ของพรรคเป็นมาตรการควบคุม และเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็ไม่มีความจ�ำเป็นจะต้องไป
ก�ำหนดวัตถุประสงค์ให้เสียเวลา คือ เม่ือผลประโยชน์แห่งชาติท่ีก�ำหนดข้ึน (จาก
พรรคการเมืองที่เป็นคณะรัฐบาล) ชัดเจนแล้ว ก็สามารถวิเคราะห์หาทางเลือก
ทด่ี ที สี่ ดุ หรอื หนทางปฏบิ ตั ทิ ดี่ ที สี่ ดุ เพอ่ื กำ� หนดนโยบายแหง่ ชาติ หรอื ทม่ี กั เรยี กกนั วา่
“การประเมนิ ยทุ ธศาสตรช์ าติ” น่ันเอง
4. การประเมนิ ยทุ ธศาสตรช์ าติ
การประเมินยทุ ธศาสตร์ชาติ (National Strategic Appraisal) เป็น
กรรมวิธีในการแก้ปัญหาแบบหน่ึง ท�ำนองเดียวกันกับการประมาณสถานการณ์
(Estimate of the Situation) ของการแกป้ ัญหาทางทหาร แต่อาศยั การวเิ คราะห์
แนวคดิ ของการใชพ้ ลงั อำ� นาจแหง่ ชาติ ซงึ่ เปน็ เครอ่ื งมอื หรอื ขดี ความสามารถของชาติ
ทมี่ อี ยู่ และพจิ ารณาถงึ การใชป้ ระโยชนจ์ ากขดี ความสามารถเหลา่ นน้ั ใหเ้ หมาะสม
กับข้อเทจ็ จรงิ ต่างๆ ท่ชี าติจะตอ้ งเผชิญในอนาคต เพื่อความมั่นคงแห่งชาตอิ ันเป็น
เป้าหมายส�ำคญั ท่ีชาตจิ ะต้องดำ� รงรกั ษาไว้ให้ได้น่นั เอง
อย่างไรก็ตาม การประเมินยุทธศาสตร์ชาติจ�ำเป็นต้องด�ำเนินการ
วเิ คราะหค์ า่ ของความเสยี่ งและประโยชนท์ ไ่ี ดร้ บั (Cost-Risk-Benefit) อนั เกยี่ วกบั
พลงั อำ� นาจแหง่ ชาตทิ มี่ อี ยู่ รวมทงั้ ขอ้ จำ� กดั (Constraints) เกยี่ วกบั การใชพ้ ลงั อำ� นาจ
เหลา่ นนั้ ซง่ึ มปี จั จยั จะตอ้ งพจิ ารณาจากขา่ วสารตา่ งๆ จำ� นวนมาก การดำ� เนนิ การ
วิเคราะห์ดังกล่าว เป็นกรรมวิธีท่ีมีความมุ่งหมายที่ส�ำคัญ 3 ประการ คือ
เพื่อพัฒนาและวิเคราะห์วัตถุประสงค์แห่งชาติเผ่ือเลือก (Alternative National
Objectives) เพอื่ พฒั นา และ/หรอื กำ� หนดทางเลอื กนโยบายทนี่ า่ จะเปน็ ไปไดข้ องชาติ
และเพื่อวิเคราะห์ขีดความสามารถของชาติอ่ืนที่อาจมีผลกระทบต่อวัตถุประสงค์
แห่งชาติตน46
283
ขน้ั ที่ 1 ระบปุ ัญหา
ขั้นที่ 2 พสิ ูจนท์ ราบ
ขน้ั ที่ 3 ผลประโยชนแ์ หง่ ชาติ
ตรวจสอบส่งิ แวดล้อม
ภยั คุกคาม
ระหวา่ งชาติ
โอกาส
ผลประโยชนแ์ ละนโยบายของ วตั ถปุ ระสงคแ์ ละนโยบาย
ประเทศทนี่ ่าจะเปน็ ศตั รู แหง่ ชาติทีเ่ ปน็ ฝ่ายเรา
(ผลประโยชนท์ ่ีขัดกัน) (ผลประโยชน์ทเี่ กอื้ กลู )
แรงผลักดนั แนวโนม้
ระหว่างชาติ
ข้นั ที่ 4
พฒั นาวัตถุประสงคแ์ ละ
นโยบายแหง่ ชาตเิ ผอื่ เลือก
ขั้นท่ี 5 วเิ คราะหท์ างเลือก
การเมือง การทหาร เศรษฐกจิ สงั คมจติ วิทยา สารสนเทศ ส่ิงแวดลอ้ มทางกายภาพ
ลักษณะประจำ� ชาติ
ขั้นท่ี 6 ขอ้ สรุปและขอ้ เสนอ
ภาพที่ 5-3 การประเมินยุทธศาสตรช์ าติ
ทม่ี า : พจน์ พงศ์สุวรรณ, เร่อื งเดยี วกัน, หนา้ 142.
284
การประเมินยทุ ธศาสตรช์ าติ มีขั้นตอนทัว่ ไป 6 ขัน้ ตอน ดังนี้
ก. ขัน้ ท่ี 1 : ระบปุ ญั หา (Problem Statement)
การระบปุ ญั หานบั วา่ เปน็ กญุ แจสำ� คญั ทมี่ งุ่ ไปสขู่ อบเขตของการวเิ คราะห์
การระบุปญั หาจะเปน็ การชใ้ี หเ้ หน็ เปา้ หมายหรอื วตั ถปุ ระสงคท์ ต่ี อ้ งการใหผ้ วู้ เิ คราะห์
เสนอแนะถึงนโยบายแห่งชาติที่ควรจะเป็นหรือต้องการให้ผู้วิเคราะห์ก�ำหนด
ขีดความสามารถของชาติ เพ่ือบรรลุเป้าหมาย หรือวัตถุประสงค์ หรือต้องการ
ให้ผู้วิเคราะห์เสนอแนะเป้าหมาย หรือวัตถุประสงค์แห่งชาติที่ควรจะเป็น โดย
สอดคลอ้ งกบั ขดี ความสามารถของชาตทิ มี่ อี ยู่ อยา่ งไรกต็ าม ผวู้ เิ คราะหพ์ งึ ระลกึ ไวว้ า่
การระบปุ ญั หาในขั้นน้ี จะเน้นในเรื่องการวิเคราะห์ขีดความสามารถเปรียบเทียบ
ของชาตหิ นง่ึ กบั ชาติอ่ืนๆ ในสถานการณท์ ี่เผชิญอยู่
ข. ขนั้ ที่ 2 : พสิ จู นท์ ราบผลประโยชน์แหง่ ชาติ (Identify National
Interests)
เมื่อได้ระบุปัญหาในข้ันที่ 1 จนเป็นท่ีแน่ชัดแล้ว ผู้วิเคราะห์จะต้อง
พสิ จู นท์ ราบผลประโยชนแ์ หง่ ชาตติ า่ งๆ ทมี่ คี วามสำ� คญั ตอ่ ปญั หา กลา่ วคอื พสิ จู นท์ ราบ
ผลประโยชน์ และวตั ถปุ ระสงคแ์ หง่ ชาตทิ อี่ าจขดั แยง้ หรอื สง่ เสรมิ ขดี ความสามารถ
ของชาติตนอย่างไร ผู้วิเคราะห์ต้องระลึกไว้เสมอว่า ผลประโยชน์แห่งชาติอ่ืนอาจ
เปน็ ผลเนอื่ งมาจากทางประวตั ศิ าสตร์ การปฏบิ ตั ใิ ดๆ ของคณะรฐั บาล หรอื การแสดง
ประชามตอิ อกมากไ็ ด้ ผลประโยชนแ์ หง่ ชาตเิ หลา่ นนั้ ยอ่ มหมายรวมถงึ องคป์ ระกอบ
ต่างๆ ที่ชาติมีการแสดงประชามติออกมาก็ได้ ผลประโยชน์แห่งชาติเหล่าน้ัน
ย่อมหมายรวมถึงองค์ประกอบต่างๆ ท่ีชาติมีความเกี่ยวข้องอยู่ และข้อได้เปรียบ
ของชาติน้ัน และอย่างน้อยที่สุด ก็ต้องพิสูจน์ทราบถึงความมุ่งประสงค์ชาติน้ัน
เป็นการเปรยี บเทียบดว้ ย
ในการพิจารณาผลประโยชน์แห่งชาติท่ีเปล่ียนแปลงไปของผู้น�ำ
ทางการเมืองที่ก�ำหนดขึ้นน้ัน ผู้วิเคราะห์ต้องพิจารณาความส�ำคัญของแต่ละ
ผลประโยชนท์ เี่ ปลยี่ นแปลงไปดว้ ย ผลประโยชนอ์ ะไรทพ่ี จิ ารณาไดว้ า่ เปน็ ผลประโยชน์
สำ� คญั ในปจั จบุ นั และมมี ากนอ้ ยเพยี งไร จะตอ้ งพจิ ารณาอยา่ งพนิ จิ พเิ คราะห์ เพราะ
285
อาจมกี ารเปลยี่ นแปลงลำ� ดบั ความสำ� คญั หรอื มขี อ้ จำ� กดั ใหมๆ่ เกดิ ขนึ้ ตามสถานการณ์
ระหว่างประเทศท่ีเปลี่ยนแปลงไป ตัวอย่างเช่น ในปัจจุบันนี้ ผลประโยชน์ของ
สหรัฐอเมริกาในตะวันออกกลาง ย่อมมีความส�ำคัญเพ่ิมขึ้นทุกขณะ ในขณะท่ี
ความเกย่ี วพนั ของสหรฐั อเมรกิ าในภมู ภิ าคอน่ื เชน่ ภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้
มีความสำ� คญั ลดน้อยลงไป เปน็ ต้น
ในการวเิ คราะหข์ น้ั ที่ 2 น้ี อาจมปี จั จยั บางประการทจ่ี ะตอ้ งนำ� มาพจิ ารณา
ในการระบปุ ญั หาเพอื่ จำ� กดั ขอบเขตของการวเิ คราะหแ์ ละอาจมคี วามจำ� เปน็ ทจ่ี ะตอ้ ง
ก�ำหนดสมมติฐานข้ึนตามสถานการณ์และแนวโน้มในปัจจุบัน สมมติฐานท่ีน่าจะ
กำ� หนดข้นึ ส�ำหรบั การวิเคราะห์ทางยทุ ธศาสตร์นนั้ อาจไดแ้ ก่
1) รูปแบบของรฐั บาล จะต้องไมเ่ ปลย่ี นแปลงในหว้ งระยะเวลาของ
การวเิ คราะห์
2) พลงั อำ� นาจภายนอก จะยงั คงใหค้ วามชว่ ยเหลอื แกผ่ กู้ อ่ ความไมส่ งบ
อยา่ งตอ่ เนือ่ ง
3) ระบบความมน่ั คงรว่ มกนั จะยงั คงเปน็ ผลในหว้ งเวลาของการวเิ คราะห์
อยา่ งไรกต็ าม การกำ� หนดสมมตฐิ านนน้ั ตอ้ งมลี กั ษณะของความสมจรงิ
ความมเี หตผุ ล และความเกยี่ วขอ้ งกับการระบุปญั หาในขั้นท่ี 1 และสอดคลอ้ งกับ
ผลประโยชนท์ พี่ สิ จู นท์ ราบแลว้ ซง่ึ จะเปน็ พน้ื ฐานในการวเิ คราะหข์ องขนั้ ตอ่ ไป และ
สมมตฐิ านน้ี ตอ้ งไม่เป็นขอ้ จำ� กัดในการท่ีจะแกป้ ัญหาต่อไปดว้ ย
ในขน้ั ท่ี 2 นเ้ี อง หลงั จากไดด้ ำ� เนนิ ขน้ั ตอน คอื กำ� หนดสมมตฐิ านขน้ึ แลว้
กอ็ าจระบปุ ญั หาขน้ึ อกี ครง้ั หนง่ึ (Redefine Problem) ทงั้ น้ี กเ็ พอื่ ความกระจา่ งชดั
ในการวิเคราะหต์ อ่ ไป
ค. ขั้นท่ี 3 : ตรวจสอบส่ิงแวดล้อมระหว่างชาติ (Examine
International Environment)
การด�ำเนินในข้ันน้ีนับว่ามีความส�ำคัญ คือ การน�ำเอาผลประโยชน์
ทพ่ี สิ จู นท์ ราบแล้วในข้ันท่ี 2 มาตรวจสอบอีกคร้ังหนึ่ง เพื่อหาความสัมพันธ์ของ
286
ผลประโยชน์เหล่านั้น ภายใต้สิ่งแวดล้อมระหว่างชาติ การตรวจสอบดังกล่าว
จะเป็นทางน�ำมาซ่งึ ผลประโยชน์ 2 ลักษณะด้วยกนั คือ
1) ผลประโยชนท์ ขี่ ดั กนั (Conflicting Interests) ผลประโยชนใ์ นลกั ษณะ
นจ้ี ะเป็นอุปสรรคในการท่จี ะบรรลถุ งึ เปา้ หมายแห่งชาติ หรอื วัตถุประสงค์แห่งชาติ
เป็นส่วนรวม ซ่ึงอาจเรียกว่าเป็น “ภัยคุกคาม” (Theats) ก็ได้ ผลประโยชน์
ในลักษณะนี้ อาจเกดิ ขึ้นไดแ้ มใ้ นประเทศทเี่ ปน็ มติ ร หรอื ฝ่ายเดียวกนั กต็ าม ซ่งึ จะ
เกิดเป็นอุปสรรคต่อการก�ำหนดวัตถุประสงค์ หรือก�ำหนดนโยบายแห่งชาติได้
ในกรณีนี้ นักยุทธศาสตร์จ�ำเป็นต้องวิเคราะห์ผลประโยชน์และนโยบายแห่งชาติ
ที่น่าจะเป็นศัตรูของชาติตน เพื่อทราบก�ำลังและแนวโน้มของภัยคุกคามเหล่าน้ัน
2) ผลประโยชนท์ ีเ่ ก้ือกลู (Complimentary Interests) ผลประโยชน์
ในลักษณะน้ี เป็นลักษณะที่มีผลเกื้อกูล หรือส่งเสริมขีดความสามารถของชาติ
เพ่ือบรรลุเป้าหมาย หรือวัตถุประสงค์ที่ก�ำหนดไว้ ผลประโยชน์เหล่าน้ีเอง
จะเปน็ ผลกระทบในดา้ นดี หรอื ดา้ นสนบั สนนุ ผลประโยชนแ์ หง่ ชาตติ น ซงึ่ เรยี กกนั วา่
“โอกาส” (Opportunities) ในการวิเคราะห์ “โอกาส” น้ี จ�ำเป็นต้องวิเคราะห์
วัตถุประสงค์ และนโยบายของมิตรประเทศ เพื่อจะได้ทราบก�ำลัง และแนวโน้ม
ของโอกาสทจี่ ะเกิดขน้ึ ดว้ ย กล่าวโดยสรปุ ส�ำหรับการวเิ คราะหข์ น้ั ท่ี 3 เปา้ หมาย
ของการวิเคราะห์ ได้แก่ “ภัยคุกคาม” และ “โอกาส” เพ่ือพิสูจน์ทราบถึงก�ำลัง
และแนวโนม้ ระหวา่ งชาติ ไมว่ า่ จะเปน็ ทง้ั ทางบวก (เกอื้ กลู ) และทางลบ (ขดั กนั ) กต็ าม
ซึ่งมีปัจจัยในการพิจารณาต่างๆ มากมายด้วยกัน เช่น ปัจจัยทางวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยี สงั คมจติ วทิ ยา การจดั องคก์ ารระหวา่ งประเทศ อดุ มการณ์ เปน็ ตน้
สุดท้ายของการวิเคราะห์ข้นั ท่ี 3 หากจำ� เป็นอาจต้องมกี ารทบทวนการระบุปญั หา
ขน้ั ที่ 1 กลา่ วคอื ในระหวา่ งการวเิ คราะหข์ นั้ ท่ี 3 น้ี ผวู้ เิ คราะหอ์ าจพจิ ารณาปจั จยั ตา่ งๆ
ทม่ี ผี ลกระทบตอ่ ผลประโยชนแ์ หง่ ชาติ และผลกระทบเชน่ นน้ั อาจสะทอ้ นถงึ ตวั ปญั หา
ภายหลังจากการพิจารณาทบทวนการระบุปัญหาแล้ว อาจก�ำหนดปัญหาขึ้นใหม่
เพอ่ื ให้เข้ากับแนวคดิ ของผวู้ เิ คราะหต์ ่อไป
287
ง. ขนั้ ท่ี 4 : พฒั นาทางเลอื กของวตั ถปุ ระสงคห์ รอื นโยบาย (Develop
Alternative National Objectives or Policies Options)
การวเิ คราะหใ์ นขน้ั นี้ มงุ่ สเู่ ปา้ หมายแหง่ ชาตโิ ดยตรง แมว้ า่ เปา้ หมาย
แหง่ ชาตจิ ะเป็นลักษณะของการแสดงออกทางคุณภาพอันพึงปรารถนาก็ตามแต่
วตั ถปุ ระสงค์อาจก�ำหนดขึน้ โดยเฉพาะ และมักจะอยใู่ นลกั ษณะของการแสดงออก
ทางจำ� นวนอยู่บอ่ ยๆ เพราะเหตุว่า ในลักษณะของวัตถุประสงคน์ ้นั เปน็ จุดหมาย
ปลายทางท่ีจะต้องทุ่มเทความพยายาม รวมทั้งการใช้ทรัพยากรทั้งปวง โดยการ
กำ� หนดหนทางปฏิบัตทิ ี่เหมาะสม เพือ่ ให้บรรลตุ ามวตั ถปุ ระสงค์นัน้ ทางเลอื กของ
ยทุ ธศาสตร์ ก็คือ หนทางปฏบิ ัติเพื่อน�ำไปสู่วตั ถุประสงค์นัน่ เอง
ความมุ่งหมายของการวิเคราะหข์ น้ั น้ี กเ็ พ่อื จะพฒั นาทางเลอื กท้งั สิ้น
อยา่ งเตม็ ที่ ซง่ึ ทกุ ทางเลอื กจะตอ้ งเปน็ สงิ่ ทน่ี า่ จะปฏบิ ตั ไิ ดใ้ นสภาพการณร์ ะหวา่ งประเทศ
และถา้ เปน็ ผลสำ� เรจ็ กจ็ ะทำ� ใหผ้ ลประโยชนท์ เี่ กอื้ กลู มคี า่ สงู ขนึ้ ในขณะเดยี วกนั กจ็ ะ
เปน็ การลดผลประโยชนท์ ข่ี ดั กนั (ในขนั้ ที่ 3) ดว้ ยทางเลอื กเหลา่ นจ้ี ะตอ้ งระบใุ หแ้ นช่ ดั
และมลี กั ษณะสรปุ ยอ่ ใหอ้ ยใู่ นรปู ของนโยบาย รวมทง้ั อำ� นวยการในการปฏิบัติการ
หรอื จัดให้มีโครงการ (Programs) เพือ่ เปน็ การขยายผลการปฏิบตั ิขึน้
ในการพัฒนาย่านหรือขอบเขตของทางเลือก ผู้วิเคราะห์มักจะพิจารณา
หนทางปฏิบตั ิตา่ งๆ ดังนี้
1) ด�ำรงรักษาสภาพเดิม
2) ยกเลิกหรือล้มเลกิ สถานภาพเดิม
3) ประนีประนอมในข้อ 1) และ 2) ซ่ึงผู้ประนีประนอมจะต้องแสดง
วิธีการแกป้ ญั หา และในขณะเดยี วกนั ก็จะต้องหาวธิ กี ารยอมรบั วถิ ีทางการเมอื งที่
จะเกดิ ขนึ้ ต่อปัญหานี้
ผู้พิจารณาทางเลือกมักจะกลายเป็นผู้ให้ข้อเสนอทางเลือกเสียเอง และ
ผวู้ เิ คราะหค์ วรจะเลยี่ งวธิ กี ารเชน่ น้ี ถา้ หากหาทางพสิ จู นค์ วามมเี สรขี องการเลอื กไมไ่ ด้
ผลทสี่ ดุ ของการวเิ คราะหก์ จ็ ะมคี า่ แตเ่ พยี งเลก็ นอ้ ยสำ� หรบั ผมู้ หี นา้ ทตี่ ดั สนิ ใจเทา่ นน้ั
288
ฉะนั้น ผู้วิเคราะห์จึงมีความรับผิดชอบของการวิเคราะห์ท่ีจะพัฒนาอย่างเต็มท่ี
หรอื ตอ่ เนอื่ งตอ่ หนทางเลอื กทงั้ ปวง แมว้ า่ บางทอี าจตอ้ งยอมรบั ในหลายสงิ่ หลายอยา่ ง
รวมทั้งความแตกต่างของทางเลือกเหล่านั้น การวิเคราะห์ในข้ันต้นน้ีเป็นกุญแจ
ท่ีจะน�ำไปสู่การวิเคราะห์ท่ีส�ำคัญในขั้นต่อไป ซึ่งต้องการตัดสินใจอย่างกว้างๆ
การมองการณไ์ กล มีจินตนาการทีส่ งู สง่ และการสร้างสรรค์อนั เหมาะสม
จ. ข้นั ท่ี 5 : วิเคราะห์ทางเลอื ก (โดยการอาศัยการใชพ้ ลงั อ�ำนาจ)
ขั้นต่อไปในการวิเคราะห์ ก็คือ การประเมินพลังอ�ำนาจแห่งชาติ
ทุกองค์ประกอบ เพ่ือก�ำหนดทางเลือกยุทธศาสตร์ส�ำรองถ้าหากสามารถใช้
พลงั อำ� นาจที่มีอยู่ได้ ทางเลือกส�ำรองได้วางไว้เพื่อให้เหมาะกับองค์ประกอบของ
ขดี ความสามารถของชาติ ตามรูปการของการกำ� หนดยุทธศาสตรช์ าติ
การประเมนิ พลงั อำ� นาจยอ่ มมอี ทิ ธพิ ลอยา่ งแรงกลา้ ตอ่ สถานทแ่ี ละเวลา
แผนการใช้พลังอ�ำนาจแห่งชาติ และส่ิงแวดล้อมภายใน สิ่งแวดล้อมของสถานท่ี
และเวลา จะช่วยก�ำหนดประโยชน์ของการใช้พลังอ�ำนาจแห่งชาติโดยเฉพาะ
และความสามารถของการใชพ้ ลงั อำ� นาจแหง่ ชาติ เปน็ ระบบเพอ่ื บรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์
แหง่ ชาตหิ รอื เพอื่ ปฏบิ ตั ติ ามนโยบายทเี่ กย่ี วขอ้ ง ความสามารถของชาตจิ ะมอี ทิ ธพิ ล
ต่อสถานการณ์ท่ีเกิดข้ึน แรงผลักดันและแนวโน้มจะชัดเจนขึ้นเม่ือต้องเผชิญ
กบั พนั ธมติ ร และรฐั บาลทใี่ หค้ วามรว่ มมอื และในพน้ื ทซ่ี งึ่ กำ� ลงั อำ� นาจทางเศรษฐกจิ
การเมอื ง การทหาร จะสามารถนำ� ไปใชไ้ ด้
แผนการใช้พลังอ�ำนาจแห่งชาติย่อมช่วยเหลือในการก�ำหนด
ผลประโยชน์แห่งชาติ ก�ำลังอ�ำนาจซึ่งไม่สามารถใช้ได้ตามแผนหรือไม่มีแผนก็ไม่
สามารถจะนำ� มาใช้ได้ ทีใ่ ดทีก่ ำ� ลังอำ� นาจทางทหารและก�ำลังอ�ำนาจทางเศรษฐกิจ
พร้อมที่จะอ�ำนวยให้ปรัชญาทางการเมือง สารสนเทศและสังคมจิตวิทยา ก็จะ
มคี วามยงุ่ ยากในการใชก้ ำ� ลงั นอกประเทศ ฉะนน้ั การประเมนิ พลงั อำ� นาจตอ้ งรวมถงึ
การพจิ ารณาปญั หา และโอกาสภายในทมี่ อี ยู่ และขอ้ จำ� กดั ในการใชพ้ ลงั อำ� นาจเพอื่
เสริมผลประโยชนแ์ ห่งชาติเหลา่ น้นั
289
ในข้ันนี้ควรจะประเมินค่าของความเส่ียง และประโยชน์ท่ีได้รับ
ในแต่ละหนทางเลือก และควรตอบปญั หาเหล่าน้ีให้ได้ ดังน้ี
1) คา่ ของความเสีย่ งแต่ละหนทาง ในรูปของ
ก) ค่าการเมืองภายใน และการเมืองระหว่างประเทศ เช่น
การสนบั สนนุ ของประชาชนพันธมติ รทลี่ ดค่านยิ มลงไป
ข) ค่าทางสังคมในการจัดต้ังล�ำดับความเร่งด่วนทรัพยากรใหม่
รวมทง้ั เงินและก�ำลงั พล
ค) ภัยคุกคามท่ีเพ่ิมขึ้น หรืออุปสรรคที่ขัดขวางผลประโยชน์
ทางทหาร และทางเศรษฐกจิ
2) ผลประโยชนท์ ป่ี รากฏขน้ึ ในแตล่ ะทางเลอื กในรปู ของผลประโยชน์
จรงิ ๆ หรอื สงิ่ ท่ีเกี่ยวกับวตั ถปุ ระสงค์ หรอื นโยบายปจั จุบนั มีอะไรบ้าง?
