The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนรายวิชา ฟิสิกส์ 4

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by jirapinya051041, 2022-12-14 20:22:24

แผนรายวิชา ฟิสิกส์ 4

แผนรายวิชา ฟิสิกส์ 4

ความรู้ KWL

เรือ่ ง ................................................................ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที .ี่ .........

ชอ่ื ..................................................สกุล..........................................ช้นั ...............เลขที่.....................

คำช้ีแจง นักเรยี นบนั ทึกความรูท้ ไี่ ด้ ลงในตารางต่อไปน้ีพรอ้ มทัง้ เขยี นสรปุ ความ ลงในบรรทดั ท่ีวา่ งขา้ งล่างของแบบบันทึก

K(นักเรียนรู้อะไร) W(นักเรยี นตอ้ งการร้อู ะไร) L(นกั เรยี นได้เรยี นรอู้ ะไร)

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………...…………………………………………………………………………………………………………
……………………...……………………………………………………………………………………………………………………………….
..


แบบประเมนิ ผลงานใบงาน KWL

คำชี้แจง : ใหผ้ ู้สอนประเมนิ ผลงานใบงานนักเรยี น ใหท้ ำเครื่องหมาย✓ลงในช่องรายการประเมินกำหนด

ลำดับที่ ชอ่ื -สกุล การแสดงความ ครอบคลุม ผลสำเร็จ ตรงตอ่ เวลา ความสะอาด รวม สรุปผล
ของผรู้ บั การประเมนิ คิดเหน็ ถกู ต้อง เน้อื หา ของงาน 4321 เรียบรอ้ ย 20 การ
คะแนน ประเมนิ
ชัดเจน 4321 4321 4321 ผา่ น/ไม่
ผา่ น
4321

ลงชอ่ื .................................................... ผปู้ ระเมิน
................/................/................

เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ
ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 4 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบางครง้ั ให้ 3 คะแนน
ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมน้อยครง้ั ให้ 2 คะแนน 18 - 20 ดมี าก
ให้ 1 คะแนน
14 - 17 ดี

10 - 13 พอใช้

ต่ากว่า 10 ปรบั ปรุง

นกั เรียนไดร้ ะดบั คณุ ภาพท่ี พอใช้ ข้นึ ไปถอื ว่า ผา่ น


ตารางแนบท้ายแบบประเมนิ ใบงาน KWL

เกณฑ์การ ระดบั การประเมนิ
ประเมิน
การแสดง 4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรุง)
ความ - แสดงความคดิ เห็นใน
คดิ เห็น - แสดงความคิดเหน็ ใน - แสดงความคดิ เห็นใน - แสดงความคดิ เห็นใน
ชอ่ ง K ได้ นอ้ ยกวา่ 7
ชอ่ ง K ได้ 10 ข้อ ชอ่ ง K ได้ 9-10 ข้อ ช่อง K ได้ 7-8 ข้อ ขอ้
- แสดงความคิดเห็นใน
คำถามข้นึ ไป คำถาม คำถาม ชอ่ ง W ได้ น้อยกวา่ 7
ขอ้
- แสดงความคดิ เห็นใน - แสดงความคิดเห็นใน - แสดงความคดิ เหน็ ใน - แสดงความคดิ เหน็ ใน
ชอ่ ง L ได้ นอ้ ยกว่า 7
ช่อง W ได้ 10 ข้อ ช่อง W ได้ 9-10 ขอ้ ชอ่ ง W ได้ 7-8 ข้อ ขอ้

คำถามขน้ึ ไป คำถาม คำถาม

- แสดงความคิดเห็นใน - แสดงความคดิ เห็นใน - แสดงความคิดเหน็ ใน

ชอ่ ง L ได้ 10 ข้อ ช่อง L ได้ 9-10 ข้อ ช่อง L ได้ 7-8 ข้อ

คำถามขน้ึ ไป คำถาม คำถาม

เน้ือหา - เนอ้ื หาครบถ้วนตาม - เน้ือหาถกู ต้องตามสาระ - เนอ้ื หาถกู ต้องตามสาระ - เน้ือหาถกู ต้องตามสาระ

สาระที่กำหนด 100% ท่ีกำหนด 80-99% ทกี่ ำหนด 60-79% ทก่ี ำหนดต่ำวา่ 59%

- เขยี นถูกต้องตามหลัก - เขยี นถกู ต้องตามหลกั - เขยี นถูกต้องตามหลกั - เขียนถูกต้องตามหลกั

ภาษา 100% ภาษา 80-99% ภาษา 60-79% ภาษาต่ำวา่ 59%

- ลำดบั หัวขอ้ เน้ือหา - ลำดับหวั ข้อเนอื้ หา - มีการสรุปได้อย่าง - มีการสรปุ ไม่

ชัดเจน ชดั เจน สมเหตสุ มผล 60-79% สมเหตสุ มผลต่ำวา่

- มกี ารสรุปได้อยา่ ง - มีการสรปุ ได้อย่าง 59%

สมเหตุสมผล 100% สมเหตุสมผล 80-99%

การนำเสนอ - พูดชัดเจนเสยี งดงั ฟังชัด - พดู ชัดเจนเสยี งดงั ฟงั ชดั - การพดู เหมาะสม - สามารถพูดนำเสนอได้

- ใช้ภาษาทางการถูกต้อง - ใช้ภาษาทางการถูกต้อง - ใช้ภาษาทางการถูกต้อง - ใช้ภาษาทางการถูกต้อง

ตามอักขระ100% ตามอักขระ80-99% ตามอักขระ60-79% ตามอักขระตำ่ วา่ 59%

- บคุ ลกิ ภาพดีและมีความ - บุคลิกภาพดี - บุคลิกภาพเหมาะสม - บุคลกิ ภาพเหมาะสม

มัน่ ใจ - ความพรอ้ มในการ

- มกี ารใชส้ ื่อประกอบการ นำเสนอได้บางส่วน

นำเสนอ

- ความพรอ้ มในการ

นำเสนอ


ความ - ใชส้ สี ันสวยงาม - ใชส้ สี ันสวยงาม - ใชส้ ีสันสวยงามและมี - ใชส้ สี นั สวยงามหรอื
สวยงาม - มีความสะอาด - มคี วามสะอาด ความสะอาด เป็นไปตามเกณฑอ์ ย่าง
- มคี วามคิดสรา้ งสรรค์ - มีความคดิ สรา้ งสรรค์ ใดอยา่ งหนึง่
การตรงต่อ - ความเป็นระเบียบอา่ น
เวลา ง่าย ส่งผลงานครบถว้ น แต่ชา้ ส่งผลงานครบถ้วน แต่ชา้ ส่งผลงานครบถ้วน แตช่ ้า
ส่งผลงานครบถ้วน ตรง กว่าเวลาท่กี ำหนด 5 กวา่ เวลาที่กำหนด 10 กว่าเวลาท่กี ำหนด 15
ตามเวลาทีก่ ำหนด นาที นาที นาที


ใบงานเร่ือง ตาและการมองเหน็ (ตามแนวPISA)
อา่ นถ้อยความต่อไปน้แี ล้วตอบคำถาม
ดวงตากับการมองเห็นและการพรางไฟเวลากลางคนื
Leave a reply

แสงท่มี องเห็นไดก้ บั Electromagnetic Spectrum
แสงท่ีมองเห็นได้เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetic Wave) ประเภทหน่ึงในช่วงความถ่ี 430-790 THz หรือ

ช่วงความยาวคลื่น 700-390 nm โดยช่วงของคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้าท่ีมีความถ่ีต่ำกว่าย่านแสงที่มองเห็นได้คือรังสีอินฟราเรด
(Infrared – IR), ไมโครเวฟ (Microwave – MW) และคลืน่ วิทยุ (Radio Frequency – RF) ส่วนช่วงของคลื่นแมเ่ หล็กไฟฟ้าที่มี
ความถี่สูงกว่าย่านแสงที่มองเห็นได้คือรังสีอัลตราไวโอเลต (Ultraviolet – UV), รังสี X และรังสีแกมม่า โดยคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้า
เป็นคล่ืนที่ไม่ต้องอาศัยตวั กลางในการเคลื่อนท่ี (ตัวอย่างเช่น แสงจากดวงอาทิตย์สามารถเดินทางผ่านอวกาศมายังโลกได)้ ภาพ
Electromagnetic Spectrum แสดงให้เห็นถึงคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในย่านต่างๆ และความสัมพันธ์ระหว่างความถี่และความยาว
คล่ืน (ในท่ีน้ีช่วงคล่ืนเสียงหรือ Audio Frequency ไม่ใช่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เน่ืองจากเสียงต้องใช้ตัวกลางในการเคล่ือนท่ี แต่
นำมาแสดงในภาพเพื่อการเปรยี บเทยี บชว่ งความถ่ี)


การมองเห็นของดวงตา
ดวงตาของคนเรามีความสามารถในการปรับโฟกัสและการปรับความสว่างโดยอัตโนมตั ิ การมองเหน็ ของดวงตาเร่ิมต้น

จากแสงเดินทางผา่ นกระจกตา (Cornea) รูม่านตา (Pupil) และเลนสต์ า (Lens) ไปยงั จอประสาทตา (Retina) โดยเลนสต์ าทำ
หนา้ ท่ใี นการปรบั โฟกสั และรูม่านตาทำหนา้ ท่ีในการปรบั ความสว่าง โดยมีศูนยก์ ลางของจดุ รบั แสงบนจอประสาทตาเรียกว่า
Fovea

