6102153L01c.indd 141 ๑๒๑
ชุดการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๔ (ฉบบั ปรบั ปรุง) ๑๔๑ หนว่ ยกำรเรียนรทู้ ่ี ๒ ส่วนตำ่ ง ๆ ของพชื แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ่ี ๑.๒ หนำ้ ที่ของใบ เวลำ ๔ ชว่ั โมง
กลุ่มสำระกำรเรียนรวู้ ทิ ยำศำสตร์ หนว่ ยย่อยท่ี ๑ หนำ้ ทีข่ องรำก ลำต้น ใบ และดอกของพืช ช้นั ประถมศึกษำปที ี่ ๔
รำยวิชำวิทยำศำสตร์ วธิ ีกำรประเมนิ
๑. การตอบคาถามในแบบฝึกหดั
จุดประสงค์ดำ้ นคุณธรรม ๗. เมื่อนักเรียนทากิจกรรมเสร็จแล้ว ครูให้ตัวแทนแต่ละกลุ่มออกมานาเสนอ และร่วมกันอภิปรายผลการ ๒. สังเกตทกั ษะกระบวนการทาง
๑. มคี วามมงุ่ มั่นในการ
ทางาน ทำกิจกรรมของแต่ละกลุม่ โดยใช้คาถามดังน้ี วทิ ยาศาสตร์ในการทา
๒. มีความซือ่ สตั ย์ต่อตนเอง ๗.๑ เพราะเหตใุ ดเราจงึ นำใบพชื มาตม้ ในน้ำเดอื ดเปน็ เวลา ๓-๕ นาที กอ่ นนำไปต้มใน กิจกรรม
๓. ใฝ่เรียนรู้ ๓. สงั เกตดา้ นคณุ ธรรมขณะทา
๔. มวี นิ ยั เอทิลแอลกอฮอล์ ๙๕% (เพอ่ื ให้ใบพชื หยุดทางาน) กจิ กรรม
๗.๒ ใบพืชก่อนต้มและหลังต้มในเอทิลแอลกอฮอล์ ๙๕% มีลักษณะอย่างไร (ใบพืชก่อนต้มมีสีเขียว เกณฑก์ ำรประเมนิ
๑. การตอบคาถามในแบบฝึกหัด
ใบพชื หลังตม้ จะมสี ีซดี ขาว เหลือสเี ขียวเล็กน้อย) ไดถ้ ูกต้องด้วยตนเอง
๗.๓ เอทิลแอลกอฮอล์ ๙๕% มีประโยชน์อยา่ งไร (ใช้สกัดคลอโรฟลิ ล์ออกจากใบพืช) - มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
๗.๔ เมื่อหยดสารละลายไอโอดีนลงบนใบพืช มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร (บริเวณใบพืชที่เคยมีสีเขียว
- ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
สขี องสารละลายไอโอดนี จะเปลีย่ นจากสีนา้ ตาลเป็นสนี ้าเงินเข้มหรอื สีมว่ งคล้า)
๗.๕ บริเวณท่ีมีสีเขียวน่าจะมีสารประเภทใด ทราบได้อย่างไร (บริเวณท่ีมีสีเขียวน่าจะมีสารประเภท - ตา่ กวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน
แป้ง เพราะเม่ือมีการทดสอบด้วยสารละลายไอโอดีนแล้วเกิดการเปลี่ยนสีจากสีน้าตาลเป็น
สีน้าเงินเขม้ หรือสมี ว่ งคลา้ )
๗.๖ นักเรียนสรุปการทากิจกรรมได้ว่าอย่างไร (ใบพืชที่มีสีเขียวจะสร้างอาหาร คือแป้ง ในส่วนที่มี
สีเขยี ว)
๘. นกั เรยี นตอบคาถามหลังจากทากิจกรรมหนา้ ๕๖
9/10/18 8:56 AM
6102153L01c.indd 142 ๑๒๒
๑๔๒ ชดุ การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรุง) หน่วยกำรเรียนรู้ที่ ๒ ส่วนต่ำง ๆ ของพืช แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ี่ ๑.๒ หนำ้ ทข่ี องใบ เวลำ ๔ ชวั่ โมง
กลุ่มสำระกำรเรียนรวู้ ทิ ยำศำสตร์ หนว่ ยย่อยที่ ๑ หนำ้ ทขี่ องรำก ลำตน้ ใบ และดอกของพืช ช้นั ประถมศึกษำปที ี่ ๔
รำยวิชำวิทยำศำสตร์ ๒. มีทักษะกระบวนการทาง
ข้นั สรปุ (๑๕ นาท)ี วทิ ยาศาสตรข์ ณะทากจิ กรรม
๙. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปได้ว่า ใบพืชที่มีสีเขียวจะสร้างอาหารคือน้าตาล และน้าตาลจะเปลี่ยนเป็น
- มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
แปง้ ซึ่งสามารถทดสอบได้ด้วยสารละลายไอโอดีน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
ช่วั โมงท่ี ๓-๔ - ตา่ กว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน
ขัน้ นา� (๕ นาท)ี ๓. มีคณุ ลกั ษณะดา้ นคุณธรรม
๑๐. ครูนาใบพืชมาให้นักเรียนสังเกตอีกคร้ัง แล้วถามคาถามนักเรียนเพื่อทบทวนความรู้ที่เรียนมาแล้วว่า - มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
- ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
ใบพชื จะสร้างอาหารท่บี ริเวณใด (บรเิ วณที่มสี ารสีเขียว) - ต่ากว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน
ขน้ั สอน (๑๐๐ นาท)ี
๑๑. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มทาใบกิจกรรมท่ี ๒ พืชสร้างอาหารได้อย่างไร หน้า ๕๗ โดยให้นักเรียนอ่าน
ชอื่ กิจกรรมและจดุ ประสงค์ จากนัน้ ครถู ามคาถามดังนี้
๑๑.๑ นักเรยี นจะได้เรียนเร่อื งอะไร (กระบวนการสังเคราะหด์ ว้ ยแสงของพชื )
๑๑.๒ นักเรียนจะเรียนดว้ ยวธิ ีการใด (สืบค้นข้อมูล)
๑๑.๓ นกั เรียนเรียนแล้วจะทาอะไรได้ (อธบิ ายกระบวนการสังเคราะหด์ ้วยแสงได้)
๑๒. นกั เรียนอา่ นวธิ ีทาในใบกิจกรรมที่ ๒ ครูตรวจสอบจนแน่ใจวา่ นกั เรยี นเข้าใจขั้นตอนการทากิจกรรม
๑๓. เมื่อนักเรียนสืบค้นข้อมูลและอภิปรายเกี่ยวกับปัจจัยในการสังเคราะห์ด้วยแสงเสร็จแล้ว ครูอาจให้
นักเรยี นนาเสนอแผนผังแนวคดิ เก่ยี วกับปจั จยั ในการสังเคราะหด์ ว้ ยแสง
๑๔. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันอภิปรายโดยครูถามคาถามดังนี้
๑๔.๑ ใบพืชทาหน้าที่อะไร ทราบได้อย่างไร (ใบพืชทาหน้าท่ีสร้างอาหาร เพราะมีแป้งเกิดข้ึน
ซ่งึ ทดสอบได้ด้วยสารละลายไอโอดีน)
9/10/18 8:56 AM
6102153L01c.indd 143 ชุดการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๔ (ฉบบั ปรบั ปรุง) ๑๔๓ ๑๒๓
หน่วยกำรเรยี นร้ทู ่ี ๒ ส่วนต่ำง ๆ ของพชื แผนกำรจดั กำรเรียนรูท้ ี่ ๑.๒ หน้ำทีข่ องใบ เวลำ ๔ ช่ัวโมง
กลุ่มสำระกำรเรยี นรวู้ ิทยำศำสตร์ หน่วยย่อยท่ี ๑ หน้ำที่ของรำก ลำตน้ ใบ และดอกของพืช ช้นั ประถมศึกษำปที ี่ ๔
รำยวิชำวิทยำศำสตร์
๑๔.๒ อาหารที่พืชสร้างขึ้นคืออะไร แล้วเปลี่ยนแปลงเป็นสารใด (อาหารที่พืชสร้างขึ้นคือ น้าตาล
แล้วเปล่ยี นเปน็ แปง้ )
๑๔.๓ จากแผนภาพ การสร้างอาหารของพืชต้องใช้อะไรบ้าง (น้า แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ แสง
และคลอโรฟลิ ล)์
๑๔.๔ คลอโรฟิลลอ์ ยูท่ ี่ส่วนใดของใบ (คลอโรฟลิ ล์อย่ใู นใบพชื ท่ีมีสีเขยี ว)
๑๔.๕ นักเรียนทราบได้อย่างไรว่า คลอโรฟิลล์อยู่ในใบพืชที่มีสีเขียว (สังเกตสีของเอทิลแอลกอฮอล์
ที่ใช้ต้มใบพืชจะมีสีเขียว ซึ่งเดิมไม่มีสี ขณะที่ใบพืชมีการเปลี่ยนแปลงจากใบที่มีสีเขียวเป็น
ใบที่มีสีขาว แสดงว่าสารสีเขียวหรือคลอโรฟลิ ลถ์ กู สกัดออกจากใบพชื )
๑๔.๖ นักเรียนทราบได้อย่างไรว่าพืชมีการสร้างอาหาร (เมื่อสกัดคลอโรฟิลล์ออกมาจากใบพืชแล้ว
ทดสอบด้วยสารละลายไอโอดีน พบว่าสารละลายไอโอดีนเปล่ยี นเป็นสีนา้ เงินเข้มหรือม่วงคลำ้
ทบี่ รเิ วณใบทมี่ สี ีเขยี ว แสดงวา่ พบแป้งบริเวณใบพืชทม่ี ีสเี ขยี ว)
๑๔.๗ กระบวนการสรา้ งอาหารของพืชนี้เรยี กวา่ กระบวนการใด (กระบวนการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง)
๑๔.๘ ส่งิ ทีไ่ ด้จากกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพชื มีอะไรบ้าง (น้าตาล นา้ และแก๊สออกซเิ จน)
9/10/18 8:56 AM
6102153L01c.indd 144 ๑๔๔ ชดุ การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรุง) แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ท่ี ๑.๒ หน้ำท่ขี องใบ ๑๒๔
หนว่ ยย่อยท่ี ๑ หนำ้ ทข่ี องรำก ลำต้น ใบ และดอกของพืช
หน่วยกำรเรยี นรทู้ ี่ ๒ ส่วนต่ำง ๆ ของพืช เวลำ ๔ ช่วั โมง
กลุ่มสำระกำรเรียนรูว้ ทิ ยำศำสตร์ รำยวิชำวิทยำศำสตร์ ชนั้ ประถมศึกษำปีท่ี ๔
๑๕. ครูตงั้ คาถามเพอ่ื ใหน้ ักเรยี นคิดต่อไปวา่ อาหารท่สี ร้างขึ้นนี้พืชใชท้ าอะไร และเกบ็ ไวท้ ใี่ ดบา้ ง (อาหารท่ี
พชื สรา้ งขน้ึ ถกู ลาเลยี งไปยังสว่ นต่าง ๆ ของพืช เพอ่ื พชื จะไดใ้ ชใ้ นการเจริญเติบโตและดารงชวี ติ ท่ีเหลือ
จะเก็บสะสมไว้ตามส่วนต่าง ๆ ของพืช เช่น ราก ลาต้น ใบ) ซึ่งถ้านักเรียนตอบไม่ได้ครูสามารถ
เชอื่ มโยงไปยงั กิจกรรมที่ ๒ รากและลาต้นมหี น้าท่อี ่ืนอีกหรือไม่
๑๖. นักเรยี นตอบคาถามหลังจากทากิจกรรม หนา้ ๖๑-๖๒
ขั้นสรุป (๑๕ นาที)
๑๗. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปว่าพืชสามารถสร้างอาหารโดยใช้ น้า แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ แสง และ
คลอโรฟิลล์ ซึ่งเรียกว่า การสังเคราะห์ด้วยแสง ผลจากการสังเคราะห์ด้วยแสงจะได้น้าตาล น้า และ
แก๊สออกซิเจน หลังจากนั้นน้าตาลก็เปลี่ยนเป็นแป้งเก็บสะสมไว้ตามส่วนต่าง ๆ โดยบริเวณที่มีแป้ง
เมื่อทดสอบด้วยสารละลายไอโอดีน สารละลายไอโอดีนจะเปลี่ยนจากสีน้าตาลเป็นสีน้าเงินเข้มหรือ
สีม่วงคลา้
๑๘. ครใู หน้ ักเรยี นทาใบงาน ๐๓ แบบฝกึ หดั เร่ืองการสงั เคราะหด์ ้วยแสงของพชื หน้า ๖๓
9/10/18 8:56 AM
๑๒๕
แบบประเมนิ ดำ้ นคุณธรรม
แผนกำรจัดกำรเรียนร้ทู ี่ ๑.๒ หน้ำทีข่ องใบ
ชื่อผู้ประเมิน/กลุ่มประเมิน………………………………………………………………………………………………………………
ช่อื กลุ่มรบั กำรประเมนิ …………………………………………………………………………………………………………………….
