รวมเร่อื งเดน่ ประเดน็ เด็ด เกร็ดคดี (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๒) ๑๕๑
กรณีศึกษาท่ี ๒
คดีนี้ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ส่ิงปลูกสร้างของผู้ฟ้องคดีเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวใต้ถุนสูง
ติดทางหลวงด้านขวาทาง หลังคาและห้องโถงถูกเขตทางหลวงบางส่วน ผู้ถูกฟ้องคดีจึงกําหนดราคา
คา่ ทดแทนส่ิงปลูกสรา้ งในส่วนหลงั คาและหอ้ งโถงทถี่ กู เขตทางและเพิม่ ค่ารื้อถอนต่อเนื่องอีก ๑ ช่วงเสา
ผู้ฟ้องคดีได้มีหนังสือขอให้แขวงการทางพะเยาเวนคืนสิ่งปลูกสร้างส่วนท่ีเหลือจากการเวนคืนท้ังหมด
แต่ได้รับการปฏิเสธ จึงนําคดีมาฟ้องต่อศาล ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับกันว่า
โรงเรอื นพพิ าทส่วนทถ่ี กู บงั คบั ใหต้ อ้ งรือ้ ถอนเปน็ หลังคาบางสว่ นและบนั ไดบ้านด้วย ซง่ึ บันไดบา้ นถอื เป็น
ส่วนที่มีความสําคัญต่อความน่าอยู่ของบ้านและมีประเพณีเช่ือถือทิศทางของบันไดบ้านเพื่อความสุข
ของผู้อยู่อาศัย เม่ือพิเคราะห์ตามหนังสือสํานักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดพะเยาท่ีชี้แจงและ
ทาํ ความเหน็ เกยี่ วกบั สถานท่ีปลกู สร้างของผฟู้ อ้ งคดจี ากการเดนิ เผชิญสบื ตามคําสงั่ ศาลปกครองช้ันตน้ วา่
เขตทางได้รุกลํ้าเข้ามาในพ้ืนที่บ้านของผู้ฟ้องคดีเฉพาะส่วนของบันไดหน้าบ้านและชายคาประมาณ
๑ เมตรเศษ ลักษณะการร้ือถอนบ้านไม่สามารถจะรื้อถอนเฉพาะส่วนหลังคาบ้านและบันไดได้
ต้องร้ือระหว่างห้องนอน ๑ มาถึงแนวเสาห้องนอน ๒ กรณีที่ร้ือบางส่วน คือ ส่วนห้องนอนด้านหน้า
มาทาํ การต่อเติมแทนด้านหลงั การตอ่ เตมิ ต้องรอื้ หอ้ งครัวออกกอ่ นท้ังหมด เพราะลักษณะหลังคาบ้าน
ดา้ นหน้าเปน็ หลงั คาจ่วั สว่ นห้องครัวเปน็ หลงั คาลักษณะเพิง ระดับพืน้ ไม่เท่ากัน และจะทําให้ห้องครัว
อยู่กลางบ้านไม่เหมาะสม ต้องก่อสร้างห้องครัวใหม่ท้ังหมด ประกอบกับความเชื่อและจารีตประเพณี
ของท้องถิ่นไมน่ ิยมให้รอ้ื ถอนบ้านบางส่วนหรือต่อเติมบางส่วน หากจะร้ือถอนต้องร้ือถอนทั้งหมดและ
ก่อสรา้ งใหม่ท้ังหลัง ซึ่งผู้แทนโยธาธิการและผังเมืองเป็นบุคคลภายนอกท่ีไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียกับคดี
จากความเห็นดงั กล่าวจะเห็นได้ว่า แม้อาคารบ้านของผู้ฟ้องคดีจะถูกเขตทางหลวงเฉพาะบันไดหน้าบ้าน
และชายคาก็ตาม แต่การรื้อถอนบันไดบ้านและต่อเติมมีผลกระทบต่อประโยชน์การใช้สอย เน่ืองจาก
ตําแหน่งของห้องต้ังอยู่ในสภาพท่ีไม่เหมาะสมต่อการใช้สอย เช่น ห้องครัวต้ังอยู่กลางบ้าน เป็นต้น
กรณีจึงเห็นได้ว่า ความไม่สะดวกหรือความเดือดร้อนรําคาญที่เกิดขึ้นกับเจ้าของเนื่องจากโรงเรือน
ส่ิงปลูกสรา้ งถูกเวนคนื ไปบางสว่ นนั้นมมี ากจนทําให้โรงเรือนหรือส่ิงปลูกสร้างน้ันไม่เหมาะสมที่จะเป็น
ท่ีอยู่อาศัยของเจ้าของอาคารบ้านอย่างปกติสุขอีกต่อไป เมื่อส่วนท่ีเหลือจากการเวนคืนไม่สามารถ
ใช้เป็นท่ีอยู่อาศัยได้โดยปกติเช่นเดิม ผู้ฟ้องคดีจึงมีสิทธิท่ีจะขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ เวนคืนส่วนท่ีเหลือ
ท้งั หมดไดต้ ามมาตรา ๑๙ แหง่ พระราชบัญญตั วิ ่าดว้ ยการเวนคืนอสงั หารมิ ทรพั ย์ พ.ศ. ๒๕๓๐๑๔
ขอ้ สงั เกต
๑) ข้อเท็จจริงท่ีศาลปกครองสูงสุดนํามาประกอบการพิจารณาในคดีน้ี ได้แก่ หนังสือ
สํานักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดพะเยาท่ีชี้แจงและทําความเห็นเก่ียวกับสถานที่ปลูกสร้าง
ของผู้ฟ้องคดีจากการเดินเผชิญสืบตามคําส่ังศาลปกครองชั้นต้น ซึ่งเป็นหน่วยงานท่ีมีความเช่ียวชาญ
๑๔ คําพพิ ากษาศาลปกครองสูงสดุ ท่ี อ.๓๗๐/๒๕๕๒
๑๕๒ รวมเรอื่ งเดน่ ประเด็นเดด็ เกร็ดคดี (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๒)
ในทางวิชาการทางด้านวิศวกรรมโยธาและด้านการก่อสร้างอาคาร๑๕ และเป็นบุคคลภายนอก
ทีไ่ มเ่ ก่ียวกับคดี
๒) เหตุผลสําคัญท่ีศาลปกครองสูงสุดนํามาใช้ในการพิจารณาวินิจฉัย คือ การรื้อถอน
บันไดบ้านและต่อเติมมีผลกระทบต่อประโยชน์การใช้สอย เนื่องจากตําแหน่งของห้องต้ังอยู่ในสภาพ
ที่ไม่เหมาะสมต่อการใช้สอย ทั้งนี้ มีข้อสังเกตเพ่ิมเติมว่า คดีน้ีศาลคงจะคํานึงถึงความเหมาะสม
ของการใช้สอยสิ่งปลูกสร้างส่วนที่เหลือเป็นพิเศษ ตามการให้ความเห็นของสํานักงานโยธาธิการ
และผงั เมืองจังหวัดพะเยาซึง่ เปน็ หน่วยงานท่ไี ม่มีส่วนเก่ียวข้องกบั คดีและเปน็ หน่วยงานในพื้นที่
กรณศี กึ ษาท่ี ๓
คดีน้ีข้อเทจ็ จรงิ ปรากฏว่า สิ่งปลกู สร้างของผู้ฟ้องคดี ซ่ึงเป็นบ้านสองช้ันคร่ึงตึกคร่ึงไม้
ได้รับการประมาณราคาค่าร้ือถอนให้เฉพาะส่วนที่ถูกเขตทางพร้อมส่วนต่อเนื่องเพื่อให้เจ้าของรื้อถอน
ส่ิงปลูกสร้างเฉพาะส่วนที่ถูกเขตทางออกให้พ้นเขตทางหลวง ผู้ฟ้องคดีได้มีหนังสือขอให้แขวงการทาง
พะเยาเวนคืนสิ่งปลูกสร้างส่วนท่ีเหลือจากการเวนคืนท้ังหมด นายช่างแขวงการทางพะเยาซ่ึงเป็น
ผู้ไปตรวจสอบได้มีหนังสือรายงานความเห็นต่อผู้อํานวยการสํานักทางหลวงท่ี ๒ (แพร่) เจ้าหน้าที่
ผู้ได้รับมอบหมายจากอธิบดีกรมทางหลวง (ผู้ถูกฟ้องคดีท่ี ๑) ว่า กรณีเข้าหลักเกณฑ์และเงื่อนไข
ตามมาตรา ๑๙ แหง่ พระราชบัญญตั วิ ่าด้วยการเวนคืนอสงั หาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ แต่ในการพิจารณา
ของคณะกรรมการพิจารณาเวนคืนโรงเรือนหรือส่ิงปลูกสร้างส่วนท่ีเหลืออยู่ซ่ึงใช้การไม่ได้แล้ว
ตามคําสั่งของผู้อํานวยการสํานักทางหลวงท่ี ๒ (แพร่) ที่ คค ๐๖๑๖/สทล.๒.๖/๓๓๖๙ ลงวันท่ี ๕
กรกฎาคม ๒๕๔๗ ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๔๙ เมื่อวันท่ี ๒๖ ตุลาคม ๒๕๔๘ เห็นว่า สิ่งปลูกสร้าง
ส่วนที่เหลือของผู้ฟ้องคดียังสามารถใช้ประโยชน์ได้ ไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๙ แห่งพระราชบัญญัติ
ดังกล่าว และผู้อํานวยการสํานักทางหลวงที่ ๑ (แพร่) พิจารณาแล้วเห็นชอบด้วย ผู้ฟ้องคดีอุทธรณ์
คําส่ังต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒) และต่อมาได้นําคดีมาฟ้องต่อศาล
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า แม้การเวนคืนดังกล่าวจะไม่กระทบต่อโครงสร้างหลักของบ้าน
ของผ้ฟู ้องคดี แต่ในการพจิ ารณาวา่ ส่ิงปลูกสร้างส่วนท่ีเหลือซ่ึงใช้การไม่ได้แล้วหรือไม่นั้น จะต้องพิจารณา
๑๕ หน้าที่และภารกิจของสํานักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัด เป็นตัวแทนของกรมในส่วนภูมิภาค
มีหน้าที่รับผิดชอบในการวางและจัดทําผังต่าง ๆ ตามท่ีกรมโยธาธิการและผังเมืองมอบหมาย หรือตามที่จังหวัด
หรือท้องถิ่น ร้องขอ ดําเนินการประชาสัมพันธ์เผยแพร่กิจกรรมเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ และสร้างสํานึก
ดา้ นการผังเมืองและการโยธาธิการ กาํ กับตดิ ตามสถานภาพระบบบริการพ้ืนฐาน การเปลย่ี นแปลง การใช้ประโยชน์ท่ีดิน
และผลกระทบด้านการผังเมือง ให้คําปรึกษาและแก้ไขปัญหาด้านวิศวกรรม สถาปัตยกรรม โครงข่ายพัฒนาเมือง
ที่เชื่อมโยงกับโครงสร้างพื้นฐาน ให้บริการด้านช่าง ในงานสํารวจ ออกแบบ เขียนแบบ ประมาณราคาและกําหนด
ราคากลาง ตรวจสอบรับรองการใช้แบบแปลนแผนผังในการก่อสร้าง ตรวจสอบความมั่นคง แข็งแรง และประเมิน
ราคาทรัพย์สิน อาคารของทางราชการ ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการคณะกรรมการอุทธรณ์ตามกฎหมายว่าด้วย
การควบคุมอาคาร คณะท่ีปรึกษาผังเมืองรวมตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง คณะกรรมการพิจารณาอนุญาต
โรงมหรสพ รวมทั้งกํากับดูแลการดําเนินการของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายท่ีมีผลกระทบต่อชีวิต
และทรัพย์สินของประชาชนและสาธารณชน. (http://pvnweb1.dpt.go.th/phayao/index.php?option=com_
content&view=article&id=3&Itemid=4)
รวมเร่อื งเด่นประเดน็ เด็ด เกร็ดคดี (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๒) ๑๕๓
จากข้อเท็จจริงต่าง ๆ ท้ังหมดที่เก่ียวข้องโดยไม่จํากัดเฉพาะเรื่องความม่ันคงแข็งแรงของตัวอาคาร
หรือวัตถุประสงค์ในการใช้ประโยชน์อาคารของเจ้าของ แต่จะต้องคํานึงถึงความรู้สึกนึกคิด
ของเจ้าของด้วยว่าความไม่สะดวกหรือความเดือดร้อนรําคาญท่ีเกิดข้ึนกับเจ้าของเน่ืองจากโรงเรือน
หรือสิ่งปลูกสร้างถูกเวนคืนไปบางส่วนนั้นมีมากจนทําให้โรงเรือนหรือส่ิงปลูกสร้างนั้นไม่เหมาะสม
ที่จะใช้เป็นท่ีอยู่อาศัยของเจ้าของซ่ึงอยู่ในฐานะเช่นนั้นหรือไม่ และเมื่อพิจารณาจากภาพถ่ายบ้าน
ของผู้ฟ้องคดีก่อนถูกเวนคืน ปรากฏว่าเป็นบ้านเด่ียวสองช้ันคร่ึงตึกคร่ึงไม้ มีร้ัวรอบขอบชิด
และมีความสูงของบ้านกับถนนระดับเดียวกัน มีระยะห่างระหว่างบ้านกับถนนพอสมควร แต่ภายหลัง
การเวนคืนปรากฏว่าสภาพบ้านของผู้ฟ้องคดีเปล่ียนแปลงไปอย่างมีนัยสําคัญ ดังจะเห็นได้จาก
ภาพถ่ายบ้านของผู้ฟ้องคดีภายหลังการเวนคืน ประกอบกับผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของนายช่าง
แขวงการทางพะเยาท่ไี ดเ้ ดินทางไปตรวจสอบสภาพบ้านของผู้ฟ้องคดีและมีความเห็นเสนอผู้อํานวยการ
สํานักทางหลวงที่ ๒ (แพร่) เจ้าหน้าที่ผู้ได้รับมอบหมายจากผู้ถูกฟ้องคดีท่ี ๑ ว่า ภายหลังการรื้อถอน
ส่วนท่ีถูกเวนคืน เจ้าของต้องดัดแปลงต่อเติมใหม่ทั้งช้ันบนและชั้นล่าง ซ่ึงอาคารจะเหลือส้ันลง
สภาพเสียรูปทรงและใช้สอยประโยชน์ได้ไม่เหมือนเดิม ซึ่งเข้าหลักเกณฑ์และเง่ือนไขตามมาตรา ๑๙
แห่งพระราชบัญญัติเดียวกัน อน่ึง บริเวณบ้านของผู้ฟ้องคดีอยู่ต่ํากว่าถนนประมาณ ๐.๕๐ เมตร
ด้านข้างเป็นถนนสาธารณะและอีกด้านได้ถมดิน เจ้าของได้แจ้งว่าบริเวณนี้เวลาฝนตกน้ําจะไหล
เข้าในตัวบ้าน เห็นควรให้จ่ายเงินท้ังหลัง โดยมีเง่ือนไขให้ร้ือถอนส่ิงปลูกสร้างส่วนท่ีเหลือทั้งหมด
นอกเขตทางให้แล้วเสร็จก่อนจ่ายเงินค่าทดแทน แม้ในการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาเวนคืน
โรงเรอื นหรอื สงิ่ ปลกู สร้างส่วนที่เหลือซึง่ ใชก้ ารไมไ่ ด้แล้ว ตามคําส่ังของผู้อํานวยการสํานักทางหลวงท่ี ๒
(แพร่) ท่ี คค ๐๖๑๖/สทล.๒.๖/๓๓๖๙ ลงวันท่ี ๕ กรกฎาคม ๒๕๔๗ ในการประชุมคร้ังท่ี ๑/๒๕๔๙
เมื่อวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๔๘ ได้พิจารณาโครงสร้างของอาคาร สภาพภูมิประเทศและสิ่งแวดล้อม
และประโยชน์ใช้สอยแล้วจะมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า ส่ิงปลูกสร้างของผู้ฟ้องคดีถูกเขตทางหลวงเฉพาะส่วน
ทเี่ ปน็ หลังคาบ้านดา้ นหนา้ ช้ันบนและหอ้ งนอนด้านหน้าช้ันบนบางสว่ น เจ้าหน้าทีไ่ ด้จ่ายเงนิ ค่ารื้อถอนให้
ในสว่ นทีเ่ ปน็ หลังคาบ้านดา้ นหนา้ ชน้ั บนและห้องนอนด้านหน้าชั้นบน นอกจากน้ัน สํานักทางหลวงที่ ๒
(แพร่) ยังได้จ่ายค่าร้ือถอนเพ่ิมเติมให้ในส่วนที่ไม่ถูกเขตทางซึ่งต่อเน่ืองกับส่วนท่ีถูกเขตทางอีก คือ
โครงสร้างหลังคาบ้านด้านหน้าห้องนอนหน้าบ้านชั้นบนและห้องโถงด้านหน้าชั้นล่าง พร้อมทั้ง
ส่วนประกอบอาคารท่ีต่อจากส่วนท่ีถูกเขตทางหลวงอีก ๑ ช่วงเสา เพื่อให้ผู้ฟ้องคดีสามารถปรับปรุง
แก้ไขดัดแปลงในส่วนที่ถูกเขตทางหลวงให้ใช้ประโยชน์ได้ดีดังเดิม ดังนั้น สิ่งปลูกสร้างส่วนท่ีเหลือ
ของผู้ฟ้องคดียังสามารถใช้ประโยชน์ได้ไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๙ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วย
การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ และผู้อํานวยการสํานักทางหลวงท่ี ๑ (แพร่) พิจารณาแล้ว
เห็นชอบด้วย แต่การพิจารณาดังกล่าวก็เป็นการพิจารณาเฉพาะหลักเกณฑ์เกี่ยวกับความมั่นคง
แข็งแรงของตัวอาคารบ้านของผู้ฟ้องคดีและการใช้ประโยชน์ในตัวอาคารเท่านั้น โดยไม่ได้พิจารณา
ถึงความไม่สะดวกและความเดือดร้อนรําคาญท่ีเกิดขึ้นกับผู้ฟ้องคดีประกอบด้วย เมื่อข้อเท็จจริง
ปรากฏว่าบ้านของผู้ฟ้องคดีภายหลงั จากการเวนคืนจะเหลอื สัน้ ลง บรเิ วณบ้านของผฟู้ อ้ งคดีอยู่ตํ่ากว่าถนน
ประมาณ ๐.๕๐ เมตร เวลาฝนตกนํ้าจะไหลเข้าในตัวบ้าน และบริเวณถนนกับบ้านผู้ฟ้องคดีมีระยะ
๑๕๔ รวมเร่อื งเดน่ ประเดน็ เด็ด เกร็ดคดี (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๒)
ใกล้กันมากข้ึน จากสภาพบ้านของผู้ฟ้องคดีดังกล่าวย่อมจะเกิดความไม่สะดวกหรือความเดือดร้อน
รําคาญกับผู้ฟ้องคดี และย่อมไม่เหมาะสมที่จะใช้สําหรับเป็นที่อยู่อาศัยได้อย่างปกติสุขอีกต่อไป
บ้านของผู้ฟ้องคดีส่วนท่ีเหลือจากการเวนคืนจึงไม่สามารถใช้เป็นท่ีอยู่อาศัยได้อย่างปกติเช่นเดิม
ประกอบกับคณะกรรมการปรองดองได้กําหนดเงินค่าทดแทนสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินที่อยู่ห่างจากบ้าน
ของผู้ฟ้องคดีประมาณ ๕๐ เมตร ซึ่งเป็นบ้านสองช้ันคร่ึงตึกครึ่งไม้ และถูกเวนคืนบริเวณหลังคา
ดา้ นหนา้ ชั้นบนและหอ้ งนอนดา้ นหน้าเช่นเดียวกับบ้านของผู้ฟ้องคดี แตกต่างกันเพียงบ้านหลังดังกล่าว
ถูกเขตทางหลวงบริเวณ Sight Distance ส่วนบ้านของผู้ฟ้องคดีถูกเขตทางหลวงในทางตรงเท่าน้ัน
แต่ผู้ถูกฟ้องคดีท่ี ๑ กลับกําหนดเงินค่าทดแทนสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวทั้งหลัง ส่วนเงินค่าทดแทน
สง่ิ ปลูกสร้างของผฟู้ ้องคดกี ําหนดให้เพียงบางส่วน กรณีจึงเป็นการเลือกปฏิบัติต่อบุคคลที่มีข้อเท็จจริง
อย่างเดียวกันแตกต่างกันโดยไม่เป็นธรรม ดังน้ัน การท่ีผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ กําหนดเงินค่าทดแทน
สิ่งปลูกสร้างใหแ้ กผ่ ู้ฟ้องคดีเพยี งบางส่วน จึงเป็นการกําหนดเงินค่าทดแทนส่ิงปลูกสร้างที่ถูกเขตทางหลวง
ให้แกผ่ ฟู้ ้องคดีโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมายและไมเ่ ปน็ ธรรมแก่ผู้ฟอ้ งคดี๑๖
ข้อสังเกต
๑) ข้อเท็จจริงที่ศาลปกครองสูงสุดนํามาประกอบการพิจารณาในคดีนี้ ได้แก่
ภาพถ่ายบ้านของผู้ฟ้องคดีภายหลังการเวนคืน ประกอบกับผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของนายช่าง
แขวงการทางพะเยาท่ไี ดเ้ ดนิ ทางไปตรวจสอบสภาพบา้ นของผ้ฟู ้องคดี
๒) เหตุผลสําคัญท่ีศาลปกครองสูงสุดนํามาใช้ในการพิจารณาวินิจฉัย คือ คดีน้ี
ศาลวางหลักว่า ในการพิจารณาว่าสิ่งปลูกสร้างส่วนท่ีเหลือซึ่งใช้การไม่ได้แล้วหรือไม่น้ัน นอกจาก
ข้อพิจารณาเรื่องความมั่นคงแข็งแรงของตัวอาคารหรือวัตถุประสงค์ในการใช้ประโยชน์อาคาร
ของเจ้าของแล้ว จะต้องคํานึงถึงความรู้สึกนึกคิดของเจ้าของด้วยว่าความไม่สะดวกหรือความเดือดร้อน
ราํ คาญทเ่ี กดิ ข้นึ กับเจา้ ของเน่ืองจากโรงเรือนหรอื สิง่ ปลูกสร้างถูกเวนคืนไปบางส่วนน้ัน มีมากจนทําให้
โรงเรือนหรือส่ิงปลูกสร้างน้ันไม่เหมาะสมท่ีจะใช้เป็นท่ีอยู่อาศัยของเจ้าของซึ่งอยู่ในฐานะเช่นนั้น
หรือไม่ด้วย ซึ่งตามคดีน้ี ศาลฟังว่าในการพิจารณาของเจ้าหน้าที่เวนคืนท่ีมีคําส่ังปฏิเสธคําขอ
ของผู้ฟ้องคดีนั้น เป็นการพิจารณาเฉพาะหลักเกณฑ์เก่ียวกับความมั่นคงแข็งแรงของตัวอาคาร
บ้านของผู้ฟ้องคดีและการใช้ประโยชน์ในตัวอาคารเท่าน้ัน โดยไม่ได้พิจารณาถึงความไม่สะดวก
และความเดือดร้อนรําคาญทเี่ กิดขึ้นกับผู้ฟ้องคดีประกอบด้วย นอกจากน้ี ศาลยังเห็นว่าการพิจารณา
ดังกล่าวของเจ้าหน้าที่เวนคืนมีลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติต่อบุคคลท่ีมีข้อเท็จจริงอย่างเดียวกัน
แตกตา่ งกนั โดยไม่เปน็ ธรรมอีกดว้ ย
บทสรุป
จากการศึกษาแนวคําวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดที่มีข้อวินิจฉัยในประเด็น
คําขอให้มีการเวนคืนโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างส่วนที่เหลือจากการเวนคืนเพิ่มเติมจะเห็นได้ว่า
ศาลปกครองสูงสุดมีแนวทางการพจิ ารณาในเร่ืองน้ี ดงั นี้
๑๖ คําพพิ ากษาศาลปกครองสูงสดุ ที่ อ.๕๒๔/๒๕๕๖
รวมเรอ่ื งเดน่ ประเดน็ เด็ด เกร็ดคดี (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๒) ๑๕๕
๑) เมอื่ รอ้ื ถอนอาคารส่วนที่ถูกเวนคืนแล้ว จะกระทบโครงสร้างของอาคารส่วนที่เหลือ
หรือไม่ ซ่ึงเป็นเกณฑ์การพิจารณาเกี่ยวกับความม่ันคงแข็งแรงของตัวอาคาร หากกระทบ กรณีย่อมถือได้ว่า
เข้าเงื่อนไขท่ีพึงต้องเวนคืนส่วนที่เหลือนั้นตามนัยมาตรา ๑๙ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืน
อสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐
๒) เม่ือร้ือถอนอาคารส่วนท่ีถูกเวนคืนแล้ว อาคารส่วนที่เหลือไม่สามารถใช้ประโยชน์
ได้ดังเดิมหรือไม่ หากไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้ดังเดิม กรณีถือได้ว่าเข้าเง่ือนไขที่พึงต้องเวนคืน
ส่วนท่เี หลือน้ันตามนัยมาตรา ๑๙ แหง่ พระราชบัญญตั ิวา่ ด้วยการเวนคนื อสงั หาริมทรพั ย์ พ.ศ. ๒๕๓๐
ซ่งึ คาํ ว่า “ไม่สามารถใชป้ ระโยชนไ์ ด้ดงั เดมิ ” นี้ เม่ือพจิ ารณาแนวคําวินจิ ฉัยของศาลปกครองสูงสุดที่นํามา
เป็นกรณีศึกษาแลว้ ผ้เู รยี บเรียงเข้าใจว่า น่าจะหมายถึงภาพรวมของการใช้ประโยชน์ส่ิงปลูกสร้างนั้น ๆ
เช่น เดิมสิ่งปลูกสร้างใช้ประโยชน์เป็นบ้านพักอาศัย โรงงาน หรือเล้าไก่ หากภายหลังถูกเวนคืน
ส่ิงปลูกสร้างส่วนที่เหลือไม่มีความเหมาะสมที่จะใช้ประโยชน์เป็นบ้านพักอาศัย โรงงาน หรือเล้าไก่
แล้วแต่กรณี ได้อีกต่อไป เช่นนี้แนวโน้มของศาลปกครองสูงสุดน่าจะเห็นว่า เป็นกรณีท่ีเข้าเงื่อนไข
ที่พึงต้องเวนคืนส่วนที่เหลือ ซึ่งผู้เรียบเรียงเห็นว่า กรณีมีความสมเหตุสมผล เพราะหากภายหลัง
จากถูกเวนคืนแล้ว ส่ิงปลูกสร้างส่วนที่เหลือไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้ดังเดิม แต่อาจใช้ประโยชน์
อย่างอื่นได้ โดยต้องปรับปรุงเพ่ือใช้ประโยชน์อย่างอื่น กรณีก็เห็นว่าน่าจะเป็นภาระแก่เจ้าของ
เกินสมควร ดังน้ัน การวินิจฉัยแนวทางนี้ของศาลปกครองสูงสุดจึงเห็นได้ว่าเป็นการวินิจฉัย
โดยคํานึงถงึ ความเป็นธรรมแกเ่ จ้าของโรงเรอื นหรอื สิง่ ปลกู สรา้ งที่ถกู เวนคนื
๓) จะต้องคํานึงถึงความรู้สึกนึกคิดของเจ้าของด้วยว่าความไม่สะดวกหรือ
ความเดอื ดรอ้ นราํ คาญที่เกดิ ข้นึ กบั เจ้าของเนือ่ งจากโรงเรอื นหรอื สิง่ ปลูกสร้างถูกเวนคืนไปบางส่วนนั้น
มีมากจนทาํ ใหโ้ รงเรอื นหรอื ส่ิงปลกู สร้างนั้นไม่เหมาะสมท่ีจะใช้เป็นท่ีอยู่อาศัยของเจ้าของซ่ึงอยู่ในฐานะ
เช่นน้ันหรือไม่ หากมีมากจนทําให้โรงเรือนหรือส่ิงปลูกสร้างน้ันไม่เหมาะสมที่จะเป็นท่ีอยู่อาศัย
อย่างปกติสุขอีกต่อไป ก็อาจถือได้ว่าเข้าหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๙ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วย
การเวนคนื อสังหารมิ ทรพั ย์ พ.ศ. ๒๕๓๐
๔) จะตอ้ งพิจารณาหลกั เกณฑต์ ่าง ๆ ท่หี นว่ ยงานทเี่ ก่ียวขอ้ งไดก้ ําหนดขนึ้ เพมิ่ เตมิ ด้วย
อน่ึง ในการฟังข้อเท็จจริงให้ได้ข้อยุติว่า กรณีเข้าหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๙
แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ที่จะต้องเวนคืนโรงเรือน
หรือสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดตามคําขอหรือไม่น้ัน ในกรณีที่ความเห็นของเจ้าหน้าที่ชั้นต้นเห็นควร
ให้เวนคืนเพ่ิม แต่เจ้าหน้าท่ีเวนคืนมีความเห็นต่าง มีแนวโน้มท่ีศาลปกครองสูงสุดจะรับฟังข้อเท็จจริง
และความเห็นของเจ้าหน้าที่ชั้นต้นท่ีเป็นช่างหรือผู้เช่ียวชาญท่ีได้ดําเนินการสํารวจและตรวจสอบสภาพ
ของอาคารพิพาทด้วยตนเองตามสภาพที่เป็นอยู่จริง รวมไปถึงพยานผู้เช่ียวชาญในทางวิชาการ
ทางด้านวิศวกรรมโยธาและด้านการก่อสร้างอาคารที่เป็นบุคคลภายนอกไม่เกี่ยวกับคดีเป็นสําคัญ
ซง่ึ เหน็ ไดว้ ่าเป็นแนวทางท่ีมีความเหมาะสมแลว้ เน่ืองจากข้อเท็จจริงทีไ่ ด้จากบุคคลท่ีมีความเชี่ยวชาญ
ซ่ึงไม่มีส่วนได้เสียในคดยี ่อมเปน็ ขอ้ เท็จจรงิ ทน่ี ่าเชื่อถอื และเป็นท่ียอมรับ
๑๕๖ รวมเร่ืองเดน่ ประเดน็ เด็ด เกร็ดคดี (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๒)
เร่ืองท่ี ๑๐ ข้อสังเกตเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์
พ.ศ. ๒๕๖๒
เมื่อวันท่ี ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ได้มีการประกาศใช้บังคับพระราชบัญญัติว่าด้วย
การเวนคืนและการได้มาซ่ึงอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๖๒ ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๗๑ ก
โดยมาตรา ๒ แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวบัญญัติให้มีผลใช้บังคับต้ังแต่วันถัดจากวันประกาศ
ในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป และตามมาตรา ๓ บัญญัติให้ยกเลิกพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืน
อสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ และประกาศคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ฉบับที่ ๔๔
เร่อื ง การแกไ้ ขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ลงวันท่ี ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๓๔
ดังนั้น นับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป พระราชบัญญัติฉบับน้ีจึงถือเป็น
กฎหมายกลางเกี่ยวกบั การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ อย่างไรก็ดี พระราชบัญญัติฉบับน้ีมีบทเฉพาะกาล
กําหนดให้พระราชกฤษฎีกากําหนดเขตท่ีดินและประกาศสํานักนายกรัฐมนตรีที่ออกโดยอาศัยอํานาจ
ตามพระราชบญั ญัตวิ า่ ด้วยการเวนคืนอสังหารมิ ทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ และยังมีผลใช้บังคับอยู่ในวันก่อน
วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้คงใช้บังคับได้ตามระยะเวลาการบังคับใช้ของพระราชกฤษฎีกานั้น
และการดําเนินการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวที่ได้ดําเนินการไปแล้วก่อนวันท่ี
พระราชบัญญัติน้ีใช้บังคับ ให้เป็นอันใช้ได้ ส่วนการดําเนินการต่อไปให้ดําเนินการตามพระราชบัญญัตินี้
นอกจากนี้ ยังกําหนดให้บรรดาระเบียบท่ีออกตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
พ.ศ. ๒๕๓๐ ท่ีใช้บังคับอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ยังคงใช้บังคับได้ต่อไปเพียงเท่าที่
