The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนรายวิชา ฟิสิกส์ 4

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by jirapinya051041, 2022-12-14 20:22:24

แผนรายวิชา ฟิสิกส์ 4

แผนรายวิชา ฟิสิกส์ 4

หลกั สตู รระดับช้นั เรยี น
โรงเรยี นองค์การบริหารสว่ นจังหวัดเชยี งราย

พุทธศักราช ๒๕65
(ฉบับปรับปรงุ มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวช้ีวัด พทุ ธศักราช ๒๕๖๐)

ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน
พุทธศักราช ๒๕๕๑

รายวชิ า ว32202 (ฟสิ ิกส์ 4)
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ระดับช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 5
ชือ่ ครูผสู้ อน

นายศักด์ริ ะวี กนั ทะวงค์

สำนกั การศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม
องคก์ ารบริหารส่วนจงั หวดั เชยี งราย

กรมสง่ เสรมิ การปกครองทอ้ งถนิ่
กระทรวงมหาดไทย


โครงการสอน (Course Outline)
สาระการเรียนรู้รายวชิ า ฟสิ ิกส์ 4 รหสั ว32202
ครผู สู้ อน นายศักดิร์ ะวี กนั ทะวงค์
ระดบั ชนั้
ประถมศกึ ษาปที ี่ …….  มธั ยมศึกษาปีท่ี 5/13 ภาคเรียนท่ี 2 / 2565
ลักษณะวิชา
สาระพื้นฐาน  สาระเพ่ิมเตมิ กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน อื่น ๆ
1) คำอธบิ ายรายวิชา ( ภาคเรยี นท่ี 2 )
สังเกต ทดลอง ศึกษาวิเคราะห์ อธิบายและสืบค้นข้อมูลคำนวณปริมาณต่าง ๆ เก่ียวกับ การเกิดเสียง การ
เคล่ือนที่ของเสียงความสัมพันธ์ระหว่างคลื่น การกระจัดของอนุภาคกับคล่ืนความดัน ความสัมพันธ์ระหว่าง
อัตราเรว็ ของเสียงในอากาศที่ข้ึนกับอุณหภูมิในหน่วยองศาเซลเซียส สมบัติของคลื่นเสียง ได้แก่การสะท้อน การหัก
เห การแทรกสอด การเลี้ยวเบน ความเข้มเสียง ระดับเสียง องค์ประกอบของการได้ยิน คุณภาพเสียง มลพิษทาง
เสียง ความถ่ีธรรมชาติของวัตถุการเกิดการส่ันพ้องการเกิดบีต คลื่นน่ิง ปรากฏการณ์ดอปเพลอร์ คลื่นกระแทกของ
เสียง นำความรู้เรื่องเสียงไปใช้ในชีวิตประจำวันความสัมพันธ์ระหว่างดรรชนีหักเห มุมตกกระทบ มุมหักเห
ความสัมพันธ์ระหว่างความลึกจริงและความลึกปรากฏ มุมวิกฤตการสะท้อนกลับหมดของแสง ปรากฏการณ์
ธรรมชาติที่เกี่ยวกับแสงการมองเห็นแสงสี สีของวัตถุ การผสมสารสี การผสมแสงสีสาเหตุของการบอดสี การแทรก
สอดของแสงผ่านสลิตคู่เกรตติง การเลี้ยวเบนการแทรกสอดของแสงผ่าน สลิตเด่ียว การสะท้อน การหักเห เขียน
รงั สีของแสง หาตำแหน่งขนาดภาพของวตั ถุชนิดของภาพ ความสัมพันธ์ระหว่างระยะวัตถุระยะภาพความยาวโฟกัส
เม่ือแสงตกกระทบกระจกเงาราบกระจกเงาทรงกลม เลนส์บาง การนำความรู้เร่ืองการสะท้อนของแสงจากกระจกเงา
ราบ กระจกเงาทรงกลม เลนส์บางไปใช้ประโยชน์ในชวี ติ ประจำวัน
โดยใช้กระบวนการคิดทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล
บันทึก จัดกลุ่มข้อมูล และการอภิปรายเพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ และสามารถนำเสนอส่ือสารสิ่งที่
เรียนรู้ มคี วามสามารถในการตัดสินใจ
เห็นคณุ ค่าของการนำความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ในชีวติ ประจำวัน มีจิตวทิ ยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และ
คา่ นยิ มที่เหมาะสม ตลอดจนมีเจตคติทีด่ ีต่อวิชาวิทยาศาสตร์


2) ตัวช้วี ัดรายภาค ( ภาคเรยี นท่ี 2 ) ความ
ตัวชวี้ ดั รายภาค สอดคล้องกับ

1. อธิบายการเกิดเสยี ง การเคลือ่ นท่ีของเสียงความสมั พันธ์ระหวา่ งคลืน่ หลักสูตร
แกนกลาง

ว8.1

2. อธิบายการกระจัดของอนุภาคกับคลื่นความดัน ความสัมพันธ์ระหว่างอัตราเร็วของเสียงในอากาศท่ี ว8.1
ข้นึ กับอุณหภูมิในหน่วยองศาเซลเซยี ส

3. อธบิ ายสมบัติของคล่ืนเสียง ได้แก่การสะท้อน การหักเห การแทรกสอด การเลี้ยวเบน รวมท้ังคำนวณ ว8.1
ปรมิ าณต่าง ๆ ท่ีเก่ยี วขอ้ ง

4. อธิบายความเข้มเสียง ระดับเสียง องค์ประกอบของการได้ยิน คุณภาพเสียง และมลพิษทางเสียง ว8.1
รวมทง้ั คำนวณปริมาณตา่ ง ๆ ทเ่ี กย่ี วข้อง

5. ทดลอง และอธิบายการเกิดการส่ันพ้องของอากาศในท่อปลายเปดิ หนึ่งดา้ น ว8.1

6. อธิบายการเกิดบีต คลื่นน่ิง ปรากฏการณ์ดอปเพลอร์ คล่ืนกระแทกของเสียง คำนวณปริมาณต่าง ๆ ว8.1
ท่เี กยี่ วขอ้ ง และนำความรู้เรื่องเสยี งไปใช้ในชีวิตประจำวัน

7. ทดลองและอธิบายสมบัติการแทรกสอดของแสงผ่านสลิตคู่และเกรตตงิ ทดลองและอธิบาย ว8.1

8. สมบัติการเล้ียวเบนและการแทรกสอดของแสงผ่านสลิตเดี่ยว รวมทั้งคำนวณปริมาณต่าง ๆ ท่ี ว8.1
เกี่ยวข้อง

9.ทดลองและอธิบายการสะท้อนของแสงท่ีผิววัตถุตามกฎการสะท้อน เขียนรังสีของแสงและคำนวณ ว8.1
ตำแหนง่ และขนาดภาพของวตั ถุเมื่อแสงตกกระทบกระจกเงาราบและกระจกเงา ทรงกลม
ว8.1
10.อธิบายการนำความรู้เรื่องการสะท้อนของแสงจากกระจกเงาราบและกระจกเงาทรงกลมไปใช้ ว8.1
ประโยชน์ในชวี ติ ประจำวัน
ว8.1
11.ทดลองและเขียนรังสีของแสงเพื่อแสดงภาพท่ีเกิดจากเลนส์บาง หาตำแหน่ง ขนาด ชนิดของภาพ ว8.1
และความสัมพนั ธ์ระหวา่ งระยะวตั ถุ ระยะภาพและความยาวโฟกสั คำนวณปริมาณต่าง ๆ ทีเ่ กีย่ วข้อง

12.อธิบายการนำความรู้เร่ืองการหักเหของแสงผ่านเลนส์บางไปใชป้ ระโยชน์ในชีวติ ประจำวนั

13.ทดลองและอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างดรรชนีหักเห มุมตกกระทบ และมุมหักเห รวมท้ัง อธิบาย
ความสัมพันธ์ระหว่างความลึกจรงิ และความลึกปรากฏ มุมวกิ ฤตและการสะท้อนกลับหมดของแสง และ


คำนวณปรมิ าณต่าง ๆ ท่เี ก่ยี วขอ้ ง

ตัวชวี้ ัดรายภาค ความ
สอดคลอ้ งกับ
14.อธิบายปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกี่ยวกับแสง เช่น รุ้ง การทรงกลด มิราจ และการเห็นท้องฟ้าเป็นสี
ตา่ ง ๆ ในช่วงเวลาตา่ งกัน หลกั สูตร
แกนกลาง

ว8.1

15.สังเกตและอธิบายการมองเห็นแสงสี สีของวัตถุ การผสมสารสี การผสมแสงสี รวมทั้งอธิบายสาเหตุ ว8.1
ของการบอดสี ความสวา่ ง และการถนอมสายตาได้

16.นำความรู้ และกระบวนการไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างมี ความสุข มีจิตวิทยาศาสตร์ ว8.1
คณุ ธรรมจริยธรรม และค่านยิ มทเี่ หมาะสม

3) เน้อื หาวชิ า เนื้อหาการสอน
ภาคเรียนท่ี 2
1. เสยี ง
ระยะเวลา
- คลน่ื เสยี ง
เนอื้ หาการเรียนก่อนสอบกลางภาค– สอบกลางภาค - ธรรมชาตขิ องเสยี ง
- สมบัตขิ องเสียง
- การสะทอ้ นของคลืน่ เสยี ง
- การหักเหของคลนื่ เสียง
- การแทรกสอดของคลนื่ เสยี ง
- การเลย้ี วเบนของคลนื่ เสียง
- อัตราเร็วของเสยี ง
- สมบตั ิของคล่นื เสียง
- ความเข้มเสียง
- ระดบั เสียง
- มลภาวะของเสยี ง
- เสยี งดนตรี
- การสั่นพ้อง


- บีตส์
- คล่นื น่ิงของเสียง
- ปรากฏการณ์ดอปเพลอร์
- คลืน่ กระแทก
- การประยกุ ต์ความรเู้ ร่ืองเสยี ง

เนื้อหาการเรียนหลังสอบกลางภาค – สอบปลายภาค 2. แสงเชงิ ฟสิ กิ ส์

- การเคลอ่ื นที่ของแสงและ
อตั ราเร็วของแสง

- การหักเหของแสง
- การแทรกสอดของแสง
- การเล้ียวเบนของแสง
- สลิตเด่ยี ว สลิตคู่
- เกรตติง
3.ทัศนอุปกรณ์

- กฎการสะท้อนของแสง
- ภาพทเ่ี กดิ จากกระจกเงาราบ
- ภาพทเี่ กดิ จากกระจกเงาทรง

กลม
- เลนส์บาง
- การหักเหของแสง
- กฎการหักเหของสเนลล์
- ลึกจริงลึกปรากฏ
- มุมวิกฤตและการสะท้อนกลับ

หมด
- ทัศนอปุ กรณ์
- ปรากฏการณธ์ รรมชาติ

ท่ีเกี่ยวกับแสง
- ความสว่าง
- การถนอมสายตา
- ตาและการมองเห็น
- แสงสี


4) วธิ กี ารวดั ผลประเมินผล

สัดสว่ นคะแนนการวดั ผลประเมนิ ผล = คะแนนประเมินตามสภาพจริง

( 70 คะแนน ) : คะแนนสอบ ( 30 คะแนน )

