The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by pepo.nontawat, 2022-09-08 12:22:21

เเผนการ สอน วิทยาศาสตร์ฯ ป.4 สื่อ 60 พรรษา

Keywords: เเผนการ สอน วิทยาศาสตร์ฯ ป.4 สื่อ 60 พรรษา

ชื่อ-สกุล เดือน ชัน้ เลขที่ บ. ๑.๑ / ผ. ๑.๑ - ๐๑
วนั ท่ี พ.ศ.

ใบงาน ๐๑ : การจา� แนกสงิ่ มีชวี ิต

บนั ทกึ ผลการท�ากจิ กรรม
๑. ผลการสงั เกตลักษณะของสิ่งมีชวี ติ
ตาราง ลักษณะของสิง่ มีชีวิตตา่ ง ๆ
ขดี ในลักษณะท่ีพบ ขดี ในลกั ษณะท่ไี ม่พบ
และเขยี นลักษณะอ่นื ๆ ท่พี บลงในตาราง

ลักษณะของส่งิ มีชีวิต

ชนิดของ การกินอาหาร การเคลอ่ื นไหว ลักษณะ
อ่นื ๆ
ส่งิ มชี ีวติ สรา้ ง กิน เคล่ือนไหวได้ เคล่ือนไหว การ การ การ เช่น
อาหาร สง่ิ มีชวี ิต เคลอื่ น เคลื่อน ไม่ได้ หายใจ เจริญ สบื พันธ์ุ ท่อี ยู่อาศัย
เอง ทไี่ ด้ ท่ีไมไ่ ด้ เติบโต
อื่น

1.คางคก 5 3 3 5 5 3 3 3 นำ�้ /บก

2.ปลา 5 3 3 5 5 3 3 3 น้�ำ

3.คน 5 3 3 5 5 333 บก
4.เหด็ 5 3 5 3 5 333 บก

5.งู 5 3 3 5 5 3 3 3 นำ้� /บก
6.รา 5 3 5 3 5 3 3 3 บก

7.กหุ ลาบ 3 5 5 3 5 3 3 3 บก

8.ไก่ 5 3 3 5 5 3 3 3 บก

9.ข้าว 3 5 5 3 5 3 3 3 บก

10.ปรง 3 5 5 3 5 3 3 3 บก

11.มา้ 5 3 3 5 5 3 3 3 บก

12.ปู 5 3 3 5 5 3 3 3 นำ้� /บก

ชุดการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรบั ครผู ูส้ อน) กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ ) ๔๑

6102153L01c.indd 41 9/10/18 8:44 AM

ชื่อ-สกุล เดอื น ช้นั เลขที่ บ. ๑.๑ / ผ. ๑.๑ - ๐๑
วนั ที่ พ.ศ.

๒. ผลการจ�าแนกส่ิงมชี วี ิต จากลักษณะของสง่ิ มชี ีวติ ตามเกณฑท์ ่กี ลุม่ กา� หนด

เกณฑใ์ นการจ�าแนกสิ่งมีชีวิต คือ กำรเคลอื่ นท่ี

จา� แนกสง่ิ มชี วี ติ ได้ กลมุ่ ๒ กลุ่ม
ลักษณะของสงิ่ มีชวี ิตกลมุ่ ที่ ๑ คือ เคลอื่ นทีไ่ มไ่ ด้
สง่ิ มีชีวิตกลมุ่ ที่ ๑ ได้แก่ กุหลำบ ข้ำว ปรง เห็ด รำ
ลักษณะของสงิ่ มชี วี ิตกลมุ่ ที่ ๒ คอื เคล่อื นท่ไี ด้
ส่ิงมีชวี ิตกลุ่มที่ ๒ ไดแ้ ก่ คำงคก ปลำ คน งู ไก่ ม้ำ ปู
ลกั ษณะของสิ่งมชี วี ติ กลมุ่ ท่ี ๓ คอื
สิ่งมชี วี ติ กลมุ่ ท่ี ๓ ไดแ้ ก่

ลักษณะของสิ่งมีชีวติ กลุ่มที่ ๔ คอื
สง่ิ มชี ีวติ กลมุ่ ท่ี ๔ ได้แก่

๔๒ ชุดการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

6102153L01c.indd 42 9/10/18 8:44 AM

ชือ่ -สกลุ เดือน ชั้น เลขที่ บ. ๑.๑ / ผ. ๑.๑ - ๐๑
วนั ที่ พ.ศ.

๓. ผลการจ�าแนกสงิ่ มชี ีวิต โดยใชก้ ารเคลอื่ นที่และการสร้างอาหารเป็นเกณฑร์ ่วมกัน

จ�าแนกสิ่งมชี วี ติ ได้ ๓ กลุ่ม

ลักษณะของส่ิงมชี ีวิตกลมุ่ ท่ี ๑ คือ เคลอื่ นทไ่ี มไ่ ดแ้ ละสรำ้ งอำหำรเองได้
สงิ่ มชี ีวิตกลุม่ ที่ ๑ ได้แก่ กหุ ลำบ ข้ำว ปรง
ลักษณะของสง่ิ มีชวี ติ กล่มุ ที่ ๒ คอื เคล่ือนที่ไดแ้ ละสรำ้ งอำหำรเองไมไ่ ด้
สิง่ มชี ีวติ กลุ่มที่ ๒ ได้แก่ คำงคก ปลำ คน งู ไก่ ม้ำ ปู
ลักษณะของสง่ิ มีชวี ิตกลุ่มที่ ๓ คอื เคลอ่ื นท่ีไม่ได้และสร้ำงอำหำรเองไม่ได้
สิง่ มีชวี ิตกลมุ่ ที่ ๓ ไดแ้ ก่ เหด็ รำ

ลกั ษณะของสิ่งมีชวี ติ กลุ่มที่ ๔ คอื
ส่งิ มีชีวิตกลมุ่ ที่ ๔ ไดแ้ ก่

ชุดการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ (สาำ หรบั ครูผู้สอน) กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ (ฉบับปรบั ปรุง) ๔๓

6102153L01c.indd 43 9/10/18 8:44 AM

ชอ่ื -สกุล เดือน ชนั้ เลขที่ บ. ๑.๑ / ผ. ๑.๑ - ๐๑
วันท่ี พ.ศ.

คา� ถามหลงั จากทา� กิจกรรม
๑. ผลการจ�าแนกส่ิงมีชีวติ ออกเปน็ กล่มุ ของแตล่ ะกลมุ่ เหมอื นกันหรือไม่เพราะเหตุใด

อำจเหมอื นกันหรือแตกต่ำงกันขึน้ อยูก่ ับเกณฑท์ ี่ใช้

๒. เมื่อจ�าแนกส่งิ มชี วี ติ โดยใช้การเคลอ่ื นทแี่ ละการสรา้ งอาหารเปน็ เกณฑ์ จะจดั สิ่งมีชวี ิต
ไดก้ กี่ ล่มุ อะไรบา้ ง
๓ กล่มุ คอื กลุ่มพชื กลุ่มสตั ว์ และกลุ่มที่ไม่ใช่พืชและสัตว์

๓. สงิ่ มชี วี ติ แตล่ ะกลมุ่ ในข้อ ๒ มลี กั ษณะอย่างไร

กลมุ่ พืช เคล่อื นท่ไี ม่ได้ และสร้ำงอำหำรเองได้
กลมุ่ สัตว์ เคลือ่ นทไี่ ด้ และสร้ำงอำหำรเองไมไ่ ด้
กลมุ่ ที่ไม่ใช่พชื และสัตว์ เคลื่อนทไี่ มไ่ ดแ้ ละสรำ้ งอำหำรเองไม่ได้
๔. จากกิจกรรมน้ี สรุปไดว้ า่ อย่างไร

เรำสำมำรถจำ� แนกกลุ่มส่งิ มชี วี ิตไดโ้ ดยใช้เกณฑ์กำรเคลอื่ นที่และ
กำรสร้ำงอำหำรเป็นเกณฑร์ ว่ มกัน ออกเป็น ๓ กล่มุ คอื
๑. กลุ่มพชื เคล่อื นทีไ่ มไ่ ด้ และสรำ้ งอำหำรเองได้
๒. กลมุ่ สัตว์ เคลอ่ื นท่ไี ด้ และสร้ำงอำหำรเองไม่ได้
๓. กลุ่มที่ไม่ใชพ่ ืชและสัตว์ เคล่ือนทีไ่ มไ่ ดแ้ ละสร้ำงอำหำรเองไมไ่ ด้ หรือเคลือ่ นท่ไี ด้

แตส่ ร้ำงอำหำรเองได้

๔๔ ชดุ การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ้สู อน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ (ฉบับปรบั ปรงุ )

6102153L01c.indd 44 9/10/18 8:44 AM

ช่ือ-สกุล เดือน ชัน้ เลขที่ บ. ๑.๑ / ผ. ๑.๑ - ๐๒
วนั ท่ี พ.ศ.

ใบงาน ๐๒ : แบบฝก หดั เร่อื งการจัดกลุ่มสิ่งมีชีวติ

สงั เกตรูปต่อไปน้ี แลว้ จ�าแนกสิ่งมชี ีวติ ออกเปน็ กลุ่ม โดยใช้การเคล่ือนท่แี ละการสร้าง
อาหารเป็นเกณฑ์

๑.เห็ด ๒.เขม็ ๓.แบคทเี รีย ๔.วาฬ

๕.รา ๖.นก ๗.บัว ๘.มอส

๙.หอยทาก ๑๐.ปะการัง ๑๑.เฟน ๑๒.สงิ โต

๑๓.มา้ น้า� ๑๔.กบ ๑๕.มด ๑๖.กงิ้ กา่

ชุดการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (สำาหรับครูผูส้ อน) กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ (ฉบับปรบั ปรงุ ) ๔๕

6102153L01c.indd 45 9/10/18 8:44 AM

ช่อื -สกลุ เดือน ชั้น เลขที่ บ. ๑.๑ / ผ. ๑.๑ - ๐๒
วันท่ี พ.ศ.

