The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เอกสารประกอบชุดการสอนวิชาการตลาดเบื้องต้น

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by นันทนา บํารุงชาติ, 2024-06-05 04:04:46

เอกสารประกอบชุดการสอนวิชาการตลาดเบื้องต้น

เอกสารประกอบชุดการสอนวิชาการตลาดเบื้องต้น

322 3. กระบวนการติดต่อสื่อสาร 3.1 ผู้ส่งสาร 3.2 การใส่รหัส 3.3 ข่าวสาร 3.4 สื่อ 3.5 การถอดรหัส 3.6 ผู้รับสาร 3.7 การตอบสนอง 3.8 ผลสะท้อนกลับ 3.9 สิ่งรบกวน 4. ส่วนประสมของการส่งเสริมการตลาด 4.1 การโฆษณา 4.2 การประชาสัมพันธ์ 4.3 การส่งเสริมการขาย 4.4 การขายโดยใช้พนักงานขายหรือการขายโดยบุคคล 4.5 การตลาดทางตรง 5. ปัจจัยที่มีอิทธิพลในการเลือกส่วนประสมการส่งเสริมการตลาด 5.1 งบประมาณ 5.2 ขั้นตอนของวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ 5.3 ลักษณะของการตลาดเป้าหมายในการส่งเสริมการตลาด 5.4 ลักษณะของผลิตภัณฑ์ 6. กลยุทธ์การส่งเสริมการตลาด 6.1 กลยุทธ์ดึง 6.2 กลยุทธ์ผลัก 6.3 กลยุทธ์ผสม


323 คำชี้แจง : 1. จงเลือกคำตอบที่ถูกที่สุดเพียงคำตอบเดียวแล้วทำเครื่องหมาย X ลงในกระดาษคำตอบ 2. แบบทดสอบมีจำนวน 10 ข้อ คะแนนเต็ม 10 คะแนน ใช้เวลาในการทำแบบทดสอบ 10 นาที *************************************************************************** 1. ข้อใดไม่ใช่ความหมายของการส่งเสริมการตลาด ก. การชักจูงใจ ข. การส่งข้อมูลข่าวสาร ค. การตอกย้ำตราสินค้า ง. การเปลี่ยนแปลงความเชื่อ 2. ข้อใดเป็นความสำคัญของการส่งเสริมการตลาด ก. ทำให้มีคู่แข่งขันเพิ่มขึ้น ข. ทำให้ต้นทุนในการผลิตสินค้าของกิจการเพิ่มขึ้น ค. ทำให้คนกลางในช่องทางการจัดจำหน่ายเพิ่มขึ้น ง. กระตุ้นผู้บริโภคให้ซื้อสินค้าและเพิ่มยอดขายให้กับกิจการ 3. ข้อใดเป็นวัตถุประสงค์ของการส่งเสริมการตลาด ก. เพิ่มปริมาณการขายให้สูงขึ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ ข. เพื่อให้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดำเนินงานของกิจการ ค. เพื่อแจ้งข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการและโน้มน้าวให้ตัดสินใจซื้อ ง. เพื่อส่งเสริมและพัฒนากระบวนการติดต่อสื่อสารของกิจการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 4. ข้อใดเป็นอุปสรรคที่เกิดขึ้นในระหว่างการติดต่อสื่อสารที่ทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนระหว่าง ผู้ส่งข่าวสารกับผู้รับข่าวสาร ก. สื่อ ข. ข่าวสาร ค. สิ่งรบกวน ง. ผู้รับข่าวสาร แบบทดสอบก่อนเรียน ชุดการสอนหน่วยที่ 7 เรื่อง การส่งเสริมการตลาด


324 5. ข้อใดเป็นส่วนประสมของการส่งเสริมการตลาด ก. Advertising ข. Production ค. Management ง. Communication 6. ข้อใดคือสิ่งที่พนักงานขายต้องเตรียมตัวก่อนเข้าพบผู้ ก. สินค้า บุคลิกภาพ ข. อุปกรณ์ ความรู้เกี่ยวกับลูกค้า ค. ความรู้เกี่ยวกับกิจการและคู่แข่งขัน ง. บุคลิกภาพ สินค้า อุปกรณ์ ความรู้เกี่ยวกับลูกค้า กิจการและคู่แข่งขัน 7. ข้อใดเป็นกิจกรรมประชาสัมพันธ์ ก. การชิงโชค ข. การจัดแถลงข่าว ค. การลดราคาสินค้า ง. การฝึกอบรมพนักงานขาย 8. ขั้นตอนใดของวัฏจักรวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้ส่วนประสมของการส่งเสริมการตลาดมากที่สุด ก. ขั้นแนะนำ ข. ขั้นถดถอย ค. ขั้นเจริญเติบโต ง. ขั้นเติบโตเต็มที่หรือขั้นอิ่มตัว 9. ข้อใดเป็นกิจกรรมการส่งเสริมการขายที่ใช้กลยุทธ์ดึง (Pull Strategy) ก. การสาธิตการใช้เตาไมโครเวฟ ข. การฝึกอบรมให้กับพนักงานขาย ค. ซื้อยาสีฟัน 2 กล่อง แถมฟรีแก้วน้ำ 1 ใบ ง. การให้เงินรางวัลสำหรับพนักงานขายที่มียอดขายสูงสุด 10. ข้อใดเป็นกิจกรรมการส่งเสริมการขายที่นิยมใช้กลยุทธ์ผลัก (Push Strategy) ก. ซื้อบ้านราคา 3 ล้านบาท ฟรีรถจักรยาน 1 คัน ข. การลดราคาสินค้าของห้างสรรพสินค้า 50% ในเทศกาลปีใหม่ ค. การเลื่อนตำแหน่งให้พนักงานขาย เนื่องจากทำยอดขายได้ตามเป้าหมาย ง. ซื้อสินค้าแผนกอาหารสดครบ 500 บาท แลกซื้อสินค้าราคาพิเศษได้ 3 ชิ้น


325 ผังมโนทัศน์ (Concept Mapping) ชุดการสอนหน่วยที่ 7 เรื่อง การส่งเสริมการตลาด การส่งเสริมการตลาด 1. ความหมาย และความส าคัญ ของการส่งเสริม การตลาด 2. วัตถุประสงค์ ของการส่งเสริม การตลาด 3. กระบวนการ ติดต่อสื่อสาร 4. ส่วนประสม ของการส่งเสริม การตลาด 5. ปัจจัยที่มี อิทธิพลต่อการ เลือกส่วน ประสมการ ส่งเสริมการตลาด 6. กลยุทธ์การ ส่งเสริมการตลาด


326 ชื่อวิชา การตลาดเบื้องต้น รหัสวิชา 20200-2001 สอนครั้งที่ 13-14 ชุดการสอนหน่วยที่ 7 เรื่องการส่งเสริมการตลาด จำนวน 8 ชั่วโมง *************************************************************************** สาระสำคัญ การส่งเสริมการตลาด เป็นกิจกรรมทางการตลาดที่เกี่ยวกับการให้ข้อมูลของผลิตภัณฑ์ การโน้มน้าวชักชวน การสร้างความสนใจ สร้างความต้องการให้เกิดแก่สินค้าหรือบริการของกิจการ เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการนั้น ๆ การส่งเสริมการตลาดมีความสำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้ สินค้าหรือบริการขายได้ โดยเฉพาะสถานการณ์การตลาดปัจจุบันที่ผู้บริโภคมีจำนวนมาก การแข่งขันที่ รุนแรงทำให้ผลิตภัณฑ์ของแต่ละธุรกิจแทบไม่มีความแตกต่าง การส่งเสริมการตลาดเป็นกิจกรรมที่ สร้างความสนใจ สามารถโน้มน้าวจูงใจ กระตุ้นผู้บริโภค หรือผู้ใช้ และกลุ่มตลาดเป้าหมายให้เกิดความ ต้องการผลิตภัณฑ์ของธุรกิจมากกว่าผลิตภัณฑ์ของคู่แข่งขัน โดยการส่งเสริมการตลาดแต่ละรูปแบบมี ความเหมาะสมกับผลิตภัณฑ์ และจุดประสงค์ในการใช้ที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และ ศักยภาพของแต่ละธุรกิจ 1. ความหมายและความสำคัญของการส่งเสริมการตลาด 1.1 ความหมายของการส่งเสริมการตลาด มีนักวิชาการให้ความหมายของส่งเสริมการตลาด ไว้ ดังนี้ ภาวิณี กาญจนาภา (2554 : 10) ได้ให้ความหมายของการส่งเสริมการตลาด หมายถึง การสื่อสารคุณค่าของผลิตภัณฑ์ บริการ หรือความคิดให้กับลูกค้า เพื่อส่งข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ ผลิตภัณฑ์หรือบริการ การเชิญชวนหรือเตือนใจผู้ที่เป็นลูกค้าหรือผู้ที่คาดว่าจะเป็นลูกค้าและก่อให้เกิด อิทธิพลต่อความคิดนำไปสู่การตัดสินใจซื้อผลิตหรือบริการ วิทวัส รุ่งเรืองผล (2558 : 217) ได้ให้ความหมายของการส่งเสริมการตลาด หมายถึง กระบวนงานทางด้านการสื่อสารการตลาดระหว่างผู้ซื้อ ผู้ขาย และผู้ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการซื้อ เพื่อให้ข้อมูล ชักจูงใจ หรือตอกย้ำเกี่ยวกับตัวผลิตภัณฑ์และตรายี่ห้อเพื่อให้เกิดอิทธิพลต่อ การเปลี่ยนแปลงความเชื่อ ทัศนคติ ความรู้สึก และพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย ใบเนื้อหา


327 เพ็ญศรี เขมะสุวรรณ และภควดี เลิศกาญจนวัติ (2558 : 202) ได้ให้ความหมายของ การส่งเสริมการตลาด หมายถึง กระบวนการสื่อสารข้อมูลข่าวสารของสินค้าหรือบริการ หรือความคิด หรือชักชวนโน้มน้าวจิตใจให้ลูกค้าเกิดความต้องการสินค้าหรือบริการนั้น หรือเพื่อเตือนความทรงจำ ให้แก่ลูกค้า โดยเครื่องมือที่ใช้ในการส่งเสริมการตลาด ประกอบด้วย การโฆษณา การประชาสัมพันธ์ การส่งเสริมการขาย การขายโดยใช้พนักงานขาย และการตลาดทางตรง จากความหมายของการส่งเสริมการตลาดที่กล่าวมาข้างต้น สรุปได้ว่า การส่งเสริม การตลาด (Promotion) หมายถึง กระบวนการด้านการสื่อสารข้อมูลของผู้ขายหรือผู้ผลิตส่งไปยัง ลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย เพื่อกระตุ้น จูงใจ โน้มน้าวจิตใจของลูกค้าให้เกิดความเข้าใจในตัวสินค้าหรือ บริการให้ลูกค้ามีความต้องการและตัดสินใจซื้อในที่สุด ซึ่งการส่งข้อมูลข่าวสารโดยใช้วิธีการโฆษณา การประชาสัมพันธ์ การส่งเสริมการขาย การขายโดยใช้พนักงานขาย และการตลาดทางตรง 1.2 ความสำคัญของการส่งเสริมการตลาด 1.2.1 กระตุ้นผู้บริโภคให้ซื้อสินค้าและเพิ่มยอดขายให้กับกิจการ 1.2.2 ทำให้ผู้ผลิตสามารถสื่อสารกับผู้บริโภค และก่อให้เกิดการซื้อในที่สุด 1.2.3 ทำให้คนกลางนำสินค้ากระจายไปยังผู้บริโภคอย่างทั่วถึง 1.2.4 สร้างความจดจำให้แก่ลูกค้า เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน 2. วัตถุประสงค์ของการส่งเสริมการตลาด วัตถุประสงค์ของการส่งเสริมการตลาด คือ การกระตุ้นความต้องการซื้อของลูกค้า มีดังนี้ 2.1 เพิ่มยอดขายผลิตภัณฑ์ชนิดใดชนิดหนึ่งทั้งสายผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะสินค้าตามฤดูกาล การส่งเสริมการตลาดทำให้มียอดขายเพิ่มขึ้นนอกฤดูกาลในสินค้าที่เป็นที่ต้องการของตลาด 2.2 เพื่อรักษาหรือเพิ่มส่วนครองตลาด สินค้าที่มียอดขายสูงทำให้มีคู่แข่งขันทางการตลาด การรักษาฐานะทางการตลาดให้มั่นคงจำเป็นต้องใช้เครื่องมือของการส่งเสริมการตลาด เพื่อนำมาใช้ใน กิจกรรมทางการตลาดของกิจการ 2.3 เพื่อเตือนความทรงจำ เป็นการส่งเสริมให้ลูกค้าระลึกถึงสินค้า จดจำ ยอมรับและมี ความเชื่อถือในตราสินค้า ซึ่งต้องมีการปรับปรุงการส่งเสริมการตลาดเพื่อสื่อสารให้ผู้บริโภคมีการรับรู้ และจดจำในตราสินค้าของกิจการ 2.4 เพื่อสร้างบรรยากาศการขายในอนาคต การส่งเสริมการตลาดของสินค้าประเภท คงทนถาวร (Durable Goods) ไม่ได้คาดว่าผู้บริโภคมีปฏิกิริยาตอบสนองในทันทีทันใดแต่มี วัตถุประสงค์ให้ลูกค้าที่คาดหวังว่าจะซื้อในอนาคต (Prospect Customer) ซื้อสินค้าตรานั้นเมื่อเกิด ความต้องการ