การวัดตัวชี้วดั รายภาค

ภาคเรียนที่ ตวั ช้วี ดั รายภาคท่ีตอ้ งการวัด (ข้อท)ี่

2 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11

5) รายละเอียดการเก็บคะแนน
ภาคเรียนท่ี 2
การเก็บคะแนนกอ่ นสอบกลางภาค (ประเมนิ ตามสภาพจรงิ ) : 50 คะแนน

ตัวช้วี ดั รายภาคทต่ี อ้ งการวัด วิธีการวัด คะแนน
(ข้อท)่ี
1–6 - ใบงานเรื่องเสยี ง 30
7 – 11 - ใบงานเรอ่ื งแสง 20

การเก็บคะแนนสอบกลางภาค (ประเมินตามสภาพจริง) : 10 คะแนน

ตวั ชว้ี ัดรายภาคทีต่ ้องการวดั วิธีการวดั คะแนน
(ขอ้ ท่)ี
1–6 แบบทดสอบเร่ือง เสยี ง 5
7 – 11 แบบทดสอบเรื่อง แสง 5

การเกบ็ คะแนนหลงั สอบกลางภาค (ประเมนิ ตามสภาพจริง) : 20 คะแนน

ตวั ชี้วัดรายภาคทต่ี ้องการวดั วธิ กี ารวัด คะแนน
(ขอ้ ที)่ - ใบงานเร่ือง ทัศนอุปกรณ์ 20
12 – 15


การเกบ็ คะแนนสอบปลายภาค (ประเมนิ ตามสภาพจริง) : 20 คะแนน

ตัวชี้วดั รายภาคท่ตี อ้ งการวดั วิธีการวัด คะแนน
(ขอ้ ท่ี) - แบบทดสอบเร่ือง ทศั นอปุ กรณ์ 20
12 – 15


แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 1

ช่อื หนว่ ยการเรยี นรู้ เสยี งและการไดย้ ิน หน่วยยอ่ ยท่ี 1
เรอ่ื ง ธรรมชาตแิ ละคณุ สมบตั ขิ องเสียง
วันทที่ ำการสอน เวลา 2 ชว่ั โมง

ผูส้ อน นายศักด์ริ ะวี กันทะวงค์

1. สาระสำคัญ 2. ผลการเรยี นรู้
เสียงเปน็ พลังงาน อยู่ในรูปของพลงั งานคลน่ื เปน็ คล่นื ท่ีตอ้ งอาศัย 1. อธิบายการเกิดเสียง การเคลื่อนที่ของเสียงความสัมพันธ์

ตวั กลางในการเคลื่อนที่ (คลื่นกล Mechanical Wave) และเปน็ คลน่ื ระหวา่ งคล่ืน
ตามยาว เสยี งเกดิ จากการสั่นของวตั ถตุ ้นกำเนดิ คอื เมื่อเราใหง้ านหรือ
พลงั งานแกว่ ัตถุตน้ กำเนิดเสยี ง(โดยการดดี สี ตี เป่า ฯลฯ ) วตั ถุจะสั่น
แล้วปลอ่ ยพลังงานออกมารอบ ๆ ตวั ในรปู ของพลังงานเสียง

3. สาระการเรียนรู้ 4. ช้นิ งาน/ภาระงาน
ธรรมชาติและคณุ สมบตั ิของเสยี ง 1. ใบงาน Diagram เร่อื ง ธรรมชาตแิ ละคณุ สมบตั ขิ องเสยี ง
2. ใบงาน Pisa เรื่อง ธรรมชาตแิ ละคณุ สมบตั ิของเสยี ง

5. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น 6. เคร่อื งมือการสอนคิด
- ความสามารถในการส่ือสาร - Diagram
- ความสามารถในการคดิ
- ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

กจิ กรรมการเรียนรู้

7. ขน้ั ของกิจกรรม 8. สือ่ 9. วิธกี ารวดั ผล

Do Now (3 นาท)ี - ใบความรู้ เร่อื ง ธรรมชาติและ - ประเมินจากใบงาน
Diagram เรื่อง ธรรมชาติ
บอกช่ือเพลงทน่ี ักเรียนชืน่ ชอบมาคนละ 1 เพลง (หา้ มซ้ำ) คุณสมบัตขิ องเสยี ง และคณุ สมบตั ิของเสยี ง

Purpose (2 นาท)ี - ใ บ ง า น Diagram เ รื่ อ ง - ประเมินใบงาน Pisa เรื่อง
ธรรมชาตแิ ละคุณสมบตั ิของ
เราจะเรียนเรื่อง ธรรมชาติและคุณสมบัติของเสียงเพื่อนักเรียน ธรรมชาติและคุณสมบัติของ เสียง

สามารถอธิบายสิ่งที่เกี่ยวกับ ธรรมชาติของคลื่นเสียง คุณสมบัติของคลื่น เสยี ง

เสียงได้ - ใบงาน Pisa เร่อื ง ธรรมชาติ

Work mode (110 นาท)ี และคณุ สมบตั ิของเสียง

1. นกั เรยี นตอบคำถาม “สง่ิ ท่จี ำเป็นต่อเสยี งคืออะไร” (พอเพยี ง 2 ความ - คลิปวีดีโอ เรื่อง ธรรมชาติ

มเี หตุผล) (5 นาท)ี และคุณสมบตั ิของเสยี งจาก

2. นักเรียนดูคลิปวีดโี อ เร่อื ง ธรรมชาติและคณุ สมบตั ขิ องเสียง (10 นาที) https://www.youtube.co

3. นักเรียนและครรู ่วมกันสรุปส่ิงทีไ่ ด้จากการดคู ลิปวดี ีโอ (10 นาที) m/watch?v=mhEsnpkelIc

4. นักเรียนฟังครูอธิบายเพิม่ เติม เรื่อง ธรรมชาตแิ ละคุณสมบัตขิ องเสียง

พร้อมความหมาย (15 นาท)ี

5. นักเรียนศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับธรรมชาติและคุณสมบัติ

ของเสียง โดยศึกษาจากใบความรู้ เรื่อง ธรรมชาติและคุณสมบัติของ

เสียง และสรุปความรู้ในรูปแบบแผนผัง ลงในใบงาน Diagram เรื่อง


ธรรมชาติและคุณสมบตั ขิ องเสียง (คดิ 9 : คิดเชงิ มโนทศั น์)(สมรรถนะ
2) (30 นาที)

6. นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลงาน ใบงาน Diagram เรื่อง
ธรรมชาตแิ ละคุณสมบตั ิของเสียงหนา้ ชน้ั เรยี น(สมรรถนะ3) (10 นาท)ี

7. นักเรียนทำใบงาน Pisa เรื่อง ธรรมชาติและคุณสมบัติของเสียง(20
นาท)ี

8. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเนือ้ หา โดยนักเรียนเขียนสรุปสาระสำคญั
เร่ือง ธรรมชาตแิ ละคณุ สมบัติของเสียง (10 นาที)

Reflective Thinking (5 นาท)ี
1. 3 สิ่งทนี่ ักเรยี นรู้จากการเรยี นคาบน้ี(2 นาที)
2. ขอ้ สอบเข้า O-NET ปี 2556 จำนวน 1 ขอ้ (3 นาที)

ข้อสอบ (O – net ปี 2556)
ข้อใดถูกต้องเกยี่ วกบั คล่นื เสยี ง

1. อตั ราเรว็ ของเสียงในอากาศลดลงเม่ืออณุ หภูมิของอากาศเพ่ิมขึ้น
2. เสียงเดินทางผ่านตัวกลางต่างชนดิ ได้ดีไม่เท่ากัน
3. เมอื่ เสยี งเดนิ ทางผ่านตวั กลางจะทำให้ตัวกลางเกดิ การสั่นสะเทือน
ก. ข้อ 1 และ 2 ข. ข้อ 1 และ 3 ค. ข้อ 2 และ 3 ง. ข้อ 1 , 2 และ 3


ใบความรู้
เรื่อง ธรรมชาตขิ องคลน่ื เสยี ง

เสียงเกดิ ได้อย่างไร

เสียงเป็นคลืน่ ความดนั (Pressure Wave) จะต้องอาศยั ตวั กลางในการเคลื่อนท่ี ดงั น้ันจึงสามารถ
เคลื่อนที่ผา่ นอากาศ ของแข็งหรอื ของเหลว แตไ่ ม่สามารถเคลอ่ื นทผี่ ่านสญุ ญากาศได้

เสยี ง เกดิ ขนึ้ เมือ่ วัตถุหรือแหลง่ กำเนิดเสยี ง มีการสั่นสะเทือน สง่ ผลตอ่ การเคลื่อนท่ีของโมเลกุล
ของอากาศที่อยูโ่ ดยรอบ กล่าวคือโมเลกุลของอากาศเหลา่ นนั้ จะเคลอ่ื นที่จากตำแหน่งแหล่งกำเนดิ เสยี ง
ไปชนกับโมเลกุลของอากาศที่อยู่ถัดออกไป จะเกิดการถ่ายโอนโมเมนตัมจากโมเลกุลที่มีการเคลื่อนที่ไปให้กับ
โมเลกุลของอากาศที่อยใู่ นสภาวะปกติ จากนั้นโมเลกลุ ทชี่ นกนั จะแยกออกจากกนั โดยโมเลกลุ ของอากาศ
ทีเ่ คลื่อนทม่ี าชนจะถูกดงึ กลบั ไปยงั ตำแหน่งเดิมดว้ ยแรงปฏิกิริยา และโมเลกุลทีไ่ ดร้ ับการถา่ ยโอนพลงั งาน
ก็จะเคล่อื นท่ตี ่อไปและไปชนกับโมเลกุลของอากาศที่อยถู่ ัดไป เปน็ ดงั นไี้ ปเรือ่ ยๆ จนเคลื่อนท่ีไปถึงหู
เกดิ การได้ยินขน้ึ

แหล่งกำเนดิ เสยี ง คือ วัตถทุ ี่ทำให้เกดิ เสียง เม่อื วัตถุนั้นเกิดการส่ันสะเทือน แหลง่ กำเนดิ เสียง
แตล่ ะชนดิ จะทำใหก้ ำเนิดเสยี งทีม่ คี วามแตกต่างกันไประดับความดังของเสยี ง มหี น่วยวัดเป็นเดซิเบล (dB)

ภาพประกอบที่ 1 การเกิดเสียงจากแหลง่ กำเนดิ เสยี ง
ภาพจาก
http://i666.photobucket.com/albums/vv30/