จอประสาทตา (Retina) ประกอบด้วยเซลล์รับแสงอยู่ 2 ประเภท คือเซลล์รูปกรวย (Cone Cells) กับเซลล์รูปแท่ง
(Rod Cells) ซ่ึงทำหน้าท่ีในการมองเห็นต่างกันไป โดย Retina มี Cone Cells ประมาณ 4.5 ล้านเซลล์ และมี Rod Cells
ประมาณ 90 ล้านเซลล์ นอกจากนี้แล้วจำนวนของเซลล์รับแสงแต่ละประเภทก็แตกต่างกันในแต่ละพื้นท่ีของ Retina อีกด้วย
โดยในบริเวณใกล้เคียงกับ Fovea จะมี Cone Cells รวมอยู่มากกว่า ในขณะที่ Rod Cells จะกระจายอยู่ด้านนอก ส่วนจุดท่ี
เส้นประสาทตาออกจาก Retina ไปยังสมองจะเป็นจุดท่ีไม่มีเซลล์รับแสงหรือเป็น Blind Spot Cone Cells เป็นเซลล์รับแสงท่ี
ทำหน้าที่ในการมองเห็นสีและแสงในท่ีสว่าง (การมองเห็นแบบ Photopic Vision) Cone Cells แบ่งย่อยได้เป็นอีก 3 ประเภท
คือ S Type ทำหน้าท่ีในการรับแสงช่วงความยาวคลื่นส้ัน (แสงสีน้ำเงิน), M Type ทำหน้าท่ีในการรับแสงช่วงความยาวคลื่น
ปานกลาง (แสงสีเขียว) และ L Type ทำหน้าท่ีในการรับแสงช่วงความยาวคลื่นยาว (แสงสีแดง) ซึ่งเป็นที่มาของแม่สีของแสงที่
มองเห็นได้ คือ แดง เขียว และน้ำเงนิ หรอื RGB (ถ้าใครยังนึงไม่ออกลองนึกภาพโลโก้ทีวีช่อง 7 ทเ่ี ป็นวงกลมแสง 3 สีมารวมกัน


เป็นสีขาวตรงกลางหลังเลข 7) การท่ี Cone Cells กระจุกรวมตัวกันอยู่บรเิ วณ Fovea ทำให้เรามองเห็นจุดศูนย์กลางของภาพ
เปน็ จดุ ทีม่ ีความชดั เจนมากทสี่ ดุ และเปน็ จุดที่สามารถแยกแยะสีได้ดที ส่ี ุด

ในส่วนของ Rod Cells เป็นเซลล์รับแสงท่ีมีความไวต่อแสงมากและทำหน้าท่ีในการมองเห็นในที่มืด (Scotopic Vision) โดย
Rod Cells มีความไวต่อแสงท่ีความยาวคลื่น 498 nm (แสงสีน้ำเงิน-เขียว) มากท่ีสุด และไม่ไวต่อแสงสีแดง อย่างไรก็ดี Rod
Cells มีความไวตอ่ ความเข้มของแสงเพียงอย่างเดียวและไม่สามารถแยกแยะสีได้ ทำใหเ้ รามองไม่เห็นสีในท่ีที่มีแสงนอ้ ยกว่าที่จะ
กระตนุ้ การทำงานของ Cone Cells
การมองเหน็ ในที่มืดกับการพรางไฟเวลากลางคนื

เซลล์รบั แสงต้องใช้ระยะเวลาหน่ึงในการปรับตัวจากทส่ี ว่างไปยงั ทีม่ ดื โดย Cone Cells ใช้เวลาในการปรับตัวประมาณ
5-7 นาที อย่างไรก็ดี Cone Cells มีความไวต่อแสงน้อยกว่าและไม่สามารถมองเห็นได้ดีในที่มืด ส่วน Rod Cells ซึ่งมีความไว
ตอ่ แสงมากกว่าจะถูก Desensitized ในทีส่ ว่างและตอ้ งใช้เวลาปรับตัว 20-30 นาทีเมื่อเข้าสู่ทมี่ ืด นอกจากน้แี ล้วการใชเ้ ซลลร์ ับ
แสงหลักที่ต่างกันในการมองเห็นในที่มืดและที่สว่างทำให้ดวงตามีความไวต่อแสงที่ความยาวคล่ืนต่างๆ แตกต่างกันไป โดยการ
มองเห็นในที่สว่าง (Photopic Vision) ซึ่งเป็นการทำงานหลักของ Cone Cells จะมีความไวต่อแสงที่ความยาวคลื่น 550 nm
(แสงสีเขียวสด) มากที่สุด ส่วนการมองเห็นในที่มืด (Scotopic Vision) จะเป็นการทำงานหลักของ Rod Cells ซ่ึงมีความไวต่อ
แสงท่คี วามยาวคลน่ื 498 nm (สนี ้ำเงินแกมเขียว) มากท่ีสดุ และไม่มคี วามไวต่อแสงสีแดง


ทำไมตอ้ งพรางไฟสีแดงเวลากลางคืน

หากใครได้ดูหนังเกี่ยวกับเรือรบจะสังเกตว่าในเวลากลางคืนเรือรบจะเปล่ียนไฟส่องสว่างภายในตัวเรือจากสีขาวเป็นสีแดง
เน่ืองจากเมื่อพิจารณาการทำงานของเซลล์รับแสงกับการมองเห็นในท่ีมืดข้างต้น จะพบว่าการใช้แสงสีแดงจะไม่เป็นการกระตุ้น
Rod Cells ซ่ึงทำให้สามารถปรับการมองเหน็ ได้เร็วกว่าเมื่อมองออกไปยังท่ีมืดนอกตัวเรอื ซง่ึ หากใช้แสงสีอน่ื ถึงแม้วา่ จะมีความ
เข้มท่ีน้อยกว่า ก็จะสามารถกระตุ้น Rod Cells ซึ่งมีความไวต่อแสงแม้เพียงเล็กน้อย ทำให้ต้องใช้เวลาปรับการมองเห็นในที่มืด
ภายนอกนานกว่า นอกจากน้ีแล้วในกรณีท่ีอาจมีแสงสีแดงเล็ดลอดออกไปนอกตัวเรอื จะมีโอกาสถูกมองเห็นได้น้อยกว่าแสงสีอ่ืน
เนื่องจากเป็นช่วงความยาวคลื่นที่ไม่กระตุ้น Rod Cells ที่มีความไวต่อแสงมาก ประกอบกับแสงสแี ดงยังถูกดูดกลืนโดยไอนำ้ ใน
อากาศไดม้ ากกว่าแสงที่มคี วามยาวคล่ืนสั้นกวา่
ทำไมกล้องส่องกลางคนื (NVG) จึงเปน็ สีเขยี ว?

สารแสดงผลของกล้องส่องกลางคืน (Night Vision Goggle – NVG) ไม่เก่ียวกับความสามารถของดวงตาในการ
มองเห็นในที่มืด โดยกล้อง NVG ส่วนมากสามารถมองเห็นช่วงความยาวคลื่นในย่าน Near Infrared ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า


แล้วใช้การแสดงผลเป็นสีเขียวเน่ืองจาก Cone Cells สามารถรับแสงสีเขียวได้ดี และสามารถแยกแยะความชัดเจนของภาพได้
ดีกว่า Rod Cells โดยการแสดงผลของกล้อง NVG มีความสว่างมากพอท่ีจะกระตุ้น Cone Cells และหยุดการทำงานหรือ
Desensitize เซลล์รับแสงแบบ Rod Cells แต่เน่ืองจากกล้อง NVG ใช้ในการแสดงภาพในเวลากลางคืนอยู่แล้ว จึงไม่ต้อง
คำนงึ ถงึ การปรับการมองเห็นในทมี่ ดื ของดวงตา
ทำไมเรือรบสมัยใหม่จึงพรางไฟด้วยแสงสีนำ้ เงนิ -เขยี ว?

ถ้าหากการทำงานของดวงตา สามารถอธิบายได้ว่าแสงสีแดงเป็นแสงท่ีเหมาะสมกับการปรับการมองเห็นในท่ีมืดได้ดี
ที่สุด แลว้ ทำไมเรอื รบสมัยใหมจ่ งึ พรางไฟสีน้ำเงินทง้ั ภายนอกและภายในตวั เรอื ?