ประเมินผลคร้ังที…่ ……………….... วัน ……………..……... เดอื น ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………...........
เรื่อง……………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ท่ี ลักษณะ/พฤตกิ รรมบ่งชี้ ระดับพฤติกรรลมั
เกดิ = ๑ ไม่เกดิ = ๐ คะแนนทไ่ี ด้
๑. มคี วามมุ่งมน่ั ในการทางาน รวมคะแนนทไ่ี ดท้ ้ังหมด = …………… คะแนน
๒. มคี วามซอ่ื สัตย์ตอ่ ตนเอง
๓. ใฝ่เรียนรู้
๔. มวี นิ ัย
คุณลักษณะตามจดุ ประสงค์ด้านคุณธรรม
- มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
- ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
- ตา่ กว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน
ชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (สำาหรับครูผ้สู อน) กลุ่มสาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ ๔ (ฉบับปรบั ปรุง) ๑๔๕
6102153L01c.indd 145 9/10/18 8:56 AM
๑๒๖
แบบประเมนิ ดำ้ นทกั ษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตรใ์ นกำรทำกิจกรรม
แผนกำรจัดกำรเรยี นรทู้ ่ี ๑.๒ หนำ้ ทขี่ องใบ
เกณฑ์กำรประเมินมดี ังนี้ ๒ หมายถงึ พอใช้ ๑ หมายถึง ควรปรบั ปรงุ
๓ หมายถงึ ดี
ส่ิงทป่ี ระเมนิ คะแนน
การสงั เกต
การจดั กระทาและสือ่ ความหมายขอ้ มูล
การลงความเห็นจากข้อมูล
รวมคะแนน
เกณฑก์ ำรประเมิน
ทักษะ ระดับควำมสำมำรถ
กระบวนกำรทำง ดี (๓) พอใช้ (๒) ควรปรับปรุง (๑)
วิทยำศำสตร์
การสังเกต ใชป้ ระสาทสมั ผสั ในการรวบรวม ใช้ประสาทสมั ผสั ในการรวบรวม ไม่สามารถใช้ประสาทสัมผัส
ขอ้ มลู เกย่ี วกบั การเปลยี่ นแปลง ขอ้ มลู เกย่ี วกบั การเปลย่ี นแปลง รวบรวมข้อมูลเก่ียวกับการ
ของสารละลายไอโอดนี เมอื่ หยด ของสารละลายไอโอดนี เมอื่ หยด เปล่ียนแปลงของสารละลาย
ลงในใบพชื ไดด้ ้วยตนเอง โดย ลงในใบพืชได้ โดยการชแ้ี นะ ไอโอดีนเม่ือหยดลงในใบพืช
ไมเ่ พม่ิ ความคิดเห็น
ของครหู รอื ผอู้ ่ืน ถึงแม้จะได้รับค�าแนะน�าจาก
ครหู รอื ผ้อู ืน่
การจัดกระทาและ นาเสนอแผนผังแนวคิดเรื่อง นาเสนอแผนผังแนวคิดเรื่อง ไม่สำมำรถนาเสนอแผนผัง
สอื่ ความหมาย ปัจจัยในการสังเคราะห์ด้วย ปัจจัยในการสังเคราะห์ด้วย แนวคิดเรื่องปัจจัยในการ
ขอ้ มูล แสงของพืชให้ผู้อ่ืนเข้าใจได้ แสงของพืชให้ผู้อ่ืนเข้าใจได้ สังเคราะห์ด้วยแสงของพืช
ง่ายและชดั เจนดว้ ยตนเอง ง่ายและชัดเจนได้ โดยกำร ให้ผู้อ่ืนเข้าใจได้ง่าย ถึงแม้จะ
ชีแ้ นะของครูหรือผู้อ่นื ได้รับคาแนะนาจากครูหรือ
ผอู้ น่ื
การลงความเห็น แสดงความเหน็ เกยี่ วกบั อาหาร แสดงความเหน็ เกยี่ วกบั อาหาร ไม่สามารถแสดงความเห็น
จากข้อมลู ทพ่ี ชื สรา้ งขน้ึ และปจั จยั ในการ ทพี่ ชื สรา้ งขนึ้ และปจั จยั ในการ เก่ียวกับอาหารท่ีพืชสร้างขึ้น
สังเคราะห์ด้วยแสงของพืช สังเคราะห์ด้วยแสงของพืช และปัจจัยในการสังเคราะห์
๑๔๖ ชุดการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (สำาหรับครูผ้สู อน) กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๔ (ฉบบั ปรบั ปรุง)
6102153L01c.indd 146 9/10/18 8:57 AM
๑๒๗
ทักษะ ระดับควำมสำมำรถ
กระบวนกำรทำง
ดี (๓) พอใช้ (๒) ควรปรับปรงุ (๑)
วิทยำศำสตร์
อย่างมีเหตุผลจากความรู้และ อยา่ งมเี หตผุ ลได้ โดยการชแ้ี นะ ด้วยแสงของพืชอย่างมีเหตุผล
ประสบการณเ์ ดมิ ไดด้ ว้ ยตนเอง ของครูหรอื ผอู้ ่นื ถึงแม้จะได้รับค�าแนะน�าจาก
ครูหรือผอู้ ื่น
ชดุ การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี ๔ (ฉบับปรับปรุง) ๑๔๗
6102153L01c.indd 147 9/10/18 8:57 AM
6102153L01c.indd 148 9/10/18 8:57 AM
เฉลยใบงาน
6102153L01c.indd 149 9/10/18 8:57 AM
6102153L01c.indd 150 9/10/18 8:57 AM
ชอื่ -สกุล เดอื น ชัน้ เลขท่ี บ. ๒.๑ / ผ. ๑.๒ - ๐๑
วันท่ี พ.ศ.
ใบงาน ๐๑ :หน้าทขี่ องใบ
บันทกึ ผลการท�ากิจกรรม
ตาราง รูปลักษณะของใบพชื ก่อนตม้ และหลงั ตม้
ชอ่ื พืช ภาพลกั ษณะใบพืช หลงั ต้ม
กอ่ นตม้
๑. ชบา
๒. ผักบงุ้
ชดุ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (สาำ หรับครผู ูส้ อน) กลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) ๑๕๑
6102153L01c.indd 151 9/10/18 8:57 AM
ช่ือ-สกลุ เดือน ช้นั เลขที่ บ. ๒.๑ / ผ. ๑.๒ - ๐๑
วนั ท ่ี พ.ศ.