3) อะไรที่เกนิ ดลุ (Tradeoffs) ในรูปของค่า และ/หรือความเสี่ยง
สำ� หรบั ประโยชน์ทคี่ วรจะเกดิ ข้นึ จริงๆ
ในข้ันสุดท้ายของการวิเคราะห์ทางเลือกนี้ จะออกมาในรูปของ
“ลกั ษณะประจ�ำชาติ” (National Style) ทป่ี รากฏชดั ขึน้ ทุกๆ องคป์ ระกอบของ
พลงั อำ� นาจแห่งชาติ
ฉ. ข้ันที่ 6 : สรปุ และเสนอแนะ
หลังจากการประเมินค่าความเส่ียง และประโยชน์ที่ได้รับแต่ละทาง
เลือกในรูปของขีดความสามารถและข้อจ�ำกัดของชาติแล้ว ผู้วิเคราะห์ต้องพิสูจน์
ทราบทางเลอื กเหลา่ นน้ั ทน่ี า่ จะยอมรบั และทางเลอื กทไี่ มอ่ าจยอมรบั ได้ ในระหวา่ ง
การวิเคราะห์ ผู้วิเคราะห์ต้องชี้ให้เห็นปัจจัยที่เด่นชัดที่จะน�ำมาสู่ความส�ำเร็จ
ในแต่ละหนทางดว้ ย
ขอ้ เสนอแนะทค่ี วรเตรียมจัดเสนอให้ผู้มอี �ำนาจตัดสินตกลงใจ กค็ อื
1) ลำ� ดบั ของการเสนอทางเลอื กทย่ี อมรบั ได้ พรอ้ มดว้ ยเหตผุ ลประกอบ
2) ข้อเสนออื่นๆ ที่เห็นว่าเหมาะสม และ/หรือเรื่องราวที่เก่ียวกับ
การพสิ ูจนท์ ราบ อันเป็นผลทจ่ี ะเกดิ จากการวเิ คราะห4์ 7
290
5. การศึกษาเฉพาะกรณี
เพื่อให้เกิดความเข้าใจในหลักพื้นฐานของยุทธศาสตร์ดีข้ึน จึงได้น�ำ
เอาการศกึ ษาเฉพาะกรณี อนั เกยี่ วกบั การไดม้ าซง่ึ ยทุ ธศาสตรช์ าตขิ องสหรฐั อเมรกิ า
และสาธารณรฐั ประชาชนจนี มาพจิ ารณาและวเิ คราะห์ เพอ่ื ใหเ้ กดิ แนวคดิ ในการนำ�
หลักพืน้ ฐานของยุทธศาสตร์ไปใชป้ ระโยชน์ อย่างไรก็ตาม ถ้าหากเราเขา้ ใจในเรอื่ ง
ความมุ่งประสงค์แห่งชาติเป็นพื้นฐานอย่างเหมาะสมแล้ว ต่อไปก็จะไม่มีปัญหา
ในเรอ่ื งผลประโยชนแ์ หง่ ชาติ และไมว่ า่ จะเปน็ พน้ื ทส่ี นใจใดๆ กต็ าม ถา้ หากเราทราบ
ความมงุ่ ประสงคแ์ ห่งชาติเป็นที่แน่นอนแลว้ จุดประสงคแ์ ห่งชาตแิ ละวตั ถปุ ระสงค์
แหง่ ชาตใิ นการปกปอ้ งคมุ้ ครอง หรอื ใหบ้ รรลถุ งึ ผลประโยชนแ์ หง่ ชาตเิ หลา่ นนั้ กเ็ ขา
สามารถทจี่ ะอนุมานไดไ้ ม่ยากนกั และเม่อื ทราบผลประโยชน์แห่งชาติ จดุ ประสงค์
และวตั ถปุ ระสงคแ์ หง่ ชาตแิ ลว้ ทางเลอื กในการกำ� หนดยทุ ธศาสตร์ เพอื่ ใหบ้ รรลซุ ง่ึ
ผลประโยชน์ จุดประสงค์ และวัตถุประสงค์แห่งชาติ ก็สามารถกระท�ำได้ตาม
หลกั การทีก่ �ำหนดให้
ก. การได้มาซงึ่ ยทุ ธศาสตร์ชาติของสหรฐั อเมรกิ า
ในขณะทย่ี ทุ ธศาสตรเ์ ปน็ ทงั้ ศลิ ปแ์ ละศาสตรท์ ำ� ใหส้ ามารถสรา้ งรปู แบบ
ที่แน่นอนเพื่อสร้างความเข้าใจศัพท์เฉพาะที่เกี่ยวข้องโดยยังคงยึดถือหลักการ
ท่ีแน่นอนและการประยุกต์ใช้กระบวนการคิดอย่างสร้างสรรค์และมีระเบียบวิธีได้
ดังนั้น นักยุทธศาสตร์จึงสามารถพัฒนายุทธศาสตร์ชาติโดยอาศัยข้ันตอนหรือ
ระเบียบวิธีช่วยให้เกิดกระบวนการคิดเป็นกระบวนการตามขั้นตอนหลักๆ โดย
เรมิ่ จากการพจิ ารณากำ� หนดคา่ นยิ มแหง่ ชาตแิ ละผลประโยชนแ์ หง่ ชาติ เพอ่ื นำ� ไปสู่
การก�ำหนดยุทธศาสตร์ชาติอย่างมีประสิทธิผลได้ ดังภาพท่ี 5-4 ได้แสดงข้ันตอน
การได้มาซึ่งยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งวิทยาลัยการทัพบกของสหรัฐอเมริกาได้พัฒนาขึ้น
เพื่อใช้ส�ำหรับการพัฒนายุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติและยุทธศาสตร์ที่
สนบั สนนุ ตา่ งๆโดยยงั คงเชอ่ื มโยงกบั ปจั จยั พน้ื ฐานของพลงั อำ� นาจแหง่ ชาติ
291
ภาพที่ 5-4 ขน้ั ตอนการได้มาซ่ึงยุทธศาสตร์ชาตขิ องสหรัฐอเมริกา
ท่มี า : Department of National Security and Strategy, Directive Course 2: War, National
Policy & Strategy, Carlisle, PA: U.S. Army War College, 1997.
อยา่ งไรกต็ าม ระเบยี บวธิ ดี งั กลา่ วนมี้ ไิ ดส้ ตู รตายตวั ทก่ี อ่ ใหเ้ กดิ ยทุ ธศาสตร์
ท่ีสมบูรณ์แบบแต่อย่างใด ระเบียบวิธีน้ีเป็นแค่แนวทางที่ช่วยให้นักยุทธศาสตร์
สามารถพจิ ารณาองคป์ ระกอบทห่ี ลากหลายและประเดน็ ปญั หาทเี่ กย่ี วกบั การกำ� หนด
ยทุ ธศาสตรเ์ ทา่ นนั้ ดว้ ยการพัฒนายุทธศาสตรจ์ ะต้องสอดคลอ้ งกับลักษณะเฉพาะ
ในเรอ่ื งเวลา สถานที่ สภาพการณ์ และคณุ ลกั ษณะสว่ นบคุ คลทเี่ กย่ี วขอ้ ง แนวทางทจี่ ะ
น�ำเสนอดังต่อไปน้ีจึงเป็นวิธีการอย่างหนึ่งที่ใช้ส�ำหรับการพิจารณาความซับซ้อน
ของยทุ ธศาสตร์ และชว่ ยใหน้ กั ยทุ ธศาสตรเ์ กดิ ความหวงั ไดว้ า่ จะสามารถบรรลปุ จั จยั
เร่ืองความสอดคล้อง ความต่อเนื่อง และได้ฉันทามติตามที่ผู้ก�ำหนดนโยบาย
ทางการเมอื งตอ้ งการในการพฒั นาและการดำ� เนนิ การอนั เกย่ี วกบั ความมน่ั คงแหง่ ชาติ
292
1) ค่านิยมแห่งชาติ
ยทุ ธศาสตรค์ วามมน่ั คงแหง่ ชาติ ไดม้ าจากการประเมนิ คา่ นยิ มแหง่ ชาติ
(National Values) ของประเทศ ณ จุดที่ด�ำรงอยู่ในสภาพแวดล้อมโลก
คา่ นยิ มแหง่ ชาตขิ องสหรฐั อเมรกิ านี้ ไดแ้ สดงใหเ้ หน็ พน้ื ฐานดา้ นกฎหมาย ปรชั ญา
และศลี ธรรมจรรยา เพอื่ ดำ� รงความตอ่ เนอื่ งของระบบของสหรฐั อเมรกิ า คา่ นยิ มเหลา่ น้ี
จึงบ่งให้รู้ถึงความรู้สึกเก่ียวกับความมุ่งประสงค์แห่งชาติของสหรัฐอเมริกา
ซึ่งสามารถพบได้ในเอกสารแห่งชาติ เช่น ค�ำประกาศอิสรภาพ และรัฐธรรมนูญ
ของสหรัฐอเมริกา เป็นต้น นอกจากน้ีแล้ว ค่านิยมแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา
อาจถกู แสดงไวใ้ นคำ� แถลงของประธานาธบิ ดี เชน่ ลทั ธมิ อนโร (Monroe Doctrine)
และการประกาศเลิกทาส (Emancipation Proclamation) เป็นต้น เอกสารท่ี
แสดงยทุ ธศาสตรค์ วามมนั่ คงแหง่ ชาตขิ องสหรฐั อเมรกิ า เปน็ สง่ิ พสิ จู นท์ ราบคา่ นยิ ม
หรือความเช่ือหลัก (Core Values) ของชาวอเมริกัน ไม่ว่าจะเป็นการกระท�ำ
การตอบสนอง และมติมหาชนของชาวอเมริกันในอดีต มักจะแสดงค่านิยมของ
ชาวอเมริกันในขณะนั้น เนื่องจากค่านิยมสามารถเปล่ียนแปลงได้ตามเวลาและ
สถานการณ์ บางครั้งค่านิยมดังกล่าวอาจขัดแย้งกับผู้อ่ืน ถึงกระน้ัน ค่านิยมแห่ง
ชาตขิ องสหรฐั อเมริกา กย็ ังคงเปน็ พนื้ ฐานส�ำหรบั การพัฒนาผลประโยชน์แหง่ ชาติ
ของสหรฐั อเมรกิ าอยตู่ อ่ ไป ดงั นนั้ นกั ยทุ ธศาสตรจ์ งึ ตอ้ งตระหนกั ถงึ ความสำ� คญั ของ
คา่ นิยมแหง่ ชาติอย่เู สมอ
2) ผลประโยชนแ์ หง่ ชาติ
ชาติต่างๆ ก็เช่นเดียวกับปัจเจกชน ต่างมีผลประโยชน์ของตนเอง
ดว้ ยกนั ทงั้ สนิ้ ผลประโยชนเ์ หลา่ นไ้ี ดม้ าจากคา่ นยิ มทมี่ มี าแตก่ ำ� เนดิ และความปรารถนา
ท่ีรับรู้ได้ ซึ่งจูงใจให้พวกเขาเกิดการกระท�ำต่างๆ ข้ึน ผลประโยชน์แห่งชาติ
เป็นความต้องการและความมุ่งมาดปรารถนาของชาติที่รับรู้ได้ในความสัมพันธ์กับ
สภาพแวดลอ้ มระหวา่ งชาติ ผลประโยชนแ์ หง่ ชาตขิ องสหรฐั อเมรกิ าจะเปน็ ตวั กำ� หนด
ความสัมพันธ์ของสหรัฐอเมริกากับประเทศอื่นๆ ในโลก ผลประโยชน์แห่งชาติ
จงึ เปน็ ศนู ยร์ วมของการกระทำ� ของสหรฐั อเมรกิ า และเปน็ จดุ เรมิ่ ตน้ ในการกำ� หนด
293
วตั ถปุ ระสงคแ์ หง่ ชาติ และกำ� หนดนโยบายและยทุ ธศาสตรค์ วามมน่ั คงแหง่ ชาตขิ อง
สหรฐั อเมรกิ า ผลประโยชนเ์ หลา่ นถี้ กู แสดงไวใ้ นรปู แบบของเปา้ หมายทตี่ อ้ งการ โดย
ขอ้ ความของผลประโยชน์แห่งชาติเหล่าน้ีจะไม่เร่ิมต้นด้วยค�ำกริยาหรือใช้ค�ำขยาย
การกระทำ� ตวั อยา่ งของการก�ำหนดผลประโยชนแ์ หง่ ชาตขิ องสหรฐั อเมรกิ า ไดแ้ ก่
ใช้ค�ำว่า “เอกราชของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดน” (National
independence and territorial integrity) แตจ่ ะไมใ่ ชค้ ำ� วา่ “พทิ กั ษเ์ อกราชของชาติ
และบรู ณภาพแหง่ ดนิ แดน”(Protectnationalindependenceandterritorialintegrity)
ใชค้ ำ� วา่ “ความอย่รู อดของอิสราเอลที่เป็นเอกราช” (The survival
of an independent Israel) แตจ่ ะไม่ใช้ค�ำวา่ “ปอ้ งกนั อิสราเอลจากการโจมตี”
(Defend Israel from attack)
ใชค้ ำ� วา่ “การปราศจากความขดั แยง้ ภายในภมู ภิ าค” (A region free of
internal conflict) แตจ่ ะไมใ่ ชค้ ำ� วา่ “รบั ประกนั การปราศจากความขดั แยง้ ภายใน
ภมู ภิ าค” (Assure a region free of internal conflict)
ใชค้ ำ� วา่ “การเขา้ ถงึ วตั ถดุ บิ ” (Access to raw materials) แตจ่ ะ
ไมใ่ ชค้ ำ� วา่ “พทิ กั ษแ์ หลง่ วตั ถดุ บิ ” (Protect sources of raw materials)
ใชค้ ำ� วา่ “การผา่ นน่านน�ำ้ สากลอย่างเสร”ี (Unrestricted passage
through international waters)49 แตจ่ ะไมใ่ ชค้ ำ� วา่ “รกั ษาเสน้ ทางคมนาคมทางทะเล”
(Secure sea lines of communications)
นกั ยทุ ธศาสตรใ์ นกลมุ่ รฐั ศาสตรม์ กั สนใจเกย่ี วกบั การจำ� แนกประเภท
เพื่อแสดงให้เห็นถึงประเภทหลักๆ ของผลประโยชน์ต่างๆ และประยุกต์ใช้ระดับ
ของความรุนแรงเพื่อแสดงล�ำดับความเร่งด่วน (Priority) หรือภาวะวิกฤต
(Criticality) ของผลประโยชนด์ งั กลา่ ว ดว้ ยเหตนุ ้ี การใชว้ ธิ กี ารหลายๆ อยา่ งผสมกนั
ทำ� ใหเ้ กดิ การแบง่ กลมุ่ ของผลประโยชนแ์ หง่ ชาตอิ อกเปน็ 4 ประเภท และมรี ะดบั
ความเข้มข้นของผลประโยชน์แหง่ ชาตอิ อกเปน็ 3 ระดับ ดังน้ี
294
ก) ประเภทของผลประโยชนแ์ ห่งชาติ
การจำ� แนกประเภท (Categories) เปน็ เครอื่ งมอื ชว่ ยในเรอ่ื งการจดั เรยี ง
ผลประโยชน์ต่างๆ ให้เป็นระเบียบ แต่ให้พึงระลึกด้วยว่า การแตกรายละเอียด
เป็นสิ่งที่ไม่เป็นไปตามธรรมชาติ และผลประโยชน์บางอย่างอาจทับซ้อนหรือ
อยใู่ นหลายๆ ประเภทกไ็ ด้ ฉะนนั้ ในขณะที่ “การเขา้ ถงึ แหลง่ นำ�้ มนั ดบิ ในอา่ วเปอรเ์ ซยี ”
(Access to Persian gulf oil) เปน็ ผลประโยชนแ์ หง่ ชาตอิ ยา่ งหนง่ึ ของสหรฐั อเมรกิ า
โดยจัดอยใู่ นประเภทของ “ความเจริญรงุ่ เรืองทางเศรษฐกิจ” (Economic Well-
being) แต่ผลประโยชน์แห่งชาติดังกล่าวนี้ ยังเชื่อมไปสู่ผลประโยชน์แห่งชาติ
ประเภทอน่ื ๆ ดว้ ย เชน่ “การสง่ เสรมิ คา่ นยิ ม” (Promotion of Values) โดยตง้ั อยู่
บนพนื้ ฐานของคา่ นยิ มการคา้ เสรขี องสหรฐั อเมรกิ าดว้ ย เปน็ ตน้ ผลประโยชนแ์ หง่ ชาติ
ของสหรฐั อเมรกิ าตามการจำ� แนกประเภทของวทิ ยาลยั การทพั บกของสหรฐั อเมรกิ า
แบง่ ออกเป็น 4 ประเภท คือ
(1) การป้องกนั มาตุภมู ิ (Defense of the Homeland) หมายถงึ
การพทิ กั ษต์ อ่ การโจมตใี ดๆ ตอ่ ดนิ แดนและประชาชนของรฐั ชาติ เพอ่ื รบั ประกนั ใน
เร่ืองความอยู่รอดต่อค่านิยมมูลฐานและการไม่เปล่ียนแปลงระบบทางการเมือง
โดยทวั่ ไปแลว้ ผลประโยชนแ์ หง่ ชาตปิ ระเภทนี้ เปน็ ประเภทของความมน่ั คงทางกายภาพ
(2) ความมงั่ คงั่ ทางเศรษฐกิจ (Economic Prosperity) หมายถึง
การได้มาซ่ึงสภาพการณ์ต่างๆ ในสภาพแวดล้อมระหว่างประเทศท่ีจะรับประกัน
ในเร่อื งความเจรญิ รงุ่ เรอื งทางเศรษฐกจิ ของชาติ
(3) การส่งเสริมค่านิยม (Promotion of Values) หมายถึง
การดำ� รงความชอบธรรม หรอื การขยายคา่ นยิ มมลู ฐานแหง่ ชาตใิ หไ้ ดร้ บั การยอมรบั
ในระดบั สากล เชน่ การคา้ เสรี (Free Trade) สทิ ธมิ นษุ ยชน (Human Rights) และ
ประชาธปิ ไตย (Democracy) เป็นตน้
(4) ระเบยี บโลกทเ่ี ปน็ ประโยชน์ (Favorable World Order) หมายถงึ
เป้าหมายที่ต้องการใดๆ ที่ส่งเสริมต่อสภาพการณ์ท่ีเก้ือกูลต่อค่านิยมและ
ความมุ่งประสงค์มูลฐานแห่งชาติ เช่น ความมีเสถียรภาพ และรัฐบาลท่ีเป็น
ประชาธิปไตย เป็นต้น50
295
ข) ระดบั ความเข้มขน้ ของผลประโยชน์แห่งชาติ
ระดบั ความเขม้ ขน้ ของผลประโยชนแ์ หง่ ชาติ (Intensity of Interests)
เป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งท่ีใช้ก�ำหนดล�ำดับความเร่งด่วนหรือภาวะวิกฤตของ
ผลประโยชน์ต่างๆ อย่างไรก็ตาม ให้พึงตระหนักว่า หากปราศจากการจัดล�ำดับ
