The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

1.คู่มือวิชานครศรีธรรมราชศึกษา สำนักงาน กศน.จังหวัดนครศรีธรรมราช

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

1.คู่มือวิชานครศรีธรรมราชศึกษา สำนักงาน กศน.จังหวัดนครศรีธรรมราช

1.คู่มือวิชานครศรีธรรมราชศึกษา สำนักงาน กศน.จังหวัดนครศรีธรรมราช

20

ทา่ เทยี บเรอื ขนาดเกินกว่า 500 ตนั กรอส

1 บริษทั ท่าเรือขนอม 1 จำกัด ชายฝั่งทะเลอ่าวไทย ต.ขนอม อ.ขนอม แร่
แร่
2 บริษทั ท่าเรือขนอม 2 จำกัด ชายฝง่ั ทะเลอา่ วไทย ต.ขนอม อ.ขนอม แร่
น้าํ มัน
3 บริษทั ท่าเรือขนอม 3 จำกัด ชายฝัง่ ทะเลอา่ วไทย ต.ขนอม อ.ขนอม
นา้ํ มัน (ขอระงับใช้)
4 บรษิ ัท ผลิตไฟฟา้ ขนอม จำกัด คลองขนอม ต.ท้องเนียน อ.ขนอม งาแนร)่
สนิ ค้าทว่ั ไป
ท่า ท่าเทยี บเรือขนาดไม่เกนิ 500 ตนั กรอสเทยี บเรอื ขนาดไม่เกิน 500 ตันกรอส สินค้าประมง
นํา้ มัน (ขอระงบั ใช้)
5 บริษทั ภาคใตเ้ ชอ้ื เพลงิ จำกดั แม่นำ้ ปากพนงั ต.ปากพนงั อ.ปากพนงั งาสนิน)ค้าประมง
สินคา้ ประมง
6 บริษัท พิพัฒน์กร จำกัด ชายฝง่ั ทะเลอา่ วไทย ต.ท่าชนื้ อ.ท่าศาลา สนิ คา้ ประมง
อปุ กรณส์ ำหรับ
7 บรษิ ัท ปนู ซิเมนต์ไทย จำกัด แม่นา้ํ ปากพนงั ต.ปากพนัง อ.ปากพนัง กอ่ สร้างโรงไฟฟา้
แร่
8 นายรจุ าธิตย์ สุชาโต แมน่ า้ํ ปากพนงั ต.ปากพนงั อ.ปากพนัง กา๊ ซธรรมชาติ

9 บริษทั ปตท.จำกดั (มหาชน) แม่นํ้าปากพนัง ต.ปากพนงั อ.ปากพนงั สนิ ค้าประมง
สนิ ค้าประมง
10 องค์การสะพานปลา แม่นํ้าปากพนงั ต.ปากพนงั อ.ปากพนงั สนิ ค้าประมง
สินค้าประมง
11 กรมประมง ชายทะเล บา้ นชายทะเล อ.ปากพนัง สนิ คา้ ประมง
สินคา้ ประมง
12 กรมประมง ชายทะเลบ้านหนา้ ศาล อ.หวั ไทร สินค้าประมง
โดยสารข้ามฟาก
13 บรษิ ทั ผลิตไฟฟ้าขนอม จำกดั ทีด่ นิ ราชพสั ดุ นศ 204 ต.ทอ้ งเนียน โดยสารข้ามฟาก
(แพขนานยนต์)
14 บรษิ ัท สนิ หลวง จำกดั อ.ขนอม (แพขนานยนต)์
43 ม.7 ต.นบพิตำ อ.นบพิตำ จัดงานแข่งเรือ
แร่
15 โรงแยกก๊าซธรรมชาติ บรษิ ัท ปตท. 123 ม.8 ต.ทอ้ งเนียน อ.ขนอม

ท่าเที ทจา่ำเกทัดียบเรือขนาดไม่เกิน 20 ตันกรอสรอื ขนาดไม่เกนิ 20 ตนั กรอส

16 นายฉัตรชยั งา่ นวิสุทธิพันธ์ คลองทา่ สูง ต.ทา่ ศาลา อ.ท่าศาลา

17 นายนภดล แปกพงค์ ม.2 ต.ทา่ ศาลา อ.ทา่ ศาลา

18 นางสุภา ศกั ด์เิ กษมกฤต คลองทา่ สงู ต.ทา่ ศาลา อ.ทา่ ศาลา

19 นางสุหนะ เสมอภพ คลองปากพนู ต.ปากพนู อ.เมือง

20 นางจิรา เพชรเศษ คลองสิชล ต.สชิ ล อ.สชิ ล

21 นางพวงเพ็ญ พงคส์ ุวรรณ คลองทา่ สูง ต.ทา่ ศาลา อ.ทา่ ศาลา

22 บริษัทต.เจริญไพศาลทุ่งสง จำกัด แม่นํ้าปากพนงั ต.ปากพนัง อ.ปากพนงั

23 เทศบาลเมืองปากพนัง 1 อำเภอปากพนัง (ฝง่ั ตะวนั ตก)

24 เทศบาลเมืองปากพนัง 2 อำเภอปากพนัง (ฝงั่ ตะวันออก)

25 เทศบาลเมืองปากพนัง 3 อำเภอปากพนัง (ฝ่ังตะวันตก)

26 เทศบาลเมืองปากพนัง 4 อำเภอปากพนัง (ฝ่งั ตะวนั ออก)

27 เทศบาลตำบลเชยี รใหญ่ ต.เชยี รใหญ่ อ.เชียรใหญ่

28 เอเชียเหมอื งแร่อุตสาหกรรม 154/2 ม.6 ต.ทา่ ศาลา อ.ท่าศาลา

1

หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 6
ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อมนครศรีธรรมราช

สาระสำคญั
ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อมจังหวดั นครศรธี รรมราช ในแตล่ ะทอ้ งถ่นิ มปี ระโยชนต์ ่อ

การดำรงชีวติ ของมนุษย์ การเพ่ิมข้ึนของประชากรน้ัน ทำให้มีการใช้ทรัพยากรธรรมชาติมากข้ึน ส่งผล
ต่อทรัพยากรธรรมชาติลดน้อยลงและเส่ือมโทรม ก่อให้เกิดภัยพิบัติจากธรรมชาติกับมนุษย์มากข้ึน
ดังน้ันการสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม เป็นหน้าท่ีของเราทุก
คนทจี่ ะรกั ษาใหม้ ีความย่ังยืนตอ่ ไป

ตวั ชี้วดั

1. อธิบายและยกตวั อยา่ งทรัพยากรปา่ ไม้และสตั ว์ป่าจังหวัดนครศรธี รรมราช
2. อธบิ ายและยกตัวอย่างทรพั ยากรน้ำจงั หวัดนครศรีธรรมราช
3. อธิบายและยกตวั อย่างทรัพยากรทางทะเลและชายฝงั่ จงั หวัดนครศรธี รรมราช
4. อธบิ ายและยกตวั อย่างทรัพยากรแร่จงั หวัดนครศรธี รรมราช
5. อธบิ ายและยกตวั อย่างทรพั ยากรดนิ จงั หวัดนครศรีธรรมราช

ขอบขา่ ยเนือ้ หา
เรื่องท่ี 1 ทรพั ยากรป่าไม้และสตั วป์ า่ จงั หวัดนครศรีธรรมราช
1.1 ข้อมูลพ้ืนท่ปี ่าไม้โดยสรปุ
1.1.1 อุทยานแห่งชาติ
1.1.2 ปา่ สงวนแห่งชาติ
1.1.3 เขตรกั ษาพนั ธ์สุ ัตว์ปา่ และเขตห้ามล่าพนั ธ์ุสตั วป์ า่
1.1.4 ปา่ ชายเลน
1.2 การจำแนกป่าไม้ในจังหวัดนครศรีธรรมราช
1.2.1 ปา่ ดงดบิ
1.2.2 ป่าชายเลน
1.2.3 ป่าพรุ
1.2.4 ป่าชายหาด

2

1.3 แหลง่ ทรัพยากรป่าไมท้ ีส่ ำคัญในจงั หวัดนครศรีธรรมราช
1.3.1 อุทยานแหง่ ชาติ
1.3.2 อทุ ยานแห่งชาตินำ้ ตกโยง
1.3.3 อุทยานแห่งชาติเขานัน
1.3.4 อทุ ยานแห่งชาตนิ ำ้ ตกสข่ี ีด
1.3.5 อุทยานแหง่ ชาตหิ าดขนอม-หมเู่ กาะทะเลใต้
1.3.6 อทุ ยานแห่งชาติเขาโพธิ์ เขาปู่-เขายา่
1.3.7 ป่าพรุ ควนเคร็ง
1.3.8 เกาะกระ

1.4 สถานการณด์ า้ นทรพั ยากรป่าไม้ในจงั หวัดนครศรีธรรมราช
1.4.1 ปัญหาราษฎรบุกรุกพน้ื ที่ปา่ อนุรกั ษ์
1.4.2 ปญั หาการลักลอบลา่ สัตวป์ า่

เรื่องที่ 2 ทรพั ยากรน้ำ
2.1 ลมุ่ นำ้ ในพ้ืนท่จี ังหวัดนครศรธี รรมราช
2.2 แหล่งน้ำผิวดินธรรมชาติ
2.2.1 แหลง่ น้ำธรรมชาติลุ่มนำ้ ชายฝงั่ ทะเลภาคใตฝ้ ั่งตะวันออก
2.2.2 แหล่งน้ำธรรมชาติลมุ่ นำ้ ชายฝ่งั ทะเลภาคใตฝ้ ง่ั ตะวันตก
2.2.3 แหลง่ น้ำธรรมชาติลุ่มนำ้ ตาปี
2.2.4 แหล่งน้ำธรรมชาติลุ่มนำ้ ทะเลสาบสงขลา
2.3 แหล่งน้ำผิวดนิ ท่ีสรา้ งขึ้น
2.3.1 อ่างเกบ็ น้ำห้วยน้ำใส
2.3.2 อ่างเก็บน้ำคลองกระทูน
2.3.3 อ่างเกบ็ น้ำคลองดินแดง
2.3.4 อ่างเก็บน้ำเสม็ดจวน
2.3.5 โครงการขดุ คลองรายน้ำชะอวด-แพรกเมอื ง
2.4 พรุ อ้ นธรรมชาติ
2.4.1 น้ำพุร้อนอุทยานบ่อนำ้ ร้อน
2.4.2 น้ำพุร้อนกรงุ ชิง

3

2.4.3 น้ำพุรอ้ นห้วยปริก
2.4.4 น้ำพุรอ้ นบ้านหูนบ (วงั ฆ้อง)
2.4.5 น้ำพรุ ้อนหนองบวั
2.5 ปัญหาด้านทรพั ยากรนำ้ ในจังหวัดนครศรีธรรมราช
เรือ่ งที่ 3 ทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่งั
3.1 ทรัพยากรทางทะเลและชายฝัง่ ของจงั หวดั นครศรธี รรมราช
3.1.1 ปา่ ชายเลน
3.1.2 ปะการงั
3.1.3 หญ้าทะเล
3.1.4 สัตว์ทะเลหายาก
3.1.5 ป่าชายหาด
3.1.6 ปา่ พรุ
3.2 สถานการณด์ า้ นทรัพยากรทางทะเลในจงั หวัดนครศรธี รรมราช
3.2.1 ปะการงั
3.2.2 หญ้าทะเล
3.2.3 สตั วท์ ะเลหายาก
3.2.4 สถานการณด์ า้ นป่าชายเลน ปา่ ชายหาด พรุ
3.2.5 สถานการณด์ ้านการกัดเซาะชายฝ่งั
เรื่องท่ี 4 ทรัพยากรแรจ่ ังหวัดนครศรีธรรมราช
4.1 ทรัพยากรแร่ในจงั หวดั นครศรีธรรมราช
4.2 การใช้ประโยชนจ์ ากทรพั ยากรแรใ่ นจังหวดั นครศรีธรรมราช
4.3 สถานการณ์ดา้ นทรัพยากรแรใ่ นจังหวดั นครศรธี รรมราช
เร่ืองที่ 5 ทรัพยากรดิน
5.1 ทรพั ยากรดินในจังหวัดนครศรีธรรมราช
5.2 การใช้ประโยชนจ์ ากทรัพยากรดนิ ในจังหวดั นครศรธี รรมราช
5.3 สถานการณ์ดา้ นทรัพยากรดินในจงั หวดั นครศรธี รรมราช

เวลาที่ใชใ้ นการศกึ ษา 18 ชัว่ โมง

4

ส่ือการเรยี นรู้
1. ชุดวชิ านครศรีธรรมราชศึกษา รหสั รายวชิ า สค3300168
2. สมดุ บนั ทึกกจิ กรรมการเรียนรูป้ ระกอบชดุ วชิ านครศรีธรรมราชศึกษา
รหสั รายวชิ า สค3300168
3. สื่อเสรมิ การเรยี นรอู้ ่ืน ๆ

เรื่องที่ 1 ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ปา่ จงั หวดั นครศรีธรรมราช

1.1 ขอ้ มูลพ้นื ทป่ี ่าไม้โดยสรปุ

จงั หวัดนครศรีธรรมราช มีพื้นที่ท้ังจังหวัด 9,942.502 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 6,214,064 ไร่

เป็นพื้นที่ป่าไม้ทั้งสิ้น 2,147.20 ตารางกิโลเมตร หรือ 1,342,000 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 21.60 ของพ้ืนที่

ทงั้ จงั หวดั มีรายละเอยี ด ดงั น้ี

1.1.1 อทุ ยานแหง่ ชาติ

พน้ื ท่ปี ่าอนรุ กั ษ์ เนอ้ื ที่ ทต่ี ้งั

1. อทุ ยานแห่งชาติเขาหลวง 356,250 ไร่ ท้องท่ีตำบลดอนตะโก ตำบลโมคลาน ตำบลหัวตะพาน อำเภอ
ท่าศาลา ตำบลกะหรอ ตำบลนบพิตำ อำเภอนบพิตำ ตำบล
เขาพระ ตำบลกะทูน ตำบลพิปูน ตำบลยางค้อม อำเภอพิปูน ตำบล
ละอาย อำเภอฉวาง ตำบลช้างกลาง อำเภอช้างกลาง ตำบลท่างิ้ว
อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ตำบลพรหมโลก ตำบลบ้านเกาะ ตำบล
อินทคีรี อำเภอพรหมคีรี และตำบลเขาแก้ว ตำบลท่าดี ตำบลกำโลน
อำเภอลานสกา จงั หวดั นครศรธี รรมราช

2. อุทยานแหง่ ชาตินํ้าตกโยง 128,125 ไร่ ท้องท่ีตำบลช้างกลาง อำเภอช้างกลาง ตำบลเขาแก้ว ตำบลลานสกา
อำเภอลานสกา ตำบลนาบอน อำเภอนาบอน ตำบลนาหลวงเสน
ตำบลถ้ําใหญ่, อำเภอทุ่งสง และตำบลหินตก ตำบลร่อนพิบูลย์ อำเภอ
รอ่ นพบิ ูลย์ จงั หวดั นครศรีธรรมราช

3. อุทยานแห่งชาตเิ ขานนั 256,121 ไร่ ท้องที่ตำบลกรุงชงิ ตำบลนบพติ ำ อำเภอนบพิตำ ตำบลตลิ่งชัน
อำเภอท่าศาลา และตำบลเขานอ้ ย ตำบลฉลอง ตำบลเทพราช

ตำบลเปล่ียน อำเภอสิชล จังหวดั นครศรีธรรมราช

4. อทุ ยานแหง่ ชาติ 90,625 ไร่ ท้องที่ตำบลสี่ขีด ตำบลเขานอ้ ย อำเภอสิชล จงั หวัด นครศรธี รรมราช
นาํ้ ตกสีข่ ดี (พืน้ ท่ีอยใู่ นจังหวัดนครศรีธรรมราช และจงั หวดั สุราษฎรธ์ าน)ี

5

พืน้ ที่ปา่ อนรุ ักษ์ เนื้อท่ี ทต่ี ้งั

5. อุทยานแห่งชาติ 196,875 ไร่ ท้องท่ีเขตอำเภอขนอม อำเภอสิชล จงั หวัดนครศรีธรรมราช

หาดขนอม - หมเู่ กาะทะเลใต้ (พน้ื ที่อยใู่ นจงั หวัดนครศรธี รรมราชและสรุ าษฎร์ธาน)ี

(เปน็ อุทยานแห่งชาติ

ทางทะเลอยู่ ในการ

ดำเนินการ เพ่ือประกาศ

จัดต้ัง เป็นอทุ ยานแห่งชาติ

ตามกฎหมาย)

6. อทุ ยานแห่งชาติ 57,375ไร่ ท้องที่ตำบลน้ําตก อำเภอทุ่งสง ตำบลวังอ่าว อำเภอชะอวด จังหวัด

เขาป-ู่ เขาย่า นครศรีธรรมราช (พื้นที่อยใู่ นจงั หวัดนครศรธี รรมราช ตรงั และพทั ลงุ )

1.1.2 ปา่ สงวนแห่งชาติ

ป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 69 ป่า เดิมมีเน้ือท่ีรวม 1,925,663 ไร่ ได้มอบเอกสารสิทธิ
ส.ป.ก. 4-01 ให้ประชาชนเข้าทำประโยชน์ จำนวน 471,210 ไร่และตัดพื้นท่ีทับซอ้ นเขตอทุ ยานเขตรกั ษาพันธุ์
สัตวป์ า่ 638,528 ไร่ คงเหลอื 815,931 ไร่

1.1.3 เขตรักษาพันธส์ุ ัตว์ปา่ และเขตห้ามลา่ พันธุส์ ัตว์ป่า

หนว่ ยงานพ้ืนท่ปี ่าอนรุ ักษ์ พ้ืนท่ี (ไร)่ ทีต่ ้ัง

1. เขตรกั ษาพนั ธุ์สัตว์ปา่ กะทูน 62,800 ตำบลกะทูน อำเภอพปิ นู จังหวดั นครศรีธรรมราช

2. เขตหา้ มล่าสัตวป์ ่า แหลมตะลุมพุก 35,456 พื้นท่ีบริเวณ ป่าแหลมตะลุมพุก ป่าเลนปากพนัง
ฝั่งตะวันออกและป่าชายเลนเกาะไชย ในท้องที่ตำบล
ปากพนังฝั่งตะวันออก และตำบลแหลมตะลุมพุก อำเภอ
ปากพนงั จงั หวดั นครศรีธรรมราช

3. เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบ่อล้อ 62,599 ทอ้ งท่ีตำบลสวนหลวง ตำบลทางพูน อำเภอเฉลิมพระ
เกียรติ ตำบลแมเ่ จา้ อย่หู วั ตำบลการะเกด อำเภอเชยี ร
ใหญ่ ตำบลบ้านตูล ตำบลชะอวด อำเภอชะอวด ตำบล
ควนพงั อำเภอรอ่ นพิบูลยจ์ ังหวดั นครศรธี รรมราช

4. เขตหา้ มลา่ สตั ว์ปา่ ทะเลน้อย 150,000 ท้องที่ตำบลการะเกด อำเภอเชียรใหญ่ ตำบลเคร็ง ตำบล
ขอนหาด อำเภอชะอวด ตำบลแหลม ตำบลควนชะลิก
อำเภอหวั ไทร

1.1.4 ปา่ ชายเลน

6

ปา่ ชายเลน มพี ื้นท่รี วม 149,748.8 ไร่ เป็นพืน้ ท่ีป่าชายเลนคงสภาพ จำนวน 80,922.46 ไร่ และ
ป่าชายเลนท่ีเปล่ียนแปลงไป 68,826.34 ไร่ โดยพ้ืนท่ีป่าชายเลนส่วนใหญ่อยู่ในท้องท่ีอำเภอปากพนัง และ
อำเภอเมอื งนครศรีธรรมราช

1.2 การจำแนกป่าไมใ้ นจงั หวัดนครศรีธรรมราช

ปา่ ไมใ้ นจงั หวัดนครศรีธรรมราช จำแนกเปน็ 4 ชนดิ ไดแ้ ก่ ป่าดงดบิ ปา่ ชายเลน ปา่ พรุ และ
ป่าชายหาด โดยมีรายละเอยี ด ดงั น้ี

1.2.1 ป่าดงดบิ

เป็นป่า รกทึบ มีความลากหลายทางชีวภาพสูง
ประกอบไปด้วยพันธ์ุไม้และสัตว์ป่าชนิดต่างๆ มากมายป่าดงดิบ
คิ ด เป็ น พื้ น ท่ี ม า ก ท่ี สุ ด ใน จั ง ห วั ด เป็ น บ ริ เว ณ ย า ว ต ล อ ด จ า ก
ทิศเหนือจดทิศใต้ อยู่ในเขตอำเภ อสิชล ท่าศาลา พิปู น
พรหมคีรี ลานสกา ร่อนพิบูลย์ ทุ่งใหญ่ ชะอวด และนาบอน ต้นไม้สำคัญ ได้แก่ ตะเคียน จำปา ป่าหลุมพอ
ไม้ยาง อบเชย ไมห้ อม เป็นต้น

1.2.2 ปา่ ชายเลน

ป่าชายเลนน้ำเค็มหรือป่าเลนอยู่บริเวณทิศตะวันออกของจังหวัด ในอำเภอปากพนัง ขนอม และ
บางส่วนของอำเภอเมือง ป่าชายเลนเป็นป่าที่มีคุณ ค่า เป็นแหล่งเพาะพันธ์ุปลากับสัตว์ทะเลอีก
หลายชนิด และป่าชายเลนยังช่วยป้องกันลมพายุ ลดความรุนแรงของลม ช่วยป้องกันดินพังตามชายฝ่ัง
อกี ด้วย

1.2.3 ปา่ พรุ

มีอยู่ทางใต้ของจังหวัดในเขตอำเภอเชียรใหญ่ เฉลิมพระเกียรติ ร่อนพิบูลย์ ชะอวดและหัวไทร
จังหวัดนครศรีธรรมราช สภาพท่ัวไปเป็นพื้นที่ซึ่งฟื้นสภาพจากพื้นท่ีพรุท่ีถูกคุกคามด้วยไฟป่าและการบุกรุก
สภาพโดยท่ัวไปเป็นพ้ืนท่ี ที่มีน้ำท่วมขัง สภาพดินเป็นกรดมากจนไม่เหมาะต่อการเกษตร มีไม้จำพวกเสม็ด กก
กระจดู และหญ้าชนดิ ต่าง ๆ ขน้ึ อย่เู กอื บทั่วพ้นื ท่ี

