The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

รวมระเบียบคำสั่ง กรมที่ดิน ประจำปี 2558 (ปี 2558)

กองแผนงาน

Keywords: ด้านทั่วไป

หมวด ๑
___บ__ท_ท_ั่ว_ไ_ป____
มาตรา ๖ การจัดเก็บภาษีตามพระราชบัญญัตินี้ให้เป็นอำ�นาจหน้าที่ของ
กรมสรรพากร
มาตรา ๗ ในกรณที ผ่ี มู้ หี นา้ ทเ่ี สยี ภาษเี ปน็ ผเู้ ยาว ์ คนไรค้ วามสามารถ หรอื คนเสมอื น
ไร้ความสามารถ  ให้ผู้แทนโดยชอบธรรม  ผู้อนุบาลหรือผู้พิทักษ์เป็นผู้มีหน้าที่ปฏิบัติการใดๆ
ตามพระราชบญั ญตั นิ แ้ี ทนผเู้ ยาว์ คนไรค้ วามสามารถ หรอื คนเสมอื นไรค้ วามสามารถ แลว้ แตก่ รณี
มาตรา ๘ ก�ำ หนดเวลาการยน่ื แบบแสดงรายการหรอื แจง้ รายการตา่ งๆ การอทุ ธรณ์
และการเสียภาษีตามท่ีกำ�หนดไว้ในพระราชบัญญัติน้ี  ถ้าผู้มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกำ�หนดเวลา
ดังกล่าว  มีเหตุจำ�เป็นจนไม่สามารถจะปฏิบัติตามกำ�หนดเวลาได้หรือมิได้อยู่ในประเทศไทย
อธบิ ดีจะอนญุ าตใหเ้ ลื่อนก�ำ หนดเวลาออกไปอกี ตามความจ�ำ เปน็ แก่กรณกี ็ได้
ในกรณีที่มีเหตุจำ�เป็นเป็นการทั่วไปท่ีจะทำ�ให้ผู้มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามพระราช
บัญญัติน้ีไม่อาจปฏิบัติภายในกำ�หนดเวลาตามพระราชบัญญัตินี้ได้  อธิบดีจะประกาศขยาย
กำ�หนดเวลาออกไปตามสมควรจนกว่าเหตุดังกล่าวจะหมดส้ินไปก็ได้  และเมื่อได้ขยายกำ�หนด
เวลาออกไปแล้ว  ให้ถือว่ากำ�หนดเวลาที่ขยายออกไปน้ันเป็นกำ�หนดเวลาท่ีกำ�หนดตามพระราช
บัญญัตนิ ี้
หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเลื่อนหรือขยายกำ�หนดเวลาของอธิบดีตามวรรคหน่ึง
และวรรคสอง ให้เปน็ ไปตามทร่ี ัฐมนตรีก�ำ หนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
มาตรา ๙ เอกสารท่ีมีถึงบุคคลใดตามพระราชบัญญัตินี้  ให้ส่งโดยทางไปรษณีย์
ลงทะเบียนตอบรับ  หรือให้เจ้าพนักงานสรรพากรนำ�ไปส่ง  ณ  ภูมิลำ�เนา  หรือถ่ินท่ีอยู่  หรือ
ส�ำ นกั งานของบคุ คลนน้ั ในระหวา่ งพระอาทติ ยข์ น้ึ ถงึ พระอาทติ ยต์ กหรอื ในเวลาท�ำ การของบคุ คลนน้ั
ถ้าไม่พบผู้รับ  ณ  ภูมิลำ�เนา  หรือถ่ินท่ีอยู่  หรือสำ�นักงานของผู้รับ  จะส่งให้แก่บุคคลใดซ่ึงบรรลุ
นิติภาวะแลว้ และอยู่ หรือท�ำ งานในบ้านหรือส�ำ นกั งานที่ปรากฏว่าเป็นของผู้รบั นน้ั ก็ได้
ในกรณีที่ไม่สามารถส่งเอกสารตามวิธีที่กำ�หนดในวรรคหนึ่ง หรือบุคคลนั้นออกไป
นอกประเทศไทย  ให้ใช้วิธีปิดหมายเอกสารนั้นในที่ซ่ึงเห็นได้ง่าย  ณ  ท่ีอยู่หรือสำ�นักงานของ
บุคคลนั้น  หรือบ้านที่บุคคลนั้นมีช่ืออยู่ในทะเบียนบ้านตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร
ครั้งสุดท้าย  หรือจะโฆษณาข้อความย่อในหนังสือพิมพ์ที่จำ�หน่ายเป็นปกติในท้องท่ีน้ัน  หรือโดย
วธิ กี ารอ่นื ใดตามที่อธิบดีกำ�หนดกไ็ ด้
เม่ือได้ปฏิบัติตามวิธีดังกล่าวในวรรคหน่ึงหรือวรรคสองแล้ว  ให้ถือว่าเป็นอันได้รับ
เอกสารนั้นแลว้
มาตรา ๑๐ เม่ือเจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเก่ียวกับ
อสังหาริมทรพั ยท์ ไี่ ดม้ าโดยทางมรดก ใหแ้ จง้ การจดทะเบียนน้ันตอ่ กรมสรรพากร ตามหลักเกณฑ์
วิธีการ และภายในก�ำ หนดเวลาทคี่ ณะรัฐมนตรีกำ�หนด

๓๙๗

หมวด ๒
__ก_า_ร_เ_ส_ยี _ภ__า_ษ_ี _
มาตรา ๑๑ ภายใต้บงั คับมาตรา ๑๒ ใหบ้ คุ คลผู้ไดร้ ับมรดกดังต่อไปนเ้ี ป็นผู้มีหน้าท่ี
เสียภาษตี ามบทบัญญตั ิแห่งพระราชบัญญัตินี้
(๑) บุคคลผู้มสี ญั ชาตไิ ทย
(๒) บคุ คลธรรมดาผูม้ ไิ ด้มีสัญชาติไทย แตม่ ีถ่นิ ทอี่ ย่ใู นราชอาณาจกั รตามกฎหมาย
วา่ ด้วยคนเขา้ เมือง
(๓) บคุ คลผูม้ ไิ ดม้ ีสัญชาตไิ ทย แต่ได้รับมรดกอันเปน็ ทรพั ยส์ นิ ท่ีอยู่ในประเทศไทย
ในกรณีท่ีผู้ได้รับมรดกเป็นนิติบุคคล  ให้ถือว่านิติบุคคลท่ีจดทะเบียนในประเทศไทย
หรือจัดตั้งขึ้นโดยกฎหมายไทย  หรือมีผู้มีสัญชาติไทยถือหุ้นเกินร้อยละห้าสิบของทุนจดทะเบียน
ทช่ี �ำ ระแลว้ ในขณะมสี ทิ ธไิ ดร้ บั มรดก หรอื มผี มู้ สี ญั ชาตไิ ทยเปน็ ผมู้ อี �ำ นาจบรหิ ารกจิ การเกนิ กง่ึ หนง่ึ
ของคณะบุคคลซึ่งมีอำ�นาจบรหิ ารกจิ การท้งั หมด เปน็ บคุ คลผมู้ สี ญั ชาตไิ ทย
ในกรณีตาม  (๓)  ถ้าในขณะท่ีเจ้ามรดกถึงแก่ความตาย  ทรัพย์สินท่ีเป็นมรดกเป็น
ทรพั ยส์ ินทอี่ ยู่ในประเทศไทย แม้ภายหลังจะเปล่ยี นสภาพอยา่ งใด ก็ใหถ้ ือวา่ เปน็ ทรพั ย์สนิ ท่อี ย่ใู น
ประเทศไทย และผ้ไู ด้รับมรดกน้ันยงั มีหน้าทต่ี อ้ งเสียภาษีตามมาตรา ๑๒
รัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี  อาจลดหรือยกเว้นภาษีตามพระราช
บัญญัติน้ีแก่บุคคลตามสัญญาหรือความตกลงเพ่ือการเว้นการเก็บภาษีซ้อนเก่ียวกับการรับมรดก
ท่ีรฐั บาลไทยไดท้ �ำ ไวก้ บั รฐั บาลตา่ งประเทศ ทงั้ น้ี โดยประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา
มาตรา ๑๒ ผู้ได้รับมรดกจากเจ้ามรดกแต่ละราย  ไม่ว่าจะได้รับมาในคราวเดียว
หรือหลายคราว  ถ้ามรดกที่ได้รับมาจากเจ้ามรดกแต่ละรายรวมกันมีมูลค่าเกินหนึ่งร้อยล้านบาท
ตอ้ งเสียภาษีเฉพาะส่วนทีเ่ กินหนึ่งรอ้ ยล้านบาท
มูลค่ามรดกตามวรรคหนึ่ง  หมายถึงมูลค่าของทรัพย์สินทั้งส้ินที่ได้รับเป็นมรดก
หักดว้ ยภาระหนี้สินอนั ตกทอดมาจากการรับมรดกนนั้
ใหม้ กี ารพจิ ารณาทบทวนมลู คา่ มรดกตามวรรคหนง่ึ ทกุ หา้ ป ี โดยน�ำ อตั ราการเปลย่ี นแปลง
ดัชนีราคาผู้บริโภคที่กระทรวงพาณิชย์คำ�นวณเพื่อใช้ในราชการในรอบระยะเวลานั้นมาประกอบ
การพจิ ารณาดว้ ย โดยการก�ำ หนดมูลคา่ มรดกข้ึนใหม่ใหต้ ราเปน็ พระราชกฤษฎีกา
มาตรา ๑๓ บทบัญญัตใิ นมาตรา ๑๒ ไมใ่ ช้บังคบั แก่
(๑) บุคคลผู้ได้รับมรดกที่เจ้ามรดกแสดงเจตนาหรือเห็นได้ว่ามีความประสงค์ให้ใช้
มรดกนั้นเพอื่ ประโยชนใ์ นกิจการศาสนา กิจการศึกษา หรอื กจิ การสาธารณประโยชน์
(๒) หนว่ ยงานของรฐั และนติ บิ ุคคลที่มีวตั ถุประสงคเ์ พ่ือกจิ การศาสนา กิจการศกึ ษา
หรือกจิ การสาธารณประโยชน์

๓๙๘

(๓) บุคคลหรืองค์การระหว่างประเทศตามข้อผูกพันท่ีประเทศไทยมีอยู่ต่อองค์การ
สหประชาชาติ หรือตามกฎหมายระหวา่ งประเทศ หรอื ตามสัญญาหรอื ตามหลกั ถอ้ ยทีถ้อยปฏบิ ตั ิ
ต่อกันกับนานาประเทศ
ท้ังน้ี  เฉพาะตามประเภทหรือรายช่ือที่กำ�หนดในกฎกระทรวง  โดยในกฎกระทรวง
ดังกล่าวจะกำ�หนดหลักเกณฑ์ เง่ือนไข และวิธีตรวจสอบติดตามไว้ดว้ ยกไ็ ด้
มาตรา ๑๔ มรดกซึ่งตอ้ งเสียภาษี ได้แก่ ทรพั ยส์ นิ ดงั ตอ่ ไปน้ี
(๑) อสังหารมิ ทรัพย์
(๒) หลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าดว้ ยหลักทรัพยแ์ ละตลาดหลักทรัพย์
(๓) เงินฝากหรือเงินอื่นใดที่มีลักษณะอย่างเดียวกันท่ีเจ้ามรดกมีสิทธิเรียกถอนคืน
หรอื สทิ ธเิ รียกรอ้ งจากสถาบนั การเงินหรือบคุ คลท่ไี ดร้ บั เงนิ น้นั ไว้
(๔) ยานพาหนะทม่ี หี ลกั ฐานทางทะเบียน
(๕) ทรพั ย์สินทางการเงนิ ที่กำ�หนดเพิ่มข้ึนโดยพระราชกฤษฎกี า
กรณผี ู้ได้รับมรดกตามมาตรา ๑๑ (๑) และ (๒) ใหเ้ สยี ภาษีจากทรัพย์สินท้ังที่อย ู่
ในประเทศไทยและนอกประเทศไทย และกรณผี ไู้ ดร้ บั มรดกตามมาตรา ๑๑ (๓) ใหเ้ สยี ภาษเี ฉพาะ
จากทรัพยส์ ินท่ีอยู่ในประเทศไทย
ทรัพยส์ นิ ใดเป็นทรัพย์สนิ ทีอ่ ย่ใู นประเทศไทยใหเ้ ป็นไปตามทก่ี �ำ หนดในกฎกระทรวง
มาตรา ๑๕ การค�ำ นวณมูลคา่ ของทรพั ยส์ นิ ให้ถือตามราคาหรือมูลค่าอนั พึงมใี นวัน
ทีไ่ ดร้ ับทรัพยส์ ินน้นั เปน็ มรดก ดังตอ่ ไปน้ี
(๑) กรณเี ปน็ อสงั หารมิ ทรพั ย ์ ใหถ้ อื เอาตามราคาประเมนิ ทนุ ทรพั ยข์ องอสงั หารมิ ทรพั ย์
เพ่อื เรียกเก็บคา่ ธรรมเนียมจดทะเบยี นสทิ ธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายท่ดี ิน หักด้วยภาระ
ทถ่ี ูกรอนสทิ ธิตามหลักเกณฑ์ทกี่ �ำ หนดในกฎกระทรวง
(๒) กรณีเปน็ หลกั ทรัพยท์ ่ีจดทะเบยี นในตลาดหลกั ทรัพยแ์ หง่ ประเทศไทย ให้ถือเอา
ราคาของหลกั ทรัพยน์ นั้ ในเวลาส้ินสุดเวลาทำ�การของตลาดหลักทรัพย์ในวันที่ไดร้ ับมรดก
(๓) กรณีอื่นให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ท่ีกำ�หนดในกฎกระทรวง  แต่หลักเกณฑ์
ดังกลา่ วให้กำ�หนดเป็นการท่ัวไปโดยไม่มลี กั ษณะเป็นการเฉพาะเจาะจง
ถา้ จ�ำ เปน็ ตอ้ งค�ำ นวณเงนิ ตราตา่ งประเทศเปน็ เงนิ ตราไทย ใหค้ ดิ ตามอตั ราแลกเปลย่ี น
ตามหลกั เกณฑแ์ ละวิธกี ารท่กี รมสรรพากรประกาศกำ�หนด
มาตรา ๑๖ ให้ผู้มีหน้าท่ีเสียภาษีคำ�นวณและเสียภาษีในอัตราร้อยละสิบของมูลค่า
มรดก  ในส่วนท่ีต้องเสียภาษีตามมาตรา  ๑๒  แต่ถ้าผู้ได้รับมรดกเป็นบุพการี  หรือผู้สืบสันดาน
ให้เสยี ภาษีในอัตราร้อยละหา้

๓๙๙

หมวด ๓
การย่ืนแบบ การ_ช_�ำ _ร_ะ_ภ_า_ษ__ ี _แ_ล_ะ_การประเมินภาษี
มาตรา ๑๗ ภายใต้บังคับมาตรา  ๒๓  ให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีย่ืนแบบแสดงรายการ
ภาษีและชำ�ระภาษีตามแบบท่ีอธิบดีกำ�หนด  ภายในหน่ึงร้อยห้าสิบวันนับแต่วันที่ได้รับมรดก
ท่ีเป็นเหตใุ หม้ ีหนา้ ทีเ่ สยี ภาษีตามมาตรา ๑๒ วรรคหนึง่
การย่ืนแบบแสดงรายการภาษีและชำ�ระภาษีตามวรรคหนึ่ง  ให้ยื่นและชำ�ระ
ณ สำ�นักงานสรรพากรพน้ื ท่ีสาขาแห่งใดแหง่ หน่งึ หรือ ณ สถานท่ีอนื่ ใดตามทีอ่ ธบิ ดกี ำ�หนด
เม่ือเจ้าหน้าที่ของสำ�นักงานสรรพากรพื้นที่สาขาได้รับแบบแสดงรายการภาษีแล้ว
ใหส้ ง่ ตอ่ เจา้ พนกั งานประเมนิ โดยเรว็ และใหเ้ จา้ พนกั งานประเมนิ ด�ำ เนนิ การประเมนิ ภาษใี หแ้ ลว้ เสรจ็
ภายในหน่ึงปีนับแต่วันที่มีการย่ืนแบบแสดงรายการภาษี  ในกรณีที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีต้อง
เสียภาษีเพิ่มและได้ชำ�ระภาษีภายในกำ�หนดเวลาตามมาตรา  ๒๒  มิให้คิดเบ้ียปรับหรือเงินเพิ่ม
เว้นแต่การต้องเสียภาษีเพิ่มน้ันเกิดจากรายการที่ผู้ย่ืนมิได้แสดงไว้ในแบบแสดงรายการภาษีหรือ
แสดงไว้เปน็ เทจ็
ระยะเวลาหนึ่งปีตามวรรคสาม เม่ือมเี หตอุ นั จำ�เป็นและสมควรที่ไมอ่ าจหลีกเลีย่ งได้
อธิบดจี ะอนุมัตใิ หข้ ยายระยะเวลาออกไปเป็นการเฉพาะกรณกี ไ็ ด้ แตร่ วมแลว้ ต้องไม่เกนิ สามปี
มาตรา ๑๘ ในกรณีที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีตายก่อนครบกำ�หนดเวลาตามมาตรา  ๑๗
วรรคหน่งึ โดยยังมไิ ดย้ ่ืนแบบแสดงรายการภาษี ให้ผจู้ ัดการมรดกของผู้น้นั มีหน้าท่ียนื่ แบบแสดง
รายการภาษี และชำ�ระภาษพี รอ้ มท้ังเงินเพ่มิ ตามมาตรา ๓๑ แทนผตู้ ายภายในหน่งึ รอ้ ยหา้ สบิ วัน
นับแต่วันท่ีได้รับแต่งตั้งโดยไม่ต้องเสียเบี้ยปรับ  สำ�หรับเงินเพิ่มให้คำ�นวณนับแต่วันท่ีพ้นกำ�หนด
เวลาตามมาตรา ๑๗ วรรคหนงึ่ จนถงึ วนั ที่ช�ำ ระภาษีครบถว้ น
ในกรณีที่ผ้มู ีหน้าที่เสียภาษตี ายเมอื่ ครบกำ�หนดเวลาตามมาตรา ๑๗ วรรคหนง่ึ แลว้
โดยมิได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษี  ให้ผู้จัดการมรดกของผู้นั้นมีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษี
และช�ำ ระภาษี พรอ้ มเบี้ยปรบั และเงินเพิ่มแทนโดยให้ด�ำ เนนิ การภายในหน่ึงร้อยหา้ สิบวนั นบั แต่
วันที่ได้รบั แต่งตัง้ สำ�หรบั เบี้ยปรับใหเ้ สียหน่ึงเทา่ ของเงนิ ภาษีท่ตี อ้ งชำ�ระ เว้นแตไ่ ดย้ ืน่ แบบแสดง
รายการภาษีและชำ�ระภาษีภายหลังกำ�หนดเวลาดังกล่าวให้เสียเบี้ยปรับสองเท่าของเงินภาษี
ทต่ี ้องช�ำ ระ สำ�หรับเงนิ เพ่มิ ใหค้ ำ�นวณตั้งแตว่ ันทคี่ รบก�ำ หนดเวลาตามมาตรา ๑๗ วรรคหนงึ่ จนถงึ
วันท่ชี ำ�ระภาษคี รบถว้ น
เงินเพม่ิ ตามวรรคหนึ่งและวรรคสองต้องไม่เกนิ เงินภาษีทต่ี อ้ งชำ�ระ
ในกรณตี ามวรรคหนง่ึ และวรรคสอง ผมู้ สี ทิ ธไิ ดร้ บั มรดกคนใดคนหนง่ึ จะด�ำ เนนิ การเอง
กไ็ ด้ ภายในก�ำ หนดเวลาตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง แล้วแตก่ รณี

