The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by pepo.nontawat, 2022-09-08 12:22:21

เเผนการ สอน วิทยาศาสตร์ฯ ป.4 สื่อ 60 พรรษา

Keywords: เเผนการ สอน วิทยาศาสตร์ฯ ป.4 สื่อ 60 พรรษา

๒๙๑

๒) วิธีกำร เครอ่ื งมอื เกณฑ์
๒.๑ เครอื่ งมือและเกณฑ์ในกำรประเมินด้ำนควำมรู้
ตรวจให้คะแนนจากการตอบคาถามในใบงาน แล้วใช้เกณฑ์ในการให้คะแนนดังนี้
- มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
- ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
- ต่ากวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน
๒.๒ เครอื่ งมอื และเกณฑ์ในกำรประเมนิ ทักษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์
สังเกตทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้แบบประเมินทกั ษะกระบวนการ
ทางวทิ ยาศาสตร์ (ดงั แนบ) แล้วนาคะแนนมารวมกัน แลว้ ใช้เกณฑ์
ในการใหค้ ะแนน ดงั นี้
- มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
- ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
- ต่ากวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน
๒.๓ เครื่องมอื และเกณฑ์ในกำรประเมินดำ้ นคณุ ธรรม
สงั เกตคุณลักษณะด้านคณุ ธรรมโดยใช้แบบประเมินดา้ นคุณธรรม (ดังแนบ)
นาคะแนนมารวมกนั แล้วใชเ้ กณฑใ์ นการใหค้ ะแนนดังนี้
- มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
- ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
- ตา่ กว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน

๓) กำรทดสอบกอ่ นเรยี น หลงั เรยี น แบบฝกึ หัด ก่อนเรยี น หลังเรียน
ทาแบบฝกึ หดั ในใบงานหลงั เรียน

๓. อ่นื ๆ
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................

ชุดการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (สำาหรบั ครผู ้สู อน) กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๔ (ฉบบั ปรับปรุง) ๓๔๑

6102153L01c.indd 341 9/10/18 9:20 AM

6102153L01c.indd 342 ๓๔๒ ชดุ การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรุง) หน่วยกำรเรียนรูท้ ่ี ๕ วัสดแุ ละสสำร แนวกำรจดั กิจกรรมการเรียนรขู้ องแผนกำรจดั กำรเรียนรู้ที่ ๑.๓ ๒๙๒
กลุม่ สำระกำรเรยี นร้วู ิทยำศำสตร์ เรอ่ื ง สภำพยืดหยุน่ ของวัสดรุ อบตัว
รำยวชิ ำวิทยำศำสตร์ เวลำ ๓ ช่วั โมง
ชน้ั ประถมศึกษำปีท่ี ๔

แนวกำรจดั กจิ กรรมกำรเรยี นรู้

ขัน้ นำ  ทาหนังยางยงิ กระดาษ และตอบคาถาม
ขน้ั สอน
ข้นั สรุป  ปฏิบัตกิ จิ กรรมดว้ ยกนั เปน็ กลุ่ม กิจกรรมที่ ๑ ตรวจสอบสมบัติสภาพยดื หยุ่นของวสั ดุได้อย่างไร
กำรวัดและประเมนิ ผล  ทากิจกรรมท่ี ๒ การนาสมบตั ิสภาพหยดื หยุ่นของวัสดใุ ชท้ าประโยชนอ์ ะไรไดบ้ ้าง
 นาเสนอ และอภิปรายผลการทดลอง
 ร่วมกนั อภิปรายและลงข้อสรุปเกี่ยวกบั สภาพยืดหยุน่ ของวัสดุรอบตัว
 ทาใบงาน ๐๓ แบบฝึกหดั เรื่องสภาพยดื หยุ่นของวัสดุ
 ประเมินจากการตอบคาถาม
 ประเมนิ จากการทากิจกรรมในชัน้ เรียน
 ประเมินจากการทาแบบฝกึ หัด

9/10/18 9:20 AM

6102153L01c.indd 343 ๒๙๓

ชุดการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๔ (ฉบบั ปรบั ปรุง) ๓๔๓ หนว่ ยกำรเรียนรูท้ ี่ ๕ วสั ดแุ ละสสำร แผนกำรจัดกำรเรยี นรูท้ ี่ ๑.๓ สภำพยดื หยุ่นของวัสดุรอบตวั เวลำ ๓ ชวั่ โมง
กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วทิ ยำศำสตร์ หนว่ ยย่อยท่ี ๑ สมบตั ิทำงกำยภำพของวัสดุ ช้ันประถมศึกษำปีที่ ๔

รำยวชิ ำวิทยำศำสตร์

ขอบเขตเนื้อหำ กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ (๓ ชั่วโมง) ส่อื / แหลง่ เรียนรู้
สภาพยืดหยุ่นเป็นสมบัติของ ช่ัวโมงที่ ๑-๒
ขั้นนำ (๕ นำท)ี ๑. เสน้ เอน็
วั ส ดุ ซ่ึ ง ส า ม า ร ถ เ ป ล่ี ย น แ ป ล ง ๑. ครูน�าเข้าสู่บทเรียนโดยน�ายางรัดของที่ท�าจากยางพารามาให้นักเรียนท�าเป็นหนังยางยิงกระดาษ ๒. เส้นเอ็นยืด
รูปร่างหรือความยาวได้เมื่อมีแรง ๓. ไม้เมตร
ก ร ะ ท า แ ล ะ ส า ม า ร ถ ก ลั บ คื น สู่ และให้นักเรยี นลองเล่น จากน้นั ครถู ามคา� ถามเพอื่ ตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนเก่ยี วกับสภาพ ๔. ไม้บรรทัด
รูปร่างหรือคว ามยาว เดิ ม ไ ด้ ยดื หยนุ่ ของวสั ดุ เชน่ ๕. ตมุ้ เหลก็ หรอื วัสดุอน่ื ทีม่ ี
หลังจากหยุดออกแรงกระทาต่อ ๑.๑ ในการทา� หนงั ยางเพอื่ ใชย้ งิ ลกู กระดาษ จะเลอื กใชย้ างเพราะเหตใุ ด (นกั เรยี นตอบไดต้ ามความ
วัสดุน้ัน มนุษย์สามารถนาความรู้ น้าหนกั และมีขนาดเท่า ๆ กัน
เร่ืองสภาพยืดหยุ่นของวัสดุมา เข้าใจ แนวคา� ตอบท่ีถกู ตอ้ ง คือ เลอื กใช้ยางทที่ �าจากยางพาราเพราะสามารถยงิ ลกู กระดาษ
ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวัน เช่น ไปไดไ้ กล และยืดไดม้ ากและกลบั ส่สู ภาพเดิมได้) ๖. ขอเก่ียว
การผลิตยางในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ๗. นาฬกิ าจบั เวลา
ตกุ๊ ตายาง ยางรถยนต์ ๑.๒ สงิ่ ของรอบตัวเรา วัสดุใดทม่ี ีสภาพยืดหย่นุ บา้ ง ๘. ถงุ พลาสติกหูห้ิว
(นักเรยี นตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง เช่น ยางยดื ฟองนา้ ฯลฯ) ๙. ยางรดั ของ

จุดประสงค์ด้ำนควำมรู้ ข้นั สอน (๑๐๐ นำที)
๑. อธิบายเกี่ยวกับสภาพยืดหยุ่น ๒. ครูชักชวนนักเรียนทากิจกรรมที่ ๑ ตรวจสอบสมบัติสภาพยืดหยุ่นของวัสดุได้อย่างไร โดยครูนา

ของวสั ดุบางชนดิ เสน้ เอ็น เสน้ เอน็ ยืด มาใหน้ กั เรยี นดู แล้วอาจถามนกั เรียนว่า
๒. อธิบายการนาความรู้เร่ือง ๒.๑ วสั ดเุ หลา่ นม้ี สี ภาพยดื หยนุ หรอื ไม่ ทราบไดอ้ ยา่ งไร (นกั เรยี นตอบไดต้ ามความเขา้ ใจของตนเอง

สภาพยืดหยุ่นของวัสดุไปใช้ใน ซึ่งอาจตอบว่า วัสดุมีทั้งวัสดุที่มีสภาพยืดหยุ่นและไม่ยืดหยุ่น ทราบได้โดยใช้การดึง การบีบ
ชีวติ ประจาวัน หรอื การกระแทก แล้ววัสดสุ ามารถคนื สู่สภาพเดิมหรอื สภาพใกล้เคียงได้เม่ือหยดุ กระทา)

9/10/18 9:20 AM

6102153L01c.indd 344 ๒๙๔

๓๔๔ ชดุ การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรุง) หน่วยกำรเรียนรูท้ ่ี ๕ วัสดแุ ละสสำร แผนกำรจัดกำรเรยี นรูท้ ี่ ๑.๓ สภำพยดื หยนุ่ ของวัสดุรอบตัว เวลำ ๓ ชั่วโมง
กลุ่มสำระกำรเรียนรูว้ ิทยำศำสตร์ หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๑ สมบตั ทิ ำงกำยภำพของวัสดุ ชัน้ ประถมศกึ ษำปีที่ ๔

รำยวิชำวิทยำศำสตร์

จุดประสงคด์ ำ้ นทักษะ ๒.๒ ถ้าอยากทราบวา่ เส้นเอ็นและเส้นเอ็นยืด วัสดชุ นิดใดมีสภาพยืดหยุ่นมาก วัสดุชนดิ ใดมีสภาพ ภำระงำน / ชน้ิ งำน
กระบวนกำรทำงวทิ ยำศำสตร์ ยืดหยุ่นน้อย จะใช้วิธีการใดในการตรวจสอบเพื่อให้ได้คาตอบ (นักเรียนตอบได้ตามความคิด ๑. การตอบคาถาม
๑. การสงั เกต ของตนเอง)
๒. การลงความเหน็ จากข้อมลู ๒. การบันทึกผลการทำกจิ กรรม
๓. การทดลอง ๓. ครจู ดบันทึกคาตอบของนักเรียนไว้ จากนัน้ ครูเชื่อมโยงเข้าสกู่ ิจกรรม แล้วชกั ชวนนักเรยี นวา่ เมอ่ื เรา
๔. การตัง้ สมมติฐาน ได้เรียนรู้และทากิจกรรมที่ ๑ ตรวจสอบสมบัติสภาพยืดหยุ่นของวัสดุได้อย่างไร เราจะกลับมาตอบ ในใบกจิ กรรม
๕. การกาหนดและควบคมุ ตวั แปร คาถามเหล่าน้รี ่วมกนั อีกคร้ัง
๖. การตคี วามหมายข้อมูลและ ๓. การทาแบบฝึกหดั
๔. ครูแบง่ กลุ่มนกั เรยี นเปน็ กล่มุ กลมุ่ ละ ๓-๔ คน ให้นกั เรียนทาใบกิจกรรมท่ี ๑ เรือ่ ง ตรวจสอบสมบัติ
ลงข้อสรุป สภาพยืดหยุ่นของวัสดุอย่างไร หน้า ๑๓๖ โดยครูให้นักเรียนอ่านวิธีทากิจกรรมแล้วครูถามคาถาม
กอ่ นทากิจกรรมดงั นี้
จดุ ประสงคด์ ้ำนคุณธรรม ๔.๑ กิจกรรมน้ีนักเรยี นจะได้เรียนเร่อื งอะไร (สภาพยืดหยนุ่ ของวัสดุรอบตวั )
๑. มีความมุ่งม่ันในการทางาน ๔.๒ นักเรียนจะเรียนเรอ่ื งน้ดี ้วยวธิ ใี ด (สังเกตและทดลอง)
๒. มคี วามซอื่ สัตยต์ ่อตนเอง ๔.๓ เมื่อเรยี นแล้วนักเรียนจะทาอะไรได้ (อธิบายเกี่ยวกบั สภาพยืดหย่นุ ของวัสดบุ างชนิดได้)
๓. ใฝ่เรยี นรู้
๔. มคี วามสามัคคี ช่วยเหลือ ๕. ครู ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มอ่านใบกิจกรรมที่ ๑ ตรวจสอบสมบัติสภาพยืดหยุ่นของวัสดุได้อย่างไร
แล้วร่วมกนั อภปิ ราย ศกึ ษาวธิ ีการทากจิ กรรมจนเข้าใจ โดยครอู าจใชค้ าถาม ดังน้ี
ในการทางานกลุ่มรว่ มกนั ๕.๑ กจิ กรรมนม้ี ีวธิ กี ารตรวจสอบความยืดหยุ่นอยา่ งไร (ตรวจสอบโดยการนาตุ้มเหล็กมาแขวน
ดา้ นล่างเสน้ เอ็นและเสน้ เอน็ ยืด)
๕.๒ ถา้ นาตุ้มเหลก็ มาแขวนท่เี สน้ เอน็ และเส้นเอด็ ยดื สิง่ ทนี่ กั เรียนต้องสังเกตและจดบันทกึ คืออะไร
(การเปลี่ยนแปลงของเส้นเอ็นและเสน้ เอน็ ยืด ขณะแขวนและหลังแขวนด้วยตุ้มเหล็ก)

9/10/18 9:20 AM

6102153L01c.indd 345 ๒๙๕

ชุดการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๔ (ฉบบั ปรบั ปรุง) ๓๔๕ หน่วยกำรเรียนรทู้ ี่ ๕ วัสดแุ ละสสำร แผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ่ี ๑.๓ สภำพยืดหยุน่ ของวสั ดุรอบตัว เวลำ ๓ ช่วั โมง
กล่มุ สำระกำรเรยี นรวู้ ทิ ยำศำสตร์ หนว่ ยยอ่ ยที่ ๑ สมบตั ิทำงกำยภำพของวัสดุ ชนั้ ประถมศึกษำปที ี่ ๔

รำยวิชำวิทยำศำสตร์

๕.๓ นักเรียนคิดว่าการเปลี่ยนแปลงของเส้นเอ็นและเส้นเอ็นยืดเกี่ยวข้องกับสภาพยืดหยุ่นของวัสดุ วิธกี ำรประเมนิ

อย่างไร (นักเรียนอาจตอบได้หลากหลายตามความคิดของตนเอง ครูรับฟังและเปิดโอกาสให้ ๑. การตอบคาถามใน
นกั เรียนได้ตอบคาถาม)
แบบฝึกหัด
(แนวคาตอบในประเด็นนี้ที่ครูควรรู้แต่ยังไม่ต้องเฉลยให้กับนักเรียนคือ ถ้าวัสดุมีสภาพยืดหยุ่นมาก ๒. สงั เกตทักษะกระบวนการ
จะรบั น้าหนกั ไดม้ ากและสามารถคนื สภาพเดิมหรอื สภาพใกล้เคยี งหลงั จากหยุดการกระทาได)้
ทางวิทยาศาสตร/์ ดา้ น
๖. ครใู ห้นกั เรยี นคาดคะเนคาตอบว่าถา้ เพิม่ ตุ้มน้าหนกั ขึ้นเร่ือย ๆ น่าจะมีผลต่อเสน้ เอ็นและเสน้ เอ็นยืด คุณธรรมในการทากจิ กรรม
หรือไม่ อย่างไร และเมื่อนาตุ้มน้าหนักออก จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกหรือไม่ อยา่ งไร
๓. สงั เกตพฤติกรรมการทางาน
(นักเรียนอาจตอบไดห้ ลากหลายตามความคดิ และมขี ้อมูลสาหรับการต้งั สมมตฐิ าน)
กล่มุ
๗. ครแู ละนักเรยี นร่วมกันอภปิ รายการต้งั สมมติฐาน และการควบคมุ ตัวแปรในการทดลองนี้
เกณฑก์ ำรประเมิน
(สมมติฐานของนักเรียนอาจแตกต่างกัน ส่วนตัวแปรที่นักเรียนจะต้องระบุได้คือ ตัวแปรต้น-ชนิด ๑. การตอบคาถามใน
ของวัสดุ ตัวแปรตาม-ความยาวของวัสดุหลงั แขวน ตวั แปรทตี่ อ้ งควบคมุ ให้คงท่ี-ความยาวของวสั ดุ แบบฝึกหัดได้ถกู ต้องด้วย
ขนาดของวัสดุ น้าหนกั ที่กระทาตอ่ วสั ดุ)
ตนเอง
๘. นักเรียนทุกกลุ่มลงมือปฏิบัติกิจกรรม โดยปฏิบัติตามใบกิจกรรม ๐๑ สมบัติสภาพยืดหยุ่นของวสั ดุ - มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
และบันทึกผลที่ได้ลงในใบงาน ๐๑ หน้า ๑๓๘ ขณะท่ีนักเรียนปฏิบัติกิจกรรมครูคอยดูแลอย่าง - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
ใกล้ชิด และใหป้ ระธานกล่มุ ดูแลการปฏิบัตกิ จิ กรรมของสมาชกิ ภายในกลมุ่
- ตา่ กว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน
๙. นักเรยี นแต่ละกลุ่มนาเสนอผลและใหน้ ักเรียนอภิปรายหนา้ ช้ันเรียน จากนั้นครแู ละนักเรียนร่วมกัน๒.