เมื่อใช้เกณฑ์การเคล่อื นท่แี ละการสร้างอาหารเป็นเกณฑ์ จะแบง่ สงิ่ มีชวี ิตได้เปน็ กลุ่ม

กลุ่มท่ี ๑ ไดแ้ ก่ เขม็ บัว มอส เฟิน
ลักษณะของสง่ิ มีชวี ิตในกลุ่มคอื

เคลือ่ นทไี่ มไ่ ด้และสรำ้ งอำหำรเองได้

กลุ่มที่ ๒ ไดแ้ ก่ วำฬ นก หอยทำก สิงโต มำ้ นำ้� กบ มด กิง้ กำ่ ปะกำรัง
ลักษณะของสง่ิ มชี วี ติ ในกลมุ่ คอื

เคล่อื นทไ่ี ดแ้ ละสรำ้ งอำหำรเองไมไ่ ด้

กล่มุ ที่ ๓ ไดแ้ ก่ เห็ด รำ
ลกั ษณะของส่ิงมีชีวติ ในกลุม่ คอื

เคลอ่ื นที่ไม่ได้และสรำ้ งอำหำรเองไม่ได้

กลุม่ ที่ ๔ ไดแ้ ก่ แบคทเี รยี
ลักษณะของส่งิ มชี วี ติ ในกลุ่มคอื

เคลอื่ นที่ได้และสร้ำงอำหำรเองได้

๔๖ ชุดการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (สาำ หรบั ครูผสู้ อน) กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๔ (ฉบับปรบั ปรงุ )

6102153L01c.indd 46 9/10/18 8:44 AM

๔๒

คำชี้แจงประกอบแผนจัดกำรเรยี นรู้ หน่วยกำรเรยี นรู้ที่ ๑

แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ท่ี ๑.๒ กำรจำแนกสตั ว์ เวลำ ๕ ช่วั โมง

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

๑. สำระสำคญั ของแผน
นักวิทยาศาสตร์จาแนกสัตว์ออกเป็นกลุ่มโดยใช้การมีกระดูกสันหลังเป็นเกณฑ์ และจาแนกสัตว์

มีกระดูกสนั หลังออกเปน็ กลุม่ ต่าง ๆ ตามลกั ษณะเฉพาะทส่ี ังเกตได้

๒. ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมในกำรนำไปใช้ (ให้ระบุสิ่งที่ต้องกำรเน้นหรือข้อสังเกต ข้อเสนอแนะ คำแนะนำ)

ในเรอ่ื งตอ่ ไปนี้ คอื

๒.๑ ขอบขำ่ ยเนื้อหำ
เราสามารถจา� แนกสัตว์ออกเปน็ ๒ กลุ่ม โดยใช้การมกี ระดกู สันหลังเปน็ เกณฑ์ไดเ้ ป็นกลมุ่ สัตวม์ ี

กระดกู สนั หลงั และกล่มุ สัตวไ์ มม่ กี ระดูกสันหลงั กระดกู สันหลังมีลกั ษณะเป็นขอ้ ๆ เรยี งต่อกนั ทอดเป็น

แนวยาวไปตามล�าตวั

สตั ว์มีกระดูกสันหลงั จ�าแนกไดเ้ ปน็ ๕ กล่มุ ได้แก่ ๑) กลุ่มปลา ๒) กลุม่ สัตว์สะเทินน้�าสะเทินบก

๓) กลมุ่ สัตวเ์ ลอ้ื ยคลาน ๔) กลมุ่ นก และ ๕) กล่มุ สตั ว์เลีย้ งลกู ด้วยน้�านม โดยแต่ละกล่มุ จะมลี กั ษณะเฉพาะ

ท่สี งั เกตไดเ้ กย่ี วกับลกั ษณะของผิวหนงั ส่วนทใี่ ช้ในการเคล่อื นท่ี การออกลกู การวางไข่ และการเลี้ยงลูก

๒.๒ จดุ ประสงคก์ ำรเรยี นรู้ (ควำมรู้ ทักษะ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม คำ่ นิยม) (ถ้ำมี)

จดุ ประสงค์ดำ้ นควำมรู้
๑. อธบิ ายการจาแนกกลมุ่ สตั ว์โดยใช้เกณฑ์ทกี่ าหนดขึน้ เองและเกณฑ์การมีกระดูกสนั หลงั
๒. อธบิ ายการจาแนกสตั วม์ กี ระดกู สนั หลังออกเปน็ ๕ กลุม่ จากลักษณะเฉพาะทสี่ ังเกตได้

จุดประสงคด์ ้ำนทกั ษะกระบวนกำรทำงวทิ ยำศำสตร์
๑. การสังเกต
๒. การจาแนกประเภท
๓. การจดั กระทาและสือ่ ความหมายขอ้ มลู
๔. การลงความเห็นจากข้อมลู

จุดประสงคด์ ำ้ นคณุ ธรรม
๑. มีความมุ่งม่ันในการทางาน
๒. มีความซอื่ สตั ย์ต่อตนเอง
๓. ใฝ่เรยี นรู้
๔. มีความสามคั คี ชว่ ยเหลือในการทำงานกลุ่มร่วมกัน

๕. มวี ินยั

ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (สำาหรบั ครูผู้สอน) กล่มุ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ ๔ (ฉบับปรับปรุง) ๔๗

6102153L01c.indd 47 9/10/18 8:45 AM

๔๓

๒.๓ กำรจัดกิจกรรมกำรเรียนรู้
๑) กำรเตรียมตัวของครู นกั เรียน (กำรจัดกลุ่ม) (ถำ้ มี)
การจดั กลมุ่ โดยแบ่งนกั เรียนออกเปน็ กลุ่ม กลุ่มละ ๓-๔ คน
๒) กำรเตรียมสือ่ วัสดุอปุ กรณ์ ของครู นักเรยี น (ถำ้ มี)

สิง่ ท่คี รตู อ้ งเตรียม/กลุ่ม คือ

๒.๑ เตรยี มกระดาษเพื่อทาเป็นบัตรภาพ ๕-๖ แผน่ ท่ีมคี วามหนาพอทจ่ี ะสามารถวาดได้ทงั้ ๒ ดา้ น
๒.๒ ปลาและกุ้ง
๒.๓ อปุ กรณส์ าหรบั ผ่าปลาและก้งุ ไดแ้ ก่ มีด ถาด ถงุ มอื ผ้ารองโต๊ะ ๑ ชุด
๒.๔ บตั รภาพสตั ว์ ๓ ชนิด / ห้อง
๒.๕ บัตรภาพสัตวม์ ีกระดูกสันหลงั ๑ ชุด / หอ้ ง โดยเปดิ จาก QR code ท่แี นบมา
๒.๖ กรรไกร
สิ่งที่นักเรยี นต้องเตรียม/กลุม่ คอื

-
๓) เตรยี มใบงำน ใบควำมรู้ ใบกิจกรรม (ถ้ำมี)

๓.๑ ใบความรู้ เรื่องสตั ว์มีกระดูกสันหลงั
๓.๒ ใบงาน ๐๑ การจาแนกสัตว์
๓.๓ ใบงาน ๐๒ แบบฝกึ หดั เรอ่ื งการจาแนกสัตว์
๒.๔ วดั ผลประเมินผล (ถำ้ มี)
๑) วิธกี ำรวดั ผลประเมินผลกำรเรียนรู้
๑.๑ สงั เกตการตอบคาถามในชั้นเรยี น
๑.๒ การตอบคาถามในแบบฝกึ หดั
๑.๓ สงั เกตทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ในการทากิจกรรม
๑.๔ สงั เกตด้านคุณธรรมขณะทากิจกรรม
๒) วธิ กี ำร เคร่ืองมอื เกณฑ์
๒.๑ เครอ่ื งมือและเกณฑใ์ นกำรประเมนิ ดำ้ นควำมรู้

ตรวจให้คะแนนจากการตอบคาถามในใบงาน แล้วใช้เกณฑ์ในการให้คะแนนดงั น้ี
- มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
- ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
- ต่ากวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน

๔๘ ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำาหรบั ครูผูส้ อน) กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ ๔ (ฉบับปรบั ปรุง)

6102153L01c.indd 48 9/10/18 8:45 AM

๔๔

๒.๒ เครอื่ งมอื และเกณฑ์ในกำรประเมนิ ทกั ษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์
สังเกตทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ โดยใชแ้ บบประเมินทักษะกระบวนการ

ทางวิทยาศาสตร์ (ดงั แนบ) แลว้ น�าคะแนนมารวมกัน แล้วใช้เกณฑใ์ นการใหค้ ะแนนดังน้ี
- มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
- ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
- ต่ากว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน

๒.๓ เคร่อื งมอื และเกณฑ์ในกำรประเมินดำ้ นคุณธรรม
สงั เกตคณุ ลักษณะดา้ นคณุ ธรรมโดยใชแ้ บบประเมนิ ดา้ นคุณธรรม (ดงั แนบ) แล้วนา

คะแนนมารวมกัน แล้วใชเ้ กณฑ์ในการใหค้ ะแนนดังน้ี
- มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
- ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
- ต่ากว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน

๓) กำรทดสอบก่อนเรยี น หลังเรียน แบบฝึกหัดก่อนเรียน หลังเรียน
ทาแบบฝึกหดั ในใบงานหลังเรียน

๓. อน่ื ๆ
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครูผูส้ อน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๔ (ฉบับปรับปรุง) ๔๙

6102153L01c.indd 49 9/10/18 8:45 AM

6102153L01c.indd 50 ๔๕

๕๐ ชดุ การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ (ฉบับปรับปรุง) หน่วยกำรเรยี นรู้ท่ี ๑ กำรจำแนกส่ิงมชี ีวติ รอบตัว แนวกำรจดั กิจกรรมกำรเรยี นรู้ของแผนกำรจัดกำรเรยี นร้ทู ี่ ๑.๒ เวลำ ๕ ช่วั โมง
กลุ่มสำระกำรเรียนร้วู ิทยำศำสตร์ เรอ่ื ง กำรจำแนกสตั ว์ ชั้นประถมศึกษำปีท่ี ๔
รำยวิชำวิทยำศำสตร์

แนวกำรจัดกิจกรรมกำรเรยี นรู้

ขน้ั นำ  ตรวจสอบความรู้เดิมโดยสังเกตลักษณะของสัตวใ์ นบตั รภาพสตั ว์ และถามคาถามเกยี่ วกับการจัดกลมุ่ สตั ว์
ขัน้ สอน
ข้ันสรุป  ทากิจกรรมท่ี ๑ จาแนกสัตวไ์ ด้อย่างไร อภิปรายและนาเสนอผลการจาแนก
 ทาใบงาน ๐๑ การจาแนกสัตว์
กำรวัดและประเมินผล  อภิปรายและลงข้อสรุปเกี่ยวกับการจาแนกสตั ว์
 ทาใบงาน ๐๒ แบบฝกึ หัด เรื่องการจาแนกสตั ว์
 ประเมินจากการตอบคาถาม
 ประเมนิ จากการทากิจกรรมในช้นั เรียน
 ประเมนิ จากการทาแบบฝกึ หัด

9/10/18 8:46 AM

6102153L01c.indd 51 ๔๖

ชุดการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครูผู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๔ (ฉบับปรบั ปรุง) ๕๑ หน่วยกำรเรียนรู้ที่ ๑ กำรจำแนกสิ่งมีชีวติ รอบตัว แผนกำรจัดกำรเรยี นรทู้ ่ี ๑.๒ กำรจำแนกสัตว์ เวลำ ๕ ช่วั โมง
กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์ ชั้นประถมศึกษำปีที่ ๔
หนว่ ยย่อยท่ี ๑ กำรจำแนกส่ิงมชี วี ติ
รำยวิชำวิทยำศำสตร์ สอื่ / แหล่งเรียนรู้
๑. บัตรภาพสตั ว์
ขอบเขตเนอื้ หำ กิจกรรมกำรเรยี นรู้ (๕ ช่วั โมง) ๒. กระดาษทาบตั รภาพขนาด
เราสามารถจ�าแนกสัตว์ ชั่วโมงท่ี ๑
ขัน้ น�า (๕ นาท)ี ๑๕ × ๑๕ เซนติเมตร
ออกเปน็ ๒ กลุ่ม โดยใชก้ ารมี ๑. ครูตรวจสอบความรู้เดิมของนักเรียนโดยแจกบัตรภาพสัตว์ (ซึ่งมีทั้งสัตว์มีกระดูกสันหลังและ ๓. บัตรภาพสัตว์
๔. ปลา
กระดูกสันหลังเป็นเกณฑ์ได้เป็น สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง) ให้นักเรียนแต่ละคน เลือกเพื่อสังเกตลักษณะภายนอกของสัตว์ภายใน ๕. ก้งุ
๓ นาที และสมุ่ นกั เรยี นนาเสนอ ผลการสงั เกต ๖. มีด
กลุ่มสัตว์มีกระดูกสันหลังและสัตว์ ๒. ครแู ละนักเรยี นร่วมกันอภปิ รายซึ่งอาจใชค้ าถามดังตอ่ ไปนี้ ๗. ถาด
๒.๑ ลักษณะภายนอกของสัตว์เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของ ๘. ถงุ มอื
ไมม่ กี ระดกู สนั หลงั กระดกู สันหลัง ๙. กรรไกร
ตนเอง) ๑๐. ดนิ สอสี
มีลกั ษณะเป็นข้อ ๆ เรียงต่อกนั ๒.๒ จะแบง่ สัตว์ออกเป็นกลุม่ ๆ ไดห้ รือไม่ อย่างไร (นักเรยี นตอบตามความเข้าใจของตนเอง)

