The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ยุทธศาสตร์กองทัพบก

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by E - Library, 2022-11-16 03:49:53

ยุทธศาสตร์กองทัพบก

ยุทธศาสตร์กองทัพบก

แนวคิดนไี้ ม่ได้มีความซับซ้อนอะไร หรือไม่มคี วามครอบคลุมทจ่ี ะประสบผลส�ำเรจ็
ในระดบั ยทุ ธศาสตร์ และไมไ่ ดก้ อ่ ใหเ้ กดิ ผลกระทบตอ่ สภาพแวดลอ้ มทางยทุ ธศาสตร์
ได้เสมอไป ท�ำให้แนวคิดนี้ถูกน�ำไปใช้เพียงแค่การรุกเข้าสู่อิรักในข้ันต้นเท่าน้ัน
โดยไม่ได้น�ำเอาไปใช้ในสงครามใหญ่หรือสงครามป้องกันและปราบปรามการ
ก่อความไม่สงบในอิรัก ท�ำให้ยุทธการเพ่ือเสรีภาพของอิรักหยุดอยู่เพียงแค่
การโจมตีทางอากาศอย่างหนัก แล้วน�ำก�ำลังภาคพ้ืนดินเข้ายึดครองกรุงแบกแดด
และโคน่ ลม้ ซดั ดมั ฮสุ เซน เทา่ นน้ั ผลทตี่ ามมา กค็ อื อริ กั ตอ้ งตกอยใู่ นสภาพรฐั ลม้ เหลว
และกองทพั สหรฐั อเมรกิ าตอ้ งจมปลกั อยกู่ บั สงครามตอ่ สกู้ บั การกอ่ การรา้ ยในอริ กั
เป็นเวลานาน ฉะน้ัน ในฐานะนักยุทธศาสตร์ ให้พึงระลึกอยู่เสมอว่า แนวคิด
ทางยุทธการท่ีดีก็อาจมีส่วนส�ำคัญต่อการสนับสนุนยุทธศาสตร์ได้ แม้ว่าแนวคิด
ทางยุทธการมิได้อยู่ภายใต้แนวคิดทางยุทธศาสตร์และเป็นส่วนหน่ึงของยุทธศิลป์
ก็ตาม ดังนั้น การประเมินค่าแนวคิดทางยุทธการท่ีเกี่ยวข้องกับแนวคิดระดับ
ยุทธศาสตร์จงึ ถือเปน็ สิ่งจ�ำเป็นทน่ี ักยุทธศาสตร์พงึ กระท�ำอย่างตอ่ เนอ่ื ง
จ. ใช้แนวคดิ ทางยุทธศาสตรเ์ ปน็ คำ� ตอบให้กับค�ำถามภาพใหญ่
ตรรกะของยทุ ธศาสตรม์ กั อา้ งเสมอวา่ แนวคดิ ทางยทุ ธศาสตรจ์ ะเปน็
ค�ำตอบให้กับค�ำถามภาพใหญ่ของการบรรลุวัตถุประสงค์ต่างๆ ได้อย่างไร ท้ังน้ี
กโ็ ดยการระบใุ หห้ นว่ ยรองทราบอยา่ งชดั เจนวา่ ใคร ทำ� อะไร เมอื่ ไร ทไ่ี หน อยา่ งไร
และทำ� ไม เพอื่ ใหน้ กั ยทุ ธศาสตรห์ รอื นกั วางแผนของหนว่ ยรองสามารถมองเหน็ ภาพ
ความชดั เจนไดว้ า่ การใชแ้ นวคดิ ดงั กลา่ วจะนำ� ไปสกู่ ารบรรลวุ ตั ถปุ ระสงคแ์ ละสงิ่ ท่ี
หนว่ ยรองจะตอ้ งกระทำ� เพอื่ สนองตอ่ ยทุ ธศาสตรไ์ ดอ้ ยา่ งไร ดงั นนั้ แนวคดิ ดงั กลา่ วน้ี
จึงเป็นการก�ำหนดกรอบยุทธศาสตร์และการวางแผนให้กับหน่วยรองต่อการบรรลุ
วัตถุประสงค์ทางยุทธศาสตร์ และทัศนะเก่ียวกับสภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์
ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง โดยมไิ ดจ้ ำ� กดั ความคดิ สรา้ งสรรคห์ รอื ใหอ้ ภสิ ทิ ธแิ์ กห่ นว่ ยรองมากจนเกนิ ไป

233

ภาพท่ี 4-5 การใช้ยทุ ธศาสตร์สงครามสายฟ้าแลบของกองทัพเยอรมนี
ในระหว่างสงครามโลกคร้ังที่ 2

6. ทรพั ยากรในยทุ ธศาสตร์
ในการก�ำหนดยุทธศาสตร์ ทรัพยากร (Resources) หรือเคร่ืองมือ
(Means) เป็นตัวพิจารณาก�ำหนดประเภทและระดับของทรัพยากรที่จ�ำเป็นต่อ
การสนบั สนนุ แนวคดิ ตา่ งๆ ของยทุ ธศาสตร์ ในยทุ ธศาสตร์ ทรพั ยากรเหลา่ นอี้ าจอยู่
ในรปู ทรพั ยากรทจ่ี บั ตอ้ งได้ (Tangible) หรอื ทรพั ยากรทจี่ บั ตอ้ งไมไ่ ด้ (Intangible) กไ็ ด้
ตัวอย่างของทรัพยากรที่จับต้องได้ ได้แก่ กองทัพ ประชาชน ยุทโธปกรณ์
เงิน และส่งิ อ�ำนวยความสะดวก ปัญหาหลักทเี่ ก่ียวกับทรพั ยากรที่จบั ต้องได้ ก็คอื
มักมีไม่เพียงพอต่อการสนับสนุนแนวคิดให้ดีท่ีสุด ด้วยความขาดแคลนดังกล่าวนี้
อาจเกดิ จากความไรค้ วามสามารถของตวั ทรพั ยากรเอง หรอื เปน็ ผลมาจากความตอ้ งการ
ส่วนหน่ึงของผู้น�ำท่ีจะต้องรอบคอบและจัดหาเงินทุนจากรัฐบาลที่มีประสิทธิภาพ
หรอื เกดิ จากการแยง่ ชงิ ทรพั ยากรระหวา่ งหนว่ ยงานดว้ ยกนั เอง เปน็ ตน้ ตวั อยา่ งของ
ทรพั ยากรท่ีจบั ตอ้ งไมไ่ ด้ ได้แก่ ความมุ่งม่นั ของชาติ (National Will) สันถวไมตรี
ระหว่างชาติ (International Goodwill) ความกลา้ หาญ (Courage) สติปัญญา

234

(Intellect) หรอื แมแ้ ตค่ วามคลงั่ ชาติ (Fanaticism) ทรพั ยากรทจี่ บั ตอ้ งไมไ่ ดเ้ หลา่ น้ี
เป็นทรัพยากรที่มักสร้างปัญหาให้กับนักยุทธศาสตร์มากท่ีสุด เพราะวัดค่า
อะไรไมไ่ ดเ้ ลยหรอื เปลย่ี นแปลงไดง้ า่ ย ความมงุ่ มนั่ ของชาตใิ นประเทศทเี่ ปน็ ประชาธปิ ไตย
ถือเป็นทรัพยากรท่ีมีความจ�ำเป็นอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะในยุทธศาสตร์ระยะยาว
แต่ปัญหาที่มักเกิดขึ้นกับนักยุทธศาสตร์ ก็คือ ทรัพยากรเหล่าน้ีเหมาะส�ำหรับ
ความต้องการให้มีปฏิกิริยาต่อต้านและการด�ำรงสภาพเอาไว้ มากกว่าที่จะเป็น
ทรพั ยากรทก่ี ำ� หนดใหแ้ ละเปน็ ทรพั ยากรทเี่ ชอื่ ถอื ได้ เพราะฉะนน้ั ทรพั ยากรทจ่ี บั ตอ้ ง
ไมไ่ ดจ้ ึงยังเป็นทรัพยากรท่ีไม่น่าไว้วางใจ ยังคงต้องการการตรวจสอบอย่างใกลช้ ดิ
เพ่ือก�ำหนดให้ได้ว่าทรัพยากรเหล่านี้จะไม่ถูกใช้กับแนวคิดหรือวัตถุประสงค์ใดๆ
ในทางที่ไม่เหมาะสม ฉะนั้น ความรับผิดชอบของนักยุทธศาสตร์ในเรื่องน้ี ก็คือ
ต้องรับประกันให้ได้ว่า ทรัพยากรท่ีจ�ำเป็นต่อการบรรลุวัตถุประสงค์ตามแนวคิด
ที่ก�ำหนดได้ถกู ระบุและมพี ร้อมใชง้ านไดต้ ลอดเวลา
อยา่ งไรกต็ าม ในการพจิ ารณาทรพั ยากรตา่ งๆ นน้ั ตอ้ งคำ� นงึ ถงึ ลำ� ดบั ชนั้
และตรรกะของยทุ ธศาสตรด์ ว้ ย ตามปกติ ทรพั ยากรตา่ งๆ จะถกู กำ� หนดในรายละเอยี ด
ตามระดับของการวางแผนที่ต้องการ ในระดับมหายุทธศาสตร์หรือยุทธศาสตร์
ความมั่นคงแห่งชาติ ควรระบุ “ก�ำลังทหาร” (Military Forces) เป็นทรัพยากร
อยา่ งหนง่ึ สำ� หรบั แนวคดิ ดงั กลา่ วนแี้ มว้ า่ จะยงั มไิ ดร้ ะบปุ ระเภทของกำ� ลงั ทหารไวก้ ต็ าม
เน่ืองจากการพัฒนาก�ำลังทหารยังขึ้นอยู่กับงบประมาณและจ�ำเป็นต้องมีเวลา
ส�ำหรับการสร้างก�ำลังทหารดังกล่าว หลังจากน้ัน ก็ควรเป็นความรับผิดชอบ
ของยุทธศาสตร์ในระดับรองที่จะพัฒนาวัตถุประสงค์และแนวคิดต่อการสร้าง
กำ� ลงั ทหาร โดยเรม่ิ จากภาพรวมทเี่ ปน็ นามธรรมไปสภู่ าพเฉพาะทเ่ี ปน็ รปู ธรรมมาก
ยง่ิ ขน้ึ การแบง่ มอบทรพั ยากรไมจ่ ำ� เปน็ ตอ้ งใชค้ ำ� ทเี่ ปน็ คำ� กรยิ า เพยี งแตแ่ สดงใหไ้ ดว้ า่
อะไรเปน็ สงิ่ ทต่ี อ้ งทำ� ใหพ้ รอ้ มใชใ้ นการประยกุ ตต์ ามแนวคดิ ตา่ งๆ เพอ่ื บรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์
ท่ีก�ำหนด ด้วยเหตุนี้ ค�ำท่ีใช้ว่า “พัฒนา” “สร้าง” หรือ “จัดต้ัง” หน่วยทหาร
ขนาดใหญจ่ งึ เปน็ แนวทาง (Way) อยา่ งหนงึ่ เทา่ นนั้ แตค่ ำ� วา่ “กำ� ลงั ” หรอื “กองกำ� ลงั ”

235

หรือ “เงิน” ที่จะใช้สร้างก�ำลังดังกล่าวต่างหากที่เป็นทรัพยากร ในการเขียน
ยทุ ธศาสตรใ์ หม้ คี วามชดั เจนนน้ั ควรหลกี เลย่ี งการถกแถลงเกยี่ วกบั เครอื่ งมอื ตา่ งๆ
ทจี่ ะใชอ้ ธบิ ายแนวคดิ ตา่ งๆ แตค่ วรระบแุ นวคดิ เปน็ ยทุ ธศาสตรต์ า่ งๆ แทน ตวั อยา่ ง
เช่น “การทูต” (Diplomacy) เป็นแนวคิดทางยุทธศาสตร์ แต่ “นักการทูต”
(Diplomat) เป็นทรพั ยากรท่จี �ำเปน็ ต่อการใชก้ ารทูต เป็นต้น ดว้ ยเหตนุ ี้ การใช้ค�ำ
และตรรกะที่ไม่เหมาะสมย่อมน�ำไปสู่ความสับสนและกระตุ้นให้เกิดความขัดแย้ง
ให้กับหน่วยรอง ผู้ท่ีศึกษาเก่ียวกับ “การสงคราม” (On War) ของเคลาเซวิทซ์
จะทราบดวี า่ เคลาเซวทิ ซช์ อบใชค้ ำ� วา่ “โคน่ ลม้ รฐั บาลของขา้ ศกึ ” (Overthrow of
the enemy’s government) เป็นจุดหมาย (End) “ต่อสู้ในการรบแตกหัก”
เปน็ แนวทาง (Way) และใช้ “กำ� ลงั ทหารขนาดใหญ”่ (Large Army) เปน็ ทรพั ยากร
เพื่อสนับสนุนต่อแนวทางดังกล่าว ซ่ึงก็คือ “การรบแตกหัก” (Decisive Battle)
แต่ค�ำกล่าวที่ว่า “ใช้กองทัพขนาดใหญ่” (To use a large army) ได้แฝงไว้ซึ่ง
ขอบเขตของแนวคดิ ทหี่ ลากหลายตอ่ การประสบความสำ� เรจ็ ดว้ ยเหตนุ ้ี การใชค้ ำ� กรยิ า
เพ่ือใชอ้ ธิบายแทนทรัพยากรนัน้ มกั ทำ� ให้เกดิ ปญั หาเก่ียวกบั ตรรกะของความเป็น
ยุทธศาสตรไ์ ปดว้ ย
หลกั การทวั่ ไปทใี่ ชก้ นั อยนู่ ก้ี ค็ อื ทรพั ยากรสามารถระบเุ ปน็ จำ� นวนได้
เชน่ กองทพั บก กองทพั อากาศ กองทัพเรือ หนว่ ยทหาร กองทพั ไทย กำ� ลังพลของ
กระทรวงกลาโหม ยุทโธปกรณ์ (รถยนต์บรรทุก อากาศยาน เรือรบ ฯลฯ) และ
ทรพั ยากรขององคก์ ารระหวา่ งประเทศ (องคก์ ารกาชาดสากล NATO ฯลฯ) เปน็ ตน้
อย่างไรก็ตาม นักยุทธศาสตร์ควรกล่าวถึงค�ำเหล่านี้ในรูปแบบที่ชัดเจนให้กับ
หนว่ ยรองวา่ อะไรเปน็ สง่ิ ทจ่ี ะตอ้ งมเี พอื่ สนบั สนนุ แนวคดิ ทก่ี ำ� หนด ระบวุ ธิ กี ารทชี่ ดั เจน
วา่ จะใชท้ รพั ยากรในแนวคดิ ตา่ งๆ ไดอ้ ยา่ งไร การพฒั นาทรพั ยากรเฉพาะจะถกู กลน่ั
กรองในรายละเอยี ดในยทุ ธศาสตรแ์ ละกระบวนการวางแผนของหนว่ ยรอง เชน่ เดยี ว
กับแนวคิดการเลือกทรัพยากรมีส่วนเกี่ยวข้องกับผลกระทบในระดับท่ีหลากหลาย
ด้วยทรัพยากรทางทหารสามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย เช่น สู้รบในสงคราม
236

การชว่ ยเหลอื ดา้ นมนษุ ยธรรม และการสรา้ งชาติ เปน็ ตน้ ในขณะทก่ี ำ� ลงั ทหารอาจ
ถูกใช้เป็นทรัพยากรอย่างจ�ำกัดเท่าท่ีมีอยู่เท่านั้น เพราะการเลือกใช้ก�ำลังทหาร
อาจมีผลกระทบอน่ื ๆ ตามมามากมาย เชน่ การใช้ก�ำลงั ทหารเพอ่ื ให้การชว่ ยเหลือ
บรรเทาภยั พบิ ตั จิ ากคลน่ื ยกั ษส์ นึ ามิ อาจไมม่ ปี ระสทิ ธผิ ลมากไปกวา่ การใชห้ นว่ ยงาน
พลเรอื นทไี่ มใ่ ชห่ นว่ ยงานของรฐั บาล หรอื อาจถกู มองวา่ เปน็ การคกุ คามตอ่ อธปิ ไตย
ของชาติท่ีรับการช่วยเหลือก็ได้ ด้วยเหตุนี้ ก�ำลังทหารท่ีเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง
กับการสร้างชาติของชาติอื่น อาจถูกมองว่าเป็นการใช้ก�ำลังเข้ายึดครอง และ
กลายเปน็ ปญั หาทขี่ ดั แยง้ กนั เองกบั เปา้ หมายทตี่ อ้ งการกไ็ ด้ ในกรณที กี่ ารเมอื งหรอื
สภาพการณไ์ ดบ้ งั คบั ใหจ้ ำ� เปน็ ตอ้ งใชท้ รพั ยากรตา่ งๆ ในลกั ษณะเชน่ น้ี ความรบั ผดิ ชอบ
ของนกั ยุทธศาสตร์ กค็ ือ ตอ้ งเฝา้ ระวงั ผลกระทบทีจ่ ะเกิดขน้ึ ตามมา และพิจารณา
ก�ำหนดผลกระทบดังกล่าวในการพฒั นายุทธศาสตร์
ทรัพยากรต่างๆ เป็นส่วนหน่ึงของยุทธศาสตร์ท่ีดี และในขณะที่
ประสทิ ธภิ าพอาจไดม้ าจากการทำ� สง่ิ ตา่ งๆ ใหด้ กี วา่ เดมิ ทรพั ยากรจงึ เปน็ จดุ ศนู ยร์ วม
ของประสิทธิภาพที่ช่วยให้ใครก็ตามท่ีเคยกระท�ำในส่ิงเดียวกันแต่ได้ผลน้อยกว่า
ให้สามารถกระท�ำการให้ดยี ่งิ กว่า อย่างไรกต็ าม การจดั สรรทรพั ยากรทีไ่ ม่เพียงพอ
สำ� หรบั แนวคดิ ทางยทุ ธศาสตร์ จะเปน็ สตู รสำ� เรจ็ ของความหายนะ และเปน็ เหตใุ ห้
ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้นในการฟื้นฟูสภาพให้กลับคืนมาเหมือนเดิม ข้อก�ำหนด
อกี อยา่ งหนง่ึ ทนี่ กั การทหารมอื อาชพี มกั ไดย้ นิ อยเู่ สมอกค็ อื “ทรพั ยากรเปน็ ตวั ขบั เคลอ่ื น
ยุทธศาสตร์” ข้อก�ำหนดน้ีเป็นจริงบางส่วน ด้วยทรัพยากรมักมีอยู่อย่างจ�ำกัด
ในระดับยุทธศาสตร์เสมอ เพราะมักเกิดการแย่งชิงทรัพยากรจากหน่วยงานที่มี
ความต้องการหลากหลาย ความรับผดิ ชอบของนกั ยุทธศาสตร์ก็คือ ต้องรับประกนั
ให้ได้ว่าแนวความคิดทางยุทธศาสตร์จะบรรลุซ่ึงวัตถุประสงค์ที่ก�ำหนด และมี
ทรพั ยากรตอ่ การกระทำ� เชน่ นนั้ ได้ แมว้ า่ แนวคดิ ทด่ี กี วา่ อาจตอ้ งการทรพั ยากรนอ้ ยกวา่
หรือทรัพยากรท่ีแตกต่างกันออกไป แต่ยุทธศาสตร์ใดๆ ที่มีทรัพยากรไม่เพียงพอ
กค็ ือ ยทุ ธศาสตร์ทใ่ี ชป้ ระโยชนอ์ ะไรไม่ได้เลยน่ันเอง

237

7. การตรวจสอบยุทธศาสตร์
ยุทธศาสตรใ์ ดๆ ต่างมีตรรกะเป็นของตนเองทัง้ สิ้น โดยตรรกะเหล่าน้ี
สามารถประเมินในเร่ืองความเท่ียงตรงหรือความสมเหตุสมผล (Validity) และ
ความเสย่ี ง (Risk) ไดท้ ง้ั สน้ิ การพสิ จู นท์ ราบทรพั ยากรในกระบวนการพฒั นายทุ ธศาสตร์
คอื จดุ เรมิ่ ตน้ ทดี่ ขี องการทดสอบตรรกะภายในตวั ยทุ ธศาสตรเ์ อง นกั ยทุ ธศาสตรค์ วร
คดิ ยอ้ นกลบั ตามกระบวนการเพอ่ื ใหม้ น่ั ใจไดว้ า่ ทรพั ยากรทจี่ ดั ใหม้ อี ยอู่ ยา่ งเพยี งพอ
ตอ่ การดำ� เนนิ การตามแนวคดิ ตา่ งๆ ใหป้ ระสบผลสำ� เรจ็ ซง่ึ แนวคดิ ทแี่ ลเหน็ เหลา่ น้ี
สามารถบรรลวุ ตั ถปุ ระสงคท์ กี่ ำ� หนดในลกั ษณะทยี่ อมรบั ได้ การบรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์
ดังกล่าวจะก่อให้เกิดผลกระทบทางยุทธศาสตร์ท่ีสร้างความพึงพอใจให้กับ
ฝ่ายการเมืองประชาชน รวมถึงสนับสนุนและปกป้องผลประโยชน์แห่งชาติได้
หรอื ไม่ ฉะนน้ั นกั ยทุ ธศาสตรจ์ ะต้องตั้งค�ำถามในเรื่องท่สี ำ� คญั ดงั นี้
ก. ความเหมาะสม
ความเหมาะสม (Suitability) เป็นหลักเกณฑ์ส�ำหรับการประเมิน
ยทุ ธศาสตรว์ า่ ยทุ ธศาสตรท์ กี่ ำ� หนดขน้ึ มคี วามเหมาะสมกบั เปา้ หมายทต่ี อ้ งการและ
สถานการณ์ท่ีก�ำหนดหรือไม่ เพื่อให้บรรลุซึ่งหลักเกณฑ์ว่าด้วยความเหมาะสมนี้
ในระหวา่ งการกำ� หนดยทุ ธศาสตร์ นกั ยทุ ธศาสตรค์ วรตง้ั คำ� ถามกบั ตนเองอยเู่ สมอวา่
“การได้มาซึ่งยุทธศาสตร์จะบรรลุเป้าหมายท่ีต้องการตามสภาพแวดล้อมทาง
ยุทธศาสตรท์ ่กี �ำหนดไดห้ รือไม่”
ข. ความเป็นไปได้
ความเป็นไปได้ (Feasibility) เป็นหลักเกณฑ์ส�ำหรับการประเมิน
ยทุ ธศาสตรว์ า่ ยทุ ธศาสตรท์ ก่ี ำ� หนดขน้ึ สามารถบรรลภุ ารกจิ ทไี่ ดร้ บั มอบหมายดว้ ย
การใช้ทรัพยากรท่ีมีอยู่และเวลาที่ก�ำหนดไว้ได้หรือไม่ เพ่ือให้บรรลุซ่ึงหลักเกณฑ์
ในเร่ืองความเป็นไปได้น้ี ในระหว่างการก�ำหนดยุทธศาสตร์ นักยุทธศาสตร์ควร
ตั้งค�ำถามกับตนเองเสมอว่า “การกระท�ำต่างๆ สามารถบรรลุได้ด้วยเคร่ืองมือ
ทมี่ ีอยู่และเวลาทกี่ ำ� หนดหรือไม”่
238

