The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Thidarat, 2019-10-29 07:33:43

แผนบูรณาการ

แผนบูรณาการ

๑๕๙

เกณฑ์การประเมิน
๔ คะแนน ปฏิบัตไิ ดด้ มี าก
๓ คะแนน ปฏิบตั ไิ ดด้ ี
๒ คะแนน ปฏบิ ตั ไิ ด้พอใช้
๑ คะแนน ปฏิบัตไิ ดแ้ ตค่ วรปรับปรงุ

นักเรียนที่ไดค้ ะแนน ๑๒ คะแนนขนึ้ ไป ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ
ระดบั คณุ ภาพ

คะแนน ๑๒-๑๖ ระดบั ๔ หมายถงึ ดมี าก
คะแนน ๙-๑๑ ระดบั ๓ หมายถึง ดี
คะแนน ๕-๖ ระดบั ๒ หมายถงึ พอใช้
คะแนน ๑-๔ ระดบั ๑ หมายถงึ ปรับปรุง
นกั เรียนต้องได้ระดบั ดี ขนึ้ ไป ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ

๑๖๐ ชุดกกิจารกจรดั รกจิมกกรรามรกเารรยี เรนียนรรูกู (ลสํามุ หบรับูรคณรผู าสู กอาน)รก(ลสุมบำรูหณราบักาครรผู ูสอน) ชน้ั ประถมศึกษาปท ี่ ๖

หนวยการเรียนรูท ่ี ๘ สุนทรยี ศิลป ชนั้ ประถมศึกษาปท ี่ ๖ (ฉบบั ปรับปรุง)

๑๖๐

แบบประเมนิ พฤติกรรมการปฏิบตั ิกจิ กรรม

หนว่ ยย่อยท่ี ๒ แผนท่ี ๖

เรือ่ ง ราวงมาตรฐาน

คณุ ธรรม/จริยธรรม ผลการ

เลขท่ี ชื่อ-สกลุ ทปี่ ระเมิน รวม ประเมิน

๑ ๒ ๓ ๔ ๕๖ ผ มผ



















๑๐

๑๑

๑๒

๑๓

๑๔

๑๕

๑๖

ขอ้ เสนอแนะอืน่ ๆ................................................................................................................................
............................................................................................................................. ........................................

ข้อประเมนิ
๑ ใฝ่รู้ สรา้ งสรรค์ ๒. กระตือรือร้นในการทากจิ กรรม กลา้ แสดงออกหรือแสดงความคดิ เหน็

๓. ปฏบิ ตั งิ านตามที่ไดร้ ับมอบหมาย
เกณฑ์การใหค้ ะแนน ดี ให้ ๓ คะแนน ปานกลาง ให้ ๒ คะแนน
ควรปรับปรงุ ให้ ๑ คะแนน

เกณฑก์ ารตดั สนิ ผ่าน : ได้ ๗๕% หรือ ๗ คะแนน

กจิ กรรมการเรียนรกู ลุมบรู ณากาชุดรก(าสรจำดั หกิจรกบั รรคมรกผูารูสเรอียนนร)ู (สชํา้นัหรปับรคะรูผถสู มอนศ)กึ กษลุมาบปูรทณาี่ ก๖าร ๑๖๑

หนวยการเรยี นรูที่ ๘ สุนทรียศิลป ชัน้ ประถมศึกษาปท ี่ ๖ (ฉบับปรบั ปรุง)

๑๖๑

เกณฑก์ ารประเมนิ พฤติกรรมการปฏิบัติกิจกรรม

หนว่ ยย่อยที่ ๒ แผนที่ ๖
เร่อื ง ราวงมาตรฐาน

------------------------------------------------
๑. ใฝ่รู้ - สร้างสรรค์

๓ หมายถึง มีความตงั้ ใจ เอาใจใสใ่ นการปฏิบตั กิ ิจกรรม กล้าซักถาม
๒ หมายถึง มีความต้ังใจ เอาใจใสใ่ นการปฏิบัติกิจกรรม กล้าซักถามเปน็ บางคร้งั
๑ หมายถงึ ไม่มีความตงั้ ใจ ไมซ่ ักถาม
๒. กระตอื รือร้นในการทากิจกรรม กล้าแสดงออกหรือแสดงความคิดเห็น
๓ หมายถึง กระตือรอื รน้ ในปฏิบตั กิ จิ กรรม กล้าซักถาม
๒ หมายถงึ กระตือรือร้น ในการปฏิบัติกิจกรรมบา้ ง กล้าซักถาม
๑ หมายถงึ ไม่กระตือรอื ร้นเท่าท่ีควร ไม่ซักถาม
๓. ปฏบิ ตั ิงานตามทไี่ ด้รบั มอบหมาย
๓ หมายถงึ ปฏิบตั หิ นา้ ที่ทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย
๒ หมายถึง ปฏบิ ตั หิ นา้ ที่แตใ่ ห้ผ้อู ื่นช่วย
๑ หมายถึง ไม่ปฏบิ ัติหนา้ ทเี่ ท่าที่ควร รบกวนเพื่อน

---------------------------------------------------------

๑๖๒ ชดุ กกจิ ารกจรดั รกิจมกกรรามรกเารรยี เรนียนรรูกู (ลสํามุ หบรบัูรคณรูผาสู กอาน)รก(ลสุม บำูรหณราับกาครรผู สู อน) ชั้นประถมศึกษาปที่ ๖

หนวยการเรยี นรูท ่ี ๘ สุนทรยี ศลิ ป ชน้ั ประถมศกึ ษาปที่ ๖ (ฉบับปรบั ปรุง)

๑๖๒

แบบทดสอบหลังเรียน

หนว่ ยการเรียนรูบ้ ูรณาการท่ี ๘ สนุ ทรยี ศลิ ป์ หนว่ ยยอ่ ยที่ ๒ จินตนาการหรรษา
ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๖ จานวน ๑๐ ขอ้ ๑๐ คะแนน

คาช้ีแจง ให้นักเรยี นทาเครอ่ื งหมาย  ทบั ตวั อักษรหน้าคาตอบทถ่ี ูกตอ้ งท่สี ดุ เพียงคาตอบเดียว

๑. สีคู่ใดเปน็ สีคู่ตรงกนั ขา้ ม
ก. เหลือง - สม้
ข. น้าเงนิ - เขียว
ค. แดง - สม้
ง. เหลือง - ม่วง

๒. ถา้ วาดภาพพน้ื หลงั เปน็ สีมว่ ง ควรระบายสใี นภาพด้วยสใี ดจึงจะทาใหภ้ าพเด่นข้ึน
ก. เขยี ว นา้ เงนิ
ข. เหลอื ง เขยี วเหลือง
ค. แดง ส้มแดง
ง. เขียว ม่วงแดง

๓. ขอ้ ใดสร้างสรรคโ์ ดยไมต่ ้องใช้ภาพวาดระบายสปี ระกอบกไ็ ด้
ก. แผนภาพ
ข. แผนผงั
ค. ภาพประกอบ
ง. แผนภูมิ

๔. เพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้า ต้องใช้ท่าราขอ้ ใด
ก. ทา่ ชักแปง้ ผัดหนา้
ข. ท่าสอดสรอ้ ยมาลา
ค. ทา่ จนั ทร์ทรงกลด
ง. ท่าราสา่ ย

๕. ความรู้ภาษาไทย สามารถนามาประยกุ ตใ์ ช้การแสดงนาฏศิลป์ข้อใด
ก. ท่ารา
ข. บทเจรจา
ค. การสร้างฉาก
ง. การเคลอื่ นไหว

กิจกรรมการเรียนรูก ลุม บูรณากาชดุรก(าสรจำดั หกิจรกับรรคมรกผูารสู เรอยี นนร)ู (สชํา้ันหรปบั รคะรูผถสู มอนศ)ึกกษลมุาบปูรทณา่ี ก๖าร ๑๖๓

หนวยการเรยี นรทู ่ี ๘ สนุ ทรยี ศลิ ป ชนั้ ประถมศึกษาปท่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

๑๖๓

๖. การใช้ภาษาท่าประกอบเพลงปลกุ ใจ ควรมีลักษณะอยา่ งไร
ก. ออ่ นชอ้ ย
ข. กระฉับกระเฉง
ค. แข็งกระดา้ ง
ง. เช่อื งช้า

๗. การอา่ นโนต้ เพลงไทย มหี ลักการอ่านอย่างไร
ก. อา่ นจากซา้ ยไปขวา
ข. อ่านจากขวาไปซ้าย
ค. อ่านท่อนใดก็ได้
ง. อ่านจากทอ่ นสุดทา้ ยไปท่อนแรก

๘. สญั ลักษณท์ างดนตรีทใ่ี ช้สาหรับบนั ทึกตวั โน้ตคืออะไร
ก. บันไดเสยี ง
ข. บรรทัด ๕ เสน้
ค. เครอ่ื งหมายพักเสยี ง
ง. เครอ่ื งหมายกากับบรรทดั

๙. ตัวโน้ตตวั ใดท่อี ตั ราความยาวของเสยี งส้ันท่ีสดุ
ก. ตวั กลม
ข. ตวั ขาว
ค. ตัวเขบต็ สองช้ัน
ง. ตวั เขบต็ สามชน้ั

๑๐. ห้องเพลงของเพลงไทยจะบนั ทกึ ตวั โน้ตไดม้ ากท่สี ุดกีต่ วั
ก. ๒ ตวั
ข. ๓ ตวั
ค. ๔ ตวั
ง. ๕ ตัว

๑๖๔ ชดุ กกิจารกจรัดรกิจมกกรรามรกเารรยี เรนยี นรรูกู (ลสํามุ หบรับูรคณรูผาสู กอาน)รก(ลสมุ บำูรหณราับกาครรูผูสอน) ชัน้ ประถมศึกษาปท ี่ ๖

หนวยการเรียนรทู ่ี ๘ สุนทรียศิลป ช้นั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๖ (ฉบับปรับปรงุ )

๑๖๔

เฉลยแบบทดสอบ
หน่วยบรู ณาการเรยี นรู้ท่ี ๘ สนุ ทรยี ศิลป์ หนว่ ยยอ่ ยที่ ๒ จนิ ตนาการหรรษา

ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ จานวน ๑๐ ขอ้ ๑๐ คะแนน

๑. ง ๖. ข
๒. ข ๗. ก
๓. ง ๘. ข
๔. ค ๙. ง
๕. ข ๑๐. ค

กจิ กรรมการเรียนรกู ลมุ บรู ณากาชดุรก(าสรจำดั หกจิรกับรรคมรกูผารสู เรอียนนร)ู (สชาํ ั้นหรปับรคะรผูถสู มอนศ)ึกกษลมุาบปูรทณา่ี ก๖าร ๑๖๕

หนว ยการเรยี นรูท่ี ๘ สุนทรียศิลป ชัน้ ประถมศึกษาปที่ ๖ (ฉบับปรบั ปรุง)



หนวยยอยที่ ๓
ลีลาศลิ ปไทย



ใบสรปุ หนา้ หน่วยย่อย จานวนแผนการเรยี นรู้ ๖ แผน
หน่วยย่อยท่ี ๓ ชื่อหนว่ ยย่อย ลีลาศลิ ป์ไทย

จานวนเวลาเรยี น ๑๐ ชัว่ โมง

สาระสาคัญของหน่วย
งานทศั นศลิ ปป์ ระเภทการพิมพภ์ าพ การป้ัน การร้องเพลงไทยและเพลงสากล การแสดงนาฏศลิ ป์

และการละครลว้ นมคี วามสวยงาม มีความคิดสรา้ งสรรค์และจนิ ตนาการ สื่อถึงอารมณ์ความรู้สกึ รวมทงั้
สอ่ื ความหมายแกผ่ ูช้ มได้

มาตรฐานตวั ชี้วดั
มฐ. ศ ๑.๑ ตวั ชว้ี ัด ป.๖/๔,๕

มฐ. ศ ๒.๑ ตัวชวี้ ดั ป.๖/๔,๕,๖

มฐ. ศ ๓.๑ ตวั ชว้ี ัด ป.๖/๓,๔
มฐ. ท ๒.๑ ตวั ช้วี ัด ป.๖/๓

มฐ. ท ๓.๑ ตวั ชวี้ ดั ป.๖/๑,๖
มฐ. พ ๓.๑ ตวั ชว้ี ดั ป.๖/๕

ลาดบั การเสนอแนวคดิ หลกั

งานศิลปส์ วยดว้ ยการพิมพ์ภาพ

สร้างสรรคง์ านปัน้
ร้องเพลงไทยและเพลงสากลท่เี หมาะกบั วยั

การใช้ดนตรีในการแสดงออก

หลกั และองค์ประกอบทางนาฏศลิ ปแ์ ละการละคร

การแสดงนาฏศิลปแ์ ละการละคร

ชดุ การจดั กิจกรรมการเรยี นรู (สําหรบั ครผู สู อน) กลมุ บรู ณาการ ๑๖๙

หนว ยการเรียนรทู ่ี ๘ สนุ ทรยี ศิลป ช้ันประถมศกึ ษาปท่ี ๖ (ฉบับปรบั ปรงุ )

โครงสรา้ งของหนว่ ย เวลา หมายเหตุ
๒ ช.ม.
แผนท่ี ชอ่ื แผน ๒ ช.ม.
๑ การพมิ พ์ภาพ ๑ ช.ม.
๒ การป้ัน ๒ ช.ม.
๓ บรรเลงเพลงเพลนิ ใจ ๑ ช.ม.
๔ บรรเลงเพลงเพลนิ ใจ ๒ ช.ม.
๕ หลกั และองค์ประกอบทางนาฏศลิ ป์และการละคร
๖ นาฏศลิ ป์และการละคร

๑๗๐ ชดุ กกจิ ารกจรดั รกิจมกกรรามรกเารรียเรนียนรรกู ู (ลสาํมุ หบรบัูรคณรูผาูสกอาน)รก(ลสุมบำรูหณราบักาครรูผูสอน) ชนั้ ประถมศึกษาปท ่ี ๖

หนวยการเรยี นรทู ี่ ๘ สุนทรียศลิ ป ชั้นประถมศกึ ษาปท ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

โครงสร้างแผนการจดั การเรียนรู้ของหนว่ ยการเรียนรู้บรู ณาการ หน่วยท่ี ๘ สุนทรียศิลป์ หน่วยย่อยที่ ๓ ลีลาศิลป์ไทย

แผนที่ ๑ การพิมพ์ภาพ แผนที่ ๖ นาฏศิลปแ์ ละการละคร

- การพิมพภ์ าพ - บทบาทของนาฏศิลป์และการละครเปน็
- การใช้วสั ดุ อุปกรณ์สรา้ งงานพมิ พภ์ าพ กิจกรรมที่ปรากฏอยู่ในสังคม มีความสมั พนั ธ์กบั

