The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by pepo.nontawat, 2022-09-08 12:22:21

เเผนการ สอน วิทยาศาสตร์ฯ ป.4 สื่อ 60 พรรษา

Keywords: เเผนการ สอน วิทยาศาสตร์ฯ ป.4 สื่อ 60 พรรษา

๒๐๗

๒) วธิ กี ำร เครือ่ งมอื เกณฑ์ ้
๒.๑ เครอื่ งมอื และเกณฑใ์ นกำรประเมนิ ด้ำนควำมรู้
ตรวจให้คะแนนจากการตอบคาถามในใบงาน แล้วใช้เกณฑ์ในการให้คะแนนดงั น้ี
- มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน

- ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน

- ต่ากว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน

๒.๒ เคร่อื งมือและเกณฑ์ในกำรประเมินทักษะกระบวนกำรทำงวทิ ยำศำสตร์

สังเกตทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้แบบประเมนิ ทักษะกระบวนการ

ทางวทิ ยาศาสตร์ (ดังแนบ) แลว้ นาคะแนนมารวมกนั แล้วใชเ้ กณฑใ์ นการให้คะแนนดงั น้ี

- มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน

- ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน

- ต่ากว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน

๒.๓ เคร่อื งมือและเกณฑใ์ นกำรประเมินด้ำนคณุ ธรรม
สังเกตคุณลกั ษณะด้านคณุ ธรรมโดยใชแ้ บบประเมินด้านคณุ ธรรม (ดังแนบ) แล้วนา

คะแนนมารวมกนั แลว้ ใช้เกณฑใ์ นการให้คะแนนดังน้ี
- มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน

- ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน

- ต่ากว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน
๓) กำรทดสอบก่อนเรยี น หลังเรยี น แบบฝกึ หดั กอ่ นเรียน หลงั เรยี น

ทาแบบฝกึ หดั ในใบงานหลงั เรียน

๓. อ่ืน ๆ
........................................................................................................................................................................

........................................................................................................................................................................

ชุดการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรับครผู สู้ อน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ (ฉบับปรบั ปรุง) ๒๔๑

6102153L01c.indd 241 9/10/18 9:05 AM

6102153L01c.indd 242 ๒๔๒ ชดุ การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรุง) หนว่ ยกำรเรยี นรู้ท่ี ๓ แรง แนวกำรจัดกิจกรรมการเรียนรขู้ องแผนกำรจัดกำรเรยี นรทู้ ี่ ๑.๓ ๒๐๘
กลมุ่ สำระกำรเรียนรวู้ ิทยำศำสตร์ เรื่อง ควำมสัมพนั ธข์ องมวล กำรเปลี่ยนแปลงกำรเคล่อื นทขี่ องวัตถุและนำ้ หนกั ของวัตถุ
เวลำ ๔ ชวั่ โมง
รำยวชิ ำวิทยำศำสตร์ ชนั้ ประถมศึกษำปที ี่ ๔

ข้นั นำ แนวกำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้
ขัน้ สอน
ข้ันสรุป  ตรวจสอบความรู้เดิมเกย่ี วกบั ความสมั พนั ธร์ ะหว่างมวล การเปล่ียนแปลงการเคลื่อนท่ีและน้าหนักของวตั ถุ
กำรวัดและประเมนิ ผล
 ทากจิ กรรมท่ี ๑ มวล การเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่และนา้ หนักเก่ียวข้องกนั อย่างไร
 นาเสนอและอภิปรายผลการทดลองร่วมกนั
 ทาใบงาน ๐๑ มวล การเปลย่ี นแปลงการเคล่ือนของวตั ถุที่และนา้ หนกั
 อภิปรายและลงข้อสรปุ เก่ยี วกับความสมั พันธ์ระหว่างมวล การเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนท่ีและนา้ หนักของวัตถุ
 ทาใบงาน ๐๒ แบบฝกึ หดั เร่ืองมวล การเปล่ยี นแปลงการเคล่อื นท่ีของวตั ถแุ ละนา้ หนัก
 ประเมนิ จากการตอบคาถาม
 ประเมนิ จากการทากจิ กรรมในชน้ั เรยี น
 ประเมินจากการทาแบบฝึกหัด

9/10/18 9:05 AM

6102153L01c.indd 243 ๒๐๙

ชุดการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๔ (ฉบบั ปรบั ปรุง) ๒๔๓ แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ที่ ๑.๓ ควำมสมั พันธ์ของมวล กำรเปล่ยี นแปลงกำรเคลอื่ นที่ของวตั ถแุ ละนำ้ หนักของวัตถุ

หนว่ ยกำรเรยี นรู้ท่ี ๓ แรง หนว่ ยย่อยท่ี ๑ แรง เวลำ ๔ ชวั่ โมง

กลุ่มสำระกำรเรียนรวู้ ทิ ยำศำสตร์ รำยวิชำวิทยำศำสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษำปที ่ี ๔

ขอบเขตเนอ้ื หำ กิจกรรมกำรเรยี นรู้ (๔ ช่ัวโมง) สื่อ / แหลง่ เรียนรู้
มวลเป็นสมบัติในการต้าน
ช่ัวโมงที่ ๑-๒ ๑. ไมเ้ มตร
การเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนท่ี
ข อ ง วั ต ถุ ม ว ล แ ล ะ ก า ร ขน้ั นา� (๕ นาท)ี ๒. เครื่องชงั่ สปริง
เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ก า ร เ ค ล่ื อ น ท่ี
สัมพันธ์กัน โดยวัตถุที่มีมวลมาก ๑. ครูนาขวดห่อด้วยกระดาษสีดาให้ทึบแล้วใส่ทรายไม่เท่ากันในแต่ละขวด แล้วนามาให้นักเรียนสังเกต ๓. ขวดปดิ ทึบ
จะเปล่ียนแปลงการเคล่ือนท่ีได้ หน้าชน้ั เรยี น จากน้ันครูถามความร้เู ดมิ ของนักเรยี นโดยอาจใช้คาถามดงั น้ี
ยาก นอกจากน้ีมวลและน้าหนัก ๔. กระดาษสดี า
ของวัตถุมีความสัมพันธ์กัน โดย ๑.๑ ขวดท้งั สองใบมนี ้าหนักแตกต่างกันหรอื ไม่ ทราบได้อย่างไร (นกั เรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง) ๕. ขวดพลาสติกเปลา่
วัตถุที่มีมวลมาก จะมีน้าหนัก ๑.๒ มวลของขวดทงั้ สองใบแตกตา่ งกนั หรอื ไม่ ทราบไดอ้ ย่างไร (นกั เรยี นตอบตามความเข้าใจของตนเอง)
มาก ๑.๓ ถ้าแขวนขวดทั้งสองไว้ แล้วลองแตะข้างขวดเบา ๆ ให้ขวดเริ่มเคลื่อนที่ ขวดใดที่เคลื่อนที่ได้ยาก ขนาด ๐.๖ ลติ ร
๖. เชือกฟาง
จดุ ประสงคด์ ้ำนควำมรู้ เพราะเหตุใด (นกั เรยี นตอบตามความเข้าใจของตนเอง) ๗. เก้าอ้ี
ระบุความสัมพันธ์ของมวล ครูยงั ไม่เฉลยคาตอบให้กบั นกั เรยี น แต่ชกั ชวนให้นกั เรียนไปค้นพบจากกิจกรรมต่อไป ๘. ทราย

การเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ ข้นั สอน (๑๐๐ นาท)ี
และน้าหนักของวัตถุ ๒. ครูให้นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรมและจุดประสงค์ในใบกิจกรรมที่ ๑ มวล การเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่และ

น้าหนักเกี่ยวข้องกันอย่างไร หน้า ๑๐๐ จากนั้นตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนเกี่ยวกับสิ่งที่จะเรียน

โดยอาจใช้คาถาม ดงั นี้

๒.๑ กิจกรรมนี้นักเรียนจะได้เรียนเกี่ยวกับเรื่องอะไร (ความสัมพันธ์ระหว่างมวลและการเปลี่ยนแปลง

การเคล่อื นทีข่ องวัตถุ และความสัมพันธร์ ะหว่างมวลและน้าหนัก)

๒.๒ นักเรยี นจะไดเ้ รียนเร่อื งนีด้ ้วยวิธใี ด (การสงั เกต การวัด)

๒.๓ เมอ่ื เรยี นแลว้ นกั เรยี นจะทาอะไรได้ (ระบคุ วามสมั พนั ธ์ระหวา่ งมวลและการเปลย่ี นแปลงการเคลอ่ื นท่ี

ของวัตถุ และความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งมวลและนา้ หนักได)้

9/10/18 9:05 AM

6102153L01c.indd 244 ๒๑๐

๒๔๔ ชดุ การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรุง) แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ี่ ๑.๓ ควำมสมั พนั ธข์ องมวล กำรเปลี่ยนแปลงกำรเคลื่อนทข่ี องวตั ถแุ ละน้ำหนกั ของวัตถุ

หน่วยกำรเรียนรทู้ ี่ ๓ แรง หน่วยย่อยที่ ๑ แรง เวลำ ๔ ชว่ั โมง

กลุ่มสำระกำรเรยี นรูว้ ิทยำศำสตร์ รำยวชิ ำวิทยำศำสตร์ ชัน้ ประถมศึกษำปที ่ี ๔

จุดประสงค์ด้ำนทักษะกระบวน ๓. ให้นักเรียนอ่านวิธีทาโดยครูเลือกวิธีการอ่านที่เหมาะสมกับนักเรียน จากนั้นครูตรวจสอบความเข้าใจ ภำระงำน / ชน้ิ งำน
ทำงวิทยำศำสตร์ ขัน้ ตอนการทากิจกรรมทลี ะข้ันตอน ครคู วรเขียนสรุปขัน้ ตอนการทาทีละขัน้ แบบสัน้ ๆ บนกระดานและ ๑. การบนั ทึกผลการทากิจกรรม
๑. การสังเกต อภิปรายโดยใช้คาถาม ดงั น้ี
๒. การวดั ๓.๑ นักเรียนต้องทาอะไรกับขวดใส่ทรายที่แขวนกับไม้เมตรบ้าง (ต้องใช้มือแตะขวดเบา ๆ ให้ขวดเริ่ม ในใบกิจกรรม
๓. การลงความเหน็ จากข้อมลู เคลอ่ื นท่ี และขณะท่ดี งึ ขวดใหท้ ามมุ กบั แนวดง่ิ ตอ้ งใหเ้ พอ่ื นอกี คนวางฝา่ มอื ในแนวเดยี วกบั ไมเ้ มตร)
๔. การตคี วามหมายข้อมูลและ ๒. การทาแบบฝกึ หดั
๓.๒ นักเรียนตอ้ งสงั เกตอะไรบา้ ง (แรงท่ีใชเ้ พื่อทาให้ขวดที่แขวนอยู่นงิ่ ให้เร่ิมขยับ และแรงทใ่ี ช้จบั ขวดท่ี
ลงข้อสรุป เคล่ือนท่ีมาให้หยุด)
ครูอาจสาธิตวิธีการแตะขวดและวิธีการวางฝ่ามือในแนวเดียวกับไม้เมตรให้นักเรียนดูก่อนลงมือทำ
จุดประสงค์ดำ้ นคณุ ธรรม
๑. มคี วามสามัคคี ช่วยเหลอื ใน กจิ กรรม
๔. ครูให้นักเรียนเตรียมอุปกรณ์ให้เรียบร้อย โดยใส่ทรายลงในขวด ผูกเชือกฟางกับขวด และมัดเข้ากับไม้
การทางานกลุม่ ร่วมกนั
๒. มวี ินัย เมตร จากนั้นนาไม้เมตรไปพาดระหว่างพนักเก้าอี้ ๒ ตัว โดยครูกาชับยังไม่ให้นักเรียนใช้มือแตะขวด
๓. มีความมุ่งมั่นในการทางาน จนกวา่ ขวดทัง้ สองใบจะอยู่นิง่
๕. นกั เรยี นลงมอื ทากจิ กรรมและบนั ทึกผลลงในใบงาน ๐๑ มวล การเปลย่ี นแปลงการเคลอ่ื นท่ีของวตั ถแุ ละ
น้าหนัก หน้า ๑๐๓ จากนั้นครูให้นักเรียนนาเสนอผลการทากิจกรรม แล้วครูนาอภิปรายผลการทา
กิจกรรม โดยอาจใชค้ าถามดังนี้
๕.๑ ขวดใส่ทรายทั้งสองใบมีสิ่งใดที่แตกต่างกัน (ขวดทั้งสองใบมีมวลต่างกัน ขวดที่มีปริมาณทรายมาก