๔๐๐

มาตรา ๑๙ ภายในหนง่ึ รอ้ ยแปดสบิ วนั นบั แตว่ นั ทผ่ี มู้ หี นา้ ทเ่ี สยี ภาษถี งึ แกค่ วามตาย
หากไม่มีการแต่งตั้งผู้จัดการมรดกดำ�เนินการแทนตามมาตรา  ๑๘  ให้ทายาทซึ่งมีสิทธิรับมรดก
ของผูต้ ายมีหน้าที่ตามมาตรา ๑๘ และให้น�ำ ความในมาตรา ๑๘ มาใช้บงั คับโดยอนุโลม เว้นแต่
ระยะเวลาการยน่ื แบบแสดงรายการภาษแี ละช�ำ ระภาษี ให้กระทำ�ภายในหนึง่ ร้อยห้าสิบวันนบั แต่
วนั ที่พ้นกำ�หนดเวลาหน่งึ รอ้ ยแปดสิบวัน
ในกรณีมีทายาทหลายคน  ให้ทายาทตกลงมอบให้ทายาทคนหน่ึงเป็นผู้มีหน้าที่
เสียภาษี ถา้ ไมอ่ าจตกลงกันได้ ใหท้ ายาทคนใดคนหน่ึงย่ืนคำ�รอ้ งขอตอ่ ศาลเพอ่ื ต้ังผู้จัดการมรดก
ดำ�เนินการตอ่ ไป
เม่อื พ้นกำ�หนดเวลาตามวรรคหน่งึ แลว้ หากไม่มผี ้ใู ดย่นื แบบแสดงรายการภาษีและ
ช�ำ ระภาษีตามมาตราน้ี ใหเ้ จ้าพนกั งานประเมินมีอำ�นาจประเมินภาษตี ามมาตรา ๒๐ ได้
มาตรา ๒๐ ภายใต้บังคับมาตรา  ๑๗  เจ้าพนักงานประเมินมีอำ�นาจประเมินภาษี
เม่ือผู้มีหน้าที่เสียภาษีมิได้ย่ืนแบบแสดงรายการภาษีภายในเวลาที่กฎหมายกำ�หนด  โดยให้มี
อำ�นาจประเมินภาษีได้ภายในกำ�หนดเวลาสิบปีนับแต่วันสุดท้ายแห่งกำ�หนดเวลายื่นแบบแสดง
รายการภาษี
มาตรา ๒๑ เพอ่ื ประโยชน์ในการดำ�เนนิ การตามมาตรา ๑๗ มาตรา ๑๘ มาตรา ๑๙
มาตรา ๒๐ หรือมาตรา ๒๔ ให้เจา้ พนักงานประเมินมอี �ำ นาจออกหมายเรยี กผู้มีหนา้ ทีเ่ สียภาษ ี
ผู้แทนหรือบุคคลอื่นท่ีเก่ียวข้องมาให้ถ้อยคำ�  กับมีอำ�นาจส่ังบุคคลเหล่าน้ันให้นำ�บัญชี  เอกสาร
หรือหลักฐานอื่น  อันควรแก่เรื่องมาตรวจสอบไต่สวนได้  หรือออกคำ�สั่งให้บุคคลดังกล่าวตอบ
คำ�ถามเป็นหนังสือ  แต่จะต้องให้เวลาล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเจ็ดวันนับแต่วันที่ได้รับหมายเรียกหรือ
ได้รบั ค�ำ ส่ัง
มาตรา ๒๒ เมอ่ื เจา้ พนกั งานประเมนิ ไดป้ ระเมนิ ภาษแี ลว้ ใหแ้ จง้ การประเมนิ ภาษนี น้ั
เป็นหนังสือไปยังผู้มีหน้าที่เสียภาษี  และให้ผู้นั้นชำ�ระภาษีพร้อมท้ังเบ้ียปรับและเงินเพิ่ม  ถ้ามี
ภายในสามสิบวันนับแต่วันท่ีได้รับหนังสือแจ้ง  ในกรณีน้ี  ผู้มีหน้าที่เสียภาษีจะใช้สิทธิอุทธรณ์
การประเมนิ ภาษกี ไ็ ด้
มาตรา ๒๓ ผู้มีหน้าท่ีเสียภาษีจะผ่อนชำ�ระภาษีภายในเวลาไม่เกินห้าปีก็ได้  ทั้งน้ี
ตามหลักเกณฑ์ วธิ ีการ และเงือ่ นไขท่ีกำ�หนดในพระราชกฤษฎีกา และเมือ่ ไดช้ �ำ ระภาษีครบถ้วน
ตามหลกั เกณฑ์ วิธีการ และเงือ่ นไขดงั กลา่ วแลว้ ใหไ้ ด้รับยกเว้นไมต่ อ้ งเสยี เงินเพิ่ม แต่ในกรณีท่ี
ผ่อนช�ำ ระภาษีเกินสองปี จะกำ�หนดใหต้ อ้ งเสียเงินเพม่ิ บางส่วนตามทีก่ ำ�หนดในพระราชกฤษฎีกา
ดังกลา่ วก็ได้
มาตรา ๒๔ ในกรณที ผ่ี ยู้ น่ื แบบแสดงรายการภาษไี ดช้ �ำ ระภาษโี ดยไมม่ หี นา้ ทต่ี อ้ งเสยี
หรือได้ชำ�ระไวเ้ กนิ กวา่ ท่ตี อ้ งเสยี ใหผ้ นู้ ้ันมีสิทธไิ ดร้ ับคนื ภาษี

๔๐๑

ให้ผู้มีสิทธิได้รับคืนภาษีตามวรรคหนึ่งย่ืนคำ�ร้องขอรับคืนภาษีพร้อมด้วยเอกสาร
หลักฐานภายในห้าปีนับแต่วันชำ�ระภาษีทั้งหมด  ต่อเจ้าหน้าท่ีของสำ�นักงานสรรพากรพ้ืนท่ีสาขา
แห่งใดแห่งหนงึ่ ท้ังนี้ ตามหลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี ารทอ่ี ธิบดปี ระกาศก�ำ หนด
ให้เจ้าหน้าท่ีของสำ�นักงานสรรพากรพ้ืนท่ีสาขาซ่ึงรับคำ�ร้องไว้  ส่งคำ�ร้องพร้อม
เอกสารหลักฐานต่อเจ้าพนักงานประเมินโดยเร็ว  และให้เจ้าพนักงานประเมินตรวจสอบเอกสาร
หลักฐานให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งร้อยห้าสิบวันนับแต่วันที่ได้รับคำ�ร้อง  และมีหนังสือแจ้งให้ผู้ยื่น
คำ�ร้องทราบภายในสิบห้าวันนับแต่การตรวจสอบแล้วเสร็จ  และในกรณีท่ีต้องมีการคืนภาษี
ใหก้ รมสรรพากรคนื เงินภาษใี หแ้ ล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแตว่ ันท่ตี รวจสอบแล้วเสร็จ
ในการขอรับคืนภาษี ไมม่ สี ิทธเิ รยี กดอกเบ้ยี จากเงนิ ภาษที ีค่ นื
เพ่ือประโยชน์ในการดำ�เนินการตรวจสอบการขอคืนภาษี  ให้เจ้าพนักงานประเมิน
มอี ำ�นาจประเมนิ ภาษไี ดภ้ ายในระยะเวลาที่ก�ำ หนดในมาตรานี้
มาตรา ๒๕ ภาษีซึ่งต้องเสียตามพระราชบัญญตั นิ ี้ เมอื่ ถงึ ก�ำ หนดชำ�ระแลว้ ถา้ มิได้
เสียให้ถือเป็นภาษีคา้ ง
เพื่อให้ได้รับชำ�ระภาษีค้าง  ให้อธิบดีมีอำ�นาจส่ังยึดหรืออายัดและขายทอดตลาด
ทรัพย์สินของผู้ต้องรับผิดเสียภาษีได้ท่ัวราชอาณาจักร  โดยมิต้องขอให้ศาลออกหมายยึดหรือสั่ง
อำ�นาจดังกล่าว  อธิบดีจะมอบให้รองอธิบดีหรือสรรพากรภาคสำ�หรับการดำ�เนินการภายในเขต
ท้องทก่ี ไ็ ด้
วธิ กี ารยึดและขายทอดตลาดทรัพยส์ ิน ใหป้ ฏิบัตติ ามประมวลกฎหมายวิธพี จิ ารณา
ความแพง่ โดยอนโุ ลม ส่วนวธิ ีการอายดั ใหป้ ฏิบัตติ ามระเบยี บท่อี ธิบดกี �ำ หนดโดยอนุมตั ิรัฐมนตรี
เงินที่ได้จากการขายทอดตลาดดังกล่าว  ให้หักค่าธรรมเนียม  ค่าใช้จ่ายในการยึด
และขายทอดตลาดและเงินภาษคี ้าง ถ้ามีเงนิ เหลอื ใหค้ ืนแกเ่ จา้ ของทรัพย์สนิ
เพื่อประโยชน์ในการดำ�เนนิ การตามวรรคสอง ให้ผู้มอี �ำ นาจตามวรรคสองมอี �ำ นาจ
(๑) ออกหมายเรียกผู้ต้องรับผิดชำ�ระภาษีค้างและบุคคลใดๆ  ที่มีเหตุสมควรเช่ือว่า
จะเปน็ ประโยชน์แก่การจดั เกบ็ ภาษคี ้างมาใหถ้ อ้ ยคำ�
(๒) ส่ังบุคคลดังกล่าวใน  (๑)  ให้นำ�บัญชี  เอกสาร  หรือหลักฐานอื่นอันจำ�เป็น
แกก่ ารจดั เกบ็ ภาษคี า้ งมาตรวจสอบ
การดำ�เนินการตามวรรคห้า  ต้องให้เวลาล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเจ็ดวันนับแต่วันได้รับ
หมายเรียกหรอื คำ�ส่ัง

๔๐๒

หมวด ๔
__ก_า_ร_อ__ุท_ธ_ร_ณ__์ _
มาตรา ๒๖ ผู้มีหน้าที่เสียภาษีผู้ใดไม่เห็นด้วยกับผลการประเมินภาษีของ
เจ้าพนักงานประเมิน ให้มีสิทธิอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการอุทธรณ์ได้ภายในกำ�หนดเวลาสามสิบวัน
นับแต่วันท่ีได้รับแจ้งการประเมินภาษี  ทั้งน้ี  โดยย่ืนตามแบบ  ณ  สถานท่ีท่ีอธิบดีกำ�หนด
โดยประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา
คณะกรรมการอุทธรณ์ตามวรรคหนึง่ ประกอบดว้ ย อธิบดกี รมสรรพากรหรอื ผแู้ ทน
เป็นประธานผู้แทนสำ�นักงานอัยการสงู สุด และผู้แทนกรมการปกครอง เป็นกรรมการ
คณะกรรมการอุทธรณ์ต้องพิจารณาอุทธรณ์ให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวัน
นับแต่วันท่ีได้รับอุทธรณ์  ระยะเวลาดังกล่าวอธิบดีจะอนุมัติให้ขยายออกไปอีกก็ได้แต่ไม่เกิน
เก้าสิบวัน  เมื่อพ้นกำ�หนดเวลาดังกล่าวให้ผู้อุทธรณ์มีสิทธิฟ้องต่อศาลภาษีอากรได้  โดยไม่ต้อง
รอฟังผลการพิจารณาของคณะกรรมการอุทธรณ์  แต่ต้องยื่นฟ้องภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวัน
นับแตว่ นั ทพี่ น้ กำ�หนดเวลาดงั กลา่ ว
คำ�วินิจฉัยอุทธรณ์ให้ทำ�เป็นหนังสือ  และแจ้งให้ผู้อุทธรณ์ทราบภายในสิบห้าวัน
นบั แต่วนั ทมี่ ีคำ�วนิ จิ ฉยั
ผู้อุทธรณ์ผู้ใดไม่พอใจคำ�วินิจฉัยของคณะกรรมการอุทธรณ์  ให้มีสิทธิฟ้องต่อศาล
ภาษีอากรได้  ภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่ได้รับทราบคำ�วินิจฉัยของคณะกรรมการ
อุทธรณ์
มาตรา ๒๗ การอุทธรณ์ไมเ่ ป็นการทุเลาการเสยี ภาษี เวน้ แต่กรณที ี่ผอู้ ุทธรณ์ไดร้ ับ
อนุมัติจากอธิบดีให้รอคำ�วินิจฉัยอุทธรณ์หรือคำ�พิพากษาได้  ก็ให้มีหน้าท่ีชำ�ระภายในสามสิบวัน
นบั แตว่ ันทไี่ ดร้ ับแจ้ง คำ�วินจิ ฉยั อทุ ธรณห์ รอื ได้รับทราบค�ำ พิพากษาถึงทีส่ ดุ แลว้ แตก่ รณี
ในกรณที ม่ี คี �ำ วนิ จิ ฉยั อทุ ธรณใ์ หเ้ สยี ภาษเี พม่ิ ขน้ึ ผอู้ ทุ ธรณจ์ ะตอ้ งช�ำ ระภายในก�ำ หนด
เวลาเชน่ เดียวกบั วรรคหนึ่ง
ในกรณีท่ีมีคำ�วินิจฉัยอุทธรณ์หรือคำ�พิพากษาถึงท่ีสุด ให้ผู้อุทธรณ์หรือผู้ฟ้องคดี
ไมต่ อ้ งเสยี ภาษหี รอื เสยี นอ้ ยลง ใหก้ รมสรรพากรคนื เงนิ ภาษที ต่ี อ้ งคนื ใหแ้ กผ่ อู้ ทุ ธรณห์ รอื ผฟู้ อ้ งคดี
ภายในสามสบิ วันนบั แตว่ ันที่มคี �ำ วนิ จิ ฉัยหรอื คำ�พิพากษาถงึ ทสี่ ุด แล้วแต่กรณี
มาตรา ๒๘ เพือ่ ประโยชนใ์ นการวนิ จิ ฉยั อุทธรณ์ ให้ประธานคณะกรรมการอุทธรณ์
มีอำ�นาจเชน่ เดยี วกบั เจ้าพนักงานประเมนิ ตามมาตรา ๒๑

๔๐๓

หมวด ๕
เบ_้ยี _ป_ร_ับ__แ_ล_ะ_เ_ง_นิ _เ_พ่มิ
มาตรา ๒๙ ผู้มีหน้าทเ่ี สยี ภาษีต้องเสียเบย้ี ปรบั ในกรณแี ละอตั รา ดงั ตอ่ ไปน้ี
(๑) มิได้ย่ืนแบบแสดงรายการภาษีภายในกำ�หนดเวลา  ให้เสียเบ้ียปรับอีกหนึ่งเท่า
ของเงินภาษที ต่ี อ้ งช�ำ ระ
(๒) ยื่นแบบแสดงรายการภาษีไว้ไม่ครบถ้วนหรือไม่ตรงต่อความเป็นจริง  อันเป็น
เหตใุ หจ้ �ำ นวนภาษที ต่ี อ้ งเสียขาดไป ใหเ้ สยี เบ้ียปรับอีกศูนย์จุดห้าเท่าของเงินภาษที ่ีต้องเสียเพิม่
มาตรา ๓๐ เบย้ี ปรบั ตามพระราชบญั ญตั นิ  ้ี อาจงดหรอื ลดลงไดต้ ามหลกั เกณฑแ์ ละ
เง่อื นไขท่อี ธบิ ดปี ระกาศก�ำ หนดโดยความเหน็ ชอบของรัฐมนตรีและประกาศในราชกิจจานเุ บกษา
ทง้ั น้ี หลกั เกณฑแ์ ละเงอ่ื นไขดงั กลา่ วตอ้ งระบใุ หช้ ดั เจนถงึ เหตแุ หง่ การงดหรอื ลดเบย้ี ปรบั โดยค�ำ นงึ
ถงึ ความสุจริตและเหตุจ�ำ เป็นของผูม้ หี นา้ ทตี่ อ้ งปฏิบัตพิ ระราชบัญญตั ินี้เปน็ ส�ำ คญั
มาตรา ๓๑ ภายใต้บังคับมาตรา  ๒๓  บุคคลใดไม่ชำ�ระภาษีให้ครบถ้วนภายใน
ก�ำ หนดเวลาตามพระราชบญั ญตั นิ ี้ ให้เสียเงินเพ่มิ อกี ร้อยละหนง่ึ จุดหา้ ต่อเดือนหรือเศษของเดอื น
ของเงนิ ภาษีที่ต้องชำ�ระ โดยไมร่ วมเบ้ียปรบั
ในกรณที ไ่ี ดม้ กี ารอนญุ าตใหเ้ ลอ่ื นก�ำ หนดเวลาการช�ำ ระภาษ ี และไดม้ กี ารช�ำ ระภาษี
ภายในกำ�หนดเวลาที่เล่ือนให้น้ัน  เงินเพ่ิมตามวรรคหน่ึงให้ลดลงเหลือร้อยละศูนย์จุดเจ็ดห้า
ต่อเดือนหรือเศษของเดอื น
การคำ�นวณเงินเพ่ิมตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง  ให้เร่ิมนับเมื่อพ้นกำ�หนดเวลา
ย่ืนแบบแสดงรายการภาษีจนถงึ วนั ทช่ี ำ�ระภาษี แต่เงนิ เพิ่มท่คี ำ�นวณไดม้ ิใหเ้ กินจำ�นวนภาษีท่ีต้อง
ช�ำ ระ
มาตรา ๓๒ เบีย้ ปรับและเงินเพ่ิมตามพระราชบัญญตั นิ ี้ ใหถ้ ือเป็นเงนิ ภาษี

หมวด ๖
_บ_ท_ก__�ำ _ห_น_ด__โท__ษ_
มาตรา ๓๓ ผใู้ ดไมย่ น่ื แบบแสดงรายการภาษตี ามมาตรา ๑๗ โดยไมม่ เี หตอุ นั สมควร
ต้องระวางโทษปรบั ไม่เกนิ หา้ แสนบาท
มาตรา ๓๔ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกหรือคำ�ส่ังของเจ้าพนักงานประเมิน  หรือ
ไม่ยอมตอบคำ�ถามของเจ้าพนักงานประเมินตามมาตรา  ๒๑  หรือของประธานคณะกรรมการ
อุทธรณ์ตามมาตรา  ๒๘  หรือไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกหรือคำ�สั่งของผู้มีอำ�นาจตามมาตรา  ๒๕
ต้องระวางโทษจำ�คุกไม่เกนิ หนงึ่ เดือน หรอื ปรบั ไมเ่ กินสองหมน่ื บาท หรอื ทั้งจ�ำ ทงั้ ปรับ

๔๐๔

มาตรา ๓๕ ผู้ใดท�ำ ลาย ย้ายไปเสีย ซ่อนเรน้ หรือโอนไปใหแ้ ก่บคุ คลอื่นซงึ่ ทรัพยส์ ิน
ทถ่ี ูกยึดหรอื อายดั ตามมาตรา ๒๕ ตอ้ งระวางโทษจ�ำ คกุ ไม่เกนิ สองปี และปรบั ไมเ่ กนิ ส่ีแสนบาท
ในกรณีผู้กระทำ�ความผิดตามวรรคหน่ึงเป็นนิติบุคคล  หากกรรมการผู้จัดการ
ผู้จัดการ  หรือผู้แทนของนิติบุคคลน้ันได้มีส่วนในการกระทำ�ความผิดของนิติบุคคล  ให้กรรมการ
ผูจ้ ัดการ ผจู้ ดั การ หรอื ผแู้ ทนนิตบิ ุคคลดังกลา่ ว ตอ้ งรับโทษตามทบ่ี ัญญตั ไิ ว้ในวรรคหนงึ่ ด้วย
มาตรา ๓๖ เจ้าพนักงานผู้ใดมีหน้าที่ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้  รู้ข้อมูล
ของผู้มหี น้าทีเ่ สียภาษี หรือของผู้อน่ื ทเี่ กยี่ วข้อง น�ำ ออกแจง้ แก่บคุ คลใดหรือท�ำ ให้รูโ้ ดยวิธใี ด หรือ
ปลอ่ ยปละละเลยใหข้ ้อมลู ดงั กลา่ วร้ถู งึ บุคคลที่ไม่มหี นา้ ที่ต้องรู้ โดยไมม่ อี �ำ นาจกระทำ�ไดโ้ ดยชอบ
ด้วยกฎหมาย ต้องระวางโทษจำ�คกุ ไม่เกินหน่ึงปี หรือปรบั ไมเ่ กนิ สองแสนบาท หรอื ทงั้ จำ�ทง้ั ปรับ
เว้นแต่เป็นการเปิดเผยต่อเจ้าพนักงานประเมินภาษีอากรตามประมวลรัษฎากรเพ่ือประโยชน์
ในการปฏิบตั ิหนา้ ท่ตี ามกฎหมาย
มาตรา ๓๗ ผู้ใด
(๑) โดยรู้อยู่แล้วหรือจงใจยื่นข้อความเท็จ  หรือให้ถ้อยคำ�เท็จ  หรือตอบคำ�ถาม
ด้วยถ้อยคำ�อันเป็นเท็จ  หรือนำ�พยานหลักฐานเท็จมาแสดงเพ่ือหลีกเลี่ยงการเสียภาษีตาม
พระราชบญั ญตั ินี้
(๒) โดยความเท็จ  โดยเจตนาละเลย  โดยฉ้อโกงหรือใช้อุบายโดยวิธีการอย่างหน่ึง
อยา่ งใด หลีกเลยี่ งหรอื พยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีตามพระราชบัญญตั ินี้ หรือ
(๓) แนะนำ�หรอื สนบั สนุนให้บุคคลอน่ื ใดกระทำ�การตาม (๑) หรอื (๒)
ตอ้ งระวางโทษจำ�คกุ ไม่เกินหนึง่ ปี หรือปรบั ไม่เกินสองแสนบาท หรอื ท้ังจ�ำ ท้งั ปรบั
มาตรา ๓๘ บรรดาความผิดตามมาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ และมาตรา ๓๗ ให้อธิบดี
มอี �ำ นาจเปรยี บเทียบได้
ถา้ ผมู้ หี นา้ ทเ่ี สยี ภาษชี �ำ ระคา่ ปรบั ตามทเ่ี ปรยี บเทยี บภายในระยะเวลาทอ่ี ธบิ ดกี �ำ หนดแลว้
มิให้ผู้มหี นา้ ทเี่ สยี ภาษีถูกฟ้องร้องต่อไปในกรณแี ห่งความผิดนน้ั
ถ้าอธิบดีเห็นว่าไม่ควรใช้อำ�นาจเปรียบเทียบ  หรือเมื่อเปรียบเทียบแล้วผู้มีหน้าที่
เสยี ภาษไี มย่ อมตามที่เปรยี บเทยี บ หรอื ยอมแล้วแต่ไม่ช�ำ ระค่าปรับภายในระยะเวลาที่ผู้มอี ำ�นาจ
เปรียบเทียบกำ�หนด  ให้ดำ�เนินการฟ้องร้องต่อไป  และในกรณีน้ีห้ามมิให้ดำ�เนินการเปรียบเทียบ
ตามกฎหมายอ่นื อีก
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ประยทุ ธ ์ จันทรโ์ อชา
นายกรฐั มนตรี

๔๐๕

______________________________________________________________________________
หมายเหตุ :– เหตผุ ลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบบั นี้ คือ โดยทีก่ ารถา่ ยโอนทรพั ย์สนิ
โดยทางมรดก ในปจั จุบนั ไดร้ บั ยกเว้นไมต่ ้องเสียภาษี ไม่ว่าทรพั ยส์ นิ จะมีจ�ำ นวนมากนอ้ ยเพยี งใด
กอ่ ใหเ้ กดิ ความไมเ่ ปน็ ธรรมในสงั คม สมควรทจ่ี ะจดั เกบ็ ภาษตี ามสมควรจากการรบั มรดกทม่ี มี ลู คา่
จำ�นวนมากเพื่อนำ�ไปพัฒนาประเทศและยกระดับการดำ�รงชีวิตของประชาชนท่ียากไร้ให้ดีข้ึน
ทง้ั น้ี โดยมใิ หก้ ระทบถงึ ผทู้ ไ่ี ดร้ บั มรดกพอสมควรแกก่ ารด�ำ รงชพี จงึ จ�ำ เปน็ ตอ้ งตราพระราชบญั ญตั นิ ้ี


