The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนรายวิชา ฟิสิกส์ 4

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by jirapinya051041, 2022-12-14 20:22:24

แผนรายวิชา ฟิสิกส์ 4

แผนรายวิชา ฟิสิกส์ 4

ใบความรู้
เร่อื ง เสียงดนตรี

เสียงดนตรคี ือเสยี งที่ไพเราะน่าฟังเกิดจากการรวมกนั ของคลืน่ เสียงอยา่ งมีระเบยี บแบบแผนทำใหไ้ ด้คลนื่ เสยี งท่ี
เปน็ ระเบยี บไพเราะน่าฟงั ต่างจากเสียงรบกวนซง่ึ รวมกนั แบบม่วั ๆทำให้ได้คลนื่ ท่ีไม่ไพเราะฟังแล้วเกิดรำคาญใจ

เสยี งรบกวน (บน) เสยี งดนตรี (ลา่ ง)
ตัวอย่างคลนื่ เสียงดนตรีทวี่ ัดไดโ้ ดยออสซิลโลสโคป

ขล่ยุ จีน

แซคโซโฟน


ฟลุต

เชลโล่
เครอ่ื งดนตรี (Musical instrument)
เคร่ืองคนตรคี ือเคร่ืองมือท่ีใช้สร้างคลืน่ เสยี งทสี มมาตรน่าฟัง ฟังแล้ว รู้สึกดี
คึกคัก สนุกสนาน ทำไหเ้ กดิ อารมณ์ร่วม สุข เศร้า เหงา รกั ดงั คลนื่ เสียง

a. b.
ออสซิโลสโคป(Osilloscope) คือเครื่องมือที่ใชว้ ัดสญั ญาณคลื่น เราสามารถวัด
เราคงเคยสงสัยว่าเหตุไดนักดนตรีจึงเล่นดนตรีรว่ มกันเปน็ วงไดอ้ ย่างเพราะพริ้ง นอกจากจะตอ้ งฝึกฝนอยา่ ง
หนักแล้ว เครอ่ื งดนตรีก็เปน็ ตัวช่วยใหศ้ ลิ ปินคนโปรดของเราเล่นดนตรีได้ไพเราะเนื่องจากเคร่ืองดนตรชี นดิ ตา่ งๆไดม้ ี
การจัดวางระดบั ความถเ่ี สยี งไวอ้ ยา่ งลงตัวโดยมี ตวั โน้ต C กลาง ความถี่ 261.1 Hz เป็นความถก่ี ลาง ด้านซา้ ยของ
เปียโนจะความถีต่ ่ำลงเรอ่ื ยๆส่วนดา้ นขวาของเปยี โนจะมคี วามถ่สี งู ขนึ้ เร่ือยๆ


เปียโนจะเป็นตวั ควบคมุ ท่วงทำนอง(ความถ)่ี ของเพลง แลว้ ก็มีมือกีตาร์ มือไวโอลิน นักเปา่ แซคโซโฟนมาร่วม
แจมสร้างสีสันของเพลง อ๊ะ!!! ที่ขาดไมไ่ ดค้ ือนกั ร้องเสียงใสขวญั ใจวยั รนุ่
นอกจากทว่ งทำนองแล้วยงั มีอกี อย่างที่สำคญั มากนนั่ ก็คือจงั หวะ กย็ กใหม้ ือกลองเปน็ คนควบคุมจังหวะ

แผนภาพแสดงระดบั เสยี งของเครอื่ งดนตรี
คล่นื น่งิ ในเสน้ เชือก (Standing wave on the string)

คล่ืนน่งิ ในเส้นเชอื ก เกิดจากคลนื่ 2 ขบวนรวมกนั คลืน่ แรกคอื คลื่นขาเข้า และ คล่นื ท่สี องคือคลนื่ ทีส่ ะท้อน
กับ ตัวอยา่ งเช่น คลื่นบนสายกตี าร์ คลืน่ บนเส้นเชือก เป็นตน้

เมื่อเราผกู เชือกไว้กบั เสาแลว้ สะบัดเชือกขน้ึ ลง เราสร้างขบวนของคลืน่ ขึ้นในเส้นเชอื ก แล้วมีคล่ืนสะทอ้ น
กลบั มาเมื่อคล่นื เคลือ่ นที่ไปชนเสา เม่อื คลืน่ ขบวนขาเข้าและคล่นื สะทอ้ นขอออกมารวมกันทำให้เกิดคลื่นนิ่งในเสน้
เชอื ก เราเรยี กสว่ นทขี่ อดของคลื่นน่งิ วา่ บพั (nodes) และเรียกส่วนท่ีป่องออกวา่ ปฏบิ ัพ (Antinodes)


ภาพการเกิดคลื่นน่งิ a. คลน่ื ขาเข้าและคลื่นสะท้อนขาออกเสรมิ กนั b. คลื่นขาเข้าและคลืน่ สะท้อนขาออก
หักลา้ งกัน c. คลืน่ ขาเข้าและคล่นื สะท้อนขาออกเสรมิ กัน d. เม่อื แกวง่ เชอื กอย่างต่อเนื่องจะได้คลื่นน่งิ เกิดข้ึน

คลน่ื น่ิงเกดิ จากการแทรกสอดของคลน่ื เม่ือเรารวมคล่ืนท่ีมีความถเ่ี ดียวกันแตท่ ิศทางตรงกนั ข้าม จะมีการรวมกนั แบบ
เสรมิ สลบั กับการรวมกนั แบบหกั ล้าง จนเกิดคลนื่ นิง่

ภาพคลน่ื นิ่งปลายปดิ เรียงจากซา้ ยไปขวา

เชอื กมีความถี่มลู ฐาน(ความถ่ีต่ำสุด) 1 หลูป =

ฮาโมนิกที่ 2 มี \lambda
ฮาโมนกิ ท่ี 3 มี \frac{3\lambda}{2}
ฮาโมนกิ ที่ 4 มี 2\lambda

คลื่นนง่ิ ในกระบอก (Standing Wave in Tube)
คลน่ื นิ่งในกระบอกเกิดจากการรวมกันของคลื่นเสยี งขาเข้ากับคล่นื เสยี งสะท้อนขาออกเกิดเปน็ คลืน่ นง่ิ ตวั อย่างเช่น
คลืน่ นิ่งในขล่ยุ คลน่ื น่งิ ในทอ่ เป็นต้น


ท่อปลายเปดิ สองข้าง ความถี่
มลู ฐาน(ความถต่ี ่ำสุด) มี

ฮาโมนกิ ท่ี 2 มี
ฮาโมนกิ ที่ 3 มี

ฮาโมนกิ ที่ 4 มี 2
ฮาโมนกิ ท่ี 5 มี
ท่อปลายเปิดหนงึ่ ขา้ งความถ่ีมูลฐาน (ความถี่
ตำ่ สดุ ) มี
ฮาโมนิกที่ 2 มี

ฮาโมนิกท่ี 3 มี


ใบงาน

จะเป็นอยา่ งไรถา้ เรานำเสียงดนตรีมาใช้ประโยชน์ในชวี ติ ประจำวนั

ตัวชว่ ยในการคิดมี 18 หัวข้อ

1.การเงินและธุรกจิ 7.สันทนาการ 13.ความตอ้ งการพื้นฐาน
2.การขนสง่ 8.การเมอื งการปกครอง 14.การป้องกนั
3.ความสมั พันธ์ทางสังคม 9.จรยิ ธรรมและศาสนา 15.เศรษฐกิจ
4.สิ่งแวดลอ้ ม 10.ศลิ ปะและสนุ ทรียภาพ 16.กฏหมายและความยตุ ธิ รรม
5.การศกึ ษา 11.สขุ ภาพ 17.การสอ่ื สาร
6.เทคโนโลยี 12.สุขภาพจติ 18.อ่ืนๆ

สรปุ ผล

.........................................................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................................................................


แบบประเมินใบงาน CAF

คำชแ้ี จง : ให้ผ้สู อนประเมนิ ผลงานใบงานนักเรยี น โดยการประเมินคะแนนลงในช่องรายการประเมินกำหนดตาม
ตารางแนบท้ายแบบประเมินใบงาน CAF

ลำดับที่ ชือ่ -สกุล การแสดง เน้อื หา นำเสนอ ความ ตรงต่อเวลา รวม สรุปผลการ
ของผู้รับการ ความ สวยงาม 20 คะแนน ประเมนิ ผ่าน/ไม่
คดิ เห็น (4คะแนน) (4คะแนน) (4คะแนน)
ประเมิน (4คะแนน) ผา่ น

ลงชื่อ ....................................................ผปู้ ระเมนิ
................/................/................

เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

18 - 20 ดมี าก

14 - 17 ดี

10 - 13 พอใช้

ต่ากว่า 10 ปรบั ปรงุ

นกั เรียนไดร้ ะดบั คณุ ภาพที่ พอใช้ ขึ้นไปถือวา่ ผา่ น


ตารางแนบทา้ ยแบบประเมนิ ใบงาน CAF

เกณฑก์ าร ระดบั การประเมนิ
ประเมิน
การแสดง 4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรุง)
ความ - - แสดงความคดิ เหน็
คิดเห็น - แสดงความคิดเห็น - แสดงความคิดเห็น - แสดงความคดิ เหน็
ผลกระทบของปัญหา/
การแสดง ผลกระทบของปัญหา/ ผลกระทบของปัญหา/ ผลกระทบของปัญหา/ เหตุการได้ น้อยกว่า 6
ความ ข้อ
คดิ เหน็ เหตกุ ารได้ 10 ขอ้ ขึ้นไป เหตุการได้ 8-9 ข้อ เหตุการได้ 6-7 ขอ้
- - แสดงความคิดเหน็
- ระบสุ งิ่ ทีไ่ ด้รับ - ระบุสิง่ ทไี่ ด้รับ -ระบุสิง่ ท่ีไดร้ บั ผลกระทบ ผลกระทบของปัญหา/
เหตกุ ารณ์ได้ น้อยกวา่
ผลกระทบจากปญั หา/ ผลกระทบจากปญั หา/ จากปญั หา/เหตกุ ารณ์ 6 ขอ้

เหตุการณ์ได้ครบถ้วน เหตกุ ารณ์ 80-99% 60-79%

- แสดงความคิดเหน็ - แสดงความคดิ เหน็ - แสดงความคิดเหน็

ผลกระทบของปัญหา/ ผลกระทบของปัญหา/ ผลกระทบของปัญหา/

เหตกุ ารฌไ์ ด้ 10 ข้อข้ึน เหตกุ ารณ์ได้ 8-9 ข้อ เหตกุ ารณ์ได้ 6-7 ข้อ

ไป

เนอ้ื หา - เน้ือหาครบถว้ นตาม - เน้ือหาถูกต้องตามสาระ - เนอ้ื หาถกู ต้องตามสาระ - เนื้อหาถกู ต้องตามสาระ

สาระท่ีกำหนด 100% ท่กี ำหนด 80-99% ทกี่ ำหนด 60-79% ท่ีกำหนดต่ำวา่ 59%

- เขียนถูกต้องตามหลกั - เขียนถูกต้องตามหลัก - เขยี นถูกต้องตามหลัก - เขยี นถกู ต้องตามหลกั

ภาษา 100% ภาษา 80-99% ภาษา 60-79% ภาษาต่ำวา่ 59%

- ลำดบั หัวขอ้ เน้ือหา - ลำดบั หัวขอ้ เน้อื หา - มีการสรุปได้อย่าง - มีการสรุปไม่

ชัดเจน ชัดเจน สมเหตสุ มผล 60-79% สมเหตสุ มผลตำ่ วา่

- มกี ารสรปุ ได้อยา่ ง - มีการสรปุ ได้อย่าง 59%

สมเหตุสมผล 100% สมเหตุสมผล 80-99%

การนำเสนอ - พูดชัดเจนเสียงดงั ฟังชัด - พดู ชดั เจนเสยี งดงั ฟังชดั - การพูดเหมาะสม - สามารถพดู นำเสนอได้

- ใชภ้ าษาทางการถูกต้อง - ใชภ้ าษาทางการถูกต้อง - ใชภ้ าษาทางการถูกต้อง - ใชภ้ าษาทางการถูกต้อง

