The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนรายวิชา ฟิสิกส์ 4

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by jirapinya051041, 2022-12-14 20:22:24

แผนรายวิชา ฟิสิกส์ 4

แผนรายวิชา ฟิสิกส์ 4

(สมรรถนะ2)(15 นาที)

5. นกั เรียน(ตัวแทนโดยการส่มุ )นำเสนอผลการศกึ ษาหนา้ ชั้นเรยี นและ
ร่วมกันโตแ้ ย้งเพอ่ื หาข้อสรุปของหวั ข้อท่ศี ึกษา (คิด 3 : คดิ วิพากษ)์
(สมรรถนะ3)(10 นาที)

6. นักเรยี นแก้โจทย์ปญั หา โดยทำใบงาน เร่ือง ความเขม้ เสียง
(30นาที)

7. นักเรยี นทำใบงาน Pisa เร่ือง ความเขม้ เสียง( 15 นาที )
8. นกั เรียนและครรู ่วมกนั สรุปเชอื่ มโยงความคดิ เกยี่ วกับ ความเขม้

เสียง ( 5 นาที )
Reflective Thinking (5 นาท)ี

1. 1 ส่ิงที่นักเรียนสงสยั (2 นาที)
2. ข้อสอบ O-NET ฟสิ ิกส์ ปี 2549 จำนวน 1 ขอ้ (3 นาที)

ข้อสอบแนวข้อสอบ O-NET ฟสิ กิ ส์ ปี 2549 ชุดที2่

เสยี งผ่านหนา้ ต่างในแนวต้ังฉาก มีค่าความเข้มเสยี งท่ีผา่ นหน้าต่างเฉล่ีย 1.0 x 10-4 วัตต์ต่อตารางเมตร หน้าตา่ ง
กว้าง 80 เซนตเิ มตร สูง 150 เซนติเมตร กำลังเสียงทผ่ี า่ นหน้าตา่ งมคี ่าเท่าใด

ก.0.8 x 10-4 W
ข.1.2 x 10-4 W
ค.1.5 x 10-4 W
ง.8.0 x 10-4 W


ใบความรู้

เรอื่ ง ความเขม้ ของเสยี ง

ความเข้มของเสยี งและการไดย้ ิน

เสียงเกิดจากการส่ันของวัตถุที่เป็นแหล่งกำเนิดเสียงและในการทำให้วัตถุส่ันจำต้องใช้พลังงาน ถ้า
พลังงานทีใ่ ช้มีคา่ มากแอมพลจิ ูดของการสั่นก็มีค่ามาก และถ้าใช้พลังงานน้อย แอมพลิจดู ของการส่นั กจ็ ะน้อย
ตามไปด้วย พลังงานการสั่นของต้นกำเนิดเสียงจะถูกถ่ายโอนให้แก่โมเลกุลของอากาศท่ีอยู่รอบ ๆ แหล่งกำเนิด
เสียงซ่ึงพลังงานจะถูกถ่ายโอนผ่านโมเลกุลของอากาศต่อกันไปถึงหูผู้ฟัง ทำให้แก้วหูส่ันสะเทือน เป็นผลให้ผู้ฟังได้
ยนิ เสยี ง การได้ยนิ เสยี งของผู้ฟัง ข้นึ กบั ปจั จยั หลายประการ ซึง่ จะศึกษาตอ่ ไป

ความเข้มของเสยี ง

แหล่งกำเนิดท่ีมีช่วงกว้างของการสั่น ( amplitude ) กว้างมาก จะเกิดเสียงดังกว่าเสียงที่มี amplitude
นอ้ ย ในทางวิทยาศาสตร์ เรยี กความดังของเสยี งว่า ความเข้มของเสียง การวัดความเข้มของเสียงวัดได้จากพลังงาน
ของเสียงท่ีตกต้ังฉากบน 1 หน่วยพ้ืนท่ีใน 1 หน่วยเวลา มีหน่วยเป็นวัตต์ต่อตารางเมตร ( Watt/m2 ) และหาได้
จากสมการดงั ต่อไปนี้

RA
S

เมอ่ื I คือ ความเขม้ ของเสยี งทจ่ี ดุ ใดจดุ หนง่ึ ( Watt/m2 )
P คือ กำลังของเสียงจากแหล่งกำเนิด ( Watt )
R คือ ระยะระหวา่ งแหลง่ กำเนิดเสยี งกับจุดทพ่ี จิ ารณา ( m )
A คือ พื้นทขี่ องเสียงท่ีตกต้ังฉากกับแหลง่ กำเนิด
S คือ จดุ กำเนดิ คลื่นเสียงท่มี ีหน้าคลน่ื เป็นรูปทรงกลม

 พื้นที่ ๆ เสียงตกตง้ั ฉากกค็ อื พ้นื ท่ีผวิ ทรงกลม ซึ่งมีพื้นท่ี = 4R2

I = W = P = P
tA A 4 R 2

เมื่อ  ปน็ ความเข้มเสยี งซ่ึงจะไดว้ า่ ความเข้มเสยี งแปรผนั กับระยะทางกำลังสองถา้ 1 และ 2 เปน็ ความเข้ม
เสียงทรี่ ะยะ R1 และ R2ตามลำดบั จะได้


1 =  R2  2
2 R1

ความเข้มเสยี งสูงสดุ ท่ีมนษุ ยไ์ ด้ยิน ( เสยี งดัง ) 1 watt / m2
ความเขม้ เสียงต่ำสดุ ทม่ี นษุ ยไ์ ด้ยิน ( เสยี งเบา ) 10- 12 watt/m2

ตวั อยา่ งท่ี 1

ชายคนหนึ่งขณะอยู่ห่างจากแหล่งกำเนิด 3 เมตร จะได้ยินเสียงมีความเข้ม 10- 8 watt / m2

แหลง่ กำเนดิ เสียงมีกำลังเสียงก่วี ตั ต์ P
4 R 2
วธิ ที ำ จาก I =  P= 4R2 ( I )
36x10- 8  วัตต์
แทนค่า P = 4(3 )2 ( 10- 8 ) =

ตอบ แหลง่ กำเนิดเสียงมีกำลงั เสียงเท่ากบั 36x10- 8  วตั ต์

ระดบั ความเข้มของเสียง

เมอื่ หาอัตราสว่ นระหว่างความเข้มเสยี งท่ีดังท่ีสุดที่มนุษย์ทนฟังได้กับความเข้มเสียงเบาทีส่ ุดที่มนุษย์ได้ยิน
มีค่ามากถึง 1012 ดังนั้นเพ่ือความสะดวกในทางปฏิบัติ จึงนิยมใช้ ระดับความเข้มเสียง เป็นปริมาณที่บอก
ความดังของเสียงแทน ความเข้มเสียง และเป็นเกียรติแก่ อเลกซาน-เดอร์ เกรแฮม เบล ระดับความเข้มของเสียง
และมีหน่วยเรียกว่า เบล แต่เนื่องจากเบลเป็นหน่วยที่ใหญ่เกินไป ไม่สามารถบอกความละเอียดท่ีจะบอกค่าความ
ดังของเสยี งต่าง ๆ ได้ จึงแบ่งเป็นหนว่ ยยอ่ ยลงไป เรียกว่า เดซเิ บล ( dB )

มนุษย์สามารถได้ยินเสียงท่ีมีความดังที่ระดับความเข้มของเสียงต้ังแต่ 0 – 120 เดซิเบล เสียงที่ดังมาก
เกินไปอาจทำให้หูหนวกได้ เช่น เสียงฟา้ ผ่าใกล้ๆตวั ท่ีมคี ่าความดังเกนิ 120 dB เป็นต้น เสียงที่มคี วามดังไม่มาก
แต่ได้ยินเป็นเวลานานหลายช่ัวโมงก็อาจเป็นอันตรายได้ เช่น เสียงเครื่องจักรในโรงงานอุตสาหกรรม ( มลภาวะ
ทางเสียง ) องค์การอนามัยโลกจึงกำหนดว่าเสียงท่ีปลอดภยั ต้องมีความเข้มไมเ่ กิน 85 dB เม่ือต้องได้ยินติดต่อกัน
วันละ 8 ชั่วโมงข้ึนไป เสียงที่ดังไม่ถึงขั้นเป็นอันตรายกับหู แต่อาจมีผลกระทบทางด้านจิตใจได้ เช่น ทำให้เกิด
ความเครยี ด ไม่มสี มาธิ เปน็ ต้น

เราสามารถหาระดบั ความเข้มของเสยี ง ได้ดงั นี้

เม่ือ  คอื ระดับความเขม้ ของเสยี งท่ีจดุ พิจารณา ( dB , เดซิเบล )
I คือ ความเข้มของเสียงขณะใดขณะหน่งึ ที่จดุ พจิ ารณา ( watt/m2 )
I0 คือ ความเขม้ ของเสียงต่ำสดุ ที่มนษุ ยไ์ ดย้ นิ = 10- 12 watt/m2


I
 = 10 log I0

1 − 2 = 10 log 1  = 10 log  R2  2
2 R1

ตัวอย่างท่ี 2

หน้าต่างแหง่ หนง่ึ มีคล่ืนเสยี งผา่ นวัดระดับความเข้มของเสียงได้ 80 dB จงหาวา่ ขณะน้นั มีความเข้ม

ของเสียงกี่วตั ตต์ ่อตารางเมตร 10 log I0 I
วธิ ีทำ จาก  =
10 log I = 10 ( log I – log 10-12 )
แทนคา่ 80 = 10-12
80 = 10 ( log I – (-12)log 10 )

80 = log I + 12
10 log I
8 – 12 =

-4 = log I

10- 4 = I

I = 10- 4 watt/m2


ใบงานเร่ือง ความเขม้ ของเสียง
คำชีแ้ จง : ใหน้ ักเรยี นแสดงวิธที ำอย่างละเอียด

1. ถา้ เสียงลมหายใจของมนุษยร์ ับฟังทร่ี ะยะ 10 เซนตเิ มตร วัดระดับความเขม้ เสยี งได้ 10 เดซเิ บล ถาม
วา่ เราตอ้ งยืนห่างกนั เทา่ ไรจงึ จะไม่ไดย้ นิ เสยี งหายใจของกันและกัน

2. กองเชยี ร์ของมหาวิทยาลัยแห่งหน่ึง 1,000 คน นัง่ บนอัฒจนั ทรเ์ ชยี ร์ดา้ นไมม่ ีหลงั คาในสนามศุภชลาศัย
สมมติวา่ คนหน่ึงตะโกนเชยี ร์ทำใหค้ นฟังที่นงั่ ฝงั่ ตรงข้ามได้ยินเสยี งดัง 70 เดซเิ บล ถามว่าถา้ กองเชยี ร์
ทัง้ หมดตะโกนพร้อมกนั คนที่ฟงั อยู่ตรงขา้ มจะได้ยนิ เสยี งดังกีเ่ ดซิเบล