ค�าถามหลังจากท�ากิจกรรม
๑. เพราะเหตุใดเราจึงน�าใบพืชมาต้มในน�า้ เดอื ดเปน็ เวลา ๓ - ๕ นาที ก่อนน�าไปต้มใน
เอทิลแอลกอฮอล ์ ๙๕ %
เพอื่ ให้เซลลพ์ ชื หยุดทา� งาน
๒. เพราะเหตใุ ดจงึ ตม้ ใบพืชในเอทลิ แอลกอฮอล์ ๙๕ %
เพ่อื ชว่ ยสกัดคลอโรฟลิ ล์ในใบพืชออกมา
๓. เม่อื หยดสารละลายไอโอดีนลงบนใบพชื ทต่ี ม้ แลว้ เกิดเปล่ยี นแปลงอยา่ งไร
บรเิ วณใบพชื ทเ่ี คยมสี เี ขยี ว จะเปลย่ี นสขี องสารละลายไอโอดนี จากสนี า้� ตาลเปน็ สนี า้� เงนิ เขม้
หรือสมี ่วงคล�า้ บรเิ วณใบพืชสว่ นท่ไี ม่ใช่สเี ขยี ว จะไม่เปล่ียนสีของสารละลายไอโอดีน
๔. จากกิจกรรมน้ี สรปุ ได้วา่ อย่างไร
บริเวณใบพืชท่ีมีสีเขยี วจะพบแป้งตรวจสอบแปง้ ไดด้ ว้ ยสารละลายไอโอดีน
๑๕๒ ชุดการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรบั ครูผู้สอน) กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ช้ันประถมศึกษาปที ่ี ๔ (ฉบับปรับปรุง)
6102153L01c.indd 152 9/10/18 8:57 AM
ชอื่ -สกลุ เดอื น ชน้ั เลขที่ บ. ๒.๑ / ผ. ๑.๒- ๐๒
วนั ท่ ี พ.ศ.
ใบงาน ๐๒ : การสังเคราะหด์ ว้ ยแสงของพชื
บันทกึ ผลการทา� กิจกรรม
แผนผงั แนวคิดเร่ือง ปจั จัยในการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช
แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ แสง
นา้� คลอโรฟิลล์
ต้องใช้
การสงั เคราะหด์ ้วยแสงของพชื
ผลที่ได้คือ
น�้าตาล แกส๊ ออกซเิ จน น�้า
ชุดการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ (สาำ หรบั ครูผู้สอน) กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๔ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) ๑๕๓
6102153L01c.indd 153 9/10/18 8:57 AM
ชอื่ -สกุล เดอื น ชัน้ เลขท่ี บ. ๒.๑ / ผ. ๑.๒ - ๐๒
วันที่ พ.ศ.
คา� ถามหลงั จากท�ากจิ กรรม
๑. สารสเี ขยี วท่อี ยู่ในพชื เรยี กว่าอะไร และมีความสา� คัญอย่างไรในกระบวนการ
สังเคราะห์ด้วยแสง
สารสเี ขยี วท่อี ย่ใู นพชื เรียกวา่ คลอโรฟลิ ล์ มคี วามส�าคญั คือ จะดูดพลงั งานจาก
แสงอาทิตยแ์ ล้วน�าไปใช้ในการสร้างอาหารซ่งึ มีวัตถดุ บิ คือน้�าและ
แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์
๒. น�้าที่พชื ใช้ในกระบวนการสงั เคราะห์ด้วยแสงมาจากทีใ่ ด
พืชจะได้รับน้�าจากดิน โดยมีขนรากท�าหน้าท่ดี ูดน้า� จากดนิ แลว้ ล�าเลยี งสง่ มาตาม
ท่อลา� เลยี งทอี่ ย่ใู นราก แล้วลา� เลียงไปสูล่ �าตน้ และใบ
๓. อาหารท่ไี ด้จากการสงั เคราะห์ดว้ ยแสงคอื อะไร และพชื เกบ็ สะสมไว้ใชป้ ระโยชน์
อย่างไร
อาหารที่ได้จากการสงั เคราะห์ด้วยแสงคอื นา�้ ตาล พชื น�าไปใชด้ ังน้ี
๑. เปลีย่ นเป็นแปง้ เกบ็ สะสมไวต้ ามราก ลา� ต้น ใบ ฯลฯ
๒. ลา� เลียงไปยงั ส่วนต่าง ๆ ของพชื ทส่ี ร้างอาหารไม่ได้
๑๕๔ ชุดการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรับครผู ู้สอน) กลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ ๔ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
6102153L01c.indd 154 9/10/18 8:57 AM
ชอื่ -สกลุ เดอื น ชน้ั เลขที่ บ. ๒.๑ / ผ. ๑.๒- ๐๒
วนั ท ่ี พ.ศ.
๔. จากกจิ กรรมน ี้ สรปุ ได้วา่ อยา่ งไร
พืชสามารถสรา้ งอาหารได้โดยใช้กระบวนการสังเคราะหด์ ้วยแสง ซง่ึ เกิดขนึ้ ทใ่ี บ
บริเวณทม่ี ีคลอโรฟลิ ล์ และต้องใชน้ า้� แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ และแสง ผลจาก
การสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงจะไดน้ ้�าตาล นา้� และแกส๊ ออกซิเจน หลงั จากนนั้ นา�้ ตาล
ก็เปลยี่ นเปน็ แป้ง พชื บางชนดิ อาจจะเก็บแปง้ สะสมไวต้ ามสว่ นตา่ ง ๆ ของพืช
เชน่ ราก ใบ ลา� ต้น
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรับครูผู้สอน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ (ฉบบั ปรบั ปรุง) ๑๕๕
6102153L01c.indd 155 9/10/18 8:57 AM
ช่ือ-สกลุ เดือน ช้ัน เลขที่ บ. ๒.๑ / ผ. ๑.๒- ๐๓
วันท่ี พ.ศ.
ใบงาน ๐๓ :แบบฝกึ หดั เรอ่ื งการสังเคราะหด์ ้วยแสงของพชื
นา� ข้อความทีก่ �าหนดให้ไปเตมิ ในแผนภาพให้ถกู ตอ้ ง
พลังงานแสง แกส๊ ออกซิเจน
แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ นา้�
พลงั งานแสง คลอโรฟลิ ล์ แก๊สออกซเิ จน
แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ น�้าตาล
น้�า
นา�้
๑๕๖ ชุดการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (สาำ หรับครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ )
6102153L01c.indd 156 9/10/18 8:57 AM
๑๓๔
คำชี้แจงประกอบแผนจดั กำรเรยี นรู้ หนว่ ยกำรเรียนรู้ท่ี ๒
แผนกำรจัดกำรเรยี นรทู้ ่ี ๑.๓ หน้ำทขี่ องดอก เวลำ ๔ ช่ัวโมง
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
๑. สำระสำคญั ของแผน
พืชดอกมีดอกทาหน้าที่สืบพันธุ์ ดอกโดยทั่วไปจะมีส่วนประกอบท่ีสาคัญ ๔ ส่วน ดอกของพืช
บางชนดิ อาจมีสว่ นประกอบไม่ครบ ๔ ส่วน
๒. ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมในกำรนำไปใช้ (ให้ระบุสิ่งที่ต้องกำรเน้นหรือข้อสังเกต ข้อเสนอแนะ คำแนะนำ)
ในเรื่องตอ่ ไปน้ี คอื
๒.๑ ขอบขำ่ ยเน้ือหำ
ดอกทา� หนา้ ทส่ี บื พนั ธ์ุ ประกอบดว้ ยสว่ นตา่ ง ๆ ทส่ี า� คญั ๔ สว่ น ไดแ้ ก่ กลบี เลยี้ ง กลบี ดอก เกสรเพศผู้
และเกสรเพศเมยี ซง่ึ แต่ละส่วนทา� หนา้ ทแี่ ตกต่างกัน โดยกลบี เลยี้ งหอ่ หมุ้ กลบี ดอกทีย่ งั อ่อน กลีบดอกช่วย
ลอ่ แมลงและห่อหมุ้ เกสรในขณะทีด่ อกยงั ไมบ่ าน เกสรเพศผู้และเกสรเพศเมยี ท�าหน้าท่สี บื พนั ธุ์
๒.๒ จุดประสงคก์ ำรเรียนรู้ (ควำมรู้ ทกั ษะ คณุ ธรรม จริยธรรม คำ่ นิยม) (ถำ้ ม)ี
จดุ ประสงค์ดำ้ นควำมรู้
๑. ระบุสว่ นประกอบและหน้าท่ีของสว่ นประกอบแตล่ ะสว่ นของดอก
๒. อธบิ ายหน้าท่ีของดอก
จดุ ประสงค์ด้ำนทักษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์
๑. การสงั เกต
๒. การจดั กระทาและส่ือความหมายข้อมลู
๓. การลงความเห็นจากข้อมูล
จุดประสงค์ดำ้ นคณุ ธรรม
๑. มีความมุ่งมน่ั ในการทางาน
๒. มคี วามซ่ือสัตย์ต่อตนเอง
๓. ใฝเ่ รยี นรู้
๔. มีวนิ ัย
๕. มคี วามสามคั คี ช่วยเหลือในการทางานกลมุ่ รว่ มกนั
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรับครูผสู้ อน) กลุม่ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๔ (ฉบับปรับปรุง) ๑๕๗
6102153L01c.indd 157 9/10/18 8:57 AM
๑๓๕
๒.๓ กำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้
๑) กำรเตรียมตัวของครู นกั เรยี น (กำรจดั กลุ่ม)(ถำ้ มี)
การจดั กล่มุ โดยแบ่งนักเรียนออกเปน็ กลุ่ม กลมุ่ ละ ๔ คน
๒) กำรเตรยี มสื่อ วสั ดุอุปกรณ์ ของครู นกั เรียน (ถำ้ ม)ี
สงิ่ ที่ครูต้องเตรียม คือ
๒.๑ ดอกชบาที่จะใชเ้ ป็นตวั อยา่ งให้นักเรียนดู
