The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายวิชา คณิตศาสตร์เพิ่มศักยภาพ 5

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by khunyingpong, 2022-05-11 03:56:26

แผนการจัดการเรียนรู้ 65 - ครูพงษ์ลดา

รายวิชา คณิตศาสตร์เพิ่มศักยภาพ 5

95

๕. สาระการเรยี นรู้

ด้านความรู้ (K)

- หาอนิ เตอรเ์ ซกชนั ของเซตได้

- หายเู นยี นของเซตได้

- เขียนเซตที่เกิดจากการอินเตอรเ์ ซกชนั ของเซตได้

- เขยี นเซตที่เกดิ จากการยูเนยี นของเซตได้

ทักษะทส่ี ำคัญ (P)

- การแก้ปัญหา.

- การสอื่ สารและการสือ่ ความหมายทางคณติ ศาสตร์

- การเชอื่ มโยง

ด้านเจตคติ (A)

 รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์  ซือ่ สตั ย์สุจรติ

 มีวินัย  ใฝเ่ รยี นรู้

 อยู่อยา่ งพอเพยี ง  มุ่งมนั่ ในการทำงาน

 รกั ความเป็นไทย  มีจิตสาธารณะ

๖. จดุ เน้นสู่การพฒั นาคุณภาพผู้เรียนทกั ษะศตวรรษที่ ๒๑

การเรยี นรู้ 3R x 8C

 Reading (อ่านออก)  (W)Riting(เขียนได้)  (A)Rithemetics(คดิ เลขเป็น)

 Critical Thinking and Problem Solving:มีทักษะในการคดิ วเิ คราะห์ และแก้ไขปญั หาได้

 Creativity and Innovation:คิดอย่างสรา้ งสรรค์ คดิ เชิงนวตั กรรม

 Collaboration Teamwork and Leadership:ใหค้ วามร่วมมอื ในการทำงานเป็นทีมมภี าวะผนู้ ำ

 Communication Information and Media Literacy:มีทักษะในการส่ือสาร และรเู้ ทา่ ทันส่ือ

 Cross-Cultural Understanding:มีความเขา้ ใจความแตกตา่ งทางวัฒนธรรม

 Computing and ICT Literacy:มที ักษะการใชค้ อมพวิ เตอร์ และรู้เท่าทันเทคโนโลยี

 Career and Learning Skills:มที กั ษะทางอาชีพ และกระบวนการเรยี นร้ตู ่างๆ

 Compassion:มีคณุ ธรรม มีเมตตากรุณา มีระเบยี บวนิ ัย

ทกั ษะดา้ นชวี ติ และอาชีพ

 ความยืดหย่นุ และการปรับตัว

 การริเร่มิ สรา้ งสรรค์และเป็นตวั ของตวั เอง

 ทักษะสังคมและสงั คมข้ามวฒั นธรรม

 การเปน็ ผูส้ ร้างหรอื ผผู้ ลติ (Productivity) และความรับผิดชอบเชื่อถือได้ (Accountability)

 ภาวะผู้นำและความรับผิดชอบ (Responsibility)

คุณลกั ษณะสำหรบั ศตวรรษท่ี ๒๑

 คุณลกั ษณะดา้ นการทำงาน ได้แก่ การปรบั ตัว ความเป็นผู้นำ

 คุณลักษณะด้านการเรียนรู้ ไดแ้ ก่ การช้นี ำตนเอง การตรวจสอบการเรยี นรขู้ องตนเอง

 คุณลักษณะดา้ นศีลธรรม ได้แก่ ความเคารพผอู้ ื่น ความซอ่ื สตั ย์ ความสำนึกพลเมือง

96

๗. จดุ เนน้ ของสถานศกึ ษา

๗.๑ ผูเ้ รยี นเป็นกุลสตรไี ทยสมยั นิยม (SSTB School's 4G)

 มีคุณธรรม (Good Moral)  นำปญั ญา (Good Wisdom)

 จิตอาสาเดน่ (Good Service)  เน้นมารยาท (Good Manners)

๗.๒ ผูเ้ รยี นมศี ักยภาพเปน็ พลโลก (World Citizen) เทยี บเคยี งมาตรฐานสากล

 เป็นเลิศวชิ าการ  สอ่ื สารได้อยา่ งนอ้ ย 2 ภาษา

 ลำ้ หนา้ ทางความคิด  ผลิตงานอย่างสรา้ งสรรค์

 รว่ มกนั รบั ผิดชอบตอ่ สงั คมโลก

๘. ช้ินงานหรือภาระงาน (หลักฐาน /ร่องรอยแสดงความรู้)

- การทำแบบฝึกหัดในหนังสือเรยี นรายวชิ าพ้ืนฐาน คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ ,
เอกสารประกอบการเรยี น, ใบความรู้, ใบกจิ กรรม , ใบงาน , แบบฝกึ ปฏบิ ัติกจิ กรรม , แบบฝึกทกั ษะ
พัฒนาการเรียนรู้ , แบบทดสอบหนว่ ยการเรยี นรู้ แบบสังเกตพฤตกิ รรมทางการเรียนการสอน , แบบสงั เกต
พฤติกรรมการปฏบิ ัติกจิ กรรมกล่มุ , แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์

๙. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้

เลือกใช้รูปแบบการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง : Concept Based Teaching เพื่อให้เกิด
การเรียนรู้แบบค้นพบ (Discovery Method) โดยใช้วิธีการสอนแบบอุปนัย (Inductive Method) และ
นิรนัย (Deductive Method) ซึ่งเป็นการจัดการเรียนการสอนที่นำพาผู้เรียน เพื่อให้เกิดความรู้ความเขา้ ใจ
มที ักษะ และเกิดความคิดรวบยอด ผลของการจัดการเรียนการสอนในลักษณะนี้ จะทำให้ผู้เรยี นไดค้ วามรู้ และ
มที กั ษะในการค้นหาความคดิ รวบยอด ซึง่ จะเป็นทกั ษะสำคัญทีต่ ดิ ตัวผู้เรยี นไปตลอดชีวิต

ในหัวข้อนี้เป็นเรื่องของอินเตอร์เซกชันและยูเนียนของเซต โดยให้นักเรียนได้เรียนรู้เกี่ยวกับการหา
อินเตอร์เซกชันและยูเนียนของเซต การเขียนเซตที่เกิดจากการอินเตอร์เซกชันและยูเนียนของเซต
โดยแนวทางการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้อาจทำไดด้ ังนี้

ขั้นการนำเข้าสู่บทเรียน

ขนั้ การใชค้ วามรู้เดมิ เช่ือมโยงความรใู้ หม่ (Prior Knowledge)
๑. ครกู ระตุน้ ใหน้ กั เรียนสนใจโดยการทบทวนเรื่องแผนภาพเวนน์ จากคลิปวีดีโอ
https://www.youtube.com/watch?v=wtR5XWfR_CE
๒. ครูแจกใบงานที่ 1.8 เรือ่ ง อินเตอร์เซกชันของเซต ใหก้ บั นักเรียน เม่อื นกั เรียนวาดแผนภาพเรียบร้อย
แลว้ ครูและนกั เรียนชว่ ยกนั ตรวจสอบความถูกต้อง จากนัน้ ครใู ห้นกั เรยี นปฏบิ ตั ิตามคำสัง่ ดังตอ่ ไปน้ี
• ขอ้ 1 นกั เรยี นเว้นว่างไว้ไมต่ ้องแรเงา
• ขอ้ 2 นกั เรยี นแรเงาพน้ื ที่เฉพาะช่องท่มี เี ลข 3 อยูเ่ ท่านน้ั
• ข้อ 3 นกั เรยี นแรเงาพื้นทเี่ ฉพาะชอ่ งทม่ี เี ลข 3 และ 4 อยู่เท่าน้ัน
ข้อ 4 นักเรยี นแรเงาพ้ืนทีเ่ ฉพาะชอ่ งที่มเี ลข 3 อย่เู ทา่ นนั้

97

ขน้ั เรียนรู้

ขน้ั รู้ (Knowing)
๑. ครอู ธิบายให้นกั เรยี นฟงั วา่ พ้ืนทส่ี ่วนทแ่ี รเงา คือ สว่ นอินเตอรเ์ ซกชนั ของเซต A และเซต B ซึง่ เขยี น
แทนดว้ ย A  B จากนนั้ ครูใหน้ ักเรียนชว่ ยกนั วเิ คราะหค์ วามหมายอินเตอรเ์ ซกชนั ของเซตจากรูปในใบ
งานที่ 1.8 แลว้ เขยี นคำตอบลงในชอ่ งว่างทีเ่ หลืออยู่ใหส้ มบูรณ์
๒. ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั สรุปความหมายอนิ เตอรเ์ ซกชันของเซตโดยครูถามนักเรยี น ดงั นี้
• อินเตอรเ์ ซกชนั ของเซต A และเซต B คืออะไร
(แนวตอบ เซตของสมาชกิ ท่ีซ้ำกันของเซต A และเซต B เขยี นแทนดว้ ย A  B
นน่ั คอื A  B = {x | x A และ x | x B}
๓. ครใู หน้ กั เรยี นจบั คู่ศกึ ษาตัวอยา่ งท่ี 9 ในหนงั สือเรยี นหนา้ 18-19
๔. ครสู ่มุ นกั เรียน 2 คู่ มาอธิบายวธิ กี ารหาคำตอบ จากนนั้ ให้นักเรยี นในหอ้ งรว่ มแสดงความคิดเห็น
เพม่ิ เติมและรว่ มกันสรุปคำตอบ

ขนั้ เข้าใจ (Understanding)
๑. ครใู ห้นกั เรียนทำ “ลองทำด”ู ในหนังสือเรยี นหนา้ 19 จากน้นั สุ่มนกั เรยี นออกมานำเสนอคำตอบหนา้
ชนั้ เรยี น โดยครตู รวจสอบความถูกต้อง
๒. ครูเน้นยำ้ ข้อมลู ที่สำคัญทีน่ ักเรยี นควรรูเ้ พิ่มเตมิ ในกรอบ ATTENTION จากหนังสอื เรียนหน้า 19
๓. ครใู ห้นกั เรยี นทำแบบฝึกทักษะ 1.3 ขอ้ 1-2 ในหนงั สอื แบบเรยี นหน้า 30 และ Exercise 1.3A ใน

หนงั สอื แบบฝึกหัด เปน็ การบ้าน

ขั้นสรุป/ ข้ันนำไปใช้

๑. ครูใหน้ ักเรยี นสรปุ ข้อคน้ พบเป็นความคิดรวบยอดที่ได้จากการทำกจิ กรรม และศกึ ษาค้นคว้าเพิ่มเติมนอกเวลา
จากแหล่งการเรยี นรู้ที่ครูแนะนำ หรือจากแหลง่ การเรียนรู้ออนไลน์

๒. ครใู หน้ ักเรยี นจบั คู่กนั โดยใช้เทคนคิ เพอ่ื นคคู่ ดิ (Think Pair Share) เพ่ือแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
เกี่ยวกบั เรื่องทส่ี บื ค้นมา จากน้นั รว่ มกนั สรปุ ความรู้

๓. ครูให้นักเรียนนำเสนอแนวทางการนำข้อค้นพบที่ได้ไปใช้ในการแก้ปัญหาในสถานการณ์ต่างๆ และให้
นกั เรยี นฝกึ ทักษะดว้ ยการทำแบบฝึกหดั เพ่ิมเติมจากเอกสารประกอบการเรียน ใบงาน หรือส่อื การเรียนรู้อ่ืนๆ
ตามที่ครูมอบหมาย

98

๑๐. สื่อการเรียนรู้

- หนังสอื เรียนรายวิชาคณติ ศาสตร์พน้ื ฐาน ม.4
- เอกสารประกอบการเรยี น, ใบกจิ กรรม, ใบงาน, แบบฝึกหัด
- ใบงาน (จาก DLTV : Distance Learning Television)
- ส่อื การเรยี นรู้อ่ืน ๆ เช่น จาก DLIT (หอ้ งเรียน DLIT, คลังส่ือการเรยี นร,ู้ หอ้ งสมุดดจิ ทิ ัล ฯลฯ) ,

Youtube , Google Sites , Google Classroom เป็นต้น

๑๑. แหล่งเรียนรใู้ นหรือนอกสถานสถานศกึ ษา

- ศนู ยค์ ณติ ศาสตร์
- ห้องสมดุ โรงเรียน
- DLTV (Distance Learning Television)
- DLIT (Distance Learning Information Technology)

- ข้อมลู จากแหลง่ เรยี นร้อู นื่ ๆ เชน่ Website , Youtube , Google Sites , Google Classroom,

Social Media ฯลฯ

๑๒. การวัดผลและประเมินผลการเรยี นรู้

รายการวัด วธิ ีการวัดผล เครอื่ งมือการวัด เกณฑก์ ารวดั และ
และประเมิน ประเมนิ ผล

1) หาอินเตอรเ์ ซกชันของเซตได้ ๑. ตรวจใบงาน/ ๑. แบบบนั ทกึ ๑. ผลการตรวจผลงาน

2) หายเู นียนของเซตได้ แบบฝึกหัด ของ การประเมนิ ผลงาน ผา่ นรอ้ ยละ 70

3) เขยี นเซตทีเ่ กิดจากการ นักเรยี น นกั เรียนโดยใชเ้ กณฑ์ ๒. ผลการนำเสนอ

อนิ เตอร์เซกชนั ของเซตได้ ๒. ประเมินการ การประเมนิ แบบรบู ริกส์ ผลงาน

4) เขยี นเซตทเี่ กดิ จากการ นำเสนอผลงาน ๒. แบบประเมนิ การนำเสนอ ผา่ นร้อยละ 70

ยเู นียนของเซตได้ ๓. สงั เกต ผลงานโดยใช้เกณฑ์ ๓. ผลการสงั เกต

5) รับผิดชอบต่อหน้าท่ีทีไ่ ด้รบั พฤติกรรมการ การประเมินแบบรบู ริกส์ พฤติกรรม

มอบหมาย ทำงาน ๓. แบบสงั เกตพฤติกรรม การทำงานรายบคุ คล

รายบุคคล การทำงานรายบคุ คล ผ่านร้อยละ 70

๔. สงั เกต ๔. แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ๔. ผลการสงั เกต

พฤติกรรมการ การทำงานรายกล่มุ พฤติกรรม

ทำงานรายกล่มุ ๕. แบบประเมินคุณลักษณะ การทำงานรายกลุ่ม

๕. คณุ ลักษณะ อันพึงประสงค์ ผ่านร้อยละ 70

อันพงึ ประสงค์ ๕. ผลการสงั เกต

คณุ ลักษณะอันพึง

ประสงค์

ผา่ นรอ้ ยละ 70

99

๑๓. การบรู ณาการการจดั การเรยี นรู้

 บูรณาการกระบวนการคดิ

 การคิดวิเคราะห์  การคิดเปรียบเทยี บ  การคดิ สังเคราะห์

 การคิดวพิ ากษ์  การคิดอย่างมีวิจารณญาณ  การคิดประยุกต์

 การคิดเชิงมโนทศั น์  การคิดเชิงกลยุทธ์  การคดิ แกป้ ญั หา

 การคิดบูรณาการ  การคดิ สรา้ งสรรค์  การคิดอนาคต

 บรู ณาการอาเซยี น

 บูรณาการหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

 บูรณาการกับหลักสูตรต้านทจุ รติ ศกึ ษา

 บรู ณาการกบั การจดั การเรียนรู้ STEM EDUCATION

 บูรณาการกับการจัดการเรยี นรู้ Active Learning

 บูรณาการกับกรอบสาระการเรียนรู้ท้องถิ่น

 บรู ณาการกับโครงการการจัดการศึกษาเพอื่ การมงี านทำในศตวรรษที่ ๒๑

 บูรณาการกบั กลุ่มสาระการเรียนรอู้ ื่นๆ

1 กลุม่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ไดแ้ ก่ …………………………………

2. กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาต่างประเทศ ได้แก่ คำศัพท์ภาษาอังกฤษท่เี กยี่ วขอ้ งในบทเรยี น

3. กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ได้แก่ ……………………………….

4. กลุ่มสาระการเรยี นรู้ศิลปะ ได้แก่ …………………………………

 บรู ณาการในลกั ษณะอ่ืนๆ ได้แก่........................................................

