6102153L01c.indd 1 6102153 วิทยาศาสตร์ ป.4 (ครู) ขนาด 21x29.7 ซม. เสาวณีย์/วราพร/วันวิสาข์ 9/10/18 8:39 AM
ชุดเอกสารสื่อ ๖๐ พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี
ลิขสิทธิ์ของ สำ�นักงานโครงการสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี
สำ�นักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พิมพ์ครั้งที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๖๑ จำ�นวน ๒๒,๐๐๐ ชุด
จัดพิมพ์โดย องค์การค้าของ สกสค.
6102153L01c.indd 2 9/10/18 8:40 AM
คาํ ำ�นาํ ำ�
ตามที่สํานักงานโครงการสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้จัดทํา
ชดุ การเรียนรู้ สําหรับใช้ในโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็กท่ีขาดครู มีครูไม่ครบช้ันหรืออยู่ในพ้ืนท่ีหา่ งไกลทุรกันดาร
ซ่ึงประกอบด้วยชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (สําหรับครูผู้สอน) และชุดกิจกรรมการเรียนรู้ (สําหรับนักเรียน)
หลังจากที่มีการนําไปใช้ พบว่าสื่อดังกล่าวช่วยพัฒนาคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนขนาดเล็กได้เป็นอย่างดี
สาํ นกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน จงึ เห็นควรมีการนําส่ือดังกล่าว มาใช้ในโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเลก็
และโรงเรียนขยายโอกาสทุกโรงเรียน เพื่อช่วยพัฒนาคุณภาพการศึกษาระดับประถมศึกษาให้ดียิ่งข้ึน ประกอบกับ
กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศใช้มาตรฐานการเรียนรู้ และตัวชี้วัดกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์
และสาระภมู ศิ าสตร์ ในกลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน
พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ตามคําส่ังกระทรวงศกึ ษาธิการ ที่ สพฐ. ๑๒๓๙/๒๕๖๐ ลงวันท่ี ๗ สิงหาคม ๒๕๖๐
สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จึงได้ปรับปรุงชุดการจัดการเรียนรู้ (สําหรับ
ครูผู้สอน) ให้สอดคล้องกับการประกาศใช้มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด และเพ่ือให้สะดวกต่อการนําไปใช้
จึงจัดแยกเป็นรายช้ันปี (ประถมศึกษาปีท่ี ๑ - ๖) และเป็นรายภาคเรียน (ภาคเรียนท่ี ๑ และภาคเรียนที่ ๒) ทั้ง ๕ กลุ่ม
ประกอบด้วย
- ชุดการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ (สําหรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๑ - ๖ ภาคเรียนที่ ๑, ๒
- ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (สําหรบั ครผู สู้ อน) กล่มุ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์
ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๑ - ๖ ภาคเรยี นท่ี ๑, ๒
- ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (สาํ หรับครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์
ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ ๑ - ๖ ภาคเรยี นท่ี ๑, ๒
- ชุดการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาํ หรับครผู สู้ อน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาตา่ งประเทศ
(ภาษาอังกฤษ) ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๑ - ๖ ภาคเรียนท่ี ๑, ๒
- ชุดการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (สําหรับครผู สู้ อน) กล่มุ บูรณาการ
ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๑ - ๖ ภาคเรยี นที่ ๑, ๒
การนําชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ไปใช้ ครูผู้สอนต้องศึกษาเอกสาร คู่มือการใช้ชุดการจัด
การเรียนรู้ และศึกษาคาํ ช้แี จงในเอกสาร ชุดการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ (สาํ หรบั ครูผสู้ อน) ใหเ้ ข้าใจ เพราะจะทําให้
ทราบถึงแนวคิดการจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้ การเตรียมตัวของครู ส่ือการจัดการเรียนรู้ ลักษณะชุดการจัด
กจิ กรรมการเรยี นรู้ แผนการจดั การเรียนรู้ สญั ลักษณท์ ีใ่ ช้ แนวทางการวดั และประเมินผลของแตล่ ะหน่วยการเรยี นรู้
หวังว่าชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (สําหรับครูผู้สอน) และชุดกิจกรรมการเรียนรู้ (สําหรับ
นักเรียน) ฉบับปรับปรุงนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของครูผู้สอน อันจะส่งผลต่อการพัฒนา
คุณภาพการศึกษาระดบั ประถมศกึ ษาตอ่ ไป
ขอขอบคุณ ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้บริหารสถานศึกษา ศึกษานิเทศก์ ครู อาจารย์ และทุกท่านที่มี
ส่วนเกีย่ วข้องกับการปรับปรุงและจัดทาํ เอกสารมา ณ โอกาส น้ี
สาํ นกั งานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน
6102153L01c.indd 3 9/10/18 8:40 AM
6102153L01c.indd 4 9/10/18 8:40 AM
คำ�ชีแ้ จง
ตามที่สำ�นักงานโครงการสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้จัดทำ�ชุดการเรียนรู้ สำ�หรับ
ใช้ในโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็กท่ีขาดครู มีครูไม่ครบช้ันหรืออยู่ในพื้นท่ีห่างไกลทุรกันดาร ซ่ึงประกอบด้วย
ชดุ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (ส�ำ หรบั ครผู ้สู อน) และชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ (ส�ำ หรับนักเรยี น) หลงั จากที่มีการนำ�ไปใช้
พบวา่ ส่ือดังกลา่ วชว่ ยพฒั นาคณุ ภาพการศึกษาของโรงเรยี นขนาดเล็กไดเ้ ปน็ อยา่ งดี สำ�นกั งานคณะกรรมการการศึกษา
ขนั้ พน้ื ฐานจงึ เหน็ ควรใหม้ กี ารน�ำ สอ่ื ดงั กลา่ วมาใชใ้ นโรงเรยี นประถมศกึ ษาทวั่ ไป เพอ่ื ชว่ ยพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษาระดบั
ประถมศกึ ษาใหด้ ีย่ิงข้ึน
สำ�นักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐานและสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
จึงได้ปรับปรุงชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียน
รู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ และ
เพ่ือใหส้ ะดวกตอ่ การน�ำ ไปใช้ จึงจดั แยกเป็นรายชนั้ (ประถมศกึ ษาปีที่ ๑-๖) และแต่ละระดบั ชั้นแยกเป็นเลม่ ๑ และ
เล่ม ๒
ชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (สำ�หรับครูผู้สอน) ของระดับช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๔ เล่ม ๑ น้ี ประกอบด้วย
๕ หน่วยการเรียนรู้ ได้แก่ การจำ�แนกสิ่งมีชีวิตรอบตัว ส่วนต่าง ๆ ของพืช แรง แสง และวัสดุและสสาร ซึ่งแต่ละ
หน่วยการเรียนรู้จะมุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้เรียนรู้วิทยาศาสตร์ผ่านการสืบเสาะหาความรู้ มีการทำ�กิจกรรมด้วยการ
ลงมือปฏิบัติ เพื่อให้ผู้เรียนได้ใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และนำ�ความรู้ท่ีได้ไปใช้ในการดำ�รงชีวิตและ
รู้เท่าทนั การเปลี่ยนแปลงของโลกได้
คณะผู้จัดทำ�หวังเป็นอย่างย่ิงว่า ชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (สำ�หรับครูผู้สอน) ของระดับชั้นประถมศึกษา
ปที ่ี ๔ เล่ม ๑ น้ี จะเป็นประโยชนต์ ่อครผู ้สู อนในการน�ำ ไปใช้จัดการเรียนร้ใู หก้ บั นักเรยี นเพื่อเพิ่มประสิทธภิ าพการจดั
การเรียนรขู้ องครแู ละการเรียนรขู้ องนักเรยี นให้สงู ขนึ้ ตอ่ ไป
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
6102153L01c.indd 5 9/10/18 8:40 AM
6102153L01c.indd 6 9/10/18 8:40 AM
สารบัญ หนา้
๑
๖
ค�ำแนะน�ำส�ำหรบั ครูผสู้ อน ๙
ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร ์ ๑๐
โครงสร้างของชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๔ ๑๑
แนวทางการจดั หน่วยการเรยี นรู ้ ๑๗
โครงสร้างรายวิชาวทิ ยาศาสตร์ ระดบั ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ ๑๙
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ การจ�ำแนกส่งิ มีชีวติ รอบตวั ๒๐
มาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละตัวช้ีวดั ๒๑
ล�ำดับการน�ำเสนอแนวคดิ หลัก ๒๓
โครงสรา้ งแผนการจัดการเรยี นร ู้ ๒๕
๒๖
หน่วยยอ่ ยท่ี ๑ การจ�ำแนกสิ่งมีชวี ติ ๒๗
สาระส�ำคัญ มาตรฐานและตัวชวี้ ัดของหนว่ ยยอ่ ยที่ ๑ การจ�ำแนกสงิ่ มีชวี ิต ๓๐
ล�ำดบั การน�ำเสนอแนวคิดหลกั ของหนว่ ยย่อยท่ี ๑ การจ�ำแนกสิง่ มีชวี ติ ๓๑
ค�ำช้ีแจงประกอบแผนจัดการเรียนรู้ แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๑.๑ การจ�ำแนกสง่ิ มชี วี ิต ๓๙
แนวการจดั กจิ กรรมการเรยี นรขู้ องแผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๑.๑ การจ�ำแนกสง่ิ มีชวี ติ ๔๗
แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๑.๑ การจ�ำแนกสง่ิ มีชีวิต ๕๐
เฉลยใบงาน ๕๑
ค�ำช้แี จงประกอบแผนจัดการเรียนรู้ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๑.๒ การจ�ำแนกสตั ว ์ ๖๕
แนวการจดั กจิ กรรมการเรยี นรขู้ องแผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๑.๒ การจ�ำแนกสตั ว์ ๗๕
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๑.๒ การจ�ำแนกสตั ว ์ ๗๘
เฉลยใบงาน ๗๙
ค�ำช้ีแจงประกอบแผนจัดการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี ๑.๓ การจ�ำแนกพชื ดอก ๙๑
แนวการจดั กจิ กรรมการเรยี นรขู้ องแผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๑.๓ การจ�ำแนกพชื ดอก ๙๙
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๑.๓ การจ�ำแนกพชื ดอก
เฉลยใบงาน ๑๐๑
หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี ๒ ส่วนตา่ ง ๆ ของพืช ๑๐๒
มาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละตวั ชวี้ ัด ๑๐๓
ล�ำดบั การน�ำเสนอแนวคดิ หลัก
โครงสรา้ งแผนการจดั การเรยี นรู้
6102153L01c.indd 7 9/10/18 8:40 AM
สารบญั (ตอ่ ) หนา้
๑๐๕
๑๐๗
หนว่ ยยอ่ ยที่ ๑ หนา้ ทข่ี องราก ล�ำตน้ ใบ และดอกของพชื ๑๐๘
๑๐๙
สาระส�ำคัญ มาตรฐานและตัวชี้วดั ของหนว่ ยยอ่ ยท่ี ๑ หน้าที่ของราก ล�ำต้น ใบ และดอกของพืช ๑๑๓
ล�ำดับการน�ำเสนอแนวคิดหลกั ของหนว่ ยย่อยท่ี ๑ หน้าทข่ี องราก ล�ำตน้ ใบ และดอกของพชื ๑๑๔
ค�ำชแี้ จงประกอบแผนจดั การเรยี นรู้ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๑.๑ หน้าท่ีของรากและล�ำต้น ๑๒๓
แนวการจดั กจิ กรรมการเรียนรขู้ องแผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี ๑.๑ หน้าทีข่ องรากและล�ำต้น ๑๓๕
แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๑.๑ หน้าทีข่ องรากและล�ำตน้ ๑๓๘
เฉลยใบงาน ๑๓๙
ค�ำชแี้ จงประกอบแผนจดั การเรยี นรู้ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๑.๒ หนา้ ทขี่ องใบ ๑๔๙
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนร้ขู องแผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๑.๒ หนา้ ทขี่ องใบ ๑๕๗
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๑.๒ หนา้ ทขี่ องใบ ๑๖๐
เฉลยใบงาน ๑๖๑
ค�ำชแ้ี จงประกอบแผนจดั การเรยี นรู้ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๑.๓ หนา้ ทขี่ องดอก ๑๗๕
แนวการจัดกิจกรรมการเรยี นรูข้ องแผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๑.๓ หนา้ ทข่ี องดอก ๑๘๗