- พดู นาเสนอผลงาน ชีวติ ประจาวนั
๑๖๘
กจิ กรรมการเรยี นรกู ลุมบหรู นณว ยากการาชเรุดรยี กน(ารสรูทจำี่ัด๘หกจิสรกนุบั รทรครมียรกศผูาิลรูสปเรอ ียชนน้ันรป)ู ร(สชะําถ้ันหมรปศับึกรคษะราผูถปูสมท อ่ีนศ๖)ึก(กฉษลบุมาับบปปูรรทณับา่ีปก๖รางุ ร) ๑๗๑แผนที่ ๒ การปัน้หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๓แผนที่ ๕ หลกั และองคป์ ระกอบทาง
เรื่อง ลลี าศลิ ป์ไทย นาฏศิลป์และการละคร
- การสรา้ งงานปน้ั เพ่ือถ่ายทอดจินตนาการ เวลา ๑๐ ชัว่ โมง
ด้วยการใชด้ นิ นามันหรอื ดนิ เหนยี ว - องค์ประกอบการแสดงนาฏศลิ ป์จะ
- วสั ดอุ ุปกรณ์ทีใชใ้ นงานปั้น
- การใชห้ ลกั การเพ่ิมและลดในการ ประกอบด้วยองค์ประกอบตา่ ง ๆ ที่ช่วยให้
สร้างสรรค์งานป้นั
- การพดู นาเสนอผลงาน การแสดงนันดสู มบูรณส์ วยงาม

แผนที่ ๓ บรรเลงเพลงเพลนิ ใจ แผนที่ ๔ บรรเลงเพลงเพลินใจ

- หลกั การขับร้องเพลงไทย - การด้นสด
- - การขับรอ้ งเพลงสากลและเพลงไทยสากล
- การสร้างสรรคป์ ระโยคเพลงถาม - ตอบ

คาช้ีแจงประกอบแผนการจดั การเรยี นรู้

แผนการเรียนรู้ที่ ๑ เรื่อง การพิมพ์ภาพ เวลา ๒ ชว่ั โมง

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

๑. สาระสาคญั ของแผน

การพมิ พภ์ าพ เปน็ การสรา้ งงานทัศนศิลป์ที่เป็นเอกลักษณ์พเิ ศษคอื ภาพทีไ่ ดส้ ามารถทาซาใหเ้ หมอื นเดมิ หลาย
ภาพ สามารถใชว้ ัสดุจากธรรมชาติหรือวสั ดสุ ังเคราะห์ นามาพมิ พภ์ าพหรอื แกะสลกั เพื่อให้เป็นลวดลายกอ่ นการพิมพภ์ าพได้

ตามจนิ ตนาการ ผสู้ รา้ งงานพิมพภ์ าพ ควรฝกึ การพิมพ์ภาพให้เกดิ จนิ ตนาการ ความมุ่งม่นั ในการทางาน มีความใฝเ่ รียนรู้

๒. ข้อเสนอแนะเพม่ิ เติมในการนาแผนการจดั การเรียนรไู้ ปใชจ้ ดั กจิ กรรมการเรยี นรู้

๒.๑ ครคู วรศึกษาแผนการจดั การเรียนรู้ สอื่ และใบงานใหเ้ ข้าใจอยา่ งละเอียดก่อนจัดกิจกรรม การเรยี นรู้

๒.๒ ครคู วรเตรียมใบงานให้เพยี งพอกับจานวนนาเรยี น

๒.๓ ครูอธิบายความหมายของการพิมพ์ภาพใหน้ ักเรยี นเข้าใจ

กิจกรรมการเรียนรู้
(ช่ัวโมงที่ ๑)

ครูนาเสนอภาพวาดและภาพพิมพ์ และร่วมอภปิ รายถงึ ความแตกตา่ งกบั นักเรียน

ครูอธิบายความร้เู กยี่ วกับการพิมพภ์ าพ ได้แก่ แมพ่ ิมพ์ สีพิมพ์ วสั ดอุ ปุ กรณท์ ใี่ ชใ้ นการพมิ พภ์ าพ พร้อมใหด้ ู

ตวั อยา่ งงานภาพพิมพแ์ ต่ละประเภท

แบ่งนักเรียนเปน็ กลุม่ ๆ ละ ๓ คน ทาใบงานที่ ๐๑ ทดลองพมิ พภ์ าพด้วยแม่พิมพต์ ่าง ๆ

นกั เรยี นนาเสนอผลงาน ครูและนกั เรียนรว่ มกันอภิปรายผลงาน

(ชั่วโมงที่ ๒)
ครูอธบิ ายการสรา้ งสรรคง์ านพมิ พภ์ าพตามจินตนาการ

ใหน้ กั เรยี นทาใบงานที่ ๐๒ พมิ พภ์ าพตามจินตนาการ
นกั เรยี นนาเสนอผลงานหน้าชนั เรยี น ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันอภิปรายผลงาน
๑. การเตรยี มส่อื /วัสดุอุปกรณ์

- ภาพวาดระบายสี

- ภาพพิมพ์จากธรรมชาติ

๒. ใบงาน/ใบความรู้
- ใบความรู้

- ทดสอบก่อนเรยี น

- ใบงานท่ี ๐๑ - ๐๒
- การนาเสนอผลงาน
๓. การวัดและประเมินผล

- การทาใบงาน ๐๑

- สงั เกตการรว่ มตอบคาถาม

๑๗๒ ชุดกกิจารกจรดั รกิจมกกรรามรกเารรียเรนียนรรกู ู (ลสํามุ หบรับรู คณรผู าูส กอาน)รก(ลสุมบำูรหณราับกาครรูผสู อน) ช้นั ประถมศกึ ษาปท่ี ๖

หนวยการเรยี นรทู ี่ ๘ สนุ ทรียศลิ ป ชน้ั ประถมศกึ ษาปท่ี ๖ (ฉบับปรับปรงุ )

แนวการจดั การเรียนร้บู รู ณาการ หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ๘ สนุ ทรียศลิ ป์ : หนว่ ยย่อยท่ี ๓ ลลี าศลิ ป์ไทย แผนการเรียนรู้ท่ี ๑ เร่อื ง การพิมพ์ภาพ

บูรณาการกลมุ่ สาระการเรียนรู้ศิลปะ ภาษาไทย เวลา ๒ ช่วั โมง ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๖

แนวการปฏบิ ัตกิ จิ กรรม กจิ กรรมการเรยี นรู้

ข้ันนา (ชว่ั โมงท่ี ๑)
ข้ันสอน ๑. ครูชีแ้ จงตวั ชี้วัดชัน้ ปี และจดุ ประสงค์การเรยี นรใู้ หน้ ักเรียนทราบ
๒. ทดสอบก่อนเรียน

๓. ครูนาเสนอภาพวาดและภาพพิมพ์ และรว่ มอภิปรายถึงความแตกตา่ งกบั นักเรียน
๔. ครอู ธบิ ายความรู้เกี่ยวกับการพมิ พ์ภาพ ได้แก่ แมพ่ ิมพ์ สีพิมพ์ วสั ดอุ ุปกรณ์ท่ีใช้ในการพิมพภ์ าพ พรอ้ มใหด้ ตู ัวอย่าง
งานภาพพิมพ์แตล่ ะประเภท
๕. แบ่งนกั เรียนเป็นกล่มุ ๆ ละ ๓ คน ทาใบงานท่ี ๐๑ ทดลองพิมพภ์ าพด้วยแม่พิมพ์ตา่ ง ๆ
๖. นักเรยี นนาเสนอผลงาน ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั อภิปรายผลงาน
(ชว่ั โมงที่ ๒)
๗. ครอู ธิบายการสรา้ งสรรค์งานพิมพ์ภาพตามจินตนาการ
๘. ให้นกั เรียนทาใบงานท่ี ๐๒ พิมพ์ภาพตามจินตนาการ
๙. นกั เรยี นนาเสนอผลงานหนา้ ชั้นเรยี น ครูและนกั เรยี นร่วมกนั อภิปรายผลงาน
๑๗๐
กจิ กรรมการเรยี นรกู ลมุ บหรู นณว ยากการาชเรุดรยี กน(ารสรูทจำี่ัด๘หกจิสรกนุบั รทรครมียรกศผูาิลรูสปเรอ ียชนน้ันรป)ู ร(สชะําถ้ันหมรปศับึกรคษะราผูถปูสมท อ่ีนศ๖)ึก(กฉษลบุมาับบปปูรรทณับา่ีปก๖รางุ ร) ๑๗๓ข้นั สรปุ
วดั และประเมินผล ๑๐. ครูนักเรยี นร่วมกันสรุปความรู้

๑. การทาใบงาน ๐๑
๒. สงั เกตการรว่ มตอบคาถาม

๑๗๔ ชหุดนกกวิจายรกกจารัดรรกเรจิมียกนกรรราูทมรี่ก๘เารรสยี เุนรนยีทนรรรยีกู ูศ(ลสิลาํมุปหบชรับ้ันูรปคณรรผูะาสูถกอมานศกึ)รษก(ลาสปุม ทบำี่รูห๖ณรา(ฉบักบาคับรรปผูรับสู ปอรุงน) ) ช้นั ประถมศกึ ษาปท่ี ๖ แผนการจดั การเรยี นรบู้ ูรณาการ หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๘ สุนทรียศลิ ป์ : หนว่ ยย่อยท่ี ๓ ลีลาศิลป์ไทย แผนการเรียนร้ทู ี่ ๑ เรือ่ ง การพิมพ์ภาพ
บูรณาการกลุ่มสาระการเรียนรู้ศลิ ปะ ภาษาไทย เวลา ๒ ชั่วโมง ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๖

ขอบเขตเน้ือหา ขนั้ นำ ส่ือ / แหล่งเรียนรู้
- การพมิ พ์ภาพ (ชัว่ โมงท่ี ๑)) ๑. ภาพวาดระบายสี
- การใชว้ สั ดุ อุปกรณส์ รา้ งงานพมิ พ์ภาพ ๑. ครชู แ้ี จงตวั ช้ีวดั ช้ันปี และจุดประสงค์การเรียนรู้ใหน้ ักเรียนทราบ ๒. ภาพพมิ พจ์ ากธรรมชาติ
- การพูดนาเสนอผลงาน ๓. ใบความรู้
๒. ทดสอบกอ่ นเรียน หนว่ ยยอ่ ยที่ ๓ ลีลาศลิ ป์ไทย ภาระงาน / ชิ้นงาน
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ข้นั สอน ๑. ทดสอบกอ่ นเรียน
ความรู้ ๓. ครนู าเสนอตัวอย่างงานภาพพมิ พ์ และงานภาพวาด แล้วรว่ มกบั นักเรยี นอภิปราย ๒. ใบงานที่ ๐๑ - ๐๒
๑. บอกลกั ษณะของงานภาพพมิ พ์ได้ ๒. การนาเสนอผลงาน
๒. บอกวสั ดุ อปุ กรณ์ที่ใชใ้ นการพิมพภ์ าพได้ เปรยี บเทียบความแตกตา่ ง
ทักษะ การวัดและประเมนิ ผล
๑. ใช้วสั ดอุ ุปกรณ์ในการพิมพภ์ าพได้ถูกตอ้ ง ๔. ครอู ธบิ ายความรเู้ กี่ยวกับการพมิ พ์ภาพ ไดแ้ ก่ แมพ่ มิ พ์ สพี ิมพ์ วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ ๑. การประเมินความรเู้ รือ่ งลกั ษณะ
เหมาะสม ในการพิมพภ์ าพ วธิ ีการและประเภทของการพมิ พภ์ าพ พร้อมให้ดตู ัวอยา่ งงานภาพ ของงานภาพพมิ พ์ วัสดอุ ุปกรณใ์ น
๒. พิมพ์ภาพเพือ่ ถ่ายจนิ ตนาการได้ การพมิ พ์ภาพ
คณุ ธรรมจรยิ ธรรมและคณุ ลักษณะ พมิ พ์แต่ละประเภท ๒. การประเมินทกั ษะการพิมพภ์ าพ
อนั พงึ ประสงค์ ด้วยแม่พิมพ์ธรรมชาติ
๑. มีความมุง่ มั่นในการทางาน ๕. แบ่งนักเรยี นเปน็ กลุ่ม ๆ ละ ๓ คน ทาใบงานท่ี ๐๑ พมิ พภ์ าพ(ทดลองพิมพ์ภาพ ๓. การประเมินคณุ ธรรม จรยิ ธรรม
๒. มีความใฝ่เรยี นรู้ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ความ
ด้วยแมพ่ ิมพ์ต่าง ๆ) มงุ่ ม่ันในการทางาน ความใฝเ่ รยี นรู้
๖. นกั เรียนนาเสนอผลงาน วิธีการ
๑. ตรวจใบงาน
๗. ครแู ละนกั เรียนรว่ มอภปิ รายผลงาน ๒. สงั เกตการทางาน
(ช่ัวโมงท่ี ๒) เครื่องมือ
๘. ครอู ธบิ ายการสรา้ งสรรค์งานพมิ พภ์ าพเพอ่ื ถ่ายทอดจนิ ตนาการสามารถทาได้ ๑. ใบงาน ๐๑-๐๒
เหมอื นกับการวาดภาพ เพียงใช้เทคนิคพิมพภ์ าพในการสรา้ งภาพ ครแู นะนาการใช้ ๒. แบบสังเกตการทางาน
เกณฑก์ ารประเมนิ
อุปกรณ์ในการพมิ พภ์ าพ ผ่านเกณฑ์ตามที่กาหนด

๙. นกั เรียนทาใบงานท่ี ๐๒ พมิ พภ์ าพตามจินตนาการ ครคู อยแนะนาดูแลตลอดเวลา

ปฏบิ ัติงาน
๑๐. ใหน้ กั เรยี นนาผลงานออกมาอภปิ รายแนวคดิ และเรอ่ื งราวของภาพพมิ พข์ องตวั เอง
ขั้นสรปุ
๑๑. ครเู สนอแนะเพม่ิ เตมิ เร่ืองการพมิ พภ์ าพ และหลกั การสรา้ งสรรคผ์ ลงานคราวต่อไป

แบบทดสอบกอ่ นเรียน

หนว่ ยการเรยี นรู้บูรณาการท่ี ๘ สุนทรยี ศิลป์ หนว่ ยย่อยท่ี ๓ ลลี าศลิ ปไ์ ทย
ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๖ จานวน ๑๐ ข้อ ๑๐ คะแนน

คาช้ีแจง ให้นกั เรียนทาเครอื่ งหมาย  ทบั ตัวอกั ษรหน้าคาตอบทถี่ กู ต้องท่ีสดุ เพยี งคาตอบเดียว

๑. การพมิ พภ์ าพจะมคี วามประทบั ใจต้องคานงึ ถงึ องคป์ ระกอบใด
ก. รูปรา่ ง รปู ทรง ระยะ
ข. รปู ร่าง สสี นั แสงเงา
ค. สสี ัน รปู และพน้ื ทวี่ ่าง ระยะ
ง. แสงเงา รูปทรง พ้ืนท่ีวา่ ง

๒. ขอ้ ใดกลา่ วเปรยี บเทยี บระหว่างภาพพมิ พก์ บั ภาพวาดไดด้ ีทส่ี ุด
ก. ภาพพมิ พใ์ ช้นอ้ ยสกี ว่าภาพวาด
ข. ภาพพิมพ์สามารถทาซ้าไดด้ กี ว่าภาพวาด
ค. ภาพพิมพม์ ีวธิ ีการท่ีมากกว่าภาพวาด
ง. ภาพพมิ พ์เปน็ งาน ๒ มติ ิ ภาพวาดเปน็ งาน ๓ มิติ