328 2.5 เพื ่อแจ้งข้อมูลข ่าวสารและให้บริการความรู้แก ่กลุ ่มลูกค้าเป้าหมาย เกี่ยวกับ รายละเอียดของสินค้าหรือบริการ มุ่งเน้นให้ความรู้ คำแนะนำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ แก่ผู้บริโภค การส่งเสริมการตลาดบางครั้งต้องการให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้รับทราบเกี่ยวกับประวัติความเป็นมา ของกิจการ ความมั่นคงของกิจการ เพื่อสร้างความภาคภูมิใจให้แก่พนักงานและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย 2.6 เพื่อสร้างความแตกต่างทางการแข่งขัน การส่งเสริมการตลาดทำให้เกิดความแตกต่างใน ด้านผลิตภัณฑ์และภาพพจน์ของผลิตภัณฑ์ ซึ่งทำให้สถานการณ์การแข่งขันมีความแตกต่างกัน 2.7 เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของการส่งเสริมการตลาด วิธีที่ใช้ในการวัดผลการส่งเสริม การตลาด คือ การวิจัยเพื่อวัดผลของการโฆษณา เพื่อนำไปใช้ในการตัดสินใจวางแผนกลยุทธ์ การส่งเสริมการตลาดที่เหมาะสมต่อไป 3. กระบวนการติดต่อสื่อสาร กระบวนการติดต่อสื่อสาร (Communication Process) เป็นขั้นตอนของการส่งข่าวสารจาก ผู้ส่งสารไปยังผู้รับสารด้วยกระบวนการที่สร้างขึ้นเพื่อถ่ายทอดข่าวสาร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริม การตลาดไปยังผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย โดยการโฆษณา การประชาสัมพันธ์ การส่งเสริมการขายหรือ เครื่องมือการสื่อสารในรูปแบบอื่น ๆ การสื่อสารให้ได้ผลดีและมีประสิทธิภาพกิจการต้องเข้าใจ ภาพรวมของกระบวนการสื่อสาร ซึ่งมีองค์ประกอบสำคัญและขั้นตอนดังนี้ ภาพที่ 7.1 แสดงกระบวนการติดต่อสื่อสาร ที่มา : นันทนา บำรุงชาติ, 2565.


329 จากภาพแสดงกระบวนการติดต่อสื่อสารมีองค์ประกอบ ดังนี้ 3.1 ผู้ส่งสาร (Source) กระบวนการในการติดต่อสื่อสารเริ่มต้นจากผู้ส่งสาร ได้แก่ เจ้าของ ผลิตภัณฑ์ ผู้จำหน่าย หรือบริษัทตัวแทนโฆษณา เป็นต้น ซึ่งเป็นผู้เลือกข่าวสารที่ต้องการส่งไปยัง ผู้รับสาร 3.2 การใส่รหัส (Encoding) เป็นขั้นตอนของการนำข้อมูลข่าวสารมาสื่อความหมายเพื่อให้ ผู้รับสารเกิดความเข้าใจในข่าวสารที่ผู้ส่งสารส่งข้อมูลมา โดยผู้ส่งสารมีการสื่อสารในรูปแบบของคำพูด ตัวอักษร สัญลักษณ์ สี น้ำเสียง หรืออื่น ๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นการใส่รหัสในกระบวนการสื่อสาร เช่น บริษัทบางจากปิโตรเลียม เลือกใช้โทนสีเขียวสำหรับปั๊มน้ำมัน และตั้งชื่อน้ำมัน โดยมีคำว่า “Green” ประกอบเพื่อในใช้การสื่อสารว่าเป็นบริษัทที่สนใจสิ่งแวดล้อม หรือผลิตภัณฑ์เบียร์สิงห์มีการโฆษณาโดย ถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับศิลปะวัฒนธรรมไทยเพื่อตอกย้ำว่าเบียร์สิงห์ คือ เบียร์ไทย เมื่อข่าวสารถูกใส่ รหัสส่งผ่านสื่อไปยังผู้รับสาร ทำให้ผู้รับสารสามารถถอดรหัสได้ตรงความหมายกับผู้ส่งสารต้องการ 3.3 ข่าวสาร (Message) เป็นเนื้อหาหรือรายละเอียดต่าง ๆ ที่ผู้ส่งสารต้องการให้ผู้รับสาร ทราบข้อมูล เช่น คุณประโยชน์ของสินค้า เงื่อนไขการลดราคา เป็นต้น 3.4 สื่อ (Media) ในการส่งข่าวสารนั้น ข่าวสารถูกส่งผ่านสื่อประเภทต่าง ๆ เช่น หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ พนักงานขาย จดหมาย หรือสื่ออื่น ๆ ซึ่งสื่อแต่ละประเภทมีความเหมาะสมกับลักษณะของ ข่าวสารและผู้รับสารที่ต่างกันออกไป บางครั้งผู้ส่งสารอาจเลือกส่งข่าวสารเดียวกันผ่านสื่อหลายชนิด เพื่อให้ครอบคลุมกับผู้รับสารอย่างกว้างขวาง และการได้รับข่าวสารซ้ำหลาย ๆ ครั้งเพื่อทำให้ผู้รับสาร จดจำข่าวสารได้ดียิ่งขึ้น 3.5 การถอดรหัส (Decoding) เป็นการแปลข่าวสารของผู้รับสารที่เป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งผู้รับสารมีความเข้าใจในข่าวสารมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับทัศนคติ ความเชื่อ การเรียนรู้ การรับรู้ และประสบการณ์ 3.6 ผู้รับสาร (Receivers) เป็นบุคคลหรือกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ที่ผู้ส่งสารต้องการส่งข้อมูล ข่าวสารต่าง ๆ เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ เพื่อให้เกิดความเข้าใจในข่าวสารของกิจการและเพื่อ ประกอบการตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการของกิจการ 3.7 การตอบสนอง (Response) เป็นปฏิกิริยาที่ผู้รับสารมีต่อข่าวสารที่ส่งไป เช่น เมื่อชม โฆษณาแล้วพยักหน้าหรือยิ้ม แสดงว่าเข้าใจและชอบโฆษณานั้น หรือซักถามพนักงานขายเพื่อให้ อธิบายเกี่ยวกับคุณสมบัติของสินค้า แสดงว่าผู้รับสารให้ความสนใจในสินค้านั้น 3.8 ผลสะท้อนกลับ (Feedback) เป็นข้อมูลหรือผลที่สะท้อนกลับไปยังผู้ส่งสารจาก การติดต่อสื่อสารนั้น เช่น ผลสะท้อนในรูปยอดขายของสินค้าสูงขึ้น สื่อมวลชนพูดถึงโฆษณาของ ผลิตภัณฑ์ชนิดนั้น หรือผลวิจัยที่แสดงความรับรู้และความชื่นชอบในโฆษณา เป็นต้น โดยผลสะท้อน กลับนี้เป็นข้อมูลที่ผู้ส่งสารต้องนำไปใช้ปรับปรุงการสื่อสารครั้งต่อไป


330 3.9 สิ่งรบกวน (Noise) เป็นอุปสรรคที่เกิดขึ้นในระหว่างการติดต่อสื่อสารที่ทำให้เกิดความ คลาดเคลื่อนระหว่างผู้ส่งข่าวสารกับผู้รับข่าวสาร ทำให้การติดต่อสื่อสารไม่มีประสิทธิภาพ เช่น ขณะที่ ผู้รับสารฟังโฆษณาทางวิทยุ อาจมีเสียงทะเลาะของคนข้างบ้านดังรบกวนเสียงโฆษณาจากวิทยุหรือ คุณภาพการพิมพ์ที่ไม่ดี ทำให้ภาพโฆษณาในหนังสือพิมพ์อ่านได้ไม่ชัดหรือสีของสินค้าต่างไปจากที่ ต้องการให้ผู้รับสารเห็น เป็นต้น นักการตลาดต้องศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการติดต่อสื่อสารในแต่ละขั้นตอน อย่างละเอียด ดำเนินการด้วยความรอบคอบ โดยนำมาวางแผนการส่งเสริมการตลาดเพื่อให้ข้อมูล ข่าวสารผ่านไปตามขั้นตอนต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด 4. ส่วนประสมของการส่งเสริมการตลาด ส่วนประสมของการส่งเสริมการตลาด (Promotion Mix) เป็นเครื่องมือสื่อสารทางการตลาด เพื่อแจ้งข่าวสาร จูงใจ กระตุ้นผู้บริโภค สร้างทัศนคติ และก่อให้เกิดพฤติกรรมการซื้อของตลาดโดย ส่วนประสมการส่งเสริมการตลาด มีดังนี้ ภาพที่ 7.2 แสดงส่วนประสมของการส่งเสริมการตลาด ที่มา : นันทนา บำรุงชาติ, 2565. 4.1 การโฆษณา (Advertising) หมายถึง รูปแบบของการสื่อสารเพื่อโน้มน้าวใจให้ผู้บริโภค เกิดการตอบสนองตามที่ผู้โฆษณาต้องการ ซึ่งในการนำเสนอข่าวสารนั้นเป็นการส่งเสริมแนวความคิด ของสินค้าหรือบริการ แต่ทั้งนี้ต้องมีการชำระเงินและผ่านสื่อที่มิใช่ตัวบุคคล โดยมีการระบุชื่อผู้ส่งสาร หรือผู้โฆษณาไว้ด้วย ส่วนประสมการ ส่งเสริมการตลาด การขายโดย ใช้บุคคล การประชา สัมพันธ์ การโฆษณา การส่งเสริม การขาย การตลาด ทางตรง