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑.๓ หนา้ ทข่ี องดอก ๑๘๙
เฉลยใบงาน ๑๙๐
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๓ แรง ๑๙๑
มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตัวชี้วัด ๑๙๓
ล�ำดบั การน�ำเสนอแนวคิดหลัก ๑๙๕
โครงสร้างแผนการจดั การเรยี นรู้ ๑๙๖
๑๙๗
หน่วยยอ่ ยท่ี ๑ แรง ๒๐๐
สาระส�ำคญั มาตรฐานและตวั ชีว้ ัดของหน่วยย่อยที่ ๑ แรง ๒๐๑
ล�ำดับการน�ำเสนอแนวคดิ หลักของหนว่ ยยอ่ ยที่ ๑ แรง ๒๑๑
ค�ำชแ้ี จงประกอบแผนจดั การเรยี นรู้ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๑.๑ แรงโนม้ ถว่ งของโลก ๒๒๑
แนวการจดั กจิ กรรมการเรยี นรขู้ องแผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๑.๑ แรงโนม้ ถว่ งของโลก ๒๒๓
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๑.๑ แรงโนม้ ถว่ งของโลก ๒๒๔
เฉลยใบงาน ๒๓๓
ค�ำชแ้ี จงประกอบแผนจดั การเรยี นรู้ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๑.๒ การหานำ�้ หนกั ของวตั ถุ
แนวการจดั กจิ กรรมการเรยี นรขู้ องแผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๑.๒ การหานำ�้ หนกั ของวตั ถุ
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๑.๒ การหานำ้� หนกั ของวตั ถุ
เฉลยใบงาน
6102153L01c.indd 8 9/10/18 8:40 AM
สารบัญ (ตอ่ ) หน้า
๒๓๙
๒๔๒
ค�ำชแ้ี จงประกอบแผนจดั การเรยี นรู้ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๑.๓ ความสมั พนั ธข์ องมวล ๒๔๓
การเปลยี่ นแปลงเคลือ่ นท่ขี องวตั ถุและนำ�้ หนกั ของวัตถุ ๒๕๑
แนวการจดั กจิ กรรมการเรยี นรขู้ องแผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๑.๓ ความสมั พนั ธข์ องมวล ๒๕๙
การเปลีย่ นแปลงเคลื่อนทีข่ องวตั ถแุ ละนำ�้ หนักของวัตถ ุ ๒๖๑
แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ ๑.๓ ความสมั พนั ธข์ องมวล การเปล่ียนแปลงเคลือ่ นที่ของวัตถุ ๒๖๒
และน้�ำหนักของวตั ถ ุ ๒๖๓
เฉลยใบงาน ๒๖๕
หน่วยการเรียนร้ทู ี่ ๔ แสง ๒๖๗
มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวชี้วัด ๒๖๘
ล�ำดบั การน�ำเสนอแนวคดิ หลกั ๒๖๙
โครงสรา้ งแผนการจดั การเรียนรู้ ๒๗๒
๒๗๓
หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๑ แสงและการมองเหน็ ๒๘๓
สาระส�ำคัญ มาตรฐานและตัวช้ีวัดของหน่วยย่อยท่ี ๑ แสงและการมองเหน็ ๒๙๑
๒๙๓
ล�ำดับการน�ำเสนอแนวคดิ หลักของหนว่ ยยอ่ ยที่ ๑ แสงและการมองเห็น ๒๙๔
ค�ำชแ้ี จงประกอบแผนจดั การเรียนรู้ แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๑ การมองเหน็ แสง ๒๙๕
เม่อื มองผา่ นวัตถุต่าง ๆ ๒๙๗
แนวการจดั กจิ กรรมการเรยี นรขู้ องแผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๑ การมองเห็นแสงเม่ือมองผ่านวตั ถตุ ่าง ๆ ๒๙๙
แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ ๑ การมองเหน็ แสงเมอื่ มองผ่านวตั ถุต่าง ๆ ๓๐๐
เฉลยใบงาน ๓๐๒
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๕ วสั ดแุ ละสสาร ๓๐๕
มาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ช้วี ดั ๓๐๖
ล�ำดับการน�ำเสนอแนวคิดหลกั
โครงสรา้ งแผนการจดั การเรียนรู้
หนว่ ยย่อยท่ี ๑ สมบัตทิ างกายภาพของวัสด ุ
สาระส�ำคัญ มาตรฐานและตัวช้วี ดั ของหน่วยยอ่ ยท่ี ๑ สมบัติทางกายภาพของวสั ด ุ
ล�ำดับการน�ำเสนอแนวคดิ หลักของหนว่ ยย่อยท่ี ๑ สมบตั ทิ างกายภาพของวัสด ุ
ค�ำชแ้ี จงประกอบแผนจดั การเรยี นรู้ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๑.๑ การใช้วัสดใุ นชีวิตประจ�ำวนั
แนวการจดั กจิ กรรมการเรยี นรขู้ องแผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๑.๑ การใชว้ ัสดใุ นชีวิตประจ�ำวัน
แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ ๑.๑ การใชว้ ัสดุในชีวติ ประจ�ำวนั
6102153L01c.indd 9 9/10/18 8:40 AM
สารบญั (ต่อ) หนา้
๓๑๓
๓๑๘
เฉลยใบงาน ๓๒๑
ค�ำชแ้ี จงประกอบแผนจดั การเรยี นรู้ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๑.๒ ความแขง็ ของวสั ดรุ อบตวั ๓๒๒
แนวการจดั กจิ กรรมการเรยี นรขู้ องแผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๑.๒ ความแขง็ ของวสั ดรุ อบตวั ๓๓๓
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๑.๒ ความแขง็ ของวสั ดรุ อบตวั ๓๓๙
เฉลยใบงาน ๓๔๒
ค�ำชแ้ี จงประกอบแผนจดั การเรยี นรู้ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๑.๓ สภาพยดื หยนุ่ ของวสั ดรุ อบตวั ๓๔๓
แนวการจดั กจิ กรรมการเรยี นรขู้ องแผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๑.๓ สภาพยดื หยนุ่ ของวสั ดรุ อบตวั ๓๕๓
แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี ๑.๓ สภาพยดื หยนุ่ ของวสั ดรุ อบตวั ๓๖๐
เฉลยใบงาน ๓๖๓
ค�ำชแ้ี จงประกอบแผนจดั การเรยี นรู้ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๑.๔ การน�ำความรอ้ นของวสั ดรุ อบตวั ๓๖๔
แนวการจดั กจิ กรรมการเรยี นรขู้ องแผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๑.๔ การน�ำความรอ้ นของวสั ดรุ อบตวั ๓๗๓
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑.๔ การน�ำความรอ้ นของวสั ดรุ อบตวั ๓๗๙
เฉลยใบงาน ๓๘๒
ค�ำชแ้ี จงประกอบแผนจดั การเรยี นรู้ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๑.๕ การน�ำไฟฟา้ ของวสั ดรุ อบตวั ๓๘๓
แนวการจดั กจิ กรรมการเรยี นรขู้ องแผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๑.๕ การน�ำไฟฟา้ ของวสั ดรุ อบตวั ๓๙๑
แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี ๑.๕ การน�ำไฟฟา้ ของวสั ดรุ อบตวั ๓๙๕
เฉลยใบงาน ๓๙๘
ค�ำชแ้ี จงประกอบแผนจดั การเรยี นรู้ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๑.๖ การใชป้ ระโยชนจ์ ากสมบตั ขิ องวสั ด ุ ๓๙๙
แนวการจดั กจิ กรรมการเรยี นรขู้ องแผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๑.๖ การใชป้ ระโยชนจ์ ากสมบตั ขิ องวสั ด ุ ๔๐๗
แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี ๑.๖ การใชป้ ระโยชนจ์ ากสมบตั ขิ องวสั ด ุ ๔๑๕
เฉลยใบงาน ๔๒๘
เฉลยแบบทดสอบ ๔๒๙
บรรณานกุ รม
คณะผู้จดั ท�ำ
6102153L01c.indd 10 9/10/18 8:40 AM
คำ�แนะน�ำ สำ�หรับครูผสู้ อน
๑. แนวคดิ หลกั
การจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์มุ่งให้ผู้เรียนมีความสามารถเข้าใจเน้ือหาสาระวิทยาศาสตร์และ
นาำ ความรไู้ ปอธบิ ายหรอื ประยุกตใ์ ช้ในชวี ติ ประจาำ วนั ได้ รวมทงั้ เปดโอกาสให้ผเู้ รียนไดฝ้ ก ทกั ษะตา่ ง ๆ เช่น
ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ ทกั ษะการคิดสร้างสรรค์ ทกั ษะการ
แกป้ ญ หา ทกั ษะการเขียน ทกั ษะการอ่าน นอกจากนี้ในการจดั กิจกรรมยงั ม่งุ เน้นการเรยี นรู้ร่วมกันเปน็ กลุ่ม
ซง่ึ เปน็ การเปด โอกาสให้ผเู้ รียนได้รว่ มกันคดิ ปรกึ ษาหารอื อภิปราย แกป้ ญ หา แสดงความคดิ เหน็ สะท้อน
ความคิด และได้นำาเสนอผลการทาำ กจิ กรรม ซึ่งชว่ ยให้ผู้เรียนได้พัฒนาทง้ั ความรู้ ทักษะกระบวนการทาง
วทิ ยาศาสตร์และทกั ษะอ่ืน ๆ รวมทงั้ คณุ ธรรม จริยธรรมอีกดว้ ย ในการจดั กลุ่มอาจจดั เป็นกล่มุ ๒ คน หรอื
กลุ่ม ๔-๖ คน หรอื อาจจดั กจิ กรรมร่วมกันท้ังช้นั ท้ังนข้ี น้ึ อยู่กับวตั ถุประสงคข์ องการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
นั้น ๆ
ในการดำาเนินกจิ กรรมการเรียนการสอนวทิ ยาศาสตร์ สิ่งสำาคัญทผ่ี ูส้ อนควรคาำ นึงถึงเป็นอนั ดบั แรกคอื
ความรพู้ ื้นฐานของผ้เู รยี น ผูส้ อนอาจทบทวนหรอื ตรวจสอบความรเู้ ดมิ ของผ้เู รยี นโดยใช้คำาถามหรอื กลวธิ ี
ต่าง ๆ ท่ีกระตุน้ ความสนใจของผเู้ รียนและนำาไปสู่การเรียนรู้เนื้อหาใหม่ ขัน้ การสอนเน้ือหาใหม่ ผสู้ อนอาจ
กาำ หนดสถานการณ์ทเ่ี ชอ่ื มโยงกับเร่ืองราวในขนั้ ทบทวนความรูห้ รอื มีคำาถาม และมีกิจกรรมให้นักเรียนได้ลงมือ
ปฏิบัตดิ ้วยกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (inquiry) ในการค้นหาคาำ ตอบท่ีสงสัยด้วยตนเอง ผูส้ อนมีบทบาท
เปน็ ผู้ใหอ้ ิสระทางความคิดกบั ผเู้ รียน คอยสังเกต ตรวจสอบความเข้าใจและคอยให้ความชว่ ยเหลือและ
คำาแนะนาำ อยา่ งใกลช้ ิด
ในการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอน ผูส้ อนควรให้ผูเ้ รียนแต่ละคนหรือแต่ละกลุ่มได้นำาเสนอแนวคิด
เพราะผูเ้ รยี นมโี อกาสแสดงแนวคิดเพ่ิมเติมรว่ มกัน ซกั ถาม อภิปรายข้อขดั แย้งด้วยเหตุและผล ผู้สอนมีโอกาส
เสริมความร้ ู ขยายความร้หู รือสรุปประเดน็ สำาคัญของสาระทนี่ ำาเสนอนนั้ ทำาใหก้ ารเรยี นรู้ขยายวงกว้างและ
ลกึ มากขนึ้ สามารถนาำ ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ จริงได้ นอกจากนีย้ งั ทำาใหผ้ ู้เรยี นเกดิ เจตคตทิ ดี่ ี มคี วามภมู ใิ จ
ในผลงาน เกดิ ความรสู้ กึ อยากทำา กล้าแสดงออก และจดจาำ สาระที่ตนเองไดอ้ อกมานาำ เสนอได้นาน รวมทัง้
ฝก การเปน็ ผู้นำา ผู้ตาม รบั ฟงความคดิ เห็นของผู้อน่ื
๒. กระบวนก�รจดั ก�รเรียนรู้
การนำาชดุ การจัดกจิ กรรมการเรียนรูไ้ ปใช้ ครคู วรเตรยี มตัวลว่ งหน้า ดังนี้
๑. ศกึ ษาโครงสร้างชดุ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เพ่ือให้ทราบวา่ ตลอดทั้งปกี ารศกึ ษา นกั เรียนตอ้ ง
เรียนรู้ทง้ั หมดก่หี น่วย แต่ละหน่วยมหี น่วยยอ่ ยอะไรบา้ ง ใช้เวลาสอนกี่ชั่วโมง และมกี แ่ี ผน
ชดุ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (สำาหรบั ครผู ้สู อน) กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ ) ๑
6102153L01c.indd 1 9/10/18 8:40 AM
๒. ศกึ ษาโครงสรา้ งหนว่ ยการเรียนรู้ วา่ แต่ละหน่วยการเรยี นรู้มเี นอื้ หาอะไรบ้าง เน้ือหาละกชี่ ั่วโมง
ซึ่งจะชว่ ยใหค้ รผู ้สู อนมองเห็นภาพรวมของการสอนในหน่วยดงั กล่าวได้อยา่ งชัดเจน
๓. ศกึ ษาแนวการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ซึง่ อยู่หน้าแผนแต่ละแผน เปน็ การสรปุ แนวการจัดกิจกรรม
ในแต่ละข้ันตอนการสอน ทาำ ใหค้ รมู องเห็นภาพรวมของการจดั การเรยี นรู้ในช่ัวโมงนั้น ๆ
๔. ศึกษาแผนการจดั การเรยี นรู้ ตามหัวขอ้ ต่อไปนี้
๔.๑ ขอบเขตเน้อื หา เปน็ เนื้อหาท่นี ักเรียนตอ้ งเรยี นร้ใู นแผนทก่ี าำ ลังศกึ ษา
๔.๒ สาระสาำ คญั เปน็ ความคดิ รวบยอดหรอื หลกั การทน่ี กั เรยี นควรจะไดห้ ลงั จากไดเ้ รยี นรตู้ ามแผน
ท่กี าำ หนด
๔.๓ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ แบง่ เปน็ ดา้ นความรู้ ดา้ นทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ และ
ดา้ นคณุ ธรรม
๔.๔ กจิ กรรมการเรียนรู้ แบง่ เปน็ ขน้ั นำา ข้ันสอน และขนั้ สรุป ซึ่งแตล่ ะขน้ั ครผู ้สู อนควรศกึ ษา
ทาำ ความเข้าใจอย่างละเอยี ด นอกจากนคี้ รูควรพจิ ารณาด้วยว่า ในแตล่ ะขนั้ ตอนการสอน ครูจะต้องศึกษาวา่ มี
ส่ือ/อุปกรณอ์ ะไรบ้าง
๔.๕ สอื่ /แหล่งเรียนรู้ เป็นการบอกรายการส่ือ อุปกรณ์ และแหลง่ เรียนรู้ท่ตี อ้ งใชใ้ นการจัด
กจิ กรรมการเรียนรใู้ นช่วั โมงนนั้
๔.๖ การประเมนิ เปน็ การบอกทั้งวิธีการ เครื่องมือ และเกณฑ์การประเมนิ สาำ หรบั เครอ่ื งมือ
การประเมินในชุดการจดั กจิ กรรมการเรยี นรฯู้ นี้ ได้จัดเตรียมไวใ้ หค้ รผู ู้สอนเรยี บรอ้ ยแล้ว
