปปักไว้ใหญ่โตแสดงความเป็นเจ้าของ ไม้เรียงคือตัวอยา่ งของการพัฒนาอย่างมี
แบบมีแผน ซึ่งอยู่บนฐานข้อมูลและความรู้ซ่ึงผู้นำแมกไซไซอธิบายว่า “วันนี้พ้นยุคท่ีจะพัฒนาแบบ คิดว่า
เหน็ วา่ เข้าใจวา่ ร้สู กึ วา่ วันนตี้ ้องใช้ความรู้ และต้องเป็นความรู้ทีน่ ำไปสู่การปฏิบัตไิ ด้จนเกิดปัญญา การพัฒนา
จงึ จะเกิด”
การเดินทาง ใช้ทางหลวงสาย ฉวาง-ทานพอ ระยะทาง 5 กิโลเมตร ถึงสถานีรถไฟทานพอ
ถงึ บ้านปลายเส เดนิ ทางอีก 2 กิโลเมตร
สอบถามขอ้ มูล โทรศพั ท์ 081-9560865
3.5.4 กลุม่ ผา้ ทอเนนิ ธมั มัง
59
ด้วยสมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชินนี าถ ในรัชกาลท่ี 9 ไดท้ รงเสด็จเย่ยี มราษฎร ในพ้ืนทีบ่ า้ น
เนินธัมมัง หมู่ 5 ตำบลแม่เจ้าอยู่หัว อำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 7 ตุ ลาคม
พ.ศ.2536 พระองค์ได้ทรงรับทราบถึงปัญหาความทุกข์ยากของราษฎรในพื้นท่ี ซ่ึงมีฐานะยากจน
การประกอบอาชีพหลักคือการทำนา ผลผลิตท่ีได้รับอยู่ในเกณฑ์ต่ํา ทำให้หัวหน้าครอบครัวต้องออกไปหางาน
ทำต่างถิ่น เหลือแต่แม่บ้าน เด็ก และคนชรา พระองค์จึงได้ทรงพระราชทานพระราชทรัพยส์ ว่ นพระองค์ เพ่ือให้
การก่อสร้างศาลาศิลปาชีพข้ึน (หลังเก่า) ปัจจุบันใช้เป็นพื้นท่ีปฏิบัติงานของกลุ่มแปรรูปกระจูด
เมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ.2537 และพระองค์ได้ทรงเริ่มส่งเสริมงานด้านศิลปาชีพให้กับราษฎรในพื้นท่ี และ
หม่บู า้ นใกล้เคยี งเปน็ ตน้ มา
ตอ่ มาเม่ือปี พ.ศ.2540 พระองค์ทรงมีพระราชเสาวนีย์ ให้ก่อสร้างอาคารศิลปาชีพหลังใหม่ข้ึนมา
แทนหลังเก่า และเปดิ ทำการอย่างเป็นทางการเมื่อวันท่ี 2 ตุลาคม พ.ศ.2542 เปน็ อาคารคอนกรีตเสริมเหล็กสูง
2 ช้ัน กว้าง 25 เมตร ยาว 45 เมตร โดยช้ันล่างเป็นห้องโถงโล่ง อนุญาตให้ใช้เป็นพ้ืนท่ีปฏิบัติงานของกลุ่ม
ทอผ้า หมู่ 5 บ้านเนินธัมมัง ส่วนชั้นบนประกอบด้วย ห้องส่วนพระองค์ (ห้องทรงงาน) ห้องผู้ติดตามชาย ห้อง
ผู้ติดตามหญิง และห้องโถงโล่ง โดยจัดเจ้าหน้าที่จากกองพันทหารช่างท่ี 402 เพ่ือทำหน้าท่ีอำนวยการ
ประสานงาน กำกับดูแล และติดตามผลการปฏิบัติงานของสมาชิก ซึ่งจะต้องดำเนินการควบคู่ไปด้วยกันกับ
โค ร ง ก า ร พั ฒ น า พ้ื น ที่ ลุ่ ม นํ้ า ป า ก พ นั ง เป็ น ผ ล ท ำ ให้ ร า ษ ฎ ร มี ฐ า น ะ ค ว า ม เป็ น อ ยู่ ท่ี ดี ข้ึ น
อีกท้ังยังเป็นการเผยแพร่งานด้านศิลปาชีพให้แพร่หลายต่อไป และในปัจจุบันศูนย์ศิลปาชีพบ้านเนินธัมมัง
มีสมาชิกรวมทั้งสน้ิ 539 ราย
สิ่งที่น่าสนใจ โครงการศูนย์ศิลปาชีพบ้านเนินธัมมัง เป็นโครงการพระราชดำริ ในสมเด็จ
พระนางเจ้าฯ พระพระพระบรมราชินีนาถ โดยก่อต้ังเมื่อ พ.ศ.2537 เริ่มแรกมีสมาชิก 11 คน ทอผ้า
ตาม พระราชเสาวนีย์ฯ ส่งกองศิลปาชีพสวนจิตรลดา มีสำนักงานพัฒนาชุมชนเข้าไปเป็นหน่วยงาน
เสริมสนับสนุนกี่ทอผ้า จำนวน 20 ชุด และโรงเรือน 1 หลัง และช่วยเหลือในด้านการตลาด ซ่ึงอยู่ใน
การควบคุมดูแลของชุดประสานงาน ศูนย์ศิลปาชีพ กองทัพภาคที่ 4 มีกลุ่มทอผ้า 3 กลุ่ม คือ กลุ่มทอผ้า
หมูท่ ี่ 1 บ้านคงคาลอ้ ม กลุ่มทอผ้าหมทู่ ่ี 2 บา้ นบางงู และกลุม่ ทอผ้า หมู่ท่ี 3 บา้ นเนินธมั มัง
การเดินทาง จากอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ใช้ทางหลวง 408 ผ่านตำบลแม่เจ้าอยู่หัว
ห่างจากอำเภอเมอื งประมาณ 40 กิโลเมตร
60
ข้อมูลการติดต่อ ศูนย์ศิลปาชีพบ้านเนินธัมมัง หมู่ 1 บ้านคงคาล้อม หมู่ 2 บ้านบางงู และ หมู่ 5
บ้านเนินธัมมัง ตำบลแม่เจ้าอยู่หัว อำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช 80190 ติดต่อ :
นางอำนวย คงสปี าน เบอร์โทรศพั ท์ 081-6787668
3.5.5 ผลติ ภณั ฑ์จากกระจูด อำเภอชะอวด
ผลิตภัณฑ์จากกระจูดเป็นวัสดุจากธรรมชาติ ที่มีความเหนียวและนุ่ม เม่ือนำมาจักสานเป็น
ผลิตภัณฑ์ จะช่วยในการระบายความร้อน ซ่ึงคนในชุมชนสมัยก่อนได้นำกระจูดมาสานเป็นเส่ือสำหรับ
ปูนอน แสดงถึง วิถีชีวิตท้องถิ่นอย่างหน่ึงของคนภาคใต้ ซ่ึงแต่เดิมชาวบ้านนิยมใช้ ส่ือกระจูด ปูนอน เพราะ
ลักษณะของภูมิอากาศของภาคใต้ร้อนขึ้น คนในสมัยก่อนจึงได้นำเอากระจูดท่ีมีอยู่ตามธรรมชาติ จากป่าพรุ
มาปรับใช้ให้เข้ากับวิถีชีวิตของคนในท้องถ่ิน ดังน้ันคนในชุมชนรอบป่าพรุควนเคร็ง โดยเฉพาะท่ีบางน้อย บ้าน
ไร่เนิน ตำบลท่าเสม็ด บ้านควนป้อม ตำบลควนเคร็ง บ้านกุมแป ตำบลบ้านตูล และบ้านโคกคราง ตำบลนาง
หลง ของอำเภอชะอวด จึงได้นำกระจูด มาจักสาน เป็นส่ือสำหรับใช้ปูนอน ปูน่ัง หรือใช้ประโยชน์อย่างอื่น
กระจูดจึงเป็นเอกลักษณ์อย่างหน่ึงของจังหวัดนครศรีธรรมราช ท่ีมีชื่อเสียง และเรียกกันติดปากกันมาต้ังแต่
บรรพบุรษุ ว่า ถา้ จะซอ้ื เสื่อ หรือสาด ต้องซื้อ “สาดชะอวด”
จากภมู ิปัญญาด้ังเดมิ มีการสานกระจูดเฉพาะ เส่ือ และกระสอบ เท่าน้ันเพื่อใช้ในการปูนอน และ
ตากข้าวเปลือก และใช้กระสอบสำหรับใส่ข้าวสาร หรือเกลือ และของใช้อย่างอื่นภายในครัวเรือน และของใช้
ในครัวเรือน ปัจจุบันผลิตกัณฑ์จักสานจากลำต้นกระจูดได้พัฒนารูปแบบจากสาดจูด และสอบจูด
ให้เป็นผลิตกัณฑ์ใหม่ ให้ใช้ประโยชน์ได้อย่างกว้างขวางและเหมาะสมกับยุคสมัยมากขึ้น เช่น หมวก กระเป๋า
รองเท้าแตะใสใ่ นบ้าน ชุดรองจาน ชดุ ปูโต๊ะอาหาร เครื่องตกแต่งบา้ น เปน็ ตน้
ส่ิงท่ีน่าสนใจ เป็นผลิตกัณฑ์ที่ผลิตด้วยมือจากภูมิปัญญาท้องถ่ิน นำมาผลิตเป็นของใช้
ไดห้ ลายรปู แบบตามสมยั นยิ ม และมสี วยงามเหมาะแก่การใชส้ อยและเป็นของฝาก
การเดินทาง จากอำเภอเมืองนครศรีธรรมราชโดยรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ถนนราชดำเนิน
ถึงสี่แยกหัวถนน เข้าสู่ถนนหมายเลข 408 ถึงสี่แยกบ่อล้อเลี้ยวขวาถนนหมายเลข 4151 ไปอำเภอชะอวด
61
เลี้ยวซ้ายถนนหมายเลข 4165 มุ่งไปตำบลบ้านตูล เล้ียวขาวเบ่ียงซ้ายเข้าสู่ถนน 3020 ไปตำบลท่าเสม็ด
ศนู ยผ์ ลิตกณั ฑก์ ระจูด อยดู่ า้ นขวามอื ระยะทาง 73.9 กิโลเมตร
ข้ อ มู ล ติ ด ต่ อ ห มู่ 1 ต ำ บ ล เค ร็ ง อ ำ เภ อ ช ะ อ ว ด จั ง ห วั ด น ค ร ศ รี ธ ร ร ม ร า ช
อีเมล์https://www.nakhononline.com/
3.5.6 ประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสทิ ธิ์
ในอดีตลุ่มน้ำปากพนัง เป็นพ้ืนท่ีท่ีอุดมสมบูรณ์ในภาคใต้ จากหลักฐานท่ีพบเห็นคือโรงสีไฟ โรงสี
ข้าวโบราณที่พบหลายแห่งริมแม่น้ําปากพนัง ด้วยพื้นท่ีลุ่มนํ้าแห่งน้ีกว้างใหญ่ครอบคลุมถึง 10 อำเภอใน 3
จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง และสงขลา ทำให้ระบบนิเวศมีความหลากหลาย
ทั้งป่าต้นน้ํา ป่าพรุ ป่าชายเลน และพ้ืนท่ีชายฝั่ง แต่เมื่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจเข้ามา ทำให้พื้นที่ป่าต้นนํ้า
ถูกทำลาย จากเดิมท่ีระบบนํ้าจืดและน้ําเค็มผลักดันตามธรรมชาติ ก็แปรเปล่ียนเพราะนํ้าจืดจากป่าต้นนํ้าไหล
ลงสู่แม่นํ้าปากพนังน้อยลง นํ้าเค็มจึงทะลักไกลกว่าร้อยกิโลเมตร ไม่เพียงปัญหานํ้าเค็ม แต่ด้วยภูมิประเทศ
ท่เี ป็นแอ่งกระทะ ทำให้เกิดนาํ้ ทว่ มขังเป็นเวลายาวนาน ชาวนาผลติ ขา้ วได้น้อยลง ส่วนพนื้ ทใ่ี กล้ชายฝ่ังชาวบา้ น
ปรับเปล่ียนนาข้าวมาเป็นนากุ้ง แต่ด้วยไม่มีความรู้ในการจัดการ ทำให้เกิดน้ําเสียจากบ่อเล้ียงกุ้งกระทบถึง
นาข้าว ชาวบ้านทะเลาะขัดแย้งกันเอง ส่วนในพ้ืนที่ป่าพรุก็มีปัญหาน้ําเปร้ียว เรียกได้ว่าพ้ืนที่แห่งนี้มีปัญหา 4
น้ํา 3 รส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี 9 ทรงทราบถึงปัญหา จึงมีพระราชดำริให้กรมชลประทาน
ก่อสร้างประตูระบายนํ้าอุทกวภิ าชประสิทธ์ิ เพ่ือแยกน้ําเค็ม และน้ําจืดออกจากกัน และแบ่งโซนน้ําจืด นํ้าเค็ม
เพ่อื ให้ชาวบ้านท่ีต้องการเล้ียงกงุ้ อยูใ่ นโซนนํ้าเค็ม สว่ นชาวบ้านท่ีต้องการปลูกข้าวอยู่ในโซนน้ําจืด ปัญหาความ
ขัดแย้งทุเลาลง ส่วนพื้นที่พรุก็มีราษฎรที่อาสาดูแลป่าพรุตามรับสั่งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
นอกจากน้ีพระองค์ยังได้ให้หน่วยงานชลประทานช่วยควบคุมระดับนํ้าในพรุไม่ให้แห้ง จนเกิดไฟป่าและรักษา
ระดบั น้ำไมใ่ ห้ท่วมขังเพือ่ ใหร้ าษฎรปลกู ขา้ วได้
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานแนวทางแก้ไขและพัฒนาพ้ืนท่ีลุ่มน้ําปากพนัง
ทง้ั ระบบ ถึง 13 คร้งั ตงั้ แต่ปี 2521 โดยครั้งสำคัญที่สดุ เม่ือปี 2536 ทรงมีพระราชดำรใิ หก้ ่อสรา้ งประตูระบาย
62
น้ำปากพนัง หรือประตูระบายน้ําอุทกวิภาชประสิทธิ์ เพ่ือบริหารจัดการน้ําท้ังหมด พระราชดำริดังกล่าว
ประสบความสำเร็จมาก ถือเป็นกุญแจแรกในการพลิกพื้นลุ่มนํ้าปากพนัง และทำให้เกิดการพัฒนาต่อเน่ือง
มาโดยตลอด อันคำว่า “อุทกวิภาชประสิทธิ์” มีความหมายว่า ประตูระบายน้ําท่ีประสบความสำเร็จในการ
แยกน้ำจืด นํ้าเค็ม ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน เม่ือวันที่ 22
สิงหาคม 2542
สิ่งท่ีน่าสนใจ “ประตูระบายนํ้าอุทกวิภาชประสิทธิ์” (โครงการการพัฒนาลุ่มนํ้าปากพนัง
อันเน่ืองมาจากพระราชดำริ) ตั้งอยู่ที่ตำบลหูล่อง อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ชื่อว่าเป็น
พระตำหนักแห่งเดียวที่ได้สร้างขึ้นจากประชาชน ในอดีตอำเภอปากพนังมีปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อม
มีน้ําท่วม น้าํ จืดมไี ม่เพียงพอ ดนิ เปรยี้ ว ความเค็มลุกลาํ้ เข้ามา เป็นผลใหม้ ีผลผลิตต่ํา ความยากจน และแรงงาน
ต้องอพยพเข้ามาหางานทำในเมือง ท้งิ ถน่ิ ฐานเรอื กสวนไร่นาที่เคยอดุ มสมบูรณ์ออกมา
สงิ่ อำนวยความสะดวก สุขา ศูนย์บรกิ ารนักทอ่ งเทยี่ ว ปา้ ยสื่อความหมาย ทีจ่ อดรถ 50 คัน
การเดินทาง จากอำเภอเมืองไปยังอำเภอปากพนังระยะทางประมาณ 35 กิโลเมตร
ใช้เส้นทาง 4013 เลี้ยวขวาบริเวณสามแยก ไปยังอำเภอปากพนังฝังตะวันออก ถึงส่ีแยกเล้ียวขวาอีกคร้ัง
เดินทางต่ออีกประมาณ 2 กิโลเมตร ถึงหัวงานโครงการพัฒนาพื้นท่ีลุ่มแม่นํ้าปากพนัง อันเน่ืองมาจาก
พระราชดำริ และหากจะเดินทางไปยังอำเภอปากพนังฝังตะวันออก ใช้เส้นทาง 4013 จากอำเภอเมือง เลี้ยว
ขวาบริเวณสามแยก ผา่ นส่ีแยกและขา้ มสะพาน ขา้ มแม่น้ําปากพนัง ไปยงั อำเภอปากพนงั ฝั่งตะวนั ออก
ข้อมูลการติดต่อ อาคารพิพิธภัณฑ์เฉลิมพระเกียรติ 61/61 หมู่ที่ 5 ตำบลหูล่อง อำเภอ
ปากพนัง จงั หวดั นครศรธี รรมราช 80140 เบอร์โทรศัพท์ตดิ ต่อ 0-7541-6127
เวบ็ ไซต์ https://www.pncenter.com อเี มล at(a)pncenter.com
เร่ืองท่ี 4 การปฏิบัติตนเปน็ นกั ท่องเที่ยวที่ดี
นักท่องเท่ียวที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยมีจำนวนมาก มีท้ังคนต่างชาติและคนไทยด้วยกัน