จะมีมวลมาก และขวดท่มี ปี ริมาณทรายน้อย จะมีมวลน้อย)

9/10/18 9:05 AM

6102153L01c.indd 245 ๒๑๑

ชุดการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๔ (ฉบบั ปรบั ปรุง) ๒๔๕ แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ่ี ๑.๓ ควำมสมั พันธข์ องมวล กำรเปลย่ี นแปลงกำรเคล่อื นทข่ี องวตั ถแุ ละนำ้ หนักของวัตถุ

หนว่ ยกำรเรยี นรทู้ ี่ ๓ แรง หนว่ ยย่อยที่ ๑ แรง เวลำ ๔ ชัว่ โมง

กลุ่มสำระกำรเรียนรวู้ ทิ ยำศำสตร์ รำยวิชำวิทยำศำสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษำปีท่ี ๔

๕.๒ แรงทใ่ี ชใ้ นการผลกั ขวดทง้ั สองใบใหเ้ รม่ิ เคล่อื นท่ี เหมือนหรอื แตกต่างกนั หรอื ไม่ อย่างไร (แตกตา่ งกนั วธิ ีกำรประเมนิ
ต้องออกแรงมากเพื่อแตะให้ขวดที่มีทรายมากหรือมวลมากเริ่มเคลื่อนที่ และออกแรงน้อยเพื่อแตะ ๑. การตอบคาถามในแบบฝึกหัด
ขวดทม่ี ีทรายน้อยหรือมวลน้อยให้เรมิ่ เคล่ือนท่)ี ๒. สงั เกตทกั ษะกระบวนการทาง

๕.๓ แรงที่ใช้ในการจบั ขวดท้ังสองใบให้หยดุ น่งิ เหมือนหรือแตกตา่ งกันหรอื ไม่ อย่างไร (แตกต่างกัน โดย วทิ ยาศาสตร์ในการทา
ต้องออกแรงมาก เพื่อหยุดขวดที่มีทรายมากหรือมวลมาก และออกแรงน้อยเพื่อหยุดขวดที่มีทราย กิจกรรม
นอ้ ยหรอื มวลน้อย) ๓. สังเกตดา้ นคุณธรรมขณะทา
กจิ กรรม
๕.๔ วัตถุที่มีมวลอย่างไร จึงต้านการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ รู้ได้อย่างไร (วัตถุที่มีมวลมากจะต้านการ
เปลี่ยนแปลงการเคล่ือนท่มี าก รู้ได้จากต้องใชแ้ รงมากเพื่อให้มกี ารเปลย่ี นแปลงการเคล่ือนท่ีได)้ เกณฑ์กำรประเมนิ
๑. การตอบคาถามในแบบฝึกหดั
ขนั้ สรุป (๑๕ นำท)ี
๖. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการทากิจกรรมได้ว่า มวลของวัตถุมีความสัมพันธ์กับการต้านการ ไดถ้ ูกตอ้ งดว้ ยตนเอง
- มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
เปลีย่ นแปลงการเคล่ือนทข่ี องวตั ถุ วัตถุทม่ี มี วลมาก จะต้านการเปลย่ี นแปลงการเคลือ่ นที่มาก - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
ชวั่ โมงท่ี ๓-๔ - ต่ากว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน
ขั้นน�า (๑๐ นาท)ี
๗. ครทู บทวนความรู้ทีเ่ รยี นมาแล้ว โดยใช้แนวคาถาม ดังน้ี

๗.๑ เพื่อน ๒ คนนัง่ เล่นชิงช้าดว้ ยกัน คนหนง่ึ มวล ๕๐ กโิ ลกรัม และอีกคนมวล ๓๕ กิโลกรมั ถ้านักเรียน
จะต้องช่วยแต่ละคนโยกชิงช้าให้แกว่งได้ จะออกแรงเท่ากันหรือไม่ อย่างไร (ต้องออกแรงโยกชิงช้า
ตา่ งกนั โดยตอ้ งออกแรงโยกชงิ ชา้ ทม่ี คี นมวล ๕๐ กโิ ลกรมั นง่ั ดว้ ยแรงมากกวา่ เพราะวตั ถทุ ม่ี มี วลมาก

9/10/18 9:05 AM

6102153L01c.indd 246 ๒๑๒

๒๔๖ ชดุ การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรุง) แผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ่ี ๑.๓ ควำมสมั พนั ธ์ของมวล กำรเปลยี่ นแปลงกำรเคลือ่ นท่ีของวตั ถุและน้ำหนกั ของวัตถุ

หน่วยกำรเรียนรทู้ ่ี ๓ แรง หนว่ ยย่อยท่ี ๑ แรง เวลำ ๔ ชว่ั โมง

กลุ่มสำระกำรเรียนรวู้ ทิ ยำศำสตร์ รำยวชิ ำวิทยำศำสตร์ ช้ันประถมศึกษำปีท่ี ๔

จะเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ไดย้ ากกว่า) ๒. มีทักษะกระบวนการทาง
วทิ ยาศาสตรข์ ณะทากจิ กรรม
ครูถามความรู้เดิมเพื่อเชื่อมโยงสู่กิจกรรมโดยอาจถามว่า มวลและน้าหนักของวัตถุมีความสัมพันธ์กัน
- มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
อยา่ งไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง) - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
- ต่ากวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน
ขน้ั สอน (๙๐ นำที)
๘. ครูให้นักเรียนทากิจกรรมข้อที่ ๕ ของกิจกรรมที่ ๑ โดยนาขวดใส่ทรายทั้งสองใบที่ใช้ในกิจกรรมชั่วโมงที่ ๓. มคี ุณลักษณะดา้ นคณุ ธรรม
- มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
ผ่านมา แขวนกบั ขอเก่ียวของเคร่อื งชง่ั สปริงจากนน้ั อา่ นคา่ น้าหนักของขวดใสท่ รายทงั้ สองใบ บันทึกผล - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
- ต่ากว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน
๙. ครูและนกั เรยี นรว่ มกันอภปิ รายโดยอาจใชค้ าถาม ดงั นี้

๙.๑ ค่าน้าหนักที่อ่านได้เมื่อแขวนขวดที่มีปริมาณทรายน้อยกับขวดที่มีปริมาณทรายมากแตกต่างกัน

หรือไม่ อย่างไร (แตกต่างกัน ขวดที่มีปริมาณทรายมากหรือมีมวลมากจะอ่านค่าน้าหนักได้มากกว่า

ขวดทมี่ ีปรมิ าณทรายน้อยหรือมมี วลน้อย)

๙.๒ มวลและนา้ หนกั ของวัตถุเกีย่ วข้องกันอย่างไร (วตั ถทุ ่มี ีมวลมากจะมนี า้ หนักมาก วตั ถทุ ม่ี ีมวลนอ้ ยจะ
มนี า้ หนกั น้อย)

๑๐. ครูประเมินความเข้าใจของนักเรียนเกี่ยวกับมวลและน้าหนักโดยอาจใช้คาถามว่า ถ้าต้องการชั่งน้าหนัก
ของตัวเราให้ได้น้อยลง จะทาอย่างไรได้บ้างเพราะเหตุใด (ลดมวลหรือปริมาณเนื้อรวมทั้งร่างกายลง
เพราะมวลน้อยลง น้าหนักจะน้อยลง หรือชั่งมวลที่บริเวณยอดเขาสูงที่ห่างจากจุดศูนย์กลางโลกมาก
เพราะแรงโนม้ ถว่ งของโลกจะลดลงเมื่ออย่หู า่ งจากศูนยก์ ลางโลกมากขึ้น ทาใหช้ ่งั น้าหนักได้นอ้ ยลง)

9/10/18 9:05 AM

6102153L01c.indd 247 ๒๑๓

ชุดการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๔ (ฉบบั ปรบั ปรุง) ๒๔๗ แผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ี่ ๑.๓ ควำมสมั พนั ธ์ของมวล กำรเปลยี่ นแปลงกำรเคลือ่ นทข่ี องวัตถุและน้ำหนักของวตั ถุ

หนว่ ยกำรเรียนรู้ที่ ๓ แรง หน่วยย่อยท่ี ๑ แรง เวลำ ๔ ชั่วโมง

กลุ่มสำระกำรเรียนรวู้ ิทยำศำสตร์ รำยวิชำวิทยำศำสตร์ ชัน้ ประถมศึกษำปที ่ี ๔
๑๑. ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับขวดปิดท๔ึบ ๒ ใบ ที่ครูแสดงให้ดูในชั่วโมงที่ผ่านมา จะรู้ได้

อย่างไรว่าขวดทั้งสองใบมีมวลเท่ากันหรือไม่ เพราะเหตุใด (นักเรียนอาจตอบโดยวิธีการนามาแขวน

หรอื ออกแรงผลักขวดแตล่ ะใบ ถา้ ออกแรงกบั ขวดใบใดมากกวา่ กนั ขวดใบนั้นจะมีมวลมากกวา่ เพราะ

มวลมากจะต้านการเปลย่ี นแปลงได้มาก)

๑๒. นักเรยี นตอบคาถามหลงั จากทากิจกรรมหน้า ๑๐๓

ขน้ั สรุป (๒๐ นำท)ี

๑๓. ครูและนักเรยี นรว่ มกนั สรุปผลการทากิจกรรมไดว้ ่า มวลมีความสมั พนั ธก์ บั น้าหนักของวตั ถุ โดยวัตถุทีม่ ี

มวลมากจะมีนา้ หนักมาก

๑๔. ครูให้นักเรียนทาใบงาน ๐๒ แบบฝึกหัด เรื่องมวลน้าหนักและการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่

หนา้ ๑๐๔-๑๐๕

9/10/18 9:05 AM

๒๑๔

แบบประเมินดำ้ นคณุ ธรรม
แผนกำรจดั กำรเรียนรูท้ ่ี ๑.๓ ควำมสัมพนั ธ์ของมวล กำรเปลีย่ นแปลงกำรเคลอื่ นท่ขี องวตั ถุ

และนำ้ หนักของวตั ถุ

ชื่อผปู้ ระเมนิ /กลุ่มประเมนิ ………………………………………………………………………………………………………………
ชื่อกลุ่มรับกำรประเมิน…………………………………………………………………………………………………………………….
ประเมินผลคร้งั ท…ี่ ……………….... วนั ……………..……... เดอื น ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………...........
เรื่อง……………………………………………………………………………………………………………………………………………….