Aummymanny/d_IMG_2308.jpg

การเกดิ คลนื่ เสียง

คลนื่ เสียง เปน็ คลน่ื กล และ คลื่นตามยาว คลนื่ เสียงเกดิ จากการสัน่ ของวัตถุ ความถขี่ องเสยี งจะมคี า่
เทา่ กับความถข่ี องแหลง่ กำเนิด และในขณะท่ีมกี ารสั่น โมเลกุลของตัวกลางจะมกี ารถ่ายทอดพลงั งานทำใหเ้ กิด
ความดนั อากาศทเี่ ปลีย่ นแปลงไปตามตำแหน่ง ทำให้เกดิ เปน็ ชว่ งอดั และชว่ งขยาย โดยท่ชี ว่ งอัดคือบรเิ วณที่
อนภุ าคของตัวกลางอัดเขา้ หากัน บริเวณนี้มีจะมีความดนั สูงสดุ โดยเทียบกบั ความดนั ที่ตำแหนง่ สมดลุ ของอนุภาค
โดยการขจดั ของอนุภาคน้อยที่สุด สว่ นช่วงขยายคอื บริเวณทอี่ นภุ าคตัวกลางแยกห่างจากกัน บริเวณน้มี ีความดัน
ตำ่ สุด โดยเทียบกับความดนั ท่ีตำแหน่งสมดุลของอนุภาค การขจดั ของอนุภาคมากทีส่ ดุ


ภาพประกอบที่ 2 การเดนิ ทางของเสียง ต้องอาศัยตัวกลางในการเคลอื่ นที่ เสยี งมาถึงหขู องเรา
โดยมีอากาศเปน็ ตัวกลาง แหล่งกำเนิดเสียงจะทำให้อากาศรอบๆ ส่ันสะเทือน การส่ันสะเทือนจะ
กระจายออกไปรอบทุกทิศทาง เมอ่ื คลื่นเดินทางมาถงึ หูของเรา เราจะรับร้เู สยี งตา่ งๆ
ภาพจาก https://amfinewell.files.wordpress.com/2013/01/doppler-01.jpg?w=1000&h=722

ถ้าแหลง่ กำเนิดส่นั อยู่ในบริเวณทเ่ี ป็นสญุ ญากาศจะไม่มีเสยี งเกดิ ขึ้น เพราะในบรเิ วณนั้นไม่มโี มเลกุลของ
ตวั กลางท่จี ะอดั หรือขยาย เสียงจงึ แผ่ออกมาจากแหล่งกำเนิดไม่ได้ เสยี งเคล่ือนทไ่ี ด้เรว็ ในตัวกลางทม่ี ีความ
หนาแนน่ สูง ดงั นน้ั เสยี งจึงเคล่อื นท่ีไดเ้ ร็วในตวั กลางทเ่ี ป็นของแข็ง และมอี ตั ราเรว็ ลดลงในของเหลวและก๊าซ
ตามลำดบั จึงสรปุ ได้วา่ องค์ประกอบของการเกิดคลืน่ เสียงมี 3 องค์ประกอบ คือ แหลง่ กำเนิดคล่ืนเสียง
ตวั กลาง และผ้รู บั คลื่นเสียง ถา้ ขาดส่งิ ใดสิง่ หน่ึงจะไม่ได้ยินเสยี งทันที

ความดนั อากาศในบรเิ วณทีเ่ สียงเคล่อื นทีผ่ ่านเรียกว่า ความดันเสยี ง ณ เวลาหนง่ึ โมเลกุลของอากาศใน
บางบรเิ วณจะอยใู่ กล้ชิดกันมาก ทำใหม้ คี วามหนาแน่นและความดนั สูงกวา่ ปกติ บรเิ วณนีเ้ รียกว่า ส่วนอัดโมเลกลุ
ที่อย่ตู รงกลางไมม่ ีการเคลอื่ นที่ เพราะถกู โมเลกุลท่ีอยู่ทางซ้ายและสว่ นท่อี ยู่ทางขวา
อดั เขา้ มาการกระจัดของโมเลกุลตรงกลางจึงเปน็ ศนู ย์ แตใ่ นบางบรเิ วณโมเลกุลของอากาศอยูห่ า่ งกนั มาก
จึงมีความหนาแน่นและความดนั ต่ำกวา่ ปกติ บรเิ วณน้ี เรียกวา่ สว่ นขยาย โมเลกุลท่อี ยู่ตรงกลางไม่มี
การเคลือ่ นที่เชน่ กนั การกระจดั จงึ เปน็ ศูนย์ การเปลี่ยนแปลงของความดนั เสียงกับระยะทางมีลักษณะ
เปน็ รปู คลื่นไซน์ (sine wave)


อดั ขยาย อัด ขยาย อัด ขยาย อดั

ภาพประกอบท่ี 3 แสดงความดนั ของอากาศ ขณะคล่นื เสียงเคลือ่ นท่ีผ่าน
ภาพจาก http://www.thaigoodview.com/files/u46784/02.jpg
โดยระยะห่างระหว่างชว่ งอดั ถึงช่วงอัดถดั ไป เรยี กวา่ ความยาวคลนื่ (λ) ซ่ึงจะเท่ากบั ระยะหา่ งระหวา่ ง
ชว่ งขยายที่อยู่ถัดกนั

ภาพประกอบท่ี 4
ก. กราฟระหวา่ งความดนั กับตำแหนง่ ต่างๆ ตามแนวการเคลื่อนท่ีของคลืน่ เสยี ง
ข. กราฟระหว่างการกระจดั ของโมเลกลุ กบั ตำแหน่งตา่ งๆ ตามแนวการเคล่ือนท่ีของคลื่นเสยี ง


ใบงาน เรอ่ื ง ธรรมชาติของเสียง (ตามแนวPISA)
อ่านถอ้ ยความตอ่ ไปน้ีแล้วตอบคำถาม
เสียง คืออะไร?

เปน็ คำถามท่ีหลายคนยังสับสนอยู่ บางคนตอบว่าเสยี งคือ คลนื่ กล ที่มพี ลังงานส่งผา่ นตวั กลางต่างๆ มาเข้า
หูคนทำให้เกิดเสียง ซึ่งเป็นคำตอบที่ถามว่าผิดหรือเปล่า? มันไม่ผิดหรอกครับ แต่ความเข้าใจในคำถามผิดไปนิดนึง
ถ้าถามวา่ เสยี งเกิดขนึ้ ได้อยา่ งไร? คำตอบท่ีตอบมายอ่ มถูกต้อง แต่น่คี ำถามคอื เสยี ง คืออะไร? คำตอบกเ็ ป็นอย่างอ่ืน
ไปไม่ได้ เสียงก็คือเสียงหรือสิ่งที่เราได้ยินนั่นเอง มันเป็นคำนิยามที่บ่งบอกถึงสิ่งที่เราได้ยิน ทำไมเราต้องแยกแยะ
คำถามเพราะว่าการทำงานเสียงนนั้ เรากำลังอยู่กบั ส่ิงทีม่ องไม่เหน็ แต่มันมีอยู่ในความเป็นจรงิ ที่เราสมั ผสั ได้ดว้ ยหูและ
กายของเรา ถ้าเราไม่สามารถแยกแยะได้การทำงานเสียงก็จะยิ่งยากขึ้นการแก้ปัญหาก็จะไม่ตรงจุด คราวนี้เรามารู้
เร่อื งธรรมชาตขิ องเสยี งกันเลยดีกวา่

เสยี งเกิดข้ึนไดอ้ ย่างไร?
เสียงเกิดจากคลื่นกลที่เคลื่อนท่ีผ่านตัวกลางต่างๆ เช่น เหล็ก ก๊าซ อากาศ ของเหลวและของแขง็ ต่างๆ เข้า

มาที่หูของคนเราทำใหเ้ ราได้ยนิ เสียงต่างๆแตกต่างกันออกไปและเสียงจะมีความทุ้มแหลมดังเบาไมเ่ ท่ากนั ขึน้ อยู่กบั
แหล่งกำเนิดเสียง หูคนเราสามารถรับรู้ความถี่ได้ตั้งแต่ 20Hz – 20,000Hz การรับรู้ความถี่ของคนเราจะลดลงเม่ือ
อายมุ ากขึ้นโดยเสียงแหลมจะรับรลู้ ดลงไดเ้ ร็วกอ่ นเสยี งท้มุ

ความเรว็ เสียงแตล่ ะย่านความถ่เี ท่ากันหรือไม่?
เสียงในแต่ละย่านความถี่ใชเ้ วลาในการเดนิ ทางเท่ากัน แตท่ เี่ รารบั รไู้ ดไ้ ม่เท่ากันเพราะธรรมชาติของหูมนุษย์

ไวต่อความถี่แต่ละความถี่ไม่เท่ากันนั่นเอง ทำไมในอุณหภูมิที่สูงเราได้ยินเสียงแหลมมากกว่าเสียงทุ้มเพราะความ
หนาแน่นของโมเลกลุ อากาศน้อยกวา่ ทำให้เราได้ยินเสยี งแหลมมากกว่าเสียงทุ้ม แตใ่ นอุณหภมู ิท่ีตำ่ ลงเราได้ยินเสียง
ทุ้มมากกวา่ เสียงแหลมกเ็ พราะว่าพลังงานของเสยี งทุ้มมีมากกว่าเสียงแหลมทำให้สามารถทะลุทะลวงได้ดีกว่า แต่ใน


ตัวกลางที่ต่างกันเช่น เหล็ก ก๊าซ ของเหลว เสียงก็จะใช้เวลาในการเดินทางของแต่ละตัวกลางไม่เท่ากัน ขึ้ นอยู่กับ
ความหนาแนน่ ของโมเลกุลในตวั กลางนนั้ ๆ และท่ีสำคญั เสียงไมส่ ามารถเดินทางผ่านสุญญากาศได้ครบั

คำถามท่ี 1 (4 คะแนน) ใช่ ไมใ่ ช่
จากข้อความต่อไปน้ี เปน็ ความจริง หรือไมเ่ ปน็ ความจรงิ

ข้อความใดเปน็ จรงิ ให้เขยี นเครื่องหมาย X ในช่อง “ใช่”
ข้อความใดไมเ่ ป็นจริง ให้เขียนเคร่อื งหมาย X ในชอ่ ง “ไม่ใช”่
ข้อที่ ข้อความ

1 เสียง คือ คล่นื กล ที่มีพลงั งานสง่ ผ่านตัวกลางต่างๆ มาเขา้ หูคน
ทำให้เกดิ เสียง

2 เสยี งเกดิ จากคล่ืนกลทีเ่ คลื่อนทผี่ า่ นตัวกลางตา่ งๆ เชน่ เหล็ก
กา๊ ซ อากาศ ของเหลวและของแขง็ ตา่ งๆ เข้ามาท่หี ขู องคนเรา

3 คนเราสามารถรับรู้ความถ่ีได้ต้งั แต่ 20Hz – 40,000Hz

4 เสยี งในแต่ละยา่ นความถ่ีใช้เวลาในการเดนิ ทางไม่เท่ากนั

(สมรรถนะ : การระบุปญั หาเชงิ วิทยาศาสตร์)

คำถามท่ี 2 (1 คะแนน)
ข้อใดเสียงไม่สามารถเคล่ือนทผ่ี า่ นได้
1. อากาศ
2 . สุญญากาศ
3 . ของแข็ง
4 . ของเหลว

ข้อ คำตอบ

(สมรรถนะ : การอธิบายปรากฎการเชงิ วทิ ยาศาสตร์)