บางคนบางกลุ่มมาท่องเท่ียวแล้วก่อให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ทั้งระดับเล็กน้อยจนถึงระดับชาติ เพื่อเป็นการป้องกัน
และแกไ้ ขป้ญหา นกั ท่องเท่ียวทด่ี ี ควรปฏบิ ตั ิตนดงั น้ี
1. ใฝ่หาข้อมูล นั่นคือการเดินทางท่องเที่ยวจะทำให้เราได้สัมผัสความงามของธรรมชาติ ช่ืนชมกับ
สถานท่ีทางประวัติศาสตร์และยังได้สัมผัสกับวัฒนธรรมและผู้คนจากท่ีต่าง ๆ ดังนั้นจึงควรหาข้อมูล
ก่อนการเดนิ ทาง เพอ่ื ให้การเดินทางทอ่ งเทีย่ วนน้ั ได้รบั ประโยชน์สูงสดุ
63
2. เปิดใจให้กว้างและมคี วามอดทน เน่อื งจากเราต้องเดินทางไปในท่ีทม่ี ีหลายสิ่งหลายอย่างแตกต่าง
จากท่ีที่คุ้นเคย และมีหลายอย่างอาจทำให้ขัดใจในระหว่างการเดินทาง ซ่ึงส่วนใหญ่เป็นปญั หาเลก็ น้อย ควรทำ
ใจและเปดิ ใจให้กว้าง จะทำใหท้ ่องเที่ยวด้วยความสุขตลอดการเดนิ ทาง
3. ให้ความเคารพกับวัฒนธรรมและผู้คน ผู้คนย่อมมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม และไม่มี
วัฒนธรรมใดดีที่สุดในโลก เราในฐานะผู้มาเยือนควรให้ความเคารพในวัฒนธรรมนั้น ๆ ไม่ดูถูกเหยียดหยาม
โดยเฉพาะในเร่อื งละเอยี ดออ่ น เชน่ เร่ือง ศาสนา และความเชื่อของท้องถิน่ เปน็ ตน้
4. ไม่ควรหาประโยชน์ส่วนตัว ในบางสังคมจะมีความเป็นอยู่ที่ยากจน ผู้มาเยือนไม่ควรเข้าไปหา
ประโยชน์โดยมชิ อบ ไม่วา่ จะเปน็ การให้คา่ จา้ งตา่ํ ๆ การลว่ งละเมดิ หรอื กดขเ่ี ด็ก หรือการใช้บรกิ ารทางเพศ
5. ใส่ใจสิ่งแวดล้อม การเดินทางท่องเที่ยวของเราย่อมรบกวนสิ่งแวดล้อมไม่มากก็น้อย ดังนั้น
จะควรระมัดระวังการใชน้ ำ้ ไม่ใช้นา้ํ มากเกิดควร เพราะในบางพื้นที่มภี าวะขาดแคลนน้ำอยู่ และควรระมัดระวัง
เรื่องการทงิ้ ขยะ และควรดูแลสภาพแวดล้อมในสถานทีท่ ่องเทย่ี วใหด้ ดู ี ไมค่ วรทำลาย
6. สร้างความประทับใจให้เกิดข้ึน เราในฐานะผู้มาเยือนควรมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับคนในพื้นท่ี ทำให้
เจ้าของสถานที่รู้สึกพอใจหรือประทับใจท่ีเรามา ไม่ใช่ทำให้เกิดความไม่พอใจเกิดขึ้น ถ้าเราสร้าง
ความประทับใจทด่ี ีได้ นกั ทอ่ งเท่ยี วที่มาทีหลังเราจะไดร้ ับการต้อนรบั ทดี่ ีจากเจา้ ของสถานทด่ี ว้ ย
7. เคารพและเรียนรู้ซึ่งกันและกัน การมีความเคารพและเปิดใจเรียนรู้ซึ่งกันและกันระหว่าง
การเดินทางท่องเท่ียว จะทำให้การท่องเท่ียวนั้นเป็นประสบการณ์ท่ีดี และช่วยทำให้การท่องเที่ยวนั้นราบรื่น
และปลอดภยั
เรอ่ื งที่ 5 การเปน็ มัคคเุ ทศกท์ ดี่ ี
บุคคลที่ต้องการเป็นมัคคุเทศก์ จะต้องมีคุณสมบัติพิเศษหลาย ๆ อย่างประกอบกัน เช่น ความ
มีใจรักในอาชีพ มีความอดกล้ัน มีความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน ตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยว
ซ่ือสัตย์ สามารถปรับตัวให้เหมาะสมกับแต่ละสถานการณ์จะช่วยแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างเหมาะสม
มัคคุเทศก์เป็นผู้ทำหน้าท่ีดูแลนักท่องเท่ียวอย่างใกล้ชิด เกือบตลอดเวลาของการนำเที่ยวในแต่ละครั้ง ดังน้ัน
ในการปฏิบัติงานของมัคคุเทศก์จะเป็นไปโดยธรรมชาติ ไม่มีการฝืนปฏิบัติ หรือทำหน้าที่หวังเพียงเฉพาะ
ค่าตอบแทน มัคคเุ ทศก์ท่ดี ีตอ้ ง มีคุณสมบตั ิ 5 ประการ คอื
1. มนษุ ย์สมั พนั ธ์ดี มีลักษณะ ดังนี้
1.1 รู้เขา รู้เรา ต้องรู้ว่านักท่องเท่ียวของเราเป็นใคร เป็นชาติใด มีลักษณะนิสัยโดยท่ัวไป
เป็นอย่างไร มีวัตถุประสงค์ในการเดินทางท่องเที่ยวเพื่ออะไร เพื่อที่จะได้ปรับตัวให้เข้ากับนักท่องเที่ยว
กลุ่มน้ันได้ และให้การบริการที่เหมาะสมเป็นที่ถูกใจแก่นักท่องเท่ียว เช่น นักท่องเที่ยวชาวไทยชอบซ้ือของ
มากกว่าชาติอ่นื ๆ จะต้อง จดั เวลาในการซ้ือของมากขึ้นกว่ากลุ่มอื่น ๆ ส่วนนักท่องเท่ียวชาวอังกฤษชอบให้ตรง
เวลาและเป็นไปตามกฎเกณฑ์ ทตี่ ้งั ไว้
64
1.2 มีน้ําใจ พรอ้ มท่ีจะบริการเสมอ มีความเอื้อเฟ้ือเผื่อแผ่และเห็นอกเห็นใจ ในขณะเดียวกัน ก็
จะต้องอดทน อดกลนั้ ไม่แสดงอารมณ์และกิรยิ ามารยาทท่ีไมด่ ี ตอ้ งควบคุมอารมณ์ของตนเองได้
1.3 มีความรับผิดชอบ มัคคุเทศก์ต้องคอยดูแลเอาใจใส่สุขภาพและทรัพย์สินแก่นักท่องเที่ยว
เมื่อมีปัญ หาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับนักท่องเท่ียวในด้านอื่น ๆ เช่น ติดต่อส่งข่าวสารกลับประเทศ
การติดต่อสื่อสารกับคนในท้องถิ่น มัคคุเทศก์จะต้องช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ ท่ีเกิดข้ึนกับนักท่องเที่ยวได้อย่างมี
ประสิทธภิ าพ
1.4 สร้างความเข้าใจระหว่างคนในชาติและระหว่างชาติ อธิบายให้เห็นถึงความแตกต่าง
ของ ความเช่ือ ศาสนา ขนบธรรมเนียม ประเพณีและวัฒนธรรม พ้ืนฐานการศึกษา และลักษณะร่วมของคน
แต่ละชาติ และไม่ก่อให้เกิดความไม่เข้าใจหรือความเข้าใจผิดระหว่างชาติ โดยไม่แสดงความดูถูกหรือ
ยกย่องวัฒนธรรม หรือบุคคลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งทำให้เกิดความเป็นกันเองระหว่างกลุ่มนักท่องเท่ียว
ทำใหบ้ รรยากาศการทอ่ งเทย่ี วมีความสุข
2. บุคลิกภาพดี บุคลิกภาพของมัคคุเทศก์ที่ดี บุคลิกภาพท่ัวไปประกอบด้วย บุคลิกภาพภายนอก
และบุคลิกภาพภายใน บุคลิกภาพภายนอกสำหรับมัคคุเทศก์หมายถึง ส่ิงที่ปรากฏให้เห็นได้ในตัวมัคคุเทศก์
ได้แก่
2.1 ร่างกาย มัคคุเทศก์ควรให้ความสนใจและเอาใจใส่ต่อร่างกายเป็นอัน ดับแรก
โดยพิจารณาที่จะทำให้ผู้ที่พบเห็นเกิดความสบายตา จมูก และอารมณ์ มีจุดสำคัญ ๆ ในร่างกายที่
ต้องคำนึงถงึ คือ
2.1.1 ผม ไม่ปล่อยให้ยุ่งเหยิง แต่ควรดูแลให้สะอาด และมองดูเรียบร้อย ทั้งนี้มิได้หมายถึง
การตกแตง่ ท่ตี อ้ งสนิ้ เปลอื งคา่ ใช้จ่าย
2.1.2 หน้าตา แจม่ ใส ไมย่ ู่ย่ี หรือง่วงเหงาหาวนอน
2.1.3 หู จมูก ฟัน ควรดูแลทำความสะอาดให้เรียบร้อยต้ังแต่ก่อนจะออกจากบ้าน
การแคะหู จมูก ฟันในทสี่ าธารณะหรอื ตอ่ หน้าบคุ คลอื่นเปน็ มารยาทท่ีไมส่ ุภาพ ไม่ควรปฏิบัติ
2.1.4 เล็บ ตัดให้อยู่ในสภาพท่ีเหมาะสมทั้งเล็บมือและเล็บเท้า ถ้าจะไว้ยาวก็ควรคำนึงถึง
ความสะอาด การแคะเล็บในที่สาธารณะก็เปน็ มารยาทไมค่ วรทำอกี เชน่ เดียวกนั
2.2 การแต่งกาย ควรได้รับการดูแลเอาใจใส่ โดยคำนึงถึงความสะอาดเรียบร้อย และเหมาะสม
กบั สภาพแวดล้อมเป็นสำคัญ
2.2.1 เสื้อ กระโปรง หรือกางเกง ควรให้อยู่ในสภาพท่ีควรจะเป็น ทั้งรูปร่าง ลักษณะ และ
สสี ัน นอกจากความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ควรคำนึงถึงกาลเทศะในการใชเ้ ส้ือผ้าชุดนั้น ๆ ด้วย สำหรับเสื้อผ้าท่ี
มีกระดุมจะต้องตรวจดูให้ครบตามจำนวน ถ้าเสื้อผ้ามีสิ่งผิดปกติ เช่น มีคราบเหง่ือไคล รอยขาด
รโู หว่ ซิปแตก ฯลฯ ควรปรบั ปรงุ แก้ไขใหอ้ ย่ใู นสภาพท่ีดีกอ่ นทจี่ ะนำมาใช้
65
2.2.2 รองเท้า ถุงเท้าต้องสะอาด ไม่ขาด หรือชำรุด และเหมาะสมกับโอกาส หรือสถานที่ที่
จะใช้ด้วย การแต่งกายที่สะอาดเรียบร้อยและเหมาะสมกับกาลเทศะ นอกจากจะช่วยสร้างบุคลิกภาพที่ดี แล้ว
ยังช่วยให้ผู้แต่งกายน้ันมีความม่ันใจในตนเองมากข้ึน และช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีได้อีกด้วย ตรงข้ามหากแต่ง
กายไมส่ ะอาดเรียบร้อย และไม่เหมาะสมจะทำใหเ้ กดิ ความผนั แปรแห่งอารมณ์ท้ังแก่ผ้ทู ่ีแตง่ กายและผ้ทู ี่พบเห็น
2.3 การพูดจา ควรระมดั ระวงั เกีย่ วกบั คำพดู น้ำเสยี ง ปฏกิ ิรยิ าของผู้ฟงั ดังนี้
2.3.1 คำพูด ควรระมัดระวังการใช้ถ้อยคำให้สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้คำหยาบหรือคำท่ีมี
ความหมายสองแง่สองมุม
2.3.2 น้ำเสียง ไม่พูดห้วน ๆ ตวาด กระโชกโฮกฮาก ให้เน้นน้ำหนักเสียงหนักเบา
ใหเ้ หมาะสม พูดใหช้ ดั ถ้อย ชดั คำ ไมช่ า้ หรอื เร็วจนเกินไป
2.3.3 ปฏิกิริยาของผู้ฟัง ขณะพูดควรสังเกตปฏิกิริยาของผู้ฟัง ว่าสนใจหรือต้องการฟังมาก
น้อยเพียงใด มผี ู้ใดตอ้ งการซักถาม ไม่พูดสวนหรอื แยง่ พดู ควรมจี งั หวะจะโคนในการพดู ใหเ้ หมาะสม
2.4 กิริยามารยาท หมายถึง การแสดงออกทางสีหน้า ท่าทาง และความประพฤติ จะต้องอยู่ใน
อาการสำรวม เช่น ไม่ล้วง แคะ แกะ เกา ควัก จิ้มร่างกายในท่ีชุมชน และไม่กระทำการที่ควรกระทำ
ในที่ลับไปกระทำในท่ีแจ้ง หากจำเป็นจริง ๆ ก็ควรกระทำให้แนบเนียน เช่น การจาม การไอ หรือเม่ือเกิด
อาการคัน ก็ควรหันความสนใจของผทู้ อี่ ยรู่ อบข้างไปที่อื่นเสียก่อน แลว้ จงึ แอบ ๆ ทำ
2.5 บุคลิกภาพภายในสำหรับมัคคุเทศก์ หมายถงึ ส่ิงท่ีมัคคุเทศก์แสดงออกจากความรู้สึกภายใน
หรอื ทีเ่ รยี กกนั วา่ “จรรยาบรรณของมัคคเุ ทศก์” ที่สำคญั มดี งั นี้
2.5.1. มีทัศนคติท่ีดีต่ออาชีพและหน้าที่ของมัคคุเทศก์ต่อธุรกิจการท่องเท่ียว และต่อชอ่ื เสียง
ของประเทศชาติ
2.5.2 มีความซ่อื สัตย์สุจรติ ตอ่ นกั ท่องเท่ียวและทกุ ๆ ฝ่ายทเี่ กย่ี วข้อง
2.5.3 มีสตใิ นการปฏบิ ัติหนา้ ทีก่ ารงาน
2.5.4 มนี ้ำใจต่อนักทอ่ งเทย่ี ว
2.5.5 มองโลกในแง่ดี และมมี นุษยสมั พนั ธ์
2.5.6 มคี วามรบั ผดิ ชอบในหนา้ ที่
จรรยาบรรณของมัคคุเทศก์ท่ีสำคัญดังกล่าวข้างต้นน้ี จะช่วยให้การปฏิบัติงานของมัคคุเทศก์
สำเร็จลุล่วงไปได้อย่างดีและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานท่ีมัคคุเทศก์มักจะประสบ คือปัญหาเฉพาะ
หน้า ท่ีจะต้องแก้ไขโดยเร่งด่วน ซ่ึงมักจะเป็นปัญ หาที่ไม่คาดคิดมาก่อน บ่อยคร้ังปัญ หาเกิดขึ้น
ก่อนท่ีมัคคุเทศก์จะพบกับนักท่องเท่ียว เช่น นักท่องเท่ียวปวดฟันขณะเดินทาง นักท่องเที่ยวทำฟันปลอมหาย
นักท่องเท่ียวทำแว่นสายตาตกแตก ฯลฯ หากมัคคุเทศก์มีจรรยาบรรณก็ย่อมจะช่วยแก้ปัญหาให้สำเร็จได้
โดยงา่ ย และเปน็ ผลดีแก่เจา้ ของปญั หาอยา่ งแนน่ อน
3. มีความร้ดู ี มัคคเุ ทศกต์ อ้ งมีความรู้เรอื่ งสำคัญ 6 ประการ ดงั นี้
66
3.1 ความรู้เกี่ยวกับข้อมูลท่ัวไปท่ีสำคัญของบริษัท เช่น การบริการ เส้นทางนำเท่ียว
เบอรโ์ ทรศพั ทห์ รอื แฟกซ์ สถานท่ตี ิดตอ่ เพ่ือประโยชน์ในการปฏบิ ัตงิ านและใหข้ ้อมูลแก่นกั ทอ่ งเทย่ี ว
3.2 ความรู้โดยรวมของประเทศไทย เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ สังคม การเมือง
การปกครอง ศาสนา เทศกาล งานประเพณีท่ีสำคญั วฒั นธรรมความเป็นอยขู่ องผู้คนในแต่ละภาค
3.3 สถานทท่ี อ่ งเท่ียว ประเพณี วัฒนธรรม และผลิตกัณฑ์พ้ืนเมืองในท้องถ่นิ สถานทเ่ี ท่ียว เบอร์
โทรศัพท์ หรือ แฟกซ์ สถานท่ีติดต่อ เพ่ือประโยชน์ในการปฏิบัติงานและให้ข้อมูลแก่ นักท่องเที่ยว
ในถ้องถ่ิน ทั้งท่ีเป็นธรรมชาติและมนุษย์สร้างขึ้น เช่น อาคารบ้านเรือน วัด โบราณสถาน และผลิตกัณฑ์
พื้นเมือง เช่น เครื่องจักสาน ผ้าทอ งานแกะสลัก การแสดงของถ้องถ่ิน เช่น มโนราห์ ฟ้อนเล็บ ระบำชาวเขา