331 4.1.1 วัตถุประสงค์ของการโฆษณา การโฆษณาเป็นเครื่องมือสำคัญของการสื่อสาร ทางการตลาดของธุรกิจ การโฆษณามีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 4.1.1.1 เพื่อให้ข้อมูลข่าวสารความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ การโฆษณาเป็น การให้ข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ เช่น วิธีการใช้งาน คุณประโยชน์ผลิตภัณฑ์ราคา ช่องทางการจัดจำหน่าย และการส่งเสริมการตลาดของสินค้าหรือบริการ 4.1.1.2 เพื่อสร้างความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ที่เสนอขายจากคู่แข่งขัน การโฆษณาเป็นเครื่องมือในการนำเสนอความแตกต่างของสินค้า หรือบริการจากคู่แข่งขันทำให้ ผู้บริโภครับทราบเกี่ยวกับตราสินค้านั้นมีความเหนือกว่าตราสินค้าของคู่แข่งขัน 4.1.1.3 เพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อหรือใช้ผลิตภัณฑ์ การโฆษณานำมาใช้ใน การกระตุ้นให้ผู้บริโภคเกิดการตัดสินใจซื้อหรือใช้ผลิตภัณฑ์นั้น ๆ โดยสินค้าที่มีการโฆษณามียอดขาย ที่สูงกว่าสินค้าที่ไม่ได้โฆษณา 4.1.1.4 เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับตราสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ รูปแบบการโฆษณาเพื่อสร้างภาพลักษณ์ของกิจการทำให้ผู้บริโภคมีทัศนคติที่ดีต่อตราสินค้าหรือกิจการ 4.1.1.5 เพื่อเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายให้สูงขึ้น การโฆษณาสามารถเพิ่ม ช่องทางการจัดจำหน่ายให้กว้างขึ้น เนื่องจากสินค้าที่โฆษณาเป็นสินค้าที่ผู้บริโภครู้จักทำให้ผู้จัด จำหน่ายนำสินค้านั้นมาวางขายเพิ่มมากขึ้น 4.1.16 เพื่อสร้างความภักดีในตราสินค้า การโฆษณาเป็นการย้ำเตือนให้ ผู้บริโภครับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าที่มีการจำหน่ายในตลาด และสามารถตอบสนองความต้องการของ ผู้บริโภคได้อย่างดียิ่ง โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนไปใช้ตราสินค้าอื่น 4.1.1.7 เพื่อลดต้นทุนด้านการขายให้ต่ำลงเมื่อเทียบกับจำนวนผู้บริโภค โดยเฉพาะการโฆษณาผ่านทางสื่อมวลชน ได้แก่ สื่อโทรทัศน์และสื่อวิทยุ เป็นต้น เนื่องจากเป็นสื่อที่ เข้าถึงผู้รับสารจำนวนมาก 4.1.2 สื่อโฆษณา เป็นการนำเสนอข้อมูลข่าวสารของสินค้าหรือบริการของผู้โฆษณา ไปสู่ผู้บริโภคโดยผ่านสื่อประเภทต่าง ๆ ได้แก่ 4.1.2.1 สื่อหนังสือพิมพ์ เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ที่มีลักษณะเป็นแผ่นพับซ้อนกัน ไม่ได้เย็บเล่ม มีกำหนดออกเป็นระยะเวลาที่แน่นอน มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อแจ้งข้อมูลข่าวสาร เสนอความคิดเห็น ความบันเทิง ประกาศ และโฆษณา 4.1.2.2 สื่อนิตยสาร เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ที่จัดพิมพ์เป็นรูปเล่มสมบูรณ์ เนื้อหา ประกอบด้วยสารคดี ความบันเทิง ข่าว และโฆษณา นิตยสารเป็นสื่อที่สามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายใน การเข้าถึงเป็นอย่างดี เช่น นิตยสารสำหรับผู้หญิงทำงาน นิตยสารสำหรับผู้ชายรักสุขภาพ นิตยสาร สำหรับคนที่ชอบแข่งรถ เป็นต้น


332 4.1.2.3 สื่อวิทยุ เป็นสื่อที่ครอบคลุมสูงเกือบทุกพื้นที่ทั่วประเทศ สามารถ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างกว้างขวาง เป็นสื่อที่สามารถเคลื่อนที่ได้ เช่น วิทยุในรถยนต์ วิทยุใน โทรศัพท์มือถือทำให้ผู้บริโภครับฟังได้ทุกที่ทุกเวลาไม่จำกัด 4.1.2.4 สื่อโทรทัศน์ เป็นสื่อที่มีอิทธิพลต่อการสื่อสารมากที่สุด เนื่องจาก เป็นสื่อที่มีความครอบคลุมสูง เป็นสื่อที่มีทั้งภาพ เสียง และการเคลื่อนไหว โดยอาศัยเทคนิคการถ่ายทำ ให้น่าสนใจ สามารถเลือกรายการในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ 4.1.2.5 สื่อในโรงภาพยนตร์ เป็นสื่อที่มีภาพ เสียง การเคลื่อนไหวในเวลา เดียวกัน เนื้อหาที่นำเสนออาจมีลักษณะเช่นเดียวกับการโฆษณาในโทรทัศน์ แต่ภาพมีขนาดใหญ่กว่า ระบบเสียงในโรงภาพยนตร์ช่วยสร้างอารมณ์ ความตื่นเต้น ความประทับใจได้ดีกว่าการโฆษณาทาง โทรทัศน์ 4.1.2.6 สื่อกลางแจ้งหรือสื่อนอกสถานที่ เป็นสื่อที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีความยืดหยุ่นสูงสามารถใส่ความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบ ใช้ข้อความที่ชัดเจน สั้น กระชับ เช่น การโฆษณาเคลื่อนที่ การโฆษณาตามป้ายรถประจำทาง การโฆษณา ณ จุดซื้อ เป็นต้น ภาพที่ 7.3 แสดงสื่อโฆษณากลางแจ้งหรือสื่อนอกสถานที่ (บี - ควิก) ที่มา : นันทนา บำรุงชาติ, 2565. 4.2 การประชาสัมพันธ์ (Public Relation) หมายถึง รูปแบบของการสื่อสารที่มีการวาง แผนการดำเนินงานอย่างเป็นระบบเพื่อสร้างความรับรู้ ความเข้าใจ และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่าง กิจการกับผู้ที่มีส่วนได้เสียต่าง ๆ ได้แก่ ผู้บริโภค พนักงานในองค์กร ตัวแทนจำหน่าย ผู้ถือหุ้น รัฐบาล ประชาชน เป็นต้น ทำให้กิจการสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จตาม เป้าหมายที่กำหนดไว้


333 4.2.1 วัตถุประสงค์ของการประชาสัมพันธ์มีดังนี้ 4.2.1.1 เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการดำเนินงานและกิจกรรมของกิจการ 4.2.1.2 เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกิจการและประชาชนที่เกี่ยวข้อง 4.2.1.3 เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ตราสินค้าและกิจการ 4.2.1.4 เพื่อสร้างความเจริญและความมั่นคงให้แก่ธุรกิจในระยะยาว 4.2.1.5 เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้เกิดขึ้นในตราสินค้าและกิจการ 4.2.1.6 เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีให้แก่บุคลากรภายในกิจการ 4.2.2 สื่อที่ใช้ในการประชาสัมพันธ์เป็นสื่อที่มีลักษณะเช่นเดียวกับสื่อที่นำมาใช้ใน การโฆษณา ได้แก่ สื่อประเภทสิ่งพิมพ์ สื่อโทรทัศน์ สื่อวิทยุ สื่อในโรงภาพยนตร์ สื่อโฆษณากลางแจ้ง หรือการโฆษณาเคลื่อนที่ นอกจากสื่อต่าง ๆ ดังกล่าวแล้ว การประชาสัมพันธ์สามารถเลือกใช้วิธีการ หรือรูปแบบอื่น ๆ เช่น การบรรยายพิเศษ การประชุมสัมมนา การจัดนิทรรศการ หรือการจัดการ ประกวดต่าง ๆ เป็นต้น ภาพที่ 7.4 แสดงสื่อที่ใช้ในการประชาสัมพันธ์ (การจัดนิทรรศการ) ที่มา : นันทนา บำรุงชาติ, 2565. 4.3 การส่งเสริมการขาย (Sales Promotion) หมายถึง รูปแบบของการสื่อสารต่าง ๆ เพื่อ โน้มน้าวจูงใจให้ผู้บริโภค คนกลาง หรือพนักงานขายให้เกิดการตอบสนองในการตัดสินใจซื้อหรือ สนับสนุนและส่งเสริมการขายสินค้าหรือบริการในระยะเวลาอันสั้น


334 4.3.1 วัตถุประสงค์ของการส่งเสริมการขาย มีดังนี้ 4.3.1.1 เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดการทดลองซื้อหรือซื้อซ้ำ 4.3.1.2 เพื่อให้ผู้บริโภคเพิ่มปริมาณการบริโภคสินค้า 4.3.1.3 เพื่อรักษาส่วนครองตลาดของลูกค้าในปัจจุบัน 4.3.1.4 เพื่อเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าใหม่ให้มากขึ้น 4.3.1.5 เพื่อสนับสนุนการโฆษณาให้เกิดความสำเร็จตามจุดมุ่งหมาย 4.3.2 ประเภทของการส่งเสริมการขาย สามารถแบ่งออกได้ 3 ประเภท ได้แก่ 4.3.2.1 การส่งเสริมการขายที่มุ่งสู่ผู้บริโภค (Consumer Promotion) เป็น การส่งเสริมการขายที่มุ่งสู่ผู้บริโภคคนสุดท้าย ซึ่งเป็นผู้ซื้อสินค้าไปเพื่อใช้ส่วนตัวหรือใช้ในครัวเรือน เป็นลักษณะของการใช้กลยุทธ์ดึง (Pull Strategy) เพื่อดึงผู้บริโภคให้เข้ามาซื้อสินค้าภายในร้านค้าหรือ ซื้อจากคนกลางมากขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มการทดลองใช้หรือซื้อซ้ำ การเพิ่มความถี่หรือ ปริมาณการใช้ผลิตภัณฑ์ และการใช้ต่อสู้กับคู่แข่งขัน รูปแบบของการส่งเสริมการขายมุ่งที่มุ่งสู่ผู้บริโภค เช่น การแจกของแถม การแจกของตัวอย่าง การแจกคูปอง การลดราคา การแข่งขันและ การชิงโชค แสตมป์การค้า การบรรจุภัณฑ์ ข้อเสนอพิเศษการรับประกันสินค้า การขายรวมห่อ การสาธิตแสดง วิธีการใช้ การจัดแสดงสินค้า การให้เป็นสมาชิก เป็นต้น ภาพที่ 7.5 แสดงการส่งเสริมการขายที่มุ่งสู่ผู้บริโภค (การลดราคาสินค้า) ที่มา : นันทนา บำรุงชาติ, 2565.


335 4.3.2.2 การส่งเสริมการขายที่มุ่งสู่คนกลาง (Trade Promotion) เป็นความ พยายามที่ผู้ผลิตสินค้าผลักดันสินค้าเข้าไปขายในช่องทางการจัดจำหน่าย หรือผ่านคนกลางต่าง ๆ ได้แก่ ร้านค้าส่ง ร้านค้าปลีก และตัวแทนจำหน่าย เป็นต้น โดยใช้กลยุทธ์ผลัก (Push Strategy) กระตุ้นให้คนกลางนำสินค้าของผู้ผลิตไปขายเพิ่มขึ้น เพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย กระตุ้นให้คนกลาง เพิ่มสินค้าในคลังสินค้าและระบายสินค้าให้เร็วขึ้น เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับตัวแทนจำหน่าย ประเภทต่าง ๆ โดยเสนอผลตอบแทนหรือสิ่งจูงใจให้คนกลาง รูปแบบของการส่งเสริมการขายที่มุ่ง สู่คนกลาง เช่น ส่วนลดทางการค้า ส่วนยอมให้ทางการค้า การแข่งขันยอดขาย การตกแต่ง ณ ชุดซื้อ การจัดนิทรรศการและการแสดงสินค้า การฝึกอบรม เป็นต้น 4.3.2.3 การส่งเสริมการขายที่มุ่งสู่พนักงานขาย(Sales forces Promotion) เป็นการให้ผลตอบแทนหรือสิ่งจูงใจพิเศษกับพนักงานขาย โดยใช้กลยุทธ์ผลัก (Push Strategy) เพื่อส่งเสริมสนับสนุน ให้กำลังใจพนักงานขายในการขายสินค้าหรือบริการให้กับผู้ผลิตสินค้าหรือ บริการ รูปแบบของการส่งเสริมการขายที่มุ่งสู่พนักงาน เช่น การกำหนดโควตาขาย การจัดประชุม พนักงานขาย การจัดหาเครื่องมือช่วยขาย การฝึกอบรม การแข่งขันการขาย เป็นต้น 4.4 การขายโดยใช้พนักงานขายหรือการขายโดยบุคคล (Personal Selling) เป็นการ สื่อสารโดยใช้บุคคลในการส่งข้อมูลข่าวสารของสินค้าหรือบริการไปยังผู้บริโภค หรือกลุ่มเป้าหมาย มีการโน้มน้าวจูงใจ โดยใช้การติดต่อสื่อสารแบบสองทาง (Two Way Communication) มีเป้าหมาย เพื่อทำให้ผู้บริโภคเกิดการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการในที่สุด 4.4.1 ความสำคัญของการขายโดยใช้พนักงานขายหรือการขายโดยบุคคล มีดังนี้ 4.4.1.1 การขายโดยใช้พนักงานขายหรือการขายโดยบุคคล สามารถให้ ความรู้เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการแก่ผู้บริโภคได้อย่างลึกซึ้ง 4.4.1.2 การขายโดยใช้พนักงานขายหรือการขายโดยบุคคล เป็นการสื่อสาร ที่สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้บริโภค เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความประทับใจในตัวสินค้าส่งผลให้ผู้บริโภค เกิดความจงรักภักดีในตราสินค้าเพิ่มขึ้นในอนาคต 4.4.1.3 เป็นวิธีการสื่อสารที่มีความยืดหยุ่น พนักงานขายสามารถเลือกส่ง ข้อมูลข่าวสารที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคแต่ละคนได้ 4.4.1.4 เป็นลักษณะของการติดต่อสื่อสารแบบสองทาง ทำให้พนักงานขาย สามารถรับฟังรับความคิดเห็นของผู้บริโภค และสร้างความเข้าใจกับผู้บริโภคได้อย่างชัดเจน 4.4.1.5 เป็นเครื่องมือในการส่งเสริมการตลาดที่เหมาะสมกับการขายสินค้า หรือบริการที่เป็นสินค้าที่มีมูลค่าสูง จำนวนลูกค้าที่มุ่งหวังมีจำนวนไม่มากนัก แต่ละรายมีลักษณะมี ความต้องการที่แตกต่างกัน


