บทท่ี 4
กระบวนการก�ำหนดยุทธศาสตร์
(Strategy Formulation Process)
1. กลา่ วนำ�
ในความหมายอยา่ งงา่ ย “ยทุ ธศาสตร”์ หมายถงึ การอนมุ านวตั ถปุ ระสงค์
แนวคดิ และทรพั ยากรภายใตข้ อบเขตของความเสยี่ งทย่ี อมรบั ไดเ้ พอ่ื สรา้ งผลลพั ธ์
ที่ดีกว่าโดยไม่ยอมปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรมหรือตกอยู่ในมือของคนอนื่ คำ� วา่
“ยุทธศาสตร์” ตามบรรณสารร่วมของกองทัพสหรัฐอเมริกาฉบับท่ี 1-02 (Joint
Publication 1-02) หมายถึง “ศิลป์และศาสตร์ของการพัฒนา และใช้เครื่องมือ
ที่เป็นพลังอ�ำนาจแห่งชาติท่ีสอดคล้องและบูรณาการ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์
ของยทุ ธบรเิ วณ วตั ถปุ ระสงคแ์ หง่ ชาติ และ/หรอื วตั ถปุ ระสงคข์ องพหชุ าต”ิ 1 เหน็ ไดว้ า่
ทงั้ สองความหมายแม้จะมีประโยชน์ แตท่ ั้งสองความหมายกม็ ิได้สือ่ ให้เหน็ บทบาท
และความซับซ้อนของยุทธศาสตร์ในระดับรัฐท่ีเป็นระดับสูงสุดอย่างเต็มที่
ดว้ ยยทุ ธศาสตรเ์ ปน็ ศลิ ปแ์ ละศาสตรข์ องการพฒั นาและใชก้ ำ� ลงั อำ� นาจทางการเมอื ง
ก�ำลังอำ� นาจทางเศรษฐกจิ กำ� ลังอำ� นาจทางสงั คมจิตวทิ ยา กำ� ลังอ�ำนาจทางทหาร
และกำ� ลังอำ� นาจทางสารสนเทศของรัฐ ใหส้ อดคลอ้ งกับนโยบายทางการเมอื งเพ่อื
สร้างผลลัพธ์ต่อการปกป้องหรือสร้างความก้าวหน้าต่อผลประโยชน์แห่งชาติ
ทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั รฐั ผดู้ ำ� เนนิ การ หรอื สภาพการณอ์ นื่ ๆ ดว้ ยเหตนุ ้ี ยทุ ธศาสตรจ์ งึ แสวงหา
ความเปน็ อนั หนง่ึ อนั เดยี วกนั และความกลมกลนื ระหวา่ งวตั ถปุ ระสงค์ (Objectives)
แนวคดิ (Concepts) และทรพั ยากร (Resources) เพอ่ื เพมิ่ โอกาสประสบความสำ� เรจ็
ตามนโยบายทางการเมือง และก่อให้ผลท่ีน่าพึงพอใจตามมา ยุทธศาสตร์
จึงเป็นกระบวนการอย่างหน่ึงที่แสวงหาวิธีการประยุกต์ใช้ความมีเหตุผลและ
ความเทย่ี งตรงตอ่ สถานการณท์ ่ีอาจมีหรอื ไมม่ กี ไ็ ด้ ยทุ ธศาสตรส์ ามารถบรรลสุ ง่ิ นไ้ี ด้
กโ็ ดยการแสดงออกซงึ่ ความมตี รรกะในรปู แบบทมี่ เี หตผุ ล (Rational Term) เทย่ี งตรง
(Linear Term) โดยอยใู่ นรปู แบบของจดุ หมาย (Ends) แนวทาง (Ways) และเครอ่ื งมอื
(Means) เนอื่ งจากยทุ ธศาสตรเ์ ปน็ สง่ิ ทยี่ ากตอ่ ความเขา้ ใจอยแู่ ลว้ ทฤษฎอี นั เกย่ี วกบั
ยุทธศาสตร์จึงช่วยให้เราเข้าใจและใช้แก้ปัญหาความซับซ้อนของยุทธศาสตร์โดย
สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับตรรกะของยุทธศาสตร์ได้ เน่ืองจากแต่ละทฤษฎีของ
ยุทธศาสตร์จะมีศัพทบ์ ญั ญัติและนยิ ามที่จ�ำเป็น คำ� อธิบายสมมติฐานและหลกั ฐาน
ทอ่ี ยเู่ บอ้ื งหลงั ขอ้ เสนอทเี่ ปน็ สาระสำ� คญั ซงึ่ สามารถแปลงไปสสู่ มมตฐิ านทสี่ ามารถ
ทดสอบได้ และวิธีการท่ีสามารถน�ำไปใช้ทดสอบสมมติฐานและดัดแปลงทฤษฎีได้
ตามความเหมาะสม น่ีคือเหตุผลว่า ท�ำไมเราถึงต้องศึกษาทฤษฎีอันเก่ียวกับ
ยุทธศาสตร์ เพราะคุณค่าของยุทธศาสตร์น้ัน มิได้ต้ังอยู่บนแบบแผนท่ีก�ำหนดให้
ประสบความสำ� เรจ็ แตเ่ พยี งอยา่ งเดยี ว แตย่ ทุ ธศาสตรเ์ ปน็ สง่ิ ทชี่ ว่ ยใหเ้ ราขยายและ
ฝึกฝนความคิดให้ดีย่ิงขึ้น ดังเช่น เคลาเซวิทซ์ ได้เคยกล่าวเตือนเราเอาไว้แล้วว่า
“เราควรศกึ ษาทฤษฎี ไมใ่ ชศ่ กึ ษาหลกั นยิ ม” หรอื อกี นยั หนง่ึ “ทฤษฎเี อาไวใ้ ชศ้ กึ ษา
หลกั นิยมเอาไวใ้ ห้ใช้งาน”2 ดังน้นั หากเราตอ้ งการเขา้ ใจความเป็นไปของหลักนยิ ม
หรอื ยทุ ธศาสตรอ์ ยา่ งถอ่ งแท้ เรากจ็ ำ� เปน็ ตอ้ งศกึ ษาทฤษฎหี รอื แนวคดิ ทอ่ี ยเู่ บอื้ งหลงั
หลกั นยิ มหรอื ยทุ ธศาสตรด์ งั กลา่ ว เพราะเรายอ่ มไมอ่ าจหาคำ� อธบิ ายเหลา่ นไี้ ดจ้ าก
ตวั หลกั นิยมหรอื ยทุ ธศาสตรเ์ องไดเ้ ลย
เนื่องจากการคิดในระดับยุทธศาสตร์เป็นส่ิงที่ยาก ดีที่สุดก็คือ
มองยทุ ธศาสตรว์ า่ เปน็ ทงั้ ศาสตรแ์ ละศลิ ป์ โดยมโี ครงสรา้ งของทฤษฎเี ปน็ ตวั กำ� หนด
รากฐานตามระเบยี บวธิ ขี องกระบวนการคดิ อยา่ งมแี บบแผน เพอื่ ชว่ ยใหน้ กั ยทุ ธศาสตร์
ใชพ้ ฒั นายทุ ธศาสตร์ และใชย้ ทุ ธศาสตรเ์ ปน็ แนวทางใหก้ บั ผอู้ นื่ ปฏบิ ตั ติ าม ประเมนิ คา่
และวพิ ากษข์ อ้ ดขี อ้ เสยี ของยทุ ธศาสตรท์ ก่ี ำ� หนดขนึ้ ไดอ้ ยา่ งเขา้ ใจ ในขณะทยี่ ทุ ธศาสตร์
เปน็ สงิ่ สำ� คญั อยา่ งหนง่ึ ตอ่ การใหก้ ารศกึ ษาทางความคดิ แตน่ กั ยทุ ธศาสตรท์ ปี่ ราดเปรอ่ื ง
เชน่ นกี้ ย็ งั เทยี บไมไ่ ดก้ บั ผเู้ ปน็ อจั ฉรยิ ะ3 เพราะนกั ยทุ ธศาสตรท์ ยี่ ง่ิ ใหญใ่ นประวตั ศิ าสตร์
มักฉลาดในการเรยี นรู้ทางจติ ท้งั ศาสตร์และศลิ ป์ท่สี งู มาก พวกเขาเหลา่ น้ีสามารถ
รับรู้สภาพที่เป็นจริง ความสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อม และประยุกต์ใช้ทั้งศาสตร์
และศลิ ปใ์ นการกำ� หนดยทุ ธศาสตรใ์ หป้ ระสบผลสำ� เรจ็ ไดเ้ ปน็ อยา่ งด4ี ทวา่ นกั ยทุ ธศาสตร์
184
อจั ฉริยะทแ่ี ท้จรงิ นัน้ หาได้ยาก แม้เป็นเวลาเกือบ 200 ปแี ล้ว โลกเราก็ยังหาผูเ้ ป็น
อจั ฉรยิ ะอยา่ งนโปเลยี นไมไ่ ด้ หรอื ในรอบ 500 ปที ผ่ี า่ นมา ไทยเรากม็ นี กั ยทุ ธศาสตร์
ทยี่ งิ่ ใหญเ่ พยี ง 4 ทา่ น คอื สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช สมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราช
สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และสมเด็จพระปิยะมหาราช เท่านั้น
ยง่ิ ในโลกยคุ ปจั จบุ นั เปน็ ยคุ แหง่ ความยงุ่ ยากซบั ซอ้ น จงึ เปน็ ไปไดย้ ากยงิ่ ทใ่ี ครสกั คน
หรือแม้แต่ผู้เป็นอัจฉริยะเองท่ีจะเข้าใจความเป็นไปของโลกสมัยใหม่และก�ำหนด
ยุทธศาสตรท์ เ่ี หมาะสมได้ทั้งหมด ด้วยทัศนะเหลา่ นี้ ท�ำให้ยุทธศาสตร์ถูกเชอ่ื มโยง
เขา้ กบั บคุ ลกิ ลกั ษณะของปจั เจกชนในสายตาของสาธารณชน และปจั เจกชนบางคน
ก็อาจมีพรสวรรคเ์ ฉพาะสำ� หรบั ศาสตรแ์ ละศลิ ปเ์ ชน่ นก้ี ็ได5้
2. ตรรกะของยทุ ธศาสตร์
เนื่องจากยุทธศาสตร์ เป็นพิมพ์เขียวของความสอดคล้องท่ีจะเป็น
สะพานเชอื่ มระหวา่ งสภาพความเปน็ จรงิ ในปจั จบุ นั กบั อนาคตทต่ี อ้ งการ ยทุ ธศาสตร์
จึงเป็นการพิจารณาความสัมพันธ์ของวิธีการท่ีจะประยุกต์ใช้ทรัพยากรต่างๆ
เพ่ือบรรลุเป้าหมายท่ีต้องการในสภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์เฉพาะในห้วงเวลา
ที่ก�ำหนด ในบริบทของรัฐยุทธศาสตร์เป็นการใช้เครื่องมืออย่างใดอย่างหนึ่ง
ของพลงั อำ� นาจแหง่ ชาติ (กำ� ลงั อำ� นาจทางการเมอื ง/การทตู กำ� ลงั อำ� นาจทางเศรษฐกจิ
ก�ำลังอ�ำนาจทางทหาร และก�ำลังอ�ำนาจทางสารสนเทศ) เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์
ทางการเมอื งของรฐั ภายใตค้ วามรว่ มมอื หรอื การแขง่ ขนั กบั ผเู้ ลน่ อนื่ ๆ ซง่ึ ตอ้ งการบรรลุ
วัตถปุ ระสงค์ทีอ่ าจขดั แย้งกนั เองด้วย6 ในอีกแง่หน่งึ ยุทธศาสตร์เป็นการประยกุ ต์
ใช้พลังอ�ำนาจท่ีแฝงอยู่ในทรัพยากรตามธรรมชาติและทรัพยากรทางสังคมของรัฐ
เพ่ือบรรลุผลลัพธ์ทางการเมืองในสภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์ที่มีลักษณะ
ของการแขง่ ขนั เปน็ พลวตั และอบุ ัติขน้ึ โดยมไิ ด้คาดคดิ ฉะนนั้ ทง้ั ยุทธศาสตรแ์ ละ
การวางแผน ตา่ งตกอยภู่ ายใตธ้ รรมชาตขิ องสภาพแวดลอ้ มเหลา่ นที้ งั้ สนิ้ แตย่ ทุ ธศาสตร์
มีคณุ สมบัตทิ ีแ่ ตกต่างจากการวางแผนทง้ั ในกรอบของเน้ือหา (Scope) สมมตุ ฐิ าน
(Assumptions) และขอ้ เสนอสนบั สนนุ ในการสรปุ สมมตุ ฐิ าน (premises) อยา่ งชดั เจน
ดว้ ยยทุ ธศาสตรเ์ ปน็ ตวั กำ� หนดโครงสรา้ งและตวั แปรสำ� หรบั การวางแผนทงั้ ในระยะสนั้ และ
185
ระยะยาวทต่ี อ้ งการรายละเอยี ดมากขน้ึ อยา่ งไรกต็ าม ทงั้ ยทุ ธศาสตรแ์ ละการวางแผน
ตา่ งกใ็ ชป้ จั จยั จดุ หมาย (Ends) แนวทาง (Ways) และเครอื่ งมอื (Means) และใชห้ ลกั เกณฑ์
การตรวจสอบในเรอื่ งความเหมาะสม (Suitability) ความเปน็ ไปได้ (Feasibility)
และความยอมรบั ได้ (Acceptability) เช่นเดยี วกัน
ในระดับชาติสมมติฐานที่อยู่เบื้องหลังยุทธศาสตร์ก็คือ รัฐชาติและ
ผเู้ ลน่ ทมี่ ใิ ชร่ ฐั ตา่ งมผี ลประโยชนเ์ ปน็ ของตนเองและใชข้ ดี ความสามารถทดี่ ที สี่ ดุ เพอื่
ใหไ้ ดม้ าซงึ่ ผลประโยชนข์ องตนเองทงั้ สนิ้ ผลประโยชนจ์ งึ เปน็ เปา้ หมายของพวกเขาเหลา่ น้ี
เชน่ ความอยรู่ อด ความมง่ั คง่ั ทางเศรษฐกจิ ระเบยี บโลกทเี่ กอื้ กลู และการดำ� รงไว้
ซง่ึ คา่ นยิ มของชาตหิ รอื ของกลมุ่ ผลประโยชนเ์ หลา่ นไี้ ดม้ าจากคณุ ลกั ษณะองคร์ วม
ซ่ึงสะท้อนอยู่ในสภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์ และระบุได้อย่างเฉพาะเจาะจง
ในบริบทของผลประโยชน์ทีก่ ำ� หนด อีกท้ัง ปจั จยั พ้นื ฐานของพลังอำ� นาจแหง่ ชาติ
กเ็ ปน็ ทรพั ยากรทถ่ี กู นำ� มาใชเ้ พอื่ สง่ เสรมิ หรอื สรา้ งความกา้ วหนา้ ใหก้ บั ผลประโยชน์
ของกลุ่มหรือผลประโยชน์แห่งชาติ ทรัพยากรเหล่าน้ีต่างถูกประยุกต์ใช้โดยอาศัย
การใชเ้ ครอื่ งมอื ตา่ งๆ ของพลงั อำ� นาจแหง่ ชาตทิ ง้ั สน้ิ บทบาทของยทุ ธศาสตรจ์ งึ เปน็
การรบั ประกนั ใหไ้ ดว้ า่ จะเกดิ ผลสัมฤทธ์ติ ่อการตดิ ตาม การพทิ กั ษแ์ ละการไดม้ าซึ่ง
ผลประโยชนเ์ หลา่ นี้ ทง้ั นกี้ โ็ ดยอาศยั การประยกุ ตใ์ ชเ้ ครอ่ื งมอื ตา่ งๆ ของพลงั อำ� นาจ
แหง่ ชาติตามวัตถปุ ระสงค์ทีก่ �ำหนด เพ่อื กอ่ ให้เกดิ ผลลพั ธท์ างยทุ ธศาสตร์ทีเ่ กอ้ื กูล
ตอ่ ผลประโยชนต์ ามนโยบายทางการเมอื ง การดำ� เนนิ การเชน่ นจ้ี ะประสบผลสำ� เรจ็ ได้
ก็ต้องอาศัยความสัมพันธ์และความเหมาะสมเป็นหลัก ตามหลักมูลฐานแล้ว
ยุทธศาสตร์เป็นตัวเลือกในหลายๆ ตัวเลือกท่ีสะท้อนสภาพท่ีเกื้อกูลอย่างหน่ึงต่อ
สภาพการณใ์ นอนาคต และเปน็ ตวั กำ� หนดวธิ กี ารทดี่ ที สี่ ดุ เพอื่ ใหไ้ ดม้ าซงึ่ สภาพการณ์
ดงั กลา่ ว การกระทำ� เชน่ น้ี ยทุ ธศาสตรจ์ ะเปน็ วธิ กี ารทใี่ ชเ้ ผชญิ หนา้ กบั ฝา่ ยตรงขา้ ม
พนั ธมติ รและผเู้ลน่ อนื่ ๆ และเปน็ สง่ิ ทร่ี ะบถุ งึ ทรพั ยากร ประเดน็ ปญั หาของหนว่ ย หรอื แมแ้ ต่
ปจั จยั บางอยา่ งทอ่ี ยนู่ อกเหนอื การควบคมุ หรอื ไมอ่ าจคาดการณไ์ ด7้ ตวั เลอื ก โอกาส
และความนา่ จะเปน็ ทม่ี เี หตผุ ล ผเู้ ลน่ ทไี่ รเ้ หตผุ ล พนั ธมติ ร และคแู่ ขง่ ตา่ งเปน็ สว่ นหนง่ึ ของ
กระบวนทศั นท์ างยทุ ธศาสตรท์ งั้ สนิ้ 8 ฉะนนั้ ยทุ ธศาสตรจ์ งึ มสี งิ่ ทส่ี ามารถทำ� ความเขา้ ใจ
186
และประยุกต์ใช้ได้แฝงอยู่ เพราะความมุ่งประสงค์ที่แท้จริงของยุทธศาสตร์ก็คือ
การสรา้ งอทิ ธพิ ลทเี่ กอื้ กลู เหนอื สภาพแวดลอ้ มทางยทุ ธศาสตรท์ ม่ี คี วามซบั ซอ้ นและ
ความไมแ่ นน่ อน ยทุ ธศาสตรจ์ งึ เปน็ ตวั กำ� หนดแนวทางสำ� หรบั การประยกุ ตใ์ ชพ้ ลงั อำ� นาจ
แห่งชาติอย่างมีเหตุผลต่อการบรรลุวัตถุประสงค์ที่ฝ่ายการเมืองเป็นผู้ขับเคลื่อน9
เพอื่ ใหส้ ามารถเขา้ ใจคณุ ลกั ษณะของยทุ ธศาสตรไ์ ดอ้ ยา่ งแทจ้ รงิ เราจำ� เปน็ ตอ้ งเขา้ ใจ
ตรรกะของยุทธศาสตร์ที่อยู่ภายใต้ข้อเสนอสนับสนุนสมมติฐานของทฤษฎีต่างๆ
ดังต่อไปนี้
ก. ยุทธศาสตร์มีลักษณะเชิงรุก และคาดการณ์ล่วงหน้าได้แต่ไม่ใช่
การท�ำนาย
กระบวนการทางยทุ ธศาสตร์ (Strategic Process) กค็ อื ทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ ง
ทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั วธิ กี าร (แนวคดิ หรอื แนวทาง) ทผี่ นู้ ำ� สามารถใชพ้ ลงั อำ� นาจทม่ี อี ยขู่ องรฐั
(ทรัพยากรหรือเคร่ืองมือ) เพื่อควบคุมชุดของสถานการณ์และท่ีต้ังทางภูมิศาสตร์
เพอ่ื ทจ่ี ะบรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์ (ผลลพั ธ)์ ทสี่ อดคลอ้ งกบั นโยบายของรฐั 10โดยยทุ ธศาสตร์
จะเป็นตัวก�ำหนดทิศทางส�ำหรับการใช้พลังอ�ำนาจแห่งชาติ ทั้งโดยบังคับหรือ
ด้วยความสมัครใจ เพ่ือบรรลุวัตถุประสงค์ท่ีก�ำหนด โดยธรรมชาติแล้วทิศทาง
ดงั กลา่ วนี้ มกั มลี กั ษณะเชงิ รกุ (Proactive)11 คาดการณล์ ว่ งหนา้ ได้ (Anticipatory)
แต่ไม่ใช่การท�ำนาย (Predictive) เพราะโดยทั่วไปยุทธศาสตร์มักมีสมมติฐานว่า
“อนาคตเป็นส่ิงที่ท�ำนายอะไรไม่ได้” สภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์จึงถูกศึกษา
ประเมินคาดคะเน และจัดการในหลายๆ ระดับ เนื่องจากการวิเคราะห์ที่ถูกต้อง
เท่าน้ันจึงจะสามารถบอกแนวโนม้ ประเดน็ ปญั หา โอกาส และภยั คุกคาม รวมถึง
การสร้างอิทธิพล และปรับให้เข้ารูปเข้าร่างโดยอาศัยสิ่งท่ีรัฐเลือกท่ีจะกระท�ำ
หรือเลือกทจี่ ะไมก่ ระท�ำ ด้วยเหตุนี้ ยุทธศาสตรท์ ีด่ จี ะแสวงหาวิธีการสรา้ งอิทธพิ ล
และการปรับสภาพแวดล้อมในอนาคตให้เข้ารูปเข้าร่างเมื่อต้องถูกต่อต้านจาก
ปฏกิ ริ ยิ าดงั กลา่ วอยา่ งไรกต็ าม ยทุ ธศาสตรไ์ มใ่ ชก่ ารบรหิ ารจดั การในสถานการณว์ กิ ฤต
แตย่ ทุ ธศาสตรอ์ ยใู่ นระดบั ทใี่ หญก่ วา่ ในสภาวะทต่ี รงกนั ขา้ ม (Antithesis) กบั สถานการณ์
วกิ ฤตดงั กลา่ ว เพราะการบรหิ ารจดั การในสถานการณว์ กิ ฤตอาจเกดิ ขน้ึ เมอื่ มยี ทุ ธศาสตร์
187
หรือไม่มียุทธศาสตร์ก็ได้ ฉะนั้น ในสถานการณ์วิกฤตจึงไม่สามารถใช้ยุทธศาสตร์
คาดคะเนสถานการณไ์ ด้อยา่ งถกู ตอ้ ง
ข. ยทุ ธศาสตรต์ ้องตอบสนองความมงุ่ ประสงค์ทางการเมือง
สิ่งท่ียืนยันความคิดนี้ได้ดีที่สุดก็คือ ค�ำกล่าวของเคลาเซวิทซ์ที่ว่า
“สงคราม คือ ผลสืบเน่ืองมาจากการเมืองด้วยการใช้วิธีการอ่ืนที่ต่างกันออกไป”
(War is merely the continuation of policy by other means)12 เน่ืองจาก
ความมงุ่ ประสงค์ทางการเมอื ง (Political Purpose) มอี ย่ใู นนโยบายทางการเมือง
ในขณะท่ีนโยบายทางการเมือง (Policy) เป็นส่ิงท่ีแสดงเป้าหมายท่ีต้องการของ
รฐั บาล ฉะนนั้ นโยบายทางการเมอื งควรอยใู่ นรปู แบบของถอ้ ยคำ� ทชี่ ดั เจนเกยี่ วกบั
แนวทางในการใชเ้ ครอื่ งมอื ตา่ งๆ ของพลงั อำ� นาจแหง่ ชาตติ อ่ การบรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์
หรอื เปา้ หมายทต่ี อ้ งการอยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ หรอื มากกวา่ กไ็ ด้ ในการปฏบิ ตั เิ พอ่ื หลกี เลยี่ ง
ถ้อยค�ำในนโยบายทางการเมืองท่ีคลุมเครือหรือเพ้อเจ้อ นโยบายทางการเมือง
ควรระบุเป้าหมายที่ต้องการ (End State) และแนวทางที่เก่ียวข้องกับทรัพยากร
ขอ้ จำ� กดั ตอ่ การปฏบิ ตั ิ หรอื ขอ้ พจิ ารณาทม่ี ลี กั ษณะเดยี วกนั อยา่ งชดั เจน การวเิ คราะห์
เป้าหมายที่ต้องการและแนวทางดังกล่าวน้ีจะเป็นผลผลิตของวัตถุประสงค์ทาง
ยทุ ธศาสตร์ ในขณะท่ีวตั ถุประสงค์ (Objectives) เปน็ ตัวกำ� หนดความมงุ่ ประสงค์
(Purpose) จดุ สนใจ (Focus) และการใชด้ ลุ ยพนิ จิ (Justification) สำ� หรบั การดำ� เนนิ การ
ท่ีรวมอยู่ในยุทธศาสตร1์ 3 เนื่องจากการบรรลุวัตถุประสงค์ เป็นตัวก�ำหนดผลลัพธ์
ทางยุทธศาสตร์ที่เกื้อกูลต่อการบรรลุเป้าหมายที่ต้องการ ฉะน้ัน ยุทธศาสตร์ชาติ
จึงมีส่วนเก่ียวข้องกับล�ำดับชั้นของวัตถุประสงค์ท่ีกำ� หนดตามความมุ่งประสงค์
ทางการเมอื ง ทวา่ เคลาเซวทิ ซไ์ ดใ้ หข้ อ้ สงั เกตไวด้ ว้ ยวา่ กระบวนการพฒั นายทุ ธศาสตร์
ควรแจง้ ขอ้ มลู ทส่ี ำ� คญั ใหฝ้ า่ ยการเมอื งไดร้ บั ทราบดว้ ย ดว้ ยเหตนุ ี้ นโยบายทางการเมอื ง
จงึ ตอ้ งปรบั ตวั เองใหต้ รงกบั สภาพความเปน็ จรงิ ของสภาพแวดลอ้ มทางยทุ ธศาสตร์
และขอ้ จำ� กดั ของพลงั อำ� นาจแหง่ ชาตทิ มี่ อี ยดู่ ว้ ย อกี ทงั้ ฝา่ ยการเมอื งจะตอ้ งมน่ั ใจไดว้ า่
ยุทธศาสตร์ที่จะก�ำหนดข้ึนเป็นไปตามจุดมุ่งหมาย (Aims) ท่ีเหมาะสม และใช้
ยุทธศาสตร์เป็นตัวบอกนโยบายทางการเมืองอันเกี่ยวกับส่ิงที่เป็นไปได้เท่าน้ัน14
โดยตอ้ งไมเ่ สยี เวลาไปกบั สงิ่ ทเี่ ปน็ ไปไมไ่ ด้
188
ค. ยทุ ธศาสตร์อยูภ่ ายใต้สภาพแวดลอ้ มทางยทุ ธศาสตร์
ยทุ ธศาสตรถ์ กู พฒั นาขนึ้ มาจากการพจิ ารณาสถานการณท์ างยทุ ธศาสตร์
และใช้ความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติของสภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์อย่างรอบคอบ
สภาพแวดลอ้ มทางยทุ ธศาสตรน์ ี้ ประกอบดว้ ยคณุ ลกั ษณะทงั้ ทางกายภาพ (Physical
Attributes) และอภิปรัชญา (Metaphysical Attributes) ซึ่งมีองค์ประกอบทั้ง
ภายในและภายนอก เชน่ สภาพแวดลอ้ มระหวา่ งประเทศ เปน็ องคป์ ระกอบภายนอก
ซง่ึ ประกอบด้วย สภาพแวดลอ้ มทางภมู ิศาสตร์กายภาพ (Physical Geographic
Environment) ระบบระหวา่ งประเทศ (International System) และผเู้ ลน่ ภายนอกอน่ื ๆ
(Other External Actors) รวมถึงวัฒนธรรม (Cultures) ความเชื่อ (Beliefs)
และพฤติกรรม (Actions) ของพวกเขาเหล่าน้ัน ในขณะท่ีสภาพแวดล้อมภายใน