เทศกาลและประเพณีต่าง ๆ เช่น ลอยกระทง สงกรานต์ บญุ ทัง้ ไฟ งานแหเ่ ทียนพรรษา ฯลฯ
3.4 ข้ันตอนและวิธีการเข้าออกเมือง การเก็บภาษี การติดต่อกับหน่วยงานราชการ
ที่เก่ียวข้อง มัคคุเทศก์ต้องให้คำแนะนำนักท่องเท่ียว และดูแลให้การติดต่อกับฝ่ายต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวข้อง
ใหเ้ ป็นไปอย่างราบรน่ื
3.5 ต้องมคี วามรู้ในการใช้ภาษาต่างประเทศ มีทักษะในการพูด อา่ น และเขียน เป็นอย่างดี สิงที่
สำคัญทีส่ ดุ คือ สามารถพูดบรรยายใหน้ กั ท่องเที่ยวเข้าใจเรือ่ งราวตา่ ง ๆ ได้
3.6 ต้องมีการประสานงานและความสัมพนั ธท์ ่ีดกี ับธรุ กจิ อนื่ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเทยี่ ว เพื่อ
ช่วยให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างราบรื่น และก่อให้เกิดความประทับใจแก่นักท่องเท่ียวมากท่ีสุด
เชน่ การคมนาคม ขนสง่ ทพ่ี กั ร้านอาหาร ธรุ กิจบันเทิง และร้านขายของท่ีระลกึ เป็นต้น
4. มีความรักงานมัคคุเทศก์ ต้องมีความภาคภูมิใจในอาชีพของตน มีใจรักในงานบริการ มีความ
รับผิดชอบในหน้าท่ี ตั้งใจปฏิบัติงานให้มีคุณภาพมากที่สุด อดทนต่อปัญหา พยายามปรับปรุงแก้ไขใน
ส่วนบกพรอ่ งของตนเอง และรักษามาตรฐานการทำงานทดี่ ีใหไ้ ดต้ ลอดไป
5. มีศิลปะในการพูด การพูดเปน็ ศาสตรแ์ ละศิลป์ หมายถึง การพูดมีกฎเกณฑส์ ำหรบั เรียนรูแ้ ละการ
ปฏิบัติ ขณะเดียวกันก็อาศัยความสามารถเฉพาะตวั ของผู้พูดด้วย มัคคุเทศก์ต้องมีการเตรียมตัวท่ีดีสำหรับการ
อธิบาย การลำดับเนื้อหา ถ่ายทอดด้วยภาษาท่ีเข้าใจง่าย รู้จักกาลเทศะ ควรพูดเรื่องใด เวลาใด ใช้ภาษาให้
เหมาะสมกับเพศ วยั และสถานการณ์
มคั คุเทศก์เป็นผู้ท่ีอยใู่ กล้ชิดกับนักท่องเท่ียวมากท่ีสุด เพราะฉะนั้นผู้เรยี นจึงควรจะได้เรยี นรู้ และทำ
ความเขา้ ใจเกย่ี วกับหนา้ ทแ่ี ละความรับผิดชอบ คุณลักษณะอันจำเป็นท่ีจะทำให้ชอื่ เสยี งของประเทศชาติ เป็นท่ี
รู้จกั ท่ัวโลก และชว่ ยเพ่มิ พูนจำนวนนักทอ่ งเท่ียวให้เขา้ มาเท่ียวในประเทศไทยได้มากข้ึน
เร่อื งที่ 6 การอนุรกั ษ์สถานทที่ ่องเที่ยว
สถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ เป็นส่ิงท่ีทรงคุณค่าต่อประเทศ ชุมชนและจิตใจของคนในสถานที่นั้น เมื่อมี
คนเข้ามาชื่นชมจำนวนมาก และเป็นเวลานาน ก็ต้องเกิดการทรุดโทรมไปตามกาลเวลา จึงจำเป็น
67
ต้องเก็บรักษาสถานที่ท่ีสำคัญเหล่านี้ ให้อยู่ยาวนานเป็นมรดกให้คนรุ่นหลังได้ชื่นชม ศึกษาเรียนรู้ต่อไป
โดยมีแนวทางในการปฏิบตั ิ ดังนี้
1. การป้องกันไม่ให้เกิดการเปล่ียนแปลงเสียหาย เช่น เกดิ ไฟไหม้ป่า เกิดจากการกระทำของมนุษย์
ที่เข้าไปถากถาง นำเอาพ้ืนท่ีบางส่วนมาใช้ทำการเพาะปลูก การลักลอบเข้าไปล่าสัตว์ การปล่อย
น้ำเสียต่าง ๆ ลงไปในแหล่งน้ำ ซ่ึงทำให้น้ำเกิดมลภาวะข้ึนมา และการขีดเขียนข้อความต่าง ๆ ตามต้นไม้
โขดหิน โดยส่ิงเหล่านี้จะเป็นการทำให้สถานท่ีท่องเท่ียวได้รับความเสียหาย ดังน้ันการป้องกันส่ิงแวดล้อม
จึงเป็นเรื่องท่ีสำคัญ การรักษาสถานท่ีท่องเท่ียวให้คงไว้ตามธรรมชาติ ท้ังควรมีการ จัดสิ่งอำนวย
ความสะดวกตา่ งๆ ที่จะมีขึ้นในสถานที่ท่องเท่ยี วตามธรรมชาติ
2. การรักษาความสะอาด นับว่ามีความสำคัญมากเพราะสถานท่ีท่องเท่ียวจะน่าเท่ียวหรือไม่
จะขึ้นอยู่กับความสะอาดเป็นปัจจัยที่สำคัญ เน่ืองจากสถานที่ท่องเท่ียวส่วนใหญ่จะมีนักท่องเท่ียว
เดินทางเข้าไปใช้บริการเป็นจำนวนมาก โอกาสที่นักท่องเท่ียวจะสร้างความสกปรกเกิดขึ้นจึงมีมาก ดังน้ัน
ผู้รับผิดชอบจึงต้องจัดหาเจ้าหน้าที่รักษาความสะอาดโดยตรงเพื่อเก็บกวาดเศษขยะ นอกจากน้ีทางสถานที่
ท่องเท่ียวยังต้องหาสถานท่ีท้ิงขยะอย่างเพียงพอ เพ่ือที่นักท่องเที่ยวจะได้นำเอาสิ่งท่ีไม่ต้องการไปทิ้ง
เพราะขยะนอกจากจะทำให้สถานทีท่ ่องเทย่ี วสกปรก แลว้ ยงั อาจเป็นอันตรายต่อสตั ว์ป่าในบรเิ วณน้นั ดว้ ย
3. ไม่ควรสร้างสิ่งก่อสร้างและปรับปรุงสถานที่ท่องเท่ียวมากเกินไป เพราะจะทำให้ความ
เป็นธรรมชาติของสถานท่ที ่องเทยี่ วสญู เสียไป
4. การปฏิบัติตามระเบียบของสถานท่ีท่องเท่ียวอย่างเคร่งครัด เพื่อต้องการที่จะรักษาหรืออนุรักษ์
สถานท่ีท่องเท่ียวทเ่ี ป็นธรรมชาติเอาไว้ ผู้ใช้บริการจงึ ตอ้ งปฏิบัติตามระเบียบท่ีสถานที่ทอ่ งเทีย่ วนนั้
5. จัดเจ้าหน้าท่ีในการดูแลและรักษาความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว เพื่อป้องกันความเสียหาย
ที่อาจจะเกดิ ข้ึนกบั สถานทท่ี อ่ งเที่ยว
6. การประชาสัมพันธ์ เพื่อเชิญชวนให้นักท่องเท่ียวเดินทางเข้าไปใช้บริการ และการขอ
ความร่วมมือจากนักท่องเท่ียวที่เดินทางเข้าไป เพ่ือป้องกันมิให้นักท่องเท่ียวเดินทางเข้าไปมากเกินกว่าสถานท่ี
ท่ องเที่ ยวจะรับ ได้ และสามารถท่ี จะควบ คุมให้ นั กท่ องเท่ี ยวให้ ป ฏิ บั ติตามระเบี ยบ ข้อบั ง คับ
ของสถานทท่ี อ่ งเที่ยวได้
เรอื่ งท่ี 7 กลยทุ ธก์ ารพัฒนาการท่องเท่ยี ว
วสิ ัยทัศน์ของจงั หวดั (Vision)
นครแหง่ อารยธรรม นา่ อยู่ น่าเที่ยว การเกษตรและอุตสาหกรรมยงั่ ยืน
คำจากวิสัยทัศน์ หมายถึง นครแห่งอารยธรรม นครศรีธรรมราชเมืองที่มีความหลากหลาย
ทางศาสนา พลเมืองอยู่ร่วมกันอย่างเอื้ออาทร มีแหล่งบ่มเพาะบุคคลด้วยสถาบันการเรียนรู้ทั้งในและ
นอกระบบและมีประเพณี วัฒนธรรมท่ีสืบทอดอย่างยาวนาน น่าอยู่ นา่ เทย่ี ว เมืองที่ปลอดภยั จากอาชญากรรม
68
อุบั ติ ภั ย ภั ยพิ บั ติ ท างธรรม ช าติ แล ะส่ งเสริม สุข ภ าพ อน ามั ย อาห ารป ล อ ดภั ย เมื อ งสี เขีย ว
ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เมืองพลังงานสะอาด การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ นํ้า การบริหารจัดการ
สงิ่ แวดล้อมอย่างยั่งยืน สาธารณูปโภค ระบบคมนาคม เพ่ิมศักยภาพระบบโลจิสติกส์ เช่ือมโยงโครงขา่ ยถนนให้
ได้มาตรฐาน ส่งเสริมพัฒนาแหล่งท่องเท่ียวทางวัฒนธรรมและธรรมชาติ ปลูกฝังความเป็นเจ้าบ้าน
ทดี่ ี และเป็นคนมีอัธยาศัยไมตรที ่ีดี เป็นเมืองน่าเที่ยว การเกษตรและอุตสาหกรรมยั่งยืน นครแห่งการผลิตทาง
การเกษตรที่มีความสมดุลของระบบนิเวศและสภาพแวดล้อม มุ่งเน้นการผลิตท่ีมีคุณภาพ ปลอดภัย
มีมาตรฐาน ตรงตามความต้องการของผ้บู ริโภค และนำนวัตกรรมเทคโนโลยีอันทันสมัยมาประยุกต์ใช้ ส่งผลให้
เกษตรกร ประชาชน ชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช มีความผาสุก และมีคุณภาพชีวิต ดีข้ึน การบริหาร จัดการ
ด้านโครงสรา้ งพ้ืนฐานการผลิตที่มีประสิทธิภาพสงู สดุ ในเร่ือง ดิน นํ้า และระบบชลประทาน รวมท้งั การจัดสรร
ท่ีดินทำกิน การจัดการด้านการส่งเสริมการผลิตพืช สัตว์ ประมง การพัฒนาศักยภาพเกษตรกรสู่ Smart
Farmer การพฒั นาองค์กรเกษตรกรให้เข้มแข็ง การบริหารจดั การฟารม์ สู่ Smart Farm การวางแผน การผลิต
การพัฒนาตลาดสินค้าเกษตร ท่ีมีความยั่งยืนและเช่ือมโยงเครือข่ายด้านการตลาดทั้งภายในและภายนอก
ประเทศ การแปรรูปเพ่ิมมูลค่าสินค้าเกษตรสร้างผลตอบแทนเชิงเศรษฐกิจ และการประยุกต์ใช้นวัตกรรม
ด้านการเกษตรคู่ขนาน ภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยยึดหลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางในการ
พัฒนา พร้อมท้ังสนับสนุนการท่องเท่ียว เชิงเกษตร/เชิงนิเวศ สนับสนุนและพัฒนาอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับ
สง่ิ แวดลอ้ ม เพื่อเพิ่มมูลคา่ ผลิตภณั ฑม์ วลรวมของจังหวดั สกู่ ารพฒั นาการเกษตรท่ีย่ังยืนของจังหวัด โดยคำนงึ ถึง
ความยัง่ ยืนทางเศรษฐกิจ ความยัง่ ยืนทางด้านส่งิ แวดล้อม และความยัง่ ยนื ทางด้านสงั คมของจังหวดั
แผนพัฒนาจังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. 2561 - 2564 ได้มีนโยบายด้านการพัฒนา
การทอ่ งเท่ยี ว ดงั น้ี
ประเด็นยทุ ธศาสตรท์ ี่ 2 การพฒั นาการท่องเทยี่ วบนพนื้ ฐานธรรมะ ธรรมชาติ และศิลปวฒั นธรรม 3
ประเด็นยทุ ธศาสตร์การทอ่ งเท่ยี วของจังหวดั
ประเดน็ ที่ 1 การพฒั นาคณุ ภาพแหล่งทอ่ งเที่ยว สินคา้ และบริการทอ่ งเทย่ี วทีก่ ่อให้เกดิ ความยงั่ ยนื
ประเด็นท่ี 2 การส่งเสริมการตลาดทอ่ งเที่ยวเชิงรกุ
ประเด็นท่ี 3 การพัฒนาการบรหิ ารจดั การการท่องเทีย่ ว
กลยุทธ์/แนวทางการพฒั นา
1. พัฒนาแหล่งท่องเที่ยว สินค้าและบริการด้านการท่องเท่ียวให้ได้มาตรฐานและมีศักยภาพ
เชิงเศรษฐกจิ แกจ่ งั หวัด
2. ยกระดับกิจกรรมการท่องเท่ียวท่ีมีศักยภาพทางการท่องเที่ยวให้เป็นแบรนด์การท่องเท่ียว
ระดับนานาชาติ
3. พัฒนาและปรบั ปรุงโครงสรา้ งพืน้ ฐานเพ่ือรองรับการท่องเทีย่ ว
4. พัฒนาและปรบั ปรุงสิง่ อำนวยความสะดวกดา้ นการทอ่ งเที่ยว
69
5. พฒั นาและปรับปรุงความปลอดภัยและสุขอนามยั ดา้ นการท่องเท่ยี ว
ประเด็นยุทธศาสตร์ ที่ 2 การสง่ เสรมิ การตลาดทอ่ งเท่ยี วเชิงรกุ
เปา้ หมาย/วตั ถุประสงค์
1. ยกระดับตำแหน่งทางการตลาด จากการเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความหลากหลาย
สู่การเปน็ แหลง่ ทอ่ งเทีย่ วทม่ี ีคุณภาพ
2. นักทอ่ งเท่ียวมคี วามมนั่ ใจและเช่อื ม่นั ในการเดนิ ทางส่จู ังหวดั นครศรีธรรมราช
กลยุทธ/์ แนวทางการพฒั นา
1. ยกระดับภาพลักษณ์การท่องเทีย่ วส่กู ารเปน็ Quality Destination
2. สง่ เสริมความรว่ มมอื ทางการตลาดกับภาคสว่ นตา่ ง ๆ และการใชเ้ ทคโนโลยใี นทางการตลาด
ประเด็นยทุ ธศาสตร์ ท่ี 3 การพฒั นาการบริหารจดั การการท่องเทีย่ ว
เปา้ หมาย/วัตถปุ ระสงค์
1. การวางแผนและดำเนินงานด้านการท่องเท่ียวของทุกภาคส่วนอย่างมีการบูรณาการ
มีความสอดคล้องและเป็นไปตามทิศทางเดยี วกัน
2. ทกุ ภาคส่วนมคี วามร่วมมอื ในการพฒั นาและบริหารการท่องเทย่ี วของจังหวัดนครศรีธรรมราช
3. บุคลากรดา้ นการท่องเทยี่ วมีคณุ ภาพมาตรฐานและจรรยาบรรณ
กลยุทธ/์ แนวทางการพฒั นา
1. พัฒนาบุคลากรด้านการท่องเทีย่ วและยกระดับผปู้ ระกอบการ
2. พัฒนาระบบขอ้ มลู และสารสนเทศเพอ่ื การท่องเทยี่ ว
3. สง่ เสรมิ มาตรการเก่ยี วกับการควบคมุ /กฎหมายทเี่ กย่ี วข้องด้านการท่องเท่ียว
เรอื่ งท่ี 8 หน่วยงานทีเ่ กยี่ วข้องกบั การพัฒนาการทอ่ งเทีย่ ว
1. กระทรวงการท่องเท่ียวและกีฬา (Ministry of Tourism and Sport) กระทรวงการท่องเที่ยว
และกีฬา เป็นกระทรวงที่มีภารกิจหลักในการส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
การกีฬา การศึกษาด้านกีฬา นันทนาการ และราชการอ่ืน ๆ ท่ีมีกฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่
ของกระทรวง การทอ่ งเที่ยวและกฬี า
กระทรวงการท่องเท่ียวและกีฬา จัดต้ังขึ้นตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ.