ท่ี ลกั ษณะ/พฤตกิ รรมบง่ ช้ี ระดบั พฤตกิ รรม คะแนนทไี่ ด้
เกดิ = ๑ ไมเ่ กดิ = ๐

๑. มีความสามัคคี ชว่ ยเหลือในการทางานกลมุ่ ร่วมกนั

๒. มีวินัย

๓. มคี วามมุง่ มัน่ ในการทางาน

รวมคะแนนทไ่ี ด้ทั้งหมด = …………… คะแนน

คณุ ลกั ษณะตามจุดประสงคด์ ้านคุณธรรม
- มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
- ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
- ต่ากวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน

๒๔๘ ชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (สาำ หรับครผู ูส้ อน) กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นที่ ๑ ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ (ฉบบั ปรับปรุง)

6102153L01c.indd 248 9/10/18 9:05 AM

๒๑๕

แบบประเมินดำ้ นทกั ษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตรใ์ นกำรทำกจิ กรรม
แผนกำรจดั กำรเรยี นรูท้ ี่ ๑.๓ ควำมสัมพนั ธ์ของมวล กำรเปล่ียนแปลงกำรเคลื่อนทข่ี องวัตถุ

และน้ำหนกั ของวัตถุ

เกณฑ์กำรประเมินมดี ังนี้

๓ หมายถึง ดี ๒ หมายถึง พอใช้ ๑ หมายถงึ ควรปรบั ปรงุ
คะแนน
สิ่งทปี่ ระเมิน
รวมคะแนน
การสังเกต

การวดั

การลงความเหน็ จากข้อมูล

การตีความหมายข้อมูลและลงขอ้ สรปุ

เกณฑ์กำรประเมิน

ทกั ษะ ดี (๓) ระดบั ควำมสำมำรถ ควรปรบั ปรงุ (๑)
พอใช้ (๒)
กระบวนกำรทำง
วทิ ยำศำสตร์

การสงั เกต ใช้ประสาทสัมผัสในการ ใช้ประสาทสัมผัสในการ ไม่สามารถใช้ประสาทสัมผัส

รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับแรงที่ รวบรวมข้อมูลเก่ียวกับแรงที่ ในการรวบรวมขอ้ มลู เกยี่ วกบั

ใช้ในการแตะให้วัตถุที่มีมวล ใช้ในการแตะให้วัตถุท่ีมีมวล แรงท่ีใช้ในการแตะให้วัตถุที่มี
ต่างกันให้เร่ิมเคล่ือนที่และ ต่างกันให้เริ่มเคล่ือนท่ีและ มวลต่างกันให้เริ่มเคล่ือนท่ี

การทา� ใหว้ ตั ถทุ มี่ มี วลตา่ งกนั การท�าให้วัตถุท่ีมีมวลต่างกัน และการท�าให้วัตถุท่ีมีมวล

หยดุ การเคลอ่ื นทไ่ี ดด้ ว้ ยตนเอง หยดุ การเคล่อื นทไ่ี ด้ โดยการ ต่างกัน หยดุ การเคล่ือนที่

โดยไมเ่ พม่ิ ความคดิ เห็น ชแี้ นะของครหู รอื ผู้อ่นื ถึงแม้จะได้รับค�าแนะน�าจาก

ครหู รือผูอ้ ่นื

การวัด ใช้เครื่องชั่งสปริงและระบุ ใชเ้ ครอ่ื งชงั่ สปรงิ และระบหุ นว่ ย ไม่สำมำรถเคร่ืองช่ังสปริงได้

หนว่ ยของแรงไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง ของแรงไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง โดย ถูกต้อง และไม่สามารถระบุ
ด้วยตนเอง การช้แี นะของครหู รือผูอ้ ่นื หน่วยของแรงได้ ถึงแม้จะ

ได้รับคาแนะนาจากครูหรือ

ผู้อ่ืน

ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (สำาหรับครผู ้สู อน) กลุม่ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรยี นที่ ๑ ชั้นประถมศึกษาปที ี่ ๔ (ฉบบั ปรบั ปรุง) ๒๔๙

6102153L01c.indd 249 9/10/18 9:06 AM

๒๑๖

ทกั ษะ ระดับควำมสำมำรถ

กระบวนกำรทำง ดี (๓) พอใช้ (๒) ควรปรบั ปรุง (๑)
วทิ ยำศำสตร์

การลงความเห็น เพม่ิ เตมิ ความคิดเหน็ เกยี่ วกับ เพ่ิมเติมความคิดเห็นเกี่ยวกับ ไม่สำมำรถเพิ่มเติมความ

จากข้อมลู ข้อมูลได้ว่ามีขวดที่มีทราย ข้อมูลได้ว่ามีขวดท่ีมีทราย คิดเห็นเกี่ยวกับข้อมูลได้ว่ามี

ปรมิ าณตา่ งกัน มมี วลตา่ งกัน ปริมาณต่างกัน มีมวลต่างกัน ขวดท่ีมีทรายปริมาณต่างกัน

ได้อย่างมีเหตุผล จากความรู้ ได้อย่างมีเหตุผล จากความรู้ มมี วลตา่ งกนั ไดอ้ ยา่ งมเี หตุผล

หรือประสบการณ์เดิมได้ หรือประสบการณ์เดิม โดย ถึงแม้จะได้รับคำแนะนำจาก

ด้วยตนเอง การชแ้ี นะของครูหรือผ้อู ืน่ ครูหรอื ผู้อน่ื

การตีความหมาย สามารถตีความหมายข้อมูล ตีความหมายข้อมูลจากการทำ ไม่สำมำรถ ตีความหมาย
ขอ้ มูลและลง
ข้อสรุป จากการทำกจิ กรรมไดว้ ่าขวดท่ี กจิ กรรมได้วำ่ ขวดท่มี ีมวลมำก ขอ้ มลู จากการทำกจิ กรรมได้ว่า

มีมวลมากจะต้องใช้แรง จะต้องใช้แรงกระทาต่อขวด ขวดที่มีมวลมากจะต้องใช้แรง

ก ร ะ ท า ต่ อ ข ว ด ม า ก ก ว่ า มากกว่า เพ่ือให้ขวดเคล่ือนที่ กระทาตอ่ ขวดมากกว่า เพ่ือให้

เพอื่ ใหข้ วดเคลื่อนที่หรือหยุด หรือหยุดการเคล่ือนที่ และลง ขวดเคลื่อนที่หรือหยุดการ

การเคล่ือนท่ี และลงข้อสรุป ข้อสรุปวัตถุที่มีมวลมาก จะ เคล่ือนที่ และลงข้อสรุปวัตถทุ ่ี

วัตถุที่มีมวลมาก จะต้านการ ต้านการเปลี่ยนแปลงการ มี ม ว ล ม า ก จ ะ ต้ า น ก า ร

เปลี่ยนแปลงการเคลื่อนท่ีได้ เคลือ่ นที่ไดย้ าก โดยกำรชี้แนะ เปล่ียนแปลงการเคลื่อนท่ีได้

ยากได้ดว้ ยตนเอง จำกครูและผู้อ่นื ยาก ถึงแม้จะได้รับคาแนะนา

จากครหู รอื ผ้อู น่ื

๒๕๐ ชุดการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครูผู้สอน) กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรุง)

6102153L01c.indd 250 9/10/18 9:06 AM

เฉลยใบงาน

6102153L01c.indd 251 9/10/18 9:06 AM

6102153L01c.indd 252 9/10/18 9:06 AM

ช่อื -สกุล เดอื น ชน้ั เลขที่ บ. ๓.๑ / ผ. ๑.๓-๐๑
วนั ที ่ พ.ศ.

ใบงาน ๐๑ : มวล การเปลี่ยนแปลงการเคลอ่ื นที่ของวตั ถุและนา้� หนัก

บนั ทกึ ผลการท�ากิจกรรม
๑. ผลการสงั เกตแรงท่ใี ชเ้ ม่อื ใช้มอื แตะเบา ๆ ที่ข้างขวด
ขีด ลงบนค�าตอบที่เลอื ก

แรงทใ่ี ชเ้ พ่ือทา� ใหข้ วดท่มี ีปริมาณทรายเต็มขวดเรม่ิ เคลอื่ นท่ี
จะ น้อยกว่า มากกวา่ ขวดทมี่ ีทราย ๑/๕ ของขวด

๒. การคาดคะเนและผลการสังเกตแรงที่ใชท้ า� ใหข้ วดทเี่ คลอ่ื นท่ีหยดุ น่งิ
ตาราง ๑ การเปรียบเทยี บแรงทีใ่ ชท้ า� ใหข้ วดแตล่ ะใบหยดุ นิ่ง

ขีด ลงบนค�าตอบทีเ่ ลอื ก

แรงท่ใี ช้ทา� ให้ขวด ข้นึ อยูก่ กบั ากราคราพดยคาะกเรนณ์ของนักเรียน ผลการสังเกต
ท่มี ปี รมิ าณทราย นอ้ ยกว่า มากกว่า นอ้ ยกว่า มากกวา่
เตม็ ขวดหยดุ นิ่ง
ขวดทม่ี ีทราย ๑/๕ ของขวด ขวดท่มี ที ราย ๑/๕ ของขวด

๓. ผลการชง่ั น�า้ หนกั ของขวดแต่ละใบดว้ ยเคร่ืองช่งั สปรงิ
ตาราง ๒ ปรมิ าณทรายและน้�าหนักท่ีอ่านได้

ปริมาณทราย น�้าหนักทอี่ า่ นได ้ (นิวตนั )
๑/๕ ของขวด ขนึ้ อยกู่ บั การวดั ของนักเรยี น
ขึ้นอยูก่ บั การวัดของนกั เรยี น
เต็มขวด

ชุดการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๔ (ฉบับปรับปรงุ ) ๒๕๓

6102153L01c.indd 253 9/10/18 9:06 AM

ชือ่ -สกุล เดือน ช้นั เลขที่ บ. ๓.๑ / ผ. ๑.๓-๐๑
วันท่ี พ.ศ.

คา� ถามหลงั จากทา� กจิ กรรม

๑. ขวดใส่ทรายทงั้ สองมมี วลแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร

ขวดใสท่ รายท้ังสองมมี วลแตกตา่ งกัน ขวดทม่ี ีทรายน้อย จะมมี วลนอ้ ย
ขวดทมี่ ีทรายมากจะมีมวลมาก

๒. เมือ่ แตะขา้ งขวดทัง้ สองใบใหเ้ รมิ่ เคลื่อนท ี่ ขวดใดเคล่ือนท่ีไดย้ ากกวา่ กนั รู้ไดอ้ ยา่ งไร

ขวดที่มีทรายเตม็ ขวดเคลื่อนทไ่ี ด้ยากกวา่ ร้ไู ด้จากตอ้ งออกแรงในการแตะขา้ งขวด
มากกว่า

๓. เมอ่ื ปล่อยให้ขวดทง้ั สองใบเคล่ือนที่มาปะทะมอื ขวดใดหยดุ ยากกว่ากัน รไู้ ด้อยา่ งไร

ขวดที่มที รายเตม็ ขวด หยดุ ได้ยากกวา่ รูไ้ ด้จากตอ้ งออกแรงมากกวา่ เพือ่ ต้านขวด
ใหห้ ยุด

๔. มวลและการเปลี่ยนแปลงการเคลือ่ นท่ีสัมพนั ธ์กันอยา่ งไร
การทา� ให้ขวดทมี่ ีทรายเต็มขวดหรือมมี วลมากเปลีย่ นแปลงการเคลอ่ื นท่ีจากอยนู่ ง่ิ
ให้เร่ิมเคลือ่ นท่ี หรอื ท�าใหข้ วดที่เคลื่อนทีม่ าแล้วหยดุ นิง่ ได้ จะตอ้ งใชแ้ รงมากกว่า
ขวดท่ีมีทรายน้อยหรอื มมี วลนอ้ ย

๕. ขวดทง้ั สองใบมีนา้� หนักต่างกนั หรือไม ่ อยา่ งไร
ตา่ งกนั ขวดท่มี ที รายมาก หรือมีมวลมาก จะมีน�า้ หนกั มากกว่าขวดทีม่ ที รายนอ้ ย

หรอื มีมวลน้อย

๒๕๔ ชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (สาำ หรับครผู สู้ อน) กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นที่ ๑ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๔ (ฉบับปรบั ปรุง)

6102153L01c.indd 254 9/10/18 9:06 AM

ชอ่ื -สกุล เดอื น ช้ัน เลขท่ี บ. ๓.๑ / ผ. ๑.๓-๐๑
วนั ท ่ี พ.ศ.