ไม่ขัดหรือแย้งกับพระราชบัญญัตินี้จนกว่าจะมีกฎกระทรวงตามพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ท้ังนี้
ตามมาตรา ๖๕ และมาตรา ๖๖ ด้วยเหตุน้ี การเวนคืนท่ีได้ดําเนินการตามพระราชบัญญัติว่าด้วย
การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ จึงยังคงมีผลใช้บังคับได้ต่อเน่ืองมาจนถึงปัจจุบัน เพียงแต่
การดําเนินการภายหลังจากท่ีพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์
พ.ศ. ๒๕๖๒ มผี ลใช้บงั คบั ตอ้ งดาํ เนินการตามกฎหมายใหม่น้ี
ทั้งน้ี เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนและการได้มา
ซ่งึ อสงั หารมิ ทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๖๒ สืบเนื่องมาจากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้การเวนคืน
อสังหาริมทรัพย์ให้กระทําเพียงเท่าที่จําเป็นต้องใช้เพื่อการอันเป็นสาธารณูปโภค การป้องกันประเทศ
การได้มาซึ่งทรัพยากรธรรมชาติ หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะอย่างอ่ืน รวมตลอดท้ังเพื่อนําอสังหาริมทรัพย์
ท่ีเวนคืนไปชดเชยให้เกิดความเป็นธรรมแก่เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ที่ถูกเวนคืน ในกรณีที่หน่วยงาน
ทเ่ี วนคืนไมใ่ ชอ้ สังหาริมทรพั ย์ตามวัตถุประสงค์ท่ีเวนคืนภายในกําหนดระยะเวลาหรือมีท่ีดินเหลือจาก
การใช้ประโยชน์ หากเจา้ ของเดิมหรอื ทายาทประสงคจ์ ะได้คนื ต้องคนื ใหแ้ ก่บคุ คลดงั กล่าว โดยระยะเวลา
วิริยะ วัฒนสุชาติ ผู้เรียบเรียง โดยเผยแพร่ในประเด็นเด็ด เกร็ดคดี ๒๕๖๒ ประจําวันท่ี ๕ กรกฎาคม
๒๕๖๒
รวมเร่อื งเด่นประเด็นเดด็ เกร็ดคดี (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๒) ๑๕๗
การขอคนื การคืน และการเรียกคืนคา่ ทดแทนใหเ้ ป็นไปตามทีก่ ฎหมายบัญญัติ ซง่ึ พระราชบัญญัติว่าดว้ ย
การเวนคนื อสงั หาริมทรพั ย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ยงั มบี ทบญั ญตั ิไมค่ รบถว้ น จงึ จําเปน็ ต้องตราพระราชบญั ญัตนิ ี้
สาระสําคัญของพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซ่ึงอสังหาริมทรัพย์
พ.ศ. ๒๕๖๒ แบ่งเปน็ หมวด ส่วน ตา่ ง ๆ ดงั นี้
หมวด ๑ การได้มาซงึ่ อสงั หารมิ ทรพั ยโ์ ดยการเวนคนื (มาตรา ๗ ถึงมาตรา ๕๐)
ส่วนที่ ๑ การตราพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตท่ดี นิ ทจ่ี ะเวนคนื (มาตรา ๗ ถึงมาตรา ๑๘)
สว่ นท่ี ๒ การกําหนดราคาอสังหารมิ ทรพั ย์เบือ้ งต้น (มาตรา ๑๙ ถงึ มาตรา ๒๔)
ส่วนท่ี ๓ การเจรจาตกลงซ้อื ขายและการเวนคืน (มาตรา ๒๕ ถงึ มาตรา ๓๖)
สว่ นที่ ๔ เงินค่าทดแทน (มาตรา ๓๗ ถึงมาตรา ๔๘)
สว่ นท่ี ๕ การอทุ ธรณ์ (มาตรา ๔๙ ถึงมาตรา ๕๐)
หมวด ๒ การใช้ประโยชนใ์ นท่ีดนิ ที่ได้จากการเวนคืน (มาตรา ๕๑)
หมวด ๓ การคืนอสงั หารมิ ทรพั ย์ให้เจ้าของเดมิ หรือทายาท (มาตรา ๕๒ ถงึ มาตรา ๕๗)
หมวด ๔ การไดม้ าซง่ึ อสังหาริมทรพั ย์โดยวธิ กี ารซ้อื ขาย (มาตรา ๕๘ ถงึ มาตรา ๖๑)
หมวด ๕ การจดทะเบียนสทิ ธิและนิตกิ รรม (มาตรา ๖๒ ถึงมาตรา ๖๓)
หมวด ๖ บทกําหนดโทษ (มาตรา ๖๔)
บทเฉพาะกาล (มาตรา ๖๕ ถงึ มาตรา ๖๘)
โดยท่ีจากการศึกษาพบว่า พระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนและการได้มา
ซ่ึงอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๖๒ มีสาระสําคัญหลายประการเปล่ียนไปจากเดิมค่อนข้างมาก
เช่น บางเรื่องเป็นการกําหนดหลักการขึ้นใหม่ บางเร่ืองเป็นเรื่องท่ีเคยกําหนดในพระราชบัญญัติ
ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ แต่มีการกําหนดรายละเอียดเพ่ิมเติมในกฎหมายใหม่
ให้มีความชัดเจนยิ่งข้ึน ให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเวนคืนมากข้ึน ซ่ึงกฎหมายเดิม
ครอบคลุมไม่ถึง นอกจากน้ี ยังกําหนดกรอบเวลาการดําเนินงานของเจ้าหน้าท่ีท่ีเกี่ยวข้องกับการเวนคืน
ซึ่งหากเจ้าหน้าทีด่ ําเนนิ การล่าช้า ผมู้ สี ิทธิได้รับเงินค่าทดแทนมีสิทธิได้รับดอกเบี้ยเพ่ิมเติมจากความล่าช้า
ดังกล่าว ซึ่งกรณีเช่นนี้ กฎหมายยังกําหนดให้เจ้าหน้าท่ีท่ีเก่ียวข้องอาจต้องรับผิดตามกฎหมายว่าด้วย
ความรบั ผดิ ทางละเมิดของเจา้ หนา้ ท่ดี ้วย เป็นต้น และเนื่องจากคดีพิพาทเกี่ยวกับการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
เป็นคดีพิพาทท่ีมีการฟ้องต่อศาลปกครองจํานวนมาก ผู้เขียนจึงได้เร่งศึกษาพระราชบัญญัติว่าด้วย
การเวนคืนและการได้มาซ่ึงอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๖๒ และจัดทําเอกสารฉบับนี้ข้ึน โดยเน้นสรุป
เฉพาะส่วนที่เป็นสาระสําคัญท่ีน่าสนใจและน่าจะเก่ียวข้องกับการพิจารณาคดีของศาลปกครอง ทั้งนี้
สําหรับเร่ืองใดท่ีสามารถรวมอยู่ในหัวข้อเดียวกันได้ เพ่ือความสะดวกในการพิจารณา ผู้เขียนจะกล่าวถึง
รวมไปในคราวเดยี วกัน และโดยท่กี ฎหมายฉบบั นเ้ี ป็นกฎหมายใหม่ เพอื่ ความสะดวกของผอู้ ่าน ผู้เขียน
จงึ จะนําตัวบทกฎหมายมาลงไว้ในตอนต้นของหัวข้อ ก่อนที่จะอธิบายประกอบข้อสังเกตของผู้เขียน (หากมี)
ในการนี้ ผูเ้ ขียนหวงั วา่ เอกสารฉบบั น้ีจะเป็นประโยชนใ์ นการสนบั สนุนการพจิ ารณาคดขี องศาลตามสมควร
๑๕๘ รวมเร่ืองเด่นประเดน็ เด็ด เกร็ดคดี (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๒)
แตโ่ ดยท่เี อกสารฉบบั นผี้ ู้เขียนได้เร่งเรยี บเรียงข้ึน จึงอาจจะมีความบกพร่องไม่สมบูรณ์ครบถ้วนไม่มากก็น้อย
ซงึ่ จะได้หาโอกาสแก้ไขปรบั ปรุงให้สมบูรณ์ในโอกาสต่อไป
รายงานการศกึ ษาฉบบั นี้ แบง่ เปน็ หวั ขอ้ ตา่ ง ๆ ดังนี้
๑. นยิ ามศพั ท์
๒. การแจง้ ยื่น หรอื ส่งหนงั สอื หรอื เอกสารใหบ้ ุคคลใด
๓. ผูร้ กั ษาการตามพระราชบญั ญัติและกฎหมายลาํ ดับรองทต่ี ้องออกตามพระราชบัญญตั นิ ี้
๔. การไดม้ าซึง่ อสังหาริมทรพั ย์โดยการเวนคืน
๔.๑ การตราพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตทดี่ นิ ท่ีจะเวนคืน
๔.๒ ประกาศการเขา้ ครอบครองและใชอ้ สังหารมิ ทรพั ยก์ อ่ นการเวนคืน
๔.๓ ผลในทางกฎหมายของพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
เกีย่ วกับที่ดนิ ท่ีมสี ถานะพเิ ศษ
๔.๔ การตราพระราชบัญญตั เิ วนคนื อสงั หารมิ ทรพั ย์
๔.๕ กระบวนการเวนคนื โดยสรปุ
๔.๖ แนวทางในการกาํ หนดราคาอสงั หารมิ ทรพั ยเ์ บือ้ งต้น
๔.๗ สิทธิของผู้ท่ียินยอมตกลงซื้อขายอสังหาริมทรัพย์กรณีเจ้าหน้าท่ีดําเนินการ
เจรจาตกลงซื้อขายทด่ี ินท่อี ยใู่ นเขตที่ท่จี ะเวนคนื ตามพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตทีด่ ินทีจ่ ะเวนคนื
๔.๘ การขอให้เวนคืนโรงเรือน ส่ิงปลูกสร้าง หรืออสังหาริมทรัพย์อื่นส่วนที่เหลือ
จากการเวนคืน หรือขอให้ซ้ือโรงเรือน ส่ิงปลูกสร้าง หรืออสังหาริมทรัพย์อ่ืนท่ีไม่อาจใช้ประโยชน์ได้
หรือไม่อาจใช้ประโยชน์ได้ตามวัตถุประสงค์ที่ใช้อยู่เดิม หรืออาจเกิดอันตรายในการอยู่อาศัย
หรอื ใช้ประโยชน์ อันสบื เน่ืองมาจากผลจากการเวนคืน
๔.๙ การขอให้ซือ้ ที่ดินสว่ นท่ีเหลอื จากการเวนคืน
๔.๑๐ การเวนคืนท่ีดินเพ่ิมเติมเพื่อนําไปชดเชยที่ดินของเจ้าดินที่ถูกเวนคืน
ไม่มที ี่ดินเหลืออยู่หรือมีเหลอื อย่ไู ม่เพียงพอทจี่ ะใช้เปน็ ท่ีอยอู่ าศัยหรอื ประกอบการทาํ มาหาเลย้ี งชพี ได้
๔.๑๑ ประเภทหรอื ความหมายของคา่ ทดแทน
๔.๑๒ หลกั เกณฑ์การกาํ หนดเงนิ ค่าทดแทนสาํ หรับการเวนคืน
๔.๑๓ การรื้อถอนหรือย้ายโรงเรือน ส่ิงปลูกสร้าง หรืออสังหาริมทรัพย์อ่ืน
ออกไปจากทดี่ นิ ทีเ่ วนคืน
๔.๑๔ ผูม้ สี ิทธไิ ดร้ ับเงินค่าทดแทนการเวนคนื
๔.๑๕ การจ่ายค่าทดแทนกรณีท่ีมีการเช่าท่ีดินหรืออสังหาริมทรัพย์ท่ีตั้งอยู่บนท่ีดิน
ที่เวนคนื
๔.๑๖ การจ่ายค่าทดแทนกรณีที่มีการจํานอง บุริมสิทธิ หรือทรัพยสิทธิอย่างอื่น
เหนอื อสังหารมิ ทรัพย์ทีต่ อ้ งเวนคืน
รวมเร่ืองเดน่ ประเดน็ เดด็ เกร็ดคดี (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๒) ๑๕๙
๔.๑๗ การเก็บรักษาทรัพย์สินจากการร้ือถอนโรงเรือน สิ่งปลูกสร้าง หรือ
อสังหาริมทรพั ยอ์ ่ืนตามมาตรา ๓๙
๔.๑๘ การแจ้งให้ไปรับเงินค่าทดแทนการเวนคืนและกรอบระยะเวลาในการจ่าย
หรอื วางเงินคา่ ทดแทน
๔.๑๙ วิธกี ารวางเงินค่าทดแทนการเวนคนื
๔.๒๐ สทิ ธกิ ารไดร้ บั ดอกเบ้ยี กรณีพนกั งานเจ้าหน้าทจ่ี ่ายเงินหรอื วางเงินค่าทดแทน
การเวนคนื ลา่ ชา้ กวา่ ระยะเวลาทก่ี ฎหมายกาํ หนด
๔.๒๑ การตกเปน็ ของแผน่ ดินของเงนิ ค่าทดแทนทวี่ างไว้
๔.๒๒ การอุทธรณ์เงนิ คา่ ทดแทน
๔.๒๓ การฟอ้ งคดขี อเพม่ิ เงนิ คา่ ทดแทน
๔.๒๔ ดอกเบ้ียเงนิ ค่าทดแทน
๕. การใชป้ ระโยชน์ในที่ดินทีไ่ ดจ้ ากการเวนคนื
๖. การคืนอสังหาริมทรพั ยใ์ ห้แก่เจา้ ของหรือทายาท
๗. การได้มาซ่งึ อสังหารมิ ทรพั ยโ์ ดยวิธีการซอ้ื ขาย
๘. การจดทะเบียนสิทธแิ ละนิติกรรม
๙. สิทธขิ องผคู้ รอบครองอสงั หาริมทรัพยใ์ นทีด่ นิ ท่ีไม่มหี นงั สือแสดงสิทธิในท่ีดิน
๑๐. บทกําหนดโทษทางปกครองแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ที่ไม่สามารถดําเนินการ
ตามกําหนดระยะเวลาได้
๑. นิยามศพั ท์
บทกฎหมายทเี่ กยี่ วข้อง ได้แก่ มาตรา ๔๑
มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตนิ ี้
“เวนคืน” หมายความวา่ การให้ได้มาซ่ึงที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์อย่างอ่ืนท่ีมิใช่ของรัฐ
ตามเง่ือนไขที่กําหนดในพระราชบัญญัติน้ี แต่ไม่รวมถึงการให้ได้มาโดยวิธีการซ้ือขายตามมาตรา ๓๓
วรรคสอง มาตรา ๓๔ มาตรา ๓๕ และหมวด ๔ การได้มาซึ่งอสังหารมิ ทรพั ยโ์ ดยวธิ ีการซ้อื ขาย
“อสังหาริมทรัพย์” หมายความว่า ที่ดิน โรงเรือน ส่ิงปลูกสร้าง ไม้ยืนต้น หรือ
ทรัพย์อยา่ งอื่นอนั ติดอย่กู บั ทีด่ ินทีม่ ีลกั ษณะเปน็ การถาวรหรอื ประกอบเป็นอันเดยี วกบั ทด่ี ินนั้น
๑ ข้อบทบัญญัติมาตราต่าง ๆ ท่ีกล่าวถึงในเอกสารฉบับน้ี หากไม่ได้ระบุว่าเป็นกฎหมายฉบับใดเป็นเฉพาะ
ให้หมายถึงเป็นบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซ่ึงอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๖๒
นอกจากน้ี คําว่า “กฎหมายใหม่” ท่ีกล่าวถึงในเอกสารฉบับน้ี ให้หมายถึงพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืน
และการไดม้ าซึง่ อสงั หารมิ ทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๖๒
๑๖๐ รวมเรอ่ื งเดน่ ประเดน็ เดด็ เกร็ดคดี (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๒)
“เจ้าหน้าท่ี” หมายความว่า กระทรวง ทบวง กรม องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน
รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่นของรัฐ หรือบุคคลอ่ืนใดผู้กระทําการเพื่อประโยชน์ของรัฐ ซ่ึงมีหน้าที่และ
อาํ นาจในการเวนคืน หรอื ควบคุมการเวนคืน
“พนักงานเจ้าหน้าท่ี” หมายความว่า เจ้าหน้าท่ีและบุคคลซึ่งเจ้าหน้าที่แต่งตั้งให้
ดําเนินการตามพระราชบญั ญัตนิ ี้
“เจ้าของ” หมายความว่า เจ้าของหรือผู้ครอบครองซ่ึงอสังหาริมทรัพย์โดยชอบ
ด้วยกฎหมาย
“ผู้บริหารท้องถ่ิน” หมายความว่า นายกเทศมนตรี นายกองค์การบริหารส่วนตําบล
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายกเมืองพัทยา หรือผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอ่ืนที่มีกฎหมาย
จดั ตัง้ ข้ึน แลว้ แตก่ รณี
“รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชกฤษฎีกาท่ีออกตาม
มาตรา ๘ หรือพระราชบญั ญัตทิ ่อี อกตามมาตรา ๒๘ หรอื มาตรา ๓๐
มาตรา ๔ เป็นการกําหนดนิยามศัพท์ โดยคงคําว่า “เวนคืน” และ “เจ้าหน้าที่”
ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ไว้ แต่มีการแก้ไขเพ่ิมเติมนิยาม
ความหมาย และตัดนิยามของคําว่า “สภาท้องถ่ิน” ออกไป ด้วยเหตุผลว่ากฎหมายใหม่ไม่มีบทบัญญัติใด
กล่าวอ้างถึงสภาท้องถิ่น๒ นอกจากนี้ กฎหมายใหม่ยังได้บัญญัตินิยามของคําศัพท์ใหม่เพิ่มเติม ได้แก่
คาํ วา่ “อสงั หารมิ ทรพั ย์” “พนักงานเจ้าหนา้ ท”่ี “เจ้าของ” “ผูบ้ ริหารท้องถน่ิ ” และ “รฐั มนตร”ี
ข้อสงั เกต
(๑) ในสว่ นของบทนยิ ามศัพท์น้ี ส่ิงท่ีต้องคํานึงถึงเป็นพิเศษ คือ คําว่า “เจ้าของ”
ซ่ึงในกฎหมายน้ีให้หมายถึง “เจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย” ซ่ึงในมาตราอื่น ๆ
จะไม่กล่าวถึงคําว่า “ผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย” เน่ืองจากบทนิยามศัพท์ให้ความหมาย
รวมไว้ในคําว่า “เจ้าของ” แล้ว ซ่ึงจะแตกต่างจากในพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
พ.ศ. ๒๕๓๐ ท่ีไม่มีนิยามของคําว่า “เจ้าของ” และในบทมาตราอื่น ๆ จะระบุคําว่า “ผู้ครอบครองโดยชอบ
ด้วยกฎหมาย” แยกตา่ งหากจากคาํ วา่ “เจ้าของ”
(๒) สืบเนื่องจากนิยามคําว่า “เวนคืน” ที่บัญญัติในตอนท้ายว่า ไม่รวมถึงการให้ได้มา
โดยวิธีการซื้อขายตามมาตรา ๓๓ วรรคสอง มาตรา ๓๔ มาตรา ๓๕ และหมวด ๔ การได้มา
ซ่ึงอสังหาริมทรัพย์โดยวิธีการซื้อขาย ซ่ึงผู้เขียนตรวจอ่านบทบัญญัติดังกล่าวแล้วพบว่า วิธีการซ้ือขาย
ตามมาตรา ๓๓ วรรคสอง คอื การซอื้ โรงเรือน สิ่งปลูกสร้าง หรืออสังหาริมทรัพย์อย่างอื่นที่เจ้าของที่ดิน
ท่ีมิได้ถูกเวนคืนขอให้จัดซ้ือ ส่วนกรณีตามมาตรา ๓๔ คือ การซื้อที่ดินส่วนที่เหลือจากการเวนคืน
ท่ีเนื้อท่ีเหลือน้อยกว่า ๒๕ ตารางวา หรือท่ีดินที่เหลืออยู่ด้านใดด้านหนึ่งมีความยาวน้อยกว่า ๕ วา
๒ การดําเนินการตามมาตรา ๗๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หัวข้อ ประเด็นที่มีการรับฟัง
ความคิดเห็นและคําชี้แจงรายประเด็น เอกสารประกอบการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนและการได้มา
ซ่ึงอสงั หารมิ ทรัพย์ พ.ศ. .... (คณะรฐั มนตรี เปน็ ผเู้ สนอ), หนา้ ๓.
รวมเรอื่ งเดน่ ประเด็นเดด็ เกร็ดคดี (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๒) ๑๖๑
ตามคําร้องขอของเจ้าของ รวมถึงโรงเรือนหรือส่ิงปลูกสร้างอย่างอ่ืน และไม้ยืนต้นในท่ีดินดังกล่าว
แต่กรณีตามมาตรา ๓๕ ผู้เขียนไม่พบว่าเป็นเร่ืองการซื้อขาย หากแต่เนื้อหาตามตัวบทเป็นเรื่อง
ของการเวนคืนท่ีดินเพ่ิมเติมเพื่อนําไปชดเชยท่ีดินของเจ้าของท่ีดินท่ีถูกเวนคืน แล้วไม่มีท่ีดินเหลืออยู่
หรือมีเหลืออยู่ไม่เพียงพอที่จะใช้เป็นที่อยู่อาศัยหรือประกอบการทํามาหาเลี้ยงชีพได้ ผู้เขียน
จึงไม่แน่ใจว่า เป็นการบัญญัตินิยามศัพท์โดยผิดหลง หรือเจตนาให้รวมถึงการเวนคืนท่ีดินเพ่ิม
ตามมาตรา ๓๕ ด้วย เน่ืองจากตามกฎหมายใหม่นี้เมื่อพิจารณาบริบทของบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
ทั้งหมดแล้ว หากมิใช่กรณีที่เข้านิยามความหมายของคําว่า “เวนคืน” ตามมาตรา ๔ แล้ว คําว่า
“เวนคืน” กับคําว่า “ซ้อื ขาย” น่าจะมคี วามหมายทแี่ ตกตา่ งกนั
๒. การแจ้ง ย่ืน หรือสง่ หนังสือหรอื เอกสารให้บุคคลใด
บทกฎหมายที่เก่ียวขอ้ ง ไดแ้ ก่ มาตรา ๕
มาตรา ๕ ในกรณีที่พระราชบัญญัตินี้มิได้กําหนดไว้เป็นประการอ่ืน การใดท่ีกําหนด
ใหแ้ จ้ง ยนื่ หรือสง่ หนังสอื หรือเอกสารให้บคุ คลใด ถา้ ได้แจง้ ยนื่ หรอื สง่ หนังสือหรือเอกสารให้บุคคลน้ัน
ณ ภูมิลําเนาหรือท่ีอยู่ท่ีปรากฏตามหลักฐานทางทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร
หรือในกรณีท่ีไม่ทราบว่าผู้ใดเป็นเจ้าของหรือไม่สามารถส่งหนังสือแจ้งเจ้าของได้ การแจ้งให้กระทํา
โดยวิธีการปิดประกาศไว้ในที่เห็นได้ง่าย ณ สถานท่ีท่ีอสังหาริมทรัพย์น้ันต้ังอยู่เป็นเวลาไม่น้อยกว่า
สิบห้าวันก่อนวันเข้าดําเนินการใด เมื่อพ้นกําหนดเวลาดังกล่าวแล้ว ให้ถือว่าได้แจ้ง ย่ืน หรือส่ง
โดยชอบด้วยพระราชบัญญัตินี้แล้ว และในกรณีท่ีพระราชบัญญัตินี้กําหนดให้ประกาศหรือเผยแพร่ให้
ประชาชนทราบเป็นการทั่วไป ให้ถือว่าการประกาศหรือเผยแพร่ในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศหรือ
ระบบหรือวิธีการอื่นใดท่ีประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้โดยสะดวก เป็นการดําเนินการโดยชอบ
ดว้ ยพระราชบัญญตั ินี้แลว้
มาตรา ๕ กําหนดเกี่ยวกับวิธีการแจ้ง ยื่น หรือส่งหนังสือหรือเอกสารให้บุคคล
ไว้เปน็ การเฉพาะ ซง่ึ อาจจําแนกไดเ้ ปน็ ๓ กรณี สรุปสาระสาํ คัญได้ดังนี้
(๑) หากพระราชบญั ญตั ินก้ี าํ หนดเร่อื งวิธกี ารแจง้ ย่นื หรอื ส่งหนังสือหรือเอกสาร
ใหบ้ ุคคลใดไว้เปน็ การใด ก็ให้ดาํ เนนิ การตามทกี่ าํ หนดนัน้
(๒) ในกรณีที่พระราชบัญญัติน้ีมิได้กําหนดไว้เป็นประการอ่ืน การใดที่กําหนด
ให้แจ้ง ยน่ื หรือส่งหนงั สอื หรือเอกสารให้บุคคลใด มขี ้อพจิ ารณาเปน็ ๒ กรณี ดงั นี้
๑) กรณีทราบเจ้าของ ให้แจ้ง ย่ืน หรือส่งหนังสือหรือเอกสารให้บุคคลนั้น
ณ ภมู ลิ ําเนาหรือที่อยู่ท่ปี รากฏตามหลกั ฐานทางทะเบยี นตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร
๒) กรณที ไ่ี มท่ ราบวา่ ผูใ้ ดเปน็ เจ้าของหรือไม่สามารถส่งหนังสือแจ้งเจ้าของได้
การแจ้งให้กระทําโดยวิธีการปิดประกาศไว้ในที่เห็นได้ง่าย ณ สถานที่ท่ีอสังหาริมทรัพย์น้ันต้ังอยู่
เป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๑๕ วัน ก่อนวันเข้าดําเนินการใด เมื่อพ้นกําหนดเวลาดังกล่าวแล้ว ให้ถือว่าได้แจ้ง
ยน่ื หรอื สง่ โดยชอบดว้ ยพระราชบญั ญัตนิ แี้ ลว้
๑๖๒ รวมเรือ่ งเด่นประเด็นเด็ด เกร็ดคดี (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๒)
(๓) ในกรณีที่พระราชบัญญัติน้ีกําหนดให้ประกาศหรือเผยแพร่ให้ประชาชนทราบ
เป็นการทวั่ ไป ให้ถือว่าการประกาศหรือเผยแพร่ในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศหรือระบบหรือวิธีการอ่ืนใด
ทปี่ ระชาชนทัว่ ไปสามารถเขา้ ถึงได้โดยสะดวก เปน็ การดําเนนิ การโดยชอบด้วยพระราชบัญญัตนิ ีแ้ ลว้
๓. ผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติและกฎหมายลําดับรองที่ต้องออกตาม
พระราชบัญญัตินี้
บทกฎหมายที่เก่ียวข้อง ได้แก่ มาตรา ๖ มาตรา ๑๗ วรรคสอง มาตรา ๑๘
มาตรา ๒๐ วรรคสอง มาตรา ๒๒ วรรคส่ี และวรรคห้า มาตรา ๒๘ วรรคห้า มาตรา ๓๕ วรรคหก
มาตรา ๓๘ วรรคสอง มาตรา ๓๙ วรรคสอง มาตรา ๔๖ วรรคสี่ และมาตรา ๕๓ วรรคสอง
มาตรา ๖ ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอํานาจออก
กฎกระทรวงเพ่อื ปฏบิ ัตกิ ารตามพระราชบญั ญตั นิ ี้
กฎกระทรวงนั้น เมือ่ ไดป้ ระกาศในราชกิจจานเุ บกษาแล้วใหใ้ ช้บงั คบั ได้
มาตรา ๑๗ เว้นแต่มีกฎหมายเฉพาะกําหนดไว้เป็นอย่างอ่ืน เม่ือพระราชกฤษฎีกา
ตามมาตรา ๘ ใชบ้ งั คับแล้ว ถา้ ในแนวเขตทดี่ ินท่ีจะเวนคืนนัน้
(๑) มีที่ดินแปลงใดหรือส่วนใดที่จําเป็นต้องใช้ตามวัตถุประสงค์แห่งการเวนคืน
เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสําหรับพลเมืองใช้ร่วมกันแต่พลเมืองเลิกใช้ประโยชน์ในที่ดินน้ัน หรือ
ได้เปล่ยี นสภาพจากการเป็นท่ดี ินสําหรบั พลเมืองใช้ร่วมกัน เมื่อกระทรวงมหาดไทยได้ให้ความยินยอมแล้ว
หรือพลเมืองยังใช้ประโยชน์ในที่ดินนั้นอยู่หรือยังไม่เปลี่ยนสภาพจากการเป็นท่ีดินสําหรับพลเมือง
ใช้รว่ มกนั เม่อื กระทรวงมหาดไทยได้ใหค้ วามยนิ ยอมตามหลกั เกณฑ์และวิธีการท่ีกระทรวงมหาดไทยกําหนด
โดยรับฟังความคิดเห็นของประชาชนด้วย และเจ้าหน้าที่ได้จัดท่ีดินแปลงอ่ืนให้พลเมืองใช้ร่วมกันแทน
ตามที่กระทรวงมหาดไทยกําหนดแล้ว ให้พระราชกฤษฎีกาตามมาตรา ๘ มีผลเป็นการถอนสภาพ
การเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสําหรับท่ีดินเฉพาะแปลงหรือส่วนท่ีจําเป็นต้องใช้ตามวัตถุประสงค์
แห่งการเวนคืนดังกล่าว โดยมิต้องดําเนินการถอนสภาพหรือโอนตามประมวลกฎหมายท่ีดิน
และให้เจา้ หน้าท่มี ีอาํ นาจเขา้ ครอบครอง ดูแล และใชป้ ระโยชนใ์ นทด่ี นิ นนั้ ได้
(๒) มีที่ดินแปลงใดหรือส่วนใดที่จําเป็นต้องใช้ตามวัตถุประสงค์แห่งการเวนคืน
เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ หรือที่ดินที่ได้สงวนหวงห้ามไว้
ตามความต้องการของทางราชการ เม่ือกระทรวงการคลังให้ความยินยอมหรือเจ้าหน้าที่ผู้มีอํานาจในการ
หวงห้ามให้ความยินยอม และได้รับความยินยอมจากหน่วยงานของรัฐที่ครอบครองหรือใช้ประโยชน์
ในท่ีดินนั้นอยู่ในวันที่พระราชกฤษฎีกาตามมาตรา ๘ ใช้บังคับ ให้พระราชกฤษฎีกากําหนดเขตที่ดิน
ที่จะเวนคืนน้ันมีผลเป็นการถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือถอนการหวงห้าม
สําหรับท่ีดินเฉพาะแปลง หรือส่วนท่ีจําเป็นต้องใช้ตามวัตถุประสงค์แห่งการเวนคืนดังกล่าว โดยมิต้อง
ดําเนินการถอนสภาพหรือถอนการหวงห้าม ตามกฎหมายว่าด้วยท่ีราชพัสดุหรือตามประมวลกฎหมายท่ีดิน
แลว้ แตก่ รณี และใหเ้ จ้าหน้าทีม่ ีอาํ นาจครอบครอง ดูแล และใช้ประโยชน์ทดี่ ินนั้นได้
รวมเรือ่ งเดน่ ประเด็นเด็ด เกร็ดคดี (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๒) ๑๖๓
(๓) มีทีด่ ินแปลงใดหรือสว่ นใดทจี่ าํ เป็นตอ้ งใชต้ ามวัตถุประสงค์แห่งการเวนคืนเป็นท่ีดิน
รกร้างว่างเปล่า หรือที่ดินซึ่งมีผู้เวนคืนหรือทอดทิ้งหรือกลับมาเป็นของแผ่นดินโดยประการอื่น
ตามประมวลกฎหมายที่ดิน และท่ีดินนั้นอยู่นอกเขตป่าไม้ถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี เม่ือได้แจ้งให้
กระทรวงมหาดไทยทราบแลว้ ใหเ้ จา้ หน้าที่มอี าํ นาจเข้าครอบครอง ดแู ล และใช้ประโยชนท์ ี่ดินน้นั ได้
(๔) มีท่ีดินแปลงใดหรือส่วนใดที่จําเป็นต้องใช้ตามวัตถุประสงค์แห่งการเวนคืน
เป็นป่าสงวนแห่งชาติ ให้เจ้าหน้าที่ขอความเห็นชอบการใช้พ้ืนที่น้ันจากอธิบดีกรมป่าไม้ และเม่ืออธิบดี
กรมปา่ ไม้ให้ความเห็นชอบแล้ว ให้พระราชกฤษฎีกาตามมาตรา ๘ มีผลเป็นการเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติ
เฉพาะแปลงหรือส่วนที่จําเป็นต้องใช้ตามวัตถุประสงค์แห่งการเวนคืนดังกล่าวตั้งแต่วันท่ีอธิบดีกรมป่าไม้
ให้ความเห็นชอบ โดยมิต้องดําเนินการเพิกถอนสภาพตามกฎหมายว่าด้วยป่าสงวนแห่งชาติ และ
ใหเ้ จา้ หนา้ ทีม่ ีอาํ นาจเข้าครอบครอง ดูแล และใชป้ ระโยชนท์ ดี่ ินน้นั ได้