อภปิ รายโดยครอู าจใช้คาถามดงั น้ี

9/10/18 9:20 AM

6102153L01c.indd 346 ๒๙๖

๓๔๖ ชดุ การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรุง) หนว่ ยกำรเรียนรู้ท่ี ๕ วัสดุและสสำร แผนกำรจัดกำรเรยี นรทู้ ี่ ๑.๓ สภำพยืดหย่นุ ของวสั ดุรอบตวั เวลำ ๓ ชั่วโมง
กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์ หนว่ ยยอ่ ยที่ ๑ สมบตั ทิ ำงกำยภำพของวัสดุ ช้ันประถมศกึ ษำปที ี่ ๔

รำยวิชำวิทยำศำสตร์

๙.๑ จากการทดลองได้ผลเป็นอย่างไร เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น (เมื่อออกแรงกระทาโดยนาตุ้ม ๒. มีทักษะกระบวนการทาง

เหล็กมาแขวนจานวนเพิ่มข้นึ จะทาให้ความยาวของเส้นเอ็นและเสน้ เอน็ ยืดเพิ่มขน้ึ แต่เม่ือนา วิทยาศาสตร์

ตุ้มเหล็กออก ซึ่งเป็นการหยุดออกแรงกระทา ความยาวของเส้นเอ็นคงเดิม แต่ความยาวของ - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน

เส้นเอ็นยดื เปลยี่ นแปลงไป) - ๕๐% - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน

๙.๒ ถ้าวัสดุเปลี่ยนแปลงไปแล้วกลับคืนสภาพเดิมได้ เมื่อหยุดแรงกระทาต่อวัสดุ ถือว่ามีสภาพ - ตา่ กวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน

ยืดหย่นุ ในการทดลองน้วี ัสดใุ ดมีสภาพยดื หย่นุ (เสน้ เอน็ ) ๓.
ขัน้ สรุป (๑๕ นำท)ี
๓. มีคุณลักษณะดา้ นคณุ ธรรม

๑๐. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ ผลการทากจิ กรรมวา่ วสั ดทุ ม่ี สี ภาพยดื หยนุ่ คือ วสั ดทุ ถ่ี ูกแรงมากระทำ - มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน

แล้วเปลี่ยนรูปร่างหรือขนาด แต่เมื่อหยุดออกแรงกระทาจะกลับคืนสู่สภาพเดิม วัสดุที่ไม่มีสภาพ - ๕๐% - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
ยืดหยุ่น คือ วัสดุที่ถูกแรงมากระทาแล้วเปลี่ยนรูปร่างหรือขนาด แต่เมื่อหยุดออกแรงกระทาแล้ว - ตา่ กวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน

ไม่กลบั คืนสภาพเดมิ

๑๑. นักเรียนตอบคาถามในใบงาน ๐๑ สมบตั ิสภาพยดื หยุน่ ของวัสดุ หนา้ ๑๓๘-๑๓๙

ชวั่ โมงที่ ๓
ขั้นนำ (๕ นำที)
๑๒. ครูทบทวนผลที่ได้จากกิจกรรมที่ ๑ ตรวจสอบสมบัติสภาพยืดหยุ่นได้อย่างไร โดยครูถามว่า

เราตรวจสอบวา่ วัสดุมสี ภาพหยดื หย่นุ ไดอ้ ย่างไร

9/10/18 9:21 AM

6102153L01c.indd 347 ชุดการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๔ (ฉบบั ปรบั ปรุง) ๓๔๗

หน่วยกำรเรียนรทู้ ี่ ๕ วัสดุและสสำร แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ที่ ๑.๓ สภำพยืดหยนุ่ ของวสั ดรุ อบตวั เวลำ ๓ ชว่ั โมง
กลุ่มสำระกำรเรยี นรูว้ ิทยำศำสตร์ หนว่ ยยอ่ ยที่ ๑ สมบตั ทิ ำงกำยภำพของวัสดุ ช้ันประถมศึกษำปที ี่ ๔

รำยวชิ ำวิทยำศำสตร์

ข้นั สอน (๕๐ นำที)
๑๓. ครูชักชวนนักเรียนทาใบกิจกรรมที่ ๒ การนาสมบัติสภาพยืดหยุ่นของวัสดุใช้ทาประโยชน์

อะไรบา้ ง หนา้ ๑๔๐ โดยให้นักเรยี นอา่ น ช่ือกจิ กรรม จุดประสงค์ โดยครใู ช้คาถามดงั ตอ่ ไปนี้
๑๓.๑ กจิ กรรมนน้ี กั เรียนจะได้เรยี นเร่ืองอะไร (การนาสมบัตสิ ภาพยดื หย่นุ ของวสั ดุใช้ทา

ประโยชนอ์ ะไรบา้ )ง
๑๓.๒ นกั เรยี นจะเรยี นเร่อื งน้ีดว้ ยวธิ ใี ด (สงั เกตและทดลอง)
๑๓.๓ เมอื่ เรยี นแลว้ นกั เรยี นจะทาอะไรได้ (อธิบายเก่ยี วกบั สมบัตสิ ภาพยดื หยุ่นของวัสดุบางชนิด

ที่นาไปใช้ในชีวิตประจาวนั )
๑๔. ครูยกตัวอย่างของเล่น เช่น ลูกโป่ง กลอง ของใช้ เช่น ถุงเท้า โฟมหุ้มผลไม้ ให้นักเรียนร่วมกัน

พิจารณาว่ามีสภาพยืดหยุ่นหรือไม่ บันทึกผลลงในใบงาน ๐๒ เพื่อเป็นตัวอย่างในการทาใบงาน
๐๒
๑๕ . ครูแจกใบกิจกรรมที่ ๒ การนาสมบัติสภาพยืดหยุ่นของวัสดุใช้ทาประโยชน์อะไรบ้าง ให้นักเรียน
แต่ละกลมุ่ ร่วมกันอภิปราย ศึกษาวธิ ีการทากิจกรรมจนเข้าใจ
๑๖ . นกั เรยี นทกุ กลมุ่ ลงมอื ปฏบิ ตั กิ จิ กรรม โดยปฏบิ ตั ติ ามใบกจิ กรรมและบนั ทกึ ผลทไ่ี ดล้ งในใบงาน ๐๒
การนาสมบัตสิ ภาพยืดหยุ่นของวัสดุไปใช้ประโยชน์ หน้า ๑๔๑ ขณะท่ีนักเรยี นปฏิบัติกจิ กรรมครู
คอยดูแลอย่างใกลช้ ิด และให้ประธานกลุ่มดูแลการปฏิบัติกิจกรรมของสมาชิกภายในกลมุ่

9/10/18 9:21 AM

6102153L01c.indd 348 ๓๔๘ ชดุ การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรุง) หนว่ ยกำรเรียนรู้ที่ ๕ วัสดุและสสำร แผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ่ี ๑.๓ สภำพยดื หยุ่นของวัสดุรอบตวั เวลำ ๓ ชัว่ โมง
กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์ หนว่ ยย่อยท่ี ๑ สมบตั ทิ ำงกำยภำพของวัสดุ ชั้นประถมศึกษำปีที่ ๔

รำยวิชำวิทยำศำสตร์

๑๗. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันอภิปราย โดยครอู าจใชค้ าถาม ดงั น้ี ๔.

๑๗.๑ ของเล่นใดท่ีต้องใช้วัสดุที่มีสภาพยืดหยุ่นของวัสดุ เพราะเหตุใด (ไม้แบดมินตัน ไม้เทนนิส

เพราะตอ้ งการใหล้ ูกเทนนสิ ใหส้ ามารถกระเด้งได้)

๑๗.๒ ของใช้ใดที่ต้องใช้วัสดุที่มีสภาพยืดหยุ่นของวัสดุ เพราะเหตุใด (ยางรัดของ ถุงเท้า เพราะ

ตอ้ งการใหย้ ืดและรัดของและขาไว้)

ข้ันสรปุ (๑๕ นำที)

๑๘. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการทากิจกรรมสภาพยืดหยุ่นเป็นสมบัติของวัสดุบางชนดิ วัสดุนั้น

สามารถกลับคืนสู่รูปร่างเดิมได้หลังจากหยุดออกแรงกระทาต่อวัสดุน้ัน มนุษย์สามารถนาความรู้

เรื่องสภาพยืดหยุ่นของวัสดุมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวัน เช่น การผลิตยางในรูปแบบต่าง ๆ

เชน่ ตกุ๊ ตายาง ยางรดั ของ

๑๙. นักเรยี นทาใบงาน ๐๓ แบบฝึกหดั เร่อื งสภาพยดื หยนุ่ ของวสั ดุ หนา้ ๑๔๒-๑๔๓

9/10/18 9:21 AM

๒๙๙

แบบประเมินด้ำนคณุ ธรรม
แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ี่ ๑.๓ สภำพยดื หยนุ่ ของวสั ดรุ อบตวั
ชื่อผู้ประเมิน/กลุ่มประเมิน……………………………………………………………………………………………………………………
ชอ่ื กลุ่มรบั กำรประเมนิ ……………………………………………………………………………………………….………………………..
ประเมนิ ผลคร้ังท่ี………………. วนั ……………..…. เดอื น …………………………………..………. พ.ศ. ……...….…….......
เร่ือง……………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ท่ี ลกั ษณะ/พฤติกรรมบง่ ช้ี ระดบั พฤติกรรม คะแนนทีไ่ ด้
เกดิ = ๑ ไม่เกิด = ๐

๑. มีความมุง่ มนั่ ในการทางาน

๒. มคี วามซ่อื สตั ยต์ อ่ ตนเอง

๓. ใฝ่เรียนรู้

๔. มคี วามสามัคคี ช่วยเหลือในการทางานกลมุ่ รว่ มกนั

รวมคะแนนที่ไดท้ ัง้ หมด = …………… คะแนน

คุณลกั ษณะตามจดุ ประสงคด์ ้านคณุ ธรรม
- มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
- ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
- ต่ากวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน

ชุดการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครูผู้สอน) กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๔ (ฉบบั ปรับปรุง) ๓๔๙

6102153L01c.indd 349 9/10/18 9:21 AM

๓๐๐

แบบประเมินดำ้ นทกั ษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตรใ์ นกำรทำกิจกรรม
แผนกำรจัดกำรเรยี นรทู้ ่ี ๑.๓ สภำพยดื หยนุ่ ของวัสดุรอบตวั

เกณฑก์ ำรประเมนิ มีดังน้ี ๒ หมายถึง พอใช้ ๑ หมายถงึ ควรปรบั ปรงุ
๓ หมายถงึ ดี

ส่ิงทป่ี ระเมนิ คะแนน
การสงั เกต
การลงความเหน็ จากขอ้ มูล
การต้งั สมมตฐิ าน
การกาหนดและควบคุมตวั แปร
การทดลอง
การตคี วามหมายข้อมลู และลงขอ้ สรปุ

รวมคะแนน

เกณฑก์ ำรประเมนิ

ทักษะกระบวนกำร ดี (๓) ระดับควำมสำมำรถ ควรปรบั ปรงุ (๑)
ทำงวิทยำศำสตร์ พอใช้ (๒)

การสงั เกต ใช้ประสาทสัมผัสในการ ใช้ประสาทสัมผัสในการ ไม่สำมำรถใช้ประสาทสัมผัส

รวบรวมข้อมูลเก่ียวกับ รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ ในการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ

ลักษณะของวัสดุท่ีมีสภาพ ลักษณะของวัสดุท่ีมีสภาพ ลักษณะของวัสดุท่ีมีสภาพ

ยืดหยุ่นแตกต่างกันได้ด้วย ยืดหยุ่นแตกต่างกันได้ ยืดหยุ่นแตกต่างกัน ถึงแม้จะ
ตนเองโดยไม่เพิ่มเติมความ โดยกำรช้ีแนะของครูหรือ ได้รับคาแนะนาจากครูหรือ
คดิ เห็น ผู้อื่น และเพ่ิมเติมความ ผอู้ ่ืน

คิดเหน็

การลงความเห็นจาก เ พ่ิ ม เ ติ ม ค ว า ม คิ ด เ ห็ น เ พ่ิ ม เ ติ ม ค ว า ม คิ ด เ ห็ น ไม่สำมำรถเพ่ิมเติมความ

ขอ้ มลู เกี่ยวกับสภาพยืดหยุ่นของ เก่ียวกับสภาพยืดหยุ่นของ คิดเห็นเก่ียวกับสภาพยืดหยุ่น

วสั ดไุ ด้อย่างถูกต้อง มีเหตุผล วั ส ดุ ไ ด้ อ ย่ า ง ถู ก ต้ อ ง ข อ ง วั ส ดุ ไ ด้ อ ย่ า ง ถู ก ต้ อ ง

จากความรู้หรือประสบการณ์ พยายามให้เหตุผลจาก ถึงแม้จะได้รับคาแนะนาจาก

เดิมได้ดว้ ยตนเอง ความรู้หรือประสบการณ์ ครหู รือผอู้ น่ื

๓๕๐ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (สาำ หรบั ครผู สู้ อน) กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ (ฉบับปรบั ปรงุ )

6102153L01c.indd 350 9/10/18 9:21 AM

๓๐๑

ทกั ษะกระบวนกำร ดี (๓) ระดับควำมสำมำรถ ควรปรับปรุง (๑)
ทำงวิทยำศำสตร์ พอใช้ (๒)

การต้งั สมมตฐิ าน เดิมได้ โดยกำรชี้แนะของ

ครหู รือผอู้ นื่

คิดหาคาตอบล่วงหน้าโดย คิดหาค�าตอบล่วงหน้าโดย ไมส่ ามารถคดิ หาคา� ตอบลว่ งหนา้
บอกความสัมพันธ์ระหว่าง บอกความสัมพันธ์ระหว่าง โดยบอกความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง
ตัวแปรต้นกับตัวแปรตามได้ ตัวแปรต้นกับตัวแปรตาม ตวั แปรตน้ กบั ตวั แปรตามอยา่ ง
อยา่ งถกู ต้องดว้ ยตนเอง ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง โดยการ ถกู ตอ้ งถงึ แมจ้ ะไดร้ บั คา� แนะนา�

ชแ้ี นะของครหู รือผอู้ ่นื จากครหู รอื ผอู้ ืน่

การกาหนดและ สามารถก�าหนดตัวแปรต้น สามารถก�าหนดตัวแปรต้น ไม่สามารถก�าหนดตัวแปรต้น
ควบคุมตัวแปร ตวั แปรตา� มและตวั แปรทตี่ อ้ ง ตัวแปรตามและตัวแปรที่ ตัวแปรตามและตัวแปรที่ต้อง

การทดลอง ควบคุมให้คงท่ีในการทดลอง ต้องควบคุมให้คงท่ีในการ ควบคุมให้คงที่ในการทดลอง

เก่ียวกับสภาพยืดหยุ่นของ ทดลองเกยี่ วกบั สภาพยดื หยนุ่ เกย่ี วกบั สภาพยดื หยนุ่ ของวสั ดุ

วัสดุได้อย่างถูกต้องด้วย ของวัสดุได้อย่างถูกต้อง ไดอ้ ยา่ งถูกต้อง ถึงแมจ้ ะได้
ตนเอง โดยการชี้แนะจากครูหรือ รบั ค�าแนะน�าจากครูหรอื ผูอ้ ื่น

ผอู้ ่ืน

ทา� การทดลองเกยี่ วกบั สภาพ ทา� การทดลองสภาพยดื หยนุ่ ไม่สามารถท�าการทดลอง
ยดื หยนุ่ ของวสั ดโุ ดยมขี นั้ ตอน ของวัสดุโดยมีข้ันตอน สภาพยืดหยุ่นของวัสดุโดยมี
ครบถว้ นได้ดว้ ยตนเอง ครบถว้ นได้ โดยการช้แี นะ ขน้ั ตอนครบถว้ นได้ ถึงแม้จะ
จากครูหรือผอู้ ื่น
ไดร้ บั คา� แนะนา� จากครหู รอื ผอู้ น่ื

การตีความหมาย ตีความหมายข้อมูลที่ได้จาก ตีความหมายข้อมูลท่ีได้ ไ ม่สำมำรถ ตีความหมาย
ขอ้ มูลและ การสังเกตเพื่อลงข้อสรุป จากการสังเกต เ พื่ อ ล ง ข้อมูลท่ีได้จากการสังเกตเพื่อ
ลงขอ้ สรปุ
เก่ียวกับสภาพยืดหยุ่นของ ข้อสรุป เกี่ยวกับสภาพ ลงข้อสรุปเก่ียวกับสภาพ

วัสดุได้อย่างถูกต้องด้วย ยืดหยุ่นของวัสดุได้ โดย ยืดหยุ่นของวัสดุได้ ถึงแม้จะ
ตนเอง กำรช้ีแนะจำกครหู รือผอู้ ่นื ได้รับคาแนะนาจากครูหรือ

ผู้อ่ืน

ชุดการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครูผู้สอน) กล่มุ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ ) ๓๕๑

6102153L01c.indd 351 9/10/18 9:21 AM

6102153L01c.indd 352 9/10/18 9:21 AM

เฉลยใบงาน

6102153L01c.indd 353 9/10/18 9:21 AM

6102153L01c.indd 354 9/10/18 9:21 AM

ชอ่ื -สกลุ เดือน ชั้น เลขที่ บ. ๕.๑ / ผ. ๑.๓-๐๑
วนั ที่ พ.ศ.

ใบงาน ๐๑ : สมบตั ิสภาพยดื หยนุ่ ของวสั ดุ

บนั ทกึ ผลการทา� กจิ กรรม
ตาราง ความยาวของวัสดุเมอ่ื ถูกแขวนดว้ ยตมุ้ เหล็ก

จ�ำนวน ควำมยำวของเสน้ เอน็ ควำมยำวของเสน้ เอ็นยืด
ต้มุ เหลก็ ( เซนตเิ มตร ) ( เซนตเิ มตร )
ทีแ่ ขวน (ลูก) ก่อนแขวน ขณะแขวน หลังแขวน ก่อนแขวน ขณะแขวน หลังแขวน

๑ ลูก

๒ ลกู ขึน้ อยู่กบั ผลกำรทดลองของนกั เรียน
๓ ลูก

๔ ลูก

๕ ลกู

คา� ถามหลงั จากทา� กิจกรรม
๑. ใส่ลกู ตุ้มเหลก็ เพอื่ อะไร

เพ่อื ตรวจสอบสภำพยืดหย่นุ ของเส้นเอ็น
และเสน้ เอ็นยดื

ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (สาำ หรับครูผูส้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๔ (ฉบับปรับปรงุ ) ๓๕๕

6102153L01c.indd 355 9/10/18 9:22 AM

ชอื่ -สกุล ช้ัน เลขท่ี บ. ๕.๑ / ผ. ๑.๓-๐๑
วนั ท่ี พ.ศ.
เดือน

๒. เสน้ เอน็ หรือเส้นเอ็นยดื มสี ภำพยดื หยุน่ ดกี วำ่ กนั ร้ไู ดอ้ ย่ำงไร

เสน้ เอ็นมสี ภำพยืดหยุ่นมำกกว่ำเสน้ เอน็ ยดื เพรำะสำมำรถกลบั คืนสู่
สภำพเดิมได้มำกกว่ำหลังจำกหยดุ ออกแรงกระทำ�

๓. จำกกจิ กรรมน้ี สรุปไดว้ ่ำอยำ่ งไร

เมอื่ เสน้ เอน็ และเสน้ เอน็ ยดื ถกู แขวนดว้ ยตมุ้ เหลก็ ควำมยำวของเสน้ เอน็ ทง้ั สองเสน้
จะเปลย่ี นไป โดยมคี วำมยำวเพ่มิ มำกข้นึ กวำ่ ควำมยำวก่อนแขวน แตห่ ลังจำก
แขวนดว้ ยตุ้มเหลก็ เส้นเอ็นจะมคี วำมยำวนอ้ ยกว่ำเส้นเอน็ ยดื ดังนั้น เสน้ เอ็น
จึงมสี ภำพยดื หยุ่นมำกกว่ำเสน้ เอ็นยดื เพรำะสำมำรถกลับคืนสสู่ ภำพเดิมได้
มำกกวำ่ หลงั จำกหยุดออกแรงกระท�ำ

๓๕๖ ชดุ การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ (สำาหรบั ครูผู้สอน) กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๔ (ฉบบั ปรบั ปรุง)

6102153L01c.indd 356 9/10/18 9:23 AM

ชื่อ-สกลุ เดือน ชน้ั เลขที่ บ. ๕.๑ / ผ. ๑.๓-๐๒
วนั ที่ พ.ศ.

ใบงาน ๐๒ : การนา� สมบัตสิ ภาพยดื หย่นุ ของวสั ดุไปใชป้ ระโยชน์

บันทกึ ผลการทา� กจิ กรรม
ตาราง ผลการสา� รวจการนา� สมบตั สิ ภาพยืดหยุน่ ไปใช้ประโยชนใ์ นการทา� ของเล่น

ของเล่น วัสดทุ ใ่ี ชท้ ำ� สภำพยืดหยุ่น
ลูกโปง่ ยำง
มีสภำพยืดหยุน่ ไมม่ สี ภำพยดื หยุ่น

3

ขึน้ อยกู่ บั ผลกำรทดลองของนกั เรยี น

ตาราง ผลการสา� รวจการนา� สมบตั สิ ภาพยดื หย่นุ ไปใชป้ ระโยชนใ์ นการทา� ของใช้

ของใช้ วัสดุท่ใี ชท้ �ำ สภำพยดื หยุ่น

มสี ภำพยืดหย่นุ ไม่มีสภำพยดื หยุน่

ถงุ เทำ้ ใยสังเครำะห์ 3

ขน้ึ อยกู่ ับผลกำรทดลองของนกั เรียน

ค�าถามหลังจากท�ากจิ กรรม
จำกกจิ กรรมนี้ สรุปได้วำ่ อยำ่ งไร

ของเลน่ และของใชท้ ีพ่ บจำกกำรสำ� รวจ ใชว้ ัสดแุ ตกตำ่ งกนั บำงชนิดมีสภำพยดื หยนุ่
บำงชนิดไม่มีสภำพยืดหยุ่น ดงั นน้ั เม่ือวัสดุแต่ละชนดิ มีสภำพยดื หยุ่นไมเ่ ท่ำกนั กำรน�ำ
ไปใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ติ ประจำ� วนั จงึ มคี วำมแตกตำ่ งกนั โดยเลอื กใชว้ สั ดทุ ม่ี สี ภำพยดื หยนุ่
ใหเ้ หมำะสมกับประโยชน์ท่ีจะใช้

ชุดการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (สำาหรบั ครผู ูส้ อน) กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ ) ๓๕๗

6102153L01c.indd 357 9/10/18 9:24 AM

ชอื่ -สกลุ เดอื น ช้ัน เลขท่ี บ. ๕.๑ / ผ. ๑.๓-๐๓
วันท่ี พ.ศ.

ใบงาน ๐๓ : แบบฝกึ หดั เร่ืองสภาพยืดหยุน่ ของวสั ดุ

ขีด x ทับตัวเลือกหน้ำข้อควำมที่ถูกตอ้ งท่ีสุดเพยี งข้อเดียว

๑. ข้อใดกลำ่ วไมถ่ ูกต้อง เก่ียวกับสภำพยดื หยนุ่ ของวสั ดุ

xก. สภำพยืดหยนุ่ ของวสั ดุ คอื ลกั ษณะของวสั ดุทีด่ งึ แลว้

ขำดยำก แล้วทำ� ใหร้ ปู ร่ำงเปลีย่ นไปจำกเดมิ
ข. วสั ดุทีม่ ีสภำพยดื หยนุ่ สงู ไดแ้ ก่ ฟองน้ำ� ยำง เมื่อถูกดึง

หรอื กดทบั แล้วปล่อย กส็ ำมำรถกลบั คืนสภำพเดมิ ได้
ค. วสั ดทุ ไี่ มม่ ีสภำพยดื หยุน่ คือ วัสดทุ ีถ่ กู แรงมำกระทำ� แลว้

เปลีย่ นรูปรำ่ งหรอื ขนำด แต่เมอ่ื หยดุ ออกแรงกระทำ� แล้ว
ไมก่ ลับคืนสภำพเดมิ
ง. วัสดทุ มี่ สี ภำพยืดหยุ่นเมอื่ ถกู แรงกระทำ� ท�ำใหย้ ืดมำกขึ้น ๆ
อำจทำ� ใหว้ สั ดนุ ้ัน ๆ สูญเสียควำมยืดหยุ่นได้

๒. เรำจะทดสอบสภำพยืดหยนุ่ ของวสั ดุไดโ้ ดยวิธีใด
xก. กำรออกแรงกระท�ำตอ่ วัสดุ ข. กำรใช้วสั ดอุ ืน่ มำขูดขีด
ค. กำรนำ� ไปลอยน้ำ� ง. กำรน�ำไปลนไฟ

๓. วสั ดใุ นข้อใดทมี่ ีสภำพยืดหยุ่นสงู ข. พลำสติก
ง. แผน่ โฟม
xก. ฟองนำ้�

ค. ไม้

๓๕๘ ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำาหรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ )

6102153L01c.indd 358 9/10/18 9:24 AM

ชื่อ-สกลุ เดอื น ช้นั เลขท่ี บ. ๕.๑ / ผ. ๑.๓-๐๓
วันที่ พ.ศ.

๔. เหตุผลสำ� คญั ทีส่ ดุ ที่นยิ มนำ� เส้นเอ็นไปใช้ขึงไมแ้ บดมินตนั และไม้เทนนสิ
ก. มคี วำมแข็งแรงดี
ข. ทนต่อแรงกระแทกได้ดี

xค. คนื ตวั กลบั สู่สภำพเดิมได้ดี

ง. ท�ำจำกวสั ดุสังเครำะห์

ชดุ การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ (สาำ หรบั ครูผ้สู อน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ ๔ (ฉบบั ปรับปรุง) ๓๕๙

6102153L01c.indd 359 9/10/18 9:25 AM

๓๐๗

คำชแ้ี จงประกอบแผนจดั กำรเรียนรู้ หนว่ ยกำรเรียนรู้ท่ี ๕ เวลำ ๓ ช่ัวโมง
แผนกำรจดั กำรเรียนร้ทู ่ี ๑.๔ เรอื่ ง กำรนำควำมร้อนของวัสดุรอบตัว

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

๑. สำระสำคัญของแผน
การนาความร้อนของวัสดุ หมายถึง การถ่ายโอนความร้อนผ่านวัสดุจากบริเวณที่มีอุณหภูมิสูง

ไปยงั บรเิ วณท่ีมอี ุณหภูมิต่ากว่าโดยทตี่ ัวกลางไม่เคล่ือนท่ี

๒. ขอ้ เสนอแนะเพม่ิ เติมในกำรนำไปใช้ (ใหร้ ะบสุ ง่ิ ทต่ี อ้ งกำรเนน้ หรอื ขอ้ สงั เกต ขอ้ เสนอแนะ คำแนะนำ)
ในเรอื่ งต่อไปนี้ คอื
๒.๑ ขอบขำ่ ยเน้อื หำ
การนาความรอ้ น หมายถึง การถ่ายโอนพลังงานความร้อนจากอนภุ าคหนึ่งส่อู นภุ าคหนึ่ง โดย

ถ่ายโอนกันไปภายในเน้ือของวสั ดุ วัสดแุ ตล่ ะชนิดจะมสี มบัตกิ ารนาความร้อนแตกต่างกัน มนุษยน์ า

ความรู้เก่ียวกบั การนาความร้อนของวสั ดุมาใชป้ ระโยชนใ์ นชีวิตประจาวนั

๒.๒ จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้ (ควำมรู้ ทักษะ คุณธรรม จรยิ ธรรม คำ่ นิยม) (ถำ้ ม)ี

จุดประสงคด์ ้ำนควำมรู้
๑. เปรยี บเทยี บและอธบิ ายสมบตั ิการนาความร้อนของวัสดตุ า่ ง ๆ
๒. บอกประโยชน์ของการนาสมบัตกิ ารนาความร้อนของวัสดุไปใช้ในชีวติ ประจาวัน

จุดประสงค์ด้ำนทกั ษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์
๑. การสังเกต
๒. การลงความเหน็ จากข้อมลู
๓. การกาหนดและควบคมุ ตัวแปร
๔. การทดลอง
๕. การตง้ั สมมตฐิ าน
๖. การตคี วามหมายข้อมูลและลงข้อสรุป

จุดประสงคด์ ำ้ นคณุ ธรรม
๑. มคี วามมุ่งม่นั ในการทางาน
๒. มคี วามซอ่ื สัตยต์ อ่ ตนเอง
๓. ใฝ่เรยี นรู้
๔. มคี วามสามคั คี ช่วยเหลอื ในการทางานกลุ่มร่วมกนั

๓๖๐ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรับครูผู้สอน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นที่ ๑ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๔ (ฉบับปรับปรุง)

6102153L01c.indd 360 9/10/18 9:26 AM

๓๐๘

๒.๓ กำรจัดกิจกรรมกำรเรียนรู้

๑) กำรเตรียมตัวของครู นักเรียน (กำรจดั กลุ่ม) (ถ้ำมี)