1.2.4 ป่าชายหาด

มีพืน้ ท่ีน้อยอยู่ตามชายฝ่งั ทะเลทีม่ ีดินค่อนข้างเปน็ ทราย เชน่ พบในพืน้ ที่เขตอำเภอปากพนงั

1.3 แหลง่ ทรพั ยากรปา่ ไมท้ ่สี ำคัญในจงั หวดั นครศรธี รรมราช
1.3.1 อทุ ยานแห่งชาตเิ ขา

หลวง

มีพ้ืนท่ี 356,250 ไร่ ครอบคลุม
เทื อ ก เข าน ค รศ รีธ รรม ร าช ต อ น ก ล าง
ป ร ะ ก อ บ ด้ ว ย เทื อ ก เข า สู ง ส ลั บ ซั บ ซ้ อ น

อุทยานแหง่ ชาตเิ ขาหลวง

7

ทอดยาวเหนือจรดใต้ขนานไปกบั ชายฝ่ัง ทะเลด้านตะวันออก มที ี่ราบตามหุบเขาเล็กน้อย ดินบนภูเขาเปน็ ดินที่
เ กิ ด จ า ก ก า ร
ผุ ส ล า ย ข อ ง หิ น แ ก ร นิ ต มี ย อ ด เข า สู ง สุ ด คื อ ย อ ด เข า ห ล ว ง เป็ น ย อ ด เข า ที่ สู ง ที่ สุ ด
ในภาคใต้ สูงจากระดับน้ำทะเล 1,835 เมตร เป็นต้น กำเนิดของต้นนำ้ ลำธารหลายสาย เช่น แม่น้ำตาปี แม่น้ำ
ป า ก พ นั ง ค ล อ ง ก รุ ง ชิ ง ค ล อ ง เ ข า แ ก้ ว ค ล อ ง
ท่าแพ คลองระแนะ และคลองละอาย อันเป็นแหล่งน้ำที่สำคัญของพื้นที่โดยรอบอุทยานแห่งชาติเขาหลวง
อุทยานแห่งชาติเขาหลวงมีพื้นท่ีครอบคลุมอยู่ในท้องท่ี อำเภอลานสกา อำเภอฉวาง อำเภอเมือง อำเภอพิปูน
อำเภอพรหมครี ี อำเภอชา้ งกลาง และอำเภอนบพิตำ จงั หวดั นครศรีธรรมราช

1.3.2 อทุ ยานแห่งชาติน้ำตกโยง

ภูเขาเป็นดินที่เกิดจากการผุสลายของหินแกรนิต มียอดเขาสูงสุดคือ ยอดเขาหลวง เป็น
ยอดเขาที่สูงที่สุดในภาคใต้ สูงจากระดับน้ำทะเล 1,835 เมตร เป็นต้นกำเนิดของต้นน้ำลำธารหลายสาย เช่น
แม่น้ำตาปี แม่น้ำปากพนัง คลองกรุงชิง คลองเขาแก้ว คลองท่าแพ คลองระแนะ และคลองละอาย
อนั เป็นแหล่งนำ้ ที่สำคญั ของพื้นที่โดยรอบอุทยานแหง่ ชาตเิ ขาหลวง อุทยานแหง่ ชาติเขาหลวงมพี ้นื ที่ครอบคลุม
อยู่ในท้ องที่ อำเภ อลาน สกา อำเภ อฉวาง อำเภ อเมือง อำเภ อพิ ปูน อำเภ อพ รห มคีรี อำเภ อ
ชา้ งกลาง และอำเภอนบพติ ำ จังหวดั นครศรธี รรมราช

1) พืชพรรณ พืชพรรณไม้ส่วนใหญ่เป็นพืชป่าดงดิบ ซึ่งสามารถจำแนกออกได้เป็ น
2 ประเภทด้วยกนั คอื

1.1) เป็นป่าท่ีขึ้นอยู่เหนือระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 1,000 เมตรข้ึนไปจนถึง ยอดเขาที่มีเมฆ
หมอกคลุม พนั ธ์ุไม้ทส่ี ำคญั ได้แก่ เหมือด กำยาน แดงเขา ก่อเขา บุญนาคเขา จำปูนช้าง ฯลฯ พืชคลุมดินส่วน
ใหญ่คล้ายป่าดิบเขาระดับตำ่ แต่จะมีพืชหญ้าข้ึนมากได้แก่บัวแฉกใบใหญ่ บัวแฉกใบมน หวายเหิง หวายแซ่ม้า
หวายเขา เปน็ ตน้

1.2) ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของอุทยานแห่งชาติเกือบทั้งหมด พืชประจำถิ่นและ
ไม้ที่มีค่าทางเศรษฐกจิ ส่วนใหญ่ ได้แก่ ยาง ตะเคียนทอง ไข่เขียว ตะเคียนทราย สยาขาว กระบากดำ กระบาก
ขาว พนั จำ หลุมพอ เอียน เขียด อบเชย เทพทาโร จำปาปา่ ก่อ แดงคาน แดงเขา ยมป่า ฯลฯ นอกจากนี้ ยงั มี
กุหลาบพันปี กุหลาบเขาหลวง เต่ารา้ งยักษ์ หวายหอม หวายไมเ้ ท้า ไผ่เกรียบ ก้ามกุ้งหลายชนิด และมหาสดำ
ซึง่ เปน็ เฟริ น์ ต้นประจำถน่ิ ของอทุ ยานแหง่ ชาตเิ ขาหลวง เป็นต้น

2) สัตว์ป่า ผลของการสำรวจชนิดและประชากรสัตว์ป่าในอุทยานแห่งชาติเขาหลวงเมื่อ
ปี 2534 พบว่า อุทยานแห่งชาติเขาหลวงเป็นถิ่นท่ีอยู่อาศัยของสัตวป์ ่าไม่น้อยกว่า 327 ชนิด สัตว์ป่าท่ีพบเห็น
เช่น สมเสร็จ เลียงผา ลิงกัง ลิงเสน ค่างดำ ค่างแว่นถิ่นใต้ชะนีธรรมดา เสือลายเมฆ เสือดำ เสือโคร่ง หมีหมา
เกง้ กวางป่า เมน่ หางพวง สัตวจ์ ำพวก นก เช่น นกอินทรีดำ ไก่ฟ้าหน้าเขียว ไกป่ ่า นกเขาเปลา้ ธรรมดา นกหว้า
นกเงือกหัวหงอก นกเงือกปากดำ นกกก นกชนหิน นกโพระดกหลากลี นกพญาปากกว้างท้องแดง และนก
กินปลี ฯลฯ

8

นอกจากน้ีในบริเวณเขาหลวง ยังพบสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์คร่ึงบกคร่ึงน้ำที่หายาก
หลายชนดิ เช่น งลู ายสายมลายู เตา่ จักร งูหลามปากเป็ด งสู ามเหล่ยี มหวั หางแดง จิ้งจกนว้ิ ยาว กำพล ตุก๊ แกป่า
โคนน้ิวติด จ้ิงเหลนเรียวปักษ์ใต้ งูเขียวดงลาย กบเขาท้องลาย กบตะนาวศรี เขียดงูศุภชัย เป็นต้น ในบริเวณ
แหลง่ ต้นน้ำ ลำธารของอุทยานแห่งชาติเขาหลวง จะพบสัตว์น้ำในปริมาณน้อย ไดแ้ ก่ ปลาพลวง ปลาแฮะ ปลา
ไส้ขม ปลาซิวน้ำตก ปลาอีกอง ปลาติดหินปูนน้ำตก เป็นต้น เน่ืองจากมีกระแสน้ำไหลแรง ปริมาณสารอาหาร
ในนำ้ มีนอ้ ย พ้ืนน้ำเปน็ หนิ และทรายไม่เหมาะกับการเจริญเตบิ โต ของสัตวน์ ้ำ

1.3.3 อทุ ยานแหง่ ชาติเขานนั

มีลักษณะภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสูงทอดยาวตามแนวเหนือ-ใต้ สลับซับซ้อน โดยเป็นส่วนหน่ึง
ของเทือกเขานครศรธี รรมราช มเี น้ือท่ี ประมาณ 256,121 ไร่ หรือ 409.79 ตารางกิโลเมตร สภาพป่าเป็นปา่ ดง
ดิบชน้ื ทอี่ ุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งตน้ น้ำลำธารที่สำคัญของ จงั หวัดนครศรีธรรมราช และประกอบไปด้วย พันธ์ุไม้
ทีส่ ำคัญและมีค่า มจี ุดเด่นทางธรรมชาติ ที่สวยงามหลายแห่ง เช่น น้ำตกสุนันทา (น้ำตกเขาบัน) น้ำตกกรุงนาง
น้ำตกคลองเผียน ถ้ำกรุงนาง น้ำตกเขาได เป็นต้น โดยมียอดสูงท่ีสุด คือ ยอดเขาใหญ่ โดยสูงประมาณ
1,438 เมตร จากระดับน้ำทะเล

1) พืชพรรณ พ้ืนที่ส่วนใหญ่เป็นป่าดงดิบช้ืนที่อุดมสมบูรณ์ครอบคลุมกว่า 90 เปอร์เซ็นต์
ของพ้ืนที่ มีพันธ์ุไม้ท่ีมีค่าหลายชนิด เช่น ยาง หลุมพอ ตะเคียนทอง ไข่เขียว ตะเคียนทราย เสียดช่อ และ
จำปาป่า เป็นต้น นอกจากน้ีพื้นที่ป่าบริเวณบ้านทับน้ำเต้า
บ้านหน้าพระเจ้า บ้านห้วยพริก และบ้านห้วยแห้ง จะพบ
ไม้ประ (Elaleriospermum tapos BL) ซ่ึงเป็นไม้ที่นิยม
เก็บเมลด็ มารบั ประทาน และเมลด็ ดังกล่าวมีราคาสูง

2) สัตว์ป่า อุทยานแห่งชาตเิ ขาบัน มีสัตว์
ป่านานาชนิด เช่น เลียงผา สมเสร็จ เก้ง หมูป่า กระจง
อีเห็น ชะมด นอกจากน้ียังมีนกมากกว่า 150 ชนิด ซ่ึง

นกกนิ ปลหี างยางเขียว

9

ร ว ม ถึ ง น ก ข น า ด ใ ห ญ่ อ ย่ า ง น ก ก ก แ ล ะ น ก เ ฉ พ า ะ ถิ่ น ท่ี พ บ
บนทิวเขานครศรธี รรมราช คอื นกกนิ ปลหี างยางเขยี ว

1.3.4 อทุ ยานแห่งชาตนิ ำ้ ตกส่ีขดี

อุทยานแห่งชาติน้ำตกสี่ขีด มีพ้ืนท่ีประมาณ 90,625 ไร่ หรือ 145 ตารางกิโลเมตร ต้ังอยู่ในแนว
ทิวเขานครศรีธรรมราชท่สี ูงชันสลบั ซบั ซอ้ น ในเขตอำเภอสิชล จงั หวดั นครศรีธรรมราช และอำเภอกาญจนดิษฐ์
จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นเทือกเขา แนวแบ่งเขตจังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดสุราษฎร์ธานี แนวเขา
วางตัวในแนว ทิศเหนือ-ใต้ เป็นแนวยาวขนานกับฝั่งทะเล ตะวันออก ตอนกลาง เป็นเทือกเขาท่ีสูงชัน
สลับซับซ้อนมีลักษณะเป็นสันปันน้ำ โดยลาดต่ำไปทางตะวันออกและทางตะวันตก ที่ราบส่วนใหญ่อยู่ทาง
ตะวันออก พื้นที่นี้ มียอดเขาท่สี ูงที่สุด คือ ยอดเขาคีโหมด สูง 1,303 เมตร ยอดเขาอื่น ๆ เช่น ยอดเขานาง สูง
8 8 1 เ ม ต ร ย อ ด เ ข า วั ง พุ ง
สู ง 6 0 0 เ ม ต ร ย อ ด เ ข า ป ล า ย ค ร า ม สู ง 5 9 9 เ ม ต ร ย อ ด เ ข า
ขุ น ห้ ว ย แ ก้ ว สู ง 5 8 2 เ ม ต ร ค ว า ม สู ง ข อ ง พื้ น ที่ จ า ก ร ะ ดั บ น้ ำ ท ะ เ ล
ปานกลางโดยเฉลี่ย ประมาณ 700 เมตร มีหุบเขาที่เป็นแหล่งกำเนิดของลำห้วยต่าง ๆ มากมายซึ่งทำให้เกิด
แอ่งน้ำและน้ำตกเป็นช้ัน ๆ ต่อเน่ืองกันเป็นลำดับ มีเขาบางลูกเป็นภูเขาหินปูน จึงเกิดถ้ำที่สวยงามน่าพิศวง
มากมายหลายแหง่ เชน่ ถ้ำเขาพับผ้า ถ้ำสวนปราง เป็นตน้

1) พืชพรรณ พืชพรรณในอุทยานแห่งชาติน้ำตกสี่ขีด มีลักษณะของป่าดิบชื้นเป็น
ส่วนใหญ่ มพี นั ธุ์พืชหลายชนิดข้นึ อยู่ อย่างหนาแน่น ดังนี้

1.1) ป่าดิบช้ืน ครอบคลุมพ้ืนที่ส่วนใหญ่ของอุทยานแห่งชาติ โดยมากจะพบตาม
หบุ เขาและริมหว้ ยทีม่ ีความชน้ื สูง พันธุ์ไมท้ ่ีสำคัญ ไดแ้ ก่ ยางป่าย ยางแดง ตะเคียนทอง ตะเคียนทราย หลมุ พอ
ไข่เขียว พญาไม้ ก่อเล็ก เต่าร้างยักษ์ ชก ฯลฯ พืชพื้นล่างและไม้เถา ได้แก่ มหาสดำ หวายกำพวน หวายเทิง
หวายข้เี สยี้ น เตยย่าน เป่ือย คอกิว่ ย่าน เป็นตน้

1.2) ป่ า ดิ บ เข า พ บ ใน พ้ื น ที่ ท่ี สู ง จ า ก
ระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 1,000 เมตร ข้ึนไป ซึ่งเป็น ระดับท่ีมีเมฆหมอก
ปกคลุมทำให้มีอากาศชื้นเสมอ พนั ธุ์ไม้ทพ่ี บ ได้แก่ เหมอื ด กำยาน หัว
เต่า ต่ิง แดงเขา ก่อเขา ก้อใบเอียด ฯลฯ ไม้พุ่มและพืชพ้ืนล่างเป็น
พ ว ก ต า เป็ ด ต า ไก่ เค ล ง เนี ย ม ห ว า ย แ ส้ ม้ า ห ว า ย เข า
ดาวสามแฉก กลว้ ยไมด้ นิ ชนิดต่าง ๆ เปน็ ต้น

1.3) ป่ารุ่นหรือป่าเหล่า เป็นสังคมพืชท่ีเกิดขึ้น

10

ทดแทนสภาพธรรมชาติเดิม ภายหลังการถูกบุกรุกทำลาย พันธุ์ไม้ท่ีสำคัญประกอบด้วยไม้เบิกนำ ได้แก่ สอย
ด า ว ป อ หู ช้ า ง ก ะ ส อ ข น ล่ อ
พงแหรใหญ่ ทงุ่ ฟ้า เปน็ ตน้

2) สตั วป์ า่
เป็นแหล่งท่ีอยู่อาศัยของสัตว์ป่า จำนวน 327 ชนิด ได้แก่ สัตว์เล้ียงลูกด้วยนม
พบ 100 ชนิด ได้แก่ เลียงผา ช้างป่า สมเสร็จ เสือไฟ เก้ง ลิงเสน ชะนีธรรมดา ค่างแว่นถ่ินใต้ เสือลายเมฆ
หมูป่า อ้นใหญ่ เม่นใหญ่ แผงคอ พังพอนเหลือง หมูหริ่ง ชะมดเช็ด อีเห็นธรรมดา พังพอนธรรมดา กระแต
ธรรมดา พญากระรอกดำ กระรอกช้าง ลายท้องแดง ค้างคาวขอบหูขาวเล็ก ค้างคาวบัวฟั นกลม
หนฟู านเล็ก ฯลฯ

2.1) นก พบทั้งสิ้น 157 ชนดิ เป็นนกประจำถ่ิน 143 ชนิด และเป็นนกอพยพย้ายถิ่น 14
ชนิด ได้แก่ นกเหย่ียวรุ้ง ไก่ป่า นกเขาเขียว นกบั้งรอกใหญ่ นกเค้ากู่ นกจาบคาหัวสีส้ม นกแก๊ก นกแอ่นฟ้า
เคราขาว นกพญ าไฟใหญ่ นกปรอดเหลืองหัวจุก นกแซงแซวหาง บ่วงใหญ่ นกจาบดินอกลาย
นกกินแมลงหัวสีน้ำตาล นกกางเขนดง นกกระจิบคอดำ นกจับแมลงคอสีน้ำตาลแดง นกกินปลีกล้วยเล็ก นก
กาฝากอกเพลงิ และนกกะเด ตะโพกขาว ฯลฯ

2.2) สัตวเ์ ลื้อยคลาน พบจำนวน 39 ชนิด ได้แก่ เต่าจักร ตะพาบแก้มแดง ตุ๊กแกป่าลาย
จุด จิ้งจกหางหนาม ก้ิงก่าบินปีกสีล้ม เห่าช้าง เห้ีย จิ้งเหลนดินจุดดำ งูลิงหางดำ งูเขียวหัวจ้ิงจก
งูสามเหล่ียม หัวหางแดง ฯลฯ สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ พบ 11 ชนิด ได้แก่ กบหูด อ่ึงกรายหัวมน อึ่งอ่างบ้านกบ
ตะนาวศรี เขยี ดตะปาด เขยี ดงศู ุภชยั เปน็ ตน้

2.3) สัตว์น้ำ พบปลา 18 ชนิด ท่ีพบโดยทั่วไป ได้แก่ ปลาพลวง ปลาแฮะ ปลาซิว น้ำตก
ปลาเลยี หิน ปลาติดหิน และปลาอีกอง นอกจากนี้ยังพบปูน้ำตกบริเวณนำ้ ตกสี่ขีด 2 ชนิดด้วยกัน คอื ปูมดแดง
(Phricotelphusa limula) และ ปูน้ำตก (Salangathelphusa brevimarginata)

1.3.5 อทุ ยานแหง่ ชาตหิ าดขนอม-หมเู่ กาะทะเลใต้

อุทยานแห่งชาติหาดขนอม - หมู่เกาะทะเลใต้ เป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลอยู่ใน
การดำเนินการเพื่อประกาศจัดตงั้ เปน็ อุทยานแห่งชาติตามกฎหมาย อุทยานแหง่ ชาตหิ าดขนอม - หมูเ่ กาะทะเล
ใต้ อยู่ในเขตพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชและสุราษฎร์ธานี ประกอบด้วยพื้นที่ทางบกและทางทะเลรวมกัน มี
เน้ือท่ี ประมาณ 197,500 ไร่ หรือประมาณ 316 ตารางกิโลเมตร เป็นพ้ืนท่ีทางบกประมาณ 116.74 ตาราง
กิโลเมตร หรือ 36.94% และเป็นพ้ืนน้ำประมาณ 199.26 ตารางกิโลเมตร หรือ 63.06% พื้นท่ีทางบก
ประกอบดว้ ย แนวเทือกเขา น้อยใหญ่สลับซับซ้อนทอดตัวจากทิศเหนือสู่ทิศใตม้ ีพ้นื ท่ีราบผืนใหญ่ เชิงภเู ขาเปิด
สู่ฝั่งทะเล ด้านอ่าวไทย มียอดเขา หลวงเป็นจุดสูงที่สุดประมาณ 814 เมตรจากระดับน้ำทะเล ส่วนพ้ืนท่ีทาง
ทะเลประกอบด้วยเกาะ จำนวน 11 เกาะ ได้แก่ เกาะแตน เกาะราบ เกาะมัดโกง เกาะมัดแตง เกาะวังนอก
เกาะวังใน เกาะมัดสุ่ม เกาะราใหญ่ เกาะทำไร่ เกาะผี และเกาะน้อย

11

อทุ ยานแหง่ ชาติหาดขนอม - หมู่เกาะทะเลใต้

อทุ ยานแหง่ ชาติหาดขนอม - หมู่เกาะทะเลใต้ ประกอบด้วยปา่ ชนดิ ตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่
1) พืชพรรณ
1.1) ป่าดิบชื้น พบในพื้นทเี่ ทือกเขาสูงบริเวณป่าคลองธง ป่าคลองเหลง ปา่ ชัยคราม ป่า

วัดประดู่ และบางส่วนของป่าเขาออก ป่าเขาท้องโหนด และป่าเขาชัยสนพันธุ์ไม้ที่พบ ได้แก่ ยาง ตะเคียน
หลุมพอ ไข่เขียว กันเกรา พืชพ้ืนล่างประกอบด้วย ไผ่ หวาย ระกำ เต่ารา้ ง ตลอดจนพืชที่อาศัยตามลำต้นหรือ
เรอื นยอดของ ไมข้ นาดใหญ่ เชน่ กล้วยไม้ มอส เฟนิ และเถาวัลย์ชนดิ ตา่ ง ๆ

1.2) ป่าดิบแล้ง พบบริเวณไหล่เขาตามร่องน้ำที่มีเนื้อดินเป็นช้ันบางของป่าเขา
ท้องโหนด ป่าเขาชัยสน และตามเกาะต่าง ๆ พันธุ์ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ ตะเคียนหิน พลองใบใหญ่ หัวค่าง
จกิ เขา ชะมงั และข้แี รด ฯลฯ

1.3) ป่าชายเลน พบในป่าเลนคลองขนอม พันธ์ุไม้ท่ีสำคัญ ได้แก่ โกงกางใบใหญ่ โกงกาง
ใบเล็ก แสม ตะบูน ลำพู ลำแพน ถั่วดำ ถั่วขาว ฯลฯ และ ป่าชายหาด พบบริเวณชายหาดบนเกาะต่าง ๆ
พันธุ์ไม้ที่พบ ได้แก่ หูกวาง สนทะเล หยีทะเล จิกทะเล และรักทะเล เป็นต้น นอกจากนี้ยังพบพื้นท่ีป่าซึ่งมี
ลกั ษณะเปน็ ปา่ พรใุ นพนื้ ที่ซง่ึ อย่บู รเิ วณตอนบนของป่าเลนคลองขนอมและในพน้ื ทีเ่ กาะวงั นอก