ตามอักขระ100% ตามอักขระ80-99% ตามอักขระ60-79% ตามอักขระตำ่ ว่า 59%

- บคุ ลิกภาพดีและมีความ - บคุ ลกิ ภาพดี - บคุ ลกิ ภาพเหมาะสม - บุคลิกภาพเหมาะสม

ม่นั ใจ - ความพรอ้ มในการ

- มีการใช้สอ่ื ประกอบการ นำเสนอไดบ้ างสว่ น

นำเสนอ

- ความพรอ้ มในการ

นำเสนอ


ความ - ใช้สสี ันสวยงาม - ใชส้ ีสันสวยงาม - ใชส้ ีสนั สวยงามและมี - ใช้สีสนั สวยงามหรือ
สวยงาม - มีความสะอาด - มีความสะอาด ความสะอาด เป็นไปตามเกณฑอ์ ย่าง
- มีความคิดสรา้ งสรรค์ - มีความคิดสรา้ งสรรค์ ใดอยา่ งหนึ่ง
- ความเป็นระเบียบอา่ น
ง่าย


ใบงาน เรื่อง เสียงดนตรี (ตามแนวPISA)
อ่านถอ้ ยความต่อไปนี้แล้วตอบคำถาม

ในดา้ นการแพทย์ มกั แนะนำใหใ้ ชเ้ สยี งดนตรีกระตุน้ ทารกในครรภ์มารดา ผลปรากฏว่าเดก็ มีปฏิกิรยิ าตอบ
รับกบั เสยี งเพลง ทง้ั ทางพฤตกิ รรมและรา่ งกายทีด่ ี เสยี งเพลงทน่ี ่มุ นวลจะทำให้เด็กมีอาการสงบเงียบ รา่ งกาย
เจรญิ เติบโตขึน้ และยังชว่ ยใหร้ ะบบหายใจและระบบย่อยอาหารดขี ้นึ นอกจากนก้ี ารนำเสยี งดนตรีมาบำบดั รักษา
ผู้ปว่ ยปัญญาอ่อน โดยเฉพาะการใช้ดนตรสี ดหรือบรรเทาความเจบ็ ปวดหลงั การผ่าตดั ของผปู้ ่วยใน 48 ชั่วโมงแรก ผล
ปรากฏว่าชว่ ยให้ผูป้ ่วยผ่อนคลายภาวะทางอารมณ์ และช่วยทุเลาอาการเจบ็ ปวดได้ดี

รายงานการวจิ ยั มากมายยืนยนั ว่าความสัมพันธ์ของคล่ืนเสยี งมีอิทธพิ ลต่อน้ำในร่างกายมนุษย์ กลา่ วคือ หาก


ผลกึ น้ำในร่างกายมรี ปู ทรงหกเหลีย่ มอนั เกดิ จากการไดร้ ับฟังเสียงท่ีไพเราะ กจ็ ะสามารถแทรกซึมผ่านผนงั เซลลเ์ พ่ือ
แลกเปลย่ี นสารอาหารและชำระลา้ งของเสยี ออกจากร่างกายได้ ขณะทกี่ ารรับคลื่นแมเ่ หลก็ ไฟฟ้า คล่ืนโทรศพั ท์
หรอื เสยี งดนตรีแนว Heavy Metal รวมทง้ั มลภาวะทางเสียงท้ังหลาย กลับทำใหผ้ ลึกนำ้ ในรา่ งกายแปรเปลย่ี น
รปู ทรงเปน็ ผลึกทีไ่ มส่ วยงามและไม่มคี ณุ ภาพ เช่น เปน็ ทรงกลม หรอื เป็นรูปทรงผลึกท่ีกระจัดกระจายไม่เปน็
ระเบยี บ ซงึ่ หมายถึงความสามารถในการนำสารอาหารไปหล่อเลี้ยงเซลล์ทด่ี อ้ ยลง

นักดนตรบี ำบัดยนื ยันว่าดนตรสี ามารถเบย่ี งเบนความสนใจหรอื ความหมกมุ่นในใจของคนเราให้หนั เหออกไป
จากจดุ เดิมที่เป็นอยู่ การฟังเพลงเวลาเครียดจะร้สู ึกสบายขน้ึ เพราะสมองถูกเบย่ี งเบนและได้รบั วงจรใหม่ ใน
ตา่ งประเทศจงึ มีการใช้ดนตรีกับผ้ปู ่วยหลงั ผา่ ตดั เพ่ือลดอาการเจบ็ ปวด ความวิตกกังวล ส่วนประเทศไทยมีการใช้
ดนตรกี ับกายภาพบำบดั โรคเครยี ด ผู้ทีม่ ีความผิดปกติทางอารมณ์ วัยรุ่นที่มคี วามก้าวร้าว เป็นโรคจติ ซมึ เศร้า ดนตรี
จงึ มีความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งอารมณ์ ระบบประสาท และภูมิคุ้มกันโรค

หากต้องการอารมณ์ท่ีจรรโลงใจและดีตอ่ สขุ ภาพจติ ลองเลือกฟังดนตรีที่ใหค้ วามสงบสุข เช่น ดนตรีของ
Kitaro, Enja หรือบทเพลงทางศาสนา สว่ นเพลงบรรเลง (Light Music) ส่วนใหญ่จะทำใหเ้ กดิ ความรู้สึกสดชน่ื สบาย
หรือถ้าอยากปลุกความสามัคคีกล็ องเลอื กฟังเพลงประเภทประสานเสยี ง เป็นตน้

การอยทู่ ่ามกลางเสียงดนตรีเบาๆ เราจะสัมผัสถึงความรู้สกึ ทช่ี ่มุ ชื่น และอารมณท์ ่ีเร่มิ เขา้ สภู่ าวะสมดลุ เพลงใด
ท่ฟี ังแล้วรสู้ ึกเข้าถึงอารมณ์ แสดงว่าเพลงนน้ั มรี ะดบั ความเรว็ (Tempo) เท่ากับจังหวะชีพจร ซึง่ ระดบั ความเรว็ นีก้ ็
เปน็ ตวั ช่วยสร้างอารมณ์ให้แก่ผฟู้ งั ด้วย ดนตรจี งั หวะเร็วๆ อาจทำให้

รสู้ ึกเหนอ่ื ย แตห่ ากจังหวะยง่ิ ชา้ กจ็ ะทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น การเริ่มหาจังหวะของตัวเอง ควรเร่ิมตน้ ที่
จังหวะของดนตรซี ึ่งช่วยให้ร่างกาย กระปรีก้ ระเปร่า กระฉับกระเฉง บรรเทาอาการหงอย เฉอ่ื ยชา เกียจคร้าน บาง
จังหวะบางบทเพลงอาจชว่ ยให้ค้นพบอารมณ์ของตัวเอง และยกระดับความรสู้ ึกให้ดีขน้ึ ช่วยสยบความวติ กกงั วลและ
ความเครยี ดทำให้มีสมาธิ มสี ตปิ ญั ญาแจ่มใสข้ึน รวมทงั้ ช่วยกระตนุ้ ความคิดสร้างสรรค์ และความไวของความรสู้ ึก

มนุษย์คนุ้ เคยกับเสียงดนตรมี ากอ่ นถอื กำเนิด เราไดย้ นิ เสยี งดนตรีธรรมชาตจิ ากหลายทาง ตั้งแต่จังหวะ
การเตน้ ของชีพจร หวั ใจท่ีสัมผสั ไดจ้ ากทอ้ งแม่ ลมหายใจ การก้าวย่าง ฤดูกาล นำ้ ข้ึนนำ้ ลง ลว้ นเป็นจงั หวะในชีวติ
และธรรมชาติ น่ีคือส่วนหน่งึ ของความสมดลุ ในชีวติ จงึ นับเปน็ ไอเดยี ท่ดี ี ถา้ ในวันไหนหรือชว่ งเวลาใดทเี่ รารู้สกึ
อ่อนไหว อ่อนเพลยี หรอื ขาดแรงกระต้นุ จะลองหันมาใช้ชีวิตในเสียงดนตรมี ากขน้ึ เพราะมันคือการกลบั สพู่ ลงั งานตน้
กำเนดิ


คำถามท่ี 1 (2 คะแนน) ใช่ ไมใ่ ช่
จากข้อความต่อไปนี้ เปน็ ความจริง หรอื ไมเ่ ป็นความจรงิ

ข้อความใดเป็นจรงิ ใหเ้ ขยี นเครื่องหมาย X ในช่อง “ใช่”
ข้อความใดไม่เป็นจริง ใหเ้ ขยี นเครอ่ื งหมาย X ในช่อง “ไม่ใช่”
ขอ้ ท่ี ข้อความ

1 สายกตี า้ ร์ท่ีมีความตงึ น้อย ความถ่ีจะสงู
2 สายกีตา้ รท์ ีม่ ีความตึงน้อย ความถีจ่ ะตำ่
3 คุณภาพเสียงขนึ้ อยู่กบั อุณหภูมิ
4 สายกีตา้ ร์ที่มีความยาวมาก ความถตี่ ำ่
(สมรรถนะ : การระบปุ ญั หาเชงิ วิทยาศาสตร์)

คำถามที่ 2 (1 คะแนน) 2. ชนดิ ของไม้ทใ่ี ชท้ ำกตี ้าร์
2. คณุ ภาพเสยี งของกตี า้ รไ์ มข่ น้ึ อยูก่ ับข้อใด 4. ความยาวของกตี ้าร์
1. อุณหภมู ิ
3. มวลของสาย คำตอบ

ขอ้

(สมรรถนะ : การอธบิ ายปรากฎการเชิงวิทยาศาสตร์)

คำถามที่ 3 (1 คะแนน)
ขอ้ ใดไม่ใชป่ ระโยชน์ของเสยี งดนตรี
1. ลดความเครียด
2. คลายความเหนื่อย
3. ทำให้เศรา้
4. ทำให้อารมณด์ ี


ข้อ คำตอบ

(สมรรถนะ : การอธบิ ายปรากฎการเชิงวทิ ยาศาสตร์)
เกณฑก์ ารให้คะแนน / แนวคำตอบ

คำถามท1ี่ (2 คะแนน)
ข้อท่ี ข้อความ ใช่ ไม่ใช่

1 สายกีตา้ ร์ทม่ี ีความตงึ น้อย ความถีจ่ ะสูง X

2 สายกีตา้ ร์ทีม่ ีความตงึ น้อย ความถจี่ ะตำ่ X

3 คณุ ภาพเสยี งขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ X

4 สายกตี ้ารท์ ม่ี ีความยาวมาก ความถี่ตำ่ X

คะแนนเตม็ 2 คะแนน คะแนนเตม็ 1 คะแนน ไม่มีคะแนน
ตอบถูกทั้ง 4 ข้อ : ไม่ใช่ ใช่ ใช่ ตอบถูก 3 ข้อ ตอบถูก 2-0 ขอ้
ใช่

คำถามท่ี 2 (1 คะแนน) คำตอบ
ขอ้ ความยาวของกตี ้าร์

4

คำถามที่ 3 (1 คะแนน) คำตอบ
ขอ้ ทำใหเ้ ศรา้

3


เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ

4 ดีมาก

3 ดี

2 พอใช้

0-1 ปรับปรุง

นกั เรยี นไดร้ ะดบั คุณภาพ พอใช้ ข้นึ ไปถือว่า ผา่ น


แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 14

ช่ือหน่วยการเรียนรู้ เสียงและการไดย้ นิ หนว่ ยย่อยท่ี 1
เร่ือง บีตส์และคลน่ื นง่ิ ของเสียง
วันท่ีทำการสอน เวลา 2 ชว่ั โมง

ผ้สู อน นายศักดิ์ระวี กันทะวงค์

1. สาระสำคญั 2. ผลการเรียนรู้
บีตส์เกิดจากการซ้อนทับระหว่างคล่ืนเสียงจากแหล่งกำเนิด 2
แหล่ง ทม่ี คี วามถ่ีไม่เท่ากนั 6. อธิบายการเกิดบีต คล่ืนนิ่ง ปรากฏการณ์ดอปเพลอร์
คล่ืนเสียงก็จะเกิดปรากฏการณ์แทรกสอดที่มีลกั ษณะเปน็ คล่นื นิ่ง คลื่นกระแทกของเสียง คำนวณปริมาณต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้อง
ได้ ซึ่งเราได้ยินเสียงดังและค่อยสลับกัน โดยตำแหน่งท่ีได้ยินเสียงดัง และนำความรเู้ ร่ืองเสียงไปใชใ้ นชีวิตประจำวนั
แสดงวา่ มีการแทรกสอดแบบเสรมิ