ความเรง่ ดว่ นแลว้ กอ็ าจเปน็ ไปไดท้ จ่ี ะจบั ควู่ ตั ถปุ ระสงคซ์ ง่ึ เปน็ จดุ หมายไมเ่ หมาะสม
กบั ทรพั ยากรทเี่ ปน็ เครอื่ งมอื การจดั ระดบั ความเขม้ ขน้ ใหก้ บั ผลประโยชนแ์ หง่ ชาติ
สามารถใชเ้ ปน็ คำ� ตอบของปญั หาเหลา่ นไี้ ดว้ า่ หากมอี ะไรเกดิ ขน้ึ เราไดต้ ระหนกั ถงึ
ผลประโยชน์ท่ีเก่ียวข้องหรือไม่ ในปัจจุบัน วิทยาลัยการทัพบกของสหรัฐอเมริกา
ได้แบง่ ระดบั ความเข้มข้นของผลประโยชนแ์ ห่งชาติออกเป็น 3 ระดับ ดงั นี้
(1) ระดบั จำ� เปน็ (Vital) หมายถงึ ถา้ ไมส่ มบรู ณ์ จะมผี ลกระทบตามมา
ต่อผลประโยชนแ์ ห่งชาตทิ ีส่ ำ� คญั ยิง่ ทันที
(2) ระดับสำ� คญั (Important) หมายถึง ถ้าไม่สมบรู ณ์ จะสง่ ผลให้
เกิดความเสียหายซ่ึงจะมผี ลกระทบตอ่ ผลประโยชน์แห่งชาติท่สี ำ� คญั ยิง่ ตอ่ ไป
(3) ระดบั ข้างเคียง (Peripheral) หมายถึง ถา้ ไมส่ มบูรณ์ จะส่งผล
ใหเ้ กดิ ความเสยี หาย แตไ่ มน่ า่ ทจี่ ะมผี ลกระทบตอ่ ผลประโยชนแ์ หง่ ชาตทิ ส่ี ำ� คญั ยงิ่ ตอ่ ไป51
แนวคดิ เรอื่ งผลประโยชนแ์ หง่ ชาตทิ สี่ ำ� คญั ยงิ่ (Vital National Interests)
มีความเก่ียวพันกับการเมืองระหว่างประเทศ และเป็นค�ำที่มักจะมีความหมาย
แยกเป็นสองลกั ษณะ คือ ลักษณะแรก ผลประโยชน์ท่ีสำ� คัญยิง่ คอื ผลประโยชน์
ท่ีชาติน้ันๆ ไม่ต้องการต่อรอง เช่น ในเรื่องอาณาเขตของประเทศ จะไม่ยอมเสีย
ดนิ แดนแมเ้ พยี งสว่ นหนงึ่ สว่ นใดทงั้ สนิ้ ลกั ษณะทส่ี อง ผลประโยชนท์ สี่ ำ� คญั ยงิ่ คอื
สงิ่ ทท่ี ำ� ใหช้ าตนิ นั้ ๆ ตอ้ งทำ� สงครามถา้ จะตอ้ งสญู เสยี มนั ไป เชน่ ถา้ มใี ครเขา้ มายดึ แผน่ ดนิ
ของเรา ไม่เพียงแต่เราจะปฏิเสธการเจรจาต่อรองเท่าน้ัน แต่เราจะต่อสู้เพ่ือให้ได้
มนั กลบั คนื มาด้วย ตามปกติแลว้ ผลประโยชน์ท่ีส�ำคญั ยงิ่ มคี วามสัมพนั ธท์ ัง้ ภายใน
ประเทศ การเมืองระหว่างประเทศ หากระบบนานาชาติไม่มีกลไกพอเพียงท่ีจะ
แกป้ ญั หาหรอื บงั คบั ใหเ้ กดิ ความสงบเรยี บรอ้ ยระหวา่ งชาตติ า่ งๆ เมอ่ื ผลประโยชนส์ ำ� คญั
ของแต่ละชาติขัดกันแล้ว พวกเขาก็ไม่ต้องการทั้งกลไกที่ท�ำให้เกิดหรือท่ีบังคับ
296
ใหเ้ กดิ การตอ่ รองใดๆ ชาตติ า่ งๆ ยอ่ มพอใจทจ่ี ะดำ� รงการควบคมุ สงู สดุ ตอ่ ผลประโยชน์
แห่งชาติที่ส�ำคัญย่ิงนั้นไว้ รวมถึงการใช้ก�ำลังทหารเพื่อพิทักษ์ผลประโยชน์
เหลา่ นนั้ ดว้ ย สำ� หรบั การกำ� หนดผลประโยชนใ์ นระดบั ขา้ งเคยี งนน้ั มไิ ดห้ มายความวา่
ไมจ่ ำ� เป็นตอ้ งกลา่ วถงึ ผลประโยชน์แหง่ ชาตทิ ่เี ก่ียวข้อง แตเ่ ปน็ การกำ� หนดมุมมอง
ท่ีเก่ียวข้องกับความส�ำคัญของผลประโยชน์ที่มีความสัมพันธ์กับความเจริญรุ่งเรือง
ของชาติ เนื่องจากกิจกรรมต่างๆ ของรัฐบาลอาจใช้แบบจ�ำลองที่แตกต่างกันได้
เอกสารยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติจึงควรระบุระดับความเข้มข้น 3 ระดับไว้
ได้แก่ ระดับจ�ำเป็น (Vital) ระดับส�ำคัญ (Important) และระดับมนุษยธรรม
(Humanitarian) โดยระดับหลงั สุดนีไ้ ม่จ�ำเปน็ ตอ้ งระบุล�ำดบั ความเร่งด่วนไว้ก็ได้
ค) กระบวนการประเมินยุทธศาสตร์
ภายหลังจากการจัดเรียงผลประโยชน์ต่างๆ แยกเป็นประเภทและ
ระดับความเข้มข้นโดยใช้หลักเกณฑ์ทั่วไปดังท่ีได้กล่าวมาแล้ว ข้ันตอนต่อไปก็คือ
การประเมินยุทธศาสตร์ อันหมายถึง การตรวจสอบสภาพแวดล้อมท้ังภายใน
ประเทศและระหวา่ งประเทศ เพอื่ สบื หาแรงผลกั ดนั และแนวโนม้ ทจี่ ะมผี ลกระทบ
ตอ่ ผลประโยชน์แห่งชาติ และพจิ ารณากำ� หนดผลลพั ธ์ออกมาเปน็ ภยั คุกคาม และ
โอกาส ในการประเมนิ ความสมั พนั ธข์ องภยั คกุ คามภายนอกทมี่ ตี อ่ ผลประโยชนด์ า้ น
ความม่ันคงแห่งชาตินั้น วิทยาลัยการทัพบกของสหรัฐอเมริกาได้อาศัยหลักเกณฑ์
ของแบล็กวิลล์ (Blackwill’s Criteria) เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบต่างๆ ท่ีมีผลต่อ
ผลประโยชน์แห่งชาตอิ ย่างใดอยา่ งหน่งึ ดังนี้
(1) ความเรง่ ด่วน (Immediacy) เมอ่ื พจิ ารณาในเร่ืองของเวลา
(2) ความใกลช้ ดิ ทางภมู ศิ าสตร์ (Geographic Proximity)
(3) ขนาดความสำ� คญั (Magnitude)
(4) มติ ทิ ่ีมผี ลกระทบตอ่ ผู้อืน่ (Infectious Dimensions)
(5) ความเชอ่ื มโยง (Connectivity) มกี ารเชอ่ื มโยงเปน็ เครอื ขา่ ยของ
เหตุการณ์จากภัยคุกคาม (สถานการณ์/เหตุการณ์) ต่อผลประโยชน์แห่งชาติหลัก
มากนอ้ ยเพยี งใด53
297
สง่ิ ทส่ี ำ� คญั กค็ อื ขนั้ ตอนนจ้ี ะเกดิ ขนึ้ ภายหลงั การจดั เรยี งผลประโยชนต์ า่ งๆ
แยกเป็นประเภทและระดับความเข้มข้นเรียบร้อยแล้ว ระดับความเข้มข้นของ
ผลประโยชน์อย่างใดอย่างหน่ึงควรได้รับการพิจารณาก่อนที่จะมีการวิเคราะห์
ในรายละเอยี ดเกย่ี วกบั ภยั คกุ คามทม่ี ผี ลตอ่ ผลประโยชนน์ น้ั ๆ สงิ่ ทมี่ คี วามสำ� คญั ยง่ิ กค็ อื
ผลประโยชนไ์ มค่ วรจบั คกู่ บั ภยั คกุ คามอยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ โดยเฉพาะ ในกรณที ร่ี ฐั บาล
เริ่มต้นด้วยการประเมินภัยคุกคามก่อนการก�ำหนดแนวคิดท่ีเก่ียวกับผลประโยชน์
และระดบั ความเขม้ ขน้ แลว้ กย็ อ่ มเสยี่ งตอ่ การตอบสนองภยั คกุ คามอยา่ งใดอยา่ งหนงึ่
โดยอาศัยข้อผูกมัดและทรัพยากรหลักท่ีปราศจากการเช่ือมโยงอย่างมีเหตุผลต่อ
ภาวะวิกฤตของผลประโยชน์ต่างๆ ท่ีเกี่ยวข้องอย่างส้ินเชิง ดังน้ัน การวิเคราะห์
ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสงิ่ ทจี่ ะตอ้ งเสยี ไปกบั ประโยชนท์ จี่ ะไดร้ บั อยา่ งมเี หตผุ ลไมค่ วร
ใหม้ ผี ลกระทบตอ่ ระดบั ความเขม้ ขน้ ของผลประโยชนท์ ก่ี ำ� หนดขน้ึ ทง้ั น้ี แบลก็ วลิ ล์
ไดใ้ หเ้ หตผุ ลในประเดน็ นว้ี า่ สงิ่ เหลา่ นค้ี วรเปน็ อสิ ระเชงิ วเิ คราะหจ์ ากการใชด้ ลุ ยพนิ จิ
เก่ียวกับผลประโยชน์ด้านความม่ันคงแห่งชาติว่ามีความส�ำคัญต่อสหรัฐอเมริกา
มากนอ้ ยเพยี งใด ด้วยเหตุน้ี สหรัฐอเมริกาอาจเลือกปกป้องผลประโยชน์ในระดับ
ข้างเคียงของตน เพราะผลประโยชน์ดังกล่าวไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายอะไรมากมายก็ได้
หรอื สหรฐั อเมรกิ าอาจไมเ่ ลอื กทจ่ี ะปกปอ้ งผลประโยชนด์ า้ นความมน่ั คงแหง่ ชาตขิ องตน
อยา่ งแข็งขัน เพราะสหรัฐอเมริกาไดต้ ดั สินใจแลว้ วา่ ผลประโยชนด์ ังกลา่ วต้องเสยี
คา่ ใชจ้ า่ ยมากเกนิ ไปกบั วธิ กี ารทห่ี ลากหลายกไ็ ด้ แมว้ า่ ผลประโยชนด์ งั กลา่ วนจ้ี ะยงั
คงมคี วามสำ� คญั มากกต็ าม ทำ� ใหบ้ อ่ ยครงั้ ทโ่ี ลกไดเ้ หน็ สหรฐั อเมรกิ าเตม็ ใจทจี่ ะจา่ ย
ให้กับส่ิงท่ีโลกเห็นว่าไม่จ�ำเป็น อย่างไรก็ตาม การประเมินยุทธศาสตร์นี้ต้องเป็น
อะไรท่ีมากกว่าการระบุรายการประเด็นปัญหาหรือความท้าทายต่างๆ หากแต่
การประเมินยุทธศาสตร์ต้องวิเคราะห์และอธิบายได้ว่าสิ่งไหนและด้วยวิธีการ
อะไรท่ีจะมีผลกระทบต่อผลประโยชน์แห่งชาติของสหรัฐอเมริกา การประเมินน้ี
ควรแสวงหาวธิ กี ารพสิ จู นท์ ราบโอกาสและภยั คกุ คามใดๆ ทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั ผลประโยชน์
ตา่ งๆ ของสหรฐั อเมรกิ า เมอื่ เปน็ สว่ นหนง่ึ ของกระบวนการนี้ การประเมนิ ยทุ ธศาสตร์
จะตรวจสอบนโยบายแห่งชาติและช่วยพิสูจน์ทราบข้อเสนอแนะที่จ�ำเป็นต่อ
การเปล่ียนแปลงนโยบายต่างๆ ทม่ี อี ย5ู่ 4
298
กระบวนการประเมนิ ยทุ ธศาสตรข์ องสหรฐั อเมรกิ า มขี นั้ ตอนทส่ี ำ� คญั ดงั น้ี
(1) ขั้นท่ี 1 : การกำ� หนดผลประโยชนต์ ่างๆ ของสหรฐั อเมรกิ า
- จากการท�ำความเขา้ ใจค่านยิ มแหง่ ชาตแิ ละสภาพแวดลอ้ มโลก
- โดยการจำ� แนกประเภทเปน็ การปอ้ งกนั มาตภุ มู ิ ความเจรญิ รงุ่ เรอื ง
ทางเศรษฐกิจ ระเบยี บโลกทีเ่ ป็นประโยชน์ และการส่งเสริมค่านยิ มแหง่ ชาติ
- โดยการจดั ระดบั ความเขม้ ขน้ เปน็ ระดบั จำ� เปน็ ระดบั สำ� คญั และ
ระดบั ข้างเคียง
(2) ข้นั ที่ 2 : การพิสูจน์ทราบและการประเมินความท้าทายต่อ
ผลประโยชนต์ า่ งๆ ของสหรัฐอเมรกิ า
- แนวโนม้ ด้านกลาโหม (ภยั คุกคาม และโอกาส)
- แนวโนม้ ทางเศรษฐกจิ (ภัยคุกคาม และโอกาส)
- แนวโน้มดา้ นระเบยี บโลก (ภัยคกุ คาม และโอกาส)
- แนวโนม้ ด้านการสง่ เสรมิ ค่านยิ ม (ภยั คุกคาม และโอกาส)
(3) ขนั้ ท่ี 3 : การเปรียบเทียบกับยุทธศาสตร์ชาติของสหรัฐอเมริกา
เป็นการทบทวนและวิเคราะห์ว่า การประเมินมีความสอดคล้องหรือแตกต่างจาก
ยุทธศาสตร์ความม่ันคงแห่งชาติในปัจจุบันของสหรัฐอเมริกาหรือไม่ และแสดง
เหตผุ ลหากไม่สอดคลอ้ งกัน
(4) ข้ันที่ 4 : การใหข้ อ้ เสนอแนะเชงิ นโยบาย โดยอาศัยการประเมินน้ี
การก�ำหนดข้อเสนอแนะเชิงนโยบายให้กับนโยบายด้านการทูต ด้านเศรษฐกิจ
และด้านการทหาร ซ่ึงต้องปรับเปลี่ยนให้ทันสมัยทั้งในปัจจุบันและในอนาคต
เพือ่ ปกป้องตอ่ ภัยคกุ คามและด�ำรงความได้เปรยี บจากโอกาสตา่ งๆ ทม่ี อี ยู่
ง) นโยบายแหง่ ชาติ
เพื่อรักษาไว้ซ่ึงผลประโยชน์แห่งชาติ ผู้น�ำทางการเมืองระดับชาติ
จะเป็นผู้ก�ำหนดนโยบายเพื่อใช้เป็นแนวทางในการก�ำหนดยุทธศาสตร์ชาติ
นโยบายแห่งชาติเปน็ หนทางปฏิบตั หิ รือแถลงการณอ์ ยา่ งกวา้ งๆ ของแนวทางและ
วัตถุประสงค์ท่ีรัฐบาลน�ำเอามาใช้ในระดับชาติเพ่ือบรรลุซ่ึงผลประโยชน์แห่งชาติ
299
นโยบายแหง่ ชาตนิ ีอ้ าจพบไดจ้ ากเอกสารที่หลากหลาย สุนทรพจน์ แถลงนโยบาย
และคำ� ประกาศของรฐั บาลเนอื่ งในโอกาสทเ่ี ปน็ ทางการตา่ งๆ สำ� หรบั สหรฐั อเมรกิ า
ประธานาธิบดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และรัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงกลาโหม เปน็ บคุ คลสำ� คญั ในกระบวนการกำ� หนดนโยบายตา่ งๆ ในระดบั ชาติ
หลังจากนั้น ยุทธศาสตร์ความม่ันคงแห่งชาติจะได้รับการก�ำหนดข้ึนโดยอาศัย
นโยบายดา้ นความมนั่ คงแหง่ ชาตดิ งั กล่าวนั้น56
จ) ยทุ ธศาสตร์ความม่ันคงแห่งชาติ
ยทุ ธศาสตรค์ วามมนั่ คงแหง่ ชาติ เปน็ ศลิ ปแ์ ละศาสตรข์ องการใชป้ จั จยั
พื้นฐานของพลังอ�ำนาจแห่งชาติท้ังในยามสงบและยามสงครามเพ่ือรักษาไว้ซึ่ง
ผลประโยชนแ์ หง่ ชาติ ยุทธศาสตร์ความม่ันคงแห่งชาตอิ าจเรียกไดอ้ ีกอย่างหนึ่งวา่
“ยทุ ธศาสตร์ชาต”ิ หรอื “มหายุทธศาสตร”์ วทิ ยาลัยการทัพบกของสหรัฐอเมรกิ า
ได้กลา่ วถึงยทุ ธศาสตร์นไ้ี วว้ า่ การกำ� หนดยุทธศาสตร์ชาติจะใช้กระบวนการคดิ เชิง
ยทุ ธศาสตร์โดยอาศยั หลักเกณฑ์จดุ มงุ่ หมาย วิธกี าร และเครอ่ื งมือเป็นฐาน แมว้ า่
หนว่ ยงานอนื่ ๆ อาจใชแ้ บบจำ� ลองทแ่ี ตกตา่ งกนั แตก่ ถ็ อื ไดว้ า่ แบบจำ� ลองของวทิ ยาลยั
การทพั บกของสหรฐั อเมรกิ านเ้ี ปน็ เครอื่ งมอื เชงิ ประเมนิ ทม่ี ปี ระสทิ ธผิ ลมากอยา่ งหนง่ึ
ของสหรัฐอเมริกา57
จะเห็นได้ว่า การบรรลุซึ่งผลประโยชน์แห่งชาติได้ก็โดยอาศัยการใช้
ปจั จยั พน้ื ฐานของพลงั อำ� นาจแหง่ ชาตทิ มี่ อี ยู่ ซง่ึ ปจั จยั พนื้ ฐานของพลงั อำ� นาจแหง่ ชาติ
เหลา่ นม้ี อี ยอู่ ยา่ งหลากหลายทง้ั ทเ่ี ปน็ ตวั กำ� หนดตามธรรมชาติ และตวั กำ� หนดทางสงั คม
ซงึ่ ตวั กำ� หนดตามธรรมชาติ ประกอบดว้ ย สรรพสง่ิ ตา่ งๆ ทม่ี ลี กั ษณะของภมู ศิ าสตร์
ประชากร และทรพั ยากรตามธรรมชาติ ในขณะทต่ี วั กำ� หนดทางสงั คม ประกอบดว้ ย
สรรพส่ิงต่างๆ ที่มีลักษณะของปัจจัยพ้ืนฐานทางการเมือง เศรษฐกิจ การทหาร
และสารสนเทศ และนกั ยทุ ธศาสตรส์ ามารถปรบั ใชไ้ ดโ้ ดยเฉพาะ ปจั จยั พน้ื ฐานของ
พลงั อำ� นาจแหง่ ชาติ เปน็ เครอื่ งมอื พนื้ ฐานในระดบั ชาติ โดยไดม้ าจากทรพั ยากรตา่ งๆ
ท่ีมอี ยู่ส�ำหรบั ใช้ในระดบั ยุทธศาสตร์
300