ประกอบดว้ ย ความเปน็ จรงิ ทางกายภาพระหวา่ งประเทศ (Internal Physical Realities)
และผเู้ ลน่ ภายใน (Internal Actors) ประชาชนผมู้ สี ทิ ธเิ ลอื กตงั้ (Constituencies)
สถาบนั ทางการเมอื ง (Institutions) และบทบาทขององคก์ ารตา่ งๆ ภายในประเทศ
ในความเปน็ จรงิ กลมุ่ บคุ คลเหลา่ นยี้ อ่ มมโี ลกทศั นท์ แ่ี ตกตา่ งกนั โดยเฉพาะภาวะผนู้ ำ�
ซง่ึ อาจทำ� ใหป้ จั จยั พน้ื ฐานภายในประเทศของการกำ� หนดยทุ ธศาสตรม์ คี วามยงุ่ ยาก
ซบั ซอ้ นมากยงิ่ ขน้ึ ความขดั แยง้ ทเ่ี กดิ ขน้ึ ใหมจ่ ะเปน็ สง่ิ ทา้ ทายตอ่ การดำ� รงสถานะเดมิ
และจ�ำเป็นต้องเรม่ิ มองหาดลุ ยภาพใหม่ เสถียรภาพท่ีอยูภ่ ายในสภาพแวดล้อมจะ
เปน็ ตวั ตอ่ ตา้ นความเปลย่ี นแปลงดงั กลา่ ว ในขณะทค่ี วามไรเ้ สถยี รภาพทอ่ี ยภู่ ายใน
สภาพแวดลอ้ มจะเปน็ ตวั เรยี กรอ้ งใหเ้ กดิ การปรบั เปลยี่ นยทุ ธศาสตรใ์ หม่ ดว้ ยเหตนุ ้ี
เราจงึ สามารถอธิบายธรรมชาติของสภาพแวดลอ้ มทางยุทธศาสตร์ได้ว่า มลี กั ษณะ
ของระบบซอ้ นระบบทมี่ ปี ฏสิ มั พนั ธก์ นั ไรร้ ะเบยี บ และซบั ซอ้ น ดงั นน้ั ในกระบวนการ
กำ� หนดยทุ ธศาสตร์ และการนำ� ยทุ ธศาสตรไ์ ปสกู่ ารปฏบิ ตั ิ ยทุ ธศาสตรจ์ งึ ตอ้ งถกู กระทำ�
ใหส้ อดคลอ้ งกบั ธรรมชาตขิ องสภาพแวดลอ้ มทางยทุ ธศาสตรเ์ หลา่ น้ี
ง. ยุทธศาสตรม์ ลี กั ษณะท่ีเปน็ องค์รวม
ยทุ ธศาสตรใ์ นลกั ษณะทเี่ ปน็ องคร์ วม (Holistic in Outlook) หมายถงึ
ยุทธศาสตร์ท่ีต้องการการพิจารณาอย่างครอบคลุม นั่นหมายความว่า ในขณะที่
189
ยทุ ธศาสตรอ์ าจเปน็ สง่ิ ทคี่ ดิ ขนึ้ มาใหมจ่ ากทศั นะเฉพาะดา้ น แตใ่ นระหวา่ งการวเิ คราะห์
เพื่อให้ได้ยุทธศาสตร์ที่เหมาะสมต่อการใช้งานตามความมุ่งประสงค์ท่ีตั้งใจไว้
ผกู้ ำ� หนดยทุ ธศาสตรจ์ ะตอ้ งพจิ ารณาสภาพแวดลอ้ มทางยทุ ธศาสตรใ์ นภาพรวมทง้ั หมด
โดยจะต้องระมัดระวังเกี่ยวกับปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอกในทุกระดับ และ
บูรณาการยุทธศาสตร์ที่ก�ำหนดให้เข้ากับยุทธศาสตร์ของหน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง
ทงั้ หนว่ ยงานทางดง่ิ (หนว่ ยเหนอื /หนว่ ยรอง) และหนว่ ยงานทางระดบั (หนว่ ยขา้ งเคยี ง)
ในการก�ำหนดยทุ ธศาสตร์ นักยทุ ธศาสตรพ์ งึ ตระหนกั ดว้ ยวา่ รปู ลกั ษณ์ (Aspect)
วัตถุประสงค์ (Objective) แนวคิด (Concept) และทรัพยากร (Resource)
ตา่ งมผี ลกระทบตอ่ สภาพแวดลอ้ มทางยทุ ธศาสตรท์ งั้ สนิ้ ดว้ ยเหตนุ ี้ นกั ยทุ ธศาสตร์
ต้องมีความรอบรู้ว่ามีสิ่งใดเกิดข้ึนบ้างภายในสภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์ และ
มผี ลกระทบอะไรบา้ งทจ่ี ะเกดิ ขนึ้ ตามมา ไมว่ า่ จะเปน็ ผลกระทบลำ� ดบั แรก ลำ� ดบั สอง
ลำ� ดบั สาม และลำ� ดบั อนื่ ๆ ตอ่ ไป อนั เปน็ ผลมาจากการเลอื กวธิ กี ารอยา่ งใดอยา่ งหนงึ่
ต่อการด�ำเนินการดังกล่าว รวมถึงผลกระทบท่ีจะเกิดขึ้นท้ังในระดับที่ต่�ำกว่าและ
ระดับเดยี วกนั ไม่วา่ ผลกระทบดงั กล่าวจะมีผลต่อฝ่ายเดยี วกัน ฝา่ ยตรงขา้ ม หรือ
ฝ่ายทเ่ี ปน็ กลาง ความพยายามของนกั ยทุ ธศาสตรเ์ หลา่ น้ี ต้องได้รับการบูรณาการ
เขา้ กบั ยทุ ธศาสตรห์ รอื ความพยายามของหนว่ ยเหนอื หนว่ ยประสานหรอื หนว่ ยขา้ งเคยี ง
และหนว่ ยรองอยา่ งเตม็ ที่ ฉะนน้ั นกั ยทุ ธศาสตรต์ อ้ งตระหนกั ในเรอื่ ง “ภาพใหญ”่
(Big Picture) เก่ียวกับขีดความสามารถและทรัพยากรของหน่วยตนเอง และผล
กระทบต่อการด�ำเนินการต่างๆ ของหน่วยต่อสภาพแวดล้อมท้ังหมด ด้วยเหตุน้ี
การก�ำหนดยุทธศาสตรท์ มี่ ลี ักษณะของการจดั ทำ� ทีละสว่ นหรือแยกกันทำ� ยอ่ มท�ำ
ใหเ้ กิดยุทธศาสตรท์ ดี่ ไี ปไมไ่ ด้
จ. ยทุ ธศาสตรน์ ำ� มาซง่ึ การเปลย่ี นแปลงสภาพแวดลอ้ มทางยทุ ธศาสตร์
ยุทธศาสตร์ใดๆ เมื่อทราบหรือได้ด�ำเนินการแล้ว จะน�ำมาซึ่ง
การเปลย่ี นแปลงสภาพแวดลอ้ มทางยทุ ธศาสตร์ แมว้ า่ ยทุ ธศาสตรด์ งั กลา่ วจะพยายาม
ด�ำรงสถานะเดิมไว้ก็ตาม การเปล่ียนแปลงสามารถเกิดข้ึนได้ในหลายระดับและ
อาจเกิดข้ึนหลายพื้นที่พร้อมกัน การเปล่ียนแปลงเช่นน้ี ย่อมคุกคามต่อสมดุล
190
หรอื สถานะเดมิ ในสภาพแวดลอ้ มทางยทุ ธศาสตร์ ในบางครง้ั ผลของการไมท่ ำ� อะไรเลย
อาจดูดีกว่าหรือแย่กว่าผลที่จะตามมาจากการท�ำอะไรบางอย่างก็ได1้ 5 ยุทธศาสตร์
สามารถคาดการณอ์ นาคตเชน่ นไี้ ด้ กโ็ ดยอาศยั การตดิ ตามวตั ถปุ ระสงคท์ เี่ หมาะสม
แต่ยุทธศาสตร์ไม่สามารถท�ำนายอนาคตด้วยส่ิงท่ีแน่นอนสมบูรณ์แบบ ท้ังไม่อาจ
บรรลุวัตถุประสงค์หรือได้ผลที่แน่นอนว่าจะประสบความส�ำเร็จหรือความล้มเหลว
นกั ยทุ ธศาสตรจ์ งึ ตอ้ งพจิ ารณากำ� หนดใหไ้ ดว้ า่ การไดม้ าซง่ึ ผลลพั ธอ์ ยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ นน้ั
จะคุ้มค่ากับความเส่ียงต่อความริเริ่มท่ีจะกระท�ำหรือไม่ อีกท้ัง นักยุทธศาสตร์
ตอ้ งพจิ ารณาดว้ ยวา่ ผเู้ ลน่ คนอนื่ ๆ จะตอบโตอ้ ยา่ งไรดว้ ย ดว้ ยเหตนุ ี้ ยทุ ธศาสตรจ์ งึ มกั สรา้ ง
สภาวะกลืนไม่เขา้ คายไม่ออกให้กับนกั ยทุ ธศาสตร์ รัฐ และผ้เู ล่นอืน่ ๆ ที่เกย่ี วข้อง
ผลประโยชน์แหง่ ชาติ
ผลลพั ธ์ทตี่ ้องการในสภาพแวดล้อมภายนอก
มหายุทธศาสตร์
(ปัจจัยพ้ืนฐานของกำ� ลงั อ�ำนาจท้งั หมด แต่มไิ ดต้ พี มิ พ์หรอื ระบไุ วใ้ นเอกสาร)
นโยบายแห่งชาติ นโยบายแหง่ ชาติ นโยบายแหง่ ชาติ
ภาพแวดลอ้ มภายนอก ยุทธศาสตร์ความม่นั คงแหง่ ชาติ ภาพแวดล้อมภายใน
ปัจจัยพ้ืนฐานทั้งหมดของอำ� อาจแห่งชาติ
ยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติ
ปจั จัยพ้ืนฐานทง้ั หมดของอำ� อาจทางทหาร
ยทุ ธศาสตรย์ ุทธบรเิ วณ ยทุ ธศาสตรย์ ุทธบรเิ วณ ยทุ ธศาสตร์ยทุ ธบรเิ วณ
ยุทธศลิ ป์/ยทุ ธวิธี ยุทธศิลป/์ ยุทธวธิ ี ยทุ ธศลิ ป/์ ยทุ ธวิธี
ภาพที่ 4-1 ความครอบคลุมของยทุ ธศาสตร์
ทมี่ า : Harry R. Yarger, Strategic Theory for the 21st Century: The Little Book on Big
Strategy, 2006, p.9.
191
ฉ. ยุทธศาสตร์มีเปา้ หมาย และมเี หตุผลท่จี ะต้องบรรลุเปา้ หมาย
เน่ืองจากเราไม่สามารถจัดท�ำยุทธศาสตร์ได้หากปราศจากนโยบาย
ทางการเมือง นักยุทธศาสตร์จ�ำเป็นต้องรู้ผลลัพธ์สุดท้ายท่ีพยายามจะบรรลุ โดย
เหตผุ ลแลว้ ยทุ ธศาสตรม์ งุ่ ไปสเู่ ปา้ หมายทตี่ อ้ งการหรอื พงึ พอใจทา่ มกลางผลลพั ธท์ ี่
เปน็ ไปไดท้ งั้ หมดในสภาพแวดลอ้ มทเี่ ปน็ พลวตั ยทุ ธศาสตรจ์ งึ เปน็ ตวั กำ� หนดทศิ ทาง
ส�ำหรับการใช้เครื่องมือต่างๆ ของพลังอ�ำนาจแห่งชาติ ไม่ว่าด้วยการบังคับหรือ
ความสมคั รใจเพอื่ บรรลวุ ตั ถปุ ระสงคท์ กี่ ำ� หนดตอ่ การสรา้ งผลกระทบทางยทุ ธศาสตร์
ทนี่ ำ� ไปสเู่ ปา้ หมายทตี่ อ้ งการ (Desired End State) สงิ่ ทจี่ ำ� เปน็ สำ� หรบั นกั ยทุ ธศาสตร์
ก็คือ นักยุทธศาสตร์ต้องวิเคราะห์และเข้าใจเป้าหมายที่ต้องการในบริบทของ
สภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์อย่างรอบคอบ (ทั้งสภาพแวดล้อมภายในและ
สภาพแวดลอ้ มภายนอก) เพอ่ื กำ� หนดวตั ถปุ ระสงคท์ เ่ี หมาะสมและเกยี่ วขอ้ งกบั เปา้ หมาย
ทตี่ อ้ งการ ฉะนัน้ กอ่ นการกำ� หนดวัตถปุ ระสงคท์ ี่เหมาะสม นกั ยทุ ธศาสตร์พงึ ต้อง
เขา้ ใจธรรมชาตทิ แ่ี ทจ้ รงิ ของสภาพแวดลอ้ มทางยทุ ธศาสตร์ เจตนารมณท์ างการเมอื ง
และผลประโยชนแ์ หง่ ชาตโิ ดยรวม ในฐานะทเี่ ปน็ ตวั ชขี้ าดของผลกระทบทางยทุ ธศาสตร์
ทเ่ี หมาะสมและจำ� เปน็ ด้วย
ช. ยทุ ธศาสตรต์ อ้ งมีปัจจยั พจิ ารณาทัง้ เชิงปริมาณและเชงิ คณุ ภาพ
เนอื่ งจากยทุ ธศาสตรเ์ กยี่ วขอ้ งกบั กเิ ลส (Passions) คา่ นยิ ม (Values)
และความเชอื่ (Beliefs) ของมนษุ ย์ โดยมปี จั จยั บางอยา่ งทส่ี ามารถวดั คา่ ไดใ้ นเชงิ ปรมิ าณ
ฉะนนั้ การพจิ ารณาปจั จยั ดา้ นวตั ถวุ สิ ยั อยา่ งเดยี วยอ่ มไมเ่ พยี งพอ16เนอ่ื งจากบทบาท
ของระบบความเชื่อ (Belief systems) โลกทัศน์ (Worldviews) และการรับรู้
ทางวฒั นธรรม (Cultural Perceptions) ของผเู้ ลน่ ทง้ั หมดทเี่ กย่ี วขอ้ ง เปน็ สงิ่ สำ� คญั
ในการกำ� หนดยทุ ธศาสตร์ นกั ยทุ ธศาสตรจ์ งึ ตอ้ งระมดั ระวงั ในเรอื่ งอคตทิ ไ่ี มส่ รา้ งสรรค์
เพอื่ ใหแ้ นใ่ จไดว้ า่ ยทุ ธศาสตรท์ ก่ี ำ� หนดขนึ้ เปน็ ไปตามหลกั เกณฑข์ องความยอมรบั ได้
ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น และชดเชยในเร่ืองความแตกต่างภายในตัวบุคคลได้
อย่างเหมาะสม
192
ซ. ยุทธศาสตรม์ คี วามฝดื แฝงอยู่ดว้ ยเสมอ
ความฝืด (Friction) คือ ความแตกตา่ งระหวา่ งยุทธศาสตรใ์ นอดุ มคติ
กับยุทธศาสตร์ท่ีใช้จริง หรือความแตกต่างระหว่างส่ิงที่เราคาดหวังไว้กับส่ิงที่เป็น
จริงจากการปฏิบัติ ความฝืดจึงเป็นผลสืบเน่ืองตามธรรมชาติจากธรรมชาติที่ไร้
ระเบยี บและซบั ซอ้ นของสภาพแวดลอ้ มทางยทุ ธศาสตร์ โอกาส และจติ ใจทอี่ อ่ นแอ
(Frailty) ของมนษุ ย1์ 7 แมค้ วามฝดื ไมส่ ามารถกำ� จดั ใหห้ มดสน้ิ ไปได้ แตน่ กั ยทุ ธศาสตร์
สามารถเขา้ ใจและอธบิ ายได้ไม่มากก็น้อยในกระบวนการกำ� หนดยุทธศาสตร์
ฌ. ยุทธศาสตรม์ งุ่ ไปทสี่ าเหตุ และความมงุ่ ประสงค์ทแ่ี ทจ้ ริง
สาเหตุ (Causes) และความมุ่งประสงค์ (Purposes) ทแ่ี ทจ้ รงิ คือ
หัวใจส�ำคัญของการก�ำหนดยุทธศาสตร์ และเป็นสิ่งส�ำคัญที่ท�ำให้ยุทธศาสตร์
สามารถปรบั เปลย่ี นและออ่ นตวั ภายในตวั เองได้ โดยเนน้ ยำ้� ในเรอื่ งความมงุ่ ประสงค์
ทางยุทธศาสตรแ์ ละการมอบอำ� นาจให้กับหน่วยรอง ยทุ ธศาสตร์จะรวมการเรยี นรู้
จากประสบการณแ์ ละเปน็ กรอบกวา้ งๆ ทเี่ พยี งพอในการสรา้ งยทุ ธศาสตรใ์ หส้ ามารถ
ปรับใช้กับเหตุการณ์ท่ีปรากฏและตอบโต้ต่อการเคล่ือนไหวของฝ่ายตรงข้าม18
เนอื่ งจากยทุ ธศาสตรจ์ ะกลา่ วถงึ ปรากฏการณท์ เ่ี กดิ ขน้ึ ตามลำ� ดบั และปรากฏการณ์
ท่ีเกิดขึ้นพร้อมกัน ต่างจากการวางแผนซึ่งอาศัยเหตุและผลเป็นหลัก ยุทธศาสตร์
จึงนับเป็นกระบวนการอย่างหนึ่งท่ีมีการปรับเปลี่ยนอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เข้ากับ
เงอื่ นไขและสภาพการณข์ องโลกทเี่ ปลย่ี นแปลงอยา่ งรวดเรว็ ซงึ่ เตม็ ไปดว้ ยความเสย่ี ง
(Chance) ความไม่แน่นอน (Uncertainty) และความคลุมเครือ (Ambiguity)
อยตู่ ลอดเวลา19 กระบวนการเชน่ นส้ี ามารถทำ� ใหง้ า่ ยขน้ึ ไดโ้ ดยการสรา้ งยทุ ธศาสตร์
ใหอ้ อ่ นตวั และปรบั เปลยี่ นบางสว่ นในองคป์ ระกอบของยทุ ธศาสตร์ ยทุ ธศาสตรจ์ งึ
มงุ่ เนน้ ไปทส่ี าเหตแุ ละความมงุ่ ประสงคท์ แี่ ทจ้ รงิ เพอ่ื ใหม้ นั่ ใจไดว้ า่ ทศิ ทางทกี่ ำ� หนด
ให้กับหน่วยรอง มีขอบเขตกว้างพอต่อการปรับเปลี่ยนและมีความอ่อนตัว โดยไม่
จำ� เป็นตอ้ งเบ่ยี งเบนออกจากความม่งุ ประสงค์ทางยุทธศาสตรท์ ก่ี ำ� หนด
193
ญ. ยทุ ธศาสตรม์ ลี ำ� ดับชัน้
ผู้น�ำการเมืองจะต้องม่ันใจและด�ำรงการควบคุมและอิทธิพลเหนือ
เคร่ืองมือต่างๆ ของพลังอ�ำนาจแห่งชาติที่มีอยู่ โดยอาศัยยุทธศาสตร์ของรัฐท่ีมี
ลักษณะเปน็ ลำ� ดบั ชน้ั ตามธรรมชาติ ลำ� ดบั ชนั้ ของยุทธศาสตร์ (Hierarchical) เริม่
จากระดบั ชาตทิ เ่ี ปน็ ระดบั สงู สดุ ลงไปจนถงึ ระดบั หนว่ ยงานทร่ี บั ผดิ ชอบในระดบั ตำ�่ สดุ
โดยทั่วไปแล้วยุทธศาสตร์ในระดับสูงสุดท่ีเป็นผลสืบเน่ืองมาจากมหายุทธศาสตร์
(Grand Strategy) ก็คือ ยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติ (National Security
Strategy) หรอื ยทุ ธศาสตรใ์ นระดบั ชาตอิ นื่ ๆ และแถลงนโยบายทเี่ กยี่ วกบั ประเดน็
ปัญหาเฉพาะของรัฐบาล มหายุทธศาสตร์และยุทธศาสตร์ความม่ันคงแห่งชาติจึง
เป็นตัวก�ำหนดวัตถุประสงค์และทิศทางในภาพรวมส�ำหรับการใช้เครื่องมือต่างๆ
ของพลังอ�ำนาจแห่งชาติท้ังหมด ในขณะที่นโยบายในระดับชาติผู้นำ� การเมืองจะ
เป็นผู้ให้แนวทางทางยุทธศาสตร์อย่างกว้างๆ ที่เช่ือมโยงกับผลประโยชน์แห่งชาติ
ตามสถานการณ์ทางยุทธศาสตร์ที่ก�ำหนด จากยุทธศาสตร์และนโยบายเหล่าน้ี
กจิ กรรมหลกั และหนว่ ยงานตา่ งๆ กจ็ ะเปน็ ผพู้ ฒั นายทุ ธศาสตรต์ า่ งๆ ใหก้ บั หนว่ ยรอง
ส�ำหรับกระทรวงกลาโหมแล้ว ยุทธศาสตร์ป้องกันประเทศ (National Defense
Strategy) และยุทธศาสตร์ทหารแห่งชาติ (National Military Strategy) เป็น
ยุทธศาสตร์ที่ได้มาจากยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติ ในท�ำนองเดียวกัน
ยุทธศาสตร์ทหารแห่งชาติก็เป็นยุทธศาสตร์ท่ีน�ำไปสู่ยุทธศาสตร์ในยุทธบริเวณ
(Theater Strategy) ซง่ึ เปน็ ยทุ ธศาสตรใ์ นลำ� ดบั รองของยทุ ธศาสตรท์ หารแหง่ ชาติ
เพอ่ื ใหเ้ ขา้ ใจเกยี่ วกบั ลำ� ดบั ชน้ั ของยทุ ธศาสตรใ์ หม้ ากยง่ิ ขน้ึ จงึ ขออธบิ ายความหมาย
ของยทุ ธศาสตร์ในระดบั ต่างๆ ทเ่ี ก่ยี วข้องกับกำ� ลังอำ� นาจทางทหาร ดังน้ี
1) มหายทุ ธศาสตร์ (Grand Strategy) หมายถงึ ยทุ ธศาสตรร์ ะดบั บนสดุ
ทใี่ หบ้ ทสรปุ เกยี่ วกบั วสิ ยั ทศั นข์ องชาติ เพอื่ ใชส้ ำ� หรบั การพฒั นา การประยกุ ต์ และ
การประสานเครอื่ งมอื ตา่ งๆ ของพลงั อำ� นาจแหง่ ชาตทิ งั้ หมด เพอ่ื ทจี่ ะบรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์
ทางยุทธศาสตร์ของมหายุทธศาสตร์ ตัวอย่างเช่น “ปกป้องความมั่นคงแหง่ ชาต”ิ
“สง่ เสรมิ ความเจรญิ รงุ่ เรอื งทางเศรษฐกจิ ” และ “เสรมิ สรา้ งคา่ นยิ มแหง่ ชาต”ิ เปน็ ตน้
194
โดยทัว่ ไปแล้วอาจมกี ารแถลงมหายุทธศาสตรโ์ ดยตรงหรือโดยออ้ ม และอาจจัดท�ำ
เป็นลายลักษณ์อักษรหรือไม่ก็ได2้ 0
2) ยุทธศาสตร์ความม่ันคงแห่งชาติ (National Security Strategy)
หรอื ในบางครงั้ อาจถกู อา้ งเปน็ “มหายทุ ธศาสตร”์ และ “ยทุ ธศาสตรช์ าต”ิ (Grand
Strategy and National Strategy) หมายถึง ศิลป์และศาสตร์ของการพัฒนา
การประยกุ ตแ์ ละการประสานเครอื่ งมอื ตา่ งๆ ของพลงั อำ� นาจแหง่ ชาติ (กำ� ลงั อำ� นาจ
ทางการเมอื ง/การทตู กำ� ลงั อำ� นาจทางเศรษฐกจิ กำ� ลงั อำ� นาจทางทหาร และกำ� ลงั อำ� นาจ
ทางสารสนเทศ) เพือ่ บรรลุวัตถุประสงค์ท่เี กอ้ื กูลตอ่ ความม่ันคงแหง่ ชาต2ิ 1
3) ยุทธศาสตร์ทหารแห่งชาติ (National Military Strategy) หมายถงึ
ศิลป์และศาสตร์ของการกระจายและการประยุกต์ใช้ก�ำลังอ�ำนาจทางทหารเพ่ือ
บรรลวุ ัตถปุ ระสงคแ์ ห่งชาติท้งั ในยามสงบและยามสงคราม22
4) ยทุ ธศาสตร์ในยทุ ธบริเวณ (Theater Strategy) หมายถึง ศลิ ปแ์ ละ
ศาสตร์ของการพัฒนาแนวคิดและหนทางปฏบิ ตั ิทางยทุ ธศาสตรแ์ บบบูรณาการ ที่
ม่งุ ไปสู่การบรรลวุ ัตถปุ ระสงค์แห่งชาตแิ ละพันธมิตร หรือนโยบายและยุทธศาสตร์
ดา้ นความมน่ั คงของหนุ้ สว่ น ความรว่ มมอื โดยการใชก้ ำ� ลงั คกุ คามวา่ จะใชก้ ำ� ลงั หรอื
การปฏบิ ตั กิ ารทไี่ มเ่ กย่ี วขอ้ งกบั การใชก้ ำ� ลงั ภายในยทุ ธบรเิ วณใดยทุ ธบรเิ วณหนง่ึ 23
ในขณะทยี่ ทุ ธศาสตรใ์ นระดบั อนื่ ๆ เชน่ ยทุ ธศาสตรก์ ารปอ้ งกนั ประเทศ
(The National Defense Strategy) อาจถกู แทรกอยใู่ นลำ� ดบั ชนั้ ของการบงั คบั บญั ชา
โดยผู้น�ำได้ในหลายๆ โอกาส24 ด้วยธรรมชาติที่เป็นล�ำดับชั้นของยุทธศาสตร์
จะทำ� ให้ชว่ งของการควบคมุ (Span of Control) กระทำ� ไดง้ า่ ยขน้ึ โดยการแบง่ มอบ
ความรบั ผดิ ชอบอำ� นาจ และการตรวจสอบใหแ้ กผ่ บู้ งั คบั บญั ชาทม่ี อี าวโุ สของหนว่ ยงาน
อีกท้ังยังให้ข้อเสนอแนะด้วยว่า วัตถุประสงค์ แนวคิด และทรัพยากร ท่ีระบุไว้
ในยทุ ธศาสตร์ แตล่ ะอยา่ งควรไดร้ บั การจดั สรรใหล้ งตวั และสอดคลอ้ งซง่ึ กนั และกนั
ได้อย่างไร ฉะนั้น แม้เป็นยุทธศาสตร์ในระดับยุทธศาสตร์ทหารแห่งชาติ ก็ควร
ระบวุ ตั ถปุ ระสงคท์ ชี่ ดั เจน และกลา่ วถงึ แนวคดิ และทรพั ยากรในรปู แบบทเี่ หมาะสม
กับวตั ถุประสงค์ทีก่ �ำหนดในระดับชาตดิ ว้ ย
195
ในบางระดบั การคดิ และการกระทำ� อาจตกอยใู่ ตเ้ สน้ แบง่ ทางยทุ ธศาสตร์
กไ็ ดภ้ ายใตย้ ทุ ธศาสตรท์ หารแหง่ ชาติ ผบู้ ญั ชาการกองกำ� ลงั รบหรอื ผบู้ ญั ชาการยทุ ธ
บรเิ วณ (Combatant Commanders) เปน็ ผพู้ ฒั นายทุ ธศาสตรใ์ นยทุ ธบรเิ วณและ
แผนการทัพย่อยของยุทธบริเวณ ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นน้ี เส้นแบ่งระหว่าง
ยุทธศาสตร์กับการวางแผนการทัพ (Campaign Planning) อาจไมช่ ดั เจน ซึง่ อาจ
อยูใ่ นระดับยุทธศาสตรใ์ นยุทธบริเวณ หรอื ในขอบเขตของยุทธศลิ ป์บริสุทธ์ิ (Pure
Operational Art) ก็ได้ (ให้ดูภาพที่ 4-2 ซ่ึงได้แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง
ยทุ ธศาสตร์กบั ระดับของสงครามตา่ งๆ อยา่ งชัดเจน)
มหายุทธศาสตร์
ระดับ ยุทธศาสตรค์ วามมน่ั คงแห่งชาติ
ยทุ ธศาสตร์ ยทุ ธศาสตรป์ อ้ งกันประเทศ
ยทุ ธศาสตรท์ หารแห่งชาติ
ยุทธศาสตรย์ ทุ ธบรเิ วณ
การวางแผนการทัพ
ระดบั ยุทธการ
กกล.ฉก.ร่วม/ทน.