๖. มวลและน้า� หนกั สัมพนั ธ์กันอยา่ งไร

มวลมคี วามสัมพนั ธ์กบั น�้าหนกั ของวตั ถุ โดยวัตถุท่ีมีมวลมากจะมนี �า้ หนักมาก

๗. จากกิจกรรมน้ ี สรุปไดว้ ่าอยา่ งไร

มวลมคี วามสัมพนั ธก์ บั การเปล่ยี นแปลงการเคลอ่ื นท่ีของวัตถุ และมวลมี
ความสัมพันธ์กบั น�า้ หนักของวตั ถุ

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (สำาหรบั ครูผูส้ อน) กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๔ (ฉบับปรบั ปรุง) ๒๕๕

6102153L01c.indd 255 9/10/18 9:06 AM

ชอื่ -สกุล เดอื น ช้นั เลขที่ บ. ๓.๑ / ผ. ๑.๓-๐๒
วนั ท่ ี พ.ศ.

ใบงาน ๐๒ : แบบฝกึ หัด เร่อื งมวล การเปล่ียนแปลงการเคล่อื นที่
ของวัตถุและน้า� หนัก

๑. รถบรรทุกและรถจักรยานยนต์วงิ่ มาด้วยความเร็วเทา่ กัน เมอ่ื ต้องหยุดจอดทีส่ ญั ญาณไฟ
จราจรโดยเบรคดว้ ยแรงเทา่ ๆ กนั รถคันไหนจะหยุดได้ยากกวา่ กัน เพราะเหตุใด

รถบรรทกุ จะหยดุ ไดย้ ากกว่า เพราะรถบรรทกุ มีมวลมากกว่า จงึ เปลย่ี นแปลง
การเคลอ่ื นท่ไี ดย้ ากกว่า

๒๕๖ ชุดการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (สาำ หรบั ครูผสู้ อน) กลมุ่ สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ )

6102153L01c.indd 256 9/10/18 9:06 AM

ชื่อ-สกลุ เดอื น ชน้ั เลขท่ี บ. ๓.๑ / ผ. ๑.๓-๐๒
วันท่ี พ.ศ.

๒. นัทต้องการโยนลกู บอล ๓ ลูก ไปให้เพอื่ น ดงั รูป แรงท่ใี ช้ในการโยนลกู บอลแตล่ ะลูก
แตกตา่ งกันหรือไม ่ อย่างไร

แรงทใ่ี ชโ้ ยนลกู บอลแตล่ ะลกู แตกตา่ งกนั โดยตอ้ งออกแรงมากทส่ี ดุ เพอื่ โยนลกู บอล C
ซงึ่ มีมวลมากที่สุด และออกแรงโยนน้อยลง คือลูกบอล A และ B ซ่ึงมมี วลนอ้ ยลงมา
ตามล�าดับ

ลกู บอล A
๑ กิโลกรมั

ลูกบอล B
๐.๕ กิโลกรมั

ลูกบอล C
๒ กิโลกรมั

ชุดการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครูผู้สอน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ (ฉบับปรบั ปรุง) ๒๕๗

6102153L01c.indd 257 9/10/18 9:06 AM

6102153L01c.indd 258 9/10/18 9:06 AM

หน่วยการเรียนร้ทู ่ี ๔
แสง

6102153L01c.indd 259 9/10/18 9:06 AM

6102153L01c.indd 260 9/10/18 9:06 AM

๒๒๓

มำตรฐำนกำรเรยี นรู้และตวั ชวี้ ดั ของหน่วยกำรเรยี นรู้ที่ ๔
แสง (จำนวน ๔ ชว่ั โมง)

มำตรฐำนกำรเรยี นรู้และตัวชีว้ ัด

มำตรฐำน ว ๒.๓
เข้ำใจควำมหมำยของพลังงำน กำรเปลี่ยนแปลงและกำรถ่ำยโอนพลังงำนิ ปฏิสั ัมพ์ ันธ์ระ่ หว่ำงสสำร

และพลังงาน พลังงานในชีวิตประจาวัน ธรรมชาติของคล่ืน ปรากฏการณ์ที่เก่ียวข้องกับเสียง แสง และ
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า รวมทั้งนาความรไู้ ปใช้ประโยชน์

ตวั ชว้ี ดั
ว ๒.๓ ป.๔/๑ จาแนกวัตถุเป็นตัวกลางโปร่งใส ตัวกลางโปร่งแสง และวัตถุทบึ แสง โดยใชล้ ักษณะการ

มองเหน็ สิง่ ตา่ ง ๆ ผา่ นวตั ถนุ น้ั เป็นเกณฑ์จากหลักฐานเชิงประจกั ษ์

ชดุ การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครูผสู้ อน) กลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ (ฉบับปรับปรงุ ) ๒๖๑

6102153L01c.indd 261 9/10/18 9:06 AM

๒๒๔

ลำดบั กำรนำเสนอแนวคิดหลกั ของหนว่ ยกำรเรยี นรู้ท่ี ๔ แสง

เม่ือแสงเคลื่อนทีไ่ ปกระทบวัตถตุ ่าง ๆ แสงจะสามารถผ่านวัตถุแตล่ ะชนดิ ไดแ้ ตกต่างกัน

วัตถุท่แี สงผ่านไม่ได้ เรียกวา่ วัตถุทึบแสง วัตถุทแ่ี สงผ่านได้ เรียกวา่ ตวั กลางของแสง

การจาแนกตัวกลางของแสงตามเกณฑก์ ารมองเห็นแสง เม่ือมองผา่ นตัวกลางนั้น จาแนกได้ ๒ ประเภท คือ
ตัวกลางโปรง่ ใส และตัวกลางโปร่งแสง

เมื่อมองผ่านตวั กลางโปร่งใส จะมองเหน็ แสงชดั เจน แต่เมื่อมองผา่ นตัวกลางโปรง่ แสง
จะมองเหน็ แสงไม่ชัดเจน

๒๖๒ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลุ่มสาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๔ (ฉบับปรบั ปรงุ )

6102153L01c.indd 262 9/10/18 9:06 AM

๒๒๕

โครงสร้ำงแผนกำรจดั กำรเรียนรู้ของหนว่ ยกำรเรยี นรูท้ ่ี ๔ แสง

แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี ๑
(การมองเห็นแสงเมื่อมอง

ผา่ นวัตถตุ า่ ง ๆ)
(๔ ชัว่ โมง)

หนว่ ยย่อยที่ ๑
(แสงและการมองเหน็ )

หน่วยกำรเรยี นรูท้ ่ี ๔
แสง

(๔ ชวั่ โมง)

ชุดการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (สำาหรบั ครูผูส้ อน) กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ (ฉบับปรบั ปรงุ ) ๒๖๓

6102153L01c.indd 263 9/10/18 9:07 AM

6102153L01c.indd 264 9/10/18 9:07 AM

หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๑
แสงและการมองเหน็

6102153L01c.indd 265 9/10/18 9:07 AM

6102153L01c.indd 266 9/10/18 9:07 AM

๒๒๖

หนว่ ยกำรเรยี นรูท้ ี่ ๔ หน่วยย่อยท่ี ๑ แสงและกำรมองเห็น
จำนวนเวลำเรียน ๔ ชวั่ โมง ช่ือหนว่ ย แสง

จำนวนแผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ ๑ แผน

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

สำระสำคัญของหนว่ ย
เมอ่ื มองสง่ิ ต่าง ๆ โดยมีวตั ถตุ ่างชนดิ กันมากั้น จะทาใหก้ ารมองเหน็ สง่ิ นนั้ ๆ ชัดเจนตา่ งกัน จงึ จาแนก

วัตถุท่ีมาก้ันออกเป็นตัวกลางโปร่งใสซึ่งทาให้มองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ชัดเจน ตัวกลางโปร่งแสงทาให้มองเห็น
สง่ิ ต่าง ๆ ได้ไม่ชัดเจน และวตั ถุทบึ แสงทาใหม้ องไมเ่ ห็นสิ่งตา่ ง ๆ นน้ั

มำตรฐำนและตัวชี้วัด
มำตรฐำน ว ๒.๓

เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสสาร

และพลังงาน พลังงานในชีวิตประจาวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ท่ีเกี่ยวข้องกับเสียง แสง และ

คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า รวมท้งั นาความรู้ไปใช้ประโยชน์

ตัวช้วี ัด
ว ๒.๓ ป.๔/๑ จาแนกวัตถุเป็นตัวกลางโปร่งใส ตัวกลางโปร่งแสง และวัตถุทึบแสง โดยใช้ลักษณะ

การมองเห็นสง่ิ ตา่ ง ๆ ผ่านวัตถุนน้ั เป็นเกณฑ์จากหลักฐานเชิงประจักษ์

ชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (สำาหรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ ๔ (ฉบับปรับปรุง) ๒๖๗

6102153L01c.indd 267 9/10/18 9:07 AM

๒๒๗
ลำดบั กำรเสนอแนวคิดหลกั ของหนว่ ยย่อยที่ ๑ แสงและกำรมองเหน็
เม่ือแสงเคลอื่ นท่ีไปกระทบวตั ถุต่าง ๆ แสงจะสามารถผ่านวัตถุแตล่ ะชนดิ ได้แตกตา่ งกัน
วตั ถุที่แสงผ่านไม่ได้ เรยี กว่า วตั ถุทึบแสง วตั ถทุ ่ีแสงผา่ นได้ เรียกวา่ ตัวกลางของแสง

การจาแนกตวั กลางของแสงตามเกณฑ์การมองเห็นแสง เมื่อมองผ่านตัวกลางนน้ั จาแนกได้ ๒ ประเภท คือ
ตัวกลางโปร่งใส และตัวกลางโปร่งแสง

เม่อื มองผ่านตัวกลางโปร่งใส จะมองเหน็ แสงชัดเจน แต่เม่ือมองผ่านตัวกลางโปรง่ แสง จะมองเห็นแสง
ไม่ชัดเจน

โครงสรำ้ งของหนว่ ยยอ่ ยที่ ๑ แสงและกำรมองเห็น

หน่วยกำรเรยี นรู้ ชอื่ หน่วยย่อย จำนวน ชื่อแผนกำรจัดกำรเรียนรู้ จำนวนชวั่ โมง
(ชว่ั โมง)

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๔ หน่วยย่อยที่ ๑ แสงและ ๔ ๑. กำรมองเห็นแสงเม่อื มอง ๔
แสง การมองเหน็ ผำ่ นวตั ถุต่ำง ๆ

๒๖๘ ชุดการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรับครผู สู้ อน) กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ )

6102153L01c.indd 268 9/10/18 9:07 AM

๒๒๘

คำช้แี จงประกอบแผนจัดกำรเรียนรู้ หน่วยกำรเรยี นรู้ที่ ๔

แผนกำรจัดกำรเรยี นรทู้ ่ี ๑ กำรมองเห็นแสงเม่ือมองผ่ำนวตั ถตุ ำ่ ง ๆ เวลำ ๔ ชั่วโมง

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

๑. สำระสำคญั ของแผน
เม่อื แสงเคลอื่ นทไ่ี ปกระทบวัตถุตา่ ง ๆ แสงจะสามารถผา่ นวัตถุแต่ละชนดิ ไดแ้ ตกต่างกนั

๒. ข้อเสนอแนะเพ่ิมเติมในกำรนำไปใช้ (ใหร้ ะบสุ ่ิงท่ตี ้องกำรเนน้ หรอื ข้อสังเกต ขอ้ เสนอแนะ