336 4.4.2 กระบวนการขายโดยใช้พนักงานขายหรือการขายโดยบุคคล มีกระบวนการ ในการขายตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุด 7 ประการ ดังนี้ 4.4.2.1 การแสวงหาผู้มุ่งหวัง (Prospecting) พนักงานขายต้องแสวงหา รายชื่อผู้มุ่งหวัง เพื่อพิจารณาคุณสมบัติหรือลักษณะของผู้มุ่งหวังที่เหมาะสมกับการเป็นลูกค้า กลุ่มเป้าหมายหรือไม่ เทคนิคที่ใช้ในการแสวงหาผู้มุ่งหวัง เช่น การสังเกตส่วนตัว การสาธิตการใช้ ผลิตภัณฑ์ การจัดนิทรรศการหรือการจัดแสดงสินค้า การเข้าไปพูดคุยกับกลุ่มผู้นำความคิดเห็นหรือ ผู้บริหารของกิจการ การติดต่อสื่อสารกับพนักงานขายในกลุ่มต่าง ๆ เพื่อนำไปสู่การแลกเปลี่ยนรายชื่อ ผู้มุ่งหวังร่วมกัน เป็นต้น 4.4.2.2 การเตรียมตัวก่อนการเข้าพบ (Pre - Approach) พนักงานขายต้อง วางแผนก่อนเข้าพบผู้มุ่งหวัง สิ่งที่ต้องเตรียมความพร้อม ได้แก่ บุคลิกภาพ สินค้า อุปกรณ์ ความรู้ เกี่ยวกับลูกค้า ความรู้เกี่ยวกับกิจการและคู่แข่งขัน เป็นต้น เพื่อให้การเข้าพบประสบความสำเร็จในการ ขายมากที่สุด 4.4.2.3 การเข้าพบ (Approach) ในการเข้าพบครั้งแรกควรสร้างความ ประทับใจให้เกิดขึ้นในจิตใจของผู้มุ่งหวังให้ได้ พนักงานขายควรมีกิริยาที่สุภาพอ่อนน้อม การแต่งกายที่ เรียบร้อย การพูดที่น่าฟัง และมีความมั่นใจในตนเอง 4.4.2.4 การขายและการสาธิต (Presentation and Demonstration) พนักงานขายต้องนำเสนอข้อมูลข่าวสารของสินค้าหรือบริการให้แก่ผู้มุ่งหวัง โดยการนำเสนอด้วยความ น่าสนใจ เพื่อทำให้ผู้มุ่งหวังเกิดความต้องการในการสินค้าหรือบริการ มีการใช้สื่อต่าง ๆ ประกอบ การนำเสนอ เช่น การมีเครื่องหมายรับรองมาตรฐานคุณภาพจากหน่วยงานที่ได้มาตรฐาน หรือข้อมูล การรับประสินค้า เพื่อให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นมากขึ้น 4.4.2.5 การเผชิญข้อโต้แย้ง (Meeting Objections) พนักงานต้องเผชิญกับ ข้อโต้แย้งต่าง ๆ จากผู้มุ่งหวังเสมอ เมื่อมีการเผชิญข้อโต้งกับผู้มุ่งหวัง พนักงานขายไม่ควรแสดง ปฏิกิริยาต่อต้านหรือไม่พอใจเด็ดขาด ควรชี้แจงด้วยเหตุผลและเปลี่ยนข้อโต้แย้งให้กลายเป็นเหตุผลใน การตัดสินใจซื้อ ยินดีรับฟังและเสนอแนวทางแก้ไข 4.4.2.6 การปิดการเสนอขาย (Closing the Sales) เมื่อตอบข้อโต้แย้งเป็น ที่เรียบร้อยแล้ว พนักงานขายควรพยายามปิดการขาย ซึ่งสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การสอบถาม การสั่งซื้อ การสอบถามถึงรุ่นหรือสีที่ผู้มุ่งหวังชื่นชอบ หรือชี้ให้ผู้มุ่งหวังเห็นข้อเสียของการไม่สั่งซื้อ เป็นต้น เมื่อพนักงานขายปิดการเสนอขายแล้ว ผู้มุ่งหวังไม่ตัดสินใจซื้อ พนักงานขายไม่ควรแสดง ความรู้สึกไม่พอใจ แต่ควรหาโอกาสนัดพบผู้มุ่งหวังใหม่


337 4.4.2.7 การติดตามผลและการรักษาความสัมพันธ์ที่ดี (Follow - up and Maintenance) เป็นกระบวนการที่พนักงานขายต้องติดตาม สอบถามความพึงพอใจของลูกค้าที่มีต่อ ผลิตภัณฑ์ ภายหลังจากที่ลูกค้าได้ตัดสินใจซื้อสินค้าไปแล้ว โดยแสดงให้เห็นถึงความห่วงใยอย่างจริงใจ ที่มีต่อลูกค้าเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในระยะยาวกับลูกค้าและพนักงานขายของกิจการ ภาพที่ 7.6 แสดงการขายโดยใช้พนักงานขายหรือการขายโดยบุคคล ที่มา : นันทนา บำรุงชาติ, 2565. 4.5 การตลาดทางตรง (Direct Marketing) เป็นการสื่อสารทางการตลาดจากผู้ผลิตสินค้า มุ่งตรงไปสู่ผู้บริโภคที่เป็นรายบุคคลหรือกลุ่มใหญ่ เพื่อส่งข่าวสารเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการไปยัง กลุ่มเป้าหมายให้เกิดการตอบสนองมีการโต้ตอบอย่างรวดเร็ว และมีการวัดผลการตอบสนองของ กลุ่มเป้าหมายได้อย่างชัดเจน 4.5.1 ลักษณะของการตลาดทางตรง มีลักษณะที่สำคัญ ดังนี้ 4.5.1.1 เป็นระบบการสื่อสารสองทางที่มีประสิทธิภาพ 4.5.1.2 เป็นการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าประจำหรือลูกค้าผู้มุ่งหวังโดยตรง 4.5.1.3 เป็นการสื่อสารที่สามารถเกิดขึ้นโดยไม่จำกัดสถานที่ 4.5.1.4 เป็นเครื่องมือการสื่อสารที่คู่แข่งขันไม่สามารถสังเกตเห็นได้ง่าย 4.5.1.5 เป็นเครื่องมือการสื่อสารที่สร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า 4.5.1.6 สามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายได้อย่างชัดเจน


338 4.5.2 ประเภทของการตลาดทางตรง การตลาดทางตรงมีหลายประเภทขึ้นอยู่กับ ลักษณะพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และงบประมาณของกิจการ เช่น การใช้จดหมายทางตรง การใช้โทรศัพท์ การใช้สื่อวิทยุ การใช้สื่อสิ่งพิมพ์ การใช้สื่อโทรทัศน์ การใช้สื่ออินเทอร์เน็ต การใช้สื่อ กลางแจ้ง เป็นต้น 5. ปัจจัยที่มีอิทธิพลในการเลือกส่วนประสมการส่งเสริมการตลาด การตัดสินใจเลือกส่วนประสมการส่งเสริมการตลาด (Promotion Mix) เพื่อใช้ใน การดำเนินงานของกิจการได้แก่ การโฆษณา การประชาสัมพันธ์ การส่งเสริมการขาย การขายโดยใช้ พนักงานขาย และการตลาดทางตรง เพื่อติดต่อสื่อสารทางการตลาดให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ทราบ ข้อมูลข่าวสาร โดยมีปัจจัยที่ต้องพิจารณา ดังนี้ 5.1 งบประมาณ (Budget Funds) ในการวางแผนงานของกิจการควรมีการจัดสรร งบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในด้านต่าง ๆ เช่น งบประมาณของฝ่ายขาย งบประมาณในการโฆษณา และส่งเสริมการขาย เป็นต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงินทุนของกิจการ เช่น กิจการขนาดใหญ่มีเงินทุนเยอะ มีการผลิตสินค้าในปริมาณมาก กระจายสินค้าไปอย่างทั่วถึง โดยใช้งบประมาณในการส่งเสริม การตลาดมากไปด้วย ในขณะที่กิจการขนาดเล็กเน้นการใช้พนักงานขายมากกว่าโดยใช้แผ่นพับกับ เอกสารประกอบการขายเท่านั้น 5.2 ขั้นตอนของวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ (The Stage in the Product Life Cycle) ในการ เลือกใช้ส่วนประสมของการส่งเสริมการตลาดในขั้นตอนของวงจรผลิตภัณฑ์ในแต่ละวงจรมีความ แตกต่างกัน ดังนี้ 5.2.1 ขั้นแนะนำ (Introduction Stage) เป็นการนำผลิตภัณฑ์ใหม่เข้าสู่ตลาด จำเป็นต้องใช้วิธีการแจ้งข่าวสารให้ผู้บริโภคได้รับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าใหม่ในด้านคุณสมบัติ ตรายี่ห้อ และความน่าเชื่อถือของกิจการในขั้นตอนนี้ต้องใช้วิธีการโฆษณา การจัดแสดงสินค้า และการขายโดยใช้ พนักงานขายเพื่อแนะนำสินค้าให้มากที่สุด เพื่อกระตุ้นความต้องการของผู้บริโภคเนื่องจากขั้นนี้ยังไม่มี คู่แข่งขันไม่มากนัก 5.2.2 ขั้นเจริญเติบโต (Growth Stage) เป็นขั้นที่มีคู่แข่งขันในตลาดมากขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคมีความเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์ของสินค้าเป็นอย่างดี ดังนั้นการส่งเสริมการตลาดต้อง มุ่งเน้นเพื่อกระตุ้นความต้องการซื้อแบบเลือกสรร (Selective Demand) การโฆษณามุ่งเน้นข้อดีของ สินค้าและความน่าเชื่อถือของตรายี่ห้อเป็นหลัก โดยพนักงานขายและพ่อค้าคนกลางในช่องทาง การจัดจำหน่ายมีความสำคัญมากในขั้นนี้