คำถามที1่ (4 คะแนน) เกณฑ์การให้คะแนน / แนวคำตอบ ใช่ ไมใ่ ช่
ขอ้ ที่ ขอ้ ความ X
X
1 เสียง คอื คลืน่ กล ท่มี ีพลังงานสง่ ผา่ นตัวกลางตา่ งๆ มาเข้าหคู น X X
ทำให้เกดิ เสยี ง

2 เสียงเกิดจากคล่ืนกลท่ีเคล่อื นท่ีผ่านตัวกลางต่างๆ เช่น เหล็ก
ก๊าซ อากาศ ของเหลวและของแขง็ ตา่ งๆ เข้ามาท่หี ูของคนเรา

3 คนเราสามารถรับรู้ความถ่ีได้ตั้งแต่ 20Hz – 40,000Hz

4 เสียงในแตล่ ะย่านความถี่ใช้เวลาในการเดินทางไม่เท่ากัน

คะแนนเตม็ 4 คะแนน คะแนนเต็ม 3 คะแนน ไมม่ ีคะแนน
ตอบถูก2 -0 ข้อ
ตอบถกู 4 ข้อ ตอบถกู 3 ข้อ


แบบประเมนิ ผลงานใบงาน Diagram

คำชแ้ี จง : ให้ผู้สอนประเมนิ ผลงานใบงานนกั เรยี น ให้ทำเคร่ืองหมาย✓ลงในชอ่ งรายการประเมนิ กำหนด

ความ สรุปผล

ลำดับที่ ชอ่ื -สกลุ ความถูกตอ้ ง ครอบคลุม สอดคลอ้ ง ตรงตอ่ เวลา ความสะอาด รวม การ
ของผ้รู บั การประเมนิ ของเนื้อหา เนอ้ื หา และเช่ือมโยง 4 เรยี บรอ้ ย 20 ประเมิน
ของเนื้อหา คะแนน ผ่าน/ไม่
4 4 4
4 ผ่าน

4321 43214 32 1 4321 4321

ลงช่ือ .................................................... ผู้ประเมิน
................/................/................

เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

18 - 20 ดมี าก

14 - 17 ดี

10 - 13 พอใช้

ต่ากว่า 10 ปรบั ปรุง


นกั เรยี นไดร้ ะดบั คณุ ภาพท่ี พอใช้ ขึน้ ไปถอื ว่า ผ่าน

ตารางแนบท้ายแบบประเมนิ ใบงาน Diagram

เกณฑ์การ ระดับการประเมิน
ประเมิน
รปู แบบ 4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรุง)
- มีหวั ข้อท่ีชดั เจน - มหี ัวขอ้ ท่ีชดั เจน
เน้อื หา - เขียนอยูใ่ นกรอบ - มีหวั ข้อทีช่ ัดเจน - มีหวั ขอ้ ที่ชดั เจน - เขียนอยู่ในกรอบ
- ใชค้ ำสำคญั ตรงประเด็น
การนำเสนอ - ใช้สัญลักษณห์ รอื ภาพ - เขยี นอยูใ่ นกรอบ - เขยี นอยูใ่ นกรอบ - เนื้อหาถูกต้องตามสาระ
ที่กำหนดตำ่ กว่า 59%
สอื่ ความหมาย - ใชค้ ำสำคัญตรงประเด็น - ใช้คำสำคัญตรงประเดน็ - เขียนถูกต้องตามหลกั
- ใชส้ ีสนั ทัว่ แผ่น ภาษาต่ำกว่า 59%
- เนื้อหาครบถว้ นตาม - ใชส้ ัญลกั ษณ์หรอื ภาพ - มีการสรปุ ไม่
สาระที่กำหนด 100% สมเหตสุ มผลต่ำกวา่
- เขียนถูกต้องตามหลัก ส่อื ความหมาย 59%
ภาษา 100%
- ลำดับหวั ข้อเนอ้ื หา - เนอื้ หาถูกต้องตามสาระ - เน้อื หาถูกต้องตามสาระ - สามารถพดู นำเสนอได้
ชัดเจน - ใชภ้ าษาทางการถูกต้อง
- มีการสรปุ ได้อย่าง ทก่ี ำหนด 80-99% ที่กำหนด 60-79% ตามอักขระตำ่ กว่า
สมเหตสุ มผล 100% 59%
- พดู ชัดเจนเสียงดงั ฟังชัด - เขยี นถูกต้องตามหลัก - เขยี นถูกต้องตามหลกั - บุคลกิ ภาพเหมาะสม
- ใช้ภาษาทางการถูกต้อง
ตามอักขระ100% ภาษา 80-99% ภาษา 60-79%
- บคุ ลิกภาพดแี ละมคี วาม
ม่นั ใจ - ลำดับหวั ขอ้ เนือ้ หา - มีการสรุปได้อย่าง

ชดั เจน สมเหตุสมผล 60-79%

- มกี ารสรุปได้อย่าง

สมเหตสุ มผล 80-99%

- พูดชัดเจนเสยี งดงั ฟังชดั - การพูดเหมาะสม

- ใช้ภาษาทางการถูกต้อง - ใช้ภาษาทางการถูกต้อง

ตามอักขระ80-99% ตามอักขระ60-79%

- บุคลกิ ภาพดี - บุคลิกภาพเหมาะสม


ความ - มีการใช้ส่ือประกอบการ - ความพร้อมในการ - ใชส้ สี ันสวยงามและมี - ใช้สสี นั สวยงามหรือ
สวยงาม นำเสนอ นำเสนอไดบ้ างสว่ น ความสะอาด เป็นไปตามเกณฑอ์ ย่าง
- ความพร้อมในการ ใดอย่างหนง่ึ
การตรงต่อ นำเสนอ - ใชส้ ีสันสวยงาม สง่ ผลงานครบถ้วน แต่ชา้
เวลา - ใชส้ ีสนั สวยงาม - มีความสะอาด กว่าเวลาท่ีกำหนด 10 ส่งผลงานครบถว้ น แตช่ ้า
- มีความสะอาด - มีความคดิ สร้างสรรค์ นาที กวา่ เวลาท่ีกำหนด 15
- มีความคดิ สร้างสรรค์ นาที
- ความเปน็ ระเบยี บอา่ น สง่ ผลงานครบถว้ น แต่ชา้
งา่ ย กว่าเวลาทก่ี ำหนด 5
สง่ ผลงานครบถ้วน ตรง นาที
ตามเวลาทกี่ ำหนด


ใบกจิ กรรม Diagram เร่อื ง ..

คำช้แี จง ให้นักเรยี นเขยี น Diagram เกีย่ วกบั การรับรู้และการตอบสนอง


..............................................


แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 2

ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ เสียงและการได้ยิน หนว่ ยยอ่ ยที่ 1
เรอ่ื ง สมบัติของคลืน่ เสียง
วนั ที่ทำการสอน เวลา 2 ชว่ั โมง

ผสู้ อน นายศักดร์ิ ะวี กนั ทะวงค์

1. สาระสำคญั 2. ผลการเรียนรู้
สมบตั ขิ องคล่ืนเสยี ง 3. อธิบายสมบัติของคลื่นเสียง ได้แก่การ

เสยี งเป็นคลืน่ กลชนดิ คลน่ื ตามยาว ดังนนั้ เสยี งจึงแสดงสมบตั ิของคลน่ื สะท้อน การหักเห การแทรกสอด การ
ครบทงั้ 4 ข้อ ไดแ้ ก่ การสะท้อน การหกั เห การแทรกสอด และการเลยี้ วเบน เล้ียวเบน รวมท้ังคำนวณปริมาณต่าง ๆ ที่
เกยี่ วข้อง

4. สาระการเรยี นรู้ 5. ชน้ิ งาน/ภาระงาน
สมบตั ิของคลน่ื เสยี ง 1. ใบงาน KWL เรื่อง สมบัติของคลน่ื เสียง

5. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน 6. เคร่ืองมือการสอนคดิ
- ความสามารถในการสื่อสาร - KWL
- ความสามารถในการคดิ
- ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

กจิ กรรมการเรยี นรู้

7. ขน้ั ของกิจกรรม 8. สื่อ 9. วิธีการวดั ผล
- ประเมนิ ใบงาน KWL
Do Now (3 นาท)ี - ใบความรู้ เร่ืองสมบัติ
เรือ่ ง สมบัติของคลื่น
บอกส่งิ ทีน่ ักเรยี นเหน็ ในภาพมาคนละ 1 อย่าง (หา้ มซ้ำ) ของคล่ืนเสยี ง เสยี ง

- ใบ ง า น KWL เรื่ อ ง

สมบัติของคลน่ื เสียง

- บทเรยี นออนไลน์

Purpose (2 นาท)ี

เราจะเรยี นเรอ่ื ง สมบตั ิของคลน่ื เสียง เพ่อื นักเรยี นสามารถอธบิ าย สง่ิ ทเี่ กี่ยวกับ

การเคล่อื นท่ขี องคลื่นเสยี ง

Work mode (110 นาท)ี

1. นกั เรียนตอบคำถาม “คล่ืนเสียงมลี กั ษณะอยา่ งไร” (5 นาท)ี

2. นกั เรียนทำกจิ กรรม KWL เรอ่ื ง สมบัตขิ องคลืน่ เสียง โดยตอบคำถาม “นักเรยี นรู้

อะไรเกยี่ วกับสมบัตขิ องคลน่ื เสียงบ้าง” ลงในช่อง K (10 นาท)ี

3. นักเรียนและครอู ภิปรายร่วมกนั บนกระดาน ในหวั ขอ้ นกั เรยี นร้อู ะไรบ้างเก่ยี วกับ

สมบตั ิของคล่นื เสยี ง (5 นาที)


4. นกั เรียนตอบคำถาม “นกั เรยี นอยากรอู้ ะไรบ้าง เก่ียวกบั สมบัตขิ องคลนื่ เสยี ง ”
ลงในชอ่ ง W (10 นาที)

5. นักเรียนและครอู ภปิ รายร่วมกันบนกระดาน ในหวั ข้อ นกั เรยี นอยากรูอ้ ะไรบ้าง
เกีย่ วกับ สมบตั ขิ องคล่นื เสยี ง (10 นาท)ี

6. นกั เรียนสืบคน้ ข้อมูลเก่ียวกับสมบตั ิของคลนื่ เสยี ง โดยศกึ ษาจากใบความรู้ เร่ือง
สมบัติของคลื่นเสยี ง (พอเพยี ง 3 การมีภมู คิ ้มุ กันท่ีดี) (30 นาที)

7. นักเรียนฟงั ครอู ธิบายเพ่มิ เตมิ เรือ่ ง สมบัติของคลน่ื เสยี ง (15นาที)
8. นักเรียนตอบคำถาม “นกั เรยี นไดร้ ้อู ะไรบา้ ง เกยี่ วกับสมบตั ิของคลนื่ เสียง ” ลง

ในชอ่ ง L (10 นาที)
9. นกั เรียนและครอู ภปิ รายร่วมกันบนกระดาน ในหัวขอ้ นักเรยี นไดร้ อู้ ะไรบา้ ง