คำแนะนำ) ในเรอ่ื งต่อไปนี้ คือ
๒.๑ ขอบข่ำยเนื้อหำ

เมื่อแสงเคลื่อนที่ไปกระทบวตถั ุต่าง ๆ แสงจะสามารถผ่านวตถั ุแต่ละชนิดได้แตกต่างกัน
วัตถทุ แี่ สงผา่ นไมไ่ ด้ เรียกว่า วตั ถุทบึ แสง ส่วนวัตถทุ ่แี สงผ่านได้ เรยี กวา่ ตวั กลางของแสง

การจาแนกตัวกลางของแสงตามเกณฑ์การมองเห็นแสง เมื่อมองผ่านตัวกลางนั้นจาแนกได้
๒ ประเภท คอื ตวั กลางโปรง่ ใส และตวั กลางโปรง่ แสง เมอ่ื มองผา่ นตวั กลางโปรง่ แสงจะมองเหน็ แสง
ไม่ชัดเจน แต่เมื่อมองผ่านตวั กลางโปร่งใสจะมองเหน็ แสงชดั เจน

๒.๒ จุดประสงคก์ ำรเรยี นรู้ (ควำมรู้ ทักษะ คณุ ธรรม จริยธรรม ค่ำนยิ ม) (ถำ้ มี)
จุดประสงคด์ ำ้ นควำมรู้
๑. อธิบายความแตกตา่ งระหวา่ งตวั กลางของแสงและวตั ถุทึบแสง

๒. สงั เกตและจาแนกวตั ถทุ น่ี ามาใชก้ น้ั แสงตามลักษณะการมองเหน็ แสง เมอ่ื มองผา่ นวตั ถนุ น้ั ๆ

จดุ ประสงค์ดำ้ นทกั ษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์
๑. การสงั เกต
๒. การจาแนกประเภท

๓. การตคี วามหมายข้อมูลและลงข้อสรุป
จดุ ประสงคด์ ้ำนคุณธรรม
๑. มคี วามสามคั คี ชว่ ยเหลือในการทางานกลุ่มรว่ มกนั

๒. มีความมุ่งม่ันในการทางาน

ชุดการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรับครผู สู้ อน) กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรุง) ๒๖๙

6102153L01c.indd 269 9/10/18 9:07 AM

๒๒๙

๒.๓ กำรจัดกจิ กรรมกำรเรียนรู้

๑) กำรเตรียมตัวของครู นักเรยี น (กำรจดั กลุ่ม) (ถ้ำมี)

การจัดกลุม่ โดยแบ่งนักเรียนออกเป็นกลมุ่ ละ ๔ คน

๒) กำรเตรยี มสื่อ วัสดุอุปกรณ์ ของครู นกั เรยี น (ถ้ำม)ี

สงิ่ ทคี่ รตู อ้ งเตรียม คือ

๑. แผ่นไม้ ๑ แผ่น / กลมุ่

๒. กระจกใส ๑ แผน่ / กลมุ่

๓. กระจกเงา ๑ แผ่น / กล่มุ

๔. กระดาษแข็งสี ๑ แผ่น / กลุ่ม

๕. กระดาษไข ๑ แผน่ / กลมุ่

๖. แผ่นพลาสติกใส ๑ แผน / กล่มุ

๗. กระบอกฉีดน้า ๑ ใบ / หอ้ ง

๘. กรรไกร ๑ เลม่ / กลุม่

สิง่ ท่นี ักเรยี นต้องเตรียม คอื

๙. ไฟฉายกระบอกเลก็ ๑ กระบอก / กลุม่

๑๐. แวน่ กนั แดด ๑ อัน / กลุ่ม

๑๑. ถงุ พลาสติกมีหหู ้ิว (แบบข่นุ ) ๑ ใบ / กลมุ่

๑๒. วตั ถุอ่ืน ๆ (ตามความสนใจ)

๓) เตรยี มใบงำน ใบควำมรู้ ใบกิจกรรม (ถำ้ มี)

๓.๑ ใบงาน ๐๑ การมองเหน็ แสงเมอ่ื มองผ่านวัตถตุ ่าง ๆ

๓.๒ ใบความร้เู ร่ืองการมองเหน็ สิ่งต่าง ๆ ผ่านวตั ถทุ ีน่ ามากั้น

๓.๓ ใบงาน ๐๒ แบบฝกึ หดั เร่ืองการมองเห็นแสงเมื่อมองผ่านวตั ถตุ า่ ง ๆ

๒.๔ วดั ผลประเมินผล (ถำ้ มี)

๑) วิธกี ำรวัดผลประเมินผลกำรเรยี นรู้

๑.๑ สงั เกตการตอบคาถามในช้นั เรยี น

๑.๒ การตอบคาถามในแบบฝึกหดั

๑.๓ สังเกตทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรใ์ นการทากิจกรรม

๑.๔ สังเกตด้านคุณธรรมขณะทากิจกรรม

๒๗๐ ชดุ การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ (สาำ หรบั ครูผ้สู อน) กลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี ๔ (ฉบับปรบั ปรุง)

6102153L01c.indd 270 9/10/18 9:07 AM

๒๓๐

๒) วธิ กี ำร เคร่อื งมือ เกณฑ์
๒.๑ เคร่อื งมือและเกณฑใ์ นกำรประเมนิ ด้ำนควำมรู้
ตรวจใหค้ ะแนนจากการตอบคาถามในใบงาน แล้วใช้เกณฑ์ในการให้คะแนนดงั น้ี
- มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
- ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
- ตา่ กว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน
๒.๒ เครือ่ งมอื และเกณฑ์ในกำรประเมนิ ทักษะกระบวนกำรทำงวทิ ยำศำสตร์
สงั เกตทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้แบบประเมนิ ทักษะกระบวนการ
ทางวิทยาศาสตร์ (ดังแนบ) แลว้ นาคะแนนมารวมกัน แล้วใชเ้ กณฑใ์ นการให้คะแนนดังน้ี
- มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
- ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
- ต่ากว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน

๒.๓ เครอื่ งมือและเกณฑ์ในกำรประเมินดำ้ นคณุ ธรรม
สังเกตคณุ ลักษณะดา้ นคณุ ธรรมโดยใชแ้ บบประเมนิ ดา้ นคุณธรรม (ดงั แนบ)

แลว้ นาคะแนนมารวมกนั แล้วใช้เกณฑใ์ นการใหค้ ะแนนดังน้ี
- มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
- ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
- ต่ากว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน

๓) กำรทดสอบกอ่ นเรยี น หลังเรียน แบบฝกึ หัด กอ่ นเรยี น หลงั เรียน
ทาแบบฝึกหดั ในใบงานหลงั เรียน

๓. อนื่ ๆ
.....................................................................................................................................................................
........................................................................................................ .............................................................

ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครูผู้สอน) กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ภาคเรยี นที่ ๑ ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ (ฉบบั ปรบั ปรุง) ๒๗๑

6102153L01c.indd 271 9/10/18 9:08 AM

6102153L01c.indd 272 ๒๗๒ ชุดการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรุง) หน่วยกำรเรยี นรูท้ ี่ ๔ แสง แนวกำรจดั กิจกรรมการเรยี นรขู้ องแผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ่ี ๑ ๒๓๑
หน่วยย่อยท่ี ๑ เรื่อง แสงและกำรมองเหน็ เรื่อง กำรมองเห็นแสงเม่ือมองผำ่ นวัตถุต่ำง ๆ
รำยวชิ ำวิทยำศำสตร์ เวลำ ๔ ชั่วโมง
ช้ันประถมศึกษำปีท่ี ๔

ขนั้ นำ แนวกำรจัดกจิ กรรมกำรเรียนรู้
ขัน้ สอน
ขั้นสรปุ  ตอบคาถามเพื่อตรวจสอบความรู้เดิม

กำรวัดและประเมนิ ผล  ร่วมกันทาใบกิจกรรมที่ ๑ เรื่อง การมองเห็นแสงเมื่อมองผ่านวตั ถุตา่ ง ๆ เป็นอย่างไร
 อภปิ รายผลการสังเกตและการจาแนกวตั ถุตามการมองเห็นแสงเมื่อมีวตั ถุมาก้นั นาเสนอผล
 รว่ มกนั สรปุ เกี่ยวกับการมองเหน็ แสง เม่อื มองผา่ นวตั ถตุ ่าง ๆ
 ทาใบงาน ๐๒ แบบฝึกหัด เรื่องการมองเห็นแสงเมื่อมองผ่านวตั ถตุ ่าง ๆ
 ประเมินจากการตอบคาถาม
 ประเมินจากการทากจิ กรรมในช้ันเรยี น
 ประเมินจากการทาแบบฝกึ หัด

9/10/18 9:08 AM

6102153L01c.indd 273 ๒๓๒

ชุดการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๔ (ฉบบั ปรบั ปรุง) ๒๗๓ หน่วยกำรเรยี นรทู้ ่ี ๓ แสง แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี ๑่ี การมองเห็นแสงเมื่อมองผา่ นวัตถุตา่ ง ๆ เวลำ ๔ ชวั่ โมง
กลุ่มสำระกำรเรียนรวู้ ทิ ยำศำสตร์ หน่วยย่อยรทำย่ี่ี ว๑ชิ แำวสิทงแยลำศะกำสารตมรอ์ งเห็น ชนั้ ประถมศึกษำปีที่ ๔

ขอบเขตเนอ้ื หำ กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ (๓ ช่ัวโมง) สอ่ื / แหล่งเรียนรู้
เมื่อแสงเคลื่อนท่ีไปกระทบวัตถุ ช่วั โมงที่ ๑-๒ ๑. กระบอกฉีดนา้
ขั้นนำ (๕ นำท)ี ๒. ไฟฉายกระบอกเลก็
ต่าง ๆ แสงจะสามารถผ่านวัตถุแต่ละ ๑. ครูให้นักเรียนมองผ่านกระจกใสหรือแผ่นพลาสติกใสไปยังวัตถุ หรือทิวทัศน์นอกห้องเรียน ๓. กรรไกร
ชนิดได้แตกต่างกัน วัตถุที่แสงผ่านไม่ได้ ๔. แผ่นไม้
เรยี กวา่ วตั ถุทบึ แสง และวตั ถทุ แ่ี สงผ่าน พร้อมสังเกตว่าเห็นสิ่งที่มองได้ชัดเจนหรือไม่ จากนั้นใช้กระบอกฉีดน้าฉีดเป็นละอองที่ผิว ๕. ถุงพลาสติกมหี ูหิ้ว
ได้ เรียกวา่ ตวั กลางของแสง กระจกใสหรือแผ่นพลาสติกใสด้านหนึ่ง และให้นักเรียนมองผ่านกระจกใสหรือ ๖. กระดาษแข็งสี
แผ่นพลาสติกใสอีกคร้งั หนง่ึ ๗. กระดาษไข
การจาแนกตัวกลางของแสงตาม ๘. กระจกใส
เกณฑ์การมองเห็นแสง เมื่อมองผ่าน ๒. ครชู วนนักเรยี นอภิปราย โดยใช้คาถามดังตอ่ ไปน้ี ๙. กระจกเงา
ตัวกลางนั้นจาแนกได้ ๒ ประเภท คือ ๒.๑ เม่ือมองผา่ นกระจกใสหรือแผ่นพลาสติกใส ผลเป็นอย่างไร ๑๐. แวน่ กันแดด
ตัวกลางโปร่งใส และตัวกลางโปร่งแสง ๑๑. วตั ถอุ ่นื ๆ (ตามความสนใจ)
เม่อื มองผ่านตัวกลางโปรง่ แสงจะมองเหน็ ๒.๒ แสงเดนิ ทางผา่ นกระจกใสหรอื แผน่ พลาสตกิ ใสหรือไม่ อยา่ งไร ๑๒. แผ่นพลาสตกิ ใส