ค. ความยอมรบั ได้
ความยอมรบั ได้ (Acceptability) เปน็ หลกั เกณฑส์ ำ� หรบั การประเมนิ
ยทุ ธศาสตรว์ า่ ยทุ ธศาสตรท์ ก่ี ำ� หนดขน้ึ คมุ้ คา่ กบั การลงทนุ ทจี่ ะตอ้ งเสยี ไป สอดคลอ้ ง
กับกฎของสงคราม และสนับสนุนต่อนโยบายทางการเมืองหรือไม่ เพื่อให้บรรลุ
ซงึ่ หลกั เกณฑใ์ นเรอื่ งความยอมรบั ได้ ในระหวา่ งการกำ� หนดยทุ ธศาสตร์ นกั ยทุ ธศาสตร์
ควรตั้งค�ำถามกับตนเองอยู่เสมอว่า “ผลกระทบ แนวทาง และทรัพยากรท่ีใช้
เพอื่ บรรลุความพยายามดังกล่าวมีเหตุผล และฝา่ ยการเมืองยอมรับได้หรอื ไม”่
ในกระบวนการเหลา่ น้ี นกั ยทุ ธศาสตรจ์ ะตอ้ งพจิ ารณาปจั จยั ทจ่ี บั ตอ้ งได้
เชน่ ความสามารถในการใชท้ รพั ยากร ขดี ความสามารถของระบบอาวธุ และสภาพ
ภมู ศิ าสตร์ เปน็ ต้น และปัจจยั ทจี่ บั ต้องไม่ได้ เช่น ความมงุ่ ม่นั ของชาติ (National
Will) มตมิ หาชน (Public Opinion) ข้อคิดเหน็ ของชาวโลก (World Opinion)
อากัปกิริยา/ปฏิกิริยาของชาติพันธมิตร ฝ่ายตรงข้าม และชาติหรือผู้เล่นอ่ืนๆ
เป็นต้น ยุทธศาสตร์ใดๆ ที่ชัดเจนดีแล้ว ย่อมไม่มีลักษณะของความไม่เหมาะสม
ความเป็นไปไม่ได้และความยอมรับไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ถ้ากระบวนการก�ำหนด
ยุทธศาสตร์มีความเหมาะสมดีแล้ว ความผิดพลาดท่ีเกิดขึ้นจากกรณีดังกล่าว
ย่อมเกิดข้ึนได้ยาก นอกจากนี้แล้วเราสามารถประเมินยุทธศาสตร์ในเชิงคุณภาพ
อันเก่ียวกับความถูกต้อง (Validity) ได้ โดยเฉพาะการประเมินความเส่ียงท่ีนิยม
ประเมินในเชิงคณุ ภาพ
ง. การประเมนิ ความเสีย่ ง
การประเมนิ ความเสย่ี ง (Risk Assessment) เปน็ การประเมนิ ความสมดลุ
ระหวา่ งสงิ่ ทท่ี ราบ สงิ่ ทไ่ี มท่ ราบ และสง่ิ ทเี่ ปน็ สมมตฐิ าน รวมถงึ ความสอดคลอ้ งกนั
ระหว่างสิ่งที่จะต้องบรรลุ แนวคิดท่ีมองเห็น และทรัพยากรต่างๆ ท่ีมีอยู่
การประเมนิ ความเส่ยี งจงึ ไม่ใชก่ ารวดั คา่ ความเปน็ ไปไดต้ ่อการประสบความส�ำเร็จ
หรือความลม้ เหลวแต่เพยี งอย่างเดยี ว แตย่ งั เปน็ การประเมนิ ผลทจี่ ะเกดิ ขึ้นตามมา
ทงั้ จากการประสบความสำ� เรจ็ หรอื ความลม้ เหลวดว้ ย ตามปกติ สภาพแวดลอ้ มทาง
ยุทธศาสตร์จะตอบสนองต่อระบบที่มีความซับซ้อน ได้แก่ การกระท�ำท่ีประสบ
ผลสำ� เรจ็ การกระทำ� ทไี่ มป่ ระสบผลสำ� เรจ็ และความลม้ เหลวตอ่ การกระทำ� ดงั นน้ั

239

เราจึงต้องคาดการณ์และช่ังน้�ำหนักต่อสิ่งเหล่าน้ีให้ดี เนื่องจากทรัพยากรมักมี
ไม่เพยี งพอหรอื มแี นวคดิ ที่ฉลาดพอทีจ่ ะรับประกันผลสำ� เรจ็ ทส่ี มบูรณ์แบบได้ ด้วย
มคี วามเสยี่ งบางอยา่ งอยใู่ นสภาพแวดลอ้ มทางยทุ ธศาสตรท์ เี่ ปน็ พลวตั เสมอ ฉะนน้ั
ความซบั ซ้อน ความฝดื และความมเี สรใี นการเลอื กของผ้เู ลน่ อืน่ ๆ กย็ ังรับประกัน
ได้ว่า ยังมีปัจจัยบางอย่างของความเส่ียงแฝงอยู่ด้วยเสมอ ความเสี่ยงจึงเป็น
ตัวชัง่ นำ�้ หนกั ระหว่างขอ้ ดีกบั ข้อเสยี ของการนำ� เอายุทธศาสตรไ์ ปใช้
การประเมินความเส่ียงจะเป็นการตรวจสอบยุทธศาสตร์ในเรื่อง
ที่เก่ียวกับตรรกะของยทุ ธศาสตร์ (ไดแ้ ก่ ตรรกะของจดุ หมาย แนวทาง และเครอ่ื งมอื
ของยุทธศาสตร์) ในบรบิ ทของสภาพแวดลอ้ ม และแสวงหาแนวทางเพือ่ ก�ำหนดว่า
การดำ� เนนิ การตามยทุ ธศาสตรจ์ ะกอ่ ใหเ้ กดิ ผลกระทบอะไรไดบ้ า้ ง และสภาพแวดลอ้ ม
มสี ภาพทเี่ กอ้ื กลู หรอื ไมเ่ กอื้ กลู ตอ่ รฐั ในฐานะทเ่ี ปน็ ผลลพั ธอ์ ยา่ งหนง่ึ ของยทุ ธศาสตร์
การตรวจสอบดังกล่าวจึงมักต้ังค�ำถามได้ว่า ผู้เล่นอื่นๆ จะตอบสนองต่อส่ิงท่ีเรา
กำ� ลงั พยายามหรอื ตอ้ งการบรรลสุ ำ� เรจ็ ไดอ้ ยา่ งไร พวกเขาจะตอบสนองตอ่ แนวทาง
ทก่ี ำ� หนดไวใ้ นยทุ ธศาสตรอ์ ยา่ งไร อะไรเปน็ ความสมดลุ ระหวา่ งผลทตี่ อ้ งการใหเ้ กดิ
กับผลท่ีไม่ต้องการให้เกิด ความเสี่ยง หรือความฝืดจะมีบทบาทในยุทธศาสตร์
นี้ได้อย่างไร นักยุทธศาสตร์ต้องประเมินวิธีการก�ำหนดสมมติฐานหรือข้อเท็จจริง
ซง่ึ อาจเปลย่ี นแปลงหรอื มผี ลกระทบตอ่ ความสำ� เรจ็ ทกี่ ำ� หนดหรอื ผลลพั ธท์ ตี่ อ้ งการ
ได้ อกี ทงั้ นกั ยทุ ธศาสตรต์ อ้ งตง้ั คำ� ถามอยเู่ สมอวา่ ยทุ ธศาสตรส์ ามารถออ่ นตวั ไดม้ าก
นอ้ ยแคไ่ หน ยทุ ธศาสตรส์ ามารถเปลย่ี นแปลงหรอื ฟืน้ คนื สภาพไดห้ รอื ไม่ ตอ้ งเสยี
คา่ ใชจ้ า่ ยเทา่ ไร อะไรเปน็ ปจั จยั พน้ื ฐานของสภาพแวดลอ้ มทางยทุ ธศาสตรท์ จี่ ำ� เปน็
ต่อการประสบความส�ำเร็จ หากมีการเปลี่ยนแปลงเกิดข้ึน ผลท่ีจะเกิดขึ้นตามมา
มีอะไรบ้าง และยุทธศาสตร์มีความอ่อนตัวหรือปรับเปล่ียนได้อย่างเพียงพอต่อ
การเปลย่ี นแปลงทเี่ กดิ ข้นึ ได้หรือไม่
การประเมนิ ความเสยี่ งจงึ เปน็ สว่ นหนงึ่ ของการบรู ณาการกระบวนการ
ก�ำหนดยุทธศาสตร์ และควรน�ำไปสู่ยุทธศาสตร์ท่ียอมรับได้และยุทธศาสตร์
ทสี่ ามารถปรบั เปลยี่ นได้ รวมไปถงึ การปฏเิ สธยทุ ธศาสตรท์ ไ่ี มเ่ หมาะสม ยอมรบั ไมไ่ ด้
240

และเป็นไปไม่ได้อีกด้วย เนื่องจากนักยุทธศาสตร์จะแสวงหาวิธีการลดความเสี่ยง
ผา่ นกระบวนการกำ� หนดยุทธศาสตร์ ซ่งึ เป็นความสัมพันธ์หรอื ความสมดลุ ระหว่าง
จุดหมาย แนวทาง และเคร่ืองมือ แต่ท้ายที่สุดแล้ว นักยุทธศาสตร์ก็ต้องเป็นผู้ให้
ข้อเสนอแนะให้ผู้มีอ�ำนาจได้ตัดสินใจเก่ียวกับความเส่ียงท่ีเกิดข้ึนในยุทธศาสตร์
เพอื่ ใหผ้ มู้ อี ำ� นาจไดต้ ดั สนิ ใจวา่ จะยอมรบั หรอื ไมย่ อมรบั ความเสย่ี งดงั กลา่ ว หลงั จากนน้ั
นักยุทธศาสตร์ก็จะเป็นผู้พินิจพิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้
ในอนาคตอยา่ งต่อเน่อื ง

8. สรปุ
ถ้ามีใครตั้งค�ำถามว่า วิธีการได้มาซ่ึงยุทธศาสตร์วิธีการใดดีท่ีสุด
ค�ำตอบที่ดีที่สุดต่อค�ำถามน้ี ก็คือ ไม่มีวิธีการใดที่ดีที่สุด เน่ืองจากวิธีการได้มา
ซง่ึ ยทุ ธศาสตรใ์ นแตล่ ะวธิ ตี า่ งกม็ วี ตั ถปุ ระสงคเ์ ฉพาะ มขี อ้ ดแี ละขอ้ ดอ้ ยดว้ ยกนั ทงั้ สนิ้
เชน่ วธิ กี ารอยา่ งหนง่ึ อาจมงุ่ เนน้ ไปทยี่ ทุ ธศาสตรก์ ารทำ� สงครามมากกวา่ ยทุ ธศาสตร์
ความมน่ั คงแหง่ ชาติ หรอื เปน็ ยทุ ธศาสตรภ์ ายใตก้ รอบของการทำ� สงครามทกี่ ลา่ วถงึ
ยุทธศาสตร์ทหารมากกว่ามหายุทธศาสตร์ หรือแม้แต่ในสภาพแวดล้อมทางทหาร
กอ็ าจมงุ่ เนน้ ไปทม่ี มุ มองของมติ ปิ ญั หาทหี่ ลากหลายโดยมไิ ดก้ ลา่ วถงึ จดุ หมายวธิ กี าร
และเครื่องมือโดยตรง แต่มุ่งไปที่การหาผลลัพธ์หรือวิธีการแก้ไขปัญหาโดยตรง
เปน็ ตน้ ดว้ ยเหตนุ ้ี ยทุ ธศาสตรจ์ งึ ถกู กลา่ วถงึ ในรปู แบบของวธิ กี าร (How) อยา่ งกวา้ งๆ
โดยเวน้ ทจี่ ะกลา่ วถงึ วา่ เปน็ อะไร (What) และทำ� ไมถงึ กระทำ� เชน่ นนั้ (Why) อยา่ งไร
ก็ตาม ให้พึงระลึกอยู่เสมอว่า ไม่มีกระบวนทัศน์ใดที่มีการท�ำงานโดยอาศัยเพียง
หลกั การหรอื กฎเกณฑท์ วั่ ไปได้ ดว้ ยแตล่ ะกระบวนทศั นต์ า่ งกม็ คี ณุ คา่ ในสภาวการณ์
เฉพาะทง้ั สน้ิ ฉะนน้ั นกั ยทุ ธศาสตรจ์ งึ จำ� เปน็ ตอ้ งสรา้ งความคนุ้ เคยกบั กระบวนทศั น์
แตล่ ะอยา่ งนใ้ี หถ้ อ่ งแท้ เพอ่ื ใหส้ ามารถเลอื กใชว้ ธิ กี ารทด่ี ที สี่ ดุ หรอื ผสมผสานวธิ กี าร
ต่างๆ ที่สอดคล้องกับสถานการณ์และน�ำยุทธศาสตร์ไปสู่การปฏิบัติที่ประสบ
ผลสำ� เรจ็ ให้มากที่สดุ ต่อไป

241

หากเปรียบเทียบยุทธศาสตร์กับงานของช่างไม้ ก็จะเห็นได้ว่า ท้ัง
นกั ยทุ ธศาสตรแ์ ละชา่ งไมต้ า่ งกจ็ ำ� เปน็ ตอ้ งมที กั ษะในการแกไ้ ขปญั หาทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั
งานในหนา้ ทขี่ องตนเหมอื นกนั โดยชา่ งไมจ้ ะใชเ้ ลอื่ ยเพอื่ ตดั ไม้ ใชค้ อ้ นเพอื่ ตอกตะปู
ใช้กระดาษทรายเพ่ือขัดงานให้เรียบ หรืออาจใช้เคร่ืองมืออ่ืนๆ อีกมากตาม
ความต้องการของงานช่างไม้ ในท�ำนองเดียวกัน นักยุทธศาสตร์ก็มีเคร่ืองมือที่
หลากหลายและสามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม ดังเช่น ค�ำพังเพยที่ได้
กลา่ วไวว้ า่ “ถา้ เรามคี อ้ นเปน็ เครอื่ งมอื เพยี งชน้ิ เดยี วแลว้ ปญั หาทกุ อยา่ งกเ็ ปรยี บเสมอื น
ตะปูท่ีจะถูกค้อนตี” ดังน้ัน ถ้านักยุทธศาสตร์ใช้เคร่ืองมือหรือวิธีการได้มาซึ่ง
ยุทธศาสตรไ์ ด้ไมด่ ี ผลลัพธ์ท่ีดีกย็ อ่ มเกิดข้นึ ไมไ่ ด้ เปรียบเสมือนกบั ช่างไม้ท่ใี ช้ค้อน
ตอกตะปไู ดไ้ มด่ ี ตะปยู อ่ มบดิ เบย้ี ว ไมอ่ าจเกาะยดึ ไมใ้ หแ้ นน่ หนาอยา่ งทตี่ อ้ งการได้ ดงั นน้ั
นักยุทธศาสตร์จึงต้องด�ำรงสถานะอยู่ได้ใน 3 บทบาท คือ เป็นผู้น�ำ (Leader)
นักทฤษฎี (Theorist) และนักปฏิบัติ (Practitioner) เนอ่ื งจากบทบาทแต่ละอย่าง
เหล่าน้ีจ�ำเป็นต้องมีชุดของทักษะและขีดความสามารถเฉพาะที่แตกต่างกัน
โดยเฉพาะบทบาทของความเปน็ ผนู้ ำ� เปน็ บทบาททสี่ ำ� คญั ทสี่ ดุ เพราะผนู้ ำ� เปน็ ผกู้ ำ� หนด
วสิ ยั ทศั น์ สรา้ งแรงจงู ใจ ใชท้ กั ษะในการจดั หนว่ ย กำ� หนดทศิ ทาง และสรา้ งแรงกระตนุ้
ทจี่ ำ� เปน็ ใหก้ บั กำ� ลงั พลภายในหนว่ ยใหป้ ฏบิ ตั ติ ามโดยมจี ดุ มงุ่ หมายและความสมั พนั ธ์
ทเี่ ปน็ อนั หนงึ่ อนั เดยี วกนั ทงั้ หนว่ ย ในขณะทบ่ี ทบาทของนกั ทฤษฎแี ละนกั ปฏบิ ตั นิ นั้
ถือเป็นบทบาทที่นักยุทธศาสตร์จ�ำเป็นต้องมี ด้วยเป็นบทบาทของการศึกษา
หาความรแู้ ละความเขา้ ใจในทกุ แงม่ มุ ของยทุ ธศาสตร์ รวมถงึ การประยกุ ตใ์ ชค้ วามรู้
และความเข้าใจดังกล่าว เพื่อการก�ำหนดยุทธศาสตร์ที่ดีและเหมาะสมภายใต้
สภาพแวดล้อมทางยทุ ธศาสตร์ทก่ี �ำหนดตอ่ ไป

242

อ้างอิงทา้ ยบท
1 Joint Staff, J-7, Joint Publication 1-02, Department of Defense Dictionary
and Associated Terms, Washington DC: U.S. Joint Staff, November 30,
2004, p. 509.
2 หลักนิยม เกิดจากผลการศึกษาและรวบรวมทฤษฎีและแนวคิดท่ีคิดว่าเหมาะสมกับ
สถานการณท์ กี่ ำ� หนด ดว้ ยเหตนุ ้ี แนวคดิ และทฤษฎเี หลา่ นจี้ งึ ไดร้ บั การพสิ จู นท์ ราบแลว้ วา่
สามารถน�ำไปใช้ได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ที่ก�ำหนดน้ัน โดยไม่จ�ำเป็นต้อง
พจิ ารณาในเรอ่ื งที่มาหรือเหตผุ ลของวธิ กี ารใช้งานดังกล่าว
3 คำ� วา่ “อจั ฉรยิ ะ” (Genius) ตามความหมายของเคลาเซวทิ ซ์ หมายถงึ บคุ คลทส่ี ามารถ
ผสมผสานพนื้ ฐานต่างๆ ทีส่ อดคล้อง มจี ิตใจที่เขม้ แข็ง และสามารถใช้สติปัญญาได้ดี
แมใ้ นสถานการณท์ ต่ี งึ เครยี ด หรอื ในขณะทมี่ อี ารมณแ์ ปรปรวน ทศั นะของเคลาเซวทิ ซ์
จึงมุ่งเน้นไปที่การด�ำรงความพร้อมทางด้านจิตใจและอารมณ์ เพื่อให้สามารถใช้
สติปัญญาได้อย่างเต็มท่ีในสถานการณ์ท่ีถูกกดดันทางทหาร เพื่อน�ำไปสู่การตัดสินใจ
และการแก้ไขปัญหาทดี่ ที สี่ ดุ ตอ่ ไป
4 Carl von Clausewitz, On War, Michael Howard & Peter Paret, eds. and
trans., Princeton: Princeton University Press, 1976, pp.100-102.
5 Colin S. Gray, Modern Strategy, Oxford University Press, 1999, pp.33-34,
51-54.
6 David Jablonsky, Why Is Strategy Difficult? Carlisle Barracks, PA: Strategic
Studies Institute, U.S. Army War College, 1992; 1995, p.10.
7 Gregory D. Foster, “A Conceptual Foundation for a Theory of Strategy,”
The Washington Quarterly, Winter, 1990, p. 43. Foster’s analysis of the
assumptions and premises of strategy is particularly thought-provoking,
pp.47-48.
8 Clausewitz, op.cit., p.89.
9 Foster, op.cit., p.50.