ยงิ่ ไปกวา่ นนั้ คำ� วา่ “ปจั จยั พน้ื ฐานของพลงั อำ� นาจ” (Element of Power)
มกั ถกู ใชส้ ลบั กนั ไดก้ บั คำ� วา่ “เครอ่ื งมอื ของพลงั อำ� นาจ” (Instrument of Power)
โดยมกั ปรากฏอยใู่ นเอกสารตา่ งๆ ของทางราชการอยเู่ สมอ แตท่ วี่ ทิ ยาลยั การทพั บก
ค�ำสองค�ำน้ีมีความหมายท่ีแตกต่างกัน โดยค�ำว่า “เคร่ืองมือของพลังอ�ำนาจ”
เปน็ องคป์ ระกอบยอ่ ยของปจั จยั พนื้ ฐานของพลงั อำ� นาจ58ตวั อยา่ งเชน่ การแสดงกำ� ลงั
(Shows of Force) การปดิ ลอ้ ม (Blockades) และการฝกึ ผสมเหล่า (Combined
Training Exercises) เป็นเครื่องมือของปัจจัยพื้นฐานของก�ำลังอ�ำนาจทางทหาร
ฉะนนั้ เครอื่ งมอื ของพลงั อำ� นาจเปน็ สงิ่ ทม่ี จี ำ� นวนทางเลอื กหรอื เครอื่ งมอื เชงิ นโยบาย
ซ่ึงได้มาจากปจั จยั พื้นฐานของพลงั อ�ำนาจตา่ งๆ และใชเ้ ป็นวธิ ีการ (ways) เพื่อใช้
ทรพั ยากรตา่ งๆ นนั่ เอง อกี ทง้ั เครอ่ื งมอื ของพลงั อำ� นาจนก้ี ไ็ มจ่ ำ� เปน็ ตอ้ งถอื กำ� เนดิ
มาจากปัจจัยพ้ืนฐานของพลังอ�ำนาจเพียงด้านเดียว ตัวอย่างเช่น การแทรกแซง
ทางเศรษฐกิจ เป็นเคร่ืองมือเชิงนโยบายอย่างหน่ึง (เป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งของ
พลงั อำ� นาจของรฐั ) ซงึ่ อยา่ งนอ้ ยทสี่ ดุ กถ็ อื กำ� เนดิ มาจากปจั จยั พนื้ ฐานของกำ� ลงั อำ� นาจ
ทางเศรษฐกิจและก�ำลังอ�ำนาจทางทหาร ในการด�ำเนินนโยบายต่างประเทศ
อย่างใดอย่างหน่ึงน้ัน สหรัฐอเมริกาอาจเลือกใช้ปัจจัยพ้ืนฐานของพลังอ�ำนาจ
อยา่ งใดอยา่ งหนึ่งหรือทง้ั หมด ใช้เพียงอยา่ งเดยี วเพยี งล�ำพัง หรือใช้ผสมผสานกับ
พลังอำ� นาจอืน่ ๆ กไ็ ด้ แตโ่ ดยทัว่ ไปแล้วยุทธศาสตรค์ วามม่ันคงแหง่ ชาตจิ ะใชป้ ัจจัย
พนื้ ฐานของพลังอำ� นาจท่รี ัฐมอี ยู่ทงั้ หมด
ปัจจัยพื้นฐานของพลังอ�ำนาจท้ังหมดอาจถูกประยุกต์ใช้โดยทั่วไป
ในขณะทนี่ กั การทตู พยายามโนม้ นา้ วใหช้ าตอิ น่ื สนบั สนนุ ตอ่ หนทางปฏบิ ตั อิ ยา่ งหนงึ่
หรือชาติอีกชาติหน่งึ นักการทูตเหล่านอี้ าจใชไ้ มแ้ ข็ง เช่น แสดงให้อกี ชาติหน่ึงเห็น
อย่างชัดเจนว่า ชาติของตนก�ำลังพิจารณาใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อตอบโต้ต่ออีกชาติ
หน่ึงก็ได้ ในขณะท่ีก�ำลังอ�ำนาจทางทหารอาจถูกน�ำมาใช้เพื่อรุกรานรัฐอีกรัฐหน่ึง
ใชก้ ารแสดงกำ� ลงั หรอื เขา้ ไปมสี ว่ นรว่ มกบั การฝกึ เพอื่ สรา้ งความเชอื่ มน่ั ใหก้ บั รฐั อกี
รัฐหนงึ่ กไ็ ด้ ดงั นัน้ พลงั อำ� นาจเหล่าน้ีจงึ อาจถกู ใช้เพื่อสร้างอิทธพิ ล สนบั สนุน ขม่ ขู่
301
หรอื บบี บงั คบั กไ็ ด้ อยา่ งไรกต็ าม การประยกุ ตใ์ ชป้ จั จยั พนื้ ฐานของพลงั อำ� นาจเฉพาะอยา่ ง
อาจมผี ลกระทบในเปา้ หมายทตี่ อ้ งการของตนเองเทา่ นน้ั หรอื เกดิ ผลกระทบตามมา
ในวงกวา้ งไปยังมติ ิอนื่ ๆ กไ็ ด้ ดังตวั อยา่ งข้างต้น การทีร่ ฐั ใดรฐั หนงึ่ ประกาศว่าตงั้ ใจ
จะใช้อาวุธนิวเคลียร์กับอีกรัฐหนึ่ง ย่อมท�ำให้รัฐท้ังสองต้องยกระดับการเตือนภัย
ขน้ึ ไปอยใู่ นระดบั สงู สดุ การอภปิ รายทางการเมอื งเพอ่ื แสวงหาขอ้ ตกลงรว่ มกนั กจ็ ะ
เกดิ ขนึ้ ตามมา ตลาดหนุ้ จะไดร้ บั ผลกระทบ และกอ่ ใหเ้ กดิ ความเครยี ดกบั พลเมอื งของรฐั
รวมถงึ เกิดความตน่ื ตระหนกไปท้ังโลก
ฉ) การกำ� หนดยทุ ธศาสตรช์ าตโิ ดยการใชก้ ระบวนการคดิ เชงิ ยทุ ธศาสตร์
(1) ก�ำหนดวัตถุประสงค์แหง่ ชาติ เปน็ จดุ มุ่งหมาย
(2) ใชแ้ นวคดิ เชงิ ยุทธศาสตรช์ าติ เป็น วิธกี าร
(3) ใชท้ รัพยากรของชาติ เปน็ เคร่อื งมือ
ยุทธศาสตร์ ได้มาจากและต้องเป็นตัวสนับสนุนผลประโยชน์และ
นโยบายแหง่ ชาติ จากจดุ นี้ เรม่ิ จากการพจิ ารณาว่า มีวตั ถปุ ระสงคท์ ี่จะต้องบรรลุ
อะไรบา้ งเพ่อื น�ำไปส่กู ารได้มาซงึ่ ผลประโยชนแ์ หง่ ชาตติ อ่ ไป ฉะนน้ั นกั ยุทธศาสตร์
จะเปน็ ผพู้ จิ ารณาวา่ จะใชป้ จั จยั พน้ื ฐานของพลงั อำ� นาจตา่ งๆ ในฐานะทเี่ ปน็ เครอ่ื งมอื
ของพลังอ�ำนาจเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ที่ก�ำหนดเหล่าน้ันได้อย่างไร หลังจากนั้น
นักยทุ ธศาสตร์ก็จะเรม่ิ คำ� นวณไดว้ ่า รัฐมที รัพยากรเพยี งพอ หรือสามารถหาใหพ้ อ
(ก�ำลังคน ยุทโธปกรณ์ เงิน เป็นต้น) เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ท่ีก�ำหนดเหล่านั้น
ไดห้ รอื ไม่ ในกรณที วี่ ตั ถปุ ระสงคไ์ มไ่ ดน้ ำ� ไปสกู่ ารไดม้ าซงึ่ ผลประโยชนแ์ หง่ ชาตแิ ลว้
หากแนวคิดทางยทุ ธศาสตรไ์ ม่อาจบรรลุวัตถปุ ระสงคไ์ ด้ หรอื ขาดแคลนทรัพยากร
ขาดแคลนจนไม่สามารถสนับสนุนต่อแนวคิดทางยุทธศาสตร์ได้แล้ว แบบจ�ำลอง
ทางยุทธศาสตร์ดังกล่าวย่อมไม่สมดุล แบบจ�ำลองของยุทธศาสตร์ใดท่ีไร้ซ่ึง
ความสมดลุ จะทำ� ใหน้ กั ยทุ ธศาสตรเ์ หลอื ทางเลอื กอยู่ 2 ทาง กค็ อื ประเมนิ คา่ สมการ
ทก่ี ำ� หนดขน้ึ ใหมท่ ง้ั หมด หรอื จะยอมรบั ความเสยี่ งบางอยา่ งจากการใชย้ ทุ ธศาสตรน์ น้ั
ดงั นน้ั ส่ิงทท่ี ้าทายนักยุทธศาสตร์ กค็ อื
302
(1) จะกำ� หนดวธิ กี ารทดี่ ที สี่ ดุ เพอื่ ขบั เคลอื่ นปจั จยั พนื้ ฐานของพลงั อำ� นาจ
ที่หลากหลาย โดยการเลือกเครื่องมือของพลังอ�ำนาจเหล่าน้ัน หรือวิธีการซึ่งมีท้ัง
ความเปน็ ไปไดแ้ ละมปี ระสทิ ธิผลตอ่ การบรรลุวตั ถปุ ระสงค์ไดห้ รือไม่
(2) จะรับประกันได้อย่างไรว่า ยุทธศาสตร์และปัจจัยพื้นฐานของ
พลงั อำ� นาจทงั้ หมด ตา่ งใหก้ ารสนบั สนนุ สอดคลอ้ ง และรว่ มมอื กนั ได้ หรอื อยา่ งนอ้ ยทสี่ ดุ
กไ็ มท่ ำ� งานโดยมจี ดุ ประสงค์ท่ขี ัดแยง้ กนั เอง59
ช) ยุทธศาสตร์ทหาร
ยุทธศาสตร์ทหารแห่งชาติ เป็นศิลป์และศาสตร์ของการใช้กองทัพ
ของชาติเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของนโยบายแห่งชาติ โดยการประยุกต์ใช้ก�ำลัง
หรอื คกุ คามดว้ ยการใชก้ ำ� ลงั ยทุ ธศาสตรท์ หารแหง่ ชาตนิ ี้ ไดม้ าจากนโยบายแหง่ ชาติ
และยทุ ธศาสตรค์ วามมนั่ คงแหง่ ชาตติ ามลำ� ดบั ดว้ ยเหตนุ ี้ ยทุ ธศาสตรท์ หารจงึ เปน็
สง่ิ ทมี่ คี วามหมายในบรบิ ททางการเมอื งดงั ทไี่ ดก้ ลา่ วมาแลว้ ขา้ งตน้ หรอื เหมอื นกบั
ทเี่ คลาเซวทิ ซไ์ ดใ้ หข้ อ้ สงั เกตไวว้ า่ “สงครามคอื การดำ� เนนิ การเมอื งตอ่ ไปโดยวธิ อี นื่ ”
ดังนั้น สงครามและยุทธศาสตร์ทหารจะต้องสนับสนุนนโยบายของรัฐเพ่ือให้ได้มา
ซ่ึงผลประโยชน์แห่งชาติ ฉะน้ัน ยุทธศาสตร์ทหารทั้งหมดจะใช้กระบวนการคิด
เชงิ ยทุ ธศาสตรโ์ ดยอาศยั หลกั เกณฑว์ า่ ดว้ ยจดุ มงุ่ หมาย วธิ กี าร และเครอ่ื งมอื นน่ั เอง
นโยบายแห่งชาติ วัตถุประสงค์ และแนวทางของยุทธศาสตร์ ต้องอยู่ในรูปแบบ
ของขอ้ ความทก่ี ระชบั ชดั เจน และบรรลวุ ตั ถปุ ระสงคท์ างทหารได้ ทงั้ นว้ี ตั ถปุ ระสงค์
ทางทหารเปน็ ตวั กำ� หนดวา่ การใชป้ จั จยั พน้ื ฐานของกำ� ลงั อำ� นาจทางทหารเพอื่ บรรลุ
อะไรบา้ งอย่างไรก็ตาม หลักเกณฑ์ท่ัวไปของการก�ำหนดวัตถุประสงค์ทางทหาร
ควรมีลกั ษณะดงั นี้
(1) มคี วามเหมาะสม ความชดั เจน ขอบเขตทจี่ ำ� กดั และสามารถบรรลไุ ด้
(สามารถทดสอบไดโ้ ดยการถามตวั เองวา่ หากทา่ นเปน็ ผบู้ ญั ชาการ ทา่ นจะตอ้ งทำ� อะไร
ใหส้ �ำเรจ็ และเป็นไปตามท่ีผ้นู ำ� ทางการเมอื งในระดับชาติตอ้ งการได้)
(2) สามารถไดม้ าซงึ่ ผลประโยชนแ์ หง่ ชาตติ ามนโยบายทก่ี ำ� หนดไดโ้ ดยตรง
303
ข้ันตอนแรกท่ีมีประสิทธิผลในการก�ำหนดวัตถุประสงค์ทางทหาร
ที่ชัดเจน ก็คือ การใช้ค�ำกริยาท่ีเหมาะสมกับผลประโยชน์แห่งชาติท่ีพิสูจน์ทราบ
มาก่อนแล้ว ตัวอย่างเช่น
(1) ผลประโยชน์ : การเขา้ ถงึ วตั ถดุ บิ วตั ถปุ ระสงค์ : เพอี่ื ดำ� รงการเขา้ ถงึ
วตั ถดุ บิ
(2) ผลประโยชน์ : การปราศจากความขดั แยง้ ในภมู ภิ าค วตั ถปุ ระสงค์
ทางทหาร : เพ่อิื ยบั ยั้งความขัดแยง้ ในภมู ภิ าค
(3) ผลประโยชน์ : ความอยู่รอดของประเทศ X วัตถุประสงค์ :
เพ่อื ป้องกนั ประเทศ X
หากวัตถุประสงค์ทางทหารไม่สอดคล้องกับผลประโยชน์แห่งชาติ
ที่ก�ำหนด การเลือกนโยบายท่ีจะใช้ปัจจัยพ้ืนฐานของก�ำลังอ�ำนาจทางทหารก็อาจ
เกิดปญั หาขึ้นได้
สำ� หรบั แนวคดิ ทางยทุ ธศาสตรท์ หารนนั้ เปน็ หนทางปฏบิ ตั หิ รอื วธิ กี าร
อยา่ งกว้างๆ ส�ำหรับการใชก้ ำ� ลงั อ�ำนาจทางทหารเพื่อบรรลุวัตถปุ ระสงค์ท่กี �ำหนด
แนวคิดทางยุทธศาสตร์ทหารจึงใช้เป็นค�ำตอบของค�ำถามท่ีก�ำหนดว่า “อย่างไร”
(How) นนั่ เอง โดยแนวคดิ เหลา่ น้ี อาจเปน็ ความคดิ รเิ รม่ิ จนิ ตนาการ และความคดิ
สร้างสรรค์ของนักยุทธศาสตร์ที่ก้าวเข้ามามีบทบาทส�ำคัญในข้ันนี้ เหมือนอย่าง
เคลาเซวทิ ซไ์ ดใ้ หข้ อ้ สงั เกตไวว้ า่ “มวี ธิ กี ารมากมายหลายวธิ ตี อ่ การบรรลจุ ดุ มงุ่ หมายเดยี ว
ทีก่ �ำหนด โดยสมมตฐิ านแลว้ อาจใช้ไดห้ ลายวธิ ี แตอ่ ัจฉรยิ ะทีแ่ ทจ้ ริงจะตอ้ งคน้ หา
วธิ กี ารทดี่ ที ส่ี ดุ เทา่ นนั้ ” ดงั นนั้ หลกั เกณฑท์ วั่ ไปทน่ี กั ยทุ ธศาสตรค์ วรยดึ ถอื มดี งั น้ี
(1) วตั ถปุ ระสงคท์ างทหารแตล่ ะอยา่ งตอ้ งมแี นวคดิ ทางยทุ ธศาสตรท์ หาร
ตง้ั แตห่ นงึ่ แนวคดิ ขนึ้ ไป โดยแตล่ ะแนวคดิ ดงั กลา่ วตอ้ งมรี ายละเอยี ดดว้ ยวา่ จะใชเ้ ครอื่ งมอื
หรอื ทรพั ยากรท่ีสอดคลอ้ งกับจดุ มุ่งหมายหรอื วตั ถปุ ระสงคท์ างทหารได้อย่างไร
(2) แนวคดิ ทางยทุ ธศาสตรท์ กี่ ำ� หนดขน้ึ จะตอ้ งนำ� เสนอทางเลอื กทเี่ กอื้ กลู
หนทางปฏิบตั ิทีเ่ ปน็ ไปไดซ้ ง่ึ ได้ผ่านการพิจารณาเรยี บรอ้ ยแลว้
(3) แนวคิดทางยุทธศาสตร์จะต้องมีรายละเอียดด้วยว่า จะสามารถ
ใชไ้ ด้เมือ่ ไร และทไ่ี หน รวมถึงมีขัน้ ตอน ล�ำดบั บทบาท และล�ำดับความเร่งด่วน
ท่เี หมาะสมอย่างไร เปน็ ต้น
304
ตัวอย่างเชน่ :
(1) ผลประโยชน์ : การเข้าถึงแหลง่ น้�ำมนั ดบิ ในภูมิภาคตะวันออกกลาง
(2) วัตถุประสงค์ : เพอ่ื รกั ษาเสน้ ทางคมนาคมทางทะเลทน่ี ำ� ไปสภู่ มู ภิ าค
ตะวันออกกลาง
(3) แนวคิดทางยุทธศาสตร์ : กองทัพเรือและกองก�ำลังภาคพ้ืนดินของ
สหรฐั อเมรกิ าจะดำ� รงไวซ้ ง่ึ การแสดงแสนยานภุ าพในทะเลเมดเิ ตอรเ์ รเนยี นตะวนั ออก
และมหาสมุทรอินเดียตั้งแต่ในยามสงบอย่างสม�่ำเสมอ เตรียมการท่ีใช้ก�ำลังอย่าง
เตม็ รปู แบบเมอ่ื เกดิ วกิ ฤตการณ์ และเตรยี มการเพอื่ ใหไ้ ดม้ าซงึ่ ความเหนอื กวา่ ทางทะเล
ในทะเลเมดเิ ตอรเ์ รเนียนและมหาสมทุ รอนิ เดยี ในยามสงคราม
ทา้ ยทส่ี ดุ แลว้ ยทุ ธศาสตรจ์ ะตอ้ งมที รพั ยากรทางทหาร ไดแ้ ก่ กำ� ลงั ทหาร
และเครื่องมือที่แสดงไว้ในวัตถุประสงค์และแนวคิดที่ได้รับการพิสูจน์ทราบแล้ว
ทรพั ยากรทางทหารมกั กลา่ วถงึ เปน็ หนว่ ยกำ� ลงั รบ (เชน่ กองพล กองบนิ และกองเรอื
เปน็ ต้น) แตอ่ าจรวมถึงสิ่งอน่ื ๆ ดว้ ย เชน่ เวลา ความมุ่งมน่ั การจดั หน่วย ก�ำลังพล
เป็นตน้ หลักเกณฑท์ ่วั ไปเกี่ยวกบั ทรพั ยากรทางทหาร มีดงั น้ี
(1) ตอ้ งพสิ จู นท์ ราบทรพั ยากรทางทหารทใ่ี ชส้ ำ� หรบั แตล่ ะวตั ถปุ ระสงค์
และแต่ละแนวคดิ ท่กี �ำหนด
(2) ควรกลา่ วถงึ ความสามารถในการสนบั สนนุ หนว่ ยกำ� ลงั รบ (ในแงข่ อง
การเคลื่อนย้ายทางยุทธศาสตร์ ความสามารถในการด�ำรงสภาพ การสนับสนุน
จากชาติเจ้าบา้ น และการเพม่ิ เติมก�ำลัง เป็นต้น)
ตวั อย่างเช่น :
(1) 1 กองเรอื บรรทกุ เครอ่ื งบนิ พรอ้ มดว้ ย 1 หนว่ ยนาวกิ โยธนิ เคลอื่ นทเี่ รว็
เคลอ่ื นยา้ ยกำ� ลังเขา้ ส่มู หาสมทุ รแปซฟิ กิ ในวงรอบทุก 3 เดอื น....
(2) 1 กองกำ� ลงั เฉพาะกจิ รว่ ม.... 2 กองพลจากแผน่ ดนิ แมส่ หรฐั อเมรกิ า
1 ชดุ รบพิเศษ และ 2 กองบินขบั ไลท่ างยุทธวิธี สนับสนนุ ด้วย....