แสงไมช่ ดั เจน แต่เมอ่ื มองผ่านตัวกลาง ๒.๓ เมื่อมองผ่านกระจกใสหรือแผ่นพลาสติกใสที่ฉีดน้าบนผิวด้านใดด้านหนึ่ง จะเห็น

โปรง่ ใส จะมองเห็นแสงชดั เจน แตกตา่ งจากครัง้ แรกหรือไม่ อยา่ งไร

นักเรียนตอบตามความเข้าใจ โดยครูยังไม่เฉลยคาตอบและชกั ชวนให้นักเรียนหาคาตอบ
จากการทากิจกรรม (แนวคาตอบที่ถูกต้องที่ครูควรทราบคือ เมื่อมองผ่านกระจกใสหรือ
แผ่นพลาสติกใสจะเห็นวัตถุชัดเจน เม่ือมองผ่านกระจกใสหรือแผ่นพลาสตกิ ใสที่ฉีดนา้ ที่ผิวด้านใด

ดา้ นหนงึ่ จะเหน็ วตั ถุไม่ชดั เจน)

9/10/18 9:08 AM

6102153L01c.indd 274 ๒๓๓

๒๗๔ ชุดการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรุง) หนว่ ยกำรเรยี นร้ทู ี่ ๓ แสง แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๑ การมองเห็นแสงเมอื่ มองผา่ นวัตถตุ ่าง ๆ เวลำ ๔ ชั่วโมง
กลุ่มสำระกำรเรียนร้วู ทิ ยำศำสตร์ ชัน้ ประถมศึกษำปีท่ี ๔
หนว่ ยย่อยท่ี ๑ แสงและการมองเหน็
รำยวิชำวิทยำศำสตร์

จุดประสงค์ดำ้ นควำมรู้ ขน้ั สอน (๑๐๐ นำที) ภำระงำน / ช้ินงำน
๑. การทากจิ กรรม
๑. อธิบายความแตกตา่ งระหว่างตวั กลาง ๓. ครแู บง่ นักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลมุ่ ละ ๓-๔ คน เพือ่ ทำ� กิจกรรมที่ ๑ กำรมองเหน็ แสงเมื่อมอง ๒. การบันทกึ ผลกิจกรรมใน
ของแสงและวตั ถทุ บึ แสง
ผำ่ นวตั ถตุ ำ่ ง ๆ เป็นอย่ำงไร โดยใหน้ ักเรยี นอำ่ นกิจกรรม จดุ ประสงค์ และวธิ ที �ำ หน้ำ ๑๐๙ ใบกจิ กรรม
๒. สงั เกตและจา� แนกวัตถุทน่ี า� มาใช้ ๓. การทาแบบฝกึ หัด
ก้ันแสงตามลกั ษณะการมองเห็นแสง จำกนั้นครตู รวจสอบความเข้าใจในการทำกิจกรรม โดยครอู ำจใช้คำ� ถำมดังต่อไปนี้ ๔. การนาเสนอ การจาแนกวัตถตุ ่าง ๆ
เมอื่ มองผ่านวัตถนุ ั้น ๆ
๓.๑ กิจกรรมนี้ทาเพื่ออะไร (เพื่อสังเกต และจาแนกวัตถุต่าง ๆ โดยใช้ความชัดเจนในการ ในชีวติ ประจาวัน ตามเกณฑ์การ
จดุ ประสงค์ด้ำนทกั ษะกระบวนกำรทำง มองเหน็ แสงของไฟฉายผา่ นวัตถตุ า่ ง ๆ ทีน่ ามากน้ั เป็นเกณฑ์) มองเห็นแสงเม่ือมีวัตถมุ ากัน้
วิทยำศำสตร์
๑. การสังเกต ๓.๒ สิ่งที่ต้องทาเป็นอันดับแรกคืออะไร (สังเกตลักษณะของวัตถุต่าง ๆ แล้วคาดคะเน วธิ ีกำรประเมิน
๒. การจาแนกประเภท ๑. การตอบคาถามในแบบฝึกหดั
๓. การตคี วามหมายข้อมลู และ ความชัดเจนในการมองเห็นแสงไฟฉาย เมื่อมองผ่านวัตถุต่าง ๆ ที่อยู่ในตาราง ๑ ของ ๒. สงั เกตทักษะกระบวนการทาง
ใบงาน ๐๑ แลว้ ทาเครือ่ งหมายตามที่คาดคะเนไว้)
ลงข้อสรปุ วิทยาศาสตรใ์ นการทากจิ กรรม
๓.๓ วัตถุอ่ืนท่ีนักเรียนสนใจมีอะไรบา้ ง (ให้แต่ละคนบันทกึ วัตถุอ่ืนที่สนใจลงในใบงานและให้ ๓. สงั เกตดา้ นคุณธรรมขณะทากิจกรรม
คาดคะเน)

๔. ครูให้เวลานักเรียนคาคคะเนและบันทึกในใบงาน ระหว่างนั้นครูเขียนตาราง ๑ บนกระดาน
จากนั้นครูสุ่มนักเรียนนาเสนอผลการคาดคะเน และซักถามเหตุผลของนักเรียนว่าทาไมจึงคิด
เช่นน้นั ครบู ันทึกคาตอบของนักเรยี นลงในตารางที่ครูเขยี นบนกระดาน

๕. ครูชักชวนนักเรียนทากิจกรรม โดยถามว่าขณะนักเรียนทากิจกรรมนักเรียนต้องสังเกตอะไร
(นักเรียนสังเกตความชัดเจนของแสงไฟฉายเม่ือมองผ่านวัตถุต่าง ๆ) จากน้ันครูและนักเรียน
รว่ มกนั อภปิ รายวา่ การมองเหน็ แสงไฟฉายชดั เจนหรือไมช่ ดั เจนเปน็ อยา่ งไร (การเหน็ แสงไฟฉาย

9/10/18 9:08 AM

6102153L01c.indd 275 ๒๓๔

ชุดการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๔ (ฉบบั ปรบั ปรุง) ๒๗๕ หน่วยกำรเรียนร้ทู ่ี ๓ แสง แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๑ การมองเหน็ แสงเม่ือมองผา่ นวตั ถุต่าง ๆ เวลำ ๔ ชว่ั โมง
กลุ่มสำระกำรเรียนรูว้ ทิ ยำศำสตร์ ช้ันประถมศึกษำปีท่ี ๔
หนว่ ยย่อยท่ี ๑ แสงและการมองเหน็
รำยวิชำวิทยำศำสตร์

จุดประสงคด์ ำ้ นคุณธรรม ชัดเจน คือเห็นแสงสว่างมาก และเห็นปากกระบอกไฟฉายชัดเจน ส่วนการมองเห็นแสง เกณฑ์กำรประเมนิ
๑. มีความสามัคคี ชว่ ยเหลือในการ ไฟฉายไม่ชัดเจน คอื ยังเห็นแสงไฟฉายบา้ ง แตส่ ลัว หรือมวั ) ๑. การตอบคาถามในแบบฝึกหดั ได้
๖. ครใู หน้ ักเรียนทากิจกรรมท่ี ๑ โดยย้าวา่ ใหน้ กั เรียนสังเกตความชัดเจนของแสงไฟฉาย
ทำงานกลมุ่ รว่ มกัน เมื่อมองผ่านวัตถุต่าง ๆ และบันทึกผลในตาราง ๑ ของใบงาน ๐๑ หน้า ๑๑๓ และให้ ถกู ต้องด้วยตนเอง
- มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
๒. มคี วามม่งุ มนั่ ในการทา� งาน นกั เรยี นแต่ละค่สู ลบั กันทากจิ กรรมและบันทกึ ผลของตนเอง - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
- ต่ากวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน
๗. เมื่อนักเรียนแต่ละคู่ทากิจกรรมและบันทึกผลเสร็จแล้ว ให้คุยกันเกี่ยวกับผลการสังเกตว่า ๒. มที กั ษะกระบวนการทาง
เหมือนหรือแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร หากได้ผลการสังเกตไม่เหมือนกัน ให้นักเรียนคู่น้ัน
สังเกตใหม่อีกครง้ั และลงความเห็นร่วมกัน วิทยาศาสตร์ขณะทากิจกรรม

๘. ครสู มุ่ นักเรยี นออกมานาเสนอผลการสังเกต และครบู นั ทึกคาตอบของนักเรียนลงในตาราง ๑ - มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
ที่ครูเขียนไว้แล้วบนกระดาน หากเกิดข้อโต้แย้งกันในช้ันเรียน ครูควรให้นักเรียนสังเกตความ - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
ชัดเจนของแสงไฟฉายอีกคร้งั - ต่ากวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน
๓. มคี ุณลกั ษณะด้านคุณธรรม
๙. นักเรยี นแต่ละคูร่ ่วมกนั จาแนกวัตถตุ ่าง ๆ ตามความชดั เจนในการมองเห็นแสงไฟฉาย เม่อื มอง - มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
ผ่านวัตถุชนดิ ตา่ ง ๆ และบนั ทึกผลลงในตาราง ๒ ของใบงาน ๐๑ หน้า ๑๑๔ - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
- ต่ากวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน
๑๐. ครแู ละนกั เรยี นทัง้ ช้ันรว่ มกนั อภิปราย โดยครอู าจใชค้ าถามต่อไปนี้
๑๐.๑ นกั เรยี นจาแนกวัตถุโดยใชเ้ กณฑ์ใด (การมองเห็นแสงผา่ นวตั ถนุ ัน้ )
๑๐.๒ เมื่อมองผ่านวัตถุใดแล้วเห็นแสงไฟฉายได้อย่างชัดเจน (กระจกใส แว่นกันแดด
แผ่นพลาสตกิ ใส)
๑๐.๓ เมอื่ มองผ่านวัตถใุ ดแล้วเหน็ แสงไฟฉายไมช่ ัดเจน (ถงุ พลาสตกิ มหี ูห้ิว กระดาษไข)
๑๐.๔ เมอื่ มองผ่านวัตถใุ ดแล้วไม่เห็นแสงไฟฉาย (แผน่ ไม้ กระจกเงา และกระดาษแข็งสี)

9/10/18 9:08 AM

6102153L01c.indd 276 ๒๗๖ ชดุ การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรุง) แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ ๑ การมองเห็นแสงเม่อื มองผา่ นวตั ถุต่าง ๆ ๒๓๕
หน่วยย่อยท่ี ๑ แสงและการมองเหน็
หน่วยกำรเรียนรู้ที่ ๓ แสง รำยวิชำวิทยำศำสตร์ เวลำ ๔ ชว่ั โมง
กลุ่มสำระกำรเรียนรวู้ ิทยำศำสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษำปที ่ี ๔

ขนั้ สรุป (๑๕ นำที)
๑๑. ครูและนักเรียนท้ังชั้นร่วมกันอภิปราย จนได้ข้อสรุปว่าเมื่อเรามองแสงจากแหล่งกาเนิดแสง

โดยมองผ่านวัตถุต่าง ๆ ที่นามาก้ัน จะมองเห็นแสงจากแหล่งกาเนิดแสงได้แตกต่างกัน
สามารถจาแนกวัตถอุ อกเปน็ ๓ กลุ่ม ได้แก่
- วัตถุทที่ าให้เรามองไม่เห็นแสงจากแหล่งกาเนดิ แสง
- วัตถุทที่ าใหเ้ รามองเหน็ แสงจากแหลง่ กาเนดิ แสงได้ แต่ไมช่ ดั เจน
- วัตถทุ ท่ี าใหเ้ รามองเห็นแสงจากแหลง่ กาเนดิ แสงได้ชดั เจน
ชัว่ โมงท่ี ๓-๔
ขน้ั นำ (๑๐ นำที)
๑๒. ครทู บทวนวธิ กี ารทากจิ กรรมและผลการทากิจกรรมท่ี ๑ โดยอาจใชค้ าถามดงั นี้