ระดบั ยุทธวธิ ี การวางแผนทางยุทธวิธี
ทน., กองพล
และต่ำ� กว่า
ภาพที่ 4-2 ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งระดบั ของสงครามกับล�ำดับช้นั ของยทุ ธศาสตร์
พัฒนามาจาก : Harry R. Yarger, Ibid, p.12.
196
ยุทธศาสตร์แตกต่างจากยุทธศิลป์ (Operational art) และยุทธวิธี
(Tactics) ในแง่หน้าท่ี (Functional Aspect) เวลา (Temporal Aspect) และ
ภูมศิ าสตร์ (Geographic Aspect) ในแงห่ นา้ ทแ่ี ละเวลาน้นั ยทุ ธวิธีเป็นเรอ่ื งของ
การส้รู บ (Battles) การรบปะทะ (Engagements) ในห้วงเวลาสั้นๆ ซ่ึงเกดิ ข้นึ กบั
หนว่ ยทม่ี กี ารรบประจญั บานระหวา่ งหนว่ ยขนาดเลก็ สดุ ไปจนถงึ การสรู้ บกนั ระหวา่ ง
หนว่ ยทหารในระดบั กองทพั นอ้ ย (Corps) ในขณะทย่ี ทุ ธศลิ ป์ เปน็ การออกแบบทาง
ยทุ ธการในขอบเขตของการทพั (Campaign) และมกี ารสรู้ บตอ่ เนอ่ื ง (Series of
Battles) ซง่ึ เกิดขนึ้ ในหว้ งเวลาทย่ี าวนานกว่า ในขณะที่ยุทธศาสตรอ์ ยู่ในขอบเขต
ของสงครามทีค่ รอบคลุมความขัดแย้ง (Spectrum of Conflict) ทั้งหมดของชาติ
และผเู้ ลน่ ในระดบั ชาติ ดว้ ยเหตนุ ้ี ยทุ ธวธิ จี งึ ผกู พนั กบั รายละเอยี ดและสว่ นยอ่ ยตา่ งๆ
ในขณะทยี่ ทุ ธศลิ ปเ์ ปน็ การผสมผสานรายละเอยี ดและสว่ นยอ่ ยตา่ งๆ เขา้ ไวด้ ว้ ยกนั
ภายใตแ้ นวคดิ ระดบั ยทุ ธการ ในทา้ ยทสี่ ดุ ยทุ ธศาสตรก์ เ็ ปน็ การผสมผสานสว่ นยอ่ ย
ทรี่ วมกนั เหลา่ นท้ี งั้ หมด ในแงภ่ มู ศิ าสตรน์ นั้ ยทุ ธวธิ มี ขี อบเขตทแี่ คบ ในขณะทร่ี ะดบั
ยทุ ธการมขี อบเขตทก่ี วา้ งกวา่ และกำ� หนดทศิ ทางในระดบั ภมู ภิ าคทกี่ วา้ งใหญม่ ากกวา่
และท้ายที่สุด ยุทธศาสตร์มีขอบเขตครอบคลุมท้ังยุทธบริเวณ พ้ืนที่ระหว่างทวีป
หรือทั้งโลก ในแง่เวลา ยุทธศาสตร์ย่อมใช้เวลาที่ยาวนานกว่าท้ังในระดับยุทธการ
และระดบั ยุทธวธิ ี อยา่ งไรกต็ าม ปัจจยั เวลาอาจไมม่ ีคา่ อะไรเลยจากความกา้ วหนา้
ดา้ นการขนสง่ และเทคโนโลยกี ารตดิ ตอ่ สอื่ สารในปจั จบุ นั แตท่ วา่ กม็ จี ดุ บรรจบเชงิ พน้ื ท่ี
และเวลาของยทุ ธศาสตร์ ยทุ ธการ และยทุ ธวธิ ดี ว้ ยเชน่ กนั เนอ่ื งจากขดี ความสามารถ
ด้านเทคโนโลยีการติดต่อสื่อสารท่ีเพ่ิมมากข้ึน ท�ำให้เหตุการณ์ในระดับยุทธวิธี
อาจกอ่ ใหเ้ กดิ ผลสบื เน่ืองไปถงึ ระดับยุทธศาสตรก์ ไ็ ด2้ 5
ฎ. ยทุ ธศาสตรม์ คี วามสมั พนั ธก์ ับเวลา
องค์ประกอบท่ีส�ำคัญอย่างหนึ่งของขีดความสามารถทางยุทธศาสตร์
ก็คือ การคิดได้อย่างทันท่วงที อันหมายถึงความสามารถท่ีจะรู้ผลสืบเนื่องอันเกิด
จากทางเลือกทางยุทธศาสตร์กับอดีต และผลท่ีตามมาของผลกระทบท้ังที่ได้ตั้งใจ
และมไิ ดต้ งั้ ใหเ้ กดิ ขนึ้ ในอนาคต เนอื่ งจากทางเลอื กทางยทุ ธศาสตรอ์ ยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ
197
ย่อมมผี ลสบื เนื่องมาจากอดีต ทางเลอื กดังกล่าวจงึ เปรยี บเสมือนสะพานท่ีเช่ือมไป
สู่อนาคต ฉะนั้น การก�ำหนดยุทธศาสตร์จึงต้องอธิบายอดีต ยอมรับปฏิสัมพันธ์ที่
เคยมีและประวัติศาสตร์ท่ีอยู่ในสภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์ การกระท�ำ
อยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ ซงึ่ มคี ณุ ลกั ษณะทตี่ รงกนั ขา้ มกบั ประสบการณห์ รอื วฒั นธรรมในอดตี
ของสงั คมยอ่ มมโี อกาสนอ้ ยทจ่ี ะประสบผลสำ� เรจ็ ฉะนนั้ นกั ยทุ ธศาสตรจ์ ะพาดพงิ ถงึ อนาคต
ท่ีเป็นไปได้ก็โดยอาศัยสภาพการณ์ทางยุทธศาสตร์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันโดยอาศัย
สติสัมปชัญญะทชี่ ดั เจนเกยี่ วกบั อดตี อนั ยาวนานจากสง่ิ ซงึ่ อนาคตสามารถเปน็ ไปได้
นกั ยทุ ธศาสตรก์ ส็ ามารถสรา้ งกระบวนทศั นก์ ารเปลย่ี นแปลงจากสง่ิ ซง่ึ การวางแผน
ก�ำลังมองหาการก่อรูปอนาคตท่ีเก้ือกูลได้ นอกจากน้ีแล้ว การตัดสินใจว่า จะน�ำ
ยทุ ธศาสตรใ์ ดไปสกู่ ารปฏบิ ตั เิ มอื่ ไร กเ็ ปน็ สง่ิ ทม่ี คี วามสำ� คญั ยงิ่ เชน่ กนั หากดำ� เนนิ การ
ตามจังหวะเวลาของประวัติศาสตร์ได้อย่างถูกต้องแล้ว การกระท�ำเล็กๆ ก็อาจ
สง่ ผลในระดบั ยทุ ธศาสตรท์ ใี่ หญก่ วา่ กไ็ ด้ แตถ่ า้ เลอื กเวลาผดิ ผลจากความพยายาม
ทท่ี มุ่ เทและทรพั ยากรทส่ี ญู เสยี ไปอยา่ งมากมายทงั้ ในรปู ทจ่ี บั ตอ้ งไดแ้ ละจบั ตอ้ งไมไ่ ด้
กใ็ ชว่ า่ จะออกมาดเี สมอไป สง่ิ ทนี่ กั ยทุ ธศาสตรม์ กั กงั วลเปน็ อยา่ งยง่ิ กค็ อื ผลสบื เนอื่ ง
และการเปลยี่ นแปลงกบั ประวตั ศิ าสตรแ์ ละอนาคตเหลา่ นน้ี เี่ อง ดว้ ยประวตั ศิ าสตร์
สามารถใช้เป็นค�ำถามและใหท้ ศั นะสำ� หรบั ผลทตี่ ามมาในอนาคตจากทางเลอื กตา่ งๆ
ทมี่ อี ยไู่ ดเ้ ปน็ อยา่ งด2ี 6 ฉะนั้น ความรู้เกี่ยวกับ “อนาคตนิยม” (Futurism) ซ่ึงเป็น
สิ่งพิสูจน์ทราบความเป็นไปได้และความน่าจะเป็นของการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
จะท�ำให้นักยุทธศาสตร์สามารถวิเคราะห์ในเรื่องการเลือกจังหวะเวลาที่เหมาะสม
ได้เปน็ อยา่ งดี
ฏ. ยุทธศาสตร์เป็นสง่ิ ทบั ทวีมากขน้ึ ตลอดเวลา
ผลกระทบต่างๆ ในสภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์เป็นสิ่งทับทวี
(Cumulative) ในทันทีท่ีประกาศใช้ยุทธศาสตร์ ผลกระทบเหล่าน้ีก็จะกลายเป็น
สว่ นหนงึ่ ของการแสดงทตี่ อ่ เนอ่ื งและเปลย่ี นแปลงอยตู่ ลอดเวลา ฉะนนั้ ยทุ ธศาสตร์
จึงเป็นสิ่งทับทวีท่ีรวมเอาความหลากหลายไว้ด้วยกัน โดยเริ่มจากเมื่อมีการน�ำ
ยุทธศาสตร์ไปสู่การปฏิบัติ ยุทธศาสตร์ใดยุทธศาสตร์หนึ่งก็จะกลายเป็นส่วนหน่ึง
198
ของผลสืบเนื่องของสภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์ทันที ไม่ว่ายุทธศาสตร์นั้นจะ
ประสบผลส�ำเร็จหรือไม่ ยุทธศาสตร์นั้นก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างของ
การเปลี่ยนแปลงและปฏิสัมพันธ์ในสภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์ ในการก�ำหนด
ยุทธศาสตร์ใดๆ ในอนาคต จึงต้องพิจารณาผลลัพธ์ท่ีเกิดข้ึนตามมาจากการน�ำ
ยุทธศาสตร์ไปสู่การปฏิบัติน้ัน อีกทั้งยุทธศาสตร์ยังเป็นสิ่งทับทวีท่ีมีหลายช้ัน
เห็นได้จากผลกระทบจากนโยบายทางการเมืองท่ีเป็นบทสรุปของยุทธศาสตร์
และการวางแผนของหน่วยรองในทุกระดับและมีปฏิสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกันด้วย
ผลกระทบทบั ทวมี กั มมี ากเกนิ กวา่ ผลรวมของหลายๆ สว่ นรวมกนั ฉะนนั้ อาจเปน็ ไปไดว้ า่
คา่ นยิ มของความพยายามทางยุทธศาสตร์ในระดับใดระดับหน่ึง อาจส่งผลด้านลบ
ตอ่ ความพยายามในอกี ระดบั หนง่ึ ดว้ ยเหตนุ ้ี ยทุ ธศาสตรใ์ นทกุ ระดบั จะมปี ฏสิ มั พนั ธ์
กบั ผลกระทบทบั ทวที สี่ ง่ ผลตอ่ ความสำ� เรจ็ ของยทุ ธศาสตรแ์ ละการวางแผนของทง้ั
หน่วยเหนือและหน่วยรองได้ตลอดเวลา
ฐ. ยทุ ธศาสตรค์ �ำนึงถึงประสิทธผิ ลมากกวา่ ประสิทธิภาพ
ในยุทธศาสตร์ประสิทธิภาพ (Efficiency) มีความส�ำคัญน้อยกว่า
ประสิทธผิ ล (Effectiveness) ท่กี ล่าวเช่นน้ี มิได้หมายความว่า ประสทิ ธภิ าพเป็น
ส่ิงที่ไม่พึงประสงค์ ยุทธศาสตร์ที่ดีย่อมมีทั้งประสิทธิผลและประสิทธิภาพ แต่
ความมุง่ ประสงค์ของยุทธศาสตรก์ ค็ ือ การสร้างผลลพั ธท์ างยุทธศาสตร์ ถา้ ประสบ
ผลสำ� เรจ็ ยทุ ธศาสตรก์ จ็ ะสรา้ งหรอื สนบั สนนุ ตอ่ ผลกระทบทางยทุ ธศาสตรท์ เี่ กอ้ื กลู
ต่อการบรรลุเป้าหมายที่ต้องการในระดับยุทธศาสตร์ที่ก�ำหนด และท้ายท่ีสุดก็
สนบั สนนุ ตอ่ ผลประโยชนแ์ หง่ ชาติ ฉะนน้ั ยทุ ธศาสตรจ์ งึ ตอ้ งเนน้ ยำ้� ในเรอ่ื งประสทิ ธผิ ล
ถงึ แมว้ า่ จะมกี ารปฏบิ ตั ไิ ดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพกต็ าม แตถ่ า้ ลม้ เหลวในเรอ่ื งประสทิ ธผิ ล
ผลทจี่ ะเกดิ ขน้ึ ตามมากค็ อื ความเสยี่ งทจี่ ำ� เปน็ จะตอ้ งมมี าตรการควบคมุ เพม่ิ มากขน้ึ
ด้วยแนวคิดและทรัพยากรที่ใช้สนับสนุนวัตถุประสงค์ต้องปราศจากความเสี่ยง
ที่มากเกินไปหรือผลกระทบท่ีไม่ต้องการให้เกิดขึ้น ดังนั้น ส�ำหรับยุทธศาสตร์แล้ว
ประสทิ ธิภาพจึงมีความจำ� เปน็ นอ้ ยกว่าประสิทธิผล27
199
ฑ. ยทุ ธศาสตรม์ คี วามสมดลุ ระหวา่ งปจั จยั จดุ หมาย แนวทาง และเครอื่ งมอื
ในการก�ำหนดยทุ ธศาสตร์ องค์ประกอบของปจั จัยจุดหมาย แนวทาง
และเครอื่ งมอื เปน็ สว่ นหนงึ่ ของภาพรวมและงานเชงิ บรู ณาการ เพอ่ื บรรลผุ ลกระทบ
ทางยุทธศาสตร์ในระดับยุทธศาสตร์ท่ีก�ำหนด ในขณะเดียวกันก็สร้างผลกระทบ
ทบั ทวีในยุทธศาสตร์ระดับเหนอื กว่าด้วย ปัจจยั จดุ หมาย แนวทาง และเครอื่ งมือนี้
ตอ้ งสอดคลอ้ งกนั ทงั้ เชงิ ปรมิ าณและเชงิ คณุ ภาพ ทงั้ ภายในและภายนอก ในเชงิ คณุ ภาพ
วตั ถปุ ระสงคข์ องยทุ ธศาสตรค์ วามมน่ั คงแหง่ ชาติ จะแสวงหาวธิ กี ารบรรลจุ ดุ หมาย
ที่ต้องการโดยการใช้เครื่องมือของพลังอ�ำนาจท่ีมีอยู่ของรัฐอย่างเหมาะสมและ
ตามความจำ� เปน็ โดยตง้ั คำ� ถามเชงิ คณุ ภาพใหไ้ ดว้ า่ “การบรรลวุ ตั ถปุ ระสงคท์ ก่ี ำ� หนดขนึ้
จะกอ่ ใหเ้ กดิ ผลกระทบทางยทุ ธศาสตรไ์ ดห้ รอื ไม่ และผลกระทบเหลา่ นม้ี คี วามเหมาะสม
กบั วตั ถปุ ระสงคท์ ก่ี ำ� หนด วธิ กี ารทใ่ี ช้ ทรพั ยากรทตี่ อ้ งการ และการสญู เสยี ทางดา้ น
การเมืองและสังคมท่ีเกิดข้ึนหรือไม่” ในขณะที่ยุทธศาสตร์ทหารแห่งชาติ เป็น
ยุทธศาสตร์ที่พิสูจน์ทราบในเรื่องจุดหมายทางทหารท่ีเหมาะสมในระดับชาติโดย
การใชแ้ นวคดิ และทรพั ยากรทางทหารของชาติ ยทุ ธศาสตรท์ หารแหง่ ชาตจิ งึ ถกู ผกู ตดิ
กับยุทธศาสตร์ความม่ันคงแห่งชาติ และอยู่ภายใต้ค�ำถามเชิงคุณภาพท่ีเป็น
ความสัมพนั ธเ์ ชงิ คณุ ภาพดว้ ย แตค่ ำ� ถามดังกลา่ วจะไมเ่ รยี กรอ้ งให้ทหารท�ำในส่ิงที่
ทหารทำ� ไมไ่ ด้ ถา้ ทหารไมม่ ขี ดี ความสามารถและทรพั ยากรทก่ี ำ� หนดในลกั ษณะเดยี วกนั
ผู้บัญชาการยุทธบริเวณก็ควรก�ำหนดวัตถุประสงค์ท่ีเหมาะสมในระดับยุทธบริเวณ
เพอื่ ใชส้ ำ� หรบั การพฒั นาแนวคดิ ตอ่ การปฏบิ ตั กิ ารในยทุ ธบรเิ วณ และการใชท้ รพั ยากร
ทแี่ บง่ มอบใหก้ บั ยทุ ธบรเิ วณของตนเองเทา่ นนั้ ในบางกรณถี า้ ผบู้ ญั ชาการยทุ ธบรเิ วณ
สามารถบรู ณาการและใชข้ ดี ความสามารถและทรพั ยากรตา่ งๆ ทม่ี อี ยไู่ ด้ แนวคดิ เหลา่ นี้
อาจรวมถึงการใช้เครื่องมืออื่นๆ นอกเหนือจากก�ำลังอ�ำนาจทางทหารด้วย
เชน่ เดยี วกบั สงครามยทุ ธศาสตรก์ ม็ อี ยหู่ ลายระดบั แมแ้ ตกตา่ งกนั แตก่ ม็ คี วามสมั พนั ธ์
ระหว่างกัน เพราะธรรมชาติของทั้งยุทธศาสตร์และสงครามต่างมีล�ำดับช้ันและ
ความครอบคลุมอยู่เสมอ ฉะน้ัน แนวคิดในระดับยุทธวิธีหรือระดับยุทธการ
ยอ่ มบรรลวุ ตั ถปุ ระสงคใ์ นระดบั ยทุ ธวธิ หี รอื ระดบั ยทุ ธการตามลำ� ดบั แตไ่ มอ่ าจยกระดบั
200
ไปสวู่ ตั ถปุ ระสงคใ์ นระดบั ยทุ ธศาสตรไ์ ด้ แมว้ า่ วตั ถปุ ระสงคใ์ นระดบั ยทุ ธวธิ หี รอื ระดบั
ยทุ ธการจะเกอื้ กลู ตอ่ ธรรมชาตขิ องยทุ ธศาสตรท์ มี่ ลี กั ษณะทบั ทวี และการปฏบิ ตั ติ า่ งๆ
ทง้ั สองระดบั นี้ อาจกอ่ ใหเ้ กดิ ผลทตี่ ามมาในระดบั ยทุ ธศาสตรก์ ต็ าม ในทำ� นองเดยี วกนั
วัตถุประสงค์และแนวคิดในระดับยุทธศาสตร์ ย่อมมีความสัมพันธ์ท่ีเหมาะสม
อยา่ งหนงึ่ ในยทุ ธศาสตรใ์ ดยทุ ธศาสตรห์ นง่ึ เทา่ นนั้ สำ� หรบั ความสมั พนั ธใ์ นเชงิ ปรมิ าณ
นั้นเป็นความสัมพันธ์ที่ให้ข้อเสนอแนะว่า แนวคิดจะใช้และถูกใช้ตามประเภท
และปรมิ าณของทรพั ยากรทเ่ี หมาะสม โดยอาศยั ความสมดลุ รว่ มกนั ระหวา่ งปจั จยั
จดุ หมายแนวทาง และเครอ่ื งมอื ตา่ งๆ อยา่ งไรกต็ าม ยทุ ธศาสตรจ์ ะมคี วามเหมาะสม
และความยอมรับได้น้ัน แนวคิดระดับยุทธศาสตร์จะต้องเป็นแนวคิดที่ใช้ปฏิบัติ
ได้กับทรัพยากรต่างๆ ที่มีอยู่ เน่ืองจากการบรรลุซ่ึงวัตถุประสงค์ดังกล่าวเกิดจาก
การใช้เคร่ืองมือต่างๆ ของพลังอ�ำนาจในลักษณะที่ก่อให้เกิดผลกระทบในระดับ
ยุทธศาสตรท์ ตี่ อ้ งการโดยยอมใหม้ กี ารสญู เสยี อยูใ่ นระดบั ทยี่ อมรบั ไดเ้ ทา่ นน้ั
ฒ. ยทุ ธศาสตรต์ ้องพิจารณาถงึ ความเสย่ี งทเี่ กี่ยวขอ้ ง
สิง่ ทเี่ ราสามารถท�ำไดด้ ที สี่ ดุ กค็ อื การพิจารณาความเส่ียงทเ่ี กย่ี วข้อง
อยา่ งจรงิ จงั และสรา้ งสมดลุ ทไี่ มเ่ กอื้ กลู ตอ่ ความลม้ เหลว ดว้ ยยทุ ธศาสตรต์ กอยภู่ ายใต้
ธรรมชาติของสภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์ และความไม่แน่นอนซ่ึงแฝงอยู่
ในสภาพแวดล้อมดังกล่าว ส่งผลให้เกิดความเสี่ยง (Chance) ความไม่เท่ียงตรง
(Nonlinearity) และมีปฏิสมั พันธ์ (Interaction) กับรัฐและผู้เล่นอืน่ ๆ เราสามารถ
ประเมนิ และบรรเทาความเสยี่ งเหลา่ นไี้ ด้ โดยการตง้ั คำ� ถามใหค้ ดิ ภายหลงั จากกำ� หนด
ยทุ ธศาสตรเ์ สรจ็ สนิ้ แลว้ เชน่ การพฒั นายทุ ธศาสตรด์ งั กลา่ วตง้ั อยบู่ นสมมตฐิ านอะไร
ถา้ สมมตฐิ านผดิ จะเกดิ ผลทต่ี ามมาอะไรบา้ ง มปี จั จยั ภายในและปจั จยั ภายนอกอะไร
ที่ใช้เป็นฐานให้กับยุทธศาสตร์น้ี ถ้าหากเร่งหรือเบี่ยงเบนออกจากยุทธศาสตร์นี้
จะมกี ารเปลย่ี นแปลงอะไรเกดิ ขน้ึ ไดบ้ า้ ง มคี วามออ่ นตวั หรอื ปรบั เปลย่ี นอะไรไดบ้ า้ ง
ในองค์ประกอบต่างๆ ของยุทธศาสตร์ เราจะสามารถปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์
ได้อย่างไรและเสียค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม คงไม่มีส่ิงใดสามารถ
พิสูจน์ทราบความถูกต้องของค�ำถามเหล่านี้ได้ เพราะความเส่ียงต่อความล้มเหลว
201
จะยงั มอี ยเู่ สมอ ความลม้ เหลวเหลา่ นี้ อาจเปน็ ความลม้ เหลวตอ่ การบรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์
ของตนเอง สรา้ งความไดเ้ ปรยี บทสี่ ำ� คญั เหนอื ฝา่ ยตรงขา้ ม หรอื กอ่ ใหเ้ กดิ ผลกระทบ
ร้ายแรงโดยไมต่ ง้ั ใจกไ็ ด้
กล่าวโดยสรปุ ยุทธศาสตรม์ ีตรรกะแฝงอยา่ งหนง่ึ ท่ีเราสามารถเข้าใจ
และประยกุ ตใ์ ชไ้ ด้ ดว้ ยยทุ ธศาสตรม์ ขี อ้ แตกตา่ งจากการวางแผนและมคี วามมงุ่ ประสงค์
อย่างใดอย่างหน่ึงเท่าน้ัน ยุทธศาสตร์จึงต่างจากการวางแผนในเรื่องคุณลักษณะ
(Attributes) ขอบเขต (Scope) สมมติฐาน (Assumptions) และข้อเสนอท่ี
สนบั สนนุ สมมตฐิ าน (Premises) แตย่ ทุ ธศาสตรก์ เ็ ปน็ ตวั กำ� หนดโครงสรา้ งและเปน็ ตวั แปร
ในภาพรวมสำ� หรบั การวางแผนทง้ั ในระยะสน้ั และระยะยาวทมี่ รี ายละเอยี ดมากขน้ึ
ในอนาคต ทงั้ ยทุ ธศาสตรแ์ ละการวางแผนใชอ้ งคป์ ระกอบของปจั จยั จดุ หมาย แนวทาง
และเครื่องมือ และผูกติดกับหลักเกณฑ์ว่าด้วยความเหมาะสม ความเป็นไปได้
และความยอมรบั ไดเ้ ชน่ เดยี วกนั ยทุ ธศาสตรท์ ด่ี จี งึ ถกู ใชเ้ ปน็ ฐานเพอ่ื สรา้ งความเขา้ ใจ
ทถี่ กู ตอ้ งและการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์ ผลประโยชน์แห่งชาติ
และนโยบายทางการเมอื ง รวมถงึ การสรา้ งความเขา้ ใจเกยี่ วกบั ทฤษฎแี ละบทบาทของ
ยทุ ธศาสตร์ แมน้ กั ยทุ ธศาสตรต์ า่ งยอมรบั วา่ ยทุ ธศาสตรไ์ มส่ ามารถทำ� นายอนาคตได้
แตก่ เ็ ชอื่ กนั วา่ ยทุ ธศาสตรส์ ามารถคาดการณแ์ ละจดั ใหเ้ ขา้ รปู เขา้ รา่ งในรปู แบบทนี่ า่ พอใจ
โดยอาศยั การสรา้ งผลกระทบทางยทุ ธศาสตรอ์ ย่างมีเหตุมีผลได้ อีกท้ังทฤษฎีของ