เหตุผลของการพรางไฟสนี ้ำเงินของเรือรบสมยั ใหม่แบ่งออกไดเ้ ป็น 2 กรณี คอื กรณีการพรางไฟสีน้ำเงนิ ภายนอกตวั เรือ
บริเวณดาดฟ้าเฮลิคอปเตอร์ (ตามภาพ) เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนการทำงานของกล้อง NVG เนื่องจากเครื่องบินทางทหาร
สมัยใหม่มักบนิ ในเวลากลางคืนด้วยกล้อง NVG ซึ่งไวต่อแสงย่านความยาวคลนื่ ยาว (Near Infrared) และไม่ไวต่อแสงยา่ นความ
ยาวคลื่นสั้น ดังน้ันจึงใช้ไฟส่องสว่างดาดฟ้าบิน (รวมถึงไฟส่องสว่างในห้องนักบิน) สีน้ำเงินหรือสีเขียว ซ่ึงเป็นแสงในย่านความ
ยาวคลื่นที่สั้นกว่าย่านการทำงานของกล้อง NVG โดยเนื่องจากนักบินใช้กล้อง NVG อยู่แล้ว จึงไม่ต้องปรับการมองเห็นในที่มืด
อีก


ในส่วนของการพรางไฟสีน้ำเงินภายในตัวเรือ เน่ืองจากการปฏิบัติงานในเรือรบสมัยใหม่โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้องศูนย์
ยุทธการไม่มีความจำเป็นต้องออกไปภายนอกตัวเรือ จึงสามารถใช้แสงสีน้ำเงินหรือน้ำเงินแกมเขียวภายในห้องศูนย์ยุทธการ
เน่ืองจากแสงสีน้ำเงินแกมเขียวเป็นย่านความถ่ีท่ีกระตุ้นเซลล์รับแสงในที่มืดได้ดี และช่วยให้มองเห็นรายละเอียดได้ชัดเจนข้ึน
แม้ว่าจะใช้แสงความเข้มต่ำ ในขณะที่การพรางไฟด้วยแสงสีแดงต้องใช้ความเข้มแสงมากกว่า (เน่ืองจากเป็นการกระตุ้น Cone
Cells เปน็ หลกั ) และให้การมองเห็นทช่ี ัดเจนนอ้ ยกวา่ ยกเวน้ บนสะพานเดินเรือและบริเวณทางเขา้ -ออกตวั เรือซ่ึงยังคงพรางไฟสี
แดงอย่เู พ่ือให้ผู้ทีจ่ ำเป็นต้องออกไปนอกตัวเรือ หรือใชก้ ารตรวจการณ์ดว้ ยสายตาออกไปนอกตัวเรอื สามารถปรับการมองเหน็ ใน
ที่มืดได้ และลดโอกาสของการถกู ตรวจพบด้วยสายตา

คำถามท่ี 1 (2 คะแนน)
แสงท่ีมองเหน็ ได้เป็นคลนื่ แม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetic Wave) ประเภทหน่ึงในชว่ งความถ่ีเทา่ ใด
1. 430-790 THz
2. 430-700 THz
3. 430-750 THz
4. 430-800 THz

ข้อ คำตอบ

(สมรรถนะ : การอธบิ ายปรากฎการเชงิ วทิ ยาศาสตร์)

คำถามท่ี 2 (2 คะแนน)
ทำไมเรอื รบสมัยใหมจ่ ึงพรางไฟด้วยแสงสีน้ำเงิน-เขียว
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………...…………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………..
(สมรรถนะ : ระบปุ ระเดน็ ทางวทิ ยาศาสตร)์


คำถามท่ี 1 (2 คะแนน) เกณฑก์ ารให้คะแนน / แนวคำตอบ

ข้อ คำตอบ
1 430-790 THz

คำถามท่ี 2 (2 คะแนน)

1 คะแนน 0 คะแนน
เพื่ อ ไม่ ให้ เป็ น ก า ร ตอบผดิ /ไม่ไดต้ อบคำตอบใดๆ
รบกวนการทำงานของกล้อง
NVG เนื่องจากเคร่ืองบินทาง
ทหารสมัยใหม่มักบินในเวลา
กลางคืนด้วยกล้อง NVG ซ่ึงไว
ต่อแสงย่านความยาวคล่ืนยาว
(Near Infrared) และไม่ไวต่อ
แสงยา่ นความยาวคลนื่ ส้ัน

เกณฑ์การให้คะแนน

เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

4 ดมี าก

3 ดี

2 พอใช้

0-1 ปรับปรงุ

นกั เรยี นได้ระดับคุณภาพ พอใช้ ขนึ้ ไปถือว่า ผ่าน


แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 37

ชอื่ หนว่ ยการเรยี นรู้ ทัศนอปุ กรณ์ หน่วยยอ่ ยท่ี 3

เรอ่ื ง การกระเจิงของแสง เวลา 2 ชั่วโมง
วนั ท่ที ำการสอน ผู้สอน นายศกั ดิร์ ะวี กันทะวงค์

1. สาระสำคญั 2. ผลการเรยี นรู้
การกระเจิงของแสง(Scattering) หมายถึง การที่คลื่นแสง 14.อธิบายปรากฏการณ์ธรรมชาติท่ีเก่ียวกับแสง เช่น รุ้ง การ
ทรงกลด มิราจ และการเห็นท้องฟ้าเป็นสีต่าง ๆ ในช่วงเวลา
เดินทางไปชนกับอนุภาคเล็กๆในอากาศ แล้วกระเด็นออกไปทุก ตา่ งกนั
ทิศทาง แสงประกอบด้วยคร่นื แสง 7 สี ทร่ี วมกันเป็นสีขาว ได้แก่ มว่ ง
คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด แดง โดยท่ีความยาวคลื่นจะต่างกัน
ไป

14. สาระการเรยี นรู้ 15. ชน้ิ งาน/ภาระงาน
การกระเจงิ ของแสง 1. ใบงาน Diagram เรื่อง การกระเจงิ ของแสง
2. ใบงาน Pisa เรอื่ ง การกระเจิงของแสง

5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน 6. เคร่อื งมือการสอนคดิ

- ความสามารถในการส่ือสาร - Diagram

- ความสามารถในการคิด

- ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

กิจกรรมการเรียนรู้

7. ข้ันของกิจกรรม 8. สื่อ 9. วธิ กี ารวดั ผล

Do Now (3 นาท)ี - ใบงาน Diagram เรื่อง - ป ระเมินใบ งาน Diagram

เขียนแรงบันดาลใจของนกั เรียนลงในสมุด การกระเจงิ ของแสง เรอ่ื งการกระเจงิ ของแสง

Purpose (2 นาท)ี - ใบ ง า น Pisa เร่ื อ ง - ประเมินจากใบงาน Pisa

เราจะเรียนเร่ือง การกระเจิงของแสง เพื่อนกั เรยี นสามารถอธบิ าย สิง่ ท่ี การกระเจิงของแสง เรอื่ ง การกระเจงิ ของแสง

เกยี่ วกับการกระเจงิ ของแสงได้ - ใบความรู้ เร่ืองการ

Work mode (110 นาท)ี การกระเจิงของแสง

1. นักเรียนดูคลิปวดี โี อเร่อื งการกระเจิงของแสง(15 นาท)ี คลิปวีดีโอ เร่ือง เรื่อง

2. นกั เรียนฟงั ครูอธบิ ายเพมิ เตมิ เรอ่ื ง การกระเจงิ ของแสง (15 นาท)ี การกระเจิงของแสง

3. นกั เรยี นศกึ ษาขอ้ มลู เกย่ี วกบั การกระเจงิ ของแสง โดยศกึ ษาจากใบ

ความรู้ เรอื่ ง .การกระเจงิ ของแสง.และสรุปความรู้ในรปู แบบแผนผัง

ลงในใบงาน Diagram เร่อื ง การกระเจิงของแสง (คดิ 9 : คิดเชิง

มโนทัศน์) (30 นาท)ี

4. นักเรียนทำใบงาน Pisa เรือ่ ง การกระเจิงของแสง(25 นาท)ี

5. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มสง่ ตัวแทนออกมานำเสนอผลงานหนา้ ชนั้ เรียน

(สมรรถนะ3)(15 นาที)


6. นักเรียนและครรู ่วมกนั สรุปความรเู้ ร่ืองการกระเจงิ ของแสงบน
กระดาน (10 นาท)ี
Reflective Thinking (5 นาที)
1. หากต้องการเพ่ิมขอ้ มลู นกั เรยี นอยากเพิม่ อะไร (2 นาท)ี
2. ขอ้ สอบ จาก (www.pec9.com) (3 นาท)ี

ขอ้ สอบ จาก (www.pec9.com)


ใบความรู้
เรื่อง การกระเจงิ ของแสง


ใบงาน Diagram
เร่ือง การกระเจงิ ของแสง


แบบประเมนิ ผลงานใบงาน Diagram

คำชแ้ี จง : ให้ผสู้ อนประเมินผลงานใบงานนักเรียน ใหท้ ำเครื่องหมาย✓ลงในชอ่ งรายการประเมินกำหนด

ความ สรปุ ผล

ลำดบั ท่ี ชอ่ื -สกลุ ความถูกต้อง ครอบคลมุ สอดคลอ้ งและ ตรงตอ่ เวลา ความสะอาด รวม การ
ของผู้รบั การประเมนิ ของเนอ้ื หา เน้ือหา เชื่อมโยงของ 4 เรียบร้อย 20 ประเมิน
คะแนน ผา่ น/ไม่
4 4 เนือ้ หา 4
4 ผา่ น

432143214 32 14321 4321

ลงชื่อ .................................................... ผู้ประเมิน
................/................/................

เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

18 - 20 ดมี าก

14 - 17 ดี

10 - 13 พอใช้

ต่ากวา่ 10 ปรบั ปรุง

นักเรียนได้ระดับคณุ ภาพที่ พอใช้ ขน้ึ ไปถือวา่ ผ่าน


ตารางแนบทา้ ยแบบประเมนิ ใบงาน Diagram

เกณฑก์ าร ระดับการประเมิน

ประเมิน 4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรงุ )

รปู แบบ - มีหัวข้อทชี่ ัดเจน - มหี ัวขอ้ ท่ชี ดั เจน - มีหัวข้อท่ีชดั เจน - มีหัวข้อที่ชัดเจน

- เขียนอย่ใู นกรอบ - เขยี นอยู่ในกรอบ - เขียนอยใู่ นกรอบ - เขยี นอยู่ในกรอบ

- ใช้คำสำคัญตรงประเด็น - ใช้คำสำคญั ตรงประเดน็ - ใช้คำสำคัญตรงประเด็น

- ใช้สัญลกั ษณ์หรือภาพ - ใช้สัญลกั ษณห์ รอื ภาพ

สื่อความหมาย สอื่ ความหมาย

- ใช้สสี ันทว่ั แผน่

เนอ้ื หา - เนอ้ื หาครบถว้ นตาม - เน้ือหาถูกต้องตามสาระ - เนือ้ หาถกู ต้องตามสาระ - เน้อื หาถูกต้องตามสาระ

สาระท่ีกำหนด 100% ที่กำหนด 80-99% ทีก่ ำหนด 60-79% ท่ีกำหนดต่ำกวา่ 59%

- เขียนถูกต้องตามหลกั - เขยี นถูกต้องตามหลัก - เขยี นถูกต้องตามหลกั - เขียนถูกต้องตามหลัก

ภาษา 100% ภาษา 80-99% ภาษา 60-79% ภาษาตำ่ กว่า 59%

- ลำดับหวั ขอ้ เนื้อหา - ลำดบั หวั ข้อเน้ือหา - มีการสรปุ ได้อย่าง - มกี ารสรปุ ไม่

ชดั เจน ชดั เจน สมเหตสุ มผล 60-79% สมเหตสุ มผลตำ่ กวา่

- มีการสรปุ ได้อย่าง - มกี ารสรุปได้อยา่ ง 59%

สมเหตุสมผล 100% สมเหตุสมผล 80-99%

การนำเสนอ - พูดชัดเจนเสยี งดงั ฟังชดั - พดู ชัดเจนเสียงดังฟงั ชัด - การพูดเหมาะสม - สามารถพดู นำเสนอได้

- ใชภ้ าษาทางการถูกต้อง - ใชภ้ าษาทางการถูกต้อง - ใช้ภาษาทางการถูกต้อง - ใชภ้ าษาทางการถูกต้อง

ตามอักขระ100% ตามอักขระ80-99% ตามอักขระ60-79% ตามอักขระต่ำกวา่

- บคุ ลิกภาพดแี ละมีความ - บคุ ลกิ ภาพดี - บคุ ลกิ ภาพเหมาะสม 59%

มน่ั ใจ - ความพร้อมในการ - บุคลกิ ภาพเหมาะสม

- มีการใช้สื่อประกอบการ นำเสนอได้บางส่วน

นำเสนอ

- ความพร้อมในการ

นำเสนอ

ความ - ใชส้ สี ันสวยงาม - ใชส้ สี นั สวยงาม - ใช้สีสันสวยงามและมี - ใช้สสี นั สวยงามหรือ

สวยงาม - มคี วามสะอาด - มีความสะอาด ความสะอาด เปน็ ไปตามเกณฑ์อย่าง

- มคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ - มคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ ใดอย่างหนึ่ง

- ความเปน็ ระเบียบอ่าน

ง่าย


การตรงต่อ สง่ ผลงานครบถ้วน ตรง สง่ ผลงานครบถว้ น แตช่ า้ สง่ ผลงานครบถ้วน แตช่ า้ สง่ ผลงานครบถว้ น แต่ชา้
เวลา ตามเวลาทก่ี ำหนด กว่าเวลาทกี่ ำหนด 5 กวา่ เวลาทก่ี ำหนด 10 กว่าเวลาทกี่ ำหนด 15
นาที นาที นาที


ใบงานเร่อื งการกระเจิงของแสง (ตามแนวPISA)
อา่ นถ้อยความต่อไปนีแ้ ล้วตอบคำถาม

การกระเจิงเป็นปรากฏการณ์ทางแสงที่เกิดจากการเปล่ียนทิศทางการแผ่ของแสง เม่ือแสงเคล่ือนที่ผ่าน
ตัวกลางท่ีเป็นสารไม่ใช่เอกพันธห์ รือไม่ใช่สารเน้ือเดียว จะทําให้สารน้ันเปล่งแสงออกมา เรียกว่า การกระเจิงของแสง
และจะไม่เกิดการกระเจิงของแสงในตัวกลางท่ีเป็นสารเอกพันธ์ (สารท่ีมีเน้ือเดียวและสมบัติเดียวกันโดยตลอด)
เน่ืองจากมีดัชนีหักเหเท่ากันตลอดทุกส่วนของสารน้ัน สําหรับสารไม่ใช่เอกพันธ์มีดัชนีหักเหไม่เท่ากันตลอดเน้ือสาร
โดยปล่ยี นแปลงจากจดุ หนง่ึ ไปยังจดุ อืน่ ๆ

การเปลี่ยนแปลงค่าดชั นีหกั เหอาจเกดิ จากการเปล่ยี นแปลงความหนาแนน่ ของสารหรอื อนุภาคเล็ก ๆ ที่ปน
เข้ามา และกระจายแบบสุม่ ในตวั กลางทเ่ี ปน็ สารอิมลั ชนั หรอื สารคอลลอยดท์ ่ีแสงเคลือ่ นทผี่ ่าน โดยในสารอิมลั ชันหรือ
สารคอลลอยด์นี้จะประกอบด้วยอนภุ าคขนาดเล็กมากจํานวนมากมาย ทม่ี ีดัชนหี ักเหแตกตา่ งจากตวั กลางทีแ่ วดลอ้ ม
รวมกันเป็นสารไม่ใชเ่ อกพันธ์ ซ่ึงตัวกลางที่ขุ่นหรือละอองของเหลว เชน่ ควนั หรือหมอก ก็เปน็ ตวั กลางท่ีไม่ใช่เอกพันธ์
ชน่ กัน

น้ำ

สารไมใ่ ชเ่ อกพนั ธ์หรือไม่ใชส่ ารเน้อื เดียว


เปรียบเทียบภาพบนฉากและภาพจากด้านขา้ งของสารละลาย

การกระเจงิ ของแสงในของเหลวขนุ่ เกดิ ขนึ้ เนื่องจากมีอนภุ าคต่างชนดิ กันท่ีมีขนาดเลก็ มากเม่อื เทียบกับความยาวคลื่น
ของแสง (λ)


ทฤษฎกี ารกระเจิงพฒั นาโดยเรย์ลีห์ (Rayleigh Scattering) กล่าวว่า ความเข้มของแสงท่ีกระเจงิ ในหนึ่ง
หน่วยปริมาตรของตัวกลางที่ทํามมุ (θ) ใด ๆ กับเส้นทางแผเ่ ขา้ ของแสง อธบิ ายโดยสมการ

การกระเจิงของเรย์ลีห์เป็นการกระเจิงของแสงเน่ืองจากอนุภาคท่ีมีขนาดเล็กกว่าความยาวคลื่นแสง เช่น
การกระเจิงจากการกระทบกบั โมเลกุลหรืออะตอมของแก็สในอากาศ แสงสีม่วงที่มีความยาว คลื่นสั้นท่ีสุดกระเจงิ ได้ดี
ที่สุด สีนำ้ เงินจะกระเจิงได้ดรี องลงมาจากแสงสีม่วง เหตุใดในเวลากลางวันเราจึงเห็นท้องฟ้าเป็นสีน้ำเงนิ ท้ังๆ ท่ีแสงสี
น้ำเงินกระเจิงได้ดีน้อยกว่าแสงสีม่วง ทั้งน้ีเป็นเพราะประสาทตาของเรารับแสงสีน้ำเงินได้ดีกว่าแสงสีม่วง ในตอนเช้า
หรือตอนเย็น ขณะท่ีดวงอาทิตย์ กําลังจะข้ึนหรือกําลังตก ถ้าเรามองดูท้องฟ้าส่วนที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์จะเห็นเป็นสี
แดง ทั้งน้ีเน่ืองจากขณะน้ัน แสงอาทิตย์ต้องเดินทางผ่านช้ันบรรยากาศเป็นระยะทางไกลจึงจะถึงตาเรา แสงท่ีมีความ
ยาวคล่ืนส้ันได้แก่ สีน้ำเงินและม่วง ซ่ึงกระเจิงได้ดีจึงกระเจิงไปทําให้มีเฉพาะแต่แสงท่ีมีความยาวคล่ืนยาวกว่าได้แก่
แสงสีแดงเท่านั้น ที่มาถึงตาเรา และเม่ือแสงสีแดงตกกระทบก้อนเมฆจะสะท้อนกลับมาสู่ตาเราทําให้ตาเห็นท้องฟ้า
เป็นสแี ดง


คำถามที่ 1 (2 คะแนน)
การกระเจงิ แสงเกิดจากอะไร
1. เกิดจากการกระจายของแสง
2. เกิดจากการเปล่ียนทิศทางการแผ่ของแสง เม่ือแสงเคล่ือนที่ผ่านตัวกลางที่เป็นสารไม่ใช่เอกพันธ์หรือไม่ใช่
สารเน้ือเดียว จะทาํ ให้สารนนั้ เปล่งแสงออกมา
3. เกิดจากการเปลย่ี นแปลงคา่ ดชั นีหกั เหของแสง
4. เกดิ จากการดัชนีหกั เหแตกตา่ งจากตัวกลางที่แวดล้อมรวมกันเปน็ สารไม่ใช่เอกพันธ์