๓. สือ่ ก�รจัดก�รเรียนรู้ กลุ่มส�ระก�รเรยี นรู้วิทย�ศ�สตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษ�ปที่ ๔
สอื่ การจัดการเรยี นรู้ กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ ประกอบด้วย
๓.๑ แผนการจดั การเรยี นรู้ สำาหรบั ครใู ชเ้ ป็นแนวทางการจัดกิจกรรมการเรยี นรใู้ ห้กับนักเรียน
๓.๒ ใบกจิ กรรม สาำ หรับนักเรยี นใช้ฝก ทักษะปฏิบตั ิ หรอื สร้างความคิดรวบยอดในบทเรยี น โดยใน
ใบกิจกรรมจะประกอบดว้ ยใบงาน ให้นักเรียนไดบ้ ันทกึ ผลการทำากิจกรรม การตอบคาำ ถามหลงั จากทาำ กจิ กรรม
เพือ่ ทบทวนสง่ิ ทไี่ ดเ้ รยี นรูจ้ ากการทำากจิ กรรม และมแี บบฝกหัดเพ่ือประเมนิ การเรยี นร้หู ลงั จากเรียนจบ
ในแต่ละกจิ กรรม
๓.๓ แบบทดสอบ เป็นการวดั ความรคู้ วามเขา้ ใจตามตัวชี้วดั ทก่ี าำ หนดไว้ในหลกั สตู ร
๒ ชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (สาำ หรบั ครูผู้สอน) กลุม่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ ๔ (ฉบบั ปรับปรุง)
6102153L01c.indd 2 9/10/18 8:40 AM
๓
ใบกิจกรรมของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ได้มีการกาหนดสัญลักษณ์รูปดาว ๕ แฉก จานวน ๔
ดวง และแถบสีสม้ โดย
บ. หมายถึง ใบกจิ กรรม
ผ. หมายถงึ แผนการจัดการเรียนรู้
เชน่
บ. ๑.๑ / ผ. ๑.๑-๐๑
ระดับชัน้
ใบกิจกรรม
หนว่ ยท่ี
หน่วยย่อยท่ี
แผนท่ี
ใบงำนท่ี
หมายเหตุ เลขแสดงลาดับของแผนการจดั การเรียนร้จู ะเรียงตอ่ กันจนครบทุกแผนในแตล่ ะหน่วยยอ่ ย และ
ใบงานจะเรยี งเลขตอ่ กนั ในแต่ละแผน เม่ือข้นึ หน่วยใหม่ การแสดงลาดบั เลขของท้ังหนว่ ยยอ่ ย
แผน และใบงานจะเรมิ่ ต้นใหม่
๔. ลักษณะชุดกำรจดั กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ กลุ่มสำระกำรเรียนร้วู ทิ ยำศำสตร์ ชัน้ ประถมศึกษำปที ่ี ๔
ชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๔ จัดทาเป็น
หน่วยการเรียนรู้ (Learning Unit) โดยผ่านการวิเคราะห์หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับ
ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ มาจัดทาเป็นหน่วย
การเรยี นรู้ ในแต่ละเล่มเป็น ๒ เล่ม ดงั นี้
เลม่ ๑ ประกอบด้วย หน่วยกำรเรียนรู้ ๕ หนว่ ย ดังนี้
หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ ๑ การจาแนกส่งิ มีชวี ิตรอบตัว
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (สำาหรบั ครผู สู้ อน) กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นประถมศึกษาปที ี่ ๔ (ฉบบั ปรับปรุง) ๓
6102153L01c.indd 3 9/10/18 8:40 AM
หนว่ ยยอ่ ยที่ ๑ การจำาแนกสงิ่ มีชีวิต
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ ส่วนตา่ ง ๆ ของพชื
หน่วยย่อยท่ี ๑ หนา้ ท่ีของราก ลาำ ตน้ ใบ และดอกของพชื
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๓ แรง
หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๑ แรง
หน่วยการเรียนรูท้ ี่ ๔ แสง
หน่วยย่อยที่ ๑ แสงและการมองเห็น
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๕ วัสดุและสสาร
หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๑ สมบตั ิทางกายภาพของวสั ดุ
เล่ม ๒ ประกอบดว้ ยหน่วยก�รเรยี นรู้ ๓ หนว่ ย ดังนี้
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๕ วสั ดแุ ละสสาร
หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๒ สถานะของสาร
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ๖ ระบบสุริยะและปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์
หน่วยยอ่ ยท่ี ๑ ดวงจนั ทรข์ องเรา
หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๒ ระบบสุริยะ
หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๗ วทิ ยาการคาำ นวณ
หน่วยยอ่ ยที่ ๑ การใช้เหตผุ ลเชงิ ตรรกะ
หน่วยย่อยท่ี ๒ การเขียนโปรแกรมและการหาขอ้ ผดิ พลาด
หนว่ ยยอ่ ยที่ ๓ การรวบรวมข้อมูล
หน่วยยอ่ ยท่ี ๔ การคน้ หาขอ้ มูล
หน่วยยอ่ ยที่ ๕ การสรา้ งทางเลอื กในการแก้ปญ หา
หนว่ ยย่อยท่ี ๖ การนำาเสนอ
หน่วยยอ่ ยท่ี ๗ การประเมินความนา่ เช่ือถือของขอ้ มลู
๔ ชุดการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครูผ้สู อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๔ (ฉบบั ปรบั ปรุง)
6102153L01c.indd 4 9/10/18 8:40 AM
๕. แผนก�รจัดก�รเรียนรู้ กลุ่มส�ระก�รเรยี นรู้วิทย�ศ�สตร์ ชนั้ ประถมศึกษ�ปท ี่ ๔
การจดั ทำาแผนการจดั การเรยี นรู้ กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๔ กำาหนดให้
สอดคล้องกบั หนว่ ยการเรียนรู้ แต่ละหน่วยการเรียนรูป้ ระกอบดว้ ย แผนการจัดการเรยี นร้หู ลายแผน แผนละ
๑-๒ ชว่ั โมงหรอื มากกวา่ โดยมอี งคป์ ระกอบของแผนการจดั การเรยี นรคู้ อื ขอบเขตเนอื้ หา สาระสาำ คญั จดุ ประสงค์
การเรยี นรูซ้ ่งึ มที ้ังด้านความรู้ ด้านทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และดา้ นคณุ ธรรม กจิ กรรมการเรยี นรู้
สอื่ /แหล่งเรยี นรู้ และการประเมิน สาำ หรบั แผนการจดั การเรยี นร้ทู ุกแผนจะมแี นวการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
อยหู่ นา้ แผนทุกแผนซึ่งเปน็ การสรปุ ภาพรวมของการจดั กจิ กรรมการเรียนรใู้ นชั่วโมงน้ัน ๆ ในทกุ ขั้นตอน
การสอนตงั้ แตข่ น้ั นำา ข้ันสอน ขนั้ สรปุ และการประเมินผล พรอ้ มท้ังมเี ฉลยคาำ ตอบในใบงาน และเฉลย
แบบทดสอบ อีกดว้ ย
ชุดการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรับครูผู้สอน) กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ (ฉบับปรบั ปรุง) ๕
6102153L01c.indd 5 9/10/18 8:40 AM
๖
ทักษะกระบวนกำรทำงวทิ ยำศำสตร์
ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เป็นกระบวนการท่ีนักวิทยาศาสตร์นามาใช้เพื่อศึกษาค้นคว้า
สืบเสาะหาความรู้ และแก้ปัญหาต่าง ๆ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สามารถแบ่งได้ ๒ ระดับ คือ
ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรข์ ้ันพืน้ ฐานและทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรข์ ้ันผสม
ทักษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ข้ันพน้ื ฐำน มดี ังน้ี
กำรสังเกต หมายถึง การใช้ประสาทสัมผัสอย่างใดอย่างหน่ึง หรือหลายอย่างรวมกัน ได้แก่ ตา หู
จมูก ล้นิ ผวิ กาย เพอ่ื บรรยายรายละเอียดของสง่ิ น้นั โดยไมใ่ ส่ความคดิ เหน็ เพ่ิมเติม
กำรวัด หมายถึง การเลือกใช้เคร่ืองมือและวัดหาปริมาณของสิ่งต่าง ๆ และระบุหน่วยของการวัดได้
กำรใช้จำนวน หมายถึง การใช้ความรู้สึกเชิงจานวนและการคานวณ เพ่ือบรรยายหรือระบุ
รายละเอยี ดเชงิ ปริมาณของสงิ่ ที่สงั เกตหรอื ทดลอง
กำรจำแนกประเภท หมายถึง การแบ่งพวกหรือเรียงลาดับวัตถุ หรือสิ่งต่าง ๆ โดยใช้ความเหมือน
หรือความแตกต่างกนั เป็นเกณฑ์
กำรหำควำมสัมพันธ์ของสเปซของวัตถุ หมายถึง ที่ว่างท่ีวัตถุนั้นครอบครองอยู่ ซึ่งจะมีรูปร่าง
ลกั ษณะเชน่ เดียวกบั วตั ถุน้นั โดยทัว่ ไปแลว้ สเปซของวัตถุจะมี ๓ มิติ คอื ความกวา้ ง ความยาว และความสูง
- ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงสเปซกับสเปซ หมายถึง ความสัมพันธ์ระหว่างการเปลี่ยนแปลงตาแหน่ง
ที่อยู่ของวัตถุหน่ึงกับอีกวัตถุหน่ึง ตัวอย่างเช่น การหย่อนก้อนหินลงไปในน้าพบว่าก้อนหินเข้าไปแทนท่ีน้า
สังเกตได้จากน้าบางส่วนซ่ึงมีปริมาตรเทา่ กับกอ้ นหินไหลออกมาข้างนอก
- ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงสเปซกับเวลำ หมายถงึ ความสมั พนั ธร์ ะหว่างการเปลยี่ นแปลงตาแหน่งที่อยู่
ของวัตถุกับเวลา หรือความสัมพันธ์ระหว่างสเปซของวัตถุท่ีเปลี่ยนไปกับเวลา ตัวอย่างเช่น กลุ่มดาว
นายพรานปรากฏบนท้องฟ้าในทิศตะวันอ อก เมื่อเวลาผ่านไป ๑ ชั่วโมง กลุ่มดาวนายพราน
เคลอ่ื นไปทางด้านตะวนั ตก โดยห่างจากตาแหน่งเดิมประมาณ ๕ องศา
กำรจัดกระทำและส่ือควำมหมำยข้อมูล หมายถึง การนาข้อมูลที่รวบรวมได้ทั้งหมดมาจัดกระทาให้
อยู่ในรูปแบบที่มีความหมาย หรือมีความสัมพันธ์กันมากขึ้น รวมท้ังนาข้อมูลมาจัดทาในรูปแบบต่าง ๆ เพ่ือให้
เขา้ ใจไดง้ า่ ย
กำรพยำกรณ์ หมายถึง การนาข้อมูลท่ีได้จากการสังเกตหรือจากประสบการณ์ของเรื่องน้ันที่เกิดขึ้น
ซ้า ๆ เปน็ แบบรูปมาชว่ ยในการคาดการณ์ส่งิ ทเี่ กิดขน้ึ
กำรลงควำมเห็นจำกข้อมูล หมายถึง การใช้ความคิดเห็นจากความรู้หรือประสบการณ์เดิม
เพ่ืออธบิ ายข้อมลู ที่ได้จากการสังเกตอยา่ งมีเหตุผล
๖ ชดุ การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๔ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
6102153L01c.indd 6 9/10/18 8:40 AM
๗
ทกั ษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ข้นั ผสม มดี งั น้ี
กำรต้ังสมมติฐำน หมายถึง การคิดหาคาตอบล่วงหน้าก่อนการทดลอง โดยอาศัยการสังเกตความรู้
หรอื ประสบการณเ์ ดมิ เปน็ พืน้ ฐาน
กำรกำหนดนยิ ำมเชงิ ปฏิบตั กิ ำร หมายถึง การกาหนดความหมายและขอบเขตของคาต่าง ๆ ท่อี ยูใ่ น
สมมติฐานท่ีตอ้ งการทดลองให้เขา้ ใจตรงกัน และสามารถสงั เกตหรอื วดั ได้
กำรกำหนดและควบคมุ ตัวแปร หมายถงึ การช้บี ง่ ตวั แปรต้น ตัวแปรตาม และตวั แปรท่ีตอ้ งควบคุม
ใหค้ งทีส่ อดคล้องกับสมมติฐานของการทดลอง
- ตัวแปรต้น หมายถึง ส่ิงท่ีเป็นสาเหตุท่ีทาให้เกิดผลต่าง ๆ หรือสิ่งท่ีเราต้องการทดลองดูว่า
เปน็ สาเหตทุ ก่ี ่อใหเ้ กดิ ผลเช่นนัน้ จริงหรือไม่
- ตัวแปรตำม หมายถึง ส่ิงท่ีเป็นผลเน่ืองมาจากตัวแปรต้น เม่ือตัวแปรต้นหรือสิ่งที่เป็นสาเหตุ
เปลย่ี นไปตวั แปรตามหรือสง่ิ ทีเ่ ปน็ ผลจะแปรตามไปดว้ ย
- ตัวแปรท่ีต้องควบคุมให้คงที่ หมายถึง ส่ิงอ่ืน ๆ นอกเหนือจากตัวแปรต้นที่อาจทาให้ผลการทดลอง
คลาดเคลื่อน ถ้าหากว่าไม่มีการควบคุมให้เหมือนกัน ตัวอย่างเช่น การกาหนดและควบคุมตัวแปรท่ีมีผลต่อ
แรงแมเ่ หลก็ ไฟฟา้ คอื จานวนรอบของขดลวดและปรมิ าณกระแสไฟฟ้า การควบคมุ ปริมาณกระแสไฟฟ้าท่ีผ่าน
วงจรจะทาให้ทราบความสมั พนั ธ์ของจานวนรอบของขดลวดกบั แรงแมเ่ หล็กไฟฟา้ หรือการควบคมุ จานวนรอบ
ของขดลวดจะทาให้ทราบความสมั พันธ์ระหว่างปริมาณกระแสไฟฟ้ากับแรงแม่เหลก็ ไฟฟา้
กำรทดลอง หมายถึง กระบวนการปฏิบัติการเพ่ือหาคาตอบจากสมมติฐานท่ีต้ังไว้ในการทดลองจะ
ประกอบดว้ ยกจิ กรรม ๓ ข้ันตอน ได้แก่ การออกแบบ การปฏิบัติ และการบนั ทึกผลการทดลอง
- กำรออกแบบกำรทดลอง หมายถึง การวางแผนการทดลองกอ่ นลงมอื ทดสอบจริง
- กำรปฏิบัติกำรทดลอง หมายถงึ การลงมือปฏบิ ัตจิ รงิ และใชอ้ ปุ กรณ์ไดอ้ ยา่ งถูกต้องและเหมาะสม
- กำรบันทึกผลกำรทดลอง หมายถึง การจดบันทึกข้อมูลที่ได้จากการทดลองซึ่งอาจเป็นผลจากการ
สังเกต การวัด และอ่ืน ๆ ได้อย่างคล่องแคล่วและถูกต้อง ตัวอย่างเช่น การทดลองเพื่อเปรียบเทียบความแข็ง
ของเน้ือไม้ ๓ ชนิด ทาได้โดยนาตะปูขีดบนเนื้อไม้แต่ละชนิดด้วยแรงท่ีเท่ากัน จากน้ันสังเกตรอยและ
ความลกึ ของรอยทเี่ กดิ ขึ้นพร้อมทงั้ บันทึกผล
กำรตีควำมหมำยขอ้ มูลและกำรลงขอ้ สรปุ
กำรตีควำมหมำยข้อมูล หมายถึง การแปลความหมายหรือบรรยายลักษณะและสมบัติของข้อมูลท่ีมี
อยู่ และสามารถสรุปความสัมพันธ์ของข้อมูลท้งั หมด
กำรลงข้อสรุป หมายถึง การสรุปความสัมพันธ์ของข้อมูล เช่น การอธิบายความสัมพันธ์ระหว่าง