ในการดําเนินการตามวรรคหน่ึง ถ้าเจ้าหน้าท่ีได้จ่ายค่าตอบแทนให้แก่กระทรวง
การคลัง ตามอัตรา หลักเกณฑ์ วิธีการ และเง่ือนไขที่กระทรวงการคลังกําหนดโดยความเห็นชอบ
ของคณะรัฐมนตรีแล้วใหก้ รรมสิทธ์ิในที่ดนิ นั้นตกเป็นของเจ้าหนา้ ท่ี
มาตรา ๑๘ ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐประสงค์จะเข้าใช้อสังหาริมทรัพย์ของรัฐหรือ
ท่หี น่วยงานของรัฐเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ท้งั นี้ เฉพาะอสังหาริมทรัพย์ท่ีรัฐหรือหน่วยงานของรัฐได้มา
โดยการเวนคืนและการเข้าใช้อสังหาริมทรัพย์น้ัน ไม่ทําให้วัตถุประสงค์ของการเวนคืนเดิมต้องเสียไป
โดยส้ินเชิง และวัตถุประสงค์ในการใช้น้ันเป็นวัตถุประสงค์ที่ใช้เป็นเหตุในการเวนคืนได้ ให้หน่วยงาน
ของรัฐมีอํานาจเข้าใช้อสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวได้ โดยทําความตกลงกับหน่วยงานของรัฐที่เป็นเจ้าของ
กรรมสิทธ์ิหรือท่ีมีสิทธิใช้ประโยชน์ในอสังหาริมทรัพย์น้ัน ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเง่ือนไข
ที่คณะรัฐมนตรีกําหนด
มาตรา ๒๐ การกําหนดราคาเบ้ืองต้นสําหรับท่ีดินท่ีเวนคืน ให้คํานึงถึงราคา สภาพ
เหตุ และวตั ถปุ ระสงค์ดงั ต่อไปนี้ประกอบกนั
(๑) ราคาทซี่ ้ือขายกนั ตามปกติในท้องตลาดของที่ดนิ ในวนั ใช้บังคับพระราชกฤษฎีกา
ตามมาตรา ๘
(๒) ราคาประเมินท่ีดินของทางราชการที่กําหนดขึ้นเพ่ือประโยชน์ในการจัดเก็บภาษี
ท่ีดินและส่งิ ปลูกสร้าง
(๓) ราคาประเมินทุนทรัพย์เพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและ
นิตกิ รรมตามประมวลกฎหมายที่ดนิ
(๔) สภาพและทต่ี งั้ ของท่ดี นิ น้นั และ
(๕) เหตุและวัตถุประสงคแ์ หง่ การเวนคนื
การกําหนดราคาเบ้ืองต้นตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการท่ีกําหนด
ในกฎกระทรวง
๑๖๔ รวมเรอื่ งเดน่ ประเด็นเดด็ เกร็ดคดี (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๒)
มาตรา ๒๒ ถ้าการดําเนินกิจการตามวัตถุประสงค์แห่งการเวนคืนได้กระทําให้ท่ีดิน
ท่ีเหลืออยู่ในแปลงเดียวกันนั้นมีราคาสูงข้ึน ให้เอาราคาที่สูงข้ึนนั้นหักออกจากเงินค่าทดแทน
แต่ไมว่ า่ กรณีจะเปน็ ประการใดจะหักเกนิ ร้อยละห้าสิบของเงนิ คา่ ทดแทนมไิ ด้
ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับ ในกรณีท่ีเจ้าของมีหน้าท่ีต้องเสียภาษีที่เรียกเก็บ
สําหรับที่ดินแปลงน้ันจากการได้รับประโยชน์จากการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคข้ันพื้นฐาน
ด้านคมนาคมขนสง่ ของรฐั ตามกฎหมายวา่ ด้วยการน้นั
ในกรณีตามวรรคหนึ่ง ถ้าทําให้ที่ดินในแปลงเดียวกันที่เหลืออยู่นั้นมีราคาลดลง
ให้กาํ หนดเงินค่าทดแทนให้สาํ หรบั ที่ดินส่วนทเี่ หลืออันมีราคาลดลงน้นั
ในกรณีที่ท่ีดินแปลงใดที่เจ้าของหรือผู้ครอบครองได้กระทําอย่างใดให้ท่ีดิน
เปลี่ยนสภาพไปในลักษณะที่จะทําให้เกิดความเสียหายหรือไม่เหมาะสมท่ีจะใช้ประโยชน์จากที่ดินนั้น
ใหเ้ จ้าของดาํ เนินการแก้ไขปรับปรุงทีด่ ินใหอ้ ย่ใู นสภาพเดิม หากเจ้าของไม่สามารถดําเนินการดังกล่าวได้
ให้เจ้าหน้าท่ีหักค่าใช้จ่ายในการดําเนินการออกจากค่าท่ีดิน แต่ต้องไม่เกินราคาเบื้องต้นสําหรับท่ีดิน
ท่ีเวนคืนตามมาตรา ๒๐ ทั้งนี้ ให้คํานึงถึงความเสียหายหรือค่าใช้จ่ายในการแก้ไขหรือปรับปรุงที่ดินน้ัน
ประกอบดว้ ย
การดําเนินการตามวรรคหนึ่ง วรรคสาม และวรรคสี่ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์
วธิ กี าร และเง่ือนไขที่กาํ หนดในกฎกระทรวง
มาตรา ๒๘ ฯลฯ ฯลฯ
ในการเข้าครอบครองตามวรรคสอง ถ้ามีความเสียหายเกิดขึ้นเป็นพิเศษเนื่องจาก
การเข้าครอบครองหรือใช้ประโยชน์อสังหาริมทรัพย์น้ัน ให้เจ้าหน้าที่ชดใช้เงินค่าทดแทนสําหรับ
ความเสียหายสว่ นน้เี พ่มิ ข้นึ ไดต้ ามหลักเกณฑ์ที่กาํ หนดในกฎกระทรวง
ฯลฯ ฯลฯ
มาตรา ๓๕ ฯลฯ ฯลฯ
หลักเกณฑ์และวิธีการดําเนินการให้ได้ที่ดินเพ่ิมเติมและการจ่ายเงินค่าทดแทน
ตามวรรคหนง่ึ ใหเ้ ปน็ ไปตามท่ีกาํ หนดในพระราชกฤษฎีกา
มาตรา ๓๘ ฯลฯ ฯลฯ
หลักเกณฑ์และวิธีการกําหนดค่ารื้อถอน ค่าขนย้าย ค่าโรงเรือน ส่ิงปลูกสร้าง หรือ
อสงั หารมิ ทรพั ยอ์ นื่ อันติดอยกู่ บั ทีด่ นิ ค่าปลูกสร้างโรงเรือนหรือส่ิงปลูกสร้างใหม่และอสังหาริมทรัพย์อ่ืน
อันติดอยู่กับท่ีดิน ค่าเสียสิทธิจากการใช้อสังหาริมทรัพย์ และค่าเสียหายอื่นอันเกิดจากการท่ีเจ้าของ
ต้องออกจากทดี่ ินที่เวนคืนตามมาตรา ๓๗ ให้เป็นไปตามทก่ี ําหนดในกฎกระทรวง
ฯลฯ ฯลฯ
รวมเร่ืองเดน่ ประเด็นเดด็ เกร็ดคดี (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๒) ๑๖๕
มาตรา ๓๙ ฯลฯ ฯลฯ
ในการเวนคนื ตามมาตรา ๓๗ วรรคสอง ใหโ้ รงเรอื น สง่ิ ปลูกสรา้ ง หรืออสังหาริมทรัพย์อื่น
อันติดอยู่กับท่ีดินตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าหน้าที่พร้อมกับที่ดิน และเม่ือเจ้าหน้าที่ร้ือถอนแล้ว
ใหม้ อี าํ นาจจาํ หนา่ ยหรือทาํ ลายตามหลักเกณฑ์และวิธกี ารทก่ี าํ หนดในกฎกระทรวง
มาตรา ๔๖ ฯลฯ ฯลฯ
หลักเกณฑ์และวิธีการในการนําเงินค่าทดแทนไปวางต่อศาลหรือสํานักงานวางทรัพย์
หรือฝากไวก้ ับธนาคารออมสนิ ให้เปน็ ไปตามที่กาํ หนดในกฎกระทรวง
มาตรา ๕๓ ฯลฯ ฯลฯ
การขอคืนตามวรรคหนึ่ง เจ้าของเดิมหรือทายาทต้องย่ืนคําร้องขอคืนต่อเจ้าหน้าที่
ภายในสามปนี ับแตว่ ันพ้นกาํ หนดเวลาตามมาตรา ๕๑ ตามแบบและวธิ กี ารท่กี าํ หนดในกฎกระทรวง
ฯลฯ ฯลฯ
มาตรา ๖ บัญญัติให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัติน้ี และให้มี
อํานาจออกกฎกระทรวงเพ่ือปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้ สําหรับกฎกระทรวงที่ต้องออก
เพ่อื ปฏบิ ตั ิการตามพระราชบญั ญตั ินี้ มีดังนี้
(๑) กฎกระทรวงกําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการกําหนดราคาเบื้องต้น
(มาตรา ๒๐ วรรคสอง)
(๒) กฎกระทรวงกําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการกําหนด
เงินค่าทดแทนสําหรับที่ดินท่ีเหลือจากการเวนคืนและการปรับปรุงท่ีดินให้อยู่ในสภาพเดิม
(มาตรา ๒๒ วรรคหา้ )
(๓) กฎกระทรวงกําหนดหลักเกณฑ์การจ่ายเงินค่าทดแทนสําหรับความเสียหาย
เนอื่ งจากการเข้าครอบครองหรอื ใชป้ ระโยชนอ์ สังหาริมทรัพยก์ ่อนการเวนคนื (มาตรา ๒๘ วรรคห้า)
(๔) กฎกระทรวงกําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการกําหนดค่ารื้อถอน ค่าขนย้าย
ค่าโรงเรือน สิ่งปลูกสร้าง หรืออสังหาริมทรัพย์อ่ืนอันติดอยู่กับท่ีดิน ค่าปลูกสร้างโรงเรือนหรือ
ส่ิงปลูกสร้างใหม่และอสังหาริมทรัพย์อื่นอันติดอยู่กับท่ีดิน ค่าเสียสิทธิจากการใช้อสังหาริมทรัพย์
และคา่ เสียหายอืน่ อนั เกดิ จากการทเี่ จา้ ของตอ้ งออกจากที่ดินท่เี วนคนื (มาตรา ๓๘ วรรคสอง)
(๕) กฎกระทรวงกําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจําหน่ายหรือทําลายโรงเรือน
สิ่งปลูกสร้าง หรืออสังหาริมทรัพย์อื่นอันติดอยู่กับท่ีดินตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าหน้าที่ (มาตรา ๓๙
วรรคสอง)
(๖) กฎกระทรวงกําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการนําเงินค่าทดแทนไปวาง
ตอ่ ศาลหรือสํานกั งานวางทรพั ย์ หรอื ฝากไวก้ ับธนาคารออมสิน (มาตรา ๔๖ วรรคส่ี)
๑๖๖ รวมเรอื่ งเดน่ ประเดน็ เดด็ เกร็ดคดี (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๒)
(๗) กฎกระทรวงกําหนดแบบและวิธีการในการขอคืนท่ีดินท่ีไม่ได้ใช้ประโยชน์
ตามวตั ถปุ ระสงคข์ องการเวนคืนหรอื เหลอื จากการใช้ประโยชนใ์ หเ้ จา้ ของเดิมหรือทายาท (มาตรา ๕๓
วรรคสอง)
นอกจากกฎกระทรวงตามที่กล่าวไปแล้วข้างต้น พระราชบัญญัติน้ียังบัญญัติให้
มกี ารออกกฎหมายลาํ ดบั รองอื่น ๆ อกี ดังนี้
(๑) พระราชกฤษฎกี ากําหนดหลกั เกณฑ์และวธิ ีการดาํ เนินการใหไ้ ดท้ ีด่ นิ เพิ่มเติม
และการจ่ายเงินค่าทดแทนในการเวนคืนเพื่อนําที่ดินท่ีเวนคืนเพ่ิมเติมดังกล่าวไปชดเชยให้แก่ผู้ถูกเวนคืน
รายที่มีที่ดินเหลืออยู่หรือมีเหลืออยู่ไม่เพียงพอที่จะใช้เป็นท่ีอยู่อาศัยหรือประกอบการทํามาหาเล้ียงชีพได้
(มาตรา ๓๕ วรรคหก)
(๒) ระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขท่ีรัฐ
หรอื หน่วยงานของรัฐไดม้ าโดยการเวนคนื (มาตรา ๑๘)
(๓) ประกาศกระทรวงการคลังกําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเง่ือนไขการจ่าย
ค่าตอบแทนให้แก่กระทรวงการคลังเพื่อให้กรรมสิทธ์ิในที่ดินน้ันตกเป็นของเจ้าหน้าที่ (มาตรา ๑๗
วรรคสอง)
ทั้งน้ี มาตรา ๖๖ วรรคสอง ได้บัญญัติถึงกรอบระยะเวลาในการออกกฎกระทรวงว่า
ให้ดําเนินการให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งปีนับแต่วันท่ีพระราชบัญญัติน้ีใช้บังคับ หากไม่สามารถ
ดําเนนิ การได้ ให้รัฐมนตรีรายงานเหตุผลที่ไม่อาจดาํ เนินการได้ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ อย่างไรก็ดี
ตามแผนการจัดทํากฎหมายลําดับรองและกรอบระยะเวลาท่ีเสนอพร้อมร่างพระราชบัญญัติว่าด้วย
การเวนคืนและการได้มาซ่ึงอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. .... ได้กําหนดกรอบระยะเวลาการออกกฎหมาย
ลําดับรองตามท่ีกล่าวในตอนต้นทั้งหมดว่า ต้องออกภายใน ๑๘๐ วัน นับแต่วันที่พระราชบัญญัติน้ี
มผี ลใชบ้ ังคบั ๓
๓ เอกสารท้ายภาคผนวกในเอกสารประกอบการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนและการได้มา
ซ่งึ อสังหารมิ ทรัพย์ พ.ศ. .... (คณะรัฐมนตรี เปน็ ผู้เสนอ) เพื่อเป็นข้อมูลสําหรับประกอบการพิจารณาของสภานิติบัญญัติ
แห่งชาติ จดั ทําโดยสํานักกฎหมาย สาํ นักงานเลขาธิการวฒุ สิ ภา ปฏิบตั ิหน้าท่สี าํ นักงานเลขาธกิ ารสภานติ บิ ัญญัติแห่งชาติ
รวมเรื่องเดน่ ประเด็นเดด็ เกร็ดคดี (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๒) ๑๖๗
๔. การไดม้ าซึง่ อสงั หารมิ ทรัพยโ์ ดยการเวนคนื
๔.๑ การตราพระราชกฤษฎีกากาํ หนดเขตที่ดนิ ที่จะเวนคนื
(๑) หลกั การทจ่ี ะเวนคนื
บทกฎหมายทเ่ี กย่ี วข้อง ไดแ้ ก่ มาตรา ๗
มาตรา ๗ เมื่อรัฐมีความจําเป็นที่จะต้องได้มาซ่ึงท่ีดินเพ่ือการอันจําเป็นในกิจการ
สาธารณปู โภค การปอ้ งกนั ประเทศ การได้มาซ่ึงทรัพยากรธรรมชาติ หรือเพ่ือประโยชน์สาธารณะอย่างอ่ืน
หรือเพื่อนําไปชดเชยให้เกิดความเป็นธรรมแก่เจ้าของที่ดินท่ีถูกเวนคืนตามพระราชบัญญัติน้ี
เม่อื มไิ ด้ตกลงในเรอ่ื งการโอนไวเ้ ป็นอย่างอ่นื ให้เวนคืนตามหมวดนี้
ประโยชน์สาธารณะตามวรรคหนึ่ง ให้หมายความรวมถึงการผังเมือง การส่งเสริม
และรักษาคุณภาพส่ิงแวดล้อม การพัฒนาการเกษตร การปฏิรูปที่ดิน การจัดรูปที่ดิน การอนุรักษ์
โบราณสถานและแหล่งทางประวตั ิศาสตร์ การอุตสาหกรรม และการพฒั นาเขตเศรษฐกิจพเิ ศษ
ขอ้ สงั เกต
๑) กฎหมายใหม่กําหนดกรณีท่ีรัฐมีอํานาจในการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
ในกรณีต่าง ๆ ได้ทํานองเดียวกันกับที่กําหนดในพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
พ.ศ. ๒๕๓๐ แต่มีกรณีที่เพ่ิมเติมขึ้นมา คือ กําหนดให้เวนคืนเพ่ือนําไปชดเชยให้เกิดความเป็นธรรม
แก่เจา้ ของท่ดี นิ ทถ่ี กู เวนคนื รายอื่นไดด้ ้วย
๒) เดิม มาตรา ๕ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืน
อสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ บัญญัติให้ในกรณีที่มีบทบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนไว้ในกฎหมายอ่ืน
โดยเฉพาะแลว้ ถ้าจะต้องดําเนนิ การเวนคนื เพอื่ กจิ การตามกฎหมายดังกล่าว เมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นสมควร
จะมีมติให้ดําเนินการเวนคืนตามบทแห่งพระราชบัญญัติน้ีแทนก็ได้ แต่ตามกฎหมายใหม่ไม่มีบทบัญญัติ
เช่นว่าน้ี
(๒) องค์ประกอบของพระราชกฤษฎกี ากาํ หนดเขตที่ดนิ ทจ่ี ะเวนคนื
บทกฎหมายทเ่ี ก่ียวขอ้ ง ได้แก่ มาตรา ๘ และมาตรา ๑๓
มาตรา ๘ เม่ือมีความจําเป็นต้องเวนคืนท่ีดินตามมาตรา ๗ และจําเป็นต้องสํารวจ
เพื่อให้ทราบถึงท่ีดินท่ีต้องได้มาโดยแน่ชัด ให้ตราพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตที่ดินท่ีจะเวนคืน
โดยในพระราชกฤษฎีกาดงั กล่าวอย่างน้อยต้องกาํ หนดรายละเอียด ดงั ต่อไปนี้
(๑) วัตถุประสงค์แหง่ การเวนคืน
(๒) ระยะเวลาการใช้บังคบั พระราชกฤษฎกี า
(๓) แนวเขตทด่ี นิ ท่ีจะเวนคืนเทา่ ทจี่ ําเป็น
(๔) ระยะเวลาการเรมิ่ ต้นเขา้ สํารวจ
๑๖๘ รวมเรื่องเด่นประเดน็ เดด็ เกร็ดคดี (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๒)
(๕) เจ้าหนา้ ท่เี วนคนื
(๖) แผนทีห่ รือแผนผงั แสดงแนวเขตทด่ี นิ ทจี่ ะเวนคนื
การกาํ หนดวัตถุประสงค์ตาม (๑) จะกําหนดหลายวตั ถปุ ระสงคต์ ามความจาํ เปน็ กไ็ ด้
ในกรณีมีเหตุจําเป็น จะแก้ไขเพิ่มเติมวัตถุประสงค์ตาม (๑) ก็ได้ แต่ต้องตราเป็น
พระราชกฤษฎีกาแกไ้ ขเพิ่มเตมิ และต้องกระทาํ ภายในกําหนดระยะเวลาตาม (๒)
ในการจัดทําแผนท่ีเพื่อกําหนดแนวเขตที่ดินท่ีจะเวนคืน ให้กรมท่ีดินส่งสําเนาแผนที่
ระวางทดี่ ินท่ีเกย่ี วขอ้ งให้แกเ่ จ้าหน้าที่ตามท่ีเจ้าหน้าที่ร้องขอ โดยให้เจ้าหน้าที่ได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียม
ท้ังปวงที่เรียกเก็บตามประมวลกฎหมายทีด่ ิน
เมื่อมีการตราพระราชกฤษฎีกาตามมาตรานี้แล้ว ให้เป็นหน้าที่ของสํานักงบประมาณ
จัดสรรเงินค่าทดแทนที่จะต้องจ่ายตามพระราชบัญญัตินี้เสนอพร้อมกับการเสนอร่างพระราชกฤษฎีกา
ต่อคณะรัฐมนตรี ทั้งน้ี การดําเนินการดังกล่าวจะต้องสอดคล้องกับแผนการดําเนินการที่เจ้าหน้าที่
ได้จัดทํา ระยะเวลาการใช้จ่ายและตามกําลังเงินของแผ่นดิน โดยให้นําเงินนอกงบประมาณหรือเงินรายได้
มาประกอบการพิจารณาดว้ ย
มาตรา ๑๓ การกําหนดระยะเวลาการเร่ิมต้นเข้าสํารวจตามมาตรา ๘ (๔) ให้กําหนด
เท่าทีจ่ ําเปน็ ซงึ่ ตอ้ งไมเ่ กนิ หน่ึงร้อยแปดสบิ วันนับแตว่ นั ท่ีพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา ๘ ใชบ้ งั คับ
ในกรณีจาํ เป็นอันไม่อาจหลีกเล่ียงได้ รัฐมนตรีอาจอนุมัติให้ขยายระยะเวลาตามวรรคหนึ่ง
ได้ไม่เกินเกา้ สิบวนั
การขยายระยะเวลาตามวรรคสองให้ทําเป็นประกาศและต้องระบุเหตุผลการขยาย
ระยะเวลาไวด้ ว้ ยและให้นาํ ความในมาตรา ๑๑ มาใช้บงั คบั กบั การเผยแพร่ประกาศดงั กล่าวด้วยโดยอนโุ ลม
ขอ้ สังเกต
๑) ช่ือพระราชกฤษฎีกาตามกฎหมายใหม่เปล่ียนแปลงไปเป็น
“พระราชกฤษฎีกากาํ หนดเขตที่ดนิ ทจ่ี ะเวนคืน” ซ่ึงเดิมพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
พ.ศ. ๒๕๓๐ ใชค้ าํ วา่ “พระราชกฤษฎกี ากําหนดเขตท่ดี นิ ในบริเวณที่ทจี่ ะเวนคืน”
๒) กฎหมายใหม่กําหนดองค์ประกอบของพระราชกฤษฎีกากําหนด
เขตท่ีดินท่ีจะเวนคืนเพิ่มขึ้นจากที่เคยกําหนดไว้ในพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
พ.ศ. ๒๕๓๐ โดยองค์ประกอบที่น่าสนใจที่เพ่ิมเติมขึ้นมา ได้แก่ ระยะเวลาการเร่ิมต้นเข้าสํารวจ
ทั้งน้ี กฎหมายบัญญัติให้กําหนดระยะเวลาการเร่ิมต้นเข้าสํารวจตามมาตรา ๘ วรรคหนึ่ง (๔) เท่าท่ีจําเป็น
แต่ต้องไม่เกิน ๑๘๐ วัน นับแต่วันท่ีพระราชกฤษฎีกาใช้บังคับ ซึ่งในกรณีท่ีมีความจําเป็นอันไม่อาจ
หลีกเล่ียงได้ กฎหมายกําหนดให้รัฐมนตรีอาจอนุมัติให้ขยายระยะเวลาดังกล่าวได้ไม่เกิน ๙๐ วัน โดยให้
ทําเป็นประกาศและต้องระบุเหตุผลการขยายระยะเวลาไว้ด้วยและให้นําความในมาตรา ๑๑ มาใช้บังคับ
กับการเผยแพร่ประกาศดังกลา่ วด้วยโดยอนุโลม
รวมเร่ืองเดน่ ประเดน็ เดด็ เกร็ดคดี (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๒) ๑๖๙
๓) ในเร่อื งของการกําหนดวัตถุประสงค์ของการเวนคืน มีประเด็นน่าสนใจ
คือ ตามกฎหมายใหม่บัญญัติให้ ในกรณีท่ีมีเหตุจําเป็น จะแก้ไขเพ่ิมเติมวัตถุประสงค์ที่กําหนดใน
พระราชกฤษฎีกากําหนดเขตท่ีดินทจ่ี ะเวนคืนกไ็ ด้ แต่ตอ้ งตราเป็นพระราชกฤษฎกี าแกไ้ ขเพ่มิ เติม และ
ต้องกระทําภายในกําหนดระยะเวลาการใช้บังคับพระราชกฤษฎีกา ซ่ึงเป็นเร่ืองใหม่ท่ีไม่เคยกําหนดไว้ใน
พระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ มาก่อน ผลของการกําหนดเช่นนี้
หากมีการแก้ไขเพิ่มเติมวัตถุประสงค์ของการเวนคืนในพระราชกฤษฎีกาแก้ไขเพ่ิมเติม ย่อมมีผลทําให้
การนับระยะเวลาการใช้บังคับมีความต่อเน่ืองกับพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตที่ดินท่ีจะเวนคืนฉบับที่
ออกมาแต่แรก ซึ่งจะมผี ลต่อฐานการกาํ หนดราคาค่าทดแทนการเวนคืน เน่ืองจากหากกฎหมายไม่เปิดช่อง
ให้ทําได้ อาจจําต้องตราพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตท่ีดินท่ีจะเวนคืนฉบับใหม่ ซ่ึงฐานการกําหนด
ราคาค่าทดแทนการเวนคืนก็ต้องเปลี่ยนแปลงไป โดยต้องถือเอาราคา ณ วันท่ีตราพระราชกฤษฎีกา
กาํ หนดเขตทดี่ นิ ทจี่ ะเวนคืนฉบบั ใหม่มีผลใชบ้ ังคบั
(๓) ระยะเวลาการใชบ้ งั คบั พระราชกฤษฎกี ากาํ หนดเขตทด่ี ินที่จะเวนคนื
บทกฎหมายที่เกย่ี วข้อง ได้แก่ มาตรา ๙
มาตรา ๙ ระยะเวลาการใช้บังคับพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา ๘ (๒) ให้กําหนด
เท่าท่จี าํ เป็นเพอื่ การสาํ รวจที่ดนิ และอสงั หารมิ ทรัพย์ และการรังวดั ท่ดี ิน แตจ่ ะกาํ หนดเกนิ ห้าปีมิได้
ข้อสังเกต
ระยะเวลาการใช้บังคับพระราชกฤษฎีกาตามที่มาตรา ๙ กําหนดน้ี
จะแตกต่างจากที่กําหนดไว้ในพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ซึ่งเดิม
บัญญัติว่า พระราชกฤษฎีกาเช่นว่าน้ีให้ใช้บังคับได้มีกําหนดสองปี หรือตามกําหนดเวลาท่ีระบุไว้ใน
พระราชกฤษฎีกานนั้ แตต่ อ้ งไมเ่ กนิ สป่ี ี แล้วแตจ่ ะเห็นว่าจาํ เป็นเพ่อื ทาํ การสาํ รวจท่ดี นิ ที่จะต้องเวนคนื น้ัน
(๔) การตราพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนเพ่ือใช้บังคับ
ตอ่ เน่อื งในกรณที ีเ่ จา้ หน้าท่ดี ําเนนิ การสาํ รวจเพือ่ ให้ทราบถงึ อสังหารมิ ทรัพย์ทต่ี อ้ งไดม้ าไมแ่ ล้วเสร็จ
บทกฎหมายทีเ่ ก่ยี วขอ้ ง ได้แก่ มาตรา ๑๐
มาตรา ๑๐ ให้เจ้าหน้าท่ีดําเนินการสํารวจเพื่อให้ทราบถึงอสังหาริมทรัพย์ท่ีต้องได้มา
โดยแนช่ ดั ใหแ้ ล้วเสร็จภายในระยะเวลาการใชบ้ ังคับพระราชกฤษฎกี าตามมาตรา ๘ (๒)
หากเจา้ หนา้ ท่ีดาํ เนินการไม่แลว้ เสร็จตามวรรคหนง่ึ และยังประสงค์จะทําการสํารวจ
เพื่อให้ทราบถึงอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องได้มาโดยแน่ชัดต่อไป ให้เสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้มีการตรา
พระราชกฤษฎกี าฉบับใหม่ลว่ งหน้าไม่น้อยกวา่ หกสิบวันก่อนวันทีพ่ ระราชกฤษฎกี านัน้ จะสิ้นผลใชบ้ งั คบั
หากการดําเนินการตามวรรคหน่ึงไม่แล้วเสร็จและมิได้มีการเสนอให้มีการตรา
พระราชกฤษฎีกาข้ึนใหม่ภายในกําหนดเวลา ถ้าเกิดความเสียหายแก่รัฐเป็นจํานวนเท่าใด ให้ดําเนินการ
ตามกฎหมายว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ ไม่ตัดอํานาจในการตราพระราชกฤษฎีกา
ตามมาตรา ๘ ขึ้นใหม่
๑๗๐ รวมเร่ืองเดน่ ประเด็นเดด็ เกร็ดคดี (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๒)
ข้อสงั เกต
มาตรา ๑๐ บัญญัติเป็นหลักการให้เจ้าหน้าที่ดําเนินการสํารวจเพื่อให้
ทราบถงึ อสังหารมิ ทรัพย์ที่ต้องได้มาโดยแน่ชัดให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาการใช้บังคับพระราชกฤษฎีกา
ตามมาตรา ๘ (๒) นอกจากนี้ ยังบัญญัติถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ดําเนินการไม่แล้วเสร็จภายในกําหนดเวลา
ดังกล่าวว่า หากยังประสงค์จะทําการสํารวจเพื่อให้ทราบถึงอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องได้มาโดยแน่ชัด
ต่อไป ก็ให้เสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้มีการตราพระราชกฤษฎีกาฉบับใหม่ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๖๐ วัน
กอ่ นวนั ที่พระราชกฤษฎกี านั้นจะส้ินผลใช้บังคับ ซ่ึงเดิมในพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
พ.ศ. ๒๕๓๐ ไม่เคยกําหนดรายละเอียดในกรณีนี้ไว้ แม้ว่าในทางปฏิบัติจะมีการตราพระราชกฤษฎีกา
กําหนดเขตท่ีดินในบริเวณที่ท่ีจะเวนคืนโดยให้ใช้บังคับต่อเนื่องกับพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตที่ดิน
ในบรเิ วณทีท่ ีจ่ ะเวนคนื ฉบับเดมิ เช่นกัน
อยา่ งไรกด็ ี มีข้อสังเกตว่า กฎหมายใหม่กําหนดใหก้ ารตราพระราชกฤษฎีกา
ฉบับใหม่ต้องเสนอต่อคณะรัฐมนตรีล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๖๐ วัน ก่อนวันท่ีพระราชกฤษฎีกาฉบับแรก
จะส้ินผลใช้บังคับ ซ่ึงคงเป็นเร่ืองภายในของฝ่ายปกครอง หากมีการดําเนินการล่าช้ากว่าระยะเวลา
ที่กฎหมายกําหนด แต่พระราชกฤษฎีกาฉบับใหม่สามารถประกาศใช้บังคับได้ก่อนพระราชกฤษฎีกา
ฉบับแรกส้ินอายุ กไ็ ม่น่าจะก่อให้เกดิ ความเสียหายในส่วนของจํานวนเงนิ ค่าทดแทนที่รฐั ตอ้ งจ่ายแต่อย่างใด
กรณีจะมีปัญหาในกรณีที่พระราชกฤษฎีกาฉบับใหม่ประกาศใช้บังคับ
ไม่ทันก่อนที่พระราชกฤษฎีกาฉบับแรกจะส้ินอายุ เช่นนี้ หากมีการตราพระราชกฤษฎีกาฉบับใหม่
มาใช้บังคับโดยไม่ต่อเนื่องกับพระราชกฤษฎีกาฉบับเดิม กรณีอาจมีความเสียหายแก่รัฐในส่วนของ
จํานวนเงินค่าทดแทนท่ีรัฐอาจต้องจ่ายเพ่ิมข้ึน เน่ืองจากค่าทดแทนต้องคํานวณจากฐานราคาใหม่
ซึ่งตามกฎหมายใหม่น้ี ได้มีการกําหนดความรับผิดของเจ้าหน้าที่ที่เก่ียวข้องไว้โดยชัดแจ้งว่า ถ้าเกิด
ความเสยี หายแก่รฐั เปน็ จํานวนเทา่ ใด ให้ดําเนนิ การตามกฎหมายวา่ ด้วยความรบั ผิดทางละเมดิ ของเจ้าหน้าที่
๔.๒ ประกาศการเขา้ ครอบครองและใชอ้ สังหารมิ ทรพั ย์กอ่ นการเวนคืน
บทกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ มาตรา ๒๘ วรรคสอง วรรคสาม วรรคส่ี
และวรรคห้า
มาตรา ๒๘ ฯลฯ ฯลฯ
ในระหว่างท่ียังมิได้ตราพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ตามวรรคหนึ่ง และ
พระราชกฤษฎีกาตามมาตรา ๘ ยังมีผลใช้บังคับ ถ้ามีเหตุจําเป็นเร่งด่วนท่ีถ้าปล่อยเนิ่นช้าไป จะเป็น
อุปสรรคแกก่ ารพัฒนาเศรษฐกจิ และสังคมหรือประโยชน์ของรฐั อนั สําคัญอยา่ งอื่น เจ้าหน้าที่โดยความ