ทอดเป็นแนวยาวไปตามล�าตวั ข้ันสอน (๔๕ นาท)ี
สัตว์มีกระดูกสันหลังจาแนกได้ ๓. ครชู ักชวนนักเรียนอ่านชอ่ื กิจกรรม จดุ ประสงค์ และวิธีการทากิจกรรมที่ ๑ จาแนกสตั วไ์ ดอ้ ยา่ งไร

อกี ๕ กลุ่ม คอื หน้า ๑๔–๑๕ จากนน้ั ครตู รวจสอบความเข้าใจขั้นตอนการทากิจกรรมจนแน่ใจว่านักเรยี นทาได้
๑) กลมุ่ ปลา ๔. นักเรยี นเรม่ิ ทากิจกรรมโดยแต่ละคนเลอื กสงั เกตลกั ษณะภายนอกของสตั ว์ ๑ ชนิด ซง่ึ เปน็ สตั ว์อน่ื
๒) กล่มุ สตั วส์ ะเทนิ นา้
สะเทินบก ที่ไม่ใช่ปลาและกุ้งและไม่ซ้ากับเพื่อนในกลุ่ม และให้นักเรียนวาดภาพผลการสังเกตลงในกระดาษ
๓) กลุ่มสตั วเ์ ลือ้ ยคลาน บัตรภาพ
๔) กลมุ่ นก ๕. ครูให้นักเรียนต่ละคนสืบค้นลักษณะภายในของสัตว์ที่เลือกในข้อ ๔ และวาดรูปลงในกระดาษ
๕) กลุม่ สัตว์เลย้ี งลกู ด้วยนา้ นม
บัตรภาพแผ่นเดมิ ด้านหลงั

9/10/18 8:46 AM

6102153L01c.indd 52 ๔๖

๕๒ ชดุ การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ (ฉบับปรับปรุง) หนว่ ยกำรเรียนรูท้ ่ี ๑ กำรจำแนกสงิ่ มีชีวิตรอบตัว แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ที่ ๑.๒ กำรจำแนกสัตว์ เวลำ ๕ ชว่ั โมง
กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้วิทยำศำสตร์ ช้นั ประถมศึกษำปที ี่ ๔
หน่วยย่อยที่ ๑ กำรจำแนกสง่ิ มีชวี ิต
รำยวชิ ำวิทยำศำสตร์

โดยแต่ละกลุ่มจะมีลักษณะเฉพาะ ๖. นักเรียนแต่ละกลุ่มนาบัตรภาพที่วาดมารวมกัน แล้วร่วมกันอภิปรายลักษณะภายนอกและภายใน ภำระงำน / ชิน้ งำน
ในเรื่องของลักษณะของผิวหนัง ๑. บตั รภาพสตั ว์
สว่ นทใี่ ชใ้ นการเคล่ือนท่ี การออกลูก ของสัตว์ชนิดต่าง ๆ ที่วาดว่าเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร ครูอาจสุ่มนักเรียนบางกลุ่มนาเสนอ ๒. การบันทกึ ผลการทากิจกรรม
การวางไข่ และการเล้ยี งลกู ขัน้ สรุป (๑๕ นาท)ี
๗. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปและอภิปรายเกี่ยวกับความเหมือนและความแตกต่างของลักษณะ ในใบกิจกรรม
จุดประสงค์ดำ้ นควำมรู้
๑. อธิบายการจาแนกกลุ่มสัตว์โดย ภายนอกและภายในของสตั ว์ชนิดตา่ ง ๆ วธิ ีกำรประเมิน
ชั่วโมงท่ี ๒-๓ ๑. การตอบคาถามใน
ใช้เกณฑ์ที่กาหนดขึ้นเองและ ข้ันนา� (๕ นาท)ี
เกณฑ์การมีกระดกู สนั หลงั ๘. ครนู าบัตรภาพที่นกั เรียนวาดมาแสดงลักษณะบางอย่าง เพือ่ ใหน้ กั เรียนทายว่าเปน็ ลกั ษณะของสตั ว์ ใบกจิ กรรม
๒. อธิบายการจาแนกสัตว์มีกระดูก ๒. การตอบคาถามในช้นั เรยี น
สันหลังออกเป็น ๕ กลุ่มจาก ชนดิ ใด เพอื่ กระตุ้นใหน้ ักเรยี นทากิจกรรมเรอื่ งการจาแนกสตั วต์ อ่ ไป ๓. สังเกตด้านคณุ ธรรม
ลกั ษณะเฉพาะที่สังเกตได้ ๙. ครูตรวจสอบว่านักเรียนสามารถกาหนดเกณฑ์และสามารถจาแนกสัตว์ตามเกณฑ์ที่กาหนดได้
ขณะทากิจกรรม
ถกู ต้องหรือไม่กอ่ นเริ่มทากิจกรรมต่อไป
ขั้นสอน (๔๕ นาที)
๑๐. นักเรียนแต่ละกลุ่มจาแนกสัตว์ในบัตรภาพออกเป็นกลุ่ม โดยใช้ลักษณะภายนอกและภายในของ

สัตวเ์ ป็นเกณฑ์ตามความเขา้ ใจภายใน ๑๐ นาที และส่มุ นกั เรยี นนาเสนอ
๑๑. นักเรียนบนั ทกึ ผลการจาแนกสตั วใ์ นใบงาน ๐๑ หน้า ๒๐
๑๒. ครูชกั ชวนนกั เรยี นแต่ละกลมุ่ รว่ มกันสังเกตลกั ษณะภายนอกและภายในของปลาและกุ้ง พรอ้ มทั้ง

ระบุกระดูกสันหลังที่พบ แล้วบันทึกผลในใบงาน ๐๑ หน้า ๒๑ หากนักเรียนไม่รู้จักกระดูก
สันหลัง ครูตอ้ งอธิบายเพิ่มเติม
๑๓. ครูรวมบตั รภาพทนี่ กั เรยี นทั้งช้นั วาดไว้ แล้วจาแนกสตั ว์ในบัตรภาพเป็นกลมุ่ อีกคร้งั โดยใชก้ ารมี

9/10/18 8:46 AM

6102153L01c.indd 53 ๔๘

ชุดการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครูผู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๔ (ฉบับปรบั ปรุง) ๕๓ หน่วยกำรเรยี นรทู้ ่ี ๑ กำรจำแนกส่ิงมชี ีวิตรอบตัว แผนกำรจัดกำรเรยี นร้ทู ี่ ๑.๒ กำรจำแนกสัตว์ เวลำ ๕ ชั่วโมง
กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์ ช้นั ประถมศึกษำปีที่ ๔
หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๑ กำรจำแนกส่ิงมีชวี ติ
รำยวิชำวิทยำศำสตร์

จุดประสงคด์ ้ำนทกั ษะกระบวนกำร กระดกู สันหลงั เป็นเกณฑแ์ ละบันทกึ ผล เกณฑก์ ำรประเมนิ
ทำงวิทยำศำสตร์ ๑๔. นักเรยี นนาเสนอผลการจาแนกสัตว์ ๑. การตอบคาถามในใบงานถูกต้อง
๑. การสังเกต ๑๕. ครแู ละนกั เรียนร่วมกันอภิปรายดังตอ่ ไปน้ี
๒. การจาแนกประเภท ดว้ ยตนเอง
๑๕.๑ ในการจาแนกสัตว์โดยใช้เกณฑ์การมีกระดูกสันหลัง จะสังเกตสัตว์ตา่ ง ๆ อย่างไร (สงั เกต - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
๓. การจัดกระทาและสอื่
ว่าเป็นสัตวม์ กี ระดูกสันหลงั หรือไม่มกี ระดกู สนั หลัง) - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
ความหมายข้อมลู
๔. การลงความเหน็ จากข้อมูล ๑๕.๒ กระดกู สนั หลงั มลี กั ษณะอยา่ งไร (กระดูกสนั หลังมีลักษณะเปน็ ข้อ ๆ เรยี งตอ่ กนั ทอดเป็น - ต่ากวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน

แนวยาวไปตามลาตวั ) ๒. มีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
- มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
๑๕.๓ สามารถจาแนกสัตว์ต่าง ๆ ออกเป็นกลุ่มโดยใช้เกณฑ์อื่นได้หรือไม่ อย่างไร (ได้ โดยจัด - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
- ต่ากวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน
สัตวท์ มี่ ีส่งิ ทีเ่ หมือนกันอยู่ในกลมุ่ เดียวกนั และมสี ่งิ ท่ีแตกตา่ งอยูต่ ่างกันกลมุ่ กัน ขึ้นอยกู่ บั
๓. มีคณุ ลกั ษณะด้านคุณธรรม
การกาหนดเกณฑ์ในการจาแนก) - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
ข้ันสรุป (๑๕ นาท)ี - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
๑๖. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายและสรุปได้ว่า ปลา กุ้ง มีลักษณะบางอย่างที่เหมือนกัน คือ - ต่ากวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน

มี ตา ปาก หาง และมีลกั ษณะบางอย่างแตกตา่ งกนั เช่น
- ปลามลี าตวั แบน ตรง สว่ นก้งุ มลี าตัวกลม และงอ
- ปลามีผิวหนังเป็นเกลด็ ห่อหุ้มตวั แต่กุ้งมีเปลือกแข็งเปน็ ปลอ้ ง ๆ หอ่ หมุ้ ตัว
- ปลามีกระดูกแข็งภายใน และมีกระดูกสันหลังซึ่งมีลักษณะเป็นข้อ ๆ เรียงต่อกันทอดยาวไป
ตามลาตัว ส่วนกุ้งไม่มีกระดูกสันหลัง ถ้าใช้การมีกระดูกสันหลังเป็นเกณฑ์จะจาแนกสัตว์
ออกเปน็ ๒ กลมุ่ คือ กลมุ่ สตั วม์ กี ระดูกสนั หลงั และกล่มุ สตั วไ์ มม่ ีกระดูกสันหลงั