๓. การปั้นดนิ เหนียวลกั ษณะใดทใ่ี ชก้ ารลดมากกวา่ การเพิ่มดิน
ก. แบบนนู ต่า
ข. แบบนูนสงู
ค. แบบนนู สูงและลอยตวั
ง. แบบลอยตัว

๔. ขอ้ ใดเป็นการเคลื่อนไหวทางนาฏศลิ ป์
ก. การโยกตัว
ข. การหมนุ ตัว
ค. การยกั ไหล่
ง. การกล่อมไหล่

๕. การเคลอื่ นไหวตามจังหวะ เคลอื่ นไหวอย่างไร
ก. เคล่ือนไหวอย่างอิสระ
ข. เคลือ่ นไหวอย่างสมา่ เสมอ
ค. เคลือ่ นไหวอย่างช้าๆ
ง. เคล่ือนไหวอย่างเร็วๆ

กิจกรรมการเรียนรูก ลุม บรู ณากาชุดรก(าสรจำัดหกิจรกบั รรคมรกูผารสู เรอียนนร)ู (สชาํ ้ันหรปบั รคะรผูถูส มอนศ)ึกกษลุมาบปรู ทณา่ี ก๖าร ๑๗๕

หนวยการเรยี นรทู ่ี ๘ สุนทรยี ศิลป ช้นั ประถมศกึ ษาปท ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

๖. การเคลอ่ื นไหวประกอบจังหวะเป็นหมคู่ ณะต้องคานงึ ถึงสง่ิ ใด
ก. ความพรอ้ มเพรียง
ข. ความคดิ สร้างสรรค์
ค. ความอ่อนชอ้ ย
ง. ความขงึ ขัง

๗. เพลงระบาไก่ แทรกอยใู่ นบทละครเร่ืองใด
ก. พระเพอ่ื น พระแพง
ข. อิเหนา
ค. พระลอ
ง. รามเกียรติ์

๘. ข้อใดคือหลักการร้องเพลงไทยทถ่ี กู ต้อง
ก. อ่านเนื้อคร้ังเดียวแลว้ ร้องเลย
ข. ทาความเข้าใจกับเน้ือเพลงกอ่ นร้อง
ค. รอ้ งในทานองและจังหวะของตนเอง
ง. รอ้ งเพลงใหม้ ีน้าเสยี งทีแ่ ปลกใหม่

๙. ลักษณะเด่นของเพลงไทย คือขอ้ ใด
ก. ผู้ขบั ร้องจะยนื ร้องด้วยความม่นั ใจ
ข. มีการเอื้อนเสียงใหส้ อดคล้องกับจังหวะ
ค. มีการแต่งกายใหท้ ันสมยั สวยงาม
ง. มีการร้องตะโกนเสียงดังให้ผฟู้ งั ได้ยิน

๑๐. ลกั ษณะเดน่ ของการร้องเพลงด้นสด คือข้อใด
ก. มีการเอ้ือนทาให้ไพเราะ นุม่ นวล
ข. มีทานองและจงั หวะทแี่ ปลกใหม่
ค. ผู้ขบั ร้องต้องมีการศึกษาสูง
ง. ผขู้ ับร้องตอ้ งคดิ เนื้อเพลงข้ึนเองในเวลานนั้

๑๗๖ ชดุ กกจิ ารกจรดั รกจิมกกรรามรกเารรียเรนยี นรรกู ู (ลสาํมุ หบรับูรคณรผู าูสกอาน)รก(ลสมุ บำรูหณราับกาครรูผสู อน) ช้ันประถมศกึ ษาปท ่ี ๖

หนว ยการเรยี นรูท ี่ ๘ สนุ ทรยี ศลิ ป ช้ันประถมศกึ ษาปท ่ี ๖ (ฉบบั ปรับปรงุ )

๑๗๔

เฉลยแบบทดสอบ
หน่วยบูรณาการเรยี นรู้ท่ี ๘ สุนทรียศิลป์ หนว่ ยย่อยท่ี ๓ ลลี าศลิ ป์ไทย

ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี ๖ จานวน ๑๐ ขอ้ ๑๐ คะแนน

๑. ค ๖. ก

๒. ข ๗. ค

๓. ก ๘. ข

๔. ง ๙. ข

๕. ข ๑๐. ง

กจิ กรรมการเรียนรูก ลุม บรู ณากาชดุรก(าสรจำดั หกจิรกบั รรคมรกูผารสู เรอยี นนร)ู (สชําั้นหรปับรคะรูผถูสมอนศ)ึกกษลมุาบปรู ทณาี่ ก๖าร ๑๗๗

หนวยการเรยี นรูท่ี ๘ สนุ ทรียศลิ ป ช้ันประถมศึกษาปท ่ี ๖ (ฉบับปรับปรุง)

คาชี้แจง บ ๘.๓/ผ ๑-๐๑

ใบงานที่ ๐๑

เร่ือง พมิ พ์ภาพ

๑. แบ่งนักเรียนเปน็ กลุ่ม ๆ ละ ๓ คน

๒. ใหน้ กั เรียนทดลองพิมพภ์ าพด้วยวัสดุตา่ ง ๆ ใหเ้ ต็มกรอบที่กาหนดให้

๑. ชื่อ ......................................................................................................ชน้ั ................ เลขที่ ............
๒. ชื่อ ......................................................................................................ช้ัน ................ เลขท่ี ............
๓. ช่ือ ......................................................................................................ชั้น ................ เลขที่ ............
โรงเรยี น .................................................................................................................... ............................

๑๗๘ ชดุ กกิจารกจรดั รกจิมกกรรามรกเารรยี เรนียนรรกู ู (ลสาํมุ หบรบัูรคณรผู าูสกอาน)รก(ลสมุ บำูรหณราบักาครรผู สู อน) ช้นั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๖

หนวยการเรียนรูที่ ๘ สนุ ทรยี ศิลป ชัน้ ประถมศึกษาปท ี่ ๖ (ฉบับปรับปรงุ )

๑๗๖

ใบงานท่ี ๐๒ บบ๘๘..๓๓//ผผ ๑๑--๐๐๒๒

หน่วยยอ่ ยท่ี ๓ ลลี าศลิ ปไ์ ทย แผนการเรียนรู้ที่ ๑
ชอื่ ภาพ ....................................................

คาชี้แจง ให้นกั เรยี นพมิ พภ์ าพด้วยแมพ่ ิมพ์ธรรมชาติ เพอ่ื ถา่ ยทอดจินตนาการ
พรอ้ มตัง้ ชอื่ ภาพ

ชื่อ......................................................................................................................... ..........................................
โรงเรียน .................................................................................... ชนั้ ......................... เลขท่ี .......................

กจิ กรรมการเรยี นรกู ลุม บรู ณากาชุดรก(าสรจำัดหกิจรกับรรคมรกูผารูสเรอียนนร)ู (สชํา้นัหรปับรคะรูผถสู มอนศ)ึกกษลมุาบปูรทณาี่ ก๖าร ๑๗๙

หนว ยการเรียนรูท ี่ ๘ สุนทรียศิลป ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๖ (ฉบับปรับปรุง)

ใบความรสู้ าหรบั ครูและนกั เรียนท่ี ๑

หน่วยย่อยที่ ๓ ลีลาศิลปไ์ ทย
แผนท่ี ๑ เร่อื ง การพิมพภ์ าพ

การพิมพภ์ าพ คอื กระบวนการสรา้ งภาพทเี่ กิดจากแมพ่ ิมพ์ ซึ่งเปน็ ภาพตน้ แบบกบั ตวั กลางท่ี
ช่วยใหเ้ กิดภาพ เชน่ สีตา่ ง ๆ ร่องรอยบนตัวชิ้นงาน การพิมพ์ภาพสามารถทาได้หลายวธิ ี เชน่ กด ถู ฝน
ระบาย พ่น ฯลฯ การพิมพภ์ าพ เปน็ งานที่พฒั นาต่อเน่ืองมาจากการวาดภาพ ซึ่งการวาดภาพไม่สามารถ
สร้างผลงาน 2 ชน้ิ ท่ีมลี ักษณะเหมือนกนั ทุกประการได้ จงึ มีการพฒั นาการพิมพ์ภาพขนึ้ มา

แมพ่ ิมพ์ แบ่งออกเปน็ ๒ ประเภท คือ
๑. แมพ่ ิมพธ์ รรมชาติ ได้แก่ แม่พมิ พ์ที่ไดว้ สั ดจุ ากธรรมชาติ เชน่ เปลอื กหอย ไม้ ใบไม้ หิน
ส่วนต่าง ๆ ของมนุษย์เรา เป็นตน้
๒. แมพ่ มิ พ์ท่ีมนุษย์สรา้ งขึ้น ไดแ้ กว่ ัสดตุ ่าง ๆ ท่ีมนษุ ย์สร้างขึน้ และนามาใชเ้ ป็นแมพ่ ิมพ์ ซ่ึงอาจจะ
ได้จากการแกะสลัก การพบั การตดั ต่อ หรือวธิ กี ารอ่นื ๆ เช่น ฝาขวดน้าอัดลม ฟองน้า การแกะสลกั
สบเู่ ปน็ แมพ่ ิมพร์ ปู ปลา เป็นตน้
อุปกรณท์ ี่ใช้ในงานพมิ พ์ภาพ มีหลายชนดิ ได้แก่ ดนิ สอ พ่กู ัน สี จานสี กระดาษวาดเขียน ผ้ทู ีพ่ ิมพภ์ าพ
จะต้องรู้จักรกั ษาความสะอาดในการทางาน โดยเฉพาะการพิมพภ์ าพด้วยสีนา้ สีโปสเตอร์ ไม่ควรนาแม่พมิ พ์
ที่เป้ือนสีไปพิมพ์ใสบ่ ริเวณอื่น ๆ ทไ่ี มใ่ ชใ่ บงานจะทาให้สกปรก และควรเกบ็ อุปกรณใ์ ห้เรียบร้อยเมื่อเสรจ็ งาน
การเลือกใช้สใี นการพิมพ์ภาพควรเลือกใหเ้ หมาะกบั วิธีการพิมพภ์ าพ เช่น การพิมพ์ภาพด้วยวธิ กี ดทับ
ใชส้ ีดินสอ (เช่นการพิมพ์ภาพจากหน้าเหรยี ญ) การพมิ พ์ภาพด้วยวธิ รี ะบายใช้สโี ปสเตอร์หรอื สีน้า (เช่น
การพมิ พภ์ าพใบไม)้ เป็นตน้

๑๘๐ ชุดกกจิ ารกจรดั รกจิมกกรรามรกเารรียเรนียนรรูกู (ลสาํุม หบรับูรคณรูผาูสกอาน)รก(ลสมุ บำรูหณราบักาครรูผูส อน) ชั้นประถมศึกษาปท ี่ ๖

หนวยการเรียนรทู ี่ ๘ สนุ ทรยี ศลิ ป ช้นั ประถมศึกษาปท่ี ๖ (ฉบับปรบั ปรุง)

๑๗๘

ตัวอยา่ งภาพท่ี ๑

หนว่ ยย่อยที่ ๓ ลลี าศลิ ปไ์ ทย แผนการเรียนรูท้ ี่ ๑
ภาพวาด

กิจกรรมการเรียนรกู ลมุ บรู ณากาชุดรก(าสรจำดั หกิจรกบั รรคมรกผูารสู เรอียนนร)ู (สชาํ ้ันหรปับรคะรูผถสู มอนศ)กึ กษลุมาบปูรทณาี่ ก๖าร ๑๘๑

หนวยการเรยี นรทู ี่ ๘ สนุ ทรียศิลป ชน้ั ประถมศึกษาปท ี่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรุง)

ตัวอยา่ งภาพท่ี ๒

หน่วยยอ่ ยท่ี ๓ ลลี าศิลปไ์ ทย แผนการเรียนรทู้ ่ี ๑
ภาพพิมพจ์ ากกระดาษ

๑๘๒ ชดุ กกจิ ารกจรดั รกจิมกกรรามรกเารรยี เรนียนรรูกู (ลสําุม หบรบัูรคณรผู าูสกอาน)รก(ลสมุ บำูรหณราับกาครรผู สู อน) ชั้นประถมศกึ ษาปที่ ๖

หนว ยการเรยี นรทู ่ี ๘ สุนทรียศลิ ป ชน้ั ประถมศึกษาปที่ ๖ (ฉบบั ปรบั ปรุง)

๑๘๐

ตัวอยา่ งภาพท่ี ๓

หนว่ ยยอ่ ยที่ ๓ ลีลาศลิ ปไ์ ทย แผนการเรียนรทู้ ี่ ๑
ภาพพิมพจ์ ากแม่พมิ พ์ชนดิ ต่าง ๆ

ภาพพิมพจ์ ากแม่พมิ พเ์ หรยี ญ ภาพพิมพ์จากแม่พิมพก์ ้านกล้วย

ภาพพมิ พ์จากแม่พมิ พใ์ บไม้ ภาพพมิ พจ์ ากแม่พมิ พ์แกะยางลบ

ภาพพิมพ์จากแมพ่ มิ พก์ ระดาษ ภาพพมิ พจ์ ากแม่พิมพ์พบั กระดาษ

ภาพพมิ พ์จากแมพ่ มิ พ์แกะไม้ ภาพพิมพ์จากแม่พมิ พ์เชือก

กจิ กรรมการเรยี นรูกลุมบูรณากาชดุรก(าสรจำัดหกิจรกบั รรคมรกผูารูสเรอียนนร)ู (สชําัน้หรปบั รคะรผูถสู มอนศ)กึ กษลุมาบปรู ทณาี่ ก๖าร ๑๘๓

หนวยการเรยี นรทู ี่ ๘ สนุ ทรียศิลป ชัน้ ประถมศึกษาปท่ี ๖ (ฉบับปรับปรงุ )

แบบสงั เกตการทางานของนักเรียน

หนว่ ยบรู ณาการเรยี นรทู้ ี่ ๘ สุนทรียศลิ ป์ หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๓ ลลี าศลิ ปไ์ ทย
แผนการเรียนร้ทู ่ี ๑ เรอ่ื ง การพิมพภ์ าพ

คาช้แี จง ใหผ้ ปู้ ระเมินทาเคร่อื งหมาย / ลงในชอ่ งระดับการปฏิบตั ิงานของนักเรียน
โดยมเี กณฑ์ระดบั คุณภาพการประเมนิ ดังนี้

๕ มพี ฤตกิ รรมการทางาน มากที่สุด ๔ มพี ฤติกรรมการทางาน มาก ๓ มพี ฤติกรรมการทางาน ปานกลาง

๒ มีพฤตกิ รรมการทางาน น้อย ๑ มีพฤติกรรมการทางาน นอ้ ยท่ีสดุ

พฤตกิ รรมการทางาน ระดับพฤติกรรม
๕ ๔ ๓ ๒๑

๑. มีการวางแผนในการทางาน

๒. ปฏบิ ัติงานด้วยความมงุ่ ม่ัน กระตือรอื รน้

๓. ทางานจนสาเร็จ

๔. มีส่วนรว่ มในการทากิจกรรม

๕. รู้จกั แก้ปัญหา

๖. ทาความสะอาดและเกบ็ อปุ กรณ์เมื่อเสรจ็ งาน

๗. มนี า้ ใจเอ้อื เฟ้ือในการปฏิบตั ิงานร่วมกับผ้อู ่นื

๘. ใชว้ สั ดอุ ุปกรณ์อยา่ งถูกต้อง

๙. ใชว้ สั ดอุ ปุ กรณ์อยา่ งประหยดั และคมุ้ ค่า

๑๐. ผลงานมีความคดิ รเิ ริม่ สร้างสรรค์

ชื่อ......................................................................................................................... ...........................................
โรงเรียน .................................................................................... ช้ัน ......................... เลขท่ี .......................