เห็นชอบของรัฐมนตรีจะประกาศการเข้าครอบครองและใช้อสังหาริมทรัพย์นั้นก่อนการเวนคืนก็ได้
แต่เจ้าหน้าท่ีจะเข้าครอบครองหรือใช้ประโยชน์ในอสังหาริมทรัพย์น้ันได้ เม่ือได้จ่ายเงินค่าทดแทน
ใหแ้ กเ่ จ้าของหรอื วางเงินตามมาตรา ๔๖ แลว้
ประกาศตามวรรคสองต้องประกาศให้ประชาชนทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสามสิบวัน
ในประกาศดังกล่าวต้องระบุด้วยว่าเจ้าของมีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทน และในกรณีที่เจ้าของไม่มารับ
รวมเร่อื งเดน่ ประเดน็ เด็ด เกร็ดคดี (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๒) ๑๗๑
เงินค่าทดแทนเจ้าหน้าที่จะวางเงินค่าทดแทนไว้ ณ ที่ใด การประกาศดังกล่าว นอกจากต้องแจ้งให้
เจา้ ของทราบแล้ว ใหน้ ําความในมาตรา ๑๑ มาใชบ้ ังคบั ด้วยโดยอนุโลม
เม่ือได้จ่ายเงินค่าทดแทนแก่เจ้าของหรือวางเงินตามมาตรา ๔๖ แล้ว ก่อนเข้า
ครอบครองหรือใช้ประโยชน์ในอสังหาริมทรัพย์ ให้เจ้าหน้าท่ีมีหนังสือแจ้งเจ้าของทราบล่วงหน้า
ไม่น้อยกว่าเก้าสิบวันนับแต่วันท่ีจ่ายเงินค่าทดแทนหรือวางเงิน และกรณีที่มีความจําเป็นต้องร้ือถอน
ส่ิงปลูกสร้าง หรือขนย้ายทรัพย์สินให้เจ้าของดําเนินการร้ือถอนส่ิงปลูกสร้าง และขนย้ายทรัพย์สินนั้น
ให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาดังกล่าว ถ้าเจ้าของไม่ดําเนินการภายในเวลาที่กําหนด ให้เจ้าหน้าที่
มีอํานาจดําเนนิ การเช่นวา่ น้ันได้เอง โดยใหเ้ จ้าของเป็นผเู้ สยี ค่าใชจ้ ่าย
ในการเข้าครอบครองตามวรรคสอง ถ้ามีความเสียหายเกิดขึ้นเป็นพิเศษเน่ืองจาก
การเข้าครอบครองหรือใช้ประโยชน์อสังหาริมทรัพย์นั้น ให้เจ้าหน้าที่ชดใช้เงินค่าทดแทนสําหรับ
ความเสียหายสว่ นน้ีเพม่ิ ขน้ึ ได้ตามหลกั เกณฑ์ท่กี าํ หนดในกฎกระทรวง
การประกาศตามวรรคสองไม่เป็นการตัดสิทธิของเจ้าของและอํานาจของเจ้าหน้าท่ีที่จะ
ทําสัญญาซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ตามมาตรา ๒๕ แม้พระราชกฤษฎีกาตามมาตรา ๘ จะสิ้นอายุแล้วก็ตาม
แต่ต้องกระทําก่อนท่ีจะมีการเสนอร่างพระราชบัญญัติเวนคืนท่ีดินนั้นต่อสภาผู้แทนราษฎร และให้ถือว่า
การทาํ สญั ญาซ้ือขายดงั กลา่ วเป็นการซ้อื ขายอสังหาริมทรพั ย์ตามมาตรา ๒๕
ข้อสังเกต
มาตรา ๑๓ เป็นกรณีท่ีมีการตราพระราชกฤษฎีกากําหนดที่ดินท่ีจะเวนคืนแล้ว
และยังไม่มีการตราพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ แต่รัฐมีความจําเป็นต้องเข้าครอบครองและ
ใช้อสังหาริมทรัพย์นั้นก่อนการเวนคืน ซึ่งกฎหมายบัญญัติให้เจ้าหน้าท่ีโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรี
จะประกาศการเข้าครอบครองและใช้อสังหาริมทรัพย์นั้นก่อนการเวนคืนก็ได้ ทั้งนี้ การประกาศดังกล่าว
มีผลในทางกฎหมายเป็นไปในทํานองเดียวกันกับการประกาศให้การเวนคืนเป็นกรณีท่ีมีความจําเป็น
โดยเร่งด่วนตามมาตรา ๑๓ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐
แตก่ รณตี ามกฎหมายใหม่มสี าระสําคญั บางประการแตกต่างออกไป ท่ีน่าสนใจมีดังนี้
(๑) ผู้มีอํานาจประกาศการเข้าครอบครองและใช้อสังหาริมทรัพย์ก่อนการ
เวนคืนตามมาตรา ๒๙ ได้แก่ เจ้าหน้าที่โดยความเห็นชอบของรัฐมนตรี แต่การประกาศให้การเวนคืน
เป็นกรณที ่มี คี วามจําเปน็ โดยเร่งด่วนตามมาตรา ๑๓ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
พ.ศ. ๒๕๓๐ เป็นอาํ นาจของคณะรฐั มนตรี
(๒) ประกาศดังกล่าวต้องประกาศให้ประชาชนทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า
๓๐ วัน โดยในประกาศต้องระบุด้วยว่าเจ้าของมีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทน และในกรณีท่ีเจ้าของไม่มา
รบั เงนิ คา่ ทดแทนเจา้ หน้าท่จี ะวางเงินค่าทดแทนไว้ ณ ที่ใด ซึง่ กระบวนการน้ีไม่มีกําหนดในการประกาศ
ให้การเวนคืนเป็นกรณีท่ีมีความจําเป็นโดยเร่งด่วนตามมาตรา ๑๓ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วย
การเวนคนื อสังหาริมทรพั ย์ พ.ศ. ๒๕๓๐
(๓) เม่ือได้จ่ายเงินค่าทดแทนแก่เจ้าของหรือวางเงินตามมาตรา ๔๖ แล้ว
กอ่ นเข้าครอบครองหรอื ใช้ประโยชน์ในอสังหาริมทรัพย์ เจ้าหน้าที่ต้องมีหนังสือแจ้งเจ้าของทราบล่วงหน้า
๑๗๒ รวมเร่ืองเด่นประเด็นเดด็ เกร็ดคดี (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๒)
ไม่น้อยกว่า ๙๐ วัน นับแต่วันที่จ่ายเงินค่าทดแทนหรือวางเงิน สาระสําคัญในส่วนนี้บางประการ
มีความแตกต่างจากการประกาศให้การเวนคืนเป็นกรณีที่มีความจําเป็นโดยเร่งด่วนตามมาตรา ๑๓
แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ คือ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วย
การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ บัญญัติให้เจ้าหน้าท่ีหรือผู้ซ่ึงได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่
มีอํานาจเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์น้ันได้ก่อนท่ีจะมีการเวนคืน แต่ต้องมีหนังสือแจ้งให้
เจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายซึ่งอสังหาริมทรัพย์น้ันทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๖๐ วัน
เม่ือเจ้าหน้าท่ีหรือผู้ซ่ึงได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่ได้วางเงินค่าทดแทนแล้ว ให้มีอํานาจเข้าครอบครอง
หรือใช้อสังหาริมทรัพย์น้ันได้ จะเห็นได้ว่า ระยะเวลาท่ีต้องแจ้งเจ้าของให้ทราบล่วงหน้าขั้นตํ่า
ตามกฎหมายใหม่ดูเหมือนจะยาวกว่า แต่ก็มีจุดเร่ิมต้นนับเวลาที่แน่ชัดกว่า กล่าวคือ ให้นับต้ังแต่วันที่
จา่ ยเงินค่าทดแทนหรือวางเงนิ ซึ่งตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐
ไมไ่ ดก้ ําหนดวันทใ่ี หเ้ ริม่ นับระยะเวลาไว้ตายตวั เช่นนน้ั
(๔) สาํ หรับกรณที ี่มีความจําเปน็ ต้องรอ้ื ถอนสิง่ ปลูกสรา้ ง หรอื ขนยา้ ยทรัพย์สนิ
เกี่ยวกับการแจ้งให้เจ้าของดําเนินการรื้อถอนส่ิงปลูกสร้าง และขนย้ายทรัพย์สิน นั้น ผู้เขียนมีข้อสังเกต
ทํานองเดยี วกันกบั ขอ้ (๓) ท้งั ในเร่อื งของระยะเวลาท่ตี อ้ งแจ้งและวนั ท่ีเร่ิมนับระยะเวลา
(๕) กฎหมายใหม่บัญญตั ิโดยชัดแจง้ ว่า การประกาศการเข้าครอบครองและ
ใช้อสังหาริมทรัพย์ก่อนการเวนคืนไม่เป็นการตัดสิทธิของเจ้าของและอํานาจของเจ้าหน้าท่ีที่จะทํา
สัญญาซ้ือขายอสังหาริมทรัพย์ตามมาตรา ๒๕ แม้พระราชกฤษฎีกาตามมาตรา ๘ จะส้ินอายุแล้วก็ตาม
แต่ตอ้ งกระทําก่อนท่จี ะมีการเสนอร่างพระราชบัญญัติเวนคืนที่ดินนั้นต่อสภาผู้แทนราษฎร และให้ถือว่า
การทําสัญญาซื้อขายดังกล่าวเป็นการซ้ือขายอสังหาริมทรัพย์ตามมาตรา ๒๕ ซึ่งตามพระราชบัญญัติ
ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ไม่มีกําหนดไว้ บทบัญญัติท่ีมีเพิ่มเติมนี้จึงก่อให้เกิด
ความชัดเจนในทางปฏิบัตแิ กเ่ จา้ หนา้ ท่ียิง่ ขน้ึ
๔.๓ ผลในทางกฎหมายของพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตท่ีดินท่ีจะเวนคืน
เกี่ยวกับทด่ี ินท่มี สี ถานะพิเศษ
บทกฎหมายท่เี กยี่ วขอ้ ง ไดแ้ ก่ มาตรา ๑๗ และมาตรา ๓๒
มาตรา ๑๗ เว้นแต่มีกฎหมายเฉพาะกําหนดไว้เป็นอย่างอ่ืน เม่ือพระราชกฤษฎีกา
ตามมาตรา ๘ ใชบ้ งั คบั แล้ว ถา้ ในแนวเขตท่ีดินทจี่ ะเวนคนื น้นั
(๑) มีที่ดินแปลงใดหรือส่วนใดท่ีจําเป็นต้องใช้ตามวัตถุประสงค์แห่งการเวนคืน
เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสําหรับพลเมืองใช้ร่วมกันแต่พลเมืองเลิกใช้ประโยชน์ในท่ีดินนั้น หรือ
ไดเ้ ปล่ียนสภาพจากการเปน็ ที่ดนิ สําหรบั พลเมอื งใช้ร่วมกัน เม่ือกระทรวงมหาดไทยได้ให้ความยินยอมแล้ว
หรือพลเมืองยังใช้ประโยชน์ในท่ีดินนั้นอยู่หรือยังไม่เปล่ียนสภาพจากการเป็นที่ดินสําหรับพลเมือง
ใช้ร่วมกนั เมื่อกระทรวงมหาดไทยได้ให้ความยินยอมตามหลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี ารที่กระทรวงมหาดไทยกําหนด
โดยรับฟังความคดิ เห็นของประชาชนด้วย และเจ้าหน้าที่ได้จัดท่ีดินแปลงอื่นให้พลเมืองใช้ร่วมกันแทน
ตามที่กระทรวงมหาดไทยกําหนดแล้ว ให้พระราชกฤษฎีกาตามมาตรา ๘ มีผลเป็นการถอนสภาพ
รวมเรอ่ื งเดน่ ประเดน็ เดด็ เกร็ดคดี (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๒) ๑๗๓
การเปน็ สาธารณสมบัติของแผ่นดินสําหรับที่ดินเฉพาะแปลงหรือส่วนท่ีจําเป็นต้องใช้ตามวัตถุประสงค์
แห่งการเวนคืนดังกล่าว โดยมิต้องดําเนินการถอนสภาพหรือโอนตามประมวลกฎหมายที่ดิน และให้
เจ้าหน้าท่มี อี ํานาจเขา้ ครอบครอง ดูแล และใช้ประโยชนใ์ นที่ดินนนั้ ได้
(๒) มีท่ีดินแปลงใดหรือส่วนใดท่ีจําเป็นต้องใช้ตามวัตถุประสงค์แห่งการเวนคืน
เปน็ สาธารณสมบัติของแผ่นดินใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ หรือที่ดินที่ได้สงวนหวงห้ามไว้
ตามความต้องการของทางราชการ เม่ือกระทรวงการคลังให้ความยินยอมหรือเจ้าหน้าท่ีผู้มีอํานาจในการ
หวงห้ามให้ความยินยอม และได้รับความยินยอมจากหน่วยงานของรัฐที่ครอบครองหรือใช้ประโยชน์
ในท่ีดินน้ันอยู่ในวันที่พระราชกฤษฎีกาตามมาตรา ๘ ใช้บังคับ ให้พระราชกฤษฎีกากําหนดเขตที่ดิน
ที่จะเวนคืนน้ันมีผลเป็นการถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือถอนการหวงห้ามสําหรับ
ที่ดินเฉพาะแปลง หรือส่วนที่จําเป็นต้องใช้ตามวัตถุประสงค์แห่งการเวนคืนดังกล่าว โดยมิต้องดําเนินการ
ถอนสภาพหรือถอนการหวงห้าม ตามกฎหมายว่าด้วยที่ราชพัสดุหรือตามประมวลกฎหมายที่ดิน
แลว้ แตก่ รณี และใหเ้ จ้าหน้าทมี่ ีอํานาจครอบครอง ดูแล และใชป้ ระโยชน์ที่ดินนั้นได้
(๓) มีที่ดินแปลงใดหรอื ส่วนใดที่จําเปน็ ต้องใช้ตามวัตถุประสงค์แห่งการเวนคืนเป็นที่ดิน
รกร้างว่างเปล่า หรือท่ีดินซ่ึงมีผู้เวนคืนหรือทอดทิ้งหรือกลับมาเป็นของแผ่นดินโดยประการอื่น
ตามประมวลกฎหมายที่ดิน และท่ีดินน้ันอยู่นอกเขตป่าไม้ถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อได้แจ้งให้
กระทรวงมหาดไทยทราบแล้ว ใหเ้ จา้ หนา้ ทม่ี อี ํานาจเข้าครอบครอง ดแู ล และใช้ประโยชน์ที่ดินนั้นได้
(๔) มีท่ีดินแปลงใดหรือส่วนใดที่จําเป็นต้องใช้ตามวัตถุประสงค์แห่งการเวนคืน
เป็นป่าสงวนแห่งชาติ ให้เจ้าหน้าท่ีขอความเห็นชอบการใช้พ้ืนท่ีนั้นจากอธิบดีกรมป่าไม้ และเมื่ออธิบดี
กรมป่าไม้ให้ความเห็นชอบแล้ว ให้พระราชกฤษฎีกาตามมาตรา ๘ มีผลเป็นการเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติ
เฉพาะแปลงหรือส่วนที่จําเป็นต้องใช้ตามวัตถุประสงค์แห่งการเวนคืนดังกล่าวตั้งแต่วันที่อธิบดีกรมป่าไม้
ให้ความเห็นชอบ โดยมิต้องดําเนินการเพิกถอนสภาพตามกฎหมายว่าด้วยป่าสงวนแห่งชาติ และ
ใหเ้ จ้าหนา้ ทม่ี อี ํานาจเขา้ ครอบครอง ดูแล และใชป้ ระโยชนท์ ดี่ นิ นัน้ ได้
ในการดําเนินการตามวรรคหนึ่ง ถ้าเจ้าหน้าที่ได้จ่ายค่าตอบแทนให้แก่กระทรวง
การคลัง ตามอัตรา หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขท่ีกระทรวงการคลังกําหนดโดยความเห็นชอบ
ของคณะรฐั มนตรแี ลว้ ให้กรรมสทิ ธิ์ในทด่ี นิ น้นั ตกเป็นของเจา้ หน้าท่ี
มาตรา ๓๒ ในกรณีที่ดินท่ีจะเวนคืนเป็นท่ีวัด ท่ีธรณีสงฆ์ หรือที่ศาสนสมบัติกลาง
ถ้ามหาเถรสมาคมไม่ขัดข้อง และเจ้าหน้าท่ีได้จ่ายค่าผาติกรรมแล้ว ให้ถือว่าพระราชกฤษฎีกา
ตามมาตรา ๘ เป็นพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธ์ิที่วัด ท่ีธรณีสงฆ์ หรือที่ศาสนสมบัติกลางให้แก่
ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอ่ืนของรัฐ ที่ออกตามกฎหมายว่าด้วยคณะสงฆ์ด้วย และ
ให้กรรมสทิ ธ์ิในอสงั หาริมทรัพย์น้ันโอนมาเป็นของเจ้าหน้าท่ี
มาตรา ๑๗ และมาตรา ๓๒ เป็นบทบัญญัติท่ีกําหนดผลในทางกฎหมาย
กรณีท่ีมีการตราพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตท่ีดินท่ีจะเวนคืน แล้วปรากฏว่ามีที่ดินแปลงใดหรือ
ส่วนใดท่ีจําเป็นต้องใช้ตามวัตถุประสงค์แห่งการเวนคืนเป็นที่ดินของรัฐ เพ่ือให้เกิดความคล่องตัวในการ
๑๗๔ รวมเร่ืองเด่นประเด็นเด็ด เกร็ดคดี (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๒)
ใช้ประโยชน์ท่ีดินดังกล่าว กฎหมายจึงกําหนดให้พระราชกฤษฎีกากําหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนมีผล
เป็นการถอนสภาพท่ีดินของรัฐในบางกรณี ทั้งน้ี ตามเงื่อนไขหรือวิธีการที่กําหนด ซึ่งอาจจําแนกเป็น
กรณตี ่าง ๆ ได้ดงั นี้
(๑) ท่ีดินประเภทสาธารณสมบัติของแผ่นดินสําหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน
แบ่งเป็น ๒ กรณี ดงั น้ี
๑) กรณีพลเมืองเลิกใช้ประโยชน์ในท่ีดินนั้นหรือได้เปล่ียนสภาพ
จากการเป็นที่ดินสาํ หรับพลเมืองใช้ร่วมกนั แลว้ เมือ่ กระทรวงมหาดไทยได้ใหค้ วามยนิ ยอมแลว้
๒) กรณีพลเมืองยังใช้ประโยชน์ในท่ีดินนั้นอยู่หรือยังไม่เปลี่ยนสภาพ
จากการเป็นท่ีดินสําหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน เม่ือกระทรวงมหาดไทยได้ให้ความยินยอมตามหลักเกณฑ์
และวธิ ีการท่กี ระทรวงมหาดไทยกาํ หนดโดยรบั ฟงั ความคดิ เห็นของประชาชนด้วย และเจา้ หน้าที่ได้จัด
ท่ีดินแปลงอ่นื ให้พลเมืองใชร้ ว่ มกนั แทนตามที่กระทรวงมหาดไทยกําหนดแล้ว
ให้พระราชกฤษฎีกากําหนดเขตท่ีดินที่จะเวนคืนมีผลเป็นการถอนสภาพ
การเปน็ สาธารณสมบัติของแผ่นดินสําหรับที่ดินเฉพาะแปลงหรือส่วนท่ีจําเป็นต้องใช้ตามวัตถุประสงค์
แห่งการเวนคืนดังกล่าว โดยมิต้องดําเนินการถอนสภาพหรือโอนตามประมวลกฎหมายที่ดิน
และใหเ้ จ้าหน้าท่ีมอี าํ นาจเขา้ ครอบครอง ดแู ล และใชป้ ระโยชน์ในทีด่ ินนัน้ ได้
(๒) ท่ีดินประเภทสาธารณสมบัติของแผ่นดินใช้เพ่ือประโยชน์ของแผ่นดิน
โดยเฉพาะ หรือทดี่ ินที่ได้สงวนหวงห้ามไวต้ ามความต้องการของทางราชการ
เมื่อกระทรวงการคลังให้ความยินยอมหรือเจ้าหน้าที่ผู้มีอํานาจในการ
หวงห้ามให้ความยินยอม และได้รับความยินยอมจากหน่วยงานของรัฐที่ครอบครองหรือใช้ประโยชน์
ในที่ดินนั้นอยู่ในวันท่ีพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตท่ีดินท่ีจะเวนคืนใช้บังคับ ให้พระราชกฤษฎีกา
กําหนดเขตท่ีดินที่จะเวนคืนน้ันมีผลเป็นการถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือ
ถอนการหวงห้ามสําหรับท่ีดินเฉพาะแปลง หรือส่วนที่จําเป็นต้องใช้ตามวัตถุประสงค์แห่งการเวนคืน
ดังกล่าว โดยมิต้องดําเนินการถอนสภาพหรือถอนการหวงห้ามตามกฎหมายว่าด้วยท่ีราชพัสดุหรือ
ตามประมวลกฎหมายท่ีดิน แล้วแต่กรณี และให้เจ้าหน้าที่มีอํานาจครอบครอง ดูแล และใช้ประโยชน์
ทีด่ ินน้ันได้
(๓) ท่ีดินประเภทท่ีดินรกร้างว่างเปล่า หรือที่ดินซ่ึงมีผู้เวนคืนหรือทอดทิ้งหรือ
กลับมาเปน็ ของแผ่นดนิ โดยประการอน่ื ตามประมวลกฎหมายที่ดนิ และทด่ี นิ นน้ั อยู่นอกเขตป่าไม้ถาวร
ตามมติคณะรฐั มนตรี
เม่ือได้แจ้งให้กระทรวงมหาดไทยทราบแล้ว ให้เจ้าหน้าที่มีอํานาจ
เข้าครอบครอง ดแู ล และใช้ประโยชนท์ ่ดี นิ นัน้ ได้
รวมเรอ่ื งเด่นประเด็นเดด็ เกร็ดคดี (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๒) ๑๗๕
(๔) ท่ดี ินประเภทปา่ สงวนแหง่ ชาติ
ให้เจ้าหน้าท่ีขอความเห็นชอบการใช้พ้ืนท่ีน้ันจากอธิบดีกรมป่าไม้
และเม่ืออธิบดีกรมป่าไม้ให้ความเห็นชอบแล้ว ให้พระราชกฤษฎีกากําหนดเขตที่ดินท่ีจะเวนคืนมีผล
เป็นการเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติเฉพาะแปลงหรือส่วนท่ีจําเป็นต้องใช้ตามวัตถุประสงค์แห่งการเวนคืน
ดังกล่าวตั้งแต่วันที่อธิบดีกรมป่าไม้ให้ความเห็นชอบ โดยมิต้องดําเนินการเพิกถอนสภาพตามกฎหมาย
ว่าดว้ ยปา่ สงวนแหง่ ชาติ และใหเ้ จ้าหนา้ ท่มี อี าํ นาจเข้าครอบครอง ดูแล และใชป้ ระโยชนท์ ี่ดนิ นน้ั ได้
ทัง้ น้ี ท่ีดนิ ดงั กล่าวขา้ งต้น ถ้าเจ้าหน้าที่ได้จ่ายค่าตอบแทนให้แก่กระทรวง
การคลัง ตามอัตรา หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขท่ีกระทรวงการคลังกําหนดโดยความเห็นชอบ
ของคณะรฐั มนตรีแลว้ ให้กรรมสิทธใ์ิ นที่ดนิ นัน้ ตกเป็นของเจ้าหน้าท่ี
ข้อสังเกต
กรณีท่ีดินประเภทต่าง ๆ ข้างต้น กฎหมายให้อํานาจเจ้าหน้าท่ีในการ
เข้าครอบครอง ดูแล และใช้ประโยชน์ในท่ีดินนั้นได้ เมื่อได้ดําเนินการตามกระบวนการท่ีกฎหมาย
กําหนด แม้กรรมสิทธ์ิจะยังไม่ตกเป็นของเจ้าหน้าที่น้ัน โดยกรรมสิทธ์ิในท่ีดินดังกล่าวจะตกเป็นของ
เจ้าหน้าท่ีเม่ือเจ้าหน้าท่ีได้จ่ายค่าตอบแทนให้แก่กระทรวงการคลัง ตามอัตรา หลักเกณฑ์ วิธีการ
และเง่ือนไขทก่ี ระทรวงการคลงั กําหนดโดยความเห็นชอบของคณะรฐั มนตรแี ลว้
(๕) ทด่ี ินท่ีเปน็ วดั ทีธ่ รณีสงฆ์ หรอื ทีศ่ าสนสมบตั ิกลาง
ถ้ามหาเถรสมาคมไม่ขัดข้อง และเจ้าหน้าท่ีได้จ่ายค่าผาติกรรมแล้ว
ใหถ้ อื ว่าพระราชกฤษฎกี ากําหนดเขตท่ีดินท่ีจะเวนคนื เป็นพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธ์ิที่วัด ท่ีธรณีสงฆ์
หรือที่ศาสนสมบัติกลางให้แก่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอ่ืนของรัฐ ท่ีออกตามกฎหมาย
ว่าด้วยคณะสงฆด์ ้วย และให้กรรมสทิ ธ์ิในอสังหารมิ ทรพั ยน์ ้ันโอนมาเป็นของเจ้าหนา้ ท่ี
ขอ้ สังเกต
ในส่วนของบทบัญญัติมาตรา ๓๒ ซ่ึงเป็นเร่ืองของการเวนคืนที่ดิน
ทเ่ี ปน็ วดั ที่ธรณสี งฆ์ หรอื ทศ่ี าสนสมบตั กิ ลางนี้ เป็นการบัญญัตหิ ลักการท่ีแตกตา่ งไปจากทเ่ี คยกําหนดใน
พระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ซ่ึงเดิมไม่มีบทบัญญัติกําหนดให้
ในกรณีทีม่ กี ารตราพระราชกฤษฎกี ากาํ หนดเขตท่ีดินในบริเวณท่ีท่ีจะเวนคืนจะมีผลเป็นการเปลี่ยนสถานะ
ของที่ดินดังกล่าว คงมีแต่กรณีตามมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
พ.ศ. ๒๕๓๐ ท่ีกําหนดให้กรณีท่ีมีการตราพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์แล้ว ให้ถือว่า
พระราชบัญญัติน้ันเป็นพระราชบัญญัติโอนกรรมสิทธ์ิที่วัดหรือที่ธรณีสงฆ์ตามกฎหมายว่าด้วยคณะสงฆ์
อย่างไรก็ตาม การแก้ไขตามกฎหมายใหม่น้ีจะสอดคล้องกับมาตรา ๓๔๔ แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์
๔ พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับท่ี ๒)
พ.ศ. ๒๕๓๕
มาตรา ๓๔ การโอนกรรมสิทธิ์ท่ีวัด ท่ีธรณีสงฆ์ หรือท่ีศาสนสมบัติกลาง ให้กระทําได้ก็แต่โดยพระราชบัญญัติ
เวน้ แต่เปน็ กรณีตามวรรคสอง
๑๗๖ รวมเร่ืองเดน่ ประเด็นเด็ด เกร็ดคดี (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๒)
พ.ศ. ๒๕๓๕ ซ่ึงแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ อย่างไรก็ดี
มีข้อสังเกตเพ่ิมเติมวา่ กรณที ใ่ี ห้ถือวา่ พระราชกฤษฎีกากําหนดเขตทดี่ ินทจ่ี ะเวนคนื เป็นพระราชกฤษฎีกา
โอนกรรมสิทธิ์ที่วัด ที่ธรณีสงฆ์ หรือที่ศาสนสมบัติกลางน้ี จะต้องเป็นกรณีที่มหาเถรสมาคมไม่ขัดข้อง
จึงมีกรณีน่าพิจารณาว่า หากมหาเถรสมาคมขัดข้อง และยังคงมีความจําเป็นต้องใช้ที่ดินดังกล่าว
ตามวัตถุประสงค์แห่งการเวนคืน กรณีก็คงต้องมีการตราพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
เพ่ือเวนคืนที่ดินดังกล่าว ปัญหามีว่า กฎหมายใหม่ไม่มีบทบัญญัติรองรับให้การตราพระราชบัญญัติ
เวนคืนอสังหาริมทรัพยม์ ผี ลเป็นการตราพระราชบัญญัติโอนกรรมสิทธ์ิที่วัดหรือท่ีธรณีสงฆ์ตามกฎหมาย
ว่าดว้ ยคณะสงฆ์ดังเช่นท่เี คยบญั ญัติไว้ในพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐
เช่นนี้แล้ว ต้องมีการตราพระราชบัญญัติโอนกรรมสิทธ์ิที่วัด ที่ธรณีสงฆ์ หรือท่ีศาสนสมบัติกลาง
ตามนัยมาตรา ๓๔ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๓๕ ซ่ึงแก้ไขเพ่ิมเติมโดย
พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ อีกหรือไม่ ซ่ึงคงต้องรอดูแนวทางการปฏิบัติ
ของผู้เกย่ี วขอ้ งหากเกิดปัญหาดงั กลา่ วในอนาคตต่อไป
๔.๔ การตราพระราชบัญญตั ิเวนคนื อสังหาริมทรพั ย์
(๑) กรณีทจี่ ะตราพระราชบัญญัตเิ วนคนื อสังหารมิ ทรพั ย์
บทกฎหมายท่ีเก่ยี วข้อง ได้แก่ มาตรา ๒๘ วรรคหนึ่ง และมาตรา ๓๐
มาตรา ๒๘ ในกรณีท่ีเจ้าของรายใดไม่ตกลงซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ตามมาตรา ๒๕
ให้ดําเนินการตราพระราชบญั ญัตเิ วนคืนอสงั หาริมทรพั ยต์ ่อไปโดยเร็ว
ฯลฯ ฯลฯ
มาตรา ๓๐ ในกรณีท่ีทราบรายละเอียดตามมาตรา ๒๙ (๔) (๕) และ (๖) แล้ว
จะดําเนินการตราพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์โดยไม่ตราพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา ๘
กอ่ นก็ได้
จากบทบญั ญัติดังกล่าว อาจกล่าวได้ว่า ในกรณีที่จะตราพระราชบัญญัติ
เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ดําเนินการได้ใน ๒ กรณี คอื
๑) กรณีท่ีมีการตราพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตที่ดินท่ีจะเวนคืน
ออกมาก่อน เพ่ือสํารวจท่ีดินที่จะเวนคืน แล้วปรากฏว่าในช้ันการเจรจาตกลงซื้อขาย มีที่ดินแปลงท่ี
การโอนกรรมสิทธ์ิที่วัด ท่ีธรณีสงฆ์ หรอื ที่ศาสนสมบัติกลาง ให้แก่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่น
ของรฐั เม่ือมหาเถรสมาคมไม่ขัดขอ้ งและไดร้ บั คา่ ผาติกรรมจากส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานนั้นแล้ว ให้กระทํา
โดยพระราชกฤษฎกี า
ห้ามมิให้บุคคลใดยกอายุความขึ้นต่อสู้กับวัดหรือสํานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ แล้วแต่กรณี ในเรื่อง
ทรัพยส์ ินอนั เป็นทวี่ ัด ท่ีธรณีสงฆ์ หรอื ท่ีศาสนสมบตั ิกลาง
รวมเรือ่ งเดน่ ประเด็นเดด็ เกร็ดคดี (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๒) ๑๗๗
จําเป็นต้องใช้ตามวัตถุประสงค์แห่งการเวนคืนเจ้าของไม่ตกลงซื้อขายด้วย จึงจําต้องดําเนินการตรา
พระราชบัญญัติเวนคนื อสงั หารมิ ทรพั ย์เพอ่ื เวนคืนที่ดินแปลงดังกล่าว
๒) กรณีที่เจ้าหน้าท่ีทราบรายละเอียดเกี่ยวกับท่ีดินหรืออสังหาริมทรัพย์
ที่ต้องเวนคืน รายช่ือเจ้าของท่ีดินหรืออสังหาริมทรัพย์ และแผนท่ีแสดงแนวเขตท่ีดินที่เวนคืน
อย่างชัดเจนอยู่แล้ว ไม่จําเป็นต้องมีการสํารวจท่ีดินอีก สามารถตราพระราชบัญญัติเวนคืน