305
การพิสูจน์ทราบความสัมพันธ์ของทรัพยากรในระหว่างการจัดท�ำ
ยุทธศาสตร์ให้สมบูรณ์น้ัน ควรอยู่เป็นข้ันตอนแรกในการทดสอบตรรกะภายใน
ของยุทธศาสตร์ นกั ยทุ ธศาสตรค์ วรคดิ ยอ้ นกลบั ตามกระบวนการเพอ่ื ใหแ้ นใ่ จไดว้ า่
หนว่ ยกำ� ลงั รบทค่ี ดิ เอาไวเ้ พยี งพอสำ� หรบั การดำ� เนนิ การตามแนวคดิ ทกี่ ำ� หนด ซงึ่ กค็ อื
แนวคิดที่บรรลุวัตถุประสงค์ท่ีได้ระบุเอาไว้ โดยวัตถุประสงค์ทางทหารเช่นนี้
ต้องสอดคล้องและสนับสนุนต่อวัตถุประสงค์ทางการเมือง และพิทักษ์ไว้ซึ่ง
ผลประโยชนแ์ ห่งชาติท่กี �ำหนด
ฉะนั้น การก�ำหนดยุทธศาสตร์ทหารจึงเป็นการใช้กระบวนการคิด
เชิงยุทธศาสตร์อันประกอบข้ึนเป็นสมการได้ว่า ยุทธศาสตร์ทหาร (Military
Strategy) = วตั ถปุ ระสงค์ (Objectives) + แนวคดิ ทางยุทธศาสตร์ (Strategic
Concepts) + ทรัพยากร (Resources) หรือก�ำหนดเป็นค�ำตอบจากค�ำถามทาง
การทหารทว่ั ไป คอื อะไรคือจดุ ม่งุ หมาย (Ends) หรอื วัตถุประสงค์ (Objectives) มี
วธิ กี าร (Ways) หรอื แนวคดิ (Concepts) อยา่ งไร (ทไี่ หน และเมอ่ื ไร) และจะดำ� เนนิ การ
ดว้ ยเครอ่ื งมอื (Means) หรอื ทรัพยากร (Resources) อะไรบ้าง60
ซ) การประเมินความเสี่ยง
โดยทั่วไปแล้ว คงไม่มียุทธศาสตร์ใดที่มีทรัพยากรเพียงพอส�ำหรับ
การรับประกันความส�ำเร็จไดท้ ง้ั หมด ดงั นั้น การทดสอบทจ่ี ำ� เป็นและการทดสอบ
ข้ันสุดท้ายก็คือ การประเมินความเส่ียงจากการบรรลุวัตถุประสงค์ที่น้อยกว่า
ความส�ำเร็จอย่างเต็มท่ีตามที่คาดหวังไว้ การอยู่กับความเสี่ยงถือเป็นส่วนหนึ่ง
ของธุรกิจในโลกสมัยใหม่ และความสามารถท่ีจะระบุขนาดของความเส่ียง
จึงเป็นขั้นตอนแรกในการลดผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากความเสี่ยงดังกล่าว
กระบวนการคิดเช่นน้ีสามารถน�ำมาปรับใช้กับยุทธศาสตร์ชาติ ยุทธศาสตร์ทหาร
แหง่ ชาตแิ ละยทุ ธศาสตรท์ หารของยทุ ธบรเิ วณไดเ้ ชน่ กนั หากพจิ ารณากำ� หนดความเสยี่ ง
ได้วา่ อย่ใู นระดับทไ่ี มส่ ามารถยอมรบั ไดแ้ ลว้ ยทุ ธศาสตรท์ ก่ี ำ� หนดขน้ึ ตอ้ งไดร้ บั การแกไ้ ข
โดยอาศยั วธิ กี ารพื้นฐาน 3 วธิ ี ดงั นี้
306
(1) ลดระดบั ของวตั ถปุ ระสงคล์ ง
(2) เปล่ยี นแนวคิดใหม่
(3) เพิ่มทรพั ยากร
ในกรอบแนวคิดสุดท้ายนี้ นักยุทธศาสตร์จะพบประเด็นปัญหา
ทางยทุ ธศาสตรส์ ว่ นใหญซ่ งึ่ จะทำ� ใหผ้ บู้ งั คบั บญั ชาตอ้ งเผชญิ กบั ความจรงิ ในหลายๆ เรอ่ื ง
เช่น มีข้อผูกมัดหรือข้อจ�ำกัดอะไรบ้าง หรือขีดความสามารถของหน่วยท่ีมีอยู่
ไมเ่ หมาะสมกับยทุ ธศาสตร์ เป็นต้น ความสามารถทีจ่ ะเชอื่ มประเดน็ ปัญหาเหล่านี้
ยอ้ นกลบั ไปยงั กรอบแนวคดิ และยทุ ธศาสตร์ นโยบาย และผลประโยชนท์ เ่ี กย่ี วขอ้ ง
จึงเป็นเร่อื งท่ีส�ำคญั อย่างหน่ึงของความเป็นนกั วเิ คราะห์ยทุ ธศาสตรใ์ นปัจจุบัน61
ข. ยุทธศาสตร์ชาตขิ องสาธารณรัฐประชาชนจนี
หลงั จากทเ่ี ราไดศ้ กึ ษาเกย่ี วกบั องคป์ ระกอบของยทุ ธศาสตรว์ า่ ประกอบดว้ ย
จุดมุ่งหมาย วิธีการ และเครื่องมือไปแล้วน้ัน เพ่ือให้มีความเข้าใจอันเก่ียวกับ
แรงจงู ใจและพฤตกิ รรมของผเู้ ลน่ หลกั ในเวทกี ารเมอื งระหวา่ งประเทศมากขน้ึ การศกึ ษา
ยทุ ธศาสตรช์ าตขิ องประเทศอน่ื ๆ จะเปน็ ประโยชนอ์ ยา่ งยง่ิ ตอ่ ความเปน็ นกั ยทุ ธศาสตร์
ในอนาคต
เนื่องจากสาธารณรัฐประชาชนจีนก�ำลังก้าวข้ึนมาเป็นมหาอ�ำนาจ
ในภมู ภิ าคเอเชยี และของโลก เราจงึ พยายามตรวจสอบยทุ ธศาสตรช์ าตขิ องสาธารณรฐั
ประชาชนจนี โดยอาศัยรปู แบบของจุดมุง่ หมาย วิธีการ และเครอื่ งมือ เพ่อื ให้เรา
สามารถท�ำนายพฤตกิ รรมในอนาคตของสาธารณรฐั ประชาชนจนี ได้งา่ ยขนึ้ ดังนี้
1) จุดมุ่งหมาย
สาธารณรฐั ประชาชนจนี มจี ดุ ประสงค์ หรอื จดุ มงุ่ หมาย ในเวทกี ารเมอื ง
ระหว่างประเทศ ดงั นี้
ก) ความสงบสุขภายในประเทศ
ข) ความเจริญเตบิ โตทางเศรษฐกิจอย่างยัง่ ยนื
ค) การรวมชาติกับไตห้ วนั
307
ง) ความเป็นผู้น�ำในภูมิภาคหรือความเป็นมหาอ�ำนาจในเอเชียที่
สามารถครอบง�ำน่านน�้ำท้ังหมดซึ่งอาจน�ำไปสู่ความขัดแย้งกับฟิลิปปินส์ ญ่ีปุ่น
เวียดนาม และอินโดนเี ซยี รวมถึงออสเตรเลียไดใ้ นบางครัง้
จ) การครอบงำ� เหนอื ทิเบตและแมนจูเรยี
ฉ) ความมัน่ คงตามแนวชายแดนกับเวยี ดนาม เกาหลี และรสั เซยี
ช) การปดิ ล้อมและปดิ กั้นของอนิ เดยี
2) วิธีการ
สาธารณรัฐประชาชนจีนก�ำลังใช้วิธีการทางการทูตและวิธีการทาง
เศรษฐกิจเพอ่ื บรรลุจดุ มงุ่ หมายหลักของตน ดังนี้
ก) กระชับความสัมพันธ์ที่ดีกับรัสเซียเพื่อรักษาแนวชายแดนทาง
ด้านทิศเหนือให้ปลอดภยั
ข) ใช้ข้อตกลงทางเศรษฐกิจและการสนับสนุนทางการเมือง
อย่างจริงจังให้กับเวเนซูเอลา รัฐผู้ผลิตน�้ำมันดิบในทวีปแอฟริกา และอิหร่าน
เพอ่ื เพ่มิ การเข้าถึงแหล่งนำ�้ มันดิบใหม้ ากยง่ิ ข้นึ
ค) สร้างท่อส่งน้�ำมันและถนนไปยังจังหวัดที่อยู่ห่างไกลเพื่อ
รกั ษาทรพั ยากร สรา้ งความเชอ่ื มโยงไปยงั พน้ื ทอ่ี นื่ ๆ และเพมิ่ ความครอบงำ� ทางการ
เมอื งใหม้ ากยง่ิ ข้นึ
ง) เสริมสร้างก�ำลังอ�ำนาจทางทหารให้กับกองทัพเรือ เพ่ือสร้าง
ความเปน็ มหาอ�ำนาจในมหาสมทุ รแปซฟิ กิ
(1) จดั หาเรอื บรรทกุ เครอื่ งบนิ ลำ� แรก
(2) จัดหาขีปนาวุธต่อต้านเรอื ในระยะไกลที่ทนั สมัย
(3) พัฒนาเครอื่ งบนิ ขับไลล่ อ่ งหน เพอื่ ใชเ้ ปน็ เครื่องบนิ ขบั ไล่
ในยคุ ท่ี 5 ในอนาคต
จ) ทำ� สงครามไซเบอร์ เพ่อื รวบรวมขอ้ มลู ที่ออ่ นไหวทางเศรษฐกจิ
การวจิ ยั และการพัฒนาระบบการค้นหาและสอดแนมขอ้ มลู ของฝา่ ยตรงข้าม
308
ฉ) สรา้ งแรงกดดนั ตอ่ ฝา่ ยทไ่ี มเ่ หน็ ดว้ ยทางการเมอื งภายในประเทศอยา่ ง
ไมล่ ดละ รวมถงึ ชนกลมุ่ นอ้ ย และกลมุ่ กอ่ การรา้ ยทมี่ ศี กั ยภาพทจี่ ะเปน็ ภยั คกุ คามต่อ
ความม่ันคงภายในประเทศ
ช) ควบคุมตามแนวชายแดนกับเกาหลีอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกัน
ผลู้ ภี้ ยั ขา้ มแดน
ซ) ใหค้ วามชว่ ยเหลอื และการสรา้ งพนั ธมติ รทางการเมอื งกบั ศรลี งั กา
ปากีสถาน และบงั กลาเทศ เพือ่ ปิดล้อมอินเดยี
3) เคร่อื งมือ
สาธารณรัฐประชาชนจีนใช้เครื่องมือด้านการเมือง/การทูต และ
เศรษฐกิจเปน็ หลกั เพื่อบรรลจุ ดุ มงุ่ หมายทางการเมอื ง ดังน้ี
ก) การซอื้ ตราสารสทิ ธิส�ำหรับปรมิ าณปิโตรเลียมจ�ำนวนมาก
ข) การสนบั สนนุ อหิ รา่ นตอ่ การดำ� เนนิ มาตรการหา้ มคา้ ขายกบั อหิ รา่ น
ขององคก์ ารสหประชาชาติ
ค) การสรา้ งทอ่ สง่ นำ้� มนั จากประเทศผเู้ ปน็ แหลง่ ผลติ มายงั แผน่ ดนิ จนี
ง) การจัดต้ังกลุ่มพันธมิตรและการสนับสนุนปากีสถานเพื่อ
ตอ่ ตา้ นอินเดยี โดยพยายามขจัดอิทธิพลของสหรฐั อเมรกิ าใหอ้ อกไปจากภมู ภิ าคนี้
จ) การจัดต้ังกลุ่มพันธมิตรและการให้ความช่วยเหลือกับ
ประเทศเพือ่ นบา้ นรายรอบอนิ เดยี
ฉ) การใชก้ ำ� ลงั ทหารและกำ� ลงั กงึ่ ทหารเขา้ กดดนั การกอ่ ความไมส่ งบ
ภายในประเทศและบังคับใช้การปกครองทีเ่ ขม้ งวดมากยิ่งขึ้น
ช) การพยายามลิดรอนบทบาทของดาไล ลามะ ในเวทีการเมือง
ระหว่างประเทศใหม้ ากทส่ี ดุ
ซ) การดำ� เนนิ การคกุ คามทางเรอื อยา่ งแขง็ กรา้ วตอ่ การเดนิ เรอื และ
เรอื ส�ำรวจในนา่ นน้�ำบรเิ วณเขตแดนติดกับประเทศเพอื่ นบา้ น
ฌ) การบริหารจัดการเงินตราเพื่อสร้างสินค้าให้สามารถแข่งขันใน
ตลาดระหวา่ งประเทศได้ ในขณะเดยี วกนั กพ็ ยายามกดี กนั ใหส้ นิ คา้ จากตา่ งประเทศ
ยากทจี่ ะแข่งขันกับสนิ คา้ ของจีนได้
309
6. สรปุ
จากตวั อยา่ งทไ่ี ดแ้ สดงไวแ้ ลว้ นี้ นบั เปน็ ตวั อยา่ งพน้ื ฐานของการกำ� หนด
ยทุ ธศาสตรโ์ ดยอาศยั องคป์ ระกอบหลกั 3 อยา่ ง คอื จดุ มงุ่ หมาย วธิ กี าร และเครอ่ื งมอื
โดยแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ และเหตุผลท่ีอยู่เบ้ืองหลังพฤติกรรมของชาติ
ผู้ก�ำหนดยุทธศาสตร์ของตนอย่างชัดเจน ดังนั้น การท�ำความเข้าใจเก่ียวกับ
องคป์ ระกอบหลกั ทงั้ สามทจ่ี ะใชบ้ รรลจุ ดุ มงุ่ หมายทกี่ ำ� หนดนเี้ อง ทำ� ใหน้ กั ยทุ ธศาสตร์
สามารถกำ� หนดยทุ ธศาสตรข์ องตนเองหรอื ประเมนิ ยทุ ธศาสตรข์ องฝา่ ยตรงขา้ มโดย
อาศัยพฤตกิ รรมเชิงประจักษข์ องฝา่ ยตรงข้ามนน่ั เอง
310
อ้างอิงท้ายบท
1 USAWC, An Aid to Formulating an US National and Military Strategy,p.32.
2 The Constitution of the United States, The Bill of Rights & All
Amendments, http://constitutionus.com/, retrieved on 2 Feb
uary 2015.
3 พจน์ พงศ์สุวรรณ, พลตรี, หลักยุทธศาสตร์, กรุงเทพฯ : โอ เอส พริ้นติ้ง เฮาส์,
2536, หน้า 120.
4 USAWC, The Common Overview Part I: The National Environment
and the Evolution of Military Strategy, 1979, p.38.
5 คเณศ อัตรผดุง, พล.ต., ผลประโยชน์และวัตถุประสงค์ของสหรัฐอเมริกา สหภาพ
โซเวยี ต และสาธารณรัฐประชาชนจนี , ค�ำบรรยาย วทบ., 2524, หน้า 7.
6 เรอ่ื งเดยี วกนั .
7 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย, ตราไว้ ณ วันท่ี 24 สิงหาคม พุทธศักราช
2550 เป็นปีที่ 62 ในรัชกาลปจั จบุ นั .
8 สนทิ สมคั รการ, ระบบคา่ นยิ ม, บรรยายทส่ี ำ� นกั พฒั นบรหิ ารศาสตร,์ 1 มถิ นุ ายน 2524.
9 พจน์ พงศส์ ุวรรณ, อ้างแล้ว, หนา้ 122.
10 สนิท สมคั รการ, อา้ งแลว้ .
11 กระทรวงศกึ ษาธกิ าร, ปฏริ ปู การศกึ ษาเพอ่ื ปฏริ ปู ประเทศ : บรรจคุ า่ นยิ ม 12 ประการ
ลงแผนปฏิรูป, http://www.edreform.moe.go.th/index.php/79-2014-07-04-
06-59-46/85-12, retrieved on 5 Febuary 2015.
12 Gerhard Martin Louw, South African Defence Policy and Capability:
The Case of the South African National Defence Force, Thesis
presented in partial fulfillment of the requirements for the degree
Master of Military Science at Stellenbosch University, 2013, p.ix.
13 กระมล ทองธรรมชาติ, การเมืองระหว่างประเทศ, ส�ำนักพิมพ์แพร่วิทยา, 2513,
หนา้ 101.
14 พจน์ พงศส์ วุ รรณ, อา้ งแลว้ , หน้า 125-126.
311
15 USCGSC, US Interests in the Pacific, Reassessing US Interests,
Academic Year 1977-79, p.37.
16 วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร, เอกสาร วปอ. หมายเลข 009: คู่มือการพัฒนา
ยุทธศาสตร์ชาต,ิ 2548, หนา้ 2.
17 Ibid., p.39.
18 พจน์ พงศส์ วุ รรณ, อา้ งแลว้ , หนา้ 128.
19 เรอ่ื งเดียวกนั , หน้า 129.
20 USCGSC, Academic Year 1977-79, op.cit., p.80.
21 คเณศ อตั รผดงุ , พล.ต., ผลประโยชนแ์ หง่ ชาตสิ หรฐั อเมรกิ า ตามลำ� ดบั ความเรง่ ดว่ น,
เอกสารโรเนยี ว วทบ.สหรัฐอเมริกา, 2523.
22 คเณศ อตั รผดงุ , 2524, อ้างแลว้ .
23 USCGSC, Military Environment, National Power, 1976, p.1-7.
24 Ibid.
25 สำ� นกั งานสภาความมั่นคงแห่งชาติ, นโยบายความมน่ั คงแหง่ ชาติ พ.ศ.2550 –2554,
2550, หนา้ 23.
26 JCS PUB 1-02, Dictionary of Military and Associated Terms, 1989,
p.244.
27 วทิ ยาลัยป้องกนั ราชอาณาจกั ร, อ้างแลว้ , หน้า 2.
28 USCGSC,1976, op.cit., p.1-3.
29 พจน์ พงศ์สวุ รรณ, อ้างแลว้ , หนา้ 131-132.
30 วิทยาลัยปอ้ งกันราชอาณาจักร, อ้างแล้ว, หน้า 2-3.
31 Ibid., p.A-21.
32 USCGSC, Academic Year 1977-79, op.cit., p.111.
33 Ibid.
34 Ibid., p.113
35 พจน์ พงศ์สุวรรณ, อ้างแลว้ , หนา้ 149-151.
36 ร่างนโยบายความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ.2558–2562, มติคณะกรรมการร้อยกรอง
ของสภาความม่นั คงแหง่ ชาติ คร้งั ท่ี 2/2557 เมอ่ื 29 ส.ค.2557.
312
37 ถวัลย์ วรเทพพุฒิพงษ์, แนวคิดเก่ียวกับนโยบายศาสตร์, ค�ำบรรยาย สถาบัน
บณั ฑิตพฒั นบรหิ ารศาสตร,์ 2524, หนา้ 2.
38 เรื่องเดยี วกัน.
39 JCS PUB 1-02, op.cit., p.244.
40 USAWC, An Aid to Formulating an US National and Military Strategy,
op.cit., p.32.
41 ร่างนโยบายความมน่ั คงแหง่ ชาติ พ.ศ.2558–2562, อ้างแล้ว.
42 Dictionary.com, http://dictionary.reference.com/browse/can%27t+
see+the+forest+for+the+trees, retrieved on 5 Feb uary 2015.
43 พจน์ พงศ์สวุ รรณ, อ้างแลว้ , หนา้ 138-140.
44 เร่ืองเดียวกนั , หน้า 140.
45 USCGSC, 1976, op.cit., p.1-11.
46 พจน์ พงศ์สุวรรณ, อ้างแลว้ , หน้า 141-142.
47 เรอ่ื งเดยี วกัน, หน้า 143-146.
48 H. Richard Yarger and George F. Barber, The U.S. Army War College
Methodology for Determining Interests and Levels of Intensity, U.S.
Army War College, Carlisle Barracks, Carlisle, PA, 1997.
49 Ibid.
50 Ibid.
51 Department of National Security and Strategy, Directive Course 2: War,
National Policy & Strategy, Carlisle, PA: U.S. Army War College, 1997.
52 วทิ ยาลัยปอ้ งกันราชอาณาจกั ร, อา้ งแล้ว, หน้า 8.
53 Robert D. Blackwill, A Taxonomy for defining U.S. National Security
Interests in the 1990s and Beyond, Bertelsmann Foundation
Publisher, 1993.
54 H. Richard Yarger and George F. Barber, op.cit.
55 Ibid.
56 Ibid.
313
57 Ibid.
58 Department of National Security and Strategy, op.cit.
59 Ibid.
60 Ibid.
61 Ibid.
62 Bruce Clarke, National Strategy – China, examiner.com: News/Top
News, 13 August 2011, http://www.examiner.com/article/national-
strategy-china, retrieved on 3 Feb uary 2015.
314
บทที่ 6
ยทุ ธศาสตรท์ หาร
(Military Strategy)
1. กล่าวน�ำ
ในบทที่ 5 ได้กล่าวถึงยุทธศาสตร์ชาติ และการก�ำหนดรูปแบบ
ของยทุ ธศาสตรช์ าตมิ าแลว้ ในบทนจ้ี ะไดพ้ จิ ารณา และศกึ ษาเรอื่ งยทุ ธศาสตรท์ หาร
ซ่ึงถือว่ามีความส�ำคัญย่ิงต่อกิจการของกองทัพเป็นส่วนรวม รวมทั้งมีความส�ำคัญ
ตอ่ ทหารอาชพี ทกุ คนในกองทพั กลา่ วโดยสรปุ ยทุ ธศาสตรช์ าตนิ น้ั ไดถ้ กู กำ� หนดขน้ึ
ด้วยวัตถุประสงค์ท่ีจะสนับสนุน “จุดหมายปลายทางของชาติ” หรือ “เป้าหมาย
ของชาต”ิ เปน็ ส่วนรวม อันหมายถึง ความม่งุ ประสงคห์ รือความปรารถนาอนั สูงสง่
ทจี่ ะใหช้ าตบิ รรลจุ ดุ หมายทพี่ งึ ประสงคน์ น่ั เอง และจดุ หมายปลายทางนน้ั อาจไดแ้ ก่
ความมุ่งประสงค์แห่งชาติ (National Purpose) หรือผลประโยชน์แห่งชาติ
(National Interests) อยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ หรอื หลายอยา่ งกไ็ ด้ ซงึ่ ขนึ้ อยกู่ บั การกำ� หนด
จดุ หมายปลายทางหรือเป้าหมายของชาตเิ ปน็ ส่วนรวม
มีหลายกรณีที่ผู้น�ำของประเทศ หรือบุคคลส�ำคัญๆ ในคณะรัฐบาล
มักจะกล่าวถึง “จุดประสงค์แห่งชาติ” (National Goals) อยู่เสมอๆ ซ่ึงอาจ
สร้างความสับสนแก่ผู้ท่ีสนใจเกี่ยวกับยุทธศาสตร์เป็นส่วนรวม แต่แท้ที่จริงแล้ว
จดุ ประสงคแ์ หง่ ชาติ มกั มคี วามหมายกวา้ งๆ เปน็ กลางๆ ระหวา่ งผลประโยชนแ์ หง่ ชาติ
กบั วตั ถปุ ระสงคแ์ หง่ ชาติ และสามารถใชแ้ ทนกนั ไดใ้ นบางกรณี แตใ่ นอกี ความหมายหนง่ึ
กเ็ ปน็ ความหมายทค่ี อ่ นขา้ งแคบ และนำ� ไปใชบ้ อ่ ยๆ ทง้ั นกั การเมอื ง และนกั การทหาร
ความหมายประการหลังน้ีมกั เหมอื นกับวัตถุประสงค์ เชน่ จุดประสงค์ของนโยบาย
ต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาในภูมิภาคแปซิฟิก เป็นต้น ขอให้สังเกตด้วยว่า
คำ� วา่ “วตั ถปุ ระสงค”์ น้ี หมายถึง วัตถปุ ระสงค์ของนโยบายดังกล่าวนั่นเอง
โดยปกติ ยทุ ธศาสตรช์ าตมิ กั กำ� หนดขน้ึ ในรปู แบบนโยบายความมนั่ คง
แหง่ ชาตใิ นดา้ นตา่ งๆ อนั ไดแ้ ก่ นโยบายความมน่ั คงแหง่ ชาตดิ า้ นการเมอื งระหวา่ งประเทศ
และการเมอื งภายในประเทศ นโยบายความมน่ั คงแหง่ ชาตดิ า้ นเศรษฐกจิ นโยบาย
ความมน่ั คงแหง่ ชาตดิ า้ นสงั คมจติ วทิ ยานโยบายความมง่ั คงแหง่ ชาตดิ า้ นสารสนเทศ
และนโยบายความมน่ั คงแหง่ ชาตดิ า้ นการทหาร ซง่ึ นโยบายความมน่ั คงแหง่ ชาตเิ หลา่ น้ี
สภาความมน่ั คงแหง่ ชาตเิ ปน็ ผรู้ บั ผดิ ชอบในการกำ� หนดขนึ้ ลว่ งหนา้ ตามหว้ งระยะเวลา
ท่ีก�ำหนด โดยปกติก็คือ ห้วงระยะเวลาประมาณ 5 ปี การก�ำหนดนโยบาย
ความม่ันคงแห่งชาติด้านต่างๆ นี้ ต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี
จึงจะสามารถน�ำไปใช้ได้โดยถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย และรัฐบาล
ไม่จ�ำเป็นต้องแถลงให้รัฐสภาทราบเหมือนกับนโยบายของรัฐบาลตามท่ีก�ำหนดไว้
ในรฐั ธรรมนญู การปกครองแหง่ ราชอาณาจกั รไทยฉบบั ปจั จบุ นั แมว้ า่ รฐั บาลจะตอ้ ง
เปลย่ี นแปลงไปตามครรลองประชาธปิ ไตยหรือวถิ ที างตามรัฐธรรมนญู แตน่ โยบาย
ความมน่ั คงแหง่ ชาตกิ ย็ งั มผี ลในทางปฏบิ ตั ิ จนกวา่ จะมกี ารปรบั เปลย่ี นหรอื แกไ้ ขใหม่
ตามสทิ ธแิ ละอำ� นาจของรัฐบาลท่ีบรหิ ารประเทศอยูใ่ นขณะนนั้
ยุทธศาสตร์ทหารก็เป็นส่วนหน่ึงของยุทธศาสตร์ชาติ ในข้อเท็จจริง
กย็ นื ยนั ไดว้ า่ นโยบายความมน่ั คงแหง่ ชาตดิ า้ นการปอ้ งกนั ประเทศ กค็ อื ยทุ ธศาสตร์
ทหารนนั่ เอง และกำ� ลงั อำ� นาจทางทหารทใี่ ชเ้ ปน็ เครอื่ งมอื ในการปอ้ งกนั และรกั ษา
ความอยรู่ อดปลอดภยั ของประเทศ ก็ถอื เปน็ องคป์ ระกอบของพลงั อำ� นาจแหง่ ชาติ