ตัวแปรบนกราฟ ถ้ากราฟเป็นเส้นตรงก็สามารถอธิบายได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวแปรตามขณะท่ีตัวแปรอิสระ
เปลี่ยนแปลง หรือถ้าลากกราฟเป็นเส้นโค้งให้อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรก่อนท่ีกราฟเส้นโค้ง
จะเปลี่ยนแปลงทิศทาง และอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรหลังจากท่ีกราฟเส้นโค้งเปลี่ยนทิศทางแล้ว
ชุดการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรบั ครผู สู้ อน) กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๔ (ฉบับปรับปรุง) ๗
6102153L01c.indd 7 9/10/18 8:40 AM
๘
กำรสร้ำงแบบจำลอง หมายถึง การสร้างหรือใช้สิ่งที่ทาขึ้นมาเพ่ือเลียนแบบหรืออธิบาย
ปรากฏการณ์ทศี่ กึ ษาหรอื สนใจ และสามารถนาเสนอขอ้ มูล แนวคดิ รวบยอดเพ่อื ใหผ้ ู้อน่ื เขา้ ใจในรูปแบบจาลอง
ตา่ ง ๆ
๘ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (สาำ หรบั ครูผสู้ อน) กลุม่ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ )
6102153L01c.indd 8 9/10/18 8:40 AM
๙
โครงสร้ำงของชดุ กำรจดั กจิ กรรมกำรเรยี นรู้
กลมุ่ สำระกำรเรียนรูว้ ิทยำศำสตร์ ชนั้ ประถมศึกษำปที ่ี ๔
หน่วยกำรเรยี นร้ทู ี่ ๑ หนว่ ยกำรเรยี นรทู้ ี่ ๒
กำรจำแนกส่งิ มชี วี ิตรอบตัว ส่วนตำ่ ง ๆ ของพืช
(๑๐ ชวั่ โมง) (๑๒ ช่วั โมง)
หนว่ ยกำรเรยี นรู้ที่ ๗ กลุ่มสำระกำร หน่วยกำรเรียนร้ทู ี่ ๓
วิทยำกำรคำนวณ เรยี นร้วู ิทยำศำสตร์ แรง
(๑๐๐ ช่วั โมง/ป)ี
(๒๐ ชวั่ โมง) (๑๐ ช่วั โมง)
หน่วยกำรเรยี นรู้ท่ี ๕
หนว่ ยกำรเรียนรู้ที่ ๖ วสั ดุและสสำร หน่วยกำรเรียนรูท้ ่ี ๔
ระบบสุรยิ ะและ (๓๐ ชว่ั โมง) แสง
ปรำกฏกำรณท์ ำง
ดำรำศำสตร์ (๘ ช่ัวโมง)
(๑๐ ชัว่ โมง)
ชุดการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (สำาหรับครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรยี นที่ ๑ ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ ๔ (ฉบับปรบั ปรุง) ๙
6102153L01c.indd 9 9/10/18 8:41 AM
๑๐
แนวทำงกำรจดั หนว่ ยกำรเรยี นรู้
ชนั้ ประถมศกึ ษำปที ่ี ๔
เล่ม ๑ (ภำคเรียนที่ ๑) เล่ม ๒ (ภำคเรียนที่ ๒)
หน่วยกำรเรยี นรทู้ ่ี ๑ กำรจำแนกส่ิงมีชวี ิตรอบตัว หนว่ ยกำรเรยี นรู้ที่ ๕ วัสดุและสสำร (ต่อ)
หน่วยกำรเรยี นรู้ที่ ๒ ส่วนต่ำง ๆ ของพืช
หน่วยกำรเรยี นรู้ท่ี ๖
หนว่ ยกำรเรยี นรู้ที่ ๓ แรง ระบบสุรยิ ะและปรำกฏกำรณท์ ำงดำรำศำสตร์
หนว่ ยกำรเรียนรทู้ ี่ ๔ แสง
หน่วยกำรเรียนร้ทู ี่ ๕ วัสดุและสสำร หน่วยกำรเรยี นรทู้ ่ี ๗ วทิ ยำกำรคำนวณ
๑๐ ชดุ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (สำาหรับครผู สู้ อน) กลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
6102153L01c.indd 10 9/10/18 8:41 AM
๑๑
โครงสร้ำงรำยวชิ ำวทิ ยำศำสตร์ ระดบั ช้นั ประถมศกึ ษำปที ่ี ๔
หนว่ ยกำรเรียนรู้/ ช้ันประถมศกึ ษำปที ี่ ๔
เวลำทใี่ ช้ (ช.ม.) ตัวชว้ี ัด สำระกำรเรยี นรู้
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ว ๑.๓ ป.๔/๑ จ�าแนกส่ิงมชี วี ิตโดยใช้ • สิ่งมีชีวิตมีหลายชนิด สามารถจัดกลุ่มได้โดยใช้
๑ การจาแนก ความเหมือนและความแตกต่างของลกั ษณะ ความเหมือนและความแตกต่างของลักษณะ
สง่ิ มชี วี ติ รอบตวั / ของส่งิ มีชวี ิต ออกเป็นกลุ่มพชื กลุ่มสัตว์ ต่าง ๆ เช่น กลุ่มพืชสร้างอาหารเองได้ และ
๑๐ ช่ัวโมง
และกลุม่ ท่ีไม่ใช่พชื และสัตว์ เคล่อื นที่ด้วยตนเองไม่ได้ กลมุ่ สตั ว์กินสงิ่ มีชีวิต
อื่นเป็นอาหารและเคลื่อนที่ได้ กลุ่มที่ไม่ใช่พืช
และสัตว์ เช่น เห็ดรา จุลนิ ทรยี ์
ว ๑.๓ ป.๔/๒ จาแนกพืชออกเป็นพืชดอก • การจาแนกพืช สามารถใช้การมีดอกเป็นเกณฑ์
และพืชไมม่ ีดอก โดยใช้การมดี อกเป็นเกณฑ์ ในการจาแนก ได้เป็นพืชดอกและพชื ไมม่ ดี อก
โดยใชข้ ้อมูลทร่ี วบรวมได้
ว ๑.๓ ป.๔/๓ จ�าแนกสตั ว์ออกเปน็ สัตวม์ ี • การจาแนกสัตว์ สามารถใช้การมีกระดูก
กระดูกสันหลังและสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง สันหลังเป็นเกณฑ์ในการจาแนก ได้เป็นสัตว์มี
โดยใชก้ ารมกี ระดกู สนั หลงั เปน็ เกณฑ์ โดยใช้ กระดูกสนั หลงั และสัตวไ์ ม่มกี ระดกู สันหลัง
ข้อมูลที่รวบรวมได้
ว ๑.๓ ป.๔/๔ บรรยายลักษณะเฉพาะที่ • สัตว์มีกระดูกสันหลังมีหลายกลุ่ม ได้แก่
สงั เกตไดข้ องสตั วม์ กี ระดกู สนั หลงั ในกลมุ่ ปลา กลุ่มปลา กลุ่มสะเทินน้าสะเทินบก กลุ่ม
กลุม่ สัตวส์ ะเทินน�้าสะเทินบก กลุ่มสตั ว์ สัตว์เลื้อยคลาน กลุ่มนก และกลุ่มสัตว์เล้ียงลูก
เลื้อยคลาน กลุ่มนก และกลุ่มสัตว์เลี้ยงลูก ด้วยน้านม ซึ่งแต่ละกลุ่มจะมีลักษณะเฉพาะท่ี
ด้วยนา้� นม และยกตวั อยา่ งสงิ่ มีชีวติ ในแตล่ ะ สังเกตได้
กลมุ่
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ว ๑.๒ ป.๔/๑ บรรยายหน้าที่ของราก • ส่วนตา่ ง ๆ ของพืชดอกทาหน้าท่แี ตกต่างกัน
๒ ส่วนตา่ ง ๆ ของ ลาต้น ใบ และดอกของพืชดอกโดยใช้ข้อมูล • รากทาหน้าที่ดูดน้าและธาตุอาหารข้ึนไปยัง
พชื / ๑๒ ชั่วโมง ทีร่ วบรวมได้
ลาตน้
• ลาต้นทาหน้าท่ีลาเลียงน้าต่อไปยังส่วนต่าง ๆ
ของพืช
• ใบทาหน้าท่ีสร้างอาหาร อาหารที่พืชสร้างข้ึน
คือนา้ ตาลซึ่งจะเปลย่ี นเป็นแป้ง
• ด อ ก ท า ห น้ า ท่ี สื บ พั น ธ์ุ ป ร ะ ก อ บ ด้ ว ย
ส่วนประกอบต่าง ๆ ได้แก่ กลีบเล้ียง กลีบดอก
ชุดการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (สำาหรับครูผสู้ อน) กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ ๔ (ฉบบั ปรบั ปรุง) ๑๑
6102153L01c.indd 11 9/10/18 8:41 AM
๑๒
หนว่ ยกำรเรียนร/ู้ ชน้ั ประถมศกึ ษำปีท่ี ๔
เวลำทใ่ี ช้ (ช.ม.) ตัวช้วี ัด สำระกำรเรยี นรู้
เกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมีย ซึ่งส่วนประกอบ
แต่ละสว่ นของดอกทาหน้าทแี่ ตกต่างกนั
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี ว ๒.๒ ป.๔/๑ ระบุผลของแรงโน้มถ่วงทมี่ ี • แรงโน้มถ่วงของโลกเป็นแรงดึงดูดท่ีโลกกระทา
๓ แรง/ ๑๐ ชว่ั โมง ต่อวตั ถุจากหลักฐานเชิงประจักษ์
ต่อวัตถุ มีทิศทางเข้าสู่ศูนย์กลางโลก และเป็น
ว ๒.๒ ป.๔/๒ ใช้เครอื่ งช่ังสปรงิ ในการวดั แรงไม่สัมผัส แรงดึงดูดท่ีโลกกระทากับวัตถุ
น้าหนกั ของวตั ถุ
หน่ึง ๆ ทาใหว้ ตั ถุตกลงสู่พน้ื โลก และทาใหว้ ัตถุ
มีน้าหนัก วัดน้าหนักของวัตถุได้จากเครื่องช่ัง
สปริง น้าหนักของวัตถุขึ้นกับมวลของวัตถุ
โดยวัตถุท่ีมีมวลมากจะมีน้าหนักมาก วัตถุที่มี
มวลน้อยจะมนี ้าหนกั นอ้ ย
ว ๒.๒ ป.๔/๓ บรรยายมวลของวตั ถทุ ี่มีผล • มวล คอื ปรมิ าณเนอ้ื ของสารท้ังหมดท่ีประกอบ
ตอ่ การเปล่ียนแปลงการเคล่ือนทข่ี องวัตถุ กันเป็นวัตถุซึ่งมีผลต่อความยากง่ายในการ
จากหลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ เปลี่ยนแปลงการเคล่ือนที่ของวัตถุ วัตถุที่มี
มวลมากจะเปล่ียนแปลงการเคลื่อนท่ีได้ยาก
กว่าวัตถุท่ีมีมวลน้อย ดังน้ันมวลของวัตถุ
นอกจากจะหมายถึงเน้ือท้ังหมดของวัตถุน้ัน
แล้วยังหมายถึงการต้านการเปลี่ยนแปลง
การเคลอื่ นท่ขี องวตั ถนุ น้ั ด้วย
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ ว ๒.๓ ป.๔/๑ จาแนกวัตถุเป็นตัวกลาง • เม่ือมองส่ิงต่าง ๆ โดยมีวัตถุต่างชนิดกันมากั้น
๔ แสง/ ๘ ชว่ั โมง
โปร่งใส ตัวกลางโปร่งแสง และวัตถุทึบแสง จะทาให้การมองเห็นสิ่งน้ัน ๆ ชัดเจนต่างกัน
โดยใช้ลักษณะการมองเห็นส่ิงต่าง ๆ ผ่าน จึงจาแนกวัตถุท่ีมากั้นออกเป็นตัวกลางโปร่งใส
วัตถนุ ้นั เปน็ เกณฑ์จากหลักฐานเชิงประจกั ษ์ ซึ่งทาให้มองเห็นส่ิงต่าง ๆ ได้ชัดเจน ตัวกลาง
โปร่งแสงทาให้มองเห็นส่ิงต่าง ๆ ได้ไม่ชัดเจน
และวัตถทุ ึบแสงทาให้มองไมเ่ ห็นสง่ิ ตา่ ง ๆ นนั้
หน่วยการเรยี นรู้ที่ ว ๒.๑ ป.๔/๑ เปรียบเทียบสมบัติทาง • วัสดุแต่ละชนิดมีสมบัติทางกายภาพแตกต่าง
๕ วสั ดแุ ละสสาร/
๓๐ ช่วั โมง กายภาพด้านความแข็ง สภาพยืดหยุ่น กัน วัสดุที่มีความแข็งจะทนต่อแรงขูดขีด วัสดุ
การนาความร้อน และการนาไฟฟ้าของวัสดุ ท่ีมีสภาพยืดหยุ่นจะเปลี่ยนแปลงรูปร่างเม่ือมี
โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์จากการทดลอง แรงมากระทาและกลับสภาพเดิมได้ วัสดุท่ีนา
และระบุการนาสมบัติเรื่องความแข็ง สภาพ ความร้อนจะร้อนได้เร็วเมื่อได้รับความร้อน
๑๒ ชุดการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (สำาหรบั ครูผสู้ อน) กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรยี นที่ ๑ ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ (ฉบับปรบั ปรงุ )
6102153L01c.indd 12 9/10/18 8:41 AM
๑๓
หนว่ ยกำรเรยี นร/ู้ ตัวชว้ี ัด ช้นั ประถมศกึ ษำปีท่ี ๔
เวลำท่ีใช้ (ช.ม.) สำระกำรเรียนรู้
ยืดหยุ่น การนาความร้อน และการนาไฟฟ้า และวัสดุที่นาไฟฟ้าได้ จะให้กระแสไฟฟ้าไหล
ของวัสดุไปใช้ในชีวิตประจาวัน ผ่าน ผ่านได้ ดังนั้น จึงอาจนาสมบัติต่าง ๆ มา
กระบวนการออกแบบชิ้นงาน พิ จ า ร ณ า เ พื่ อ ใ ช้ ใ น ก ร ะ บ ว น ก า ร อ อ ก แ บ บ
ชิน้ งานเพือ่ ใช้ประโยชนใ์ นชีวติ ประจาวนั
ว ๒.๑ ป.๔/๓ เปรียบเทียบสมบัติของสสาร • วัสดุเป็นสสารเพราะมีมวลและต้องการท่ีอยู่
ท้ัง ๓ สถานะ จากข้อมูลท่ีได้จากการสังเกต สสารมีสถานะเป็นของแข็ง ของเหลว หรือแก๊ส
มวล การต้องการที่อยู่ รูปร่างและปริมาตร ของแข็งมีปริมาตรและรูปร่างคงที่ ของเหลว
ของสสาร มีปริมาตรคงท่ีแต่มีรูปร่างเปล่ียนไปตามภาชนะ
ว ๒.๑ ป.๔/๔ ใช้เคร่ืองมือเพ่ือวัดมวล และ เฉพาะส่วนที่บรรจุของเหลว ส่วนแก๊ส
ปริมาตรของสสารทั้ง ๓ สถานะของวสั ดุ มีปริมาตรและรูปร่างเปล่ียนไปตามภาชนะ
ที่บรรจุ
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ว ๓.๑ ป.๔/๑ อธบิ ายแบบรปู เสน้ ทางการขนึ้ • ดวงจันทร์เป็นบริวารของโลก โดยดวงจันทร์
๖ ระบบสุริยะและ และตกของดวงจันทร์โดยใช้หลักฐานเชิง โคจรรอบโลกพร้อมกับหมุนรอบตัวเอง ขณะที่
ปรากฏการณ์ทาง ประจกั ษ์ โลกก็หมุนรอบตัวเองด้วยเช่นกัน การหมุนรอบ
ดาราศาสตร์ / ๑๐ ว ๓.๑ ป.๔/๒ สร้างแบบจาลองท่ีอธิบาย ตวั เองของโลกจากทิศตะวันตกไปทิศตะวันออก
ชว่ั โมง แบบรูปการเปล่ียนแปลงรูปร่างปรากฏของ ในทิศทางทวนเข็มนาฬิกาเมื่อมองจากขั้วโลก
ดวงจันทร์ และพยากรณ์รูปร่างปรากฏของ เหนือ ทาให้มองเห็นดวงจันทร์ปรากฏขึ้น
ดวงจนั ทร์ ทางด้านทิศตะวันออกและตกทางด้านทศิ
ว ๓.๑ ป.๔/๓ สร้างแบบจาลองแสดง ตะวนั ตก หมนุ เวียนเปน็ แบบรูปซ้า ๆ
องค์ประกอบของระบบสุริยะ และอธิบาย • ดวงจันทร์เป็นวัตถุท่ีเป็นทรงกลม แต่รูปร่าง
เปรียบเทียบคาบการโคจรของดาวเคราะห์ ของดวงจันทร์ท่ีมองเห็นหรอื รูปร่างปรากฏของ
ตา่ ง ๆ จากแบบจาลอง ดวงจันทร์บนท้องฟ้าแตกต่างกันไปในแต่ละวัน
โดยในแต่ละวันดวงจันทร์จะมีรูปร่างปรากฏ
เป็นเส้ียวที่มีขนาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเน่ืองจนเต็ม
ดวง จากน้ันรูปร่างปรากฏของดวงจันทร์จะ
แหว่งและมีขนาดลดลงอย่างต่อเน่ืองจนมอง
ไม่เห็นดวงจันทร์จากน้ันรูปร่างปรากฏของ
ดวงจันทร์จะเป็นเส้ียวใหญ่ขึ้นจนเต็มดวง
อกี ครงั้ การเปลย่ี นแปลงเชน่ นเ้ี ปน็ แบบรปู ซา�้ กนั
ทุกเดือน
ชุดการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครูผู้สอน) กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ (ฉบับปรบั ปรุง) ๑๓
6102153L01c.indd 13 9/10/18 8:41 AM
๑๔
หน่วยกำรเรยี นร/ู้ ช้ันประถมศกึ ษำปที ี่ ๔
เวลำทใ่ี ช้ (ช.ม.)
