บทที่ 4 | ตัวแปรสุมและการแจกแจงความนาจะเปน 286 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 6. กําหนดให X B ~ 5, 0.4 ( ) จงหา 1) P X( =1) 2) P X( ≥ 4) 3) P X( < 4) 4) P X (1 4 ≤ ≤ ) 7. ในการทดสอบวัคซีนเพื่อใชในการปองกันโรครายแรงชนิดหนึ่ง โดยการฉีดวัคซีนนี้ใหกับ หนูแลวฉีดตามดวยจุลชีพกอโรคเมื่อครบกําหนดเวลา พบวา ความนาจะเปนที่หนูแตละตัว จะรอดชีวิตเปน 0.7 1) ถาทดสอบวัคซีนนี้กับหนู 5 ตัว จงหาความนาจะเปนที่หนูทุกตัวจะรอดชีวิต 2) ถาทดสอบวัคซีนนี้กับหนู 10 ตัว จงหาความนาจะเปนที่หนูทุกตัวจะตาย 8. ทีมวิจัยของโรงพยาบาลแหงหนึ่งไดวิจัยและพัฒนาสารเพิ่มความแข็งแรงใหกับอสุจิที่มี โครโมโซม Y พรอมทั้งทําใหอสุจิที่มีโครโมโซม X ออนแอ จากการทดลองฉีดสารนี้ใหกับ สามีสําหรับคูสามีภรรยาที่ตองการมีบุตร พบวา ความนาจะเปนที่บุตรของสามีภรรยา แตละคูที่สามีไดรับการฉีดสารนี้จะเปนชายเทากับ 0.8 ถาสุมคูสามีภรรยาที่สามีไดรับ การฉีดสารนี้จํานวน 8 คู 1) จงหาความนาจะเปนที่จะมีสามีภรรยาตั้งแต 5 ถึง 7 คู ไดบุตรชาย 2) จงหาคาคาดหมายและสวนเบี่ยงเบนมาตรฐานของจํานวนคูสามีภรรยาที่ไดบุตรชาย พรอมทั้งอธิบายความหมาย 9. ให Z เปนตัวแปรสุมปกติมาตรฐาน จงหา 1) PZ PZ ( ≤− + > 3 3 ) ( ) 2) P Z (−< ≤ 3 3) 3) P Z (− <≤ 1.78 2.41)
บทที่ 4 | ตัวแปรสุ่มและการแจกแจงความน่าจะเป็น คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เล่ม 2 287 สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 10. ก าหนดให้ X N ~ 20, 4 จงหาค่าของตัวแปรสุ่มปกติมาตรฐานของข้อมูลต่อไปนี้ 1) 20 2) 26 3) 0 11. ก าหนดให้ X N ~ 50, 100 จงหา 1) P X 35 2) P X 55 3) P X 20 80 12. ก าหนดให้ X N ~ 80, 225 จงหา k ที่ท าให้ P X k 65 0.7357 13. ค่าใช้จ่ายในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2562 ของชาวบ้านในอ าเภอหนึ่งมีการแจกแจงปกติ โดยมี ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 11,250 บาท และความแปรปรวนเท่ากับ 14,400 บาท2 ถ้าสุ่มชาวบ้าน ในอ าเภอนี้มาหนึ่งคน จงหาความน่าจะเป็นที่ชาวบ้านคนนี้จะมีค่าใช้จ่ายในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2562 มากกว่า 11,000 บาท แต่ไม่เกิน 11,400 บาท 14. น้ าหนักของนักเรียนในโรงเรียนแห่งหนึ่งมีการแจกแจงปกติ โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 58 กิโลกรัม และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 12 กิโลกรัม ถ้ารวิญญาเป็นนักเรียน ในโรงเรียนแห่งนี้และทราบว่าความน่าจะเป็นที่นักเรียนในโรงเรียนแห่งนี้จะมีน้ าหนัก น้อยกว่ารวิญญาคือ 0.2177 จงหาน้ าหนักของรวิญญา 15. คะแนนสอบข้อเขียนของนักเรียนที่สมัครเข้ามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งมีการแจกแจงปกติ โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 240 คะแนน และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 36 คะแนน ถ้ามหาวิทยาลัยแห่งนี้ก าหนดว่านักเรียนที่ได้คะแนนสอบข้อเขียนไม่น้อยกว่าควอร์ไทล์ที่ 3 จะมีสิทธิ์สอบสัมภาษณ์จงหาว่านักเรียนต้องสอบได้อย่างน้อยกี่คะแนนจึงจะมีสิทธิ์ สอบสัมภาษณ์เมื่อก าหนดให้ P Z 0.6745 0.75 (ตอบเป็นจ ำนวนเต็ม)
บทที่ 4 | ตัวแปรสุมและการแจกแจงความนาจะเปน 288 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 16. คะแนนสอบของนักเรียนจํานวน 500 คน มีการแจกแจงปกติ โดยมีสวนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เปน 5 คะแนน หากทราบวามีนักเรียน 450 คน ไดคะแนนไมถึง 80 คะแนน จงหา เปอรเซ็นไทลที่ 25 เมื่อกําหนดให P Z( <− = 0.6745 0.25 ) และ P Z( < = 1.2816 0.9 ) 17. ในกระบวนการบรรจุผงเวยโปรตีนยี่หอหนึ่งลงกระปุก พบวา ปริมาณผงเวยโปรตีนที่บรรจุ ในแตละกระปุกมีการแจกแจงปกติ โดยมีน้ําหนักเฉลี่ย 3,000 กรัม และสวนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 100 กรัม ถากระปุกผงเวยโปรตีนที่ผานมาตรฐานตองมีน้ําหนักระหวาง 2,804 และ 3,196 กรัม จงหาวามีกระปุกผงเวยโปรตีนกี่เปอรเซ็นตที่ผานมาตรฐาน 18. ชิดชัยตองการศึกษาตอคณะวิศวกรรมศาสตรจึงไดสมัครสอบคัดเลือกเขามหาวิทยาลัย 3 แหง ถาคะแนนสอบคัดเลือกของทั้ง 3 มหาวิทยาลัยมีการแจกแจงปกติ และผลคะแนน เปนดังตารางตอไปนี้ มหาวิทยาลัยแหงที่ คะแนนของชิดชัย คะแนนเฉลี่ย ความแปรปรวน 1 59 68 169 2 39 52 625 3 53 60 121 จงพิจารณาวาชิดชัยทําคะแนนในการสอบคัดเลือกเขามหาวิทยาลัยแหงใดไดดีที่สุด
บทที่ 4 | ตัวแปรสุมและการแจกแจงความนาจะเปน คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 289 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี เฉลยตัวอยางแบบทดสอบประจําบท 1. 1) ตัวแปรสุมตอเนื่อง 2) ตัวแปรสุมไมตอเนื่อง 3) ตัวแปรสุมตอเนื่อง 4) ตัวแปรสุมไมตอเนื่อง 2. 1) เขียนแสดงการแจกแจงความนาจะเปนของตัวแปรสุม X ในรูปตารางไดดังนี้ x 1 2 3 4 5 6 7 PX x ( = ) 0.2491 0.3667 0.2390 0.1172 0.0271 0 0.0009 2) ความนาจะเปนที่ผูใชบริการจะมาชมภาพยนตรพรอมกันครั้งละ 2 คน คือ P X( = = 2 0.3667 ) 3) ความนาจะเปนที่ผูใชบริการจะไมมาชมภาพยนตรคนเดียว คือ 1 1 1 0.2491 0.7509 − = =− = P X( ) 4) เนื่องจาก µ X = 1 0.2491 2 0.3667 3 0.2390 4 0.1172 ( ) +++ ( ) ( ) ( ) + ++ 5 0.0271 6 0 7 0.0009 ( ) ( ) ( ) = 2.3101 ดังนั้น โดยเฉลี่ยแลวผูใชบริการมาชมภาพยนตรพรอมกันครั้งละประมาณ 2 คน 3. 1) เขียนแสดงการแจกแจงความนาจะเปนของตัวแปรสุม X ในรูปตารางไดดังนี้ x 0 1 2 3 4 5 6 7 8 PX x ( = ) 0.314 0.214 0.129 0.071 0.143 0.029 0.014 0.029 0.057 2) เนื่องจาก µ X = 0 0.314 1 0.214 2 0.129 3 0.071 4 0.143 ( ) ++ ++ ( ) ( ) ( ) ( ) ++ + + 5 0.029 6 0.014 7 0.029 8 0.057 ( ) ( ) ( ) ( ) = 2.145 ดังนั้น คาคาดหมายของตัวแปรสุม X คือ 2.145 ขวด
บทที่ 4 | ตัวแปรสุมและการแจกแจงความนาจะเปน 290 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 3) เนื่องจาก 2 σ X = ( ) ( ) ( ) ( ) 2 2 0 2.145 0.314 1 2.145 0.214 − + − ( ) ( ) ( ) ( ) 2 2 + −2 2.145 0.129 3 2.145 0.071 + − ( ) ( ) ( ) ( ) 2 2 + −4 2.145 0.143 5 2.145 0.029 + − ( ) ( ) ( ) ( ) 2 2 + −6 2.145 0.014 7 2.145 0.029 + − ( ) ( ) 2 + −8 2.145 0.057 ≈ 5.354 ดังนั้น ความแปรปรวนของตัวแปรสุม X มีคาประมาณ 5.354 ขวด2 เนื่องจาก σ X ≈ 5.354 ≈ 2.314 ดังนั้น สวนเบี่ยงเบนมาตรฐานของตัวแปรสุม X มีคาประมาณ 2.314 ขวด 4) จากขอ 2) และ 3) จะได σ µ X X > ดังนั้น โรงงานแหงนี้จะตองสั่งซื้ออุปกรณสําหรับผลิตแยมชุดใหม 4. 1) ตัวแปรสุมไมตอเนื่อง 2) เขียนแสดงการแจกแจงความนาจะเปนของตัวแปรสุม X ในรูปตารางไดดังนี้ x –30 –10 10 20 100 PX x ( = ) 0.2 0.2 0.2 0.2 0.2 3) การแจกแจงความนาจะเปนของตัวแปรสุม X เปนการแจกแจงเอกรูปไมตอเนื่อง 4) เนื่องจาก µ X = −−++ + 30 0.2 10 0.2 10 0.2 20 0.2 100 0.2 ( ) ( ) ( ) ( ) ( ) = 18 ดังนั้น คาคาดหมายของตัวแปรสุม X คือ 18 แตม เนื่องจาก 2 σ X = (( ) ( ) ( ) ( ) 2 22 2 − − +− − + − + − 30 18 10 18 10 18 20 18 ( ) ) 2 +− × 100 18 0.2 = 1,976 ดังนั้น ความแปรปรวนของตัวแปรสุม X คือ 1,976 แตม2