เก่ียวกับสมบตั ิของคลนื่ เสยี ง (คดิ 3 คดิ วิพากย์)(สมรรถนะ3) (10 นาท)ี
10. นกั เรียนและครู รว่ มกนั สรปุ ความรู้ เรื่อง สมบตั ิของคล่ืนเสยี ง (10 นาที)
Reflective Thinking (5 นาท)ี

1. จากการเรียนในวนั นี้นกั เรียนไดร้ บั ความรเู้ ก่ยี วกับเรื่องเคลื่อนท่ขี องคลนื่
เสียง อยา่ งไรบ้าง (2 นาที)

2. ข้อสอบ En (2536) จำนวน 1 ข้อ (3 นาที)

ขอ้ สอบ En (2536)

1. (En 36) คัดขนาดของผลไมใ้ นขณะกำลังไหลผ่านมาตามรางน้ำโดยอาศัยการสะท้อนของเสียงจากเคร่ืองโซ
นาร์ โดยตอ้ งการแยกผลไม้ท่ีมขี นาดใหญ่กว่า และเล็กกว่า 7.5 เซนติเมตรออกจากกนั จงหาความถ่ี
เหมาะสมของคลืน่ จากโซนาร์ความเรว็ ของเสียงในนำ้ = 1500 เมตรต่อวินาที
1. 1 kHz
2. 2 kHz
3. 10 kHz
4. 20 kHz


ใบความรู้

เรอื่ ง สมบตั ิของคลน่ื เสียง

เสียงเกดิ จากการส่ันของวัตถตุ น้ กำเนิด คอื เม่ือเราให้งานหรอื พลงั งานแก่วัตถุต้นกำเนดิ เสียง พลังงานของ
การสั่นจะถ่ายโอนให้กับโมเลกุลของตัวกลางท่ีอยู่รอบๆ ทำให้โมเลกุลของตัวกลางส่ัน แล้วถ่ายโอนพลังงานให้กับ
โมเลกุลถัดไป มีผลให้คลื่นเสียงแผ่กระจายออกไปโดยรอบแหล่งกำเนิดโดยโมเลกุลของตัวกลางไม่ได้เคล่ือนท่ีไป
พรอ้ มกับคลื่นเสียง หลังจากเสียงเคลื่อนที่ผ่านไปแล้วโมเลกุลของตัวกลางแต่ละตำแหน่งยังคงอยู่ท่ีเดิม นั่นคือ คล่ืน
เสียงเคล่ือนท่ีผ่านโมเลกุลของตัวกลางจะเคลื่อนท่ีแบบซิมเปิลฮาร์โมนิกในแนวเดียวกับท่ีการเคล่ือนท่ีของเสียง
ดังนนั้ เสยี งจึงเปน็ คลืน่ ตามยาว

เมื่อพจิ ารณาการเคล่ือนท่ขี องเสียงในอากาศ ขณะท่ีเสียงผา่ นอากาศโมเลกลุ ของอากาศจะเกดิ การสัน่ ทำ
ใหเ้ กิดเป็นช่วงอดั (compression) และชว่ งขยาย (rarefaction)


ขณะท่คี ลน่ื เสียงเคลื่อนท่ผี ่านตัวกลางทำให้อนุภาคของตัวกลางเคล่ือนท่ีเกดิ การอดั (Compressions) และการ
ขยาย (Rarefaction) ที่เปล่ียนไปจากสภาวะปกติ


สมบตั ิของเสียงแบบคลื่น

จากท่ีนกั เรียนทราบแลว้ วา่ เสียงเป็นคล่ืนกลชนิดคลื่นตามยาว ดงั น้นั เสียงจึงแสดงสมบตั ิของคลื่นครบท้งั 4 ขอ้ ไดแ้ ก่ การ
สะทอ้ น การหกั เห การแทรกสอด และการเล้ียวเบน
1. การสะท้อนของเสียง

เสียงเป็นคลื่นจึงมีการสะทอ้ นตามกฏการสะทอ้ นของคล่ืน คอื มมุ ตกกระทบเทา่ กบั มมุ สะทอ้ น รังสีตกกระทบ รังสี
สะทอ้ น และเส้นปกติตอ้ งอยบู่ นระนาบเดียวกนั

ข้อสังเกตการสะท้อนของเสียงทีค่ วรทราบ
1.การสะทอ้ นของเสียงเกิดข้ึนเม่ือเสียงเคลื่อนที่ไปกระทบตวั กลางท่ีมีความหนาแน่นมากกวา่
2.ขนาดวตั ถุหรือตวั กลางท่ีไปตกกระทบตอ้ งมีขนาดเท่ากบั หรือใหญ่กวา่ ความยาวคลื่นเสียงน้นั
3. เสียงสะทอ้ นไดด้ ีกบั วตั ถผุ ิวเรียบ แขง็
4. คลื่นเสียงความถี่สูงสะทอ้ นไดด้ ีกวา่ ความถี่ต่า(เม่ืออตั ราเร็วเสียงคงตวั จะไดค้ วามถ่ีเสียงแปรผกผนั กบั ความยาวคลื่นเสียง
ดงั น้นั ความถี่สูงจึงมีความยาวคล่ืน ส้นั จึงสามารถสะทอ้ นไดก้ บั วตั ถทุ ่ีมีขนาดเล็กๆ เช่น Ultra sound )
5. การคานวณการทะทอ้ นเสียงใชส้ มการชุดเดียวกบั คานวณการเดินทางของเสียง


เสียงก้อง (Echo)

เม่ือเราตะโกนออกไป เราจะไดย้ นิ เสียงแรกเป็นเสียงท่ีตะโกนต่อมาเราไดย้ นิ เสียงเดิมอีกเป็นคร้ังที่สองจากการที่เสียง
เดินทางไปตกกระทบวตั ถุแลว้ สะทอ้ นกลบั มาเขา้ หูเรา เรียกวา่ "ไดย้ นิ เสียงกอ้ ง" เง่ือนไขของการไดย้ นิ เสียงกอ้ งคือ หลงั จาก
ไดย้ นิ เสียงคร้ังแรกแลว้ เสียงคร้ังท่ีสองท่ีสะทอ้ นมาเขา้ หูเราจะตอ้ งใชเ้ วลาต่างจากไดย้ ินคร้ังแรกไมน่ อ้ ยกวา่ 0.1 วินาที เพราะ
ถา้ เสียงท่ีสองสะทอ้ นมาถึงหูใชเ้ วลานอ้ ยกวา่ 0.1 วนิ าที หูจะไมส่ ามารถแยกออกวา่ เป็นการไดย้ นิ เสียงสองคร้ัง

ตวั อยา่ ง ขณะอากาศอณุ หภูมิ 15 องศาเซลเซียส คนตอ้ งยนื ตะโกนห่างจากหนา้ ผาสะทอ้ นเป็นระยะอยา่ งนอ้ ยที่สุดเทา่ ไร จึง
จะไดย้ นิ เสียงกอ้ งของตวั เอง

แนวคิด ใหค้ นอยหู่ ่างหนา้ ผาอยา่ งนอ้ ยท่ีสุด X เมตร เสียงเดินทางไปและสะทอ้ นกลบั ได้ S = 2X เมตรโดยใชเ้ วลานอ้ ยท่ีสุด

ที่จะไดย้ นิ เสียงกอ้ ง ได้ เวลา t = 0.1 วินาที หาอตั ราเร็วเสียงในอากาศเมื่อทราบอุณหภมู ิเซลเซียสไดจ้ าก v =

331+(0.6x15) = 340 เมตรต่อวินาที

สมการ S = v.t แทนคา่ ได้ 2X = 340 x 0.1 แกส้ มการ ได้ X = 17 เมตรเป็นอยา่ งนอ้ ย(ใกลห้ นา้ ผาระยะนอ้ ยกวา่ 17
เมตร ไมไ่ ดย้ นิ เสียงกอ้ งแต่มากกวา่ 17 เมตร ไดย้ นิ )

2. การหักเหเสียง

การหกั เหเสียงเกิดข้นึ เม่ือเสียงเคล่ือนท่ีผา่ นตวั กลางซ่ึงมีความแตกต่างกนั มีผลทาใหอ้ ตั ราเร็วเสียงเปลี่ยนแปลงไป และ
ทาใหค้ วามยาวคล่ืนเสียงเปลี่ยนแปลงดว้ ย เนื่องจากความถี่เสียงจากแหลง่ กาเนิดเสียงสัน่ คงท่ี ความสัมพนั ธข์ องปริมาณของ
การหกั เหคงเหมือนเดิมคอื เป็นไปตามกฏของสเนลล์ คือ


ในกรณีการเกิดมุมวกิ ฤตของเสียง เกิดเมื่อเสียงเริ่มตน้ จากบริเวณอากาศอุณหภมู ิต่าไปสู่อากาศอณุ หภูมิสูงกวา่ หรือ
เริ่มตน้ จากบริเวณท่ีเสียงมีอตั ราเร็วนอ้ ย ไปยงั บริเวณที่มีอตั ราเร็วมาก

การหกั เหเสียงในอากาศ เป็นปรากฏการณ์ท่ีพบเห็นในชีวติ ประจาวนั เช่นในตอนกลางวนั เราเห็นฟ้าแลบแตไ่ ม่ไดย้ นิ
เสียงท้งั ที่ความจริงจะตอ้ งมีเสียง เหตผุ ลสามารถอธิบายไดด้ ว้ ยหลกั การหกั เหเสียงในอากาศ


ในตอนกลางวนั อากาศท่ีสูงข้นึ ไปจะมีอณุ ภูมิต่ากวา่ บริเวณใกลพ้ ้ืน ทาใหเ้ สียงจากฟ้าแลบที่ลงมา มีมุมหกั เหโกวา่ มมุ
ตกกระทบ เมื่อหกั เหหลายคร้ังทาใหเ้ กิดการสะทอ้ นกลบั หมดกลบั ข้นึ ไป ไมม่ ีเสียงมาถึงผฟู้ ังที่อยบู่ นพ้ืน

3. การแทรกสอด

การแทรกสอดของเสียงเกิดจากแหล่งกาเนิดเสียงอาพนั ธ์ 2 แหลง่ คล่ืนเสียงจากสองแหล่งแผเ่ ขา้ ซอ้ นทบั กนั เกิดปฏิบพั
(เสียงดงั ) และบพั (เสียงเบา) ลากแนวปฏิบพั และบพั ไดต้ ามรูป




สมการการแทรกสอด แหล่งกาเนิดอาพนั ธ์ส่งคลื่นเสียงเฟสตรงกนั
เม่ือจุดสังเกต P อยบู่ นแนวแทรกสอดปฏิบพั (เสียงดงั ) และจุด Q อยบู่ นแนวแทรกสอดบพั (เสียงเบา)

รูปแสดงการเกิดแนวการแทรกสอดจากแหลง่ กาเนิดคลื่นอาพนั ธ์
4. การเลยี้ วเบนของเสียง

เสียงเป็นคล่ืนจึงแสดงสมบตั ิการเล้ียวเบน การเล้ียวเบนของเสียงคอื ปรากฏการณ์ท่ีเสียงออ้ มสิ่งกีดขวาง หรือลอดผา่ น
ช่องเปิ ดเด่ียวเล้ียวเบนผา่ นแยกบนทอ้ งถนน หรือผา่ นช่องหนา้ ต่าง ช่องประตู เสียงจะเล้ียวเบนไดด้ ีเม่ือความกวา้ งของช่องเปิ ด