ตัวชี้วดั สำระกำรเรยี นรู้
• ระบบสุริยะเป็นระบบท่ีมีดวงอาทิตย์เป็น
ศนู ยก์ ลางและมบี รวิ ารประกอบดว้ ย ดาวเคราะห์
แปดดวงและบรวิ าร ซงึ่ ดาวเคราะห์แต่ละดวง
มขี นาดและระยะหา่ งจากดวงอาทติ ยแ์ ตกตา่ งกนั
และยังประกอบดว้ ย ดาวเคราะหแ์ คระ ดาว
เคราะห์นอ้ ย ดาวหาง และวตั ถขุ นาดเลก็ อืน่ ๆ
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ว ๔.๒ ป.๔/๑ ใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการ • การใช้เหตุผลเชิงตรรกะเป็นการนากฎเกณฑ์
๗ วทิ ยาการ แก้ปัญหา การอธิบายการทางาน การ หรือเงื่อนไขที่ครอบคลุมทุกกรณีมาใช้พิจารณา
คานวณ / ๒๐ คาดการณ์ผลลัพธ์ จากปัญหาอยา่ งง่าย ในการแก้ปัญหา การอธิบายการทำงาน หรือ
ช่วั โมง
การคาดการณผ์ ลลพั ธ์
• สถานะเริ่มต้นของการทางานที่แตกต่างกันจะ
ใหผ้ ลลัพธ์ทแี่ ตกต่างกัน
• ตัวอย่างปัญหา เช่น เกม OX โปรแกรมที่มี
การคานวณ โปรแกรมที่มีตัวละครหลายตัว
และมีการสั่งงานที่แตกต่างหรือมีการสื่อสาร
ระหว่างกัน การเดินทางไปโรงเรียน โดยวิธีการ
ตา่ ง ๆ
ว ๔.๒ ป.๔/๒ ออกแบบ และเขยี นโปรแกรม • ก า ร อ อ ก แ บ บ โ ป ร แ ก ร ม อ ย่ า ง ง่ า ย เ ช่ น
อย่างง่าย โดยใช้ซอฟต์แวร์หรือส่ือและ การออกแบบโดยใช้ storyboard หรือการ
ตรวจหาขอ้ ผิดพลาดและแก้ไข ออกแบบอัลกอริทมึ
• การเขียนโปรแกรมเป็นการสร้างลาดับของ
คาส่ัง ให้คอมพิวเตอร์ทางาน เพ่ือให้ได้ผลลัพธ์
ตามความต้องการ หากมีข้อผิดพลาดให้
ตรวจสอบ การทางานทีละคาสั่ง เม่ือพบจุดที่
ทาให้ผลลัพธไ์ ม่ถูกต้อง ให้ทาการแก้ไขจนกวา่
จะไดผ้ ลลัพธ์ทถ่ี ูกต้อง
• ตัวอย่างโปรแกรมที่มีเร่ืองราว เช่น นิทานที่มี
การโต้ตอบกับผู้ใช้ การ์ตูนสั้น เล่ากิจวัตร
ประจาวนั ภาพเคล่อื นไหว
๑๔ ชุดการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (สำาหรับครผู ู้สอน) กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๔ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
6102153L01c.indd 14 9/10/18 8:41 AM
หน่วยกำรเรยี นรู/้ ตวั ชีว้ ดั ชั้นประถมศึกษำปที ี่ ๔
เวลำทีใ่ ช้ (ช.ม.) สำระกำรเรยี นรู้
• การฝึกตรวจหาข้อผิดพลาดจากโปรแกรมของ
ผู้อื่นจะช่วยพัฒนาทักษะการหาสาเหตุของ
ปัญหาได้ดยี ิง่ ขน้ึ
• ซอฟต์แวร์ท่ีใช้ในการเขียนโปรแกรม เช่น
Scratch, logo
ว ๔.๒ ป.๔/๓ ใช้อินเทอร์เน็ตค้นหาความรู้ • การใช้คาค้นที่ตรงประเด็น กระชับ จะทาให้
และประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมลู ได้ผลลพั ธ์ท่ีรวดเรว็ และตรงตามความต้องการ
• การประเมินความน่าเช่ือถือของข้อมูล เช่น
พิจารณาประเภทของเว็บไซต์ (หน่วยงาน
ราชการ สานักข่าว องค์กร) ผู้เขียน วันที่
เผยแพรข่ อ้ มูล การอ้างองิ
• เม่ือได้ข้อมูลท่ีต้องการจากเว็บไซต์ต่าง ๆ
จะต้องนาเน้ือหามาพิจารณา เปรียบเทยี บ แลว้
เลือกข้อมูลที่มีความสอดคล้องและสัมพันธ์กัน
• การทารายงานหรือการนาเสนอข้อมูลจะต้อง
นาข้อมูลมาเรียบเรียง สรุป เป็นภาษาของ
ตนเอง ท่เี หมาะสมกบั กลุ่มเป้าหมายและวธิ ีการ
นาเสนอ (บูรณาการกับวิชาภาษาไทย)
ว ๔.๒ ป.๔/๔ รวบรวม ประเมิน นาเสนอ • การรวบรวมข้อมูล ทาได้โดยกาหนดหัวข้อที่
ข้อมูลและสารสนเทศ โดยใช้ซอฟต์แวร์ท่ี ต้องการเตรยี มอุปกรณใ์ นการจดบันทึก
หลากหลาย เพ่ือแก้ปัญหาในชีวิตประจาวนั • การประมวลผลอย่างง่าย เช่น เปรียบเทียบ
จัดกล่มุ เรียงลาดับ การหาผลรวม
• วิเคราะห์ผลและสร้างทางเลือกที่เ ป็นไปได้
ประเมนิ ทางเลอื ก (เปรียบเทยี บ ตดั สนิ )
• การนาเสนอข้อมูลทาได้หลายลักษณะตาม
ความเหมาะสม เชน่ การบอกเลา่ เอกสารรายงาน
โปสเตอร์ โปรแกรมนาเสนอ
• การใชซ้ อฟตแ์ วรเ์ พอ่ื แกป้ ญั หาในชวี ติ ประจา� วนั เชน่
การส�ารวจเมนูอาหารกลางวันโดยใช้ซอฟต์แวร์
สรา้ งแบบสอบถามและเก็บขอ้ มลู ใช้ซอฟตแ์ วร์
ชดุ การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ (สาำ หรับครผู ูส้ อน) กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๔ (ฉบับปรับปรงุ ) ๑๕
6102153L01c.indd 15 9/10/18 8:42 AM
๑๖
หน่วยกำรเรยี นรู/้ ชน้ั ประถมศกึ ษำปีท่ี ๔
เวลำท่ใี ช้ (ช.ม.)
ตวั ช้วี ดั สำระกำรเรยี นรู้
ตารางทา� งานเพอ่ื ประมวลผลขอ้ มลู รวบรวมขอ้ มลู
เก่ียวกับคุณค่าทางโภชนาการและสร้างรายการ
อาหารสา� หรบั ๕ วนั ใช้ซอฟต์แวร์นา� เสนอผล
การส�ารวจรายการอาหารท่ีเป็นทางเลือกและ
ข้อมูลด้านโภชนาการ
ว ๔.๒ ป.๔/๕ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอย่าง • การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย
ปลอดภัย เข้าใจสิทธิและหน้าที่ของตน เขา้ ใจสทิ ธแิ ละหน้าท่ีของตน เคารพในสิทธิของ
เคารพในสิทธิของผู้อื่น แจ้งผู้เกี่ยวข้อง ผู้อ่ืน เช่น ไม่สร้างข้อความเท็จและส่งให้ผู้อ่ืน
เม่ือพบขอ้ มลู หรอื บคุ คลทีไ่ ม่เหมาะสม ไม่สร้าง ความเดือดร้อนต่อผู้อ่ืนโดยการส่ง
สแปม ข้อความลูกโซ่ ส่งต่อโพสต์ที่มีข้อมูล
ส่วนตัวของผู้อ่ืน ส่งคาเชิญเล่นเกม ไม่เข้าถึง
ข้อมูลส่วนตัวหรือการบ้านของบุคคลอื่นโดย
ไม่ได้รับอนุญาต ไม่ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์/ชื่อ
บญั ชขี องผอู้ นื่
• การสื่อสารอย่างมีมารยาทและรู้กาลเทศะ
• การปกป้องข้อมูลส่วนตัว เช่น การออกจากระบบ
เม่ือเลิกใช้งาน ไม่บอกรหัสผ่าน ไม่บอกเลข
ประจาตัวประชาชน
๑๖ ชุดการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรบั ครูผู้สอน) กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ (ฉบับปรับปรงุ )
6102153L01c.indd 16 9/10/18 8:42 AM
หน่วยการเรียนร้ทู ่ี ๑
การจำ�แนกสง่ิ มชี วี ิตรอบตวั
6102153L01c.indd 17 9/10/18 8:42 AM
6102153L01c.indd 18 9/10/18 8:42 AM
๑๙
มำตรฐำนกำรเรยี นรู้และตัวช้วี ดั ของหน่วยกำรเรียนรู้ท่ี ๑
กำรจำแนกสง่ิ มชี วี ิตรอบตวั (จำนวน ๑๒ ชั่วโมง)
มำตรฐำนกำรเรยี นรู้และตวั ชว้ี ดั
มาตรฐาน ว ๑.๓
เข้าใจกระบวนการและความสาคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สารพันธุกรรม
การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมท่ีมีผลต่อส่ิงมีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพและวิวัฒนาการของส่ิงมีชีวิต
รวมทงั้ นาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
ตัวช้ีวัด
ป.๔/๑ จาแนกสิ่งมีชีวิตโดยใช้ความเหมือนและความแตกต่างของลักษณะของส่ิงมีชีวิต ออกเป็น
กลมุ่ พชื กลุม่ สตั ว์ และกลมุ่ ทีไ่ ม่ใชพ่ ืชและสัตว์
ป.๔/๒ จาแนกพืชออกเป็นพืชดอกและพืชไม่มีดอก โดยใช้การมีดอกเป็นเกณฑ์ โดยใช้ข้อมูลที่
รวบรวมได้
ป.๔/๓ จาแนกสัตว์ออกเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังและสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง โดยใช้การมี
กระดกู สันหลังเป็นเกณฑ์ โดยใช้ขอ้ มูลท่รี วบรวมได้
ป.๔/๔ บรรยายลักษณะเฉพาะที่สังเกตได้ของสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มปลา กลุ่มสัตว์สะเทินน้า
สะเทินบก กลุ่มสัตว์เล้ือยคลาน กลุ่มนก และกลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้านม และยกตัวอย่าง
สง่ิ มีชวี ิตในแตล่ ะกลมุ่
ชดุ การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรบั ครูผสู้ อน) กลุม่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ ๔ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) ๑๙
6102153L01c.indd 19 9/10/18 8:42 AM
๒๐
ลำดบั กำรนำเสนอแนวคิดหลักของหน่วยกำรเรียนรู้ท่ี ๑ กำรจำแนกส่ิงมีชวี ิตรอบตวั
สง่ิ มีชีวติ มีหลายชนดิ แตล่ ะชนดิ มลี กั ษณะบางอย่างทเี่ หมือนกันและลกั ษณะบางอยา่ งแตกต่างกัน
ถา้ ใชก้ ารเคล่ือนท่ีและสร้างอาหารเปน็ เกณฑใ์ นการจาแนก จะจาแนกสิ่งมชี ีวติ ไดเ้ ป็นกลุ่มพชื กลุ่มสัตว์
และกล่มุ ที่ไม่ใชพ่ ืชและสัตว์
กลมุ่ สตั วเ์ ปน็ สิง่ มชี วี ิตทสี่ ร้างอาหารเองไมไ่ ด้และเคล่ือนท่ีได้ กล่มุ พชื เป็นสิ่งมีชวี ิตทีส่ ร้างอาหารเองได้และ
เคลอื่ นที่ไม่ได้ สว่ นกล่มุ ท่ีไม่ใชพ่ ืชและสตั ว์ มีลกั ษณะแตกตา่ งจากนี้
สัตวม์ ีหลายชนดิ แตล่ ะชนิดมีลกั ษณะบางอยา่ งทีเ่ หมือนกันและแตกตา่ งจากสตั วช์ นิดอ่ืน
ถา้ ใช้การมีกระดูกสนั หลังเปน็ เกณฑ์ในการจาแนกจะจาแนกสัตวไ์ ด้เป็นกลุ่มสตั วม์ ีกระดูกสนั หลงั
และกล่มุ สัตวไ์ มม่ ีกระดูกสนั หลัง
พืชมีหลายชนดิ แต่ละชนิดมีลักษณะบางอย่างทีเ่ หมือนกันและลกั ษณะบางอย่างแตกต่างกนั
ถ้าใช้การมดี อกเป็นเกณฑ์ในการจาแนกพชื จะจาแนกพืชได้เป็นกล่มุ พืชดอก และกล่มุ พชื ไม่มดี อก
๒๐ ชุดการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ (สำาหรับครผู สู้ อน) กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ ๔ (ฉบับปรับปรงุ )
6102153L01c.indd 20 9/10/18 8:42 AM
๒๑
โครงสรำ้ งแผนกำรจัดกำรเรียนรู้ของหนว่ ยกำรเรียนรทู้ ่ี ๑
กำรจำแนกส่ิงมีชีวิตรอบตวั
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๑.๑ แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๑.๒ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑.๓
(การจาแนกสง่ิ มีชีวติ ) (การจาแนกสตั ว)์ (การจาแนกพืชดอก)