9/10/18 8:46 AM

6102153L01c.indd 54 ๔๙

๕๔ ชดุ การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ (ฉบับปรับปรุง) หนว่ ยกำรเรยี นรู้ที่ ๑ กำรจำแนกสง่ิ มีชีวิตรอบตัว แผนกำรจัดกำรเรยี นร้ทู ่ี ๑.๒ กำรจำแนกสัตว์ เวลำ ๕ ช่วั โมง
กลุ่มสำระกำรเรยี นร้วู ทิ ยำศำสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษำปีท่ี ๔
หนว่ ยย่อยท่ี ๑ กำรจำแนกสิ่งมชี ีวติ
รำยวชิ ำวิทยำศำสตร์

จุดประสงคด์ ำ้ นคุณธรรม ๑๗. ครูนาบัตรภาพสัตวท์ ่ีใช้ในขั้นนาเข้าสู่บทเรยี นมาใหน้ ักเรียนจาแนกอีกครั้งโดยใช้การมีกระดูกสันหลงั
๑. มคี วามมงุ่ มนั่ ในการทางาน เป็นเกณฑ์
๒. มคี วามซอื่ สัตยต์ ่อตนเอง
ชัว่ โมงที่ ๔ – ๕
๓. ใฝ่เรยี นรู้ ข้ันนา� (๕ นาท)ี
๑๘. นักเรียนสงั เกตบัตรภาพสตั ว์ตา่ ง ๆ ที่มีกระดูกสันหลัง จากนั้นครูอาจใช้คาถาม ดงั นี้
๔. มีความสามัคคี ชว่ ยเหลอื ในการ
ทำงานกล่มุ ร่วมกนั ๑๘.๑ รูปสัตวแ์ ตล่ ะชนดิ มีลกั ษณะอะไรเหมือนกันบา้ ง (นักเรยี นตอบตามความเข้าใจของตนเอง)
๑๘.๒ เราสามารถแบง่ กลุ่มสตั วโ์ ดยใช้เกณฑอ์ ะไรบ้าง (นกั เรียนตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง)
๕. มวี ินยั ข้ันสอน (๑๐๐ นาที)
๑๙. นกั เรยี นแตล่ ะคนในกลมุ่ รว่ มกนั แยกบตั รภาพสตั วม์ กี ระดกู สนั หลงั ทไ่ี ด้ไวแ้ ลว้ ออกมารวมกบั บตั รภาพ
ทค่ี รูเตรียมไว้ในขน้ั นาเข้าส่บู ทเรียน แล้วสังเกตลักษณะผิวหนัง ส่วนทใ่ี ช้ในการเคล่ือนท่ี การออกลกู
การวางไข่ และการเลี้ยงลูกของสัตว์ที่อยู่ในบัตรภาพที่ได้รับแล้วนาข้อมูลมา บันทึกใต้รูป จากนั้น

ติดรูปท่ีมขี ้อมลู ใตร้ ปู นีไ้ วร้ อบ ๆ ห้อง
๒๐. นักเรียนร่วมกันอ่านใบความรู้ เรื่อง กลุ่มสัตว์มีกระดูกสันหลงั แล้วจาแนกสัตวม์ ีกระดูกสนั หลังทีต่ ิด

ไว้รอบ ๆ ห้องออกเป็น ๕ กลุ่มตามใบความรู้ บันทึกผลโดยเขียนแผนภาพความคิดการจัดกลุ่ม
สัตวม์ ีกระดกู สนั หลงั ลงในใบงาน หนา้ ๒๓ และใหน้ ักเรยี นนาเสนอเพอ่ื แลกเปล่ยี นความคิดเห็น
๒๑. ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั อภปิ รายการจดั กล่มุ สัตวม์ ีกระดกู สนั หลังโดยใช้คาถามดงั ต่อไปนี้

๒๑.๑ สัตว์มีกระดูกสันหลังแบ่งได้ก่ีกลุ่ม อะไรบ้าง (แบ่งได้ ๕ กลุ่มคือ ๑) กลุ่มปลา ๒) กลุ่มสัตว์

สะเทินน้าสะเทินบก ๓) กลุ่มสัตว์เล้ือยคลาน ๔) กลุ่มนก และ ๕) กลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วย

นา้ นม)

9/10/18 8:46 AM

6102153L01c.indd 55 ๕๐

ชุดการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครูผู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๔ (ฉบับปรบั ปรุง) ๕๕ หน่วยกำรเรยี นรู้ที่ ๑ กำรจำแนกสงิ่ มชี ีวติ รอบตัว แผนกำรจัดกำรเรียนร้ทู ี่ ๑.๒ กำรจำแนกสัตว์ เวลำ ๕ ชั่วโมง
กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้วิทยำศำสตร์ ชั้นประถมศกึ ษำปที ่ี ๔
หน่วยยอ่ ยที่ ๑ กำรจำแนกสิง่ มีชีวติ
รำยวชิ ำวิทยำศำสตร์

๒๑.๒ ลักษณะเฉพาะท่ใี ช้เปน็ เกณฑ์ในการจาแนกสตั ว์มีกระดูกสันหลังออกเป็น ๕ กลุ่มมีอะไรบ้าง
(ลกั ษณะของผิวหนัง ส่วนทใ่ี ช้ในการเคลอื่ นท่ี การออกลูก การวางไข่ และการเลีย้ งลกู )

๒๑.๓ สัตว์ท่ีอยู่ในกลุ่มปลามีลักษณะเฉพาะอะไรบ้าง (ปลามีครีบอก ครีบก้น ครีบท้องและ
ครีบหาง ย่ืนออกจากลาตัว ผิวหนังมีเกล็ด อยู่ในน้าตลอดเวลา และส่วนใหญ่ออกมาเป็น
ไข)่

๒๑.๔ สัตว์ที่อยู่ในกลุ่มสัตว์สะเทินน้าสะเทินบกมีลักษณะเฉพาะอะไรบ้าง (มีผิวหนังเปียกชื้น
ตลอดเวลา ไม่มีขน มขี า ๔ ขา ใช้ในการเคล่ือนที่ดารงชวี ิตไดท้ ง้ั บนบกและในน้า)

๒๑.๕ สัตว์ท่ีอยู่ในกลุ่มสัตว์เล้ือยคลานมีลักษณะเฉพาะอะไรบ้าง (ผิวหนังแห้งไม่มีขน มีเกล็ด
สว่ นใหญ่มีขา ๔ ขา บางชนิดอาศัยไดท้ ้ังบนบกและในน้า บางชนดิ อยู่บนบก บางชนดิ อยู่ใน
นา้ สว่ นใหญ่ขน้ึ มาวางไข่บนบกและมบี างชนดิ ออกลกู เป็นตัว)

๒๑.๖ สัตว์ท่ีอยู่ในกลุ่มนกมีลักษณะเฉพาะอะไรบ้าง (ผิวหนังมีขนเป็นแผงปกคลุมร่างกาย มีขา
๒ ขา ปกี ๒ ปกี ออกลกู เปน็ ไข่ สว่ นใหญ่บนิ ได้ บางชนิดบนิ ไมไ่ ด้และบางชนดิ ว่ายน้าได้)

๒๑.๗ สัตว์ท่ีอยู่ในกลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมีลักษณะเฉพาะอะไรบ้าง (ผิวหนังมีขนเป็นเส้น
ส่วนใหญ่ออกลูกเป็นตัว บางชนิดออกลูกเป็นไข่ เลี้ยงลูกด้วยนม ส่วนใหญ่มี ๔ ขา อาศัย
บนบก บางชนิดอาศัยอยู่ในน้า)

๒๒. นักเรยี นตอบคาถามหลงั จากทากจิ กรรม หน้า ๒๔-๒๕

9/10/18 8:46 AM

6102153L01c.indd 56 ๕๑

๕๖ ชดุ การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ (ฉบับปรับปรุง) หน่วยกำรเรยี นร้ทู ่ี ๑ กำรจำแนกสิ่งมีชวี ติ รอบตัว แผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ี่ ๑.๒ กำรจำแนกสัตว์ เวลำ ๕ ชั่วโมง
กลุ่มสำระกำรเรยี นรูว้ ทิ ยำศำสตร์ ชนั้ ประถมศึกษำปที ่ี ๔
หนว่ ยย่อยที่ ๑ กำรจำแนกสิ่งมีชีวติ
รำยวชิ ำวิทยำศำสตร์

ขั้นสรุป (๑๕ นาท)ี
๒๓. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายและสรุปได้ว่า เราสามารถจาแนกสัตว์ออกเป็น ๒ กลุ่มโดยใช้การมี

กระดูกสันหลังเป็นเกณฑ์ ได้เป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังและสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง กระดูกสันหลังมี

ลักษณะเป็นข้อ ๆ เรียงต่อกันทอดเป็นแนวยาวไปตามลาตัว สัตว์มีกระดูกสันหลังจาแนกออกเป็น ๕
กลุ่ม ได้แก่ ๑) กลุ่มปลา ๒) กลุ่มสัตว์สะเทินน้าสะเทินบก ๓) กลุ่มสัตว์เลื้อยคลาน ๔) กลุ่มนก และ

๕) กลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้านม โดยแต่ละกลุ่มจะมีลักษณะของผิวหนัง ส่วนที่ใช้ในการเคล่ือนที่
การออกลกู การวางไข่ และการเลี้ยงลกู แตกต่างกนั
๒๔. นกั เรียนทาใบงาน ๐๒ แบบฝกึ หัด เร่ืองการจาแนกสัตว์ หน้า ๒๖-๒๗ ซงึ่ อาจให้ทาเป็นการบ้าน

9/10/18 8:47 AM

ส่ือประกอบการจัดการเรียนการสอน
เร่ือง การจำ�แนกสัตว์

6102153L01c.indd 57 9/10/18 8:47 AM

6102153L01c.indd 58 9/10/18 8:47 AM

๕๓

บตั รภำพสัตว์

ช้าง ผ้ึง องึ่ อ่าง

หา่ น ปลาช่อน งู

ลิง นกเงอื ก ไสเ้ ดือนดนิ

ชุดการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครูผูส้ อน) กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรุง) ๕๙

6102153L01c.indd 59 9/10/18 8:48 AM

๕๔

บัตรภำพสัตวม์ กี ระดูกสันหลัง

๖๐ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำาหรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นที่ ๑ ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ (ฉบบั ปรบั ปรุง)

6102153L01c.indd 60 9/10/18 8:48 AM

๕๕

แบบประเมินด้ำนคณุ ธรรม
แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ท่ี ๑.๒ กำรจำแนกสตั ว์

ชอ่ื ผู้ประเมิน/กลุ่มประเมนิ …………………………………………………………………………………….…………………..

ชื่อกลุ่มรับกำรประเมิน…………………………………………………………………………………………………………………….

ประเมนิ ผลครงั้ ท…่ี ……………….... วัน ……………..……... เดอื น ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………...........
เรือ่ ง……………………………………………………………………………………………………………………………………………….