การจัดกลมุ่ โดยแบ่งนักเรยี นออกเปน็ กลุ่ม กลุ่มละ ๓-๔ คน เพื่อทาใบกจิ กรรมตา่ ง ๆ

๒) กำรเตรียมสอ่ื วสั ดุอปุ กรณ์ ของครู นกั เรียน (ถ้ำมี)

ส่ิงทีค่ รตู อ้ งเตรียม คือ

๒.๑ ชดุ นาความรอ้ น ๑ ชดุ / กลุ่ม

๒.๒ ดินน้ามนั ๑ ก้อน / กลมุ่

๒.๓ อปุ กรณ์สาหรบั จุดไฟ ๑ ชดุ / กลมุ่

๒.๔ นา้ ร้อน

สิ่งท่ีนกั เรยี นตอ้ งเตรียม คือ

๒.๕ ตะปู ยางยืด แกว้ พลาสติก ไม้ เหล็กและฟองนา้ อย่างละ ๑ อัน/ กลุ่ม

๓) เตรยี มใบงำน ใบควำมรู้ ใบกิจกรรม (ถำ้ มี)

๓.๑ ใบงาน ๐๑ สมบัตกิ ารนาความรอ้ นของวสั ดุ
๓.๒ ใบงาน ๐๒ แบบฝกึ หดั เรอ่ื งการนาความรอ้ นของวสั ดุ

๒.๔ วัดผลประเมนิ ผล (ถ้ำมี)

๑) วิธีกำรวัดผลประเมนิ ผลกำรเรยี นรู้
๑.๑ สงั เกตการตอบคาถามในชั้นเรียน

๑.๒ การตอบคาถามในแบบฝกึ หัด

๑.๓ สังเกตทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรใ์ นการทากจิ กรรม

๑.๔ สงั เกตด้านคณุ ธรรมขณะทากิจกรรม
๒) วิธีกำร เครือ่ งมอื เกณฑ์

๒.๑ เคร่อื งมือและเกณฑ์ในกำรประเมนิ ดำ้ นควำมรู้
ตรวจใหค้ ะแนนจากการตอบคาถามในใบงาน แล้วใช้เกณฑ์ในการให้คะแนน ดังนี้

- มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน

- ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน

- ต่ากวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน

ชดุ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (สาำ หรับครผู สู้ อน) กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ (ฉบับปรับปรุง) ๓๖๑

6102153L01c.indd 361 9/10/18 9:26 AM

๓๐๙

๒.๒ เคร่ืองมอื และเกณฑใ์ นกำรประเมนิ ทกั ษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์
สังเกตทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ โดยใช้แบบประเมนิ ทักษะกระบวนการ

ทางวทิ ยาศาสตร์ (ดงั แนบ) นาคะแนนมารวมกัน แล้วใช้เกณฑ์ในการให้คะแนน ดงั นี้
- มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
- ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
- ตา่ กว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน

๒.๓ เครอ่ื งมือและเกณฑใ์ นกำรประเมนิ ด้ำนคุณธรรม
สังเกตคณุ ลักษณะดา้ นคณุ ธรรมโดยใชแ้ บบประเมินดา้ นคุณธรรม (ดังแนบ)

นาคะแนนมารวมกนั แลว้ ใชเ้ กณฑ์ในการให้คะแนน ดังน้ี
- มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
- ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
- ตา่ กวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน

๓) กำรทดสอบก่อนเรยี น หลังเรียน แบบฝกึ หดั กอ่ นเรียน หลังเรียน
ทาแบบฝกึ หดั ในใบงานหลงั เรียน

๓. อน่ื ๆ
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................

๓๖๒ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (สำาหรับครูผ้สู อน) กลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ )

6102153L01c.indd 362 9/10/18 9:26 AM

6102153L01c.indd 363 ชุดการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๔ (ฉบบั ปรบั ปรุง) ๓๖๓ แนวกำรจัดกิจกรรมการเรียนรขู้ องแผนกำรจดั กำรเรียนรู้ที่ ๑.๔ ๓๑๐
เร่ือง กำรนำควำมร้อนของวัสดรุ อบตัว
หนว่ ยกำรเรยี นรูท้ ี่ ๕ วัสดุและสสำร รำยวิชำวิทยำศำสตร์ เวลำ ๓ ชั่วโมง
กล่มุ สำระกำรเรียนรวู้ ิทยำศำสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษำปที ่ี ๔

แนวกำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้

ขนั้ นำ  รว่ มกนั ตอบคาถามเกยี่ วกับสถานการณ์ทคี่ รยู กตัวอย่าง
ข้ันสอน
ขั้นสรปุ  รว่ มกนั ทากจิ กรรมท่ี ๑ ตรวจสอบการนาความรอ้ นของวสั ดไุ ดอ้ ย่างไร
 ปฏิบตั กิ จิ กรรมด้วยกันเป็นกลุ่ม นาเสนอ และอภิปรายผลการทดลอง
กำรวัดและประเมนิ ผล  ร่วมกันอภิปรายและลงข้อสรุปเกยี่ วกบั การนาความร้อนของวัสดุรอบตัว
 ทาใบงาน ๐๒ แบบฝึดหดั เรื่องการนาความร้อนของวัสดุ
 ประเมนิ จากการตอบคาถาม
 ประเมินจากการทากจิ กรรมในชน้ั เรียน
 ประเมนิ จากการทาแบบฝกึ หัด

9/10/18 9:26 AM

6102153L01c.indd 364 ๓๑๑

๓๖๔ ชดุ การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรุง) หน่วยกำรเรยี นรู้ที่ ๕ วสั ดแุ ละสสำร แผนกำรจดั กำรเรียนร้ทู ่ี ๑.๔ กำรนำควำมร้อนของวสั ดรุ อบตัว เวลำ ๓ ชวั่ โมง
กลุม่ สำระกำรเรียนรู้วทิ ยำศำสตร์ หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๑ สมบัตทิ ำงกำยภำพของวสั ดุ ชนั้ ประถมศกึ ษำปที ี่ ๔
รำยวิชำวิทยำศำสตร์

ขอบเขตเนื้อหำ กิจกรรมกำรเรียนรู้ (๓ ชั่วโมง) ส่อื / แหลง่ เรียนรู้
การนาความร้อน หมายถึง ชวั่ โมงที่ ๑ ๑. ชดุ นาความรอ้ น
ขั้นนำ (๑๐ นำที) ๒. ดินน้ามนั
การถ่ายโอนพลังงานความร้อน ๑. ครูนาเข้าสู่บทเรียน โดยการนาวัสดุต่าง ๆ ได้แก่ ตะปู ยางยืด แก้ว พลาสติก ไม้ เหล็กและ ๓. นา้ ร้อน
๔. อุปกรณ์สาหรับจดุ ไฟ
จ า ก อ นุ ภ า ค ห น่ึ ง สู่ อ นุ ภ า ค ห น่ึ ง ฟองนา้ มาใหน้ กั เรยี นดู แลว้ ใชค้ าถามดังต่อไปน้ี
๑.๑ หากครูจุดเทียนแล้วนาวัสดุเหล่านี้ไปอังไฟ วัสดุใดที่นักเรียนจะรู้สึกร้อนเม่ือเอามือไปจับ ภำระงำน / ชิ้นงำน
โดยถ่ายโอนกันไปภายในเน้ือของ ๑. การตอบคาถาม
เพราะเหตุใดนักเรียนจึงรู้สึกเช่นนั้น (นักเรียนอาจตอบหลากหลาย แตกต่างกัน ข้ึนอยู่กับ ๒. การบนั ทึกผลการทำกิจกรรม
วัสดุ วัสดุแต่ละชนิดจะมีสมบัติ ความคิดของแต่ละคน แต่แนวคาตอบที่ควรได้คือ ตะปู และ เหล็ก เหตุท่ีนักเรียนรู้สึกร้อน
เพราะตะปูและเหลก็ แข็ง ทาใหร้ อ้ นมาก) ในใบกิจกรรม
ก า ร น า ค ว า ม ร้ อ น แ ต ก ต่ า ง กั น ๑.๒ การที่วัสดุรับความร้อนแล้วส่งผ่านมายังมือของเราได้ น่าจะเป็นเพราะวัสดุนั้นมีสมบัติอย่างไร ๓. การทาแบบฝึกหัด
(นกั เรียนอาจตอบไดห้ ลากหลายตามความเข้าใจของแต่ละคน แนวคาตอบท่ีถูกต้องแต่ครู
มนุษย์นาความรู้เกี่ยวกับการนา ยังไม่ต้องเฉลยคือ การนาความร้อนเป็นการถ่ายโอนความร้อนผ่านเนอ้ื วัสดุจากบรเิ วณทม่ี ี
อณุ หภมู สิ งู กว่าไปยังบรเิ วณทีอ่ ุณหภมู ติ า่ กว่า)
ความร้อนของวัสดุมาใช้ประโยชน์
ข้นั สอน (๔๕ นำท)ี
ในชีวติ ประจาวัน ๒. ครูใหค้ วามรเู้ พ่มิ เติมกับนักเรียนว่าการท่ีวัสดไุ ดร้ ับความรอ้ นแล้วส่งผ่านความร้อนไปยังบริเวณอ่ืนได้

จุดประสงค์ดำ้ นควำมรู้ เรียกว่าการนาความรอ้ น
๑. เปรียบเทียบและอธบิ ายสมบัติ
๓. ครชู กั ชวนนกั เรยี นทากจิ กรรมท่ี ๑ ตรวจสอบการนาความร้อนของวัสดุไดอ้ ย่างไร หน้า ๑๔๕ โดย
การนาความร้อนของวสั ดุ
ตา่ ง ๆ ครูอาจใชค้ าถามดงั ต่อไปน้ี
๒. บอกประโยชนข์ องการนา
สมบัติการนาความรอ้ นของ
วสั ดไุ ปใช้ในชวี ิตประจาวนั

9/10/18 9:26 AM

6102153L01c.indd 365 ๓๑๒

ชุดการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๔ (ฉบบั ปรบั ปรุง) ๓๖๕ หน่วยกำรเรยี นรูท้ ี่ ๕ วสั ดุและสสำร แผนกำรจดั กำรเรยี นรูท้ ่ี ๑.๔ กำรนำควำมร้อนของวสั ดุรอบตัว เวลำ ๓ ชัว่ โมง
กลุ่มสำระกำรเรียนรวู้ ทิ ยำศำสตร์ หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๑ สมบตั ทิ ำงกำยภำพของวสั ดุ ชน้ั ประถมศึกษำปีที่ ๔
รำยวิชำวิทยำศำสตร์

จุดประสงค์ด้ำนทักษะ ๓.๑ นักเรียนคดิ ว่ำวสั ดแุ ต่ละชนดิ นำ� ควำมรอ้ นไดแ้ ตกต่ำงกันหรือไม่ (นกั เรียนตอบตำมควำมเขำ้ ใจ วิธกี ำรประเมิน
กระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ ของตนเอง) ๑. การตอบคาถามในแบบฝกึ หัด
๑. การสงั เกต ๒. สงั เกตทักษะกระบวนการ
๒. การลงความเหน็ จากข้อมูล ๓.๒ นักเรยี นสงั เกตหรอื ทราบไดอ้ ย่างไรว่าวัสดมุ ีการนาความร้อน (นักเรียนตอบตามความเข้าใจ
๓. การกาหนดและควบคมุ ของตนเอง) ทางวิทยาศาสตร์ในการทา
กจิ กรรม
ตัวแปร ๔. แบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม แล้วให้นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันคิดหาวิธีการตรวจสอบการนา ๓. สังเกตดา้ นคุณธรรมขณะทา
๔. การทดลอง ความร้อนของวัสดุ ซ่ึงอาจจะถูกหรือผิดก็ได้ ครูเขียนคาตอบของนักเรียนไว้บนกระดาน จากน้ัน กจิ กรรม
๕. การตัง้ สมมตฐิ าน ใหน้ ักเรียนระบตุ ัวแปรทเ่ี กย่ี วข้อง ทั้งตัวแปรตน้ ตวั แปรตามและตัวแปรท่ีตอ้ งควบคมุ ใหค้ งท่ี
๖. การตคี วามหมายขอ้ มูลและ เกณฑ์กำรประเมิน
ข้นั สรุป (๕ นำที) ๑. การตอบคาถามใน
ลงข้อสรปุ
๕. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปว่า มีการตรวจสอบการนาความร้อนของวัสดุทาได้ด้วยการทดลองที่มี แบบฝกึ หัดได้ถกู ต้องด้วย
จุดประสงค์ด้ำนคณุ ธรรม การควบคมุ ตวั แปรให้เหมาะสม ตนเอง
๑. มคี วามม่งุ มนั่ ในการทางาน - มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
๒. มีความซ่อื สัตย์ต่อตนเอง ชั่วโมงที่ ๒-๓ - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
ข้นั นำ (๕ นำที) - ตา่ กว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน
๓. ใฝเ่ รยี นรู้ ๖. ครูนาเข้าสู่บทเรียน โดยใช้คาถามดังต่อไปน้ีและร่วมกันอภิปราย เหตุใดเราจึงรู้สึกร้อนมือเมื่อจับ
๔. มีความสามคั คี ช่วยเหลือใน
หม้อที่มีน้าร้อน หรือจับทัพพีอะลูมิเนียมที่ใช้คนแกงบนเตา แต่จะไม่รู้สึกร้อนมือเม่ือใช้ผ้าจับหม้อ
การทางานกลุ่มร่วมกัน
น้าร้อนหรือทัพพี หรือจับท่ีด้ามจับท่ีทาด้วยไม้ (แนวคาตอบท่ีควรได้คือ เรารู้สึกร้อนเพราะวัสดุ

มกี ารนาความร้อนมาส่มู อื และไมร่ สู้ ึกรอ้ นเพราะวสั ดุนั้นไม่มีการนาความร้อน)
ขั้นสอน (๑๐๐ นำที)
๗. ครแู บง่ กลมุ่ นกั เรยี นเปน็ กลมุ่ กลมุ่ ละ ๓-๔ คน ใหน้ กั เรยี นทำ� ใบกจิ กรรมท่ี ๑ ตรวจสอบกำรนำ� ควำมรอ้ น

ของวสั ดไุ ดอ้ ยำ่ งไร หนำ้ ๑๔๕ โดยครใู หน้ กั เรยี นอำ่ นวธิ ที ำ� กจิ กรรม แลว้ ครถู ำมคำ� ถำมกอ่ นทำ� กจิ กรรมดงั นี้

9/10/18 9:27 AM

6102153L01c.indd 366 ๓๑๓

๓๖๖ ชดุ การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรุง) หนว่ ยกำรเรียนรู้ที่ ๕ วสั ดุและสสำร แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ท่ี ๑.๔ กำรนำควำมร้อนของวสั ดุรอบตัว เวลำ ๓ ชัว่ โมง
กลุ่มสำระกำรเรยี นรวู้ ทิ ยำศำสตร์ หนว่ ยย่อยที่ ๑ สมบัตทิ ำงกำยภำพของวสั ดุ ช้ันประถมศึกษำปที ี่ ๔
รำยวิชำวทิ ยำศำสตร์
๒. มที กั ษะกระบวนการทาง
๗.๑ กจิ กรรมน้นี ักเรียนจะไดเ้ รยี นเร่ืองอะไร (การนาความร้อนของวสั ดรุ อบตวั )
๗.๒ นกั เรียนจะเรียนเร่อื งนดี้ ว้ ยวธิ ใี ด (สงั เกตและทดลอง) วทิ ยาศาสตรข์ ณะทากิจกรรม