(๔ ชัว่ โมง) (๕ ชว่ั โมง) (๓ ชวั่ โมง)
หนว่ ยยอ่ ยที่ ๑
(การจาแนกสงิ่ มีชีวิต)
หนว่ ยกำรเรียนร้ทู ่ี ๑
กำรจำแนกสง่ิ มีชวี ติ รอบตัว
(๑๒ ช่วั โมง)
ชดุ การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครูผสู้ อน) กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นประถมศึกษาปที ี่ ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ ) ๒๑
6102153L01c.indd 21 9/10/18 8:42 AM
6102153L01c.indd 22 9/10/18 8:42 AM
หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๑
การจ�ำ แนกส่ิงมชี วี ติ
6102153L01c.indd 23 9/10/18 8:42 AM
6102153L01c.indd 24 9/10/18 8:42 AM
๒๒
หน่วยยอ่ ยท่ี ๑ กำรจำแนกสงิ่ มชี ีวิต
หน่วยกำรเรยี นรู้ท่ี ๑ ชื่อหน่วย กำรจำแนกสิง่ มีชีวติ รอบตัว
จำนวนเวลำเรยี น ๑๒ ชวั่ โมง จำนวนแผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ ๓ แผน
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สำระสำคัญของหนว่ ย
สิ่งมีชีวิตมีหลายชนิดซึ่งแต่ละชนิดมีลักษณะบางอย่างเหมือนกันและแตกต่างกัน ซึ่งสามารถนามาใช้
เป็นเกณฑ์ในการจาแนกสิ่งมีชีวิตออกเป็นกลุ่มพืช กลุ่มสัตว์ และกลุ่มที่ไม่ใช่พืชและสัตว์ ในกลุ่มพืชและ
กลมุ่ สัตว์ยงั สามารถจัดเปน็ กลุ่มต่าง ๆ ได้อกี ขึ้นอยู่กับเกณฑ์ทใี่ ช้
มำตรฐำนและตัวชี้วดั
มำตรฐำน ว ๑.๓
เข้าใจกระบวนการและความสาคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สารพันธุกรรม
การเปล่ียนแปลงทางพันธุกรรมที่มีผลต่อส่ิงมีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพและวิวัฒนาการของส่ิงมีชีวิต
รวมทงั้ นาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
ตัวชีว้ ัด
ป.๔/๑ จาแนกสิ่งมีชีวิตโดยใช้ความเหมือนและความแตกต่างของลักษณะของสิ่งมีชีวิต ออกเป็น
กลมุ่ พชื กลมุ่ สัตว์ และกลุ่มทไี่ มใ่ ช่พืชและสัตว ์
ป.๔/๒ จาแนกพืชออกเป็นพืชดอกและพืชไม่มีดอก โดยใช้การมีดอกเป็นเกณฑ์ โดยใช้ข้อมูลท่ี
รวบรวมได้
ป.๔/๓ จาแนกสัตว์ออกเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังและสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง โดยใช้การมีกระดูก
สนั หลงั เป็นเกณฑ์ โดยใช้ขอ้ มลู ทร่ี วบรวมได้
ป.๔/๔ บรรยายลักษณะเฉพาะที่สังเกตได้ของสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มปลา กลุ่มสัตว์สะเทินน้า
สะเทินบก กลุ่มสัตว์เลื้อยคลาน กลุ่มนก และกลุ่มสัตว์เล้ียงลูกด้วยน้านม และยกตัวอย่าง
ส่งิ มีชีวติ ในแต่ละกลุ่ม
ชดุ การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครูผสู้ อน) กลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๔ (ฉบบั ปรับปรุง) ๒๕
6102153L01c.indd 25 9/10/18 8:42 AM
๒๓
ลำดับกำรนำเสนอแนวคิดหลกั ของหนว่ ยย่อยท่ี ๑ กำรจำแนกสง่ิ มชี วี ิต
ส่ิงมชี วี ติ มหี ลายชนิด แต่ละชนดิ มลี กั ษณะบางอย่างทเี่ หมือนกนั และลักษณะบางอยา่ งแตกตา่ งกนั
ถ้าใช้การเคลื่อนที่และสร้างอาหารเปน็ เกณฑ์ในการจาแนก จะจาแนกส่ิงมชี ีวิตได้เปน็ กลุ่มพืช กลมุ่ สตั ว์ และ
กล่มุ ท่ีไมใ่ ชพ่ ืชและสัตว์
กลุ่มสัตว์เปน็ สิ่งมชี ีวติ ที่สรา้ งอาหารเองไมไ่ ดแ้ ละเคล่ือนที่ได้ กลุ่มพชื เปน็ สิ่งมีชีวติ ทส่ี รา้ งอาหารเองได้และ
เคลอ่ื นที่ไม่ได้ สว่ นกลุ่มที่ไมใ่ ชพ่ ชื และสตั ว์ มลี ักษณะแตกตา่ งจากน้ี
สัตวม์ หี ลายชนิด แต่ละชนดิ มีลกั ษณะบางอยา่ งทเี่ หมอื นกนั และแตกต่างจากสัตวช์ นิดอ่ืน
ถ้าใช้การมีกระดูกสันหลงั เป็นเกณฑ์ในการจาแนก จะจาแนกสัตว์ได้เป็นกลุ่มสัตว์มีกระดูกสนั หลัง
และกลมุ่ สตั ว์ไม่มีกระดูกสันหลัง
พืชมีหลายชนิด แต่ละชนิดมีลักษณะบางอยา่ งทีเ่ หมือนกันและลักษณะบางอย่างแตกตา่ งกัน
ถา้ ใช้การมดี อกเป็นเกณฑ์ในการจาแนกจะจาแนกพืชได้เป็นกลุ่มพืชดอก และกลมุ่ พืชไม่มีดอก
โครงสรำ้ งของหนว่ ยยอ่ ยท่ี ๑ กำรจำแนกสิง่ มีชีวติ
หนว่ ยกำรเรยี นรู้ ช่ือหน่วยย่อย จำนวนแผน ชือ่ แผนกำรจดั กำร จำนวนช่ัวโมง
เรียนรู้
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ หน่วยย่อยท่ี ๑ ๓ ๑.๑ การจาแนกสงิ่ มีชีวิต ๔
๑ การจาแนก การจาแนกสิ่งมีชีวิต
ส่งิ มชี วี ติ รอบตัว ๑.๒ การจาแนกสัตว์ ๕
๑.๓ การจาแนกพชื ดอก ๓
๒๖ ชุดการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (สาำ หรับครูผ้สู อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ (ฉบบั ปรบั ปรุง)
6102153L01c.indd 26 9/10/18 8:43 AM
๔
คำช้แี จงประกอบแผนจดั กำรเรยี นรู้ หนว่ ยกำรเรยี นรทู้ ี่ ๑
แผนกำรจดั กำรเรียนรูท้ ่ี ๑.๑ กำรจำแนกสิง่ มีชีวิต เวลำ ๔ ช่ัวโมง
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
๑. สำระสำคญั ของแผน
เมื่อจาแนกสิ่งมีชีวิตโดยใช้การเคลื่อนที่และสร้างอาหารเป็นเกณฑ์ จะจาแนกได้เป็นกลุ่มสัตว์ กลุ่มพืช
และกลมุ่ ไม่ใช่พชื และสัตว์
๒. ขอ้ เสนอแนะเพมิ่ เติมในกำรนำไปใช้ (ใหร้ ะบสุ ิ่งท่ตี ้องกำรเนน้ หรือข้อสังเกต ข้อเสนอแนะ คำแนะนำ)
ในเรื่องตอ่ ไปน้ี คือ
๒.๑ ขอบขำ่ ยเน้อื หำ
สิ่งมีชีวิตมีหลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดมีลักษณะบางอย่างที่เหมือนกัน และลักษณะบางอย่างแตกต่างกัน
ถ้าใชก้ ารเคลื่อนท่แี ละการสร้างอาหารเป็นเกณฑ์ จะจาแนกสง่ิ มีชวี ิตไดเ้ ปน็ กลุ่มพืชและกลุม่ สัตว์ โดยกลมุ่ พืช
เป็นสิ่งมีชีวิตที่สร้างอาหารเองได้และเคล่ือนท่ีไม่ได้ ส่วนกลุ่มสัตว์เป็นสิ่งมีชีวิตที่สร้างอาหารเองไม่ได้และ
เคล่ือนที่ได้ นอกจากน้ียังมีสิ่งมีชีวิตอ่ืน ๆ ที่ไม่อยู่ในกลุ่มพืชและกลุ่มสัตว์ เพราะไม่สามารถเคลื่อนท่ีและ
ไมส่ ามารถสรา้ งอาหารเองได้
๒.๒ จุดประสงคก์ ำรเรียนรู้ (ควำมรู้ ทักษะ คณุ ธรรม จริยธรรม คำ่ นยิ ม) (ถำ้ มี)
จุดประสงค์ดำ้ นควำมรู้
๑. รวบรวมขอ้ มูลและเปรียบเทียบลกั ษณะของสง่ิ มีชีวิต
๒. จาแนกสิง่ มีชีวติ ออกเปน็ กล่มุ โดยใชก้ ารเคล่ือนที่และการสรา้ งอาหารเปน็ เกณฑ์
จดุ ประสงคด์ ้ำนทักษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์
๑. การสงั เกต
๒. การจาแนกประเภท
๓. การลงความเห็นจากข้อมลู
จุดประสงค์ด้ำนคณุ ธรรม
๑. มคี วามมุ่งม่นั ในการทางาน
๒. มคี วามสามคั คี ชว่ ยเหลอื ในการทางานกลุ่มร่วมกนั
๓. มีความซอื่ สัตย์ต่อตนเอง
ชุดการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (สำาหรับครูผ้สู อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ ) ๒๗
6102153L01c.indd 27 9/10/18 8:43 AM
๒๕
๒.๓ กำรจัดกิจกรรมกำรเรียนรู้
๑) กำรเตรียมตัวของครู นักเรียน (กำรจดั กลุ่ม) (ถำ้ มี)
๑.๑ การจดั กลมุ่ โดยแบง่ นกั เรยี นออกเป็นกล่มุ กล่มุ ละ ๔ คน
๑.๒ วางแผนการสอน
๒) กำรเตรยี มสอ่ื วัสดุอุปกรณ์ ของครู นักเรียน (ถ้ำม)ี
ส่ิงท่คี รูตอ้ งเตรียม คือ
เตรยี มบัตรภาพสิง่ มีชวี ิต ๑๒ ชนิด หน้า ๔ จานวน ๑ ชดุ /กลุม่
๓) เตรยี มใบงำน ใบควำมรู้ ใบกิจกรรม (ถำ้ มี)
๓.๑ ใบงาน ๐๑ การจาแนกสง่ิ มชี วี ติ
๓.๒ ใบงาน ๐๒ แบบฝึกหัด เร่ืองการจดั กลุ่มส่งิ มชี วี ิต
๓.๓ ใบความรู้เร่ืองเห็ดรา
๒.๔ วัดผลประเมนิ ผล (ถ้ำมี)
๑) วิธีกำรวดั ผลประเมนิ ผลกำรเรยี นรู้
๑.๑ การตอบคาถามในใบงาน
๑.๒ สงั เกตทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการทากิจกรรม
๑.๓ สังเกตดา้ นคุณธรรมขณะทากิจกรรม
๒) วธิ ีกำร เคร่อื งมือ เกณฑ์
๒.๑ เครื่องมือและเกณฑใ์ นกำรประเมนิ ดำ้ นควำมรู้
ตรวจให้คะแนนจากการตอบคาถามในใบงาน แลว้ ใช้เกณฑ์ในการให้คะแนนดงั นี้
- มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
- ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
- ตา่ กวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน
๒.๒ เครอื่ งมอื และเกณฑ์ในกำรประเมินทักษะกระบวนกำรทำงวทิ ยำศำสตร์
สงั เกตทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ โดยใชแ้ บบประเมนิ ทักษะกระบวนการ
ทางวิทยาศาสตร์ (ดังแนบ) แลว้ นาคะแนนมารวมกนั แล้วใชเ้ กณฑใ์ นการให้คะแนนดงั นี้
- มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
- ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
- ต่ากวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน
๒๘ ชดุ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (สาำ หรับครผู ูส้ อน) กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ (ฉบับปรบั ปรงุ )
6102153L01c.indd 28 9/10/18 8:43 AM
๒๖
๒.๓ เครอ่ื งมือและเกณฑใ์ นกำรประเมนิ ดำ้ นคุณธรรม
สังเกตคุณลักษณะด้านคุณธรรมโดยใชแ้ บบประเมนิ ดา้ นคุณธรรม (ดังแนบ) แล้ว
นำคะแนนมารวมกัน แล้วใชเ้ กณฑ์ในการใหค้ ะแนนดงั นี้
- มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
- ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
- ต่ากว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน
๓) กำรทดสอบก่อนเรียน หลังเรียน แบบฝึกหดั กอ่ นเรียน หลังเรยี น
ทาแบบฝึกหัดในใบงานหลงั เรียน
๓. อ่ืน ๆ
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
ชุดการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (สาำ หรับครูผสู้ อน) กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๔ (ฉบับปรบั ปรงุ ) ๒๙