๔๐๖

(สำ�เนา)
พระราชบญั ญตั ิ
แก้ไขเพิ่มเตมิ ประมวลรัษฎากร (ฉบบั ที่ ๔๐)
__พ_._ศ_._ ๒_๕_๕__๘__
ภูมพิ ลอดลุ ยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วนั ท่ี ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
เป็นปีท่ี ๗๐ ในรัชกาลปัจจบุ ัน
พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช มพี ระบรมราชโองการโปรดเกลา้ ฯ
ใหป้ ระกาศว่า
โดยทเ่ี ปน็ การสมควรแก้ไขเพมิ่ เตมิ ประมวลรัษฎากร
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ  ให้ตราพระราชบัญญัติข้ึนไว้โดยคำ�แนะนำ�และ
ยินยอมของสภานติ บิ ัญญัติแห่งชาติ ดงั ตอ่ ไปนี้
มาตรา ๑ พระราชบัญญัติน้ีเรียกว่า  “พระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมประมวล
รษั ฎากร (ฉบบั ที่ ๔๐) พ.ศ. ๒๕๕๘”
มาตรา ๒ พระราชบัญญัติน้ีให้ใช้บังคับเม่ือพ้นกำ�หนดหน่ึงร้อยแปดสิบวันนับแต่
วนั ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓ ให้ยกเลิกความใน (๑๐) ของมาตรา ๔๒ แหง่ ประมวลรษั ฎากร ซ่งึ แกไ้ ข
เพิม่ เตมิ โดยพระราชบัญญตั ิแก้ไขเพมิ่ เติมประมวลรษั ฎากร (ฉบับท่ี ๑๐) พ.ศ. ๒๔๙๖ และใหใ้ ช้
ความต่อไปนแ้ี ทน
“(๑๐) เงนิ ได้ทไ่ี ด้รับจากการรับมรดก”
มาตรา ๔ ให้เพิม่ ความต่อไปนี้เป็น (๒๖) (๒๗) (๒๘) และ (๒๙) ของมาตรา ๔๒
แห่งประมวลรัษฎากร
“(๒๖) เงินได้จากการโอนกรรมสิทธ์ิหรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์โดยไม่มี
ค่าตอบแทนให้แก่บุตรชอบด้วยกฎหมายซ่ึงไม่รวมถึงบุตรบุญธรรม  เฉพาะเงินได้ในส่วนท่ีไม่เกิน
ยี่สิบล้านบาทตลอดปีภาษีน้ัน
(๒๗) เงินได้ที่ได้รับจากการอุปการะหรือจากการให้โดยเสน่หาจากบุพการี
ผู้สืบสนั ดาน หรอื คูส่ มรส เฉพาะเงนิ ไดใ้ นส่วนท่ีไม่เกินยส่ี บิ ลา้ นบาทตลอดปภี าษีนัน้
(๒๘) เงินได้ที่ได้รับจากการอุปการะโดยหน้าท่ีธรรมจรรยาหรือจากการให้โดย
เสน่หาเนื่องในพิธีหรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี  ท้ังนี้  จากบุคคลซ่ึงมิใช่บุพการี
ผู้สบื สันดาน หรอื คสู่ มรส เฉพาะเงนิ ไดใ้ นสว่ นทีไ่ มเ่ กนิ สบิ ลา้ นบาทตลอดปีภาษนี ้ัน

๔๐๗

(๒๙) เงินได้ท่ีได้รับจากการให้โดยเสน่หาท่ีผู้ให้แสดงเจตนาหรือเห็นได้ว่ามี
ความประสงค์ให้ใช้เพื่อประโยชน์ในกิจการศาสนา  กิจการศึกษา  หรือกิจการสาธารณประโยชน์
ตามหลกั เกณฑ์ และเงื่อนไขทีก่ ำ�หนดในกฎกระทรวง”
มาตรา ๕ ใหเ้ พ่ิมความต่อไปน้เี ปน็ (๔/๑) ของมาตรา ๔๘ แห่งประมวลรษั ฎากร
“(๔/๑) ผมู้ เี งนิ ไดจ้ ะเลอื กเสยี ภาษใี นอตั รารอ้ ยละ ๕ ของเงนิ ไดส้ ว่ นทเ่ี กนิ ยส่ี บิ ลา้ นบาท
โดยไมต่ ้องนำ�ไปรวมคำ�นวณภาษตี าม (๑) และ (๒) กไ็ ด้ ส�ำ หรบั เงินได้ตามมาตรา ๔๐ (๘) ท่เี ป็น
เงินได้จากการโอนกรรมสิทธ์ิหรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์โดยไม่มีค่าตอบแทนให้แก่
บุตรชอบด้วยกฎหมายซ่ึงไม่รวมถงึ บตุ รบญุ ธรรม ทไ่ี ม่ไดร้ ับยกเวน้ ตามมาตรา ๔๒ (๒๖)”
มาตรา ๖ ใหเ้ พ่ิมความต่อไปนเ้ี ปน็ (๖) และ (๗) ของมาตรา ๔๘ แหง่ ประมวล
รษั ฎากร
“(๖) ผู้มีเงินได้จะเลอื กเสยี ภาษีในอัตรารอ้ ยละ ๕ ของเงินไดส้ ่วนที่เกนิ ยี่สิบลา้ นบาท
โดยไมต่ ้องนำ�ไปรวมค�ำ นวณภาษีตาม (๑) และ (๒) กไ็ ด้ สำ�หรบั เงนิ ได้ตามมาตรา ๔๐ (๘) ทไี่ ด้
รบั จากการอปุ การะ หรือจากการให้โดยเสน่หาจากบพุ การี ผู้สบื สันดาน หรอื ค่สู มรส ท่ไี ม่ไดร้ ับ
ยกเว้นตามมาตรา ๔๒ (๒๗)
(๗) ผูม้ เี งนิ ได้จะเลอื กเสยี ภาษใี นอตั รารอ้ ยละ ๕ ของเงินได้ส่วนที่เกินสบิ ลา้ นบาท
โดยไมต่ อ้ งนำ�ไปรวมค�ำ นวณภาษีตาม (๑) และ (๒) ก็ได้ ส�ำ หรับเงนิ ไดต้ ามมาตรา ๔๐ (๘) ท่ไี ด้
รับจากการอุปการะ  โดยหน้าท่ีธรรมจรรยาหรือจากการให้โดยเสน่หาเนื่องในพิธีหรือตามโอกาส
แหง่ ขนบธรรมเนยี มประเพณี ทง้ั นี้ จากบคุ คลซึง่ มใิ ช่บพุ การี ผสู้ บื สันดาน หรอื คสู่ มรส ทไ่ี ม่ไดร้ บั
ยกเวน้ ตามมาตรา ๔๒ (๒๘)”
มาตรา ๗ ใหย้ กเลกิ ความใน (๖) ของมาตรา ๕๐ แห่งประมวลรษั ฎากร ซ่ึงแกไ้ ข
เพมิ่ เติมโดยพระราชกำ�หนดแก้ไขเพม่ิ เตมิ ประมวลรษั ฎากร (ฉบับท่ี ๙) พ.ศ. ๒๕๒๕ และให้ใช้
ความต่อไปนี้แทน
“(๖)  ในกรณีการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์โดยไม่มี
ค่าตอบแทน ให้ถือวา่ ผูโ้ อนเป็นผู้จา่ ยเงนิ ได้ โดยให้ผโู้ อนหกั ภาษตี ามเกณฑ์ใน (๕) เวน้ แตก่ รณี
การโอนให้แกบ่ ุตรชอบด้วยกฎหมายซ่งึ ไมร่ วมถงึ บุตรบุญธรรม ใหผ้ ู้โอนหกั ภาษไี ว้ร้อยละ ๕ ของ
เงินไดเ้ ฉพาะในส่วนทีเ่ กนิ ย่ีสบิ ล้านบาท”
มาตรา ๘ การเสียภาษีเงินได้ในส่วนของเงินได้พึงประเมินท่ีไม่ได้รับยกเว้นตาม
มาตรา ๔๒ (๒๖) (๒๗) และ (๒๘) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพ่มิ เติมโดยพระราชบญั ญตั ินี้
ใหค้ ิดเฉพาะเงินไดท้ ่ไี ดร้ บั มาภายหลังวนั ท่พี ระราชบัญญตั นิ ้ีใชบ้ งั คบั
มาตรา ๙ ให้รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงการคลังรกั ษาการตามพระราชบญั ญัตินี้

ผูร้ ับสนองพระบรมราชโองการ ๔๐๘
พลเอก ประยทุ ธ ์ จนั ทรโ์ อชา
นายกรฐั มนตรี

______________________________________________________________________________
หมายเหตุ :– เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คอื โดยทีไ่ ดม้ กี ารตรากฎหมาย
เพื่อจัดเก็บภาษีจากการรับมรดก  แต่ประมวลรัษฎากรยังมีการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ส�ำ หรับเงินได้ทไี่ ดร้ บั จากการอุปการะ โดยหนา้ ทธ่ี รรมจรรยาหรอื จากการให้โดยเสนห่ าเนอื่ งในพิธี
หรอื ตามโอกาสแหง่ ขนบธรรมเนยี มประเพณี และเงนิ ไดจ้ ากการโอนกรรมสทิ ธห์ิ รอื สทิ ธคิ รอบครอง
ในอสังหาริมทรัพย์โดยไม่มีค่าตอบแทนให้แก่บุตรชอบด้วยกฎหมาย  ซึ่งไม่รวมถึงบุตรบุญธรรม
เป็นการไม่สอดคล้องกับการจัดเก็บภาษีการรับมรดก  สมควรปรับปรุงบทบัญญัติในการจัดเก็บ
ภาษสี ำ�หรับการใหใ้ นกรณดี งั กล่าวให้สอดคล้องกัน จงึ จ�ำ เป็นตอ้ งตราพระราชบัญญัติน ี้


๔๐๙

ด่วนที่สดุ (สำ�เนา)
ที่ นร ๐๑๐๖ / ว ๒๒๕๔
สำ�นักนายกรฐั มนตรี
ทำ�เนียบรัฐบาล กทม. ๑๐๓๐๐

๒ กนั ยายน ๒๕๕๘

เรอื่ ง ประกาศคณะกรรมการควบคุมการเรยี่ ไรของหนว่ ยงานของรัฐ เร่ือง หลักเกณฑแ์ ละวิธกี าร
ในการยืน่ ค�ำ ขออนมุ ัติใหห้ นว่ ยงานของรัฐจัดใหม้ ีการเร่ยี ไร หรอื ให้หนว่ ยงานของรฐั
เขา้ ไปมีสว่ นเกยี่ วขอ้ งกับการเรยี่ ไร
เรียน อธิบดกี รมท่ดี ิน
ส่ิงท่สี ง่ มาด้วย ๑. สำ�เนาหนงั สือส�ำ นกั เลขาธกิ ารคณะรฐั มนตรี ที่ นร ๐๕๐๓ (กรจ.)/๑๕๘๒๙
ลงวนั ท่ี ๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๘
๒. ส�ำ เนาประกาศคณะกรรมการควบคุมการเร่ยี ไรของหนว่ ยงานของรัฐ เรอ่ื ง
หลักเกณฑแ์ ละวิธีการในการยนื่ คำ�ขออนมุ ัตใิ หห้ น่วยงานของรัฐจดั ใหม้ ี
การเรีย่ ไร หรือใหห้ น่วยงานของรฐั เข้าไปมีสว่ นเกยี่ วข้องกับการเรยี่ ไร
ลงวันที่ ๔ สงิ หาคม ๒๕๕๘

ดว้ ยรฐั มนตรีประจ�ำ สำ�นักนายกรฐั มนตรี (หมอ่ มหลวงปนัดดา ดศิ กลุ ) ในฐานะ
ประธานกรรมการควบคุมการเร่ียไรของหน่วยงานของรัฐ  โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ
ควบคุมการเรี่ยไรของหน่วยงานของรัฐ  (กคร.)  ได้พิจารณาเห็นสมควรออกประกาศ  กคร.  เรื่อง
หลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี ารในการยน่ื ค�ำ ขออนมุ ตั ใิ หห้ นว่ ยงานของรฐั จดั ใหม้ กี ารเรย่ี ไร หรอื ใหห้ นว่ ยงาน
ของรฐั เข้าไปมีสว่ นเก่ียวข้องกบั การเร่ียไร ลงวันท่ี ๔ สงิ หาคม ๒๕๕๘ เพอ่ื ปรบั ปรงุ การก�ำ หนด
หลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการเก่ยี วกบั การยื่นค�ำ ขออนุมัติให้หนว่ ยงานของรฐั จัดให้มกี ารเร่ียไรฯ เสยี ใหม่
ตามนัยระเบยี บส�ำ นกั นายกรฐั มนตรี ว่าดว้ ยการเร่ียไรของหน่วยงานของรฐั พ.ศ. ๒๕๔๔ ข้อ ๑๒
วรรคหนง่ึ (๔)
สำ�นกั นายกรฐั มนตรีขอเรยี นว่า ได้จดั สง่ ประกาศ กคร. ฉบบั ดงั กล่าวข้างตน้ ไป
ให้สำ�นักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพิจารณาดำ�เนินการประกาศเรื่องดังกล่าวในราชกิจจานุเบกษา
และบัดนี้ ส�ำ นกั เลขาธิการคณะรัฐมนตรแี จง้ วา่ ได้ด�ำ เนินการประกาศเรือ่ งดงั กลา่ วในราชกจิ จา
นุเบกษาฉบบั ประกาศและงานท่วั ไป เล่ม ๑๓๒ ตอนพิเศษ ๑๘๘ ง วนั ท่ี ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๘
เป็นท่ีเรียบรอ้ ยแลว้ ดังมีรายละเอยี ดปรากฏตามสง่ิ ท่ีสง่ มาดว้ ย ๑ และ ๒
จึงเรยี นมาเพือ่ โปรดทราบ และถอื ปฏบิ ตั ิโดยเคร่งครดั ตอ่ ไป

ขอแสดงความนบั ถือ
(ลงชอ่ื ) จ�ำ เริญ ยตุ ธิ รรมสกลุ
(นายจำ�เริญ ยตุ ธิ รรมสกลุ )
รองปลดั ส�ำ นกั นายกรฐั มนตรี ปฏิบัติราชการแทน
ปลดั ส�ำ นกั นายกรฐั มนตรี
ส�ำ นักงานปลดั สำ�นกั นายกรัฐมนตรี ส�ำ นกั กฎหมายและระเบียบกลาง
โทร. ๐ ๒๒๘๒ ๙๓๐๓ โทรสาร ๐ ๒๒๘๒ ๗๘๙๖

๔๑๐

(สำ�เนา)
ท่ี นร ๐๕๐๓ (กรจ.) / ๑๕๘๒๙
ถงึ ส�ำ นกั นายกรัฐมนตรี
ตามหนงั สอื ส�ำ นักนายกรฐั มนตรี ด่วนที่สุด ท่ี นร ๐๑๐๖/๒๐๑๓ ลงวันที่ ๖ สงิ หาคม
๒๕๕๘ ไดส้ ่งประกาศคณะกรรมการควบคุมการเรยี่ ไรของหน่วยงานของรัฐ เร่อื หลกั เกณฑ์และ
วิธีการในการยื่นคำ�ขออนุมัติให้หน่วยงานของรัฐจัดให้มีการเรี่ยไรหรือให้หน่วยงานของรัฐเข้าไปมี
สว่ นเก่ยี วข้องกับการเร่ยี ไรไปเพอ่ื ดำ�เนินการประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา นั้น
สำ�นักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้ดำ�เนินการประกาศเรื่องดังกล่าวในราชกิจจา-
นุเบกษา ฉบับประกาศและงานทว่ั ไป เล่ม ๑๓๒ ตอนพิเศษ ๑๘๘ ง วันท่ี ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๘
ทง้ั น้ี ได้สง่ แผ่นบันทกึ ข้อมูลคนื มาด้วยแล้ว
อน่ึง ตัง้ แต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๘ เปน็ ต้นมา ส�ำ นกั เลขาธิการคณะรฐั มนตรไี ด้ด�ำ เนนิ การ
โฆษณาเผยแพร่ราชกิจจานุเบกษาทุกเรื่องทางอินเตอร์เน็ตบนเว็บไซต์กลุ่มงานราชกิจจานุเบกษา
www.ratchakitcha.soc.go.th  ตรงตามวันที่ประกาศจริงแล้วจึงขอได้โปรดติดตามตรวจสอบ
ราชกิจจานุเบกษาในส่วนที่เกี่ยวขอ้ งอย่างสม่าํ เสมอตอ่ ไปด้วย

ส�ำ นกั เลขาธิการคณะรฐั มนตรี
๒๑ สงิ หาคม ๒๕๕๘

สำ�นกั นิติธรรม
โทร. ๐๒–๒๘๐–๙๐๐๐ ตอ่ ๑๒๕

๔๑๑

ประกาศคณะกรรมการควบคมุ การเร่ยี ไรของหน่วยงานของรัฐ
เร่ือง หลกั เกณฑ์และวธิ กี ารในการยนื่ ค�ำ ขออนุมตั ใิ ห้หน่วยงานของรฐั จดั ใหม้ ีการเร่ยี ไร

หรอื ใหห้ น่วยงานขอ_ง_ร_ัฐ_เ_ข_า้ _ไ_ป_ม_ีส__ว่ _น_เ_ก่ียวขอ้ งกับการเร่ียไร
โดยทเ่ี ปน็ การสมควรก�ำ หนดหลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี ารในการยน่ื ค�ำ ขออนมุ ตั ใิ หห้ นว่ ยงาน
ของรฐั จัดใหม้ ีการเร่ียไร หรือให้หนว่ ยงานของรัฐเขา้ ไปมีสว่ นเกยี่ วข้องกบั การเรีย่ ไร เพ่อื ให้มคี วาม
เหมาะสมกบั การปฏบิ ตั ิราชการยงิ่ ขน้ึ
อาศัยอำ�นาจตามความในข้อ ๑๒ (๔) แห่งระเบียบสำ�นักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการ
เร่ียไรของหน่วยงานของรัฐ  พ.ศ. ๒๕๔๔  คณะกรรมการควบคุมการเรี่ยไรของหน่วยงานของรัฐ
จึงออกประกาศไวด้ ังตอ่ ไปนี้
ขอ้ ๑ ใหย้ กเลิก
(๑) ประกาศคณะกรรมการควบคมุ การเรยี่ ไรของหนว่ ยงานของรฐั เรอ่ื ง หลกั เกณฑ์
และวิธีการในการยื่นคำ�ขออนุมัติให้หน่วยงานของรัฐจัดให้มีการเร่ียไร  หรือให้หน่วยงานของรัฐ
เข้าไปมีส่วนเกย่ี วขอ้ งกับการเรีย่ ไร ลงวันที่ ๒๙ พฤศจกิ ายน ๒๕๔๔
(๒) ประกาศคณะกรรมการควบคมุ การเร่ียไรของหนว่ ยงานของรฐั เรื่อง หลกั เกณฑ์
และวิธีการในการย่ืนคำ�ขออนุมัติให้หน่วยงานของรัฐจัดให้มีการเร่ียไร  หรือให้หน่วยงานของรัฐ
เข้าไปมสี ่วนเกย่ี วข้องกับการเรีย่ ไร (ฉบบั ท่ี ๒) ลงวนั ที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๔๖
ข้อ ๒ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับเม่ือพ้นกำ�หนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศ
ในราชกจิ จานเุ บกษา เปน็ ต้นไป
ข้อ ๓ หน่วยงานของรัฐที่ประสงค์จะจัดให้มีการเร่ียไร  ให้ย่ืนคำ�ขออนุมัติตามแบบ
กคร. ๑ ท้ายประกาศน้ี
ข้อ ๔ หน่วยงานของรัฐที่ประสงค์จะเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเร่ียไรของบุคคล
หรอื นติ บิ คุ คลทไ่ี ดร้ บั อนญุ าตจากคณะกรรมการควบคมุ การเรย่ี ไรตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการควบคมุ
การเรย่ี ไร ให้ย่นื ค�ำ ขออนุมัติตามแบบ กคร. ๒ ทา้ ยประกาศน้ี
ขอ้ ๕ การยน่ื ค�ำ ขออนมุ ตั ใิ หจ้ ดั ใหม้ กี ารเรย่ี ไร หรอื เขา้ ไปมสี ว่ นเกย่ี วขอ้ งกบั การเรย่ี ไร
ใหห้ นว่ ยงานของรฐั ปฏิบัติ ดงั ต่อไปนี้
(๑) ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐท่ีประสงค์จะจัดให้มีการเร่ียไร  หรือเข้าไปมีส่วน
เกย่ี วขอ้ งกบั การเรย่ี ไร ในเขตกรุงเทพมหานครหรือในเขตทอ้ งท่เี กนิ หนึง่ จังหวัด ให้หน่วยงานของ
รฐั นน้ั ยน่ื ค�ำ ขออนมุ ตั ติ อ่ ส�ำ นกั งานเลขานกุ ารคณะกรรมการควบคมุ การเรย่ี ไรของหนว่ ยงานของรฐั
สำ�นักงานปลัดสำ�นักนายกรัฐมนตรีเป็นการล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสามสิบวันก่อนทำ�การเรี่ยไรหรือ
เข้าไปมสี ว่ นเกย่ี วข้องกบั การเร่ยี ไร