ที่ ลักษณะ/พฤตกิ รรมบง่ ช้ี ระดับพฤติกรรม คะแนนท่ไี ด้
เกิด = ๑ ไม่เกิด = ๐
๑. มคี วามมงุ่ มั่นในการทางาน
๒. มคี วามซ่อื สัตย์ต่อตนเอง
๓. ใฝ่เรยี นรู้
๔. มคี วามสามัคคี ชว่ ยเหลอื ในการทำงานกล่มุ ร่วมกัน
๕. มวี นิ ยั

รวมคะแนนทีไ่ ดท้ งั้ หมด = …………… คะแนน

คณุ ลักษณะตามจุดประสงค์ด้านคุณธรรม
- มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
- ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
- ตา่ กว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน

ชดุ การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครูผสู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๔ (ฉบับปรับปรุง) ๖๑

6102153L01c.indd 61 9/10/18 8:49 AM

๕๖

แบบประเมินดำ้ นทกั ษะกระบวนกำรทำงวทิ ยำศำสตร์ในกำรทำกิจกรรม
แผนกำรจดั กำรเรียนรูท้ ่ี ๑.๒ กำรจำแนกสัตว์

เกณฑก์ ำรประเมินมดี ังนี้ ๒ หมายถึง พอใช้ ๑ หมายถึง ควรปรับปรุง
๓ หมายถึง ดี

สิ่งที่ประเมนิ คะแนน
การสงั เกต
การจัดกระทาและส่อื ความหมายข้อมลู
การจาแนกประเภท
การลงความเหน็ จากข้อมูล

รวมคะแนน

๖๒ ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (สาำ หรบั ครูผสู้ อน) กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๔ (ฉบับปรับปรงุ )

6102153L01c.indd 62 9/10/18 8:49 AM

๕๗

เกณฑ์กำรประเมนิ

ทกั ษะ ดี (๓) ระดบั ควำมสำมำรถ ควรปรบั ปรุง (๑)
กระบวนกำรทำง
ใช้ประสำทสัมผัสเก็บข้อมูล พอใช้ (๒) ไม่สามารถใช้ประสำทสัมผัส
วิทยำศำสตร์ เก่ียวกับลักษณะภำยนอก เก็บข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะ
และลักษณะภำยในของสัตว์ ใช้ประสำทสัมผัสเก็บข้อมูล ภำยนอกและลกั ษณะภำยใน
การสังเกต ไดด้ ว้ ยตนเอง โดยไมเ่ พม่ิ เตมิ เกี่ยวกับลักษณะภำยนอกและ ของสตั ว์ได้ ถงึ แมจ้ ะไดร้ ับ
ควำมคดิ เหน็ ลกั ษณะภำยในของสัตวไ์ ด้ โดย คำ� แนะน�ำจำกครหู รอื ผ้อู นื่
การชี้แนะของครหู รือผอู้ ่ืน

การจัดกระทาและ บันทึกและน�ำเสนอกำรจัด บันทึกและน�ำเสนอกำรจัดกลุ่ม ไม่สามารถบันทึกและน�ำเสนอ
สื่อความหมาย กลุ่มสตั ว์ และจัดกลุ่มสัตวม์ ี สัตว์และจดั กลุม่ สัตว์ มกี ระดกู กำรจดั กลมุ่ สตั ว์ และจดั กลมุ่
ข้อมูล กระดูกสันหลังให้ผู้อื่นเข้ำใจ สันหลังให้ผู้อ่ืนเข้ำใจได้ง่ำยและ สัตว์มีกระดูกสันหลังให้ผู้อื่น
ไดง้ ำ่ ยและชดั เจนดว้ ยตนเอง ชัดเจน โดยการชี้แนะของครู เขำ้ ใจไดง้ ำ่ ยและชดั เจน ถงึ แม้
จะไดร้ บั คำ� แนะนำ� จำกครหู รอื
หรือผอู้ นื่ ผอู้ ื่น

การจาแนก จัดกลุ่มสัตว์เข้ากลุ่มตาม จัดกลุ่มสัตว์เข้ากลุ่มตามเกณฑ์ ไม่สำมำรถจัดกลุ่มสัตว์
ประเภท
เกณฑ์ท่ีกลุ่มกาหนดและ ที่กลุ่มกาหนดและเกณฑ์การมี เข้ากลุ่มตามเกณฑ์ท่ีกลุ่ม

เกณฑ์การมีกระดูกสันหลัง กระดูกสันหลังได้อย่างถูกต้อง กาหนดและเกณฑ์การมี

ไดอ้ ยา่ งถกู ต้องดว้ ยตนเอง โดยอำศัยคำแนะนำของครู ก ร ะ ดู ก สั น ห ลั ง ไ ด้ อ ย่ า ง

หรอื ผูอ้ น่ื ถู ก ต้ อ ง ถึ ง แ ม้ จ ะ ไ ด้ รั บ

คาแนะนาจากครหู รือผู้อื่น

การลงความเหน็ แสดงความเห็นเกี่ยวกับ แสดงความเห็นเกี่ยวกับเกณฑ์ ไม่สามารถแสดงความเห็น
จากข้อมูล
เกณฑ์ท่ีใช้ในการจ�าแนกสัตว์ ที่ใช้ในการจ�าแนกสัตว์ได้อย่าง เกี่ยวกับเกณฑ์ท่ีใช้ในการ

ไดอ้ ยา่ งมเี หตผุ ลไดด้ ว้ ยตนเอง มเี หตผุ ล โดยการช้แี นะของครู จ�าแนกสัตว์ได้อย่างมีเหตุผล
หรอื ผู้อ่ืน ถึงแม้จะได้รับค�าแนะน�าจาก

ครูหรือผอู้ น่ื

ชุดการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครูผูส้ อน) กลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ ) ๖๓

6102153L01c.indd 63 9/10/18 8:49 AM

6102153L01c.indd 64 9/10/18 8:49 AM

เฉลยใบงาน

6102153L01c.indd 65 9/10/18 8:49 AM

6102153L01c.indd 66 9/10/18 8:49 AM

ช่อื -สกุล เดอื น ชนั้ เลขท่ี บ. ๑.๑ / ผ. ๑.๒- ๐๑
วนั ที่ พ.ศ.

ใบงาน ๐๑ : การจา� แนกสตั ว์

บนั ทึกผลการท�ากิจกรรม
ผลการจา� แนกสตั วจ์ ากลักษณะภายนอกของสตั ว์ตามเกณฑ์ทก่ี ล่มุ กา� หนด

นักเรียนตอบตามท่ที า� กจิ กรรม
เกณฑ์ในการจ�าแนกสตั ว์คือ เชน่ การมขี า

จ�าแนกสัตว์ได้ ๒ กลมุ่

ลกั ษณะของสตั วช์ นิดท่ี ๑ คือ มีขา
สัตวก์ ลุ่มที่ ๑ ได้แก่ จิง้ จก สนุ ขั

ลักษณะของสัตวช์ นดิ ที่ ๒ คอื ไมม่ ีขา
สตั ว์กล่มุ ท่ี ๒ ไดแ้ ก่ งู ปลา

ลักษณะของสัตว์ชนิดที่ ๓ คือ
สัตวก์ ล่มุ ที่ ๓ ไดแ้ ก่

ลักษณะของสตั ว์ชนดิ ที่ ๔ คอื
สตั วก์ ล่มุ ที่ ๔ ไดแ้ ก่

ชุดการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรบั ครูผู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๔ (ฉบับปรับปรุง) ๖๗

6102153L01c.indd 67 9/10/18 8:49 AM

ชื่อ-สกุล เดอื น ช้นั เลขที่ บ. ๑.๑ / ผ. ๑.๒- ๐๑
วนั ท่ี พ.ศ.

รูปลกั ษณะภายนอกและภายในของปลาและกุง้
พรอ้ มระบุกระดกู สนั หลัง

รูปปลา รปู กงุ้
ลกั ษณะภายนอก ลักษณะภายนอก

ลกั ษณะภายใน ลักษณะภายใน
กระดกู สันหลัง

๖๘ ชุดการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครผู ู้สอน) กลุม่ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๔ (ฉบับปรับปรงุ )

6102153L01c.indd 68 9/10/18 8:50 AM

ชอ่ื -สกุล เดือน ชน้ั เลขที่ บ. ๑.๑ / ผ. ๑.๒- ๐๑
วันที่ พ.ศ.

ผลการจา� แนกสัตว์โดยใช้การมีกระดกู สันหลังเป็นเกณฑ์

สัตวม์ กี ระดกู สนั หลัง สตั ว์ไมม่ ีกระดูกสันหลงั

ชา้ ง เป็ด ผ้ึง
องึ่ อ่าง ฉลาม จงิ้ หรีด
หา่ น ปลาช่อน กงุ้
ควาย ม้า หอยทาก
งู นกพิราบ ปู
ลงิ จระเข้ ผีเสื้อ
นก สนุ ขั ไส้เดือนดนิ
นกแก้ว ปลาดกุ มด
ปลาตะเพยี น ไก่ แมลงเตา่ ทอง
กระต่าย ววั แมลงปอ
แมว กบ แมงกะพรนุ
โลมา

ชดุ การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุม่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ ) ๖๙

6102153L01c.indd 69 9/10/18 8:50 AM

ชือ่ช-ือ่ ส-กสลุกลุ เดเดือนอื น ชนั้ชน้ั เลเขลทขที่ ่ี บ. ๑.๑ / ผ. ๑.๒- ๐๑
วันวนัทที่ ี่ พพ.ศ.ศ. .

แผนภาพความคดิ การแบง่ กลมุ่ สตั วท์ ีม่ กี ระดูกสันหลงั ตามข้อมลู ในใบความรู้
เรอ่ื งกลุ่มสัตว์มีกระดกู สันหลัง

สัตวม์ ีกระดูกสนั หลัง

ไดแ้ ก่

๑) กลุ่มปลา ๕) กลุม่ สตั วเ์ ลย้ี งลูก
ด้วยนม
๒) กลุ่มสัตวส์ ะเทนิ น�า้ ๓) กลุ่ม
สะเทินบก สตั วเ์ ล้อื ยคลาน ๔) กลุ่มนก

มคี รบี อก ครีบกน้ มผี ิวหนังแห้ง ไม่มขี น ผวิ หนังมีขนที่มี
ครบี หลงั ผวิ หนงั มเี กล็ดคลมุ ทัว่ ตัว ลักษณะเปน็ เส้น
มเี กล็ด อยู่ในน�า้ ส่วนใหญม่ ี ๔ ขา มีหาง ปกคลมุ เลย้ี งลูก
ช่วยในการเคล่ือนที่
ตลอดชวี ิต ด้วยน้า� นม

มีผิวหนงั ปีกชน้ื ตลอดเวลา ผวิ หนังมขี นทม่ี ีลกั ษณะ
ไมม่ ีขน มี ๔ ขา อยู่ในน้�า เป็นแผงปกคลุมรา่ งกาย
และบนบกไดต้ ลอดชวี ติ
มีขา ๑ คู่ มีปกี ๑ คู่

๗๐ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำาหรบั ครผู ูส้ อน) กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ )

6102153L01c.indd 70 9/10/18 8:50 AM

ช่ือ-สกลุ เดือน ช้นั เลขที่ บ. ๑.๑ / ผ. ๑.๒- ๐๑
วนั ท่ี พ.ศ.