อสงั หาริมทรัพยไ์ ดโ้ ดยไมต่ ้องตราพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตท่ดี นิ ทจี่ ะเวนคืนกอ่ น
(๒) องคป์ ระกอบของพระราชบัญญตั ิเวนคนื อสังหารมิ ทรพั ย์
บทกฎหมายทเ่ี กย่ี วข้อง ไดแ้ ก่ มาตรา ๒๙
มาตรา ๒๙ ในการตราพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์อย่างน้อยต้องกําหนด
รายละเอียดดังต่อไปน้ี
(๑) วัตถปุ ระสงค์แห่งการเวนคนื
(๒) ระยะเวลาการเข้าใช้ทดี่ นิ หรืออสงั หาริมทรพั ย์
(๓) เจ้าหนา้ ท่ีเวนคนื
(๔) รายละเอียดเกยี่ วกับทีด่ นิ หรืออสังหาริมทรพั ยท์ ต่ี อ้ งเวนคืน
(๕) รายชื่อเจา้ ของท่ีดินหรอื อสงั หารมิ ทรัพย์
(๖) แผนทแ่ี สดงแนวเขตทด่ี นิ ท่ีเวนคืนอย่างชดั เจน
ในพระราชบัญญัติตามวรรคหนึ่งจะกําหนดจํานวนเงินค่าทดแทนสําหรับอสังหาริมทรัพย์
ท่ถี ูกเวนคนื ไว้ดว้ ยก็ได้
ในกรณีมีเหตุจําเป็น จะแก้ไขวัตถุประสงค์แห่งการเวนคืนก็ได้ แต่ต้องตราเป็น
พระราชบัญญตั ิแก้ไขเพิ่มเติม ท้ังนี้ การแก้ไขดังกล่าวตอ้ งกระทาํ ไมช่ า้ กวา่ ระยะเวลาตามมาตรา ๕๑
ข้อสงั เกต
๑) กฎหมายใหม่กําหนดองค์ประกอบของพระราชบัญญัติเวนคืน
อสังหาริมทรัพย์เพิ่มข้ึนจากที่เคยกําหนดไว้ในพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
พ.ศ. ๒๕๓๐ โดยองค์ประกอบท่ีน่าสนใจที่เพ่ิมเติมขึ้นมา ได้แก่ ระยะเวลาการเข้าใช้ท่ีดิน
หรืออสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นการบัญญัติที่สอดคล้องกับมาตรา ๓๗ วรรคห้า๕ ของรัฐธรรมนูญ
๕ รัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐
มาตรา ๓๗ บุคคลยอ่ มมสี ิทธใิ นทรพั ย์สินและการสืบมรดก
ขอบเขตแห่งสทิ ธิและการจํากดั สิทธเิ ชน่ วา่ น้ี ให้เป็นไปตามท่ีกฎหมายบญั ญัติ
การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์จะกระทํามิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ตราขึ้น
เพื่อการอันเป็นสาธารณูปโภค การป้องกันประเทศ หรือการได้มาซ่ึงทรัพยากรธรรมชาติ หรือเพ่ือประโยชน์สาธารณะ
อย่างอื่น และต้องชดใช้ค่าทดแทนท่ีเป็นธรรม ภายในเวลาอันควรแก่เจ้าของตลอดจนผู้ทรงสิทธิบรรดาท่ีได้รับความเสียหาย
๑๗๘ รวมเร่ืองเด่นประเดน็ เด็ด เกร็ดคดี (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๒)
แห่งราชอาณาจักรไทยฉบับปัจจุบัน ซึ่งเกี่ยวกับเร่ืองระยะเวลาการเข้าใช้ท่ีดินหรืออสังหาริมทรัพย์นี้
เป็นเรื่องใหม่ท่ีไม่เคยกําหนดไว้ในพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐
มาก่อน อย่างไรก็ตาม ไม่พบว่ามีบทบัญญัติมาตราใดกําหนดกรอบระยะเวลานานท่ีสุดที่จะระบุไว้
ในพระราชบัญญัตเิ วนคนื อสังหารมิ ทรพั ย์ฯ
๒) ในเร่ืองของการกําหนดวัตถุประสงค์ของการเวนคืน มีประเด็น
น่าสนใจ คือ ตามกฎหมายใหม่บัญญัติให้ ในกรณีที่มีเหตุจําเป็น จะแก้ไขวัตถุประสงค์แห่งการเวนคืนก็ได้
แต่ต้องตราเป็นพระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติม แต่การแก้ไขดังกล่าวต้องกระทําไม่ช้ากว่าระยะเวลา
การเข้าใช้ท่ีดินหรืออสังหาริมทรัพย์ตามท่ีกําหนดในพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
ซึ่งเก่ียวกับเร่ืองการแก้ไขวัตถุประสงค์การเวนคืนนี้เป็นเรื่องใหม่ท่ีไม่เคยกําหนดไว้ในพระราชบัญญัติ
ว่าดว้ ยการเวนคนื อสังหารมิ ทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ มากอ่ น
(๓) ผลของการตราพระราชบัญญัติเวนคนื อสงั หารมิ ทรพั ย์
บทกฎหมายทีเ่ ก่ยี วขอ้ ง ไดแ้ ก่ มาตรา ๓๑ และมาตรา ๓๒
มาตรา ๓๑ เมื่อมีการตราพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์สําหรับ
อสังหาริมทรพั ย์ใดแล้ว ให้กรรมสทิ ธ์ใิ นอสังหาริมทรัพย์น้ันตกเป็นของเจ้าหน้าที่นับแต่วันที่พระราชบัญญัติ
ดังกล่าวใช้บังคับ แต่เจ้าหน้าท่ีจะเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์น้ันได้ ก็ต่อเมื่อได้จ่ายหรือ
วางเงนิ คา่ ทดแทนตามที่บัญญัติไวใ้ นพระราชบญั ญัตนิ ้ีแล้ว
มาตรา ๓๑ เป็นบทบัญญัติท่ีกําหนดถึงผลของการตราพระราชบัญญัติ
เวนคืนอสงั หาริมทรัพยส์ าํ หรับกรณที ด่ี นิ ท่ัวไป ซงึ่ มีสาระสําคัญทาํ นองเดียวกันกบั ท่ีบญั ญตั ใิ นมาตรา ๑๖
วรรคหนึง่ แหง่ พระราชบัญญัติวา่ ด้วยการเวนคนื อสังหาริมทรพั ย์ พ.ศ. ๒๕๓๐
จากการเวนคืน โดยคํานึงถึงประโยชน์สาธารณะผลกระทบต่อผู้ถูกเวนคืน รวมท้ังประโยชน์ที่ผู้ถูกเวนคืนอาจได้รับ
จากการเวนคนื น้นั
การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ให้กระทําเพียงเท่าท่ีจําเป็นต้องใช้เพื่อการที่บัญญัติไว้ในวรรคสาม เว้นแต่
เปน็ การเวนคืนเพื่อนําอสงั หาริมทรัพยท์ เ่ี วนคนื ไปชดเชยให้เกดิ ความเปน็ ธรรมแกเ่ จา้ ของอสังหาริมทรัพย์ท่ีถูกเวนคืน
ตามที่กฎหมายบัญญัติ
กฎหมายเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ต้องระบุวัตถุประสงค์แห่งการเวนคืนและกําหนดระยะเวลาการเข้าใช้
อสังหารมิ ทรพั ย์ใหช้ ดั แจง้ ถ้ามไิ ด้ใช้ประโยชน์เพื่อการนั้นภายในระยะเวลาท่ีกําหนดหรือมีอสังหาริมทรัพย์เหลือจาก
การใชป้ ระโยชน์ และเจ้าของเดมิ หรอื ทายาทประสงคจ์ ะได้คนื ใหค้ ืนแก่เจ้าของเดมิ หรือทายาท
ระยะเวลาการขอคืนและการคืนอสังหาริมทรัพย์ท่ีถูกเวนคืนท่ีมิได้ใช้ประโยชน์ หรือที่เหลือจากการ
ใชป้ ระโยชน์ใหแ้ ก่เจา้ ของเดิมหรอื ทายาท และการเรียกคืนค่าทดแทนท่ชี ดใช้ไป ให้เปน็ ไปตามทีก่ ฎหมายบญั ญัติ
การตรากฎหมายเวนคืนอสังหาริมทรัพย์โดยระบุเจาะจงอสังหาริมทรัพย์หรือเจ้าของอสังหาริมทรัพย์
ทถ่ี กู เวนคืนตามความจาํ เป็น มใิ หถ้ อื ว่าเปน็ การขัดต่อมาตรา ๒๖ วรรคสอง
รวมเรอื่ งเดน่ ประเดน็ เดด็ เกร็ดคดี (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๒) ๑๗๙
๔.๕ กระบวนการดําเนนิ การเวนคืนโดยสรปุ
(๑) เมื่อรัฐมีความจําเป็นต้องเวนคืนที่ดิน และจําเป็นต้องสํารวจเพื่อให้
ทราบถึงท่ีดนิ ท่ีต้องได้มาโดยแน่ชดั ให้ตราพระราชกฤษฎกี ากาํ หนดเขตที่ดนิ ทจี่ ะเวนคนื (มาตรา ๘)
ในกรณีที่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับท่ีดินหรืออสังหาริมทรัพย์ที่ต้อง
เวนคืน รายชื่อเจ้าของที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ แผนที่แสดงแนวเขตที่ดินที่เวนคืนอย่างชัดเจนแล้ว
จะดําเนินการตราพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์โดยไม่ตราพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา ๘
ก่อนกไ็ ด้ (มาตรา ๓๐)
(๒) เม่ือมีการตราพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตที่ดินท่ีจะเวนคืนแล้ว
กฎหมายกําหนดให้เจ้าหน้าท่ีเผยแพร่พระราชกฤษฎีกาดังกล่าวให้ประชาชนทราบเป็นการทั่วไป
โดยนอกจากต้องดําเนินการตามมาตรา ๕ แล้ว ให้ปิดประกาศไว้โดยเปิดเผย ณ สถานท่ีดังต่อไปนี้ด้วย
๑) ที่ทําการของเจ้าหน้าที่ ๒) ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร สํานักงานเขต ศาลากลางจังหวัด ท่ีว่าการ
อําเภอหรือกิ่งอําเภอ ท่ีทําการกํานัน ที่ทําการผู้ใหญ่บ้าน และที่ทําการขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน
ทั้งนี้ เฉพาะในท้องที่ที่อสังหาริมทรัพย์นั้นตั้งอยู่ ๓) สํานักงานท่ีดินจังหวัดและสํานักงานท่ีดินอําเภอ
ในทอ้ งท่ีทีอ่ สังหาริมทรัพยน์ ัน้ ตง้ั อยู่ (มาตรา ๑๑)
(๓) ภายในกําหนดระยะเวลาการใชบ้ งั คับพระราชกฤษฎีกา พนักงานเจ้าหน้าที่
มสี ทิ ธเิ ข้าไปในท่ีดนิ และอสงั หารมิ ทรัพย์ที่อยู่ภายในแนวเขตที่ดินที่จะเวนคืน และกระทําการเท่าท่ีจําเป็น
เพื่อทําการสํารวจให้ทราบข้อเท็จจริงเก่ียวกับอสังหาริมทรัพย์ แต่ต้องแจ้งเป็นหนังสือให้เจ้าของทราบถึง
กิจการที่จะกระทําล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสิบห้าวันก่อนวันเข้าทําการสํารวจ และต้องระมัดระวังมิให้เกิด
ความเสียหายแก่เจ้าของ ในกรณีท่ีเกิดความเสียหาย เจ้าของชอบท่ีจะได้รับเงินค่าชดเชยสําหรับ
ความเสียหายทเี่ กดิ ขน้ึ จากกิจการที่กระทาํ นัน้ (มาตรา ๑๒)
ขอ้ สงั เกต
บทบัญญัตินี้ กําหนดความรับผิดของรัฐในกรณีท่ีพนักงานเจ้าหน้าที่
เข้าสํารวจในที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ภายในแนวเขตท่ีดินที่จะเวนคืน แล้วเกิดความเสียหาย
แก่เจ้าของขึน้ ซ่ึงบทบญั ญัตินี้มีเนอ้ื หาทํานองเดียวกันกับมาตรา ๘ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืน
อสงั หารมิ ทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐
(๔) พนักงานเจ้าหน้าที่ที่เข้าทําการสํารวจตามมาตรา ๑๒ ต้องชี้แจง เผยแพร่
ข้อมูลและสร้างความเข้าใจเก่ียวกับวัตถุประสงค์แห่งการเวนคืนให้ประชาชนทราบ พร้อมท้ังรับฟัง
ความคิดเห็นของประชาชนเพื่อนํามาประกอบการพิจารณาด้วย ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการ
ทเี่ จา้ หน้าท่ีประกาศกําหนด (มาตรา ๑๔)
๑๘๐ รวมเรื่องเด่นประเดน็ เดด็ เกร็ดคดี (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๒)
ขอ้ สงั เกต
ในการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเพ่ือนํามาประกอบการพิจารณา
ตามบทบัญญัติน้ี หมายถึง นํามาประกอบการพิจารณาเฉพาะในการกําหนด “ที่ดินท่ีจะเวนคืน”
ภายในแนวเขตทีด่ นิ ที่จะเวนคนื ตามพระราชกฤษฎกี ากาํ หนดเขตท่ีดนิ ในบรเิ วณที่ท่จี ะเวนคนื เท่านั้น๖
(๕) ในระหว่างการดําเนินการสํารวจ เม่ือพนักงานเจ้าหน้าที่ทราบถึงที่ดิน
ที่จะเวนคืนแปลงใดแล้ว ในกรณีที่จําเป็นต้องมีการรังวัดให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดําเนินการรังวัดท่ีดิน
แปลงนั้นด้วย แต่ต้องแจ้งกําหนดวันเวลาการรังวัดเป็นหนังสือให้เจ้าของท่ีดินที่เก่ียวข้องทราบและมาช้ี
หรือระวังแนวเขตโดยต้องแจ้งล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๑๕ วัน (มาตรา ๑๕ วรรคหน่ึง) ในกรณีท่ีเจ้าของที่ดิน
ไม่มาช้ีหรอื ระวังแนวเขต หรอื มาแต่ไมย่ อมลงชือ่ รับรองแนวเขต ใหพ้ นกั งานเจ้าหน้าท่ีดําเนินการรงั วัด
ต่อไปได้โดยไม่ต้องมีการช้ีหรือรับรองแนวเขต (มาตรา ๑๕ วรรคสอง) ในการรังวัด พนักงานเจ้าหน้าท่ี
จะทําการรังวัดเองหรือขอให้เจ้าพนักงานท่ีดินทําการรังวัดให้ หรือมอบหมายให้ช่างรังวัดเอกชน
ตามกฎหมายว่าด้วยช่างรังวัดเอกชนทําการรังวัดก็ได้ และให้ถือว่าการรังวัดดังกล่าว เป็นการรังวัด
ของเจา้ พนักงานทด่ี นิ ตามประมวลกฎหมายทด่ี ิน (มาตรา ๑๕ วรรคสาม)
(๖) เม่ือพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตทีด่ ินที่จะเวนคืนใช้บังคับแล้ว ให้เจ้าหน้าท่ี
แจ้งรายละเอียดเก่ยี วกับท่ีดินทอี่ ย่ใู นแนวเขตท่ีดนิ ทจ่ี ะเวนคืนให้กรมที่ดินทราบ และให้เป็นหน้าท่ีของ
พนักงานเจ้าหน้าท่ีจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเก่ียวกับอสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายท่ีดิน
ท่ีอยู่ในแนวเขตท่ีดินตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว ต้องแจ้งให้ผู้ท่ีประสงค์จะทํานิติกรรมใด ๆ เก่ียวกับ
ที่ดินน้ันทราบ โดยให้หมายเหตุไว้ในหนังสือแสดงสิทธิในท่ีดินตามวิธีการท่ีอธิบดีกรมท่ีดินกําหนด
โดยประกาศในราชกจิ จานุเบกษา (มาตรา ๑๖)
ข้อสังเกต
บทบัญญัติน้ี กําหนดหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ให้ต้องแจ้งรายละเอียด
เก่ียวกับท่ีดินที่อยู่ในแนวเขตที่ดินที่จะเวนคืนให้กรมท่ีดินทราบ และพนักงานเจ้าหน้าที่จดทะเบียนสิทธิ
และนิติกรรมเก่ียวกับอสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายท่ีดินจะต้องแจ้งให้ผู้ท่ีประสงค์จะทํา
นิติกรรมใด ๆ เกี่ยวกับท่ีดินน้ันทราบ โดยให้หมายเหตุไว้ในหนังสือแสดงสิทธิในท่ีดินตามวิธีการ
ท่ีอธิบดีกรมท่ีดินกําหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซ่ึงการที่กฎหมายบัญญัติโดยชัดแจ้งเช่นน้ี
อาจถือเป็นจุดแบ่งความรับผิดทางละเมิด หากเกิดกรณีที่เจ้าหน้าท่ีของหน่วยงานใดข้างต้นไม่ปฏิบัติ
ตามที่กฎหมายกําหนด และก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลที่มาทํานิติกรรมใด ๆ เก่ียวกับที่ดินนั้น
ในภายหลัง
(๗) เจา้ หน้าทีแ่ ต่งตั้งคณะกรรมการข้ึนคณะหน่งึ เพ่ือทําหน้าท่ีกําหนดราคา
อสังหาริมทรัพย์เบื้องต้นและเงินค่าทดแทน (มาตรา ๑๙) โดยคณะกรรมการตามมาตรา ๑๙ ต้องกําหนด
ราคาอสงั หารมิ ทรพั ยเ์ บอื้ งต้นภายในแนวเขตที่ดนิ ทจี่ ะเวนคืนให้แล้วเสร็จภายใน ๑๘๐ วัน นับแต่วันท่ี
ได้รับแต่งต้ัง และประกาศให้ประชาชนทราบ ณ สถานที่ที่กําหนดไว้ตามมาตรา ๑๑ (มาตรา ๒๑
๖ เรอื่ งเดยี วกัน. หน้า ๗-๘.
รวมเรอื่ งเด่นประเด็นเดด็ เกร็ดคดี (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๒) ๑๘๑
วรรคหน่ึง) ในกรณีที่มีเหตุจําเป็นและคณะกรรมการตามมาตรา ๑๙ ไม่อาจกําหนดราคาอสังหาริมทรัพย์
เบื้องต้นให้แล้วเสร็จได้ภายในระยะเวลาท่ีกําหนดไว้ รัฐมนตรีอาจอนุมัติให้ขยายระยะเวลาตามวรรคสอง
ได้ไมเ่ กนิ ๙๐ วนั โดยทําเป็นประกาศและระบเุ หตุผลการขยายระยะเวลาไว้ดว้ ย (มาตรา ๒๑ วรรคสอง)
(๘) ในกรณีที่รัฐมนตรีเห็นว่าราคาอสังหาริมทรัพย์เบ้ืองต้นที่คณะกรรมการ
ตามมาตรา ๑๙ ได้กําหนดไว้ตํ่าหรือสูงเกินไป ก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรม รัฐมนตรีจะเสนอคณะรัฐมนตรี
เพ่ือกําหนดราคาใหม่ให้เกิดความเป็นธรรมข้ึนก็ได้ ราคาที่คณะรัฐมนตรีกําหนดดังกล่าวให้ถือว่าเป็น
ราคาอสังหารมิ ทรัพยเ์ บื้องต้นทีค่ ณะกรรมการตามมาตรา ๑๙ กําหนด (มาตรา ๒๑ วรรคสาม)
(๙) ในระหว่างการใช้บังคับพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
เม่ือคณะกรรมการตามมาตรา ๑๙ ประกาศกําหนดราคาอสังหาริมทรัพย์เบื้องต้นแล้ว ให้เจ้าหน้าที่
ดําเนินการเจรจาตกลงซื้อขายและกําหนดเงินค่าทดแทนได้ในราคาที่ไม่เกินราคาอสังหาริมทรัพย์เบื้องต้น
ท่ีคณะกรรมการดังกล่าวกําหนด หากเจ้าของตกลงซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่จัดทํา
สัญญาซื้อขายกับเจ้าของโดยเร็วตามแบบที่เจ้าหน้าที่กําหนด และให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีจ่ายเงิน
ค่าทดแทนให้แก่เจ้าของภายใน ๑๒๐ วัน นับแต่วนั ทําสัญญาซื้อขาย ทั้งน้ี ใหถ้ ือวา่ ได้มีการโอนกรรมสิทธิ์
ในอสงั หารมิ ทรัพย์ดังกลา่ วนับแตว่ นั ชําระเงิน (มาตรา ๒๕)
ข้อสังเกต
๑) กฎหมายให้ถือว่ากรรมสทิ ธ์ใิ นอสงั หารมิ ทรัพย์โอนนบั แต่วันชาํ ระเงิน
๒) แม้บทบัญญัติในส่วนของการเจรจาตกลงซื้อขายและการเวนคืน
จะไม่ไดบ้ ัญญตั ถิ งึ สิทธิการอุทธรณจ์ าํ นวนเงินค่าทดแทนของเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ไว้ แต่โดยที่มาตรา ๔๙
วรรคหน่ึง บัญญัติว่า “ผู้มีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทนตามมาตรา ๔๐ ผู้ใดไม่พอใจเงินค่าทดแทน
ที่กําหนดไว้ในสัญญาซื้อขายตามมาตรา ๒๕ และเงินค่าทดแทนเพ่ิมเติมตามมาตรา ๒๖ วรรคสอง
เงินค่าทดแทนท่ีได้รับหรือวางเงินค่าทดแทนตามมาตรา ๒๘ วรรคสอง ให้มีสิทธิอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรี
ภายใน ๙๐ วัน นับแต่วันท่ีได้รับเงินจากเจ้าหน้าท่ีหรือรับเงินท่ีวางไว้ แล้วแต่กรณี” ดังน้ัน เจ้าของ
อสังหาริมทรัพย์ท่ีตกลงทําสัญญาซื้อขายกับเจ้าหน้าท่ี จึงมีสิทธิอุทธรณ์จํานวนเงินค่าทดแทนได้
เช่นเดียวกันกับเมื่อครั้งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ใช้บังคับ
ซ่ึงหากพิจารณาถ้อยคําตามตัวอักษรของกฎหมายใหม่นี้ จะเห็นได้ว่ากฎหมายบัญญัติถ้อยคําแตกต่างกัน
โดยตามมาตรา ๑๐ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐
บัญญัติว่า “ในกรณีท่ีสามารถตกลงซ้ือขายอสังหาริมทรัพย์ท่ีจะถูกเวนคืนตามวรรคหนึ่งได้ แต่ไม่อาจ
ตกลงกันได้ในเร่ืองจํานวนเงินค่าทดแทน หากเจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายจะขอรับ
เงินค่าทดแทนตามราคาเบื้องต้นท่ีคณะกรรมการตามมาตรา ๙ กําหนดไว้ไปก่อน โดยสงวนสิทธิ
อุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีตามมาตรา ๒๕ ก็ให้เจ้าหน้าท่ีหรือผู้ซ่ึงได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าท่ีดําเนินการ
ทําสญั ญา โดยมีเงอื่ นไขดังกลา่ ว แล้วจา่ ยคา่ ทดแทนไปกอ่ นได้” จึงเห็นได้วา่ สิทธิการอุทธรณ์จํานวนเงิน
ค่าทดแทนตามกฎหมายใหม่ เป็นสิทธิท่ีกฎหมายบัญญัติรองรับโดยชัดแจ้ง จึงไม่น่าจะต้องมีการระบุ
ในสญั ญาอกี วา่ “ขอรบั เงินคา่ ทดแทนตามราคาเบ้ืองตน้ ไปกอ่ น โดยสงวนสิทธิอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรี”
๑๘๒ รวมเรอื่ งเด่นประเดน็ เด็ด เกร็ดคดี (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๒)
(๑๐) ในกรณีท่ีเจ้าของรายใดไม่ตกลงซ้ือขายอสังหาริมทรัพย์ตามมาตรา ๒๕
ให้ดําเนินการตราพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ต่อไปโดยเร็ว (มาตรา ๒๘ วรรคหน่ึง)
เก่ยี วกับเรื่องของการตราพระราชบัญญตั ิเวนคืนอสังหารมิ ทรัพย์น้ี กฎหมายกาํ หนดวา่ ในกรณีท่ีทราบ
รายละเอยี ดตามมาตรา ๒๙ (๔) (๕) และ (๖) แล้ว จะดําเนินการตราพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
โดยไมต่ ราพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา ๘ กอ่ นกไ็ ด้ (มาตรา ๓๐)
(๑๑) ในกรณีที่มีการอุทธรณ์เงินค่าทดแทนต่อรัฐมนตรี ให้รัฐมนตรีแต่งตั้ง
คณะกรรมการขึ้นคณะหน่ึง เป็นผู้พิจารณาและเสนอความเห็นต่อรัฐมนตรีภายใน ๑๘๐ วัน นับแต่วันท่ี
ได้รับอุทธรณ์ และรัฐมนตรีต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ให้เสร็จสิ้นภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับความเห็นจาก
คณะกรรมการดังกล่าว (มาตรา ๔๙ วรรคสอง) ในกรณีที่มีเหตุจําเป็น คณะกรรมการไม่สามารถดําเนินการ
ให้แล้วเสร็จภายในกําหนดระยะเวลาข้างต้น ให้คณะกรรมการเสนอรัฐมนตรีเพ่ือพิจารณาขยายระยะเวลา
ออกไปอีกก็ได้ แต่ต้องเสนอต่อรัฐมนตรีก่อนส้ินกําหนดระยะเวลาดังกล่าว และรัฐมนตรีจะอนุญาตให้ขยาย
คร้ังเดียวหรือหลายครั้งก็ได้ แต่เมื่อรวมเวลาท่ีขยายแล้วต้องไม่เกิน ๑๘๐ วัน นับแต่วันสิ้นกําหนด
ระยะเวลา (มาตรา ๔๙ วรรคสาม)
๔.๖ แนวทางในการกาํ หนดราคาอสงั หาริมทรพั ยเ์ บอื้ งต้น
เมื่อพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตที่ดินในบริเวณท่ีท่ีจะเวนคืนใช้บังคับแล้ว
มาตรา ๑๙ บัญญัติให้เจ้าหน้าท่ีแต่งตั้งคณะกรรมการข้ึนคณะหน่ึง โดยมีองค์ประกอบตามที่กฎหมายน้ี
กําหนด เพื่อทําหน้าท่ีกําหนดราคาอสังหาริมทรัพย์เบื้องต้นและเงินค่าทดแทน โดยในการพิจารณา
กําหนดเงินค่าทดแทน กฎหมายกาํ หนดหลักการสาํ คัญดังตอ่ ไปน้ี
(๑) ขอ้ คาํ นงึ ในการกาํ หนดเงินค่าทดแทนเบ้อื งต้นสําหรับท่ีดินท่เี วนคืน
บทกฎหมายทเ่ี กย่ี วข้อง ได้แก่ มาตรา ๒๐
มาตรา ๒๐ การกําหนดราคาเบื้องต้นสําหรับที่ดินที่เวนคืน ให้คํานึงถึงราคา สภาพ
เหตุ และวตั ถปุ ระสงคด์ งั ตอ่ ไปนี้ประกอบกนั
(๑) ราคาทีซ่ ือ้ ขายกนั ตามปกตใิ นท้องตลาดของท่ีดนิ ในวนั ใช้บังคับพระราชกฤษฎีกา
ตามมาตรา ๘
(๒) ราคาประเมินท่ีดินของทางราชการที่กําหนดข้ึนเพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษี
ท่ีดนิ และสง่ิ ปลูกสร้าง
(๓) ราคาประเมินทุนทรัพย์เพ่ือเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและ
นติ ิกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน
(๔) สภาพและทต่ี ัง้ ของท่ดี นิ นนั้ และ
(๕) เหตุและวตั ถปุ ระสงคแ์ หง่ การเวนคืน
รวมเร่ืองเดน่ ประเดน็ เดด็ เกร็ดคดี (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๒) ๑๘๓
การกําหนดราคาเบื้องต้นตามวรรคหน่ึง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการ
ทีก่ าํ หนดในกฎกระทรวง
ขอ้ สงั เกต
๑) มาตรา ๒๐ เป็นเร่ืองของการกําหนดราคาเบ้ืองต้นสําหรับท่ีดินท่ีเวนคืน
ใหก้ ําหนดโดยคาํ นงึ ถงึ ราคา สภาพ เหตุ และวัตถปุ ระสงคต์ ามทก่ี ําหนดประกอบกนั
๒) หลักเกณฑ์การกําหนดเงินค่าทดแทนตามมาตรา ๒๐ นี้ มีเนื้อหา
ใกล้เคียงกันกับท่ีกําหนดในมาตรา ๒๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
พ.ศ. ๒๕๓๐ แตม่ ขี ้อแตกตา่ งกนั ประการหน่ึง คือ กฎหมายใหม่มีการกําหนดให้คํานึงถึงราคาประเมิน
ท่ีดินของทางราชการท่ีกําหนดขึ้นเพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีท่ีดินและสิ่งปลูกสร้างเพิ่มเติม และ
ตดั ราคาของอสงั หาริมทรัพย์ทม่ี กี ารตรี าคาไวเ้ พอ่ื ประโยชน์แก่การเสียภาษีบํารุงท้องที่ซึ่งเคยมีการกําหนด
ไว้ในมาตรา ๑๘ วรรคหนึ่ง (๒) แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐
ออกไป
๓) ในเร่อื งของราคาประเมนิ ทด่ี นิ ของทางราชการที่กําหนดข้ึนเพื่อประโยชน์
ในการจัดเก็บภาษีที่ดินและส่ิงปลูกสร้างน้ี เป็นการกําหนดรองรับกฎหมายว่าด้วยภาษีที่ดินและ
ส่ิงปลูกสร้างที่ใช้ราคาประเมินที่ดินเป็นฐานในการคํานวณภาษี ซ่ึงอาจมีหลักการในการกําหนดราคา
ประเมนิ ท่ีดินตามกฎหมายดงั กลา่ วแตกต่างจากราคาประเมนิ ทุนทรพั ย์เพ่อื เรยี กเกบ็ ค่าธรรมเนยี มในการ
จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน จึงบัญญัติแยกออกมาต่างหากจากราคา
ประเมินทุนทรัพย์เพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมาย
ท่ีดนิ ๗
๔) การกําหนดราคาเบื้องต้นตามมาตรา ๒๐ วรรคหนึ่ง กฎหมายกําหนด
ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการท่ีกําหนดในกฎกระทรวง ด้วยเหตุนี้ ในขณะท่ีกฎกระทรวง
กาํ หนดหลกั เกณฑ์และวิธีการในการกําหนดเงินค่าทดแทนตามมาตรา ๒๐ วรรคสอง ยังไม่ประกาศใช้บังคับ
ในการพิจารณาวินิจฉัยถึงความชอบด้วยกฎหมายโดยศาลในเรื่องของจํานวนเงินค่าทดแทน ศาลจึงมีดุลพินิจ
ในการพิจารณากําหนดเงินค่าทดแทนตามหลักเกณฑ์ที่กําหนดในมาตรา ๒๐ วรรคหน่ึง ได้ตามท่ี
เห็นสมควร แต่เมื่อมีการประกาศใช้บังคับกฎกระทรวงกําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการกําหนดเงิน
ค่าทดแทนแลว้ กฎกระทรวงดงั กล่าวจะเป็นกรอบการใชด้ ลุ พินิจของศาล
๗ เรื่องเดยี วกัน. หนา้ ๑๑.