3. สาระการเรียนรู้ 4. ช้นิ งาน/ภาระงาน
บตี ส์และคล่ืนนิง่ ของเสยี ง 1. ใบงาน Diagram เรื่อง การวิเคราะหโ์ จทย์ปญั หา บตี ส์

และคลื่นนิ่งของเสียง

5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน 6. เครอ่ื งมือการสอนคิด

- ความสามารถในการสื่อสาร - Diagram

- ความสามารถในการคดิ

- ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

กิจกรรมการเรียนรู้

7. ขนั้ ของกิจกรรม 8. ส่อื 9. วธิ กี ารวัดผล

Do Now (3 นาท)ี - ใบงาน Diagram เรื่อง - ป ระเมินใบ งาน Diagram

บอกเคร่ืองดนตรที น่ี กั เรียนรจู้ กั มาคนละ 3 ชนดิ (หา้ มซ้ำ) การวิเคราะห์โจทย์ เร่ือง การวิเค ราะห์ โจท ย์

Purpose (2 นาท)ี ปัญหา บีตส์และคล่ืน ปัญหา บีตส์และคล่ืนน่ิงของ

เราจะเรียนเร่ือง บีตส์และคล่ืนน่ิงของเสียง เพื่อนักเรียนสามารถ นง่ิ ของเสยี ง เสียง

อธิบาย และคำนวณสง่ิ ที่เกี่ยวกับ บตี ส์ และคลน่ื นิง่ ของเสียงได้ - ใบความรู้ เรื่องบีตส์

Work mode (110 นาท)ี และคล่ืนนงิ่ ของเสยี ง

1. นกั เรียนดูคลปิ วีดโี อ เร่ือง บีตส์และคลน่ื นงิ่ ของเสียง (20 นาที) - คลิปวีดีโอ เร่ือง บีตส์

2. นกั เรยี นและครรู ว่ มกันสรุปความรทู้ ี่ได้จากคลปิ วดี โี อ (10 นาที) และคล่ืนน่ิงของเสียง

3. นักเรียนสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับบีตส์และคล่ืนน่ิงของเสียง โดยศึกษา https://www.youtu

จากใบความรู้ เรือ่ ง บตี สแ์ ละคลน่ื นิ่งของเสียง (10นาที) be.com/watch?v=

4. นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเร่ือง บีตส์และคลื่นน่ิงของเสียง (15 De4RISkS9t0

นาที)

5. นักเรียนสืบค้นข้อมูลเก่ียวกับหาโจทย์ปัญหาเร่ืองบีตส์และคล่ืนนิ่ง

ของเสียง โดยศึกษาจากอินเตอร์เน็ต เร่ือง บีตส์และคลื่นนิ่งของ

เสียง และวิเคราะห์โจทย์ปัญหาในรูปแบบแผนผัง ลงในใบงาน


Diagram เร่ือง การวิเคราะห์โจทย์ปัญหา บีตสแ์ ละคลื่นนิ่งของเสียง
(คิด 9 : คิดเชิงมโนทัศน์)(สมรรถนะ2)(พอเพียง3 การมีภูมิคุ้มกันท่ีดี
ในตวั ) (30 นาท)ี
6. นักเรยี น(โดยสมุ่ ตวั แทน)ออกมานำเสนอผลงานหนา้ ช้ันเรยี น
(สมรรถนะ3)(15 นาที)
7. นกั เรียนและครู รว่ มกันสรุปความรู้ (10 นาที)
Reflective Thinking (5 นาท)ี
1. จากการเรยี นวันนี้ นักเรียนไดร้ บั ความรู้อะไรบา้ ง (2 นาที)
2. แบบทดสอบ จำนวน 1 ขอ้ (3 นาท)ี

แบบทดสอบ (จาก www.pec9.com)

1. ลำโพง 2 ตัว ส่งเสยี งความถี่600 และ 605 Hz ออกมา ถามวา่ ความถี่ของเสียงทเ่ี ราได้ยินและความถี่
บีตส์เปน็ เทา่ ไร
ก.5
ข.6
ค.7
ง.8


ใบความรู้

บีตส์และคล่ืนน่ิงของเสยี ง

บตี ส์ (Beats)

เสียงท่ีได้ยินจากแหล่งกำเนิดเสียงแหล่งเดียว จะเป็นเสียงดังสม่ำเสมอต่อเนื่องกัน ส่วนเสียงท่ีได้ยินจาก
แห่งกำเนิดเสียงสองแหล่งที่มีความถี่ต่างกันเล็กน้อย จะเป็นเสียงดังค่อยสลับกันเป็นจังหวะ ซ่ึงเรียกว่า บีตส์ของ
เสียง บีตส์เกิดจากการซ้อนทับระหว่างคล่ืนเสียงจากแหล่งกำเนิด 2 แหล่ง ที่มีความถี่ไม่เท่ากัน ถ้าความถี่ของเสียง
จากแหล่งกำเนดิ ท้ังสองต่างกันเล็กน้อย เสยี งบีตส์ทไ่ี ดย้ ินจะเป็นจังหวะช้าๆ แต่ถ้าความถี่ของเสียงจากแหล่งกำเนิดทั้ง
สองต่างกันมาก เสยี งบตี ส์ท่ีไดย้ นิ จะเปน็ จงั หวะเรว็ ขึน้ โดยปกตหิ เู ราจะสามารถจำแนกเสียงบีตส์ทีไ่ ดย้ ินเปน็ จังหวะท่มี ี
ความถไี่ ม่เกิน 7 เฮิรตซ์

คลื่นเสียงจากแหล่งกำเนิด 2 แหล่ง ที่มีความถ่ี ƒ1 และ ƒ2 เมื่อมาซ้อนทับกันจะทำให้เกิดบีตส์ท่ีมีเสียง
ดังและค่อยสลับกันเป็นจังหวะคงตัว ความถ่ีบีตส์จะเท่ากับจำนวนครั้งของเสียงดังท่ีได้ยินในหน่ึงวินาที ซ่ึงจะหาได้
จากผลต่างของความถ่ีของคลื่นเสียงท้ังสอง เรียกว่าความถ่ีบีตส์ ( beats frequency ) ซึ่งจะหาได้จากผลต่างของ
ความถค่ี ลน่ื เสยี งท้งั สอง

ความถบี่ ตี ส์ = ∆ ƒ = ƒ1 - ƒ2


บีตส์ไม่จำเป็นต้องเกิดจากแหล่งกำเนิดเสียงประเภทเดียวกันเท่าน้ัน แตอ่ าจเกดิ จากแหล่งกำเนิดเสียงคน
ละประเภทก็ได้ ในชีวิตประจำวันทอ่ี าจพบเห็นได้แก่ การปรับเสียงของเคร่ืองดนตรีชนิดตา่ งๆ เช่น ไวโอลิน โดยเทียบ
กับเสียงจากหลอดเทียบเสยี งที่มคี วามถม่ี าตรฐาน และทำให้เสียงจากไวโอลินดังพร้อมๆ กับเสียงจากหลอดเทียบเสียง
มาตรฐาน ขณะทคี่ วามถี่ของเสยี งไวโอลินยังไม่เท่ากบั ความถ่ขี องเสยี งจากหลอดเทียบเสียงมาตรฐาน เราจะได้ยนิ เสยี ง
บีตส์จนกระท่ังเม่ือปรับความตึงของสายไวโอลินได้พอเหมาะ คือให้การสั่นขอสายไวโอลินมีความถ่ีเท่ากับความถี่ของ
หลอดเทยี บเสียงมาตรฐาน เสียงบีตส์ท่ไี ด้ยนิ ก็จะหายไป

คลืน่ น่งิ (Standing wave)
จากการศึกษาคลื่นน่ิงของคล่ืนน้ำและคลื่นนิ่งในเส้นเชือก ทำให้ทราบว่าคล่ืนน่ิงเป็นปรากฏการณ์แทรก

สอดท่ีเกิดจากการซ้อนทับระหว่างคล่ืนสองคลื่นท่ีเคล่ือนที่สวนทางกัน โดยท่ีท้ังสองมีความถ่ี ความยาวคล่ืน
(wavelenght)และแอมพลิจูด(amplitude)เทา่ กนั

สำหรับกรณีคลื่นเสียงก็จะเกิดปรากฏการณ์แทรกสอดท่ีมีลักษณะเป็นคลื่นน่ิงได้ ซ่ึงเราได้ยินเสียงดังและ
ค่อยสลับกัน โดยตำแหน่งท่ีได้ยินเสียงดัง แสงดว่า มีการแทรกสอดแบบเสริม(Constructive interference)และ
ตำแหน่งนั้นจะเป็น ปฏิบัพ(Anitnode)ของความดัน ส่วนตำแหน่งท่ีได้ยินเสียงค่อย แสดงว่า มีการแทรกสอบแบบ
หกั ลา้ ง(Destructive interference)และตำแหนง่ นน้ั จะเปน็ บพั (Node) ของความดงั

ในขณะเกิดคลนื่ นิ่งของเสยี ง ปฎิบัพเป็นตำแหน่งท่ีความดันอากาศมีการเปลย่ี นแปลงของแอมปลิจูดสงู สุด
เรียกตำแหน่งนี้ว่าปฎิบัพของความดัน(pressure anti-node) บัพเป็นตำแหน่งที่ความดันอากาศมีการเปลี่ยนแปลง
ของแอมปลิจดู เปน็ ศนู ย์ เรยี กตำแหน่งนี้วา่ บพั ของความดัน(pressure node)


สมมตลิ ำโพง A และ B เปล่งเสยี งซ่งึ มี ควำมถ่ี ควำมยำวคลืน่ แอมพลิจดู และเฟสตรงกนั ออกมำวง่ิ สวนกนั
ตำแหนง่ ท่ี 1,3,5,7,9,11,13 เรยี กวำ่ ปฏิบพั ของควำมดนั หรือบพั ของกำรกระจดั
ตำแหนง่ 2,4,6,8,10,12 เรียกวำ่ บพั ของควำมดนั หรอื ปฏบิ พั ของกำรกระจดั
ถำ้ เรำฟังเสยี งตรงตำแหนง่ ท่เี ป็นปฏบิ พั ของควำมดนั เสียงจะดงั มำก แต่ถำ้ เรำฟังเสยี งตรงตำแหนง่ ท่เี ป็นบพั ของควำมดนั

เสียงจะคอ่ ยมำก

ตวั อย่าง
มะลิและพดุ จีบมีสอ้ มเสียงคนละ 1 อัน ซ่ึงมคี วามถี่ 370 เฮรติ ซ์ และ 365 เฮริตซ์ ตามลำดบั เมอื่ ทง้ั สอง

คนเคาะส้อมเสยี งพร้อมๆกัน จะเกดิ ความถบี่ ีตส์เป็นกี่ครั้ง/วินาที
วธิ ีทำ
จาก ความถบ่ี ีตส์ = ∆ ƒ= ƒ1 - ƒ
ความถี่บตี ส์ = 370 – 365

ตอบ ความถบ่ี ตี ส์ เท่ากบั 5 ครั้ง/วินาที


ใบงาน Diagram
การวิเคราะห์โจทย์ปัญหาเรอื่ ง บีตสแ์ ละคล่นื นง่ิ ของเสยี ง

โจทยป์ ญั หา

สิ่งที่โจทยก์ ำหนด

สิ่งที่โจทย์ถาม

สตู รการคำนวณ


แบบประเมนิ ผลงานใบงาน Diagram

คำชแ้ี จง : ให้ผสู้ อนประเมินผลงานใบงานนักเรียน ใหท้ ำเครื่องหมาย✓ลงในชอ่ งรายการประเมินกำหนด

ความ สรปุ ผล

ลำดบั ท่ี ชอ่ื -สกลุ ความถกู ต้อง ครอบคลมุ สอดคลอ้ งและ ตรงตอ่ เวลา ความสะอาด รวม การ
ของผู้รบั การประเมนิ ของเนอ้ื หา เน้ือหา เชื่อมโยงของ 4 เรียบร้อย 20 ประเมิน
คะแนน ผา่ น/ไม่
4 4 เนือ้ หา 4
4 ผา่ น

432143214 32 14321 4321

ลงชื่อ .................................................... ผูป้ ระเมนิ
................/................/................

เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

18 - 20 ดมี าก

14 - 17 ดี

10 - 13 พอใช้

ต่ากวา่ 10 ปรบั ปรุง

นักเรียนได้ระดับคณุ ภาพที่ พอใช้ ขน้ึ ไปถือวา่ ผ่าน


ตารางแนบทา้ ยแบบประเมนิ ใบงาน Diagram

เกณฑก์ าร ระดับการประเมนิ

ประเมิน 4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรงุ )

รปู แบบ - มีหัวข้อทชี่ ัดเจน - มหี ัวขอ้ ท่ชี ดั เจน - มีหัวข้อท่ีชดั เจน - มีหัวข้อที่ชัดเจน

- เขียนอย่ใู นกรอบ - เขยี นอยู่ในกรอบ - เขยี นอยใู่ นกรอบ - เขยี นอยู่ในกรอบ

- ใช้คำสำคัญตรงประเด็น - ใช้คำสำคญั ตรงประเดน็ - ใชค้ ำสำคัญตรงประเด็น

- ใช้สัญลกั ษณ์หรือภาพ - ใช้สัญลกั ษณห์ รอื ภาพ

สื่อความหมาย สอื่ ความหมาย

- ใช้สสี ันทว่ั แผน่

เนอ้ื หา - เนอ้ื หาครบถว้ นตาม - เน้ือหาถกู ต้องตามสาระ - เนอ้ื หาถกู ต้องตามสาระ - เน้อื หาถกู ต้องตามสาระ

สาระท่ีกำหนด 100% ที่กำหนด 80-99% ทีก่ ำหนด 60-79% ท่ีกำหนดต่ำกวา่ 59%

- เขียนถูกต้องตามหลกั - เขยี นถูกต้องตามหลัก - เขียนถูกต้องตามหลกั - เขียนถูกต้องตามหลัก

ภาษา 100% ภาษา 80-99% ภาษา 60-79% ภาษาตำ่ กว่า 59%

- ลำดับหวั ขอ้ เนื้อหา - ลำดบั หวั ข้อเน้ือหา - มีการสรปุ ได้อย่าง - มกี ารสรปุ ไม่

ชดั เจน ชดั เจน สมเหตสุ มผล 60-79% สมเหตสุ มผลตำ่ กวา่

- มีการสรปุ ได้อย่าง - มกี ารสรุปได้อยา่ ง 59%

สมเหตุสมผล 100% สมเหตุสมผล 80-99%

การนำเสนอ - พูดชัดเจนเสยี งดงั ฟังชดั - พดู ชัดเจนเสียงดังฟงั ชัด - การพูดเหมาะสม - สามารถพดู นำเสนอได้

- ใชภ้ าษาทางการถูกต้อง - ใชภ้ าษาทางการถูกต้อง - ใช้ภาษาทางการถูกต้อง - ใชภ้ าษาทางการถูกต้อง

ตามอักขระ100% ตามอักขระ80-99% ตามอักขระ60-79% ตามอักขระต่ำกวา่

- บคุ ลิกภาพดแี ละมีความ - บคุ ลกิ ภาพดี - บคุ ลกิ ภาพเหมาะสม 59%

มน่ั ใจ - ความพร้อมในการ - บุคลกิ ภาพเหมาะสม

- มีการใช้สื่อประกอบการ นำเสนอได้บางส่วน

นำเสนอ

- ความพร้อมในการ

นำเสนอ

ความ - ใชส้ สี ันสวยงาม - ใชส้ สี นั สวยงาม - ใช้สีสันสวยงามและมี - ใช้สสี นั สวยงามหรือ

สวยงาม - มคี วามสะอาด - มีความสะอาด ความสะอาด เปน็ ไปตามเกณฑ์อย่าง

- มคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ - มคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ ใดอย่างหนึ่ง

- ความเปน็ ระเบียบอ่าน

ง่าย


การตรงต่อ ส่งผลงานครบถ้วน ตรง สง่ ผลงานครบถว้ น แตช่ า้ สง่ ผลงานครบถ้วน แตช่ า้ สง่ ผลงานครบถว้ น แต่ชา้
เวลา ตามเวลาทก่ี ำหนด กว่าเวลาทกี่ ำหนด 5 กวา่ เวลาทก่ี ำหนด 10 กว่าเวลาทกี่ ำหนด 15
นาที นาที นาที


แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 15

ชอื่ หน่วยการเรียนรู้ เสยี งและการได้ยนิ หน่วยย่อยที่ 1
เร่ือง การสั่นพอ้ ง
วนั ท่ีทำการสอน เวลา 2 ช่ัวโมง

ผู้สอน นายศกั ด์ริ ะวี กนั ทะวงค์

1. สาระสำคญั 2. ผลการเรียนรู้
การสั่นพ้องคือการที่วัตถุส่ันด้วยความถี่ธรรมชาติโดย
5.ทดลอง และอธิบายการเกิดการสั่นพ้องของอากาศในท่อ
แอมพลิจูดของการส่ันมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเป็นคล่ืนเสียงก็จะทำ ปลายเปิดหนึ่งดา้ น
ให้เสียงดังมากขึ้น จนอาจทำให้วัตถุเสียหายได้ หรือเกิดความ
รำคาญได้ การส่ันพ้องเกิดข้ึนได้ 4. ชิ้นงาน/ภาระงาน
1. ใบงาน KWL เร่ือง การสัน่ พอ้ งของเสียง
3. สาระการเรียนรู้
การส่นั พ้อง

5. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น 6. เคร่อื งมือการสอนคดิ
- ความสามารถในการส่ือสาร - KWL
- ความสามารถในการคดิ
- ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

กจิ กรรมการเรยี นรู้

7. ขนั้ ของกิจกรรม 8. สอ่ื 9. วธิ ีการวดั ผล

Do Now (3 นาที) - ใบงาน KWL เร่อื ง การ - ประเมินใบงาน KWL

บอกสถานท่ีทน่ี กั เรียนไปเทย่ี วมาในชว่ งปดิ เทอม ส่นั พอ้ งของเสยี ง เร่อื ง การส่นั พอ้ งของ

Purpose (2 นาที) - ใบความรู้ เรอ่ื งการส่ัน เสยี ง

เราจะเรียนเร่ือง การสั่นพ้อง เพ่ือนักเรียนสามารถ อธิบาย และ พอ้ ง

คำนวณสิ่งท่เี กี่ยวกับ การสั่นพอ้ ง ของเสยี งได้ - คลิปวีดีโอ เร่ือง การสน่ั

Work mode (110 นาที) พอ้ ง

1. นกั เรยี นตอบคำถาม “การส่นั พอ้ งของเสียงมีลกั ษณะอยา่ งไร” (5 https://www.youtube
นาที) .com/watch?v=hWXA
NfVxqUg
2. นกั เรียนทำกจิ กรรม KWL เรอ่ื ง การสนั่ พอ้ งของเสียง โดยตอบคำถาม
“นกั เรยี นรูอ้ ะไรเกย่ี วกับการส่นั พอ้ งของเสียงบา้ ง” ลงในช่อง K (10

นาที)

3. นักเรยี นและครูอภปิ รายรว่ มกนั บนกระดาน ในหัวข้อ นักเรียนรู้

อะไรบา้ งเกยี่ วกับการสั่นพอ้ งของเสยี ง (5 นาที)

4. นักเรยี นตอบคำถาม “นกั เรยี นอยากร้อู ะไรบา้ ง เก่ยี วกบั การสน่ั พอ้ ง

ของเสียง” ลงในช่อง W (10 นาท)ี


5. นักเรียนดูคลปิ วดี โี อ เรือ่ ง การส่นั พอ้ งของเสียง (15 นาที)
6. นักเรียนและครรู ว่ มกันอภิปรายความรู้ที่ไดจ้ ากคลปิ วดี โี อ (10 นาที)
7. นกั เรียนศึกษาขอ้ มลู เกย่ี วกับการสนั่ พอ้ งของเสยี ง โดยศึกษาจากใบ

ความรู้ เร่ือง การสั่นพ้องของเสียง (พอเพียง 3 การมีภูมิคุ้มกันที่ด)ี
(20 นาท)ี
8. นักเรียนฟังครูอธบิ ายเพ่ิมเตมิ เร่ือง การสั่นพอ้ ง (15 นาที)
9. นกั เรยี นตอบคำถาม “นักเรยี นไดร้ อู้ ะไรบา้ ง เกี่ยวกับการส่ันพอ้ งของ
เสียง ” ลงในชอ่ ง L (10 นาที)
10. นักเรยี นและครอู ภปิ รายรว่ มกนั บนกระดาน ในหวั ข้อ นกั เรียนไดร้ ู้
อะไรบ้าง เกย่ี วกบั การสน่ั พ้องของเสยี ง (คดิ 3 คิดวิพากย์)
(สมรรถนะ3) (5นาที)
11. นักเรียนและครู รว่ มกันสรุปความรู้ เรอ่ื ง สนั่ พอ้ งของเสียง (5 นาท)ี
Reflective Thinking (5 นาที)
1. 3สิ่งที่นกั เรียนได้รบั จากการเรยี นคาบน้ี (2 นาที)
2. ข้อสอบวิชาสามญั ฟิสิกส์ ปี 2555 ชุดที่ 2 (3 นาท)ี

ขอ้ สอบวิชาสามัญ ฟสิ กิ ส์ ปี 2555 ชุดที่ 2

1. ใสน่ ้ำลงในภาชนะทรงกระบอกเลก็ ๆ และยาวใหม้ รี ะดบั ความสงู จากก้นภาชนะ 10.5 cm พบว่าเกดิ การสั่นพ้อง
กบั ส้อมเสยี งอันหนึ่ง และเม่ือเติมน้ำลงไปเพม่ิ จนมีระดับความสงู เปน็ 44.5 cm จงึ จะเกดิ การสน่ั พ้องกับส้อมเสยี ง
เดิมอีกครัง้ และระดบั น้ำสูงกว่านัน้ จะไม่เกดิ ถ้าอัตราเร็วของเสียงในอากาศขณะนนั้ เท่ากับ 340 m/s ความถีส่ ้อม
เสียงเป็นเทา่ ใด
ก.250 Hz
ข.500 Hz
ค.764 Hz
ง.810 Hz
จ.1000 Hz


ใบความรู้
เร่ือง การสัน่ พอ้ งของเสยี ง
1. ความถ่ธี รรมชาต(ิ natural frequency)
วตั ถุหรอื อนภุ าค จะมคี วามถ่ีในการสั่นตามธรรมชาตเิ ฉพาะตวั คงที่อย่คู ่าหน่ึง จากทนี่ ักเรียนเคยเรียนมาแลว้ ในเรื่อง
ความถ่ีของซิมเปิลฮาร์มอนิก เชน่ ลกู ตมุ้ ท่ีแขวนด้วยเชอื กยาว L อยใู่ นบรเิ วณท่ีมคี วามเรง่ จากความโน้มถ่วง g จะมี
ความถี่ตามธรรมชาตเิ ทา่ กบั

รูปการสั่นของมวลตดิ สปริงด้วยความถ่ีธรรมชาติ
มวล m ตดิ สปรงิ อนั หนึ่ง:ซึ่งมีคา่ คงทีส่ ปริง k เมอื่ ถูกกระตุ้นให้สน่ั กจ็ ะมีความถี่ธรรมชาติ ซงึ่ หาค่าความถ่ไี ดจ้ ากสมการ

รูปการสัน่ ของมวลตดิ สริงด้วยความถี่ธรรมชาติ
นอกจากลูกตมุ้ แลว้ วตั ถุตา่ งๆ เชน่ สะพานแขวน ชงิ ช้า สายไปท่โี ยงอยบู่ นเสาไฟฟา้ แม้แต่ตกึ สูง สง่ิ เหล่านี้กม็ ีความถ่ี
ธรรมชาติ สามารถทีส่ น่ั ไหวหรอื แกวง่ ได้ดว้ ยคา่ ความถ่เี ฉพาะตัวค่าหนึง่
2. การส่นั พ้อง(resonance)
เป็นปรากฏการณ์ที่มีแรงไปกระทำให้วตั ถสุ น่ั หรือแกว่ง โดยความถี่ของแรงกระทำ(ความถี่กระตนุ้ )ไปเทา่ กับความถี่
ธรรมชาติของวตั ถุ จะทำใหว้ ัตถุนน้ั ส่นั ด้วยแอมปลิจดู ท่มี ากท่ีสดุ