บทที่ 4 | ตัวแปรสุมและการแจกแจงความนาจะเปน คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 291 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี เนื่องจาก σ X = 1,976 ≈ 44.45 ดังนั้น สวนเบี่ยงเบนมาตรฐานของตัวแปรสุม X มีคาประมาณ 44.45 แตม 5) เนื่องจาก = 18 µ X ซึ่งหมายความวา โดยเฉลี่ยแลวในการเลนดานโบนัสแตละครั้ง ผูเลนจะไดรับแตม 18 แตม ดังนั้น ถาตองใชแตมในการเลนดานโบนัส ผูเลนควรจะเลนเมื่อใชแตมไมเกิน 18 แตม 5. 1) เขียนแสดงการแจกแจงความนาจะเปนของตัวแปรสุม X และ Y ในรูปตาราง ไดดังนี้ x –10 20 PX x ( = ) 1 2 1 2 y –10 –5 30 PY y ( = ) 1 3 1 3 1 3 2) การแจกแจงความนาจะเปนของตัวแปรสุม X และ Y เปนการแจกแจงเอกรูป ไมตอเนื่อง 3) เนื่องจาก µ X = 1 1 10 20 2 2 − + = 5 ดังนั้น คาคาดหมายของตัวแปรสุม X คือ 5 บาท เนื่องจาก 2 σ X = ( ) ( ) 2 2 1 1 10 5 20 5 2 2 −− + − = 225 ดังนั้น ความแปรปรวนของตัวแปรสุม X คือ 225 บาท2 เนื่องจาก σ X = 225 = 15
บทที่ 4 | ตัวแปรสุมและการแจกแจงความนาจะเปน 292 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ดังนั้น สวนเบี่ยงเบนมาตรฐานของตัวแปรสุม X คือ 15 บาท เนื่องจาก µY = 11 1 10 5 30 33 3 − −+ = 5 ดังนั้น คาคาดหมายของตัวแปรสุม Y คือ 5 บาท เนื่องจาก 2 σ Y = ( ) ( ) ( ) 222 111 10 5 5 5 30 5 333 − − +−− + − ≈ 316.67 ดังนั้น ความแปรปรวนของตัวแปรสุม Y มีคาประมาณ 316.67 บาท2 เนื่องจาก σ Y ≈ 316.67 ≈ 17.80 ดังนั้น สวนเบี่ยงเบนมาตรฐานของตัวแปรสุม Y มีคาประมาณ 17.80 บาท 4) จะเห็นวาคาคาดหมายของกําไร (ขาดทุน) จากการเลนเกมทั้งสองรูปแบบเทากัน โดยเทากับ 5 บาท ซึ่งหมายความวา โดยเฉลี่ยแลวผูเลนจะไดกําไรจากการเลนเกม ทั้งสองรูปแบบ ครั้งละ 5 บาท แตสวนเบี่ยงเบนมาตรฐานของกําไรจากการเลนเกม รูปแบบที่ 1 นอยกวารูปแบบที่ 2 แสดงวาการเลนเกมรูปแบบที่ 1 มีความเสี่ยงที่ เงินรางวัลจะคลาดเคลื่อนจากคาคาดหมายนอยกวารูปแบบที่ 2 ดังนั้น ผูเลนควรเลือกเลนเกมรูปแบบที่ 1 6. 1) P X( =1) = ( )( ) 5 4 0.4 0.6 1 = 0.2592 2) P X( ≥ 4) = PX PX ( =+ = 4 5 ) ( ) = ( ) ( ) ( ) 5 5 4 5 0.4 0.6 0.4 4 5 + ≈ 0.0768 0.0102 + ≈ 0.0870 3) P X( < 4) = 1 4 − ≥ P X( ) ≈ 1 0.0870 − ≈ 0.9130
บทที่ 4 | ตัวแปรสุมและการแจกแจงความนาจะเปน คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 293 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 4) P X (1 4 ≤ ≤ ) = 10 5 − =− = PX PX ( ) ( ) = ( ) ( ) 5 5 5 5 1 0.6 0.4 0 5 − − ≈ 1 0.0778 0.0102 − − ≈ 0.9120 7. 1) ใหตัวแปรสุม X คือจํานวนหนูทดลองที่รอดชีวิตจากการทดสอบวัคซีนนี้กับหนู 5 ตัว จะได คาที่เปนไปไดของตัวแปรสุม X คือ 0, 1, 2, 3, 4 และ 5 เนื่องจากตัวแปรสุม X มีลักษณะดังตอไปนี้ 1. เกิดจากการทดลองสุม (การทดสอบวัคซีนนี้กับหนูแตละตัว) จํานวน 5 ครั้ง ที่เปน อิสระกัน 2. การทดลองสุมแตละครั้งเกิดผลลัพธไดเพียง 2 อยาง คือ สําเร็จ (หนูรอดชีวิต) หรือไมสําเร็จ (หนูตาย) 3. ความนาจะเปนที่หนูแตละตัวจะรอดชีวิตเทากัน โดยเทากับ 0.7 และความนาจะเปน ที่หนูแตละตัวจะตายเปน 1 0.7 0.3 − = จะเห็นวาการแจกแจงความนาจะเปนของตัวแปรสุม X เปนการแจกแจงทวินาม ความนาจะเปนที่หนูทุกตัวจะรอดชีวิตคือ P X( = 5) = ( ) 5 5 0.7 5 ≈ 0.1681 2) ใหตัวแปรสุม Y คือจํานวนหนูทดลองที่รอดชีวิตจากการทดสอบวัคซีนนี้กับหนู 10 ตัว จะได คาที่เปนไปไดของตัวแปรสุม Y คือ 0, 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9 และ 10 เนื่องจากตัวแปรสุม Y มีลักษณะดังตอไปนี้ 1. เกิดจากการทดลองสุม (การทดสอบวัคซีนนี้กับหนูแตละตัว) จํานวน 10 ครั้ง ที่เปนอิสระกัน 2. การทดลองสุมแตละครั้งเกิดผลลัพธไดเพียง 2 อยาง คือ สําเร็จ (หนูรอดชีวิต) หรือไมสําเร็จ (หนูตาย)
บทที่ 4 | ตัวแปรสุมและการแจกแจงความนาจะเปน 294 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 3. ความนาจะเปนที่หนูแตละตัวจะรอดชีวิตเทากัน โดยเทากับ 0.7 และความนาจะเปน ที่หนูแตละตัวจะตายเปน 1 0.7 0.3 − = จะเห็นวาการแจกแจงความนาจะเปนของตัวแปรสุม Y เปนการแจกแจงทวินาม ความนาจะเปนที่หนูทุกตัวจะตายคือ P Y( = 0) = ( ) 10 10 0.3 0 ≈ 6 5.9 10− × 8. ใหตัวแปรสุม W คือจํานวนคูสามีภรรยาที่ไดบุตรชายจากคูสามีภรรยาที่สามีไดรับการ ฉีดสารนี้จํานวน 8 คู จะได คาที่เปนไปไดของตัวแปรสุม W คือ 0, 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 และ 8 เนื่องจากตัวแปรสุม W มีลักษณะดังตอไปนี้ 1. เกิดจากการทดลองสุม (การฉีดสารนี้ใหกับสามีสําหรับคูสามีภรรยาที่ตองการมีบุตร แตละคู) จํานวน 8 ครั้ง ที่เปนอิสระกัน 2. การทดลองสุมแตละครั้งเกิดผลลัพธไดเพียง 2 อยาง คือ สําเร็จ (มีบุตรชาย) หรือ ไมสําเร็จ (ไมมีบุตรชาย) 3. ความนาจะเปนที่บุตรของสามีภรรยาแตละคูที่สามีไดรับการฉีดสารนี้จะเปนชายเทากัน โดยเทากับ 0.8 และความนาจะเปนที่บุตรของสามีภรรยาแตละคูที่สามีไดรับการ ฉีดสารนี้จะเปนหญิงเทากับ 1 0.8 0.2 − = จะเห็นวาการแจกแจงความนาจะเปนของตัวแปรสุม W เปนการแจกแจงทวินาม 1) ความนาจะเปนที่จะมีสามีภรรยาตั้งแต 5 ถึง 7 คู ไดบุตรชายคือ P W (5 7 ≤ ≤ ) = PW PW PW ( =+ =+ = 567 ) ( ) ( ) = ( ) ( ) ( ) ( ) 8 8 53 62 0.8 0.2 0.8 0.2 5 6 + ( ) ( ) 8 7 0.8 0.2 7 + ≈ 0.1468 0.2936 0.3355 + + ≈ 0.7759
บทที่ 4 | ตัวแปรสุมและการแจกแจงความนาจะเปน คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 295 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 2) เนื่องจาก µW = 8 0.8 ( ) = 6.4 ดังนั้น คาคาดหมายของจํานวนคูสามีภรรยาที่ไดบุตรชายมีคาประมาณ 6.4 คู ซึ่งหมายความวา ในการสุมคูสามีภรรยาที่สามีไดรับการฉีดสารนี้จํานวน 8 คู โดยเฉลี่ยแลวจะมีสามีภรรยาประมาณ 6.4 คู ที่ไดบุตรชาย เนื่องจาก σ W = 8 0.8 0.2 ( )( ) ≈ 1.13 ดังนั้น สวนเบี่ยงเบนมาตรฐานของจํานวนคูสามีภรรยาที่ไดบุตรชายมีคาประมาณ 1.13 คู ซึ่งหมายความวา ในการสุมคูสามีภรรยาที่สามีไดรับการฉีดสารนี้จํานวน 8 คู จํานวนคูสามีภรรยาที่ไดบุตรชายจะตางจากคาคาดหมายประมาณ 1.13 คู 9. 1) PZ PZ ( ≤− + > 3 3 ) ( ) = PZ PZ ( ≤− + − ≤ 31 3 ) ( ( )) = 0.0013 1 0.9987 + − ( ) = 0.0026 2) P Z (−< ≤ 3 3) = PZ PZ ( ≤ − ≤− 3 3 ) ( ) = 0.9987 0.0013 − = 0.9974 3) P Z (− <≤ 1.78 2.41) = PZ PZ ( ≤ − ≤− 2.41 1.78 ) ( ) = 0.9920 0.0375 − = 0.9545 10. เนื่องจาก X N (20, 4) จะไดวาตัวแปรสุม X มีการแจกแจงปกติ โดยมีµ = 20 และ 2 σ = 4 นั่นคือ σ = 2 1) คาของตัวแปรสุมปกติมาตรฐานของ 20 คือ 20 20 0 2 − = 2) คาของตัวแปรสุมปกติมาตรฐานของ 26 คือ 26 20 3 2 − = 3) คาของตัวแปรสุมปกติมาตรฐานของ 0 คือ 0 20 10 2 − = −
บทที่ 4 | ตัวแปรสุมและการแจกแจงความนาจะเปน 296 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 11. เนื่องจาก X N (50, 100) จะไดวาตัวแปรสุม X มีการแจกแจงปกติ โดยมีµ = 50 และ 2 σ =100 นั่นคือ σ =10 ให X Z µ σ − = 1) P X( ≤ 35) = 35 50 10 P Z − ≤ = P Z( ≤ −1.5) = 0.0668 2) P X( ≥ 55) = 55 50 10 P Z − ≥ = P Z( ≥ 0.5) = 1 0.5 − < P Z( ) = 1 0.6915 − = 0.3085 3) P X (20 80 < ≤ ) = 20 50 80 50 10 10 P Z − − < ≤ = P Z (−< ≤ 3 3) = PZ PZ ( ≤ − ≤− 3 3 ) ( ) = 0.9987 0.0013 − = 0.9974 12. เนื่องจาก X N (80, 225) จะไดวาตัวแปรสุม X มีการแจกแจงปกติ โดยมีµ = 80 และ 2 σ = 225 นั่นคือ σ =15 ให X Z µ σ − = พิจารณา P Xk (65 < < ) = 65 80 80 15 15 k P Z − − < < = 80 1 15 k P Z − −< <