3. วิทยุให้กำลังเสยี ง 250 วตั ต์ กระทบประตูกวา้ ง 0.5 เมตร สงู 1 เมตร จงหาความเข้มของเสยี งท่ปี ระตู

4. ณ ตำแหน่งที่อยู่หา่ งจากแหล่งกำเนดิ เสียง 10 เมตร มีความเข้มเสียง 2 x 10-8 วัตต์ตอ่ ตารางเมตร
ถา้ อกี ตำแหน่งหนง่ึ ห่างจากแหลง่ กำเนิดเสยี งเดียวกนั 5 เมตร จะมีความเขม้ เสยี งเทา่ ใด


เกณฑก์ ารให้คะแนนแบบฝึ กหดั

เกณฑก์ ารให้ เกณฑท์ ก่ี าหนด 54 ระดบั คะแนน 2 1
คะแนน ทำตำมเกณฑ์ ทำตำมเกณฑ์ 3 ทำตำมเกณฑท์ ่ี ทำตำมเกณฑ์
1 คำตอบถกู ตอ้ ง ท่กี ำหนดทง้ั 6 ท่กี ำหนดทงั้ 4- กำหนดทงั้ 1 ท่กี ำหนดทง้ั 0
แบบฝึกหดั 2 แสดงวธิ กี ำรคำนวณ ขอ้ 5 ขอ้ ทำตำมเกณฑท์ ่ี ขอ้ ขอ้
กำหนดทง้ั 2-3
ได้ ขอ้
3 แทนคำ่ สมกำรได้
4 กำหนดสตู ร/สมกำรได้

ถกู ตอ้ ง
5 วเิ ครำะหแ์ ละกำหนด

ตวั แปรได้
6 ไม่ไดส้ ำมำรถแสดงวิธี

ทำและคำตอบผดิ

เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ

15-20 ดีมาก

10-14 ดี

6-9 พอใช้

0-5 ปรับปรุง

นักเรยี นได้ระดับคุณภาพที่ พอใช้ ขึน้ ไปถือวา่ ผ่าน


แบบประเมนิ ใบงาน Cause and Effect

คำช้แี จง : ให้ผ้สู อนประเมนิ ผลงานใบงานนกั เรยี น โดยการประเมนิ คะแนนลงในช่องรายการประเมินกำหนด
ตามตารางแนบทา้ ยแบบประเมินใบงาน Cause and Effect

ลำดับท่ี ชื่อ-สกุล การแสดง เน้อื หา นำเสนอ ความ ตรงตอ่ รวม สรุปผลการ
ของผรู้ ับการ ความ สวยงาม เวลา 20 คะแนน ประเมนิ ผา่ น/ไม่
คดิ เหน็ (4คะแนน) (4คะแนน)
ประเมนิ (4คะแนน) (4คะแนน) ผา่ น

ลงชอ่ื ....................................................ผปู้ ระเมนิ
................/................/................

เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

18 - 20 ดมี าก

14 - 17 ดี

10 - 13 พอใช้

ต่ากวา่ 10 ปรบั ปรุง

นกั เรียนไดร้ ะดบั คณุ ภาพที่ พอใช้ ข้นึ ไปถือวา่ ผ่าน


ตารางแนบท้ายแบบประเมินใบงาน Cause and Effect

เกณฑก์ าร 4 (ดีมาก) ระดับการประเมิน 1 (ปรับปรุง)
ประเมนิ - แสดงความคดิ เหน็ 3 (ดี) 2 (พอใช้) - - แสดงความคิดเหน็
การแสดง - แสดงความคดิ เห็น - แสดงความคิดเหน็
ความ ผลกระทบของปัญหา/ ผลกระทบของปัญหา/ ผลกระทบของปัญหา/ ผลกระทบของปัญหา/
คิดเห็น เหตกุ ารฌไ์ ด้ 10 ข้อขน้ึ เหตุการณ์ได้ 8-9 ข้อ เหตกุ ารณ์ได้ 6-7 ข้อ เหตุการณ์ได้ นอ้ ยกวา่
ไป 6 ขอ้

เน้ือหา - เน้อื หาครบถว้ นตาม - เนือ้ หาถกู ต้องตามสาระ - เนือ้ หาถกู ต้องตามสาระ - เนื้อหาถูกต้องตามสาระ

สาระที่กำหนด 100% ทก่ี ำหนด 80-99% ที่กำหนด 60-79% ทีก่ ำหนดตำ่ ว่า 59%

- เขียนถูกต้องตามหลกั - เขียนถูกต้องตามหลกั - เขยี นถกู ต้องตามหลัก - เขียนถกู ต้องตามหลัก

ภาษา 100% ภาษา 80-99% ภาษา 60-79% ภาษาตำ่ วา่ 59%

- ลำดับหวั ข้อเนอ้ื หา - ลำดบั หัวข้อเนื้อหา - มีการสรุปได้อย่าง - มกี ารสรุปไม่

ชัดเจน ชัดเจน สมเหตุสมผล 60-79% สมเหตสุ มผลต่ำว่า

- มกี ารสรุปได้อยา่ ง - มกี ารสรปุ ได้อยา่ ง 59%

สมเหตสุ มผล 100% สมเหตุสมผล 80-99%

การนำเสนอ - พูดชดั เจนเสยี งดงั ฟงั ชดั - พูดชดั เจนเสยี งดงั ฟงั ชัด - การพูดเหมาะสม - สามารถพูดนำเสนอได้

- ใชภ้ าษาทางการถูกต้อง - ใชภ้ าษาทางการถูกต้อง - ใช้ภาษาทางการถูกต้อง - ใช้ภาษาทางการถูกต้อง

ตามอักขระ100% ตามอักขระ80-99% ตามอักขระ60-79% ตามอักขระตำ่ วา่ 59%

- บคุ ลิกภาพดแี ละมีความ - บคุ ลกิ ภาพดี - บุคลกิ ภาพเหมาะสม - บคุ ลิกภาพเหมาะสม

มัน่ ใจ - ความพรอ้ มในการ

- มกี ารใชส้ อ่ื ประกอบการ นำเสนอได้บางส่วน

นำเสนอ

- ความพรอ้ มในการ

นำเสนอ

ความ - ใช้สีสนั สวยงาม - ใช้สีสนั สวยงาม - ใชส้ สี นั สวยงามและมี - ใชส้ ีสนั สวยงามหรือ

สวยงาม - มคี วามสะอาด - มีความสะอาด ความสะอาด เปน็ ไปตามเกณฑ์อย่าง

- มคี วามคิดสรา้ งสรรค์ - มคี วามคดิ สร้างสรรค์ ใดอยา่ งหน่ึง

- ความเปน็ ระเบยี บอ่าน

ง่าย


การตรงต่อ สง่ ผลงานครบถ้วน ตรง สง่ ผลงานครบถว้ น แตช่ า้ สง่ ผลงานครบถ้วน แตช่ า้ สง่ ผลงานครบถว้ น แต่ชา้
เวลา ตามเวลาทก่ี ำหนด กว่าเวลาทกี่ ำหนด 5 กวา่ เวลาทก่ี ำหนด 10 กว่าเวลาทกี่ ำหนด 15
นาที นาที นาที


ใบงาน Cause and Effe

จะเป็นอย่างไรหากมีการสร้างสนามบินใก
dk


ect เร่ือง ความเขม้ เสียง

กล้กับชมุ ชนท่นี กั เรยี นอาศัยอยู่
ki


ใบงาน เรื่อง ความเข้มเสียง (ตามแนวPISA)
อา่ นถ้อยความต่อไปน้แี ล้วตอบคำถาม

หลังจากที่เขยี นบทความกอ่ นๆ ในเร่ืองคุณสมบัติของเสียง คือ ความเรว็ เสียง ความถเี่ สยี ง กันมาแลว้
ในตอนน้ีมาพดู ถงึ ความดัง กันบา้ งครับ ใครยงั ไม่ได้อ่านบทความเก่า กล็ องกลบั ไปอ่านนะครับ

หลังก่อนจะเข้าเรื่องความดัง มารู้จักกับ กำลังเสียงและความเข้มเสียง กันก่อนครับ กำลังเสียงก็คือ
พลังงานเสียงท่ีออกจากแหล่งกำเนิดมีหน่วยเป็นวตั ต์ ส่วนความเข้มเสียง ก็คือ พลังงานต่อพื้นท่ี (พืน้ ที่สเี ทาใน
รูป)น่ันเอง โดยตามทฤษฎีจะมองว่าพลังงานออกมากระจายเท่าๆกันรอบตัว พ้ืนที่สีเทาจึงเป็นการตัดพื้นที่ผิว
ทรงกลมออกมา 1 ตารางเมตร ตามระยะหา่ งที่ต้องการคำนวณ


เดซเิ บลและระดับความเข้มเสยี ง

แตค่ วามเข้มเสียงนน้ั หากนำมาพดู คุยกนั คงเข้าใจยาก เพราะความเข้มเสยี งทนี่ ้อยทสี่ ุดท่ีมนุษยเ์ ร่ิมได้ยิน
คือ 0.000000000001 วตั ตต์ ่อตารางเมตร สว่ นความเขม้ เสียงท่วี า่ มากๆคอื 10 วตั ต์ตอ่ ตารางเมตร ดงั น้ัน
เพ่อื ให้เข้าใจง่ายจึงมีคนคิดค้นหนว่ ยเดซิเบล น่นั คอื อเล็กซานเดอร์ เกรแฮม เบลล์ (หนว่ ยเบล มาจากชื่อ
เคา้ ) ตามสูตรดา้ นบนครบั
เดซิเบลและระดบั ความดันเสียง

ระดับความเขม้ เสียงนน้ั เป็นค่าท่ีไม่สามารถตรวจวดั ได้ แตค่ วามดนั เสียงนน้ั สามารถตรวจวัดได้ ในการวดั
เสยี งจึงนิยมใช้ ระดับความดันเสยี ง (Sound Pressure Level, SPL) มากกว่า ตามสมการดา้ นบนครบั โดย
ระดับความดนั เสียงนน้ั (SPL) มคี ่าเท่ากนั กับ ระดบั ความเข้มเสียงครับ (SIL)
เดซิเบลและความดงั


เดซิเบล คือ หน่วยการวดั ระดบั ความดังเสียงที่นิยมใชใ้ นปัจจบุ ัน แต่คนทวั่ ไปอาจไม่ร้วู ่าระดับความดัง...ก่ี
เดซเิ บลถงึ เรียกวา่ ดัง...กเ่ี ดซเิ บลถงึ เรยี กว่ากลางๆ...หรือกเ่ี ดซเิ บลจะเรยี กว่าเบา ผเู้ ขยี นทำตารางแบบเข้าใจ
ง่ายๆมาใหด้ ูกันครับด้านลา่ ง

จากตารางดูจากสคี งพอเขา้ ใจแล้วนะครับว่าระดบั ความดังเทา่ ไรถึงเรยี กว่าดัง ดงั มาก หรอื ปานกลาง
หรอื เบา ส่วนจดุ สำคัญอืน่ ๆที่ควรรคู้ อื