เท่ากบั ความยาวคลื่นเสียงน้นั ดงั น้นั ในชีวิตประจาวนั พบวา่ เสียงท่ีมีความถ่ีต่า(ความยาวคล่ืนมาก) จะเล้ียวเบนผา่ นช่องเปิ ด
ต่างๆไดด้ ีกวา่ เสียงความถี่สูง(ความยาวคลื่นนอ้ ย)

จากรูป คนสามารถไดย้ นิ เสียงจากวทิ ยไุ ด้ แมว้ า่ จะมีมุมหอ้ งบงั เสียงไวเ้ พราะวา่ เสียงสามารถเล้ียวเบนได้

ในกรณีที่มีขบวนวงโยทวาธิตผา่ นไปตามทอ้ งถนน พบวา่ เสียงกลอง(หนา้ คล่ืนสีแดง)ซ่ึงมีความถ่ีต่าแต่ความยาวคลื่น
ยาว จะเล้ียวเบนไดด้ ีกวา่ เสียงจาก เคร่ืองเป่ า(หนา้ คลื่นสีน้าเงิน) ซ่ึงมีความถ่ีเสียงสูง เนื่องจากการเล้ียวเบนดีช่องกวา้ งตอ้ ง
เทา่ กบั หรือใกลเ้ คยี งความยาวคลื่นเสียง

รูปการเล้ียวเบนคล่ืนผา่ นช่องเดี่ยว
การเล้ียวเบนผา่ นช่องเปิ ดเด่ียว บางกรณีหลงั จากเล้ียวเบนแลว้ ไปเกิดการแทรกสอดกนั อีก เกิดแนวบพั และปฏิบพั คานวณการ

แทรกสอดกรณีน้ีไดจ้ ากสมการ


ความรู้ KWL

เรอ่ื ง ................................................................ ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี..........

ชอ่ื ..................................................สกุล..........................................ชนั้ ...............เลขท่.ี ....................

คำชี้แจง นักเรียนบันทกึ ความรู้ทไ่ี ด้ ลงในตารางต่อไปน้ีพรอ้ มทงั้ เขียนสรุปความ ลงในบรรทดั ท่ีว่างข้างลา่ งของแบบบันทึก

K(นักเรียนรอู้ ะไร) W(นกั เรียนต้องการรอู้ ะไร) L(นักเรียนไดเ้ รียนรู้อะไร)

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………...…………………………………………………………………………………………………………
……………………...……………………………………………………………………………………………………………………………….


แบบประเมนิ ผลงานใบงาน KWL

คำชี้แจง : ใหผ้ ู้สอนประเมนิ ผลงานใบงานนักเรยี น ใหท้ ำเครื่องหมาย✓ลงในช่องรายการประเมินกำหนด

ลำดับที่ ชอ่ื -สกุล การแสดงความ ครอบคลุม ผลสำเร็จ ตรงตอ่ เวลา ความสะอาด รวม สรุปผล
ของผ้รู บั การประเมนิ คดิ เหน็ ถกู ต้อง เน้อื หา ของงาน 4321 เรียบรอ้ ย 20 การ
คะแนน ประเมนิ
ชดั เจน 4321 4321 4321 ผา่ น/ไม่
ผา่ น
4321

ลงชอ่ื .................................................... ผปู้ ระเมิน
................/................/................

เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ
ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสม่ำเสมอ
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบอ่ ยคร้ัง ให้ 4 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 3 คะแนน
ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมนอ้ ยคร้ัง ให้ 2 คะแนน 18 - 20 ดมี าก
ให้ 1 คะแนน
14 - 17 ดี

10 - 13 พอใช้

ต่ากว่า 10 ปรบั ปรุง

นกั เรียนไดร้ ะดบั คณุ ภาพท่ี พอใช้ ขึ้นไปถอื ว่า ผา่ น


ตารางแนบท้ายแบบประเมินใบงาน KWL

เกณฑก์ าร ระดับการประเมนิ
ประเมิน
การแสดง 4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรุง)
ความ - แสดงความคิดเหน็ ใน
คดิ เห็น - แสดงความคดิ เหน็ ใน - แสดงความคิดเห็นใน - แสดงความคิดเห็นใน
ชอ่ ง K ได้ นอ้ ยกว่า 7
ชอ่ ง K ได้ 10 ข้อ ช่อง K ได้ 9-10 ข้อ ช่อง K ได้ 7-8 ข้อ ขอ้
- แสดงความคดิ เหน็ ใน
คำถามขน้ึ ไป คำถาม คำถาม ชอ่ ง W ได้ น้อยกวา่ 7
ข้อ
- แสดงความคิดเห็นใน - แสดงความคิดเหน็ ใน - แสดงความคดิ เหน็ ใน - แสดงความคดิ เหน็ ใน
ชอ่ ง L ได้ นอ้ ยกวา่ 7
ชอ่ ง W ได้ 10 ขอ้ ชอ่ ง W ได้ 9-10 ขอ้ ช่อง W ได้ 7-8 ข้อ ข้อ

คำถามขึ้นไป คำถาม คำถาม

- แสดงความคดิ เห็นใน - แสดงความคดิ เห็นใน - แสดงความคดิ เหน็ ใน

ชอ่ ง L ได้ 10 ข้อ ช่อง L ได้ 9-10 ข้อ ช่อง L ได้ 7-8 ข้อ

คำถามขนึ้ ไป คำถาม คำถาม

เนื้อหา - เน้อื หาครบถ้วนตาม - เนื้อหาถกู ต้องตามสาระ - เน้อื หาถูกต้องตามสาระ - เนือ้ หาถูกต้องตามสาระ

สาระท่ีกำหนด 100% ทกี่ ำหนด 80-99% ท่ีกำหนด 60-79% ทกี่ ำหนดต่ำว่า 59%

- เขยี นถูกต้องตามหลัก - เขยี นถกู ต้องตามหลัก - เขยี นถูกต้องตามหลัก - เขยี นถูกต้องตามหลกั

ภาษา 100% ภาษา 80-99% ภาษา 60-79% ภาษาตำ่ ว่า 59%

- ลำดบั หวั ข้อเนือ้ หา - ลำดับหวั ข้อเนื้อหา - มีการสรุปได้อยา่ ง - มีการสรุปไม่

ชัดเจน ชดั เจน สมเหตุสมผล 60-79% สมเหตุสมผลต่ำวา่

- มีการสรุปได้อยา่ ง - มีการสรุปได้อย่าง 59%

สมเหตสุ มผล 100% สมเหตสุ มผล 80-99%

การนำเสนอ - พูดชดั เจนเสยี งดงั ฟงั ชัด - พดู ชดั เจนเสียงดังฟงั ชดั - การพูดเหมาะสม - สามารถพูดนำเสนอได้

- ใชภ้ าษาทางการถูกต้อง - ใชภ้ าษาทางการถูกต้อง - ใชภ้ าษาทางการถูกต้อง - ใช้ภาษาทางการถูกต้อง

ตามอักขระ100% ตามอักขระ80-99% ตามอักขระ60-79% ตามอักขระต่ำวา่ 59%

- บุคลิกภาพดแี ละมีความ - บคุ ลิกภาพดี - บคุ ลกิ ภาพเหมาะสม - บุคลกิ ภาพเหมาะสม

มั่นใจ - ความพรอ้ มในการ

- มีการใช้สอ่ื ประกอบการ นำเสนอไดบ้ างสว่ น

นำเสนอ

- ความพรอ้ มในการ

นำเสนอ

ความ - ใช้สีสันสวยงาม - ใช้สีสันสวยงาม - ใชส้ ีสันสวยงามและมี - ใชส้ ีสันสวยงามหรือ

สวยงาม - มคี วามสะอาด - มีความสะอาด ความสะอาด เป็นไปตามเกณฑอ์ ย่าง

- มีความคดิ สรา้ งสรรค์ - มีความคดิ สร้างสรรค์ ใดอยา่ งหน่งึ


การตรงต่อ - ความเป็นระเบยี บอา่ น สง่ ผลงานครบถ้วน แต่ชา้ สง่ ผลงานครบถ้วน แต่ช้า สง่ ผลงานครบถว้ น แต่ชา้
เวลา ง่าย กวา่ เวลาทก่ี ำหนด 5 กว่าเวลาทกี่ ำหนด 10 กวา่ เวลาทีก่ ำหนด 15
สง่ ผลงานครบถ้วน ตรง นาที นาที นาที
ตามเวลาท่ีกำหนด


แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 3

ช่อื หน่วยการเรยี นรู้ เสียงและการได้ยนิ หนว่ ยย่อยที่ 1
เรื่อง การสะท้อนของคล่ืนเสียง
วนั ท่ีทำการสอน เวลา 2 ชัว่ โมง

ผูส้ อน นายศกั ดิร์ ะวี กันทะวงค์

1. สาระสำคญั 2. ผลการเรยี นรู้
เสียงแสดงคณุ สมบตั ิการสะทอ้ นเช่นเดียวกนั กบั คลื่น เม่ือเสียงเคลอ่ื นทีช่ นส่งิ กดี 3. อธิบายสมบัติของคล่ืนเสียง ได้แก่การ
ขวางเคลอื่ นท่ีถงึ ผิวรอยตอ่ ของตัวกลาง หรอื แมก้ ระทั่งตวั กลางชนิดเดยี วกันแต่
อณุ หภูมติ า่ งกนั (มกั พบในตัวกลางที่ เปน็ อากาศ) จะทำใหเ้ กิดการสะท้อน ซึ่ง สะท้อน การหักเห การแทรกสอด การ
เปน็ ไปตามกฎการสะทอ้ นของคลื่น เลี้ยวเบน รวมทั้งคำนวณปริมาณต่าง ๆ ท่ี
เกีย่ วข้อง

4. สาระการเรียนรู้ 5. ชนิ้ งาน/ภาระงาน
การสะท้อนของคล่นื เสยี ง 1. ใบงาน CAF ใน เร่อื ง การสะท้อนของคล่ืนเสียง
2. ใบงาน โจทยป์ ัญหาเรอื่ ง การสะทอ้ นของคลน่ื
5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน
- ความสามารถในการสื่อสาร เสยี ง
- ความสามารถในการคิด
- ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 6. เครอ่ื งมือการสอนคดิ
- CAF