ขอ้ คำตอบ

(สมรรถนะ : การอธบิ ายปรากฎการเชิงวทิ ยาศาสตร์)

คำถามที่ 2 (2 คะแนน) คำตอบ
สารในข้อใดสามารถเกดิ การกระเจิงของแสงได้
1. หมอก
2. น้ำอัดลม
3. น้ำบรสิ ุทธิ์
4. นำ้ ตาลทราย

ข้อ

(สมรรถนะ : การอธบิ ายปรากฎการเชิงวิทยาศาสตร์)

คำถามที่ 1 (2 คะแนน) เกณฑ์การใหค้ ะแนน / แนวคำตอบ
ข้อ
2 คำตอบ
เกิดจากการเปลี่ยนทิศทางการแผ่ของแสง เมอื่ แสง
เคลอ่ื นทผี่ ่านตัวกลางทเ่ี ปน็ สารไม่ใช่เอกพนั ธห์ รือ
ไม่ใชส่ ารเนอ้ื เดยี ว จะทาํ ใหส้ ารน้ันเปล่งแสงออกมา


คำถามที่ 2 (2 คะแนน) คำตอบ
น้ำบรสิ ุทธ์ิ
ข้อ
3

เกณฑ์การใหค้ ะแนน

เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

4 ดีมาก

3 ดี

2 พอใช้

0-1 ปรับปรุง

นกั เรียนได้ระดบั คุณภาพ พอใช้ ข้นึ ไปถือว่า ผ่าน


แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 38

ชอื่ หนว่ ยการเรียนรู้ ทศั นอุปกรณ์ หน่วยย่อยท่ี 3

เรอ่ื ง การมองเหน็ แสงสี เวลา 2 ช่วั โมง
วนั ทท่ี ำการสอน ผูส้ อน นายศกั ดิ์ระวี กนั ทะวงค์

1. สาระสำคัญ 2. ผลการเรยี นรู้
15.สังเกตและอธิบายการมองเห็นแสงสี สีของวัตถุ การ
การมองเห็นแสงสี เกดิ จากการทแ่ี สงไปตกกระทบสิง่ ต่างๆ แล้วเกดิ การ ผสมสารสี การผสมแสงสี รวมทั้งอธิบายสาเหตุของการ
บอดสี ความสว่าง และการถนอมสายตาได้
สะทอ้ นเขา้ สตู่ าเรา และผ่านเข้ามาในลูกตา ไปทำให้เกดิ ภาพบนจอ (Retina) ที่
อยูด่ า้ นหลงั ของลูก ข้อมลู ของวตั ถทุ ีม่ องเหน็ จะสง่ ขนึ้ ไปสู่สมองตามเสน้ ประสาท
(optic nerve) สมองจะแปลข้อมลู เป็นภาพของวัตถนุ ้ัน

3. สาระการเรียนรู้ 4. ช้นิ งาน/ภาระงาน
1. ใบงาน Cause and Effect เรือ่ ง การมองเห็น
การมองเห็นแสงสี
แสงสี

5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน 6. เครื่องมือการสอนคิด
- ความสามารถในการส่ือสาร - Cause and Effect
- ความสามารถในการคดิ
- ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 8. ส่อื 9. วิธีการวดั ผล
- ใบ ความรู้ เร่ืองต า
กิจกรรมการเรียนรู้ - ป ร ะ เมิ น ใ บ ง า น
7. ขนั้ ของกจิ กรรม และการมองเหน็ Cause and Effect
Do Now (3 นาท)ี - ใบ งาน Cause and เรื่อง การมองเห็น
บอกช่อื เพลงสากลทนี่ ักเรยี นชน่ื ชอบ แสงสี
Purpose (2 นาท)ี Effect เ รื่ อ ง ก า ร
เราจะเรยี นเรื่อง ตาและการมองเห็น เพื่อนักเรยี น อธบิ าย เกี่ยวกบั ความสวา่ ง มองเห็นแสงสี
และการถนอมสายตา ได้
Work mode (110 นาท)ี - คลปิ วีดีโอ เร่ือง การ
1. นกั เรียนดูคลปิ วดี โี อ เร่ือง การมองเห็นแสงสี (15 นาที) มองเห็นแสงสี
2. นกั เรยี นฟงั ครูอธบิ ายเพ่ิมเตมิ เรอื่ งการมองเหน็ แสงสี (15 นาที)
3. นกั เรียนศึกษาความรู้ โดยศึกษาจากใบความรู้ เรื่อง การมองเห็นแสงสี

(พอเพียง3: การมภี มู ิค้มุ กนั ทดี่ ใี นตัว) (20 นาที)
4. นักเรยี นวิเคราะหเ์ ก่ียวกับผลกระทบ”จะเปน็ อย่างไรถ้านักเรยี นตาบอดสี”

โดยทำใบงาน Cause and Effect เรือ่ ง การมองเหน็ แสงสี (คิด1 : คิด
วเิ คราะห์)(สมรรถนะ2) (30นาที)
5. นกั เรียน(ตวั แทนโดยการสุ่ม)นำเสนอผลการศกึ ษาหน้าชน้ั เรยี นและรว่ มกัน
โต้แยง้ เพือ่ หาขอ้ สรุปของหัวขอ้ ทศี่ กึ ษา (คิด 3 : คดิ วิพากษ)์ (สมรรถนะ3)


(20 นาที)
6. นกั เรยี นและครรู ว่ มกันสรปุ ความรู้ ( 10 นาที )

Reflective Thinking (5 นาท)ี
1. จากการเรยี นในวนั นีน้ ักเรียนไดร้ ับความรู้อะไรบา้ ง (2 นาที)
2. ขอ้ สอบจาก (www.pec9.com)จำนวน 1 ข้อ (3 นาท)ี

ขอ้ สอบจาก (www.pec9.com)


ใบความรู้
เรื่อง การมองเห็นแสงสี


แบบประเมนิ ใบงาน Cause and Effect

คำชแ้ี จง : ใหผ้ ู้สอนประเมนิ ผลงานใบงานนักเรยี น โดยการประเมนิ คะแนนลงในชอ่ งรายการประเมินกำหนดตามตารางแนบ
ทา้ ยแบบประเมนิ ใบงาน Cause and Effect

ลำดับท่ี ชื่อ-สกุล การแสดง เนอื้ หา นำเสนอ ความ ตรงต่อเวลา รวม สรุปผลการ
ของผู้รับการ ความคิดเหน็ (4คะแนน) สวยงาม 20 คะแนน ประเมนิ ผา่ น/ไม่
(4คะแนน) (4คะแนน)
ประเมิน (4คะแนน) ผา่ น

ลงชอื่ ....................................................ผูป้ ระเมิน
................/................/................

เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

18 - 20 ดมี าก

14 - 17 ดี

10 - 13 พอใช้

ต่ากวา่ 10 ปรบั ปรุง

นกั เรียนได้ระดบั คณุ ภาพที่ พอใช้ ขนึ้ ไปถือว่า ผ่าน


ตารางแนบท้ายแบบประเมินใบงาน Cause and Effect

เกณฑก์ าร 4 (ดีมาก) ระดับการประเมิน 1 (ปรับปรุง)
ประเมนิ - แสดงความคดิ เหน็ 3 (ดี) 2 (พอใช้) - - แสดงความคิดเหน็
การแสดง - แสดงความคดิ เห็น - แสดงความคิดเหน็
ความ ผลกระทบของปัญหา/ ผลกระทบของปัญหา/ ผลกระทบของปัญหา/ ผลกระทบของปัญหา/
คิดเห็น เหตกุ ารฌไ์ ด้ 10 ข้อขน้ึ เหตุการณ์ได้ 8-9 ข้อ เหตกุ ารณ์ได้ 6-7 ข้อ เหตกุ ารณ์ได้ นอ้ ยกวา่
ไป 6 ขอ้

เน้ือหา - เน้อื หาครบถว้ นตาม - เนือ้ หาถกู ต้องตามสาระ - เนือ้ หาถกู ต้องตามสาระ - เนื้อหาถูกต้องตามสาระ

สาระที่กำหนด 100% ทก่ี ำหนด 80-99% ที่กำหนด 60-79% ทีก่ ำหนดตำ่ ว่า 59%

- เขียนถูกต้องตามหลกั - เขียนถูกต้องตามหลกั - เขยี นถกู ต้องตามหลัก - เขียนถกู ต้องตามหลัก

ภาษา 100% ภาษา 80-99% ภาษา 60-79% ภาษาตำ่ วา่ 59%

- ลำดับหวั ข้อเนอ้ื หา - ลำดบั หัวข้อเนื้อหา - มีการสรุปได้อย่าง - มกี ารสรุปไม่

ชัดเจน ชัดเจน สมเหตุสมผล 60-79% สมเหตสุ มผลต่ำว่า

- มกี ารสรุปได้อยา่ ง - มกี ารสรปุ ได้อยา่ ง 59%

สมเหตสุ มผล 100% สมเหตุสมผล 80-99%

การนำเสนอ - พูดชดั เจนเสยี งดงั ฟงั ชดั - พูดชดั เจนเสยี งดงั ฟงั ชัด - การพูดเหมาะสม - สามารถพูดนำเสนอได้