๒.๒ ครแู ละนักเรยี นช่วยกนั หาดอกไมช้ นิดต่าง ๆ ทัง้ ท่เี ป็นดอกสมบูรณ์ และดอกไมส่ มบรู ณ์
เพ่ือนา� ่ื มาใหน้ ักเรียนจา� แนกประเภท เชน่ ดอกแค ดอกตอ้ ยตงิ่ ดอกชบา ดอกมะละกอ
ดอกมะเขือ ดอกตา� ลึง ดอกฟัก โดยควรให้มกี า้ นและดอกตูมติดมากบั ดอกดว้ ย
๒.๓ ครูแบ่งดอกไม้ออกเป็นชดุ ชุดละประมาณ ๔-๕ ดอก แต่ละชุดควรให้มีทั้ง
ดอกสมบูรณ์และดอกไม่สมบูรณ์ ให้ได้ครบตามจานวนกลุ่ม
๒.๔ มีดโกน ๑ เล่ม/กลุม่
๒.๕ เทปใส ๑ ม้วน/กลุ่ม
๒.๖ แว่นขยาย ๑ อนั /กล่มุ
๒.๗ เตรยี มดาวน์โหลดโปรแกรมประยุกต์ “วิทย์ ป.4” เพื่อใช้สแกน AR ในใบความรู้
เรือ่ งส่วนประกอบของดอก หนา้ ๗๑
๓) เตรยี มใบงำน ใบควำมรู้ ใบกจิ กรรม (ถำ้ มี)
๓.๑ ใบงาน ๐๑ ส่วนประกอบของดอก
๓.๒ ใบความรเู้ ร่ือง สว่ นประกอบของดอกไม้
๓.๓ ใบงาน ๐๒ หนา้ ทข่ี องส่วนประกอบตา่ ง ๆ ของดอก
๓.๔ ใบงาน ๐๓ แบบฝึกหดั เรอื่ ง หนา้ ที่ของส่วนประกอบของดอก
๒.๔ วดั ผลประเมินผล (ถ้ำมี)
๑) วธิ ีกำรวัดผลประเมนิ ผลกำรเรยี นรู้
๑.๑ การตอบคาถามในใบงาน
๑.๒ สงั เกตทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรใ์ นการทากิจกรรม
๑.๓ สงั เกตดา้ นคุณธรรมขณะทากิจกรรม
๑๕๘ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (สาำ หรบั ครูผ้สู อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ภาคเรยี นที่ ๑ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๔ (ฉบับปรับปรงุ )
6102153L01c.indd 158 9/10/18 8:57 AM
๑๓๖
๒) วิธีกำร เครอ่ื งมอื เกณฑ์
๒.๑ เครื่องมือและเกณฑ์ในกำรประเมนิ ด้ำนควำมรู้
ตรวจให้คะแนนจากการตอบคาถามในใบงาน แลว้ ใช้เกณฑ์ในการให้คะแนน ดงั น้ี
- มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
- ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
- ต่ากว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน
๒.๒ เครอื่ งมือและเกณฑ์ในกำรประเมินทักษะกระบวนกำรทำงวทิ ยำศำสตร์
สังเกตทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้แบบประเมินทักษะกระบวนการ
ทางวิทยาศาสตร์ (ดงั แนบ) นาคะแนนมารวมกัน แล้วใชเ้ กณฑ์ในการใหค้ ะแนนดังนี้
- มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
- ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
- ต่ากว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน
๒.๓ เครอ่ื งมือและเกณฑ์ในกำรประเมินดำ้ นคณุ ธรรม
สังเกตคณุ ลักษณะด้านคณุ ธรรมโดยใช้แบบประเมนิ ด้านคุณธรรม (ดงั แนบ)
นาคะแนนมารวมกัน แล้วใช้เกณฑ์ในการให้คะแนน ดังน้ี
- มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
- ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
- ตา่ กว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน
๓) กำรทดสอบก่อนเรยี น หลงั เรียน แบบฝึกหัดก่อนเรยี น หลังเรียน
ทาแ-บบฝึกหัดในใบงานหลังเรยี น
๓. อ่นื ๆ
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
ชุดการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครูผู้สอน) กลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นที่ ๑ ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ (ฉบับปรับปรงุ ) ๑๕๙
6102153L01c.indd 159 9/10/18 8:57 AM
6102153L01c.indd 160 ๑๓๗
๑๖๐ ชดุ การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรุง) หนว่ ยกำรเรยี นรู้ที่ ๒ ส่วนต่ำง ๆ ของพืช แนวกำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรขู้ องแผนกำรจดั กำรเรยี นร้ทู ่ี ๑.๓ เวลำ ๔ ชัว่ โมง
กลมุ่ สำระกำรเรยี นร้วู ิทยำศำสตร์ เร่ือง หน้ำท่ีของดอก ชัน้ ประถมศึกษำปีท่ี ๔
รำยวชิ ำวทิ ยำศำสตร์
ข้ันนำ แนวกำรจดั กจิ กรรมกำรเรียนรู้
ข้นั สอน
ตรวจสอบความรูเ้ ดิมเก่ียวกบั ส่วนประกอบประกอบต่าง ๆ ของดอกและหนา้ ท่ีของดอก
ขั้นสรปุ
กำรวัดและประเมนิ ผล ทาใบกจิ กรรมที่ ๑ ส่วนประกอบของดอกมีอะไรบ้าง
ทาใบงาน ๐๑ ส่วนประกอบของดอก
อภิปรายสว่ นประกอบของดอก
ใบกจิ กรรมท่ี ๒ สว่ นประกอบของดอกมีหน้าท่ีอะไร
นาเสนอและอภิปรายผล
ทาใบงาน ๐๒ หน้าทขี่ องสว่ นประกอบของดอก
อภปิ รายและลงขอ้ สรปุ เกีย่ วกับส่วนประกอบของดอก ประเภทของดอก และหน้าที่ของส่วนประกอบแตล่ ะสว่ นของดอก
ทาใบงาน ๐๓ แบบฝกึ หัด เรื่องหนา้ ท่ีของสว่ นประกอบของดอก
ประเมนิ จากการตอบคาถาม
ประเมินจากการทากจิ กรรมในชัน้ เรยี น
ประเมินจากการทาแบบฝึกหัด
9/10/18 8:58 AM
6102153L01c.indd 161 ๑๓๘
ชุดการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๔ (ฉบบั ปรบั ปรุง) ๑๖๑ หน่วยกำรเรียนรู้ท่ี ๒ ส่วนต่ำง ๆ ของพชื แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ที่ ๑.๓ หนำ้ ทีข่ องดอก เวลำ ๔ ช่ัวโมง
กลุ่มสำระกำรเรยี นรวู้ ิทยำศำสตร์ ช้นั ประถมศึกษำปีท่ี ๔
หน่วยย่อยท่ี ๑ หน้ำท่ีของรำก ลำต้น ใบ และดอกของพืช
รำยวิชำวิทยำศำสตร์
ขอบเขตเนอ้ื หำ กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ (๔ ช่ัวโมง) ส่ือ / แหล่งเรียนรู้
ชัว่ โมงที่ ๑-๒
ด อ ก ท า ห น้ า ที่ สื บ พั น ธุ์ ข้นั นา� (๕ นาที) ๑. ดอกไม้ชนิดต่าง ๆ เช่น
ประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ ที่ ๑. ครูทบทวนความรู้เดิมโดยให้นักเรียนแต่ละคนวาดรูปดอกไม้ที่ชอบมากที่สุดลงในกระดาษ พร้อมบอก ดอกแค ดอกตอ้ ยต่ิง ดอกชบา
สาคัญ ๔ ส่วน ได้แก่ กลีบเล้ียง ดอกมะละกอ ดอกมะเขือ ดอก
กลีบดอก เกสรเพศผู้ และเกสร ช่ือดอกและช้ีสว่ นประกอบตา่ ง ๆ ของดอกให้มากท่สี ุด ตาลงึ ฯลฯ
๒. นกั เรยี นเปรยี บเทียบภาพดอกไม้ทีว่ าดภายในกลุ่มว่า ส่วนประกอบของดอกตามแนวคดิ ของแตล่ ะคนน้ัน
เพศเมีย โดยแต่ละส่วนทาหน้าท่ี ๒. มดี โกน
แตกต่างกัน คือ กลีบเลี้ยงห่อหุ้ม เหมือนหรือแตกตา่ งกันอยา่ งไร จากน้ันให้นักเรียนตดิ ภาพดอกไมท้ ว่ี าดไวร้ อบห้อง ๓. เทปใส
กลบี ดอกทย่ี งั ออ่ น กลีบดอกชว่ ย ขั้นสอน (๑๐๐ นาท)ี ๔. แวน่ ขยาย
ล่ อ แ ม ล ง แ ล ะ ห่ อ หุ้ ม เ ก ส ร ใ น ๓. ครูนาดอกชบา หรือดอกไม้ชนิดอื่นที่เป็นดอกสมบูรณ์ มาให้นักเรียนแต่ละกลุ่มสังเกต แล้วร่วมกัน
ขณะที่ดอกยังไม่บาน เกสรเพศผู้
แ ล ะ เ ก ส ร เ พ ศ เ มี ย ท า ห น้ า ที่ อภิปรายโดยใช้คาถาม ดังน้ี
สืบพันธ์ุ ๓.๑ ดอกไมท้ ค่ี รนู ามาใหน้ ักเรยี นสงั เกตมชี อ่ื ว่าอะไร (คาตอบขน้ึ อยกู่ บั ชนิดของดอกไมท้ ค่ี รนู ามาใหส้ งั เกต)
๓.๒ สว่ นประกอบของดอกนี้มีอะไรบ้าง (นกั เรยี นตอบตามความเข้าใจของตนเอง)
๓.๓ ดอกของพืชชนิดอื่นมีส่วนประกอบเหมือนดอกชนิดนี้หรือไม่ อย่างไร (นักเรียนตอบตามความ
เข้าใจของตนเอง)
๔. ครูให้นักเรียนทาใบกิจกรรมท่ี ๑ ส่วนประกอบของดอกมีอะไรบ้าง หน้า ๖๕ ครูให้นักเรียนอ่านชอ่ื