๑๔. กจิ กรรมเสนอแนะ

ควรใหน้ ักเรยี นศึกษาหาความรูจ้ ากตำราเรียน และแหลง่ การเรียนรอู้ น่ื ๆ เพม่ิ เตมิ เพ่ือเป็นการ
เพ่มิ พูนทักษะการเรียนรู้

100

บันทกึ ผลหลงั การสอน/แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๙

กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ รายวิชา คณิตศาสตร์เพม่ิ ศกั ยภาพ ๕
ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๓/๑๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๕
หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ ๑ เซต เวลา ๒๐ ชัว่ โมง
เรื่อง อินเตอร์เซกชนั และยูเนยี นของเซต เวลา ๕๐ นาที

๑. สรปุ ผลการเรียนการสอน

๑.๑ นกั เรียนท้งั หมดจำนวน................................คน

จดุ ประสงค์การเรยี นรขู้ ้อที่ นักเรียนท่ีผ่าน นักเรยี นไม่ผา่ น
จำนวน(คน) รอ้ ยละ จำนวน(คน) รอ้ ยละ

1) หาอินเตอร์เซกชนั ของเซตได้

2) หายูเนยี นของเซตได้

3) เขยี นเซตท่เี กดิ จากการอนิ เตอรเ์ ซก
ชันของเซตได้

๔) เขยี นเซตท่เี กดิ จากการยูเนยี นของ
เซตได้

๕) รบั ผดิ ชอบต่อหนา้ ทที่ ไ่ี ดร้ ับ
มอบหมาย

รายชื่อนักเรียนที่ไมผ่ ่านจุดประสงคข์ ้อที่.............ได้แก่
................................................................................................................................................
................................................................................................................................................

รายช่อื นักเรียนที่ไมผ่ า่ นจดุ ประสงค์ข้อที่.............ไดแ้ ก่
................................................................................................................................................
................................................................................................................................................

นักเรียนทีม่ ีความสามารถพเิ ศษ/นักเรียนพิการได้แก่
๑) ..........................................................................................................................................
๒) ..........................................................................................................................................

๑.๒ นักเรยี นมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจ
- มีความคดิ รวบยอดในเร่ือง เซต : อนิ เตอร์เซกชันและยเู นียนของเซต

๑.๓ นกั เรยี นมคี วามรเู้ กิดทักษะ
ทกั ษะด้านการอา่ น(Reading) ทักษะด้านการเขยี น (Writing) ทักษะดา้ นการคิดคำนวณ

(Arithmetics) การคดิ อยา่ งมีวจิ ารณญาณ และทกั ษะในการแก้ปัญหา ทักษะด้านการสร้างสรรค์ และนวตั กรรม
ทักษะดา้ นความร่วมมือ การทำงานเปน็ ทีมและภาวะผ้นู ำ ทักษะดา้ นการสื่อสารสารสนเทศ และร้เู ท่าทันสอื่
ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร

๑.๔ นกั เรยี นมีเจตคติ ค่านิยม ๑๒ ประการ คณุ ธรรมจริยธรรม
- ใฝห่ าความรู้ หมั่นศกึ ษาเลา่ เรยี นท้ังทางตรงและทางอ้อม
- มศี ีลธรรม รักษาความสัตย์ หวงั ดีต่อผอู้ ่ืน เผอื่ แผแ่ ละแบง่ ปัน

101

๒. ปัญหา/อุปสรรค /แนวทางแก้ไข
............................................................................................................................. .................................................
................................................................................. .............................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
....................................................................................................................................................................... .......
........................................................................................................................... ...................................................
............................................................................................................................. .................................................
.......................................................................................................................................................... ....................

๓. ข้อเสนอแนะ
............................................................................................. .................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
................................................................................. .............................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงชอื่ ....................................................
(นางสาวพงษ์ลดา สนิ สวุ รรณ์)

ตำแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ชำนาญการ

ลงช่อื ……………………………………………………
(นางสาวกนกพร รตั นะอุดม)

หัวหน้ากลุม่ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์
…….……./……………/…………..

102

ความเหน็ ของหวั หน้าสถานศกึ ษา / ผู้ที่ไดร้ บั มอบหมาย

ไดท้ ำการตรวจแผนการจดั การเรียนร้ขู องนางสาวพงษ์ลดา สินสวุ รรณ์ ตำแหนง่ ครชู ำนาญการ
แล้วมคี วามคดิ เห็นดังนี้

1. เป็นแผนการจดั การเรียนรู้ที่
 ดมี าก
 ดี
 พอใช้
 ควรปรับปรุง

2. การจดั กจิ กรรมได้นำเอากระบวนการเรียนรู้
 เนน้ ผู้เรียนเปน็ สำคญั มาใชใ้ นการสอนได้อย่างเหมาะสม
 ยังไมเ่ นน้ ผู้เรียนเปน็ สำคัญ ควรปรับปรุงพฒั นาต่อไป

3. เป็นแผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี
 นำไปใช้ได้จรงิ
 ควรปรับปรงุ ก่อนนำไปใช้

4. ข้อเสนอแนะอ่นื ๆ
............................................................................................................................. ...................................
.................................................................................................................................. ..............................
.................................................................................................... ............................................................

ลงชื่อ...................................................................
( นางสาวกนกพร รัตนะอุดม)

หวั หนา้ กลุม่ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์
…….……./……………/…………..

103

แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๑๐

กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ รายวิชา ค 23203 คณิตศาสตร์เพ่มิ ศกั ยภาพ 5
ปีการศกึ ษา 2565
ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3/11 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 20 ช่วั โมง
เวลา ๕๐ นาที
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 เรือ่ ง เซต

เรอื่ ง อนิ เตอรเ์ ซกชนั และยเู นียนของเซต (2)

๑. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชวี้ ัด

มาตรฐาน ค ๑.๑ เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจำนวน ระบบจำนวน การดำเนินการของจำนวน
ตัวชว้ี ัด ค ๑.1 ม.4/๑ เขา้ ใจและใช้ความรู้เก่ยี วกับเซตและตรรกศาสตร์เบ้ืองต้น ในการส่ือสาร

และสือ่ ความหมายทางคณิตศาสตร์

๒. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้

นกั เรียนสามารถ
1) หาอินเตอรเ์ ซกชนั ของเซตได้ (K)
2) หายูเนยี นของเซตได้ (K)
3) เขยี นเซตทีเ่ กิดจากการอินเตอรเ์ ซกชันของเซตได้ (P)
4) เขียนเซตท่ีเกดิ จากการยเู นยี นของเซตได้ (P)
5) รบั ผดิ ชอบต่อหนา้ ที่ทไ่ี ด้รบั มอบหมาย (A)

๓. สาระสำคญั

ถ้า A และ B เป็นสับเซตของเอกภพสัมพัทธ์ แล้วจะไดว้ ่า อนิ เตอรเ์ ซกชนั ของเซต A และเซต B คือ เซต
ของสมาชิกท่ซี ้ำกันของเซต A และเซต B เขียนแทนดว้ ย A  B
น่ันคอื A  B = {x | x A และ x | x B}

ยูเนียนของเซต A และเซต B คือ เซตของสมาชิกที่อยู่ในเซต A หรือเซต B หรือทั้งสองเซต เขียนแทน
ดว้ ย A  B น่นั คือ A  B = {x | x A หรอื x | x Bหรอื x เปน็ สมาชกิ ของทั้งสองเซต}

๔. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น

 ความสามารถในการส่อื สาร
 ความสามารถในการคดิ
 ความสามารถในการแก้ปัญหา
 ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต
 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

104

๕. สาระการเรยี นรู้

ด้านความรู้ (K)

- หาอินเตอร์เซกชนั ของเซตได้

- หายเู นยี นของเซตได้

- เขียนเซตที่เกดิ จากการอนิ เตอร์เซกชนั ของเซตได้

- เขยี นเซตท่เี กดิ จากการยเู นยี นของเซตได้

ทักษะท่ีสำคญั (P)

- การแก้ปญั หา.

- การสื่อสารและการสื่อความหมายทางคณติ ศาสตร์

- การเชอ่ื มโยง

ดา้ นเจตคติ (A)

 รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์  ซือ่ สตั ย์สุจรติ

 มีวินยั  ใฝเ่ รยี นรู้

 อยู่อย่างพอเพยี ง  มุ่งมนั่ ในการทำงาน

 รักความเปน็ ไทย  มีจิตสาธารณะ

๖. จุดเน้นส่กู ารพัฒนาคุณภาพผู้เรียนทักษะศตวรรษที่ ๒๑

การเรียนรู้ 3R x 8C

 Reading (อา่ นออก)  (W)Riting(เขยี นได้)  (A)Rithemetics(คดิ เลขเป็น)

 Critical Thinking and Problem Solving:มที ักษะในการคดิ วเิ คราะห์ และแก้ไขปญั หาได้

 Creativity and Innovation:คิดอยา่ งสร้างสรรค์ คดิ เชิงนวตั กรรม

 Collaboration Teamwork and Leadership:ใหค้ วามร่วมมอื ในการทำงานเป็นทีมมภี าวะผนู้ ำ

 Communication Information and Media Literacy:มีทักษะในการส่ือสาร และรเู้ ทา่ ทันส่ือ

 Cross-Cultural Understanding:มีความเข้าใจความแตกตา่ งทางวัฒนธรรม

 Computing and ICT Literacy:มีทกั ษะการใช้คอมพวิ เตอร์ และรู้เท่าทันเทคโนโลยี

 Career and Learning Skills:มีทกั ษะทางอาชีพ และกระบวนการเรยี นร้ตู ่างๆ

 Compassion:มคี ณุ ธรรม มเี มตตากรุณา มีระเบียบวนิ ัย

ทักษะด้านชีวิตและอาชพี

 ความยดื หยนุ่ และการปรับตัว

 การริเร่ิมสรา้ งสรรค์และเป็นตวั ของตัวเอง

 ทกั ษะสังคมและสังคมขา้ มวัฒนธรรม

 การเป็นผสู้ รา้ งหรือผ้ผู ลติ (Productivity) และความรับผิดชอบเชื่อถือได้ (Accountability)

 ภาวะผนู้ ำและความรบั ผิดชอบ (Responsibility)

คุณลกั ษณะสำหรับศตวรรษที่ ๒๑

 คุณลักษณะดา้ นการทำงาน ได้แก่ การปรับตัว ความเป็นผู้นำ

 คุณลกั ษณะดา้ นการเรียนรู้ ได้แก่ การช้ีนำตนเอง การตรวจสอบการเรยี นรขู้ องตนเอง

 คณุ ลกั ษณะด้านศีลธรรม ได้แก่ ความเคารพผูอ้ ่นื ความซอ่ื สตั ย์ ความสำนึกพลเมือง

105

๗. จุดเน้นของสถานศึกษา

๗.๑ ผู้เรียนเปน็ กลุ สตรีไทยสมัยนยิ ม (SSTB School's 4G)

 มคี ณุ ธรรม (Good Moral)  นำปญั ญา (Good Wisdom)

 จติ อาสาเด่น (Good Service)  เนน้ มารยาท (Good Manners)

๗.๒ ผเู้ รียนมีศักยภาพเปน็ พลโลก (World Citizen) เทยี บเคียงมาตรฐานสากล

 เป็นเลิศวิชาการ  สื่อสารได้อยา่ งน้อย 2 ภาษา

 ล้ำหน้าทางความคิด  ผลติ งานอยา่ งสร้างสรรค์

 ร่วมกันรบั ผิดชอบต่อสังคมโลก

๘. ชิน้ งานหรือภาระงาน (หลักฐาน /ร่องรอยแสดงความรู้)

- การทำแบบฝึกหดั ในหนงั สือเรียนรายวชิ าพื้นฐาน คณิตศาสตร์ ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี ๔ ,
เอกสารประกอบการเรยี น, ใบความร้,ู ใบกิจกรรม , ใบงาน , แบบฝกึ ปฏบิ ัตกิ ิจกรรม , แบบฝึกทักษะ
พัฒนาการเรยี นรู้ , แบบทดสอบหน่วยการเรยี นรู้ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมทางการเรียนการสอน , แบบสังเกต
พฤติกรรมการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมกลุม่ , แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์

๙. การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้

เลือกใช้รูปแบบการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง : Concept Based Teaching เพื่อให้เกิด
การเรียนรู้แบบค้นพบ (Discovery Method) โดยใช้วิธีการสอนแบบอุปนัย (Inductive Method) และ
นิรนัย (Deductive Method) ซึ่งเป็นการจัดการเรียนการสอนทีน่ ำพาผู้เรียน เพื่อให้เกิดความรู้ความเขา้ ใจ
มที กั ษะ และเกดิ ความคิดรวบยอด ผลของการจดั การเรยี นการสอนในลกั ษณะนี้ จะทำใหผ้ ู้เรียนได้ความรู้ และ
มที กั ษะในการค้นหาความคิดรวบยอด ซึง่ จะเปน็ ทักษะสำคญั ที่ติดตัวผูเ้ รยี นไปตลอดชวี ติ

ในหัวข้อนี้เป็นเรื่องของอินเตอร์เซกชันและยูเนียนของเซต โดยให้นักเรียนได้เรียนรู้เกี่ยวกับการหา
อินเตอร์เซกชันและยูเนียนของเซต การเขียนเซตที่เกิดจากการอินเตอร์เซกชันและยูเนียนของเซต
โดยแนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้อาจทำไดด้ ังนี้

ข้ันการนำเข้าสู่บทเรียน

ข้ันการใช้ความรูเ้ ดิมเช่ือมโยงความรู้ใหม่ (Prior Knowledge)
๑. ครกู ล่าวทบทวน ดงั น้ี
• อินเตอร์เซกชันของเซต A และเซต B คือ เซตของสมาชิกที่ซ้ำกันของเซต A และเซต B เขียนแทน
ดว้ ย A  B นนั่ คอื A  B = {x | x A และ x | x B}
๒. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันเฉลยคำตอบของแบบฝกึ ทักษะ 1.3 ข้อ 1-2 ในหนงั สือเรยี นหน้า 30 และ
Exercise 1.3A ในหนงั สือแบบฝึกหดั

106

ขน้ั เรยี นรู้

ขั้นรู้ (Knowing)
๑. ครูแจกใบงานที่ 1.9 เรอ่ื ง ยูเนยี นของเซต ให้กับนักเรยี น เมือ่ นกั เรยี นวาดแผนภาพเรยี บรอ้ ยแล้ว ครู

และนักเรียนชว่ ยกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง จากนน้ั ครูใหน้ ักเรยี นปฏบิ ัตติ ามคำสง่ั ดังต่อไปน้ี
• ข้อ 1 นักเรียนแรเงาพืน้ ทว่ี งกลม A และวงกลม B
• ขอ้ 2 นักเรียนแรเงาพื้นท่ีวงกลม A และวงกลม B
• ขอ้ 3 นักเรยี นแรเงาพื้นที่วงกลม A และวงกลม B
• ข้อ 4 นกั เรียนแรเงาพน้ื ทีว่ งกลม A วงกลม B และวงกลม C

๒. ครูอธิบายให้นักเรยี นฟงั วา่ พื้นท่สี ่วนทแี่ รเงา คือ ส่วนยูเนียนของเซต A และเซต B ซ่งึ เขียนแทนดว้ ย
A  B จากนัน้ ครูให้นักเรยี นชว่ ยกนั วิเคราะหค์ วามหมายยเู นยี นของเซตจากรปู ในใบงานท่ี 1.9 แลว้
เขียนคำตอบลงในช่องวา่ งท่เี หลืออยใู่ ห้สมบรู ณ์

๓. ครูและนักเรยี นรว่ มกนั สรุปความหมายยเู นยี นของเซตโดยครูถามนักเรยี น ดงั นี้
• ยเู นียนของเซต A และเซต B คอื อะไร
(แนวตอบ เซตของสมาชิกที่อยู่ในเซต A หรอื เซต B หรือท้ังสองเซต เขยี นแทนด้วย A  B
นน่ั คอื A  B= {x | x A หรือ x | x Bหรือ x เปน็ สมาชิกของท้งั สองเซต}

๔. ครูใหน้ ักเรยี นจับคู่ศกึ ษาตวั อยา่ งที่ 10 ในหนงั สือเรียนหนา้ 20-21
๕. ครูสุ่มนกั เรียน 2 คู่ มาอธิบายวธิ กี ารหาคำตอบ จากนนั้ ใหน้ ักเรียนในหอ้ งรว่ มแสดงความคิดเห็น

เพม่ิ เติมและรว่ มกนั สรปุ คำตอบ
๖. ครเู นน้ ย้ำเทคนิคการแก้โจทย์ปญั หาจากกรอบ PROBLEM SOLVING TIP ในหนังสือเรยี นหน้า 20

ขัน้ เขา้ ใจ (Understanding)
๑. ครใู ห้นักเรียนทำ “ลองทำด”ู ในหนงั สอื เรียนหน้า 21 และแบบฝกึ ทักษะ 1.3 ขอ้ 3-4 ในหนงั สือเรยี น
หน้า 30 จากนน้ั สุ่มนกั เรียนออกมานำเสนอคำตอบหนา้ ชั้นเรียน โดยครตู รวจสอบความถกู ต้อง
๒. ครเู นน้ ย้ำข้อมลู ทส่ี ำคัญทน่ี กั เรยี นควรรู้เพม่ิ เตมิ ในกรอบ ATTENTION จากหนงั สอื แบบเรียนหนา้ 21
๓. ครูให้นกั เรียนทำ Exercise 1.3B ในหนังสอื แบบฝกึ หัด เป็นการบ้าน

ขนั้ ลงมือทำ (Doing)
ครูใหน้ กั เรยี นแบ่งกล่มุ กลุ่มละ 4 - 5 คน พร้อมแจกกระดาษ A4 ใหก้ ลุ่มละหน่ึงแผน่ จากนั้นให้นักเรยี น