- ใชภ้ าษาทางการถูกต้อง - ใชภ้ าษาทางการถูกต้อง - ใช้ภาษาทางการถูกต้อง - ใช้ภาษาทางการถูกต้อง

ตามอักขระ100% ตามอักขระ80-99% ตามอักขระ60-79% ตามอักขระตำ่ วา่ 59%

- บคุ ลิกภาพดแี ละมีความ - บคุ ลกิ ภาพดี - บุคลกิ ภาพเหมาะสม - บคุ ลิกภาพเหมาะสม

มัน่ ใจ - ความพรอ้ มในการ

- มกี ารใชส้ อ่ื ประกอบการ นำเสนอได้บางส่วน

นำเสนอ

- ความพรอ้ มในการ

นำเสนอ

ความ - ใช้สีสนั สวยงาม - ใช้สีสนั สวยงาม - ใชส้ สี นั สวยงามและมี - ใชส้ ีสนั สวยงามหรือ

สวยงาม - มคี วามสะอาด - มีความสะอาด ความสะอาด เปน็ ไปตามเกณฑ์อย่าง

- มคี วามคิดสรา้ งสรรค์ - มคี วามคดิ สร้างสรรค์ ใดอยา่ งหน่ึง

- ความเปน็ ระเบยี บอ่าน

ง่าย


การตรงต่อ สง่ ผลงานครบถ้วน ตรง สง่ ผลงานครบถว้ น แตช่ า้ สง่ ผลงานครบถ้วน แตช่ า้ สง่ ผลงานครบถว้ น แต่ชา้
เวลา ตามเวลาทก่ี ำหนด กว่าเวลาทกี่ ำหนด 5 กวา่ เวลาทก่ี ำหนด 10 กว่าเวลาทกี่ ำหนด 15
นาที นาที นาที


ใบงาน Cause and E
จะเปน็ อย่างไรหากน

dki


Effect เรือ่ ง การมองเหน็ แสงสี
นักเรยี นเป็นโรคตาบอดสี


แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 39

ชื่อหนว่ ยการเรียนรู้ ทศั นอปุ กรณ์ หน่วยยอ่ ยท่ี 3

เร่ือง ปรากฏการณ์ที่เก่ียวกับแสง เวลา 2 ช่ัวโมง
วันท่ีทำการสอน
ผู้สอน นายศกั ดิ์ระวี กันทะวงค์

1. สาระสำคัญ 2. ผลการเรยี นรู้
ปรากฏการณ์ทีเ่ กยี่ วกับแสง 14.อธิบายปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เก่ียวกับแสง เช่น รุ้ง การทรง
กลด มิราจ และการเหน็ ท้องฟ้าเปน็ สีตา่ ง ๆ ในช่วงเวลาตา่ งกัน
1. การกระจายของแสง (Dispersion of light)
2. รุง้ กินนำ้ (Rainbow)
3. พระอาทิตย์ทรงกลด ( Sun Halo )
4. มิราจ (Mirage)

3. สาระการเรียนรู้ 4. ชน้ิ งาน/ภาระงาน
ปรากฏการณท์ ีเ่ กยี่ วกบั แสง 1. ใบงาน Diagram เรื่อง ปรากฏการณท์ ี่เก่ียวกบั แสง

5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 6. เคร่อื งมือการสอนคิด

- ความสามารถในการสื่อสาร - Diagram

- ความสามารถในการคดิ

- ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

กจิ กรรมการเรียนรู้

7. ข้นั ของกจิ กรรม 8. สือ่ 9. วธิ กี ารวัดผล

Do Now (3 นาท)ี - ใบงาน Diagram เรื่อง - ป ระเมินใบ งาน Diagram

บอกสาเหตุของการเกิดรงุ้ กินนำ้ มาคนละ 1 ข้อ หา้ มซ้ำ ป ร า ก ฏ ก า ร ณ์ ที่ เร่ืองปรากฏการณ์ที่เก่ียวกับ

Purpose (2 นาที) เกยี่ วกับแสง แสง

เราจะเรียนเร่ือง ปรากฏการณ์ท่ีเกี่ยวกับแสง เพื่อนักเรียนสามารถ - ใ บ ค ว า ม รู้ เ รื่ อ ง

อธิบาย สิ่งที่เกี่ยวกับปรากฏการณ์ธรรมชาติท่ีเกี่ยวกับแสงเช่น รุ้ง ป ร า ก ฏ ก า ร ณ์ ที่

การทรงกลด มิราจ และการเห็นทอ้ งฟ้าเป็นสีต่าง ๆ ในช่วงเวลา เกย่ี วกับแสง
ตา่ งกนั ได้ - คลิปวีดีโอ เรื่อง เร่ือง

Work mode (110 นาท)ี ป ร า ก ฏ ก า ร ณ์ ที่
1. นักเรยี นดคู ลิปวดี ีโอเรอื่ งปรากฏการณท์ เ่ี กี่ยวกบั แสง (20 นาที) เกีย่ วกบั แสง
2. นกั เรียนฟงั ครูอธิบายเพิ่มเตมิ เรอ่ื ง ปรากฏการณท์ เี่ กย่ี วกบั แสง
(15 นาที) https://www.
3. นกั เรยี นสืบคน้ ขอ้ มลู เกยี่ วกบั ปรากฏการณท์ ่ีเกี่ยวกับแสง โดย youtube.com
ศกึ ษาจากใบความรู้ เรอ่ื ง ปรากฏการณ์ที่เกย่ี วกับแสง และสรุป /watch?v=mG
545rwuz2E

ความรูใ้ นรปู แบบแผนผัง ลงในใบงาน Diagram เร่ือง

ปรากฏการณท์ ี่เกยี่ วกบั แสง (คิด 9 : คดิ เชิงมโนทศั น)์


(30 นาที)

4. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ นำเสนอผลงานหนา้ ชน้ั เรียน และอภิปราย
ผลงานรว่ มกัน (คดิ 3 : คดิ วพิ ากย)์ (สมรรถนะ3) (25 นาท)ี

5. นักเรียนและครู รว่ มกนั สรุปความรู้ เรื่อง ปรากฏการณ์ท่ี
เก่ียวกับแสง(20นาที)

Reflective Thinking (5 นาท)ี
1. บอกสิง่ ท่ไี ด้เรียนร้ใู นคาบนคี้ นละ 1 สิ่ง (2 นาท)ี
2. ขอ้ สอบจาก (www.pec9.com) จำนวน 1 ขอ้ (3 นาท)ี

ข้อสอบจาก (www.pec9.com)


ใบความรู้
เรือ่ ง ปรากฏการณ์ท่เี กยี่ วกับแสง

ปรากฏการณ์ท่เี กยี่ วกับแสง
1. การกระจายของแสง (Dispersion of light)
เมือ่ ฉายแสงขาวจากหลอดไฟประเภทจุดไสส้ ว่าง หรอื แสงจากดวงอาทิตย์ให้ผา่ นปรซิ ึม แสงขาวจะ

กระจายออกเปน็ แสงสีต่างๆ เรียงตามลำดบั ความถมี่ ากไปน้อย คือ มว่ ง คราม น้ำเงนิ เขียว เหลือง สม้ และ แดง
แถบของแสงสที ี่กระจายออกจากแสงขาว เรยี กว่า สเปกตรัมของแสงขาว (Spectrum of white light)

ในการกระจายของแสง แสงสีตา่ งๆ จะมีมุมหกั เหแตกต่างกันโดยแสงสแี ดงซงึ่ มีพลังงานต่ำสดุ ความสามารถ
ในการหกั เหจึงน้อยมุมหกั เหจึงมีค่ามากสดุ ทำให้มุมเบ่ยี งเบนของแสงสีแดงมีค่านอ้ ยทส่ี ุด ดังรปู

ภาพเเสดงการกระจายของเเสงขาวเป็นเเสงสีต่างๆ
2. ร้งุ กินนำ้ (Rainbow)


ภาพเเสดงรงุ้ กนิ น้ำปฐมภูมิ (วงใน) เเละรงุ้ ทตุ ยิ ภมู ิ (วงนอก)
รุง้ ปฐมภูมิ เป็นรุ้งตวั ล่าง เกิดจากแสงขาวสอ่ งทางด้านบนของละอองนำ้ เกิดการหักเห สะท้อนกลับ
และหักเหออกส่อู ากาศเข้าสนู่ ัยน์ตาของผสู้ งั เกต รุง้ ปฐมภมู ินีจ้ ะเหน็ สีมว่ งอย่ดู ้านบน สีแดงอยดู่ ้านลา่ ง
รงุ้ ทตุ ยิ ภมู ิภูมิ เปน็ ร้งุ ตัวบน เกดิ จากแสงขาวส่องทางด้านล่างของละอองน้ำ เกิดการหกั เหสะท้อน
กลับหมด 2 ครั้ง แล้วหกั เหออกสู่อากาศเข้าสนู่ ยั นต์ าของผสู้ งั เกต รงุ้ ทุติยภมู นิ จี้ ะเห็นสแี ดงอยูข่ ้างบน สีมว่ ง
อยูข่ า้ งล่าง