243

10 Arthur F. Lykke, Jr., “Toward an Understanding of Military Strategy,” chap.
in Military Strategy: Theory and Application, Carlisle Barracks, PA:
Department of National Security and Strategy, U.S. Army War College,
1989, pp. 3-8.
11 ตามปกติ เราใช้ค�ำว่า “คาดการณ์” (Anticipate) กับค�ำว่า “ท�ำนาย” (Predict)
เมอ่ื จะกลา่ วถงึ สงิ่ ทเ่ี ราหรอื บคุ คลอน่ื คดิ วา่ จะเกดิ ขนึ้ ในอนาคต ขอ้ แตกตา่ งระหวา่ ง 2 คำ� นี้
กค็ อื เราใชค้ �ำว่า “คาดการณ์” กบั เหตกุ ารณท์ ่จี ะเกิดขึ้นในอนาคตอนั ใกลห้ รือในเวลา
ทีแ่ นน่ อน แต่เราจะใช้คำ� ว่า “ท�ำนาย” กับเหตกุ ารณท์ จ่ี ะเกดิ ขึ้นต่อไปในอนาคตหรือ
ในเวลาทเี่ ราไมท่ ราบแนน่ อนวา่ จะเกดิ ขน้ึ เมอื่ ไร ตวั อยา่ งของการใชค้ ำ� วา่ “คาดการณ”์
เช่น เราคาดการณ์ได้ว่า จะมีคนอย่างน้อย 50 คน เข้าร่วมงานสังสรรค์ปีใหม่
ท่ีเราจัดข้ึนในวันที่ 31 ธันวาคม ดังนั้น เราจะต้องจัดเตรียมอาหารและเคร่ืองดื่มให้
เพยี งพอส�ำหรบั ผูร้ ่วมงานดังกล่าว หรอื นกั พยากรณ์อากาศสามารถท�ำนายไดว้ า่ คนื นี้
เวลา 09.00 จะเกดิ พายฝุ นฟา้ คะนอง หรอื จากตวั เลขยอดขายของบรษิ ทั ในปที ผี่ า่ นมา
คาดการณ์ได้ว่า ยอดขายสิ้นปีนี้ของบริษัทจะเพิ่มข้ึนประมาณร้อยละ 30 เป็นต้น
ตัวอย่างของการใช้ค�ำว่า “ท�ำนาย” เช่น เราท�ำนายได้ว่า จะมีคนไปอาศัยอยู่บน
ดวงจันทรภ์ ายในไมเ่ กนิ 100 ปีขา้ งหน้า เพอื่ นๆ ทุกคนในมหาวทิ ยาลยั ต่างทำ� นายว่า
สมศักด์ิจะตอ้ งเป็นมหาเศรษฐีของเมืองไทยอยา่ งแนน่ อน เพราะตอนนเี้ ขาเร่มิ มธี รุ กจิ
เปน็ ของตวั เองแลว้ ตง้ั แตเ่ รยี นในมหาวทิ ยาลยั หรอื มบี างคนทำ� นายวา่ ภาษาจนี จะเปน็
ภาษาสากลแทนภาษาองั กฤษอยา่ งแนน่ อน เปน็ ตน้ ดงั นน้ั การคาดการณจ์ งึ มลี กั ษณะ
ของความมเี หตผุ ลมากกว่าการท�ำนายที่อาศัยอารมณ์หรอื ความรู้สกึ เป็นสว่ นใหญ่
12 Clausewitz, op.cit., p.87.
13 Foster, op.cit., p.50.
14 Clausewitz, op.cit., pp.86-87, 607-608.
15 Robert Jervis, System Effects: Complexity in Political and Social Life,
Princeton, NJ: Princeton University Press, 1997, p. 60.
16 Murray and Grimsley, op.cit, pp.1, 13; Clausewitz, op.cit., pp.86, 89.
17 Stephen J. Cimbala, Clausewitz and Chaos: Friction in War and Military
Policy, Westport, CT: Praeger, 2001, pp. 7-14.
244

18 Ibid., p. 8.
19 Murray and Grimsley, op.cit., p.1.
20 Course 2 Course Directive AY 2005: “War, National Security Policy & Strategy,
Carlisle Barracks, PA: Department of National Security and Strategy, U.S.
Army War College, 2004, p. 158.
21 Joint Publication 1-02, op.cit., p.360.
22 Ibid., p.359.
23 Ibid., p.535.
24 Donald H. Rumsfeld, Secretary of Defense, The National Defense Strategy
of The United States of America, Washington DC: Department of Defense,
March 2005.
25 Foster, op.cit., pp.56-57.
26 Murray and Grimsley, pp. 6-7. See also Richard E. Neustadt and Ernest R.
May, Thinking in Time: The Uses of History for Decision makers, New York:
The Free Press, 1986.
27 Robert H. Dorff, “Strategy, Grand Strategy, and the Search for Security,”
The Search for Security: A U.S. Grand Strategy for the Twenty-First Century,
Max G. Manwaring, Edwin G. Corr, and Robin H. Dorff, eds., Westport, CT:
Praeger, 2003, pp.128-129.
28 William J. Doll, “Parsing the Future: A Frame of Reference to Scenario
Building,” Unpublished Paper: Joint Warfare Analysis Center, 2005, pp. 2-3.
29 Roderick R. Magee II, ed., Strategic Leadership Primer, Carlisle Barracks,
PA: U.S. Army War College, 1998, p.1.
30 Alvin M. Saperstein, “Complexity, Chaos, and National Security Policy:
Metaphors or Tools,” Complexity, Global Politics, and National Security,
David S. Alberts and Thomas J. Czerwinski, eds., 1997.

245

31 Alan D. Beyerchen, “Clausewitz, Nonlinearity, and the Importance of
Imagery,” Complexity, Global Politics, and National Security, David S.
Alberts and Thomas J. Czerwinski, eds., 1997.
32 Manus J. Donahue III, “An Introduction to Mathematical Chaos Theory
and Fractal Geometry,” December 1997; http://www.fractalfinance.com/
chaostheory.html retrieved on 8 December 2014.
33 Clausewitz, op.cit., p.119.
34 Everything, For a want of a nail, http://www.everything2.com/index.
pl?node_id=1097943, retrieved on 22 January 2015.
35 ระบบเชิงเส้น (Linear System) เป็นตัวแบบของระบบเชิงคณิตศาสตร์ท่ีระบุว่า
ผลตอบสนองโดยรวมของการใช้ฟังก์ชันสองฟังก์ชันท่ีแตกต่างกัน มีค่าเท่ากับการน�ำ
ผลตอบสนองของแตล่ ะฟงั กช์ ันมารวมกนั ดังนั้น ผลตอบสนองของปัจจยั นำ� เข้าต่างๆ
สามารถคำ� นวณไดโ้ ดยดผู ลตอบสนองทลี ะปจั จยั นำ� เขา้ แลว้ นำ� ผลลพั ธท์ งั้ หมดมารวมกนั
โดยในโลกแห่งความเป็นจริง ระบบเชิงเส้น เป็นความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยน�ำเข้า
กับผลผลิต โดยผลผลิตมีสัดส่วนโดยตรงกับปัจจัยน�ำเข้าซึ่งหากน�ำมาเขียนเป็นกราฟ
จะไดเ้ ส้นความสัมพันธด์ งั กล่าวเปน็ เสน้ ตรง
36 Donahue. See also Gaddis, The Landscape of History, pp. 71-90.
37 Vicente Valle, Jr., “Chaos, Complexity and Deterrence,” Student Paper at
National War College, April 19, 2000, p.4, http://www.au.af.mil/au/awc/
awcgate/ndu/valle.pdf, retrieved on 18 December 2014.
38 Robert Jervis, “Complex Systems: The Role of Interactions,” Complexity,
Global Politics, and National Security, David S. Alberts and Thomas J.
Czerwinski, eds., 1997.
39 Beyerchen, op.cit.
40 Dorff, op.cit., pp.128-129.
41 Donald E. Nuechterlein, America Overcommitted: United States National
Interests in the 1980s, Lexington, KY: The University Press of Kentucky,
1984, p. 4.
246

42 Joint Publication 1-02, op.cit., p.360.
43 Clausewitz, op.cit., p.607.
44 Gaddis,The Landscape of History, op.cit., p.66.
45 Mackubin Thomas Owens, National Review Online, January 5, 2005,
http://www.nationalreview.com/owens/owens200501050715.asp,
retrieved on 5 January 2015.
46 Russell F. Weigley, The American Way of War: A History of United States
Military Policy and Strategy, Bloomington: Indiana University Press, 1973,
pp. 411-424.
47 Owens.
48 Robert Cooper, The Breaking of Nations: Order and Chaos in the 21st
Century, New York: Atlantic Monthly Press, 2003, pp.viii-xi.
49 แนวคิด “สงครามสายฟา้ แลบ” (Blitzkrieg) เปน็ แนวคดิ การทำ� สงครามของเยอรมนี
ที่ใช้การเข้าตีด้วยการผสมผสานระหว่างหน่วยรถถัง หน่วยปืนใหญ่สนามหน่วยทหาร
ราบยานเกราะ และการสนับสนุนทางอากาศโดยใกล้ชิด การเข้าตีจะใช้หน่วยรถถัง
หนว่ ยปืนใหญส่ นาม และการสนับสนุนทางอากาศโดยใกลช้ ิด เป็นหัวหอกในการทะลุ
ทะลวงแนวต้ังรับของข้าศึกในทางลึกในลักษณะที่เรียกว่า “รวดเร็ว รุนแรง และ
เดด็ ขาด” เพอ่ื ตดั แยกและลอ้ มกำ� ลงั ขา้ ศกึ เอาไว้ หลงั จากนน้ั หนว่ ยทหารราบทต่ี ดิ ตามมา
จะเปน็ หนว่ ยทมี่ หี นา้ ทกี่ วาดลา้ งกำ� ลงั ขา้ ศกึ ทถี่ กู ปดิ ลอ้ มเหลา่ นน้ั ตอ่ ไป แนวคดิ สงคราม
สายฟา้ แลบน้ี เยอรมนีไดน้ ำ� มาใช้เปน็ ครงั้ แรกในสงครามโลกครงั้ ท่ี 2 ในการบุกเข้าสู่
โปแลนด์ในปี ค.ศ.1939 และต่อมาก็ใช้ในการรุกเข้าสู่ฝรั่งเศสผ่านทางเบลเยียม
และเนเธอร์แลนดใ์ นปี ค.ศ.1940
50 แนวคดิ “การสรา้ งความนา่ ตกใจและความนา่ สะพรงึ กลวั ” (Shock and Awe) เปน็
แนวคดิ ทมี่ กี ารใชก้ ำ� ลงั อำ� นาจทางทหารทม่ี ากกวา่ อยา่ งมหาศาล ระบบแจง้ เตอื นภยั ใน
สนามรบ และการดำ� เนนิ กลยทุ ธท์ เี่ หนอื กวา่ รวมถงึ การแสดงกำ� ลงั เพอื่ สรา้ งความชะงกั งนั
ตอ่ การรับรู้ของข้าศกึ ในสนามรบและทำ� ลายความมุ่งม่ันท่ีจะสู้รบของขา้ ศึก
51 Eusebio F. Miclat, Jr., Strategic Planning in Education: Making Change

247

Happen, Rex Printing Company INC., 2005, p.35.
52 Samuel C. Certo & J. Paul Peter, Strategic Management: Concepts and
Applications, McGraw-Hill Education, 1991.
53 L. J. Bourgeois, & D. R. Brodwin, Strategy implementation: Five approaches
to an elusive phenomenon, Strategic Management Journal, 5(3), 1984,
pp.241-264.
248

บทที่ 5
ยุทธศาสตร์ชาติ
(National Strategy)

1. กลา่ วน�ำ
จากการวเิ คราะหเ์ พอ่ื หาความหมายของคำ� วา่ “ยทุ ธศาสตร”์ ในบทท่ี 3
และบทท่ี 4 จะเหน็ ไดว้ า่ นกั ยทุ ธศาสตรห์ ลายทา่ นไดใ้ หค้ วามหมายไวต้ า่ งกนั แมแ้ ต่
ในสถาบันทางทหารของสหรัฐอเมริกาเองก็ตาม อย่างไรก็ตาม ถ้าพิจารณาถึง
จุดหมายทีส่ �ำคญั หรอื จดุ ประสงค์ทแี่ ทจ้ รงิ ของยุทธศาสตร์แลว้ ความหมายก็มิได้
แตกต่างกันในสาระส�ำคัญแต่อย่างใด ฉะน้ัน การสรุปวิเคราะห์ของหนังสือเล่มนี้
อาจถอื เปน็ ขอ้ ยตุ ไิ ดว้ า่ “ยทุ ธศาสตร”์ คอื ศลิ ปแ์ ละศาสตรใ์ นการพฒั นาและการใช้
ก�ำลังอ�ำนาจทางการเมืองทางทหาร ทางเศรษฐกิจ ทางสังคมจิตวิทยา และทาง
สารสนเทศของชาติ ท้ังในยามสงบและในยามสงครามในการสนับสนุนนโยบาย
แหง่ ชาตใิ หไ้ ดผ้ ลดที ส่ี ดุ เพอ่ื เพม่ิ พนู โอกาส และความไดเ้ ปรยี บทจี่ ะไดม้ าซงึ่ ชยั ชนะ
และลดโอกาสทีจ่ ะประสบความพา่ ยแพ้ใหน้ อ้ ยลง
ส่วนความหมายของค�ำว่า “ยุทธศาสตร์ชาติ” นั้น หากถือเอาตาม
ความหมายของคณะเสนาธิการร่วมของสหรัฐอเมริกาแล้ว ก็จะได้ข้อยุติว่า
“ยทุ ธศาสตรช์ าต”ิ คอื ศลิ ปแ์ ละศาสตรใ์ นการพฒั นาและการใชก้ ำ� ลงั อำ� นาจทางการเมอื ง
เศรษฐกิจ ทางสังคมจิตวิทยา และทางสารสนเทศของชาติ ร่วมกับก�ำลังอ�ำนาจ
ทางทหารทงั้ ในยามสงบและในยามสงคราม เพอื่ ดำ� รงไวซ้ งึ่ วตั ถปุ ระสงคแ์ หง่ ชาติ แต่
ถา้ จะถอื เอาตามความหมายของวทิ ยาลยั การทพั บกของสหรฐั อเมรกิ า ซงึ่ มเี ปา้ หมาย
เหนือกวา่ วตั ถปุ ระสงคแ์ ห่งชาติกล่าวคอื มงุ่ ไปสู่ผลประโยชน์แหง่ ชาติ (National-
Interests) แล้ว ค�ำว่า “ยุทธศาสตร์ชาต”ิ ตามความหมายของวิทยาลยั การทัพบก
สหรฐั อเมรกิ า กค็ อื ศลิ ปแ์ ละศาสตรใ์ นการพฒั นา และการใชก้ ำ� ลงั อำ� นาจทางการเมอื ง
ทางเศรษฐกจิ ทางสงั คมจติ วทิ ยา และทางสารสนเทศของชาติ รว่ มกบั กำ� ลงั อำ� นาจ
ทางทหาร ทง้ั ในยามสงบและในยามสงคราม เพอื่ ดำ� รงไวซ้ งึ่ ผลประโยชนแ์ หง่ ชาติ

จงึ เหน็ ไดว้ า่ ความหมายของคำ� วา่ “ยทุ ธศาสตรช์ าต”ิ ของทงั้ สองสถาบนั มสี าระสำ� คญั ที่
แตกตา่ งกนั เพยี งระดบั เปา้ หมายของการใชก้ ำ� ลงั อำ� นาจแหง่ ชาตเิ ทา่ นน้ั แตค่ วามถกู ตอ้ ง
และเหมาะสมทแ่ี ทจ้ รงิ นน้ั จะไดก้ ลา่ วในรายละเอยี ดในเรอื่ งโครงสรา้ งยทุ ธศาสตรช์ าติ
ซงึ่ อยใู่ นบทนแ้ี ลว้ ตอ่ ไป
2. พ้นื ฐานสำ� คัญท่ีเกีย่ วข้องกับยทุ ธศาสตรช์ าติ
การศกึ ษาเรอื่ งราวของยทุ ธศาสตรช์ าตใิ นรายละเอยี ด จำ� เปน็ ตอ้ งพจิ ารณา
เรือ่ งพนื้ ฐานสำ� คัญๆ ท่เี ก่ียวขอ้ งกับยุทธศาสตร์ชาตโิ ดยเฉพาะ ดงั นี้
ก. ความมงุ่ ประสงค์แห่งชาติ (National Purpose)
ความมุ่งประสงค์แห่งชาติ หมายถึง การแสดงออกมาของค่านิยม
(values) ทค่ี อ่ นขา้ งคงทนถาวร หรอื ไมค่ อ่ ยจะเปลยี่ นแปลงงา่ ยๆ ซง่ึ ชาตนิ นั้ มอี ยเู่ ดมิ
หรือมีต้ังแต่เริ่มแรก โดยก�ำหนดขึ้นตามค่านิยมทางวัฒนธรรมและจริยธรรม
ของชาตนิ นั้ 1 ตามหลกั นยิ มของสหรฐั อเมรกิ านนั้ ความมงุ่ ประสงคแ์ หง่ ชาตสิ ว่ นมาก
ไดม้ าจากอารมั ภบทของรฐั ธรรมนญู แหง่ สหรฐั อเมรกิ า ซง่ึ ไดก้ ำ� หนดใหม้ คี วามตอ้ งการ
พนื้ ฐานซง่ึ จะนำ� ไปใชเ้ ปน็ พน้ื ฐานของนโยบายแหง่ ชาติ และการพฒั นายทุ ธศาสตรช์ าติ
เพื่อแก้ปัญหาต่างๆ ของชาติต่อไป ข้อความในอารัมภบทของรัฐธรรมนูญแห่ง
สหรฐั อเมรกิ า กลา่ วไวว้ า่ “We the people of the United States, in order to form
a more perfect union, establish justice, insure domestic tranquility,
provide for the common defense, promote the general welfare and
secure domestic tranquility, provide for the common defense, promote
the general welfare and secure the blessings of liberty to ourselves
and our posterity, do ordain and establish this constitutional for the
United States of America.”2ถอดความออกเปน็ ภาษาไทยไดว้ า่ “เราซงึ่ เปน็ ประชาชน
ของสหรัฐอเมริกา เพ่ือให้สหรัฐอเมริกาเป็นสหภาพท่ีสมบูรณ์มากขึ้นจะต้องจัดให้
มีความยุติธรรม มีหลักประกันในเรื่องความสงบเรียบร้อยภายใน มีการป้องกัน
ประเทศร่วมกัน มีการส่งเสริมสวัสดิการทั่วไป และด�ำรงไว้ซึ่งความมีเสรีภาพแก่
ประชาชนและชนรุ่นหลังของเรา จึงต้องตรากฎหมาย และจัดตั้งรัฐธรรมนูญ
ของสหรฐั อเมรกิ าขึ้น”
250

เมอ่ื พจิ ารณาอารมั ภบทของรฐั ธรรมนญู สหรฐั อเมรกิ าดงั กลา่ วขา้ งตน้
ก็พออนุมานได้ว่า ความมุ่งประสงค์แห่งชาติของสหรัฐอเมริกา ประกอบด้วย
ส่งิ ส�ำคัญ 4 ประการ คอื
1) เอกราช
2) เสรภี าพ
3) เกยี รติภูมิ และความเสมอภาคของบคุ คลภายใตก้ ฎหมาย
4) สทิ ธแิ ละเสรภี าพในการดำ� รงชวี ติ และแสวงหาความสขุ ของประชาชนน3ี้
ความมงุ่ ประสงคแ์ หง่ ชาตนิ ้ี แตเ่ ดมิ สหรฐั อเมรกิ า ใชค้ ำ� วา่ “National
Interest” แต่ต่อมาเหน็ ว่าอาจมีการเขา้ ใจสับสนกับค�ำว่า “National Interests”
(ผลประโยชนแ์ หง่ ชาต)ิ กเ็ ลยเปลย่ี นมาใชค้ ำ� วา่ “National Purpose” ซง่ึ มคี วามแตกตา่ ง
กนั อยา่ งเหน็ ไดช้ ดั แทน ความมงุ่ ประสงคแ์ หง่ ชาตนิ ี้ มคี วามสำ� คญั อยู่ 2 ประการ คอื
1) ชาติซ่ึงไม่มีความมุ่งประสงค์ (แห่งชาติ) จะเห่ียวแห้ง และดับสูญ
(A Nation without a purpose withers and die)4
2) งาน (กิจ) ของผู้น�ำ กค็ อื การยดึ ถือความมงุ่ ประสงค์แห่งชาติ ก�ำหนด
เป้าหมายแห่งชาติขึ้น และระดมเจตจ�ำนงแห่งชาติ เพื่อให้บรรลุผลส�ำเร็จตาม
เปา้ หมาย (The task of our leaders is to articulate the national purpose,
set national goals and rally the national will to accomplish them)
เพ่ือให้เห็นความแตกต่าง ขอให้ลองเปรียบเทียบความมุ่งประสงค์
แหง่ ชาติของอดีตสหภาพโซเวยี ต ของสาธารณรฐั ประชาชนจีน และของไทย ดังน้ี
1) อดตี สหภาพโซเวยี ต
ความมงุ่ ประสงคข์ องอดตี สหภาพโซเวยี ต ประกอบดว้ ย (1) สนั ตภิ าพ
(Peace) (2) ความรงุ่ โรจน์ (Prosperity) และ (3) ความสันโดษ (Privacy)5
2) สาธารณรัฐประชาชนจีน
ความมงุ่ ประสงคข์ องสาธารณรฐั ประชาชนจนี ประกอบดว้ ย (1) ชาตทิ เี่ ปน็
อนั หน่งึ อันเดียวกัน และมคี วามม่นั คง (2) สังคมนยิ มอนั ประกอบด้วยประชาชนจนี
ที่ปราศจากความหวิ โหย ไม่มโี รคภัยไขเ้ จบ็ และไมย่ ากไร้ และ (3) การด�ำรงชีพ
ด้วยความสงบสุข ไม่กลัวว่าจะต้องถูกรุกราน และยึดถืออุดมการณ์ของมากซ์-
เลนนิ -เหมา6