กจิ กรรมและจดุ ประสงค์แล้วถามคาถามกอ่ นการทากิจกรรม ดังนี้
9/10/18 8:58 AM
6102153L01c.indd 162 ๑๓๙
๑๖๒ ชดุ การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรุง) หนว่ ยกำรเรยี นรู้ท่ี ๒ ส่วนตำ่ ง ๆ ของพชื แผนกำรจัดกำรเรยี นรูท้ ่ี ๑.๓ หน้ำท่ขี องดอก เวลำ ๔ ช่ัวโมง
กลุ่มสำระกำรเรยี นร้วู ทิ ยำศำสตร์ ช้ันประถมศกึ ษำปีที่ ๔
หน่วยย่อยท่ี ๑ หน้ำที่ของรำก ลำตน้ ใบ และดอกของพชื
รำยวิชำวิทยำศำสตร์
จดุ ประสงค์ดำ้ นควำมรู้ ๔.๑ กิจกรรมน้นี ักเรยี นจะได้เรยี นเร่อื งอะไร (ส่วนประกอบของดอก) ภำระงำน / ชิ้นงำน
๑. ระบุส่วนประกอบและ ๔.๒ นกั เรียนจะเรยี นเรอื่ งนด้ี ว้ ยวิธีใด (การสงั เกต) ๑. การบันทกึ ผลการทา
๔.๓ เมื่อเรียนแลว้ นักเรยี นจะทาอะไรได้ (ระบุส่วนประกอบตา่ ง ๆ ของดอกได้) กิจกรรมในใบกจิ กรรม
หน้าทขี่ องสว่ นประกอบ ๕. นักเรียนอ่านวิธีทาในกิจกรรมที่ ๑ จากน้ันครูตรวจสอบความเข้าใจจากการอ่านและอภิปรายจนแน่ใจวา่ ๒. การทาแบบฝกึ หดั
นักเรยี นเข้าใจขัน้ ตอนการทากจิ กรรม จงึ ให้นักเรียนลงมือทากจิ กรรม
แต่ละส่วนของดอก ๖. ครูนาดอกชบามาสาธิตวิธีการศึกษาส่วนประกอบของดอกจากวงด้านนอกสุดเข้าไปด้านในสุด และ วิธกี ำรประเมิน
๒. อธิบายหนา้ ทีข่ องดอก อธบิ ายส่วนประกอบของดอกและวิธบี นั ทกึ ในใบงาน ๐๑ สว่ นประกอบของดอก หนา้ ๖๖-๖๘ ๑. การตอบคาถามใน
๗. ครูบอกข้อควรระวังในการใช้มีดและแว่นขยายอย่างปลอดภัย เช่น ไม่นามีดมาเลน่ กับเพื่อน ใชแ้ วน่ ขยาย แบบฝกึ หดั
อย่างระมดั ระวงั ไมใ่ หแ้ ตก แลว้ ให้นักเรยี นลงมอื ทากิจกรรม ๒. สังเกตทักษะกระบวนการ
๘. เมื่อนักเรียนทากิจกรรมเสร็จแล้ว ครูสุ่มตัวแทนกลุ่มออกมานาเสนอผลการสังเกตและการจาแนก ทางวิทยาศาสตรใ์ นการทา
สว่ นประกอบของดอกไม้ และร่วมกนั อภปิ รายถงึ ผลการสังเกตของแต่ละกล่มุ โดยใชค้ าถาม ดังนี้ กจิ กรรม
๘.๑ นักเรียนสังเกตดอกไม้อะไรบ้าง และแต่ละดอกมีส่วนประกอบที่สาคัญกี่ส่วน อะไรบ้าง (คาตอบ ๓. สังเกตด้านคณุ ธรรมขณะทา
กิจกรรม
ขึ้นอยู่กับการสังเกตดอกไม้แต่ละชนิด คือ ดอกไม้บางชนิดมีส่วนประกอบครบท้ัง ๔ ส่วน คือ
กลีบเล้ียง กลีบดอก เกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมีย ดอกไม้บางชนิดมีส่วนประกอบไม่ครบทั้ง ๔
ส่วน)
๘.๒ จากกิจกรรมนักเรียนสรุปผลจากการทากิจกรรมได้ว่าอย่างไร (ดอกไม้ประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ ท่ี
สาคัญ ไดแ้ ก่ กลบี เลีย้ ง กลบี ดอก เกสรเพศผู้ เกสรเพศเมีย ดอกไมบ้ างชนดิ มสี ่วนประกอบครบ
ท้ัง ๔ ส่วน แตด่ อกไม้บางชนิดมีส่วนประกอบไม่ครบทงั้ ๔ สว่ น)
9/10/18 8:58 AM
6102153L01c.indd 163 ๑๔๐
ชุดการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๔ (ฉบบั ปรบั ปรุง) ๑๖๓ หนว่ ยกำรเรียนรู้ที่ ๒ ส่วนต่ำง ๆ ของพชื แผนกำรจดั กำรเรยี นร้ทู ี่ ๑.๓ หนำ้ ทข่ี องดอก เวลำ ๔ ชว่ั โมง
กลุ่มสำระกำรเรยี นรวู้ ิทยำศำสตร์ ชั้นประถมศกึ ษำปที ี่ ๔
หน่วยย่อยท่ี ๑ หน้ำทข่ี องรำก ลำต้น ใบ และดอกของพชื
รำยวิชำวิทยำศำสตร์
จดุ ประสงคด์ ำ้ นทกั ษะ ๙. นกั เรียนตอบคาถามหลังจากทากจิ กรรมหน้า ๖๙ ซง่ึ อาจทาเปน็ การบา้ น เกณฑก์ ำรประเมิน
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ๑. การตอบคาถามในแบบฝึกหัด
ขน้ั สรปุ (๑๕ นาที)
๑. การสงั เกต ๑๐. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปได้ว่า ดอกไม้ประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ ท่ีสาคัญ ๔ ส่วน ได้แก่ กลีบเล้ียง ไดถ้ ูกต้องดว้ ยตนเอง
- มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
๒. การจดั กระทาและ กลีบดอก เกสรเพศผู้ เกสรเพศเมีย โดยดอกไม้บางชนิดมีส่วนประกอบครบท้ัง ๔ ส่วน แต่ดอกไม้
สือ่ ความหมายข้อมลู บางชนิดมีส่วนประกอบไม่ครบท้งั ๔ สว่ น - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
ชวั่ โมงที่ ๓-๔
๓. การลงความเห็นจากขอ้ มลู ข้นั น�า (๕ นาท)ี - ตา่ กว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน
จดุ ประสงคด์ ำ้ นคุณธรรม ๑๑. ครูทบทวนเรื่องส่วนประกอบของดอกที่นักเรียนได้เรียนไปในชั่วโมงที่แล้ว โดยให้นักเรียนช่วยกันบอก
สว่ นต่าง ๆ ของดอกและหนา้ ทข่ี องแตล่ ะสว่ นประกอบ ๒. มที ักษะกระบวนการทาง
๑. มคี วามม่งุ ม่นั ในการทางาน ขนั้ สอน (๑๐๐ นาที) วทิ ยาศาสตร์ขณะทา
๑๒. ครูให้นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรมและจุดประสงค์ของกจิ กรรมท่ี ๒ สว่ นประกอบของดอกมหี นา้ ทอ่ี ะไร กิจกรรม
๒. มคี วามซือ่ สัตย์ตอ่ ตนเอง หนา้ ๗๐ แลว้ กอ่ นการทากจิ กรรม ใช้คาถามดังน้ี
๓. ใฝเ่ รียนรู้ ๑๒.๑ กจิ กรรมนน้ี กั เรยี นจะได้เรยี นเรอื่ งอะไร (หน้าทขี่ องสว่ นประกอบแต่ละส่วนของดอก) - มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
๑๒.๒ นกั เรียนจะเรยี นเรื่องน้ดี ้วยวิธใี ด (สืบคน้ ข้อมูล)
๔. มีวินยั ๑๒.๓ เมือ่ เรยี นแลว้ นกั เรียนจะทาอะไรได้ (บอกหน้าที่ของสว่ นประกอบแตล่ ะสว่ นของดอกได)้ - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
๑๓. ครูให้นักเรียนอ่านวิธีทาในใบกิจกรรมที่ ๒ จากนั้นครูตรวจสอบความเข้าใจขั้นตอนการทากิจกรรมจน
๕. มคี วามสามัคคี ช่วยเหลือ แน่ใจว่านักเรยี นทาไดแ้ ล้วให้นกั เรยี นลงมอื ทากิจกรรม - ต่ากว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน
ในการทางานกลุม่ รว่ มกนั
9/10/18 8:58 AM
6102153L01c.indd 164 ๑๔๑
๑๖๔ ชดุ การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรุง) หนว่ ยกำรเรยี นร้ทู ่ี ๒ ส่วนตำ่ ง ๆ ของพืช แผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ี่ ๑.๓ หน้ำทข่ี องดอก เวลำ ๔ ช่ัวโมง
กลุ่มสำระกำรเรียนรวู้ ทิ ยำศำสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษำปที ่ี ๔
หน่วยย่อยท่ี ๑ หนำ้ ที่ของรำก ลำต้น ใบ และดอกของพืช
รำยวิชำวิทยำศำสตร์ ๓. มีคณุ ลกั ษณะด้านคณุ ธรรม
- มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
๑๔. นักเรียนอ่านใบความรู้ เรื่อง ส่วนประกอบของดอก หน้า ๗๑ และเขียนแผนผังความคิด เรื่องหน้าที่ - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
ของสว่ นประกอบของดอกลงในใบงาน ๐๒ หนา้ ท่ขี องส่วนประกอบต่าง ๆ ของดอก หนา้ ๗๒ - ต่ากวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน
๑๕. เม่ือนกั เรยี นทากิจกรรมเสร็จแล้ว ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั อภปิ ราย โดยเปิด AR ประกอบการอภปิ ราย
โดยใช้คาถามดังนี้
๑๕.๑ ส่วนประกอบท่ีสาคัญของดอกไม้มีการจัดเรียงอย่างไรอยู่บนฐานดอก (ส่วนประกอบของดอก
ดอกเรียงกันเปน็ วง ๔ วงอย่บู นฐานดอก โดยเรยี งจากวงนอกสุดเข้าสู่ด้านใน ได้แก่ กลบี เลย้ี ง