๗.๓ เมื่อเรียนแล้วนักเรียนจะทาอะไรได้ (บอกประโยชน์ของการนาสมบัติการนาความร้อนของ - มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
- ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
วสั ดุไปใช้ในชวี ิตประจาวนั ) - ต่ากว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน
๘. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มอ่านใบกิจกรรมท่ี ๑ และร่วมกันอภิปรายวิธีการทากิจกรรมจนเข้าใจ ๓. มีคณุ ลกั ษณะดา้ นคณุ ธรรม
- มากกวา่ ๘๐ ได้ ๓ คะแนน
จากน้ันครูแจกชุดการนาความร้อนให้นักเรียนทุกกลุ่ม ให้นักเรียนสังเกตแท่งวัสดุในชุดการนา - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
ความร้อนว่าเป็นวัสดุชนิดใดบ้าง แล้วตั้งสมมติฐานว่าวัสดุชนิดใดนาความร้อนได้ดีกว่ากัน - ต่ากวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน
ใหน้ กั เรยี นระบตุ วั แปรท่ีเก่ยี วข้องกบั การทดลองน้ี และครบู นั ทกึ คาตอบของนกั เรียนบนกระดาน
๙. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อกาหนดนิยามเชิงปฏิบัติการ วิธีการสังเกตการนาความร้อน
ของวัสดุในการทดลองนี้ โดยใชค้ าถามตอ่ ไปนี้
๙.๑ นักเรียนคิดว่าถ้าใส่น้าร้อนลงในชุดการนาความร้อนแล้วใช้มือจับที่ปลายวัสดุทุกแท่ง

นกั เรยี นจะรสู้ กึ อย่างไร (อาจจะรูส้ ึกร้อนมือเมอ่ื จับบางแท่ง)
๙.๒ ความรู้สกึ ของแต่ละคนวัดระดับความร้อนไดเ้ ท่ากนั หรือไม่ (ไม่เทา่ กนั )
๙.๓ ถ้าครูมีดินน้ามันอยู่ นักเรียนจะมีวิธีการวัดการนาความร้อนโดยใช้ดินน้ามันได้อย่างไร

(นกั เรยี นควรเสนอว่าใช้ดินนา้ มันวางทปี่ ลายแทง่ วัสดุแลว้ สังเกตการเปล่ียนแปลง)
๙.๔ การเปลย่ี นแปลงของดนิ น้ามันสามารถบอกได้อยา่ งไรวา่ วัสดนุ าความร้อนหรือไมน่ าความรอ้ น

(ถ้าดินน้ามนั บนแท่งวัสดใุ ดเย้ิมแสดงวา่ วสั ดุนน้ั นาความรอ้ น)

ครูอธิบายว่าการสังเกตการเยิ้มของดินน้ามันเพ่ือตรวจสอบการนาความร้อนของวัสดุ
เรยี กวา่ การกาหนดนยิ ามเชิงปฏบิ ัติการ คือการกาหนดวิธีการวัดสง่ิ ท่จี ะศกึ ษาให้เข้าใจตรงกนั

9/10/18 9:27 AM

6102153L01c.indd 367 ชุดการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๔ (ฉบบั ปรบั ปรุง) ๓๖๗

หนว่ ยกำรเรียนร้ทู ่ี ๕ วัสดแุ ละสสำร แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ท่ี ๑.๔ กำรนำควำมร้อนของวัสดุรอบตัว เวลำ ๓ ช่ัวโมง
กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้วิทยำศำสตร์ หน่วยยอ่ ยท่ี ๑ สมบัตทิ ำงกำยภำพของวสั ดุ ช้นั ประถมศึกษำปที ่ี ๔
รำยวชิ ำวิทยำศำสตร์

9/10/18 9:27 AM ๑๐. นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันออกแบบการทดลอง จากนนั้ ครตู รวจสอบผลการออกแบบของนักเรียน
ว่าจะสามารถทาการทดลองได้หรือไม่ ถ้าทาได้ให้นักเรียนทาการทดลองตามท่ีออกแบบไว้ และ
บันทกึ ผลลงในใบงาน ๐๑ หน้า ๑๔๖

๑๑. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันอภปิ รายโดยอาจใชค้ าถามดงั ต่อไปน้ี

๑๑.๑ จากการทดลองนกั เรยี นสงั เกตเห็นการนาความร้อนของวัสดุหรือไม่ (มองไม่เหน็ )

๑๑.๒ สิ่งที่นกั เรียนสังเกตเหน็ คอื อะไร (การเปล่ียนแปลงของดินนา้ มนั )

๑๑.๓ ข้อมูลจากการสังเกตในกิจกรรมนี้คืออะไร (ดินน้ามันบนปลายแท่งทองแดง อะลูมิเนียม

และเหล็กมีการเปลี่ยนแปลงโดยผิวของดินน้ามันเริ่มเยิ้ม ส่วนดินน้ามันบนปลาย

แท่งแกว้ และไมไ้ ม่มกี ารเปลยี่ นแปลง)

๑๑.๔ นักเรียนสามารถลงความเหน็ จากการเปลย่ี นแปลงของดินน้ามันได้อยา่ งไร

(ลงความเหน็ ไดว้ ่าวสั ดทุ ่ที าให้ดินน้ามนั เปลยี่ นแปลงจนเยิ้มสามารถนาความรอ้ นได้ดี)

๑๑.๕ กิจกรรมน้ีสรปุ ไดว้ า่ อยา่ งไร (วัสดแุ ต่ละชนิดนาความรอ้ นไดแ้ ตกตา่ งกัน)

๑๒. ครูอธิบายว่าวัสดุที่ความร้อนถ่ายโอนผ่านได้ดี เรียกว่า ตัวนาความร้อน ส่วนวัสดุท่ีความร้อน

ถ่ายโอนผา่ นไดไ้ ม่ดี เรยี กวา่ ฉนวนความรอ้ น ครูถามนักเรียนดังคาถามตอ่ ไปนี้

๑๒.๑ จากการทดลอง วัสดุใดเป็นตัวนาความร้อน และวัสดุใดเป็นฉนวนความร้อน (ตัวนา
ความรอ้ น ได้แก่ ทองแดง อะลูมเิ นียม และเหล็ก สว่ นฉนวนความร้อน ได้แก่ ไม้ และแกว้

๑๒.๒ ความร้อนถ่ายโอนผ่านแก้วและไม้ได้หรือไม่ ถ้านักเรียนตอบว่าได้ ครูถามต่อว่า “รู้ได้
อย่างไร” แต่ถ้าตอบว่าไม่ได้ ครูถามต่อไปว่า เพราะเหตุใดเราจึงรู้สึกร้อนมือเมื่อสัมผัสแก้ว
ที่ใส่น้าร้อนหรือรู้สึกร้อนเท้าเมื่อเดินเท้าเปล่าบนพื้นระเบียงไม้กลางแดด (เพราะความร้อน
จาก

6102153L01c.indd 368 ๓๖๘ ชดุ การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรุง) หนว่ ยกำรเรยี นรทู้ ่ี ๕ วสั ดแุ ละสสำร แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ที่ ๑.๔ กำรนำควำมร้อนของวสั ดุรอบตวั ๓๑๕
กลุ่มสำระกำรเรียนรวู้ ทิ ยำศำสตร์ หนว่ ยย่อยท่ี ๑ สมบัตทิ ำงกำยภำพของวัสดุ
รำยวชิ ำวทิ ยำศำสตร์ เวลำ ๓ ชว่ั โมง
ช้นั ประถมศกึ ษำปีท่ี ๔

นา้ รอ้ น/พน้ื ไม้ ถ่ายโอนผ่านแกว้ มาถงึ มอื /เทา้ เรา) แต่ผา่ นไดไ้ มด่ ี
ครูอธิบายว่า แก้วเป็นฉนวนความร้อน แต่ความร้อนก็สามารถถ่ายโอนผ่านแก้วบาง ๆ ได้ หรือ
สามารถถา่ ยโอนผ่านผา้ บาง ๆ ไดเ้ ชน่ กนั ดงั นนั้ เรามักเข้าใจผดิ ว่า ฉนวนความรอ้ นคือวสั ดุทีค่ วามรอ้ น
ถ่ายโอนผ่านไมไ่ ด้ ซึง่ ในความเปน็ จรงิ แล้วความร้อนสามารถถา่ ยโอนผ่านได้
๑๓. ครูและนักเรียนร่วมกันพูดคุยเกี่ยวกับการนาสมบัติการนาความร้อนของวัสดุมาใช้ประโยชน์ใน
ชีวิตประจาวัน เช่น เรานิยมใช้โลหะเหล่านี้มาทาภาชนะในการหุงต้มอาหาร เช่น หม้อ กาต้มน้า
กระทะ หรือใช้วัสดุที่ไม่นาความร้อนหรือนาความร้อนน้อย ได้แก่ อโลหะต่าง ๆ เช่น ผ้า ไม้
พลาสติก กระเบื้อง กระดาษ ยาง มาทาส่วนที่ไม่ต้องการให้มีความร้อน เช่น ทาด้ามตะหลิว
ทาหจู บั ของหมอ้
ขน้ั สรปุ (๑๕ นำที)

๑๔. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปว่า การนาความร้อนของวัสดุ หมายถึง การถ่ายโอนพลังงาน
ความร้อนจากอนุภาคหนึ่งสู่อนุภาคหนึ่ง โดยถ่ายโอนกันไปภายในเนื้อของวัสดุ วัสดุแต่ละชนิด
จะมีสมบตั ิการนาความร้อนแตกตา่ งกัน วสั ดุท่คี วามรอ้ นผ่านได้ดี เรียกว่า ตัวนาความร้อน สว่ น
วัสดุทคี่ วามรอ้ นผา่ นไดไ้ ม่ดหี รือไมส่ ามารถผ่านได้ เรียกวา่ ฉนวนความร้อน ซง่ึ สามารถนาความรู้
น้ีไปใชป้ ระโยชนใ์ นการเลือกวัสดใุ หเ้ หมาะสมกับการใช้งานในชวี ิตประจาวันได้

๑๕. นกั เรยี นทาใบงาน ๐๒ แบบฝกึ หัด เร่ืองการนาความรอ้ นของวัสดุ หนา้ ๑๔๘-๑๔๙

9/10/18 9:27 AM

๓๑๖

แบบประเมนิ ดำ้ นคณุ ธรรม
แผนกำรจัดกำรเรยี นรูท้ ่ี ๑.๔ กำรนำควำมร้อนของวัสดุรอบตัว
ช่ือผปู้ ระเมิน/กลุม่ ประเมนิ ………………………………………………………………………………………………………..…………
ชอื่ กลุ่มรับกำรประเมิน………………………………………………………………………………………………………………………..
ประเมินผลครัง้ ที่………………. วนั ……………..…. เดอื น ………..………………………….……. พ.ศ. ……...….…….......
เร่ือง…………………………………………………………………………………………………………………………….……………………

ท่ี ลกั ษณะ/พฤติกรรมบ่งชี้ ระดบั พฤติกรรม คะแนนทไ่ี ด้
เกิด = ๑ ไม่เกิด = ๐

๑. มคี วามม่งุ มน่ั ในการทางาน

๒. มคี วามซ่อื สตั ย์ต่อตนเอง

๓. ใฝเ่ รียนรู้

๔. มคี วามสามัคคี ช่วยเหลอื ในการทางานกลุ่มรว่ มกัน

รวมคะแนนท่ีได้ทง้ั หมด = …………… คะแนน

คุณลักษณะตามจดุ ประสงค์ด้านคณุ ธรรม
- มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
- ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
- ต่ากว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน

ชุดการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (สำาหรับครูผูส้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นที่ ๑ ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ ๔ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) ๓๖๙

6102153L01c.indd 369 9/10/18 9:27 AM

๓๑๗

แบบประเมนิ ด้ำนทักษะกระบวนกำรทำงวทิ ยำศำสตร์ในกำรทำกจิ กรรม
แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ่ี ๑.๔ กำรนำควำมร้อนของวัสดุรอบตวั

เกณฑก์ ำรประเมนิ มดี ังน้ี

๓ หมายถงึ ดี ๒ หมายถงึ พอใช้ ๑ หมายถงึ ควรปรับปรุง
คะแนน
สิ่งท่ปี ระเมิน
รวมคะแนน
การสงั เกต

การลงความเหน็ จากข้อมูล

การกาหนดและควบคุมตวั แปร

การทดลอง

การตั้งสมมติฐาน

การตคี วามหมายข้อมลู และลงขอ้ สรปุ

เกณฑ์กำรประเมนิ

ทักษะกระบวนกำร ดี (๓) ระดบั ควำมสำมำรถ ควรปรบั ปรงุ (๑)
ทำงวิทยำศำสตร์ พอใช้ (๒)

การสงั เกต ใช้ประสาทสัมผัสในการ ใช้ประสาทสัมผัสในการ ไม่สำมำรถใช้ประสาทสัมผัส

รว บรว มข้อมูลเก่ี ย ว กั บ รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการ ในการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ

การนาความร้อนของวัสดุได้ นาความร้อนของวัสดุได้ การนาความร้อนของวัสดุ

ด้วยตนเองโดยไม่เพิ่มเติม โดยกำรช้ีแนะของครูหรือ ถึงแม้จะได้รับคาแนะนาจาก

ความคดิ เหน็ ผู้อื่น และเพิ่มเติมความ ครหู รือผอู้ ่ืน

คิดเหน็

การลงความเห็นจาก เ พิ่ ม เ ติ ม ค ว า ม เ ห็ น เ พิ่ ม เ ติ ม ค ว า ม เ ห็ น ไม่สามารถเพิ่มเติมควำมเห็น

ขอ้ มูล เก่ียวกับการนาความร้อน เกี่ยวกับการนาความร้อน เกี่ยวกับกำรน�ำควำมร้อนของ

ของวัสดุได้อย่างถูกต้อง มี ของวัสดุได้อย่างถูกต้อง วัสดุได้อย่ำงถูกต้องมีเหตุผล

เหตุผล จากความรู้หรือ พยายามให้เหตุผลจาก ถึงแม้จะได้รับค�ำแนะน�ำจำก

ประสบการณ์เดิมได้ ด้วย ความรู้หรือประสบการณ์ ครูหรอื ผอู้ นื่

ตนเอง เดิมได้ โดยกำรช้ีแนะ

ของครหู รือผู้อื่น

๓๗๐ ชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (สาำ หรับครูผูส้ อน) กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ )

6102153L01c.indd 370 9/10/18 9:27 AM

๓๑๘

ทักษะกระบวนกำร ดี (๓) ระดับควำมสำมำรถ ควรปรับปรุง (๑)
ทำงวิทยำศำสตร์ พอใช้ (๒)

การจดั กระทาและ นำ� เสนอขอ้ มลู กำรนำ� ควำมรอ้ น น�ำเสนอข้อมูลกำรน�ำ ไม่สามารถเสนอข้อมูลกำร
สื่อความหมายขอ้ มูล ของวัสดุให้ผู้อื่นเข้ำใจได้ง่ำย ควำมร้อนของวัสดุให้ผู้อื่น น�ำควำมร้อนของวัสดุให้ผู้อื่น

และชดั เจนด้วยตนเอง เขำ้ ใจไดง้ ำ่ ยและชดั เจั นโดย เขำ้ ใจได้ง่ำย ถงึ แม้จะไดร้ ับ
การชแี้ นะของครูหรือผอู้ นื่ ค�ำแนะน�ำจำกครูหรอื ผู้อนื่