2545 หมวด 5 ตามมาตรา 14 กำหนดให้กระทรวงการท่องเท่ียวและกีฬา มีอำนาจหน้าท่ีเกี่ยวกับ
การส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การกีฬา การศึกษา ด้านกีฬา นันทนาการ และ
ราชการอ่ืนตามท่ี กฎหมายกำหนด ให้อำนาจหน้าที่ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีส่วนราชการ
ตามมาตรา 15 ดังต่อไปน้ี (1) สำนักงานรัฐมนตรี (2) สำนักงานปลัดกระทรวง (3) สำนักงานพัฒนา
การกีฬาและนันทนาการ (4) สำนักงานพัฒนาการท่องเท่ียว
70
2. การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (Tourism Authority of Thailand : TAT) เกิดข้ึนโดย
พระดำริของพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ครั้งทรงดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการรถไฟ
ได้มีการส่งเร่ืองราวเก่ียวกับเมืองไทยไปเผยแพร่ในสหรัฐอเมริกา ใน พ.ศ.2467 ได้มีการจัดตั้งแผนกโฆษณา
ของการรถไฟขึ้น ทำหน้าท่ีรับรองและให้ความสะดวกแก่นักท่องเท่ียวท่ีจะเดินทางมาประเทศไทย รวมท้ังการ
โฆษณ าเผยแพร่ ประเทศไทย ให้เป็นที่รู้จักของชาวต่างประเทศ มีสำนักงานตั้งอยู่ท่ีกรมรถไฟ
เชิงสะพานนพวงศ์ ต่อมาได้ย้ายมาตั้งท่ีสถานีรถไฟหัวลำโพง เมื่อพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระกำแพงเพชร
อัครโยธิน ทรงย้ายไปดำรงตำแหน่งเสนาบดี กระทรวงพาณิชย์และคมนาคม งานด้านส่งเสริมการท่องเท่ียว
ได้ย้ายไปอยู่ท่ีกระทรวงพาณิชย์และคมนาคมด้วย แต่ยังคงทำงานร่วมกับกรมรถไฟ มีสำนักงานตั้งท่ี
ถนนเจรญิ กรงุ หนา้ ไปรษณีย์กลาง
3. สมาคมมัคคุเทศก์อาชีพ หรือ ส.ม.อ. (Professional Tourist Guide Association : PTGA)
สมาคมมัคคุเทศก์อาชีพ เป็นองค์กรท่ีเป็นศูนย์รวมของผู้ประกอบกอาชีพมัคคุเทศก์ เพื่อให้สมาชิกได้พบปะ
สงั สรรค์ แลกเปลย่ี นความคิดเห็น และเป็นศนู ย์สอ่ื ข่าวระหว่างสมาชกิ ของสมาคม
4. กรมการท่องเที่ยว (Department of Tourism) กรมการท่องเที่ยว เป็นส่วนราชการระดับกรม
สังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซ่ึงจัดตั้งข้ึนตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ.
2545 มาตรา 5 หมวด 5 ต้ังแต่วันจันทร์ท่ี 3 ตุลาคม 2545 กรมการท่องเที่ยว มีภารกิจเก่ียวกับ
การท่องเที่ยว ในการพัฒนามาตรฐานการบริการด้านการท่องเท่ียวและแหล่งท่องเที่ยว รวมทั้ง
การสนับสนุนการประกอบธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ให้อยู่ในระดับมาตรฐาน เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์
ทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม และเพื่อก่อให้เกิดการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน ซ่ึงเดิมเป็นภารกิจของ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และได้ถ่ายโอนมาให้สำนักงานพัฒนาการท่องเท่ียว ตามพระราชบัญญั ติ
ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ.2545 ประกอบกับกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานพัฒนา
การท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พ.ศ.2545 นอกจากน้ี สำนักงาน พัฒนาการท่องเท่ียว
ยังรับโอนงานพฒั นาและสนบั สนุนกจิ การภาพยนตร์มาจากกรมประชาสมั พันธ์ดว้ ย
5. สมาคมโรงแรมไทย (Thai Hotel Association : THA) สมาคมโรงแรมไทย เป็นองคก์ รท่ีส่งเสริม
การประกอบธุรกิจโรงแรม สร้างความสามัคคีระหว่างสมาชิก แลกเปล่ียนความรู้ความคิดเห็น
เชิงวิชาการซึ่งกันและกัน คุ้มครองส่งเสริมและรักษาผลประโยชน์ร่วมกัน ประสานงานกับภาครัฐและ
ภาคเอกชนในการอำนวยประโยชน์ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ร่วมกัน สมาคมมีนโยบายในการดำเนินงาน
บริหารสมาคมโดยร่วมประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ในการส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรม
การท่องเที่ยวและบริหารตลอดจนการพัฒนาบุคลากรให้มีคุณภาพและมีมาตรฐานมากยิ่งขึ้น สมาคมโรงแรม
ไทยก่อต้ังขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2506 โดยคณะผู้บริหารโรงแรมและเจ้าของโรงแรมได้ร่วมกันขออนุญาตจัดต้ังข้ึนโดย
ในขณะนนั้ เรยี กวา่ “สมาคมโรงแรมเพ่ือนักทัศนาจรแหง่ ประเทศไทย”
1
หน่วยการเรียนรู้ที่ 13
โครงการอนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำรใิ นจงั หวัดนครศรธี รรมราช
สาระสำคญั
การศึกษาพระราชกรณียกิจเก่ียวกับโครงการพระราชดำรินำสู่การปรับใช้ในชีวิตประจำวัน
แสดงถงึ การรกั ษ์ และภมู ใิ จในความเป็นไทย
ตวั ช้วี ัด
1. ยกตวั อยา่ งโครงการพัฒนาดา้ นแหล่งน้ำ จังหวัดนครศรธี รรมราช
2. ยกตัวอยา่ งโครงการพัฒนาด้านสิ่งแวดลอ้ ม จงั หวดั นครศรีธรรมราช
3. ยกตวั อยา่ งโครงการพัฒนาด้านส่งเสริมอาชีพ จังหวดั นครศรีธรรมราช
4. ยกตัวอยา่ งโครงการพัฒนาดา้ นสวสั ดกิ ารสงั คม/การศึกษา
จังหวดั นครศรธี รรมราช
5. ยกตัวอยา่ งโครงการพัฒนาดา้ นแบบบรู ณาการและโครงการพฒั นา
ดา้ นอื่น ๆ จังหวัดนครศรีธรรมราช
ขอบขา่ ยเนอ้ื หา
เร่อื งที่ 1 โครงการพัฒนาด้านแหลง่ น้ำ จังหวดั นครศรีธรรมราช
1.1 ฝายคลองสังขอ์ นั เนือ่ งมาจากพระราชดำริ ตำบลทา่ ยาง
อำเภอทุง่ ใหญ่
1.2 ฝายคลองวังหีบ (วังฉอ้ นาง) อันเน่ืองมาจากพระราชดำริ
(บ้านวงั ฉ้อนาง) ตำบลนาหลวงเสน อำเภอทงุ่ สง
1.3 พฒั นาพน้ื ที่ลมุ่ นา้ํ ปากพนงั
เรอ่ื งที่ 2 โครงการพัฒนาด้านสง่ิ แวดลอ้ ม จังหวัดนครศรธี รรมราช
2.1 โครงการอนุรกั ษ์และฟ้นื ฟู ป่าพรุควนเครง็
(จดั ทำฝายนํ้าล้นชั่วคราว) ตำบลเครง็ อำเภอซะอวด
2.2 ก่อสร้างฝายชะลอการไหลของน้าํ ในพน้ื ท่ปี ่าพรุ ตำบลสวนหลวง
อำเภอเฉลมิ พระเกยี รติ
2
เร่ืองที่ 3 โครงการพัฒนาดา้ นสง่ เสริมอาชพี จงั หวัดนครศรีธรรมราช
3.1 ส่งเสรมิ ศิลปาชพี บ้านตรอกแค ตำบลขอนหาด อำเภอชะอวด
เร่อื งที่ 4 โครงการพัฒนาด้านสวัสดิการสังคม/การศึกษา
จงั หวัดนครศรธี รรมราช
4.1 โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบา้ นเขาวัง หมทู่ ี่ 12
ตำบลหินตก อำเภอร่อนพิบลู ย์
4.2 โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบา้ นควนมชี ัย หม่ทู ่ี 8
ตำบลวงั อ่าง อำเภอชะอวด
เรื่องที่ 5 โครงการพัฒนาด้านแบบบูรณาการและโครงการพัฒนาดา้ นอืน่ ๆ
จังหวัดนครศรีธรรมราช “โครงการพฒั นาพนื้ ท่ลี ่มุ น้ำปากพนงั
อนั เน่ืองมาจากพระราชดำริ”
เวลาทีใ่ ชใ้ นการศึกษา 15 ชวั่ โมง
ส่อื การเรยี นรู้
1. ชดุ วชิ านครศรีธรรมราชศึกษา รหสั รายวชิ า สค3300168
2. สมดุ บันทกึ กิจกรรมการเรยี นรู้ประกอบชดุ วชิ านครศรธี รรมราชศกึ ษา
รหสั รายวชิ า สค3300168
3. สือ่ เสริมการเรียนรอู้ ่ืน ๆ
3
เรื่องท่ี 1 โครงการพัฒนาด้านแหลง่ น้ำ จงั หวัดนครศรีธรรมราช
โครงการอันเน่ืองมาจากพระราชดำริ ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช
มหาราช บรมนาถบพิตรในจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยโครงการพัฒนาด้านแหล่งน้ำจังหวัดนครศรีธรรมราช
มีตัวอย่างโครงการ ดังน้ี
1.1 ฝายคลองสงั ขอ์ ันเนอ่ื งมาจากพระราชดำริ ตำบลทา่ ยางอำเภอทุ่งใหญ่
สถานท่ตี งั้ : ตำบลท่ายาง อำเภอท่งุ ใหญ่ จังหวัดนครศรธี รรมราช
เร่อื งเดิม
จงั หวัดนครศรีธรรมราช ได้มีหนังสือที่ นศ.19/13642 ลว. 8 ส.ค. 2515 ถึงชลประทานภาคใต้ แจ้ง
ว่าราษฎรในเขตอำเภอทุ่งใหญ่ได้รับความเดือดร้อนเพราะขาดแคลนน้ำในการทำนา เน่ืองจากใน
ช่วงระยะเวลา 3 - 4 ปี ท่ีผ่านมามีสภาพฝนแล้งผิดปกติ จึงขอให้ทางชลประทานพิจารณาก่อสร้าง
ทำนบหรือฝายน้ำล้นถาวรให้ ต่อมาชลประทานภาคใต้ได้มีหนังสือท่ี พก.0513/1884 ลว. 11 ก.ย.2515
ถึงจังหวัดนครศรีธรรมราช แจ้งว่าจะมีเจ้าหน้าท่ีออกไปตรวจสอบรายละเอียดภูมิประเทศและรวบรวมสถิติ
ขอ้ มูลแล้วรายงานผลพิจารณาเบื้องต้นส่งกรมชลประทานพิจารณาความเหมาะสมต่อไป ต่อมานายฉลอง เทพ
จินดา ราษฎรตำบลท่ายาง อำเภอทุ่งใหญ่ ได้ย่ืนหนังสือ ลว. 17 พ.ค. 2519 ถวายฎีกาต่อพระบาทสมเด็จพระ
เจ้าอยู่หัว ในคราวที่เสด็จเยี่ยมราษฎรที่อำเภอทุ่งใหญ่ ขอพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณช่วยเร่งรัดพัฒนา
ทางด้านเศรษฐกิจและสังคม ให้แกร่ าษฎรอำเภอทุ่งใหญ่ สำนักราชเลขาธิการ จึงได้มีหนงั สือท่ี รล.0007/4831
ลว. 10 มิ.ย. 2519 ส่งเร่ืองมาให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พิจารณา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จงึ ได้ส่ง
เรอ่ื งดังกลา่ วมาให้กรมชลประทานพิจารณาตอ่ ไป สำนักชลประทานท่ี 15 ไดม้ ีบันทึก ลว. 29 ก.ค. 2519 เสนอ
รายงานผลพิจารณาโครงการคลองสังข์ มาให้กรมฯ ทราบ กองวางโครงการได้ตรวจสอบรายงานผลพิจารณา
เบ้ืองต้น ที่สำนักชลประทานที่ 15 เสนอมาแล้ว เห็นว่ามีลู่ทางที่จะดำเนินการตามข้อเสนอดังกล่าวได้ แต่
เนื่องจากยังขาดแผนที่รายละเอียดภูมิประเทศ และรูปตัดลำน้ำบริเวณหัวงาน เพื่อใช้ประกอบการพิจารณา
โครงการ จึงเห็นควรศึกษารายละเอียดเค้าโครงเบ้ืองต้น เพ่ือกำหนดขอบเขตงานสำรวจก่อน เมื่อมีผลการ
สำรวจรายละเอียดแลว้ จึงนำมาใชป้ ระกอบการพจิ ารณาโครงการต่อไป
ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตร บริเวณพ้ืนที่ลุ่มน้ำ
คลองสังข์และทรงเย่ียมราษฎรในพ้ืนที่อำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันท่ี 18 กันยายน 2523
ได้มีพระราชดำริให้กรมชลประทานพิจารณาโครงการและก่อสร้างโครงการพัฒนาลุ่มน้ำคลองสังข์ ในเขต
4
อำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยเร่งด่วน เพื่อจัดหาน้ำให้แก่พ้ืนที่เพาะปลูกในเขตอำเภอทุ่งใหญ่
ซ่ึงมีพื้นท่ีเพาะปลูกประมาณ 70,000 ไร่ ให้สามารถทำการเพาะปลูกได้ตลอดปี รวมทั้งการเล้ียงสัตว์ด้วย
กรมชลประทานจึงได้พิจารณาวางโครงการและกำหนดแผนงานก่อสร้างโครงการฝายทดน้ำ และโครงการ
อ่างเก็บน้ำคลองสังข์ เพื่อสนองพระราชดำริในข้ันแรกนี้ จะพิจารณาวางโครงการและก่อสร้างโครงการ
เหมือนฝายคลองสังขโ์ ดยเร่งดว่ นก่อน
ทต่ี ้ังหัวงาน
งานส่งน้ำและบำรุงรักษาท่ี 2 (ฝายคลองสังข์) ตั้งอยู่หมู่ท่ี 2 บ้านนาแค ตำบลท่ายาง อำเภอ
ทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ในแผนที่มาตราส่วน 1: 50,000 ระวาง 2845 I ท่ีพิกัด 47 PNK 540241 E
918234 N มีอาณาเขตในพ้นื ที่อำเภอทุ่งใหญ่ อยู่ประมาณเสน้ รุ้งที่ 8-11 เส้นแวงที่ 99-22-11 ตะวนั ตก
วตั ถปุ ระสงค์ของโครงการ
เพื่อช่วยเหลือพ้ืนท่ีเขตเพาะปลูกตำบลท่ายาง ตำบลทุ่งสงและตำบลบางรูป ครอบคลุมพื้นที่จำนวน
14 หมู่บา้ น เปน็ พ้ืนทโี่ ครงการ 17,000 ไร่ พืน้ ที่สง่ น้ำ 11,200 ไร่
สภาพการชลประทาน
1. สภาพหัวงาน เป็นโครงการประเภทเหมืองฝายทดน้ำจากคลองสังข์ ส่งเข้าไปช่วยเหลือพ้ืนที่
เพาะปลกู ทั้งฝั่งซ้ายและฝ่ังขวา มีฝายหัวงานและอาคารประกอบคอื
1.1 ฝายหัวงาน เป็นฝายคอนกรีตเสริมเหล็ก 1 แห่ง สูง 2.50 เมตร สันฝายยาว 26 เมตร
มีประตูระบายน้ำและระบายทรายกว้าง 3 เมตร สูง 2.50 เมตร จำนวน 3 ช่อง สามารถระบายน้ำออกได้
สงู สุด 120 ม.2 /วินาที และ 2.20 ม.3 /วินาที ตามลำดับ
1.2 ทรบ. ปากคลองส่งน้ำสายใหญ่ 2 แห่ง ทรบ.ปากคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝ่ังขวา ขนาด 1-ø
1.00 เมตร ยาว 20.00 เมตร ฝ่ังซ้าย ขนาด 2-ø 1.00 เมตร ยาว 12.00 เมตร สามารถให้ปริมาณน้ำไหลผ่าน
ไดป้ ระมาณ 1.00 ม.3 /วนิ าที และ 2.20 ม.3 /วนิ าที
1.3 ทำนบดินปิดก้ันลำน้ำเดิม 1 แห่ง ขนาดสันทำนบกว้าง 6.00 เมตร ยาว 70.00 เมตร ส่วนที่
สงู ทสี่ ดุ ประมาณ 7 เมตร
2. สภาพระบบส่งน้ำ โครงการคลองสังข์ได้ดำเนินการก่อสร้างฝายทดน้ำและระบบส่งน้ำ