251

3) ประเทศไทย
หากเราดจู ากอารมั ภบทในรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พ.ศ.2560
ทมี่ ขี อ้ ความบางตอนกลา่ วไวว้ า่ “รฐั ธรรมนญู ฉบบั ทจ่ี ดั ทาํ ใหมน่ ้ี มสี าระสําคัญเพอื่ ให้
บรรลวุ ตั ถปุ ระสงคร์ ว่ มกนั ของประชาชนชาวไทยในการธาํ รงรกั ษาไวซ้ ง่ึ เอกราชและ
ความมน่ั คงแหง่ ชาติ การทาํ นบุ าํ รงุ รกั ษาศาสนาทกุ ศาสนาใหส้ ถติ สถาพร การเทดิ ทนู
พระมหากษตั รยิ เ์ ปน็ ประมขุ และเปน็ มง่ิ ขวญั ของชาติ การยดึ ถอื ระบอบประชาธปิ ไตย
อนั มพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ เปน็ วถิ ที างในการปกครองประเทศ การคมุ้ ครอง
สทิ ธแิ ละเสรภี าพของประชาชน ใหป้ ระชาชนมบี ทบาทและมสี ว่ นรว่ มในการปกครอง
และตรวจสอบการใชอ้ าํ นาจรฐั อยา่ งเปน็ รปู ธรรม การกาํ หนดกลไกสถาบนั ทางการเมอื ง
ทง้ั ฝา่ ยนติ บิ ญั ญตั แิ ละฝา่ ยบรหิ ารใหม้ ดี ลุ ยภาพและประสทิ ธภิ าพตามวถิ กี ารปกครอง
แบบรฐั สภา รวมทง้ั ใหส้ ถาบนั ศาลและองคก์ รอิสระอ่ืนสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้โดย
สจุ รติ เทย่ี งธรรม”7 จากอารมั ภบทดงั กลา่ ว ทำ� ใหอ้ นมุ านเปน็ ความมงุ่ ประสงคแ์ หง่ ชาติ
ของไทยได้ 7 ข้อ ดังนี้
ก) การธ�ำรงรักษาไว้ซึ่งเอกราชและความมน่ั คงแห่งชาติ
ข) การท�ำนุบำ� รงุ ศาสนาทกุ ศาสนาให้สถิตสถาพร
ค) การเทดิ ทนู พระมหากษตั รยิ เ์ ปน็ ประมขุ และเปน็ มง่ิ ขวญั ของชาติ
ง) การยดึ ถอื ระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษตั รยิ เ์ ปน็ ประมขุ
เปน็ วิถีทางปกครองประเทศ
จ) การคมุ้ ครองรกั ษาสิทธแิ ละเสรีภาพของประชาชน
ฉ) การใหป้ ระชาชนมบี ทบาทและมสี ว่ นรว่ มในการปกครองและตรวจสอบ
การใชอ้ ำ� นาจรฐั อย่างเปน็ รปู ธรรม
ช) การก�ำหนดกลไกสถาบันทางการเมืองท้ังฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่าย
บริหารให้มีดุลยภาพและประสิทธิภาพตามวิถีการปกครองแบบรัฐสภา รวมทั้งให้
สถาบันศาลและองคก์ รอิสระสามารถปฏบิ ัติหนา้ ทีไ่ ด้โดยสุจรติ เที่ยงธรรม
หากเขยี นขอ้ ความขา้ งตน้ เสยี ใหมใ่ หส้ นั้ และกระชบั ในทำ� นองเดยี วกบั
ความมุ่งประสงค์ของสหรัฐอเมริกา กจ็ ะเหน็ ไดว้ า่ มคี วามคลา้ ยกันมาก แตข่ องไทย
มีรายละเอียดชัดเจนมากกว่า โดยเน้นในเรื่องศาสนา พระมหากษัตริย์ และ
การปกครองระบอบประชาธิปไตยเป็นพเิ ศษ ดังน้ี
252

ก) เอกราชและความมน่ั คงแหง่ ชาติ
ข) การทำ� นบุ ำ� รุงศาสนา
ค) การเทดิ ทนู สถาบนั พระมหากษตั ริย์
ง) ระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษตั รยิ ์เปน็ ประมุข
จ) สิทธแิ ละเสรีภาพของประชาชน
ฉ) การมสี ว่ นรว่ มของประชาชนในการปกครองและตรวจสอบการใช้
อำ� นาจรฐั
ช) การเพ่ิมประสิทธิภาพและสร้างดุลยภาพระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติ
กับฝ่ายบริหาร และความเป็นอิสระของสถาบันศาลและองคก์ รอิสระ
อยา่ งไรกต็ าม หากพจิ ารณาความหมายทแี่ ทจ้ รงิ ของความมงุ่ ประสงค์
แหง่ ชาติ ทหี่ มายถงึ การแสดงออกมาของคา่ นยิ มทคี่ อ่ นขา้ งคงทนถาวร หรอื ไมค่ อ่ ย
เปล่ียนแปลงง่ายๆ ท�ำให้จ�ำเป็นต้องพิสูจน์ หรือตรวจสอบให้ได้ว่าคา่ นยิ มในอดตี
ของไทยเรามอี ะไรบา้ ง แตก่ อ่ นทจี่ ะไดม้ าซง่ึ คา่ นยิ มของไทยน้ี เรากค็ วรทำ� ความรจู้ กั
กบั คำ� วา่ “คา่ นยิ ม” และพน้ื ฐานเดมิ ของคา่ นยิ มบา้ งตามสมควร
ในทางวชิ าการแลว้ “คา่ นยิ ม” เปน็ คำ� ยอ่ คำ� เตม็ กค็ อื “คา่ นยิ มทางสงั คม”
(Social Value) หรือ “ค่านิยมทางวฒั นธรรม” (Cultural Value) ซึ่งค�ำทัง้ สองน้ี
ไมค่ อ่ ยจะแตกตา่ งกนั เทา่ ใดนกั ในสาระสำ� คญั นกั มานษุ ยวทิ ยา (Anthropologist)
สว่ นมากใชค้ ำ� วา่ “Cultural Value” เพราะไดร้ บั การศกึ ษาทางวฒั นธรรมเปน็ พนื้ ฐาน
สว่ นนกั สงั คมวทิ ยา (Sociologist) มกั ใชค้ ำ� วา่ “Social Value”เพราะไดร้ บั การศกึ ษา
ดา้ นโครงสรา้ งทางสงั คมเปน็ พนื้ ฐาน สว่ นนกั สงั คมวทิ ยา (Sociologist) มกั ใชค้ ำ� วา่
“Social Value”เพราะได้รบั การศึกษาดา้ นโครงสร้างทางสงั คมเปน็ พืน้ ฐาน
โดยท่ัวไปความหมายของค�ำว่า "ค่านิยม" หมายถึงความชอบพิเศษ
(Preference System) ซง่ึ มอี ยใู่ นจติ ใจของแต่ละบุคคล8 ความชอบพิเศษนี้ ก็คือ
ความชอบทมี่ ากกวา่ ธรรมดานนั่ เอง แตก่ อ็ าจเกดิ ขน้ึ ตา่ งกนั ในแตล่ ะบคุ คล อนั เนอื่ ง
มาจากการอบรม การเลย้ี งดู การศกึ ษาจากครอบครวั และอาชพี ทตี่ า่ งกนั อาจเรยี กไดว้ า่
เปน็ คา่ นยิ มของแต่ละบุคคล (Individual Value) ความชอบพิเศษนี้ เป็นเร่ืองที่

253

ส�ำคัญมากในการพัฒนาประเทศ เน่ืองจากในทางทฤษฎีน้ัน ความชอบพิเศษของ
สงั คมจะแสดงออกมาทางทศั นคติ (attitude) และพฤตกิ รรม (behavior) การที่
คา่ นยิ มนำ� ไปสกู่ จิ กรรมเชน่ นี้ ทำ� ใหเ้ ราทราบไดว้ า่ การจะเปลยี่ นแปลงคา่ นยิ มไดน้ นั้
จ�ำเป็นต้องเปล่ียนพฤติกรรมให้ได้เสียก่อน ซึ่งนับเป็นเร่ืองที่ยากท่ีสุด โดยเฉพาะ
บคุ คลทพี่ น้ วยั เดก็ หรอื คนทม่ี อี ายมุ ากแลว้ เพราะคา่ นยิ มนนั้ เปน็ สง่ิ ทต่ี ดิ แนน่ อยกู่ บั
ตัวบคุ คล และได้มาจากการเรยี นร้แู ละการอบรมมาโดยตลอด การเปลี่ยนคา่ นิยม
ให้ได้ผลจึงมุ่งเน้นไปท่ีเด็ก เพราะเด็กมีอายุน้อย ยังไม่ได้รับค่านิยมอะไรมากมาย
จติ ใจจงึ ใสสะอาดบรสิ ทุ ธิ์ ดงั นน้ั ในสงั คมนยิ มคอมมวิ นสิ ตจ์ งึ มงุ่ สรา้ งคา่ นยิ มใหเ้ กดิ ขน้ึ
กบั เดก็ เปน็ สว่ นใหญ่ เพราะเปลยี่ นแปลงไดง้ า่ ยกวา่ ผใู้ หญ่ เพราะเดก็ ยงั ไมม่ คี า่ นยิ ม
ทฝ่ี ังแนน่ จนเกนิ ไปนน่ั เอง9
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าค่านิยมจะมีผลกระทบต่อทัศนคติ และน�ำไปสู่
พฤติกรรมดังได้กล่าวมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะรวมเอาความรู้สึกน้ันๆ
มาทกุ เรอ่ื ง สงิ่ ทส่ี ง่ ผลสะทอ้ นออกมาใหเ้ ราทราบอยา่ งชดั เจนกค็ อื “เอกลกั ษณ”์ หรอื
“ลักษณะประจ�ำชาต”ิ (National Characters) ซ่งึ เป็นลกั ษณะพิเศษท่คี นในชาติ
มีอยู่ ในทางวิชาการเรียกกันว่า “ค่านิยมเด่นชัด” (Dominant Values) หรือ
คา่ นยิ มเดน่ ๆ ทมี่ อี ยขู่ องคนในชาติ ซงึ่ แตกตา่ งจากชาตอิ นื่ ๆ
จากผลการวจิ ัย สังคมไทยมีค่านยิ มส�ำคญั 4 ประการ คอื
1) การนับถือตวั บุคคล (Personalism)
2) การรักสนุก (Fun-loving)
3) การพงึ่ พาอาศยั กัน (Interdependence)
4) การยึดหลกั ทางสายกลาง (Middleway)10
คา่ นยิ มทง้ั 4 ประการเหลา่ นี้ อาจไมเ่ กอื้ กลู ตอ่ การพฒั นาชาตใิ หเ้ จรญิ
กา้ วหนา้ อยา่ งรวดเรว็ เหมอื นกบั ประเทศทเ่ี จรญิ แลว้ ได้ เชน่ เรอ่ื งการนบั ถอื ตวั บคุ คล
นั้น คนไทยส่วนมากนับถือตัวบุคคลมากกว่าหลักการ เราจึงพยายามมองหาแต่
คนดี คนเก่ง หรือพระเอกข่ีม้าขาวอยู่เสมอ ถ้าเรายึดถือหลักการนับถือตัวบุคคล
มากเกนิ ไปอาจกอ่ ใหเ้ กดิ ความเสยี หายอยา่ งมาก เพราะประเทศไทยเปน็ สงั คมใหญ่
254

ท�ำให้เราได้ยินค�ำพูดอยู่เสมอๆ ว่า คนไทยไม่เคารพกฎหมายและชอบละเมิด
หรือฝ่าฝืนกฎหมายอยู่เสมอ ด้วยกฎหมายเป็นหลักการของประเทศท่ีเจริญแล้ว
หากประชาชนของประเทศใดเคารพกฎหมาย ประชาชนของประเทศนน้ั กจ็ ะนบั ถอื
หลักการมากกว่าการนับถือตัวบุคคล และพร้อมท่ีจะเสียสละประโยชน์ส่วนตน
เพือ่ ประโยชน์ส่วนใหญ่ของบ้านเมอื ง
ในเรอ่ื งนสิ ยั การรกั สนกุ แมว้ า่ ทกุ ชาตทิ กุ ภาษากม็ อี ยเู่ หมอื นกนั เพราะ
เป็นลักษณะทางธรรมชาติของมนุษย์ แต่ค่านิยมของคนไทยนั้นชอบเน้นในเร่ือง
สนุกสนานมากเป็นพิเศษ แม้แต่ในงานศพก็ยังมีการรื่นเริงได้ เป็นเหตุให้คนไทย
มีนิสัยไม่ค่อยเก็บออม มุ่งในเรื่องการกินและเที่ยวเตร่ ชอบท�ำตัวเจ้าส�ำราญ
ไม่ชอบงานหนัก เพราะกลัวความล�ำบาก เป็นต้น ส�ำหรับการพึ่งพาอาศัยกันนั้น
เป็นค่านิยมที่ดี ท�ำให้คนต่างชาติเห็นว่าคนไทยเราน้ันมีน้�ำใจ ด้วยคนต่างชาติ
ส่วนใหญ่มกั พง่ึ ตนเองเปน็ หลัก ไม่หวังพึ่งใคร อย่างไรก็ตาม การพ่งึ พาอาศัยกนั น้ี
อาจน�ำไปสู่การนับถือหรือยกย่องตัวบุคคลมากเกินไปก็ได้ โดยเฉพาะคนไทยที่ถือ
เรอื่ งบญุ คณุ เปน็ ใหญ่ ทำ� ใหบ้ างครงั้ การฉอ้ ราษฎรบ์ งั หลวงทเี่ กดิ ขนึ้ อาจเนอ่ื งมาจาก
เรอ่ื งบญุ คุณกไ็ ด้
คา่ นยิ มของคนไทยประการสดุ ท้าย คอื การยดึ หลักทางสายกลางนัน้
เป็นผลสืบเนื่องมาจากหลักธรรมในพุทธศาสนา ซ่ึงเป็นศาสนาประจ�ำชาติไทย
มาตั้งแต่โบราณ แต่ลักษณะค่านิยมเช่นน้ี ท�ำให้คนไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยจริงจัง
อะไรมากนกั ผดิ กบั คนญป่ี นุ่ ซงึ่ นยิ มความเขม้ งวดและมวี นิ ยั หรอื ชาวยโุ รปซง่ึ มจี ติ ใจ
สู้งานอย่างแข็งขัน จะท�ำอะไรก็ต้องพยายามท�ำให้ได้ ในขณะท่ีคนไทยส่วนใหญ่
มุ่งอยู่แต่กับความพอเพียงหรือพออยู่พอกิน จึงสู้ชาวญ่ีปุ่นหรือชาวยุโรปได้ยาก
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพุทธปรัชญา จะได้กล่าวถึงทางสายกลางว่า เป็นหนทางไปสู่
การบรรลุสัจธรรม แต่ก็เน้นถึงความเพียรและความขยันขันแข็งในการประกอบ
อาชพี อยดู่ ว้ ยเชน่ กนั แตด่ ว้ ยคนไทยเรามนี สิ ยั รกั สนกุ ทำ� ใหเ้ ลอื กแตว่ ถิ เี ปลอื กนอก
ที่สอดคล้องกับจริตของตนเท่านั้น โดยไม่ใส่ใจกับแก่นแท้ที่จะน�ำไปสู่การพ้นทุกข์
ตามหลักธรรมคำ� สั่งสอนของพระพทุ ธศาสนาอยา่ งแทจ้ ริง

255

ภายหลังการยึดอ�ำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใน
วันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ.2557 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ไดม้ องเหน็ วา่ คนไทยยงั ไมม่ คี า่ นยิ มทใ่ี ชเ้ ปน็ หลกั ในการประพฤตติ นอยา่ งเปน็ ทางการ
จงึ ไดป้ ระกาศคา่ นยิ มหลกั 12 ประการ ใหค้ นไทยไดย้ ดึ ถอื และปฏบิ ตั ิ ดงั ตอ่ ไปนี้
1) มคี วามรักชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์
2) ซ่ือสตั ย์ เสยี สละ อดทน มอี ุดมการณ์ในส่ิงที่ดีงามเพอ่ื ส่วนรวม
3) กตญั ญูต่อพ่อแม่ ผปู้ กครอง ครูบาอาจารย์
4) ใฝ่หาความรู้ หมั่นศึกษาเลา่ เรยี นทงั้ ทางตรงและทางออ้ ม
5) รักษาวฒั นธรรมประเพณีไทยอันงดงาม
6) มศี ลี ธรรม รกั ษาความสัตย์ หวังดตี ่อผู้อนื่ เผอื่ แผ่และแบง่ ปัน
7) เขา้ ใจเรยี นรกู้ ารเปน็ ประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็
ประมขุ ทีถ่ กู ตอ้ ง
8) มีระเบียบวินยั เคารพกฎหมาย ผ้นู อ้ ยรู้จกั การเคารพผใู้ หญ่
9) มีสติรู้ตัว รู้คิด รู้ท�ำ รู้ปฏิบัติ ตามพระราชด�ำรัสของพระบาท
สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั
10) รู้จักด�ำรงตนอยู่โดยใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตาม
พระราชดำ� รสั ของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั รจู้ กั อดออมไวใ้ ชเ้ มอื่ ยามจำ� เปน็ มี
ไว้พอกินพอใช้ ถ้าเหลือก็แจกจ่ายจ�ำหน่าย และพร้อมท่ีจะขยายกิจการเมื่อมี
ความพรอ้ ม เมอ่ื มีภมู ิคมุ้ กันทีด่ ี
11) มคี วามเขม้ แขง็ ทง้ั รา่ งกายและจติ ใจ ไมย่ อมแพต้ อ่ อำ� นาจฝา่ ยตำ่�
หรอื กเิ ลส มคี วามละอายเกรงกลัวตอ่ บาปตามหลกั ของศาสนา
12) คำ� นงึ ถงึ ผลประโยชนข์ องสว่ นรวมและของชาตมิ ากกวา่ ผลประโยชน์
ของตนเอง11

256

ข. ผลประโยชน์แห่งชาติ
คำ� วา่ “ผลประโยชนแ์ หง่ ชาต”ิ (National Interests) หมายถงึ แนวคดิ
ทไี่ ดไ้ ตร่ตรองอย่างรอบคอบท่สี ุดแล้วจากบรรดาองค์ประกอบต่างๆ ซง่ึ ประมวลข้นึ
เปน็ ความตอ้ งการทส่ี ำ� คญั ทสี่ ดุ ทชี่ าตจิ ะขาดเสยี มไิ ด้ อนั ไดแ้ ก่ ความอยรู่ อดของชาติ
เอกราช บูรณภาพแห่งดินแดน ความมั่นคงทางทหาร และความเจริญรุ่งเรือง
ทางเศรษฐกจิ ซงึ่ การปกปอ้ งหรอื การขยายขอบเขตดงั กลา่ วอาจนำ� ไปสกู่ ารคกุ คาม
หรือการใช้ก�ำลังทหารก็ได้ ด้วยเหตุน้ี แนวคิดเกี่ยวกับผลประโยชน์แห่งชาติน้ัน
จะกำ� หนดขนึ้ ใหช้ ดั ลงไปไมไ่ ดง้ า่ ยนกั เพราะมปี จั จยั ทเี่ กย่ี วขอ้ งอยหู่ ลายอยา่ งดว้ ยกนั
แต่โดยทั่วไปอาจกล่าวได้ว่า ผลประโยชน์แห่งชาติน้ันเป็นสิ่งที่ผู้น�ำในคณะรัฐบาล
ท่ีก�ำลังบริหารประเทศในขณะน้ันก�ำหนดขึ้น โดยเห็นว่าผลประโยชน์เหล่านั้น
มคี วามสำ� คญั ตอ่ ความอยรู่ อด ความเปน็ เอกราช บรู ณภาพแหง่ ดนิ แดน ความมน่ั คง
ปลอดภยั และสวสั ดภิ าพทางเศรษฐกจิ อยา่ งไรกต็ าม ผลประโยชนแ์ หง่ ชาตทิ กี่ ำ� หนด
ขนึ้ นน้ั ตอ้ งสอดคลอ้ งกบั ความเหน็ ของประชาชนสว่ นใหญข่ องประเทศดว้ ย มเิ ชน่ นน้ั แลว้
รฐั บาลกจ็ ะไมม่ เี สถยี รภาพทางการเมอื ง เพราะขาดการสนบั สนนุ จากประชาชนสว่ นใหญ่
อีกท้ัง ผลประโยชน์แห่งชาติจะต้องเป็นความต้องการท่ีส�ำคัญที่สุดท่ีประเทศชาติ
จะขาดเสียมไิ ด้
หลักการที่ให้รัฐบาลมีหน้าที่รับผิดชอบในการก�ำหนดผลประโยชน์
แห่งชาติขึ้นนั้น นับว่าเป็นการวางเป้าหมายของการบริหารราชการอย่างถูกต้อง
ในระบอบประชาธปิ ไตย เพราะเปน็ การวางเปา้ หมายของพรรคการเมอื งทมี่ เี สยี งขา้ งมาก
หรือรัฐบาลที่ก�ำลังปกครองประเทศอยู่ในขณะน้ัน เพ่ือใช้เป็นจุดหมายปลายทาง
ในการพัฒนาประเทศสาขาต่างๆ เป้าหมายดังกล่าวนี้ นับว่าเป็นความต้องการ
ท่ีอยากจะให้มี หรืออยากจะให้เป็นเช่นนั้น โดยยังไม่ได้ค�ำนึงว่า จะต้องใช้เวลา
และทรพั ยากรจำ� นวนเทา่ ใด หรอื จะตอ้ งเผชญิ กบั อปุ สรรค และขอ้ จำ� กดั อะไรบา้ ง
ความต้องการหรือความปรารถนาเหล่านี้ บางอย่างอาจด�ำเนินการให้บรรลุผล
ตามท่ีไดต้ ้ังเป้าหมายไว้ แตบ่ างอยา่ งอาจด�ำเนินการใหบ้ รรลุได้แต่เพียงบางสว่ นซึง่
อาจเกินขีดความสามารถท่ีชาติมีอยู่ และก็จ�ำเป็นต้องปรับแต่ง หรือขจัดขอบเขต
ของความต้องการลงไปตามขีดความสามารถ หรือตามห้วงระยะเวลาทกี่ �ำหนด