ร่วมกนั ทำแบบฝึกทกั ษะ 1.3 ข้อ 8-10 ในหนังสือเรียนหน้า 31 แล้วสง่ ตวั แทนกลมุ่ ละ 1 คน ออกมานำเสนอ
หนา้ ช้นั เรียน โดยมคี รตู รวจสอบความถูกต้อง

ขั้นสรุป/ ขั้นนำไปใช้

๑. ครูให้นกั เรยี นสรปุ ข้อคน้ พบเป็นความคิดรวบยอดทไี่ ด้จากการทำกจิ กรรม และศึกษาค้นควา้ เพมิ่ เติมนอกเวลา
จากแหลง่ การเรียนรู้ท่คี รแู นะนำ หรอื จากแหลง่ การเรยี นรู้ออนไลน์

๒. ครใู ห้นักเรียนเขียนผงั ความร้รู วบยอดเรื่องอนิ เตอร์เซกชนั ของเซตและยเู นียนของเซตลงในสมุด
๓. ครูให้นักเรียนนำเสนอแนวทางการนำข้อค้นพบที่ได้ไปใช้ในการแก้ปัญหาในสถานการณ์ต่างๆ และให้
นกั เรียนฝึกทกั ษะด้วยการทำแบบฝึกหัดเพ่ิมเติมจากเอกสารประกอบการเรยี น ใบงาน หรือส่อื การเรียนรู้อื่นๆ
ตามทค่ี รูมอบหมาย

107

๑๐. ส่ือการเรียนรู้

- หนงั สือเรยี นรายวิชาคณติ ศาสตร์พ้นื ฐาน ม.4
- เอกสารประกอบการเรียน, ใบกจิ กรรม, ใบงาน, แบบฝึกหดั
- ใบงาน (จาก DLTV : Distance Learning Television)
- สื่อการเรยี นรอู้ น่ื ๆ เช่น จาก DLIT (หอ้ งเรียน DLIT, คลังส่อื การเรยี นรู,้ หอ้ งสมุดดจิ ทิ ัล ฯลฯ) ,

Youtube , Google Sites , Google Classroom เปน็ ต้น

๑๑. แหลง่ เรยี นรูใ้ นหรือนอกสถานสถานศึกษา

- ศูนยค์ ณติ ศาสตร์
- หอ้ งสมดุ โรงเรยี น
- DLTV (Distance Learning Television)
- DLIT (Distance Learning Information Technology)

- ข้อมูลจากแหลง่ เรียนรูอ้ ืน่ ๆ เชน่ Website , Youtube , Google Sites , Google Classroom,

Social Media ฯลฯ

๑๒. การวดั ผลและประเมินผลการเรียนรู้

รายการวัด วิธกี ารวดั ผล เครอ่ื งมือการวัด เกณฑ์การวัดและ
และประเมนิ ประเมินผล

1) หาอนิ เตอรเ์ ซกชนั ของเซตได้ ๑. ตรวจใบงาน/ ๑. แบบบันทึก ๑. ผลการตรวจผลงาน

2) หายเู นยี นของเซตได้ แบบฝึกหัด ของ การประเมนิ ผลงาน ผ่านรอ้ ยละ 70

3) เขียนเซตที่เกดิ จากการ นักเรยี น นักเรยี นโดยใชเ้ กณฑ์ ๒. ผลการนำเสนอ

อนิ เตอร์เซกชนั ของเซตได้ ๒. ประเมินการ การประเมินแบบรูบริกส์ ผลงาน

4) เขยี นเซตทเ่ี กดิ จากการ นำเสนอผลงาน ๒. แบบประเมินการนำเสนอ ผ่านร้อยละ 70

ยเู นียนของเซตได้ ๓. สงั เกต ผลงานโดยใชเ้ กณฑ์ ๓. ผลการสังเกต

5) รับผดิ ชอบตอ่ หน้าที่ทไี่ ด้รบั พฤติกรรมการ การประเมินแบบรูบริกส์ พฤตกิ รรม

มอบหมาย ทำงาน ๓. แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบคุ คล

รายบุคคล การทำงานรายบคุ คล ผา่ นรอ้ ยละ 70

๔. สงั เกต ๔. แบบสังเกตพฤตกิ รรม ๔. ผลการสังเกต

พฤติกรรมการ การทำงานรายกลมุ่ พฤตกิ รรม

ทำงานรายกลมุ่ ๕. แบบประเมนิ คุณลักษณะ การทำงานรายกลุ่ม

๕. คณุ ลกั ษณะ อันพงึ ประสงค์ ผา่ นรอ้ ยละ 70

อันพึงประสงค์ ๕. ผลการสงั เกต

คณุ ลักษณะอันพึง

ประสงค์

ผ่านร้อยละ 70

108

๑๓. การบรู ณาการการจัดการเรยี นรู้

 บรู ณาการกระบวนการคิด

 การคิดวิเคราะห์  การคดิ เปรยี บเทยี บ  การคดิ สังเคราะห์

 การคิดวพิ ากษ์  การคิดอยา่ งมีวิจารณญาณ  การคดิ ประยุกต์

 การคิดเชงิ มโนทัศน์  การคิดเชงิ กลยทุ ธ์  การคิดแกป้ ญั หา

 การคดิ บูรณาการ  การคดิ สร้างสรรค์  การคดิ อนาคต

 บูรณาการอาเซยี น

 บูรณาการหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง

 บรู ณาการกับหลกั สตู รต้านทจุ ริตศึกษา

 บูรณาการกบั การจดั การเรยี นรู้ STEM EDUCATION

 บรู ณาการกับการจัดการเรียนรู้ Active Learning

 บรู ณาการกบั กรอบสาระการเรียนรู้ท้องถิน่

 บูรณาการกับโครงการการจดั การศึกษาเพอื่ การมีงานทำในศตวรรษที่ ๒๑

 บรู ณาการกบั กลุ่มสาระการเรยี นรอู้ ่นื ๆ

1 กลุ่มสาระการเรียนรูค้ ณิตศาสตร์ ได้แก่ …………………………………

2. กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาตา่ งประเทศ ได้แก่ คำศพั ท์ภาษาอังกฤษที่เกย่ี วข้องในบทเรยี น

3. กลุ่มสาระการเรียนรูภ้ าษาไทย ได้แก่ ……………………………….

4. กลมุ่ สาระการเรียนรู้ศลิ ปะ ได้แก่ …………………………………

 บูรณาการในลกั ษณะอ่ืนๆ ได้แก่........................................................

๑๔. กจิ กรรมเสนอแนะ

ควรใหน้ กั เรยี นศึกษาหาความร้จู ากตำราเรยี น และแหล่งการเรียนร้อู ื่น ๆ เพม่ิ เตมิ เพ่ือเป็นการ
เพมิ่ พูนทกั ษะการเรยี นรู้

109

บนั ทกึ ผลหลงั การสอน/แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๑๐

กล่มุ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ รายวชิ า คณติ ศาสตร์เพม่ิ ศักยภาพ ๕
ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๓/๑๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๕
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ เซต เวลา ๒๐ ชั่วโมง
เรอ่ื ง อนิ เตอรเ์ ซกชันและยูเนยี นของเซต (๒) เวลา ๕๐ นาที

๑. สรปุ ผลการเรยี นการสอน

๑.๑ นักเรยี นท้งั หมดจำนวน................................คน

จดุ ประสงค์การเรยี นรขู้ ้อท่ี นกั เรยี นทีผ่ ่าน นักเรียนไม่ผ่าน
จำนวน(คน) ร้อยละ จำนวน(คน) รอ้ ยละ

1) หาอินเตอรเ์ ซกชันของเซตได้

2) หายเู นียนของเซตได้

3) เขยี นเซตท่ีเกดิ จากการอินเตอรเ์ ซก
ชนั ของเซตได้

๔) เขยี นเซตทเ่ี กิดจากการยเู นยี นของ
เซตได้

๕) รบั ผดิ ชอบตอ่ หนา้ ทีท่ ่ไี ดร้ บั
มอบหมาย

รายชื่อนักเรยี นที่ไมผ่ า่ นจดุ ประสงคข์ อ้ ที่.............ไดแ้ ก่
................................................................................................................................................
................................................................................................................................................

รายช่ือนักเรียนที่ไม่ผา่ นจดุ ประสงค์ข้อท่ี.............ได้แก่
................................................................................................................................................
................................................................................................................................................

นกั เรียนที่มคี วามสามารถพิเศษ/นกั เรียนพิการได้แก่
๑) ..........................................................................................................................................
๒) ..........................................................................................................................................

๑.๒ นกั เรียนมีความรคู้ วามเขา้ ใจ
- มีความคดิ รวบยอดในเร่อื ง เซต : อินเตอร์เซกชันและยูเนียนของเซต

๑.๓ นักเรยี นมีความรเู้ กิดทักษะ
ทักษะด้านการอ่าน(Reading) ทกั ษะด้านการเขยี น (Writing) ทักษะดา้ นการคดิ คำนวณ

(Arithmetics) การคดิ อยา่ งมีวจิ ารณญาณ และทกั ษะในการแก้ปญั หา ทักษะด้านการสรา้ งสรรค์ และนวตั กรรม
ทักษะดา้ นความร่วมมือ การทำงานเป็นทมี และภาวะผู้นำ ทักษะด้านการสือ่ สารสารสนเทศ และรเู้ ท่าทันสือ่
ทักษะด้านคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร

๑.๔ นกั เรียนมเี จตคติ คา่ นยิ ม ๑๒ ประการ คุณธรรมจรยิ ธรรม
- ใฝห่ าความรู้ หมนั่ ศึกษาเลา่ เรียนท้ังทางตรงและทางอ้อม
- มีศีลธรรม รักษาความสตั ย์ หวงั ดตี ่อผู้อื่น เผ่อื แผ่และแบง่ ปัน

110

๒. ปัญหา/อุปสรรค /แนวทางแก้ไข
............................................................................................................................. .................................................
................................................................................. .............................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
....................................................................................................................................................................... .......
........................................................................................................................... ...................................................
............................................................................................................................. .................................................
.......................................................................................................................................................... ....................

๓. ขอ้ เสนอแนะ
............................................................................................. .................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงชอื่ ....................................................
(นางสาวพงษ์ลดา สินสวุ รรณ์)

ตำแหนง่ ครู วิทยฐานะ ชำนาญการ

ลงชอื่ ……………………………………………………
(นางสาวกนกพร รตั นะอุดม)

หวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์
…….……./……………/…………..

111

ความเห็นของหวั หน้าสถานศกึ ษา / ผ้ทู ี่ไดร้ ับมอบหมาย

ได้ทำการตรวจแผนการจดั การเรียนรู้ของนางสาวพงษ์ลดา สนิ สุวรรณ์ ตำแหนง่ ครชู ำนาญการ
แลว้ มคี วามคดิ เหน็ ดังน้ี

1. เปน็ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่
 ดมี าก
 ดี
 พอใช้
 ควรปรบั ปรุง

2. การจัดกจิ กรรมไดน้ ำเอากระบวนการเรียนรู้
 เนน้ ผเู้ รยี นเป็นสำคัญมาใช้ในการสอนได้อยา่ งเหมาะสม
 ยงั ไม่เนน้ ผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรงุ พฒั นาตอ่ ไป

3. เป็นแผนการจดั การเรียนรู้ที่
 นำไปใชไ้ ดจ้ ริง
 ควรปรบั ปรงุ ก่อนนำไปใช้

4. ข้อเสนอแนะอนื่ ๆ
.................................................................................................................... ............................................
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................................................................................

ลงชอื่ ...................................................................
( นางสาวกนกพร รตั นะอุดม)

หวั หน้ากล่มุ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
…….……./……………/…………..

112

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๑๑

กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ รายวิชา ค 23203 คณิตศาสตรเ์ พ่มิ ศกั ยภาพ 5
ปีการศึกษา 2565
ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 3/11 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 20 ชวั่ โมง
เวลา ๕๐ นาที
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 เร่อื ง เซต

เร่ือง คอมพลเี มนต์ของเซตและผลต่างระหว่างเซต

๑. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชีว้ ัด

มาตรฐาน ค ๑.๑ เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจำนวน ระบบจำนวน การดำเนินการของจำนวน
ตัวช้ีวดั ค ๑.1 ม.4/๑ เขา้ ใจและใชค้ วามรู้เกย่ี วกับเซตและตรรกศาสตรเ์ บื้องตน้ ในการสื่อสาร

และส่ือความหมายทางคณิตศาสตร์

๒. จุดประสงค์การเรียนรู้

นกั เรียนสามารถ
1) หาคอมพลีเมนต์ของเซตได้ (K)
2) หาผลต่างระหวา่ งเซตได้ (K)
3) เขยี นเซตท่ีเกิดจากการคอมพลเี มนต์ของเซตได้ (P)
4) เขยี นเซตท่ีเกิดจากการหาผลตา่ งระหว่างเซตได้ (P)
5) รบั ผิดชอบตอ่ หนา้ ท่ีทไี่ ดร้ ับมอบหมาย (A)

๓. สาระสำคญั

ถ้า A และ B เป็นสับเซตของเอกภพสัมพัทธ์แล้ว จะได้ว่า คอมพลีเมนต์ของเซต A คือ เซตของทุก
สมาชกิ ในเซต U แตไ่ มอ่ ยู่ในเซต A เขียนแทนดว้ ย A นั่นคือ A = {x | x U และ x A}

ผลต่างระหวา่ งเซต A และเซต B หรือคอมพลีเมนต์ของเซต B เทียบกับเซต A คือ เซตที่มีสมาชิกอยูใ่ น
เซต A แต่ไม่อย่ใู นเซต B เขียนแทนด้วย A - B นนั่ คอื A - B = {x | x A และ x B}

๔. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น

 ความสามารถในการสือ่ สาร
 ความสามารถในการคดิ
 ความสามารถในการแก้ปญั หา
 ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต
 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

113

๕. สาระการเรียนรู้

ดา้ นความรู้ (K)

- หาคอมพลีเมนตข์ องเซตได้

- หาผลต่างระหวา่ งเซตได้

- เขียนเซตทีเ่ กดิ จากการคอมพลีเมนตข์ องเซตได้

- เขยี นเซตทีเ่ กดิ จากการหาผลตา่ งระหวา่ งเซตได้

ทกั ษะท่สี ำคญั (P)

- การแกป้ ญั หา.

- การสอ่ื สารและการสอ่ื ความหมายทางคณิตศาสตร์

- การเชื่อมโยง

ด้านเจตคติ (A)

 รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์  ซือ่ สตั ย์สจุ รติ

 มวี นิ ัย  ใฝเ่ รียนรู้

 อยู่อยา่ งพอเพยี ง  มงุ่ มน่ั ในการทำงาน

 รักความเป็นไทย  มีจติ สาธารณะ

๖. จุดเน้นสกู่ ารพฒั นาคุณภาพผ้เู รยี นทักษะศตวรรษท่ี ๒๑

การเรียนรู้ 3R x 8C

 Reading (อา่ นออก)  (W)Riting(เขยี นได้)  (A)Rithemetics(คิดเลขเปน็ )

 Critical Thinking and Problem Solving:มที ักษะในการคดิ วิเคราะห์ และแก้ไขปัญหาได้

 Creativity and Innovation:คิดอยา่ งสร้างสรรค์ คิดเชงิ นวตั กรรม

 Collaboration Teamwork and Leadership:ให้ความร่วมมือในการทำงานเปน็ ทีมมีภาวะผูน้ ำ

 Communication Information and Media Literacy:มที ักษะในการสอื่ สาร และรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื

 Cross-Cultural Understanding:มีความเข้าใจความแตกต่างทางวัฒนธรรม

 Computing and ICT Literacy:มีทกั ษะการใชค้ อมพิวเตอร์ และรเู้ ท่าทนั เทคโนโลยี

 Career and Learning Skills:มที ักษะทางอาชีพ และกระบวนการเรยี นรู้ต่างๆ

 Compassion:มคี ุณธรรม มีเมตตากรุณา มีระเบียบวินัย

ทกั ษะดา้ นชีวิตและอาชพี

 ความยดื หยนุ่ และการปรับตวั

 การรเิ รม่ิ สร้างสรรคแ์ ละเปน็ ตวั ของตัวเอง

 ทักษะสงั คมและสงั คมขา้ มวัฒนธรรม

 การเป็นผสู้ ร้างหรอื ผูผ้ ลติ (Productivity) และความรบั ผิดชอบเช่ือถือได้ (Accountability)

 ภาวะผ้นู ำและความรบั ผิดชอบ (Responsibility)

คุณลกั ษณะสำหรับศตวรรษที่ ๒๑

 คุณลักษณะด้านการทำงาน ไดแ้ ก่ การปรบั ตัว ความเป็นผ้นู ำ

 คณุ ลกั ษณะด้านการเรยี นรู้ ไดแ้ ก่ การช้ีนำตนเอง การตรวจสอบการเรยี นรขู้ องตนเอง