บทที่ 4 | ตัวแปรสุมและการแจกแจงความนาจะเปน คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 297 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี P Xk (65 < < ) = ( ) 80 1 15 k PZ PZ − < − ≤− = 80 0.1587 15 k P Z − < − เนื่องจาก P Xk (65 0.7357 << =) จะได 80 0.1587 15 k P Z − < − = 0.7357 80 15 − < k P Z = 0.7357 0.1587 + = 0.8944 เนื่องจาก P Z( < = 1.25 0.8944 ) จะได 80 15 k − = 1.25 ดังนั้น k = 98.75 13. ใหตัวแปรสุม X คือคาใชจายในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2562 ของชาวบานในอําเภอนี้ จากโจทยจะไดวาตัวแปรสุม X มีการแจกแจงปกติ โดยมีµ =11,250 และ σ =120 ให X Z µ σ − = เนื่องจาก P X (11,000 11,400 < ≤ ) = 11,000 11,250 11,400 11,250 120 120 P Z − − < ≤ = P Z (− <≤ 2.08 1.25) = PZ PZ ( ≤ − <− 1.25 2.08 ) ( ) = 0.8944 0.0188 − = 0.8756 ดังนั้น ความนาจะเปนที่ชาวบานที่สุมไดจะมีคาใชจายในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2562 มากกวา 11,000 บาท แตไมเกิน 11,440 บาท คือ 0.8756
บทที่ 4 | ตัวแปรสุมและการแจกแจงความนาจะเปน 298 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 14. ใหตัวแปรสุม X คือน้ําหนักของนักเรียนในโรงเรียนแหงนี้ จากโจทยจะไดวาตัวแปรสุม X มีการแจกแจงปกติ โดยมีµ = 58 และ σ =12 ให X Z µ σ − = และสมมติวารวิญญาหนัก x กิโลกรัม เนื่องจากความนาจะเปนที่นักเรียนในโรงเรียนแหงนี้จะมีน้ําหนักนอยกวารวิญญา คือ 0.2177 จะได PX x ( < ) = 0.2177 นั่นคือ 58 12 x P Z − < = 0.2177 เนื่องจาก P Z( ≤− = 0.78 0.2177 ) จะได 58 12 x − = −0.78 x = 48.64 ดังนั้น รวิญญาหนักประมาณ 48.64 กิโลกรัม 15. ใหตัวแปรสุม X คือคะแนนสอบขอเขียนของนักเรียนที่สมัครเขามหาวิทยาลัยแหงนี้ จากโจทยจะไดวาตัวแปรสุม X มีการแจกแจงปกติ โดยมีµ = 240 และ σ = 36 ให X Z µ σ − = และ x แทนคะแนนที่ตรงกับควอรไทลที่ 3 ซึ่งตรงกับเปอรเซ็นไทลที่ 75 จะได PX x ( < ) = 0.75 นั่นคือ 240 36 x P Z − < = 0.75 เนื่องจาก P Z( < = 0.6745 0.75 ) จะได 240 36 x − = 0.6745 x = 264.282 ดังนั้น นักเรียนจะตองสอบไดอยางนอย 265 คะแนน จึงจะมีสิทธิ์สอบสัมภาษณ
บทที่ 4 | ตัวแปรสุมและการแจกแจงความนาจะเปน คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 299 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 16. ใหตัวแปรสุม X คือคะแนนสอบของนักเรียน จากโจทยจะไดวาตัวแปรสุม X มีการแจกแจงปกติ โดยมีσ = 5 ให X Z µ σ − = เนื่องจากมีนักเรียน 450 คน ไดคะแนนไมถึง 80 คะแนน จะได P X( < 80) = 450 500 = 0.9 นั่นคือ 80 5 P Z − µ < = 0.9 เนื่องจาก P Z( < = 1.2816 0.9 ) จะได 80 5 − µ = 1.2816 µ = 73.592 ให x คือเปอรเซ็นไทลที่ 25 จะได PX x ( < ) = 0.25 นั่นคือ 73.592 5 x P Z − < = 0.25 เนื่องจาก P Z( <− = 0.6745 0.25 ) จะได 73.592 5 x − = −0.6745 x = 70.2195 ดังนั้น เปอรเซ็นไทลที่ 25 คือ 70.2195 คะแนน
บทที่ 4 | ตัวแปรสุมและการแจกแจงความนาจะเปน 300 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 17. ใหตัวแปรสุม X คือน้ําหนักของผงเวยโปรตีนที่บรรจุในแตละกระปุก จากโจทยจะไดวาตัวแปรสุม X มีการแจกแจงปกติ โดยมีµ = 3,000 และ σ =100 ให X Z µ σ − = เนื่องจาก P X (2,084 3,196 < < ) = 2,804 3,000 3,196 3,000 100 100 P Z − − < < = P Z (− << 1.96 1.96) = PZ PZ ( < − ≤− 1.96 1.96 ) ( ) = 0.975 0.025 − = 0.95 ดังนั้น มีกระปุกผงเวยโปรตีน 95 เปอรเซ็นตที่ผานมาตรฐาน 18. จากโจทยสามารถหาคะแนนของชิดชัยเมื่อปรับเปนคาของตัวแปรสุมปกติมาตรฐาน ไดดังนี้ มหาวิทยาลัย แหงที่ คะแนนของ ชิดชัย คะแนนเฉลี่ย สวนเบี่ยงเบน มาตรฐาน คะแนนของชิดชัยเมื่อปรับเปน คาของตัวแปรสุมปกติมาตรฐาน 1 59 68 13 59 68 0.69 13 − ≈ − 2 39 52 25 39 52 0.52 25 − ≈ − 3 53 60 11 53 60 0.64 11 − ≈ − เนื่องจากคาของตัวแปรสุมปกติมาตรฐานของคะแนนของชิดชัยในการสอบคัดเลือก เขามหาวิทยาลัยแหงที่ 2 มากที่สุด ดังนั้น ชิดชัยทําคะแนนในการสอบคัดเลือกเขามหาวิทยาลัยแหงที่ 2 ไดดีที่สุด
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 301 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี เฉลยแบบฝกหัด บทที่ 1 ความหมายของสถิติศาสตรและขอมูล แบบฝกหัด 1.1 1. คําตอบมีไดหลากหลาย เชน การเลือกหัวหนาหอง การหาเกรดเฉลี่ย การวิเคราะหคะแนน เพื่อเลือกคณะที่จะสมัครเขาเรียนตอในระดับมหาวิทยาลัย 2. ไมเหมาะสม เพราะโรงเรียนนี้มีนักเรียนตั้งแตชั้นประถมศึกษาปที่ 1 ถึงชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 ซึ่งชวงอายุที่ตางกันจะมีความสูงที่แตกตางกัน เชน จากขอสรุปดังกลาว เมื่อพิจารณา นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 ทําใหเขาใจวานักเรียนสวนใหญสูง 140 เซนติเมตร ซึ่งใน ความเปนจริงนักเรียนระดับมัธยมศึกษาสวนใหญจะสูงมากกวา 140 เซนติเมตร คอนขางมาก สวนนักเรียนระดับประถมศึกษาสวนใหญจะสูงนอยกวา 140 เซนติเมตร คอนขางมาก 3. เกิดความเขาใจคลาดเคลื่อน เนื่องจากถาผูอานพิจารณาจากพื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมที่แทน บานแลวจะเห็นวาบานใหญขึ้นโดยมีพื้นที่เพิ่มเปน 4 เทา ทําใหเขาใจวาจํานวนหลังคาเรือน ในปนี้จะเปน 4 เทาของปที่แลว ไมใช 2 เทา 4. 1) ไมได เพราะจํานวนผูอยูอาศัยเพศชายในหมูบาน B ซึ่งคือ 34 คน คิดเปนประมาณ 1.13 เทาของจํานวนผูอยูอาศัยเพศชายในหมูบาน A ซึ่งคือ 30 คน
302 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 2) 3) เกิดความเขาใจคลาดเคลื่อน เนื่องจากแผนภูมิแทงที่โจทยกําหนดระยะบนแกนตั้งไมได เริ่มจาก 0 ซึ่งอาจทําใหเขาใจวาจํานวนผูอยูอาศัยเพศชายในหมูบาน B เปน 2 เทาของ จํานวนผูอยูอาศัยเพศชายในหมูบาน A 5. 1) เกิดความเขาใจคลาดเคลื่อน เนื่องจากอาจทําใหเขาใจวาจํานวนรูปหนังสือแสดง จํานวนหนังสือที่มีในหองสมุด ซึ่งในความเปนจริงไมไดสัมพันธกัน อาจปรับ การนําเสนอขอมูลโดยปรับความสูง ความหนา และลักษณะของรูปหนังสือแตละเลม ใหเหมือนกัน พรอมทั้งระบุจํานวนหนังสือแตละประเภท 2) เกิดความเขาใจคลาดเคลื่อน เนื่องจากระยะบนแกนตั้งไมถูกตอง เชน ระยะจาก 0 ถึง 1,000 และระยะจาก 1,000 ถึง 10,000 มีระยะเกือบเทากัน ซึ่งในความเปนจริง ระยะจาก 1,000 ถึง 10,000 ควรยาวประมาณ 10 เทาของระยะจาก 0 ถึง 1,000 0 5 10 15 20 25 30 35 40 2557 2558 2559 2560 2561 จํานวนผูอยูอาศัย (คน) ตําบล ประเทศ หมูบาน A หมูบาน B หมูบาน C หมูบาน D หมูบาน E ชาย หญิง
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 303 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 6. คําตอบมีไดหลากหลาย เชน (ที่มา : http://www.eastasiawatch.in.th/th/articles/politics-and-economy/511) ประโยชนและความรูที่ไดจากตัวอยางนี้คือ ไดรับรูถึงความตองการรถยนตของผูซื้อและ การเติบโตของตลาดรถยนตในนครฉงชิ่งที่ขยายตัวอยางตอเนื่อง 2544 2545 2546 2547 2548 2549 2550 2551 ปริมาณการผลิตรถยนตของนครฉงชิ่ง (คัน) ระหวาง พ.ศ. 2544 – 2551 243,800 331,300 404,500 428,900 421,500 519,900 708,000 1,091,700