การกาหนดและ สามารถกาหนดตัวแปรต้น สำมำรถก�ำหนดตัวแปรต้น ไม่สำมำรถกาหนดตัวแปรต้น
ควบคุมตวั แปร
ตัวแปรตามและตัวแปรท่ี ตัวแปรตำมและตัวแปรที่ ตัวแปรตามและตัวแปรที่ต้อง
ต้องควบคุมให้คงที่ในการ ต้องควบคุมให้คงท่ีในกำร ควบคุมให้คงที่ในการทดลอง
ทดลองเก่ียวกับการนาความ ทดลองเก่ียวกับกำรน�ำ เก่ียวกับการนาความร้อนของ
ควำมร้อนของวัสดุได้อย่ำง
ร้อนของวัสดุได้อย่างถูกต้อง วัสดุได้อย่างถูกต้อง ถึงแม้จะ
ด้วยตนเอง ถกู ตอ้ ง โดยการช้แี นะของ ได้รับคาแนะนาจากครูหรือ
ครหู รือผอู้ ื่น ผ้อู ่นื

การทดลอง ท า ก า ร ท ด ล อ ง เ ก่ี ยวกับ ทำการทดลองเกี่ยวกับ ไม่สามารถท�ำกำรทดลอง
การตัง้ สมมติฐาน การนาความร้อนของวัสดุได้ การนาความร้อนของวัสดุ เกี่ยวกับกำรน�ำควำมร้อนของ

โดยมีข้ันตอนครบถ้วนได้ โดยมีข้ันตอนครบถ้วนได้ วัสดุโดยมีขั้นตอนครบถ้วนได้

ด้วยตนเอง โดยได้รับกำรช้ีแนะจำก ถึงแม้จะได้รับค�ำแนะน�ำจำก

ครูหรือผู้อน่ื ครหู รือผู้อื่น

คิดหาคาตอบล่วงหน้าโดย คิดหาคาตอบล่วงหน้าโดย ไมส่ ามารถคดิ หำคำ� ตอบลว่ งหนำ้

บอกความสัมพันธ์ระหว่าง บอกความสัมพันธ์ระหว่าง โดยบอกควำมสัมพันธ์ระหว่ำง

ตัวแปรต้นกับตัวแปรตามได้ ตัวแปรต้นกับตัวแปรตาม ตวั แปรตน้ กบั ตวั แปรตำมอยำ่ ง

อยา่ งถกู ตอ้ งด้วยตนเอง ได้อย่างถูกตอ้ ง โดยการ ถกู ตอ้ ง ถงึ แมจ้ ะไดร้ บั คำ� แนะนำ�
ชแี้ นะของครูหรือผูอ้ นื่ จำกครูหรอื ผู้อน่ื

การตคี วามหมาย ตีความหมายข้อมูลท่ีได้จาก ตีความหมายข้อมูลที่ได้ ไ ม่สำมำรถ ตีความหมาย
ข้อมลู และลงข้อสรุป การสังเกตเพ่ือลงข้อสรุป จากการสังเกตเ พ่ื อ ลง ข้อมูลท่ีได้จากการสังเกตเพื่อ

เกี่ยวกับการนาความร้อน ข้อสรุปเกี่ยวกับการนา ลงข้อสรุปเก่ียวกับการนา

ของวัสดุได้อย่างถูกต้อง ความรอ้ นของวัสดุได้ โดย ความร้อนของวัสดุได้ ถึงแม้
ดว้ ยตนเอง

ชุดการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครูผสู้ อน) กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๔ (ฉบับปรบั ปรุง) ๓๗๑

6102153L01c.indd 371 9/10/18 9:27 AM

๓๑๙

ทกั ษะกระบวนกำร ระดบั ควำมสำมำรถ
ทำงวิทยำศำสตร์
ดี (๓) พอใช้ (๒) ควรปรับปรุง (๑)

กำรช้ีแนะของครูหรือ จะได้รับคาแนะนาจากครูหรือ
ผู้อื่น ผู้อ่นื

๓๗๒ ชดุ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (สาำ หรบั ครผู สู้ อน) กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรุง)

6102153L01c.indd 372 9/10/18 9:28 AM

เฉลยใบงาน

6102153L01c.indd 373 9/10/18 9:28 AM

6102153L01c.indd 374 9/10/18 9:28 AM

ชอ่ื -สกลุ เดือน ช้ัน เลขที่ บ. ๕.๑ / ผ. ๑.๔-๐๑
วันท่ี พ.ศ.

ใบงาน ๐๑ : สมบัติการนา� ความรอ้ นของวัสดุ

บันทึกผลการทา� กิจกรรม
วสั ดแุ ตล่ ะชนิดนำ� ควำมรอ้ นไดด้ ีกวำ่ กนั หรอื ไม่
สมมติฐำน : ขนึ้ อยกู่ ับควำมคดิ ของนักเรียน

ผลกำรออกแบบเพ่ือทดสอบกำรน�ำควำมร้อนของวสั ดุ

ข้นึ อยู่กับควำมคดิ ของนกั เรยี น
แต่กำรออกแบบควรแสดงถงึ กำรควบคุมตวั แปรทเ่ี หมำะสม ทง้ั น้ี
ขน้ึ อยู่กบั ดลุ ยพินิจของครูในกำรช้แี นะแนวทำงกำรออกแบบกำรทดลอง

ตวั แปรต้น : ชนิดของวสั ดุ
ตัวแปรตำม : กำรเปล่ยี นแปลงของดินนำ�้ มนั
ตัวแปรทต่ี ้องควบคมุ ให้คงท่ี :

ขนำดของวสั ดุ ขนำดของดินน้ำ� มนั

ชดุ การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ (สำาหรบั ครูผู้สอน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรุง) ๓๗๕

6102153L01c.indd 375 9/10/18 9:28 AM

ช่อื -สกุล ช้ัน เลขท่ี บ. ๕.๑ / ผ. ๑.๔-๐๑
วนั ที่ พ.ศ.
เดอื น

ตาราง เปรียบเทยี บการหลอมเหลวของดนิ นา้� มันเมอ่ื ใหค้ วามรอ้ นกับวสั ดชุ นิดตา่ ง ๆ

ชนิดของวัสดุ ลำ� ดบั กำรหลอมเหลวของดนิ น้�ำมนั

ไม้ ไม่หลอมเหลว

แกว้ ไม่หลอมเหลว

อะลมู เิ นยี ม ๓

เหล็ก ๒

ทองแดง ๑

คา� ถามหลงั จากทา� กิจกรรม

๑. วัสดุชนดิ ใดน�ำควำมรอ้ นได้ดี รูไ้ ดอ้ ยำ่ งไร
ดนิ นำ�้ มันทอ่ี ยู่บนทองแดง จะหลอมเหลวไดเ้ รว็ ทส่ี ดุ

๒. วสั ดุชนดิ ใดนำ� ควำมรอ้ นได้ไม่ดี รู้ได้อย่ำงไร
ไดแ้ ก่ ทองแดง เหลก็ และอะลมู ิเนยี ม สว่ นไมแ้ ละแกว้ ไมน่ �ำควำมรอ้ น

๓. จำกกจิ กรรมนี้ สรุปไดว้ ำ่ อย่ำงไร
ดินน�้ำมันทีอ่ ยบู่ นทองแดง จะหลอมเหลวได้เร็วทีส่ ดุ รองลงมำ ไดแ้ ก่ ดนิ น�้ำมันท่อี ยู่
บนเหลก็ อะลมู ิเนียม ตำมลำ� ดับ ส่วนดนิ น�้ำมันบนไมแ้ ละแกว้ ไมห่ ลอมเหลว แสดงว่ำ
วสั ดทุ ง้ั สองนำ� ควำมรอ้ นไดไ้ มด่ ี แตค่ วำมรอ้ นสำมำรถถำ่ ยโอนผำ่ นวสั ดทุ งั้ สองไดเ้ ชน่ กนั

๓๗๖ ชุดการจดั กิจกรรมการเรยี นรู (สําหรับครผู ูสอน) กลุมสาระการเรยี นรูวทิ ยาศาสตร ภาคเรยี นที่ ๑ ช้นั ประถมศึกษาปท่ี ๔ (ฉบับปรบั ปรงุ )

6102153L01c.indd 376 9/11/18 10:07 AM

ช่อื -สกลุ เดือน ชน้ั เลขที่ บ. ๕.๑ / ผ. ๑.๔-๐๒
วันที่ พ.ศ.

ใบงาน ๐๒ : แบบฝกึ หดั เรอ่ื งการนา� ความร้อนของวสั ดุ

ขดี x ทับตวั เลอื กหน้ำข้อควำมทถ่ี กู ตอ้ งทส่ี ุดเพียงขอ้ เดียว

๑. ถำ้ ต้องกำรท�ำภำชนะเพ่ือให้เกบ็ ควำมรอ้ นไว้ได้นำน ควรทำ� จำกวสั ดุชนิดใด

xก. เหลก็

ข. พลำสติก
ค. ทองเหลอื ง
ง. กระเบอื้ งเคลือบ

๒. วัตถใุ นขอ้ ใดมีสมบัติกำรน�ำควำมรอ้ นไดด้ ีทีส่ ดุ
ก. ขวดแกว้

xข. ช้อนโลหะ

ค. จำนกระเบ้อื ง
ง. แกว้ พลำสตกิ

๓. วสั ดุที่เป็นตัวน�ำควำมร้อนท่ดี ี มักจะมีสมบตั ิใดควบคู่ไปดว้ ย
ก. มีควำมหนำแน่นมำก
ข. มีควำมแข็งมำก

xค. เปน็ ตวั น�ำไฟฟ้ำท่ีดี

ง. มีควำมยดื หยนุ่ สงู

๔. ฉนวนควำมร้อน หมำยถึงขอ้ ใด
ก. วัสดทุ น่ี �ำควำมรอ้ นได้ปำนกลำง
ข. วัสดทุ ่คี วำมรอ้ นไหลผ่ำนได้

xค. วัสดุทน่ี �ำควำมร้อนได้ไมด่ ี

ง. วสั ดุที่นำ� ควำมรอ้ นไดด้ ี

ชุดการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (สำาหรบั ครูผู้สอน) กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรยี นที่ ๑ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๔ (ฉบับปรับปรงุ ) ๓๗๗

6102153L01c.indd 377 9/10/18 9:28 AM

ชอื่ -สกลุ เดือน ช้ัน เลขท่ี บ. ๕.๑ / ผ. ๑.๔-๐๒
วนั ที่ พ.ศ.

๕. ให้พลังงำนควำมรอ้ นเทำ่ กันเพอ่ื ตม้ นำ�้ ๕๐ ลูกบำศก์เซนตเิ มตร ในบีกเกอรข์ นำด
เท่ำกนั ที่ท�ำด้วยวสั ดตุ ่ำงกัน บนั ทกึ เวลำทีท่ �ำใหน้ ้ำ� เดือดไดผ้ ลตำมตำรำง
ตาราง เวลาทีใ่ ชใ้ นการทา� ใหน้ า้� เดอื ดเมอื่ ต้มนา้� ในบีกเกอร์ที่ทา� ด้วยวัสดุตา่ งกัน

วสั ดุที่ใชท้ ำ� บีกเกอร์ เวลำทใ่ี ช้ในกำรท�ำใหน้ �้ำเดือด (นำที )

A ๕
B ๙
C ๘
D ๗

จำกข้อมูล วัสดุชนดิ ใดน�ำควำมรอ้ นไดด้ ที ่ีสุด

xก. A

ข. B
ค. C
ง. D
๖. ตวั นำ� ควำมรอ้ นแตกตำ่ งจำกฉนวนควำมร้อนอยำ่ งไร

ตวั น�ำควำมรอ้ น เป็นวัสดทุ คี่ วำมรอ้ นถ่ำยโอนผำ่ นไดด้ ี ส่วนใหญเ่ ปน็ โลหะ เช่น
ทองแดง อะลูมิเนยี ม เหลก็ ฉนวนควำมร้อนเป็นวัสดทุ คี่ วำมร้อนถ่ำยโอนผำ่ นไดไ้ ม่ดี
หรอื ไมส่ ำมำรถผ่ำนได้ เช่น ไม้ แก้ว พลำสตกิ
๗. ถำ้ เรำใช้ทัพพีท่ีทำ� จำกโลหะคนแกงทกี่ ำ� ลงั เดอื ด จะรูส้ ึกรอ้ นมือเพรำะอะไร

เพรำะโลหะเป็นตวั น�ำควำมร้อน จึงสำมำรถถ่ำยโอนควำมร้อนจำกน้ำ� แกงท่ี
ก�ำลังเดือดไปสมู่ ือเรำได้

๓๗๘ ชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (สาำ หรบั ครูผสู้ อน) กลุ่มสาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ (ฉบับปรับปรุง)

6102153L01c.indd 378 9/10/18 9:29 AM

๓๒๔

คำชี้แจงประกอบแผนจดั กำรเรยี นรู้ หนว่ ยกำรเรยี นรู้ที่ ๕

แผนกำรจัดกำรเรยี นร้ทู ี่ ๑.๕ เร่ือง กำรนำไฟฟ้ำของวัสดรุ อบตัว เวลำ ๓ ชั่วโมง

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

๑. สำระสำคญั ของแผน
การนาไฟฟ้าของวสั ดุ หมายถึง การทวี่ สั ดุยอมให้กระแสไฟฟา้ ผา่ นได้

๒. ขอ้ เสนอแนะเพม่ิ เติมในกำรนำไปใช้ (ให้ระบุสิ่งทต่ี ้องกำรเนน้ หรือข้อสังเกต ข้อเสนอแนะ คำแนะนำ)
ในเรือ่ งตอ่ ไปนี้ คอื
๒.๑ ขอบขำ่ ยเนอื้ หำ
กำรนำ� ไฟฟ้ำ หมำยถงึ สมบตั ขิ องวัสดุทกี่ ระแสไฟฟำ้ ผำ่ นได้ วสั ดบุ ำงชนิดมสี มบัตกิ ำรน�ำไฟฟ้ำคอื
กระแสไฟฟำ้ ผำ่ นได้ เรยี กวำ่ ตวั นำ� ไฟฟำ้ แตว่ สั ดบุ ำงชนดิ ทกี่ ระแสไฟฟำ้ ผำ่ นไมไ่ ดห้ รอื ผำ่ นไดไ้ มด่ ี เรยี กวำ่
ฉนวนไฟฟำ้ เรำสำมำรถน�ำสมบตั ิกำรน�ำไฟฟ้ำของวัสดมุ ำใช้ในกำรผลติ อุปกรณ์ต่ำง ๆ ได้

๒.๒ จุดประสงค์กำรเรียนรู้ (ควำมรู้ ทักษะ คุณธรรม จรยิ ธรรม คำ่ นยิ ม) (ถ้ำมี)

จดุ ประสงคด์ ำ้ นควำมรู้
๑. อธบิ ายการนาไฟฟ้าของวสั ดุได้
๒. อธบิ ายการใชค้ วามรเู้ กยี่ วกบั การนาไฟฟ้าของวสั ดไุ ปใช้ประโยชนไ์ ด้

จุดประสงคด์ ำ้ นทักษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์
๑. การสังเกต
๒. การลงความเห็นจากข้อมูล
๓. การตคี วามหมายขอ้ มูลและลงข้อสรปุ