กลบี ดอก เกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมีย)
๑๕.๒ กลีบเลี้ยงมีลักษณะอย่างไร และมีหน้าที่อะไร (กลีบเลี้ยงส่วนมากมีสีเขียว พืชดอกบางชนิด
บางชนิดมีกลีบเลี้ยงติดกัน ตั้งแต่โคนกลีบจนถึงปลายกลีบมีลักษณะคล้ายถ้วยหรือหลอด
ทำหน้าท่หี ่อหุ้มกลบี ดอกทย่ี งั อ่อนอยเู่ พอ่ื ป้องกนั อนั ตรายจากส่ิงแวดล้อม แมลง หรือศัตรูพชื )
๑๕.๓ ดอกไมบ้ างชนดิ มีกลีบสีเขยี วเล็กอย่ใู ต้ช้นั ของกลีบเลีย้ ง เรียกว่าอะไร (ร้ิวประดับ)
๑๕.๔ กลีบดอกทาหน้าที่อะไร (กลีบดอกทาหน้าที่ช่วยล่อแมลงและห่อหุ้มเกสรในขณะที่ดอกยัง
ไมบ่ าน)
๑๕.๕ ส่วนประกอบของเกสรเพศผู้มีอะไรบ้าง และมีลักษณะอย่างไร (เกสรเพศผู้ประกอบด้วย
ก้านชูอับเรณู มีขนาดเล็กยาว ตรงปลายก้านอับเรณู เป็นรูปทรงกระบอกหรือค่อนข้างกลม
ภายในมีเรณจู านวนมาก)
9/10/18 8:58 AM
6102153L01c.indd 165 ชุดการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๔ (ฉบบั ปรบั ปรุง) ๑๖๕ ๑๔๒
หน่วยกำรเรียนรู้ที่ ๒ ส่วนตำ่ ง ๆ ของพืช แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ี่ ๑.๓ หน้ำทขี่ องดอก เวลำ ๔ ชั่วโมง
กลุ่มสำระกำรเรียนรวู้ ทิ ยำศำสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษำปที ี่ ๔
หน่วยยอ่ ยท่ี ๑ หนำ้ ทข่ี องรำก ลำตน้ ใบ และดอกของพืช
รำยวิชำวิทยำศำสตร์
๑๕.๖ เกสรเพศผทู้ าหนา้ ทอ่ี ะไร (เกสรเพศผ้ทู าหนา้ ทส่ี รา้ งเซลลส์ บื พนั ธเ์ุ พศผเู้ พอ่ื ใช้ในการสบื พนั ธ)์ุ
๑๕.๗ เซลลส์ ืบพันธ์เุ พศผ้ขู องดอกอยทู่ ่ีใด (เซลลส์ ืบพนั ธุ์เพศผ้อู ยู่ในเรณู)
๑๕.๘ เกสรเพศเมยี มีส่วนประกอบอะไรบ้าง และมีลักษณะอยา่ งไร (เกสรเพศเมยี มี ๓ ส่วน คอื
ส่วนล่างสุดของเกสรเพศเมียมีลักษณะพองใหญ่ เรียกว่า รังไข่ ถัดจากรังไข่ขึ้นไปด้านบน
มีลักษณะเป็นก้านเรียวเล็กคล้ายทรงกระบอก เรียกว่า ก้านเกสรเพศเมีย และปลายสุดของ
ก้านเกสรเพศเมียอาจจะเป็นปุ่มเล็ก ๆ หรือเป็นขนหรือเป็นพูก็ได้ เรียกส่วนนี้ว่า ยอดเกสร
เพศเมยี มกั จะมีนา้ เหนียว ๆ อยู่ท่บี ริเวณน)้ี
๑๕.๙ เกสรเพศเมียทาหน้าที่อะไร (เกสรเพศเมียทาหน้าที่สร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศเมียเพื่อใช้ในการ
สืบพันธ์)ุ
๑๕.๑๐ เม่อื นกั เรียนผ่ารงั ไข่ของพชื นกั เรียนจะพบส่ิงใด (พบออวุลอยภู่ ายในรงั ไข่)
๑๕.๑๑ เซลล์สืบพันธุ์เพศเมียของพืชคืออะไร และอยู่ที่ใด (เซลล์สืบพันธุ์เพศเมียคือเซลล์ไข่
ซ่งึ อยู่ภายในออวุล)
ขนั้ สรุป (๑๕ นาที)
๑๖. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันสรุป โดยครอู าจใชค้ าถามดงั ต่อไปนี้
๑๖.๑ ดอกมสี ว่ นประกอบอะไรบา้ ง (ดอกมสี ว่ นประกอบท่สี าคญั ๔ สว่ น ไดแ้ ก่ กลบี เล้ียง กลบี ดอก
เกสรเพศผู้ เกสรเพศเมีย)
9/10/18 8:58 AM
6102153L01c.indd 166 ๑๖๖ ชดุ การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรุง) หน่วยกำรเรยี นรู้ที่ ๒ ส่วนต่ำง ๆ ของพืช แผนกำรจัดกำรเรียนรูท้ ่ี ๑.๓ หนำ้ ท่ขี องดอก ๑๔๓
กลุ่มสำระกำรเรียนรวู้ ทิ ยำศำสตร์
หน่วยย่อยที่ ๑ หนำ้ ท่ีของรำก ลำตน้ ใบ และดอกของพชื เวลำ ๔ ช่วั โมง
รำยวิชำวิทยำศำสตร์ ชั้นประถมศกึ ษำปที ี่ ๔
๑๖.๒ สว่ นประกอบของดอกมกี ารเรียงตวั อย่างไร (ส่วนประกอบของดอกเรียงกนั เป็นช้ันหรือเป็นวง
ติดกัน ๔ วงอยู่บนฐานดอก โดยเรียงจากวงนอกสุดเข้าสู่ด้านใน ได้แก่ กลีบเลี้ยง กลีบดอก
เกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมยี )
๑๖.๓ สว่ นประกอบของดอกไมแ้ ตล่ ะสว่ นมหี นา้ ท่ีอยา่ งไร (กลบี เลย้ี งทาหนา้ ทห่ี ่อหมุ้ ดอกทย่ี งั อ่อนอยู่
เพื่อป้องกันอันตรายจากสิ่งแวดล้อม แมลง หรือศัตรูพืช กลีบดอกช่วยล่อแมลงและห่อหุ้ม
เกสรเพศผแู้ ละเกสรเพศเมยี เม่ือดอกยงั ออ่ นอยู่ เกสรเพศผแู้ ละเกสรเพศเมียทำหนา้ ทส่ี บื พนั ธ)์ุ
๑๗. ครใู ห้นักเรยี นทาใบงาน ๐๓ แบบฝึกหดั เรือ่ ง หน้าที่ของสว่ นประกอบของดอก หน้า ๗๓-๗๖
9/10/18 8:58 AM
ส่ือประกอบการจัดการเรียนการสอน
เรอ่ื ง หน้าท่ีของดอก
6102153L01c.indd 167 9/10/18 8:58 AM
6102153L01c.indd 168 9/10/18 8:58 AM
๑๔๕
ส่วนประกอบของดอก
สว่ นประกอบตา่ ง ๆ ทส่ี าคัญของดอก ได้แก่
๑. กลีบเลี้ยง เป็นส่วนท่ีอยู่ช้ันนอกสุดของดอก ส่วนมากมีสีเขียว ทาหน้าท่ีห่อหุ้มดอกเพ่ือป้องกัน
อันตรายต่าง ๆ จากสิ่งแวดล้อม แมลงและศัตรูพืชที่มาทาอันตรายในขณะท่ีดอกยังตูมอยู่ จานวนกลีบเลี้ยง
ของดอกชนิดต่าง ๆ มไี มเ่ ทา่ กนั ขน้ึ อย่กู ับชนิดของพืช กลีบเล้ยี งของดอกบางชนิดจะติดกันหมด ตง้ั แตโ่ คนกลบี
จนถึงปลายกลีบ มีลักษณะคล้ายถ้วยหรือหลอด เช่น ดอกชบา ดอกบานบุรี ดอกแค และกลีบเลี้ยงของ
ดอกบางชนดิ แยกกัน เช่น ดอกบัวสาย ดอกพุทธรักษา เป็นต้น ดอกบางชนิดจะมีกลบี สเี ขยี วเลก็ ๆ อยใู่ ตช้ น้ั
ของกลบี เลย้ี งอีกด้วย กลบี เล็ก ๆ นเ้ี รียกว่า ริว้ ประดับ เช่น ดอกชบา พู่ระหง
กลบี เลยี้ ง
ดอกชบา ดอกแค
ดอกกุหลาบ กลีบเลี้ยง ดอกชบา รวิ้ ประดับ
รูปท่ี ๑ กลีบเล้ยี ง
ชดุ การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ (สาำ หรับครูผู้สอน) กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นที่ ๑ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๔ (ฉบบั ปรับปรุง) ๑๖๙
6102153L01c.indd 169 9/10/18 8:58 AM
๑๔๖
๒. กลบี ดอก เปน็ ส่วนทอี่ ยชู่ ั้นใน้ั ถัดจำกกลีบเลยี้ งเข้ำไป มสี ตี ำ่ ง ๆ เห็นไดช้ ดั เจน เชั น่ สแี ดง เ่ หลอื ง ชมพู
ขาว เปน็ ต้น มู ักมขี นำดใหญ่กวำ่ กลีบเลยี้ ง และบำง่ ชนิดมกี ล่ินหอม กำรที่กลบี ดอกมีสตี ่ำง ๆ และมกี ล่ินหอม
ก็เพอ่ื ลอ่ แมลงใหม้ ำถ่ำยเรณู จ�ำื่ นวนของกลบี ดอกของพชื แต่ละชนดิ มีไมเ่ ท่ำกนั พืชสื ว่ นมำกมีจ�ำนวนกลีบดอก
เท่ากลบี เลย้ี งหรือทวีคณู ของกลบี เลยี้ ง พชื บำงชนดิ กลีบดอกจะติดี้ กัน ซึง่ อำจติดกนั ที่โคนกลีบหรือติดกนั ตลอด
ทั้งกลีบ เช่น ดอกผักบุ้ง ดอกมะเขือ ดอกเข่ ็ม เป็นต้น พืชบำงชนิดมีกลีบดอกไม่ติดกัน เช่น ื ดอกบำนบุรี
ดอกกุหลาบ ดอกมะลิ และดอกบวั
กลบี ดอกติดกนั
ดอกมะเขือ ดอกผกั บุ้ง
กลีบดอกไม่ติดกัน
ดอกเขม็ ดอกกุหลาบ
รูปท่ี ๒ กลีบดอก
๑๗๐ ชดุ การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครูผู้สอน) กลมุ่ สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๔ (ฉบบั ปรบั ปรุง)
6102153L01c.indd 170 9/10/18 8:58 AM
๑๔๗
๓. เกสรเพศผู้ เป็นส่วนที่อยู่ถัดจากกลีบดอกเข้าไปข้างในเป็นชั้นหรือวงที่ ๓ เกสรเพศผู้จะมีหลายอัน
อาจแยกกนั หรอื อยตู่ ดิ กันกไ็ ด้ หรอื บางสว่ นของเกสรเพศผู้ติดกบั สว่ นอื่นของดอกก็ได้
เกสรเพศผู้แต่ละอันประกอบด้วยก้านชูอับเรณู มีขนาดเล็กยาว ตรงปลายก้านขยายใหญ่ เรียกว่า