1.4) ป่าเขาหินปูน บริเวณเขาหินปูนที่มีชั้นดินน้อยมากยากต่อการเจริญเติบโตของ พันธ์ุ
ไมช้ นิดต่าง ๆ ลำหรับพชื ทีพ่ บเป็นพวกเป้งและวา่ นสบดู่ ำ พืชสำคัญ ได้แก่ จันทน์ผา เป้ง สลัดได พลบั พลึง บุก
เขียด และยอปา่

2) สตั ว์ป่า
พื้นที่อุทยานแห่งชาติหาดขนอม-หมู่เกาะทะเลใต้ เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า
หลายชนิด จำแนกได้ ดังน้ี

12

2.1) สั ต ว์ เลี้ ย งลู ก ด้ ว ย น ม พ บ

ประมาณ 18 ชนิด เช่น กวางป่า หมูป่า ลิง ค่าง หมาใน

บ่าง ชะนี กระรอก กระแต และพบ ว่ามีสัตว์ป่าสงวน

อยา่ งน้อย 2 ชนดิ คือ เลียงผา และ สมเสร็จ อยู่ในบริเวณ

พืน้ ที่ดว้ ยและยังมีสตั วเ์ ล้ียงลูก ดว้ ยนมท่ีอาศัยในนำ้ ได้แก่

โลมา

ประกอบด้วยนก 2.2) นก พบประมาณ 140 ชนิด ซ่ึง เช่น เหยี่ยวรโุ้งโลลนมมาากสสอชีชี อมมกพพู ูนกเงอื ก นกเปล้า
ซึ่งอาศัยอยูใ่ นสภาพพ้ืนที่ทางบกและพ้ืนท่ีทางทะเล

นกขนุ ทอง นกดเุ หว่า เปน็ ต้น และบรเิ วณเกาะ ต่าง ๆ มีนกกาน้ำ นกชาปีไหน นกนางนวล เป็นต้น

2.3) สัตว์เลื้อยคลาน พบประมาณ 14 ชนิด ประกอบด้วย เต่า ตะพาบน้ำ ซ่ึงอาศัย อยู่

ในลำห้วย ลำคลอง ก้ิงก่า ตุ๊กแก แย้ ตะกวด งูชนิดต่าง ๆ เช่น งูเหลือม นอกจากน้ีบริเวณเกาะต่าง ๆ

มรี ายงาน ว่ามเี ต่าทะเลขึ้นมาวางไขเ่ ปน็ จำนวนมากในอดีต

2.4) สตั ว์ครงึ่ บกครง่ึ น้ำ พบว่า มกี บและเขียดชนิดตา่ ง ๆ

2.5) ปลาและสัตว์อื่น ๆ ประกอบด้วย ปลาน้ำจืด และปลาทะเลชนิดต่าง ๆ หอย กุ้ง

ปลงิ ทะเล ปะการงั สมอง ปะการงั เขากวาง ปะการังจาน และดอกไมท้ ะเล เป็นต้น

1.3.6 อทุ ยานแหง่ ชาติเขาโพธ์ิ เขาปู่-เขาย่า

อุทยานแห่งชาติเขาปู่ - เขาย่า มีพื้นท่ีครอบคลุม อยู่ใน

ท้องที่อำเภอทุ่งสง อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช อำเภอรัษฏา

อำเภอห้วยยอด อำเภอเมือง อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง และอำเภอศรี

นครินทร์ อำเภอศรีบรรพต อำเภอป่าพะยอม อำเภอกงหรา จังหวัด

พทั ลุง ตั้งอยู่ในบริเวณเทือกเขาบรรทดั สลบั ซบั ซ้อนปกคลุมด้วยป่าดงดิบ

ขึ้นเขยี วสะพรั่งทุกฤดกู าล จนได้รบั สมญานามวา่ “ป่าพรหมจรรย”์

สภาพภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสูงซ่ึงเป็นส่วนหน่ึงของ

เทือกเขาบรรทัด มีภูเขาสูงสลับซับซ้อนมากมายท่ีวางตัวตามแนว

เหนือ - ใต้ ประกอบด้วยภูเขาบรรทัด ภู เขานครศรีธรรมราช

เขาปู่ - เขาย่า เขาป้าแหร้ เขาสามร้อยยอด เขาวัดถ้ำ เขาพระยากรุงจีน ถ้ำวังนายพุฒ เขาปู่ เขายา่
เขาปา่ โฮ้ง มีเขาหินแท่นเปน็ ยอดเขาสูงสดุ มีความสงู ประมาณ 877 เมตร

จากระดับน้ำทะเล พ้ืนที่อุทยานแห่งชาติเขาปู่ - เขาย่า เป็นต้นแม่น้ำตรังและแม่น้ำปากพนัง โดยในฝ่ังจังหวัด

พั ท ลุ ง เ ป็ น แ ห ล่ ง ก ำ เ นิ ด ค ล อ ง

ลาไม คลองไม้เสียบ คลองน้ำใส ซึ่งจะไหลรวมเป็นคลองชะอวดและแม่น้ำปากพนัง ส่วนในฝ่ังจังหวัดตรัง

เป็นต้นกำเนดิ ของคลองลำภรู า คลองละมอ ซึง่ เปน็ ต้นนำ้ แมน่ ำ้ ตรัง

13

i

สภาพสังคมพชื ในอทุ ยานแห่งชาตเิ ขาปู่-เขายา่ สว่ นใหญ่มีสภาพเปน็ สงั คมพชื ป่าดิบชื้น
1) พืชพรรณ
พันธุ์ไม้ที่พบ ได้แก่ ตะเคียนทอง หลุมพอ ยาง กระบาก จำปาป่า พิกุล ไข่เขียว นาคบุตร

พญาไม้ หลาวซะโอน ฯลฯ พืชพ้ืนล่าง ได้แก่ ช้างรอ้ งไห้ หวาย กล้วยไม้ปา่ สมุนไพร และวา่ นชนดิ ตา่ งๆ
2) สัตว์ปา่
เนื่องจากอุทยานแห่งชาติเขาปู่-เขาย่า มีอาณาเขตติดต่อกับเขตรักษาพันธุสัตว์ป่า เทือกเขา

บรรทัด จึงมีสัตว์ป่าอพยพไปมาอยู่เสมอ จากการสำรวจชนิดของสัตว์ป่าในเขตอุทยานแห่งชาติ พบสัตว์
ประเภทตา่ ง ๆ ประกอบดว้ ย

2.1) สตั วเ์ ลี้ยงลูกด้วยนม ประมาณ 60 ชนิด เช่น เลียงผา สมเสร็จ หมีคน เสือปลา เก้ง
กระจงควาย ค่างแว่นถิ่นใต้ ชะมดแปลงลายแถบ หมาไม้ หนูผีจ๋ิว อีเห็นลายพาด พญากระรอกเหลือง พญา
กระรอกดำ คา้ งคาวแม่ไก่ป่าฝน คา้ งคาวปีกถุงเคราดำ ฯลฯ นก พบประมาณ 286 ชนิด เช่น นกยางไฟหวั สเี ทา
น กคัด คู สีท องแดง น กบ้ั งรอกป าก แด ง น ก กะเต็น แดง น กเงือกหั วห งอน น กจอกป่ าหั วโต
นกพญาปากกว้างเล็ก นกขม้ินน้อยลีเชียว นกจาบดินหัวดำ นกกระจิบกระหม่อมแดง นกจับแมลงสีส้ม
นกกินปลีกล้วยปากยาว นกกาฝาก สเี ลือดหมู ฯลฯ

2.2) สัตว์เล้ือยคลาน พบประมาณ 67 ชนิด เช่น เต่าจักร ตะพาบน้ำ เห่าช้าง ตุ๊ดตู่
ตะกวด เหี้ย จ้ิงเหลนน้อยหางยาว กิ้งก่าบินหัวสีฟ้า ตุ๊กแกป่าใต้ งูดินมลายู งูเห่าทองพ่นพิษ งูคงคาทอง
งใู บ้ ฯลฯ

2.3) สัตว์ครง่ึ บกครึ่งน้ำ สำรวจพบ กบหงอนมลายู กบชะงอ่ นหินเมืองใต้ กบเขาหลังตอง
กบตะนาวศรี กบว้าก อึ่งกรายลายจุด อึ่งกรายหัวแหลม อ่ึงกรายมลายู คางคกแคระ กบหนอง
เขียดบัว เป็นตน้

2.4) ปลา ในบรเิ วณแหล่งน้ำพบ ประมาณ 15 ชนิด ได้แก่ ปลาตูหนา ปลามัด ปลาหวด
ปลาหลด ปลาซิวควาย ปลาซวิ ใบไผ่ ปลาอีกอง และ,ปลาซะโอนถำ้ เปน็ ตน้

2.5) แมลง ประมาณ 70 ชนิด เช่น ผ้ึงหลวง ด้วงดีดหนวดไผ่, ด้วงกวา่ งหา้ เขา จกั จั่นงวง
มวนแดง ผีเสื้อพ่อมด ผีเส้ือหางต่ิงอิศวร ผีเสื้อดาราไพรปักษ์ใต้ ผีเส้ือเจ้าป่า ผีเสื้อกระทกรกสีคล้ำ ผีเสื้อ
ถุงทองปกั ษ์ใต้ เปน็ ตน้

1.3.7 ปา่ พรุ ควนเคร็ง

ป่าพรุควนเคร็ง มีพื้นท่ีในเขตอำเภอเชียรใหญ่ อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอร่อนพิบูลย์ อำเภอ
ชะอวดและอำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช เขตรอยต่อระหว่างลุ่มน้ำปากพนังและลุ่มน้ำทะเลสาบ
ส งข ล า ค รอ บ ค ลุ ม พ้ื น ท่ี ก ว่ า 1 แ ส น ไร่ แ ต่ ถ้ ารว ม พื้ น ที่ ร ะ ดั บ ภู มิ ทั ศ น์ แ ล้ ว พ รุค ว น เค ร็ ง
มพี ้ืนที่กว่า 4 แสนไร่ ซ่ึงเป็นอันดับสองรองจากพรุโต๊ะแดง จังหวัดนราธิวาส สภาพท่ัวไปเป็นพ้ืนท่ีซึ่งฟื้นสภาพ
จ า ก พ้ื น ที่ พ รุ ท่ี ถู ก คุ ก ค า ม ด้ ว ย ไ ฟ ป่ า

14

และการบุกรุก พรรณไม้ด้ังเดิม ถูกทดแทนด้วยไม้เสม็ดขาว และไม้พื้นล่างกระจูด กก ปรือ เป็นแหล่ง
กักเก็บคาร์บอนท่ีสำคญั ในช้นั พรุ ท่อี นิ ทรียวัตถุยงั ไม่สลายตัวอยา่ งสมบรู ณ์

1) พชื พรรณ
พรรณไม้ไนพื้นที่ป่าพรุ เช่น เสม็ด เสม็ดขาว หยีน้ำ กระทุ่ม คุระ อินทนิลน้ำ ตีนเป็ดน้ำ
ทองหลางน้ำ หว้า เป็นต้น พืชพ้ืนล่างเชน่ กก กระจูด กระจูดหนู เตยทะเล ปรงทะเล สำเพ็ง หญ้ายุง บัว ปรง
และไม้เลื้อย เชน่ ยา่ นลิเภา
2) การใชป้ ระโยชน์

2.1) ปบรเิ วณพื้นทพ่ี รเุ ปน็ แหลง่ ทำประมงท่ีสำคญั เพื่อการยงั ชีพและการคา้ ของชุมชน
2.2) ปา่ ไม้ ประชาชนในพ้ืนท่ใี ชไ้ มเ้ สมด็ แต่เป็นการลกั ลอบใช้ประโยชน์เนอื่ งจากเป็น
เขตห้ามลา่ สตั วป์ า่
2.3) เป็นแหล่งกระจูดซึ่งเป็นวตั ถุดิบสำหรบั ทำหัตถกรรมเสอ่ื ของชมุ ชนทะเลน้อย
2.4) การใช้เสน้ ทางนำ้ ระหว่างชมุ ชนท่ีอยู่ตอนเหนือทะเลสาบกับชมุ ชน
2.5) พ้ืนท่ีพรเุ ป็นแหล่งอาหารท่ีสำคัญของครัวเรือนในพ้ืนท่ีเนอื่ งจากเป็นแหล่งพืชผกั และ
สมุนไพร
2.6) น้ำ มีการพัฒนาแหลง่ น้ำประเภทคคู ลองเพื่อการเกษตรในพน้ื ที่
2.7) ทุ่งหญ้าเล้ยี งสัตว์ พ้ืนท่ีพรคุ วนเคร็งท่เี ป็นทงุ่ หญา้ มีพื้นที่บริเวณกว้างเนื่องจากยงั ไมม่ ี
การฟืน้ ตวั ของปา่ ไม้ ถกู ชมุ ชนใชเ้ ปน็ ทุง่ หญ้าเลี้ยงสัตว์

1.3.8 เกาะกระ

หมู่เกาะกระเป็นหมูเ่ กาะเดียว
ของจังหวัดนครศรีธรรมราช อยู่ห่างจาก
แผ่นดิน ประมาณ 350 กิโลเมตร เมื่อวัด
ในแนวตรงจากบริเวณ อำเภอปากพนัง
มีเน้ือที่ทั้งหมด 2,337.5 ไร่ ประกอบด้วย
เกาะขนาดเล็ก 3 เกาะ ได้แก่ เกาะกระใหญ่
เกาะกลาง (เกาะหลาม) เกาะเล็ก (เกาะบก) และกองหินขนาดเล็กอกี 1 กอง เรียกว่า หินเรือ ซึง่ มีสว่ นยอดโผล่
น้ำไมม่ ากนัก

1) สถานภาพทางกายภาพ
พ้ืนท่ีเกาะกระเป็นพ้ืนที่ท่ีมีความสำคัญอย่างย่ิง เน่ืองจากมีความหลากหลายทางชีวภาพสูง
เหมาะสมสำหรับการพัฒนาและควรค่าแก่การอนุรักษ์ หมู่เกาะมีแนวปะการังที่สวยงาม มีความสมบูรณ์

15

มีแนวปะการังทั้งสิ้น 412 ไร่ มีการสำรวจพบปะการังแข็ง 67 ชนิดโดยเฉพาะปะการังแปรงล้างขวดและ
ปะการังเขากวาง ซึ่งเป็นปะการังที่พบเฉพาะชายฝั่งทะเลอันดามันเท่าน้ัน และไม่เคยพบฝ่ังอ่าวไทย เนื่องจาก
ต้องการพ้ืนท่ีที่มีน้ำใส และแสงสว่างมาก เกาะกระเป็นแหล่งวางไข่ของเต่าตนุและเต่ากระ ท่ีพบการขึ้นวางไข่
ของเต่าทะเลไม่น้อยกว่าปีละ 30 รัง ยังเป็นพ้ืนท่ีอยู่อาศัยของชนิดพันธุ์ท่ีอยู่ในสภาพใกล้สูญพันธ์ุอย่างยิ่ง เช่น
เต่ากระ และนกโจรสลดั คริสตม์ าส เต่าตนุ นกยางจนี

2) สถานภาพทางชีวภาพ
จากการสำรวจของศนู ยว์ ิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่างสามารถ รวบรวม
สาหร่ายได้ 8 ชนิด แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม คือ สาหร่ายแกมน้ำเงิน สาหร่ายสีเขียว สาหร่ายสีน้ำตาล และ
สาหร่ายสีแดง การสำรวจพบว่า สาหร่ายสีน้ำตาล พบจำนวนชนิดมากที่สุดถึง 3 ชนิด ได้แก่ Padina sp.,
Lobophoravariegate, Dictyota adnata รองลงมา คือ กลุ่มสาหร่ายสีเขียวและสาหร่ายสีแดง โดยพบอยู่
ตามช่องว่างระหว่างปะการังเขากวางกิ่ง บนซากปะการังตาย และบนพ้ืนหิน กระจายอยู่ท่ัวไปบริเวณ
แนวปะการงั

1.4 สถานการณด์ า้ นทรัพยากรป่าไมใ้ นจังหวัดนครศรีธรรมราช

1.4.1 ปัญหาราษฎรบุกรุกพ้ืนท่ีป่าอนุรกั ษ์ บุกรุกแผ้วถางพื้นที่ป่า เพือ่ ทำการเกษตรกรรม และ
ท่ีอยู่อาศัย และมีนายทุนบางกลุ่มเข้ามาซ้ือขายท่ีดินไม่มีเอกสารสิทธิ (ที่ป่า) จากราษฎรเพื่อสร้าง
รสี อรท์ โรงแรมหรือส่ิงก่อสรา้ งอ่ืนใด อันเป็นการละเมิดตอ่ กฎหมายอยา่ งร้ายแรง

1.4.2 ปัญหาการลักลอบล่าสัตว์ป่า ทั้งเพ่ือนำเน้ือสัตว์ป่าไปรับประทาน นำซากสัตว์ป่า
ไปประดับ เก็บรักษาและล่าเพื่อนำลูกสัตว์ป่ามาขายต่อ เป็นต้น ทำให้สัตว์ป่าหลายชนิด มีความเส่ียงท่ีจะสูญ
พนั ธุ์มากข้นึ

เรือ่ งท่ี 2 ทรัพยากรน้ำ
2.1 ลมุ่ นำ้ ในพนื้ ทจ่ี ังหวดั นครศรธี รรมราช

2.1.1 ลุ่มน้ำภาคใต้ฝ่ังตะวันออก มี 3 ลุ่มน้ำสาขา ประกอบด้วย ลุ่มน้ำสาขาภาคใต้
ฝ่ังตะวันออก ส่วนท่ี 2 ลุ่มน้ำสาขาภาคใตฝ้ ่งั ตะวันออก ส่วนที่ 3 และลุ่มน้ำสาขาคลองกลาย

2.1.2 ลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวนั ตก มี 1 ลมุ่ นำ้ สาขา คอื ลมุ่ นำ้ สาขาแม่น้ำตรงั
2.1.3 ลุ่มน้ำตาปี มี 4 ลุ่มน้ำสาขา ประกอบด้วย ลุ่มน้ำสาขาคลองจันดี ลุ่มน้ำสาขาแม่น้ำ
ตาปี ตอนบน ลมุ่ น้ำสาขาคลองสินปูนและลมุ่ น้ำสาขาแม่นำ้ ตาปตี อนล่าง
2.1.4 ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา มี 2 ลุ่มน้ำสาขา ประกอบด้วย ลุ่มน้ำสาขาคลองป่าพะยอม และ
ลุ่มน้ำสาขาฝ่ังตะวนั ออก 1 (ระโนด)

2.2 แหล่งน้ำผวิ ดนิ ธรรมชาติ
2.2.1 แหลง่ นำ้ ธรรมชาตลิ มุ่ นำ้ ชายฝ่งั ทะเลภาคใต้ฝัง่ ตะวันออก

16

แหล่งน้ำธรรมชาติลมุ่ นำ้ ชายฝงั่ ทะเลภาคใตฝ้ ่ังตะวนั ออก ประกอบดว้ ยแม่น้ำสายหลกั 11 สาย
ดงั น้ี

1) แม่น้ำปากพนัง
ต้ น น้ ำเกิ ด จ าก เทื อ ก เข า
บรรทัดในเขตตำบลวังอ่างอำเภอชะอวดไหล
ผ่านอำเภอชะอวด อำเภอเชียรใหญ่ และมี
สาขาจากอำเภอหัวไทรไหลมารวมกันที่บ้าน
ปากแพรก กลายเป็นแม่น้ำปากพนัง ไหลลงสู่
อ่าวนครศรีธรรมราช นับเปน็ แม่น้ำทสี่ ำคัญทาง
เศรษฐกิจของจังหวัดมาก โดยเฉพาะทางการ
เกษตรกรรม บริเวณลุ่มน้ำปากพนัง มีโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเน่ืองมาจากพระราชดำริ
ดำเนินการโดยกรมชลประทาน และแม่น้ำปากพนังเป็นที่ตั้งของท่าเทียบเรือประมงจังหวัดนครศรีธรรมราช
และตลาดกลางก้งุ กลุ าดำนครศรธี รรมราช
2) แมน่ ้ำหลวง
เป็นสาขาหนึ่งของแมน่ ้ำตาปี ต้นน้ำเกดิ จากบริเวณทศิ ตะวันตกของเทอื กเขา นครศรธี รรมราช
และเทือกเขาภูเก็ต ส่วนที่เกิดจากเทือกเขานครศรีธรรมราช มีต้นน้ำอยู่ในเขตอำเภอพิปูน และอำเภอฉวาง
ไหลผ่านอำเภอฉวางและอำเภอทุ่งใหญ่ เข้าเขตจังหวัดสุราษฎร์ธานี ในเขตอำเภอพระแสง อำเภอนาสาร ไป
รวมกับ แม่น้ำ คีรีรัฐนิคม (แม่น้ำพุมดวง) ที่อำเภอพุนพิน เรียกว่า “แม่น้ำตาปี” แล้วไหลลงสู่อ่าวบ้านดอน
จงั หวัดสรุ าษฎร์ธานี แมน่ ำ้ สายนี้เป็นแมน่ ้ำสายยาวทสี่ ุดของภาคใต้