257

อยา่ งไรกต็ ามหากพจิ ารณาใหล้ กึ ลงไปกจ็ ะเหน็ ไดว้ า่ ผลประโยชนแ์ หง่ ชาติ
ท่ีค่อนขา้ งคงทนถาวร อาจอนุมานได้จาก “ความมุง่ ประสงค์แห่งชาต”ิ (National
Purpose) ในอารัมภบทของรัฐธรรมนูญของประเทศ หรืออาจอนุมานได้จาก
อุดมการณ์ของชาติ และค่านิยมอันเกิดจากจริยธรรมขนบธรรมเนียมประเพณี
ดังกล่าวแล้วข้างต้น สิ่งที่พออนุมานให้เป็นผลประโยชน์แห่งชาติได้อย่างหน่ึงกค็ อื
ความมนั่ คงและอยรู่ อดปลอดภยั ของชาติ ความสงบเรยี บรอ้ ยภายในชาติ สทิ ธมิ นษุ ยชน
หรือเสรีภาพพน้ื ฐาน และการพัฒนามาตรฐานการครองชพี หรอื การอยู่ดกี นิ ดขี อง
ประชาชนเป็นส่วนรวม
ผลประโยชน์ท่ีค่อนข้างคงทนถาวรเหล่านี้ ย่อมเป็นท่ียอมรับและ
ประจกั ษช์ ดั กนั ทวั่ ไปอยแู่ ลว้ เพราะผลประโยชนด์ งั กลา่ วเปน็ ความตอ้ งการสว่ นรวม
อนั เปน็ พน้ื ฐานทส่ี ำ� คญั ของการปกครองในระบอบประชาธปิ ไตยนน่ั เอง เมอ่ื พจิ ารณา
ตอ่ จากระดบั ของผลประโยชน์ อนั คอ่ นขา้ งจะคงทนถาวรลงมากจ็ ะพบผลประโยชนร์ องๆ
ไปอกี มากมาย ซงึ่ ผลประโยชนร์ องๆ เหลา่ น้ี กจ็ ะสนบั สนนุ ผลประโยชนท์ คี่ งถาวรนน้ั ๆ
แตผ่ ลประโยชนร์ องๆ จะด�ำรงอยู่ไดไ้ มน่ านนกั หรอื จะอยไู่ ดเ้ ปน็ การชว่ั คราวเทา่ นนั้
หรืออาจเปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติ เช่น ผลประโยชน์ของสหรัฐอเมริกา
ในสงครามเกาหลี ระหวา่ งปี ค.ศ.1950 ถงึ 1951 ประธานาธบิ ดที รแู มนไดต้ ดั สนิ ใจ
ที่จะไม่ขยายผลของสงครามให้ยืดเยื้อต่อไป และหาทางเจรจายุติสงครามจนเป็น
ผลสำ� เร็จ เปน็ ตน้
อยา่ งไรกต็ าม แมว้ า่ ผลประโยชนแ์ หง่ ชาตจิ ะมผี ลมาจากความมงุ่ ประสงค์
แหง่ ชาตกิ ต็ าม แตก่ ย็ งั มลี กั ษณะทอี่ าจเปลยี่ นแปลงไปตามลกั ษณะของสถานการณ์
หรือข้ึนอยู่กับแนวคิดของผู้มีอ�ำนาจตัดสินใจในขณะน้ัน ดังเช่น ดร.กระมล
ทองธรรมชาติ ได้กล่าวไว้ว่า “ผลประโยชน์ (แห่งชาติ) อาจเปล่ียนแปลงไปได้
ตามกาลเวลาสถานการณ์ ล�ำดับความส�ำคัญของปัญหาที่ประเทศก�ำลังเผชิญอยู่
และทศั นะของคณะบคุ คลผมู้ อี ำ� นาจในการตดั สนิ ใจ ดงั นน้ั ผลประโยชนท์ สี่ ำ� คญั ยงิ่
ของชาตสิ มัยหนง่ึ อาจกลายเปน็ ผลประโยชน์รอง (Secondary Interests) ในอีก
สมยั หนงึ่ หรอื อาจเปน็ ไปในทางกลบั กนั กไ็ ด”้ ตวั อยา่ งเชน่ ในกรณขี องการตดั สนิ ใจ
ของประธานาธบิ ดจี อหน์ สนั ใหส้ ง่ กำ� ลงั รบทางพน้ื ดนิ เขา้ ไปปฏบิ ตั กิ ารในเวยี ดนามใต้
258

เม่ือปี ค.ศ.1975 เป็นต้น ในแต่ละกรณี ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ในฐานะผู้
บัญชาการทหารสูงสุด ได้ตัดสินใจในประเด็นที่ว่า การปฏิบัติการเช่นน้ันเป็นการ
สนบั สนุนความมงุ่ ประสงคแ์ หง่ ชาตหิ รือไม่ เพราะสหรัฐอเมรกิ า มีผลประโยชน์ใน
ดินแดนเหล่าน้ันด้วย ถ้ามีสถานการณใ์ นทำ� นองเดียวกนั เกดิ ข้ึนในปจั จบุ นั กเ็ ปน็
การยากท่ีจะท�ำนายลงไปไว้ว่า การตัดสินใจของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
ควรเป็นอยา่ งไร อย่างไรก็ตาม ผลประโยชนแ์ ห่งชาติรองๆ ลงไปอาจอยูุ่ในรูปแบบ
ของวตั ถปุ ระสงคแ์ หง่ ชาติ (National Objectives) นโยบาย (Policies) กำ� หนดการ
หรือโครงการ (Program) และพันธกรณี (Commitments) ที่เก่ียวข้อง
ตามสถานการณ์ของโลกก็ได้
ขอ้ ทน่ี า่ สงั เกตประการหนงึ่ กค็ อื หากมภี ยั คกุ คามเกดิ ขน้ึ แกป่ ระเทศใด
ประเทศหนงึ่ ในทนั ทที นั ใด และเปน็ ทป่ี ระจกั ษช์ ดั โดยแนน่ อนแลว้ ประเทศนน้ั กอ็ าจ
จ�ำเป็นต้องส่งก�ำลังทหารเข้าตอบโต้ หรือเผชิญต่อการปฏิบัติการทางทหารใดๆ
ท่ีเป็นภัยคุกคามต่อผลประโยชน์แห่งชาติที่ค่อนข้างคงทนถาวรโดยตรง ดังนั้น
ผลประโยชน์แห่งชาติจึงเป็นส่ิงส�ำคัญ และถือเป็นหัวใจของการศึกษายุทธศาสตร์
โดยเฉพาะสภาพแวดล้อมระหว่างประเทศท่ีปรากในปัจจุบัน ยุทธศาสตร์ต้อง
ใช้วิจารณญาณอย่างละเอียดรอบคอบ เพื่อให้ได้มาซ่ึงผลประโยชน์แห่งชาติ
ของประเทศทน่ี า่ จะเปน็ ศตั รหู รอื พนั ธมติ รของศตั รู อนั จะมผี ลกระทบตอ่ ผลประโยชน์
แหง่ ชาตขิ องตน
โดยหลกั การแลว้ นกั ยุทธศาสตรย์ อ่ มไมอ่ าจพัฒนายุทธศาสตรช์ าติท่ี
ไมม่ จี ดุ หมาย หรอื ไมม่ กี รอบทกี่ ำ� หนดไวโ้ ดยความมงุ่ ประสงคแ์ ละผลประโยชนแ์ หง่ ชาติ
ได้ ในระบอบการปกครองประชาธปิ ไตยนนั้ การพฒั นายทุ ธศาสตรจ์ ะตอ้ งไมข่ ดั ตอ่
กฎหมายพ้ืนฐาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กฎหมายรัฐธรรมนูญซ่ึงถือว่าเป็นกฎหมาย
สูงสดุ ของประเทศ นกั ยุทธศาสตรจ์ ะต้องหาทางแกป้ ัญหาทเี่ กิดขนึ้ อยา่ งสอดคล้อง
กบั ระบบวถิ ชี วี ติ ของประชาชน โดยอาศยั หลกั ปรชั ญาของความมงุ่ ประสงคแ์ หง่ ชาติ
จุดหมายปลายทางในระบอบประชาธิปไตยจะเหมาะสมน้ัน มักพิจารณาจาก
ขดี ความสามารถต่างๆ ของชาตซิ ่งึ เปรยี บเสมอื นเครื่องมอื ทีช่ าตมิ อี ย1ู่ 4

259

หลักการกว้างๆ ในการก�ำหนดผลประโยชน์แห่งชาติประกอบด้วย
ลักษณะสำ� คัญ 4 ประการ คอื ความอย่รู อดปลอดภยั (Survival) การดำ� รงอย่ขู อง
ประชาชนในชาติ (Preservation of the people of the nation)15 การอยดู่ กี นิ ดี
(Well-being) และการสร้างสรรค์สิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศให้เก้ือกูลต่อ
ผลประโยชน์แห่งชาติเหล่าน้ี (Creation of an international environment
favorable to these interests) แต่หากพิจารณาตามลักษณะของผลประโยชน์
แห่งชาติแล้ว เราสามารถจ�ำแนกผลประโยชน์แห่งชาติออกได้เป็น 3 ลักษณะ
คือ จำ� แนกตามลักษณะความส�ำคัญ (Degree of Primacy) ได้แก่ ผลประโยชน์
แหง่ ชาตทิ ม่ี คี วามสำ� คญั สงู สดุ (Vital Interests) กบั ผลประโยชนแ์ หง่ ชาตริ ะดบั รอง
(Secondary Interests) จ�ำแนกตามลักษณะความยืนยง (Degree of
Permanence) ไดแ้ ก่ ผลประโยชนแ์ ห่งชาตถิ าวร (Permanent Interests) กบั
ผลประโยชน์แห่งชาติไม่ถาวร (Variable Interests) และจ�ำแนกตามลักษณะ
ความเจาะจง (Degree of Generality) ไดแ้ ก่ ผลประโยชนแ์ หง่ ชาตทิ วั่ ไป (General
Interests) กับผลประโยชน์แห่งชาติเฉพาะ (Specific Interests) การจ�ำแนก
ผลประโยชนแ์ หง่ ชาตอิ อกเปน็ ลกั ษณะตา่ งๆ ดงั กลา่ วกเ็ พอ่ื ประโยชนใ์ นการพจิ ารณา
กำ� หนดผลประโยชนแ์ หง่ ชาตใิ นชว่ งทจ่ี ะวางแผนยทุ ธศาสตรช์ าติ เชน่ ในชว่ งระยะสนั้
2 ปีข้างหน้า หรือช่วงระยะปานกลาง 3 - 10 ปีข้างหน้า หรือช่วงระยะยาวซ่ึง
ครอบคลมุ จาก 11 - 20 ปีข้างหนา้
ตัวอย่างของการก�ำหนดผลประโยชน์แห่งชาติของประเทศต่างๆ
ในอดีตมีดงั นี้
1) ผลประโยชนแ์ ห่งชาติของสหรฐั อเมรกิ า
ลักษณะของผลประโยชน์แห่งชาติของสหรัฐอเมริกา มักมี
ขอบเขตกวา้ งขวาง และมกี ารเปลยี่ นแปลงไปตามความสำ� คญั ของแตล่ ะภมู ภิ าค หรอื
ในแต่ละประเทศท่ีมีก�ำลังทหารของสหรัฐอเมริกาไปตั้งอยู่ ผลประโยชน์แห่งชาติ
ของสหรฐั อเมรกิ าจงึ แบ่งออกเป็น 4 แบบ ดังน้ี
260

ก) ผลประโยชน์ทัว่ ไป
ผลประโยชน์ทั่วไป (General Interests) เป็นผลประโยชน์ที่มีอยู่
ทุกภูมิภาคในโลก อันหมายรวมถึง การป้องปรามการโจมตีต่อสหรัฐอเมริกา
และการป้องกันสหรัฐอเมริกาเม่ือถูกโจมตี รวมท้ังการหลีกเลี่ยงการท�ำสงคราม
นวิ เคลยี รท์ กุ แหง่ ในโลก และการหลกี เลย่ี งการพพิ าทดว้ ยกำ� ลงั ตามแบบทจี่ ะกอ่ ใหเ้ กดิ
สงครามนิวเคลียร์ข้ึน ผลประโยชน์ท่ัวไปอื่นๆ ได้แก่ การป้องกันการรุกราน
การสร้างสรรค์ให้เกิดเสถียรภาพในโลก และการด�ำรงความเช่ือถือให้แก่พันธมิตร
ของสหรัฐอเมรกิ า
ข) ผลประโยชนส์ �ำคัญ
ผลประโยชนส์ �ำคญั (Intrinsic Interests) เป็นผลประโยชนท์ ี่เกิดขน้ึ
ตอ่ ความสมั พนั ธโ์ ดยตรงกบั ชาตใิ ดชาตหิ นงึ่ ในภมู ภิ าค ณ หว้ งเวลาทกี่ ำ� หนดขนึ้ เชน่
ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่สหรัฐอเมริกามีอยู่ในประเทศน้ัน ขนบธรรมเนียม
ประเพณที ผี่ กู พนั กบั ประชาชนในประเทศนนั้ หรอื ความสามารถของชาตใิ ดชาตหิ นงึ่
ท่ีจะช่วยเหลือป้องกันผลประโยชน์ท่ัวไปของสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม มีเพียง
บางประเทศเทา่ นนั้ ทสี่ หรฐั อเมรกิ ามผี ลประโยชนส์ ำ� คญั อยู่ เชน่ แหลง่ อตุ สาหกรรม
ส�ำคัญในยุโรปตะวันตกและญ่ีปุ่น รวมทั้งดินแดนของประเทศท่ีอยู่ใกล้ชิดกับ
สหรัฐอเมริกา เช่น ประเทศแคนาดา เม็กซิโก และคิวบา ซึ่งหากถูกควบคุมจาก
ข้าศกึ แล้วอาจเปน็ ภัยคกุ คามทางทหารโดยตรงต่อสหรฐั อเมริกาเพมิ่ มากขึน้ ได้
ค) ผลประโยชน์เพิม่ เตมิ
ผลประโยชนเ์ พม่ิ เตมิ (Derived Interests) เปน็ ผลประโยชนท์ เี่ กดิ ขนึ้
จากผลประโยชนส์ ำ� คญั ในประเทศทส่ี าม (ไมใ่ ชผ่ ลประโยชนส์ ำ� คญั สำ� หรบั ประเทศใด
ประเทศหนงึ่ โดยเฉพาะ) ตวั อยา่ งเชน่ ผลประโยชนข์ องสหรฐั อเมรกิ า ในสาธารณรฐั
เกาหลี (เกาหลใี ต)้ เปน็ ผลประโยชนท์ ส่ี ำ� คญั ซงึ่ ขน้ึ อยกู่ บั พนื้ ฐานของประโยชนท์ ว่ั ไป
ถ้าสหรัฐอเมริกาไม่ใช้ก�ำลังทหารของตนเข้าด�ำเนินการต่อผลประโยชน์น้ี อาจเกิด
ผลเสยี หายแกผ่ ลประโยชนส์ ำ� คญั ของสหรฐั อเมรกิ ากบั ประเทศญป่ี นุ่ ทอ่ี ยใู่ กลๆ้ กนั ได้

261

ง) ผลประโยชนท์ ี่เกิดขึน้ ตามมา
ผลประโยชนท์ เี่ กดิ ขนึ้ ตามมา (Created Interests) เปน็ ผลประโยชน์
ทเ่ี กดิ ขนึ้ โดยใชก้ ำ� ลงั ทหารเขา้ ปฏบิ ตั ภิ ายในประเทศใดประเทศหนง่ึ โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ
ในการปอ้ งกนั ตามพนั ธกรณที ม่ี อี ยู่ และสหรฐั อเมรกิ าไมไ่ ดเ้ คยมผี ลประโยชนเ์ ชน่ น้ี
มากอ่ นแตเ่ กดิ ขนึ้ มาภายหลงั ผลประโยชนท์ เี่ กดิ ขนึ้ นอี้ าจเขา้ ไปรวมกบั ผลประโยชนอ์ นื่ ๆ
ท่ีมีอยู่ก่อนแล้วก็ได้ เพ่ือเป็นการป้องกันผลประโยชน์ท่ีมีอยู่น่ันเอง เช่น เกิดเป็น
พนั ธกรณีใหม่ๆ ข้ึน หรือขยายการปฏิบัตไิ ปสูพ่ ื้นทีใ่ กลเ้ คยี ง17 เปน็ ตน้
อยา่ งไรกต็ าม หลกั การอยา่ งกวา้ งๆ เกย่ี วกบั ลกั ษณะผลประโยชนแ์ หง่ ชาติ
นน้ั เป็นส่ิงท่ียอมรับกันท่ัวไป เพราะสามารถน�ำไปใช้ได้แทบทุกชาติในโลก โดยไม่
ยงุ่ ยากมากนกั แตค่ วามยากลำ� บากอยทู่ กี่ ารนำ� ไปปฏบิ ตั ติ า่ งหาก ความพนิ าศของชาติ
ใดชาตหิ นงึ่ เกดิ จากมชี าตอิ นื่ เขา้ ไปยงุ่ เกยี่ วกบั ผลประโยชนข์ องชาตนิ น้ั ความอยรู่ อด
ของชาติจึงนับเป็นผลประโยชน์แห่งชาติท่ีส�ำคัญยิ่ง แต่ความจริงแล้วก็ไม่เคยมี
ปรากฏการณท์ างประวตั ศิ าสตรใ์ ดๆ ทบ่ี ง่ ชไี้ ดว้ า่ ความอยรู่ อดของชาตนิ น้ั อยตู่ รงไหน
การกำ� หนดผลประโยชนแ์ หง่ ชาตทิ ช่ี ดั เจนจงึ เปน็ เรอื่ งทยี่ งุ่ ยาก อกี ทง้ั คำ� จำ� กดั ความ
ของผลประโยชนแ์ หง่ ชาตยิ งั มลี กั ษณะเปน็ แนวคดิ ทางอดุ มการณข์ องบคุ คล ทำ� ให้
บางคนไม่ยอมรับอดุ มการณ์ของผ้อู น่ื เห็นได้จากกรณที เี่ กิดข้อโตเ้ ถียงเรื่องเหตผุ ล
ในการทสี่ หรฐั อเมรกิ าเขา้ ไปยงุ่ เกยี่ วในเวยี ดนามและในอริ กั เปน็ ตน้
การก�ำหนดผลประโยชน์แห่งชาติน้ัน โดยหลักการเป็นเร่ืองของผู้น�ำ
ในคณะรฐั บาลปจั จบุ นั ทจ่ี ะตอ้ งเปน็ ผรู้ บั ผดิ ชอบ โดยอาศยั กรรมวธิ ตี า่ งๆ เพอื่ ใหไ้ ดม้ า
ซง่ึ ผลประโยชนท์ ถ่ี กู ตอ้ งและเหมาะสม กรรมวธิ ตี า่ งๆ ดงั กลา่ ว กค็ อื การดำ� เนนิ การ
ทางการเมอื งนนั่ เอง ในการดำ� เนนิ กรรมวธิ นี ก้ี จ็ ะมกี ารกำ� หนดลำ� ดบั ความสำ� คญั หรอื
ลำ� ดบั ความเรง่ ดว่ น (Priority) ของผลประโยชนข์ น้ึ แมว้ า่ รฐั บาลจะไมไ่ ดป้ ระกาศ
ออกมาอย่างเป็นทางการ แต่ก็อาจอนุมานได้โดยอาศัยข้อมูลจากเอกสารสรุป
การจัดสรรงบประมาณ และถ้อยแถลงของนโยบายในรูปแบบต่างๆ ของรัฐบาล
ถา้ นโยบายนน้ั ไมก่ ระจา่ งชดั ผลประโยชนแ์ ละลำ� ดบั ความเรง่ ดว่ นกอ็ าจจะไมถ่ กู กลา่ วถงึ
เลยกไ็ ด้ ดงั นนั้ การทจ่ี ะดวู า่ ผลประโยชนแ์ หง่ ชาตแิ ละลำ� ดบั ความเรง่ ดว่ นอยทู่ ไ่ี หน
กอ็ าจดไู ดจ้ ากพฤตกิ รรมของรฐั เปน็ สว่ นสำ� คญั เพราะพฤตกิ รรมของรฐั เปน็ สง่ิ สำ� คญั
ทตี่ อ่ เนอื่ งของการเมอื งภายในนนั่ เอง18
262

เมอ่ื ไดก้ ำ� หนดผลประโยชนแ์ หง่ ชาตขิ น้ึ ผทู้ ำ� นโยบาย หรอื รา่ งนโยบาย
ก็อาจจะเน้นถึงผลประโยชน์ ก�ำหนดความเร่งด่วนหรืออาจแปลความหมายของ
ผลประโยชน์และล�ำดับความเร่งด่วนเดิมท่ีมีอยู่ต่างไปจากเดิม อย่างไรก็ตาม
ผลประโยชน์แห่งชาติย่อมเปล่ียนแปลงไปได้ตามแนวคิดของผู้น�ำในคณะรัฐบาล
และตามเปา้ หมายทไี่ ดว้ างไวใ้ นขณะนน้ั โดยการแบง่ มอบทรพั ยากรจะเปน็ ตวั แสดง
ถึงเหตผุ ลของลำ� ดับความเร่งดว่ นของผลประโยชนแ์ ห่งชาติดว้ ย19
นายเฮนรี คสิ ซงิ เกอร์ อดตี รฐั มนตรตี า่ งประเทศสหรฐั อเมรกิ า ไดก้ ลา่ วถงึ
ผลประโยชนแ์ หง่ ชาตขิ องสหรฐั อเมรกิ าทม่ี นั่ คงถาวรหรอื มอี ยปู่ ระจำ� ชาตไิ วว้ า่ มอี ยู่
ด้วยกัน 3 ประการ คือ สันติภาพ ความเจริญก้าวหน้า และความยุติธรรม20
ผลประโยชนด์ งั กลา่ วบางทกี เ็ กดิ การสบั สนขน้ึ วา่ เปน็ ผลประโยชนห์ รอื ความมงุ่ ประสงค์
แห่งชาติกันแน่ เพราะบางชาติ เช่น สหภาพโซเวียต ซ่ึงเป็นชาติอภิมหาอ�ำนาจ
ชาติหน่ึงของโลกในยุคสงครามเย็นก็ยังรับเอาสันติภาพ และความเจริญก้าวหน้า
(ความร่�ำรวย) เป็นความมุ่งประสงค์แห่งชาติตน ด้วยทัศนะดังกล่าว ถ้าเป็น
ผลประโยชนแ์ หง่ ชาตทิ ม่ี น่ั คงถาวรและประชาชนสว่ นใหญห่ รอื กลมุ่ ผลประโยชนต์ า่ งๆ
ยอมรับ ก็นา่ จะเป็นความม่งุ ประสงคแ์ หง่ ชาติมากกวา่ ผลประโยชน์แห่งชาต ิ
1) ผลประโยชนแ์ หง่ ชาตขิ องสหรัฐอเมริกา
ตวั อยา่ งของผลประโยชนท์ ว่ั ไปของสหรฐั อเมรกิ า ทก่ี ลมุ่ นกั ศกึ ษาของ
วิทยาลัยการทัพบก ประจ�ำปีการศึกษา ค.ศ. 1980 ได้ก�ำหนดขึ้นไว้ตามล�ำดับ
ความเร่งดว่ น มีดังต่อไปน้ี
ก) เสถยี รภาพทางการเมอื งและสนั ตภิ าพ (Political stability and peace)
ข) การรบั ประกนั การเขา้ ถงึ เสน้ ทางคมนาคม (Guarantee access to
line of communications)
ค) การตอ่ ตา้ นการใชอ้ าวธุ นวิ เคลยี รต์ อ่ เสน้ ทางคมนาคม (Oppose
nuclear to line of communication)
ง) การส่งเสรมิ สิทธมิ นษุ ยชน (Promote human rights)
จ) การปรับปรุงความสัมพันธ์กับชาติอ่ืนๆ ท้ังหมด (Improve
relation with all other nations)