ยทุ ธศาสตรก์ ส็ ามารถใชเ้ ปน็ แนวทางและกรอบในการพฒั นาและการนำ� ยทุ ธศาสตร์
ไปส่กู ารปฏิบตั ทิ ี่ดีได้อกี ดว้ ย
3. สภาพแวดล้อมทางยทุ ธศาสตร์
ยุทธศาสตร์จะแสวงหาผลกระทบเฉพาะท่ีเป็นต้นเหตุของปัญหาใน
สภาพแวดลอ้ ม เพอ่ื ใหไ้ ดจ้ ดุ หมายทนี่ า่ พอใจและขจดั จดุ หมายทไี่ มน่ า่ พอใจออกไป
ส�ำหรับรัฐแล้วสภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์เป็นขอบเขตซ่ึงผู้น�ำใช้ปฏิสัมพันธ์กับ
รัฐหรือผู้เล่นอ่ืนๆ เพื่อสร้างสภาพความเป็นอยู่ที่ดีของรัฐ สภาพแวดล้อมเหล่านี้
ประกอบดว้ ยบรบิ ทภายในและบรบิ ทภายนอก (Internal and External Context)
ปัจจยั แวดลอ้ ม (Conditions) ความสมั พนั ธ์ (Relationships) แนวโนม้ (Trends)
202
ประเด็นปญั หา (Issues) ภัยคกุ คาม (Threats) โอกาสทดี่ ี (Opportunities) การมี
ปฏสิ ัมพนั ธ์ (Interactions) และผลกระทบ (Effects) ท่ีมอี ิทธพิ ลต่อความส�ำเรจ็
ของรฐั ในการดำ� รงความสมั พนั ธก์ บั โลก รฐั และผเู้ ลน่ อนื่ ๆ ทางกายภาพ ความเสย่ี ง
และอนาคตท่ีเป็นไปได้ สภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์จึงมีหน้าท่ีในฐานะระบบ
อยา่ งหนง่ึ ทมี่ คี วามซบั ซอ้ นและสามารถจดั การตนเองได้ ยทุ ธศาสตรจ์ ะแสวงหาวธิ กี าร
ด�ำรงดุลยภาพสัมพัทธ์ (Relative Equilibrium) ของตนเองในปัจจุบัน หรือ
สรา้ งความสมดลุ (Balance) ใหมท่ ย่ี อมรบั ได้ ในสภาพแวดลอ้ มเชน่ น้ี บางสงิ่ อาจทราบ
หรือท�ำนายได้ (Predictable) บางส่ิงมีหลักฐานท่ีรับฟังได้ (Probable) บางสิ่ง
นา่ จะเปน็ จรงิ (Plausible) บางสงิ่ นา่ จะเปน็ ไปได้ (Possible) และบางสง่ิ ยงั ไมอ่ าจรไู้ ด้
(Simply Unknown) สภาพแวดลอ้ มทางยทุ ธศาสตรเ์ หลา่ น้ี จงึ เปน็ สภาพแวดลอ้ ม
ท่มี ีลักษณะพลวตั ซ่ึงมปี ฏิกิรยิ าต่อปัจจัยนำ� เข้า (Input) แต่ไมจ่ ำ� เปน็ ต้องมีลกั ษณะ
ที่เป็นเหตุและผลโดยตรง ยุทธศาสตร์อาจมุ่งความสนใจไปท่ีผลประโยชน์หรือ
นโยบายเฉพาะก็ได้ แต่ด้วยสภาพแวดล้อมที่มีธรรมชาติเป็นองค์รวมจะก่อให้เกิด
ผลกระทบท้ังท่ีตั้งใจให้เกิดและเกิดข้ึนโดยไม่ตั้งใจ28 ฉะน้ัน นักยุทธศาสตร์ต้อง
แสวงหาวธิ กี ารทด่ี ที ส่ี ดุ เพอ่ื ปกปอ้ งและพฒั นาผลประโยชนแ์ หง่ ชาตภิ ายใตส้ ภาพแวดลอ้ ม
ทางยุทธศาสตรเ์ หล่าน้ี โดยอาศยั การออกค�ำส่ังท่ีหลากหลายเพ่ือใหเ้ กิดผลกระทบ
ตามท่ีก�ำหนด โดยแนวคิดแล้วแบบจ�ำลองยุทธศาสตร์อย่างง่ายๆ ประกอบด้วย
ปัจจัย 3 อย่าง คือ จุดหมาย แนวทาง และเครื่องมือ แต่ด้วยธรรมชาติของ
สภาพแวดลอ้ มทางยทุ ธศาสตร์ ยอ่ มกอ่ ใหเ้ กดิ ความยงุ่ ยากในการประยกุ ตใ์ ชย้ ทุ ธศาสตร์
ตามมาเพอ่ื ใหป้ ระสบผลสำ� เรจ็ นกั ยทุ ธศาสตรจ์ งึ ตอ้ งเขา้ ใจธรรมชาตขิ องสภาพแวดลอ้ ม
ทางยทุ ธศาสตรเ์ หลา่ นใ้ี หถ้ อ่ งแท้ และสรา้ งยทุ ธศาสตรท์ สี่ อดคลอ้ งกบั สภาพแวดลอ้ ม
ดงั กลา่ ว โดยไม่ปฏิเสธตอ่ ธรรมชาตขิ องสภาพแวดล้อม หรือยอมแพ้ตอ่ ผเู้ ล่นอ่นื ๆ
หรอื ต่อความเสย่ี งทจี่ ะเกดิ ขึ้นตามมา
203
ภาพที่ 4-3 ตัวอยา่ งการประยุกตใ์ ช้ตัวแบบของยทุ ธศาสตร์ จดุ หมาย (Ends) วิธกี าร
(Ways) และเครื่องมอื (Means)
อยา่ งไรกต็ าม ธรรมชาตขิ องสภาพแวดลอ้ มทางยทุ ธศาสตรม์ กั ถกู กำ� หนด
โดยระเบยี บโลกอย่างหนงึ่ ซ่ึงอาจเป็นภัยคุกคามท่ีก่อใหเ้ กิดความสบั สน (Diffuse)
และความไมแ่ นน่ อน (Uncertain) ขน้ึ ได้ แมว้ า่ ความขดั แยง้ ทแ่ี ฝงอยใู่ นสภาพแวดลอ้ ม
อาจคาดการณ์ได้ แต่ไม่สามารถท�ำนายได้อย่างแน่นอนว่าจะเกิดอะไรข้ึน ฉะน้ัน
ขดี ความสามารถของเราทจ่ี ะปอ้ งกนั และสง่ เสรมิ ผลประโยชนแ์ หง่ ชาตขิ องเราอาจถกู
จำ� กดั ดว้ ยยทุ โธปกรณแ์ ละทรพั ยากรบคุ คลทมี่ อี ยู่ สรปุ อยา่ งสนั้ ๆ ไดว้ า่ สภาพแวดลอ้ ม
เชน่ น้ี กค็ อื สภาพแวดลอ้ มทมี่ ลี กั ษณะของความผนั ผวน (Volatility) ความไมแ่ นน่ อน
(Uncertainty) ความซบั ซอ้ น (Complexity) และความคลุมเครอื (Ambiguity)29
ดว้ ยคณุ ลกั ษณะทงั้ 4 ประการเหลา่ นี้ ทำ� ใหส้ ภาพแวดลอ้ มทางยทุ ธศาสตรม์ สี ภาพ
ของความไรเ้ สถยี รภาพ (Instability) หรอื ความวนุ่ วาย (Chaos) ทเี่ ปน็ พลวตั ไมม่ าก
กน็ อ้ ย ฉะนน้ั บทบาทของนกั ยทุ ธศาสตร์ กค็ อื การสรา้ งอทิ ธพิ ลเหนอื ความผนั ผวน
การจดั การกบั ความไมแ่ นน่ อน การทำ� เรอื่ งทย่ี ากใหก้ ลายเปน็ เรอ่ื งงา่ ย และการแกป้ ญั หา
จากสง่ิ ทคี่ ลมุ เครอื โดยทง้ั หมดนี้ ตอ้ งอยใู่ นรปู แบบทเี่ กอ้ื กลู ตอ่ ผลประโยชนแ์ หง่ ชาติ
และสอดคลอ้ งกบั แนวนโยบายทางการเมอื งทเี่ กย่ี วขอ้ งอกี ดว้ ย
204
เพ่ือให้เข้าใจเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์ให้มากยิ่งขึ้น
จงึ ขออธบิ ายธรรมชาตขิ องสภาพแวดลอ้ มทางยทุ ธศาสตรใ์ นรายละเอยี ด ดงั ตอ่ ไปน้ี
ก. สภาพแวดล้อมทางยทุ ธศาสตร์มคี วามผันผวนเป็นธรรมชาติ
การที่สภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์มีความผันผวนนั้น เพราะ
สภาพแวดลอ้ มทางยทุ ธศาสตรต์ กอยภู่ ายใตก้ ารตอบสนองและการเปลย่ี นแปลงทร่ี วดเรว็
และพรอ้ มทจี่ ะปะทไุ ดง้ า่ ย โดยมลี กั ษณะของการใชค้ วามรนุ แรงบอ่ ยครง้ั นอกจากน้ี
ความไม่แน่นอนยังเป็นคุณลักษณะส�ำคัญของสภาพแวดล้อมเช่นนี้ด้วย ซ่ึง
ความไมแ่ นน่ อนนี้ มลี กั ษณะทเ่ี ปน็ ปรศิ นา (Problematic) และไรเ้ สถยี รภาพ (Unstable)
แฝงอยดู่ ว้ ย เมอ่ื เกดิ ประเดน็ ปญั หาใหม่ และปญั หาเกา่ ๆ เกดิ ขนึ้ ซำ้� อกี หรอื ปรากฏซำ้�
ในวิธีการใหม่ๆ จนกระทั่งการแก้ไขปัญหาด้วยวิธีการเดิมๆ ในอดีตใช้ไม่ได้ผล
อีกทัง้ ความผันผวนมักเก่ยี วขอ้ งกบั เวลาดว้ ย ทุกสงิ่ ทุกอย่างจงึ ตกอยภู่ ายใต้ปัญหา
และความเปลย่ี นแปลงทงั้ สน้ิ สภาพแวดลอ้ มเชน่ นจ้ี งึ มคี วามยงุ่ ยากซบั ซอ้ น เพราะ
ประกอบด้วยองค์ประกอบหลายๆ ส่วน ซ่ึงต่างก็มีความสัมพันธ์กันทั้งทางตรง
และทางออ้ ม ฉะนน้ั การทำ� ความเขา้ ใจแบบองคร์ วมหรอื แยกสว่ นใหเ้ หน็ อยา่ งชดั เจน
จึงเป็นสิ่งท่ียุ่งยากและบ่อยคร้ังที่เป็นไปไม่ได้เลย ในบางคร้ังสภาพแวดล้อมเช่นนี้
ก็มีความซับซ้อนหรือยุ่งเหยิงจนไม่อาจท�ำความเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ และการหา
วธิ กี ารแกไ้ ขปญั หาทแี่ นน่ อนได้ อกี ทงั้ สภาพแวดลอ้ มทางยทุ ธศาสตรน์ มี้ กั มลี กั ษณะ
ของความคลุมเครือร่วมด้วย ท�ำให้การตีความกระท�ำได้หลากทัศนะ มีบทสรุปที่
แตกต่างกัน และอาจเสนอแนะวิธีการแก้ไขที่อาจเหมือนกันหรือไม่เหมือนกัน
บางคนอาจบอกวา่ ดี ในขณะทบี่ างคนอาจบอกวา่ ไมด่ กี ไ็ ด้ ดว้ ยเหตนุ ี้ นกั ยทุ ธศาสตร์
ท่ีขาดความรู้เฉพาะทางและความตั้งใจท่ีจะศึกษาสภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์
อยา่ งจรงิ จงั อาจนำ� มาซงึ่ การคาดเดาอยา่ งไรท้ ศิ ไรท้ าง โดยมไิ ดร้ คู้ วามเปน็ ไปทง้ั หมด
แม้ว่าการพยายามอธิบายภาพลักษณ์ของสภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์ไม่จ�ำเป็น
ต้องใช้ความเข้าใจในทฤษฎีเก่ียวกับสภาพแวดล้อมดังกล่าวเลยก็ได้ เน่ืองจาก
บทบาทของนกั ยทุ ธศาสตร์ คอื ผสู้ นบั สนนุ การกระทำ� ทจี่ ะนำ� ไปสจู่ ดุ หมายทตี่ อ้ งการ
ในขณะเดียวกันก็หลีกเลี่ยงจุดหมายที่ไม่ต้องการด้วย แต่นักยุทธศาสตร์จะต้อง
เข้าใจธรรมชาติของสภาพแวดล้อมเหล่าน้ี เพื่อให้นักยุทธศาสตร์สามารถอธิบาย
อิทธิพลของปรากฏการณเ์ หลา่ นที้ ีม่ ตี อ่ สภาพแวดลอ้ มทางยทุ ธศาสตรใ์ หไ้ ด3้ 0
205
ข. สภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์มีความวุ่นวายและความซับซ้อน
เปน็ ธรรมชาติ
การท�ำความเข้าใจต่อธรรมชาติของสภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์
ที่มีความวุ่นวายและความซับซ้อน เป็นสิ่งท่ีสามารถอธิบายความเป็นไปได้และ
ขอ้ จำ� กดั ของยทุ ธศาสตรอ์ ยา่ งมวี จิ ารณญาณ และใชเ้ ปน็ ตวั แปรสำ� หรบั เชอื่ มตอ่ กบั
วตั ถปุ ระสงค์ แนวคดิ และทรพั ยากรทางยทุ ธศาสตรไ์ ดเ้ ปน็ อยา่ งดี ดว้ ยเหตนุ ้ี ทฤษฎี
หลกั ทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั ธรรมชาตขิ องสภาพแวดลอ้ มเชน่ นจ้ี งึ มอี ยู่ 2 ทฤษฎี คอื ทฤษฎี
ความวนุ่ วายและทฤษฎคี วามซบั ซอ้ น เพอ่ื สรา้ งความเขา้ ใจธรรมชาตขิ องสภาพแวดลอ้ ม
ทางยทุ ธศาสตรไ์ ดอ้ ยา่ งเหมาะสม และใชอ้ ธบิ ายเชงิ อปุ มาเกย่ี วกบั คณุ ลกั ษณะและ
หนา้ ทต่ี า่ งๆ ได้ อยา่ งไรกต็ าม ทงั้ สองทฤษฎนี ไี้ ดม้ าจากพฤตกิ รรมทส่ี งั เกตเหน็ ไดจ้ าก
กระบวนการศกึ ษาสภาพแวดลอ้ มทางยทุ ธศาสตรข์ องนกั ศกึ ษาในวทิ ยาลยั การทพั บก
ของกองทพั บกสหรัฐอเมรกิ า และได้มกี ารปรับปรุงโดยนักรัฐศาสตร์เพ่อื ใชอ้ ธบิ าย
สภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศ แม้ว่านักรัฐศาสตร์บางท่านได้ให้
ข้อเสนอแนะด้วยว่า อาจประยุกต์ใช้ทฤษฎีเหล่าน้ีเพื่อใช้ประเมินค่าและเลือก
ทางเลอื กยทุ ธศาสตร์ตา่ งๆ ไดโ้ ดยตรง31 แต่ประโยชนข์ องทฤษฎคี วามวนุ่ วายและ
ทฤษฎีความซับซ้อนนี้ ก็คือ การช่วยให้นักยุทธศาสตร์ได้คิดในเชิงมโนทัศน์และ
วตั รปฏบิ ตั เิ กย่ี วกบั การนำ� สภาพแวดลอ้ มทางยทุ ธศาสตรไ์ ปใชป้ ระโยชนไ์ ดจ้ รงิ ตอ่ ไป
1) ทฤษฎีความวนุ่ วาย
ทฤษฎคี วามวนุ่ วาย (Chaos Theory) ไดร้ บั ความนยิ มอยา่ งแพรห่ ลาย
เมอื่ เอด็ เวริ ด์ ลอเรนซ์ (Edward Lorenz) นกั อตุ นุ ยิ มวทิ ยาชาวอเมรกิ นั ไดพ้ ยายาม
ค้นหาวิธีการท�ำนายสภาพลมฟ้าอากาศให้ถูกต้องมากย่ิงข้ึน ท้ายท่ีสุดเขาก็เป็น
ผู้ค้นพบปรากฏการณ์ท่ีเขาเรียกว่า “ผลกระทบจากผีเสื้อกระพือปีก” (Butterfly
Effect) โดยเขาสงั เกตไดว้ า่ การเปลยี่ นแปลงเลก็ ๆ ทป่ี อ้ นขอ้ มลู เขา้ ไปคำ� นวณทาง
คณิตศาสตร์ในขั้นต้นเพื่อการท�ำนายสภาพอากาศนั้น อาจส่งผลท่ีมากเป็นพิเศษ
และท�ำนายเกี่ยวกับผลลัพธ์ดังกล่าวไม่ได้ เขาได้สรุปว่า พฤติกรรมของระบบ
ท่ีมีลักษณะพลวัตและความซับซ้อนในอนาคตมีความอ่อนไหวอย่างไม่น่าเชื่อต่อ
206
ความผันแปรของสภาพการณเ์ ล็กๆ ขั้นตน้ เหล่าน้นั 32 กว่า 150 ปีก่อน เคลาเซวทิ ซ์
ไดท้ ำ� ความเขา้ ใจและอธบิ ายปรากฏการณเ์ ชน่ นใ้ี นสงครามไวแ้ ลว้ ในคำ� จำ� กดั ความ
ของค�ำว่า“ความฝืด” (Friction) ท่ีกล่าวไว้ว่า “ทุกส่ิงทุกอย่างในสงคราม
เปน็ เรอ่ื งทงี่ า่ ยๆ แตเ่ รอื่ งทงี่ า่ ยๆ เหลา่ นก้ี ลบั กลายเปน็ เรอ่ื งทย่ี งุ่ ยากในการทำ� สงคราม
ดว้ ยความยงุ่ ยากตา่ งๆ เหลา่ นม้ี กั เกดิ ขนึ้ สะสม และจบลงดว้ ยการเปน็ ความฝดื บางอยา่ ง
ที่ยากเกินกว่าจะเข้าใจ เว้นแต่จะมีใครสักคนท่ีมีประสบการณ์ผ่านสงคราม
มามากพอแลว้ เทา่ นนั้ ”33 ในทำ� นองเดยี วกนั กม็ คี ตพิ จนท์ ไ่ี ดก้ ลา่ วถงึ หลกั ความเปน็ จรงิ
เดียวกันน้ีว่า “พอตะปูไม่มี เกือกม้าก็หาย พอเกือกม้าไม่มี ม้าก็หาย พอม้าไม่มี
คนข่ีก็หาย พอคนขี่ไม่มี ข่าวก็หาย พอข่าวไม่มี การรบก็หาย พอการรบไม่มี
อาณาจกั รกห็ าย ทท่ี กุ สง่ิ ทกุ อยา่ งไมม่ ี กแ็ คต่ ะปดู อกเดยี วทใี่ ชต้ อกเกอื กมา้ หาย”34
คตพิ จนน์ ไ้ี ดแ้ สดงใหเ้ หน็ วา่ ผลของการกระทำ� ในสง่ิ เลก็ ๆ นอ้ ยๆ กอ็ าจสง่ ผลกระทบ
ตามมาที่ใหญ่หลวงได้ ในปัจจุบัน คอมพิวเตอร์ได้ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถ
ค�ำนวณเพ่ือศึกษาเก่ียวกับผลกระทบเช่นนี้ในระบบง่ายๆ ทางคณิตศาสตร์ ดังนั้น
การแสดงพฤติกรรมความวุ่นวายอันเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์และ
ระบบท่ียุ่งยากซับซ้อนอ่ืนๆ จึงสามารถกระท�ำได้ง่ายยิ่งข้ึน ทฤษฎีความวุ่นวาย
เปน็ ทฤษฎที ี่มคี วามสำ� คญั เป็นอย่างย่งิ เนือ่ งจากเป็นทฤษฎีท่ีชว่ ยอธิบายเหตุผลวา่
ในบางครงั้ ทำ� ไมระบบแบบชเ้ี ฉพาะ (Deterministic Systems)35 หรอื ระบบเชงิ เสน้
(Linear Systems) ถึงก่อให้เกิดพฤติกรรมท่ีท�ำนายอะไรไม่ได้ นอกจากน้ีแล้ว
ทฤษฎคี วามวุน่ วาย ยังแสดงใหเ้ ห็นด้วยว่า ยิ่งสภาพทไ่ี รแ้ บบแผนเกดิ ข้นึ มากฉนั ใด
สภาพความเปน็ จรงิ กจ็ ะไมเ่ กดิ ขนึ้ มากยงิ่ ขน้ึ ฉนั นน้ั ดว้ ยมคี วามสมั พนั ธเ์ ชงิ เหตแุ ละ
ผลทางอ้อม (Indirect Cause-and-Effect Relationships) อยูใ่ นการทำ� งานของ
ระบบที่บางครัง้ ไมส่ ามารถตรวจจบั ได้ ในระบบความว่นุ วายแลว้ การเปลยี่ นแปลง
ท่ีเกิดข้ึนก่อนอาจมีผลกระทบอย่างรุนแรงในระยะยาว แต่ผลลัพธ์ที่เกิดข้ึนได้ถูก
จำ� กดั ความรนุ แรงของความไรแ้ บบแผนในภาพรวมทงั้ หมด ฉะนนั้ ระบบความวนุ่ วาย
จึงเป็นท้ังความต่อเน่ืองและการเปลี่ยนแปลง เราสามารถมองสภาพแวดล้อม
ทางยทุ ธศาสตรใ์ นฐานะทเี่ ปน็ ระบบความวนุ่ วายซงึ่ ตามประวตั ศิ าสตรข์ องมนษุ ยไ์ ดเ้ คย
207
ใชแ้ ทนพฤตกิ รรมของมนษุ ยท์ เ่ี กดิ ขนึ้ เปน็ ครงั้ คราวได้ ทงั้ นี้ กโ็ ดยอาศยั รปู แบบกวา้ งๆ
ของความรุ่งเรืองและความตกต�่ำของอารยธรรมในอดีตเป็นอุทาหรณ์ แต่ก็ให้
พงึ ระลกึ เสมอว่า “เหตกุ ารณ์ท่ีเคยเกิดข้ึนในอดีต ก็ใชว่ า่ จะเกิดขึ้นซ้ำ� อีกในปจั จบุ นั
และผลที่เคยเกดิ ขน้ึ ในอดีต กใ็ ช่วา่ จะเกิดผลเช่นเดยี วกนั ในปัจจบุ นั ”36
2) ทฤษฎคี วามซบั ซ้อน
ทฤษฎีความซับซ้อน (Complexity Theory) เป็นทฤษฎีที่น�ำเสนอ
วจิ ารณญาณเกยี่ วกบั ธรรมชาตขิ องสภาพแวดลอ้ มทางยทุ ธศาสตร์ โดยมกั ใชร้ ว่ มกบั หรอื
เพม่ิ เตมิ ดว้ ยทฤษฎคี วามวนุ่ วาย ตามความหมายของสภาพแวดลอ้ มทางยทุ ธศาสตรแ์ ลว้
กถ็ อื ไดว้ า่ เปน็ ระบบทมี่ คี วามซบั ซอ้ นอยา่ งหนงึ่ ดว้ ย ระบบใดระบบหนง่ึ จะดำ� รงอยไู่ ด้
กต็ อ่ เมอ่ื ชดุ ของปจั จยั พน้ื ฐานของระบบไดถ้ กู เชอ่ื มโยงกนั จนกระทง่ั การเปลยี่ นแปลงใดๆ
ในปจั จยั พนื้ ฐานบางอยา่ งหรอื มคี วามสมั พนั ธร์ ะหวา่ งกนั ทำ� ใหเ้ กดิ การเปลยี่ นแปลง
ในส่วนอื่นๆ ของระบบ และระบบที่ได้รับมาทั้งหมดก็จะแสดงคุณสมบัติและ
พฤตกิ รรมตา่ งๆ ซงึ่ แตกตา่ งจากผลรวมของสว่ นตา่ งๆ เหลา่ นน้ั โดยทว่ั ไปแลว้ ระบบตา่ งๆ
มคี วามเปน็ พลวตั และเปน็ ระบบสงั คม ระบบตา่ งๆ เหลา่ นอ้ี าจมขี นาดใหญห่ รอื เลก็
ในระบบท่ีมีความซับซ้อนบางอย่าง องค์ประกอบที่มีขนาดใหญ่และเล็กจะทำ� งาน
ร่วมกันได้เป็นอย่างดี ความซับซ้อนอาจเกิดขึ้นได้ท้ังในระบบตามธรรมชาติและ
ระบบทม่ี นษุ ยส์ รา้ งขนึ้ ระดบั ของความซบั ซอ้ นนก้ี ข็ นึ้ อยกู่ บั คณุ ลกั ษณะของระบบ
สภาพแวดลอ้ ม และธรรมชาตขิ องการมปี ฏสิ มั พนั ธร์ ะหวา่ งกนั สว่ นตา่ งๆ ของระบบ
ท่ีแตกต่างกันของระบบท่ีมีความซับซ้อนน้ี ได้ถูกเช่ือมโยงและส่งผลกระทบ
ซง่ึ กนั และกนั ในลกั ษณะทสี่ อดคลอ้ งกนั ผา่ นการตอบสนองทงั้ เชงิ บวกและเชงิ ลบ ฉะนนั้
ในระบบทม่ี คี วามซับซอ้ นน้ี ปัจจัยพ้ืนฐานอสิ ระเป็นจ�ำนวนมากจะมีปฏิสมั พันธก์ ัน
อยา่ งตอ่ เนอื่ ง จดั การตนเองตามธรรมชาติ และปรบั ตวั เพอ่ื ความอยรู่ อดในโครงสรา้ ง
ท่ีประณีตและซับซ้อนมากยิ่งข้ึนตลอดเวลา ตัวแปรต้นและตัวแปรตามจงึ มสี ดั สว่ น
ท่ีไม่เท่ากัน และบางคร้ังอาจไม่สัมพันธ์กันเลยก็ได้ ระบบเช่นน้ี จึงมิได้มีลักษณะ
ชี้เฉพาะหรอื ความไรแ้ บบแผนอยา่ งสมบูรณ์ แต่มักแสดงใหเ้ หน็ ทัง้ สองคุณลกั ษณะ