๔๑๒

(๒) ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐท่ีประสงค์จะจัดให้มีการเรี่ยไร  หรือเข้าไปมีส่วน
เก่ียวข้องกับการเร่ียไรในเขตท้องที่จังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง  นอกจากกรณีตาม  (๑)  ให้ยื่นต่อ
ส�ำ นกั งานเลขานกุ ารคณะกรรมการควบคมุ การเรย่ี ไรจงั หวดั เปน็ การลว่ งหนา้ ไมน่ อ้ ยกวา่ สามสบิ วนั
กอ่ นท�ำ การเรยี่ ไรหรือเขา้ ไปมีสว่ นเก่ียวขอ้ งกับการเรี่ยไร
นอกจากวิธีการในการยื่นคำ�ขออนุมัติตามวรรคหนึ่งแล้ว  หน่วยงานของรัฐอาจยื่น
คำ�ขอดังกล่าว  โดยวิธีการส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับก็ได้  โดยให้ส่งไปยังหน่วยงานตาม
(๑) หรอื (๒) แล้วแตก่ รณี
ขอ้ ๖ ในกรณีท่ีมีความจำ�เป็นเร่งด่วน  และหน่วยงานของรัฐไม่อาจยื่นคำ�ขออนุมัติ
ใหจ้ ดั ใหม้ กี ารเรย่ี ไรหรอื เขา้ ไปมสี ว่ นเกย่ี วขอ้ งกบั การเรย่ี ไรเปน็ การลว่ งหนา้ ตามขอ้ ๕ ได้ หนว่ ยงาน
ของรัฐแห่งนั้นอาจย่ืนคำ�ขอพร้อมด้วยเอกสารที่เก่ียวข้องซึ่งแสดงให้เห็นถึงความจำ�เป็นเร่งด่วน
ดังกลา่ วตอ่ หนว่ ยงาน ตามขอ้ ๕ (๑) หรือ (๒) แลว้ แตก่ รณ ี เป็นการลว่ งหน้าไม่น้อยกวา่ สบิ หา้ วัน
ก่อนวันทำ�การเรยี่ ไร หรอื เข้าไปมีสว่ นเกี่ยวขอ้ งกบั การเร่ยี ไร ทง้ั นี้ ให้เปน็ อำ�นาจของคณะกรรมการ
ควบคุมการเรี่ยไรของหน่วยงานของรัฐหรือคณะกรรมการควบคุมการเร่ียไรจังหวัด  แล้วแต่กรณี
ที่จะรับเรอ่ื งดังกล่าวไวเ้ พ่อื พจิ ารณาอนุมตั ิตอ่ ไปหรือไมก่ ไ็ ด้
ขอ้ ๗ หน่วยงานของรัฐท่ีได้ย่ืนคำ�ขออนุมัติให้จัดให้มีการเร่ียไร  หรือเข้าไปมีส่วน
เกี่ยวข้องกับการเร่ียไรตามประกาศคณะกรรมการควบคุมการเร่ียไรของหน่วยงานของรัฐ  เร่ือง
หลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี ารในการยน่ื ค�ำ ขออนมุ ตั ใิ หห้ นว่ ยงานของรฐั จดั ใหม้ กี ารเรย่ี ไร หรอื ใหห้ นว่ ยงาน
ของรฐั เขา้ ไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเร่ียไรลงวันท่ี ๒๙ พฤศจกิ ายน ๒๕๔๔ ซ่ึงแกไ้ ขเพิม่ เตมิ โดย
ประกาศคณะกรรมการควบคมุ การเรีย่ ไรของหนว่ ยงานของรฐั เรอ่ื ง หลกั เกณฑแ์ ละวิธกี ารในการ
ยนื่ คำ�ขอนมุ ัติให้หนว่ ยงานของรฐั จดั ให้มีการเรยี่ ไร หรอื ให้หนว่ ยงานของรฐั เขา้ ไปมสี ่วนเกี่ยวขอ้ ง
กบั การเรย่ี ไร (ฉบบั ที่ ๒) ลงวันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๔๖ ไวแ้ ล้วกอ่ นวนั ทีป่ ระกาศฉบับนใี้ ช้บงั คบั
ใหถ้ อื วา่ เปน็ การยน่ื คำ�ขออนมุ ตั ติ ามประกาศฉบบั น้ี
ประกาศ ณ วันที่ ๔ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
หม่อมหลวงปนดั ดา ดศิ กลุ
รัฐมนตรีประจ�ำ ส�ำ นกั นายกรฐั มนตรี
ประธานกรรมการควบคุมการเรีย่ ไรของหนว่ ยงานของรฐั

ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา เล่มท่ี ๑๓๒ ตอนพเิ ศษ ๑๘๘ ง​หนา้ ๕๒
ลงวันท่ี ๑๗ สงิ หาคม ๒๕๕๘

๔๑๓

ค�ำ ขออนมุ ัตใิ ห้จัดใหม้ กี ารเร่ยี ไร แบบ กคร. ๑

(วนั เดอื น ป)ี ....................................
เรยี น...................................................
ชื่อหน่วยงานของรัฐทยี่ ่นื ค�ำ ขออนมุ ตั .ิ ...........................................................................
......................................................................................................................................................
๑. วัตถุประสงคข์ องการเรี่ยไร......................................................................................
......................................................................................................................................................
๒. รายละเอยี ดของการเรี่ยไร
๒.๑ เปน็ การเรย่ี ไรเพ่ือ n ประโยชน์แก่หน่วยงานของรัฐที่ขออนุมัติให้จัดให้มีการ
เรย่ี ไรนัน้ เอง
n ประโยชนแ์ ก่การปอ้ งกนั หรือพฒั นาประเทศ
n สาธารณประโยชน์
n เป็นการเร่ียไรหรือเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเร่ียไร
ซึ่งมิได้รับยกเว้นตามข้อ  ๑๙  แห่งระเบียบสำ�นักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการเรี่ยไรของหน่วยงานของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๔๔
n เป็นการเรี่ยไรซ่ึงหน่วยงานของรัฐได้ยื่นคำ�ขออนุมัติ
เป็นการลว่ งหนา้ ไม่นอ้ ยกวา่ สามสบิ วันกอ่ นวันท�ำ การเรีย่ ไร
n เปน็ การเรย่ี ไรในกรณที ม่ี คี วามจ�ำ เปน็ เรง่ ดว่ น และหนว่ ยงาน
ของรฐั ยน่ื ค�ำ ขออนมุ ตั เิ ปน็ การลว่ งหนา้ ไมน่ อ้ ยกวา่ สบิ หา้ วนั กอ่ นวนั ท�ำ การเรย่ี ไร โดยมเี หตผุ ลความจ�ำ เปน็
เรง่ ดว่ น ดงั นี้
(๑) ............................................................................
(๒) ............................................................................
(๓) ............................................................................
(๔) ............................................................................
๒.๒ วิธีการเร่ยี ไร..................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
๒.๓ ระยะเวลาด�ำ เนนิ การเรยี่ ไรตง้ั แตว่ นั ท่ี.........................ถงึ วันที.่ .........................
๒.๔ พนื้ ทีท่ ำ�การเรี่ยไร...........................................................................................
......................................................................................................................................................
๒.๕ สถานทหี่ รอื วิธกี ารทจ่ี ะรบั เงินหรือทรัพย์สินจากการเร่ียไร..................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
๒.๖ วงเงนิ ทจ่ี ะท�ำ การเรย่ี ไร...................................................................................

๔๑๔

๒.๗ เรอ่ื งอืน่ ๆ
เคยทำ�การเร่ียไรเร่อื งใดมาแลว้ หรือไม่
n เคย ๑. ............................................................... n ไมเ่ คย
๒. ...............................................................
๓. ...............................................................
สถานทตี่ ดิ ต่อ................................................................................................
.................................................................โทรศัพท.์ ..............................โทรสาร..............................
๓. หลักฐานประกอบคำ�ขออนมุ ัติ
n โครงการจัดให้มกี ารเรี่ยไร และหรอื   n รายละเอียดของการจัดใหม้ กี ารเร่ยี ไร
n หลกั ฐานการไดร้ บั ความเหน็ ชอบจากหนว่ ยงานระดบั กรมเจา้ สงั กดั หรอื ทเ่ี ทยี บเทา่
ในกรณที ห่ี นว่ ยงานของรฐั ทย่ี น่ื ค�ำ ขออนมุ ตั มิ ใิ ชห่ นว่ ยงานระดบั กรมหรอื ทเ่ี ทยี บเทา่
n หลกั ฐานการขอรบั อนญุ าตใหจ้ ดั ใหม้ กี ารเรย่ี ไรหรอื ท�ำ การเรย่ี ไรในกรณที ห่ี นว่ ยงาน
ของรฐั ทย่ี น่ื ค�ำ ขออนมุ ตั ติ อ้ งไดร้ บั อนญุ าตตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการควบคมุ การเรย่ี ไร
และ
n หลักฐานอืน่ ๆ (ถา้ ม)ี
......................................................................................................................
......................................................................................................................
ทง้ั น ้ี เมอ่ื หนว่ ยงานของรฐั ซง่ึ เปน็ ผดู้ �ำ เนนิ การเรย่ี ไรตามค�ำ ขอนไ้ี ดร้ บั อนมุ ตั จิ ากคณะกรรมการ
ควบคุมการเร่ียไรของหน่วยงานของรัฐ  หรือคณะกรรมการควบคุมการเรี่ยไรจังหวัดแล้ว  จะได้ปฏิบัติ
ตามหลักเกณฑ์ของระเบียบสำ�นักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการเรี่ยไรของหน่วยงานของรัฐ  พ.ศ. ๒๕๔๔
และท่แี กไ้ ขเพิ่มเตมิ โดยเครง่ ครดั ต่อไป

(ลงชอื่ ) ................................................... หวั หน้าหนว่ ยงานของรฐั
(.................................................)
ตำ�แหนง่ ..................................................



๔๑๕

คำ�ขออนมุ ตั ิใหเ้ ข้าไปมีส่วนเกย่ี วขอ้ งกับการเรย่ี ไร แบบ กคร. ๒

(วัน เดือน ป)ี ....................................
เรียน ...................................................
ช่ือหน่วยงานของรัฐทีย่ ่ืนคำ�ขออนุมตั .ิ ...........................................................................
......................................................................................................................................................
ช่ือบคุ คลหรือนติ บิ คุ คลที่จดั ให้มีการเร่ยี ไร.........................................................................................
ใบอนญุ าตใหบ้ คุ คลหรือนติ บิ ุคคลจัดให้มหี รือท�ำ การเรยี่ ไรตามกฎหมายวา่ ด้วยการควบคมุ การเรย่ี ไร....
.......................................เลขท่ีใบอนุญาต....................................วันสนิ้ อายุ....................................
๑. วตั ถปุ ระสงค์ของการเข้าไปมสี ่วนเกีย่ วข้องกบั การเรี่ยไร............................................
......................................................................................................................................................
๒. รายละเอียดของการเขา้ ไปมีสว่ นเก่ียวขอ้ งกบั การเรี่ยไร
n เป็นการเข้าไปมีส่วนเก่ียวข้องกับการเร่ียไรท่ีไม่ได้รับยกเว้นไม่ต้องขออนุมัติจาก
กคร. หรอื กคร. จังหวดั ตามขอ้ ๑๙ แหง่ ระเบียบส�ำ นกั นายกรัฐมนตรวี า่ ดว้ ยการเรย่ี ไรของหน่วยงาน
ของรฐั พ.ศ. ๒๕๔๔
n เปน็ การเขา้ ไปมสี ว่ นเกย่ี วขอ้ งกบั การเรย่ี ไร และหนว่ ยงานของรฐั ไดย้ น่ื ค�ำ ขออนมุ ตั ิ
เป็นการล่วงหนา้ ไม่น้อยกว่าสามสบิ วันกอ่ นวนั เข้าไปมีสว่ นเกี่ยวขอ้ งกับการเรยี่ ไร
n เป็นการเข้าไปมีส่วนเก่ียวข้องกับการเร่ียไรในกรณีท่ีมีความจำ�เป็นเร่งด่วน  และ
หน่วยงานของรัฐย่ืนคำ�ขออนุมัติเป็นการล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสิบห้าวันก่อนวันเข้าไปมีส่วนเก่ียวข้องกับ
การเร่ยี ไร โดยมเี หตผุ ลความจ�ำ เปน็ เร่งด่วน ดงั นี้
(๑) .......................................................................
(๒) .......................................................................
(๓) .......................................................................
(๔) .......................................................................
๒.๑ วธิ ีการเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกบั การเรี่ยไร..........................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
๒.๒ ระยะเวลาด�ำ เนินการเขา้ ไปมีส่วนเก่ียวขอ้ งกบั การเร่ียไรตง้ั แต่วนั ท.่ี .....................
ถงึ วนั ท่ี....................................................
๒.๓ พ้นื ที่การเข้าไปมสี ่วนเก่ยี วขอ้ งกับการเรยี่ ไร.......................................................
๒.๔ สถานที่หรือวิธีการท่ีจะรับเงินหรือทรัพย์สินจากการเข้าไปมีส่วนเก่ียวข้องกับการ
เร่ยี ไร..............................................................................................................................................

๒.๕ วธิ กี ารเข้าไปมสี ่วนเก่ียวขอ้ งกบั การเรี่ยไร..........................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
........................................................................๔..๑...๖.........................................................................

๒.๖ วงเงนิ ท่จี ะเขา้ ไปมีส่วนเกีย่ วข้องกบั การเร่ยี ไร...................................................
๒.๗ เคยเขา้ ไปมีสว่ นเก่ยี วขอ้ งกับการเรีย่ ไรเร่อื งใดมาแลว้ หรือไม่
n เคย ๑. ............................................................... n ไมเ่ คย
๒. ...............................................................
๓. ...............................................................
สถานท่ตี ดิ ต่อ................................................................................................
.................................................................โทรศัพท.์ ..............................โทรสาร..............................
๓. หลักฐานประกอบค�ำ ขออนมุ ัติ
n โครงการจัดใหม้ กี ารเข้าไปมีส่วนเกย่ี วข้องกบั การเรีย่ ไร และหรอื n รายละเอียด
ของการจัดใหม้ กี ารเขา้ ไปมสี ว่ นเกีย่ วข้องกบั การเรย่ี ไร
n หลกั ฐานการไดร้ บั ความเหน็ ชอบจากหนว่ ยงานระดบั กรมเจา้ สงั กดั หรอื ทเ่ี ทยี บเทา่
ในกรณที ห่ี นว่ ยงานของรฐั ทย่ี น่ื ค�ำ ขออนมุ ตั มิ ใิ ชห่ นว่ ยงานระดบั กรมหรอื ทเ่ี ทยี บเทา่
n หลกั ฐานการขอรบั อนญุ าตใหจ้ ดั ใหม้ กี ารเรย่ี ไรหรอื ท�ำ การเรย่ี ไรในกรณที ห่ี นว่ ยงาน
ของรฐั ทย่ี น่ื ค�ำ ขออนมุ ตั ติ อ้ งไดร้ บั อนญุ าตตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการควบคมุ การเรย่ี ไร
และ
n สำ�เนาใบอนุญาตให้บุคคลหรือนิติบุคคลจัดให้มีหรือทำ�การเรี่ยไรตามกฎหมาย
ว่าด้วยการควบคมุ การเรย่ี ไร
n หลกั ฐานอน่ื ๆ (ถา้ มี)
......................................................................................................................
......................................................................................................................
ทง้ั น ้ี เมอ่ื หนว่ ยงานของรฐั ซง่ึ เปน็ ผเู้ ขา้ ไปมสี ว่ นเกย่ี วขอ้ งกบั การเรย่ี ไรตามค�ำ ขอนไ้ี ดร้ บั
อนุมัติจากคณะกรรมการควบคุมการเรี่ยไรของหน่วยงานของรัฐ  หรือคณะกรรมการควบคุมการเร่ียไร
จงั หวดั แลว้   จะไดป้ ฏบิ ตั ติ ามหลกั เกณฑข์ องระเบยี บส�ำ นกั นายกรฐั มนตรวี า่ ดว้ ยการเรย่ี ไรของหนว่ ยงาน
ของรัฐ  พ.ศ. ๒๕๔๔ และท่แี ก้ไขเพิ่มเตมิ โดยเคร่งครดั ตอ่ ไป

(ลงชือ่ ) ................................................... หวั หนา้ หนว่ ยงานของรฐั
(.................................................)
ตำ�แหนง่ ..................................................



๔๑๗

(สำ�เนา)

ที ่ มท ๐๕๐๕.๔ / ว ๒๔๓๒๖
ถึง สำ�นกั งานท่ีดินจงั หวดั ทกุ จังหวดั

ตามหนงั สอื กรมท่ีดิน ด่วนทีส่ ุด ท่ี มท ๐๕๐๕.๔/ว ๑๙๓๖๒ ลงวันท่ี ๒๐ สงิ หาคม
๒๕๕๘ สง่ รา่ งพระราชบญั ญัตกิ ารจัดสรรทด่ี นิ (ฉบับที.่ .)  พ.ศ. ....  พรอ้ มสรปุ สาระส�ำ คญั เพือ่ ให้
พนักงานเจ้าหน้าที่ศึกษาทำ�ความเข้าใจและเตรียมความพร้อมสำ�หรับการดำ�เนินการท่ีเกี่ยวข้อง
ไว้เป็นการล่วงหน้า  หากร่างพระราชบัญญัติฉบับน้ีประกาศในราชกิจจานุเบกษามีผลใช้บังคับ
เมือ่ ใดจะแจง้ ให้ทราบอกี ครัง้ หน่งึ นั้น
กรมที่ดินขอเรียนว่าพระราชบัญญัติการจัดสรรท่ีดิน  (ฉบับท่ี  ๒)  พ.ศ. ๒๕๕๘ 
ได้ประกาศในราชกิจจานเุ บกษา ฉบับกฤษฎกี า เล่ม ๑๓๒ ตอนท่ี ๙๒ ก วนั ที่ ๒๕ กันยายน
๒๕๕๘ แล้ว และจะมีผลใช้บังคับในวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ เป็นต้นไป สามารถดู
รายละเอยี ดไดท้ ี่ www.dol.go.th หวั ขอ้ “ขา่ วประชาสัมพันธ์” หรอื เวบ็ ไซต์ของสำ�นกั กฎหมาย
www.dol.go.th/Legal/หัวขอ้ “เผยแพรข่ า่ วสาร”

กรมท่ดี ิน
๑ ตุลาคม ๒๕๕๘

ส�ำ นกั กฎหมาย
โทร. ๐ ๒๑๔๑ ๕๖๘๗
โทรสาร ๐ ๒๑๔๓ ๙๐๖๒

๔๑๘

(สำ�เนา)
พระราชบญั ญัติ
การจดั สรรท่ดี นิ (ฉบับท่ี ๒)
___พ__.ศ__. ๒__๕_๕_๘____
ภมู พิ ลอดลุ ยเดช ป.ร.
ใหไ้ ว้ ณ วันที่ ๒๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๘
เปน็ ปที ี่ ๗๐ ในรชั กาลปจั จุบัน
พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช  มพี ระบรมราชโองการโปรดเกลา้ ฯ
ให้ประกาศว่า
โดยทเ่ี ปน็ การสมควรแก้ไขเพ่มิ เตมิ กฎหมายวา่ ด้วยการจดั สรรที่ดนิ
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ  ให้ตราพระราชบัญญัติข้ึนไว้โดยคำ�แนะนำ�และ
ยนิ ยอมของสภานิตบิ ัญญตั ิแหง่ ชาติ ดังตอ่ ไปน้ี
มาตรา ๑ พระราชบญั ญตั นิ ี้เรียกว่า  “พระราชบัญญัตกิ ารจดั สรรท่ดี ิน (ฉบบั ที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๕๘”
มาตรา ๒ พระราชบัญญัติน้ีให้ใช้บังคับเม่ือพ้นกำ�หนดหกสิบวันนับแต่วันประกาศ
ในราชกจิ จานุเบกษาเปน็ ตน้ ไป
มาตรา ๓ ให้เพิ่มบทนิยามคำ�ว่า  “สาธารณูปโภค”  ระหว่างบทนิยามคำ�ว่า  “ผู้ซ้ือ
ท่ีดินจัดสรร”  และคำ�ว่า  “บริการสาธารณะ”  ในมาตรา  ๔  แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรท่ีดิน
พ.ศ. ๒๕๔๓
“ “สาธารณปู โภค” หมายความว่า สงิ่ อำ�นวยประโยชน์ท่ีผูจ้ ัดสรรทด่ี ินได้จดั ให้มขี ้ึน
เพ่ือให้ผู้ซ้ือทด่ี นิ จัดสรรใชป้ ระโยชน์ร่วมกนั ตามสัญญาหรอื แผนผงั โครงการท่ไี ดร้ บั อนญุ าต”
มาตรา ๔ ให้ยกเลิกความในมาตรา  ๗  แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรท่ีดิน
พ.ศ. ๒๕๔๓ และให้ใชค้ วามต่อไปนแ้ี ทน
“มาตรา ๗ ให้มีคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง  ประกอบด้วย  ปลัดกระทรวง
มหาดไทย  เป็นประธานกรรมการ  อัยการสูงสุด  อธิบดีกรมการปกครอง  อธิบดีกรมชลประทาน
อธิบดกี รมโยธาธกิ ารและผงั เมือง เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผบู้ ริโภค เลขาธิการสำ�นักงาน
นโยบายและแผนทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดล้อม และผทู้ รงคุณวุฒจิ �ำ นวนหกคนซึ่งรฐั มนตรี
แต่งต้ังจากผู้มีความรู้  ความสามารถ  หรือประสบการณ์ในด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
การผงั เมอื ง การบรหิ ารชมุ ชน หรือกฎหมาย เป็นกรรมการ
ให้อธิบดีกรมที่ดินเป็นกรรมการและเลขานุการ  และแต่งต้ังข้าราชการกรมที่ดิน
จ�ำ นวนไมเ่ กินสองคนเป็นผชู้ ว่ ยเลขานุการ