2.1 การสัน่ พ้องในทอ่ ปลายเปิด 1 ด้าน ปิด 1 ดา้ น
(ก) เมื่อส่งเสียงดว้ ยความถ่ีคงท่ี แล้วปรบั ความยาวลำอากาศในท่อเพ่ือใหเ้ กิดการสน่ั พอ้ ง
การส่ันพ้องคร้งั ท่ี 1 เกิดเมื่อคอ่ ยๆเล่ือนลูกสบู ปรับลำอากาศในท่อใหย้ าวขึ้นเร่ือยๆ จนกวา่ จะได้ยนิ เสียงดงั มากขน้ึ
(ขณะนั้นเกิดการสน่ั พ้องของเสยี งในทอ่ ) วัดความยาวลำอากาศจากปากท่อถึงตำแหนง่ นี้ เรียกว่าความยาวลำอากาศ
L1 ซ่ึงมคี วามยาวนอ้ ยท่สี ดุ ทีส่ ่ันพอ้ งกบั เสยี งนี้ได้ หาความยาวน้ีได้จากการเขยี นรปู คล่นื น่ิงของการสั่นพ้องในทอ่ โดย
มีเง่อื นไขวา่ ส่ันพ้องคร้งั แรกรูปคลน่ื น่ีงมขี นาดสั้นที่สุด โดยที่ปากเปิดของทอ่ ตอ้ งเปน็ ปฏิบัพของคลื่นน่งิ และทป่ี ลาย
ปดิ ของทอ่ เปน็ ตำแหน่งบัพของคลื่นน่ิง จึงเขยี นได้ ดังรปู

สรปุ ความยาวของลำอากาศที่ทำให้เกดิ การสนั่ พอ้ งในท่อปลายปิด 1 ด้าน ครั้งที่ n หาได้จากสมการ

จากรปู ถ้าความยาวท่อเรโซแนนซป์ ลายปดิ 1 ดา้ นส้นั ทส่ี ุดในการสน่ั พ้องกับความถีเ่ สียงคงที่ คร้ังที่ 1 ยาว
เท่ากับ L1 ความยาวท่อในการส่นั พ้องคร้ังท่ี 2 ยาวเท่ากับ 3 L1 ความยาวทอ่ ในการสน่ั พอ้ งคร้ังที่ 3 ยาว
เทา่ กับ 5 L1 จะเหน็ ว่าความยาวท่อสำหรับการสัน่ พ้องจะเปน็ จำนวนเท่า(เลขค)ี่ ของความยาวทอ่ ส้นั ท่ีสุด
จะเหน็ วา่ ความยาวท่อส่วนท่ีเปลยี่ นแปลงไปของการส่ันพ้องคร้งั ถัดกนั ไป เชน่ ครงั้ ท่ี 1 กับคร้ังที่ 2 หรือครั้งที่ 2 กับ
ครง้ั ที่ 3 จะมีระยะตา่ งกนั อยู่ 1 loop หรอื เท่ากบั ครง่ึ หนึง่ ของความยาวคลื่นเสยี ง
(ข) เม่ือให้ความยาวทอ่ ยาวคงท่ี แล้วเปลย่ี นความถเี่ สียง ที่ส่งเขา้ ไปในท่อเพื่อให้เกิดการส่ันพ้อง
ในกรณนี ้ีจะเริม่ จากการสง่ เสียงที่มคี วามถต่ี ่ำแล้วค่อยๆเพิ่มความถีเ่ สยี งจนเกดิ การสน่ั พ้อง จะเหน็ ว่าถ้าอัตราเรว็ เสยี ง
v ในทอ่ มคี ่าคงท่ี ในการเปล่ยี นความถเ่ี สยี งจะทำให้ความยาวคล่นื เสียงเปล่ยี นไปดว้ ยจากการทดลองหาความยาว
คล่นื เสียงในการสนั่ พ้องครงั้ ที่ 1 แลว้ นำไปหาคา่ ความถเ่ี สยี ง f1 ซ่ึงเปน็ ความถ่เี สยี งตำ่ สดุ (ความถี่มูลฐาน) มี
รายละเอียดดังนี้


สรุป ความถี่เสยี งทท่ี ำให้เกิดการสั่นพ้องในท่อปลายปิด 1 ดา้ น คร้ังที่ n หาได้ จากสมการ

จากรปู ถา้ ความยาวท่อเรโซแนนซป์ ลายปิด 1 ดา้ นคงท่ี ความถีเ่ สียงท่ที ำให้เกิดการสนั่ พอ้ ง คร้ังที่ 1เปน็ ความถเ่ี สยี ง
ต่ำสุดเท่ากับ f1 เรยี กว่าเสียงฮารม์ อนิกที่1 , ความถ่เี สียงสั่นพอ้ งคร้งั ที่ 2
เท่ากับ 3f1 เรยี กว่าเสียงฮาร์มอนิกที่ 3 ความถี่เสยี งในการส่ันพอ้ งครง้ั ท่ี 3 เท่ากับ 5 f1 เรียกวา่ เสียงฮาร์มอนิกที่ 5
จะเห็นวา่ ความถีเ่ สียงสำหรับการสน่ั พ้องจะเป็นจำนวนเท่า(เลขคี่) ของความถ่เี สยี งในการสั่นพอ้ งครั้งแรก(ความถีม่ ูล
ฐาน)
2.2 การส่นั พอ้ งในท่อปลายเปิด 2 ด้าน
(ก) เมื่อสง่ เสียงด้วยความถี่คงที่ แล้วปรบั ความยาวลำอากาศในท่อเพื่อให้เกิดการส่นั พ้อง
การสนั่ พ้องครัง้ ที่ 1 เกดิ เม่ือคอ่ ยๆเลื่อนลกู สบู ปรบั ลำอากาศในท่อใหย้ าวขึ้นเรื่อยๆ จนกวา่ จะได้ยนิ เสียงดังมากข้นึ
(ขณะน้ันเกดิ การส่ันพ้องของเสยี งในท่อ) วดั ความยาวลำอากาศจากปากทอ่ ถึงตำแหน่งนี้ เรียกวา่ ความยาวลำอากาศ
L1 ซ่งึ มีความยาวนอ้ ยทสี่ ุดท่ีสั่นพอ้ งกบั เสยี งนี้ได้ หาความยาวนี้ไดจ้ ากการเขยี นรูปคล่นื นิ่งของการสน่ั พ้องในทอ่ โดย
มีเง่ือนไขว่าสนั่ พ้องคร้งั แรกรูปคลืน่ นงี่ มีขนาดสน้ั ทีส่ ดุ โดยท่ปี ากเปิดของทอ่ ต้องเปน็ ปฏิบพั ของคลืน่ นงิ่ จงึ เขยี นได้ ดัง
รูป


สรุป ความยาวของลำอากาศท่ที ำใหเ้ กดิ การส่ันพอ้ งในท่อปลายเปิด 2 ดา้ น ครงั้ ท่ี n หาไดจ้ ากสมการ

จากรูป ถา้ ความยาวท่อเรโซแนนซ์ปลายเปดิ 2 ด้านสน้ั ท่ีสุดในการสั่นพ้องกับความถ่ีเสียงคงที่ ครัง้ ท่ี 1 ยาว
เท่ากับ L1 ความยาวท่อในการสั่นพ้องคร้งั ท่ี 2 ยาวเทา่ กับ 2 L1 ความยาวทอ่ ในการส่นั พ้องครง้ั ท่ี 3 ยาว
เทา่ กบั 3 L1 จะเห็นว่าความยาวทอ่ สำหรับการสนั่ พ้องจะเป็นจำนวนเต็มเท่า ของความยาวท่อสัน้ ท่สี ุด
จะเหน็ วา่ ความยาวท่อสว่ นที่เปลีย่ นแปลงไปของการสนั่ พ้องคร้ังถัดกันไป เชน่ ครัง้ ที่ 1 กับครง้ั ที่ 2 หรอื คร้ังที่ 2 กับ
ครัง้ ท่ี 3 จะมีระยะต่างกนั อยู่ 1 loop หรอื เท่ากบั ครง่ึ หนึง่ ของความยาวคลื่นเสยี ง
(ข) เม่ือให้ความยาวท่อยาวคงท่ี แล้วเปลีย่ นความถ่เี สียง ที่ส่งเข้าไปในท่อเพ่ือให้เกดิ การส่ันพ้อง
ในกรณนี ี้จะเริม่ จากการส่งเสียงทมี่ ีความถต่ี ่ำแลว้ ค่อยๆเพิ่มความถ่เี สยี งจนเกดิ การสนั่ พ้อง จะเหน็ วา่ ถ้าอัตราเร็วเสยี ง
v ในท่อมคี ่าคงท่ี ในการเปลย่ี นความถี่เสียงจะทำให้ความยาวคลน่ื เสยี งเปลย่ี นไปด้วยจากการทดลองหาความยาว
คลน่ื เสียงในการส่นั พอ้ งครั้งท่ี 1 แลว้ นำไปหาคา่ ความถี่เสียง f1 ซง่ึ เป็นความถี่เสียงตำ่ สุด(ความถี่มลู ฐาน) มี
รายละเอยี ดดังน้ี


สรุป ความถีเ่ สยี งที่ทำให้เกิดการสัน่ พ้องในท่อปลายเปดิ 2 ดา้ น ครงั้ ที่ n หาได้ จากสมการ

จากรปู ถ้าความยาวท่อเรโซแนนซ์ปลายเปิด 2 ด้านคงที่ ความถีเ่ สียงที่ทำใหเ้ กิดการสัน่ พอ้ ง คร้งั ที่ 1เปน็ ความถีเ่ สียง
ต่ำสุดเทา่ กบั f1 เรยี กวา่ เสยี งฮาร์มอนกิ ที่1 , ความถีเ่ สียงสน่ั พ้องคร้ังที่ 2
เทา่ กบั 2f1 เรยี กว่าเสียงฮาร์มอนิกท่ี 2 ความถ่ีเสยี งในการสั่นพอ้ งครงั้ ที่ 3 เท่ากับ 3 f1 เรียกว่าเสียงฮาร์มอนิกท่ี 3
จะเหน็ วา่ ความถ่เี สยี งสำหรบั การส่นั พ้องจะเปน็ จำนวนเต็มเท่า ของความถ่ีเสียงในการส่ันพ้องคร้งั แรก(ความถมี่ ลู ฐาน)
การสน่ั พ้องทีเ่ กดิ ขึน้ ในธรรมชาติ อาจทำใหเ้ กิดความเสียหายร้ายแรง เช่นเหตุการณท์ ่ีเกดิ การสน่ั พ้องของสะพาน
แขวนในประเทศสหรฐั อเมริกา ทำใหว้ ศิ วกรในยคุ ต่อมาตอ้ งใหค้ วามสำคัญกบั การส่ันพ้องของวัตถซุ ึ่งเปน็ ส่ิงกอ่ สรา้ ง
ต่างๆ เพื่อจะไม่ใหเ้ กดิ การสูญเสยี ซ่งึ ปรากฏในวดี โี อต่อไปน้ี

การสน่ั พ้องของเสยี ง (Sound Resonance)
หมายถงึ การท่ที ำให้อากาศที่อยู่ในกลอ่ งหรือในท่อส่ันด้วยความถธ่ี รรมชาติ อากาศกจ็ ะส่ันดว้ ยแอมปลจิ ูดมาก

ข้ึนเร่ือยๆ ทำใหเ้ กดิ เสียงดงั มากขน้ึ กว่าปกติ เราเรยี กปรากฎการณน์ ี้ว่า “การสน่ั พ้องของเสยี ง” หรือการทเ่ี ราให้


ความถเี่ สยี งที่มีคา่ เท่ากับความถธ่ี รรมชาตขิ องวัตถใุ นช่วงเวลาหนึ่งกส็ ามารถทำใหว้ ัตถสุ ั่นดว้ ยแอมปลจิ ูดมากข้นึ เรื่อยๆ
จนอาจทำให้วตั ถุเสียหายได้ เช่น นักรอ้ งเสียงโซบราโน สามารถออกเสียงจนทำใหแ้ กว้ แตกได้

การสน่ั ของเส้นเชอื กทขี่ ึงตึง
เกดิ คลน่ื น่งิ ในเสน้ เชือก ทำให้เกดิ เสยี ง ซึง่ เป็แหลง่ กำเนดิ เสียงของเคร่อื งดนตรปี ระเภทเครอ่ื งสายทง้ั หลาย เชน่ กีตาร์