263

ฉ) การด�ำรงการเข้าถึงทรัพยากรท่ีส�ำคัญย่ิงของชาติ (Maintain
access to vital national resources)
ช) การควบคุมอาวุธตามแบบ (Control conventional arms)
ซ) การรักษาความเจริญเติบโตด้านเกษตรเศรษฐกิจในประเทศ
ดอ้ ยพฒั นา (Economical agricultural growth in low developing countries)
ฌ) การปฏิเสธอิทธิพลของประเทศที่ไม่ชอบตะวันตก (Deny non
pro – western influence)
ญ) การเพิ่มการค้าดา้ นการสง่ ออกของสหรัฐอเมรกิ า (Increase US
exports trade)21
2) ผลประโยชนแ์ หง่ ชาติของอดตี สหภาพโซเวียต
ส�ำหรับผลประโยชนแ์ ห่งชาตขิ องอดีตสหภาพโซเวียต สรปุ ไดด้ งั น้ี
ก) การด�ำรงความเปน็ ผนู้ �ำประเทศสงั คมนยิ มคอมมวิ นิสต์
ข) การรกั ษาและควบคมุ ยโุ รปตะวนั ออกใหอ้ ยใู่ นอำ� นาจโดยเดด็ ขาด
ค) การรักษาอิทธิพลในคิวบา ตะวันออกกลาง แอฟริกา เอเชียใต้
และขยายอิทธพิ ลในคาบสมุทรอนิ โดจนี
ง) การดำ� รงและรกั ษาเสถยี รภาพในการใชเ้ สน้ ทางคมนาคมในทะเล
จ) การด�ำรงและเสริมสร้างความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจในการค้า
ระหว่างประเทศ22
อดีตสหภาพโซเวียตมักเน้นถึงความส�ำคัญของผลประโยชน์แห่งชาติ
ผา่ นทางสอื่ มวลชน เชน่ ในหนา้ แรกของหนงั สอื พมิ พป์ ราฟดา้ (Pravda) ทก่ี ลา่ วไวว้ า่
“Interesy gosundastva uyshe usevo” (The interest of the state are
above all else) อนั หมายถงึ ผลประโยชนแ์ ห่งชาตยิ อ่ มอยเู่ หนือสง่ิ อ่ืนใดทั้งสิ้น
3) ผลประโยชนแ์ หง่ ชาตขิ องสาธารณรฐั ประชาชนจนี
รัฐบาลจีนมีผลประโยชน์แห่งชาติจ�ำนวนมากที่จะต้องเก่ียวข้อง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ก็คือ เรื่องอันเก่ียวกับการกินดีอยู่ดีของประชาชนจีน
ผลประโยชน์เหล่าน้ี ย่อมเกี่ยวข้องโดยตรงกับความมุ่งประสงค์แห่งชาติ และ
สามารถสงั เกตไดจ้ ากกจิ กรรมและการดำ� เนนิ การของรฐั บาลทงั้ ภายในและภายนอก
264

ซง่ึ อาจเปน็ การดำ� เนนิ การทางการทตู การเศรษฐกจิ และการทหาร ผลประโยชน์
แหง่ ชาตจิ นี มีดังตอ่ ไปน้ ี
ก) การรวมดินแดนของจีนให้เป็นอันหน่ึงอันเดียวโดยถูกต้องตาม
กฎหมายระหว่างประเทศ จะต้องรวมถึงเกาะไต้หวันและบรรดาหมู่เกาะนอกผืน
แผน่ ดนิ ใหญด่ ว้ ย เชน่ หมเู่ กาะสแปรตลี เกาะเตยี วหย/ู เซน็ กากุ เปน็ ตน้ และรวมถงึ
พ้ืนท่ีบริเวณชายแดนที่เกิดกรณีพิพาทกับประเทศอ่ืน เช่น บริเวณพาร์เมอร์ส
(Parmirs) ทางดา้ นตะวนั ตก และปญั หาเกาะแกง่ ตามรมิ นำ�้ ทางดา้ นตะวนั ออกเฉยี ง
เหนือ
ข) การด�ำรงรักษาความปลอดภัยของประเทศ จะต้องหมายรวมถึง
(1) การจดั ตง้ั และรกั ษาไวซ้ ง่ึ กำ� ลงั ทหารทมี่ ขี ดี ความสามารถ ดงั น้ี
- การป้องปรามการคกุ คามจากภายนอก
- ถ้าการป้องปรามไม่ส�ำเร็จ จะต้องให้สามารถป้องกันผืน
แผน่ ดนิ ใหญ่ได้
- การปราบปรามความแตกแยกภายใน และการกอ่ ความไมส่ งบ
(2) การฟน้ื ฟคู วามสมั พนั ธก์ บั ประเทศตา่ งๆ และมติ รประเทศหรอื
อยา่ นอ้ ยกใ็ ห้ประเทศเพอื่ นบ้านโดยรอบดำ� รงความเปน็ กลางกบั จีน
(3) การเสรมิ สรา้ งความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งประเทศเพอ่ื ใหม้ มี าตรการ
ป้องกนั ความม่ันคงรว่ มกัน
ค) การด�ำรงไว้ซ่ึงความม่ันคงทางเศรษฐกิจและสังคมท่ีสามารถ
พ่ึงตนเองได้
ง) การเสรมิ สรา้ งอทิ ธพิ ลทางวฒั นธรรมของจนี ภายในภมู ภิ าคเอเชยี
ตะวนั ออกและสนบั สนนุ ดา้ นกำ� ลงั อำ� นาจทางทหาร เพอื่ ใหม้ อี ทิ ธพิ ลเหนอื อาณาบรเิ วณ
พนื้ ทีท่ างภูมริ ัฐศาสตร์
จ) โลกยอมรบั นบั ถอื วา่ จนี เปน็ ประเทศมหาอำ� นาจของโลก และเปน็
แบบอย่างของสงครามปฏวิ ตั ิ24
4) ผลประโยชน์แห่งชาติของประเทศไทย
สภาความม่ันคงแห่งชาติ ได้ก�ำหนดผลประโยชน์แห่งชาติของ
ประเทศไทยไว้อย่างครอบคลุม ดงั นี้

265

ก) การมเี อกราชอธปิ ไตย และบรู ณภาพแหง่ เขตอำ� นาจรฐั การดำ� รงอยู่
อยา่ งม่ันคง ยั่งยืนของสถาบันหลกั ของชาติ
ข) ความปรองดอง ความสามคั คขี องคนในชาติ
ค) การดำ� รงอยอู่ ยา่ งมนั่ คงของชาตแิ ละประชาชนจากภยั คกุ คามทกุ รปู แบบ
ง) ความปลอดภยั ความเปน็ ธรรม และความอยดู่ มี สี ขุ ของประชาชน
การมีเกยี รติและศกั ด์ิศรขี องความเปน็ มนุษย์
จ) การดำ� รงอยอู่ ยา่ งมน่ั คงของฐานทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสทิ ธเิ หนอื
ทรพั ยากรชีวภาพของชาติ
ฉ) การอยรู่ ว่ มกันอยา่ งสันติสุขกับประเทศเพ่ือนบ้าน
ช) การมีเกียรติและศกั ดิศ์ รีในประชาคมระหว่างประเทศ25
กลา่ วโดยสรปุ ในการศกึ ษายทุ ธศาสตรช์ าติ จำ� เปน็ จะตอ้ งมคี วามเขา้ ใจ
ในเร่ืองผลประโยชน์แห่งชาติอย่างแท้จริง เพราะผลประโยชน์แห่งชาตินั้น เป็น
จดุ หมายปลายทางทส่ี ำ� คญั อยา่ งหนงึ่ ทชี่ าตจิ ะตอ้ งมงุ่ บรรลุ และเปน็ สงิ่ จำ� เปน็ อนั จะ
หลกี เลยี่ งเสยี ไมไ่ ด้ ยงิ่ ไปกวา่ นนั้ นกั ยทุ ธศาสตรย์ งั จะตอ้ งพสิ จู นห์ าผลประโยชนแ์ หง่ ชาติ
ของชาติอ่ืนท่ีเกี่ยวข้อง เพราะผลประโยชน์แห่งชาติเหล่าน้ัน อาจเก้ือกูลหรือเป็น
อุปสรรคต่อการบรรลผุ ลประโยชน์แหง่ ชาตขิ องเราได้
ค. วตั ถปุ ระสงคแ์ ห่งชาติ
คำ� วา่ “วตั ถปุ ระสงคแ์ หง่ ชาต”ิ (National Objectives) ตามพจนานกุ รม
ของคณะเสนาธกิ ารรว่ มของสหรฐั อเมรกิ า หมายถงึ บรรดาจดุ มงุ่ หมาย จดุ มงุ่ ประสงค์
หรือความมุ่งประสงค์ส�ำคัญแห่งชาติ ซ่ึงชาติมุ่งท่ีจะบรรลุถึงด้วยการใช้นโยบาย
และความพยายาม รวมทั้งทรัพยากรของชาติทั้งปวง ในขณะท่ีวิทยาลัยป้องกัน
ราชอาณาจกั รของไทย ไดใ้ หค้ วามหมายของคำ� วา่ “วตั ถปุ ระสงคแ์ หง่ ชาต”ิ วา่ หมายถงึ
จุดหมาย เป้าหมาย หรือความมุ่งหมายต่างๆ อันเป็นหลักมูลฐานของชาติซ่ึงจะ
ต้องหาหนทางให้บรรลุถึงในท่ีสุด โดยจะต้องก�ำหนดนโยบายอย่างใดอย่างหนึ่ง
เข้าหาและจะต้องใช้ความเพียรพยายามตลอดจนตอ้ งน�ำทรัพยากรต่างๆ ของชาติ
มาใช้ให้บรรลถุ งึ 27
266

จากความหมายของวัตถุประสงค์แห่งชาติดังกล่าวท�ำให้ เห็นได้ว่า
วัตถุประสงค์อาจน�ำไปใช้แทนจุดมุ่งหมาย จุดประสงค์ หรือความมุ่งประสงค์ก็ได้
แตก่ ารกระทำ� ดงั กลา่ วอาจกอ่ ใหเ้ กดิ ความสบั สนในการศกึ ษาเรอื่ งราวของยทุ ธศาสตร์
เปน็ อยา่ งมาก แตถ่ า้ คดิ เสยี วา่ จดุ มงุ่ หมายกด็ ี จดุ ประสงคก์ ด็ ี หรอื ความมงุ่ ประสงค์
ก็ดีล้วนเปน็ จุดหมายปลายทาง (Ends) ทีเ่ รามงุ่ จะบรรลุให้ถึงทงั้ ส้ิน อยา่ งไรก็ตาม
กย็ งั มผี ใู้ หค้ ำ� อธบิ ายถงึ ความแตกตา่ งระหวา่ งจดุ มงุ่ หมายแหง่ ชาติ และวตั ถปุ ระสงค์
แหง่ ชาติ ไวว้ า่ “จดุ มงุ่ หมายแหง่ ชาต”ิ (National Aims) หมายถงึ ขอ้ ความเชงิ คณุ ภาพ
ท่ีเกี่ยวกับสถานการณ์ท่ปี รารถนา และอาจพิสจู น์ทราบไดว้ า่ จะยึดถอื ไดเ้ พียงส่วน
หนึ่งสว่ นใดเท่านัน้ ในระหว่างการพิจารณา ในขณะทวี่ ตั ถุประสงค์ เปน็ คำ� เจาะจง
และมักจะระบุได้ในเชิงปริมาณ ดังนั้น“วัตถุประสงค์” (Objective) จึงหมายถึง
จุดหมายปลายทางที่ต้องการไปสู่ โดยใชค้ วามพยายาม และทรัพยากรทัง้ ปวง28
สำ� หรบั คำ� วา่ “จดุ ประสงค”์ และ “วตั ถปุ ระสงค”์ นนั้ อาจใชแ้ ทนกนั ได้
สำ� หรบั “วตั ถปุ ระสงคแ์ หง่ ชาต”ิ ยงั หมายรวมถงึ ความตงั้ ใจ และบางทกี อ็ าจเปน็
หนทางปฏิบัติที่จะต้องยึดถือไว้ให้ได้ นอกจาก หากจะกล่าวถึง “ทางเลือกทาง
ยทุ ธศาสตร”์ (Strategic Option) กย็ งั มคี วามหมายทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั วตั ถปุ ระสงคด์ ว้ ย
เพราะทางเลือกทางยุทธศาสตร์ หมายถึง หนทางปฏิบัติส�ำรอง (Alternative
Course of Action) ท่ีจะยึดถือไว้ซ่ึงวัตถุประสงค์อย่างใดอย่างหน่ึงน่ันเอง
อาจกล่าวได้อีกอย่างหนึ่งว่า “วัตถุประสงค์แห่งชาติ” (National
Objective) คือ สาระส�ำคัญของผลประโยชน์แห่งชาติท่ีก�ำหนดข้ึนให้แน่ชัด
เพอ่ื ประโยชนใ์ นการกำ� หนดเปน็ ทหี่ มาย (objective) ในการวางแผนและการปฏบิ ตั กิ าร
โดยมีผู้อธิบายถึงความแตกต่างของความหมายค�ำเหล่าน้ีเป็นข้อสังเกตไว้ว่า
“ความมุ่งประสงค์แห่งชาติ” (National Purpose) คือ ส่ิงที่ควรเป็น (What
shouldbe?)“จุดประสงคแ์ ห่งชาติ” (National Goals) คือ สง่ิ ทนี่ า่ จะเปน็ (What
could be?)“วัตถุประสงค์แห่งชาติ” (National Objective) คือ สิ่งที่เป็นไปได้
(What can be?) ในแงข่ องการเขยี นข้อความวัตถปุ ระสงค์

267

ในปัจจุบันมีผู้น�ำเอาแนวคิดเรื่องจุดประสงค์แห่งชาติ (National
Goals) มาใชอ้ ยบู่ อ่ ยๆ แมว้ า่ แนวคดิ เชน่ นไี้ ดเ้ กดิ ขนึ้ มานานแลว้ แตก่ เ็ ปน็ เหตใุ หเ้ กดิ
ความสบั สนในเรอื่ งการศกึ ษายทุ ธศาสตร์ โดยเฉพาะเรอื่ งของโครงสรา้ งยทุ ธศาสตร์
ในเอกสารของวิทยาลัยการทัพบกสหรัฐอเมริกา ได้อธิบายความแตกต่างระหว่าง
ความมุ่งประสงค์แห่งชาติกับจุดประสงค์แห่งชาติไว้ว่า ความมุ่งประสงค์แห่งชาติ
เปน็ เรอ่ื งวตั ถปุ ระสงคส์ ำ� คญั ทสี่ งั คมหนงึ่ พยายามทจี่ ะบรรลถุ งึ ในขณะทจี่ ดุ ประสงค์
แห่งชาตมิ คี วามหมายแคบกวา่ โดยปกตจิ ะใชเ้ ป็นเครอ่ื งมอื ของรัฐบาลเพอื่ ส่งเสริม
เรอื่ งใดเรอื่ งหน่ึงโดยเฉพาะ หรือเป็นขนั้ ตอนหนง่ึ ของความมุง่ ประสงคแ์ ห่งชาต2ิ 9
วัตถุประสงค์แห่งชาติที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรของไทยยึดถือ
สามารถจ�ำแนกออกเป็น 2 ประเภท คอื
1) วตั ถปุ ระสงค์มลู ฐานแหง่ ชาติ หมายถึง จุดหมาย เป้าหมาย หรอื
ความมงุ่ หมายตา่ งๆ อนั เปน็ หลกั มลู ฐานแหง่ ชาตซิ ง่ึ กวา้ งขวางมาก มลี กั ษณะมนั่ คง
ถาวรยงั่ ยนื นาน บางครงั้ กย็ ากทจี่ ะดำ� เนนิ การใหบ้ รรลถุ งึ ไดร้ ฐั บาลจะตอ้ งใชค้ วามเพยี ร
พยายามอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ในการพจิ ารณาเกยี่ วกบั นโยบายแหง่ ชาตทิ กุ ครง้ั ตอ้ งนำ� เอา
วตั ถปุ ระสงคม์ ลู ฐานขน้ึ มาเปน็ หลกั พจิ ารณารว่ มดว้ ยเสมอ (คำ� จำ� กดั ความดงั กลา่ วน้ี
ใกลเ้ คียงกบั ค�ำวา่ ผลประโยชนแ์ ห่งชาติ ซงึ่ นักวชิ าการบางท่านและตำ� ราบางเล่ม
ได้ใชค้ วามหมายนเี้ ปน็ ผลประโยชน์แหง่ ชาต)ิ
2) วตั ถปุ ระสงคเ์ ฉพาะแห่งชาติ หมายถงึ เปา้ หมายตา่ งๆ แห่งชาติ
ซึ่งไม่จ�ำเป็นจะต้องม่ันคงถาวร ยั่งยืน และบางครั้งก็ไม่สามารถจะด�ำเนินการให้
บรรลถุ งึ ไดท้ ง้ั หมด เปา้ หมายเหลา่ นอี้ าจมลี กั ษณะเปน็ การชว่ั คราวทจ่ี ะกา้ วไปสนอง
วัตถุประสงค์มูลฐานแห่งชาติ แต่จะต้องถือเป็นข้อพิจารณาที่ส�ำคัญย่ิงเกี่ยวกับ
ความมั่นคงแหง่ ชาติ การก�ำหนดวัตถุประสงคเ์ ฉพาะแห่งชาติควรสำ� นกึ อยเู่ สมอวา่
เมอ่ื ก�ำหนดขึน้ แลว้ จะเปน็ สะพานกา้ วไปสูห่ รือขจดั อุปสรรคขดั ขวางตา่ งๆ ในอันท่ี
จะบรรลุถงึ ซงึ่ วัตถุประสงค์มูลฐานแห่งชาติ
ตามความหมายของคำ� วา่ “วตั ถปุ ระสงคเ์ ฉพาะแหง่ ชาต”ิ จะตอ้ งเปน็
เรอ่ื งสำ� คญั ยงิ่ เกยี่ วกบั ความมน่ั คงแหง่ ชาตแิ ละเปน็ เรอื่ งทจี่ ะตอ้ งดำ� เนนิ การเพอ่ื ขจดั
อุปสรรคขัดขวางต่างๆ หรือขจัดปัญหาต่างๆ ในอันท่ีจะต้องด�ำเนินการให้บรรลุ
268

วัตถุประสงค์มูลฐานแห่งชาติ อุปสรรคหรือปัญหาต่างๆ น้ันจะทราบได้จาก
การตรวจสอบและวเิ คราะหส์ ภาวะแวดลอ้ มทกุ ดา้ นทมี่ ผี ลกระทบตอ่ ความมน่ั คงแหง่ ชาติ
ด้านต่างๆ ของประเทศ
จากการตรวจสอบและวเิ คราะหส์ ภาวะแวดลอ้ มและไดท้ ราบถงึ ปญั หา
หรืออุปสรรคต่างๆ หรือภัยคุกคาม หรือโอกาสที่จะแสวงประโยชน์ รวมทง้ั เรอ่ื ง
ที่ท้าทายต่อการที่ชาติจะต้องเข้าด�ำเนินการแล้ว นักยุทธศาสตร์ก็จะสามารถ
คาดการณ์ได้วา่ จะตอ้ ง “ท�ำอะไร” ในการแก้ปัญหาเหล่านัน้ เรือ่ งตา่ งๆ ทจ่ี ะตอ้ ง
ดำ� เนนิ การนนั้ กค็ อื “วตั ถปุ ระสงคเ์ ฉพาะแหง่ ชาต”ิ และเมอื่ ไดพ้ จิ ารณาตกลงใจวา่ จะ
“ท�ำอยา่ งไร” เพื่อขจดั ปญั หา อุปสรรคหรือภัยคุกคามเหลา่ นั้น น่ันก็คือ “นโยบาย
ความมน่ั คงแห่งชาติ” หลงั จากการพิจารณานโยบายฯ แล้วเห็นว่า จะต้องใชศ้ ิลป์
และศาสตร์ ตลอดจนทรัพยากรของชาติ หรือใช้ก�ำลังอ�ำนาจแห่งชาติด้านใดและ
ใชอ้ ย่างไร นั่นก็คือ “กระบวนการพัฒนายทุ ธศาสตรช์ าติ”30 น่ันเอง
ตวั อยา่ งของวตั ถปุ ระสงคแ์ หง่ ชาตแิ ละจดุ ประสงคแ์ หง่ ชาตขิ องประเทศตา่ งๆ
มี ดังน้ี
1) สหรฐั อเมริกา
จดุ ประสงค์แหง่ ชาติของสหรฐั อเมริกา ได้แก่
ก) ความเจรญิ เติบโตทางเศรษฐกจิ
ข) การมงี านท�ำอย่างเตม็ ที่
ค) การขจดั ความยากจน
ง) การเสรมิ สร้างพลานามัย
จ) การส่งเสรมิ การกนิ ดอี ยดู่ ขี องประชาชนช้ันผู้น�ำ
ฉ) การให้ความเสมอภาคแกช่ นกลุ่มน้อย
ช) สทิ ธิอนั เทา่ เทยี มกนั ของสตรี
ซ) การคุ้มครองสิทธิเอกชน
ฌ) การแก้ปญั หาความยุ่งยากในชนบท
ญ) การลดปัญหาอาชญากรรม
ฎ) การปรับปรงุ สิ่งแวดล้อม