๔๑๙

กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามวรรคหน่ึง  ให้แต่งต้ังจากผู้แทนภาคเอกชนซึ่งเป็น
ผู้ดำ�เนินกิจการเก่ยี วกับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไมน่ ้อยกวา่ กึง่ หนงึ่ ”
มาตรา ๕ ให้ยกเลิกความในวรรคหน่ึงของมาตรา  ๑๓  แห่งพระราชบัญญัติ
การจดั สรรทด่ี นิ พ.ศ. ๒๕๔๓ และให้ใชค้ วามต่อไปน้ีแทน
“มาตรา ๑๓ ใหม้ คี ณะกรรมการจดั สรรที่ดินจงั หวัดทกุ จงั หวดั ดงั น้ี
(๑) ในกรุงเทพมหานคร ให้มีคณะกรรมการจดั สรรที่ดินกรงุ เทพมหานคร ประกอบ
ด้วย  อธิบดีกรมท่ีดินหรือรองอธิบดีกรมท่ีดินซึ่งอธิบดีกรมท่ีดินมอบหมาย  เป็นประธานกรรมการ
ผู้แทนกรมชลประทาน  ผู้แทนกรมโยธาธิการและผังเมือง  ผู้แทนสำ�นักงานนโยบายและแผน
ทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ ม ผแู้ ทนสำ�นกั งานอัยการสูงสดุ ผู้แทนกรุงเทพมหานคร และ
ผู้ทรงคณุ วฒุ ิจำ�นวนส่ีคนซ่ึงปลัดกระทรวงมหาดไทยแต่งต้ัง เป็นกรรมการ และให้ผแู้ ทนกรมทีด่ นิ
เปน็ กรรมการและเลขานกุ าร
(๒) ในจังหวดั อนื่ ใหม้ คี ณะกรรมการจัดสรรท่ีดนิ จังหวดั ประกอบดว้ ย ผูว้ ่าราชการ
จงั หวัด หรอื รองผู้วา่ ราชการจงั หวัดซ่ึงผวู้ า่ ราชการจงั หวดั มอบหมาย เป็นประธานกรรมการ ผแู้ ทน
กรมชลประทาน  อัยการจังหวัดซึ่งเป็นหัวหน้าสำ�นักงานอัยการจังหวัด  โยธาธิการและผังเมือง
จังหวัด  ปลัดจังหวัด  นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด  และผู้ทรงคุณวุฒิจำ�นวนส่ีคนซึ่งปลัด
กระทรวงมหาดไทยแต่งต้ัง  เป็นกรรมการ  และให้เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดเป็นกรรมการและ
เลขานกุ าร”
มาตรา ๖ ให้ยกเลิกความในมาตรา  ๒๘  แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน
พ.ศ. ๒๕๔๓ และใหใ้ ชค้ วามตอ่ ไปนี้แทน
“มาตรา ๒๘ เมอื่ ได้ออกใบอนญุ าตใหผ้ ใู้ ดทำ�การจดั สรรทด่ี ินแล้ว ให้คณะกรรมการ
จัดส่งใบอนุญาตพร้อมทั้งแผนผัง  โครงการ  และวิธีการท่ีคณะกรรมการอนุญาตไปยังพนักงาน
เจา้ หนา้ ท่ีแหง่ ท้องทีซ่ ึ่งทด่ี นิ จดั สรรนัน้ ต้งั อยูโ่ ดยเรว็ เพ่อื ให้จดแจ้งในโฉนดทีด่ นิ หรือหนงั สอื รบั รอง
การทำ�ประโยชน์ภายในสิบห้าวัน  นับแต่วันท่ีได้รับใบอนุญาตจากคณะกรรมการว่าท่ีดินนั้นอยู่
ภายใต้การจัดสรรที่ดิน และเม่ือได้ออกโฉนดทด่ี นิ หรอื หนังสอื รบั รองการทำ�ประโยชน์ท่ีแบง่ แยก
เปน็ แปลงยอ่ ยแลว้ ใหจ้ ดแจง้ ไวใ้ นโฉนดทด่ี นิ หรอื หนงั สอื รบั รองการท�ำ ประโยชนท์ แ่ี บง่ แยกทกุ ฉบบั
สำ�หรับที่ดินอันเป็นสาธารณูปโภคและที่ดินท่ีใช้เพื่อบริการสาธารณะ  ให้จดแจ้งด้วยว่าท่ีดิน
แปลงดงั กลา่ วเป็นท่ีดินอนั เปน็ สาธารณปู โภคหรอื ทด่ี ินที่ใชเ้ พอ่ื บรกิ ารสาธารณะ ตามแผนผังและ
โครงการที่ไดร้ ับอนญุ าตใหท้ ำ�การจดั สรรท่ดี นิ แล้วแตก่ รณ”ี
มาตรา ๗ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา  ๔๓/๑  แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรร
ท่ดี ิน พ.ศ. ๒๕๔๓
“มาตรา ๔๓/๑ หา้ มโอนทดี่ นิ อันเป็นสาธารณูปโภค เว้นแต่เปน็ การโอนตามพระราช
บญั ญัตนิ ี้ หรือกฎหมายวา่ ด้วยการเวนคนื อสงั หารมิ ทรัพย”์

๔๒๐

มาตรา ๘ ให้ยกเลิกความในมาตรา  ๔๔  แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรท่ีดิน
พ.ศ. ๒๕๔๓ และให้ใชค้ วามตอ่ ไปนีแ้ ทน
“มาตรา ๔๔ ผจู้ ดั สรรทด่ี นิ จะพน้ จากหนา้ ทบ่ี �ำ รงุ รกั ษาสาธารณปู โภค ตามมาตรา ๔๓
เม่อื ได้ดำ�เนินการอยา่ งหนง่ึ อย่างใด ภายหลังจากครบก�ำ หนดระยะเวลาที่ผู้จดั สรรท่ดี ินรับผิดชอบ
การบ�ำ รงุ รักษาสาธารณปู โภคตามมาตรา ๒๓ (๕) แล้วตามล�ำ ดบั ดังต่อไปน้ี
(๑) ผู้ซื้อท่ีดินจัดสรรจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรตามพระราชบัญญัติน้ีหรือ
นิตบิ ุคคลตามกฎหมายอนื่ เพอ่ื รบั โอนทรพั ย์สนิ ดังกล่าวไปจดั การและดูแลบำ�รงุ รักษาภายในเวลา
ที่ผู้จัดสรรที่ดินกำ�หนด  ซ่ึงต้องไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันท่ีได้รับแจ้งจากผู้จัดสรร
ทด่ี ิน
(๒) ผู้จัดสรรที่ดินได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการให้ดำ�เนินการอย่างหนึ่งอย่างใด
เพ่ือการบำ�รุงรักษาสาธารณูปโภค  หรือดำ�เนินการจดทะเบียนโอนทรัพย์สินดังกล่าวให้เป็น
สาธารณประโยชน์
การดำ�เนินการตามความในวรรคหน่ึงให้เป็นไปตามระเบียบท่ีคณะกรรมการ
จัดสรรท่ีดินกลางกำ�หนด  ทั้งนี้  ต้องกำ�หนดให้ผู้จัดสรรท่ีดินรับผิดชอบจำ�นวนเงินค่าบำ�รุงรักษา
สาธารณปู โภคส่วนหนงึ่ ด้วย
เม่ือเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดหรือเจ้าพนักงานท่ีดินจังหวัดสาขาจดทะเบียนจัดต้ัง
นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรตาม  (๑)  แล้ว  ให้ทรัพย์สินอันเป็นสาธารณูปโภคตกเป็นของนิติบุคคล
หมู่บา้ นจัดสรร โดยให้พนักงานเจา้ หนา้ ท่ีจดแจง้ ในโฉนดทดี่ นิ หรอื หนังสือรบั รองการท�ำ ประโยชน์
หากไม่ได้โฉนดท่ีดิน  หรือหนังสือรับรองการทำ�ประโยชน์มา  ให้ถือว่าสูญหาย  และให้พนักงาน
เจา้ หนา้ ทีอ่ อกใบแทนเพอ่ื ดำ�เนนิ การดงั กลา่ วตอ่ ไป”
มาตรา ๙ ให้ยกเลิกความในวรรคสองของมาตรา  ๕๐  แห่งพระราชบัญญัติ
การจัดสรรท่ีดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ และใหใ้ ชค้ วามต่อไปนแ้ี ทน
“ผู้ท่ีค้างชำ�ระเงินค่าบำ�รุงรักษาและการจัดการสาธารณูปโภคต้ังแต่สามเดือนขึ้นไป
อาจถูกระงบั การใหบ้ ริการหรือการใชส้ ทิ ธใิ นสาธารณปู โภค และในกรณที คี่ ้างชำ�ระตง้ั แต่หกเดือน
ขึ้นไป พนกั งานเจ้าหน้าท่ีมีอำ�นาจระงบั การจดทะเบียนสทิ ธแิ ละนิติกรรมในท่ดี นิ จดั สรรของผคู้ า้ ง
ชำ�ระจนกวา่ จะชำ�ระให้ครบถ้วน ทั้งน้ี ใหเ้ ป็นไปตามหลักเกณฑแ์ ละวธิ ีการท่ีคณะกรรมการจัดสรร
ทด่ี นิ กลางกำ�หนด”
มาตรา ๑๐ ผู้ได้รับใบอนุญาตหรือผู้รับโอนใบอนุญาตตามประกาศของคณะปฏิวัติ
ฉบับท่ี  ๒๘๖  ลงวันที่  ๒๔  พฤศจิกายน  พ.ศ. ๒๕๑๕  หรือผู้รับโอนกรรมสิทธ์ิท่ีดินอันเป็น
สาธารณปู โภคท่ียังมิได้จดั ตงั้ นติ ิบคุ คลหมูบ่ า้ นจัดสรร หากภายหลงั ไดด้ �ำ เนินการตามมาตรา ๗๐
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน  พ.ศ. ๒๕๔๓  และได้จัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรแล้ว
ให้ทรัพย์สินอันเป็นสาธารณูปโภคตกเป็นของนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร  โดยให้พนักงานเจ้าหน้าที่

๔๒๑

จดแจ้งในโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำ�ประโยชน์  หากไม่ได้โฉนดท่ีดินหรือหนังสือรับรอง
การทำ�ประโยชน์มา  ให้ถือว่าสูญหาย  และให้พนักงานเจ้าหน้าที่ออกใบแทนเพ่ือดำ�เนินการ
ดังกลา่ วตอ่ ไป
มาตรา ๑๑ ให้รฐั มนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทยรกั ษาการตามพระราชบัญญัตนิ ้ี
ผู้รบั สนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ประยทุ ธ์ จันทรโ์ อชา
นายกรัฐมนตรี

ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มท่ี ๑๓๒ ตอนที่ ๙๒ ก ๒๕ กนั ยายน ๒๕๕๘
________________________________________________________________________
หมายเหตุ  :–  เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับน้ี  คือ  โดยท่ีการจัดสรรที่ดิน
ในปจั จบุ นั ไมไ่ ดก้ �ำ หนดใหจ้ ดแจง้ ในโฉนดทด่ี นิ หรอื หนงั สอื รบั รองการท�ำ ประโยชนว์ า่ ทด่ี นิ แปลงนน้ั
เป็นที่ดินอันเป็นสาธารณูปโภคหรือท่ีดินท่ีใช้เพื่อบริการสาธารณะ  เป็นผลให้ไม่อาจทราบชัดเจน
ว่าท่ีดนิ แปลงใดเปน็ ท่ดี นิ อันเป็นสาธารณปู โภคหรือที่ดนิ ที่ใชเ้ พ่ือบริการสาธารณะ และมีการโอน
ที่ดินดงั กล่าวไปยงั บุคคลอืน่ ซง่ึ ส่งผลกระทบต่อการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินอนั เปน็ สาธารณปู โภค
ของผู้ซื้อท่ีดินจัดสรรโดยรวม  จึงสมควรให้มีการจดแจ้งดังกล่าวและห้ามการโอนที่ดินอันเป็น
สาธารณปู โภค รวมทง้ั ก�ำ หนดหลกั เกณฑก์ ารพน้ จากหนา้ ทบ่ี �ำ รงุ รกั ษาสาธารณปู โภคของผจู้ ดั สรร
ที่ดิน และการให้ทรัพย์สินอันเป็นสาธารณูปโภคตกเป็นของนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรให้เหมาะสม
และเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม  ประกอบกับสมควรแก้ไขบทบัญญัติที่กำ�หนดชื่อตำ�แหน่ง
ในคณะกรรมการตามพระราชบัญญัตินี้  ให้เป็นไปตามกฎหมายท่ีใช้บังคับในปัจจุบัน  รวมทั้ง
แก้ไขระยะเวลาการค้างชำ�ระค่าบำ�รุงรักษาและการจัดการสาธารณูปโภคให้เหมาะสมยิ่งขึ้น
จงึ จ�ำ เปน็ ต้องตราพระราชบญั ญตั ิน้ี

๔๒๒

(ส�ำ เนา)

ที่ มท ๐๕๐๕.๔ / ว ๒๕๐๘๒
ถึง จังหวัดทุกจังหวัด

กรมท่ดี นิ ขอส่งส�ำ เนาประกาศกรมที่ดนิ เรอ่ื ง ยุบเลกิ ส�ำ นกั งานที่ดินจังหวดั สงขลา
สาขาหาดใหญ่  ส่วนแยกคอหงส์  และสำ�นักงานที่ดินจังหวัดสงขลา  สาขาหาดใหญ่  ส่วนแยก
ควนลงั (ฉบบั ท่ี ๒๘) และสำ�เนาประกาศกรมทด่ี ิน เรือ่ ง ตง้ั ส�ำ นกั งานทด่ี ินสว่ นแยก (ฉบับท่ี ๒๙)
ซง่ึ ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา ฉบับประกาศและงานท่ัวไป เลม่ ๑๓๒ ตอนที่ ๑๐๓ ง ลงวันท่ี ๑
ตุลาคม ๒๕๕๘ มาเพื่อโปรดทราบ

กรมทดี่ ิน
๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๘

ส�ำ นกั กฎหมาย
โทร. ๐ ๒๑๔๑ ๕๖๘๗
โทรสาร ๐ ๒๑๔๓ ๙๐๖๒

๔๒๓

(ส�ำ เนา)
ประกาศกรมท่ดี ิน
เร่ือง ยุบเลกิ สำ�นักงานท่ดี นิ จงั หวดั สงขลา สาขาหาดใหญ่ สว่ นแยกคอหงส์
และสำ�นกั งานทด่ี นิ จงั หวดั สงขลา สาขาหาดใหญ่ สว่ นแยกควนลงั
___(_ฉ_บ_บั__ท_่ี _๒_๘_)___
ตามประกาศกรมที่ดิน  เร่ือง  ต้ังสำ�นักงานท่ีดินส่วนแยก  (ฉบับที่  ๒๗)  ลงวันท่ี  ๔
ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ ต้งั สำ�นักงานท่ดี นิ สว่ นแยก จำ�นวน ๔ แห่ง น้นั
กรมท่ีดินพิจารณาเห็นว่าการดำ�เนินงานเพื่อให้บริการประชาชนของสำ�นักงานท่ีดิน
จงั หวัดสงขลา สาขาหาดใหญ่ สว่ นแยกคอหงส์ และสำ�นักงานที่ดินจังหวัดสงขลา สาขาหาดใหญ่
ส่วนแยกควนลัง มีปัญหาการทับซ้อนของพื้นที่ดำ�เนินการที่มีการแยกย่อยเขตพื้นที่รับผิดชอบ
มากเกินไป  ประชาชนไม่ทราบเขตพื้นท่ีรับผิดชอบท่ีแน่นอน  ทำ�ให้การบริการประชาชนไม่ได้รับ
ความสะดวก ไมส่ ามารถบริการประชาชนไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพและสนองตอบต่อความตอ้ งการ
ของประชาชนใหไ้ ดร้ บั ความสะดวก รวดเรว็ ประหยดั เวลาและคา่ ใชจ้ า่ ยในการตดิ ตอ่ ขอรบั บรกิ าร
ประกอบกับการดำ�เนินงานตามโครงการพัฒนาระบบสารสนเทศที่ดินมีปัญหาเนื่องจากข้อมูล
ที่ดินของอำ�เภอหาดใหญ่  บางส่วนกระจายอยู่ท่ีสำ�นักงานท่ีดินจังหวัดสงขลา  สาขาหาดใหญ่
ส่วนแยกคอหงส์ และสำ�นกั งานท่ดี ินจงั หวดั สงขลา สาขาหาดใหญ่ ส่วนแยกควนลัง
อาศัยอำ�นาจตามความในข้อ  ๘  (๑)  แห่งระเบียบกรมท่ีดินว่าด้วยการจัดต้ังและ
ปฏิบัตงิ านในส�ำ นักงานทีด่ ินจังหวดั หรือส�ำ นักงานทีด่ ินสาขาสว่ นแยก  พ.ศ. ๒๕๔๖  จงึ ใหย้ ุบเลิก
สำ�นักงานท่ีดินส่วนแยก  ตามประกาศกรมที่ดิน  เรื่อง  ต้ังสำ�นักงานท่ีดินส่วนแยก  (ฉบับที่  ๔)
ลงวันท่ี ๓๐ กนั ยายน พ.ศ.๒๕๔๒ ดังต่อไปนี้
๑. ส�ำ นกั งานทด่ี นิ จงั หวดั สงขลา สาขาหาดใหญ่ สว่ นแยกคอหงส์ ซง่ึ มเี ขตด�ำ เนนิ การ
ในทอ้ งท่ตี ำ�บลคอหงส์ ตำ�บลพะตง ต�ำ บลบา้ นพรุ และอำ�เภอนาหมอ่ ม
๒. ส�ำ นกั งานทด่ี นิ จงั หวดั สงขลา สาขาหาดใหญ่ สว่ นแยกควนลงั ซง่ึ มเี ขตด�ำ เนนิ การ
ในทอ้ งทตี่ ำ�บลควนลัง ตำ�บลท่งุ ตำ�เสา และอำ�เภอคลองหอยโข่ง
ท้งั น้ ี ต้งั แต่วันท ่ี ๑๗ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ เปน็ ต้นไป
ประกาศ ณ วนั ท่ี ๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
(ลงชอื่ ) ศิรพิ งษ์ ห่านตระกูล
(นายศิริพงษ ์ หา่ นตระกูล)
อธิบดกี รมทีด่ ิน

๔๒๔

(ส�ำ เนา)
ประกาศกรมที่ดิน
เรื่อง ตั้งส�ำ นัก_ง_า_น__ท_ี่ด_ิน_ส__ว่ _น_แ_ย_ก_ (ฉบบั ท่ี ๒๙)
ตามประกาศกรมท่ีดิน  เร่ือง  ยุบเลิกสำ�นักงานที่ดินจังหวัดสงขลา  สาขาหาดใหญ่
สว่ นแยกคอหงส์ และสำ�นักงานท่ีดนิ จังหวัดสงขลา สาขาหาดใหญ่ ส่วนแยกควนลัง (ฉบับที่ ๒๘)
ลงวันท่ี ๕ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๘
กรมท่ดี นิ พจิ ารณาเหน็ สมควรจัดตงั้ ส�ำ นักงานทีด่ ินสว่ นแยกเพิม่ เติม เพอื่ ดำ�เนินการ
ออกโฉนดที่ดิน  การรังวัดท่ีดิน  การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม  การทำ�ธุระอ่ืนๆ  ตลอดจน
การดำ�เนินการใดเก่ียวกับอสังหาริมทรัพย์  ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายท่ีดิน  จึงให้ต้ัง
สำ�นักงานทด่ี นิ จงั หวดั สงขลา สาขาหาดใหญ่ สว่ นแยกบางกลํ่า มีเขตดำ�เนินการในท้องทอ่ี �ำ เภอ
บางกลาํ่ อำ�เภอนาหมอ่ ม และอำ�เภอคลองหอยโข่ง
ท้ังน ี้ ตงั้ แตว่ ันท่ี ๑๗ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ เปน็ ตน้ ไป
ประกาศ ณ วันที ่ ๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
(ลงชอื่ ) ศริ ิพงษ์ หา่ นตระกูล
(นายศริ พิ งษ ์ หา่ นตระกูล)
อธิบดกี รมทด่ี ิน

๔๒๕

ดว่ นที่สดุ (สำ�เนา)
ท่ี มท ๐๕๐๕.๔ / ว ๒๖๒๔๔ กรมทดี่ ิน
ศนู ย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษาฯ
อาคารรฐั ประศาสนภักด ี ถนนแจง้ วฒั นะ
แขวงทงุ่ สองหอ้ ง เขตหลักส่ี กรงุ เทพฯ ๑๐๒๑๐

๒๘ ตลุ าคม ๒๕๕๘

เร่ือง มาตรการการเงนิ การคลงั เพ่อื กระตุ้นเศรษฐกจิ ภาคอสังหารมิ ทรพั ย์
เรยี น ผวู้ ่าราชการจงั หวดั ทุกจงั หวัด
สง่ิ ทีส่ ง่ มาดว้ ย ๑. สำ�เนาประกาศกระทรวงมหาดไทย เรอ่ื ง การเรียกเกบ็ ค่าธรรมเนยี มจดทะเบยี น
สิทธแิ ละนิตกิ รรมตามประมวลกฎหมายทด่ี นิ กรณีอสังหาริมทรัพยท์ ีเ่ ปน็ อาคาร
ทีอ่ ยู่อาศัย ตามหลักเกณฑ์ทค่ี ณะรฐั มนตรกี �ำ หนด
๒. ส�ำ เนาประกาศกระทรวงมหาดไทย เรือ่ ง การเรยี กเกบ็ คา่ ธรรมเนียมจดทะเบียน
สิทธิและนิตกิ รรมตามประมวลกฎหมายทีด่ นิ กรณีอสงั หาริมทรพั ยท์ ไี่ ดร้ ับ
อนญุ าตจัดสรรที่ดนิ ตามกฎหมายว่าดว้ ยการจดั สรรที่ดินตามหลกั เกณฑท์ ่ี
คณะรัฐมนตรกี ำ�หนด
๓. สำ�เนาประกาศกระทรวงมหาดไทย เรือ่ ง การเรยี กเก็บคา่ ธรรมเนยี มจดทะเบยี น
สทิ ธแิ ละนิตกิ รรมตามกฎหมายว่าดว้ ยอาคารชุด กรณีหอ้ งชดุ ตามหลักเกณฑ์
ทีค่ ณะรฐั มนตรีก�ำ หนด

ด้วยกระทรวงมหาดไทยไดอ้ อกประกาศกระทรวงมหาดไทย เรือ่ ง การเรยี กเกบ็
ค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน  กรณีอสังหาริมทรัพย์
ท่ีเป็นอาคารที่อยู่อาศัย  ตามหลักเกณฑ์ท่ีคณะรัฐมนตรีกำ�หนด  ประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรื่อง  การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน  กรณี
อสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับอนุญาตจัดสรรที่ดินตามกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดินตามหลักเกณฑ์
ทค่ี ณะรฐั มนตรกี �ำ หนด และประกาศกระทรวงมหาดไทย  เรอ่ื ง  การเรยี กเกบ็ คา่ ธรรมเนยี มจดทะเบยี น
สทิ ธแิ ละนติ กิ รรมตามกฎหมายวา่ ดว้ ยอาคารชดุ   กรณหี อ้ งชดุ ตามหลกั เกณฑท์ ค่ี ณะรฐั มนตรกี �ำ หนด
ซ่ึงมีสาระสำ�คัญในการกำ�หนดหลักเกณฑ์ให้ลดการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและ
นิติกรรมการโอนและการจำ�นองอสังหาริมทรัพย์หรือห้องชุด  ในอัตราร้อยละศูนย์จุดศูนย์หนึ่ง
(๐.๐๑)  เพ่ือกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริทรัพย์ให้มีการซ้ือขายอสังหาริมทรัพย์หรือห้องชุด
ให้มากยิ่งข้ึน  อันเป็นการสร้างความม่ันคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ  รายละเอียดปรากฏตาม