เกณฑ์การผ่าน ๗๐ % หมายถึงได้คะแนนระดบั พฤติกรรมรวมทกุ ข้อ ๓๕ คะแนนขึ้นไปถือวา่ ผ่าน

๑๘๔ ชดุ กกจิ ารกจรดั รกจิมกกรรามรกเารรียเรนียนรรกู ู (ลสํามุ หบรับูรคณรูผาสู กอาน)รก(ลสุมบำูรหณราับกาครรผู ูสอน) ชั้นประถมศกึ ษาปที่ ๖

หนว ยการเรยี นรูท ี่ ๘ สนุ ทรียศลิ ป ชัน้ ประถมศึกษาปท่ี ๖ (ฉบบั ปรับปรงุ )

๑๘๒

เกณฑ์การให้คะแนนใบงาน

หนว่ ยย่อยที่ ๓ ลีลาศลิ ปไ์ ทย
แผนท่ี ๑ เรอ่ื ง การพมิ พ์ภาพ

.............................................................

ระดบั ผลงาน ระดบั คะแนน หมายเหตุ
มีความคดิ สรา้ งสรรค์ ถกู ต้อง สวยงามมาก ๑๐
มีความคิดสรา้ งสรรค์ ถกู ต้อง สวยงาม ๘
ผลงานถกู ต้อง สวยงาม ๖
ผลงานถกู ต้อง สวยงาม เป็นสว่ นน้อย ๔

เกณฑ์การผ่าน ๗๐ % หมายถงึ ไดค้ ะแนน ๗ คะแนนขึน้ ไปถือว่าผา่ น

เน่ืองจากผลงานศลิ ปะด้านทัศนศิลป์ มคี วามหลากหลายด้านความคิด เทคนิควิธกี าร และความ
แตกต่างทางความพร้อมของวัสดุอุปกรณ์ ดงั น้นั การให้คะแนนผลงานใบงานของนักเรียนจึงขอให้อยู่ในดลุ ย
พนิ จิ ของครูผสู้ อนด้วย

กิจกรรมการเรยี นรูกลุมบูรณากาชดุรก(าสรจำัดหกิจรกับรรคมรกูผารูส เรอียนนร)ู (สชําน้ัหรปับรคะรูผถูส มอนศ)กึ กษลุมาบปูรทณาี่ ก๖าร ๑๘๕

หนวยการเรียนรทู ่ี ๘ สนุ ทรยี ศลิ ป ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

คาชี้แจงประกอบแผนการจัดการเรยี นรู้

แผนการเรยี นรทู้ ่ี ๒ เรื่อง การปั้น เวลา ๒ ชั่วโมง

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

๑. สาระสาคัญของแผน

การป้นั เปน็ การถ่ายทอดจนิ ตนาการผ่านการปั้นดนิ เหนียว ดนิ นา้ มัน เยอื่ กระดาษ หรือวสั ดุอนื่

ลักษณะงานปั้นมหี ลายรปู แบบเช่น การป้ันแบบนูนตา่้ นูนสูง ลอยตัว งานป้นั นอกจากเป็นงานศิลปะแล้ว

ยังมีการน้าความรทู้ างการป้ันไปใช้ในการสร้างส่งิ ของเครื่องใชใ้ นชีวติ ประจา้ วนั ได้ การฝึกปนั้ ใหเ้ กิดความ

มุ่งม่นั ในการทา้ งาน มคี วามใฝร่ ู้ใฝเ่ รียน

๒. ขอ้ เสนอแนะเพม่ิ เติมในการนาแผนการจัดการเรยี นร้ไู ปใช้จัดกิจกรรมการเรยี นรู้

๒.๑ ครูควรศกึ ษาแผนการจัดการเรียนรู้ ส่อื และใบงานให้เข้าใจอยา่ งละเอียดก่อนจัดกจิ กรรม

การเรยี นรู้

๒.๒ ครูควรเตรียมใบงานให้เพยี งพอกับจ้านวนนักเรียน

๒.๓ ครอู ธบิ ายความหมายของการปนั้ แบบนนู ต้่า นูนสงู ลอยตวั และการปน้ั โดยใช้หลกั การเพ่ิม

และลด ให้นกั เรียนเข้าใจ

กิจกรรมการเรยี นรู้
(ชว่ั โมงที่ ๑)

นกั เรยี นดูตวั อย่างงานปนั้ ประเภทตา่ ง ๆ ครูอธิบายสมบัติของงานปน้ั แต่ละประเภท แนะน้าวัสดุ

อปุ กรณ์และขนั ตอนการปั้น.ในการปนั้

ครสู าธิตการปัน้ ดนิ น้ามนั อยา่ งง่าย

นกั เรยี นฝึกปฏบิ ตั ิ

ครนู ดั นกั เรยี นน้าอุปกรณก์ ารปนั้ มาในชั่วโมงตอ่ ไป

(ชั่วโมงท่ี ๒)
นกั เรยี นทา้ ใบงานท่ี ๐๑

นักเรียนน้าเสนอผลงานหนา้ ชันเรยี น

ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั วจิ ารณผ์ ลงาน

๑. การเตรยี มสื่อ/วัสดอุ ุปกรณ์

- ใบความรู้

- ตัวอยา่ งงานปัน้

๒. ใบงาน/ใบความรู้

- ใบงาน ๐๑

- การนา้ เสนอผลงาน

๓. การวัดและประเมนิ ผล

- การทา้ ใบงาน ๐๑ - สงั เกตการร่วมตอบคา้ ถาม
๑๘๖ ชดุ กกิจารกจรัดรกจิมกกรรามรกเารรยี เรนยี นรรูก ู (ลสาํมุ หบรบัรู คณรผู าสู กอาน)รก(ลสุมบำูรหณราับกาครรผู ูส อน) ช้นั ประถมศึกษาปท ่ี ๖

หนวยการเรียนรูท่ี ๘ สนุ ทรียศิลป ช้นั ประถมศกึ ษาปท ี่ ๖ (ฉบับปรบั ปรงุ )

แนวการจดั การเรยี นรบู้ ูรณาการ หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๘ สนุ ทรยี ศลิ ป์ : หนว่ ยย่อยท่ี ๓ ลลี าศิลป์ไทย แผนการเรียนรู้ท่ี ๒ เรื่อง การปน้ั
บรู ณาการกลมุ่ สาระการเรียนรู้ศิลปะ ภาษาไทย เวลา ๒ ชวั่ โมง ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๖

แนวทางการปฏิบัตกิ จิ กรรม กิจกรรมการเรยี นรู้

(ช่ัวโมงที่ ๑)
๑. ครูชแ้ี จงตัวชวี้ ัดชนั้ ปี และจุดประสงค์การเรียนรู้ใหน้ ักเรียนทราบ
๒. ครูสนทนากับนกั เรียนเกี่ยวกับงานภาพวาด และงานป้ัน แลกเปล่ียนความคิดเห็นถึงคณุ สมบตั ิของงานแต่ละชนิด
๒. นกั เรยี นดูตวั อยา่ งงานปน้ั ประเภทตา่ ง ๆ ครอู ธบิ ายสมบัตขิ องงานปัน้ แต่ละประเภท แนะนาวสั ดอุ ปุ กรณแ์ ละขั้นตอน
การปัน้ .ในการปั้น
๔. ครสู าธติ การปั้นดินนา้ มนั อยา่ งงา่ ย
๕. นักเรียนฝึกปฏิบัติ
๓. ครูนัดนกั เรียนนาอปุ กรณ์การป้นั มาในช่วั โมงต่อไป
(ชั่วโมงท่ี ๒)
๖. นักเรยี นทาใบงานท่ี ๐๑
๗. นกั เรยี นนาเสนอผลงานหนา้ ชน้ั เรียน
๙. ครูและนักเรียนรว่ มกนั วิจารณ์ผลงาน

๑๐. ครนู กั เรียนร่วมกนั สรุปความรู้

- การทาใบงาน ๐๑
- สังเกตการรว่ มตอบคาถาม
ขน้ั นา ๑๘๔
กจิ กรรมการเรยี นรูกลมุ บหูรนณวยากการาชเรุดรียกน(ารสรูทจำี่ัด๘หกิจสรกนุบั รทรครมียรกศูผาลิรูสปเรอ ียชนนนั้ รป)ู ร(สชะําถนั้หมรปศับกึ รคษะราูผถปูสมท อ่ีนศ๖)กึ (กฉษลบมุาบั บปปูรรทณบั าี่ปก๖รางุ ร) ๑๘๗
ขั้นสอน

ขั้นสรปุ
วัดและประเมนิ ผล

๑๘๘ ชหุดนกกวิจายรกกจารัดรรกเรจิมียกนกรรราูทมรี่ก๘เารรสยี เุนรนยีทนรรรยีกู ูศ(ลสิลาํมุปหบชรับ้ันูรปคณรรผูะาสูถกอมานศกึ)รษก(ลาสปุม ทบำี่รูห๖ณรา(ฉบักบาคับรรปผูรับสู ปอรุงน) ) ช้นั ประถมศกึ ษาปท่ี ๖ แผนการจดั การเรียนรูบ้ ูรณาการ หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ๘ สนุ ทรยี ศลิ ป์ : หนว่ ยย่อยที่ ๓ ลลี าศลิ ปไ์ ทย แผนการเรียนรทู้ ี่ ๒ เร่อื ง การปน้ั
บูรณาการกลุม่ สาระการเรียนรู้ศิลปะ ภาษาไทย เวลา ๒ ชั่วโมง ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖

ขอบเขตเน้ือหา (ชั่วโมงท่ี ๑) ส่ือ / แหลง่ เรยี นรู้
๑. ใบความรู้
- การสรา้ งงานปัน้ เพ่ือถ่ายทอดจนิ ตนาการ ขน้ั นา ๒. ตวั อยา่ งงานปั้น
ด้วยการใช้ดนิ น้ามันหรือดนิ เหนยี ว ภาระงาน / ช้นิ งาน
๑. ครูชี้แจงตวั ช้วี ดั ชน้ั ปี และจุดประสงค์การเรียนร้ใู ห้นักเรียนทราบ ๑. ใบงาน ๐๑
- วัสดอุ ุปกรณท์ ีใช้ในงานปัน้ ๒. การนาเสนอผลงาน
๒. ครูสนทนากับนักเรียนถงึ งานทศั นศลิ ป์ที่มลี ักษณะเปน็ ภาพวาด กับลกั ษณะ
- การใชห้ ลกั การเพิ่มและลดในการ การวดั และประเมนิ ผล
รูปป้นั แล้วให้นักเรยี นแลกเปลย่ี นความคิดเหน็ กนั ถงึ คุณสมบัตขิ องงานแต่ละ ๑. การประเมนิ ความรู้เรือ่ งประเภท
สรา้ งสรรคง์ านปัน้ งานปั้น วสั ดุ อุปกรณ์ และวธิ กี าร
ชนดิ -- ในการป้ัน
- การพูดนาเสนอผลงาน ๒. การประเมนิ ทกั ษะการปัน้
ขัน้ สอน ๓. การประเมนิ คณุ ธรรม ความ
มุ่งมน่ั ในการทางาน ความใฝเ่ รียนรู้
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๓. ครนู าตวั อย่างรปู ปนั้ ประเภท นูนตา่ นูนสูง และลอยตัว มานาเสนอนักเรียน วธิ กี าร
๑. ตรวจใบงาน
ความรู้ พรอ้ มอธิบายคุณสมบัติของงานปั้นแตล่ ะประเภท ๒. สังเกตการทางาน
๔. ครูแนะนาวัสดุอปุ กรณ์ ทใ่ี ชใ้ นการป้ัน เช่นดนิ เหนียว ดนิ น้ามนั แปง้ ข้าว เครื่องมอื
๑. บอกประเภทของการปน้ั เพ่อื ถ่ายทอด ๑. ใบงาน ๐๑
๒. แบบสงั เกตการทางาน
เรอ่ื งราวหรือจนิ ตนาการได้ เหนยี ว ปูนปลาสเตอร์ เกณฑ์การประเมิน
ผ่านเกณฑ์ตามทีก่ าหนด
๒. บอกวัสดุ อุปกรณ์ และวิธีการในการป้ันได้ ๕. ครอู ธบิ ายใบงาน (การปน้ั ดนิ นา้ มนั และดินเหนยี ว) บอกวิธีการ ข้นั ตอน
ทักษะ และหลกั การปั้น พร้อมสาธติ การปน้ั ใหน้ ักเรยี นดู
๑. ปนั้ เพือ่ ถ่ายทอดความคิดความรูส้ กึ จินตนาการ ๖. นักเรียนฝึกปฏบิ ตั ิ
ของตนเอง โดยใชห้ ลกั การเพ่มิ และลดในการ
๗. ครูนัดนกั เรียนนาอปุ กรณ์การป้ันมาในชว่ั โมงต่อไป
สรา้ งสรรคง์ านปนั้ ได้
(ช่ัวโมงที่ ๒)
๒. มที กั ษะในการใชว้ สั ดุอุปกรณ์ในงานปน้ั ได้ ๘. ครใู ห้นกั เรยี นทาใบงานท่ี ๐๑ วถิ ชี ีวิต ปั้นดินนามันโดยใช้หลักการเพิ่มและ

ถูกตอ้ ง ลด
คณุ ธรรมจริยธรรมและคณุ ลักษณะ
อันพึงประสงค์ ๙. นักเรยี นนาผลงานสาเร็จออกนาเสนอหนา้ ช้นั เรยี น แล้วครูเสนอแนะเพิ่มเตมิ
๑. มคี วามมุง่ ม่ันในการทางาน ข้ันสรุป กจิ กรรมรวมชนั้
๑๐. ครูสรุปความรเู้ ร่ืองการปน้ั เพอ่ื ถา่ ยทอดจนิ ตนาการโดยใช้หลกั การเพิ่ม - ลด
๒. มีความใฝ่เรียนรู้

๑๘๖ บ ๘.๓/ผ ๒-๐๑

ใบงานท่ี ๐๑ บ ๘.๓/ผ ๒-๐๑

เรือ่ ง วิถชี ีวิต

คาชแี้ จง ใหน้ ักเรยี นปัน้ ดนิ นา้ มนั ให้แสดงถึงเรือ่ งราวการด้ารงชีวติ ของคน

ช่ือ......................................................................................................................... ...........................................
โรงเรียน .................................................................................... ชัน้ ......................... เลขที่ .......................

กจิ กรรมการเรียนรกู ลมุ บูรณากาชดุรก(าสรจำดั หกิจรกับรรคมรกูผารูสเรอียนนร)ู (สชํา้ันหรปบั รคะรผูถูสมอนศ)ึกกษลมุาบปูรทณา่ี ก๖าร ๑๘๙

หนวยการเรียนรทู ี่ ๘ สนุ ทรียศลิ ป ชั้นประถมศกึ ษาปท่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

ใบความรู้สาหรับครแู ละนักเรียนท่ี ๑

หน่วยยอ่ ยท่ี ๓ ลีลาศลิ ปไ์ ทย แผนการเรยี นรู้ท่ี ๒ เรอ่ื ง การปั้น

............................................................................................................................. ....................