ซอ ไวโอลิน เปียนโน เป็นตน้

รปู แสดงจำนวนลปู ของคลืน่ นิ่งในเสน้ เชอื ก ที่ขงึ ตึง ยาว L จะสามารถเกิดคล่ืนน่ิงทม่ี ตี วามยาวคล่นื ได้หลายค่า หรือ
เขียน เปน็ สมการความสมั พันธ์ ไดว้ า่
เมื่อ n = 1, 2, 3, ….. ความถ่ี เรยี กว่า ฮารม์ อนิกท่ี n
เน่ืองจากอตั ราเรว็ คลนื่ ในเส้นเชือกมีคา่ ขน้ึ อยกู่ ับความตึงเชือก T และมวลต่อหน่วยความยาว μ
ดังนน้ั จงึ เขียนไดว้ า่
การสน่ั ของลำอากาศในท่อ
ท่อปลายปิดข้างหนึง่ เม่ืออากาศในท่อส่ันตามยาว โดยอสิ ระจะเกดิ คลนื่ นิง่ ขึ่นในท่อ ปลายปดิ จะเปน็ ตำแหน่งบพั (ของ
การกระจัด) ปลายเปิดจะเป็นตำแหน่งปฎิบัพ(ของการกระจัด) ดงั น้ัน ถ้าท่อยาว L

รปู แสดงจำนวนลปู ของคล่ืนนิ่งในทอ่ ปิดดา้ นหนง่ึ ยาว L จะสามารถเกิดคลนื่ นิ่งทม่ี ีตวามถไี่ ด้หลายค่า หรือเขยี น เปน็
สมการความสัมพนั ธ์ ไดว้ ่า

เมอื่ n = 1, 3, 5, ….. ความถ่ี เรียกวา่ ฮารม์ อนิกท่ี n และ v เป็นอัตราเร็วของเสยี งในอากาศขณะน้ันซ่ึงมีคา่ ขนึ้ อยกู่ ับ
อณุ หภูมิ คือ


4.2 ทอ่ ปลายเปิดสองขา้ ง เมื่ออากาศในท่อสัน่ ตามยาว โดยอสิ ระจะเกิดคลืน่ นิ่งข่ึนในท่อ ปลายเปิดทง้ั สองข้างจะเปน็
ตำแหนง่ ปฎบิ พั (ของการกระจัด) ดงั นัน้ ถ้าท่อยาว L

รปู แสดงจำนวนลูปของคลื่นนง่ิ ในท่อเปดิ สองด้าน ยาว L จะสามารถเกดิ คลื่นนิง่ ทม่ี ตี วามถ่ไี ดห้ ลายค่า หรอื เขยี น เป็น
สมการความสมั พันธ์ ไดว้ ่า

เม่อื n = 1, 2, 3, ….. ความถี่ เรยี กว่า ฮารม์ อนิกที่ n และ v เป็นอัตราเรว็ ของเสยี งในอากาศขณะนัน้ ซงึ่ มีค่าข้ึนอยกู่ ับ
อุณหภูมิ คือ
การทดลองเรอื่ งการส่นั พ้องของเสยี ง (Sound Resonance)
หมายถงึ การที่ทำใหอ้ ากาศท่อี ยใู่ นกลอ่ งหรือในท่อส่นั ด้วยความถธี่ รรมชาติ อากาศกจ็ ะส่ันดว้ ยแอมปลิจูดมากขน้ึ
เรือ่ ยๆ ทำให้เกิดเสียงดงั มากขึน้ กว่าปกติ เราเรียกปรากฎการณ์น้ีวา่ “การสน่ั พ้องของเสียง” หรือการทเี่ ราใหค้ วามถี่
เสียงท่ีมคี า่ เท่ากับความถธี่ รรมชาติของวัตถุในชว่ งเวลาหนง่ึ กส็ ามารถทำใหว้ ตั ถสุ ่ันด้วยแอมปลจิ ูดมากขนึ้ เรื่อยๆ จน
อาจทำใหว้ ตั ถเุ สียหายได้ เช่น นักร้องเสียงโซบราโน สามารถออกเสยี งจนทำใหแ้ ก้วแตกได้

รูป แสดงอุปกรณ์ท่ใี ช้ทำการทดลองเร่ืองการส่นั พอ้ งของเสยี งทำใหเ้ กดิ คลน่ื นิง่ ในท่อปลายปดิ ด้านหน่ึง
5. ความถีธ่ รรมชาติของวัตถแุ ผ่นบาง แผน่ วัตถบุ างที่อ่อนตัวและถูกขงึ ใหต้ ึงหรือตรงึ ขอบได้ เช่น แผ่นหนา้ กลอง เมื่อ
ทำให้สั่นจะสั่นด้วยความถธี่ รรมชาติได้หลายค่า การศึกษาเกยี่ วกับความถ่ธี รรมชาตขิ องแผ่นวัตถบุ างนมี้ ีประโยชนม์ าก


ในการออกแบบไดอะแฟรมของลำโพง
รปู แสดงการสัน่ ทคี่ วามถีธ่ รรมชาติของแผ่นบางรปู วงกลม


ความรู้ KWL

เร่ือง ................................................................ ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี..........

ช่อื ..................................................สกุล..........................................ชัน้ ...............เลขท่ี.....................

คำช้ีแจง นกั เรยี นบนั ทึกความรู้ที่ได้ ลงในตารางต่อไปนี้พร้อมทง้ั เขียนสรปุ ความ ลงในบรรทดั ที่วา่ งข้างลา่ งของ
แบบบันทึก

K(นักเรยี นรูอ้ ะไร) W(นักเรยี นตอ้ งการรอู้ ะไร) L(นกั เรียนได้เรียนรู้อะไร)

……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………...……………………………………………………
…………………………………………………………………………...………………………………………………………………


แบบประเมนิ ผลงานใบงาน KWL

คำชีแ้ จง : ให้ผูส้ อนประเมินผลงานใบงานนกั เรยี น ใหท้ ำเคร่ืองหมาย✓ลงในชอ่ งรายการประเมนิ กำหนด

ลำดบั ที่ ชอ่ื -สกุล การแสดง ครอบคลุม ผลสำเร็จ ตรงตอ่ เวลา ความสะอาด สรุปผล
ของผรู้ ับการประเมนิ ความคิดเห็น เนอ้ื หา ของงาน เรียบร้อย รวม การ
ถกู ตอ้ งชัดเจน 20 ประเมิน

4321 4321 432 14321 4321 คะแนน ผ่าน/ไม่

ผา่ น

ลงชอื่ .................................................... ผู้ประเมิน
................/................/................

เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ
ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ
ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยคร้ัง ให้ 4 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั ให้ 3 คะแนน
ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมน้อยครัง้ ให้ 2 คะแนน 18 - 20 ดมี าก
ให้ 1 คะแนน
14 - 17 ดี

10 - 13 พอใช้

ต่ากว่า 10 ปรบั ปรงุ

นักเรียนไดร้ ะดับคณุ ภาพที่ พอใช้ ขนึ้ ไปถอื ว่า ผา่ น


ตารางแนบท้ายแบบประเมินใบงาน KWL

เกณฑ์การ ระดับการประเมนิ
ประเมิน
การแสดง 4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรุง)
ความ - แสดงความคดิ เห็นใน
คิดเห็น - แสดงความคิดเหน็ ใน - แสดงความคดิ เหน็ ใน - แสดงความคดิ เห็นใน
ชอ่ ง K ได้ น้อยกว่า 7
ชอ่ ง K ได้ 10 ข้อ ชอ่ ง K ได้ 9-10 ข้อ ช่อง K ได้ 7-8 ข้อ ขอ้
- แสดงความคิดเห็นใน
คำถามข้นึ ไป คำถาม คำถาม ชอ่ ง W ได้ น้อยกวา่ 7
ขอ้
- แสดงความคิดเห็นใน - แสดงความคิดเหน็ ใน - แสดงความคดิ เหน็ ใน - แสดงความคดิ เห็นใน
ชอ่ ง L ได้ น้อยกวา่ 7
ช่อง W ได้ 10 ขอ้ ช่อง W ได้ 9-10 ข้อ ชอ่ ง W ได้ 7-8 ข้อ ขอ้

คำถามขึน้ ไป คำถาม คำถาม

- แสดงความคิดเหน็ ใน - แสดงความคิดเห็นใน - แสดงความคิดเหน็ ใน

ชอ่ ง L ได้ 10 ข้อ ชอ่ ง L ได้ 9-10 ข้อ ช่อง L ได้ 7-8 ข้อ

คำถามขึ้นไป คำถาม คำถาม

เน้ือหา - เนอ้ื หาครบถว้ นตาม - เน้ือหาถกู ต้องตามสาระ - เนอ้ื หาถกู ต้องตามสาระ - เน้ือหาถูกต้องตามสาระ

สาระทีก่ ำหนด 100% ทกี่ ำหนด 80-99% ทกี่ ำหนด 60-79% ทก่ี ำหนดต่ำว่า 59%

- เขยี นถูกต้องตามหลัก - เขยี นถกู ต้องตามหลกั - เขยี นถูกต้องตามหลกั - เขียนถูกต้องตามหลกั

ภาษา 100% ภาษา 80-99% ภาษา 60-79% ภาษาต่ำว่า 59%

- ลำดบั หวั ขอ้ เนอื้ หา - ลำดับหวั ข้อเน้ือหา - มีการสรุปได้อย่าง - มีการสรุปไม่

ชัดเจน ชัดเจน สมเหตสุ มผล 60-79% สมเหตสุ มผลต่ำวา่

- มีการสรุปได้อย่าง - มีการสรปุ ได้อยา่ ง 59%

สมเหตุสมผล 100% สมเหตุสมผล 80-99%

การนำเสนอ - พูดชัดเจนเสียงดังฟังชัด - พูดชัดเจนเสยี งดังฟังชัด - การพดู เหมาะสม - สามารถพูดนำเสนอได้

- ใช้ภาษาทางการถูกต้อง - ใช้ภาษาทางการถูกต้อง - ใช้ภาษาทางการถูกต้อง - ใช้ภาษาทางการถูกต้อง

ตามอักขระ100% ตามอักขระ80-99% ตามอักขระ60-79% ตามอักขระต่ำวา่ 59%

- บุคลกิ ภาพดีและมีความ - บคุ ลิกภาพดี - บุคลิกภาพเหมาะสม - บุคลิกภาพเหมาะสม

ม่ันใจ - ความพรอ้ มในการ

- มกี ารใชส้ อื่ ประกอบการ นำเสนอไดบ้ างส่วน

นำเสนอ

- ความพร้อมในการ

นำเสนอ


ความ - ใชส้ สี ันสวยงาม - ใชส้ สี ันสวยงาม - ใชส้ ีสันสวยงามและมี - ใชส้ สี นั สวยงามหรอื
สวยงาม - มีความสะอาด - มคี วามสะอาด ความสะอาด เป็นไปตามเกณฑอ์ ย่าง
- มคี วามคิดสรา้ งสรรค์ - มีความคดิ สรา้ งสรรค์ ใดอยา่ งหนึง่
การตรงต่อ - ความเป็นระเบียบอา่ น
เวลา ง่าย ส่งผลงานครบถว้ น แต่ชา้ ส่งผลงานครบถว้ น แตช่ ้า ส่งผลงานครบถ้วน แตช่ ้า
ส่งผลงานครบถ้วน ตรง กว่าเวลาท่กี ำหนด 5 กวา่ เวลาที่กำหนด 10 กว่าเวลาท่กี ำหนด 15
ตามเวลาทีก่ ำหนด นาที นาที นาที


ช่อื หนว่ ยการเรียนรู้ เสียงและการไดย้ ิน แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 16 หนว่ ยยอ่ ยท่ี 1
เร่อื ง ความถ่ธี รรมชาติ เวลา
วันทีท่ ำการสอน 2 ชั่วโมง

ผสู้ อน นายศกั ดร์ิ ะวี กนั ทะวงค์

1. สาระสำคญั 2. ผลการเรียนรู้
วตั ถุต่าง ๆ ท่ี ถกู ขงึ ตงึ แนน่ เช่น สะพานแขวน ชงิ ช้า สายไฟ เมือ่ ถกู แรง 4.อธิบายความเข้มเสียง ระดับเสียง องค์ประกอบของการได้ยิน
แลว้ ปล่อยใหแ้ กว่ง ก็สามารถสัน่ ได้ แผน่ ไม้บรรทัดท่ยี ดึ ปลายข้างหนง่ึ ท่ี คุณภาพเสียง และมลพิษทางเสียง รวมทั้งคำนวณปริมาณต่าง ๆ ท่ี
ขอบโตะ๊ เมอื่ ดดี ปลายอกี ข้างหนึง่ ไม้บรรทัดก็สน่ั อยา่ งอิสระเราเรียก เกีย่ วขอ้ ง
ความถ่ใี นการส่ันน้วี า่ ความถธี่ รรมชาติ