กิจกรรมการเรียนรู้ 8. สอ่ื 9. วิธีการวัดผล
7. ขัน้ ของกจิ กรรม
Do Now (3 นาท)ี - ใบงาน CAF เรื่องการ - ประเมนิ ใบงาน
บอกเคร่ืองมือทท่ี ำให้เกดิ เสียงมาคนละ 1 ข้อ (หา้ มซำ้ ) สะท้อนของคลืน่ เสียง CAF เรอ่ื งการ
Purpose (2 นาท)ี สะท้อนของคล่นื
เราจะเรยี นเรือ่ ง สมบตั ิของคลน่ื เสยี ง เพื่อนักเรยี นสามารถอธิบาย สิ่งที่เกยี่ วกบั - ใบงานโจทย์ปญั หาเรอ่ื ง เสียง
การสะท้อนของคล่ืนเสยี ง ก า ร ส ะ ท้ อ น ข อ ง ค ลื่ น ประเมินใบงาน
Work mode (110 นาท)ี เสยี ง - โจทย์ปัญหาเร่ือง
1. นักเรียนดูคลิปวีดโี อ เร่ือง การสะทอ้ นของคลื่นเสยี ง (10 นาที) การสะท้อนของ
2. นกั เรียนและครรู ่วมกนั อภิปรายความรทู้ ไ่ี ด้จากคลปิ วดี โี อ - ใบความรู้ เรื่อง การ คลื่นเสยี ง
( 10 นาที) สะทอ้ นของเสยี ง
3. นกั เรยี นฟังครูอธิบายเพมิ่ เตมิ เรอ่ื ง เสยี งดนตรี (15 นาที)
4. นักเรยี นศกึ ษาใบความรู้ เรอื่ ง การสะทอ้ นของเสียง (พอเพียง3 การมภี มู คิ มุ้ กันที่ - ค ลิ ป วิดี โอเรื่อ งการ
ดีในตวั )(15 นาที) สะทอ้ นของคลน่ื เสียง
5. นกั เรียนวเิ คราะหผ์ ลจะเปน็ อยา่ งไรถา้ เรานำการสะทอ้ นของคลื่นเสยี งมาใช้ https://youtu.be/Zn
Mf540y4lI

- บทเรยี นออนไลน์


ประโยชนใ์ นชวี ติ ประจำวันแลว้ ทำลงใบงาน CAF ในเร่ือง การสะทอ้ นของเสยี ง
(คดิ 1 : คิดวเิ คราะห)์ (สมรรถนะ2) (30 นาที)
6. นกั เรียน(โดยสมุ่ ตัวแทน)นำเสนอผลงานหน้าชน้ั เรยี น(สมรรถนะ3)(5 นาท)ี
7. นกั เรียนทำใบงาน โจทยป์ ญั หาเรอื่ ง การสะทอ้ นของคลน่ื เสยี ง (20 นาที)
Reflective Thinking (5 นาท)ี
1. จากการเรยี นในวันนีน้ ักเรยี นไดร้ ับความร้เู กีย่ วกบั เรอื่ งการสะท้อนของคล่ืน

เสยี ง อยา่ งไรบ้าง (2 นาที)

2. ข้อสอบ En (2537) จำนวน 1 ข้อ (3 นาที)

ข้อสอบ En (2537)

1. (En 37) เรือหาปลาลำหนึ่งหาฝงู ปลาด้วยโซนาร์ส่งคล่ืนดลของเสียงความถส่ี งู ลงไปในน้ำทะเลถา้ ฝูงปลาอยู่
ห่างจากเคร่ืองกำเนิดคลนื่ ไปทางหัวเรอื เปน็ ระยะทาง 120 เมตร และอยลู่ ึกจากผิวนำ้ เป็นระยะ 90 เมตร
หลังจากส่งคลนื่ ดลจากโซนาร์ไปเป็นเวลาเทา่ ใด จึงจะไดร้ ับคลนื่ ที่สะท้อนกลับมากำหนดความเร็วเสยี งใน
นำ้ ทะเล = 1,500 m/s
1. 0.1 วนิ าที
2. 0.2 วนิ าที
3. 0.3 วินาที
4. 0.4 วินาที


ใบงาน

จะเปน็ อยา่ งไรถ้าเรานำการสะทอ้ นของคลืน่ เสียงมาใช้ประโยชนใ์ นชีวิตประจำวัน

ตัวชว่ ยในการคิดมี 18 หัวขอ้

1.การเงนิ และธรุ กิจ 7.สันทนาการ 13.ความต้องการพน้ื ฐาน
2.การขนสง่ 8.การเมืองการปกครอง 14.การป้องกัน
3.ความสมั พันธท์ างสงั คม 9.จรยิ ธรรมและศาสนา 15.เศรษฐกจิ
4.สิ่งแวดลอ้ ม 10.ศิลปะและสุนทรียภาพ 16.กฏหมายและความยุติธรรม
5.การศึกษา 11.สุขภาพ 17.การสื่อสาร
6.เทคโนโลยี 12.สขุ ภาพจติ 18.อน่ื ๆ

สรุปผล

.........................................................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................................................................


แบบประเมินใบงาน CAF

คำชีแ้ จง : ให้ผ้สู อนประเมินผลงานใบงานนักเรยี น โดยการประเมินคะแนนลงในชอ่ งรายการประเมินกำหนดตาม
ตารางแนบทา้ ยแบบประเมินใบงาน CAF

ลำดบั ที่ ชือ่ -สกุล การแสดง เน้ือหา นำเสนอ ความ ตรงต่อ รวม สรุปผลการ
ของผู้รับการ ความ สวยงาม เวลา 20 คะแนน ประเมนิ ผ่าน/ไม่
คดิ เห็น (4คะแนน) (4คะแนน)
ประเมนิ (4คะแนน) (4คะแนน) ผ่าน

ลงชื่อ ....................................................ผู้ประเมิน
................/................/................

เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

18 - 20 ดมี าก

14 - 17 ดี

10 - 13 พอใช้

ต่ากวา่ 10 ปรบั ปรุง

นักเรียนได้ระดับคณุ ภาพท่ี พอใช้ ขึน้ ไปถือวา่ ผ่าน


ตารางแนบท้ายแบบประเมนิ ใบงาน CAF

เกณฑก์ าร ระดบั การประเมิน
ประเมิน
การแสดง 4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรุง)
ความ - - แสดงความคดิ เห็น
คิดเห็น - แสดงความคดิ เหน็ - แสดงความคดิ เห็น - แสดงความคิดเหน็
ผลกระทบของปัญหา/
การแสดง ผลกระทบของปัญหา/ ผลกระทบของปัญหา/ ผลกระทบของปัญหา/ เหตุการได้ น้อยกวา่ 6
ความ ขอ้
คดิ เหน็ เหตกุ ารได้ 10 ขอ้ ขึ้นไป เหตุการได้ 8-9 ข้อ เหตุการได้ 6-7 ขอ้
- - แสดงความคดิ เห็น
- ระบสุ งิ่ ทีไ่ ด้รับ - ระบสุ ิง่ ท่ีได้รบั -ระบสุ งิ่ ทไี่ ด้รับผลกระทบ ผลกระทบของปัญหา/
เหตุการณ์ได้ น้อยกวา่
ผลกระทบจากปญั หา/ ผลกระทบจากปญั หา/ จากปัญหา/เหตกุ ารณ์ 6 ขอ้

เหตุการณ์ได้ครบถว้ น เหตกุ ารณ์ 80-99% 60-79%

- แสดงความคดิ เห็น - แสดงความคิดเหน็ - แสดงความคดิ เหน็

ผลกระทบของปัญหา/ ผลกระทบของปัญหา/ ผลกระทบของปัญหา/

เหตกุ ารฌไ์ ด้ 10 ข้อข้นึ เหตกุ ารณ์ได้ 8-9 ข้อ เหตกุ ารณ์ได้ 6-7 ข้อ

ไป

เนอ้ื หา - เน้ือหาครบถ้วนตาม - เน้อื หาถกู ต้องตามสาระ - เนอื้ หาถูกต้องตามสาระ - เน้ือหาถกู ต้องตามสาระ
การนำเสนอ สาระท่ีกำหนด 100% ทก่ี ำหนด 80-99% ทก่ี ำหนด 60-79% ท่กี ำหนดต่ำว่า 59%
- เขียนถูกต้องตามหลัก - เขียนถูกต้องตามหลกั - เขียนถกู ต้องตามหลกั - เขียนถูกต้องตามหลัก
ภาษา 100% ภาษา 80-99% ภาษา 60-79% ภาษาตำ่ ว่า 59%
- ลำดบั หัวขอ้ เนอ้ื หา - ลำดบั หวั ขอ้ เน้ือหา - มีการสรุปได้อย่าง - มีการสรุปไม่
ชัดเจน ชดั เจน สมเหตุสมผล 60-79% สมเหตสุ มผลตำ่ ว่า
- มกี ารสรปุ ได้อย่าง - มีการสรปุ ได้อย่าง 59%
สมเหตุสมผล 100% สมเหตสุ มผล 80-99% - การพดู เหมาะสม
- พูดชัดเจนเสียงดังฟังชดั - พดู ชัดเจนเสียงดงั ฟงั ชัด - ใชภ้ าษาทางการถูกต้อง - สามารถพูดนำเสนอได้
- ใชภ้ าษาทางการถูกต้อง - ใช้ภาษาทางการถูกต้อง ตามอักขระ60-79% - ใชภ้ าษาทางการถูกต้อง
ตามอักขระ100% ตามอักขระ80-99% - บคุ ลกิ ภาพเหมาะสม ตามอักขระตำ่ วา่ 59%
- บคุ ลิกภาพดแี ละมีความ - บคุ ลกิ ภาพดี - บุคลกิ ภาพเหมาะสม
ม่นั ใจ - ความพรอ้ มในการ
- มีการใช้สอ่ื ประกอบการ นำเสนอได้บางส่วน
นำเสนอ
- ความพร้อมในการ
นำเสนอ


ความ - ใช้สสี ันสวยงาม - ใชส้ ีสันสวยงาม - ใชส้ ีสนั สวยงามและมี - ใช้สีสนั สวยงามหรือ
สวยงาม - มีความสะอาด - มีความสะอาด ความสะอาด เป็นไปตามเกณฑ์อย่าง
- มีความคิดสรา้ งสรรค์ - มีความคิดสรา้ งสรรค์ ใดอยา่ งหนึ่ง
- ความเป็นระเบียบอา่ น
ง่าย


โจทยป์ ัญหาเร่อื ง การสะทอ้ นของคลน่ื เสียง
1. (En 36) คัดขนาดของผลไม้ในขณะกำลังไหลผ่านมาตามรางน้ำโดยอาศัยการสะทอ้ นของเสียงจากเคร่ืองโซนาร์

โดยต้องการแยกผลไม้ท่ีมีขนาดใหญก่ ว่า และเล็กกว่า 7.5 เซนติเมตรออกจากกัน จงหาความถี่เหมาะสมของ
คลื่นจากโซนาร์ความเรว็ ของเสยี งในน้ำ = 1500 เมตรต่อวินาที

2. ชายคนหน่งึ ตะโกนเสียงมคี วามถ่ี 1,000 คร้ัง/วินาที ออกไปยงั หนา้ ผาซ่งึ อยหู่ ่างออกไป300 เมตร ปรากฏวา่ เขา
ไดย้ ินเสียงสะท้อนกลับหลังจากตะโกนแล้ว 4 วินาที จงหาก) ความเร็วเสียง ข) ความยาวคลืน่ เสียง