ท่ีเช่ือมโยงกับตัวแบบของทฤษฎีความวุ่นวายด้วย ดังนั้น ระบบท่ีมีความซับซ้อน
208
จงึ ไมส่ ามารถทำ� นายไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง และผลรวมของการมปี ฏสิ มั พนั ธร์ ะหวา่ งกนั กม็ ี
มากกว่าการมีปฏิสัมพันธ์ในส่วนต่างๆ ของระบบท่ีอยู่แยกจากกัน ระบบท่ีมี
ความซบั ซอ้ นนี้ อาจดเู หมอื นวา่ มวี วิ ฒั นาการตามธรรมชาตไิ ปสสู่ ถานการณว์ กิ ฤตทม่ี ี
การจัดการตนเองได้เม่ืออยู่บนเส้นแบ่งระหว่างความเป็นระเบียบ (Order) และ
ความไรร้ ะเบยี บ (Disorder) หรอื กา้ วไปสชู่ ายขอบของความวนุ่ วาย ณ จดุ ทร่ี ะบบ
ความวุ่นวาย ระบบพลวัต และระบบความซับซ้อนมีลักษณะที่ไม่มีเสถียรภาพ
อยา่ งเพยี งพอสงิ่ ดงึ ดดู หนง่ึ จะกระตนุ้ ใหเ้ กดิ ความเครยี ดและระบบทแี่ ตกแยก เหตกุ ารณ์
ทเี่ กดิ ขน้ึ เชน่ นถ้ี กู เรยี กวา่ “จดุ แยก” หรอื “จดุ วดั ใจ” (Bifurcation) อนั เปน็ จดุ ทก่ี อ่ ให้
เกิดการเปลย่ี นแปลงครั้งส�ำคญั ขนึ้ และระบบอันเปน็ ผลลพั ธ์ใหมก่ ็มคี วามแตกตา่ ง
จากระบบเดิมอย่างต่อเน่ือง นอกจากนี้แล้ว บริเวณชายขอบของความวุ่นวายก็มี
ความสำ� คัญเชน่ กนั ดว้ ยบริเวณดังกล่าว เปน็ ห้วงทีร่ ะบบสามารถลงมอื จัดการกบั
การปฏิบัติต่างๆ ท่ีซับซ้อนมากท่ีสุดได้ และเป็นจุดที่สามารถเป็นได้ทั้งโอกาส
(การตอบสนองเชงิ บวก) และภยั คกุ คาม (การตอบสนองเชงิ ลบ) ถา้ ระบบไมส่ ามารถ
ด�ำรงดุลยภาพของระบบเอาไว้ได้ ระบบกจ็ ะแสวงหาดลุ ยภาพใหมเ่ องอยตู่ ลอดเวลา
และทา้ ยทส่ี ดุ ณ จดุ แยกน้ี การเปลยี่ นแปลงแมเ้ พยี งเล็กๆ นอ้ ยๆ ก็อาจสร้างผลลพั ธ์
ท่รี ุนแรงมากกวา่ เดมิ ก็ได3้ 7
ค. สภาพแวดล้อมทางยทุ ธศาสตรม์ ลี ักษณะของพลวัตทีม่ ใิ ชเ่ ชิงเส้น
ตามทฤษฎแี ลว้ ระบบทมี่ คี วามซบั ซอ้ นทง้ั หมดลว้ นไมม่ ลี กั ษณะเชงิ เสน้
และไมส่ ามารถทำ� นายหรอื เขา้ ใจผลลพั ธด์ ว้ ยการกระทำ� งา่ ยๆ ในระบบทมี่ ลี กั ษณะเชงิ เสน้
การเปลี่ยนแปลงใดๆ ผลลัพธ์ที่ได้มักมีสัดส่วนที่ใกล้เคียงกับปัจจัยน�ำเข้าหรืออาจ
ท�ำนายได้ว่า ผลรวมของปัจจัยน�ำเข้าเท่ากับผลลัพธ์ อย่างไรก็ตาม คนส่วนใหญ่
มักมองยุทธศาสตร์ในทัศนะที่มีลักษณะเชิงเส้น และวางแผนการปฏิบัติการด้วย
มาตรการขนาดใหญโ่ ดยตงั้ สมมตฐิ านทม่ี ลี กั ษณะเชงิ เสน้ เชน่ การวางแผนใชก้ องหนนุ
การวางแผนต่อสถานการณ์ย่อย (Branches) และการวางแผนต่อสถานการณ์
สบื เนอ่ื ง (Sequels) เปน็ ตน้ ในระดบั ยทุ ธศาสตร์ ความซบั ซอ้ นจะเขา้ ไปมสี ว่ นรว่ ม
กบั ระบบการปฏบิ ตั กิ ารไดง้ า่ ยๆ ผลกระทบจากการกระทำ� อยา่ งหนง่ึ อาจเปน็ ไปตามหรอื
209
ขดั แยง้ กบั สถานภาพของตวั แปรอน่ื และผลกระทบสทุ ธอิ าจเปลย่ี นแปลงสภาพการณ์
ซง่ึ มผี ลกระทบตอ่ ตวั แปรอน่ื ทงั้ หมด ดงั นน้ั การทำ� ความเขา้ ใจผลลพั ธข์ องยทุ ธศาสตร์
จงึ ตอ้ งตรวจสอบทางเลือก โดยอาศัยการตรวจสอบจดุ ประสงค์ (Goals) ทรพั ยากร
(Resources) และนโยบาย (Policies) ของผเู้ ลน่ ฝา่ ยตรงขา้ ม ผลทจ่ี ะเกดิ ขน้ึ ตามมา
และตัวแปรต่างๆ ของสภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์ที่เหลือ อย่างไรก็ตาม
การปฏิบัติในระดบั ยทุ ธศาสตรไ์ ม่ใช่สิง่ ทผี่ ้เู ล่นฝ่ายใดฝา่ ยหน่งึ ฝา่ ยตรงขา้ ม หรอื ผู้
เลน่ อนื่ ๆ จะกำ� หนดทางเลอื กเพอื่ ตอบโตต้ อ่ การปฏบิ ตั หิ รอื ชงิ ปฏบิ ตั กิ อ่ นไดฝ้ า่ ยเดยี ว
เพราะความซับซ้อนเป็นสิ่งที่ท�ำให้นักยุทธศาสตร์ต้องผสมผสานส่ิงท่ีผู้เล่นอ่ืนๆ
อาจเลอื กทจี่ ะกระทำ� ดว้ ย เนอ่ื งจากธรรมชาตคิ วามวนุ่ วายของระบบทมี่ คี วามซบั ซอ้ น
หมายถึง พฤติกรรมและผลลัพธ์ข้ันต้นที่ก่อให้เกิดการเปล่ียนแปลงซึ่งสร้างพลวัต
โดยไมต่ งั้ ใจให้กับผลกระทบทีเ่ ป็นขัน้ ๆ ย่อมสามารถเปลี่ยน จ�ำกดั เพ่มิ หรือแม้แต่
ส่งผลกระทบต่อทางเลือกหรือการตอบสนองท่ีต้องการในอนาคตได้38 ฉะนั้น
คณุ ลกั ษณะที่ไม่ใช่เชิงเส้นของสภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์ จึงเป็นผลจากการมี
ปฏิสัมพนั ธ์ระหวา่ งความเสย่ี งและการจัดการตนเองของหน่วยรองหรอื การจดั การ
ตนเองแบบบรู ณาการ และระบบทส่ี ามารถปรบั เปลยี่ นได้ เชน่ รฐั ผเู้ ลน่ อนื่ ๆ และโลก
ทางกายภาพ เปน็ ตน้ ฉะนน้ั ลกั ษณะทไี่ มใ่ ชเ่ ชงิ เสน้ (Nonlinearity) จงึ ประกอบดว้ ย
ภาวะต่อเน่ือง (Continuities) ภัยคุกคาม และโอกาสต่างๆ ที่ท�ำนายไมไ่ ด้ รวมถงึ
กระบวนการมปี ฏสิ มั พนั ธใ์ นทางเลอื กยทุ ธศาสตรต์ า่ งๆ ทจ่ี ะกอ่ ใหเ้ กดิ ผลกระทบตา่ งๆ
ซึ่งมีปฏิกิริยาที่อาจก่อให้เกิดการเปล่ียนแปลงใหญ่ๆ หรือการเปลี่ยนแปลงท่ี
ซับซ้อนหรือไม่ก็ได้ ในขณะที่ผู้เล่นอื่นๆ ท้ังท่ีเป็นฝ่ายเดียวกัน ฝ่ายตรงข้าม
หรือฝา่ ยเป็นกลาง ซง่ึ เก่ียวขอ้ งกบั วตั ถุประสงค์ของยุทธศาสตร์ เรากส็ ามารถเลอื ก
ปฏิบัติ ตอบโต้ หรือชิงปฏิบัติก่อนได้ อย่างไรก็ตาม ความฝืดแม้เพียงเล็กน้อย
ความล่าช้าของการปฏิบัติ หรือปัจจัยท่ีอยู่นอกเหนือการควบคุม อาจขยายตัวจน
เป็นสิ่งซ่ึงน�ำมาซึ่งความผิดพลาดซึ่งก่อให้เกิดความวุ่นวายได้ด้วย ยิ่งไปกว่าน้ัน
เหตกุ ารณต์ า่ งๆ ทอี่ าจเกดิ ขน้ึ ไดโ้ ดยไมต่ งั้ ใจ และปรากฏการณท์ ไ่ี มช่ ดั เจน อาจเกดิ ขน้ึ และ
กอ่ รปู สภาพแวดลอ้ มทางยทุ ธศาสตรใ์ นทางทเ่ี กอ้ื กลู หรอื ขดั ขวางตอ่ ยทุ ธศาสตรก์ ไ็ ด้
210
แน่นอนท่ีสุดว่า ผู้เล่น ความฝืด และความเสี่ยง ย่อมมีการท�ำงานในลักษณะ
ปฏสิ มั พนั ธท์ จ่ี ะมอี ทิ ธพิ ลตอ่ สภาพแวดลอ้ มทางยทุ ธศาสตรแ์ ละผลกระทบท่ีจะมีต่อ
ยุทธศาสตร์ต่อไป เนื่องจากโลกเป็นสถานท่ีท่ีเต็มไปด้วยความไร้เสถียรภาพ
ความไมต่ อ่ เนอื่ ง การทำ� งานรว่ มกนั และการทำ� นายไดย้ าก แมว้ า่ เราสามารถบรรลุ
ระดบั ของลกั ษณะเชงิ เสน้ ไดอ้ ยา่ งมนี ยั สำ� คญั แตผ่ ลลพั ธท์ ไ่ี ดม้ กั แตกตา่ งจากทตี่ งั้ ใจ
เรม่ิ ตน้ และอาจเสยี เวลามากกวา่ ทคี่ าดคดิ เสมอ เพราะความตอ้ งการทจ่ี ะจดั การกบั
ความวนุ่ วายภายในสภาพแวดลอ้ มทางยทุ ธศาสตรม์ กั อยนู่ อกเหนอื ตารางเวลาของ
ยุทธศาสตร์ ดังน้นั ในกระบวนการของยทุ ธศาสตร์ จึงต้องผสมผสานการวิเคราะห์
ในเชิงวิทยาศาสตร์กับทัศนะเชิงประวัติศาสตร์เพ่ือสร้างความเข้าใจยุทธศาสตร์
ในภาพรวม ซึ่งท�ำให้เกิดการเปล่ียนแปลงทางพลวัต นวัตกรรม การตอบสนอง
ความอ่อนตัว และความสามารถในการปรับเปลี่ยนศิลป์ของยุทธศาสตร์ (The
art of strategy) รวมถึงท�ำให้นักยุทธศาสตร์สามารถมองเห็นธรรมชาติของ
สภาพแวดลอ้ มทางยทุ ธศาสตร์ และแนวทางตอ่ การบรรลเุ ปา้ หมายทก่ี ำ� หนด อกี ทง้ั
ทศั นะในเชงิ วทิ ยาศาสตร์ ยทุ ธศาสตรจ์ งึ เปน็ ระเบยี บวธิ เี พอ่ื คน้ หาแนวทางดงั กลา่ ว
และระดมทรัพยากรส�ำหรับการก่อรูปสภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์ในรูปแบบ
ที่เกอื้ กูลต่อยุทธศาสตรข์ องฝ่ายเรา39
ง. สภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์มีลักษณะของการมีปฏิสัมพันธ์
และปรบั เปลยี่ นได้
ในระบบทม่ี คี วามซบั ซอ้ น สภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์มีลักษณะของ
การมีปฏิสัมพันธ์และปรับเปล่ียนได้ เน่ืองจากรัฐและผู้เล่นต่างๆ มีความสามารถ
ทจี่ ะตอบสนองทง้ั เปน็ กลมุ่ และเปน็ เอกเทศตอ่ ความทา้ ทายใหมๆ่ กบั ความสมั พนั ธ์
และโครงสรา้ งซงึ่ เคยสรา้ งความมเี สถยี รภาพในอดตี เมอ่ื ความสมดลุ เสยี ไป รฐั และ
ผูเ้ ลน่ ตา่ งๆ ทงั้ ท่ีเปน็ เอกเทศและเปน็ กลุ่ม ตา่ งกแ็ สวงหาวิธีการจดั การกบั รูปแบบ
พฤตกิ รรมของตนเองเพอื่ นำ� ไปสรู่ ปู แบบใหมท่ ต่ี อ้ งการ ไมว่ า่ ดว้ ยการฟน้ื ฟดู ลุ ยภาพเดมิ
หรือให้ได้มาซึ่งการเปล่ียนแปลงที่เก้ือกูลต่อผลประโยชน์ของตน ในระบบท่ีมี
ความซับซ้อนใดๆ เราต้องปรับตัวให้เข้ากับการเปล่ียนแปลงเหล่าน้ีให้ได้ เพราะ
211
การเปล่ียนแปลงหรือการตอบสนองต่อวิธีการต่างๆ เป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดผลส�ำเร็จ
ในสภาพแวดลอ้ มใหม่ ในขณะเดยี วกนั ความตอ่ เนอื่ งจากอดตี กย็ งั คงอยแู่ ละผกู ตดิ
อยู่กับค�ำส่ังท่ีจะเกิดข้ึนตามมาด้วย ภาระด้านการปรับตัวของรัฐหรือผู้เล่นอ่ืนๆ
กค็ อื การดำ� รงความสมดลุ ทย่ี อมรบั ไดร้ ะหวา่ งความตอ้ งการภายในและความตอ้ งการ
ภายนอก โดยต้องอุทิศการปฏิบัติและทรัพยากรท่ีเพียงพอต่อความต้องการ
ของสภาพแวดล้อมภายนอก รวมถึงต้องระบุถึงความต้องการและความคาดหวัง
ของสภาพแวดล้อมภายในอย่างเหมาะสม ฉะน้ัน ผู้เล่นต้องปรับตัวให้เข้ากับ
สภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์ไม่มากก็น้อย สร้างการปรับเปลี่ยนภายนอกของ
ความสัมพันธ์ต่างๆ กับสภาพแวดล้อมอื่นๆ ทั้งหมด เพื่อด�ำรงไว้ซึ่งความอยู่รอด
ในกรณีท่ีไม่มีวิวัฒนาการร่วม ไม่ว่าจะเกิดจากการท่ีผู้น�ำไม่สามารถปรับตัวได้
มที รพั ยากรไมเ่ พยี งพอ หรอื ไมว่ า่ ด้วยเหตุผลกลใด รัฐหรอื ผ้เู ลน่ และระบบภายใน
กจ็ ะลม่ สลาย โครงสรา้ งและความสมั พนั ธใ์ หมก่ จ็ ะเกดิ ขนึ้ แทน กระบวนการปรบั ตวั
และการเปลย่ี นแปลงนี้ ไมใ่ ชก่ ระบวนการทเ่ี กดิ ขนึ้ ไดอ้ ยา่ งตอ่ เนอื่ งหรอื อยา่ งสมำ�่ เสมอ
หว้ งของการหยดุ นงิ่ อาจถกู ขดั จงั หวะจากการเปลยี่ นแปลงทร่ี วดเรว็ จนกวา่ ดลุ ยภาพ
ใหมจ่ ะเกดิ ขนึ้ ดว้ ยปรากฏการณเ์ ชน่ นี้ เหตกุ ารณเ์ ลก็ ๆ กอ็ าจกอ่ ใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลง
ครง้ั ใหญห่ รอื ทเ่ี ราเรยี กปรากฏการณน์ วี้ า่ “ผลกระทบจากผเี สอ้ื กระพอื ปกี ” (Butterfly
Effect) อนั เปน็ การสอื่ ความหมายวา่ แมแ้ ตเ่ รอ่ื งเลก็ ๆ เช่น การที่ผีเส้ือกระพือปีก
ก็อาจก่อให้เกิดเรื่องใหญ่ที่ไม่คาดคิดได้ หรือเข้าท�ำนอง “เด็ดดอกไม้สะเทือน
ถึงดวงดาว” เป็นต้น ในทำ� นองเดียวกัน การตัดสินใจเล็กๆ ท่ีได้กระท�ำหรือไม่ได้
กระท�ำก่อนห้วงของการเปล่ียนแปลงทางสภาพแวดล้อมอย่างใดอย่างหน่ึง ก็อาจ
สง่ ผลกระทบอยา่ งรนุ แรง นำ� ไปสผู่ ลทย่ี อ้ นกลบั มาเหมอื นเดมิ ไมไ่ ด้ ซง่ึ อาจกอ่ ใหเ้ กดิ
ผลลพั ธ์ท่แี ตกตา่ งและเกินกวา่ ทคี่ าดไว้ ดว้ ยเหตนุ ี้ นกั ยุทธศาสตรอ์ าจตกเปน็ เหยอ่ื
ของปรากฏการณเ์ หลา่ นก้ี ไ็ ด้ ดงั นนั้ การตอบสนองตอ่ ผลทจ่ี ะตามมา หรอื ใชก้ ารศกึ ษา
และวเิ คราะหอ์ ยา่ งรอบคอบ จงึ เปน็ สงิ่ ทน่ี กั ยทุ ธศาสตรจ์ ะสามารถกา้ วไปสผู่ ลประโยชน์
แห่งชาติตามท่ีตอ้ งการได้
212
ภาพที่ 4-4 ผลกระทบจากปรากฏการณผ์ เี ส้อื กระพอื ปกี
จ. สรปุ
สภาพแวดลอ้ มทางยทุ ธศาสตรเ์ ปน็ ระบบทมี่ คี วามซบั ซอ้ น ซงึ่ ประกอบดว้ ย
ระบบทอ่ี ยภู่ ายในระบบ นกั ยทุ ธศาสตรต์ อ้ งตระหนกั ใหด้ วี า่ การกำ� หนดยทุ ธศาสตร์
ให้ประสบผลส�ำเร็จ ยุทธศาสตร์นั้นต้องอธิบายได้ท้ังองค์ประกอบภายในและ
องค์ประกอบภายนอกของสภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์ ในทางรัฐศาสตร์
สภาพแวดล้อมเช่นนี้ ได้ถูกก�ำหนดให้เป็นสภาพแวดล้อมภายในประเทศ และ
สภาพแวดลอ้ มระหวา่ งประเทศในภาพรวมขนาดใหญ่ เวน้ แตป่ จั จยั พนื้ ฐานภายนอก
อาจแบ่งได้อีกเป็นฝ่ายตรงข้าม ฝ่ายพันธมิตร และผู้เล่นอื่นๆ นอกจากนี้แล้ว
สภาพแวดล้อมทางกายภาพหรือสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติ ก็เป็นส่วนหนึ่ง
ของปจั จยั พน้ื ฐานภายนอก โดยทำ� หนา้ ทเี่ ปน็ ระบบทมี่ คี วามซบั ซอ้ นอยา่ งหนงึ่ ภายใน
สภาพแวดลอ้ มทางยทุ ธศาสตร์ สำ� หรบั สภาพแวดลอ้ มภายในประเทศนน้ั ประกอบดว้ ย
ประชาชนท่ัวไป กลุ่มผลประโยชน์ หน่วยงานของรัฐ และระบบย่อย หรือผู้เล่น
ของหน่วยตนเองท่ีก�ำหนด เนื่องจากธรรมชาติที่มีความวุ่นวายและความซับซ้อน
ของสภาพแวดลอ้ มทางยทุ ธศาสตรจ์ ะเกยี่ วขอ้ งกบั การพฒั นายทุ ธศาสตรใ์ นทกุ ระดบั
ดว้ ยธรรมชาตเิ ชน่ นนี้ เ่ี องทท่ี ำ� ใหก้ ารกำ� หนดยทุ ธศาสตรเ์ ปน็ สง่ิ ทย่ี าก ยทุ ธศาสตรจ์ งึ
213
เป็นตัวแทนความท้าทายที่น่าหวาดหวั่นส�ำหรับทหารมืออาชีพ แต่น่ีคือธรรมชาติ
ท่ีแท้จริงท่ีจะเป็นตัวตัดสินความมีระเบียบแบบแผนของยุทธศาสตร์ มิฉะน้ันแล้ว
กค็ งไมจ่ ำ� เปน็ ตอ้ งมยี ทุ ธศาสตรแ์ ละนกั ยทุ ธศาสตรด์ ว้ ยใชแ้ คก่ ารวางแผนกเ็ พยี งพอแลว้
หากตอ้ งการประยกุ ตใ์ ชท้ ฤษฎวี า่ ดว้ ยความวนุ่ วายและความซบั ซอ้ นในการกำ� หนด
ยุทธศาสตร์แล้ว การปรับเปล่ียนสภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์อันเป็นผลมาจาก
การสิ้นสุดยุคสงครามเย็น ย่อมก่อให้เกิดท้ังโอกาสและความเส่ียงท่ีมากกว่าเดิม
เนอ่ื งจากสภาพแวดลอ้ มทางยทุ ธศาสตรใ์ นศตวรรษที่ 21 ไดจ้ ดั ระเบยี บตนเองไปสู่
ดลุ ยภาพใหม่ ดงั นนั้ บทบาทของนกั ยทุ ธศาสตรจ์ งึ มคี วามสำ� คญั ยง่ิ ขนึ้ ในหว้ งเวลาเชน่ นี้
ในฐานะท่ีเป็นนักนโยบายที่แสวงหาความช่วยเหลือเพื่อรับประกันต่อการก่อรูป
สภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์ใหม่ให้เกิดขึ้นในรูปแบบท่ีเกื้อกูลต่อรัฐให้มากที่สุด
บทบาทของนกั ยทุ ธศาสตร์ จะทวคี วามสำ� คญั มากยง่ิ ขน้ึ เมอื่ สถานการณไ์ รเ้ สถยี รภาพ
และมีความยุ่งยากมากย่ิงข้ึน แต่ทว่าภาระพ้ืนฐานของนักยุทธศาสตร์ก็ยังคงเป็น
เช่นเดิม ก็คือ การท�ำความเข้าใจต่อธรรมชาติของสภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์
และระบบยอ่ ยทหี่ ลากหลาย และสรา้ งยทุ ธศาสตรท์ มี่ งุ่ ตอ่ สวสั ดภิ าพของรฐั ในระยะยาว
นกั ยทุ ธศาสตรจ์ ะสามารถกระทำ� เชน่ นไ้ี ด้ กโ็ ดยอาศยั ขดี ความสามารถของตนเองท่ีจะ
คาดการณ์ มีปฏิสัมพันธ์ภายในสภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์ และหาวิธีการ
นำ� ยทุ ธศาสตรไ์ ปสกู่ ารปฏบิ ตั ทิ เี่ หมาะสม เพอ่ื ยงั ไวซ้ ง่ึ ผลประโยชนแ์ หง่ ชาตนิ นั่ เอง
4. การก�ำหนดวตั ถุประสงคท์ างยุทธศาสตร์
ในการกำ� หนดยทุ ธศาสตร์ การไดม้ าซงึ่ วตั ถปุ ระสงคห์ รอื จดุ หมายเปน็ สง่ิ ท่ี
มคี วามสำ� คญั มากทส่ี ดุ อยา่ งไรกต็ าม ในการพฒั นายทุ ธศาสตร์ บอ่ ยครง้ั นกั ยทุ ธศาสตร์
มักไม่ค่อยใช้เวลาในการพิจารณาเก่ียวกับวัตถุประสงค์ท่ีเหมาะสมในบริบทของ
นโยบายที่ต้องการ ผลประโยชน์แห่งชาติ และสภาพแวดล้อมมากนัก แม้ว่าการ
พจิ ารณาดงั กลา่ วจะมงุ่ พสิ จู นท์ ราบและบรรลผุ ลสำ� เรจ็ ของวตั ถปุ ระสงคซ์ ง่ึ จะกอ่ ให้
เกดิ ผลกระทบทางยทุ ธศาสตรท์ ตี่ อ้ งการ แตจ่ รงิ ๆ แลว้ วตั ถปุ ระสงคเ์ ปน็ จดุ มงุ่ หมาย
ของกระบวนการก�ำหนดยุทธศาสตร์ เพราะหากเลือกวัตถุประสงค์ไม่ถูกต้องหรือ
214
ระบวุ ตั ถปุ ระสงคไ์ วไ้ มช่ ดั เจน ยทุ ธศาสตรท์ กี่ ำ� หนดขน้ึ กอ็ ยบู่ นฐานแหง่ ความไมส่ มบรู ณ์
และน�ำไปใช้ไม่ได้ผล ในกรณีที่พิสูจน์ทราบวัตถุประสงค์ผิดพลาด แนวคิดและ
ทรัพยากรที่ใช้ย่อมไม่ตรงกับความมุ่งประสงค์ทางยุทธศาสตร์ ฉะนั้นตรรกะ
ของยทุ ธศาสตรจ์ งึ มกั กลา่ วอา้ งวา่ “วตั ถปุ ระสงค”์ เปน็ เรอื่ งหลกั ทสี่ ำ� คญั ทสี่ ดุ แมว้ า่
แนวคิดและทรัพยากรจะเป็นสิ่งจ�ำเป็นต่อการประสบความส�ำเร็จก็ตาม ในขณะที่
การลงมอื ปฏบิ ตั แิ ละคา่ ใชจ้ า่ ยยงั ถอื เปน็ เรอื่ งรองตอ่ จากความมงุ่ ประสงคใ์ นยทุ ธศาสตร์