3) คลองปากพนู
ต้นน้ำเกิดจากเทือกเขานครศรีธรรมราช บริเวณเขาหลวงทางด้านตะวันออกของ เทือกเขา
ต้นน้ำอยู่ที่น้ำตกพรหมโลก ในเขตอำเภอพรหมคีรี ไหลไปทางทิศตะวันออกผ่านตำบลบ้านเกาะ อำเภอพรหม
คีรีและบ้านท่าแพ ตำบลปากพูน อำเภอเมืองแล้วไหลลงสู่อ่าวนครศรีธรรมราช ต้นน้ ำเรียกว่า
คลองนอกท่า ใกลป้ ากน้ำเรยี กวา่ คลองปากพนู เปน็ คลองที่มคี วามสำคญั ทางเศรษฐกิจมาแตส่ มัยโบราณ
4) คลองปากพญา – คลองปากนคร
ต้นน้ำเกิดจากแหล่งน้ำหลายสาขาในเขตเทือกเขานครศรีธรรมราช โดยเฉพาะที่เขาคีรีวง
เขตตำบลกำโลน อำเภอลานสกา ไหลผ่านอำเภอเมือง ต้นน้ำเรียกวา่ คลองท่าดี เมอ่ื ไหลมาถงึ สนั ทราย ซ่ึงเป็น
ท่ีตั้งตัวเมือง คลองแบ่งแยกเป็นหลายสาขา สายหนึ่งไหลผ่านตัวเมืองออกทะเลที่ปากพญา เรียกว่า คลองปาก
พญา ซึ่งเป็นคลองท่ีมีความสำคัญในแง่ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจของจังหวัด มีหลักฐานว่าแต่เดิมมีขนาดกว้าง
และลึก เรอื กำปั่นขนาดใหญเ่ ขา้ มาติดตอ่ คา้ ขายไดถ้ ึงตวั เมอื งนครศรีธรรมราช
5) คลองเสาธง

17

ต้นน้ำเกิดจากเทือกเขานครศรีธรรมราช ในเขตอำเภอลานสกา คลองนี้มีช่ือเรียกกันหลายชื่อ
ตามท้องท่ีที่คลองไหลผ่าน คือ เม่ือไหลจากน้ำตกกะโรม เรยี กว่า คลองเขาแก้ว เม่ือไหลเขา้ สู่อำเภอรอ่ นพิบูลย์
เรียกว่า คลองเสาธง เมื่อไหลผ่านบา้ นโคกคราม อำเภอร่อนพิบูลย์ เรียกวา่ คลองโคกคราม เม่อื ไหลเข้าสู่ตำบล
ชะเมา เรียกว่า คลองชะเมา เม่ือถึงหนองน้ำมนต์ มีคลองแยกไปลงคลองปากนคร แต่ส่วนใหญ่ออกทะเลที่
ปากคลอง บางจากตอนปลายคลองนี้จึงเรียกว่า คลองบางจาก คลองน้ีเป็นคลองท่ีแบ่งเขตอำเภอเมือง
นครศรธี รรมราชกับอำเภอปากพนงั

6) คลองกลาย
ต้นน้ำเกิดจากเทือกเขานครศรีธรรมราชในเขต
พ้ืนท่ีอำเภอนบพิตำ ไหลไปออกทะเล ท่ีอำเภอท่าศาลา
คลองกลาย เป็นท่ีรจู้ ักของชาวนครศรธี รรมราช เพราะมีสะพานที่
ยาวทีส่ ุดในจังหวัด
7) คลองท่าทน
ต้ น น้ ำ เกิ ด จ า ก เทื อ ก เข า น ค ร ศ รี ธ ร ร ม ร า ช
ตอนบน ไหลลงสู่อ่าวไทย ทอี่ ำเภอสชิ ล
8) คลองนำ้ ตกโยง
ต้นน้ำเกิดจากเทือกเขานครศรีธรรมราชด้าน
ตะวันตก บริเวณน้ำตกโยง ตำบลถ้ำใหญ่ อำเภอทุ่งสง แล้วไหล
ผา่ นตำบลปากแพรก ตำบลชะมาย ตำบลท่ีวัง และตำบลกะปาง
เข้าสู่อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง กลายเป็นสาขาหนึ่งของแม่น้ำ
ตรัง
9) คลองมีน
ต้นน้ำเกิดจากภูเขาสามจอมในเขตอำเภอทุ่งใหญ่ไหลลงมาทางตะวันออกเฉียงเหนือ
ผ่านอำเภอทุ่งสง อำเภอช้างกลาง อำเภอฉวางไหลไปเป็นสาขาหนึ่งของแม่น้ำหลวง หรือแม่น้ำตาปี และออก
อ่าวบา้ นดอน จังหวัดสรุ าษฎรธ์ านี
10) คลองทา่ เลา
ต้นนำ้ เกดิ จากภูเขาวงั หีบ อำเภอทุ่งสง จังหวดั นครศรธี รรมราช ไหลลงทางใตผ้ ่านตลาด ทงุ่ สง
แลว้ ไหลเขา้ อำเภอหว้ ยยอด อำเภอเมืองตรัง และออกทะเลอนั ดามันทอี่ ำเภอกนั ตัง จังหวดั ตรงั
11) คลองท่าโลน
ต้นน้ำเกิดจากภูเขาปลายเบิกใกล้ ๆ กับภูเขาวังหีบในอำเภอทุ่งสง ไหลลงทางใต้ผ่าน
บ้านท่าเลา บ้านเป็นคุ้ง ท่ีว่าการอำเภอทุ่งสงด้านตะวันออก บ้านในหวัง บ้านด่านปาบ บ้านห้วยขัน
แล้วรวมเข้าเป็นลำน้ำเดียวกันกับคลองท่าเลา ไหลผ่านภูเขากลายบ้านเขาโร เข้าอำเภอห้วยยอด อำเภอเมือง
ตรัง และออกทะเลอันดามนั ในเขตอำเภอกนั ตังที่ปนั หยี จงั หวัดตรัง

2.2.2 แหลง่ น้ำธรรมชาติลมุ่ 18
น้ำชายฝง่ั ทะเลภาคใต้ฝั่งตะวนั ตก
แม่นอำ้ ่าตงรเังก็บนำ้ หว้ ยน้ำใส
แหล่งน้ำธรรมชาติลุ่มน้ำ ชายฝั่ง
ทะเลภาคใต้ฝ่ังตะวันตก ประกอบด้วยแม่น้ำ
สายหลัก 1 สาย คือ แม่น้ำตรัง บริเวณต้นน้ำ
อยู่ในเขต อำเภ อทุ่งสง เป็นท่ี ลาดชันสูง
สภาพป่าไม้มีความอุดม สมบูรณ์ แม่น้ำตรัง
ไหลจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ของอำเภอ
ท่งุ สงไปทางทศิ ตะวันออกเฉียงใต้

2.2.3 แหลง่ นำ้ ธรรมชาตลิ ่มุ น้ำตาปี

แหล่งนำ้ ธรรมชาตลิ มุ่ นำ้ ตาปี ประกอบด้วย
แม่น้ำสายหลกั 2 สาย คือ

1) คลองจันดี ต้นน้ำอยู่บริเวณเทือกเขา
ห ล ว ง อ ำ เภ อ ฉ ว า ง จั ง ห วั ด น ค ร ศ รี ธ ร ร ม ร า ช
ไหลผา่ นบา้ นจนั ดี ลงสูแ่ มน่ ้ำตาปี

2) คลองสินปุน เกิดจากเทือกเขาในเขตอำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ไหลเข้าสู่อำเภอทุ่ง
ใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช

2.2.4 แหลง่ นำ้ ธรรมชาตลิ มุ่ น้ำทะเลสาบสงขลา

แหล่งน้ำธรรมชาติลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ประกอบด้วยแม่น้ำสายหลัก 1 สาย คือ คลองป่า
พะยอม ต้นน้ำเกิดจากเทือกเขาหินกลิ้งและควนหินแก้ว อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง ไหลลงสู่พรุควนเคร็ง
อำเภอชะอวด จังหวดั นครศรีธรรมราช

2.3 แหลง่ น้ำผิวดินทสี่ รา้ งข้ึน
2.3.1 อ่างเกบ็ น้ำห้วยนำ้ ใส

19

ตั้งอยู่ท่ี หมู่ท่ี 5 ตำบลวังอ่าง อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช มีความจุ 80 ล้านลูกบาศก์
เมตร เป็นโครงการก่อสร้างแหล่งน้ำ เพื่อป้องกันและบรรเทาปัญหาอุทกภัยในพื้นท่ีลุ่มน้ำปากพนัง ในเขต
อำเภอชะอวด เพ่ือป้องกันหรือบรรเทาปัญหาน้ำเค็ม เน่ืองจากน้ำทะเลหนุนในลุ่มน้ำปากพนัง และเพื่อเป็น
แหล่งน้ำอุปโภค บรโิ ภค ในบรเิ วณใกลเ้ คยี ง

2.3.2 อา่ งเกบ็ น้ำคลองกระทูน

ต้ังอยู่ท่ีหมู่ที่ 2 ตำบลกะทูน อำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช มีความจุ 70.50 ล้านลูกบาศก์
เมตร เป็นโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อประโยชน์การบรรเทาอุทกภัยพื้นที่สองฝั่งคลองกะทูนและแม่น้ำตาปี
ทางตอนล่าง นอกจากนั้นพ้ืนท่ี น้ำในอ่างเหนือเข่อื นยังใช้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลา น้ำจืดและบริเวณอ่างเก็บน้ำ
มคี วามวยงาม ใชเ้ ป็นสถานท่ีทอ่ งเท่ยี วพักผอ่ นหยอ่ นใจ

2.3.3 อ่างเกบ็ น้ำคลองดนิ แดง

ตั้งอยู่ท่ีหมู่ท่ี 12 ตำบลเขาพระอำเภอ

พิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช มีความจุ 60 ล้านลูกบาศก์

เมตร สร้างขึ้นเพื่อบรรเทาอุทกภัย ในเขตพื้นท่ีของลุ่ม

แม่น้ ำตาปี ตอน ล่าง และเพ่ื อการเกษ ตรใน พ้ื น ที่

ชลประทาน 9,900 ไร่ นอกจากน้ัน พ้ืนท่ีน้ำในอ่างเหนือ ออ่าา่งงเกเกบ็ บ็ นน้ำ้ำคคลลอองงดกินรแะดทงนู
เขื่อนยังใช้เป็นแหล่งพันธุปลา น้ำจืด และใช้เป็นสถานท่ี

ท่องเทยี่ วของจงั หวัด

2.3.4 อ่างเกบ็ น้ำเสมด็ จวน

ต้ังอยู่หมู่ท่ี 3 และหมู่ท่ี 4 ตำบลกุแหระ อำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช มีความจุ

60 ลา้ นลูกบาศก์เมตร

2.3.5 โครงการขดุ คลองระบายน้ำชะอวด-แพรกเมือง

โครงการขุดคลองระบายน้ำชะอวด - แพรกเมือง พร้อมประตูระบายน้ำ และคันกั้นทราย
(โครงการพัฒนาพ้ืนท่ีลุ่มน้ำปากพนัง โดยกรมชลประทานดำเนินการขุดคลองชะอวด - แพรกเมือง
ก้นคลอง กวา้ ง 150 เมตร ลึก 5 เมตร ยาว 27 เมตร พรอ้ มประตูระบายนำ้ และคนั กั้นทราย สามารถระบายน้ำ
ได้ 540 ลบ.ม.ตอ่ วนิ าที)

2.4 พรุ อ้ นธรรมชาติ
2.4.1 นำ้ พุรอ้ นอุทยานบอ่ น้ำร้อน

20

อุทยานบ่อน้ำร้อน อยู่ในเขตพื้นที่ของวัดอุทยานบ่อน้ำร้อน หมู่ที่ 13 ตำบลวังหิน อำเภอ
บางขัน จังหวัดนครศรีธรรมราช มีลกั ษณะเป็นบ่อน้ำร้อนรวม 9 บ่อ เส้นผ่าศูนย์กลางของแต่ละบ่อประมาณ 3
- 4 เมตร มีบอ่ เล็ก ๆ อกี หลายบอ่ มีอุณหภูมทิ ี่ผิวดินประมาณ 55 องศาเซลเซยี ส เปน็ พื้นท่ีราบรมิ คลอง พบน้ำ
ผดุ อย่ใู นหว้ ยหลายแหง่ คณุ ภาพน้ำดี ใส ไมม่ กี ลิน่ กำมะถัน

2.4.2 น้ำพุรอ้ นกรุงชงิ

น้ำพุร้อนกรุงชิง ต้ังอยู่ตำบลกรุงชิง อำเภอนบพิตำ จังหวัดนครศรีธรรมราช มีลักษณะ
เป็นบ่อน้ำอุ่น จำนวน 1 บ่อ ปากบ่อกว้าง 2.5 X 2.5 เมตร มีการก่อปูนรอบบริเวณปากบ่อ และมีการสร้าง
ศาลา สำหรบั ดงึ น้ำจากนำ้ พรุ อ้ นไปใช้ประโยชนใ์ นการแชอ่ าบ จำนวน 2 ศาลา

2.4.3 น้ำพุร้อนห้วยปริก

น้ำพุร้อนห้วยปริก ต้ังอยู่ตำบลห้วยปริก อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช มีลักษณะเป็นบ่อ
น้ำอุ่น 1 บ่อ ปากบ่อกว้างประมาณ 10 X 20 เมตร มีการก่อปูนรอบปากบ่อ และมีการก่อบ่อปูน ขนาด 1.5 X
0.8 เมตร จำนวน 15 บอ่ รอบ ๆ บริเวณปากบ่อ เพื่อไว้สำหรับดงึ น้ำพุร้อนมาใช้อาบแชน่ ำ้ พุรอ้ น

2.4.4 น้ำพรุ อ้ นบ้านหนู บ (วังฆ้อง)

ตั้งอยู่ตำบลพิปูน อำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นบ่อน้ำอุ่น จำนวน 1 บ่อ ปากบ่อ มี
ขนาดกว้างประมาณ 15 X 15 เมตร มีการก่อปูนรอบบริเวณปากบ่อ ฒ๊บันไดไว้สำหรับลงไปอาบ/แช่
นำ้ พุรอ้ น

2.4.5 น้ำพุรอ้ นหนองบัว

น้ำพุร้อนหนองบัว ตั้งอยู่บ้านหนองบัว ตำบลเขาพระ อำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช มี
ลักษณะเป็นบ่อน้ำอุ่น จำนวน 2 บ่อ ปากบ่อกว้างประมาณ 3 x 3 เมตร มีการก่อปูน รอบบริเวณปากบ่อสูง
ประมาณ 90 เซนติเมตร

2.5 ปญั หาด้านทรพั ยากรนำ้ ในจังหวดั นครศรธี รรมราช

สภาพปัญหาดา้ นทรัพยากรน้ำของจงั หวดั นครศรธี รรมราช ประกอบด้วย ปัญหาขาดแคลนนำ้ ปัญหา
พ้นื ทเ่ี ส่ียงภัยน้ำทว่ ม และปัญหาด้านการจัดการป่าต้นน้ำ โดยภาพรวมของปัญหาสามารถสรปุ ได้ดังน้ี

222.5.1 ปัญหาขาดแคลนน้ำ เน่ืองจากขาดระบบหน่วงน้ำตามธรรมชาติ ช่วงฤดูแล้งระหว่าง
เดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายน มีปริมาณฝนตกน้อย อีกทั้งการพัฒนาแหล่งกักเก็บน้ำยังมีน้อย พ้ืนท่ี
การเกษตรส่วนใหญ่ปลูกยางพารา ปาลม์ นำ้ มัน และการทำนาทีต่ อ้ งการน้ำมาก ทำให้หลายพืน้ ที่ประสบปัญหา
ขาดแคลนน้ำ นอกจากน้ี การเติบโตของแหล่งท่องเท่ยี วขนาดใหญ่และภาคธุรกจิ ตา่ ง ๆ มีความต้องการใช้นำ้ ใน
ฤดูแล้งสูงขึ้น การถมที่ เพ่ือทำที่อยู่อาศัยมากข้ึน เริ่มประสบปัญหา การจัดหาระบบสาธารณูปโภคและ
ทรพั ยากรสำหรบั ผูท้ ีอ่ าศยั อยูใ่ นเมืองเกิดปัญหาขาดแคลนนำ้ อุปโภค

21

22 2.5.2 ปญั หาพื้นทเี่ ส่ยี งภยั น้ำทว่ ม
จั ง ห วั ด น ค ร ศ รี ธ ร ร ม ร า ช พ บ ทั้ ง

ปัญหาน้ำท่วมและน้ำหลากในช่วงฤดูฝน เดือน
ตุลาคม ถึงเดือน ธัน วาคม ท ำให้ พ้ื น ที่ จังห วัด
นครศรีธรรมราช ประสบปัญหาน้ำท่วมทุกปี และ
ปริมาณน้ำที่หลากมาจากพ้ืนที่ตอนบน ที่เป็นพื้นท่ี
ต้นน้ำ เน่ืองจากขาดโครงสร้างชะลอและกักเก็บน้ำ
ค ลอ งธรรม ช าติ เดิ ม ถู กบุ ก รุก ท ำให้ มี ส ภ าพ
ไม่เหมาะสมในการกักเก็บและชะลอน้ำ ประกอบกับ
คลองระบายน้ำต้ืนเขิน มีส่ิงก่อสร้าง กีดขวางทางน้ำ
ไหล จงึ ทำให้น้ำไหลลน้ ตลิ่งเข้าท่วมพนื้ ทีเ่ สียหาย

22 2.5.3 ปญั หาด้านการจัดการตน้ น้ำ
การบุกรุกพื้นที่ป่าเพ่ือทำการเกษตรทำให้มีพื้นที่ป่าลดลง ล่งผลให้ปริมาณน้ำป่าเปลี่ยนแปลง

พบมากในพ้ืนท่ีป่าสงวนแห่งชาติท่ีประกาศเป็นเขตป่าเพื่อการอนุรักษ์ สำหรับเขตอุทยานแห่งชาติและเขต
รักษาพันธุ์สตั วป์ ่า มีการบุกรุกบริเวณเขตตดิ ต่อ พ้ืนที่ทมี่ ีการบุกรุกจำนวนมากมกั พบปัญหาการชะลา้ งพงั ทลาย
ของดิน ซ่ึงมีสาเหตุ มาจากการทำการเกษตรในพื้นท่ีลาดชัน และไม่มีมาตรการอนุรักษ์ดินและน้ำที่เหมาะสม
และเมอ่ื ป่าต้นน้ำถูกทำลาย สมดุลนำ้ จงึ ลดลง

22 2.5.4 ปญั หาน้ำเคม็ บุกรุก
เน่ืองจากปริมาณน้ำจืดท่ีลดลงไม่สามารถช่วยผลักดันน้ำเค็ม รุกเข้าพื้นท่ีได้ โดยน้ำเค็ม

แพร่กระจายเข้าไปในแม่น้ำปากพนัง ในช่วงฤดูแล้ง เน่ืองจากท้องแม่น้ำมีความลาดชันน้อยมาก ทำให้น้ำใน
แมน่ ้ำลำคลองในพ้นื ทมี่ คี วามเค็มถึง 9 เดือนตอ่ ปี (มกราคม-กันยายน) ส่งผลกระทบตอ่ การปลกู พืช โดยท่วั ไป

22 2.5.5 ปญั หานำ้ เปร้ียว
ตอนกลางของพื้นที่ลมุ่ นำ้ ปากพนงั มีสภาพลุ่มตำ่ นำ้ ท่วมขังตลอดปี คือ พรคุ วนเคร็ง และ พรุ

คลองฆ้อง ดินพรุมีสารประกอบไพไรท์ตกตะกอนอยู่ เม่ือระดับน้ำลดลงจนชั้นไพไรท์สัมผัสกับ อากาศ จะ
เกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมี ทำให้ดินมสี ภาพเป็นกรด และนำ้ เปรีย้ ว ส่งผลตอ่ ระบบการผลติ ของเกษตรกร

2.5.6 ปญั หาการถา่ ยเทน้ำเสยี
ซึ่งเป็นน้ำเค็มจากบ่อเล้ียงกุ้งระบายสู่แหล่งน้ำธรรมขาติ ทำให้เกิดผลกระทบต่อคุณภาพน้ำ
บริเวณชายฝ่ัง อีกทั้งน้ำเค็มยังลุกลาม เข้าไปในพ้ืนท่ีนาข้าวและไม่สามารถปลูกพืชชนิดใดได้จนกลายเป็น
ความขัดแยง้ ทร่ี นุ แรงระหวา่ งราษฎรผู้เล้ียงกุ้งกลุ าดำกบั ราษฎรผ้ทู ำนาข้าว
2.5.7 ปัญหาการทิง้ ขยะ
ปล่อยน้ำเสียและสิ่งปฏิกูลลงแหล่งน้ำสาธารณะ ทำให้เกิดปัญหา มลพิษทางน้ำ และ
การระบายน้ำไม่สะดวกในฤดนู ำ้ หลากหรอื ในภาวะอทุ กภัย

22

กจิ กรรมท้ายเรอื่ งที่ 2 ทรัพยากรน้ำ
(ใหผ้ ู้เรยี นไปทำกิจกรรมท้ายเร่อื งที่ 2 ท่สี มดุ บนั ทึกกิจกรรมการเรียนรู้ประกอบชุดวชิ า
นครศรีธรรมราชศึกษา รหสั รายวิชา สค3300168)

เร่อื งที่ 3 ทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ัง

จังหวัดนครศรีธรรมราช มีพื้นที่ชายฝั่งทะเลยาวรวมประมาณ 236.81 กิโลเมตร ต้ังแต่ตำบล
ท้องเนยี น อำเภอขนอม ถงึ ตำบลหน้าสตน อำเภอหวั ไทร มีอำเภอทตี่ ิดชายฝงั่ ทะเล 6 อำเภอ 25 ตำบล มีเกาะ
ทสี่ ำคัญ คือ หมูเ่ กาะกระ

3.1 ทรพั ยากรทางทะเลและชายฝั่งของจงั หวัดนครศรธี รรมราช

ทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ังที่สำคัญของจังหวัดนครศรีธรรมราช ประกอบด้วย ป่าชายเลน
ปะการัง หญ้าทะเล สัตวท์ ะเลหายาก ป่าชายหาด และป่าพรุ โดยมรี ายละเอียด ดังน้ี

3.1.1 ป่าชายเลน

มีพ้นื ทรี่ วม 149,748.8 ไร่ เป็นพื้นท่ปี า่ ชาย
เลนคงสภาพ จำนวน 80,922.46 ไร่ โดยพนื้ ทีป่ ่าชายเลน
ส่วนใหญ่ อยู่ในท้องที่อำเภอปากพนังและอำเภอเมือง
นครศรธี รรมราช สถานการณ์พื้นท่ีป่าชายเลน คงสภาพมี
แนวโน้มเพิ่มขน้ึ สาเหตุหลักท่ีทำให้ ป่าชายเลนลดลงเกิด
จากการใช้พ้นื ที่เพาะเล้ียงสตั ว์นำ้ และทำการเกษตร