339 5.2.3 ขั้นเติบโตเต็มที่หรืออิ่มตัว (Maturity Stage) เป็นช่วงเวลาที่ตลาดอิ่มตัว โดยมีการใช้ผลิตภัณฑ์นั้น ๆ กันอย่างแพร่หลาย มีคู่แข่งขันในตลาดเพิ่มขึ้น มีการโฆษณาเพื่อเตือน ความจำ (Remind) และชักชวนเร่งรัดให้ตัดสินใจซื้อ โดยมีการจัดรายการส่งเสริมการขายในรูปแบบ ต่าง ๆ มากขึ้น 5.2.4 ขั้นตกต่ำหรือถดถอย (Decline Stage) เป็นช่วงที่ยอดขายและกำไรลดลง เนื่องจากมีผลิตภัณฑ์ที่ใหม่กว่าและดีกว่าเข้ามาแทนที่ในตลาด เป็นขั้นที่ใช้งบประมาณในการส่งเสริม การตลาดน้อยลง 5.3 ลักษณะของการตลาดเป้าหมายในการส ่งเสริมการตลาด (Nature of Target Market) เป็นการดำเนินการส่งเสริมการตลาดที่มุ่งสู่กลุ่มเป้าหมายที่มีความแตกต่างกัน เช่น ผู้ผลิตสบู่ ใช้การโฆษณาเพื่อมุ่งสู่กลุ่มผู้บริโภคคนสุดท้าย การใช้พนักงานขายเพื่อติดต่อขายสบู่ให้โรงแรมต่าง ๆ การดำเนินงานด้านการส่งเสริมการขายกับรายการซื้อสบู่ 6 โหล แถมสบู่ 1 โหล เพื่อมุ่งสู่ร้านค้าส่ง และรายการซื้อสบู่ 1 โหล แถมสบู่ 1 ก้อน เพื่อมุ่งสู่ร้านค้าปลีก เป็นต้น ซึ่งเกณฑ์ในการแบ่งลักษณะ ของตลาดเป้าหมาย มีดังนี้ 5.3.1 ประเภทของลูกค้า (Type of Customer) 5.3.2 คุณลักษณะของตลาด (Market Characteristics) 5.3.3 ระดับความพร้อมหรือความสนใจในการซื้อสินค้า (Readiness to Buy) 5.4 ลักษณะของผลิตภัณฑ์ (Nature of Product) การเลือกใช้การส่งเสริมการตลาดขึ้นอยู่ กับลักษณะของผลิตภัณฑ์ ดังนี้ 5.4.1 ลักษณะเฉพาะตัวของผลิตภัณฑ์ที่มีต่อลูกค้า (Degree of Customization) 5.4.2 มูลค่าต่อหน่วยของผลิตภัณฑ์ (Unit Value) 6. กลยุทธ์การส่งเสริมการตลาด กลยุทธ์การส่งเสริมการตลาด (Promotion Strategy) เป็นแผนปฏิบัติการที่อาศัยกิจกรรม ทางการตลาดในรูปแบบต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายและสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งต้องอาศัย การวางแผนและพัฒนาเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของกิจการ กลยุทธ์การส่งเสริมการตลาด ประกอบด้วย 3 กลยุทธ์ดังนี้ 6.1 กลยุทธ์ดึง (Pull Strategy) เป็นการจัดกิจกรรมทางการตลาดโดยการโฆษณาและ การส่งเสริมการขาย เช่น การจัดแสดงสินค้า การแลกซื้อ การแจกของตัวอย่าง เป็นต้น ซึ่งมุ่งสู่ผู้บริโภค คนสุดท้ายเพื่อให้เกิดความสนใจและต้องการสินค้า โดยสอบถามหรือซื้อสินค้าจากคนกลางที่เป็น ผู้ค้าปลีกหรือผู้ค้าส่ง


340 ภาพที่ 7.7 แสดงกลยุทธ์ดึง (การแจกของตัวอย่าง) ที่มา : นันทนา บำรุงชาติ, 2565. 6.2 กลยุทธ์ผลัก (Push Strategy) เป็นการผลักดันสินค้าของผู้ผลิตไปสู่คนกลางโดยอาศัย พนักงานขายให้เป็นผู้ผลักดันสินค้าไปตามช่องทางการจัดจำหน่าย ซึ่งต้องใช้การกระตุ้นพนักงานขาย โดยเสนอผลตอบแทนต่าง ๆ เพื่อให้พนักงานขายเกิดความพยายามในการขายสินค้าให้มากขึ้น เช่น การให้เงินรางวัลกับพนักงานขายที่ทำยอดขายได้ตามเป้าหมายของกิจการ การเลื่อนตำแหน่งที่สูงขึ้น เป็นต้น ภาพที่ 7.8 แสดงกลยุทธ์ผลัก (การมอบเงินรางวัลให้กับพนักงานขาย) ที่มา : นันทนา บำรุงชาติ, 2565.


341 6.3 กลยุทธ์ผสม (Push and Pull Strategy) เป็นการใช้กลยุทธ์ผลักและกลยุทธ์ดึงรวมกัน ซึ่งใช้การส่งเสริมการขายที่มุ่งสู่ผู้บริโภคร่วมกับการส่งเสริมการขายที่มุ่งสู่คนกลางและพนักงานขาย เช่น การประกวดจัดร้าน การให้คูปอง หรือสิ่งจูงใจอื่น ๆ เพื่อดันผลักให้ร้านค้าปลีกนำสินค้ามาวางโชว์ ขณะเดียวกันใช้การชิงโชค การแจกของแถม เพื่อให้ลูกค้ามาซื้อสินค้าที่ร้าน เป็นต้น ภาพที่ 7.9 แสดงกลยุทธ์ผสม (การประกวดร้านและการชิงโชค) ที่มา : นันทนา บำรุงชาติ, 2565.


342 การส่งเสริมการตลาด (Promotion) เป็นกระบวนการด้านการสื่อสารข้อมูลของผู้ขายหรือ ผู้ผลิตส่งไปยังลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย เพื่อกระตุ้น จูงใจ โน้มน้าวจิตใจของลูกค้าให้เกิดความเข้าใจในตัว สินค้าหรือบริการให้ลูกค้ามีความต้องการและตัดสินใจซื้อในที่สุด การส่งเสริมการตลาดมีความสำคัญ เพื่อกระตุ้นผู้บริโภคให้ซื้อสินค้าเป็นการเพิ่มยอดขายให้กับกิจการ ทำให้ผู้ผลิตสามารถสื่อสารกับ ผู้บริโภคมีผลต่อการจัดจำหน่าย ทำให้คนกลางนำสินค้ากระจายไปยังผู้บริโภคอย่างทั่วถึงและสร้าง ความจดจำให้แก่ลูกค้าซึ่งเป็นการสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง โดยวัตถุประสงค์ของการส่งเสริม การตลาดเพื่อเพิ่มยอดขายผลิตภัณฑ์ หรือเพิ่มส่วนครองตลาด เตือนความทรงจำ แจ้งข้อมูลข่าวสาร ให้บริการความรู้แก่กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย สร้างความแตกต่างทางการแข่งขัน และเพื่อปรับปรุง ประสิทธิภาพของการส่งเสริมการตลาด โดยใช้กระบวนการติดต่อสื่อสารที่เป็นขั้นตอนของการส่ง ข่าวสารจากผู้ส่งสารไปยังผู้รับสารด้วยกระบวนการที่สร้างขึ้น เพื่อถ่ายทอดข่าวสารโดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมการตลาดไปยังผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย ส่วนประสมของการส่งเสริมการตลาด (Promotion Mix) เป็นเครื่องมือสื่อสารทางการตลาด เพื่อแจ้งข่าวสาร จูงใจ กระตุ้นผู้บริโภค สร้างทัศนคติ และก่อให้เกิดพฤติกรรมการซื้อของตลาด ส่วนประสมการส่งเสริมการตลาด ได้แก่ การโฆษณา การประชาสัมพันธ์ การส่งเสริมการขายและ การตลาดทางตรง ซึ่งการตัดสินใจเลือกส่วนประสมการส่งเสริมการตลาดในการดำเนินงานของกิจการ เพื่อติดต่อสื่อสารทางการตลาดให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ทราบข้อมูลข่าวสาร ซึ่งมีปัจจัยที่ต้องพิจารณา เช่น งบประมาณ ขั้นตอนของวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ ลักษณะของการตลาดเป้าหมายในการส่งเสริม การตลาดและลักษณะของผลิตภัณฑ์ เพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์การส่งเสริมการตลาดซึ่งเป็น แผนปฏิบัติการที่อาศัยกิจกรรมทางการตลาดในรูปแบบต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายและ สถานการณ์ปัจจุบัน โดยมีการวางแผนและพัฒนาเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของกิจการ สรุปสาระสำคัญของชุดการสอนหน่วยที่ 7


343 คำศัพท์ คำแปล 1. Durable Goods สินค้าประเภทคงทนถาวร 2. Prospect Customer ลูกค้าในอนาคต 3. Communication Process กระบวนการติดต่อสื่อสาร 4. Source ผู้ส่งสาร 5. Encoding การใส่รหัส 6. Message ข่าวสาร 7. Media สื่อ 8. Decoding การถอดรหัส 9. Receivers ผู้รับสาร 10. Response การตอบสนอง 11. Feedback ผลสะท้อนกลับ 12. Noise สิ่งรบกวน 13. Advertising การโฆษณา 14. Public Relation การประชาสัมพันธ์ 15. Sales Promotion การส่งเสริมการขาย 16. Consumer Promotion การส่งเสริมการขายที่มุ่งสู่ผู้บริโภค 17. Trade Promotion การส่งเสริมการขายที่มุ่งสู่คนกลาง 18. Sales forces Promotion การส่งเสริมการขายที่มุ่งสู่พนักงานขาย 19. Personal Selling การขายโดยใช้พนักงานขาย 20. Two Way Communication การติดต่อสื่อสารแบบสองทาง 21. Prospecting การแสวงหาผู้มุ่งหวัง 22. Promotion การส่งเสริมการตลาด 23. Prospecting การแสวงหาผู้มุ่งหวัง 24. Pre - Approach การเตรียมตัวก่อนการเข้าพบ 25. Approach การเข้าพบ 26. Presentation and Demonstration การเสนอขายและการสาธิต 27. Meeting Objections การเผชิญข้อโต้แย้ง 28. Closing the Sales การปิดการเสนอขาย 29. Follow - up and Maintenance การติดตามผลและการรักษาความสัมพันธ์ คำศัพท์ที่ควรรู้ ชุดการสอนหน่วยที่ 7


344 คำศัพท์ คำแปล 30. Direct Marketing การตลาดทางตรง 31. Push Strategy กลยุทธ์ดึง 32. Push and Pull Strategy กลยุทธ์ผสม 33. Budget Funds งบประมาณ 34. Pull Strategy กลยุทธ์ผลัก 35. The Stage in the Product Life Cycle ขั้นตอนของวัฏจักรวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ 36. Introduction Stage ขั้นแนะนำ 37. Growth Stage ขั้นเจริญเติบโต 38. Maturity Stage ขั้นเติบโตเต็มที่หรือขั้นอิ่มตัว 39. Decline Stage ขั้นถดถอย 40. Nature of Target Market ลักษณะของการตลาดเป้าหมาย 41. Type of Customer ประเภทของลูกค้า 42. Market Characteristics คุณลักษณะของตลาด 43. Readiness to Buy ระดับความพร้อมหรือความสนใจในการซื้อ สินค้า 44. Nature of Product ลักษณะของผลิตภัณฑ์ 45. Degree of Customization ลักษณะความเฉพาะตัวของผลิตภัณฑ์ที่มีต่อ ลูกค้า 46. Unit Value มูลค่าต่อหน่วยของผลิตภัณฑ์ 47. Promotion การส่งเสริมการตลาด คำศัพท์ที่ควรรู้ ชุดการสอนหน่วยที่ 7 (ต่อ)