ค�าถามหลงั จากทา� กิจกรรม
๑. นักเรยี นใช้เกณฑ์อะไรบ้าง ในการจา� แนกสัตวช์ นิดต่างๆ ไวใ้ นกลุม่ เดยี วกนั

ค�าตอบขนึ้ อยู่กบั เกณฑท์ ใ่ี ช้ เช่น การมีและไมม่ กี ระดูกสันหลงั
การมแี ละไม่มขี น การมีและไมม่ ีปกี ลกั ษณะของขน ลกั ษณะของลา� ตัว

๒. การจ�าแนกสัตวโ์ ดยใชเ้ กณฑ์ของตนเอง เหมือนหรอื แตกตา่ งกับเกณฑ์
การมกี ระดกู สันหลงั หรอื ไม่ อยา่ งไร

คา� ตอบอาจเหมือนหรอื แตกต่างกัน ถ้าเหมอื นกนั จะใชก้ ารมกี ระดกู สันหลัง
เป็นเกณฑ์ ถา้ แตกตา่ งกัน ค�าตอบอาจมีหลากหลาย เช่น ใชก้ ารมขี น การมีขา
เปน็ เกณฑ์

๓. สัตวม์ กี ระดกู สนั หลงั จ�าแนกออกเป็นกลุ่มไดก้ ี่กลมุ่ อะไรบา้ ง

๕ กลมุ่ ไดแ้ ก่ ๑) กลมุ่ ปลา ๒) กลุ่มสัตวส์ ะเทินนา้� สะเทนิ บก
๓) กลุม่ สตั ว์เลอ้ื ยคลาน ๔) กล่มุ นก และ ๕) กลุม่ สตั วเ์ ลี้ยงลกู ดว้ ยน้า� นม

ชุดการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครูผู้สอน) กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นที่ ๑ ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ ๔ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) ๗๑

6102153L01c.indd 71 9/10/18 8:50 AM

ชื่อช-่ือส-กสลุกลุ เดเดือนือน ชั้นช้นั เลเขลทขท่ี ี่ บ. ๑.๑ / ผ. ๑.๒- ๐๑
วันวนัทที่ ี่ พพ.ศ.ศ. .

๔. สตั ว์มีกระดูกสันหลังแตล่ ะกล่มุ มีลักษณะสา� คญั อยา่ งไรบา้ ง
กลุ่มปลามลี กั ษณะสา� คญั ไดแ้ ก่ มคี รีบ ผวิ หนังเป็นเกลด็ ส่วนใหญ่ออกลกู เป็นไข่

กลุ่มสัตว์สะเทินน้า� สะเทินบกมลี ักษณะสา� คัญ ไดแ้ ก่
มผี วิ หนังเปยี กชืน้ ตลอดเวลา ไม่มขี น มีขา ๔ ขา อาศยั อยู่ไดท้ งั้ บนบกและในนา้�
กลุ่มสัตวเ์ ลอ้ื ยคลานมีลักษณะส�าคญั ไดแ้ ก่
มีผิวหนงั แห้ง ไม่มขี น มีเกล็ดคลมุ ทัว่ ตัว สว่ นใหญ่มขี า ๔ ขา
กลมุ่ นกมีลกั ษณะสา� คัญ ได้แก่
ผิวหนงั มขี น ทมี่ ลี ักษณะเป็นแผงปกคลุมรา่ งกาย มขี า ๑ คู่ มปี ีก ๑ คู่
กลมุ่ สตั วเ์ ล้ียงลูกดว้ ยน�้านมมลี กั ษณะส�าคัญ ได้แก่ ผิวหนงั มีขนท่ีมลี กั ษณะเป็น
เสน้ ปกคลมุ สว่ นใหญ่ ออกลกู เปน็ ตัว เลีย้ งลกู ดว้ ยน�้านม สว่ นใหญ่มขี า ๔ ขา

๕. จากกจิ กรรมนี้ สรุปได้วา่ อยา่ งไร

สัตว์แตล่ ะชนิดมลี กั ษณะบางอยา่ งเหมอื นกนั บางอยา่ งแตกตา่ งกัน เมอ่ื จา� แนก
สตั ว์ชนดิ ตา่ ง ๆ ออกเปน็ กลมุ่ สตั วท์ ีม่ ลี กั ษณะคล้ายกนั จัดไว้ในกลุ่มเดียวกนั
สตั วท์ มี่ ีลกั ษณะแตกต่างกันจัดไวต้ า่ งกลมุ่ กนั ซึง่ เม่ือใชก้ ารมกี ระดูกสนั หลงั
เป็นเกณฑจ์ ะจา� แนกสตั ว์ได้ ๒ กลุม่ คือ กลุ่มสัตวม์ ีกระดกู สนั หลังและ
กลมุ่ สตั วไ์ ม่มีกระดกู สันหลงั ในกล่มุ สตั วม์ ีกระดูกสันหลงั สามารถจา� แนก
ได้ ๕ กลมุ่ ไดแ้ ก่ ๑) กลมุ่ ปลา ๒) กลมุ่ สัตว์สะเทินน้า� สะเทนิ บก
๓) กลุ่มสตั วเ์ ล้อื ยคลาน ๔) กลมุ่ นก และ ๕) กลมุ่ สัตวเ์ ลย้ี งลกู ด้วยนา้� นม

๗๒ ชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (สำาหรบั ครูผสู้ อน) กลุ่มสาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ (ฉบับปรบั ปรงุ )

6102153L01c.indd 72 9/10/18 8:50 AM

ชื่อ-สกลุ เดือน ช้ัน เลขท่ี บ. ๑.๑ / ผ. ๑.๒- ๐๒
วันท่ี พ.ศ.

ใบงาน ๐๒ : แบบฝก หดั เร่อื งการจา� แนกสัตว์

ตอบคา� ถามตอ่ ไปนี้ใหถ้ กู ต้อง
ถา้ จา� แนกสตั วอ์ อกเป็น ๒ กลมุ่ ดงั รปู

สตั วก์ ลุ่ม ก.

ววั เสอื มา
สตั ว์กลุม่ ข.

ไก เปด นกยงู

ชุดการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรบั ครูผู้สอน) กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นที่ ๑ ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ (ฉบับปรบั ปรงุ ) ๗๓

6102153L01c.indd 73 9/10/18 8:50 AM

ชอื่ช-ือ่ ส-กสลุกุล เดเดือนือน ชั้นชัน้ เลเขลทขท่ี ่ี บ. ๑.๑ / ผ. ๑.๒- ๐๒
วนัวันทท่ี ี่ พพ.ศ.ศ. .

๑. ใชเ้ กณฑ์ใดในการแบ่งกล่มุ สตั วอ์ อกเปน็ กล่มุ ก. และกลุ่ม ข. เพราะเหตใุ ด

คา� ตอบมหี ลากหลายขน้ึ อยกู่ ับเกณฑ์ทใ่ี ช้ เชน่ ใช้การมีปกี เปน็ เกณฑ์ เพราะ

สงั เกตจาก กล่มุ ก ไมม่ ปี กี กล่มุ ข มีปีก หรอื ใช้การเลยี้ งลกู เป็นเกณฑ์ เพราะ

สัตวก์ ลุม่ ก จะเลีย้ งลกู ดว้ ยนา�้ นม สว่ นสตั ว์กลมุ่ ข ไม่ได้เลีย้ งลูกด้วยนา�้ นม

๒. กระดูกสันหลงั มีลกั ษณะอยา่ งไร

กระดกู สันหลงั มีลกั ษณะเป็นข้อ ๆ เรียงตอ่ กนั ทอดยาวไปตามล�าตัว
เป็นโครงรา่ งแข็งภายในรา่ งกายของสตั ว์ มีหน้าที่ช่วยค้�าจนุ ร่างกาย
และช่วยในการเคลือ่ นท่ี

๗๔ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (สาำ หรับครผู ู้สอน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ช้ันประถมศึกษาปที ่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรุง)

6102153L01c.indd 74 9/10/18 8:50 AM

๖๖

คำชแ้ี จงประกอบแผนจัดกำรเรยี นรู้ หนว่ ยกำรเรยี นรู้ที่ ๑

แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ที่ ๑.๓ กำรจำแนกพชื ดอก เวลำ ๓ ชั่วโมง

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

๑. สำระสำคญั ของแผน
พืชมหี ลำยชนิด เรำสำมำรถใช้กำรมีดอกของพืชมำเป็นเกณฑ์ในกำรจำ� แนกพืช ไดเ้ ปน็ พชื ดอก และพืช

ไมม่ ดี อก

๒. ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมในกำรนำไปใช้ (ให้ระบุสิ่งที่ต้องกำรเน้นหรือข้อสังเกต ข้อเสนอแนะ คำแนะนำ)
ในเร่ืองต่อไปน้ี คือ
๒.๑ ขอบข่ำยเนอื้ หำ
พืชมีหลายชนิด แต่ละชนิดประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ ทั้งที่เหมือนกันและแตกต่างกัน ซึ่งสามารถนามา
ใช้เปน็ เกณฑ์ในการจาแนก ถ้าใชก้ ารมีดอกเป็นเกณฑ์จะจาแนกพืชไดเ้ ป็น ๒ กลุม่ คือ กลุม่ พืชดอก และกล่มุ

พืชไมม่ ีดอก
๒.๒ จุดประสงคก์ ำรเรียนรู้ (ควำมรู้ ทกั ษะ คุณธรรม จริยธรรม ค่ำนยิ ม) (ถำ้ มี)

จุดประสงคด์ ้ำนควำมรู้
อธิบายการจาแนกพชื

จดุ ประสงค์ดำ้ นทกั ษะกระบวนกำรทำงวทิ ยำศำสตร์
๑. การสังเกต
๒. การจาแนกประเภท
๓. การลงความเหน็ จากข้อมูล

จดุ ประสงค์ด้ำนคุณธรรม
๑. มคี วามสามคั คี ชว่ ยเหลือในการทางานกล่มุ ร่วมกนั

๒. มวี ินยั

๓. มคี วามมุ่งมัน่ ในการทางาน

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (สาำ หรับครูผู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๔ (ฉบับปรับปรุง) ๗๕

6102153L01c.indd 75 9/10/18 8:50 AM

๖๗

๒.๓ กำรจดั กิจกรรมกำรเรยี นรู้
๑) กำรเตรียมตัวของครู นกั เรยี น (กำรจดั กลุ่ม) (ถำ้ มี)
การจัดกลุ่ม โดยแบง่ นกั เรียนออกเป็นกลุ่ม กลมุ่ ละ ๔–๕ คน
๒) กำรเตรยี มสอ่ื วัสดุอุปกรณ์ ของครู นกั เรียน (ถ้ำมี)
๒.๑ ต้นพืช ๓ ชนิด / หอ้ ง
๒.๒ บัตรรูปภาพพชื ๑ ชดุ /กล่มุ
๒.๓ ครูเตรยี มสารวจพชื ในโรงเรยี นไวล้ ว่ งหน้าเพอ่ื ให้นักเรียนไดไ้ ปสารวจ
๒.๔ ครูเตรียมแหลง่ การเรียนรูไ้ วล้ ่วงหนา้ เพ่ือให้นักเรยี นสืบคน้ ส่วนตา่ ง ๆ ของพชื ทีน่ ักเรียน
ไมส่ ามารถพบได้จากการสารวจ เช่น หนงั สือในหอ้ งสมุด เวบ็ ไซตต์ า่ ง ๆ สารานุกรม
๓) เตรยี มใบงำน ใบควำมรู้ ใบกจิ กรรม (ถำ้ มี)
๓.๑ ใบงาน ๐๑ ลกั ษณะของพืช
๓.๒ ใบงาน ๐๒ แบบฝึกหัด เรอ่ื งการจาแนกพชื