3. สาระการเรยี นรู้ 4. ชิ้นงาน/ภาระงาน
ความถ่ธี รรมชาติ 1. ใบงาน Diagram เร่อื ง ความถธี่ รรมชาติ

5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น 6. เครือ่ งมือการสอนคดิ
- ความสามารถในการสื่อสาร - Diagram
- ความสามารถในการคิด
- ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

กจิ กรรมการเรยี นรู้

7. ข้ันของกจิ กรรม 8. ส่ือ 9. วธิ กี ารวดั ผล

Do Now (3 นาท)ี - ใบความรู้ เรื่อง ความถื่ - ประเมินจากใบงาน
Diagram เ ร ื ่ อง ค วา ม ถื่
บอกช่ือนกั ดนตรที ่ีนกั เรียนรู้จกั มาคนละ 1 ท่าน (ห้ามซำ้ ) ธรรมชาติ ธรรมชาติ

Purpose (2 นาท)ี - ใบงานDiagram เรื่อง ความถ่ื

เราจะเรียนเรอื่ ง ความถื่ธรรมชาติของเสยี งเพื่อนักเรียนสามารถ ธรรมชาติ

อธิบายส่งิ ทเ่ี กย่ี วกบั ความถ่ืธรรมชาติ - คลิปวีดีโอ เรื่อง ความถื่

Work mode (110 นาท)ี ธรรมชาติ

1. นักเรียนตอบคำถาม “ความถืธ่ รรมชาติคืออะไร” (พอเพียง 2 ความมี https://youtu.be/T0TlZn3

เหตุผล) (5 นาท)ี 884o

2. นักเรยี นดูคลปิ วดี ีโอ เรอ่ื ง ความถ่ธื รรมชาติ (15 นาที)

3. นักเรียนและครูร่วมกนั สรุปสงิ่ ทไี่ ดจ้ ากการดูคลปิ วีดีโอ (15 นาที)

4. นักเรียนฟังครูอธิบายเพิม่ เตมิ เรอื่ ง ความถ่ธื รรมชาติพร้อมความหมาย

(15 นาที)

5. นักเรียนศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับธรรมชาติและคุณสมบัติของเสียง โดย

ศึกษาจากใบความรู้ เรื่อง ความถื่ธรรมชาติและสรุปความรูใ้ นรูปแบบ

แผนผัง ลงในใบงาน Diagram เรื่องความถื่ธรรมชาติ(คิด 9 : คิดเชิง

มโนทัศน)์ (40 นาท)ี

6. นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลงาน ใบงาน Diagram เรื่อง

ความถืธ่ รรมชาติหน้าชั้นเรียน(สมรรถนะ3) (10 นาที)


7. นกั เรียนและครูรว่ มกันสรปุ ความรู้ (10 นาที)
Reflective Thinking (5 นาท)ี
1. 3 สงิ่ ที่นกั เรียนรู้จากการเรยี นคาบน้ี(2 นาที)
2. ข้อสอบเข้า EN ปี 2544/2 จำนวน 1 ข้อ (3 นาที)

ขอ้ สอบ
1. (En 44/2) ลูก A B C D และ E แขวนกับเชือกที่ ขึงตึง ดังแสดงในรูป เม่ือผลักลกู ตุ้ม A ใหแ้ กวง่ ลกู ต้มุ ใด
จะแกวง่ ตามลูกตุ้ม A อย่างเด่นชัด
1. ลกู ตุ้ม B
2. ลูกตุ้ม C
3. ลูกตมุ้ D
4. ลูกตมุ้ E


ใบความรู้
เร่อื ง ความถธี่ รรมชาติ

ความถธ่ี รรมชาติ

นี่คือภาพของสะพานทีด่ สู ุดแสนจะโรแมนติคซึง่ มีชื่อว่า Tocoma Narrows Bridge ในประเทศสหรฐั อเมรกิ าครับ
แต่ความทรงจำทค่ี นสว่ นใหญ่ทราบจากสะพานแห่งน้ีน้นั กลับตรงกนั ขา้ มกับความสวยงามอยา่ งสุดขว้ั เพราะมันคือ
สะพานแห่งหายนะ เพราะอะไร? ทำไม? อย่างไร? ภาพต่อไปน้ี คอื สิ่งทเี่ กดิ ขน้ึ กบั Tocoma Narrows Bridge

วันที่ 1 พฤศจิกายน ค.ศ. 1940 สะพานได้พังถล่มลงมา เพียงเพราะการกระทำของกระแสลมธรรมดาเทา่ นน้ั เอง แต่
เบือ้ งหลงั แลว้ มันคือหลกั การทางฟสิ ิกส์เรื่อง"การสนั่ พ้อง"(Resonance) .....ชมภาพคลิปอนั น่าต่นื เต้นในขณะที่
Tocoma Narrows Bridge พังถลม่ ลงมาได้ในส่วนของคลิปวิดโี อนะครับ
ก่อนจะกล่าวถงึ การส่ันพ้อง คงตอ้ งแนะนำให้รู้จักคำอีกหน่งึ คำก่อนนนั่ คือ"ความถี่ธรรมชาติ"(Natural frequency)
ความถธ่ี รรมชาติคือ ความถี่ในการแกวง่ อย่างอิสระของวัตถุ ยกตวั อยา่ งเชน่ การแกวง่ ของลกู ตุ้มท่ถี ูกผูกไว้ด้วย
เชือก ถา้ เชอื กท่ีใชผ้ กู ลกู ตมุ้ ส้ัน ลกู ตมุ้ ก็จะแกว่งด้วยความถี่สูงหรอื กลา่ วให้เข้าใจง่ายคือเชอื กสนั้ ลกู ต้มุ กจ็ ะแกว่งเร็ว
ในขณะทห่ี ากเชอื กท่ีใชผ้ กู ลูกตุ้มยาว ลกู ตมุ้ กจ็ ะแกว่งชา้ ๆ นั่นคอื ลกู ตุ้มทีถ่ ูกผูกไว้ด้วยเชอื กที่ยาวต่างกนั ก็จะแกว่ง
ด้วยความถีธ่ รรมชาตทิ ต่ี า่ งๆกันน่นั เองครับ
ความถี่ธรรมชาตใิ นการแกว่งของลกู ตุ้มสามารถคำนวณไดจ้ าก


เม่ือ f คือ ความถีธ่ รรมชาติ มีหนว่ ยเป็น Hz, g คือ ความเร่งเนือ่ งจากแรงโนม้ ถว่ งของโลก, l คือ ความยาวของเชือก
ทผ่ี ูกลกู ตมุ้ มหี นว่ ยเป็น m
ความถ่ีธรรมชาตใิ นการสน่ั ของมวลตดิ สปรงิ สามารถคำนวณได้จาก

เมื่อ f คือ ความถี่ธรรมชาติ มีหนว่ ยเป็น Hz, k คอื คา่ คงท่ีของสปรงิ มหี นว่ ยเป็น N/m, m คือ มวล มีหนวย่ เป็น kg
แลว้ การสนั่ พอ้ งล่ะ การส่ันพ้องคือระบบของการส่ันทม่ี แี อมพลจิ ดู เพ่มิ ข้ึนในขณะท่มี ีความถ่ีคา่ หนึง่ กลา่ วคือ การสั่น
พ้องจะเกิดข้ึนเมื่อระบบไดร้ ับแรงกระทำจากภายนอกซ่งึ มีความถ่ีเท่ากับความถธ่ี รรมชาติและทำให้แอมพลจิ ูดของ
การเคลือ่ นทีม่ ขี นาดเพ่ิมขน้ึ ตัวอยา่ งทเ่ี ราคุน้ เคยกันดกี ็คือการเล่นแกว่งชงิ ช้าครับ


สมัยเป็นเดก็ คาดว่าแทบทุกคนคงเคยเลน่ ชงิ ช้า โดยมคี นหน่งึ นั่งบนชงิ ช้าและอีกคนหนึ่งคอยผลกั ใหช้ งิ ชา้ แกวง่
ประเด็นของการส่ันพ้องก็คอื คนผลักจะต้องผลักอยา่ งไรให้ชงิ ช้าแกว่งไปไดอ้ ย่างสมำ่ เสมอและมแี อมพลจิ ดู สูงขึ้นๆ
ทุกคนทเ่ี คยเลน่ ก็คงตอบพร้อมกนั ได้ไมย่ ากนะครับว่า เราก็ผลักชงิ ชา้ ให้ตรงกบั จงั หวะการแกวง่ ตามธรรมชาตขิ อง
มนั ผลักเมือ่ ชงิ ชา้ แกวง่ กลับมาจนถงึ ตำแหน่งสงู สุดใกลๆ้ กบั คนผลัก หากสงั เกตเุ พ่ิมอีกนิดก็จะพบวา่ เราเองก็ออก
แรงผลกั เป็นจังหวะๆ หรอื เป็นคาบด้วยนั่นเอง ประเดน็ นเ้ี องครับทีจ่ ังหวะในการผลกั ของเราตอ้ งตรงกับความถ่ี
ธรรมชาตขิ องชงิ ช้า ชิงชา้ กจ็ ะแกวง่ ต่อไปได้

เหตกุ ารณท์ ่เี กิดขึ้นกับ Tocoma Narrows Bridge ก็เช่นเดียวกันครบั สะพานแขวนก็ใกลเ้ คยี งกบั ลูกตุ้ม ย่อมมี
ความถีธ่ รรมชาตคิ ่าหนง่ึ เม่ือลมทพ่ี ดั ในบรเิ วณนน้ั พัดดว้ ยความถซี่ ่ึงตรงกับความถธ่ี รรมชาตขิ องสะพาน สะพานก็จะ
แกว่งดว้ ยแอมพลิจดู ทีเพมิ่ ขน้ึ ๆ สุดท้ายสะพานก็พังถล่มลงมาครับ เป็นบทเรียนให้กับวิศวกรท่จี ะสรา้ งสะพาน
ทั้งหลายต่อไปวา่ "การสนั่ พ้องไมใ่ ช่เร่อื งเล็กๆในบทเรียนฟิสิกส์อกี ต่อไป"


แบบประเมินผลงานใบงาน Diagram

คำชแี้ จง : ให้ผสู้ อนประเมินผลงานใบงานนกั เรียน ใหท้ ำเคร่ืองหมาย✓ลงในช่องรายการประเมินกำหนด

ความ สรุปผล

ลำดับที่ ชอ่ื -สกุล ความถูกต้อง ครอบคลุม สอดคลอ้ ง ตรงต่อเวลา ความสะอาด รวม การ
ของผ้รู บั การประเมนิ ของเนือ้ หา เนอื้ หา และเช่อื มโยง 4 เรียบรอ้ ย 20 ประเมิน
ของเน้อื หา คะแนน ผา่ น/ไม่
4 4 4
4 ผา่ น

4321 43214 32 1 4321 4321

ลงชื่อ .................................................... ผปู้ ระเมนิ
................/................/................

เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

18 - 20 ดมี าก

14 - 17 ดี

10 - 13 พอใช้

ต่ากว่า 10 ปรบั ปรุง

นักเรียนไดร้ ะดบั คณุ ภาพที่ พอใช้ ข้นึ ไปถอื ว่า ผา่ น


ตารางแนบทา้ ยแบบประเมนิ ใบงาน Diagram

เกณฑก์ าร ระดับการประเมิน
ประเมิน
รปู แบบ 4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรงุ )
- มีหัวข้อทชี่ ัดเจน - มีหัวข้อที่ชัดเจน
เนอ้ื หา - เขียนอย่ใู นกรอบ - มหี ัวขอ้ ท่ชี ดั เจน - มีหัวข้อท่ีชดั เจน - เขยี นอยู่ในกรอบ
- ใช้คำสำคัญตรงประเด็น
การนำเสนอ - ใช้สัญลกั ษณ์หรือภาพ - เขยี นอยู่ในกรอบ - เขยี นอยใู่ นกรอบ - เน้อื หาถูกต้องตามสาระ
ท่ีกำหนดต่ำกวา่ 59%
ความ สื่อความหมาย - ใช้คำสำคญั ตรงประเดน็ - ใชค้ ำสำคัญตรงประเด็น - เขียนถูกต้องตามหลัก
สวยงาม - ใช้สสี ันทัว่ แผน่ ภาษาตำ่ กว่า 59%
- เนอ้ื หาครบถว้ นตาม - ใช้สัญลกั ษณห์ รอื ภาพ - มกี ารสรปุ ไม่
สาระท่ีกำหนด 100% สมเหตสุ มผลตำ่ กวา่
- เขียนถูกต้องตามหลกั สอื่ ความหมาย 59%
ภาษา 100%
- ลำดับหวั ขอ้ เนื้อหา - เน้ือหาถูกต้องตามสาระ - เนอ้ื หาถกู ต้องตามสาระ - สามารถพดู นำเสนอได้
ชดั เจน - ใชภ้ าษาทางการถูกต้อง
- มีการสรปุ ได้อย่าง ที่กำหนด 80-99% ทีก่ ำหนด 60-79% ตามอักขระต่ำกวา่
สมเหตุสมผล 100% 59%
- พูดชัดเจนเสยี งดงั ฟังชดั - เขยี นถูกต้องตามหลัก - เขียนถูกต้องตามหลกั - บุคลกิ ภาพเหมาะสม
- ใชภ้ าษาทางการถูกต้อง
ตามอักขระ100% ภาษา 80-99% ภาษา 60-79% - ใช้สสี นั สวยงามหรือ
- บคุ ลิกภาพดแี ละมีความ เปน็ ไปตามเกณฑ์อย่าง
มน่ั ใจ - ลำดบั หวั ข้อเน้ือหา - มีการสรปุ ได้อย่าง ใดอย่างหนึ่ง
- มีการใช้ส่ือประกอบการ
นำเสนอ ชดั เจน สมเหตสุ มผล 60-79%
- ความพร้อมในการ
นำเสนอ - มกี ารสรุปได้อยา่ ง
- ใชส้ สี ันสวยงาม
- มคี วามสะอาด สมเหตุสมผล 80-99%
- มคี วามคิดสรา้ งสรรค์
- ความเปน็ ระเบียบอ่าน - พดู ชัดเจนเสียงดังฟงั ชัด - การพูดเหมาะสม
ง่าย
- ใชภ้ าษาทางการถูกต้อง - ใช้ภาษาทางการถูกต้อง

ตามอักขระ80-99% ตามอักขระ60-79%

- บคุ ลกิ ภาพดี - บคุ ลกิ ภาพเหมาะสม

- ความพร้อมในการ

นำเสนอได้บางส่วน

- ใชส้ สี นั สวยงาม - ใช้สีสันสวยงามและมี
- มีความสะอาด ความสะอาด
- มคี วามคดิ สรา้ งสรรค์


การตรงต่อ สง่ ผลงานครบถ้วน ตรง สง่ ผลงานครบถว้ น แตช่ า้ สง่ ผลงานครบถ้วน แตช่ า้ สง่ ผลงานครบถว้ น แต่ชา้
เวลา ตามเวลาทก่ี ำหนด กว่าเวลาทกี่ ำหนด 5 กวา่ เวลาทก่ี ำหนด 10 กว่าเวลาทกี่ ำหนด 15
นาที นาที นาที


ใบกจิ กรรม Diagram เร่อื ง ..

คำช้แี จง ให้นักเรยี นเขยี น Diagram เกีย่ วกบั การรับรู้และการตอบสนอง


..............................................


แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี 17

ชอ่ื หนว่ ยการเรียนรู้ เสยี งและการยนิ หนว่ ยย่อยท่ี 1
เร่ือง ปรากฎการณ์ดอปเพลอร์
วนั ท่ที ำการสอน เวลา 2 ชัว่ โมง

ผู้สอน นายศักด์ิระวี กันทะวงค์

1. สาระสำคัญ 2. ผลการเรยี นรู้
ปรากฏการณ์ท่ีผู้สังเกตได้ยินเสียงมีความถี่เปลี่ยนไปจากความถ่ี
เดิม อันอาจเน่ืองมาจากการเคลื่อนท่ีของผู้สังเกตทำให้ความเร็วของ 6. อธิบายการเกิดบีต คล่ืนน่ิง ปรากฏการณ์ดอปเพลอร์ คลื่น
เสียงมาถึงผู้สังเกตเปล่ียนแปลงไปจากเดิมเรียกว่า ปรากฎการณ์ดอป กระแทกของเสียง คำนวณปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และนำ
เพลอร์ ความรู้เรือ่ งเสียงไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวัน

3. สาระการเรยี นรู้ 4. ชิ้นงาน/ภาระงาน
ปรากฎการณด์ อปเพลอร์ 1. ใบงาน Diagram เรื่อง การวิเคราะหโ์ จทยป์ ญั หา

ปรากฎการณด์ อปเพลอร์
2. ใบงาน เรอื่ ง การคำนวณปรากฎการณด์ อปเพลอร์

5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น 6. เครื่องมือการสอนคดิ

- ความสามารถในการส่ือสาร - Diagram

- ความสามารถในการคดิ

- ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

กจิ กรรมการเรียนรู้

7. ขน้ั ของกจิ กรรม 8. ส่ือ 9. วิธกี ารวดั ผล

Do Now (3 นาท)ี - ใ บ ค ว า ม รู้ เ รื่ อ ง - ป ร ะ เมิ น จ า ก ใบ ง า น เร่ื อ ง
ปรากฎการณ์ดอปเพลอร์
บอกช่อื วชิ าเรียนทนี่ ักเรยี นชนื่ ชอบ ปรากฎการณด์ อปเพลอร์ ป ร ะ เมิ น จ า ก ใ บ ง า น
Diagram เ รื่ อ ง ก า ร
Purpose (2 นาท)ี - ใบงาน Diagram เรื่อง - วิเค รา ะ ห์ โจ ท ย์ ปั ญ ห า
ปรากฎการณด์ อปเพลอร์
เราจะเรียนเรอื่ ง ปรากฎการณด์ อปเพลอร์ เพือ่ นักเรยี นสามารถอธิบาย การวเิ คราะหโ์ จทย์ปัญหา
และคำนวณสิง่ ทเี่ ก่ียวกบั ปรากฏการณด์ อปเปลอร์ ได้ ปรากฎการณด์ อปเพลอร์
Work mode (110 นาท)ี

1. นักเรยี นดูคลปิ วดี โี อ เรอื่ ง ปรากฎการณด์ อปเพลอร์ (10 นาที) - ใ บ ง า น ที่ เ ร่ื อ ง

2. นักเรยี นและครรู ว่ มกนั อภิปรายขอ้ มูลทีไ่ ดจ้ ากการดคู ลปิ วดี โี อ ( 10 ปรากฎการณ์ดอปเพลอร์

นาที) - ค ลิ ป วี ดี โ อ จ า ก
3. นักเรยี นฟังครูอธบิ ายเพ่มิ เตมิ เรอ่ื ง ปรากฎการณด์ อปเพลอร์(10 https://www.youtube
.com/watch?v=jT1cG
นาที)

4. นกั เรยี นศึกษาใบความร้เู รอื่ ง ปรากฎการณด์ อปเพลอร์ (พอเพยี ง3 C0o-2w&t=4s

การมีภมู ิคมุ้ กนั ท่ดี ใี นตัว)(10 นาที)

5. นกั เรยี นตอบคำถาม


- บอกผลกระทบของการอยู่ในสถานที่ ทีม่ ีเสียงดงั มาก จะเกิด
อะไรขนึ้ (5 นาท)ี

6. นกั เรยี นสบื ค้นข้อมลู เก่ียวกบั หาโจทยป์ ัญหาเรอื่ งปรากฎการณด์ อป
เพลอร์ โดยศกึ ษาจากอนิ เตอรเ์ นต็ เรือ่ ง ปรากฎการณ์ดอปเพลอร์
และวิเคราะหโ์ จทยป์ ญั หาในรปู แบบแผนผงั ลงในใบงาน Diagram
เร่อื ง การวิเคราะหโ์ จทย์ปญั หา ปรากฎการณด์ อปเพลอร์ (คดิ 9 :
คิดเชงิ มโนทศั น)์ (สมรรถนะ2)(25นาที)

7. นักเรยี น(โดยสมุ่ ตัวแทน)ออกมานำเสนอผลงานหนา้ ชัน้ เรยี น
(สมรรถนะ3) (15 นาที)

8. นักเรยี นวเิ คราะหโ์ จทย์และแกโ้ จทย์ปญั หา ในใบงาน เรื่อง
ปรากฎการณด์ อปเพลอร์ (20 นาที)

9. นกั เรียนและครรู ่วมกนั สรปุ ความรทู้ ีไ่ ด้รบั จากเรื่อง ปรากฎการณด์
อปเพลอร์ (5 นาที)

Reflective Thinking (5 นาท)ี
1. 1 สง่ิ ทนี่ ักเรียนสงสยั จากการเรยี นคาบเรยี นน้ี(2 นาที)

2. ขอ้ สอบ จาก มช 2533 จำนวน 1 ขอ้ (3 นาที)

ข้อสอบ จาก มช 2533

1. (มช 33) ปรากฏการณ์ดอปเปลอรข์ องเสยี งแสดงใหเ้ ห็นถงึ การเปลี่ยนแปลง

1. มลภาวะเสยี ง
2. ความเขม้ เสียง
3. ความดงั เสียง
4. ระดับเสยี ง


ใบความรู้
ปรากฏการณด์ อปเพลอร์ ( Doppler Effect )

ปรากฏการณด์ อปเพลอร์ ( Doppler Effect )

คือปรากฏการณ์ที่ผู้สังเกตได้ยินเสยี งมีความถเี่ ปลี่ยนไปจากความถี่เดิม อันอาจเนื่องมาจากการเคล่ือนท่ี

ของผู้สังเกตทำให้ความเร็วของเสียงมาถึงผู้สังเกตเปล่ียนแปลงไปจากเดิม และหรือเนื่องจากการเคลื่อนท่ีของ

แหล่งกำเนิดเสียง ทำให้ความยาวคลื่นที่ผู้สังเกตได้รับผิดไปจากเดิม จึงมีผลให้ผู้สังเกตได้ยินเสียงแหลม หรือทุ้ม

มากกวา่ ความจรงิ (ความถี่สงู เสยี งแหลม , ความถต่ี ่ำเสียงทุ้ม)

กำหนดให้ v = ความเร็วเสยี งในอากาศ

vO = ความเรว็ ของผูส้ ังเกต

vS = ความเรว็ ของแหล่งกำเนดิ

fO = ความถีท่ ี่ผูส้ ังเกตได้ยนิ

fS = ความถีเ่ สยี งของแหล่งกำเนิด

= ความยาวคล่ืนเสียงในอากาศ
ความเรว็ สมั พทั ธ์
v=

พิจารณาจากรปู เกย่ี วกบั การเกิดปรากฏการณด์ อปเพลอร์ เม่อื ตัวกลางอยกู่ ับท่ี ( อากาศ )

จากรูป 1 1
Source ( แหลง่ กำเนิดเสียง ) อยูก่ ับที่ v
ผู้สงั เกต ( Observe ) อยกู่ ับทด่ี ้วย

จะไดว้ ่า ความถีท่ ผี่ ู้สังเกตไดย้ นิ = ความถีข่ อง Source

fO = fS

จากรปู 2 และ 3 2v
Source ( แหลง่ กำเนิดเสยี ง ) อยกู่ บั ท่ี vO
ผสู้ งั เกต ( Observe ) เคลื่อนท่ี

1. จากรปู 2 ผู้สังเกต ( Observe ) เคลื่อนท่ี เข้าหา จะทำให้ผู้

สังเกตไดย้ ินเสยี งมีความถเ่ี พ่ิมข้ึน

การเคลอ่ื นท่ใี นลกั ษณะนี้ จะมีการเคล่ือนทส่ี ัมพทั ธ์ระหวา่ ง ความเร็วเสียงในอากาศ แหล่งกำเนดิ เสยี ง และ

ผสู้ ังเกต v คอื ความเรว็ สัมพัทธ์ระหวา่ ง ความเร็วเสียงกบั แหลง่ กำเนิด
ดงั นั้น ให้

หรอื ความเรว็ สมั พัทธ์ระหวา่ ง ความเรว็ เสียงกับผูส้ ังเกต


Click to View FlipBook Version