งานปั้น (งานประตมิ ากรรม) เปน็ งานทัศนศลิ ป์ท่ีเราสามารถรบั รูไ้ ด้ด้วยการมองเห็น
และการจับตอ้ งสมั ผสั หรือท่ีเราเรียกวา่ "งานประเภท ๓ มติ ิ"

วัสดุทใ่ี ชใ้ นงานปน้ั มหี ลากหลายชนิด เช่นดินเหนยี ว ดนิ น้ามนั ข้เี ลือ่ ยผสมกาว
กระดาษผสมกาว ทรายผสมกาว ฯลฯ

ประเภทของงานป้นั แยกเป็น ๓ ลกั ษณะ คือ
๑. ป้ันแบบนูนต่้า เป็นการป้ันเพ่ือถ่ายทอดเรื่องราวคล้ายภาพวาด ภาพเขียน แต่มีมิติ
ความสูงข้ึนจากระนาบเพียงเล็กน้อย ซ่ึงจะใช้หลักการลดมากกว่า ได้แก่ ลายของเงินเหรียญ
เป็นต้น

๒. ป้ันแบบนูนสูง เป็นการป้ันท่ีคล้ายกับแบบนูนต้่า แต่มีมิติความสูงกว่าสามารถมอง
ดา้ นขา้ งไดช้ ัดเจนกว่าแบบนูนต้า่

๓. ป้ันแบบลอยตวั เป็นการป้ันเพือ่ ถ่ายทอดเร่ืองราวรูปแบบให้สามารถมองเหน็ ได้
ทุกทศิ ทางรอบดา้ น

การป้นั ทง้ั ๓ ลกั ษณะ ก็ต้องใชว้ ธิ กี ารทเี่ หมือนกันคือโดยการเพมิ่ และลดปริมาณวัสดุท่ีใช้ได้
ตลอดเวลา เชน่ ถ้าตอ้ งการให้มสี ัดส่วนนูนข้นึ มากก็เพม่ิ หรอื พอกดินเข้าไป หรือ ถา้ ต้องการให้
บางหรอื ต่้าลง หรือเวา้ เข้า กล็ ดปริมาณดนิ ออก เป็นตน้

๑๙๐ ชุดกกจิ ารกจรัดรกิจมกกรรามรกเารรียเรนยี นรรูกู (ลสํามุ หบรบัรู คณรูผาสู กอาน)รก(ลสมุ บำรูหณราบักาครรูผสู อน) ช้ันประถมศกึ ษาปท่ี ๖

หนวยการเรียนรทู ี่ ๘ สนุ ทรยี ศิลป ชั้นประถมศกึ ษาปที่ ๖ (ฉบับปรับปรุง)

๑๘๘

แบบสังเกตการทางานของนักเรียน

หนว่ ยบรู ณาการเรียนรทู้ ่ี ๘ สนุ ทรยี ศลิ ป์ หน่วยยอ่ ยที่ ๓ ลลี าศลิ ปไ์ ทย
แผนการเรยี นรทู้ ่ี ๒ เรื่อง การปั้น

คาช้แี จง ใหผ้ ปู้ ระเมนิ ทา้ เครอ่ื งหมาย / ลงในชอ่ งระดบั การปฏิบตั ิงานของนักเรียน โดยมเี กณฑร์ ะดับคุณภาพ
การประเมนิ ดงั นี้

๕ มีพฤติกรรมการทา้ งาน มากทีส่ ดุ ๔ มีพฤติกรรมการท้างาน มาก ๓ มพี ฤติกรรมการท้างาน ปานกลาง

๒ มพี ฤตกิ รรมการทา้ งาน น้อย ๑ มีพฤติกรรมการท้างาน น้อยท่ีสุด

ระดับพฤตกิ รรม

พฤติกรรมการทางาน ๕ ๔ ๓ ๒๑

๑. มกี ารวางแผนในการทา้ งาน

๒. ปฏบิ ัติงานด้วยความมุง่ มั่น กระตือรือร้น

๓. ทา้ งานจนส้าเรจ็

๔. มีส่วนรว่ มในการท้ากจิ กรรม

๕. รู้จักแก้ปัญหา

๖. ท้าความสะอาดและเก็บอุปกรณ์เม่ือเสรจ็ งาน

๗. มนี า้ ใจเอ้อื เฟื้อในการปฏิบัตงิ านร่วมกับผู้อ่ืน

๘. ใชว้ สั ดุอุปกรณ์อยา่ งถูกต้อง

๙. ใช้วสั ดุอปุ กรณ์อย่างประหยดั และคมุ้ คา่

๑๐. ผลงานมีความคิดรเิ ริม่ สร้างสรรค์

ชื่อ......................................................................................................................... ...........................................
โรงเรยี น .................................................................................... ชัน้ ......................... เลขท่ี .......................
เกณฑ์การผ่าน ๗๐ % หมายถึงไดค้ ะแนนระดบั พฤตกิ รรมรวมทุกข้อ ๓๕ คะแนนขนึ้ ไปถือว่าผ่าน

กิจกรรมการเรียนรูกลมุ บูรณากาชุดรก(าสรจำดั หกิจรกับรรคมรกูผารูส เรอียนนร)ู (สชาํ ัน้หรปับรคะรูผถูสมอนศ)กึ กษลมุาบปรู ทณา่ี ก๖าร ๑๙๑

หนวยการเรยี นรทู ่ี ๘ สนุ ทรยี ศิลป ชน้ั ประถมศึกษาปท ี่ ๖ (ฉบับปรับปรุง)

เกณฑ์การให้คะแนนใบงาน

หน่วยยอ่ ยท่ี ๓ ลลี าศลิ ปไ์ ทย

แผนที่ ๒ เรื่องการปนั้

.............................................................

ระดับผลงาน ระดับคะแนน หมายเหตุ
มคี วามคดิ สร้างสรรค์ ถูกต้อง สวยงามมาก ๑๐
มีความคิดสร้างสรรค์ ถกู ต้อง สวยงาม ๘
ผลงานถกู ต้อง สวยงาม ๖
ผลงานถกู ต้อง สวยงาม เป็นส่วนน้อย ๔

เกณฑ์การผ่าน ๗๐ % หมายถงึ ได้คะแนน ๗ คะแนนข้ึนไปถือวา่ ผา่ น

เน่อื งจากผลงานศิลปะด้านทศั นศิลป์ มคี วามหลากหลายด้านความคิด เทคนิควธิ ีการ และความ
แตกตา่ งทางความพร้อมของวัสดอุ ุปกรณ์ ดังนัน้ การให้คะแนนผลงานใบงานของนักเรียนจึงขอให้อยใู่ น
ดุลยพนิ ิจของครูผู้สอนดว้ ย

๑๙๒ ชุดกกจิ ารกจรดั รกจิมกกรรามรกเารรียเรนียนรรกู ู (ลสําุมหบรบัรู คณรผู าสู กอาน)รก(ลสมุ บำรูหณราบักาครรูผูสอน) ชั้นประถมศึกษาปท่ี ๖

หนว ยการเรียนรทู ี่ ๘ สนุ ทรียศลิ ป ชัน้ ประถมศึกษาปที่ ๖ (ฉบับปรับปรงุ )

๑๘๙

คาชแ้ี จงประกอบแผนการจดั การเรียนรู้

แผนการเรียนรู้ที่ ๓ เรอ่ื ง การขบั ร้องเพลงไทย เวลา ๑ ชั่วโมง

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

๑. สาระสาคัญของแผน

การรอ้ งเพลงไทย และเพลงสากล ควรรู้ประเภทของเพลง จังหวะ ทานอง เนอ้ื ร้อง การบรรเลง

ดนตรี และความหมายของเพลง ควรดูตัวอยา่ งจากสือ่ ตา่ ง ๆ การฝึกร้องเพลงจนเกิดความชานาญกอ่ ให้เกดิ

ความใฝเ่ รียนรู้ รักความเป็นไทย และมีความมุ่งม่ันในการทางาน

๒. ข้อเสนอแนะเพม่ิ เติมในการนาแผนการจดั การเรยี นรู้ไปใชจ้ ดั กิจกรรมการเรยี นรู้
ครคู วรศกึ ษาแผนการจัดการเรยี นรู้ สอ่ื และใบงานใหเ้ ข้าใจอยา่ งละเอียดกอ่ นจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
ครูควรเตรียมใบงานใหพ้ ร้อม
ครอู ธบิ ายความหมายของจังหวะ ทานอง เนอ้ื ร้อง และความหมายของเพลงให้นกั เรียนเขา้ ใจ

กจิ กรรมการเรยี นรู้
ให้นกั เรยี นศึกษาความรู้เร่อื งหลกั การขบั ร้องเพลงไทย และการขับร้องเพลงสากล

และเพลงไทยสากล จากนัน้ ครอู ธบิ ายเพ่ิมเติมให้นักเรียนฟังเก่ยี วกบั การฝึกขับร้องเพลง
ให้สมาชิกแตล่ ะกลุ่มร่วมกนั เขียนแผนผงั ความคิดหลกั การร้องเพลงสากล ทาใบงาน

๑. การเตรยี มส่อื /วสั ดอุ ุปกรณ์
๑.๑ ใบงาน

๒. ใบงาน/ใบความรู/้ ใบกจิ กรรม
๒.๑ ใบงานท่ี ๐๑-๐๒
๒.๒ ใบความรู้ที่ ๑

๓. การวัดและประเมนิ ผล
๓.๑ ตรวจผลงาน
๓.๒ แบบสงั เกตพฤติกรรม

กิจกรรมการเรียนรกู ลุมบูรณากาชุดรก(าสรจำัดหกิจรกับรรคมรกูผารูส เรอยี นนร)ู (สชาํ ้นัหรปับรคะรูผถูสมอนศ)กึ กษลุมาบปรู ทณา่ี ก๖าร ๑๙๓

หนวยการเรยี นรูท ี่ ๘ สนุ ทรียศิลป ชัน้ ประถมศึกษาปที่ ๖ (ฉบับปรับปรุง)

๑๙๐

๑๙๔ หชุดนกกวิจายรกกจารัดรรกเริจมียกนกรรราูท มรี่ก๘เารรสยี เนุรนยีทนรรรยีูก ูศ(ลสิลาํุมปหบชรับ้ันรู ปคณรรูผะาสูถกอมานศกึ)รษก(ลาสปุมทบำ่ีรูห๖ณรา(ฉับกบาคบัรรปูผรับสู ปอรุงน) ) ช้ันประถมศึกษาปท่ี ๖
แนวการแจนัดวกกาารรเจรดั ียกนารรูบเรูรียณนราู้บกูราณร ากหานรว ยหกนา่วรยเกรียารนเรรยีูทนี่ ๘ร้ทู ส่ี ๘นุ ทสรุนยีทศรลิียศปิล :ปห์ :นหว นยว่ ยยอยย่อทยที่ ่ี ๓๓ ลลลี ลี าาศศลิ ิลปปไไ์ ททยย แแผผนนกการาเรรียเรนยีรูท้นี่ ร๓ูท ี่ เร๓่อื งเรก่ือางรขับกราอ้ รงขเพบั ลรงไอ ทงยเพลงไทย
บรู ณบูราณกาากรากรลกุมลสมุ่ าสราะรกะการารเรเรียยี นนรรูศูศ้ ิลลิ ปปะะ ภภาาษษาาไไททยย เวเวลลาา ๑๑ชัว่ชโ่วั มโงมงช้นั ชป้นั รปะถรมะศถกึมษศาึกปษที า่ี ป๖ท่ี ๖

แนวการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ กจิ กรรมการเรียนรู้
ขนั้ นา ๑. ครใู หน้ ักเรยี นดูภาพเกีย่ วกบั การขับรอ้ งเพลงไทยและเพลงไทยสากลแล้ว แสดงความคิดเห็นว่า การขับร้องในภาพเป็นการขบั ร้องเพลงประเภท

ข้ันสอน ใด และ
ข้ันสรุป มหี ลักปฏิบัติอยา่ งไร
วัดและประเมนิ ผล ๒. ครูอธิบายนกั เรียนความแตกต่างของเพลงไทยและเพลงสากล
๓. ครใู ห้นักเรียนฝกึ ปรบมือตามจงั หวะเสียงฉิ่ง เพ่ือนกั เรียนเกิดความเข้าใจในจงั หวะ
๔. ครตู ดิ เน้ือเพลงมอญดูดาว ๒ ชั้น บนกระดาน แลว้ นักเรียนฝึกอา่ นเน้อื เพลง ๒-๓ รอบ
๕. ครเู ปดิ ซดี ีเพลงมอญดูดาวให้ นักเรียนฟงั จากนนั้ ครรู ้องนาและนักเรยี นฝึกร้องตาม ๒-๓ รอบ หรือจนเกิดความชานาญ

๖. นักเรียนตอบคาถามกระตุ้นความคดิ (การขับร้องเพลงไทยมีเสน่หอ์ ยา่ งไร) ทาใบงานท่ี ๐๑

๗. ครเู ปดิ เพลงแหลมทอง นักเรยี นฟงั จากนนั้ ครรู อ้ งนา นักเรยี นร้องเพลงตามครูให้นักเรยี นฝกึ ร้องเพลงแหลมทอง จนเกดิ ความชานาญ
๘. แบ่งนักเรยี นออกเปน็ กลุ่ม แตล่ ะกล่มุ เลอื กเพลงจากท่ีเรียนมากลมุ่ ละ ๑ เพลง แล้วให้แต่ละกลุ่มผลัดกนั ร้องเพลงหนา้ ช้ันเรยี น
๙. ครแู บง่ นกั เรยี นเปน็ กลมุ่ ๔ กลุ่ม ใหน้ ักเรียนศึกษาความรู้เรือ่ งหลักการขบั ร้องเพลงไทย เพลงไทยสากล และเพลงสากล จากหนงั สือเรยี น
๑๐. ใหส้ มาชิกแตล่ ะกลุ่มรว่ มกนั เขยี นแผนผังความคิดสรุปหลักการขับร้องเพลงไทยสากล ทาใบงานที่ ๐๒
๑๑. ศกึ ษาใบงาน
๑๒. ใบงานท่ี ๐๑ หลักการขับร้องเพลงไทย
๑๓. ใบงานท่ี ๐๒ หลกั การขบั ร้องเพลงไทยสากล
๑๔. นกั เรียนช่วยกนั สรุปความรู้เก่ียวกบั หลกั การรอ้ งเพลงไทย , เพลงไทยสากล และเพลงสากล

๑. ประเมนิ ความรเู้ ร่ือง หลกั การขบั รอ้ งเพลงไทย
๒. ประเมินทักษะ การใช้และเก็บรักษาเครื่องดนตรีอย่างถูกตอ้ งและปลอดภัย
๓. ประเมินคุณธรรมจริยธรรม คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ใฝเ่ รยี นรู้ มุ่งมัน่ ในการทางาน ความซอ่ื สตั ย์