ป่าชายเลน

3.1.2 ปะการงั

มีพื้นที่รวม 412 ไร่ ปะการังชนิดเด่น
ท่ีพบ ได้แก่ ปะการังเขากวาง แหล่งที่พบมีเพียง
แห่งเดียวคือ หมู่เกาะกระ เป็นแนวปะการังท่ีมีสภาพดี
มาก สาเหตุที่ส่งผลกระทบต่อปะการัง ส่วนใหญ่เกิดจาก
เรือประมงที่เข้ามาทำการลากอวนและเข้ามาจอดหลบ
คลื่นลมบรเิ วณ หมเู่ กาะกระ

ปะการัง

23

3.1.3 หญ้าทะเล

มีพื้นที่รวม 146.6 ไร่ พบหญ้าทะเล 6 ชนิด บริเวณเกาะท่าไร่และอ่าวเตล็ด สถานการณ์มีความ
สมบูรณ์ปานกลาง สาเหตุที่ทำให้แหล่งหญ้าทะเลเส่ือมโทรมส่วนใหญ่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของ
สภาพแวดล้อมตามธรรมชาติและ ผลจากการดำเนนิ กจิ กรรมตา่ ง ๆ ของมนุษย์

3.1.4 สัตว์ทะเลหายาก

ของจังหวัดนครศรีธรรมราช พบโลมาและ
เต่า จำนวน 6 ชนิด โดยเฉพาะโลมาหลังโหนก พบมาก
บริเวณอำเภอขนอม โดยมีแนวโน้มจำนวนเพิ่มข้ึน
เล็กนอ้ ย เต่าทะเลพบมากทีห่ มู่เกาะกระ

3.1.5 ป่าชายหาด เเตตา่า่ ททะะเเลล

จำนวน 694.30 ไร่ พบในพื้นท่เี ขตอำเภอปากพนัง

3.1.6 ป่าพรุ

"ป่าพรุ" เป็นป่าดิบชื้น มีน้ำท่วมขัง เป็นแหล่งสร้างความอดุ ม สมบูรณ์ให้กับธรรมชาติ และความ

หลากหลายทางชีวภาพให้กับระบบนิเวศ เนื่องจากในดินมีการสะสมของซากพืช ซากสัตว์ เศษซากของต้นไม้

ใบไมท้ ีท่ บั ถม และย่อยสลายอย่างช้าๆ กลายเป็น "ดินพีท" หรอื ดนิ อนิ ทรยี ์ทีม่ ีลักษณะหย่นุ ยวบเหมอื นฟองนำ้ ท่ี

มี ค ว าม ห น าแ น่ น น้ อ ย อุ้ ม น้ ำได้ ม าก ลั ก ษ ณ ะ ดั งก ล่ าว ถื อ เป็ น ป ระโย ช น์ ที่ ส าม ารถ ป้ อ งกั น

การเกิดไฟไหม้ป่าไดม้ าก ในอดีตป่าพรุควนเคร็ง จงั หวดั นครศรธี รรมราช ต้งั อยูใ่ นอำเภอเชียรใหญ่ อำเภอเฉลิม

พระเกียรติ อำเภอร่อนพิบูลย์ อำเภอชะอวด อำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช และ อำเภอ

ควนขนุน จงั หวัดพัทลงุ มเี น้ือที่ 86,942 ไร่ ซึ่งถือเป็นปา่ พรุที่มีพืน้ ทขี่ นาดใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ รอง

จากป่าพรโุ ตะ๊ แดง จงั หวัดนราธิวาส

3.2 สถานการณด์ า้ นทรัพยากรทางทะเลในจงั หวดั นครศรีธรรมราช

3.2.1 ปะการงั

แนวปะการังของจังหวดั นครศรธี รรมราชมีเพยี ง 1 แห่ง คือ หมู่เกาะกระ มพี ้ืนท่แี นวปะการงั 412

ไร่ เป็นแนวปะการังห่างฝั่งท่ีมีสภาพดีมาก มีบางส่วนท่ีได้รับผลกระทบจากเรือประมงท่ีเข้ามา

ทำประมงอวนลาก หรือเรือท่ีเข้ามาจอดหลบลมบริเวณชายฝ่ังของเกาะ และพบว่าแนวปะการังส่วนที่เสียหาย

สามารถฟ้ืนตัวได้เองตามธรรมชาติเป็นอย่างดี เพราะมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของ

ปะการัง อีกท้ัง กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ังได้ผลักดันให้หมู่เกาะกระเป็นพื้นท่ีคุ้มครองตาม

พระราชบญั ญัตสิ ่งเสริมการบริหารจดั การทรัพยากร ทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. 2558 ตามมาตรา 20, 21 และ

22 เพอื่ ให้มกี ารดูแลรกั ษาสภาพแวดล้อมใหเ้ ปน็ ไป ตามธรรมชาตติ ่อไป

24

1) สภาพและสถานการณ์แนวปะการัง
หมู่เกาะกระเป็นเพียงหมู่เกาะที่มีแนวปะการังแห่งเดียวในจังหวัด อยู่ห่างจากแผ่นดิน
ประมาณ 35 ไมลท์ ะเล แนวตรงจากบรเิ วณปากพนัง ประกอบด้วยเกาะขนาดเล็ก 3 เกาะ ได้แก่ เกาะกระใหญ่
เกาะกระกลาง เกาะกระเล็ก และกองหินขนาดเล็ก 1 กอง เรียกหิ นสูงหรือหินเรือ มีส่วนยอดพ้นน้ำ
ไม่มากนัก ลักษณะการวางตัวของหมู่เกาะ จะกระจายเป็นรูปสามเหล่ียม โดยเกาะกระใหญ่จะอยู่ทาง
ด้านทิศเหนอื ส่วนเกาะกระกลาง และเกาะกระเลก็ จะเยื้องไปทางดา้ นทิศตะวนั ออกเฉียงใต้
หมู่เกาะกระมีแนวปะการังท่ีสวยงามและยังสมบูรณ์ มีแนวปะการัง 412 ไร่ ปะการัง
ชนิดเด่นที่พบในพื้นที่แนวปะการังจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้แก่ ปะการังเขากวาง เป็นปะการังชนิดเด่น
ท่ีขึ้นอยู่อย่างหนาแน่นจนมีลักษณะเป็นดง ทั้งปะการังเขากวางแบบก่ิงและปะการังเขากวางแบบโต๊ะ
นานาชนิด นอกจากน้ีบางชนิดยังไม่เคยรายงานพบท่ีอ่ืนใดในฝังอ่าวไทย คือ Acropora cf. copiosa,
A. nana และ A. longicyathus โดยเฉพาะอย่างย่งิ ปะการังเขากวางแปรงล้างขวดท่ีมพี ื้นที่ครอบคลุมทางด้าน
ทศิ ใต้ของเกาะกระ

สภาพแนวปะการงั บริเวณหมู่เกาะกระ จงั หวดั นครศรธี รรมราช
A เกาะกระใหญ่ทิศตะวนั ออก B เกาะกระใหญ่ทศิ ใต้
C ระหวา่ งเกาะกระกลางและเกาะกระเล็ก D เกาะกระเลก็ ทศิ ใต้

2) สาเหตุและปญั หาทส่ี ่งผลให้แนวปะการังเส่อื มโทรม
2.1) เรือประมง ทเี่ ขา้ มาลากอวนและมาจอดหลบคลน่ื ลมทอดสมอเรือ
2.2) การเกดิ รว่ั ไหลของน้ำลงทะเล และการซะล้างน้ำมนั จากเรอื ประมงเรอื ท่องเที่ยว
2.3) การท้ิงขยะลงทะเล ขยะท่ีเป็นปัญหาใหญ่ต่อแนวปะการังคือ เศษอวน อวนท่ี

ปกคลุมปะการงั จะทำใหป้ ะการงั ตาย เพราะปะการงั ไม่สามารถรับแสงแดดได้
2.4) การใช้ประโยชน์ ด้านการท่องเที่ยวทางทะเลที่ไม่มีความรับผิดขอบ ผลเสียหาย

ท่ีเกิดจากนักท่องเที่ยวประเภทดำท่ีผิว ยืนเหยียบปะการังจนแตกหักเสียหาย ส่วนการทิ้ งสมอเรือลงใน
แนวปะการังนัน้ ปัจจุบันพบนอ้ ยลงแต่กย็ งั เป็นสิ่งทเ่ี กิดข้นึ ในบางพืน้ ที่ทีม่ ีท่นุ ไม่เพยี งพอ

25

2.5) การทำประมงผดิ กฎหมายบรเิ วณแนวปะการงั เช่น อวนล้อมหนิ

3.2.2 หญ้าทะเล

1) สภาพและสถานการณ์หญา้ ทะเล
หญ้าทะเลเป็นพืชชั้นสูงท่ีเติบโตได้ดีในบริเวณชายฝ่ังน้ำต้ืน แหล่งหญ้าทะเลเป็นระบบนิเวศ
ชายฝ่ังท่ีมีความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตสูง เป็นบริเวณที่มีการสะสมของอินทรีย์สารเป็นแหล่งอาหาร ที่อุดม
สมบูรณ์ของพืชและสัตว์ต่าง ๆ มีการถ่ายทอดพลังงานในรูปของอาหารผ่านจากระบบนิเวศหนึ่ง
ไปสู่อีกระบบหน่ึง และเป็นท่ีอยู่ของตัวอ่อนของส่ิงมีชีวิต นอกจากความสำคัญด้านนิเวศวิทยาแล้ว
แหล่งหญ้าทะเล ยังมีความสำคัญในแง่ของการผูกพันระหว่างวิถีชุมชนในพื้นที่ชายฝ่ัง เช่น ด้านการประมงและ
การทอ่ งเทีย่ วเชงิ นเิ วศ
พ้ืนที่ทางด้านตะวันออกของจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นชายฝั่งทะเลเปิดรับคล่ืนลม
จากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ แหล่งหญ้าทะเลของจังหวัดนครศรีธรรมราช จึงมีขนาดเล็ก
พบแพร่กระจายอยู่ทางด้านเหนือของจังหวัดเท่านั้น ปัจจุบันชายฝั่งทะเลของจังหวัดนครศรีธรรมราช
พบหญ้าทะเลรวม 6 ชนิด คือ หญ้าคาทะเล หญ้ากุยช่ายทะเล หญ้ากุยช่ายเข็ม หญ้าชะเงาใบ หญ้าชะเงาเต่า
และหญา้ ใบมะกรูด ครอบคลุมพนื้ ที่ หญ้าทะเล รวม 146.6 ไร่ ใน 2 พ้นื ท่ี คือเกาะท่าไร่และอา่ วเตล็ด
2) สาเหตุทท่ี ำใหห้ ญ้าทะเลเส่ือมโทรมหรือลดพื้นทล่ี ง

2.1 การเปล่ียนแปลงของสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติ เช่น ฤดูกาล ความเค็ม อุณหภูมิ
ตะกอนดนิ ซ่งึ หญ้าทะเลจะมีการเปล่ียนแปลงในรอบปีที่คอ่ นขา้ งชัดเจนโดยหากเข้าสำรวจในพื้นที่ช่วงปลายฤดู
ร้อน หญ้าทะเลสว่ นท่ีอยูเ่ หนือพื้นทจี่ ะหายไปจากพ้ืนที่ เหลือแตร่ ากและส่วนใต้ดนิ สว่ นของใบจะแตกยอดใหม่
ในชว่ งมรสุมตะวันตก และจะเจริญเตบิ โตเต็มท่ีในชว่ งปลายฤดูมรสมุ ตะวันออก

2.2 ผลจากการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์ เช่น การทิ้งขยะสิ่งปฏิกูลต่างๆ
การทำประมง และการทำนากุ้ง เป็นตน้ ซึง่ กิจกรรมต่าง ๆ เหล่านี้ทำใหร้ ะบบนิเวศบริเวณนนั้ เปลยี่ นไป อาจทำ
ให้ตะไคร่น้ำเข้าไปปกคลุมพื้นท่ี ส่งผลให้หญ้าทะเลไมส่ ามารถสังเคราะห์แสงเจริญเติบโตได้ และส่งผลกระทบ
ต่อการเจริญเติบโตและการแพร่กระจายของหญา้ ทะเลในทะเลสาบสงขลา

2.3 การพัฒนาแนวชายฝั่ง ส่งให้ตะกอนไหลลงสู่ทะเล รวมถึงการพัฒนาพ้ืนที่ในทะเล
ชายฝ่ังเพอ่ื การท่องเทยี่ ว สร้างสะพานหรือทา่ เทียบเรือขนาดใหญ่ ในบรเิ วณทีแ่ หลง่ หญ้าทะเล

2.4 การทำประมงผดิ กฎหมายในพืน้ ท่แี หลง่ หญา้ ทะเล เช่น อวนลาก และอวนรนุ
2.5 การปล่อยน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม บ้านชุมชนชายฝั่ง และนากุ้งทำให้คุณภาพ
น้ำทะเลเส่ือมโทรม
2.6 ปัญหาคล่ืนลมมรสุมที่รุนแรง ทำให้มีการเคลื่อนย้ายของแนวสันทราย และตะกอน
ตามธรรมชาตทิ ับถมแนวหญ้า

26

3.2.3 สัตวท์ ะเลหายาก

1) สภาพและสถานการณ์สตั ว์ทะเลหายาก
จังหวัดนครศรีธรรมราช มีสัตว์ทะเลหายากที่เด่น คือ โลมาหลังโหนก ซึ่งพบมากบริเวณ
อำเภอขนอม อำเภอสิชล และอำเภอท่าศาลา โดยมีแนวโน้มจำนวนเพ่ิมขึ้นเล็กน้อย ส่วนเต่าทะเล ได้แก่
เต่าตนุ จะพบมีการเกยตื้นมากในพืน้ ที่อำเภอหวั ไทร และอำเภอปากพนังทบ่ี ริเวณเกาะกระเปน็ แหล่งผสมพันธุ์
และวางไข่ที่สำคัญในพื้นท่ีอ่าวไทยตอนล่างในแต่ละปีจะพบว่าแม่เต่าข้ึนมาวางไข่ปีละไม่ต่ำกว่า 30 รัง หรือ
ไขจ่ ำนวนไมต่ ำ่ กว่า 3,000 ฟอง

เตา่ ตนุ

2) สาเหตุทีม่ ผี ลกระทบตอ่ สัตวท์ ะเลหายาก
2.1) ภัยจากเครื่องมือประมง เน่ืองจากสัตว์ทะเลหายากกลุ่มท่ีอยู่ตามแนวกับพ้ืนที่

ทำการประมงมาก มเี ครอ่ื งมือประมงหลายชนิดท่ีเป็นอันตรายต่อสัตวท์ ะเลเหล่านี้ จากข้อมูลการตายของสัตว์
ทะเลหายากต่าง ๆ พบว่าเครื่องมือทำการประมงท่ีเป็นสาเหตุการตายท่ีสำคัญ ได้แก่ อวนลอย เบ็ดราว อวน
ลอ้ ม โปะ๊ นำ้ ตน้ื

2.2) สภาพแวดล้อมชายฝั่งเสื่อมโทรมและขยะในทะเล การทิ้งขยะโดยเฉพาะประเภท

การสำรวจแหลง่ หญา้ ทะเลเกาะท่าไร่ จงั หวัดนครศรธี รรมราช

เศษอวน ถุงพลาสติกลงในทะเล เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้สัตว์ทะเลบาดเจ็บหรือตายได้ ตัวอย่างการตายของ
เต่าทะเลและโลมา หลายกรณีพบว่า สัตว์ทะเลหลายชนิดเขา้ ไปติดในเศษอวนตาย หรือเม่ือกินขยะทะเลเข้าไป
ไม่สามารถยอ่ ยได้ เกดิ การอดุ ตันทร่ี ะบบทางเดินอาหาร และเป็นสาเหตุทำใหส้ ตั ว์ตายในท่ีสุด

2.3) การเจ็บป่วยตามธรรมชาติและภัยจากปรากฏการณ์ธรรมชาติ ท้ังเต่าทะเล พะยูน
โลมาและปลาวาฬ เป็นสตั ว์ท่ีหายใจดว้ ยปอด ดังน้ัน การเกิดภยั พบิ ัติในธรรมชาติมรสุม พายุ คล่ืนลมแรง หรือ
การเปล่ียนแปลงชนั้ บรรยากาศ สภาพแวดลอ้ ม และอณุ หภูมขิ องนำ้ จงึ มีผลต่อสุขภาพของสัตว์ทะเล

27

2.4) บุคลากรและองค์ความรู้ด้านสัตว์ทะเลหายากไม่เพียงพอ และความร่วมมือ
การอนรุ ักษไ์ มแ่ พรห่ ลาย

2.5) การลักลอบจับสัตว์ทะเลหายาก ในปัจจุบันแม้ว่ามีการรณรงค์อย่างกว้างขวาง เรื่อง
การอนุรกั ษ์สตั วท์ ะเลหายาก แต่ก็ยังมีรายงานการลักลอบเกบ็ ไขเ่ ตา่ ทะเล

2.6) การบกุ รุกทำลายแหล่งแพร่ขยายพันธขุ องเต่าทะเล ทำให้สภาพความเหมาะสม ของ
แหล่งวางไข่เต่าทะเลเสยี ไป

2.7) การรบกวน และอบุ ตเิ หตจุ ากการทอ่ งเท่ยี ว
3) การดำเนนิ งานเพื่ออนรุ กั ษ์สัตวท์ ะเลหายาก

3.1) จัดกิจกรรมจัดเก็บขยะทะเลตกค้างในระบบนิเวศที่สำคัญแบบมีส่วนร่วมในพื้นท่ี
ชายฝง่ั ทะเล

3.2) ออกปฏิบตั ิงานคุ้มครองทรพั ยากรทางทะเลและชายฝ่ังอยู่อยา่ งตอ่ เน่ืองในพื้นที่
3.3) สำรวจเตรยี มการประกาศเขตคมุ้ ครองทรพั ยากรทางทะเลและชายฝั่ง
3.4) โครงการสำรวจประเมินสถานภาพสัตว์ทะเลหายากและติดตามสัตว์ทะเลหายาก
ท่เี ป็นสตั ว์สงวน และคมุ้ ครองบรเิ วณอ่าวขนอม อำเภอขนอม จังหวัดนครศรธี รรมราช โดยวธิ ี Photo ID
3.5) โครงการตรวจสุขภาพสัตว์ทะเลหายากและใกล้สูญพันธุ์ ในถ่ินที่อยู่อาศัย โดยวิธี
Photo ID ครอบคลุมพื้นทอี่ ำเภอท่าศาลา สชิ ล และขนอม จังหวัดนครศรธี รรมราช
3.6) โครงการชว่ ยชีวติ สัตวท์ ะเลหายากและใกล้สูญพันธุ์ เมื่อมีการแจ้งเหตุ

3.2.4 สถานการณด์ ้านปา่ ชายเลน ป่าชายหาด พรุ

1) สถานการณ์ดา้ นป่าชายเลน
จั ง ห วั ด น ค ร ศ รี ธ ร ร ม ร า ช มี พ้ื น ท่ี ป่ า ช า ย เล น
ทั้งหมด 149,748.78 ไร่ อยู่ในความรบั ผิดชอบ ของกรทรัพยากร
ทางทะเลและชายฝั่ง ทั้งหมด 108,212.26 ไร่ กระจายในพื้นท่ี
เขตอำเภอขนอม อำเภอสิชล อำเภอท่าศาลา อำเภอปากพนัง
และอำเภอเมอื ง

การสำรวจความ หลากหลายของสังคมพืชใน สภาพพนื้ ทปี่ ่าชายเลน จังหวดั นครศรธี รรมราช

ป่ า ช า ย เ ล น ใ น บ ริ เ ว ณ ต ำ บ ล ป า ก นนครศครีธรรรมราชต ำ บ ล

ปากพูน ตำบลท่าไร่ และตำบล ท่าซัก อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ตำบลแหลมตะลุมพุก ตำบลคลองน้อย

ตำบลปากพนังฝ่ังตะวันตก และตำบลปากพนังฝ่ังตะวันออก อำเภอปากพนัง พบพันธุ์ไม้ท้ังหมด จำนวน

19 ชนดิ ชนิดพนั ธท์ุ พ่ี บมากทสี่ ุดคือ โกงกางใบเล็ก รองลงมา คอื แสมทะเล และถั่วขาว

2) สถานการณ์ด้านปา่ ชายหาด พรุ

28

ปา่ ชายหาดเป็นป่าละเมาะหรือป่าโปร่งไม่ผลัดใบข้ึนอยู่ตามบริเวณชายหาดหรือเนินทราย ริม
ทะเล หรือชายฝั่ง เป็นปา่ ท่ีมีขนาดเล็กเกิดขึ้นด้านหลงั ของสันทรายตามแนวชายฝั่งนำ้ ทะเลทว่ มไมถ่ ึง สภาพดิน
เป็นดินทรายและมีความเค็มสูง เป็นป่าท่ีมคี วามแตกตา่ งจากป่าท่วั ๆ ไปอย่างเห็นได้ชดั เจน คอื ไม่มคี วามอุดม
สมบูรณ์ สภาพโดยท่ัวไปแห้งแล้ง ใบไม้ในป่าจะเป็นลักษณะหงิกงอ ซ่ึงเป็นลักษณะของป่าชายหาดที่สมบูรณ์
ป่าชายหาด เป็นป่าที่ได้รับอิทธิพลจากกระแสลม กระแสคลื่น รวมถึ ไอเค็มจากทะเล แสงแดดร้อนจัด
สภาพความช้นื สุดข้ัว ท้ังช้ืนจัด ชื้นน้อย และช้ืนปานกลาง ระบบนิเวศจึงประกอบด้วยเนินทรายหรือหาดทราย
และมีพืชประเภทไม้เถา หรือไม้เลื้อย ไมท้ ุ่ม และไม้ยืนต้นท่ีมีลำต้นคดงอ และมีความสูงเพิ่มขึ้นเร่ือย ๆ เมื่ออยู่
ห่างจากชายหาดออกไป ไม้ที่เป็นประเภทหญ้าหรือไม้เลื้อย ได้แก่ หญ้าลิงลม ผักบุ้งทะเล หญ้าทะเล เตย
ซ่ึงรากของไม้เหล่าน้ีจะช่วยในการยึดเกาะพ้ืนทรายทำให้พื้นทรายมีความแน่นหนาแข็งแรงมากขึ้น เพ่ือท่ีจะให้
รากของไม้ที่ใหญ่กว่า เช่น ไม้พุ่ม ได้เกาะต่อไป ประเภทของไม้พุ่ม ได้แก่ รักทะเล ปอทะเล เสมา ซิงซี่
หนามหนั กำจาย ข้ึนเป็นกลุ่ม ๆ ชว่ ยบังลมทะเล เปน็ ปราการใหแ้ กไ่ ม้ชนดิ ทไ่ี มส่ ามารถทนเค็มได้ ประเภทของ
ไม้ยืนต้น เช่น กระทิง หูกวาง โพทะเล ตีนเป็ดทะเล หยีน้ำมะนาวผี ข่อย แต่ลำต้นไม่สูงมากนัก ใบมีความ
หงิกงอตามกระแสลม เรือนยอดอยู่ติดกันและมักมีหนามแหลม บางพ้ืนท่ีอาจมีไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ เช่น ยาง
หรอื ตะเคียน เปน็ ต้น