 คุณลักษณะด้านศลี ธรรม ไดแ้ ก่ ความเคารพผอู้ ื่น ความซือ่ สตั ย์ ความสำนึกพลเมือง

114

๗. จุดเนน้ ของสถานศกึ ษา

๗.๑ ผูเ้ รียนเป็นกุลสตรีไทยสมัยนิยม (SSTB School's 4G)

 มีคุณธรรม (Good Moral)  นำปญั ญา (Good Wisdom)

 จิตอาสาเด่น (Good Service)  เนน้ มารยาท (Good Manners)

๗.๒ ผเู้ รียนมีศักยภาพเป็นพลโลก (World Citizen) เทียบเคยี งมาตรฐานสากล

 เปน็ เลศิ วิชาการ  สอ่ื สารไดอ้ ยา่ งน้อย 2 ภาษา

 ลำ้ หนา้ ทางความคดิ  ผลติ งานอยา่ งสร้างสรรค์

 รว่ มกันรับผดิ ชอบต่อสังคมโลก

๘. ช้ินงานหรอื ภาระงาน (หลกั ฐาน /ร่องรอยแสดงความรู้)

- การทำแบบฝึกหดั ในหนงั สือเรยี นรายวชิ าพน้ื ฐาน คณติ ศาสตร์ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๔ ,
เอกสารประกอบการเรียน, ใบความรู้, ใบกจิ กรรม , ใบงาน , แบบฝึกปฏิบัตกิ จิ กรรม , แบบฝึกทักษะ
พฒั นาการเรียนรู้ , แบบทดสอบหน่วยการเรยี นรู้ แบบสังเกตพฤติกรรมทางการเรียนการสอน , แบบสงั เกต
พฤติกรรมการปฏบิ ัติกิจกรรมกลุ่ม , แบบประเมินคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์

๙. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้

เลือกใช้รูปแบบการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง : Concept Based Teaching เพื่อให้เกิด
การเรียนรู้แบบค้นพบ (Discovery Method) โดยใช้วิธีการสอนแบบอุปนัย (Inductive Method) และ
นิรนัย (Deductive Method) ซึ่งเป็นการจัดการเรียนการสอนทีน่ ำพาผู้เรียน เพื่อให้เกิดความรู้ความเขา้ ใจ
มที ักษะ และเกิดความคดิ รวบยอด ผลของการจดั การเรยี นการสอนในลกั ษณะนี้ จะทำให้ผู้เรยี นได้ความรู้ และ
มที กั ษะในการคน้ หาความคิดรวบยอด ซ่ึงจะเปน็ ทักษะสำคญั ท่ีตดิ ตัวผูเ้ รยี นไปตลอดชีวติ

ในหัวขอ้ น้ีเปน็ เรื่องของคอมพลีเมนต์ของเซตและผลตา่ งระหว่างเซต โดยใหน้ กั เรียนได้เรียนรู้เกี่ยวกับ
การหาคอมพลีเมนต์ของเซตและผลต่างระหว่างเซต การเขยี นเซตทเี่ กิดจากการคอมพลเี มนต์ของเซตและการ
หาผลตา่ งระหวา่ งเซต โดยแนวทางการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้อาจทำไดด้ งั น้ี

ขน้ั การนำเขา้ สู่บทเรยี น

ขั้นการใช้ความร้เู ดิมเช่ือมโยงความร้ใู หม่ (Prior Knowledge)
๑. ครูกระตุน้ ใหน้ ักเรยี นสนใจโดยการทบทวนเรื่องอนิ เตอร์เซกชันและยเู นยี นของเซต จากคลิปวีดโี อ ดังนี้
• https://www.youtube.com/watch?v=1nwYzFf46XQ

• https://www.youtube.com/watch?v=Bscr_DYyaIE
๒. ครูแจกใบงานที่ 1.10 เรื่อง คอมพลเี มนตข์ องเซต ใหก้ ับนักเรยี น เมือ่ นักเรยี นวาดแผนภาพเรยี บรอ้ ย

แลว้ ครแู ละนกั เรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกตอ้ ง จากนั้นครใู หน้ กั เรียนปฏิบัตติ ามคำส่งั ดังต่อไปน้ี
ข้อ 1 นกั เรียนแรเงาพ้ืนท่ีเฉพาะช่องที่มหี มายเลย 5 อยู่เท่านัน้
ขอ้ 2 นกั เรยี นแรเงาพ้ืนที่เฉพาะช่องทมี่ ีหมายเลข 4 และ 5 อยเู่ ท่านั้น
ข้อ 3 นกั เรียนแรเงาพ้ืนท่เี ฉพาะชอ่ งทมี่ หี มายเลข 5 อยเู่ ท่าน้ัน
ข้อ 4 นักเรยี นแรเงาพน้ื ท่ีเฉพาะช่องทมี่ ีหมายเลข 4, 5, 7 และ 8 อยู่เทา่ น้นั

115

ขน้ั เรยี นรู้

ข้ันรู้ (Knowing)
๑. ครอู ธบิ ายใหน้ ักเรยี นฟังวา่ พ้ืนที่สว่ นท่ีแรเงา คือ ส่วนคอมพลีเมนต์ของเซต A ซ่งึ เขยี นแทนดว้ ย A

จากนั้นครูให้นกั เรยี นช่วยกนั วิเคราะห์ความหมายคอมพลีเมนต์ของเซตจากรปู ในใบงานท่ี 1.10 แล้ว

เขยี นคำตอบลงในช่องวา่ งทเ่ี หลอื อยใู่ ห้สมบรู ณ์
๒. ครูและนักเรยี นรว่ มกนั สรปุ ความหมายคอมพลีเมนต์ของเซตโดยครถู ามนักเรียน ดังนี้

• คอมพลเี มนต์ของเซต A คืออะไร
(แนวตอบ เซตของทุกสมาชกิ ในเซต U แตไ่ มอ่ ย่ใู นเซต A เขียนแทนด้วย A
นั่นคอื A = {x | x U และ x A})

๓. ครใู ห้นกั เรียนจบั คูศ่ ึกษาตัวอย่างท่ี 11 ในหนงั สือเรียนหนา้ 22
๔. ครูสุ่มนกั เรยี น 2 คู่ มาอธบิ ายวิธกี ารหาคำตอบ จากนัน้ ใหน้ ักเรยี นในห้องร่วมแสดงความคิดเห็น

เพิม่ เติมและรว่ มกนั สรปุ คำตอบ

ขัน้ เข้าใจ (Understanding) / ข้ันลงมอื ทำ (Doing)
๑. ครใู ห้นักเรยี นทำ “ลองทำด”ู ในหนังสอื เรยี นหน้า 23 จากนั้นสมุ่ นกั เรยี นออกมานำเสนอคำตอบหน้า
ช้ันเรยี น โดยครตู รวจสอบความถกู ต้อง
๒. ครใู ห้นกั เรียนทำแบบฝกึ ทกั ษะ 1.3 ข้อ 5 ในหนังสอื เรยี นหน้า 30 เป็นการบา้ น

ครูให้นักเรยี นแบ่งกลมุ่ กลุ่มละ 4 - 5 คน พร้อมแจกกระดาษ A4 ใหก้ ลุ่มละหนึ่งแผน่ จากนน้ั ใหน้ กั เรียน
รว่ มกันทำแบบฝึกทกั ษะ 1.3 ข้อ 8-10 ในหนังสือเรียนหน้า 31 แลว้ สง่ ตวั แทนกลุ่มละ 1 คน ออกมานำเสนอ
หนา้ ชั้นเรยี น โดยมคี รูตรวจสอบความถูกต้อง

ขัน้ สรุป/ ข้นั นำไปใช้

๑. ครูให้นกั เรยี นสรุปข้อคน้ พบเปน็ ความคดิ รวบยอดที่ได้จากการทำกิจกรรม และศึกษาค้นควา้ เพมิ่ เติมนอกเวลา
จากแหล่งการเรียนรู้ทค่ี รูแนะนำ หรือจากแหลง่ การเรียนรู้ออนไลน์

๒. ครูให้นักเรียนนำเสนอแนวทางการนำข้อค้นพบที่ได้ไปใช้ในการแก้ปัญหาในสถานการณ์ต่างๆ และให้
นกั เรียนฝกึ ทักษะดว้ ยการทำแบบฝึกหดั เพ่ิมเติมจากเอกสารประกอบการเรยี น ใบงาน หรือสือ่ การเรียนรู้อ่ืนๆ
ตามทคี่ รูมอบหมาย

116

๑๐. ส่อื การเรยี นรู้

- หนงั สือเรยี นรายวิชาคณติ ศาสตร์พ้นื ฐาน ม.4
- เอกสารประกอบการเรยี น, ใบกิจกรรม, ใบงาน, แบบฝึกหดั
- ใบงาน (จาก DLTV : Distance Learning Television)
- สื่อการเรียนรู้อนื่ ๆ เชน่ จาก DLIT (หอ้ งเรียน DLIT, คลังส่อื การเรยี นรู,้ หอ้ งสมุดดจิ ทิ ัล ฯลฯ) ,

Youtube , Google Sites , Google Classroom เปน็ ต้น

๑๑. แหล่งเรยี นรใู้ นหรือนอกสถานสถานศึกษา

- ศูนยค์ ณิตศาสตร์
- หอ้ งสมุดโรงเรียน
- DLTV (Distance Learning Television)
- DLIT (Distance Learning Information Technology)

- ข้อมลู จากแหลง่ เรยี นรอู้ ่ืนๆ เช่น Website , Youtube , Google Sites , Google Classroom,

Social Media ฯลฯ

๑๒. การวดั ผลและประเมนิ ผลการเรยี นรู้

รายการวัด วิธีการวดั ผล เครือ่ งมือการวัด เกณฑ์การวัดและ
และประเมนิ ประเมินผล

1) หาคอมพลีเมนต์ของเซตได้ ๑. ตรวจใบงาน/ ๑. แบบบนั ทกึ ๑. ผลการตรวจผลงาน

2) หาผลตา่ งระหว่างเซตได้ แบบฝึกหัด ของ การประเมินผลงาน ผ่านรอ้ ยละ 70

3) เขยี นเซตทีเ่ กดิ จากการคอม นกั เรียน นักเรยี นโดยใชเ้ กณฑ์ ๒. ผลการนำเสนอ

พลีเมนต์ของเซตได้ ๒. ประเมินการ การประเมินแบบรูบริกส์ ผลงาน

4) เขียนเซตท่เี กิดจากการหา นำเสนอผลงาน ๒. แบบประเมินการนำเสนอ ผ่านร้อยละ 70

ผลตา่ งระหว่างเซตได้ ๓. สงั เกต ผลงานโดยใชเ้ กณฑ์ ๓. ผลการสังเกต

5) รบั ผดิ ชอบต่อหน้าที่ทีไ่ ดร้ ับ พฤติกรรมการ การประเมนิ แบบรูบริกส์ พฤตกิ รรม

มอบหมาย ทำงาน ๓. แบบสงั เกตพฤติกรรม การทำงานรายบคุ คล

รายบคุ คล การทำงานรายบคุ คล ผา่ นรอ้ ยละ 70

๔. สังเกต ๔. แบบสังเกตพฤตกิ รรม ๔. ผลการสังเกต

พฤติกรรมการ การทำงานรายกลมุ่ พฤตกิ รรม

ทำงานรายกลมุ่ ๕. แบบประเมนิ คุณลักษณะ การทำงานรายกลุ่ม

๕. คณุ ลักษณะ อันพงึ ประสงค์ ผา่ นรอ้ ยละ 70

อนั พงึ ประสงค์ ๕. ผลการสงั เกต

คณุ ลักษณะอันพึง

ประสงค์

ผ่านร้อยละ 70

117

๑๓. การบูรณาการการจดั การเรยี นรู้

 บรู ณาการกระบวนการคิด

 การคิดวเิ คราะห์  การคดิ เปรยี บเทยี บ  การคดิ สังเคราะห์

 การคิดวิพากษ์  การคิดอย่างมวี จิ ารณญาณ  การคดิ ประยุกต์

 การคิดเชงิ มโนทัศน์  การคิดเชิงกลยทุ ธ์  การคิดแกป้ ญั หา

 การคดิ บรู ณาการ  การคิดสรา้ งสรรค์  การคดิ อนาคต

 บูรณาการอาเซยี น

 บูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

 บรู ณาการกบั หลกั สตู รต้านทจุ รติ ศึกษา

 บรู ณาการกับการจัดการเรยี นรู้ STEM EDUCATION

 บรู ณาการกบั การจดั การเรยี นรู้ Active Learning

 บรู ณาการกบั กรอบสาระการเรียนรู้ท้องถน่ิ

 บูรณาการกบั โครงการการจัดการศึกษาเพือ่ การมีงานทำในศตวรรษที่ ๒๑

 บูรณาการกับกลุ่มสาระการเรยี นรูอ้ ืน่ ๆ

1 กล่มุ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ได้แก่ …………………………………

2. กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาตา่ งประเทศ ได้แก่ คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่เก่ยี วขอ้ งในบทเรยี น

3. กลุ่มสาระการเรียนรูภ้ าษาไทย ได้แก่ ……………………………….

4. กลุ่มสาระการเรยี นรู้ศิลปะ ได้แก่ …………………………………

 บรู ณาการในลกั ษณะอื่นๆ ไดแ้ ก่........................................................

๑๔. กิจกรรมเสนอแนะ

ควรใหน้ ักเรยี นศึกษาหาความรูจ้ ากตำราเรยี น และแหลง่ การเรียนร้อู ื่น ๆ เพิม่ เติม เพ่ือเป็นการ
เพิ่มพนู ทกั ษะการเรียนรู้

118

บนั ทึกผลหลงั การสอน/แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ ๑๑

กลุม่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ รายวิชา คณติ ศาสตร์เพิม่ ศกั ยภาพ ๕
ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ ๓/๑๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๕
หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๑ เซต เวลา ๒๐ ช่วั โมง
เรอื่ ง คอมพลีเมนตข์ องเซตและผลตา่ งระหว่างเซต เวลา ๕๐ นาที

๑. สรุปผลการเรยี นการสอน

๑.๑ นักเรยี นท้งั หมดจำนวน................................คน

จุดประสงค์การเรยี นรขู้ ้อท่ี นกั เรียนทีผ่ า่ น นักเรยี นไม่ผา่ น
จำนวน(คน) ร้อยละ จำนวน(คน) รอ้ ยละ

1) หาคอมพลเี มนตข์ องเซตได้

2) หาผลตา่ งระหว่างเซตได้

3) เขียนเซตท่ีเกดิ จากการคอมพลเี มนต์

ของเซตได้

๔) เขยี นเซตที่เกดิ จากการหาผลตา่ ง

ระหวา่ งเซตได้

๕)รบั ผดิ ชอบต่อหนา้ ทท่ี ่ไี ดร้ บั มอบหมาย

รายชื่อนักเรยี นท่ีไมผ่ า่ นจดุ ประสงคข์ ้อท่ี.............ได้แก่
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................... .................................

รายชอ่ื นกั เรียนที่ไมผ่ า่ นจุดประสงค์ข้อท่ี.............ได้แก่
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................... .................................

นักเรียนท่ีมีความสามารถพเิ ศษ/นักเรยี นพิการไดแ้ ก่
๑) ........................................................................................................................... ...............
๒) ..........................................................................................................................................

๑.๒ นกั เรยี นมีความร้คู วามเขา้ ใจ
- มีความคดิ รวบยอดในเร่ือง เซต : คอมพลเี มนต์ของเซตและผลต่างระหวา่ งเซต

๑.๓ นักเรยี นมคี วามรู้เกดิ ทักษะ
ทกั ษะดา้ นการอา่ น(Reading) ทักษะด้านการเขียน (Writing) ทกั ษะดา้ นการคิดคำนวณ

(Arithmetics) การคดิ อยา่ งมีวจิ ารณญาณ และทักษะในการแกป้ ญั หา ทักษะดา้ นการสรา้ งสรรค์ และ
นวตั กรรม ทักษะด้านความรว่ มมือ การทำงานเปน็ ทีมและภาวะผ้นู ำ ทกั ษะดา้ นการสอื่ สารสารสนเทศ และ
รเู้ ท่าทนั ส่อื ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือ่ สาร

๑.๔ นกั เรยี นมเี จตคติ ค่านยิ ม ๑๒ ประการ คุณธรรมจริยธรรม
- ใฝห่ าความรู้ หม่นั ศึกษาเลา่ เรียนท้ังทางตรงและทางอ้อม
- มีศีลธรรม รักษาความสัตย์ หวังดตี ่อผ้อู นื่ เผือ่ แผ่และแบ่งปัน

119

๒. ปัญหา/อุปสรรค /แนวทางแก้ไข
............................................................................................................................. .................................................
................................................................................. .............................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
....................................................................................................................................................................... .......
........................................................................................................................... ...................................................
............................................................................................................................. .................................................
.......................................................................................................................................................... ....................