แผนกแาผรนจกดั ากราจรัดเรกียานรเรรบู ียรูนณรู้บารูกณารากหารนวหยนกว่ายรเกรายี รนเรรยีทู น่ี ร๘ทู้ ี่ ส๘ุนทสรุนยี ทศรลิ ยี ปศิล:ปห์ น: วหยนยว่ อยยยทอ่ ยี่ ท๓ี่ ๓ลีลลาีลศาิลศปลิ ไ ปทไ์ยทยแผแนผกนากราเรรยีเรนยี รนูทรี่ทู้ ๓่ี ๓เรเ่ือรง่ืองกากราขรบัขับรอรอ้งเงพเพลลงไงทไทยย
บรู ณบาูรกณารากลารมุ กสลาุ่มรสะการาะรกเรายี รนเรรียศู นลิ รปศู้ ะลิ ปภะาษภาไษทายไทยเวลเาวล๑า ๑ชว่ั ชโมวั่ งโมงชนั้ ชปนั้ รปะรถะมถศมึกศษึกาษปาทป่ีท๖่ี ๖

ขอบเขตเนอื้ หา ขัน้ นา สือ่ / แหล่งเรียนรู้
- หลักการขบั รอ้ งเพลงไทย ๑. ใบความรูท้ ี่ ๐๑ - ๐๒
๑. ครูให้นักเรยี นดูภาพเกี่ยวกบั การขับรอ้ งเพลงไทยและเพลงไทยสากลแลว้ แสดงความคดิ เห็นวา่ การขับ
- - เพลงไทยสากล ภาระงาน/ชนิ้ งาน
- และเพลงสากล รอ้ งในภาพเปน็ การขับร้องเพลงประเภทใด และมหี ลักปฏบิ ัตอิ ยา่ งไร
- ผลงานตามใบงานที่ ๐๑-๐๒
จดุ ประสงค์ ๒. ครอู ธิบายนักเรียนเข้าใจวา่ เพลงไทยเปน็ เพลงทีม่ กี ารบรรเลงโดยใช้เคร่ืองดนตรไี ทย ใชท้ านอง เนอื้
ความรู้ การวัดและการประเมินผล
รอ้ ง จงั หวะและเสยี งประสานทีเ่ ป็นเอกลักษณ์ การขบั รอ้ งเพลงสากลหรอื เพลงไทยสากล จะมแี นวทานอง ๑. วิธกี ารวัดและประเมินผล
๑. รอ้ งเพลงไทยในอตั ราจังวะสองช้ันได้ ๑๙๑ - สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี น
๒. ร้องสากลหรือเพลงไทยสากลได้กจิ กรรมการเรียนรกู ลมุ บหรู นณว ยากการาชเรดุรยี กน(ารสรทูจำี่ัด๘หกิจสรกนุับรทรครมยีรกศูผาิลรสู ปเรอ ียชนน้ันรป)ู ร(สชะําถ้ันหมรปศับึกรคษะราผูถปสู มท อ่ีนศ๖)ึก(กฉษลบุมาับบปปูรรทณับา่ีปก๖รางุ ร) ๑๙๕เพลงแตกต่างกันอยา่ ไร- ตรวจผลงานนักเรยี น
ทกั ษะ ๒. เครื่องมอื การวัด
๑. ร้องเพลงไทย เพลงไทยสากลได้ ๓. ครใู หน้ กั เรยี นฝกึ ปรบมือตามจงั หวะเสยี งฉง่ิ เพ่ือนกั เรยี นเกิดความเขา้ ใจในจังหวะ
๒. รอ้ งเพลงสากล - แบบสังเกตพฤติกรรม
๓. การสงั เกต ขน้ั สอน ๓. เกณฑ์การประเมนิ
๔. การปฏิบตั /ิ การสาธิต
๕. การทางานกลมุ่ ๓. ครตู ดิ เนอื้ เพลงมอญดดู าว ๒ ช้นั บนกระดาน แลว้ นกั เรยี นฝกึ อา่ นเนือ้ เพลง ๒-๓ รอบ - การประเมินพฤติกรรม
คณุ ธรรมจริยธรรมและค่านิยมอนั พงึ การเขา้ รว่ มกิจกรรม
ประสงค์ ๔. ครเู ปดิ ซดี ีเพลงมอญดดู าวใหน้ กั เรยี นฟงั จากนัน้ ครรู อ้ งนาและนกั เรียนฝกึ รอ้ งตาม ๒-๓ รอบ หรือจน
๑. ใฝ่เรยี นรู้ - การประเมินพฤติกรรม
๒. มงุ่ มน่ั ในการทางาน เกิดความชานาญ - การเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่
๓. รกั ความเปน็ ไทย
๕. ครคู อยให้ความชว่ ยเหลือและให้คาแนะนาแกน่ กั เรยี นตลอดเวลา -

๖. นกั เรยี นตอบคาถามกระตุ้นความคดิ (การขบั รอ้ งเพลงไทยมเี สนห่ ์อยา่ งไร) ทาใบงานที่ ๐๑

๗. ครูเปดิ เพลงเพลงแหลมทอง นกั เรียนฟงั จากนน้ั ครูรอ้ งนา นกั เรียนร้องตามครใู หน้ กั เรยี นฝกึ รอ้ งเพลง-
แหลมทองจนเกดิ ความชานาญ

๘. แตล่ ะกลมุ่ เลือกเพลงจากท่เี รยี นมา กลุม่ ละ ๑ เพลง แลว้ ให้แตล่ ะกลุ่มผลดั กันรอ้ งเพลงหนา้ ชนั้ เรียน

๙. ครูแบ่งนกั เรยี นเป็นกลมุ่ ๔ กลุ่ม ให้นักเรียนศกึ ษาความรเู้ รอ่ื งหลักการขบั ร้องเพลงไทย และการขบั

ร้องเพลงสากลและเพลงไทยสากล จากนน้ั ครูอธิบายเพิม่ เติมให้นักเรยี นฟงั เกยี่ วกบั การฝกึ ขับรอ้ งเพลง

๑๐. ใหส้ มาชกิ แต่ละกลมุ่ รว่ มกนั เขยี นแผนผังความคิดหลกั การร้องเพลงสากล ทาใบงานที่ ๐๒

ขนั้ สรุป

๑๑. สมาชิกช่วยกันสรุปความรเู้ กย่ี วกับหลกั การรอ้ งเพลงไทย และเพลงไทยสากล และเพลงสากล

ภาษาไทย )

บ ๘.๓/ผ ๓-๐๑

ใบงานท่ี ๐๑

เรอ่ื ง หลกั การขับร้องเพลงไทย

4.1 ใหน้ กั เรยี นขดี  หน้าขอ้ ความทถ่ี ูกต้อง และกา  หน้าข้อความที่ผดิ

คาช้แี จง

๑. หายใจเข้า-ออกอยา่ งแรงในขณะร้องเพลงจนผู้ฟังได้ยนิ
๒. ออกเสยี งให้ถูกต้องกบั จังหวะและทานองเพลง
๓. ขณะร้องเพลงควรนั่งหรือยืนลาตวั ตรง ไม่งอตวั และไมเ่ กร็งลาตวั
๔. ออกเสียงรอ้ งให้ถูกตอ้ งและชัดเจน
๕. ควรร้องเพลงให้มีเสยี งหนักและเสยี งเบา
๖. ยิม้ แย้มแจ่มใสในการร้องเพลงที่มีจงั หวะและทานองโศกเศร้า
๗. ควรรอ้ งให้ถูกต้องตามเนื้อเพลง โดยไม่คานึงถงึ จงั หวะ
๘. การรอ้ งเพลงไทยควรอ้าปากใหก้ ว้าง เพอ่ื ความชัดเจนของเสียง
๙. การร้องเอ้ือนในเพลงไทยควรร้องให้ถูกต้องตามจังหวะ
๑๐. ออกเสยี งดงั ในการร้องเพลงไทยเพื่อใหผ้ ู้ฟังไดย้ นิ ชดั เจน

ชือ่ ......................................................................................................................... ..............................
โรงเรยี น ........................................................................ ชนั้ ......................... เลขท่ี .......................

๑๙๖ ชุดกกิจารกจรดั รกจิมกกรรามรกเารรยี เรนยี นรรกู ู (ลสาํมุ หบรบัูรคณรผู าูสกอาน)รก(ลสมุ บำูรหณราบักาครรูผสู อน) ชั้นประถมศึกษาปท่ี ๖

หนวยการเรยี นรทู ี่ ๘ สุนทรียศิลป ช้นั ประถมศึกษาปท ่ี ๖ (ฉบับปรบั ปรงุ )

๑๙๓ บบ๘๘.๓.๓//ผผ ๓๓--๐๐๒๒

ใบงานที่ ๐๒

เรอื่ ง หลกั การขับรอ้ งเพลงไทยสากล

คาช้ีแจง ใหน้ ักเรียนเขียนแผนผงั ความคดิ เรื่อง หลักการขบั ร้องเพลงไทยสากล

หลักการขับรอ้ ง
เพลงไทยสากล

มีดังน้ี

กจิ กรรมการเรยี นรูกลมุ บูรณากาชดุรก(าสรจำัดหกิจรกบั รรคมรกูผารูส เรอยี นนร)ู (สชําัน้หรปบั รคะรูผถสู มอนศ)กึ กษลุมาบปรู ทณา่ี ก๖าร ๑๙๗

หนว ยการเรยี นรทู ี่ ๘ สุนทรยี ศิลป ชั้นประถมศึกษาปท ่ี ๖ (ฉบับปรับปรุง)

บ ๘.๓/ผ ๓-๐๑

เฉลย ใบงานที่ ๐๑
เรือ่ ง หลกั การขับร้องเพลงไทย

4.คาชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นขีด  หน้าขอ้ ความท่ีถูกตอ้ ง และกา  หนา้ ข้อความทผ่ี ดิ

 ๑. หายใจเขา้ -ออกอยา่ งแรงในขณะร้องเพลงจนผู้ฟงั ไดย้ ิน
 ๒. ออกเสียงใหถ้ ูกต้องกับจงั หวะและทานองเพลง
 ๓. ขณะร้องเพลงควรนั่งหรือยืนลาตัวตรง ไมง่ อตวั และไม่เกร็งลาตวั
 ๔. ออกเสียงร้องใหถ้ ูกต้องและชัดเจน
 ๕. ควรร้องเพลงใหม้ ีเสยี งหนกั และเสียงเบา
 ๖. ย้มิ แยม้ แจม่ ใสในการร้องเพลงท่มี ีจงั หวะและทานองโศกเศรา้
 ๗. ควรรอ้ งใหถ้ ูกต้องตามเน้ือเพลง โดยไมค่ านงึ ถงึ จังหวะ
 ๘. การรอ้ งเพลงไทยควรอ้าปากใหก้ วา้ ง เพอ่ื ความชดั เจนของเสยี ง
 ๙. การรอ้ งเอื้อนในเพลงไทยควรรอ้ งให้ถูกต้องตามจังหวะ
 ๑๐. ออกเสยี งดังในการรอ้ งเพลงไทยเพ่ือให้ผูฟ้ ังได้ยินชัดเจน

๑๙๘ ชุดกกิจารกจรดั รกจิมกกรรามรกเารรยี เรนียนรรกู ู (ลสําุมหบรบัรู คณรผู าสู กอาน)รก(ลสมุ บำูรหณราบักาครรผู ูส อน) ชัน้ ประถมศกึ ษาปท ่ี ๖

หนวยการเรยี นรทู ่ี ๘ สนุ ทรียศลิ ป ชน้ั ประถมศึกษาปท ่ี ๖ (ฉบบั ปรับปรุง)

๑๙๕ บ ๘.๓/ผ ๓-๐๒

เฉลย ใบงานที่ ๐๒ บ ๘.๓/ผ ๓-๐๒
4.3เรื่อง หลักการขับร้องเพลงไทยสากล

คาชีแ้ จง ใหน้ กั เรียนเขียนแผนผงั ความคดิ เร่ือง หลกั การขบั ร้องเพลงไทยสากล

๑) ร้องใหถ้ ูกต้องตามจังหวะ
และทานองเพลง

๘) เน้นเสียงหนัก-เบา ๒) ร้องใหถ้ ูกต้องตามเนื้อเพลง
ตามอารมณเ์ พลง และไม่ขาดตกบกพรอ่ ง

๗) หากขบั ร้องบนเวที ควรมอง หลักการขับร้อง ๓) รอ้ งให้เต็มเสยี ง ออกเสียง
ไปทางผชู้ ม ไม่ควรก้มหนา้ อกั ขระและพยัญชนะให้ถูกต้อง
หรอื หนั หนา้ ไปทางอน่ื เพลงไทยสากล ชัดเจน
มีดังนี้

๖) การร้องเพลงไทยสากลเพ่ือ ๔) หายใจให้สอดคล้องกับจังหวะ
เปล่งเสยี งได้เตม็ ท่ี ควรอา้ ปากกว้าง การรอ้ งเพลง

๕) แสดงอารมณแ์ ละทา่ ทางให้
สอดคล้องกับความหมายเน้ือ
เพลง

กจิ กรรมการเรียนรูกลมุ บรู ณากาชุดรก(าสรจำดั หกจิรกับรรคมรกูผารสู เรอียนนร)ู (สชํา้นัหรปับรคะรูผถูสมอนศ)กึ กษลมุาบปรู ทณา่ี ก๖าร ๑๙๙

หนวยการเรยี นรทู ี่ ๘ สุนทรียศิลป ชน้ั ประถมศึกษาปท่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรุง)

ใบความรู้สาหรับครูและนักเรียนท่ี ๑

เรอื่ ง หลักการปฏบิ ัติในการฝกึ หัดขับร้องเพลงไทย

๑. ศึกษาทานองเพลงใหเ้ ข้าใจ และใสอ่ ารมณ์ให้ถูกต้องเหมาะสม
๒. ศึกษาคาร้องให้เข้าใจ และร้องโดยใสอ่ ารมณใ์ ห้ถูกต้องกับคารอ้ ง
๓. วางสหี น้าปกติ ไม่เหลียวหน้าเหลยี วหลงั และรอ้ งอย่างสง่างาม
๔. รอ้ งให้ถกู ต้องตามคาร้อง ทานอง และใหต้ รงจงั หวะ
๕. ร้องให้ชัดเจน ถูกตอ้ ง ท้งั พยัญชนะ สระ และคาควบกลา้
๖. ร้องใหต้ รงตามระดบั เสยี งของทานองเพลง
๗. รจู้ ักใช้เสยี งอย่างถกู ตอ้ ง
๘. รจู้ ักผอ่ นและถอนลมหายใจให้ถกู วรรคตอน หรอื ตรงกบั จงั หวะหยดุ
๙. รักษาสุขภาพ และต้องมสี มาธิ
๑๐. การร้องเพลงควรน่งั หรอื ยืนลาตัวตรง ไม่งอ และเกร็งลาตวั

๒๐๐ ชุดกกิจารกจรดั รกจิมกกรรามรกเารรียเรนยี นรรูกู (ลสําุมหบรับรู คณรผู าูส กอาน)รก(ลสมุ บำรูหณราบักาครรผู สู อน) ชนั้ ประถมศกึ ษาปท่ี ๖

หนว ยการเรียนรูท่ี ๘ สนุ ทรียศลิ ป ช้นั ประถมศึกษาปท่ี ๖ (ฉบับปรับปรุง)