ภาพเเสดงการเกดิ รุง้ ปฐมภูมิ (ซา้ ย) และทุติยภูมิ (ขวา)
3. พระอาทติ ย์ทรงกลด ( Sun Halo )

ภาพเเสดงพระอาทติ ยท์ รงกลด (Sun halo)
ปรากฏการณ์พระอาทิตยท์ รงกลด เกดิ ข้นึ จากบรรยากาศของโลกในชนั้ โทรโพสเฟียร์ (Troposphere)ซ่ึงเปน็
บรรยากาศช้นั ลา่ งสดุ และเป็นทอ่ี ย่ขู องกลุ่มเมฆจำนวนมาก มีอากาศเย็นจัดต้ังแต่ช่วงเช้าตร่กู ่อนดวงอาทิตย์ข้นึ จนทำ
ใหล้ ะอองน้ำในอากาศ ณ เวลานั้นๆ แขง็ ตัวเปน็ เกลด็ น้ำแข็งอนภุ าคเล็กๆ จำนวนมหาศาลลอยอยูบ่ นท้องฟา้ เม่ือพระ
อาทติ ย์ขึน้ และส่องแสงทำมุมกับเกลด็ น้ำแขง็ ได้อย่างเหมาะสม จะเกิดการหักเหและการสะทอ้ นของแสง ทำใหเ้ กิด
เป็นแถบสรี ุง้ (spectrum) คล้ายการเกิดรงุ้ กินนำ้ หลังฝนตกข้นึ


สว่ นแสงสที ี่ตามองเห็นนั้น จะขน้ึ กับการทำมุมของแสงอาทิตยแ์ ละเกลด็ นำ้ แข็ง แตโ่ ดยทั่วไปเรามกั จะเห็น
เปน็ แสงสีเหลืองอ่อนๆ มากท่ีสุด ถ้าเกิดจากการสะท้อนของแสงจะปรากฏเป็นสีเขียว แต่ถา้ เกดิ จากการหักเหของแสง
จะเป็นสีแดงเพลงิ ในตอนกลาง และเปน็ สนี ้ำเงนิ ปนแดงตามขอบนอก

ขนาดของพระอาทิตย์ทรงกลดจะมขี นาดแตกต่างกนั ออกไป แต่สว่ นมากจะมขี นาดเฉลีย่ 30 องศา โดยการ
ลากเส้นตรง 2 เสน้ มาบรรจบกันทีด่ วงตาผ้มู อง ไดแ้ ก่ เส้นตรงทล่ี ากจากกง่ึ กลางของปรากฏการณม์ าที่ตาผู้มอง และ
เสน้ ตรงทีล่ ากจากขอบของปรากฏการณ์มาทีด่ วงตาผู้มอง บางครง้ั เกล็ดน้ำแข็งของละอองไอน้ำเหลา่ น้ี จะทำหนา้ ที่
หักเหทางเดินของแสงอาทติ ย์ และก่อให้เกดิ ภาพขยายข้ึน เช่นเดยี วกับทกี่ ระจกหรอื เลนสน์ นู ทำให้เกดิ ภาพขยาย

4. มิราจ (Mirage)

ภาพเเสดงการเกดิ มิราจ (Mirage) บนท้องถนน

มิราจเป็นปรากฏการณท์ ่เี กิดจากแสงจากท้องฟา้ หกั เหและสะท้อนกลับหมดจากชั้นของอากาศร้อนบน
พน้ื ดิน ทเ่ี ปน็ เช่นนเ้ี พราะในขณะที่แสงแดดร้อนจดั อากาศท่ีใกลผ้ วิ ถนนจะมีอณุ หภมู สิ งู กว่า

- อากาศท่ีอยูส่ ูงจากผวิ ถนนขึ้นไป อากาศที่อยู่ใกล้ผวิ ถนนจงึ มคี วามหนาแน่นน้อยกวา่
- อากาศทอ่ี ยสู่ ูงจากผิวถนนขึ้นไป ความหนาแน่นของอากาศทแี่ ตกต่างกนั
จงึ เปรยี บเสมอื นตวั กลางท่ีแตกตา่ งกันดงั น้นั เมื่อแสงจากท้องฟา้ เดินทางผา่ นความหนาแน่นของอากาศท่ี
แตกต่างกัน แสงจึงเกิดการหักเหได้ และเม่ือมมุ ตกกระทบโตกว่ามุมวกิ ฤต จงึ เกิดการสะทอ้ นกลับหมด


ใบกจิ กรรม Diagram เร่อื ง ...............................................

คำชแี้ จง ใหน้ ักเรยี นเขยี น Diagram เก่ียวกบั การรับรู้และการตอบสนอง

แบบประเมนิ ผลงานใบงาน Diagram

คำชี้แจง : ให้ผสู้ อนประเมนิ ผลงานใบงานนกั เรยี น ให้ทำเคร่ืองหมาย✓ลงในชอ่ งรายการประเมินกำหนด

ความ สรปุ ผล

ลำดับที่ ชอ่ื -สกลุ ความถูกตอ้ ง ครอบคลมุ สอดคล้องและ ตรงต่อเวลา ความสะอาด รวม การ
ของผรู้ ับการประเมิน ของเนือ้ หา เนอ้ื หา เชอ่ื มโยงของ 4 เรียบร้อย 20 ประเมิน
คะแนน ผ่าน/ไม่
4 4 เนอ้ื หา 4
4 ผ่าน

432143214 32 14321 4321

ลงชือ่ .................................................... ผ้ปู ระเมนิ
................/................/................

เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

18 - 20 ดมี าก

14 - 17 ดี

10 - 13 พอใช้

ต่ากว่า 10 ปรบั ปรุง

นกั เรยี นไดร้ ะดับคณุ ภาพที่ พอใช้ ขน้ึ ไปถือว่า ผ่าน


ตารางแนบท้ายแบบประเมนิ ใบงาน Diagram

เกณฑก์ าร ระดับการประเมิน

ประเมิน 4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรงุ )

รปู แบบ - มีหัวข้อทชี่ ัดเจน - มหี ัวขอ้ ท่ชี ดั เจน - มีหัวข้อท่ีชดั เจน - มีหัวข้อที่ชัดเจน

- เขียนอย่ใู นกรอบ - เขยี นอยู่ในกรอบ - เขยี นอยใู่ นกรอบ - เขียนอยู่ในกรอบ

- ใช้คำสำคัญตรงประเด็น - ใชค้ ำสำคญั ตรงประเดน็ - ใชค้ ำสำคัญตรงประเด็น

- ใช้สัญลกั ษณ์หรือภาพ - ใช้สัญลกั ษณห์ รอื ภาพ

สื่อความหมาย สอื่ ความหมาย

- ใช้สสี ันทว่ั แผน่

เนอ้ื หา - เนอ้ื หาครบถว้ นตาม - เน้ือหาถูกต้องตามสาระ - เนอ้ื หาถกู ต้องตามสาระ - เน้อื หาถูกต้องตามสาระ

สาระท่ีกำหนด 100% ที่กำหนด 80-99% ทีก่ ำหนด 60-79% ทกี่ ำหนดต่ำกวา่ 59%

- เขียนถูกต้องตามหลกั - เขยี นถูกต้องตามหลัก - เขียนถูกต้องตามหลกั - เขยี นถูกต้องตามหลัก

ภาษา 100% ภาษา 80-99% ภาษา 60-79% ภาษาตำ่ กว่า 59%

- ลำดับหวั ขอ้ เนื้อหา - ลำดบั หวั ข้อเน้ือหา - มีการสรุปได้อย่าง - มกี ารสรปุ ไม่

ชดั เจน ชดั เจน สมเหตสุ มผล 60-79% สมเหตสุ มผลตำ่ กวา่

- มีการสรปุ ได้อย่าง - มกี ารสรุปได้อยา่ ง 59%

สมเหตุสมผล 100% สมเหตุสมผล 80-99%

การนำเสนอ - พูดชัดเจนเสยี งดงั ฟังชดั - พดู ชัดเจนเสียงดังฟงั ชัด - การพูดเหมาะสม - สามารถพดู นำเสนอได้

- ใชภ้ าษาทางการถูกต้อง - ใชภ้ าษาทางการถูกต้อง - ใช้ภาษาทางการถูกต้อง - ใช้ภาษาทางการถูกต้อง

ตามอักขระ100% ตามอักขระ80-99% ตามอักขระ60-79% ตามอักขระต่ำกวา่

- บคุ ลิกภาพดแี ละมีความ - บคุ ลกิ ภาพดี - บคุ ลกิ ภาพเหมาะสม 59%

มน่ั ใจ - ความพร้อมในการ - บคุ ลกิ ภาพเหมาะสม

- มีการใช้สื่อประกอบการ นำเสนอได้บางส่วน

นำเสนอ

- ความพร้อมในการ

นำเสนอ

ความ - ใชส้ สี ันสวยงาม - ใช้สสี นั สวยงาม - ใช้สีสันสวยงามและมี - ใช้สสี นั สวยงามหรือ

สวยงาม - มคี วามสะอาด - มีความสะอาด ความสะอาด เปน็ ไปตามเกณฑ์อย่าง

- มคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ - มคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ ใดอย่างหนึ่ง

- ความเปน็ ระเบียบอ่าน

ง่าย


การตรงต่อ สง่ ผลงานครบถ้วน ตรง สง่ ผลงานครบถว้ น แตช่ า้ สง่ ผลงานครบถ้วน แตช่ า้ สง่ ผลงานครบถว้ น แต่ชา้
เวลา ตามเวลาทก่ี ำหนด กว่าเวลาทกี่ ำหนด 5 กวา่ เวลาทก่ี ำหนด 10 กว่าเวลาทกี่ ำหนด 15
นาที นาที นาที


แผนจัดการเรยี นรู้ที่ 40 เวลา 2 ชวั่ โมง
ชือ่ หน่วยการเรียนรู้ ประมวลผลความรู้ ปลายภาคเรียนที่ 2/2565 ผู้สอน นายศกั ดร์ิ ะวี กันทะวงค์
วนั ท.ี่ .........เดือน................พ.ศ............