6102153L01c.indd 29 9/10/18 8:43 AM
6102153L01c.indd 30 ๓๐ ชดุ การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ (ฉบับปรับปรุง) แนวกำรจดั กิจกรรมกำรเรยี นรู้ของแผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ่ี ๑.๑ ๒๗
หน่วยกำรเรยี นรู้ที่ ๑ กำรจำแนกสง่ิ มีชีวติ รอบตัว เรอื่ ง กำรจำแนกสง่ิ มชี วี ติ เวลำ ๔ ช่ัวโมง
ช้นั ประถมศกึ ษำปีท่ี ๔
กลุม่ สำระกำรเรยี นรู้วิทยำศำสตร์ รำยวิชำวิทยำศำสตร์
ขน้ั นำ แนวกำรจัดกิจกรรมกำรเรยี นรู้
ข้ันสอน เลน่ เกมทายรปู ส่งิ มชี วี ติ
ข้ันสรุป ตอบคาถามเกี่ยวกับการจาแนกส่ิงมีชวี ิต
กำรวดั และประเมินผล รว่ มกันอ่านและอภปิ รายวธิ กี ารทากิจกรรมท่ี ๑ เราจาแนกสิ่งมชี วี ติ ไดอ้ ยา่ งไร
ทาใบงาน ๐๑ การจาแนกสิง่ มีชีวติ
นาเสนอและอภิปรายผลการจาแนกสิง่ มชี วี ติ
รว่ มกนั สรปุ เก่ยี วกบั การจาแนกสิง่ มีชวี ติ
ทาใบงาน ๐๒ แบบฝกึ หัด เรื่องการจัดกลุ่มสงิ่ มีชวี ิต
ประเมนิ จากการตอบคาถาม
ประเมนิ จากการทากจิ กรรมในช้ันเรยี น
ประเมินจากการทาแบบฝกึ หัด
9/10/18 8:43 AM
6102153L01c.indd 31 ๒๘
ชุดการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครูผู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๔ (ฉบับปรบั ปรุง) ๓๑ หนว่ ยกำรเรียนร้ทู ่ี ๑ กำรจำแนกส่ิงมชี ีวติ รอบตวั แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ี่ ๑.๑ กำรจำแนกสิ่งมชี ีวติ เวลำ ๔ ชวั่ โมง
กลุ่มสำระกำรเรยี นรูว้ ิทยำศำสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษำปที ี่ ๔
หนว่ ยย่อยที่ ๑ กำรจำแนกสิ่งมีชีวิต
รำยวิชำวทิ ยำศำสตร์
ขอบเขตเนือ้ หำ กจิ กรรมกำรเรียนรู้ (๔ ชั่วโมง) ส่ือ /แหล่งเรยี นรู้
ช่วั โมงท่ี ๑ บตั รภาพสิง่ มชี ีวติ
ส่ิงมชี วี ิตมีหลายชนดิ ซง่ึ แตล่ ะชนิดมี ข้นั นา� (๕ นาที)
ลักษณะบางอย่างท่ีเหมือนกัน และ ๑. ครูให้นักเรียนเล่นเกมทายรูปว่าเป็นสิ่งมีชีวิตอะไร โดยครูนารูปของส่ิงมีชีวิตทั้งที่เป็นสัตว์ ภำระงำน / ชนิ้ งำน
ลักษณะบางอย่างแตกต่างกัน ถ้าใช้การ ๑. การทากจิ กรรมตามใบงาน
เคล่ือนที่และการสร้างอาหารเป็นเกณฑ์ พืช และเห็ด อย่างละ ๒ รูป ซ่ึงเป็นที่รูปท่ีไม่ซ้ากับบัตรภาพสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในกิจกรรมท่ี ๑ ๒. การบันทกึ ผลการทากจิ กรรม
จะจาแนกส่ิงมีชีวิตได้เป็นกลุ่มพืชและ เราจาแนกส่ิงมีชีวติ ได้อยา่ งไร เชน่ ลิง ปลาฉลาม ต้นมะพรา้ ว เห็ดฟาง มะนาว
กลุ่มสัตว์ โดยกลุ่มพืชเป็นสิ่งมีชีวิตที่สร้าง ในใบงาน
อาหารเองได้และเคลื่อนที่ไม่ได้ ส่วนกลุ่ม ๒. ครตู ง้ั คาถามเกี่ยวการจาแนกส่งิ มีชีวติ ในรูป โดยอาจใชค้ าถามดังนี้ ๓. การจดั กลมุ่ สงิ่ มีชีวติ
สัตว์เป็นส่ิงมีชีวิตที่สร้างอาหารเองไม่ได้ ๔. การทาแบบฝกึ หดั
และเคลื่อนท่ีได้ นอกจากน้ียังมีส่ิงมีชีวิต ๒.๑ สง่ิ มชี ีวติ ท่ีนกั เรยี นทายมีอะไรบ้าง (นักเรียนตอบตามรูปทคี่ รูนามาเล่นเกม)
อ่ืน ๆ ที่ไม่อยู่ในกลุ่มพืชและกลุ่มสัตว์
เพราะไม่สามารถเคลื่อนท่ีและไม่สามารถ ๒.๒ ถา้ ให้นกั เรยี นจดั กลุ่มสิ่งมีชวี ิตท้ัง ๖ ชนิดนี้ นกั เรียนจะจัดสิ่งมชี วี ิตอะไรไว้ด้วยกันและ
สรา้ งอาหารเองได้
ใช้เกณฑ์อะไรในการจาแนกสิ่งมีชีวิตออกเป็นกลุ่ม (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของ
ตนเอง)
๒.๓ เกณฑใ์ นการจาแนกหมายความวา่ อยา่ งไร (ส่ิงทีใ่ ช้ในการพิจารณาเพ่ือจัดกล่มุ )
ขั้นสอน (๔๕ นาที)
๓. ครูและนักเรียนร่วมกันอ่านชื่อกิจกรรม จุดประสงค์ และวิธีทากิจกรรมที่ ๑ เราจาแนก
สิ่งมีชีวิตได้อย่างไร ข้อ ๑ หน้า ๓ จากนั้นอภิปรายเพ่ือทาความเข้าใจลักษณะต่าง ๆ ของ
สิง่ มชี ีวติ ทอี่ ยู่ในตารางในใบงาน ๐๑ การจาแนกสิ่งมีชวี ิต
9/10/18 8:43 AM
6102153L01c.indd 32 ๒๙
๓๒ ชดุ การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ (ฉบับปรับปรุง) หน่วยกำรเรียนรู้ที่ ๑ กำรจำแนกสิง่ มชี วี ิตรอบตวั แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ที่ ๑.๑ กำรจำแนกส่ิงมชี ีวติ เวลำ ๔ ชวั่ โมง
กลุ่มสำระกำรเรยี นร้วู ิทยำศำสตร์ ชัน้ ประถมศึกษำปีท่ี ๔
หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๑ กำรจำแนกสิง่ มชี ีวิต
รำยวิชำวิทยำศำสตร์
จุดประสงค์ดำ้ นควำมรู้ ๔. นักเรียนแต่ละกลุ่มได้รับบัตรภาพสิ่งมีชีวิต ช่วยกันสังเกตลักษณะต่าง ๆ ของสิ่งมีชีวิต วิธีกำรประเมนิ
๑. การตอบคาถามในใบงาน
๑. รวบรวมขอ้ มูลและเปรียบเทยี บ อภปิ ราย และบนั ทึกลงในใบงาน ๐๑ การจาแนกส่งิ มชี วี ติ หนา้ ๗ ๒. สังเกตทักษะกระบวนการ
ลักษณะของสิ่งมชี วี ติ
๕. ครูสุ่มนักเรียนนาเสนอผลการบันทึกตามใบงาน ๐๑ โดยครูรับฟังและตรวจสอบความ ทางวทิ ยาศาสตร์ในการทากิจกรรม
๒. จาแนกสงิ่ มีชวี ิตออกเป็นกล่มุ ๓. สงั เกตดา้ นคณุ ธรรมขณะทากจิ กรรม
โดยใช้การเคลอ่ื นที่และการสร้าง ถูกต้องในส่ิงที่นักเรียนบันทึก ครูอาจเขียนตาราง ลักษณะของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ไว้บน
อาหารเปน็ เกณฑ์ เกณฑก์ ำรประเมนิ
กระดาน เพ่อื ใหน้ กั เรียนได้เห็นรว่ มกนั ๑. การตอบคาถามในใบงานถูกตอ้ งดว้ ย
จดุ ประสงคด์ ้ำนทักษะกระบวนกำรทำง
วิทยำศำสตร์ ขน้ั สรปุ (๑๐ นาท)ี ตนเอง
๑. การสังเกต ๖. นักเรียนและครรู ว่ มกนั สรุปเกยี่ วกับลักษณะตา่ ง ๆ ของส่งิ มชี ีวติ แตล่ ะชนิด - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
๒. การจาแนกประเภท - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
๓. การลงความเห็นจากข้อมลู ช่วั โมงที่ ๒ - ตา่ กว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน
ขน้ั น�า (๕ นาท)ี
๗. ครูชวนนักเรียนทบทวนเก่ียวกับลักษณะของเห็ดและราท่ีได้บันทึกไว้ในตารางตามใบงาน
๐๑ แล้วตั้งคาถามว่า เห็ดและรามีลักษณะอะไรอีกบ้าง (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของ
ตนเอง)
ข้นั สอน (๔๕ นาที)
๘. ครูให้นักเรียนอ่านวิธีการทากิจกรรมท่ี ๑ ข้อ ๒ ๓ ๔ และ ๕ หน้า ๓ และทาความเข้าใจ
ข้นั ตอนการทากิจกรรม
๙. นักเรียนร่วมกันอ่านใบความรู้เรื่องเห็ดและรา จากนั้นอภิปรายลักษณะของเห็ดและรา
และบนั ทกึ ผลเพิม่ เติมลงในตาราง
9/10/18 8:43 AM
6102153L01c.indd 33 ๓๐
ชุดการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครูผู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๔ (ฉบับปรบั ปรุง) ๓๓ หน่วยกำรเรียนรู้ท่ี ๑ กำรจำแนกสง่ิ มีชีวิตรอบตัว แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ท่ี ๑.๑ กำรจำแนกสิ่งมชี ีวิต เวลำ ๔ ช่วั โมง
กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้วทิ ยำศำสตร์ ชัน้ ประถมศึกษำปีที่ ๔
หน่วยย่อยท่ี ๑ กำรจำแนกสิ่งมชี ีวติ
รำยวิชำวทิ ยำศำสตร์ ๒. มีทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
ขณะทากิจกรรม
จดุ ประสงคด์ ำ้ นคณุ ธรรม ๑๐. ครอู ภปิ รายเกย่ี วกับลกั ษณะของสงิ่ มชี ีวติ ต่าง ๆ โดยใชค้ าถามดงั ตอ่ ไปนี้
๑. มคี วามมงุ่ มน่ั ในการทางาน ๑๐.๑ เหด็ และรามีลกั ษณะใดบ้าง (เห็ดและราไมส่ ามารถอาหารเองไดห้ รอื กนิ - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
๒. มคี วามสามคั คี ชว่ ยเหลือใน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
สิ่งมีชีวติ อ่ืนได้ แต่จะย่อยสลายซากสง่ิ มีชีวติ เคลื่อนที่ไม่ได้ หายใจ เจรญิ เติบโต - ต่ากว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน
การทางานกลุ่มร่วมกนั และสืบพันธเุ์ พิ่มจานวนได)้ ๓. มคี ณุ ลกั ษณะด้านคณุ ธรรม
๑๐.๒ ส่ิงมีชวี ติ ใดบา้ งที่สร้างอาหารเองได้ (กหุ ลาบ ข้าว ปรง) - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
๓. มีความซื่อสัตย์ต่อตนเอง ๑๐.๓ สง่ิ มีชีวิตใดบา้ งทก่ี ินส่งิ มชี วี ติ อ่นื (คางคก ปลา คน งู ไก่ มา้ ป)ู - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
๑๐.๔ สิ่งมีชีวติ ใดบา้ งทเ่ี คล่ือนไหวได้ (ทุกชนดิ ) - ต่ากวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน
๑๐.๕ สิง่ มชี ีวติ ใดบา้ งทเ่ี คลอ่ื นทไ่ี ด้ (คางคก ปลา คน งู ไก่ มา้ ป)ู
๑๐.๖ สิ่งมชี ีวติ ใดบา้ งทเ่ี คลอ่ื นทไ่ี ม่ได้ (เห็ด รา กหุ ลาบ ข้าว ปรง)
๑๐.๗ ส่ิงมชี ีวติ ใดบา้ งทีห่ ายใจได้ (ทุกชนิด)
๑๐.๘ สิ่งมีชีวิตใดบา้ งที่เจริญเตบิ โตได้ (ทุกชนดิ )
๑๐.๙ สง่ิ มชี วี ติ ใดบา้ งทส่ี ืบพนั ธ์ุได้ (ทกุ ชนิด)
๑๐.๑๐ ลกั ษณะอื่น ๆ ที่พบเพิ่มเติมมอี ะไรบ้าง และพบในสิง่ มีชีวิตชนดิ ใด (นกั เรยี น
ตอบตามทบี่ ันทึกไว้)
ขัน้ สรุป (๑๐ นาที)
๑๑. ครูและนักเรยี นร่วมกนั สรปุ เกี่ยวกับลักษณะต่าง ๆ ของส่ิงมชี วี ติ อีกคร้ัง
9/10/18 8:44 AM
6102153L01c.indd 34 ๓๔ ชดุ การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ (ฉบับปรับปรุง) แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ่ี ๑.๑ กำรจำแนกสิ่งมชี ีวิต ๓๑
หน่วยกำรเรียนรู้ท่ี ๑ กำรจำแนกสิ่งมชี วี ติ รอบตัว หนว่ ยย่อยท่ี ๑ กำรจำแนกส่ิงมีชีวติ เวลำ ๔ ช่ัวโมง