อกี ตอ่ หนง่ึ ฉะนนั้ เพอื่ ใหน้ กั ยทุ ธศาสตรส์ ามารถกำ� หนดวตั ถปุ ระสงคท์ างยทุ ธศาสตร์
ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งและเหมาะสม นกั ยทุ ธศาสตรจ์ ะตอ้ งพจิ ารณาปจั จยั สำ� คญั ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง
ดังน้ี
ก. วตั ถปุ ระสงคท์ างยทุ ธศาสตรต์ อ้ งสะทอ้ นความพงึ พอใจตอ่ ประสทิ ธผิ ล
นกั ยทุ ธศาสตรแ์ ละผนู้ ำ� ตา่ งๆ มกั ใชค้ ำ� วา่ “ประสทิ ธภิ าพ” (Efficiency)
สบั สนกบั คำ� วา่ “ประสทิ ธผิ ล” (Effectiveness) อยเู่ สมอ เพอ่ื เอาใจใสต่ อ่ ประเดน็ น้ี
วตั ถุประสงค์ (Objectives) ตอ้ งสัมพันธ์กบั การทำ� ส่ิงตา่ งๆ ท่ีถกู ตอ้ ง (Doing the
right things) อันหมายถึง การมุง่ เน้นทีเ่ ป้าหมายของการท�ำงานให้เกิดประโยชน์
มากทสี่ ดุ การทำ� งานอาจยดื หยนุ่ ได้ พลกิ แพลงได้ เนน้ ไปทเี่ ปา้ หมายมากกวา่ วธิ กี าร
ในขณะท่ีแนวคิด (Concepts) มีความสัมพันธ์กับการท�ำส่ิงต่างๆ ให้ส�ำเร็จ
(Doing things right) อนั หมายถงึ การกระทำ� ทมี่ งุ่ เนน้ วธิ กี ารเปน็ สตู รสำ� เรจ็ ตายตวั
ทำ� ตามสง่ั หรอื ทำ� งานตามกรอบโดยไมจ่ ำ� เปน็ ตอ้ งยดื หยนุ่ และทรพั ยากร (Resources)
มีความสัมพันธ์กับค่าใช้จ่าย (Costs) วัตถุประสงค์ จะเป็นตัวก�ำหนดประสิทธิผล
ในขณะทแ่ี นวคดิ และทรพั ยากร เปน็ มาตรการวดั ประสทิ ธภิ าพ การขาดประสทิ ธภิ าพ
ทำ� ใหค้ วามสำ� เรจ็ ตอ้ งเสยี คา่ ใชจ้ า่ ยเพมิ่ มากขน้ึ แตถ่ า้ ขาดประสทิ ธผิ ลแลว้ จะไมส่ ามารถ
ประสบผลสำ� เรจ็ ไดเ้ ลย ในทา้ ยทสี่ ดุ ความสำ� เรจ็ ของยทุ ธศาสตรอ์ าจวดั คา่ ไดใ้ นรปู แบบ
ของระดบั การบรรลวุ ตั ถปุ ระสงคเ์ ทา่ นนั้ ฉะนนั้ ในการกำ� หนดยทุ ธศาสตรป์ ระสทิ ธภิ าพ
จึงมีความส�ำคัญน้อยกว่าประสิทธิผล40ยุทธศาสตร์จะมีปัญหาทันที ถ้ามีข้อบังคับ
ตอ่ แนวคดิ หรือทรพั ยากรท่ีเสี่ยงต่อการบรรลุวตั ถปุ ระสงค์
215
ข. วตั ถปุ ระสงคท์ างยทุ ธศาสตรต์ อ้ งสอดคลอ้ งและตอบสนองนโยบาย
ทางการเมือง
ส�ำหรับรัฐชาติ ภายใต้บริบทของสภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์
ในขณะน้ันและในอนาคต ยุทธศาสตร์และวัตถุประสงค์ทางยุทธศาสตร์ได้มาจาก
การพจิ ารณานโยบายทางการเมอื งเพอ่ื ปกปอ้ งและใหไ้ ดม้ าซงึ่ ผลประโยชนแ์ หง่ ชาติ
ในอดตี นโยบายดา้ นความมนั่ คงสว่ นใหญต่ า่ งมงุ่ ไปทสี่ ภาพแวดลอ้ มทางยทุ ธศาสตร์
เก่ียวกับความต้องการด้านความม่ันคงแห่งชาติ โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อม
ทางยุทธศาสตร์ภายนอกประเทศ ในขณะที่สภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์ภายใน
ประเทศ องคป์ ระกอบภายในประเทศมกั มคี วามสำ� คญั นอ้ ยกวา่ ในแงค่ วามมนั่ คงแหง่ ชาติ
“โลกาภิวตั น์” (Globalization) และสิง่ ที่พฒั นามาจากโลกาภวิ ตั น์ เชน่ เศรษฐกิจ
โลกทม่ี ลี กั ษณะบรู ณาการ และสงครามตอ่ การกอ่ การรา้ ยของโลกตา่ งไดร้ บั การยอมรบั
โดยทว่ั ไปว่า แนวคิดของสภาพแวดล้อมทางยทุ ธศาสตร์ภายในประเทศและสภาพ
แวดล้อมทางยุทธศาสตร์ภายนอกประเทศมีความแตกต่างน้อยกว่าในอดีตแม้แต่
ภายในสหรัฐอเมริกาเอง ในความคิดของนักยุทธศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา
จ�ำนวนมากในปัจจุบัน ยุทธศาสตร์ความม่ันคงแห่งชาติมีความส�ำคัญน้อยกว่า
มหายทุ ธศาสตรท์ เ่ี กยี่ วขอ้ งกบั ประเดน็ ปญั หาทง้ั ภายในประเทศและระหวา่ งประเทศ
อยา่ งไรกต็ าม พงึ ระลกึ อยเู่ สมอวา่ ผลประโยชนแ์ หง่ ชาตเิ ปน็ ตวั ขบั เคลอื่ นยทุ ธศาสตร์
ในระดับชาติ ในการพัฒนายุทธศาสตร์ นักยุทธศาสตร์ต้องพิจารณาองค์ประกอบ
ของสภาพแวดล้อมทางยทุ ธศาสตรท์ งั้ ภายในและภายนอกประเทศ
เนอื่ งจากผลประโยชนแ์ หง่ ชาติ อาจหมายถงึ ความตอ้ งการ (Needs)
และความปรารถนา (Desires) ที่รับรู้ได้ของรัฐเอกราช (Sovereign State)
เพอื่ ดำ� รงความสมั พนั ธก์ บั รฐั เอกราชอน่ื ซง่ึ จะประกอบเปน็ สภาพแวดลอ้ มภายนอก
ประเทศของรฐั 41 หรอื ผลประโยชนแ์ หง่ ชาติ อาจหมายถงึ รากฐานสำ� หรบั การพฒั นา
วตั ถปุ ระสงคแ์ ห่งชาติอยา่ งสมเหตุสมผล ซง่ึ จะเปน็ ตัวกำ� หนดจุดประสงค์ (Goals)
หรือความมุ่งประสงค์ (Purposes) เช่น ผลประโยชน์ด้านความมั่นคงแห่งชาติ
ของสหรัฐอเมริกา ประกอบด้วย การปกป้องเอกลักษณ์ (Identity) โครงสร้าง
216
(Framework) และสถาบนั ทางการเมอื งของสหรฐั อเมรกิ า การสง่ เสรมิ ความอยดู่ กี นิ ดี
ทางเศรษฐกจิ และการสนบั สนนุ ความเปน็ ระเบยี บระหวา่ งประเทศซง่ึ สนบั สนนุ ตอ่
ผลประโยชนส์ ำ� คญั ยง่ิ ของสหรฐั อเมรกิ าและพนั ธมติ ร”42 เปน็ ตน้ จากความหมายดงั กลา่ ว
ท�ำให้เห็นได้ว่า ธรรมชาติของสภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์มีความหมายที่
ครอบคลุมมากข้ึน เช่น เป็นความต้องการและความปรารถนาที่รับรู้ได้ของ
รฐั เอกราชหนง่ึ ในการดำ� รงความสมั พนั ธก์ บั รฐั เอกราชและผเู้ ลน่ อนื่ ในสภาพแวดลอ้ ม
ทางยุทธศาสตร์ที่บังเกิดข้ึนซ่ึงได้แสดงไว้เป็นเป้าหมายท่ีต้องการ (Desired
End States) ของรัฐ ในความหมายท่ีกว้างข้ึนนี้ เป็นการสรุปใจความส�ำคัญของ
ความเปน็ พลวตั ของสภาพแวดลอ้ มทางยทุ ธศาสตร์ ซงึ่ ไดต้ ระหนกั ถงึ ผเู้ ลน่ ความเสย่ี ง
การมปี ฏสิ มั พนั ธเ์ ลน่ ตามบทบาท และองคป์ ระกอบทง้ั ภายในและภายนอกผลประโยชน์
จงึ ถกู แสดงไวใ้ นรปู แบบผลลพั ธห์ รอื สภาพการณท์ เ่ี ฉพาะเจาะจง หรือผลลัพธ์หรือ
สภาพการณท์ ตี่ อ้ งการทว่ั ไป เชน่ “ความอยดู่ กี นิ ดที างเศรษฐกจิ ของสหรฐั อเมรกิ า”
เปน็ ผลประโยชนท์ วั่ ไปของสหรฐั อเมรกิ า แต่ “การเขา้ ถงึ ระหวา่ งประเทศตอ่ แหลง่
นำ้� มนั ดบิ ในตะวนั ออกกลาง” เปน็ ผลประโยชนท์ างเศรษฐกจิ ทม่ี ลี กั ษณะเฉพาะเจาะจง
ของสหรฐั อเมริกา เปน็ ตน้ แม้วา่ ผลประโยชนเ์ หลา่ นอี้ าจเปลย่ี นไปไดต้ ามกาล แตผ่ ล
ประโยชนท์ วั่ ไปของสหรฐั อเมรกิ า เชน่ “ความเป็นประชาธปิ ไตย”“การคา้ เสร”ี และ
“การปอ้ งกนั มาตภุ มู ”ิ ไมเ่ คยมกี ารเปลย่ี นแปลงเลย
ในระดบั สูงสดุ ผู้นำ� การเมอื งเปน็ ผกู้ ำ� หนดนโยบายทางการเมอื งทีจ่ ะ
ระบุผลประโยชน์แห่งชาติและแนวทางต่อการได้มาซึ่งผลประโยชน์แห่งชาติ
นโยบายทางการเมอื งจงึ ใชเ้ ปน็ แนวทางสำ� หรบั กำ� หนดยทุ ธศาสตร์ แนวทางการเมอื ง
อาจอยู่ในรูปแนวทางทั่วไป เช่น อยู่ในรูปแบบของข้อความวิสัยทัศน์ที่เกี่ยวข้อง
กบั ผลประโยชนต์ า่ งๆ ในสภาพแวดลอ้ มทางยทุ ธศาสตร์ หรอื อยใู่ นรปู แบบขอ้ ความ
ของแนวทางทมี่ ลี กั ษณะเฉพาะเจาะจงมากขน้ึ ซงึ่ ประกอบดว้ ยปจั จยั พน้ื ฐานของจดุ หมาย
แนวทาง และเครอื่ งมอื กไ็ ด้ นโยบายทางการเมอื งอาจพบไดใ้ นเอกสารทห่ี ลากหลาย
สนุ ทรพจน์ แถลงนโยบาย และคำ� ประกาศหรอื การแสดงขอ้ คดิ เหน็ ตา่ งๆ ทผี่ นู้ ำ� การเมอื ง
ไดก้ ระทำ� ในนามของรฐั บาลในวาระโอกาสตา่ งๆ อยา่ งเปน็ ทางการ สง่ิ ตา่ งๆ เหลา่ นี้
217
สามารถใชแ้ นวทางในการพฒั นายทุ ธศาสตรไ์ ดโ้ ดยตรงทงั้ สนิ้ นอกเหนอื จากการระบุ
ออกมาโดยตรง นโยบายทางการเมอื งอาจเกดิ จากการแสดงเปน็ นยั แฝงกไ็ ด้ ดว้ ยเหตนุ ้ี
นโยบายทางการเมืองจึงอาจเป็นผลมาจากการประเมินและการหย่ังรู้ยุทธศาสตร์
ในรายละเอยี ดเพอ่ื พสิ จู นท์ ราบเจตนารมณห์ รอื ความตอ้ งการทแี่ ทจ้ รงิ ของผนู้ ำ� การเมอื ง
นกั ยทุ ธศาสตรต์ อ้ งทำ� ความเขา้ ใจผลประโยชนแ์ หง่ ชาตแิ ละนโยบายทางการเมอื งดงั กลา่ ว
เพื่อจัดท�ำยุทธศาสตร์ท่ีเหมาะสม ในกรณีที่สภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์
มคี วามซบั ซอ้ น นกั ยทุ ธศาสตรต์ อ้ งคดิ อยา่ งรอบคอบแบบองคร์ วม ดำ� รงปฏสิ มั พนั ธ์
กับผู้ก�ำหนดนโยบาย และขจัดความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างนโยบายเฉพาะ
กบั ผลประโยชน์หรอื นโยบายในภาพรวม อย่างไรก็ตาม ผ้นู ำ� ในระดบั รองลงมาอาจ
ระบแุ นวทางทแี่ นน่ อนตอ่ เปน็ นโยบายของตนกไ็ ด้ แตต่ อ้ งไมล่ มื วา่ นโยบายดงั กลา่ ว
นตี้ อ้ งอยภู่ ายใตน้ โยบายและยทุ ธศาสตรใ์ นระดบั ทเ่ี หนอื กวา่ ดงั นน้ั นกั ยทุ ธศาสตร์
ของหน่วยในระดับที่ต่�ำกว่า ต้องยึดถือผลประโยชน์ในภาพรวม นโยบายและ
ยุทธศาสตร์ของหน่วยเหนือ และแนวทางของผู้น�ำหน่วยของตนเอง เพื่อใช้จัดท�ำ
ยุทธศาสตร์ของตนต่อไป ไม่ว่ากรณีใดๆ ยุทธศาสตร์ต้องอยู่ภายใต้นโยบายของ
หน่วยเหนือตามลำ� ดับชนั้ โดยมกี ระบวนการกำ� หนดยุทธศาสตร์เป็นตัวประเมินค่า
ในเรอื่ งความเหมาะสม (Appropriateness) ประโยชนจ์ ากการใชง้ าน (Practicality)
และผลท่ีจะเกิดข้ึนตามมา (Consequences) ของนโยบายดังกล่าว และรายงาน
ความเปน็ ไปไดข้ องนโยบาย คา่ ใชจ้ า่ ย และผลประโยชนท์ จี่ ะไดไ้ มว่ า่ จากความส�ำเร็จ
หรอื ความล้มเหลว
การทที่ หารอยภู่ ายใตก้ ารบงั คบั บญั ชาของผกู้ ำ� หนดนโยบายทางการเมอื ง
ท่ีเป็นพลเรือน ถือเป็นประเด็นท่ีอ่อนไหวอันเก่ียวกับความสัมพันธ์ระหว่าง
พลเรอื นกบั ทหาร แมแ้ ตใ่ นสหรฐั อเมรกิ าเอง ผนู้ ำ� การเมอื งและประชาชนชาวอเมรกิ นั
ตา่ งคาดหวงั ใหท้ หารของพวกเขาปฏบิ ตั หิ นา้ ทตี่ ามแนวทางทก่ี ำ� หนดโดยเจา้ หนา้ ที่
ทไี่ ดร้ บั การเลอื กตงั้ มาจากประชาชนอยา่ งตรงไปตรงมา ถงึ กระนน้ั ประชาชนชาวอเมรกิ นั
กย็ งั ตอ้ งการใหท้ หารปฏบิ ตั หิ นา้ ทอ่ี ยา่ งมอื อาชพี และเอาชนะสงครามของชาตดิ ้วย
218
ฉะนนั้ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งพลเรอื นกบั ทหารจงึ เปน็ ทรี่ บั รขู้ องชาวอเมรกิ นั โดยทว่ั ไป
ในขณะเดียวกัน เคลาเซวิทซ์ได้เคยให้ทัศนะเก่ียวกับความสัมพันธ์ระหว่างทหาร
กับการเมืองน้ีไว้ในหนังสือเร่ือง “ว่าด้วยการสงคราม”(On War) ของเขาไวว้ า่
“ข้อยืนยันท่ีว่า การพัฒนาทางทหารในเรื่องหลักๆ หรือแผนการทางทหารเพ่ือ
ความเปน็ หนงึ่ เดยี ว ควรเปน็ เรอ่ื งของทหารอยา่ งแทจ้ รงิ นนั้ เปน็ เรอื่ งทย่ี อมรบั ไมไ่ ด้
และอาจเป็นส่ิงที่สร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงได้” ดังนั้น เมื่อเจ้าหน้าที่ของ
รัฐบาลจะต้องวางแผนเพื่อการท�ำสงคราม จึงเป็นเร่ืองท่ีไม่สมเหตุสมผลอย่างย่ิง
ทพี่ วกเขาจะเรยี กทหารมาใหข้ อ้ เสนอแนะเกยี่ วกบั การทหารลว้ นๆ43 ดว้ ยฝา่ ยการเมอื ง
เปน็ ผใู้ หแ้ นวทางสำ� หรบั การกำ� หนดวตั ถปุ ระสงค์ และการใชเ้ ครอื่ งมอื ของพลงั อำ� นาจ
แห่งชาติ ในขณะที่กระบวนการก�ำหนดยุทธศาสตร์เป็นกระบวนการแจ้งนโยบาย
อย่างมีตรรกะ ในสังคมประชาธิปไตย ทหารมืออาชีพต้องสร้างความสัมพันธ์กับ
ผนู้ ำ� พลเรอื นในอนั ทจ่ี ะเกอ้ื กลู ตอ่ การตดิ ตอ่ สอื่ สารสองทางทจ่ี ำ� เปน็ ระหวา่ งนโยบาย
ทางการเมอื งกบั ยทุ ธศาสตร์ หากนโยบายทางการเมอื งใหแ้ นวทางทผี่ ดิ พลาด กย็ อ่ ม
หมายถึงการร้องขอในส่ิงท่ีไม่เหมาะสม หรือไม่จ�ำเป็นต่อการก�ำหนดยุทธศาสตร์
ซงึ่ ทำ� ใหเ้ กิดความเสี่ยงมากขนึ้ ตามระดบั ของยทุ ธศาสตรท์ ่ีกำ� หนดนั้น
ในโลกของนักยุทธศาสตร์ทหาร ยุทธศาสตร์อาจเป็นสิ่งท่ีจ�ำเป็น
แม้ในขณะที่มีหรือไม่มีแนวนโยบายทางการเมืองหรือไม่ก็ตาม ในกรณีเช่นน้ี
ความรบั ผดิ ชอบของนกั ยทุ ธศาสตร์ กค็ อื การแสวงหาความชดั เจนของนโยบายจาก
ผนู้ ำ� การเมอื ง วธิ กี ารทด่ี ที ่ีสดุ กค็ อื การเสนอแนะทางเลอื กนโยบายตา่ งๆ โดยอาศยั
การวเิ คราะหผ์ ลประโยชนต์ า่ งๆ ทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั สภาพแวดลอ้ มทางยทุ ธศาสตรซ์ งึ่ เปน็
การวเิ คราะหท์ จ่ี ำ� เปน็ ตอ่ กำ� หนดยทุ ธศาสตรด์ ว้ ย ขอ้ แตกตา่ งจากนโยบายทวั่ ไปกค็ อื วา่
“ทางเลือกนโยบาย” (Policy Alternatives) เป็นส่ิงที่ได้รับมาโดยตรงจาก
ผลประโยชน์ต่างๆ นั่นเอง ดังนั้นท้ังนโยบายและยุทธศาสตร์ควรสอดคล้องกับ
การปกป้องหรือการได้มาซ่ึงผลประโยชน์แห่งชาติโดยรวมในสภาพแวดล้อม
ทางยุทธศาสตร์ ส่งิ ต่างๆ เหล่าน้ี เปน็ ความรบั ผิดชอบของนักยุทธศาสตรท์ ี่จะตอ้ ง
พิสูจน์ทราบทางเลือกต่างๆ ที่เป็นไปได้ท้ังหมด เน่ืองจากยุทธศาสตร์จะแสวงหา
219
วธิ กี ารปกปอ้ งและการไดม้ าซง่ึ ผลประโยชนเ์ ฉพาะหรอื ผลประโยชนท์ ว่ั ไปของรฐั ภายใต้
สภาพแวดลอ้ มทางยทุ ธศาสตรท์ เี่ กย่ี วขอ้ งกบั ผเู้ ลน่ อน่ื ๆ สภาพการณ์ และความเสย่ี ง
ซง่ึ สอดคลอ้ งกบั แนวทางทฝี่ า่ ยการเมอื งเปน็ ผกู้ ำ� หนด ในการกระทำ� เชน่ นย้ี ทุ ธศาสตร์
จะใช้การวิเคราะห์เพื่อพิจารณาปัจจัยท่ีเกี่ยวข้อง ได้แก่ ข้อเท็จจริง (Facts)
ประเดน็ ปญั หา (Issues) ภัยคกุ คาม (Threats) และโอกาส (Opportunities) ซงึ่
กระท�ำหรือตอบสนองตอ่ ผลทเี่ กดิ ขนึ้ กบั ผลประโยชนด์ งั กลา่ ว ฉะนนั้ ยทุ ธศาสตรจ์ ะ
แสวงหาวธิ กี ารปฏบิ ตั หิ รอื ใชป้ จั จยั เหลา่ นเี้ พอื่ สรา้ งอทิ ธพิ ลทเี่ กอื้ กลู ตอ่ สภาพแวดลอ้ ม
ทางยทุ ธศาสตรโ์ ดยไม่กอ่ ใหเ้ กดิ สภาพการณท์ ี่ไม่พงึ ประสงค์ ปจั จยั เหล่าน้ี ตา่ งเป็น
จดุ มงุ่ หมายหลกั ของยทุ ธศาสตร์ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งตวั แปรเหลา่ นก้ี บั ผลประโยชน์
และแนวนโยบายทางการเมืองจะน�ำไปสู่การก�ำหนดวัตถุประสงค์และแนวคิดที่
เหมาะสม กล่าวคือ สิ่งที่จะต้องบรรลุผลส�ำเร็จคืออะไร และจะใช้เครื่องมือ
พลังอ�ำนาจแห่งชาติเพ่ือบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าวได้อย่างไร เคร่ืองมือของพลัง
อ�ำนาจเหล่านี้อาจถูกใช้เพยี งอยา่ งเดยี วหรอื ผสมผสานกนั และอาจใชโ้ ดยตรงหรอื
โดยออ้ มกไ็ ด้ อยา่ งไรกต็ าม ดว้ ยธรรมชาตขิ องสภาพแวดลอ้ มทมี่ คี วามซบั ซอ้ นและความ
วนุ่ วาย การกำ� หนดวตั ถปุ ระสงคท์ ่ีถกู ต้องเพอื่ ใหไ้ ดม้ าซง่ึ ผลกระทบทางยทุ ธศาสตรท์ ี่
ตอ้ งการ การพฒั นาแนวคดิ ทเ่ี หมาะสม และการจดั เตรยี มทรพั ยากรทเ่ี กย่ี วขอ้ ง ถอื
เป็นงานท่ียากลำ� บากดว้ ยกันท้งั ส้ิน
ค. วตั ถปุ ระสงคท์ างยทุ ธศาสตรต์ อ้ งเปน็ ของตนเอง และไมก่ า้ วกา่ ยผอู้ น่ื
เนอื่ งจากยทุ ธศาสตรเ์ ปน็ สง่ิ ทมี่ ลี ำ� ดบั ชน้ั (Hierarchical) นกั ยทุ ธศาสตร์
ตอ้ งรแู้ ละทำ� ความเขา้ ใจระดบั ของยทุ ธศาสตร์ ณ จดุ ทต่ี นเองกำ� ลงั ทำ� อยใู่ หด้ ี ไมว่ า่
ธรรมชาติของสภาพแวดลอ้ มทางยุทธศาสตร์ ณ ระดับของตนเอง ซึง่ เก่ียวขอ้ งกับ
ปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก และความครอบคลุมของยุทธศาสตร์ ซึ่งเป็น
ผลที่จะเกิดข้ึนตามมาของทางเลือกต่างๆ ของตนเองท่ีเกี่ยวข้องกับยุทธศาสตร์
ระดับอื่นๆ ให้พึงระลึกเสมอว่า นักยุทธศาสตร์สามารถพัฒนาวัตถุประสงค์ต่างๆ
ข้ึนมาได้ โดยวัตถุประสงค์ทางยุทธศาสตร์อาจได้มาจากนโยบาย ยุทธศาสตร์ของ
หนว่ ยเหนอื หรอื การวเิ คราะหส์ ภาพแวดลอ้ มทางยทุ ธศาสตรโ์ ดยอสิ ระกไ็ ด้ ปญั หาหลกั
220
ของการกำ� หนดวตั ถปุ ระสงค์ ก็คือ อะไรคือจดุ หมายทเี่ ราจะตอ้ งประสบผลสำ� เร็จ
และอะไรคอื จดุ หมายทเี่ ราจะตอ้ งสรา้ งผลกระทบทตี่ อ้ งการทางยทุ ธศาสตร์ เพอื่ สนบั สนนุ
ต่อนโยบายหรือผลประโยชน์ต่างๆ โดยปราศจากผลกระทบข้างเคียงท่ีไม่ต้องการ