0 เดซิเบล มนุษยเ์ ร่มิ ได้ยิน
85 เดซิเบล เปน็ ระดับทไ่ี ม่ควรรับฟงั ต่อเน่อื งนานเกินไป
130 เดซิเบล เริ่มปวดหู
การเปล่ียนแปลงระดับความดังและการรบั รู้


เสียงท่ีดงั ขน้ึ หรอื เบาลง อยา่ งนอ้ ย 3 เดซิเบลครับ มนุษย์ถึงจะรู้สกึ ว่าตา่ ง และหากตา่ งกนั ถงึ 5 เดซิเบล
มนุษยก์ จ็ ะรับรู้ความแตกตา่ งได้อย่างชดั เจนครบั สว่ นระดบั อืน่ ๆลองดูตามตารางนะครบั

การรวมความดังของแหล่งกำเนิดเสยี งหลายแหล่ง
เนือ่ งจากเดซเิ บล เป็นลอการิทึม จึงไมส่ ามารถบวกกันได้ ครับ เช่น เสียงกตี ารด์ ัง 75 เดซิเบล กับเสยี ง

กลองดงั 95 เดซเิ บล เราไมส่ ามารถเอา 75 + 95 ได้ครบั วิธีการคำนวณระดบั ความดงั รวม ตอ้ งใช้สมการ ดังนี้

กรณีมีแหลง่ กำเนิดเสียงแค่ 2 แหลง่ เพ่ือความงา่ ย ไมต่ ้องมาถอด ลอการิทึม ใหป้ วดหวั จึงมคี นคิดสตู ร
สำเรจ็ ตามตารางดังนี้ครับ

วธิ ีใช้ตารางก็งา่ ยๆครับ สมมติ มีแหล่งกำเนดิ เสียง 2 แหล่ง คือ เสียงนาย A พดู ดัง 70 เดซิเบล เสียงนาย B
พูดดัง 73 เดซเิ บล จะหาความดังรวม กเ็ ทียบกับตารางว่า เสียงทั้ง 2 คนตา่ งกันเพียง 3 เดซเิ บล ให้นำค่า 2 เด
ซิเบลในตารางแถวท่ี 2 ไปบวกกับเสียงของคนท่ีพูดดังกว่านั่นคือ 73 + 2 = 75 dB ครับ ส่วนใครถอด
ลอการทิ มึ เปน็ ก็ใช้สมการด้านบนนะครบั ถ้าถอดลอการิทมึ เปน็ จะคำนวณได้กว้างกว่า


คำถามที่ 1 (ขอ้ ละ2 คะแนน) ใช่ ไม่ใช่
พิจาราณาข้อความขา้ งตน้ ต่อปนี้

ขอ้ ความใดเป็นจรงิ ให้เขยี นเคร่ืองหมาย X ในช่อง “ใช่”
ข้อความใดไม่เปน็ จรงิ ให้เขยี นเคร่อื งหมาย X ในชอ่ ง “ไม่ใช่”
ขอ้ ที่ ขอ้ ความ

1 กำลงั เสียงก็คอื พลงั งานเสยี งท่ีออกจากแหล่งกำเนิดมีหน่วยเปน็
วตั ต์

2 ระดบั ความเขม้ เสยี งน้ันเปน็ ค่าทส่ี ามารถตรวจวัดได้ แตค่ วามดนั
เสยี งนน้ั ไมส่ ามารถตรวจวัดได้

3 เดซเิ บล คือ หนว่ ยการวดั ระดับความดงั เสยี งทน่ี ิยมใช้ในปัจจบุ ัน
4 ระดบั เสียง 0 เดซิเบล มนุษยเ์ ริ่มได้ยนิ
(สมรรถนะ : การระบุปญั หาเชิงวทิ ยาศาสตร)์

คำถามที่ 2 (1 คะแนน)
ความดงั ที่ 100 เดซิเบล อยูที่ความรู้สกึ ใด
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
.…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
(สมรรถนะ : ระบปุ ระเดน็ ทางวิทยาศาสตร)์

คำถามท่ี 3 (1 คะแนน)
ลำโพงตัวหน่ึงให้เสียงท่ีมีความเข้ม I0 ที่ระยะห่างจากลำโพง 10 เมตร ถ้าต้องการเสียงความเข้ม 2I0 จะต้อง
ไปอยูท่ ีต่ ำแหนง่ ซ่งึ หา่ งจากลำโพงเทา่ ใด

1. 5 m
2. 7 m
3. 14 m
4. 20 m

ขอ้ คำตอบ

(สมรรถนะ : การอธบิ ายปรากฎการเชงิ วทิ ยาศาสตร์)


คำถามท่1ี (2 คะแนน) เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน / แนวคำตอบ ใช่ ไมใ่ ช่
ขอ้ ที่ ขอ้ ความ X X
X
1 กำลงั เสยี งก็คอื พลังงานเสยี งท่ีออกจากแหลง่ กำเนิดมหี นว่ ยเป็น
วตั ต์ X

2 ระดับความเขม้ เสียงน้นั เป็นค่าท่สี ามารถตรวจวดั ได้ แตค่ วามดนั
เสียงนน้ั ไมส่ ามารถตรวจวดั ได้

3 เดซเิ บล คอื หน่วยการวดั ระดับความดังเสยี งทน่ี ิยมใชใ้ นปจั จุบนั

4 ระดบั เสยี ง 0 เดซิเบล มนุษย์เริ่มได้ยิน

คะแนนเตม็ 2 คะแนน คะแนนเต็ม 1 คะแนน ไม่มคี ะแนน
ตอบถูกทั้ง 4 ข้อ : ไม่ใช่ ไม่ใช่ ตอบถูก 3 ข้อ ตอบถกู 2-0 ขอ้
ใช่ ไม่ใช่

คำถามท่ี 2 (1 คะแนน)

1 คะแนน 0 คะแนน
ดงั สุดๆ ตอบผิด/ไมไ่ ด้ตอบคำตอบใดๆ

คำถามที่ 3 (1 คะแนน) คำตอบ
ข้อ 14 m

3


เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ

4 ดมี าก
3 ดี
2 พอใช้
0-1 ปรบั ปรงุ

นกั เรยี นไดร้ ะดบั คุณภาพ พอใช้ ขึ้นไปถือว่า ผา่ น


แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10

ช่อื หนว่ ยการเรียนรู้ เสียงและการไดย้ ิน หนว่ ยยอ่ ยที่ 1
เร่อื ง ระดบั เสียง
วันท่ีทำการสอน เวลา 2 ชว่ั โมง

ผู้สอน นายศักด์ิระวี กันทะวงค์

1. สาระสำคัญ 2. ผลการเรียนรู้
การทเ่ี ราไดย้ นิ เสยี งแหลมหรือสงู เสียงทุ้มหรือตำ่ ขน้ึ อยกู่ บั 4.อธบิ ายความเข้มเสียง ระดับเสียง องค์ประกอบ
ของการได้ยิน คุณภาพเสียง และมลพิษทางเสียง
ความถข่ี องเสียงนั้น ถ้าความถ่ีสูงเสียงจะสงู ความถี่ตำ่ เสยี งจะ รวมท้ังคำนวณปริมาณต่าง ๆ ทเี่ ก่ียวข้อง
ต่ำ เสยี งสูงหรอื ตำ่ เรียกวา่ ระดับเสยี ง

3. สาระการเรยี นรู้ 4. ช้ินงาน/ภาระงาน
1. ใบงาน Diagram เร่ือง ระดบั เสยี ง
ระดบั เสยี ง 2. ใบงาน โจทยป์ ญั หา เรื่อง ระดบั เสยี ง

5. สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียน 6. เครือ่ งมือการสอนคดิ
- ความสามารถในการสื่อสาร - Diagram
- ความสามารถในการคิด
- ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

กจิ กรรมการเรียนรู้

7. ข้ันของกจิ กรรม 8. สื่อ 9. วิธกี ารวดั ผล

Do Now (3 นาท)ี - ใบความรู้ เรื่อง ระดับ - ประเมินจากใบงาน
Diagram เรือ่ ง ระดับเสยี ง
บอกชื่อเพลงทีน่ กั เรยี นชนื่ ชอบมาคนละ 1 เพลง (ห้ามซำ้ ) เสียง
- ประเมินจากใบงานโจทย์
Purpose (2 นาท)ี - ใ บ ง า น Diagram เ รื่ อ ง ปัญหา เร่อื ง ระดบั เสียง

เราจะเรียนเรื่อง ระดับเสยี งเพ่อื นักเรียนสามารถ สำรวจ ระดบั เสยี ง

ตรวจสอบ อภปิ ราย ทดลอง และคำนวณส่ิงทเ่ี ก่ียวกบั ระดับเสียง - ใบงาน โจทย์ปัญหาเรื่อง
Work mode (110 นาท)ี
ระดับเสยี ง
1. นักเรียนตอบคำถาม “ระดับเสียงคืออะไร” (พอเพียง 2 ความมี
เหตุผล) (5 นาท)ี - คลิปวีดีโอ เรื่องระดับ
เสียงเปลี่ยนได้อย่างไร
2. นักเรียนดคู ลปิ วีดีโอ เรอ่ื ง ระดบั เสียงเปลีย่ นไดอ้ ย่างไร (10 นาที)

3. นักเรยี นและครูรว่ มกนั สรปุ สิง่ ทไี่ ดจ้ ากการดคู ลิปวีดีโอ (10 นาที) https://www.youtu
4. นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติม เรื่อง ระดับเสียงพร้อมความหมาย (15 be.com/watch?v=
mfDFVHkI1pU
นาท)ี

5. นกั เรยี นศึกษาขอ้ มูลเกย่ี วกับระดบั เสยี ง โดยศกึ ษาจากใบความรู้ เรื่อง

ระดับเสียง และสรุปความรู้ในรูปแบบแผนผัง ลงในใบงาน Diagram

เรื่องธรรมชาติและคุณสมบัติของเสียง (คิด 9 : คิดเชิงมโนทัศน์)

(30 นาท)ี


6. นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลงาน ใบงาน Diagram เรื่อง
ระดบั เสยี ง(สมรรถนะ3) (10 นาท)ี

7. นักเรียนทำใบงาน โจทยป์ ัญหา เรอ่ื ง ระดับเสียง(20 นาที)
8. นกั เรียนและครรู ว่ มกนั สรุปความรู้ (10 นาที)
Reflective Thinking (5 นาท)ี
1. 3 สง่ิ ทน่ี ักเรียนรู้จากการเรียนคาบนี้(2 นาที)

2. ข้อสอบ (O-NET'50) จำนวน 1 ข้อ (3 นาท)ี

ข้อสอบ (O-NET'50)