345 เรื่อง กระบวนการติดต่อสื่อสารของธุรกิจ จุดประสงค์การเรียนรู้ อธิบายกระบวนการติดต่อสื่อสารได้ เครื่องมือ/วัสดุ/อุปกรณ์ 1. ดินสอ 2. ปากกา 3. ยางลบ 4. ไม้บรรทัด ขั้นตอนการปฏิบัติงาน 1. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มตามความสมัครใจ กลุ่มละ 3 คน โดยคละนักเรียนในกลุ่มให้แตกต่าง กันในด้านสติปัญญาและความถนัด 2. ให้แต่ละกลุ่มเลือกหัวหน้ากลุ่ม ๆ ละ 1 คน เพื่อเป็นผู้ควบคุมและดำเนินกิจกรรมและ กำหนดบทบาทหน้าที่ของสมาชิกภายในกลุ่ม ฝึกทักษะปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มตามใบงานด้วยตนเอง 3. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการติดต่อสื่อสาร โดยครูผู้สอนกำหนด ประเภทของธุรกิจให้กลุ่มละ 1 ประเภท โดยให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมมือกันระดมความคิดเห็นเพื่อ เขียนขั้นตอนของกระบวนการติดต่อสื่อสารเมื่อธุรกิจต้องการส่งข่าวสารไปยังผู้รับสาร 4. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน โดยใช้เวลาในนำเสนอกลุ่มละ 5 นาที และเปิดโอกาสให้นักเรียนกลุ่มอื่น ๆ ได้เสนอแนะแนวทางหรือข้อคิดเห็น พร้อมนำส่งผลงานให้ ครูผู้สอนเพื่อตรวจประเมินผลงาน ข้อเสนอแนะ 1. ในการปฏิบัติงานควรมีการระดมสมองของสมาชิกในกลุ่มเพื่อให้มีแนวความคิดและข้อมูล ที่ดีที่สุด 2. ควรมีทบทวนเนื้อหาสาระการเรียนรู้เกี่ยวกับกระบวนการติดต่อสื่อสาร ในชุดการสอน หน่วยที่ 7 เรื่องการส่งเสริมการตลาด เพื่อใช้เป็นแนวทางวิเคราะห์ข้อมูลและคำตอบที่ถูกต้องและ สอดคล้องกับสาระการเรียนรู้ที่กำลังศึกษา การวัดและประเมินผล ประเมินกระบวนการทำงานกลุ่มและการนำเสนอผลงานกลุ่ม ใบงานที่ 7.1 ชุดการสอนหน่วยที่ 7 เรื่อง การส่งเสริมการตลาด


346 เกณฑ์การประเมิน รายการประเมิน ระดับคุณภาพ ดีมาก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรุง (1) 1. ผลงานมีความ ถูกต้อง สมบูรณ์ ครบถ้วน เนื้อหามีความ ถูกต้องครบถ้วน ครอบคลุมชัดเจน ตามวัตถุประสงค์ เนื้อหามีความ ถูกต้องครบถ้วนแต่ ไม่ครอบคลุม ชัดเจนตาม วัตถุประสงค์ เนื้อหามีความ ถูกต้องแต่ไม่ ครบถ้วนหรือไม่ ครอบคลุมตาม วัตถุประสงค์ เนื้อหาไม่ถูกต้อง ไม่ครบถ้วนและ ไม่ตรงตาม วัตถุประสงค์ 2. ความร่วมมือ ในการทำงาน สมาชิกในกลุ่มให้ ความร่วมมือใน การทำงานดีมาก สมาชิกในกลุ่มให้ ความร่วมมือในการ ทำงานปานกลาง สมาชิกในกลุ่มให้ ความร่วมมือใน การทำงานน้อย สมาชิกในกลุ่มไม่ ให้ความร่วมมือ ในการทำงาน 4. ความ รับผิดชอบ มีการแบ่งหน้าที่ ของสมาชิกในกลุ่ม อย่างชัดเจนและ มีการปฏิบัติตาม หน้าที่ที่ได้รับ มอบหมาย มีการแบ่งหน้าที่ ของสมาชิกในกลุ่ม อย่างชัดเจนแต่ ไม่ได้ปฏิบัติตาม หน้าที่ที่ได้รับ มอบหมาย มีการแบ่งหน้าที่ ของสมาชิกใน กลุ่มแต่ไม่ชัดเจน หรือสมาชิกใน กลุ่มไม่ได้ปฏิบัติ ตามหน้าที่ที่ได้รับ มอบหมาย ไม่มีการแบ่ง หน้าที่ของสมาชิก ในกลุ่มอย่าง ชัดเจนและ สมาชิกส่วนใหญ่ ไม่ปฏิบัติงาน 4. การนำเสนอ หน้าชั้นเรียน การนำเสนอมีความ เหมาะสม น่าสนใจ และสบสายตากับ ผู้ฟังอยู่ตลอด การนำเสนอมีความ เหมาะสม น่าสนใจ แต่ไม่สบสายตากับ ผู้ฟัง การนำเสนอมี ความเหมาะสม แต่ไม่น่าสนใจ หรือไม่สบสายตา กับผู้ฟัง การนำเสนอไม่ เหมาะสม ไม่น่าสนใจและ ไม่สบสายตากับ ผู้ฟัง 5. การตรงต่อ เวลา การจัดทำใบงาน และการนำเสนออยู่ ภายในเวลาที่ กำหนด การจัดทำใบงาน และการนำเสนอ เกินเวลาที่กำหนด เล็กน้อย การจัดทำใบงาน และการนำเสนอ เกินเวลาที่กำหนด 1 นาที การจัดทำใบงาน และการนำเสนอ เกินเวลาที่กำหนด 2 นาที


347 เรื่อง กระบวนการติดต่อสื่อสารของธุรกิจ ชื่อ-สกุล ……………….……..…..สาขาวิชา………………………….ระดับชั้น………………………………. ชื่อ-สกุล ……………….……..…..สาขาวิชา………………………….ระดับชั้น………………………………. ชื่อ-สกุล ……………….……..…..สาขาวิชา………………………….ระดับชั้น………………………………. เกณฑ์การประเมินคุณภาพ 18 - 20 คะแนน หมายถึง ดีมาก 15 - 17 คะแนน หมายถึง ดี 12 -14 คะแนน หมายถึง พอใช้ ต่ำกว่า 12 คะแนน หมายถึง ปรับปรุง เกณฑ์การผ่าน ตั้งแต่ระดับคุณภาพพอใช้ขึ้นไป ลงชื่อ……………………………….ผู้ประเมิน .........../........................./............... แบบประเมินใบงานที่7.1 ที่ รายการประเมิน ระดับคุณภาพ 4 3 2 1 1 ผลงานมีความถูกต้อง สมบูรณ์ ครบถ้วน 2 ความร่วมมือในการทำงาน 3 ความรับผิดชอบ 4 การนำเสนอหน้าชั้นเรียน 5 การตรงต่อเวลา รวม


348 เรื่อง การส่งเสริมการตลาดของสินค้าอุปโภคบริโภค จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. บอกความหมายและความสำคัญของการส่งเสริมการตลาดได้ 2. บอกวัตถุประสงค์ของการส่งเสริมการตลาดได้ 3. อธิบายส่วนประสมของการส่งเสริมการตลาดได้ 4. อธิบายปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเลือกส่วนประสมการส่งเสริมการตลาดได้ 5. อธิบายกลยุทธ์การส่งเสริมการตลาดได้ เครื่องมือ/วัสดุ/อุปกรณ์ 1. ดินสอ 2. ปากกา 3. ยางลบ 4. ไม้บรรทัด 5. แบบฟอร์มใบงาน ขั้นตอนการปฏิบัติงาน 1. ให้นักเรียนแต่ละคนค้นหารูปภาพของสินค้าอุปโภคบริโภคที่นักเรียนมีความสนใจมาคนละ 2 ภาพ 2. ให้นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับส่วนประสมของการส่งเสริมการตลาด โดยพิจารณาถึงลักษณะ ของสินค้าที่นักเรียนเลือก เพื่อทำการส่งเสริมการตลาดของสินค้าที่นักเรียนเลือกมาให้เป็นที่รู้จักแก่ กลุ่มลูกค้าตามแบบที่ครูผู้สอนกำหนดให้ 3. ให้นักเรียนรวบรวมผลงานส่งครูผู้สอนเพื่อตรวจประเมินผลงาน ข้อเสนอแนะ ควรมีการทบทวนสาระการเรียนรู้ชุดการสอนหน่วยที่ 7 เรื่องการส่งเสริมการตลาดเพื่อใช้เป็น แนวทางวิเคราะห์ข้อมูลและคำตอบที่ถูกต้อง สอดคล้องกับสาระการเรียนรู้ที่กำลังศึกษา การวัดและประเมินผล ประเมินผลงานรายบุคคล ใบงานที่ 7.2 ชุดการสอนหน่วยที่ 7 เรื่อง การส่งเสริมการตลาด


349 เกณฑ์การประเมิน รายการประเมิน ระดับคุณภาพ ดีมาก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรุง (1) 1. ผลงานตรงตาม วัตถุประสงค์ที่ได้ กำหนด ผลงานสอดคล้อง ตามจุดประสงค์ ทุกประเด็น ผลงานสอดคล้อง ตามจุดประสงค์ เป็นส่วนใหญ่ ผลงานสอดคล้อง ตามจุดประสงค์ บางประเด็น ผลงานไม่สอดคล้อง ตามจุดประสงค์ 2. ผลงานมีความ ถูกต้อง สมบูรณ์ ครบถ้วน เนื้อหาสาระของ ผลงานมีความ ถูกต้อง สมบูรณ์ ครบถ้วน เนื้อหาสาระของ ผลงานมีความ ถูกต้อง สมบูรณ์ เป็นส่วนใหญ่ เนื้อหาสาระของ ผลงานมีคว าม ถูกต้อง ในบาง ประเด็น เนื้อหาสาระของ ผลงานไม่ถูกต้อง ไม่ครบถ้วน 3. ผลงานมีความ คิดสร้างสรรค์ ผลงานมีความคิด สร้างสรรค์และมี แนวคิดแปลกใหม่ ผลงานมีความคิด สร้างสรรค์ แต่ไม่ มีแนวคิดแปลก ใหม่ ผลงานมีคว าม น่าสนใจ แต่ไม่มี แนวคิดแปลกใหม่ ผลงานไม่แสดงถึง แนวคิดแปลกใหม่ 4. ผลงานมีความ เป็นระเบียบ ผลงานมีความ เป็นระเบียบและ มีการแสดงออก ถึงความประณีต ผลงานส่วนใหญ่มี ความเป็นระเบียบ แต่มีข้อบกพร่อง เล็กน้อย ผลงานมีความ เป็นระเบียบแต่มี ข้อบกพร่องใน บางส่วน ผลงานส่วนใหญ่ไม่ เป็นระเบียบและมี ข้อบกพร่อง 5. ผลงานเสร็จ ตรงตามเวลาที่ กำหนด ส่งผลงานภายใน เวลาที่กำหนด ส่งผลงานเกิน เวลาที่กำหนด เล็กน้อย ส่งงานช้ากว่า เวลาที่กำหนด 3 นาที ส่งงานช้ากว่าเวลา ที่กำหนด 5 นาที


350 เรื่อง การส่งเสริมการตลาดของสินค้าอุปโภคบริโภค ชื่อ-สกุล ……………….……..…..สาขาวิชา………………………….ระดับชั้น……………………………… ที่ รายการประเมิน ระดับคุณภาพ 4 3 2 1 1 ผลงานตรงตามวัตถุประสงค์ได้ที่กำหนด 2 ผลงานมีความถูกต้อง สมบูรณ์ครบถ้วน 3 ผลงานมีความคิดสร้างสรรค์ 4 ผลงานมีความเป็นระเบียบ 5 ผลงานเสร็จตรงตามเวลาที่กำหนด รวม เกณฑ์การประเมินคุณภาพ 18-20 คะแนน หมายถึง ดีมาก 15-17 คะแนน หมายถึง ดี 12-14 คะแนน หมายถึง พอใช้ ต่ำกว่า 12 คะแนน หมายถึง ปรับปรุง เกณฑ์การผ่าน ตั้งแต่ระดับคุณภาพพอใช้ขึ้นไป ลงชื่อ……………………………….ผู้ประเมิน .........../........................./............... แบบประเมินใบงานที่7.2


351 แบบฟอร์มใบงานที่ 7.2 เรื่อง การส่งเสริมการตลาดของสินค้าอุปโภคบริโภค คำชี้แจง : ให้นักเรียนแต่ละคนค้นหารูปภาพของสินค้าอุปโภคบริโภคที่นักเรียนมีความสนใจ คนละ 2 ภาพ เพื่อทำการส่งเสริมการตลาดของสินค้าให้เป็นที่รู้จักแก่กลุ่มลูกค้าตามแบบที่กำหนดให้ วิธีการส่งเสริมการตลาดของสินค้า ............................................................................................................................. ........................................ ..................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ........................................ วิธีการการส่งเสริมการตลาดของสินค้า ............................................................................................................................. ........................................ ..................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ........................................