๑๘๔ รวมเร่อื งเด่นประเด็นเดด็ เกร็ดคดี (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๒)
(๒) ข้อพจิ ารณาเกย่ี วกบั ราคาทสี่ ูงข้ึนหรอื ลดลงของท่ดี นิ สว่ นทีเ่ หลอื
บทกฎหมายทเี่ กี่ยวขอ้ ง ได้แก่ มาตรา ๒๒
มาตรา ๒๒ ถ้าการดําเนินกิจการตามวัตถุประสงค์แห่งการเวนคืนได้กระทําให้ที่ดิน
ทเ่ี หลืออยใู่ นแปลงเดียวกนั น้นั มรี าคาสงู ขึ้น ให้เอาราคาที่สูงขึ้นน้ันหักออกจากเงินค่าทดแทน แต่ไม่ว่ากรณี
จะเปน็ ประการใดจะหกั เกนิ รอ้ ยละห้าสิบของเงนิ คา่ ทดแทนมิได้
ความในวรรคหน่ึงมิให้ใช้บังคับ ในกรณีท่ีเจ้าของมีหน้าท่ีต้องเสียภาษีท่ีเรียกเก็บ
สําหรับที่ดินแปลงน้ันจากการได้รับประโยชน์จากการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคข้ันพ้ืนฐาน
ด้านคมนาคมขนส่งของรัฐตามกฎหมายวา่ ด้วยการนัน้
ในกรณีตามวรรคหนึ่ง ถ้าทําให้ท่ีดินในแปลงเดียวกันท่ีเหลืออยู่นั้นมีราคาลดลง
ให้กําหนดเงนิ ค่าทดแทนให้สาํ หรับที่ดนิ สว่ นทเี่ หลืออันมรี าคาลดลงนั้น
ในกรณที ที่ ี่ดินแปลงใดทีเ่ จ้าของหรือผ้คู รอบครองได้กระทาํ อยา่ งใดให้ที่ดินเปล่ียนสภาพ
ไปในลักษณะที่จะทําให้เกิดความเสียหายหรือไม่เหมาะสมท่ีจะใช้ประโยชน์จากที่ดินนั้น ให้เจ้าของ
ดําเนินการแก้ไขปรับปรุงที่ดินให้อยู่ในสภาพเดิม หากเจ้าของไม่สามารถดําเนินการดังกล่าวได้
ให้เจ้าหน้าที่หักค่าใช้จ่ายในการดําเนินการออกจากค่าที่ดิน แต่ต้องไม่เกินราคาเบ้ืองต้นสําหรับท่ีดิน
ที่เวนคืนตามมาตรา ๒๐ ท้ังนี้ ให้คํานึงถึงความเสียหายหรือค่าใช้จ่ายในการแก้ไขหรือปรับปรุงที่ดินนั้น
ประกอบด้วย
การดําเนินการตามวรรคหน่ึง วรรคสาม และวรรคส่ี ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์
วธิ ีการ และเง่อื นไขทกี่ าํ หนดในกฎกระทรวง
ขอ้ สงั เกต
๑) บทบัญญัติมาตรา ๒๒ มีสาระสําคัญใกล้เคียงกันกับท่ีเคยบัญญัติไว้ใน
มาตรา ๒๑ วรรคสอง และวรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐
แต่ตามกฎหมายใหม่กําหนดเป็นมาตราเกี่ยวกับข้อพิจารณาเรื่องราคาที่สูงขึ้นหรือลดลงของที่ดิน
สว่ นท่เี หลอื จากการเวนคืนเปน็ การเฉพาะ และมรี ายละเอยี ดการพจิ ารณามากขน้ึ
๒) กรณีท่ีการดําเนินกิจการตามวัตถุประสงค์แห่งการเวนคืนได้กระทํา
ให้ท่ีดินที่เหลืออยู่ในแปลงเดียวกันน้ันมีราคาสูงขึ้น กฎหมายกําหนดให้เอาราคาที่สูงข้ึนนั้นหักออกจาก
เงินค่าทดแทน ซึ่งสําหรับกรณีนี้กฎหมายใหม่กําหนดรายละเอียดเพิ่มเติมจากที่เคยกําหนดไว้
ในพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ โดยกําหนดเงื่อนไขและข้อยกเว้น
ของการนาํ ราคาทีส่ ูงข้นึ น้ันหกั ออกจากเงนิ คา่ ทดแทน ดังน้ี
๒.๑) การนําเอาราคาที่สูงขึ้นมาหักออกจากเงินค่าทดแทนจะหักเกิน
รอ้ ยละหา้ สบิ ของเงินคา่ ทดแทนไม่ได้
รวมเร่อื งเดน่ ประเด็นเด็ด เกร็ดคดี (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๒) ๑๘๕
๒.๒) ในกรณีที่เจ้าของมีหน้าที่ต้องเสียภาษีที่เรียกเก็บสําหรับท่ีดิน
แปลงนั้นจากการได้รับประโยชน์จากการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของรัฐ
ตามกฎหมายว่าด้วยการนน้ั ห้ามมิใหเ้ อาราคาท่ีสงู ข้นึ น้นั หักออกจากเงนิ คา่ ทดแทน
๓) กรณีที่การดําเนินกิจการตามวัตถุประสงค์แห่งการเวนคืนได้กระทําให้
ท่ีดินท่ีเหลืออยู่ในแปลงเดียวกันน้ันมีราคาลดลง กฎหมายกําหนดให้กําหนดเงินค่าทดแทนให้สําหรับ
ที่ดินส่วนท่ีเหลืออันมีราคาลดลงน้ันด้วย ซ่ึงสําหรับกรณีนี้ กฎหมายใหม่กําหนดรายละเอียดทํานอง
เดียวกนั กบั ท่ีเคยกําหนดไว้ในพระราชบญั ญัตวิ ่าด้วยการเวนคืนอสงั หารมิ ทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐
๔) กฎหมายใหมก่ าํ หนดถงึ ความรบั ผดิ ของเจา้ ของหรอื ผู้ครอบครองที่ดิน
ที่ได้กระทําอย่างใดให้ที่ดินเปลี่ยนสภาพไปในลักษณะที่จะทําให้เกิดความเสียหายหรือไม่เหมาะสม
ทีจ่ ะใช้ประโยชน์จากทดี่ ินนั้น๘ ดังนี้
๔.๑) เจา้ ของจะตอ้ งดําเนนิ การแก้ไขปรับปรุงที่ดนิ ให้อยู่ในสภาพเดมิ
๔.๒) หากเจ้าของไม่สามารถดําเนินการแก้ไขปรับปรุงท่ีดินให้อยู่
ในสภาพเดิมได้ ให้เจ้าหน้าที่หักค่าใช้จ่ายในการดําเนินการออกจากค่าท่ีดิน แต่ต้องไม่เกินราคาเบ้ืองต้น
สําหรับที่ดินที่เวนคืนตามมาตรา ๒๐ ทั้งนี้ ให้คํานึงถึงความเสียหายหรือค่าใช้จ่ายในการแก้ไขหรือ
ปรบั ปรุงทดี่ ินน้ันประกอบดว้ ย
๕) การนําเอาราคาท่ีสูงข้ึนมาหักออกจากเงินค่าทดแทน การกําหนด
เงินค่าทดแทนให้สําหรับท่ีดินส่วนท่ีเหลืออันมีราคาลดลง และหักค่าใช้จ่ายในการดําเนินการออกจาก
ค่าท่ีดินกรณีเจ้าของหรือผู้ครอบครองท่ีดินที่ได้กระทําอย่างใดให้ที่ดินเปลี่ยนสภาพไปในลักษณะท่ีจะทําให้
เกิดความเสียหายหรือไม่เหมาะสมที่จะใช้ประโยชน์จากที่ดินน้ัน กฎหมายกําหนดให้เป็นไปตาม
หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขท่ีกําหนดในกฎกระทรวง ด้วยเหตุน้ี ในขณะที่กฎกระทรวงยังไม่ประกาศ
ใช้บังคับ ในการพิจารณานําเอาราคาที่สูงขึ้นมาหักออกจากเงินค่าทดแทน การกําหนดเงินค่าทดแทนให้
สําหรับท่ีดินส่วนที่เหลืออันมีราคาลดลง และการหักค่าใช้จ่ายในการดําเนินการออกจากค่าที่ดิน
กรณีเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินที่ได้กระทําอย่างใดให้ท่ีดินเปล่ียนสภาพไปในลักษณะที่จะทําให้
เกิดความเสียหายหรือไม่เหมาะสมท่ีจะใช้ประโยชน์จากที่ดินนั้น ศาลจึงมีดุลพินิจพิจารณาได้ตามที่
เห็นสมควร แต่เมื่อมีการประกาศใช้บังคับกฎกระทรวงแล้ว กฎกระทรวงดังกล่าวจะเป็นกรอบการใช้
ดลุ พนิ ิจของศาล
(๓) ข้อพิจารณาเกี่ยวกับราคาที่ดินที่เวนคืนสูงขึ้นเพราะอุบายฉ้อฉล
เพอ่ื ประสงคจ์ ะไดร้ ับเงนิ คา่ ทดแทน หรอื การกระทําใด ๆ ตามท่กี ฎหมายกําหนดภายหลงั วันใช้บงั คับ
พระราชกฤษฎีกากาํ หนดเขตที่ดนิ ในบริเวณท่ที ี่จะเวนคนื โดยมไิ ด้รับอนญุ าตจากเจ้าหนา้ ที่
บทกฎหมายท่เี กย่ี วขอ้ ง ไดแ้ ก่ มาตรา ๒๓
๘ เช่น กรณีท่ีเจ้าของท่ีดินขุดดินในที่ดินที่จะเวนคืนไปขายจนเป็นหลุมลึก ซ่ึงหากรัฐจะนําท่ีดินดังกล่าวไปใช้
อาจตอ้ งใช้งบประมาณเพ่ิมเตมิ ในการถมดิน เปน็ ตน้
๑๘๖ รวมเรอ่ื งเดน่ ประเด็นเดด็ เกร็ดคดี (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๒)
มาตรา ๒๓ ในกรณีที่ราคาท่ีดินที่เวนคืนมาสูงข้ึนเพราะทรัพย์สิน โรงเรือน หรือ
สงิ่ ปลูกสร้างทไ่ี ด้สรา้ งหรอื ต่อเติมข้ึน การเพาะปลูก การทาํ ใหท้ ่ีดินเจริญข้นึ หรือการเช่า ท่ีไดท้ าํ ข้ึนก่อน
วันท่ีพระราชกฤษฎีกาใช้บังคับ โดยอุบายฉ้อฉลเพ่ือประสงค์ที่จะได้รับเงินค่าทดแทน หรือทําขึ้น
ภายหลังวันใช้บังคับพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา ๘ โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าท่ี ห้ามมิให้กําหนด
ราคาอสังหาริมทรัพย์เบ้ืองต้นหรือเงินค่าทดแทนสําหรับราคาที่ดินที่สูงขึ้นเพราะทรัพย์สิน โรงเรือน
หรอื สิง่ ปลูกสร้างดังกลา่ ว
ข้อสงั เกต
บทบัญญตั ิดงั กล่าวมีเน้ือความใกล้เคียงกับมาตรา ๒๔ แห่งพระราชบัญญัติ
ว่าดว้ ยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ แต่มีข้อแตกต่างประการหนึ่ง คือ ตามกฎหมายใหม่นี้
การเพาะปลูกทีท่ าํ ข้นึ หลงั พระราชกฤษฎีกากําหนดเขตที่ดินในบริเวณทีท่ ี่จะเวนคืนโดยมิได้รับอนุญาต
จากเจ้าหนา้ ที่ ซ่ึงมีผลทําให้ท่ดี ินท่ีเวนคืนมีราคาสงู ข้ึน กฎหมายห้ามมิให้กําหนดราคาอสังหาริมทรัพย์
เบื้องต้นหรือเงินค่าทดแทนสําหรับราคาท่ีดินท่ีสูงข้ึนเพราะทรัพย์สินดังกล่าว โดยไม่มีข้อยกเว้นในกรณี
ของการทํานา ทําไร่ หรือทําสวนตามท่ีจัดทําอยู่ตามปกติ ดังเช่นที่มาตรา ๒๔ (๑) แห่งพระราชบัญญัติ
ว่าดว้ ยการเวนคนื อสงั หารมิ ทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ บญั ญัตไิ ว้
(๔) ข้อพิจารณาเก่ียวกับท่ีดินท่ีเจ้าของได้ท่ีดินมาโดยมิได้ใช้อยู่อาศัย
หรือใช้ประกอบการทํามาหาเล้ียงชีพ หรอื ทาํ ประโยชนใ์ นท่ีดนิ นั้นอย่างแทจ้ รงิ
บทกฎหมายทีเ่ ก่ยี วข้อง ไดแ้ ก่ มาตรา ๒๔
มาตรา ๒๔ ในกรณีท่ีเจ้าของได้ที่ดินใดมาโดยมิได้ใช้อยู่อาศัยหรือใช้ประกอบการ
ทาํ มาหาเลี้ยงชีพ หรือทําประโยชน์ในท่ีดินนั้นอย่างแท้จริง ถ้าหากมีการตราพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา ๘
ภายในห้าปีนับแต่วันที่เจ้าของได้ที่ดินนั้นมา คณะกรรมการตามมาตรา ๑๙ จะกําหนดราคาต่ํากว่า
ทก่ี าํ หนดไว้ตามมาตรา ๒๐ กไ็ ด้ แตต่ ้องไมต่ า่ํ กวา่ ราคาทด่ี นิ ในขณะท่เี จ้าของไดท้ ี่ดนิ นั้นมา
ความในวรรคหนึ่งมใิ ห้ใช้บงั คับกับทดี่ ินท่ไี ด้มาโดยการยกให้หรือทางมรดก
ขอ้ สงั เกต
มาตรา ๒๔ มีเนื้อความใกล้เคียงกับมาตรา ๒๒ แห่งพระราชบัญญัติ
ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ โดยให้กําหนดราคาค่าทดแทนต่ํากว่าท่ีกําหนดไว้
ตามมาตรา ๒๐ ก็ได้ แต่ต้องไม่ตํ่ากว่าราคาท่ีดินในขณะที่เจ้าของได้ท่ีดินนั้นมา แต่มีข้อแตกต่าง
ประการหนึ่ง คือ มิให้ใช้บังคับกับท่ีดินที่ได้มาโดยการยกให้หรือทางมรดก ซ่ึงกฎหมายเดิมไม่มี
ขอ้ ยกเวน้ ไว้
รวมเรื่องเด่นประเดน็ เดด็ เกร็ดคดี (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๒) ๑๘๗
๔.๗ สิทธิของผู้ที่ยินยอมตกลงซ้ือขายอสังหาริมทรัพย์กรณีเจ้าหน้าที่
ดําเนินการเจรจาตกลงซ้ือขายที่ดินท่ีอยู่ในเขตที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกากําหนดเขต
ที่ดินท่ีจะเวนคนื
บทกฎหมายที่เก่ียวข้อง ได้แก่ มาตรา ๒๖ วรรคสอง และวรรคสาม
มาตรา ๒๗ และมาตรา ๓๓ วรรคหนึ่ง
มาตรา ๒๖ ฯลฯ ฯลฯ
ในกรณีท่ีเจ้าของตกลงซื้อขายตามมาตรา ๒๕ ให้เพ่ิมเงินค่าทดแทนอีกร้อยละสอง
ของราคาอสังหาริมทรพั ย์เบ้ืองตน้ ทคี่ ณะกรรมการตามมาตรา ๑๙ กําหนด
การจ่ายเงินค่าทดแทนสําหรับท่ีดิน โรงเรือน ส่ิงปลูกสร้าง หรืออสังหาริมทรัพย์อื่น
ไม่ตดั สิทธิในการอทุ ธรณต์ ามพระราชบัญญัตนิ ี้
มาตรา ๒๗ การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ตามมาตรา ๒๕ และการโอนที่ดินท่ีได้มาจาก
การเวนคืน ให้ได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายท่ีดิน
และได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับบุคคลธรรมดา ภาษีธุรกิจเฉพาะ และค่าอากรแสตมป์
โดยให้ดําเนินการตามท่กี ําหนดในประมวลรษั ฎากร
มาตรา ๓๓ ถ้าโรงเรือน สิ่งปลูกสร้าง หรืออสังหาริมทรัพย์อ่ืนท่ีถูกเวนคืนน้ัน
มีบางส่วนอยู่บนที่ดินท่ีมิได้เวนคืน และเป็นโรงเรือน สิ่งปลูกสร้าง หรืออสังหาริมทรัพย์อ่ืนเดียวกัน
โดยไมอ่ าจแบ่งแยกได้เจา้ ของจะขอใหเ้ จ้าหน้าที่เวนคืนโรงเรือน สิ่งปลูกสร้าง หรืออสังหาริมทรัพย์อื่น
สว่ นที่เหลอื ดังกล่าวดว้ ยกไ็ ด้
ฯลฯ ฯลฯ
พระราชบญั ญัติว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซ่ึงอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๖๒
มีบทบญั ญตั ทิ ี่อาจถอื ได้ว่า เปน็ มาตรการจงู ใจใหเ้ จา้ ของใหค้ วามรว่ มมือกับรัฐในการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
ดังน้ี
(๑) ในกรณีท่ีเจ้าของตกลงซื้อขายตามมาตรา ๒๕ กฎหมายกําหนดให้เพิ่ม
เงินค่าทดแทนอีกร้อยละ ๒ ของราคาอสังหาริมทรัพย์เบ้ืองต้นที่คณะกรรมการกําหนดราคาเบื้องต้น
กําหนด (มาตรา ๒๖ วรรคสอง)
(๒) การจ่ายเงินค่าทดแทนสําหรับที่ดิน โรงเรือน สิ่งปลูกสร้าง หรือ
อสังหารมิ ทรัพย์อ่นื ในกรณที ีต่ กลงซ้อื ขายตามมาตรา ๒๕ ไมต่ ัดสทิ ธใิ นการอทุ ธรณ์ตามพระราชบัญญัตินี้
(มาตรา ๒๖ วรรคสาม)
(๓) การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ตามมาตรา ๒๕ และการโอนท่ีดินที่ได้มา
จากการเวนคืน ให้ได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมาย
๑๘๘ รวมเร่ืองเด่นประเดน็ เด็ด เกร็ดคดี (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๒)
ท่ีดินและได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับบุคคลธรรมดา ภาษีธุรกิจเฉพาะ และค่าอากรแสตมป์
โดยใหด้ ําเนินการตามท่ีกําหนดในประมวลรัษฎากร (มาตรา ๒๗)
(๔) การขอให้เวนคืนโรงเรือน สิ่งปลูกสร้าง หรืออสังหาริมทรัพย์อ่ืนส่วนที่เหลือ
จากการเวนคืน (มาตรา ๓๓ วรรคหน่ึง ประกอบกับมาตรา ๓)
หมายเหตุ
โดยเหตุท่ีมาตรา ๓ กําหนดนิยามของคําว่า “เวนคืน” หมายความว่า
การให้ได้มาซ่ึงท่ีดินหรืออสังหาริมทรัพย์อย่างอ่ืนท่ีมิใช่ของรัฐตามเงื่อนไขท่ีกําหนดในพระราชบัญญัติน้ี
แต่ไม่รวมถึงการให้ได้มาโดยวิธีการซ้ือขายตามมาตรา ๓๓ วรรคสอง มาตรา ๓๔ มาตรา ๓๕ และ
หมวด ๔ การได้มาซ่ึงอสังหาริมทรัพย์โดยวิธีการซื้อขาย ด้วยเหตุนี้ การซ้ือขายอสังหาริมทรัพย์
ตามมาตรา ๒๕ จึงน่าจะอยู่ภายใต้ความหมายของคําว่า “เวนคืน” ดังกล่าว เป็นเหตุให้ผู้ที่ตกลงซ้ือขาย
ตามมาตรา ๒๕ มีสิทธิทจ่ี ะขอให้เวนคนื โรงเรอื น สง่ิ ปลูกสร้าง หรอื อสังหารมิ ทรัพย์อื่นสว่ นท่ีเหลือได้
(๕) การขอให้ซ้ือที่ดินส่วนที่เหลือจากการเวนคืน (มาตรา ๓๔ วรรคหน่ึง
ประกอบกับมาตรา ๓)
หมายเหตุ
โดยเหตุท่ีมาตรา ๓ กําหนดนิยามของคําว่า “เวนคืน” หมายความว่า
การให้ได้มาซึ่งที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์อย่างอ่ืนที่มิใช่ของรัฐตามเง่ือนไขท่ีกําหนดในพระราชบัญญัติน้ี
แต่ไม่รวมถึงการให้ได้มาโดยวิธีการซ้ือขายตามมาตรา ๓๓ วรรคสอง มาตรา ๓๔ มาตรา ๓๕ และ
หมวด ๔ การได้มาซ่ึงอสังหาริมทรัพย์โดยวิธีการซื้อขาย ด้วยเหตุนี้ การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์
ตามมาตรา ๒๕ จึงอยู่ภายใต้ความหมายของคําว่า “เวนคืน” ดังกล่าว เป็นเหตุให้ผู้ท่ีตกลงซื้อขาย
ตามมาตรา ๒๕ มสี ทิ ธทิ ีจ่ ะขอให้ซ้อื ทด่ี นิ ส่วนทเี่ หลือจากการเวนคืนได้
๔.๘ การขอให้เวนคนื โรงเรอื น ส่งิ ปลูกสร้าง หรืออสังหารมิ ทรัพยอ์ น่ื สว่ นทเ่ี หลือ
จากการเวนคืน หรือขอให้ซ้ือโรงเรือน สิ่งปลูกสร้าง หรืออสังหาริมทรัพย์อ่ืนที่ไม่อาจใช้ประโยชน์ได้
หรือไม่อาจใช้ประโยชน์ได้ตามวัตถุประสงค์ท่ีใช้อยู่เดิม หรืออาจเกิดอันตรายในการอยู่อาศัย
หรอื ใช้ประโยชน์ อนั สบื เนือ่ งมาจากผลจากการเวนคนื
(๑) การขอให้เวนคืนโรงเรือน ส่ิงปลูกสร้าง หรืออสังหาริมทรัพย์อ่ืน
สว่ นทเี่ หลอื จากการเวนคนื
บทกฎหมายท่เี ก่ียวข้อง ไดแ้ ก่ มาตรา ๓๓ วรรคหน่งึ
มาตรา ๓๓ ถ้าโรงเรือน สิ่งปลูกสร้าง หรืออสังหาริมทรัพย์อื่นที่ถูกเวนคืนนั้นมีบางส่วน
อยู่บนท่ีดินที่มิได้เวนคืน และเป็นโรงเรือน สิ่งปลูกสร้าง หรืออสังหาริมทรัพย์อื่นเดียวกันโดยไม่อาจ
แบ่งแยกได้ เจ้าของจะขอให้เจ้าหน้าที่เวนคืนโรงเรือน สิ่งปลูกสร้าง หรืออสังหาริมทรัพย์อื่นส่วนที่เหลือ
ดังกลา่ วดว้ ยก็ได้
ฯลฯ ฯลฯ
รวมเรอื่ งเดน่ ประเดน็ เด็ด เกร็ดคดี (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๒) ๑๘๙
ขอ้ สงั เกต
๑) ความดังกล่าวข้างต้นใช้บังคับกับกรณีที่โรงเรือน ส่ิงปลูกสร้าง หรือ
อสังหารมิ ทรัพยถ์ กู เวนคืนเพียงบางสว่ น
๒) โรงเรือน สิ่งปลูกสร้าง หรืออสังหาริมทรัพย์ท่ีจะขอให้เวนคืนเพิ่ม
จะต้องเป็นโรงเรือน ส่ิงปลกู สร้าง หรืออสังหาริมทรัพย์อื่นที่เป็นอันเดียวกันกับส่วนท่ีถูกเวนคืนโดยไม่อาจ
แบ่งแยกได้
๓) เปน็ สิทธิของเจา้ ของทจ่ี ะขอให้เวนคนื เพ่มิ หรือไมก่ ไ็ ด้
๔) ไม่กาํ หนดกรอบระยะเวลาการยืน่ คาํ ขอ
๕) ไมก่ ําหนดกรอบระยะเวลาในการพจิ ารณาคาํ ขอ
๕) กฎหมายไม่ได้กําหนดโดยชัดแจ้งว่า เจ้าหน้าที่จะไม่เวนคืนตามคําขอ
ของเจ้าของได้หรือไม่ แต่เม่ือพิจารณาความในวรรคน้ีโดยรวมแล้ว เห็นว่า การท่ีกฎหมายกําหนด
เง่ือนไขแต่เพียงว่า เป็นโรงเรือน สิ่งปลูกสร้าง หรืออสังหาริมทรัพย์อ่ืนเดียวกันโดยไม่อาจแบ่งแยกได้
ยอ่ มหมายความวา่ หากโรงเรือน สงิ่ ปลูกสร้าง หรืออสังหาริมทรัพย์ที่จะขอให้เวนคืนเพิ่มเป็นโรงเรือน
สิ่งปลูกสร้าง หรืออสังหาริมทรัพย์อ่ืนท่ีเป็นอันเดียวกันกับส่วนที่ถูกเวนคืนโดยไม่อาจแบ่งแยกได้แล้ว
เม่ือเจ้าของมีคําขอ เจ้าหน้าท่ีจะต้องเวนคืนเพ่ิมตามคําขอ จะใช้ดุลพินิจเป็นประการอื่นไม่ได้
ซ่ึงข้อพิจารณาในกรณีนี้จะแตกต่างจากท่ีเคยกําหนดในมาตรา ๑๙ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วย
การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ท่ีจะต้องเป็นกรณีท่ีโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างส่วนท่ีเหลือ
ใชก้ ารไม่ไดแ้ ล้ว เจ้าหน้าทจี่ ึงจะเวนคืนตามคาํ ขอ
๖) ไม่มีบทบัญญัติใดในกฎหมายใหม่บัญญัติให้อุทธรณ์คําส่ังไม่เวนคืน
โรงเรือน สง่ิ ปลกู สร้าง หรืออสังหารมิ ทรัพยอ์ ื่นส่วนที่เหลือตามคําขอได้
(๒) กรณีที่ดินไม่ถูกเวนคืน แต่ขอให้ซ้ือโรงเรือน สิ่งปลูกสร้าง หรือ
อสงั หารมิ ทรพั ยอ์ น่ื ทไ่ี ม่อาจใชป้ ระโยชน์ได้ หรือไม่อาจใช้ประโยชนไ์ ด้ตามวัตถุประสงค์ที่ใช้อยู่เดิม
หรอื อาจเกดิ อนั ตรายในการอยอู่ าศัยหรือใชป้ ระโยชน์ อันสืบเนอื่ งมาจากผลจากการเวนคืน
บทกฎหมายท่เี กี่ยวขอ้ ง ได้แก่ มาตรา ๓๓ วรรคสอง
มาตรา ๓๓ ฯลฯ ฯลฯ
ถ้าเจ้าของท่ีดินท่ีมิได้ถูกเวนคืน แต่ผลแห่งการเวนคืนตามวรรคหน่ึง ทําให้โรงเรือน
สิ่งปลูกสร้างหรืออสังหาริมทรัพย์อย่างอื่นของตนไม่อาจใช้ประโยชน์ได้ หรือไม่อาจใช้ประโยชน์ได้ตาม
วัตถุประสงค์ท่ีใช้อยู่เดิม หรืออาจเกิดอันตรายในการอยู่อาศัยหรือใช้ประโยชน์ ถ้าเจ้าของร้องขอให้
เจ้าหน้าท่ีซ้ือโรงเรือน ส่ิงปลูกสร้าง หรืออสังหาริมทรัพย์อ่ืนน้ัน ให้เจ้าหน้าที่มีอํานาจซื้อโรงเรือน
สิ่งปลูกสร้างหรืออสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวได้ ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือร้องขอ ทั้งนี้
การพิจารณาคําร้องขอให้คํานึงถึงสภาพความเป็นอยู่ของผู้อยู่อาศัย วัตถุประสงค์เดิมของการใช้สอย
โรงเรือนหรือส่ิงปลูกสร้างโครงสร้างอาคาร และความปลอดภัยของผู้ใช้อาคาร เพ่ือให้เกิดความเป็นธรรม
๑๙๐ รวมเร่ืองเดน่ ประเดน็ เดด็ เกร็ดคดี (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๒)
แก่เจ้าของด้วยโดยให้นําความในมาตรา ๓๘ วรรคสอง และมาตรา ๖๐ มาใช้บังคับกับราคาซื้อขาย
ดังกลา่ วด้วยโดยอนุโลม
ฯลฯ ฯลฯ
ขอ้ สงั เกต
๑) ความดังกล่าวข้างต้นใช้บังคับกับกรณีท่ีเจ้าของที่ดินที่ไม่ได้ถูกเวนคืน
แต่ผลแห่งการเวนคืนตามวรรคหน่ึง ทําให้โรงเรือน สิ่งปลูกสร้างหรืออสังหาริมทรัพย์อย่างอ่ืนของเจ้าของ
ไม่อาจใช้ประโยชน์ได้ หรือไม่อาจใช้ประโยชน์ได้ตามวัตถุประสงค์ท่ีใช้อยู่เดิม หรืออาจเกิดอันตราย
ในการอยูอ่ าศัยหรือใชป้ ระโยชน์
๒) เปน็ สิทธขิ องเจ้าของทจี่ ะร้องขอให้จัดซ้ือหรอื ไมก่ ไ็ ด้
๓) ไม่กาํ หนดกรอบระยะเวลาการยนื่ คาํ ขอ
๔) กฎหมายกําหนดใหเ้ จ้าหน้าที่มีอํานาจซื้อโรงเรือน สิ่งปลูกสร้างหรือ
อสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวได้ ภายใน ๙๐ วัน นับแต่วันท่ีได้รับหนังสือร้องขอ แต่ไม่ได้กําหนดว่า