แลว้ เสร็จ ดงั นี้
5
2.1 คลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย ยาว 13.00 กม. (ได้ปรับปรุงเป็นคลองดาดคอนกรีตตลอดสาย
แล้ว สภาพปัจจุบันใช้การได้ดีและมีประสิทธิภาพในการส่งน้ำสูงได้ผลดี) มีอาคารชลประทาน
ตามแนวคลองสง่ น้ำ 47 แห่ง
2.2 คลองส่งน้ำสายใหญ่ฝ่ังขวา ยาว 9.70 กม. (เป็นคลองดาดคอนกรีต) มีอาคารชลประทาน
ตามแนวคลองสง่ นำ้ จำนวน 39 แหง่ สภาพปจั จุบันใชก้ ารได้
2.3 คลองส่งน้ำ 1 ขวา - สายใหญ่ฝ่ังซ้าย ยาว 7.277 กม. (เป็นคลองดาดคอนกรีต) มีอาคาร
ชลประทานตามแนวคลองส่งนำ้ จำนวน 29 แหง่ สภาพปัจจบุ นั ใชก้ ารได้
2.4 คลองส่งน้ำ 1 ขวา - 1 ขวา-สายใหญ่ฝ่ังซ้าย ยาว 1.920 กม. (เป็นคลองดินประสิทธิภาพ
ในการสง่ น้ำต่ำ) มอี าคารตามแนวชลประทานตามแนวคลองสง่ นำ้ จำนวน 9 แห่ง สภาพปจั จบุ ันใช้การได้
2.5 คลองส่งน้ำ 2 ขวา - สายใหญ่ฝ่ังซ้าย ยาว 2.750 กม. (เป็นคลองดินประสิทธิภาพในการส่ง
นำ้ ต่ำ) มีอาคารชลประทานตามแนวคลองส่งนำ้ จำนวน 14 แหง่ สภาพปจั จุบนั ใชก้ ารได้
2.6 คลองส่งน้ำ 1 ซ้าย - สายใหญ่ฝ่ังขวา ยาว 4.500 กม. (เป็นคลองดินประสิทธิภาพในการส่ง
นำ้ ต่ำ) มีอาคารชลประทานตามแนวคลองสง่ นำ้ จำนวน 25 แห่ง สภาพปจั จบุ ันใช้การได้
ประโยชน์ของโครงการ
เพ่ือช่วยเหลือพ้ืนที่เพาะปลูกในเขตโครงการ ประมาณ 11,200 ไร่ ให้สามารถใช้เป็นพื้นที่
ทำการเกษตรได้อยา่ งสมบรู ณ์
สภาพปจั จบุ นั
เนื่องจากโครงการฝายคลองสังข์ เป็นระบบทดน้ำส่งเข้าพ้ืนที่เพาะปลูกของเกษตรกร ซ่ึงใน
ฤดูแล้งได้รับผลกระทบจากต้นทุนน้ำไม่เพียงพอ สำหรับโครงการฝายทดน้ำและระบบส่งน้ำ ทำให้
ไม่สามารถส่งน้ำเข้าระบบแปลงพื้นที่เพาะปลูก โดยเฉพาะในฤดูแล้งบางปีน้ำในคลองสังข์ไม่มี ไหลขาด
เป็นช่วงๆ ส่วนในฤดูฝน น้ำจะเอ่อล้นคลองสังข์ ไหลบ่าท่วมพื้นที่เพาะปลูกและตัวเมืองเขตเทศบาลตำบลท่า
ยาง ทำให้ราษฎรได้รับความเสียหายเป็นอันมาก ทุกปีก่อนที่น้ำจะระบายสู่แม่น้ำตาปีต่อไป และมีโรง
สูบน้ำของการประปาส่วนภูมิภาคหน่วยจันดี เขตอำเภอทุ่งใหญ่ ซ่ึงโรงสูบน้ำท่ีต้ังห่างจากตัวฝายไปทาง
ด้านเหนือน้ำประมาณ 700 เมตร โดยสูบน้ำผลิตประปาใช้ในการอุปโภคและบริโภคในเขตเทศบาลตำบลท่า
ยาง และหมู่บ้านข้างเคียงประมาณวันละ 1,300 ม.3 /วัน โดยเฉพาะในฤดูแล้งทางโครงการฝาย
คลองสังข์มีน้ำจำนวนจำกัดอยู่แล้ว ไม่สามารถส่งน้ำช่วยเหลือพื้นท่ีเพาะปลูกได้ และทั้งน้ีทางโครงการ
ชลประทานได้ขอประกาศทางน้ำชลประทานตามมาตรา 5 ที่ กศ.0324/668 ลงวันที่ 14 มีนาคม 2557 ตาม
รายละเอยี ดทแ่ี นบมาเพ่ือประกาศเปน็ มาตราต่อไป
6
หัวสบู น้ำเพอื่ ผลิตน้ำประปา
สภาพบริเวณหัวงานฝายคลองสงั ข์ อันเนอ่ื งมาจากพระราชดำริ สภาพระบบคลองส่งนำ้ (คลองดิน)
สภาพระบบคลองส่งนำ้ (คลองดาดคอนกรีต) สถานีสูบนำ้ ประปาส่วนภูมภิ าคหน่วยจันดี
แผนท่คี ลองสังข์
7
ท่ีมา : http://km.rdpb.go.th/Project/View/7772
1.2 ฝายคลองวังหบี (วังฉ้อนาง) อันเน่ืองมาจากพระราชดำริ
(บา้ นวังฉ้อนาง) ตำบลนาหลวงเสน อำเภอทุ่งสง
สถานทต่ี ้ัง
โครงการวังหีบเป็นการก่อสร้างเขื่อนเก็บกักน้ำขนาดกลาง ปิดกั้นคลองวังหีบบริเวณหมู่ที่ 1
บา้ นสระแก้ว และหม่ทู ี่5 บา้ นคอกช้าง ตำบลนาหลวงเสน อำเภอท่งุ สง จังหวดั นครศรีธรรมราช
ประวัติโครงการ
เมือ่ วันท่ี 2 ตลุ าคม 2533 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรสภาพภมู ิ
ประเทศบริเวณที่จะสร้างอ่างเก็บน้ำกะลูแป ตำบลเตราะบอน อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี พระองค์ได้
พระราชทานพระราชดำริเกี่ยวกับงานชลประทานในพื้นที่ต่างๆ ทั้งได้ทรงรับสั่งให้กรมชลประทานพิจารณา
วางโครงการและก่อสรา้ งอา่ งเก็บนำ้ ปิดก้ันคลองวงั หีบ และอ่างเก็บน้ำสาขาดว้ ย ที่บรเิ วณบา้ นนาหลวงเสนและ
บ้านนาประดิษฐ์ ตลอดจนฝายทดน้ำต่างๆ ในเขตอำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ตามท่ีราษฎรได้กราบ
บังคมทูลพระราชทาน และกรมชลประทานได้มอบหมายให้กองวางโครงการ (ปัจจุบัน คือ สำนักบริหาร
โครงการ) ดำเนินการศกึ ษาวางโครงการต่อไป
วตั ถุประสงคข์ องโครงการวงั หบี
8
1) เพื่อใชเ้ ปน็ แหล่งเกบ็ กักนำ้ ไว้เพ่อื การเพาะปลูกทั้งในฤดฝู นและฤดูแลง้
2) เพื่อใช้เป็นแหล่งกักเก็บนำ้ สำหรบั การอุปโภค-บริโภคของราษฎรและสัตว์เล้ียงที่อาศัยอยู่บรเิ วณ
พน้ื ท่ีโครงการและใกล้เคยี ง
3) เพื่อใช้เป็นแหล่งเพาะขยายพันธ์ุสัตว์น้ำจืดให้ราษฎรได้ใช้บริโภค และมีรายได้เสริมจาก
การจบั สตั ว์นำ้
4) เพื่อช่วยบรรเทาอุทกภัยที่จะเกิดข้ึนในช่วงฤดูน้ำหลาก ซ่ึงทำให้เกิดน้ำท่วมพื้นท่ีเกษตรกรรม
บรเิ วณท้ายอา่ งเกบ็ น้ำ
5) ใช้เป็นแหล่งท่องเที่ยว หรือเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของราษฎรท่ีอาศัยบริเวณใกล้เคียงกับ
พืน้ ทีโ่ ครงการ
ผลประโยชน์ของโครงการวังหีบ
พ้ืนท่ีรับประโยชน์ (เพ่ือการเกษตร) มีพ้ืนที่ 13,014 ไร่ ซ่ึงครอบคลุม 24 หมู่บ้าน ใน 4 ตำบล คือ
ตำบลนาหลวงเสน ตำบลหนองหงส์ ตำบลควนกรด และตำบลนาไม้ไผ่
หมู่บ้านรับประโยชน์ (เพ่ือการอุปโภคบริโภค) ครอบคลุม 20 หมู่บ้าน ใน 3 ตำบล คือ ตำบล
นาหลวงเสน ตำบลหนองหงส์ และตำบลนาไม้ไผ่
แผนท่โี ครงการอ่างเก็บน้ำวังหีบ อนั เนื่องมาจากพระราชดำริ
ทม่ี า : http://www.rid.go.th/royalproject/index.php?option=com_content&view=article&id=671%3A2017-11-
9
23-03-15-32&catid=66%3A2009-05-04-07-29-58&Itemid=9
1.3 พัฒนาพน้ื ทล่ี ุม่ นาํ้ ปากพนงั
ประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ ตั้งอยู่ในบ้านบางปี้ ตำบลหูล่อง อำเภอปากพนัง จังหวัด
นครศรีธรรมราช เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพ่ือช่วยเหลือบรรเทาความทุกข์ยากเดือดร้อน
ของประชาชนในพื้นท่ีลุ่มน้ำปากพนังและพื้นท่ีใกล้เคียง ช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง น้ำเค็ม และปัญหา
ความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติ ตลอดจนการยกระดับและพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่ได้
อย่างครบวงจร และด้วยทัศนียภาพโดยรอบท่ีงดงาม เพราะตั้งอยู่ท่ามกลางแม่น้ำปากพนัง มีสะพานข้ามฝ่ัง
แม่น้ำเพ่ือให้คนในพื้นที่ได้สัญจรข้ามไปมายังอีกฝ่ัง และได้จัดทำเป็นสวนสาธารณะที่ร่มร่ืนเหมาะสำหรับ
มาพักผ่อนชมวิว หากมองไปยังริมแม่น้ำสามารถมองเห็นสัญลักษณ์ปล่องไฟสูงของโรงสีข้าวเก่าแก่สมัยรชั กาล
ท่ี 5 ท่ีทางอำเภอปากพนังอนุรักษ์ไว้ ประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ จึงกลายเป็นสถานที่ท่องเท่ียวไฮไลท์
ทนี่ ่าสนใจอกี แห่งหนึง่ ของอำเภอปากพนงั
ที่ตงั้ โครงการ หมู่ท่ี 5 ตำบลหูล่อง อำเภอปากพนงั จังหวัดนครศรธี รรมราช
สภาพทว่ั ไป
ลุ่มน้ำปากพนัง ต้ังอยู่ทางตอนใต้ของจังหวัดนครศรีธรรมราช ครอบคลุมพ้ืนที่รวม 13 อำเภอ คือ
พนื้ ท่ีทงั้ หมดของอำเภอปากพนงั อำเภอเชียรใหญ่ อำเภอหวั ไทร อำเภอเฉลิมพระเกยี รติ อำเภอชะอวด อำเภอ
10
ร่อนพิบูลย์ อำเภอจุฬาภรณ์ พ้ืนที่บางส่วนของอำเภอลานสกา อำเภอพระพรหม แล ะอำเภอเมือง
นครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช รวมท้ังพ้ืนท่ีบางส่วนของอำเภอควนขนุน อำเภอป่าพะยอม จังหวัด
พัทลุง และอำเภอระโนด จังหวัดสงขลา รวมพื้นท่ีประมาณ 1.9 ล้านไร่ เป็นพื้นท่ีนากว่า 500 ,000 ไร่
มปี ระชากรประมาณ 600,000 คน อดีตของลุ่มน้ำแห่งนี้เคยเป็นพ้ืนที่ลุ่มท่ีมีความอุดมสมบูรณ์ ประชาชนส่วน
ใหญ่ประกอบอาชีพเพาะปลูก มีการทำนามากที่สุดโดยอาศัยน้ำจากแม่น้ำปากพนังซ่ึงเป็นแม่น้ำสายสำคัญของ
ลุ่มน้ำปากพนัง จึงเป็นแหล่งปลูกข้าวของภาคใต้ รวมท้ังเป็นศูนย์กลางแห่งความเจริญรุ่งเรืองทุก ๆ ด้าน
จนเป็นท่ีรจู้ ักกันของผคู้ นอย่างกว้างขวางในนาม “เมืองแหง่ อ่ขู ้าวอ่นู ำ้ ”
เมื่อเวลาผ่านไป “ลุ่มน้ำปากพนัง” ที่เคยอุดมสมบูรณ์กลับมีปัญหาจากสภาพแวดล้อม
ที่เปลี่ยนไป จำนวนประชากรท่ีเพ่ิมมากข้ึน ความต้องการใช้น้ำย่อมมีปริมาณมากข้ึนด้วย แต่ป่าไม้ต้นน้ำ
ลำธารกลับลดลงอยา่ งรวดเรว็ ทำให้ปรมิ าณน้ำจืดทีเ่ คยดูดซบั ไวแ้ ล้วทยอยปลอ่ ยลงในแม่นำ้ ปากพนังและลำน้ำ
สาขาในช่วงฤดูแล้งลดลงด้วย น้ำจืดที่เคยมีใช้ปีละ 8 - 9 เดือน ลดลงเหลือปีละ 3 เดือนเท่านั้น และเน่ืองจาก
ลักษณะของแม่น้ำปากพนังมีระดับท้องน้ำอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำ ทะเลและมีความลาดชันน้อย เม่ือ
น้ำจืดทางด้านต้นน้ำมีปริมาณน้อย ทำให้น้ำเค็มสามารถรุกล้ำเข้าไปในแม่น้ำปากพนังและลำน้ำสาขา
เป็นระยะทางเกือบ 100 กิโลเมตร นอกจากนี้ตอนใต้ของลุ่มน้ำปากพนังยังมี “พรุควนเคร็ง” ซ่ึงเป็นพื้นที่ลุ่ม
ขนาดใหญ่ประมาณ 200,000 ไร่ มีน้ำท่วมขังตลอดปี มีสารไพไรท์อยู่ในชั้นดิน ทำให้ดินมีสภาพเป็นกรด และ
มปี ัญหานำ้ เปร้ยี ว ราษฎรไม่สามารถใชป้ ระโยชน์เพื่อการเกษตรได้ รวมทั้งน้ำเน่าเสียจากการทำนากุ้งไดไ้ หลลง
ในลำน้ำต่างๆ จนไม่สามารถนำไปใช้เพื่อการเพาะปลูกได้ กลายเป็นปัญหาข้อขัดแย้งระหว่างชาวนาข้าวและ
ชาวนากงุ้ อกี ดว้ ย ปัญหาอุทกภยั ในช่วงฤดฝู นเนื่องจากมีปรมิ าณฝนตกมากแตพ่ ้ืนทล่ี ุ่มนำ้ เป็นพ้ืนท่ลี มุ่ ราบแบนมี
ความลาดชันน้อย อุทกภัยมักจะเกิดในช่วงน้ำทะเลหนุนสูง ระบายน้ำออกสู่ทะเลได้ยาก จึงทำความเสียหาย
ใหแ้ กพ่ นื้ ที่เพาะปลกู และพนื้ ท่ีชมุ ชนเมืองเปน็ บริเวณกว้าง
น้ำจืดขาดแคลน - น้ำเค็ม - น้ำเปร้ียวและน้ำเสีย จึงเป็นปัญหาที่ชาวลุ่มน้ำปากพนังต้องเผชิญ
การทำนาไม่ได้ผล ผลผลิตต่ำ ราษฎรมีฐานะยากจน การพัฒนาพื้นท่ีลุ่มน้ำปากพนังตามแนวพระราชดำริ
จึงเป็นหนทางหนึ่งท่จี ะช่วยพลกิ ฟ้นื ความอดุ มสมบูรณใ์ ห้กลบั คนื สลู่ ุ่มน้ำปากพนงั ดังเช่นในอดีต
พระราชดำริ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้พระราชทานพระราชดำริเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาและ
การพัฒนาพืน้ ทล่ี มุ่ น้ำปากพนัง เพือ่ ช่วยเหลือราษฎรหลายครงั้ ดังนี้
- ครั้งแรก เม่อื เดอื นธนั วาคม 2531 หลังจากเกิดน้ำท่วมใหญ่เมื่อเดอื นพฤศจิกายน
- ครั้งต่อมาเม่ือวันท่ี 9 และ 11 ตุลาคม 2535 ณ สถานีสูบน้ำโคกกูแว ตำบลพร่อน อำเภอ
ตากใบ จังหวัดนราธิวาส และสถานีสูบน้ำบ้านตอหลัง อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส พระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระราชดำริ ให้กรมชลประทานพิจารณาก่อสร้างประตูระบายน้ำปากพนัง
ที่อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อป้องกันน้ำเค็มรุกล้ำและเก็บกักน้ำจืด พร้อมกับการก่อสร้าง
11
ระบบคลองระบายน้ำเพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วม และระบบกระจายน้ำเพื่อการเพาะปลูกในพื้นท่ีลุ่มน้ำ
ปากพนงั
- คร้ังสำคัญท่ีสุด เมื่อวันท่ี 2 ตุลาคม 2536 ได้พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้
คณะกรรมการบริหารโครงการพัฒนาลุ่มน้ำปากพนังอันเน่ืองมาจากพระราชดำริเข้าเฝ้า ฯ ณ พระตำหนัก
ทักษิณราชนิเวศน์ ได้พระราชทานพระราชดำริเพิ่มเติมความว่า “...ทำประตูน้ำที่ปากแม่น้ำห่างจาก
ตวั อำเภอปากพนัง ประมาณ 3 กิโลเมตร ก็พิจารณาว่าจะแก้ปัญหาทั้งหมด ซึ่งหมายความว่าเป็นกุญแจสำคัญ
ของโครงการ ฯ จะแก้ไขปั ญ ห าต้ังแต่ น้ ำแล้ง น้ำท่ วม น้ ำเค็มและสามารถที่ จะให้ ป ระช าช น
มีน้ำบริโภคและน้ำทำการเกษตร... แม้ว่าประตูน้ำอันเดียวนี้จะไม่แก้ไขปัญหาท้ังหมด ซ่ึงจะต้องสร้างหรือ
ทำโครงการต่อเนื่อง หากแต่ว่าเป็นจุดเริ่มต้น ของการแก้ไขปัญหาทั้งหมด จากอันน้ีจะทำอะไร ๆ
ได้ทกุ อย่าง และแยกออกมาเปน็ โครงการฯ...”