อับเรณู เป็นรูปทรงกระบอกหรือค่อนข้างกลม ภายในมีเรณูจานวนมาก เรณูมีลักษณะเป็นเม็ดเล็ก ๆ ถ้าดู
ดว้ ยตาเปลา่ จะคล้ายผงสเี หลอื ง ภายในเรณมู ีเซลลส์ บื พันธุเ์ พศผู้ เมอื่ อบั เรณแู กจ่ ะแตก ทาใหเ้ รณปู ลวิ ออกมา
เกสรเพศผู้
ดอกบวั ดอกพทุ ธรักษา
รูปท่ี ๓ เกสรเพศผู้
ชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (สำาหรับครูผู้สอน) กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ ) ๑๗๑
6102153L01c.indd 171 9/10/18 8:59 AM
๑๔๘
๔. เกสรเพศเมีย เป็นสว่ นของดอกท่อี ยชู่ นั้ ในสุดหรอื กลางดอก ประกอบดว้ ยสว่ นตา่ ง ๆ ๓ ส่วน คือ
สว่ นล่างสุดของเกสรเพศเมยี มลี ักษณะพองใหญ่ เรยี กว่า รงั ไข่ ถัดจากรงั ไข่ข้นึ ไปดา้ นบน มลี กั ษณะเป็นกา้ น
เรียวเลก็ คลา้ ยทรงกระบอก เรยี กวา่ กา้ นเกสรเพศเมยี ซ่ึงกา้ นเกสรเพศเมียจะสั้นหรอื ยาวขนึ้ อยกู่ ับชนดิ ของ
พชื และปลายสุดของกา้ นเกสรเพศเมียจะพองโตออกเป็นปุ่มเล็ก ๆ หรอื เปน็ ขน หรือเป็นพู ก็ได้ เรยี กสว่ นนว้ี ่า
ยอดเกสรเพศเมยี มักจะมีน้า� เหนียว ๆ อยทู่ ่ีบรเิ วณนด้ี ว้ ย เพื่อรบั เรณูทีป่ ลวิ ตามลมมาหรอื แมลงพามา
รงั ไขเ่ ปน็ ส่วนลา่ งสุดของเกสรเพศเมยี ภายในรังไข่มีออวุล และภายในออวุลมเี ซลลส์ บื พันธุ์ เพศเมยี
หรอื เซลลไ์ ข่ ออวลุ เปน็ สว่ นประกอบของดอกซึง่ มคี วามสา� คัญมาก โดยจะเปลีย่ นเป็นเมลด็ ภายหลังที่ดอก
ได้รบั การผสมพนั ธแ์ุ ลว้
เกสรเพศเมยี
ดอกบัวดิน ดอกชบา
ออวุล
รูปท่ี ๔ เกสรเพศเมีย
๑๗๒ ชุดการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรับครูผ้สู อน) กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ (ฉบับปรับปรงุ )
6102153L01c.indd 172 9/10/18 8:59 AM
๑๔๙
แบบประเมินดำ้ นคณุ ธรรม
แผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ่ี ๑.๓ หนำ้ ที่ของดอก
ช่อื ผ้ปู ระเมนิ /กลุ่มประเมิน………………………………………………………………………………………………………………
ช่อื กลุ่มรับกำรประเมิน…………………………………………………………………………………………………………………….
ประเมนิ ผลครั้งท่ี………………….... วัน ……………..……... เดอื น ………..……….…. พ.ศ. ……...….………….............
เรื่อง……………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ท่ี ลักษณะ/พฤตกิ รรมบ่งช้ี ระดบั พฤตกิ รรม คะแนนทีไ่ ด้
๑. มีความมุง่ มน่ั ในการทางาน เกดิ = ๑ ไมเ่ กดิ = ๐
๒. มีความซอ่ื สัตยต์ ่อตนเอง
๓. ใฝ่เรยี นรู้
๔. มวี ินัย
๕. มีความสามัคคี ชว่ ยเหลอื ในการทางานกลมุ่ ร่วมกัน
รวมคะแนนทไี่ ดท้ งั้ หมด = …………… คะแนน
คณุ ลักษณะตามจดุ ประสงคด์ ้านคุณธรรม
- มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
- ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
- ต่ากว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน
ชดุ การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ (สำาหรบั ครูผสู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ (ฉบับปรบั ปรุง) ๑๗๓
6102153L01c.indd 173 9/10/18 8:59 AM
๑๕๐
แบบประเมินดำ้ นทักษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตรใ์ นกำรทำกจิ กรรม
แผนกำรจัดกำรเรียนร้ทู ี่ ๑.๓ หนำ้ ท่ขี องดอก
เกณฑ์กำรประเมนิ มีดังนี้
๓ หมายถงึ ดี ๒ หมายถึง พอใช้ ๑ หมายถึง ควรปรับปรุง
คะแนน
ส่ิงทป่ี ระเมิน
การสังเกต รวมคะแนน
การจดั กระทาและสื่อความหมายขอ้ มลู
การลงความเห็นจากข้อมูล
เกณฑก์ ำรประเมนิ
ทกั ษะกระบวนกำร ดี (๓) ระดับควำมสำมำรถ ควรปรบั ปรงุ (๑)
ทำงวิทยำศำสตร์ พอใช้ (๒)
การสงั เกต ใช้ประสาทสัมผัสในการ ใชป้ ระสาทสมั ผสั ในการรวบรวม ไม่สามารถใช้ประสาทสัมผัส
รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ ข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะของ รวบรวมขอ้ มลู เกยี่ วกบั ลกั ษณะ
ลักษณะของส่วนประกอบ สว่ นประกอบตา่ ง ๆ ของดอกได้ ของสว่ นประกอบตา่ ง ๆ ของดอก
ตา่ ง ๆ ของดอกดว้ ยตนเอง โดยการชแี้ นะของครหู รอื ผอู้ น่ื ถงึ แมจ้ ะไดร้ บั คา� แนะนา� จากครู
โดยไม่เพ่มิ ความคดิ เห็น หรอื ผ้อู ืน่
การจัดกระทาและ นาเสนอข้อมูลลักษณะ นาเสนอข้อมูลลักษณะของ ไม่สำมำรถนาเสนอข้อมูล
ส่ือความหมาย ของสว่ นประกอบของดอก ส่วนประกอบของดอกและ ลักษณะของส่วนประกอบของ
ขอ้ มลู และหน้าที่ของแต่ละส่วน หน้าท่ีของแต่ละส่วนให้ผู้อื่น ดอกและหน้าที่ของแต่ละส่วน
ให้ผู้อื่นเข้าใจได้ง่ายและ เข้าใจได้ง่ายและชัดเจน โดย ใหผ้ ้อู น่ื เข้าใจได้ง่ายและชัดเจน
ชดั เจนดว้ ยตนเอง กำรชแี้ นะของครหู รือผ้อู น่ื ถึงแม้จะได้รับคาแนะนาจาก
ครูหรอื ผู้อื่น
การลงความเห็น แสดงความเห็นเกี่ยวกับ แสดงความเห็นเกี่ยวกับ ไม่สามารถแสดงความเห็น
จากข้อมูล ลักษณะของส่วนประกอบ ลักษณะของส่วนประกอบ เกยี่ วกบั ลกั ษณะของสว่ นประกอบ
ของดอกและหน้าท่ีของ ของดอกและหน้าท่ีของแต่ละ ของดอกและหนา้ ทข่ี องแตล่ ะสว่ น
แต่ละส่วนอย่างมีเหตุผล ส่วนอย่างมีเหตุผล โดยการ อยา่ งมเี หตผุ ล ถึงแม้จะไดร้ บั
จากความรู้และประสบ- ชแ้ี นะของครูหรอื ผูอ้ น่ื คา� แนะน�าจากครหู รอื ผูอ้ ่ืน
การณเ์ ดิมได้ด้วยตนเอง
๑๗๔ ชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (สาำ หรับครผู ูส้ อน) กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรยี นที่ ๑ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๔ (ฉบับปรับปรงุ )
6102153L01c.indd 174 9/10/18 8:59 AM
เฉลยใบงาน
6102153L01c.indd 175 9/10/18 8:59 AM
6102153L01c.indd 176 9/10/18 8:59 AM
ชื่อ-สกุล เดือน ชัน้ เลขท่ี บ. ๒.๑ / ผ. ๑.๓ - ๐๑
วันที่ พ.ศ.
ใบงาน ๐๑ :ส่วนประกอบของดอก
บันทึกผลการทา� กจิ กรรม
ตาราง ส่วนประกอบของดอกไม้แตล่ ะชนดิ
ชือ่ ดอกไม้ กลีบเลีย้ ง สว่ นประกอบของดอก เกสรเพศเมีย
กลบี ดอก เกสรเพศผู้
คา� ตอบข้นึ อยู่กับการทา� กจิ กรรมของนักเรยี น
ตวั อย่างคา� ตอบ เชน่ 3 3 3
กหุ ลาบ 3
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำาหรบั ครูผู้สอน) กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ (ฉบับปรบั ปรงุ ) ๑๗๗
6102153L01c.indd 177 9/10/18 8:59 AM
ช่อื -สกุล เดอื น ชั้น เลขท่ี บ. ๒.๑ / ผ. ๑.๓ - ๐๑
วนั ท่ ี พ.ศ.
ตาราง ส่วนประกอบของดอกไมแ้ ต่ละชนิด (ตอ่ )
ช่อื ดอกไม้ กลีบเลย้ี ง ส่วนประกอบของดอก
กลีบดอก เกสรเพศผู้ เกสรเพศเมยี
ค�าตอบข้ึนอย่กู บั การท�ากจิ กรรมของนกั เรยี น
๑๗๘ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (สำาหรบั ครูผ้สู อน) กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๔ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
6102153L01c.indd 178 9/10/18 8:59 AM
ช่ือ-สกลุ เดอื น ชนั้ เลขท่ี บ. ๒.๑ / ผ. ๑.๓ - ๐๑
วนั ท่ ี พ.ศ.