เนื่องจากมีข้อจำกัดในเรื่อง ความเค็มของดิน ปริมาณธาตุอาหารพืชในดินท่ีมีอยู่น้อย และ
สภาพดินที่เก็บความช้ืนไว้ไดไ้ ม่นาน พชื สว่ นใหญ่จึงเจริญเติบโตได้ช้า และจากไอเค็มที่พดั เข้ามาจากทะเลและ
ความรุนแรงของลมพายุทำให้ ไม้ใหญ่หักโค่นได้ง่าย นอกจากน้ีการขาดแคลนนำ้ ในดนิ ส่งผลต่อการสังเคราะห์
แสงของพืช บัญหาท่ี มักเกิดข้ึนก็คือซากของใบสนทะเลที่มีการผุสลายช้า และปกคลุมดินค่อนข้างหนาเป็น
การสกัดกน้ั การสบื ตอ่ พนั ธ์ุของไมช้ นิดอน่ื ๆ อีกทั้งอาจกอ่ ใหเ้ กิดไฟผิวดินข้นึ ได้

3.2.5 สถานการณด์ ้านการกัดเซาะชายฝัง่

1) สถานการณ์ด้านการกัดเซาะชายฝั่ง
จงั หวัดนครศรีธรรมราช มีความยาวชายฝ่ังยาวประมาณ 236.81 กิโลเมตร โดยสามารถ แบ่ง
ออกเป็น 4 กลุ่ม คือ อ่าวบ้านดอน อ่าวขนอม - ท่าศาลา อ่าวปากพนัง และแหลมตะลุมพุก โดยมีอาณาเขต
ครอบคลุมพื้นที่ตำบลท้องเนียน อำเภอขนอม ถึงตำบลหน้าสตน อำเภอหัวไทร รวมท้ังส้ิน 25 ตำบล
ประกอบด้วย ตำบลท้องเนียน และตำบลขนอม อำเภอขนอม ตำบลทุ่งใส ตำบลสิชล ตำบลทุ่งปรังและตำบล
เสาภา อำเภอสิชล ตำบลกลาย ตำบลสระแก้ว ตำบลท่าข้ึนและตำบลท่าศาลา อำเภอท่าศาลา ตำบลปากพูน
ตำบลท่าซัก ตำบลปากนคร ตำบลท่าไร่ และตำบลบางจาก อำเภอเมือง ตำบลคลองน้อย ตำบลปากพนัง
ฝ่ังตะวันตก ตำบลแหลมตะลุกพุก ตำบลปากพนังฝ่ังตะวันออก ตำบลบางพระ ตำบลบ้านเพิง ตำบลท่าพญา
และตำบลขนาบนาก อำเภอปากพนัง และ ตำบลเกาะเพชร และตำบลหน้าสตน อำเภอหัวไทร

29

จากข้อมูลการสำรวจโดยกรมทรัพยากรทางทะเลแล ะชายฝั่ง พื้นท่ีชายฝั่งจังหวัด
นครศรีธรรมราช ระยะทางประมาณ 236.81 กิโลเมตร มีพ้ืนท่ชี ายฝ่ังทีป่ ระสบปัญหาการกัดเซาะยาวประมาณ
61.48 กโิ ลเมตร

2) การดำเนนิ การปอ้ งกนั และแกป้ ญั หาการกัดเซาะชายฝง่ั
การดำเนินการแก้ไขแล้ว ซึ่งจากการสำรวจพบโครงสร้างป้องกันและแก้ไขปัญหาการ
กัดเซาะชายฝงั ประกอบดว้ ย

2.1) เขือ่ นหินท้งิ รมิ ชายฝ่ัง
2.2) กำแพงกนั คลื่นประเภทตั้งตรง
2.3) กลอ่ งกระชหุ ิน
2.4) รอดักทรายแบบตัวไอ
2.5) เขอ่ื นกนั ทรายและคล่ืนปากแมน่ ำ้
2.6) เขือ่ นหนิ ปอ้ งกนั คลน่ื นอกชายฝัง่

3) สาเหตขุ องการกัดเซาะชายฝง่ั
3.1) การกัดเซาะชายฝง่ั มีสาเหตจุ าก กระบวนการทางธรรมชาติ โดยเฉพาะในชว่ งฤดู มรสมุ ตะวันออกเฉ
3.2) การพฒั นาพืน้ชทาย่ีชฝาั่งยทฝะั่งเลทบะ้านเลเรในาะรปูตำแบบลบทา่ตข่าึ้นง อๆำเไภดอแ้ ทก่า่ ศกาาลราตง้ั ถ่นิ ฐานและส่ิงก่อสร้าง

ก า ร เ พ า ะ เ ลี้ ย ง
สตั ว์น้ำ การสูบน้ำทะเล มาใช้เพ่ือการเพาะเล้ยี ง การวางท่อระบายน้ำท้ิงและ การเปลี่ยนแปลงทางไหลของน้ำ
และหรือร่องน้ำ การก่อสร้างรุกล้ำลำน้ำ เช่น การก่อสร้างสะพาน การสร้างทำเทียบเรือและถนนเลียบชายฝั่ง
ลว้ นกระตนุ้ ใหช้ ายฝั่งทะเลมคี วามเบาะบางและเกิดการเปลยี่ นแปลงไดง้ ่ายเม่ือเผชญิ กบั วกิ ฤติทางธรรมชาติ

ชายฝ่ังทะเลบ้านมะขามเทศ ตำบลบางพระ อำเภอปากพนงั
สภาพพืน้ ที่ท่ีถกู กดั เซาะชายฝั่งจงั หวัดนครศรธี รรมราช

30

3.3) โดยเฉพาะในช่วงฤดูมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ หลายพ้ืนท่ีประสบกับปัญหา ชายฝ่ัง
ทะเลถูกกระแสคล่ืนลมกัดเซาะ ได้มีการแก้ไขปัญหาเพ่ือช่วยบรรเทา ความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน
ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น กำแพงกันคล่ืน หินทิ้ง และรอดักทราย เป็นต้น โครงสร้าง ดังกล่าวไม่สามารถสลาย
พลังงานคลื่นไดก้ ลบั สง่ ผลกระทบใหป้ ญั หากัดเซาะชายฝ่ังรนุ แรงและขยายตัวเป็นวงกว้างมากขึ้น ถอื ว่าเปน็ การ
แกไ้ ขปัญหาทผ่ี ิดพลาด

เร่ืองท่ี 4 ทรพั ยากรแร่จงั หวดั นครศรีธรรมราช
4.1 ทรพั ยากรแรใ่ นจังหวัดนครศรีธรรมราช

นครศรีธรรมราชมีทรัพยากรแร่ท่ีสำคัญทางเศรษฐกิจหลายชนิด ได้แก่ หินปูน โดโลไมต์ ยิปซัม ถ่าน
หิน ดีบุก ทังสเตน พลวง แบไรต์ ดินขาว บอลเคลย์ เฟลด์สปาร์ และทรายแก้ว มีเน้ือที่รวมกันประมาณ 499
ตารางกิโลเมตร คดิ เป็นร้อยละ 5 ของเน้อื ที่จงั หวดั

ทรัพยากรแรใ่ นจงั หวดั นครศรีธรรมราช

ที่ ชือ่ แร่ อำเภอท่ีพบ

1 ดบี กุ สิชล รอ่ นพบิ ลู ย์ นบพติ ำ พรหมคีรี ลานสกา นาบอน พปิ ูน
2 โคโลไมต์ ขนอม สชิ ล นบพติ ำ ทุ่งใหญ่ จฬุ าภรณ์ ชะอวด
3 ถ่านหนิ ทุ่งใหญ่
4 บอลเคลย์ ทุ่งใหญ่ ลานสกา รอ่ นพบิ ลู ย์ ฉวาง
5 แบไรต์ ท่าศาลา นบพิตำ

31

6 พลวง ถํ้าพรรณรา ชะอวด

7 เฟลดส์ ปาร์ ทา่ ศาลา นบพิตำ

8 ยิปซัม ฉวาง ถา้ํ พรรณรา ทุ่งใหญ่

9 ทรายเพ่ือการก่อสรา้ ง ทา่ ศาลา สชิ ล ฉวาง ท่งุ ใหญ่

10 ดินขาว ทงุ่ ใหญ่ ลานสกา ร่อนพบิ ูลย์ ฉวาง

11 ทรายแกว้ สชิ ล

12 หนิ ปนู เพื่ออุตสาหกรรมซเิ มนต์ ขนอม สชิ ล นบพิตำ ถ้ําพรรณรา ทงุ่ ใหญ่ บางขนั ทงุ่ สง ร่อนพบิ ลู ย์

13 หินปนู เพ่ืออตุ สาหกรรมก่อสรา้ ง ขนอม สิชล ทงุ่ สง ร่อนพิบูลย์ ลานสกา ถํ้าพรรณรา จุฬาภรณ์ พรหม
14 หนิ ปูนจำแนกประเภทไม่ได้ ครี ขี นอม สชิ ล นบพติ ำ ถํ้าพรรณรา ทุ่งใหญ่ บางขัน ทงุ่ สง ลานสกา

จฬุ าภรณ์ ชะอวด

15 หินปนู เพอ่ื อตุ สาหกรรมเคมี ทุ่งใหญ่

16 หินปนู เพอ่ื อุตสาหกรรมอนื่ ขนอม สชิ ล พรหมครี ี ลานสกา ร่อนพบิ ลู ย์ ทุ่งสง

32

33

4.2 การใช้ประโยชนจ์ ากทรพั ยากรแร่ในจงั หวดั นครศรธี รรมราช

ทรพั ยากรแรใ่ นจงั หวดั นครศรธี รรมราชสามารถจำแนกตามลกั ษณะการใชป้ ระโยชน์ ได้ 4 กลุ่ม ดงั นี้
4.2.1 กลุ่มเพื่อการพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐานและโครงการขนาดใหญ่ของรัฐ ใช้เป็น

วัตถุดิบสำหรับงานก่อสร้างสาธารณูปโภคพ้ืนฐานต่าง ๆ เช่น ถนน เขื่อนชลประทาน ฝายก้ันน้ ำ เป็นต้น
แรใ่ นกล่มุ นี้ ไดแ้ ก่ หนิ ปูน ยิปซมั และทรายก่อสรา้ ง

ยปิ ซมั หินปูน

4.2.2 กลุ่มแร่เพ่ือสนับสนุนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ใช้เป็นวัตถุดิบขั้นพ้ืนฐานของ
กระบวนการผลิตต่าง ๆ สำหรับอุตสาหกรรมต่อเน่ืองหลายสาขา เช่น อุตสาหกรรมอาหาร ยา อุตสาหกรรม
กระดาษ อุตสาหกรรมสี พลาสติก อุตสาหกรรมหล่อโลหะ อุตสาหกรรมเซรามิกและแก้ว แร่ในกลุ่มน้ี ได้แก่
ดบี ุก ทังสเตน พลวง แบไรต์ ดนิ ขาว บอลเคลย์ เฟลด์สปาร์ และทรายแกว้

34

4.2.3 กลุ่มแรเ่ พอื่ การเกษตร ใชเ้ ปน็ วตั ถดุ บิ สำหรบั ผลิตปยุ๋ ปรับปรงุ คณุ ภาพดนิ แรก่ ลุ่มน้ี
คอื โดโลไมต์

4.2.4 กลุ่มแรพ่ ลังงาน ใชเ้ ป็นเชื้อเพลงิ ในการ
ผลิตกระแสไฟฟา้ และเป็นวัตถุดบิ เชอ้ื เพลิงในอุตสาหกรรมท่ใี ช้
พลงั งานความร้อนไมส่ งู นกั แร่กลุม่ นี้ คือ ถา่ นหิน

ถา่ นหิน

4.3 สถานการณ์ดา้ นทรพั ยากรแร่ในจงั หวัดนครศรีธรรมราช

4.3.1 ปัญหาส่ิงแวดล้อมบริเวณท่ีทำเหมืองแร่ อาจทำให้คุณภาพน้ำในแหล่งน้ำ ใกล้เคียง เส่ือม
โทรม เพราะเกิดจากการชะล้างท่ีเกิด จากการทำเหมืองแร่ลงสู่แหล่งน้ำ เช่น แหล่งน้ำ มีสารหนู เงิน สังกะสี
ทองแดง ตะกัว่ ปนเปอ้ื น อาจเปน็ อนั ตรายต่อผู้นำน้ำไปใช้เพอ่ื บรโิ ภคและอปุ โภค

4.3.2 การเปดิ หน้าเหมอื งแร่ เปน็ การพลิกหนา้ ดนิ ทำใหผ้ ิวดนิ บริเวณนัน้ ขาด
4.3.3 ปัญหาการใช้แรธ่ าตุ บางประเภทเป็นจำนวนมาก หรือการใช้แรไ่ มค่ ุ้มค่า ไมป่ ระหยัด อาจ
ทำให้ขาดแคลนตลอดไปความอุดมสมบูรณ์ สกปรก พื้นท่ีขรุขระ มีหลุมบ่อ มากมาย จึงถูกปล่อยท้ิงใช้
ประโยชนไ์ มเ่ ตม็
4.3.4 การทำเหมืองในพ้ืนท่ีเสี่ยงดินโคลนถล่ม ย่ิงทำให้เกิดความเสี่ยงจากดินโคลนถล่มหนัก
มากย่ิงข้ึน เพราะการทำเหมืองแร่มีการทำลายป่า และเปิดหน้าดิน มีการระเบิดหินเพ่ือเอาแร่ ซ่ึงทำลายความ
มนั่ คงของธรณี

เหมืองแร่ในจงั หวัดนครศรีธรรมราช

35

เรอื่ งที่ 5 ทรพั ยากรดนิ
5.1 ทรพั ยากรดนิ ในจงั หวดั นครศรีธรรมราช

นครศรีธรรมราชมีเนื้อทป่ี ระมาณ 6.21 ลา้ นไร่ ดินมีลักษณะหลากหลายแตกต่างกันไปตาม
เขตพืน้ ท่ี โดยมีกลุ่มขุดดินท่สี ำคัญ ดงั นี้

36

5.1.1 กลมุ่ ดินทเี่ กิดจากตะกอนนำ้ กรอ่ ย
ลกั ษณะเด่น
กลุ่มดินเหนียวลึกมากที่เกิดจากตะกอนน้ำกร่อย อาจพบช้ันดินเลนของตะกอนน้ำทะเล

ที่ไม่มีศักยภาพ ก่อให้เกิดเป็นดินกรดกำมะถันภายในความลึก 150 ซม. จากผิวดิน ปฏิกิริยาดินเป็นกลาง
จงึ เป็นดา่ ง การระบายน้ำเลว ความอดุ มสมบรู ณ์ปานกลางจึงสูง

สมบัตขิ องดนิ
เป็นกลุ่มขุดดินที่เกิดจากตะกอนผสมของตะกอนลำน้ำและตะกอนน้ำทะเล แล้วพัฒนาใน
สภาพน้ำกร่อย พบในบริเวณท่ีราบลุ่มหรือที่ราบเรียบ บริเวณชายฝั่งทะเลหรือห่างจากทะเลไม่มากนัก
มีน้ำแช่ขัง ในช่วงฤดูฝน เป็นดินลึกที่มีการระบายน้ำได้น้อย มีเนื้อดินเป็นดินเหนียวหรือดินเหนียวจัด
หน้าดินอาจแตกระแหง เป็นร่องลึกในฤดูแล้ง และมีรอยถูไถลในดิน ดินบนมีสีดำ ส่วนดินล่างมีสีเทาหรือ
น้ำตาลอ่อน ท่ีความลึกประมาณ 1.0-1.5 เมตรจะพบช้ันตะกอนทะเลสีเขียวมะกอกและพบเปลือกหอยปน
ปฏิกิริยาดินเป็นกรดจัดถึงดา่ ง ปานกลาง
การใชป้ ระโยชน์
ใชท้ ำนา หรอื ยกรอ่ งปลูกพืชผักและผลไม้
ปญั หา
โครงสร้างแน่นทึบ ดินแห้งแข็งและแตกระแหง ทำให้ไถพรวนยาก บางพ้ืนท่ีอาจพบช้ันดินเลน
ทม่ี เี กลอื สะสมอยูใ่ นดนิ ลา่ ง และนำ้ ท่วมขงั ในฤดฝู น ทำความเสยี หายกับพชื ทีไ่ ม่ชอบน้ำ
5.1.2 กลุม่ ชดุ ดนิ ท่ี 10 กลุ่มดินเปรี้ยวจัดต้นื ที่เกดิ จากตะกอนน้ำทะเล
ลกั ษณะเด่น
กลมุ่ ดนิ เปร้ยี วจัดตนื้ ทเี่ กิดจากตะกอนน้ำทะเล ปฏิกิรยิ าดนิ เป็นกรดรุนแรงมาก การระบายน้ำ
ไดน้ อ้ ย ความอุดมสมบูรณ์ตำ่
สมบตั ขิ องดนิ
เป็นกลุ่มขุดดินท่ีเกิดจากตะกอนผสมของตะกอนลำน้ำและตะกอนน้ำทะเล แล้วพัฒนาใน
สภาพน้ำกร่อย พบในบริเวณที่ราบลุ่มท่ีห่างจากทะเลไม่มากนัก มีน้ำแช่ขังในช่วงฤดูฝน เป็นดินลึกท่ีมี
การระบายน้ำเลวหรือค่อนข้างเลว หน้าดินอาจแตกระแหงเป็นร่องลึกในช่วงฤดูแล้ง เนื้อดินเป็นพวก
ดินเหนียว ดินบน มีสีดำ หรือสีเทาแก่ ดินล่างมีสีเทามีจุดประสีน้ำตาลปนเหลือง สีแดง ปะปนตลอดชั้นดิน
และพบจุดประสีเหลือง ฟางขา้ วของสารจาโรไซตภ์ ายในระดับความลึกตื้นกว่า 50 ซม. และเป็นกรดรุนแรงมาก
ถงึ เปน็ กรดจัดมาก
การใช้ประโยชน์
ใช้ทำนาหากไมม่ ีการใช้ปูนเพ่ือแก้ไขความเป็นกรดของดนิ ข้าวท่ีปลูกมักไม่ค่อยได้ผลผลิต

37

ปญั หา
ดินเป็นกรดรุนแรงมากหรือเป็นดินเปร้ียวจัดต้ืน ภายในความลึก 50 ซม.จากผิวดิน
เกิดการตรงึ ของธาตุอาหารและมีสารที่เป็นพิษต่อพืชที่ปลกู มีโครงสรา้ งดินแน่นทึบ ดนิ แห้งแขง็ และแตกระแหง
ทำให้ ไถพ รวนยาก คุณ ภ าพ น้ำเป็น กรดรุนแรงมาก ขาดแคลน แห ล่งน้ำจืด และน้ำ ท่วมขังใน
ฤดูฝน ทำความเสยี หายกบั พืชท่ีไม่ชอบน้ำ

5.1.3 กลุม่ ดนิ ทรายหนาปานกลางที่เกิดจากตะกอนลำนำ้
ลกั ษณะเด่น
กลุ่มดินทรายหนาปานกลางทเ่ี กิดจากตะกอนลำน้ำ หรอื ตะกอนเน้ือหยาบทับอยู่บนชั้นดินที่มี

เนื้อดินเป็นดินร่วนปนดินเหนียวหรือดินร่วนเหนียวปนทรายแป้งปฏิกิริยาดินเป็นกรด เล็กน้อยถึง
เปน็ กลาง การระบายนำ้ ดอี ยูบ่ นชน้ั ดินทมี่ กี ารระบายน้ำดปี านกลาง ความอดุ มสมบรู ณ์ต่ำ

สมบัติของดิน
เป็นกลุ่มชุดดินที่เกิดจากการสลายตัวผุพังอยู่กับที่ หรือจากการสลายตัวผุพังแล้ว
ถูกเคล่ือนย้ายมาทับถมของพวกวัสดุเนื้อหยาบ หรือจากวัตถุต้นกำเนิดดินพวกตะกอนลำน้ำหรือวัตถุน้ำ
พาจากบริเวณท่ีสูง วางทับอยู่บนชั้นดินร่วนหยาบหรือร่วนละเอียด พบในบริเวณพื้นท่ีดอน ที่มีสภาพพื้นที่
ค่อนข้างราบเรียบถึงลูกคลื่นลอดลาด เป็นดินลึก มีการระบายน้ำดีถึงดีปานกลาง เนื้อดินช่วง 50 - 100 ซม.
เป็นดินทรายหรือดินทราย ปนดินร่วน ส่วนชั้นดินถัดลงไปเป็นดินร่วนปนทรายและดินร่วนเหนียวปนทราย สี
ดินเป็นสีน้ำตาลอ่อน หรือสีเหลือง ปนสีน้ำตาล พบจุดประสีต่าง ๆ ในดินช้ันล่างดินมีความอุดมสมบูรณ์ตาม
ธรรมชาติต่ำ ชั้นดินบน มีปฏิกิริยาดิน เป็นกรดจัดถึงเป็น กรดเล็กน้อย ส่วนในดินล่างปฏิกิริยาดินเป็นกรด
เลก็ น้อยถึงเปน็ ดา่ งปานกลาง
การใชป้ ระโยชน์
ใชป้ ลูกพชื ไรต่ ่าง ๆ เชน่ ปอแก้ว มันสำปะหลงั ออ้ ย ปอ ขา้ วโพด ฝ้าย ถั่ว ยาสบู บางแห่งเป็น
ป่าเต็งรัง
ปญั หา
ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำมาก เนื้อดินบนเป็นทรายจัด พืชท่ีปลูกมีโอกาสเส่ียงต่อการ
ขาดแคลนน้ำได้ง่าย แต่ถ้ามีฝนตกมากดินช้ันบนจะแฉะและอาจเป็นอันตรายต่อพืชท่ีปลูกบางชนิด บริเวณที่มี
ความลาดชนั สูงจะเกิดการชะล้างพังทลายไดง้ ่าย
5.1.4 กลมุ่ ดนิ กลุ่มดนิ ตนื้ ถงึ ลูกรงั
ลกั ษณะเด่น
กลุ่มดินต้ืนถึงลูกรัง เศษหินหรือก้อนหิน ปฏิกิริยาดินเป็นกรดจัด การระบายน้ำของดินดี
ถึงดีปานกลาง ความอดุ มสมบรู ณ์ตำ่
สมบตั ิของดิน