แนวทางการแกไ้ ขปญั หาตามแนวพระราชดำริ สรปุ ไดด้ งั น้ี
1. เร่งดำเนินการก่อสร้างประตูระบายน้ำปากพนังให้แล้วเสร็จโดยเร็วเพราะเป็นจุดเริ่มต้นและเป็น
งานหลกั ในการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนนำ้ จดื เพอ่ื การเกษตรและการอปุ โภคบริโภค
2. การแกไ้ ขปญั หานำ้ ท่วมในพ้ืนทท่ี ำกินขอบราษฎร ควรดำเนินการดังน้ี
2.1 ขุดคลองระบายน้ำฉุกเฉินพร้อมก่อสร้างอาคารควบคุมปากคลอง เพื่อระบายน้ำจากแม่น้ำ
ปากพนังออกทะเลทีก่ รณีเกิดอุทกภยั
2.2 ขดุ ขยายคลองท่าพญาพร้อมก่อสรา้ งประตรู ะบายนำ้ ริมทะเลเพื่อระบายน้ำออกอีกทางหน่ึง
2.3 ขุดลอกคลองบ้านกลาง คลองปากพนัง คลองหน้าโกฏิ พร้อมก่อสร้างประตูระบายน้ำเสือ
รอ้ ง (ก่อสร้างบรเิ วณบ้านเสือหงึ ) และประตรู ะบายนำ้ หน้าโกฏิ เพอื่ ระบายนำ้ ลงทะเลใหเ้ ร็วขึน้
2.4 ขุดคลองระบายน้ำชะอวด-แพรกเมือง พร้อมก่อสร้างประตูระบายน้ำเพอื่ ช่วยระบายน้ำออก
จากพนื้ ทีโ่ ครงการฯ ลงสูท่ ะเลกรณเี กดิ อทุ กภัย
3. กำหนดแนวเขตให้ชัดเจนและเหมาะสมเพื่อแยกพื้นท่ีน้ำจืดและพื้นท่ีน้ำเค็มออกจากกัน
ให้แน่นอน โดยกำหนดให้ทิศตะวันออกของคลองปากพนัง (คลองหัวไทร) เป็นพื้นท่ีน้ำเค็ม โดยมอบให้
กรมประมงก่อสรา้ งอาคารบังคับน้ำ จัดระบบชลประทานน้ำเค็ม ทั้งนี้ให้กรมชลประทาน กรมประมง ตลอดจน
ผเู้ กย่ี วข้องร่วมกนั พจิ ารณาหาแนวเขตใหเ้ หมาะสมท่สี ดุ
4. พ้ืนท่ีทางทิศตะวันตกของลุ่มน้ำปากพนังเป็นเทือกเขาสูง ให้พิจารณาวางโครงการและก่อสร้าง
อ่างเก็บน้ำ หรือฝายทดน้ำ เพื่อช่วยเหลือพ้ืนท่ีการเกษตรเพ่ือการอุปโภคบริโภค และช่วยบรรเทาอุทกภัย
ในพน้ื ทต่ี อนล่าง
การบรหิ ารงานโครงการ
การดำเนินงานพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังเป็นรูปแบบใหม่ตามแนวพระราชดำริ โดยมีหน่วยงาน
ที่เก่ียวข้องร่วมกันพัฒนาและแก้ไขปัญหาในด้านต่าง ๆ แบบเบ็ดเสร็จครบวงจรและสอดคล้องกัน
12
ในรูปแบบคณะกรรมการบริหารโครงการพัฒนาพ้ืนที่ลุ่มน้ำปากพนัง ประกอบด้วย อธิบดีหรือหัวหน้า
สว่ นราชการทเี่ กีย่ วขอ้ งรว่ มเป็นคณะกรรมการ โดยมี ฯพณฯ นายกรฐั มนตรี เป็นประธานคณะกรรมการบริหาร
โครงการ และได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการบริหารโครงการฯ 6 คณะ และตั้งกองอำนวยการเพ่ือดูแลและ
ดำเนนิ การใหส้ อดคลอ้ งกนั
การดำเนินงานโครงการ
ก ร ม ช ล ป ร ะ ท า น ได้ ส น อ งพ ร ะ ร า ช ด ำ ริ ด ำ เนิ น ก า ร พั ฒ น า พ้ื น ท่ี ลุ่ ม น้ ำ ป า ก พ นั ง ด้ ว ย ก า ร ศึ ก ษ า
ความเหมาะสมและศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) เสร็จเม่ือเดือน พฤศจิกายน 2537 โดย บริษัท
พอล คอนซัลแตนท์ จำกัด, บริษัทเซ้าท์อี๊สท์เอเชียเทคโนโลยี จำกัด และ บริษัทครีเอทีฟ เทคโนโลยี จำกัด
(ดำเนินการศึกษาความเหมาะสมและศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมพร้อมกัน) ซึ่งได้ออกแบบแล้วเสร็จ
เม่อื เดือนพฤศจิกายน 2537
ร า ย ง า น ก า ร ศึ ก ษ า ผ ล ก ร ะ ท บ สิ่ ง แ ว ด ล้ อ ม ผ่ า น ค ว า ม เห็ น ช อ บ ข อ ง ส ำ นั ก ง า น น โ ย บ า ย แ ล ะ
แผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมื่อวันท่ี 3 พฤศจิกายน 2538 และคณะรัฐมนตรีได้ให้
ความเห็นชอบและอนุมตั ิให้เปิดโครงการ เมื่อวันที่ 7 พฤศจกิ ายน 2538
ลักษณะโครงการ มรี ายละเอยี ดสรุป ดังน้ี
1. งานก่อสร้างประตูระบายนำ้ อุทกวภิ าชประสทิ ธิ(ปากพนงั ) และอาคารประกอบ
1.1 ประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ สร้างท่ีบ้านบางป้ี ตำบลหูล่อง อำเภอปากพนัง จังหวัด
นครศรีธรรมราช เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ขนาดบานระบายกว้าง 20.0 ม. จำนวน 10 ช่อง (บานระบาย
เดี่ยว 6 ช่อง และบานระบายคู่ 4 ช่อง) สามารถระบายน้ำได้ 1,426 ลบ.ม.ต่อวินาที เพื่อป้องกันน้ำเค็มรุกล้ำ
พ้ืนที่เกษตรกรรมและเก็บน้ำจืดไว้ในแม่น้ำปากพนังและคลองสาขา เพ่ือการเกษตรและรักษาระดับน้ำในแม่น้ำ
ปากพนงั ให้เหนือชนั้ สารไพไรท์ เพื่อป้องกนั นำ้ เปรี้ยว
1.2 บันไดปลาและทางปลาลอด ต้ังอยู่ทั้งสองข้างของอาคารประตูระบายน้ำ สำหรับให้วงจรชีวิต
ของสตั ว์นำ้ เปน็ ไปอย่างธรรมชาติ
1.3 ประตเู รือสัญจร กวา้ ง 6.0 ม. สำหรบั ใหเ้ รอื และพาหนะทางน้ำต่าง ๆ ผ่านไปมาได้
1.4 ทำนบดิน ปดิ กั้นลำนำ้ เดิม ยาว 222 ม.
1.5 ระบบโทรมาตรอัตโนมัติ จำนวน 31 แห่ง สำหรับตรวจวัดสถานการณ์ของน้ำในแม่น้ำ
ปากพนังและลำน้ำสาขา ซ่งึ จะใชเ้ ปน็ ขอ้ มูลในการจดั สรรการใช้นำ้ และบรรเทาอุทกภยั
2. งานก่อสร้างระบบระบายน้ำ ทำหน้าท่ีระบายน้ำและป้องกันน้ำเค็มโดยก่อสร้างคลองระบายน้ำ
เพ่ิมเติมพร้อมประตูระบายน้ำ 3 แห่ง และขุดลอกคลองเดิม พร้อมประตูระบายน้ำ 1 แห่ง รวม 4 แห่ง
ประกอบด้วย
2.1 คลองชะอวด-แพรกเมือง ก้นคลองกว้าง 150 ม. ลึก 5 ม. ยาวประมาณ 27 กม. พร้อมประตู
ระบายนำ้ สามารถระบายนำ้ ได้ 540 ลบ.ม.ตอ่ วนิ าที
13
2.2 คลองปากพนัง (หน้าโกฏิ) ก้นคลองกวา้ ง 100 ม. ลึก 3.50 ม. ยาวประมาณ 7.5 กม. พร้อมประตู
ระบายน้ำคลองปากพนัง (เสือหงึ ) สามารถระบายน้ำได้ 350 ลบ.ม.ต่อวนิ าที
2.3 คลองบางโด-ท่าพญา ก้นคลองกว้าง 20 ม. ลึก 3 ม. ยาวประมาณ 16 กม. พร้อมประตู
ระบายนำ้ สามารถระบายนำ้ ได้ 130 ลบ.ม.ตอ่ วนิ าที
2.4 คลองระบายน้ำฉุกเฉิน ก้นคลองกว้าง 56 ม. ลึก 3.5 ม. ยาวประมาณ 5 กม. พร้อมประตู
ระบายนำ้ สามารถระบายน้ำได้ 210 ลบ.ม.ต่อวินาที
3. งานกอ่ สร้างระบบส่งน้ำ พน้ื ทีช่ ลประทาน 521,500 ไร่ แบง่ ออกเป็น
3.1 ระบบสง่ น้ำแบบสูบน้ำโดยกรมชลประทาน พนื้ ท่ี MC1 และ MC2 พน้ื ที่ชลประทาน
40,900 ไร่
3.2 ระบบสง่ น้ำแบบสูบนำ้ โดยเกษตรกร พ้ืนที่ MD1 ถึง MD8 พืน้ ทชี่ ลประทาน 439,100 ไร่
3.3 ระบบท่อส่งน้ำและอาคารประกอบในนิคมควนขนนุ พืน้ ท่ชี ลประทาน 17,500 ไร่
3.4 ระบบสง่ น้ำโครงการฝายคลองไม้เสียบส่วนขยาย พื้นที่ชลประทาน 24,000 ไร่
4. งานก่อสร้างคันแบ่งเขตน้ำจืดน้ำเค็ม เพ่ือแบ่งพื้นท่ีใช้ประโยชน์จากการพัฒนาให้ชัดเจน โดยใช้
แนวถนนเดิมของ รพช. เป็นส่วนใหญ่ ห่างจากชายทะเล ประมาณ 3-5 กม. ทางด้านทิศตะวันออกเลียบถนน
ชายทะเล และด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของอ่าวปากพนัง เป็นระยะทางยาวประมาณ 91.5 กม. และอาคาร
บงั คบั น้ำตามแนวคันกนั้ น้ำ จำนวน 22 แหง่
ประโยชนข์ องโครงการ
1. ปอ้ งกนั การรุกลำ้ ของนำ้ เค็มเข้าไปทำลายพ้นื ท่ีการเกษตร
2. เก็บกกั นำ้ จืดไว้ในลำน้ำปากพนังและลำนำ้ สาขาได้ประมาณ 70 ลา้ น ลบ.ม. เพื่อการอุปโภค
บรโิ ภค และการเพาะปลูกบริเวณสองฝ่ังลำนำ้ ประมาณ 521,500 ไร่ในฤดฝู น และประมาณ 240,700 ไรใ่ นฤดู
แลง้
3. คลองระบายน้ำช่วยบรรเทาอุทกภัย เนื่องจากสามารถระบายน้ำลงสู่ทะเลได้สะดวกและรวดเร็ว
ข้นึ
4. ขจัดปัญหาขัดแย้งระหว่างเกษตรนากุ้งและเกษตรกรนาข้าว เน่ืองจากมีการแบ่งเขตของ
การใช้พนื้ ทอ่ี ยา่ งชัดเจน
5. ลดปัญหาการอพยพย้ายถ่นิ ฐานไปทำกินในถ่นิ อ่นื
6. แม่น้ำปากพนังและลำน้ำสาขา เป็นแหล่งเพาะเล้ียงและขยายพันธ์สุ ตั วน์ ้ำจืดไดเ้ ปน็ อย่างดี
7. เพ่ิมพูนผลผลิตการเกษตรหลากหลายและครบวงจร ท้ังทางด้านการเพาะปลูก การประมง ปศุ
สตั ว์ ฯลฯ ตลอดจนการพัฒนาอุตสาหกรรม
14
8. ยกระดบั มาตรฐานการครองชพี และความเป็นอยขู่ องราษฎร
9. ฟืน้ ฟสู ภาพนเิ วศวทิ ยาใหก้ ลับคนื สูส่ มดลุ
10. ลดปญั หาการนำ้ เปร้ยี วและดนิ เปรี้ยว
งานตดิ ตามและแกไ้ ขผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ ม
คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตามแผนงานติดตามและแก้ไข
ผลกระทบส่ิงแวดลอ้ ม ดังน้ี
• กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประกาศกำหนดให้พ้ืนท่ีโครงการ เป็นเขตพื้นที่คุ้มครอง
ส่ิงแวดลอ้ มและเขตควบคุมมลพิษ
• กรมประมง ปรบั ปรงุ กฎหมายเพือ่ กำหนดเขตเลย้ี งกุ้ง และมาตรการลงโทษผู้ฝา่ ฝืน
• ธนาคารเพ่ือการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สนับสนุนเงินกู้เป็นกรณีพิเศษแก่เกษตรกรซึ่ง
ทำการเกษตรผสมผสานในเขตพ้ืนท่นี ้ำจดื
• หน่วยงานราชการท่ีเกี่ยวข้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน แก้ไขและติดตามตรวจสอบผลกระทบ
ส่ิงแวดล้อมทก่ี ำหนดไวโ้ ดยเครง่ ครัด
• รับข้อสังเกตของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เก่ียวกับวิธีการประชาสัมพันธ์โดยให้องค์กร
เอกชนและหน่วยงานในพ้ืนที่มีส่วนร่วม และให้สนับสนุนการเล้ียงกุ้งในพ้ืนที่น้ำเค็ม โดยจัดระบบชลประทาน
น้ำเค็มตามแนวทางท่กี รมประมงดำเนนิ การอยู่
งานพฒั นาการเกษตรในพื้นท่ีลมุ่ นำ้ ปากพนงั
ทุกหน่วยงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกันดำเนินการ โดยมีนโยบายหลัก
ในการดำเนนิ งาน คอื
• ปรบั ปรุงการผลิตข้าวใหม้ ีผลผลิตสงู ท้ังปริมาณและคุณภาพ
• ส่งเสริมใหม้ ีการทำการเกษตรแบบผสมผสาน โดยเน้นเพอ่ื ใหเ้ กิดการพฒั นาการเกษตรแบบยั่งยนื
• กำหนดการทำนากุ้งให้มีขอบเขตที่ชัดเจน และมีการพัฒนาระบบการเลี้ยงกุ้งแบบย่ังยืน
พร้อมฟน้ื ฟสู ภาพสิง่ แวดล้อมที่เคยได้รบั ผลเสียจากบ่อกุ้ง
• อนรุ กั ษ์ปา่ ดนิ และน้ำ พรอ้ มฟืน้ ฟธู รรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อมท่เี ส่ือมโทรมให้มีสภาพท่ีดี
• การพัฒนาองค์การ การจัดการของเกษตรกร ได้แก่ การร่วมกันจัดตั้งสหกรณ์เสรีตามแนว
พระราชดำริ ร่วมกันพัฒนาอาชีพการแปรรูปผลผลิต และการจัดการผลผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ รวมท้ังการ
ปรับระบบบริหารจัดการ เพื่อเปดิ โอกาสให้เกษตรกร องค์กรการเกษตร องค์กรพัฒนาเอกชน หน่วยงานต่าง ๆ
เข้ามามสี ว่ นร่วมในกระบวนการพฒั นามากขึน้
15
โรงสีเกา่ ในสมยั รัชกาลท่ี 5
เร่ืองที่ 2 โครงการพฒั นาดา้ นส่ิงแวดล้อม จังหวัดนครศรธี รรมราช
16
โครงการอันเน่ืองมาจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช
มหาราชบรมนาถบพิตร ในจังหวัดนครศรีธรรมราชโครงการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อม จังหวัดนครศรีธรรมราช
มตี ัวอย่างโครงการ ดังน้ี
2.1 โครงการอนุรักษ์และฟ้นื ฟู ป่าพรุควนเคร็ง (จดั ทำฝายน้ําล้นชว่ั คราว)
ตำบลเคร็ง อำเภอชะอวด
สถานที่ต้งั : ตำบลเครง็ อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช
เรอ่ื งเดิม
เม่ือวันที่ 16 พฤศจิกายน 2545 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตร
โครงการปลูกป่าถาวรเฉลมิ พระเกียรติฯ ของบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ในการน้ีได้พระราชทานพระราชดำริ
กบั นายสุวิทย์ คณุ กิตติ รองนายกรฐั มนตรี และคณะ ที่อำเภอปราณบุรี จังหวดั ประจวบคีรีขนั ธ์ ความสรุปว่า
“ให้พิจารณาดำเนินการควบคุมระดับน้ำในพรุควนเคร็งและพรุต่าง ๆ ที่อยู่ใกล้เคียงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
เพอ่ื ไมใ่ หเ้ กดิ ไฟไหม้พรุ”
ผลการดำเนนิ งาน
กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์ุพืช ดำเนินการก่อสร้างฝายน้ำล้นช่ัวคราว ด้วยกระสอบทราย