๒.๔ วดั ผลประเมินผล (ถำ้ มี)
๑) วธิ ีกำรวดั ผลประเมนิ ผลกำรเรยี นรู้
๑.๑ การตอบคาถามในใบงาน
๑.๒ สงั เกตทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรใ์ นการทากิจกรรม
๑.๓ สงั เกตดา้ นคณุ ธรรมขณะทากิจกรรม
๒) วิธกี ำร เครอ่ื งมือ เกณฑ์
๒.๑ เคร่ืองมือและเกณฑใ์ นกำรประเมินดำ้ นควำมรู้
ตรวจให้คะแนนจากการตอบคาถามในใบงาน แลว้ ใช้เกณฑ์ในการให้คะแนนดงั น้ี
- มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
- ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
- ตา่ กว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน
๒.๒ เคร่อื งมือและเกณฑใ์ นกำรประเมนิ ทักษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์
สังเกตทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ โดยใชแ้ บบประเมนิ ทกั ษะกระบวนการ
ทางวิทยาศาสตร์ (ดังแนบ) แลว้ นาคะแนนมารวมกนั แล้วใช้เกณฑ์ในการให้คะแนนดังนี้
- มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
- ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
- ต่ากวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน

๗๖ ชดุ การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ (สำาหรบั ครูผู้สอน) กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ (ฉบับปรบั ปรุง)

6102153L01c.indd 76 9/10/18 8:50 AM

๖๘

๒.๓) เคร่ืองมือและเกณฑ์ในกำรประเมนิ ด้ำนคุณธรรม
สงั เกตคุณลักษณะดา้ นคณุ ธรรมโดยใชแ้ บบประเมนิ ด้านคุณธรรม (ดังแนบ)

นาคะแนนมารวมกัน แลว้ ใช้เกณฑ์ในการให้คะแนน ดงั นี้
- มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
- ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
- ต่ากว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน

๓) กำรทดสอบก่อนเรยี น หลังเรยี น แบบฝกึ หดั กอ่ นเรียน หลังเรียน
ทาแบบฝึกหดั ในใบงานหลังเรียน

๓. อ่นื ๆ
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................

ชุดการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (สาำ หรับครผู สู้ อน) กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นที่ ๑ ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ ๔ (ฉบับปรบั ปรงุ ) ๗๗

6102153L01c.indd 77 9/10/18 8:51 AM

6102153L01c.indd 78 ๖๙

๗๘ ชดุ การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ (ฉบับปรับปรุง) แนวกำรจดั กจิ กรรมกำรเรียนรขู้ องแผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ท่ี ๑.๓

หนว่ ยกำรเรยี นรทู้ ่ี ๑ กำรจำแนกสิง่ มชี วี ิตรอบตัว เรอื่ ง กำรจำแนกพืชดอก เวลำ ๓ ช่ัวโมง
ชั้นประถมศึกษำปที ่ี ๔
กลมุ่ สำระกำรเรยี นรวู้ ิทยำศำสตร์ รำยวิชำวิทยำศำสตร์

ขั้นนำ แนวกำรจัดกิจกรรมกำรเรยี นรู้
ขัน้ สอน
ข้ันสรุป  ครนู าบตั รภาพพชื มาให้นกั เรียนจาแนกพืชออกเปน็ กลุ่ม ๆ โดยครใู ห้นกั เรยี นกาหนดเกณฑใ์ นการจาแนกพชื ตามความคดิ
กำรวัดและประเมนิ ผล ของนักเรียน

 เชื่อมโยงเพ่ือนาไปสู่การทาใบกจิ กรรมท่ี ๑ จาแนกพชื ได้อยา่ งไร นาเสนอและอภปิ ราย
 ทาใบงาน ๐๑ ลักษณะของพืช
 อภปิ รายและลงข้อสรปุ วา่ การจาแนกพชื โดยใช้การมีดอกเป็นเกณฑ์
 ทาใบงาน ๐๒ แบบฝึกหัด เร่ืองการจาแนกพชื
 ประเมนิ จากการตอบคาถาม
 ประเมินจากการทากิจกรรมในช้นั เรียน
 ประเมินจากการทาแบบฝึกหัด

9/10/18 8:51 AM

6102153L01c.indd 79 ๗๐

ชุดการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครูผู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๔ (ฉบับปรบั ปรุง) ๗๙ หน่วยกำรเรียนรูท้ ี่ ๑ กำรจำแนกส่ิงมชี ีวิตรอบตัว แผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ่ี ๑.๓ กำรจำแนกพชื ดอก เวลำ ๓ ชั่วโมง
กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์ หนว่ ยย่อยท่ี ๑ กำรจำแนกสงิ่ มชี วี ติ ชน้ั ประถมศึกษำปีท่ี ๔
รำยวิชำวทิ ยำศำสตร์
สือ่ / แหล่งเรียนรู้
ขอบเขตเนือ้ หำ กิจกรรมกำรเรยี นรู้ (๓ ชว่ั โมง) ๑. ตน้ พชื ๓ ชนิด
พืชมหี ลายชนดิ แต่ละชนิด ชว่ั โมงท่ี ๑-๒ ๒. บตั รภาพพชื
ขนั้ นา� (๑๐ นาที) ๓. พชื ในโรงเรียนหรอื ทบ่ี ้าน
ประกอบด้วยสว่ นต่าง ๆ ทงั้ ที่ ๑. ครตู รวจสอบความรู้เดมิ ของนักเรียนเก่ียวกับลักษณะของพชื ชนดิ ตา่ ง ๆ โดยครูนาต้นพชื มา ๓ ชนิดและ
เหมอื นกันและแตกต่างกนั ซึ่ง ภำระงำน / ชน้ิ งำน
สามารถน�ามาใช้เป็นเกณฑ์ในการ ร่วมกันอภิปรายว่าพืชทั้ง ๓ ชนิด มีลักษณะเหมือนหรือแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร (นักเรียนตอบตาม ๑. การบนั ทกึ ผลการทากิจกรรม
จา� แนก ถา้ ใชก้ ารมดี อกเปน็ เกณฑ์ ความเขา้ ใจของตนเอง)
จะจา� แนกพชื ไดเ้ ปน็ ๒ กลมุ่ คอื ในใบกจิ กรรม
กลมุ่ พชื ดอกและกลมุ่ พชื ไมม่ ดี อก จากนั้นครูตั้งคาถามให้นักเรียนคิดต่อไปว่าถ้าใช้ลักษณะต่าง ๆ ของพืชเป็นเกณฑ์ นักเรียนจะ ๒. การทาแบบฝกึ หัด
จาแนกพืชที่อย่ใู นธรรมชาติได้อยา่ งไร
จดุ ประสงคด์ ำ้ นควำมรู้
อธบิ ายการจาแนกพืช ขนั้ สอน (๑๐๐ นาที)
๒. ครูแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ ๔-๕ คน ให้นักเรียนทาใบกิจกรรมที่ ๑ เรื่องจาแนกพืชได้อย่างไร

หนา้ ๒๙ โดยครใู หน้ กั เรียนอ่านช่อื กจิ กรรมและจุดประสงคข์ องกิจกรรม แล้วครูถามคาถามดังนี้
๒.๑ กจิ กรรมนี้นักเรียนจะได้เรียนเร่ืองอะไร (การจาแนกพืชในบริเวณโรงเรียน)
๒.๒ นักเรยี นจะเรยี นเรือ่ งน้ีดว้ ยวิธีใด (การสงั เกตลักษณะต่าง ๆ ของพชื ในธรรมชาต)ิ
๒.๓ เมอ่ื เรยี นแลว้ นักเรียนจะทาอะไรได้ (จาแนกพืชในบริเวณโรงเรียนโดยใชเ้ กณฑท์ ่ีนักเรยี นสงั เกตได้

และเกณฑ์การมีดอก)
๓. ครใู ห้นกั เรียนอา่ นวิธที าในใบกจิ กรรมที่ ๑ จากนน้ั ตรวจสอบความเข้าใจข้นั ตอนการทากจิ กรรมจนแน่ใจ

วา่ นกั เรยี นสามารถทาได้

9/10/18 8:51 AM ข้นั สอน (๔๕ นาที)

6102153L01c.indd 80 ๗๑

๘๐ ชดุ การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ (ฉบับปรับปรุง) หน่วยกำรเรยี นรู้ที่ ๑ กำรจำแนกสงิ่ มชี วี ติ รอบตัว แผนกำรจดั กำรเรยี นร้ทู ี่ ๑.๓ กำรจำแนกพชื ดอก เวลำ ๓ ชว่ั โมง
กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้วิทยำศำสตร์ หน่วยย่อยที่ ๑ กำรจำแนกส่งิ มชี วี ติ ช้นั ประถมศกึ ษำปีท่ี ๔
รำยวชิ ำวทิ ยำศำสตร์

จุดประสงค์ดำ้ นทกั ษะ ๔. นักเรียนแต่ละกลุ่มสารวจพืช ๑๐ ชนิด ในบริเวณโรงเรียน สังเกตและบันทึกส่วนต่าง ๆ ของพืชลงใน วธิ ีกำรประเมิน
กระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ ใบงาน ๐๑ ลักษณะของพืช หนา้ ๓๐ ๑. การตอบคาถามในแบบฝกึ หัด
๑. การสังเกต ๒. สงั เกตทักษะกระบวนการทาง
๒. การจาแนกประเภท ๕. ในช่วงที่นักเรียนสารวจพืชชนิดต่าง ๆ แล้วพบว่าไม่มีดอก ครูแนะนาให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติม
๓. การลงความเหน็ จากข้อมลู เกี่ยวกบั ส่วนต่าง ๆ ของพชื ท่ีสารวจ บันทึกผล วทิ ยาศาสตรใ์ นการทากิจกรรม
๓. สังเกตดา้ นคณุ ธรรมขณะ
จุดประสงคด์ ้ำนคุณธรรม ๖. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มเตรยี มข้อมลู นาเสนอส่วนตา่ ง ๆ ของพืชท่ีสารวจในรูปแบบทน่ี า่ สนใจ
๑. มีความสามัคคี ชว่ ยเหลอื ๗. นกั เรยี นนาเสนอผลการสารวจและร่วมกันอภปิ รายลกั ษณะที่เหมอื นและแตกต่างกนั ของพชื ชนิดตา่ ง ๆ ทากจิ กรรม

ในการทางานกล่มุ รว่ มกัน ขนั้ สรุป (๑๐ นาท)ี
๒. มีวินยั ๘. ครูและนกั เรียนรว่ มกันสรุปวา่ พืชทสี่ ารวจมลี ักษณะบางอย่างเหมือนกันและบางอยา่ งแตกต่างกนั
๓. มคี วามมงุ่ มั่นในการทำงาน ชั่วโมงที่ ๓
ขั้นน�า (๑๐ นาท)ี
๙. ครูตรวจสอบความรู้เดิมของนักเรียนเก่ียวกับการจาแนกพืช โดยครูนาบัตรภาพพืชมาให้นักเรียนแต่ละ