352 คำชี้แจง : 1. แบบฝึกหัดมีจำนวน 3 ข้อ คะแนน 20 คะแนน 2. ให้นักเรียนใช้เวลาในการทำแบบฝึกหัด 20 นาที 1. จงพิจารณาคำศัพท์ต่อไปนี้แล้วนำตัวเลือกด้านขวามือมาใส่หน้าข้อคำถามด้านซ้ายมือให้ถูกต้อง (10 คะแนน) ………........1. การใส่รหัส ก. Promotion ……………..2. ผู้รับสาร ข. Communication Process ……………..3. ผู้ส่งสาร ค. Prospect Customer ……………..4. สื่อ ง. Receivers ……………..5. ผลสะท้อนกลับ จ. Noise ……………..6. สิ่งรบกวน ฉ. Source ……………..7. กระบวนการติดต่อสื่อสาร ช. Trade Promotion ……………..8. ลูกค้าที่คาดหวัง ซ. Media …..….……..9. สินค้าประเภทคงทนถาวร ฌ.Encoding ………..……10. การส่งเสริมการตลาด ญ. Feedback ฎ. Durable Goods ฏ. Decoding แบบฝึกหัดที่ 7.1 ชุดการสอนหน่วยที่ 7 เรื่อง การส่งเสริมการตลาด


353 2. จงทำเครื่องหมาย หน้าข้อความที่ถูกต้อง และทำเครื่องหมาย × หน้าข้อความที่ผิด (6 คะแนน) .................1. ข่าวสาร (Message) เป็นเนื้อหาหรือรายละเอียดต่าง ๆ ที่ผู้ส่งสารต้องการให้ ผู้รับสารได้ทราบข้อมูล ..................2. สิ่งรบกวน (Noise) เป็นอุปสรรคที่เกิดขึ้นในระหว่างการติดต่อสื่อสารที่ทำให้เกิด ความคลาดเคลื่อนระหว่างผู้ส่งข่าวสารกับผู้รับข่าวสาร ..................3. วัตถุประสงค์ของการส่งเสริมการตลาด เพื่อแจ้งข้อมูลข่าวสารและให้บริการด้าน ความรู้แก่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายเท่านั้น ..................4. การติดต่อสื่อสารที่ดีควรเป็นการติดต่อสื่อสารแบบทางเดียว (One Way Communication) .................5. การใส่รหัส เป็นขั้นตอนแรกของกระบวนการติดต่อสื่อสาร .................6. Feedback เป็นข้อมูลหรือผลที่สะท้อนกลับไปยังผู้ส่งสารจากการติดต่อสื่อสาร ซึ่งผลสะท้อนกลับเป็นข้อมูลที่ผู้ส่งสารต้องนำไปใช้ปรับปรุงการในสื่อสารครั้งต่อไป 3. จงตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง (4 คะแนน) 1. จงบอกความหมายของการส่งเสริมการตลาด ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. จงบอกความสำคัญของการส่งเสริมการตลาด ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. จงบอกวัตถุประสงค์ของการส่งเสริมการตลาด ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………


354 4. จงอธิบายกระบวนการติดต่อสื่อสาร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………


355 คำชี้แจง : 1. แบบฝึกหัดมีจำนวน 3 ข้อ คะแนน 20 คะแนน 2. ให้นักเรียนใช้เวลาในการทำแบบฝึกหัด 20 นาที 1. จงพิจารณาคำศัพท์ต่อไปนี้แล้วนำตัวเลือกด้านขวามือมาใส่หน้าข้อคำถามด้านซ้ายมือให้ถูกต้อง (10 คะแนน) ………........1. การเตรียมตัวก่อนการเข้าพบ ก. Direct Marketing ……………..2. การเผชิญข้อโต้แย้ง ข. Meeting Objections ……………..3. การส่งเสริมการขายที่มุ่งสู่พนักงานขาย ค. Presentation and Demonstration ……………..4. การตลาดทางตรง ง. Budget Funds ……………..5. ประเภทของลูกค้า จ. Sales forces Promotion ……………..6. ลักษณะของผลิตภัณฑ์ ฉ. Source ……………..7. การเผชิญข้อโต้แย้ง ช. Trade Promotion ……………..8. งบประมาณ ซ. Type of Customer …..….……..9. การเสนอขายและการสาธิต ฌ. Meeting Objections ………..……10. การส่งเสริมการขายที่มุ่งสู่คนกลาง ญ. Personal Selling ฎ. Nature of Product ฏ. Pre - Approach แบบฝึกหัดที่ 7.2 ชุดการสอนหน่วยที่ 7 เรื่อง การส่งเสริมการตลาด


356 2. จงทำเครื่องหมาย หน้าข้อความที่ถูกต้อง และทำเครื่องหมาย × หน้าข้อความที่ผิด (7 คะแนน) ..................1. การโฆษณา เป็นวิธีการสื่อสารที่มีความยืดหยุ่นมากที่สุด ..................2.ขั้นถดถอย (Decline Stage) เป็นช่วงที่กิจการมียอดขายและกำไรลดลง ..................3. วัตถุประสงค์ของการประชาสัมพันธ์ เพื่อนำเสนอขายสินค้าหรือบริการ ให้ได้มากที่สุด ..................4. สื่อโทรทัศน์ เป็นสื่อที่มีอิทธิพลต่อการสื่อสารมากที่สุดเนื่องจากเป็นสื่อ ที่มีความครอบคลุมสูง เป็นสื่อที่มีทั้งภาพ เสียง และการเคลื่อนไหว ..................5. ส่วนประสมของการส่งเสริมการตลาด (Promotion Mix) เป็นเครื่องมือสื่อสาร ทางการตลาดเพื่อแจ้งข้อมูลข่าวสาร จูงใจ กระตุ้นผู้บริโภค สร้างทัศนคติ และก่อให้เกิดพฤติกรรมการซื้อ ..................6. กลยุทธ์การส่งเสริมการตลาด ประกอบด้วย 4 กลยุทธ์คือ กลยุทธ์ดึง กลยุทธ์ผลัก กลยุทธ์ผสม และกลยุทธ์รวม .................7. ปัจจัยที่มีอิทธิพลในการเลือกส่วนประสมการส่งเสริมการตลาด ได้แก่ งบประมาณและขั้นตอนของวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ 3. จงตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง (3 คะแนน) 1. จงอธิบายส่วนประสมของการส่งเสริมการตลาด ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. จงบอกปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเลือกส่วนประสมการส่งเสริมการตลาด ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. จงอธิบายกลยุทธ์การส่งเสริมการตลาด ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………


357 คำชี้แจง : 1. จงเลือกคำตอบที่ถูกที่สุดเพียงคำตอบเดียวแล้วทำเครื่องหมาย X ลงในกระดาษคำตอบ 2. แบบทดสอบมีจำนวน 10 ข้อ คะแนนเต็ม 10 คะแนน ใช้เวลาในการทำแบบทดสอบ 10 นาที *************************************************************************** 1. ข้อใดไม่ใช่ความหมายของการส่งเสริมการตลาด ก. การเปลี่ยนแปลงความเชื่อ ข. การตอกย้ำตราสินค้า ค. การส่งข้อมูลข่าวสาร ง. การชักจูงใจ 2. ข้อใดเป็นความสำคัญของการส่งเสริมการตลาด ก. กระตุ้นผู้บริโภคให้ซื้อสินค้าและเพิ่มยอดขายให้กับกิจการ ข. ทำให้คนกลางในช่องทางการจัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นทำ ค. ให้ต้นทุนในการผลิตสินค้าของกิจการเพิ่มขึ้น ง. ทำให้มีคู่แข่งขันเพิ่มขึ้น 3. ข้อใดเป็นวัตถุประสงค์ของการส่งเสริมการตลาด ก. เพื่อส่งเสริมและพัฒนากระบวนการติดต่อสื่อสารของกิจการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ข. เพื่อแจ้งข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการและโน้มน้าวให้ตัดสินใจซื้อ ค. เพื่อให้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดำเนินงานของกิจการ ง. เพิ่มปริมาณการขายให้สูงขึ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ 4. ข้อใดเป็นอุปสรรคที่เกิดขึ้นในระหว่างการติดต่อสื่อสารที่ทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนระหว่าง ผู้ส่งข่าวสารกับผู้รับข่าวสาร ก. ผู้รับข่าวสาร ข. สิ่งรบกวน ค. ข่าวสาร ง. สื่อ แบบทดสอบหลังเรียน ชุดการสอนที่ 7 เรื่อง การส่งเสริมการตลาด


358 5. ข้อใดเป็นส่วนประสมของการส่งเสริมการตลาด ก. Communication ข. Management ค. Production ง. Advertising 6. ข้อใดคือสิ่งที่พนักงานขายต้องเตรียมตัวก่อนเข้าพบผู้ ก. บุคลิกภาพ สินค้า อุปกรณ์ ความรู้เกี่ยวกับลูกค้า กิจการและคู่แข่งขัน ข. ความรู้เกี่ยวกับกิจการและคู่แข่งขัน ค. อุปกรณ์ ความรู้เกี่ยวกับลูกค้า ง. สินค้า บุคลิกภาพ 7. ข้อใดเป็นกิจกรรมประชาสัมพันธ์ ก. การฝึกอบรมพนักงานขาย ข. การลดราคาสินค้า ค. การจัดแถลงข่าว ง. การชิงโชค 8. ขั้นตอนใดของวัฏจักรวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้ส่วนประสมของการส่งเสริมการตลาดมากที่สุด ก. ขั้นเติบโตเต็มที่หรือขั้นอิ่มตัว ข. ขั้นเจริญเติบโต ค. ขั้นถดถอย ง. ขั้นแนะนำ 9. ข้อใดเป็นกิจกรรมการส่งเสริมการขายที่ใช้กลยุทธ์ดึง (Pull Strategy) ก. การให้เงินรางวัลสำหรับพนักงานขายที่มียอดขายสูงสุด ข. ซื้อยาสีฟัน 2 กล่อง แถมฟรีแก้วน้ำ 1 ใบ ค. การฝึกอบรมให้กับพนักงานขาย ง. การสาธิตการใช้เตาไมโครเวฟ 10. ข้อใดเป็นกิจกรรมการส่งเสริมการขายที่นิยมใช้กลยุทธ์ผลัก (Push Strategy) ก. ซื้อสินค้าแผนกอาหารสดครบ 500 บาท แลกซื้อสินค้าราคาพิเศษได้ 3 ชิ้น ข. การเลื่อนตำแหน่งให้พนักงานขาย เนื่องจากทำยอดขายได้ตามเป้าหมาย ค. การลดราคาสินค้าของห้างสรรพสินค้า 50% ในเทศกาลปีใหม่ ง. ซื้อบ้านราคา 3 ล้านบาท ฟรีรถจักรยาน 1 คัน


359 สื่อประกอบการจัดการเรียนรู้เป็นสื่อนำเสนอ PowerPoint ใช้กับโปรแกรม Microsoft PowerPoint สื่อประกอบการจัดการเรียนรู้ ชุดการสอนหน่วยที่ 7 เรื่อง การส่งเสริมการตลาด


360 สื่อประกอบการจัดการเรียนรู้เป็นสื่อนำเสนอ PowerPoint ใช้กับโปรแกรม Microsoft PowerPoint สื่อประกอบการจัดการเรียนรู้ ชุดการสอนหน่วยที่ 7 เรื่อง การส่งเสริมการตลาด


361 สื่อประกอบการจัดการเรียนรู้เป็นสื่อนำเสนอ PowerPoint ใช้กับโปรแกรม Microsoft PowerPoint สื่อประกอบการจัดการเรียนรู้ ชุดการสอนหน่วยที่ 7 เรื่อง การส่งเสริมการตลาด


362 สื่อประกอบการจัดการเรียนรู้เป็นสื่อนำเสนอ PowerPoint ใช้กับโปรแกรม Microsoft PowerPoint สื่อประกอบการจัดการเรียนรู้ ชุดการสอนหน่วยที่ 7 เรื่อง การส่งเสริมการตลาด