อกี ดว้ ย หรอื เปน็ เสมอื นขดี ความสามารถทางทหารทสี่ ำ� คญั ของชาติ โดยจะผสมผสาน
กับก�ำลังอ�ำนาจอ่ืนๆ เพื่อรักษาไว้ซึ่งเอกราชและอธิปไตยของชาติ และบรรลุ
จุดหมายปลายทางของชาติ ดงั น้นั นกั ยทุ ธศาสตร์ทหารจงึ ตอ้ งศกึ ษาและพิจารณา
ยทุ ธศาสตรท์ หารอยา่ งละเอยี ดรอบคอบ รวมถงึ กำ� หนดวธิ กี ารเปน็ รปู แบบอยา่ งเปน็ ระบบ
ที่ถูกตอ้ ง และมีหลักการท่ีรัดกมุ เพอ่ื ใหส้ ามารถสนับสนนุ และรักษาผลประโยชน์
และเป้าหมายแหง่ ชาติ อนั เป็นพืน้ ฐานของยุทธศาสตร์ชาติ
จากเหตกุ ารณใ์ นประวตั ศิ าสตรย์ อ่ มเปน็ ขอ้ พสิ จู นไ์ ดว้ า่ ยทุ ธศาสตรท์ หาร
มคี วามผกู พนั อยา่ งใกลช้ ดิ กบั ผลประโยชนแ์ หง่ ชาติ เพราะผลประโยชนแ์ หง่ ชาตติ อ้ ง
316
อาศัยก�ำลังอ�ำนาจทางทหารเป็นเครื่องมือคุ้มครองป้องกันโดยไม่ให้ประเทศหน่ึง
ประเทศใดเขา้ มาแยง่ ชงิ ครอบครอง หรอื เขา้ มามอี ทิ ธพิ ลเหนอื ผลประโยชนแ์ หง่ ชาติ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเป็นผลประโยชน์ท่ีส�ำคัญย่ิงอันเก่ียวกับความอยู่รอด
หรือความเป็นความตายของชาติ ด้วยประเทศอาจต้องสูญเสียเอกราชและ
อธิปไตยของชาติ และไม่สามารถด�ำรงความเป็นรัฐได้อีกต่อไป การพัฒนาทาง
วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยตี า่ งๆ ในอดตี ทผ่ี า่ นมาจนถงึ ปจั จบุ นั ไดม้ สี ว่ นสนบั สนนุ
และช่วยในการพัฒนายุทธศาสตร์ทหารอย่างมาก เนื่องจากยุทธศาสตร์ทหาร
เป็นส่วนหนึ่งของยทุ ธศาสตรช์ าติ และยทุ ธศาสตรท์ หารกบั ยทุ ธศาสตรช์ าตกิ ม็ คี วาม
สมั พนั ธอ์ ยา่ งใกลช้ ดิ เมื่อยุทธศาสตร์ทหารได้รับการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงแก้ไข
ยทุ ธศาสตรช์ าตกิ จ็ ำ� เปน็ ตอ้ งพฒั นาใหส้ อดคลอ้ งกบั ยทุ ธศาสตรท์ หารอยา่ งเหมาะสม
ดว้ ย โดยปกตแิ ลว้ แนวคดิ ใหมๆ่ เกย่ี วกบั ยทุ ธศาสตรท์ หาร มกั เปน็ เรอ่ื งของววิ ฒั นาการ
มากกวา่ การปฏริ ปู และขึน้ อยูก่ ับข้อจ�ำกัดต่างๆ ที่เกิดข้นึ จากกำ� ลังท่ีบีบบงั คับ และ
แนวโน้มของโลก รวมท้ังสิ่งแวดล้อมต่างๆ อันเกี่ยวกับพลังอ�ำนาจแห่งชาติ นัก
ยุทธศาสตร์ท้ังหลายจึงต้องพยายามพัฒนาแนวคิดของตนเกี่ยวกับการศึกษาทาง
ยทุ ธศาสตร์ เพอื่ ใหพ้ รอ้ มทจี่ ะเผชญิ กบั สถานการณอ์ นั กอ่ ใหเ้ กดิ ความขดั แยง้ หรอื ขอ้
พิพาทในทุกระดับ และเปา้ หมายทต่ี า่ งกนั ได้ รวมทง้ั พฒั นาวธิ กี ารกำ� หนดรปู แบบ
ยทุ ธศาสตรใ์ หเ้ หมาะสม เพราะการกำ� หนดรปู แบบยทุ ธศาสตรน์ ้ัน เป็นวิธกี ารในการ
แกป้ ญั หาทม่ี ีเหตุผลอย่างเป็นระบบ
2. แนวคดิ ของการศกึ ษายทุ ธศาสตรท์ หาร
ยทุ ธศาสตร์นน้ั เปน็ เร่อื งของความคดิ มลี ักษณะเชงิ ปรชั ญา และเปน็
ตรรกะ ดงั นน้ั ยทุ ธศาสตรจ์ งึ เปน็ ศาสตรท์ มี่ เี หตมุ ผี ล สามารถอธบิ ายใหม้ คี วามเขา้ ใจได้
เหมอื นกบั ศาสตรแ์ ขนงอนื่ ๆ ลกั ษณะของยทุ ธศาสตรค์ วรประกอบดว้ ยองคป์ ระกอบ
สำ� คัญๆ 3 ประการ คือ วตั ถุประสงค์ แนวทาง และเครอ่ื งมือ ซึ่งสามารถอธบิ ายได้
ในรปู ของสมการท่วั ไป ดังน้ี
ยุทธศาสตร์ = จุดหมายปลายทาง + แนวทาง (หนทางปฏิบตั ิ) + เครื่องมือ
317
สงั เกตไดว้ า่ แนวคดิ ในการศกึ ษายทุ ธศาสตรท์ วั่ ไปนนั้ หากนำ� มาประยกุ ต์
ใชใ้ หเ้ หมาะกบั สภาพแวดลอ้ มทอ่ี าจมผี ลกระทบตอ่ โครงสรา้ งโดยรวมแลว้ กส็ ามารถ
ใช้เป็นหลักในการก�ำหนดรูปแบบยุทธศาสตร์ได้หลายรูปแบบ ทั้งด้านการเมือง
การทหาร เศรษฐกิจ สารสนเทศ สังคมจิตวิทยา ซึ่งข้ึนอยู่กับองค์ประกอบของ
พลงั อำ� นาจแหง่ ชาตทิ จ่ี ะนำ� ไปใช้ อยา่ งไรกต็ าม แนวคดิ ยทุ ธศาสตรข์ องนกั ยทุ ธศาสตร์
ในยคุ กอ่ น อาจมีอิทธิพลต่อความนึกคิด หรือแรงดลใจที่ก่อให้เกิดแนวคิดให้กับ
นกั ยทุ ธศาสตรใ์ นรนุ่ ตอ่ ๆ มาใหค้ ลอ้ ยตามได้ เหน็ ไดจ้ ากหลกั ฐานบางประการทบ่ี ง่ วา่
อดตี ผนู้ ำ� นาซเี ยอรมนี อดอลฟ์ ฮติ เลอร์ ไดพ้ ฒั นาแนวคดิ ของมาเกยี เวลลี เคลาเซวทิ ซ์
และคาร์ล ฟอน เฮาส์โฮฟเฟอร์ ไปประยุกต์ใช้ในสงครามโลกคร้ังที่ 2 อีกท้ัง
ผลการวเิ คราะหข์ องนกั ยทุ ธศาสตรห์ ลายๆ ทา่ น กไ็ ดผ้ ลตรงกนั วา่ การเกดิ สงครามโลก
ครั้งที่ 2 น้ัน เป็นผลสืบเน่ืองมาจากอิทธิพลทางความคิดของนักยุทธศาสตร์
ที่สำ� คญั ๆ ในช่วงสงครามโลกครัง้ ท่ี 1 ด้วย1
ตามหลกั นยิ มในการศกึ ษายทุ ธศาสตรข์ องสหรฐั อเมรกิ า จะพจิ ารณา
แบง่ ยทุ ธศาสตร์ออกเปน็ 2 ระดบั คอื “ยุทธศาสตรช์ าต”ิ (National Strategy)
หรือทเี่ รยี กวา่ “มหายทุ ธศาสตร”์ (Grand Strategy) และ “ยุทธศาสตร์ทหาร”
(Military Strategy) สำ� หรบั ยทุ ธศาสตรช์ าตหิ รอื มหายทุ ธศาสตรน์ นั้ เปน็ ยทุ ธศาสตร์
ใหญท่ กี่ วา้ งขวางมาก ดว้ ยอาศยั พลงั อำ� นาจแหง่ ชาตทิ มี่ อี ยทู่ งั้ สน้ิ สำ� หรบั ยทุ ธศาสตรท์ หาร
หรอื เรียกอกี อย่างหนง่ึ ว่า “ยุทธศาสตร์แท้” (Pure Strategy) น้นั เป็นยุทธศาสตร์
ทม่ี งุ่ เฉพาะการใชก้ ำ� ลงั อำ� นาจทางทหารอยา่ งเดยี ว สว่ นกำ� ลงั อำ� นาจดา้ นอนื่ ๆ จะเปน็
ผใู้ หก้ ารสนบั สนนุ อยา่ งไรกต็ าม ยทุ ธศาสตรท์ หารกเ็ ปน็ สว่ นหนง่ึ ของยทุ ธศาสตรช์ าติ
และยุทธศาสตร์ทหารต้องสอดคล้องและสนับสนุนยุทธศาสตร์ชาติเป็นส่วนรวม
ดว้ ยเหตนุ ้ี ในปจั จบุ นั จงึ มผี เู้ รยี กยทุ ธศาสตรท์ หารในรปู แบบใหมว่ า่ “ยทุ ธศาสตรท์ หาร
แหง่ ชาต”ิ (National Military Strategy) ซึ่งเราสามารถพบเห็นได้จากหนังสือ
ดา้ นความมน่ั คงตา่ งๆ ทเี่ กย่ี วขอ้ ง รวมถงึ คำ� ปราศรยั ของบรรดานกั การเมอื งสำ� คญั ๆ
ของโลก
318
อยา่ งไรก็ตาม เปน็ ท่นี า่ สังเกตไดว้ า่ ยทุ ธศาสตร์ทหารในระดบั สูงยอ่ ม
แตกต่างจากยุทธศาสตร์ทหารในระดับรองลงไป ยุทธศาสตร์ทหารในระดับรองนี้
บางทกี ม็ ผี เู้รยี กวา่ “ยทุ ธศาสตรป์ ฏบิ ตั กิ าร” หรอื “ยทุ ธศาสตรท์ างยทุ ธการ”(Operational
Strategy) ยุทธศาสตร์ตามความหมายน้ี ส่วนมากจะใช้เป็นหลักในการวางแผน
และการปฏบิ ัตกิ ารทางทหาร เมอื่ ได้วางหลักไว้วา่ ยุทธศาสตรท์ หารต้องสนับสนนุ
ยุทธศาสตร์ชาติ อันหมายความว่า ยุทธศาสตร์ทหารต้องสอดคล้องกับนโยบาย
แหง่ ชาตดิ ว้ ยและนโยบายแหง่ ชาตนิ เี้ อง กค็ อื หนทางปฏบิ ตั อิ ยา่ งกวา้ งๆ ของรฐั บาล
ในระดับชาติ เพ่ือให้บรรลุวัตถุประสงค์ของชาติต่อไป ดังน้ัน นโยบายแห่งชาติ
จงึ มอี ทิ ธพิ ลตอ่ ขีดความสามารถและข้อจ�ำกดั ของยุทธศาสตรท์ หารโดยตรง2
จากรปู แบบสมการของยทุ ธศาสตรท์ ว่ั ไป “จดุ หมายปลายทาง” (Ends)
กค็ อื “วตั ถปุ ระสงคท์ างทหาร” (Military Objectives) สว่ นแนวทางปฏบิ ตั ิ (Ways)
กค็ อื วิธีการต่างๆ ของการใชก้ �ำลังทหาร สง่ิ ท่ตี อ้ งระลกึ ถงึ อยูเ่ สมอ ก็คือ จะต้อง
ตรวจสอบหนทางปฏิบัติเหล่านี้ว่า สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ทางทหารท่ีก�ำหนด
ขึ้นได้หรือไม่ ส�ำหรับ “เครื่องมือ” (Means) น้ัน หมายถึง ทรัพยากรทางทหาร
ท้งั ปวงซ่ึงอาจประกอบด้วย ก�ำลงั พล ยุทโธปกรณ์ งบประมาณ การส่งกำ� ลังบ�ำรงุ
เปน็ ตน้ ทง้ั นก้ี ย็ อ่ มเปน็ ไปตามความตอ้ งการเพอ่ื ใหบ้ รรลภุ ารกจิ เปน็ สำ� คญั ดงั นน้ั จงึ
อาจสรปุ เป็นสมการยุทธศาสตรท์ หารใหม่ ได้ดังนี้
ยทุ ธศาสตรท์ หาร = วตั ถปุ ระสงคท์ างทหาร + แนวคดิ ทางยทุ ธศาสตรท์ หาร + ทรพั ยากรทางทหาร
ถา้ จะแบง่ ยทุ ธศาสตรอ์ อกไปตามลกั ษณะของภารกจิ หรอื ลกั ษณะของงาน
โดยใหส้ อดคลอ้ งกบั ระยะเวลาในการปฏบิ ตั ดิ ว้ ยแลว้ อาจแบง่ ยทุ ธศาสตรท์ หารออก
เปน็ 2 ระดับ คือ ระดับปฏิบตั ิการ หรอื ระดับยทุ ธการ (Operational Level) และ
ระดับพฒั นากำ� ลังรบ (Force Developmental Level) ยุทธศาสตรท์ หารระดับ
ปฏบิ ตั กิ ารหรอื ระดบั ยทุ ธการ เปน็ ยทุ ธศาสตรใ์ นลกั ษณะทอี่ าศยั หลกั ขดี ความสามารถ
ทางทหารที่มีอยู่ และใช้เป็นพื้นฐานในการก�ำหนดรูปแบบของแผนการทางทหาร
เพ่ือการปฏบิ ัตกิ ารอย่างใดอยา่ งหนงึ่ โดยเฉพาะในชว่ งระยะเวลาสนั้ ๆ ยทุ ธศาสตร์
ในระดบั นี้ จงึ มกั ถกู อ้างอยู่เสมอวา่ เป็นยทุ ธศาสตรร์ ะดบั สูงหรอื ยทุ ธวิธีขนาดใหญ่
(Grand Tactics) และศลิ ปะในการปฏบิ ตั กิ ารหรอื ยทุ ธศลิ ป์ (Operational Arts)
319
สำ� หรบั ยทุ ธศาสตรร์ ะดบั พฒั นากำ� ลงั รบนน้ั เปน็ ยทุ ธศาสตรร์ ะยะยาว
และอาจใช้เป็นหลักในการประมาณการภัยคุกคามและก�ำหนดวัตถุประสงค์
ในอนาคต จึงไม่ใช้ข้อจ�ำกัดในการวางก�ำลังรบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ยุทธศาสตร์
ระยะยาวเชน่ นี้ คอ่ นขา้ งจะเปน็ เรอ่ื งของยทุ ธศาสตรโ์ ลก (Global Strategy) เพราะ
เป็นเรื่องที่ต้องการปัจจัยต่างๆ มาพิจารณาเป็นจ�ำนวนมาก มีขอบเขตกว้างขวาง
และอาจต้องปรบั ปรงุ ขดี ความสามารถทางทหารใหเ้ หมาะสมอกี ดว้ ย อยา่ งไรกต็ าม
ยทุ ธศาสตรท์ หารนน้ั ตอ้ งสามารถนำ� ไปใชใ้ นภมู ภิ าคตา่ งๆ ไดเ้ ชน่ เดยี วกนั โดยเฉพาะ
เมอ่ื จำ� เปน็ ตอ้ งมองภาพภัยคุกคามท่ีน่าจะเกดิ ขึน้ ได้ในอนาคต
วัตถุประสงค์ทางทหาร และแนวคิดทางยุทธศาสตร์ทหาร จึงเป็น
ปจั จยั สำ� คญั ในการกำ� หนดความตอ้ งการทรพั ยากรทางทหาร และกอ่ ใหเ้ กดิ อทิ ธพิ ลตอ่
ทรพั ยากรสว่ นรวมของประเทศทม่ี อี ยู่ หากเราเพกิ เฉย หรอื ไมน่ ำ� พาตอ่ การพจิ ารณา
ทรพั ยากรทางทหารเสยี แลว้ เราอาจตอ้ งเผชญิ กบั สงิ่ ทเ่ี ราเรยี กวา่ “ขดี ความสามารถ
ทไี่ มไ่ ดส้ ดั สว่ นกบั ยทุ ธศาสตร”์ หรอื กลา่ วอกี อยา่ งหนง่ึ ไดว้ า่ “ขดี ความสามารถทางทหาร
ไม่เพียงพอต่อการน�ำแนวคิดทางยุทธศาสตร์ทหารไปใช้เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์
ของยทุ ธศาสตรท์ หาร” อยา่ งไรกต็ าม กรณเี ชน่ นถ้ี อื เปน็ เรอื่ งธรรมดา ถา้ เราจะพฒั นา
ยทุ ธศาสตรร์ ะยะยาวทตี่ อ้ งการปรบั ปรงุ ขดี ความสามารถของโครงสรา้ งกำ� ลงั รบแตอ่ าจ
กอ่ ใหเ้ กดิ ความเสยี หายอยา่ งรา้ ยแรงได้ หากเราตอ้ งวางแผนเผชญิ เหตุ เพราะตอ้ งอาศยั
การปฏบิ ตั กิ ารทางทหารเปน็ หลกั ดงั นน้ั จงึ นา่ จะเปน็ คำ� ตอบไดอ้ ยา่ งชดั เจนวา่ เหตใุ ด
ยทุ ธศาสตรป์ ฏบิ ตั กิ ารจึงต้องขนึ้ อยกู่ ับขดี ความสามารถทางทหาร
ในการพจิ ารณาวตั ถปุ ระสงคท์ างทหาร ซง่ึ เปน็ องคป์ ระกอบสำ� คญั ของ
ยทุ ธศาสตรท์ หารนน้ั ยทุ ธศาสตรท์ างทหาร หมายถงึ ภารกจิ หรอื กจิ เฉพาะ ทจี่ ำ� เปน็
ตอ้ งอาศยั การปฏบิ ตั กิ ารทางทหาร และทรพั ยากรทางทหารไปใชป้ ฏบิ ตั ิ ตวั อยา่ งเชน่
การปอ้ งกนั การรกุ ราน การปอ้ งกนั เสน้ ทางคมนาคม การปอ้ งกนั ดนิ แดน การเอาดนิ แดน
ทเี่ สยี ไปกลบั คนื มา และการทำ� ใหฝ้ า่ ยรกุ รานตอ้ งปราชยั เปน็ ตน้ วตั ถปุ ระสงคท์ างทหาร
ในลักษณะเช่นนี้ควรเป็นก�ำลังทหารโดยเฉพาะ เห็นได้จากนักยุทธศาสตร์ที่ส�ำคัญ
ท้ังเคลาเซวิทซ์ เลนิน และเหมา เจ๋อตุง ต่างก็เน้นถึงความส�ำคัญของการผนึก
320
ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสงครามกบั การเมอื ง ดงั นน้ั กำ� ลงั ทหารจงึ ควรถกู นำ� เอาไปใช้
ในภารกจิ ใดภารกจิ หนงึ่ โดยเฉพาะ ภายใตข้ ดี ความสามารถทางทหารอนั เหมาะสม
และเพียงพอตอ่ การปฏิบตั ภิ ารกจิ เหล่านั้น3
ลิดเดล ฮาร์ท ได้เน้นเรื่องวัตถุประสงค์ไว้ว่า “เมื่อพิจารณาถึง
วตั ถปุ ระสงคข์ องสงครามแลว้ จำ� เปน็ ตอ้ งตคี วามใหช้ ดั เจน และจะตอ้ งมคี วามเขา้ ใจ
ความแตกต่างระหว่างวัตถุประสงค์ทางการเมืองกับวัตถุประสงค์ทางทหารให้
ถูกต้องเสียกอ่ น เพราะคำ� ท้ังสองมีความหมายแตกตา่ งกนั แตห่ าไดแ้ ยกจากกันไม่
ประเทศใดก็ตามจะไม่ก่อสงครามเพ่ือวัตถุประสงค์ในการแสวงประโยชน์ของ
สงครามแตจ่ ะดำ� เนนิ สงครามตามนโยบายทกี่ ำ� หนดไว้ วตั ถปุ ระสงคท์ างทหาร เปน็
เพยี งแคเ่ ครอ่ื งมอื ทนี่ ำ� ไปสจู่ ดุ หมายปลายทางของการเมอื ง (Political End) เทา่ นนั้
ดงั นน้ั วตั ถปุ ระสงคท์ างการเมอื งจงึ เปน็ ตวั ควบคมุ วตั ถปุ ระสงคท์ างทหาร เมอ่ื เปน็ เชน่ นี้
กน็ า่ จะพจิ ารณาไดว้ า่ ถา้ เงอ่ื นไขหลกั บง่ วา่ นโยบายไมต่ อ้ งการสง่ิ ทท่ี หารตอ้ งการเสยี แลว้
ยอ่ มหมายถึง ในทางปฏบิ ตั ิแล้ว ส่ิงทที่ หารต้องการกไ็ ม่อาจเป็นไปได้”4
เมอ่ื พจิ ารณาถงึ ความหมายของคำ� วา่ “ยทุ ธศาสตรท์ หาร” แลว้ เหน็ ไดว้ า่
วตั ถปุ ระสงคส์ งู สดุ ของยทุ ธศาสตรท์ หาร กค็ อื “นโยบายแหง่ ชาต”ิ นนั่ เอง แตใ่ นบางครงั้
นโยบายแหง่ ชาตกิ เ็ ปน็ เรอ่ื งทย่ี งุ่ ยาก ไมส่ ะดวกทจ่ี ะคน้ หา ไมก่ ระจา่ ง หรอื บางทกี ก็ ำ� กวม
นอกจากน้ี นโยบายแหง่ ชาตมิ ขี อบเขตกวา้ งขวาง เพราะตอ้ งเกย่ี วขอ้ งกบั องคป์ ระกอบ
หลักของพลังอ�ำนาจแห่งชาติหลายด้านรวมกัน คือ ก�ำลังอ�ำนาจทางการเมือง
เศรษฐกจิ สงั คมจติ วทิ ยา สารสนเทศ และการทหาร ในการวางนโยบายแหง่ ชาติ
มกั จะเรง่ เรา้ ใหเ้ กดิ ความสนใจ จงึ เกดิ ความเหลอ่ื มลำ�้ กนั ในหลายๆ ดา้ น บางเรอ่ื งอาจ
ตรงข้ามกันก็มี บางเร่ืองก็เป็นวัตถุประสงค์ทางทหารแท้ๆ หรือวัตถุประสงค์
ทางการเมอื งแทๆ้ กม็ ี อยา่ งไรกต็ าม ผนู้ ำ� ประเทศอาจเลอื กใชก้ ำ� ลงั อำ� นาจทางทหาร
เพื่อสนับสนุนวัตถุประสงค์ของนโยบายแห่งชาติที่มีความส�ำคัญต่อการเมือง
หรอื เศรษฐกจิ ซงึ่ อาจทำ� ใหเ้ กดิ ปญั หาตา่ งๆ เกดิ ขน้ึ ตามมา ในบางครงั้ กำ� ลงั ทหาร
อาจไม่ใชเคร่ืองมือที่เหมาะสมเสมอไป ผู้น�ำทางทหารหรือผู้บัญชาการทหาร
จึงอาจยุ่งยากที่จะคิดหาวัตถุประสงค์ทางทหารท่ีสามารถน�ำไปปฏิบัติได้จาก
วัตถปุ ระสงคข์ องนโยบายแห่งชาติ
321
ตัวอย่างของวัตถุประสงค์ของนโยบายแห่งชาติบางประการ เช่น
“เพอ่ื ยดึ และรกั ษาเสน้ ทางเขา้ สแู่ หลง่ นำ้� มนั ดบิ ในตะวนั ออกกลาง” ซงึ่ เปน็ วตั ถปุ ระสงค์
ที่มีความส�ำคัญทางเศรษฐกิจ แต่ก็อาจเข้าไปเกี่ยวข้องกับความต้องการของ
การปฏิบัติการทางทหารได้ และวัตถุประสงค์ทางทหารต่อการสนับสนุนนโยบาย
แห่งชาติดังกล่าวนี้ ก็ควรรวมถึงการเข้ายึดพื้นที่ส�ำคัญทางภูมิศาสตร์ไว้ เพื่อให้
เรือบรรทุกน้�ำมันดิบสามารถผ่านเข้าออกพ้ืนที่ดังกล่าวได้ เช่นเดียวกับการใช้
กำ� ลงั ทหารเข้าควบคุมป้องกันแหล่งผลิตน�้ำมันดิบ โรงงานกล่ันน้�ำมันและท่าเรือ
ขนสง่ นำ้� มนั ดบิ เปน็ ตน้ วตั ถปุ ระสงคท์ างทหารอาจขยายขอบเขตกวา้ งขวางออกไป
ทว่ั ทง้ั โลก โดยอาจรวมถงึ ภมู ภิ าคใดภมู ภิ าคหนง่ึ ในทางภมู ศิ าสตร์ หรอื พนั ธมติ ร หรอื
อาจจำ� กดั การน�ำไปใชเ้ ฉพาะประเทศใดประเทศหนึ่งกไ็ ด้
ในการตรวจสอบแนวคดิ ทางยทุ ธศาสตรท์ หารนน้ั อาจถกู จำ� กดั ใหอ้ ยู่
ในขอบเขตของหนทางปฏิบตั ทิ ย่ี อมรบั ไดจ้ ากผลของการประมาณสถานการณท์ าง
ยทุ ธศาสตร์ แนวคดิ ทางยทุ ธศาสตรท์ หารอาจรวมถงึ ทางเลอื กของระยะเวลาอยา่ งกวา้ งๆ
เช่น การตั้งรับหน้า กองหนุนทางยุทธศาสตร์ การเพิ่มเติมก�ำลังการแสดงก�ำลัง
การเก็บส�ำรองส่ิงอุปกรณ์ไว้ล่วงหน้า การรักษาความปลอดภัยร่วมกัน และการ
ชว่ ยเหลอื กนั ในเรอื่ งการรกั ษาความปลอดภยั เปน็ ตน้ ทก่ี ลา่ วมานเ้ี ปน็ เพยี งหนทางปฏบิ ตั ิ
บางประการเทา่ นนั้ ในการใชก้ ำ� ลงั ทหารเขา้ ปฏบิ ตั กิ ารโดยลำ� พงั หรือในการปฏิบัติ
การผสมรว่ มกบั พนั ธมติ รอนื่ ๆ อย่างไรกต็ าม การพิจารณาแนวคดิ ทางยทุ ธศาสตร์
ทหารนน้ั นบั วา่ เปน็ เรอื่ งทม่ี คี วามสำ� คญั ยง่ิ แตก่ ป็ รากฏวา่ ยงั ขาดการใหค้ วามสนใจ
เท่าทีค่ วร หรอื บางทีก็เพกิ เฉยเสียเลยก็มี
องคป์ ระกอบสดุ ทา้ ยของยทุ ธศาสตรท์ หาร กค็ อื “เครอ่ื งมอื ” (Means)
ซงึ่ นบั เป็นองค์ประกอบที่ส�ำคญั มากอย่างหน่งึ เครื่องมอื คอื ทรพั ยากรทางทหาร
ซ่ึงเป็นปัจจัยก�ำหนดขีดความสามารถ อันรวมถึงก�ำลังรบท่ัวไปหรือก�ำลังรบ
อเนกประสงค์ ท้ังทเ่ี ป็นกำ� ลงั รบตามแบบและกำ� ลังรบไม่ตามแบบ กำ� ลังนิวเคลยี ร์
ทางยทุ ธศาสตรแ์ ละกำ� ลงั นวิ เคลยี รท์ างยทุ ธวธิ ี กำ� ลงั ปอ้ งกนั และกำ� ลงั ตง้ั รบั กำ� ลงั ตงั้ รบั
และกำ� ลงั เขา้ ตี กำ� ลงั รบประจำ� การและกำ� ลงั สำ� รอง ยทุ โธปกรณส์ งครามและระบบ
อาวธุ และกำ� ลงั พล เป็นต้น กำ� ลังรบท่ีเป็นกลมุ่ กอ้ นเหลา่ นี้ ต้องมคี วามสมบรู ณ์ใน
322
ตวั เอง ทง้ั หนว่ ยรบ หนว่ ยสนบั สนนุ การรบ และหนว่ ยสนบั สนนุ การชว่ ยรบ โดยจดั ใหม้ ี
ยทุ ธภณั ฑอ์ ยา่ งเพยี งพอ และสามารถทำ� การรบไดอ้ ยา่ งตอ่ เนอื่ ง โดยอาศยั รปู แบบของ
ยทุ ธศาสตรท์ กี่ ำ� ลงั พฒั นาขน้ึ ดงั นนั้ กำ� ลงั รบทจ่ี ะนำ� ไปใชอ้ าจมอี ยใู่ นขณะนน้ั หรอื อาจมี
อยตู่ ามแผนกไ็ ด้ ส�ำหรับยุทธศาสตร์ปฏิบัติการแล้ว เป็นยุทธศาสตร์ในหว้ งเวลาอนั
สน้ั กำ� ลงั รบจงึ ตอ้ งมพี รอ้ มอยตู่ ลอดเวลา แตใ่ นระยะยาวแลว้ กำ� ลงั รบอาจตอ้ งเปน็ ไป
ตามยทุ ธศาสตรร์ ะดบั พฒั นาดงั กลา่ ว ดงั นน้ั แนวคดิ ทางยทุ ธศาสตรท์ หารจงึ เปน็ ปจั จยั
ในการกำ� หนดรปู แบบของกำ� ลงั รบทค่ี วรจะมี และแนวทางทจ่ี ะนำ� ไปใชอ้ กี ดว้ ย5
หากลองพิจารณาแบบจ�ำลองของยุทธศาสตร์ทหาร โดยพยายาม
เอาองคป์ ระกอบต่างๆ มารวมกนั ไว้ในแบบจ�ำลอง และใหม้ คี วามหมายท่สี ามารถ
ท�ำความเข้าใจได้สะดวกย่ิงข้ึนแล้ว ก็อาจเขียนออกมาเป็นแบบจ�ำลองของ
ยุทธศาสตร์ทหารได้ดังนี้
ภาพที่ 6-1 แบบจำ� ลองของยุทธศาสตรท์ หารอย่างหนึง่
ทมี่ า : พจน์ พงศ์สุวรรณ, อ้างแลว้ , หน้า 254.