จดุ ประสงคด์ ้ำนคุณธรรม
๑. มคี วามมงุ่ มน่ั ในการทางาน
๒. มีความซื่อสตั ยต์ อ่ ตนเอง
๓. ใฝ่เรียนรู้
๔. มีความสามคั คี ชว่ ยเหลือในการทางานกลุ่มรว่ มกนั

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครผู ้สู อน) กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๔ (ฉบับปรับปรุง) ๓๗๙

6102153L01c.indd 379 9/10/18 9:29 AM

๓๒๕

๒.๓ กำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้
๑) กำรเตรียมตัวของครู นักเรยี น (กำรจัดกลุ่ม) (ถ้ำมี)

การจัดกลุ่ม โดยแบง่ นักเรียนออกเปน็ กลุม่ กล่มุ ละ ๓-๔ คน เพื่อทาใบกิจกรรมตา่ ง ๆ

๒) กำรเตรียมสื่อ วัสดุอปุ กรณ์ ของครู นักเรยี น (ถ้ำม)ี
ส่งิ ท่คี รูต้องเตรยี ม คอื

๒.๑ สายไฟพรอ้ มท่เี สียบและคลปิ ปากจระเข้ ๔ เสน้ /กลมุ่

๒.๒ ถ่านไฟฉาย ๑.๕ โวลต์ ๑ กอ้ น/กลมุ่

๒.๓ หลอดไฟฟ้าขนาด ๒.๕ โวลต์ พรอ้ มฐาน ๑ หลอด/กลุ่ม

๒.๔ ลวดเสยี บกระดาษ

สง่ิ ท่ีนักเรียนตอ้ งเตรยี ม คือ
๒.๕ วัตถตุ า่ ง ๆ ได้แก่ ฟองน้า ดินนา้ มนั ดินสอ เทียนไข ปากกาดา้ มพลาสติก กอ้ นหิน ไม้

แก้ว ตะปเู หลก็ กระปอ๋ งอะลูมเิ นยี ม ลวดทองแดง อยา่ งละ ๑ อนั /กลุม่

๓) เตรยี มใบงำน ใบควำมรู้ ใบกิจกรรม (ถ้ำมี)

๓.๑ ใบงาน ๐๑ การนาไฟฟา้ ของวสั ดุ
๓.๒ ใบงาน ๐๒ แบบฝึกหัด เรื่องการนาไฟฟา้ ของวสั ดุ

๒.๔ วัดผลประเมนิ ผล (ถำ้ มี)
๑) วธิ ีกำรวัดผลประเมินผลกำรเรยี นรู้

๑.๑ สงั เกตการตอบคาถามในชั้นเรยี น

๑.๒ การตอบคาถามในแบบฝึกหดั

๑.๓ สังเกตทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการทากิจกรรม

๑.๔ สังเกตดา้ นคุณธรรมขณะทากิจกรรม

๒) วธิ ีกำร เครอื่ งมอื เกณฑ์
๒.๑ เครื่องมือและเกณฑใ์ นกำรประเมินด้ำนควำมรู้

ตรวจใหค้ ะแนนจากการตอบคาถามในใบงาน แลว้ ใช้เกณฑ์ในการให้คะแนน ดังน้ี

- มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน

- ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน

- ต่ากวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน

๓๘๐ ชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (สำาหรับครูผ้สู อน) กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๔ (ฉบับปรบั ปรุง)

6102153L01c.indd 380 9/10/18 9:29 AM

๓๒๖

๒.๒ เคร่ืองมือและเกณฑใ์ นกำรประเมินทักษะกระบวนกำรทำงวทิ ยำศำสตร์
สงั เกตทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ โดยใช้แบบประเมินทักษะกระบวนการ

ทางวิทยาศาสตร์ (ดงั แนบ) นาคะแนนมารวมกัน แล้วใช้เกณฑ์ ในการให้คะแนน ดงั น้ี
- มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
- ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
- ต่ากว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน

๒.๓ เครื่องมือและเกณฑ์ในกำรประเมนิ ด้ำนคุณธรรม
สงั เกตคณุ ลักษณะดา้ นคุณธรรมโดยใชแ้ บบประเมินดา้ นคุณธรรม (ดงั แนบ) แล้วนา

คะแนนมารวมกนั แลว้ ใชเ้ กณฑใ์ นการให้คะแนน ดังน้ี
- มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
- ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
- ต่ากว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน

๓) กำรทดสอบกอ่ นเรยี น หลงั เรียน แบบฝกึ หัด ก่อนเรยี น หลังเรียน
ทาแบบฝกึ หดั ในใบงานหลังเรียน

๓. อ่นื ๆ
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................

ชุดการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (สาำ หรับครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๔ (ฉบับปรับปรงุ ) ๓๘๑

6102153L01c.indd 381 9/10/18 9:29 AM

6102153L01c.indd 382 ๓๘๒ ชดุ การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรุง) หนว่ ยกำรเรียนร้ทู ี่ ๕ วสั ดุและสสำร แนวกำรจดั กิจกรรมการเรียนรขู้ องแผนกำรจัดกำรเรยี นรทู้ ี่ ๑.๕ ๓๒๗
กลุม่ สำระกำรเรียนร้วู ิทยำศำสตร์ เรอื่ ง กำรนำไฟฟ้ำของวสั ดุรอบตัว
รำยวชิ ำวิทยำศำสตร์ เวลำ ๓ ชั่วโมง
ช้นั ประถมศึกษำปีที่ ๔

ขน้ั นำ แนวกำรจดั กจิ กรรมกำรเรียนรู้
ขั้นสอน
ขั้นสรุป  รว่ มกนั ตอบคาถามและคาดคะเน เม่ือครูสาธิตการต่อหลอดไฟฟา้

กำรวัดและประเมนิ ผล  รว่ มกนั ทากิจกรรมที่ ๑ ตรวจสอบการนาความรอ้ นของวัสดุไดอ้ ย่างไร
 ปฏิบตั กิ ิจกรรมดว้ ยกันเปน็ กลุ่ม นาเสนอ และอภิปรายผลการทดลอง
 ร่วมกนั อภิปรายและลงข้อสรุปเกยี่ วกบั การนาไฟฟา้ ของวัสดรุ อบตัว
 ทาใบงาน ๐๒ แบบฝกึ หัด เร่ืองการนาไฟฟา้ ของวัสดุ
 ประเมินจากการตอบคาถาม
 ประเมินจากการทากจิ กรรมในช้นั เรยี น
 ประเมินจากการทาแบบฝกึ หัด

9/10/18 9:30 AM

6102153L01c.indd 383 ๓๒๘

ชุดการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๔ (ฉบบั ปรบั ปรุง) ๓๘๓ หน่วยกำรเรยี นรูท้ ี่ ๕ วสั ดุและสสำร แผนกำรจดั กำรเรียนร้ทู ี่ ๑.๕ กำรนำไฟฟ้ำของวัสดุรอบตวั เวลำ ๓ ชว่ั โมง
กลมุ่ สำระกำรเรียนรูว้ ิทยำศำสตร์ หน่วยยอ่ ยที่ ๑ สมบตั ิทางกายภาพของวัสดุ ชน้ั ประถมศึกษำปีที่ ๔

รำยวิชำวิทยำศำสตร์

ขอบเขตเนอ้ื หำ กจิ กรรมกำรเรียนรู้ (๓ ชัว่ โมง) สื่อ / แหลง่ เรียนรู้
๑. ไม้
กำรน�ำไฟฟ้ำ หมำยถงึ สมบตั ิ ชัว่ โมงท่ี ๑-๒ ๒. แกว้
ของวสั ดทุ ก่ี ระแสไฟฟำ้ ผำ่ นได ้ วสั ดุ ขั้นนำ (๑๐ นำที) ๓. ตะปูเหล็ก
บำงชนิดมีสมบตั กิ ำรนำ� ไฟฟ้ำ คือ ๑. ครูนาเข้าสบู่ ทเรียน โดยเตรียมอุปกรณส์ าธติ ประกอบด้วย ถา่ นไฟฉาย ๑.๕ โวลต์ ตอ่ เปน็ ๔. กระปอ๋ งอะลมู ิเนยี ม
กระแสไฟฟ้ำผ่ำนได ้ เรียกว่ำ ตัวนำ� ๕. ลวดทองแดง
ไฟฟำ้ แตว่ สั ดบุ ำงชนดิ ทกี่ ระแสไฟฟำ้ วงจรไฟฟ้าอยา่ งง่ายเข้ากบั หลอดไฟฟ้า ดังรปู ๖. สายไฟพร้อมทเ่ี สยี บและ

ผ่ำนไม่ได้หรอื ผำ่ นไดไ้ มด่ ี เรียกวำ่ คลิปปากจระเข้
ฉนวนไฟฟ้ำ เรำสำมำรถนำ� สมบตั ิ ๗. ถา่ นไฟฉายขนาด ๑.๕ v
กำรน�ำไฟฟ้ำของวัสดุมำใช้ในกำร ๘. หลอดไฟฟ้าขนาด ๒.๕ v
ผลติ อุปกรณ์ตำ่ ง ๆ ได้
พร้อมฐาน
AB ๙. ฟองนา้
๑๐. ช้อนโลหะ
ครูกระตุ้นให้นักเรียนเกิดความสนใจ โดยต่อลวดเสียบกระดาษเข้ากับหลอดไฟฟ้าและ
วงจรไฟฟา้ อย่างง่ายทต่ี าแหน่ง A และ B หลอดไฟฟ้าจะสว่าง จากน้ันให้นักเรียนคาดคะเนว่า ถา้ ครู ๑๑. ดินนา้ มนั
นาวัสดุอน่ื ๆ มาตอ่ เข้ากบั วงจรไฟฟ้าแทนลวด วสั ดุใดทที่ าให้หลอดไฟฟ้าสวา่ งได้ ๑๒. ดนิ สอ
๑๓. ปากกาด้ามพลาสติก
๑๔. กอ้ นหิน
๑๕. ลวดเสยี บกระดาษ

9/10/18 9:30 AM

6102153L01c.indd 384 ๓๘๔ ชดุ การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรุง) ๓๒๙

หนว่ ยกำรเรียนรทู้ ี่ ๕ วสั ดุและสสำร แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ที่ ๑.๕ กำรนำไฟฟำ้ ของวัสดรุ อบตัว เวลำ ๓ ชว่ั โมง
กลุม่ สำระกำรเรยี นรูว้ ิทยำศำสตร์ หน่วยย่อยที่ ๑ สมบตั ิทางกายภาพของวัสดุ ชัน้ ประถมศึกษำปีท่ี ๔

รำยวิชำวิทยำศำสตร์

จุดประสงค์ดำ้ นควำมรู้ ๒. ครูนาวัสดุมาให้นักเรียนดู เช่น ฟองน้า ช้อนโลหะ ดินน้ามัน ดินสอ เหล็ก เทียนไข ปากกา ภำระงำน / ชน้ิ งำน
๑. อธบิ ายการนาไฟฟ้าของวสั ดไุ ด้ ด้ามพลาสติก กอ้ นหิน จากน้ันครูสนทนาและซกั ถามนกั เรียนว่า ๑. การบันทึกผลการทำกิจกรรม
๒. อธิบายการนาไฟฟา้ ของวัสดไุ ป ๒.๑ วัสดุชนิดใดที่นักเรียนคิดว่าจะสามารถทาให้หลอดไฟฟ้าสว่างได้ (นักเรียนตอบได้ตามความ
เขา้ ใจของตนเอง แนวคาตอบที่ครคู วรร้แู ตย่ ังไม่ต้องเฉลยคอื วสั ดทุ ที่ าให้หลอดไฟฟา้ เกิดสว่างได้ ในใบกิจกรรม
ใช้ประโยชน์ได้ เชน่ เหล็ก ลวด ชอ้ นโลหะ
๒.๒ เพราะเหตุใดเมื่อต่อวัสดุบางชนิดเข้ากับวงจรไฟฟ้าแล้ว หลอดไฟฟ้าจึงสว่าง (นักเรียนตอบได้ ๒. การทาแบบฝกึ หดั
จดุ ประสงคด์ ำ้ นทักษะ ตามความเข้าใจของตนเอง แต่คาตอบที่ยังไม่เฉลยคือ เพราะมีกระแสไฟฟ้าผ่านวัสดุนี้ได้แล้ว
กระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ ทาใหห้ ลอดไฟฟ้าสวา่ ง)
๑. การสังเกต ๒.๓ วัสดุชนิดใดที่นักเรียนคิดว่าไม่สามารถทาให้หลอดไฟฟ้าสว่างได้ (นักเรียนตอบได้ตามความ
๒. การลงความเหน็ จากข้อมูล เข้าใจของตนเอง แนวคาตอบท่ีครคู วรรแู้ ต่ยังไมต่ ้องเฉลยคอื ฟองน้า ดินนา้ มัน เทยี นไข ดินสอ
๓. การตคี วามหมายข้อมลู และ ปากกาด้ามพลาสติก ก้อนหิน ไมส่ ามารถนาไฟฟา้ ได้ เราจะเรียกวัสดุทไ่ี ม่นาไฟฟา้ นวี้ ่า ฉนวนไฟฟ้า
๒.๔ เพราะเหตุใดเมื่อต่อวัสดุบางชนิดเข้ากับวงจรไฟฟ้าแล้ว หลอดไฟฟ้าไม่สว่าง (นักเรียนตอบได้
ลงขอ้ สรุป ตามความเขา้ ใจของตนเอง แนวคาตอบทค่ี รคู วรรู้แตย่ ังไมต่ ้องเฉลยคือ เพราะกระแสไฟฟ้าผา่ น
วัสดเุ หล่านีไ้ มไ่ ด้)

ข้นั สอน (๑๐๐ นำท)ี
๓. ครแู บ่งกล่มุ นักเรยี นเปน็ กลุ่ม กลุ่มละ ๓-๔ คน ให้นกั เรียนทาใบกจิ กรรมท่ี ๑ ตรวจสอบการนาไฟฟ้า

ของวัสดุได้อย่างไร หน้า ๑๕๑ โดยครูให้นักเรียนอ่านวิธีทากิจกรรมแล้วครูถามคาถามก่อนทา
กจิ กรรม ดงั น้ี

9/10/18 9:30 AM

6102153L01c.indd 385 ๓๓๐

ชุดการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๔ (ฉบบั ปรบั ปรุง) ๓๘๕ หน่วยกำรเรยี นรู้ที่ ๕ วัสดแุ ละสสำร แผนกำรจดั กำรเรียนร้ทู ่ี ๑.๕ กำรนำไฟฟำ้ ของวัสดรุ อบตวั เวลำ ๓ ชัว่ โมง
กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์ หน่วยย่อยท่ี ๑ สมบัตทิ างกายภาพของวสั ดุ ชน้ั ประถมศกึ ษำปีท่ี ๔