๓. ขอ้ เสนอแนะ
............................................................................................. .................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงชอื่ ....................................................
(นางสาวพงษ์ลดา สินสวุ รรณ์)

ตำแหนง่ ครู วิทยฐานะ ชำนาญการ

ลงชอื่ ……………………………………………………
(นางสาวกนกพร รตั นะอุดม)

หวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์
…….……./……………/…………..

120

ความเห็นของหวั หน้าสถานศกึ ษา / ผทู้ ี่ไดร้ บั มอบหมาย

ได้ทำการตรวจแผนการจดั การเรียนรขู้ องนางสาวพงษ์ลดา สนิ สุวรรณ์ ตำแหนง่ ครชู ำนาญการ
แลว้ มคี วามคดิ เหน็ ดังน้ี

1. เปน็ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่
 ดมี าก
 ดี
 พอใช้
 ควรปรบั ปรุง

2. การจัดกจิ กรรมไดน้ ำเอากระบวนการเรยี นรู้
 เนน้ ผเู้ รยี นเป็นสำคัญมาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสม
 ยงั ไม่เนน้ ผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรบั ปรุงพฒั นาตอ่ ไป

3. เป็นแผนการจดั การเรียนรู้ที่
 นำไปใชไ้ ดจ้ ริง
 ควรปรบั ปรงุ ก่อนนำไปใช้

4. ข้อเสนอแนะอนื่ ๆ
............................................................................................................................. ...................................
............................................................................................... .................................................................
............................................................................................................................. ...................................

ลงชื่อ...................................................................
( นางสาวกนกพร รัตนะอุดม)

หวั หน้ากลุม่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์
…….……./……………/…………..

121

แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ ๑๒

กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ รายวชิ า ค 23203 คณิตศาสตร์เพม่ิ ศักยภาพ 5
ปีการศกึ ษา 2565
ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 3/11 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 20 ชว่ั โมง
เวลา ๕๐ นาที
หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 1 เรื่อง เซต

เรอื่ ง คอมพลเี มนต์ของเซตและผลต่างระหว่างเซต (๒)

๑. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชว้ี ดั

มาตรฐาน ค ๑.๑ เขา้ ใจความหลากหลายของการแสดงจำนวน ระบบจำนวน การดำเนนิ การของจำนวน
ตัวชว้ี ัด ค ๑.1 ม.4/๑ เข้าใจและใชค้ วามรู้เกยี่ วกับเซตและตรรกศาสตรเ์ บ้ืองต้น ในการส่ือสาร

และสอ่ื ความหมายทางคณิตศาสตร์

๒. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

นกั เรยี นสามารถ
1) หาคอมพลีเมนต์ของเซตได้ (K)
2) หาผลต่างระหวา่ งเซตได้ (K)
3) เขียนเซตทเ่ี กิดจากการคอมพลีเมนต์ของเซตได้ (P)
4) เขียนเซตท่เี กดิ จากการหาผลตา่ งระหว่างเซตได้ (P)
5) รบั ผิดชอบต่อหนา้ ที่ทไี่ ด้รับมอบหมาย (A)

๓. สาระสำคญั

ถ้า A และ B เป็นสับเซตของเอกภพสัมพัทธ์แล้ว จะได้ว่า คอมพลีเมนต์ของเซต A คือ เซตของทุก
สมาชิกในเซต U แต่ไมอ่ ยใู่ นเซต A เขียนแทนดว้ ย A นนั่ คอื A = {x | x U และ x A}

ผลต่างระหว่างเซต A และเซต B หรือคอมพลีเมนต์ของเซต B เทียบกับเซต A คือ เซตที่มีสมาชกิ อยูใ่ น
เซต A แตไ่ ม่อยใู่ นเซต B เขยี นแทนดว้ ย A - B น่นั คือ A - B = {x | x A และ x B}

๔. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน

 ความสามารถในการส่ือสาร
 ความสามารถในการคดิ
 ความสามารถในการแก้ปญั หา
 ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ
 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

122

๕. สาระการเรียนรู้

ดา้ นความรู้ (K)

- หาคอมพลีเมนตข์ องเซตได้

- หาผลต่างระหวา่ งเซตได้

- เขียนเซตทีเ่ กดิ จากการคอมพลีเมนตข์ องเซตได้

- เขยี นเซตทีเ่ กดิ จากการหาผลตา่ งระหวา่ งเซตได้

ทกั ษะท่สี ำคญั (P)

- การแกป้ ญั หา.

- การสอ่ื สารและการสอ่ื ความหมายทางคณิตศาสตร์

- การเชื่อมโยง

ด้านเจตคติ (A)

 รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์  ซือ่ สตั ยส์ จุ รติ

 มวี นิ ัย  ใฝเ่ รียนรู้

 อยู่อยา่ งพอเพยี ง  มงุ่ มน่ั ในการทำงาน

 รักความเป็นไทย  มีจติ สาธารณะ

๖. จุดเน้นสกู่ ารพฒั นาคุณภาพผ้เู รยี นทักษะศตวรรษท่ี ๒๑

การเรียนรู้ 3R x 8C

 Reading (อา่ นออก)  (W)Riting(เขยี นได้)  (A)Rithemetics(คดิ เลขเปน็ )

 Critical Thinking and Problem Solving:มที ักษะในการคดิ วิเคราะห์ และแก้ไขปัญหาได้

 Creativity and Innovation:คิดอยา่ งสร้างสรรค์ คิดเชงิ นวัตกรรม

 Collaboration Teamwork and Leadership:ให้ความร่วมมือในการทำงานเปน็ ทีมมภี าวะผูน้ ำ

 Communication Information and Media Literacy:มที ักษะในการส่ือสาร และร้เู ท่าทันสอ่ื

 Cross-Cultural Understanding:มีความเข้าใจความแตกต่างทางวฒั นธรรม

 Computing and ICT Literacy:มีทกั ษะการใชค้ อมพิวเตอร์ และรเู้ ทา่ ทนั เทคโนโลยี

 Career and Learning Skills:มที ักษะทางอาชีพ และกระบวนการเรียนรตู้ ่างๆ

 Compassion:มคี ุณธรรม มีเมตตากรุณา มีระเบียบวินัย

ทกั ษะดา้ นชีวิตและอาชพี

 ความยดื หยนุ่ และการปรับตวั

 การรเิ รม่ิ สร้างสรรคแ์ ละเปน็ ตวั ของตัวเอง

 ทักษะสงั คมและสงั คมขา้ มวัฒนธรรม

 การเป็นผสู้ ร้างหรอื ผูผ้ ลติ (Productivity) และความรบั ผิดชอบเช่ือถือได้ (Accountability)

 ภาวะผ้นู ำและความรบั ผิดชอบ (Responsibility)

คุณลกั ษณะสำหรับศตวรรษที่ ๒๑

 คุณลักษณะด้านการทำงาน ไดแ้ ก่ การปรบั ตัว ความเป็นผ้นู ำ

 คณุ ลกั ษณะด้านการเรยี นรู้ ไดแ้ ก่ การชีน้ ำตนเอง การตรวจสอบการเรยี นรู้ของตนเอง

 คุณลักษณะด้านศลี ธรรม ไดแ้ ก่ ความเคารพผอู้ ื่น ความซ่ือสัตย์ ความสำนึกพลเมือง

123

๗. จุดเน้นของสถานศกึ ษา

๗.๑ ผู้เรียนเป็นกุลสตรีไทยสมยั นิยม (SSTB School's 4G)

 มีคณุ ธรรม (Good Moral)  นำปญั ญา (Good Wisdom)

 จติ อาสาเด่น (Good Service)  เน้นมารยาท (Good Manners)

๗.๒ ผเู้ รียนมศี ักยภาพเปน็ พลโลก (World Citizen) เทยี บเคียงมาตรฐานสากล

 เปน็ เลศิ วิชาการ  สื่อสารไดอ้ ยา่ งน้อย 2 ภาษา

 ล้ำหน้าทางความคดิ  ผลิตงานอย่างสรา้ งสรรค์

 ร่วมกนั รับผิดชอบตอ่ สงั คมโลก

๘. ช้นิ งานหรอื ภาระงาน (หลักฐาน /รอ่ งรอยแสดงความรู้)

- การทำแบบฝึกหัดในหนังสือเรียนรายวชิ าพื้นฐาน คณติ ศาสตร์ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๔ ,
เอกสารประกอบการเรยี น, ใบความรู้, ใบกิจกรรม , ใบงาน , แบบฝกึ ปฏบิ ตั กิ จิ กรรม , แบบฝึกทกั ษะ
พัฒนาการเรยี นรู้ , แบบทดสอบหนว่ ยการเรยี นรู้ แบบสงั เกตพฤติกรรมทางการเรยี นการสอน , แบบสงั เกต
พฤติกรรมการปฏบิ ัติกิจกรรมกลมุ่ , แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

๙. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้

เลือกใช้รูปแบบการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง : Concept Based Teaching เพื่อให้เกิด
การเรียนรู้แบบค้นพบ (Discovery Method) โดยใช้วิธีการสอนแบบอุปนัย (Inductive Method) และ
นิรนัย (Deductive Method) ซึ่งเป็นการจัดการเรียนการสอนทีน่ ำพาผู้เรียน เพื่อให้เกิดความรู้ความเขา้ ใจ
มที กั ษะ และเกดิ ความคดิ รวบยอด ผลของการจัดการเรยี นการสอนในลักษณะนี้ จะทำให้ผเู้ รียนได้ความรู้ และ
มีทกั ษะในการคน้ หาความคดิ รวบยอด ซงึ่ จะเปน็ ทักษะสำคัญทตี่ ดิ ตัวผเู้ รียนไปตลอดชวี ติ

ในหัวข้อนีเ้ ป็นเรื่องของคอมพลีเมนต์ของเซตและผลตา่ งระหว่างเซต โดยให้นักเรียนได้เรียนรู้เก่ียวกับ
การหาคอมพลเี มนต์ของเซตและผลต่างระหว่างเซต การเขียนเซตที่เกดิ จากการคอมพลีเมนต์ของเซตและการ
หาผลต่างระหวา่ งเซต โดยแนวทางการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้อาจทำไดด้ ังน้ี

ขนั้ การนำเข้าสู่บทเรียน

ขนั้ การใช้ความร้เู ดิมเช่ือมโยงความรูใ้ หม่ (Prior Knowledge)
๑. ครกู ล่าวทบทวน ดังน้ี
• คอมพลีเมนต์ของเซต A คอื เซตของทุกสมาชกิ ในเซต U แต่ไมอ่ ย่ใู นเซต A เขยี นแทนดว้ ย A
น่ันคือ A = {x | x U และ x A}
๒. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันเฉลยคำตอบของแบบฝกึ ทักษะ 1.3 ขอ้ 5 ในหนังสือแบบเรียนหน้า 30

124

ขั้นเรียนรู้

ขนั้ รู้ (Knowing)

๑. ครูแจกใบงานที่ 1.11 เร่ือง ผลตา่ งระหวา่ งเซต ให้กับนักเรยี น เม่ือนักเรียนวาดแผนภาพเรยี บร้อยแล้ว

ครแู ละนกั เรยี นช่วยกันตรวจสอบความถกู ต้อง จากนนั้ ครใู ห้นกั เรียนปฏิบัตติ ามคำส่งั ดังต่อไปน้ี
• ขอ้ 1 นกั เรยี นแรเงาพ้ืนท่ีเฉพาะชอ่ งทม่ี หี มายเลข 1, 2 และ 3 อย่เู ท่านั้น
• ขอ้ 2 นักเรยี นแรเงาพ้ืนทเ่ี ฉพาะช่องทม่ี ีหมายเลข 1 และ 2 อยู่เทา่ น้ัน
• ข้อ 3 นกั เรียนแรเงาพื้นท่ีเฉพาะช่องทมี่ หี มายเลข 1 และ 2 อยู่เทา่ น้นั
• ขอ้ 4 นกั เรยี นเวน้ วา่ งไว้ไม่ต้องแรเงา
๒. ครอู ธิบายใหน้ กั เรยี นฟงั ว่า พื้นที่ส่วนทแ่ี รเงา คือ สว่ นผลต่างระหวา่ งเซต A และเซต B ซงึ่ เขยี นแทน
ด้วย
A - B จากนนั้ ครูให้นักเรยี นช่วยกันวเิ คราะห์ความหมายของผลตา่ งระหว่างเซตจากรูปในใบงานที่ 1.11
แล้วเขยี นคำตอบลงในชอ่ งวา่ งท่เี หลอื อยใู่ ห้สมบูรณ์

๓. ครแู ละนักเรยี นร่วมกันสรปุ ความหมายของผลตา่ งระหวา่ งเซตโดยครูถามนักเรียน ดงั น้ี
• ผลตา่ งระหวา่ งเซต A และเซต B คืออะไร
(แนวตอบ ผลตา่ งระหว่างเซต A และเซต B หรอื คอมพลเี มนตข์ องเซต B เทยี บกบั เซต A คือ เซตทมี่ ี
สมาชกิ อยูใ่ นเซต A แต่ไม่อยู่ในเซต B เขยี นแทนดว้ ย A - B นั่นคอื A - B ={x | x A และ x B}

๔. ครใู หน้ ักเรียนจบั ค่ศู กึ ษาตวั อยา่ งท่ี 13-14 ในหนงั สอื เรียนหน้า 24-25
๕. ครูสุ่มนักเรียน 2 คู่ มาอธิบายวิธกี ารหาคำตอบ จากนนั้ ใหน้ ักเรียนในห้องรว่ มแสดงความคดิ เห็น

เพม่ิ เติมและรว่ มกนั สรุปคำตอบ

ข้ันเขา้ ใจ (Understanding)
๑. ครใู ห้นกั เรียนทำ “ลองทำด”ู ในหนังสือเรยี นหนา้ 25 และแบบฝึกทักษะ 1.3 ขอ้ 6 ในหนงั สอื เรียน
หน้า 25 จากนั้นสมุ่ นกั เรียนออกมานำเสนอคำตอบหน้าชัน้ เรียน โดยครูตรวจสอบความถูกต้อง
๒. ครใู ห้นักเรยี นทำ Exercise 1.3C ในหนงั สือแบบฝึกหดั เป็นการบา้ น

ขน้ั ลงมือทำ (Doing)
ครใู หน้ กั เรียนแบ่งกล่มุ กลุ่มละ 3 คน แจกกระดาษ A4 ให้กลุ่มละหนึ่งแผน่ จากนัน้ ให้นักเรียนร่วมกนั

พิจารณาและวเิ คราะห์คำถาม Thinking Time จากหนังสอื เรียนหน้า 23 และเขยี นคำตอบลงในกระดาษ A4
แล้วสง่ ตวั แทนกลุ่ม กล่มุ ละ 1 คน มานำเสนอหนา้ ช้ันเรียน โดยมีครูคอยตรวจสอบความถกู ต้อง
(แนวตอบ เน่ืองจากนยิ ามของ A คอื เซตของทุกสมาชกิ ในเซตU แต่ไม่อย่ใู นเซต A ดงั นนั้ จงึ ไมส่ ามารถหา A ได้)

ข้นั สรุป/ ขั้นนำไปใช้

๑. ครใู ห้นักเรียนสรุปข้อคน้ พบเป็นความคดิ รวบยอดทไี่ ด้จากการทำกิจกรรม และศึกษาคน้ คว้าเพิม่ เติมนอกเวลา
จากแหลง่ การเรยี นรู้ท่คี รูแนะนำ หรือจากแหล่งการเรยี นรู้ออนไลน์

๒. ครใู ห้นักเรยี นเขยี นผงั ความร้รู วบยอดเรื่องคอมพลีเมนต์ของเซตและผลต่างระหวา่ งเซตลงในสมดุ
๓. ครูให้นักเรียนนำเสนอแนวทางการนำข้อค้นพบที่ได้ไปใช้ในการแก้ปัญหาในสถานการณ์ต่างๆ และให้
นักเรยี นฝกึ ทักษะด้วยการทำแบบฝึกหดั เพิ่มเติมจากเอกสารประกอบการเรยี น ใบงาน หรอื สื่อการเรียนรู้อ่ืนๆ
ตามทคี่ รมู อบหมาย

125

๑๐. ส่อื การเรยี นรู้

- หนงั สือเรยี นรายวิชาคณติ ศาสตร์พ้นื ฐาน ม.4
- เอกสารประกอบการเรยี น, ใบกิจกรรม, ใบงาน, แบบฝึกหดั
- ใบงาน (จาก DLTV : Distance Learning Television)
- สื่อการเรียนรู้อนื่ ๆ เชน่ จาก DLIT (หอ้ งเรียน DLIT, คลังส่อื การเรยี นรู,้ หอ้ งสมุดดจิ ทิ ัล ฯลฯ) ,

Youtube , Google Sites , Google Classroom เปน็ ต้น

๑๑. แหล่งเรยี นรใู้ นหรือนอกสถานสถานศกึ ษา

- ศูนยค์ ณิตศาสตร์
- หอ้ งสมุดโรงเรียน
- DLTV (Distance Learning Television)
- DLIT (Distance Learning Information Technology)