304 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 7. คําตอบมีไดหลากหลาย เชน (ที่มา : http://www.bltbangkok.com/POLL/สถิติการทองเที่ยวของคนกรุงเทพฯ) เมื่อพิจารณาขอมูลการศึกษาและอาชีพ จะพบวาผลรวมของรอยละของแตละหัวขอ ไมเทากับ 100 จึงอาจกอใหเกิดความเขาใจคลาดเคลื่อน อายุ(รอยละ) 20 – 29 ป 30 – 39 ป 40 – 49 ป 50 – 55 ป 28.88 29.88 25.31 15.93 สถานภาพ (รอยละ) โสด สมรส หมาย/หยา/แยกกันอยู 38.57 56.62 4.81 อาชีพ (รอยละ) พนักงาน เอกชน ราชการ / รัฐวิสาหกิจ เจาของ กิจการ รับจาง ทั่วไป คาขาย อื่น ๆ เชน สถาปนิก นักศึกษา 39.61 21.30 10.23 7.90 7.22 3.74 เพศ (รอยละ) ชาย หญิง 44.63 55.37 การศึกษา (รอยละ) ระดับปริญญาตรี 52.27 ต่ํากวาระดับปริญญาตรี 26.71 สูงกวาระดับปริญญาตรี 6.02 --------------------- -------------------------- ----------------------------------- -------- รายได(รอยละ) 15,001-25,000 25,001-35,000 35,001-45,000 45,001-55,000 สูงกวา 55,000 27.93 53.----- 45 8.3--------- 1 5. --------- 41 4.9--------- 0
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 305 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี แบบฝกหัด 1.2 1. 1) ประชากร คือ ผูปวยโรคเบาหวานทั้งหมดของโรงพยาบาลแหงนี้ ตัวอยาง คือ ผูปวยโรคเบาหวานที่สุมมาจํานวน 120 คน ของโรงพยาบาลแหงนี้ 2) ตัวแปร คือ เพศ อายุ น้ําหนัก ประวัติการเปนโรคเบาหวานของคนในครอบครัว ความรูเรื่องโรคเบาหวาน และพฤติกรรมการดูแลตนเอง 2. ตัวอยาง คือ ประชาชนที่พักอาศัยอยูในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลจํานวนทั้งสิ้น 1,353 คน ตัวแปร คือ ความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับสถานการณฝุนละออง ขอมูล คือ ความคิดเห็นของประชาชนแตละคนเกี่ยวกับสถานการณฝุนละอองที่เก็บรวบรวมได 3. ประชากร คือ นักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายทั้งหมดในจังหวัดนี้ ตัวอยาง คือ นักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายในจังหวัดนี้ที่สุมมาจํานวน 3,000 คน ตัวแปร คือ จํานวนเงินออมในแตละเดือน ขอมูล คือ จํานวนเงินออมในแตละเดือนของตัวอยางที่เก็บรวบรวมมาได พารามิเตอร คือ เงินออมเฉลี่ยในแตละเดือนของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ทั้งหมดในจังหวัดนี้ คาสถิติ คือ เงินออมเฉลี่ยในแตละเดือนของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายที่สุมมา จํานวน 3,000 คน ซึ่งเทากับ 700 บาท 4. ประชากร คือ ตัวเก็บประจุไฟฟาทั้งหมดที่บริษัทแหงนี้ผลิตในแตละล็อต ตัวอยาง คือ ตัวเก็บประจุไฟฟา 50 ชิ้น ที่สุมมาตรวจสอบจากแตละล็อต ตัวแปร คือ สภาพสินคา ขอมูล คือ สภาพสินคาของตัวอยางที่เก็บรวบรวมมาได (ชํารุด/ ไมชํารุด)
306 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี แบบฝกหัด 1.3 1. ขอมูลปฐมภูมิ 2. ขอมูลทุติยภูมิ 3. 1) ขอมูลตัดขวาง 2) ขอมูลตัดขวาง 3) ขอมูลอนุกรมเวลา 4) ขอมูลตัดขวาง 5) ขอมูลอนุกรมเวลา 4. 1) ขอมูลเชิงคุณภาพ 2) ขอมูลเชิงปริมาณ 3) ขอมูลเชิงคุณภาพ 4) ขอมูลเชิงคุณภาพ 5) ขอมูลเชิงปริมาณ 6) ขอมูลเชิงคุณภาพ 7) ขอมูลเชิงคุณภาพ 8) ขอมูลเชิงปริมาณ 9) ขอมูลเชิงคุณภาพ 10) ขอมูลเชิงคุณภาพ
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 307 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 5. คําตอบมีไดหลากหลาย เชน ขอมูลปริมาณการสงออกขาวของไทยป 2553 – 2556 เปนขอมูลอนุกรมเวลาและขอมูลเชิงปริมาณ ปริมาณการสงออกขาวของไทยป 2553 – 2556 (ม.ค. – เม.ย.) ทวีป / เขต 2553 2554 2555 ม.ค. – เม.ย. 2555 2556 % เปลี่ยน เอเชีย 2,198,887.64 3,407,551.00 1,178,589.00 584,017.30 351,019.45 - 39.90 ยุโรป 479,517.15 488,650.25 283,691.00 113,677.12 89,777.00 - 21.02 แอฟริกา 4,431,797.65 4,687,961.75 3,600,471.00 1,154,811.99 896,791.00 - 22.34 อเมริกา 488,387.48 518,314.65 457,051.77 124,248.42 150,300.65 20.97 โอเชียเนีย 197,752.09 188,678.00 134,547.68 36,651.03 38,812.00 5.90 รวมทั้งสิ้น 9,047,386.41 10,666,120.28 6,954,510.72 2,252,584.02 2,045,219.00 - 9.21 มูลคาขาว (ลานบาท) 168,633.52 192,956.00 147,082.00 46,706.00 43,842.00 - 6.13 มูลคาขาว (ลาน USS) 5,345.20 6,389.00 4,764.00 1,513.00 1,474.00 - 2.58 กรมการคาตางประเทศ หรือขอมูลอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินดอลลาร สรอ. กับเงินบาทระหวางธนาคาร ณ วันที่ 1 สิงหาคม 2562 เปนขอมูลตัดขวางและขอมูลเชิงปริมาณ ธนาคารแหงประเทศไทย อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราตางประเทศ ประจําวันที่ 1 สิงหาคม 2562 อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยถวงน้ําหนักระหวางธนาคาร = 30.854 บาท ตอ 1 ดอลลาร สรอ.
308 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี หรือขอมูลผลการประกาศสลากกินแบงรัฐบาลตั้งแตงวดวันที่ 16 พฤศจิกายน 2561 ถึง วันที่ 30 ธันวาคม 2561 เปนขอมูลอนุกรมเวลาและขอมูลเชิงคุณภาพ ผลการประกาศสลากกินแบงรัฐบาล ตั้งแตงวดวันที่ 16 พฤศจิกายน 2561 ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2561 16 พฤศจิกายน 2561 1 ธันวาคม 2561 16 ธันวาคม 2561 30 ธันวาคม 2561 รางวัลที่ 1 รางวัลที่ 1 รางวัลที่ 1 รางวัลที่ 1 989903 021840 356564 735867 เลขทาย 2 ตัว เลขทาย 2 ตัว เลขทาย 2 ตัว เลขทาย 2 ตัว 16 67 62 02 เลขหนา 3 ตัว เลขหนา 3 ตัว เลขหนา 3 ตัว เลขหนา 3 ตัว 471 , 930 045 , 307 480 , 948 031 , 913 เลขทาย 3 ตัว เลขทาย 3 ตัว เลขทาย 3 ตัว เลขทาย 3 ตัว 140 , 876 561 , 988 297 , 369 701 , 884
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 309 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี หรือขอมูลความพึงพอใจดานการบริการของลูกคาในประเทศไทยประจําป 2558 ประเภท กลุมรถยนตแบรนดยอดนิยม เปนขอมูลตัดขวางและขอมูลเชิงคุณภาพ ความพึงพอใจดานการบริการของลูกคาในประเทศไทยประจําป 2558 ประเภทกลุมรถยนตแบรนดยอดนิยม ผลงานของแตละแบรนด Power Circle Ratings การศึกษาวิจัยดัชนีดานการบริการของลูกคาในประเทศไทย ประจําป 2558 – กลุมรถยนต แบรนดยอดนิยม ความ พึงพอใจ โดยรวม การเริ่มตน ใหบริการ ที่ปรึกษาดาน บริการ สิ่งอํานวย ความสะดวก ของ ศูนยบริการ การรับรถคืน คุณภาพ งานบริการ TOYOTA ISUZU HONDA MAZDA NISSAN SUZUKI MITSUBISHI FORD CHEVROLET หนึ่งในจํานวนที่ดีที่สุด ดีกวาสวนใหญ อยูในเกณฑเฉลี่ย ที่เหลือทั่วไป ขอแจงใหทราบวา JDPower.com Power Circle Ratings อาจไมไดนําขอมูลทั้งหมดที่ใชในการใหรางวัลตาง ๆ ของ J.D. Power มาเปนตัวกําหนด สามารถคนหาขอมูลเพิ่มเติมไดที่ http://www.jdpower.com/about-us/jdpower-ratings ผูที่ไดรับรางวัล Toyota