๑๙๗

ใบความร้สู าหรับครแู ละนักเรยี นที่ ๒

เร่ือง การขับรอ้ งเพลงไทยสากล

การขับรอ้ งเพลงไทยสากล มีหลกั การปฏิบตั ิ ดงั น้ี
๑. การทาท่าทางในการร้องเพลงไทยสากล จะใชท้ ่ายนื ร้องเปน็ ส่วนใหญ่ การยนื รอ้ งเพลงไทยสากล ต้องยนื ร้อง

อยา่ งสงา่ งาม และแสดงสีหนา้ ท่าทางให้สอดคล้องกับจงั หวะ ทานอง และความหมายของเพลง
๒. ศกึ ษาเนือ้ ร้องของเพลงว่า มคี วามหมายอยา่ งไร ควรเนน้ เสียงชว่ งใดหรือใชส้ าเนียงเสียงการรอ้ งอยา่ งไร

จึงเหมาะสมกับเพลง
๓. ศกึ ษาทานองเพลงใหเ้ ข้าใจวา่ เปน็ เพลงประเภทใด ให้อารมณ์อย่างไร เพราะผู้ขับรอ้ งควรใสอ่ ารมณ์ให้

ถกู ตอ้ งเหมาะสมกับทานองเพลง
๔. แสดงสหี นา้ ทา่ ทางให้เข้ากับบรรยากาศของเพลง ไม่ควรแสดงกิรยิ าเฉยเมยหรือแสดงท่าทางมากเกินไป
๕. รอ้ งใหถ้ กู ต้องตามเนอ้ื ร้อง จังหวะ และทานอง
๖. รอ้ งใหเ้ ตม็ เสยี ง แตไ่ ม่ใช่การตะโกน รวมทงั้ การออกเสยี งพยญั ชนะและอักขระให้ถกู ต้อง ชัดเจน
๗. หายใจให้ถูกตอ้ งกบั จังหวะของเพลง
๘. ควรรักษามารยาทในการขบั ร้องเพลง ดงั น้ี

- แตง่ กายใหเ้ หมาะสมกับโอกาสและสถานท่ีทาการขับรอ้ ง
- เลอื กเพลงท่ีจะขับร้องใหเ้ หมาะสมกับกล่มุ ผฟู้ ัง
- ไม่ควรพูดจาหยอกล้อกับผู้ฟังมากจนเกินไป และใช้ภาษาสุภาพในการสื่อสารกนั
- ควรมหี นา้ ตายิ้มแย้มแจ่มใส ไมห่ งดุ หงิด
- พยายามสบตาและกวาดสายตาไปยงั ผูช้ มใหท้ ั่วถงึ

กิจกรรมการเรียนรกู ลุมบรู ณากาชดุรก(าสรจำัดหกิจรกบั รรคมรกผูารสู เรอยี นนร)ู (สชํานั้หรปับรคะรูผถูสมอนศ)กึ กษลมุาบปรู ทณา่ี ก๖าร ๒๐๑

หนว ยการเรียนรูท่ี ๘ สนุ ทรยี ศิลป ชั้นประถมศึกษาปท ่ี ๖ (ฉบับปรับปรุง)

ใบความรู้สาหรบั ครแู ละนกั เรยี นที่ ๓

เรอื่ ง เพลงไทย และเพลงสากล

เพลงมอญดดู าว

เนื้อรอ้ ง ขุนวจิ ติ รมาตรา

แลว้ จดั แจงแต่งกายพลายชมุ พล ปลอมตนเป็นมอญใหมด่ คู มสัน

นุ่งผ้าตาหมากรุกของรามัญ ใส่เสอื้ ลงยนั ต์ยอ้ มวา่ นยา

คอผกู ผ้าประเจยี ดของอาจารย์ โอมอา่ นเสกผงผดั หนา้

คาดตะกรดุ โทนทองของบดิ า โพกผา้ สีทับทิมริมขลิบทอง

ถือหอกสัตตโลหะชนะชัย เหมอื นสมิงมอญใหมด่ ูไววอ่ ง

ขนุ แผนขส่ี หี มอกออกลาพอง ชมุ พลขน้ึ กระเลียวผยองนาโยธา

เพลงแหลมทอง

เนอ้ื ร้อง พลตรีหลวงวจิ ิตรวาทการ ทานอง พลตรหี ลวงวจิ ติ รวาทการ

(สรอ้ ย) แหลมทอง ไทยเข้าครองเป็นแดนไทย
รักกนั ไว้ เราพวกไทยในแดนทอง
แลว้ ยา้ ยแยกแตกไปเป็นสาขา
แหลมทองไทยเขา้ ครองเป็นแดนไทย และปงิ วงั ยมนา น่านนที (สร้อย)
ไทยสยามอย่แู มน่ ้าเจ้าพระยา สาละวินไทยใหญ่อยเู่ ป็นที่
โขงสาครไทยก็จองครองท่ดี ิน ต่อลงไปไทยกม็ ีอยเู่ หมือนกัน (สรอ้ ย)
ไทยอสิ ลามอยลู่ าน้าตาปี หมายใจห่วงผูกรกั สมัครม่ัน
ขอพวกเราชาวไทยของแดนทอง ผูกไมตรีท่วั กนั ในแหลมทอง (สรอ้ ย)
ไทยสยามมุ่งจติ คิดสมั พันธ์

๒๐๒ ชุดกกจิ ารกจรดั รกิจมกกรรามรกเารรยี เรนยี นรรกู ู (ลสาํมุ หบรบัูรคณรผู าสู กอาน)รก(ลสุม บำรูหณราบักาครรูผสู อน) ชั้นประถมศึกษาปท่ี ๖

หนวยการเรียนรทู ี่ ๘ สุนทรียศลิ ป ชัน้ ประถมศกึ ษาปท ่ี ๖ (ฉบับปรับปรุง)

๑๙๙
เพลงแมงมุมลาย

เนือ้ ร้อง ไมท่ ราบนามผู้แตง่ ทานอง ไมท่ ราบนามผู้แต่ง

เพลง Happy Birthday

เน้อื รอ้ ง Robert H. Coleman ทานอง ไมท่ ราบนามผแู้ ต่ง

กิจกรรมการเรียนรกู ลมุ บูรณากาชดุรก(าสรจำัดหกิจรกับรรคมรกูผารสู เรอยี นนร)ู (สชาํ น้ัหรปบั รคะรูผถูส มอนศ)ึกกษลมุาบปรู ทณา่ี ก๖าร ๒๐๓

หนวยการเรยี นรูท่ี ๘ สุนทรยี ศลิ ป ช้ันประถมศกึ ษาปท ี่ ๖ (ฉบับปรบั ปรุง)

คาช้ีแจงประกอบแผนการจัดการเรียนรู้

แผนการเรยี นรูท้ ่ี ๔ เรื่อง การขบั ร้องเพลงพน้ื บา้ น เวลา ๒ ชว่ั โมง

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

๑. สาระสาคญั ของแผน

การรอ้ งเพลงด้นสด เป็นการรอ้ งโดยใชป้ ฏิภาณไหวพริบคิดเนือ้ ร้องสด ๆ โดยไมต่ ้องมีการเตรียมไว้

ลว่ งหนา้ ควรมีการฝึกสร้างสรรคป์ ระโยคเพลงถาม - ตอบ และเคาะจงั หวะไปด้วย การร้องเพลงทั่วไปต้องมี

การฝกึ ฝนจนชานาญ โดยการฝกึ เขียน - อา่ นเนื้อเพลงให้ถูกต้องตามจังหวะทานอง

๒. ขอ้ เสนอแนะเพิ่มเติมในการนาแผนการจัดการเรียนร้ไู ปใชจ้ ัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
ครูควรศึกษาแผนการจดั การเรยี นรู้ สอ่ื และใบงานให้เข้าใจอย่างละเอยี ดก่อนจดั กิจกรรมการเรียนรู้

ครูควรฝึกรอ้ งเพลงให้คล่อง

ครอู ธิบายความหมายของเพลงด้นสดให้นักเรยี นเข้าใจ

กจิ กรรมการเรยี นรู้

ครเู ปิดเพลง พวงมาลยั ใหน้ ักเรยี นฟงั แล้วใหน้ ักเรยี นฝึกร้องตามทีละท่อนจนคล่อง โดยใหน้ ักเรียน
แต่ละกลมุ่ ฝกึ ร้องเพลงพวงมาลัยรว่ มกนั

ครใู ห้นักเรียนจับกลมุ่ กนั ใหม่ โดยภายในกลุม่ ให้มีท้ังฝา่ ยชายและฝ่ายหญิง แลว้ ร่วมกนั ร้องเพลง
พวงมาลัยเองโดยไม่ต้องฟงั วดี ีทัศน์ ครูคอยแนะนาในสว่ นท่ีบกพร่อง

ครูเปดิ เพลง พวงมาลัย ใหน้ กั เรยี นฟงั แลว้ ใหน้ ักเรียนฝึกร้องตามทีละทอ่ นจนคล่อง โดยให้นกั เรยี น
แตล่ ะกล่มุ ฝึกร้องเพลงพวงมาลัยรว่ มกัน

ครูใหน้ ักเรียนจบั กล่มุ กนั ใหม่ โดยภายในกลมุ่ ให้มที ั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง แลว้ รว่ มกนั ร้องเพลง
พวงมาลัยเองโดยไมต่ ้องฟงั วดี ีทัศน์ ครคู อยแนะนาในส่วนที่บกพร่อง
๑. การเตรยี มส่ือ/วสั ดุอุปกรณ์

- ใบงาน

๒. ใบงาน/ใบความรู/้ ใบกจิ กรรม

- ใบงานท่ี ๐๑-๐๒

- ใบความรทู้ ี่ ๑

๓. การวดั และประเมนิ ผล

- ตรวจผลงาน
- แบบสงั เกตพฤติกรรม

๒๐๔ ชดุ กกจิ ารกจรดั รกิจมกกรรามรกเารรยี เรนยี นรรกู ู (ลสําุมหบรับูรคณรผู าสู กอาน)รก(ลสมุ บำรูหณราบักาครรผู สู อน) ชั้นประถมศึกษาปท ่ี ๖

หนว ยการเรยี นรทู ่ี ๘ สุนทรียศลิ ป ช้นั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๖ (ฉบบั ปรับปรงุ )

แนแวนกวากราจรดั จกดั ากราเรเยี รนยี รนูบรูรบ้ ณูรณากาากรารหหนนว ยว่ ยกการาเรรเยีรยีนนรทูรู้ท่ี ๘่ี ๘สสนุ ุนททรรียียศศิลิลปป ์ :: หหนนวว่ ยยยยออ่ ยยทท่ี ี่ ๓๓ ลลีลีลาาศศลิ ลิ ปปไ ์ไททย แผนการเรยี นรทู้ ี่ ๔ เรอ่ื ง การรขขับับรร้ออ งงเเพพลลงงพพ้นื ้ืนบบา้ านน
บบูรณูรณากาการากรกลลมุ มุ่สสาารระะกกาารรเรเรียียนนรรศู ศู้ ิลลิ ปปะะ ภภาาษษาาไไททยย เเววลลาา ๒๒ ชชั่วัว่ โโมมง ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๖

แนวการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ กิจกรรมการเรยี นรู้

๑. ครูสนทนากับนักเรียนว่าการรอ้ งเพลงแบบด้นสดมคี วามแตกตา่ งจากการร้องเพลงประเภทอ่ืนๆ อย่างไร แลว้ ให้นักเรียนศกึ ษา

ขั้นนา ความรูเ้ ร่อื ง การรอ้ งเพลงแบบด้นสด

๒. ครูแนะนานักเรยี นวา่ การรอ้ งเพลงดน้ สดเป็นการร้องโดยใช้ปฏภิ าณไหวพรบิ คิดเน้ือร้องข้ึนมาสดๆ โดยไม่มกี ารเตรียมไว้
๒๐๐
กจิ กรรมการเรยี นรกู ลุมบหรู นณว ยากการาชเรดุรยี กน(ารสรูทจำี่ดั ๘หกจิสรกุนบั รทรครมียรกศูผาลิรสู ปเรอ ียชนนั้นรป)ู ร(สชะําถ้นัหมรปศบั กึ รคษะราูผถปสู มทอ่ีนศ๖)ึก(กฉษลบุมาับบปปูรรทณับา่ีปก๖รางุ ร) ๒๐๕ลว่ งหนา้

๓. แบง่ นกั เรียนเป็นกลมุ่ ๆละ ๓ คน โดยแบง่ เปน็ ฝ่ายชายและฝ่ายญิง

๔. ครเู ปิดเพลง พวงมาลัย ใหน้ ักเรียนฟัง แลว้ ใหน้ ักเรยี นฝกึ ร้องตามทีละทอ่ นจนคลอ่ ง โดยใหน้ ักเรยี นแตล่ ะกลุม่ ฝกึ รอ้ งเพลง

พวงมาลยั ร่วมกัน

ขั้นสอน ๕. ครูใหน้ กั เรียนจับกลมุ่ กนั ใหม่ โดยภายในกลมุ่ ให้มที ้ังฝา่ ยชายและฝา่ ยหญิง แลว้ รว่ มกันร้องเพลงพวงมาลัย เองโดยไมต่ อ้ งฟัง

วดี ีทศั น์ ครคู อยแนะนาในสว่ นทบี่ กพร่อง ทาใบงานที่ ๐๑

๖. นักเรียนแต่ละกลมุ่ ออกมารอ้ งเพลงแบบด้นสด ตามหวั ข้อท่ีครกู าหนดที่หน้าชน้ั เรยี น ครแู ละเพ่ือนนักเรยี นกลุ่มอ่ืนคอยแนะนา

ในส่วนทบ่ี กพร่อง เพ่ือนาไปปรบั ปรุงใหด้ ขี ้ึน

๗. ครใู ห้นกั เรียนศกึ ษาความรเู้ รือ่ ง การสรา้ งสรรค์ทางดนตรี

๘. ครเู ปิดเพลงคืนเดือนหงาย ให้นักเรยี นฟังแล้วสาธติ การสรา้ งสรรค์ดนตรี ด้วยการใช้เครอื่ งดนตรบี รรเลงประกอบเพลง

๙. นกั เรยี นฝกึ ร้องเพลงคนื เดือนหงายจนชานาญ ทาใบงานท่ี ๐๒

ขนั้ สรปุ ๑๐. ครใู หน้ ักเรียนทุกคนนาความรู้เกีย่ วกบั การสร้างสรรค์ทางดนตรไี ปประยุกตใ์ ชใ้ นทางท่เี หมาะสมและถกู วิธี
วัดและประเมินผล ๑๑. ครมู อบหมายใหน้ ักเรียนแตล่ ะกล่มุ เลือกใช้เครอื่ งดนตรีประเภทเคร่ืองจังหวะ บรรเลงประกอบการขบั ร้องเพลงที่ชน่ื ชอบ โดย
ให้ครอบคลุมประเด็นตามทก่ี าหนด
๑. ประเมินความรู้เรือ่ งประโยคเพลงและด้นสด
๒. ประเมนิ ทักษะการร้องเพลงดน้ สด
๓. ประเมนิ คณุ ธรรมจรยิ ธรรม คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ใฝเ่ รียนรู้ มุง่ มั่นในการทางาน รกั ความเป็นไทย มีจติ สาธารณะ