ระดบั เสยี งและคณุ ภาพเสียงขึน้ อย่กู ับสมบตั ใิ ดตามลำดบั

1. ความถ่ี รปู รา่ งคลื่น
2. รูปร่างคลนื่ ความถี่
3. แอมพลิจูด ความถี่
4. ความถ่ี แอมพลิจดู


ใบงานโจทยป์ ัญหาเร่อื งระดบั เสยี ง

1. จงหาระดับความเขม้ เสียง ณ.จดุ ซึง่ มคี ่าความเข้มเสียง 1x 10–7 W/m2

2. หากความเขม้ เสียงสงู สุดทีห่ ูคนเราจะทนฟงั ได้ มคี ่า 1 W/m2 จงหาระดบั ความเขม้ เสยี งสูงสุดที่หคู นเราจะทน
ฟังได้


3. จงหาระดบั ความเขม้ เสยี ง เสียงเม่อื ผู้ฟังอยูห่ ่างจากวทิ ยุ 1 เมตร เมื่อกำลงั เสียงของวิทยุเทา่ กับ 4 x 10–3
วัตต์

4. ณ จดุ หนึง่ เสยี งจากเคร่ืองจกั รมีระดบั ความเข้มเสยี งวัดได้ 50 เดซิเบล จงหาความเขม้ เสียงจากเครื่องจกั ร
ณ จดุ นั้น กำหนดให้ความเขม้ เสยี งท่ีเริ่มได้ยินเป็น 10–12 W/m2


เกณฑก์ ารให้คะแนนแบบฝึกหัด

เกณฑก์ ารให้ เกณฑ์ท่กี ำหนด 5 4 ระดบั คะแนน 2 1
คะแนน ทำตามเกณฑท์ ี่ ทำตามเกณฑ์ท่ี 3 ทำตามเกณฑท์ ่ี ทำตามเกณฑ์ที่
1 คำตอบถูกตอ้ ง กำหนดทง้ั 6 กำหนดท้งั 4-5 กำหนดทั้ง 1 กำหนดทง้ั 0
แบบฝึกหัด 2 แสดงวิธกี ารคำนวณได้ ข้อ ข้อ ทำตามเกณฑ์ท่ี ข้อ ข้อ
3 แทนค่าสมการได้ กำหนดท้งั 2-3
4 กำหนดสตู ร/สมการได้ ข้อ

ถูกต้อง
5 วิเคราะหแ์ ละกำหนด

ตวั แปรได้
6 ไมไ่ ด้สามารถแสดงวธิ ี

ทำและคำตอบผดิ

เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

15 – 20 ดีมาก

11 – 15 ดี

6 – 10 พอใช้

0 – 5 ปรบั ปรุง

นกั เรยี นไดร้ ะดับคณุ ภาพท่ี พอใช้ ขึ้นไปถือวา่ ผ่าน


ใบความรู้
เรอื่ ง ระดับเสยี ง

ระดบั เสยี ง ( Pitch ) การได้ยินเสียง แบ่งการไดย้ นิ ออกเป็น 2 ลักษณะคือ เสยี งระดบั ความดงั มากหรือน้อย เกิด
จากพลงั งานของแหล่งกำนิดเสียง และไดย้ ินเสียงทุ้มหรือเสียงแหลมซึง่ เกิดจากความถี่เสียงสงู หรอื ความถีเ่ สียงต่ำ
ต่างกัน ซ่งึ เรยี กวา่ ระดบั เสียง ( Pitch )

เนอื่ งจากคนเราไดย้ นิ เสยี งทีค่ วามถ่ี 20 - 20,000 เฮริ ตซ์ ความถี่ทีต่ ำ่ กว่า 20 เฮิรตซ์ ลงไปเรียกวา่
คลน่ื ใต้เสยี ง (Infra Sound) ความถ่ที ีส่ งู กว่า 20,000 เฮิรตซ์ ข้นึ ไปเรียกว่า คลื่นเหนือเสียง (Ultra Sound) จะเหน็
ได้วา่ คนเรารบั ฟังเสียงไดใ้ นช่วงความถ่หี น่ึงเท่านนั้ สำหรับสตั วอ์ ่นื ๆ ก็เช่นเดียวกันคือ จะได้ยินเสยี งในช่วงความถี่
หนงึ่ เช่นกัน ซึ่งชว่ งความถที่ ส่ี ัตว์แตล่ ะชนิดได้ยนิ กจ็ ะแตกต่างกันไป และตา่ งจากชว่ งความถี่ทคี่ นไดย้ นิ นอกจากน้ี
แล้วแหลง่ กำเนดิ เสียงแตล่ ะแหล่งกใ็ ห้เสียงได้ในชว่ งความถี่ต่างกัน เช่น คน สามารถเปล่งเสยี งไดใ้ นชว่ งความถ่ี 85 -
1,100 เฮิรตซ์ แมวสามารถเปลง่ เสยี งไดใ้ นช่วงความถ่ี 760 - 1,500 เฮริ ตซ์ แตส่ ามารถได้ยินในชว่ งความถ่ี 60 -
65,000 เฮริ ตซ์

จากตาราง แบ่งเสยี งทางวทิ ยาศาสตร์ เสียงโด(C) ความถีเ่ สยี ง 256 Hz แลว้ ไล่ลำดับเสียงความถ่สี ูงขึ้น
ไปจนครบ 7 ระดับเสียงท่ีเสยี ง ท(ี B) แลว้ ขึน้ เสยี งโด ( C' ) ซ่งึ มคี วามถ่เี สยี ง 512 Hz เป็นรอบตอ่ ไป จะเหน็ วา่ เสียง
C' (512 Hz) มคี วามถเ่ี สียงเป็น 2 เทา่ ของ C (256 Hz) เรยี กเสียงค่นู วี้ ่า เสียงคแู่ ปด ซึ่งเป็นระดบั เสียงทีห่ ่างกนั 8
ตวั พอดี เสียงคู่แปดยังมีคอู่ ื่นๆทเ่ี ป็นเสยี งเดียวกัน แต่ความถเ่ี ปน็ 2 เท่า เช่น D กบั D' ฯลฯ

ท่ีมา : http://gendb.pcd.go.th/noise/standard.jpg


แบบประเมินผลงานใบงาน Diagram

คำชแี้ จง : ให้ผสู้ อนประเมินผลงานใบงานนกั เรียน ใหท้ ำเคร่ืองหมาย✓ลงในช่องรายการประเมินกำหนด

ความ สรุปผล

ลำดับที่ ชอ่ื -สกุล ความถูกต้อง ครอบคลุม สอดคลอ้ ง ตรงต่อเวลา ความสะอาด รวม การ
ของผ้รู บั การประเมนิ ของเนือ้ หา เนอื้ หา และเช่อื มโยง 4 เรียบรอ้ ย 20 ประเมิน
ของเน้อื หา คะแนน ผา่ น/ไม่
4 4 4
4 ผา่ น

4321 43214 32 1 4321 4321

ลงชื่อ .................................................... ผปู้ ระเมนิ
................/................/................

เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

18 - 20 ดมี าก

14 - 17 ดี

10 - 13 พอใช้

ต่ากว่า 10 ปรบั ปรุง

นักเรียนไดร้ ะดบั คณุ ภาพที่ พอใช้ ข้นึ ไปถอื ว่า ผา่ น


ตารางแนบทา้ ยแบบประเมนิ ใบงาน Diagram

เกณฑก์ าร ระดับการประเมิน
ประเมิน
รปู แบบ 4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรงุ )
- มีหัวข้อทชี่ ัดเจน - มีหัวข้อที่ชัดเจน
เนอ้ื หา - เขียนอย่ใู นกรอบ - มหี ัวขอ้ ท่ชี ดั เจน - มีหัวข้อท่ีชดั เจน - เขยี นอยู่ในกรอบ
- ใช้คำสำคัญตรงประเด็น
การนำเสนอ - ใช้สัญลกั ษณ์หรือภาพ - เขยี นอยู่ในกรอบ - เขยี นอยใู่ นกรอบ - เน้อื หาถูกต้องตามสาระ
ท่ีกำหนดต่ำกวา่ 59%
ความ สื่อความหมาย - ใช้คำสำคญั ตรงประเดน็ - ใชค้ ำสำคัญตรงประเด็น - เขียนถูกต้องตามหลัก
สวยงาม - ใช้สสี ันทัว่ แผน่ ภาษาตำ่ กว่า 59%
- เนอ้ื หาครบถว้ นตาม - ใช้สัญลกั ษณห์ รอื ภาพ - มกี ารสรปุ ไม่
สาระท่ีกำหนด 100% สมเหตสุ มผลตำ่ กวา่
- เขียนถูกต้องตามหลกั สอื่ ความหมาย 59%
ภาษา 100%
- ลำดับหวั ขอ้ เนื้อหา - เน้ือหาถูกต้องตามสาระ - เนอ้ื หาถกู ต้องตามสาระ - สามารถพดู นำเสนอได้
ชดั เจน - ใชภ้ าษาทางการถูกต้อง
- มีการสรปุ ได้อย่าง ที่กำหนด 80-99% ทีก่ ำหนด 60-79% ตามอักขระต่ำกวา่
สมเหตุสมผล 100% 59%
- พูดชัดเจนเสยี งดงั ฟังชดั - เขยี นถูกต้องตามหลัก - เขียนถูกต้องตามหลกั - บุคลกิ ภาพเหมาะสม
- ใชภ้ าษาทางการถูกต้อง
ตามอักขระ100% ภาษา 80-99% ภาษา 60-79% - ใช้สสี นั สวยงามหรือ
- บคุ ลิกภาพดแี ละมีความ เปน็ ไปตามเกณฑ์อย่าง
มน่ั ใจ - ลำดบั หวั ข้อเน้ือหา - มีการสรปุ ได้อย่าง ใดอย่างหนึ่ง
- มีการใช้ส่ือประกอบการ
นำเสนอ ชดั เจน สมเหตสุ มผล 60-79%
- ความพร้อมในการ
นำเสนอ - มกี ารสรุปได้อยา่ ง
- ใชส้ สี ันสวยงาม
- มคี วามสะอาด สมเหตุสมผล 80-99%
- มคี วามคิดสรา้ งสรรค์
- ความเปน็ ระเบียบอ่าน - พดู ชัดเจนเสียงดังฟงั ชัด - การพูดเหมาะสม
ง่าย
- ใชภ้ าษาทางการถูกต้อง - ใช้ภาษาทางการถูกต้อง

ตามอักขระ80-99% ตามอักขระ60-79%

- บคุ ลกิ ภาพดี - บคุ ลกิ ภาพเหมาะสม

- ความพร้อมในการ

นำเสนอได้บางส่วน

- ใชส้ สี นั สวยงาม - ใช้สีสันสวยงามและมี
- มีความสะอาด ความสะอาด
- มคี วามคดิ สรา้ งสรรค์


การตรงต่อ สง่ ผลงานครบถ้วน ตรง สง่ ผลงานครบถว้ น แตช่ า้ สง่ ผลงานครบถ้วน แตช่ า้ สง่ ผลงานครบถว้ น แต่ชา้
เวลา ตามเวลาทก่ี ำหนด กว่าเวลาทกี่ ำหนด 5 กวา่ เวลาทก่ี ำหนด 10 กว่าเวลาทกี่ ำหนด 15
นาที นาที นาที


ใบกจิ กรรม Diagram เร่อื ง ..