310 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี แบบฝกหัด 1.4 1. สถิติศาสตรเชิงอนุมาน เพราะเปนการหาขอสรุปเกี่ยวกับลักษณะของประชากรโดยใชขอมูล จากตัวอยาง 2. สถิติศาสตรเชิงพรรณนา เพราะเปนการวิเคราะหและสรุปผลจากขอมูลทั้งหมดที่เก็บมา เทานั้น 3. สถิติศาสตรเชิงอนุมาน เพราะเปนการหาขอสรุปเกี่ยวกับลักษณะของประชากรโดยใชขอมูล จากตัวอยาง 4. สถิติศาสตรเชิงพรรณนา เพราะเปนการวิเคราะหและสรุปผลจากขอมูลทั้งหมดที่เก็บมา เทานั้น 5. สถิติศาสตรเชิงอนุมาน เพราะเปนการหาขอสรุปเกี่ยวกับลักษณะของประชากรโดยใชขอมูล จากตัวอยาง 6. สถิติศาสตรเชิงพรรณนา เพราะเปนการวิเคราะหและสรุปผลจากขอมูลทั้งหมดที่เก็บมา เทานั้น 7. สถิติศาสตรเชิงอนุมาน เพราะเปนการหาขอสรุปเกี่ยวกับลักษณะของประชากรโดยใชขอมูล จากตัวอยาง 8. สถิติศาสตรเชิงอนุมาน เพราะเปนการหาขอสรุปเกี่ยวกับลักษณะของประชากรโดยใชขอมูล จากตัวอยาง
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 311 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี แบบฝกหัดทายบท 1. ประชากร คือ ประชาชนทั้งหมดในจังหวัดนี้ ตัวอยาง คือ ประชาชนที่สุมมา 200 คน ในจังหวัดนี้ 2. ประชากร คือ เยาวชนไทยทั้งหมด ตัวอยาง คือ เยาวชนไทยจํานวน 1,500 คน ที่สุมมาเก็บขอมูล คาสถิติ คือ รอยละของเยาวชนไทยในกลุมที่สํารวจที่มีความเชื่อวาระบบประกันสังคม จะสงผลดีตอชีวิตของพวกเขาในอนาคตเมื่อพวกเขาเขาสูวัยชรา ซึ่งมีคาเทากับ รอยละ 36 3. ประชากร คือ ลูกคาทั้งหมดของหางสรรพสินคาแหงนี้ ตัวอยาง คือ ลูกคาของหางสรรพสินคาแหงนี้จํานวน 300 คน ที่สุมมาเก็บขอมูล ตัวแปร คือ ความพึงพอใจตอการใหบริการของหางสรรพสินคาแหงนี้ ขอมูล คือ คําตอบเกี่ยวกับระดับความพึงพอใจตอการใหบริการของหางสรรพสินคาแหงนี้ ของลูกคาจํานวน 300 คน ขอมูลที่หางสรรพสินคาจัดเก็บเปนขอมูลตัดขวาง 4. 1) ขอมูลปฐมภูมิ 2) ขอมูลทุติยภูมิ 3) ขอมูลปฐมภูมิ 5. 1) ขอมูลตัดขวางและขอมูลเชิงปริมาณ 2) ขอมูลอนุกรมเวลาและขอมูลเชิงปริมาณ 3) ขอมูลอนุกรมเวลาและขอมูลเชิงปริมาณ 4) ขอมูลตัดขวางและขอมูลเชิงคุณภาพ 5) ขอมูลอนุกรมเวลาและขอมูลเชิงปริมาณ 6) ขอมูลอนุกรมเวลาและขอมูลเชิงปริมาณ 7) ขอมูลตัดขวางและขอมูลเชิงคุณภาพ
312 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 8) ขอมูลตัดขวางและขอมูลเชิงปริมาณ 9) ขอมูลตัดขวางและขอมูลเชิงปริมาณ 10) ขอมูลตัดขวางและขอมูลเชิงคุณภาพ 11) ขอมูลตัดขวางและขอมูลเชิงคุณภาพ 12) ขอมูลอนุกรมเวลาและขอมูลเชิงปริมาณ 13) ขอมูลอนุกรมเวลาและขอมูลเชิงปริมาณ 14) ขอมูลตัดขวางและขอมูลเชิงปริมาณ 15) ขอมูลตัดขวางและขอมูลเชิงคุณภาพ 16) ขอมูลตัดขวางและขอมูลเชิงคุณภาพ 6. ขอมูลเชิงปริมาณ ไดแก สวนสูงของนักกีฬาแตละคน ระยะกระโดดตบสูงสุดของนักกีฬา แตละคน และระยะกระโดดบล็อกสูงสุดของนักกีฬาแตละคน ขอมูลเชิงคุณภาพ ไดแก เบอรเสื้อ และชื่อ-นามสกุล ของนักกีฬาแตละคน 7. ขอมูลดังกลาวเปนขอมูลทุติยภูมิ ขอมูลอนุกรมเวลา และขอมูลเชิงปริมาณ 8. 1) สถิติศาสตรเชิงอนุมาน เพราะเปนการหาขอสรุปเกี่ยวกับลักษณะของประชากรโดยใช ขอมูลจากตัวอยาง 2) สถิติศาสตรเชิงพรรณนา เพราะเปนการวิเคราะหและสรุปผลจากขอมูลทั้งหมด ที่เก็บมาเทานั้น 3) สถิติศาสตรเชิงอนุมาน เพราะเปนการหาขอสรุปเกี่ยวกับลักษณะของประชากรโดยใช ขอมูลจากตัวอยาง 4) สถิติศาสตรเชิงพรรณนา เพราะเปนการวิเคราะหและสรุปผลจากขอมูลทั้งหมด ที่เก็บมาเทานั้น 5) สถิติศาสตรเชิงอนุมาน เพราะเปนการหาขอสรุปเกี่ยวกับลักษณะของประชากรโดยใช ขอมูลจากตัวอยาง
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 313 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี เฉลยแบบฝกหัด บทที่ 2 การวิเคราะหและนําเสนอขอมูลเชิงคุณภาพ แบบฝกหัด 2.1 1. 1) นักเรียนที่ไดรับการเสนอชื่อ เปนหัวหนาหอง ความถี่ ความถี่สัมพัทธ สัดสวน รอยละ มานพ (M) 12 0.40 40 ปรียาพร (P) 10 0.33 33 อําพล (A) 8 0.27 27 รวม 30 1 100 2) ฐานนิยมของขอมูลชุดนี้คือ มานพ 3) มานพไดรับเลือกใหเปนหัวหนาหองของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 หองนี้ 2. อาชีพของผูมาใชบริการ ความถี่ ความถี่สัมพัทธ สัดสวน รอยละ ธุรกิจสวนตัว/คาขาย 20 0.33 33 ขาราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ 15 0.25 25 พนักงานบริษัทเอกชน 15 0.25 25 นักเรียน นิสิต/นักศึกษา 6 0.10 10 อาชีพอื่น ๆ 4 0.07 7 รวม 60 1 100
314 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี จากตาราง ผูมาใชบริการรานคาแหงนี้ประกอบอาชีพธุรกิจสวนตัว/คาขายมากที่สุด คิดเปน รอยละ 33 ของผูมาใชบริการทั้งหมด รองลงมาคือขาราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ และพนักงานบริษัทเอกชน ซึ่งคิดเปนรอยละ 25 เทากัน นักเรียน นิสิต/นักศึกษา คิดเปน รอยละ 10 ในขณะที่ผูมาใชบริการที่ประกอบอาชีพอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากธุรกิจสวนตัว/ คาขาย ขาราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ พนักงานบริษัทเอกชน และนักเรียน นิสิต/นักศึกษา มีจํานวนนอยที่สุดเพียงรอยละ 7 ของผูมาใชบริการทั้งหมด 3. 1) มีนักเรียนที่ชื่นชอบน้ําแข็งไสคิดเปนรอยละ (40 30) 100 22.22 315 + × ≈ ของนักเรียน ที่สํารวจทั้งหมด 2) มีนักเรียนหญิงที่ชื่นชอบไอศกรีมคิดเปนรอยละ ( ) 65 100 39.39 65 30 70 × ≈ + + ของ นักเรียนหญิงที่สํารวจทั้งหมด 3) เครป 4. 1) ผูปวยนอกที่มีระดับความพึงพอใจมากที่สุดคิดเปนรอยละ 96 100 43.64 220 × ≈ ของ ผูปวยนอกที่สํารวจทั้งหมด 2) ผูปวยนอกที่มีระดับความพึงพอใจนอยที่สุดตอการใหบริการของแผนกทันตกรรมคิดเปน รอยละ 2 100 2.5 80 × = ของผูปวยนอกที่ใชบริการแผนกทันตกรรมที่สํารวจทั้งหมด 3) แผนก รอยละของผูปวยนอกที่มีระดับความพึงพอใจ ตั้งแตพอใจมากขึ้นไปในแตละแผนก แผนกอายุรกรรม (22 50) 100 72 100 + × = แผนกศัลยกรรม (10 20) 100 75 40 + × = แผนกทันตกรรม (18 26) 100 55 80 + × = ดังนั้น แผนกอายุรกรรมและแผนกศัลยกรรมจะไดรับรางวัลแผนกดีเดน
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 315 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี แบบฝกหัด 2.2 1. 1) มีผูทํางานในสาขาที่พักแรมทั้งหมดประมาณ 3 ลานคน 2) ผูทํางานในสาขาเกษตรกรรมมีจํานวนมากที่สุด โดยมีจํานวนประมาณ 11 ลานคน รองลงมาคือ ผูทํางานในสาขาอื่น ๆ โดยมีจํานวนประมาณ 9 ลานคน ผูทํางานในสาขา การขายสงและสาขาการผลิตมีจํานวนประมาณ 6.5 ลานคนเทากัน ผูที่ทํางานในสาขา ที่พักแรมมีจํานวนประมาณ 3 ลานคน และผูที่ทํางานในสาขาบริหารราชการมีจํานวน นอยที่สุด โดยมีจํานวนประมาณ 1.5 ลานคน 3) จํานวนผูทํางานในสาขาการผลิตมีประมาณรอยละ 6.5 100 17.33 37.5 × ≈ ของจํานวน ผูมีงานทําทั้งหมด 4) จํานวนผูทํางานในสาขาเกษตรกรรมคิดเปนประมาณ 11 7.33 1.5 ≈ เทาของจํานวน ผูทํางานในสาขาบริหารราชการ
316 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 2. 1) แผนภูมิรูปภาพ ภาคเหนือ ภาค ตะวันออก เฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาค ตะวันออก ภาค ตะวันตก ภาคใต แทนจํานวนครั้งที่จัดการนําเที่ยว 2 ครั้ง แผนภูมิรูปวงกลม จํานวนครั้งที่จัดการนําเที่ยว ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก ภาคใต 3 5 10 4 2 1