ในภาพที่ 6-1 เปน็ แบบจำ� ลองของยทุ ธศาสตรท์ หารทส่ี นบั สนนุ ยทุ ธศาสตรช์ าติ
โดยถอื เอาความมนั่ คงแหง่ ชาตเิ ปน็ ผลประโยชนท์ ส่ี ำ� คญั ทสี่ ดุ ของความมนั่ คงแหง่ ชาติ
ภายใต้แบบจ�ำลองท่ีสร้างข้ึนเป็นรูปแท่งส่ีเหล่ียมวางไว้บนม้าน่ังสามขาท่ีสมดุลกัน
ขาทั้งสามของม้านั่งก็แทนองค์ประกอบหลักของยุทธศาสตร์ทหาร อันได้แก่
323
วตั ถปุ ระสงคแ์ นวคิด และทรัพยากร ตราบใดท่ีม้าน่ังอยู่สภาพสมดุล ไม่เอนเอียง
ไปทางดา้ นใดดา้ นหนง่ึ แลว้ กร็ บั ประกนั ไดว้ า่ ความมน่ั คงแหง่ ชาตจิ ะอยใู่ นระดบั สงู
หรืออยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ ในทางตรงกันข้าม ถ้าหากทรัพยากรทางทหาร
ไมส่ อดคลอ้ งกบั แนวคดิ ทางยทุ ธศาสตร์ หรอื ปรากฏวา่ พนั ธกรณที จี่ ะตอ้ งปฏบิ ตั นิ น้ั
ไม่ได้สัดส่วนกบั ขดี ความสามารถทางทหารแลว้ กอ็ าจกอ่ ใหเ้ กดิ ความยงุ่ ยากตามมา
ซงึ่ ถา้ เปรยี บเทยี บเปน็ แบบจ�ำลองงา่ ยๆ เพื่อทำ� ความเขา้ ใจแล้วกอ็ าจใช้ภาพที่ 6-2
แสดงใหเ้ ห็นไดอ้ ย่างชดั เจน6
ความเสย่ี ง
ภาพท่ี 6-2 แสดงแบบจ�ำลองยทุ ธศาสตร์ทหารทม่ี อี งค์ประกอบไมส่ มดลุ กนั
ท่ีมา: พจน์ พงศส์ ุวรรณ, เรื่องเดียวกนั , หนา้ 255.
ตามภาพที่ 6-2 ขอใหส้ งั เกตมมุ เอยี งทเี่ กดิ ขน้ึ เนอ่ื งจากขาดความสมดลุ
ขององค์ประกอบหลักของยุทธศาสตร์ทหาร มุมเอียงที่เกิดขึ้นน้ี จะแสดงค่าเป็น
ความเสยี่ ง ซง่ึ อธบิ ายไดว้ า่ อาจมกี ารสญู เสยี หรอื มอี นั ตรายเกดิ ขนึ้ หรอื อาจไมบ่ รรลุ
วัตถุประสงค์ตามที่ก�ำหนด อันท่ีจริงแล้ว ควรเป็นหน้าท่ีรับผิดชอบของทหารเอง
ท่ีจะก�ำหนดระดับของความเส่ียง หากเป็นที่คาดได้ว่าจะมีความเสี่ยงเกิดข้ึนกับ
ยุทธศาสตร์ท่ีก�ำหนด ทหารก็ควรเสนอแนะให้ผู้น�ำประเทศได้มีความเข้าใจและ
เอาใจใสใ่ นเรอ่ื งนีใ้ ห้มากย่งิ ขนึ้
หากเราลองทดสอบแบบจ�ำลองของยุทธศาสตร์ท่ีก�ำหนดข้ึนว่าจะ
สามารถนำ� ไปใชอ้ ธบิ ายยทุ ธศาสตรท์ หารไดห้ รอื ไม่ กข็ อยกตวั อยา่ งนโยบายแหง่ ชาติ
ในสมัยรัฐบาลของประธานาธิบดีคาร์เตอร์ที่ได้กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า “เพ่ือให้เข้าใจ
324
สภาพของเราใหช้ ดั เจนสมบรู ณย์ งิ่ ขน้ึ ความพยายามของกำ� ลงั จากภายนอกใดๆ กต็ าม
ท่ีจะเข้าควบคุมภูมิภาคอ่าวเปอร์เซียนั้น จะต้องถือเสมือนว่า เป็นการเข้าโจมตี
ต่อผลประโยชน์ส�ำคัญของสหรัฐอเมริกา และการโจมตีดังกล่าวนี้จะต้องถูกขับไล่
ดว้ ยเครือ่ งมอื อย่างหนึ่งอยา่ งใดท่ีจ�ำเป็น รวมถงึ ก�ำลังอ�ำนาจทางทหาร”7
หากพิจารณายุทธศาสตร์ทหารท่ีสามารถสนับสนุนนโยบายแห่งชาติ
ของสหรฐั อเมริกา โดยสมมตวิ ่า วัตถุประสงค์ทางทหารไดก้ �ำหนดใหย้ ึดและรกั ษา
เสน้ ทางเขา้ สแู่ หลง่ นำ�้ มนั ดบิ บรเิ วณอา่ วเปอรเ์ ซยี แลว้ แนวคดิ ทางยทุ ธศาสตรท์ หาร
ก็อาจกระท�ำได้โดยการใช้เครื่องมือเคล่ือนท่ีเร็วจากกองหนุนยุทธศาสตร์
ซ่งึ มคี วามคลอ่ งแคล่วทางยุทธศาสตรอ์ ยา่ งเพยี งพอ รวมทัง้ มขี ดี ความสามารถท่จี ะ
ส่งก�ำลังเข้าไปปฏิบัติการได้ทันที เพื่อให้เกิดเสถียรภาพด้านความม่ันคงแห่งชาติ
นักยุทธศาสตร์จึงต้องเตรียมตอบค�ำถามให้ได้ว่า องค์ประกอบส่วนไหนของ
ยุทธศาสตร์ทหารที่ควรต้องปรับ จะใช้ทรัพยากรทางทหารเท่าใด หรืออาจปรับ
แนวคิดทางยุทธศาสตร์ เช่น การต้ังรับในเขตหน้า และการส่งก�ำลังทหารเข้าไป
ประจำ� อย่ใู นภมู ภิ าคนัน้ ๆ เปน็ ตน้
ส�ำหรับชื่อของยุทธศาสตร์นั้น อาจมีการเปลี่ยนแปลงอยู่บ่อยๆ
เนื่องจากมีเหตุผลต่างๆ กัน จากการศึกษาทางประวัติศาสตร์ได้ชี้ให้เราเห็นได้ว่า
การพสิ ูจน์ทราบหรือการตรวจสอบรายละเอยี ดของยุทธศาสตร์ทหารได้กระท�ำกัน
อย่างกว้างขวางทีเดียว เช่น ยุทธศาสตร์การตอบโต้อย่างรุนแรง (Massive
Retaliation) ในสมยั ประธานาธบิ ดไี อเซนฮาว ยทุ ธศาสตรก์ ารตอบโตอ้ ยา่ งออ่ นตวั
(Flexible Response) ในสมยั ประธานาธบิ ดเี คนเนดี และยทุ ธศาสตรก์ ารปอ้ งปราม
ที่สมจริง (Realistic Deterrence) หรือท่ีรู้จักกันดีในนามว่า ยุทธศาสตร์
เพ่ือสันติภาพ (Strategy for Peace) ซ่ึงถูกกล่าวอ้างว่าเป็นยุทธศาสตร์ในสมัย
ประธานาธิบดีนิกสัน ซึ่งผลจากการปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ประการหลังน้ี ท�ำให้
สหรัฐอเมริกาสามารถออมกำ� ลังรบได้เปน็ จำ� นวนมาก เนือ่ งจากมกี ารเปลี่ยนแปลง
“ยทุ ธศาสตร์ 2 ½ สงคราม หรอื อตั ราศกึ ” (War Capabilities) เปน็ ยทุ ธศาสตร์ 1 ½
สงคราม หรอื อตั ราศกึ ” และตามตดิ มาดว้ ยการพพิ าทระหวา่ งจนี กบั สหภาพโซเวยี ต
ทำ� ใหส้ หรฐั อเมรกิ าสามารถปรบั ปรงุ ยทุ ธศาสตรข์ องตนใหเ้ หมาะสมกบั สภาพแวดลอ้ ม
325
และบรรยากาศของโลกไดม้ ากยง่ิ ขน้ึ อกี ทง้ั ขอ้ เทจ็ จรงิ ไดป้ รากฏใหเ้ หน็ อยา่ งชดั เจนวา่
คา่ ใชจ้ า่ ยดา้ นการปอ้ งกนั ประเทศในยามปกตขิ องสหรฐั อเมรกิ าเพอ่ื ใหส้ ามารถเผชญิ
กับการสู้รบตามยุทธศาสตร์ 2 ½ อัตราศึกโดยต่อเน่ืองได้น้ันเป็นค่าใช้จ่าย
ที่สูงมากเลยทีเดยี ว8
การท่ีสหรัฐอเมริกาได้ปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงยุทธศาสตร์เสียใหม่
เปน็ ยทุ ธศาสตร์ 1 ½ อตั ราศกึ ไดพ้ สิ จู นใ์ หเ้ หน็ ความสำ� คญั ของการดำ� เนนิ การจดั หา
ทรัพยากรทางทหาร เพอ่ื เสรมิ สร้างกำ� ลงั รบมากกวา่ เพื่อยุทธศาสตรท์ หารโดยตรง
อย่างไรก็ตาม ยุทธศาสตร์ที่จ�ำเป็นต้องใช้ทรัพยากรทางทหารมากเกินไปก็มิใช่ว่า
จะทำ� ใหเ้ กดิ ความมน่ั คงแหง่ ชาตโิ ดยรวมมากขนึ้ เสมอไป เพราะคา่ ใชจ้ า่ ยทางทหาร
เป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ยุทโธปกรณ์ต่างๆ ก็มีราคาแพง เม่ือประเทศต้องน�ำเงิน
งบประมาณแผ่นดินมาทุ่มเทให้กับค่าใช้จ่ายทางทหารมากเกินกว่าก�ำลังอ�ำนาจ
ทางเศรษฐกจิ ของประเทศจะอำ� นวยใหแ้ ลว้ การทจี่ ะพฒั นาประเทศใหเ้ จรญิ กา้ วหนา้
ก็ย่อมเป็นไปได้ยาก เพราะขาดก�ำลังงบประมาณที่จะสนับสนุน อย่างไรก็ตาม
ยังมียุทธศาสตร์ทหารที่ส�ำคัญอีกมาก เช่น ยุทธศาสตร์สลายก�ำลัง (Attrition)
ยุทธศาสตร์ท�ำลายล้าง (Annihilation) ยุทธศาสตร์ค่านิยมตอบโต้ (Counter
Value) ยุทธศาสตร์ก�ำลังตอบโต้ (Counter Force) ยุทธศาสตร์ป้องปราม
(Deterrence) ยุทธศาสตร์การท�ำสงคราม (Warfighting) ยุทธศาสตร์การเข้าถึง
ทางตรงและทางอ้อม (Direct and Indirect Approach) ยุทธศาสตร์ค้นหาและ
ท�ำลาย (Search and Destroy) ยุทธศาสตร์เข้าถึงแหล่งน�้ำมันดิบ (Oil Spot)
ยุทธศาสตร์การท�ำลายที่ปลอดภัย (Assured Destruction) ยุทธศาสตร์ปิดล้อม
(Containment) ยุทธศาสตร์ตอบโต้ (Countervailling) เป็นต้น9 ซ่ึงนักศึกษา
ยทุ ธศาสตรจ์ ะตอ้ งพยายามทำ� ความเขา้ ใจถงึ ความหมายแตล่ ะอยา่ งเหลา่ นใ้ี หช้ ดั เจน
อย่างไรก็ตาม พึงระลึกไว้เสมอว่า ภายใต้สภาพแวดล้อมในอุดมคติ
วัตถุประสงค์ทางทหารและแนวคิดทางยุทธศาสตร์ทหาร จะเป็นตัวก�ำหนด
โครงสร้างก�ำลังรบ และการใช้ก�ำลังทหารในภูมิภาคต่างๆ อีกทั้งยังเกื้อกูล และ
อำ� นวยประโยชนใ์ นการพจิ ารณาขดี ความสามารถเปน็ อยา่ งมาก แตใ่ นทางปฏบิ ตั กิ ็
จะมีข้อจ�ำกัดตามก�ำลังรบท่ีมีอยู่ ยุทธศาสตร์ของประเทศนั้นจะเป็นจริงได้หรือไม่
326
ยอ่ มแลว้ แตผ่ นู้ ำ� ของประเทศเหลา่ นนั้ จะประกาศออกมาหรอื ยนื ยนั ใหท้ ราบ สำ� หรบั
ยทุ ธศาสตรท์ หารของสหรฐั อเมรกิ านนั้ มกั แสดงออกมาใหส้ าธารณชนทราบอยา่ งชดั เจน
เพราะสหรฐั อเมรกิ าเปน็ ประเทศแมแ่ บบของการปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตย
โดยสมบรู ณ์ ประชาชนทกุ คนมสี ทิ ธใิ นการเปน็ เจา้ ของประเทศ จงึ ตอ้ งมคี วามเขา้ ใจ
ในการบริหารประเทศของรัฐบาลอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม ลักษณะที่แท้จริง
ของยทุ ธศาสตรท์ หารของสหรฐั อเมรกิ าดงั กลา่ ว กไ็ มไ่ ดแ้ สดงรายละเอยี ดอยา่ งเพยี งพอ
ทจี่ ะใหบ้ คุ คลทวั่ ไปเขา้ ใจไดถ้ กู ตอ้ งมากนกั จนมบี างคนกลา่ ววา่ อาจเปน็ การไมฉ่ ลาดนกั
หรือเป็นสิ่งท่ีไม่น่าจะเป็นไปได้ หรืออาจเกิดอันตรายแก่ประเทศ ถ้าประเทศใด
ประกาศยุทธศาสตรท์ หารของตนเองออกมาอยา่ งเปดิ เผย เพราะการกระทำ� เช่นน้ี
อาจจำ� กัดทางเลอื กของตนเอง เมอ่ื ต้องเผชญิ กับสถานการณว์ กิ ฤติ หรอื อาจทำ� ให้
การปฏบิ ตั กิ ารทางทหารไม่ตรงตามเป้าหมายที่กำ� หนดไว้
โดยทว่ั ไปแลว้ แตล่ ะชาตอิ าจตอ้ งการยทุ ธศาสตรท์ หารมากกวา่ หนง่ึ อยา่ ง
(หรอื หนงึ่ แบบ) ในหว้ งเวลาอนั หนงึ่ ตวั อยา่ งเชน่ หากสหรฐั อเมรกิ าตอ้ งการแตเ่ พยี ง
ยทุ ธศาสตรป์ อ้ งปราม (Deterrent Strategy) แตเ่ พยี งอยา่ งเดยี ว ถา้ การปอ้ งปราม
ไมป่ ระสบผลสำ� เรจ็ กจ็ ะเกดิ ความเสยี หายอยา่ งรา้ ยแรง และบบี บงั คบั ใหส้ หรฐั อเมรกิ า
ต้องเลือกระหว่างการยอมแพ้ หรือเลือกที่จะรุกต่อไปโดยยอมให้มีการสูญเสีย
มากยิง่ ขน้ึ หรืออาจตอ้ งใช้อาวุธนวิ เคลยี ร์ทางยุทธศาสตรโ์ จมตอี ย่างเต็มที่ เป็นตน้
สงิ่ ทก่ี ลา่ วมาแลว้ นถี้ อื เปน็ ทางเลอื กบางประการหากไมใ่ ชย้ ทุ ธศาสตรใ์ นการทำ� สงคราม
(Warfighting Strategy) สังเกตได้ว่า ยุทธศาสตร์ทหารอาจเปล่ียนแปลงได้
อย่างรวดเร็วและบ่อยๆ โดยเฉพาะถ้ามีการเปล่ียนแปลงวัตถุประสงค์ทางทหาร
อยา่ งไรกต็ าม ยทุ ธศาสตรท์ หารอาจตอ้ งใชเ้ วลานานในการปรบั แตง่ กำ� ลงั รบเมอ่ื เปน็ เชน่ นี้
ยุทธศาสตร์ทหารอาจต้องสนองตอบต่อวัตถุประสงค์และแนวคิดใหม่ต่อไปอีกด้วย
กลา่ วโดยสรปุ ยทุ ธศาสตรท์ หารประกอบขนึ้ ดว้ ยการจดั ใหม้ วี ตั ถปุ ระสงคท์ างทหารขนึ้
ต่อจากน้ัน จึงก�ำหนดรปู แบบแนวคดิ ทางยทุ ธศาสตรท์ หารทีจ่ ะบรรลวุ ัตถปุ ระสงค์
ทางทหารเหลา่ นนั้ รวมทง้ั การใชท้ รพั ยากรทางทหารเพอ่ื เสรมิ แนวคดิ ทางทหาร ฉะนน้ั
เม่ือใดก็ตามท่ีองค์ประกอบหลักเหล่าน้ีไม่สอดคล้องกัน ความม่ันคงแห่งชาติก็จะ
ตกอยใู่ นภาวะอันตราย10
327
โดยท่วั ไปแลว้ นักยุทธศาสตรท์ หารมักมีแนวโนม้ ทจี่ ะยอมรบั แนวคิด
ของการศกึ ษายทุ ธศาสตรอ์ ยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ จากทมี่ อี ยเู่ ปน็ จำ� นวนมาก และจะคอย
ตดิ ตามแนวคดิ นน้ั ๆ เสมอื นหนง่ึ เปน็ เครอื่ งมอื อนั สำ� คญั ในการแกป้ ญั หาทางทหารตา่ งๆ
อยา่ งไรกต็ าม แนวคดิ ของการศกึ ษายทุ ธศาสตรช์ นั้ สงู ไดว้ วิ ฒั นาการและเปลย่ี นแปลง
ไปตามกาลเวลา ดังนี้
ก. กำ� ลังทางบก
แนวคดิ ของการศึกษายทุ ธศาสตรท์ หาร จะเน้นในเรอ่ื งการไดช้ ัยชนะ
อยา่ งเดด็ ขาดตอ่ ขา้ ศกึ ซง่ึ จะประสบผลสำ� เรจ็ ไดก้ โ็ ดยการเผชญิ หนา้ กบั กำ� ลงั รบขา้ ศกึ
และทำ� ลายกำ� ลงั รบเหลา่ นนั้ รวมถงึ การปฏบิ ตั กิ ารเขา้ ยดึ ครองดนิ แดนของขา้ ศกึ ดว้ ย
ตามแนวคิดนี้ ก�ำลังทางเรือและก�ำลังทางอากาศจะต้องสนับสนุนก�ำลังทางบก
ในการติดตามยุทธศาสตรข์ ้นั แตกหกั
ข. ก�ำลังทางเรอื
เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่า ชาติใดก็ตามที่สามารถเข้าควบคุมหรือ
ครองอำ� นาจทางทะเลจนสามารถควบคมุ ฝา่ ยตรงขา้ ม โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ การครองอำ� นาจ
เหนอื บรเิ วณพนื้ ทสี่ ำ� คญั ทก่ี ำ� ลงั ทางเรอื จะตอ้ งผา่ นจดุ สกดั (Choke Points) ทเี่ ปน็