คำช้แี จง ให้นักเรยี นเขยี น Diagram เกีย่ วกบั การรับรู้และการตอบสนอง


..............................................


แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 11

ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ เสียงและการได้ยิน หน่วยยอ่ ยที่ 1
เรอ่ื ง มลภาวะของเสียง
วนั ที่ทำการสอน เวลา 2 ช่ัวโมง

ผสู้ อน นายศกั ด์ิระวี กันทะวงค์

1. สาระสำคญั 2. ผลการเรียนรู้
เปน็ สภาวะทม่ี กี ารก่อใหเ้ กิดเสียงที่มีการรบกวน อาจ 4. อธิบายความเข้มเสียง ระดับเสียง องค์ประกอบของ
การได้ยิน คุณภาพเสียง และมลพิษทางเสียง รวมทั้ง
มาจากแหลง่ กำเนดิ เสยี งต่างๆ ทงั้ จากมนษุ ย์, สัตว์ หรือ คำนวณปรมิ าณต่าง ๆ ทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง
เครื่องจักรตา่ งๆ โดยหากเกนิ 85 เดซเิ บล จะเปน็ อนั ตรายต่อหู
ย่งิ ถา้ เกนิ 90 เดซิเบลจะเปน็ อันตรายต่อหูอย่างมาก ดังน้ันไม่
ควรเข้าใกล้บรเิ วณทม่ี เี สยี งดังเกินจะรบั ได้

3. สาระการเรียนรู้ 4. ชิน้ งาน/ภาระงาน
มลภาวะของเสียง 1. ใบงาน 0PV เรื่องมลภาวะของเสียง

5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน 6. เครื่องมือการสอนคดิ
- ความสามารถในการสื่อสาร - OPV
- ความสามารถในการคิด
- ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี - (yellow hat) (black hat)

กิจกรรมการเรียนรู้

7. ขัน้ ของกจิ กรรม 8. สอ่ื 9. วิธกี ารวดั ผล

Do Now (3 นาท)ี - ใ บ ง า น OPV เรื่ อ ง - ประเมินใบงาน OPV

“บอกเครื่องด่ืมท่ีรับประทานแล้วรู้สกึ สดชน่ื มาคนล่ะ 1 อย่าง” มลภาวะของเสยี ง เรื่องมลภาวะของเสียง

Purpose (2 นาท)ี - คลิปวีดีโอเรื่อง มลพิษ
เราจะเรียนเร่ือง มลภาวะของเสยี ง เพอ่ื นกั เรียนสามารถสบื คน้ ข้อมลู ทางเสยี งจาก
อธบิ าย และคำนวณสงิ่ ทีเ่ ก่ยี วกบั มลภาวะของเสยี งได้ https://www.youtub
Work mode (110 นาท)ี
1. นกั เรียนตอบคำถาม “ขอ้ ดี และ ขอ้ เสียของเสยี งท่ีดังๆ” (yellow e.com/watch?v=NQI

hat) (black hat) (20 นาที) fyCctXS4

2. นกั เรยี นดูคลปิ วีดโี อ เรื่อง มลพษิ ทางเสยี ง (10 นาท)ี

3. นักเรยี นศกึ ษาสืบค้นข้อมูลเกีย่ วกบั มลพิษทางเสียง จาก

อินเตอร์เนต็ (พอเพียง 3 : การมภี มู ิคุ้มกนั ทดี่ ี) (20 นาที)

4. นกั เรียนฟังครูอธิบายความหมายเรื่อง มลพษิ ทางเสยี ง (10 นาที)

5. นักเรียนทำกจิ กรรมกลุม่ อธบิ ายวเิ คราะหเ์ ก่ยี วกับผลกระทบของ

มลภาวะทางเสียง ทมี่ ตี อ่ ใครบา้ งโดยทำใบงาน OPVเรื่อง เดก็ แว๊นก

ล่มุ หนึง่ ชอบตงั้ กลมุ่ แข่งรถยา่ นชุมชนหนองบวั ในยามวกิ าลทกุ คนื


นกั เรียนคิดวา่ สถานการณด์ งั กลา่ วเกดิ ผลกระทบต่อใครบา้ งและเกิด
ผลกระทบอยา่ งไร (คิด1 : คิดวิเคราะห์)(สมรรถนะ2) (20 นาที)

6. นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ สง่ ตวั แทน ออกมานำเสนอ ใบงาน OPV หน้าชน้ั
เรียน(สมรรถนะ3) (20 นาที)

7. นักเรยี นและครรู ่วมกนั สรุปความรเู้ กีย่ วกบั เรอื่ ง มลภาวะของเสยี ง
(10 นาที)

Reflective Thinking(5 นาท)ี
1. จากการเรียนคาบนี้ นกั เรยี นได้ความรูอ้ ะไรบ้าง
(2 นาที)
2. แนวข้อสอบ O-NET ฟสิ กิ ส(์ 2550)จำนวน 1 ข้อ
(3 นาที)

แนวขอ้ สอบ O-NET ฟสิ กิ ส์(2550)

เสยี งชนิดใดทีเ่ ปน็ มลภาวะทางเสยี ง

ก.เสยี งอัลตราซาวด์

ข.เสยี งอนิ ฟราซาวด์

ค.เสียงทมี่ ีระดบั เสียง 85 เดซิเบล นานเกนิ วนั ละ 8 ชั่วโมง

ง.เสียงท่มี รี ะดับเสยี ง 120 เดซิเบล


ใบงาน OPV
เรื่อง มลภาวะทางเสียง
เด็กแวน๊ กลุม่ หนงึ่ ชอบตั้งกลุ่มแข่งรถยา่ นชุมชนหนองบวั ในยามวิกาลทุกคนื นกั เรยี นคิดวา่ สถานการณ์ดังกล่าว
เกิดผลกระทบต่อใครบา้ งและเกดิ ผลกระทบอยา่ งไร

สรุปผล


แบบประเมินใบงาน OPV

คำชแี้ จง : ให้ผสู้ อนประเมินผลงานใบงานนักเรียน โดยการประเมนิ คะแนนลงในชอ่ งรายการประเมิน
กำหนดตามตารางแนบท้ายแบบประเมินใบงาน OPV

สาเหตุและ

ชอื่ -สกุล ผลกระทบ เนอื้ หา นำเสนอ ความ ตรงต่อ รวม สรุปผลการ
ลำดบั ที่ ของผู้รับ มีความ สวยงาม เวลา 20 คะแนน ประเมิน ผ่าน/
สอดคลอ้ ง (4คะแนน) (4คะแนน)
การประเมิน (4คะแนน) (4คะแนน) ไม่ผา่ น
กนั

(4คะแนน)

ลงชอ่ื ....................................................ผปู้ ระเมนิ
................/................/................

เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

18 - 20 ดมี าก

14 - 17 ดี

10 - 13 พอใช้

ต่ากวา่ 10 ปรบั ปรุง

นักเรียนไดร้ ะดับคณุ ภาพท่ี พอใช้ ขนึ้ ไปถอื วา่ ผา่ น


ตารางแนบท้ายแบบประเมินใบงาน OPV

เกณฑก์ าร ระดบั การประเมนิ
ประเมิน
การแสดง 4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรงุ )
ความ - - แสดงความคดิ เห็น
คดิ เห็น - แสดงความคดิ เห็น - แสดงความคิดเห็น - แสดงความคิดเห็น
ผลกระทบของปัญหา/
การแสดง ผลกระทบของปัญหา/ ผลกระทบของปัญหา/ ผลกระทบของปัญหา/ เหตุการได้ น้อยกว่า 6
ความ ข้อ
คิดเห็น เหตุการได้ 10 ข้อข้ึนไป เหตุการได้ 8-9 ข้อ เหตุการได้ 6-7 ขอ้
- - แสดงความคิดเห็น
- ระบุบคุ คลท่ีได้รับ - ระบุบคุ คลที่ได้รบั ระบบุ คุ คลท่ไี ด้รบั ผลกระทบของปัญหา/
เหตุการณ์ได้ นอ้ ยกวา่
ผลกระทบจากปัญหา/ ผลกระทบจากปญั หา/ ผลกระทบจากปญั หา/ 6 ขอ้

เหตกุ ารณ์ไดค้ รบถว้ น เหตุการณ์ได้บางส่วน เหตุการณ์ไดน้ ้อย

- แสดงความคิดเห็น - แสดงความคดิ เหน็ - แสดงความคดิ เหน็

ผลกระทบของปัญหา/ ผลกระทบของปัญหา/ ผลกระทบของปัญหา/

เหตุการฌ์ได้ 10 ข้อข้นึ เหตุการณ์ได้ 8-9 ข้อ เหตุการณ์ได้ 6-7 ข้อ

ไป

เน้อื หา - เน้ือหาครบถว้ นตาม - เนอ้ื หาถกู ต้องตามสาระ - เนอื้ หาถูกต้องตามสาระ - เน้ือหาถกู ต้องตามสาระ

สาระทีก่ ำหนด 100% ท่ีกำหนด 80-99% ที่กำหนด 60-79% ทก่ี ำหนดต่ำว่า 59%

- เขียนถูกต้องตามหลัก - เขียนถูกต้องตามหลัก - เขยี นถกู ต้องตามหลกั - เขยี นถูกต้องตามหลัก

ภาษา 100% ภาษา 80-99% ภาษา 60-79% ภาษาต่ำว่า 59%

- ลำดบั หวั ขอ้ เน้ือหา - ลำดับหัวขอ้ เนื้อหา - มกี ารสรปุ ได้อยา่ ง - มกี ารสรปุ ไม่

ชัดเจน ชดั เจน สมเหตุสมผล 60-79% สมเหตุสมผลต่ำว่า

- มกี ารสรุปได้อย่าง - มีการสรปุ ได้อย่าง 59%

สมเหตุสมผล 100% สมเหตสุ มผล 80-99%

การนำเสนอ - พดู ชัดเจนเสียงดงั ฟงั ชัด - พูดชัดเจนเสียงดังฟังชดั - การพูดเหมาะสม - สามารถพูดนำเสนอได้

- ใช้ภาษาทางการถูกต้อง - ใชภ้ าษาทางการถูกต้อง - ใชภ้ าษาทางการถูกต้อง - ใชภ้ าษาทางการถูกต้อง