๑๒.๑ นกั เรยี นใชว้ ตั ถอุ ะไรบ้างในการทากจิ กรรม (นกั เรยี นตอบตามการทากิจกรรม)

๑๒.๒ ส่ิงท่ีนักเรียนสังเกตในกิจกรรมคืออะไร (ความชัดเจนในการมองเห็นแสงไฟฉายผ่าน

วัตถทุ ่นี ามากัน้ แสง)

๑๒.๓ มองผ่านวัตถุต่าง ๆ แล้วใช้ความชัดเจนในการมองเห็นแสงเป็นเกณฑ์ สามารถ

จาแนกวัตถุออกเป็นกี่กลุ่ม ได้แก่อะไรบ้าง (นักเรียนตอบตามผลการทากิจกรรมของ

กลมุ่ ตนเอง)

9/10/18 9:08 AM

6102153L01c.indd 277 ชุดการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๔ (ฉบบั ปรบั ปรุง) ๒๗๗ ๒๓๖

หน่วยกำรเรยี นรทู้ ี่ ๓ แสง แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๑ การมองเห็นแสงเมอ่ื มองผ่านวัตถุตา่ ง ๆ เวลำ ๔ ชวั่ โมง
กลุ่มสำระกำรเรยี นรูว้ ทิ ยำศำสตร์ หน่วยย่อยท่ี ๑ แสงและการมองเห็น ชน้ั ประถมศกึ ษำปที ี่ ๔
รำยวชิ ำวิทยำศำสตร์

ขน้ั สอน (๙๕ นำท)ี
๑๓. ครูให้นักเรียนท้ังช้ันอ่านใบความรู้ เรื่องการมองเห็นแสง เมื่อมองผ่านวัตถุต่าง ๆ แล้วครู

อภิปรายเพอ่ื ตรวจสอบความเขา้ ใจจากการอา่ น โดยอาจใชค้ าถามดังตอ่ ไปนี้
๑๓.๑ กระจกใสเป็นวัตถุชนิดใด เพราะเหตุใด (เป็นตัวกลางโปร่งใส เพราะแสงผ่านได้ และ

มองเหน็ แสงได้ชดั เจน)

๑๓.๒ มีวัตถุใดอีกบ้างทีอ่ ยู่ในกลมุ่ เดยี วกับกระจกใส (แว่นกันแดด แผ่นพลาสติกใส)

๑๓.๓ กระจกเงาเป็นวัตถุชนดิ ใด เพราะเหตใุ ด (เปน็ วตั ถทุ ึบแสง เพราะแสงผ่านไม่ได้ ทาให้

มองไม่เห็นแสง)

๑๓.๔ มวี ตั ถใุ ดอีกบา้ งท่ีอย่ใู นกล่มุ เดียวกบั กระจกเงา (แผ่นไม้ กระดาษแขง็ ส)ี
๑๓.๕ กระดาษไขเป็นกระดาษชนิดใด (เปน็ ตวั กลางโปรง่ แสง เพราะแสงผา่ นได้ แตม่ องเห็น

แสงไม่ชัดเจน)

๑๓.๖ มวี ัตถใุ ดอกี บา้ งทอ่ี ยู่ในกลมุ่ เดียวกบั กระดาษไข (ถงุ พลาสติกมีหูห้วิ )
๑๔. นักเรียนตอบคาถามหลงั จากทากจิ กรรมในใบงาน ๐๑
๑๕. นักเรียนร่วมกันสารวจและจาแนกวัตถุอื่น ๆ ที่มีอยู่ในชีวิตประจาวัน นอกจากที่ได้สังเกตใน

กจิ กรรมที่ ๑ แล้วนาเสนอในรูปแบบทีน่ ่าสนใจ

9/10/18 9:08 AM

6102153L01c.indd 278 ๒๗๘ ชดุ การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครผู ูส้ อน) กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรุง) แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี ๑ การมองเห็นแสงเมอ่ื มองผ่านวตั ถตุ า่ ง ๆ ๒๓๗
หนว่ ยย่อยที่ ๑ แสงและการมองเห็น
หน่วยกำรเรียนรู้ที่ ๓ แสง รำยวิชำวิทยำศำสตร์ เวลำ ๔ ชั่วโมง
กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้วิทยำศำสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษำปที ี่ ๔

ขนั้ สรปุ (๑๕ นำที)
๑๖. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปได้วา่ เมื่อมีวัตถุก้ันแสงจากแหล่งกาเนิดแสงจะทาให้มองเห็นแสง

ได้ชัดเจนแตกต่างกัน โดยสามารถจาแนกวัตถุที่มาก้ันแสงตามเกณฑ์การมองเห็นแสง เมื่อ
มองผา่ นวัตถนุ ัน้ ได้ ๓ ประเภท คือ ตัวกลางโปรง่ ใส ตวั กลางโปร่งแสง และวตั ถุทึบแสง
๑๗. นักเรียนแต่ละคนทาแบบฝึกหัด ๐๒ เร่ืองการมองเห็นแสงเม่ือมองผ่านวัตถุต่าง ๆ
หน้า ๑๑๗

9/10/18 9:08 AM

๒๓๘

แบบประเมินดำ้ นคณุ ธรรม
แผนกำรจัดกำรเรยี นรทู้ ี่ ๑ กำรมองเห็นแสง เม่ือมองผ่ำนวัตถุต่ำง ๆ

ช่ือผู้ประเมิน/กลุม่ ประเมนิ …………………………………………………………………………………………………………………..

ชอ่ื กลุ่มรับกำรประเมนิ ………………………………………………………….……………………………………………………………

ประเมนิ ผลครง้ั ที่…………………....…….. วนั ……………..…. เดอื น ……………………..………. พ.ศ. ……...….…….......
เร่อื ง……………………………………………………………………………………………………………..…………………………………….

ที่ ลักษณะ/พฤติกรรมบ่งช้ี ระดับพฤติกรรม คะแนนที่ได้
เกิด = ๑ ไมเ่ กิด = ๐
๑. มีความสามัคคี ชว่ ยเหลอื ในการทางานกลุ่ม
ร่วมกนั

๒. มคี วามมุ่งม่นั ในการทางาน

รวมคะแนนท่ีไดท้ ง้ั หมด = …………… คะแนน

คณุ ลกั ษณะตามจดุ ประสงค์ด้านคุณธรรม
- มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
- ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
- ต่ากวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน

ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (สาำ หรับครผู ู้สอน) กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ ) ๒๗๙

6102153L01c.indd 279 9/10/18 9:09 AM

๒๓๙

แบบประเมินด้ำนทกั ษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตรใ์ นกำรทำกจิ กรรม
แผนกำรจดั กำรเรียนร้ทู ่ี ๑ กำรมองเห็นแสง เมื่อมองผ่ำนวตั ถตุ ่ำง ๆ

เกณฑก์ ำรประเมินมีดังนี้ ๒ หมายถึง พอใช้ ๑ หมายถึง ควรปรบั ปรุง
๓ หมายถึง ดี

ส่ิงทีป่ ระเมนิ คะแนน
การสงั เกต
การจาแนกประเภท

การตีความหมายข้อมลู และลงขอ้ สรปุ

รวมคะแนน

เกณฑก์ ำรประเมนิ

ทักษะกระบวนกำร ดี (๓) ระดับควำมสำมำรถ ควรปรบั ปรงุ (๑)
ทำงวิทยำศำสตร์ ใช้ประสาทสัมผัสในการ
การสงั เกต รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ พอใช้ (๒) ไม่สำมำรถใช้ประสาทสัมผัส
ก า ร ม อ ง เ ห็ น แ ส ง จ า ก ในการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ
การจาแนกประเภท ไฟฉาย เม่ือมองผ่านวัตถุ ใช้ประสาทสัมผัสในการ การมองเห็นแสงจากไฟฉาย
ต่าง ๆ ไดด้ ว้ ยตนเองโดย รวบรวมข้อมลู เกีย่ วกับการ เมื่อมองผ่านวัตถุต่าง ๆ ได้
การตีความหมาย ไม่เพมิ่ เตมิ ความคดิ เห็น มองเห็นแสงจากไฟฉาย ถึงแม้จะได้รับคาแนะนาจาก
ขอ้ มลู และลงขอ้ สรปุ สามารถจั ดกลุ่มวัต ถุ เมื่อมองผ่านวัตถุต่าง ๆ ได้ ครหู รอื ผู้อ่ืน
ออกเปน็ ๓ ประเภทตาม โดยกำรชี้แนะของครูหรือ
เกณฑ์การมองค ว า ม ผอู้ น่ื ไม่สำมำรถสามารถจัดกลุ่ม
ชั ด เ จ น ข อ ง แ ส ง จ า ก ส า ม า ร ถ จั ด ก ลุ่ ม วั ต ถุ วัตถุออกเป็น ๓ ประเภทตาม
แหล่งกาเนิดแสงได้อย่าง ออกเป็น ๓ ประเภทตาม เกณฑ์การมองความชัดเจน
ถกู ตอ้ งด้วยตนเอง เ ก ณ ฑ์ ก า ร ม อ ง ค ว า ม ของแสงจากแหล่งกาเนิดแสง
ชั ด เ จ น ข อ ง แ ส ง จ า ก ได้อย่างถูกต้อง ถึงแม้จะ
ตีความหมายจากการทา แหล่งกาเนิดแสงได้อย่าง ได้รับคาแนะนาจากครูหรือ
กิจกรรมและลงข้อสรุป ถูกต้อง โดยกำรช้ีแนะ ผอู้ ื่น
ของครูหรอื ผู้อ่ืน
ตีความหมายจากการทา ไม่สำมำรถตีความหมายจาก
กิจกรรมและลงข้อสรุปได้ การทากิจกรรมและลงข้อสรุป

๒๘๐ ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (สำาหรับครูผ้สู อน) กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ )

6102153L01c.indd 280 9/10/18 9:09 AM

๒๔๐

ทกั ษะกระบวนกำร ระดับควำมสำมำรถ
ทำงวิทยำศำสตร์
ดี (๓) พอใช้ (๒) ควรปรบั ปรุง (๑)

ได้ว่าแสงเคลื่อนที่ผ่าน ว่าแสงเคลื่อนที่ผ่านวัตถุ ได้ว่าแสงเคล่ือนที่ผ่านวัตถุ

วั ต ถุ แ ต่ ล ะ ช นิ ด ไ ด้ แต่ละชนิดได้แตกต่างกัน แต่ละชนิดได้แตกต่างกัน

แตกต่างกัน ทาให้เรา ทำให้เรามองเห็นความ ทาให้เรามองเห็นความชัดเจน

มองเห็นความชัดเจนของ ชั ด เ จ น ข อ ง แ ส ง จ า ก ของแสงจากแหล่งกาเนิดแสง

แสงจากแหล่งกาเนิดแสง แ ห ล่ ง ก า เ นิ ด แ ส ง ไ ด้ ได้แตกต่างกัน ถึงแม้จะได้รับ

ได้แตกต่างกัน โดยใช้ แตกต่างกัน โดยใช้ข้อมูลท่ี คาแนะนาจากครูหรือผอู้ ื่น

ข้อมูลท่ีรวบรวมได้จาก รวบรวมได้จากการสังเกต

การสังเกตด้วยตนเอง ดว้ ยตนเอง โดยกำรชแ้ี นะ

ของครหู รอื ผอู้ น่ื

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครูผู้สอน) กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) ๒๘๑