- ข้อมลู จากแหลง่ เรยี นรอู้ นื่ ๆ เชน่ Website , Youtube , Google Sites , Google Classroom,

Social Media ฯลฯ

๑๒. การวดั ผลและประเมนิ ผลการเรยี นรู้

รายการวัด วิธีการวัดผล เครือ่ งมือการวัด เกณฑ์การวัดและ
และประเมนิ ประเมินผล

1) หาคอมพลีเมนต์ของเซตได้ ๑. ตรวจใบงาน/ ๑. แบบบนั ทกึ ๑. ผลการตรวจผลงาน

2) หาผลตา่ งระหว่างเซตได้ แบบฝึกหดั ของ การประเมินผลงาน ผ่านรอ้ ยละ 70

3) เขยี นเซตทีเ่ กดิ จากการคอม นกั เรียน นักเรยี นโดยใชเ้ กณฑ์ ๒. ผลการนำเสนอ

พลีเมนต์ของเซตได้ ๒. ประเมินการ การประเมินแบบรูบริกส์ ผลงาน

4) เขียนเซตท่เี กิดจากการหา นำเสนอผลงาน ๒. แบบประเมินการนำเสนอ ผ่านร้อยละ 70

ผลตา่ งระหว่างเซตได้ ๓. สงั เกต ผลงานโดยใชเ้ กณฑ์ ๓. ผลการสังเกต

5) รบั ผดิ ชอบต่อหน้าที่ทีไ่ ดร้ ับ พฤติกรรมการ การประเมนิ แบบรูบริกส์ พฤตกิ รรม

มอบหมาย ทำงาน ๓. แบบสงั เกตพฤติกรรม การทำงานรายบคุ คล

รายบคุ คล การทำงานรายบคุ คล ผา่ นรอ้ ยละ 70

๔. สังเกต ๔. แบบสังเกตพฤตกิ รรม ๔. ผลการสังเกต

พฤติกรรมการ การทำงานรายกลมุ่ พฤตกิ รรม

ทำงานรายกลุ่ม ๕. แบบประเมนิ คุณลักษณะ การทำงานรายกลุ่ม

๕. คณุ ลักษณะ อันพงึ ประสงค์ ผา่ นรอ้ ยละ 70

อนั พงึ ประสงค์ ๕. ผลการสงั เกต

คณุ ลักษณะอันพึง

ประสงค์

ผ่านร้อยละ 70

126

๑๓. การบรู ณาการการจัดการเรยี นรู้

 บรู ณาการกระบวนการคิด

 การคิดวิเคราะห์  การคดิ เปรยี บเทยี บ  การคดิ สังเคราะห์

 การคิดวพิ ากษ์  การคิดอยา่ งมีวิจารณญาณ  การคดิ ประยุกต์

 การคิดเชงิ มโนทัศน์  การคิดเชงิ กลยทุ ธ์  การคิดแกป้ ญั หา

 การคดิ บูรณาการ  การคดิ สร้างสรรค์  การคดิ อนาคต

 บูรณาการอาเซยี น

 บูรณาการหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง

 บรู ณาการกับหลกั สตู รต้านทจุ ริตศึกษา

 บูรณาการกบั การจดั การเรยี นรู้ STEM EDUCATION

 บรู ณาการกับการจัดการเรียนรู้ Active Learning

 บรู ณาการกบั กรอบสาระการเรียนรู้ท้องถิน่

 บูรณาการกับโครงการการจดั การศึกษาเพอื่ การมีงานทำในศตวรรษที่ ๒๑

 บรู ณาการกบั กลุ่มสาระการเรยี นรอู้ ่นื ๆ

1 กลุ่มสาระการเรียนรูค้ ณิตศาสตร์ ได้แก่ …………………………………

2. กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาตา่ งประเทศ ได้แก่ คำศพั ท์ภาษาอังกฤษที่เกย่ี วข้องในบทเรยี น

3. กลุ่มสาระการเรียนรูภ้ าษาไทย ได้แก่ ……………………………….

4. กลมุ่ สาระการเรียนรู้ศลิ ปะ ได้แก่ …………………………………

 บูรณาการในลกั ษณะอ่ืนๆ ได้แก่........................................................

๑๔. กจิ กรรมเสนอแนะ

ควรใหน้ กั เรยี นศึกษาหาความร้จู ากตำราเรยี น และแหล่งการเรียนร้อู ื่น ๆ เพม่ิ เตมิ เพ่ือเป็นการ
เพมิ่ พูนทกั ษะการเรยี นรู้

127

บันทึกผลหลงั การสอน/แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๑๒

กลุม่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ รายวชิ า คณติ ศาสตร์เพิ่มศกั ยภาพ ๕
ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ ๓/๑๑ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๕
หน่วยการเรียนร้ทู ี่ ๑ เซต เวลา ๒๐ ชว่ั โมง
เรือ่ ง คอมพลเี มนต์ของเซตและผลตา่ งระหวา่ งเซต (๒) เวลา ๕๐ นาที

๑. สรุปผลการเรยี นการสอน

๑.๑ นกั เรียนท้ังหมดจำนวน................................คน

จุดประสงค์การเรียนรู้ข้อท่ี นักเรยี นที่ผ่าน นกั เรียนไม่ผ่าน
จำนวน(คน) ร้อยละ จำนวน(คน) รอ้ ยละ

1) หาคอมพลเี มนตข์ องเซตได้

2) หาผลตา่ งระหวา่ งเซตได้

3) เขียนเซตทเ่ี กดิ จากการคอมพลเี มนต์

ของเซตได้

๔) เขยี นเซตท่ีเกิดจากการหาผลตา่ ง

ระหว่างเซตได้

๕)รับผดิ ชอบต่อหน้าทที่ ไี่ ดร้ ับมอบหมาย

รายช่ือนักเรยี นที่ไมผ่ ่านจุดประสงคข์ ้อท่ี.............ไดแ้ ก่
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................... .................................

รายชอ่ื นกั เรียนท่ีไมผ่ า่ นจดุ ประสงค์ข้อที่.............ไดแ้ ก่
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................... .................................

นกั เรียนทีม่ ีความสามารถพเิ ศษ/นักเรียนพิการไดแ้ ก่
๑) ........................................................................................................................... ...............
๒) ..........................................................................................................................................

๑.๒ นกั เรยี นมีความร้คู วามเขา้ ใจ
- มีความคิดรวบยอดในเรอ่ื ง เซต : คอมพลเี มนต์ของเซตและผลตา่ งระหว่างเซต

๑.๓ นักเรยี นมีความร้เู กิดทักษะ
ทกั ษะด้านการอ่าน(Reading) ทักษะด้านการเขยี น (Writing) ทักษะด้านการคิดคำนวณ

(Arithmetics) การคิดอยา่ งมีวิจารณญาณ และทักษะในการแก้ปัญหา ทักษะด้านการสรา้ งสรรค์ และ
นวตั กรรม ทักษะดา้ นความรว่ มมือ การทำงานเป็นทมี และภาวะผู้นำ ทกั ษะด้านการส่ือสารสารสนเทศ และ
รู้เท่าทนั ส่ือ ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

๑.๔ นักเรียนมีเจตคติ ค่านยิ ม ๑๒ ประการ คุณธรรมจริยธรรม
- ใฝห่ าความรู้ หม่นั ศึกษาเล่าเรียนท้งั ทางตรงและทางอ้อม
- มีศีลธรรม รักษาความสตั ย์ หวงั ดีตอ่ ผ้อู น่ื เผื่อแผ่และแบ่งปัน

128

๒. ปัญหา/อุปสรรค /แนวทางแก้ไข

............................................................................................................................. .................................................
................................................................................. .............................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
....................................................................................................................................................................... .......
........................................................................................................................... ...................................................
............................................................................................................................. .................................................
.......................................................................................................................................................... ....................

๓. ขอ้ เสนอแนะ
............................................................................................. .................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงชอื่ ....................................................
(นางสาวพงษ์ลดา สินสวุ รรณ์)

ตำแหนง่ ครู วิทยฐานะ ชำนาญการ

ลงชอื่ ……………………………………………………
(นางสาวกนกพร รตั นะอุดม)

หวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์
…….……./……………/…………..

129

ความเห็นของหวั หน้าสถานศกึ ษา / ผทู้ ี่ไดร้ บั มอบหมาย

ได้ทำการตรวจแผนการจดั การเรียนรขู้ องนางสาวพงษ์ลดา สนิ สุวรรณ์ ตำแหนง่ ครชู ำนาญการ
แลว้ มคี วามคดิ เหน็ ดังน้ี

1. เปน็ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่
 ดมี าก
 ดี
 พอใช้
 ควรปรบั ปรุง

2. การจัดกจิ กรรมไดน้ ำเอากระบวนการเรยี นรู้
 เนน้ ผเู้ รยี นเป็นสำคัญมาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสม
 ยงั ไม่เนน้ ผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรบั ปรุงพฒั นาตอ่ ไป

3. เป็นแผนการจดั การเรียนรู้ที่
 นำไปใชไ้ ดจ้ ริง
 ควรปรบั ปรงุ ก่อนนำไปใช้

4. ข้อเสนอแนะอนื่ ๆ
............................................................................................................................. ...................................
............................................................................................... .................................................................
............................................................................................................................. ...................................

ลงชื่อ...................................................................
( นางสาวกนกพร รัตนะอุดม)

หวั หน้ากลุม่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์
…….……./……………/…………..

130

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๑๓

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ รายวชิ า ค 23203 คณิตศาสตรเ์ พม่ิ ศักยภาพ 5
ปีการศึกษา 2565
ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3/11 ภาคเรียนท่ี 1 เวลา 20 ช่ัวโมง
เวลา ๕๐ นาที
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 เรือ่ ง เซต

เรือ่ ง การหาผลการดำเนินการของเซตตงั้ แต่สองเซตขน้ึ ไป

๑. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้ีวดั

มาตรฐาน ค ๑.๑ เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจำนวน ระบบจำนวน การดำเนินการของจำนวน
ตวั ชว้ี ัด ค ๑.1 ม.4/๑ เขา้ ใจและใชค้ วามรู้เก่ียวกับเซตและตรรกศาสตรเ์ บื้องตน้ ในการสอื่ สาร

และสอื่ ความหมายทางคณิตศาสตร์

๒. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

นกั เรยี นสามารถ
1) หาเซตทเี่ กิดจากผลการดำเนินการของเซตต้งั แต่สองเซตข้ึนไปได้ (K)
2) เขยี นเซตทเ่ี กดิ จากผลการดำเนนิ การของเซตต้ังแตส่ องเซตขึน้ ไปได้ (P)
3) เขยี นแผนภาพแทนเซตท่เี กิดจากผลการดำเนนิ การของเซตตง้ั แตส่ องเซตข้นึ ไปได้ (P)
4) รับผิดชอบต่อหนา้ ที่ทีไ่ ด้รบั มอบหมาย (A)

๓. สาระสำคญั

การหาผลการดำเนินการของเซตตง้ั แต่สองเซตข้นึ ไป คือ การนำเซตตัง้ แต่สองเซตขึ้นไปมา
อนิ เตอรเ์ ซกชัน ยูเนียน คอมพลีเมนต์ หรอื หาผลตา่ งระหว่างเซต จากนนั้ เขียนคำตอบในรูปเซตหรอื
เขียนแผนภาพแทนเซตคำตอบนน้ั

๔. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น

 ความสามารถในการสอ่ื สาร
 ความสามารถในการคิด
 ความสามารถในการแก้ปญั หา
 ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต
 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

131

๕. สาระการเรียนรู้

ด้านความรู้ (K)

- หาเซตท่เี กดิ จากผลการดำเนนิ การของเซตต้งั แต่สองเซตขึน้ ไปได้

- เขียนเซตทเ่ี กดิ จากผลการดำเนนิ การของเซตตง้ั แต่สองเซตขน้ึ ไปได้

- เขียนแผนภาพแทนเซตทีเ่ กิดจากผลการดำเนินการของเซตตั้งแตส่ องเซตข้นึ ไปได้

ทักษะทสี่ ำคญั (P)

- การแกป้ ญั หา.

- การสอ่ื สารและการสอ่ื ความหมายทางคณิตศาสตร์

- การเช่อื มโยง

ด้านเจตคติ (A)

 รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์  ซ่อื สตั ย์สจุ ริต

 มวี นิ ยั  ใฝ่เรยี นรู้

 อยอู่ ย่างพอเพยี ง  มงุ่ ม่นั ในการทำงาน

 รกั ความเป็นไทย  มจี ิตสาธารณะ

๖. จุดเนน้ สูก่ ารพฒั นาคุณภาพผู้เรยี นทกั ษะศตวรรษท่ี ๒๑

การเรียนรู้ 3R x 8C

 Reading (อา่ นออก)  (W)Riting(เขียนได้)  (A)Rithemetics(คดิ เลขเป็น)

 Critical Thinking and Problem Solving:มที ักษะในการคดิ วิเคราะห์ และแก้ไขปัญหาได้

 Creativity and Innovation:คดิ อยา่ งสร้างสรรค์ คิดเชิงนวตั กรรม

 Collaboration Teamwork and Leadership:ใหค้ วามร่วมมือในการทำงานเปน็ ทีมมภี าวะผนู้ ำ

 Communication Information and Media Literacy:มีทกั ษะในการสอื่ สาร และรู้เท่าทันสื่อ

 Cross-Cultural Understanding:มคี วามเข้าใจความแตกต่างทางวัฒนธรรม

 Computing and ICT Literacy:มีทกั ษะการใช้คอมพวิ เตอร์ และรู้เท่าทนั เทคโนโลยี

 Career and Learning Skills:มที ักษะทางอาชีพ และกระบวนการเรยี นรตู้ ่างๆ

 Compassion:มคี ุณธรรม มเี มตตากรุณา มรี ะเบียบวนิ ยั

ทักษะดา้ นชวี ิตและอาชีพ

 ความยืดหยนุ่ และการปรับตวั

 การรเิ ร่ิมสรา้ งสรรคแ์ ละเปน็ ตวั ของตวั เอง

 ทักษะสังคมและสังคมข้ามวัฒนธรรม

 การเป็นผ้สู รา้ งหรือผ้ผู ลติ (Productivity) และความรบั ผิดชอบเชอ่ื ถือได้ (Accountability)

 ภาวะผนู้ ำและความรบั ผิดชอบ (Responsibility)

คุณลกั ษณะสำหรับศตวรรษที่ ๒๑

 คุณลกั ษณะด้านการทำงาน ไดแ้ ก่ การปรบั ตวั ความเป็นผนู้ ำ

 คณุ ลกั ษณะด้านการเรยี นรู้ ไดแ้ ก่ การช้ีนำตนเอง การตรวจสอบการเรียนรขู้ องตนเอง

 คณุ ลกั ษณะดา้ นศีลธรรม ไดแ้ ก่ ความเคารพผู้อ่ืน ความซือ่ สตั ย์ ความสำนึกพลเมือง

132

๗. จดุ เน้นของสถานศกึ ษา

๗.๑ ผู้เรยี นเปน็ กลุ สตรไี ทยสมยั นยิ ม (SSTB School's 4G)

 มีคุณธรรม (Good Moral)  นำปัญญา (Good Wisdom)

 จติ อาสาเดน่ (Good Service)  เนน้ มารยาท (Good Manners)

๗.๒ ผูเ้ รยี นมีศักยภาพเป็นพลโลก (World Citizen) เทียบเคียงมาตรฐานสากล

 เปน็ เลิศวชิ าการ  สือ่ สารได้อย่างน้อย 2 ภาษา

 ล้ำหน้าทางความคดิ  ผลิตงานอย่างสรา้ งสรรค์

 ร่วมกนั รบั ผิดชอบต่อสงั คมโลก

๘. ชน้ิ งานหรือภาระงาน (หลกั ฐาน /รอ่ งรอยแสดงความรู้)

- การทำแบบฝึกหดั ในหนังสือเรียนรายวชิ าพนื้ ฐาน คณติ ศาสตร์ ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๔ ,
เอกสารประกอบการเรยี น, ใบความรู,้ ใบกจิ กรรม , ใบงาน , แบบฝกึ ปฏบิ ัตกิ จิ กรรม , แบบฝกึ ทักษะ
พัฒนาการเรียนรู้ , แบบทดสอบหนว่ ยการเรยี นรู้ แบบสงั เกตพฤติกรรมทางการเรยี นการสอน , แบบสังเกต
พฤติกรรมการปฏิบัติกจิ กรรมกลุม่ , แบบประเมินคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์

๙. การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้

เลือกใช้รูปแบบการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง : Concept Based Teaching เพื่อให้เกิด
การเรียนรู้แบบค้นพบ (Discovery Method) โดยใช้วิธีการสอนแบบอุปนัย (Inductive Method) และ
นิรนัย (Deductive Method) ซึ่งเป็นการจัดการเรียนการสอนทีน่ ำพาผู้เรียน เพื่อให้เกิดความรู้ความเขา้ ใจ
มที ักษะ และเกิดความคดิ รวบยอด ผลของการจดั การเรียนการสอนในลกั ษณะน้ี จะทำให้ผเู้ รยี นได้ความรู้ และ
มีทักษะในการคน้ หาความคดิ รวบยอด ซ่งึ จะเปน็ ทักษะสำคญั ทีต่ ิดตวั ผู้เรียนไปตลอดชีวิต