ดว้ ยเหตนุ ้ี การกำ� หนดยทุ ธศาสตรใ์ นระดบั ใดกต็ าม นกั ยทุ ธศาสตรจ์ ะตอ้ งถามตนเอง
อยู่เสมอว่า “เราคือใคร” (หน่วยงานท่ีก�ำหนดยุทธศาสตร์) และ “มีหน้าที่และ
ความรบั ผดิ ชอบมากนอ้ ยแคไ่ หน” โดยยทุ ธศาสตรท์ กี่ ำ� หนดขนึ้ ตอ้ งอยใู่ นกรอบเฉพาะ
ของหน่วยงานของตนเองเท่าน้ัน ไม่ควรก�ำหนดยุทธศาสตร์ในหน้าที่และความ
รับผิดชอบของหน่วยงานอ่ืนท่ีไม่เก่ียวข้อง ในขณะเดียวกันก็ไม่ควรก้าวล่วงเข้าไป
ในกระบวนการกำ� หนดยทุ ธศาสตรข์ องหนว่ ยรองจนกระทงั่ หนว่ ยรองไมม่ เี สรใี นการ
ก�ำหนดยุทธศาสตร์ของเขาเองในอนาคต เช่น ในการก�ำหนดยุทธศาสตร์
การป้องกันประเทศของกระทรวงกลาโหม กระทรวงกลาโหมพึงระลึกอยู่เสมอว่า
กระทรวงกลาโหม คือ กระทรวงหนึ่งของรัฐบาลที่รับผิดชอบงานด้านความมั่นคง
แห่งชาติด้านการทหาร ยุทธศาสตร์ของกระทรวงกลาโหมก็ควรอยู่ในกรอบ
ของความมั่นคงแห่งชาติด้านการทหารเท่านั้น ไม่ควรก�ำหนดยุทธศาสตร์ในกรอบ
ของความมั่นคงแห่งชาติด้านอื่นๆ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงหรือ
ทบวงกรมอน่ื ๆ และไม่ควรก้าวล่วงไปก�ำหนดรายละเอียดของยุทธศาสตร์ทหาร
ที่เป็นหนา้ ท่แี ละความรับผดิ ชอบของเหล่าทัพ เปน็ ตน้
ค�ำว่า “วัตถุประสงค์” (Objectives) หรือ “จุดหมาย” (Ends)
หมายถึง “สงิ่ ” หรอื “อะไรก็ตาม” (what) ท่ีจะตอ้ งประสบผลสำ� เร็จ การก�ำหนด
วัตถุประสงค์เร่ิมมาจากการพิจารณาผลประโยชน์ซึ่งแสดงอยู่ในรูปของจุดหมาย
ปลายทางหรือเป้าหมายท่ีต้องการ (Desired End State) และปัจจัยต่างๆ
ในสภาพแวดลอ้ มทางยทุ ธศาสตรท์ มี่ ผี ลกระทบตอ่ การทำ� ใหเ้ ปา้ หมายทต่ี อ้ งการเปน็ จรงิ
วัตถุประสงค์ต่างๆ เหล่านี้ผูกพันกับแนวนโยบาย ยุทธศาสตร์ของหน่วย
เหนอื ธรรมชาตขิ องสภาพแวดลอ้ มทางยทุ ธศาสตร์ ขดี ความสามารถ และขดี จำ� กดั ของ
เครื่องมือของพลังอ�ำนาจที่มีอยู่ วัตถุประสงค์ที่ถูกเลือกจึงต้องเป็นวัตถุประสงค์
ท่ีก่อให้เกิดผลกระทบทางยุทธศาสตร์ ถ้าหากประสบผลส�ำเร็จตามวัตถุประสงค์
ทางยทุ ธศาสตรแ์ ลว้ วัตถุประสงค์ทางยุทธศาสตร์จะก่อให้เกิดหรือสร้างผลกระทบ
221
ทางยทุ ธศาสตรท์ น่ี ำ� ไปสกู่ ารบรรลคุ วามสำ� เรจ็ ของเปา้ หมายทตี่ อ้ งการในยทุ ธศาสตร์
ระดับท่ีก�ำหนด และสนับสนุนต่อผลประโยชน์แห่งชาติในที่สุด ในยุทธศาสตร์
วตั ถปุ ระสงคจ์ ะถกู แสดงในรปู ของคำ� กรยิ าอยา่ งชดั เจน อยา่ งไรกต็ าม เพอ่ื แยกใหเ้ หน็
ความแตกตา่ งระหว่าง “วัตถปุ ระสงค์” กับคำ� อ่นื ๆ เช่น จดุ หมายปลายทาง (End)
และความมุงประสงค์ (Purpose) ที่มีความหมายใกล้เคียงกัน รวมถึงค�ำท่ีส่ือถึง
วธิ กี าร (Way) ทางยุทธศาสตรแ์ ละกจิ ทางทหาร (Task) ท่เี ขยี นข้นึ ตน้ ดว้ ยคำ� กริ ยิ า
เชน่ เดยี วกนั คำ� ขน้ึ ตน้ ของการเขยี นวตั ถปุ ระสงคใ์ นการกำ� หนดยทุ ธศาสตรข์ องไทย
จึงควรเร่ิมต้นด้วยค�ำว่า “เพ่ือ” ในการก�ำหนดยุทธศาสตร์ของกองทัพไทย เช่น
“เพอ่ื ยบั ยงั้ สงคราม” “เพอ่ื สง่ เสรมิ เสถยี รภาพในภมู ภิ าค” “เพอ่ื ทำ� ลายกองทพั อริ กั ”
เป็นต้น ค�ำกริยาท่ีชัดเจนเหล่าน้ีจะเป็นตัวบังคับให้นักยุทธศาสตร์พิจารณาและ
กำ� หนดคณุ สมบตั ไิ ดว้ า่ สง่ิ ทจ่ี ะตอ้ งบรรลคุ วามสำ� เรจ็ นน้ั คอื อะไรและชว่ ยในการกำ� หนด
ตัวแปรต่างๆ ส�ำหรบั การใช้พลงั อ�ำนาจตา่ งๆ ที่มอี ยู่ อยา่ งไรกต็ ามนักยุทธศาสตร์
มักประสบปัญหาต่อการก�ำหนดวัตถุประสงค์เป็นอย่างมากเพราะไม่ได้คิดเก่ียวกับ
วัตถุประสงค์อย่างลึกซึ้งและสะท้อนคุณค่าของตัววัตถุประสงค์เองเนื่องจาก
วัตถุประสงค์เป็นตัวก�ำหนดตัวแปรที่ตามมาท้ังหมดวัตถุประสงค์จึงต้อง
สะท้อนความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ต่อเป้าหมายที่ต้องการ ธรรมชาติของสภาพ
แวดล้อม แนวนโยบาย และผลกระทบจากค�ำส่ังท่ีจะตามมาซึ่งจ�ำเป็นต่อการ
สร้างสภาพการณ์ให้กับผลลัพธ์ที่หลากหลาย ด้วยเหตุนี้ยุทธศาสตร์ต้องมี
ความอ่อนตัว ปรับเปล่ียนได้ และไม่สามารถหยุดน่ิงตามวัตถุประสงค์ซ่ึงมี
ขอบเขตจ�ำกัดมากเกินไป ในการก�ำหนดยุทธศาสตร์ ต้องมุ่งเน้นในเรื่อง
“ความครอบคลุม” ของวัตถุประสงค์ที่จะสะท้อนให้สามารถท�ำความเข้าใจ
ธรรมชาติของสภาพแวดล้อมท่ีเป็นพลวัต และเป็นกรอบท่ีเพียงพอต่อการ
เปลี่ยนแปลงการปฏิบัติในอนาคตโดยที่ไม่เสียจุดมุ่งหมายต่อนโยบายหรือ
ผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้อง ในทางกลับกัน วัตถุประสงค์ที่กว้างหรือคลุมเครือซ่ึง
ยากตอ่ การตคี วาม ยอ่ มมคี วามเสยี่ งตอ่ การใหท้ ศิ ทางทผี่ ดิ พลาดตอ่ การประสบผลสำ� เรจ็
ของนโยบายดงั กลา่ ว วตั ถปุ ระสงคท์ างยทุ ธศาสตรจ์ งึ ผกู พนั กนั อยา่ งมตี รรกะ แตก่ ็
ไมจ่ ำ� เปน็ ตอ้ งกำ� หนดกรอบใหแ้ คบเกนิ ไปให้กับหนว่ ยรอง
222
ง. วัตถปุ ระสงค์ทางยทุ ธศาสตรต์ ้องมีความสมเหตสุ มผล
วัตถุประสงค์ทางยุทธศาสตร์ต้องมีความสมเหตุสมผล (Validity)
ในขณะเดียวกันก็สามารถปรับเปล่ียนและอ่อนตัวได้ โดยมุ่งไปที่ความมุ่งประสงค์
และเหตทุ เี่ ปน็ รากเหงา้ ของปญั หา ถา้ วตั ถปุ ระสงคม์ ขี อบเขตอยใู่ นระดบั ยทุ ธศาสตร์
ทม่ี งุ่ เนน้ ความมงุ่ ประสงคแ์ ละเหตทุ เี่ ปน็ รากเหงา้ ของปญั หา และตระหนกั ถงึ ความสำ� คญั
ของธรรมชาตขิ องสภาพแวดลอ้ มทางยทุ ธศาสตร์ (ไดแ้ ก่ ความวนุ่ วาย ความซบั ซอ้ น
ธรรมชาตขิ องมนษุ ย์ ความเสยี่ ง ความฝดื เปน็ ตน้ ) ความมงุ่ ประสงคด์ งั กลา่ ว กต็ อ้ ง
มีความกวา้ งมากพอท่ีจะอำ� นวยใหป้ รบั เปลีย่ นและออ่ นตัวตามความจำ� เป็นเพ่อื ให้
สามารถเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดได้ อีกท้ังวัตถุประสงค์ต้องมีกรอบ
ท่ีกว้างต่อการพิจารณาแนวทาง และเคร่ืองมืออย่างมีเหตุผล เพ่ือใช้ส�ำหรับ
การพจิ ารณาในเรอ่ื งความสามารถในการปรบั เปลยี่ นตอ่ ไป อยา่ งไรกต็ าม นกั ยทุ ธศาสตร์
ส่วนใหญ่มักก�ำหนดยุทธศาสตร์ให้มีกรอบแคบและแน่นอนมากเกินไป ท�ำให้
พวกเขาต้องคิดก้าวล่วงลงไปในระดับของการวางแผนที่ต่�ำกว่ามากขึ้น ในระดับ
การวางแผนระดับใดระดับหนึ่งน้ัน ความถูกต้องของรายละเอียดเป็นส่ิงที่มีค่ายิ่ง
เนื่องจากรายละเอียดดังกล่าวถูกแสดงออกมาได้ในเชิงปริมาณและน�ำไปใช้ปฏิบัติ
ให้เกิดประโยชน์ได้เลย อย่างไรก็ตาม รายละเอียดเหล่านี้ได้ผลเฉพาะในขอบเขต
ของการวางแผน ด้วยกรอบท่ีเล็กลงและความแน่นอนที่มากข้ึน ดังน้ัน ถ้าจะใช้
หลักเกณฑ์เดียวกัน การก�ำหนดวัตถุประสงค์ในระดับของการวางแผนมาประเมิน
วัตถุประสงค์ในระดับยุทธศาสตร์แล้ว ย่อมเสี่ยงต่อความล้มเหลวเป็นอย่างมาก
เพราะขอบเขตและธรรมชาตขิ องสภาพแวดลอ้ มทางยทุ ธศาสตรท์ ม่ี คี วามวนุ่ วายนนั้
เปน็ ไปไดม้ ากทจี่ ะกอ่ ใหเ้ กดิ ความฝดื และการตอบสนองจากฝา่ ยตรงขา้ มในลกั ษณะ
ที่ไม่สมมาตร ในยุทธศาสตร์ใดๆ จุดมุ่งเน้นของยุทธศาสตร์ ก็คือ ความชัดเจน
ของวัตถุประสงค์ท่ีเหมาะสมกับระดับของยุทธศาสตร์ โดยไม่จ�ำเป็นต้องก�ำหนด
คำ� แนะนำ� ในรายละเอยี ดใหก้ บั หนว่ ยรองใหม้ ากนกั พงึ ระลกึ อยเู่ สมอวา่ วตั ถปุ ระสงค์
ทางยุทธศาสตร์ (Strategic Objective) ต้องสนับสนุนต่อความมุ่งประสงค์
ทางยทุ ธศาสตร์ (Strategic Purpose) โดยตรง ซง่ึ ก็คือ เป้าหมายทต่ี อ้ งการ
(Desired End State) นั่นเอง
223
ตวั อยา่ งทเ่ี หน็ ไดง้ า่ ยๆ ถา้ วตั ถปุ ระสงคท์ างยทุ ธศาสตร์ คอื “เพอ่ื เอาชนะ
สงคราม” ฉะนนั้ แมฝ้ า่ ยเราจะสญู เสยี อยา่ งนา่ เศรา้ ในการรบ แตก่ ารสญู เสยี ดงั กลา่ ว
อาจไมใ่ ชอ่ ปุ สรรคตอ่ การประสบผลสำ� เรจ็ ตามวตั ถปุ ระสงคท์ างยทุ ธศาสตรเ์ ลยกไ็ ด้
ดว้ ยฝา่ ยเราสามารถใชก้ ารรบอน่ื ๆ หรอื ประยกุ ตใ์ ช้เคร่อื งมอื พลงั อำ� นาจอนื่ ๆ เพอ่ื
เอาชนะสงครามได้ ในทางกลบั กนั ถา้ วตั ถปุ ระสงคท์ กี่ ำ� หนดขน้ึ คอื “เพอ่ื เอาชนะการรบ
ทกุ ครง้ั ทเี่ กดิ ขน้ึ ” ย่อมหมายความว่า เปน็ การปฏิเสธวตั ถุประสงคท์ างยทุ ธศาสตร์
ด้วยการพ่ายแพ้ต่อการรบแม้เพียงครั้งเดียว ท�ำให้ยุทธศาสตร์ล้มเหลวได้ง่าย
ก่อให้เกิดส่ิงสะท้อนกลับท่ีหลากหลายในองค์ประกอบภายในและภายนอกของ
สภาพแวดลอ้ มทางยุทธศาสตร์ แม้วา่ จะชนะสงครามในทา้ ยทส่ี ดุ ก็ตาม ยุทธศาสตร์
ทร่ี ะบคุ ำ� วา่ “เพอ่ื เอาชนะการรบทกุ ครงั้ ” จงึ มลี กั ษณะจำ� กดั การใชพ้ ลงั อำ� นาจแหง่ ชาติ
ใหอ้ ยเู่ ฉพาะกำ� ลงั อำ� นาจทางทหารเทา่ นน้ั ในสงครามยคุ ใหม่ การรบตา่ งๆ สามารถ
เอาชนะได้ด้วยการกำ� หนดวัตถปุ ระสงค์เดยี วในการวางแผน แต่สงครามไมส่ ามารถ
เอาชนะได้ด้วยวัตถุประสงค์ของการรบ แต่ต้องเป็นวัตถุประสงค์ทางยุทธศาสตร์
เทา่ นนั้ เพราะยทุ ธศาสตรม์ งุ่ เนน้ ไปทค่ี วามมงุ่ ประสงคแ์ ละเหตทุ เ่ี ปน็ รากเหงา้ ของปญั หา
การหนั เหออกจากความมงุ่ ประสงคแ์ ละเหตทุ เี่ ปน็ รากเหงา้ ดงั กลา่ ว ยอ่ มเปน็ การใช้
พลังอ�ำนาจแห่งชาติไปในทางท่ีผิด ท�ำให้โอกาสที่จะประสบความส�ำเร็จน้อยลง
และเพิม่ โอกาสท่จี ะก่อใหเ้ กดิ ผลกระทบที่สองและทส่ี าม หรอื อน่ื ๆ ตามมา
ดังตัวอย่างในสงครามอิรักคร้ังท่ี 2 ของสหรัฐอเมริกา ยุทธศาสตร์
ในระดับชาติของสหรัฐอเมริกาของประธานาธิบดีบุช ได้ก�ำหนดความมุ่งประสงค์
บางอย่างไม่ชัดเจนเก่ียวกับการท�ำสงครามต่อไปกับอิรักหลังการเปล่ียนแปลง
การปกครองในแบกแดด ทำ� ใหผ้ กู้ อ่ การรา้ ยขา้ มชาตติ กอยใู่ นสภาพไรผ้ อู้ ปุ ถมั ภจ์ าก
รฐั บาลอริ กั เดมิ และอาวธุ ทำ� ลายลา้ งสงู ไดแ้ พรก่ ระจายออกไปอยา่ งกวา้ งขวาง ทงั้ นี้
ก็เน่ืองมาจากวัตถุประสงค์ทางยุทธศาสตร์จ�ำนวนมากเกิดจากความมุ่งประสงค์
ทก่ี ำ� หนดไวว้ า่ (1) เพอ่ื เอาชนะกองทพั อริ กั ในสงคราม (2) เพอ่ื โคน่ ลม้ ซดั ดมั ฮสุ เซน
ให้ลงจากอ�ำนาจ (3) เพื่อจัดตั้งรัฐบาลอิรักใหม่ท่ีเป็นประชาธิปไตย จากข้อความ
224
ดงั กลา่ วทำ� ใหใ้ ครๆ กส็ นั นษิ ฐานไดว้ า่ วตั ถปุ ระสงคข์ อ้ แรก “เพอื่ เอาชนะกองทพั อริ กั
ในสงคราม”ไมใ่ ชว่ ตั ถปุ ระสงคใ์ นระดบั ยทุ ธศาสตรค์ วามมนั่ คงแหง่ ชาติ แตค่ วรเปน็
วัตถุประสงค์ของหน่วยรองในระดับยุทธศาสตร์ทหารในยุทธบริเวณ (Theater-
military Strategy) ในการปฏิบัติ วัตถุประสงค์เหล่าน้ีย่อมเห็นได้ตามล�ำดับ
โดยอาศัยการประเมินและการแสดงออกเชิงประจักษ์ของยุทธศาสตร์ตามล�ำดับ
เมอื่ วตั ถปุ ระสงคใ์ นขอ้ แรก “เพอื่ เอาชนะกองทพั อริ กั ในสงคราม” กลายเปน็ จดุ สนใจ
ของยุทธศาสตร์ ซง่ึ แทท้ จี่ รงิ แลว้ วตั ถปุ ระสงคส์ ำ� คญั และจดุ สนใจทแี่ ทจ้ รงิ ควรอยู่
ทขี่ อ้ สดุ ทา้ ย คอื “เพอ่ื จดั ตง้ั รัฐบาลอิรักใหม่ท่ีเป็นประชาธิปไตย” โดยการเอาชนะ
กองทัพอิรักในสงครามและการโค่นล้มซัดดัม ฮุสเซน เป็นผลลัพธ์ท่ียอมรับได้ทาง
ยทุ ธศาสตรเ์ พอื่ ใชเ้ ปน็ แนวทางใหก้ บั หนว่ ยรอง ผลทเ่ี กดิ ขนึ้ ตามมาจากการกำ� หนด
จุดสนใจท่ีผิดพลาด ท�ำให้วัตถุประสงค์ทางทหารมีอิทธิพลเหนือผู้ก�ำหนดนโยบาย
ทางการเมอื งและผนู้ ำ� ทหารในระดบั ชาติ จนกระทงั่ ไมส่ นใจตอ่ การบรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์
ในขอ้ ทส่ี าม ถงึ แมว้ า่ ประพจน์ (Proposition) นย้ี งั เปน็ ทถ่ี กเถยี งกนั อยู่ ดว้ ยยงั มผี เู้ หน็ วา่
ขอ้ สนั นษิ ฐานของยทุ ธศาสตรน์ ที้ วี่ า่ “เพอื่ เอาชนะกองทพั อริ กั ในสงคราม” จะนำ� ไปสู่
การบรรลวุ ตั ถปุ ระสงคข์ อ้ อนื่ ๆ ไดโ้ ดยตรง ทงั้ ๆ ทใ่ี นขอ้ เทจ็ จรงิ การบรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์
ของการจัดตั้งรัฐบาลท่ีเป็นประชาธิปไตยของอิรักมีความส�ำคัญและมีความจ�ำเป็น
มากกวา่ วตั ถปุ ระสงคข์ อ้ อนื่ ๆ ทง้ั หมด นอกจากนี้แล้ว การประเมนิ คา่ วตั ถุประสงค์
และการจดั ลำ� ดบั ความสำ� คญั ดงั กลา่ วยงั แสดงใหเ้ หน็ ถงึ ทศั นะทอี่ าจสรา้ งความเสยี หาย
ตอ่ การเอาชนะทางทหารท่จี �ำเป็นต่อการบรรลวุ ัตถุประสงคข์ อ้ อืน่ ๆ อกี 2 ข้อดว้ ย
แม้ว่าสมมติฐานน้ีอาจเป็นจริงหรือไม่เป็นจริงก็ได้ แต่ประเด็นท่ีส�ำคัญ ก็คือ
“เพอื่ เอาชนะกองทพั อิรักในสงคราม” ควรเป็นวตั ถปุ ระสงคข์ องยทุ ธศาสตร์ทหาร
หรอื การวางแผนของหนว่ ยทหาร เพราะหากเขา้ ใกลก้ ระบวนการวางแผนมากเทา่ ใด
กย็ งิ่ เขา้ ถงึ แนวคดิ ทางทหารไดง้ า่ ยมากขนึ้ ทงั้ ในเรอื่ งของปรมิ าณและความแนน่ อน
แนน่ อนทส่ี ดุ วา่ คนทวั่ ไปชอบและมงุ่ หาความแนน่ อน ดว้ ยเปน็ สง่ิ ทงี่ า่ ยและสะดวกสบาย
กวา่ แตย่ ทุ ธศาสตรเ์ ปน็ เรอ่ื งของการจดั การกบั ความคลมุ เครอื และความไมแ่ นน่ อนดงั นน้ั
225
คนส่วนใหญ่อาจไม่ชอบสิ่งเหล่าน้ีและพยายามเข้าไปหาสิ่งที่ทราบ แม้ว่าจะต้อง
เสยี คา่ ใชจ้ า่ ยไปกบั การวเิ คราะหท์ ไ่ี มเ่ หมาะสม หรอื กอ่ ใหเ้ กดิ อนั ตรายตอ่ การยอมรบั
และการบรรลุวตั ถุประสงค์ทถ่ี กู ต้องก็ตาม
5. การก�ำหนดแนวคิดทางยุทธศาสตร์
แนวคดิ ทางยทุ ธศาสตร์ (Strategic Concepts) หรอื แนวทาง (Ways)
เปน็ ตวั อธบิ ายวา่ เราจะสามารถบรรลวุ ตั ถปุ ระสงคด์ ว้ ยการใชเ้ ครอ่ื งมอื ตา่ งๆ ของ
พลงั อำ� นาจแหง่ ชาตไิ ดอ้ ยา่ งไร เครอื่ งมอื ตา่ งๆ ของพลงั อำ� นาจเหลา่ น้ี เปน็ การรวมตวั กนั
ของปจั จยั พน้ื ฐานตา่ งๆ ของพลงั อำ� นาจแหง่ ชาตหิ รอื ทรพั ยากรของชาตใิ นการปฏบิ ตั ิ
ด้วยเหตุนี้ การปิดก้ันหรือขัดขวางเส้นทางเดินเรือ (Naval Blockade) อาจเปน็
ปจั จยั พน้ื ฐานทใ่ี ชไ้ ดก้ บั ทง้ั กำ� ลงั อำ� นาจทางเศรษฐกจิ และกำ� ลงั อำ� นาจทางทหาร ตามปกติ
แนวคดิ ทางยทุ ธศาสตรย์ อ่ มเชอ่ื มโยงทรพั ยากรตา่ งๆ มงุ่ ไปสวู่ ตั ถปุ ระสงคโ์ ดยระบไุ ดว้ า่
ใครทำ� อะไร ทไี่ หน เมอื่ ไร และทำ� ไม เพอ่ื อธบิ ายใหไ้ ดว้ า่ จะบรรลวุ ตั ถปุ ระสงคไ์ ดอ้ ยา่ งไร
เนอื่ งจากแนวคดิ ยอ่ มนำ� ไปสกู่ ารปฏบิ ตั ิ ขอ้ ความของวตั ถปุ ระสงคจ์ งึ นยิ มขนึ้ ตน้ ดว้ ย
“คำ� กรยิ า” เสมอ และอธิบายเพิ่มดว้ ยวา่ จะบรรลวุ ัตถุประสงค์ของยทุ ธศาสตรน์ นั้
ไดอ้ ยา่ งไร อยา่ งไรกต็ าม การเลอื กคำ� กรยิ านตี้ อ้ งเปน็ คำ� ทรี่ ะบถุ งึ ความชัดเจนของ
ขอ้ ความยทุ ธศาสตรท์ ง้ั หมดดว้ ย เนอื่ งจากการเลอื กคำ� จะสอื่ ถงึ ระดบั ความพยายาม
และความยอมรับได้ของยุทธศาสตร์ เนื่องจากแนวคิดทางยุทธศาสตร์ต่างๆ
นเ้ี ปน็ ตวั กำ� หนดทศิ ทางและเสน้ แบง่ ใหก้ บั ยทุ ธศาสตรแ์ ละการวางแผนของหนว่ ยรอง
แนวคิดทางยุทธศาสตร์หน่ึงจึงต้องมีความชัดเจนเพียงพอที่จะใช้เป็นแนวทาง
ในการวางแผนต่อสิ่งท่ีเลือกด�ำเนินการและจัดสรรทรัพยากรได้อย่างเหมาะสม
แต่ก็ไม่จ�ำเป็นต้องก�ำหนดรายละเอียดมากเกินไปจนจ�ำกัดความคิดสร้างสรรค์และ
ความรเิ รมิ่ ในยทุ ธศาสตรแ์ ละการวางแผนของหนว่ ยรองโดยตรรกะแลว้ แนวคดิ ตา่ งๆ
เหล่านี้จะมีลักษณะที่เป็นรูปธรรมและมีรายละเอียดมากย่ิงข้ึนตามระดับของ
ยุทธศาสตร์และการวางแผนของหน่วยท่ีอยู่ต่�ำกว่า (ย่ิงต�่ำยิ่งเป็นรูปธรรม ยิ่งสูง
ยงิ่ เปน็ นามธรรม) แตค่ วามซบั ซอ้ นของสภาพแวดลอ้ มทางยทุ ธศาสตรจ์ ะไดร้ บั การแกไ้ ข
ในยทุ ธศาสตร์ระดับทร่ี ับผิดชอบเทา่ นั้น
226