38

เป็นกลุ่มชุดดินท่ีพบในเขตฝนตกชุก เช่น ภาคใต้ภาคตะวันออก เกิดจากวัตถุต้นกำเนิดดิน
พวกตะกอนลำน้ำหรือจากการสลายตัวผุพังอยู่กับท่ีหรือจากการสลายตัวผุพังแล้วถูกเคล่ือนย้ายมาทับถม
ของวัสดุเน้ือละเอียดท่ีมาจากพวกหินตะกอน พบบริเวณพื้นท่ีดอน ท่ีมีสภาพพ้ืนที่เป็นลูกคลื่นจนถึงเนินเขา
เป็นกลุ่มดินร่วน หรือดินเหนียวท่ีมีลูกรัง เศษหิน หรือก้อนกรวดปะปนมาก ภายในความลึก 50 ซม.
มีการระบายน้ำดี กรวดส่วนใหญ่ เป็นพวกหินกลมมน หรือเศษหินท่ีมีเหล็กเคลือบ สีดินเป็นสีน้ำตาลอ่อน
สเี หลืองหรอื สีแดง ปฏกิ ริ ิยาดนิ เป็นกรดจัด มากถึงกรดปานกลาง

การใช้ประโยชน์
ใช้ปลูกยางพารา มะพรา้ วหรอื ไมผ้ ลบางชนิด บางแหง่ เปน็ ที่รกร้างวา่ งเปลา่ หรอื ท่งุ หญา้
ธรรมชาติ
ปัญหา
เป็นดินต้ืนถึงช้ันลูกรังเศษหินหรอื ก้อนกรวดภายในความลึก 50 ซม.จากผิวดิน บางพ้ืนท่ี พบ
ลูกรัง เศษหิน หรือก้อนกรวดกระจัดกระจายทั่วไปอยู่บริเวณผิวหน้าดิน มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ บริเวณท่ีมี
ความลาดชันสงู จะมปี ัญหาเกยี่ วกับการชะลา้ งพังทลายของหน้าดนิ ไดง้ ่าย
5.1.5 กลมุ่ ดินเหนียวลกึ มากทเ่ี กดิ จากตะกอนลำนำ้
ลักษณะเด่น
กลุ่มดินเหนียวลึกมากท่ีเกิดจากตะกอนลำน้ำ ปฏิกิริยาดินเป็นกรดจัดมากถึงเป็นกรดจดั การ
ระบายนำ้ เลวถงึ คอ่ นขา้ งเลว ความอุดมสมบรู ณ์ตำ่
สมบัติของดิน
เป็นกลุ่มชุดดินที่เกิดจากวัตถุต้นกำเนิดดินพวกตะกอนลำน้ำพบในบริเวณที่ราบตะกอน
น้ำพา มีสภาพพ้ืนที่เป็นที่ราบเรียบหรือค่อนข้างราบเรียบ มีน้ำแช่ขังในช่วงฤดูฝน เป็นดินลึกที่มีการระบายน้ำ
เลวหรือค่อนข้างเลว เนอื้ ดินเป็นพวกดินเหนียว มเี นือ้ ดินบนเป็นดินร่วนเหนียวหรือดินเหนียว สีเทาแก่ ดนิ ล่าง
เป็นดินเหนียว สีน้ำตาลอ่อน หรือสีเทามีจุดประสีน้ำตาล สีเหลือง หรือสีแดงตลอดช้ันดิน บางแห่ง
มีศิลาแลงอ่อนหรือก้อนสารเคมี สะสมพวกเหล็กแมงกานีสปะปนอยู่ด้วยปฏิกิริยาดินเป็นกรดจัดมากถึง
กรดจัด
การใชป้ ระโยชน์
ใชท้ ำนา ในช่วงฤดแู ลง้ บริเวณท่มี ีแหล่งนำ้ ใช้ปลกู พชื ไร่ พืชผกั หรอื ยาสบู
ปญั หา
ความอุดมสมบูรณ์ต่ำบางพื้นท่ีดินเป็นกรดจัดมาก ขาดแคลนน้ำและน้ำท่วมขังในฤดูฝน ทำ
ความเสียหายกับพชื ที่ไม่ชอบน้ำ
5.1.6 กลุม่ ดนิ ต้ืนถงึ ช้นั หินพื้น
ลักษณะเด่น

39

กลุ่มดินตื้นถึงช้ันหินพ้ืน ปฏิกิริยาดินเป็นกรดถึงเป็นกลาง มีการระบายน้ำดี ความอุดม
สมบูรณ์ต่ำ สมบัติของดินเป็นกลุ่มขุดดินท่ีเกิดจากการสลายตัวผุพังอยู่กับที่หรือจากการสลายตัวผุพัง
แล้วถูกเคลื่อนย้ายมา ในระยะทางไม่ไกลนักของวัสดุเนื้อละเอียดท่ีมาจากทั้งหินตะกอน หรือหินอัคนี
พบบรเิ วณพื้นที่ดอน ท่ีมสี ภาพพ้นื ทเ่ี ป็นลูกคลน่ื ลอนลาดจนถึงเนินเขา เป็นดินตน้ื มีการระบายน้ำดี เน้ือดนิ เป็น
พวกดินเหนียวหรือดินร่วนที่มีเศษ หินปะปนมาก มักพบชั้นหินพ้ืนตื้นกว่า 50 ซม. สีดินเป็นสีน้ำตาล
สเี หลอื งหรือสีแดง ดินมปี ฏิกริ ยิ าดนิ เปน็ กรดจดั ถงึ เปน็ กลาง

การใช้ประโยชน์
เป็นปา่ เบญจพรรณ ป่าเต็งรงั หรือป่าละเมาะ บางแหง่ ใชท้ ำไรเ่ ลื่อนลอย หรือปลกู ปา่ ทดแทน
ปญั หา
เป็นดินตื้น มีเศษหินปะปนอยู่ในเนื้อดินเป็นปริมาณมาก ความอุดมสมบูรณ์ต่ำในบริเวณ
ที่มีความลาดชันสูงจะมีปัญหาเก่ียวกับการชะล้างพังทลายของหน้าดินอย่างรุนแรง บางพ้ืนที่มีเศษหินหรือหิน
พ้นื ทโ่ี ผล่บริเวณหนา้ ดนิ

5.1.7 กลมุ่ ดนิ รว่ นละเอียดลึกถงึ ลกึ มากเกดิ จากตะกอนลำนำ้ หรอื วัตถตุ น้ กำเนดิ ดินเนอื้ หยาบ
ลักษณะเด่น
กลุ่มดินร่วนละเอียดลึกถึงลึกมากที่เกิดจากตะกอนลำน้ำหรือวัตถุต้นกำเนิดดินเนื้อหยาบ

ปฏกิ ริ ยิ าดนิ กลางหรือเปน็ ด่างการระบายนำ้ ดถี งึ ดปี านกลาง ความอดุ มสมบรู ณ์ตำ่ ถึงปานกลาง
สมบตั ขิ องดนิ
เป็นกลุ่มชุดดินท่ีเกิดจากวัตถุต้นกำเนิดดินพวกตะกอนลำน้ำหรือการสลายตัวผุพังอยู่กับท่ี

หรือการสลายตัวผุพังแล้ว ถูกเคลื่อนย้ายมาทับถมของวัสดุเนื้อหยาบ พบบริเวณพื้นท่ีดอนที่มีสภาพพื้นที่
เปน็ ลูกคลน่ื ลอนลาดจนถึงเนินเขา เปน็ ดนิ ลึก มีการระบายน้ำดีถงึ ดปี านกลางมีเน้ือดนิ เป็นพวกดินรว่ นละเอียด
ที่มีเนื้อดินบนเป็นดินร่วนปนทรายหรือดินร่วน ส่วนดินล่างเป็นดินร่วนเหนียวปนทรายหรือดินร่วนเหนียว
ดินมีสีน้ำตาล สีเหลือง หรือสีแดง และอาจพบจุดประสีต่าง ๆ ในช้ันดินล่าง ดินมีความอุดมสมบูรณ์ตาม
ธรรมชาติค่อนข้างต่ำถึงปานกลาง ดินช้ันบนส่วนใหญ่จะมีปฏิกิริยาเป็นกรดจัดถึงเป็นกลางส่วนดินล่างจะมี
ปฏกิ ริ ยิ าดิน เปน็ กรดปานกลางถึงเป็นดา่ งปานกลาง

การใชป้ ระโยชน์
ใชป้ ลกู พชื ไร่ตา่ ง ๆ เช่น ออ้ ย ข้าวโพด ถว่ั สับปะรด และไมผ้ ลบางชนดิ
ปญั หา
การมีเนื้อดินค่อนข้างเป็นทรายซ่ึงทำให้ดินอุ้มน้ำได้น้อยพืชอาจขาดแคลนน้ำได้ในช่วงฝน
ทง้ิ ช่วงเปน็ ระยะเวลานาน ๆ สำหรับบรเิ วณท่มี คี วามลาดชนั สูง อาจมีปญั หาเรอ่ื งการชะล้าง พงั ทลายเกดิ ข้นึ

40

5.1.8 กลุ่มดินเหนยี วลกึ มากท่เี กดิ จากตะกอนลำนำ้
ลกั ษณะเด่น
กลุ่มดินเหนียวลึกมากที่เกิดจากตะกอนลำน้ำ ปฏิกิริยาดินเป็นกลางหรือเป็นด่าง การระบาย

นำ้ เลว ความอดุ มสมบูรณต์ ่ำถงึ ปานกลาง
สมบตั ขิ องดิน
เป็นกลุ่มชุดดินที่เกิดจากวัตถุต้นกำเนิดดินพวกตะกอนลำน้ำ พบในบริเวณที่ราบตะกอน

น้ำพา มีสภาพพื้นท่ีเป็นที่ราบเรียบมีน้ำแช่ขังในช่วงฤดูฝน เป็นดินลึกที่มีการระบายน้ำเลวหรือค่อนข้างเลว
มีเนื้อดิน เป็นพวกดินเหนียวเนื้อดินบนเป็นดินร่วนเหนียวหรือดินเหนียว สีเทาแก่ ดินล่างเป็นดินเหนียว
สีน้ำตาลอ่อน หรือสีเทา มีจุดประสีน้ำตาล สีเหลืองหรือสีแดงตลอดช้ันดิน มักพบก้อนสารเคมีสะสมพวกเหล็ก
และแมงกานีส ปะปนอยู่ และ ในชน้ั ดินล่างลึกๆอาจพบก้อนปูน ปฏิกริ ิยาดนิ เป็นกรดจัดถึงเป็นกรดเล็กนอ้ ยแต่
ถ้าดินมีกอ้ นปูนปะปนจะมีปฏิกิริยา เป็นกลางหรอื ด่างปานกลาง

การใช้ประโยชน์
ใช้ทำนาในบริเวณท่ีมีแหล่งน้ำ ใช้ปลูกพืชไร่ พืชผัก และยาสูบในช่วงฤดูแล้ง ข้าวที่ปลูก
โดยมากให้ผลผลติ ค่อนข้างสูง
ปัญหา
บางพื้นที่ขาดแคลนน้ำมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำและน้ำท่วมขังในฤดูฝน ทำความเสียหายกับพืช
ที่ไมช่ อบนำ้

5.1.9 กลุ่มดินเลนเคม็ ชายทะเล
ลกั ษณะเดน่
กลุ่มดินเลนเค็มชายทะเล มีศักยภาพก่อให้เกิดเป็นดินกรดกำมะถัน ปฏิกิริยาดินเป็นกลางถึง

เปน็ ดา่ ง การระบายน้ำเลวมาก ความอุดมสมบรู ณ์ปานกลางถงึ สงู
สมบตั ิของดนิ
เป็นกลุ่มชุดดินท่ีเกิดจากวัตถุต้นกำเนิดดินพวกตะกอน น้ำทะเล พบในบริเวณที่ราบ

น้ำทะเลท่วมถึงและบริเวณชะวากทะเล เป็นดินลึกที่มีการระบายน้ำเลวมาก เป็นดินเลนเละ มีเนื้อดินเป็นพวก
ดินเหนียวหรือ ดินร่วนเหนียวปนทรายแป้ง ดินบนมีสีดำปนเทา มีจุดประสีน้ำตาลเล็กน้อย ส่วนดินล่างเป็น
ดินเลนสีเทาแก่หรือสีเทาปนเขียว และพบเศษรากพืชปะปนในดินเป็นจำนวนมาก เป็นดินที่มีสารประกอบ
กำมะถันมาก ตามปกติเมื่อดินเปียก ค่าปฏิกิริยาดินจะเป็นกรดปานกลางถึงเป็นด่างปานกลาง แต่เมื่อมีการ
ระบายน้ำออกไปหรือทำให้ดินแห้ง สารประกอบ กำมะถันจะแปรสภาพปลดปล่อยกรดกำมะถันออกมาทำให้
ดินเปน็ กรดจดั มาก ค่าปฏกิ ริ ิยาดนิ จะลดลงจนเป็นกรด รนุ แรงมาก กลุ่มชุดดินนีจ้ ัดเปน็ ดนิ เคม็ ทีม่ ีกรดแฝงอยู่

การใชป้ ระโยชน์

41

พืชพรรณตามธรรมชาติเดิมเป็นป่าชายเลนข้ึนปกคลุม แต่ในปัจจุบันมีพ้ืนท่ี เป็นจำนวนมาก
ท่ีดัดแปลงมาใช้ทำนากุ้ง เล้ียงปลาหรือทำนาเกลือ การทำนากุ้งหรือเลี้ยงปลา ถ้าไม่มีการจัดการที่เหมาะสม
ผลผลิตมักลดลงอยา่ งรวดเรว็ เนื่องจากการเกดิ กรดและการเกิดสารพษิ บางอยา่ ง เป็นต้น

ปญั หา
ดนิ เลนเคม็ ท่มี ีน้ำทะเลท่วมถงึ เปน็ ประจำวัน มีศักยภาพกอ่ ให้เกิดดินกรดกำมะถนั เกดิ ก๊าซพิษ
ไข่เน่า และก๊าซมีเทนซ่ึงเป็นอันตรายต่อพืช มีความสามารถในการทรงตัวของต้นพืชต่ำมาก ทำให้พืชล้มง่าย
เมือ่ ดนิ แหง้ จะแปรสภาพเป็นดนิ กรดกำมะถันและเค็ม และมีน้ำทะเลท่วมเป็นประจำทกุ วนั
5.1.10 กลุ่มดินเปรี้ยวจดั ลกึ ปานกลางและมีชั้นดนิ เลน
ลักษะเดน่
กลุ่มดินเปรี้ยวจัดลึกปานกลางและมีช้ันดินเลน ท่ีมีศักยภาพก่อให้เกิดเป็นดินเปรี้ยวจัด หรือ
ดินกรดกำมะถันภายในความลึก 150 ซม.จากผิวดิน ดินบนปฏิกิริยาเป็นกรดจัดมากและดินล่างมีปฏิกิริยา
ดนิ เป็นกรดเล็กนอ้ ยถึงเป็นด่าง การระบายนำ้ เลวความอุดมสมบูรณต์ ่ำ
สมบัตขิ องดิน
เป็นกลุ่มชุดดินท่ีเกิดจากวัตถุต้นกำเนิ ดดินพวกตะกอนผสมของตะกอนลำ น้ำและตะกอน
น้ำทะเล แล้วพัฒนาในสภาพน้ำกร่อย พบในบริเวณที่ลุ่มต่ำชายฝั่งทะเล หรือบริเวณพ้ืนท่ีพรุ มีน้ำแช่ขังนาน
ในรอบปี เป็นดินลึกมีการระบายน้ำเลว มีเน้ือดินเป็นพวกดินเหนียวหรือดินร่วนละเอียด ดินบนมีสีดำหรือ
สีเทาปนดำ ซึ่งมีปริมาณอินทรียวัตถุสูง ดินล่างมีสีเทามีจุดประสีเหลืองและสีน้ำตาลปะปนอยู่เล็กน้อย
ดินช่วงล่างระหว่างความถึก 50 - 100 ซม. มีลักษณะเป็นดินเลนสีเทาปนเขียวที่มีสารประกอบกำมะถันมาก
ปฏิกริ ยิ าดนิ เปน็ กรดรนุ แรงมากถงึ เป็นกรดจดั มาก
การใช้ประโยชน์
ปัจจุบันบรเิ วณดงั กลา่ วส่วนใหญเ่ ป็นป่าเสม็ด มีวัชพืชตา่ ง ๆ เชน่ กก กระจูด และหญ้าชนั กาศ
เปน็ พชื พนื้ ลา่ งบางแห่งใช้ทำนา แตผ่ ลผลิตต่ำ
ปัญหา
ดนิ เป็นกรดจัดมากหรือเป็นดินเปรี้ยวจัดปานกลาง ดินชั้นล่างเป็นดินเลนท่ีมีศักยภาพ ก่อเกิด
เป็นดินกรดกำมะถันเกิดการตรึงของธาตุอาหารและมีสารที่เป็นพิษต่อพืชท่ีปลูก คุณภาพน้ำเป็นกรดจัดมาก
ขาดแคลนแหลง่ น้ำจดื และน้ำทว่ มขงั ในฤดูฝน ทำความเสยี หายกับพืชท่ีไมช่ อบน้ำ
5.1.11 กลุม่ ดนิ ตน้ื
ลกั ษณะเดน่
กลุ่มดินตื้น ปฏิกิริยาดินเป็นกรดจัดถึงเป็นด่างเล็กน้อยการระบายน้ำยากถึงค่อนข้างยาก
ความอุดมสมบูรณ์ต่ำสมบัติของดินเป็นกลุ่มชุดดินที่เกิดจากวัตถุต้นกำเนิดดินพวกตะกอนน้ำพา หรือจาก
การสลาย ตัวผุพังอยู่กับท่ีหรือจากการสลายตัวผุพังแล้ว ถูกเคล่ือนย้ายมาทับถมของวัสดุเนื้อหยาบ วางทับอยู่
บนชั้นหินผุ พบในบริเวณราบเรียบหรือค่อนข้างราบเรยี บ มีน้ำแช่ขังในช่วงฤดูฝน เป็นดินตื้นที่มีการระบายน้ำ

42

ค่อนข้างยาก มีเนื้อดินบนเป็นพวกดินร่วนปนทราย หรือดินร่วน ส่วนดินชั้นล่างเป็นดินเหนียวหรือดินร่วนปน
ดินเหนียวท่ีมีกรวด หรือลูกรังปะปนเป็นปริมาณมาก ภายในความลึก 50 ซม. ดินมีสีน้ำตาลอ่อนถึงสีเทา
และพบจุดประพวกสีน้ำตาล สเี หลอื ง หรือสีแดงปะปนใตช้ ้ันลูกรัง อาจพบชน้ั ดินเหนียวที่มีศิลาแลงอ่อนปะปน
มีปฏิกิริยาดนิ เป็นกรดจดั มากถงึ กรดปานกลาง

การใช้ประโยชน์
ใชท้ ำนา บางแหง่ เป็นปา่ ละเมาะ หรือป่าเตง็ รงั
ปัญหา
เป็นดินตื้นถึงก้อนกรวดหรือลูกรัง ภายในความถึก 50 ซม.จากผิวดิน มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ
และมีโอกาสทจี่ ะขาดน้ำได้งา่ ยในช่วงฤดูเพาะปลูก บางแหง่ มเี น้ือที่ดนิ บนคอ่ นขา้ งเป็นทราย บางพื้นทีม่ ีกอ้ นหิน
หรอื ลูกรังทห่ี น้าดินมาก
5.1.12 กลุ่มดนิ รว่ น
ลักษณะดนิ
ก ลุ่ ม ดิ น ร่ ว น ล ะ เอี ย ด ลึ ก ถึ งลึ ก ม า ก ท่ี เกิ ด จ า ก ต ะ ก อ น ล ำ น้ ำ ห รื อ วั ต ถุ ต้ น ก ำเนิ ด ดิ น เนื้ อ
ทห่ี ยาบ ปฏิกิรยิ าดนิ เปน็ กรดจัดการระบายน้ำดีถึงดีปานกลาง ความอดุ มสมบูรณต์ ำ่

สมบัติของดนิ
เป็นกลุ่มชุดดินท่ีพบในเขตฝนตกชุก เช่น ภาคใต้ภาคตะวันออก เกิดจากวัตถุต้นกำเนิดดิน

พวกตะกอนลำน้ำหรือจากการสลายตัวผุพังอยกู่ ับท่ี หรือจากการสลายตวั ผุพงั แล้ว ถกู เคลือ่ นยา้ ยมาทบั ถม ของ
วัสดุเนื้อหยาบท่ีมาจากพวกหินอัคนีหรือหินตะกอน พบบริเวณพื้นท่ีดอนที่มีสภาพพ้ืนที่ท่ีค่อนข้างราบเรียบถึง
เป็นเนินเขา เป็นดินลึกมากมกี ารระบายน้ำดถี ึงดีปานกลาง มีเนื้อดินเป็นพวกดินร่วนละเอียดท่ีมีเน้ือดินบนเป็น
ดินร่วนปนทราย ส่วนดินล่างเป็นดินร่วนเหนียวปนทราย สีดินเป็นสีน้ำตาล สีเหลืองหรือสีแดง ดินมีความอุดม
สมบูรณ์ตามธรรมชาตติ ำ่ ปฏิกิรยิ าดนิ เปน็ กรดจัดมากถึงกรดจัด