6102153L01c.indd 281 9/10/18 9:09 AM

๒๔๑

ควำมรู้เพม่ิ เตมิ สำหรบั ครู

โดยส่วนมาก มักเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าแสงสามารถผ่านตัวกลางโปร่งใสได้ทั้งหมด แต่ผ่านตัวกลาง
โปรง่ แสงไดบ้ างส่วน จงึ ทาใหม้ องเหน็ วตั ถชุ ัดเจนแตกต่างกนั แต่ความจรงิ แลว้ การมองเหน็ วัตถชุ ัดเจนหรือไม่
น้ัน ข้ึนอยู่กับว่าแสงท่ีผ่านวัตถุที่ก้ันแสงมามีความเป็นระเบียบมากน้อยหรือไม่ โดยถ้าแสงที่ผ่านวัตถุ แล้วยัง
เปน็ ระเบยี บอยู่ เราจะมองเหน็ วตั ถชุ ดั เจน วัตถุท่ีนามาก้ันแสงแบ่งไดเ้ ปน็

 ตัวกลางโปรง่ ใส แสงจะผา่ นได้เป็นระเบยี บ ทาให้มองเหน็ แสงไฟฉายชดั เจน
 ตัวกลางโปรง่ แสง แสงท่ผี า่ นจะไม่เป็นระเบียบ ทาใหม้ องแสงไฟฉายไม่ชัดเจน
 วตั ถทุ ึบแสง แสงผา่ นไม่ได้ ทาให้มองไมเ่ ห็นแสงไฟฉาย

ยกตวั อยา่ งการทาให้มองเหน็ วัตถชุ ัดเจนขนึ้ เมอ่ื มองผ่านตัวกลางโปร่งแสง เช่น กระจกฝ้า ทาได้โดย
การติดเทปใสเขา้ กบั ด้านที่มีผวิ ขรขุ ระ ปาดใหเ้ รยี บ แล้วมองผา่ นบรเิ วณทต่ี ดิ เทปใส เปรยี บเทยี บกับบริเวณอื่น
ท่ีไม่ติดเทปใส จะพบว่ามองเห็นวัตถุผ่านกระจกฝ้าที่ติดด้วยเทปใสชัดเจนกว่าบริเวณท่ีไม่ติดเทปใส ท้ังนี้เป็น
เพราะการติดเทปใสช่วยทาให้ผิวของกระจกฝ้าซึ่งเดิมขรุขระนั้นเรียบขึ้น แสงที่ผ่านกระจกฝ้าและเทปใส
จะเปน็ ระเบียบมากข้ึน จึงทาใหม้ องเหน็ วัตถุได้ชดั ขึ้น

ตัวกลำงโปร่งใส ตวั กลำงโปร่งแสง

๒๘๒ ชุดการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรับครผู ูส้ อน) กลมุ่ สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ (ฉบับปรบั ปรุง)

6102153L01c.indd 282 9/10/18 9:09 AM

เฉลยใบงาน

6102153L01c.indd 283 9/10/18 9:09 AM

6102153L01c.indd 284 9/10/18 9:09 AM

ช่ือ-สกุล เดือน ชน้ั เลขที่ บ. ๔.๑/ ผ. ๑.๑ – ๐๑
วนั ที่ พ.ศ.

ใบงาน ๐๑ : การมองเห็นแสงเมอ่ื มองผ่านวัตถตุ ่าง ๆ

บนั ทกึ ผลการทา� กิจกรรม
ตาราง ๑ ผลการคาดคะเนและผลการสงั เกตแสงไฟฉาย เมอ่ื มองผา่ นวตั ถุตา่ ง ๆ
ขีด √ ลงในชอ่ งตา่ ง ๆ ในตารางที่ตรงกับผลการสงั เกต

ผลการคาดคะเน ผลการสงั เกต

วัตถุตา่ ง ๆ เห็นแสง เห็นแสง ไม่เห็นแสง เห็นแสง เห็นแสง ไมเ่ ห็นแสง
ไฟฉาย ไฟฉาย  ไฟฉาย ไฟฉาย ไฟฉาย  ไฟฉาย
ชดั เจน ไมช่ ัดเจน ชัดเจน ไม่ชัดเจน

แผ่นไม้ 3

กระจกใส 3

กระจกเงา 3

แวน่ กนั แดด ข้นึ อยกู่ บั การคาดคะเน 3
ถุงพลาสติก ของนักเรียน 3
มีหูหิว้ 3
กระดาษแขง็ สี

กระดาษไข 3
แผน่ พลาสตกิ 3
ใส
วตั ถอุ น่ื คอื 3

วตั ถอุ นื่ คอื

ชุดการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรับครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๔ (ฉบบั ปรับปรุง) ๒๘๕

6102153L01c.indd 285 9/10/18 9:09 AM

ช่อื -สกลุ เดอื น ช้ัน เลขท่ี บ. ๔บ.๑. ๔/ ผ.๑. /๑ผ.๑. ๑–.๑๐–๑ ๐๑
วันท่ี พ.ศ.

ตาราง ๒ ผลการจ�าแนกวัตถตุ ่างๆ ตามความชดั เจนในการมองเหน็ แสงไฟฉาย
ผ่านวตั ถุตา่ ง ๆ

เขียนชอ่ื วตั ถุลงในช่องตา่ ง ๆ ตามความชัดเจนในการมองเห็นแสงไฟฉาย

วตั ถทุ ี่มองเห็น วัตถุท่ีมองเหน็ วัตถทุ ีม่ องไม่เห็นแสง
แสงได้อย่างชดั เจน แสงได้ แต่ไมช่ ดั เจน

กระจกใส ถงุ พลาสตกิ มหี หู ้ิว แผ่นไม้
แวน่ กนั แดด กระดาษไข กระจกเงา
แผ่นพลาสตกิ ใส กระดาษแข็งสี

การมองเห็นแสงไฟฉายผา่ นวตั ถทุ ่ีน�ามาก้นั

๒๘๖ ชุดการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ (สำาหรับครูผ้สู อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๔ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

6102153L01c.indd 286 9/10/18 9:09 AM

ชอ่ื -สกุล เดือน ชนั้ เลขท่ี บ. ๔บ.๑. ๔/ ผ.๑. /๑ผ.๑. ๑–.๑๐–๑ ๐๑
วันท ่ี พ.ศ.

คา� ถามหลังจากท�ากิจกรรม

๑. วัตถุชนิดใดบ้างเป็นวัตถทุ ึบแสง เพราะเหตุใด

แผ่นไม้ กระจกเงา กระดาษแขง็ สี เพราะเปน็ ตัวกลางทบึ แสง แสงผา่ นวัตถุเหล่านี้
ไมไ่ ด้ ท�าใหม้ องไม่เห็นแสงไฟฉาย

๒. วตั ถุชนิดใดบา้ งเป็นตวั กลางของแสง เพราะเหตุใด
กระจกใส แวน่ กันแดด แผ่นพลาสติกใส ถงุ พลาสติกมหี ูห้วิ กระดาษไข เพราะเป็น
ตัวกลางของแสง เพราะแสงผา่ นวัตถุเหล่านไี้ ดท้ �าใหเ้ ห็นแสงไฟฉาย

๓. วตั ถุทีน่ �ามากนั้ แสง แล้วเหน็ แสงไฟฉายชัดเจนมีอะไรบ้าง เรียกวัตถนุ ัน้ ว่าอะไร

กระจกใส แว่นกนั แดด แผน่ พลาสตกิ ใส เรียกวตั ถุนี้วา่ ตวั กลางโปร่งใส

๔. วตั ถุท่ีน�ามากน้ั แสง แลว้ เห็นแสงไฟฉายไม่ชัดเจนมีอะไรบ้าง เรียกวัตถนุ น้ั วา่ อะไร
ถุงพลาสตกิ มีหหู ิ้ว กระดาษไข เรียกวตั ถุนวี้ ่า ตวั กลางโปรง่ แสง

ชุดการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครูผูสอน) กลมุ สาระการเรียนรวู ิทยาศาสตร ภาคเรียนท่ี ๑ ชัน้ ประถมศกึ ษาปท ่ี ๔ (ฉบับปรับปรงุ ) ๒๘๗

6102153L01c.indd 287 9/11/18 10:07 AM

ชือ่ -สกุล เดือน ชน้ั เลขท่ี บ. ๔.๑/ ผ. ๑.๑ – ๐๑
วันท่ ี พ.ศ.

๕. จากกจิ กรรมน้ี สรปุ ไดว้ ่าอยา่ งไร

วตั ถแุ ตล่ ะชนิดเม่ือนา� มากน้ั แสง จะท�าใหม้ องเห็นแหลง่ ก�าเนิดแสงแตกต่างกัน
ซ่งึ จา� แนกวตั ถุทน่ี �ามากั้นแสงได้ ๓ กลมุ่ คือ ตวั กลางโปร่งใส ตัวกลางโปรง่ แสง
และวัตถุทึบแสง

๒๘๘ ชุดการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู สู้ อน) กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ (ฉบบั ปรับปรงุ )

6102153L01c.indd 288 9/10/18 9:09 AM

ชือ่ -สกลุ เดอื น ช้นั เลขที่ บ. ๔.๑/ ผ. ๑.๑ – ๐๒
วนั ที ่ พ.ศ.

ใบงาน ๐๒ : แบบฝกึ หดั เรอื่ งการมองเหน็ แสงเมอื่ มองผา่ นวตั ถตุ า่ ง ๆ

ตอบคา� ถามต่อไปน้ีให้ถกู ต้อง
๑. เมอ่ื มองแสงจากแหลง่ กา� เนดิ แสงผา่ นกระจกใส กับกระจกที่มนี า้� เกาะ จะมองเหน็

แสงได้แตกตา่ งกันหรือไม่ อยา่ งไร
แตกตา่ งกัน เมอ่ื มองแสงผา่ นกระจกใสจะชัดเจนกว่าเม่อื มองแสงผ่านกระจกทม่ี ี
นา�้ เกาะ

๒. กระจกใสเปน็ ตัวกลางชนิดใด
ตวั กลางโปรง่ ใส

๓. กระจกท่ีมนี ้�าเกาะเป็นตวั กลางชนดิ ใด
ตวั กลางโปรง่ แสง

๔. ทา� ไมกระจกทกี่ น้ั สา� หรบั อาบนา้� จงึ มลี กั ษณะเปน็ ฝา้ ไมใ่ ส
เพอ่ื ให้แสงเดินทางผ่านได้ แต่ไมช่ ัดเจน

เพ่ือปอ้ งกันการมองเหน็ จากคนภายนอก

ชุดการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำาหรับครูผสู้ อน) กลุม่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นที่ ๑ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๔ (ฉบับปรับปรงุ ) ๒๘๙

6102153L01c.indd 289 9/10/18 9:10 AM

ช่อื -สกุล เดอื น ชั้น เลขที่ บ. ๔.๑/ ผ. ๑.๑ – ๐๒
วนั ท ่ี พ.ศ.

๕. ในวนั ทท่ี ้องฟ้าแจ่มใส อากาศเปน็ ตวั กลางชนิดใด เพราะเหตใุ ด
ตัวกลางโปร่งใส เพราะเราสามารถมองเห็นสงิ่ ตา่ ง ๆ ได้ชัดเจน

๖. ในวนั ทมี่ ีหมอกควัน อากาศเปน็ ตวั กลางชนดิ ใด เพราะเหตใุ ด
ตวั กลางโปร่งแสง เพราะเราสามารถมองเหน็ ส่ิงต่าง ๆ ได้บา้ ง แตไ่ มช่ ัดเจน

๒๙๐ ชุดการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สำาหรบั ครผู ูส้ อน) กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๔ (ฉบับปรับปรงุ )

6102153L01c.indd 290 9/10/18 9:10 AM


Click to View FlipBook Version