กลุ่มสังเกตแล้วนาอภิปรายว่า ถ้านักเรียนต้องการจาแนกพืชในบัตรภาพออกเป็นกลุ่ม ๆ นักเรียนจะ
จาแนกพืชออกเป็นก่ีกลุ่ม อะไรบ้าง (คาตอบข้ึนอยู่กับเกณฑ์ของนักเรียนที่ใช้ในการจาแนก เช่น ใช้
แหล่งที่พืชอาศัยอยู่เป็นเกณฑ์ จะจาแนกได้เป็น ๒ กลุ่ม คือ พืชบกและพืชน้า ถ้าใช้ลักษณะของลาต้น
เป็นเกณฑ์ อาจจะจาแนกได้เป็น ๒ กลุ่ม คือ พืชที่มีลาต้นต้ังตรงและลาต้นเล้ือย หรือถ้าใช้การมีดอก
เปน็ เกณฑ์ กจ็ ะจาแนกพืชได้เปน็ ๒ กลุ่ม คอื พชื ดอกและพืชไมม่ ีดอก)

9/10/18 8:51 AM

6102153L01c.indd 81 ๗๒

ชุดการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครูผู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๔ (ฉบับปรบั ปรุง) ๘๑ หน่วยกำรเรยี นรทู้ ่ี ๑ กำรจำแนกสงิ่ มชี วี ิตรอบตัว แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ท่ี ๑.๓ กำรจำแนกพืชดอก เวลำ ๓ ชั่วโมง
กลุ่มสำระกำรเรียนรวู้ ิทยำศำสตร์ หน่วยย่อยท่ี ๑ กำรจำแนกส่งิ มีชีวติ ชัน้ ประถมศึกษำปที ี่ ๔
รำยวชิ ำวทิ ยำศำสตร์
เกณฑ์กำรประเมนิ
ข้ันสอน (๔๐ นาที) ๑. การตอบคาถามในแบบฝึกหดั

๑๐. ครูชักชวนนักเรียนทาใบกิจกรรมที่ ๑ ข้อ ๓ หน้า ๒๙ โดยให้นักเรียนกาหนดเกณฑ์และจาแนกพืช ได้ถูกต้องดว้ ยตนเอง
ออกเป็นกลุ่มตามความคดิ ของกลมุ่ และบันทึกผล ลงในใบงานหหน้า ๓๒ - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
- ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
๑๑. นักเรียนนาเสนอผลการจาแนกพืชตามเกณฑ์ของกลมุ่ - ต่ากวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน
๑๒. ครใู ห้นกั เรยี นจาแนกพืชอีกครั้งโดยใช้การมดี อกเปน็ เกณฑ์ บนั ทึกผลลงในใบงาน ๐๑ หนา้ ๓๒ ๒. มีทักษะกระบวนการทาง
๑๓. ครูและนักเรียนรว่ มกันอภปิ รายโดยใชค้ าถามดงั ต่อไปนี้
วิทยาศาสตรข์ ณะทากจิ กรรม
๑๓.๑ พืชทน่ี ักเรยี นสารวจมอี ะไรบา้ ง (นักเรียนตอบตามท่ีสารวจ) - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
๑๓.๒ พชื ชนดิ ตา่ ง ๆ ท่สี ารวจไดม้ ีสว่ นใดบา้ งทีเ่ หมือนกัน (ราก ลาต้น ใบ) - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
๑๓.๓ พืชชนดิ ต่าง ๆ ท่สี ารวจได้มสี ว่ นใดบ้างที่ไม่เหมือนกัน (ดอก) - ตา่ กวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน
๑๓.๔ ในการจาแนกพืชโดยใช้เกณฑ์ที่กลุ่มกาหนดกับเกณฑ์การมีดอกเหมือนกันหรือไม่ อย่างไร ๓. มีคุณลักษณะดา้ นคณุ ธรรม
- มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
(นักเรียนตอบตามผลการทากจิ กรรม) - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
๑๓.๕ เมอ่ื ใชก้ ารมดี อกเปน็ เกณฑ์ นกั เรยี นจาแนกพชื ไดก้ ก่ี ลมุ่ อะไรบา้ ง และแตล่ ะกลมุ่ มีพชื ชนดิ ใดบา้ ง - ตา่ กวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน

(จาแนกได้ ๒ กลุ่ม คือ พืชดอกและพืชไม่มีดอก กลุ่มพืชดอก เช่น มะม่วง ลาไย กุหลาบ มะลิ
ถั่ว พริก กลุ่มพืชไม่มีดอก เช่น เฟนิ มอส ตะไคร่น้า)
๑๔. นักเรียนตอบคาถามหลงั จากทากิจกรรม หน้า ๓๔ ซ่งึ อาจใหท้ าเปน็ การบ้าน
ขั้นสรปุ (๑๐ นาที)
๑๕. ครแู ละนักเรียนร่วมกันอภปิ รายเพอ่ื ลงข้อสรุปเม่ือใช้การมดี อกเปน็ เกณฑจ์ ะจาแนกพืชไดเ้ ป็น ๒ กลุ่ม
คือ กลมุ่ พชื ดอกและกล่มุ พืชไม่มีดอก
๑๖. ครูใหน้ ักเรยี นทาใบงาน ๐๒ แบบฝกึ หดั เร่อื งการจาแนกพชื หนา้ ๓๕

9/10/18 8:51 AM

6102153L01c.indd 82 9/10/18 8:51 AM

สื่อประกอบการจดั การเรยี นการสอน
เรอื่ ง การจ�ำ แนกพืชดอก

6102153L01c.indd 83 9/10/18 8:51 AM

6102153L01c.indd 84 9/10/18 8:51 AM

๗๔

บัตรภำพพชื

ทานตะวัน หงอนไก่

ชายผา้ สีดา ชวนชม

ชุดการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครูผูส้ อน) กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) ๘๕

6102153L01c.indd 85 9/10/18 8:51 AM

๗๕

บตั รภำพพืช

บวั สาย จอกผักกาด
ผักแวน่ อญั ชัน

เฟนิ ใบมะขาม ผกั บงุ้

๘๖ ชุดการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (สาำ หรับครผู ู้สอน) กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๔ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

6102153L01c.indd 86 9/10/18 8:51 AM

๗๖

แบบประเมินด้ำนคณุ ธรรม
แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ท่ี ๑.๓ กำรจำแนกพืชดอก

ช่อื ผู้ประเมนิ /กลุ่มประเมนิ ……………………………………………………………………………………………………….……..
ชอ่ื กลุ่มรบั กำรประเมิน…………………………………………………………………………………………………………………….
ประเมินผลครั้งท…่ี ……………….... วนั ……………..……... เดอื น ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………...........
เร่อื ง……………………………………………………………………………………………………………………………………………….

ที่ ลักษณะ/พฤติกรรมบ่งช้ี ระดบั พฤติกรรม คะแนนทไ่ี ด้
เกิด = ๑ ไม่เกดิ = ๐

๑. มคี วามสามัคคี ชว่ ยเหลือในการทางานกล่มุ ร่วมกัน

๒. มวี ินัย

๓. มีความมุ่งม่ันในการทางาน

รวมคะแนนท่ีได้ท้งั หมด = …………… คะแนน

คุณลักษณะตามจดุ ประสงคด์ ้านคุณธรรม
- มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
- ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
- ตา่ กวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน

ชุดการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ (สำาหรับครูผู้สอน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ ) ๘๗

6102153L01c.indd 87 9/10/18 8:51 AM

๗๗

แบบประเมินด้ำนทกั ษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ในกำรทำกิจกรรม
แผนกำรจัดกำรเรยี นร้ทู ี่ ๑.๓ กำรจำแนกพืชดอก

เกณฑ์กำรประเมนิ มดี ังน้ี ๒ หมายถงึ พอใช้ ๑ หมายถึง ควรปรบั ปรุง
๓ หมายถงึ ดี คะแนน

ส่งิ ท่ปี ระเมนิ รวมคะแนน
การสงั เกต
การจาแนกประเภท
การลงความเห็นจากขอ้ มูล

เกณฑก์ ำรประเมนิ

ทกั ษะ ระดบั ควำมสำมำรถ

กระบวนกำร

ทำง ดี (๓) พอใช้ (๒) ควรปรบั ปรุง (๑)

วิทยำศำสตร์

การสงั เกต ใช้ประสาทสัมผัสในการ ใช้ประสาทสัมผัสในการ ไมส่ ำมำรถใชป้ ระสาทสมั ผัส

รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ รวบรวมข้อมูลเก่ียวกับ ใ น ก า ร ร ว บ ร ว ม ข้ อ มู ล

ลักษณะของพชื ไดด้ ้วยตนเอง ลักษณะของพืชได้ โดย เกี่ยวกับลักษณะของพืชได้

โดยไม่เพิม่ เตมิ ความคิดเหน็ กำรชี้แนะของครูหรือ ถึงแมจ้ ะได้รับคาแนะนาจาก

ผูอ้ นื่ ครูหรือผู้อืน่

การจาแนก สามารถจาแนกพืชออกเปน็ ส า ม า ร ถ จ า แ น ก พื ช ไ ม่ ส ำ ม ำ ร ถ จ า แ น ก พื ช

ประเภท ๒ กลุ่ม คอื พชื ดอกกับพืช ออกเป็น ๒ กลุ่ม คือ พืชดอก ออกเปน็ ๒ กลุ่ม คือ พชื ดอก

ไม่มีดอก ได้อย่างถูกต้อง กับพืชไม่มีดอก ได้อย่าง กับพืชไม่มีดอก ได้อย่าง

โดยใช้ข้อมูลจากการสังเกต ถูกต้อง โดยใช้ ข้อมูลจาก ถกู ต้อง โดยใชข้ ้อมลู จากการ

และการสืบคืนข้อมูลได้ การสังเกตและการสืบคืน สังเกตและการสืบคืนข้อมูล

ดว้ ยตนเอง ข้อมูลได้ โดยการชี้แนะ ได้ ถึงแม้จะได้รับคาแนะนา

ของครูหรือผ้อู น่ื จากครูหรอื ผู้อืน่

๘๘ ชุดการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ (สาำ หรบั ครูผู้สอน) กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ (ฉบับปรบั ปรุง)

6102153L01c.indd 88 9/10/18 8:52 AM

๗๘

ทักษะ ระดับควำมสำมำรถ
กระบวนกำร
ดี (๓) พอใช้ (๒) ควรปรับปรงุ (๑)
ทำง
วทิ ยำศำสตร์ แสดงความเห็นเกี่ยวกับ แสดงความเห็นเกี่ยวกับ ไม่สามารถแสดงความเห็น

การลงความเหน็ เกณฑ์ที่ใช้ในการจาแนกพชื เกณฑ์ที่ใช้ในการจาแนก เกี่ยวกับเกณฑ์ที่ใช้ในการ

จากข้อมูล

ชนดิ ตา่ ง ๆ ได้อยา่ งมีเหตุผล พืชชนิดต่าง ๆ ได้อย่างมี จาแนกพืชชนิดต่าง ๆ ได้

โ ด ย อ า ศั ย ค ว า ม รู้ แ ล ะ เหตุผล โดยกำรชี้แนะ อยา่ งมีเหตุผล ถงึ แมจ้ ะได้รับ

ประสบการณ์เดิมได้ด้วย ของครหู รือผอู้ ืน่ คาแนะนาจากครูหรอื ผอู้ นื่

ตนเอง

ชุดการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (สาำ หรบั ครูผูส้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๔ (ฉบับปรบั ปรงุ ) ๘๙

6102153L01c.indd 89 9/10/18 8:52 AM

6102153L01c.indd 90 9/10/18 8:52 AM


Click to View FlipBook Version