269

ฏ) การปฏิรูป และส่งเสริมการศึกษา
ฐ) การค้มุ ครองผูบ้ ริโภค
ฑ) การสง่ เสรมิ ศลิ ปะและมนุษยชน
ตัวอย่างของวัตถปุ ระสงค์แหง่ ชาติ สหรัฐอเมรกิ า มดี งั น้ี
ก) เพ่อื ป้องกันประเทศจากศัตรใู ดๆ ของสหรฐั อเมรกิ า
ข) เพ่ือปกป้องบูรณภาพของสถาบันประชาธปิ ไตย
ค) เพือ่ พิทักษเ์ อกลกั ษณ์ โดยสรา้ งหลักสถาบนั ทางการเมอื ง ตาม
คำ� ประกาศอิสรภาพและรฐั ธรรมนูญแหง่ สหรฐั อเมรกิ า
2) สาธารณรฐั ประชาชนจีน
เพ่ือให้เกิดความเข้าใจในหลักพื้นฐานของยุทธศาสตร์ดีขึ้น จึงได้น�ำ
เอาการศึกษาเฉพาะกรณีอันเก่ียวกับประเทศสาธารณรฐั ประชาชนจีนมาพิจารณา
และวิเคราะห์ เพื่อให้เกิดแนวคิดในการน�ำหลักพ้ืนฐานของยุทธศาสตร์ไปใช้
ประโยชน์ อยา่ งไรกต็ าม ถา้ หากเราเขา้ ใจในเรอ่ื งความมงุ่ ประสงคแ์ หง่ ชาติ เปน็ พน้ื ฐาน
อย่างเหมาะแล้ว ต่อไปก็จะไม่มีปัญหาในเรื่องผลประโยชน์แห่งชาติ และไม่ว่าจะ
เป็นพื้นฐานที่สนใจใดๆ ก็ตาม ถ้าหากเราทราบความมุ่งประสงค์แห่งชาติเป็นท่ี
แน่นอนแล้ว วัตถุประสงค์แห่งชาติในการท่ีจะปกป้องคุ้มครอง หรือให้บรรลุถึง
ผลประโยชน์แห่งชาติเหล่านั้น ก็สามารถท่ีจะอนุมานได้ไม่ยากนัก และเม่ือทราบ
ผลประโยชน์แห่งชาติและวัตถุประสงค์แห่งชาติแล้ว ทางเลือกในการก�ำหนด
ยทุ ธศาสตรเ์ พอื่ ใหบ้ รรลซุ ง่ึ ผลประโยชนแ์ ละวตั ถปุ ระสงคแ์ หง่ ชาตกิ ส็ ามารถกระทำ� ได้
ตามหลักการทกี่ ำ� หนดให ้
ก) ความมงุ่ ประสงคแ์ ห่งชาตขิ องสาธารณรัฐประชาชนจีน
ถงึ แมว้ า่ ความรทู้ ไี่ ดร้ บั เกยี่ วกบั ระบบราชการ และการบรหิ ารราชการ
ของรัฐบาลจีนจะมีค่อนข้างน้อยก็ตาม แต่ความรู้เกี่ยวกับประเทศจีนย้อนหลัง
ในทางประวตั ศิ าสตรค์ อ่ นขา้ งจะสมบรู ณม์ ากทเี ดยี ว นอกจากนน้ั ความรเู้ พม่ิ เตมิ ท่ี
ไดร้ บั เกย่ี วกบั จนี ใหม่ รวมทง้ั จนี บนผนื แผน่ ดนิ ใหญ่ และจนี ไตห้ วนั จากงานเขยี นของ
เหมา เจอ๋ ตงุ และจเู อนิ ไหล คอ่ นขา้ งกระจา่ งชดั ขน้ึ มาก โดยอาศยั ขอ้ มลู ดงั กลา่ วนี้
ประกอบกับการศึกษาและพิจารณาเรื่องวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี
270

ประวตั ศิ าสตร์ ตลอดจนแนวทางปฏบิ ตั ิ อนั เปน็ คา่ นยิ มของจนี อยา่ งตอ่ เนอื่ ง อาจสรปุ
ความมุ่งประสงค์แห่งชาติจีนได้ว่า “สาธารณรัฐประชาชนจีน จะต้องรวมเป็น
อันหนึ่งอันเดียวกันอย่างมั่นคงและปลอดภัย ประชาชนอยู่ร่วมกันในสังคมที่
ปราศจากความอดอยาก หวิ โหย ปราศจากโรคภยั ตา่ งๆ และความยากจน มชี วี ติ อยู่
อย่างสันติ และปราศจากความวิตกกังวลจากการรุกรานใดๆ และยึดแนวทาง
ตามแนวความคดิ ทางอุดมการณ์ของมากซ-์ เลนิน-เหมา เจ๋อตงุ ”
จากค่านิยมอนั เป็นพนื้ ฐานของจนี ดังกลา่ ว อาจเพ่มิ เติมความเชอื่ ถือ
อนั เปน็ อดุ มการณข์ องชนชาตจิ นี ในศกั ดศ์ิ รแี หง่ ชนชาตทิ ย่ี งิ่ ใหญข่ องโลกไดอ้ กี ดงั น3้ี 2
(1) จะตอ้ งมพี ลงั อำ� นาจทเ่ี หนอื กวา่ ประเทศอนื่ ๆ ในภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออก
(2) จะตอ้ งเปน็ ประเทศที่เหนอื กว่าประเทศอืน่ ๆ แมว้ ่าจะไม่สามารถเป็น
อภิมหาอำ� นาจกต็ าม
(3) จะตอ้ งเปน็ แบบอยา่ งของสงครามปฏวิ ตั สิ ำ� หรบั ขบวนการคอมมวิ นสิ ตโ์ ลก
ข) วัตถปุ ระสงคแ์ หง่ ชาตจิ นี
การทีป่ ระเทศจีนจะสามารถปอ้ งกัน และรักษาผลประโยชนแ์ หง่ ชาติ
ที่มีอยู่ได้น้ัน รัฐบาลจีนจะต้องพยายามด�ำเนินนโยบายการเมืองภายใน และ
การเมืองระหว่างประเทศให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์แห่งชาติ และการดำ� เนินการ
ตามนโยบายใหบ้ รรลนุ นั้ ยอ่ มจะเปน็ การอำ� นวยประโยชนต์ อ่ ความมงุ่ ประสงคแ์ หง่ ชาติ
อันเป็นท่ีปรารถนาของประชาชนจีนด้วย อย่างไรก็ตาม ในการด�ำเนินการตาม
วตั ถปุ ระสงคแ์ หง่ ชาตเิ หลา่ น้ี อาจเกดิ ปญั หาในทางปฏบิ ตั ขิ นึ้ ได้ เพราะวตั ถปุ ระสงค์
อนั หนง่ึ ไปขดั กบั การบรรลวุ ตั ถปุ ระสงคอ์ กี อนั หนงึ่ ตวั อยา่ งเชน่ วตั ถปุ ระสงคแ์ หง่ ชาติ
ประการหนึ่งท่ีกล่าวไว้ว่า “เพ่ือกระท�ำทุกวิถีทางท่ีจะปลดปล่อยไต้หวัน”
ในขณะเดยี วกนั กพ็ ยายามมงุ่ ไปสกู่ ารบรรลผุ ลประโยชนพ์ นื้ ฐานอนั หนง่ึ ของจนี คอื
“การรวมดินแดนของจีนให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน” ซ่ึงสอดคล้องกับความมุ่ง
ประสงคแ์ หง่ ชาตขิ อ้ หนง่ึ คอื “จนี จะตอ้ งรวมเปน็ อนั หนงึ่ อนั เดยี วกนั อยา่ งมน่ั คงและ
ปลอดภัย” วัตถุประสงค์แห่งชาติดังกล่าว อาจก่อให้เกิดความเสียหายหรือเป็น
อนั ตรายตอ่ วตั ถุประสงคแ์ ห่งชาตสิ ำ� คญั ๆ หรือผลประโยชน์แหง่ ชาตอิ ื่นๆ ได้ เชน่

271

การทจ่ี ะดำ� รงรกั ษาความมนั่ คงปลอดภยั ของชาตไิ วใ้ หไ้ ดใ้ นสถานการณท์ ส่ี หรฐั อเมรกิ า
ปฏิบัตกิ ารตอบโตต้ อ่ จนี เป็นตน้ จะเห็นไดว้ า่ วตั ถปุ ระสงคแ์ ห่งชาติอาจขัดกนั เอง
ไดใ้ นบางกรณ3ี 4
ตอ่ ไปนคี้ อื วตั ถปุ ระสงคแ์ หง่ ชาตจิ นี ทเี่ คยกำ� หนดไวใ้ นอดตี ในอนั ทจี่ ะรกั ษา
ผลประโยชนแ์ ห่งชาติไว้ใหไ้ ด้
ผลประโยชน์แห่งชาต ิ : การรวมดินแดนจนี เข้าเป็นประเทศเดียว.....
วัตถุประสงค์ 1 : เพอ่ื ปลดปล่อยไต้หวัน
วัตถุประสงค์ 2 : เพอื่ แกป้ ญั หากรณพี พิ าทบรเิ วณพรมแดน อาจกระทำ�
ไดใ้ นลกั ษณะทจ่ี นี ตอ้ งการ
วตั ถุประสงค์ 3 : เพอ่ื เขา้ ควบคมุ ดนิ แดนนอกฝง่ั แผน่ ดนิ ใหญท่ ยี่ งั ไมเ่ กดิ
กรณพี พิ าท เชน่ หมเู่ กาะสแปรตลี หมเู่ กาะเตยี วหย/ู
เซน็ กากุ ฯลฯ
ผลประโยชน์แหง่ ชาติ : การด�ำรงรักษาความมนั่ คงแหง่ ชาติ ....
วตั ถุประสงค์ 4 : เพอ่ื พฒั นาขดี ความสามารถทางดา้ นอาวธุ นวิ เคลยี ร์
ของจนี ใหม้ ีความสามารถในการปอ้ งปราม
วัตถปุ ระสงค์ 5 : เพ่ือพัฒนาและเสริมสร้างก�ำลังทหารตามแบบให้
เพียงพอกับความจ�ำเป็นและเพิ่มเติมด้วยก�ำลัง
กึ่งทหารเพื่อป้องปรามการรุกรานจากภายนอก
ถา้ หากการปอ้ งปรามไมบ่ รรลผุ ล กใ็ หส้ ามารถปอ้ งกนั
ดนิ แดนจีนไว้ให้ได้ โดยการเอาชนะข้าศกึ ทร่ี ุกราน
วัตถุประสงค์ 6 : เพื่อพัฒนาความมั่นคงภายใน โดยให้มีองค์กร
ในการสบื เสาะ และขจดั ภยั คกุ คามภายในทงั้ ปวงทอี่ าจ
เกดิ ขน้ึ แก่รัฐบาลจนี
วตั ถปุ ระสงค์ 7 : เพ่อื ฟนื้ ฟูสัมพนั ธภาพกับสหรฐั อเมริกา อยา่ งน้อย
ที่สุดตราบเท่าที่สหภาพโซเวียตยังคุกคามจีนอยู่
272

ในปจั จบุ นั
วัตถปุ ระสงค์ 8 : เพื่อเสริมสร้างสัมพันธภาพกับประเทศญ่ีปุ่น
ด้วยความระมดั ระวงั
วัตถปุ ระสงค์ 9 : เพอื่ สรา้ งความสมั พนั ธก์ บั สหภาพโซเวยี ตใหเ้ กดิ ขน้ึ
ในอนาคตอนั ใกล้ และเสรมิ สรา้ งใหม้ คี วามสมั พนั ธ์
มากขึ้นในระยะต่อไป รวมทั้งลดความตึงเครียด
บริเวณพรมแดนลง ตลอดจนพยายามแก้ปัญหา
ความแตกตา่ งของอดุ มการณท์ างการเมอื งใหห้ มดไป
วตั ถุประสงค์ 10 : เพ่ือจ�ำกัดอิทธิพลของสภาพโซเวียตในเอเชีย โดย
เฉพาะอยา่ งย่งิ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
วัตถุประสงค์ 11 : เพอื่ ใหก้ ารสนบั สนนุ ในเรอื่ งการสงครามปลดปลอ่ ย
แกป่ ระเทศทไี่ มเ่ ปน็ คอมมวิ นสิ ตใ์ นเอเชยี ตะวนั ออก
เฉียงใต้ ในขณะเดียวกันให้พยายามเสริมสร้าง
ความสัมพันธ์ระหวา่ งประเทศไปด้วย
วัตถปุ ระสงค์ 12 : เพอ่ื จำ� กดั อทิ ธพิ ลของเวยี ดนามในการขยายอทิ ธพิ ล
ออกนอกประเทศดว้ ยมาตรการทร่ี นุ แรง และดำ� เนนิ
การทางการเมืองไม่ให้เวียดนามบรรลุเป้าหมาย
ในการเป็นผู้น�ำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมี
สหภาพโซเวยี ตหนนุ หลงั
วัตถุประสงค์ 13 : เพอื่ สรา้ งความสมั พนั ธก์ บั รฐั กนั ชน บรเิ วณพรมแดน
จนี -อนิ เดยี ในอนาคตอนั ใกลแ้ ละจะตอ้ งพยายาม
เสรมิ สรา้ งความสมั พนั ธอ์ นั ดกี บั อนิ เดยี ในระยะยาว
ผลประโยชนแ์ หง่ ชาต ิ : การมอี ทิ ธพิ ลทางขนบธรรมเนยี มประเพณขี องจนี
ในภูมิภาคเอเชยี ตะวนั ออก...
วัตถปุ ระสงค์ : ดวู ตั ถุประสงค์ 1 ถงึ 5, 8 และ 10 ถึง 13 ดงั กล่าว

273

ผลประโยชนแ์ ห่งชาติ : ประเทศต่างๆ ยอมรับว่าจีนเป็นประเทศ
มหาอำ� นาจของโลก เชน่ เดยี วกบั การยอมรบั วา่ จนี
เปน็ ขบวนการคอมมวิ นสิ ตใ์ นการทำ� สงครามปฏวิ ตั ิ
วัตถุประสงค์ 14 : เพื่อพัฒนาและขยายงานด้านต่างประเทศให้มี
ประสิทธิภาพและให้เจ้าหน้าที่ทางการทูตมี
ความเชี่ยวชาญ จนเป็นที่ยอมรับนับถือของ
นานาประเทศในลกั ษณะทเ่ี หนอื กวา่ ประเทศอื่นๆ
วตั ถุประสงค์ 15 : เพอื่ ดำ� เนนิ การสนบั สนนุ สงครามปฏวิ ตั ใิ นประเทศ
เปา้ หมายอยา่ งตอ่ เนอื่ งทว่ั โลก ทง้ั โดยเปดิ เผยและ
ไม่เปิดเผย และช่วยเหลือประเทศที่ก�ำลังพัฒนา
และด้อยพฒั นา
วัตถปุ ระสงค์ 15 : เพอ่ื ชใ้ี หป้ ระเทศดอ้ ยพฒั นาและกำ� ลงั พฒั นาทน่ี ยิ ม
ระบบสังคมนิยมแบบคอมมิวนิสต์ ตระหนักถึง
ภยั คกุ คามจากระบบจกั รวรรดนิ ยิ มของสหภาพโซเวยี ต
3) ประเทศไทย
วัตถุประสงค์แห่งชาติของไทย โดยคณะกรรมการร้อยกรองงานของ
สภาความม่นั คงแห่งชาติ มดี ังนี้
ก) เพื่อส่งเสริมและรักษาไว้ซ่ึงการปกครองระบอบประชาธิปไตย
อนั มีพระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมุข
ข) เพื่อเสริมสร้างจิตส�ำนึกของคนในชาติให้มีความจงรักภักดี และ
ธ�ำรงรกั ษาไว้ซึง่ สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์
ค) เพอ่ื สง่ เสรมิ และสนบั สนนุ การสรา้ งความปรองดองความเปน็ ธรรม
และความสมานฉนั ทใ์ นชาติ เพอื่ ลดการเผชญิ หนา้ และการใชค้ วามรนุ แรงในทกุ รปู แบบ
ง) เพอื่ ใหจ้ งั หวดั ชายแดนภาคใตม้ คี วามปลอดภยั ปราศจากเงอ่ื นไข
ของการใช้ความรุนแรง
จ) เพอ่ื พฒั นาศกั ยภาพของภาครฐั และสง่ เสรมิ บทบาทและความเขม้ แขง็
ของทกุ ภาคสว่ น ในการรบั มอื กบั ภยั คกุ คามทกุ รปู แบบทกี่ ระทบกบั ความมน่ั คง
274

ฉ) เพือ่ ใหก้ ารจดั การฐานทรพั ยากรธรรมชาติ สง่ิ แวดลอ้ ม พลงั งาน
และอาหาร มีความมั่นคง ความย่ังยืน และมีความสมดุลกับการขยายตัวของ
การพัฒนาประเทศ รวมถงึ ลดความเสีย่ งจากผลกระทบของกระแสโลกาภวิ ัตน์
ช) เพ่ือพัฒนาศักยภาพการเตรียมความพร้อมของชาติในการเผชิญ
กบั ภาวะสงครามและวิกฤตกิ ารณค์ วามมนั่ คงอยา่ งมเี อกภาพและประสิทธิภาพ
ซ) เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของกองทัพในการป้องกันประเทศ
สนบั สนนุ ภารกจิ ทไ่ี มใ่ ชก่ ารสงคราม และสามารถผนกึ กำ� ลงั ของกองทพั กบั ทกุ ภาคสว่ น
ในการเผชิญกบั ภยั คกุ คามด้านการปอ้ งกันประเทศในทกุ รปู แบบ
ฌ) เพอื่ สง่ เสรมิ สภาวะแวดลอ้ มทส่ี รา้ งสรรคแ์ ละสนั ตใิ นการอยรู่ ว่ มกบั
ประเทศเพื่อนบ้าน กลุ่มประเทศอาเซยี น ประชาคมโลก บนพืน้ ฐานของการรกั ษา
ผลประโยชน์ และด�ำรงเกยี รติภมู ิของชาติ36
ง. นโยบายแห่งชาติ
ในการปฏิบัติงานของหน่วยงานของรัฐ มักจะได้ยินได้ฟังค�ำว่า
“นโยบาย” (Policy) อยเู่ สมอ ซง่ึ อาจเปน็ นโยบายของสถาบนั ของทางราชการ เชน่
กระทรวง ทบวง กรม รฐั วสิ าหกจิ ตา่ งๆ เปน็ ตน้ และแมแ้ ตใ่ นการปกครองบงั คบั บญั ชา
ไม่ว่าจะเป็นพลเรือนหรือทหารก็ตาม ก็คุ้นเคยกับค�ำว่านโยบายอยู่ตลอดเวลา
หากไม่มีนโยบายก�ำหนดไว้เป็นตัวอักษรชัดเจน ผู้ใต้บังคับบัญชาจะต้องเข้าไป
ปรกึ ษาหารอื กบั ผบู้ งั คบั บญั ชา เพอื่ ขอทราบนโยบายกอ่ นเสมอ สำ� หรบั ในทางทหารนนั้
เคร่ืองช่วยในการปฏิบัติงานทางฝ่ายอ�ำนวยการที่ถือว่ามีความส�ำคัญมาก ก็คือ
“แฟม้ นโยบาย” (Policy File) ฝา่ ยอำ� นวยการทดี่ คี วรยดึ ถอื เปน็ หลกั ในการปฏบิ ตั งิ าน
ในกองบัญชาการต่างๆ
ค�ำว่า “นโยบายของรัฐ” (State Policy) บางครั้งก็เรียกว่า
“รฐั ประศาสนโยบาย”หรอื “นโยบายสาธารณะ” (Public Policy) มผี ใู้ หค้ วามหมาย
ไว้ต่างๆ กัน คอื ในความหมายอย่างกวา้ งๆ หมายถงึ สิง่ ที่รัฐบาลตดั สินใจกระทำ�
หรืองดเว้นการกระท�ำอย่างใดอย่างหน่ึง และในความหมายอย่างแคบ หมายถึง

275

แนวทางปฏิบัตขิ องรัฐบาลกลางหรือทอ้ งถิ่นที่ก�ำหนดวตั ถปุ ระสงคแ์ น่นอน เพอื่ ให้
กลมุ่ บคุ คล หรอื หนว่ ยงานดำ� เนนิ การแกไ้ ขปญั หาซง่ึ กำ� ลงั เกดิ ขน้ึ และอยใู่ นความสนใจ
อย่างไรก็ตาม สว่ นประกอบของนโยบายท่ีสำ� คัญอยา่ งนอ้ ยทสี่ ุด มีดงั น้ี
1) เป็นแนวทางปฏิบัติของรัฐบาล เพ่ือแก้ปัญหาใดปัญหาหน่ึง
ซง่ึ ก�ำลังเกดิ ขึ้นหรอื คาดวา่ จะเกดิ ขึน้ ในอนาคต
2) มเี ป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ท่ีแนน่ อน
3) มีความตั้งใจที่จะนำ� นโยบายน้นั ไปปฏบิ ตั ใิ หบ้ รรลผุ ล38
ในทางทหารไดใ้ หค้ วามหมายของคำ� วา่ “นโยบายแหง่ ชาต”ิ ไว้ 2 ดา้ น
กลา่ วคอื ตามพจนานกุ รมคณะเสนาธกิ ารรว่ ม คำ� วา่ “นโยบายแหง่ ชาต”ิ (National
Policy) หมายถงึ ถอ้ ยแถลงแนวทางอนั เกยี่ วกบั หนทางปฏบิ ตั ทิ ว่ั ไปอยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ
ทรี่ ฐั บาลจะนำ� มาใชใ้ นระดบั ชาตเิ พอื่ บรรลวุ ตั ถปุ ระสงคแ์ หง่ ชาติ (A broad course
of action of statements of guidance adopted by the government at a
national level in pursuit of national objectives)39 ในขณะที่ค�ำว่า
“นโยบายแห่งชาติ” ตามความหมายของวิทยาลัยการทัพบกของสหรัฐอเมริกา
หมายถึง แผนการต่างๆ ซึ่งแสดงนัยของการปฏิบัติต่างๆ ท่ีจะตามมาเพื่อบรรลุ
ซึ่งความมุ่งประสงค์แห่งชาติต่อไป และถูกด�ำเนินการเพ่ือสนับสนุนผลประโยชน์
และล�ำดบั ความเรง่ ด่วนแหง่ ชาติ (Plans which imply subsequent actions to
further the national purpose and are undertaken in support of national
interests and priorities)40 ทั้งสองค�ำข้างต้น มีความหมายในท�ำนองเดียวกัน
คอื มหี ลกั สำ� คญั เกย่ี วกบั หนทางปฏบิ ตั ิ (Course of Action) แตม่ เี ปา้ หมายต่างกัน
คือ ในพจนานุกรมของคณะเสนาธิการร่วมสหรัฐอเมริกานั้น ระบุเป้าหมาย
เปน็ วตั ถปุ ระสงคแ์ หง่ ชาติ สว่ นของวทิ ยาลยั การทพั บกสหรฐั อเมรกิ า ระบเุ ปา้ หมาย
สูงไปกว่าน้ัน คือ ความมุ่งประสงค์แห่งชาติ และรวมทั้งให้การสนับสนุนต่อ
ผลประโยชน์แหง่ ชาตติ ามล�ำดับความเร่งด่วนด้วย