ในหัวข้อนี้เป็นเรื่องของการหาผลการดำเนินการของเซตต้ังแต่สองเซตขึ้นไป โดยให้นักเรียนได้เรียนรู้
เกี่ยวกับหาเซตที่เกิดจากผลการดำเนินการของเซตตั้งแต่สองเซตขึน้ ไป การเขียนเซต และแผนภาพแทนเซตท่ี
เกิดจากผลการดำเนินการของเซตต้งั แต่สองเซตขน้ึ ไปได้ โดยแนวทางการจดั กจิ กรรมการเรยี นรอู้ าจทำได้ดังนี้

ขั้นการนำเข้าสู่บทเรียน

ขั้นการใช้ความรู้เดมิ เชื่อมโยงความรู้ใหม่ (Prior Knowledge)
๑. ครแู จง้ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ให้นกั เรยี นทราบ
๒. ครทู บทวนความรู้เกี่ยวกับเร่ือง อนิ เตอรเ์ ซกชนั ยเู นียน คอมพลเี มนต์ของเซต และผลต่างระหว่างเซต
โดยตวั อย่างเซตบนกระดาน เช่น

ให้ U = {a, b, c, d, e, f, g}, A = {a, b, c} และ B = {b, d, e}
๓. ครสู มุ่ ใหน้ ักเรยี น 4 คน ออกมาเขียนแผนภาพแทนเซต , , และ A – B

133

ขน้ั เรยี นรู้

ขน้ั รู้ (Knowing)
๑. ครใู ห้นักเรียนจับคู่ศึกษาตวั อย่างท่ี 14-15 ในหนังสือเรียนหนา้ 26-27
๒. ครสู ุม่ นักเรยี น 2 คู่ มาอธบิ ายวิธีการหาคำตอบ จากนัน้ ให้นักเรียนในหอ้ งรว่ มแสดงความคดิ เห็น
เพม่ิ เติมและร่วมกนั สรปุ คำตอบ
๓. ครเู นน้ ยำ้ เทคนิคการแกโ้ จทย์ปัญหาจากกรอบ PROBLEM SOLVING TIP และข้อสงั เกตท่ไี ดจ้ าก

ตัวอย่างที่ 14 ในกรอบ INFORMATION
๔. ครใู ห้นักเรียนศึกษาตัวอย่างที่ 16 ในหนงั สอื เรียนหน้า 28 จากนัน้ สมุ่ นกั เรยี นออกมาอธิบายการหา
คำตอบหน้าชนั้ เรียน โดยครูตรวจสอบความถูกต้อง
๕. ครเู น้นย้ำเทคนิคการแกโ้ จทย์ปญั หาจากกรอบ PROBLEM SOLVING TIP ในหนังสือเรียนหน้า 28

ขั้นเขา้ ใจ (Understanding)
1. ครใู หน้ ักเรยี นทำ “ลองทำด”ู ในหนงั สอื เรยี นหนา้ 26, 27 และ 29 จากน้ันสุ่มนักเรยี นออกมานำเสนอ
คำตอบหน้าช้นั เรยี น โดยครตู รวจสอบความถกู ตอ้ ง
2. ครใู ห้นักเรยี นทำแบบฝึกทกั ษะ 1.3 ขอ้ 7, 11-14 ในหนงั สือแบบเรยี นหนา้ 30-32 เปน็ การบ้าน

ข้นั สรปุ / ขั้นนำไปใช้

๑. ครใู หน้ ักเรียนสรุปข้อคน้ พบเปน็ ความคดิ รวบยอดทไ่ี ดจ้ ากการทำกจิ กรรม และศึกษาคน้ คว้าเพิม่ เติมนอกเวลา
จากแหล่งการเรียนรู้ท่ีครแู นะนำ หรือจากแหล่งการเรยี นรู้ออนไลน์

๒. ครูใหน้ ักเรยี นเขยี นผงั ความรู้รวบยอดเรื่องการหาผลการดำเนินการของเซตตง้ั แต่สองเซตขนึ้ ไปลงในสมุด
๓. ครูให้นักเรียนนำเสนอแนวทางการนำข้อค้นพบที่ได้ไปใช้ในการแก้ปัญหาในสถานการณ์ต่างๆ และให้
นกั เรยี นฝกึ ทกั ษะดว้ ยการทำแบบฝึกหัดเพิ่มเติมจากเอกสารประกอบการเรียน ใบงาน หรอื ส่ือการเรียนรู้อ่ืนๆ
ตามทีค่ รูมอบหมาย

๑๐. ส่ือการเรยี นรู้

- หนงั สอื เรยี นรายวิชาคณิตศาสตรพ์ ืน้ ฐาน ม.4
- เอกสารประกอบการเรียน, ใบกิจกรรม, ใบงาน, แบบฝึกหัด
- ใบงาน (จาก DLTV : Distance Learning Television)
- สอ่ื การเรยี นรู้อืน่ ๆ เชน่ จาก DLIT (หอ้ งเรียน DLIT, คลังสื่อการเรยี นร,ู้ ห้องสมุดดจิ ทิ ัล ฯลฯ) ,

Youtube , Google Sites , Google Classroom เป็นตน้

๑๑. แหล่งเรยี นรใู้ นหรอื นอกสถานสถานศึกษา

- ศนู ย์คณติ ศาสตร์
- หอ้ งสมดุ โรงเรยี น
- DLTV (Distance Learning Television)
- DLIT (Distance Learning Information Technology)

- ข้อมลู จากแหล่งเรยี นรู้อน่ื ๆ เชน่ Website , Youtube , Google Sites , Google Classroom,

Social Media ฯลฯ

134

๑๒. การวัดผลและประเมนิ ผลการเรยี นรู้

รายการวดั วธิ ีการวดั ผล เคร่ืองมอื การวดั เกณฑก์ ารวัดและ
และประเมนิ ประเมนิ ผล

1) หาเซตทเี่ กดิ จากผลการ ๑. ตรวจใบงาน/ ๑. แบบบันทึก ๑. ผลการตรวจผลงาน

ดำเนนิ การของเซตตั้งแตส่ องเซต แบบฝกึ หัด ของ การประเมินผลงาน ผ่านรอ้ ยละ 70

ข้ึนไปได้ นกั เรยี น นักเรยี นโดยใช้เกณฑ์ ๒. ผลการนำเสนอ

2) เขียนเซตท่ีเกดิ จากผลการ ๒. ประเมนิ การ การประเมนิ แบบรูบริกส์ ผลงาน

ดำเนินการของเซตตง้ั แตส่ องเซต นำเสนอผลงาน ๒. แบบประเมนิ การนำเสนอ ผา่ นรอ้ ยละ 70

ขึ้นไปได้ ๓. สงั เกต ผลงานโดยใช้เกณฑ์ ๓. ผลการสงั เกต

3) เขียนแผนภาพแทนเซตที่ พฤติกรรมการ การประเมนิ แบบรูบริกส์ พฤติกรรม

เกิดจากผลการดำเนินการของ ทำงาน ๓. แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบคุ คล

เซตตัง้ แตส่ องเซตข้ึนไปได้ รายบคุ คล การทำงานรายบุคคล ผา่ นรอ้ ยละ 70

4) รบั ผิดชอบตอ่ หน้าที่ทไี่ ดร้ ับ ๔. สังเกต ๔. แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ๔. ผลการสงั เกต

มอบหมาย พฤติกรรมการ การทำงานรายกลุ่ม พฤตกิ รรม

ทำงานรายกลมุ่ ๕. แบบประเมนิ คุณลกั ษณะ การทำงานรายกลมุ่

๕. คุณลักษณะ อันพงึ ประสงค์ ผา่ นร้อยละ 70

อันพึงประสงค์ ๕. ผลการสังเกต

คณุ ลักษณะอันพงึ

ประสงค์

ผา่ นร้อยละ 70

๑๓. การบูรณาการการจดั การเรยี นรู้

 บูรณาการกระบวนการคดิ

 การคิดวเิ คราะห์  การคดิ เปรยี บเทียบ  การคดิ สงั เคราะห์
 การคดิ ประยุกต์
 การคิดวพิ ากษ์  การคิดอยา่ งมวี ิจารณญาณ  การคิดแก้ปัญหา
 การคิดอนาคต
 การคิดเชิงมโนทัศน์  การคดิ เชงิ กลยุทธ์

 การคดิ บรู ณาการ  การคิดสร้างสรรค์

 บูรณาการอาเซยี น

 บรู ณาการหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

 บรู ณาการกับหลกั สูตรต้านทจุ รติ ศกึ ษา

 บรู ณาการกับการจัดการเรยี นรู้ STEM EDUCATION

 บูรณาการกบั การจัดการเรยี นรู้ Active Learning

 บูรณาการกับกรอบสาระการเรียนรู้ท้องถิ่น

 บูรณาการกับโครงการการจัดการศึกษาเพื่อการมงี านทำในศตวรรษท่ี ๒๑

135

 บูรณาการกับกลุ่มสาระการเรยี นรู้อนื่ ๆ
1 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ ไดแ้ ก่ …………………………………
2. กลุม่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาต่างประเทศ ได้แก่ คำศัพทภ์ าษาองั กฤษทีเ่ ก่ยี วขอ้ งในบทเรยี น
3. กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ได้แก่ ……………………………….
4. กลุม่ สาระการเรียนรู้ศลิ ปะ ไดแ้ ก่ …………………………………

 บูรณาการในลกั ษณะอื่นๆ ไดแ้ ก่........................................................

๑๔. กจิ กรรมเสนอแนะ

ควรให้นกั เรยี นศึกษาหาความรู้จากตำราเรียน และแหล่งการเรียนรูอ้ น่ื ๆ เพมิ่ เติม เพ่ือเป็นการ
เพม่ิ พูนทักษะการเรียนรู้

136

บนั ทึกผลหลงั การสอน/แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี ๑๓

กลุม่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ รายวชิ า คณิตศาสตร์เพ่ิมศกั ยภาพ ๕
ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๓/๑๑ ภาคเรียนที่ ๑ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๕
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๑ เซต เวลา ๒๐ ชั่วโมง
เร่ือง การหาผลการดำเนินการของเซตต้ังแตส่ องเซตขึน้ ไป เวลา ๕๐ นาที

๑. สรุปผลการเรยี นการสอน

๑.๑ นกั เรยี นทงั้ หมดจำนวน................................คน

จุดประสงค์การเรียนรขู้ ้อที่ นกั เรียนทีผ่ า่ น นักเรียนไมผ่ ่าน
จำนวน(คน) ร้อยละ จำนวน(คน) ร้อยละ

1) หาเซตท่ีเกดิ จากผลการดำเนนิ การ

ของเซตตง้ั แต่สองเซตขน้ึ ไปได้

2) เขยี นเซตท่เี กดิ จากผลการดำเนิน

การของเซตต้ังแตส่ องเซตข้นึ ไปได้

3) เขียนแผนภาพแทนเซตท่เี กดิ จากผล

การดำเนนิ การของเซตตง้ั แต่สองเซต

ข้นึ ไปได้

4)รับผดิ ชอบตอ่ หนา้ ท่ที ไี่ ด้รบั มอบหมาย

รายชื่อนกั เรียนท่ีไม่ผ่านจุดประสงค์ข้อที่.............ได้แก่
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................................. ...................

รายชอื่ นกั เรยี นที่ไมผ่ า่ นจดุ ประสงคข์ ้อที่.............ไดแ้ ก่
................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................

นักเรยี นทม่ี ีความสามารถพเิ ศษ/นกั เรยี นพิการไดแ้ ก่
๑) ............................................................................................................................. .............
๒) ..........................................................................................................................................

๑.๒ นักเรยี นมคี วามรูค้ วามเข้าใจ
- มีความคิดรวบยอดในเรื่อง เซต : การหาผลการดำเนนิ การของเซตต้งั แต่สองเซตขนึ้ ไป

๑.๓ นักเรยี นมคี วามรเู้ กิดทักษะ
ทกั ษะดา้ นการอ่าน(Reading) ทกั ษะดา้ นการเขียน (Writing) ทกั ษะด้านการคดิ คำนวณ

(Arithmetics) การคดิ อยา่ งมีวจิ ารณญาณ และทักษะในการแกป้ ญั หา ทักษะดา้ นการสร้างสรรค์ และ
นวัตกรรม ทักษะดา้ นความร่วมมือ การทำงานเป็นทีมและภาวะผ้นู ำ ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศ และ
ร้เู ทา่ ทันสื่อ ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร

๑.๔ นกั เรียนมีเจตคติ คา่ นิยม ๑๒ ประการ คณุ ธรรมจรยิ ธรรม
- ใฝ่หาความรู้ หม่นั ศึกษาเล่าเรียนทัง้ ทางตรงและทางอ้อม
- มศี ีลธรรม รักษาความสัตย์ หวังดีตอ่ ผอู้ น่ื เผ่ือแผ่และแบ่งปัน

137

๒. ปัญหา/อุปสรรค /แนวทางแก้ไข
............................................................................................................................. .................................................
................................................................................. .............................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
....................................................................................................................................................................... .......
........................................................................................................................... ...................................................
............................................................................................................................. .................................................
.......................................................................................................................................................... ....................

๓. ขอ้ เสนอแนะ
............................................................................................. .................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงชอื่ ....................................................
(นางสาวพงษ์ลดา สนิ สวุ รรณ์)

ตำแหนง่ ครู วิทยฐานะ ชำนาญการ

ลงชอื่ ……………………………………………………
(นางสาวกนกพร รตั นะอุดม)

หวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์
…….……./……………/…………..

138

ความเห็นของหวั หน้าสถานศกึ ษา / ผทู้ ี่ไดร้ บั มอบหมาย

ได้ทำการตรวจแผนการจดั การเรียนรขู้ องนางสาวพงษ์ลดา สนิ สุวรรณ์ ตำแหนง่ ครชู ำนาญการ
แลว้ มคี วามคดิ เหน็ ดังน้ี

1. เปน็ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่
 ดมี าก
 ดี
 พอใช้
 ควรปรบั ปรุง

2. การจัดกจิ กรรมไดน้ ำเอากระบวนการเรยี นรู้
 เนน้ ผเู้ รยี นเป็นสำคัญมาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสม
 ยงั ไม่เนน้ ผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรบั ปรุงพฒั นาตอ่ ไป

3. เป็นแผนการจดั การเรียนรู้ที่
 นำไปใชไ้ ดจ้ ริง
 ควรปรบั ปรงุ ก่อนนำไปใช้

4. ข้อเสนอแนะอนื่ ๆ
............................................................................................................................. ...................................
............................................................................................... .................................................................
............................................................................................................................. ...................................

ลงชื่อ...................................................................
( นางสาวกนกพร รัตนะอุดม)

หวั หน้ากลุม่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์
…….……./……………/…………..

139

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๑๔

กลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ รายวิชา ค 23203 คณิตศาสตรเ์ พม่ิ ศักยภาพ 5
ปกี ารศกึ ษา 2565
ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3/11 ภาคเรียนท่ี 1 เวลา 20 ช่ัวโมง
เวลา ๕๐ นาที
หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 1 เร่อื ง เซต

เร่ือง การหาผลการดำเนินการของเซตตัง้ แตส่ องเซตขึน้ ไป (๒)

๑. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้วี ดั

มาตรฐาน ค ๑.๑ เขา้ ใจความหลากหลายของการแสดงจำนวน ระบบจำนวน การดำเนินการของจำนวน
ตัวชว้ี ัด ค ๑.1 ม.4/๑ เข้าใจและใช้ความร้เู กย่ี วกบั เซตและตรรกศาสตรเ์ บ้ืองตน้ ในการสอื่ สาร

และส่อื ความหมายทางคณิตศาสตร์

๒. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

นกั เรียนสามารถ
1) หาเซตที่เกดิ จากผลการดำเนินการของเซตต้งั แต่สองเซตข้ึนไปได้ (K)
2) เขยี นเซตทเี่ กดิ จากผลการดำเนินการของเซตตง้ั แตส่ องเซตข้ึนไปได้ (P)
3) เขยี นแผนภาพแทนเซตที่เกิดจากผลการดำเนนิ การของเซตต้งั แต่สองเซตขน้ึ ไปได้ (P)
4) รับผิดชอบต่อหนา้ ที่ทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย (A)

๓. สาระสำคญั

การหาผลการดำเนนิ การของเซตตัง้ แต่สองเซตขนึ้ ไป คือ การนำเซตตง้ั แตส่ องเซตขึ้นไปมา
อนิ เตอร์เซกชัน ยูเนยี น คอมพลเี มนต์ หรือหาผลต่างระหว่างเซต จากนน้ั เขียนคำตอบในรูปเซตหรอื
เขียนแผนภาพแทนเซตคำตอบน้นั

๔. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียน

 ความสามารถในการสื่อสาร
 ความสามารถในการคดิ
 ความสามารถในการแก้ปญั หา
 ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต
 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

140

๕. สาระการเรียนรู้

ด้านความรู้ (K)

- หาเซตท่เี กดิ จากผลการดำเนนิ การของเซตต้งั แต่สองเซตขึน้ ไปได้

- เขียนเซตทเ่ี กดิ จากผลการดำเนนิ การของเซตตง้ั แต่สองเซตขน้ึ ไปได้

- เขียนแผนภาพแทนเซตทีเ่ กิดจากผลการดำเนินการของเซตตั้งแตส่ องเซตข้นึ ไปได้

ทักษะทสี่ ำคญั (P)

- การแกป้ ญั หา.