วางเรียงกันเป็นแถวขวางลำน้ำ และล้อมรอบด้วยไม้ เป็นโครงสร้างป้องกันการพังทลาย จำนวน
17 แห่ง เพื่อรักษาระดับน้ำในป่าพรุให้อยู่ในระดับท่ีเหมาะสมและมคี วามชุ่มชื้น ป้องกันไฟไหม้ป่าพรุในช่วงฤดู
แล้ง
ประโยชน์ทีไ่ ดร้ บั
1. สามารถป้องกันและชะลอความรุนแรงของการเกิดไฟป่าในพ้ืนที่ป่าพรุควนเคร็ง เนื้อที่ 109,656
ไร่
2. สามารถช่วยลดผลกระทบจากปัญหาด้านไฟป่า ส่งผลให้คุณภาพส่ิงแวดล้อมและประชาชนใน
พนื้ ทมี่ คี ุณภาพชีวติ ทด่ี ขี ้ึน
ทีม่ า : http://km.rdpb.go.th/Project/View/7814
17
2.2 ก่อสร้างฝายชะลอการไหลของนํ้าในพ้นื ทปี่ า่ พรุ ตำบลสวนหลวง
อำเภอเฉลิมพระเกยี รติ
โครงการอนุรักษ์และฟ้นื ฟูป่าพรคุ วนเครง็ (จดั ทำฝายนำ้ ล้นช่วั คราว) ตำบลสวนหลวง อำเภอ
เฉลมิ พระเกยี รติ จังหวัดนครศรธี รรมราช
ท่มี าของการตอ่ ยอดโครงการ :
เม่ือวันท่ี 16 พฤศจิกายน 2545 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติฯ ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ใน ก ารน้ี ได้ พ ระ ราช ท าน พ ระราช ด ำริกั บ น าย สุ วิท ย์ คุ ณ กิ ต ติ รอ งน าย ก รัฐ ม น ต รี แ ล ะค ณ ะ
ที่อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ความสรุปว่า “ให้พิจารณาดำเนินการควบคุมระดับน้ำในพรุควน
เครง็ และพรุตา่ ง ๆ ท่อี ยใู่ กล้เคียงให้อยู่ในระดับทเี่ หมาะสมเพื่อไมใ่ ห้เกิดไฟไหม้พรุ”
ผลการดำเนนิ งาน
กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์ุพืช ได้ดำเนินการก่อสร้างฝายน้ำล้นช่ัวคราวใหม่จำนวน
25 ฝาย และซ่อมแซมฝายน้ำล้นช่ัวคราวท่ีมีอยู่เดิมแต่ชำรุด จำนวน 15 ฝาย เพ่ือควบคุมระดับน้ำในพรุ
ใหอ้ ยู่ในระดับท่ีเหมาะสมเพอื่ ไม่ให้เกดิ ไฟไหม้ป่าพรุ ปัจจบุ ันดำเนนิ การแล้วเสรจ็
ประโยชนท์ ไ่ี ดร้ บั
ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ราษฎรจำนวน 40 หมู่บ้าน 57,820 ครัวเรือน 207,853 คน ได้มีคุณภาพชีวิต
ที่ดีข้ึน และช่วยลดมลภาวะด้านควันไฟท่ีเกิดจากไฟป่าส่งผลให้สิ่งแวดล้อมมีสภาพที่ดีข้ึน อีกทั้งช่วยอนุรักษ์
และปอ้ งกนั ดแู ลรักษาระบบนเิ วศนใ์ นพน้ื ท่ีปา่ พรคุ วนเครง็ ให้คงความอดุ มสมบรู ณต์ ่อไป
ท่ีมา : http://ourkingthai.com/pages/manu3-1.php?gid=6&pid=63&id=1696
18
เรอื่ งที่ 3 โครงการพฒั นาดา้ นส่งเสรมิ อาชพี จังหวดั นครศรีธรรมราช
โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช
มหาราช บรมนาถบพิตร ในจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยโครงการพัฒนาด้านส่งเสริมอาชีพ จังหวัด
นครศรีธรรมราช มจี ำนวน 1 โครงการ คือ
3.1 สง่ เสรมิ ศิลปาชีพบา้ นตรอกแค ตำบลขอนหาด อำเภอชะอวด
สถานทต่ี ้ัง : หมู่ท่ี 4 ตำบลขอนหาด อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช
ความเป็นมา
เมื่อวันจันทร์ท่ี 7 ตุลาคม พ.ศ.2536
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถได้เสด็จฯ
ทรงเย่ียมราษฎรในพ้ืนท่ีบ้านเนินธัมมัง ตำบล
แ ม่ เจ้ า อ ยู่ หั ว อ ำ เภ อ เชี ย ร ใ ห ญ่ จั ง ห วั ด
นครศรีธรรมราช ได้มีพระราชเสาวนีย์ให้จัดตั้ง
โครงการศิลปาชีพบ้านเนินธัมมังข้ึน เพ่ือส่งเสริมงาน
ศิลปาชีพในพื้นท่ีและหมู่บ้านใกล้เคียง ได้ริเร่ิมจัดตั้ง
ก ลุ่ ม ท อ ผ้ า เพ่ื อ เป็ น อ า ชี พ เส ริ ม เพิ่ ม ร า ย ได้ ให้ กั บ
ราษฎรและเพื่ออนุรักษ์งานศิลปาชีพท้องถ่ินให้คงอยู่ ต่อมาได้มีพระราชเสาวนีย์ให้ก่อสร้างศาลาศิลปาชีพ
หลังใหม่ ในหมู่ท่ี 4 บ้านตรอกแค ตำบลขอนหาด อำเภอชะอวด เพื่อฟ้ืนฟูการทอผ้าพ้ืนเมืองในภาคใต้ที่มี
ลักษณะเฉพาะของภาคใต้อยเู่ ดมิ
ผลการดำเนินงาน
มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพและกองทัพภาค
ท่ี 4 ได้รว่ มกันดำเนินงานสนองพระราชดำริ โดย
กองพันทหารช่างท่ี 402 ค่ายอภัยบริรักษ์ ตำบล
ชุมพล กิ่งอำเภอศรีนครินทร์ จังหวัดพัทลุง
ได้ ด ำ เนิ น ก า ร ก่ อ ส ร้ า ง อ า ค า ร ศิ ล ป า ชี พ ต า ม
พ ระราช เสาวนี ย์ของสมเด็จพ ระน างเจ้า
พระบรมราชินีนาถ พร้อมถังเก็บน้ำ ห้องน้ำ
แล้วเสร็จใน 2539 และทางมูลนิธิส่งเสริม
ศิลปาชีพได้ส่งเสริมให้สมาชิกทอผ้าไหม เพื่อให้เป็นเอกลักษณ์เมืองนครศรีธรรมราช โดยเฉพาะผ้ายกทองซ่ึง
19
เป็นผ้าที่มีความงดงาม และมีช่ือเสียงในอดีต และเปิดใช้อาคารเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2542 เม่ือสมาชิกลุ่มทอผ้า
สมัครเข้าร่วมโครงการศูนย์ศิลปาชีพบ้านตรอกแคแล้ว ได้มีการจัดส่งครูจากกองศิลปาชีพสวนจิตรลดา และ
พระตำหนักทักษณิ ราชเวศน์มาเปน็ วทิ ยากรฝึกสอน พรอ้ มจดั อุปกรณฝ์ กึ อบรม
ทม่ี า : http://km.rdpb.go.th/Project/View/8531
ประโยชนท์ ี่ได้รบั
การดำเนินงานของกลุ่มทอผ้า แบง่ เปน็ 2 ประเภท คือ
ประเภทท่ี 1 ส่งผ้าทอให้กองศิลปาชีพ สวนจิตรลดา โดยกองศิลปาชีพฯ จัดส่งฝ้ายมาแจกจ่าย
ให้แก่สมาชิกปีละประมาณ 2 - 3 คร้ัง เมื่อทอตามลายท่ีกำหนดแล้วเสร็จ ชุดประสานงานจะเป็นผู้รวบรวม
ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดไปยังกองศิลปาชีพฯโดยมีสมาชิกเม่ือทอผ้าได้ประมาณ 70-80 เมตร จะได้รับค่าตอบแทน
เมตรละ 50 บาท ทำให้สมาชกิ มีรายได้เฉลีย่ คนละ 3,500 - 4,000 บาท
ประเภทท่ี 2 เมื่อสมาชิกมีเวลาว่างจากการทอผ้ากองศิลปาชีพฯ แล้ว ได้รวมตัวเป็นสมาชิกกลุ่ม
ทอผ้าเพ่ือการจำหน่าย โดยสมาชิกร่วมลงหุ้นซ้ือไหมประดิษฐ์จากตำบลเกาะยอ จังหวัดสงขลา และ
ยังได้รับการสนับสนุนจากองค์การบริหารส่วนตำบลขอนหาด เพ่ือทอจำหน่ายในเขตพ้ืนท่ีและ
จงั หวัดใกล้เคียงราคาหลาละ 150 - 200 บาท สามารถสร้างรายได้เพิ่มข้ึนเฉล่ียคนละ 3,000 - 3,500 บาทต่อ
เดอื น
20
เรอ่ื งที่ 4 โครงการพัฒนาด้านสวสั ดิการสงั คม/การศึกษา จงั หวดั นครศรธี รรมราช
โครงการอันเน่ืองมาจากพระราชดำริ ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดช
มหาราช บรมนาถบพิตรในจังหวัดนครศรีธรรมราช โครงการพัฒนาด้านสวัสดิการสังคม/การศึกษา จังหวัด
นครศรีธรรมราช มีตัวอย่างโครงการ ดงั นี้
4.1 โรงเรยี นตำรวจตระเวนชายแดนบ้านเขาวงั หมู่ที่ 12 ตำบลหนิ ตก
อำเภอรอ่ นพบิ ลู ย์
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานสิ่งของแก่ครู ตชด. ผู้แทนนักเรียน
และพันธ์ุไม้ผลแก่ผู้แทนชาวบ้าน และพระราชทานพระราชวโรกาสให้นักเรียนท่ี จบการศึกษา
ช้ันประถมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียน และได้รับคัดเลือกให้เป็นนักเรียนในพระราชานุเคราะห์ฯ เฝ้าทูลละออง
พระบาท
ทอดพระเนตรโครงการฝึกอาชีพ ห้องแสดงผลงานของนักเรียน การสาธิตการเรียนการสอน
ห้องเรียนช้ันอนุบาล ห้องสมุด เรือนพยาบาล ห้องเรียนวิชาคอมพิวเตอร์ โครงการเกษตรเพ่ืออาหารกลางวัน
กิจกรรมสหกรณน์ ักเรียน การจัดทำอาหารเลยี้ งนกั เรยี น และห้องครวั
ทรงเยี่ยมราษฎรที่มาเฝ้าฯ รับเสด็จ รวมท้ังหน่วยแพทย์พระราชทาน และทรงรับผู้ป่วยไว้เป็นคนไข้
ในพระราชานุเคราะห์ พร้อมกันน้ีได้พระราชทานเงินให้แก่โรงพยาบาลท่ีมาร่วมออกหน่วย เพื่อสมทบกองทุน
สงเคราะห์คนไข้ยากจนในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี และทรงติดตาม
การดำเนินงานโครงการจัดการและส่งต่อผู้ป่วยในพระราชานุเคราะห์ฯ ที่จัดทำข้ึนเพื่อช่วยเหลือคนไข้
ใหไ้ ด้รับการรักษาอย่างตอ่ เนอ่ื ง
โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านเขาวัง สังกัดกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนพ้ืนท่ี
รับผิดชอบของกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนท่ี 42 จังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดทำการสอนตั้งแต่
พ.ศ.2539 โดยเปิดสอนต้ังแต่ระดับก่อนประถมศึกษา ถึงระดับประถมศึกษา ปัจจุบันมีนักเรียน 81 คน เป็น
ชาย 42 คน หญงิ 39 คน และมีครตู ำรวจตระเวนชายแดน 9 นาย
4.2 โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านควนมีชัย หมู่ท่ี 8 ตำบลวังอ่าง
อำเภอชะอวด
21
ประวัตโิ รงเรียน
โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านควนมีชัย ต้ังอยู่ที่บ้านควนมีชัย หมู่ท่ี 8 ตำบลวังอ่าง อำเภอ
ชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2527 สังกัดกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดน
ที่ 422 กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 42 กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 4
พื้นที่ตั้งโรงเรียนเดิมเป็นที่รกร้าง ห่างไกลและทุรกันดาร เดิมช่ือใสหญ้าคา เริ่มมีชาวบ้านมาอาศัยทำกิน
มากขึ้นเด็กๆ ก็ห่างไกลจากโรงเรียน จึงมีการคิดริเริ่มสร้างโรงเรียน โดยมีนายเนียม สงทิพย์ และ
นายเปรม รตั นมณี ซ่ึงเป็นผู้นำชุมชนได้เดินทางไปร้องขอตอ่ พ.ต.อ.สุเทพ สุขสงวน ผกู้ ำกับการตำรวจตระเวน
ช าย แดน เขต 8 ให้ เปิ ด โรงเรียน ตำรวจตระเวน ช ายแดน บ้ าน ควน มี ชัย โดยช าวบ้ าน บ ริจาค
ท่ีดิน จำนวน 25 ไร่ อาคารหลังแรกเป็นอาคารเรียนชั่วคราว ขนาด 6 X 8 เมตร จำนวน 1 หลัง และ
เปิดโรงเรียนเมื่อวันท่ี 23 สิงหาคม 2527 เป็นปีแรกมี
ครู 3 คน นักเรียนชั้นประถมศึกษ า ปี ที่ 1 จำนวน
14 คน โดยมี ส.ต.ท.สุวิทย์ หนคู ล้าย เปน็ ครใู หญ่
ปี พ.ศ. 2528 วิทยาลัยครูนครศรีธรรมราช
(ม ห าวิท ย าลั ย ราช ภั ฏ น ค รศ รีธ รรม ราช ) ร่ว ม กั บ
กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดน เขต 8 ได้สร้าง
อาคาร ขนาด 8 X 32 เมตร เป็นอาคารคอนกรีตคร่ึงไม้
อกี 1 หลัง
ปี พ.ศ. 2529 ทางกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนได้แต่งต้ัง จ.ส.ต.ประจำ ช่วยนาสังข์ เป็น
ครใู หญ่ และในปเี ดียวกันน้ีโรงเรยี นได้ขยายชัน้ เรยี นถึงชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 6
ปี พ.ศ.2531 กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนได้แต่งตั้ง จ.ส.ต.สมบูรณ์ เพชรชำลิ เป็น
ครู ใหญ่ จนถงึ ปี พ.ศ.2532
22
ปี พ.ศ.2532 - 2538 กองกำกับตระเวนชายแดนท่ี 42 ได้แต่ต้ัง ส.ต.อ.ธรานุชิต ไชยเดช โดย
พตอ.พยอม ทิพย์มณี ผู้กำกับการตำรวจตระเวนชายแดน ให้เป็นครูใหญ่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน
บา้ นควนมชี ัย ได้ดำเนนิ การสรา้ งอาคารเรยี นมติ รมวลชน จนแล้วเสรจ็
วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2535 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเสด็จเย่ียม
โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านควนมีชัย พระองค์ทรงปลูก “ต้นทำมัง” จำนวน 1 ต้น และทรงตรัสว่า
“ให้พัฒนาโรงเรียนให้ก้าวหน้ายิ่งๆ ขึ้นไป และสร้างอาคารห้องเด็กอนุบาล ห้องพยาบาล บ้านพักห้องแถว
คอกไก่ บ่อปลาดุก และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระราชทานก่อสร้างฝายก้ัน
น้ำบริเวณหลงั โรงเรียน สรา้ งโดยชลประทานและไดท้ รงปลูกไม้ผลกระท้อน ร่วมปลูกสวนปา่ กับชมุ ชนในบริเวณ
พืน้ ทขี่ องโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบา้ นควนมีชยั