ตามอักขระ100% ตามอักขระ80-99% ตามอักขระ60-79% ตามอักขระตำ่ วา่ 59%

- บคุ ลิกภาพดแี ละมีความ - บคุ ลกิ ภาพดี - บุคลิกภาพเหมาะสม - บคุ ลิกภาพเหมาะสม

มน่ั ใจ - ความพรอ้ มในการ

- มีการใช้สอ่ื ประกอบการ นำเสนอไดบ้ างส่วน

นำเสนอ

- ความพร้อมในการ

นำเสนอ


ความ - ใช้สสี ันสวยงาม - ใชส้ ีสันสวยงาม - ใชส้ ีสนั สวยงามและมี - ใช้สีสนั สวยงามหรือ
สวยงาม - มีความสะอาด - มีความสะอาด ความสะอาด เป็นไปตามเกณฑ์อย่าง
- มีความคิดสรา้ งสรรค์ - มีความคิดสรา้ งสรรค์ ใดอยา่ งหนึ่ง
- ความเป็นระเบียบอา่ น
งา่ ย


แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 12

ชือ่ หน่วยการเรียนรู้ เสียงและการได้ยนิ หน่วยย่อยที่ 1
เร่ือง หกู ับการไดย้ ิน
วันท่ที ำการสอน เวลา 2 ชั่วโมง

ผสู้ อน นายศกั ด์ิระวี กนั ทะวงค์

1. สาระสำคัญ 2. ผลการเรยี นรู้
หเู ป็นอวัยวะทชี่ ่วยให้คนเราไดย้ นิ เสียงต่างๆ และเป็น 4. อธบิ ายความเข้มเสียง ระดับเสียง องค์ประกอบของ
อวยั วะท่ีทำงานเกี่ยวกับการทรงตวั ของร่างกายขณะร่างกาย การไดย้ นิ คุณภาพเสยี ง และมลพษิ ทางเสียง รวมท้ัง
เคลอื่ นไหว คำนวณปริมาณต่าง ๆ ทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง

3. สาระการเรียนรู้ 4. ชนิ้ งาน/ภาระงาน
หูกับการได้ยิน 1. ใบงาน Diagram เรื่อง หกู บั การได้ยิน
2. ใบงาน Pisa เรือ่ ง หูกับการได้ยิน
5. เครอ่ื งมือการคดิ Diagram
6. เครื่องมือการสอนคดิ
5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน - Diagram
- ความสามารถในการสื่อสาร
- ความสามารถในการคิด
- ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

กจิ กรรมการเรยี นรู้

7. ขน้ั ของกิจกรรม 8. สอ่ื 9. วธิ กี ารวัดผล

Do Now (3 นาท)ี - ใบงาน Diagram เรอ่ื ง หูกับ - ป ระเมินใบ งาน Diagram

บอกหน้าทีข่ องอวัยวะต่างๆมาคนละ 5 อย่าง การได้ยิน เรื่อง หกู บั การได้ยิน

Purpose (2 นาท)ี - ใบงาน Pisa เรื่อง หูกับการ - ประเมินจากใบงาน Pisa
เราจะเรียนเรื่อง หูกับการได้ยนิ เพือ่ นกั เรียนสามารถ อธบิ าย และ ไดย้ ิน เร่ือง หูกับการไดย้ นิ

คำนวณสิง่ ที่เก่ยี วกบั เสยี งและการได้ยินได้ - ใบความรู้ เร่ือง หูกับการได้

Work mode (110นาท)ี ยิน

1. นักเรียนดูคลิปวดี โี อ เรือ่ ง หกู บั การไดย้ ิน (20 นาที) - คลิปวีดีโอ เร่ือง หูกบั การได้

2. นกั เรียนฟงั ครอู ธบิ ายเพ่มิ เตมิ เรือ่ ง หูกบั การไดย้ นิ (15 นาที) ยนิ จาก

3. นกั เรียนศกึ ษาข้อมลู เกีย่ วกับ หกู บั การไดย้ นิ โดยศึกษาจากใบ https://www.youtube.c

ความรู้ เรอื่ ง หูกับการไดย้ ิน และสรปุ ความรู้ในรปู แบบแผนผัง ลงใน om/watch?v=DW5O3e_

ใบงาน Diagram เร่อื งหูกับการไดย้ นิ (คิด 9 : คิดเชิงมโนทัศน)์ VDDw

(30นาท)ี

4. นกั เรยี น(โดยสมุ่ ตัวแทน)นำเสนอผลงานหน้าช้นั เรยี น และอภิปราย

ผลงานรว่ มกัน (คิด 3 : คิดวพิ ากย)์ (สมรรถนะ3) (20นาที)

5. นักเรียนทำใบงาน Pisa เรือ่ ง หกู บั การได้ยิน(15 นาที)


6. นกั เรยี นและครรู ่วมกนั สรปุ ความรู้ เก่ยี วกับเรอื่ งหกู ับการได้ยนิ บน
กระดาน (10 นาที)

Reflective Thinking (5 นาท)ี
1. 3 สง่ิ ทน่ี กั เรยี นสงสยั (2 นาที)

2. แบบทดสอบ จำนวน 1 ข้อ (3 นาที)

แบบทดสอบ (จาก www.pec9.com)

1. การใชม้ ือป้องหูขณะฟงั เสยี งเพ่ืออะไร
ก.ปรบั เสยี งสูงตำ่
ข.ปรับเสยี งทมุ้ แหลม
ค.เพ่อื ใหไ้ ดย้ ินเสียงชดั เจน
ง.เพ่ือใชม้ ือเป็นตวั กลางของเสียง


ใบความรู้

หูกับการได้ยิน

หูเปน็ อวยั วะทช่ี ว่ ยใหค้ นเราได้ยินเสียงต่างๆ และเปน็ อวยั วะท่ีทำงานเกย่ี วกบั การทรงตัวของ
รา่ งกายขณะร่างกายเคลื่อนไหว

ส่วนประกอบของหู
หขู องคนเราแต่ละข้างแบ่งออกเป็น 3 ชน้ั คือ หชู น้ั นอก หูช้ันกลาง และหชู น้ั ใน
1.หชู ้ันนอก ประกอบไปด้วย
1.1 ใบหู เป็นกระดูกอ่อนท่หี มุ้ ดว้ ยผวิ หนังบางๆ ทำหน้าทด่ี ักและรบั เสียงเขา้ สูร่ หู ู
1.2 รหู ู เปน็ ท่อคดเคยี้ วเล็กน้อย ลกึ ประมาณ 2.5 ซม. ผนงั ของรหู ูบดุ ้วยเยือ่ บาง และใต้เย่ืออ่อนน้ี
เตม็ ไปดว้ ยต่อมนำ้ มัน ทำหน้าที่ขับไขมันเหนยี วและเหลว มาหลอ่ เล้ยี งรหู ู ไขมนั เหล่าน้ีเม่ือรวมกบั ส่ิง
สกปรกต่างๆกจ็ ะกลายเป็น ข้ีหู ซง่ึ จะชว่ ยปอ้ งกนั สงิ่ แปลกปลอมทเ่ี ขา้ มาทางรูหไู มใ่ ห้เข้าถงึ เยื่อแกว้ หู
ไดง้ า่ ย
1.3 เยื่อแก้วหู เปน็ เยื่อบางๆ อยู่ลึกเขา้ ไปในส่วนของรหู ู กนั้ อย่รู ะหว่างหชู ัน้ นอกและหูชน้ั กลาง
ทำหนา้ ท่รี บั แรงส่ันสะเทือนของคลนื่ เสียงทีเ่ ดนิ ทางเข้ามาทางรูหู

2.หชู ้นั กลาง อยู่ถัดจากเย่ือแกว้ หู มลี กั ษณะเปน็ โพรงอากาศบรรจกุ ระดูกเล็กๆ 3 ชิน้ ตดิ ตอ่ กนั คอื
กระดูกค้อน อยู่ตดิ กับเยื่อแก้วหู กระดกู ท่ัง อยู่ตรงกลาง และกระดกู โกลน อยู่ติดกบั หชู ้ันใน ส่วนลา่ ง
ของโพรงอากาศตอนปลายของหูช้ันกลางจะมีทอ่ ยสู เตเชยี่ น (Eustachian tube) ซ่ึงมีลกั ษณะเป็นชอ่ ง
อากาศแคบๆ และยาวต่อไปถึงคอ ทำหน้าท่ีปรบั ความกดอากาศ ขา้ งในและข้างนอกหูให้มคี วามสมดลุ
กนั ทำให้เราไมป่ วดหูเวลาอากาศเข้าไปกระทบ แก้วหูขณะท่ีมีการหายใจ หรอื กลนื อาหาร


3.หชู ้นั ใน อย่ถู ดั จากกระดูกโกลนเขา้ มา หชู ัน้ นป้ี ระกอบดว้ ยอวัยวะท่สี ำคญั 2 สว่ น คือ
3.1 สว่ นท่ที ำหนา้ ทรี่ ับเสียง มลี ักษณะเป็นทอ่ เลก็ ๆ ท่ขี ดเป็นวงซ้อนกันอยูห่ ลายชั้นคล้ายหอยโขง่
ภายในมที อ่ ของเหลวบรรจุอยู่ ตามผนังดา้ นในของทอ่ มีอวยั วะรับเสียงอยทู่ ่ัวไป
3.2 สว่ นทที่ ำหน้าท่ีควบคุมการทรงตัว มีลักษณะเปน็ รูปทอ่ โคง้ คร่ึงวงกลมเล็กๆ 3 วง วางเรยี ง
ตดิ ตอ่ กันต้ังฉากกับผนงั ภายใน ปลายของครึ่งวงกลมทั้ง 3 นัน้ อย่ตู ดิ กนั ท่อครง่ึ วงกลมท้ัง 3 นบี้ ุด้วย
เน้อื เยื่อบางๆ ที่มีประสาทรบั ความรสู้ ึกเกี่ยวกับการทรงตัวกระจายอยู่ ส่วนท่ีเปน็ สว่ นท่ีเปน็ ช่องว่าง
ภายในทอ่ ครึ่งวงกลมนี้ บรรจุด้วยของเหลว เมอ่ื เราเคล่ือนไหว ศ๊รษะ หูย่อมเอนเอียงไปด้วย ของเหลว
ท่บี รรจุภายในทอ่ ทง้ั 3 นี้ ก็จะเคล่อื นทต่ี ามทิศทางการเอยี งของศีรษะ ซง่ึ จะไปกระตุน้ ประสาทรบั
ความรสู้ ึกเกี่ยวกับการทรงตวั แลว้ สง่ ความร้สู ึกไปยังสมองจึงทำให้เรา ทราบวา่ ร่างกายของเราทรงตวั
อย่ใู นลักษณะใด ของเหลวที่บรรจุในทอ่ คร่ึงวงกลมน้ีจะปรบั ไปตามความกดดันของอากาศ ถา้ ความ
กดดนั อากาศเปลี่ยนแปลงกะทนั หนั ของเหลวปรบั ตวั ไม่ทนั กจ็ ะทำให้เรามีอาการวงิ เวียน ศีรษะเมอ่ื ขึน้
ไปอยู่ทสี่ งู ๆอย่างรวดเรว็ เปน็ ตน้