276

ในการเลอื กใชค้ วามหมายทเ่ี หมาะสมจรงิ ๆ นนั้ ยอ่ มแลว้ แตส่ ถานการณ์
ความเหน็ และการกำ� หนดรปู แบบของยทุ ธศาสตรช์ าติ (Formulation of National
Strategy) แตเ่ ดมิ นน้ั ไดก้ ำ� หนดรปู แบบไวเ้ ปน็ ขนั้ ตอนตามลำ� ดบั คอื ความมงุ่ ประสงค์
-ผลประโยชน-์ วตั ถปุ ระสงค-์ นโยบาย แตใ่ นปจั จบุ นั แนวคดิ นไี้ ดพ้ ฒั นาไปเปน็ ลำ� ดบั
และไดต้ ดั ทอนส่ิงท่ีไมจ่ ำ� เปน็ ออกไป กลา่ วคอื ไดก้ �ำหนดเอาผลประโยชนแ์ ห่งชาติ
เป็นส�ำคัญ หากผลประโยชน์แห่งชาติเป็นท่ีชัดเจน ก็ไม่จ�ำเป็นต้องมีวัตถุประสงค์
หรือคงเอาไว้พจิ ารณาเปน็ ทางเลอื กสำ� รอง (Alternative Option) กไ็ ด้
ตัวอย่างของการก�ำหนดนโยบายด้านความม่ันคงแห่งชาติของไทย
(ฉบบั รา่ ง) พ.ศ.2558 - 2562 ของคณะกรรมการรอ้ ยกรองงานของสภาความมน่ั คง
แหง่ ชาตไิ ดก้ ำ� หนดนโยบายออกเป็น 2 ส่วน ดงั น้ี
1) สว่ นที่ 1 นโยบายเสรมิ สร้างความมน่ั คงที่เป็นแกน่ หลกั ของชาติ
ก) เสรมิ สรา้ งความมน่ั คงของสถาบนั หลกั ของชาติ และการปกครอง
ระบอบประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษตั ริย์ทรงเป็นประมขุ
ข) สรา้ งความเปน็ ธรรม ความปรองดอง และความสมานฉนั ทใ์ นชาติ
ค) ป้องกันและแกไ้ ขการก่อความไม่สงบในจงั หวัดชายแดนภาคใต้
2) ส่วนที่ 2 นโยบายความมน่ั คงแห่งชาตทิ ่ัวไป
ง) จดั ระบบการบรหิ ารจดั การชายแดนเพอ่ื ปอ้ งกนั และแกไ้ ขปญั หา
ข้ามพรมแดน
จ) สรา้ งเสรมิ ศกั ยภาพการปอ้ งกนั และแกไ้ ขปญั หาภยั คกุ คามขา้ มชาติ
ฉ) ปกปอ้ ง รักษาผลประโยชนแ์ หง่ ชาติทางทะเล
ช) จดั ระบบปอ้ งกนั และแก้ไขปญั หาผู้หลบหนีเขา้ เมอื ง
ซ) เสรมิ สร้างความเข้มแขง็ และภูมคิ ้มุ กันความมั่นคงภายใน
ฌ) เสรมิ สร้างความมัน่ คงทางเทคโนโลยสี ารสนเทศและไซเบอร์
ญ) รกั ษาความม่ันคงของฐานทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดล้อม
ฎ) เสรมิ สรา้ งความมัน่ คงทางพลังงานและอาหาร

277

ฏ) พฒั นาระบบการเตรยี มพรอ้ มแหง่ ชาตเิ พอ่ื เสรมิ สรา้ งความมน่ั คงแหง่ ชาติ
ฐ) เสรมิ สรา้ งและพฒั นาศกั ยภาพการป้องกันประเทศ
ฑ) พัฒนาระบบงานข่าวกรองใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพ
ฒ) เสรมิ สรา้ งดลุ ยภาพในการดำ� เนนิ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งประเทศ41
3. โครงสรา้ งและการกำ� หนดรูปแบบยุทธศาสตร์ชาติ
ในสถานการณ์โลกปัจจุบันน้ี หากวิเคราะห์ดูให้ถ่องแท้แล้ว ก็น่าจะ
เปน็ ทย่ี อมรบั กนั ทวั่ ไปวา่ คอ่ นขา้ งจะสบั สนมากพอสมควร เพราะสถานการณต์ า่ งๆ
แต่ละภูมิภาคของโลกได้ผันแปร และก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน ฉะนั้น
กรรมวิธีต่างๆ ที่จะน�ำมาใช้ในการก�ำหนดรูปแบบของยุทธศาสตร์ก็ค่อนข้างจะ
ยุ่งยาก และสลับซับซ้อนมากทีเดียว ย่ิงไปกว่าน้ัน ลักษณะทั่วไปของยุทธศาสตร์
ก็เป็นเช่นเดียวกันกับลักษณะพฤติกรรมของมนุษย์ ซึ่งต้องการความพยายาม
ในการแก้ปัญหาอยู่เสมอ และไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาใดๆ ก็ตาม ผู้มีอ�ำนาจ
รับผิดชอบในการแก้ปัญหาจะต้องพยายามหาทางแก้ให้ตรงจุดและมีความเข้าใจ
ในปัญหาเป็นอย่างดี วิธีแก้ปัญหาท่ีเหมาะสม และมักนิยมใช้กันมาก ก็คือ
การท�ำความเข้าใจในตัวปัญหาอย่างกว้างๆ เสียก่อน แล้วจึงศึกษาในรายละเอียด
เปน็ ขน้ั ตอนตอ่ ไป ดงั สภุ าษติ องั กฤษบทหนงึ่ ทก่ี ลา่ วไวว้ า่ “เหน็ ตน้ ไม้ แตไ่ มเ่ หน็ ปา่ ”
(Can’t see the forest for the tree)42 ซง่ึ แสดงถึงความหมายในวิธีด�ำเนินการ
แก้ปัญหาน้ีได้เป็นอย่างดีว่า จะด�ำเนินการล�ำดับหรือเป็นข้ันตอนอย่างไร แต่หาก
ม่งุ เน้นในเร่อื งรายละเอียดมากเกนิ ไป กจ็ ะมองไมเ่ ห็นสถานการณ์ในภาพรวม
การกำ� หนดรปู แบบของยทุ ธศาสตรข์ น้ึ กเ็ ปน็ กรรมวธิ ใี นการแกป้ ญั หา
อย่างงา่ ยๆ แบบหนึ่ง (Problem-Solving Process) ตามภาพที่ 5-1 เปน็ รปู แบบ
ของยุทธศาสตร์ท่ีก�ำหนดขึ้นเพื่อใช้เป็นกรรมวิธีแก้ปัญหา กล่าวคือ รูปแบบของ
ยุทธศาสตร์ที่ก�ำหนดขึ้นน้ี จะท�ำให้เรามีความเข้าใจถึงความสัมพันธ์ของวงกลม
3 วง ซึ่งก�ำหนดข้ึนเพื่อใช้แทนส่ิงที่เก่ียวข้องกับเรื่องของยุทธศาสตร์ และวงกลม
ท้ัง 3 วงน้ัน จะเชื่อมต่อด้วยเชือก หรือสายพาน เมื่อล้อหนึ่งหมุน วงล้ออ่ืนๆ

278

ก็หมุนตามไปด้วย ประดุจฟันเฟืองของเครื่องจักรกล สำ� หรับวงกลมตรงกลางนั้น
เปรยี บเสมอื นเปน็ นกั ยทุ ธศาสตรท์ ค่ี อยตรวจสอบพสิ จู นท์ ราบ และประดษิ ฐส์ ง่ิ ตา่ งๆ
เพอื่ วตั ถปุ ระสงคท์ จ่ี ะใหเ้ ครอ่ื งจกั รกลตามรปู แบบทกี่ ำ� หนดขน้ึ หมนุ ไปอยา่ งสมำ่� เสมอ
โดยไม่มีอุปสรรค แม้จะมีแรงต่างๆ ที่มากระทบต่อสายพานที่หมุนล้อก็เป็น
เสมอื นกบั ภยั คกุ คาม ซง่ึ มรี ปู แบบตา่ งๆ กนั คอื เปน็ ภยั คกุ คามทเี่ กดิ ขน้ึ ทง้ั จากภายใน
และจากภายนอก นักยุทธศาสตร์ในวงกลมตอนกลางน้ัน จะต้องรับทราบ
จุดหมายปลายทาง (Ends) หรือพิสูจน์ทราบจุดหมายปลายทางท่ีเขาประสงค์
จะบรรลถุ งึ เปน็ ขนั้ แรก จดุ หมายปลายทางนเี้ องจะปรากฏอยใู่ นรปู ของ “ผลประโยชน”์
(Interests) หรือ “วตั ถปุ ระสงค”์ (Objectives)
ขั้นต่อไป นักยุทธศาสตร์จะต้องเพ่งเล็งไปยัง “ขีดความสามารถ”
(Capablities) ซง่ึ จะอำ� นวยประโยชนใ์ หแ้ กต่ น ขีดความสามารถดงั กลา่ วน้ี กจ็ ะมี
“พลงั อำ� นาจแหง่ ชาต”ิ (National Power) เปน็ เครอ่ื งบง่ ชข้ี ดี ความสามารถเหลา่ นี้
รวมถึง เศรษฐกิจ การทหาร การเมือง สารสนเทศ และสังคมจิตวิทยา
ขีดความสามารถเหล่าน้ี คือ ขีดความสามารถทั้งสิ้นทั้งปวงท่ีมีอยู่ในรัฐชาติน้ัน
ซึ่งก็คือ องค์ประกอบของพลังอ�ำนาจแห่งชาตินั่นเอง และได้กล่าวอย่างละเอียด
ไวแ้ ลว้ ในบทที่ 1 ขอใหส้ งั เกตวา่ “ขดี ความสามารถ” เปน็ เสมอื น “เครอ่ื งมอื ” หรอื
“พาหะ” ที่จะน�ำไปสู่เปา้ หมายต่อไป
อยา่ งไรกต็ าม มขี อ้ สงั เกตอยวู่ า่ องคป์ ระกอบของพลงั อำ� นาจแหง่ ชาตนิ นั้
สามารถเป็นไปได้ท้ังทางบวกและทางลบ ทางบวก ก็คือ ข้อดี หรือข้อท่ีส่งเสริม
และเก้ือกูล ส่วนทางลบ ก็คอื ขอ้ เสยี หรอื ขอ้ จ�ำกัด นกั ยุทธศาสตร์จะประเมนิ ค่า
ทางเลือกของตนทุกทางเลือก และเลือกหาทางเลือกที่ดีที่สุดขึ้นเพื่อให้บรรลุ
จุดหมายปลายทาง หากเห็นว่าทางเลือกน้ันยังมีจุดอ่อนก็ต้องประดิษฐ์ “วิธีการ”
(Methods) ข้ึนเพ่ือเสริมแต่ง หรือเพ่ือเป็นหลักประกันท่ีจะให้บรรลุจุดหมายได้
อย่างมีประสิทธิภาพ วิธีการต่างๆ ท่ีประดิษฐ์ขึ้นนั้นจะปรากฏอยู่ในนโยบาย
แหง่ ชาติ โครงการ และพนั ธกรณตี ่างๆ และอาจก�ำหนดข้นึ ทั้งโดยตรงและโดยอ้อม
เพอื่ ใหบ้ รรลถุ ึงจุดหมายปลายทางแหง่ ชาติอยา่ งดีทส่ี ดุ นั่นเอง43

279

(สังคม ิจตวิทยแารงแผลลัะก ุอดัดนมการณ์) จุดหมาย การจัดแหรงนผ่วลยกั แดลันะเทคโนโลยี
พิสูจ ์นทราบ ปลายทาง
ผลประโยชน์
วัตถุประสงค์

นกั ยทุ ธศาสตร์ นกั ประดิษฐ์

ขดีสคงัสกเคกวาศามารารรรสจมษทเนิตมสฐหวเาือกทาทิมิจงรศยาารถ ตรวจสอบ วิธีการ
นโยบาย
โครงการ
พนั ธกรณี

ภยั คกุ คาม

ภาพที่ 5-1 การกำ� หนดรูปแบบยทุ ธศาสตร์
ทมี่ า : พจน์ พงศส์ วุ รรณ, อา้ งแลว้ , หนา้ 139.

เม่ือพิจารณากรรมวิธีโดยตลอด จะเห็นได้ว่า นักยุทธศาสตร์ได้รับ
อทิ ธพิ ลตา่ งๆ จากสงิ่ ทเี่ ราเรยี กวา่ “แรงผลกั ดนั ” (Forces) ในรปู แบบตา่ งๆ กนั
เช่น ทางสงั คมจิตวทิ ยา การจัดหนว่ ยงาน อดุ มการณ์ และทางเทคโนโลยี เป็นตน้
รปู แบบของแรงผลกั ดนั นน้ั อาจเกดิ ขน้ึ จากภายในประเทศและภายนอกหรอื ตา่ งประเทศ
อยา่ งไรก็ตาม นักยทุ ธศาสตร์ยังจะตอ้ งมคี วามระมดั ระวงั เปน็ พิเศษในเร่ืองทิศทาง
ของแรงผลักดันเหล่านั้นท่ีจะเคลื่อนท่ีเข้ามา รวมทั้งวิธีที่เข้ามาด้วย การเคล่ือนที่
เขา้ มานอี้ าจเปน็ ผลกระทบตอ่ จดุ หมายปลายทางแหง่ ชาติ ขดี ความสามารถของชาติ
หรอื วธิ กี ารตา่ งๆ ทปี่ ระดษิ ฐข์ น้ึ เพอื่ สนบั สนนุ ขดี ความสามารถของชาติ เราอาจเรยี ก
ทศิ ทางของแรงผลกั ดนั เหลา่ นว้ี า่ “แนวโนม้ ”(Trend) นอกจากนนั้ แลว้ นกั ยทุ ธศาสตร์
ยงั อาจไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากแนวคดิ ของตนเองในเรอื่ งเกย่ี วกบั “ภยั คกุ คาม” (Threats)
ซ่ึงภัยคุกคามน้ี โดยปกติจะปรากฏในรูปของการปฏิบัติการต่างๆ หรือการเข้าไป
ปฏิบตั กิ ารยุ่งเกย่ี วกับรัฐอนื่ ซง่ึ ขดั แยง้ กบั จุดหมายปลายทางของเรา

280

กล่าวโดยสรุป พึงระลึกไว้ว่า รูปแบบของยุทธศาสตร์ คือ กรรมวิธี
ในการแกป้ ญั หาอยา่ งงา่ ยๆ นนั่ เอง ดงั นน้ั นกั ยทุ ธศาสตร์ หรอื นกั ศกึ ษายทุ ธศาสตร์
ควรริเริ่มก�ำหนดรูปแบบยุทธศาสตร์อย่างง่ายๆ ข้ึน และสร้างรูปแบบให้ตรงกับ
ระดบั ของความตอ้ งการหรอื ความปรารถนาของตน รวมทงั้ เสรมิ แตง่ ใหม้ คี ณุ คา่ ยง่ิ ขน้ึ
หากเรายอมรับการก�ำหนดรูปแบบยุทธศาสตร์ (ภาพท่ี 5-1) ข้างต้นเป็นพื้นฐาน
ในการพจิ ารณาถงึ โครงสรา้ งยทุ ธศาสตรช์ าตทิ ถ่ี กู ตอ้ งและเหมาะสมกบั ความปรารถนา
ของคนในชาตเิ ปน็ สว่ นรวม เรากอ็ าจกำ� หนดโครงสรา้ งยทุ ธศาสตรช์ าตขิ นึ้ ได้ 2 แบบ
ตามภาพที่ 5-244

แบบท่ี 1 แบบท่ี 2

ความมงุ่ ประสงค์แห่งชาติ ความมุ่งประสงค์แหง่ ชาติ

ผลประโยชนแ์ หง่ ชาติ ผลประโยชน์แห่งชาติ

วัตถุประสงคแ์ ห่งชาติ นโยบายแหง่ ชาติ
นโยบายแหง่ ชาติ ยทุ ธศาสตร์ชาติ

ยทุ ธศาสตร์ชาติ

ภาพที่ 5-2 โครงสร้างการกำ� หนดยทุ ธศาสตร์
ที่มา : พจน์ พงศ์สุวรรณ, เร่อื งเดยี วกัน, หน้า 140.

อยา่ งไรกต็ าม ความแตกตา่ งของทง้ั สองแบบนนั้ อยทู่ ว่ี า่ ในแบบท่ี 1 ได้
กำ� หนดใหม้ วี ตั ถปุ ระสงคแ์ หง่ ชาตเิ ปน็ เปา้ หมายรองจากผลประโยชนแ์ หง่ ชาตไิ ว้ สว่ น
ในแบบที่ 2 นนั้ ไมไ่ ดก้ ำ� หนดวตั ถปุ ระสงคแ์ หง่ ชาตไิ ว้ คอื จากผลประโยชนแ์ หง่ ชาติ
กต็ รงมายงั นโยบายแหง่ ชาติ โดยถอื เอาผลประโยชนแ์ หง่ ชาตเิ ปน็ เปา้ หมายโดยตรง

281

แนวคดิ เกยี่ วกบั ผลประโยชนแ์ หง่ ชาตนิ น้ั จะกำ� หนดขนึ้ ใหแ้ นช่ ดั ลงไป
ไม่ได้ง่ายนัก เพราะมีปัจจัยท่ีเก่ียวข้องอยู่มากมายด้วยกัน แม้จะมีหลักท่ัวไปไว้ว่า
ผลประโยชน์แห่งชาตินั้น เป็นสิ่งที่ผู้น�ำในคณะรัฐบาลท่ีก�ำลังบริหารประเทศ
อยใู่ นขณะนน้ั จะเปน็ ผกู้ ำ� หนดขนึ้ กต็ าม แตก่ ไ็ มเ่ คยปรากฏวา่ มรี ฐั บาลประเทศใดๆ
ในโลกทงั้ ในอดตี และปจั จบุ นั กำ� หนดผลประโยชนแ์ หง่ ชาตติ นออกมาโดยแนน่ อน หรอื
ตรงไปตรงมา แตเ่ รากอ็ าจพจิ ารณาไดจ้ ากนโยบาย หรอื การตดั สนิ ใจของรฐั บาลนน้ั ๆ
เปน็ เรอื่ งๆ ไปนอกจากนนั้ ถา้ หากจะวเิ คราะหก์ นั จรงิ ๆ ถงึ ผลประโยชนแ์ หง่ ชาตใิ ดแลว้
กม็ กั จะอาศยั ปจั จยั หรอื ขอ้ มลู จากการวางแผนการใชง้ บประมาณของประเทศนนั้ ๆ
ซ่ึงจะมองให้เห็นความส�ำคัญ หรือการเน้นหนักถึงการใช้เงินและทรัพยากรเพื่อให้
บรรลุถึงเป้าหมายท่ีต้องการ และจะเป็นทางให้เราทราบถึงผลประโยชน์แห่งชาติ
และลำ� ดบั ความเรง่ ดว่ นของผลประโยชน์แหง่ ชาตินั้นๆ ได้
ในการศกึ ษาเรอ่ื งผลประโยชนแ์ หง่ ชาตนิ ้ี สถาบนั ทมี่ ชี อื่ เสยี งทางทหาร
ของสหรฐั อเมริกา คอื โรงเรยี นเสนาธิการทหารบกของสหรัฐอเมริกา ไดพ้ ิจารณา
แบ่งผลประโยชนแ์ ห่งชาติออกเปน็ 2 ระดับ คอื ในลกั ษณะของผลประโยชน์ ซ่งึ มี
ความยง่ั ยนื โดยธรรมชาติ และเปน็ ทยี่ อมรบั ของประชาชนของกลมุ่ การเมอื งตา่ งๆ กนั
เช่น ผลประโยชน์แห่งชาติในการมีเสรีทางทะเล เป็นต้น และในลักษณะของ
ผลประโยชนต์ ามแนวคดิ ของกลมุ่ การเมอื งระดบั สงู ของชาตภิ ายใตก้ ารพจิ ารณาอยา่ ง
พินิจพิเคราะห4์ 5
อยา่ งไรกต็ าม ผลประโยชนแ์ หง่ ชาตทิ งั้ 2 ระดบั หรอื 2 ลกั ษณะนี้ กอ็ าจ
เปลยี่ นแปลงไปไดถ้ า้ หากสงิ่ แวดลอ้ มเกิดเปลี่ยนแปลง ส�ำหรับในลกั ษณะท่สี องนัน้
เป็นผลประโยชน์ของผลผลิตของหัวหน้ากลุ่มการเมือง ซึ่งอาจมาในรูปของ
“จดุ ประสงค”์ หรอื “นโยบายของพรรคการเมือง” ซึ่งถา้ หากกลุม่ การเมอื ง หรอื
พรรคการเมืองน้ันมีโอกาสได้เป็นรัฐบาล ก็อาจพัฒนาเป็นผลประโยชน์แห่งชาติ
ซงึ่ เปน็ เปา้ หมายของพรรคนน้ั ทตี่ อ้ งการจะบรรจถุ งึ โดยมหี นทางปฏบิ ตั ิ หรอื นโยบาย

282


Click to View FlipBook Version