ตาราง สว่ นประกอบของดอกไมแ้ ต่ละชนิด (ต่อ)
ช่ือดอกไม้ กลบี เลยี้ ง สว่ นประกอบของดอก
กลบี ดอก เกสรเพศผู้ เกสรเพศเมยี
ค�าตอบขึ้นอยู่กบั การทา� กจิ กรรมของนักเรียน
ชดุ การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรับครผู ู้สอน) กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๔ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) ๑๗๙
6102153L01c.indd 179 9/10/18 8:59 AM
ช่ือ-สกลุ เดอื น ช้ัน เลขที่ บ. ๒.๑ / ผ. ๑.๓ - ๐๑
วันที่ พ.ศ.
คา� ถามหลังจากทา� กิจกรรม
๑. ดอกของพชื ชนดิ ใดทีม่ สี ว่ นประกอบของดอกครบทุกสว่ น
คา� ตอบขึ้นอยกู่ บั การสงั เกตดอกไมแ้ ต่ละชนิดท่นี ักเรียนเตรียมมา
๒. ดอกของพชื ชนิดใดมีส่วนประกอบของดอกไมค่ รบทุกส่วน อย่างไร
ดอกตา� ลึง ดอกฟกั ทอง ดอกมะละกอ
โดยดอกของพชื เหลา่ นม้ี ีโอกาสทีเ่ กสรเพศผหู้ รอื เกสรเพศเมยี อยู่คนละดอก
๓. จากกจิ กรรมน้ ี สรปุ ไดว้ ่าอยา่ งไร
สว่ นประกอบของดอก ไดแ้ ก่ กลบี เล้ยี ง กลบี ดอก เกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมีย
ดอกบางชนดิ มีครบทง้ั ๔ สว่ น บางชนิดไม่ครบทงั้ ๔ ส่วน ดอกมหี นา้ ท่สี ืบพนั ธุ์
๑๘๐ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำาหรบั ครผู สู้ อน) กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรยี นที่ ๑ ช้ันประถมศึกษาปที ี่ ๔ (ฉบบั ปรบั ปรุง)
6102153L01c.indd 180 9/10/18 8:59 AM
ช่อื -สกุล เดือน ช้ัน เลขที่ บ. ๒.๑ / ผ. ๑.๓ - ๐๒
วันท ี่ พ.ศ.
ใบงาน ๐๒ : หน้าทข่ี องส่วนประกอบตา่ ง ๆ ของดอก
บันทกึ ผลการท�ากจิ กรรม
แผนผงั แนวคดิ เร่ืองหน้าทข่ี องสว่ นประกอบต่าง ๆ ของดอก
ดอกของพชื
ส่วนประกอบ
ได้แก่
กลบี เล้ยี ง กลบี ดอก เกสรเพศผู้ เกสรเพศเมีย
มหี นา้ ที่ มหี น้าที่ มหี น้าท่ี มีหน้าที่
ห่อหุม้ กลีบ ชว่ ยลอ่ แมลง สืบพนั ธ์ุ สืบพนั ธุ์
ดอกทย่ี งั และห่อหุ้ม
ออ่ นอยู่ เกสรใน
ขณะทดี่ อก
ยังไม่บาน
ชุดการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรับครผู สู้ อน) กลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชั้นประถมศึกษาปที ี่ ๔ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) ๑๘๑
6102153L01c.indd 181 9/10/18 8:59 AM
ชอ่ื -สกลุ เดือน ชน้ั เลขท่ี บ. ๒.๑ / ผ. ๑.๓ - ๐๓
วนั ท่ี พ.ศ.
ใบงาน ๐๓ : แบบฝกึ หดั เรอ่ื งหนา้ ท่ีของสว่ นประกอบของดอก
๑. เตมิ ชือ่ สว่ นประกอบต่าง ๆ ของดอก ลงในช่องส่เี หลย่ี มทช่ี แี้ สดงส่วนประกอบของดอก
ใหถ้ กู ต้อง
กา้ นเกสรเพศเมีย ยอดเกสรเพศเมีย
ออวุล อบั เรณู
กลบี เลย้ี ง
กา้ นเกสรเพศผู้
ฐานรองดอก กลีบดอก
รงั ไข่
๑๘๒ ชดุ การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรับครผู ูส้ อน) กลมุ่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นที่ ๑ ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ ๔ (ฉบับปรบั ปรุง)
6102153L01c.indd 182 9/10/18 8:59 AM
ชอ่ื -สกลุ เดอื น ช้นั เลขที่ บ. ๒.๑ / ผ. ๑.๓ - ๐๓
วนั ท่ี พ.ศ.
ศึกษาตารางส่วนประกอบของดอกในพชื ชนดิ ต่าง ๆ แลว้ ตอบคา� ถามขอ้ ๒ - ๔ ใหถ้ ูกตอ้ ง
ตาราง ส่วนประกอบของดอกของพชื ชนดิ ต่าง ๆ
ชอ่ื ดอกไม้ ส่วนประกอบของดอก
กลีบเลี้ยง กลบี ดอก เกสรเพศผู้ เกสรเพศเมยี
ดอกชบา
ดอกต�าลงึ
ดอกฟักทองแบบที่ ๑
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรับครูผู้สอน) กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๔ (ฉบับปรับปรงุ ) ๑๘๓
6102153L01c.indd 183 9/10/18 8:59 AM
ช่อื -สกลุ เดือน ชั้น เลขที่ บ. ๒.๑ / ผ. ๑.๓ - ๐๓
วนั ที่ พ.ศ.
ตาราง ส่วนประกอบของดอกของพืชชนดิ ต่าง ๆ ต่อ
ชอื่ ดอกไม้ ส่วนประกอบของดอก
กลีบเลี้ยง กลบี ดอก เกสรเพศผู้ เกสรเพศเมีย
ดอกฟักทองแบบท่ี ๒
ดอกมะเขอื
ดอกมะละกอ
๑๘๔ ชดุ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (สำาหรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๔ (ฉบับปรบั ปรุง)
6102153L01c.indd 184 9/10/18 8:59 AM
ชื่อ-สกุล เดอื น ชั้น เลขท่ี บ. ๒.๑ / ผ. ๑.๓ - ๐๓
วนั ท ่ี พ.ศ.
๒. ดอกชนิดใดมสี ่วนประกอบครบทัง้ ๔ ส่วน
ดอกชบาและดอกมะเขอื
๓. ดอกชนดิ ใดมสี ่วนประกอบไม่ครบทัง้ ๔ ส่วน
ดอกต�าลึง ดอกฟกั ทอง ดอกมะละกอ
๔. ดอกทมี่ ีส่วนประกอบไมค่ รบ สามารถทา� หนา้ ที่สืบพันธ์ไุ ดห้ รือไม ่ เพราะเหตุใด
ดอกทมี่ ีสว่ นประกอบไม่ครบ อาจจะขาดกลีบเล้ียง กลีบดอก เกสรเพศผูห้ รอื
เกสรเพศเมยี จะทา� หน้าท่สี บื พันธ์ไุ ด้ เพราะยังมเี กสรเพศผู้และเกสรเพศเมีย
ซงึ่ อาจจะอยู่ในดอกเดยี วกันหรอื แยกดอกกนั จึงมีโอกาสเกิดการถ่ายเรณูและ
ผสมพนั ธ์ุกนั ได้
ชดุ การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ (ฉบับปรบั ปรงุ ) ๑๘๕
6102153L01c.indd 185 9/10/18 8:59 AM
6102153L01c.indd 186 9/10/18 8:59 AM
หน่วยการเรียนร้ทู ่ี ๓
แรง
6102153L01c.indd 187 9/10/18 8:59 AM
6102153L01c.indd 188 9/10/18 8:59 AM
๑๖๒
มำตรฐำนกำรเรยี นรู้และตวั ชว้ี ัดของหน่วยกำรเรยี นรทู้ ่ี ๓
แรง (จำนวน ๑๒ ชั่วโมง)
มำตรฐำนกำรเรียนรู้และตวั ชว้ี ดั
มำตรฐำน ว ๒.๒
เข้าใจธรรมชาติของแรงในชวี ิตประจาวัน ผลของแรงทก่ี ระทาต่อวัตถุ ลกั ษณะการเคลื่อนท่ี
แบบต่าง ๆ ของวตั ถุ รวมทัง้ นาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
ตัวชวี้ ัด
ป.๔/๑ ระบุผลของแรงโนม้ ถ่วงที่มตี ่อวตั ถุจากหลกั ฐานเชิงประจักษ์
ป.๔/๒ ใชเ้ ครือ่ งชงั่ สปรงิ ในการวัดน้าหนักของวัตถุ
ป.๔/๓ บรรยายมวลของวตั ถุท่มี ผี ลต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลอ่ื นท่ีของวตั ถจุ ากหลกั ฐาน
เชงิ ประจกั ษ์
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครผู ู้สอน) กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) ๑๘๙
6102153L01c.indd 189 9/10/18 8:59 AM
๑๖๓
ลำดับกำรนำเสนอแนวคิดหลกั ของหนว่ ยกำรเรยี นรทู้ ่ี ๓ แรง
มวลเป็นปรมิ าณเน้ือของสสารทั้งหมดทป่ี ระกอบกันเปน็ วตั ถุ
แรงโนม้ ถ่วงของโลกเป็นแรงดึงดูดทโี่ ลกกระทาต่อมวลของวัตถุ มที ิศทางเขา้ สู่ศูนย์กลางโลก
และเปน็ แรงไม่สัมผสั
แรงโนม้ ถ่วงของโลกท่ีกระทากบั มวลของวตั ถุหน่ึง ๆ ทาให้วตั ถุตกลงส่พู ื้นโลก และทาให้วัตถมุ ีน้าหนัก
ช่งั น้าหนักของวตั ถุไดจ้ ากเคร่ืองชงั่ สปรงิ
น้าหนักของวัตถขุ ึน้ กบั มวลของวตั ถุ โดยวตั ถทุ ีม่ มี วลมากจะมีนา้ หนักมาก วัตถุท่ีมีมวลนอ้ ย
จะมนี ้าหนกั นอ้ ย
มวลมผี ลตอ่ ความยากง่ายในการเปลยี่ นแปลงการเคลื่อนท่ีของวัตถุ วตั ถทุ ่ีมมี วลมากจะเปล่ียนแปลง
การเคล่ือนท่ไี ด้ยากกว่าวัตถทุ ่ีมีมวลนอ้ ย
๑๙๐ ชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (สาำ หรบั ครูผู้สอน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๔ (ฉบับปรบั ปรุง)
6102153L01c.indd 190 9/10/18 9:00 AM