หากพ้นกําหนด ๙๐ วันแล้ว ผลจะเป็นอย่างไร จะถือเป็นการปฏิเสธโดยปริยายหรือไม่ เนื่องจาก
ข้อกฎหมายดังกล่าวบัญญัติความแตกต่างจากกรณีของการขอให้จัดซ้ือที่ดินส่วนที่เหลือจากการ
เวนคืน ท่ีบัญญัติว่า ให้เจ้าหน้าที่พิจารณาคําร้องขอให้แล้วเสร็จภายในหกสิบวันนับจากวันที่ได้รับ
คาํ ร้องขอ
๕) การพิจารณาว่าจะจัดซื้อตามคําขอตามมาตรา ๓๓ วรรคสอง หรือไม่
เจ้าหน้าที่ต้องคํานึงถึงสภาพความเป็นอยู่ของผู้อยู่อาศัย วัตถุประสงค์เดิมของการใช้สอยโรงเรือนหรือ
สิง่ ปลูกสรา้ ง โครงสรา้ งอาคาร และความปลอดภัยของผูใ้ ช้อาคาร เพอ่ื ให้เกิดความเป็นธรรมแก่เจ้าของ
๖) สําหรับราคาที่จะจัดซ้ือ กฎหมายกําหนดให้นําความในมาตรา ๓๘
วรรคสอง และมาตรา ๖๐ มาใช้บังคับกับราคาซ้ือขายกรณีน้ีด้วยโดยอนุโลม ดังน้ัน คณะกรรมการ
กําหนดราคาเบ้ืองต้นหรือเงินค่าทดแทน จึงสามารถกําหนดราคาเบื้องต้นหรือเงินค่าทดแทนสําหรับ
เจา้ ของโรงเรือน ส่งิ ปลูกสรา้ ง หรอื อสังหาริมทรพั ยอ์ ื่นตามมาตรา ๓๓ วรรคสองได้
๗) ไม่มีบทบัญญัติใดในกฎหมายใหม่บัญญัติให้อุทธรณ์คําสั่งไม่ซ้ือ
โรงเรอื น สง่ิ ปลกู สร้าง หรืออสังหาริมทรัพย์อื่นตามคาํ ขอได้
๔.๙ การขอให้ซ้ือท่ีดนิ ส่วนทเ่ี หลอื จากการเวนคืน
บทกฎหมายท่เี กย่ี วข้อง ไดแ้ ก่ มาตรา ๓๔
มาตรา ๓๔ ในกรณที ีต่ อ้ งเวนคืนที่ดนิ แปลงใดแต่เพยี งบางส่วน ถา้ เนอ้ื ทส่ี ว่ นที่เหลืออยู่น้ัน
น้อยกว่าย่ีสิบห้าตารางวา หรือที่ดินที่เหลืออยู่ด้านใดด้านหน่ึงมีความยาวน้อยกว่าห้าวา แม้จะมีเน้ือท่ี
เหลืออยู่มากกว่าย่ีสิบห้าตารางวาแต่ไม่สามารถอยู่อาศัยได้อย่างปลอดภัยหรือใช้ประโยชน์ได้ ถ้าเจ้าของ
รอ้ งขอ ให้เจ้าหนา้ ทีซ่ ื้อที่ดินสว่ นทเ่ี หลอื ด้วย
รวมเร่ืองเด่นประเดน็ เด็ด เกร็ดคดี (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๒) ๑๙๑
ความในวรรคหน่ึงมิให้ใช้บังคับกับกรณีที่ที่ดินส่วนที่เหลืออยู่น้ันติดต่อเป็นผืนเดียวกัน
กับท่ีดินแปลงอ่ืนของเจ้าของเดียวกัน และเม่ือรวมกับท่ีดินแปลงอื่นดังกล่าวแล้วทําให้ไม่มีลักษณะ
อย่างหนง่ึ อย่างใดตามวรรคหนึ่ง
ในการซื้อที่ดินตามวรรคหน่ึง ให้เจ้าหน้าท่ีซ้ือโรงเรือนหรือส่ิงปลูกสร้างอย่างอ่ืน
รวมท้ังต้นไม้ยืนต้นท่ีมีอยู่ก่อนวันใช้บังคับพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา ๘ หรือพระราชบัญญัติ
เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ไปในคราวเดียวกัน เว้นแต่เจ้าของจะแสดงเจตนาเป็นหนังสือต่อเจ้าหน้าท่ีว่า
ไมป่ ระสงค์จะขาย ในกรณีเช่นน้ี เจ้าของมีหน้าที่ต้องร้ือถอนโรงเรือน สิ่งปลูกสร้าง หรือต้นไม้ยืนต้นนั้น
ออกไปภายในหกสิบวันนับแตว่ ันท่ีเจ้าของไดร้ ับชําระราคา
ให้เจ้าหน้าท่ีแจ้งสิทธิการร้องขอให้เจ้าของที่ดินทราบเป็นหนังสือ และเจ้าของมีสิทธิ
ย่ืนคําร้องขอตามวรรคหนึ่งภายในหน่ึงร้อยย่ีสิบวันนับแต่วันท่ีได้รับหนังสือแจ้งจากเจ้าหน้าที่ ท้ังน้ี
ให้เจา้ หนา้ ทพ่ี จิ ารณาคํารอ้ งขอใหแ้ ล้วเสรจ็ ภายในหกสบิ วนั นบั จากวนั ที่ไดร้ บั คํารอ้ งขอ
ให้นําความในหมวด ๔ การได้มาซ่ึงอสังหาริมทรัพย์โดยวิธีการซ้ือขาย มาใช้บังคับ
กบั การซ้ือตามวรรคหน่งึ หรอื วรรคสามโดยอนุโลม
ข้อสงั เกต
(๑) ความในมาตรา ๓๔ จะคล้ายคลึงกับท่ีบัญญัติในมาตรา ๒๐
แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ แต่กฎหมายใหม่มีสาระสําคัญ
เพิ่มเติม คือ กําหนดให้ในกรณีท่ีผลจากการเวนคืนทําให้ที่ดินที่เหลืออยู่ด้านใดด้านหนึ่งมีความยาว
น้อยกว่า ๕ วา แม้จะมีเนื้อท่ีเหลืออยู่มากกว่า ๒๕ ตารางวา แต่ไม่สามารถอยู่อาศัยได้อย่างปลอดภัย
หรือใช้ประโยชน์ได้ ถ้าเจ้าของร้องขอ ก็ให้เจ้าหน้าท่ีซ้ือที่ดินส่วนท่ีเหลือด้วย ซึ่งตามมาตรา ๒๐
แห่งพระราชบัญญตั วิ ่าด้วยการเวนคนื อสงั หารมิ ทรพั ย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ บญั ญัตแิ ตเ่ พียงว่า “ในกรณีท่ีต้อง
เวนคืนท่ีดินแปลงใดแต่เพียงบางส่วนถ้าเนื้อท่ีดินส่วนท่ีเหลืออยู่น้ันน้อยกว่าย่ีสิบห้าตารางวา
หรือด้านหน่ึงด้านใดน้อยกว่าห้าวา และท่ีดินส่วนที่เหลืออยู่น้ันมิได้ติดต่อเป็นผืนเดียวกันกับท่ีดิน
แปลงอ่นื ของเจ้าของเดยี วกนั หากเจ้าของรอ้ งขอให้เจ้าหน้าทีเ่ วนคืนหรือจัดซื้อทีด่ นิ สว่ นท่เี หลอื ด้วย”
(๒) แม้ท่ีดินแปลงที่ถูกเวนคืนจะมีลักษณะที่เข้าเงื่อนไขท่ีอาจจะต้อง
จัดซื้อตามคําขอตามที่มาตรา ๓๔ วรรคหน่ึง กําหนด แต่หากปรากฏว่าท่ีดินส่วนที่เหลืออยู่นั้นติดต่อ
เป็นผืนเดียวกันกับท่ีดินแปลงอื่นของเจ้าของเดียวกัน และเมื่อรวมกับที่ดินแปลงอ่ืนดังกล่าวแล้ว
ทําให้ไม่มีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดตามมาตรา ๓๔ วรรคหนึ่ง เช่นนี้ เจ้าหน้าท่ีไม่จําต้องจัดซ้ือ
ตามคาํ ขอ ซ่งึ จากการทกี่ ฎหมายบัญญัตเิ ชน่ น้ี แสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของกฎหมายอย่างชัดแจ้งว่า
ประสงค์จะเยียวยาความเดือดร้อนให้กับเจ้าของผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนเสียหายอย่างแท้จริงจากการที่
ท่ดี นิ สว่ นท่ีเหลอื จากการเวนคนื ของตนไม่สามารถอยู่อาศยั ไดอ้ ยา่ งปลอดภยั หรือใชป้ ระโยชนไ์ ดเ้ ทา่ น้ัน
๑๙๒ รวมเรื่องเด่นประเดน็ เด็ด เกร็ดคดี (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๒)
(๓) การซ้ือท่ีดินตามมาตรา ๓๔ วรรคหน่ึง น้ี กฎหมายวางหลักการว่า
เจ้าหน้าท่ีจะต้องซ้ือโรงเรือนหรือส่ิงปลูกสร้างอย่างอ่ืน รวมท้ังต้นไม้ยืนต้นท่ีมีอยู่ก่อนวันใช้บังคับ
พระราชกฤษฎีกากําหนดเขตท่ีดินท่ีจะเวนคืน หรือพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
ไปในคราวเดยี วกนั ด้วย เวน้ แตเ่ จา้ ของจะแสดงเจตนาเป็นหนงั สอื ต่อเจ้าหนา้ ที่วา่ ไม่ประสงคจ์ ะขาย
(๔) ในกรณีท่ีเจ้าของจะแสดงเจตนาเป็นหนังสือต่อเจ้าหน้าท่ีว่า
ไม่ประสงค์จะขายโรงเรือนหรือส่ิงปลูกสร้างอย่างอื่น รวมทั้งต้นไม้ยืนต้นที่อยู่ในที่ดินแปลงที่จะขอให้
จดั ซอื้ เพ่ิมเตมิ กฎหมายกําหนดใหเ้ จา้ ของมหี นา้ ท่ตี ้องรอื้ ถอนโรงเรอื น สิ่งปลูกสร้าง หรือต้นไม้ยืนต้นนั้น
ออกไปภายใน ๖๐ วนั นบั แต่วันทเ่ี จ้าของไดร้ ับชําระราคา
มีข้อสังเกตเพ่ิมเติมว่า เม่ือพิจารณาบทบัญญัติมาตรา ๓๔ ท้ังมาตรา
ประกอบกับความในหมวด ๔ ท่ีบทกฎหมายมาตรานี้ให้นํามาใช้บังคับกับกรณีน้ีโดยอนุโลมแล้ว
ไม่ปรากฏว่ากฎหมายได้บัญญัติถึงกรณีที่เจ้าของไม่ร้ือถอนโรงเรือน สิ่งปลูกสร้าง หรือต้นไม้ยืนต้นน้ัน
ออกไปภายในกําหนดเวลาดังกล่าวไว้โดยตรงแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาว่าการขอให้
จดั ซอื้ ทีด่ ินสว่ นท่เี หลอื นี้ เปน็ กรณีท่สี ืบเนอ่ื งจากมีการเจรจาตกลงซ้อื ขายตามมาตรา ๒๕ หรอื การตรา
พระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ตามมาตรา ๒๘ วรรคหนึ่ง ในเร่ืองของการจ่ายเงินค่าทดแทน
ก็ควรต้องถือปฏิบัติตามแนวทางของการเจรจาตกลงซื้อขายตามมาตรา ๒๕ หรือการตราพระราชบัญญัติ
เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ตามมาตรา ๒๘ วรรคหน่ึง เช่นกัน คือ ต้องดําเนินการตามมาตรา ๓๙ โดยอนุโลม
โดยการให้เจ้าหน้าที่จ่ายเงินค่าทดแทนให้แก่เจ้าของสามในสี่ของจํานวนเงินค่าทดแทนทั้งหมดก่อน
ถ้าเจ้าของร้ือถอนหรือย้ายภายในกําหนดเวลา ให้เจ้าหน้าท่ีจ่ายเงินส่วนท่ีเหลือให้เจ้าของโดยพลัน
ถ้าเจ้าของไม่ร้ือถอนออกไปภายในกําหนดเวลาดังกล่าวโดยไม่มีเหตุอันสมควร ให้เจ้าหน้าที่มีอํานาจ
เข้ารือ้ ถอนไดโ้ ดยหกั คา่ ใช้จา่ ยเพอื่ การนี้ออกจากเงินคา่ ทดแทนทีค่ วรจะได้รบั แต่ตอ้ งไม่เกินค่ารื้อถอน
และค่าขนย้ายที่กําหนดให้ และถ้ามีเงินเหลือ ให้เจ้าหน้าที่จ่ายหรือวางเงินส่วนที่เหลือให้แก่เจ้าของ
โรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างนั้น ทั้งนี้ หากการรื้อถอนดังกล่าวเกิดความเสียหายแก่โรงเรือน สิ่งปลูกสร้าง
หรืออสังหาริมทรัพยอ์ นื่ โดยมใิ ช่ความผิดของเจา้ หน้าที่ เจา้ หน้าทไี่ มจ่ ําตอ้ งรบั ผดิ ชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดข้ึน
แตอ่ ยา่ งใด อย่างไรก็ดี เนื่องจากกรณนี ้เี ป็นเรอ่ื งใหม่ คงตอ้ งรอดแู นวทางปฏบิ ตั ิของเจา้ หนา้ ทีต่ ่อไป
(๕) กฎหมายกําหนดให้เป็นหน้าท่ีของเจ้าหน้าที่ท่ีต้องแจ้งสิทธิ
การร้องขอให้เจ้าของที่ดินทราบเป็นหนังสือ ซึ่งเจ้าของมีสิทธิยื่นคําร้องขอให้เจ้าหน้าท่ีซื้อที่ดิน
ส่วนที่เหลือได้ภายใน ๑๒๐ วัน นับแต่วันท่ีได้รับหนังสือแจ้งจากเจ้าหน้าท่ี ดังน้ัน ตราบใดท่ีเจ้าหน้าท่ี
ยงั ไมแ่ จง้ สิทธิดังกล่าวใหเ้ จ้าของทราบ ระยะเวลาดงั กลา่ วย่อมยังไม่เริ่มนับ อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนเห็นว่า
แม้เจ้าหน้าที่จะยังไม่แจ้งสิทธิให้เจ้าของทราบ แต่หากผลจากการเวนคืนทําให้ที่ดินส่วนท่ีเหลือ
เข้าเง่ือนไขที่เจ้าของมีสิทธิจะร้องขอให้จัดซ้ือที่ดินส่วนที่เหลือ เจ้าของย่อมมีสิทธิท่ีจะร้องขอให้จัดซื้อ
ที่ดินส่วนที่เหลือได้เมื่อตนรู้ถึงข้อเท็จจริงดังกล่าวได้ทันทีโดยไม่จําต้องรอให้มีการแจ้งสิทธิก่อน
เพียงแต่กําหนดระยะเวลาการส้ินสุดสิทธิการร้องขอของเจ้าของจะยังไม่เร่ิมนับเท่านั้น ด้วยเหตุน้ี
เจ้าหน้าท่ีจึงมีหน้าท่ีต้องพิจารณาคําร้องขอให้แล้วเสร็จภายใน ๖๐ วัน นับจากวันที่ได้รับคําร้องขอ
ท้งั นี้ ตามมาตรา ๓๔ วรรคส่ี
รวมเรอ่ื งเด่นประเด็นเด็ด เกร็ดคดี (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๒) ๑๙๓
(๖) ไมม่ ีบทบัญญัติใดในกฎหมายใหมบ่ ัญญตั ิใหอ้ ุทธรณ์คาํ สงั่ ไม่ซอ้ื ที่ดนิ
สว่ นท่ีเหลือตามคําขอได้
๔.๑๐ การเวนคืนท่ีดินเพิ่มเติมเพื่อนําไปชดเชยที่ดินของเจ้าของที่ดิน
ท่ีถูกเวนคืนไม่มีที่ดินเหลืออยู่หรือมีเหลืออยู่ไม่เพียงพอที่จะใช้เป็นท่ีอยู่อาศัยหรือประกอบการ
ทํามาหาเล้ยี งชพี ได้
บทกฎหมายทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง ได้แก่ มาตรา ๓๕
มาตรา ๓๕ ในการเวนคืนที่ดิน หากปรากฏว่าเจ้าของท่ีดินที่ถูกเวนคืนไม่มีที่ดิน
เหลืออยู่หรือมีเหลืออยู่ไม่เพียงพอท่ีจะใช้เป็นที่อยู่อาศัยหรือประกอบการทํามาหาเลี้ยงชีพได้ เจ้าหน้าที่
จะดําเนินการเวนคืนท่ีดินเพ่ิมเติมเพื่อนําไปชดเชยที่ดินของเจ้าของผู้น้ันทั้งหมดหรือบางส่วน
แทนการจา่ ยเงนิ คา่ ทดแทนกไ็ ด้ แตต่ อ้ งได้รับความยนิ ยอมจากเจ้าของทีจ่ ะไดร้ ับการชดเชยทดี่ นิ ดงั กลา่ ว
ท่ีดินท่ีจะดําเนินการให้ได้มาเพื่อการชดเชยตามวรรคหนึ่ง ต้องเป็นท่ีดินที่เจ้าของ
คนเดียวหรือหลายคนมีกรรมสิทธ์ิคนละไม่น้อยกว่ายี่สิบห้าไร่สําหรับที่ดินท่ีใช้เพื่อเกษตรกรรม และ
ไม่น้อยกว่าห้าไรส่ ําหรับที่ดินที่ใช้เพื่อการอื่น และจะเวนคืนเพื่อการนี้เกินร้อยละสิบของท่ีดินท่ีผู้นั้นมีอยู่
ในแปลงนน้ั ไมไ่ ด้ เวน้ แตเ่ จ้าของจะยินยอมให้เวนคนื มากกวา่ นน้ั
ในการดาํ เนนิ การตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ถา้ ท่ีดินท่ีอยู่ติดต่อกันเป็นของเจ้าของ
คนเดียวกนั ให้พิจารณาเสมือนหนงึ่ วา่ ท่ีดินน้นั เปน็ ทด่ี นิ แปลงเดียวกนั
ในการเข้าสํารวจตามมาตรา ๑๒ ให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีตรวจสอบข้อเท็จจริง
ตามวรรคหน่ึงและสอบถามความยินยอมของเจ้าของและทํารายงานเสนอความเห็นต่อเจ้าหน้าท่ี
เพือ่ พจิ ารณาดว้ ย
การดําเนินการเวนคืนที่ดินเพิ่มเติมตามวรรคหน่ึง ให้กระทําเท่าท่ีจําเป็นและ
เพียงพอให้เจ้าของสามารถอยู่อาศัย ประกอบการทํามาหาเลี้ยงชีพ หรือทําประโยชน์ในท่ีดิน ทั้งนี้
ต้องไม่กระทบเจ้าของที่ดินแปลงอื่นท่ีถูกเวนคืนเพื่อการน้ี จนเกิดความเดือดร้อนเกินสมควร
ไมส่ ามารถทํามาหาเลีย้ งชีพได้ หรือทาํ ให้ทดี่ ินที่เหลอื อยดู่ ้อยค่าจนเกินสมควร
หลักเกณฑ์และวิธีการดําเนินการให้ได้ท่ีดินเพ่ิมเติมและการจ่ายเงินค่าทดแทน
ตามวรรคหน่งึ ใหเ้ ปน็ ไปตามที่กาํ หนดในพระราชกฤษฎีกา
เกี่ยวกับเร่ืองของการเวนคืนที่ดินเพิ่มเติมเพ่ือนําไปชดเชยที่ดิน
ของเจ้าของท่ีดินท่ีถูกเวนคืนไม่มีท่ีดินเหลืออยู่หรือมีเหลืออยู่ไม่เพียงพอท่ีจะใช้เป็นที่อยู่อาศัย
หรือประกอบการทํามาหาเลี้ยงชีพได้ เป็นเรื่องใหม่ท่ีไม่เคยมีในพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืน
๑๙๔ รวมเร่อื งเด่นประเด็นเดด็ เกร็ดคดี (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๒)
อสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ซึ่งเป็นการบัญญัติท่ีสอดคล้องกับมาตรา ๓๗ วรรคสี่๙ ของรัฐธรรมนูญ
แห่งราชอาณาจักรไทยฉบบั ปจั จุบนั ท้งั น้ี อาจสรปุ สาระสําคญั ของเรอื่ งนีไ้ ดด้ ังน้ี
(๑) กฎหมายกําหนดเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าท่ี โดยในการเข้าสํารวจ
ตามมาตรา ๑๒ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและสอบถามความยินยอมของเจ้าของ
และทาํ รายงานเสนอความเห็นตอ่ เจา้ หนา้ ทเี่ พื่อพิจารณาดว้ ย (มาตรา ๓๕ วรรคส่)ี
(๒) เจ้าหน้าท่ีจะดําเนินการเวนคืนท่ีดินเพ่ิมเติมเพ่ือนําไปชดเชย
ท่ีดินของเจ้าของผู้ที่ถูกเวนคืนไม่มีที่ดินเหลืออยู่หรือมีเหลืออยู่ไม่เพียงพอที่จะใช้เป็นท่ีอยู่อาศัยหรือ
ประกอบการทํามาหาเล้ียงชีพได้ทั้งหมดหรือบางส่วนแทนการจ่ายเงินค่าทดแทนก็ได้ แต่ต้องได้รับ
ความยินยอมจากเจ้าของท่ีจะได้รับการชดเชยท่ีดินดังกล่าว (มาตรา ๓๕ วรรคหน่ึง) ซ่ึงหากพิจารณา
ถอ้ ยคาํ ตามกฎหมาย แปลไดว้ า่ ในเบ้อื งต้น เปน็ ดุลพินิจของเจา้ หน้าท่วี า่ สมควรจะเยียวยาผู้ที่ถูกเวนคืน
จนไม่มีท่ีดินเหลืออยู่หรือมีเหลืออยู่ไม่เพียงพอท่ีจะใช้เป็นท่ีอยู่อาศัยหรือประกอบการทํามาหาเล้ียงชีพได้
โดยการเวนคืนที่ดินของผู้อื่นมาให้แทนการจ่ายเงินค่าทดแทนหรือไม่ หากเห็นว่าสมควร เจ้าหน้าท่ี
จะดาํ เนินการดงั กลา่ วไดต้ อ่ เมื่อไดร้ บั ความยินยอมจากเจ้าของที่จะไดร้ บั การชดเชยท่ดี นิ ดงั กล่าว
(๓) เงื่อนไขของการดําเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งท่ีดินท่ีจะให้แก่ผู้ท่ี
ถูกเวนคืนจนไม่มีท่ีดินเหลืออยู่หรือมีเหลืออยู่ไม่เพียงพอที่จะใช้เป็นท่ีอยู่อาศัยหรือประกอบการ
ทํามาหาเลี้ยงชีพได้ คือ ที่ดินที่จะดําเนินการให้ได้มาเพื่อการชดเชยต้องเป็นที่ดินท่ีเจ้าของคนเดียว
หรือหลายคนมีกรรมสิทธ์ิคนละไม่น้อยกว่า ๒๕ ไร่ สําหรับท่ีดินท่ีใช้เพื่อเกษตรกรรม และไม่น้อยกว่า
๕ ไร่ สําหรับท่ีดินที่ใช้เพ่ือการอื่น และจะเวนคืนเพ่ือการนี้เกินร้อยละ ๑๐ ของที่ดินที่ผู้น้ันมีอยู่
ในแปลงนั้นไม่ได้ เว้นแต่เจ้าของจะยินยอมให้เวนคืนมากกว่านั้น (มาตรา ๓๕ วรรคสอง) นอกจากนี้
การดําเนินการเวนคืนท่ีดินเพ่ิมเติมในกรณีน้ี ให้กระทําเท่าที่จําเป็นและเพียงพอให้เจ้าของสามารถ
อยู่อาศัย ประกอบการทํามาหาเลี้ยงชีพ หรือทําประโยชน์ในท่ีดิน ทั้งน้ี ต้องไม่กระทบเจ้าของท่ีดิน
แปลงอื่นท่ีถูกเวนคืนเพ่ือการนี้ จนเกิดความเดือดร้อนเกินสมควร ไม่สามารถทํามาหาเลี้ยงชีพได้
หรือทาํ ใหท้ ่ีดินทเ่ี หลืออยดู่ อ้ ยคา่ จนเกินสมควร (มาตรา ๓๕ วรรคห้า)
(๔) ในการพิจารณาที่ดินท้ังของผู้ถูกเวนคืนและผู้ที่จะถูกเวนคืน
เพ่ือการตามมาตราน้ี กฎหมายกําหนดให้พิจารณาว่า ถ้าท่ีดินท่ีอยู่ติดต่อกันเป็นของเจ้าของคนเดียวกัน
ใหพ้ ิจารณาเสมือนหน่งึ วา่ ทีด่ ินนั้นเปน็ ท่ีดินแปลงเดียวกนั (มาตรา ๓๕ วรรคสาม)
(๕) โดยเหตุท่ีกฎหมายกําหนดให้หลักเกณฑ์และวิธีการดําเนินการ
ให้ได้ท่ีดินเพ่ิมเติมและการจ่ายเงินค่าทดแทนตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามท่ีกําหนดในพระราชกฤษฎีกา
(มาตรา ๓๕ วรรคหก) ประกอบกับตามที่ได้ให้ความเห็นไปในตอนต้นแล้วว่า เร่ืองน้ีน่าจะเป็นดุลพินิจ
ของเจ้าหน้าท่ีที่จะดําเนินการให้มีการชดเชยเป็นท่ีดินแทนเป็นเงินค่าทดแทนหรือไม่ ด้วยเหตุนี้
๙ รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐
การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ให้กระทําเพียงเท่าท่ีจําเป็นต้องใช้เพ่ือการที่บัญญัติไว้ในวรรคสาม เว้นแต่
เป็นการเวนคืนเพ่ือนําอสังหารมิ ทรัพยท์ ี่เวนคืนไปชดเชยใหเ้ กดิ ความเปน็ ธรรมแกเ่ จ้าของอสังหาริมทรัพย์ท่ีถูกเวนคืน
ตามทก่ี ฎหมายบัญญัติ
รวมเรือ่ งเด่นประเดน็ เด็ด เกร็ดคดี (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๒) ๑๙๕
ผ้เู ขยี นจงึ คาดหมายว่า ขณะทย่ี ังไมม่ ีพระราชกฤษฎีกาดังกลา่ ว ในทางปฏิบัติน่าจะยังไม่มีการใช้บังคับ
บทบัญญัติมาตราน้ี และโดยท่ีเรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่ คงต้องรอดูพระราชกฤษฎีกาและแนวทางปฏิบัติ
ของเจา้ หน้าทใ่ี นเร่อื งน้ตี ่อไป
๔.๑๑ ประเภทหรอื ความหมายของเงนิ คา่ ทดแทน
บทกฎหมายท่เี ก่ียวข้อง ไดแ้ ก่ มาตรา ๓๗
มาตรา ๓๗ เงินค่าทดแทนสําหรับกรณีเวนคืนเฉพาะที่ดินให้ประกอบด้วยค่าที่ดิน
ค่าร้ือถอน ค่าขนย้าย ค่าปลูกสร้างโรงเรือนหรือส่ิงปลูกสร้างใหม่และอสังหาริมทรัพย์อื่นอันติดอยู่กับ
ทด่ี ิน และค่าเสียหายอนื่ อนั เกิดจากการทเ่ี จา้ ของต้องออกจากที่ดนิ ทเ่ี วนคืน
เงินค่าทดแทนสําหรับกรณีเวนคืนท่ีดินและโรงเรือน ส่ิงปลูกสร้าง และ
อสังหาริมทรัพย์อ่ืนอันติดอยู่กับที่ดิน ให้ประกอบด้วยค่าท่ีดิน ค่าโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างและ
อสังหารมิ ทรัพย์อืน่ อนั ตดิ อยู่กบั ที่ดนิ และคา่ เสียหายอ่นื อนั เกดิ จากการทีเ่ จ้าของต้องออกจากท่ดี ินที่เวนคนื
ในการเวนคืนท่ีดิน ถ้าเจ้าของประสงค์จะให้เวนคืนโรงเรือน สิ่งปลูกสร้าง และ
อสงั หารมิ ทรัพยอ์ ่ืนอันติดอย่กู บั ทีด่ ินดว้ ย ให้เจ้าหนา้ ท่ีดาํ เนินการตามความประสงค์ของเจ้าของ
ข้อสงั เกต
จากบทบัญญัติมาตรา ๓๗ ความในวรรคหนึ่งและวรรคสอง
อาจกล่าวไดว้ า่ เปน็ การกําหนดเงนิ คา่ ทดแทนคนละกรณี กล่าวคอื
(๑) กรณีตามมาตรา ๓๗ วรรคหน่ึง เป็นการจ่ายเงินค่าทดแทน
เฉพาะกรณีของการเวนคนื เฉพาะที่ดนิ
(๒) กรณีตามมาตรา ๓๗ วรรคสอง เป็นการจ่ายเงินค่าทดแทน
กรณกี ารเวนคืนทด่ี ินพร้อมสิง่ ปลกู สร้างและอสังหาริมทรัพยอ์ ื่นอนั ตดิ อยู่กบั ที่ดิน
ด้วยเหตุน้ี เม่ือพิจารณาประกอบกับความในวรรคสามของ
มาตรา ๓๗ แล้ว จึงดูเหมือนว่า การเวนคืนส่ิงปลูกสร้างและอสังหาริมทรัพย์อ่ืนอันติดอยู่กับที่ดินน้ี
เป็นสิทธิที่เจ้าของจะเลือกให้เวนคืนไปพร้อมกับที่ดินหรือไม่ก็ได้ ซึ่งจะแตกต่างจากพระราชบัญญัติ
ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรพั ย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ท่ีไมม่ บี ทบัญญัติใดกําหนดให้เป็นสิทธิเลือกของเจ้าของ
ในการน้ี ผลในทางกฎหมายของการเวนคืนในสองกรณีดังกล่าวย่อมมีความแตกต่างกัน กล่าวคือ
หากเวนคืนเฉพาะที่ดิน เม่ือมีการดําเนินการตามเง่ือนไขของกฎหมายแล้ว กรรมสิทธิ์ในสิ่งปลูกสร้าง