กลุ่มสำระกำรเรียนรวู้ ทิ ยำศำสตร์ รำยวิชำวิทยำศำสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษำปที ี่ ๔
ชวั่ โมงที่ ๓
ขนั้ นา� (๕ นาที)
๑๒. ครูยกสถานการณ์ว่าพบส่ิงมีชีวิตชนิดหน่ึงที่ไม่รู้จัก แล้วบอกลักษณะต่าง ๆ ให้นักเรียน
ได้วเิ คราะหว์ า่ เหมอื นสิง่ มชี ีวติ ชนดิ ใดตามที่ได้เรียนมาแลว้
ขัน้ สอน (๔๕ นาท)ี
๑๓. ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายความหมายของเกณฑ์ในการจาแนกและยกตัวอย่าง
การจาแนกส่ิงมีชีวิตเพ่ือให้นักเรียนเข้าใจ นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายข้อมูลใน
ตาราง ลักษณะของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ที่นักเรียนได้บันทึกไว้ และคอยแนะนาการกาหนด
เกณฑ์ในการจัดกลุ่มสิ่งมชี ีวิต และจดั กลมุ่ ส่งิ มีชวี ติ ตามเกณฑข์ องกลุม่
๑๔. นักเรียนเตรียมนาเสนอผลการจดั กลุ่มในรูปแบบที่นา่ สนใจ โดยอาจใช้โปรแกรมประยุกต์
ชว่ ยในการนาเสนอเพื่อนามาเสนอในชั่วโมงถัดไป
ขน้ั สรปุ (๑๐ นาที)
๑๕. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันสรุปเก่ยี วกับเกณฑท์ ใี่ ชใ้ นการจาแนกสง่ิ มีชีวติ และตรวจสอบความ
ถูกตอ้ งในการจาแนกส่ิงมีชวี ิตตามเกณฑ์ทกี่ ลมุ่ กาหนด
ชวั่ โมงท่ี ๔
ขั้นนา� (๕ นาที)
๑๖. ครูทบทวนเกย่ี วกับลกั ษณะของสิง่ มชี ีวิต
9/10/18 8:44 AM
6102153L01c.indd 35 ชุดการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครูผู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๔ (ฉบับปรบั ปรุง) ๓๕ ๓๒
หน่วยกำรเรยี นรูท้ ่ี ๑ กำรจำแนกสงิ่ มีชวี ิตรอบตัว แผนกำรจัดกำรเรียนรูท้ ี่ ๑.๑ กำรจำแนกส่งิ มีชีวิต เวลำ ๔ ชว่ั โมง
กลุ่มสำระกำรเรียนร้วู ิทยำศำสตร์ ช้นั ประถมศึกษำปที ี่ ๔
หน่วยยอ่ ยที่ ๑ กำรจำแนกสิง่ มีชีวติ
รำยวิชำวิทยำศำสตร์
ข้ันสอน (๔๕ นาท)ี
๑๗. นักเรยี นแต่ละกลุ่มนาเสนอผลการจาแนกส่ิงมีชีวิต ตามเกณฑท์ ่ีกลมุ่ กาหนด
๑๘. ครูและนักเรยี นร่วมกนั อภิปรายผลการจาแนกสง่ิ มีชีวติ โดยครใู ชค้ าถามดังต่อไปนี้
๑๘.๑ ผลการจาแนกสิ่งมีชีวิตออกเป็นกลุ่มของแต่ละกลุ่มเหมือนกันหรือไม่ เพราะเหตุใด
(นักเรียนตอบตามที่ทากิจกรรม เช่น ไม่เหมือนกัน เพราะขึ้นอยู่กับเกณฑ์ที่ใช้
ในการจาแนก)
๑๘.๒ นอกจากเกณฑ์ที่กลุ่มกาหนดแล้ว ถ้าใช้การเคลื่อนที่และการสร้างอาหารเป็น
เกณฑ์ร่วมกัน จะจาแนกสิ่งมีชีวิตออกเป็นกี่กลุ่ม อะไรบ้าง (นักเรียนตอบตาม
ความเขา้ ใจของตนเอง)
๑๙. ครูและนักเรียนรว่ มกนั อภปิ รายโดยใชค้ าถามดงั ตอ่ ไปน้ี
๑๙.๑ เมื่อใช้การเคล่ือนที่และการสร้างอาหารเป็นเกณฑ์ร่วมกัน ได้ผลการจาแนกเป็น
อย่างไร (ผลการจาแนกเป็นกลุ่มได้ ๓ กลุ่ม คือ กลุ่มพืช เป็นกลุ่มที่เคล่ือนท่ีไม่ได้
แตส่ รา้ งอาหารเองได้ กลมุ่ สัตว์เป็นกลุ่มทส่ี รา้ งอาหารเองไม่ได้และเคลื่อนที่ได้ และ
กลุ่มท่ไี มใ่ ช่พืชและสัตว์ เปน็ กลมุ่ ท่ีไมส่ ามารถเคล่ือนท่ไี ด้และสรา้ งอาหารเองไม่ได้)
๑๙.๒ สง่ิ มีชวี ิตท่อี ยู่ในแตล่ ะกลุ่มมีอะไรบา้ ง (กลุ่มพชื ไดแ้ ก่ กหุ ลาบ ข้าว กล่มุ สัตว์ ได้แก่
คางคก ปลา คน งู ไก่ ม้า ปู กลุม่ ที่ไมใ่ ช่พชื และสัตว์ ได้แก่ เห็ด รา)
๒๐. ครูให้ความรู้กับนักเรียนเพ่ิมเติมเกี่ยวกับแบคทีเรียว่าเป็นส่ิงมีชีวิตอีกชนิดหนึ่งท่ีพบได้ใน
ชีวิตประจาวัน ทั้งในอาหาร อากาศ น้า หรือในร่างกายของคน สัตว์ พืช ซึ่งมีขนาดเล็ก
9/10/18 8:44 AM
6102153L01c.indd 36 ๓๖ ชดุ การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ (ฉบับปรับปรุง) แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ท่ี ๑.๑ กำรจำแนกสงิ่ มีชีวิต ๓๓
หนว่ ยกำรเรยี นร้ทู ่ี ๑ กำรจำแนกสิง่ มีชวี ติ รอบตวั หน่วยยอ่ ยท่ี ๑ กำรจำแนกส่ิงมชี ีวติ เวลำ ๔ ชว่ั โมง
กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วทิ ยำศำสตร์ รำยวิชำวทิ ยำศำสตร์ ชั้นประถมศกึ ษำปีที่ ๔
มากมองดว้ ยตาเปลา่ ไมเ่ หน็ แบคทเี รยี บางชนดิ สรา้ งอาหารเองได้ และเคล่อื นท่ไี ด้ บางชนิด
สร้างอาหารเองไม่ได้และเคลื่อนที่ได้
๒๑. ครูให้นักเรียนพิจารณาว่าควรจัดแบคทีเรียไว้ในกลุ่มพืช กลุ่มสัตว์ หรือกลุ่มที่ไม่ใช่พืช
และสัตว์ คาตอบที่ถูกคือ แบคทีเรียจัดอยู่ในกลุ่มไม่ใช่พืชและสัตว์ ถึงแม้ว่าแบคทีเรีย
บางชนิดจะสร้างอาหารเองได้เหมือนกล่มุ พชื แต่แบคทเี รียกเ็ คลือ่ นท่ีได้ ดงั นัน้ จงึ ไมจ่ ดั อยู่
ในกลุ่มพืช นอกจากนี้แบคทีเรียบางชนิดสร้างอาหารเองไม่ได้และเคลื่อนที่ได้เหมือนกับ
กลุ่มสัตว์ ซ่ึงถ้านักเรียนได้เรยี นในระดับช้นั ที่สูงข้ึน แบคทีเรียไม่ใช่สัตว์ เพราะมีลักษณะ
อนื่ ๆ อีกทไ่ี มส่ ามารถจัดอยู่ในกลมุ่ สตั ว์ได้
๒๒. นกั เรียนตอบคาถามหลงั จากทากจิ กรรมหน้า ๑๐
ขนั้ สรปุ (๑๐ นาที)
๒๓. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปได้ว่าสิ่งมีชีวิตมีหลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดมีลักษณะบางอย่างท่ี
เหมือนกัน และลักษณะบางอย่างแตกต่างกัน ถ้าใชก้ ารเคลือ่ นท่ีและการสร้างอาหารเป็น
เกณฑร์ ว่ มกัน จะจาแนกสงิ่ มชี วี ิตไดเ้ ปน็ กลุ่มพืชและกลุ่มสัตว์ โดยกลมุ่ พืชเปน็ สง่ิ มชี ีวิตที่
สร้างอาหารเองได้และเคล่ือนท่ีไม่ได้ ส่วนกลุ่มสัตว์เป็นส่ิงมีชีวิตท่ีสร้างอาหารเองไม่ได้
และเคลื่อนท่ีได้ นอกจากนี้ยังมีส่ิงมีชีวิตอ่ืน ๆ ที่ไม่อยู่ในกลุ่มพืชและกลุ่มสัตว์ เพราะ
เคลอื่ นท่ีไม่ได้และสรา้ งอาหารเองไม่ได้หรอื เคลื่อนท่ีไดแ้ ละสร้างอาหารเองได้
๒๔. ครูให้นกั เรยี นทาใบงาน ๐๒ แบบฝกึ หัด เรือ่ งการจดั กลุ่มส่งิ มีชีวติ หนา้ ๑๑-๑๒
9/10/18 8:44 AM
ขั้นสรปุ (๑๐ นาท)ี
๓๔
แบบประเมินด้ำนคุณธรรม
แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ท่ี ๑.๑ กำรจำแนกส่ิงมชี วี ิต
ชอื่ ผูป้ ระเมิน/กลุ่มประเมิน………………………………………………………………………………………………………………………………
ช่อื กลุ่มรบั กำรประเมนิ …………………………………………………………………………………………………………………….
ประเมนิ ผลคร้ังท…่ี ……………….... วัน ……………..……... เดอื น ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………...........
เรื่อง……………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ที่ ลักษณะ/พฤตกิ รรมบง่ ช้ี ระดบั พฤตกิ รรม คะแนนที่ได้
เกิด = ๑ ไมเ่ กดิ = ๐
๑. มคี วามมงุ่ มนั่ ในการทางาน
๒. มคี วามสามัคคี ช่วยเหลือในการทางานกลุ่ม
รว่ มกัน
๓. มีความซ่ือสัตย์ตอ่ ตนเอง
รวมคะแนนทไ่ี ดท้ ั้งหมด = …………… คะแนน
คุณลกั ษณะตามจุดประสงคด์ ้านคุณธรรม
- มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
- ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
- ต่ากวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน
ชุดการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (สาำ หรับครูผู้สอน) กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ ) ๓๗
6102153L01c.indd 37 9/10/18 8:44 AM
๓๕
แบบประเมนิ ดำ้ นทักษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตรใ์ นกำรทำกจิ กรรม
แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ ๑.๑ กำรจำแนกสิ่งมีชีวติ
เกณฑก์ ำรประเมนิ มีดังนี้ ๒ หมายถึง พอใช้ ๑ หมายถึง ควรปรบั ปรงุ
๓ หมายถึง ดี
ส่งิ ทีป่ ระเมิน คะแนน
การสงั เกต
การจาแนกประเภท
การลงความเหน็ จากขอ้ มลู
รวมคะแนน
เกณฑ์กำรประเมิน
ทักษะกระบวนกำร ระดับควำมสำมำรถ
ทำงวิทยำศำสตร์ ดี (๓) พอใช้ (๒) ควรปรับปรุง (๑)
การสังเกต ใชป้ ระสาทสมั ผสั ในการรวบรวม ใช้ประสาทสัมผัสในการ ไมส่ ามารถใช้ประสาทสมั ผสั
ข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะต่าง ๆ รวบรวมขอ้ มลู เกยี่ วกบั ลกั ษณะ ในการรวบรวมขอ้ มลู เกย่ี วกบั
ของสี่ิงมิ ีชีวิตได้ด้วยตนเอง ตา่ ง ๆ ของสง่ิ มชี วี ติ ได้ โดยการ ลกั ษณะตา่ ง ๆ ของสง่ิ มชี วี ติ ได้
โดยไม่เพิ่มเติมความคิดเห็น ชีแ้ นะของครหู รือผอู้ ่ืน ถงึ แม้จะได้รับค�าแนะนา� จาก
ครหู รอื ผ้อู ื่น
เพมิ่ เติม
การจาแนกประเภท รวบรวมข้อมูลแล้วกาหนด รวบรวมข้อมูลแล้วก�าหนด รวบรวมข้อมูลแล้วก�าหนด
เกณฑ์ในการจาแนกสิ่งมีชีวิต เกณฑ์ในการจ�าแนกส่ิงมีชีวิต เกณฑใ์ นการจา� แนกสงิ่ มชี วี ติ
ออกเป็นกลุ่มและจัด กลุ่ม ออกเป็นกลุ่มและจัดกลุ่ม ออกเป็นกลุ่มและจัดกลุ่ม
ส่งิ มชี ีวิตไดถ้ กู ต้องดว้ ยตนเอง ส่งิ มีชีวิตไดถ้ กู ต้อง โดยการ สิ่งมชี วี ิตไดถ้ กู ต้อง ถงึ แมจ้ ะ
ชแ้ี นะของครหู รือผู้อนื่ ได้รับค�าแนะน�าจากครูหรือ
ผอู้ ่นื
การลงความเหน็ จาก เพิ่มเติมความเห็นเกี่ยวกับ เพ่ิมเติมความเห็นเกี่ยวกับ ไม่ส�ม�รถเพ่ิมเติมความ
ข้อมลู ลักษณะของส่ิงมีชีวิตได้อย่างมี ลกั ษณะของสง่ิ มชี วี ติ ไดอ้ ยา่ ง เห็นเก่ียวกับลักษณะของ
เหตผุ ล จากความรหู้ รอื ประสบ- มเี หตผุ ล โดยการชแ้ี นะของ ส่ิงมีชีวิตได้อย่างมีเหตุผล
การณ์เดิมได้ด้วยตนเอง ครหู รือผู้อื่น ถึงแม้จะได้รับคำาแนะนำาจาก
ครหู รอื ผู้อ่นื
๓๘ ชดุ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ (ฉบบั ปรบั ปรุง)
6102153L01c.indd 38 9/10/18 8:44 AM
เฉลยใบงาน
6102153L01c.indd 39 9/10/18 8:44 AM
6102153L01c.indd 40 9/10/18 8:44 AM