๔๒๖

ประกาศกระทรวงมหาดไทยที่ส่งมาพร้อมนี้  ทั้งนี้  สามารถดูรายละเอียดได้ที่  www.dol.go.th
หัวข้อ  “ข่าวประชาสัมพันธ์”  หรือเว็บไซต์ของสำ�นักกฎหมาย  www.dol.go.th/legal  หัวข้อ
“เผยแพรข่ ่าวสาร”
จงึ เรยี นมาเพอ่ื โปรดทราบและแจง้ ใหพ้ นกั งานเจา้ หนา้ ทท่ี ราบและถอื ปฏบิ ตั ติ อ่ ไป
ขอแสดงความนับถือ
(ลงชือ่ ) อภินันท์ ซื่อธานุวงศ์
(นายอภินนั ท ์ ซอ่ื ธานวุ งศ)์
อธิบดีกรมทีด่ ิน
สำ�นักกฎหมาย
โทร. ๐ ๒๑๔๑ ๕๖๘๗
โทรสาร ๐ ๒๑๔๓ ๙๐๖๒

๔๒๗

(ส�ำ เนา)
ประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรือ่ ง การเรยี กเกบ็ ค่าธรรมเนยี มจดทะเบยี นสทิ ธิและนิตกิ รรม
ตามประมวลกฎหมายที่ดนิ กรณอี สงั หารมิ ทรัพย์ท่ีเปน็ อาคารทอ่ี ยูอ่ าศยั
ตามหลัก_เก_ณ__ฑ_์ท__่คี _ณ__ะ_ร_ฐั _ม_น_ต_รีก�ำ หนด
โดยที่สมควรให้มีการสนับสนุนการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อเป็นการสร้าง
ความมน่ั คงในทางเศรษฐกจิ ของประเทศ อาศยั อ�ำ นาจตามความในขอ้ ๒ (๗) (ฎ) แหง่ กฎกระทรวง
ฉบบั ท่ี ๔๗ (พ.ศ.๒๕๔๑) ออกตามความในพระราชบญั ญตั ใิ หใ้ ชป้ ระมวลกฎหมายทด่ี นิ พ.ศ.๒๔๙๗
คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเมื่อวันที่ ๑๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ กำ�หนดหลักเกณฑ์ให้ลดการเรียกเก็บ
ค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดินในการโอนและการจำ�นอง
อสังหาริมทรัพย์ท่ีเป็นอาคารที่อยู่อาศัยเป็นพิเศษ  โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ออกประกาศไว้ ดังต่อไปน้ี
ข้อ ๑ ให้เรียกเก็บค่าจดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพย์และค่าจดทะเบียน
การจำ�นองอสังหาริมทรัพย์อันเนื่องมาจากการจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว  ร้อยละ
ศนู ยจ์ ดุ ศนู ยห์ นง่ึ ส�ำ หรบั กรณกี ารซอ้ื ขายอสงั หารมิ ทรพั ยท์ เ่ี ปน็ อาคารทอ่ี ยอู่ าศยั ประเภทบา้ นเดย่ี ว
บ้านแฝด บา้ นแถว และอาคารพาณิชย ์ หรืออาคารดงั กลา่ วพรอ้ มท่ีดนิ ซึง่ มใิ ช่ทีด่ ินตามกฎหมาย
ว่าด้วยการจัดสรรท่ีดิน  หรือท่ีดำ�เนินการจัดสรรที่ดินโดยทางราชการหรือองค์การของรัฐบาล
ซ่งึ มอี �ำ นาจหน้าทที่ �ำ การจดั สรรทด่ี ินตามกฎหมาย
ขอ้ ๒ ประกาศน้ใี หใ้ ช้บงั คับตงั้ แต่วนั ท่ี ๒๙ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ถึงวนั ที่ ๒๘
เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๙

ประกาศ ณ วันท ่ี ๒๘ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๕๘
พลเอก อนพุ งษ ์ เผ่าจินดา
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

๔๒๘

(สำ�เนา)
ประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรอ่ื ง การเรียกเกบ็ ค่าธรรมเนียมจดทะเบยี นสทิ ธแิ ละนิตกิ รรม
ตามประมวลกฎหมายท่ดี ิน กรณีอสงั หาริมทรัพยท์ ่ไี ดร้ บั อนญุ าตจดั สรรทีด่ ิน
ตามกฎหมายวา่ ด้วยการจัด_ส_ร_ร_ท_ด่ี _ิน__ต_า_ม_ห__ล_ัก_เก_ณฑท์ ่ีคณะรฐั มนตรกี ำ�หนด
โดยท่ีสมควรให้มีการสนับสนุนการซ้ือขายอสังหาริมทรัพย์เพ่ือเป็นการสร้าง
ความมน่ั คงในทางเศรษฐกจิ ของประเทศ อาศยั อ�ำ นาจตามความในขอ้ ๒ (๗) (ฎ) แหง่ กฎกระทรวง
ฉบบั ท่ี ๔๗ (พ.ศ.๒๕๔๑) ออกตามความในพระราชบญั ญตั ใิ หใ้ ชป้ ระมวลกฎหมายทด่ี นิ พ.ศ.๒๔๙๗
คณะรฐั มนตรจี ึงมีมตเิ ม่อื วันที่ ๑๓ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ก�ำ หนดหลักเกณฑ์ใหล้ ดการเรยี กเกบ็
ค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดินในการโอนและการจำ�นอง
อสังหาริมทรัพย์ที่ได้รบั อนญุ าตจดั สรรท่ีดินตามกฎหมายว่าดว้ ยการจัดสรรทดี่ ินเปน็ พเิ ศษ โดยให้
รฐั มนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทยออกประกาศไว้ ดงั ตอ่ ไปนี้
ข้อ ๑ ให้เรียกเก็บค่าจดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพย์และค่าจดทะเบียน
การจำ�นองอสังหาริมทรัพย์อันเนื่องมาจากการจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว  ร้อยละ
ศูนย์จุดศูนย์หน่ึง  สำ�หรับกรณีการซื้อขายที่ดิน  ที่ดินพร้อมอาคารประเภทบ้านเด่ียว  บ้านแฝด
บา้ นแถว หรอื อาคารพาณชิ ย์  ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการจัดสรรท่ดี ิน  หรือที่ดำ�เนินการจัดสรรทดี่ ิน
โดยทางราชการหรือองค์การของรฐั บาล ซึ่งมีอำ�นาจหนา้ ทที่ ำ�การจดั สรรทีด่ นิ ตามกฎหมาย
ข้อ ๒ ประกาศน้ีใหใ้ ช้บงั คบั ตั้งแต่วันท่ี ๒๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ถึงวนั ท่ี ๒๘
เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๙

ประกาศ ณ วนั ท่ี ๒๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
พลเอก อนพุ งษ์ เผ่าจนิ ดา
(อนพุ งษ ์ เผา่ จินดา)
รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงมหาดไทย

๔๒๙

(สำ�เนา)
ประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรอื่ ง การเรยี กเกบ็ ค่าธรรมเนียมจดทะเบยี นสิทธิและนติ ิกรรม
ตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชดุ _ก_ร_ณ__ีห_อ้ _ง_ช_ุด__ต_า_ม_ห_ล_กั เกณฑท์ ีค่ ณะรัฐมนตรีก�ำ หนด
โดยที่สมควรให้มีการสนับสนุนการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์เพ่ือเป็นการสร้าง
ความมน่ั คงในทางเศรษฐกจิ ของประเทศ อาศยั อ�ำ นาจตามความในขอ้ ๑ (๗) (ช) แหง่ กฎกระทรวง
กำ�หนดค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายเก่ียวกับอาคารชุด  พ.ศ. ๒๕๕๓  คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเม่ือ
วันที่  ๑๓  ตุลาคม  พ.ศ. ๒๕๕๘  กำ�หนดหลักเกณฑ์ให้ลดการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียน
สิทธิและนิติกรรมตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุดในการโอนและการจำ�นองห้องชุดเป็นพิเศษ
โดยให้รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงมหาดไทยออกประกาศไว้ ดังตอ่ ไปนี้
ขอ้ ๑ ให้เรียกเก็บค่าจดทะเบียนการโอนห้องชุดและค่าจดทะเบียนการจำ�นอง
ห้องชุดอันเนื่องมาจากการจดทะเบียนการโอนห้องชุดดังกล่าว ร้อยละศูนย์จดุ ศนู ย์หน่งึ สำ�หรับ
กรณีการซือ้ ขายห้องชุด ดงั ตอ่ ไปนี้
(๑) การโอนกรรมสิทธิ์และการจำ�นองห้องชุดทั้งหมดในอาคารชุดซึ่งจดทะเบียน
อาคารชุดตามกฎหมายวา่ ด้วยอาคารชดุ
(๒) การโอนกรรมสิทธ์ิและการจำ�นองห้องชุดในอาคารชุดซึ่งจดทะเบียน
นิตบิ คุ คลอาคารชุดตามกฎหมายวา่ ด้วยอาคารชดุ
ขอ้ ๒ ประกาศนีใ้ หใ้ ช้บงั คบั ตงั้ แต่วนั ที่ ๒๙ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ถงึ วนั ที่ ๒๘
เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๙

ประกาศ ณ วันท ่ี ๒๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา
(อนุพงษ ์ เผา่ จินดา)
รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงมหาดไทย

๔๓๐

ดว่ นทสี่ ดุ (สำ�เนา)
ที่ มท ๐๕๐๕.๔ / ว ๒๙๑๑๖ กรมท่ดี ิน
ศูนยร์ าชการเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษาฯ
อาคารรฐั ประศาสนภกั ดี ถนนแจง้ วฒั นะ
แขวงทงุ่ สองห้อง เขตหลักสี่ กรงุ เทพฯ ๑๐๒๑๐

๑ ธันวาคม ๒๕๕๘

เร่ือง พระราชบญั ญัติแก้ไขเพ่มิ เติมประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความแพง่ (ฉบับที่ ๒๙)
พ.ศ. ๒๕๕๘ (การขายทอดตลาดหอ้ งชุดในอาคารชดุ และทดี่ ินจดั สรร)

เรียน ผวู้ า่ ราชการจังหวัดทกุ จงั หวัด

สิ่งทส่ี ง่ มาด้วย ๑. สำ�เนาพระราชบัญญตั ิแก้ไขเพ่มิ เติมประมวลกฎหมายวิธพี จิ ารณาความแพง่
(ฉบบั ท่ี ๒๙) พ.ศ. ๒๕๕๘
๒. สรุปสาระส�ำ คญั

ด้วยสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม
ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความแพง่ (ฉบบั ท่ี ..) พ.ศ. .... (การขายทอดตลาดหอ้ งชดุ ในอาคารชดุ
และทด่ี ินจัดสรร) ซึง่ กระทรวงยุติธรรม (กรมบังคับคด)ี เสนอแล้วลงมตเิ หน็ สมควรประกาศใช้เปน็
กฎหมาย และส�ำ นักเลขาธิการคณะรฐั มนตรไี ด้ประกาศใชพ้ ระราชบญั ญตั แิ กไ้ ขเพิ่มเตมิ ประมวล
กฎหมายวิธพี ิจารณาความแพง่ (ฉบับที่ ๒๙) พ.ศ. ๒๕๕๘ ในราชกิจจานเุ บกษา ฉบบั กฤษฎกี า
เลม่   ๑๓๒  ตอนท่ี ๑๑๐ ก วันท่ี ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ โดยใหใ้ ชบ้ งั คบั ต้งั แตว่ ันถัดจากวัน
ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาเป็นตน้ ไป
กรมท่ีดินพิจารณาแล้วเห็นว่า  พระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมประมวลกฎหมาย
วิธีพิจารณาความแพ่ง  (ฉบับท่ี  ๒๙)  พ.ศ. ๒๕๕๘  เป็นการแก้ไขเพ่ิมเติมหลักเกณฑ์การขาย
ทอดตลาดหอ้ งชดุ ในอาคารชดุ ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยอาคารชดุ และทด่ี นิ จดั สรรตามกฎหมายวา่ ดว้ ย
การจดั สรรท่ดี นิ โดยเพิม่ มาตรา ๓๐๙ จัตวา แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง่ มีผลใช้
บงั คบั ตง้ั แตว่ นั ท่ี ๒๐ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๘ ซง่ึ มผี ลเปน็ การยกเวน้ บทบญั ญตั เิ กย่ี วกบั การจดทะเบยี น
สิทธิและนิติกรรมเก่ียวกับห้องชุดตามมาตรา  ๒๙  แห่งพระราชบัญญัติอาคารชุด  พ.ศ. ๒๕๒๒
แก้ไขเพ่มิ เตมิ โดยพระราชบญั ญตั อิ าคารชุด (ฉบบั ท่ี ๔) พ.ศ. ๒๕๕๑ และเก่ียวขอ้ งกับแนวทาง
ปฏิบัติในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในที่ดินจัดสรรท่ีซื้อจากการขายทอดตลาด  ในกรณีที่
มีการระงับการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมไว้ตามมาตรา  ๕๐  แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรร
ที่ดิน  พ.ศ. ๒๕๔๓  แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการจัดสรรท่ีดิน  (ฉบับท่ี  ๒)  พ.ศ. ๒๕๕๘
รายละเอียดปรากฏตามสงิ่ ทส่ี ่งมาดว้ ย
จงึ เรยี นมาเพ่ือโปรดทราบ และแจ้งให้เจ้าหน้าทท่ี ราบและถือปฏบิ ตั ติ อ่ ไป

ขอแสดงความนับถอื
(ลงชื่อ) อภินนั ท์ ซ่อื ธานวุ งศ์
(นายอภนิ นั ท์ ซื่อธานวุ งศ)์
อธบิ ดีกรมท่ดี ิน

สำ�นกั กฎหมาย โทร. ๐ ๒๑๔๑ ๕๖๘๗ โทรสาร ๐ ๒๑๔๓ ๙๐๖๒
๔๓๑

สรปุ สาระส�ำ คญั
พระราชบัญญัติแก้ไขเพม่ิ เติมประมวลกฎหมายวธิ ีพิจารณาความแพง่ (ฉบับที่ ๒๙)

พ.ศ. ๒๕๕๘
(การขายทอดตลาดห้องชดุ ในอาคารชดุ และทด่ี นิ จัดสรร)

เหตุผลในการตรากฎหมาย
โดยที่ปัจจุบันการขายทอดตลาดห้องชุดในอาคารชุดตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด
และทด่ี นิ จดั สรรตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการจดั สรรทด่ี นิ ซง่ึ มกี ารคา้ งช�ำ ระคา่ ใชจ้ า่ ยสว่ นกลาง ไมเ่ ปน็
ทน่ี า่ สนใจของตลาดเทา่ ทค่ี วร เพราะผซู้ อ้ื ไดจ้ ะตอ้ งรบั ผดิ ชอบภาระคา่ ใชจ้ า่ ยสว่ นกลางทค่ี า้ งช�ำ ระ
แทนลูกหน้ตี ามคำ�พิพากษา สมควรเพมิ่ มาตรา ๓๐๙ จตั วา แห่งประมวลกฎหมายวธิ พี ิจารณา
ความแพง่ เพอ่ื ใหผ้ ซู้ อ้ื หอ้ งชดุ ในอาคารชดุ และทด่ี นิ จดั สรรจากการขายทอดตลาดของเจา้ พนกั งาน
บังคับคดีได้รับความเป็นธรรมย่ิงขึ้น  และเพ่ือลดอุปสรรคในการขายทอดตลาดห้องชุดและที่ดิน
จัดสรรให้สามารถจำ�หน่ายออกไปได้ภายในระยะเวลาท่ีรวดเร็ว  ส่งผลดีต่อผู้มีส่วนได้เสียในการ
บังคบั คดีและระบบเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม
วันใช้บงั คบั กฎหมาย
พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับต้ังแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เปน็ ตน้ ไป (ประกาศในราชกิจจานเุ บกษา ฉบบั กฤษฎีกา เลม่ ๑๓๒ ตอนท่ี ๑๑๐ ก เมือ่ วันท่ี ๑๙
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ มผี ลใชบ้ ังคบั เมอื่ วันท่ี ๒๐ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๘)
หลกั เกณฑ์การขายทอดตลาดตามมาตรา ๓๐๙ จัตวา แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความแพง่
หลกั ทัว่ ไป (มาตรา ๓๐๙ จัตวา วรรคหนงึ่ )
เมื่อทำ�การขายทอดตลาดทรัพย์สินที่มีกฎหมายกำ�หนดไว้ให้จดทะเบียนให้
เจ้าพนักงานบังคับคดีแจ้งนายทะเบียน  พนักงานเจ้าหน้าท่ี  หรือบุคคลอ่ืนผู้มีอำ�นาจหน้าที่ตาม
กฎหมายให้ดำ�เนนิ การแก้ไขเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนทรพั ย์สนิ นั้นใหแ้ กผ่ ซู้ ื้อ
การขายทอดตลาดหอ้ งชดุ ในอาคารชดุ ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยอาคารชดุ (มาตรา ๓๐๙ จตั วา
วรรคสองและวรรคสาม)
(๑) ก่อนทำ�การขายทอดตลาดให้เจ้าพนักงานบังคับคดีบอกกล่าวให้นิติบุคคล
อาคารชุดแจ้งรายการหน้ีค่าใช้จ่ายที่ต้องชำ�ระเพ่ือการออกหนังสือรับรองการปลอดหนี้ตาม
กฎหมายวา่ ดว้ ยอาคารชดุ ตอ่ เจา้ พนกั งานบงั คบั คดภี ายในสามสบิ วนั นบั แตว่ นั ทไ่ี ดร้ บั ค�ำ บอกกลา่ ว
(๒) เม่ือขายทอดตลาดแล้วให้เจ้าพนักงานบังคับคดีกันเงินท่ีได้จากการขาย
ทอดตลาดไว้เพ่ือชำ�ระหนี้ที่ค้างชำ�ระดังกล่าวจนถึงวันขายทอดตลาดแก่นิติบุคคลอาคารชุดก่อน
เจ้าหน้จี ำ�นอง

๔๓๒

(๓) พนักงานเจ้าหน้าท่ีรับจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่ผู้ซื้อได้โดยไม่ต้องใช้
หนงั สือรับรองการปลอดหนี้
(๔) หากนิติบุคคลอาคารชุดไม่แจ้งรายการหน้ีที่ค้างชำ�ระดังกล่าวต่อเจ้าพนักงาน
บงั คบั คดภี ายในสามสบิ วนั นบั แตว่ นั ทไ่ี ดร้ บั ค�ำ บอกกลา่ ว หรอื แจง้ วา่ ไมม่ หี นท้ี ค่ี า้ งช�ำ ระ ใหพ้ นกั งาน
เจ้าหน้าท่จี ดทะเบียนโอนกรรมสิทธ์ิให้แก่ผซู้ ือ้ โดยไมต่ ้องใช้หนงั สือรบั รองการปลอดหนี้

การขายทอดตลาดทด่ี ินจัดสรรตามกฎหมายว่าด้วยการจดั สรรทด่ี นิ (มาตรา ๓๐๙ จัตวา
วรรคสี่และวรรคห้า)
กรณจี ดั ตงั้ นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรแล้ว
(๑) ก่อนทำ�การขายทอดตลาด  ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีบอกกล่าวให้นิติบุคคล
หมู่บ้านจัดสรรแจ้งรายการหนี้ค่าบำ�รุงรักษาและการจัดการสาธารณูปโภคพร้อมค่าปรับตาม
กฎหมายว่าด้วยการจัดสรรท่ีดินต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับ
ค�ำ บอกกล่าว
(๒) เม่ือขายทอดตลาดแล้วให้เจ้าพนักงานบังคับคดีกันเงินที่ได้จากการขาย
ทอดตลาดไว้เพ่ือชำ�ระหนี้ที่ค้างชำ�ระดังกล่าวจนถึงวันขายทอดตลาดแก่นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร
ก่อนเจ้าหน้จี �ำ นอง
(๓) พนักงานเจ้าหนา้ ทีร่ ับจดทะเบยี นโอนสิทธิในท่ดี ินใหแ้ กผ่ ซู้ ือ้ ได้ หากมีการระงับ
การจดทะเบยี นสทิ ธแิ ละนติ กิ รรมไว้ ใหก้ ารระงบั การจดทะเบยี นสทิ ธแิ ละนติ กิ รรมนน้ั เปน็ อนั ยกเลกิ ไป
(๔) หากนติ บิ คุ คลหมบู่ า้ นจดั สรรไมแ่ จง้ รายการหนท้ี ค่ี า้ งช�ำ ระดงั กลา่ วตอ่ เจา้ พนกั งาน
บงั คบั คดภี ายในสามสบิ วนั นบั แตว่ นั ทไ่ี ดร้ บั ค�ำ บอกกลา่ ว หรอื แจง้ วา่ ไมม่ หี นท้ี ค่ี า้ งช�ำ ระ ใหพ้ นกั งาน
เจา้ หนา้ ทจ่ี ดทะเบยี นโอนสทิ ธใิ นทด่ี นิ ใหแ้ กผ่ ซู้ อ้ื หากมกี ารระงบั การจดทะเบยี นสทิ ธแิ ละนติ กิ รรมไว้
ใหก้ ารระงับการจดทะเบียนสิทธแิ ละนติ กิ รรมนัน้ เป็นอันยกเลกิ ไป
กรณียงั ไม่ได้จัดต้ังนติ บิ คุ คลหมบู่ ้านจดั สรร
ในกรณีท่ียังมิได้จัดต้ังนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร  ให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีจดทะเบียน
โอนสิทธิในที่ดินให้แก่ผู้ซ้ือ  หากมีการระงับการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมไว้  ให้การระงับ
การจดทะเบียนสิทธแิ ละนติ ิกรรมนนั้ เปน็ อันยกเลกิ ไป
ข้อยกเวน้
หลกั เกณฑ์ตาม (๑) – (๔) ไม่ใช้บงั คบั กับกรณที ่มี ีการจดั ตั้งนติ ิบคุ คลตามกฎหมาย
อ่ืนมาทำ�หน้าทีบ่ ำ�รุงรักษาสาธารณปู โภคแตอ่ ยา่ งใด

การจา่ ยเงิน (มาตรา ๓๐๙ จัตวา วรรคหก)
การจ่ายเงินท่ีกันไว้  ให้เป็นไปตามบทบัญญัติในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความแพ่ง  ภาค  ๔  วิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาและการบังคับตามคำ�พิพากษาหรือคำ�ส่ัง
ลักษณะ ๒ การบังคบั ตามคำ�พพิ ากษา และค�ำ ส่งั หมวด ๒ วิธยี ดึ ทรัพย์ อายัด และการจ่ายเงนิ