ปี พ.ศ.2539 - 2550 กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนได้แต่งตั้ง ร.ต.ต.วีรชัย สาระคำ
เป็นครูใหญ่
ปี พ.ศ.2541 - 2553 ร.ต.ต.สมคดิ เจรญิ ฤทธ์ิ เป็นครใู หญ่
ปี พ.ศ.2544 กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดน ได้แต่งตั้ง ร.ต.ต.สมพงษ์ ทองสุข
เป็นครูใหญ่ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านควนมีชัย และในปีน้ีทางมูลนิธิมิตรมวลชนร่วมกับ
คณะผ้ปู กครองและครู ได้บรจิ าคเงินร่วมกนั สร้างอาคารโรงอาหาร ขนาด 8 x 20 เมตร 1 หลัง
วันท่ี 9 ตุลาคม 2544 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเสด็จเยี่ยมโรงเรียน
ตำรวจตระเวนชายแดนบา้ นควนมชี ยั เป็นครัง้ ท่ี 2
ปี พ.ศ.2545 กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดน ได้แต่งต้ัง ร.ต.ท.สะอาด สังข์ทองจีน
เป็นครูใหญ่ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านควนมีชัย และในปีนี้ คุณสมศักดิ์ เมธา ได้บริจาคเงินสร้าง
อาคารขนาด 6 x 8 เมตร จำนวน 3 หลัง จำนวนเงิน 360,000 บาท
วันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ.2550 สำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษานครศรีธรรมราช เขต 3 ได้ย้ายและ
แต่งต้ังให้ นายสมศักด์ิ ศรีอุทัย ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านวังหอน มาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียน
ตำรวจตระเวนชายแดนบ้านควนมชี ยั
วันท่ี 19 ตุลาคม 2550 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเสด็จเยี่ยมโรงเรียน
ตำรวจตระเวนชายแดนบ้านควนมชี ยั เป็นครัง้ ที่ 3
วันที่ 20 ตุลาคม 2550 กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ได้โอนโรงเรียนตำรวจตระเวน
ชายแดนบ้านควนมีชัย ให้ไปสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
นครศรธี รรมราช เขต 3 กระทรวงศึกษาธกิ าร
วนั ที่ 12 มกราคม 2553 สำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษานครศรธี รรมราช เขต 3 ได้ย้ายและแต่งตั้งให้
นายจรูญ เมืองเสน ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านห้วยโส มาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนตชด.บ้านควน
มีชยั แทน นายสมศกั ด์ิ ศรอี ทุ ยั ซ่งึ ยา้ ยไปดำรงตำแหนง่ ผู้อำนวยการโรงเรยี นบ้านดา่ น
23
วันท่ี 15 ธันวาคม 2554 โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านควนมีชัย ว่างตำแหน่งผู้อำนวยการ
โรงเรียนเนื่องจาก นายจรญู เมืองเสน ย้ายไปดำรงตำแหนง่ ผ้อู ำนวยการโรงเรยี นบ้านพรบุ ัว และสำนักงานเขต
พื้นการศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 3 แต่งต้ังให้ นายถัด อินทร์นาค ครูชำนาญการโรงเรียน
ตำรวจตระเวนชายแดนบ้านควนมชี ยั รักษาราชการแทนผู้อำนวยการโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านควน
มีชัย
วันที่ 1 ธันวาคม 2557 สำนักงานเขตพ้ืนการศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 3 แต่งต้ังให้
ดาบตำรวจธรานุชิต ไชยเดช ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านควนมีชัย รักษา
ราชการแทนผู้อำนวยการโรงเรยี นตำรวจตระเวนชายแดนบา้ นควนมีชยั จนถงึ วันท่ี 21 ธันวาคม 2559
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระราชทานเงินส่วนพระองค์ จำนวน
1,000,000 บาท เพื่อสร้างอาคารห้องสมุดเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรม
ราชกุมารี เป็นอาคารห้องสมุดชั้นเดียว ขนาด 8×16 เมตร โดยเริ่มก่อสร้างเม่ือวันที่ 20 กันยายน 2558 แล้ว
เสร็จเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2559 ก่อสร้างโดยกองพันทหารช่างที่ 5 กองพลทหารราบท่ี 5 ค่าย
เทพสตรีศรสี ุนทรและประชานในพนื้ ท่ี
วัน ท่ี 22 ธัน วาค ม 2559 สำนั กงาน ศึกษ าธิก ารจังห วัด น ครศรีธรรมราช ได้แต่งต้ั งให้
นางบุณยวรีย์ เศวตวงศ์สกุล มาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านควนมีชัย
จนถึงปัจจุบัน
วันพุธที่ 16 มกราคม 2562 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จ
พระราชดำเนินไปทรงตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านควนมีชัย
หมู่ที่ 8 ตำบลวังอ่าง อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช การนี้นายลลิต ถนอมสิงห์ รองเลขาธิการ
กปร. ตลอดจนข้าราชการท่ีเก่ียวข้องเฝ้าฯ รับเสด็จ
ทีม่ า:https://data.boppobec.info/web/index_view_history.php?School_ID=1080210850&page=history
เร่ืองท่ี 5 โครงการพัฒนาด้านแบบบูรณาการและโครงการพัฒนาด้านอืน่ ๆ
จงั หวดั นครศรีธรรมราช “โครงการพัฒนาพน้ื ทล่ี มุ่ นำ้ ปากพนงั
อันเน่อื งมาจากพระราชดำริ”
24
ความเปน็ มา
ลุ่มน้ำปากพนัง ต้ังอยู่ทางตอนใต้ของจังหวัดนครศรีธรรมราช ครอบคลุมพ้ืนที่รวม 13 อำเภอ คือ
พน้ื ท่ีทง้ั หมดของอำเภอปากพนัง อำเภอเชียรใหญ่ อำเภอหวั ไทร อำเภอเฉลมิ พระเกยี รติ อำเภอชะอวด อำเภอ
ร่อนพิบูลย์ อำเภอจุฬาภรณ์ พื้นที่บางส่วนของอำเภอลานสกา อำเภอพระพรหม และอำเภอเมือง
นครศรีธรรมราช จังหวดั นครศรีธรรมราช รวมทั้งพื้นที่บางส่วนของอำเภอควนขนุน อำเภอป่าพะยอม จังหวัด
พัทลุงและอำเภอระโนด จังหวัดสงขลา รวมพ้ืนท่ีประมาณ 1.9 ล้านไร่ เป็นพ้ืนท่ีนากว่า 500,000 ไร่
มีประชากรประมาณ 600,000 คน
เดิมลุ่มน้ำแห่งน้ีเคยเป็นพ้ืนท่ีลุ่มท่ีมีความอุดมสมบูรณ์ ประชาชนประกอบอาชีพทำนา โดยอาศัยน้ำ
จากแม่น้ำปากพนัง ต่อมาเมื่อมีประชากรเพิ่มข้ึน ทำให้ความต้องการใช้น้ำมีปริมาณมากข้ึนด้วย แต่ป่าไม้
ต้นน้ำลำธารลดจำนวนลง ทำให้ปริมาณน้ำที่ไหลลงแม่น้ำปากพนังและลำน้ำสาขาในช่วงฤดูแล้งลดลงด้วย
จากเดมิ มนี ำ้ จดื ใชป้ ลี ะ 8 - 9 เดือน ลดลงเหลือปลี ะ 3 เดอื นเทา่ นัน้
และเนื่องจากลักษณะของแม่น้ำปากพนังมีระดับท้องน้ำอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลและมีความ
ลาดชันน้อย เม่ือน้ำจืดทางด้านต้นน้ำมีปริมาณน้อย ทำให้น้ำเค็มสามารถรุกล้ำเข้าไปในแม่น้ำปากพนังและลำ
น้ำสาขาเป็นระยะทางเกือบ 100 กิโลเมตร นอกจากน้ีตอนใต้ของลุ่มน้ำปากพนังยังมี "พรุควนเคร็ง"
ซ่ึงเป็นพื้นที่ลุ่มขนาดใหญ่ ประมาณ 200,000 ไร่ มีน้ำท่วมขังตลอดปี มีสารไพไรท์อยู่ในชั้นดิน ทำให้ดิน
มีสภาพเป็นกรด มีปัญหาน้ำเปรี้ยว ราษฎรไม่สามารถใช้ประโยชน์เพื่อการเกษตรได้ รวมท้ังมีน้ำเน่าเสีย
จากการทำนากุ้งไหลลงในลำน้ำต่าง ๆ จนไม่สามารถนำไปใช้ในการเพาะปลูกได้ กลายเป็นข้อขัดแย้งระหว่าง
ชาวนาขา้ วกบั ชาวนากงุ้
ปัญหาอุทกภัยจะเกิดข้ึนในฤดูฝนเนื่องมีปริมาณฝนตกมาก แต่พ้ืนที่ลุ่มน้ำเป็นพื้นที่ลุ่มราบแบน
มีความลาดชันน้อย เม่ือเกิดช่วงน้ำทะเลหนุนสูง ทำให้ระบ ายน้ำออกสู่ทะเลได้ยาก เกิดน้ำท่วมทำ
ความเสียหายใหแ้ กพ่ ื้นทเ่ี พาะปลูกและพ้ืนที่ชมุ ชนเมอื งเปน็ บรเิ วณกวา้ ง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี 9 ได้พระราชทานพระราชดำริเก่ียวกับการแก้ไขปัญหาและ
การพัฒ นาพ้ืนที่ลุ่มน้ำปากพนังเพ่ือช่วยเหลือราษฎรครั้งแรกเม่ือเดือ นธันวาคม 2531 หลังจาก
เกิดน้ำท่วมใหญ่ในเดือนพฤศจิกายน ครั้งต่อมาเมอื่ วันที่ 9 และ 11 ตุลาคม 2535 ณ สถานีสูบน้ำบ้านโคกกูแว
ตำบลพร่อน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส และสถานีสูบน้ำบ้านตอหลัง อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ได้พระราชทานพระราชดำริ ให้กรมชลประทานพิจารณาก่อสร้าง
ประตูระบายน้ำปากพนังที่อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อป้องกันน้ำเค็มรุกล้ำ และเก็บกัก
น้ำจืด พร้อมกับการก่อสร้างระบบคลองระบายน้ำเพ่ือบรรเทาปัญหาน้ำท่วม และระบบกระจายน้ำเพ่ือ
การเพาะปลูกในพ้ืนที่ลุ่มน้ำป ากพนัง และครั้งสำคัญ ท่ีสุดเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2536 ได้โปรดให้
คณะกรรมการบริหารโครงการพัฒนาพ้ืนที่ลุ่มน้ำปากพนัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริเข้าเฝ้าฯ ณ
พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ ได้พระราชทานพระราชดำริเพิ่มเติมว่า "....ทำประตูน้ำที่ปากแม่น้ำห่างจาก
อำเภอปากพนัง ประมาณ 3 กิโลเมตร ก็พิจารณาว่า จะแก้ปัญหาท้ังหมด ซึ่งหมายความว่า เป็นกุญแจสำคัญ
25
ของโครงการฯ จะแก้ไขปัญหาทั้งน้ำแล้ง น้ำท่วม น้ำเค็ม และสามารถที่จะให้ประชาชนมีน้ำบริโภคและน้ำ
ทำการเกษตร...แม้ว่าประตูน้ำอันเดียวน้ีจะไม่แก้ไขปัญหาท้ังหมด ซึ่งจะต้องสร้างหรือทำโครงการต่อเน่ือง
ห ากแต่ ว่า เป็ น จุดเริ่ม ต้ น ข องก ารแ ก้ไขปั ญ ห าท้ั งห ม ด จาก อัน นี้ จะท ำอะไร ๆ ได้ ทุ ก อย่าง
และแยกออกมาเปน็ โครงการ ๆ......."
วตั ถุประสงค์
กรมชลประทานดำเนินงานก่อสร้างโครงการพัฒนาพ้ืนท่ีลุ่มน้ำปากพนังอันเน่ืองมาจากพระราชดำริ
มวี ตั ถปุ ระสงค์ทส่ี ำคัญเพื่อแกไ้ ขและบรรเทาปัญหาในเร่ืองน้ำท่เี กดิ ขน้ึ หลายประการ ดงั นี้
1. เพื่อป้องกันการรุกตัวของน้ำเค็มไม่ให้ไหลเข้าแม่น้ำปากพนังและลำน้ำสาขาในช่วงฤดูแล้ง
ซึ่งเกิดจากการสร้างประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ และประตูระบายน้ำอ่ืนๆ ซึ่งทำหน้าควบคุมและ
ป้องกันไม่ให้น้ำเค็มรุกตัวเข้ามา จึงทำให้น้ำในแม่น้ำปากพนังช่วงเหนือประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ
เป็นน้ำจดื ท่สี ามารถนำไปใชป้ ระโยชน์ได้
2. เป็นแหล่งเก็บกักนำ้ จืดในช่วงฤดูฝนเพื่อช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำโดย สามารถจัดสรร
ให้ใช้ในการอุปโภคบริโภค การเกษตรกรรมและเป็นแหล่งน้ำดิบสำหรับผลิตน้ำประปา รวมถึงการใช้น้ำ
ดา้ นอื่นๆ ในเขตพืน้ ทโี่ ครงการ
3. ส่งน้ำให้กับพ้ืนท่ีเพาะปลูกสองฝ่ังลำน้ำประมาณ 521,500 ไร่ ในฤดูฝน และ 240,000 ไร่ ใน
ฤดแู ลง้
4. เพ่ือบรรเทาปัญหาอุทกภัยในช่วงฤดูฝนให้กับพ้ืนที่การเกษตรและในบริเวณชุมชนเมือง
โดยการพัฒนาสร้างแหล่งเก็บกักน้ำบริเวณต้นน้ำ โดยเฉพาะอย่างย่ิงการก่อสรา้ งคลองระบายน้ำสายต่างๆ จะ
สามารถชว่ ยใหก้ ารระบายนำ้ ในพ้ืนท่ีต่างๆ ใหม้ ีประสิทธิภาพสูงข้นึ
5. เพ่ือปรับปรุงระบบชลประทานเดิมและพัฒนาระบบชลประทานใหม่ให้สอดคล้องกับ
ความต้องการและปริมาณน้ำจากแหล่งน้ำจืดท่ีมีเพ่ิมมากขึ้น ทำให้สามารถส่งน้ำให้พื้นท่ีเพาะปลูกได้
มากข้นึ ด้วย
6. ขจัดปัญหาความขัดแย้งระหว่างเกษตรกรนากุ้งและเกษตรกรนาข้าว เน่ืองจากมีการแบ่งเขต
การใชพ้ ื้นที่อย่างชดั เจน
7. ลดปัญหาการอพยพย้ายถ่นิ ฐานไปทำมาหากินในท้องถิ่นอน่ื
8. ที่สำคัญเพ่ือปรับปรุงฐานะความเป็นอยู่ เศรษฐกิจและสังคมของราษฎรในพื้นท่ีลุ่มน้ำ
ปากพนังให้ดีขึ้น โดยมผี ลกระทบตอ่ สิง่ แวดล้อมน้อยทส่ี ุด
9. ฟน้ื ฟสู ภาพนิเวศวทิ ยาใหก้ ลบั คนื สดู่ ุลยภาพ
แนวทางการแกไ้ ขปญั หาตามแนวพระราชดำริ สรปุ ไดด้ ังน้ี
1. เร่งดำเนินการก่อสร้างประตูระบายน้ำปากพนังให้แล้วเสร็จโดยเร็วเพราะเป็นจุดเริ่มต้นและเป็น
งานหลกั ในการแกไ้ ขปัญหาการขาดแคลนนำ้ จดื เพ่อื การเกษตรและการอปุ โภคบริโภค