รำยวิชำวิทยำศำสตร์

จุดประสงคด์ ้ำนคุณธรรม ๓.๑ กิจกรรมน้ีนักเรยี นจะได้เรียนเรื่องอะไร (การนาไฟฟา้ ของวัสดุรอบตัว) วธิ กี ำรประเมนิ
๑. มคี วามม่งุ ม่นั ในการทางาน ๓.๒ นกั เรียนจะเรียนเรือ่ งน้ีด้วยวิธใี ด (สงั เกตและทดลอง) ๑. การตอบคาถามใน
๓.๓ เมอื่ เรียนแลว้ นักเรยี นจะทาอะไรได้ (อธบิ ายการนาไฟฟา้ ของวัสดุไปใชป้ ระโยชน์ได้)
๒. มคี วามซื่อสตั ยต์ ่อตนเอง ๔. ครูแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละเท่า ๆ กัน แล้วให้นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันคิดหาวิธีการ แบบฝกึ หัด
ตรวจสอบการนาไฟฟ้าของวัสดุ ซึง่ อาจจะถกู หรือผดิ กไ็ ด้ เขยี นคาตอบของนักเรียนไว้บนกระดาน ๒. สงั เกตทักษะกระบวนการ
๓. ใฝ่เรียนรู้ ๕. ครูแจกใบกิจกรรมท่ี ๑ ตรวจสอบการนาไฟฟ้าของวัสดุได้อย่างไร ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มได้ร่วมกัน
๔. มคี วามสามัคคี ช่วยเหลือใน อภปิ ราย ศกึ ษาวธิ กี ารทากจิ กรรม คาชแ้ี นะจนเขา้ ใจ โดยครูอาจใช้คาถาม ดังน้ี ทางวทิ ยาศาสตร์ในการทา
๕.๑ กจิ กรรมนมี้ วี ธิ ีการตรวจสอบการนาไฟฟา้ ของวสั ดุ อยา่ งไร (ตรวจสอบโดยการนาวสั ดมุ าต่อ กจิ กรรม
การทางานกล่มุ รว่ มกนั ๓. สังเกตด้านคณุ ธรรมขณะทา
เขา้ กับวงจรไฟฟ้า)
๕.๒ ถ้านาวัสดุในกิจกรรมน้ี มาเช่ือมต่อกับชุดวงจรไฟฟ้า ส่ิงท่ีเราต้องสังเกตแล้วจดบันทึกคืออะไร กิจกรรม

(การสว่างของหลอดไฟฟา้ ) เกณฑ์กำรประเมิน
๕.๓ นักเรียนคิดว่าการสว่างของหลอดไฟฟ้า เกี่ยวข้องกับการนาไฟฟ้าของวัสดุอย่างไร ๑. การตอบคาถามใน

(นักเรียนอาจตอบได้หลากหลายตามความคิดของตนเอง ครูรับฟงั และเปดิ โอกาสใหน้ ักเรียน แบบฝกึ หัดได้ถกู ต้องดว้ ย
ไดต้ อบคาถาม) ตนเอง
(แนวคาตอบในประเด็นน้ีที่ครูควรรู้แต่ยังไม่ต้องเฉลยให้กับนักเรียนคือ การนาไฟฟ้า คือการท่ีวัสดุยอม - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
ให้กระแสไฟฟ้าผา่ นได้ วัสดทุ ีก่ ระแสไฟฟา้ ผ่านได้ เรยี กวา่ ตวั นาไฟฟ้า วัสดทุ ก่ี ระแสไฟฟ้าผ่านไม่ได้หรือ - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
ผา่ นได้ไมด่ ี เรยี กว่า ฉนวนไฟฟ้า) - ต่ากว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน
๖. ครเู ตือนนกั เรียนไมใ่ หใ้ ชก้ จิ กรรมนก้ี ับวงจรไฟฟ้าในบ้านซ่งึ จะเกดิ อันตรายได้

9/10/18 9:30 AM

6102153L01c.indd 386 ๓๓๑

๓๘๖ ชดุ การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรุง) หน่วยกำรเรียนรูท้ ี่ ๕ วสั ดุและสสำร แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ท่ี ๑.๕ กำรนำไฟฟ้ำของวัสดรุ อบตัว เวลำ ๓ ช่วั โมง
กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์ หน่วยย่อยท่ี ๑ สมบัตทิ างกายภาพของวสั ดุ ชน้ั ประถมศึกษำปีที่ ๔

รำยวิชำวิทยำศำสตร์

๗. นักเรียนแต่ละกลุ่มลงมือทากิจกรรม บันทึกผลลงในใบงาน ๐๑ การนาไฟฟ้าของวัสดุ หน้า ๑๕๒ ๒. มที ักษะกระบวนการทาง
และเตรยี มนาเสนอผลการทากจิ กรรมในช่ัวโมงถดั ไป
วทิ ยาศาสตรข์ ณะทา
ข้ันสรุป (๑๐ นำที) กจิ กรรม
๘. ครูและนักเรยี นร่วมกันสรุปกจิ กรรมได้ว่าวิธีการตรวจสอบการนาไฟฟ้าของวสั ดุทาได้โดยการนาวัสดุ - มากกวา่ ๘๐% ได้ ๓ คะแนน
- ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
เข้าไปต่อในวงจรไฟฟ้า แลว้ สงั เกตการสวา่ งของหลอดไฟฟา้ หรอื การทางานของเครอื่ งใช้ไฟฟ้า - ตา่ กว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน
๓. มคี ุณลักษณะดา้ นคณุ ธรรม
ชัว่ โมงที่ ๓ - มากกว่า ๘๐% ได้ ๓ คะแนน
ขน้ั นำ (๕ นำท)ี - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
๙. ครูทบทวนการทากิจกรรมในช่ัวโมงท่ีผ่านมา โดยอาจใช้คาถามว่าการตรวจสอบการนาไฟฟ้าของ - ตา่ กว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน

วัสดุทาได้อย่างไร (นาวัสดุท่ีต้องการจะศึกษาไปแทนท่ีในวงจรไฟฟ้า แล้วสังเกตความสว่างของ
หลอดไฟฟา้ )
ข้นั สอน (๔๕ นำที)
๑๐. นักเรียนแต่ละกลุ่มนาเสนอผลการทากิจกรรม พร้อมท้ังให้นักเรียนอภิปรายหน้าชั้นเรียน

จากนนั้ นกั เรยี นร่วมกันอภิปรายเกยี่ วกบั ผลการทากจิ กรรม โดยครใู ชค้ าถาม ดงั น้ี
๑๐.๑ จากการทากิจกรรมนี้ เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง (เมื่อต่อเหล็ก อะลูมิเนียม และ

ทองแดง เข้ากับชุดวงจรไฟฟ้า หลอดไฟฟ้าจะสว่าง ส่วนไม้และแก้ว เมื่อต่อเข้ากับ
ชดุ วงจรไฟฟา้ พบว่าหลอดไฟฟา้ ไมส่ ว่าง)
๑๐.๒ วสั ดุชนดิ ใดบ้างทีม่ กี ารนาไฟฟ้า (เหลก็ อะลมู ิเนยี ม ทองแดง)

9/10/18 9:30 AM

6102153L01c.indd 387 ชุดการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๔ (ฉบบั ปรบั ปรุง) ๓๘๗ ๓๓๒

หนว่ ยกำรเรียนรทู้ ่ี ๕ วัสดแุ ละสสำร แผนกำรจดั กำรเรียนรูท้ ่ี ๑.๕ กำรนำไฟฟำ้ ของวัสดรุ อบตวั เวลำ ๓ ช่วั โมง
กลุ่มสำระกำรเรยี นร้วู ิทยำศำสตร์ หน่วยย่อยที่ ๑ สมบัตทิ างกายภาพของวสั ดุ ชน้ั ประถมศึกษำปีท่ี ๔

รำยวิชำวิทยำศำสตร์

๑๐.๓ นักเรยี นทรำบไดอ้ ย่ำงไรวำ่ วสั ดุเหลำ่ นนั้ นำ� ไฟฟำ้ (สังเกตจำกกำรสว่ำงของหลอดไฟฟ้ำ ซ่ึง
วสั ดุทน่ี ำ� ไฟฟ้ำ หลอดไฟฟ้ำจะสวำ่ ง)

๑๐.๔ วสั ดชุ นิดใดบ้างที่ไม่นาไฟฟ้า (ไม้และแกว้ )
๑๐.๕ นกั เรยี นทรำบไดอ้ ยำ่ งไรว่ำ วสั ดเุ หล่ำน้นั ไม่นำ� ไฟฟ้ำ (สังเกตจำกกำรสวำ่ งของหลอดไฟฟำ้

ซง่ึ วัสดุทไี่ ม่น่ำไฟฟ้ำ จะท�ำให้หลอดไฟฟ้ำไม่สว่ำง)

๑๑. ครูให้ความรู้เพิ่มเติมว่า วัสดุที่กระแสไฟฟ้าผ่านได้ดี เรียกว่า ตัวนาไฟฟ้า วัสดุที่กระแสไฟฟ้าผ่าน
ไมไ่ ด้หรือผา่ นไดไ้ ม่ดี เรียกวา่ ฉนวนไฟฟา้ เพื่อเชอื่ มโยงให้นกั เรียน เกิดความรู้ความเข้าใจจากการ
ทดลอง

๑๒. ครชู วนนกั เรยี นพดู คยุ เกยี่ วกบั กำรนำ� ควำมรเู้ รอ่ื งกำรนำ� ไฟฟำ้ ของวสั ดมุ ำใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ติ ประจำ� วนั
เชน่ สำยไฟมสี ว่ นประกอบของท้งั ตวั น�ำไฟฟ้ำ คือ ลวดทองแดง ฉนวนไฟฟ้ำ คอื พลำสตกิ เพอ่ื
ป้องกันไม่ให้กระแสไฟฟำ้ เขำ้ สตู่ วั เรำ

ข้นั สรปุ (๑๐ นำท)ี
๑๓. นกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ จำกกำรปฏบิ ตั กิ จิ กรรม เพอ่ื เปน็ ขอ้ สรปุ ทงั้ ชน้ั ดงั นี้ กำรนำ� ไฟฟำ้ ของวสั ดุ หมำยถงึ

สมบตั ิของวสั ดุท่ีกระแสไฟฟ้ำผำ่ นได้ วสั ดุบำงชนดิ มีสมบัตกิ ำรนำ� ไฟฟ้ำ คือ กระแสไฟฟำ้ ผ่ำนได้
เรียกวำ่ ตัวนำ� ไฟฟ้ำ แต่วสั ดบุ ำงชนิดท่กี ระแสไฟฟ้ำผำ่ นไมไ่ ด้หรือผ่ำนได้ไมด่ ี เรียกว่ำ ฉนวนไฟฟ้ำ
ควำมรเู้ ก่ยี วกับกำรนำ� ไฟฟำ้ ของวสั ดุ สำมำรถนำ� ไปใชป้ ระโยชน์ในชีวิตประจำ� วนั ได้
๑๔. นักเรียนทาใบงาน ๐๒ แบบฝึกหัด เรื่องการนาไฟฟ้าของวัสดุ หน้า ๑๕๓

9/10/18 9:30 AM

๓๓๓

แบบประเมินด้ำนคณุ ธรรม
แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ี่ ๑.๕ กำรนำไฟฟำ้ ของวัสดุรอบตัว
ชือ่ ผู้ประเมิน/กลุ่มประเมิน……………………………………………………………………………………………………………………
ชื่อกลุ่มรับกำรประเมิน……………………………………………………………………….………………………………………………..
ประเมินผลครงั้ ท่ี………………. วนั ……………..…. เดือน …………………………………..………. พ.ศ. ……...….…….......
เรอื่ ง……………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ท่ี ลักษณะ/พฤตกิ รรมบ่งชี้ ระดับพฤติกรรม คะแนนที่ได้
เกิด = ๑ ไม่เกดิ = ๐
๑. มคี วามมุง่ ม่นั ในการทางาน
๒. มคี วามซ่อื สตั ย์ต่อตนเอง
๓. ใฝ่เรียนรู้
๔. มีความสามัคคี ชว่ ยเหลอื ในการทางานกลุ่มร่วมกนั

รวมคะแนนท่ไี ด้ทัง้ หมด = …………… คะแนน

คุณลกั ษณะตามจุดประสงค์ด้านคณุ ธรรม
- มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
- ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
- ตา่ กว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน

๓๘๘ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (สำาหรบั ครผู ้สู อน) กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ (ฉบับปรบั ปรุง)

6102153L01c.indd 388 9/10/18 9:30 AM

๓๓๔

แบบประเมินด้ำนทักษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ในกำรทำกจิ กรรม
แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ี่ ๑.๕ กำรนำไฟฟำ้ ของวัสดุรอบตวั

เกณฑ์กำรประเมนิ มดี ังนี้

๓ หมายถึง ดี ๒ หมายถงึ พอใช้ ๑ หมายถึง ควรปรบั ปรุง

สิง่ ท่ปี ระเมนิ คะแนน
การสงั เกต
การลงความเหน็ จากขอ้ มลู
การตคี วามหมายข้อมูลและลงข้อสรุป

รวมคะแนน

เกณฑ์กำรประเมิน

ทักษะกระบวนกำร ระดับควำมสำมำรถ
ทำงวิทยำศำสตร์
การสังเกต ดี (๓) พอใช้ (๒) ควรปรับปรุง (๑)

การลงความเห็นจาก ใช้ประสาทสัมผัสในการ ใช้ประสาทสัมผัสในการ ไในม่ก่สาารมราวรบถรใวชม้้ปขร้อะมสูลาเทกส่ียัมวกผับัส
ข้อมูล รวบรวมข้อมูลเก่ียวกับการ รวบรวมขอ้ มูลเกย่ี วกับการ

การตีความหมาย นา� ไฟฟา้ ของวตั ถุตา่ ง ๆ ได้ นา� ไฟฟา้ ของวตั ถตุ า่ ง ๆ โดย ถกึงาแรนม้จ�าไะฟไดฟ้ร้้าับขคอ�างแวนัตั ะถนตุ �า่าจงาๆก
ขอ้ มลู และลงข้อสรุป ด้วยตนเองโดยไม่เพ่ิมเติม การช้แี นะของครหู รือผูอ้ น่ื

ความคิดเหน็ และเพิ่มเติมความคิดเหน็ ครูหรือผอู้ นื่

เพิ่มเติมความเห็นเกี่ยวกับ เพิ่มเติมความเห็นเกี่ยวกับ ไม่สามารถเพิ่มเติมความเห็น
การนา� ไฟฟา้ ของวตั ถตุ า่ ง ๆ การนา� ไฟฟา้ ของวตั ถตุ า่ ง ๆ เกี่ยวกับการน�าไฟฟ้าของวัตถุ

ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งมเี หตผุ ลจาก ได้อย่างถูกต้องพยายาม ต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง ถึงแม้

ความรหู้ รอื ประสบการณเ์ ดมิ ให้เหตุผลจากความรู้หรือ จะได้รับคา� แนะน�าจากครูหรือ

ได้ดว้ ยตนเอง ประสบการณ์เดิมได้ โดย ผู้อนื่

การชแี้ นะของครหู รอื ผอู้ นื่

คิดหาค�าตอบล่วงหน้า คิดหาค�าตอบเกี่ยวกับการ ไมส่ ามารถคดิ หาคา� ตอบลว่ งหนา้
เก่ียวกับการน�าไฟฟ้าของ นา� ไฟฟา้ ของวตั ถตุ า่ ง ๆ ได้ เก่ียวกับการน�าไฟฟ้าของวัตถุ
วัตถุตา่ ง ๆ ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง อยา่ งถกู ตอ้ ง โดยการชแี้ นะ ต่าง ๆ ได้อย่างถกู ตอ้ ถงึ แม้
ของครหู รอื ผอู้ น่ื จะได้รับค�าแนะน�าจากครูหรือ
ด้วยตนเอง
ผ้อู ืน่

ชดุ การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ (ฉบับปรับปรงุ ) ๓๘๙

6102153L01c.indd 389 9/10/18 9:31 AM

6102153L01c.indd 390 9/10/18 9:31 AM


Click to View FlipBook Version