1. สาระสำคัญ 2. ผลการเรยี นรู้

แสง คือพลงั งานรูปหนง่ึ ท่ไี มม่ ตี วั ตน แต่สามารถทางานได้ แสง ขอ้ ท่ี 7 - 15
ช่วยใหเ้ รามองเห็นสงิ่ ตา่ ง ๆ แสงเปลีย่ นมาจากพลงั งานรูปหนง่ึ แลว้ ยงั
เปลี่ยนไปเป็นพลงั งานรูปอนื่ ไดแ้ ละยังมีคณุ สมบัตเิ ป็นคล่ืนดว้ ย ( รวม 6 ผลการเรียนรู้ )

3. สาระการเรียนรู้ 4. ชน้ิ งาน / ภาระงาน

- สมบตั ิของคลืน่ แสง การมองเหน็ แสงสี ปรากฏการณ์ของแสง - ใบงาน Diagram เรื่อง ประมวลผลความรู้
ทศั นอปุ กรณ์ ปลายภาคเรยี นที่ 2/2565

5. เครื่องมือการสอนคิด

- Diagram

กิจกรรมการเรียนรู้

6. ขน้ั ของกจิ กรรม 7. สือ่ 8. วธิ ีวดั ผล

Do Now ( 3 นาที ) - ประเมนิ ใบงาน Diagram
เร่อื ง ประมวลผลความรู้
“เขียนช่อื เรอื่ งทน่ี ักเรียนชอบเรยี นมากทสี่ ดุ ในวชิ าฟิสิกส์” - ใบงาน Diagram เร่ือง ปลายภาคเรยี นท่ี 2/2565

Purpose ( 2 นาที ) ประมวลผลความรู้ ปลายภาค

เราจะประมวลผลความรู้ ปลายภาคเรยี นท่ี 2/2565 เรอ่ื ง สมบตั ิของ เรียนที่ 2/2565

คล่นื แสง การมองเห็นแสงสี ปรากฏการณ์ของแสง ทัศนอปุ กรณ์ได้

Work mode ( 110 นาที )

1. นักเรียนฟงั ครูช้ีแจงรว่ มกนั เกย่ี วกับการทำกิจกรรมประมวลผลความรู้

2. (พอเพียง 7 สังคม) (20 นาที)

3. นกั เรียนเขียนสรปุ ความรเู้ กีย่ วกบั สมบัตขิ องคลื่นแสง การมองเหน็ แสงสี

ปรากฏการณข์ องแสง ทศั นอปุ กรณ์ ในรูปแบบของแผนผังลงในใบงาน

Diagram เร่อื ง ประมวลผลความรู้ ปลายภาคเรยี นที่ 1/2564

( คิด 9 : คดิ เชงิ มโนทัศน์ )(30นาที )

4. นักเรยี น(ตวั แทน) แตล่ ะกลมุ่ นำเสนอผลงานหนา้ ชั้นเรยี น และอภปิ ราย/

โตแ้ ย้งผลงานร่วมกัน ( คดิ 3 : คิดวพิ ากษ์) (พอเพยี ง 7 สงั คม )

(สมรรถนะ3)(30 นาท)ี

5. นกั เรียนและครรู ว่ มกนั อภิปรายและสรุปเช่อื มโยงความรเู้ กยี่ วกับสมบัตขิ อง

คล่ืนแสง การมองเห็นแสงสี ปรากฏการณ์ของแสงทศั นอุปกรณ์ (30 นาที )

Reflective thinking ( 5 นาที )

- 1 ส่ิงที่นกั เรยี นได้รบั ( 3 นาที )


- 1 ส่งิ ท่นี กั เรยี นสงสัย และอยากเรยี นร้เู พิ่มเตมิ ( 2 นาที )


ใบกจิ กรรม Diagram เร่ือง ...............................................

คำชี้แจง ให้นกั เรยี นเขยี น Diagram เกีย่ วกบั การรบั รู้และการตอบสนอง


แบบประเมนิ ผลงานใบงาน Diagram

คำชีแ้ จง : ให้ผสู้ อนประเมินผลงานใบงานนักเรียน ใหท้ ำเคร่ืองหมาย✓ลงในชอ่ งรายการประเมนิ กำหนด

ความ สรุปผล

ลำดับที่ ชอ่ื -สกุล ความถูกตอ้ ง ครอบคลุม สอดคลอ้ ง ตรงต่อเวลา ความสะอาด รวม การ
ของผู้รบั การประเมิน ของเนอ้ื หา เนอื้ หา และเชื่อมโยง 4 เรยี บรอ้ ย 20 ประเมิน
ของเนื้อหา คะแนน ผา่ น/ไม่
4 4 4
4 ผ่าน

4321 43214 32 1 4321 4 321

ประเมิน ลงชอ่ื .................................................... ผู้
................/................/................

เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

18 - 20 ดมี าก

14 - 17 ดี

10 - 13 พอใช้

ต่ากว่า 10 ปรบั ปรงุ

นกั เรียนได้ระดบั คณุ ภาพที่ พอใช้ ขึ้นไปถอื วา่ ผ่าน


ตารางแนบท้ายแบบประเมนิ ใบงาน Diagram

เกณฑก์ าร ระดับการประเมิน

ประเมิน 4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรงุ )

รปู แบบ - มีหัวข้อทชี่ ัดเจน - มหี ัวขอ้ ท่ชี ดั เจน - มีหัวข้อท่ีชดั เจน - มีหัวข้อที่ชัดเจน

- เขียนอย่ใู นกรอบ - เขยี นอยู่ในกรอบ - เขยี นอยใู่ นกรอบ - เขียนอยู่ในกรอบ

- ใช้คำสำคัญตรงประเด็น - ใชค้ ำสำคญั ตรงประเดน็ - ใชค้ ำสำคัญตรงประเด็น

- ใช้สัญลกั ษณ์หรือภาพ - ใช้สัญลกั ษณห์ รอื ภาพ

สื่อความหมาย สอื่ ความหมาย

- ใช้สสี ันทัว่ แผน่

เนอ้ื หา - เนอ้ื หาครบถว้ นตาม - เน้ือหาถูกต้องตามสาระ - เนอ้ื หาถกู ต้องตามสาระ - เน้อื หาถูกต้องตามสาระ

สาระท่ีกำหนด 100% ที่กำหนด 80-99% ทีก่ ำหนด 60-79% ทกี่ ำหนดต่ำกวา่ 59%

- เขียนถูกต้องตามหลกั - เขยี นถูกต้องตามหลัก - เขียนถูกต้องตามหลกั - เขยี นถูกต้องตามหลัก

ภาษา 100% ภาษา 80-99% ภาษา 60-79% ภาษาตำ่ กว่า 59%

- ลำดับหวั ขอ้ เนื้อหา - ลำดบั หวั ข้อเน้ือหา - มีการสรุปได้อย่าง - มกี ารสรปุ ไม่

ชดั เจน ชดั เจน สมเหตสุ มผล 60-79% สมเหตสุ มผลตำ่ กวา่

- มีการสรปุ ได้อย่าง - มกี ารสรุปได้อยา่ ง 59%

สมเหตสุ มผล 100% สมเหตุสมผล 80-99%

การนำเสนอ - พูดชัดเจนเสยี งดงั ฟังชดั - พดู ชัดเจนเสียงดังฟงั ชัด - การพูดเหมาะสม - สามารถพดู นำเสนอได้

- ใชภ้ าษาทางการถูกต้อง - ใชภ้ าษาทางการถูกต้อง - ใช้ภาษาทางการถูกต้อง - ใช้ภาษาทางการถูกต้อง

ตามอักขระ100% ตามอักขระ80-99% ตามอักขระ60-79% ตามอักขระต่ำกวา่

- บคุ ลิกภาพดแี ละมีความ - บคุ ลกิ ภาพดี - บคุ ลกิ ภาพเหมาะสม 59%

มน่ั ใจ - ความพร้อมในการ - บคุ ลกิ ภาพเหมาะสม

- มีการใช้ส่ือประกอบการ นำเสนอได้บางส่วน

นำเสนอ

- ความพร้อมในการ

นำเสนอ

ความ - ใชส้ สี ันสวยงาม - ใช้สสี นั สวยงาม - ใช้สีสันสวยงามและมี - ใช้สสี นั สวยงามหรือ

สวยงาม - มคี วามสะอาด - มีความสะอาด ความสะอาด เปน็ ไปตามเกณฑ์อย่าง

- มคี วามคิดสรา้ งสรรค์ - มคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ ใดอย่างหนึ่ง

- ความเปน็ ระเบียบอ่าน

ง่าย


Click to View FlipBook Version