๔๓๓

ผลกระทบตอ่ กฎหมายท่ีอยใู่ นภารกิจของกรมที่ดิน
หลักเณฑ์การขายทอดตลาดห้องชุดในอาคารชุดตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุดและ
ท่ีดินจัดสรรตามกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดิน  ซึ่งได้รับการบัญญัติข้ึนใหม่ตามมาตรา  ๓๐๙
จัตวา  แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง  มีผลเป็นการยกเว้นบทบัญญัติเก่ียวกับการ
จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับห้องชุด  ตามมาตรา  ๒๙  แห่งพระราชบัญญัติอาคารชุด
พ.ศ. ๒๕๒๒ แก้ไขเพ่ิมเตมิ โดยพระราชบัญญตั ิอาคารชดุ (ฉบบั ท่ี ๔) พ.ศ. ๒๕๕๑ และเกย่ี วขอ้ ง
กับแนวทางปฏิบัติในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในที่ดินจัดสรรท่ีซ้ือจากการขายทอดตลาด
ในกรณีที่มีการระงับการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมไว้ตามมาตรา  ๕๐  แห่งพระราชบัญญัติ
การจัดสรรท่ีดิน  พ.ศ. ๒๕๔๓  แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน  (ฉบับที่  ๒)
พ.ศ. ๒๕๕๘

______________________
สำ�นักกฎหมาย กรมท่ดี นิ
๒๐ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๘




๔๓๔

(สำ�เนา)
พระราชบัญญัติ
แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบบั ที่ ๒๙)
___พ__.ศ__. ๒__๕_๕_๘____
ภูมพิ ลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วนั ท่ี ๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๘
เป็นปีที่ ๗๐ ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช  มพี ระบรมราชโองการโปรดเกลา้ ฯ
ใหป้ ระกาศว่า
โดยทีเ่ ป็นการสมควรแก้ไขเพมิ่ เตมิ กฎหมายวิธีพิจารณาความแพง่
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ  ให้ตราพระราชบัญญัติข้ึนไว้โดยคำ�แนะนำ�และ
ยนิ ยอมของสภานติ บิ ญั ญตั แิ หง่ ชาติ ดงั ตอ่ ไปน้ี
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า  “พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวล
กฎหมายวธิ พี ิจารณาความแพ่ง (ฉบบั ที่ ๒๙) พ.ศ. ๒๕๕๘”
มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจา
นุเบกษาเปน็ ต้นไป
มาตรา ๓ ให้เพ่ิมความต่อไปน้ีเป็นมาตรา  ๓๐๙  จัตวา  แห่งประมวลกฎหมาย
วิธพี จิ ารณาความแพง่
“ มาตรา  ๓๐๙  จัตวา  เม่ือทำ�การขายทอดตลาดทรัพย์สินท่ีมีกฎหมายกำ�หนดไว้
ให้จดทะเบียน  ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีแจ้งนายทะเบียน  พนักงานเจ้าหน้าที่  หรือบุคคลอ่ืนผู้มี
อำ�นาจหน้าที่ตามกฎหมาย ให้ด�ำ เนนิ การแก้ไขเปลี่ยนแปลงทางทะเบยี นทรพั ย์สินนัน้ ให้แกผ่ ูซ้ ้อื
ถ้าทรัพย์สินท่ีจะขายทอดตลาดเป็นห้องชุดตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด
กอ่ นทำ�การขายทอดตลาด ใหเ้ จา้ พนกั งานบงั คับคดีบอกกล่าวให้นติ บิ ุคคลอาคารชดุ แจง้ รายการ
หน้ีค่าใช้จ่ายที่ต้องชำ�ระเพ่ือการออกหนังสือรับรองการปลอดหนี้ตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด
ตอ่ เจ้าพนกั งานบังคบั คดภี ายในสามสบิ วันนับแตว่ นั ท่ไี ดร้ ับคำ�บอกกล่าว เมอื่ ขายทอดตลาดแล้ว
ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีกันเงินท่ีได้จากการขายทอดตลาดไว้เพื่อชำ�ระหนี้ที่ค้างชำ�ระดังกล่าว
จนถึงวันขายทอดตลาดแก่นิติบุคคลอาคารชุดก่อนเจ้าหน้ีจำ�นอง  และให้พนักงานเจ้าหน้าท่ี
จดทะเบียนโอนกรรมสิทธ์ิใหแ้ ก่ผู้ซ้อื โดยไม่ตอ้ งใชห้ นงั สือรบั รองการปลอดหน้ี
หากนติ บิ คุ คลอาคารชดุ ไมแ่ จง้ รายการหนท้ี ค่ี า้ งช�ำ ระดงั กลา่ วตอ่ เจา้ พนกั งานบงั คบั คดี
ภายในก�ำ หนดเวลาตามวรรคสองหรือแจ้งวา่ ไมม่ หี นท้ี คี่ ้างช�ำ ระ ใหพ้ นักงานเจา้ หน้าท่ีจดทะเบยี น
โอนกรรมสิทธิ์ใหแ้ ก่ผซู้ อ้ื โดยไม่ต้องใช้หนังสือรบั รองการปลอดหน้ี

๔๓๕

ถ้าทรัพย์สินที่จะขายทอดตลาดเป็นที่ดินจัดสรรตามกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรท่ีดิน
ก่อนทำ�การขายทอดตลาด ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีบอกกล่าวให้นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรแจ้ง
รายการหนี้ค่าบำ�รุงรักษา  และการจัดการสาธารณูปโภคพร้อมค่าปรับตามกฎหมายว่าด้วยการ
จัดสรรที่ดินต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีภายในสามสิบวันนับแต่วันท่ีได้รับคำ�บอกกล่าว  เม่ือขาย
ทอดตลาดแล้วให้เจ้าพนักงานบังคับคดีกันเงินท่ีได้จากการขายทอดตลาดไว้เพ่ือชำ�ระหนี้ที่ค้าง
ชำ�ระดังกล่าวจนถึงวันขายทอดตลาดแก่นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรก่อนเจ้าหนี้จำ�นอง  และให้
พนักงานเจ้าหน้าท่ีจดทะเบียนโอนสิทธิในที่ดินให้แก่ผู้ซื้อ  ท้ังนี้  หากมีการระงับการจดทะเบียน
สทิ ธิและนติ กิ รรมไว้ ใหก้ ารระงับการจดทะเบียนสทิ ธแิ ละนิติกรรมนัน้ เปน็ อันยกเลกิ ไป
หากนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรไม่แจ้งรายการหน้ีท่ีค้างชำ�ระดังกล่าวต่อเจ้าพนักงาน
บงั คบั คดภี ายในก�ำ หนดเวลาตามวรรคส่หี รอื แจง้ วา่ ไมม่ ีหน้ีทคี่ า้ งช�ำ ระ หรือในกรณีทย่ี งั มิไดจ้ ัดต้ัง
นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร ให้พนักงานเจ้าหน้าที่จดทะเบียนโอนสิทธิในที่ดินให้แก่ผู้ซื้อ ทั้งนี้ หากมี
การระงับการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมไว้  ให้การระงับการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมนั้น
เป็นอันยกเลกิ ไป
การจ่ายเงินทก่ี ันไวต้ ามวรรคสองและวรรคส่ี ให้เป็นไปตามบทบญั ญตั ใิ นหมวดนี”้
ผ้รู บั สนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ประยทุ ธ ์ จนั ทรโ์ อชา
นายกรัฐมนตรี

________________________________________________________________________
หมายเหตุ  :–  เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้  คือ  โดยที่ปัจจุบันการขาย
ทอดตลาดห้องชุดในอาคารชุดตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุดและท่ีดินจัดสรรตามกฎหมายว่า
ดว้ ยการจดั สรรทด่ี นิ ซึ่งมกี ารค้างช�ำ ระค่าใชจ้ า่ ยส่วนกลาง ไม่เป็นท่นี ่าสนใจของตลาดเทา่ ที่ควร
เพราะผู้ซ้ือได้จะต้องรับผิดชอบภาระค่าใช้จ่ายส่วนกลางท่ีค้างชำ�ระแทนลูกหน้ีตามคำ�พิพากษา
สมควรเพิ่มมาตรา  ๓๐๙  จัตวา  เพื่อให้ผู้ซื้อห้องชุดในอาคารชุด  และท่ีดินจัดสรรจากการขาย
ทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีได้รับความเป็นธรรมย่ิงข้ึน  และเพ่ือลดอุปสรรคในการขาย
ทอดตลาดหอ้ งชดุ และทด่ี นิ จดั สรรใหส้ ามารถจ�ำ หนา่ ยออกไปไดภ้ ายในระยะเวลาทร่ี วดเรว็ สง่ ผลดี
ต่อผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีและระบบเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม  จึงจำ�เป็นต้อง
ตราพระราชบญั ญตั ิน้ ี

๔๓๖

บญั ชีรายชอื่ หนังสือเวียน ระเบยี บ และคำ�ส่ังตา่ งๆ
ส�ำ นกั จัดการทด่ี นิ ของรฐั
ประจ�ำ ปี พ.ศ. ๒๕๕๘

๑. เลขทีห่ นงั สอื เวยี น ชื่อเรื่อง หนา้
ล�ำ ดับท่ี ระเบียบ ค�ำ ส่งั

๒. ลงวนั เดอื น ปี

๑. ดว่ นที่สุด
ที่ มท ๐๕๑๑.๔ / ว ๓๓๕๑ การปรับแผนปฏบิ ตั กิ ารบริหารจดั การทีด่ ิน ๔๓๙
ลว. ๑๖ ม.ิ ย. ๕๘ ของรฐั กรณมี กี ารบกุ รกุ ทด่ี นิ สาธารณประโยชน์
เพอื่ แก้ไขปัญหาความยากจน

๒. ที่ มท ๐๕๑๑.๓ / ว ๔๒๔๒ หลักเกณฑก์ ารให้ความยินยอมและการช�ำ ระ ๔๔๑
ลว. ๒๘ ก.ค. ๕๘ ราคาท่ีดนิ ใหแ้ ก่กระทรวงการคลงั ตามมาตรา
๓๖/๑ แหง่ พระราชบญั ญตั กิ ารนคิ ม
อตุ สาหกรรมแหง่ ประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒

๓. ดว่ นท่ีสดุ
ท่ี มท ๐๕๑๑.๔ / ว ๒๑๙๕๗ การออกหนงั สือส�ำ คัญสำ�หรบั ที่หลวง ๔๔๔
ลว. ๑๔ ก.ย. ๕๘ ทรี่ าชพัสดุ

๔. ด่วนมาก
ที่ มท ๐๕๑๑.๓ / ว ๕๖๓๔ แตง่ ตง้ั เจ้าหน้าที่ผูค้ วบคุมดแู ลและเจ้าหน้าที่ ๔๔๕
ลว. ๓๐ ก.ย. ๕๘ ผู้มีอำ�นาจส่งั การเรือ่ งดดู ทรายตามขอ้ ๒๒
แห่งระเบียบกระทรวงมหาดไทยวา่ ด้วยการ
อนญุ าตให้ดูดทราย พ.ศ. ๒๕๔๖

๕. ดว่ นท่ีสุด
ที่ มท ๐๕๑๑.๔ / ว ๖๐๑๔ การจัดทำ�โครงการบรหิ ารจัดการการใช ้ ๔๔๗
ลว. ๙ ต.ค. ๕๘ ประโยชน์ในที่ดนิ สาธารณประโยชนท์ ่ีมีการ
บกุ รุก เพือ่ ขจัดความยากจนและพฒั นาชนบท
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙

๔๓๗

บัญชรี ายชอื่ หนงั สอื เวียน ระเบยี บ และคำ�สั่งตา่ งๆ
สำ�นกั จัดการท่ีดนิ ของรัฐ
ประจ�ำ ปี พ.ศ. ๒๕๕๘

๑. เลขท่ีหนังสอื เวยี น ช่อื เรื่อง หนา้
ลำ�ดับที่ ระเบียบ คำ�ส่ัง

๒. ลงวัน เดือน ปี

๖. ดว่ นที่สุด
ที่ มท ๐๕๑๑.๓ / ว ๒๙๔๖๖ ซักซ้อมความเข้าใจการดำ�เนนิ โครงการตาม ๔๕๐
ลว. ๔ ธ.ค. ๕๘ มาตรการสง่ เสรมิ ความเป็นอย่รู ะดบั ตำ�บล

๔๓๘

(สำ�เนา)

ด่วนทส่ี ุด กระทรวงมหาดไทย
ที่ มท ๐๕๑๑.๔ / ว ๓๓๕๑ ถนนอัษฎางค์ กทม. ๑๐๒๐๐


๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๘

เร่อื ง การปรบั แผนปฏบิ ตั ิการบริหารจดั การที่ดนิ ของรัฐ กรณี มกี ารบกุ รกุ ที่ดนิ สาธารณประโยชน์
เพอื่ แก้ไขปญั หาความยากจน
เรียน ผ้วู า่ ราชการจังหวดั ทกุ จงั หวัด
อา้ งถึง หนังสอื กระทรวงมหาดไทย ดว่ นที่สดุ ท่ี มท ๐๕๑๑.๔/ว ๓๖๘๗ ลงวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๗
สิ่งที่สง่ มาดว้ ย รายงานการประชมุ ของคณะกรรมการนโยบายที่ดนิ แหง่ ชาติ (คทช.) ครง้ั ที่ ๑/๒๕๕๘
ลงวนั ที่ ๑๙ มนี าคม ๒๕๕๘

ตามหนังสือที่อ้างถึง  แจ้งเวียนให้ทุกจังหวัดสำ�รวจและคัดเลือกแปลงที่ดิน
สาธารณประโยชน์ที่อยู่ในหลักเกณฑ์มาดำ�เนินการจัดทำ�โครงการบริหารจัดการการใช้ประโยชน์
ในที่ดินสาธารณประโยชน์ท่ีมีการบุกรุก  เพ่ือขจัดความยากจนในปีงบประมาณ  พ.ศ. ๒๕๕๘
โดยให้จัดส่งโครงการพร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องให้กรมท่ีดินภายในวันที่  ๒๐  ธันวาคม  ๒๕๕๗
เพ่อื กรมทด่ี นิ จะได้พจิ ารณาจดั สรรงบประมาณใหจ้ งั หวัดต่อไป นั้น
กระทรวงมหาดไทยพจิ ารณาแลว้ เห็นวา่ เนอื่ งจากนโยบายของรัฐบาลทไ่ี ดแ้ ถลง
ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ  เมื่อวันท่ี  ๑๒  กันยายน  ๒๕๕๗  ในการจัดสรรท่ีดินให้แก่ผู้ยากไร้
โดยไม่ตอ้ งเปน็ กรรมสทิ ธิ์ แตร่ ับรองสิทธริ ่วมในการจัดการท่ดี ินของชมุ ชน และมตคิ ณะกรรมการ
นโยบายท่ีดนิ แหง่ ชาติ ครัง้ ท่ี ๑/๒๕๕๘ เม่อื วนั ท่ี ๑๙ มนี าคม ๒๕๕๘ ใหป้ รบั แผนดำ�เนนิ การ
ตามโครงการบริหารจัดการการใช้ประโยชน์ในท่ีดินสาธารณประโยชน์ที่มีการบุกรุก  เพื่อขจัด
ความยากจนและพัฒนาชนบท ปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้สอดคล้องกบั นโยบายของรฐั บาล
ในเร่ืองจัดท่ีดินทำ�กินให้ชุมชนในลักษณะแปลงรวม  จึงได้ปรับแผนปฏิบัติการและโครงการให้
สอดคลอ้ งกบั นโยบายของรฐั บาล และมตขิ องคณะกรรมการนโยบายทด่ี นิ แหง่ ชาติ ดงั นี้
๑. การดำ�เนินการตามโครงการที่ได้มีการรังวัดวางผังแบ่งแปลงให้แก่ราษฎรไป
แล้วกอ่ นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ แตย่ งั มิได้มอบหนังสอื อนญุ าตให้แกร่ าษฎร ให้ดำ�เนินการ
ออกหนังสืออนุญาตให้ใชป้ ระโยชน์ในทีด่ ินของรฐั ให้แก่ราษฎรตามหลักเกณฑ์เดมิ
๒. การด�ำ เนินการตามโครงการดังกลา่ วในปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ แยกเปน็
๒.๑ กรณีกรมท่ีดินพิจารณาเห็นชอบและจัดสรรงบประมาณให้จังหวัด
ดำ�เนินการรังวัดวางผังแบ่งแปลงก่อนวันท่ี ๑๙ มนี าคม ๒๕๕๘ ซึง่ คณะกรรมการนโยบายทด่ี นิ
แห่งชาติ  (คทช.)  มีมติ  ให้ดำ�เนินการออกหนังสืออนุญาตให้ใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐให้แก่
ราษฎรตามหลักเกณฑเ์ ดิม

๔๓๙

๒.๒ กรณีจังหวดั จดั ส่งโครงการใหก้ รมทดี่ ินก่อนวันท่ี ๑๙ มีนาคม ๒๕๕๘
ซง่ึ คณะกรรมการนโยบายที่ดินแหง่ ชาติ (คทช.) มีมติ แตอ่ ยรู่ ะหวา่ งกรมท่ีดนิ พิจารณาเห็นชอบ
และจัดสรรงบประมาณให้ดำ�เนินการออกหนังสืออนุญาตให้ใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐ  ให้แก่
ราษฎรตามหลักเกณฑ์เดิม  เน่ืองจากได้มีการจัดประชุมช้ีแจงราษฎรในพื้นท่ี  และราษฎรยอมรับ
การดำ�เนินการตามหลกั เกณฑเ์ ดิมแลว้
๒.๓ กรณีจงั หวดั จดั ส่งโครงการให้กรมทีด่ ินหลงั วนั ท่ี ๑๙ มีนาคม ๒๕๕๘
ซ่ึงคณะกรรมการนโยบายทดี่ ินแห่งชาติ (คทช.) มมี ติ เน่ืองจากการด�ำ เนินการจะตอ้ งมีการรังวดั
ตรวจสอบรอบแปลงและส�ำ รวจขอ้ มลู การถอื ครองของผคู้ รอบครอง ดังนั้น เพอื่ ใหเ้ ปน็ ไปตามมติ
คณะกรรมการฯ  ดังกล่าว  จึงได้ปรับแผนปฏิบัติการและโครงการให้สอดคล้องกับแนวนโยบาย
ดังกล่าวขา้ งตน้ โดยใหจ้ งั หวดั ดำ�เนนิ การ ดังนี้
๒.๓.๑ ในการนำ�ท่ีดินของรัฐประเภทที่สาธารณประโยชน์ท่ีมีการบุกรุก
มาจัดระเบียบและออกหนังสืออนุญาตให้ทำ�กินอยู่อาศัยให้แก่ราษฎรผู้ยากจนที่ครอบครอง
ทำ�ประโยชน์ (บุกรุก) อย่ใู นท่ดี ินสาธารณประโยชน์ นั้น ให้ด�ำ เนนิ การจัดท่ดี ินในลักษณะเปน็ กลุ่ม
หรือชุมชน ในรูปแบบสหกรณ์หรือรปู แบบอ่นื ท่เี หมาะสมเพอ่ื ร่วมกนั บรหิ ารจัดการที่ดิน
๒.๓.๒ ให้จังหวัดจัดส่งโครงการให้กรมที่ดินเพ่ืออนุมัติงบประมาณ
ในการด�ำ เนนิ การรังวดั รอบแปลง และวางผังแบ่งแปลงตามแนวเขตการครอบครอง เมอ่ื จังหวัด
ได้ดำ�เนินการรังวัดท่ีสาธารณประโยชน์แล้วเสร็จ  ให้จังหวัดจัดส่งผลการรังวัดรูปแปลงและบัญชี
รายชื่อผู้ครอบครองที่ดินให้กรมที่ดิน  เพ่ือส่งให้คณะอนุกรรมการจัดหาที่ดินดำ�เนินการตาม
แนวทางทีค่ ณะกรรมการนโยบายทด่ี ินแหง่ ชาติ (คทช.) กำ�หนด
๒.๓.๓ ใหส้ ง่ เรอ่ื งใหค้ ณะอนกุ รรมการนโยบายทด่ี นิ จงั หวดั (คทช. จงั หวดั )
ตรวจสอบคณุ สมบัต ิ ตามหลักเกณฑ์ทคี่ ณะกรรมการนโยบายทด่ี นิ แหง่ ชาติ (คทช.) ก�ำ หนด
๒.๓.๔ ในการออกหนังสืออนุญาตให้ใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐให้ออก
เปน็ แปลงรวมแปลงเดยี ว โดยจดั ท�ำ แผนผงั แสดงแนวเขตการครอบครองของราษฎร พน้ื ทส่ี ว่ นกลาง
ทเี่ ป็นสาธารณประโยชน์ เช่น ถนน สระนํ้า เปน็ ตน้ และจัดท�ำ บญั ชรี ายชอื่ ของราษฎร เพ่ือเก็บเป็น
หลักฐานแยกไว้ตา่ งหาก
๓. การดำ�เนินการโครงการในปีงบประมาณต่อไป  ให้ดำ�เนินการตามแนวทาง
ท่ีไดม้ ีการปรบั แผนปฏบิ ตั ิการ ตามข้อ ๒.๓
จงึ เรยี นมาเพือ่ ทราบและด�ำ เนินการต่อไป

ขอแสดงความนบั ถอื
(ลงชือ่ ) วิบูลย์ สงวนพงศ์
(นายวบิ ลู ย์ สงวนพงศ)์
ปลดั กระทรวงมหาดไทย
กรมท่ีดนิ สำ�นกั จดั การท่ดี ินของรฐั
โทรศัพท ์ ๐ ๒๑๔๑ ๕๘๕๐ – ๕๑ โทรสาร ๐ ๒๑๔๓ ๙๑๐๘