- การสอ่ื สารและการสอ่ื ความหมายทางคณิตศาสตร์

- การเช่อื มโยง

ด้านเจตคติ (A)

 รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์  ซ่อื สตั ย์สจุ ริต

 มวี นิ ยั  ใฝ่เรยี นรู้

 อยอู่ ย่างพอเพยี ง  มงุ่ ม่นั ในการทำงาน

 รกั ความเป็นไทย  มจี ิตสาธารณะ

๖. จุดเนน้ สูก่ ารพฒั นาคุณภาพผู้เรยี นทกั ษะศตวรรษท่ี ๒๑

การเรียนรู้ 3R x 8C

 Reading (อา่ นออก)  (W)Riting(เขียนได้)  (A)Rithemetics(คดิ เลขเป็น)

 Critical Thinking and Problem Solving:มที ักษะในการคดิ วิเคราะห์ และแก้ไขปัญหาได้

 Creativity and Innovation:คดิ อยา่ งสร้างสรรค์ คิดเชิงนวตั กรรม

 Collaboration Teamwork and Leadership:ใหค้ วามร่วมมือในการทำงานเปน็ ทีมมภี าวะผนู้ ำ

 Communication Information and Media Literacy:มีทกั ษะในการสอื่ สาร และรู้เท่าทันสื่อ

 Cross-Cultural Understanding:มคี วามเข้าใจความแตกต่างทางวัฒนธรรม

 Computing and ICT Literacy:มีทกั ษะการใช้คอมพวิ เตอร์ และรู้เท่าทนั เทคโนโลยี

 Career and Learning Skills:มที ักษะทางอาชีพ และกระบวนการเรยี นรตู้ ่างๆ

 Compassion:มคี ุณธรรม มเี มตตากรุณา มรี ะเบียบวนิ ยั

ทักษะดา้ นชวี ิตและอาชีพ

 ความยืดหยนุ่ และการปรับตวั

 การรเิ ร่ิมสรา้ งสรรคแ์ ละเปน็ ตวั ของตวั เอง

 ทักษะสังคมและสังคมข้ามวัฒนธรรม

 การเป็นผ้สู รา้ งหรือผ้ผู ลติ (Productivity) และความรบั ผิดชอบเชอ่ื ถือได้ (Accountability)

 ภาวะผนู้ ำและความรบั ผิดชอบ (Responsibility)

คุณลกั ษณะสำหรับศตวรรษที่ ๒๑

 คุณลกั ษณะด้านการทำงาน ไดแ้ ก่ การปรบั ตวั ความเป็นผนู้ ำ

 คณุ ลกั ษณะด้านการเรยี นรู้ ไดแ้ ก่ การช้ีนำตนเอง การตรวจสอบการเรียนรขู้ องตนเอง

 คณุ ลกั ษณะดา้ นศีลธรรม ไดแ้ ก่ ความเคารพผู้อ่ืน ความซือ่ สตั ย์ ความสำนึกพลเมือง

141

๗. จดุ เน้นของสถานศกึ ษา

๗.๑ ผู้เรียนเปน็ กุลสตรไี ทยสมัยนยิ ม (SSTB School's 4G)

 มคี ณุ ธรรม (Good Moral)  นำปัญญา (Good Wisdom)

 จิตอาสาเด่น (Good Service)  เนน้ มารยาท (Good Manners)

๗.๒ ผเู้ รียนมศี ักยภาพเป็นพลโลก (World Citizen) เทียบเคยี งมาตรฐานสากล

 เป็นเลิศวชิ าการ  สื่อสารไดอ้ ย่างน้อย 2 ภาษา

 ล้ำหนา้ ทางความคิด  ผลิตงานอย่างสร้างสรรค์

 ร่วมกันรับผดิ ชอบต่อสงั คมโลก

๘. ช้ินงานหรือภาระงาน (หลกั ฐาน /รอ่ งรอยแสดงความรู้)

- การทำแบบฝึกหัดในหนังสือเรยี นรายวชิ าพืน้ ฐาน คณิตศาสตร์ ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี ๔ ,
เอกสารประกอบการเรยี น, ใบความร,ู้ ใบกจิ กรรม , ใบงาน , แบบฝึกปฏบิ ตั ิกจิ กรรม , แบบฝกึ ทักษะ
พัฒนาการเรยี นรู้ , แบบทดสอบหน่วยการเรยี นรู้ แบบสังเกตพฤตกิ รรมทางการเรยี นการสอน , แบบสงั เกต
พฤติกรรมการปฏบิ ัติกจิ กรรมกล่มุ , แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

๙. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้

เลือกใช้รูปแบบการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง : Concept Based Teaching เพื่อให้เกิด
การเรียนรู้แบบค้นพบ (Discovery Method) โดยใช้วิธีการสอนแบบอุปนัย (Inductive Method) และ
นิรนัย (Deductive Method) ซึ่งเป็นการจัดการเรียนการสอนทีน่ ำพาผู้เรียน เพื่อให้เกิดความรู้ความเขา้ ใจ
มีทกั ษะ และเกิดความคิดรวบยอด ผลของการจัดการเรียนการสอนในลกั ษณะน้ี จะทำใหผ้ เู้ รยี นได้ความรู้ และ
มีทกั ษะในการคน้ หาความคิดรวบยอด ซ่งึ จะเปน็ ทกั ษะสำคญั ทตี่ ิดตวั ผ้เู รยี นไปตลอดชีวิต

ในหัวข้อนี้เปน็ เรื่องของการหาผลการดำเนินการของเซตตั้งแต่สองเซตขึ้นไป โดยให้นักเรียนได้เรียนรู้
เกี่ยวกับหาเซตที่เกิดจากผลการดำเนินการของเซตตัง้ แตส่ องเซตขึน้ ไป การเขียนเซต และแผนภาพแทนเซตที่
เกิดจากผลการดำเนนิ การของเซตตง้ั แตส่ องเซตขนึ้ ไปได้ โดยแนวทางการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้อาจทำได้ดังนี้

ข้ันการนำเขา้ สู่บทเรยี น

ขนั้ การใชค้ วามรูเ้ ดิมเชื่อมโยงความร้ใู หม่ (Prior Knowledge)
๑. ครทู บทวนความรู้เก่ียวกบั การหาผลการดำเนินการของเซตต้ังแตส่ องเซตข้ึนไป จากการศึกษาคร้ังก่อน

ขนั้ เรยี นรู้

ขัน้ รู้ (Knowing)
๑. ครแู ละนักเรียนร่วมกันเฉลยคำตอบของแบบฝกึ ทักษะ 11.3 ขอ้ 7, 11-14 ในหนงั สือแบบเรยี นหนา้ 30-32
๒. ครูใหน้ ักเรียนจบั คู่ทำกิจกรรมโดยใชเ้ ทคนคิ คู่คิด (Think Pair Share) ดังนี้
• ให้นักเรียนแตล่ ะคนคิดคำตอบของตนเองกอ่ นจาก Thinking Time ในหนังสือเรยี นหน้า 29
• ให้นักเรียนจบั คู่กบั เพื่อนเพอื่ แลกเปล่ยี นคำตอบกัน สนทนาซกั ถามซ่ึงกันและกนั จนเปน็ ท่ีเขา้ ใจร่วมกนั

142

• ครสู มุ่ ถามนักเรยี น แล้วใหน้ กั เรยี นร่วมกันอภิปรายคำตอบ ดังน้ี
- ใหต้ รวจสอบว่าข้อความต่อไปนเ้ี ป็นจริงหรือเป็นเทจ็
1) (X  Y) มีคา่ เท่ากบั X  Y และ X  Y
(แนวตอบ เปน็ เทจ็ เพราะ (X  Y)  X  Y แต่ (X  Y)  X  Y )
2) (X  Y) มคี า่ เทา่ กับ X  Y และ X  Y
(แนวตอบ เปน็ เทจ็ เพราะ (X  Y)  X  Y แต่ (X  Y)  X  Y )
หมายเหตุ* ครอู าจเขียนแผนภาพเวนน์ เพอ่ื ใหน้ ักเรียนเข้าใจไดง้ า่ ยและชดั เจนยง่ิ ขึ้น

๓. ครแู จกบตั รแผนภาพเวนนใ์ ห้นักเรียนคนละ 1 ใบ เพื่อแบ่งนกั เรียนเปน็ กลุ่ม A  B, A  B, A และ
A – B โดยใหน้ กั เรยี นวเิ คราะห์จากพ้ืนทีส่ ่วนท่ีแรเงา เม่ือแบง่ กลุ่มเรียบรอ้ ยแล้วครตู รวจสอบความ

ถูกต้อง

ข้นั เข้าใจ (Understanding)
๑. ครูแจกใบงานท่ี 1.12 เรื่อง การหาผลการดำเนนิ การของเซตต้งั แตส่ องเซตขึน้ ไป ให้กบั นักเรยี นในแต่ละ
กลุม่ จากนัน้ ให้นักเรียนทุกคนในกลุ่มช่วยกันหาคำตอบ
๒. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั เฉลยคำตอบของใบงานที่ 1.12 พรอ้ มกนั หาความสัมพันธข์ องการดำเนินการของ
เซตที่มีคำตอบเหมือนกนั จากแผนภาพ โดยครูตรวจสอบความถกู ต้อง
๓. ครใู ห้นักเรียนทำ Exercise 1.3D ในหนงั สือแบบฝึกหดั เปน็ การบ้าน

ขน้ั ลงมือทำ (Doing)
ครูให้นักเรยี นแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4 - 5 คน พร้อมแจกกระดาษ A4 ให้กลมุ่ ละหนึ่งแผ่น จากนัน้ ให้นักเรียน

รว่ มกนั ทำแบบฝึกทกั ษะ 1.3 ขอ้ 15-17 ในหนังสือเรยี นหน้า 32 แลว้ สง่ ตวั แทนกลุ่มละ 1 คน ออกมานำเสนอ
หนา้ ช้ันเรยี น โดยมีครูตรวจสอบความถูกต้อง

ข้ันสรุป/ ขั้นนำไปใช้

๑. ครใู หน้ กั เรยี นสรุปข้อค้นพบเป็นความคิดรวบยอดท่ไี ด้จากการทำกจิ กรรม และศกึ ษาคน้ ควา้ เพ่มิ เติมนอกเวลา
จากแหลง่ การเรยี นรู้ท่ีครูแนะนำ หรือจากแหลง่ การเรยี นรู้ออนไลน์

๒. ครใู หน้ กั เรยี นเขยี นผงั ความรู้รวบยอดเรื่องการหาผลการดำเนนิ การของเซตต้ังแต่สองเซตข้ึนไปลงในสมุด
๓. ครูให้นักเรียนนำเสนอแนวทางการนำข้อค้นพบที่ได้ไปใช้ในการแก้ปัญหาในสถานการณ์ต่างๆ และให้
นักเรียนฝึกทกั ษะดว้ ยการทำแบบฝึกหดั เพ่ิมเติมจากเอกสารประกอบการเรยี น ใบงาน หรือสอื่ การเรียนรู้อ่ืนๆ
ตามท่คี รมู อบหมาย

๑๐. สื่อการเรยี นรู้

- หนงั สอื เรยี นรายวชิ าคณิตศาสตรพ์ นื้ ฐาน ม.4
- เอกสารประกอบการเรียน, ใบกจิ กรรม, ใบงาน, แบบฝึกหัด
- ใบงาน (จาก DLTV : Distance Learning Television)
- สื่อการเรยี นรู้อืน่ ๆ เชน่ จาก DLIT (หอ้ งเรียน DLIT, คลังส่อื การเรียนร,ู้ หอ้ งสมุดดจิ ิทัล ฯลฯ) ,

Youtube , Google Sites , Google Classroom เป็นตน้

143

๑๑. แหลง่ เรียนรใู้ นหรือนอกสถานสถานศกึ ษา

- ศนู ยค์ ณติ ศาสตร์
- หอ้ งสมดุ โรงเรียน
- DLTV (Distance Learning Television)
- DLIT (Distance Learning Information Technology)

- ขอ้ มลู จากแหลง่ เรยี นรู้อืน่ ๆ เชน่ Website , Youtube , Google Sites , Google Classroom,

Social Media ฯลฯ

๑๒. การวัดผลและประเมินผลการเรียนรู้

รายการวัด วธิ กี ารวัดผล เครอ่ื งมือการวัด เกณฑก์ ารวัดและ
และประเมนิ ประเมนิ ผล

1) หาเซตทเี่ กดิ จากผลการ ๑. ตรวจใบงาน/ ๑. แบบบนั ทกึ ๑. ผลการตรวจผลงาน

ดำเนนิ การของเซตตั้งแต่สองเซต แบบฝกึ หดั ของ การประเมนิ ผลงาน ผา่ นรอ้ ยละ 70

ข้นึ ไปได้ นักเรียน นักเรยี นโดยใชเ้ กณฑ์ ๒. ผลการนำเสนอ

2) เขยี นเซตท่ีเกดิ จากผลการ ๒. ประเมินการ การประเมินแบบรบู ริกส์ ผลงาน

ดำเนินการของเซตตงั้ แตส่ องเซต นำเสนอผลงาน ๒. แบบประเมินการนำเสนอ ผา่ นร้อยละ 70

ข้นึ ไปได้ ๓. สงั เกต ผลงานโดยใชเ้ กณฑ์ ๓. ผลการสังเกต

3) เขยี นแผนภาพแทนเซตที่ พฤติกรรมการ การประเมินแบบรูบริกส์ พฤตกิ รรม

เกิดจากผลการดำเนินการของ ทำงาน ๓. แบบสงั เกตพฤตกิ รรม การทำงานรายบคุ คล

เซตตงั้ แตส่ องเซตขึ้นไปได้ รายบคุ คล การทำงานรายบุคคล ผ่านร้อยละ 70

4) รับผดิ ชอบต่อหน้าท่ีท่ไี ด้รับ ๔. สงั เกต ๔. แบบสังเกตพฤตกิ รรม ๔. ผลการสังเกต

มอบหมาย พฤติกรรมการ การทำงานรายกลมุ่ พฤตกิ รรม

ทำงานรายกลุม่ ๕. แบบประเมนิ คุณลกั ษณะ การทำงานรายกลุ่ม

๕. คณุ ลักษณะ อนั พึงประสงค์ ผา่ นรอ้ ยละ 70

อันพงึ ประสงค์ ๕. ผลการสังเกต

คุณลกั ษณะอันพงึ

ประสงค์

ผา่ นรอ้ ยละ 70

144

๑๓. การบูรณาการการจดั การเรียนรู้

 บรู ณาการกระบวนการคิด

 การคิดวเิ คราะห์  การคดิ เปรยี บเทยี บ  การคดิ สังเคราะห์

 การคิดวิพากษ์  การคิดอย่างมวี จิ ารณญาณ  การคดิ ประยุกต์

 การคิดเชงิ มโนทัศน์  การคิดเชิงกลยทุ ธ์  การคิดแกป้ ญั หา

 การคดิ บรู ณาการ  การคิดสรา้ งสรรค์  การคดิ อนาคต

 บูรณาการอาเซียน

 บูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

 บรู ณาการกับหลักสตู รต้านทจุ ริตศึกษา

 บรู ณาการกับการจัดการเรยี นรู้ STEM EDUCATION

 บรู ณาการกับการจดั การเรยี นรู้ Active Learning

 บรู ณาการกับกรอบสาระการเรียนรู้ท้องถน่ิ

 บูรณาการกบั โครงการการจัดการศึกษาเพือ่ การมีงานทำในศตวรรษที่ ๒๑

 บูรณาการกับกลุ่มสาระการเรยี นรูอ้ ืน่ ๆ

1 กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ได้แก่ …………………………………

2. กล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาตา่ งประเทศ ได้แก่ คำศัพทภ์ าษาอังกฤษที่เกย่ี วข้องในบทเรยี น

3. กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ได้แก่ ……………………………….

4. กลุม่ สาระการเรยี นรู้ศิลปะ ได้แก่ …………………………………

 บรู ณาการในลักษณะอื่นๆ ไดแ้ ก่........................................................

๑๔. กิจกรรมเสนอแนะ

ควรใหน้ กั เรยี นศึกษาหาความรูจ้ ากตำราเรยี น และแหลง่ การเรียนร้อู ื่น ๆ เพม่ิ เตมิ เพ่ือเป็นการ
เพิ่มพนู ทกั ษะการเรียนรู้


Click to View FlipBook Version