แผแนผกนากราจรัดจกัดากราเรรเียรนยี นรบูร้บูรณูรณากากาารร หหนนว่วยยกกาารรเรเรยี ียนนรรูทู้ท่ี ่ี๘๘ สสุนนุ ททรยี ศลิ ป์ : หน่ว ยย่อ ยท่ี ๓๓ ลลีลีลาาศศลิ ลิ ปป์ไไททยย แแผผนนกกาารรเรเรียียนนรู้ทรทูี่ ่ี๔๔เรเื่อรงื่องกากราขรบัขรับ้อรงอ เงพเลพงลพงื้นพบื้นา้ บนา น
บบูรรูณณาากกาารรกกลลุม ุ่มสสาารระะกกาารรเรรยี ยี นนรศู้ ิลปะ ภาษาไทย เวลาา ๒๒ ชชวั่ ่ัวโโมมงง ชชั้น้ันปปรระะถถมมศศึกึกษษาาปปที ที่ ๖่ี ๖
๒๐๑
๒๐๖ หชุดนกกวิจายรกกจารัดรรกเริจมียกนกรรราูท มรี่ก๘เารรสยี เนุรนยีทนรรรยีูก ูศ(ลสลิ ํามุปหบชรบัั้นรู ปคณรรูผะาสูถกอมานศกึ)รษก(ลาสปุมทบำีู่รห๖ณรา(ฉับกบาคับรรปผูรับูส ปอรุงน) ) ชน้ั ประถมศึกษาปท่ี ๖ขอบเขตเนอ้ื หาขัน้ นาส่ือ/แหล่งเรยี นรู้
๑. วีดที ศั น์ การแสดงด้นกลอนสด
- การดน้ สด ๑. ครสู นทนากบั นักเรียนวา่ การรอ้ งเพลงแบบด้นสดมคี วามแตกตา่ งจากการรอ้ งเพลงประเภทอ่นื ๆ อยา่ งไร ๒. ใบความรู้ที่ ๑
- การสร้างสรรค์ประโยคเพลงถาม - ตอบ - ภาระงาน/ชิ้นงาน
แล้วให้นกั เรยี นศึกษาความรเู้ ร่อื ง การรอ้ งเพลงแบบดน้ สด จากหนังสือเรียน ๑. ใบงานที่ ๐๑-๐๒
จดุ ประสงค์
ความรู้ ๒. ครแู นะนานักเรยี นว่าการร้องเพลงดน้ สดเปน็ การรอ้ งโดยใชป้ ฏภิ าณไหวพรบิ คดิ เนือ้ ร้องขนึ้ มาสดๆ การวดั และการประเมินผล
๑. สร้างสรรค์ประโยคเพลงถามตอบได้ - ประเมินความรเู้ รือ่ งประโยคเพลง
๒. คิดเนื้อร้องด้นสดได้ โดยไมม่ กี ารเตรยี มไว้ลว่ งหน้า และดน้ สด
ทักษะ - ประเมินทักษะการรอ้ งเพลงด้นสด
๑. รอ้ งเพลงด้นสดได้ ขน้ั สอน - ประเมินคณุ ธรรมจริยธรรม
คณุ ธรรม จริยธรรม คุณลักษณะ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
อันพึงประสงค์ ๓. แบง่ นกั เรียนเปน็ กลมุ่ ๆละ ๓ คน โดยแบ่งเปน็ ฝา่ ยชายและฝา่ ยญงิ ใฝ่เรยี นรู้ มุ่งมั่นในการทางาน
๑. ใฝ่เรยี นรู้ รกั ความเป็นไทย มจี ติ สาธารณะ
๒. มงุ่ มนั่ ในการทางาน ๔. ครเู ปดิ เพลง พวงมาลยั ใหน้ กั เรยี นฟัง แลว้ ให้นักเรยี นฝึกร้องตามทีละทอ่ นจนคลอ่ ง โดยให้นกั เรียน วธิ ีการ
๓. รักความเปน็ ไทย ๑. ตรวจใบงาน
๔. มีจติ สาธารณะ แตล่ ะกลุ่ม ฝึกรอ้ งเพลงพวงมาลยั ร่วมกัน ๒. สังเกตพฤติกรรม
เครื่องมอื
๕. ครใู หน้ ักเรียนจับกลุ่มกนั ใหม่ โดยภายในกลุม่ ใหม้ ที ้งั ฝา่ ยชายและฝา่ ยหญิง แล้วร่วมกันรอ้ งเพลง ๑. ใบงาน ๐๑-๐๒
๒. แบบสังเกตพฤติกรรม
พวงมาลัยเองโดยไมต่ อ้ งฟงั วดี ทิ ัศน์ ครคู อยแนะนาในส่วนที่บกพรอ่ ง เกณฑ์การประเมนิ
ผ่านเกณฑ์ตามทกี่ าหนด
๖. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มออกมาร้องเพลงแบบด้นสด ตามหวั ข้อทค่ี รกู าหนดท่ีหน้าชัน้ เรยี น โดยใช้เวลากลมุ่ ละ

๓ นาที ครแู ละเพือ่ นนกั เรยี นกลมุ่ อื่นคอยแนะนาในสว่ นทีบ่ กพร่อง เพือ่ นาไปปรับปรงุ ใหด้ ขี นึ้

๗. ครใู ห้นักเรียนศึกษาความรเู้ ร่อื ง การสรา้ งสรรค์ทางดนตรี จากหนงั สอื เรียน

๘. ครูเปดิ เพลง พวงมาลยั ให้นกั เรยี นฟงั แล้วให้นักเรียนฝกึ ร้องตามทลี ะทอ่ นจนคล่อง โดยให้นักเรยี น

แตล่ ะกลุ่ม ฝกึ รอ้ งเพลงพวงมาลยั ร่วมกัน -
๕. ครใู หน้ ักเรยี นจับกลมุ่ กันใหม่ โดยภายในกลุ่มใหม้ ที งั้ ฝ่ายชายและฝา่ ยหญิง แลว้ ร่วมกันรอ้ งเพลง

พวงมาลัยเองโดยไมต่ อ้ งฟังวดี ทิ ศั น์ ครคู อยแนะนาในส่วนท่ีบกพรอ่ ง

ข้นั สรุป

๑๑. ครใู ห้นกั เรียนทุกคนนาความรเู้ ก่ยี วกบั การสร้างสรรคท์ างดนตรไี ปประยกุ ต์ใช้ในทางทเ่ี หมาะสมและ

ถกู วิธี

๑๒. ครูมอบหมายให้นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ เลอื กใช้เครอ่ื งดนตรปี ระเภทเครือ่ งจงั หวะ บรรเลงประกอบการขับ-
ร้องเพลงทชี่ ื่นชอบ โดยใหค้ รอบคลมุ ประเด็นตามทกี่ าหนด

แนวทางการจัดการเรยี นรู้ -

๒๐๒ บบ๘๘.๓.๓//ผผ ๔๔--๐๐๑๑

ใบงานท่ี ๐๑

เรอ่ื ง การร้องเพลงพวงมาลัย
คาชีแ้ จง ๑. แบ่งกลมุ่ นักเรยี นกลุม่ ละ ๔ คน

๒. ใหแ้ ต่ละกลมุ่ ฝึกรอ้ งเพลงพวงมัยร่วมกันจนคลอ่ ง
๓. แบ่งเป็นฝา่ ยหญงิ และฝ่ายชายฝกึ รอ้ งตามเนื้อร้อง
๔. นาเสนอผลงานหนา้ ชนั้ เรยี น

ชาย เออ้ ระเหย ลอยมา ลอยมาประสบพบพาน (ซา้ )
วันนีพ้ ่ขี อเชิญชวน ให้แมห่ นา้ นวลมารว่ มสาราญ (สาราญ)
มาร้องเพลงพวงมาลัย หยบิ ภาษาไทยมาไขมาขาน
พวงเจ้าเอย๋ บัวบาน ภาษิตโบราณมีคุณค่าเอย (รับ)
ฟงั คาเชิญชวน เล่นภาษติ ไทย (ซ้า)
หญิง เอ้อระเหย ลอยนวล ทาตามประสงค์ดว้ ยความเต็มใจ (เตม็ ใจ)
นอ้ งน้ียนิ ดรี ว่ มวง พ่อี ย่าอาพรางตอบมาไวไว
ภาษติ “ใกล้เกลือกนิ ด่าง” หมายความว่าอย่างไร ว่าไปเอย (รับ)
พวงเจา้ เอ๋ย กลว้ ยไม้ ทาไม่ใกลเ้ กลือกลับต้องกินด่าง (ซ้า)
ไม่รจู้ กั ใช้ประโยชน์ถูกทาง (ถูกทาง)
ชาย เอ้อระเหย ลอยเรือ “เก่ียวแฝกมุงปา่ ”ว่าไว้เปน็ กลาง
แปลว่าของดีอยใู่ กล้ เชิญแม่เอวบางตอบหน่อยเอย (รับ)
พ่ถี ามน้องบ้างละหนา แปลวา่ ทุนมนี ้อย ทาการใหญ่ (ซา้ )
พวงเจา้ เอย๋ ช้องนาง ใช้จ่ายจดั งานบานปลายออกไป (ออกไป)
“มากหมอมากความ” แปลวา่ อย่างไร
หญิง เออ้ ระเหย ลอยวารี พี่ปัญญาไวเชิญตอบเอย (รับ)
เพราะไมร่ ูจ้ ักประมาณ
คราวนี้น้องจะขอถาม
พวงเจ้าเอ๋ย หงอนไก่

กจิ กรรมการเรยี นรกู ลุมบรู ณากาชดุรก(าสรจำดั หกิจรกบั รรคมรกผูารูสเรอยี นนร)ู (สชําน้ัหรปบั รคะรูผถสู มอนศ)ึกกษลมุาบปรู ทณา่ี ก๖าร ๒๐๗

หนวยการเรียนรทู ี่ ๘ สุนทรียศิลป ชนั้ ประถมศกึ ษาปท่ี ๖ (ฉบับปรบั ปรุง)

บ ๘.๓/ผ ๔-๐๒

ใบงานที่ ๐๒

เร่ือง การร้องเพลงคนื เดือนหงาย

คาช้ีแจง ใหน้ ักเรียนแตล่ ะกลุ่มใช้เครอ่ื งดนตรบี รรเลงเพลงทีก่ าหนด โดยบรรเลงเคร่อื งดนตรใี ห้
แตกตา่ งไปจากเดมิ จากนั้นบนั ทึกขอ้ มูล

เพลงคืนเดอื นหงาย ทานอง มนตรี ตราโมท
บทร้อง เฉลมิ เศวตนนั ท์ เยน็ พระพายโบกพลิว้ ปลิวมา
เทา่ เยน็ ผกู มิตรไมเ่ บ่ือระอา
ยามกลางคนื เดือนหงาย เย็นยิง่ น้าฟ้ามาประพรมเอย
เยน็ อะไรก็ไมเ่ ย็นจติ

เยน็ ร่มธงไทยปกไทยท่วั หลา้

๑. เครื่องดนตรีทีใ่ ชบ้ รรเลง ประกอบด้วย

๒. วธิ ีการบรรเลงให้แตกต่างจากเดิม คือ

๓. นกั เรยี นคดิ วา่ วธิ กี ารท่ีบรรเลงเพลงแบบใหม่มคี วามไพเราะหรอื ไม่  ไพเราะ  ไม่ไพเราะ
เพราะ

๔. นอกจากวิธกี ารบรรเลงดงั กล่าว นกั เรียนยังมวี ิธกี ารสรา้ งสรรค์ทางดนตรีแบบอ่นื อกี คอื

๕. นกั เรียนคดิ วา่ การสร้างสรรค์ผลงานทางดนตรมี ปี ระโยชน์หรอื ไม่  มี  ไม่มี
เพราะ

๒๐๘ ชดุ กกจิ ารกจรดั รกจิมกกรรามรกเารรยี เรนยี นรรกู ู (ลสาํุมหบรบัรู คณรผู าสู กอาน)รก(ลสุม บำูรหณราับกาครรผู ูสอน) ช้นั ประถมศกึ ษาปท ี่ ๖

หนว ยการเรียนรูท ี่ ๘ สุนทรยี ศิลป ช้ันประถมศึกษาปท ่ี ๖ (ฉบับปรับปรงุ )

๒๐๔

เฉลย ใบงานท่ี ๐๒

เรอื่ ง การสร้างสรรคท์ างดนตรี

คาช้ีแจง ใหน้ ักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ใช้เครื่องดนตรีบรรเลงเพลงทีก่ าหนด โดยบรรเลงเครอ่ื งดนตรีให้
แตกตา่ งไปจาก เดิมจากน้นั บนั ทึกขอ้ มูล

เพลงคืนเดอื นหงาย ทานอง มนตรี ตราโมท
บทรอ้ ง เฉลิม เศวตนนั ท์ เยน็ พระพายโบกพลว้ิ ปลิวมา
เท่าเย็นผูกมติ รไมเ่ บื่อระอา
ยามกลางคนื เดอื นหงาย เย็นย่ิงนา้ ฟ้ามาประพรมเอย

เย็นอะไรก็ไมเ่ ย็นจิต

เย็นรม่ ธงไทยปกไทยทวั่ หล้า

๑. เครื่องดนตรที ่ใี ช้บรรเลง ประกอบด้วย กลอง ฉ่งิ ฉาบ

๒. วธิ ีการบรรเลงให้แตกต่างจากเดมิ คือ บรรเลงให้เรว็ ขึ้นกว่าเดิม

๓. นักเรียนคิดวา่ วธิ กี ารท่บี รรเลงเพลงแบบใหม่มคี วามไพเราะหรอื ไม่  ไพเราะ  ไมไ่ พเราะ
เพราะ เสยี งบรรเลงดนตรี และเสยี งขับรอ้ งไม่สมั พนั ธก์ นั

๔. นอกจากวธิ กี ารบรรเลงดังกล่าว นักเรียนยงั มวี ิธกี ารสร้างสรรค์ทางดนตรแี บบอ่นื อกี คือ
การเลอื กใชเ้ คร่ืองดนตรีตา่ งประเภทมาบรรเลงร่วมกนั เชน่ เครอื่ งดนตรีไทย
บรรเลงรว่ มกับเคร่ืองดนตรีสากล

๕, นักเรียนคดิ ว่า การสรา้ งสรรค์ผลงานทางดนตรมี ีประโยชน์หรอื ไม่  มี  ไม่มี
เพราะ ช่วยทาให้เกดิ วิธีการหรือเทคนิคการบรรเลงดนตรใี หมๆ่ และอาจทาให้ไพเราะกว่าเดมิ

(พจิ ารณาตามคาตอบของนักเรยี น โดยใหอ้ ยใู่ นดุลยพินิจของครูผสู้ อน)

กิจกรรมการเรยี นรูก ลุมบรู ณากาชดุรก(าสรจำดั หกจิรกบั รรคมรกูผารสู เรอยี นนร)ู (สชําน้ัหรปับรคะรผูถสู มอนศ)กึ กษลุมาบปูรทณา่ี ก๖าร ๒๐๙

หนว ยการเรยี นรูท่ี ๘ สุนทรยี ศิลป ช้ันประถมศกึ ษาปท ่ี ๖ (ฉบบั ปรบั ปรุง)


Click to View FlipBook Version