๔๔๐

ท่ี มท ๐๕๑๑.๓ / ว ๔๒๔๒ (ส�ำ เนา) กระทรวงมหาดไทย
ถนนอัษฎางค์ กทม. ๑๐๒๐๐

๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๘

เร่อื ง หลักเกณฑก์ ารใหค้ วามยนิ ยอมและการชำ�ระราคาท่ดี ินให้แกก่ ระทรวงการคลงั ตามมาตรา
๓๖/๑ แห่งพระราชบญั ญตั กิ ารนคิ มอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒
เรียน ผูว้ า่ ราชการจังหวดั ทุกจงั หวดั
สิ่งท่สี ง่ มาดว้ ย ประกาศกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ เรอื่ ง หลักเกณฑ์
การให้ความยินยอมและการชำ�ระราคาทีด่ นิ ให้แก่กระทรวงการคลงั ตามมาตรา
๓๖/๑ แห่งพระราชบัญญัตกิ ารนิคมอุตสาหกรรมแหง่ ประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒

ดว้ ยปจั จบุ นั ไดม้ พี ระราชบญั ญตั กิ ารนคิ มอตุ สาหกรรมแหง่ ประเทศไทย (ฉบบั ท่ี ๔)
พ.ศ. ๒๕๕๐ ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาฯ เล่ม ๑๒๕ ตอนท่ี ๔ ก หนา้ ๑ ลงวันท่ี ๘ มกราคม
๒๕๕๑  ประกาศใช้บังคับ  โดยให้มีผลบังคับต้ังแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เป็นต้นไป และมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญตั ดิ งั กลา่ ว ได้บัญญตั ิให้ยกเลิกความในมาตรา ๓๖
และมาตรา  ๓๖  ทวิ  แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย  พ.ศ. ๒๕๒๒
ซง่ึ แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ โดยพระราชบญั ญตั กิ ารนคิ มอตุ สาหกรรมแหง่ ประเทศไทย (ฉบบั ท่ี ๓) พ.ศ.๒๕๓๙
และใหใ้ ช้ข้อความใหมแ่ ทนดงั บัญญัตไิ วใ้ นมาตรา ๓๖ และมาตรา ๓๖/๑ แหง่ พระราชบญั ญตั ิ
การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐
บัดน้ี  กระทรวงมหาดไทยได้พิจารณาแล้ว  เห็นสมควรกำ�หนดหลักเกณฑ์และ
วิธีการสำ�หรับการขอความยินยอมให้ท่ีดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน  ซ่ึงอยู่ในความดูแล
รกั ษาของกระทรวงมหาดไทยในเขตนิคมอุตสาหกรรม ตกเปน็ กรรมสิทธขิ์ องการนิคมอุตสาหกรรม
แห่งประเทศไทย  เพ่ือให้เกิดความชัดเจนและเป็นธรรมในการบังคับใช้กฎหมาย  อาศัยอำ�นาจ
ตามความในมาตรา ๓๖/๑ แหง่ พระราชบญั ญตั กิ ารนคิ มอตุ สาหกรรมแหง่ ประเทศไทย พ.ศ.๒๕๒๒
ซง่ึ แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ โดยพระราชบญั ญตั กิ ารนคิ มอตุ สาหกรรมแหง่ ประเทศไทย (ฉบบั ท่ี ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐
จงึ ไดอ้ อกประกาศกระทรวงมหาดไทย เรอ่ื ง หลกั เกณฑก์ ารใหค้ วามยนิ ยอมและการช�ำ ระราคาทด่ี นิ
ใหแ้ กก่ ระทรวงการคลงั ตามมาตรา๓๖/๑แหง่ พระราชบญั ญตั กิ ารนคิ มอตุ สาหกรรมแหง่ ประเทศไทย
พ.ศ. ๒๕๒๒ รายละเอียดปรากฏตามส่ิงทีส่ ง่ มาดว้ ย
จงึ เรยี นมาเพื่อทราบ และถือปฏบิ ัติตอ่ ไป
ขอแสดงความนับถอื
(ลงช่อื ) อภินันท์ ซือ่ ธานุวงศ์
(นายอภนิ นั ท์ ซือ่ ธานวุ งศ์)
รองปลดั กระทรวงมหาดไทย ปฏิบัตริ าชการแทน
ปลัดกระทรวงมหาดไทย
กรมท่ดี นิ ส�ำ นกั จดั การท่ีดนิ ของรฐั
โทรศพั ท ์ ๐ ๒๑๔๑ ๕๘๔๑ – ๔๒ โทรสาร ๐๔๒๔๑๑๔๓ ๙๑๐๖

(สำ�เนา)

ประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรอ่ื ง หลกั เกณฑ์การให้ความยินยอมและการช�ำ ระราคาทีด่ ินใหแ้ ก่กระทรวงการคลงั
ตามมาตรา ๓๖/๑ แห่งพระราชบัญญตั กิ ารนคิ มอตุ สาหกรรมแหง่ ประเทศไทย
พ.ศ. ๒๕๒๒
________________

โดยท่ีเป็นการสมควรกำ�หนดหลักเกณฑ์และวิธีการสำ�หรับการขอความยินยอม
ให้ที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน  ซ่ึงอยู่ในความดูแลรักษาของกระทรวงมหาดไทย
ในเขตนิคมอุตสาหกรรมตกเป็นกรรมสิทธ์ิของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย  เพ่ือให้
เกิดความชดั เจนและเป็นธรรมในการบังคบั ใชก้ ฎหมาย อาศัยอ�ำ นาจตามความในมาตรา ๓๖/๑
แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย  พ.ศ. ๒๕๒๒  ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย
พระราชบญั ญัติการนคิ มอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบบั ท่ี ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ รฐั มนตรวี า่ การ
กระทรวงมหาดไทยออกประกาศไว้ ดังตอ่ ไปนี้
ขอ้ ​ ๑ ถ้าท่ีดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่การนิคมอุตสาหกรรมแห่ง
ประเทศไทยประสงค์จะเปล่ียนแปลงสภาพอยู่ในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินและอำ�เภอใดให้
ขอความเหน็ จากองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ และนายอ�ำ เภอนน้ั เพอ่ื มาประกอบการพจิ ารณาดว้ ย
ขอ้ ๒ ในกรณีท่ีพลเมืองยังใช้ประโยชน์ในท่ีดินน้ันอยู่  หรือยังไม่เปลี่ยนสภาพ
จากการเป็นที่ดินสำ�หรับพลเมืองใช้ร่วมกัน  ต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชนด้วย  และให้
การนิคมอตุ สาหกรรมแหง่ ประเทศไทยจัดทด่ี นิ แปลงอ่ืนให้พลเมอื งใชร้ ว่ มกันแทน
ขอ้ ๓ ในกรณที ด่ี นิ อนั เปน็ สาธารณสมบตั ขิ องแผน่ ดนิ ทเ่ี ปน็ ล�ำ รางสาธารณประโยชน์
หรอื ทางนา้ํ สาธารณประโยชนอ์ น่ื จะตอ้ งศกึ ษาวเิ คราะหถ์ งึ ผลกระทบและการแกไ้ ขปญั หาเกย่ี วกบั
การระบายนา้ํ และการบรหิ ารจดั การนา้ํ ในภาพรวม พรอ้ มทง้ั ตอ้ งรบั ฟงั ความคดิ เหน็ ของประชาชน
ท่ีอยูอ่ าศยั โดยรอบเขตนคิ มอตุ สาหกรรมที่จะไดร้ ับผลกระทบจากการระบายนํา้ ดว้ ย
ข้อ ๔ ถ้าท่ีดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินมีผู้บุกรุกเข้าครอบครอง
ทำ�ประโยชน์  การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย  จะต้องดำ�เนินการแก้ไขปัญหากับผู้บุกรุก
ให้เปน็ ทีย่ ตุ ิก่อน โดยการให้ความช่วยเหลือตามความเหมาะสม เพอ่ื ปอ้ งกนั ปัญหาดา้ นการเมือง
การปกครอง มิให้เกดิ การร้องเรยี นในภายหลัง
ขอ้ ๕ ให้มีคณะกรรมการกำ�หนดราคาท่ีดินเพ่ือชำ�ระให้แก่กระทรวงการคลัง
ดงั นี้
(๑) ในเขตกรุงเทพมหานคร  ประกอบด้วย  อธิบดีกรมที่ดินหรือผู้แทน 
เปน็ ประธานกรรมการ  ผแู้ ทนกรมโยธาธกิ ารและผงั เมอื ง  ผแู้ ทนกรมธนารกั ษ ์ ผแู้ ทนผอู้ �ำ นวยการเขต
ท้องที่ซึ่งที่ดินต้ังอยู่  เป็นกรรมการ  และเจ้าพนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร  เป็นกรรมการและ
เลขานุการ

๔๔๒

(๒) ในเขตจงั หวัดอน่ื ประกอบดว้ ย ผ้วู ่าราชการจังหวัดหรือผู้แทน เปน็ ประธาน
กรรมการ  โยธาธิการและผังเมืองจังหวัด  ธนารักษ์พื้นท่ี  ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ซ่งึ ทด่ี ินตัง้ อยู่ เปน็ กรรมการ และเจา้ พนักงานทด่ี ินจังหวดั เป็นกรรมการและเลขานกุ าร
คณะกรรมการตามวรรคหนง่ึ มอี �ำ นาจหนา้ ทก่ี �ำ หนดราคาทด่ี นิ ใหไ้ ดร้ าคาซอ้ื ขายกนั
ตามปกติในท้องตลาด  ใกล้เคียงกับวันท่ีกระทรวงมหาดไทยให้ความยินยอมให้ที่ดินอันเป็น
สาธารณสมบัติของแผ่นดินในเขตนิคมอุตสาหกรรมตกเป็นกรรมสิทธ์ิของการนิคมอุตสาหกรรม
แห่งประเทศไทย
ขอ้ ๖ ในกำ�หนดราคาซ้ือขายกันตามปกติในท้องตลาดที่ใกล้เคียงกับวันที่
กระทรวงมหาดไทยใหค้ วามยินยอมดังกล่าว ให้พิจารณาจาก
(๑) ราคาท่ีซอ้ื ขายแจง้ ไวท้ ีก่ รมทดี่ นิ ในบริเวณใกล้เคียง
(๒) รายการจดทะเบียนจำ�นองท่ีดินหรืออาคารพร้อมท่ีดินจากธนาคาร  และ
สถาบันการเงิน
(๓) ราคาขายที่ดิน  หรือราคาขายท่ีดินพร้อมอาคารในโครงการจัดสรรใกล้เคียง
แลว้ น�ำ มาคำ�นวณหาราคาทด่ี ิน
(๔) ราคาประเมินทุนทรัพย์เพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิ
และนิตกิ รรม และ
(๕) สภาพและท่ีต้งั ของอสังหารมิ ทรัพยน์ ้ัน

ประกาศ ณ วนั ท่ี ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจนิ ดา
(อนพุ งษ์ เผ่าจนิ ดา)
รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงมหาดไทย

๔๔๓

ด่วนทสี่ ุด (ส�ำ เนา)
ที่ มท ๐๕๑๑.๔ / ว ๒๑๙๕๗ กรมทีด่ ิน
ศูนย์ราชการเฉลมิ พระเกียรติ ๘๐ พรรษาฯ
อาคารรัฐประศาสนภักด ี ถนนแจ้งวัฒนะ
แขวงทุง่ สองหอ้ ง เขตหลกั ส่ี กรงุ เทพฯ ๑๐๒๑๐

๑๔ กนั ยายน ๒๕๕๘

เรอ่ื ง การออกหนงั สอื สำ�คญั ส�ำ หรบั ท่หี ลวงท่ีราชพสั ดุ
เรยี น ผ้วู า่ ราชการจงั หวดั ทุกจงั หวดั
สิง่ ท่สี ง่ มาดว้ ย สำ�เนาหนังสือกรมธนารักษ์ ที่ กค ๐๓๐๒/๑๒๗๑๘ ลงวนั ท่ี ๓ สงิ หาคม ๒๕๕๘

ด้วยกรมธนารักษ์ขอให้ตรวจสอบข้อมูลการออกหนังสือสำ�คัญสำ�หรับท่ีหลวง
ที่ราชพัสดุที่ค้างดำ�เนินการ  เน่ืองจากได้กำ�หนดให้สำ�นักงานธนารักษ์พ้ืนท่ีท่ัวประเทศดำ�เนินการ
ย่ืนขอออกหนังสือสำ�คัญสำ�หรับที่หลวงที่เป็นราชพัสดุตั้งแต่ปีงบประมาณ  พ.ศ. ๒๕๒๕  เป็นต้น
มาจนถงึ ปจั จบุ นั และปรากฏวา่ มปี ญั หางานคา้ งด�ำ เนนิ การทส่ี �ำ นกั งานทด่ี นิ จงั หวดั /สาขา/สว่ นแยก
และสำ�นักงานธนารักษ์พื้นที่บางส่วน จึงเป็นปัญหาเกี่ยวกับจำ�นวนงานค้างดำ�เนินการออกเป็น
หนังสือสำ�คัญสำ�หรับที่หลวงที่ราชพัสดุของกรมธนารักษ์ในขณะนี้ เพื่อให้ข้อมูลการออกหนังสือ
ส�ำ คญั ส�ำ หรบั ทห่ี ลวงทร่ี าชพสั ดทุ ค่ี า้ งด�ำ เนนิ การไดข้ อ้ ยตุ เิ ปน็ ขอ้ มลู เดยี วกนั จงึ ขอความอนเุ คราะห์
กรมทด่ี นิ ขอไดใ้ หส้ �ำ นกั งานทด่ี นิ จงั หวดั /สาขา/สว่ นแยก ทว่ั ประเทศตรวจสอบขอ้ มลู การออกหนงั สอื
สำ�คัญสำ�หรับที่หลวงท่ีราชพัสดุที่ค้างดำ�เนินการ  รายละเอียดปรากฏเอกสารท่ีสำ�เนาภาพถ่าย
สง่ มาพร้อมนี้
กรมที่ดนิ พิจารณาแลว้ เหน็ วา่ การออกหนงั สอื สำ�คญั ส�ำ หรับท่หี ลวงเป็นนโยบาย
ของรัฐบาลในการจัดทำ�แนวเขตที่ดินของรัฐให้ชัดเจน  เพื่อแก้ไขปัญหาการบุกรุกท่ีดินของรัฐ
ซ่ึงปรากฏว่ามีปัญหางานค้างดำ�เนินการท่ีสำ�นักงานท่ีดินจังหวัด/สาขา/ส่วนแยก  และสำ�นักงาน
ธนารกั ษ์พนื้ ทท่ี ่ัวประเทศ จึงขอใหจ้ ังหวดั สัง่ การใหเ้ จ้าหนา้ ทีผ่ ูร้ บั ผิดชอบตรวจสอบขอ้ มูลการออก
หนังสือสำ�คัญสำ�หรบั ท่หี ลวงท่ีราชพัสดุท่ีค้างด�ำ เนินการ ตามแบบฟอรม์ ท่ีสง่ มาพรอ้ มนี้ และเพื่อ
เป็นการลดข้ันตอนในการปฏิบัติงาน  จึงขอให้จังหวัดรายงานผลการดำ�เนินการให้กรมธนารักษ์
ทราบโดยตรงภายในวันท่ี  ๒๐  ตุลาคม  ๒๕๕๘  พร้อมทั้งจัดส่งสำ�เนารายงานผลมาให้กรมท่ีดิน
เพ่อื จัดเก็บเปน็ ขอ้ มูลตอ่ ไป
จึงเรยี นมาเพ่ือโปรดพจิ ารณาดำ�เนนิ การต่อไป

ขอแสดงความนับถือ
(ลงชอ่ื ) ศริ พิ งษ์ หา่ นตระกลู
(นายศริ ิพงษ์ หา่ นตระกูล)
อธิบดกี รมท่ดี นิ

ส�ำ นกั จัดการท่ดี ินของรฐั โทร. ๐ ๒๑๔๑ ๕๘๔๔–๔๗
โทรสาร ๐ ๒๑๔๓ ๙๑๐๗ นางสาวกญั ชลี นาคะ๔เก๔ศ๔เจ้าของเร่ือง

(ส�ำ เนา)

ดว่ นมาก กระทรวงมหาดไทย
ท่ี มท ๐๕๑๑.๓ / ว ๕๖๓๔ ถนนอษั ฎางค์ กทม. ๑๐๒๐๐


๓๐ กนั ยายน ๒๕๕๘

เร่ือง แต่งต้งั เจ้าหนา้ ทผี่ ้คู วบคมุ ดูแลและเจ้าหน้าที่ผมู้ อี ำ�นาจสั่งการเร่อื งดูดทรายตามขอ้ ๒๒
แหง่ ระเบยี บกระทรวงมหาดไทยวา่ ด้วยการอนญุ าตใหด้ ูดทราย พ.ศ. ๒๕๔๖
เรียน ผูว้ ่าราชการจงั หวดั ทกุ จังหวดั
อา้ งถงึ ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการอนุญาตใหด้ ูดทราย พ.ศ. ๒๕๔๖
ส่ิงท่สี ง่ มาด้วย ส�ำ เนาค�ำ ส่งั กระทรวงมหาดไทย ที่ ๗๙๙/๒๕๕๘ ลงวันที่ ๒๕ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๕๘

ด้วยในการประชุมคณะกรรมการพิจารณาอนุญาตใหด้ ดู ทราย ครัง้ ที่ ๒/๒๕๕๘
เมอ่ื วันที่ ๒๙ มิถนุ ายน พ.ศ. ๒๕๕๘ มมี ติ ดังน้ี
๑. ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้งนายอำ�เภอร่วมกับเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด
หรือเจ้าพนักงานท่ีดินจังหวัดสาขา  ท่ีรับผิดชอบเขตพ้ืนท่ีที่ขออนุญาตเป็นเจ้าหน้าท่ีตามระเบียบ
กระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการอนญุ าตให้ดูดทราย พ.ศ.๒๕๔๖ ข้อ ๒๒
๒. เสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยพิจารณามอบหมายให้ผู้ว่าราชการ
จังหวัด  มีอำ�นาจสั่งหยุดทำ�การดูดทรายทันทีหรือเพิกถอนใบอนุญาต  กรณีที่พบการดำ�เนินการ
อันเป็นการฝ่าฝืนเง่ือนไข  ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการอนุญาตให้ดูดทราย
พ.ศ. ๒๕๔๖ ข้อ ๒๒ แลว้ แจง้ กพด. ทราบโดยดว่ น
บดั น ้ี รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงมหาดไทยไดพ้ จิ ารณาใหค้ วามเหน็ ชอบตามขอ้ ๑.
และมคี �ำ สง่ั กระทรวงมหาดไทย ท่ี ๗๙๙/๒๕๕๘ ลงวนั ท่ี ๒๕ กนั ยายน พ.ศ.๒๕๕๘ เรอ่ื ง มอบหมาย
ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดส่ังให้หยุดทำ�การดูดทรายหรือเพิกถอนใบอนุญาตตามระเบียบกระทรวง
มหาดไทยว่าด้วยการอนุญาตให้ดูดทราย พ.ศ.๒๕๔๖ ขอ้ ๒๒ รายละเอียดปรากฏตามส่ิงที่สง่ มา
พร้อมนี้
จงึ เรียนมาเพื่อโปรดทราบและถอื ปฏบิ ตั ติ อ่ ไป

ขอแสดงความนบั ถอื
(ลงช่อื ) วบิ ลู ย์ สงวนพงศ์
(นายวิบลู ย ์ สงวนพงศ์)
ปลดั กระทรวงมหาดไทย
กรมที่ดิน ส�ำ นกั จดั การท่ดี นิ ของรฐั
โทรศัพท ์ ๐ ๒๑๔๑ ๕๘๓๘ โทรสาร ๐ ๒๑๔๓ ๙๑๐๗

๔๔๕

(สำ�เนา)
ค�ำ ส่ังกระทรวงมหาดไทย

ท่ี ๗๙๙/๒๕๕๘
เรอ่ื ง มอบหมายใหผ้ ู้ว่าราชการจังหวดั สัง่ ใหห้ ยดุ ท�ำ การดดู ทรายหรือเพิกถอนใบอนญุ าต

ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย__ว_่า_ด_ว้ _ย_ก_า_ร_อ_น__ญุ _า_ต_ใหด้ ดู ทราย พ.ศ.๒๕๔๖ ข้อ ๒๒
ด้วยระเบียบกระทรวงมหาดไทย  ว่าด้วยการอนุญาตให้ดูดทราย  พ.ศ. ๒๕๔๖
ได้กำ�หนดหลักเกณฑ์ให้ผู้ได้รับอนุญาตประกอบการดูดทรายต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขท่ีกำ�หนด
โดยหากมกี ารฝ่าฝนื รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงมหาดไทยหรอื ผู้ทีร่ ัฐมนตรีมอบหมายมอี �ำ นาจส่ังให้
หยุดท�ำ การดูดทรายทันทหี รอื จะสง่ั เพิกถอนในอนญุ าตก็ได้ ท้งั นี้ เพ่อื เปน็ การควบคุมการประกอบ
การดดู ทรายมใิ หเ้ ปน็ การทำ�ลาย ทำ�ใหเ้ สือ่ มสภาพท่ดี ิน และมใิ หเ้ ป็นอนั ตรายแก่ทรัพยากรท่ีดิน
ตามมาตรา ๙ แหง่ ประมวลกฎหมายทดี่ นิ
ดังนั้น  เพ่ือให้การปฏิบัติราชการตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย  ว่าด้วย
การอนญุ าตใหด้ ดู ทราย พ.ศ.๒๕๔๖ เปน็ ไปอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ รวดเรว็ เปน็ ประโยชนต์ อ่ ประชาชน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย  จึงอาศัยอำ�นาจตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย  ว่าด้วย
การอนุญาตให้ดูดทราย  พ.ศ. ๒๕๔๖  ข้อ  ๒๒  มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำ�นาจในการ
พิจารณาและมีคำ�สั่งให้หยุดทำ�การดูดทราย  หรือเพิกถอนใบอนุญาตในกรณีที่ผู้ได้รับอนุญาต
ให้ดูดทรายดำ�เนินการโดยฝ่าฝืนเง่ือนไขตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย  ว่าด้วยการอนุญาต
ให้ดูดทราย พ.ศ. ๒๕๔๖ ข้อ ๑๙, ๒๐ และ ๒๑
ทั้งนี้ ต้งั แตบ่ ัดนีเ้ ปน็ ตน้ ไป

ประกาศ ณ วนั ท ี่ ๒๕ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๕๘
พลเอก อนุพงษ์ เผา่ จินดา
(อนพุ งษ์ เผ่าจินดา)
รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงมหาดไทย

๔๔๖


Click to View FlipBook Version