การใชป้ ระโยชน์
ใช้ปลูกยางพารา มะพร้าว ไม้ผล และพืชไร่บางชนิด บางแห่งยังคงสภาพป่าธรรมชาติ
ปา่ ละเมาะและไมพ้ ุม่

ปัญหา
เน้ือดินค่อนข้างเป็นทรายและดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำในบริเวณที่มีความลาดชันสูง
จะมีปัญหาเก่ยี วกับชะล้างพังทลายของหน้าดิน
5.1.13 กลมุ่ ดินทรายหนาที่เกิดจากตะกอนลำนำ้ หรือตะกอนเนอื้ หยาบ
ลกั ษณะเด่น

43

กลมุ่ ดินทรายหนาทเี่ กิดจากตะกอนลำน้ำหรือตะกอนเนื้อหยาบ ปฏกิ ิรยิ าดนิ เป็นกรด เล็กนอ้ ย
ถงึ เปน็ กลาง การระบายนำ้ ค่อนขา้ งมาก ความอุดมสมบรู ณ์ต่ำ

สมบตั ิของดิน
เป็ น ก ลุ่ ม ชุ ด ดิ น ท่ี เกิด จ ากวั ต ถุต้ น ก ำเนิ ด ดิ น พ ว กต ะก อน ล ำ น้ ำห รื อจ ากการส ล าย ตั ว ผุ พั ง
อย่กู บั ท่ีของพวกวสั ดุเน้ือหยาบพบบริเวณพืน้ ทด่ี อน มสี ภาพพน้ื ทเี่ ป็นลูกคลื่นลอนลาดจนถึงเป็นเนนิ เขา เปน็ ดิน
ลึก มีการระบายน้ำดมี ากเกินไป เน้ือดนิ เป็นพวกดินทราย สีดินเป็นสีเทา หรือสีน้ำตาลอ่อน และในดินลา่ งท่ีลึก
มากกว่า 150 ซม. อาจพบเน้ือดินเป็นดินร่วนปนทรายหรือดินร่วนเหนียวปนทราย บางบริเวณอาจพบจุดประ
สีต่าง ๆ ในดินช้ันล่าง ดนิ มีความอดุ มสมบรู ณ์ตามธรรมชาตติ ำ่ ปฏกิ ริ ิยาดนิ โดยมากจะเปน็ กรดจัดถึงเปน็ กลาง
การใช้ประโยชน์
ใช้ปลูกพืชไร่ หรอื ไม้ยืนตน้ ตา่ ง ๆ เช่น มันสำปะหลัง อ้อย สับปะรด มะพรา้ ว มะม่วงหิมพานต์
ปอ บางแหง่ เป็นป่าเต็งรังหรือ ทุ่งหญา้ ธรรมชาติ
ปัญหา
เนื้อดินเป็นทรายจัดและหนามาก พืชมีโอกาสขาดน้ำได้ง่าย ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ และ
โครงสร้างไมด่ ี บริเวณทม่ี ีความลาดชนั สงู จะมีปัญหาเกย่ี วกบั การชะลา้ งพงั ทลายของหนา้ ดนิ
5.1.14 กลมุ่ ดินรว่ นลึกปานกลางถงึ เศษหิน
ลกั ษณะเดน่
กลุ่มดินร่วนลึกปานกลางถึงเศษหิน ก้อนหินหรือชั้นหินพ้ืน ปฏิกิริยาดินเป็นกรดจัดมาก
การระบายนำ้ ดีความอดุ มสมบรู ณต์ ่ำ

สมบตั ิของดนิ
เป็นกลุ่มชุดดินที่พบในเขตฝนตกชุก เช่น ภาคใต้ ภาคตะวันออก เกิดจากการสลายตัวผุพังอยู่

กับที่ หรือจากการสลายตัวผุพังแล้วถูกเคลื่อนย้ายมาทับถมในระยะทางไม่ไกลนักของวัสดุ เนื้อหยาบท่ีมาจาก
พวกหินตะกอนหรือจากวัตถุต้นกำเนิด ดินพวกตะกอนลำน้ำ พบบริเวณพื้นที่ดอนมีสภาพพ้ืนท่ีเป็นลกู คลื่นลอน
ลาด จนถึงเนินเขาเป็นดนิ ลึกปานกลาง มีการระบายนำ้ ดี เนอื้ ดนิ ช่วง 50 ซม. ตอนบนเป็นดินร่วนปนทรายหรือ
ดินร่วนเหนียวปนทราย ในระดับความลึก ประมาณ 50 - 100 ซม. จะพบชัน้ ดนิ ปนเศษหินหรือลูกรงั ปริมามาก
สีดินเปน็ สีน้ำตาล สเี หลืองหรือสีแดง ปฏิกิริยาดินเปน็ กรดจดั มากถงึ กรดจัด

การใชป้ ระโยชน์
สว่ นใหญใ่ ช้ปลูกยางพารา ไม้ผล สับปะรด กลว้ ยและแตงโม

ปัญหา

44

เนื้อดินค่อนข้างเป็นทราย มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ อาจขาดแคลนน้ำในระยะที่ฝน
ทิง้ ชว่ งนาน ในบริเวณทม่ี ีความลาดชนั สูงจะมปี ัญหาเร่อื งการชะล้างพังทลายของหน้าดนิ

5.1.15 กลุ่มดนิ เหนียวลึกปานกลางถึงชัน้ หินพื้น
ลกั ษณะเด่น
กลุ่มดินเหนียวลึกปานกลางถึงขั้นหินพื้น ลูกรังหรือเศษหิน ปฏิกิริยาดินเป็นกรดจัด

การระบายนำ้ ดี ความอดุ มสมบรู ณ์ต่ำ
สมบตั ขิ องดนิ
เป็นกลุ่มชุดดินท่ีพบในเขตฝนตกชุก เช่น ภาคใต้ ภาคตะวันออก เกิดจากการสลายตัวผุพัง

อยู่กับที่หรือจากการสลายตัวผุพังแล้ว ถูกเคลื่อนย้ายมาทับถมในระยะทางไม่ไกลนักของวัสดุเน้ือละเอียด
ท่ีมาจากพวกหินตะกอนหรือหินแปร พบบริเวณพื้นที่ดอน ท่ีเป็นลูกคลื่นลอนลาดถึงเป็นเนินเขา
เป็นดินลึกปานกลาง มีการระบายน้ำดี เนื้อดินบนเป็นดินร่วนหรือดินร่วนปนดินเหนียวทับอยู่บนดินเหนียว
ส่วนดินล่าง ในระดับความลึก ระหว่าง 50 - 100 ซม. เป็นดินเหนียวปนลูกรังหรือดินปนเศษหินผุ สีดิน
เปน็ สีนำ้ ตาลออ่ น สีเหลอื งหรือสแี ดง ปฏกิ ริ ิยาดินเปน็ กรดจัดมากถึงกรดจดั

การใชป้ ระโยชน์
ใชป้ ลกู ลูกยางพารา ไม้ผล กาแฟ และพชื ไรบ่ างชนดิ
ปญั หา
ดนิ ลึกปานกลางถึงชั้นลูกรัง ก้อนกรวด เศษหินหรือช้ันหินพ้ืนในช่วงความลึก 50 -100 ซม. ดินมี
ความอุดมสมบูรณต์ ำ่ ในบรเิ วณพนื้ ท่ที ม่ี ีความลาดชันสูง จะเกิดการชะลา้ งพังทลายของหนา้ ดนิ ได้งา่ ย
5.1.16 กลุ่มดินเหนียวลึกมากสดี ำท่ีมีรอยแตกระแหงกว้างและลกึ
ลกั ษณะเดน่
กลุ่มดินเหนียวลึกมากสีดำท่ีมีรอยแตกระแหงกว้างและลึก ปฏิกิริยาดินเป็นกลางถึง
เปน็ ด่าง การระบายน้ำดถี งึ ดีปานกลางความอุดมสมบูรณป์ านกลางถงึ สูง

สมบตั ขิ องดนิ
เป็นกลุ่มชุดดินที่เกิดจากตะกอนลำน้ำหรือเกิดจากการสลายตัวผุพังอยู่กับท่ีหรือเกิดจาก

การสลายตวั แล้ว ถูกเคลื่อนย้ายมาทับถมของวตั ถตุ น้ กำเนิดดนิ ทมี่ าจากหินต้นกำเนิด พวกหินบะซอลต์ หรอื หิน
แอนดีไซต์ พบบริเวณพื้นท่ีดอน ท่ีอยู่ใกล้กับเขาหินปูน หรือหินภูเขาไฟ มีสภาพพื้นที่ราบเรียบ หรือค่อนข้าง
ราบเรียบเป็นดินลึกที่มีการระบายน้ำดีปานกลางถึงดี เน้ือดินเป็นพวกดินเหนียวหรือดินเหนียวจัด หน้าดิน
แตกระแหงเป็นร่องลึก ในฤดูแล้ง และมีรอยถูไถลในดิน สีดินเป็นสีดำ สีเทาเข้ม หรือสีน้ำตาล อาจพบจุดประ
สีน้ำตาลหรือสีแดงปนน้ำตาล ปริมาณเลก็ น้อยในดนิ ชั้นบน ส่วนชั้นดนิ ลา่ งอาจพบช้ันปนู มารล์ ปฏิกริ ิยาของดิน
สว่ นใหญจ่ ะเปน็ กลางถึงเป็นดา่ งปานกลาง

45

การใช้ประโยชน์
สว่ นใหญใ่ ชป้ ลูกพืชไร่ต่าง ๆ เช่น ข้าวโพด ข้าวฟ่าง ถวั่ ตา่ ง ๆ ฝา้ ย และไมผ้ ลบางชนิด
ปญั หา
เน้ือดินเหนียวจัด การไถพรวนต้องทำในช่วงที่ดินมีความช้ืนพอเหมาะ มิฉะนั้นจะทำให้
ดนิ แนน่ ทบึ ในช่วงฤดแู ล้งดินมกี ารหดตัว ทำให้ดนิ แตกระแหงเปน็ ร่องลึก ส่วนในฤดูฝนจะมีน้ำแชข่ ังงา่ ย ทำให้
พืชชะงกั การเจริญเตบิ โต
5.1.17 กลุ่มดนิ ทมี่ ีวสั ดอุ นิ ทรยี ์หนา
ลกั ษณะเด่น
กลุ่มดินท่ีมีวัสดุอินทรีย์หนา 40-100 ซม. จากผิวดิน ทับอยู่บนตะกอนน้ำทะเล ปฏิกิริยาดิน
เปน็ กรดจดั มาก การระบายนำ้ ยากมาก ความอดุ มสมบรู ณ์ตำ่ มีน้ำทว่ มขงั นานเกือบตลอดปี
สมบัติของดนิ
เป็นกลุ่มชุดดินท่ีพบบริเวณพ้ืนท่ีลุ่มต่ำหรือพื้นท่ีพรุ มีน้ำแช่ขังอยู่เป็นเวลานานหรือตลอดปี
การระบายน้ำยากมาก มีเน้ือดินเป็นพวกดินอินทรีย์ที่สลายตัวปานกลางหนา 40 - 100 ซม. บางแห่งเป็นชั้น
อินทรีย์วัตถุสลับกับพวกดินอนินทรีย์ สีดินเป็นสีดำหรือสีน้ำตาลในช้ันดินอินทรีย์ ส่วนดินอนินทรีย์ที่เกิดเป็น
สลับอยู่ มสี เี ป็นสีเทา ใต้อนิ ทรียล์ งไปเปน็ ดินเลนตะกอนน้ำทะเล ทม่ี กั พบระหว่างความลึก 50-100 ซม. มีสีเทา
หรอื สเี ทา ปนเขียวและมีสารประกอบกำมะถัน (ไพไรต)์ อยู่มาก มคี วามอุดมสมบรู ณต์ ามธรรมชาติต่ำ ปฏิกิรยิ า
ดนิ เปน็ กรดจัดมาก
การใชป้ ระโยชน์
ตามสภาพธรรมชาติพ้ืนที่เหล่าน้ีจะปกคลุมไปด้วยป่าพรุ แต่ได้มีการหักร้างถางพงเพื่อ
นำมาใช้ปลูกข้าว แต่ไม่ค่อยได้ผลเนื่องจากมีปัญหามากในเรื่องคุณภาพของดิน ดังน้ันในปัจจุบันจึงปล่อยทิ้งให้
วา่ งเปลา่ มหี ญ้าเสมด็ และไม้พมุ่ เลก็ ๆ ข้ึนอยูท่ ว่ั ๆ ไป
ปญั หา
เป็นดินอินทรีย์ เนื้อดินเป็นเศษชิ้นส่วนของพืชสะสมหนาปานกลางและเป็นกรดจัดมาก
มีน้ำท่วมขังเกือบตลอดท้ังปี เม่ือแห้งจะยุบตัวพืชล้มง่าย ติดไฟง่ายและดับยาก และปฏิกิริยาดินจะเป็นกรด
รุนแรงมาก ทำให้ขาดธาตุอาหารพืชอยา่ งรนุ แรง นอกจากนยี้ ังเป็นพ้นื ท่ีที่มีนำ้ แชข่ ังอยูต่ ลอดเวลา
5.1.18 กล่มุ ดินทมี่ วี สั ดุอินทรยี ์หนา
ลักษณะเด่น

46

พืน้ ท่ีลาดชันเชิงซอ้ น ที่มีความลาดชนั มากกว่า 35 เปอรเ์ ซน็ ต์ พื้นทบ่ี รเิ วณนย้ี งั ไม่มี การศกึ ษา
สำรวจและจำแนกดินเน่ืองจากสภาพพื้นท่ีมีความลาดชันสูง ซ่ึงถือว่ายากต่อการจัดการดูแลรักษาสำหรับ
การเกษตร

สมบัตขิ องดิน
กลุ่มดินนี้ประกอบด้วยพ้ืนที่ภูเขาและเทือกเขาซึ่งมีความลาดชันมากกว่าร้อยละ35 ลักษณะ
และสมบัติของดินท่ีพบไม่แน่นอนมีท้ังดินลึก และดินตื้น ลักษณะของเนื้อดินและความอุดมสมบูรณ์ตาม
ธรรมชาติแตกต่างกันไป แล้วแต่ชนิดของหิน ต้นกำเนิดในบริเวณนั้น มักมีเศษหินก้อนหินหรือพ้ืนโผล่กระจัด
กระจายท่ัวไป ส่วนใหญ่ยังปกคลุมด้วยป่าไม้ประเภทต่าง ๆ เช่น ป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรังหรือป่าดงดิบชื้น
หลายแห่งมีการทำไร่เลื่อนลอย โดยปราศจากมาตรการในการอนุรักษ์ดินและน้ำซึ่งเป็นผลทำให้เกิดการชะล้าง
พังทลายของหนา้ ดิน จนบางแห่งเหลอื แต่หนิ โผล่
การใชป้ ระโยชน์
กลุ่มดินน้ีไม่ควรนำมาใช้ประโยชน์ทางการเกษตร เนื่องจากมีปัญหาหลายประการ
ทีผ่ ลกระทบต่อระบบนเิ วศ ควรสงวนไว้ เป็นป่าตามธรรมชาติเพ่ือรักษาแหลง่ ต้นนำ้ ลำธาร
ปญั หา
มีความลาดชันสูงมาก ในพื้นที่ทำการเกษตรจะเกิดการชะล้างพังทลายสูญเสียหน้าดิน อย่าง
รนุ แรงขาดแคลนน้ำและบางพน้ื ท่ี อาจพบชั้นหนิ พน้ื หรือเศษหินกระจัดกระจายอยู่บริเวณหน้าดนิ

5.2 การใชป้ ระโยชน์จากทรพั ยากรดนิ ในจังหวัดนครศรีธรรมราช

การใช้ประโยชน์ที่ดินในจังหวัดนครศรีธรรมราชมีความสอดคล้องกับลักษณะภูมิประเทศ คือ
ตอนกลางของจังหวัดซึ่งมีเทือกเขาพาดผ่าน ลักษณะของการใช้พื้นที่จึงเป็นเขตอุทยานแห่งชาติและ
ป่าสงวนต่าง ๆ ส่วนท่ีระดับความลาดชันต่ำลงมา การใช้พื้นท่ีส่วนใหญ่เป็นสวนผลไม้และยางพาราสลับกับ
พื้นที่อยู่อาศัยที่มีลักษณะ แบบอยู่ร่วมกันในพื้นที่ทำการเกษตร ตอนกลางของพ้ืนท่ีเป็นที่ต้ังของชุมชน
ที่เป็นชุมชนย่านธุรกิจของจังหวัด เช่น เขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช พ้ืนที่นาข้าวซ่ึงถือได้ว่าเป็นพ้ืนท่ี
เกษตรกรรมหลักภายในจังหวัด โดยมีการอยู่ร่วมกับพื้นที่กิจกรรมการเกษตรอื่น ๆ คือ ไร่นาสวนผสม
การปลูกพืชไร่ ผักต่าง ๆ และที่ราบชายฝ่ังทะเลทอดตัวขนานกับอ่าวไทย ตั้งแต่อำเภอสิชลจนถึงรอยต่อกับ
จงั หวดั สงขลากับอำเภอหวั ไทร เปน็ เขตของพื้นทเี่ พาะเลย้ี งสัตว์น้ำ มีทงั้ การเพาะเลยี้ งกงุ้ และปลา

47

48

5.3 สถานการณ์ดา้ นทรพั ยากรดินในจงั หวดั นครศรธี รรมราช

สถานการณ์ด้านทรพั ยากรดนิ ในจังหวัดนครศรีธรรมราช มีสภาพปญั หาต่าง ๆ ดังน้ี
5.3.1 ปัญหาดินเปรี้ยวในเขตพ้ืนที่ป่าพรุ ตอนกลางของพ้ืนท่ีลุ่มน้ำปากพนังมีสภาพต่ำ

น้ำท่วมขังตลอดปี คือ พรุควนเคร็ง และพรุคลองฆ้อง ดินพรุมีสารประกอบไพไรท์ตกตะกอนอยู่ เม่ือระดับน้ำ
ลดลงจนช้ันไพไรท์สัมผัสกับอากาศ จะเกิดปฏิกิริยาเคมีทำให้ดินมีสภาพเป็นกรดและน้ำเปร้ียว ส่งผลต่อระบบ
การผลติ ของเกษตรกร

5.3.2 ปัญหาดินเค็มและดินเปรี้ยวในพ้ืนที่นากุ้งร้างในเขตลุ่มน้ำพนังในสภาพท่ีลุ่มนาร้าง และนา
กุ้งร้าง โครงสร้างดินแน่นทึบ การระบายน้ำไม่ดี ดินเป็นดินเปร้ียว และดินเค็มนากุ้งร้าง เป็นพ้ืนที่
ที่มีความเค็ม ปริมาณธาตุอาหารค่อนข้างต่ำและมีอินทรียวัตถุต่ำ ลักษณะเนื้อดินค่อนข้างเหนียวไม่เหมาะแก่
การเพาะปลกู

5.3.3 ปัญหาดินถล่ม พ้ืนท่ีที่เป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อนตอนกลางของจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็น
พ้ืนท่ีที่มีความเส่ียงสูงต่อการเกิดดินถล่ม เพราะภูมิประเทศมีลักษณะลาดชันสูงถ้ามีฝนตกหนักต่อเน่ืองกัน
หลายวนั ก็จะทำใหม้ โี อกาสเกิดดนิ ถล่มมากขนึ้ พื้นที่เสีย่ งตอ่ การเกิดดนิ ถลม่

ปัญหาดินถลม่ ในจงั หวัดนครศรธี รรมราช

1

หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 7
ประชากรกับการเมอื งการปกครองจงั หวดั นครศรธี รรมราช

สาระสำคญั
ศึกษาประวัติความเป็นมา การต้ังถิ่นฐานของประชากรจังหวัดนครศรีธรรมราช ประวัติ

บุคคลสำคัญ ๆ และลักษณะอุปนิสัยใจของคนจังหวัดนครศรีธรรมราชการเปลี่ยนแปลง
ของประชากรจังหวัดนครศรีธรรมราชทุกระดับทุกเพศและวัย ท่ีเก่ียวข้องและผูกพัน
กับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองการปกครอง ตลอดจนประโยชน์ที่ประชากรจะได้รับ
จากการเมืองการปกครอง และการบริหารขององคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิ่น

ตวั ช้วี ดั

1. อภปิ รายเหตุการณข์ องประชากรนครศรีธรรมราชสมยั กอ่ นประวตั ิศาสตร์
การต้งั ถิ่นฐานและชุมชนโบราณ พทุ ธศตวรรษท่ี 12-18 และลกั ษณะ
อุปนิสัยของคนจังหวัดนครศรีธรรมราช

2. อธบิ ายและยกตัวอย่างบุคคลสำคญั จังหวัดนครศรธี รรมราช
3. อธิบายประชากร การเมือง และการปกครอง จังหวดั นครศรธี รรมราช
4. อธิบายการเมืองการปกครองจังหวัดนครศรีธรรมราช

ขอบขา่ ยเนื้อหา
เร่อื งที่ 1 ประชากรนครศรีธรรมราช
1.1 สมยั ก่อนประวตั ศิ าสตรน์ ครศรธี รรมราช
1.2 การต้ังถ่นิ ฐานและชมุ ชนโบราณ พทุ ธศตวรรษ ท่ี 12-18
1.3 ลักษณะอุปนสิ ยั ของคนจงั หวัดนครศรธี รรมราช
เรอ่ื งที่ 2 บคุ คลสำคญั จังหวัดนครศรธี รรมราช
2.1 พระเจ้าศรธี รรมาโศกราช
2.2 พระเจ้าจนั ทรภาณุ
2.3 เจ้าพระยานคร (พัฒน์)
2.4 เจ้าพระยานคร (น้อย)
2.5 พระเจ้าขตั ตริ าชนคิ มสมมตมิ ไหสวรรย์ (หนู ณ นคร)


Click to View FlipBook Version