ชอ่ งทางบงั คบั และเปน็ พนื้ ทสี่ ำ� คญั ในการเคลอื่ นยา้ ยทางภาคพนื้ ดนิ และการสง่ กำ� ลงั บำ� รงุ
เข้าสู่พื้นท่ีแล้ว ชาตินั้นย่อมได้ชื่อว่า “ชาติมหาอ�ำนาจ” ดังน้ัน ส่วนหนึ่ง
ของยทุ ธศาสตรท์ างเรอื จงึ มสี ว่ นสมั พนั ธก์ บั การปดิ ลอ้ มขา้ ศกึ เพอ่ื ใหข้ า้ ศกึ อดอยาก
และหิวโหย แต่เป้าหมายที่ส�ำคัญของยุทธศาสตร์ทางเรือ ก็คือ การควบคุมทะเล
(Control of the Sea) นน่ั เอง
ค. กำ� ลังทางอากาศ
นกั การทหารทวั่ ไปมกั เชอ่ื วา่ ชยั ชนะขนั้ เดด็ ขาดเหนอื ขา้ ศกึ นน้ั สามารถ
กระท�ำได้ด้วยก�ำลังทางอากาศ ท้ังจากเคร่ืองบินและขีปนาวุธ โดยการท�ำลาย
ขีดความสามารถของข้าศึกที่จะด�ำเนินสงคราม และยังเน้นถึงเป้าหมายส�ำคัญ
ไดแ้ ก่ ฐานทพั สนามบนิ โรงงานอตุ สาหกรรม และโครงสรา้ งพน้ื ฐานสำ� คญั เปน็ ตน้
อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อถกเถียงกันว่า การท�ำสงครามในปัจจุบันไม่จ�ำเป็นต้องใช้
กำ� ลงั ทางบกและกำ� ลงั ทางเรอื เพอื่ มงุ่ เอาชยั ชนะขน้ั เดด็ ขาดอกี ตอ่ ไป และไมจ่ ำ� ตอ้ งมี
328
กำ� ลงั ทางบกและกำ� ลงั ทางเรอื เพอื่ เผชญิ กบั ความขดั แยง้ ทยี่ ดื เยอ้ื เพราะกำ� ลงั ทางอากาศ
ยทุ ธศาสตร์ สามารถเขา้ ทดแทนการปฏบิ ตั กิ ารของทงั้ กำ� ลงั ทางบกและกำ� ลงั ทางเรอื
ในหว้ งระยะเวลาอันส้นั ได1้ 1
3. การก�ำหนดยุทธศาสตร์ทหาร
ววิ ฒั นาการทางทหาร อนั เปน็ ผลเนอื่ งมาจากความกา้ วหนา้ ทางวทิ ยาศาสตร์
และเทคโนโลยที ท่ี นั สมยั เปน็ สาเหตสุ ำ� คญั ทก่ี อ่ ใหเ้ กดิ แนวคดิ ใหมๆ่ ทางยทุ ธศาสตร์
เพราะสามารถชดเชยก�ำลังอ�ำนาจบางประการท่ีเสียเปรียบหรือด้อยกว่าประเทศ
ฝา่ ยตรงขา้ มได้ เชน่ กำ� ลงั คน พลงั งาน ลกั ษณะทางภมู ศิ าสตรข์ องประเทศ เปน็ ตน้ ฉะนนั้
นกั ยทุ ธศาสตรจ์ ะตอ้ งพฒั นาแนวคดิ ของการศกึ ษายทุ ธศาสตรเ์ พอื่ อำ� นวยประโยชน์
ในการกำ� หนดยทุ ธศาสตรอ์ ยา่ งเหมาะสม ใหส้ ามารถเผชญิ กบั ความขดั แยง้ ทจ่ี ะเกดิ ขน้ึ
ได้โดยให้มีความเสี่ยงน้อยที่สุด เป็นท่ียอมรับกันท่ัวไปว่า ยุทธศาสตร์ทหาร
มคี วามสมั พนั ธแ์ ละผกู พนั อยา่ งใกลช้ ดิ กบั ผลประโยชนแ์ หง่ ชาติ และผลประโยชนแ์ หง่ ชาติ
ก็มีความสำ� คัญเป็นอย่างยิ่งตอ่ ความอยรู่ อดของชาติ แมว้ า่ ความอยรู่ อดของชาตนิ น้ั
ถอื เปน็ เรอ่ื งยากทจี่ ะกำ� หนดลงไปใหช้ ดั เจนกต็ าม แตก่ พ็ ออนมุ านไดว้ า่ ความอยรู่ อด
ของชาตนิ น้ั กค็ อื การดำ� รงความเปน็ ชาตหิ รอื รฐั ไดต้ ลอดไป การทจี่ ะดำ� รงความเปน็ ชาติ
อยู่ตลอดไปได้น้ัน รัฐต้องมีพลังอ�ำนาจแห่งชาติท่ีเข้มแข็ง เพ่ือพิทักษ์รักษา
ผลประโยชนแ์ หง่ ชาตเิ อาไวใ้ หไ้ ด้ จากเหตกุ ารณใ์ นประวตั ศิ าสตรข์ องชาตไิ ทยเรายอ่ มเปน็
ขอ้ พสิ จู นไ์ ดเ้ ปน็ อยา่ งดวี า่ ประเทศไทยตอ้ งยอมสญู เสยี ดนิ แดนหลายตอ่ หลายครงั้
ให้กับประเทศมหาอ�ำนาจ ก็เพื่อให้ชาติสามารถด�ำรงความเปน็ ชาตอิ ยไู่ ด้ หากมอง
ให้ลึกลงไปกว่าน้ัน ประเทศไทยของเราในขณะนั้น ขาดพลังอ�ำนาจแห่งชาติ
ที่จะรักษาผลประโยชน์ส�ำคัญย่ิงของชาติเอาไว้ได้ ด้วยก�ำลังอ�ำนาจทางทหาร
เปน็ องคป์ ระกอบทสี่ ำ� คญั อยา่ งหนง่ึ ของพลงั อำ� นาจแหง่ ชาติ การใชก้ ำ� ลงั อำ� นาจทางทหาร
ในการพิทักษ์รักษาผลประโยชน์แห่งชาติจึงจ�ำเป็นต้องก�ำหนดให้ชัดเจนว่า
ผลประโยชน์แห่งชาติคืออะไรและอยู่ท่ีไหน เพ่ือให้การก�ำหนดยุทธศาสตร์ทหาร
เปน็ ไปอยา่ งมรี ะบบ มหี ลกั การทถ่ี กู ตอ้ งเหมาะสม รวมทง้ั สามารถสนบั สนนุ ยทุ ธศาสตร์
ชาตไิ ดอ้ ย่างมีประสทิ ธิภาพ
329
นักยุทธศาสตร์ท้ังหลายมีความยากล�ำบากต่อการพิสูจน์ทราบ
ผลประโยชน์แห่งชาติ แม้ว่าผลประโยชน์แห่งชาติถือเป็นเรื่องที่ส�ำคัญมากท่ีสุด
หรือเป็นแก่นแท้ของยุทธศาสตร์ก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงกลับปรากฏว่า แทบจะไม่มี
ประเทศใดในโลกที่สามารถก�ำหนดผลประโยชน์แห่งชาติของตนข้ึน และประกาศ
ใหป้ ระเทศอน่ื ๆ ทราบกนั ทวั่ ไปได้ ในบางกรณี ผลประโยชนแ์ หง่ ชาตบิ างอยา่ งอาจประกาศ
ใหช้ าติอ่ืนทราบได้ว่า ตนเป็นเจ้าของโดยถูกต้องและไม่ต้องการให้ใครๆ เข้ามา
ยงุ่ เกย่ี วหรอื ละเมดิ สทิ ธขิ องชาตติ น เชน่ ผลประโยชนอ์ นั เกยี่ วกบั ทรพั ยากรธรรมชาติ
ในอาณาเขตทางทะเลของตน และดนิ แดนทช่ี าตขิ องตนเขา้ ครอบครองอยา่ งถกู ตอ้ ง
เป็นต้น แต่ผลประโยชน์แห่งชาติบางประการก็ไม่สามารถแจ้งให้ผู้อื่นทราบได้
เพราะอาจกระทบกระเทือนต่อความสัมพันธร์ ะหว่างประเทศ เชน่ การทีป่ ระเทศ
เพอ่ื นบา้ นตอ้ งประสบกบั ปญั หาและความยงุ่ ยากทางการเมอื งภายในอยตู่ ลอดเวลา
ซึ่งเป็นผลประโยชน์โดยตรงต่อประเทศของตน เพราะท�ำให้ประเทศของตน
ปลอดภยั หรอื ไมต่ อ้ งกงั วลวา่ ประเทศเพอ่ื นบา้ นจะเปน็ ภยั คกุ คามตอ่ ประเทศของตน
อีกประการหนึ่ง หากปรากฏว่าประเทศคู่แข่งหรือประเทศที่น่าจะเป็นศัตรู
ตอ้ งประสบกบั ความยุ่งยากทางเศรษฐกิจ หรอื มีภยั สงครามอยู่ตลอดเวลา ก็เป็นท่ี
มั่นใจได้ว่าจะเป็นผลประโยชน์แก่ประเทศของตน อีกทั้งเรามักเห็นตัวอย่างใน
ปัจจุบันที่ประเทศอภิมหาอ�ำนาจมักท�ำสงครามทางเศรษฐกิจเพ่ือลดพลังอ�ำนาจ
ของชาตคิ แู่ ขง่ ใหน้ อ้ ยลง เปน็ ตน้ อยา่ งไรกต็ าม แมน้ กั ยทุ ธศาสตรจ์ ะไดพ้ สิ จู นท์ ราบ
เรื่องผลประโยชน์แห่งชาติดังกล่าวแล้วก็ตาม แต่นักยุทธศาสตร์ก็ยังมีหน้าที่และ
ความรบั ผดิ ชอบทจ่ี ะตอ้ งคดิ สบื คน้ หาทกุ วถิ ที าง โดยใชห้ ลกั การและการดำ� เนนิ การ
ท้ังปวงเพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์แห่งชาติของตน รวมถึงชาติอื่นๆ ที่ตนมี
ความสัมพันธ์หรือต้องเก่ียวข้องด้วยในภายภาคหน้า ท้ังประเทศท่ีเป็นมิตรและ
ประเทศท่ีน่าจะเป็นศัตรู อันที่จริงแล้ว เร่ืองราวของยุทธศาสตร์เป็นเร่ืองเก่ียวพัน
กบั รฐั และประชาชนของรฐั โดยไมม่ ขี อ้ ยกเวน้ วา่ จะเปน็ รฐั ทม่ี กี ารปกครองในรปู แบบ
หรอื ระบอบใด ประชาชนของรฐั ยอ่ มเป็นองค์ประกอบส�ำคญั ท่ีเข้าไปมสี ่วนรว่ มกบั
การปกครองของรฐั ไดท้ งั้ สนิ้ นอกเสยี จากวา่ จะเขา้ ไปมสี ว่ นรว่ มมากหรอื นอ้ ยเทา่ นน้ั
330
ในประเทศโลกเสรีน้นั เราอาจสังเกตผลประโยชนแ์ หง่ ชาติได้ 2 ประการ
คือประการแรกอาจสังเกตได้จากพฤติกรรมของผู้น�ำในคณะรัฐบาล หรือบุคคล
สำ� คญั ๆ ในคณะรฐั บาล เชน่ ผนู้ ำ� รฐั บาล รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงการตา่ งประเทศ
รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงกลาโหมเป็นต้น บุคคลเหล่านี้จะแสดงพฤติกรรมให้ปรากฏ
ออกมาดว้ ยการแถลงตอ่ สอ่ื มวลชนแขนงตา่ งๆ อยา่ งเปน็ ทางการ หรอื ไมเ่ ปน็ ทางการ
ไม่ว่าจะอยู่ในรัฐสภาหรือนอกรัฐสภาก็ตาม ข้อความที่แถลงออกมานั้นจะบ่งบอก
ถงึ ความตอ้ งการหรือเจตจ�ำนงบางประการอันเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์แห่งชาติ
ประการที่สอง อาจสงั เกตไดจ้ ากการจดั สรรงบประมาณประจำ� ปี หรอื ขอ้ อภปิ รายของ
คณะกรรมาธกิ ารรฐั สภาสาขาตา่ งๆ ทเี่ กย่ี วกบั งบประมาณประจำ� ปี ซงึ่ อาจมกี ารแถลง
ในรฐั สภาอยา่ งเปดิ เผยหรอื เปน็ เอกสารทเี่ กย่ี วขอ้ ง เอกสารเหลา่ นจ้ี ะเนน้ ถงึ ความสำ� คญั
ในการใช้จ่ายงบประมาณประเภทตา่ งๆ ซงึ่ ทำ� ใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจหรอื มองเหน็ ภาพ
การใช้ทรัพยากรของชาติเพื่อปกป้องคุ้มครองผลประโยชน์แห่งชาติได้เป็นอย่างดี
และเปน็ ทน่ี า่ สงั เกตวา่ ผอู้ นมุ ตั งิ บประมาณประจำ� ปขี องประเทศ กค็ อื ผแู้ ทนของประชาชน
นนั่ เอง จงึ อาจกลา่ วไดว้ า่ ประชาชนเป็นผกู้ ำ� หนดยทุ ธศาสตร์ชาติอยา่ งแทจ้ ริง
สำ� หรบั ประเทศไทยของเรานน้ั การกำ� หนดยทุ ธศาสตรท์ หารกใ็ ชห้ ลกั การ
ในทำ� นองเดยี วกนั คอื ยทุ ธศาสตรท์ หารจะตอ้ งกำ� หนดใหส้ อดคลอ้ งกบั ยทุ ธศาสตรช์ าติ
และยทุ ธศาสตรช์ าตขิ องประเทศทใี่ ชป้ ฏบิ ตั กิ นั อยใู่ นปจั จบุ นั กเ็ รมิ่ ตน้ จากวตั ถปุ ระสงค์
แหง่ ชาตซิ ง่ึ แยกออกเปน็ วตั ถปุ ระสงคม์ ลู ฐาน และวตั ถปุ ระสงคเ์ ฉพาะแหง่ ชาติ การกำ� หนด
วัตถุประสงค์แห่งชาติในรายละเอียดนั้น สภาความมั่นคงแห่งชาติเป็นผู้มีหน้าท่ี
รับผิดชอบตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี
ตามขน้ั ตอนอยา่ งถกู ตอ้ ง ในทางปฏบิ ตั ขิ องไทยมกั จะไมม่ ปี ญั หา เพราะนายกรฐั มนตรี
ก็เป็นประธานสภาความม่ันคงแห่งชาติโดยต�ำแหน่ง อย่างไรก็ตาม วัตถุประสงค์
มลู ฐานของชาติ จะมลี กั ษณะกวา้ งๆ และไมม่ รี ายละเอยี ดมากนกั ดว้ ยเปน็ การเสรมิ
วตั ถปุ ระสงคม์ ลู ฐานใหส้ มบรู ณข์ น้ึ เทา่ นนั้ ตอ่ จากนน้ั กเ็ ปน็ เรอื่ งนโยบายความมน่ั คง
แหง่ ชาตใิ นดา้ นตา่ งๆ คอื ดา้ นการเมอื ง เศรษฐกจิ สงั คมจติ วทิ ยา สารสนเทศ และดา้ น
การทหาร นโยบายความมนั่ คงแหง่ ชาตดิ า้ นการทหารหรอื ดา้ นการปอ้ งกนั ประเทศนเี้ อง
จะถกู นำ� ไปใชเ้ ปน็ กรอบในการก�ำหนดยุทธศาสตรท์ หารในรายละเอียดต่อไป12
331
4. การพฒั นายทุ ธศาสตร์ทหาร
การพฒั นายทุ ธศาสตรท์ หาร หมายถงึ การพฒั นานโยบายความมนั่ คง
แหง่ ชาตดิ า้ นการปอ้ งกนั ประเทศนน่ั เอง โดยปกติ รฐั บาลซงึ่ มหี นา้ ทใี่ นการบรหิ ารประเทศ
จะเป็นผู้รับผิดชอบในการก�ำหนดนโยบายความม่ันคงแห่งชาติอย่างกว้างๆ
โดยผ่านสภาความมั่นคงแห่งชาติ เม่ือคณะรัฐมนตรีลงมติให้ความเห็นชอบแล้ว
ก็จะส่งให้ส่วนราชการท่ีเกี่ยวข้องในระดับกระทรวงรับไปปฏิบัติต่อไป ส�ำหรับ
ด้านการป้องกันประเทศน้ัน เป็นหน้าท่ีรับผิดชอบของกระทรวงกลาโหมโดยตรง
นโยบายความมนั่ คงแหง่ ชาตดิ า้ นการปอ้ งกนั ประเทศจงึ เปรยี บเสมอื นภารกจิ เพม่ิ เตมิ
ท่ีกระทรวงกลาโหมได้รับมอบหมายจากรัฐบาล นอกเหนือจากภารกิจตามปกติ
ทีม่ ีอยูแ่ ล้วตามกฎหมาย
ตวั อยา่ งของนโยบายความมน่ั คงแหง่ ชาตดิ า้ นการปอ้ งกนั ประเทศของไทย
ประการหนง่ึ ทก่ี ลา่ วถงึ การพฒั นาระบบปอ้ งกนั ประเทศ กค็ อื “พฒั นาระบบการ
ปอ้ งกนั ประเทศดว้ ยการผนกึ กำ� ลงั ตา่ งๆ เพอื่ รวมพลงั ในการปอ้ งกนั ประเทศโดยใช้
กำ� ลงั และทรพั ยากรทม่ี อี ยอู่ ยา่ งคมุ้ คา่ และใหเ้ กดิ ประโยชนส์ งู สดุ ดว้ ยการจดั ใหม้ ี
กำ� ลงั กองทพั ประจำ� การ กองหนนุ และกำ� ลงั สำ� รอง เปน็ กำ� ลงั หลกั กบั กำ� ลงั ประจำ� ถนิ่
ตามสดั สว่ น ใหส้ ามารถเผชญิ กบั ภยั คกุ คามทง้ั ภายในและภายนอก ไดอ้ ยา่ งตอ่ เนอ่ื ง”
นอกจากน้ีแล้ว นโยบายความม่ันคงแห่งชาติด้านการป้องกันประเทศยังได้ระบุถึง
การพัฒนายุทธศาสตร์ทหารไว้อีกด้วยว่า “ก�ำหนดน้�ำหนักการป้องกันประเทศ
ไดต้ ามจดุ ยทุ ธศาสตรท์ ส่ี ำ� คญั ตามบรเิ วณชายแดนและภายในประเทศ เพอ่ื ขดั ขวาง
ยับยั้งการรุกรานจากภายนอกประเทศไว้ตั้งแต่ระยะไกลท่ีสุด รวมทง้ั พฒั นาและ
รวมพลังทหารกองหนุนให้เป็นก�ำลังส�ำคัญ เพ่ือเสริมสร้างความมั่นคงแห่งชาติ
ในด้านต่างๆ”และ “พัฒนาก�ำลังป้องกันประเทศให้เข้มแข็งตามความจ�ำเป็น
ในการปฏิบัติตามแผนป้องกันประเทศ โดยพยายามให้พ่ึงพาตนเองให้มากท่ีสุด
โครงสร้างการจัดก�ำลังป้องกันประเทศควรพัฒนาให้เหมาะสมกับลักษณะ
การปฏบิ ตั กิ ารและการคกุ คาม สามารถปฏบิ ตั กิ ารไดจ้ รงิ คลอ่ งตวั ตอ่ สไู้ ดท้ กุ รปู แบบ
ของการรกุ ราน พรอ้ มรบในระดบั ท่ีต้องการ”13 เปน็ ตน้
332