เพื่อให้ได้แนวคิดทางยุทธศาสตร์ท่ีถูกต้อง ก่อนการก�ำหนดแนวคิด
ทางยทุ ธศาสตร์ นักยทุ ธศาสตรพ์ ึงพิจารณาหลกั เกณฑท์ ี่ส�ำคญั ดังนี้
ก. ให้ใชแ้ นวคิดทางยุทธศาสตร์เปน็ ศนู ยก์ ลางของยุทธศาสตร์
ด้วยยุทธศาสตร์ย่อมประกอบด้วยจุดหมาย แนวทาง และเครื่องมือ
รวมถึงมีจุดสนใจไปท่ีการมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกับสภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์
เพื่อสร้างผลกระทบท่ีต้องการเสมอ แนวคิดบางอย่างอาจถูกยอมรับตามช่ือของ
ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ปิดล้อม ยุทธศาสตร์ป้องกันเขตหน้า ยุทธศาสตร์
ทำ� ลายลา้ ง และยทุ ธศาสตรแ์ สดงลวง เปน็ ตน้ ในการปฏบิ ตั จิ รงิ ยทุ ธศาสตรเ์ หลา่ น้ี
ตา่ งมวี ตั ถปุ ระสงคเ์ ฉพาะและทรพั ยากรทเ่ี กยี่ วขอ้ ง รวมถงึ แนวคดิ ทไ่ี ดร้ บั การพฒั นา
ใหด้ ขี นึ้ แลว้ ยทุ ธศาสตรท์ ด่ี จี งึ เปน็ ผลรวมเชงิ บรู ณาการของวตั ถปุ ระสงคต์ า่ งๆ ทถี่ กู ตอ้ ง
โดยอาศัยแนวคิดต่างๆ ที่เหมาะสมและใช้ทรัพยากรท่ีจ�ำเป็นในการสนับสนุน
ถึงแม้ว่ายุทธศาสตร์เหล่าน้ีจะประกอบด้วยแนวคิดต่างๆ ที่ยอดเย่ียมแต่หาก
มวี ตั ถปุ ระสงคท์ ผี่ ดิ พลาดกย็ อ่ มไมส่ ามารถใชป้ กปอ้ งหรอื ไดม้ าซง่ึ ผลประโยชนแ์ หง่ ชาติ
ตามท่ีต้องการได้ ในบรรษัทท่ีเต็มไปด้วยการแข่งขันสูง ความคิดท่ีดีและ
ขีดความสามารถในการแข่งขันมักเป็นข้อพิจารณาในการเล่ือนต�ำแหน่งและ
ให้ความดีความชอบของก�ำลังพล ความส�ำคัญของระดับยุทธศาสตร์จึงอยู่เหนือ
กวา่ ระดบั ยทุ ธการและระดบั ยทุ ธวธิ ี เพราะความสำ� เรจ็ ในระดบั ยทุ ธศาสตรม์ าจาก
ความหลากหลายทางความคิดและวิธีการต่างๆ ท่ีจะน�ำไปสู่การแก้ไขปัญหา
ความซบั ซอ้ นทเ่ี กย่ี วขอ้ งไดอ้ ยา่ งเตม็ ที่ และการพฒั นาแนวคดิ ทง่ี า่ ยๆ แตค่ รอบคลมุ
เพอ่ื รบั ประกนั ความสำ� เรจ็ ตอ่ การบรรลวุ ตั ถปุ ระสงคท์ ก่ี ำ� หนด โดยทว่ั ไปแลว้ เราสามารถ
บรรลุวัตถุประสงค์ทางยุทธศาสตร์ 2-3 อย่างด้วยปัจจัยพ้ืนฐานหรือเครื่องมือ
ของพลงั อำ� นาจเพยี งอยา่ งเดยี วได้ แตย่ ทุ ธศาสตรก์ จ็ ำ� เปน็ ตอ้ งมลี ำ� ดบั ความเรง่ ดว่ น
การแตง่ ตง้ั ผมู้ อี ำ� นาจตดั สนิ ใจ และการจดั สายการบงั คบั บญั ชาใหก้ บั ปจั จยั พน้ื ฐานตา่ งๆ
และเครอ่ื งมอื ตา่ งๆ ของพลงั อำ� นาจไวใ้ นแนวคดิ และทรพั ยากรโดยตง้ั อยบู่ นสภาพ
แวดล้อมและวัตถุประสงค์ต่างๆ ด้วยการตรวจสอบธรรมชาติของสภาพแวดล้อม
ดงั กลา่ วยอ่ มเปน็ ประโยชนแ์ กน่ กั ยทุ ธศาสตรต์ อ่ การแกไ้ ขปญั หาทม่ี คี ณุ ลกั ษณะเชงิ เสน้
227
คุณลักษณะท่ีไม่ใช่เชิงเส้น และพฤติกรรมท่ีไม่ชัดเจนได้ตามธรรมชาติของ
สภาพแวดล้อมเฉพาะ ท่านจะสามารถบรรลุวัตถุประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่ง
ไดอ้ ยา่ งไรนน้ั ทา่ นจะตอ้ งสรา้ งการมปี ฏสิ มั พนั ธภ์ ายในสภาพแวดลอ้ มดว้ ยตวั เอง ใน
สว่ นของความซบั ซอ้ น การใชเ้ ครอ่ื งมอื ทไ่ี มเ่ หมาะสมหรอื การประยกุ ตใ์ ชอ้ ยา่ งผดิ ๆ
อาจกอ่ ใหเ้ กดิ ผลกระทบทไี่ มต่ อ้ งการตามมา แมอ้ าจเปน็ ไปไดท้ จี่ ะบรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์
ทางยุทธศาสตรอ์ ย่างใดอยา่ งหน่งึ แตผ่ ลลพั ธเ์ ชงิ บวกท่ไี ดอ้ าจกอ่ ให้เกิดผลกระทบ
เชงิ ลบในระยะยาวจากการใช้วิธีการที่ผิดๆ เหล่านั้นก็ได้ เช่น ยุทธศาสตร์ทหาร
ของเยอรมนีในช่วงสงครามโลกครง้ั ท่ี 1 ในปี ค.ศ.1914 เยอรมนีต้องการเอาชนะ
ฝรงั่ เศสอยา่ งรวดเรว็ ในขน้ั ตน้ เพอื่ ไมใ่ หเ้ กดิ สงครามสองดา้ น เพอื่ บรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์
ดังกล่าว แนวคิดทางยุทธศาสตร์ของกองทัพบกเยอรมนีจึงก�ำหนดให้กองทัพบก
รุกเข้าสู่ฝร่ังเศสผ่านทางเบลเยียม อย่างไรก็ตาม เบลเยียมได้ประกาศวางตัวเป็น
กลางและได้รับการคุ้มครองตามสนธิสัญญาซ่ึงอังกฤษพร้อมท่ีจะให้การช่วยเหลือ
เบลเยียมตามสนธิสัญญา ฉะนั้น แนวคิดทางยุทธศาสตร์น้ีของเยอรมนี ก็คือ
การดงึ อังกฤษเข้าร่วมสงครามน่นั เอง ซึ่งจะท�ำใหก้ ารเอาชนะฝร่งั เศสอย่างรวดเรว็
กระท�ำได้ยากข้ึน รวมถึงอาจท�ำให้สหรัฐอเมริกาใช้เป็นข้ออ้างเข้าสู่สงครามด้วย
เนื่องจากในขณะนั้นสหรัฐอเมริกาเป็นผู้ให้การสนับสนุนทรัพยากรต่างๆ ให้กับ
ฝร่งั เศสตอ่ การเอาชนะเยอรมนใี นสงครามแลว้
ข. ใช้แนวคิดทางยุทธศาสตร์ท่ีหลากหลายต่อการบรรลุวัตถุประสงค์
ทางยุทธศาสตร์
นักยุทธศาสตร์ต้องค้นหาและพิจารณาอย่างจริงจังต่อแนวคิดต่างๆ
ทหี่ ลากหลายส�ำหรบั การบรรลุวตั ถุประสงค์ทางยทุ ธศาสตร์ การตรวจสอบแนวคดิ
ทางยทุ ธศาสตรท์ ห่ี ลากหลายอยา่ งรอบคอบน้ี จะอำ� นวยใหน้ กั ยทุ ธศาสตรห์ ลกี เลย่ี ง
แนวคิดท่ีอาจก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่ต้องการตามมา หรือพัฒนาวิธีการท่ีเหมาะสม
เพ่ือบรรเทาต่อผลกระทบดังกล่าวได้ ผลจากการตรวจสอบดังกล่าวจะช่วยให้
นกั ยทุ ธศาสตรส์ ามารถเลอื กแนวคดิ ทดี่ ที ส่ี ดุ ทเ่ี ปน็ ไปตามหลกั เกณฑค์ วามเหมาะสม
228
ความยอมรับได้ และความสามารถในการเข้าถึงหรือใช้ได้ (Affordability) ข้อดี
อีกอย่างหน่ึงของการตรวจสอบแนวคิดต่างๆ ทางยุทธศาสตร์ ก็คือ การช่วยให้
นักยุทธศาสตร์ได้พิจารณาในเร่ืองความอ่อนตัว (Flexibility) และความสามารถ
ในการปรับเปล่ียน (Adaptability) ในการเลือกแนวคิดท่ีเหมาะสม ยิ่งไปกว่าน้ัน
ถา้ แนวคดิ ใดแนวคดิ หนงึ่ ใชไ้ มไ่ ดผ้ ล ความพยายามทผี่ า่ นมากจ็ ะไมไ่ รผ้ ลโดยสน้ิ เชงิ
เนอ่ื งจากยงั มวี ธิ กี ารทหี่ ลากหลายทช่ี ว่ ยปรบั เปลยี่ นไปยงั แนวคดิ ใหมไ่ ดอ้ ยา่ งรวดเรว็
ดังนั้น ยุทธศาสตร์ที่ดี ก็คือ ยุทธศาสตร์ท่ีเกี่ยวข้องกับการตรวจสอบแนวคิด
ที่หลากหลายนั่นเอง
แนวคดิ ของยทุ ธศาสตรห์ นว่ ยเหนอื ควรระบอุ ยา่ งชดั เจนหรอื แสดงนยั
ของวตั ถปุ ระสงคใ์ หก้ บั ยทุ ธศาสตรห์ รอื การวางแผนของหนว่ ยรองโดยเปน็ สว่ นหนงึ่
ของวิธีการบรรลุวัตถุประสงค์ทางยุทธศาสตร์ นักยุทธศาสตร์ต้องการประเมินค่า
ส่ิงเหล่านี้ที่เก่ียวข้องกับวัตถุประสงค์ของยุทธศาสตร์ของหน่วยเหนือบ่อยๆ แต่
การประเมนิ เชน่ นอี้ าจเปน็ สงิ่ ทไี่ มเ่ หมาะสม ดว้ ยดเู หมอื นวา่ เพม่ิ ความแนน่ อนมากขนึ้
แตจ่ รงิ ๆ แลว้ เปน็ การหนั เหออกจากจดุ สนใจของสง่ิ ทสี่ ำ� คญั ทสี่ ดุ กค็ อื วตั ถปุ ระสงค์
ทจ่ี ะตอ้ งบรรลใุ หไ้ ด้ การทดสอบทง่ี า่ ยทสี่ ดุ สำ� หรบั แยกใหเ้ หน็ ความแตกตา่ งระหวา่ ง
วตั ถปุ ระสงคแ์ ละแนวคดิ กค็ อื การตงั้ คำ� ถามอยเู่ สมอวา่ “ทำ� ไปเพอื่ อะไร” ซง่ึ คำ� ตอบ
ของค�ำถามนี้ก็ควรจะย้อนกลับไปที่ “วัตถุประสงค์ทางยุทธศาสตร์ที่เหมาะสม”
โดยตรง เมอื่ ทา่ นไดต้ งั้ คำ� ถามนข้ี น้ึ วา่ ทา่ นตอ้ งการบรรลผุ ลลพั ธอ์ ะไร คำ� ตอบทถี่ กู ตอ้ ง
กค็ อื “วตั ถปุ ระสงคท์ างยทุ ธศาสตร”์ ในเวลาเดยี วกนั วตั ถปุ ระสงคข์ องหนว่ ยเหนอื
อาจส่งต่อไปยังหน่วยรองได้โดยตรง หรือแนวคิดทางยุทธศาสตร์ของหน่วยรอง
อาจเป็นตัวก�ำหนดวัตถุประสงค์ให้กับหน่วยรองเองก็ได้ ดังนั้น วัตถุประสงค์และ
แนวคิดของหน่วยเหนืออาจระบุเป็นวัตถุประสงค์โดยนัยให้กับหน่วยรองก็ได้
ในระดบั ยทุ ธศาสตรท์ ม่ี ลี กั ษณะลำ� ดบั ชน้ั ยทุ ธศาสตรข์ องหนว่ ยเหนอื จะเปน็ กรอบ
ให้หน่วยรองใช้ก�ำหนดยุทธศาสตร์และการวางแผนของหน่วยตนเองซึ่งเก่ียวกับ
วัตถุประสงค์ แนวคิด และทรัพยากร แม้ว่าหน่วยรองจะมีเสรีในการด�ำเนินการ
ของตนเองดังกล่าว แต่ก็ตอ้ งอยู่ภายใต้ยุทธศาสตรข์ องหนว่ ยเหนอื ทีก่ ำ� หนดดว้ ย
229
ค. อยา่ หลงตดิ กับความเปน็ “เอกนยิ ม”
กับดักอีกอย่างหนึ่งที่มักท�ำให้นักยุทธศาสตร์และผู้น�ำหลงติด ก็คือ
“เอกนิยม” (Monism) ซ่ึงเป็นความเชื่อท่ีว่า “มีแนวคิดเดียวเท่าน้ันที่เหมาะสม
กับสถานการณ์ท้ังหมด” เห็นได้จากประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยผู้น�ำท่ีมีลักษณะ
เฉพาะตัวเช่นนี้เป็นจ�ำนวนมาก ตามปกติ ผู้ที่มีความคิดเหล่าน้ี มักยึดติดอยู่กับ
รูปของความตรง (Directness) การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี (Application of
Technology) และรูปลักษณ์ของประสิทธิภาพ (Appearance of Efficiency)
อนั ไดแ้ ก่ ถูกกวา่ เร็วกวา่ ง่ายกวา่ สบายกวา่ เปน็ ต้น เช่น “การปอ้ งปรามอาวธุ
นิวเคลียร์” เป็นแนวคิดทางยุทธศาสตร์เร่ิมต้นอย่างหนึ่งของสหรัฐอเมริกา
หลังสงครามโลกครั้งท่ี 2 โดยเป็นสว่ นหนงึ่ ของก�ำลงั รบตามแบบ (Conventional
Forces) ทวา่ เมอื่ เกดิ ความขดั แยง้ ขนึ้ ในคาบสมทุ รเกาหลี การตดั สนิ ใจวา่ จะใชอ้ าวธุ
นิวเคลียร์หรือไม่ กลับต้องข้ึนอยู่กับนโยบายทางการเมือง ท�ำให้นักยุทธศาสตร์
ไมส่ ามารถทำ� ความเขา้ ใจสภาพแวดลอ้ มทเ่ี ปน็ อยจู่ รงิ ในขณะนนั้ ได้ ดว้ ยเอกนยิ มทาง
ยทุ ธศาสตรข์ องแนวคดิ การปอ้ งปรามอาวธุ นวิ เคลยี ร์ ทำ� ใหส้ หรฐั อเมรกิ าไมห่ ลงเหลอื
เคร่ืองมือทางทหารท่ีเหมาะสมต่อการสนับสนุนนโยบายทางการเมืองในห้วง
ที่ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ จนกระท่ังประธานาธิบดีเคนเนดี ได้เข้ารับต�ำแหน่ง
ยุทธศาสตร์น้ีจึงได้มีการปรับให้มีความอ่อนตัวมากขึ้น46 ตัวอย่างของลักษณะ
เอกนิยมทางยุทธศาสตร์ร่วมสมัยของสหรัฐอเมริกาอีกอย่างหน่ึง ก็คือ แนวคิด
“การเสริมสร้างการโจมตีท่ีแม่นย�ำ” ซ่ึงเป็นวิสัยทัศน์ยุคใหม่ของกองทัพอากาศ
สหรฐั อเมรกิ าตอ่ การทง้ิ ระเบดิ ทางยทุ ธศาสตร์ โดยมองวา่ เทคโนโลยดี กี วา่ กำ� ลงั คน
เทคโนโลยีท�ำให้ลดการสูญเสีย ต้องด�ำรงความได้เปรียบทางด้านเทคโนโลยี
ใหเ้ หนอื กวา่ ฝา่ ยตรงขา้ มใหม้ ากทส่ี ดุ และตอ้ งใหม้ คี วามเสยี หายขา้ งเคยี งอยา่ งจำ� กดั
เปน็ ตน้ แมว้ า่ ขดี ความสามารถดา้ นเทคโนโลยที ท่ี รงพลงั อาจเปน็ สง่ิ ทจี่ ำ� เปน็ อยา่ งหนง่ึ
ต่อการปฏิบัติการทางทหาร แต่เทคโนโลยีไม่ใช่บทสรุปหน่ึงเดียวของยุทธศาสตร์
ทหาร อกี ทั้งเทคโนโลยีไม่สามารถเปล่ยี นแปลงส่ิงที่จ�ำเป็นอนื่ ๆ ตอ่ การท�ำสงคราม
การเผชญิ หนา้ กบั ความโหดรา้ ยในทกุ สภาพการณข์ องสงครามเปน็ สงิ่ จำ� เปน็ อยา่ งหนงึ่
230
ของทหาร เทคโนโลยถี อื เปน็ ตวั ชว่ ยทดี่ อี ยา่ งหนง่ึ ในระดบั ยทุ ธศาสตร์ แตเ่ ทคโนโลยี
ก็ไม่สามารถแทนท่ีแนวคิดทางยุทธศาสตร์ใดๆ ได้ทั้งหมด47 อีกท้ัง เทคโนโลยี
มกั พัฒนาไปได้เรว็ กวา่ วฒุ ภิ าวะทางยทุ ธศาสตร์และทางการเมือง ท�ำใหไ้ มส่ ามารถ
จดั การกบั สภาพการณห์ รอื ผลทตี่ ามมาทางยทุ ธศาสตรไ์ ดอ้ ยา่ งเหมาะสม48 ดว้ ยเหตนุ ้ี
นักยุทธศาสตร์ต้องหลีกเล่ียงลักษณะของเอกนิยมให้มากท่ีสุด นอกจากน้ีแล้ว
เอกนยิ มทางยุทธศาสตร์สามารถเกดิ ข้ึนไดใ้ นยุทธศาสตรใ์ หญ่ ดังนั้น ความออ่ นตวั
และความสามารถในการปรับเปล่ียนทางยุทธศาสตร์ในยุทธศาสตร์ระดับสูงสุด
จึงขึ้นอยู่กับความสามารถของรัฐท่ีจะน�ำและแบกรับขีดความสามารถทั้งหมด
ที่มีอยู่ต่อปัจจัยพื้นฐานต่างๆ ของพลังอ�ำนาจแห่งชาติได้อย่างไร เช่น กระทรวง
การตา่ งประเทศซง่ึ มที รพั ยากรไมเ่ พยี งพอยอ่ มจำ� กดั การใชเ้ ครอ่ื งมอื ทางการทตู ตา่ งๆ
หรอื กองทพั ทไ่ี รง้ บประมาณสนบั สนนุ กจ็ ะมปี ญั หาในทำ� นองเดยี วกนั ในทางกลบั กนั
ถ้ารัฐมีก�ำลังทหารที่เข้มแข็ง ทุกๆ ประเด็นปัญหายุทธศาสตร์ก็สามารถแก้ไข
ปัญหาได้ง่าย เปรียบเสมือนมีอาวุธท่ีพร้อมห�้ำห่ันศัตรูได้ทุกเม่ือ ในยามฉุกเฉิน
ก็สามารถกระตุ้นเตือนเรียกหาการใช้ขีดความสามารถท่ีมีอยู่ได้ตลอดเวลา เม่ือ
เป็นส่วนหนึ่งของมหายุทธศาสตร์ นักยุทธศาสตร์ในระดับสูงสุดต้องตระหนักถึง
คณุ คา่ ของความออ่ นตวั และพจิ ารณากำ� หนดใหไ้ ดว้ า่ เครอื่ งมอื อะไรจำ� เปน็ ตอ่ การดำ� รง
ยทุ ธศาสตร์และระดับไหนของยุทธศาสตร์
ง. เม่ือคิดว่าแนวคิดทางยุทธศาสตร์ใดดีที่สุดแล้ว ก็ไม่ต้องลังเล
สงสัยอะไรอกี
แนวโนม้ อกี อยา่ งหนงึ่ ทเ่ี ปน็ อนั ตรายอยา่ งยง่ิ ในการพฒั นาแนวคดิ กค็ อื
“ความลงั เลสงสยั ” หรอื “ความเขา้ ใจผดิ ตอ่ แนวคดิ ทกี่ ำ� หนด” เหน็ ไดจ้ ากบทเรยี น
ที่ดีในประวัติศาสตร์สงครามโลกคร้ังท่ี 2 เม่ือฝ่ายเยอรมนีได้น�ำแนวคิดสงคราม
สายฟา้ แลบ (Blitzkrieg) โดยการแสวงประโยชนจ์ ากเทคโนโลยที ผ่ี สมผสานระหวา่ ง
หนว่ ยยานเกราะกบั กำ� ลงั อำ� นาจทางอากาศ เพอื่ กอ่ ใหเ้ กดิ ผลกระทบทางยทุ ธศาสตร์
ยุคใหม่ท่ีเรียกว่า “การรบด้วยการโอบล้อม” (Kesselschlacht)49 ต่อกองทัพ
ฝรั่งเศสในระหว่างการรุกของเยอรมนีเพื่อเข้ายึดครองฝรั่งเศสในปี ค.ศ.1940
231
ในขณะทีแ่ นวคิดทางยทุ ธการประสบความส�ำเรจ็ ในขน้ั ตน้ และจรงิ ๆ แลว้ แนวคดิ
สงครามสายฟา้ แลบนไี้ ดก้ อ่ ใหเ้ กดิ ผลทตี่ ามมาทางยทุ ธศาสตรท์ เ่ี ยอรมนตี อ้ งการแลว้
แตด่ ว้ ยแนวคดิ สงครามสายฟา้ แลบทกี่ ำ� หนดนี้ ฝา่ ยเยอรมนไี ดก้ ำ� หนดวตั ถปุ ระสงค์
และต้องการผลกระทบในระดับยุทธการ และคิดว่าแนวคิดน้ียังไม่อาจบรรลุ
วตั ถปุ ระสงคห์ รอื กอ่ ใหเ้ กดิ ผลกระทบทางยทุ ธศาสตรใ์ นระดบั ชาตจิ นถงึ ขนาดทจ่ี ะ
น�ำไปสู่จุดสิ้นสุดของสงครามด้านตะวันตกหรือตัดขาดอังกฤษได้ ดังน้ัน เม่ือฝ่าย
เยอรมนีได้ใช้สงครามสายฟ้าแลบรุกเข้ายึดครองฝรั่งเศส ฝ่ายเยอรมนีประสบ
ความส�ำเร็จเป็นอย่างมากจนถึงขนาดกองทัพพันธมิตรท่ีมีก�ำลังหลักท้ังกองทัพ
ฝรงั่ เศสและองั กฤษตอ้ งถอยรน่ ไปจนตดิ ชายฝง่ั ทะเลแอตแลนตกิ ของฝรง่ั เศส ถา้ หาก
ฝ่ายเยอรมนียังคงรุกไล่เข้าตีต่อไป ท้ังกองทัพฝรั่งเศสและกองทัพอังกฤษก็คงต้อง
ยอมแพ้อย่างแน่นอน อันหมายถึงเยอรมนีจะเป็นฝ่ายชนะสงครามโลกคร้ังที่ 2
ต้ังแต่ปี ค.ศ.1940 แต่ด้วยความส�ำเร็จที่เกินคาดหมายต่อการใช้แนวคิดสงคราม
สายฟา้ แลบดงั กลา่ ว ทำ� ใหบ้ รรดาแมท่ พั นายกองของฝา่ ยเยอรมนเี กดิ ความลงั เลสงสยั
วา่ แนวคดิ นป้ี ระสบความสำ� เรจ็ จรงิ หรอื ไม่ อกี ทง้ั หนว่ ยนำ� ทเี่ ปน็ หนว่ ยยานเกราะของ
เยอรมนไี ดร้ กุ เขา้ ไปลกึ เกนิ กวา่ แนวทก่ี ำ� หนด และหนว่ ยตดิ ตามทเ่ี ปน็ หนว่ ยทหารราบ
ก็ยังเคลื่อนท่ีตามมาไม่ทัน ส่งผลให้ฮิตเลอร์ได้สั่งการให้หยุดหน่วยน�ำเหล่าน้ี
ไวช้ ว่ั คราวหนา้ เมอื งทา่ ดนั เคริ ก์ (Dunkirk) เปดิ โอกาสใหฝ้ า่ ยพนั ธมติ รมเี วลามากพอ
ที่จะขนย้ายก�ำลังทหารทั้งหมดจ�ำนวน 330,000 นาย ข้ามช่องแคบอังกฤษไปยัง
องั กฤษได้ หลงั จากนน้ั กำ� ลงั ดงั กลา่ วไดม้ กี ารฟน้ื ฟกู ำ� ลงั ใหมท่ นี่ นั่ และทา้ ยทส่ี ดุ กไ็ ด้
ยกกำ� ลงั ขา้ มชอ่ งแคบองั กฤษรกุ เขา้ ยดึ ฝรงั่ เศสคนื จากเยอรมนไี ดใ้ นปี ค.ศ.1944 จน
น�ำมาสู่การสิ้นสุดสงครามโลกคร้ัง 2 ในภาคพ้ืนยุโรปหลังจากนั้นไม่นาน โดย
ฝา่ ยเยอรมนเี ปน็ ฝา่ ยพา่ ยแพ้ อกี บทเรยี นหนง่ึ ในทำ� นองเดยี วกนั กค็ อื แนวคดิ วา่ ดว้ ย
การสรา้ ง“ความนา่ ตกใจและความนา่ สะพรงึ กลวั ” (Shock andAwe)50ของกองทพั
สหรัฐอเมริกาในยุทธการเพ่ือเสรีภาพของอิรัก (Operation IRAQI Freedom)
แนวคิดนี้เป็นแนวคิดทางยุทธการที่น�ำมาใช้เป็นแนวคิดทางยุทธศาสตร์ของนัก
ยทุ ธศาสตรแ์ ละนกั วางแผนบางคนของกองทพั สหรฐั อเมรกิ า แตเ่ มอื่ เกดิ มจิ ฉาทฐิ วิ า่
232