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 317 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี แผนภูมิแทง 2) ภาค จํานวนครั้งที่จัดการนําเที่ยว ความถี่สัมพัทธ เหนือ 3 0.12 ตะวันออกเฉียงเหนือ 5 0.20 กลาง 10 0.40 ตะวันออก 4 0.16 ตะวันตก 2 0.08 ใต 1 0.04 รวม 25 1 3) จํานวนครั้งที่บริษัทแหงนี้จัดการนําเที่ยวในภาคกลางและภาคใตรวมกันคิดเปนรอยละ (0.40 0.04 100 44 + ×= ) ของจํานวนครั้งที่บริษัทแหงนี้จัดการนําเที่ยวทั้งหมด 3. 1) มีผูใชอินเทอรเน็ตที่ไมซื้อสินคา/บริการทางออนไลน ในรอบ 3 เดือนที่ผานมา 40.7 25,000 10,175 100 × = คน 0 2 4 6 8 10 12 จํานวนครั้งที่จัดการนําเที่ยว
318 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 2) มีผูใชอินเทอรเน็ตที่ซื้อสินคา/บริการทางออนไลน ในรอบ 3 เดือนที่ผานมา 25,000 10,175 14,825 − = คน 3) จํานวนผูใชอินเทอรเน็ตที่ซื้อสินคา/บริการทางออนไลนเดือนละครั้งคิดเปน 38.4 12 3.2 = เทาของจํานวนผูใชอินเทอรเน็ตที่ซื้อสินคา/บริการทางออนไลนมากกวา 5 ครั้งตอเดือน 4. 1) มีนักเรียนที่นิยมอานนิตยสารและนวนิยายรวมกัน 60 28 83 15 33 62 42 56 400 1,516 100 100 100 100 +++ + + + + ×= คน 2) จากทั้ง 4 โรงเรียน มีนักเรียนที่นิยมอานนิตยสาร ( ) 60 83 33 42 200 300 600 1,600 200 300 600 100 100 100 100 × + × + × + × −−− = 777 คน มีนักเรียนที่นิยมอานนวนิยาย 28 15 62 56 200 300 600 500 753 100 100 100 100 ×+×+×+×= คน และมีนักเรียนที่นิยมอานหนังสือประเภทอื่น ๆ 1,600 777 753 70 −−= คน ดังนั้น ประเภทของหนังสือที่นักเรียนนิยมอานจากมากที่สุดไปนอยที่สุด คือ นิตยสาร นวนิยาย และหนังสือประเภทอื่น ๆ ตามลําดับ 5. 1) เนื่องจากแตละคนยิงประตูไดเทากัน นั่นคือ แตละคนยิงประตูได150 50 3 = ประตู ดังนั้น มีจํานวนประตูที่ไดจากการยิงดวยเทาทั้งหมด 20 10 50 26 22 32 50 80 100 100 100 ++ + + + ×= ประตู 2) สมมติวาสิทธิรัชตยิงประตูไดทั้งหมด x ประตู เนื่องจากทั้งสามคนยิงประตูรวมกันทั้งหมด 200 ประตู โดยสิทธิรัชตและธนัตภพ ยิงประตูไดเทากัน สวนทวิพลยิงประตูไดสองเทาของสิทธิรัชต
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 319 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี จะได xx x ++ = 2 200 ดังนั้น x = 50 นั่นคือจํานวนประตูที่สิทธิรัชตยิงดวยเทาขวาเทากับ 50 50 25 100 × = ประตู และจํานวนประตูที่ทวิพลยิงดวยเทาซายเทากับ ( ) 32 2 50 32 100 ×× = ประตู ดังนั้น จํานวนประตูที่สิทธิรัชตยิงดวยเทาขวานอยกวาจํานวนประตูที่ทวิพลยิงดวยเทาซาย 3) เนื่องจากทั้งสามคนยิงประตูไดเทากัน จึงสามารถนําเปอรเซ็นตมาเปรียบเทียบกัน ไดโดยตรง 3.1) สามารถสรุปไดวา ในจํานวนประตูที่ไดจากการยิงดวยศีรษะ สิทธิรัชตยิงประตู ไดนอยที่สุดเมื่อเทียบกับนักฟุตบอลคนอื่น ๆ 3.2) เนื่องจาก ผลรวมของรอยละของจํานวนประตูที่ไดจากการยิงดวยศีรษะของทั้งสามคน เทากับ 140 ผลรวมของรอยละของจํานวนประตูที่ไดจากการยิงดวยเทาซายของทั้งสามคน เทากับ 68 และผลรวมของรอยละของจํานวนประตูที่ไดจากการยิงดวยเทาขวาของทั้งสามคน เทากับ 92 ดังนั้น สามารถสรุปไดวา ประตูที่ไดจากการยิงดวยเทาซายมีจํานวนนอยที่สุด เมื่อเทียบกับจํานวนประตูที่ไดจากการยิงดวยอวัยวะอื่น ๆ 4) พิจารณาขอ 3.1) ในกรณีที่ไมทราบจํานวนประตูที่นักกีฬาแตละคนยิงได ถาสมมติวาทั้งสามคนยิงประตูไดเทากัน และยิงไดคนละ 100 ประตู จากขอ 3.1) จะไดวาจํานวนประตูที่สิทธิรัชตยิงดวยศีรษะนอยที่สุดเมื่อเทียบกับนักฟุตบอลคนอื่น แตถาสมมติวาธนัตภพและสิทธิรัชต ยิงประตูไดทั้งหมด 20 และ 100 ประตู ตามลําดับ จะไดวา จํานวนประตูที่ธนัตภพยิงดวยศีรษะเทากับ 70 20 14 100 × = ประตู และ จํานวนประตูที่สิทธิรัชตยิงดวยศีรษะเทากับ 24 100 24 100 × = ประตู
320 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี นั่นคือ ในกรณีนี้ จํานวนประตูที่สิทธิรัชตยิงดวยศีรษะมากกวาจํานวนประตูที่ธนัตภพ ยิงดวยศีรษะ ดังนั้น ถาไมทราบจํานวนประตูที่นักฟุตบอลแตละคนยิงได จะไมสามารถสรุปขอความ ในขอ 3.1) ได แบบฝกหัดทายบท 1. 1) ประเทศ ความถี่ (จํานวนพนักงาน) ความถี่สัมพัทธ สัดสวน รอยละ ไทย 24 0.40 40 สาธารณรัฐประชาชนจีน 11 0.18 18 สาธารณรัฐสิงคโปร 13 0.22 22 สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม 12 0.20 20 รวม 60 1 100 2) ฐานนิยมของขอมูลชุดนี้คือประเทศไทย 3) พนักงานที่มาจากประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใตคิดเปนรอยละ 40 + 22 + 20 = 82 ของพนักงานทั้งหมด 4) บริษัทแหงนี้มีจํานวนพนักงานที่มีภูมิลําเนามาจากประเทศไทยมากที่สุด คิดเปน รอยละ 40 ของพนักงานทั้งหมด รองลงมาคือสาธารณรัฐสิงคโปร สาธารณรัฐสังคม นิยมเวียดนาม คิดเปนรอยละ 22 และ 20 ของพนักงานทั้งหมด ตามลําดับ สวนจํานวนพนักงานที่มาจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมีจํานวนนอยที่สุด คิดเปน รอยละ 18 ของพนักงานทั้งหมด
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 321 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 2. 3. 1) เพศ จํานวนนักเรียน ชาย 7 หญิง 5 รวม 12 2) บุคคลที่พักอาศัยดวย จํานวนนักเรียน บิดา/มารดา 5 ญาติ 7 รวม 12 45.7 9.4 54.8 18.9 23.3 13.4 12.6 21.9 0% 10% 20% 30% 40% 50% 60% 70% 80% 90% 100% ชาย หญิง ระดับราคาที่ 1 : ต่ํากวา 35,001 บาท ระดับราคาที่ 2 : 35,001 – 45,000 บาท ระดับราคาที่ 3 : 45,001 – 55,000 บาท ระดับราคาที่ 4 : 55,001 – 65,000 บาท ระดับราคาที่ 5 : 65,001 – 75,000 บาท ระดับราคาที่ 6 : สูงกวา 75,000 บาท รอยละของลูกคาที่ซื้อคอมพิวเตอร 100 90 80 70 60 50 40 30 20 10 0
322 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 3) บุคคลที่พักอาศัยดวย เพศ รวม ชาย หญิง บิดา/มารดา 3 2 5 ญาติ 4 3 7 รวม 7 5 12 4) ญาติ 4. 1) มีนักเรียนที่ชื่นชอบมะมวงคิดเปนรอยละ 10 14 13 12 100 24.5 45 51 56 48 +++ × = +++ ของ นักเรียนที่สํารวจทั้งหมด 2) มีนักเรียนและครูที่ชื่นชอบแตงโมหรือมะมวงคิดเปนรอยละ 60 65 100 51.02 245 + × ≈ ของนักเรียนและครูที่สํารวจทั้งหมด 3) เนื่องจากมีนักเรียนที่ชื่นชอบแตงโม 53 คน มีนักเรียนที่ชื่นชอบมะมวง 49 คน มีนักเรียนที่ชื่นชอบฝรั่ง 54 คน และ มีนักเรียนที่ชื่นชอบสับปะรด 44 คน ดังนั้น ผลไมที่นักเรียนชื่นชอบจากมากที่สุดไปนอยที่สุด คือ ฝรั่ง แตงโม มะมวง และ สับปะรด ตามลําดับ 4) เนื่องจากรอยละ 25 ของนักเรียนและครูที่สํารวจทั้งหมด เทากับ 25 245 61.25 100 × = คน นั่นคือ ถาผลไมชนิดใดมีนักเรียนและครูชื่นชอบไมนอยกวา 62 คน จะไดวาผลไม ชนิดนั้นมีนักเรียนและครูชื่นชอบมากกวารอยละ 25 ของนักเรียนและครูที่สํารวจ ทั้งหมด ดังนั้น โรงเรียนแหงนี้จะมีมะมวงและฝรั่งมาวางขาย 5. 1) เว็บไซตรานคา e – Commerce สองอันดับแรกมีจํานวนผูเขาชมตางกันประมาณ 44 – 31 = 13 ลานคน
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 323 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 2) จํานวนผูเขาชมเว็บไซต Shopee TH คิดเปนประมาณ 31 31 1 = เทาของจํานวนผูเขาชม เว็บไซต Shop 24 6. 1) แผนภูมิรูปภาพ XS S M L XL XXL แทนจํานวนนักเรียน 2 คน แผนภูมิรูปวงกลม จํานวนนักเรียน XS S M L XL XXL 2 8 12 10 6 2