การได้ยินเสียง
เสยี งทเี่ กดิ ขน้ึ ทกุ ชนิดมลี ักษณะเปน็ คลืน่ เสียง ใบหรู บั คล่นื เสยี งเขา้ ส่รู ูหูไปกระทบเย่ือแกว้ หู เย่ือ

แกว้ หูถ่ายทอดความส่ันสะเทือนของคล่ืนเสียงไปยังกระดูกค้อน กระดูกท่งั และกระดกู โกลน ซงึ่ อยู่ใน
หชู ้นั กลางและเลย ไปยงั ทอ่ รูปครึ่งวงกลม แลว้ ต่อไปยงั ของเหลวในทอ่ รปู หอยโข่ง และประสาทรบั
เสียงในหชู ้ันในตามลำดบั ประสาทรับเสยี งถูกกระตุ้นแล้วส่งความรูส้ ึกไปสสู่ มองเพื่อแปลความหมาย
ของเสียงทไ่ี ดย้ นิ

โรคและความผดิ ปกติของหู
หเู ปน็ อวยั วะท่บี อบบางและมีลกั ษณะเปน็ ชอ่ งเปดิ จากภายนอกเขา้ ไป จงึ อาจทำให้เป็นโรคหรือ

เกดิ อาการผิดปกติขึ้นในสว่ นต่างๆของหูได้งา่ ย โรคของหทู ่ีพบได้บอ่ ยคอื หูนำ้ หนวก แกว้ หทู ะลุ และ
เช้ือราในชอ่ งหู


1.หนู ้ำหนวก พบไดบ้ ่อยมากโดยเฉพาะในเด็กเล็ก ซึ่งมักจะเป็นหวดั บ่อยๆ
สาเหตุ โรคนไี้ มไ่ ด้มสี าเหตุจากนำ้ เขา้ หูตามที่เข้าใจกนั แตเ่ กดิ จากเป็นหวดั เรอื้ รงั แล้วมีเชื้อโรคเล็ด
ลอดจากบริเวณลำคอผ่านท่อยูสเตเชยี่ นเข้าสู่หชู น้ั กลาง โดยเฉพาะการสง่ั นำ้ มูกแรงๆ ก็ทำใหเ้ ชื้อเข้าสู
หูช้นั กลางได้
อาการ หอู ้อื ฟังไมค่ ่อยได้ยินและปวดหมู าก เน่ืองจากเกิดการอกั เสบในหูช้ันกลางแล้วมีหนองขัง
อยู่ภายใน ถา้ หนองดันทะลุผ่านเย่อื แกว้ หูออกมา อาการปวดจงึ จะทุเลาลง ถ้าไม่ไดร้ ับการรกั ษากจ็ ะ
เปน็ หนองไหลออกมาจาก รูหูอยู่เรอ่ื ยๆ กลายเปน็ โรคหูนำ้ หนวกชนดิ เร้ือรงั ซ่ึงอาจลกุ ลามเขา้ สมอง
เกดิ ฝีในสมองจนเสยี ชวี ิตได้
การปอ้ งกันและการรักษา
1. ควรป้องกนั ไมใ่ ห้เปน็ โรคหวัด และเมื่อเป็นหวดั ก็ไม่ควรส่งั น้ำมูกแรงๆ
2. หากมีอาการของโรคหูนำ้ หนวกควรปรกึ ษาแพทย์
3. ในกรณีทีแ่ พทยร์ ักษาจนหนองแห้งแล้ว ควรพยายามไม่ใหน้ ำ้ เขา้ หู เพราะแกว้ หูยงั ทะลุอยู่ ถา้
น้ำไม่สะอาดเขา้ หชู ั้นกลาง อาจทำใหเ้ กิดการอีกเสบขนึ้ ไปอีก
4. ควรรบั การผ่าตัดปะแก้วหูท่ีทะลุให้เปน็ ปกติ

2. แก้วหทู ะลุ
สาเหตุ เกิดจากการที่แรงอัดสงู ๆ ในรูหู เชน่ ถกู ตบทข่ี า้ งหหู รอื อาจเกดิ จากการใช้ของแขง็ เช่น กบ๊ิ
ตดิ ผมแคะหู ซง่ึ อาจทำให้เย่ือแกว้ หฉู ีกขาด
อาการ รสู้ กึ ปวดหูในระยะแรก และทำให้หูข้างน้นั ได้ยินเสียงไม่ชัดเจน หรือหูออ้ื
การป้องกนั และการรักษา
1.ไม่ควรใช้ไมห้ รือของแข็งอื่นๆ แคะหู
2.หากมีอาการปวดหู หอู ้ือ ควรปรกึ ษาแพทย์
3. เชือ้ ราในช่องหู
สาเหตุ เกดิ จากรหู สู กปรกและเปียกชน้ื
อาการ คันมากในรูหู ทำให้อยากแคะหู ถา้ ใชว้ ตั ถแุ ขง็ ๆ เข้าไปปน่ั หรือเกา จะทำใหเ้ กิดการอักเสบ
ลุกลามมากข้นึ
การปอ้ งกันและการรักษา
1. ต้องระวังไมใ่ หน้ ำ้ เข้าหู
2. ไม่ควรใช้กบ๊ิ ไม้ หรอื วัตถุอ่ืนใดแคะหรอื เกาหู เพราะของดังกลา่ วอาจสกปรกทำให้มกี ารติดเชือ้
ได้

การดแู ลรกั ษาหู
หเู ปน็ อวัยวะท่ีสำคญั อย่างหนึ่งของรา่ งกาย เพื่อปอ้ งกนั มิให้หูไดร้ ับอนั ตรายจากเช้อื โรค ส่งิ

แปลกปลอม หรือส่งิ สกปรกต่างๆ ควรปฏิบัตดิ ังนี้


1. ไมค่ วรแคะขี้หูดว้ ยวตั ถุแขง็ เชน่ ไม้ หรือโลหะเพราะอาจเป็นอันตรายตอ่ หูได้ โดยแทจ้ รงิ แลว้ ข้ี
หเู ป็นสงิ่ ท่ขี ับออกมาตามธรรมชาติ ซงึ่ มีกลน่ิ พเิ ศษท่ีป้องกันไมใ่ ห้แมลงเข้าหูได้ จงึ ไมจ่ ำเป็นต้องแคะ
ออก การทำความสะอาดหู ควรใชผ้ ้าชบุ นำ้ พอหมาดๆ เช็ดบริเวณใบหแู ละรหู ูเท่าท่นี ้วิ มือจะสอดเข้าไป
ได้ แต่หากมขี ้หี ูมากและแข็งจนทำใหก้ ารไดย้ นิ ไมช่ ัดเจน ก็อาจใช้น้ำยากลีเซอรนี หยอดเขา้ ไปในรูหวู นั
ละ 2 ครัง้ กจ็ ะทำให้ขหี้ นู ่มุ และละลายไหลมาเอง

2. เวลาเปน็ หวัดไม่ควรส่ังน้ำมูกแรงๆ เพราะจะทำใหเ้ กิดแรงอดั ดนั ใหเ้ ช้อื โรคเข้าสหู่ ชู น้ั กลางได้
3. หลกี เลี่ยงการฟังเสยี งที่ดงั เกินไป เช่นเสยี งปืน เสยี งพลุ หรือเสยี งท่ีดงั ตลอดเวลา เช่น
เสยี งเพลงจากหูฟงั เสยี งเคร่ืองจักรทำงานในโรงงานต่างๆ เป็นตน้ ถ้าจำเปน็ จะต้องใชส้ ำลหี รือเศษผา้
อุดหูไว้ เพื่อป้องกนั ไม่ใหเ้ ป็นโรคหตู งึ
4.เมือ่ มแี มลงเขา้ หู อยา่ พยายามแคะออก ควรใช้น้ำมันพชื หยอดลงในรหู ู แลว้ ทิ้งไว้สักครเู่ พื่อให้
แมลงตาย แล้วจึงเอียงหูใหน้ ้ำมนั ไหลออกมาพร้อมกับแมลงและใชส้ ำลีเช็ดให้แหง้
5. ถ้ามีส่งิ แปลกปลอมเข้าหู เชน่ เดก็ เล็กๆ ท่ชี อบใส่เศษวัสดุลงในรหู ู ไมค่ วรเอาออกเอง เพราะอาจ
เป็นอนั ตรายต่อเย่อื แก้วหู ควรไปพบแพทย์
6. ถ้ามอี าการผิดปกติของหู เชน่ ปวดหู หูออ้ื ได้ยนิ ไม่ชดั เจน ควรปรึกษาแพทย์


แบบประเมินผลงานใบงาน Diagram

คำชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมนิ ผลงานใบงานนกั เรียน ใหท้ ำเครื่องหมาย✓ลงในช่องรายการประเมนิ
กำหนด

ความ สรปุ ผล

ลำดับท่ี ชอ่ื -สกลุ ความ ครอบคลุม สอดคลอ้ ง ตรงต่อเวลา ความ การ
ของผรู้ บั การประเมิน ถกู ตอ้ งของ เนือ้ หา และ 4 สะอาด รวม ประเมนิ
เรียบร้อย 20 ผ่าน/ไม่
เนอ้ื หา 4 เชือ่ มโยง คะแนน ผ่าน
4 ของเน้อื หา 4

4

432143214 32 14321 4321

ผปู้ ระเมนิ ลงชื่อ ....................................................
................/................/................

เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

18 - 20 ดมี าก

14 - 17 ดี

10 - 13 พอใช้

ต่ากว่า 10 ปรบั ปรุง

นกั เรยี นได้ระดับคณุ ภาพที่ พอใช้ ขึน้ ไปถือว่า ผ่าน


ตารางแนบท้ายแบบประเมนิ ใบงาน Diagram

เกณฑก์ าร ระดับการประเมิน

ประเมิน 4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรงุ )

รปู แบบ - มีหัวข้อทชี่ ัดเจน - มหี ัวขอ้ ท่ชี ัดเจน - มีหัวข้อท่ีชดั เจน - มีหัวข้อท่ีชัดเจน

- เขียนอย่ใู นกรอบ - เขยี นอยู่ในกรอบ - เขยี นอยใู่ นกรอบ - เขยี นอยู่ในกรอบ

- ใช้คำสำคัญตรงประเดน็ - ใช้คำสำคญั ตรงประเดน็ - ใชค้ ำสำคัญตรงประเด็น

- ใช้สัญลกั ษณ์หรือภาพ - ใช้สัญลกั ษณ์หรอื ภาพ

สื่อความหมาย สอื่ ความหมาย

- ใช้สสี ันทัว่ แผน่

เนอ้ื หา - เนอ้ื หาครบถว้ นตาม - เน้ือหาถูกต้องตามสาระ - เนอ้ื หาถกู ต้องตามสาระ - เน้อื หาถูกต้องตามสาระ

สาระทกี่ ำหนด 100% ที่กำหนด 80-99% ทีก่ ำหนด 60-79% ท่ีกำหนดตำ่ กวา่ 59%

- เขียนถูกต้องตามหลกั - เขยี นถูกต้องตามหลัก - เขียนถูกต้องตามหลกั - เขียนถูกต้องตามหลัก

ภาษา 100% ภาษา 80-99% ภาษา 60-79% ภาษาตำ่ กว่า 59%

- ลำดับหวั ข้อเนื้อหา - ลำดบั หวั ข้อเน้ือหา - มีการสรปุ ได้อย่าง - มกี ารสรปุ ไม่

ชดั เจน ชดั เจน สมเหตสุ มผล 60-79% สมเหตสุ มผลตำ่ กวา่

- มีการสรปุ ได้อย่าง - มกี ารสรุปได้อย่าง 59%

สมเหตสุ มผล 100% สมเหตุสมผล 80-99%

การนำเสนอ - พูดชัดเจนเสยี งดังฟังชดั - พดู ชัดเจนเสียงดังฟงั ชัด - การพูดเหมาะสม - สามารถพูดนำเสนอได้

- ใชภ้ าษาทางการถูกต้อง - ใชภ้ าษาทางการถูกต้อง - ใช้ภาษาทางการถูกต้อง - ใชภ้ าษาทางการถูกต้อง

ตามอักขระ100% ตามอักขระ80-99% ตามอักขระ60-79% ตามอักขระต่ำกวา่

- บคุ ลิกภาพดแี ละมีความ - บคุ ลกิ ภาพดี - บคุ ลกิ ภาพเหมาะสม 59%

มน่ั ใจ - ความพร้อมในการ - บุคลกิ ภาพเหมาะสม

- มีการใช้ส่ือประกอบการ นำเสนอได้บางสว่ น

นำเสนอ

- ความพร้อมในการ

นำเสนอ

ความ - ใชส้ สี ันสวยงาม - ใชส้ สี นั สวยงาม - ใช้สีสันสวยงามและมี - ใช้สสี ันสวยงามหรือ

สวยงาม - มคี วามสะอาด - มีความสะอาด ความสะอาด เปน็ ไปตามเกณฑ์อย่าง

- มคี วามคิดสรา้ งสรรค์ - มคี วามคิดสร้างสรรค์ ใดอย่างหน่ึง

- ความเปน็ ระเบียบอา่ น

ง่าย


การตรงต่อ สง่ ผลงานครบถ้วน ตรง สง่ ผลงานครบถว้ น แตช่ า้ สง่ ผลงานครบถ้วน แตช่ า้ สง่ ผลงานครบถ้วน แต่ชา้
เวลา ตามเวลาทก่ี ำหนด กว่าเวลาทกี่ ำหนด 5 กวา่ เวลาทก่ี ำหนด 10 กว่าเวลาทกี่ ำหนด 15
นาที นาที นาที


ใบกิจกรรม Diagram เร่ือง หแู ละการไดย้ นิ

คำช้แี จง ใหน้ ักเรยี นเขยี น Diagram เกี่ยวกบั การรับรู้และการตอบสนอง


ใบงาน เร่อื ง หูกบั การไดย้ นิ (ตามแนวPISA)
อา่ นถอ้ ยความตอ่ ไปน้แี ลว้ ตอบคำถาม


คำถามที่ 1 (ข้อละ2 คะแนน) ใช่ ไมใ่ ช่
พิจาราณาขอ้ ความข้างต้นต่อปนี้

ขอ้ ความใดเปน็ จริง ใหเ้ ขียนเครอ่ื งหมาย X ในช่อง “ใช่”
ขอ้ ความใดไม่เป็นจริง ให้เขียนเครอ่ื งหมาย X ในช่อง “ไม่ใช่”
ขอ้ ที่ ข้อความ

1 พลังงานเสยี งถูกถา่ ยทอด ผ่านสะพานเสียง ไปยังแผน่ หน้าไม้
และแผนหลงั ของก่ีตา้ ร์

2 รปู ร่างของช่องอากาศเกดิ การส่ันพอ้ งแบบ เฮล์มโฮตซ์ เสียง
จึงเบา

3 สายและไม้ถ่ายทอดพลังงานสู่โมเลกลุ อากาศในชอ่ งอากาศ
4 รูปแบบของโมเลกลุ ทเี่ คลือ่ นที่ออกไปคือ คลืน่
(สมรรถนะ : การระบปุ ัญหาเชงิ วิทยาศาสตร์)
คำถามท่ี 2 (2 คะแนน)

ทำไมเวลาดีดสายกตี า้ รถ์ ึงดังกังวาน
…………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………...……………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………..
(สมรรถนะ : ระบปุ ระเด็นทางวทิ ยาศาสตร)์

คำถามท1่ี (2 คะแนน) เกณฑก์ ารให้คะแนน / แนวคำตอบ ใช่ ไมใ่ ช่
ขอ้ ที่ ขอ้ ความ X X

1 พลงั งานเสยี งถูกถ่ายทอด ผ่านสะพานเสียง ไปยังแผ่นหนา้ ไม้ X
และแผนหลังของกี่ตา้ ร์ X

2 รูปรา่ งของช่องอากาศเกิดการสน่ั พอ้ งแบบ เฮล์มโฮตซ์ เสียง
จงึ เบา

3 สายและไม้ถ่ายทอดพลังงานสู่โมเลกลุ อากาศในช่องอากาศ

4 รูปแบบของโมเลกุลทีเ่ คล่อื นที่ออกไปคอื คลน่ื


คะแนนเตม็ 2 คะแนน คะแนนเต็ม 1 คะแนน ไม่มีคะแนน
ตอบถูกท้ัง 4 ข้อ : ใช่ ใช่ ตอบถกู 3 ข้อ ตอบถูก 2-0 ข้อ
ไมใ่ ช่ ใช่

คำถามที่ 2 (2 คะแนน)

2 คะแนน 0 คะแนน
เพราะ เกดิ จากการสนั่ พ้องของ ตอบผดิ /ไม่ไดต้ อบคำตอบใดๆ
พลงั งานเสียง

เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

4 ดมี าก

3 ดี

2 พอใช้

0-1 ปรบั ปรงุ

นกั เรยี นได้ระดับคุณภาพ พอใช้ ขึน้ ไปถือวา่ ผา่ น


แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 13

ช่อื หน่วยการเรียนรู้ เสียงและการได้ยิน หน่วยยอ่ ยท่ี 1
เร่อื ง เสียงดนตรี
วันท่ีทำการสอน เวลา 2 ช่ัวโมง

ผ้สู อน นายศักดิ์ระวี กนั ทะวงค์

1. สาระสำคญั 2. ผลการเรยี นรู้
เสียงดนตรีคือเสียงที่ไพเราะน่าฟังเกิดจากการรวมกันของ 4. อธิบายความเข้มเสียง ระดบั เสยี ง องค์ประกอบของ
คล่ืนเสียงอย่างมีระเบียบแบบแผนทำให้ได้คล่ืนเสียงที่เป็น การได้ยิน คุณภาพเสยี ง และมลพิษทางเสียง รวมท้งั
ระเบียบไพเราะน่าฟัง ต่างจากเสียงรบกวนซ่ึงรวมกันแบบมั่วๆ คำนวณปรมิ าณตา่ ง ๆ ทีเ่ กยี่ วข้อง
ทำให้ไดค้ ล่นื ทไี่ มไ่ พเราะฟงั แลว้ เกิดรำคาญใจ
4. ชิน้ งาน/ภาระงาน
3. สาระการเรียนรู้ 1. ใบงาน CAF เรือ่ ง เสยี งดนตรี
เสยี งดนตรี 2. ใบงาน Pisa เร่ือง เสียงดนตรี

5. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น 6. เครื่องมือการสอนคิด

- ความสามารถในการส่ือสาร - CAF

- ความสามารถในการคดิ

- ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

กจิ กรรมการเรียนรู้

7. ขั้นของกิจกรรม 8. สอ่ื 9. วธิ กี ารวดั ผล
ประเมินจาก ใบงาน
Do Now (3 นาท)ี - ใ บ ง า น CAF เ รื่ อ ง - CAF เรอื่ ง เสยี งดนตรี
เสียงดนตรี ป ร ะ เ มิ น จ า ก ใ บ ง า น
บอกนกั ดนตรีทน่ี กั เรยี นรู้จักมาคนละ 1 ท่าน (ห้ามซำ้ ) ใ บ ง า น Pisa เ ร่ื อ ง - Pisa เรื่อง เสียงดนตรี
เสียงดนตรี
Purpose (2 นาท)ี - ใบความรู้เสียงดนตรี
ค ลิ ป วี ดี โ อ เ รื่ อ ง
เราจะเรียนเร่ือง เสียงดนตรี เพ่ือนักเรียนสามารถอธิบาย และคำนวณ เสยี งดนตรจี าก

สงิ่ ทเ่ี กย่ี วกับ เสียงดนตรีได้ -
Work mode (110 นาท)ี -
1. นกั เรียนดคู ลิปวดี โี อ เรอื่ ง เสยี งดนตรี(20 นาที)

2. นักเรยี นและครรู ว่ มกนั อภิปรายความรู้ทีไ่ ดจ้ ากคลิปวดี โี อ

( 10 นาที) - https://www.youtube

3. นักเรยี นฟังครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ เร่ือง เสยี งดนตรี (15 นาที) .com/watch?v=YN3wi
4. นักเรยี นศกึ ษาใบความรู้ เร่อื ง เสยี งดนตรี (พอเพียง3 การมีภูมคิ ้มุ กนั k_YqTA

ท่ีดีในตัว)(15 นาที)

5. นักเรียนวเิ คราะหผ์ ลจะเป็นอย่างไรถ้าเรานำเสยี งดนตรมี าใช้

ประโยชนใ์ นชีวิตประจำวันแล้วทำลงใบงาน CAF ในเร่ือง เสยี งดนตรี

(คิด1 : คดิ วเิ คราะห์) (สมรรถนะ2) (20 นาที)

6. นักเรยี น(โดยสมุ่ ตัวแทน)นำเสนอผลงานหนา้ ชนั้ เรียน(สมรรถนะ3)


(5 นาที)
7. นักเรยี นทำใบงาน Pisa เร่ือง เสยี งดนตรี (20 นาที)

8. นกั เรยี นและครรู ่วมกนั สรุปความรู้ เก่ยี วกบั เรอ่ื งเสยี งดนตรีบน
กระดาน (5นาที)

Reflective Thinking (5 นาท)ี
1. 3 สง่ิ ทนี่ ักเรียนสงสยั (2 นาที)

2. แบบทดสอบ จำนวน 1 ข้อ (3 นาท)ี

แบบทดสอบ (จากฟสิ กิ สร์ าชมงคล)

การเทียบเสยี งดนตรีกับเสียงมาตรฐาน ใช้ประโยชนข์ องเร่ืองใด
1. กำทอน
2. บิตส์
3. คลน่ื น่งิ
4. เสยี งก้อง


Click to View FlipBook Version