และอสังหาริมทรัพย์อ่ืนอันติดอยู่กับที่ดินย่อมยังคงเป็นของเจ้าของ แต่หากเป็นการเวนคืนที่ดิน
พร้อมสิ่งปลูกสร้างและอสังหาริมทรัพย์อ่ืนอันติดอยู่กับท่ีดิน เม่ือมีการดําเนินการตามเง่ือนไข
ของกฎหมายแล้ว กรรมสิทธ์ิในส่ิงปลูกสร้างและอสังหาริมทรัพย์อื่นอันติดอยู่กับท่ีดินย่อมตกเป็นของ
เจ้าหนา้ ที่ ดงั จะเห็นได้จากเงนิ คา่ ทดแทนทงั้ สองกรณมี กี ารกาํ หนดตา่ งกัน นอกจากน้ี กรณียังมีผลไปถึง
หน้าที่ของบุคคลใดท่ีจะต้องดําเนินการใด ๆ กับสิ่งปลูกสร้างและอสังหาริมทรัพย์อื่นอันติดอยู่กับที่ดินนั้น
ตอ่ ไปอกี ด้วย
๑๙๖ รวมเรอ่ื งเดน่ ประเดน็ เด็ด เกร็ดคดี (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๒)
๔.๑๒ หลกั เกณฑก์ ารกาํ หนดเงินค่าทดแทนสาํ หรบั การเวนคืน
บทกฎหมายท่ีเกี่ยวขอ้ ง ได้แก่ มาตรา ๓๘
มาตรา ๓๘ หลักเกณฑ์และวิธีการกําหนดเงินค่าทดแทนตามมาตรา ๓๗ สําหรับ
ค่าท่ีดินให้คณะกรรมการตามมาตรา ๑๙ นําหลักเกณฑ์การกําหนดราคาเบ้ืองต้นตามมาตรา ๒๐
มาใชบ้ ังคับโดยอนโุ ลม
หลักเกณฑ์และวิธีการกําหนดค่ารื้อถอน ค่าขนย้าย ค่าโรงเรือน สิ่งปลูกสร้าง หรือ
อสงั หารมิ ทรพั ย์อื่นอันตดิ อย่กู ับทดี่ ิน ค่าปลูกสรา้ งโรงเรือนหรือส่ิงปลูกสร้างใหม่และอสังหาริมทรัพย์อ่ืน
อันติดอยู่กับที่ดิน ค่าเสียสิทธิจากการใช้อสังหาริมทรัพย์ และค่าเสียหายอ่ืนอันเกิดจากการที่เจ้าของ
ต้องออกจากที่ดนิ ท่เี วนคนื ตามมาตรา ๓๗ ให้เปน็ ไปตามที่กําหนดในกฎกระทรวง
การกําหนดเงินค่าทดแทนไว้ในพระราชบัญญัติตามมาตรา ๒๙ วรรคสอง และ
มาตรา ๓๐ หรือในกรณีที่มิได้กําหนดเงินค่าทดแทนไว้ในพระราชบัญญัติ แม้พระราชกฤษฎีกา
ตามมาตรา ๘ จะสนิ้ อายแุ ลว้ กต็ าม การคํานวณเงนิ คา่ ทดแทนใหน้ าํ หลักเกณฑต์ ามมาตรา ๒๐ มาใชบ้ ังคับ
โดยอนุโลม แต่ต้องคํานึงถึงความเป็นธรรมและความทัดเทียมระหว่างผู้ท่ีตกลงซื้อขายหรือยินยอมให้
ทางราชการเข้าใช้ท่ีดินไปก่อนหน้ามีการตราพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์กับเจ้าของที่ดิน
ทีถ่ กู เวนคืนตามพระราชบญั ญัตเิ วนคืนอสงั หาริมทรัพย์ด้วย
ขอ้ สงั เกต
(๑) เมื่อพิจารณาบริบทของมาตรา ๓๘ วรรคหนึ่ง ดูเหมือนว่ากฎหมาย
ประสงค์จะแยกการกําหนดค่าทดแทนกรณีท่ีมีการตราพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
ออกต่างหากจากการกําหนดค่าทดแทนแทนในชั้นท่ีมีการตราพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตท่ีดิน
ท่ีจะเวนคืน จึงบัญญัติให้การกําหนดเงินค่าทดแทนตามมาตรา ๓๗ สําหรับค่าที่ดินให้คณะกรรมการ
ตามมาตรา ๑๙ (คณะกรรมการกําหนดราคาเบื้องต้น) นําหลักเกณฑ์การกําหนดราคาเบ้ืองต้น
ตามมาตรา ๒๐ มาใชบ้ งั คบั โดยอนุโลม
(๒) ความในส่วนของมาตรา ๓๘ วรรคสาม เป็นกรณีที่มีการตรา
พระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ใช้บังคับโดยไม่ต่อเน่ืองกับพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตที่ดิน
ที่จะเวนคืน หรือไม่มีการตราพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตท่ีดินท่ีจะเวนคืนข้ึนใช้บังคับก่อนท่ีจะมีการตรา
พระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ซ่ึงกฎหมายกําหนดให้การคํานวณเงินค่าทดแทนให้นําหลักเกณฑ์
ตามมาตรา ๒๐ มาใช้บังคับโดยอนโุ ลม แต่ตอ้ งคาํ นงึ ถงึ ความเป็นธรรมและความทัดเทียมระหว่างผู้ที่ตกลง
ซ้อื ขายหรือยินยอมใหท้ างราชการเขา้ ใช้ที่ดินไปก่อนหน้ามีการตราพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
กับเจ้าของท่ีดินท่ีถูกเวนคืนตามพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ด้วย เกี่ยวกับประเด็นเร่ือง
ที่ตอ้ งคํานึงถึงความเปน็ ธรรมและความทัดเทียมกนั ที่กฎหมายกําหนดนี้ น่าจะมปี ญั หาในการพิจารณา
พอสมควร ซ่ึงพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ไม่เคยมีการบัญญัติ
เกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ มีข้อน่าพิจารณาว่า หากฐานราคาที่นํามาพิจารณาในวันใช้บังคับพระราชบัญญัติ
รวมเร่ืองเด่นประเดน็ เดด็ เกร็ดคดี (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๒) ๑๙๗
เวนคืนอสังหาริมทรัพย์กับวันที่มีการใช้บังคับพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตท่ีดินที่จะเวนคืนในกรณีน้ี
มีความแตกต่างกันมาก อย่างไรท่ีจะถือว่าเป็นการคํานึงถึงความเป็นธรรมและความทัดเทียมกันท่ีจะ
เป็นการชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งคงต้องติดตามดูแนวทางปฏิบัติของผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้ต่อไป รวมถึง
แนวคําวินิจฉัยของศาล ซ่ึงมีข้อสังเกตว่า หากไม่มีแนวทางการพิจารณาท่ีชัดเจน ก็อาจจะเกิดความลักล่ัน
ในทางปฏิบตั ิในการพิจารณากําหนดเงินค่าทดแทนตามกรณนี ีไ้ ด้
๔.๑๓ การร้ือถอนหรือย้ายโรงเรือน ส่ิงปลูกสร้าง หรืออสังหาริมทรัพย์อื่น
ออกไปจากท่ีดนิ ท่เี วนคืน
บทกฎหมายท่เี กย่ี วข้อง ไดแ้ ก่ มาตรา ๓๙
มาตรา ๓๙ ในการเวนคืนตามมาตรา ๓๗ วรรคหนึ่ง ให้เป็นหน้าที่ของเจ้าของ
โรงเรือน ส่ิงปลูกสร้าง หรืออสังหาริมทรัพย์อื่นในการร้ือถอนหรือย้ายโรงเรือน ส่ิงปลูกสร้าง หรือ
อสังหาริมทรัพย์อื่นออกไปจากท่ีดินภายในเก้าสิบวันนับแต่วันท่ีได้รับเงินค่าทดแทนหรือวันที่เจ้าหน้าท่ี
วางเงนิ คา่ ทดแทน โดยใหเ้ จ้าหน้าท่ีจ่ายเงินค่าทดแทนให้แก่เจ้าของสามในส่ีของจํานวนเงินค่าทดแทน
ทั้งหมดก่อน ถ้าเจ้าของรื้อถอนหรือย้ายภายในกําหนดเวลา ให้เจ้าหน้าที่จ่ายเงินส่วนท่ีเหลือให้เจ้าของ
โดยพลัน ถ้าเจ้าของไม่ร้ือถอนออกไปภายในกําหนดเวลาดังกล่าวโดยไม่มีเหตุอันสมควร ให้เจ้าหน้าท่ี
มีอํานาจเข้าร้ือถอนได้โดยหักค่าใช้จ่ายเพ่ือการนี้ออกจากเงินค่าทดแทนที่ควรจะได้รับ แต่ต้องไม่เกิน
ค่ารื้อถอนและคา่ ขนย้ายท่กี าํ หนดให้ และถ้ามีเงินเหลือ ให้เจ้าหน้าท่ีจ่ายหรือวางเงินส่วนท่ีเหลือให้แก่
เจ้าของโรงเรือนหรือส่ิงปลูกสร้างนั้น ท้ังน้ี หากการรื้อถอนดังกล่าวเกิดความเสียหายแก่โรงเรือน
ส่ิงปลูกสร้างหรืออสังหาริมทรัพย์อ่ืนโดยมิใช่ความผิดของเจ้าหน้าท่ี เจ้าหน้าท่ีไม่จําต้องรับผิดชดใช้
คา่ เสยี หายทเ่ี กิดขึ้นแตอ่ ย่างใด
ในการเวนคนื ตามมาตรา ๓๗ วรรคสอง ให้โรงเรอื น สงิ่ ปลกู สรา้ ง หรืออสังหาริมทรัพย์อ่ืน
อันติดอยู่กบั ท่ีดินตกเปน็ กรรมสิทธิ์ของเจ้าหน้าที่พร้อมกับที่ดิน และเมื่อเจ้าหน้าท่ีรื้อถอนแล้วให้มีอํานาจ
จาํ หนา่ ยหรือทําลายตามหลกั เกณฑ์และวธิ ีการท่ีกําหนดในกฎกระทรวง
จากบทบัญญัติมาตรา ๓๙ วรรคหนึ่ง กําหนดบุคคลที่มีหน้าท่ี
ในการร้ือถอนหรือย้ายโรงเรือน ส่ิงปลูกสร้าง หรืออสังหาริมทรัพย์อื่นออกไปจากที่ดินที่เวนคืน
เป็น ๒ กรณี ดงั นี้
(๑) กรณีของการเวนคืนเฉพาะทีด่ นิ
กฎหมายกําหนดให้เป็นหน้าท่ีของเจ้าของเป็นผู้รับผิดชอบ
ในการร้ือถอน โดยเจ้าของจะต้องรื้อถอนโรงเรือน ส่ิงปลูกสร้าง หรืออสังหาริมทรัพย์อื่นออกไป
จากท่ีดินภายใน ๙๐ วัน นับแต่วันท่ีได้รับเงินค่าทดแทนหรือวันที่เจ้าหน้าที่วางเงินค่าทดแทน
ซง่ึ กฎหมายไดก้ ําหนดเงื่อนไขในการจ่ายเงินค่าทดแทนกรณีนี้ไว้เป็นการเฉพาะ กล่าวคือ ให้เจ้าหน้าที่
จ่ายเงินค่าทดแทนให้แก่เจ้าของ ๓ ใน ๔ ของจํานวนเงินค่าทดแทนทั้งหมดก่อน ถ้าเจ้าของรื้อถอน
หรอื ยา้ ยภายในกําหนดเวลา จึงให้เจ้าหน้าทีจ่ ่ายเงินส่วนท่ีเหลือให้เจ้าของ
๑๙๘ รวมเร่อื งเดน่ ประเด็นเดด็ เกร็ดคดี (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๒)
แต่ในกรณีที่เจ้าของไม่ร้ือถอนออกไปภายในกําหนดเวลาดังกล่าว
โดยไม่มีเหตุอันสมควร กฎหมายให้อํานาจเจ้าหน้าท่ีมีอํานาจเข้าร้ือถอนได้เอง ซึ่งในส่วนของเงิน
คา่ ทดแทนส่วนที่เหลือนี้ ใหห้ กั ค่าใชจ้ ่ายเพ่ือการน้อี อกจากเงินคา่ ทดแทนทคี่ วรจะไดร้ บั แต่ต้องไม่เกิน
ค่าร้อื ถอนและคา่ ขนยา้ ยทีก่ ําหนดให้ และถ้ามีเงนิ เหลือ ใหเ้ จ้าหน้าที่จา่ ยหรือวางเงินส่วนท่ีเหลือให้แก่
เจ้าของโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างนั้น ในการน้ี หากการรื้อถอนดังกล่าวเกิดความเสียหายแก่โรงเรือน
สิ่งปลูกสร้างหรืออสังหาริมทรัพย์อื่นโดยมิใช่ความผิดของเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ไม่จําต้องรับผิดชดใช้
ค่าเสยี หายที่เกิดขนึ้ แตอ่ ย่างใด
(๒) กรณีการเวนคืนท่ีดินพร้อมส่ิงปลูกสร้างและอสังหาริมทรัพย์อ่ืน
อันติดอยู่กับที่ดิน เจ้าหน้าท่ีเป็นผู้รื้อถอนเอง ท้ังนี้ การที่กฎหมายกําหนดเช่นนี้น่าจะเน่ืองมาจาก
ในกรณีนี้กฎหมายกําหนดให้กรรมสิทธิ์ในโรงเรือน สิ่งปลูกสร้าง หรืออสังหาริมทรัพย์อ่ืนที่เวนคืน
อันติดอยู่กับท่ีดินตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าหน้าท่ีพร้อมกับท่ีดินนั้น ซ่ึงในเรื่องนี้จะแตกต่างจากที่บัญญัติ
ในมาตรา ๓๐ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ท่ีกําหนดให้เป็น
หนา้ ที่ของเจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายในทรัพยส์ ินทจี่ ะต้องเป็นผรู้ ื้อถอน
๔.๑๔ ผมู้ ีสทิ ธิได้รบั เงินคา่ ทดแทนการเวนคืน
บทกฎหมายทีเ่ กย่ี วข้อง ไดแ้ ก่ มาตรา ๔๐ และมาตรา ๔๒
มาตรา ๔๐ เงนิ ค่าทดแทนน้ัน ให้กําหนดแกบ่ ุคคล ดังต่อไปน้ี
(๑) เจา้ ของที่ดนิ ทตี่ อ้ งเวนคืน
(๒) เจ้าของโรงเรือน ส่ิงปลูกสร้าง หรืออสังหาริมทรัพย์อ่ืน ซึ่งมีอยู่ในที่ดินท่ีต้อง
เวนคืนนั้นในวันใช้บังคับพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์หรือพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา ๘
หรือได้ปลูกสรา้ งขน้ึ ภายหลงั โดยไดร้ ับอนญุ าตจากเจา้ หนา้ ที่
(๓) เจ้าของต้นไม้ยืนต้นท่ีข้ึนอยู่ในที่ดินในวันที่ใช้บังคับพระราชบัญญัติเวนคืน
อสงั หารมิ ทรพั ยห์ รือพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา ๘
(๔) ผูเ้ ชา่ หรือผู้เชา่ ช่วงทด่ี นิ โรงเรือน หรอื สิ่งปลูกสร้างอน่ื ในทดี่ นิ ที่ต้องเวนคืน
(๕) บุคคลผู้เสียสิทธิในการใช้ทาง วางท่อน้ํา ท่อระบายนํ้า สายไฟฟ้า หรือส่ิงอ่ืน
ซ่ึงคล้ายกันผ่านที่ดินที่ต้องเวนคืนนั้นตามมาตรา ๑๓๔๙ หรือมาตรา ๑๓๕๒ แห่งประมวลกฎหมาย
แพ่งและพาณิชย์
(๖) เจ้าของหรือบุคคลใดซึ่งอยู่อาศัยหรือประกอบการค้าขายหรือการงานอันชอบ
ด้วยกฎหมายในอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องเวนคืนนั้น และได้รับความเสียหายเน่ืองจากการที่ต้องออกจาก
อสงั หาริมทรพั ย์นัน้
มาตรา ๔๒ ผู้ซ่ึงจะมีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทนตามมาตรา ๔๐ (๕) จะต้องเป็นผู้ได้รับ
ความเสียหายจากการเวนคนื
รวมเรือ่ งเดน่ ประเดน็ เด็ด เกร็ดคดี (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๒) ๑๙๙
ผู้มีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทนตามมาตรา ๔๐ น้ี มีสาระสําคัญบางประการ
แตกต่างไปจากผู้มีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทนท่ีเคยกําหนดในมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วย
การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ กลา่ วคือ
(๑) มาตรา ๔๐ (๑) ให้กําหนดแก่ “เจ้าของท่ีดินที่ต้องเวนคืน”
ซึ่งแตกต่างจากท่ีกําหนดในมาตรา ๑๘ (๑) แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
พ.ศ. ๒๕๓๐ ที่ให้กําหนดแก่ “เจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายซ่ึงที่ดินท่ีต้องเวนคืน”
อย่างไรก็ตาม โดยที่ในมาตรา ๔ กําหนดนิยามคําว่า “เจ้าของ” หมายความว่า เจ้าของหรือผู้ครอบครอง
ซ่ึงอสังหาริมทรัพย์โดยชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้น แม้ถ้อยคําท่ีใช้จะแตกต่างกัน แต่พึงเข้าใจว่า ผู้มีสิทธิ
ได้รับค่าทดแทนตามมาตรา ๔๐ (๑) น้ี หมายความถึง เจ้าของหรือผู้ครอบครองซึ่งอสังหาริมทรัพย์
โดยชอบด้วยกฎหมาย
(๒) มาตรา ๔๐ (๒) ให้กําหนดแก่ “เจ้าของโรงเรือน ส่ิงปลูกสร้าง
หรืออสังหาริมทรัพย์อ่ืน ซ่ึงมีอยู่ในท่ีดินที่ต้องเวนคืนนั้นในวันใช้บังคับพระราชบัญญัติเวนคืน
อสังหาริมทรัพย์หรือพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา ๘ หรือได้ปลูกสร้างขึ้นภายหลังโดยได้รับอนุญาต
จากเจ้าหน้าท่ี” ซึ่งแตกต่างจากที่กําหนดในมาตรา ๑๘ (๒) แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืน
อสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ที่ให้กําหนดแก่ “เจ้าของโรงเรือนหรือส่ิงปลูกสร้างอย่างอื่นท่ีรื้อถอนไม่ได้
ซ่ึงมีอยู่ในที่ดินท่ีต้องเวนคืนนั้นในวันใช้บังคับพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามมาตรา ๖ หรือได้ปลูกสร้าง
ข้ึนภายหลังโดยได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่” ดังน้ัน ผู้มีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทนตามมาตรา ๔๐ (๔)
จึงกว้างกว่ากฎหมายเก่า คือ ไม่จํากัดว่าต้องเป็นเฉพาะเจ้าของโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่น
ท่ีร้ือถอนไม่ได้ โดยหากเป็นเจ้าของโรงเรือน สิ่งปลูกสร้าง หรืออสังหาริมทรัพย์อ่ืน ซ่ึงมีอยู่ในที่ดิน
ท่ตี อ้ งเวนคนื ฯ กจ็ ะเป็นผูม้ ีสทิ ธิไดร้ ับเงินคา่ ทดแทนตามกรณนี ้ี
(๓) มาตรา ๔๐ (๓) ให้กําหนดแก่ “เจ้าของต้นไม้ยืนต้นที่ข้ึนอยู่
ในที่ดินในวันท่ีใช้บังคับพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์หรือพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา ๘”
ซึ่งครอบคลุมกว่าท่ีกําหนดในมาตรา ๑๘ (๔) ท่ีกําหนดให้แก่ “เจ้าของต้นไม้ยืนต้นท่ีขึ้นอยู่ในท่ีดิน
ในวนั ทใี่ ชบ้ ังคบั พระราชกฤษฎกี าทีอ่ อกตามมาตรา ๖”
(๔) มาตรา ๔๐ (๔) ให้กําหนดแก่ “ผู้เช่าหรือผู้เช่าช่วงที่ดิน โรงเรือน
หรือส่ิงปลูกสร้างอื่นในท่ีดินที่ต้องเวนคืน” ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องการเช่า กําหนดในมาตรา ๔๑
ซง่ึ จะไดก้ ลา่ วถึงในหัวข้อต่อไป กรณีจะแตกต่างจากกฎหมายเดิมท่ีกําหนดเก่ียวกับเร่ืองของผู้เช่าไว้ใน
มาตรา ๑๘ (๓) แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ที่ให้กําหนดแก่
“ผู้เช่าท่ีดิน โรงเรือน หรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอ่ืนในท่ีดินที่ต้องเวนคืน แต่การเช่านั้นต้องมีหลักฐาน
เป็นหนังสือ ซ่ึงได้ทําไว้ก่อนวันใช้บังคับพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามมาตรา ๖ หรือได้ทําขึ้นภายหลัง
โดยได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ และการเช่าน้ันยังมิได้ระงับไปในวันท่ีเจ้าหน้าท่ีหรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมาย
จากเจ้าหน้าท่ีได้เข้าครอบครองท่ีดิน โรงเรือน หรือสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว แต่เงินค่าทดแทนในการเช่าน้ี
พึงกําหนดให้เฉพาะท่ีผู้เช่าได้เสียหายจริงโดยเหตุที่ต้องออกจากท่ีดิน โรงเรือน หรือสิ่งปลูกสร้าง
ดังกลา่ วกอ่ นสัญญาเช่าระงับ”
๒๐๐ รวมเร่ืองเดน่ ประเดน็ เด็ด เกร็ดคดี (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๒)
(๕) มาตรา ๔๐ (๕) ให้กําหนดแก่ “บุคคลผู้เสียสิทธิในการใช้ทาง
วางท่อนํ้า ท่อระบายนํ้า สายไฟฟ้า หรือส่ิงอื่นซึ่งคล้ายกัน ผ่านที่ดินท่ีต้องเวนคืนนั้นตามมาตรา ๑๓๔๙
หรือมาตรา ๑๓๕๒ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์” ซ่ึงแตกต่างจากท่ีกําหนดในมาตรา ๑๘ (๖)
แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ที่ให้กําหนดแก่ “บุคคลผู้เสียสิทธิ
ในการใช้ทาง วางท่อนํ้า ท่อระบายน้ํา สายไฟฟ้า หรือส่ิงอื่นซ่ึงคล้ายกันผ่านท่ีดินที่ต้องเวนคืนนั้น
ตามมาตรา ๑๓๔๙ หรือมาตรา ๑๓๕๒ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในกรณีท่ีบุคคลเช่นว่านั้น
ได้จ่ายคา่ ทดแทนในการใช้สิทธิดงั กลา่ วใหแ้ ก่เจ้าของท่ดี ินที่ต้องเวนคืนแลว้ ”
อย่างไรกต็ าม ผู้ซง่ึ จะมสี ิทธิไดร้ บั เงินค่าทดแทนตามมาตรา ๔๐ (๕)
จะตอ้ งเป็นผูไ้ ด้รบั ความเสียหายจากการเวนคืน ทงั้ นี้ ตามนยั มาตรา ๔๒
(๖) มาตรา ๔๐ (๕) ให้กําหนดแก่ “เจ้าของหรือบุคคลใดซ่ึงอยู่อาศัย
หรือประกอบการค้าขายหรือการงานอันชอบด้วยกฎหมายในอสังหาริมทรัพย์ท่ีต้องเวนคืนนั้น และ
ได้รับความเสียหายเนื่องจากการที่ต้องออกจากอสังหาริมทรัพย์น้ัน” ซ่ึงเดิมพระราชบัญญัติว่าด้วย
การเวนคนื อสังหารมิ ทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ไม่ไดก้ าํ หนดให้เป็นผมู้ ีสิทธิได้รบั เงนิ คา่ ทดแทนไว้
บนทีด่ ินทีเ่ วนคนื ๔.๑๕ การจ่ายค่าทดแทนกรณีที่มีการเช่าท่ีดินหรืออสังหาริมทรัพย์ท่ีตั้งอยู่
บทกฎหมายที่เกีย่ วขอ้ ง ไดแ้ ก่ มาตรา ๔๑
มาตรา ๔๑ ในกรณีท่ีมีการเช่าท่ีดินหรืออสังหาริมทรัพย์ท่ีต้ังอยู่บนที่ดินที่เวนคืน
หากมีหลักฐานเป็นหนังสือหรือแม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือแต่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าเป็นผู้เช่าที่ดินหรือ
อสังหาริมทรัพยด์ ังกล่าวจริง ใหเ้ จ้าหนา้ ทจ่ี ่ายเงินค่าทดแทนใหแ้ กผ่ ู้เช่าหรอื ผเู้ ช่าชว่ งแตล่ ะรายเป็นคา่ ขนยา้ ย
และคา่ เสยี หายอนื่ ท่ีตอ้ งออกจากอสังหาริมทรัพย์ แต่สําหรับผูเ้ ช่าหรอื ผเู้ ชา่ ชว่ งทไ่ี ม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ
ให้จ่ายใหเ้ ฉพาะคา่ ขนย้าย
ในกรณีที่มีการเช่าที่ดินและผู้เช่าหรือผู้เช่าช่วงเป็นผู้ลงทุนหรือก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์
หรือมีข้อตกลงอื่นใดในลักษณะเดียวกัน หรือได้มีการชําระค่าเช่าหรือค่าตอบแทนล่วงหน้า ให้เจ้าหน้าท่ี
จา่ ยเงินค่าทดแทนเป็นค่าเสียสทิ ธกิ ารเช่าจากการท่ีสัญญาเช่าต้องระงับก่อนกําหนด โดยคิดตามส่วนของ
ระยะเวลาเช่าทเี่ หลอื อยู่ นับแตว่ ันทต่ี กลงซอ้ื ขายอสังหารมิ ทรัพย์ตามมาตรา ๒๕ จนถึงวันที่สัญญาเช่า
สิ้นสุดลง ทั้งน้ี ใหห้ กั เงนิ คา่ ทดแทนทีจ่ า่ ยตามวรรคนอ้ี อกจากเงินค่าทดแทนทจ่ี า่ ยให้แก่เจา้ ของดว้ ย
ในกรณีที่เจ้าของโรงเรือน สิ่งปลูกสร้าง หรืออสังหาริมทรัพย์ท่ีตั้งอยู่บนท่ีดิน มีสัญญา
กําหนดให้กรรมสิทธ์ิในโรงเรือน สิ่งปลูกสร้าง หรืออสังหาริมทรัพย์ที่ต้ังอยู่บนท่ีดินนั้นตกเป็น
กรรมสิทธิ์ของเจ้าของท่ีดินเม่ือครบระยะเวลาการเช่าท่ีดิน ให้เจ้าของท่ีดินมีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทน
สําหรับโรงเรือน สิ่งปลูกสร้าง หรืออสังหาริมทรัพย์ท่ีตั้งอยู่บนที่ดิน โดยผู้เช่าหรือผู้เช่าช่วงมีสิทธิได้รับ
ค่าเสียสิทธิในการใช้ที่ดินและโรงเรือน ส่ิงปลูกสร้าง หรืออสังหาริมทรัพย์ที่ต้ังอยู่บนที่ดินน้ัน โดยคํานวณ
ตามส่วนของระยะเวลาเช่าท่ีเหลืออยู่ ค่าขนย้าย และค่าเสียหายอื่น สําหรับค่าเสียสิทธิในการใช้ท่ีดิน
ให้หกั ออกจากเงนิ คา่ ทดแทนท่ีเจา้ ของได้รบั