324 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี แผนภูมิแทง 2) ขนาดเสื้อยืด จํานวนนักเรียน ความถี่สัมพัทธ (รอยละ) XS 2 5 S 8 20 M 12 30 L 10 25 XL 6 15 XXL 2 5 รวม 40 100 3) มีนักเรียนที่ใสเสื้อยืดตั้งแตขนาด L ขึ้นไป คิดเปนรอยละ 25 15 5 45 + += ของ นักเรียนที่สํารวจทั้งหมด 7. 1) เครือขายสีสม 2) สมมติวาผูใชบริการโทรศัพทมือถือทั้งหมดใน พ.ศ. 2560 มีจํานวน x คน เนื่องจากใน พ.ศ. 2560 มีผูใชบริการโทรศัพทมือถือเครือขายสีน้ําเงินรอยละ 25.19 จะได 24,480, 25.19 100 x 000 = x ≈ 97,181,421.2 ดังนั้น มีผูใชบริการโทรศัพทมือถือทั้งหมดใน พ.ศ. 2560 ประมาณ 97,181,421 คน 0 2 4 6 8 10 12 14 XS S M L XL XXL จํานวนนักเรียน
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 325 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 3) เนื่องจากในปตอ ๆ ไป จะมีจํานวนผูใชบริการเพิ่มขึ้นปละ 1% ของปกอนหนา จะไดวา ใน พ.ศ. 2560 มีผูใชบริการโทรศัพทมือถือทั้งหมด 90,000,000 90, 101 900 0 0 0 1 0 × = ,0 คน และใน พ.ศ. 2561 มีผูใชบริการโทรศัพทมือถือทั้งหมด 90,900,000 91, 101 809 0 0 0 1 0 × = ,0 คน ดังนั้น ใน พ.ศ. 2561 มีผูใชบริการโทรศัพทมือถือเครือขายสีสมกับสีเขียวตางกัน ประมาณ 9 4 1 4. ,8 96 3 09, 1.89 11,999,436 10 00 0 0 − × ≈ คน 4) 4.1) สามารถสรุปไดวาเปนจริง เนื่องจากตลอดทั้งสามป รอยละของผูใชบริการโทรศัพทมือถือเครือขายสีเขียว มากกวารอยละของผูใชบริการโทรศัพทมือถือเครือขายสีน้ําเงินและสีสม 4.2) ไมสามารถสรุปไดวาเปนจริงหรือเท็จ เนื่องจากถาจํานวนผูใชบริการโทรศัพทมือถือเทากันในแตละป จะไดวาจํานวนผูใชบริการโทรศัพทมือถือเครือขายสีสมเพิ่มขึ้นทุกป แตถาสมมติวาใน พ.ศ. 2559 มีจํานวนผูใชบริการโทรศัพทมือถือทั้งหมด 90,000,000 คน และใน พ.ศ. 2560 มีจํานวนผูใชบริการโทรศัพทมือถือทั้งหมด 80,000,000 คน จะไดวามีผูใชบริการโทรศัพทมือถือเครือขายสีสมใน พ.ศ. 2559 จํานวน 90,000,000 2 27.24 1 4,516 0 00 0 × = ,0 คน และมีผูใชบริการโทรศัพทมือถือ เครือขายสีสมใน พ.ศ. 2560 จํานวน 80,000,000 2 30.27 1 4,216 0 00 0 × = ,0 คน นั่นคือมีผูใชบริการโทรศัพทมือถือเครือขายสีสมลดลงจากปกอนหนา 4.3) สามารถสรุปไดวาเปนเท็จ เนื่องจากใน พ.ศ. 2559 มีผูใชบริการโทรศัพทมือถือเครือขายสีเขียว 0,000,000 45.57 9 41,013,000 100 × = คน
326 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี และใน พ.ศ. 2561 มีผูใชบริการโทรศัพทมือถือเครือขายสีเขียว 91,809,000 41,277,326. 44.96 1 4 41,277,3 0 26 0 × = ≈ คน ดังนั้น จํานวนผูใชบริการโทรศัพทมือถือเครือขายสีเขียวใน พ.ศ. 2561 มากกวา จํานวนผูใชบริการโทรศัพทมือถือเครือขายสีเขียวใน พ.ศ. 2559 8. 1) เนื่องจากแตละหมูบานมีชาวบานที่ตอบแบบสํารวจจํานวนเทากัน จะไดวามีชาวบานตอบแบบสํารวจหมูบานละ 200 คน ดังนั้น มีจํานวนชาวบานที่รับประทานอาหารที่ปรุงดวยการทอดเปนประจําทั้งหมด 22 25 18 11 200 152 100 100 100 100 +++ ×= คน 2) เนื่องจากชาวบานที่ตอบแบบสํารวจจากหมูบาน A จํานวน 100 คน จะไดวามีชาวบานในหมูบาน A ที่รับประทานอาหารที่ปรุงดวยการผัดเปนประจํา จํานวน 31 100 31 100 × = คน เนื่องจากสํารวจชาวบานจากหมูบาน 4 แหง จํานวน 800 คน โดยมีชาวบานที่ตอบ แบบสํารวจจากหมูบาน A จํานวน 100 คน จากหมูบาน B จํานวน 150 คน และจาก หมูบาน D จํานวน 50 คน จะไดวามีชาวบานในหมูบาน C ที่รับประทานอาหารที่ปรุงดวยการผัดเปนประจํา จํานวน ( ) 20 800 100 150 50 100 100 × −−−= คน ดังนั้น มีชาวบานในหมูบาน A ที่รับประทานอาหารที่ปรุงดวยการผัดเปนประจํานอยกวา ชาวบานในหมูบาน C ที่รับประทานอาหารที่ปรุงดวยการผัดเปนประจําอยู 100 31 69 − = คน 3) 3.1) สามารถสรุปไดวาเปนจริง เนื่องจากในแตละหมูบานมีรอยละของชาวบานที่ตอบแบบสํารวจที่รับประทาน อาหารที่ปรุงดวยการทอดเปนประจํานอยกวารอยละของชาวบานที่รับประทาน อาหารที่ปรุงดวยการตมเปนประจํา
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 327 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 3.2) ไมสามารถสรุปไดวาเปนจริงหรือเปนเท็จ เนื่องจากถาสมมติวามีจํานวนชาวบานที่ตอบแบบสํารวจจากหมูบาน B และ C เทากัน จะไดวาในกลุมผูตอบแบบสํารวจ ชาวบานในหมูบาน B ที่รับประทาน อาหารที่ปรุงดวยการผัดเปนประจํามีจํานวนมากกวาชาวบานในหมูบาน C ที่รับประทานอาหารที่ปรุงดวยการปง/ยางเปนประจํา แตถาสมมติวามีชาวบานที่ตอบแบบสํารวจจากหมูบาน B จํานวน 100 คน และมี ชาวบานที่ตอบแบบสํารวจจากหมูบาน C จํานวน 200 คน จะมีชาวบานที่ตอบ แบบสํารวจจากหมูบาน B ที่รับประทานอาหารดวยการผัดเปนประจํา จํานวน 25 100 25 100 × = คน และมีชาวบานที่ตอบแบบสํารวจจากหมูบาน C ที่รับประทานอาหารดวยการปง/ยางเปนประจํา จํานวน 14 200 28 100 × = คน นั่นคือ ในกลุมผูตอบแบบสํารวจ จะไดวาชาวบานในหมูบาน B ที่รับประทาน อาหารที่ปรุงดวยการผัดเปนประจํามีจํานวนนอยกวาชาวบานในหมูบาน C ที่รับประทานอาหารที่ปรุงดวยการปง/ยางเปนประจํา 3.3) ไมสามารถสรุปไดวาเปนจริงหรือเปนเท็จ เนื่องจากถาสมมติวามีจํานวนชาวบานที่ตอบแบบสํารวจจากทั้ง 4 หมูบาน เทากัน จากขอ 1) จะไดวามีชาวบานที่รับประทานอาหารที่ปรุงดวยการทอด เปนประจํา 152 คน และมีชาวบานที่รับประทานอาหารที่ปรุงดวยการผัดเปน ประจํา 31 25 20 7 200 166 100 100 100 100 +++ ×= คน นั่นคือ ในกลุมตอบแบบสํารวจ ชาวบานที่รับประทานอาหารที่ปรุงดวยการทอด เปนประจํามีจํานวนนอยกวาชาวบานที่รับประทานอาหารที่ปรุงดวยการผัดเปน ประจํา แตถาสมมติวามีชาวบานที่ตอบแบบสํารวจจากหมูบาน A, B, C และ D เปน 100, 100, 100 และ 500 คน ตามลําดับ จะมีชาวบานที่รับประทานอาหารที่ปรุงดวยการทอดเปนประจําทั้งหมด 22 25 18 11 100 100 100 500 120 100 100 100 100 ×+ ×+ ×+ × = คน
328 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี และมีชาวบานที่รับประทานอาหารที่ปรุงดวยการผัดเปนประจําทั้งหมด 31 25 20 7 100 100 100 500 111 100 100 100 100 ×+ ×+ ×+ × = คน นั่นคือ ในกลุมผูตอบแบบสํารวจ ชาวบานที่รับประทานอาหารที่ปรุงดวย การทอดเปนประจํามีจํานวนมากกวาชาวบานที่รับประทานอาหารที่ปรุงดวย การผัดเปนประจํา 9. 1) จากแผนภูมิรูปวงกลม มีนักเรียนที่ตอบแบบสํารวจจากโรงเรียน A ทั้งหมด 30 10,000 3,000 100 × = คน ดังนั้น มีนักเรียนจากโรงเรียน A ที่ชื่นชอบภาพยนตรแอกชัน 30 3,000 900 100 × = คน 2) มีนักเรียนที่ชื่นชอบภาพยนตรผจญภัยทั้งหมด 17 30 20 24 10 26 10,000 10,000 10,000 100 100 100 100 100 100 ×× +×× +×× 25 20 10,000 1,750 100 100 +×× = คน 3) นักเรียนจากโรงเรียน A ที่ชื่นชอบภาพยนตรตลกมี 20 30 10,000 600 100 100 ×× = คน นักเรียนจากโรงเรียน D ที่ชื่นชอบภาพยนตรผจญภัยมี 25 20 10,000 500 100 100 ×× = คน ดังนั้น จํานวนนักเรียนจากโรงเรียน A ที่ชื่นชอบภาพยนตรตลกมากกวาจํานวน นักเรียนจากโรงเรียน D ที่ชื่นชอบภาพยนตรผจญภัย 4) มีนักเรียนจากโรงเรียน B และ C ที่ชื่นชอบภาพยนตรผจญภัยและภาพยนตรชีวิตรวม ทั้งหมด 20 8 24 10 14 26 10,000 10,000 100 100 100 100 100 100 +×× + +×× = 1,296 คน 5) มีนักเรียนจากโรงเรียน D ที่ชื่นชอบภาพยนตรประเภทอื่น ๆ อยู 7 20 10,000 140 100 100 ×× = คน ซึ่งคิดเปนรอยละ 140 100 1.4 10,000 × = ของจํานวน นักเรียนที่สํารวจทั้งหมด