3. (มช 32) บ่ายวันหนงึ่ ชายคนหน่งึ เปล่งเสยี งไปยังหนา้ ผาแห่งหน่งึ ปรากฏวา่ ได้ยินเสยี งของตัวเองสะท้อน
กลับมาหลังจากเปลง่ เสียงไปแล้ว 8 วินาที ตอ่ มาชายคนนี้เดินเขา้ หาหนา้ ผาเป็นระยะทาง 30 เมตร แล้วเปล่ง
เสียงอีก ปรากฏวา่ ได้ยินเสยี งสะท้อนกลบั มาหลังจากเปล่งเสียงไปแลว้ 5 วินาที อยากทราบว่าจุดแรกท่ีชายคนนี้
ยนื อยหู่ ่างจากหน้าผากีเ่ มตร

4. (En 42/1) เรือลำหน่งึ วง่ิ เข้าหาหน้าผาเรียบดว้ ยความเร็ว 10 เมตรต่อวินาที เม่ือเปดิ หวดู ขึน้ คนในเรือได้ยนิ
เสยี งหวดู สะท้อนจากหนา้ ผาในเวลา 2.0 วนิ าที ถา้ ขณะน้ันความเรว็ เสียงในอากาศเปน็ 350 เมตรต่อวนิ าที
ขณะเปดิ หวดู เรอื หา่ งจากหนา้ ผาเปน็ ระยะเทา่ ใด


เกณฑ์การใหค้ ะแนนแบบฝกึ หัด

เกณฑ์การให้ เกณฑ์ที่กำหนด 54 ระดบั คะแนน 2 1
คะแนน ทำตามเกณฑ์ที่ ทำตามเกณฑท์ ี่ 3 ทำตามเกณฑ์ท่ี ทำตามเกณฑท์ ี่
1 คำตอบถูกต้อง กำหนดทงั้ 6 กำหนดทง้ั 4-5 กำหนดทัง้ 1 กำหนดทั้ง 0
แบบฝกึ หดั 2 แสดงวิธีการคำนวณได้ ข้อ ข้อ ทำตามเกณฑท์ ี่ ขอ้ ขอ้
3 แทนคา่ สมการได้ กำหนดท้งั 2-3
4 กำหนดสูตร/สมการได้ ข้อ

ถูกตอ้ ง
5 วเิ คราะห์และกำหนด

ตวั แปรได้
6 ไมไ่ ดส้ ามารถแสดงวิธี

ทำและคำตอบผิด

เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

15 – 20 ดีมาก

11 – 15 ดี

6 – 10 พอใช้

0 – 5 ปรบั ปรุง

นกั เรียนได้ระดับคณุ ภาพที่ พอใช้ ข้ึนไปถอื วา่ ผ่าน


แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 4

ชอื่ หนว่ ยการเรยี นรู้ เสยี งและการไดย้ ิน หนว่ ยย่อยที่ 1
เรอื่ ง การหกั เหของคลื่นเสียง
วนั ที่ทำการสอน เวลา 2 ชัว่ โมง

ผู้สอน นายศกั ดริ์ ะวี กนั ทะวงค์

1. สาระสำคัญ 2. ผลการเรยี นรู้
การหักเหของเสยี ง จะเกดิ ขึน้ เม่ือเสยี งเคลื่อนทีผ่ ่านตัวกลางต่างชนดิ กันซง่ึ ทำให้ 3. อธิบายสมบัติของคลื่นเสียง ได้แก่การ
อตั ราเรว็ ของเสยี งเปลีย่ นแปลงและอณุ หภมู ทิ เ่ี ปล่ยี นไปก็ทำใหอ้ ตั ราเรว็ ของ
เสยี งเปลีย่ นแปลงไปดว้ ย ซ่ึงเปน็ สมบตั ิการหกั เหของคลนื่ ในการหกั เหของคล่ืน สะท้อน การหักเห การแทรกสอด การ
เสยี งทศิ ทางการเคล่ือนท่ขี องคล่ืนเสียงเปล่ยี นไปด้วย เลี้ยวเบน รวมทั้งคำนวณปริมาณต่าง ๆ ท่ี
เกยี่ วข้อง

4. สาระการเรยี นรู้ 5. ช้นิ งาน/ภาระงาน
การหักเหของคล่ืนเสยี ง 1. ใบงาน KWL เร่ือง การหกั เหของคล่ืนเสียง

5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น 6. เครื่องมือการสอนคิด
- ความสามารถในการส่ือสาร - KWL
- ความสามารถในการคดิ
- ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

กิจกรรมการเรียนรู้

7. ข้ันของกิจกรรม 8. สือ่ 9. วธิ ีการวดั ผล
ประเมนิ ใบงาน
Do Now (3 นาท)ี - ใบความรู้ เรื่องการหัก - KWL เรือ่ ง การหัก
เหของคลนื่ เสยี ง
บอกเครื่องดนตรีมาคนละ 1 อย่าง (ห้ามซำ้ ) เหของคล่นื เสยี ง

Purpose (2 นาท)ี - ใบงาน KWL เร่ืองการ

เราจะเรยี นเรือ่ ง สมบัติของคลนื่ เสยี ง เพ่ือนกั เรยี นสามารถอธิบาย สิง่ ทเี่ ก่ียวกบั หักเหของคล่นื เสียง

การหกั เหของคล่นื เสยี ง - บทเรียนออนไลน์

Work mode (110 นาท)ี

1. นกั เรยี นตอบคำถาม “คลนื่ เสียงมลี ักษณะอยา่ งไร” (5 นาท)ี

2. นกั เรยี นทำกิจกรรม KWL เร่ือง การหักเหของคล่ืนเสียง โดยตอบคำถาม “นกั

เรียนรอู้ ะไรเก่ยี วกับการหกั เหของคลื่นเสยี งบ้าง” ลงในชอ่ ง K (10 นาที)

3. นักเรียนและครอู ภิปรายร่วมกันบนกระดาน ในหัวขอ้ นักเรยี นรูอ้ ะไรบา้ งเกยี่ วกบั

การหกั เหของคล่ืนเสยี ง (5 นาที)

4. นกั เรยี นตอบคำถาม “นกั เรียนอยากรู้อะไรบา้ ง เกีย่ วกบั การหักเหของคลน่ื เสยี ง”

ลงในช่อง W (10 นาที)


5. นักเรียนและครูอภิปรายร่วมกันบนกระดาน ในหัวข้อ นักเรยี นอยากรู้อะไรบ้าง
เกย่ี วกับ การหกั เหของคลน่ื เสยี ง (10 นาท)ี

6. นกั เรียนสบื คน้ ขอ้ มลู เก่ียวกบั สมบตั ิของคลน่ื เสยี ง โดยศกึ ษาจากใบความรู้ เร่อื ง
การหักเหของคล่ืนเสยี ง (พอเพียง 3 การมีภมู ิคมุ้ กนั ท่ีดี) (30 นาท)ี

7. นักเรยี นฟงั ครูอธบิ ายเพ่มิ เตมิ เรื่อง สมบตั ิของคลื่นเสียง (15นาที)
8. นักเรยี นตอบคำถาม “นกั เรียนไดร้ ู้อะไรบา้ ง เก่ยี วกบั การหกั เหของคลน่ื เสียง”

ลงในชอ่ ง L (10 นาที)
9. นกั เรียนและครูวเิ คราะหข์ อ้ มลู ร่วมกันบนกระดาน ในหวั ขอ้ นักเรยี นได้รู้

อะไรบา้ ง เก่ียวกับการหกั เหของคลื่นเสยี ง(คดิ 1 คิดวิเคราะห์)(สมรรถนะ2)
(10 นาที)
10. นกั เรียนและครู รว่ มกนั สรปุ ความรู้ (10 นาท)ี
Reflective Thinking (5 นาท)ี
1. จากการเรยี นในวนั น้ีนกั เรยี นไดร้ ับความรเู้ กยี่ วกับเรอ่ื งการหักเหของคลน่ื

เสียง อยา่ งไรบา้ ง (2 นาที)

2. ขอ้ สอบ มช (2527) จำนวน 1 ขอ้ (3 นาที)

ข้อสอบ มช (2527)

1. (มช 27) บางครัง้ เกดิ ฟา้ แลบโดยไม่ได้ยินเสยี งเพราะ
1. ไม่มเี สียงเกดิ ขึ้น
2. เสยี งเล้ยี วเบนหมด
3. เสยี งหักเหหมด
4. เสยี งสะท้อนหมด


ใบความรู้
เร่ือง การหักเหของคลน่ื เสียง

การหกั เหเสียง
การหกั เหเสียงเกิดข้ึนเมื่อเสียงเคล่ือนท่ีผา่ นตวั กลางซ่ึงมีความแตกต่างกนั มีผลทาใหอ้ ตั ราเร็วเสียงเปล่ียนแปลงไป และ

ทาใหค้ วามยาวคลื่นเสียงเปล่ียนแปลงดว้ ย เน่ืองจากความถี่เสียงจากแหล่งกาเนิดเสียงสัน่ คงท่ี ความสมั พนั ธ์ของปริมาณของ
การหกั เหคงเหมือนเดิมคอื เป็นไปตามกฏของสเนลล์ คือ

ในกรณีการเกิดมุมวกิ ฤตของเสียง เกิดเมื่อเสียงเริ่มตน้ จากบริเวณอากาศอณุ หภูมิต่าไปสู่อากาศอณุ หภมู ิสูงกวา่ หรือ
เริ่มตน้ จากบริเวณที่เสียงมีอตั ราเร็วนอ้ ย ไปยงั บริเวณท่ีมีอตั ราเร็วมาก


การหกั เหเสียงในอากาศ เป็นปรากฏการณ์ที่พบเห็นในชีวิตประจาวนั เช่นในตอนกลางวนั เราเห็นฟ้าแลบแตไ่ ม่ไดย้ นิ
เสียงท้งั ท่ีความจริงจะตอ้ งมีเสียง เหตุผลสามารถอธิบายไดด้ ว้ ยหลกั การหกั เหเสียงในอากาศ

ในตอนกลางวนั อากาศท่ีสูงข้นึ ไปจะมีอณุ ภมู ิต่ากว่าบริเวณใกลพ้ ้ืน ทาใหเ้ สียงจากฟ้าแลบท่ีลงมา มีมุมหกั เหโกวา่ มุม
ตกกระทบ เมื่อหกั เหหลายคร้ังทาใหเ้ กิดการสะทอ้ นกลบั หมดกลบั ข้นึ ไป ไมม่ ีเสียงมาถึงผฟู้ ังท่ีอยบู่ นพ้ืน


ความรู้ KWL

เรอ่ื ง ................................................................ ช้ันมัธยมศึกษาปที ่.ี .........

ช่อื ..................................................สกุล..........................................ช้นั ...............เลขที่.....................

คำชี้แจง นักเรียนบันทกึ ความรทู้ ไ่ี ด้ ลงในตารางต่อไปน้ีพรอ้ มทงั้ เขยี นสรุปความ ลงในบรรทัดทีว่ า่ งข้างล่างของแบบบันทกึ

K(นกั เรยี นรู้อะไร) W(นกั เรียนต้องการรอู้ ะไร) L(นกั เรยี นได้เรยี นรู้อะไร)

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………...…………………………………………………………………………………………………………
……………………...……………………………………………………………………………………………………………………………….


Click to View FlipBook Version