363 ก่อเกียรติ วิริยะกิจพัฒนา. การตลาดเบื้องต้น. กรุงเทพฯ : วังอักษร, 2563. เชาว์โรจนแสง. การจัดการตลาด. นนทบุรี : มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2555. นธกฤต วันต๊ะเมล์. การสื่อสารการตลาด. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, 2555. เพ็ญศรี เขมะสุวรรณ และภควดี เลิศกาญจนวัต. หลักการตลาด. กรุงเทพฯ : ศูนย์ส่งเสริมวิชาการ, 2558. ภาวิณี กาญจนาภา. หลักการตลาด. กรุงเทพฯ : ท็อป, 2554. วิทวัส รุ่งเรืองผล. หลักการตลาด. พิมพ์ครั้งที่ 9. ปทุมธานี : โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2558. ศิริวรรณ เสรีรัตน์ และคณะ. หลักการตลาด. นนทบุรี : ธรรมสาร, 2562. ศุภชาต เอี่ยมรัตนกูล. หลักการตลาด. กรุงเทพฯ : แสงดาว, 2557. สิฏฐากร ชูทรัพย์และประอรรัตน์ กีรติผจญ. หลักการตลาด. นนทบุรี: เอมพันธ์, 2563. สุคนธจรินทร์ ไกรศรวัชร. การตลาดเบื้องต้น. นนทบุรี : ศูนย์หนังสือเมืองไทย, 2562. บรรณานุกรม


364 ชื่อวิชา การตลาดเบื้องต้น รหัสวิชา 20200-2001 สอนครั้งที่ 13-14 ชุดการสอนหน่วยที่ 7 เรื่องการส่งเสริมการตลาด จำนวน 8 ชั่วโมง *************************************************************************** รหัส ประจำตัว ชื่อ - สกุล พฤติกรรมการเข้าเรียน หมาย เหตุ มา ปกติ มา สาย ขาด เรียน ลา กิจ ลา ป่วย รวม (คน) รวมทั้งสิ้น (คน) หมายเหตุครูผู้สอนทำเครื่องหมาย ✓ ในช่องที่ตรงกับพฤติกรรมการเข้าเรียน สรุป จำนวนนักเรียนทั้งสิ้น.........คน มาปกติ................................คน มาสาย...............................คน ขาดเรียน.............................คน ลากิจ.................................คน ลาป่วย................................คน (นางนันทนา บำรุงชาติ) ครูผู้สอน แบบบันทึกเวลาเรียน


365 ใบงานที่............. เรื่อง................................ ชื่อผู้รับการประเมิน......................................... คำชี้แจง : ให้ทำเครื่องหมาย ลงในช่องพฤติกรรมของนักเรียนตามความเป็นจริง ที่ คุณลักษณะ/พฤติกรรมบ่งชี้ ระดับพฤติกรรม คะแนนที่ได้ ใช้ได้ = 1 ปรับปรุง = 0 1. ความมีวินัย 1.1 ตรงต่อเวลา 1.2 แต่งกายตามถูกต้องตามระเบียบ 2. ความรับผิดชอบ 2.1 มีความตั้งใจในการเรียนรู้ 2.2 ปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายภายในเวลา ที่กำหนด 3. ความสนใจใฝ่รู้ 3.1 มีความกระตือรือร้นในการใฝ่หาความรู้ 3.2 ศึกษาค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเอง 4. ความมีมนุษย์สัมพันธ์ 4.1 ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น 4.2 ให้ความร่วมมือกับผู้อื่นในการเรียนรู้ 5. ความคิดสร้างสรรค์ 5.1 มีความคิดสร้างสรรค์ในการปฏิบัติงาน 5.2 ปฏิบัติงานถูกต้องและเหมาะสม รวมคะแนน เกณฑ์การประเมินคุณภาพ ระดับ 1 หมายถึง ปฏิบัติเป็นประจำ ระดับ 0 หมายถึง ไม่เคยปฏิบัติ ลงชื่อ……………………………….ผู้ประเมิน (นางนันทนา บำรุงชาติ) แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์


366 ระดับชั้น...........................แผนกวิชา..............................................วัน/เดือน/ปี...................................... ที่ ชื่อ – สกุล ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความสนใจใฝ่รู้ ความมีมนุษย์สัมพันธ์ ความคิดสร้างสรรค์ รวมคะแนน 2 2 2 2 2 10 เกณฑ์การประเมินคุณภาพ 9-10 คะแนน หมายถึง ดีมาก 7-8 คะแนน หมายถึง ดี 5-6 คะแนน หมายถึง พอใช้ ต่ำกว่า 5 คะแนน หมายถึง ปรับปรุง เกณฑ์การผ่าน ตั้งแต่ระดับคุณภาพพอใช้ขึ้นไป ลงชื่อ……………………………….ผู้ประเมิน (นางนันทนา บำรุงชาติ) ใบสรุปประเมินคุณธรรม จริยธรรม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ชุดการสอนหน่วยที่ 7 เรื่อง การส่งเสริมการตลาด


367 ชื่อ……………….………..สกุล………………………ระดับชั้น…………………………รหัส………………….... คำชี้แจง : 1. ให้นักเรียนประเมินตนเองตามแบบประเมินที่กำหนดให้ 2. นำคะแนนเฉลี่ยที่ได้ประเมินผลตนเองตามเกณฑ์การประเมินว่าอยู่ในระดับใด รายการประเมิน คะแนน เต็ม คะแนนที่ได้ หมายเหตุ 1. การทดสอบก่อนเรียน 10 …………….. คะแนนของทดสอบ ก่อนเรียนไม่นำมา รวมกับคะแนนของ กิจกรรมอื่น ๆ ใช้ สำหรับประเมินผล การพัฒนาการเรียน ของนักเรียนเท่านั้น 2. การประเมินผลขณะเรียน 2.1 ใบงานที่ 7.1 2.2 ใบงานที่ 7.2 2.3 แบบฝึกหัดที่ 7.1 2.4 แบบฝึกหัดที่ 7.2 2.5 ใบประเมินคุณธรรมจริยธรรมและ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 20 20 20 20 10 …………….. …………….. …………….. …………….. …………….. หมายเหตุคะแนนประเมินผลขณะเรียน = คะแนนรวม (ข้อ 2.1 ถึงข้อ 2.5) ÷ 2 45 …………….. 3. การทดสอบหลังเรียน 10 …………….. คะแนนรวม (ข้อ 2 ถึงข้อ 3) 55 …………….. เกณฑ์การประเมินคุณภาพ ผ่าน ดีมาก (48-55 คะแนน) ดี (40-47 คะแนน) พอใช้ (32-39 คะแนน) ไม่ผ่าน ปรับปรุง (ต่ำกว่า 32 คะแนน) ลงชื่อ……………………………….ผู้ประเมิน ……………/……………/………………. แบบสรุปผลคะแนนการเรียนรู้ (รายบุคคล) ชุดการสอนหน่วยที่ 7 เรื่อง การส่งเสริมการตลาด


เอกสารประกอบชุดการสอน วิชาการตลาดเบื้องต้น (Basic Marketing) รหัสวิชา 20202-2001 หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) พุทธศักราช 2562 ประเภทวิชาพาณิชยกรรม หน่วยที่ 8 เรื่อง จรรยาบรรณนักการตลาด นางนันทนา บำรุงชาติ วิทยาลัยการอาชีพท้ายเหมือง สำนักงานคณะกรรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ


369 ลำดับขั้นตอนการเรียนรู้ด้วยชุดการสอนหน่วยที่ 8 เรื่อง จรรยาบรรณนักการตลาด แผนภูมิ แสดงลำดับขั้นตอนการเรียนรู้ด้วยชุดการสอน เริ่ม ศึกษาคำแนะนำ สำหรับนักเรียน ทดสอบก่อนเรียน กิจกรรมการเรียนรู้ ทดสอบหลังเรียน ศึกษาชุดการสอนต่อไป จบ สอนซ่อมเสริม ไม่ผ่านเกณฑ์ ผ่านเกณฑ์


370 ชื่อวิชา การตลาดเบื้องต้น รหัสวิชา 20200-2001 สอนครั้งที่ 15 ชุดการสอนหน่วยที่ 8 เรื่อง จรรยาบรรณนักการตลาด จำนวน 4 ชั่วโมง **************************************************************************** 1. ให้นักเรียนศึกษาคำแนะนำสำหรับการเรียนรู้ชุดการสอนหน่วยที่ 8 เรื่องจรรยาบรรณนักการตลาด ประกอบด้วย 1.1 จุดประสงค์การเรียนรู้ 1.2 เนื้อหาสาระการเรียนรู้ 2. ให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนชุดการสอนหน่วยที่ 8 เรื่องจรรยาบรรณนักการตลาด จำนวน 10 ข้อ เวลา 10 นาที คะแนน 10 คะแนน 3. ให้นักเรียนศึกษาใบเนื้อหาชุดการสอนหน่วยที่ 8 ประกอบด้วย 3.1 ความหมายและจรรยาบรรณของนักการตลาด 3.2 ความสำคัญของจรรยาบรรณนักการตลาด 3.3 จรรยาบรรณนักการตลาดพึงปฏิบัติ 3.4 อุปสรรคที่มีต่อจรรยาบรรณ 3.5 ความรับผิดชอบต่อสังคมและการตลาดสัมพันธภาพ 3.6 ปัญหาของธุรกิจกับความรับผิดชอบต่อสังคม 3.7 ประโยชน์ความรับผิดชอบต่อสังคมของนักการตลาด 4. ให้นักเรียนทำกิจกรรมใบงานชุดการสอนหน่วยที่ 8 เรื่องจรรยาบรรณนักการตลาด 5. ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดชุดการสอนหน่วยที่ 8 เรื่องจรรยาบรรณนักการตลาด 6. ให้นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียนชุดการสอนหน่วยที่ 8 เรื่องจรรยาบรรณนักการตลาด จำนวน 10 ข้อ เวลา 10 นาที คะแนน 10 คะแนน 7. ให้นักเรียนประเมินตนเองตามใบสรุปคะแนนการเรียนรู้ (รายบุคคล) ของชุดการสอนหน่วยที่ 8 8. สำหรับนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินผลจะจัดกิจกรรมการสอนซ่อมเสริม เพื่อเติมเต็มและทำ การทดสอบใหม่ คำแนะนำสำหรับนักเรียน


371 ชื่อวิชา การตลาดเบื้องต้น รหัสวิชา 20200-2001 สอนครั้งที่ 15 ชุดการสอนหน่วยที่ 8 เรื่อง จรรยาบรรณนักการตลาด จำนวน 4 ชั่วโมง *************************************************************************** จุดประสงค์การเรียนรู้ ด้านความรู้ นักเรียนสามารถ 1. บอกความหมายของจรรยาบรรณของนักการตลาดได้ 2. บอกความสำคัญของจรรยาบรรณนักการตลาดได้ 3. อธิบายจรรยาบรรณนักการตลาดที่พึงปฏิบัติได้ 4. บอกอุปสรรคที่มีต่อจรรยาบรรณได้ 5. อธิบายความรับผิดชอบต่อสังคมและการตลาดสัมพันธภาพได้ 6. บอกปัญหาของธุรกิจกับความรับผิดชอบต่อสังคมได้ 7. บอกประโยชน์ความรับผิดชอบต่อสังคมของนักการตลาดได้ ด้านทักษะ ปฏิบัติตนเป็นนักการตลาดที่มีจรรยาบรรณได้ ด้านคุณลักษณะที่พึงประสงค์ นักเรียนปฏิบัติตนด้วยความมีวินัย มีความรับผิดชอบ มีความสนใจใฝ่รู้ มีมนุษย์สัมพันธ์และ ปฏิบัติงานด้วยความคิดสร้างสรรค์โดยใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เนื้อหาสาระการเรียนรู้ 1. ความหมายและจรรยาบรรณของนักการตลาด 1.1 ความหมายของจรรยาบรรณ 1.2 จรรยาบรรณของนักการตลาด 2. ความสำคัญของจรรยาบรรณนักการตลาด 2.1 ควบคุมมาตรฐานการประกอบวิชาชีพของนักการตลาด 2.2 ควบคุมจรรยาบรรณของนักการตลาด 2.3 ส่งเสริมมาตรฐานจรรยาบรรณวิชาชีพของนักการตลาด 2.4 ลดปัญหาที่เกิดขึ้นจากการกระทำของนักการตลาด 2.5 ส่งเสริมจรรยาบรรณความรับผิดชอบของนักการตลาด รายการจุดประสงค์การเรียนรู้และเนื้อหาสาระการเรียนรู้


Click to View FlipBook Version