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 329 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี เฉลยแบบฝกหัด บทที่ 3 การวิเคราะหและนําเสนอขอมูลเชิงปริมาณ แบบฝกหัด 3.1 1. จากโจทย กําหนดจํานวนอันตรภาคชั้นเทากับ 9 ชั้น คาเริ่มตนคือ 8,000 และคาสุดทายคือ 9,800 สามารถเขียนตารางความถี่ไดดังนี้ 1. คํานวณความกวางของอันตรภาคชั้น ไดดังนี้ คาสุดทาย – คาเริ่มตน จํานวนอันตรภาคชั้น 9,800 8,000 200 9 − = = ดังนั้น ความกวางของอันตรภาคชั้นคือ 200 เซลลตอเลือด 1 ลูกบาศกมิลลิเมตร 2. เขียนอันตรภาคชั้นไดดังนี้ อันตรภาคชั้น คาเริ่มตน คาสุดทาย ชั้นที่ 1 8,000 8,000 200 1 8,199 + −= ชั้นที่ 2 8,200 8,200 200 1 8,399 + −= ชั้นที่ 3 8,400 8,400 200 1 8,599 + −= ชั้นที่ 4 8,600 8,600 200 1 8,799 + −= ชั้นที่ 5 8,800 8,800 200 1 8,999 + −= ชั้นที่ 6 9,000 9,000 200 1 9,199 + −= ชั้นที่ 7 9,200 9,200 200 1 9,399 + −= ชั้นที่ 8 9,400 9,400 200 1 9,599 + −= ชั้นที่ 9 9,600 9,600 200 1 9,799 + −=
330 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 3. หาจํานวนขอมูลทั้งหมดที่อยูในแตละอันตรภาคชั้นโดยทํารอยขีด ไดดังนี้ อันตรภาคชั้น รอยขีด 8,000 8,199 − ||| 8,200 8,399 − 8,400 8,599 − |||| 8,600 8,799 − |||| 8,800 8,999 − |||| |||| 9,000 9,199 − |||| | 9,200 9,399 − |||| || 9,400 9,599 − |||| 9,600 9,799 − | 4. เขียนตารางความถี่ ไดดังนี้ อันตรภาคชั้น ความถี่ 8,000 8,199 − 3 8,200 8,399 − 0 8,400 8,599 − 5 8,600 8,799 − 5 8,800 8,999 − 9 9,000 9,199 − 6 9,200 9,399 − 7 9,400 9,599 − 4 9,600 9,799 − 1 จากตารางความถี่อาจสรุปไดวา • ครูที่มีเซลลเม็ดเลือดขาวอยูในชวง 8,800 8,999 − เซลลตอเลือด 1 ลูกบาศก มิลลิเมตร มีจํานวนมากที่สุด โดยมีจํานวน 9 คน รองลงมาคือ ครูที่มีเซลลเม็ดเลือด ขาวอยูในชวง 9,200 9,399 − เซลลตอเลือด 1 ลูกบาศกมิลลิเมตร โดยมีจํานวน 7 คน
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 331 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี • ครูที่มีเซลลเม็ดเลือดขาวอยูในชวง 8,400 8,599 − เซลลตอเลือด 1 ลูกบาศก มิลลิเมตร และชวง 8,600 8,799 − เซลลตอเลือด 1 ลูกบาศกมิลลิเมตร มีจํานวน 5 คน เทากัน • ไมมีครูที่มีเซลลเม็ดเลือดขาวอยูในชวง 8,200 8,399 − เซลลตอเลือด 1 ลูกบาศก มิลลิเมตร 2. 1) จากโจทยกําหนดจํานวนอันตรภาคชั้นเทากับ 6 ชั้น คาเริ่มตนคือ 8 และคาสุดทาย คือ 44 สามารถเขียนตารางความถี่ไดดังนี้ 1. คํานวณความกวางของอันตรภาคชั้น ไดดังนี้ คาสุดทาย – คาเริ่มตน จํานวนอันตรภาคชั้น 44 8 6 6 − = = ดังนั้น ความกวางของอันตรภาคชั้นคือ 6 ฉบับ 2. เขียนอันตรภาคชั้นไดดังนี้ อันตรภาคชั้น คาเริ่มตน คาสุดทาย ชั้นที่ 1 8 8 6 1 13 +−= ชั้นที่ 2 14 14 6 1 19 +−= ชั้นที่ 3 20 20 6 1 25 +−= ชั้นที่ 4 26 26 6 1 31 +−= ชั้นที่ 5 32 32 6 1 37 +−= ชั้นที่ 6 38 38 6 1 43 +−= 3. เขียนตารางความถี่ ไดดังนี้ อันตรภาคชั้น ความถี่ 8 13 − 3 14 19 − 11 20 25 − 10 26 31 − 5 32 37 − 1 38 43 − 1
332 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 2) อันตรภาคชั้น 14 19 − มีความถี่สูงที่สุด 3) อันตรภาคชั้นที่ 5 มีความถี่สัมพัทธในรูปรอยละเทากับ 1 100 31 × หรือประมาณ 3.23 4) จํานวนวันที่กนกวรรณไดรับอีเมลนอยกวา 32 ฉบับ คิดเปนรอยละ 3 11 10 5 100 93.55 31 +++ × ≈ ของจํานวนวันทั้งหมดในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2561 3. 1) เขียนตารางความถี่พรอมทั้งแสดงความถี่สัมพัทธไดดังนี้ อันตรภาคชั้น ความถี่ ความถี่สัมพัทธ สัดสวน รอยละ ต่ํากวา 1,100 2 2 0.04 50 = 4 1,100 1,199 − 4 4 0.08 50 = 8 1,200 1,299 − 11 11 0.22 50 = 22 1,300 1,399 − 13 13 0.26 50 = 26 1,400 1,499 − 14 14 0.28 50 = 28 1,500 1,599 − 5 5 0.10 50 = 10 1,600 1,699 − 1 1 0.02 50 = 2 2) ลูกคาที่มียอดชําระเงินอยูในอันตรภาคชั้น 1,400 1,499 − มีจํานวนมากที่สุด และคิด เปนรอยละ 28 ของจํานวนลูกคาที่เก็บขอมูลทั้งหมด 3) จํานวนลูกคาที่มียอดชําระเงินต่ํากวา 1,200 บาท มีจํานวน 6 คน จํานวนลูกคาที่มียอดชําระเงินตั้งแต 1,500 บาทขึ้นไป มีจํานวน 6 คน ดังนั้น จํานวนลูกคาที่มียอดชําระเงินต่ํากวา 1,200 บาท เทากับจํานวนลูกคาที่มียอด ชําระเงินตั้งแต 1,500 บาทขึ้นไป
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 333 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 4) คําตอบมีไดหลากหลาย เชน • ลูกคาที่มียอดชําระเงินตั้งแต 1,400 ถึง 1,499 บาท มีจํานวนมากที่สุด • ลูกคาที่มียอดชําระเงินตั้งแต 1,600 ถึง 1,699 บาท มีจํานวนนอยที่สุด • สวนใหญลูกคามียอดชําระเงินอยูในชวง 1,200 ถึง 1,499 บาท 4. 1) จากโจทย กําหนดจํานวนอันตรภาคชั้นเทากับ 7 ชั้น คาเริ่มตนคือ 30 และคาสุดทาย คือ 101 สามารถเขียนตารางความถี่ไดดังนี้ 1. คํานวณความกวางของอันตรภาคชั้น ไดดังนี้ คาสุดทาย – คาเริ่มตน จํานวนอันตรภาคชั้น 101 30 10.14 7 − = ≈ ดังนั้น ความกวางของอันตรภาคชั้นคือ 11 คะแนน 2. เขียนอันตรภาคชั้นไดดังนี้ อันตรภาคชั้น คาเริ่มตน คาสุดทาย ชั้นที่ 1 30 30 11 1 40 + −= ชั้นที่ 2 41 41 11 1 51 + −= ชั้นที่ 3 52 52 11 1 62 + −= ชั้นที่ 4 63 63 11 1 73 + −= ชั้นที่ 5 74 74 11 1 84 + −= ชั้นที่ 6 85 85 11 1 95 + −= ชั้นที่ 7 96 96 11 1 106 + −=
334 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 3. เขียนตารางความถี่พรอมทั้งแสดงความถี่สะสม ความถี่สัมพัทธ และความถี่สะสม สัมพัทธ ไดดังนี้ อันตรภาคชั้น ความถี่ ความถี่ สะสม ความถี่สัมพัทธ ความถี่สะสมสัมพัทธ สัดสวน รอยละ สัดสวน รอยละ 30 40 − 1 1 1 0.02 60 ≈ 2 0.02 2 41 51 − 2 3 2 0.03 60 ≈ 3 0.05 5 52 62 − 14 17 14 0.23 60 ≈ 23 0.28 28 63 73 − 18 35 18 0.30 60 ≈ 30 0.58 58 74 84 − 21 56 21 0.35 60 ≈ 35 0.93 93 85 95 − 3 59 3 0.05 60 ≈ 5 0.98 98 96 106 − 1 60 1 0.02 60 ≈ 2 1 100 2) มีนักเรียนที่ไดคะแนนตั้งแต 85 คะแนนขึ้นไป จํานวน 31 4 + = คน 3) นักเรียนที่ไดคะแนนนอยกวา 52 คะแนน คิดเปนรอยละ 5 ของจํานวนนักเรียนทั้งหมด 4) นักเรียนที่ไดคะแนนตั้งแต 52 คะแนน ถึง 84 คะแนน คิดเปนรอยละ 93 – 5 = 88 ของจํานวนนักเรียนทั้งหมด 5. 1) พิจารณา 341 380 − ซึ่งเปนอันตรภาคชั้นแรก จะได ความกวางของอันตรภาคชั้น คือ 380 341 1 40 − += และเขียนตารางความถี่ ไดดังนี้ อันตรภาคชั้น ความถี่ 341 380 − 2 381 420 − 7 421 460 − 5 461 500 − 14 501 540 − 11
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เล่ม 2 335 สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อันตรภาคชั้น ความถี่ 541 580 11 581 620 11 621 660 3 661 700 1 701 740 1 2) มีหมู่บ้านที่มีประชากรอาศัยอยู่ต่ ากว่า 501 คน จ านวน 2 7 5 14 28 หมู่บ้าน 3) มีหมู่บ้านที่มีประชากรอาศัยอยู่ตั้งแต่ 381 ถึง 580 คน จ านวน 7 5 14 11 11 48 หมู่บ้าน 4) จ านวนหมู่บ้านที่มีประชากรอาศัยอยู่มากกว่า 660 คน คิดเป็นร้อยละ 2 100 3.03 66 ของจ านวนหมู่บ้านทั้งหมด แบบฝึกหัด 3.2 1. จากข้อมูลสามารถเขียนฮิสโทแกรมได้ดังนี้ จ านวนนักเรียน (คน) คะแนน 6 5 4 3 2 1 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11